Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม

(2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม

Published by agenda.ebook, 2020-11-24 16:21:00

Description: (2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 7-8 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ 2-3 ธันวาคม 2563

Search

Read the Text Version

กรณีที่ 3 กล่าวหา นายไพร พัฒโน ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 1 ว่าอนุมัติให้จ่ายเงินของเทศบาลนครหาดใหญ่ จ�ำนวน 7,500,000 บาท ให้กับโรงงานพัฒนช่าง เพ่ือเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างวัตถุมงคลเพิ่มเติม โดยมิชอบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ติว่าการกระท�ำของนายไพร พัฒโน ผูถ้ กู กลา่ วหาที่ 1 มมี ลู ความผิดทางอาญา ฐานเป็น เจา้ พนักงาน มีหน้าทซ่ี ื้อ ท�ำ จัดการหรือรกั ษาทรัพยใ์ ดๆ ใชอ้ �ำนาจในตำ� แหนง่ โดยทจุ รติ อนั เป็นการเสยี หายแก่รัฐ เทศบาล หรือเจา้ ของทรพั ยน์ น้ั และฐานเป็นเจา้ พนกั งานปฏิบตั หิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ตั หิ น้าทโี่ ดยมชิ อบ เพือ่ ใหเ้ กิด ความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพ ของประชาชน ละเลยไมป่ ฏิบตั ติ ามหรอื ปฏิบตั ิการไม่ชอบดว้ ยอำ� นาจหนา้ ท่ี หรือมีความประพฤติในทางจะน�ำมา ซึ่งความเส่ือมเสียแก่ศักดิ์ต�ำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และทีแ่ กไ้ ขเพมิ่ เติม มาตรา 73 กรณีที่ 4 กล่าวหาผูถ้ ูกกล่าวหาท่ี 4 ถงึ ผู้ถกู กลา่ วหาท่ี 28 ว่ามีส่วนรว่ มหรอื สนบั สนุนนายไพร พฒั โน ผถู้ กู กลา่ วหาที่ 1 ในการเบกิ จา่ ยเงินของเทศบาลนครหาดใหญ่ จ�ำนวน 20 ลา้ นบาท ใหก้ ับมูลนธิ สิ ริ ินธรราชวทิ ยาลัย ในพระราชูปถัมภ์ โดยมิชอบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าจากการไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่า นายสุธรรม ธรรมโชติ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นายวิบูล หรือสรรพงศ์ ถิรฐาน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 นายสามารถ เหมมัน ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 6 นายเจตสกุล เพ็ชรสกุล ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 7 นายคนงึ นวลแก้ว ผูถ้ ูกกล่าวหาท่ี 8 นายชาตรี คงชนะพาล ผถู้ กู กล่าวหาที่ 9 นายมงคล หวานนมิ ิต ผถู้ ูกกล่าวหาที่ 10 นางมัลลิกา หรือมัรริกา เจริญพานิช ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 11 ว่าที่ ร.ต. ภูวิช หรือจ่าสิบเอก ภิเศก สายชนะพันธ์ ผถู้ กู กลา่ วหาที่ 12 นายมนตรี จริ ะภาค ผู้ถกู กล่าวหาที่ 13 นางสาวอนสุ รา พัฒโน ผู้ถูกกลา่ วหาที่ 14 นายทนงศกั ดิ์ สวัสด์ิแก้ว ผู้ถกู กล่าวหาท่ี 15 นายสมจิต คารวนันท์ ผถู้ กู กลา่ วหาท่ี 16 นายทรงวทิ ย์ บุญวรรโณ ผูถ้ ูกกลา่ วหาที่ 17 นายอาคม หล�ำเบ็นสะ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 18 นายอุดม คณะภิกขุ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 19 นายสมคิด อรัญดร ผู้ถกู กลา่ วหาท่ี 20 นายสมั ฤทธ์ิ บญุ รัตน์ ผู้ถกู กล่าวหาท่ี 21 นายธรี ะพล หมดั หมดี ผ้ถู กู กลา่ วหาท่ี 22 นายยงยทุ ธ รักษาภิกษุ ผถู้ กู กลา่ วหาที่ 23 นายมนญู จนั ทสวุ รรณ์ ผูถ้ ูกกลา่ วหาที่ 24 นายอดุลศกั ด์ิ มเู กม็ ผถู้ กู กลา่ วหาที่ 25 นายสมยศ รมณารักษ์ ผูถ้ ูกกลา่ วหาที่ 26 นายวิญญ์ สทิ ธิเชนทร์ ผถู้ กู กล่าวหาท่ี 27 และนายสมพร ใชบ้ างยาง ผ้ถู กู กลา่ วหาท่ี 28 ได้มสี ่วนรว่ มหรือสนบั สนุนในการกระท�ำความผดิ ตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มมี ลู สมควรให้ ข้อกล่าวหาตกไป การดำ� เนนิ การ การด�ำเนินการทางอาญา ให้ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และค�ำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพ่ือด�ำเนินคดีอาญาในศาลซ่ึงมีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับ นายไพร พัฒโน ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแตก่ รณี โดยอยั การสูงสุดพจิ ารณาแล้วเหน็ วา่ นายไพร พฒั โน ผู้ถูกกลา่ วหาที่ 1 มีอำ� นาจและหนา้ ทต่ี ามกฎหมาย และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าดว้ ยการ รับเงิน การเบกิ จ่ายเงิน การฝากเงนิ การเก็บรักษาเงินและตรวจเงิน ขององค์การปกครองสว่ นท้องถ่นิ พ.ศ. 2547 ไดม้ คี ำ� สงั่ ใหโ้ อนเงินโดยมิชอบดว้ ยกฎหมายและระเบยี บจำ� นวน 7 ครัง้ กล่าวคือ โอนเงินกรณเี งนิ จ่ายขาดสะสม จ�ำนวน 20,000,000 บาท ใหม้ ลู นิธิสริ ินธรราชวทิ ยาลยั ในพระราชูปถัมภ์ เพ่ือด�ำเนินการจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดเหยียบน�้ำทะเลจืดรุ่น “มงคลมหาราช”แทนเทศบาลนครหาดใหญ่ และต่อมาได้มีการจ่ายเงินจ�ำนวน 16,500,000 บาท ให้แก่นายสุรพันธ์ อติชาตนันต์ เป็นค่าจ้างในการจัดสร้าง วตั ถมุ งคล และมีคำ� ส่ังให้มูลนิธิฯ จ่ายเงินใหแ้ ก่นายจักรกฤษณ์ ทวนทอง จ�ำนวน 1,373,000 บาท 4,000,000 บาท และ 9,500,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการด�ำเนินการโฆษณาประชาสัมพันธ์โครงการจัดสร้างวัตถุมงคล บวงสรวง และเททองพิธี รวมทง้ั ไดม้ คี ำ� ส่ังจ่ายเงนิ จ�ำนวน 3,000,000 บาท 3,900,000 บาท และ 500,000 บาท 94 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ

ซึ่งเป็นเงินของเทศบาลนครหาดใหญ่ท่ีได้มาจากการจ�ำหน่ายวัตถุมงคลดังกล่าวให้กับ นายสุรพันธ์ อติชาตนันต์ เพ่ือจัดสร้างวัตถุมงคลเพิ่มเติม เพราะฉะนั้นพยานหลักฐานจากการไต่สวนข้อเท็จจริงและรวบรวมสมบูรณ์เพียงพอ ทจ่ี ะรบั ด�ำเนินคดีอาญาฟอ้ งนายไพร พัฒโน ผู้ถกู กลา่ วหาท่ี 1 ได้ การด�ำเนินการถอดถอน ส่งสำ� นวนการไต่สวน ไปยังรัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ผมู้ อี ำ� นาจแตง่ ตง้ั ถอดถอนเพ่ือด�ำเนินการตามหน้าท่ีและอ�ำนาจกับนายไพร พัฒโน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2561 7. เรื่องกล่าวหา นายวิเชียร ร่อนอบ นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลดอนยายหอม อ�ำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม กับพวกรวม 7 ราย กรณีร่วมกันทุจริตจัดท�ำเอกสารการจัดจ้างโครงการขุดลอกคลอง ขององค์การบรหิ ารสว่ นต�ำบลดอนยายหอม ในชว่ งปลายปงี บประมาณ 2556 ถึงตน้ ปีงบประมาณ 2557 อันเปน็ เทจ็ เพ่ือน�ำไปประกอบการเบิกจา่ ยเงินทง้ั ที่ไมม่ ีการจา้ งผรู้ บั จา้ งขุดลอกคลองดงั กลา่ วจรงิ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ ช้มี ูลความผิด เมอ่ื วันที่ 16 มกราคม 2562 พฤตกิ ารณ์ ในชว่ งปลายปงี บประมาณ พ.ศ. 2556 ถงึ ต้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 นายวิเชยี ร รอ่ นอบ รู้เห็นหรือสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชา จัดท�ำเอกสารจัดซ้ือจัดจ้างเพ่ือด�ำเนินการโครงการขุดลอกคลอง จำ� นวน 4 โครงการ คอื โครงการขดุ ลอกคลองรางบางเสอื โครงการขดุ ลอกคลองวงพาด โครงการขุดลอกคลองควาย และโครงการ ขดุ ลอกคลองรางบางขวญั ในทอ้ งที่หมูท่ ี่ 3, 4 และ 8 ตำ� บลดอนยายหอม อ�ำเภอเมืองนครปฐม จังหวดั นครปฐม อนั เปน็ เท็จ โดยในขัน้ ตอนการตรวจรับงาน คณะกรรมการตรวจรบั งาน ไดร้ ่วมกันลงชือ่ ตรวจรบั งาน จ้างรับรองว่าผู้รับจ้างได้ท�ำงานแล้วเสร็จตามสัญญาท้ังที่ไม่มีการด�ำเนินการตามสัญญาจ้างดังกล่าวแต่อย่างใด และเมื่อเอกสารใบส�ำคัญประกอบการเบิกจ่ายครบถ้วนแล้วได้มีการเบิกจ่ายเงินเป็นเช็คให้แก่ผู้รับจ้างโดยไม่มี การขีดคร่อมและไม่ขีดฆ่าค�ำว่า “หรือผู้ถือ” ตามระเบียบ เสร็จแล้วได้ร่วมกันน�ำเช็คดังกล่าวไปเบิกเงินสด รวมเป็นเงินท้ังสิ้น 295,000 บาท ไปเป็นประโยชน์ส�ำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต ก่อให้เกิดความเสียหาย แกท่ างราชการ มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. นายวิเชียร ร่อนอบ นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลดอนยายหอม มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพ่มิ เติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 192 และมมี ลู ความผิด ตามพระราชบญั ญัตสิ ภาต�ำบลและองค์การบรหิ ารส่วนต�ำบล พ.ศ. 2537 และทีแ่ ก้ไขเพม่ิ เติม มาตรา 92 2. นายศุทธวิทย์ สุดใจ ปลัดองค์การบริหารส่วนต�ำบลดอนยายหอม มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 192 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนต�ำบลจังหวัดนครปฐม เร่ือง หลักเกณฑ์และเง่ือนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการรอ้ งทุกข์ ลงวนั ท่ี 14 ธันวาคม 2544 ขอ้ 3 วรรคสาม ข้อ 6 วรรคสอง และขอ้ 19 วรรคสอง 3. นายทวี ชิวปรชี า หัวหนา้ ส่วนโยธา มมี ูลความผดิ ทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 ตามพระราชบัญญัติ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 95

ประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนต�ำบล จังหวัดนครปฐม เรื่อง หลักเกณฑ์และเง่ือนไขในการสอบสวนการลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทกุ ข์ ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสาม ข้อ 6 วรรคสอง และข้อ 19 วรรคสอง 4. นางสาวสุภีร์ วารีหิรัณย์ ผู้อ�ำนวยการกองคลัง ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ได้ถึงแก่ความตายแล้ว สิทธิ น�ำคดอี าญามาฟ้องยอ่ มระงับไป ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา 39 (1) และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีอ�ำนาจด�ำเนนิ การไต่สวนเพอื่ ด�ำเนนิ คดอี าญา หรือด�ำเนินการทางวินัยต่อไปได้ 5. นายนิวัติ จันทร์พ่วง นายช่างโยธา มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานประมาทเลินเล่อ ในหน้าท่ีราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนต�ำบล จังหวัดนครปฐม เร่ืองหลักเกณฑ์และเง่ือนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวนั ท่ี 14 ธนั วาคม 2544 ขอ้ 5 วรรคสอง 6. นางสาววรีพร สุ่มมาตย์ นายช่างส�ำรวจ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานประมาทเลินเล่อ ในหน้าท่ีราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนต�ำบล จังหวัดนครปฐม เร่ือง หลักเกณฑ์และเง่ือนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอทุ ธรณ์ และการรอ้ งทกุ ข์ ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2544 ขอ้ 5 วรรคสอง 7. นายธวัชชัย เกตุอู่ทอง พนักงานจ้าง พนักงานขับรถยนต์ ได้รับการกันไว้เป็นพยาน ตามประกาศ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เร่ือง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการกันบุคคล หรือผู้ถูกกล่าวหาไวเ้ ป็นพยานโดยไมด่ ำ� เนินคดี พ.ศ. 2554 ประกอบพระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ย การปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2561 มาตรา 192 การดำ� เนินการ การดำ� เนนิ การทางวนิ ยั ส่งรายงาน สำ� นวนการไตส่ วน เอกสารหลักฐาน และค�ำวนิ ิจฉัย ไปยังผู้บังคบั บัญชา เพ่ือพิจารณาโทษทางวินัยกับ 1. นายทวี ชิวปรีชา หัวหน้าส่วนโยธา 2. นายนิวัติ จันทร์พ่วง นายช่างโยธา 3. นางสาววรพี ร สุ่มมาตย์ นายชา่ งสำ� รวจ การด�ำเนินการทางอาญา ให้ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และค�ำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อด�ำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับ 1. นายวิเชียร รอ่ นอบ นายกองค์การบรหิ ารสว่ นตำ� บลดอนยายหอม 2. นายศทุ ธวิทย์ สุดใจ ปลัดองคก์ ารบรหิ าร สว่ นตำ� บลดอนยายหอม 3. นายทวี ชวิ ปรชี า หวั หน้าสว่ นโยธา 96 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ

8. เร่ืองกล่าวหา นายค�ำภู คะสุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลหัวนา อ�ำเภอเมืองหนองบัวล�ำภู จังหวัดหนองบัวล�ำภู กับพวก ทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระท�ำความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีเรียกรับเงิน จากนางล�ำดวน อินทรักษา โดยอ้างว่าสามารถช่วยเหลือให้บุตรหลานของนางล�ำดวน อินทรักษา เข้าท�ำงาน ในองคก์ ารบริหารส่วนตำ� บลหวั นา และเทศบาลต�ำบลหวั นาได้ โดยไมต่ ้องสอบแข่งขนั คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ ชมี้ ลู ความผดิ เมื่อวนั ที่ 3 ตุลาคม 2561 พฤติการณ์ เม่ือประมาณเดือนเมษายน 2552 นายค�ำภู คะสุวรรณ นายสมเกียรติ บัวขาว และ นายสุริยา ชัยคต ได้มีพฤติการณ์ร่วมกันเรียกรับเงินจากนางล�ำดวน อินทรักษา โดยอ้างว่าสามารถช่วยเหลือ ให้บตุ รหลานของนางล�ำดวน อนิ ทรกั ษา เขา้ ท�ำงานท่ีองคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำบลหวั นา และเทศบาลตำ� บลหัวนาได้ จำ� นวน 3 ครงั้ รวมเป็นจ�ำนวนเงิน 125,000 บาท ดงั นี้ คร้ังท่ี 1 เรียกรับเงินจ�ำนวน 40,000 บาท จากนางล�ำดวน อินทรักษา โดยอ้างว่าสามารถช่วยเหลือ ให้บุตรสาวของนางลำ� ดวน อนิ ทรักษา เขา้ ท�ำงานเปน็ พนักงานจา้ งตามภารกจิ ตำ� แหน่งผ้ชู ว่ ยเจ้าหน้าทวี่ ิเคราะห์ ทีอ่ งค์การบรหิ ารส่วนต�ำบลหวั นา ครั้งท่ี 2 เรียกรับเงิน จำ� นวน 45,000 บาท จากนางลำ� ดวน อินทรกั ษา โดยอา้ งวา่ สามารถชว่ ยเหลอื ให้บุตรเขยของนางลำ� ดวน อนิ ทรักษา เข้าท�ำงานเป็นพนกั งานจ้างตามภารกิจ ตำ� แหน่งผูช้ ่วยช่างไฟฟา้ ทีอ่ งคก์ าร บริหารสว่ นต�ำบลหัวนา ครง้ั ท่ี 3 เรยี กรับเงนิ จำ� นวน 40,000 บาท จากนางลำ� ดวน อนิ ทรักษา โดยอ้างวา่ สามารถช่วยเหลือ ใหห้ ลานของนางลำ� ดวน อนิ ทรกั ษา เข้าทำ� งานเป็นพนกั งานจ้างตามภารกจิ ตำ� แหน่งผ้ชู ่วยเจา้ หน้าทพ่ี ัฒนาชุมชน ทีเ่ ทศบาลตำ� บลหวั นา ต่อมานางลำ� ดวน อนิ ทรักษา ไดส้ อบถามเก่ียวกบั การเข้าท�ำงานของบตุ รหลานจากนายค�ำภู คะสุวรรณ และนายสมเกียรติ บัวขาว เรื่อยมาจนกระทั่งส้ินเดือนพฤษภาคม 2552 บุตรหลานของนางล�ำดวน อินทรักษา ก็ยังไม่ได้เข้าท�ำงานท่ีองค์การบริหารส่วนต�ำบลหัวนา และเทศบาลต�ำบลหัวนา และก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงจาก บุคคลทัง้ สอง นางลำ� ดวน อนิ ทรักษา จึงเดนิ ทางไปทบ่ี า้ นนายสมเกียรติ บัวขาว เพ่อื ขอเงินคนื ซึ่งพบกับนายคำ� ภู คะสุวรรณ และนายสมเกียรติ บัวขาว แจ้งว่าไม่มีเงินคืนให้ นางล�ำดวน อินทรักษา จึงแน่ใจว่าถูกหลอกลวง และได้เดินทางไปแจง้ ความร้องทุกข์ตอ่ พนักงานสอบสวน มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. การกระทำ� ของนายคำ� ภู คะสุวรรณ ผถู้ กู กล่าวหาที่ 1 มีมลู ความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนกั งาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อ่ืนใดส�ำหรับตนเองหรือผู้อ่ืนโดยมิชอบ เพื่อกระท�ำการ หรือไมก่ ระท�ำการอยา่ งใดในต�ำแหน่งไมว่ า่ การน้ันจะชอบหรอื มิชอบด้วยหน้าท่ี และฐานเป็นเจ้าพนกั งาน ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หนา้ ทโ่ี ดยทจุ รติ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 และมีมูลเป็นการกระท�ำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชนหรือละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรอื ปฏิบตั กิ ารไม่ชอบด้วยอำ� นาจหนา้ ที่ ตามพระราชบญั ญตั สิ ภาต�ำบลและองคก์ ารบริหารส่วนต�ำบล พ.ศ.2537 และที่แกไ้ ขเพิม่ เติม (ฉบับท่ี 5) พ.ศ. 2546 มาตรา 92 การกระท�ำของนายสมเกียรติ บัวขาว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนายสุริยา ชัยคต ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 มีมลู ความผิดทางอาญา ฐานเปน็ ผู้สนบั สนนุ เจ้าพนักงาน เรียก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ยส์ นิ หรือประโยชนอ์ ืน่ ใด ส�ำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระท�ำการหรือไม่กระท�ำการอย่างใดในต�ำแหน่งไม่ว่าการน้ันจะชอบหรือ มิชอบด้วยหน้าท่ี และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพื่อให้เกิด ความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 97

มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 มาตรา 90 และมาตรา 91 และมีมูลเปน็ การกระท�ำการฝา่ ฝืน ต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชนหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอ�ำนาจ หนา้ ที่ ตามพระราชบัญญตั ิสภาตำ� บลและองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล พ.ศ. 2537 และทแี่ กไ้ ขเพ่ิมเตมิ (ฉบบั ที่ 5) พ.ศ. 2546 มาตรา 92 2. กรณผี ถู้ กู กล่าวหาที่ 1 ผูถ้ กู กล่าวหาท่ี 2 และผู้ถูกกลา่ วหาที่ 3 รว่ มกันเรยี กรบั เงนิ จากนางล�ำดวน อนิ ทรักษา โดยอ้างวา่ สามารถช่วยเหลือให้บตุ รหลานของนางล�ำดวน อินทรักษา เขา้ ท�ำงานในเทศบาลตำ� บลหัวนา ได้โดยไมต่ อ้ งสอบแขง่ ขนั การกระท�ำของนายค�ำภู คะสุวรรณ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 1 นายสมเกียรติ บัวขาว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนายสุริยา ชัยคต ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 มิใช่การกระท�ำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าท่ี หรือกระท�ำความผิด ต่อต�ำแหน่งหน้าที่ราชการ ท่ีอยู่ในหน้าท่ีและอ�ำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่การกระท�ำของนายค�ำภู คะสวุ รรณ ผู้ถกู กลา่ วหาที่ 1 นายสมเกยี รติ บวั ขาว ผ้ถู กู กลา่ วหาท่ี 2 และนายสรุ ิยา ชัยคต ผูถ้ ูกกลา่ วหาท่ี 3 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 อันเป็นความผิดต่อส่วนตัว ซึ่งนางล�ำดวน อินทรักษา ผู้กล่าวหาได้ถอนค�ำร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีต�ำรวจภูธรโนนสังแล้ว สิทธกิ ารนำ� คดีอาญามาฟ้องยอ่ มระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) การดำ� เนนิ การ การด�ำเนินการทางวินัย ส่งส�ำนวนการไต่สวนไปยังผู้มีอ�ำนาจแต่งต้ังถอดถอน เพื่อด�ำเนินการ ตามหน้าที่และอ�ำนาจ กับนายค�ำภู คะสุวรรณ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 1 นายสมเกียรติ บัวขาว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนายสรุ ิยา ชัยคต ผ้ถู กู กลา่ วหาที่ 3 ตามฐานความผดิ ดังกล่าว ตามพระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และมาตรา 98 วรรคส่ี แล้วแต่กรณี และแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้สำ� นักงานคณะกรรมการการเลอื กตงั้ ทราบ การด�ำเนินการทางอาญา ให้ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และค�ำวนิ ิจฉัยไปยังอยั การสงู สดุ เพ่ือดำ� เนนิ คดอี าญาในศาลซึง่ มเี ขตอำ� นาจพิจารณาพิพากษาคดี 98 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ

9. เรื่องกล่าวหา นายวิสานท์ แสวงหา นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลบึงบา อ�ำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี กับพวก กรณีด�ำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโครงการซ่อมแซมระบบประปาบาดาล ของหมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 8 ต�ำบลบึงบา ปงี บประมาณ 2554 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมตชิ ้ีมูลความผดิ เม่ือวนั ท่ี 3 ตุลาคม 2561 พฤติการณ์ เดือนมิถุนายน 2554 ระบบประปาบาดาลของหมู่ท่ี 4 และ 8 ต�ำบลบึงบา มีปัญหา ผ้ถู ูกกลา่ วหาทง้ั สองได้ดำ� เนนิ การให้ห้างหนุ้ ส่วนจ�ำกดั ชาญธนาบาดาล เข้าทำ� การซอ่ มแซมกอ่ น โดยไมป่ ฏิบัติตาม ข้ันตอนการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ต่อมาเดือนสิงหาคม 2554 ผู้ถูกกล่าวหาท้ังสองได้ร่วมกันจัดท�ำเอกสารย้อนหลังว่าองค์การบริหาร สว่ นต�ำบลบึงบาได้วา่ จา้ งห้างหนุ้ สว่ นจ�ำกดั ชาญธนาบาดาล มาซอ่ มแซมระบบประปาบาดาลของหมทู่ ่ี 4 และ หมู่ท่ี 8 อนั เป็นเท็จ แลว้ เบิกจา่ ยเงินให้กับห้างหุ้นส่วนจำ� กัด ชาญธนาบาดาล รวมเปน็ เงนิ ท้ังส้นิ 165,731 บาท มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. การกระทำ� ของ นายวสิ านท์ แสวงหา ผ้ถู ูกกลา่ วหาท่ี 1 มมี ูลความผดิ ทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ท�ำเอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกข้อความ ลงในเอกสาร รับรองเป็นหลกั ฐานว่าตนได้กระทำ� การอยา่ งใดขึน้ หรือวา่ การอย่างใดไดก้ ระท�ำต่อหนา้ ตนอันเป็น ความเท็จ และรบั รองเป็นหลกั ฐาน ซ่งึ ขอ้ เท็จจรงิ อันเอกสารน้ันมุง่ พิสูจนค์ วามจรงิ อนั เป็นความเท็จ ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 90 และมีมลู เป็นการกระทำ� การฝ่าฝืนต่อ ความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบ ดว้ ยอำ� นาจหนา้ ที่ ตามพระราชบัญญตั สิ ภาตำ� บลและองคก์ ารบริหารสว่ นต�ำบล พ.ศ. 2537 และทแ่ี ก้ไขเพ่มิ เตมิ มาตรา 92 2. การกระทำ� ของ นายธิติศกั ด์ิ ธรรมราช ผู้ถูกกลา่ วหาที่ 2 มีมูลความผดิ ทางอาญา ฐานเป็นเจา้ พนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏบิ ัติหนา้ ท่ีโดยทจุ รติ และฐานเปน็ เจา้ พนกั งาน มหี นา้ ทีท่ ำ� เอกสาร รบั เอกสาร หรอื กรอกขอ้ ความลงในเอกสาร รับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระท�ำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระท�ำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐานซ่ึงข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 90 และมมี ลู ความผิดทางวนิ ยั อยา่ งร้ายแรง ฐานจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุ ให้เสยี หายแก่ราชการอยา่ งรา้ ยแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนกั งานส่วนต�ำบลจงั หวัดปทมุ ธานี เร่อื งหลักเกณฑ์ และเงือ่ นไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินยั การใหอ้ อกจากราชการ การอทุ ธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2545 ข้อ 6 วรรคสอง การดำ� เนินการ การด�ำเนินการทางวนิ ัย สง่ รายงาน ส�ำนวนการไตส่ วน เอกสารหลักฐาน และค�ำวินิจฉยั ไปยังผูบ้ ังคับ บัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินยั กบั นายธิติศกั ด์ิ ธรรมราช ผถู้ ูกกลา่ วหาท่ี 2 และส่งส�ำนวนการไต่สวน ไปยงั ผ้มู ี อ�ำนาจแตง่ ตัง้ ถอดถอนเพื่อด�ำเนนิ การตามหน้าท่แี ละอ�ำนาจกบั นายวสิ านท์ แสวงหา ผถู้ กู กลา่ วหาท่ี 1 ตามฐาน ความผดิ ดงั กลา่ ว ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแตก่ รณี และแจง้ ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ใหส้ ำ� นกั งานคณะกรรมการการเลือกตัง้ ทราบ การดำ� เนินการทางอาญา ส่งรายงาน สำ� นวนการไต่สวน เอกสารหลกั ฐาน สำ� เนาอิเล็กทรอนิกส์ และ ค�ำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพ่ือด�ำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายวิสานท์ แสวงหา ผ้ถู ูกกลา่ วหาที่ 1 และนายธิตศิ ักด์ิ ธรรมราช ผถู้ กู กลา่ วหาท่ี 2 รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ 99

10. เร่ืองกล่าวหานายจารุ อรัญ เมื่อคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลหน้าเขา เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดส�ำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ตามโครงการปรับปรุง ถนนลูกรัง ภายในต�ำบลหนา้ เขา ตามสญั ญาจ้างเลขท่ี 16/2556 ลงวนั ที่ 27 มิถนุ ายน 2556 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ตชิ ี้มูลความผดิ เมอ่ื วนั ที่ 7 พฤศจกิ ายน 2561 พฤติการณ์ สืบเนือ่ งจากองคก์ ารบริหารส่วนตำ� บลหน้าเขา ได้จัดทำ� โครงการปรบั ปรุงถนนลกู รังภายใน ต�ำบลหนา้ เขา อำ� เภอเขาพนม จงั หวัดกระบ่ี โดยมีหา้ งหุ้นส่วนจำ� กัด เอียดบัวการโยธา เป็นผชู้ นะในการสอบราคา และได้เขา้ มาท�ำสัญญากบั องคบ์ ริหารสว่ นตำ� บลหน้าเขา ตามสัญญาเลขที่ 16/2556 ลงวนั ท่ี 27 มิถุนายน 2556 งบประมาณ 3,983,000 บาท เม่ือห้างหุ้นส่วนจ�ำกัด เอียดบัวการโยธา ได้ท�ำงานแล้วเสร็จตามสัญญาจ้าง และคณะกรรมการตรวจการจ้างได้ท�ำการตรวจการจ้างเป็นการถูกต้องและได้ส่งเรื่องขอเบิกเงิน ตามสัญญาจ้าง กบั องคก์ ารบริหารสว่ นต�ำบลหน้าเขา ภายหลงั ได้ส่งมอบงานตามโครงการไดม้ ีการเบกิ จา่ ยล่าช้า นายสมชยั พนั ธ์เสง่ยี ม ในฐานะหนุ้ สว่ นผจู้ ัดการ หา้ งหนุ้ ส่วนจำ� กดั เอียดบัวการโยธา ไดม้ กี ารทวงถามเงนิ ค่าจ้างกบั นายสุทธิพงษ์ ไหมดำ� เลขานกุ ารนายกองค์การบรหิ ารส่วนตำ� บลหน้าเขา โดยนายสุทธิพงษ์ ไหมดำ� ไดเ้ ขา้ มาตดิ ตอ่ นายสมชัย พนั ธเ์ สงย่ี ม ว่าขอค่าตอบแทน 10 เปอรเ์ ซ็นตข์ องเงินตามสญั ญาจา้ ง และตอ่ มาห้างหนุ้ สว่ นจำ� กัด เอียดบัวการโยธา ได้ท�ำการ เบกิ จ่ายเงินตามสญั ญาวันท่ี 28 สงิ หาคม 2556 และได้จา่ ยเงนิ 10 เปอรเ์ ซ็นต์ จำ� นวน 400,000 บาท โดยจ่ายเปน็ เช็คระบุช่ือ นายจารุ อรัญ และต่อมานายจารุ อรัญ ได้น�ำเช็คดังกล่าวไปข้ึนเงินที่ ธนาคารกสิกรไทย จ�ำกัด (มหาชน) สาขาโลตัส กระบี่ มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำ� ของนายจารุ อรญั ผูถ้ ูกกลา่ วหา มีมลู ความผดิ ทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนกั งาน ปฏบิ ัตหิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ตั หิ น้าท่โี ดยมิชอบ เพอื่ ให้เกดิ ความเสยี หายแก่ผู้หนง่ึ ผู้ใด หรอื ปฏบิ ัติหรือละเว้นการปฏิบัติหนา้ ที่ โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ อย่างใดในต�ำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหรือหน้าท่ีโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แกไ้ ขเพมิ่ เติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบญั ญัติ ประกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 192 และมีมลู เป็นการกระทำ� การฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบ ด้วยอ�ำนาจหน้าท่ี ตามพระราชบญั ญัตสิ ภาตำ� บลและองคก์ ารบริหารส่วนตำ� บล พ.ศ. 2537 และทแี่ กไ้ ขเพ่มิ เตมิ มาตรา 92 การดำ� เนินการ การด�ำเนินการทางวินัย ส�ำหรับการถอดถอนออกจากต�ำแหน่ง ข้อเท็จจริงปรากฏว่า จังหวัดกระบ่ี ได้มีค�ำสั่งท่ี 2146/2557 ลงวันท่ี 19 กันยายน 2557 ให้นายจารุ อรัญ ผู้ถูกกล่าวหา พ้นจากต�ำแหน่งนายก องค์การบริหารส่วนต�ำบลหน้าเขา อ�ำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งส�ำนวนการไต่สวน ไปยังผู้มีอ�ำนาจแต่งต้ังถอดถอนเพื่อด�ำเนินการตามหน้าที่และอ�ำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 98 วรรคสี่ อีก และให้มหี นังสือแจง้ ผลการพจิ ารณา ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ใหผ้ ูม้ อี ำ� นาจแต่งตงั้ ถอดถอน และส�ำนกั งานคณะกรรมการการเลอื กตัง้ ทราบ การด�ำเนินการทางอาญา ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และค�ำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพ่ือด�ำเนินคดีอาญาในศาลซ่ึงมีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายจารุ อรัญ ผู้ถูกกล่าวหา ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจรติ พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) 100 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ

11. เรื่องกล่าวหา นายอพิเชษฐ สังวิบุตร์ เม่ือคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลสีแก้ว อ�ำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด กรณีเรียกรับเงินจากพนักงานองค์การบริหารส่วนต�ำบล ลูกจ้างประจ�ำ และพนักงานจ้างขององค์การบริหารส่วนต�ำบลสีแก้ว ที่ได้รับเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (เงินโบนัส) ประจ�ำปี 2552 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ตชิ ีม้ ลู ความผิด เมื่อวนั ที่ 10 ตุลาคม 2561 พฤตกิ ารณ์ เมือ่ วันที่ 23 พฤศจกิ ายน 2552 กอ่ นที่จะมีการจา่ ยเงนิ ประโยชนต์ อบแทนอนื่ เปน็ กรณีพเิ ศษ (เงินโบนัส) ประจ�ำปี 2552 นายอพิเชษฐ สังวิบุตร์ นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลสีแก้ว ได้ให้ปลัดองค์การ บรหิ ารสว่ นต�ำบลสีแกว้ หวั หนา้ ส่วนการคลัง และหวั หนา้ สว่ นโยธา ไปพบทีห่ ้องท�ำงาน แล้วนายอพิเชษฐ สงั วบิ ตุ ร์ ได้แจ้งความประสงค์เรียก - รับเงินจ�ำนวนคนละ 20 เปอร์เซนต์ ของเงินประโยชน์ตอบแทนอ่ืนเป็นกรณีพิเศษ (เงินโบนัส) ที่แต่ละคนจะได้รับ และให้หัวหน้าส่วนแต่ละส่วนไปแจ้งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของแต่ละส่วนทราบกันเอง หลังจากนัน้ ในวันเดียวกัน ปลัดองค์การบริหารส่วนต�ำบลสแี ก้ว หัวหน้าส่วนการคลัง และหัวหน้าส่วนโยธาไดไ้ ป ต่อรองกับนายอพเิ ชษฐ สงั วบิ ตุ ร์ เพ่อื ขอลดจ�ำนวนเงินโบนสั ทจ่ี ะจา่ ยให้ แตน่ ายอพเิ ชษฐ สังวบิ ุตร์ ไมย่ อม ยนื ยนั ท่ีจะเอา 20 % ปลัดองค์การบริหารส่วนต�ำบลสีแก้ว หัวหน้าส่วนการคลัง และหัวหน้าส่วนโยธา จึงได้ไปแจ้ง ความประสงค์เรียกรับเงินของนายอพิเชษฐ สังวิบุตร์ ให้กับพนักงานส่วนต�ำบล และพนักงานจ้างขององค์การ บริหารส่วนต�ำบลสีแก้ว ทราบ ซึ่งพนักงานส่วนต�ำบล และพนักงานจ้างขององค์การบริหารส่วนต�ำบลสีแก้ว ไมพ่ อใจแต่พูดอะไรไม่ได้เพราะกลัววา่ ถ้าไมย่ อมนายอพิเชษฐ สงั วิบุตร์ จะไมย่ อมเบกิ จา่ ยเงนิ ใหต้ ามสทิ ธิ ต่อมาวนั ท่ี 24 พฤศจกิ ายน 2552 นายกองค์การบรหิ ารส่วนต�ำบลสีแกว้ ได้เรียกปลดั องคก์ ารบรหิ าร ส่วนต�ำบลสีแก้ว หัวหน้าส่วนการคลัง และหัวหน้าส่วนโยธาไปพบอีกคร้ังหน่ึง บุคคลทั้งสามจึงได้แจ้งกับ นายกองค์การบริหารส่วนตำ� บลสแี ก้วว่า ไดแ้ จง้ ให้กบั พนักงานส่วนตำ� บลและลูกจา้ งของแต่ละสว่ นงานทราบแล้ว หลังจากน้ันในวันเดียวกันนายอพิเชษฐ สังวิบุตร์ นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลสีแก้ว จึงได้มีค�ำส่ังองค์การ บริหารส่วนต�ำบลสีแก้วที่ 166/2553 ลงวันท่ี 24 พฤศจิกายน 2552 แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาจ่ายเงิน ประโยชนต์ อบแทนอนื่ เปน็ กรณพี เิ ศษ ประจำ� ปี 2552 ขององค์การบริหารส่วนตำ� บลสแี กว้ เพื่อพิจารณา การจ่าย เงนิ ประโยชนต์ อบแทนอน่ื เป็นกรณพี เิ ศษ (โบนสั ) ประจ�ำปี 2552 และไดม้ กี ารด�ำเนินการเพอื่ เบกิ จ่ายเงินโบนสั ตามระเบียบ เม่ือองค์การบริหารส่วนต�ำบลสีแก้วได้แจกจ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (โบนัส) ประจ�ำปี 2552 ให้กับพนักงาน และลูกจ้างขององค์การบริหารส่วนต�ำบลสีแก้วตามสิทธิท่ีได้รับจ�ำนวน 47 คน รวมเป็นเงนิ ท้งั ส้นิ 952,808.25 บาท หลงั จากนั้นพนกั งานและลูกจา้ งขององค์การบริหารสว่ นตำ� บลสีแกว้ หลายคน ซึ่งรวมถึงปลัดฯ และหัวหน้าส่วนการคลังได้ทยอยน�ำเงินประโยชน์ตอบแทนอ่ืนเป็นกรณีพิเศษ (โบนัส) จ�ำนวนคนละประมาณ 20 % ท่ีแต่ละคนได้รับ ไปมอบให้กับนายอพิเชษฐ สังวิบุตร์ นายกองค์การบริหาร ส่วนต�ำบลสแี กว้ ท่หี อ้ งทำ� งานของนายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนตำ� บลสีแกว้ มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระท�ำของนายอพิเชษฐ สังวิบตุ ร์ มีมลู ความผิดอาญา ฐานเปน็ เจา้ พนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดส�ำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระท�ำการหรือ ไม่กระท�ำการอยา่ งใดในต�ำแหนง่ ไม่ว่าการนน้ั จะชอบหรอื มชิ อบด้วยหน้าท่ี และฐานเป็นเจา้ พนกั งาน ปฏิบัติหรอื ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ี โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 และมีมูลเป็นการกระท�ำการฝ่าฝืนต่อ ความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอ�ำนาจ หนา้ ทตี่ ามพระราชบญั ญัตสิ ภาตำ� บลและองคก์ ารบรหิ ารส่วนต�ำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพ่ิมเติม มาตรา 92 การดำ� เนินการ การดำ� เนินการทางวินยั ส่งส�ำนวนการไต่สวนไปยงั ผูม้ อี �ำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำ� เนินการตามหนา้ ที่ และอ�ำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และมาตรา 98 วรรคส่ี แล้วแต่กรณี และแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ใหส้ ำ� นักงานคณะกรรมการการเลอื กตั้งทราบด้วย รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 101

การด�ำเนินการทางอาญา ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และค�ำวนิ จิ ฉยั ไปยงั อัยการสงู สุดเพอ่ื ดำ� เนินคดอี าญาในศาลซ่งึ มอี ำ� นาจพิจารณาพิพากษาคดี 12. เรื่องกล่าวหา นายสุรสีห์ ล้ิมลิขิตอักษร นายกเทศมนตรีต�ำบลหนองจอก อ�ำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี กบั พวก กรณีกดี กันและสมยอมในการเสนอราคาจัดซือ้ ครุภัณฑ์เคร่อื งออกก�ำลงั กายกลางแจ้ง จ�ำนวน 14 รายการ ของเทศบาลต�ำบลหนองจอก คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ตชิ ีม้ ลู ความผิด เมือ่ วนั ที่ 16 ตุลาคม 2561 พฤติการณ์ นายสรุ สีห์ ลม้ิ ลขิ ติ อกั ษร นายกเทศมนตรีต�ำบลหนองจอก อำ� เภอท่ายาง จังหวดั เพชรบรุ ี กับพวก ไดม้ กี ารกดี กนั และสมยอมในการเสนอราคาจดั ซ้อื ครภุ ณั ฑ์เคร่อื งออกก�ำลงั กายกลางแจง้ จ�ำนวน 14 รายการ ของเทศบาลต�ำบลหนองจอก มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. การกระทำ� ของนายสุรสหี ์ ล้มิ ลิขิตอักษร มีมูลความผดิ ทางอาญา ฐานเป็นเจา้ พนกั งาน มหี น้าท่ีซ้อื ทำ� จัดการ หรือรกั ษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำ� นาจในตำ� แหนง่ โดยทุจริต อนั เปน็ การเสยี หายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์น้ัน และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพ่ือให้เกิด ความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรอื ปฏิบัติ หรอื ละเวน้ การปฏบิ ัตหิ นา้ ท่โี ดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมีอ�ำนาจหรือหน้าที่ในการอนุมัติ การพิจารณาหรือ การดำ� เนนิ การใด ๆ ทเ่ี กยี่ วข้องกบั การเสนอราคาครงั้ ใด รู้หรอื มีพฤติการณป์ รากฏแจง้ ชดั ว่า ควรร้วู ่าการเสนอราคา ในคร้ังน้ัน มีการกระท�ำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ละเว้น ไม่ด�ำเนินการเพ่ือให้มี การยกเลิกการด�ำเนินการ เกยี่ วกบั การเสนอราคาในครั้งน้นั และฐานเป็นเจา้ หน้าท่ีในหน่วยงานของรฐั กระทำ� ความผิดตามพระราชบัญญัตนิ ี้ หรอื กระท�ำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิใหม้ ีการแข่งขนั ราคาอย่างเป็นธรรม เพ่อื เอ้ืออำ� นวยแก่ผู้เขา้ ท�ำการเสนอราคา รายใดให้เป็นผู้มีสิทธิท�ำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา ต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10 และมาตรา 12 และมีมูลเป็น การกระท�ำการฝ่าฝืนต่อความสงบ เรียบร้อยของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอ�ำนาจหน้าท่ี หรือมีความประพฤติ ในทางจะน�ำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ต�ำแหน่งหรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และทแ่ี ก้ไขเพม่ิ เตมิ มาตรา 73 2. การกระท�ำของนางนิชาดา อมรชาติ หรือนางจติ ตานนั ทิ์ กุลอิทธโิ ภคนิ กรรมการผมู้ ีอ�ำนาจ ลงนาม ของบริษทั เทคโนซายน์ เทรดด้ิง จ�ำกดั และนางสาวณฐั นิชา พรมเมือง ตวั แทนของบรษิ ัท เทคโนซายน์ เทรดดิง้ จ�ำกัด มีมลู ความผดิ ทางอาญา ฐานตกลงรว่ มกันในการเสนอราคาเพื่อวตั ถุประสงคท์ ่ีจะให้ประโยชน์ แก่ผู้ใดผหู้ นึง่ เปน็ ผมู้ สี ิทธิทำ� สัญญากบั หนว่ ยงานของรฐั โดยหลกี เล่ียงการแข่งขนั ราคาอย่างเป็นธรรม หรอื โดย การกีดกนั มิใหม้ ี การเสนอสินค้าหรือบริการอ่ืนต่อหน่วยงานของรัฐ หรือโดยการเอาเปรียบแก่หน่วยงานของรัฐ อันมิใช่เป็นไป ในทางประกอบธุรกิจปกติ และฐานให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดแก่ผู้อื่น เพอ่ื ประโยชนใ์ นการเสนอราคา โดยมีวัตถุประสงค์ท่ีจะจงู ใจให้ผู้นัน้ ร่วมดำ� เนนิ การใด ๆ อนั เป็นการให้ประโยชน์ แก่ผใู้ ดผ้หู นง่ึ เปน็ ผ้มู ีสทิ ธิท�ำสญั ญากับหน่วยงานของรฐั หรอื เพ่อื จงู ใจ ใหผ้ ูน้ ัน้ ทำ� การเสนอราคาสูงหรอื ต�่ำ จนเห็น ได้ชัดวา่ ไมเ่ ปน็ ไปตามลกั ษณะสินค้า บริการ หรอื สทิ ธิที่จะไดร้ บั หรือเพ่ือจงู ใจใหผ้ นู้ ัน้ ไมเ่ ขา้ ร่วม ในการเสนอราคา หรอื ถอนการเสนอราคา ตามพระราชบัญญัตวิ ่าดว้ ยความผิดเก่ียวกบั การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรฐั พ.ศ. 2542 มาตรา 4 และมาตรา 5 3. การกระท�ำของนายช�ำเรือง เหง่ียมจุล นายวัลลภ ใจเที่ยง และนายนันทพล ม่ังประเสริฐ จากการไตส่ วนข้อเทจ็ จรงิ ไมป่ รากฏขอ้ เทจ็ จรงิ และพยานหลักฐานทจี่ ะฟังไดว้ ่า ได้กระท�ำความผิดตามทก่ี ล่าวหา ขอ้ กลา่ วหาไมม่ ีมูล ให้ขอ้ กลา่ วหาตกไป 102 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ

การดำ� เนินการ การด�ำเนินการทางอาญา ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และค�ำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพ่ือด�ำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับ นายสุรสีห์ ล้มิ ลิขติ อกั ษร นางนิชาดา อมรชาติ หรอื นางจติ ตานนั ทิ์ กลุ อิทธโิ ภคิน และนางสาวณฐั นชิ า พรมเมอื ง ผ้ถู ูกกล่าวหา ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) การดำ� เนนิ การถอดถอน การถอดถอนนายสุรสหี ์ ล้มิ ลิขติ อกั ษร ออกจากต�ำแหนง่ ข้อเทจ็ จริงปรากฏวา่ นายสรุ สหี ์ ลิ้มลิขิตอกั ษร ไดพ้ น้ จากต�ำแหนง่ นายกเทศมนตรีตำ� บลหนองจอก แลว้ จึงไม่มเี หตุทจ่ี ะตอ้ ง สง่ ส�ำนวน การไต่สวนไปยังผู้มีอ�ำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนเพ่ือด�ำเนินการตามหน้าท่ีและอ�ำนาจตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 98 วรรคสี่ อีก และให้มี หนังสือแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผู้มีอ�ำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอน และส�ำนักงาน คณะกรรมการการเลือกต้งั ทราบ เรือ่ งกล่าวหาเจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั จำ� นวน 15 เร่ือง 1. เรื่องกล่าวหา นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม เม่ือคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวง กรณีรับรถยนต์ยี่ห้อ Volkswagen รุ่น Caravelle หมายเลขทะเบียน ฮต 8822 กรุงเทพมหานคร มูลค่าประมาณ 2,920,000 บาท จากนายเอนก จงเสถียร ไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติช้ีมูลความผิด เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2562 พฤตกิ ารณ์ เมอื่ ปี พ.ศ. 2552 นายเอนก จงเสถยี ร ซง่ึ เคยท�ำงานทีบ่ รษิ ัทขายเคร่ืองช่วยการเดนิ อากาศ ให้กรมการบินพาณชิ ย์ กระทรวงคมนาคม มอบเงินใหน้ างนฤมล หรอื เพญ็ พมิ ล ทรัพยล์ ้อม ภรรยาของนายสพุ จน์ ทรัพย์ลอ้ ม น�ำไปซือ้ รถยนตย์ ี่ห้อ Volkswagen รุน่ Caravelle หมายเลขทะเบยี น ฮต 8822 กรงุ เทพมหานคร มูลค่าประมาณ 2,920,000 บาท แล้วมอบรถยนต์คันดังกล่าวให้นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม เมื่อคร้ังด�ำรงต�ำแหน่ง อธิบดีกรมทางหลวง และได้รับแต่งตั้งให้ด�ำรงต�ำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจอีกหลายแห่งในสังกัดกระทรวง คมนาคม โดยเฉพาะบรษิ ทั ทา่ อากาศยานไทย จำ� กัด (มหาชน) และนางนฤมล หรือเพญ็ พมิ ล ทรพั ยล์ ้อม น�ำไปใช้ เปน็ ประโยชน์สว่ นตวั มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. นายสพุ จน์ ทรพั ยล์ อ้ ม มีมลู ความผดิ ทางอาญา ฐานเปน็ เจ้าหนา้ ท่ีของรัฐ รบั ทรัพยส์ ิน หรือประโยชน์ อืน่ ใดจากบุคคลนอกเหนือจากทรพั ย์สนิ หรือประโยชนอ์ ันควรได้ตามกฎหมาย หรือกฎ ข้อบังคบั ที่ออกโดยอาศัย อ�ำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทจุ ริต พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเตมิ มาตรา 103 มาตรา 103/1 และมาตรา 122 ประกอบพระราชบัญญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมีมูลความผิด ทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานกระท�ำการอันได้ช่ือว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 มาตรา 85 (4) การดำ� เนนิ การ การด�ำเนินการทางวินัย ให้ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และค�ำวินิจฉัยไปยัง ผู้บังคับบัญชาเพ่ือด�ำเนินการทางวินัยกับนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ผู้ถูกกล่าวหา ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) แล้วแต่กรณี รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 103

การด�ำเนินการทางอาญา ให้ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำ� วินจิ ฉัย ไปยังอัยการสูงสดุ เพื่อด�ำเนนิ คดอี าญาในศาลซ่งึ มเี ขตอำ� นาจพิจารณาพิพากษาคดี 2. เรื่องกล่าวหานายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์ เม่ือคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กรณีท�ำการ ไกล่เกล่ียประนีประนอมยอมความในศาลแพ่งกรุงเทพใต้ โดยมิชอบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด เมอื่ วันท่ี 30 มกราคม 2562 พฤติการณ์ นายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์ กระท�ำการไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความ ในศาลแพ่ง โดยมิชอบ ท�ำให้กรมอุตุนิยมวิทยาไม่สามารถเรียกค่าปรับพร้อมดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดจากผู้ขายได้เต็มจ�ำนวน เปน็ เหตุให้เกิดความเสียหาย จำ� นวน 238,192,800 บาท มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์ ผู้ถูกกล่าวหา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหน้าที่ ราชการ โดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อนั เปน็ เหตใุ ห้เสยี หายแก่ราชการอย่างรา้ ยแรง และฐานกระท�ำการอืน่ ใดอนั ไดช้ ่อื วา่ เปน็ ผูป้ ระพฤตชิ ัว่ อย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบยี บข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2535 มาตรา 85 วรรคสอง และมาตรา 98 การดำ� เนินการ การดำ� เนินการทางวนิ ยั ส่งรายงาน ส�ำนวนการไตส่ วน เอกสารหลกั ฐาน และคำ� วนิ จิ ฉยั ไปยังผู้บงั คับบญั ชา เพอ่ื ด�ำเนินการทางวินยั กับนายศภุ ฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์ ผู้ถูกกล่าวหา ตามฐานความผดิ ดังกลา่ ว ตามพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) แลว้ แต่กรณี รวมทงั้ แจง้ ข้อเท็จจริงในเรอ่ื งนใ้ี ห้กระทรวงการคลังทราบเพ่อื พจิ ารณาด�ำเนินการตามอ�ำนาจหนา้ ท่ตี ่อไป การด�ำเนินการทางอาญา ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำ� วนิ จิ ฉัยไปยังอัยการสงู สดุ เพื่อด�ำเนินคดีอาญาในศาลซง่ึ มีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดี 3. เร่ืองกล่าวหานายพนม ศรศิลป์ เม่ือครั้งด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นางสาวประนอม คงพิกุล เมื่อคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการกองพุทธศาสนสถาน ส�ำนักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติ และนายวสวัตต์ิ กิตติธีระสิทธ์ิ เมื่อคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการส่วนบูรณะพัฒนาวัดและ การศาสนสงเคราะห์ ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรณีร่วมกันทุจริตการเบิกจ่ายงบประมาณอุดหนุน การบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดของวัดมุจลินทาราม จังหวัดอุบลราชธานี ประจ�ำปีงบประมาณ 2558 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ติชีม้ ลู ความผิด เม่ือวนั ท่ี 30 เมษายน 2562 พฤติการณ์ เมื่อปีงบประมาณ 2558 ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้อนุมัติและโอนเงิน งบประมาณอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดให้แก่วัดมุจลินทาราม อ�ำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี จ�ำนวน 4,000,000 บาท โดยวัดไม่ได้เขียนค�ำขอรับเงินอุดหนุนตามหลักเกณฑ์ส�ำนักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติว่าด้วยการขอรับและการจัดสรรเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด ประจ�ำปีงบประมาณ 2558 ซ่ึงได้ก�ำหนดสาระส�ำคัญของการขอรับเงินอุดหนุนไว้ว่า วัดท่ีประสงค์จะขอรับ เงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดจะต้องเขียนค�ำขอรับเงินอุดหนุนส่งมายังส�ำนักงาน พระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาตเิ พือ่ พิจารณาอนุมตั ิ 104 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ

ตามข้ันตอน ซึ่งจะต้องมีค�ำขอรับเงินอุดหนุนจากวัดประกอบการพิจารณาอนุมัติงบประมาณทุกคร้ัง แต่ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 3 ซ่ึงท�ำหน้าท่ีเป็นคณะท�ำงานและเลขานุการคณะท�ำงานพิจารณาการขอรับการสนับสนุน งบประมาณเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัด ประจ�ำปีงบประมาณ 2558 ได้จัดท�ำบันทึกการขออนุมัติใช้เงิน ประจำ� งวด ฉบับลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2557 โดยอ้างการประชมุ ครง้ั ท่ี 1/2558 เมอื่ วนั ท่ี 19 พฤศจกิ ายน 2557 ขออนมุ ัตใิ ห้จดั สรรเงินอดุ หนนุ ฯ ให้วดั มุจลินทาราม จงั หวัดอบุ ลราชธานี จ�ำนวน 4,000,000 บาท ทัง้ ที่บันทึก การใช้เงินประจ�ำงวด ฉบับลงวนั ที่ 20 พฤศจกิ ายน 2557 กับรายงานการประชมุ ของคณะท�ำงานฯ ครัง้ ท่ี 1/2558 ดงั กล่าวระบจุ �ำนวนวดั ท่ไี ด้รบั อนมุ ตั ิเงินอดุ หนนุ ฯ ไม่สอดคลอ้ งกนั เสนอตอ่ ผ้ถู ูกกล่าวหาที่ 2 ซ่ึงเป็นรองประธาน คณะท�ำงานฯ ตอ่ มา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้ลงนามขออนุมัตกิ ารใช้เงินประจำ� งวดโดยทราบดีอยแู่ ลว้ วา่ วดั มจุ ลนิ ทาราม ไม่มีค�ำขอรับเงินอุดหนุน อีกท้ังการขออนุมัติการใช้เงินประจ�ำงวดดังกล่าวไม่เป็นไปตามมติท่ีประชุมคณะท�ำงานฯ ครัง้ ท่ี 1/2558 เมอ่ื วนั ที่ 19 พฤศจิกายน 2557 ตามทีก่ ลา่ วอา้ ง ต่อมาผถู้ กู กลา่ วหาที่ 2 ได้เสนอให้ผถู้ กู กล่าวหาที่ 1 พิจารณาอนุมัติการใช้จ่ายเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด และอนุมัติให้โอนเงินเข้าบัญชีให้ แก่วดั ต่าง ๆ รวมถงึ วดั มจุ ลนิ ทารามดว้ ย ซงึ่ ผู้ถกู กลา่ วหาที่ 1 อนุมตั ิตามทผ่ี ้ถู ูกกลา่ วหาท่ี 2 เสนอ โดยไม่ตรวจสอบ ค�ำขอของวัดมุจลินทารามตามหลักเกณฑ์ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่าด้วยการขอรับและการจัดสรรเงิน อุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด และไม่ตรวจสอบว่าบันทึกการใช้เงินประจ�ำงวด ฉบับลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2557 กบั รายงานการประชมุ ของคณะท�ำงานฯ ครั้งที่ 1/2558 เมอ่ื วนั ที่ 19 พฤศจิกายน 2557 มขี อ้ ความไมส่ อดคลอ้ งกนั เม่ือส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติโอนเงินจ�ำนวน 4,000,000 บาท ให้แก่วัดมุจลินทาราม ตามท่ผี ถู้ กู กลา่ วหาท่ี 1 อนมุ ตั แิ ลว้ ปรากฏว่ามรี ายการถอนเงินสดออกจากบัญชีธนาคารกรงุ ไทย จำ� กดั (มหาชน) ของวดั มจุ ลินทาราม จำ� นวน 4 ครั้ง รวมทง้ั ส้ิน 3,800,000 บาท และเมอ่ื วนั ท่ี 9 ธันวาคม 2559 มีการนำ� ฝาก เงินสด จ�ำนวน 800,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย จ�ำกัด (มหาชน) ของผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นอกจากนี้ ยังปรากฏข้อเท็จจริงว่าในช่วงเดือนธันวาคม 2557 มีรายการฝากเงินสดจากธนาคารในจังหวัดอุบลราชธานี เข้าบัญชีธนาคารของผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 อีกจ�ำนวน 5 ครั้ง รวมมีรายการฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารของ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 จ�ำนวน 6 คร้ัง จ�ำนวนเงินทั้งส้ิน 3,700,000 บาท ซ่ึงน่าเชื่อได้ว่าเป็นการน�ำเงินสดที่ถอน ออกจากบัญชธี นาคารของวัดมุจลนิ ทาราม แล้วนำ� เข้าบญั ชเี งนิ ฝากผถู้ ูกกล่าวหาที่ 3 ซ่งึ ไมเ่ ป็นไปตามวตั ถุประสงค์ ของการใช้เงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่งบประมาณ ของแผ่นดนิ มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. การกระทำ� ของนายพนม ศรศลิ ป์ ผถู้ ูกกล่าวหาที่ 1 มมี ูลความผิดทางอาญา ฐานเปน็ เจา้ พนักงาน มีหน้าท่ีซ้ือ ท�ำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์น้ันเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือ โดยทจุ ริตยอมใหผ้ ้อู นื่ เอาทรัพย์นน้ั เสยี ฐานเปน็ เจ้าพนกั งาน มีหนา้ ที่ซือ้ ทำ� จดั การ หรอื รกั ษาทรัพย์ใด ๆ ใชอ้ �ำนาจ ในต�ำแหนง่ โดยทุจริตอันเปน็ การเสยี หายแก่รัฐ เทศบาล สขุ าภิบาล หรือเจ้าของทรพั ยน์ นั้ และฐานเป็นเจา้ พนกั งาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ฐานเป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในต�ำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหรือหน้าที่ โดยมชิ อบ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเสียหายแก่ผู้หน่งึ ผใู้ ด หรือปฏิบัติหรอื ละเว้นการปฏบิ ตั ิหน้าทโ่ี ดยทจุ รติ ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าท่ีราชการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และ เที่ยงธรรม ฐานไมป่ ฏบิ ตั หิ นา้ ท่รี าชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มตขิ องคณะรฐั มนตรี รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 105

นโยบายของรัฐบาล และปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ ฐานไม่ปฏิบัติหน้าท่ีราชการให้เกิดผลดี หรอื ความกา้ วหนา้ แกร่ าชการดว้ ยความต้งั ใจ อตุ สาหะ เอาใจใส่ และรักษาประโยชนข์ องทางราชการ ฐานปฏบิ ัติ หรือละเวน้ การปฏบิ ัตหิ น้าที่ราชการโดยมชิ อบเพือ่ ให้เกดิ ความเสยี หายอยา่ งรา้ ยแรงแก่ผู้หนง่ึ ผใู้ ด หรอื ปฏบิ ัตหิ รือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีราชการโดยทุจริต และฐานกระท�ำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบยี บข้าราชการ พลเรอื น พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และ มาตรา 85 (1) (4) 2. การกระท�ำของนางสาวประนอม คงพิกุล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธ์ิ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซ้ือ ท�ำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์น้ันเป็นของตนหรือเป็นของผู้อ่ืนโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อ่ืนเอาทรัพย์น้ันเสีย ฐานเป็น เจา้ พนกั งานมีหนา้ ที่ซอ้ื ท�ำ จัดการ หรอื รักษาทรัพยใ์ ดๆ ใชอ้ �ำนาจในตำ� แหนง่ โดยทจุ รติ อันเปน็ การเสยี หายแกร่ ฐั เทศบาล สขุ าภิบาล หรือเจา้ ของทรพั ย์นัน้ และฐานเปน็ เจา้ พนักงาน ปฏิบัตหิ รอื ละเว้นการปฏบิ ตั ิหน้าท่ีโดยมชิ อบ เพ่ือให้เกดิ ความเสียหายแก่ผหู้ น่ึงผใู้ ด หรอื ปฏบิ ัตหิ รือละเวน้ การปฏบิ ัติหนา้ ท่ีโดยทุจริต และฐานเปน็ เจ้าพนกั งาน มีหน้าที่ท�ำเอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระท�ำการรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระท�ำ การอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระท�ำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริง อันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) ฐานเป็นเจ้าหน้าท่ีของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ในต�ำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพม่ิ เตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมลู ความผิดทางวนิ ัย อย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซ่ือสัตย์ สุจริต และเท่ียงธรรม ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการ ใหเ้ ป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบยี บของทางราชการ มติของคณะรฐั มนตรี นโยบายของรฐั บาล และปฏบิ ัตติ าม ระเบียบแบบแผนทางราชการ ฐานไม่ปฏิบัติหน้าท่ีราชการให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการด้วยความตั้งใจ อตุ สาหะ เอาใจใส่ และรกั ษาประโยชน์ของทางราชการ ฐานปฏบิ ัตหิ รือละเวน้ การปฏิบตั ิหน้าทร่ี าชการโดยมชิ อบ เพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีราชการโดยทุจริต และฐานกระท�ำการอันได้ช่ือว่าเป็นผู้ประพฤติช่ัวอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) (4) การดำ� เนินการ การดำ� เนินการทางวินยั ส่งรายงาน สำ� นวนการไตส่ วน เอกสารหลักฐาน และค�ำวินิจฉัย ไปยังผูบ้ ังคบั บญั ชา เพ่ือพจิ ารณาโทษทางวินยั กับนายพนม ศรศลิ ป์ นายวสวัตต์ิ กติ ติธรี ะสิทธ์ิ นางสาวประนอม คงพิกลุ การด�ำเนินการทางอาญา ให้ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และค�ำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพ่ือด�ำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายพนม ศรศลิ ป์ นางสาวประนอม คงพกิ ุล และนายวสวัตต์ิ กติ ติธรี ะสิทธ์ิ ตามฐานความผิดดงั กลา่ ว ตามพระราชบัญญตั ิ ประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) แล้วแตก่ รณี 106 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ

4. เรื่องกล่าวหา นายนพรตั น์ เบญจวัฒนานันท์ เมอ่ื ครั้งดำ� รงตำ� แหน่งผ้อู ำ� นวยการส�ำนกั งานพระพทุ ธศาสนา แหง่ ชาติ นายพนม ศรศลิ ป์ เม่ือครัง้ ดำ� รงต�ำแหน่งผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ นายเฉลิมพล มีศิลารัตน์ เม่ือคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการกองพุทธศาสนสถาน ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นางสาวประนอม คงพิกุล เมอื่ ครงั้ ด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการกองพุทธศาสนสถาน ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ เม่ือครั้งด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนสงเคราะห์ ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และนางปิ่นปัก ชูบุญ นักวิชาการศาสนาช�ำนาญการ ส�ำนักงานพระพุทธ ศาสนาแห่งชาติ กรณีทุจริตโดยอาศัยอ�ำนาจหน้าท่ีของตนเรียกรับผลประโยชน์ส�ำหรับตนเองและผู้อื่นและ เบียดบังงบประมาณเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด ประจ�ำปีงบประมาณ 2556 ถงึ ปงี บประมาณ 2558 ที่ได้จดั สรรใหแ้ ก่วดั บางระกำ� ตำ� บลบางระกำ� อำ� เภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ตชิ ้มี ูลความผิด เมอ่ื วันท่ี 30 เมษายน 2562 พฤติการณ์ ในปีงบประมาณ 2556 และปีงบประมาณ 2557 ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในขณะนั้น ได้อนุมัติเบิกจ่ายเงิน อุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์และการพัฒนาวัดให้แก่วัดบางระก�ำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปจ�ำนวนทั้งสิ้น 6 ครั้ง รวมเป็นเงนิ ท้งั สิน้ จ�ำนวน 5,600,000 บาท โดยไมม่ คี �ำขอรับเงินอดุ หนนุ ดงั กล่าวจากวัดบางระก�ำ และ ได้ร่วมกับนายเฉลิมพล มีศิลารัตน์ นางสาวประนอม คงพิกุล และนายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธ์ิ จัดท�ำบันทึก การขออนุมัติการใช้เงินประจ�ำงวด พร้อมแนบบัญชีรายละเอียดการใช้เงินประจ�ำงวด ให้แก่วัดบางระก�ำ และจัดท�ำเอกสารรายงานการประชุมพิจารณาของคณะท�ำงานพิจารณาการขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด โดยไม่มีการประชุมพิจารณาของคณะท�ำงานพิจารณาการขอรับ การสนับสนุนงบประมาณเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัดแต่อย่างไร อันเป็นการอนุมัติเงินอุดหนุน การบูรณปฏิสังขรณ์และการพัฒนาวัดไปโดยไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และเมื่อได้มีการโอนเงินอุดหนุนดังกล่าวให้แก่วัดบางระก�ำแล้ว ปรากฏว่านายวสวัตต์ิ กิตติธีระสิทธ์ิ และนางปิ่นปัก ชูบุญ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ส�ำนักงานพระพุทธศาสนา ได้ร่วมกันเรียกรับเงินอุดหนุนดังกล่าว จากวัดบางระกำ� คนื บางสว่ น รวมเป็นเงินจำ� นวนท้งั ส้นิ 3,805,000 บาท ทั้งทไ่ี ม่มีกฎหมายใหอ้ �ำนาจแกเ่ จ้าหนา้ ท่ี ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในการเรียกรับเงินดังกล่าวคืนได้แต่อย่างใด ต่อมาในปีงบประมาณ 2558 ส�ำนกั งานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ นายพนม ศรศลิ ป์ ได้อนุมตั เิ งินอดุ หนนุ การบูรณปฏิสงั ขรณ์และการพัฒนาวัด ให้แก่วัดบางระกำ� จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา เป็นเงนิ จำ� นวน 4,000,000 บาท ไปโดยไมถ่ กู ต้องตามหลกั เกณฑ์ ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เน่ืองจากไม่มีค�ำขอรับเงินอุดหนุนดังกล่าวจากวัดบางระก�ำแต่อย่างใด และเม่ือได้มีการโอนเงินอุดหนุนดังกล่าวให้แก่วัดบางระก�ำแล้ว ปรากฏว่านายวสวัตต์ิ กิตติธีระสิทธ์ิ ได้เรียกรับ เงนิ อุดหนุนดงั กล่าวจาก วัดบางระก�ำคนื บางส่วน เปน็ จำ� นวนเงนิ 2,500,000 บาท ทั้งท่ไี มม่ ีกฎหมายใหอ้ ำ� นาจ แกเ่ จ้าหน้าท่สี ำ� นักงานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาตใิ นการเรยี กรับเงนิ ดังกลา่ วคืนไดแ้ ต่อยา่ งใด มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. การทจุ รติ ในปงี บประมาณ 2556 1.1 กรณีการอนุมัติเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดให้แก่วัดบางระก�ำ เมื่อวันท่ี 8 กุมภาพนั ธ์ 2556 1) การกระท�ำของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 และตามพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพมิ่ เติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 107

พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมีมลู ความผิดทางวินัยอย่างรา้ ยแรง ตามพระราชบัญญัตริ ะเบยี บข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) (4) 2) การกระท�ำของนายเฉลมิ พล มีศิลารัตน์ ผ้ถู กู กล่าวหาท่ี 3 และนายวสวตั ต์ิ กิตตธิ รี ะสทิ ธ์ิ ผ้ถู กู กลา่ วหาท่ี 5 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) และตามพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) (4) 3) การกระท�ำของนางปิ่นปัก ชบู ญุ ผถู้ ูกกล่าวหาท่ี 6 มมี ูลความผิดทางอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และตามพระราชบญั ญตั ิประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย การป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมมี ูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบญั ญตั ิ ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 85 (4) ประกอบระเบียบส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่าด้วยพนกั งานศาสนการ พ.ศ. 2553 ขอ้ 28 1.2 กรณีการอนุมัติเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดให้แก่วัดบางระก�ำ เมื่อวันท่ี 10 เมษายน 2556 1) การกระท�ำของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 และตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมมี ูลความผดิ ทางวินยั อยา่ งร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบยี บข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) (4) 2) การกระท�ำของนายเฉลมิ พล มีศลิ ารัตน์ ผถู้ กู กล่าวหาที่ 3 และนายวสวตั ต์ิ กติ ติธรี ะสิทธิ์ ผู้ถกู กล่าวหาที่ 5 มมี ูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมมี ลู ความผดิ วินยั อย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) (3) ประกอบ มาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) (4) 3) การกระทำ� ของนางป่นิ ปัก ชูบุญ ผู้ถูกกลา่ วหาท่ี 6 มีมูลความผดิ ทางอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และตามพระราชบัญญัตปิ ระกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2561 มาตรา 85 (4) ประกอบระเบียบส�ำนักงาน พระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาตวิ า่ ด้วยพนกั งานศาสนการ พ.ศ. 2553 ข้อ 28 108 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ

1.3 กรณีการอนุมัตเิ งนิ อดุ หนุนบรู ณปฏสิ งั ขรณ์วดั และการพัฒนาวัดใหแ้ กว่ ัดบางระก�ำ เมอื่ วันท่ี 20 สิงหาคม 2556 1) การกระท�ำของนายนพรตั น์ เบญจวฒั นานันท์ ผู้ถูกกลา่ วหาที่ 1 นางสาวประนอม คงพิกุล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และนายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 5 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 และตามพระราชบัญญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมีมลู ความผิดทางวนิ ยั อย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญตั ิระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2561 มาตรา 82 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) (4) 2) การกระท�ำของนางป่ินปกั ชูบญุ ผู้ถกู กล่าวหาท่ี 6 มมี ลู ความผดิ ทางอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และตามพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพมิ่ เติม (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมีมลู ความผดิ วนิ ยั อยา่ งร้ายแรง ตามพระราชบญั ญตั ิ ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 85 (4) ประกอบระเบียบส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ วา่ ด้วยพนกั งานศาสนการ พ.ศ. 2553 ขอ้ 28 2. การทจุ รติ ในปีงบประมาณ 2557 2.1 กรณีการอนุมัติเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดให้แก่วัดบางระก�ำ เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2557 (ครั้งท่ีส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติโอนเงินเข้าบัญชีวัดบางระก�ำ เมอื่ วันท่ี 13 มกราคม 2557) 1) การกระทำ� ของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้ถกู กลา่ วหาท่ี 1 นางสาวประนอม คงพกิ ุล ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 4 และนายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธ์ิ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 และตามพระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมมี ลู ความผดิ ทางวนิ ัยอยา่ งรา้ ยแรง ตามพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) (4) 2) การกระท�ำของนางปนิ่ ปัก ชบู ุญ ผถู้ กู กล่าวหาท่ี 6 มมี ลู ความผดิ ทางอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมมี ลู ความผิดวินัยอยา่ งร้ายแรง ตามพระราชบัญญตั ิ ระเบียบข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 มาตรา 85 (4) ประกอบระเบยี บสำ� นักงานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาตวิ ่าด้วย พนกั งานศาสนการ พ.ศ. 2553 ข้อ 28 2.2 กรณีการอนุมัติเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดให้แก่วัดบางระก�ำ เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2557 (ครั้งท่ีส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โอนเงินเข้าบัญชีวัดบางระก�ำ เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2557) การกระท�ำของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 1 นางสาวประนอม คงพิกุล ผูถ้ กู กลา่ วหาท่ี 4 และนายวสวตั ติ์ กิตตธิ รี ะสิทธิ์ ผูถ้ กู กลา่ วหาที่ 5 มมี ูลความผดิ ทางอาญา ตามประมวลกฎหมาย รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ 109

อาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 และตามพระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบญั ญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมีมูลความผิด ทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) (4) 2.3 กรณีการอนุมัติเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดให้แก่วัดบางระก�ำ เมือ่ วนั ที่ 19 สิงหาคม 2557 การกระท�ำของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 1 นางสาวประนอม คงพิกุล ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 4 และนายวสวัตต์ิ กิตติธีระสิทธ์ิ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151และมาตรา 157 และตามพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 ประกอบ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมีมลู ความผดิ ทางวนิ ัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัตริ ะเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) (4) 3. การทจุ รติ ในปีงบประมาณ 2558 การกระท�ำของนายพนม ศรศิลป์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นางสาวประนอม คงพิกุล ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 4 และนายวสวตั ติ์ กติ ติธรี ะสทิ ธิ์ ผ้ถู ูกกลา่ วหาที่ 5 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทจุ ริต พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัตปิ ระกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมีมูลความผิดทางวินัย อย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 82 (1) (2) (3) ประกอบ มาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) (4) การดำ� เนนิ การ การด�ำเนินการทางวินัย ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และค�ำวินิจฉัย ไปยัง ผู้บังคับบัญชาเพื่อด�ำเนินการทางวินัย กับนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 1 นายพนม ศรศิลป์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 2 นายเฉลิมพล มีศิลารัตน์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 3 นางสาวประนอม คงพิกุล ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 4 นายวสวตั ต์ิ กิตตธิ ีระสทิ ธ์ิ ผ้ถู กู กล่าวหาที่ 5 และนางป่ินปัก ชูบุญ ผถู้ กู กลา่ วหาท่ี 6 ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) (2) แลว้ แตก่ รณี การด�ำเนินการทางอาญา ให้ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และค�ำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพ่ือด�ำเนินคดีอาญาในศาลซ่ึงมีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้ถกู กล่าวหาที่ 1 นายพนม ศรศิลป์ ผู้ถกู กลา่ วหาท่ี 2 นายเฉลิมพล มศี ลิ ารัตน์ ผู้ถกู กล่าวหาท่ี 3 นางสาวประนอม คงพกิ ุล ผถู้ ูกกลา่ วหาที่ 4 นายวสวัตต์ิ กติ ตธิ รี ะสทิ ธิ์ ผถู้ กู กล่าวหาที่ 5 และนางป่ินปกั ชบู ญุ ผู้ถกู กล่าวหาที่ 6 110 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ

5. เรอื่ งกล่าวหา นายนพรตั น์ เบญจวัฒนานนั ท์ เมือ่ ครัง้ ด�ำรงตำ� แหน่งผอู้ ำ� นวยการสำ� นักงานพระพทุ ธศาสนา แห่งชาติกับพวก รวม 8 คน กรณีทุจริตโครงการเงินอุดหนุนการด�ำเนินงานหน่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา ประจ�ำปีงบประมาณ 2555 และทุจริตโครงการเงินอุดหนุนการจัดกิจกรรมวันส�ำคัญทางพระพุทธศาสนา ประจ�ำปีงบประมาณ 2558 ท่ีได้จัดสรรใหแ้ ก่วัดไรข่ งิ ต�ำบลไรข่ งิ อำ� เภอสามพราน จงั หวดั นครปฐม คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชีม้ ลู ความผิด เมื่อวนั ที่ 17 เมษายน 2562 พฤตกิ ารณ์ ข้อกล่าวหาท่ี 1 เมื่อปีงบประมาณ 2555 ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้อนุมัติงบประมาณ โครงการเงินอุดหนุนการด�ำเนินงานหน่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา ประจ�ำปีงบประมาณ 2555 เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ในการจัดกิจกรรมมอบพัดและเกียรติบัตรหน่วยอบรมประชาชนประจ�ำต�ำบลดีเด่น ประจ�ำปี 2555 จ�ำนวน 3,291,200 บาท (สามล้านสองแสนเก้าหม่ืนหน่ึงพันสองร้อยบาทถ้วน) ให้แก่วัดไร่ขิง ต�ำบลไร่ขิง อ�ำเภอสามพราน จังหวดั นครปฐม และให้วัดไร่ขิงโอนเงนิ จำ� นวนดังกลา่ วเข้าบญั ชีเงนิ ฝากธนาคารกรงุ ไทย จ�ำกัด (มหาชน) สาขามหาวทิ ยาลยั มหิดล เลขท่ีบัญชี 959 - 0 - 03631 - 7 ของผ้ถู กู กล่าวหาท่ี 7 แลว้ น�ำเงินไปเป็น ประโยชน์สำ� หรับตนเองหรอื ผอู้ ่ืนโดยทุจรติ ข้อกล่าวหาที่ 2 เม่ือปีงบประมาณ 2558 ส�ำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้อนุมัติโครงการ เงินอดุ หนุนการจัดงานวันสำ� คัญทางพระพทุ ธศาสนา ประจ�ำปีงบประมาณ 2558 เพ่อื เปน็ ค่าใชจ้ ่ายในการจัดกิจกรรม ส่งเสริมการเผยแผ่หลักธรรมค�ำสอนทางพระพุทธศาสนาในวันวิสาขบูชาให้แก่วัดไร่ขิง ต�ำบลไร่ขิง อ�ำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โดยผู้ถูกกล่าวหาท่ี 3 ได้แจ้งแก่วัดไร่ขิงว่าจะได้รับเงินอุดหนุน จ�ำนวน 10,000,000 บาท (สิบล้านบาทถ้วน) แต่วัดไร่ขิงจะได้รับจริงจ�ำนวน 6,000,000 บาท (หกล้านบาทถ้วน) ส่วนเงินอีกจ�ำนวน 4,000,000 บาท (ส่ีล้านบาทถ้วน) ให้น�ำไปมอบให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ได้น�ำเงินไปเป็น ประโยชน์สำ� หรับตนเอง หรือผูอ้ นื่ โดยทจุ ริต มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ข้อกล่าวหาที่ 1 กรณีทุจริตโครงการเงินอุดหนุนการด�ำเนินงานหน่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา ประจ�ำ ปีงบประมาณ 2555 ให้แก่วัดไร่ขิง ต�ำบลไร่ขิง อ�ำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม จ�ำนวน 3,291,200 บาท (สามล้านสองแสนเกา้ หมืน่ หนง่ึ พนั สองรอ้ ยบาทถ้วน) การกระทำ� ของนายนพรัตน์ เบญจวฒั นานนั ท์ ผ้ถู กู กล่าวหาที่ 1 นายพนม ศรศลิ ป์ ผถู้ ูกกลา่ วหาท่ี 2 และนายพฒั นา สุอ�ำมาตยม์ นตรี ผถู้ ูกกลา่ วหาที่ 8 มีมลู ความผดิ ทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนกั งานมีหนา้ ที่ ซือ้ ทำ� จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์น้ันเป็นของตนหรือเป็นของผู้อ่ืนโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่น เอาทรัพย์นั้นเสีย ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าท่ีซื้อ ท�ำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่ง โดยทจุ ริต อนั เปน็ การเสยี หายแกร่ ฐั เทศบาล สขุ าภิบาล หรอื เจา้ ของทรพั ย์นัน้ และฐานเปน็ เจา้ พนักงานปฏบิ ตั ิ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 90 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าท่ีราชการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเทย่ี งธรรม ฐานไมป่ ฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีราชการใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มตขิ องคณะรฐั มนตรี นโยบายของรัฐบาล และปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการฐานไม่ปฏิบัติหน้าท่ีราชการให้เกิดผลดี หรือความก้าวหน้าแกร่ าชการดว้ ยความตัง้ ใจ อุตสาหะ เอาใจใส่ และรักษาประโยชน์ของทางราชการ ฐานปฏบิ ัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย อย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีราชการโดยทุจริต และฐานกระท�ำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติช่ัวอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) (4) รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 111

การกระท�ำของนายวิโรจน์ อุ่นทรัพย์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 4 และนายแก้ว ชิดตะขบ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 7 มมี ลู ความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจา้ พนกั งาน ปฏิบตั หิ รอื ละเว้นการปฏิบัตหิ นา้ ทโี่ ดยมิชอบ เพอื่ ใหเ้ กิดความเสยี หาย แกผ่ ้หู นงึ่ ผูใ้ ด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีมูลความผดิ ทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานไม่ปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล และปฏบิ ตั ิตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ อันเป็นเหตใุ หเ้ สียหายแก่ราชการอย่างรา้ ยแรง และฐานปฏบิ ตั ิ หรือละเวน้ การปฏิบตั หิ นา้ ทร่ี าชการโดยมชิ อบเพ่อื ใหเ้ กดิ ความเสียหายอย่างร้ายแรง แกผ่ ู้หน่ึงผูใ้ ด ตามพระราชบญั ญตั ิ ระเบียบขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) ขอ้ กลา่ วหาที่ 2 กรณที จุ ริตงบประมาณโครงการเงนิ อดุ หนนุ การจัดงานวันสำ� คญั ทางพระพุทธศาสนา ประจำ� ปงี บประมาณ 2558 ใหแ้ กว่ ดั ไร่ขิง จำ� นวน 10,000,000 บาท (สบิ ล้านบาทถ้วน) การกระท�ำของนายพนม ศรศิลป์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 2 นางสาวประนอม คงพิกุล ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 3 และนายพัฒนา สอุ �ำมาตยม์ นตรี ผ้ถู กู กลา่ วหาที่ 8 มีมลู ความผดิ ทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มหี นา้ ที่ ซื้อ ทำ� จดั การ หรอื รกั ษาทรพั ยใ์ ด เบยี ดบังทรัพย์นนั้ เป็นของตน หรอื เปน็ ของผู้อื่น โดยทุจรติ หรือโดยทจุ รติ ยอมใหผ้ ูอ้ ื่น เอาทรัพย์นั้นเสีย ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ท�ำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่ง โดยทจุ ริต อนั เป็นการเสียหายแกร่ ัฐ เทศบาล สุขาภบิ าล หรือเจ้าของทรพั ยน์ ัน้ ฐานเปน็ เจ้าพนักงาน ปฏบิ ตั ิหรอื ละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ี โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ท�ำเอกสารรับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสารกระท�ำการ รับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระท�ำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระท�ำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐานซ่ึงข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 มาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 90 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการ ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเท่ียงธรรม ฐานไมป่ ฏบิ ตั หิ นา้ ที่ราชการใหเ้ ป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบยี บของทางราชการ มตขิ องคณะรัฐมนตรี นโยบาย ของรัฐบาล และปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ ฐานไม่ปฏิบัติหน้าท่ีราชการให้เกิดผลดีหรือความ ก้าวหน้าแก่ราชการด้วยความต้ังใจ อุตสาหะ เอาใจใส่ และรกั ษาประโยชน์ของทางราชการ อันเปน็ เหตุใหเ้ สียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีราชการโดยมิชอบเพ่ือให้เกิดความเสียหาย อย่างร้ายแรงแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีราชการโดยทุจริต และฐานกระท�ำการ อันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา มาตรา 85 (1) (4) การกระทำ� ของนายประสงค์ จกั รคำ� ผู้ถูกกลา่ วหาท่ี 5 และนายณรงค์เดช ชัยเนตร ผู้ถูกกลา่ วหาที่ 6 มีมลู ความผดิ ทางอาญา ฐานเปน็ เจา้ พนักงาน ปฏบิ ัติหรอื ละเวน้ การปฏิบัติหนา้ ที่โดยมิชอบ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเสยี หาย แก่ผู้หน่งึ ผู้ใด และฐานเปน็ เจา้ พนกั งาน มหี นา้ ทที่ ำ� เอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกขอ้ ความลงในเอกสาร กระทำ� การรบั รองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระท�ำการอย่างใดขึน้ หรอื ว่าการอยา่ งใด ได้กระท�ำตอ่ หนา้ ตนอนั เป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐานซ่ึงข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริง อันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 90 และมมี ลู ความผดิ ทางวนิ ัย อย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของ ทางราชการ มติของ คณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล และปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ ราชการอย่างร้ายแรง และฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย อย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) 112 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ

การดำ� เนินการ การด�ำเนนิ การทางวินยั ส่งรายงาน สำ� นวนการไต่สวน เอกสารหลกั ฐาน และค�ำวนิ ิจฉัย ไปยังผู้บงั คบั บัญชา เพือ่ ดำ� เนนิ การทางวินัย กับนายนพรัตน์ เบญจวฒั นานนั ท์ ผู้ถกู กลา่ วหาท่ี 1 นายพนม ศรศิลป์ ผถู้ กู กลา่ วหาท่ี 2 นางสาวประนอม คงพิกุล ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 3 นายวิโรจน์ อุ่นทรัพย์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 4 นายประสงค์ จักรค�ำ ผูถ้ กู กล่าวหาที่ 5 นายณรงคเ์ ดช ชยั เนตร ผถู้ ูกกลา่ วหาท่ี 6 นายแก้ว ชดิ ตะขบ ผถู้ กู กลา่ วหาท่ี 7 และนายพัฒนา สุอ�ำมาตย์มนตรี ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 8 ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) และ (2) แล้วแต่กรณี การด�ำเนินการทางอาญา ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำ� วินจิ ฉัยไปยังอัยการสงู สุด เพ่อื ด�ำเนนิ คดอี าญาในศาลซึง่ มเี ขตอำ� นาจพจิ ารณาพพิ ากษาคดี 6. เรื่องกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวง ศกึ ษาธิการ กระทำ� ความผิดฐานทุจรติ ต่อหนา้ ที่ กระท�ำความผดิ ตอ่ ต�ำแหนง่ หนา้ ทรี่ าชการ หรอื กระทำ� ความผดิ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 กรณีก่อสร้าง สนามฟุตซอลในโรงเรียนเขตพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จ�ำนวน 92 ราย (เฉพาะส�ำนวน การไต่สวนข้อเท็จจริง ของส�ำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2) จ�ำนวน 24 รายคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชม้ี ูลความผิด เม่ือวนั ที่ 22 กรกฎาคม 2562 พฤติการณ์ จากการไต่สวนข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้ถูกกล่าวหาซึ่งประกอบด้วยผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทาง การเมอื ง ข้าราชการระดบั สงู และกลุ่มเอกชน มีพฤติการณ์แห่งการกระท�ำอันเขา้ ลักษณะเป็นการทุจรติ เชงิ นโยบาย และเป็นตัวการร่วมกันในลักษณะการแบ่งหน้าที่กันท�ำตามบทบาทท่ีแต่ละคนมีหน้าท่ีและอ�ำนาจ และเป็น การสนับสนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการกระท�ำความผิด โดยผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง เจ้าหน้าท่ีของรัฐ และเอกชนร่วมด�ำเนนิ การอย่างเป็นระบบและเป็นขบวนการ โดยไม่มีอ�ำนาจตามกฎหมาย ต้ังแตก่ ารจัดสรรงบประมาณ รายจ่ายงบประมาณปี พ.ศ. 2555 (งบแปรญัตติ) ให้กับส�ำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดอ่ืน วงเงินประมาณ 4,459,420,000 บาท ใน 2 โครงการหลัก ได้แก่ การปรับปรุงห้องสมุด (ห้องสมุดอัจฉริยะ) และปรับปรุงสนามกีฬาพร้อมอุปกรณ์ (สนามฟุตซอล) รวมถึงมีการวางแผนในการทุจริต ในกระบวนการจัดซื้อจดั จ้างงานปรบั ปรุงสนามกีฬาพร้อมอุปกรณ์ (สนามฟุตซอล) อีกหลายประการ นอกจากนี้ การก่อสร้างสนามกีฬาฟุตซอลยังไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงตามวัตถุประสงค์ กล่าวคือ มีลักษณะ เป็นขบวนการทุจริต และเป็นตัวการร่วมกันในลักษณะการแบ่งหน้าท่ีกันท�ำตามบทบาทที่แต่ละคน มีหน้าท่ี และอ�ำนาจ และเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการกระท�ำความผิดเก่ียวกับการจัดสรรงบประมาณ โดยทุจรติ โดยผถู้ ูกกล่าวหาทเ่ี ป็นเจ้าหน้าทข่ี องรฐั และผูด้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมือง ซ่ึงมีต�ำแหนง่ หนา้ ท่ีราชการ และมีอำ� นาจตามกฎหมาย ในการเสนอค�ำของบประมาณแผน่ ดิน ไดร้ ่วมกันวางแผนเปน็ ขัน้ ตอนโดยแบง่ หน้าท่กี ันทำ� รับฟังโดยสรุปได้ว่า เมื่อปีงบประมาณ 2555 ในช่วงที่มีการจัดท�ำค�ำของบประมาณ นายวิรัช รัตนเศรษฐ นางทัศนยี า รัตนเศรษฐ สมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎร ในขณะน้นั และนางทศั นาพร เกษเมธกี ารุณ นายกเทศมนตรี ต�ำบลห้วยแถลงขณะนั้น ซึ่งเป็นน้องนางสาวทัศนียา รัตนเศรษฐ ได้ส่ังการให้พวกของตน เข้าไปประสานกับ ผู้อ�ำนวยการโรงเรียนต่าง ๆ ในสังกัดส�ำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2 เพ่ือจัดสรร งบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลให้ โดยเข้าไปครอบง�ำ บงการการใช้จ่ายงบประมาณในวงเงินดังกล่าว โดยปราศจากอ�ำนาจตามกฎหมาย และเป็นการต้องห้ามตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช 2550 มาตรา 168 รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 113

เริม่ ต้งั แต่การจัดท�ำงบประมาณ นายชนิ ภัทร ภูมริ ัตน ในฐานะหัวหนา้ หน่วยงานได้จดั ทำ� ค�ำขอเพิ่มเติม งบประมาณในรายการท่ี 4 จำ� นวน 7,000,000,000 ล้านบาท โดยท่ไี มม่ รี ายละเอยี ดว่าจะใชก้ ่อสร้างสนามกฬี าทใี่ ด อย่างไร ในวงเงินเท่าใด เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้มีการพิจารณาอนุมัติเพ่ิมเติมเงินงบประมาณและให้นายวิรัช รัตนเศรษฐ ผู้ประสานงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น เข้าไปแทรกแซงการใช้จ่ายงบประมาณตาม ความต้องการ โดยร่วมมือกับข้าราชการประจ�ำโดยไม่มีการควบคุม ซึ่งต่อมาส�ำนักงบประมาณได้จัดท�ำบันทึก เสนอต่อนายกรฐั มนตรีเพือ่ น�ำเสนอท่ีประชุมคณะรัฐมนตรใี ห้ความเห็นชอบ และคณะกรรมาธกิ ารฯ ไดพ้ ิจารณา เพม่ิ เติมงบประมาณในสว่ นนี้ ตามคำ� ขอแปรญตั ติเปน็ เงนิ ทัง้ สนิ้ 4,459,420,000 บาท ซ่งึ เปน็ ยอดที่ไปปรากฏอยู่ ในพระราชบญั ญัติงบประมาณรายจา่ ยประจ�ำปงี บประมาณ 2555 โดยนายประยงค์ ตงั้ เจริญ เป็นผู้นำ� ใบโควตา ไปมอบให้กับผู้ประสานงานของ สพฐ. เพื่อใช้ควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณให้ตรงตามความต้องการของสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรที่มสี ว่ นไดร้ ับการจดั สรรในครง้ั นี้ ในส่วนของการประสานงานกบั โรงเรียนทนี่ ายวริ ัช รัตนเศรษฐ ต้องการจะจดั สรรงบประมาณให้ นายวิรชั ได้ส่ังการให้คนสนิทของตน เข้าไปประสานกับโรงเรียนในพ้ืนที่ เมื่อได้รายช่ือโรงเรียนนายวิรัชสั่งให้คนของตน อีกคนหนึ่งน�ำรายชื่อโรงเรียนไปให้กับผู้ประสานงานงบแปรญัตติของ สพฐ. โดยได้มีการประสานให้รู้จักกัน ก่อนหนา้ น้ีแล้ว ภายหลังจากที่ได้รับการประสานรายชื่อแล้ว ประสานงานงบแปรญัตติของ สพฐ. ก็จะน�ำรายชื่อ โรงเรียนต่าง ๆ ดังกลา่ ว มาตรวจสอบกับใบโควตาไม่ให้เกินกรอบวงเงินทไ่ี ดร้ ับ จากน้นั ไดท้ ำ� บนั ทกึ เสนอผู้บงั คบั บญั ชา ตามล�ำดับช้ันจนถึงนายชินภัทร ภูมิรัตน เพื่อลงนามในหนังสือจัดสรรงบประมาณปี 2555 พร้อมแนบรายช่ือ โรงเรยี นท่ีได้รับประสานมานนั้ ไปด้วย แลว้ สง่ ไปยังส�ำนกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษาทุกเขต ในขณะเดยี วกนั ก็แจ้งไป ยังส�ำนกั การคลังและสนิ ทรัพย์ เพอื่ โอนงบประมาณในสว่ นน้ีไปให้ เป็นจำ� นวนเงนิ ทั้งสน้ิ 295 ลา้ บบาท หลังจากที่นายชินภัทร ภูมิรัตน ได้แจ้งจัดสรรงบประมาณ พร้อมแนบรายชื่อโรงเรียนมาให้ตาม ความประสงค์ของนายวิรัช รัตนเศรษฐ นายวิรัช ได้สั่งการให้คนสนิทของตน ซ่ึงเป็นผู้ประสานงานตั้งแต่ต้น พรอ้ มกับนางสาวเบญจพนั ธ์ บญุ บงการ หรอื เอ๋ ซง่ึ เป็นตวั แทนของบริษทั ทจี่ ะเข้ามาเปน็ คูส่ ัญญา เขา้ มาประสาน งานในพื้นที่ร่วมกับผู้อ�ำนวยการโรงเรียนต่าง ๆ ท่ีได้รับการจัดสรรงบประมาณ เพื่ออธิบายรายละเอียด วิธีการ และขั้นตอน ในการจัดซื้อจัดจ้างท้ังหมด เพื่อให้โรงเรียนต่าง ๆ ไปด�ำเนินการตามท่ีได้ตระเตรียมไว้ โดยมี การนัดหมายกันหลายแห่ง และมีผู้อ�ำนวยการเขตพ้ืนท่ีเป็นผู้ช่วยเหลือประสานงานแจ้งให้โรงเรียนต่าง ๆ ทราบ และเข้าร่วมประชุม โดยในการอธิบายแผนการในคร้ังน้ีได้มีการแจกแผ่นซีดี (CD) ท่ีระบุข้อมูลในการจัดท�ำทุกขั้นตอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอกสารในการจัดท�ำโครงการ TOR ผู้ให้บริการตลาดกลาง และปฏิทินงาน เป็นต้น ซง่ึ มกี ารก�ำหนดคุณลักษณะอนั เป็นการกีดกันผคู้ า้ รายอื่นมิใหร้ ว่ มในการเสนอราคาเพือ่ หลกี เลยี่ งการแขง่ ขันราคา อย่างเป็นธรรม โดยก�ำหนดให้มีหนังสือแบบเรียนซ่ึงมิใช่วัสดุท่ีเกี่ยวข้องกับการจัดท�ำสนามฟุตซอลแต่อย่างใด เข้ามาเป็นส่วนหน่ึงของเอกสารประกวดราคาด้วย นอกจากนี้ ได้มีการส่งมอบเอกสารบางส่วนใส่ในซองสีน�้ำตาล มีข้อความว่า FS2500 และ FS5000 ด้วย พร้อมระบุช่ือของโรงเรียนท่ีได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้ด้วย และได้มีการก�ำหนดให้ใช้บริการตลาดกลางไว้ล่วงหน้า และมีการก�ำหนดวันในการเสนอราคาในวันเดียวกัน แยกเป็นรายเขต เพ่ือความสะดวกและมิให้ล่วงรู้ราคาที่แท้จริงท่ีมีการประมูลได้ เพ่ือป้องกันมิให้คู่ค้ารายอ่ืนเข้าร่วม การประมลู อกี ทางหนงึ่ ในสว่ นของการลงระบบ EGP ของกรมบัญชีกลาง หากโรงเรยี นใดไมส่ ามารถดำ� เนินการได้ ได้มีการให้เบอร์โทรศัพท์ และE-mail ในการรับส่งข้อมูลเพ่ือด�ำเนินการให้ และในการด�ำเนินการจัดซ้ือจัดจ้าง ปรากฏจากหลักฐานวา่ บริษัทท่ีชนะการประกวดราคาจะเสนอราคาต่�ำกว่างบประมาณทตี่ ง้ั ไวจ้ �ำนวน 500 บาท เกอื บทกุ โรงเรียน 114 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ

มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. กลุ่มผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง และตัวแทน จ�ำนวน 6 ราย ได้แก่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ (ผู้ถกู กลา่ วหาท่ี 99) และนางทัศนียา รตั นเศรษฐ (ผ้ถู กู กลา่ วหาท่ี 120) มีมลู ความผิดทางอาญา ฐานเปน็ เจา้ หนา้ ที่ ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในต�ำแหน่งหรือหน้าท่ี หรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริตฐานตกลงร่วมกัน ในการเสนอราคา เพ่ือวัตถุประสงค์ท่ีจะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หน่ึงเป็นผู้มีสิทธิท�ำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยหลีกเล่ียงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเก่ียวกับการเสนอราคา ต่อหนว่ ยงานของรฐั พ.ศ. 2542 นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 121) ฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้น การปฏบิ ัตอิ ย่างใดในตำ� แหน่งหรอื หนา้ ที่ หรอื ใชอ้ �ำนาจในตำ� แหน่งหรือหน้าทโี่ ดยมชิ อบ เพ่ือใหเ้ กิดความเสียหาย แกผ่ หู้ น่ึงผใู้ ด หรอื ปฏบิ ตั ิหรือละเวน้ การปฏิบัติหนา้ ท่ีโดยทจุ ริต นายสัมฤทธ์ิ ปล่ังกลาง (ผ้ถู กู กล่าวหาที่ 100) มีมลู ความผิดทางอาญา ฐานสนับสนุนเจา้ หนา้ ทข่ี องรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในต�ำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหรือหน้าท่ีโดยมิชอบ เพ่ือใหเ้ กิดความเสียหายแก่ผหู้ นง่ึ ผ้ใู ด หรอื ปฏิบัตหิ รือละเว้นการปฏบิ ัตหิ นา้ ที่โดยทุจริต ฐานสนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหนา้ ทีซ่ อื้ ท�ำ จัดการหรือรกั ษาทรัพยใ์ ด ๆ ใชอ้ ำ� นาจในตำ� แหนง่ โดยทจุ รติ อนั เปน็ การเสยี หายแก่รัฐ และฐานสนับสนนุ เจ้าพนกั งานปฏิบตั ิ หรือละเวน้ การปฏบิ ตั หิ นา้ ทีโ่ ดยมิชอบ เพอื่ ให้เกิด ความเสยี หายแกผ่ หู้ นง่ึ ผู้ใด หรอื ปฏบิ ตั ิหรือละเวน้ การปฏบิ ัตหิ นา้ ท่โี ดยทจุ รติ ฐานตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อวัตถุประสงค์ที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หน่ึงเป็นผู้มีสิทธิ ท�ำสญั ญากบั หน่วยงานของรฐั โดยหลกี เล่ียงการแขง่ ขนั ราคาอย่างเป็นธรรม ตามพระราชบัญญตั ิวา่ ด้วยความผิด เก่ียวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 นายประภัสร์ ลิมานันท์ (ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 117) มีมูลความผิดทางอาญาฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในต�ำแหน่งหรือหน้าท่ี หรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และมีมูลความผิด ทางวนิ ยั อย่างรา้ ยแรง นางสาวกลุ ธิดา วีรตานนท์ (ผูถ้ ูกกลา่ วหาท่ี 118) มีมูลความผดิ ทางอาญา ฐานสนับสนนุ เจา้ หน้าทขี่ อง รัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในต�ำแหน่งหรือหน้าท่ี หรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหรือหน้าที่ โดยมิชอบ เพอ่ื ให้เกิดความเสียหายแกผ่ ู้หน่ึงผ้ใู ด หรือปฏบิ ัตหิ รือละเว้นการปฏิบัติหน้าทโ่ี ดยทุจริต 2. กลุ่มข้าราชการส่วนกลาง จ�ำนวน 3 ราย ได้แก่ นายชินภัทร ภูมิรัตน เม่ือครั้งด�ำรงต�ำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 1) มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงาน มหี นา้ ทีซ่ อ้ื ทำ� จดั การหรือรกั ษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อ�ำนาจในตำ� แหนง่ โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ และฐาน เปน็ เจา้ พนกั งาน ปฏิบตั หิ รอื ละเว้นการปฏบิ ัติหนา้ ท่โี ดยมชิ อบ เพ่อื ให้เกดิ ความเสยี หายแกผ่ ้หู นงึ่ ผใู้ ด หรอื ปฏิบตั ิ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อวัตถุประสงค์ท่ีจะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หน่ึงเป็นผู้มีสิทธิท�ำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยหลีกเลี่ยง การแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และมีมลู ความผดิ ทางวินัยอยา่ งร้ายแรง นายรงั สรรค์ มณีเล็ก เมื่อครัง้ ด�ำรงตำ� แหนง่ ผู้อำ� นวยการสำ� นักนโยบายและแผน สพฐ. (ผถู้ ูกกลา่ วหาที่ 94) มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในต�ำแหน่งหรือหน้าท่ี หรือ ใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่ง หรือหน้าท่ีโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตฐานตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อวัตถุประสงค์ท่ีจะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หน่ึง รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 115

เป็นผู้มีสิทธิท�ำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยหลีกเล่ียงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ตามพระราชบัญญัติว่า ดว้ ยความผิดเกี่ยวกบั การเสนอราคาต่อหนว่ ยงานของรฐั พ.ศ.2542 และมีมลู ความผิดทางวนิ ยั อยา่ งร้ายแรง นายประยงค์ ตง้ั เจริญ เม่อื ครั้งด�ำรงต�ำแหน่งผู้อำ� นวยการส่วนการงบประมาณ ส�ำนักนโยบายและแผน งบประมาณ ส�ำนักงบประมาณ (ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 123) มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในต�ำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหรือหน้าท่ีโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิด ความเสยี หายแก่ผ้หู น่งึ ผูใ้ ด หรอื ปฏิบตั ิหรือละเวน้ การปฏบิ ัตหิ น้าทีโ่ ดยทจุ รติ และมีมลู ความผดิ ทางวนิ ัยอยา่ งร้ายแรง สำ� หรบั ข้าราชการในพ้นื ที่ จำ� นวน 6 ราย คอื นายนิเวศน์ อดุ มรตั น์ เมอ่ื ครัง้ ดำ� รงตำ� แหน่งผูอ้ ำ� นวยการ สำ� นกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษาประถมศึกษา นครราชสีมา เขต 2 (ผูถ้ กู กลา่ วหาท่ี 3) มีมลู ความผดิ ทางอาญาฐานเป็น เจ้าหน้าท่ีของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในต�ำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหรือหน้าท่ี โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็น เจา้ พนกั งาน มีหน้าทซี่ ือ้ ท�ำ จดั การหรือรกั ษาทรัพยใ์ ด ๆ ใชอ้ �ำนาจในต�ำแหนง่ โดยทจุ รติ อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระท�ำความผิดพระราชบัญญัติน้ี หรือกระท�ำการใด ๆ โดยมงุ่ หมายมิให้มกี ารแข่งขนั ราคาอยา่ งเป็นธรรม เพ่อื เอ้ืออำ� นวยแกผ่ เู้ ขา้ ท�ำการเสนอราคา รายใดให้เป็นผู้มีสิทธิท�ำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเก่ียวกับการเสนอราคา ต่อหนว่ ยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และมมี ูลความผิดทางวนิ ยั อยา่ งร้ายแรง และผอู้ ำ� นวยการโรงเรยี น จำ� นวน 5 ราย คือ นายวิโรจน์ เลศิ พงษ์ (ผู้ถกู กลา่ วหาที่ 25) นายอนันต์ สวุ รรณะ (ผูถ้ ูกกลา่ วหาที่ 26) นายทองอนิ ทร์ ไปเจอะ (ผู้ถูกกลา่ วหาท่ี 27) นางสาวพูนพิสมยั เป่ยี มสุวรรณ (ผถู้ ูกกลา่ วหาที่ 28) และนางสาวออ้ ย สงึมรัมย์ (ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 30) มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในต�ำแหน่งหรือหน้าท่ี หรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏบิ ัติหน้าท่โี ดยทจุ รติ ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าท่ีซอื้ ทำ� จัดการหรอื รกั ษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำ� นาจในต�ำแหน่ง โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน มหี นา้ ที่ทำ� เอกสาร รับเอกสาร หรอื กรอกข้อความลงในเอกสาร กระท�ำการรบั รองเป็นหลกั ฐานวา่ ตนไดก้ ระทำ� การ อย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระท�ำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จและรับรองเป็นหลักฐานซ่ึงข้อเท็จจริง อันเอกสารน้ันมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ฐานตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อวัตถุประสงค์ ท่ีจะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หน่ึงเป็นผู้มีสิทธิท�ำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยหลีกเล่ียงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และมีมูลความผิด ทางวินยั อยา่ งรา้ ยแรง 3. กลุ่มเอกชน จำ� นวน 9 ราย คอื นายยี พณชิ ยา (ผ้ถู กู กล่าวหาที่ 102) นางสาวเบญจพันธ์ บุญบงการ (ผูถ้ ูกกล่าวหาท่ี 103) นายวิธวิ สั ส์ ภชู สั สว์ ฒุ กิ ุล (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 105) นายมานสั ชาวนา (ผู้ถกู กล่าวหาท่ี 107) ห้างหุน้ ส่วนจัด เอ็มเอไอ เอ็นเตอรไ์ พรส์ (ผูถ้ กู กลา่ วหาท่ี 87) และบริษัท วอเตอร์ ฮลี แลนด์จ�ำกัด (ผถู้ กู กลา่ วหา ที่ 89) บรษิ ัท สปอร์ต แอนด์ เกม จ�ำกัด (ผู้ถกู กล่าวหาท่ี 92) และนางสาวฐติ ิรัตน์ ทนั หาบรุ ษุ (ผู้ถูกกลา่ วหาที่ 115) นางสาวรัตนา มงคลสกุล (ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 119) มีมูลความผิดทางอาญา ฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในต�ำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหรือหน้าท่ีโดยมิชอบ เพื่อให้เกิด ความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และตามพระราชบัญญัติว่าด้วย ความผดิ เกีย่ วกับการเสนอราคาตอ่ หนว่ ยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ส�ำหรับนายสัจจา ชัยศรี ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 29 ได้ถึงแก่ความตายแล้ว เป็นเหตุให้สิทธิน�ำคดีอาญา มาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (1) และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีอ�ำนาจไต่สวนขอ้ เทจ็ จริงเพอื่ ดำ� เนินการทางวนิ ัยและด�ำเนินคดอี าญาตอ่ ไปได้ ให้จำ� หน่ายคดีออกจากสารบบ 116 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

การดำ� เนนิ การ การดำ� เนนิ การทางวินัย สง่ รายงาน สำ� นวนการไตส่ วน เอกสารหลักฐาน และค�ำวินจิ ฉยั ไปยงั ผู้บังคับบัญชา เพื่อด�ำเนินการทางวินัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 76 และมาตรา 91 (2) แล้วแต่กรณี การด�ำเนินการทางอาญา ให้ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็น พร้อมส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ ไปยังอัยการสูงสุด เพ่ือด�ำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรง ต�ำแหน่งทางการเมือง 7. เร่ืองกล่าวหานายประเสริฐ อินดี นายอ�ำเภอแม่แตง กับพวก กรณีเพ่ิมรายการบุคคลในทะเบียนบ้าน ผู้ไม่มีสัญชาติไทย (ท.ร. 13) โดยมิชอบ และกรณีน�ำรายการบุคคลท่ีไม่มีสัญชาติไทยมาลงรายการ เป็นบุคคลสญั ชาตไิ ทยในทะเบยี นบา้ น (ท.ร. 14) โดยมิชอบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมตชิ มี้ ลู ความผิด เม่ือวนั ท่ี 30 ตลุ าคม 2561 พฤตกิ ารณ์ นายประเสริฐ อินดี กับพวก เพ่ิมรายการบุคคลในทะเบียนบา้ นผไู้ ม่มีสญั ชาตไิ ทย (ท.ร. 13) โดยไมม่ คี ำ� ส่งั ของทางราชการให้สำ� รวจเพิ่มเติม แตผ่ ถู้ ูกกลา่ วหากลบั ส�ำรวจเพิ่มโดยอา้ งว่าตกหลน่ จำ� นวน 6 ราย และน�ำรายการบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยมาลงรายการเป็นบุคคลสัญชาติไทยในทะเบียนบ้าน (ท.ร. 14) โดยน�ำ รายการบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยและไม่มีคุณสมบัติจะได้สัญชาติไทยมาเพ่ิมรายการเป็นบุคคลสัญชาติไทย โดยอ้างว่าเป็นไปตามระเบียบส�ำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการพิจารณาลงรายการสถานะบุคคลในทะเบียนราษฎร ให้แก่บคุ คลบนพนื้ ทีส่ งู พ.ศ. 2543 จำ� นวน 5 ราย มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. การกระทำ� ของนายอุทศิ ขนุ พิลึก ผู้ถกู กล่าวหาท่ี 2 นายอุทัย เพลยั ผถู้ กู กล่าวหาที่ 3 นางพรรณี จันทรเ์ ขยี ว ผถู้ กู กล่าวหาที่ 4 และ นางพิทยาพร เอ่ียมสะอาด ผูถ้ กู กล่าวหาที่ 5 มีมูลความผดิ ทางอาญา ฐานเป็น เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเวน้ การปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีโดยทจุ รติ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานท�ำ ใช้ หรอื แสดงหลกั ฐาน อันเป็นเท็จหรือกระท�ำการเพื่อให้ตนเองหรือผู้อ่ืนมีช่ือหรือมีรายการอย่างหน่ึงอย่างใด ในทะเบียนบ้านหรือ เอกสารการทะเบียนราษฎรอ่นื โดยมิชอบ ตามพระราชบัญญัติการทะเบยี นราษฎร พ.ศ. 2534 มาตรา 50 และ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือ ผู้อื่นได้ประโยชน์ท่ีมิควรได้เป็นการทุจริตต่อหน้าท่ีราชการ และฐานกระท�ำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว อย่างร้ายแรง ตามพระราชบญั ญตั ริ ะเบียบขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2535 มาตรา 82 วรรคสาม และมาตรา 98 วรรคสอง ส�ำหรับนายประเสริฐ อินดี ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 1 เนื่องจากกรมการปกครอง ได้มีค�ำสั่งที่ 806/2552 ลงวนั ท่ี 18 กนั ยายน 2552 ลงโทษไล่นายประเสรฐิ อนิ ดี ออกจากราชการ และภายหลงั ปรากฏวา่ นายประเสริฐ อนิ ดี ได้ถึงแก่ความตายแล้ว สทิ ธินำ� คดอี าญามาฟอ้ งย่อมระงบั ไป ตามประมวลกฎหมาย วิธีพจิ ารณาความอาญา มาตรา 39 (1) และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีอ�ำนาจด�ำเนินการไต่สวนเพื่อด�ำเนินคดีอาญา และด�ำเนินการ ทางวินัยต่อไปได้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 57 จงึ ให้จำ� หนา่ ยคดอี อกจากสารบบ การดำ� เนนิ การ การดำ� เนนิ การทางวินยั สง่ รายงาน สำ� นวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และค�ำวินิจฉยั ไปยงั ผู้บังคบั บัญชา เพ่อื ดำ� เนนิ การทางวินยั รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 117

การด�ำเนินการทางอาญา ให้ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และค�ำวนิ ิจฉยั ไปยงั อยั การสูงสดุ เพอื่ ด�ำเนนิ คดีอาญาในศาลซ่ึงมเี ขตอ�ำนาจพจิ ารณาพิพากษาคดี 8. เร่ืองกล่าวหานายวงศ์ศักด์ิ สวัสดิ์พาณิชย์ เมื่อครั้งด�ำรงต�ำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กับพวก กรณีบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นพนักงานส่วนต�ำบลในเขตจังหวัดราชบุรี และขอใช้บัญชีเพ่ือบรรจุแต่งต้ังนอกเขต จงั หวัดราชบรุ ี ตำ� แหนง่ เจา้ หน้าท่วี ิเคราะหน์ โยบายและแผนระดบั 3 ในรายผู้สอบแขง่ ขันได้ลำ� ดับท่ี 1 ถงึ ล�ำดับที่ 37 ของกล่มุ 1 โดยมิชอบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชีม้ ูลความผิด เม่ือวันที่ 2 ตลุ าคม 2562 พฤติการณ์ นายวงศ์ศักด์ิ สวัสด์ิพาณิชย์ เม่ือครั้งด�ำรงต�ำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี จัดท�ำ เอกสาร อันเป็นเท็จ ใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ที่หมดอายุการขึ้นบัญชีแล้วมาอนุมัติย้อนหลังเพ่ือให้จังหวัดต่าง ๆ ท�ำการบรรจุแต่งตั้ง โดยเรียกรับเงินจากผู้มีช่ือในบัญชีท่ีหมดอายุแล้ว จากการไต่สวนข้อเท็จจริงพบว่า นายบงการ ลิมปะพันธุ์ นายธนน เวชกรกานนท์ นายพิสิษฐ บุญช่วง เมื่อครั้งด�ำรงต�ำแหน่งรองผู้ว่าราชการ จังหวัดราชบุรี นายนเรศ วงศาโรจน์ นายเจริญชัย นพชาติสถิตย์ เมื่อคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งท้องถ่ินจังหวัดราชบุรี นางเยาวลักษณ์ ชมถนอม เม่ือคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งเจ้าหน้าที่การเงิน 5 และนางอัมพร ปันยารชุน เมื่อคร้ัง ด�ำรงต�ำแหน่งนักส่งเสริมการปกครองท้องถ่ินช�ำนาญการ มีส่วนร่วมหรือสนับสนุนในการกระท�ำความผิดกับ นายวงศ์ศักด์ิ สวัสดิ์พาณิชย์ เก่ียวกับกรณี การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นพนักงานส่วนต�ำบลในเขตจังหวัดราชบุรี และการขอใช้บัญชีเพื่อบรรจุและแต่งตั้งนอกเขตจังหวัดราชบุรี เม่ือวันท่ี 2 มีนาคม 2549 และกรณีเจ้าหน้าท่ี ของคณะกรรมการพนักงานส่วนต�ำบลจังหวัดราชบุรีแจ้งด้วยวาจา และการจัดท�ำหนังสือที่ มท 0865.2/18703 ลงวันท่ี 2 พฤศจกิ ายน 2550 แจง้ ผสู้ อบแข่งขนั ได้ มารายงานตัว เพอ่ื รอรบั และยนื ยนั การบรรจุแต่งต้งั ในวันท่ี 30 พฤศจิกายน 2550 เพื่อบรรจุและแต่งต้ังพนักงานส่วนต�ำบล ในจังหวัดราชบุรี โดยมิชอบด้วยกฎหมาย การบรรจุแต่งตั้งพนักงานส่วนต�ำบลตามหนังสือขอใช้บัญชีขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ท่ีผู้สอบแข่งขันได้น�ำมายื่น เมอ่ื วันที่ 2 มนี าคม 2549 ดงั กลา่ วเปน็ การสนับสนุน การกระทำ� ความผิดของนายสุพจน์ รศั มโี ชติ นายไพบลู ย์ วรณุ ไพศาล สิบตำ� รวจโทสุพัฒน์ ภนู าคำ� นายประสทิ ธ์ิ เกษแกว้ สถาพร นายนิรันดร์ วัฒนศาสตรส์ าธร นายไพบลู ย์ สนิ สมบตั ิ นายวิรัช แก้วใส นายประชุม พมิ พโ์ ดด นายปรชี า ลนิ มา นางศมานันท์ เหลา่ วณชิ วศิ ษิ ฏ นายสำ� อางค์ บุญแจด นายสุริยะ ภิรมย์พร้อม และนายเฉลิมชัย คงคาสวรรค์ นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการท�ำ หนังสอื ขอใชบ้ ัญชีเพือ่ ช่วยเหลอื ให้ผูส้ อบแข่งขนั ได้ ได้รับการบรรจแุ ละแตง่ ตั้งเปน็ พนกั งานสว่ นตำ� บลในตำ� แหน่ง เจ้าหน้าทีว่ เิ คราะหน์ โยบายและแผน ระดับ 3 โดยมิชอบ มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. นายวงศ์ศักด์ิ สวัสด์ิพาณิชย์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 1 และนายนเรศ วงศาโรจน์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหาย แกผ่ ูห้ นงึ่ ผู้ใดหรอื ปฏิบัติหรอื ละเวน้ การปฏบิ ตั ิหน้าที่โดยทุจรติ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบ มาตรา 83 และมาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ี ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ท่ีมิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าท่ีราชการ ฐานปฏิบัติ หน้าท่ีราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของ รัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรงและฐานกระท�ำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว อยา่ งร้ายแรง ตามพระราชบัญญตั ิระเบยี บข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2535 มาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง และมาตรา 98 วรรคสอง 2. นายสมาน องอาจ นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลหลุมดิน อ�ำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ท่ีลงนามในหนังสือขอใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานส่วนต�ำบล โดยระบุช่ือและ 118 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

นามสกุลของผู้สอบแข่งขันได้ และระบุให้มาบรรจุและแต่งตั้งที่องค์การบริหารส่วนต�ำบลหลุมดิน โดยไม่ชอบ ด้วยแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการสอบแข่งขันราชการ โดยมีเจตนาช่วยเหลือผู้สอบ แข่งขันได้ มมี ลู ความผดิ ทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนกั งานปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ัตหิ น้าทีโ่ ดยมชิ อบ เพ่ือใหเ้ กดิ ความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีมูลความผิดฐานกระท�ำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอ�ำนาจหน้าท่ี ตามพระราชบัญญัติสภาต�ำบลและองค์การ บรหิ ารส่วนต�ำบล พ.ศ. 2537 และทแี่ กไ้ ขเพ่ิมเตมิ มาตรา 92 3. นายสุพจน์ รัศมีโชติ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 9 นายไพบูลย์ วรุณไพศาล ผู้ถูกกล่าวหา ที่ 10 และ นายประชุม พิมพโ์ ดด ผ้ถู ูกกล่าวหาที่ 13 ทีล่ งนามในหนังสอื ขอใช้บญั ชผี สู้ อบแข่งขันไดเ้ พ่อื บรรจแุ ละแต่งตั้งเปน็ พนักงานส่วนต�ำบล โดยระบุช่ือและล�ำดับที่ของผู้สอบแข่งขันได้ในหนังสือขอใช้บัญชีข้างต้น เพ่ือให้ได้รับ การบรรจุแตง่ ตั้งที่องคก์ ารบริหารส่วนต�ำบลตามท่ีมีการร้องขอ โดยไม่ชอบด้วยแนวทางปฏิบตั เิ กย่ี วกับหลกั เกณฑ์ และเงื่อนไขในการสอบแข่งขันราชการ โดยมีเจตนาช่วยเหลือผู้สอบแข่งขันได้ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็น เจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหนา้ ท่โี ดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมีมูลความผิดฐานกระท�ำการ ฝ่าฝืน ต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชนหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วย อ�ำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาต�ำบลและองค์การบริหารส่วนต�ำบล พ.ศ. 2537 และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92 4. นางศมานันท์ เหล่าวณิชวิศิษฏ ผู้ถกู กลา่ วหาท่ี 14 สิบตำ� รวจโท สุพฒั น์ ภูนาคำ� ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 15 นายประสิทธ์ิ เกษแกว้ สถาพร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 16 นายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร ผู้ถกู กลา่ วหาท่ี 17 นายปรีชา ลินมา ผูถ้ ูกกล่าวหาที่ 18 นายสำ� อางค์ บญุ แจด ผูถ้ กู กลา่ วหาท่ี 19 นายสรุ ิยะ ภิรมยพ์ รอ้ ม ผู้ถูกกลา่ วหาท่ี 20 และ นายเฉลิมชัย คงคาสวรรค์ ผ้ถู กู กล่าวหาท่ี 21 ท่ีลงนามในหนงั สือขอใช้บัญชผี ู้สอบแขง่ ขนั ไดเ้ พ่ือบรรจุและแต่งตั้ง เปน็ พนกั งานส่วนตำ� บล แล้วให้ผู้สอบแข่งขนั ได้ถอื หนงั สอื ขอใช้บัญชขี ้างตน้ ไปรายงานตวั เพอ่ื รบั การบรรจแุ ต่งตงั้ โดยเฉพาะเจาะจง โดยไม่ชอบด้วยแนวทางปฏิบัติเก่ียวกับหลักเกณฑ์และเง่ือนไขในการสอบแข่งขันราชการ โดยมเี จตนาช่วยเหลือผสู้ อบแข่งขันได้ มมี ูลความผดิ ทางอาญา ฐานเป็นเจา้ พนกั งาน ปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ตั ิ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีมูลความผิดฐานกระท�ำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือ สวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอ�ำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติ สภาตำ� บล และองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล พ.ศ. 2537 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเตมิ มาตรา 92 5. นายบงการ ลิมปะพันธุ์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 2 นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นายพิสิษฐ บุญชว่ ง ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 4 นายเจริญชัย นพชาตสิ ถติ ย์ ผูถ้ ูกกล่าวหาท่ี 6 นางอมั พร ปันยารชุน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 นายไพบูลย์ สินสมบัติ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 11 และนายวิรัช แก้วใส ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12 จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอท่ีจะฟังได้ว่า ได้ร่วมกระท�ำความผิดตามท่ีกล่าวหา ข้อกล่าวหา ไมม่ ีมูล ให้ขอ้ กล่าวหาตกไป การดำ� เนนิ การ การดำ� เนนิ การทางวินัย ส่งรายงาน ส�ำนวนการไตส่ วน เอกสารหลกั ฐาน และค�ำวินิจฉยั ไปยังผ้บู ังคับบญั ชา เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยกับนายวงศ์ศักด์ิ สวัสดิ์พาณิชย์ และนายนเรศ วงศาโรจน์ และส่งส�ำนวนการไต่สวน ไปยงั ผมู้ อี �ำนาจแต่งตงั้ ถอดถอน เพอื่ ดำ� เนินการตามหน้าทแี่ ละอ�ำนาจกบั นายสมาน องอาจ นายสพุ จน์ รศั มโี ชติ นายไพบูลย์ วรุณไพศาล นายประชุม พิมพ์โดด นางศมานันท์ เหล่าวณิชวิศิษฏ สิบต�ำรวจโท สุพัฒน์ ภูนาค�ำ นายประสทิ ธ์ิ เกษแกว้ สถาพร นายนิรนั ดร์ วฒั นศาสตร์สาธร นายปรชี า ลินมา นายสำ� อางค์ บุญแจด นายสุริยะ รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 119

ภริ มย์พร้อม และนายเฉลิมชัย คงคาสวรรค์ ตามฐานความผดิ ดังกลา่ ว ตามพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญ วา่ ด้วยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคสี่ แลว้ แต่กรณี การดำ� เนนิ การทางอาญา ส่งรายงาน ส�ำนวนการไตส่ วน เอกสารหลักฐาน สำ� เนาอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ และ ค�ำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อด�ำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายวงศ์ศักด์ิ สวัสด์ิพาณิชย์ นายนเรศ วงศาโรจน์ นายสมาน องอาจ นายสุพจน์ รัศมีโชติ นายไพบูลย์ วรุณไพศาล นายประชมุ พมิ พ์โดด นางศมานันท์ เหล่าวณชิ วศิ ิษฏ สบิ ตำ� รวจโท สุพฒั น์ ภูนาคำ� นายประสทิ ธิ์ เกษแก้วสถาพร นายนริ นั ดร์ วัฒนศาสตรส์ าธร นายปรชี า ลินมา นายส�ำอางค์ บญุ แจด นายสุริยะ ภิรมยพ์ ร้อม และนายเฉลมิ ชยั คงคาสวรรค์ 9. เร่ืองกล่าวหานายศักด์ิเกษม รักงาน ขณะด�ำรงต�ำแหน่ง เจ้าพนักงานที่ดินหัวหน้าส่วนแยกพัฒนานิคม ส�ำนักงานที่ดินจังหวัดลพบุรีส่วนแยกพัฒนานิคม กับพวก กรณีร่วมกันออกโฉนดที่ดินเลขท่ี 18840, 18841, 18842, 18843, 18844, 18845 และ 18846 ต�ำบลดลี งั อ�ำเภอพัฒนานคิ ม จังหวดั ลพบรุ ี เมื่อวันท่ี 3 กุมภาพนั ธ์ 2548 ทับท่ีราชพัสดุโดยมชิ อบดว้ ยกฎหมาย คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติช้มี ลู ความผดิ เม่ือวันท่ี 25 กันยายน 2562 พฤตกิ ารณ์ ผ้ถู ูกกล่าวหาทงั้ สามไดร้ ับแต่งตั้งใหป้ ฏิบตั ิหนา้ ทเ่ี จา้ หนา้ ทีใ่ นโครงการเรง่ รดั ออกโฉนดทีด่ ิน ท่ัวประเทศตามนโยบายการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนของรัฐบาล ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ได้ร่วมกัน ออกโฉนดทดี่ ินเลขที่ 18840,18841, 18842, 18843, 18844, 18845 และ 18846 ตำ� บลดีลัง อำ� เภอพัฒนานคิ ม จังหวดั ลพบุรี รวมเนือ้ ท่ี 139 - 0 - 14 ไร่ ในเขตที่ราชพสั ดุท่กี องทัพอากาศใชเ้ ป็นสนามฝกึ ใช้อาวธุ ทางอากาศ โดยผู้ถูกกล่าวหาท่ี 3 เจ้าหน้าท่ีเดินส�ำรวจได้อาศัยโอกาสท่ีเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ท�ำเอกสาร กรอกข้อความ ในเอกสาร หรือดูแลรักษาเอกสาร น�ำเอกสารหลักฐานการสอบสวนสิทธิ ได้แก่ ใบไต่สวน (น.ส.5) และบันทึก ถ้อยคำ� ต่างๆ (ท.ด.16) หนา้ ส�ำรวจ 4242 , 4243, 4244, 4245, 4246, 4247 และ 4248 ระวาง 5138 I 0456, 0454 ต�ำบลดลี งั อ�ำเภอพัฒนานิคม จงั หวดั ลพบุรี โฉนดท่ี 18840 ,18841,18842,18843, 18844, 18845 และ 18846 (ตามล�ำดับ) แล้วปลอมลายมือช่ือ ของนายปรีชา มานะย่ิงเมต ก�ำนันต�ำบลดีลัง ในช่องเจ้าพนักงาน ผ้ปู กครองท้องที่ ช่องพยาน และปลอมลายมือชื่อของนางภาสริ ิ สงวนศรี ในชอ่ งเจา้ พนักงานผู้สอบสวน แลว้ ตอ่ มา วนั ท่ี 3 กุมภาพนั ธ์ 2548 ผ้ถู ูกกลา่ วหาลงช่อื ในแบบพิมพ์โฉนดทด่ี นิ เพื่อออกโฉนดทีด่ นิ เลขที่ 18840 - 18846 ดังกล่าวขา้ งต้น มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. การกระท�ำของนายศักด์ิเกษม รักงาน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็น เจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรอื ละเว้นการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่โี ดยทจุ ริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมมี ูล ความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่น ได้ประโยชน์ท่ีมิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าท่ีราชการ และฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตาม กฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรฐั มนตรี หรอื นโยบายของรฐั บาล อนั เป็นเหตใุ หเ้ สยี หายแกร่ าชการ อย่างรา้ ยแรง ตามพระราชบัญญัตริ ะเบยี บข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 มาตรา 82 วรรคสาม และมาตรา 85 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญตั ิระเบยี บขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 133 2. นายธงรบ หุ่นเจริญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ยังฟังไม่ได้ว่า ได้กระท�ำการอัน มีมูลความผิดทางอาญาตามท่ีกล่าวหา ข้อกล่าวหาในทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไปแต่การกระท�ำของ นายธงรบ หุ่นเจริญ ผถู้ กู กล่าวหาท่ี 2 มมี ูลความผดิ ทางวนิ ยั อย่างร้ายแรง ฐานประมาทเลินเลอ่ ในหน้าทรี่ าชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 มาตรา 84 วรรคสอง ประกอบพระราชบญั ญตั ิระเบียบข้าราชการพลเรอื น พ.ศ.2551 มาตรา133 120 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ

3. การกระท�ำของนายไพโรจน์ หรือรามเดช อุมาพร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ท�ำเอกสาร กรอกข้อความลง ในเอกสาร หรอื ดูแลรักษาเอกสาร กระท�ำการปลอมเอกสารโดยอาศยั โอกาสทตี่ นมหี น้าทีน่ ั้น ฐานปลอมเอกสาร ราชการ และ ฐานใช้หรืออ้างเอกสารราชการปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 161 มาตรา 265 และมาตรา 268 ประกอบมาตรา 83 และมมี ูลความผิดทางวินัยอยา่ งร้ายแรง ฐานปฏบิ ัตหิ รอื ละเว้น การปฏิบตั ิหน้าทีร่ าชการโดยมชิ อบ เพอื่ ใหต้ นเองหรือผอู้ ่ืนได้ประโยชน์ท่ีมิควรได้ เป็นการทุจรติ ตอ่ หน้าทรี่ าชการ และฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือ นโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ พลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 82 วรรคสาม และมาตรา 85 วรรคสอง ประกอบพระราชบญั ญตั ิระเบียบข้าราชการ พลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 133 การดำ� เนนิ การ การดำ� เนินการทางวนิ ัย สง่ รายงาน สำ� นวนการไตส่ วน เอกสารหลกั ฐาน และคำ� วนิ ิจฉัยไปยังผู้บงั คบั บัญชา เพื่อด�ำเนินการทางวินัยกับนายศักด์ิเกษม รักงาน และนายธงรบ หุ่นเจริญ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) แล้วแต่กรณีต่อไป รวมทั้งขอให้อัยการสูงสุดย่ืนค�ำร้องขอให้ศาลมีค�ำพิพากษาเพิกถอนโฉนดท่ีดินเลขท่ี 18840, 18841, 18842, 18843, 18844, 18845 และ 18846 ต�ำบลดีลัง อ�ำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 82 วรรคหนงึ่ และวรรคสาม ประกอบมาตรา 93 วรรคสอง และใหแ้ จ้งกรมท่ีดิน ด�ำเนินการตามหน้าท่ีและอ�ำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ.2561 มาตรา 82 วรรคสอง ประกอบมาตรา 93 วรรคสอง ดว้ ย การดำ� เนนิ การทางอาญา สง่ รายงาน สำ� นวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำ� เนาอิเล็กทรอนกิ ส์ และ ค�ำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพ่ือด�ำเนินคดีอาญาในศาลซ่ึงมีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับ นายศักด์ิเกษม รักงาน และนายไพโรจน์ หรอื รามเดช อมุ าพร สำ� หรบั การด�ำเนินการทางวินยั เน่ืองจากกรมทด่ี ิน ไดม้ ีคำ� สัง่ ท่ี 1643/2558 ลงวันท่ี 7 พฤษภาคม 2558 ลงโทษไล่นายไพโรจน์ หรือรามเดช อมุ าพร ออกจากราชการ สบื เน่ืองจากได้กระท�ำความผิดทางวนิ ยั อย่างรา้ ยแรง ในลักษณะการกระท�ำความผิดเช่นเดียวกับคดีน้ี เหมาะสมแก่ความผิดแล้ว จึงไม่มีเหตุท่ีจะต้อง ส่งรายงาน สำ� นวนการไต่สวน เอกสารหลกั ฐาน และคำ� วนิ จิ ฉยั ไปยังผ้บู ังคบั บัญชา เพ่ือด�ำเนินการทางวินัย ตามพระราชบัญญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (2) อีก ให้แจ้ง ผลการพจิ ารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผู้บังคับบญั ชาทราบ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ 121

10. เร่ืองกล่าวหา นายชูพันธ์ บุณยเนตร เมื่อครั้งด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานทรัพยากรน้�ำภาค 9 กับพวก กรณีตรวจรับงานและเบิกจ่ายเงินให้กับผู้รับจ้างโครงการปรับปรุงซ่อมแซมแหล่งน�้ำห้วยขี้ หมู่ท่ี 4 ต�ำบลบ้านเวียง อ�ำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ท้ังที่งานก่อสร้างไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการและข้อก�ำหนด ในสญั ญาจ้าง และแก้ไขแบบแปลนภายหลงั จากท่ีได้มีการส่งมอบงานและตรวจรับงานแล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชีม้ ลู ความผิด เมอ่ื วันที่ 19 มนี าคม 2562 พฤติการณ์ นายชูพันธ์ บุณยเนตร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เม่ือคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการส�ำนักงาน ทรพั ยากรนำ�้ ภาค 9 ได้อนุมัตใิ ห้เบิกจา่ ยเงินค่าจา้ งก่อสรา้ งตามโครงการปรบั ปรงุ ซ่อมแซมแหล่งน�้ำหว้ ยข้ี หมู่ท่ี 4 ตำ� บลบา้ นเวยี ง อ�ำเภอรอ้ งกวาง จังหวัดแพร่ ให้แกบ่ ริษัทธนพนู ทวี จำ� กัด ผถู้ กู กล่าวหาท่ี 9 ผรู้ บั จ้างโดยทราบ ดีอยู่แลว้ วา่ โครงการฯ มีการตรวจรบั งาน ท้ังที่งานกอ่ สรา้ งไม่เป็นไปตามรูปแบบรายการและขอ้ ก�ำหนดในสัญญา จ้างและเปน็ ผอู้ นุมตั ใิ ห้แก้ไขแบบแปลนโครงการฯ ภายหลงั จากที่ไดม้ กี ารส่งมอบงานและตรวจรับงานแล้ว นายประโมทย์ ไกรยรู เสน ผ้ถู กู กล่าวหาที่ 2 นายชาญเดช อินปวก ผูถ้ ูกกลา่ วหาท่ี 3 และนายฉตั รชัย เสง่ียม ผู้ถกู กลา่ วหาท่ี 4 ในฐานะคณะกรรมการตรวจการจา้ ง นายศุภชัย เขตปยิ รตั น์ ผู้ถูกกลา่ วหาท่ี 5 นายมติ ร แกว้ ดวง ผถู้ กู กล่าวหาที่ 6 นายอเนก เรอื นทอง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 และนายเฉลิมศักด์ิ สารใจ ผู้ถกู กลา่ วหาที่ 8 ในฐานะช่างควบคุมงานและตรวจรับงานโครงการปรับปรุงซ่อมแซมแหล่งน�้ำห้วยขี้ หมู่ท่ี 4 ทั้งท่ีงานก่อสร้าง ไมเ่ ปน็ ไปตามรูปแบบรายการและข้อก�ำหนดในสญั ญาจา้ ง และไดแ้ ก้ไขแบบแปลนโครงการฯ ภายหลังจากที่ไดม้ ี การสง่ มอบงานและตรวจรับงานแลว้ เพ่อื ปกปดิ ความผดิ ของตน มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. การกระท�ำของนายชูพันธ์ บุณยเนตร ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 1 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัตริ ะเบียบขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) 2. การกระทำ� ของนายประโมทย์ ไกรยรู เสน ผูถ้ กู กล่าวหาที่ 2 นายชาญเดช อนิ ปวก ผ้ถู ูกกล่าวหาท่ี 3 และนายฉัตรชัย เสง่ียม ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 4 ในฐานะคณะกรรมการตรวจการจ้าง นายศุภชัย เขตปิยรัตน์ ผู้ถูกกลา่ วหาที่ 5 นายมิตร แก้วดวง ผ้ถู กู กล่าวหาท่ี 6 นายอเนก เรอื นทอง ผู้ถูกกลา่ วหาที่ 7 และนายเฉลิมศกั ดิ์ สารใจ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 8 ในฐานะช่างควบคุมงาน มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 มาตรา 82 (2) และมาตรา 83 (1) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) 3. การกระทำ� ของบริษัท ธนพูนทวี จ�ำกดั ผู้ถกู กล่าวหาท่ี 9 และนางสวุ รา เรียงพล กรรมการผู้จัดการ บรษิ ัท ธนพูนทวี จำ� กัด ผู้ถกู กลา่ วหาที่ 10 จากการไตส่ วนข้อเท็จจรงิ ไมป่ รากฏขอ้ เทจ็ จรงิ และพยานหลกั ฐาน เพียงพอท่ีจะฟังได้ว่า ได้มีส่วนร่วมหรือสนับสนุนในการกระท�ำความผิดตามท่ีกล่าวหา ข้อกล่าวหา ไม่มีมูลให้ ขอ้ กล่าวหาตกไป การดำ� เนนิ การ การดำ� เนนิ การทางวินัย สง่ รายงาน สำ� นวนการไตส่ วน เอกสารหลกั ฐาน และค�ำวินิจฉัยไปยังผบู้ งั คบั บญั ชา เพื่อด�ำเนินการทางวินัยกับนายชูพันธ์ บุณยเนตร นายประโมทย์ ไกรยูรเสน นายชาญเดช อินปวก นายฉัตรชัย เสงี่ยม นายศุภชัย เขตปยิ รัตน์ นายมิตร แก้วดวง นายอเนก เรือนทอง และนายเฉลิมศกั ดิ์ สารใจ ตามฐานความผิด ดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) แล้วแตก่ รณี การด�ำเนินการทางอาญา ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และ ค�ำวินจิ ฉัยไปยังอยั การสงู สุด เพ่ือดำ� เนนิ คดีอาญาในศาลซึง่ มเี ขตอำ� นาจพจิ ารณาพพิ ากษาคดี 122 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ

11. เรื่องกล่าวหา รองศาสตราจารย์ ดร.วินิจ โชติสว่าง เมื่อคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กับพวก กรณีจัดตั้งกองภายในประจ�ำวิทยาเขต และแต่งต้ังรองอธิการบดี โดยมิชอบ และละเว้นไม่เรียกคืนเงินประจ�ำต�ำแหน่งจากผู้ไม่มีสิทธิ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด เมื่อวันท่ี 2 ตลุ าคม 2562 พฤติการณ์ ดร.วนิ จิ โชตสิ ว่าง แตง่ ต้ังผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั อำ� นวยการสถาบนั ผอู้ �ำนวยการกอง หวั หนา้ ส�ำนกั งานอธิการบดี และหวั หนา้ หน่วยงานตรวจสอบภายใน และตำ� แหน่งอ่นื ที่เทยี บเทา่ และอนมุ ตั ิเบิกจา่ ยเงิน ประจ�ำต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการส�ำนัก ผู้อ�ำนวยการสถาบัน ผู้อ�ำนวยการกอง หัวหน้าส�ำนักงานอธิการบดี และ หวั หน้าหนว่ ยงานตรวจสอบภายในจากงบประมาณรายได้ของแตล่ ะวทิ ยาเขตโดยมชิ อบ มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระท�ำของ รองศาสตราจารย์ ดร.วินิจ โชติสว่าง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กรณีแต่งตั้งผู้อ�ำนวยการ ส�ำนักอ�ำนวยการสถาบัน ผู้อ�ำนวยการกอง หัวหน้าส�ำนักงานอธิการบดี และหัวหน้าหน่วยงานตรวจสอบภายใน และกรณีอนุมัติเบิกจ่ายเงินประจ�ำต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการส�ำนัก ผู้อ�ำนวยการสถาบัน ผู้อ�ำนวยการกอง หัวหน้าส�ำนักงานอธิการบดี และหัวหน้าหน่วยงานตรวจสอบภายใน จากงบประมาณรายได้ของแต่ละวิทยาเขต โดยมิชอบ มมี ลู ความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มหี นา้ ที่ซือ้ ท�ำ จัดการ หรือรกั ษาทรัพยใ์ ด ๆ ใช้อ�ำนาจ ในต�ำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ หรือเจ้าของทรัพย์น้ัน และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมีมูลความผิด ทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับ ประโยชน์ ที่มิควรได้ เป็นการทจุ รติ ต่อหน้าท่ีราชการ ตามพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรอื นในสถาบนั อดุ มศกึ ษา พ.ศ. 2547 มาตรา 39 วรรคสาม ส่วนกรณีกล่าวหาว่าแต่งตั้งรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานโดยมิชอบ จากการ ไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอท่ีจะฟังได้ว่ารองศาสตราจารย์ ดร.วินิจ โชติสว่าง ผูถ้ ูกกลา่ วหาที่ 1 และศาสตราจารย์ ดร.สจุ นิ ต์ จนิ ายน ผูถ้ กู กล่าวหาที่ 2 ได้ร่วมกนั กระท�ำความผดิ ตามทก่ี ลา่ วหา ข้อกลา่ วหาไม่มีมลู ใหข้ ้อกลา่ วหาตกไป การดำ� เนินการ การดำ� เนนิ การทางวนิ ยั สง่ รายงาน สำ� นวนการไต่สวน เอกสารหลกั ฐาน และค�ำวนิ ิจฉัยไปยังผบู้ งั คบั บญั ชา เพอื่ พิจารณาโทษทางวนิ ัยกบั รองศาสตราจารย์ ดร.วินิจ โชตสิ ว่าง ตามฐานความผดิ ดังกล่าว ตามพระราชบญั ญัติ ประกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) แลว้ แตก่ รณี ต่อไป การดำ� เนินการทางอาญา สง่ รายงาน ส�ำนวนการไตส่ วน เอกสารหลักฐาน สำ� เนาอิเลก็ ทรอนกิ ส์ และ คำ� วนิ จิ ฉัยไปยังอยั การสงู สุด เพื่อด�ำเนินคดีอาญาในศาลซงึ่ มเี ขตอ�ำนาจพจิ ารณาพิพากษาคดี รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 123

12. เรื่องกล่าวหานายวิโรฒ ส�ำรวล เม่ือครั้งด�ำรงต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยกับพวกรวม 3 คน กรณีร่วมกันจัดท�ำบัญชีรายช่ือนักเรียนท่ีผ่านการคัดเลือกประเภทเงื่อนไขพิเศษ ของโรงเรียนสามเสน วทิ ยาลัย ประจำ� ปกี ารศกึ ษา 2560 และการรบั เงินบรจิ าคโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ ชี้มูลความผิด เม่อื วันท่ี 3 กนั ยายน 2562 พฤตกิ ารณ์ นายวิโรฒ สำ� รวล จดั ทำ� บญั ชีรายช่อื นักเรยี นท่ผี ่านการคัดเลอื กประเภทเง่อื นไขพิเศษของ โรงเรยี นสามเสนวทิ ยาลยั ประจ�ำปกี ารศึกษา 2560 โดยมิชอบ เพือ่ แสวงหาประโยชน์ ด้วยการเรยี กรับเงินบริจาค จากผ้ปู กครองของนักเรยี นทผ่ี ่านการสอบคัดเลือกเขา้ ศึกษาต่อในโรงเรยี นสามเสนวทิ ยาลัย ประเภทเง่อื นไขพเิ ศษ และไดร้ ว่ มกนั ทจุ ริตเงินบริจาคจากผู้ปกครองของนกั เรียนที่ผา่ นการสอบคดั เลือกเขา้ ศึกษาต่อในโรงเรียนสามเสน วทิ ยาลยั ประจำ� ปกี ารศกึ ษา 2560 โดยไมอ่ อกใบเสรจ็ รบั เงิน และไมน่ �ำเงินบรจิ าคฝากเขา้ บัญชธี นาคารเป็นเงิน รายไดข้ องโรงเรียนสามเสนวทิ ยาลยั เปน็ เหตใุ ห้โรงเรยี นสามเสนวิทยาลยั ได้รับความเสียหาย มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. การกระท�ำของนายวโิ รฒ ส�ำรวล ผู้ถกู กลา่ วหาที่ 1 และนายภสู ิทธ์ิ ประยูรอนุเทพ ผถู้ กู กล่าวหาท่ี 3 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าท่ีซื้อ ท�ำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้น เป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อ่ืนเอาทรัพย์น้ันเสีย ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพ่ือให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซ่ึงทรัพย์สินหรือประโยชน์ อ่ืนใดแก่ตนเองหรือผู้อ่ืน ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าท่ีท�ำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระท�ำการรบั รอง เป็นหลกั ฐานวา่ ตนได้กระทำ� การอยา่ งใดข้ึน หรอื วา่ การอยา่ งใดได้กระทำ� ต่อหนา้ ตนอันเป็นความเท็จ และรบั รองเป็นหลักฐาน ซ่งึ ข้อเท็จจรงิ อันเอกสารน้นั มงุ่ พิสูจน์ ความจริงอนั เป็นความเทจ็ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 148 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 83 มาตรา 90 และมาตรา 91 และฐานเปน็ เจ้าหนา้ ท่ขี องรัฐ ปฏบิ ัตหิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ตั ิ อย่างใดในต�ำแหน่งหรือหน้าท่ี หรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพ่มิ เติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมีมูลความผิด ทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับ ประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการทุจริตต่อหน้าท่ีราชการ และฐานกระท�ำการการอ่ืนใดอันได้ช่ือว่าเป็นผู้ประพฤติช่ัว อย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 มาตรา 84 วรรคสาม และมาตรา 94 วรรคสอง 2. การกระท�ำของนายประเจิน โชติพงศ์กุล ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 4 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็น ผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพ่ือให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ ซึ่งทรพั ย์สินหรอื ประโยชนอ์ นื่ ใดแกต่ นเองหรอื ผอู้ ื่น ฐานเปน็ ผู้สนบั สนนุ เจ้าพนกั งาน ปฏบิ ตั หิ รอื ละเว้นการปฏบิ ัติ หน้าท่ีโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ท�ำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระท�ำ การรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระท�ำการอย่างใดข้ึน หรือว่าการอย่างใดได้กระท�ำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐานซ่ึงข้อเท็จจริงอันเอกสารน้ันมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 148 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 86 มาตรา 90 และมาตรา 91 และ ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในต�ำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่ง 124 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

หรือหน้าที่โดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเตมิ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระท�ำการอื่นใด อันได้ช่ือว่าเป็นผู้ประพฤติช่ัวอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 มาตรา 94 วรรคสอง 3. นายพิชยนันท์ สารพานิช ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 2 และนายเรียงศักดิ์ กาญจนภาคย์ ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 5 จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏพยานหลักฐานท่ีจะฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองได้ร่วมกระท�ำความผิด ตามทกี่ ลา่ วหา ข้อกลา่ วหาไมม่ ีมูล ใหข้ ้อกล่าวหาตกไป การดำ� เนนิ การ การดำ� เนินการทางวินัย ส่งรายงาน สำ� นวนการไต่สวน เอกสารหลกั ฐาน และคำ� วินจิ ฉัยไปยงั ผู้บงั คบั บญั ชา เพอื่ ดำ� เนนิ การทางวนิ ยั กับนายวิโรฒ สำ� รวล นายภูสทิ ธ์ิ ประยรู อนเุ ทพ และนายประเจนิ โชติพงศ์กุล ตามฐาน ความผดิ ดังกล่าว ตามพระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) แลว้ แต่กรณี การดำ� เนินการทางอาญา ให้ส่งรายงานสำ� นวนการไตส่ วน เอกสารหลกั ฐาน สำ� เนาอเิ ลก็ ทรอนิกส์ และ คำ� วนิ ิจฉยั ไปยังอยั การสูงสดุ เพ่อื ด�ำเนนิ คดอี าญาในศาลซงึ่ มีเขตอ�ำนาจพิจารณาพพิ ากษาคดี 13. เร่ืองกล่าวหานายสมหมาย ปราบสุธา ผู้อ�ำนวยการโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ กาญจนบุรี กรณีออกระเบียบภายในโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ กาญจนบุรี ว่าด้วยการจัด สวัสดิการภายในโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ กาญจนบุรี พ.ศ. 2549 อันเป็นการขัดต่อ ระเบียบส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ว่าด้วยการบริหารจัดการเกี่ยวกับเงินรายได้สถานศึกษา ขั้นพื้นฐานท่ีเป็นนิติบุคคลในสังกัดเขตพ้ืนท่ีการศึกษา พ.ศ. 2549 และน�ำเงินค่าเช่าสถานที่จ�ำหน่ายอาหารและ เคร่ืองด่ืม จ�ำนวน 1,049,475 บาท เข้าเป็นเงินรายได้ของกองทุนสวัสดิการโดยมิชอบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ตชิ ี้มูลความผิด เมือ่ วันท่ี 6 กมุ ภาพนั ธ์ 2562 พฤติการณ์ นายสมหมาย ปราบสุธา ได้ออกระเบียบโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ กาญจนบุรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในโรงเรียนฯ พ.ศ. 2549 และระเบียบโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จ พระศรีนครินทร์ กาญจนบุรี ว่าด้วยการจ�ำหน่ายอาหารภายในโรงเรียนฯ พ.ศ. 2550 หรือระเบียบโรงเรียน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ กาญจนบุรี วา่ ด้วยการจัดสวัสดิการร้านค้าจ�ำหนา่ ยอาหารภายในโรงเรยี นฯ โดยถือว่าร้านค้าท่ีเข้าไปขายอาหารและเครื่องด่ืมภายในโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ กาญจนบุรี เป็นร้านค้าสวัสดิการ และได้สั่งการให้น�ำเงินค่าเช่าสถานท่ีจ�ำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มภายใน โรงเรยี นเฉลิมพระเกยี รติสมเด็จพระศรนี ครนิ ทร์ กาญจนบุรี เขา้ กองทุนสวสั ดิการ ทงั้ ท่ตี ้องจดั เก็บเป็นเงินรายได้ สถานศึกษาตามระเบียบส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานว่าด้วยการบริหารจัดการเกี่ยวกับเงินรายได้ สถานศึกษาข้นั พื้นฐานท่ีเป็นนิตบิ ุคคลในสงั กัดเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษา พ.ศ. 2549 เปน็ เหตุให้โรงเรยี นเฉลมิ พระเกียรติ สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทร์ กาญจนบรุ ี ได้รับความเสยี หาย มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายสมหมาย ปราบสุธา มีมูลเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบยี บแบบแผนของทางราชการ และหนว่ ยงานการศึกษา อันเปน็ เหตุให้เกดิ ความเสียหายแกร่ าชการอยา่ งรา้ ยแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 มาตรา 85 วรรคสอง แต่ไม่มี เจตนากระทำ� ความผิดในทางอาญา ขอ้ กล่าวหาทางอาญาไมม่ ีมูล ให้ขอ้ กล่าวหาตกไป รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 125

การดำ� เนินการ การด�ำเนินการทางวินัย ให้ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และค�ำวินิจฉัย ไปยัง ผู้บังคับบัญชาเพ่ือด�ำเนินการทางวินัยกับนายสมหมาย ปราบสุธา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (2) 14. เรื่องกล่าวหานายศราวุฒิ ศรีศกุน เมื่อคร้ังด�ำรงต�ำแหน่งผู้จัดการพื้นที่พิเศษเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ส�ำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) กระท�ำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระท�ำความผิด ต่อต�ำแหน่งหน้าท่ี ทุจริตโครงการก่อสร้างบ้านพักนักท่องเท่ียวของส�ำนักงานพ้ืนท่ีพิเศษเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ตามสัญญาเลขท่ี 114/2554 เมื่อวันท่ี 20 มิถุนายน 2554 และใช้บ้านพักนักท่องเที่ยวเพ่ือเป็นประโยชน์ส่วนตน โดยมชิ อบ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมตชิ ม้ี ูลความผิด เม่ือวนั ท่ี 21 พฤศจกิ ายน 2561 พฤติการณ์ เม่ือวันท่ี 1 มิถุนายน 2553 ผู้ถูกกล่าวหาเข้าปฏิบัติหน้าท่ีต�ำแหน่งผู้จัดการพื้นท่ีพิเศษ เชียงใหม่ไนทซ์ าฟารี โดยไดข้ อความอนเุ คราะห์ใชบ้ ้านพกั ขา้ ราชการระดับ 5-6 เลขทรี่ าชพสั ดุ ชม. 4128 ซ่ึงเป็น บ้านพักของสวนพฤษศาสตร์วรรณคดีภาคเหนือและสวนรวมพรรณไม้ป่า 60 พรรษามหาราชินี เพื่อประโยชน์ ของตนเองตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน 2553 โดยมิชอบ และต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้อนุมัติให้ก่อสร้างบ้านพักรับรอง นกั ทอ่ งเทย่ี ว ตามสัญญาเลขที่ 114/2554 ลงวันที่ 20 มิถนุ ายน 2554 งบประมาณ 2,400,000 บาท โดยอา้ ง วัตถุประสงค์ในการก่อสร้างเนื่องจากบ้านพักรับรองที่มีอยู่ไม่เพียงพอส�ำหรับบริการนักท่องเท่ียว แต่เม่ือก่อสร้าง บา้ นพักเสร็จแล้ว ผู้ถูกกล่าวหากลับนำ� บา้ นพกั ดงั กลา่ ว เป็นบ้านพกั เพือ่ ตนเองอย่อู าศยั ตง้ั แตว่ ันท่ี 1 ธันวาคม 2554 ถึงวันท่ี 31 พฤษภาคม 2560 โดยไม่มีสิทธิที่จะพักอาศัยอยู่ได้ จึงเป็นการใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหน้าท่ี โดยทจุ ริต ท�ำใหเ้ กิดความเสียหายให้กบั ส�ำนกั งานพ้ืนท่ีพิเศษเชียงใหม่ ไนทซ์ าฟารี มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายศราวุฒิ ศรศี กนุ ผถู้ ูกกลา่ วหา มมี ูลความผิดทางอาญา ฐานเปน็ พนกั งาน มหี นา้ ท่ีซ้ือ ท�ำ จดั การ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อ�ำนาจในหน้าท่ีโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์การ บริษัทจ�ำกัด ห้างหุ้นส่วน นติ ิบคุ คล หรอื หน่วยงานทเี่ รยี กชือ่ อยา่ งอืน่ ฐานเปน็ พนกั งานปฏิบัตหิ รือละเว้นการปฏบิ ัตหิ นา้ ที่โดยมิชอบเพ่อื ให้ เกิดความเสียหายต่อผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วย ความผดิ ของพนกั งานในองคก์ ารหรือหน่วยงานของรฐั พ.ศ. 2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 ฐานเป็นเจา้ หน้าที่ ของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีอย่างใดอย่างหนึ่งในต�ำแหน่งหรือหน้าท่ีหรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่ง หรือหน้าที่ โดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 และทีแ่ ก้ไขเพ่ิมเติม มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และมีความผดิ ทางวนิ ัย ฐานทุจรติ ตอ่ หนา้ ท่ีและฐานจงใจปฏบิ ัตหิ รือกระท�ำการใด ๆ อันเปน็ เหตใุ ห้ เกิดความเสยี หายแกอ่ งคก์ ารอย่างร้ายแรง ตามข้อบังคับองค์การบริหารการพฒั นาพืน้ ทีพ่ เิ ศษเพอ่ื การทอ่ งเที่ยว อย่างยั่งยนื (องคก์ ารมหาชน) วา่ ด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2551 ขอ้ 58 ข้อ 51 (2) และ (4) การดำ� เนินการ การด�ำเนินการทางวินัย เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาได้พ้นจากการด�ำรงต�ำแหน่งผู้จัดการพื้นท่ีพิเศษ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ส�ำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) เม่ือวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 โดยครบวาระ การด�ำรงต�ำแหน่งตามสัญญาจ้าง จึงไม่มีเหตุที่จะต้องจัดส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำ� วินจิ ฉัยไปยังผู้บงั คบั บัญชาเพอื่ ด�ำเนนิ การทางวนิ ัยอีก ให้มีหนังสอื แจง้ ผลการพจิ ารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผูบ้ ังคบั บัญชาทราบ 126 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ

การด�ำเนินการทางอาญา ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำ� วนิ ิจฉยั ไปยงั อยั การสูงสุด เพ่ือดำ� เนินคดีอาญาในศาลท่มี เี ขตอำ� นาจพิจารณาพพิ ากษาคดกี บั ผู้ถูกกลา่ วหา ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) 15. เร่ืองกล่าวหานายสุนทร มหารัตนวงศ์ ผอ.วิทยาลัยการอาชีพเขาย้อย กับพวก กรณีจัดซื้อจัดจ้างสอบ ราคาจ้างสนามฟุตซอล พร้อมติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานของวิทยาลัยการอาชีพเขาย้อย คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชมี้ ูลความผดิ เม่ือวนั ท่ี 17 ตลุ าคม 2561 พฤติการณ์ นายสุนทร มหารัตนวงศ์ ผอ.วิทยาลัยการอาชีพเขาย้อย และนางพัชร นิลภูมิ เจ้าหน้าที่ พัสดุ วิทยาลัยการอาชีพเขาย้อย ได้ด�ำเนินการจัดซื้อจัดจ้างสอบราคาจ้างสนามฟุตซอล พร้อมติดต้ังอุปกรณ์ มาตรฐานของวิทยาลัยการอาชีพเขาย้อย โดยไม่ด�ำเนินการตามระเบียบส�ำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และทแ่ี ก้ไขเพิม่ เตมิ ข้อ 31 และไม่ลงประกาศเชิญชวนโครงการสอบราคาจา้ งกอ่ สรา้ งสนามฟุตซอล พร้อมติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐาน ในระบบ E-GP ของกรมบัญชีกลาง ตามช่วงเวลาดังกล่าวแต่กลับลงประกาศ เชิญชวนในภายหลงั โดยมเี จตนาท่จี ะกดี กนั มใิ หม้ ีการแข่งขนั ราคาอยา่ งเปน็ ธรรม มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. การกระท�ำของนายสุนทร มหารัตนวงศ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้รู้เห็นเป็นใจในการไม่ส่งประกาศ สอบราคาจ้างก่อสร้างสนามฟุตซอล พร้อมติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐาน เพื่อเผยแพร่ไปยังผู้มีอาชีพรับจ้างและ หน่วยงานราชการ และมิได้ลงประกาศเชญิ ชวนในระบบ e - GP เป็นการกีดกันมิให้มกี ารแขง่ ขันในการเสนอราคา กันอย่างเป็นธรรมก็ตาม แต่ภายหลังจากท่ีด�ำเนินการสอบราคาและท�ำการคัดเลือกผู้รับจ้างเสร็จแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กลับด�ำเนินการให้นางพัชรี นิลภูมิ หรือคนบุญ เจ้าหน้าท่ีพัสดุท�ำการลงข้อมูลการประกาศ สอบราคาในระบบ e - GP เพื่อให้สามารถท�ำการเบิกจ่ายเงินให้กับบริษัท ลีกา ฟุตซอล จ�ำกัด ผู้รับจ้างได้ และยังไดอ้ นมุ ัตเิ บกิ จา่ ยเงินคา่ จ้างให้กับบริษัท ลกี า ฟุตซอล จำ� กดั ผู้รบั จ้าง ทั้งทที่ ราบดวี า่ กระบวนการในการ จดั ซอ้ื จัดจา้ งเป็นไปโดยมิชอบ การกระทำ� ดงั กลา่ วของนายสุนทร มหารตั นวงศ์ ผ้ถู กู กล่าวหาที่ 1 มีมลู ความผิดทาง อาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานเป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในต�ำแหน่งหรือหน้าท่ีหรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหรือหน้าที่ โดยมิชอบ เพอื่ ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรอื ปฏิบตั หิ รอื ละเว้นการปฏบิ ัตหิ น้าทโี่ ดยทจุ ริต ตามพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนูญดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ พ.ศ.2561 มาตรา 192 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีราชการ โดยมชิ อบ เพ่ือให้ตนเองหรอื ผู้อืน่ ได้รบั ประโยชน์ ท่ีมิควรได้ เป็นการทุจริตตอ่ หนา้ ทีร่ าชการ ตามพระราชบัญญัติ ระเบยี บขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 มาตรา 84 วรรคสาม 2. การกระท�ำของนางพัชรี นิลภูมิ หรือคนบุญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็น ผ้สู นบั สนุนเจา้ พนักงาน ปฏบิ ตั ิหรือละเว้นการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่โี ดยมชิ อบ เพอื่ ให้เกดิ ความเสียหายแกผ่ ู้หนงึ่ ผู้ใด หรือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 ฐานเป็นเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในต�ำแหน่งหรือหน้าท่ีหรือใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิม่ เตมิ รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 127

(ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระท�ำความผิด ตามพระราชบญั ญตั ินี้ หรอื กระท�ำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมใิ ห้ มกี ารแข่งขันราคาอยา่ งเป็นธรรม เพื่อเออ้ื อำ� นวยแก่ ผู้เข้าท�ำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิท�ำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิด เกีย่ วกับการเสนอราคาต่อหนว่ ยงานของรฐั พ.ศ. 2542 มาตรา 12 การดำ� เนนิ การ การด�ำเนินการทางอาญา ให้ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และค�ำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อด�ำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายสุนทร มหารัตนวงศ์ และนางพัชรี นิลภูมิ หรือคนบุญ และส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และ ค�ำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพ่ือเนินการทางวินัยกับนายสุนทร มหารัตนวงศ์ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) และ (2) แลว้ แตก่ รณีต่อไป เร่ืองกล่าวหาเจา้ หน้าทีร่ ฐั วสิ าหกจิ จำ� นวน 2 เรือ่ ง 1. เร่ืองกล่าวหานายสาวิทย์ แก้วหวาน พนักงานรถจักร 6 และเป็นประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟ แหง่ ประเทศไทย กับพวก รวม 22 คน ร่วมกันกระทำ� ความผดิ ฐานลกู จา้ งนัดหยดุ งานและเป็นเจ้าพนกั งานละท้ิงงาน หรือกระท�ำการอย่างใด ๆ เพ่ือให้งานหยุดชะงักหรือเสียหายโดยร่วมกระท�ำเช่นน้ันด้วยกันต้ังแต่ห้าคนข้ึนไป คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ตชิ ี้มลู ความผดิ เมอื่ วนั ท่ี 13 สิงหาคม 2562 พฤติการณ์ ปรากฏข้อเท็จจริงว่าก่อนเกิดเหตุการณ์ขบวนรถด่วนขบวนท่ี 84 ตกรางท่ีบริเวณสถานี รถไฟเขาเต่า จังหวัดประจวบครี ีขันธ์ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกจิ รถไฟแห่งประเทศไทย (สหภาพฯ) มีหนังสือยน่ื ต่อหน่วยงานตา่ ง ๆ เพ่ือขับไล่ผ้วู า่ การรถไฟแหง่ ประเทศไทย ออกจากต�ำแหน่ง อ้างว่ามีพฤตกิ รรมการทจุ ริต กรณี ให้เช่าท่ีดินบริเวณตลาดนัดซันเดย์ และการพยายามปรับโครงสร้างของการรถไฟฯ ซึ่งอาจท�ำให้พนักงานการรถไฟฯ ได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างดังกล่าว ต่อมาเม่ือขบวนรถด่วนขบวนที่ 84 ตกรางท่ีบริเวณสถานีรถไฟ เขาเต่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟ กลับอ้างว่าอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดจากอุปกรณ์ เดดแมนหรอื อปุ กรณว์ จิ แิ ลนซช์ ำ� รุดไมส่ ามารถใชก้ ารไดแ้ ละเรยี กประชุมกรรมการสหภาพฯ และมีมตใิ ห้พนักงาน การรถไฟฯ ตรวจสอบรถจักรหรือรถดีเซลรางให้มีอุปกรณ์ท่ีสมบูรณ์ ถ้าไม่สมบูรณ์ให้แจ้งทางหน่วยซ่อม เมือ่ อุปกรณ์ดงั กล่าวซอ่ มแล้วเสรจ็ จงึ จะน�ำรถออกไปทำ� ขบวน นอกจากนี้ยังมีการตง้ั เวทปี ราศรยั และเครื่องขยายเสียง ติดตัง้ ปา้ ยผ้า ฉายภาพยนตร์เก่ยี วกับข่าวของสหภาพฯ และมีการใช้รถส�ำหรับกระจายเสยี ง เพื่อประกาศชักชวน ใหพ้ นกั งานการรถไฟฯ มาฟงั การปราศรัยโจมตีการท�ำงานของผู้บริหารการรถไฟฯ รวมถึงท�ำหนงั สือแถลงการณ์ และหนังสือแถลงข่าว อ้างว่ากรณีขบวนรถด่วนขบวนที่ 84 (ตรัง-กรุงเทพ) ซ่ึงตกรางท่ีบริเวณสถานีเขาเต่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เกิดจากอุปกรณ์เดดแมนหรือวิจิแลนซ์ หรืออุปกรณ์อื่นของรถไฟ มีสภาพ ไม่สมบูรณ์ ใชก้ ารไมไ่ ด้ แตก่ ารรถไฟฯ กลับลงโทษไลพ่ นักงานขบั รถออกจากงาน และลงโทษตดั เงินเดือนพนักงานช่างเคร่อื ง และพนักงานรักษารถ จึงขอให้พนักงานการรถไฟฯ ไม่น�ำรถจักรดีเซลที่ไม่สมบูรณ์ ออกไปท�ำขบวนโดยเด็ดขาด อ้างว่าเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่พนักงานการรถไฟฯ สามารถท�ำได้ ตามท่ีกฎหมายแรงงานให้อ�ำนาจไว้ ตามข้อ ตกลงสภาพการจา้ ง โดยในการปราศรยั ดงั กล่าว ผถู้ ูกกลา่ วหาท่ี 11 ที่ 12 ท่ี 15 ท่ี 16 ที่ 21 และท่ี 22 สับเปลยี่ น หมุนเวียนกันข้ึนพูดปราศรัยบนเวที เพ่ือเรียกร้องให้พนักงานการรถไฟฯ ร่วมกันหยุดงานเน่ืองจากอุปกรณ์เดดแมน และอุปกรณ์วิจแิ ลนซ์ไมส่ มบูรณ์ และเปน็ เหตุให้รถไฟเกดิ อุบัติเหตุ ทงั้ ทีข่ อ้ เทจ็ จริงในชัน้ สอบสวนของการรถไฟฯ 128 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ

และในชั้นศาลรับฟังสอดคล้องกันว่าอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดจากพนักงานขับรถและพนักงานช่างเครื่องหลับใน เน่ืองจากรับประทานยาแก้แพ้มิได้เกิดจากอุปกรณ์เดดแมนหรือวิจิแลนซ์ไม่สมบูรณ์และไม่เคยปรากฏตาม รายงานของการรถไฟฯ ว่าเคยเกิดอบุ ัติเหตเุ นอ่ื งจากอปุ กรณ์เดดแมนหรอื วจิ ิแลนซช์ ำ� รุดแตอ่ ย่างใด และสืบเนื่องจาก การปราศรัยของผู้ถูกกล่าวหาที่ 11 ท่ี 12 ท่ี 15 ท่ี 16 ที่ 21 และท่ี 22 ดังกล่าว ท�ำให้เกดิ เหตกุ ารณช์ ุมนมุ ประทว้ ง ที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ ซึ่งมผี ถู้ ูกกล่าวหาท่ี 1 ที่ 3 ท่ี 6 และท่ี 8 ถงึ ท่ี 10 ร่วมกันเปน็ แกนน�ำในการยยุ ง ชกั ชวน ปลุกปั่น ดังกล่าว ท�ำให้พนักงานขับรถ พนักงานช่างเคร่ือง และพนักงานส่วนอ่ืนของการรถไฟฯ สถานีรถไฟ หาดใหญ่หลงเชื่อร่วมกันลาหยุดเป็นจ�ำนวนมาก และมีพนักงานการรถไฟฯ บางส่วนออกมาร่วมฟังการปราศรัย โจมตกี ารทำ� งานของผวู้ า่ การฯ และผบู้ ริหารของการรถไฟฯ การกระท�ำดงั กลา่ วสง่ ผลให้สถานีรถไฟหาดใหญไ่ มม่ ี รถไฟออกให้บริการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและการรถไฟได้รับความเสียหาย เป็นเงินจ�ำนวน 15 ล้านบาท ท�ำให้พนักงานบางส่วนเกรงกลัวว่าจะเกิดอันตราย จึงไม่ปฏิบัติหน้าท่ีขับรถไฟ ทั้งที่ผู้บริหารของการรถไฟฯ ได้พยายามแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวเร่ือยมาโดยยอมปฏิบัติตามข้อเรียกร้อง ของกลุ่มผู้ชุมนุมแต่ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างใด โดยในเร่ืองน้ีศาลฎีกาแผนกคดีแรงงาน มีค�ำพิพากษายืนตาม คำ� พพิ ากษาศาลชั้นตน้ ว่าการกระทำ� ของผ้ถู กู กลา่ วหาถือเปน็ การชกั ชวน ยยุ งให้พนักงานหยุดปฏบิ ัติหน้าท่ีกับทั้ง ขัดขวางมใิ ห้พนกั งานขับรถและพนักงานช่างเครือ่ งทจี่ ะปฏบิ ัตหิ น้าท่มี ิใหป้ ฏบิ ัตหิ นา้ ที่ ละทงิ้ หน้าที่ และขดั ค�ำสง่ั ผู้บังคับบัญชาที่ส่ังโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้การรถไฟฯ ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง เป็นเงินจ�ำนวน 15,000,000 บาท (สิบห้าลา้ นบาทถ้วน) มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายวริ ฬุ ห์ สะแกคุ้ม ผู้ถกู กลา่ วหาที่ 1 นายประชานวิ ัฒน์ บวั ศรี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นายนติ ินัย ไชยภูมิ ผูถ้ กู กลา่ วหาที่ 6 นายสรวฒุ ิ พอ่ ทองค�ำ ผูถ้ ูกกลา่ วหาที่ 8 นายธวัชชยั บุญวิสูตร ผูถ้ ูกกล่าวหาที่ 9 นายสาโรจน์ รักจันทร์ ผ้ถู ูกกล่าวหาท่ี 10 นายสาวทิ ย์ แกว้ หวาน ผถู้ ูกกล่าวหาท่ี 11 นายธารา แสวงธรรม ผูถ้ ูกกล่าวหาท่ี 12 นายเหล่ียม โมกงาม ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 14 นายภิญโญ เรือนเพ็ชร ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 15 นายอรุณ ดีรักชาติ ผ้ถู กู กล่าวหาท่ี 16 นายบรรจง บุญเนตร์ ผถู้ ูกกล่าวหาที่ 21 และนายสพุ ิเชฐ สวุ รรณชาตรี ผูถ้ ูกกล่าวหาท่ี 22 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ละท้ิงงานหรือกระท�ำการอย่างใด ๆ เพ่ือให้งานหยุดชะงักหรือ เสียหายโดยร่วมกระท�ำการเช่นนั้นด้วยกันต้ังแต่ห้าคนขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 166 และ มมี ูลความผดิ ทางวินยั อยา่ งร้ายแรง ฐานขัดค�ำส่งั ผบู้ ังคับบัญชาท่ีส่ังโดยชอบด้วยหน้าทกี่ ารงาน และการขัดค�ำสง่ั นน้ั เป็นเหตุให้เสียหายหรืออาจเสียหายแก่กิจการรถไฟแห่งประเทศไทย และฐานประพฤติช่ัวอย่างร้ายแรง ตามข้อบังคับการรถไฟแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 3.5 ระเบียบวินัยและการลงโทษพนักงานของการรถไฟแห่ง ประเทศไทย (ปรบั ปรุงใหม่) ลงวันท่ี 18 กรกฎาคม 2537 ขอ้ 4 (ง) และข้อ 6 (7) การดำ� เนนิ การ การดำ� เนินการทางวนิ ยั ส่งรายงาน สำ� นวนการไตส่ วน เอกสารหลกั ฐาน และค�ำวนิ ิจฉัยไปยังผ้บู งั คับบัญชา เพอ่ื ดำ� เนนิ การทางวนิ ัยกบั นายวิรฬุ ห์ สะแกค้มุ นายประชานวิ ฒั น์ บวั ศรี นายนิตนิ ยั ไชยภูมิ นายสรวฒุ ิ พอ่ ทองคำ� นายธวชั ชัย บุญวสิ ตู ร นายสาโรจน์ รกั จนั ทร์ นายสาวิทย์ แก้วหวาน นายธารา แสวงธรรม นายเหลย่ี ม โมกงาม นายภญิ โญ เรอื นเพช็ ร นายอรณุ ดรี กั ชาติ นายบรรจง บุญเนตร์ และนายสพุ ิเชฐ สุวรรณชาตรี ตามฐานความผิด ดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) แลว้ แต่กรณี การดำ� เนนิ การทางอาญา ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลกั ฐาน สำ� เนาอิเล็กทรอนกิ ส์ และ คำ� วินิจฉัยไปยังอยั การสงู สุด เพื่อด�ำเนินคดอี าญาในศาลซึง่ มเี ขตอ�ำนาจพิจารณาพพิ ากษาคดี รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ 129

2. เรื่องกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดส�ำนักงาน อ.ต.ก. เขต 9 องค์การตลาดเพ่ือเกษตรกร กรณีรับทรัพย์สินส�ำหรับตนเองโดยมิชอบ เพื่อกระท�ำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ ขณะปฏิบัติหน้าท่ีหัวหน้าคลังสินค้า บริษัท พิจิตรโรงสีร่วมเจริญ 2 ไรซ์ จ�ำกัด และคลังสินค้าสยามกสิกิจ ไรซ์มิล จ�ำกัด คณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ตชิ มี้ ลู ความผิด เมอ่ื วันท่ี 22 มกราคม 2562 พฤติการณ์ นายประทปี อยสู่ ถาพร เมื่อครงั้ ด�ำรงต�ำแหนง่ รองผจู้ ดั การเขต 9 สำ� นกั งาน อ.ต.ก. เขต 9 จังหวัดอุดรธานี องค์การตลาดเพ่ือเกษตรกร ได้รับแต่งต้ังให้เป็นหัวหน้าคลังสินค้าบริษัท พิจิตรโรงสีร่วมเจริญ 2 ไรซ์ จ�ำกัด และคลังสินค้าสยามกสิกิจ ไรซ์มิล จ�ำกัด ได้ร่วมกับบริษัท ซัลมาล อินสเปคชั่น จ�ำกัด ในฐานะ นิติบคุ คล นายชาลี บซู่ นั ในฐานะกรรมการผจู้ ัดการฯ และนายสุรเดช ยนู ุต นายรอฟิก มะรุมดี นายบุญหมาย กุหลาบวรรณ นายรุจศิษฏ์ บู่ซัน นายพูนศักดิ์ อีซา ในฐานะพนักงานของบริษัท ซัลมาล อินสเปคชั่น จ�ำกัด มีหนา้ ทตี่ รวจสอบคุณภาพของขา้ วสารและตรวจนบั จำ� นวนขา้ วสารทีจ่ ัดเก็บในคลังสนิ ค้า ทั้งสองแห่ง ด�ำเนนิ การ ตรวจรับข้าวสารในโครงการรับจ�ำน�ำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2546/2547 เข้าเก็บในคลังสินค้าท้ังสองแห่งแล้ว และท�ำให้ข้าวสารปกี ารผลิต 2545/2546 และโครงการอ่นื ๆ ซึง่ เป็นขา้ วสารทบ่ี ริษทั เพรซเิ ดน้ ท์ อะกรเิ ทรดด้ิง จ�ำกัด ในฐานะนิติบุคคล และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ในฐานะกรรมการผู้จัดการฯ เป็นผู้ประมูลซ้ือข้าวสาร ของจงั หวดั พิจิตรไปท้งั หมด เข้าไปอยู่ในคลงั สินค้าทงั้ สองดงั กล่าวเป็นจำ� นวนมาก และยินยอมให้มกี ารน�ำข้าวสาร ตามโครงการรบั จ�ำนำ� ขา้ วเปลอื ก ปีการผลติ 2546/2547 ท่ีรับมอบเข้าเก็บไว้แลว้ ออกไปโดยมิชอบ โดยนายประทปี อยู่สถาพร ได้รบั ทรัพย์สนิ จากการกระท�ำอันมชิ อบด้วยหน้าทด่ี งั กล่าว มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. 1. นายประทปี อยสู่ ถาพร ผู้ถกู กล่าวหาท่ี 1 มีมลู ความผิดทางอาญา ฐานเป็นพนักงาน เรยี ก รบั หรือ ยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดส�ำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระท�ำการหรือไม่กระท�ำการอย่างใด ในหน้าท่ี ไม่ว่าการน้ันจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าท่ี ฐานเป็นพนักงานมีหน้าท่ีจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้ อ�ำนาจหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์การหรือหน่วยงาน และฐานเป็นพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ตามพระราชบญั ญัตวิ ่าดว้ ยความผิดของพนกั งานในองค์การหรือหนว่ ยงานของรัฐ พ.ศ. 2512 มาตรา 6 มาตรา 8 และมาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 และมาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวนิ ัย อย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ ฐานจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของ อ.ต.ก. เป็นเหตุให้เสียหายแก่ อ.ต.ก. อย่างรา้ ยแรง ฐานขดั คำ� สงั่ ผ้บู งั คบั บัญชาซ่ึงส่งั ในกจิ การของ อ.ต.ก. โดยชอบ และการขดั ค�ำสั่งนนั้ เปน็ เหตุ ให้เสียหายแก่ อ.ต.ก. อย่างร้ายแรง และฐานกระท�ำการหรือยอมให้ผู้อื่นกระท�ำการอ่ืนใดอันได้ช่ือว่าเป็น ผู้ประพฤติช่ัวอย่างร้ายแรง ตามข้อบังคับองค์การตลาดเพ่ือเกษตรกร ฉบับท่ี 1 ว่าด้วยพนักงานและลูกจ้าง พ.ศ.2544 ลงวันที่ 16 มนี าคม 2544 ขอ้ 61 (4) (5) (6) และ (9) 2. บริษัท ซัลมาน อินสเปคช่ัน จ�ำกัด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายชาลี บู่ซัน ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 3 นายสุรเดช ยูนุต ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นายรอฟิก มะรุมดี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 นายบุญหมาย กุหลาบวรรณ ผูถ้ ูกกลา่ วหาที่ 6 นายรจุ ศษิ ฏ์ บ่ซู ัน ผ้ถู กู กล่าวหาที่ 7 และนายพูนศกั ดิ์ อีซา ผ้ถู กู กล่าวหาท่ี 8 มมี ูลความผดิ อาญา ฐานเปน็ ผูส้ นับสนนุ พนกั งาน มหี น้าท่ีจดั การหรอื รักษาทรพั ยใ์ ด ๆ ใช้อำ� นาจหน้าทโี่ ดยทจุ รติ อนั เป็นการเสียหาย แก่องค์การหรือหน่วยงาน และฐานเป็นผู้สนับสนุนพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2512 มาตรา 8 และมาตรา 11 ประกอบ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และมาตรา 90 3. บริษัท เพรซิเด้นท์ อะกริเทรดด้ิง จ�ำกัด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ผู้ถูกกลา่ วหาที่ 10 มีมลู ความผิดทางอาญา ฐานเปน็ ผู้สนบั สนนุ พนกั งาน เรียก รบั หรือยอมจะรบั ทรพั ยส์ ินหรอื 130 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ

ประโยชนอ์ ่ืนใด สำ� หรบั ตนเองหรอื ผ้อู ื่นโดยมิชอบเพอ่ื กระท�ำการหรือไมก่ ระท�ำการอย่างใดในหน้าท่ี ไมว่ ่าการนนั้ จะชอบหรือมชิ อบดว้ ยหน้าที่ ฐานเป็นผ้สู นับสนุนพนักงาน มหี น้าทจ่ี ัดการหรอื รักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อ�ำนาจหนา้ ท่ี โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์การหรือหน่วยงาน และฐานเป็นผู้สนับสนุนพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจรติ ตามพระราชบญั ญตั ิวา่ ด้วยความผิดของพนักงานในองคก์ ารหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2512 มาตรา 6 มาตรา 8 และมาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และมาตรา 90 การดำ� เนินการ การด�ำเนินการทางวินัย เนื่องจากองค์การตลาดเพ่ือเกษตรกร (อ.ต.ก.) ได้มีค�ำส่ังท่ี 114/2550 ลงวนั ที่ 27 พฤศจกิ ายน 2550 ไลน่ ายประทปี อยสู่ ถาพร ผู้ถกู กลา่ วหาท่ี 1 ออกจากงานแล้ว จึงไม่มเี หตทุ ีจ่ ะต้อง ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และค�ำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อด�ำเนินการทางวินัย ตามพระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (2) อกี ให้มหี นังสอื แจ้งผลการพจิ ารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ใหผ้ ูบ้ งั คับบญั ชาทราบ การด�ำเนินการทางอาญา ส่งรายงาน ส�ำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน ส�ำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำ� วนิ ิจฉยั ไปยังอยั การสงู สุด เพอื่ ด�ำเนนิ คดีอาญาในศาลซง่ึ มีเขตอ�ำนาจพิจารณาพิพากษาคดกี บั นายประทีป อยู่สถาพร ผู้ถกู กล่าวหาที่ 1 บริษทั ซลั มาน อินสเปคชน่ั จำ� กัด ผ้ถู กู กลา่ วหาที่ 2 นายชาลี บซู่ นั กรรมการผู้จดั การ บริษัท ซัลมาน อินสเปคชั่น จ�ำกัด ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 3 นายสุรเดช ยูนุต ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นายรอฟิก มะรุมดี ผู้ถกู กลา่ วหาที่ 5 นายบุญหมาย กุหลาบวรรณ ผ้ถู ูกกล่าวหาที่ 6 นายรุจศษิ ฏ์ บซู่ ัน ผู้ถกู กล่าวหาท่ี 7 นายพูนศกั ด์ิ อีซา ผถู้ กู กลา่ วหาที่ 8 บริษัท เพรซเิ ดน้ ท์ อะกริเทรดดิ้ง จ�ำกดั ผู้ถูกกลา่ วหาท่ี 9 และนายอภชิ าติ จนั ทรส์ กลุ พร ผู้ถูกกล่าวหาท่ี 11 ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) ทั้งนี้ จากการไต่สวนข้อเท็จจริงปรากฏว่า มีการด�ำเนินการน�ำข้าวสาร โครงการปี 2545/2546 และโครงการอน่ื ๆ ของจงั หวัดพจิ ติ ร เขา้ เกบ็ ในคลังสนิ คา้ บรษิ ทั พจิ ติ รร่วมเจริญ 2 ไรซ์ จำ� กดั และคลังสินคา้ บริษัท สยามกสิกิจไรซ์มิลล์ จ�ำกัด ในโครงการรับจ�ำน�ำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2546/2547 ไม่ถูกต้อง จำ� นวน 159,941 กระสอบ ซงึ่ ปรากฏวา่ ราคาขา้ วสารปีการผลิต 2546/2547 มีราคาสูงกวา่ ราคาปกี ่อนกระสอบ ละประมาณ 261.51 บาท โดยตรวจสอบราคาข้าวสารในชว่ งเดือนมกราคม 2547 มรี าคาเฉลย่ี กระสอบละ 867.61 บาท เปรียบเทียบกับราคาข้าวสารท่ีบริษัท เพรซิเด้นท์ อะกริเทรดดิ้ง จ�ำกัด ประมูลข้าวสารโครงการรับจ�ำน�ำปี 2545/2546 จาก อ.ต.ก. มีราคาเฉลย่ี กระสอบละ 739.34 บาท ซ่ึงมสี ว่ นตา่ งกระสอบละประมาณ 128.26 บาท รวมค่าแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสารตามสัญญากระสอบละ 95.24 บาท และค่ากระสอบบรรจุข้าวสาร กระสอบละ 37 บาท โดยค�ำนวณอ้างอิงข้อมูลจากส�ำเนาหนังสือกรมการค้าต่างประเทศ ท่ี พณ 1317/2676 ลงวันท่ี 13 มถิ นุ ายน 2547 ทแ่ี นบเอกสารสรปุ การอนุมัตจิ ำ� หนา่ ยขา้ วสาร ตามโครงการ รบั จ�ำนำ� ขา้ วเปลือกนาปี ปีการผลิต 2546/2547 ของ อ.ต.ก. และส�ำเนาสรุปการจ�ำหน่ายข้าวสารในคลังสินค้า โครงการรับจ�ำน�ำข้าว เปลอื กนาปี ปกี ารผลิต 2545/2546 ของ อ.ต.ก. ตามหนังสือที่ พณ 1317/13 ลงวันท่ี 14 พฤษภาคม 2546 เป็นเงินประมาณ 41,664,371 บาท ให้มีหนังสือแจ้งให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรด�ำเนินการให้ผู้ถูกกล่าวหา หรือผู้ซึ่งเก่ียวข้องกับความเสียหายที่เกิดข้ึน ชดใช้ค่าเสียหาย จ�ำนวน 41,664,370 บาท ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 82 วรรคสอง ประกอบ มาตรา 93 วรรคสอง การชม้ี ูลความผดิ ทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยงั ไม่ถือเปน็ ที่สุด ผ้ถู กู กลา่ วหายังเปน็ ผู้บริสทุ ธิจ์ นกวา่ จะมีค�ำพิพากษาของศาลอันถงึ ท่ีสุด รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ 131

ค�ำพพิ ากษาคดอี าญา และคดเี กี่ยวกับการตรวจสอบทรพั ย์สินทีค่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำ� เนนิ การย่ืนฟ้องคดีเองและท่เี ป็นเรือ่ งสำ� คัญ และเปน็ ท่ปี ระจกั ษต์ อ่ สงั คม 1. ศาลฎกี าแผนกคดอี าญาของผดู้ �ำรงตำ� แหน่งทางการเมอื ง คดีหมายเลขด�ำที่ อม.3/2551 คดหี มายเลขแดง ที่ อม. 4/2551 ระหว่าง คณะกรรมการตรวจสอบการกระท�ำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ พันต�ำรวจโทหรือนายทักษิณ ชินวัตร จ�ำเลย กรณีส่ังการให้ธนาคารเพ่ือการส่งออกและน�ำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) อนุมัติให้เงินกู้แก่รัฐบาล สหภาพพม่า จ�ำนวน 4,000 ล้านบาท เพ่ือด�ำเนินโครงการจัดซ้ืออุปกรณ์กิจการโทรคมนาคมจากบริษัทในเครือ ชินคอรป์ อเรชนั่ จ�ำกัด (มหาชน) มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เม่ือวันที่ 31 มนี าคม 2551 คณะกรรมการตรวจสอบการกระท�ำทก่ี ่อใหเ้ กิดความเสยี หายแก่รัฐ (คตส.) ในการประชุมครัง้ ท่ี 14/2551 มมี ติวา่ การกระทำ� ของพันตำ� รวจโท ทกั ษิณ ชนิ วัตร เมือ่ ครง้ั ด�ำรงต�ำแหน่งนายก รฐั มนตรี มีมลู ความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157 การดำ� เนนิ การ เม่อื วนั ท่ี 28 ธันวาคม 2560 พนกั งานคดี ผู้รับมอบอำ� นาจจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ ไดย้ น่ื ค�ำร้อง ขอให้ยกคดีหมายเลขด�ำที่ อม.3/2551 ขึ้นพิจารณาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง และเม่ือวันท่ี 12 มีนาคม 2561 ศาลได้มีค�ำสั่งให้ยกคดีขึ้นพิจารณา โดยพนักงานคดีผู้รับมอบอ�ำนาจจาก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินกระบวนพิจารณาในศาลช้ันนัดพิจารณาคร้ังแรก ชั้นตรวจพยานหลักฐาน และช้นั ไตส่ วนพยานโจทก์จนเสรจ็ สิ้นกระบวนการ ผลคำ� พิพากษา เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2562 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง ได้มี ค�ำพพิ ากษา ในคดหี มายเลขดำ� ที่ อม.3/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม.4/2551 ว่าการกระท�ำของจ�ำเลย เปน็ ความผดิ ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าท่ีจัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพ่ือประโยชน์ส�ำหรับตนเองหรือผู้อ่ืน เน่ืองด้วยกิจการน้ัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 องค์คณะโดยมติเสยี งขา้ งมากเหน็ ว่า ไม่จ�ำตอ้ งปรบั บทความผดิ ตามมาตรา 157 ต่อไป พิพากษาใหจ้ �ำคุกจำ� เลย เป็นเวลา 3 ปี และใหอ้ อกหมายจบั จำ� เลยมาบังคบั คดตี ามคำ� พพิ ากษาของศาลฎีกาแผนกคดอี าญาของผ้ดู ำ� รงต�ำแหนง่ ทางการเมอื ง ต่อไป บดั นี้ คดีถงึ ท่สี ดุ แล้ว โดยศาลได้ออกหนังสอื รับรองคดีถงึ ที่สดุ แล้ว 132 รายงานประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ

2. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขด�ำท่ี อม.1/2551 คดีหมายเลข แดงที่ อม.10/2552 ระหว่าง คณะกรรมการตรวจสอบการกระท�ำท่ีก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ พันต�ำรวจโท หรือนายทักษิณ ชินวัตร จ�ำเลยท่ี 1 กบั พวกรวม 47 คน จำ� เลย กรณกี ล่าวหาเก่ียวกบั การทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว ของสำ� นกั งานสลากกินแบง่ รัฐบาล มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. คณะกรรมการตรวจสอบการกระท�ำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้มีมติช้ีมูลความผิด พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ที่ 1 กับพวกรวม 47 คน จ�ำเลย มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 152, 153, 154, 157 ประกอบมาตรา 83 84, 86, 90, 91 ความผดิ ตามพระราชบัญญัตวิ า่ ด้วยความผดิ ของพนักงานในองค์การหรอื หนว่ ยงานของรฐั พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 4, 8, 9, 10, 11 การดำ� เนินการ เม่ือวันท่ี 28 ธันวาคม 2560 พนักงานคดีผู้รับมอบอ�ำนาจจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ ได้ยื่นค�ำร้องขอให้ยกคดีหมายเลขด�ำที่ อม.1/2551 คดีหมายเลขแดงท่ี อม.10/2552 ขึ้นพิจารณาต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง และเม่ือวันท่ี 12 มีนาคม 2561 ศาลได้มีค�ำสั่งให้ยกคดีข้ึน พิจารณา โดยพนักงานคดีผู้รับมอบอ�ำนาจจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินกระบวนพิจารณาในศาลช้ันนัด พิจารณาครัง้ แรก ช้ันตรวจพยานหลกั ฐาน และช้ันไตส่ วนพยานโจทก์จนเสรจ็ สน้ิ กระบวนการ ผลค�ำพิพากษา เม่อื วนั ที่ 6 มิถุนายน 2562 ศาลฎกี าแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงตำ� แหน่งทางการเมอื ง ไดม้ คี ำ� พพิ ากษา ในคดหี มายเลขดำ� ที่ อม.1/2551 คดหี มายเลขแดงที่ อม.10/2552 พพิ ากษาวา่ การกระท�ำของจ�ำเลยที่ 1 เป็นการ ปฏบิ ตั หิ นา้ ท่โี ดยมชิ อบเพ่อื ใหเ้ กดิ ความเสียหายแกผ่ ูอ้ ืน่ โดยร่วมกระท�ำการกบั จ�ำเลยที่ 10 ที่ 31 และที่ 42 ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) ประกอบมาตรา 83 และมีมติเสียงข้างมากให้ลงโทษจ�ำคกุ 2 ปี ขอ้ หา และคำ� ขออื่นนอกจากน้ีให้ยก และให้ออกหมายจบั จ�ำเลยที่ 1 มาบงั คับคดตี ามค�ำพพิ ากษาของศาลฎกี าแผนกคดี อาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง ต่อไป บดั น้ี คดถี ึงที่สุดแล้ว โดยศาลไดอ้ อกหนงั สอื รับรองคดถี งึ ท่ีสุดแล้ว 3. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 คดีหมายเลขด�ำท่ี อท 7/2562 คดีหมายเลขแดงท่ี อท. 49/2562 ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายสราวุธ สีสาคูคาม หรือศรีสาคูคาม ท่ี 1 (นายกองคก์ ารบรหิ ารส่วนตำ� บลไมข้ าว อ.ถลาง จ.ภเู ก็ต) กบั พวกรวม 7 คน จ�ำเลย กรณที ุจรติ ตรวจรับงาน จา้ งและ เบิกจ่ายเงินคา่ จา้ งใหก้ ับผู้รบั จา้ งตามโครงการกอ่ สรา้ งถนนลาดยางแอสฟลั ทต์ กิ คอนกรตี พร้อมทางเทา้ และระบบไฟฟ้าบริเวณทางเข้าป่าพรุจิก หมู่ที่ 3 และ หมู่ท่ี 4 ขององค์การบริหารส่วนต�ำบลไม้ขาว อ�ำเภอถลาง จงั หวดั ภเู กต็ ในขณะทกี่ ารกอ่ สรา้ งยงั ไม่แล้วเสรจ็ ตามสัญญาจ้าง มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. การประชมุ คร้ังที่ 922 - 93/2560 เมอ่ื วนั ที่ 30 พฤศจิกายน 2560 ที่ประชมุ พิจารณาแล้ว มีมตเิ ป็น เอกฉันท์ ดว้ ยคะแนนเสยี ง 6 เสยี ง เหน็ ชอบตามความเห็นของคณะอนกุ รรมการไตส่ วน ชี้มลู ความผดิ ทางอาญา แก่นายสราวุธ สีสาคูคาม กับพวกรวม 7 คน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 ประกอบ มาตรา 83 มาตรา 86 และมมี ลู ความผิดทางวนิ ยั อยา่ งรา้ ยแรง และใหส้ ง่ รายงาน เอกสาร และความเหน็ ไปยัง ผบู้ งั คับบญั ชา เพ่ือพิจารณาโทษทางวินัยกับนายมวล ทพิ รัตน์ และไปยงั อัยการสงู สุดเพอ่ื ด�ำเนินคดีอาญาในศาล ซึ่งมเี ขตอำ� นาจพจิ ารณาพพิ ากษาคดี กบั นายสราวุธ สสี าคคู าม นายวิรตั ิ มาแก้ว นายมวล ทพิ รตั น์ นายอมฤต แซห่ งอ รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 133

นายบณั ฑูร รักรังสมิ ันต์สขุ นายประยงค์ วราสภานนท์ หุน้ ส่วนผู้จดั การ ห้างหุ้นสว่ นจำ� กัด ประยงคศ์ ิลปก์ ารโยธา และ หา้ งห้นุ สว่ นจ�ำกดั ประยงค์ศลิ ป์การโยธา ตามฐานความผดิ ดงั กล่าว ตามพระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 92 และมาตรา 97 แล้วแต่กรณี การดำ� เนินการ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 พนักงานคดีได้ยื่นฟ้องนายสราวุธ สีสาคูคาม หรือศรีสาคูคาม ท่ี 1 กบั พวกรวม 7 คน จำ� เลย ตอ่ ศาลอาญาคดที ุจรติ และประพฤติมชิ อบภาค 8 ผลคำ� พิพากษา เมื่อวนั ที่ 31 ตุลาคม 2562 ศาลอาญาคดีทุจรติ และประพฤตมิ ิชอบภาค 8 ไดม้ ีค�ำพิพากษาวา่ จ�ำเลยท่ี 1 มคี วามผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดมิ ), 157 (เดิม) ประกอบมาตรา 83 จำ� เลยท่ี 2 และจ�ำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดมิ ) ประกอบมาตรา 86 157 (เดิม) ประกอบมาตรา 83 จ�ำเลยที่ 4 ท่ี 5 ที่ 6 และท่ี 7 มีความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 การกระทำ� ของจำ� เลยท่ี 1 ที่ 2 และที่ 3 เป็นกรรมเดียวผิดตอ่ กฎหมายหลายบท ใหล้ งโทษจำ� เลยที่ 1 ฐานเป็นเจา้ พนกั งานใชอ้ �ำนาจในตำ� แหน่งโดยทุจรติ และลงโทษจ�ำเลยท่ี 2 ท่ี 3 ฐานเป็นผสู้ นับสนุนเจา้ พนักงาน ในการใชอ้ ำ� นาจในต�ำแหนง่ โดยทุจรติ อนั เป็นบทหนกั สดุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำ� เลยที่ 1 จ�ำคุก 5 ปี ลงโทษจ�ำคุกจ�ำเลยที่ 2 ถึง ท่ี 6 จ�ำคุก 3 ปี 4 เดือน และลงโทษจ�ำเลยที่ 7 ปรับ 12,000 บาท หากจ�ำเลยท่ี 7 ไม่ชำ� ระคา่ ปรับใหจ้ ัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 คดอี ยรู่ ะหวา่ งจำ� เลยยื่นอทุ ธรณ์ 4. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 คดีหมายเลขด�ำที่ อท.123/2561 คดีหมายเลขแดงที่ อท. 97/2562 ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นางมะลิจันทร์ ทิศาใต้ ท่ี 1 (นายกองค์การบริหาร ส่วนต�ำบลหนองหาน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี) กับพวกรวม 2 คน จ�ำเลย กรณีเรียกรับเงินเป็นค่าตอบแทน ในการอนุมัติเบิกจ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (โบนัส) ให้แก่พนักงานและลูกจ้างขององค์การ บรหิ ารส่วนต�ำบลหนองหาน และพิจารณาจ่ายเงินประโยชน์ตอบแทนอน่ื เปน็ กรณพี ิเศษ (โบนสั ) โดยมิชอบ มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. การกระทำ� ของนางมะลจิ นั ทร์ ทศิ าใต้ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจา้ พนักงาน เรียก รับ หรือยอม จะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใด ส�ำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระท�ำการหรือไม่กระท�ำการอย่างใด ในต�ำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าท่ี และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าท่ีโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 และการกระท�ำของว่าที่ร้อยตรี เสนีย์ อินทร์หา มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าท่ีราชการ ตามประกาศคณะกรรมการกลางพนักงาน ส่วนต�ำบล เร่ือง มาตรฐานทั่วไปเก่ียวกับวินัยและการรักษาวินัย และการด�ำเนินการทางวินัย ข้อ 3 วรรคสาม และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพ่ือให้เกิด ความเสยี หายแกผ่ ู้หน่งึ ผ้ใู ด หรือปฏบิ ัติหรอื ละเว้นการปฏิบตั ิหน้าที่โดยทจุ ริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ผลการดำ� เนนิ การ เม่ือวันท่ี 9 ตุลาคม 2561 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ด�ำเนินการน�ำตัวนางมะลิจันทร์ ทิศาใต้ ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน จ�ำเลย ไปฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 เป็นคดีหมายเลขด�ำท่ี อท. 123/2561 และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ได้ประทับฟ้องจ�ำเลยทั้งสองไว้พิจารณา และได้พิจารณาคดีดงั กล่าวแล้ว 134 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ

ผลคำ� พิพากษา เมื่อวันท่ี 31 กรกฎาคม 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ได้นัดฟังค�ำพิพากษา และอ่านค�ำพิพากษาวา่ จำ� เลยที่ 1 มคี วามผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และจำ� เลยที่ 2 มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ลงโทษจ�ำคุกจ�ำเลยท่ี 1 มีก�ำหนด 3 ปี และลงโทษจ�ำคุกจ�ำเลยท่ี 2 มีกำ� หนด 6 เดอื น และปรับ 2,000 บาท โทษจ�ำคกุ ใหร้ อการลงโทษไว้มกี �ำหนด 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำ� ระค่าปรบั ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และมาตรา 30 การอุทธรณ์ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ได้มีหมายแจ้งค�ำส่ังรับอุทธรณ์ของจ�ำเลยที่ 1 และสง่ สำ� เนาอทุ ธรณ์ ลงวนั ที่ 1 ตุลาคม 2562 แจ้งใหโ้ จทก์ แกอ้ ุทธรณ์ย่ืนต่อศาล และโจทก์ไดย้ ืน่ คำ� แกอ้ ุทธรณ์ ต่อศาลแลว้ เมือ่ วันท่ี 22 พฤศจิกายน 2562 5. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 คดีหมายเลขด�ำท่ี อท.30/2562 คดีหมายเลขแดงท่ี 48/2562 ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นายไพฑรู ย์ เทพศาสตรา ที่ 1 (ปลดั เทศบาลต�ำบลหนองแปน อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์) กับพวกรวม 3 คน จ�ำเลย กรณีลงลายมือชื่อรับรองในแบบรายงานการตรวจสอบ ค�ำขอรับเงินค่าเชา่ บา้ นและลงลายมอื ช่ือรับรองในแบบขอเบิกเงนิ ค่าเชา่ บา้ น (แบบ 73 ก) โดยทุจริต มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. คร้ังที่ 809 - 83/2559 ลงวนั ที่ 25 ตลุ าคม 2559 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชม้ี ูลความผิด การกระทำ� ของนายไพฑูรย์ เทพศาสตรา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นายสุรสิทธิ์ ภูมิผักแว่น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และ นายวิทยา จอมทรกั ษ์ ผถู้ ูกกลา่ วหาท่ี 3 มมี ลู ความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจา้ พนกั งาน ปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน้ การปฏบิ ตั ิหน้าท่ี โดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสยี หาย แก่ผู้หน่ึงผ้ใู ด หรือปฏิบัตหิ รอื ละเว้นการปฏบิ ัตหิ น้าทโ่ี ดยทจุ ริต ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมีมลู ความผิดทางวินยั อย่างร้ายแรง ฐานปฏบิ ัตหิ รือละเว้น การปฏิบัติหน้าท่ีราชการ โดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อ่ืนได้ประโยชน์ท่ีมิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าท่ี ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุ ให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานกระท�ำการอันได้ช่ือว่าเป็น ผู้ประพฤติช่ัวอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาล จังหวัดกาฬสินธุ์ เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 ข้อ 6 และมีมติคร้ังที่ 18/2562 เม่ือวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 ให้แต่งตั้ง พนกั งานคดีดำ� เนินการฟอ้ งคดีเอง การดำ� เนินการ เมอื่ วนั ที่ 27 กมุ ภาพนั ธ์ 2562 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยนื่ ฟ้องนายไพฑูรย์ เทพศาสตรา ที่ 1 กับพวก ตอ่ ศาลอาญาคดีทจุ รติ และประพฤตมิ ิชอบภาค 4 ผลคำ� พิพากษา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 มีค�ำพิพากษาว่าจ�ำเลยท่ี 3 มีความผิดตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ลงโทษจำ� คุกจำ� เลยทัง้ สามคนละ 1 ปี ปรบั คนละ 5,000 บาท จำ� เลยใหก้ ารรบั สารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษใหก้ ึ่งหน่งึ เป็นจำ� คุกคนละ 6 เดือน ปรบั คนละ 2,500 บาท โทษจำ� คกุ ให้รอการลงโทษ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ย่ืนอุทธรณ์ปัญหา ขอ้ กฎหมายกรณหี ลายกรรมตา่ งกัน รายงานประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ 135

6. ศาลฎกี าแผนกคดีอาญาของผดู้ ำ� รงต�ำแหนง่ ทางการเมือง คดีหมายเลขดำ� ท่ี อม.97/2561 คดหี มายเลขแดงที่ อม. 187/2561 ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ผ้รู อ้ ง พนั ต�ำรวจโท สุรทิน พิมานเมฆินทร์ (สมาชกิ สภาผ้แู ทน ราษฎร) ผู้ถูกกล่าวหา กรณีจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสินและเอกสารประกอบต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในระยะเวลาที่กฎหมายก�ำหนด และจงใจยนื่ บญั ชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้สี นิ และ เอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดว้ ยข้อความอนั เป็นเทจ็ หรอื ปกปดิ ข้อเทจ็ จรงิ ทค่ี วรแจง้ ให้ทราบ มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครง้ั ท่ี 954 - 25/2561 เมอื่ วันท่ี 15 มีนาคม 2561 มีมตเิ หน็ ชอบใหเ้ สนอเรอ่ื งใหศ้ าลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย กรณีพันต�ำรวจโท สุรทิน พิมานเมฆินทร์ สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร ปี 2554 จงใจไมย่ นื่ บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนสี้ นิ และเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในระยะเวลาท่ีกฎหมายก�ำหนด และจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหน้ีสินและเอกสาร ประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงท่ีควรแจ้งให้ทราบ กรณพี ้นจากตำ� แหนง่ และจงใจยืน่ บัญชแี สดงรายการทรัพย์สนิ และหน้สี ินและเอกสารประกอบตอ่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงท่ีควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากต�ำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา หน่ึงปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไข เพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 34 ห้ามมิให้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองหรือด�ำรงต�ำแหน่งใด ในพรรคการเมืองเป็น เวลาห้าปี นับแต่วันท่ีพ้นจากต�ำแหน่ง และขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 การดำ� เนนิ การ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ย่ืนค�ำร้องพันต�ำรวจโท สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ด�ำรงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง เมื่อวันท่ี 21 มิถุนายน 2561 ผลคำ� พพิ ากษา ศาลฎีกาแผนกคดอี าญาของผดู้ ำ� รงตำ� แหน่งทางการเมอื งมคี ำ� พิพากษาเมื่อวันที่ 1 พฤศจกิ ายน 2561 หา้ มมใิ ห้ผถู้ ูกกลา่ วหาดำ� รงต�ำแหน่งทางการเมอื งหรอื ดำ� รงตำ� แหนง่ ใดในพรรคการเมอื งเปน็ เวลาห้าปนี ับ แตว่ นั ที่ 9 ธันวาคม 2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากต�ำแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 การกระท�ำของ ผู้ถูกกลา่ วหาเป็นความผิดหลายกรรมตา่ งกัน จำ� คกุ กระทงละ 2 เดือน และปรบั กระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เปน็ จ�ำคุก 4 เดอื น และปรับ 16,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ คงจำ� คกุ 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏวา่ เคยได้รบั โทษจ�ำคุกมากอ่ น โทษจำ� คุกจึงใหร้ อการลงโทษไวม้ กี �ำหนด 1 ปี 136 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ

7. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขแดงที่ อท. 171/2562 คดหี มายเลขดำ� ท่ี อม.346/2561 ระหว่าง คณะกรรมการ ป.ป.ช. โจทก์ นางนาที รัชกิจประการ (สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร)ผู้ถูกกล่าวหา กรณีจงใจย่ืนบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบด้วย ขอ้ ความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเทจ็ จริงทีค่ วรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำ� แหน่ง และกรณีพ้นจากต�ำแหน่ง มตคิ ณะกรรมการ ป.ป.ช. คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมคร้ังท่ี 1040 - 111/2561 เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2561 ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า นางนาที รัชกิจประการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับต�ำแหน่ง และกรณีพ้นจากต�ำแหน่ง ให้เสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรงต�ำแหน่ง ทางการเมืองวินิจฉัย ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกต้ัง และขอให้ลงโทษทางอาญา เฉพาะกรณีพ้นจากต�ำแหน่ง ซ่ึงยังไม่ขาดอายุความ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1), มาตรา 81, มาตรา 167 ประกอบมาตรา 188 ผลการดำ� เนินการ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ย่ืนค�ำร้องขอใหศ้ าลวนิ จิ ฉยั เมอ่ื วันท่ี 25 ธันวาคม 2561 ผลคำ� พพิ ากษา ศาลฎีกาแผนกคดอี าญาของผดู้ ำ� รงต�ำแหน่งทางการเมือง ไดม้ ีค�ำพิพากษาเม่ือวนั ท่ี 9 กรกฎาคม 2562 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองหรือด�ำรงต�ำแหน่งใดในพรรคการเมือง เป็นเวลาห้าปี นับแต่ วันที่ 9 ธันวาคม 2556 ซง่ึ เปน็ วันทีผ่ ู้ถกู กลา่ วหาพน้ จากตำ� แหน่ง และลงโทษจ�ำคุก 2 เดือน ปรบั 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหน่ึง คงจ�ำคุก 1 เดือน และปรบั 4,000 บาท โทษจำ� คกุ ให้รอการลงโทษไว้มีก�ำหนด รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 137

2. ดา้ นปอ้ งกนั การทุจรติ ปี พ.ศ. 2562 : ปแี หง่ การเปลี่ยนแปลงครงั้ ส�ำคัญของการพฒั นางานด้านปอ้ งกนั การทุจริต ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 เป็นปแี หง่ การเปลย่ี นแปลงครั้งสำ� คัญของการพฒั นางานดา้ นการปอ้ งกัน การทุจริต ท้ังด้านกฎหมาย ด้านโครงสร้างองค์กร และด้านยุทธศาสตร์ของประเทศ เนื่องจากมีการประกาศใช้ กฎหมายท่ีเก่ียวข้องหลายฉบับ มีการประกาศใช้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580) และแผนแม่บทภายใต้ ยุทธศาสตรช์ าติ 23 ดา้ น คณะกรรมการ ป.ป.ช. และสำ� นกั งาน ป.ป.ช. ในฐานะองคก์ รหลักในการขบั เคลอื่ นงาน ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของประเทศ จึงได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและพัฒนาการท�ำงาน ในหลายมิติ โดยเฉพาะภารกิจงานด้านการป้องกันการทุจริตที่มีการพัฒนาให้มีความเป็นรูปธรรมและชัดเจน เพอื่ รองรบั กบั การเปลีย่ นแปลงท่ีเกดิ ข้นึ มิติการเปลีย่ นแปลงดา้ นกฎหมาย รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช 2560 มาตรา 63 บัญญัตใิ ห้ รัฐตอ้ งสง่ เสรมิ สนบั สนนุ และให้ความรู้แก่ประชาชนถงึ อันตรายท่เี กิดจากการทุจรติ และประพฤติมิชอบทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน และจัดให้ มีมาตรการและกลไกที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบดังกล่าวอย่างเข้มงวด รวมทั้งกลไกในการส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกันเพื่อมีส่วนร่วมในการรณรงค์ให้ความรู้ ต่อต้าน หรือช้ีเบาะแส โดยไดร้ ับความคุ้มครองจากรัฐตามที่กฎหมายบัญญัติ เพ่ือให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ สภานิติบัญญัติแห่งชาติจึงได้มีการตรา พระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ด้วยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 โดยก�ำหนดแนวทาง การดำ� เนนิ งาน ดา้ นการป้องกนั การทจุ รติ ไว้ในมาตรา 32 , 33 และ 35 ซึง่ มีรายละเอียดในแตล่ ะมาตราดงั น้ี มาตรา 32 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าท่ีและอ�ำนาจเสนอมาตรการ ความเห็น และเสนอแนะต่อ คณะรัฐมนตรี รัฐสภา ศาล องคอ์ ิสระ หรอื องคก์ รอยั การในเรอื่ งดงั ต่อไปนี้ (1) ปรบั ปรงุ การปฏิบตั ริ าชการ หรอื วางแผนโครงการของส่วนราชการ รฐั วสิ าหกิจ หรือหนว่ ยงานของรฐั เพือ่ ปอ้ งกนั หรือปราบปรามการทุจริต การกระท�ำความผิดต่อต�ำแหนง่ หนา้ ทร่ี าชการ หรือการกระท�ำความผดิ ตอ่ ต�ำแหน่งหน้าทใ่ี นการยุติธรรม (2) จัดให้มีมาตรการและกลไกท่ีมีประสิทธิภาพเพ่ือป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ทัง้ ในภาครฐั และภาคเอกชนอยา่ งเขม้ งวด (3) เสนอแนะให้มีการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือมาตรการใดที่เป็นช่องทาง ให้มี การทุจริตหรือประพฤตมิ ชิ อบ หรอื เปน็ เหตใุ หเ้ จ้าหน้าทข่ี องรัฐไม่อาจปฏบิ ตั หิ น้าทีใ่ ห้เกดิ ผลดีตอ่ ราชการได้ ในการจดั ท�ำมาตรการ ความเหน็ และข้อเสนอแนะตามวรรคหน่ึง คณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจจดั ใหม้ ี การรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในเร่ืองที่กระทบต่อประโยชน์สาธารณะก็ได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก�ำหนด เมื่อองค์กรตามวรรคหนึ่งได้รับแจ้งมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้วหากเป็นกรณีที่ไม่อาจด�ำเนินการได้ ให้แจ้งปัญหาและอุปสรรคต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบต่อไป ท้งั นี้ ไม่เกินเกา้ สบิ วนั นับแตไ่ ดร้ ับแจง้ จากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มาตรา 33 เพ่ือให้ประชาชนและหน่วยงานของรัฐมีส่วนร่วมและให้ความร่วมมือในการป้องกัน และปราบปรามการทจุ รติ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำ� หนดมาตรการและกลไกท่จี �ำเปน็ ต่อการดำ� เนนิ การในเร่อื ง ดงั ตอ่ ไปน้ี 138 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ

(1) การส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกันเพ่ือมีส่วนร่วมการรณรงค์ให้ความรู้ ต่อต้าน หรือชี้เบาะแส โดยได้รับความคุ้มครอง รวมท้ังจัดให้มีช่องทางการแจ้งข้อมูล เบาะแส หรือพยานหลักฐาน ส�ำหรับการกระท�ำ ความผิดท่ีอยู่ในหน้าท่ีและอ�ำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยช่องทางดังกล่าวต้องมีวิธีการที่ง่าย สะดวก ไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก และไม่ก่อผลร้ายกับผู้แจ้งดังกล่าว รวมท้ังด�ำเนินการเพื่อป้องกันการทุจริต ตลอดจน เสรมิ สรา้ งทศั นคตแิ ละค่านิยมเกี่ยวกบั ความซื่อสตั ย์สจุ รติ (2) ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนหน่วยงานของรัฐในการจัดให้มีกลไกการแจ้งเตือน กรณีพบว่า มีพฤตกิ ารณท์ ส่ี อ่ ว่าอาจมีการทุจริตในหนว่ ยงานของตน (3) ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความรู้ความเข้าใจท่ีถูกต้องเก่ียวกับอันตรายของการทุจริต รวมถึงค่านิยมท่ีเน้นการพ่ึงพาระบบอุปถัมภ์ในสังคม เพ่ือให้เกิดการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ อย่างกว้างขวาง (4) รับฟังข้อเสนอแนะจากประชาชนหรือหน่วยงานของรัฐเพื่อน�ำไปปรับปรุงการปฏิบัติหน้าที่ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และสำ� นักงานให้มปี ระสทิ ธิภาพย่ิงข้ึน ในการด�ำเนนิ การตาม (1) (2) และ (3) ใหค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช. แตง่ ตงั้ คณะกรรมการข้ึนคณะหน่งึ เพ่อื ให้คำ� เสนอแนะ ชว่ ยเหลือ และร่วมมอื ด�ำเนนิ การ คณะกรรมการตามวรรคสองใหป้ ระกอบดว้ ย ประธานกรรมการเปน็ ประธาน กรรมการทคี่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายจ�ำนวนหน่ึงคน เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ประธาน กรรมการการอุดมศึกษา ผู้อ�ำนวยการส�ำนักงบประมาณ เป็นกรรมการโดยต�ำแหน่ง ผู้แทนจากภาคเอกชน และภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตไม่เกินส่ีคน และผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน สามคนซ่ึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งต้ังเป็นกรรมการ การแต่งต้ังผู้แทนจากภาคเอกชนและภาคประชาสังคม และผู้ทรงคุณวุฒิให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก�ำหนด โดยให้ผู้แทนจากภาคเอกชน และภาคประชาสงั คม และผู้ทรงคุณวฒุ ิมีวาระการด�ำรงต�ำแหนง่ คราวละสามปี ให้เลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ โดยให้เลขาธิการแต่งต้ังพนักงานเจ้าหน้าท่ีเป็นผู้ช่วย เลขานุการไม่น้อยกว่าสองคน ทั้งน้ี คณะกรรมการดังกล่าวอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อช่วยเหลือ ในการปฏิบัตหิ นา้ ที่ หรือปฏิบัตกิ ารใด ๆ ตามทไี่ ดร้ ับมอบหมาย มาตรา 35 ในกรณีทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. มีเหตุ อันควรสงสัยว่ามีการด�ำเนินการอย่างใดในหน่วยงานของ “พระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญ รัฐอันอาจน�ำไปสู่การทุจริตหรือส่อว่าอาจมีการทุจริต ว่าดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ด�ำเนินการตรวจสอบโดยเร็ว พ.ศ. 2561 ก�ำหนดแนวทางการดำ� เนนิ งาน ถ ้ า ผ ล ก า ร ต ร ว จ ส อ บ ป ร า ก ฏ ว ่ า ก ร ณี มี เ ห ตุ อั น ค ว ร ด้านการป้องกนั การทุจริตไวใ้ นมาตรา 32 ระมดั ระวัง คณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจมมี ติดว้ ยคะแนน เสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของกรรมการทั้งหมดเท่าท่ีมี มาตรา 33 และมาตรา 35” อยู่มีหนังสือแจ้งให้หน่วยงานของรัฐดังกล่าวและ คณะรัฐมนตรีทราบ พร้อมด้วยข้อเสนอแนะแนวทาง แก้ไข หน่วยงานของรัฐและคณะรัฐมนตรีมีหน้าท่ีต้องด�ำเนินการตามควรแก่กรณีเพ่ือป้องกันมิให้เกิด การทุจริตหรือเกิดความเสียหายต่อประโยชน์ของรัฐหรือประชาชนโดยเร็วและถ้าไม่เกี่ยวกับความลับของ ทางราชการใหเ้ ปดิ เผยให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ 139

มติ ิการเปล่ียนแปลงด้านโครงสร้างองค์กร ภายหลังการประกาศใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 เมื่อวันท่ี 21 กรกฎาคม 2561 คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้มีการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ และหน้าที่และอ�ำนาจของส่วนราชการในสังกัดส�ำนักงาน ป.ป.ช. เพ่ือรองรับภารกิจด้านการป้องกันการทุจริต ที่ชัดเจนมากยิ่งข้ึน อันจะส่งเสริมให้ภารกิจด้านการปราบปรามการทุจริตลดลง และส่งผลให้ระดับคะแนนดัชนี การรับรู้การทุจริตของประเทศ (Corruption Perceptions Index : CPI) เป็นไปตามเป้าหมายที่ก�ำหนดไว้ โดยไดม้ ี การแบง่ กลุ่มภารกิจปอ้ งกนั การทุจรติ ออกเปน็ 6 ส�ำนกั ประกอบดว้ ย 1. สำ� นกั เฝ้าระวงั และประเมินสภาวการณท์ จุ รติ 2. สำ� นักประเมนิ คณุ ธรรมและความโปร่งใส 3. สำ� นักต้านทุจรติ ศึกษา 4. สำ� นักมาตรการเชงิ รุกและนวตั กรรม 5. สำ� นักสง่ เสรมิ และบูรณาการการมีสว่ นร่วมต้านทจุ รติ 6. สำ� นักพัฒนาและสง่ เสริมธรรมาภิบาล นอกจากน้ี ไดม้ ีการแบ่งกลุ่มภารกิจปฏิบัติการพ้ืนที่ ออกเปน็ สำ� นกั งาน ป.ป.ช.ภาค จำ� นวน 9 แห่ง และ สำ� นกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำจงั หวัด จ�ำนวน 76 แห่ง ท�ำให้การขับเคลื่อนงานด้านปอ้ งกนั การทจุ รติ ในมิตพิ ้นื ทีเ่ ป็นไป อย่างมีประสทิ ธภิ าพมากยง่ิ ขึ้น มติ กิ ารเปลย่ี นแปลงดา้ นยุทธศาสตรข์ องประเทศ การแก้ไขปัญหาด้านทุจริตคอร์รัปชันในสังคมไทย ได้ถูกหยิบยกข้ึนเป็นเร่ืองส�ำคัญในการพัฒนา ประเทศอันจะเห็นได้จากเรื่องดังกล่าวได้รับการบรรจุไว้ใน ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ยุทธศาสตร์ที่ 6 ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ โดยก�ำหนดไว้ในประเด็น ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 4.6 ภาครฐั มคี วามโปรง่ ใส ปลอดการทจุ ริตและประพฤติมชิ อบ ทกุ ภาคสว่ นร่วมต่อต้านการทจุ รติ ภาครัฐมีการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาลและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในทุกระดับ โดยเฉพาะ การสร้างวัฒนธรรมแยกแยะประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมของบุคลากรภาครัฐให้เกิดข้ึน รวมท้ัง สร้างจิตส�ำนึกและค่านิยมให้ทุกภาคส่วนต่ืนตัวและละอายต่อการทุจริตประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ พร้อมท้ัง ส่งเสริม สนับสนุนให้ภาคีองค์กรภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ชุมชน ประชาชน และภาคีต่าง ๆ มีส่วนร่วม ในการสอดส่อง เฝ้าระวัง ให้ข้อมูล แจ้งเบาะแสการทุจริต และตรวจสอบการด�ำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ และภาคสว่ นอน่ื ๆ โดยไดร้ บั ความคมุ้ ครองจากรัฐตามที่กฎหมายบัญญัติ เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ประเด็นที่ 4.6 ภาครัฐมีความโปร่งใส ปลอดการทุจริตและประพฤติมิชอบ สามารถบังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม รัฐบาลได้มีการจัดท�ำ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นท่ี 21 การต่อตา้ นการทุจรติ และประพฤตมิ ชิ อบ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้ภาครัฐมีความโปร่งใส ปลอด “เป้าหมายคือการยกระดับประเทศไทยให้มี การทุจริตและประพฤติมิชอบ ผ่าน การพัฒนาคนและ อนั ดบั ค่าคะแนนดัชนีการรบั รูก้ ารทุจรติ การพัฒนาระบบเพ่ือป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ (Corruption Perceptions Index : CPI) ปรับและหล่อหลอมพฤติกรรม “คน” ทุกกลุ่มในสังคม ในปี พ.ศ.2565 อยใู่ นอนั ดับ 1 ใน 54 ให้มีจิตส�ำนึกและพฤติกรรมยึดม่ันในความซื่อสัตย์สุจริต และ/หรือได้คะแนนไมต่ ่�ำกว่า 50 คะแนน” และการส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมในการต่อต้าน การทจุ ริตในหน่วยงานภาครัฐที่เหมาะสมต่อไป 140 รายงานประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

ในสว่ นของการดำ� เนนิ นโยบายของคณะกรรมการ ป.ป.ช. นน้ั ยังคงใชย้ ทุ ธศาสตร์ชาตวิ ่าดว้ ยการปอ้ งกัน และปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ.2560 - 2564) เป็นกลไกการขับเคลื่อนงานป้องกันและปราบปราม การทุจริตมาอย่างต่อเน่ือง โดยยุทธศาสตร์ดังกล่าวมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนแม่บท ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติที่เกิดขึ้นใหม่ แต่ยังคงมีเป้าหมายเดียวกันในการยกระดับประเทศไทยให้มีอันดับ คา่ คะแนนดัชนีการรับรู้การทจุ รติ (Corruption Perceptions Index : CPI) ในปี พ.ศ.2565 อยู่ในอันดับ 1 ใน 54 และ/หรอื ได้คะแนนไม่ต�่ำกว่า 50 คะแนน รวมทั้งได้มีการก�ำหนดตัวชว้ี ัดใหท้ กุ หนว่ ยงานที่เกีย่ วข้องตอ้ งผลกั ดัน งานด้านการปอ้ งกันทุจรติ และประพฤตมิ ชิ อบให้สำ� เรจ็ ใน 7 ตัวชวี้ ดั เพ่ือสง่ ผลตอ่ เป้าหมายค่าคะแนนดัชนีการรับรู้ การทุจริต ดังนี้ เปา้ หมายแรก ประชาชนมวี ัฒนธรรมและพฤตกิ รรมซื่อสตั ย์สุจรติ ประกอบด้วยตวั ช้ีวดั ดงั น้ี - เดก็ และเยาวชนไทยมพี ฤตกิ รรมทย่ี ึดมั่นความซ่อื สตั ย์สจุ ริต รอ้ ยละ 50 - ประชาชนที่มีวัฒนธรรมค่านิยมสุจริต มีทัศคติและพฤติกรรมในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ รอ้ ยละ 50 - หนว่ ยงานทผี่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ ITA รอ้ ยละ 80 (84 คะแนนข้ึนไป) เปา้ หมายท่ีสอง คดีทุจริตและประพฤตมิ ชิ อบลดลง ประกอบดว้ ยตวั ชว้ี ัด ดังนี้ - จ�ำนวนคดที ุจรติ ในภาพรวม ลดลงรอ้ ยละ 10 - จ�ำนวนข้อร้องเรยี นเจ้าหน้าทภ่ี าครฐั ทถี่ กู ชี้มลู เร่ืองวินยั (ทจุ ริต) ลดลงร้อยละ 10 - จ�ำนวนข้อร้องเรียนเจ้าหนา้ ท่ภี าครฐั ที่ถูกช้มี ูลวา่ กระท�ำการทจุ ริต ลดลงร้อยละ 10 - จ�ำนวนคดีทจุ ริตท่ีเก่ยี วข้องกบั ผดู้ �ำรงต�ำแหนง่ ทางการเมือง ลดลงรอ้ ยละ 25 นอกจากน้ีการขบั เคลอื่ นงานด้านการป้องกนั การทุจริตใหบ้ รรลผุ ลสมั ฤทธ์ทิ ี่ก�ำหนดไว้ จำ� เป็นต้องไดร้ บั การสนับสนุนด้านงบประมาณในการด�ำเนนิ งาน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จงึ ผลกั ดนั ใหร้ ฐั บาลสนับสนนุ งบประมาณ แกห่ นว่ ยงานท่ีเก่ียวข้องผา่ นแผนงานบูรณาการต่อตา้ นการทจุ ริตและประพฤติมชิ อบ ประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 ภายใต้แนวทางปลูกฝังวิธีคิด สร้างจิตส�ำนึก ให้มีความซื่อสัตย์สุจริต วงเงิน 377.5399 ล้านบาท และแนวทาง ป้องกันการทุจริตเชิงรุก วงเงิน 280.3046 ล้านบาท รวมงบประมาณโครงการด้านการป้องกันการทุจริตตาม แผนงานบูรณาการต่อต้านการทุจริตและประพฤตมิ ิชอบ ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ไดร้ บั จดั สรรรวมทัง้ ส้นิ 657,844,500 บาท ทั้งนี้ได้ก�ำหนดเป้าหมายให้ประเทศไทยต้องได้รับการประเมินค่าดัชนีการรับรู้การทุจริต สงู กวา่ ร้อยละ 47 รายงานประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ 141

ผลการดำ� เนนิ งานโครงการ/กิจกรรมภายใตย้ ุทธศาสตรช์ าตวิ า่ ด้วยการป้องกนั และ ปราบปรามการทุจริตระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ยุทธศาสผตลรกท์ าี่ร1ด าเนนิ สงรปา้ารนงาโสบคงั ปรคงรกมาาทมร่ีไก/มากท่รจิ ทนกตจุ รรอ่รติมกรภาะารยยทะใุจทตร่ี้ยิต3ทุ (ธพศ.าศส.ต2ร5์ช6า0ตวิ- า่2ด5้ว6ย4ก)ารป้องกนั และ ยทุ ธศาสตร์ที่ 1 สรา้ งสังคมทีไ่ มท่ นต่อการทุจริต เป็นยทุ ธศาสตรท์ ม่ี ุ่งเน้นให้ความสำ� คัญในกระบวนการ การปรับยภทุ าธพศสาังสคตมรใท์ห่ี้เ1กิดภาวะที่ “ไม่ทนต่อการทสุจรรา้ ิตง”สงั โคดมยทเร่ีไม่ิมท่ตั้นงแตตอ่ ่กกราะรบทวจุ นริตการกล่อมเกลาทางสังคม ใพกสนุาจลทรรเใสกทุกิมตนุจาุจรือทรระรเงุกปิตปติดทรรใ็นับเะ่ีดันบปกชดีทภ็นับ่วายทุกากงรชทุ ่ีมพรวาด่วธูปีัยจรส�งำศดิตวตแัเงานัยาั้งคบสสเตแินตมบาน้ังตรกธใินแท์ห่ปโาาตกด่ี้เรฐร1่ปากยณมผริฐดมสว่าผมะภีโรัยน่าควา้านสัยรจงวเสสถงพิตะเกังถาพ่ืออทคาบา่ือสี่ามรบัน“สสรขทันไร้หาาับี่ไม้าหงมรเง่ทวร่ทคแือวัฒือนนลัลฒกกตน่อืตะลนล่อ่อนธเุ่มธุ่มสกกรยรตตรราารุทัวริัมมวรมธทแแทตสตศุจททุ่อ่อจรารนนตต้ราสิติต้าทงท้าตนใเน”่ี่ีททรปหกกท์า�ำน็โ้าทาหีส่ดหยรรุกนำ�ยุททนทคภ้เาธุจ้ารุจญัทศารท่ิมริ่ีตคาใ่ีใิตตนสดสนแ้ัแงตกัง่วกแลลนรานาะต์ทะร้ี รปม่กกปี่มกลลีพรุ่งลลเูก่ะอูกฤนฝ่อบมฝ้นตังมเวังใิกคกหนเควรลกค้วการาลวามาทมาามรพาทมทกพองส่ีไาลอสเมางพ่อัเงคส่ยพียคมญั ังองียมเคใกมงใมนมหลรีวกมใ้ามับินรหทีวีคะัยแ้ินมาบวลซงีคัยาวะสื่อมนวตัสงซเากปค่ัตอื่อมา็นมยตรสเป์ ้ัตา็นนย์ กพในาลทรเมมกุ ือีสรูปง่วทนแี่ดบรี่วบทมม่ีโขดีจอยิตงมสภโีาาคธครางปรกณราะะรชขาจบั ชติ เนอคใาลนส่อื กานายแรุทลตะธอ่ เศสตารสา้ ิมนตสรกรท์ า้าส่ีรงาใทหคจุ ท้ัญรกุติ ดภังานค้ีส่วนมีพฤติกรรมทีไ่ ม่ยอมรับและต่อตา้ นการทจุ ริต โกคารงรกมาีสร่วนSTรR่วOมขNอGงภ- าจคิตปพรอะเพชยีาชงตนา้ ในนทกจุ ารริตตอ่ เปต็น้านโคกรางรกทารจุ ทรม่ีิตุง่ เนน้ การแก้ไขปัญหาการทจุ ริตท่เี กิดขึ้น แโกดดหว้ายยร่งกแโอทรด“หาาาุจยรSศ่งชรอทรTัยอิตาาุจRกาศชรOณลัยอริตไNกาะาโกรณลคจยGกะไักระายกาMงจรทะรกกกัไี่oมทาทารร3dีสี่รไย3มทว่eSีส(นยพ(lพTพ่”วร.Rน.ศ.่วพศศซOร.ม...ึง่่วศ22N2ขพม5.55Gอฒัข6266งอ05–น00ภง6--า2ภาจ02มโ5คิตาด5าม6คปพตย64าปรอร4ต)ระรเาร)ใะพศชนาช6.ีายใกดา6น3ชงาชร3ตนกร.นแมา้สาแลเนารรเลพะพณท้าสะ่อืสง่ือจุสรีสตอตไร้อาัชงอดอิตงดคยบบสรรมเธบัับัสงสปทรีคนกกนน็ า่ีไมับอบัโมอนคงทย่ยทงวุตรทุตุท่ีไนฒัง่อมธ่อกธตกศศ่ทกาศ่อาิรารานากรสิทรสด(าตต2ด่ีมรตา่รอ5่งุท�ำเร์ชนเก6เุจ์ชนนาิน0ารา้ตนินกร,ิตต2วิกทกาแ่าิว5าราุลจด่าร6ตระ้วแดร1าตยมิตก้วม)ากีจ้ไยแบใมขาิตนกลทปรบพากะปบัญทรอาม้อญั ปหบเรีจงพญาปอ้ัญกิตียกงลัตันพญงากิแกูแตรอนัตัหลฝท้าเิแแะน่งังุจพรหวปลทรียัฐธิะิต่งรุจธงคีรปาทรรตัฐบิดิต่ีเรรก้าธปแามนดิดรบยรนรข้วทากปูญม้ึยนมุจแรนรยาญูิตมะ ผลป“รSะTโRยOชNนG์ส่วMนoตdัวeแl”ละซผึ่งลพปัฒรนะาโโยดชยนร์สศ่ว.นดรรว.มมาไณปีสไู่คชวยาธมีราพนอุวเัฒพียศงิริ ((2S5u6ff0ic,2ie5n6t1)) ใในหก้คาวราปมลสูก�ำฝคังัญวิตธีค่อิดคแวยากมแโปยระ่งใส (Traผnลsปpรaะreโยnชt)น์สต่วน่ื นรตู้พัวรแอ้ ลมะตผอ่ลสปกู้ รับะโกยาชรนท์สุจ่วรนติ รว(Rมeไปaสliู่คseว)ามเพอ่ื เมพงุ่ ียสง่คู ว(Sาuมfเfจicรieญิ nt)(Oใหn้คwวaาrมdส)าบคัญนฐตา่อนคคววาามมโปรเู้รก่งีย่ใสวกบั ภยั ท(Tจุ rรaติ ns(pKanroewntl)edตgื่นeร)ู้พแรล้อะมคตว่อาสมู้กเับอก้ือาอราททุจรริตจติ (อReาสalาis(eG)eเพn่ืeอมroุ่งsสiู่คtyว)าโมดเจยรกิญระ(บOวnนwกaาrdรม) สีบว่นนฐรา่วนมคว(Pามaรrtู้เiกc่ียipวaกtับion) ภัยทจุ รติ (Knowledge) และความเอื้ออาทร จติ อาสา (Generosity) โดยกระบวนการมสี ่วนร่วม (Participation) พัฒนาโดย รศ.ดร.มาณี ไชยธรี านวุ ฒั ศิริ, 2560,2561 การประยกุ ต์หลกั ความพอเพยี งดว้ ยโมเดล STRONG : จติ พอเพยี งต้านทจุ รติ 142 รราายยงงาานนปรปะจร�ำะปจีงาบปปรงี ะบมาปณระพม.ศา.ณ25พ62.ศค.ณ2ะ5ก6รร2มการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ หนา้ 133

การดำ� เนนิ โครงการปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 เปน็ การตอ่ ยอดจากปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 ซึ่งได้ นำ� ร่อง การจัดตง้ั ชมรม STRONG : จติ พอเพยี งตา้ นทจุ ริต ใน 27 จังหวัด โดยในปีงบประมาณ 2562 ด�ำเนนิ โครงการ ครอบคลุมทง้ั 76 จงั หวัด และ 1 เขตปกครองทอ้ งถน่ิ พิเศษ (กรุงเทพมหานคร) จดั ตงั้ ชมรม STRONG - จติ พอเพยี ง ต้านทุจรติ ครบทุกจงั หวัด รวม 77 ชมรม ทกุ ชมรมมปี ระชาชนเป็นสมาชิก เรม่ิ ตน้ ท่ี 100 คนตอ่ ชมรม ซึ่งปัจจบุ ัน มสี มาชกิ ในเครกือาขร่าดยําชเมนรินมโทคว่ัรปงกระาเรทปศงบรปวมรทะมั้งสา้ินณ5พ8.,ศ5.825ค6น2 โเดปยนเกปาา้ รหตมอายยอขดอจงโาคกรปงงกบาปรนรี้ะคมือาณการพส.ศรา้. ง2ค5ว6า1มตซนื่ึงไตดัว ยกระนดําบั รกอางรกราบั รจรู้กัดาตร้ังทชุจมรริตมขSอTงRชOุมชNนG :สจังิตคมพแอลเพะียปงรตะาเทนศทผุจ่ารนิตกใรนะบ2ว7นจกังาหรวมัดสี ว่ โนดรย่วในมขปองงบปปรระะชมาาชณนใ2น5ร6ะ2ดบัดชําุมเนชินน Lแแ ปตปก ผลeลลา้ารรรนะaะะปะอแdจแทชรตกซโสจปปVตจบค�ำผะeาิตจุํ่ึoอางาารร้งจรรโชนrรปพรมตนiะะเcยงsังมสบตินงาชัจอกแกกe)หชโรานาชชามเจผอ)างคนวาพนป(ะกชมุมราบีคนม2บง้ชัดส์แีอยราคนนรคัรีวนว)งดรสว่ะงยชมรใมิธาวาSโทมตนวกอเนป่ามีคนคามวTีาSโยจุสงอตบรม.ิดด้ชรทSเจนRTรปเมบขัวะคตคแมยิกิตตTทีOชR.แดา้มลดื่นแรมยชาRพOุมุจชลNับุมS่งว้แลกรีกต.รOอชิกNะคTยGขทชอแะาัวิตปนเผใRNรGุร็ง้ัมงชบยพนรย3ัดOลคก:Gชะมรีะ7ยทเกเรปร�ำNผคนรมจ6พจกงบกร่วีด่ รลมGรสํิตตโาจิะ่ือับมทำ�จะปคืปอจ่พางดกเขังตกโทุกกรชนขัรนผงยับรหอยิดจันี่ะะดาหาินลรชทวกเังาSตชรโจยํพมาวกัในดหุยยจาTาปาับชัหเดยาียรวมส์รชRผชนรแมรตรอ่ั้งดิกตOนว่แลนิะโลนใับตรายนาลคนสเNชรมะปมม้รากคระรวชวาGีคูกนไทอร7รรา1ปวนมสดวาะทัื6อบ่ัรแงมว:รตัม้แรเา7กแใปขุลจขะรจัวทจพกมน7มอลเตรู่า้ิะขรแตังุมจ่เันีคิตบยะปะขชชหลอ(พร7ินธ1วแแเมดมกะมิตวงท6อผ์กา)กจลคผรดัแวขขรมลเาศาม้กงยะลรพขมจ้อารอรแเอาชปั็งรงงีรตยดบทพา3ลรกงชุมหาวราง�ำยุรกาทะพัฒาุะชมมมชกตเววะใชกอนรฒัโชกนินแัทนจมดาแมยรปงินนผนากก้ัานกงงุสรถชรกแรนชสเแารัมนทา่ินนกสทะาริ้รมปลนเมลุจจพาสังชยพรทปมรีฏปะะับรครวิเาา5มยม�ำรศิิทบรกตนมตวแส8ทหะอะษ(ัตุรจชแราัล3ม,กชกจุชยาุ5วงิกมลรนะ)(พนาาราามเ8กิาตะอกตไชทรติัรชนคสร2รดปงา้าปนมพแุงพรน่งธแ(รแแนรคีคเเรWัลเฒกใทดละปมดกลสทะนวะนาเะ�ำนพำ�aะนหรชาทจุแ(รรเแเtิรสมมโม1าุมรนาผนศดcะดว่จมอกช)ิตหนรนินผินํhาดมยงาามา่วกากาเคกงเัชบกเย(นรนมบนาราปาA&าริกนัใมพิครมรนรนากรนnาตพีใะสระ้ืดนเตรหกtชกVรก)หอ่่แัวตะiํฒาาทา้จม่ิมาoาจนตสมวบาเร-ร่าี่ตาถนiรันด่าม้ากcขรทวยยนึCปงแางตินe่นนวแัน้างําขกทเoลร้ังรบมก)ผทกยตงสอาชี่ะrทะาปในาาุ1าอจrม�ำรงมชนกุรuจรวน0รรงนโนขีวุรมทมการpะชิคา0ตตมัิักบธิตรีรนปมสุจาtนรีคคางแiดวเรวรางจรSoตาค(มนิดลมํณจิตนกาะWTิตnนาลตะขแเับรการRพปนนa่ืรออ้ัะวยรนอOYตปรอtิทวนชมนหนกบocตาNะมเ.ุจมกข้ีhปวแพขมuดจอGกครรอาาย�ำอ.nว้อียัินนื&มตชอรงงป-ยะgงงง.ี ภาคป(Aรnะtชi า–สCังoคrมruในptนioาnม Y“oชuมnรgมLeSaTdReOrsN) G(2)ปเวรทะีจชุ�ำมจชังนหเวพัดื่อ..ข.”ยาซยึ่งผเลปเ็นครชือมขรามยทแี่อลยะู่ภชุมายชในตแ้กลาระด(�ำ3เ)นสินงงเสารนิมภกาารรกมิจี ด้านปส้อวนงกรันวมกใานรกทาุจรรจิตับขตอางมสอ�ำงนแักลงะาแนจงปเ.บปา.ะชแ. สปรโดะยจม�ำจีกังาหรกวัดํากัจบาตกิดกตาารมใชแ้สลื่อะประเชมาินสผัมลพันตธาม์ทแ้อผงถน่ินปฏเิบช่นัติกสา่ิงรพแลิมะพ์ และแวผิทนยกุการระใชจจาายยเสงบียปงระรมวามณทั้ปงสรื่ะอจสําังปค มแอละอแนผไนลงนา์ น FaceอbยoาoงkเคชรมงรคมรดัSTRONG จงั หวดั ต่าง ๆ ที่มกี ารเผยแพร่ ข้อมูลการจับตชามมรอมงแSลTะRกOาNรGแจส้งงเบผาละใแหส กกาารรรทับุจรรูขิตอง ในพื้นขทารี่อายช่ากงาตร่อปเรนะ่ือชงาแชลนะในสรมะ่�ำดเัสบมพอ้ืนทส่ีถ่งึงผกลาใรหขั้ชบุมเคชลนื่อน ยอมขรับอแงภลาะคไวป้วราะงชใจาทสั่ีจงคะใมหใน้ข้นอมาูลมแ“จช้งเมบรามะแSสTผR่าOนNG สนกช กกเใกโชนดา�มาาำักริงพยรรรนรเรณจรทเดื้นมุกัเอสดแสวปกSชกฉียัดชี �ุจำคทิทใTืํ่ามํยลพงาอารจนSิงนเรีส่รRยวราานะรนะเ้าTาปิตพจาOนุมกงนุางกไะจัิโนRกับธตร/รื้นวินคใNมนํดาOอSางตนะงตอวะทรอปGจร้าTาเจงาราพNาาเงช่ีกอดณันนRาวทงนา.มงนกื้นนGปยยจืจหาOนอกขื่ใิอะอาอทเรา่าจ.ส1อสาNวงรดปงชภกับก่ีง2อทััร)แียดมแนงGเ.จร).ยานงก่ีปหงจลลป.มกพาา้กรา.อี้จ่อเะะะ็นรน.นกโงร.ัชากย”งันวรชกนสสใเรนณข่วรหปิ่ังมนหงจามรูปธ.ตอย้ีขซนเวทกีนรยขด้าร่ําทธิดงึ่ปงังดอำ�แั้ารงังงโียอเอราาตเไตสอูคจรนปร/งปรนสงนปมนาซทางมะํธารปคงมื่อมูนภลสงเป่อไรุจอถงจ์กบสกรกปกู่แราชมกรๆ่ิํรรอังานาามาะคสสาจิตมปควแาะรจรงรทูกงชรงมมตรซรกรแตใักเงปผัเฐา่ีชมวอาชถาอคมมสบิดัหนรล้อมจ้ีกอมึงชรกาสนตทปาซถใง่าวากนกอมหานหาะ้ังี่กอยัอึรึ่งงดไางราาธปสแาลชเงงอันทสรยทกตผรา่ิกบร้นาุสมงตาจก่วู่ีภาุเยจรรทัยนกปพจผนชรรากากณFรแาุโกจตลวรนิรทนาิิaกตมฆพาดยะาจูปรทรานc�ำ้อรใยกษรพใรจวมสิeนงตไโุจขงชอตขทจณาภปbาอาวถพแรอขมมอสกุณจรoับนคก่ินสติ ื้านงลมออรรราoใู่ ัทบบิูตมลชะรkง่ี ชมรม STRONG – จติ พอเพียงตานทจุ ริต เชน่ ถกนรณนีสคะวพามานเดืเอขดอ่ื รนอคนนั ขกอ้นั งนป�้ำร ะฯชลาฯช3น)ทก่ีเากริดตจิดาตกากมาร 76 จังหวดั และ 1 กรุงเทพมหานคร ประเด็นําเทนี่เินกี่ยงาวนกขับอกงาหรในช้ปวยระงโายนชภนา์จคารกัฐทรซัพ่ึงยอาากจรนธํรารไมปชสาูกตาิ ร 77 ชมรมฯ และทสิุ่งจแรวิตดอลา้อทมิ ใ1น) พกื้นรณที่กเาชร่นทุจกริาตรตขาุดมลมอากตรคกูคาลรอขงอง 839 โคช STRONG ฯ การรสุกําลนำ้� ักลำ�งนาน�้ำ ปกา.ปรด.ชูด.ทเรชานย โกคารรงบกกุารกุอปา่าหากรากรลปาลงูกวัน 1,058 คณะกรรมการชมรมฯ ป่าชานยักเเลรนียนเปโ็นครตง้นการนมโรงเรียน การติดตั้งปายโฆษณา 2,727 แกนนาํ เยาวชน 13,356 สมาชิกชมรมฯ ใน พ้ื นท่ี สาธารณ ะ 2) การติดตามการใช จาย 40,602 ผูเขา รวมขยายผลเวทชี ุมชน 58,582 ประชาชนมีสว นรวมกบั ชมรม ครอบคลมุ ในทุกอําเภอของทุกจังหวัด รวมทั้งมีความ รวมมือกับองคกรตาง ๆ หรือชมรมอ่นื ๆ ในพ้ืนท่ี โดย เฉลี่ย 6 - 8 กลุมตอจังหวัด เชน กลุมนักเรียน/ นักศึกษา กลุมกรรมการหมูบาน กลุมอาสาสมัครของ หนว ยงานภาครฐั กลมุ สตรี กลุมอาชพี ตา ง ๆ เปนตน งบประมาณ การจัดจาง/ตรวจรับงานขององคกรปกครองสวนทองถิ่น โดยเฉพาะดานการกอสราง/ซอมแซม สาธารณูปโภค เชน ถนน สะพราานยงาเนขปื่อรนะจำ�คปันีงบกปั้นระนม้ําาณฯพล.ฯศ.32)56ก2ารคตณิดะกตรารมมกปารระปอ้เดง็นกนั ทแล่ีเกะปี่ยรวาบกปับรากมากรารใชทจุปรริตะแหโยง่ ชชานติจาก143 รายงานประจําปง บประมาณ พ.ศ. 2562 หนา 149


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook