Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนรวม

แผนรวม

Published by watcharaphongkiw, 2022-02-06 10:45:21

Description: แผนรวม

Search

Read the Text Version

ว31223 เคมี 1 คำอธบิ ายรายวิชา ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 60 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ ศึกษาข้อปฏิบัติเบื้องต้นในการทำปฏิบตั ิการเคมี และวัดปริมาณต่าง และปฏิบัติตนทีแ่ สดงถงึ ความตระหนักในการทำปฏิบัติการเคมีเพื่อให้มีความปลอดภยั ทั้งตอ่ ตนเอง ผู้อื่นและสิ่งแวดล้อม และ เสนอแนวทางแก้ไขเมื่อเกิดอุบัตเิ หตุ ระบุ อธิบาย เขียน หน่วยวัดปริมาณต่าง ๆ ของสาร และเปลี่ยน หน่วยวัดให้เป็นหน่วยในระบบเอสไอด้วยการใช้แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย แบบจำลองอะตอมของ นักวทิ ยาศาสตรแ์ ละอธิบายวิวฒั นาการของแบบจำลองอะตอม พรอ้ มวเิ คราะห์สมบตั ิธาตุหมู่ คาบ ความ เป็นโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ ของธาตุเรพรีเซนเททีฟ และธาตุแทรนซิชันในตารางธาตุ สัญลักษณ์ นิวเคลียร์ของธาตุ และระบุจำนวนโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนของอะตอมจากสัญลักษณ์ นิวเคลียร์ การจัดเรยี งอเิ ล็กตรอนในระดับพลังงานหลักและระดับพลงั งานยอ่ ยเม่ือทราบเลขอะตอมของ ธาตุ สมบตั ขิ องธาตโุ ลหะแทรนซิชนั และเปรยี บเทียบสมบตั กิ ับธาตุโลหะในกลุ่มธาตเุ รพรเี ซนเททีฟ การ เกิดไอออนและการเกิดพันธะไอออนิก โดยใช้แผนภาพหรือสัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิส สมบัติของ สารประกอบไอออนิก การเกิดพันธะโคเวเลนตแ์ บบพนั ธะเด่ียว พันธะคู่ และพันธะสาม ด้วยโครงสร้าง ลิวอิส การเกิดพันธะโลหะและสมบัติของโลหะ สมบัติ คำนวณครึ่งชีวิตของไอโซโทปกัมมันตรังสี พลังงานที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาของสารโคเวเลนต์จากพลังงานพันธะ พลังงานที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยา การเกิดสารประกอบไอออนิก จากวัฏจักร บอร์น-ฮาเบอร์ สมบัติของสารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่าย ชนิดต่าง ๆ คาดคะเนรูปรา่ งโมเลกุลโคเวเลนต์ โดยใช้ทฤษฎีการผลักระหวา่ งคู่อิเล็กตรอนในวงเวเลนซ์ และระบุสภาพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์ ชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์ และ เปรียบเทียบจุดหลอมเหลว จุดเดือด และการละลายน้ำของสารโคเวเลนต์ เขียนสูตร และเรียกช่ือ สารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ สมการไอออนิกและสมการไอออนิกสุทธิของปฏิกิริยาของ สารประกอบไอออนิก เปรียบเทียบความยาวพันธะและพลังงานพันธะในสารโคเวเลนต์ เปรียบเทียบ สมบตั บิ างประการของสารประกอบไอออนกิ สารโคเวเลนต์ และโลหะ รวมทง้ั สืบค้นขอ้ มูลและนำเสนอ ตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ และยกตวั อยา่ งการนำธาตุ มาใช้ประโยชน์ รวมทงั้ ผลกระทบตอ่ สง่ิ มีชีวิตและส่งิ แวดลอ้ ม ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การทดลอง การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูลและการอภิปราย เขียนรายงานการทดลอง เพื่อให้เกิดความรู้ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้มีความสามารถในการตัดสินใจ นำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีจิต วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมทีเ่ หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. บอก และอธิบายข้อปฏิบัติเบื้องต้น และปฏิบัติตนที่แสดงถึงความตระหนักในการทำ ปฏิบัติการเคมีเพอ่ื ใหม้ คี วามปลอดภยั ท้ังต่อตนเอง ผ้อู ื่นและสิ่งแวดล้อม และเสนอแนวทางแกไ้ ขเม่ือเกิด อบุ ัติเหตุ 2. เลือก และใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือในการทำปฏิบัติการ และวัดปริมาณต่าง ๆ ได้อย่าง เหมาะสม 3. นำเสนอแผนการทดลอง ทดลองและเขียนรายงานการทดลอง 4. ระบุหน่วยวัดปริมาณต่าง ๆ ของสาร และเปลี่ยนหน่วยวัดให้เป็นหน่วยในระบบเอสไอดว้ ย การใช้แฟกเตอร์เปลย่ี นหนว่ ย

5. สืบค้นข้อมูลสมมติฐาน การทดลอง หรือผลการทดลองที่เป็นประจักษ์พยานในการเสนอ แบบจำลองอะตอมของนกั วิทยาศาสตร์และอธิบายวิวฒั นาการของแบบจำลองอะตอม 6. เขียนสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุ และระบุจำนวนโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนของ อะตอมจากสญั ลักษณ์นิวเคลียร์ รวมท้งั บอกความหมายของไอโซโทป 7. อธิบาย และเขียนการจัดเรียงอิเล็กตรอนในระดับพลังงานหลักและระดับพลังงานยอ่ ยเม่ือ ทราบเลขอะตอมของธาตุ 8. ระบหุ มู่ คาบ ความเปน็ โลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ ของธาตุเรพรเี ซนเททฟี และธาตุแทรนซิ ชันในตารางธาตุ 9. วเิ คราะห์ และบอกแนวโน้มสมบตั ขิ องธาตเุ รพรเี ซนเททฟี ตามหมู่และตามคาบ 10. บอกสมบัติของธาตโุ ลหะแทรนซิชัน และเปรียบเทียบสมบตั กิ บั ธาตโุ ลหะในกลมุ่ ธาตุ เรพรีเซนเททีฟ 11. อธิบายสมบตั ิ และคำนวณครึง่ ชีวิตของไอโซโทปกมั มนั ตรังสี 12. สืบคน้ ข้อมูล และยกตวั อยา่ งการนำธาตุมาใชป้ ระโยชน์ รวมท้ังผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและ สิง่ แวดลอ้ ม 13. อธิบายการเกิดไอออนและการเกิดพันธะไอออนิก โดยใช้แผนภาพหรือสัญลักษณ์แบบจุด ของลิวอิส 14.เขียนสูตร และเรยี กชือ่ สารประกอบไอออนกิ 15. คำนวณพลังงานที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาการเกิดสารประกอบไอออนิก จาก วัฏจักร บอร์น-ฮาเบอร์ 16. อธบิ ายสมบัติของสารประกอบไอออนกิ 17. เขยี นสมการไอออนิกและสมการไอออนกิ สทุ ธิของปฏกิ ริ ยิ าของสารประกอบไอออนิก 18. อธิบายการเกิดพันธะโคเวเลนต์แบบพันธะเดี่ยว พันธะคู่ และพันธะสาม ด้วย โครงสร้างลวิ อิส 19.เขยี นสตู ร และเรียกชอ่ื สารโคเวเลนต์ 20.วิเคราะห์ และเปรียบเทียบความยาวพันธะและพลังงานพันธะในสารโคเวเลนต์ รวมทั้ง คำนวณพลงั งานทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับปฏกิ ริ ยิ าของสารโคเวเลนต์จากพลงั งานพันธะ 21.คาดคะเนรูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์ โดยใชท้ ฤษฎกี ารผลกั ระหวา่ งคู่อิเลก็ ตรอนในวงเวเลนซ์ และระบุสภาพข้วั ของโมเลกุลโคเวเลนต์ 22.ระบุชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์ และเปรียบเทียบจุดหลอมเหลว จุดเดอื ด และการละลายนำ้ ของสารโคเวเลนต์ 23.สบื คน้ ข้อมูล และอธิบายสมบตั ขิ องสารโคเวเลนต์โครงร่างตาข่ายชนิดตา่ ง ๆ 24.อธิบายการเกิดพันธะโลหะและสมบตั ขิ องโลหะ 25.เปรียบเทียบสมบัติบางประการของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ สืบค้น ขอ้ มูลและนำเสนอตวั อยา่ งการใช้ประโยชน์ของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะ ไดอ้ ยา่ ง เหมาะสม รวมท้ังหมด 25 ผลการเรยี นรู้

โครงสร้างรายวิชา ว31223 เคมี 1 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 60 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หน่วยกิต หนว่ ยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั เรียนรู้ (ช่วั โมง) คะแนน (100) 1. ปฏิบัติการ ขอ้ 1,2,3,4 - การทำปฏิบัตกิ ารเคมตี อ้ งคำนึงถึงความปลอดภัย 10 10 เคมีเบือ้ งต้น และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดังนน้ั จึงควร ศกึ ษาข้อปฏิบัตขิ องการทำปฏบิ ัตกิ ารเคมี เชน่ ความปลอดภยั ในการใช้อุปกรณ์และสารเคมี การ ป้องกันอบุ ัตเิ หตรุ ะหว่างการทดลองการกำจัด สารเคมี - อุปกรณ์และเคร่ืองมอื ชัง่ ตวง วัดแต่ละชนิด มีวิธีการใชง้ านและการดูแลแตกต่างกัน ซ่งึ การวดั ปริมาณต่าง ๆ ใหไ้ ด้ข้อมลู ท่ีมีความเทยี่ งและ ความแม่นในระดับนัยสำคัญทต่ี อ้ งการ ต้องมีการ เลือกและใชอ้ ุปกรณใ์ นการทำปฏิบัติการอยา่ ง เหมาะสม -การทำปฏิบัตกิ ารเคมีต้องมีการวางแผนการ ทดลอง การทำการทดลอง การบันทึกขอ้ มูล สรปุ แลวเิ คราะห์ นำเสนอขอ้ มูล และการเขียนรายงาน การทดลองที่ถกู ตอ้ ง โดยการทำปฏบิ ัตกิ ารเคมีต้อง คำนงึ ถึงวิธกี ารทางวิทยาศาสตรท์ กั ษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และจติ วทิ ยาศาสตร์ - การทำปฏิบตั ิการเคมีตอ้ งมกี ารวดั ปริมาณต่าง ๆ ของสาร การบอกปริมาณของสารอาจระบุอยใู่ น หนว่ ยตา่ ง ๆ ดงั นนั้ เพอื่ ใหม้ มี าตรฐานเดียวกนั จงึ มี การกำหนดหน่วยในระบบเอสไอให้เป็นหนว่ ย สากล ซ่งึ การเปลย่ี นหน่วยเพ่ือใหเ้ ปน็ หนว่ ยสากล สามารถทำได้ด้วยการใช้แฟกเตอร์เปลยี่ นหนว่ ย

หนว่ ยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั เวลา น้ำหนกั เรียนรู้ (ชัว่ โมง) คะแนน (100) 2.อะตอมและ ขอ้ - นักวิทยาศาสตรศ์ กึ ษาโครงสรา้ งของอะตอม และ 19 ตารางธาตุ 5,6,7,8,9,10, เสนอแบบจำลองอะตอมแบบตา่ ง ๆ จาก 20 11,12 การศึกษาขอ้ มูล การสังเกต การต้ังสมมติฐาน และ ผลการทดลอง - แบบจำลองอะตอมมวี วิ ฒั นาการ โดยเริ่มจาก ดอลตนั เสนอวา่ ธาตุประกอบด้วยอะตอมซ่ึงเป็น อนุภาคขนาดเลก็ ไมส่ ามารถแบง่ แยกได้ ตอ่ มา ทอมสนั เสนอวา่ อะตอมประกอบด้วยอนภุ าคทีม่ ี ประจลุ บ เรยี กว่า อิเลก็ ตรอน และอนภุ าคประจุ บวก รทั เทอรฟ์ อรด์ เสนอวา่ ประจุบวกทเี่ รยี กวา่ โปรตอน รวมตวั กันอยู่ตรงกงึ่ กลางอะตอม เรียกวา่ นวิ เคลียส ซงึ่ มขี นาดเล็กมาก และมีอิเลก็ ตรอนอยู่ รอบนิวเคลยี ส โบร์เสนอว่าอเิ ลก็ ตรอนเคล่อื นท่ี เปน็ วงรอบนวิ เคลยี ส โดยแตล่ ะวงมรี ะดับพลงั งานเฉพาะตัว ในปจั จุบนั นักวิทยาศาสตรย์ อมรับวา่ อิเลก็ ตรอนมีการ เคล่อื นท่รี วดเร็วรอบนวิ เคลยี ส และไมส่ ามารถระบุ ตำแหนง่ ที่แนน่ อนได้ จงึ เสนอแบบจำลองอะตอม แบบกลุ่มหมอก ซ่ึงแสดงโอกาสการพบอเิ ลก็ ตรอน รอบนวิ เคลยี ส - สญั ลักษณ์นิวเคลยี รข์ องธาตุ ประกอบด้วย สญั ลกั ษณธ์ าตุ เลขอะตอมซ่ึงแสดงจำนวนโปรตอน และเลขมวลซ่ึงแสดงผลรวมของจำนวนโปรตอน กบั นวิ ตรอน อะตอมของธาตชุ นดิ เดยี วกันท่ีมี จำนวนโปรตอนเทา่ กนั แตม่ จี ำนวนนิวตรอน ตา่ งกนั เรียกวา่ ไอโซโทป - การศกึ ษาสเปกตรัมการเปล่งแสงของอะตอม แกส๊ ทำใหท้ ราบวา่ อเิ ลก็ ตรอนจัดเรยี งอยู่รอบ ๆ นวิ เคลียสในระดบั พลังงานหลักตา่ ง ๆ และแต่ละ ระดบั พลังงานหลักยงั แบง่ เป็นระดบั พลงั งานย่อย

หนว่ ยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก เรยี นรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน (100) ซง่ึ มบี รเิ วณทจ่ี ะพบอเิ ลก็ ตรอนเรยี กว่า ออร์บทิ ลั ไดแ้ ตกตา่ งกนั และอเิ ล็กตรอนจะจดั เรียงในออร์ บทิ ัลใหม้ รี ะดับพลังงานตำ่ ทีส่ ุดสำหรบั อะตอมใน สถานะพ้ืน - ตารางธาตุในปัจจบุ ันจัดเรียงธาตตุ ามเลขอะตอม และสมบตั ิทค่ี ล้ายคลึงกนั เปน็ หมู่และคาบโดยอาจ แบ่งธาตุในตารางธาตเุ ป็นกลมุ่ ธาตุโลหะ ก่ึงโลหะ และอโลหะ นอกจากนี้อาจแบ่งเป็นกลุ่มธาตุเรพรี เซนเททฟี และกลุม่ ธาตุแทรนซชิ นั - ธาตุเรพรเี ซนเททฟี ในหมู่เดยี วกันมีจำนวน เวเลนซ์-อเิ ลก็ ตรอนเทา่ กัน และธาตุท่อี ยใู่ นคาบ เดียวกันมเี วเลนซ์อิเล็กตรอนในระดบั พลงั งานหลัก เดยี วกนั ธาตุเรพรเี ซนเททฟี มีสมบัติทางเคมี คลา้ ยคลงึ กนั ตามหมู่ และมีแนวโน้มสมบัตบิ าง ประการเป็นไปตามหมู่และตามคาบ เชน่ ขนาด อะตอม รศั มไี อออน พลังงานไอออไนเซชัน อิเล็กโทรเนกาติวิตีสมั พรรคภาพอเิ ล็กตรอน - ธาตุแทรนซชิ ันเป็นโลหะท่ีสว่ นใหญม่ ีเวเลนซ์- อิเลก็ ตรอนเทา่ กับ ๒ มขี นาดอะตอมใกลเ้ คยี งกนั มีจุดเดอื ด จดุ หลอมเหลวและความหนาแนน่ สงู เกิดปฏิกริ ยิ ากับน้ำไดช้ า้ กว่าธาตุโลหะในกล่มุ ธาตุ เรพรีเซนเททีฟ เมื่อเกดิ เป็นสารประกอบส่วนใหญ่ จะมีสี - ธาตุแต่ละชนิดมีไอโซโทป ซึ่งในธรรมชาตบิ าง ธาตุ มีไอโซโทปทีแ่ ผร่ ังสีได้ เนอื่ งจากนิวเคลยี สไม่ เสถียร เรียกวา่ ไอโซโทปกัมมนั ตรงั สี สำหรบั ธาตุ กมั มนั ตรงั สเี ป็นธาตุท่ที กุ ไอโซโทปสามารถแผ่รงั สี ได้ รงั สีที่เกดิ ขึน้ เชน่ รงั สแี อลฟา รงั สีบตี า รังสี แกมมา โดยคร่งึ ชวี ิตของไอโซโทปกัมมันตรงั สเี ปน็ ระยะเวลาที่ไอโซโทปกัมมันตรังสสี ลายตวั จนเหลอื

หน่วยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั เรียนรู้ (ชวั่ โมง) คะแนน ครง่ึ หนง่ึ ของปริมาณเดิม ซงึ่ เปน็ คา่ คงทเ่ี ฉพาะของ (100) การทดสอบ 1 กลางภาค แตล่ ะไอโซโทปกัมมันตรังสี 20 2. พันธะเคมี - สมบัตบิ างประการของธาตแุ ต่ละ ชนิด ทำให้สามารถนำธาตุไปใช้ ประโยชนใ์ นด้านตา่ ง ๆได้อยา่ ง หลากหลาย ทง้ั น้กี ารนำธาตไุ ปใช้ ต้องตระหนกั ถึงผลกระทบทมี่ ตี อ่ ส่งิ มีชีวติ และสง่ิ แวดล้อมโดยเฉพาะ สารกัมมนั ตรังสซี ่งึ ต้องมีการจัดการ อยา่ งเหมาะสม ขอ้ 1-12 ข้อ - สารเคมเี กดิ จากการยดึ เหนย่ี วกันด้วยพันธะเคมี 29 30 13,14,15,16, ซง่ึ เกีย่ วข้องกับเวเลนซ์อิเล็กตรอนทีแ่ สดงได้ดว้ 17, 18, 19, สญั ลักษณ์แบบจุดของลวิ อิส โดยการเกดิ พนั ธะเคมี 20, ส่วนใหญเ่ ป็นไปตามกฎออกเตต 21,22,23,24, - พันธะไอออนิกเกิดจากการยึดเหนี่ยวระหว่าง 25 ประจุไฟฟา้ ของไอออนบวกกบั ไอออนลบส่วนใหญ่ ไอออนบวกเกิดจากโลหะเสียอเิ ล็กตรอนและ ไอออนลบเกิดจากอโลหะรบั อเิ ล็กตรอน สารประกอบท่ีเกิดจากพันธะไอออนิก เรียกวา่ สารประกอบไอออนิกสารประกอบไอออนกิ ไม่อยู่ ในรปู โมเลกุล แต่เปน็ โครงผลกึ ท่ีประกอบด้วย ไอออนบวกและไอออนลบจดั เรยี งตัวต่อเนอ่ื งกันไป ทงั้ สามมติ ิ - สารประกอบไอออนกิ เขยี นแสดงสตู รเคมโี ดยให้ สัญลกั ษณ์ธาตุท่ีเป็นไอออนบวกไวข้ า้ งหนา้ ตาม ดว้ ยสญั ลกั ษณ์ธาตุที่เป็นไอออนลบ โดยมตี ัวเลข แสดงอตั ราสว่ นอย่างต่ำของจำนวนไอออนทีเ่ ป็น องคป์ ระกอบ -การเรยี กชอื่ สารประกอบไอออนกิ ทำไดโ้ ดย

หนว่ ยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั เรยี นรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน (100) เรียกช่ือไอออนบวกแล้วตามดว้ ยชือ่ ไอออนลบ สำหรบั สารประกอบไอออนกิ ทเี่ กิดจากโลหะทม่ี ี เลขออกซิเดชันไดห้ ลายคา่ ต้องระบเุ ลข ออกซิเดชันของโลหะดว้ ย -ปฏกิ ิริยาการเกิดสารประกอบไอออนิกจากธาตุ เกย่ี วขอ้ งกบั ปฏิกริ ยิ าเคมีหลายขนั้ ตอน มที ั้งทีเ่ ป็น ปฏกิ ริ ยิ าดูดพลงั งานและคายพลงั งานซึง่ แสดงได้ ดว้ ยวัฏจักรบอรน์ -ฮาเบอร์ และพลงั งานของ ปฏิกริ ิยาการเกดิ สารประกอบไอออนกิ เปน็ ผลรวม ของพลังงานทกุ ขั้นตอน - สารประกอบไอออนิกส่วนใหญม่ ีลกั ษณะเป็น ผลึกของแข็ง เปราะ มีจุดหลอมเหลวและจุดเดอื ด สงู ละลายนำ้ แล้วแตกตวั เปน็ ไอออนเรยี กวา่ สารละลายอิเลก็ โทรไลต์ เม่อื เป็นของแข็งไม่นำ ไฟฟ้า แตถ่ ้าทำให้หลอมเหลวหรือละลายในน้ำจะ นำไฟฟ้า - สารละลายของสารประกอบไอออนกิ แสดงสมบัติ ความเป็นกรด–เบส ตา่ งกัน สารละลายของ สารประกอบคลอไรดม์ สี มบัติเปน็ กลาง และ สารละลายของสารประกอบออกไซดม์ ีสมบัตเิ ปน็ เบส - ปฏกิ ิริยาของสารประกอบไอออนกิ สามารถ เขยี นแสดงดว้ ยสมการไอออนิกหรือสมการไอ ออนกิ สทุ ธิ โดยทสี่ มการไอออนกิ แสดงสารต้งั ตน้ และผลิตภัณฑ์ทุกชนิดทแ่ี ตกตวั ได้ในรปู ของไอออน สว่ นสมการไอออนิกสุทธิแสดงเฉพาะไอออนท่ีทำ ปฏกิ ริ ยิ ากัน และผลติ ภัณฑ์ทเ่ี กิดขนึ้ - พนั ธะโคเวเลนต์เปน็ การยึดเหนยี่ วทเี่ กดิ ขนึ้ ภายในโมเลกุลจากการใช้เวเลนซอ์ ิเล็กตรอน ร่วมกนั ของธาตุ ซงึ่ ส่วนใหญเ่ ปน็ ธาตอุ โลหะ

หนว่ ยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก เรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน (100) โดยทว่ั ไปจะเป็นไปตามกฎออกเตต สารท่ยี ดึ เหนยี่ วกันดว้ ยพันธะโคเวเลนตเ์ รียกวา่ สารโคเว เลนต์ พนั ธะโคเวเลนต์เกิดได้ทั้งพันธะเด่ยี ว พันธะ คู่ และพนั ธะสาม ซ่งึ สามารถเขียนแสดงได้ด้วย โครงสร้างลิวอสิ โดยแสดงอิเลก็ ตรอนคู่รว่ มพันธะ ดว้ ยจดุ หรอื เส้น และแสดงอเิ ลก็ ตรอนคโู่ ดดเดี่ยว ของแตล่ ะอะตอมดว้ ยจุด - สูตรโมเลกลุ ของสารโคเวเลนต์ โดยท่ัวไปเขยี น แสดงดว้ ยสัญลักษณ์ของธาตุเรยี งลำดบั ตามค่าอิ เล็กโทรเนกาตวิ ิตจี ากน้อยไปมากโดยมตี วั เลขแสดง จำนวนอะตอมของธาตุทมี่ ีมากกว่า ๑ อะตอมใน โมเลกลุ - การเรยี กช่ือสารโคเวเลนต์ทำไดโ้ ดยเรยี กชอ่ื ธาตุ ที่อยูห่ น้าก่อน แลว้ ตามดว้ ยชื่อธาตทุ ีอ่ ยู่ถัดมา โดย มคี ำนำหน้าระบจุ ำนวนอะตอมของธาตทุ ่เี ป็น องคป์ ระกอบ - ความยาวพนั ธะและพลังงานพนั ธะในสารโคเว เลนตข์ ้ึนกบั ชนดิ ของอะตอมคู่รว่ มพนั ธะและชนดิ ของพนั ธะ โดยพนั ธะเดีย่ ว พันธะค่แู ละพนั ธะสาม มคี วามยาวพันธะและพลงั งานพนั ธะแตกต่างกนั นอกจากนี้ โมเลกุลโคเวเลนต์บางชนิดมีค่าความ ยาวพนั ธะและพลังงานพนั ธะแตกต่างจากของ พันธะเด่ียว พันธะคู่ และพนั ธะสาม ซึ่งสารเหล่าน้ี สามารถเขยี นโครงสรา้ งลิวอสิ ทเ่ี หมาะสมได้ มากกว่า 1 โครงสรา้ งทเี่ รียกว่าโครงสร้าง เรโซแนนซ์ - พลังงานพันธะนำมาใชใ้ นการคำนวณพลงั งาน ของปฏกิ ิริยา ซึง่ ได้จากผลต่างของพลงั งานพันธะ รวมของสารตั้งตน้ กับผลติ ภัณฑ์

หนว่ ยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั เวลา น้ำหนกั เรยี นรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน (100) - รูปร่างของโมเลกุลโคเวเลนต์ อาจพจิ ารณาโดยใช้ ทฤษฎกี ารผลักระหวา่ งคู่อิเลก็ ตรอนในวงเวเลนซ์ (VSEPR) ซึง่ ขึน้ อยกู่ ับจำนวนพันธะและจำนวน อิเลก็ ตรอนคู่โดดเดยี่ วรอบอะตอมกลางโมเลกุล โคเวเลนตม์ ที งั้ โมเลกลุ มีขวั้ และไมม่ ขี ว้ั สภาพขว้ั ของโมเลกลุ โคเวเลนตเ์ ป็นผลรวมปรมิ าณเวกเตอร์ สภาพขัว้ ของแตล่ ะพันธะตามรปู ร่างโมเลกลุ - แรงยดึ เหน่ยี วระหว่างโมเลกลุ ซึ่งอาจเป็นแรงแผ่ กระจายลอนดอน แรงระหวา่ งข้ัวและพนั ธะ ไฮโดรเจน มีผลต่อจุดหลอมเหลว จดุ เดือด และ การละลายน้ำของสาร นอกจากน้สี ารโคเวเลนต์ ส่วนใหญ่ยังมีจดุ หลอมเหลวและจุดเดอื ดต่ำกว่า สารประกอบไอออนกิ เน่ืองจากแรงยดึ เหน่ยี ว ระหวา่ งโมเลกุลมีคา่ น้อยกวา่ พนั ธะไอออนิก - สารโคเวเลนต์ส่วนใหญม่ จี ดุ หลอมเหลวและจดุ เดือดต่ำ และไม่ละลายในนำ้ สำหรับสารโคเวเลนต์ ทลี่ ะลายนำ้ มีท้งั แตกตัวและไม่แตกตวั เปน็ ไอออน สารละลายท่ไี ด้จากสารที่ไม่แตกตวั เปน็ ไอออนจะ ไมน่ ำไฟฟ้าเรียกวา่ สารละลาย-นอนอเิ ลก็ โทรไลต์ ส่วนสารละลายทไี่ ดจ้ ากสารท่แี ตกตวั เป็นไอออน จะนำไฟฟา้ เรียกวา่ สารละลายอเิ ล็กโทรไลต์ สารละลายของสารประกอบคลอไรดแ์ ละออกไซด์ จะมสี มบตั ิเป็นกรด - สารโคเวเลนตบ์ างชนดิ ท่ีมีโครงสรา้ งโมเลกุล ขนาดใหญแ่ ละมีพันธะโคเวเลนตต์ อ่ เนอื่ งเป็นโครง รา่ งตาขา่ ย จะมจี ดุ หลอมเหลวและจุดเดอื ดสูง สาร โคเวเลนตโ์ ครงร่างตาขา่ ยที่มธี าตอุ งคป์ ระกอบ เหมอื นกัน แต่มอี ัญรูปต่างกันจะมีสมบตั ติ า่ งกนั เช่น เพชร แกรไฟต์ - พันธะโลหะเกิดจากเวเลนซอ์ ิเลก็ ตรอนของ

หนว่ ยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั เรยี นรู้ (ชวั่ โมง) คะแนน ทุกอะตอมของโลหะเคลอ่ื นที่อย่างอิสระไปทว่ั ทั้ง (100) การทดสอบ โลหะ และเกิดแรงยดึ เหนีย่ วกบั โปรตอนใน 1 ปลายภาค นวิ เคลียสทกุ ทิศทาง 60 20 - โลหะสว่ นใหญเ่ ปน็ ของแข็ง มีผวิ มันวาว สามารถ 100 ตีเปน็ แผ่นหรอื ดงึ เปน็ เส้นได้ นำความร้อนและนำ ไฟฟา้ ไดด้ ี มีจดุ หลอมเหลวและจุดเดอื ดสูง - สารประกอบไอออนกิ สารโคเวเลนต์ และโลหะ มสี มบัติเฉพาะตวั บางประการทแ่ี ตกตา่ งกนั เช่น จดุ เดือด จดุ หลอมเหลว การละลายน้ำ การนำ ไฟฟา้ จงึ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ไดต้ ามความเหมาะสม ขอ้ 9 – 25 รวมท้งั ส้ินตลอดภาคเรยี น

แผนการจัดการเรยี นรู้ออนไลน์ท่ี 1 กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 เร่อื ง ปฏิบตั กิ ารเคมเี บอื้ งตน้ เร่ือง การปฏิบัตติ นในหอ้ งปฏิบตั ิการเคมี รายวิชา เคมี 1 รหัส ว31223 เวลา 2 ชัว่ โมง ครูผู้สอน นาย วชั รพงษ์ โสนทอง 1. ผลการเรียนรู้ - บอก และอธบิ ายข้อปฏิบัติเบ้ืองตน้ และปฏบิ ตั ิตนทแ่ี สดงถึงความตระหนักในการทาํ ปฏิบัตกิ ารเคมี เพือ่ ให้มคี วามปลอดภยั ทัง้ ตอ่ ตนเอง ผูอ้ ื่นและส่งิ แวดล้อม และเสนอแนวทางแก้ไขเมื่อเกิดอุบัติเหตุ 2. สาระการเรยี นรู้ - การทำปฏิบตั ิการเคมีตอ้ งคำนงึ ถึงความปลอดภัยและความเป็นมติ รต่อสงิ่ แวดล้อม ดังนนั้ จึงควร ศึกษาข้อปฏิบัติของการทำปฏบิ ัติการเคมี เช่นความปลอดภัยในการใช้อปุ กรณ์และสารเคมี การปอ้ งกนั อบุ ตั เิ หตุระหว่างการทดลองการกำจัดสารเคมี 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ด้านความรู้ (Knowledge) 1. อธิบายข้อปฏิบตั ิเบือ้ งต้นในการทำปฏิบตั กิ ารเคมีได้ ดา้ นทกั ษะ (Process) 2. ทำปฏบิ ตั ิการเคมใี ห้มีความปลอดภยั ท้ังตอ่ ตนเอง ผูอ้ ่นื และสงิ่ แวดล้อมได้ ดา้ นเจตคติ (Affective) 3. ตัง้ ใจเรยี นรู้และแสวงหาความรู้ 4. ความคิดรวบยอด การทำปฏบิ ตั ิการทางเคมีจะมคี วามเก่ียวข้องสารเคมีหลายชนิด รวมทงั้ อปุ กรณเ์ คร่ืองแกว้ ต่าง ๆ สารเคมีบางชนดิ อาจทำให้เกดิ อนั ตรายตอ่ ร่างกายของผ้ทู ำปฏบิ ัติการได้โดยตรง หรอื อาจเกดิ อุบัตเิ หตุข้ึนได้ ในขณะทำปฏิบัตกิ ารเคมี ดงั นั้น ผู้ทำปฏิบัตกิ ารเคมีจงึ จำเปน็ ต้องทราบถงึ ข้อปฏิบัตใิ นการทำปฏบิ ตั ิการเคมี หรอื การปฐมพยาบาลเบ้อื งตน้ เมือ่ เกิดอุบตั ิเหตุขน้ึ 5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น  ความสามารถในการสือ่ สาร  ความสารถในการคิด  ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์  ความซอ่ื สัตย์สุจริต  มีวินัย ความรกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยู่อย่างพอเพียง  ม่งุ มั่นในการทำงาน มจี ิตสาธารณะ  ใฝ่เรียนรู้ รกั ความเป็นไทย 7. แนวความคดิ เพอ่ื การเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21  ทักษะดา้ นการเรยี นรแู้ ละนวตั กรรม  สาระวิชาหลัก (Core Subjects) ทักษะด้านชวี ิตและอาชพี  ทักษะด้านสารสนเทศ สือ่ และเทคโนโลยี 8. การบูรณาการเรียนรู้ พระบรมราโชบายดา้ นการศึกษาของ ร.10  ด้านท่ี 1 มีทัศนคติท่ีถูกตอ้ งตอ่ บา้ นเมือง  ด้านที่ 2 มพี ืน้ ฐานชวี ิตท่มี ่ันคง มีคุณธรรม  ด้านที่ 3 มงี านทำ มีอาชีพ  ด้านท่ี 4 เปน็ พลเมอื งดี หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หลกั สูตรเขตพฒั นาเศรษฐกิจพิเศษ (หลักสูตรท้องถ่ิน) หลักสูตรตา้ นทุจริตศึกษา  สะเตม็ ศึกษา 9. กระบวนการจัดการเรียนรู้ วิธีสอน โดยใช้กระบวนการสืบเสาะความรู้ (Inquiry Cycle หรอื Inquiry Method : 5E) 1. ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) 1. นักเรยี นเขา้ Google Meet ผ่านระบบของโรงเรยี น 2. นกั เรยี นเขา้ Classroom ของวชิ าเคมี 1 เพ่ือใชช้ ้ีแจงรายละเอยี ดของงาน และใชใ้ นการ สง่ั หรือสง่ งาน 3. นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี น โดยใช้ Quizizz เพือ่ ตรวจสอบความรู้เดมิ ของนกั เรียน ก่อนเข้าสู่กจิ กรรมในชน้ั เรยี น

4. ครูเปิด power point หอ้ งปฏิบตั ิการให้นักเรยี นสังเกต แล้วถามคำถาม BIG QUESTION จากหนังสอื เรยี นเคมี ม.4 เล่ม 1 หน้า 2 โดยข้นึ คำถามผ่าน Google Meet เพ่อื ใหน้ กั เรยี นตอบคำถาม 5. ครเู ปิดสอื่ การสอนเกีย่ วกบั ความปลอดภัยในห้องปฏบิ ตั ิการจากแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศให้ นักเรียนดู เช่น เพอ่ื กระตุ้นใหน้ ักเรยี นเกดิ ความสนใจในบทเรียนมากยงิ่ ข้นึ 2. ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration) 1. ครถู ามคำถาม Prior Knowledge จากหนงั สอื เรยี นเคมี ม.4 เลม่ 1 หน้า 3 โดยให้ นักเรยี นร่วมกนั ตอบคำถาม 2. นักเรยี นสบื ค้นหวั ขอ้ ทีจ่ ะตอ้ งไปศึกษาและสรปุ ใส่กระดาษ โดยมหี ัวขอ้ ทจ่ี ะศึกษาดังนี้ - ขอ้ ปฏบิ ัตเิ ก่ียวกับการใช้ห้องปฏิบัตกิ าร - การทำความสะอาดบริเวณทีป่ นเปือ้ นสารเคมี - ความปลอดภยั ในหอ้ งปฏิบตั ิการ - การปฐมพยาบาล - สญั ลักษณอ์ ันตรายจากสารเคมี - การกำจัดของเสียจากหอ้ งปฏิบัติการ โดยจะแบ่งนักเรยี นดว้ ยโปรแกรมสุ่มวา่ นกั เรยี นคนใดจะได้หวั ข้อใด จากนนั้ ให้เวลานักเรียน ทำ 30 นาที สรปุ ลงในสมดุ 3. ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) 1. ครจู ะสมุ่ ตัวแทนของแต่ละหัวขอ้ ใหน้ ำเสนอให้เพือ่ นฟงั โดยครจู ะทำหน้าที่คอยอธบิ าย เพม่ิ เติมในเนือ้ หาในส่วนที่ไมช่ ดั เจนใหเ้ กดิ ความสมบูรณม์ ากขึ้น 2. นักเรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น โดยใช้ Quizizz เพอื่ ตรวจสอบความรู้ความเขา้ ใจของ นกั เรียน 4. ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ครูอธิบายเรื่องของการปฏิบัติตนในห้องปฏิบัตกิ ารเคมีไมว่ ่าจะเป็นทีใ่ ดก็ตาม สิ่งแรกที่มี ความสำคัญอย่างย่ิงทีท่ ุกคนต้องคำนึงถึง คอื ความปลอดภัย ไม่เพียงแต่ผู้ที่อยู่ในห้องปฏิบัติการต้องพึงระวังสิ่งท่ี อยู่ในความรับผิดชอบของตนเองเท่านั้น แต่ควรต้องระวัง และคอยสอดส่องดูแลโดยทั่วไปภายในห้องปฏิบัติการ ด้วย หากพบเหน็ สิง่ ใดทอ่ี าจเป็นสาเหตุท่กี ่อให้เกิดอนั ตรายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือตอ่ ส่วนรวมควรจะต้อง ช่วยป้องกันแก้ไขหรือแจ้งให้ครผู ู้ควบคุมห้องปฏบิ ัติการทราบทันทีหากเกินความสามารถของตนเองการรู้จกั อันตรายของสารเคมีรวมท้ังวธิ ีการใช้เคร่ืองมืออย่างถูกต้องก่อนเข้าทำปฏิบัตกิ ารจะช่วยลดอัตราเสีย่ งต่อการ เกิดอนั ตรายได้มากย่งิ ขึน้ 5. ขน้ั ประเมิน (Evaluation) 1. ครูตรวจสอบผลจากการใหน้ กั เรยี นเล่นเกม Quizizz ก่อนและหลงั เรียน 2. ครตู รวจสอบผลจากการทำขอ้ สรุปลงในสมดุ 3. ครสู งั เกตพฤติกรรมการเรยี นรูข้ องนักเรียน 10. วัสดุ อุปกรณ์ ส่ือและแหลง่ เรียนรู้ 1) หนังสือเรียนวชิ า เคมี ม.4 เลม่ 1 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ปฏบิ ัตกิ ารเคมเี บือ้ งตน้ 2) Quizizz : https://quizizz.com/admin/quiz/5fec7f99d2eb12001b884322 3) PowerPoint เรอื่ ง การปฏิบัติการเคมีเบื้องตน้ 4) YouTube : https://www.youtube.com/watch?v=pnVwVT_VBf0 เรอื่ ง ความปลอดภัยใน หอ้ งปฏบิ ัติการ

5) Quizizz : https://quizizz.com/admin/quiz/5fec7f99d2eb12001b884322 เรอื่ ง ปฏบิ ัตกิ ารเคมีเบอื้ งตน้ 6) วิธีการเข้าเรยี นออนไลน์ : http://www.ky.ac.th/datashow_65268 7) แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ การวัดและการประเมินผล วธิ กี ารวัด เครอื่ งมือท่ีใชว้ ัด เกณฑก์ ารวัดและ การวัดผล การประเมินผล และการประเมนิ ผล และการประเมนิ ผล ได้คะแนนร้อยละ ประเมนิ ผลด้าน 60 ขน้ึ ไป 1. ด้านความรู้ (K) 1. ตรวจงานในสมดุ 1. งานในสมุด ระดับคุณภาพ 2 2. ด้านทกั ษะ (P) 2. คำถามใน Quizizz 2. Quizizz เร่ือง ผา่ นเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ 3. ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ เร่ือง ปฏิบัตกิ ารเคมี ปฏบิ ัตกิ ารเคมีเบอื้ งต้น ดี ขึน้ ไป ประสงค์ (A) เบ้ืองต้น 1. ประเมนิ การนำเสนอ 1. แบบประเมินการ ผลงาน นำเสนอผลงาน การสงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤตกิ รรมการ การมีส่วนร่วมในการ มีส่วนร่วมในการทำงาน ทำงานเปน็ กลมุ่ เป็นกลุ่ม การสงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรมเปน็ เป็นรายบคุ คล รายบุคคล

ใบงานท่ี 1 เร่อื ง ปฏบิ ตั กิ ารเคมเี บ้อื งตน้ คำช้ีแจง : ใหน้ กั เรยี นสืบค้นขอ้ มูลจากเนือ้ หาท่ีตนเองไดร้ ับ แลว้ สง่ ครผู สู้ อน ช่ือ – นามสกุล.......................................................................................... เลขท.ี่ ........................ ชั้น............... หวั ข้อที่นกั เรยี นศึกษา........................................................................................................ ข้อมลู ...................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .........................................................................................................

เฉลยใบงานท่ี 1 เรือ่ ง ปฏิบตั กิ ารเคมีเบือ้ งต้น คำช้ีแจง : ใหน้ ักเรียนสบื ค้นข้อมูลจากเน้ือหาที่ตนเองไดร้ บั แลว้ สง่ ครูผู้สอน ชอื่ – นามสกุล.......................................................................................... เลขท.่ี ........................ ชน้ั ............... หวั ขอ้ ทน่ี กั เรยี นศกึ ษา ข้อปฏิบัติในการทำงานในหอ้ งปฏบิ ตั ิการเคมี และห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ 1) ไม่ควรปฏิบัติงานในหอ้ งปฏบิ ัติการโดยลำพงั โดยเฉพาะกรณที ่ตี อ้ งปฏบิ ัตงิ านที่เกีย่ วข้องกบั สารอนั ตราย 2) สวมเสอ้ื คลมุ ปฏบิ ตั ิการทพ่ี อดีตัว ติดกระดุมตลอดเวลารวมท้ังสวมใสอ่ ุปกรณ์ป้องกนั สว่ นบุคคลตามความ เหมาะสมทกุ ครงั้ ขณะทำการทดลอง 3) ห้ามมใิ หน้ ำอาหาร เครอ่ื งด่ืม เข้ามาเกบ็ หรอื รบั ประทานในห้องปฏบิ ัติการ 4) ห้ามนำเครือ่ งแก้ว หรือภาชนะทใ่ี ช้ในห้องปฏบิ ัตกิ าร ไปใชเ้ พ่ือการปรุงอาหาร 5) หา้ มนำเด็กและสัตวเ์ ล้ียงเขา้ มาในห้องปฏบิ ัตกิ าร 6) ขณะอยใู่ นห้องปฏิบัตกิ าร ห้ามรบกวนผทู้ ่กี ำลังปฏบิ ัตกิ ารวจิ ยั ทดลอง ห้ามใชเ้ คร่อื งมือผดิ ประเภท ห้ามหยิบอปุ กรณห์ รอื เครอื่ งมอื วิจัยของผูอ้ นื่ กอ่ นไดร้ ับอนญุ าต ห้ามว่งิ เลน่ หยอกลอ้ กนั หา้ มใชอ้ ่างน้ำในห้องปฏิบตั ิการล้างจานหรือแกว้ น้ำ หา้ มสบู บุหร่ี หา้ มทำกิจกรรมการแต่งใบหนา้ รวบผมให้เรยี บร้อยขณะทำปฏิบัติการ ตอ้ งสวมรองเท้าท่ีปิดหนา้ เทา้ และ/หรือส้นเท้าตลอดเวลา ห้ามสวมรองเทา้ แตะ 7) นักศกึ ษาตอ้ งลงชื่อเขา้ -ออกห้องปฏิบตั ิการทกุ ครง้ั ท่ีเขา้ ใช้ห้องปฏิบัติการ 8) ปิดเคร่อื งปรบั อากาศทกุ คร้งั เมื่อเลิกใช้ห้องปฏิบตั ิการ 9) ต้องลงบนั ทึกการใช้งาน (log book) เมือ่ มกี ารใช้เครือ่ งมอื 10) รกั ษาพนื้ ท่ที ำวจิ ัยส่วนตนและส่วนรวมใหส้ ะอาดเรียบร้อยและห้ามวางของเกะกะ 11) ล้างมอื ทุกครงั้ ก่อนออกจากหอ้ งปฏิบตั กิ าร 12) หา้ มปดิ ก้ันทางออก และทางเข้าถงึ เครือ่ งมือรบั เหตุฉุกเฉนิ หรอื แผงไฟ

แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี........................ วันท่ี.......................เดอื น................................................พ.ศ.................................. ชื่อกล่มุ .........................................................................................................ช้นั .................................................... รายชอ่ื สมากชกิ 1. …………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. …………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. …………………………………………………………………………………………………………………………….. 4. …………………………………………………………………………………………………………………………….. ท่ึ รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คดิ เหน็ 321 1 การเตรยี มความพร้อม 2 เน้อื หาสาระครอบคลมุ ชดั เจน 3 รูปแบบการนำเสนอ 4 การมีส่วนรว่ มของสมากชิกกลมุ่ 5 การรกั ษาเวลา 6 ความสนใจของผฟู้ งั รวม ลงชอื่ ...........................................ผปู้ ระเมิน (…………………………………………………) ...................../..................../................... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกวา่ 8 ปรับปรงุ

แบบประเมินการทำโจทยป์ ัญหา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี........................ วันที่.......................เดอื น................................................พ.ศ.................................. ลำดับ ชื่อ – สกลุ คะแนน ท่ี 5 4 3 21 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงชื่อ................................................................ผ้ปู ระเมนิ (……………………………………………………………………) ...................../..................../................... การใหค้ ะแนน/ระดับคะแนน ปรบั ปรงุ (1) พอใช้ (2) ดี (3) ดีมาก (4) ดีเยี่ยม (5) ตอบคำถาม ตอบคำถาม ตอบคำถาม ตอบคำถามขอ้ เขยี น ตอบคำถามข้อเขยี น ข้อเขียนได้ 1 ได้ 5 ขอ้ ขอ้ เขยี นได้ 2 ขอ้ ข้อเขียนได้ 3 ข้อ ได้ 4 ขอ้ ข้อ

แบบประเมินพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่........................ สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้วันท่ี.......................เดือน................................................พ.ศ.................................. เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลำดับ ช่อื – สกลุ ความตั้งใจ ความสนใจ การตอบ มีส่วนรว่ ม รวม ระดบั ท่ี ในการ และการ คำถาม ใน (16) คณุ ภาพ เรียน (4) ซกั ถาม (4) (4) กิจกรรม (4) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงชอื่ .............................................ผูป้ ระเมนิ (………………………………………………………………) ...................../..................../...................

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ เกณฑ์การสรปุ ผลการประเมิน 14-16 ดีมาก นกั เรยี นทไี่ ด้ระดบั คณุ ภาพพอใช้ข้ึนไป ถือวา่ ผ่าน 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 0-7 ปรับปรงุ เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผลการสงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ (Rubric) ประเดน็ การ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเมนิ ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ตอ้ งปรบั ปรุง (1) 1. ความต้งั ใจใน การเรียน สนใจในการเรยี นไม่คยุ สนใจในการเรยี นคุย สนใจในการเรียนคุย ไม่สนใจในการเรยี น 2. ความสนใจ หรือเล่นกนั ในขณะ กนั เล็กน้อยในขณะ กันและเลน่ กนั คยุ และเลน่ กนั และการซกั ถาม เรียน เรียน ในขณะเรียนเป็น ในขณะเรยี น 3. การตอบ คำถาม บางครั้ง 4. มสี ว่ นรว่ มใน มกี ารถามในหัวขอ้ ที่ตน มกี ารถามในหวั ขอ้ ที่ มีการถามในหัวข้อที่ ไม่ถามในหัวขอ้ ที่ กิจกรรม ไม่เขา้ ใจทุกเรือ่ งและ ตนไมเ่ ขา้ ใจเปน็ ตนไมเ่ ขา้ ใจเปน็ ตนไม่เข้าใจและไม่ กล้าแสดงออก สว่ นมากและกล้า บางครง้ั และไมค่ ่อย กล้าแสดงออก แสดงออก กลา้ แสดงออก รว่ มตอบคำถามในเรอ่ื ง ร่วมตอบคำถามใน ร่วมตอบคำถามใน ไม่ตอบคำถาม ทค่ี รถู ามและตอบ เรอ่ื งท่ีครูถามและ เรือ่ งทค่ี รถู ามเปน็ คำถามถูกทุกขอ้ ตอบคำถามสว่ นมาก บางคร้ังและตอบ ถูก คำถามถูกเป็น บางคร้งั รว่ มมอื และช่วยเหลือ รว่ มมอื และชว่ ยเหลือ รว่ มมือและชว่ ยเหลอื ไมม่ คี วามรว่ มมอื เพ่ือนในการทำ เพ่ือนเป็นสว่ นใหญ่ใน เพือ่ นในการทำ ในขณะทำกจิ กรรม กิจกรรม การทำกจิ กรรม กิจกรรมเปน็ บางคร้งั

แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ภาคเรียนท่.ี .................ปีการศึกษา................. ช่ือ-สกุล นักเรยี น...................................................................หอ้ ง..............................เลขท.่ี ...................... คำชี้แจง : ให้ผู้สอน สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี / ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน ค่าเฉลี่ย อนั พงึ ประสงค์ 3210 1.1 มคี วามรกั และภมู ใิ จในความเปน็ ชาติ 1. รักชาติ ศาสน์ 1.2 ปฏิบัติตนตามหลักของศาสนา กษัตรยิ ์ 1.3 แสดงออกถึงความจงรกั ภักดตี ่อสถาบนั พระมหากษตั ริย์ 2. ซ่อื สัตยส์ จุ ริต 2.1 ปฏบิ ัตติ ามระเบยี บการสอน และไม่ลอกการบ้าน 2.2 ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงต่อความเป็นจริงต่อตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏบิ ัติตรงต่อความเปน็ จริงต่อผูอ้ นื่ 3. มีวนิ ัย 3.1 เขา้ เรยี นตรงเวลา 3.2 แตง่ กายเรียบร้อยเหมาะสมกบั กาลเทศะ 3.3 ปฏบิ ัติตามกฎระเบยี บของหอ้ ง 4. ใฝ่หาความรู้ 4.1 แสวงหาข้อมลู จากแหลง่ เรยี นรตู้ า่ ง ๆ 4.2 มกี ารจดบนั ทกึ ความรู้อย่างเปน็ ระบบ 4.3 สรปุ ความร้ไู ด้อย่างมเี หตุผล 5. อยู่อยา่ ง 5.1 ใช้ทรพั ย์สินและส่ิงของของโรงเรยี นอย่างประหยดั 5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรียนอยา่ งประหยัดและรู้คุณค่า พอเพียง 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยัดและมกี ารเก็บออมเงนิ 6. มุ่งมน่ั 6.1 มคี วามต้ังใจ และพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ บั ในการทำงาน มอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แท้ต่ออุปสรรคเพอื่ ให้งาน สำเร็จ 7. รกั ความเป็น 7.1 มีจิตสำนึกในการอนรุ กั ษ์วฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญา ไทย ไทย 7.2 เหน็ คุณค่าและปฏิบัตติ นตามวฒั นธรรมไทย 8. มีจติ 8.1 รู้จกั การใหเ้ พือ่ ส่วนรวม และเพือ่ ผอู้ ืน่ สาธารณะ 8.2 แสดงออกถงึ การมนี ้ำใจหรอื การใหค้ วามชว่ ยเหลอื ผอู้ ่ืน 8.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมบำเพ็ญตนเพ่อื สว่ นรวมเมื่อมี โอกาส รวมคะแนน ลงช่อื ...............................................ผปู้ ระเมิน (…………………………………………………………) ...................../..................../...................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ตั ิชัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน - พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติบางครง้ั ให้ 1 คะแนน - พฤติกรรมทไ่ี ม่ไดป้ ฏิบัติ ให้ 0 คะแนน ระดบั คุณภาพ ระดบั คุณภาพ ดีเย่ยี ม - คะแนน 21 – 24 ระดับคุณภาพ ดี - คะแนน 20 – 22 ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ - คะแนน 12 – 19 ระดับคณุ ภาพ ตอ้ งปรบั ปรงุ - คะแนน 0 – 11





แผนการจดั การเรียนรู้ออนไลน์ท่ี 2 กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เร่ือง ปฏิบัตกิ ารเคมเี บือ้ งตน้ เร่อื ง การปฏิบตั ิตนในห้องปฏบิ ตั ิการเคมี รายวชิ า เคมี 1 รหัส ว31223 เวลา 2 ช่วั โมง ครผู สู้ อน นาย วัชรพงษ์ โสนทอง 1. ผลการเรียนรู้ - บอก และอธบิ ายข้อปฏบิ ัติเบอื้ งต้น และปฏิบัติตนที่แสดงถึงความตระหนักในการทาํ ปฏิบตั กิ ารเคมี เพอ่ื ใหม้ ีความปลอดภัยท้ังต่อตนเอง ผอู้ ่ืนและสงิ่ แวดลอ้ ม และเสนอแนวทางแก้ไขเม่ือเกิดอบุ ัตเิ หตุ 2. สาระการเรียนรู้ - การทำปฏิบัตกิ ารเคมตี อ้ งคำนึงถึงความปลอดภัยและความเปน็ มติ รต่อส่งิ แวดล้อม ดงั นน้ั จงึ ควร ศกึ ษาขอ้ ปฏบิ ัตขิ องการทำปฏบิ ัติการเคมี เชน่ ความปลอดภัยในการใชอ้ ุปกรณ์และสารเคมี การปอ้ งกัน อบุ ัตเิ หตรุ ะหวา่ งการทดลองการกำจัดสารเคมี 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (Knowledge) 1. อธิบายสญั ลกั ษณอ์ นั ตรายของสารเคมีและการกำจดั ของเสยี จากห้องปฏิบัตกิ ารได้ ด้านทักษะ (Process) 2. เสนอแนวทางแก้ไขเมือ่ เกดิ อุบตั ิเหตุระหวา่ งทำปฏบิ ตั ิการเคมีได้ ดา้ นเจตคติ (Affective) 3. ตงั้ ใจเรียนรแู้ ละแสวงหาความรู้ 4. ความคิดรวบยอด การทำปฏบิ ตั ิการทางเคมีจะมีความเกยี่ วข้องสารเคมีหลายชนิด รวมทง้ั อปุ กรณ์เครอื่ งแกว้ ต่าง ๆ สารเคมีบางชนิดอาจทำให้เกดิ อนั ตรายตอ่ รา่ งกายของผู้ทำปฏิบัตกิ ารได้โดยตรง หรอื อาจเกดิ อุบัตเิ หตุขึ้นได้ ในขณะทำปฏิบัติการเคมี ดังนั้น ผู้ทำปฏิบัตกิ ารเคมีจึงจำเปน็ ตอ้ งทราบถงึ ขอ้ ปฏิบัติในการทำปฏบิ ัติการเคมี หรือการปฐมพยาบาลเบ้อื งตน้ เม่ือเกดิ อุบตั ิเหตุขน้ึ 5. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น  ความสามารถในการสื่อสาร  ความสารถในการคดิ  ความสามารถในการแกป้ ญั หา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ความซือ่ สัตย์สุจรติ  มีวินยั ความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยู่อย่างพอเพียง  มุ่งมั่นในการทำงาน มจี ติ สาธารณะ  ใฝ่เรียนรู้ รกั ความเป็นไทย 7. แนวความคิดเพอ่ื การเรียนรใู้ นศตวรรษท่ี 21  ทักษะดา้ นการเรยี นรู้และนวตั กรรม  สาระวชิ าหลัก (Core Subjects) ทักษะดา้ นชีวิตและอาชีพ  ทักษะดา้ นสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี 8. การบูรณาการเรียนรู้ พระบรมราโชบายด้านการศกึ ษาของ ร.10  ด้านที่ 1 มีทัศนคตทิ ี่ถูกต้องตอ่ บ้านเมือง  ด้านท่ี 2 มีพืน้ ฐานชวี ิตทีม่ ั่นคง มีคุณธรรม  ด้านท่ี 3 มงี านทำ มอี าชพี  ด้านท่ี 4 เปน็ พลเมืองดี หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง หลกั สตู รเขตพฒั นาเศรษฐกจิ พิเศษ (หลกั สูตรท้องถ่นิ ) หลักสูตรตา้ นทุจรติ ศกึ ษา  สะเตม็ ศกึ ษา 9. กระบวนการจัดการเรียนรู้ วิธีสอน โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะความรู้ (Inquiry Cycle หรอื Inquiry Method : 5E) 1. ข้นั สร้างความสนใจ (Engagement) 1. นกั เรยี นเขา้ Google Meet ผ่านระบบของโรงเรยี น 2. ครเู ปดิ ส่ือการสอนเกยี่ วกับสัญลกั ษณ์ความเป็นตรายจากแหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ เพอื่ กระต้นุ ใหน้ กั เรียนเกดิ ความสนใจในบทเรียนมากยิง่ ขึ้น

2. ขนั้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) 1. นักเรยี นทำใบงานท่ี 1.2 เรือ่ ง สัญลักษณ์ความเปน็ อนั ตรายและการกำจัดของเสยี จาก หอ้ งปฏบิ ัตกิ าร 2. นักเรียนทำแบบฝึกหัดทา้ ยบท เรือ่ ง ปฏิบัตกิ ารเคมีเบอ้ื งต้น 3. ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) 1. ครูและนกั เรียนช่วยกันสรุปเร่อื งของสญั ลกั ษณค์ วามเปน็ อนั ตรายและการกำจดั ของเสีย จากหอ้ งปฏิบัติการ 2. ครอู ธิบายเรือ่ งสัญลักษณ์แสดงความเปน็ อันตรายในระบบต่าง ๆ และการกำจัดของเสีย จากห้องปฏิบตั กิ ารเพ่ิมเตมิ ในเพ่ือใหน้ ักเรยี นเข้าใจมากขนึ้ 4. ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัยในเนื้อหา เรื่อง การปฺฏิบตั ิตนในห้องปฏิบัตกิ าร เคมี ว่ามีส่วนไหนที่ยังไม่เข้าใจ และให้ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนั้น เพื่อที่จะใช้เป็นความรู้เบื้องต้นสำหรับการ เรียนในเน้อื หาต่อ ๆ ไป 2. นักเรียนเขียนผังมโนทัศน์ เรื่อง การปฏิบัติตนในห้องปฏิบัติการเคมี เพื่อเป็นการสรุป ความคิดความเขา้ ใจทไี่ ด้รบั จากการนำเสนอผา่ น Google Meet โดยให้เวลานกั เรียนทำประมาณ 20-30 นาที จากน้ันให้ส่งตวั แทนมานำเสนอและสรปุ ให้เพ่อื นฟงั 5. ขั้นประเมิน (Evaluation) 1. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 1.2 เรือ่ ง สญั ลกั ษณ์ความเป็นอันตรายและการกำจัด ของเสยี จากหอ้ งปฏบิ ัติการ 2. ครูวัดและประเมนิ ผลจากช้ินงานท่นี กั เรียนไดส้ รา้ งขน้ึ จากขั้นขยายความเข้าใจ 3. ครูสังเกตพฤตกิ รรมการเรยี นรูข้ องนกั เรียน 10. วสั ดุ อปุ กรณ์ ส่ือและแหลง่ เรยี นรู้ 1) หนังสือเรยี นวิชา เคมี ม.4 เลม่ 1 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1 ปฏิบตั กิ ารเคมเี บื้องต้น 2) ใบงานที่ 1.2 เร่อื ง สญั ลกั ษณค์ วามเปน็ อนั ตรายและการกำจดั ของเสียจากหอ้ งปฏิบตั กิ าร 3) PowerPoint เรือ่ ง การปฏบิ ัตกิ ารเคมีเบือ้ งต้น 4) แบบฝึกหดั ท้ายบท เรอ่ื ง ปฏิบตั กิ ารเคมีเบ้ืองต้น 5) วิธกี ารเข้าเรียนออนไลน์ : http://www.ky.ac.th/datashow_65268 6) แหล่งข้อมลู สารสนเทศ

การวัดและการประเมนิ ผล วธิ กี ารวัด เครอ่ื งมอื ทใี่ ชว้ ดั เกณฑก์ ารวัดและ การวดั ผล และการประเมนิ ผล และการประเมินผล การประเมนิ ผล ประเมนิ ผลด้าน 1. ด้านความรู้ (K) 1. ตรวจใบงานท่ี 1.2 1. ใบงานท่ี 1.2 เรือ่ ง ได้คะแนนรอ้ ยละ 2. ดา้ นทกั ษะ (P) เร่ือง สญั ลักษณ์ความ สัญลักษณค์ วามเป็น 60 ข้นึ ไป 3. ด้านคุณลกั ษณะอันพึง เปน็ อันตรายและการ อันตรายและการกำจดั ของ ประสงค์ (A) กำจัดของเสียจาก เสียจากหอ้ งปฏิบัตกิ าร หอ้ งปฏิบัติการ 2. แบบฝกึ หัดท้ายบท 2. คำถามในแบบฝกึ หัด เร่อื ง ปฏิบตั ิการเคมี ท้ายบท เรื่อง เบ้อื งตน้ ปฏบิ ัติการเคมีเบอ้ื งตน้ 1. การสรปุ ผังมโนทัศน์ 1. แบบประเมินผลงานผงั ระดับคุณภาพ 2 เรอ่ื ง การปฏิบัตติ นใน มโนทัศน์ ผา่ นเกณฑ์ ห้องปฏบิ ตั กิ ารเคมี การสงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรมการ ระดบั คณุ ภาพ การมีส่วนรว่ มในการ มสี ่วนรว่ มในการทำงาน ดี ข้นึ ไป ทำงานเป็นกล่มุ เป็นกลุม่ การสังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรมเปน็ เป็นรายบุคคล รายบุคคล

ใบงานที่ 1.2 เรื่อง สัญลักษณ์ความเปน็ อนั ตรายและการกำจัดของเสียจากห้องปฏิบัติการ คำชีแ้ จง : เติมคำตอบเก่ยี วกบั สญั ลกั ษณ์แสดงอันตรายจากสารเคมีและการกำจดั ของเสยี จากหอ้ งปฏบิ ัติการ ลงในตารางให้ถกู ตอ้ ง ชอื่ – นามสกลุ .......................................................................................... เลขท.ี่ ........................ ชั้น............... สัญลักษณ์ ความเป็นอันตราย ข้อควรระวัง ............................................................... สารเคมีที่เกิดปฏิกิริยาแล้วให้ ....................................................................... สารออกซิไดซ์ ความร้อนและแก๊สอย่างรวดเร็ว ....................................................................... เป็นพิษ หรอื เมือ่ ไดร้ ับความร้อนในสภาวะ ....................................................................... จำกัดจะเกิดการระเบิด หรือเผา ....................................................................... ............................................................... ไหมอ้ ยา่ งรนุ แรง ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ....................................................................... ห า ก ไ ด ้ ร ั บ ป ร ิ ม า ณ ม า ก แ ล ะ ....................................................................... ....................................................................... เฉียบพลันจะเสียชีวิตภายใน 24 ....................................................................... ชั่วโมง หากได้รับตอ่ เนอื่ งและเป็น ....................................................................... เวลานานจะก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ....................................................................... และอาจเกดิ การกลายพันธ์ุ ประเภทของเสีย ตัวอยา่ งของเสยี วธิ ีการกำจดั ของเสียทเ่ี ป็นกรด ………………………………………………. ………………………………………………. ของเสียที่มีค่าของ pH ต่ำกว่า 7 ………………………………………………. ………………………………………………. และ มีก ร ดแร่ปนอยู่ในสาร ………………………………………………. ………………………………………………. มากกว่า 5% ของเสยี ทเ่ี ป็นสารไวไฟ แอซโี ตน เบนซนี เฮกเซน เอทา ………………………………………………. ของเสียท่ีสามารถลกุ ตดิ ไฟ ได้ นอล เมทานอล โทลอู ีน ไซลนี ………………………………………………. งา่ ย ตอ้ งแยกเก็บให้หา่ งจาก ………………………………………………. แหล่งกำเนดิ ไฟ ปฏิกิริยาเคมี ………………………………………………. ความรอ้ น เปลวไฟ เคร่อื งไฟฟา้ ของเสยี ท่เี ปน็ ของเหลวอนิ ทรีย์ ………………………………………………. ส่งหนว่ ยงานภายนอกกำจัด ทป่ี ระกอบดว้ ยน้ำ ………………………………………………. ของเสียที่เปน็ ของเหลว อินทรยี ท์ ี่ ………………………………………………. มนี ้ำผสมอยู่ มากกวา่ ร้อยละ 5 ……………………………………………….

เฉลยใบงานท่ี 1.2 เร่อื ง สัญลกั ษณ์ความเป็นอนั ตรายและการกำจดั ของเสียจากห้องปฏบิ ัติการ คำชแ้ี จง : เตมิ คำตอบเกี่ยวกบั สัญลกั ษณ์แสดงอันตรายจากสารเคมีและการกำจดั ของเสียจากห้องปฏิบัตกิ าร ลงในตารางใหถ้ กู ตอ้ ง ชอื่ – นามสกลุ .......................................................................................... เลขท.่ี ........................ ชนั้ ............... สญั ลกั ษณ์ ความเป็นอนั ตราย ข้อควรระวัง สารเคมีที่เกิดปฏิกิริยาแล้วให้ความ หลกี เล่ยี งการกระแทก การเสยี ดสที ี่ทำ ร้อนและแก๊สอย่างรวดเร็ว หรือเม่ือ ให้เกดิ ความรอ้ น หรอื ประกายไฟ ได้รับความร้อนในสภาวะจำกดั จะเกิด และแยกให้อยู่ห่าง จากแหล่งกำ เนดิ การระเบดิ หรอื เผาไหม้อยา่ งรุนแรง ประกายไฟและความรอ้ น ระเบิดได้ สารเคมีที่ไม่ลุกไหม้เอง แต่สามารถให้ หลกี เล่ียงการสมั ผสั กบั สารเคมีทไ่ี วไฟ ออกซิเจนได้ เมื่อสัมผัสกับสารซึ่งลุก ระวงั อนั ตรายจากการจุดตดิ ไฟ เมื่อ ไหม้แลว้ เรง่ การไหม้ได้ เกดิ ไฟไหม้ สารน้จี ะเร่งใหไ้ ฟไหมม้ าก ขึน้ และทำให้ การดบั ไฟทำไดย้ ากข้ึน สารออกซิไดซ์ การสูดดม กลืนกิน หรือซึมผ่านผิวหนัง หลกี เลย่ี งการสมั ผัสกบั ร่างกายทกุ เปน็ พิษ จะก่อให้เกิด อันตรายต่อสุขภาพ และ รูปแบบ ระมดั ระวงั เปน็ พิเศษสำหรับ กัมมันตรงั สี ถ้ารับสารเข้าไปในปริมาณมาก หรือ สารก่อมะเร็ง สารกอ่ ให้เกดิ การกลาย สะสมต่อเน่ืองเป็นเวลานาน จะมอี าการ พนั ธุ์ และสารทม่ี ีพษิ ตอ่ ระบบสืบพันธุ์ รุนแรง ก่อให้เกิดมะเร็ง ทำอันตรายต่อ ทารกในครรภ์ และ เกิดการกลายพนั ธ์ หากได้รับปริมาณมากและเฉียบพลัน หลกี เล่ยี งการสมั ผสั โดยไม่จำเปน็ และ จะเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง หาก อยา่ เก็บใกลบ้ ริเวณท่ที ำงาน ได้รับต่อเนื่องและเป็นเวลานานจะ ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง และอาจเกิดการ กลายพนั ธ์ุ ประเภทของเสีย ตัวอย่างของเสยี วธิ กี ารกำจัด ของเสียทีเ่ ป็นกรด กรดซลั ฟิวรกิ ทำใหเ้ ป็นกลาง แลว้ ทงิ้ ลงท่อ ถา้ มี ของเสียที่มีคา่ ของ pH ต่ำกว่า 7 และ กรดไนตรกิ ตะกอนใหก้ รองนำ้ ท้งิ แล้วสง่ ตะกอน มกี รดแร่ปนอยใู่ นสารมากกวา่ 5% กรดไฮโดรคลอรกิ กำจัด ของเสียทเี่ ป็นสารไวไฟ แอซโี ตน เบนซีน เฮกเซน เอทานอล เม ทำใหอ้ ยู่ในรปู ของตะกอน แคลเซียม ของเสยี ทสี่ ามารถลกุ ตดิ ไฟ ได้งา่ ย ทานอล โทลอู ีน ไซลีน / สง่ หน่วยงานภายนอก กำจดั ตอ้ งแยกเก็บให้หา่ งจาก แหลง่ กำเนิด ไฟ ปฏกิ ิริยาเคมี ความร้อน เปลวไฟ เคร่อื งไฟฟา้ ของเสียทีเ่ ปน็ ของเหลวอินทรยี ์ที่ สารทเี่ ผาไหมไ้ ดผ้ สมน้ำ เชน่ สง่ หน่วยงานภายนอกกำจดั ประกอบด้วยน้ำ แอลกอฮอล์ผสมน้ำ ฟนี อลผสมน้ำ ของเสยี ทเี่ ป็นของเหลว อินทรียท์ ีม่ ีน้ำ กรดอนินทรยี ผ์ สมนำ้ เอมนี หรือ แอลดี ผสมอยู่ มากกว่าร้อยละ 5 ไฮดผ์ สมน้ำ

แบบฝึกหัดท้ายบท คำชแ้ี จง : ให้นักเรยี นเลือกคำตอบทถ่ี กู ต้องท่สี ุดเพยี งข้อเดียว ชอ่ื – นามสกุล.......................................................................................... เลขท.ี่ ........................ ช้ัน............... 1. สญั ลักษณ์แสดงอันตรายในระบบ EEC มีประเภทคามเป็นอันตรายกปี่ ระเภท อะไรบ้าง ? ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. พจิ ารณาฉลากขา้ งขวดสารเคมีทีก่ ำหนดให้ แล้วระบวุ ่า 1 – 6 แสดงขอ้ มูลต่าง ๆ เกีย่ วกับสารเคมี ซ่งึ แสดง ขอ้ มูลอะไรบา้ ง ? ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ตวั อยา่ งประเภทของของเสยี ทก่ี ำหนดให้มีวธิ กี ารกำจดั ด้วยวิธีใด ? 1) ของเสยี ที่เปน็ เบส .............................................................................................................................................................................. 2) ของเสยี ที่เปน็ เกลือ .............................................................................................................................................................................. 3) ของเสยี ที่เผาไหม้ได้ ..............................................................................................................................................................................

เฉลยแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท คำช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นเลือกคำตอบท่ีถูกตอ้ งทสี่ ดุ เพยี งข้อเดียว ชือ่ – นามสกุล.......................................................................................... เลขท.ี่ ........................ ชนั้ ............... 1. สญั ลกั ษณแ์ สดงอนั ตรายในระบบ EEC มปี ระเภทคามเปน็ อนั ตรายก่ปี ระเภท อะไรบ้าง ? 9 ประเภท 1) ระเบดิ ได้ 2) ไวไฟสูงมาก 3) ไวไฟมาก 4) สารออกซิไดซ์ (ชว่ ยให้ไฟตดิ ) 5) เปน็ พษิ มาก / เป็นพษิ 6) เป็นอันตราย 7) กัดกรอ่ น 8) ระคายเคือง 9) กัมมันตรังสี 2. พจิ ารณาฉลากขา้ งขวดสารเคมีทก่ี ำหนดให้ แล้วระบุว่า 1 – 6 แสดงข้อมลู ต่าง ๆ เกีย่ วกบั สารเคมี ซ่ึงแสดง ขอ้ มลู อะไรบา้ ง ? 1. ชอื่ สารเคมี 2. คำแสดงระดับความเปน็ อันตรายของสาร 3. ขอ้ ความแสดงความเป็นอันตรายของสาร 4. ขอ้ ควรปฏบิ ัติและวธิ ีการปฐมพยาบาล 5. ชอ่ื ผู้ผลติ / จำหนา่ ย 6. สญั ลกั ษณ์แสดงความเป็นอนั ตรายของสาร 3. ตัวอย่างประเภทของของเสียทก่ี ำหนดให้มวี ธิ ีการกำจดั ด้วยวิธีใด ? 1) ของเสียท่ีเปน็ เบส ทำให้เปน็ กลาง แล้วทิง้ ลงทอ่ ถา้ มีตะกอนใหก้ รองนำ้ ทง้ิ แล้วส่งตะกอนกำจดั 2) ของเสยี ท่ีเปน็ เกลอื สง่ หนว่ ยงานภายนอกกำจดั 3) ของเสยี ที่เผาไหมไ้ ด้ สง่ หนว่ ยงานภายนอกกำจดั

แบบประเมนิ พฤติกรรมการเรยี นรู้ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี........................ สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้วันท่ี.......................เดือน................................................พ.ศ.................................. เกณฑก์ ารให้คะแนน ลำดับ ช่อื – สกลุ ความต้ังใจ ความสนใจ การตอบ มสี ่วนรว่ ม รวม ระดับ ท่ี ในการ และการ คำถาม ใน (16) คณุ ภาพ เรียน (4) ซักถาม (4) (4) กจิ กรรม (4) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงช่ือ.............................................ผู้ประเมิน (………………………………………………………………) ...................../..................../...................

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ เกณฑ์การสรุปผลการประเมิน 14-16 ดมี าก นักเรยี นทีไ่ ดร้ ะดบั คุณภาพพอใช้ขึ้นไป ถอื วา่ ผ่าน 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 0-7 ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารวัดและประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ (Rubric) ประเด็นการ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ประเมนิ ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ต้องปรับปรงุ (1) 1. ความต้งั ใจในการ สนใจในการเรยี นไม่คยุ สนใจในการเรยี นคุยกนั ไม่สนใจในการเรียน เรียน หรอื เลน่ กนั ในขณะเรยี น เลก็ น้อยในขณะเรยี น สนใจในการเรียนคยุ กัน คุยและเล่นกันในขณะ และเลน่ กนั ในขณะเรยี น เรยี น 2. ความสนใจและ มกี ารถามในหวั ข้อที่ตนไม่ มีการถามในหวั ข้อทต่ี น เปน็ บางครง้ั ไม่ถามในหัวขอ้ ทต่ี น การซักถาม เขา้ ใจทกุ เรอ่ื งและกลา้ ไม่เข้าใจเป็นส่วนมาก มกี ารถามในหัวข้อที่ตน ไมเ่ ขา้ ใจและไมก่ ลา้ แสดงออก และกล้าแสดงออก ไมเ่ ข้าใจเปน็ บางครงั้ แสดงออก 3. การตอบคำถาม และไมค่ อ่ ยกลา้ ร่วมตอบคำถามในเรื่องท่ี รว่ มตอบคำถามในเร่ือง แสดงออก ไม่ตอบคำถาม 4. มสี ่วนร่วมใน ครูถามและตอบคำถามถูก ท่คี รถู ามและตอบ กิจกรรม ทกุ ข้อ คำถามส่วนมากถูก รว่ มตอบคำถามในเรอ่ื ง ไม่มีความรว่ มมือ ทคี่ รูถามเป็นบางคร้งั ในขณะทำกจิ กรรม ร่วมมือและชว่ ยเหลือ รว่ มมือและชว่ ยเหลือ และตอบคำถามถูกเป็น เพ่ือนในการทำกจิ กรรม เพ่ือนเป็นส่วนใหญใ่ น บางครง้ั การทำกจิ กรรม ร่วมมือและชว่ ยเหลือ เพ่ือนในการทำกจิ กรรม เป็นบางครง้ั

แบบประเมินการทำโจทยป์ ัญหา ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่........................ วนั ท่ี.......................เดอื น................................................พ.ศ.................................. ลำดับที่ ช่อื – สกลุ คะแนน 1 4 32 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงช่อื ................................................ผปู้ ระเมนิ (……………………………………………………………) ...................../..................../................... การใหค้ ะแนน/ระดับคะแนน ปรับปรุง (1) พอใช้ (2) ดี (3) ดีมาก (4) วิเคราะหโ์ จทยไ์ ด้ วเิ คราะห์โจทย์ และ วเิ คราะหโ์ จทย์ เลอื กใช้ วิเคราะห์โจทย์ เลือกใช้ ถกู ตอ้ ง วธิ ีการหาคำตอบ คำนวณ เลอื กใช้วธิ ีการหา วธิ ีการหาคำตอบ และ และสรปุ คำตอบได้ถกู ต้อง คำตอบได้ถูกตอ้ ง คำนวณได้ถูกต้อง

แบบประเมนิ ผลงานผงั มโนทศั น์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่........................ สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้วันที่.......................เดือน................................................พ.ศ.................................. เกณฑก์ ารให้คะแนน ลำดบั ชือ่ – สกุล ความ ความถกู ตอ้ ง ความคดิ ความเปน็ รวม ระดับ ท่ี สอดคล้องกับ (16) คณุ ภาพ ของเน้ือหา สรา้ งสรรค์ ระเบยี บ จดุ ประสงค์ (4) (4) (4) (4) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 ลงชือ่ ................................................................ผ้ปู ระเมิน (……………………………………………………………………) ...................../..................../...................

เกณฑ์ประเมินแผนภาพ ประเด็นทีป่ ระเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 32 1. ผลงานตรงกบั ผลงานสอดคล้องกบั ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกบั ผลงานไมส่ อดคลอ้ ง จุดประสงคท์ ่ี จุดประสงค์ทกุ จุดประสงคเ์ ปน็ ส่วน จุดประสงคบ์ าง กับจดุ ประสงค์ กำหนด ประเดน็ ใหญ่ ประเดน็ 2. ผลงานมคี วาม เนอ้ื หาสาระของ เน้อื หาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนอื้ หาสาระของ ถกู ตอ้ งสมบูรณ์ ผลงานถกู ตอ้ ง ผลงานถกู ตอ้ งเป็น ผลงานถกู ต้องเป็น ผลงานไมถ่ ูกต้องเปน็ ครบถว้ น สว่ นใหญ่ บางประเด็น สว่ นใหญ่ 3. ผลงานมีความคิด ผลงานแสดงออกถึง ผลงานมแี นวคิด ผลงานมีความ ผลงานไมแ่ สดง แปลกใหม่แตย่ งั ไม่ สรา้ งสรรค์ ความคดิ สรา้ งสรรค์ เป็นระบบ นา่ สนใจ แต่ยงั ไม่มี แนวคดิ ใหม่ แปลกใหมแ่ ละเปน็ แนวคดิ แปลกใหม่ ระบบ 4. ผลงานมีความ ผลงานมคี วามเป็น ผลงานสว่ นใหญม่ ี ผลงานมีความเปน็ ผลงานสว่ นใหญไ่ ม่ เป็นระเบยี บ ระเบยี บแสดงออกถึง ระเบยี บแตม่ ี เป็นระเบยี บและมี ความประณีต ความเป็นระเบยี บแต่ ขอ้ บกพรอ่ งบางส่วน ข้อบกพรอ่ งมาก ยังมี ขอ้ บกพร่องเล็กน้อย เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–16 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ภาคเรยี นที.่ .................ปกี ารศกึ ษา................. ช่อื -สกลุ นักเรียน...........................................................................ห้อง..............................เลขที่....................... คำชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอน สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด / ลงในชอ่ งที่ ตรงกับระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน ค่าเฉลย่ี อนั พงึ ประสงค์ 3210 1.1 มคี วามรัก และภูมใิ จในความเปน็ ชาติ 1. รักชาติ ศาสน์ 1.2 ปฏิบตั ติ นตามหลักของศาสนา กษัตรยิ ์ 1.3 แสดงออกถงึ ความจงรกั ภกั ดตี ่อสถาบัน พระมหากษัตรยิ ์ 2. ซื่อสัตย์สุจริต 2.1 ปฏิบตั ติ ามระเบียบการสอน และไมล่ อกการบ้าน 2.2 ประพฤติ ปฏิบัติ ตรงตอ่ ความเป็นจรงิ ต่อตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏิบัตติ รงตอ่ ความเป็นจริงตอ่ ผูอ้ ืน่ 3. มีวินัย 3.1 เข้าเรียนตรงเวลา 3.2 แตง่ กายเรยี บร้อยเหมาะสมกบั กาลเทศะ 3.3 ปฏบิ ัติตามกฎระเบียบของหอ้ ง 4. ใฝห่ าความรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มูลจากแหลง่ เรยี นรตู้ า่ ง ๆ 4.2 มกี ารจดบนั ทึกความรู้อย่างเปน็ ระบบ 4.3 สรปุ ความรไู้ ด้อยา่ งมีเหตุผล 5. อยู่อย่าง 5.1 ใช้ทรพั ย์สินและสง่ิ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั 5.2 ใช้อปุ กรณ์การเรียนอย่างประหยัดและรคู้ ุณค่า พอเพยี ง 5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6. ม่งุ ม่ัน 6.1 มีความต้งั ใจ และพยายามในการทำงานท่ไี ดร้ บั ในการทำงาน มอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรคเพื่อให้งาน สำเร็จ 7. รกั ความเปน็ 7.1 มจี ติ สำนึกในการอนรุ ักษ์วัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญา ไทย ไทย 7.2 เหน็ คุณค่าและปฏิบัติตนตามวฒั นธรรมไทย 8. มจี ิต 8.1 รจู้ ักการใหเ้ พอ่ื ส่วนรวม และเพือ่ ผู้อื่น สาธารณะ 8.2 แสดงออกถงึ การมนี ้ำใจหรือการให้ความชว่ ยเหลือ ผอู้ น่ื 8.3 เขา้ ร่วมกิจกรรมบำเพญ็ ตนเพอ่ื ส่วนรวมเมื่อมี โอกาส รวมคะแนน ลงช่ือ................................................................ผู้ประเมนิ (……………………………………………………………………) ...................../..................../...................

เกณฑก์ ารให้คะแนน - พฤติกรรมท่ปี ฏิบัติชดั เจนและสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน - พฤติกรรมท่ปี ฏิบัติชัดเจนและบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน - พฤติกรรมท่ปี ฏิบัติบางครัง้ ให้ 1 คะแนน - พฤติกรรมที่ไม่ได้ปฏบิ ตั ิ ให้ 0 คะแนน ระดบั คุณภาพ ระดบั คณุ ภาพ ดีเยย่ี ม - คะแนน 21 – 24 ระดับคุณภาพ ดี - คะแนน 20 – 22 ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ - คะแนน 12 – 19 ระดบั คุณภาพ ตอ้ งปรบั ปรงุ - คะแนน 0 – 11





แผนการจัดการเรยี นรู้ออนไลน์ท่ี 3 กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรื่อง ปฏิบัตกิ ารเคมเี บอ้ื งตน้ เรื่อง เทคนิคการใช้อุปกรณแ์ ละเครอื่ งมอื ทางเคมี รายวิชา เคมี 1 รหัส ว31223 เวลา 2 ชั่วโมง ครูผ้สู อน นาย วัชรพงษ์ โสนทอง 1. ผลการเรียนรู้ - เลือก และใชอ้ ุปกรณห์ รือเคร่ืองมอื ในการทำปฏิบตั ิการ และวัดปริมาณตา่ ง ๆ ได้อย่างเหมาะสม 2. สาระการเรียนรู้ - อุปกรณ์และเครื่องมือชั่ง ตวง วัดแต่ละชนิดมีวิธีการใช้งานและการดูแลแตกต่างกัน ซึ่งการวัด ปริมาณต่าง ๆ ให้ได้ข้อมูลที่มีความเที่ยงและ ความแม่นในระดับนัยสำคัญที่ต้องการ ต้องมีการเลือกและใช้ อุปกรณใ์ นการทำปฏบิ ตั ิการอย่างเหมาะสม 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (Knowledge) 1. มีความรคู้ วามเข้าใจเกยี่ วกบั การเลือกและใช้อุปกรณ์และเคร่ืองมือในการทำปฏิบตั ิการ ดา้ นทักษะ (Process) 2. ใช้อุปกรณ์และเครือ่ งมอื ในการทำปฏิบัติการได้อยา่ งถูกตอ้ ง ดา้ นเจตคติ (Affective) 3. ตั้งใจเรยี นรู้และแสวงหาความรู้ 4. ความคิดรวบยอด อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์เป็นอปุ กรณ์หรือเคร่ืองมือที่ใช้ทั้งภายในห้องปฏิบัติการเพ่ือใชท้ ดลอง และ หาคำตอบต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ เช่น เครื่องแก้ว เครื่องชั่ง เป็นต้น จึงควรมีความรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้งาน และการดูแลรกั ษา เพราะในห้องปฏบิ ตั กิ ารจะประกอบไปด้วยอุปกรณ์และเครอื่ งมือหลายชนดิ และสารเคมีที่ มีสมบัติแตกต่างกัน หากขาดความรู้ในการใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุต่อผู้ใช้ ห้องปฏิบตั ิการเอง และเกิดความเสยี หายต่อทรัพย์สนิ ตา่ ง ๆ ของโรงเรียนได้ 5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น  ความสามารถในการสื่อสาร  ความสารถในการคดิ  ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์  ความซือ่ สัตย์สุจริต  มวี ินยั ความรักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ อยู่อย่างพอเพียง  มุ่งม่นั ในการทำงาน มจี ติ สาธารณะ  ใฝ่เรียนรู้ รักความเปน็ ไทย 7. แนวความคดิ เพือ่ การเรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี 21 ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม  สาระวิชาหลัก (Core Subjects) ทกั ษะดา้ นชีวติ และอาชพี  ทักษะดา้ นสารสนเทศ ส่ือ และเทคโนโลยี 8. การบูรณาการเรียนรู้ พระบรมราโชบายด้านการศึกษาของ ร.10  ด้านที่ 1 มีทัศนคตทิ ี่ถกู ต้องตอ่ บา้ นเมือง  ดา้ นท่ี 2 มพี ้ืนฐานชวี ติ ทมี่ ่ันคง มีคุณธรรม  ด้านท่ี 3 มงี านทำ มีอาชพี  ด้านท่ี 4 เป็นพลเมอื งดี หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง หลักสูตรเขตพฒั นาเศรษฐกิจพเิ ศษ (หลกั สูตรทอ้ งถิ่น) หลกั สูตรต้านทุจริตศกึ ษา  สะเตม็ ศึกษา 9. กระบวนการจัดการเรียนรู้ วิธีสอน โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะความรู้ (Inquiry Cycle หรอื Inquiry Method : 5E) 1. ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) 1. นักเรียนเข้า Google Meet ผา่ นระบบของโรงเรียน 2. นักเรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน โดยใช้ Quizizz เพ่อื ตรวจสอบความรเู้ ดิมของนักเรียน ก่อนเขา้ สกู่ ิจกรรมในช้นั เรียน 3. ครูเปิดสือ่ การสอนเกย่ี วกับการใช้เครอ่ื งแก้วในห้องปฏิบัตกิ ารจากแหล่งข้อมูลสารสนเทศ ใหน้ ักเรยี นดู เพ่ือกระตุ้นให้นกั เรียนเกดิ ความสนใจในบทเรียน และได้รับความรู้เบ้ืองตน้ เก่ยี วกับเทคนิคการใช้ อุปกรณ์และเครอื่ งมือทางเคมกี ่อนการลงมือทำการทดลองและฝกึ ปฏบิ ัติจรงิ 4. ครถู ามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสอื เรยี นเคมี ม.4 เลม่ 1 หน้า 11 ว่า นักเรียน รู้จกั อุปกรณ์หรือเครอ่ื งมืออะไรบ้างในห้องปฏบิ ัตกิ ารเคมี เพื่อเปน็ การกระต้นุ ใหน้ ักเรยี นร่วมกนั คิด

(แนวตอบ : เช่น บกี เกอร์ บิวเรตต์ ปเิ ปตต์ หลอดหยดสาร ขวดรูปชมพู่ หลอดทดลอง เครอ่ื ง ชงั่ สาร ตะเกยี งแอลกอฮอล์ แทง่ แกว้ คนสาร เป็นตน้ ) 5. ครูชี้ให้เห็นความแตกต่างของอุปกรณ์หรือเครื่องมือในห้องปฏิบัติการเคมี โดยอ้างอิง ความรู้เรอื่ ง เทคนิคการใช้อปุ กรณแ์ ละเคร่ืองมือทางเคมี จากหนังสือเรยี นเคมี ม.4 เล่ม 1 หน้า 11-14 2. ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration) 1. นกั เรยี นแต่ละคนพิจารณาอปุ กรณ์และเครือ่ งมือทางเคมี และใหน้ ักเรียนแยกประเภทของ อุปกรณ์ ซึ่งสามารถใชค้ ำถามกระตุน้ ดังนี้ 1) อปุ กรณใ์ ดบา้ งทีจ่ ำเปน็ ในการทดลองแต่ละครั้ง (แนวตอบ : อาจมมี ากกวา่ 1 อปุ กรณ์ ขน้ึ อยู่กับการทดลอง เช่น บีกเกอร์ใช้ใน การเตรยี มละลาย และตวงสารอย่างครา่ ว ๆ หลอดหยดสารใชใ้ นการหยดสารละลาย เปน็ ต้น) 2. นกั เรยี นแตล่ ะคนทำใบงานท่ี 1.3 เรอื่ ง การเลอื กใชอ้ ปุ กรณแ์ ละเครื่องมอื ในการทดลอง 3. ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) 1.ครูให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้เครื่องมือ ตลอดจนองค์ประกอบต่าง ๆ ที่สำคัญ ศัพท์เทคนิคเฉพาะ พร้อมท้ังให้นักเรียนสรุปวิธีการใช้ และการดูแลรักษาอุปกรณ์แต่ละชนิด 2. ครอู ธิบายสรุปเกย่ี วกบั เน้อื หา หรอื เปดิ โอกาสให้นักเรยี นได้สอบถามในสว่ นที่มขี อ้ สงสยั 3. นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี น โดยใช้ Quizizz เพือ่ ตรวจสอบความรู้ความเขา้ ใจของ นักเรยี น 4. ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) 1. ครนู ำนักเรยี นอภิปรายและสรปุ เก่ียวกับเทคนิคการใช้อปุ กรณ์และเคร่อื งมอื ทางเคมี ดงั นี้ • เคร่อื งแก้วทใ่ี ช้ในการทดลองจะตอ้ งล้างให้สะอาด และทำให้แห้งก่อนนำไปใช้งาน เสมอ ไม่เช่นน้ันจะทำให้ผลการทดลองผิดพลาด หรือคลาดเคลื่อนได้ การทำความสะอาดเคร่ืองแก้ว ต้องทำ ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องแก้วที่มีลักษณะเป็นก้านยาว เช่น ปิเปตต์ บิวเรต ขวดวัด ปริมาตร ฯลฯ โดยลา้ งดว้ ยสบู่ หรอื สารซักฟอก หรือสารละลายทำความสะอาด แลว้ ล้างด้วยน้ำสะอาด • การใชเ้ คร่อื งชง่ั ทุกชนิดตอ้ งระวงั และรักษาใหด้ ี เพื่อปอ้ งกนั การชำรุดเสียหายของ เครอื่ งชงั่ ซึ่งทำใหก้ ารช่ังนำ้ หนกั คลาดเคล่อื นจนไม่สามารถนามาใช้งานได้ 2. ครเู ปดิ โอกาสให้นกั เรียนสอบถามเนอ้ื หาเรือ่ ง เทคนิคการใชอ้ ุปกรณ์และเครอื่ งมือทางเคมี ว่ามสี ว่ นไหนทย่ี งั ไมเ่ ข้าใจและให้ความรู้เพมิ่ เตมิ ในสว่ นนั้น 5. ขั้นประเมนิ (Evaluation) 1. ครูประเมินผลโดยการสงั เกตการตอบคำถาม และการรว่ มกันทำผลงาน 2. ครูตรวจสอบผลจากการทำใบงานที่ 1.3 เรอื่ ง การเลือกใช้อุปกรณ์และเคร่ืองมือในการทดลอง 3. ครตู รวจสอบผลจากการทำ Quizizz 10. วสั ดุ อุปกรณ์ สอ่ื และแหล่งเรียนรู้ 1) หนังสือเรยี นวชิ า เคมี ม.4 เลม่ 1 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 ปฏบิ ัติการเคมีเบือ้ งตน้ 2) Quizizz : https://quizizz.com/admin/quiz/6016cf78852e40001b545c58 เร่ือง การใช้ งานอปุ กรณแ์ ละเคร่อื งมือทางเคมี 3) ใบงานท่ี 1.3 เรอ่ื ง การเลอื กใช้อปุ กรณแ์ ละเครื่องมอื ในการทดลอง 4) PowerPoint เรื่อง เทคนคิ การใชอ้ ปุ กรณ์และเครื่องมือทางเคมี 5) YouTube : https://www.youtube.com/watch?v=KkNQQr74Czc เรื่อง การใชเ้ ครอ่ื งแกว้ ในหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร

6) วธิ กี ารเข้าเรียนออนไลน์ : http://www.ky.ac.th/datashow_65268 7) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ การวดั และการประเมินผล วธิ ีการวดั เครอ่ื งมือทีใ่ ชว้ ดั เกณฑก์ ารวัดและ การวัดผล และการประเมนิ ผล และการประเมินผล การประเมินผล 1. ใบงานท่ี 1.3 เรือ่ ง การ ไดค้ ะแนนร้อยละ ประเมินผลด้าน 1. ตรวจใบงานท่ี 1.3 เลอื กใช้อุปกรณแ์ ละ 60 ขน้ึ ไป 1. ด้านความรู้ (K) เรือ่ ง การเลือกใช้ เครื่องมอื ในการทดลอง อปุ กรณแ์ ละเครือ่ งมือ 2. Quizizz ได้คะแนนรอ้ ยละ 2. ด้านทักษะ (P) ในการทดลอง 60 ขนึ้ ไป 2. คำถามใน Quizizz 1. ใบงานที่ 1.3 เร่ือง การ 3. ด้านคณุ ลักษณะอนั พึง เลือกใชอ้ ุปกรณ์และ ระดบั คุณภาพ ประสงค์ (A) 1. ตรวจใบงานท่ี 1.3 เครือ่ งมอื ในการทดลอง ดี ขน้ึ ไป เรอ่ื ง การเลือกใช้ อปุ กรณแ์ ละเคร่ืองมอื แบบสังเกตพฤติกรรมการ ในการทดลอง มสี ่วนรว่ มในการทำงาน เป็นกลมุ่ การสังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรมเป็น การมีสว่ นรว่ มในการ รายบุคคล ทำงานเปน็ กลุ่ม การสงั เกตพฤตกิ รรม เป็นรายบุคคล

ใบงานท่ี 1.3 เรอื่ ง การเลือกใชอ้ ปุ กรณ์และเครอ่ื งมือในการทดลอง คำชีแ้ จง : ระบลุ กั ษณะการใช้งาน วธิ ีการใช้งาน และการทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ในหอ้ งปฏิบัติการท่ี กำหนดให้ในตาราง อุปกรณ์ ลกั ษณะการใชง้ าน วิธใี ช้งาน การทำความสะอาด ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ......................................

อปุ กรณ์ ลกั ษณะการใช้งาน วธิ ใี ชง้ าน การทำความสะอาด ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ...................................... ......................................

เฉลยใบงานท่ี 1.3 เร่อื ง การเลอื กใช้อุปกรณ์และเครือ่ งมือในการทดลอง คำชี้แจง : ระบุลักษณะการใช้งาน วธิ ีการใชง้ าน และการทำความสะอาดอปุ กรณ์ท่ีใช้ในหอ้ งปฏบิ ตั ิการท่ี กำหนดใหใ้ นตาราง อุปกรณ์ ลักษณะการใชง้ าน วิธใี ชง้ าน การทำความสะอาด ใชเ้ ตรยี มสารละลาย เลอื กขนาดใหเ้ หมาะสมกับปรมิ าณ ลา้ งด้วยนำ้ และน้ำยาซกั ล้าง ใช้ถา่ ยเทสารเคมี ของเหลวทีบ่ รรจุ จากน้ันจับแทง่ โดยใช้ แปรงชว่ ยขัด แก้ว แตะกบั ปากบีกเกอร์ แลว้ หลังจากน้ันลา้ งด้วย นำ้ กล่ัน เอียงบกี เกอร์ ให้ของเหลวไหลตาม แล้วนำไปผ่งึ ให้แหง้ แทง่ แก้วลงสู่ ภาชนะรองรับ ใช้ใส่สารเพ่ือทำการ ทสารลงในหลอดทดลอง โดยใชม้ ือ ล้างดว้ ยนำ้ และน้ำยาซกั ลา้ ง ทดลอง ขา้ งหนึ่งจับบริเวณใกลป้ ลายหลอด โดยใช้ แปรงชว่ ยขดั หากมกี ารผสมสารต้ังแต่ 2 ชนดิ หลังจากนั้นล้างด้วย น้ำกล่ัน ขึน้ ไป อาจเขยา่ สารโดยใหก้ ้น แลว้ นำไปผง่ึ ให้แหง้ หลอด กระทบกับฝ่ามืออีกขา้ งหนงึ่ เบา ๆ ใชเ้ ตรียมสารละลาย ละลายสารใหม้ ปี รมิ าตร 3/4 ของ ลา้ งดว้ ยนำ้ และน้ำยาซกั ล้าง มาตรฐาน ซงึ่ ตอ้ งการ ขวด เตมิ ตัวทำละลายจนสารอยู่ โดยใช้ แปรงช่วยขดั วดั ปรมิ าตรที่แน่นอน ตำ่ กว่าขดี บอกปรมิ าตร ปรับ หลังจากนั้นลา้ งด้วย นำ้ กล่ัน ปรมิ าตร โดยใช้หลอดหยดหรอื ปิ แลว้ นำไปผ่ึงให้แห้ง เปตต์ ปดิ จุกขวด แลว้ ควำ่ ข้นึ ลง ใชด้ ดู สารละลาย บบี อากาศออกจากลกู ยาง สวมลกู ใส่น้ำยาซกั ล้างเข้าไป 1/3 ปริมาตรทีต่ อ้ งการ (ได้ ยาง ทปี่ ลายบนของปิเปตต์ จุ่ม ของปิเปตต์ ค่อย ๆ เอียงปิ หลายปรมิ าตร) ปลาย ปิเปตต์ลงลงสาร ดูด เปตตจ์ นเกอื บอยใู่ น แนวราบ ของเหลวขนึ้ จนเลยขีดบอก แลว้ หมุนไปมา จากน้ัน ปริมาตร ดึงลูกยางออก ใช้นิว้ ชี้มือ ปลอ่ ยนำ้ ยาให้ไหลออกทาง ขวาปิดปลายปิเปตต์ ปรับ ปริมาตร ปลาย ปเิ ปตต์ แล้วล้างดว้ ย แลว้ ปลอ่ ยสาร น้ำกลน่ั

อปุ กรณ์ ลกั ษณะการใชง้ าน วธิ ีใชง้ าน การทำความสะอาด ใช้ตวงสารละลาย ซ่ึง จะ เทสารลงกระบอกตวงจน ล้างดว้ ยนำ้ และน้ำยาซัก บอกปริมาตรของ ของเหลว สว่ นโคง้ เว้า อย่ตู ำ่ กว่าขีด ลา้ ง โดยใช้ แปรงช่วยขดั บอกปริมาตร ปรับ ปรมิ าตร หลังจากน้ันลา้ งด้วย น้ำ ใหส้ ว่ นโค้งเว้าตำ่ สุดของสาร กลัน่ แล้วนำไปผ่ึงให้แห้ง อยู่ตรงกับขดี บอกปริมาตร แล้ว อา่ นปริมาตร ใชห้ ยดสารละลาย บีบจกุ ยาง จ่มุ ปลายหลอดลง ทำความสะอาดโดยการดูด ใน สารละลาย ปลอ่ ยจุกยาง นำ้ เขา้ แล้วบีบออก เช็ดให้ เพ่ือดดู สารละลาย ย้าย แห้ง และวาง ผ่ึงในภาชนะ หลอดไปยงั ภาชนะ ท่ี สะอาด ต้องการ แลว้ บีบจกุ ยางเพ่อื ปล่อย สารออก ใช้กรองสาร หรอื เทสาร ใช้คกู่ บั กระดาษกรอง เพือ่ ล้างด้วยนำ้ ยาซกั ล้าง แล้ว แยก ของแขง็ ออกจาก ล้างดว้ ย น้ำกลั่น ทำใหแ้ ห้ง ของเหลว และ ใชส้ วมบวิ เร ตเมื่อจะเทสารละลาย ลงใน บวิ เรต ใชค้ นสารละลาย คนสารไปในทศิ ทางเดยี ว ล้างด้วยน้ำยาซักลา้ ง แลว้ โดยไม่ให้ แทง่ แก้วกระทบ ลา้ งดว้ ย นำ้ กลัน่ ทำให้แห้ง ขา้ งหลอดทดลอง ใชบ้ รรจสุ ารละลาย สำหรับ เทสารใหอ้ ยใู่ นระดบั เหนือขีด ลา้ งดว้ ยนำ้ ยาซกั ลา้ ง แลว้ การไทเทรต เพอ่ื หาความ ศนู ย์ เล็กนอ้ ย แล้วปรับ ลา้ งดว้ ย นำ้ กลนั่ ถ้ายงั ไม่ เขม้ ข้น ปริมาตร โดยให้ สว่ นเวา้ สะอาด (สังเกตน้ำ ท่ี ตำ่ สดุ ของผวิ สารละลาย อยู่ เกาะติดอยใู่ นบวิ เรต) นำไป ตรงขดี ปรมิ าตรพอดี จากนัน้ ทำ ความสะอาดอกี ครง้ั ใช้ นวิ้ หวั แม่มือ น้ิวช้ี และ หนึ่ง ทงิ้ ไว้ 10 นาที แลว้ นิ้วกลาง ของมอื ข้างหนง่ึ ปล่อยน้ำยาซกั ลา้ งให้ ไหล ปรับการไหลของ สารละลาย ออกทางปลายบวิ เรต แล้ว ลา้ ง ด้วยนำ้ กลน่ั และห้าม เอาผ้าดนั เขา้ ไปเชด็ ภายใน บิวเรต


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook