Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เพลงพื้นบ้านภาคกลาง

เพลงพื้นบ้านภาคกลาง

Description: เพลงพื้นบ้านภาคกลาง.

Search

Read the Text Version

๑๘๑ ๔) คณะเพลงฉ่อยวงคนสะเดยี ง จงั หวัดเพชรบรู ณ์ คณะเพลงฉ่อยวงคนสะเดียง ตง้ั อยู่บา้ นเลขที่ ๔/๑ ถนนเด่นพัฒนา ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ รหัสไปรษณีย์ ๖๗๐๐๐ เป็นคณะเพลงที่สืบสานผลงานการเล่นเพลงฉ่อย จากคณะแม่ตะเหลี่ยม ภาชนะทอง ซ่ึงเป็นแม่เพลงชื่อดังในอดีต ปัจจุบันคณะน้ีมีนางสวาท ภาสประหาส (อายุ ๗๑ ปี) ขา้ ราชการบานาญ เปน็ หัวหนา้ ความเป็นมาเร่ิมต้นจากนางตะเหลี่ยม ภาชนะทอง ชาวบ้านสะเดียง ซ่ึงเป็น ชนด้ังเดิมของชาวเพชรบูรณ์ เป็นผู้ก่อตั้ง และได้ฝึกหัดเพลงให้แก่ลูกหลานต่อๆ มาอีกหลายรุ่น รวมถึงนาง สวาทด้วย นางสวาทรา่ เรียนการร้องเพลงฉอ่ ยจาก พอ่ ศิลป์ แม่แป้ง ขุนแก้ว แม่สะอิ้ง ขุนแก้ว แม่น้อย ขุนแก้ว พ่อเสรมิ ขนุ แกว้ และพ่อเหรียญ ขนุ แกว้ ปัจจุบนั ครเู พลงท้ังหมดเสียชวี ิตแลว้ คณะเพลงฉ่อยคนบา้ นสะเดยี งเร่ิมรับงานแสดงมาตัง้ แต่ปี ๒๔๔๕ สืบทอดต่อๆ กัน มาต้งั แต่รนุ่ ปู่ ยา่ ตา ยาย โดยเลน่ ในงานต่างๆ ของชุมชน และหน่วยงานในจังหวัดเพชรบูรณ์ เช่น งานรักษา ศิลปวัฒธรรมพื้นบ้านเพชรบูรณ์ งานประเพณีสงกรานต์ งานทอดป่าผ้า เป็นต้น ปัจจุบันน้ีคณะเพลงฉ่อย คนบ้านสะเดียงยังคงรับงานแสดงอยู่เสมอ ส่วนใหญ่จะเป็นงานของชุมชนและหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัด เพชรบูรณ์ สมาชกิ ของคณะเพลงฉอ่ ยคนบา้ นสะเดียงมีทั้งส้นิ ๙ คน ไดแ้ ก่ ๑. นางสวาท ภาสประหาส ๒. อ.พรเพ็ญ จตุรพจน์ ๓. นางสมจิตต์ ขุนแก้ว ๔. นางสมศักด์ิ ขุนแก้ว ๕. นายประเทยี บ ขนุ แก้ว ๖. นายแดง นง่ สนิท ๗. นางพนิ ธิ กลุ ทับแย้ม ๘. นางสาวรชั ญา เพชรพพิ ฒั น์ ๙. นางสาวสุธริ พนั ธ์ พูนทวี ภาพที่ ๘๔ การแสดงเพลงฉอ่ ยของคณะคนบา้ นสะเดยี ง

๑๘๒ ภาพที่ ๘๕ การสาธิตเพลงฉอ่ ยของนางสวาท ภาสประหาส เม่ือวนั ท่ี ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ ศนู ยเ์ รียนรูเ้ พลงพนื้ บา้ นแม่ขวัญจติ ศรปี ระจันต์ จังหวดั สพุ รรณบรุ ี ทีม่ า : คา่ ยเพาะกล้าพันธเุ์ กง่ เพลงพ้ืนบา้ น โครงการวิจยั เพลงพน้ื บ้านภาคกลาง พอ่ เสรมิ นางพณิ คงแท้ ครูทา คงแท้ แม่จ๋ิว พ่อสนิ แม่แป้ง ขุนแกว้ ( มารดา ) ทองมา ขนุ แก้ว ขุนแก้ว (ผู้กอ่ ตั้งคณะพอ่ บุญเสรมิ พูนสิน ชาวบา้ นสะเดียง) นางสวาท ภาสประหาส แผนผังสายตระกลู ครเู พลงของนางสวาท ภาสประหาส (สวาท ภาสประหาส สมั ภาษณ์ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗, สมั ภาษณแ์ ละประชมุ กลมุ่ ยอ่ ย ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗)

๑๘๓ ๕) คณะแมท่ องใบ จนิ ดา จังหวดั นครสวรรค์ ความเป็นมาคณะเพลงฉ่อยแม่ทองใบ จินดา น้ัน ต้องกล่าวไปถึงวงเพลงฉ่อยที่มี ประวัติสืบทอดกันมาต้ังแต่สมัยโบราณ ซึ่งในท้องถิ่นใกล้เคียงกับจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี และชัยนาท มพี ่อเพลงแม่เพลงฉ่อยได้รวมกันเป็นวงเพลงหรือคณะออกทาการแสดงเป็นคร้ังคราว คือ ถ้ามีเจ้าภาพมาหา เพลงก็จะตามกันรวมเป็นวงไปเลน่ ครั้งหนงึ่ พ่อเพลงแมเ่ พลงคนสาคัญ ได้แก่ แม่แตงไทย บญุ พาสุข (พ้ืนเพเดิม เป็นคนจงั หวดั อทุ ัยธานี ภายหลงั มาอยู่ทบี่ า้ นหนองเบน ตาบลหนองกรด อาเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์) พ่อ สชุ นิ ทวีเขตต์ (พ้ืนเพเดิมเปน็ คนจงั หวดั ชัยนาท ภายหลังมาอยู่ท่ีบ้านหนองพลวง ตาบลหนองขาหย่าง อาเภอ หนองขาหยา่ ง จังหวัดอทุ ัยธานี) พอ่ เถมิ (ไม่ทราบนามสกลุ เปน็ พ่อเพลงอยูท่ างอาเภอวัดสงิ ห์ จังหวัดชัยนาท) และแมท่ องม้วน (ไมท่ ราบนามสกุล เปน็ แมเ่ พลงอย่แู ถวในตวั เมอื งอทุ ัยธานี) แมแ่ ตงไทยไดม้ าหดั เพลงให้กับลูกหลานและคนในละแวกหนองเบนและลาดยาว เมื่อ มีคนมาหากจ็ ะรวบรวมกนั ไปแสดง ซง่ึ แม่ทองใบเมอ่ื ยังเป็นเด็กก็ได้มีโอกาสติดตามวงของแม่แตงไทยไปแสดง บ้าง แตย่ ังไมไ่ ดร้ ้องเพยี งแตไ่ ปช่วยเขาตีกรับ แตก่ ถ็ ือวา่ ไดค้ รูพักลกั จาเพลงมาเป็นพื้นฐาน นอกจากนี้ในเขตอาเภอลาดยาวยังมีพ่อเพลงแม่เพลงตั้งเป็นวงขึ้นโดยแสดงท้ังเพลง ฉอ่ ยและเพลงทรงเคร่อื งทีม่ ีปพี่ าทย์ประกอบด้วย ได้แก่ “วง ส. ทองนพเก้า” ของพ่อสะอาด ลงทอง และแม่ ทองเกลยี ว ลงทอง ซ่ึงท้งั สองท่านได้ตง้ั วงออกแสดง รวมถึงฝกึ หัดลูกศิษย์ไว้เป็นวงอีกถึงสามชุดสามรุ่น คือ ส. ทองนพเกา้ ๑ ส. ทองนพเก้า ๒ และส. ทองนพเก้า ๓ ต่อมาเม่ือหมดยุคของวง ส. ทองนพเก้าแล้ว ลูกสาว ของพอ่ สะอาด ลงทอง และแม่ทองเกลียว ลงทอง กย็ ังได้ต้ังวงเพลงออกรับงานแสดงอยู่ ชื่อว่า “วงเรณู เสียง สวรรค์” ยิ่งไปกว่านั้นเม่ือวง ส. ทองนพเก้า ยุบไป พ่อแนม เพชรรัตน์ และแม่เปล้ือง เพชรรัตน์ ซึ่งเดิมเป็น เจ้าของวงปี่พาทย์ให้แก่วง ส. ทองนพเกา้ แต่ก็มคี วามสามารถในการแสดงเพลงฉ่อยและเพลงทรงเครื่อง จึงได้ ตง้ั วงเพลงข้นึ รบั งานแสดงอกี วงหนึง่ ซง่ึ พ่อแนมและแม่เปลอื้ งน้เี องท่ีแมท่ องใบ จินดา ถอื ว่าเป็นครหู ลักของตน ในทางเพลงฉ่อย โดยแม่ทองใบได้ติดตามวงเพลงไปแสดงด้วย แ รก ๆ ไปช่วยตีกรับ เมื่อมีอายุและ ประสบการณ์มากขึ้นพอเริ่มเข้าจังหวะได้ ครูก็แต่งเพลงให้ร้องกลอนสองกลอน ในช่วงแรกหัดท่องเพลงตับ เพลงเถากอ่ น เมอื่ เกง่ ขึ้นจงึ สามารถรอ้ งดน้ โต้ตอบกับพอ่ เพลงได้ อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาเน่ืองจากความนิยมถดถอยลง ประกอบกับพ่อเพลง แม่ เพลงจานวนหนงึ่ ออกไปมีครอบครัวและไปประกอบอาชพี อืน่ ๆ บางคนย้ายไปอยู่ตา่ งถน่ิ ทาใหว้ งเพลงฉ่อยต้อง เลิกไป จนผู้คนเข้าใจกันว่าเพลงฉ่อยนั้นได้สูญจากนครสวรรค์ไปแล้ว ตัวแม่ทองใบ จินดา เองก็แต่งงานมี ครอบครวั และต้องเลีย้ งลูกจึงหยุดเล่นเพลงไประยะหน่งึ จนกระทงั่ เมอ่ื ประมาณ ๓๐ ปีทแ่ี ล้วจึงไดก้ ลับมาฟ้ืนฟู เพลงฉ่อยใหม้ ชี วี ิตอกี คร้ังหนงึ่ โดยชว่ งแรกมโี อกาสไดร้ ับการสนบั สนุนให้แสดงออกอากาศทางวิทยุ พล. ปตอ. เกียกกาย กรงุ เทพมหานคร ทาให้เรมิ่ มีคนรู้จกั และไดก้ ลบั มาต้ังเปน็ วงเพลงออกแสดงจนกระทง่ั ทุกวนั นี้ ปัจจุบันวงเพลงฉอ่ ยแม่ทองใบ จินดา มีสมาชิกในวงประมาณ ๑๐ คน ซ่ึงพ่อเพลงแม่ เพลงกจ็ ะอาศัยกระจายกันอยใู่ นเขตอาเภอลาดยาว อาเภอพยหุ ะครี ี และอาเภอเมือง จงั หวัดนครสวรรค์ เม่ือมี งาน กจ็ ะโทรศัพท์ตามกันไปแสดง ไดแ้ ก่

๑๘๔ ๑. นางทองใบ จนิ ดา (อายุ ๕๗ ปี เร่มิ เลน่ ต้งั แตเ่ ลก็ อายุสิบกว่าขวบหลังเรียนจบช้ัน ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ ตอ่ มาเมอ่ื แตง่ งานก็หยดุ เลน่ เพลงไป แตไ่ ด้กลับมาเลน่ ใหม่เมื่อ ๓๐ ปีทผี่ า่ นมา) ๒. นางพะเยาว์ เพชรรัตน์ ๓. นางเฉลียว จนิ ดา ๔. นางวิเชียร (ไม่ทราบนามสกุล เป็นลูกของลูกสาวแม่แตงไทย และได้หัดเพลง จากแมแ่ ตงไทย) ๕. นางนกน้อย (ไม่ทราบนามสกุล เป็นลูกของลูกสาวแม่แตงไทย และได้หัดเพลง จากแม่แตงไทย) ๖. นายโกมนิ ทร์ พลู เขตกิจ ๗. นายบุญถงึ เมืองไทย ๘. นายวิชยั โฉมทอง ๙. นายวิรชั เขตวิทย์ ๑๐. นายน้อย (ไมท่ ราบนามสกุล เพง่ิ เริ่มเข้าวงการมาเลน่ เพลง) เพลงฉ่อยของแม่ทองใบ จินดาและพ่อโกมินทร์ พูลเขตกิจ รับงานการแสดงแทบทุก โอกาส ทัง้ งานของชาวบ้านและงานของหน่วยงานราชการตา่ ง ๆ เป็นตน้ วา่ งานข้นึ บา้ นใหม่ งานบวช งานโกน จกุ งานทาบุญร้อยวัน งานทาบุญ งานประเพณี และและงานตามเทศกาลต่าง ๆ แต่จะไม่เล่นในงานแต่งงาน เน่ืองจากครูบาอาจารย์ได้ห้ามเอาไว้ ซ่ึงราคาในการติดต่อการแสดงนั้นจะอยู่ที่ตกลงกันเพราะบางคร้ังราคา อาจจะไมเ่ ท่ากนั ในชว่ งนเ้ี มื่อไปแสดงก็จะมีเวทีและปี่พาทย์ไปด้วย โดยพื้นท่ีที่เคยไปแสดงส่วนมากอยู่ในเขต ภาคกลาง เช่น จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดนครปฐม จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดอตุ รดิตถ์ เปน็ ต้น ( ทองใบ จินดา. สัมภาษณ์. ๒๓ เมษายน ๒๕๕๗ ) ภาพที่ ๘๖ การแสดงเพลงฉ่อยของคณะทองใบ จนิ ดา ท่ีมา : https://www.google.co.th

๑๘๕ แผนผังสายตระกลู ครเู พลงของนางทองใบ จินดา นายสะอาด ลงทอง นางแตงไทย บญุ พาสขุ นางทองเกลยี ว ลงทอง นายสุชิน ทวีเขตต์ ( ผกู้ อ่ ตัง้ และหวั หน้าคณะ นายเถมิ นางทองม้วน ส. ทองนพเก้า ) ( ครูพกั ลกั จา นางจนิ ดาเคย เป็นลูกคู่ตกี รบั สมยั เปน็ เดก็ ) คณะ ส. ทองนพเกา้ ๑ คณะ เรณู เสยี งสวรรค์ ( ลกู ศษิ ย์ รนุ่ ท่ี ๑ ) ( บตุ รสาวของนายสะอาด ) คณะ ส. ทองนพเกา้ ๒ นายแนมและนางเปลอ้ื ง ( ลกู ศษิ ย์ รนุ่ ท่ี ๒ ) เพชรรตั น์ ( เจ้าของวงปี่พาทยท์ ่เี คย แสดงกบั คณะ ส. ทองนพเกา้ ตอ่ มา คณะ ส. ทองนพเกา้ ๓ ( ลกู ศิษย์ รุ่นท่ี ๓ ) คณะ ส. ทองนพเกา้ ยบุ คณะ ทง้ั สองทา่ นจึงต้งั คณะใหม่ เป็นวงปแู่ นม และเปน็ ครขู องนางจินดา ) ( ครเู พลงนางทองใบ ) นางทองใบ จนิ ดา ( ครูเพลงและหัวหนา้ คณะ )

๑๘๖ ๖) คณะพอ่ สวงิ บรรเด็จ จังหวดั ชยั นาท คณะพ่อสวงิ บรรเด็จ มีนายสวิง บรรเด็จ ภูมิลาเนาเดิมอยู่ที่ตาบลหนองน้อย อาเภอ วัดสิงห์ จังหวัดชัยนาทเป็นผู้ก่อต้ัง นายสวิงเร่ิมหัดเพลงและออกเล่นเพลงต้ังแต่เมื่อเป็นหนุ่ม โดยเรียนเพลง พื้นบ้านจากแม่แตงไทย บุญพาสุข (แม่เพลงที่มีพื้นเพเดิมเป็นคนจังหวัดอุทัยธานีใกล้กันกับอาเภอวัดสิงห์ จงั หวดั ชัยนาท ภายหลงั ย้ายไปอยู่ท่บี ้านหนองเบน ตาบลหนองกรด อาเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์) และพ่อ เพลงแม่เพลงในบริเวณน้ันอีกหลายคน นายสวิงมีความสามารถทั้งในการร้องการเล่นและการแต่งเน้ือร้อง เพลงฉ่อยรวมถึงเพลงพ้ืนบ้านชนิดอ่ืนๆ เช่น เพลงอีแซว เพลงเก่ียวข้าว เพลงเรือ และลาตัด เป็นต้น โดย จะเล่นเพลงฉอ่ ยเป็นหลกั นายสวิงหยุดเล่นเพลงไปช่วงหนึ่งเน่ืองจากอุปสมบทเป็นเวลา ๑๔ พรรษา หลังจาก ลาสิกขาบทแล้วสมรสมีบุตรท้ังสิ้น ๔ คน ต่อมาเม่ือบุตรนายสวิงมีอายุมากพอท่ีจะฝึกหัดเพลงพ้ืนบ้านได้ จึง ฝึกหัดใหบ้ ุตร ปรากฏวา่ มีแมค่ มคายเพียงคนเดียวท่ีมีความสนใจและสืบทอดการเล่นเพลงพ้ืนบ้าน นอกจากนี้ ยังได้ฝึกหัดให้แก่ผู้สนใจที่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง ต่อมาได้ออกแสดงเพลงฉ่อยอีกครั้งหนึ่ง นายสวิงมี ความสามารถในการจดจาเนื้อเพลงเก่าๆ ได้จานวนมาก นอกจากนี้เวลาออกแสดงก็ยังแต่งเนื้อเพลงข้ึนใหม่ ใหเ้ หมาะสมกบั โอกาสและสถานการณท์ ีจ่ ะไปแสดงดว้ ย เปน็ ต้นว่า ไปเล่นงานสวนนกและหุ่นฟางนกก็จะแต่ง บทร้องเกีย่ วกบั งานไปรอ้ ง เพลงทีใ่ ชใ้ นการแสดงมักใช้เพลงฉ่อยเปน็ หลัก แต่หากเล่นไปจนดึกๆ คนฟังเร่ิมง่วง หรือเบอื่ กจ็ ะสลบั ด้วยเพลงอีแซวท่ีมีทานองกระชบั ขึน้ บา้ ง คณะเพลงฉ่อยพ่อสวงิ บรรเด็จได้แสดงเพลงพื้นบ้านหลากหลายโอกาสและพื้นท่ีท่ีไป แสดง เปน็ ตน้ ว่า ในจังหวดั ชยั นาท จงั หวดั กาแพงเพชร จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดนนทบุรี เคยไปเล่นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเล่นออกรายการ “ย้อนทางอย่างไทย” ทาง โทรทศั น์สกี องทพั บกช่อง ๕ ดว้ ย ทั้งน้ีงานที่ไปแสดงมีหลากหลาย เช่น งานบวช งานขึ้นบ้านใหม่ งานเทศกาล ประจาปีต่าง ๆ เป็นต้น บางงานเล่นต้ังแต่หัวค่าจนสว่าง มีพ่อเพลงแม่เพลงมากถึงหกคู่ (สิบสองคน) มีเพลง มากเล่นไดท้ ั้งคนื ไม่หมด ในอดตี เม่ือครง้ั แม่คมคายยงั เดก็ เคยไปเล่นงานวัด ได้ประชนั กบั ลเิ ก ปรากฏว่าคนมาดู แต่เพลงฉอ่ ยไม่มีใครดลู ิเกเลย คณะเพลงฉ่อยพ่อสวิง บรรเด็จ ออกทาการแสดงเรื่อยมาจนกระท่ังท่านเสียชีวิตเมื่อ ประมาณ ๓ ปี ท่ีแล้ว คณะเพลงน้ีจึงซบเซาลง พ่อเพลงแม่เพลงที่เคยฝึกและเล่นอยู่ในวงหลายคนก็ลดลง เหลอื อยไู่ มก่ ่คี น โดยมนี างคมคาย ชนุ ตาล บตุ รสาวเปน็ หัวหนา้ วง พอ่ เพลงแมเ่ พลงที่ยงั เหลอื อยู่ เช่น ๑. นางคมคาย ชนุ ตาล (อายุ ๕๘ ปี ) ๒. นายอนนั ต์ ชนุ ตาล ๓. นางนกแกว้ ทับฤทธ์ิ เพลงฉ่อยคณะน้ียังรับว่าจ้างให้ไปแสดงในงานต่าง โดยติดต่อกับนางคมคาย หรือ ตดิ ต่อผา่ นทางเทศบาลตาบลหนองน้อยกไ็ ด้ ( คมคาย ชนุ ตาล. สมั ภาษณ์. ๒๕ เมษายน ๒๕๕๗)

๑๘๗ ภาพที่ ๘๗ นายสวงิ บรรเด็จ ผ้กู ่อตัง้ คณะเพลงฉ่อยพอ่ สวงิ บรรเด็จ (เสยี ชวี ติ แลว้ ) ทมี่ า : คมคาย ชนุ ตาล นางแตงไทย บญุ พาสุข ( ครู ) นางตะลุ่ม สทุ นต์ นายเช้อื น สทุ นต์ นายสวงิ บรรเดจ็ ( บดิ า ) นักเรยี น นางคมคาย ชนุ ตาล ลูกศษิ ย์ของนายสวิง เชน่ โรงเรยี นมัธยมวัดสงิ ห์ หัวหนา้ คณะ นายเกรียงศักด์ิ ศรวี งศ์ราช นกั เรียนโรงเรียนวดั ดอนตาล นายอนนั ต์ ชนุ ตาล ( ระดบั ประถมศึกษา ) นายสมชาย ผลโต นายมานะ ศรีทองอนิ ทร์ นายสมภาร หลักทรพั ย์ นางนกแกว้ ทบั ฤทธ์ิ นางสุมณฑา (ไม่ทราบ นามสกุล) นางระนอง (ไม่ ทราบนามสกุล) และนาย หนึ่ง (ไม่ทราบนามสกุล) แผนผงั สายตระกูลครเู พลงของนางคมคาย ชนุ ตาล หัวหนา้ คณะเพลงฉอ่ ยพ่อสวิง บรรเด็จ ( คมคาย ชุนตาล สมั ภาษณแ์ ละประชมุ กลมุ่ ย่อย ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ )

๑๘๘ ภาพท่ี ๘๘ การสาธิตเพลงฉอ่ ยของนางคมคาย ชุนตาล เมอ่ื วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ ศนู ย์เรียนรูเ้ พลงพ้ืนบา้ นแม่ขวัญจิต ศรปี ระจนั ต์ จงั หวดั สุพรรณบรุ ี ท่ีมา : ค่ายเพาะกล้าพนั ธุเ์ ก่งเพลงพื้นบ้าน โครงการวิจยั เพลงพ้นื บา้ นภาคกลาง ๗) คณะแม่ลาจวน ศรจี ันทร์ จังหวดั สิงห์บุรี หัวหน้าคณะคือนางลาจวน ศรีจันทร์ อายุ ๘๕ ปี เกิดเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๓ ท่ี จังหวัดสิงห์บุรี นับถือศาสนาพุทธ บิดาชื่อนายเขียน มารดาชื่อนางเปร่ง มีพ่ีน้อง จานวน ๘ คน พ่ีน้องท่ีสืบ ทอดการแสดงเพลงพน้ื บา้ นมี ๕ คน สามีชื่อนายถว้ น ศรจี นั ทร์ มบี ุตรและธิดา จานวน ๕ คน เร่ิมฝึกหัดเพลง ฉอ่ ยเมอื่ อายุ ๑๒ ปี กับแม่ครูละม่อม ซง่ึ อยูท่ ี่ ตาบลหว้ ยชนั อาเภอนครอนิ ทร์ จังหวดั สงิ หบ์ รุ ี แรงบันดาลใจใน การฝกึ หดั เพลงพน้ื บา้ นกค็ ือนา้ และพีม่ คี วามสามารถในการเล่นเพลงพื้นบ้านจึงต้องการฝึกหัด เพลงพ้ืนบ้านท่ี ฝกึ หัดครง้ั แรกคือเพลงฉอ่ ย ตับนกเขา บทร้องวา่ “นกเขามันจะเข้าคู่ อยู่บนยอดไม้” วิธีการสอนของครูเพลง คือพอไหว้ครูเสร็จแล้วก็ให้หัดราหัดร้อง พิธีไหว้ครู ครอบครูหรือจับมือ เอาของไปให้ครบ เช่น หมาก เหล้า และครจู ะมอบของครอบให้แม่ลาจวนเร่ิมแสดงเพลงฉ่อยคร้ังแรกเมื่ออายุ ๑๒ ปี กับคณะศิษย์หลวงพ่อจวน รายได้จากการแสดง ต่าสุด ๘ บาท สูงสุด ๕๐ บาท แม่ลาดวนแสดงเพลงฉ่อยมาจนกระทั่งแต่งงานมี ครอบครัว และภายหลงั ได้ตงั้ คณะเพลงของตนเองช่อื ว่าคณะแม่ลาจวน ศรีจันทร์ สาหรับประวตั ิความเปน็ มาของเพลงฉอ่ ยคณะแม่ลาจวนน้ี พอ่ วรี วัฒน์ พง่ึ ละออ ลกู ศษิ ยไ์ ดแ้ ต่งเพลงฉ่อยเล่าไว้ว่า ...กลา่ วเล่าถงึ ตานาน เพลงพื้นบา้ นเพลงฉ่อย มมี านอ้ ยร้อยกว่าปี คงจะได้ ครูเพลงของพอ่ รูปหล่อ หมอสมจิต เกตุดี แมล่ าจวนนี้ มากมีน้าใจ เป็นหัวหน้าพาเรารวมเข้าเปน็ คณะ ทา่ นเปรียบเหมือนพ่อแมพ่ ระ นะจะบอกให้ ครูสมจติ ไดแ้ นะ ครูลาจวนไดส้ อน ครูถนอมแตง่ กลอนเอามาให้

๑๘๙ ได้นา้ ลายบ้ายปากมาไมม่ ากก็น้อย โนน่ นดิ น่หี น่อย ครอู ธบิ าย แมล้ ูกติดครูช่วยต่อ มาแนะนาหัวขอ้ แกไ้ ข มาจับเอวลูกไซร้ มาจับไหลล่ ูกสอน มาช่วยแก้ทอ่ งกลอนกราวใน เอชา... ครขู องพ่อสมจติ แม่ลาจวน ศรีจนั ทร์ ครูเพลงของพ่อแมฉ่ นั นั้นมากมาย มที ้งั ครแู ช่มครเู ชิดครถู มครูล้คี รูเหลีย่ มแลว้ ยังมีครูหวงั ครฉู วิ ท่ีเปน็ ช่างเลื่อยไม้ ครูละม่อม นอ้ มใจ ไขขอ้ คิด อ่านหนังสือไม่ออกสักนดิ แต่ทอ่ งกลอนสอนได้ นีเ่ พลงของพอ่ ตามท่ขี อสอ่ื สาร แปลกกวา่ ทฟ่ี งั กันนน้ั มากมาย ข้ึนวา่ เออ เออ่ เออ เอย....แล้ววา่ เลยสอนรู้ ท่เี ป็นบทไหว้ครู นา่ เรยี นรูใ้ ส่ใจ มเี พลงชม เพลงรัก แตไ่ มย่ ากบอกหมด จะขอจา ขอจดจาไว้ในใจ และยงั มเี พลงตบั นับหลายตอน นับเปน็ ท้งั กลอนลนั และกลอนลาย เอชา... ( วีรวัฒน์ พ่งึ ละออ จดหมายไปรษณีย์อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ๑๔ สงิ หาคม ๒๕๕๗ ) สมาชิกในคณะ ไดแ้ ก่ ๑. นางลาจวน ศรีจันทร์ อายุ ๘๕ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๒๒/๑ หมู่ที่ ๘ ตาบลห้วยชัน อาเภออนิ ทรบ์ ุรี จงั หวดั สิงห์บุรี เปน็ หัวหนา้ คณะและครูเพลง ๒. นายสมจติ เกศดี อายุ ๘๑ ปี อยู่ตาบลห้วยชัน อาเภออินทรบ์ รุ ี จงั หวดั สงิ ห์บุรี เป็น ครเู พลง ๓. นายเจียม ดอกไม้เทศ อายุ ๘๑ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๔๐/๑ หมู่ที่ ๑๐ ตาบลห้วยชัน อาเภออนิ ทร์บุรี จงั หวัดสงิ ห์บุรี ๔. นายพิม เสนาผัน อายุ ๘๐ ปี อยู่บ้านเลขท่ี ๒๖/๑ หมู่ที่ ๘ ตาบลห้วยชัน อาเภอ อนิ ทร์บรุ ี จังหวดั สิงห์บรุ ี ๕. นายวีรวัฒน์ พึ่งละออ อายุ ๖๘ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๘๐/๗ หมู่ท่ี ๑ ตาบลห้วยชัน อาเภออินทร์บุรี จังหวดั สิงห์บรุ ี ๖. นางสมคิด กันภัย อายุ ๖๑ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๔/๔หมู่ที่ ๘ ตาบลห้วยชัน อาเภอ อินทรบ์ ุรี จงั หวดั สงิ หบ์ รุ ี ๗. นางสาอางค์ น้าทิพย์ อายุ ๖๐ ปี อยู่บ้านเลขท่ี ๓/๑ หมู่ท่ี ๑๒ ตาบลโพงาม อาเภอสรรคบรุ ี จังหวัดชยั นาท ๘. นางจารสั ชมุ พร อายุ ๕๗ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๗๒/๒ หมู่ที่ ๑๐ ตาบลห้วยชัน อาเภอ อินทรบ์ รุ ี จงั หวัดสงิ หบ์ รุ ี ( ลาจวน ศรีจันทร์และวีรวัฒน์ พึ่งละออ ผู้สมั ภาษณ์ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และวันท่ี ๕ สงิ หาคม ๒๕๕๗ และ ๗ สงิ หาคม ๒๕๕๗ )

๑๙๐ แผนผังสายตระกูลครเู พลง นายเขียน นางเปร่ง นางละมอ่ ม ครูเพลงอน่ื ๆ เช่น ครแู ช่ม ครูชด ( บดิ า มารดา ) ( ครเู พลงและหัวหน้าคณะ ) ครูกกั๊ พ่อมุ่ง แม่ละมุน แม่สมใจ แมส่ ม้ แปน้ แม่ลาไย เปน็ ตน้ นางลาจวน ศรีจนั ทร์ ( ครเู พลงและหวั หนา้ คณะคนปัจจุบัน ) นายสมจิต เกศดี ( ครเู พลงและศิลปินในคณะ) นายเจยี ม นายพมิ นายวรี วัฒน์ นางสมคิด นางสาอางค์ นางจารสั ดอกไม้เทศ เสนาผัน พึ่งละออ กันภยั นา้ ทิพย์ ชุมพร ภาพท่ี ๘๙ การสาธิตเพลงฉอ่ ยของนางลาจวน ศรีจันทร์และนายวรี วัฒน์ พ่งึ ลออ เม่ือวนั ท่ี ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ ศนู ย์เรียนรู้เพลงพ้นื บ้านแมข่ วญั จิต ศรีประจนั ต์ จังหวัดสพุ รรณบรุ ี ท่ีมา : คา่ ยเพาะกล้าพนั ธเุ์ กง่ เพลงพื้นบ้าน โครงการวิจัยเพลงพื้นบา้ นภาคกลาง นอกจากน้ยี ังมีคณะเพลงพื้นบ้านอนื่ ๆ ทแ่ี สดงเพลงฉอ่ ยเปน็ สว่ นรอง เชน่ คณะลาตัด บา้ นวังกรา่ ง จังหวัดพิจติ ร ของนายสุรินทร์ แถมต้าน คณะขวญั จิต ศรีประจันต์ จงั หวดั สพุ รรณบุรี เป็นตน้

๑๙๑ ๓.๑.๑.๒ คณะเพลงทรงเคร่ือง คณะเพลงทรงเคร่อื งท่ียังคงมีอยู่ในขณะน้ีมี ๘ คณะ ได้แก่ คณะขวัญจิต ศรีประจันต์ คณะวิทยาลัยนาฏศิลปะสุพรรณบุรี คณะอนันต์ศิษย์แม่ขวัญจิต คณะวิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง คณะ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คณะชมรมรักษ์เพลงพ้ืนบ้านและคณะเพาะกล้าพันธ์ุเก่งเพลงพื้นบ้าน ดัง รายละเอยี ดต่อไปนี้ ๑) คณะแม่ขวญั จิต ศรีประจนั ต์ ขวญั จิต ศรีประจันต์ ชื่อสกุลจริงคือ นางเกลียว เสร็จกิจ เกิดเมื่อวันท่ี ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ทต่ี าบลวังนา้ ซบั อาเภอศรีประจนั ต์ จงั หวดั สุพรรณบุรี เป็นธิดาของนายอัง นางปลด มีพี่น้อง ทั้งหมด ๓ คน สมรสกับนายเสวี ธนาพร มีบุตรธิดา ๓ คน ชาย ๑ คน หญิง ๒ คน มีความสนใจเพลง พน้ื บ้านมาตงั้ แต่อายุ ๑๕ ปี เน่ืองจากเชื้อสายญาติทางบิดาเป็นพ่อเพลงท่ีมีชื่อเสียงของสุพรรณบุรี แต่บิดาไม่ สนับสนุนให้เป็นแม่เพลงพ้ืนบ้าน ด้วยเกรงว่าความเป็นสาวรุ่นจะทาให้เกิดปัญหาเร่ืองชู้สาวตามมา จึง สนบั สนนุ นางจานง เสรจ็ กิจ (ขวญั ใจ ศรีประจันต์) น้องสาวอีกคนที่อายุยังน้อยให้ไปฝึกหัดเล่นเพลงพ้ืนบ้าน กับพอ่ ไสว สวุ รรณประทปี หรือฉายา ไสว วงษ์งาม แทน แต่แม่ขวัญจิตก็ขอติดตามไปดูแลน้องทาให้ได้ฝึกหัด เพลงไปดว้ ย ภาพท่ี ๙๐ แม่ขวญั จติ ศรีประจันต์ ศิลปินแหง่ ชาติ ปี ๒๕๓๙ ทีม่ า : คา่ ยเพาะกลา้ พันธ์ุเก่งเพลงพ้ืนบ้าน รนุ่ ที่ ๓ เม่อื วันท่ี ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ กลา่ วเฉพาะเพลงทรงเคร่อื งน้ี ทา่ นเลา่ ถึงทีม่ าว่า มจี ดุ เร่ิมต้นจากการเล่นเพลงพ้ืนบ้าน คือเพลงฉ่อยและเพลงอีแซว จากน้ันจึงพัฒนามาสู่การแสดงประกอบการเทศน์มหาชาติทรงเคร่ือง และการ เล่นเพลงเป็นเร่ือง เป็นตับ ที่เรียกว่าเพลงครึ่งท่อน คร้ันเมื่อมีการแต่งกายตามเรื่อง ที่แสดง ใช้วงปี่พาทย์ บรรเลงประกอบการแสดง จงึ เรยี กว่าเพลงทรงเครอื่ ง โดยมีแมบ่ ัวผัน จันทร์ศรี เป็นผู้ฝึกหัดการแสดงให้ ดังได้ กล่าวมาแล้ว

๑๙๒ เนื่องจากแม่ขวัญจิตเป็นแม่เพลงที่มีความเฉลียวฉลาดหลักแหลม มีปฏิภาณไหวพริบ สงู มีรูปรา่ งหน้าตาสวยงาม มีน้าเสียงท่หี วานซ้งึ ไพเราะ มีลกู เล่นและการเอ้อื นเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ประกอบ กับการมีพรสวรรค์ในการจดจา มีความใฝ่รู้ใฝ่เรียน พัฒนาตนเองอยู่เสมอ สามารถแต่งเพลงและด้นเพลงได้ อย่างฉับไวคมคายและทันสมัย โดยเฉพาะมีจิตใจเมตตายึดม่ันคุณธรรมความดี ได้ยึดอาชีพการแสดงเพลง พื้นบ้านอย่างต่อเนื่องยาวนาน มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั้งประเทศและต่างประเทศ และยังเสียสละเพ่ือเผยแพร่ ศิลปวัฒนธรรมของชาติตลอดมา ท่านจึงได้รับการเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ปี ๒๕๓๙ และได้รับ พระราชทานปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิ (สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา) ของมหาวิทยาลัย รามคาแหง เมอ่ื วันท่ี ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ นบั เปน็ เป็นเกียรตปิ ระวตั ทิ นี่ ่าภาคภูมิใจ คณะแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์รับแสดงเพลงพ้ืนบ้านหลายชนิด เดิมแสดงเพลงอีแซว เป็นหลักเช่นเดยี วกบั คณะพ่อไสว วงษง์ าม ต่อมาจงึ แสดงเพลงอื่นๆ เช่น เพลงฉ่อย ลาตัด เพลงเรือ ฯลฯ ด้วย การแสดงเพลงทรงเครื่องเร่ิมมีมากข้ึน เม่ือได้ไปสอนให้แก่นักศึกษาวิทยาลัย นาฏศิลปสุพรรณบุรี เม่ือปี ๒๕๔๐ และเมอ่ื รับเป็นท่ปี รกึ ษาโครงการเกยี่ วกับเพลงพื้นบ้านของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เช่น โครงการ ประกวดเพลงพนื้ บ้านภาคกลาง ตั้งแตป่ ี ๒๕๔๗ – ๒๕๕๕ โครงการเดนิ ตามรอยครเู ชิดชูเพลงเก่า น้อมเกล้าฯ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ต้งั แตป่ ี ๒๕๕๐ - ๒๕๕๖ รวมทัง้ โครงการเพาะกล้าพันธุ์เก่งเพลงพื้นบ้าน ตั้งแต่ ปี ๒๕๕๒ – ปัจจบุ ัน ทาให้ได้แสดงเพลงทรงเคร่ืองหลายครั้ง และได้ฝึกสอนนักเรียนนักศึกษาจากท่ัวประเทศ อย่างตอ่ เนอ่ื ง ( เกลียว เสร็จกจิ สมั ภาษณ์ วันท่ี ... สิงหาคม ๒๕๕๗ ) และยังได้ออกรายการโทรทัศน์หลาย คร้ังด้วย เช่น รายการไทยมุง รายการไทยโชว์ เปน็ ต้น ภาพท่ี ๙๑ การแสดงเพลงทรงเครือ่ งเร่ืองขุนชา้ งขุนแผน ตอนพลายแก้วล่องทพั ในงานเดนิ ตามรอยครูเชดิ ชเู พลงเก่า นอ้ มเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ครง้ั ท่ี ๓ เม่อื วนั ท่ี ๒๓ มกราคม ๒๕๕๒ ณ ศนู ย์มานุษยวิทยาสริ ินธร ที่มา : บัวผนั สพุ รรณยศ

๑๙๓ ภาพที่ ๙๒ การแสดงเพลงทรงเครอ่ื งเรือ่ งพระอภัยมณี เม่ือวันท่ี ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ หอประชุม มหาวทิ ยาลยั หอการค้าไทย รายการไทยโชวบ์ ันทกึ รายการและออกอากาศทางสถานโี ทรทศั น์ทีวีไทย เมือ่ วนั ท่ี ๒๒ และ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ท่มี า : บวั ผนั สพุ รรณยศ ๒) คณะวิทยาลยั นาฏศลิ ปสุพรรณบรุ ี วรรณา แก้วกว้าง ( ๒๕๕๐ : ๑๑๓ – ๑๑๕ ) เล่าว่า ในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ได้มีโอกาสมาเป็นอาจารย์พิเศษสอนเพลงพ้ืนบ้านให้แก่วิทยาลัยนาฏศิลปสุพรรณบุรี เพ่ือการ เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมของทอ้ งถ่ิน และไดฝ้ ึกหดั เพลงทรงเครอ่ื งใหแ้ กศ่ ิษย์ร่นุ แรกคือเรอ่ื งขนุ ช้างขุนแผน ตอน พลายแก้วลอ่ งทัพ แมข่ วญั จิต ศรปี ระจันต์ เป็นผู้จดั ทาบทการแสดงข้นึ เป็นลายลักษณ์อักษร โดยนาเค้าโครง เร่ืองมาจากวรรณคดี และวิธีการแสดงท่ีได้รับจากแม่บัวผัน จันทร์ศรี มาผสมผสานกัน ท่านสอนวิธีการร้อง ส่วนกระบวนท่าราและท่าทางในการแสดงท่านจะเป็นเพียงผู้ช้ีแนะ และมอบหน้าท่ีการสอนให้แก่นางดวง เดือน สดแสงจันทร์ และนายสุเทพ อ่อนสอาด อาจารย์ของวิทยาลัย ส่วนด้านดนตรีประกอบการแสดงได้ มอบหมายให้คณะครูหมวดสาขาวิชาปี่พาทย์เป็นผู้รับผิดชอบ จึงทาให้เพลงทรงเคร่ืองเรื่องแรกสาเร็จลงได้ ด้วยดี ภายหลงั ทา่ นจงึ จัดทาบทการแสดงเพลงทรงเคร่อื งขึน้ อกี หน่งึ เรอ่ื ง คือ แก้วหนา้ ม้า ตอนถวายลกู โดยนา เนื้อหามาจากหนังสือการ์ตูนอ่านเล่น นามาตัดต่อเป็นตอนให้เหมาะกับเวลา ซึ่งคณะวิทยาลัยนาฏศิลป สุพรรณบรุ ีใช้แสดงมาจนถึงทุกวนั นรี้ วมแลว้ ไมต่ ่ากวา่ ๘ ครั้ง ( อนนั ต์ สขุ ศรี สัมภาษณ์ ๑๒ สงิ หาคม ๒๕๕๗ ) ภาพที่ ๙๓ คณะเพลงทรงเคร่ืองวิทยาลัยนาฏศลิ ปสพุ รรณบุรี ปี ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๗ ทม่ี า: อนนั ต์ สุขศรี

๑๙๔ คณะวิทยาลยั นาฏศิลปสพุ รรณบรุ ไี ด้แสดงเพลงทรงเครอื่ งหลายครั้ง เช่น เร่ืองขุนช้าง ขุนแผน ตอนพลายแก้วล่องทัพ เม่ือวันท่ี ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๕ ณ วิทยาลัยนาฏศิลปสุพรรณบุรี เรื่องขุนช้าง ขุนแผน ตอน ละเลงขนมเบ้ือง งานมหกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ๒๕๕๔ เมื่อวันท่ี ๑๔ – ๑๕ มกราคม ๒๕๕๔ ณ วิทยาลยั ชา่ งศลิ ป์ เปน็ ต้น ภาพที่ ๙๔ การแสดงเพลงทรงเคร่อื ง เรอ่ื งขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอน ละเลงขนมเบือ้ ง งานมหกรรมการแสดงศิลปวฒั นธรรมไทย ๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๔ – ๑๕ มกราคม ๒๕๕๔ ณ วิทยาลยั ช่างศิลป์ ท่มี า : อนนั ต์ สขุ ศรี ภาพที่ ๙๕ การแสดงเพลงทรงเครอ่ื งเรื่องขุนชา้ งขุนแผน ตอน พลายแกว้ ลอ่ งทพั เมอื่ วันท่ี ๒๐ สงิ หาคม ๒๕๕๕ ณ วิทยาลัยนาฏศิลปสุพรรณบรุ ี ที่มา : https://www.facebook.com/media/set/?set=a.428203953892216...3 ภาพที่ ๙๖ การแสดงเพลงทรงเคร่อื งเรอ่ื งแกว้ หนา้ มา้ ตอนถวายลูก ณ โรงละครแหง่ ชาติภาคตะวนั ตก จ.สพุ รรณบรุ ี ท่ีมา : อนนั ต์ สุขศรี

๑๙๕ สาหรับการแสดงเพลงทรงเครือ่ งของคณะนี้ยึดรูปแบบและลักษณะการแสดง รวมบท ท่ีใช้แสดงตามแบบแผนของแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ผสมผสานกับดนตรีและนาฏศิลป์ไทยของวิทยาลัยนาฏ ศิลป จงึ เป็นเพลงทรงเครือ่ งทางละครและทางเพลงพน้ื บ้านทก่ี ลมกลืนกัน ๓) คณะอนนั ตศ์ ิษย์แมข่ วัญจิต คณะน้ีเกิดจากการรวมกลุ่มกันของคณะอาจารย์และนักศึกษาของวิทยาลัยนาฏศิลป สุพรรณบุรีที่เป็นศิษย์ของแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ มีนายอนันต์ สุขศรีเป็นหัวหน้าคณะ สมาชิกเป็นกลุ่มหนุ่ม สาวทีม่ ีใจรักเพลงพ้นื บา้ นและสบื ทอดเพลงทรงเคร่อื งมาโดยตรงจากแม่ขวญั จิต ประมาณ คน ได้แก่ ๑.) นายอนันต์ สุขศรี อายุ ปี อยู่บ้านเลขท่ี ๒.) นางวรรณา แก้วกว้าง อายุ ปี อยบู่ ้านเลขที่ ๓.) นายสุเทพ ออ่ นสอาด อายุ ปี อยบู่ ้านเลขที่ ๔.) นายพนม ปัจจุบันคณะน้ีค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่องค์กรภาครัฐและเอกชนต่างๆ ได้รับแสดง งานท่วั ไป เช่น งานงานบวชนาค งานขึ้นบ้านใหม่และงานด้านธุรกิจ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เช่น งานจารึกวัดโพธิ์มรดกความทรงจาแห่งโลก ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ – ๒ มกราคม ๒๕๕๕ ณ วัดพระเชตุพน วมิ ลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร กรงุ เทพมหานคร งานสวนหลวง ร. ๙ เม่อื วันที่ ๑๒ ธนั วาคม ๒๕๕๕ ณ สวน หลวง ร. ๙ งานลอยกระทง เมอ่ื ปี ๒๕๕๓ ณ ประเทศออสเตรเลยี และเมอื่ ปี ๒๕๕๖ ณ ประเทศนอร์เวย์ เป็น ตน้ นอกจากรับแสดงเพลงทรงเครือ่ งแล้วยงั รับแสดงเพลงพื้นบ้านอ่นื ๆ เช่น เพลงอีแซว เพลงฉ่อย ลาตัด เพลง เรอื และเพลงเก่ียวข้าว รวมทงั้ การแสดงพน้ื บา้ นอ่ืน ๆ เช่น ลิเก ทาขวญั นาค สู่ขวัญนักศึกษา ทาขวัญข้าว โขน โปงลาง ละคร และราเบ็ดเตลด็ ท่วั ไป ( อนันต์ สุขศรี สัมภาษณ์ ๑๒ สงิ หาคม ๒๕๕๗ ) ภาพท่ี ๙๗ การแสดงเพลงพ้ืนบ้านคณะอนันตศ์ ิษยข์ วัญจิต งานฉลองจารึกวัดโพธ์ิ เมือ่ ปี ๒๕๕๔ ทม่ี า : อกั ษรชนนี

๑๙๖ ๔) คณะวิทยาลยั นาฏศิลปอ่างทอง คณะวทิ ยาลัยนาฏศลิ ปอ่างทองประกอบดว้ ยคณะครูอาจารย์และนักศึกษาท่ีได้รับการ ถา่ ยทอดเพลงทรงเครอ่ื งมาจากครจู ารัส อยสู่ ุข ซึ่งสบื ทอดมาจากครูแกล อยู่สุข แม่เพลงพ้ืนบ้าน อาเภออินทร์ บุรี จังหวดั สงิ หบ์ รุ ี ที่มีความสามารถท้ังในด้านเพลงพนื้ บา้ น ลิเก และเพลงทรงเครื่อง อนั รวมถงึ เพลงระบาและ เพลงไทยอัตราสองชัน้ เพลงทรงเคร่อื งของท่านจึงมีลักษณะไปทางละคร จุดเริ่มต้นของการสืบทอดเพลงทรงเคร่ืองครูจารัส คือ เม่ือประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๔ วิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง ได้เชิญครจู ารัส อย่สู ขุ ให้มาเปน็ ครจู า้ งสอนการรอ้ งเพลงพืน้ บ้าน ซึ่งทา่ นเห็นว่าการ เรียนการสอนของวิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทองมีองค์ประกอบทั้งการฟ้อนรา การดนตรีและการขับร้อง จึงมี แนวคิดทีจ่ ะร้ือฟ้ืนการแสดงเพลงทรงเคร่ืองตามรูปแบบของแม่แกล อยู่สุขกลับมาอีกคร้ัง โดยเร่ิมฝึกหัดและ คัดเลอื กนกั เรียนในระดับชั้นประกาศนียบตั รนาฏศิลปชนั้ กลาง ปีท่ี ๒ ในขณะนนั้ (เทียบเทา่ มัธยมศึกษาปีที่ ๕) ให้แสดงเพลงทรงเคร่ือง โดยเรื่องแรกท่ีท่านฝึกหัด คือ ขุนช้างขุนแผน ตอนล่องทัพ และนาออกแสดง เผยแพร่ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ซ่ึงไดร้ ับความนยิ มอยา่ งยง่ิ จึงทาใหท้ า่ นมีแรงบันดาลใจท่ีจะฝึกหัดลูกศิษย์ใน รนุ่ ตอ่ มา โดยเปล่ยี นเรื่อง เปลยี่ นตอนใหม้ ากขนึ้ กว่าของเดิม อาศัยแนวทางการเรียนรู้เพลงทรงเคร่ืองของแม่ แกลเปน็ หลกั และถ่ายทอดการแสดงจวบจนปจั จุบนั ( วรรณา แก้วกว้าง ๒๕๕๐ : ๙๖ ) คณะครูอาจารยแ์ ละนกั ศึกษาของวทิ ยาลัยยังมีการรวมกลุ่มกนั ตงั้ คณะเฉพาะกจิ เพือ่ รบั แสดงในงานตา่ ง ๆ อาทิ คณะศิลปินพ้นื บา้ นจังหวดั อา่ งทอง (กล่มุ นาฏศิลป์ครอู ้อ) หวั หนา้ คณะคือนายสขุ สันติ แวงวรรณ ครผู ฝู้ ึกซอ้ มคอื นางจารัส อยูส่ ขุ และนายปกครอง ทองสมบัติ ผูแ้ สดงเพลงทรงเครอ่ื ง ไดแ้ ก่ ๑. ) นายวีระศักดิ์ แม้นพยคั ฆ์ ( แสดงเป็นขนุ แผน ) ๒. ) นางสาวศริ พิ ันธ์ เคหา นาง ( แสดงเปน็ พิมพลิ าไลย ) ๓. ) นางสาวเกศกานดา ขยนั เขตรกรณ์ ( แสดงเปน็ นางลาวทอง ) ๔. ) นายยทุ ธกาญจน์ บุญสุวรรณ ( แสดงเป็นเป๋อ ) ๕. ) นายสุเทพ อ่อนสะอาด ( แสดงเปน็ ปอ่ ง ) ๖. ) นายสมชาย อบรม ( แสดงเป็นเม่ยี ง ) ๗. ) นายพรศักด์ิ คาส้อม ( แสดงเปน็ ไหม ) ๘. ) นายฉัตรเฉลมิ ปกั เชิญเชอ้ื ( นกั ดนตรี ) ๙. ) นายพทุ ธบุตร ภญิ ชิต ( นกั ดนตรี ) ๑๐. ) นายนริ นั ดร์ หรนุ่ ทะเล ( นักดนตรี ) ๑๑. ) นายพลยุทธ สงั คะโห ( นักดนตรี ) ๑๒.) นายวรพงษ์ บุญยงค์ ( นักดนตรี ) ๑๓.) นายสาโรช สทิ ธโิ ชค ( นกั ดนตรี ) ๑๔.) นายเกรียงไกร ศพั ทห์ งษ์ ( กากับเวทแี ละดูแลเครือ่ งแต่งกาย ) ๑๕.) นางสาววิรดี จนิ ตะไล ( กากับเวทแี ละดูแลเครอื่ งแต่งกาย )

๑๙๗ ๑๖.) นางสาววรี ภัทร จนิ ตะไล ( กากับเวทแี ละดูแลเครื่องแต่งกาย ) ๑๗.) นางสาวพกั ต์วภิ า เทียมถม ( กากบั เวทแี ละดูแลเคร่อื งแตง่ กาย ) ภาพที่ ๙๘ อาจารย์สขุ สันติ แวงวรรณ ( ออ้ ) ท่ีมา : “เพลนิ ชมเพลงทรงเครอื่ งเมืองอา่ งทอง” ธงชยั เปาอนิ ทร์ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๔ ใน http://www.thongthailand.com ปจั จบุ ันคณะน้ีรบั การแสดงเพลงทรงเครอ่ื งหลายครั้ง เช่น แสดงเรื่อง ขุนช้าง-ขุนแผน ตอน เข้าห้องศรีมาลา งานสังคีตสราญรมย์ ครั้งที่ ๖ รายการ ‘เพลงทรงเครื่องพื้นเมืองอ่างทอง’ ของศูนย์ สงั คตี ศิลป์ ธนาคารกรุงเทพ จากัด (มหาชน) เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๔ ณ หอศิลป์สมเด็จพระนาง เจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ กรุงเทพฯ แสดงเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอน พลายแก้วล่องทัพ งานสังคีตสราญ รมย์ครั้งที่ ๒๒ ของธนาคารกรุงเทพ เม่ือวันเสาร์ท่ี ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ณ สถาบันคึกฤทธ์ิ กรุงเทพฯ ภาพที่ ๙๙ การแสดงเพลงทรงเครอื่ งเรอ่ื ง ขนุ ชา้ ง-ขนุ แผน ตอน เขา้ ห้องศรีมาลา เมอ่ื วนั เสาร์ที่ ๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๔ ณ หอ ศิลปส์ มเดจ็ พระนางเจ้าสริ กิ ิต์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ กรุงเทพฯ ทีม่ า : “เพลนิ ชมเพลงทรงเคร่อื งเมอื งอา่ งทอง” ธงชยั เปาอนิ ทร์ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๔ ใน http://www.thongthailand.com

๑๙๘ ๕) คณะมหาวทิ ยาลยั หอการค้าไทย คณะเพลงพืน้ บ้านมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มกันของคณะครู อาจารย์และนักศึกษา ทั้งนักศึกษาทุนดนตรีไทยและนาฏศิลป์ นักศึกษาชมรมดนตรีไทยและนาฏศิลป์ และ นักศึกษาทุนนาฏศิลป์สากลของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ตั้งแต่ประมาณ ปี ๒๕๔๖ โดยมี ผู้ช่วย ศาสตราจารย์บัวผัน สุพรรณยศ เป็นที่ปรึกษา ผู้ควบคุมดูแลและผู้ฝึกสอนด้านเพลงพื้นบ้าน ผู้ช่วย ศาสตราจารยก์ ิตติศักดิ์ เกิดอรุณสุขศรี เป็นผู้ฝึกสอนด้านการแสดง ครูบุนนาค ทรรทรานนท์ เป็นผู้ฝึกสอน ด้านนาฏศลิ ป์ ครมู ัณฑนา อย่ยู งั่ ยืน เป็นผ้ฝู ึกสอนด้านดนตรไี ทย และคณุ กิตติพงษ์ อินทรัศมี เป็นหัวหน้าคณะ ปจั จุบนั มีสมาชิกมากกว่า ๔๐ คน ไดแ้ ก่ ๑. นายกติ ติพงษ์ อินทรัศมี หัวหนา้ คณะ ๒. นายธวชั ชยั เกตุเสาะ ๓. นายลิขติ ยงั คง ๔. นายพเิ ชษฐ์ พุ่มแย้ม ๕. นางสาวนภาพร ปาโหม้ ๖. นางสาวรุ่งนภา ปาโหม้ ๗. นายอนชุ ยั หติ เพชร ๘. นายธนากร พมิ พ์อ่อน ๙. นายวนั ชยั สุดใจ ๑๐. นายภูวดล สิทธริ ุง่ ๑๑. นายณรอรรฆย์ ประมวญภรณ์ ๑๒. นางสาวณัฏฐา รักแจ้ง ๑๓. นางสาวรัชนก รัตนพันธ์ ๑๔. นางสาวกฤตยา รัตนพงษ์วิสุทธ์ิ ๑๕. นางสาวณชิ กานต์ หะริณพลสิทธิ์ ๑๖. นายสุขมุ ยังคง ๑๗. นายธนสนั นุชมาก ๑๘. นางสาวนนั ฐญิ า สาลีดี ๑๙. นางสาวกมลพร บัวแดง ๒๐. นางสาวปานรดา บญุ ญโสภณ ๒๑. นางสาวกฤฒตกิ า ทรงพลนภจร ๒๒. นางสาวรกั ษ์สดุ า จิตตะศิริ ๒๓. นางสาวเจนจริ า คาปา ๒๔. นางสาวรมณยี ์ ไวยสจั จา ๒๕. นางสาวธีรดา บญุ ศิริ

๑๙๙ ๒๖. นางสาวดลยา วโิ รจน์วรรธนะ ๒๗. นางสาวกญั ญา จริ ชยั ศักดเ์ิ ดชา ๒๘. นางสาวรัตตยิ าภรณ์ ภกั ดีล้น ๒๙. นางสาวปัทมาพร บาเพ็ญสิน ๓๐. นางสาวมานิดา วปิ ุลากร ๓๑. นางสาวกนกวรรณ คุม้ โภคา ๓๒. นางสาวพชั รนันท์ พริ ะขา ๓๓. นางสาวชุติมา เพญ็ ญาไลย ๓๔. นางสาวธันยนนั ท์ ศักดิผ์ ดงุ กมล ๓๕. นางสาวชชั ดาภรณ์ ธถุ าวร ๓๖. นางสาวนฤมล อนิ ทรพงษ์ ๓๗. นางสาวกานตธ์ ิดา พนั ธุชุม ๓๘. นางสาวสุภาวดี ปากวเิ ศษ ๓๙. นางสาวรัชนก รัตนพนั ธ์ ๔๐. นางสาวธนั ยนนั ท์ ศักดิ์ผดุงกมล ๔๑. นางสาวภารดี เชิดฉนั ๔๒. นายอัศราวุฒิ หอมพฤติภาพ สมาชิกของคณะมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยทุกคนได้มีโอกาสฝึกหัดเพลงพื้นบ้านกับ ครูศิลปินแห่งชาติ แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ และครูเพลงอีกหลายท่าน เน่ืองจากได้เข้าค่ายเพาะกล้าพันธ์ุเก่ง เพลงพื้นบ้านทุกรุ่น หลายคนเป็น “นักศึกษาพี่เลี้ยง” ด้วย นอกจากนั้นยังได้ฝึกฝนการจัดการแสดงเพลง ทรงเคร่ือง เช่น เป็นกรรมการฝ่ายฉาก ฝ่ายเทคนิค ฝ่ายแต่งกาย ฯลฯ ในงานเดินตามรอยครูเชิดชูเพลงเก่า น้อมเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ตั้งแต่คร้ังที่ ๒ -๕ แลยังแสดงเป็นตัวประกอบและนักดนตรี ทงั้ หมดนีท้ าให้ไดค้ ลกุ คลกี บั ชาวเพลงพื้นบา้ นอย่างตอ่ เนอ่ื งหลายปีทาให้ซึมซับองค์ความรู้และซาบซึ้งในความ งามของเพลงพื้นบา้ นไปอยา่ งไม่รูต้ ัว คณะมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยรับแสดงเพลงพื้นบ้านหลายชนิด ได้แก่ เพลงอีแซว เพลงฉอ่ ย เพลงเรอื เพลงเต้นกาและเพลงทรงเครอ่ื ง เพลงท่ีนามาแสดงมีทั้งท่ีได้รับถ่ายทอดมาจากครูขวัญจิต ศรีประจันต์ และครูเพลงสายสุพรรณอีกหลายท่าน และเพลงท่ีแต่งใหม่เพื่อใช้เฉพาะโอกาส คณะ ฯ ยังได้ โอกาสในการออกรายการโทรทัศน์หลายรายการ เช่น รายการไทยโชว์ (เมื่อวันท่ี ๒๒ และ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๓ สถานีโทรทศั น์ทวี ไี ทย ) รายการ “5432 โชว์” ( วันเสาร์ท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๔.๐๐ – ๑๕.๐๐ น. สถานีโทรทัศน์ช่อง ๕ ) รายการโรงรับจานรรจ์ ( วันอาทิตย์ที่ ๒๘ พฤษภาคม ๔ ,๑๑ และ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๔ เวลา ๑๑.๐๐-๑๒.๐๐ น. รวม ๔ ตอนสถานีโทรทัศน์ NBT ) เป็นต้น ทาให้เกิดความมั่นใจและภูมิใจ มากย่งิ ข้นึ ( กิตตพิ งษ์ อินทรศั มีและ ธวชั ชยั เกตเุ สาะ สมั ภาษณ์ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ )

๒๐๐ คณะมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมีส่วนสาคัญในการก่อเกิดคณะชมรมรักษ์เพลง พ้นื บ้านและคณะเพาะกลา้ พนั ธเุ์ ก่งเพลงพื้นบ้าน ท้ังสามคณะน้ีจึงมีความผูกพันใกล้ชิดกัน และสาคัญท่ีสุดคือ “มีครูเดียวกัน” คือแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ท้ังหมดจึงมักร่วมมือกันแสดงเพลงทรงเครื่องตลอดมากว่า ๕ ปี ตัวอย่างเช่น แสดงเร่ืองขุนช้างขุนแผน ตอนพลายแก้วล่องทัพ เม่ือวันท่ี ๒๓ มกราคม ๒๕๕๒ ณ ศูนย์ มานุษยวิทยาสิรินธร ร่วมกับคณะแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์และครูเพลงสายสุพรรณ แสดงเรื่องพระอภัยมณี ตอนพระอภยั มณหี นีนางผีเสอ้ื ( บันทึกเทปออกอากาศรายการไทยโชว์ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีไทยหรือพีบี เอสดว้ ย ) เมื่อวนั ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ หอประชมุ มหาวทิ ยาลัยหอการค้าไทย รว่ มกับคณะแม่ขวัญจิต ศรี ประจันต์ นา้ โย่ง เชิญยิ้ม กลุ่มรักษ์เพลงพ้ืนบ้าน และเยาวชนเพาะกล้าพันธุ์เก่งเพลงพ้ืนบ้าน แสดงเรื่องพระ อภัยมณี ตอนพระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือ ในงานเทศกาลละครกรุงเทพฯ คร้ังที่ ๑๐ เมื่อวันที่ ๑๘ - ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ณ สวนสนั ตชิ ยั ปราการ กรงุ เทพฯ รว่ มกบั เยาวชนเพาะกลา้ พนั ธเุ์ กง่ เพลงพ้ืนบ้าน รุน่ ท่ี ๑ – ๒ แสดงเพลงอีแซวทรงเคร่ืองเรื่องพระเวสสันดร การแสดงประกอบการเทศน์ทศชาติเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา สมเด็จพระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ ีนาถและเฉลิมพระเกยี รติ ๖๐ พรรษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ณ ศาลาแพทยาลัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราช พยาบาล แสดงเรื่องขุนช้างขุนแผน เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๕ ณ สถาบันมูลนิธิคึกฤทธิ์ ร่วมกับคณะแม่ ขวัญจิต ศรีประจันตแ์ ละเยาวชนเพาะกล้าพันธ์ุเก่งเพลงพ้ืนบ้าน รุ่นท่ี ๑ – ๒ แสดงเร่ือง หงส์หิน ในงานเดิน ตามรอยครูฯ คร้ังท่ี ๕ เมือ่ วนั ท่ี ๒๗ เมษายน ๒๕๕๕ ณ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ร่วมเยาวชนเพาะกล้าพันธ์ุ เก่งเพลงพื้นบ้าน รุ่นที่ ๑ – ๒ แสดงเร่ืองขุนช้างขุนแผน ตอนพลายแก้วล่องทัพ งานเทศกาลละครกรุงเทพ 2013 เมื่อวนั ที่ ๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๖ ณ หอศิลปวฒั นธรรมแหง่ กรงุ เทพมหานคร เป็นตน้ ภาพที่ ๑๐๐ การแสดงเพลงทรงเครื่อง เร่ืองขุนช้างขนุ แผน ตอนพลายแก้วล่องทัพ งานมหกรรมการแสดงพ้ืนบ้านภาคกลาง เม่อื วนั เสาร์ท่ี ๒๐ เมษายน ๒๕๕๕ ณ สถาบนั คกึ ฤทธ์ิ กรุงเทพฯ ท่ีมา : บัวผัน สพุ รรณยศ

๒๐๑ ภาพท่ี ๑๐๑ การแสดงเพลงอีแซวทรงเคร่ือง เร่อื งพระเวสสันดร ประกอบการเทศนท์ ศชาติเฉลมิ พระเกยี รติ ๘๐ พรรษา สมเดจ็ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และเฉลมิ พระเกยี รติ ๖๐ พรรษา สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกฎุ ราชกุมาร เม่ือวนั ท่ี ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ณ ศาลาแพทยาลัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ทมี่ า : บวั ผนั สพุ รรณยศ ภาพที่ ๑๐๒ การแสดงเพลงทรงเคร่อื งเรอ่ื งขนุ ช้างขนุ แผน ตอนพลายแก้วล่องทพั งานเทศกาลละครกรุงเทพ 2013 เม่ือวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ณ หอศิลปวฒั นธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ท่ีมา : บวั ผนั สพุ รรณยศ ๖) คณะชมรมรักษเ์ พลงพนื้ บา้ น ชมรมรักษ์เพลงพืน้ บ้าน ( Folk Song Preservation Club ) ( FSPC ) ก่อต้ังเมื่อวัน ศุกร์ท่ี ๒๐ กันยายน ๒๕๕๖ โดยกลุ่มรักษ์เพลงพื้นบ้าน ซึ่งรวมกลุ่มกันอย่างเป็นทางการเม่ือวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๐ ในงานเสวนาวิชาการ โครงการเดินตามรอยครูเชิดชูเพลงเก่า น้อมเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งท่ี ๑ ณ หอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๙ และ หอ้ งสมดุ ดนตรที ูลกระหมอ่ มสิรินธร หอสมุดแหง่ ชาติ กรงุ เทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือเป็นการประสานความ รว่ มมือระหวา่ งนกั วชิ าการและศิลปนิ เพลงพ้ืนบา้ นในการพฒั นาภูมปิ ัญญาไทยดา้ นเพลงพื้นบ้าน เพื่อสร้างเวที ให้แกศ่ ษิ ยน์ ักวิชาการไดม้ ีโอกาสแลกเปลีย่ นภูมริ ้แู ละแสดงความกตญั ญกู ตเวทตี ่อครเู พลงและครูนกั วชิ าการ กลมุ่ รกั ษ์เพลงพืน้ บ้านได้ดาเนนิ งานและรว่ มกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเข้มแข็งและต่อเน่ือง ตัวอย่างเช่น การร่วมเป็นผู้ดาเนินโครงการเดินตามรอยครูเชิดชูเพลงเก่า น้อมเกล้าฯ พระบาทสมเด็จ

๒๐๒ พระเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ ๒ ซ่ึงกองส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยร่วมกับศูนย์ มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) จดั ขน้ึ เม่อื วนั ศกุ รท์ ่ี ๒๕ มกราคม ๒๕๕๑ ณ ศูนย์มานุษยวิทยาสิริน ธร สมาชิกหลายคนได้ฝึกหัดและแสดงการแสดงเพลงอีแซวทรงเครื่องเรื่อง “พระเวสสันดร” ทาให้เกิดแรง บันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานด้านเพลงพื้นบ้านอย่างแพร่หลายตามมา เช่น อาจารย์โอฬาร รัตนภักดี (สมั ภาษณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ ) ส่งเสริมให้นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก่อต้ังวงเพลงพื้นบ้าน อาจารย์ ศรีอัมพร ประทุมนันท์ ( การเสวนา ๒๓ มกราคม ๒๕๕๒ ) นาเพลงพ้ืนบ้านไปบูรณาการกับการสอน ภาษาไทยจนได้รบั รางวัลครตู น้ แบบ อาจารย์วรรณา แก้วกวา้ งและอาจารย์อนันต์ สุขศรี ( ๒๕๕๒ ) มีงานการ แสดงเพลงพื้นบา้ นทัว่ ประเทศมากข้นึ นาวาอากาศโทสมบตั ิ สมศรพี ลอย รอ้ ยเอกชายชาญ ช่างสุวรรณ เรือ อากาศตรีหญิงกิตติกร สุขทวี ( ๒๕๕๒ ) นาเพลงพื้นบ้านไปแสดงในงานต่างๆ ของโรงเรียนเตรียมทหาร เป็นต้น เนอ่ื งจากมีการกอ่ ต้งั คณะเพลงประจาสถาบนั อดุ มศกึ ษาหลายแหง่ ทาใหส้ มาชิกกลุม่ รักษ์เพลงพ้ืนบ้าน เพมิ่ ขนึ้ อย่างรวดเร็ว ภาพที่ ๑๐๓ การแสดงเพลงอแี ซวทรงเครอ่ื งเรือ่ ง “พระเวสสันดร” ในงานเดินตามรอยครูเชิดชูเพลงเกา่ น้อมเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ครงั้ ที่ ๒ เม่อื วนั ศกุ ร์ท่ี ๒๕ มกราคม ๒๕๕๑ ณ ศูนยม์ านุษยวทิ ยาสริ นิ ธร ทม่ี า : บัวผัน สพุ รรณยศ กลุ่มรักษ์เพลงพ้ืนบ้านยังได้ร่วมมือดาเนินโครงการเดินตามรอยครู เชิดชูเพลงเก่า น้อมเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ ๓ ซ่ึงกองส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัย หอการค้าไทยร่วมกับศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) จัดข้ึน เมื่อวันท่ี ๒๓ มกราคม ๒๕๕๒ ณ ศูนย์มานุษยวทิ ยาสริ นิ ธร ผแู้ ทนกลมุ่ จานวน ๑๐ คนไดเ้ ป็นวทิ ยากรเสวนาวิชาการ หวั ขอ้ “เดนิ ตามรอยครู สืบ สานเพลงพืน้ บา้ นสสู่ งั คม” และไดม้ สี ่วนในการจัดการแสดงเพลงทรงเครื่อง เรื่อง “ขุนช้างขุนแผน ตอน พลาย แก้วล่องทัพ” ซึ่งแสดงโดยครูเพลงพ้ืนบ้านหลายท่าน เช่น แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ครูชินกร ไกรลาศ ศาสตราจารย์สกุ ญั ญา สุจฉายาและคณะศลิ ปินพ้นื บ้าน

๒๐๓ การร่วมดาเนินโครงการเดินตามรอยครูเชิดชูเพลงเก่า น้อมเกล้าฯ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ครั้งท่ี ๔ ซ่ึงกองส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยร่วมกับรายการไทย โชว์ สถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ( ไทยพีบีเอส ) จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ หอประชุมมหาวิทยาลัย หอการคา้ ไทย ผู้แทนกลุ่มได้ร่วมแสดงเพลงทรงเครื่อง เรื่อง “พระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือ” นาแสดงโดย แม่ขวญั จิต ศรีประจนั ต์ พอ่ สจุ ินต์ ชาวบางงาม น้าโย่ง เชิญย้ิม คุณปานเกศ ศาตะมาน และ เยาวชนเพาะกลา้ พนั ธ์เุ กง่ เพลงพ้นื บา้ น ร่นุ ท่ี ๑ การดาเนินงานในปีท่ีสี่ ทาให้สมาชิกกลุ่มรักษ์เพลงพ้ืนบ้านเพ่ิมขึ้น ทั้งที่มาจากกลุ่ม สื่อมวลชน นักแสดงอาชีพ เยาวชนท่ัวประเทศท่ีเข้าร่วมค่ายเพาะกล้าฯ และผู้ชมท่ีเป็นบุคคลท่ัวไปอีก รวม ทง้ั สนิ้ ประมาณ ๘๐๐ คน การจัดโครงการเดินตามรอยครู เชิดชูเพลงเก่า น้อมเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ครั้งท่ี ๕ เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๕ ณ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ซึ่งกลุ่มรักษ์เพลงพ้ืนบ้าน นอกจากเป็นผูร้ วมจัดงานแลว้ ยงั เปน็ วทิ ยากรในการสนทนาเร่ือง “ตามรอยครูกัญญรัตน์ เวชชศาสตร์” และ ร่วมกันแตง่ และกากับการแสดงเพลงทรงเครือ่ ง เร่อื งหงส์หนิ ด้วย ภาพท่ี ๑๐๔ การแสดงเพลงทรงเครอื่ ง เรอื่ งหงสห์ นิ ในงานเดนิ ตามรอยครู เชิดชูเพลงเกา่ นอ้ มเกล้าฯ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ครัง้ ท่ี ๕ เม่ือวันท่ี ๒๗ เมษายน ๒๕๕๕ ณ ศนู ยม์ านษุ ยวิทยาสริ ินธร ท่มี า : บัวผนั สุพรรณยศ นอกเหนอื จากการเขา้ ร่วมโครงการและรว่ มจดั โครงการเดินตามรอยครูฯ ดังกล่าวแล้ว กล่มุ รกั ษ์เพลงพ้ืนบา้ นยงั ได้มสี ว่ นร่วมแรงร่วมใจในการจัดโครงการเพาะกล้าพันธุ์เก่งเพลงพ้ืนบ้าน รุ่นที่ ๑ -๓ รวมท้งั โครงการประกวดเพลงพื้นบ้านภาคกลาง คร้ังท่ี ๑ – ๗ ทาให้มีสมาชิกกลุ่มเยาวชนต่าง ๆ จานวนมาก การดาเนนิ งานตลอดระยะเวลา ๗ ปที ผี่ า่ นมาจงึ นบั เป็นความร่วมมือท่ียึดถืออุดมการณ์ ความกตัญญูต่อครูบา อาจารย์ และความรกั เพลงพ้นื บา้ นอย่างแท้จรงิ

๒๐๔ ๗) คณะเพาะกล้าพันธเุ์ ก่งเพลงพ้นื บ้าน คณะเพาะกลา้ พนั ธเ์ุ ก่งเพลงพนื้ บ้านเกิดจากการรวมกลุ่มกันของเยาวชนผู้ผ่านการเข้า “คา่ ยเพาะกล้าพันธุ์เก่งเพลงพ้ืนบ้าน” ( New Gen FS ) ซ่ึงกองส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัย หอการค้าไทยและรายการไทยโชว์ สถานีโทรทัศน์ทีวีไทยหรือไทยพีบีเอส รวมท้ังเครือข่ายศิลปินแห่งชาติ ครู ภูมิปัญญาดา้ นเพลงพนื้ บ้าน และกลุม่ รกั ษ์เพลงพื้นบ้าน ร่วมกันจัดโครงการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ – ๒๕๕๔ รวม ๒ รุ่น โดยมวี ตั ถุประสงคเ์ พอื่ เปดิ โอกาสให้เยาวชนได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพด้านการแสดงเพลงพ้ืนบ้าน ได้เรียนรู้การร้อง การแสดงและการแต่งเพลงพื้นบ้านภาคกลางอย่าง รู้จริง ทาได้จริง จากผู้เช่ียวชาญและ ศิลปินแห่งชาติ สามารถแสดงผลงาน พร้อมท้ังสามารถนาความรู้ที่ได้รับจากการอบรมไปประยุกต์ใช้ในการ สรา้ งสรรค์และสืบทอดเพลงพ้นื บ้านไดต้ อ่ ไป ( มหาวทิ ยาลัยหอการคา้ ไทย, ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๔ ) เป้าหมายของโครงการคือเยาวชนท่ัวประเทศ อายุระหว่าง ๑๔-๒๕ ปี ท่ีผ่านการ คัดเลือกและการสัมภาษณ์ เขา้ รว่ มโครงการ ทง้ั การอบรมเชิงปฏิบัติการและการประกวดเพลงพ้ืนบ้านชิงถ้อย พระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีและทุนการศึกษา รวม ๑๑๐,๐๐๐ บาท โครงการฯปีที่ ๑ มีเยาวชนผา่ นการอบรม ๑๙ คน ผลสัมฤทธิ์คือทุกคนสามารถ “ร้องได้” “ แต่งได้” และ “ แสดงได้” โครงการฯปีที่ ๒ มีเยาวชนผ่านการอบรม ๒๙ คน ผลสัมฤทธิ์คือทุกคนสามารถ “ร้องได้” “ แต่ง ได้” “ แสดงได้” และ “ดน้ ได้” ( กองส่งเสริมศลิ ปะและวัฒนธรรม ๒๕๕๒, ๒๕๕๔) เยาวชนเพาะกล้าฯ ท้ังสองรุ่นนี้จึงมีความรู้ความสามารถในด้านเพลงพ้ืนบ้านภาค กลางค่อนข้างดีมาก โดยเฉพาะเยาวชนเพาะกล้าฯ รุ่นที่ ๒ ได้ฝึกหัดการร้อง การแสดง และการแต่งเพลง ทรงเคร่อื ง ไดม้ โี อกาสแสดงเพลงทรงเครื่องหลายคร้ัง ดงั ภาพประกอบตอ่ ไปน้ี ภาพท่ี ๑๐๕ การแสดงเพลงทรงเครื่องเรื่องพระอภัยมณแี ละขุนช้างขุนแผน ออกอากาศรายการไทยโชว์ เมอื่ วันท่ี ๒๐, ๒๗ มีนาคม และ ๓ เมษายน ๒๕๕๔ ทางสถานโี ทรทศั นท์ วี ีไทย ทม่ี า : บัวผัน สพุ รรณยศ

๒๐๕ ภาพท่ี ๑๐๖ การแสดงเพลงทรงเคร่ือง นทิ านไทย ( แต่งเอง ) ในการประกวดเยาวชนเพาะกล้าพันธ์เุ ก่งเพลงพน้ื บ้าน ร่นุ ที่ ๒ ชิงถ้วยพระราชทานสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และทุนการศกึ ษา ๑๑๐,๐๐๐ บาท บนั ทึกรายการไทยโชว์ สถานีโทรทศั น์ทวี ไี ทย เมื่อวันที่ ๒๙ มนี าคม ๒๕๕๔ ณ มหาวทิ ยาลัยหอการค้าไทย ที่มา : บวั ผัน สพุ รรณยศ อนึ่ง เม่ือวันท่ี ๑๕ – ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ชมรมรักษ์เพลงพื้นบ้านร่วมกับคณะ นักวิจัยได้จัด “ค่ายเพาะกล้าพันธ์ุเก่งเพลงพื้นบ้าน รุ่นท่ี ๓” ข้ึน ทาให้สมาชิกคณะเพาะกล้าพันธ์ุเก่งเพลง พน้ื บา้ นเพมิ่ ขึน้ อกี รวมท้งั ๓ รุ่น มีจานวน ๘๐ คน ส่วนใหญ่เป็นนกั เรียน นสิ ติ นกั ศึกษา ของสถาบันการศึกษา ต่าง ๆ ท่ัวประเทศ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม วิทยาลัยนาฏศลิ ปสพุ รรณบรุ ี มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ โรงเรยี นบางล่ีวิทยาและโรงเรยี นอทู่ องศกึ ษาลยั เป็นต้น ภาพที่ ๑๐๗ คา่ ยเพาะกลา้ พันธุเ์ ก่งเพลงพนื้ บา้ น ( รุ่นท่ี ๓ ) ทม่ี า : จิราภรณ์ บุญจนั ทร์

๒๐๖ เพลงทรงเครื่องทั้งในอดีตและปัจจบุ ันแบง่ เป็น ๕ ยคุ ๕ รุ่น ดังแผนภูมิ คณะเพลงทรงเครื่อง ในสมัยรัชกาลท่ี ๕ - ๙ คณะหม่อมพุก สมัยรชั กาลที่ ๕ คณะยายแจ่ม แมท่ องดี คณะแม่อิน สมัยรชั กาลท่ี นายเป๋ คนอนื่ ๆ เชน่ ศริ สิ วุ รรณ แสนโกสทิ ธิ ๕-๖ นายคล้าม คณะ นายพัน คณะแมเ่ หม คณะแม่ต่วน สมัยรัชกาลที่ จารสั ศลิ ป์ - อินทร์สวาท บญุ ล้น ๕–๙ อนิ ทาราม คณะนารี - เฉลิมเนตร คณะทอง คณะแม่แกล แมแ่ ตงไทย คณะแม่บัวผนั คนอื่น ๆ เช่น เชื้อนอ้ ย อยู่สขุ พอ่ สุชนิ จันทรศ์ รี แม่ตะลมุ่ สุทนต์ สมยั รชั กาลท่ี พ่อบัวเผ่อื น ๙ – ปัจจบุ ัน โพธ์ิพกั ตร์ ครจู ารัส อยูส่ ขุ คณะแม่ขวญั จติ ศรปี ระจนั ต์ คณะวิทยาลยั นาฏศลิ ป คณะมหาวทิ ยาลยั คณะวิทยาลยั นาฏศลิ ป อ่างทอง หอการค้าไทย สุพรรณบุรี คณะชมรมรกั ษ์เพลงพืน้ บา้ น ( กลมุ่ รักษเ์ พลงพน้ื บ้าน ) คณะเพาะกล้าพันธ์ุเก่ง คณะอนันต์ศษิ ย์แมข่ วัญจติ เพลงพ้นื บา้ น ( รนุ่ ที่ ๑ – ๓ )

๒๐๗ จากการศึกษาประวัติความเป็นมาและลักษณะการแสดงของคณะเพลงทรงเครื่อง ดังกล่าวแล้ว ผู้วิจัยพบว่าสามารถแบ่งเพลงทรงเคร่ืองตามลักษณะรูปแบบการเล่นได้ ๓ ทาง ได้แก่ เพลง ทรงเครื่องทางละคร เพลงทรงเคร่อื งทางเพลงพ้ืนบ้าน และเพลงทรงเครือ่ งทางลเิ ก ดงั แผนภมู ทิ ี่ .... ต่อไปน้ี รูปแบบของ เพลงทรงเครือ่ ง เพลงทรงเครอ่ื ง เพลงทรงเครอื่ ง เพลงทรงเครือ่ ง ทางละคร ทางเพลงพนื้ บา้ น ทางลิเก คณะแมเ่ หม อนิ ทรส์ วาท คณะแมบ่ วั ผัน จนั ทรศ์ รี คณะนารีเฉลิมเนตร ( คณะศษิ ยน์ พรตั น์ ) ( คณะไสว วงษง์ าม ) คณะจารสั ศลิ ป์อนิ ทาราม คณะแม่ขวัญจติ คณะแมแ่ กล อยู่สุข ศรปี ระจนั ต์ ครจู ารสั อยสู่ ุข คณะวิทยาลยั คณะชมรมรกั ษเ์ พลงพนื้ บ้าน นาฏศิลปสุพรรณบุรี ( กลมุ่ รักษเ์ พลงพืน้ บา้ น ) คณะวิทยาลยั นาฏศลิ ปอา่ งทอง คณะมหาวทิ ยาลัย คณะเพาะกลา้ พนั ธเ์ุ ก่งเพลง หอการค้าไทย พ้ืนบ้าน ( รนุ่ ที่ ๑ – ๓ ) คณะอนันตศ์ ษิ ย์แม่ขวัญจิต

๒๐๘ จากแผนภูมิดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเพลงทรงเคร่ืองแบ่งตามรูปแบบการแสดงได้ ๓ ทางได้แก่ “เพลงทรงเครื่องทางละคร” ซึ่งกาเนิดมาจากเมืองหลวงแล้วแพร่สู่ชนบทแถบภาคกลาง ได้แก่ คณะแม่เหม อินทร์สวาท คณะจารัสศิลป์อินทารามครูจารัส อยู่สุขและคณะวิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง ส่วน ทางทสี่ องคอื “ เพลงทรงเครอื่ งทางเพลงพื้นบ้าน” ไดแ้ ก่ คณะแม่บวั ผนั จนั ทรศ์ รี คณะแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ คณะมหาวทิ ยาลัยหอการค้าไทย คณะชมรมรักษ์เพลงพ้ืนบ้านและคณะเพาะกล้าพันธ์ุเก่งเพลงพื้นบ้าน และ เมื่อมีการแสดงลิเกแพร่หลายก็นาลิเกมาประยุกต์ด้วยกลายเป็น “เพลงทรงเคร่ืองทางลิเก” ได้แก่ คณะนารี เฉลิมเนตร ซ่งึ ยุติคณะลงแลว้ จากการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลเพลงทรงเครื่องในปี ๒๕๕๖ - ๒๕๕๗ คณะผู้วิจัย พบว่าปัจจุบันน้ีไม่มีคณะเพลงทรงเคร่ืองท่ีแสดงเพลงทรงเคร่ืองเป็นการเฉพาะแล้ว มีแต่คณะเพลง “เฉพาะ กจิ ” คอื เป็นคณะเพลงพนื้ บา้ นทแี่ สดงเพลงชนิดอื่น ๆ เปน็ หลัก เชน่ เพลงฉ่อย เพลงอีแซว เพลงเรือและเพลง เต้นกา เมื่อมีงานหาว่าจ้างก็จัดสรรนักแสดงที่สามารถแสดงได้ รวมกลุ่มฝึกซ้อมเพ่ือแสดงเฉพาะงานเฉพาะ โอกาส เพลงทรงเครอื่ งสายแม่บัวผัน จันทร์ศรี ยังคงมีสืบทอดอยู่บ้าง เฉล่ียแล้วปีละ ๑-๒ ครั้ง ซ่ึงนับว่าน้อย มาก ๓.๑.๑.๓ คณะเพลงเรือ ในรั ชกาลปัจจุบัน พ ระ บาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว สมเด็จพระ นาง เจ้า พระบรมราชินีนาถและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ทรง ทอดพระเนตรการแสดงเพลงเรอื หลายครง้ั ซ่งึ ผแู้ สดงส่วนใหญ่เป็นคณะเฉพาะกิจท่ีเกิดจากการรวมตัวกันของ ศิลปินแห่งชาติ ศลิ ปินพนื้ บา้ นและผู้สบื ทอดเพลงเรอื ตวั อยา่ งเชน่ เพลงเรือในงานสวนหลวง ร. ๙ แสดงเฉพาะ พระพักตรส์ มเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี คณะผ้แู สดง ไดแ้ ก่ นางบัวผัน จันทร์ศรี นายหวัง ดี นมิ า หรอื หวังเตะ๊ นางประยูร ยมเยี่ยม แมข่ วัญจติ ศรปี ระจนั ต์ แมข่ วญั ใจ ศรปี ระจนั ต์ นางศรีนวล ขาอาจ แม่อุ่นเรือน ยมเยีย่ ม พ่อชนิ กร ไกรลาศ นายลออ เบญจมาศ นางสมบตั ิ รามแสงและนางสาวบวั ผัน สุพรรณยศ เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๓๗ ณ สวนหลวง ร. ๙ การแสดงเพลงเรือ เฉพาะพระพักตร์ สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เม่ือวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ ณ อุทยาน ร. ๒ อัมพวา สมุทรสงคราม ผูแ้ สดงได้แก่ แมป่ ระยูร ยมเยี่ยม ครูชนิ กร ไกรลาศ นายละออ เบญจมาศและนางสาวบัวผัน สุพรรณยศ การ แสดงเพลงเรือเฉพาะพระพักตร์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี เม่อื ครั้งทรงเสดจ็ เยี่ยมโรงสี เทพประทาน ๒ เปน็ การส่วนพระองค์ เม่ือวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ ณ ศูนย์ตุ๊กตาชาววังตาบลท่าเสด็จ อาเภอ ป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ผู้แสดง ได้แก่ นายมังกร บุญเสริม นายประเสริฐ กองอุนนท์ นางอารมณ์ บุญเสริม และชาวคณะ การแสดงเพลงเรือ เฉพาะพระพักตร์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เม่ือ วันท่ี ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตองครักษ์ จังหวัดนครนายก ผู้แสดง ได้แก่ แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ แม่สาเนียง ชาวปลายนา พ่อบรรจง ทัพวิเศษ นางสาวบัวผัน สุพรรณยศ นาย

๒๐๙ ณัฐวัฒน์ ศิระชัยพงศ์และนายยุทธนา จันทร์เทศนา และการแสดงเพลงเรือเฉพาะพระพักตร์พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยูห่ วั สมเด็จพระบรมราชินีนาถและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ณ ทงุ่ มะขามหย่อง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยวิทยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง ผู้ฝึกซ้อมคือ แม่ครูจารสั อยสู่ ุข ผ้รู ้องไดแ้ ก่ นายวีระศักด์ิ แมน้ พฆัยค์ และนางสาวประภาพรรณ ลน้ิ ทอง ดงั ภาพตอ่ ไปนี้ ภาพที่ ๑๐๘ การแสดงเพลงเรือ เฉพาะพระพักตร์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี งานสวนหลวง ร. ๙ เมื่อวนั ที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๓๗ ณ สวนหลวง ร. ๙ ทม่ี า: หนงั สอื พมิ พ์แนวหน้า ประจาวันท่ี ๑๔ ธันวาคม ๒๕๓๗ ภาพที่ ๑๐๙ การแสดงเพลงเรือ เฉพาะพระพักตร์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี งานสวนหลวง ร. ๙ เม่ือวนั ท่ี ๑๑ ธันวาคม ๒๕๓๗ ณ สวนหลวง ร. ๙ ที่มา: วนั ทนา ชยั ปลาทอง

๒๑๐ ภาพที่ ๑๑๐ การแสดงเพลงเรอื เฉพาะพระพักตร์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี เมอ่ื วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ ณ อทุ ยาน ร. ๒ อาเภออัมพวา จงั หวดั สมุทรสงคราม ทีม่ า: วนั ทนา ชัยปลาทอง ภาพที่ ๑๑๑ การแสดงเพลงเรือ เฉพาะพระพกั ตร์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ ๔ มนี าคม ๒๕๕๓ ณ ศนู ย์ตุ๊กตาชาววงั ตาบลท่าเสด็จ อาเภอปา่ โมก จังหวดั อ่างทอง ที่มา: นายมงั กร บญุ เสริม ภาพที่ ๑๑๒ การแสดงเพลงเรือ เฉพาะพระพักตร์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันท่ี ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ณ มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ วิทยาเขตองครกั ษ์ จังหวัดนครนายก ทมี่ า: มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ

๒๑๑ ภาพที่ ๑๑๓ การแสดงเพลงเรอื เฉลมิ พระเกยี รติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั เมอ่ื วนั ท่ี ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ณ ทุ่งมะขามหยอ่ ง จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา ทม่ี า : www.changdee.com http://www.bloggang.com ( ขอบคุณข้อมลู จากคณุ icecoolzaza69 ) และhttp://www.gotoknow.org/blogs/posts/4 เม่ือประมาณ ๖ - ๗ ปที ่ีผา่ นมาเพลงเรือไดร้ บั การฟน้ื ฟใู ห้เปน็ การแสดงของชาวชุมชน และเป็นมหรสพในงานต่าง ๆ ท้ังงานรัฐและงานราษฎร์ ตัวอย่างเช่น การเล่นเพลงเรือ “ สาววัดสุวรรณฯ ปะทะหนุ่มศาลายา”ของนักศึกษาคณะคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลและนักศึกษาทุนดนตรีไทยและ นาฏศิลป์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๐ ณ หน้าวัดสุวรรณาราม ศาลายา นครปฐม ภาพท่ี ๑๑๔ การเลน่ เพลงเรอื สาววัดสุวรรณฯปะทะหนมุ่ ศาลายา ทีม่ า : อภลิ กั ษณ์ เกษมผลกลู

๒๑๒ ภาพท่ี ๑๑๕ การแสดงเพลงเรอื ฉลองสะพานร้อยปีชุมชนวัดมะเกลอื โดย ผบู้ รหิ าร คณาจารย์และนักศกึ ษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหดิ ล และมหาวทิ ยาลัยหอการค้าไทย รวมทงั้ ผ้นู าชุมชน และประธานสภาวัฒนดินแดง กรุงเทพฯ เมือ่ วันที่ ๓๑ สงิ หาคม ๒๕๕๒ ณ วดั มะเกลือ ต.คลองโยง อ. พุทธมณฑล จ.นครปฐม ที่มา : อภิลักษณ์ เกษมผลกลู เพลงเรอื ไดร้ บั ความสนใจจากสื่อมวลชนมากขึ้น เชน่ ออกอากาศข่าวและรายการไทย โชว์ ทางโทรทัศน์ทีวีไทย ( ไทยพีบีเอส ) หนังสือพิมพ์ข่าวสด นอกจากนี้ยังปรากฏว่ามีผู้นาเพลงเรือไป เผยแพรย่ งั ตา่ งประเทศดว้ ย เชน่ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจนี เป็นต้น ภาพที่ ๑๑๖ นักข่าวสถานีโทรทศั น์ทวี ีไทย กาลังสัมภาษณ์นายธวชั ชัย เกตุเสาะ ทม่ี า: ธวัชชยั เกตเุ สาะ

๒๑๓ ภาพที่ ๑๑๗ การเลน่ เพลงเรอื ในงานฉลองสะพาน ลงในหนังสอื พมิ พ์ข่าวสด วันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๒ ภาพท่ี ๑๑๘ การทดสอบเพลงเรือ (สว่ นหนึ่งของการประกวดชงิ ถ้วยพระราชทานสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี และทนุ การศกึ ษาจากมหาวิทยาลยั หอการคา้ ไทย) และบันทกึ เทปรายการไทยโชว์ สถานโี ทรทศั นท์ ีวีไทย เม่ือวันที่ ๑๕ ตลุ าคม ๒๕๕๒ ณ วดั มะเกลอื นครปฐม ทม่ี า: คา่ ยเพาะกลา้ พนั ธุ์เก่งเพลงพ้ืนบ้าน รนุ่ ท่ี ๑ ภาพท่ี ๑๑๙ การแสดงเพลงเรอื งาน ๑๕๐ ปี คลองมหาสวัสดิ์ โดยชาวชมุ ชนและนกั ศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดลและมหาวิทยาลยั หอการค้าไทย รวมท้งั ม. ล. ปนดั ดา ดศิ กลุ อดตี ผวู้ า่ ราชการจังหวัดนครปฐม เม่ือวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ณ วัดสวุ รรณาราม ต.ศาลายา อ. พุทธมณฑล จ. นครปฐม ท่ีมา : อภิลักษณ์ เกษมผลกูล

๒๑๔ ภาพท่ี ๑๒๐ การแสดงเพลงเรอื งาน “อาชีวศึกษา...คนพันธุ์อา” ของคณะมหาวทิ ยาลัยหอการคา้ ไทย เมื่อวนั ที่ ๓ ๕ และ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๓ ณ คลองผดุงกรุงเกษม หนา้ กระทรวงศกึ ษาธิการ ที่มา: กติ ติพงษ์ อนิ ทรัศมี ภาพที่ ๑๒๑ การแสดงเพลงเรือ งาน“อาชีวะมหัศจรรย์ สวนศลิ ป์แผ่นดินแม่ ”ของคณะมหาวิทยาลยั หอการค้าไทย เมอื่ วันที่ ๙-๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ คลองผดงุ กรงุ เกษม กระทรวงศึกษาธิการ ทม่ี า: กิตตพิ งษ์ อินทรัศมี ภาพที่ ๑๒๒ การแสดงเพลงเรือ งาน “มหกรรมลิเกเฉลิมพระเกียรติ เพื่อผปู้ ว่ ยยากไร้” ของคณะมหาวิทยาลัยหอการคา้ ไทย รว่ มกับ พล.อ.จรัล กุลวณิช ( ประธานมูลนิธิ ร. ๓ ) ม. ล.จลุ ลา งอนรถ รศ.ดร.จรี เดช อู่สวสั ดิ์ (อธกิ ารบดี มหาวิทยาลัยหอการคา้ ไทย) คณาจารย์ นักศกึ ษาและนักสอื่ สารมวลชน เมอื่ วนั ที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๔ ณ โรงพยาบาลพระนัง่ เกล้า

๒๑๕ ภาพท่ี ๑๒๓ การแสดงเพลงเรือของอาจารย์และนกั ศึกษาไทย ในงานวนั ลอยกระทง จดั โดยสถานกงสุลใหญแ่ ห่งนครกวางโจว เม่ือวนั ท่ี ๒๘ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๕ ณ มหาวทิ ยาลัยภาษาและการคา้ ต่างประเทศกวางตุง้ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจนี ท่ีมา: บัวผัน สพุ รรณยศ จากการรวบรวมข้อมูลภาคสนาม คณะผวู้ ิจยั พบวา่ ปจั จบุ ันไมไ่ ด้มีคณะเพลงเรือเฉพาะ มแี ต่คณะเพลงเรือ “เฉพาะกิจ” ที่สืบทอดเพลงมาหลายชนิดและรับว่าจ้างแสดงเพลงพ้ืนบ้านชนิดอื่นๆ ด้วย นอกจากน้ียังสังเกตพบว่าเพลงเรือเท่าท่ีสืบทอดกันอยู่ในปัจจุบันมีลีลาการร้องที่สามารถแบ่งได้เป็น ๒ ทาง ได้แก่ เพลงเรือ “ทางเพลงพื้นบ้าน” และ “เพลงเรือทางเพลงไทย” เพลงเรือทางเพลงพ้ืนบ้านคือเพลงเรือที่ สบื ทอดกนั ในหมคู่ ณะเพลงหรอื พ่อเพลงแมเ่ พลงพืน้ บ้าน เน้น “ความง่ายและงาม” ส่วนเพลงเรือ “ทางเพลง ไทย” คอื เพลงเรือที่สืบทอดกันในวทิ ยาลัยนาฏศิลปท่ัวไปของกรมศิลปากรและในสถาบันการศึกษาท่ีสืบทอด มาจากอาจารย์ภาษาไทยที่มีความรู้ด้านการอ่านทานองเสนาะ หรืออาจารย์ดนตรีไทยและนาฏศิลป์ ที่เน้น “ความสวยงามและความไพเราะ” ( ยกเว้น บางสถาบันที่สืบทอดโดยตรงมาจากครูเพลงพื้นบ้าน และยึด หลักการร้องการเล่นตามแบบพื้นบ้าน ) บางคณะฝึกหัดท้ังสองทาง แล้วนามาข้อดีมาผสมผสานกัน เป็น “เพลงเรอื ทางเพลงไทยพน้ื บ้าน” เช่น คณะวิทยาลยั นาฏศลิ ปสุพรรณบุรี เปน็ ตน้ อย่างไรก็ตามงานวิจัยนี้จะมุ่งศึกษาเพลงเรือทางเพลงพ้ืนบ้าน ซึ่งพบว่ามีเพลงเรือ ๓ สายหรือ ๓ ตระกูล ไดแ้ ก่ สายสุพรรณ อ่างทองและอยุธยา สายสิงห์บุรี ชัยนาทและนครสวรรค์ และสายลา ตดั แถบกรงุ เทพฯและปริมณฑล ๑) เพลงเรอื สายสุพรรณ อา่ งทองและอยธุ ยา เพลงเรือสายสุพรรณ อ่างทอง และอยุธยา ได้แก่ เพลงเรือที่สืบทอดมาจากครูเพลง แถบจังหวัดสุพรรณบุรีและอ่างทอง เช่น แม่บัวผัน จันทร์ศรี พ่อมังกร บุญเสริม ฯลฯ เพลงเรือสายน้ีมีผู้สืบ ทอดค่อนข้างมาก นบั เปน็ สายใหญ่ที่สุด ได้แก่ คณะแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ คณะพ่อสุจินต์ ศรีประจันต์ คณะ แม่สาเนยี ง เสียงสุพรรณ คณะวิทยาลยั นาฏศลิ ปสุพรรณบรุ ี คณะศษิ ย์แม่ขวัญจิต คณะมหาวิทยาลัยหอการค้า ไทย คณะเพาะกล้าพนั ธุ์เกง่ เพลงพ้ืนบา้ น คณะโรงเรียนบางล่ีวทิ ยาและคณะโรงเรียนอู่ทองศกึ ษาลัย เป็นต้น

๒๑๖ ภาพท่ี ๑๒๔ แม่ขวัญจิต ศรปี ระจนั ต์เล่าประวตั คิ วามและสาธิตเพลงเรอื สายสุพรรณ อ่างทอง เมอื่ วนั ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ทม่ี า : คา่ ยเพาะกล้าพันธ์เุ กง่ เพลงพ้ืนบา้ น โครงการวจิ ัยเพลงพืน้ บา้ นภาคกลาง ภาพที่ ๑๒๕ การเล่นเพลงเรอื งานทอดกฐินทางน้าวัดสาปะซิว ของคณะแม่ขวัญจิต ศรปี ระจนั ต์ เมื่อตุลาคม ๒๕๕๔ ( รอ้ งบนรอจัดขบวนเรือ แลว้ ร้องไปขณะทลี่ ่องเรอื ไปตามลาน้าด้วย ) ทมี่ า: http://www.oknation.net ๒) เพลงเรือสายสงิ ห์บุรี ชัยนาท และนครสวรรค์ เพลงเรือสายสิงห์บุรี ชัยนาท และนครสวรรค์ ได้แก่ เพลงเรือท่ีสืบทอดมาจากครูเพลง แถบสิงห์บรุ ี ชัยนาทหรอื นครสวรรค์ เช่น ครแู กล อยู่สุข ไดแ้ ก่ คณะวทิ ยาลัยนาฏศิลปอ่างทอง เป็นตน้

๒๑๗ ภาพที่ ๑๒๖ ครจู ารสั อยู่สุข เลา่ ประวัติความเปน็ มาเพลงพน้ื บ้านสงิ หบ์ รุ ี เมอ่ื วนั ท่ี ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ท่มี า : คา่ ยเพาะกล้าพันธเ์ุ ก่งเพลงพื้นบา้ น โครงการวจิ ยั เพลงพืน้ บา้ นภาคกลาง ภาพที่ ๑๒๗ การแสดงรอ้ ยรสบทเพลงพ้ืนบา้ น ของวทิ ยาลยั นาฏศลิ ป์อ่างทอง วันเสาร์ท่ี ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖ สถาบนั คกึ ฤทธ์ิ กรุงเทพฯ ๓) เพลงเรอื สายลาตัดแถบกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพลงเรือสายลาตัดแถบกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ เพลงเรือท่ีสืบทอดมาจากครู เพลงลาตดั ต่าง ๆ อาทิ แมป่ ระยูร ยมเยี่ยมและครูชินกร ไกรลาศ พ่อหวังเต๊ะและแม่ศรีนวล ขาอาจ เป็นต้น ส่วนใหญ่ผูส้ บื ทอดจะเป็นสมาชิกในคณะ ลกู หลานและลูกศิษยใ์ นสถาบนั การศึกษาตา่ ง ๆ กล่าวโดยสรุปแล้วเพลงเรือแต่เดิมนั้นจัดเป็นการละเล่นของชาวบ้าน สันนิษฐานว่า น่าจะมีมาต้ังแต่สมัยอยุธยา เดิมเพลงเรือเป็นท่ีนิยมมาก จนมีการบันทึกแผ่นเสียงและพิมพ์เป็นหนังสือ จาหนา่ ย อย่างไรกต็ ามเม่ือสภาพสังคมเปล่ียนไป การคมนาคมไม่ตอ้ งใช้เรอื เช่นอดีต เพลงเรือก็เร่ิมจางหายไป ด้วย ไม่มีเพลงเรือใดได้รับการบันทึกเสียงเพื่อจาหน่ายอีกแล้ว ปัจจุบันเพลงเรือที่เล่นกันในวิถีชีวิตไม่มีแล้ว เพราะไม่มีการเล่นเหมือนกอ่ น มบี า้ งเฉพาะท่ีเป็นการแสดงในช่วงเทศกาลลอยกระทงและงานอนื่ ๆ เท่านั้น ซึ่ง ตรงกับคากล่าวของเอนก นาวิกมูล ท่ีเขียนไว้ต้ังแต่ปี ๒๕๒๑ ว่า “...บทสรุปของเพลงเรือสาหรับย่อหน้า

๒๑๘ สุดท้ายคอื เพลงเรือยงั อยู่แต่อยเู่ ฉพาะทว่ งทานอง ท่ีไมอ่ ยูค่ อื วิญญาณ เพราะวนั นี้ไมม่ ชี าวเพลงคนไหนไปลอย ลาในทอ้ งน้าอกี ” ( เรอื่ งเดยี วกัน : ๑๒๘ ) ๓.๑.๑.๔ คณะลาตัด ปจั จบุ ันคณะลาตัดเหลือน้อยมาก จากเดิมเม่ือประมาณ ๔๐ ปที ่ผี า่ นมามีเป็นร้อยคณะ เหลืออยเู่ พยี ง ๑๐ –๒๐ คณะเท่าน้นั ( หงส์ทอง เสียงทอง สมั ภาษณ์ ๒๘ สงิ หาคม ๒๕๕๗ ) ซ่ึงจากการสารวจ ข้อมูลภาคสนามพบว่าคณะลาตัดท่ีเป็นอาชีพและยังมีคณะอยู่ในปัจจุบัน กระจายตัวอยู่ในเขตพื้ นท่ี ๑๐ จังหวดั มคี ณะรวมทัง้ หมด ๒๗ คณะ ดังนี้ ในเขตกรุงเทพฯ ปทุมธานี นครปฐมและนนทบุรี รวม ๔ จังหวัด มีลาตัด ๖ ซุ้ม ๑๓ คณะ ไดแ้ ก่ ๑.ซุ้มพ่อหวังเต๊ะและแม่ประยูร ( เสียชีวิตแล้ว ) ( อิสลาม ) มี ๕ คณะ ได้แก่ คณะ หวงั เต๊ะ ซง่ึ มีแม่ศรีนวล ขาอาจเป็นหัวหน้าคณะ คณะบุญช่วย นิมา คณะเด่น หลานหวังเต๊ะ คณะแม่ประยูร ยมเยี่ยม ซึ่งมีแม่อุ่นเรือน ยมเย่ียมเป็นหัวหน้าคณะ และคณะรุ่งลิขิต ศิษย์ศรีนวล มีนายรุ่งลิขิต ไทรนิ่มนวล เป็นหัวหนา้ คณะ ๒. ซุ้มบางขุนเทียน ( อิสลาม ) สายของอาจารย์ไพเราะ เสียงทอง ( เสียชีวิตแล้ว ) เดิมมีสิบคณะ ปัจจบุ นั เหลอื เพยี ง ๒ คณะ ได้แก่ คณะหงษท์ อง เสียงทองและคณะดาวทอง เสียงทอง ๓. ซุ้มมีนบุรี ( อิสลาม ) เดมิ มีคณะพ่อสงคราม แม่ชะลอ ปัจจุบันเหลือ คณะแม่จินดา ลูกบา้ นคู้ ๔. ซุ้มเมืองนนท์ ( พุทธ ) สืบสายมาจากลาตัดแปดริ้ว ฉะเชิงเทรา มี ๒ คณะ ได้แก่ คณะแมถ่ วิล ฟ้าเมืองนนท์ และคณะแม่ชรู ัก-สุภาพร ๕. ซุ้มคลองตัน ( พุทธ ) สายของแม่สังเวียน น้อยฉวี ( เสียชีวิตแล้ว ) เดิมมี ๓ คณะ ปจั จบุ ันเหลอื คณะเดยี ว ไดแ้ ก่ คณะแม่แววตา นอ้ ยฉวี สว่ นคณะแมล่ ะมัย น้อยฉวี ( เสียชีวิตแล้ว ) และคณะ นายรพินทร์ นอ้ ยฉวี ( ยุติคณะแลว้ แตย่ ังแสดงให้แก่คณะหงษ์ทอง เสียงทอง ) ( รชต โนนไทย สัมภาษณ์ ๑๘ กนั ยายน ๒๕๕๖ และ ๒๗ สงิ หาคม ๒๕๕๗ ) ๖. ซมุ้ ครูโซะ เขี้ยวแก้ว ( อิสลาม ) ( เสียชีวิตแล้ว ) เดิมอยู่มีนบุรีแล้วย้ายมาอยู่ เขต ประเวศน์ ปัจจุบันมี ๒ คณะ ได้แก่ คณะรักศักดิ์ ศิษย์อาจารย์โซะ เข้ียวแก้ว มีนายสมหมาย เทียนมณีเป็น หัวหนา้ คณะ และคณะศิษยอ์ าจารยโ์ ซะ เขีย้ วแกว้ มีบุตรสาว นางพชั รา ผลเจรญิ เปน็ หวั หนา้ คณะ ส่วนลาตัดในเขตพื้นที่อื่นๆ นอกจากน้ี พบว่ากระจายอยู่ในพ้ืนที่ ๖ จังหวัด มี ๑๔ คณะ ไดแ้ ก่ ในจงั หวัดพระนครศรีอยุธยา มี ๗ คณะ ได้แก่ คณะชาญชัย ศิษย์หวังเต๊ะ คณะปรีชาภาณุพงษ์ คณะ ส.บงกช อยุธยา คณะจรญั เสยี งทอง คณะจรัญ บ่อตาโล่ คณะไพรัช บ่อตาโลแ่ ละคณะไพซบ เสียงทอง

๒๑๙ ในจังหวัดชลบุรี มี ๒ คณะ ได้แก่ คณะพ่อผูกและคณะยุคล เพียรเสมอ ในจังหวัดระยอง มี ๑ คณะ ได้แก่ คณะกานันสาเริง คนฑา ในจังหวัดตราด มี ๒ คณะ ได้แก่ คณะกานันทวีวัฒน์ ระลึกชอบ และคณะพ่อ ประสูตร ชว่ งเวฬวุ รรณ ในจงั หวดั นครนายก มี ๑ คณะ ได้แก่ คณะ ส. รวมศิลป์ ลูกศรีจุฬา ซึ่งนางสอิ้ง โชติ สวัสดิ์ เป็นหวั หนา้ คณะ และในจงั หวดั พจิ ิตร มี ๑ คณะ ไดแ้ ก่ คณะบ้านวังกร่าง ซึ่งนายสุรินทร์ แถมต้าน เป็น หัวหนา้ คณะ ลาตัดยุคนี้ยังมีผู้ท่ีได้รับยกย่องว่าเป็นศิลปินแห่งชาติ คือพ่อหวังเต๊ะ และแม่ประยูร และไดร้ บั ยกยอ่ งให้เป็นศิลปินดีเด่นระดับชาติ คือ ครูโซะ เขี้ยวแก้ว ท้ังสามท่านน้ีนอกจากเป็นครูเพลงและ เปน็ ศลิ ปินแล้ว ยังเปน็ หัวหน้าคณะด้วย ซงึ่ มีประวัตดิ งั น้ี ๑) นายหวงั ดี นมิ า หรือ “หวงั เตะ๊ ” นายหวงั ดี นมิ าเกดิ เม่ือวนั ศกุ ร์ เดือนย่ี ปีฉลู ตรงกับเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๔๖๘ ที่ตาบล หน้าไม้ อาเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี นับถือศาสนาอิสลาม สาเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ จากโรงเรียนวดั หน้าไม้ เปน็ บุตรของนายเต๊ะและนางลาใย นิมา บิดาเล่นลาตัด ตีกลองรามะนาและแต่งเพลง ลาตดั ได้ มารดาเปน็ นกั แสดงละครชาตรี อยู่อาเภอปากเกร็ด นนทบุรี พ่อหวังเต๊ะจึงซึมซับและฝึกแสดงลาตัด กับบิดาตั้งแต่อายุเพียง ๑๓-๑๔ ปี นอกจากลาตัดแล้ว ยังได้หัดร้องเพลงพื้นบ้านอ่ืนๆ อีกหลายอย่าง เช่น เพลงเรอื เพลงฉอ่ ย เพลงเกย่ี วขา้ ว เพลงพวงมาลัยและเพลงขอทาน นอกจากนีย้ งั สบื ทอดวชิ าความรู้มาจากครู อีกหลายท่าน ได้แก่ ครูแก้ว ผมโป่ง ครูถนอม ท่าเกษม ครูจง สายสมอ ครูชะโอด ท่าไข่ ครูประยูร และแม่ จรูญหน้าบาก ภาพท่ี ๑๒๘ นายหวังดี นิมา หรอื หวังเต๊ะ ทีม่ า: https://www.google.co.th เมอ่ื อายุได้ ๒๖ ปี ( พ.ศ. ๒๔๙๔ ) พ่อหวังเต๊ะจึงต้ังคณะลาตัดของตนเองและรับงาน แสดงทัว่ ไป ลาตัดคณะหวงั เตะ๊ จะเนน้ การแสดงไหวพริบปฏภิ าณ ใช้คากลอนที่เชือดเฉือนกันด้วยคารมคมคาย สร้างความสนกุ สนานชวนใหต้ ิดตาม และหลีกเลี่ยงการใช้สานวนภาษาท่ีหยาบคายหรือลามกอนาจาร เพราะ ถือว่าเป็นการทางานทไี่ มม่ ีศิลปะ และทาให้ภาพพจน์ของศิลปะการแสดงลาตัดเสียหายทาให้เป็นนิยมของผู้ชม

๒๒๐ ทั่วไป ลาตดั คณะหวงั เต๊ะรับงานแสดงเป็นอาชีพมาจนถึงปัจจุบันกว่า ๖๐ ปี จนชื่อหวังเต๊ะเกือบจะกลายเป็น สัญลักษณ์ของลาตัด พ่อหวังเตะ๊ มีภรรยา ๓ คน ไดแ้ ก่ นางชื่น นิมา มีบุตรธิดา ๓ คน นางประยูร ยมเยี่ยม มบี ตุ ร ๒ คนและนางศรีนวล ขาอาจ มีธิดา ๑ คน บุตรธิดาท่ีสืบทอดลาตัด ได้แก่ นายต่อต้าน นิมา นางสาว นวลจันทร์ นิมาและนางสาวนิรามยั นมิ า พ่อหวังเต๊ะเป็นศิลปินผู้มีความสามารถเป็นเลิศ ด้านศิลปะเพลงพื้นบ้าน มีความ ชานาญเป็นพิเศษในการแสดงลา เป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์และสืบทอดศิลปะการแสดงพ้ืนบ้าน ให้ยืนยงอยู่ได้ อยา่ งนา่ ภาคภมู ใิ จยง่ิ และยังเป็นศลิ ปินผ้มู ีคุณธรรมได้ใช้ศิลปะการแสดงเป็นสัมมาชีพอย่างซื่อสัตย์ตลอดมา ทั้งไดถ้ ่ายทอดศลิ ปะวิชาให้แก่ทง้ั บคุ คลในคณะและสถาบนั ตา่ งๆ อย่างสม่าเสมอ นับได้ว่า หวังเต๊ะ เป็นศิลปิน ที่ได้บาเพ็ญประโยชน์ ท้ังด้านสร้างสรรค์และอนุรักษ์ศิลปะ อันเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมไทยมาตลอด ระยะเวลายาวนาน จนได้รับการเชิดชูเกียรติเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงพื้นบ้าน) ประจาปี ๒๕๓๑ ( สานกั งานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ๒๕๓๒ : ๑๐๒ ) ในบ้ันปลายชีวิต ได้ป่วยเป็น โรคมะเรง็ ตบั ในเดอื นกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้เขา้ รักษาตวั ทโี่ รงพยาบาลบารุงราษฎร์ จนกระทั่งถึงวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ กถ็ งึ แก่กรรม สริ อิ ายุได้ ๘๗ ปี ๒) นางประยรู ยมเยย่ี ม หรือแม่ประยรู เกดิ วันจันทร์ เดือน ๑๐ ปกี นุ ตรงกบั วนั ที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ทตี่ าบลทับกวาง อาเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เป็นธิดาคนท่ี ๓ ของนายคลาย นางจีบ มีพี่น้อง ๗ คน นับถือศาสนาพุทธ สาเรจ็ การศึกษาชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ จากโรงเรียนวดั สาลวนั จังหวดั นนทบรุ ี ( ปัจจุบันอยู่ในเขตพ้ืนที่ตาบล ศาลายา อาเภอพทุ ธมณฑล จังหวดั นครปฐม) ภาพที่ ๑๒๙ นางประยรู ยมเย่ียม ทม่ี า: https://www.google.co.th แม่ประยูรมีนิสัยรักการอ่านมาต้ังแต่เด็ก สามารถอ่านบทร้อยแก้วร้องกรองได้อย่าง ไพเราะ และยังมีความจาดีมาก เมื่อสาเร็จการศึกษาในชั้นต้นคุณตาจึงสนับสนุนให้ฝึกลาตัด เม่ืออายุ ๑๔ ปี

๒๒๑ กับครูบาง อยู่อาเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี “และได้เร่ิมแสดงลาตัดคร้ังแรกเมื่อประมาณอายุ ๑๕ ปี ต่อมาเมื่ออายุได้ ๑๘-๑๙ ปี ก็ได้เข้าไปอยู่กรุงเทพฯ และฝึกหัดกับครูอีกคนอยู่ที่หัวลาโพง คือแม่จรูญ หน้า บาก ( เอนก นาวิกมูล, ๒๕๕๐: ๗๐๖ ) ลาตัดคณะแม่จรูญเป็นลาตัดที่มีชื่อเสียงมากในขณะนั้น แม่จรูญได้ ถ่ายทอดความรู้ด้านเพลงพื้นบ้านและลาตัดให้แม่ประยูรอย่างเต็มที่ และยังให้โอกาสร่วมแสดงในงานต่างๆ ด้วย ทาให้แม่ประยูรมีมีประสบการณ์และมีความชานาญมากย่ิงขึ้น ด้วยมีนิสัยใฝ่รู้ใฝ่เรียน แม่ประยูรจึง พากเพียรเรียนลาตัดกับครูเพลงอีกหลายคน เช่น ครูสาเภาและแม่สุวรรณ เป็นต้น ( สถาบันราชภัฏธนบุรี, ๒๕๓๙) ทาให้สามารถร้องเล่นลาตัดและเพลงพนื้ บ้านอน่ื ๆ เช่น เพลงฉ่อย เพลงเรือ ฯลฯ ได้อย่างคล่องแคล่ว และสามารถแต่งเพลงได้ดว้ ย ชีวิตวัยเด็ก แม่ประยูรเป็นลูกชาวนา บิดามารดามีฐานะยากจน แม่ประยูรเป็นผู้มี ความกตญั ญกู ตเวทีต่อบิดามารดาอย่างยิ่ง ท่านได้ช่วยแบ่งเบาภาระการงานต่างๆ มาตั้งแต่เด็ก เมื่อแสดงลา ตัดไดแ้ ล้วก็จะนาเงินมาให้มารดาเก็บไว้ใช้จ่ายในครอบครัว นอกจากจะเป็น “ลูกที่ดี” แล้ว ยังเป็น “พ่ี น้อง และญาติที่ดี” เพราะเปน็ ผทู้ ่ีมีนิสยั ซ่ือตรง ไม่เอาเปรียบผู้อ่ืน มีน้าใจ โอบอ้อมอารี เป็น “ ผู้ให้” ตลอดมา จึง เป็นท่ีรักของญาติมิตรและบุคคลใกล้ชิดอย่างย่ิง ( อุ่นเรือน ยมเยี่ยม, สัมภาษณ์, ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔) หลังจากร่วมแสดงลาตัดอยู่กับคณะแม่จรูญได้ประมาณ ๔ ปี แม่ประยูรได้แต่งงานกับนายหวังดี นิมา ( หวังเต๊ะ ) เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๘ อายุประมาณ ๒๒ ปี และมีบุตรด้วยกัน ๒ คน ได้แก่ นายวิทยา นิมา และนาย ตอ่ ตา้ น นมิ า พ่อหวังเต๊ะและแม่ประยูรเป็นคู่ประชันลาตัดยอดนิยมสูงสุดมาอย่างยาวนาน เพราะ เป็นท้งั ค่ชู ีวิตและคู่โต้ลาตัดที่มีฝีมือหรือฝีปากระดับสูง หลังจากแต่งงานกันแล้วทั้งคู่ได้ตระเวนแสดงลาตัดไป ทั่วประเทศ เชน่ พ.ศ. ๒๕๐๐-๒๕๐๒ ท่านก็ได้รับเชิญให้ทางานร่วมกับ USiS และกรมประมวลข่าวราชการ แผ่นดิน ออกแสดงลาตัดเพ่ือต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ตามหมู่บ้านต่างๆ ท่ัวประเทศ คร้ังน้ันนอกจากจะได้ ทางานเพ่ือชาติแล้วรางวัลชีวิตที่ได้ตามมาคือลูกชายคนท่ีสอง ซึ่งท่านต้ังช่ือด้วยความภูมิใจว่า “ต่อต้าน” ( เรียม นิมา, สัมภาษณ์, ๑๘ มกราคม ๒๕๕๔ ) และยังได้เผยแพร่ผลงานผ่านส่ือมวลชนอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะการบันทึกแถบเสยี งและแถบภาพหรือวีดทิ ศั นอ์ อกจาหน่ายหลายชุด เช่น ชุดจุดเทียนระเบิดถ้า ชุด ดังระเบดิ ชุดเกดิ แกเ่ จบ็ ตาย ชุดสอนชายสอนหญิง เป็นต้น พ่อหวังเต๊ะและแม่ประยูรจึงเป็นคู่ขวัญคู่ประชันท่ี โด่งดังอย่างยง่ิ แมป่ ระยรู เป็นผ้ทู ีม่ ีผลงานเป็นท่ีประจักษ์อย่างต่อเน่ืองและแพร่หลาย ตัวอย่างเช่น เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๐๒ แม่ประยูรได้ทาแถบบันทึกเสียงออกอากาศทางสถานีวิทยุ ขส.ทบ. ทาให้ท่านมีชื่อเสียงโด่ง ดงั ไปทวั่ ประเทศ ตอ่ มา พ.ศ. ๒๕๑๖ ก็ไดก้ อ่ ตั้งคณะลาตัดเป็นของตนเองมีลูกน้องในวงประมาณ ๒๐ คน รับ แสดงงานท่วั ไปและออกรายการวิทยุต่อเน่ืองกว่า ๑๐ ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ท่านได้รับเชิญไปเผยแพร่วัฒนธรรมที่ กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ พ.ศ. ๒๕๒๗ ท่านได้เดินทางไปเผยแพร่วัฒนธรรมท่ีประเทศสหรัฐอเมริกา รวม ๓๒ รัฐ เป็นเวลากว่า ๓ เดือน พ.ศ. ๒๕๒๙ ท่านได้เดินทางไปเผยแพร่วัฒนธรรมที่ประเทศสาธารณรัฐเยอรมัน สวีเดนและเดนมาร์ก และได้บันทึกวีดิทัศน์ร่วมกับศิลปินพ้ืนบ้านหลายคน เช่น พ่อหวังเต๊ะ แม่ขวัญจิต ศรี ประจันต์ ออกจาหน่ายหลายชุด ซึ่งประสบความสาเร็จอย่างดียิ่ง ทาให้แม่ประยูรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น พ.ศ.

๒๒๒ ๒๕๓๒ บริษัท แกรมมี่ เชิญทา่ นเปน็ ศลิ ปินรบั เชญิ รว่ มแสดงลาตดั กับธงชัย แมคอินไตย ถึง ๓๐ รอบ ทาให้แม่ ประยรู มงี านแสดงมากย่งิ ขนึ้ ( สถาบนั ราชภฏั ธนบรุ ี, ๒๕๓๙) นอกจากนี้แล้วแม่ประยูรยังเป็นผู้อุทิศตนเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่องยาวนาน ท่านได้ ปฏบิ ตั งิ านให้แก่สถานศึกษา หน่วยงานราชการและเอกชนต่าง ๆ จานวนมาก ตวั อย่างเช่น พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้รับ เชิญไปเปน็ อาจารยส์ อนเพลงพนื้ บ้านต่าง ๆ พรอ้ มกบั พ่อหวงั เตะ๊ ทวี่ ทิ ยาลัยนาฏศิลป์ พ.ศ. ๒๕๓๗ แสดงลาตัด เผยแพร่คุณธรรม ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติ และแสดงเพลงเรือ เฉพาะพระพักตร์สมเด็จพระ เทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานพรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร ๙ ณ สวนหลวง ร. ๙ กรุงเทพฯ พ.ศ. ๒๕๓๘ แสดงเพลงเรือ เฉพาะพระพักตร์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ อุทยาน ร. ๒ อมั พวา สมทุ รสงคราม พ.ศ. ๒๕๔๓ แสดงเพลงพืน้ บ้าน ในงาน “สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าราลึก” ณ พระตาหนกั วัชรีรมยา พระราชวังสนามจนั ทร์ นครปฐม พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นกรรมการตัดสินการประกวดเพลง พ้ืนบ้านระดบั ประถมศกึ ษาและระดับมธั ยมศึกษา ณ มหาวทิ ยาลัยหอการค้าไทย เปน็ ตน้ เนื่องจากแม่ประยูรเป็นผู้มีความสามารถด้านวัฒนธรรมอย่างโดดเด่น ได้บาเพ็ญ ประโยชน์ในด้านสร้างสรรค์และอนุรักษ์ศิลปะอันเป็นมรดกของชาติมาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ท่านจึง ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ( ลาตัด ) ประจาปี ๒๕๓๗ ซ่ึงคา ประกาศเกียรตคิ ุณตอนหนงึ่ กล่าวว่า “นางประยูร ยมเยีย่ ม เป็นศิลปินที่มีความสามารถรอบตัว มีความคิดริเริ่ม สรา้ งสรรค์ และสบื ทอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านให้ยืนยาวได้อย่างน่าภาคภูมิยิ่ง สามารถ นาการแสดงพ้ืนบ้านไปแสดงยังต่างประเทศจนได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ท้ังยัง สามารถใช้การแสดงพ้ืนบ้าน “ลาตัด เป็นส่ือประชาสัมพันธ์ช่วยเหลือสังคมและ ประเทศชาติ เข้าถงึ ประชาชนได้อยา่ งใกล้ชดิ สามารถดน้ กลอนสดและแต่งคาร้องได้อย่าง คมคายเหมาะสมกับสถานการณ์ สร้างความบันเทิงให้แก่ผู้ชมตลอดเวลา ได้ใช้ ศิลปะการแสดงเปน็ อาชพี อยา่ งซอื่ สัตยส์ จุ ริต เป็นครูถ่ายทอดศิลปะวิชาให้แก่บุคคลและ สถาบนั ต่าง ๆ อย่างสมา่ เสมอ และมุ่งมัน่ ท่ีจะยืนหยัดอยู่กับการแสดงศิลปะเพลงพื้นบ้าน “ลาตัด” ตลอดไป” ( สานักงานส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งชาติ, ๒๕๓๗ ) ชว่ งสุดทา้ ยของชีวิต แม่ประยูรป่วยเป็นโรคไตหลังสุดโรคหัวใจกาเริบท่านเข้ารักษาท่ี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ประมาณ ๒๐ วัน ก็เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เวลา ๑๗.๒๒ น. สิริอายุ ๗๗ ปี (อุ่นเรือน ยมเย่ียม, สัมภาษณ์, ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔) ด้วยคุณงามความดีท่ีทามา อยา่ งต่อเนอ่ื งยาวนาน สรา้ งคณุ ปู การแก่ชาตอิ ย่างยิง่ แมป่ ระยรู ยมเย่ยี ม ไดร้ บั พระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้า ฯ พระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๓ ณ วดั สาลวัน จงั หวัดนครปฐม

๒๒๓ ๓) นายบุญเล็ก เทยี นมณี หรือ โซะ เข้ยี ว เกิดเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๓ ที่เขตหนองจอก กรุงเทพฯ นับถือศาสนา อิสลาม สาเร็จการศึกษาช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๓ ซ่ึงเป็นชั้นสูงสุดในขณะน้ัน จากโรงเรียนหนองจอกพิทยากูล มนี บุรี สมรสกับนางละมัย เทยี นมณี มบี ตุ ร ๒ คน ธดิ า ๖ คนรวม ๘ คน ครูโซะ เร่มิ เลน่ ลาตดั ตงั้ แตอ่ ายุ ๑๕ ปี ด้วยเปน็ ผูท้ ่ีสนใจศลิ ปะการแสดงลาตดั และเพลงพื้นบ้านต้ังแต่ยังเด็ก ถึงแม้ว่าจะถูกกีดกันจากญาติผู้ใหญ่ แต่ ด้วยใจรักในศิลปะแขนงน้ี จึงพายเรือออกจากบ้านไปท่องและจดจาเน้ือร้องกลางลาน้าแต่เพียงผู้เดียว ประกอบกับเป็นผู้ที่มีเสียงดี มีปฏิภาณไหวพริบ แอบฝึกไม่นานก็สามารถออกแสดงลาตัดจนประสบ ความสาเร็จ ไดร้ บั การกลา่ วขวัญถงึ จากผ้ชู ม ( วชิ า เชาวศ์ ิลป์ ๒๕๔๑: ๒๘๕ ) ภาพท่ี ๑๓๐ ครูโซะ เขย้ี วแก้ว ท่มี า: https://www.google.co.th ครโู ซะมีความสามารถระดับสูงในการแสดงลาตัด ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งลาตัดประชัน เพราะชนะการประชนั ลาตดั มาทกุ คณะและเกือบทุกครัง้ เช่น พ.ศ.๒๔๘๒ ประชันลาตัดชนะอาจารย์โอด และ อาจารย์บัวเขียว พ.ศ. ๒๔๘๘ ประชันลาตดั และชนะครูเพลงในสมัยน้ันมากมาย เช่น แม่สังเวียน แม่ทองย้อย นายหวงั เต๊ะ พ.ศ. ๒๕๒๔ ชนะการประกวดนาฏดนตรี (ลาตัด) งานทอดผ้าป่าสามัคคี กรุงเทพ-นนทบุรี ณ วัด โพธ์ิพูล จากนายด่านศุลกากร ท่าอากาสยานกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๒๖ ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแสดงลาตัด ขวัญใจมุสลิมะฮ์ท่าอิฐ กัสตูรี ท่าอิฐ เป็นต้น เน่ืองจากชนะการประชันลาตัดดังกล่าวจึงได้รับฉายาว่า “เข้ียว แก้ว” ครูโซะเปน็ ผูม้ ีจติ ใจเสยี สละและช่วยเหลือสังคมท้ังในระดับชุมชนและระดับชาติเสมอ มา เช่น พ.ศ. ๒๔๘๑ ได้รับเชิญให้เป็นครูเพลงอุเละ พ.ศ. ๒๔๘๒ ร่วมคิดสร้างโรงเรียนประชาบาลลาเจดีย์ พ.ศ. ๒๔๘๓ แต่งกลอนลาตดั ชุดรักชาติ ( สงครามอินโดจีน ) พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็นครูสอนนักเรียนร้องลาตัดและ ร่วมเดินขบวน เพอื่ ขอดินแดนอินโดจีนคนื พ.ศ. ๒๔๙๓ รว่ มคดิ สร้างมสั ยิดอลั เอ๊ียะซาน หมุ่บา้ นลาเจดีย์ ตาบล คฝู้ งั่ เหนือ และได้รับเชญิ ใหเ้ ป็นครสู อนศาสนา สอนลาตดั และสอนเพลงนาเสพ ท่ี อ.ท่าชนะ และ อ.ไชยา จ.สุ ราษฎรธ์ านี พ.ศ. ๒๕๑๔ ต้ังกลุ่มชุมชนซอยทองหล่อ ๑๘ พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นประธานชุมชนซอยทองหล่อ ๑๘ เปน็ ตน้ ( http://www.bmasmartschool.com )

๒๒๔ นอกจากผลงานการแสดงแล้วยังได้รับเชิญจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้เป็น วิทยากรสาธิตการแสดงลาตัดและเพลงพ้ืนบ้านเพื่อการอนุรักษ์อยู่ตลอดมา เช่น โรงเรียนวัดโสมนัส มหาวิทยาลัยรามคาแหง กรมประชาสัมพันธ์ ศูนย์สังคีตศิลป์ ธนาคารกรุงเทพ และจังหวัดต่าง ๆ เกือบท่ัว ประเทศ ครูโซะจึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (ช่ือเดิมสานักงานคณะกรรมการ วัฒนธรรมแห่งชาติ) เป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม สาขาศิลปะการแสดง ( ลาตัด ) พุทธศักราช ๒๕๓๗ เม่ือวันเสาร์ท่ี ๒๙ กันยายน ๒๕๕๕ ครูโซะเสียชีวิตด้วยโรคชรา สิริอายุ ๙๒ ปี ณ บา้ นเลขท่ี ๗/๓ หมู่ที่ ๕ แขวงคูฝ้ ่ังเหนอื เขตหนองจอก กรุงเทพฯ ปัจจุบันคณะโซะ เข้ียวแก้วมีนางพัชรา ผล เจรญิ บุตรสาวเปน็ ผ้สู ืบทอด ๔) คณะ ส. รวมศลิ ป์ ลูกศรีจุฬา คณะ ส. รวมศิลป์ ลูกศรีจุฬา มีหัวหน้าคณะ คือ นางสอ้ิง โชติสวัสดิ์ ช่ือในการแสดง คอื แม่สองิ้ เสียงทอง อาศัยอยู่บ้านเลขท่ี ๖๘ หมู่ ๘ ตาบลศรีจุฬา อาเภอเมือง จังหวัดนครนายก หมายเลข โทรศพั ท์ ๐๘-๖๐๔๙-๒๙๘๖ ๐๘-๕๑๖๖-๓๐๑๓ แม่สอิ้ง เกิดเมื่อวันท่ี ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๕ ท่ีจังหวัด นครนายก บิดาช่ือ นายลิ้ม เฉียมทอง มารดาชื่อ นางปุน เฉียมทอง ปัจจุบันแม่สะอ้ิงมีอายุ ๗๒ ปี ประกอบ อาชีพเป็นเกษตรกร แม่สะอ้งิ ฝึกหดั รอ้ งเพลงพื้นบ้านเมื่อ อายุ ๒๒ ปี ใช้เวลาฝึกหัดราว ๑ เดือน โดยมีครู เพลง คือ ครสู ังเวียน และครูบญุ สม พริกมาก และครูลม บ้านศรีจุฬา ท่ีจังหวัดนครนายก นอกจากนี้ยังได้รับ เนื้อเพลงลาตัดจากอาจารย์กักซึ่งเป็นนักแสดงลาตัดที่มีช่ือเสียงและเป็นเพื่อนกับครูลม วิธีการฝึกหัดเพลง พน้ื บา้ นมีทง้ั การเรยี นจากครูเพลงโดยตรงและใชว้ ิธีครูพักลักจา จากน้ันนามาฝึกหัดด้วยตนเอง ประกอบกับมี ประสบการณ์การออกแสดงมาตั้งแต่อายุ ๒๔ ปี ทาให้แม่สะอิ้งมีความสามารถในการแสดงเพลงพ้ืนบ้านได้ หลายประเภท ทงั้ เพลงฉ่อย เพลงเรอื เพลงเก่ยี วขา้ ว เพลงไถนา แหล่ และเพลงอีแซว ทาใหไ้ ดเ้ ปน็ ศิลปินดีเด่น ประจาจังหวัด นอกจากน้ียังเป็นครูสอนเพลงพื้นบ้านให้แก่นักเรียนและผู้สนใจ เช่น เป็นวิทยากรสอนเพลง พ้ืนบา้ นให้กับโรงเรยี นวทิ ยาคม โรงเรยี นปิยชาติ จังหวัดนครนายก เป็นตน้ แม่สะอิ้ง ก่อต้ัง คณะ ส. รวมศิลป์ ลูกศรีจุฬา เมื่อราว ๑๐ ปี ที่ผ่านมา หลังจากเป็น แม่เพลงออกแสดงเพลงพื้นบ้านในท่ีต่างๆ มาราว ๔๐ ปี ปัจจุบันยังคงรับงานแสดงในท่ีต่างๆ ซ่ึงพื้นที่ท่ีเคย ออกแสดง เช่น จังหวดั นครนายก ปราจีนบุรี ลพบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุรินทร์ สระแก้ว นครราชสีมา เป็น ต้น คณะนมี้ ีสมาชิกทั้งส้นิ ๖ คน ได้แก่ ๑. นางสอ้ิง โชติสวัสดิ์ ๒. นางศรนี ลิ คาชุม่ ๓. นางอมั ไพร ศุภเกยี รตคิ ณุ ๔. นายสมพงษ์ จนั ทโชติ ๕. นายสน่นั โชตสิ วัสดิ์

๒๒๕ ๖. นายฟอง (ไม่ทราบนามสกลุ ) ภาพที่ ๑๓๑ แมส่ ะอ้ิง และการแสดงเพลงพ้นื บา้ นของคณะ ส.รวมศิลป์ ๓.๑.๑.๕ คณะเพลงอแี ซว สาหรับประวัติความเป็นมาของคณะเพลงอีแซวน้ัน จากงานวิจัยเร่ืองวิเคราะห์เพลง อแี ซวของจงั หวดั สพุ รรณบรุ ี ของบัวผัน สุพรรณยศ ซึ่งได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากสานักงานคณะกรรมการ วฒั นธรรมแห่งชาติ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ประจาปีงบประมาณ ๒๕๓๕ พบว่ามีคณะเพลงอีแซวอาชีพ จานวน ๙ คณะ ได้แก่ คณะไสว วงษ์งาม หรือคณะพ่อไสวแม่บัวผัน คณะลาจวน สวนแตง คณะขวัญจิต ศรีประจันต์ คณะนายสังเวียน ทบั มี คณะขวัญใจ ศรีประจันต์ คณะนายช้าม หอมจันทร์ ( ๒๔ – ๒๕๔๗ ) คณะ ช. สงวน โชว์ ของนายชนื่ ศรบี ัวไทย ( ๒๔ - ๒๕๓๘ ) และคณะนกเอย้ี ง เสยี งทอง ( ๒๕๓๕ : ๒๑-๓๘ ) ปัจจบุ ันจากการรวบรวมขอ้ มูลภาคสนามในปี ๒๕๕๗ นี้พบว่าคณะเพลงอีแซวอาชีพมี ท้ังคณะใหญแ่ ละคณะเล็ก รวมทัง้ หมด ๑๒ คณะ ได้แก่ คณะขวัญจติ ศรปี ระจันต์ คณะลาจวน สวนแตง คณะ นกเอ้ียง เสียงทอง คณะนกเล็ก ดาวรุ่ง คณะสจุ ินต์ ศรีประจันต์ คณะสาเนียง เสียงสุพรรณ คณะทองคา แก้ว ทิพย์ คณะสุรนิ ทร์ ศรีประจนั ต์ คณะอนันตศ์ ิษย์แมข่ วญั จิต คณะพรทวี ศรีประจันต์ คณะเทพทัย ลูกอ่างทอง และคณะสมหญงิ ศรปี ระจันต์

๒๒๖ จะเห็นวา่ คณะทย่ี ังคงสบื เนื่องมาจากยคุ ท่สี อง ไดแ้ ก่ คณะลาจวน สวนแตง คณะขวัญ จติ ศรีประจันตแ์ ละคณะนกเอีย้ ง เสยี งทอง ซ่งึ ถือเป็นคณะใหญ่ สว่ นคณะทีย่ ุตไิ ปแล้ว ไดแ้ ก่ คณะไสว วงษ์งาม คณะนายสังเวียน ทับมี คณะนายช้าม หอมจันทร์ และคณะ ช. สงวนโชว์ เน่ืองจากหัวหน้าคณะเสียชีวิตแล้ว สว่ นคณะขวญั ใจ ศรีประจันต์ ปจั จุบนั รับงานแสดงน้อยมาก จนแล้วเกือบจะยุติลง เพราะมีปัญหาด้านสุขภาพ คณะท่เี กิดใหม่มที ัง้ ทเ่ี ปน็ ระดบั ครูเพลง ได้แก่ คณะนกเลก็ ดาวรงุ่ คณะสุจินต์ ศรีประจันต์ คณะสาเนียง เสียง สุพรรณ และคณะทองคา แก้วทิพย์ รวมทั้งคณะศิลปินรุ่นหนุ่มสาว ได้แก่ คณะสุรินทร์ ศรีประจันต์ ( เคย แสดงกบั คณะลาจวน สวนแตงและคณะนกเอยี้ ง เสยี งทอง ) และคณะอนันตศ์ ิษยแ์ ม่ขวญั จิต นอกจากน้ันยังมี คณะเล็ก ๆ ที่รับงานแสดงเฉพาะโอกาส ได้แก่ คณะพรทวี ศรีประจันต์ ซึ่งเป็นหลานของแม่ขวัญจิต ศรี ประจันต์ คณะเทพทยั ลูกอ่างทอง ซ่ึงเป็นศิษย์ของแมข่ วญั จิต ศรีประจันต์ และคณะสมหญิง ศรีประจันต์ ซึ่ง เปน็ บุตรสาวของแมข่ วัญจติ ศรปี ระจันต์ ทง้ั สามคณะนี้มีพ่อเพลงแมเ่ พลงชดุ เดยี วกับคณะขวัญจิต ศรีประจันต์ และคณะอื่น ๆ สาหรับประวัติความเป็นมาของคณะเพลงอแี ซวในปจั จุบัน มดี งั น้ี ๑) คณะแม่ขวัญจติ ศรีประจันต์ ดังได้กล่าวแล้วในหัวข้อเพลงทรงเครื่องว่าแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ เริ่มฝึกหัดเพลง ตั้งแต่อายุประมาณ ๑๔ ปี กับพ่อไสวแม่บัวผัน ซึ่งเป็นน้าชายและน้าสะใภ้ ศิษย์รุ่นเดียวกัน ได้แก่ พ่อสุจินต์ ชาวบางงาม พอ่ แหยม เผอ่ื นสรุ ยิ า นายเอนก ชาวปลายนา ( สามขี องแมส่ าเนียงและเสียชีวิตแล้ว ) แม่ขวัญใจ ศรีประจันต์ และแมส่ าเนยี ง ชาวปลายนา ภาพที่ ๑๓๒ การแสดงของคณะขวญั จติ ศรีประจนั ต์ เมอื่ วันท่ี ๗ เมษายน ๒๕๕๑ และ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๖ ทมี่ า : สธุ าทพิ ย์ ธราพร แม้วา่ พอ่ จะไมส่ นบั สนุนให้เปน็ แม่เพลงพื้นบา้ น แต่ดว้ ยความสนใจเพลงพ้ืนบ้าน ทาให้ ตามดูการรอ้ งเพลงอแี ซวของแมบ่ ัวผันและพอ่ ไสวเปน็ ประจา ต่อมาไดม้ โี อกาสไปดูแลน้องสาวทไี่ ปฝกึ เพลงและ อาศัยอยู่กับครูบัวผันครูไสว จึงใช้วิธีเรียนรู้แบบ \"ครูพักลักจา\" จนท่องเนื้อเพลงได้หลากหลาย และจดจาทั้ง

๒๒๗ ลีลาเพลงแนวผู้ชายของครูไสวและเพลงแนวผู้หญิงของครูบัวผัน แม่ขวัญจิตเล่าว่าในระยะแรกๆ ครูไสวไม่ อนญุ าตใหข้ น้ึ เวทแี สดง แตเ่ มือ่ ไดเ้ หน็ ความอดทน ความตั้งใจจรงิ และความเพียรพยายาม จึงอนุญาตให้แสดง ความสามารถ และด้วยพลังเสียงที่กังวานหวานซึ้ง และมีไหวพริบปฏิภาณเฉลียวฉลาดในการว่าเพลง ทาให้ เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมอย่างย่ิง แม่ขวัญจิตจึงได้แสดงกับคณะพ่อไสวตลอดมา นอกจากน้ันก็ได้ตระเวนเล่น เพลงอีแซวอยกู่ บั วงพ้นื บา้ นอืน่ อกี หลายวง ไดเ้ รยี นรแู้ ละเพ่มิ พูนประสบการณ์จากพอ่ เพลงแมเ่ พลงอกี หลายคน โดยเฉพาะเร่ิมแสดงเพลงอีแซวในต่างจังหวัดและในกรุงเทพมหานคร เช่น งานของสังคีตศาลา หรืองาน สงกรานต์ทีท่ อ้ งสนามหลวงเป็นประจา ทาให้เริ่มมีชื่อเสียงเป็นท่ีแพร่หลายมากข้ึน และยังมีความแตกฉานใน เร่อื งเพลงอแี ซวมากยงิ่ ข้นึ ดว้ ย เชน่ สามารถแต่งเพลงเองและด้นเพลงโต้ตอบกับพ่อเพลงได้อย่างคมคายและ ฉบั ไว หลังจากเลน่ เพลงอีแซวจนมีชอ่ื เสยี งแล้วจึงได้สมัครเป็นนักร้องลูกทุ่งโดยเริ่มอยู่กับวง ดนตรีลูกทุ่งครูจารัศ สุวคนธ์ ( น้อย ) และวงไวพจน์ เพชรสุพรรณ โดยได้บันทึกแผ่นเสียงเพลงแรกช่ือเพลง เบื่อสมบัติ งานเพลงของครู จิ๋ว พิจิตร เม่ือ ปี ๒๕๑๐ ทาให้เร่ิมมีช่ือเสียงจากเพลงลูกทุ่ง หลังจากนั้นก็ บันทกึ เสยี งอกี หลายเพลง เช่น ลาน้องไปเวียดนาม ลาโคราช ขวัญใจโชเฟอร์ เกลยี ดคนหน้าทน ขวัญใจคนจน แม่ครวั ตวั อย่าง และ แหลมตะลุมพุก จากนั้นจึงแต่งเพลงเอง ได้แก่ กับข้าวเพชฌฆาต น้าตาดอกคาใต้ และ สาวสุพรรณ ซ่ึงเป็นเพลงท่ีสร้างชื่อเสียงให้เป็นอย่างมาก ต่อมาจึงต้ังวงดนตรีของตนเอง ช่ือวงขวัญจิต ศรี ประจนั ต์ เปน็ วงดนตรีที่นาระบบแสง สี เสียง ท่ีน่าต่ืนตาต่ืนใจมาใช้ประกอบการแสดง และนาเพลงอีแซวมา ผสมผสานกบั การแสดงดว้ ย วงดนตรีขวัญจติ ศรีประจันต์ได้เผยแพร่ผลงานสู่ผู้ฟังทั่วประเทศจนเป็นที่รู้จักกัน อยา่ งเป็นอยา่ งดี ช่วงปี ๒๕๑๐ – ๒๕๑๕ แม่ขวัญจิตมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างยิ่ง นอกจากมีงานแสดง จานวนมากแล้ว ยังมีผลงานการแสดงภาพยนตร์หลายเร่ือง เช่น เร่ืองไอ้ทุย ( ผลงานครูดอกดิน กัญญา มาลย์ มีสมบัติ เมทนี และ เพชรา เชาวราษฏร์ นาแสดง ปี ๒๕๑๔ ) เรื่องวิวาห์ลูกทุ่ง ( ผลงานครูถาวร สุวรรณ - ไชยา สุรยิ ัน และ เพชรา เชาวราษฏร์ นาแสดง ปี ๒๕๑๕ ) เรอ่ื งนอ้ งนางบ้านนา ( สมบัติ เมทนีและ อรญั ญา นามวงศ์ นาแสดง ปี ๒๕๑๔ ) เร่อื งจาปาสต่ี ้น เรื่องกลัวเมีย ( สมบตั ิ เมทนแี ละ อรัญญา นามวงศ์ นา แสดง ปี ๒๕๑๔ ) เร่ืองเพลงสวรรค์นางไพร ( สมบัติ เมทนีและภาวนา ชนะจิต นาแสดง ปี ๒๕๑๔ ) เร่ือง บุหงาหน้าฝน ( รุจน์ รณภพ กากบั การแสดง สมบัติ เมทนีและ อรัญญา นามวงศ์ นาแสดง ปี ๒๕๑๕ ) เร่ือง อยากดัง ( สมบัติ เมทนีและ สุทิศา พัฒนุช นาแสดง ปี ๒๕๑๕ เป็นต้น และยังได้บันทึกเสียงและภาพการ แสดงเพลงอแี ซวหลายชุด เชน่ ชดุ ผัวหาย ชดุ แข่งบญุ แขง่ วาสนา ชุดลีลานักเพลง ชุดฉ่อยไถนา อีแซวตาราหา ผัว ชุดเพลงพืน้ บา้ นอีแซวประยกุ ต์ ดงั ภาพประกอบ

๒๒๘ ภาพที่ ๑๓๓ ภาพแผ่นเสียงและปกแถบบันทึกเสียงและภาพการแสดงเพลงพืน้ บ้านของแม่ขวัญจิต ศรีประจนั ต์ ทม่ี า: ขวญั จติ ศรีประจนั ต์ พ.ศ. ๒๕๑๖ ประเทศมีสถานการณ์วิกฤตทางการเมือง แม่ขวัญจิต ยุติวงดนตรีลูกทุ่ง แล้วกลับไปฟ้ืนฟูเพลงอีแซวท่ีบ้านเกิดสุพรรณบุรี ได้ต้ังคณะเพลงอีแซว ข้ึนเม่ือปี ๒๕๑๘ และยึดเป็นอาชีพ ตลอดมาจนปัจจุบนั รวมระยะเวลา ๔๐ ปี ( เกลยี ว เสรจ็ กจิ สัมภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) แม่ขวัญจิตเป็นผู้ใฝ่หาความรู้จึงเป็นคนรอบรู้และทันยุคทันสมัย เพราะชอบอ่าน หนังสอื วรรณคดีเกา่ ๆ ของไทย ชอบอา่ นข่าว ชอบฟังข่าว และนาเน้ือหามาประยุกต์ร้องในเพลงอีแซวได้ด้วย

๒๒๙ \"ทุกๆ เช้าต้องอ่านหนังสือพิมพ์ท้ังไทยรัฐ เดลินิวส์ รวมทั้ง คมชัดลึก ด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือนาไป ประยุกตใ์ ชร้ ้องเพลงอีแซว เพราะการเล่นอแี ซวเพ่ือจะตรงึ คนฟงั ให้ติดตามตงั้ แตต่ ้นจนจบน้นั ต้องร้องและเล่น เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และเร่ืองราวในชีวิตประจาวันให้มากท่ีสุด เช่น ถ้าเล่นให้กับคนในกระทรวง สาธารณสขุ ดู ก็ต้องรอ้ งให้เก่ยี วข้องกบั การโยกยา้ ย หรือถา้ เล่นใหข้ า้ ราชการกระทรวงเกษตรฯ ดูก็ต้องยกเรื่อง ปา่ ไม้ถูกฆา่ ในขณะที่หากเลน่ ให้ชาวนาดูก็ต้องเอาเร่ืองราคาข้าว ราคาปุ๋ย นามาเป็นคาร้อง ถ้าเล่นไม่เจาะจง คนดกู ็ยกขา่ วเรอื่ งขา้ วยากหมากแพง หมแู พง น้ามนั แพงมารอ้ ง\" นคี่ ืออีกวธิ ีหน่ึงในการสร้างมุกเพลงอีแซวของ แมข่ วัญจิตในช่วงประมาณ ๒๕๕๐ เปน็ ต้นมา แม้ว่าสิง่ บนั เทงิ หลายชนิดจะหาชมผ่านส่ือต่างๆ ได้ง่ายแต่เพลง อแี ซวยังคงไดร้ บั ความนยิ มอยู่ไมน่ อ้ ย แม่ขวญั จติ กล่าวว่า ในแต่ละเดือนจะมีคิวงานจองมาไม่ต่ากว่า ๑๕ งาน โดยเฉพาะวันศุกร์และวันเสาร์มีคิวจองยาวเหยียด ส่วนคณะอีแซวที่ยังคงรับงานแสดงอยู่ ๓ คณะหลักๆ คือ คณะแมล่ าจวน สวนแตง คณะนกเอย้ี งแมน่ กเลก็ ดอนเจดีย์ และคณะแม่จินตนาหรือพ่อสุชิน อู่ยา อน่ึง ในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะแมข่ วัญจิตต้องหยุดรับงานแสดงเพราะไม่สบาย ( บทความจุดประกายวรรณกรรมปีที่ ๒๐ ฉบับที่ ๗๑๒๙ วันอาทติ ยท์ ่ี ๓๐ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๑ http://www.bangkokbiznews.com ) ผลงานการแสดงเพลงพ้ืนบ้านทภ่ี าคภมู ิใจ ไดแ้ ก่ เพลงกับข้าวเพชฌฆาต การแสดงสด ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๕ โดยพระองค์เจ้าเฉลิมพลทิฆัมพรพาไป และแสดงเฉพาะพระพักตร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินนี าถ เมื่อปี ๒๕๑๙ ณ โรงละครแห่งชาติ รวมท้ังแสดง เฉพาะพระพักตร์สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี อกี หลายครั้ง ( อุบลรัตน์ กิจไมตรี ๒๕๔๒: ๒๐๙ ) ด้วยความรู้ความสามารถระดับสูงและความเสียสละทุ่มเทแก่สังคมประเทศชาติ แม่ ขวัญจติ จงึ ไดร้ ับการประกาศเกียรติคุณให้เป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม สาขาศิลปะ (เพลงพื้นบ้าน) จากสานกั งานคณะกรรมการวัฒนธรรมแหง่ ชาติ ในปี ๒๕๓๒ และต่อมาปี ๒๕๓๔ ก็ได้รับการประกาศเกียรติ คุณเป็น \"นักร้องดเี ด่นกงึ่ ศตวรรษเพลงลกู ท่งุ ไทย ครัง้ ท่ี ๒\" จากเพลง \"กับข้าวเพชฌฆาต\" โดยรับพระราชทาน รางวัลจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งจัดงานโดยสานักงานคณะกรรมการ วัฒนธรรมแห่งชาติ ที่สาคัญ คือ ได้รับการยกย่องให้เป็น “ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลง พื้นบา้ น-อีแซว) ปี ๒๕๓๙” ปจั จุบันคณะขวญั จติ ศรีประจันต์ ยังรับงานแสดงอยู่เสมอ ทั้งการแสดงเพลงพื้นบ้าน และการแสดงละครและภาพยนตร์ เช่น ภาพยนตร์ เรื่องมนต์เพลงลูกทุ่ง เอฟ.เอ็ม. เรื่องบ้านฉัน..ตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้) (พ.ศ. ๒๕๕๓ ) และเร่ืองเหลือแหล่ ( ๒๕๕๔ ) ละครเรื่อง ราชินีลูกทุ่ง ( ช่อง ๘ ) ( ๒๕๕๕ ) เร่ืองคนื วันเสารถ์ งึ เช้าวนั จนั ทร์ ( ๒๕๕๕ ) รวมพลคนลกู ทุ่งเงนิ ล้าน ( ๒๕๕๖ ) ละคร เพลงรัก เพลงลา (ละคร ช่อง ๗) ( ๒๕๕๗ ) เป็นต้น และยงั มีผลงานแถบบันทึกเสียงและภาพอีกหลายชุด เช่น ชุดขวัญจิตรตีไก่ ชุดฮา สุดฤทธ์ิแม่ขวัญจิตกับเอกชัย ชุดลาตัดมหาสนุก ๕ , ๗ ,๘ ชุดลาตดั ฮาลั่นสน่ันเมือง ๑๑ ตอนเสือสิงห์ปะทะชิน กร เป็นต้น และยงั อุทิศชวี ติ ในการอนรุ กั ษ์ฟืน้ ฟู เผยแพร่และถ่ายทอดเพลงพื้นบา้ นภาคกลางหลายๆ ชนิด เช่น เป็นวิทยากรสาธิตให้แก่ให้แก่ลูกศิษย์และผู้สนใจท่ัวไปในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏ

๒๓๐ กาญจนบรุ ี บุรรี มั ย์ นครปฐม อยุธยา ฯลฯ และแสดงให้แก่หน่วยงานราชการในการรับแขกบ้านแขกเมือง เป็น ตน้ ภาพที่ ๑๓๔ ปกแถบบนั ทกึ เสียงและภาพการแสดงเพลงพน้ื บ้านของแม่ขวัญจติ ศรปี ระจนั ต์ ทม่ี า: ขวัญจิต ศรปี ระจนั ต์ ภาพท่ี ๑๓๕ แม่ขวญั จติ กับการแสดงละครเรือ่ งราชินลี กู ท่งุ และแสดงภาพยนตร์ ทม่ี า: https://www.google.co.th/search?q=ขวัญจติ +ศรปี ระจนั ต์