๒๓๑ แม่ขวัญจิตกล่าวว่าทุกวันนี้มีความสุขและหมดห่วงไปหน่ึงเรื่องเพราะมีทายาทสืบทอด คณะเพลงแล้วนน่ั คือบุตรสาวคนเล็ก นางสาวสธุ าทิพย์ ธราพร หรือ “สมหญิง ศรีประจันต์” ซ่ึงเจริญรอยตาม มารดาทั้งการเปน็ แมเ่ พลงและดารานักแสดง ปัจจบุ นั คณะขวญั จติ ศรีประจันต์ยังคงเป็นคณะเพลงอีแซวคณะ ใหญ่ท่ีมีงานแสดงไม่เคยขาด ท้ังงานแสดงในโอกาสต่าง ๆ ของภาครัฐและประชาชนท่ัวไป รวมทั้งการแสดง ผ่านสอ่ื มวลชนทั้งหลาย สมาชกิ ของคณะขวญั จติ ศรปี ระจันต์ มีจานวน ๑๔ คน ได้แก่ ๑. นายแหยม เผ่อื นสุรยิ า ๒. นายสมเจต อินทร์แชม่ ชอ้ ย ( สาลี ) หรอื สาลี ศรีประจนั ต์ ๓. นายคมกฤษ ฟุง้ ฟู ( ใหญ่ ) หรือ คมคาย ศรปี ระจันต์ ๔. นายพรทวี เสร็จกิจ ( หนอ่ ง ) หรอื พรทวี ศรปี ระจนั ต์ ๕. นางเกลยี ว เสรจ็ กิจ หรือ ขวัญจติ ศรีประจันต์ ๖. นางสาเนยี ง ชาวปลายนา หรือ สาเนียง เสยี งสพุ รรณ ๗. นางสวสั ด์ิ บญุ เรืองรอด ๘. นางบหุ งา ปนิ่ สกลุ ๙. นางบญุ ญสิ า เทยี่ งแท้ ๑๐. นางสาวสุธาทิพย์ ธราพร หรอื สมหญิง ศรปี ระจนั ต์ นักดนตรี ๑๑. นายอทุ ติ ย์ โพธ์ิพกั ตร์ ๑๒. นายชลิต มีสกุล ๑๓. นายทวี วงษส์ ุวรรณ ๑๔. นายพนม บญุ ธรรม ( เกลียว เสร็จกจิ สัมภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) ตัวอยา่ งเพลงบทออกตวั ของแมข่ วญั จิต ศรปี ระจันต์ บรรจงจีบสิบน้ิวข้ึนหวา่ งค้ิวทั้งคู่ เชญิ รับฟังกระทเู้ อย๋ แล้วเพลงไทย เชญิ สดบั รบั รสกลอนสดเพลงอีแซว ฝากลานาตามแนวเพลงอีแซวยุคใหม่ เพลงอีแซวยคุ ใหมผ่ ิดกับสมัยโบราณ ถึงรุ่นลกู รุน่ หลานนับวันจะสญู หาย ถ้าขาดผู้สง่ เสริมเพลงไทยเดิมคงสญู ถา้ พอ่ แมเ่ ก้ือกูลลกู ก็อนุ่ หวั ใจ อนั ว่าเพลงพน้ื เมอื งเคยรงุ่ เรอื งมานาน สมยั ครูบวั ผนั และอาจารย์ไสว ประมาณร้อยกวา่ ปีตามท่ีมหี ลกั ฐาน ทค่ี รบู าอาจารยห์ ลายหลายท่านกล่าวไว้ ทงั้ ปูย่ า่ ตายายท่านก็ได้บอกเล่า การละเลน่ สมยั เกา่ ทเี่ กรยี วกราวเกรยี งไกร ในฤดเู ทศกาลเมอื่ มงี านวดั วา ทอดกฐินผ้าปา่ กเ็ ฮฮากนั ไป หรือยามตรษุ สงกรานต์กม็ ีงานเอิกเกรกิ งานนักขัตฤกษ์ก็เอกิ เกริกกนั ใหญ่
๒๓๒ ประชาชนชมุ นุมทั้งคนหนุ่มคนสาว ท้ังผู้แก่ผเู้ ฒ่าต่างกเ็ อาใจใส่ ชวนลูกชวนหลานไปร่วมงานพธิ ี ถือเป็นประเพณีและศักดิ์ศรีคนไทย ทจ่ี ังหวดั สุพรรณกม็ งี านวดั ป่า คนทุกทิศมงุ่ มาทีว่ ัดปา่ เลไลยก์ ปดิ ทองหลวงพ่อโตแล้วก็โมทนา ให้บญุ กุศลรกั ษามชี ีวาสดใส ได้ทาบญุ ทาทานกเ็ บกิ บานอรุ า สุขสนั ตห์ รรษาทั่วหนา้ กนั ไป ไดด้ ลู เิ กละครเวลากค็ ่อนคืนแลว้ เพลงฉ่อยเพลงอีแซวก็เจื่อยแจ้วปลุกใจ หนุ่มสาวชาวเพลงก็คร้นื เครงลอ้ มวง เอ่ยทานองรอ้ งสง่ ตง้ั วงราร่าย ร้องเกีย้ วพาราสีบทกวีพืน้ บา้ น เปน็ ท่สี นุกสนานสาราญหัวใจ เพลงพวงมาลยั บา้ งกใ็ สเ่ พลงฉ่อย ทง้ั ลกู ค่ลู กู ขอ้ ยต่างก็พลอยกันไป ( เกลียว เสรจ็ กจิ สมั ภาษณ์ ๑๙ กรกฏาคม ๒๕๕๗ ) ๒) คณะลาจวน สวนแตง หัวหน้าคณะคือนางลาจวน เกษมสุข อายุ ๗๗ ปี เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๐ บิดาชื่อ แปลก เกษมสขุ มารดาชอื่ พู่ เกษมสขุ มพี ่ีนอ้ ง จานวน ๖ คน พ่ีน้องท่ีสืบทอดหรือแสดงเพลงพื้นบ้าน คือนาง มาลัย พันธุมา นางลาจวนแต่งงานแล้ว มีบุตรธิดา จานวน ๓ คน มีลูกสาวคนท่ีสองช่ือ กฤษณา ทองคาใส เป็นผูส้ บื ทอดการเลน่ เพลง นางลาจวนศึกษาเพยี งระดับประถมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนสวนแตง มีอาชีพหลักคือ ทานาทาไร่ ขายของและเล่นเพลง ปัจจุบัน อยู่บ้านเลขท่ี ๕๙ หมู่ ๒ ตาบลศาลาขาว อาเภอเมือง จังหวัด สพุ รรณบุรี หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘-๖๕๒๓-๕๘๘๗, ๐๘ – ๙๔๐๐ – ๐๐๙๘ ภาพท่ี ๑๓๖ แม่ลาจวน สวนแตงกาลังรอ้ งเพลงอีแซว ทีม่ า : คา่ ยเพาะกลา้ พันธเ์ุ กง่ เพลงพ้ืนบา้ น โครงการเพลงพื้นบา้ นภาคกลาง นางลาจวน หรอื “แม่ลาจวน สวนแตง” ฝกึ หดั เพลงอีแซวกับพ่ีสาวชือ่ นางมาลัย พันธุ มา ซ่ึงมีภูมิลาเนาอยู่สวนแตง ตั้งแต่อายุ ๑๔ ปี แรงบันดาลใจในการฝึกหัดเพลงพ้ืนบ้านก็เกิดจากพี่สาว เพราะพี่สาวมีวงเล่นเพลงของตัวเอง ช่ือ “ วงมาลัยลูกทุ่ง” จึงได้ตามพี่มาลัยไปเล่นเพลงตามสถานที่ต่างๆ
๒๓๓ อาศัยใจรักจึงลักจาหัดราหัดร้อง พอเล่นได้พี่มาลัยก็จับข้อมือให้ ชนิดของเพลงพ้ืนบ้านที่ฝึกหัดคร้ังแรก คือเพลงอแี ซว บทออกตวั เชน่ “สบิ นิว้ คานบเคารพพ่อแม่ ท่ที ่านมาน่งั แลนุ่งเหลืองใสล่ าย” แม่ลาจวนได้ติดตามไปดูการเล่นเพลงและฝึกหัดด้วยรวมระยะเวลา ๔ ปี จึงได้แสดง อยู่ในวงของพีส่ าวตลอดมา สว่ นพอ่ เพลงที่เคยเลน่ ดว้ ยคอื นายแพว นายช่อ ( ไมท่ ราบนามสกุล ) เดิมยังไม่ได้ ต้ังเป็นคณะลาจวน เมอื่ มีงานเทศกาลตา่ งๆ ก็รวมตวั กนั ไปเลน่ เช่น งานตรษุ สงกรานต์ ทวี่ ัดปา่ เลไลยก์ เป็นต้น และเคยไปเล่นรวมวงกบั พวกเพลงศรปี ระจนั ต์ เช่น วงของพอ่ ไสวแม่บัวผัน เป็นต้น ต่อมาจึงได้ต้ังคณะของ ตนเอง ชอื่ คณะลาจวน สวนแตง เมอ่ื ประมาณ ปี ๒๕๓๒ และรบั งานแสดงตลอดมาจนปจั จุบนั รวมระยะเวลา ๒๕ ปี พื้นท่ีในการแสดง มีท้ังจังหวัดในเขตภาคกลาง ศรีษะเกษ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อุตรดิตถ์ แมฮ่ ่องสอน ประจวบคีรีขนั ธ์ ใกลส้ ดุ คอื สพุ รรณบุรี ไกลสดุ คือแม่ฮอ่ งสอน ปัจจบุ นั คณะลาจวน สวนแตง มสี มาชกิ (พอ่ เพลง-แม่เพลง) จานวน ๑๒ คน ไดแ้ ก่ ๑. นายสทุ ธพิ งศ์ พรหมรส หรอื สุรนิ ทร์ ศรีประจนั ต์ ๒. นายสายยนต์ โพธิพน ๓. นายเลยี่ ม บุญมา ๔. นายศภุ ชยั อมิ่ ทอง ๕. นางลาจวน เกษมสุข ๖. นางบุญนาค วรรณระกากจิ ๗. นางอนงค์ ศรีบญุ เพง็ ๘. นางสมพงษ์ อ่วมเสือ ๙. นางแตงอ่อน (ไมท่ ราบนามสกลุ ) ๑๐. นางศรนี วล ศรบี ญุ เพ็ง ๑๑. นางสมบัติ โพธิพน ๑๒. นางกฤษณา ทองคาใส ตวั อยา่ งเพลงของนางลาจวน เกษมสุข บทออกตวั ประสบโชคมีชัยทุกนายไปจึงมา ฟ้าก็มดื ประหม่าเกรงไม่มีลูกไม้ ไม่ใช่นักเพลงพ้ืนเมืองจึงได้เป่ยี มสมอง บอกพ่อแม่พีน่ ้องนะเปน็ เพลงรนุ่ ใหม่ นเ่ี ป็นเพลงรุน่ ใหม่ลกู ไมไ้ มม่ าก ฉนั มานึกกระดากวา่ ดไี มไ่ ด้ ฉันมานกึ กระดากคนก็เฝา้ แลมอง มนึ สมองไมท่ นั สมยั ฟังกันเล่นทว้ มทว้ มเหมือนรับประทานแกงถัว่ ฟังกันให้ถว้ นทวั่ นะพี่นอ้ งคนไทย ถา้ ผิดกระทู้หลักธรรมใหอ้ ปุ ถัมภ์กันเถิดท่าน ทุกขท์ ้อสะท้านกลวั ไมถ่ กู เพลงไทย
๒๓๔ นกั กฬี าตา่ งถ่ินผูค้ นนนิ ทา กระทู้เสียทา่ กลัวไมม่ คี นทักทาย เราเลน่ ให้เขาดูยนื อย่กู ็ยาก คนฟังลาบากถงึ กบั เบนหนา้ บ่าย ถึงจะชว่ั ก็ช่างให้น่งั ฟงั เฉยเฉย ถ้ามใ่ี ครชมเชยตอ้ งเดินลอยชาย บทประ ชาย พี่ระโหยโรยแรงคอแห้เป็นผง กลนื น้าลายไม่ลงนะแม่อรทยั มีนา้ มที า่ เอามาสักจอก เสียแรงพม่ี กี ระบอกมาคนละใบ หญิง หวิ นา้ หิวท่ามาคนละจอก แต่มีกระบอกคนละใบ อยากรบั ประทานให้อา้ ปากมารอง นอ้ งเปน็ ฟองลน้ ปากไห ชาย พเี่ ป็นคนบา้ นนอกคอกนา ขันจอกมมี ากันหนอที่ไหน มีแต่กระบอกไม่ไดป้ อกเปลือก จับยดั จับเสือกกนั ไปให้ หญิง หากแมโ้ อ่งไหของน้องมนั แตก จะยกกระแทกแล้วหวั ชาย จะอวยชัยให้พรนครจงฟงั บทอวยพร หากว่าคิดอะไรให้สมปรารถนา ใหส้ ุขีมีสตังค์ตามที่หวงั ไว้ คดิ เงินได้กองคดิ ทองได้เท ใหไ้ หลมาเทมาอยา่ ให้ขาดสาย ขอใหร้ า่ รวยถูกหวยรฐั บาล ให้สมดงั คะเนขอให้นงั่ อย่างนาย นบั ตั้งแต่วันเอ๋ยนีไ้ ป ( ลาจวน เกษมสุข สมั ภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) ภาพที่ ๑๓๗ การแสดงเพลงอีแซวของคณะลาจวน สวนแตง ทมี่ า: ลาจวน เกษมสุข
๒๓๕ ๓) คณะนกเอ้ยี ง เสยี งทอง คณะนกเอ้ียง เสียงทองมีหัวหน้าคณะคือนางวิภาวรรณ เทียนแจ่ม อายุ ๖๐ ปี เกิดปี มะเมีย ตรงกบั พ.ศ. ๒๔๙๗ บิดาชือ่ นายเจ๊ก เทียนแจ่ม มารดาชื่อ นางสังวาร เทียนแจ่ม มีพ่ีน้อง จานวน ๕ คน ช่ือพีน่ อ้ งทีส่ บื ทอดหรอื แสดงเพลงพน้ื บ้าน คอื นางพยงค์ เทียนแจ่ม นางวิภาวรรณ หรือแม่นกเอี้ยง สมรส กับนายอทุ ยั เจียมพกุ มีธิดา จานวน ๓ คน ได้แก่ นางสาวจงรัก เทียนแจ่ม นางสาวพรทิพย์ เจียมพุก และ นางสาวศิริวรรณ ศรีสัมพันธ์ ชื่อบุตรธิดาท่ีสืบทอดหรือแสดงเพลงพ้ืนบ้าน คือนางสาวจงรัก เทียนแจ่ม ( ปัจจุบันบวชเป็นชี ) ที่อยู่ปัจจุบัน เลขท่ี ๑๙๙/๒ หมู่บ้าน ตาบลดอนเจดีย์ อาเภอดอนเจดีย์ จังหวัด สพุ รรณบรุ ี รหัสไปรษณีย์ ๗๒๐๐๐ โทรศัพท์มือถือ ๐๘๙-๘๘๗ ๖๗๑๑ แม่นกเอี้ยงไม่ได้เรียนหนังสือ จึงอ่าน เขยี นไม่ได้ อาชพี หลกั คือการแสดงเพลงอแี ซว ภาพท่ี ๑๓๘ แม่นกเอยี้ ง เสยี งทองกาลงั รอ้ งเพลงอีแซว แม่นกเล็ก ดาวรงุ่ กาลงั รา ที่มา : บวั ผัน สุพรรณยศและคณะ แรงบนั ดาลใจในการฝกึ หดั เพลงพืน้ บ้านคอื ครอบครัวยากจนจึงอยากหาอาชีพที่จะหา รายได้ช่วยครอบครวั อยากเข้าสวู่ งการศิลปิน จึงไปอยกู่ ับวงดนตรีพนาไพรท่ีกรุงเทพฯ ๒ ปี แต่รายได้ไม่ดีจึง กลับสุพรรณบุรี แม่จึงพาไปหัดเพลงกับครูเคล้ิม เริ่มฝึกหัดเพลงอีแซวต้ังแต่อายุ ๑๒ ปี กับครูเคล้ิม ปักษี สถานท่ีฝึกหัดคือบ้านครูเคลิ้ม ท่ีดอนเจดีย์ รวมระยะเวลาท่ีฝึกหัด ๓ ปี บทร้องบทแรกคือบทออกตัวที่ครู แตง่ ให้ เชน่ “ลูกยกมือข้นึ พนมแลว้ กราบก้มเกศา อีกท้ังพ่นี ้องป้านา้ แลว้ ท่านอย่าเพงิ่ เบ่ือหนา่ ย” ในการฝึกเพลง ครูเคล้ิมจะสอนทานองให้หัดร้อง “ร้องเปิด ร้องปิด” ( ขึ้นเพลง ลง เพลง ) ร้องออกอกั ขระให้ชัดเจน หลังจากน้ันครูจดเน้ือเพลงให้ แล้วแม่นกเอี้ยงก็จะนาบทมาให้น้องสาวคือ แม่นกเลก็ ทอ่ งให้ฟัง เพราะอา่ นหนังสือไม่ออก ต้องใหน้ อ้ งสาวอ่านใหฟ้ งั ก่อนแล้วจึงจาไว้ แล้วหัดร้อง จากน้ัน นาไปร้องให้ครูเคล้ิมฟัง ตรงไหนทีไ่ มถ่ ูกต้องครูก็จะสอน พอครูมีงานเล่นเพลงก็พาไปด้วย แสดงครั้งแรกเมื่อ อายุ ๑๓ ปี คณะท่ีร่วมแสดง ได้แก่ คณะครูเคลิ้ม ปักษี คณะครูช้าม หอมจันทร์ คณะครูไสว วงษ์งาม ฯลฯ สถานที่ก็เลน่ ตามหมบู่ ้านในเขตสุพรรณบุรี นอกจากนสี้ มัยกอ่ นเวลามงี านวัดปา่ เลไลยก์ พ่อเพลงแม่เพลงจะไป รวมกนั แล้วกเ็ ลน่ เพลงกันจนสวา่ ง เวลามใี ครหาไปแสดงแม่นกเอ้ียงก็จะเดินทางด้วยเท้าไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ คา่ ทไ่ี หนก็แสดงและนอนท่นี ่ัน
๒๓๖ แม่นกเอีย้ งยงั ได้เรยี นรจู้ ากครูเพลงท่านอ่ืนๆ อีกมาก เช่น แม่ปาน แม่เหล่ือม แม่บัว ผนั ฯลฯ ต่อมาประมาณ ปี ๒๕๒๗ เม่อื มคี วามเช่ียวชาญมากข้ึนแล้วจึงต้ังคณะ “นกเอี้ยง เสียงอ่อน ” ต่อมา ก็เปลี่ยนช่ือเป็น “ นกเอี้ยง เสียงสุพรรณ” และ “ นกเอี้ยง เสียงทอง” ดังเช่นปัจจุบัน รับว่าจ้างแสดงงาน ทว่ั ไป ส่วนเพลงทร่ี ้องได้คอื เพลงอีแซวและเพลงฉอ่ ย ความสาเร็จที่ภูมิใจ คือการแสดงคร้ังแรกเพราะสามารถ หาเงนิ เองแลว้ นามาชว่ ยพอ่ แมไ่ ด้ วนั เวลาครั้งแรกทีเ่ รม่ิ ถา่ ยทอดหรือสอนลูกศิษย์ ประมาณ ปี ๒๕๒๗ ขณะนั้นมีอายุ ๓๐ ปี ลกู ศิษย์รนุ่ แรก ไดแ้ ก่ พนม, สรุ ยิ น, ทองคา, วมิ ล, อนงค์, ศรีนวล, สุรินทร์ ฯลฯ วิธีคัดเลือกลูกศิษย์ ให้ รอ้ งเพลงลูกท่งุ ใหฟ้ งั ถ้ารูจ้ ังหวะทานอง จึงเลือกมาฝกึ วธิ ีสอน ให้จดเนื้อเพลง แล้วจึงสอนวิธีร้อง ผลของการ สอน.ลูกศิษยส์ ามารถแสดงและตัง้ วงเองได้ ชือ่ สถาบนั การศึกษาทไี่ ปสอน เช่น โรงเรียนบางหวา้ รวมจานวนลูก ศิษย์ต้ังแต่เร่ิมสอนจนถึงปัจจุบันประมาณ ๓๐-๔๐ คน มาจากสถานท่ี กระโจม บางหว้า ศรีประจันต์ ดอน เจดยี ์ ส่วนลูกศษิ ยท์ ภ่ี าคภูมิใจคือ ทองคา ไฝงาม รวมระยะเวลาทต่ี ้งั คณะมา ๓๐ ปี ปัจจุบันคณะนกเอ้ียง เสียงทองรับแสดงทุกงาน ยกเว้นงานแต่ง ครูสั่งห้ามเพราะไม่ เป็นมงคลต่อเจ้าภาพและคณะเพลง ส่วนพื้นที่ในการแสดง ได้แก่ ภาคกลาง เชียงใหม่ บุรีรัมย์ จันทบุรี ระยองใกลท้ ่สี ดุ คอื สพุ รรณบรุ ี ไกลท่ีสุดคอื เชยี งใหม่ สมาชิกของคณะนกเอ้ียง เสยี งทอด (พอ่ เพลง-แมเ่ พลง) มจี านวน ๕ คน ๑. นายพนม มงั คดุ ๒. นายวมิ ล ม่วงปราง ๓. นางวภิ าวรรณ เทียนแจ่ม ๔. นางสังเวียน (ไม่ทราบนามสกุล) ๕. นางสุริน มงั คุด ภาพที่ ๑๓๙ การแสดงของคณะนกเอย้ี ง เสยี งทอง ทีม่ า: สมบัติ สมศรีพลอย
๒๓๗ ตัวอยา่ งเพลงอแี ซวของแมน่ กเอีย้ ง เสยี งทอง ได้แก่ บทออกตัวของครูเคลม้ิ ลูกยกมอื ข้นึ พนมกราบกม้ เกศา อีกทั้งพ่นี ้องปา้ น้าท่านอยา่ เพงิ่ เบอ่ื หนา่ ย อยา่ ตฉิ นิ นนิ ทาฉันนกั กีฬารนุ่ หลัง ช่อื เสียงยงั ไมด่ งั ยังเอาดีไม่ได้ หดั สักสองสามปีจะร้องให้ดีเหมอื นครู จะมาแสดงให้ท่านดอู ย่าบน่ เสียดาย ครั้นจะเลน่ นแี่ หละจะเลน่ ใหเ้ ขานิยม ท่เี ขาชอบก็ชมรอ้ งดีพอใช้ ทีเ่ ขาชอบเขาไม่ชังเขากน็ ่ังย้มิ แฉ่ง ทไ่ี ม่ชอบเขากแ็ ช่งไมว่ ่าหญิงหรอื ชาย สมองยงั อ่อนอดึ อดั พล้งั พลาดยังผิด ฉนั ไมใ่ ชเ่ นติบณั ฑติ ยงั ร้องดไี มไ่ ด้ เพลงชวี ิตครู ชวี ติ ของคณุ ครูพวกหมูญ่ าติมติ ร พีน่ อ้ งทกุ คนจงช่วยกนั คดิ อยา่ หาวา่ ฉันหยาบคาย ได้พากเพียรเรยี นรู้จงึ ไดเ้ ปน็ ครสู อนเขา พ่อแม่รกั เราเหนอื กวา่ สงิ่ อะไร หมดเปลอื งไม่วา่ เร่อื งการศึกษาพ่อแมก่ ็สู้ อยากเห็นลกู เป็นครูพ่อแมก่ ร็ กั ใคร่ โรงเรยี นไหนครูขาดเขากจ็ ัดใหไ้ ปสอน ทาตามข้ันแบบตอนประชาธปิ ไตย สงสารคุณครยู ศมอี ยกู่ ็แคน่ ั้น เปรยี บเหมอื นเรอื โดยสารใหล้ ูกศิษยอ์ าศัย ลูกศิษยก์ ็เหมอื นเรอื พ่วงคณุ ครกู ห็ วงดไู ม่หา่ ง กลัวเรือพ่วงจะพงั คณุ ครูกช็ ว่ ยแจวพาย ศษิ ย์บางคนลืมคุณบาปบญุ ไม่รู้ นนิ ทาดา่ ครไู มเ่ คารพรักใคร่ พอ่ แมข่ องตนพอรลู้ กู ตนถูกตี กห็ าว่าครูไม่ดสี ง่ั สอนเด็กไม่ได้ พ่อแมอ่ ยู่ทางบ้านท่านไมร่ ูห้ รอกหรอื ก็พอเดก็ มนั ดอ้ื สัง่ สอนไม่ได้ รกั ววั เขาใหผ้ ูกรักลูกเขาให้ตี ตามหลกั บาลีมันก็ไม่ผิดอะไร นักเรียนเอย๋ ฟงั เสียงแม่นกเอย้ี งจะสอน แม่ขอเตอื นอีกสกั ตอนมไิ ดแ้ กล้งต่อไต่ ตัง้ ใจเล่าเรียนขดี เขยี นถอ้ ยคา ที่คุณครูแนะนานอกเหนือวนิ ยั เรยี นอะไรก็ไมส่ ้ภู ูมิรู้ติดตน เจ้าจงฝึกฝนเจ้าจงรบี ฝนั ใฝ่ เจ้าเปน็ เดก็ ในวันน้เี ป็นผูใ้ หญใ่ นวนั หนา้ หากไม่มีวชิ าจะเอาอะไรไปใช้ กเ็ หมือนมีทรพั ย์เอาไวน้ บั เป็นแสนแสน ตกอับคับแคน้ เจา้ ยงั ดีเสยี กวา่ ใคร พลดั พรากจากถ่ินไปหากินแนวหน้า เจ้าก็มวี ิชาจะได้ออกมาใช้ คุณครวู า่ หนูอยา่ โกรธคณุ ครทู าโทษอย่าไปถือ ให้ยึดมัน่ ไวใ้ นมือเจา้ จะสมความหมาย อย่าเผลอพลงั้ สะเพร่าใหโ้ ง่เขลาครอบคลุม เหมอื นปลาหลงตกหลมุ ไม่ได้อะไร พ่อแม่มียศถาบรรดาศักด์วิ า่ ลูกรักก็ยงั เหลว ประพฤติตนเป็นคนเลวไมไ่ ดอ้ ะไร ( วภิ าวรรณ เทยี นแจม่ สมั ภาษณ์ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) ๔) คณะนกเลก็ ดาวรงุ่ หวั คณะคือนางสาวพยงค์ เทยี นแจ่ม ซ่ึงเดมิ มีฉายาวา่ แมน่ กเล็ก เสยี งออ่ น แม่นกเล็ก เสียงสุพรรณ แม่นกเล็ก เสียงทอง และ แม่นกเล็ก ดาวรุ่ง อายุ ๕๒ ปี เกิดเม่ือวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๐๕
๒๓๘ ศาสนาพุทธ บดิ าชอ่ื นายเจก๊ เทียนแจ่ม มารดาช่ือ นางสังวาล เทียนแจ่ม มีพี่น้อง จานวน ๕ คน ช่ือพี่น้องท่ี สืบทอดหรือแสดงเพลงพ้ืนบ้าน คือนางวิภาวรรณ เทียนแจ่ม แม่นกเล็กสมรสกับนายวิเชียร บุญช่วย มีบุตร ธิดา จานวน ๒ คน ได้แก่ นายอนุชา บญุ ช่วยและนางสาวจิราพร บุญช่วย ท่ีอยู่ปัจจุบัน ๑๕๖๕ หมู่ ๕ ต.ดอน เจดีย์ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี รหัสไปรษณีย์ ๗๒๑๗๐ โทรศัพท์มือถือ ๐๘๖-๑๓๓ ๓๐๖๕ สาเร็จ การศกึ ษา ประถมศึกษาปีที่ ๗ โรงเรียนดอนเจดีย์ อาชีพหลักคือค้าขาย และอื่น ๆ เช่น ทานาทาสวนและ แสดงเพลงอแี ซว ภาพท่ี ๑๔๐ การแสดงของแม่นกเลก็ ดาวรุ่ง ทีม่ า: สมบัติ สมศรพี ลอย เน่ืองจากมีแม่เปน็ นางเอกลิเก พอ่ เปน็ กลองยาว และพ่ีสาวเป็นแม่เพลงอีแซว แม่นก เล็กจึงมีนิสัยชอบร้องชอบรา เมื่ออ่านหนังสือออก ฟังลูกศิษย์รุ่นพี่ท่องเพลงแล้วก็ลักจา ประกอบกับ ครอบครัวมฐี านะยากจนไมม่ ีท่ีนาเพราะถูกญาตพิ นี่ อ้ งโกง ตอ้ งรบั จา้ งทว่ั ไป เม่ือเห็นพ่ีสาวเล่นเพลงมีรายได้ดี จากคา่ ตัวและเงินรางวัล แม่จึงขอร้องให้นกเลก็ หัดเลน่ เพลงอีแซวเพ่อื หารายได้จุนเจือครอบครัวเช่นเดียวกับ พี่สาวคอื แม่นกเอ้ยี ง ประมาณ ปี ๒๕๒๑ ขณะนน้ั อายุ ๑๖ ปี จงึ ฝึกหดั เพลงอีแซวกับครูเคลิ้ม ปักษี เพลงบท แรกคือบทออกตัว แล้วฝึกร้องบทแต่งตัว และบทประ ตับกะได สถานที่ฝึกหัดคือบ้านครู รวมระยะเวลาที่ ฝึกหดั ๕ ปี นอกจากเรยี นกับครเู คลิ้ม ปักษี แลว้ ยังเรยี นกับครูโกะ๊ ร่ืนโปร่ง ( ลุงของพีบ่ ญุ นาค ) ด้วย แม่นกเล็กได้แสดงเพลงอีแซวกับคณะของครูเคล้ิม คณะแม่นกเอี้ยง เสียงทอง และ คณะ สุจินต์ ศรปี ระจนั ต์ ตลอดมา จนกระทั่ง ปี ๒๕๓๒ จึงตั้งคณะของตนเอง ช่ือ “นกเล็ก เสียงทอง” และ ตอ่ มาเปลีย่ นเปน็ “นกเล็ก ดาวรุ่ง” จนกระทั่งทกุ วนั นี้ รับแสดงทกุ งาน ยกเว้นงานแต่งเพราะครูส่ังห้ามไม่เป็น มงคลต่อเจ้าภาพและคณะเพลง ส่วนพื้นที่ท่ีแสดง ได้แก่ ภาคกลาง เหนือสุดก็คือเพชรบูรณ์ ใกล้ท่ีสุดคือ สพุ รรณบรุ ี ไกลท่ีสุดคือชมุ พร แม่นกเล็กเป็นผู้ที่มีความสามารถในการแสดงเพลงอีแซวอย่างยิ่ง เพราะมีน้าเสียงท่ี ไพเราะ ร้องไดช้ ัดถ้อยชดั คา มีลลี าการรอ้ งการราที่สวยงามน่าประทับใจ มีความเฉลียวฉลาด สามารถโต้ตอบ ได้อย่างคมคายฉับไว ทั้งยังจดจาเพลงครูท่ีมีความไพเราะได้จานวนมากด้วย จึงเป็นแม่เพลงระดับต้นๆ ของ
๒๓๙ วงการเพลงอแี ซว นอกจากน้นั ยังมีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ด้านเพลงอีแซวด้วย เร่ิมถ่ายทอดหรือ สอนลูกศิษย์ครั้งแรกเมื่อมีอายุ ๔๕ ปี ลูกศิษย์รุ่นแรก ได้แก่ สุนันท์ ( ไม่ทราบนามสกุล ) สาหรับชื่อ สถาบนั การศึกษาทไี่ ปสอน ได้แก่ โรงเรียนวงั หว้าราษฎร์สามคั คี โรงเรยี นหนองหลอด อบต.ดอนเจดีย์ เป็นต้น รวมจานวนลูกศษิ ยต์ ง้ั แต่เรม่ิ สอนจนถึงปจั จบุ นั ประมาณ ๑๐๐ คน ลกู ศิษยท์ ่ภี าคภมู ใิ จคือ จอ๊ กก้ี ภาพท่ี ๑๔๑ การแสดงของคณะนกเล็ก ดาวรุ่ง ที่มา: https://www.google.co.th/search?q=ขวัญจิต+ศรปี ระจันต์ ตัวอยา่ งเพลงของแม่นกเลก็ ดาวรงุ่ ที่สืบทอดมาจากครู เชน่ ส่งเสยี งเซง็ แซเ่ ชญิ พ่อแมฟ่ งั อีแซว สง่ เสียงแจ้วแจ้วกลวั ไมห่ วานจบั ใจ ฟังเพลงอีแซวมาในแนวสร้างสรรค์ กลวั จะไมห่ วานมันเหมือนเพลงสมยั ใหม่ กลัวไม่ฮติ ติดอันดับกลัวไม่ประทบั ใจท่าน ผดิ ถกู ขอประทานอภยั มาฟังเพลงโบราณของราชการองค์ท่หี ก ท่านกไ็ ดห้ ยบิ ยกเอามาบรรธิยาย เป็นเพลงเก่าเพลงแกต่ ั้งพ่อแม่เรามา ทา่ นหอ้ ยโหนตามหากลวั วา่ จะสญู หาย เขาเรียกเพลงอีแซวได้ฟงั แล้วน่าสงสาร ทอดท้ิงลงธารทา่ นจะน้อยฤทัย ฉันกลวั ว่าเด็กร่นุ หลงั จะไมไ่ ด้ฟงั ได้ยนิ ตั้งแต่มีศลิ ปินชักจะรา้ งหา่ งไป ฉนั กลวั จะสญู จะสาบหันกลบั มากล่าว เก็บเอาเรอ่ื งเกา่ เก่ามาเรยี บเรยี งตงั้ ราย ไดฟ้ งั พวกพวกมาเล่ามากลา่ วเป็นกลอน ไดฟ้ ังแล้วฉันกอ็ ่อนในหวั ใจ นกเล็กไดฟ้ ังแลว้ หัวใจก็แผว้ อ่อนพบั นอนตาไม่หลบั ดว้ ยความรักอาลัย ปยู่ ่าตายายเล่าไขข้อขอด โปรดฟงั ให้ตลอดพวกเราทั้งหลาย เม่อื แตก่ อ่ นพวกเรานิยมเพลงโบราณ เมอ่ื มีการมงี านวดั กันเล่นงา่ ยง่าย ตรษุ สงกรานต์งานปีก็เคยมมี า อีกทงั้ กฐินผา้ ปา่ ได้ยนิ เสียงกไ็ ป
๒๔๐ ตบมอื ตฉี ิง่ มีท้งั ชายหญิงปยู่ ่า เขาก็พากันมาเมยี มพี อ่ หม้าย มาบัดนี้สูญสาบมนั ช่างดบั อาดรู โลกเราทารุณจะให้ดับสลาย น้าตาซาบอาบทรวงเปน็ ห่วงกลวั จะสญู ฉนั กลัวเขาจะรุนลงแม่นา้ ไหล เมอื งทองของไทยหลงใหลกิเลส พอไดเ้ พลงตา่ งประเทศทาเป็นลืมเพลงไทย เพลงฝรง่ั อังกฤษกาลงั ฮิตเพลงโห่ ท้ังสามช่าชาโด้บ่นว่าเสยี ดาย ไทยเราเอ๊ยทงั้ ประเทศไม่ทุเรศเพลงเรา มาลืมปู่ยา่ ตาเฒา่ ทอดทิ้งเพลงไทย นกน้อยนอ้ งนางกถ็ อยหลงั ใจลอย นา้ ตาเผลาะหยดผลอ็ ยเหมือนลมพัดชายไพร ฉันกอดหมอนนอนสะอืน้ อยากจะฟื้นเฟ่อื งฟู ลูกหลานเราจะได้ดูเพราะความเสียดาย ลกู หลานช้ันหลงั ประเดี๋ยวจะฟงั ไม่รูเ้ รื่อง หมู่มติ รพลเมอื งเขาเรียกวา่ เพลงสมัย นกเล็กขอจองไปดว้ ยความรกั จริง เชิดชูเพลงฉงิ่ ให้งดงามเฉิดฉาย มีบุญมาอภิบาลทางการกอบกู้ ชมเชยเชิดชใู หก้ ลับมาใช้ หากท่านไม่ไปหาฉนั คงไม่มาให้เห็น ไมม่ ีงานฉันจะมาเล่นกนั ไดอ้ ยา่ งไร คร้ันจะวา่ ไปนานมันจะราพันเกินเนือ้ เด๋ยี วพอ่ แม่จะเบ่ือถงึ จะเบนหนา้ บา่ ย จัดแจงแต่งตัวไม่มวั อยชู่ า้ เสยี งหนุม่ หนมุ่ เรียกหาจะออกไปหาผ้ชู าย ขอจัดแจงแตง่ ตวั อกี สักหนอ่ ย เสอื้ แสงสายสร้อยคนสวยตอ้ งใส่ ฉนั นั่งหน้ากระจกชะโงกมองเงา หวผี มหวเี ผ้าปล่อยยาวเคลียไหล่ หยบิ แป้งมาทาผดั หนา้ ให้ขาวผ่อง ให้หนมุ่ เห็นใหม้ องทาชมา้ ย ( พยงค์ เทียนแจ่ม สมั ภาษณ์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) ๕) คณะสจุ ินต์ ศรีประจันต์ หัวหน้าคณะคือนายสุจินต์ ชาวบางงาม อายุ ๖๕ ปี เกิดเม่ือวันที่ ๔ เมษายน ๒๔๙๒ บิดาชอื่ นายสังเวียน ชาวบางงาม มารดาชื่อนางจอม ชาวบางงาม มีพ่ีน้อง ๒ คน สมรสกับนางสวงค์ ชาวบาง งาม มีธดิ า ๓ คน ไดแ้ ก่ นางสาวนติ ยา นางสาวเยาวนาตรและนางสาวอังคณา ธิดาคนท่ีสามคือผู้สืบทอดเพลง พ้ืนบ้าน ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ ๔๔ หมู่ ๕ ตาบลวังน้าซับ อาเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ๗๒๑๖๐ โทรศัพท์ ๐๘ ๑๗๙๕ ๓๖๑๕ สาเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ประกอบอาชีพหลักคือธุรกิจ สว่ นตัว
๒๔๑ ภาพท่ี ๑๔๒ นายสจุ ินต์ ชาวบางงาม หรอื พอ่ สจุ นิ ต์ ศรีประจันต์ ทมี่ า : คา่ ยเพาะกลา้ พันธุ์เกง่ เพลงพ้ืนบ้าน โครงการเพลงพื้นบา้ นภาคกลาง แรงบันดาลใจในการฝึกหดั เพลงมาจากเชอ้ื สายและความชอบ เพราะบิดาเป็นหมอทา ขวญั นาค พอ่ สุจินตเ์ ริม่ ฝึกหดั เพลงอีแซวครัง้ แรกเมอ่ื อายุ ๑๓ ปี กบั ครไู สว สุวรรณประทปี และครบู ัวผัน จันทร์ ศรี โดยไปฝกึ และอาศยั อย่ทู ่ีบา้ นครู แถวบา้ นมะกรูด อาเภอศรีประจนั ต์ เม่อื รอ้ งได้เลน่ ได้แล้วก็แสดงกับวงครู พ่อสุจินต์ยังได้ฝึกหัดเพลงกับครูเพลงท่านอื่นๆ อีก เช่น ครูโปรย เสร็จกิจ ครูช้าม หอมจันทร์ เป็นต้น จน ต่อมาประมาณ ปี ๒๕๓๐ จึงตั้งคณะของตนเอง ช่ือ คณะสุจินต์ ศรีประจันต์ รับแสดงงานทั่วไป ในช่วง ประมาณ ปี ๒๕๓๔ – ๒๕๓๖ คณะสุจินต์ ศรปี ระจนั ตห์ ยดุ พกั การแสดงเพลงอีแซวไป ๓ ปี เพราะพ่อสุจินต์มี งานแหลท่ าขวัญนาคจานวนมากและมธี รุ กจิ ส่วนตัวด้วย ทาให้ตอ้ งงดรบั งานเพลงอีแซว ซึง่ ต้องใช้เสียงมาก ทา ใหเ้ สยี งเสียเสียงแตกไมเ่ หมาะจะแหล่ทาขวัญ อย่างไรกต็ ามหลงั จากนัน้ ก็กลับมารับเพลงอีแซวอกี เช่นเดิม และ ยังแสดงกบั คณะอื่น ๆ ดว้ ย เช่น คณะนกเอ้ยี ง เสยี งทอง เป็นตน้ ภาพที่ ๑๔๓ การแสดงของคณะสจุ ินต์ ศรีประจันต์ ทม่ี า: https://www.google.co.th/search?q=ขวัญจติ +ศรีประจันต์ “พ่อสุจินต์ ศรีประจันต์” เป็นผู้ท่ีมีน้าเสียงหวานใส มีลีลาการร้องการราท่ีมีเสน่ห์ เฉพาะ ทนี่ า่ ชมนา่ ประทบั ใจ จงึ เป็นพ่อเพลงระดับต้นของวงการเพลงพืน้ บ้านภาคกลางในปัจจุบัน นอกจากจะ
๒๔๒ ร้องเพลงอีแซวไดอ้ ยา่ งชานาญแลว้ ยังร้องเพลงอ่นื ๆ ไดอ้ ยา่ งดีเยี่ยม เช่น เพลงฉ่อย เพลงทรงเคร่ือง เพลงเกีย่ ว ข้าว เพลงเรอื และแหล่ทาขวัญนาค และเนือ่ งจากเป็นพอ่ เพลงทเ่ี ก่งกาจ มีประสบการณ์การเล่นเพลงมาอย่าง ยาวนาน กอปรกบั เป็นผ้ทู ี่ชอบอ่านหนังสอื และติดตามข่าวสารอยู่เสมอ จึงมีความรอบรู้ ทันสมัย อีกท้ังยังเป็น คนอารมณ์ดีและมีความคิดสร้างสรรค์ จึงสามารถแต่งเพลงและด้นเพลงได้อย่างไพเราะ และสนุกสนานด้วย เพลงที่แต่งครั้งแรกคือเพลงประวัติของตนเอง ซ่ึงเดิมครูโปรย เสร็จกิจ แต่งให้ พ่อสุจินต์ก็ช่วยครูในการวาง โครงเร่อื งและคิดหาคาท่ตี นเห็นวา่ ไพเราะ ส่วนการดน้ เพลงมักจะด้นในโอกาสต่างๆ เช่น งานบวช งานทาบุญ บา้ น เปน็ ตน้ พอ่ สจุ นิ ต์เปน็ ผู้มอี ธั ยาศยั ไมตรีดีมาก มีจติ ใจเสียสละ รกั การเปน็ ศิลปนิ และมีความเป็น ครู สามารถถา่ ยทอดเพลงได้อยา่ งดี ท่านรบั เป็นวทิ ยากรให้แก่สถาบันการศึกษาต่างๆ ท้ังในท้องถ่ินและอ่ืน ๆ เช่น โรงเรยี นวดั สามจนุ่ โรงเรียนหนองสรวงสทุ ธาวาส อาเภอศรปี ระจนั ต์ โรงเรียนวดั บางขวาก โรงเรียนวิมล โพคาราม อาเภอสามชุก โรงเรยี นวัดหนองมน อาเภอหนองหญ้าไซ วิทยาลัยนาฏศิลปสุพรรณบุรี อาเภอเมือง จงั หวัดสุพรรณบุรี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กรุงเทพมหานคร และเยาวชนเพาะกล้าพันธุ์เก่งเพลงพ้ืนบ้าน รุ่นที่ ๑ – ๓ จากทัว่ ประเทศ เปน็ ตน้ ผู้สบื ทอดเพลงพื้นบ้านของพ่อสุจินต์นอกจากนักเรียน นักศึกษาและครู อาจารย์จากสถาบนั การศกึ ษาตา่ งๆ ดังกลา่ วแลว้ ยังมหี ลานสาว ชื่อ เด็กหญงิ ณิชกานต์ เยาวครุฑ ( จีจ้ี ) ด้วย สมาชกิ ของคณะสุจินต์ ศรปี ระจันต์ มี ๑๐ คน ไดแ้ ก่ ๑. นายสจุ ินต์ ชาวบางงาม หรอื สุจินต์ ศรปี ระจนั ต์ ๒. นายจาลอง บุญเรอื งรอด ๓. นายบรรจง ทัพวิเศษ ๔. นางสงั เวยี น วงศ์สวุ รรณ ๕. นางจาเนยี ร คงพมุ่ ๖. นางพยงค์ เทยี นแจม่ ๗. นางประจนิ ทบั มี หรือจินตนา ทบั มี ๘. นายมานพ ลกู ฟกั ( นักดนตรี ) ๙. นายประยูร ( ไมท่ ราบนามสกุล อยู่ อ. แสวงหา จ.อ่างทอง ) ๑๐. นางแป๊ว ( ไม่ทราบนามสกุล อยู่ อ. แสวงหา จ.อา่ งทอง ) ตวั อย่างเพลงอแี ซวของพ่อสจุ นิ ต์ทีส่ ืบทอดมาจากครูไสว เช่น หอหีบกลีบแห้งเหมือนหัวระแหงเดือนห้า โหยหฮู่ ิว้ ฮาเด็กเหน็ รอ้ งไห้ อยากจะหิว้ ตัวหอไปเดนิ เท่ยี วชายหาด เรากเ็ ป็นเดก็ ฮาร์ทจะพาเที่ยวไปให้ แมร่ ถเกอแฮมเติมน้ามันกอฮอล์ ( รบั ) อยากจะหมุ้ จะห่อแม่ตวั หอใจหาย ( รับ )
๒๔๓ เพลงอีแซวทส่ี ืบทอดมาจากครูเฉลียว ศรีนาค เชน่ อยากจะหว้ิ อีหอพกี่ ็เปน็ เด็กฮาร์ท ไปนอนแหกตามชายหาดให้ลมพัดเข้าไห เมื่อจะขายก็ขายกาลงั ไดร้ าคา อย่าปลอ่ ยให้คับหว่างขาไว้คอยขายให้ใคร แม่ตะโกกิง่ กา้ นรกั เจ้ามากอ่ น เห็นหัวนมเปน็ กอ้ นอยากเอามอื ตะกาย พ่มี าเจอหลอ่ นตวั พี่กร็ ู้ ว่าผู้หญิงนะ่ มรี นู ะอีแม่เรไร ( สจุ ินต์ ชาวบางงาม สมั ภาษณ์ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ) ๖) คณะสาเนียง เสยี งสุพรรณ หัวหนา้ คณะคือนางสาเนียง ชาวปลายนา นามสกุล เดิม คงพุ่ม อายุ ๕๙ ปี เกิดเม่ือ วนั ที่ ๒๘ กันยายน ๒๔๙๘ นับถือศาสนาพุทธ บิดาช่ือนายสะอาด คงพุ่ม มารดาช่ือนางเป้า คงพุ่ม มีพ่ีน้อง จานวน ๗ คน พ่นี ้องท่ีสบื ทอดหรือแสดงเพลงพื้นบา้ น ได้แก่ นายประสิทธิ์ สนอง จาเนียรและนายวินัย นาง สาเนยี งหรือ “แมส่ าเนยี ง” สมรสกับนายเอนก ชาวปลายนา มีบุตรธิดา จานวน ๓ คน ได้แก่ นางสาวบุญนาค นางสาววิลาวลั ยแ์ ละนายพงศกร ชาวปลายนา ทงั้ สามคนล้วนสบื ทอดการแสดงเพลงพ้ืนบ้าน ปัจจุบันอาศัยอยู่ บ้านเลขที่ ๖๖ หมู่ที่ ๕ ตาบลวังน้าซับ อาเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี รหัสไปรษณีย์ ๗๒๑๔๐ โทรศัพท์มือถือ ๐๘๑-๗๔๔ ๔๔๘๓ แม่สาเนียงสาเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๖ สถาบันการศึกษา นอกโรงเรียนศรีประจันต์ มีอาชพี หลักคือ ทานาและแสดงเพลงอีแซว ปจั จบุ ันเป็นผใู้ หญ่บา้ น หมู่ท่ี ๕ ด้วย ส่วนแรงบันดาลใจในการฝึกหัดเพลงพ้ืนบ้านคือเห็นแม่ขวัญจิตแสดงเลยสนใจ เร่ิม ฝึกหัดเพลงอีแซวครั้งแรกกับแม่บัวผัน จันทร์ศรีและพ่อไสว สุวรรณประทีป เมื่ออายุ ๑๐ ปี เพลงพื้นบ้านท่ี ฝึกหัดคร้ังแรก คือเพลงอีแซว บทออกตัว สถานท่ีฝึกหัดคือบ้านของครูที่พังม่วง ตาบลวังน้าซับ อาเภอศรี ประจันต์ จังหวดั สุพรรณบุรี เมอื่ แสดงได้แลว้ กแ็ สดงกับคณะของครู คือคณะไสว วงษ์งาม ตลอดมา ส่วนคณะ อน่ื ๆ ที่เคยรว่ มแสดงบางโอกาส เชน่ แมบ่ ญุ มาและแมต่ ะลุ่ม จงั หวดั อ่างทอง ภาพที่ ๑๔๔ แมส่ าเนียง ชาวปลายนา ทีม่ า: ค่ายเพาะกล้าพนั ธเ์ กง่ เพลงพน้ื บา้ น โครงการเพลงพนื้ บ้านภาคกลาง
๒๔๔ แมส่ าเนยี งเป็นแม่เพลงชั้นนาของวงการเพลงพื้นบ้านภาคกลาง นอกจากจะสามารถ ร้องและแสดงเพลงพื้นบ้านภาคกลางได้ถึง ๑๑ ชนิด ได้แก่ เพลงฉ่อย ลาตัด เพลงเก่ียวข้าว เพลงเรือ เพลง ทรงเครือ่ ง เพลงพานฟาง เพลงสงฟาง เพลงระบา เพลงพิษฐานและเพลงพวงมาลัยแล้ว ยังมีน้าเสียงหวานใส ร้องเพลงไดไ้ พเราะลกึ ซง้ึ อย่างยิง่ อีกท้ังยังมลี ลี าการราทส่ี วยงาม แสดงบทบาทได้สมจริง เคยได้รับบทนางเอก เชน่ แมว่ นั ทอง อยูต่ ลอดมา นับเปน็ แมเ่ พลงคนสาคัญในขณะนี้ เมือ่ พ่อไสวแมบ่ ัวผนั เสียชีวติ ทาให้คณะเพลงต้องยตุ ิลง แม่สาเนยี งก็ยังคงรับงานแสดง เพลงพน้ื บา้ นสืบมา โดยแสดงอยู่ในคณะขวัญจิต ศรปี ระจนั ต์ แตห่ ากคณะใดเชิญไปแสดงก็ยินดีไปช่วย คณะท่ี เคยแสดง เช่น คณะขวัญใจ ศรปี ระจันต์ เปน็ ต้น ต่อมาเม่อื ชื่อเสียงแม่สาเนียงแพร่หลายไปกว้างขวางมากข้ึน ก็มเี จ้าภาพมาตดิ ต่อว่าจ้างไปแสดง และคณะของแม่ขวัญจิตไม่สะดวกที่จะรับงาน แม่สาเนียงจึงต้องต้ังคณะ ของตนเอง โดยใช้ชือ่ ว่า คณะสาเนยี ง เสยี งสพุ รรณ รับแสดงงานทว่ั ไป แตแ่ มส่ าเนียงกย็ ังคงแสดงกับคณะขวัญ จิต ศรปี ระจนั ตเ์ ป็นประจาเช่นเดิม สาหรับสมาชิกของคณะส่วนใหญ่ก็ใช้พ่อเพลงแม่เพลงชุดเดียวกันกับคณะ ขวญั จิต ศรปี ระจนั ต์ ภาพท่ี ๑๔๕ การแสดงของคณะสาเนยี ง เสยี งสพุ รรณ ที่มา: สาเนยี ง ชาวปลายนา แม่สาเนียงจดจาเพลงต่าง ๆ ได้จานวนมาก แม้จะไม่สันทัดในการแต่งเพลงแต่ก็ สามารถโตต้ อบไดโ้ ดยใช้เพลงครู และเพลงดน้ เช่น การดน้ เพลงในงานไหว้ครู ทส่ี ่แี ยกบางม่วง วันเวลาครั้งแรกท่ีเร่ิมถ่ายทอดหรือสอนลูกศิษย์แม่สาเนียงจาได้ไม่ชัดเจน ขณะนั้นมี อายุ ๑๘ ปี ลูกศิษย์รุ่นแรก ได้แก่ มะยม วน วัง ลั่นทม ส่วนสถาบันการศึกษาที่ไปสอน เช่น โรงเรียนศรี ประจันต์ ( เมธประมุข ) โรงเรยี นอนุบาลศรีประจนั ต์ เป็นต้น ตัวอยา่ งเพลงอีแซวของแมส่ าเนียง ชาวปลายนา ท่สี บื ทอดมาจากครู เชน่ เพลงตับ อักษรเด่ยี ว
๒๔๕ ชาย แม่ตดู ก้นวงก้านคลา้ ยกับตูดปงุ้ ก๋ี ห่มสีกากีสวยสมไปทงั้ กาย แลดูยมิ้ สมแย้มแก้มสมกนั ตดู ก้นสมกัน่ กบั เดือยไก่ (รบั ) ส่งเสยี งตะโกนมาแมก่ อไก่ หญงิ มาพบพ่อแก่ดอกกุ่มแกจะมาพงึ่ ก้น มาพูดกวนรงั แกเห็นจะไมไ่ ด้กอดตะกาย (เอ่ชา) เห็นจะไมไ่ ดก้ อดหรอกพ่อหนุ่มจนแก่ เอาพไี่ ว้แอบขา้ งเสยี เมอ่ื ยามเจ็บไข้ ถามจรงิ จรงิ ว่ารกั คาอยกู่ บั ใคร (รบั ) ชาย แมข่ อไข่ลกู เคียงแกอย่าทาระคาง พอ่ คงคาสาครจะให้หญิงเกิดข้อระคาย ถา้ นอ้ งไม่รกั กบั ใครให้มารกั กับข้า จะมารักกับฉันพอ่ แก้มขาวปานไข่ ถามวา่ พวกแกมันเคยมาจากใคร (รับ) หญงิ โอ้พอ่ นกกางเขนแกจะมาร่วมขอน จะทาแสนงอนหน้างอไปเลยแมเ่ งาเดอื นหงาย ดูเขะขะเหลือเขญ็ แกเปน็ หน่มุ ขน้ึ คาน จะให้พ่หี น้าง้าอยยู่ งั ไง (รบั ) รกั เขาไม่ขอจะฝากรกั เป็นเขย จะทาหนา้ แหงนจมกู งอมารกั แม่เงาเดอื นหงาย ถา้ น้องไมง่ ้อกแ็ หงไมเ่ ห็นแกทายังไง (รบั ) ชาย แม่ งอ งตู ัวงามพ่ีไดต้ ามมาง้อ มาพดู จาจัดจา้ นนะแม่ยาจินใจ พไ่ี ด้แกวง่ งวงเขา้ มาหาสองงา่ ม ถงึ เดือนเจด็ จะจา้ ให้นอ้ งเห็นใจ (รับ) พดู จาถามทกั นะพอ่ ยาจนิ ใจ หญิง พ่อ งอ งตู ัวงามพีแ่ บกรกั มางอ้ ถึงแกจะรกั ฉนั จังนอ้ งยงั ไม่เหน็ ใจ น้องเลยหยดุ ชะงักเหน็ พี่พูดมแี ง่ ให้พ่ีกนิ สักจ๊อกน้องจะได้เห็นใจ (รับ) ถา้ ว่าได้กบั ฉนั นะแมก่ ระปุกต้ังฉา่ ย ชาย แม่สปี ากแดงแจห๋ น้าเหมือนดวงจนั ทร์ ถ้าว่าไดก้ ับฉนั ดกี วา่ แง่งกระชาย (รบั ) แมป่ ีจอวนั จันทร์ถา้ ไดต้ กประจา มิใชจ่ ะเกลยี ดชงั ตวั พี่ชาย แกผดิ ระบอบไม่ถูกแบบผู้ชาย หญิง พอ่ สีจนั น้าจดื มาประจบรู้จกั ราคาน้องต้งั หลายชงั่ แกจะเอาทีไ่ หนมาใช้ (รบั ) พอ่ สีจันน้าจดื มารกั แม่ดาวกระจ่าง เดินโศกใจเศร้ามาหาแม่สาวแก้มใส แต่พอถึงเดือนเจ็ดฉันจะเย่ียวใส่จอก จงเปิด “ศ”ี มาใหพ้ ี่สวมเถดิ แม่งหู ัวใส่ (รับ) วาสนาตา่ ศกั ด์ิพอ่ น้าซมึ บอ่ ทราย ชาย แม่ ฉอ ฉิง่ ชมโฉมอยากจะชมชิดให้กระชัน้ แกอย่ามาทาโศกเศร้าเดี๋ยวโดนสน้ ตีนซา้ ย (รบั ) ถา้ วา่ ไดก้ ับช้จู ะวา่ ให้ข้อกระชัน้ ดสู ะดอื บน้ั เดา้ สวยดีพอใช้ได้ จงเปดิ ของดมี าใหพ้ ่ีดนั ลองดกู ็ได้ (รบั ) หญงิ พอ่ ฉอ ชนื้ เจ้าชู้ ราคานอ้ งต้งั หลายชง่ั จะเสอื กดือ้ หน้าดา้ นเหน็ จะไมไ่ ด้ แกจะมาเขา้ ชิดตวั น้องไม่ชอบ ใหแ้ กกลบั ไปดอ่ นท่แี กเคยได้ (รบั ) แกจะมาเข้าชิดนะเจ้าหน้า “สี” ช้าง แมน่ มเทา่ ลูกมะตูมดแู ข็งตกึ๊ เป็นไต จะหาแตงปอ้ นเต่าจนกระทั่งวนั ตาย (รับ) ชาย ทุกวันพี่เท่ียวออเซาะพีไ่ ดเ้ สาะหาสาว อีแมน่ กแซงแซวหากนิ รมิ ส้วม หญิง พี่อยา่ มาออเซาะพ่อหนา้ เส้ียมไมซ้ าก ฉนั ไมใ่ ชค่ ู่สรา้ งกาลงั รุ่นสาว ชาย แมป่ ากแดงหน้าดใู สต่ มุ้ หูหางดาว แม่ตาดาเน้ือดอี ย่าว่าพห่ี นา้ ดา้ น หญงิ โอ้พ่อดอกกระโดนจะมาเป็นดองมะดัน อยา่ มารกั สาวเดก็ เพราะแกอยคู่ นละดอน ชาย พี่ได้เดินหนา้ ตง้ั มาพบแมเ่ ตา้ ตัง้ ตุ่ม ถ้าไดแ้ ตะต้องทงั้ สองเตา้
๒๔๖ หญิง พ่อรุน่ กระเตาะเดอื ยตุงมารักแม่เขียวก้านตอง เห็นจะไม่ไดแ้ ตะตอ้ งแม่หัวนมเป็นไต จะไม่ได้แตะต้องเพราะวาสนาพี่ต่า ถ้าน้องปลงใจตามใหแ้ กคอยจนตาย (รับ) ชาย อแี ม่ดอกลน่ั ทมเสียแรงพ่ีมาทกุ ขเ์ หลอื ท่ี อปุ ถัมภ์สกั ทีนะแมอ่ รทยั อีแมเ่ ทพไทของพใ่ี จพระทอง อยากจะนอนทับทอ้ งกบั แม่ทบั ทิมไทย (รบั ) หญงิ โอพ้ ่อดอกล่ันทมแกมารกั แมร่ ่มโพธ์ิทอง แกอตุ ส่าห์เทยี่ วทอ่ งมาหาแม่ทบั ทิมไทย น้องมาทกุ ข์ระทมพ่อรม่ โพธ์ิทอง แกอยา่ มาทับทอ้ งเลยนะพอ่ หน้าเม็ดแตงไทย ชาย พี่ตามน้องมานานแม่สาวคะนองนมนูน แมน่ มเท่าลกู ขนุนเหน็ จะแนน่ อย่ขู ้างใน อยากจะใส่ข้าวเหนยี วกันเสียทนี่ าน้อง จะได้เปดิ น้าเข้าหนองไดเ้ ย็นถึงนาอนั ใน (รบั ) หญงิ พ่อหน่มุ น้อยชายหนองพอ่ หนองนอ้ ยมีแหน ถึงจะรักน้องแนแ่ กเป็นหนมุ่ ท่ีไหน วางหนา้ เปน็ หนุ่มไม่เขา้ ทา่ สกั นิด แกอย่ามาแนบสนิทนะพอ่ หนา้ เครือ่ งใน (รบั ) ชาย โอแ้ ม่ดอกอุบลเสยี แรงพไ่ี ด้จากบ้าน แลเหน็ กลบี น้องบานนกึ วา่ อย่สู บาย ให้เปิดปากเบา้ ยอมให้พข่ี น้ึ บน พ่ีจะไม่บ่นนอนสง่ แบงค์ใหน้ ้องคืนละใบ (รบั ) หญงิ โอ้พอ่ ดอกอบุ ลใหแ้ กคิดดูบ้าง มิใช่จะปดิ บังนะพอ่ หวั แหวนระบาย แกมาพูดเบาเบาหมายจะเหว่ียงขึน้ บน ดูวางหน้าเหมือนคนเป็นใบ (รบั ) ชาย แม่นมแป้นอยา่ งปัน้ อยา่ ป่วนปนั่ ใจปา้ ม พ่รี กั ปะลามปามอยากจะเอามือเข้าป้าย แมน่ มแปน้ อย่างปัน้ ถ้าไดป้ ันสกั ปบั ถา้ ได้แป๊บสกั ป๊ับพจ่ี ะขยบั เข้าไป (รบั ) หญงิ พ่อหนา้ แป้นถั่วแปบแกจะมาปอ้ นข้าวปัน้ ไมถ่ งึ แกเปยี กปอนฉันไม่ใชท่ ปี่ ้าย พอ่ หน้าแปน้ ถ่วั แปบจะมาปอ้ นขา้ วป้นั ให้แกกลับไปปัน่ ท่แี กเคยไปรบั (รับ) ชาย แม่เรือนผมหน้าผากแลดูผุดผอ่ ง แก้มเหมือนดินสอพองแลดผู ่งึ ผาย ผดุ เผอื ดหน้าผากดทู ่ีพักริมพก แลดูหวา่ งตะโพกมนั นา่ จะแพะดา้ มพาย (รับ) หญงิ โอพ้ อ่ ผ่องกาพีแกจะมาเปน็ ผวั มาพูดจาพันพวั อยกู่ บั แม่ผอ่ งอาไพ มาพดู จาพนั พวั เหมือนเถาถั่วพนั พุ่ม พ่อผา้ แผ้วกราพมู หญงิ ยังกลวั มีภัย (รบั ) ชาย แมม่ ะไฟยามฝนพี่รักน้องท้งั ฝูง มาพบแม่หอมฟงุ้ ของพีเ่ ม็ดฝา้ ย พี่อยคู่ นละฝ่ังพ่ีขา้ มน้ามาถงึ ฟาก พ่ีแบกรกั มาฝากแดงเปน็ เมด็ มะไฟ (รบั ) หญิง โอพ้ ่อดอกมะไฟยามฝนพอ่ี ตุ ส่าหข์ ้ามฟาก แบกรกั มาฝากกับแมแ่ ก้มเป็นไฝ อตุ ส่าห์ฝกึ ฝนแกอยู่คนละฝ่งั รกั นอ้ งกฟ็ ังแกอย่าทาใจไฟ พอ่ หนา้ แฝงรากแฝกมารักแมท่ องแฝด มาพดู จาฟอดแฟดพ่อเม็ดมะไฟ (รบั ) ชาย เหน็ พ่หี น้าใหมอ่ ย่าเพ่ิงประหมา่ ไหนไหนพี่มาอย่ามองเมินชะม้าย ถา้ ได้พ่คี นใหม่พ่ีจะไม่ใหห้ มองเมิน ถึงจะมาก็ไม่ให้เกินปนู หมาย (รบั ) หญงิ เห็นจะไม่สมม่งุ หรอกพอ่ นัยน์ตาเปน็ มัน พอ่ แกงหมูสาระหม่ันเหน็ จะไม่สมหมาย ไอท้ ่มี ุง่ จะไมไ่ ดแ้ มน่ หรอกพ่อเน้ือละมนุ หวั สมองแกมนั ไม่หมุนเห็นจะไม่ได้เลยี เส้นไหม ชาย แมม่ ะยมหวานเย็นพี่ไมพ่ ูดยกยอ่ ง เหมือนคนเมอื งระยองแก้มยน่ เป็นลาไย ดแู ม่หนูน้องยม้ิ ใสต่ มุ้ หรู ะย้า ถา้ ไดแ้ ลว้ ไม่หย่าชาตนิ ีจ้ ะไมย่ า้ ย
๒๔๗ ถ้านอ้ งยอมใหพ้ ี่แหย่นกึ วา่ ได้กินตม้ ยา พจ่ี ะค่อยขยอกขยา้ ไปเหมือนอย่างตาหยอกยาย หญงิ พอ่ คอ่ ยยอ่ งเน้อื ยน่ เราก็คนละย่าน แกอยา่ มารักฉันนะพ่อสวนลาไย เขาว่าเปน็ หญิงไดผ้ วั หย่งิ จนยาก พี่น้องเขาไมอ่ ยากจะไย ถ้าได้ผัวข้ยี าจะพากนั แหย่ ถ้าไดผ้ ัวแยม่ แหยจะเกิดยงุ่ กนั ใหญ่ พ่อโพเยื้องลงเยน็ แกอยา่ มายยี วน ไปเสยี เลยนะพอ่ สวนลาไย (รบั ) ชาย โอ้แมด่ อกเต็งรังแมด่ าราดาวลอยจะไมเ่ ล็งเหน็ ร่วง แม่ดาราบวั หลวงอย่าใหพ้ ห่ี ลงอาลยั พไี่ ด้เรร่ ักมาหารือ ไม่เอ็นดพู บ่ี ้างหรอื อแี มย่ อดอาลัย (รับ) หญิง โอ้เจ้าพ่อรูปหลอ่ แกจะมาหลอกรักหล่อน มาพดู จาหลอกหลอนทาให้นอ้ งหลงอาลัย มารกั เจ้าหลอ่ นสวยน้องยงั ไมร่ ู้ แลว้ จะมาหลอกเลยี รทู าให้นอ้ งอาลยั (รับ) ชาย พ่ีเปรยี บเหมอื นนกกาเหว่าเท่ียวไดบ้ ินผวา พ่ีมาเจอลกู หว้าเสียเม่ือจวนจะวาย พ่ีไดห้ วงั ไมว่ ายเพราะวา่ ชายประวงิ อแี ม่ตูดสวิงอย่าลืมเง่ียงปลาสวาย (รบั ) หญิง ข้าวหวา่ นหนองวานแกอุตส่าหม์ าวอน พ่อนกกาเหวา่ บนิ วอ่ นฉนั รับรกั ไมไ่ หว แกเป็นนกกาเหวา่ เท่ียวไดบ้ ินผวา แกมาเจอลูกหว้าเสียเมอื่ จวนจะวาย ลูกหวา้ มันวายกนั ไปเสียเมอ่ื วาน แต่ลกู หวา้ มนั หวานแต่เดี๋ยวน้มี นั วาย (รับ) ชาย โอ้แม่เอ่ยี มสะอาดของพี่โอดชะอง รักแต่แม่ อ. โอ่ง น้องไมเ่ อาพีก่ อ็ าย เอ็งเปน็ หญิงข้อี ายพเ่ี ปน็ ชายขเี้ อา เหน็ คนอบอ้าวเอง็ ก็ทาเป็นอาย (รับ) หญิง พอ่ อ. เอ่ยี มสะอาดจะมารกั แม่ อ. โอ่ง จะมาพดู อวดองค์ถ้านอ้ งไม่เอาพีก่ ็อาย แกจะมาพูดอวดอา้ วคงไมไ่ ดก้ ัดหนิ ออ่ น อย่ามาออดออ้ นเลยพ่อหนา้ ไมอ่ าย (รับ) ( สาเนยี ง ชาวปลายนา สมั ภาษณ์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) ๗) คณะทองคา แกว้ ทพิ ย์ หวั หนา้ คณะคอื นางทองคา แก้วกระจ่าง เคยเล่นเพลงอีแซวกับแม่บัวผันและคณะ ใช้ ช่อื ว่า ทองคา ศรปี ระจันต์ ครัง้ ที่ ๖๙๐ ทศี่ ูนย์สังคตี ศลิ ป์ แม่เพลงฉ่อย ฝึกหัดการเล่นเพลงมาแต่ยังเป็นเด็กจนมีความสามารถในการว่าเพลง โตต้ อบดว้ ยปฏภิ าณไหวพริบไม่เป็นรองใคร เล่าถึงเพลงฉ่อยว่า การละเล่นเพลงฉ่อย เป็นการแสดงเพลงฉ่อย หรือเพลงทรงเครื่อง โดยประเพณีแล้วจะเริ่มด้วยการไหว้ครู ท้ังฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจะออกมาร้องไหว้คุณ พระศรีรตั นตรัย คณุ ครูบาอาจารย์ คณุ บดิ ามารดาเสียก่อนเมื่อจบแล้วป่ีพาทย์จะบรรเลงเพลงสาธุการจบแล้ว พอ่ เพลงก็จะรอ้ งเปน็ การเบิกโรง เรยี กว่า ฉะหนา้ โรง ผชู้ ายจะร้องเชิญชวนจนฝ่ายหญิงออกมารว่ มร้องดว้ ยแล้ว ก็เกีย้ วพาราสีและว่าเหน็บแนมกนั เจบ็ ๆ แสบ ๆ ในสมัยโบราณจะเต็มไปด้วยคาหยาบโลน หรือมีความหมาย สองแง่สองง่าม การร้องตอนน้ีเรียกว่า ประ น่าจะย่อมาจากคาว่าประคารม เป็นตอนท่ีผู้ชมชอบฟังกันมาก เพราะจะได้เหน็ ความสามารถของฝ่ายชายและฝ่ายหญิงใช้ปฏิภาณร้องแก้กันได้ถึงอกถึงใจ ถ้าแก้อีกฝ่ายหนึ่ง ไม่ได้กเ็ ปน็ ท่ีอับอายกัน เมื่อประในตอนฉะหน้าน้ีหมดกระบวนแล้ว ในสมัยโบราณมักจะร้องส่งให้ป่ีพาทย์รับ
๒๔๘ เพลงหน่ึงเพลงทีร่ ้องนคี้ อื เพลงพมา่ ห้าท่อนสองช้ันเฉพาะท่อนเดยี ว และยังทาให้เพลงได้ชื่อว่า เพลงพม่าฉ่อย ไปดว้ ย เมอื่ เพลงพมา่ ฉ่อยจบแลว้ กจ็ ะร้องกนั ต่อไปแนวท่ีจะว่ากนั อาจเป็นแนวลักหาพาหนี หรือไต่ถามความรู้ เป็นปัญหาธรรม หรือขนบธรรมเนยี มประเพณตี ่าง ๆ แตไ่ มว่ า่ จะรอ้ งด้วยเรื่องอะไร ฝ่ายชายก็มักจะตอบวกเข้า เป็นเชิงสองแง่สองง่าม อยู่เสมอ ( ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม http://www.m- culture.in.th/moc_new/album/95119 ) ๘) คณะสุรินทร์ ศรปี ระจันต์ ชือ่ นายสทิ ธิพงค์ นามสกลุ พรหมรส อายุ ๓๕ ปี เกิดเม่ือวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๒๒ ณ บา้ นหนองคา้ จงั หวดั ศรสี ะเกษ ศาสนาพุทธ บิดาชือ่ นายกาพล พรหมรส มารดาช่ือ นางประหยัด พรหมรส มีพ่ีน้อง จานวน ๒ คน ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านเลขท่ี ๓๑๑ หมู่ ๗ บ้านหนองบัว ตาบลตล่ิงชัน อาเภเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี รหัสไปรษณีย์ ๗๒๒๓๐ โทรศัพท์มือถือ ๐๘๑-๐๑๐ ๓๐๐๒,๐๙๔-๔๙๕ ๓๒๒๑ สาเร็จ การศึกษาระดับปรญิ ญาตรี จากมหาวิทยาลยั ราชภัฏกาญจนบุรี อาชีพหลัก รับราชการครู อาชีพอ่ืน ๆ ได้แก่ ขายของ แสดงเพลงพ้ืนบา้ น ทาขวัญนาคและทาขวัญข้าว ภาพที่ ๑๔๖ สิทธพิ งศ์ พรหมรส หวั หน้าคณะ “สุรนิ ทร์ ศรปี ระจันต์” ทมี่ า : งานบ้านรางขาม อาเภอลาดหญ้า จงั หวดั กาญจนบุรี วนั ท่ี ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๗
๒๔๙ สิทธิพงศ์ หรอื “สรุ ินทร์ ศรีประจันต์” เร่มิ ฝึกหัดเพลงอีแซวต้ังแต่อายุ ๙ ปี เน่ืองจาก ชอบเพราะสนกุ สนานดี โดยไดไ้ ปฝกึ หดั กับครูหลายท่าน ได้แก่ ครูทองเล่ือน ( ไม่ทราบนามสกุล ) ครูขวัญจิต ศรปี ระจันต์ ครเู ล่ียม ครชู ัน ( ไมท่ ราบนามสกลุ ) ครจู นิ ตนา ทับมี บ้านอู่ยา ครูขาว ครูเขียว ครูไค ครูแวว ครู บัว ครปู ัด อยบู่ า้ นหนองนกแก้ว ครูยน อยบู่ า้ นสระกระโจม ครใู จ ( ไม่ทราบนามสกุล ) ครูลาจวน สวนแตง ครู จุก บ้านสานักโก ครูชิด ครูล้ิม ( ไม่ทราบนามสกุล ) ครูโชติ สุวรรณประทีปและครูบัวผัน จันทร์ศรี รวม ระยะเวลาที่ฝึกหัด ๑ เดือน ได้เข้าพิธีไหว้ครู ท่ีบ้านครูโชติ ครูยน และครูบัว ส่วนครูที่จับข้อมือคือแม่บัวผัน จันทร์ศรี เร่มิ แสดงครง้ั แรกเม่ืออายุ ๑๑ ปี และสบื ตอ่ มาจนปัจจุบัน ทั้งในลักษณะของการร้องเล่นตามโอกาส และเทศกาลงานตา่ ง ๆ และแสดงเปน็ อาชีพกับคณะของครูเพลง เช่น คณะลาจวน สวนแตง คณะขวัญจิต ศรี ประจันต์ และคณะบุญโชติ ชนะโชติ ( หรือคณะขวัญใจ ศรีประจันต์ ) เน่ืองจากเป็นผู้ใฝ่รู้และมีความเพียร พยายามอย่างมากจึงร้องเพลงและแสดงได้มากถึง ๑๓ ชนิด ได้แก่ เพลงฉ่อย เพลงเรือ ลาตัด เพลงสงฟาง เพลงพานฟาง เพลงพษิ ฐาน เพลงดอกแครว่ ง เพลงสงคอลาพวน เพลงจาก เพลงพวงมาลยั และเพลงเกี่ยวขา้ ว สรุ ินทร์ ศรีประจันต์เป็นพอ่ เพลงหนุ่มท่ีมีความสามารถในการแสดงสูง ช่วงอายุ ๑๙ - ๒๗ ปี เริ่มมีช่ือเสียงแถบจังหวัดกาญจนบุรี มีแฟนเพลงพื้นบ้านติดตามเกือบทุกท่ีท่ีไปแสดง ความสาเร็ จท่ี ภูมิใจ คือได้รับรางวัลพระราชทานเยาวชนดีเด่น ด้านศิลปวัฒนธรรมไทย ปี ๒๕๓๙ ปัจจุบันสุริทร์ ศรี ประจันต์ร่วมแสดงกับคณะทองคา แก้วทิพย์ คณะพรทวี ศรีประจันต์และคณะนกเล็ก ดาวรุ่ง และได้ก่อตั้ง คณะของตนเอง ชอ่ื คณะสรุ ินทร์ ศรีประจันต์ รบั งานแสดงทวั่ ไปดว้ ย ภาพท่ี ๑๔๗ คณะสรุ ินทร์ ศรปี ระจนั ต์ ที่มา : งานบา้ นรางขาม อาเภอลาดหญา้ จังหวดั กาญจนบรุ ี วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ สุรินทร์ ศรีประจันต์ มคี วามสามารถในการแตง่ เพลงและด้นเพลงได้ เชน่ ด้นในงานแก้ บน งานทาบญุ ร้อยวนั และดน้ แก้เพลงผูแ้ สดงตา่ งคณะ ซึ่งได้รับรางวัลและคาชมด้วย นอกจากน้ันยังสามารถ ถา่ ยทอดไดอ้ ย่างดี ลกู ศษิ ยร์ ุ่นแรก ได้แก่ ครูสายัญห์ โพธ์ิศรีทอง โรงเรียนพนมทวนชูปถัมภ์ จังหวัดกาจญจน บุรี ขณะน้ันมีอายุ ๒๐ ปี ต่อมาก็เป็นวิทยากรให้แก่สถาบันการศึกษาหลายที่ เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฏ
๒๕๐ กาญจนบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี โรงเรียนพนมทวนชูปถัมภ์ ฯลฯ รวมจานวนลูกศิษย์ต้ังแต่เริ่มสอน จนถึงปัจจุบันประมาณ ๑๒ คน มาจากโรงเรียนเลาขวัญราษฎร์บารุง โรงเรียนตลิ่งชันวิทยา โรงเรียนอู่ทอง โรงเรยี นหนองปรอื พทิ ยาคม โรงเรียนพุน้ารอ้ น ฯลฯ ลูกศษิ ยท์ ่มี ชี ือ่ เสยี ง เช่น นางสายัญห์ โพธิ์ศรีทอง และลูก ศิษย์ทภี่ าคภูมิใจ ได้แก่ นางสายัญห์ โพธิ์ศรีทอง นายศุภชัย อ่าทอง และนายเอกลักษณ์ ( สิทธิชัย พรหมรส สัมภาษณ์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) ๙) คณะอนนั ตศ์ ษิ ยแ์ มข่ วญั จิต หัวหน้าคณะคือนายอนันต์ สุขศรี อายุ ๓๔ ปี เกิดเม่ือวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๓ ศาสนาพุทธ บิดาช่อื นายเอนก มารดาชือ่ นางดาราภรณ์ มีพ่ีน้อง จานวน ๓ คน ที่อยู่ปัจจุบัน เลขที่ ๑๑๙/๑๑ วิทยาลยั นาฏศลิ ปสุพรรณบุรี ตาบลสนามชัย อาเภอเมือง จังหวดั สพุ รรณบรุ ี รหสั ไปรษณีย์ ๗๒๐๐๐ โทรศัพท์ บ้าน ๐๓๕ ๕๓ ๕๒๔๗ โทรศัพท์มือถือ ๐๘๖ ๑๖๑ ๗๕๕๗ อีเมล์ nung_๓๖๔@hotmail,com สาเร็จ การศึกษาระดับปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี อาชีพหลักคือรับราชการ อาชีพอ่ืน ๆ ได้แก่ เล่นเพลงและทาขวัญ คณะนี้เกิดจากการรวมกลุ่มกันของคณะครูอาจารย์และนักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลป สุพรรณบรุ ี ก่อต้งั ขนึ้ เม่อื ปี พ.ศ. ๒๕๔๕ รับแสดงเพลงพ้ืนบ้านหลายชนิด รวมท้ังการแสดงนาฏศิลป์และการ ทาขวญั ด้วย ภาพที่ ๑๔๘ อนันต์ สุขศรี หวั หน้าคณะอนันตศ์ ษิ ยแ์ ม่ขวัญจิต และการแสดงของคณะอนนั ต์ศิษย์แม่ขวัญจติ ที่มา: อนนั ต์ สุขศรี และงานฉลองจารกึ วัดโพธ์ิ พ.ศ. ๒๕๕๔ ( อักษรชนนี บนั ทึกภาพ) สมาชกิ ของคณะ ไดแ้ ก่ ๑. นายอนันต์ สขุ ศรี ๒. นายสเุ ทพ ออ่ นสอาด ๓. นายพนม บญุ เหลือ ๔. นายนาวี สาสงเคราะห์ ๕. นายอภริ ักษ์ ทศิ าภาค
๒๕๑ ๖. นายสัญทัพ ฟกั ออ่ น ๗. นางวรรณา แกว้ กวา้ ง ๘. นางสาวปรชั ญาวลี มาลัยนาค ๙. นางสาวสวุ ชิ ญา แก้วดี ๑๐. นางสาวกงิ่ ดาว ศรีเพียงจันทร์ ๑๑. นางสาวประกานวรรณ บุญอยู่ ๑๒. นางสาวสนุ สิ า อ่ิมพนั ธ์ ๑๓. นางสาวเพญ็ นภา ไกลเนตร นอกเหนอื จากนนั้ ยงั มคี ณะเพลงที่ไม่ไดเ้ ป็นอาชีพอีกจานวนมาก กล่าวคือตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ ถึงปัจจุบัน ปรากฏว่ามีวงเพลงหรือคณะเพลงของสถาบนั การศกึ ษาตา่ ง ๆ ซ่ึงส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรี แบ่งเปน็ ๒ กลมุ่ กล่มุ ท่หี นง่ึ แสดงเพลงอแี ซวเปน็ หลกั เชน่ วงโรงเรยี นบา้ นหนองจิกรากข่า วงโรงเรียนอนุบาล ศรีประจันต์ วงโรงเรียนวัดโบสถ์ดอนลาแพน วงโรงเรียนอนุบาลพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ วงโรงเรียน เทศบาล ๓ วดั ไชนาวาส วงโรงเรยี นสระกระโจมโสภณพิทยา วงโรงเรียนสระยายโสมวิทยา วงโรงเรียนวัดวัง ก่มุ วงโรงเรียนวัดบา้ นกร่างโรงเรียนนคิ มสร้างตนเองกระเสียว ๒ วงโรงเรยี นวดั จนั ทราวาส วงโรงเรียนวัดพงั ม่วง วงโรงเรยี นวัดคณฑี และวงโรงเรียนวดั ชีธาราม เปน็ ตน้ ( เอกสารสรปุ ผลการจดั โครงการประกวดเพลง พน้ื บา้ น ๒๕๔๗ – ๒๕๕๕ ) และกลมุ่ สอง เป็นคณะที่รับแสดงเพลงพื้นบ้านหลายๆ ชนิด รวมท้ังเพลงอีแซว ด้วย เช่น คณะวิทยาลัยนาฏศิลปสุพรรณบุรี คณะมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คณะเพาะกล้าพันธุ์เก่งเพลง พนื้ บา้ น คณะโรงเรียนบางลี่วทิ ยา คณะโรงเรยี นอู่ทองศึกษาลัย เป็นต้น วงเพลงเหล่านี้ล้วนสืบทอดมาจากครู เพลง เชน่ แมบ่ วั ผนั จันทรศ์ รี แมข่ วัญจิต ศรีประจันต์ พ่อสุจินต์ ชาวบางงาม เป็นต้น แต่ผู้แสดงส่วนใหญ่จะ ไมใ่ ชส่ มาชิกท่ถี าวร เน่อื งจากเปน็ นักเรยี นนกั ศึกษา เมอื่ สาเร็จการศึกษากไ็ ม่ได้แสดงในวงนัน้ อีกแล้ว
๒๕๒ ภาพท่ี ๑๔๙ การแสดงของคณะเพลงจากสถาบันการศึกษาตา่ ง ๆ ในการประกวดเพลงพ้ืนบ้านภาคกลาง ระหว่างปี ๒๕๔๗ – ๒๕๕๓ ณ มหาวทิ ยาลยั หอการค้าไทย ทมี่ า : บวั ผัน สุพรรณยศ ๓.๑.๒ การแสดงเพลงพ้นื บ้านภาคกลางในปจั จุบนั เมือ่ พิจารณาคณะเพลงพื้นบา้ นภาคกลางทั้ง ๕ ชนิดแล้วพบว่าสามารถแบ่งกลุ่มตามลักษณะ และสภาพการแสดง เช่น ความมีชื่อเสียง ความเก่าแก่ ขนาดของวงหรือคณะและขนาดของพื้นที่ที่เผยแพร่ ผลงานได้ ๓ กลุม่ คอื คณะเพลงระดับทอ้ งถนิ่ คณะเพลงระดับภมู ิภาคและคณะเพลงระดบั ชาติ คณะเพลงระดับท้องถ่ิน ได้แก่ คณะเพลงที่แสดงและมีชื่อเสียงในเขตจังหวัดของตน หรือ ใกล้เคียง เชน่ เพลงฉอ่ ยคณะแม่สมปอง พลอยบตุ ร มีชื่อเสียงในจังหวัดพิษณุโลกและใกล้เคียง เพลงเรือคณะ พ่อมังกร บุญเสริม มีชื่อเสียงในจังหวัดอ่างทอง สิงห์บุรีและใกล้เคียง เป็นต้น ส่วนคณะเพลงระดับภูมิภาค ได้แก่ คณะเพลงทแ่ี สดงและมีชื่อเสียงในเขตภูมิภาค เช่น ลาตัดคณะกานันสาเริง คนฑา มีช่ือเสียงในภูมิภาค ตะวันออก เพลงอแี ซวคณะลาจวน สวนแตงมชี ่อื เสียงในเขตภมู ิภาคตะวนั ตก เป็นต้น ส่วนคณะเพลงระดับชาติ
๒๕๓ ได้แก่ คณะเพลงทม่ี หี ัวหน้าคณะเป็นศลิ ปินแห่งชาติ แสดงทั่วประเทศหรือแสดงผ่านส่ือมวลชนท่ีแพร่หลายไป ทั่วประเทศ ซ่งึ ปัจจุบันมีเพยี ง ๒ คณะ ได้แก่ คณะขวัญจติ ศรปี ระจนั ต์ และคณะหวงั เต๊ะ คณะเพลง ๓ กลุ่มดังกล่าวนี้มีลักษณะของคณะและมีสภาพการดาเนินชีวิตด้านการแสดงที่ แตกตา่ งกนั บ้าง เช่น คณะเพลงระดับชาติและระดบั ภมู ภิ าคมจี านวนผูแ้ สดง ทั้งพ่อเพลงแม่เพลงและนักดนตรี มากกว่า ๑๕ คน ขณะท่ีคณะเพลงระดับท้องถ่ินบางคณะมีผู้แสดงน้อยกว่า ๑๐ คน เคร่ืองแต่งกายและ อปุ กรณ์ตา่ ง ๆ เช่น ฉากและเครอื่ งเสยี ง ก็มคี ุณภาพแตกต่างกนั รายได้จากแสดงก็ต่างกันคือค่าจ้างรายบุคคล มตี ้งั แต่ ๓๐๐ – ๔๐,๐๐๐ บาท ค่าจ้างแสดงทงั้ คณะ ตง้ั แต่ ๑๐,๐๐๐ – ๗๐,๐๐๐ บาท อย่างไรก็ตามศิลปินทุกคนคือนักแสดงพ้ืนบ้าน การดาเนินชีวิตในด้านการแสดงจึงมีความ คล้ายคลึงกัน ครูเพลงหรือศิลปินพ้ืนบ้านนี้แม้ส่วนใหญ่มีสภาพความเป็นอยู่เหมือนกับชาวบ้านทั่วไป แต่ เน่ืองจากเป็นกลุ่มศิลปินที่ยึดอาชีพการแสดงจึงมีวิถีการดาเนินชีวิตในลักษณะเฉพาะกลุ่ม เป็นต้นว่า มีการ รวมกลุ่มกนั เพ่อื เตรียมตัวก่อนแสดงที่บ้านของหวั หนา้ คณะ หวั หนา้ คณะเป็นผ้รู บั งานและนัดหมายกาหนดการ เดนิ ทาง บางงานอาจตอ้ งแตง่ บทรอ้ งใหม่หรือเลือกบทเก่าท่ีจะแสดง มีการฝึกซ้อมการร้องการราและมุกตลก รวมทั้งการออกแบบและจัดหาเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ต่าง ๆ ซ่ึงล้วนแต่จาเป็นและต้องสร้างสรรค์ให้ เหมาะแก่งานท่ีแตกต่างกันไปตามวาระและโอกาส ตัวอย่างเช่น คณะลาตัดของลุงประสูติ ช่วงเวฬุวรรณ “แสดงร่วมกันกว่า ๑๒ คน ผู้ร้องสาคัญของคณะ คือ กานันทวีวัฒน์ ลุงประสูตร และพ่ีสาว การแสดงแต่ละ ครง้ั ในฐานะหวั หนา้ ลุงประสูตรจะเขียนเค้าโครงว่ารอบน้ีจะใช้เพลงอะไรแสดงบ้าง กลุ่มไหนใช้เพลงไหน มี การฝึกซ้อมบทก่อนแสดงจริงสาหรับสมาชิกในคณะ แต่เมื่อมีงานสาคัญ ลุงสูตรและกานันทวีวัฒน์จะร้อง ๒ คน เพราะต้องด้นสดไม่มีบท จะมีแค่การตกลงกันว่าจะใช้เพลงชนิดใด เช่น อีแซว ลาตัด ก่อนเท่าน้ัน ” ( ประสูตร ชว่ งเวฬวุ รรณและวาสนา จติ รบรรจง ( สัมภาษณ์ ๒๒ มนี าคม ๒๕๕๗ ) ในยุคทกี่ ารสอ่ื สารและการคมนาคมค่อนขา้ งเจรญิ ชาวเพลงสว่ นใหญ่สามารถติดต่อนัดหมาย ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เช่น การติดต่อประสานงาน การว่าจ้าง ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนท่ี ส่วนการเดินทางก็ สามารถใช้พาหนะท้ังของส่วนตัวและของคณะ นอกจากน้ันยังสามารถใช้บริการการขนส่งมวลชนต่างๆ ได้ อย่างสะดวกสบาย เชน่ คณะขวญั จติ ศรีประจนั ตเ์ ดินทางดว้ ยรถยนต์ส่วนตัวและรถตู้ของคณะ คณะหงส์ทอง เสียงทอง ให้พ่อเพลงแม่เพลงบางคนนั่งรถแท็กซี่ไปพบกันในงานที่จะแสดงเพ่ือประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย เป็นต้น สาหรับชุดแต่งกาย การแต่งหน้าทาผม หรือการเสริมความงามต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่ิงจาเป็นต่อ นักแสดงนั้น ปัจจุบันก็มีความก้าวหน้าไปอย่างมาก ศิลปินโดยเฉพาะพ่อเพลงแม่เพลงรุ่นใหม่มีความรู้และ ความชานาญในการตกแต่งใบหน้าและรา่ งกายให้สวยงามและทันสมัยขึ้น เช่น นางสาวสุธาทิพย์ ธราพร หรือ สมหญิง ศรีประจันต์ สามารถแต่งหนา้ ได้สวยงามโดยใชเ้ ครื่องสาอางทีม่ ีคณุ ภาพ และออกแบบชุดการแสดงท่ีมี ลักษณะเฉพาะตน นอกจากน้ันยังสามารถสรรหาอุปกรณ์ประกอบการแสดงที่น่าสนใจ เช่น แว่นตาอันใหญ่ สีสนั สดใส เป็นตน้
๒๕๔ ภาพที่ ๑๕๐ สมหญงิ ศรีประจนั ต์ ภาพท่ี ๑๕๑ แม่ลาจวน สวนแตง ทมี่ า : สธุ าทพิ ย์ ธราพร ท่มี า : สมบตั ิ สมศรีพลอย หลายปีผ่านมานี้คณะเพลงพื้นบ้านภาคกลางมีจานวนลดน้อยลง เน่ืองจากผู้คนไม่นิยมเช่น อดตี เช่น คณะลาตดั ต่าง ๆ ดงั คาให้สัมภาษณ์จานวนมาก เช่น “ สิบปีก่อนมีเป็นร้อยคณะ เดี๋ยวนี้มีไม่ถึงสิบ คณะ” ( หงษ์ทอง เสยี งทอง สมั ภาษณ์ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ ) ศิลปินเพลงพ้ืนบ้านเก่า ๆ ก็ล้มหายตายจากไป เม่ือไมค่ ่อยมงี านแสดง บางคณะก็ยบุ วง บางคนกเ็ ลิกแสดงไปโดยปรยิ าย คณะเพลงท่ยี งั คงหลงเหลืออยู่ได้ส่วน ใหญ่เปน็ เพราะหวั หนา้ คณะมีช่อื เสียง เชน่ คณะขวญั จติ ศรีประจันต์ หรือหัวหน้าคณะเป็นผู้นาท้องถ่ินมีกาลัง การสนบั สนนุ เช่น คณะกานนั สาเริง คนฑา หรอื หัวหน้าคณะและนกั แสดงเป็นครูอาจารย์ท่ีมีความพร้อมทั้งใน ด้านทรัพยากรและการสนับสนุน เช่น คณะอนันต์ศิษย์แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ รวมท้ังคณะที่มีก ารพัฒนา รปู แบบการแสดง เชน่ คณะลาจวน สวนแตง มีการนาเครื่องดนตรีสมัยใหม่มาประกอบการแสดง เป็นต้น ภาพท่ี ๑๕๒ การนาดนตรีสากลมาประกอบการแสดงของคณะลาจวน สวนแตง ทมี่ า : สมบตั ิ สมศรีพลอย ศลิ ปนิ เพลงพ้นื บา้ นภาคกลางซง่ึ ส่วนใหญ่ตอ้ งมีคณะสังกัด และมักแสดงเฉพาะ“วงเดียวกัน” หรือ “คณะเดียวกัน” ต้องปรับตัวด้วยการรับแสดงกับคณะอื่นๆ ด้วย ปัจจุบันงานแสดงมีจานวนน้อยมาก ศิลปินหลายคนต้องไปแสดงกับวงอ่ืน คณะเพลงบางคณะที่ไม่มีผู้แสดงหรือผู้แสดงท่ีมีความชานาญมีน้อย ก็
๒๕๕ ต้องเชญิ ศลิ ปนิ ต่างวงมาชว่ ยแสดงในบางโอกาส ศิลปนิ หลายคนจึงแสดงได้หลายคณะ เกิดการ “ยืมตัวหรือดึง ตวั นกั แสดง” ศลิ ปนิ เหลา่ นจี้ งึ รบั งานได้อย่างอสิ ระ นอกจากไปแสดงในฐานะพอ่ เพลงหรือแมเ่ พลงแล้ว บางคน ยังต้ังคณะเองได้แม้จะไมม่ ลี กู วงเลย เพราะสามารถวา่ จา้ งนกั แสดงวงอน่ื ได้ เข้าทานอง “คนไหนรับงานคนน้ัน เป็นหวั หน้าคณะ” หรือ “ เปล่ียนชอื่ คณะแตผ่ แู้ สดงกลมุ่ เดียวกนั ” หมายความว่าผทู้ ี่รับว่าจ้างใช้ชื่อตนเองเป็น หัวหน้าคณะ รับผดิ ชอบบริหารจดั การเร่อื งค่าใช้จา่ ยและอื่น ๆ เพยี งผูเ้ ดยี ว ทาใหเ้ กดิ คณะเพลงคณะเล็ก ๆ อีก หลายคณะ ตวั อย่างเชน่ แม่สาเนียง ชาวปลายนา เป็นแม่เพลงคณะแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ และเป็นหัวหน้า คณะสาเนยี ง เสยี งสุพรรณ ด้วย เป็นต้น นอกจากงานมีน้อย นักแสดงมีน้อยและศิลปินมีอิสระในการรับว่าจ้างแล้ว ปัจจัยอีกสอง ประการคอื ความจากดั ของงบประมาณการว่าจ้าง และธรุ กิจการจัดการแสดง งานระดับชาติและระดับภูมิภาค ส่วนหน่ึงใช้บริการบริษัทจัดการการแสดง การพิจารณาว่าจ้างคณะเพลงก็เป็นไปตามนโยบายของธุรกิจและ งบประมาณทมี่ ี เช่น บางงานก็ต้องการว่าจ้างคณะเพลงขนาดเลก็ บางงานก็เชญิ เฉพาะหัวหน้าคณะเทา่ น้นั ปัจจุบันศิลปินพ้ืนบ้านส่วนใหญ่มีสภาพความเป็นอยู่ท่ีค่อนข้างลาบากทั้งในด้านการดาเนิน ชีวิตและการประกอบอาชีพเพลงพ้ืนบ้านเพราะมีปัญหาด้านรายได้ตกต่าลงมาก ดังจะเห็นได้จากคาให้ สมั ภาษณข์ องครูเพลงและศลิ ปนิ พ้นื บ้านเกือบทุกคนท่ีกล่าวตรงกันว่า “ งานน้อยลงมาก บางเดือนเกือบไม่มี งานแสดงเลย” ในสงั คมปัจจบุ ันไม่คอ่ ยนิยม นาน ๆ คร้งั จงจะได้แสดงทีหน่ึง ( โอฬาร รตั นภักดี สัมภาษณ์ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) ๓.๒ ปจั จยั คุกคามของเพลงพืน้ บา้ นภาคกลาง จากการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ท้งั หมดพบว่าปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ของคณะเพลงพื้นบ้านภาคกลางใน ปัจจุบันเกิดจากปัจจัยสาคัญ ๔ ประการ ได้แก่ การเปล่ียนแปลงวิถีชีวิตและวิกฤตค่านิยมไทย นโยบายและ การดาเนินงานของหนว่ ยงานรฐั และเอกชนไม่ทวั่ ถงึ และต่อเนือ่ ง วกิ ฤตการณ์ทางสังคม การเมืองและเศรษฐกิจ และภยั ธรรมชาติ ดังนี้ ๓.๒.๑ การเปลี่ยนแปลงวถิ ชี วี ติ และวิกฤตคา่ นยิ มไทย สภาพสงั คมไทยท่ีเปลย่ี นแปลงจากสังคมเกษตรกรรม วัฒนธรรมวิถีชาวพุทธ เศรษฐกิจแบบ พง่ึ พา เน้นคุณคา่ ด้านจติ ใจ ไปสูส่ ังคมก่ึงอุตสาหกรรม เศรษฐกิจทุนนิยม เน้นบริโภคนิยมและสะสมวัตถุ ก้าว รุดตามกระแสโลกาภิวัตน์ ทาให้วิถีชีวิตและค่านิยมของคนไทยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดปัญหาการ ละท้งิ วฒั นธรรมไทย รวมทงั้ สง่ ผลกระทบตอ่ การสรา้ งสรรคแ์ ละสบื สานเพลงพืน้ บ้านทุกชนดิ ดังจะเห็นไดจ้ ากสภาพครอบครัวในสังคมชนบทที่มีความเปราะบางและหงอยเหงา บ้านมีแต่ คนวยั เดก็ และวัยชรา ลกู หลานไปเรียนหนงั สอื และทางานในเมอื ง แรงงานในภาคเกษตรหาเกอื บไม่ได้ ต้องจ้าง
๒๕๖ แรงงานต่างชาติ การมีวิถีชีวิตแบบสังคมอุตสาหกรรมที่ต้องศึกษาตามแบบตะวันตก การทางานต้องเร่งรีบ เร่งรัดจากัดด้วยเวลา เผชิญกับภาวการณ์แข่งขันสูง ฯลฯ คนหนุ่มสาวมีค่านิยมในเร่ืองวัฒนธรรมต่างชาติ ความทนั สมัย ความเจรญิ ด้านวตั ถแุ ละเทคโนโลยี ตลอดจนสิ่งบันเทิงสมัยใหม่ที่ล้วนมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อจิตใจ และพฤติกรรม เช่น การชมละครโทรทัศน์ การเล่นเกมคอมพิวเตอร์ การสนทนาออนไลน์ การดูคอนเสิร์ต ดนตรีสมยั ใหม่ ฯลฯ โดยเฉพาะถูกปลุกเร้าจากธุรกิจการแสดงและธุรกิจโฆษณา กระตุ้นให้เกิดค่านิยมฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย การแข่งขันกัน “ทันสมัย”และ “ “สวยง่าย ๆ แต่ด้านร่างกายเปลือกนอก” การหาความสุขตาม ลาพงั จากเคร่ืองมือสื่อสาร และการสร้างความสัมพันธ์จอมปลอมจากระบบออนไลน์ ฯลฯ วิถีชีวิตแบบใหม่ที่ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเหล่านี้ ทาให้คนไทยไม่มีความจาเป็นและไม่มีเวลามากพอท่ีจะสร้างสรรค์เพลง โต้ตอบหรือรวมกลุ่มกันเล่นเพลงพ้ืนบ้าน ซึ่งเป็นปัจจัยสาคัญท่ีทาให้คนหนุ่มสาวลดความนิยมไทยและไม่มี แรงจงู ใจท่จี ะสืบทอดเพลงโตต้ อบอีกตอ่ ไป เพลงพน้ื บา้ นท่เี คยมบี ทบาทในฐานะสิ่งบันเทิงท่ีสร้างความจรรโลง ใจ เป็นส่ือสร้างความสัมพันธ์ เป็นผลงานสร้างสรรค์ท่ีสะท้อนถึงความรู้สึกนึกคิด ภูมิปัญญา ความเช่ียวชาญ ด้านภาษา ความเฉลียวฉลาดรอบรู้ ปฏิภาณเฉียบแหลม ความกล้าแสดงออกและความมีคุณธรรมจริยธรรม ฯลฯ จงึ เหลอื นอ้ ยลงทกุ ที ( บวั ผนั สพุ รรณยศ ๒๕๕๕: ๑๐๓ –๑๐๔ ) นักวิชาการ ผู้มีหน้าท่ีและผู้สนใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชาติ ต่างก็ตระหนักถึง การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และได้เร่ิมดาเนินงานด้านการอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านอย่างจริงจังต้ังแต่ประมาณปี ๒๕๑๕ เป็นต้นมา โดยเก็บรวบรวมขอ้ มลู และศึกษาเพลงพื้นบ้านภาคต่างๆ และฟื้นฟูวิถีชีวิตในการเล่นเพลง พ้นื บ้านให้กลับฟ้นื คนื มีชีวิตอีกคร้ังหนึ่ง ในช่วงท่ีมีการอนุรักษ์อย่างจริงจังเพลงพื้นบ้านก็ฟ้ืนขึ้นได้ บางช่วงท่ี ยอ่ หย่อนลงไปเพลงพื้นบ้านก็ฟุบลงไปอีก การดาเนินงานอนุรกั ษ์จึงเหมอื นการรดนา้ ต้นไม้ มีนา้ นอ้ ยนา้ มาก นา้ ขึ้นน้าลง ปัจจัยสาคัญที่มีผลต่อการแสดงทุกชนิดคือค่านิยมของสังคม เพลงพ้ืนบ้านภาคกลางก็ เชน่ เดยี วกัน สภาพการแสดงเพลงพื้นบ้านเหมือนน้าข้ึนน้าลง จะเห็นจากคาให้สัมภาษณ์ของศิลปินหลายคน เช่น แม่ขวัญจติ ศรีประจันต์ “ เพลงพ้ืนบ้าน มีข้ึนๆ ลงๆ” และสุเทพ อ่อนสอาด “สภาพของการแสดงเพลง ในช่วงอายุต่าง ๆ ได้รับความนิยมเป็นบางช่วง และบางช่วงก็ซบเซา” ( สัมภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) ปัจจุบันเพลงพื้นบ้านอยู่ในช่วง “น้าลง” คณะเพลงต่าง ๆ ประสบภาวะซบเซา งานแสดงมีน้อยมาก ศิลปิน สว่ นใหญ่หันไปประกอบอาชีพอื่นเป็นหลัก แต่ดว้ ยใจรักเพลงพ้ืนบ้านหากมีผู้ว่าจ้างแม้ไม่ใช่คณะของตนก็ยินดี ไปแสดง ซงึ่ บางครั้งก็เกิดปัญหาหรืออุปสรรคบา้ ง เชน่ การร้องเพลงคนละแนวกัน วิธีแก้ไขก็คือต้องปรับตัวให้ เข้ากับแนวเพลงของคนอน่ื ( บุญนาค วรรณระกากิจ สัมภาษณ์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) สมัยกอ่ นศิลปินหญิง บางคนมีปัญหาและอุปสรรคจากปัจจัยนี้ เช่น แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ เล่าว่าปัญหาหรืออุปสรรคในการ ประกอบอาชพี แสดงเพลงพ้ืนบ้านนอกจากการเดินทางท่ีไม่ค่อยสะดวกแล้วก็คือ “คนสมัยก่อนไม่ค่อยชอบท่ี ผู้หญิงเต้นกินรากิน... ต่อมาเมื่อผู้คนเร่ิมเข้าใจว่าเพลงพื้นบ้านคือการแสดงก็มีความนิยมมากข้ึน แต่พอมีสิ่ง บันเทงิ ใหม่เขา้ มาเพลงพ้ืนบ้านกถ็ ูกมองว่าลา้ สมยั ” ( เกลียว เสร็จกจิ สมั ภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ )
๒๕๗ ผลกระทบของการไมน่ ยิ มไทยมตี อ่ เพลงพนื้ บ้านอย่างยงิ่ เพราะทาใหเ้ กิดปัญหาใหญ่คือขาดผู้ สืบทอด ดังคากล่าวของแม่หงส์ทอง เสียงทอง (สัมภาษณ์ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ ) หัวหน้าคณะท่ีสืบทอด ตระกูล ลาตดั “เสยี งทอง” ตอ่ ไปนี้ สมยั น้หี าเดก็ ทีจ่ ะสนใจจริงไดย้ าก เห็นว่าน่าจะสูญนะ คนรุ่นใหม่สู้รุ่นก่อน ไม่ได้ จากไ็ มแ่ มน่ วา่ กไ็ มเ่ ปน็ เล่นยาวๆ ไมไ่ ด้ สมัยก่อนต้องฝึกต้องร้องให้ได้ยืนละชั่วโมง หน่ึง เพราะเขาประชันกันเขากาหนดเลยฝ่ายละช่ัวโมง เขาจับเวลาเลย ห้ามหยาบด้วย สมัยน้ีพูดมาก ร้องไม่ก่ีต้น แล้วร้องก็ไม่ค่อยเสมอ มันฟังแล้วไม่ค่อยรื่น บางทีฟังๆ ไม่ แน่ใจว่ามันจะลงได้ไหมนี่ สมัยก่อนตอนเล็ก มีคณะลาตัดเป็นร้อยวง ตอนน้ีมีไม่ถึงสิบวง แลว้ อยา่ งคณะพ่อสงคราม เหลอื เลน่ คนเดยี วไมม่ ีคณะแล้ว ลูกสาวดวงเดือน เคยมีคณะก็ เลิกไป อยา่ งคณะในตระกลู เสยี งทอง เฉพาะพนี่ อ้ งมี ๑๐ คน ... มี ๑๐ คณะ เช่น พี่คนโต หวังรัตน์ เสียงทอง เลิกแล้ว พุ่มพวง เสียงทอง เลิกแล้ว เหลือหงส์ทอง ส่วนดาวทอง เสียงทอง ก็ล้มมั่ง ตั้งมั่ง ศักด์ิ เสียงทอง ยังเล่นอยู่ แล้วบางคณะก็เรียกแพง ๒๕,๐๐๐ บาท เล่น ๒-๓ ชวั่ โมง แลว้ คนเลน่ ก็ไมค่ ่อยเกง่ เล่นก็ไม่ถึงใจคนฟัง งานก็น้อย ตัวเก่งๆ ก็ ออกไปหมด แมล่ าจวน ศรีจนั ทร์และพ่อวีระวัฒน์ พึ่งลออ ( สัมภาษณ์ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) กล่าวว่า แนวโน้มเพลงฉ่อย อาจจะมีการสูญหายไปกับพ่อเพลงแม่เพลง “เพราะปัจจุบันไม่ได้รับงานแสดงแล้ว ไม่ได้ สอนใคร แต่ถ้าหาหน่วยงานไหนหรือผู้สนใจไปศึกษาค้นคว้า และอนุรักษ์ไว้ก็จะทาให้คงอยู่ต่อไปได้ ...การ แสดงไม่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ ศัพท์บางคาของคนรุ่นใหม่ไม่รู้จัก การแต่งเน้ือแต่งตัวก็ไม่สวยงามเหมือนลิเก โขน ละคร จึงไมม่ แี รงจูงใจใหค้ นหันมาดู และกลอนบางกลอนมคี าท่ีหยาบ บางคนอาจรับไม่ไดก้ บั คาเหล่าน้ัน” เป็น ต้น เปน็ ท่ที ราบกนั ท่วั ไปวา่ คา่ นิยมวัฒนธรรมต่างชาติเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมไทย หลายด้านรวมทง้ั เพลงพ้ืนบ้านภาคกลาง กระแสความนิยมวัฒนธรรมสากล เกาหลีและญ่ีปุ่นทวีความรุนแรง พดั การแสดงของไทยให้หลดุ ร่วงไปจากเวทีชวี ติ ของเยาวชนส่วนใหญข่ องประเทศ เพลงพ้นื บ้านภาคกลางเกือบ ไม่มีพื้นท่ีให้แสดง ช่องว่างก็ห่างข้ึน ผู้คนไม่ได้คุ้นเคย เริ่มไม่รู้จัก ผู้สืบทอดก็ไม่มี สังคมก็ขาดความรู้และ รสนิยมในการชมการแสดงพื้นบ้านไปในท่ีสุด ดังความเห็นของครูเพลงและศิลปินพ้ืนบ้านจานวนมาก เช่น “ปัญหาหรืออุปสรรคในการประกอบอาชีพแสดงเพลงพ้ืนบ้านคือ ความนิยมของผู้ชมในปัจจุบัน ...ผู้แสดง คอ่ นข้างหายาก” ( สุเทพ อ่อนสอาด สมั ภาษณ์ ...) “สังคมและวัฒนธรรมท่เี ปลี่ยนไป”( บรรจง ทัพวิเศษ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) “คนในปัจจบุ นั ไมน่ ิยมและฟงั ไม่เปน็ (โอฬาร รัตนภักดี สัมภาษณ์ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) “ปัญหาคือคนดู (ด้านการศึกษา) กระแสนิยมตะวันตก (ประสูติ ช่วงเวฬุวรรณ สัมภาษณ์ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) เป็นต้น สังคมไทยเป็นสังคมเปิดกว้าง จึงรับวัฒนธรรมต่างชาติได้ง่าย กอปรกับคนไทยนิยมความ แปลกใหม่ ความทันสมัย บางครั้งการรับส่ิงใหม่ก็ไม่ได้กลั่นกรองว่าดีหรือไม่เหมาะกับวัฒนธรรมไทยด้ังเดิม
๒๕๘ หรือไม่ ที่น่าเป็นหว่ งคอื การมองว่าวัฒนธรรมต่างชาติดีกวา่ สงู กว่าของชาติตนเอง ทาให้เกดิ การมองข้ามและละ ทง้ิ ย่งิ ขาดการชีน้ าและส่งเสรมิ อย่างถกู ตอ้ งก็ยงิ่ เหมือนผลักใหว้ ฒั นธรรมไทยไกลคนไทยออกไปทุกที แม้แต่ศิลปินพ้ืนบ้านเองบางคนบางคณะก็ยังพล้ังเผลอไปนาศิลปะการแสดงสากลท่ีไม่ สอดคล้องกับวัฒนธรรมไทยมาแสดงเพลงพ้ืนบ้านด้วย เช่น นาท่าเต้นลูบเป้ากางเกงของ “ไมเคิล แจ๊คสัน” มาเต้น ซง่ึ ศลิ ปินหลายคน เชน่ เดน่ หลานหวงั เต๊ะ เห็นว่าเป็นท่าทางท่ีหยาบคาย “ ตั้งแต่ไมเคิล แจ๊คสัน เข้า มา ทา่ ทางมา ย่งิ แย่เลย” (สมั ภาษณ์ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ) อิทธิพลของค่านิยมวัฒนธรรมต่างชาติดังกล่าวนี้ มองเหน็ ได้ชัดเจนและควรเร่งแก้ไข เพราะเพลงพ้ืนบ้านห่างหายไปจากวิถีชีวิตกอรปกับวิกฤตในด้านค่านิยม ดังกลา่ วเป็นปัจจัยคกุ คามเพลงพน้ื บา้ นทสี่ าคัญและจะทวคี วามรนุ แรงข้ึน สถานการณ์ของเพลงพื้นบ้านในปัจจุบันจึงน่าเป็นห่วงมาก “ถ้ามีคนจ้าง น่าจะไปได้ ข้ึนอยู่ กับคนจ้างเท่านั้น ตอนนี้ต้องยัดเยียดให้สังคมแล้วถ้าจะให้อยู่ได้ แต่เราจะมีแรงยัดเยียดแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ โอกาสทจ่ี ะไดอ้ อกส่ือใหส้ ังคมได้รู้จกั ตอ้ งอาศัยคนรู้จักในวงการเพื่อนาทางไป และต้องอาศัยเงินซ้ือเวลาและ พ้ืนที่เพื่อออกสื่อ ต่อไปก็อาจจะอยู่แต่ในตารา หรืออยู่แค่ในกลุ่มพวกเราที่รู้จักจะแสดงกัน จัดงานกันเอง อนาคตก็จะแขวนอยู่กับสังคมและนายจ้าง เสน่ห์ของวงคือความพร้อม ความทันโลกทันสมัย ในแต่ละงาน สามารถปรับเน้ือร้องให้เข้ากับงานน้ัน ๆ ได้อย่างเหมาะสม” ( เกลียว เสร็จกิจ สัมภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) ๓.๒.๒ นโยบายและการดาเนนิ งานของหน่วยงานรฐั และเอกชนไมท่ ่ัวถงึ และตอ่ เนือ่ ง ปัญหาการดาเนนิ งานวฒั นธรรมด้านเพลงพ้ืนบ้านภาคกลางจากมุมมองของศิลปินพื้นบ้านท่ี เปน็ ผูป้ ฏิบัตงิ านในระดับรากหญ้าก็คือ หน่วยงานรัฐและเอกชนไม่ส่งเสริมสนับสนุนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เชน่ สภาวัฒนธรรมจังหวัด องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ศูนย์วัฒนธรรมในท้องถ่ิน และบริษัทห้างร้านต่าง ๆ องค์กรทสี่ ่งเสรมิ สนบั สนุนเพลงพน้ื บา้ นเหล่านีม้ ีจานวนจากดั และการทางานส่วนใหญ่ต้องพ่ึงงบประมาณของ รัฐหรือขององค์กรซ่งึ มคี วามจากัดเช่นเดียวกัน หน่วยงานบางแห่งมีภาระรับผิดชอบกว้างขวางครอบคลุมการ แสดงหลายชนดิ กอรปกับประเทศประสบภาวะวกิ ฤตในดา้ นเศรษฐกิจและการเมือง การส่งเสริมเพลงพื้นบ้าน จงึ หยดุ ชะงักขาดความต่อเนื่อง อาทิ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยจัดโครงการประกวดเพลงพื้นบ้านภาคกลาง ระหว่างปี ๒๕๔๗ – ๒๕๕๔ แตต่ อ้ งหยดุ ลง เปน็ ต้น การขาดการส่งเสริมดังกล่าวมีผลกระทบต่อเพลงพื้นบ้าน จะเห็นได้ว่าศิลปินพื้นบ้านทุกคน กล่าวตรงกนั ว่ากาลงั ประสบปัญหาและอุปสรรคทส่ี าคญั คอื การขาดผ้สู ่งเสรมิ และขาดผูส้ บื ทอด เช่น แม่ลาจวน สวนแตง “บุคคลหรือองคก์ รที่สนบั สนนุ ส่งเสริมการแสดงไมค่ ่อยมี มีบางท่ี กเ็ ปน็ โรงเรียน แตก่ เ็ งียบไป และก็มี ค่ายเพาะกล้าฯ”( ลาจวน เกษมสขุ สมั ภาษณ์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) “องค์กรที่สนบั สนุนส่งเสริมการแสดงมี แต่ ปตท.สผ. และกระทรวงวฒั นธรรมเทา่ นัน้ ” ( บรรจง ทพั วเิ ศษ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) “ คนสมัยใหม่ไม่ ค่อยให้ความสนใจในด้านน้ี... ขาดผู้สนับสนุนและเจ้าภาพที่หางาน” ( คมคาย ชุนตาล สัมภาษณ์ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ,พยงค์ เทียนแจ่ม สัมภาษณ์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) “คนที่เข้ามาเรียนรู้ไม่ค่อยจริงจัง
๒๕๙ มาๆแล้วก็เงียบหายไป...ลองเล่นได้ ๑-๒ คร้ังก็เลิก” ( ลาจวน เกษมสุข สัมภาษณ์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) “ท้องถิ่นไม่รู้จักศิลปินเพลงพ้ืนบ้านในท้องถิ่น และคนในท้องถ่ินไม่มีความสนใจ” ( ประสูตร ช่วงเวฬุวรรณ และวาสนา จติ รบรรจง สมั ภาษณ์ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๗ ) ข้อท่ีควรพิจารณาคือนโยบายและแผนงานต่าง ๆ จากส่วนกลางมีชัดเจน แต่ศิลปินพ้ืนบ้าน จานวนมากกลับยนื ยันว่าไมเ่ คยไดร้ บั การสนับสนนุ บางคนกลา่ วว่าเพราะหน่วยงานในระดับทอ้ งถ่ินไม่ให้ความ สนใจ องคก์ รทอ้ งถิ่นบางแห่ง มุ่งทาโครงการประชานิยม ตามนโยบายการเมือง มีงบประมาณเพียงพอแต่ผู้นา ไม่มีนโยบายสนับสนุน ส่วนใหญ่มีงบในการศึกษาดูงานในประเทศและต่างประเทศแต่ในด้านส่งเสริม ศลิ ปวัฒนธรรมท้องถิ่นมักไม่มีงบหรือมีน้อยมาก ทาให้ขาดกาลังใจในการสืบทอดเพลงพื้นบ้าน ( สุจินต์ ชาว บางงามและคณะ การเสวนา ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) นอกจากนท้ี ้ังหนว่ ยงานรัฐและเอกชนส่วนใหญ่ยังทางาน “ตามน้า” หรือ “ตามกระแส” มุ่ง สนับสนุนการแสดงท่ีเป็นท่ีนิยมของยุคสมัย ใช้ “มูลค่า” เป็นตัววัด ไม่ใช้หลัก “คุณค่า”ในการทางาน เช่น จา้ งศิลปินยอดนิยมมาแสดงเพ่ือจะรับรายได้จากค่าบัตรชม ค่าเช่าร้านค้า ฯลฯ งานประจาปีระดับจังหวัดไม่ เคยจา้ งศิลปินของจงั หวัดเลย เช่น งานเทศกาลองค์พระปฐมเจดีย์ ซ่ึงจัดตรงกับเทศกาลลอยกระทงของทุกปี ไม่เคยให้ศิลปนิ ท้องถิน่ หรือนักศึกษาท่ีเล่นเพลงเรือได้และมีผลงานเผยแพร่สื่อมวลชนระดับชาติแล้วมาแสดง กลับจ้างคณะเพลงเรือของสถาบันการศึกษาจากจังหวัดอื่นมาแสดง ( จิราภรณ์ บุญจันทร์ สัมภาษณ์ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) จังหวัดสุพรรณบุรีเดิมเคยจัดประกวดเพลงอีแซว หลายปีมาน้ีไม่จัด แต่จัดประกวดวง ดนตรีลูกทุ่ง ผู้ชนะเลิศเป็นวงจากจังหวัดอ่ืน เวลามีงานก็จ้างวงจากจังหวัดอ่ืนมาแสดงซึ่งต้องใช้งบประมาณ จานวนมาก ( สิทธพิ งค์ พรหมรส การเสวนา ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) เช่น “งานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ปีท่ีผ่านมา งานมีสิบหกวัน มีประกวดเพลงลูกทุ่งสิบห้าวัน แต่มีประชันเพลงอีแซวเพียงวันเดียวแค่สี่ช่ัวโมงเท่าน้ัน ” ( สวุ รรณา แจม่ จิตตแ์ ละศรีอมั พร ประทุมนนั ท์ สมั ภาษณ์ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) ผ้ดู าเนินงานบางสว่ นยงั ขาดความรูค้ วามเขา้ ในแกน่ แท้ของวัฒนธรรมและทางานโดยมุ่งความ พึงพอใจและความสะดวกสบายเป็นหลัก เช่น ผู้นาไม่ชอบการแสดงแบบไทยก็ไม่อนุมัติงบประมาณ งาน เทศกาลประจาจังหวัดบางงานก็จ้างบริษัทธุรกิจจัดการแสดง เพื่อความสะดวกสบาย บางบริษัทไม่ใช่คนใน พนื้ ท่ีและไม่มีขอ้ มลู ท่ถี กู ต้องเหมาะสมเกีย่ วกบั เพลงพ้นื บ้านในท้องถ่นิ นน้ั ก็เลือกศิลปินในเครือข่ายของบริษัท มาแสดง และแม้แตง่ านระดับชาตบิ างงานบรษิ ัทกอ็ อกแบบการแสดงอยา่ งขาดความรู้จริงและขาดรสนิยมด้าน ศิลปะ เช่น ให้ตัดเนื้อร้องเพ่ือจากัดเวลาการแสดงทั้งที่ตกลงไว้แล้ว ให้ผู้เต้นหางเคร่ือง ( สวมชุดหางเคร่ือง ) แสดงอยดู่ ้านหลงั ของผูร้ อ้ งเพลงเรอื ถวายพระพร ( วันทนา ชัยปลาทอง กิตติพงษ์ อินทรัศมี และธวัชชัย เกตุ เสาะ สมั ภาษณ์ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ ) เปน็ ต้น การส่งเสริมการแสดงชนิดอื่นๆ ซึ่งเป็นที่นิยมแล้วมากกว่าเพลงพ้ืนบ้านท่ีกาลังเสื่อมความ นิยมดงั กลา่ ว แสดงใหเ้ ห็นวสิ ยั ทัศนแ์ ละนโยบายของผมู้ สี ว่ นรบั ผดิ ชอบงานวัฒนธรรมอยา่ งชัดเจน ผวู้ ิจยั จึงเห็น ว่าปจั จยั ดงั กลา่ วมผี ลกระทบต่อเพลงพ้ืนบ้านภาคกลางอยา่ งย่ิง
๒๖๐ ๓.๒.๓ วิกฤตการณ์ทางสังคม การเมอื งและเศรษฐกิจ สิบปีท่ีผา่ นมาสังคมไทยเผชญิ กับภาวะวกิ ฤตทางการเมอื งและเศรษฐกิจหลายครัง้ ทาให้สังคม มีสภาพอ่อนแอ ผูค้ นใหค้ วามสาคญั กบั เร่ืองปากท้องและความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ไม่มีจิตใจและ เวลาพอจะสรา้ งสรรคผ์ ลงานศลิ ปะและร่วมกิจกรรมร่ืนเรงิ สง่ ผลกระทบตอ่ อาชีพเพลงพน้ื บา้ นอย่างยิง่ เมื่อประมาณ ๒๐ - ๓๐ ปกี อ่ นนเี้ พลงพื้นบา้ นเป็นอาชพี หลักของศิลปินหลายคณะ เช่น คณะ หวังเต๊ะ คณะขวัญจิต ศรีประจันต์ คณะเด่นหลานหวังเต๊ะ ฯลฯ ( สัมภาษณ์ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ) แต่ ปัจจุบนั มผี ้หู าวา่ จ้างนอ้ ยมาก ความนิยมเพลงพ้ืนบ้านลดลง ศิลปินจาเป็นต้องหันไปประกอบอาชีพอ่ืนๆ เป็น หลัก แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์เล่าว่า“สภาพของการแสดงเพลงในช่วงอายุต่าง ๆ บางช่วงเงียบเหงามาก โดยเฉพาะปี พ.ศ.๒๕๓๘ เหมือนจะสูญหาย แต่อยู่ ๆ ก็ดังข้ึน ช่วงท่ีตกต่าก็ต้องคิดหาอาชีพอ่ืนทา” เพลง พ้ืนบ้านจึงถูกลดบทบาทลงเป็นเพียงอาชีพรองหรืออาชีพเสริม สาเหตุสาคัญคือปัญหาทางเศรษฐกิจ ดังคา สัมภาษณข์ องศลิ ปินจานวนมาก เช่น แม่นกเอย้ี ง เสียงทอง กล่าววา่ “ ปนี ้เี ศรษฐกจิ ไมด่ ี ไม่หาการละเล่นอะไร กันเลย ไม่มีเงนิ หานกั แสดง คนจนจะแย่มาก ของแพงทกุ อย่าง ไมแ่ ย่แต่พวกเรานะ พ่อค้าแม่ค้าก็บ่นกันทั้งน้ัน ไม่มีอาชีพอะไรเลย ไม่มีที่ ( ท่ีดิน ) เลย เราไม่มีอาชีพเสริมอาชีพหลักเหมือนคนอ่ืนๆ เขา ก็แย่ ...” ( วิภา วรรณ เทียนแจม่ สัมภาษณ์ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) เช่นเดียวกับสุรินทร์ ศรีประจันต์ ท่ีเพิ่มเติมอีกว่าสภาพ ของการแสดงเพลงช่วงอายุต่าง ๆ (ความเป็นอยู่ของชาวเพลงและความนิยมของสังคม) ตอนอายุ ๑๙-๒๗ ปี เริม่ มชี ือ่ เสียงแถวเมืองกาญจนบรุ มี แี ฟนเพลงพนื้ บา้ นติดตามเกอื บทุกท่ีที่ไปแสดง ตอนน้ีคนหาน้อยลง โดนต่อ ราคา ปจั จัยท่ีมผี ลกระทบตอ่ การแสดงเพลงพนื้ บา้ น ก็คือสภาพทางเศรษฐกิจ ( สิทธิพงค์ พรหมรส สัมภาษณ์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) เปน็ ตน้ การประสบภาวะวิกฤตการณ์ทางสังคม การเมืองและเศรษฐกิจหลายครั้งในช่วงสิบปีมานี้ ส่งผลกระทบต่อประชาชนท้ังในด้านการดาเนินชีวิตและการประกอบอาชีพ ดังตัวอย่างผลการศึกษาต่าง ๆ จานวนมาก เช่น สิรินาถ นุชัยเหล็ก ( ๒๕๕๕) ศึกษาบทวิเคราะห์จานวนห้องพักของประเทศไทย พบว่า ใน ระหว่างปี ๒๕๔๕ – ๒๕๕๐ สถานการณจ์ านวนห้องพักของประเทศมีการเติบโตในระดับค่อนข้างดี ต้ังแต่มี ภาวะวิกฤตทางการเมืองที่เกิดการรัฐประหารในปี ๒๕๔๙ ทาให้เกิดปัญหาการขาดความสมดุลทางด้านอุป สงคแ์ ละอุปทานของสถานท่พี ักแรมไทย ฐิตมิ า สิทธพิ งษ์พานชิ ( ๒๕๕๑ ) ท่ีได้ศึกษาผลกระทบทางการเมืองที่ มีต่อผลประกอบการของบริษัทในประเทศไทย พบว่า การเมืองมีความสัมพันธ์และความสาคัญต่อผล ประกอบการของบริษัท ซึ่งบริษัทมักมีผลประกอบการตกต่าลง เม่ือบริษัทต้องสูญเสียความสัมพันธ์ทาง การเมือง การศึกษาของชกู ลน่ิ อุนวจิ ติ รและคณะ ( ๒๕๕๓ ) ท่ไี ดท้ าการศึกษาการประกอบธุรกจิ โรงแรมขนาด กลางและขนาดเล็กในอาเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พบว่า ปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองเป็นปัจจัยสาคัญท่ี ส่งผลกระทบต่อการประกอบการ และศนู ย์วิจัยกสิกรไทยรายงานว่าทศิ ทางการท่องเท่ียวของประเทศไทยในปี ๒๕๕๓ มีแนวโนม้ ทรงตัวตอ่ เนอ่ื งจากปี ๒๕๕๒ เนือ่ งจากมีความเสย่ี งจากการถดถอยลงของตลาดนักท่องเท่ียว ตา่ งชาติ ในทกุ พ้นื ทที่ อ่ งเที่ยวสาคัญของประเทศ โดยเฉพาะการท่องเทย่ี วในพื้นท่ีกรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่าจะได้รับ ผลกระทบมากที่สุดจากเหตุการณ์ชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง นับตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงเดือนพฤษภาคม
๒๖๑ ๒๕๕๓ ทไ่ี ดเ้ กิดเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นเผาทาลายอาคาร ซ่ึงอยู่ในย่านธุรกิจและการค้าสาคัญกลางกรุงเทพฯ และมีผู้ได้รับความเสียหายเป็นจานวนมาก ทาให้มีแนวโน้มจะสูญเสียรายได้ ซึ่งโดยปกตินักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถสรา้ งรายไดจ้ ากการมาเยือนกรุงเทพฯ คิดเปน็ มลู ค่าปลี ะประมาณ ๑.๕ แสนล้านบาท ( อ้างถึงใน สถิต ธรรม แสงจนั ทร์และกิตติพันธ์ คงสวสั ด์เิ กียรติ ๒๕๕๖ : ๔๓๓-๔๓๔, ๔๓๙-๔๔๐ ) วิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. ๒๕๕๖–๒๕๕๗ เป็นวิกฤตการณ์ใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อ ประเทศไทยเช่นเดียวกัน เน่ืองจากเกิดเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลต้ังแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๖ ถึง พฤษภาคม ๒๕๕๗ การประท้วงน้ีมีการปะทะกันระหว่างผู้สนับสนุนรัฐบาลและผู้ประท้วง มีการใช้ความ รุนแรงและอาวุธเป็นระยะ ๆ จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ลงเอยด้วยการท่ีนางสาว ย่ิงลักษณ์ ชิน วตั ร นายกรัฐมนตรีในขณะน้นั ตอ้ งพน้ จากตาแหนง่ และในทสี่ ดุ วนั ท่ี ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร อีกสองวันต่อมา กองทัพรัฐประหารรัฐบาลรักษาการ และให้ผู้ชุมนุมสองฝ่ายยุติการชุมนุม ต่อมาก็ตั้งรัฐบาลช่ัวคราวมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็น นายกรฐั มนตรี ผลกระทบด้านเศรษฐกิจมีปรากฏชัดเจน จะเห็นได้จากการประกาศภาวะเศรษฐกิจของ หน่วยงานหลายท่ี เช่น ตามข้อมูลของบลูมเบริ ก์ เม่อื วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๖ ค่าเงินบาทไทยลดลงต่าสุดใน รอบสามปีเนอื่ งจากความไมส่ งบทางการเมือง ค่าเงินของไทยลดลงร้อยละ ๔.๖ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนและ ธันวาคม ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์หลักร่วงลงเช่นกัน (ร้อยละ ๙.๑) ในด้านการท่องเท่ียว สมาคมธุรกิจ ท่องเที่ยวภายในประเทศรายงานว่ารายได้จากการท่องเท่ียวลดลง ๑๒๕ ล้านดอลล่าร์สหรัฐในช่วงคริสต์มาส และปีใหม่เม่ือเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปี ๒๕๕๕ ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานเม่ือวันท่ี ๑๔ มกราคม ๒๕๕๗ วันท่ีสองของการ \"ปิดกรุงเทพฯ\" ว่า ธนาคารสาขาต่าง ๆ ๑๓๕ แห่งได้รับผลกระทบ ตามข้อมูลที่ รวบรวมโดยกระทรวงการคลังของไทย บลูมเบิร์ก แอล.พี. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นักลงทุน ต่างชาตไิ ด้ถอนเงิน ๓,๐๐๐ ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (เกือบ ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) จากตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่เร่ิม การประท้วงเม่ือวันท่ี ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ รายงานขอ้ มูลเศรษฐกจิ ซง่ึ ตพี ิมพเ์ มอ่ื วนั ท่ี ๑๗ กุมภาพนั ธร์ ะบุว่า จีดี พีเพ่ิมขึ้นร้อยละ ๐.๖ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ๒๕๕๖ นับเป็นระดับการเติบโตต่าสุดของประเทศนับแต่ ไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๕ ข้อมูลดังกลา่ วยังแสดงวา่ ค่าเงินบาทอ่อนลงรอ้ ยละ ๔ นบั แตเ่ ร่มิ ชมุ นมุ ผลกระทบดังกล่าวต่อเนื่องมาปัจจุบัน จะเห็นได้จากการประกาศของธนาคารแห่งประเทศ ไทย แถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินเดือนกันยายน และไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๕๗ ฉบับท่ี ๔๘/๒๕๕๗ ว่า เศรษฐกจิ ไทยปรับดขี นึ้ จากเดือนกอ่ น แต่ในภาพรวมการฟน้ื ตวั ยังชา้ โดยการบรโิ ภคภาคเอกชนขยายตวั และการใชจ้ ่ายภาครฐั โดยเฉพาะการลงทุน ปรบั ดขี น้ึ จากการเรง่ เบกิ จ่ายในช่วงส้ินปีงบประมาณ ขณะท่ีการลงทุนภาคเอกชนยังทรง ตวั ในระดบั ต่าและการสง่ ออกสินค้ายังอ่อนแอสอดคลอ้ งกบั การผลิตอุตสาหกรรมเพื่อการ ส่งออก ส่วนภาคการท่องเที่ยวปรับดีข้ึนอย่างค่อยเป็นค่อยไป...การบริโภคภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐปรับดีข้ึนหลังจากอ่อนแรงลงในเดือนท่ีแล้ว โดยการบริโภค
๒๖๒ ภาคเอกชนขยายตัวจากการกลับมาเพ่ิมข้ึนของการใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทน อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม เนื่องจากครัวเรือนนอกภาคเกษตรมีรายได้และความเช่ือม่ันอยู่ใน เกณฑด์ ี ขณะท่กี ารใช้จา่ ยในหมวดสินค้าคงทนยังไม่ฟื้นตัว เพราะหน้ีครัวเรือนเป็นปัจจัย ถ่วงการใช้จา่ ยและกาลงั ซื้อของครัวเรอื นในภมู ภิ าคได้รบั ผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตร ตกต่า ส่วนแรงกระตุ้นเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายภาครัฐปรับเพิ่มขึ้น ...การผลิต ภาคอุตสาหกรรมโดยรวมจึงลดลง...การลงทุนภาคเอกชนทรงตัวจากเดือนก่อนท้ังการ ลงทนุ ในภาคกอ่ สร้างและเคร่ืองจักรและอปุ กรณ์ เนื่องจากอุปสงคโ์ ดยรวมยังตา่ กว่าระดับ ปกติ โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าท่ีทิศทางการฟื้นตัวมีปัจจัยเส่ียงเพิ่มเติมจากภาวะ เศรษฐกิจโลก ส่งผลให้หลายอุตสาหกรรมยังมกี าลังการผลิตส่วนเกิน การลงทุนเพื่อขยาย กาลังการผลิตจึงอยู่ในระดับต่าและส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพ่ือปรับปรุงประสิทธิภาพ รายไดเ้ กษตรกรลดลงต่อเนื่องและเป็นปัจจัยลดทอนการบริโภคของครัวเรือน โดยราคา สนิ ค้าเกษตรปรบั ลดลง เศรษฐกิจไตรมาสท่ี ๓ ปี ๒๕๕๗ มีแนวโน้มฟื้นตัวแต่ค่อนข้างช้าและไม่ชัดเจน ในทุกภาคส่วนโดยอุปสงค์ภาคเอกชนมีบทบาทมากขึ้นในการขับเคล่ือนเศรษฐกิจ แต่ บางส่วนถูกรั้งไว้ด้วยราคาสินค้าเกษตรท่ีตกต่า ภาระหน้ีครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และ กาลังการผลิตส่วนเกินที่เหลืออยู่ในหลายอุตสาหกรรม ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐโดยเฉพาะ การลงทุนทาได้คอ่ นขา้ งนอ้ ยแม้จะเรง่ ขนึ้ ในชว่ งปลายไตรมาส ( ธนาคารแห่งประเทศไทย ๒๕๕๗ (http://www.bot.or.th/Thai/EconomicConditions/Thai/Documents/Pr essThai_September๒๐๑๔.pdf) จะเห็นว่าปัญหาเศรษฐกิจของประเทศสาเหตุสาคัญเกิดจากผลกระทบของวิกฤตการณ์ทาง การเมืองนนั่ เอง และทั้งการเมอื งและเศรษฐกิจกล็ ้วนมีผลกระทบตอ่ ศิลปินเพลงพืน้ บ้านภาคกลางทง้ั สิ้น ชว่ งสบิ ปที ีผ่ า่ นมาสังคมไทยแบ่งฝักแบ่งฝ่ายตามแนวคิดของพรรคการเมืองอย่างชัดเจนและ ทวีความขัดแย้งไปเป็นวงกว้าง เกิดความแตกแยกระหว่างสองกลุ่มสองสีแม้กระท่ังในบ้านเดียวกันหรือ ครอบครัวเดยี วกัน นานวันความไม่ลงรอยและความเกลียดชังฝ่ายตรงข้ามยิ่งฝังรากลึก ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ ประทว้ งทางการเมอื งหลายครงั้ แต่ละครั้งแต่ละฝ่ายย่ิงเพิ่มรอยรา้ วให้กวา้ งและลึกยง่ิ ขึ้น ศิลปินเพลงพื้นบ้านก็ หนไี มพ่ น้ ความขัดแยง้ ท่ีรุนแรงน้ี บางคนมีประสบการณ์หรือเคยเห็นผู้อื่นเคยถูกพายุการเมืองซัดสาดถาโถมก็ รู้สึกกลัว ไมก่ ล้าแสดงออก แม้จะเหน็ ด้วยกบั แนวคิดและได้รับเชิญให้ไปแสดงบนเวทีการประท้วงก็ไม่ไป บาง คนไม่กลา้ ไปแสดงในงานของฝา่ ยตรงข้ามเพราะเกรงจะตกเป็นเหย่ือทางการเมอื ง หรือเปน็ เครอ่ื งมือทาร้ายคน ในชาติเดียวกัน ขณะทีบ่ างคนกล้าขึน้ เวทีรอ้ งเพลงเสียดสีฝา่ ยตรงขา้ มอยา่ งเปิดเผย แม้ไดร้ บั การชน่ื ชมจากฝ่าย ของตนแตก่ ็ถกู ตอ่ ตา้ นจากฝ่ายตรงขา้ ม ในช่วงที่มีการประท้วงดังกล่าวน้ีศิลปินพื้นบ้านหลายคนจึงรู้สึกอึดอัด
๒๖๓ ใจอย่างย่ิง แม้เป็นห่วงบ้านเมือง อยากให้เหตุการณ์สงบโดยเร็วแต่ก็ไม่กล้าทาอะไร ( เกลียว เสร็จกิจ สัมภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) การเมอื งจงึ มีผลกระทบต่อการแสดงออกของศลิ ปินอยา่ งมาก อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ทางการเมืองก็เป็นโอกาสและเป็นเวทีให้ศิลปินบางคนได้สร้างสรรค์ ผลงานใหม่ เพลงพน้ื บา้ นจดั เป็นวรรณกรรมพนื้ บา้ นและศิลปะพ้ืนบ้าน ย่อมสร้างข้ึนจากความรู้สึกนึกคิดและ จินตนาการ ความขดั แยง้ ทางการเมอื งเปน็ แรงบนั ดาลใจให้ศิลปนิ หลายคนแต่งเพลงและนาไปแสดงได้อย่างน่า สะเทือนใจ นอกจากจะทาให้เพลงพ้ืนบ้านเป็นเครื่องมือในการสร้างความจรรโลงใจ ความสุข ปลุกปลอบใจ และให้ความรู้แล้ว ยังเป็นเคร่ืองมือส่ือสารทางการเมือง เป็นสื่อในการวิพากษ์วิจารณ์ ท่ีเหมาะสมและ สอดคลอ้ งกบั สภาพสงั คมดว้ ย จะเหน็ ว่าการเมืองเหมือนดาบสองคมต่อศิลปินพื้นบ้าน ด้านหนึ่งเป็นพลังในการสร้างสรรค์ ผลงานศิลปะ ด้านหนึ่งขัดขวางเสรีภาพในการแสดงออก ยุคใดท่ีนักการเมืองเห็นความสาคัญก็ส่งเสริมให้ใช้ เพลงพ้ืนบ้านเปน็ สือ่ ประชาสัมพันธ์ในการกระจายข่าวสารและโน้มน้าวใจ เช่น ลาตัดคณะหวังเต๊ะแม่ประยูร เคยเป็นสอ่ื พน้ื บ้านเพ่ือการรณรงค์เรือ่ งประชาธปิ ไตย มีการเดินสายไปแสดงทั่วประเทศ พ่อหวังเต๊ะแต่งเพลง ใหมๆ่ ไวจ้ านวนมาก สรา้ งกระแสความนิยมลาตัดอย่างแพร่หลายและมีช่ือเสียงโด่งดังข้ึนอย่างรวดเร็ว ( เด่น หลานหวงั เตะ๊ สมั ภาษณ์ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ) ๓.๒.๔ ภัยธรรมชาติ บทความเรอื่ ง แผน่ ดินไหวและคล่นื สึนามิในมหาสมุทรอินเดีย พ.ศ. ๒๕๔๗ ใน สารานุกกรม เสรี วิกิพีเดีย ( http://th.wikipedia.org ) ระบุว่า แผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดีย พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็น แผ่นดินไหวใตท้ ะเล เกิดขึน้ เมอ่ื วนั ที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ (ค.ศ. ๒๐๐๔) เวลา ๐๗.๕๘ น. ตามเวลาใน ประเทศไทยศูนย์กลางอยลู่ กึ ลงไปในมหาสมทุ รอินเดีย ใกล้ด้านตะวันตกของตอนเหนือเกาะสุมาตรา ประเทศ อนิ โดนเี ซยี แรงส่ันสะเทอื นจากแผ่นดินไหว ทาให้เกิดความเสียหายบนเกาะสุมาตรา และยังรับรู้ได้ในภาคใต้ ของประเทศไทยเพราเกดิ คลน่ื สงู สุดราว ๓๐ เมตร เขา้ ทว่ มทาลายบา้ นเรอื นตามแนวชายฝ่ังโดยรอบมหาสมุทร อินเดีย ประมาณการวา่ มผี เู้ สียชวี ิตจากแผน่ ดินไหวคร้งั นใ้ี น ๑๔ ประเทศมากกว่า ๒๓๐,๐๐๐ คน นับเป็นหน่ึง ในภัยพิบัติทางธรรมชาติคร้ังร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ประเทศที่ได้รับความเสียหายมากท่ีสุด ได้แก่ ประเทศอนิ โดนเี ซีย รองลงมาคือประเทศศรลี งั กา ประเทศอนิ เดยี และประเทศไทย ตามลาดบั ผลกระทบตอ่ ประเทศไทยมีทั้งความเสียหายด้านชีวิตทรัพย์สิน และด้านเศรษฐกิจ ข้อมูล ณ วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ประเทศไทยมีจานวนผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้สูญหายจานวนทั้งหมด ๕,๓๐๙ คน ผู้สูญหายจานวนทั้งหมด ๓,๓๗๐ คน นอกจากมีผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้สูญหายเป็นจานวน มากแล้ว ยังมคี วามเสยี หายในดา้ นทรัพยส์ ิน ได้แก่ บ้านเรือนของราษฎร โรงแรม บังกะโล เกสต์เฮาส์ ร้านค้า ร้านอาหาร ทรัพย์สินส่วนตัวของนักท่องเท่ียว ยานพาหนะ ตลอดจนระบบสาธารณูปโภคต่างๆ อาทิ ไฟฟ้า ประปา โทรศัพทแ์ ละถนน เป็นมูลค่ากวา่ พันล้านบาท ความเสียหายด้านเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ อตุ สาหกรรมการท่องเทยี่ ว โดยจังหวดั ทไ่ี ดร้ บั ผลกระทบมากท่ีสุด คอื ภูเก็ต พังงาและกระบ่ี
๒๖๔ ภาพท่ี ๑๕๓ แสดงประเทศทีไ่ ด้รับผลกระทบจากคลน่ื สึนามิ ทม่ี า : http://th.wikipedia.org ผลกระทบต่อศิลปินเพลงพ้ืนบ้านภาคกลางคือขาดเจ้าภาพหรือผู้หาว่าจ้างไปแสดง ดังคาให้ สัมภาษณ์ของ เด่น หลานหวังเตะ๊ “ คณะผมไปทางใตม้ ากทส่ี ดุ คนที่นัน่ ชอบกันมาก ภาคใต้ไปหมดทุกจังหวัด ขนาดยะลา งานหลกั เมอื งมรี ะเบิดทุกปกี ็ไป ลาตัดเขา้ ได้ทุกท่ี สมยั ก่อนสบิ กว่าปกี ่อนเขานิยมกันมาก โนรายังสู้ เราไมไ่ ด้ แตพ่ อเกิดสึนามิ เจา้ ภาพหายหมด เราไม่ได้ไปเลย” ( สมั ภาษณ์ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ) เม่อื ปลายปี ๒๕๕๔ ประเทศไทยได้ประสบกบั วกิ ฤตมหาอุทกภัยคร้ังยิ่งใหญ่และรุนแรงส่งผล กระทบต่อบริเวณลุ่มแม่น้าเจ้าพระยาและลุ่มน้าโขง เร่ิมต้ังแต่ปลายเดือนกรกฎาคมและสิ้นสุดเมื่อวันท่ี ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ มีราษฎรได้รับผลกระทบกวา่ ๑๒.๘ ลา้ นคน ธนาคารโลกประเมนิ มลู คา่ ความเสียหายสูง ถึง ๑.๔๔ ล้านล้านบาท เม่ือเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ และจัดให้เป็นภัยพิบัติคร้ังสร้างความเสียหายมาก ที่สุดเป็นอันดับสี่ของโลก อุทกภัยดังกล่าวทาให้พ้ืนดินกว่า ๑๕๐ ล้านไร่ ซ่ึงในจานวนนี้เป็นทั้งพื้นท่ี เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมใน ๖๕ จังหวัด ๖๘๔ อาเภอ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๔,๐๘๖,๑๓๘ ครัวเรือน ๑๓,๕๙๕,๑๙๒ คน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง ๒,๓๒๙ หลัง บ้านเรือนเสียหายบางส่วน ๙๖,๘๓๓ หลัง พ้ืนท่ีการเกษตรคาดว่าจะได้รับความเสียหาย ๑๑.๒๐ ล้านไร่ ถนน ๑๓,๙๖๑ สาย ท่อระบายน้า ๗๗๗ แหง่ ฝาย ๙๘๒ แห่ง ทานบ ๑๔๒ แหง่ สะพานและคอสะพาน ๗๒๔ แห่ง บ่อปลา บ่อกุ้ง หอย ๒๓๑,๙๑๙ ไร่ ปศสุ ตั ว์ ๑๓.๔๑ ลา้ นตวั มีผเู้ สียชีวิต ๘๑๓ ราย (๔๔ จังหวดั ) สูญหาย ๓ คน อุทกภัยครั้งน้ีถูกกล่าวขานว่าเป็น \"อทุ กภยั ครัง้ รา้ ยแรงทสี่ ุดทัง้ ในแงข่ องปริมาณน้าและจานวนผู้ไดร้ ับผลกระทบ\"
๒๖๕ ภาพที่ ๑๕๔ นิคมอตุ สาหกรรมหลายแหง่ ได้รับผลกระทบหนกั จากอทุ กภยั ปี ๒๕๕๔ ที่มา : http://th.wikipedia.org มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินมูลค่าความเสียหายไว้ที่ ๑๕๖,๗๐๐ ล้านบาท ความ เสยี หายส่วนใหญม่ าจากผลกระทบท่ีมีต่ออุตสาหกรรมการผลิต โดยมีโรงงาน ๙๓๐ แห่งใน ๒๘ จังหวัดได้รับ ผลกระทบ รวมทั้งนคิ มอุตสาหกรรมหลายแห่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและปทุมธานี ยังมีการประเมินว่า อทุ กภยั คร้ังนส้ี ง่ ผลใหอ้ ตั ราการเติบโตทางเศรษฐกจิ ลดลงร้อยละ ๐.๖ ถงึ ๐.๙ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ แอนเน็ต ดิกซอน ผู้อานวยการธนาคารโลกประจาประเทศไทย เปิดเผยว่า พบความเสียหายรวม ประมาณ ๑.๔ ล้านลา้ นบาท แบ่งเปน็ ความเสยี หายจากทรัพย์สินคงท่ี เช่น บ้าน โรงงาน มูลค่าประมาณ ๖.๖ แสนล้านบาท และความสญู เสยี จากคา่ เสยี โอกาส เช่น การผลิต อีกประมาณ ๗ แสนล้านบาท ธนาคารโลกได้ ประเมินเป็นผลกระทบต่อจีดีพีของไทยให้ลดลงประมาณ ๑.๒% เหลือ ๒.๔% จากเดิมท่ีคาดไว้ ๓.๖% ด้าน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ( สศช. ) ระบวุ ่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดี พี) ของไทยใน พ.ศ. ๒๕๕๔ ขยายตวั เพยี ง ๐.๑% ซงึ่ ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมายอมรับว่าตา่ กวา่ ที่คาดไว้ โดยเฉพาะไตรมาสสดุ ท้ายท่ีจดี ีพตี ิดลบถึง ๙% ( http://th.wikipedia.org ) นอกจากมีผลกระทบในด้านเศรษฐกิจแล้วยังเกิดปัญหาความขัดแย้งในสังคม ได้แก่ ความ ขัดแยง้ เร่อื งการกน้ั นา้ การใชพ้ นงั ก้ันน้าท่วมสง่ ผลให้เกิดความขัดแย้งหลายคร้ังระหว่างประชาชนทั้งสองด้าน ฝั่งท่ีถูกนา้ ท่วมรสู้ กึ โกรธทีพ่ วกตนได้รับผลกระทบอย่างไม่เป็นธรรม และมักพยายามทาลายพนังก้ันน้าเหล่าน้ี ซึง่ บางครง้ั ส่งผลให้เกิดการเผชิญหนา้ กันด้วยอาวธุ เชน่ ชาวนาในจังหวัดพิจิตร และอื่น ๆ เป็นต้น รวมทั้งการ ประทว้ งปดิ ถนน เช่น ชาวบา้ นในตาบลบึงคาพร้อย อาเภอลาลูกกา จังหวัดปทุมธานีกว่า และผู้ประสบภัยน้า ท่วมในอาเภอบางใหญ่ อาเภอบางบัวทอง อาเภอไทรน้อยและอาเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เป็นต้น ( http://th.wikipedia.org/wiki ) เนื่องจากน้าท่วมในบริเวณภาคกลาง ศิลปินเพลงพื้นบ้านจึงได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งใน ด้านการดาเนนิ ชวี ิตท่ยี ากลาบากและการถกู ยกเลิกการวา่ จ้างไปแสดงในสถานท่ีต่าง ๆ จานวนมาก เช่น คณะ ขวัญจิต ศรีประจันต์ ได้รับผลกระทบท้ังในช่วงน้าท่วมและช่วงที่น้าลดแล้ว “เจ้าภาพส่วนใหญ่โทรศัทพ์มา เลอ่ื นงาน บางท่ีที่จัดงานน้ายังไม่ท่วมแต่เจ้าภาพเขากลัวก็ขอเลื่อน พอจะถึงวันงานก็กลัวว่าคนมาจะลาบาก หรอื มาน้อย ก็เล่ือนอีก หลายเจ้าก็ยกเลิกไปเลย เราก็ไม่รู้จะทายังไง บ้านแม่ก็น้าท่วม ต้องสูบน้าทุกวัน ข้าว ของเสียหายหมดเลย ตอ้ งใหห้ ลาน ๆ ไปนอนบา้ นอ่ืน เพราะเขาต้องไปโรงเรียน แต่แม่ก็อยู่นี่แหละ เวลาออก
๒๖๖ นอกบา้ นก็พายเรือ...หลงั น้าลดงานกน็ ้อย เศรษฐกจิ ไม่ดี ไร่นาเสียหายเขาก็ไมจ่ ้างการแสดงอะไรท้ังน้ัน บางคน เขามีเงินแต่ไม่มีกะจิตกะใจ เพราะบ้านช่องเสียหายไปมากก็ไม่อยากจะทาอะไรแล้ว ” ( เกลียว เสร็จกิจ สมั ภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) คณะเพลงหลายคณะและศิลปินอีกหลายคน เช่น พ่อสุจินต์ ชาวบางงาม แมส่ าเนยี ง ชาวปลายนา พอ่ บรรจง ทัพวิเศษ ฯลฯ นอกจากเป็นผู้ประสบภัยแล้วก็ยังขาดรายได้จากแสดงอีก ดว้ ย กล่าวโดยสรปุ ปัจจยั ในด้านวถิ ีชีวติ ค่านยิ ม การเมือง เศรษฐกิจ นโยบายและการดาเนนิ งาน ของภาครัฐมผี ลกระทบสูงตอ่ ศิลปินและเพลงพืน้ บา้ น ดงั คาสัมภาษณ์ของนายสุธรรม หวังโซะ ( ๒๙ สงิ หาคม ๒๕๕๗ ) ทีว่ ่า ๑.ขาดผสู้ บื ทอด เดก็ ใหม่ๆ ลูกหลานเรียนสูง ๆ ก็ไปทางานกันหมด ไม่เอาลาตัด แล้วเดี๋ยวมขี องแปลก ๆ เขา้ มาเยอะ เด็กก็ไม่สนใจลาตัดแล้ว จนจะไม่รู้จักแล้ว แม้แต่ลูก สาวหัดเป็น ไปเล่นที่โรงเรียน แต่ให้ยึดเป็นอาชีพก็ไม่เอา ๒.รัฐไม่ส่งเสริม เป็นสาเหตุ สาคัญมาก เมอ่ื กอ่ นเคยออกรายการยอ้ นทางอยา่ งไทย และออกทีวีเกือบทุกช่อง แต่ ๒๐ กว่าปีมาน้ีไม่ไดอ้ อกเลย ต้งั แต่ปี ๒๕๓๗ มาไม่มีเลย ในทีวีมีแต่เกมโชว์แบบนี้ลาตัดน่าจะ สูญ ...พน้ื ท่ีการแสดงแคบลง คนนยิ มนอ้ ยลงตอนนมี้ ีแต่ปริมณฑลเทา่ นนั้ ...๑.การส่งเสริม ของรัฐ สาคัญมาก เม่ือก่อนสมัยลุงหวังได้ออกส่ือมาก ท้ังวิทยุ โทรทัศน์ แผ่นเสียง เทป ตอนน้ไี ม่มีเลย...หลายคณะกย็ บุ ไปแลว้ ตอนนี้เหลือคณะใหญ่จริง ๆ ๒ คณะ คณะอื่นๆ ก็ ยืมตัวกนั ดึงตัวกนั ท้งั นน้ั ...การแสดงสมัยใหมอ่ ยา่ งลเิ ก น่ากลัว เวทใี หญ่โต เสียงดังมาก สภาพการดารงอยู่ของเพลงภาคกลางในปัจจุบัน นับว่าอยู่ในภาวะที่ควรจะต้องส่งเสริม และ สร้างสรรค์วิธกี ารตา่ งๆ เพ่อื ใหเ้ พลงพื้นบ้านยงั คงดารงอยู่สืบต่อไปได้ในอนาคตกาล เพราะแม้ว่าในปัจจุบันจะ ยังคงมีพ่อเพลงแม่เพลง และคณะแสดงคณะต่างๆ ท่ีมีความสามารถในการแสดงเพลงพ้ืนบ้าน ท้ังเพลงฉ่อย เพลงทรงเครื่อง เพลงเรือ ลาตดั และอีแซว แต่จาเป็นอย่างยิ่งทจี่ ะตอ้ งวางแนวทาง ยุทธศาสตร์ และกรอบการ ปฏบิ ตั เิ พ่ือสงวนรักษารปู แบบ วธิ ีการ ตลอดจนกลวิธีในการแสดงเพลงพื้นบ้าน ดังจะเห็นนาเสนอใน บทที่ ๔ ต่อไป
๒๖๗ บทที่ ๔ การสงวนรักษาเพลงพน้ื บ้านภาคกลาง ตามธรรมดาวัฒนธรรมยอ่ มมีการเปลี่ยนแปลง แตก่ ารเส่อื มสญู ของวัฒนธรรมอันดีงามอย่างรวดเร็วก็ เป็นปัญหาสังคมที่ควรเร่งแก้ไข ชาติที่จะดารงความเป็นชาติอยู่ได้และมีความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อได้ต้องมี วัฒนธรรมทัง้ ทางวัตถแุ ละทางจิตใจ วฒั นธรรมทงั้ สองประเภทนี้มคี วามสัมพันธ์กัน ถา้ ขาดอยา่ งใดอย่างหนึ่ง ก็ จะเกิดความไม่สมดุลกัน เช่น ถ้าเจริญไปในทางวัตถุเกินไป แต่ในทางจิตใจไม่เจริญตาม ในที่สุดก็จะเกิด ความหายนะ ดังนั้นการบารุงรักษาให้วัฒนธรรมของชาติมีความเจริญงอกงามอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับ สภาพการณท์ ่ีเปลี่ยนแปลงไปอยเู่ สมอจงึ เปน็ สิ่งจาเปน็ ดังเช่นท่ี ศาสตราจารย์พระยาอนุมานราชธน (๒๕๓๑ : ๕๓ - ๕๔) กลา่ วไว้วา่ วฒั นธรรมจะมีสภาพเป็นความเจริญงอกงามได้ตอ้ งมลี ักษณะ ๔ ประการ ดังนี้ ๑. ต้องมีการส่าสมและการสืบต่อตกทอดกันไปไม่ขาดตอน หรือกล่าวอีกนัย หนงึ คือ มีมรดกแหง่ สงั คมอันเกดิ จากผลิตผลของสงั คมทีสรา้ งสมไว้ ๒. ต้องมีแปลกมใี หมม่ าเพิมเติมของเดมิ ให้เข้ากนั ได้ดว้ ยดี ๓. ต้องส่งเสรมิ เพือให้แพร่หลายไปในหมูข่ องตนและตลอดไปถงึ ชนหมอู่ ืนดว้ ย ๔. ตอ้ งปรับปรุงและแกไ้ ขใหเ้ หมาะกบั สงิ แวดล้อมและสภาพของเหตกุ ารณ์… ถ้าชาติใดไม่ร้จู กั ปรับปรุงและแกไ้ ขวฒั นธรรมเดมิ ของชาติของตนให้ทันท่วงที ให้ ประสานเขา้ กนั ไดเ้ หมาะกบั สมยั และสภาพของเหตุการณ์ ก็จะถูกวัฒนธรรมของชาติอืน ทีมีแรงอ่านาจมากกว่าเขา้ มาแทนทที ลี ะนอ้ ย ๆ ถา้ ไม่รู้จักผลักไสสิงทีเห็นว่าเป็นภัยให้พ้น ไป และดงึ สิงทเี หน็ ว่าดี เอามาประสานเข้าไวใ้ นวัฒนธรรมเดิมของตน ในทสี ดุ วัฒนธรรม เดมิ ของตนกจ็ ะหายหมดไป กลายเปน็ ไม่มชี าตอิ กี ตอ่ ไป …ถ้าชาติใดไม่กระตือรือร้นเอาใจ ใสใ่ นวัฒนธรรมของชาติตน และไม่รู้จักท่าให้วัฒนธรรมของตนมีความเจริญงอกงาม ให้ ประสานเข้ากันกับขอ้ ความทีกลา่ วมาข้างต้นท้งั ๔ ขอ้ ก็จะถงึ แกค่ วามเสอื มและตายไปใน ทสี ุด … ดว้ ยเหตุนี้ ชาติต่าง ๆ จึงต้องบารุงรักษาวัฒนธรรมของตนให้อยู่ในสภาพท่ีเหมาะสม ท้ังพยายาม ดารงรกั ษาไว้และปรับปรุงใหเ้ จริญงอกงามยิง่ ข้ึน นงเยาว์ ชาญณรงค์ ( ๒๕๔๒ : ๑๘๕ ) กล่าวถึงความสาคัญของการส่งเสริมวัฒนธรรมว่าจริงอยู่ วัฒนธรรมไม่อาจสาคัญเท่ากับเร่ืองปากเร่ืองท้อง ซึ่งเป็นความอยู่รอดของชาติในทางเศรษฐกิจ แต่ก็มีคุณค่า ทางจติ ใจของประชาชาติ อันสืบต่อมาจากบรรพบรุ ษุ ทร่ี ักชาตแิ ละศรัทธาต่อวัฒนธรรมของตน แม้ประเทศของ ตนจะแตกสลายไปกส็ ามารถสรา้ งอาณาจักรขน้ึ มาใหม่ได้ประเทศจะสร้างข้ึนหรือปกป้องไว้ได้ด้วยกาลังทหาร แตช่ าตจิ ะดารงอยรู่ อดได้ด้วยความมั่นคงแหง่ เอกลกั ษณท์ างวัฒนธรรมของคนในประเทศการพ่ายแพท้ างทหาร
๒๖๘ นั้นยงั ไม่ถอื เปน็ การพ่ายแพโ้ ดยเดด็ ขาด เพราะสักวันหน่ึงอาจจะเกิดวีรบุรุษเป็นผู้นาในการกอบกู้บ้านเมืองได้ ถ้าประชาชนยังยึดมั่นในความเป็นชาติของตน โดยยึดมั่นในเอกลักษณ์วัฒนธรรมแห่งชาติตนอย่างม่ันคง ไม่ ยอมถกู กลนื แต่การพ่ายแพใ้ นทางวัฒนธรรมนนั้ นบั เป็นการสูญสนิ้ ชาติ ถกู กลนื ชาตอิ ย่างสิน้ เชิง ดังน้ัน การส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมประจาชาติ จึงเป็นส่ิงสาคัญและเป็นการจาเป็น อย่างย่ิง ท้ังนี้ตอ้ งอาศัยความร่วมมอื ท้งั ของรัฐและเอกชน งานส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมเป็นภาระหน้าที่สาคัญของรัฐ ประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤต เศรษฐกิจอย่างรุนแรง สาเหตุสาคัญเน่ืองมาจากความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการสื่อสาร การ เปลยี่ นแปลงวิถีชีวติ ความเป็นอย่ใู ห้ทนั สมยั การตกอยู่ภายใตว้ ัตถุนิยม อานาจนิยมและทุนนิยม ปัญหาการรับ วัฒนธรรมตา่ งชาติอย่างไมเ่ หมาะสม และการละทงิ้ วัฒนธรรมดง้ั เดมิ ของคนไทยนับวันจะทวคี วามรนุ แรงยิ่งขึ้น รัฐบาลจงึ ตอ้ งกาหนดนโยบายและดาเนนิ งานต่าง ๆ เพอื่ ส่งเสรมิ วฒั นธรรมไทย ปลูกฝงั คา่ นยิ มรกั ชาตินิยมไทย ตลอดมา เช่น การกาหนดให้ปี พ.ศ. ๒๕๓๗ เป็น “ปีรณรงค์วัฒนธรรมไทย ปี ๒๕๓๘ - ๒๕๔๐ เป็น “ปีสืบ สานวฒั นธรรมไทย” (สานักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ๒๕๔๐ : คานา) ปี ๒๕๔๐ รณรงค์ให้กิน ของไทย ใชข้ องไทย เทย่ี วเมอื งไทย และใช้จ่ายอย่างประหยัด ( วราภรณ์ พงษ์ไพบูลย์ ๒๕๔๑ : ๓-๔ ) ปี ๒๕๔๕ รัฐบาลได้จัดตั้งกระทรวงวัฒนธรรมขึ้นมากากับดูแลงานด้านวัฒนธรรมของชาติ มีนโยบายและ ดาเนนิ งานในการอนรุ กั ษ์ศิลปวฒั นธรรมไทยอย่างจริงจงั ตามปกตริ ัฐบาลยอ่ มมนี โยบายและแผนงานด้านวฒั นธรรมอย่างชัดเจน เชน่ “แผนปฏิบัติราชการ ๔ ปี ของกระทรวงวฒั นธรรม ( พ.ศ.๒๕๕๒ – ๒๕๕๔ )” ที่ระบไุ วว้ า่ ตามบทบญั ญัติรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองทีดี พ.ศ.๒๕๔๖ รวมท้ังมติคณะรัฐมนตรี เมือวันที ๑๓ มกราคม ๒๕๕๒ ทีเห็นชอบแผนการบริหาร ราชการแผน่ ดิน และได้มอบหมายให้ ทุกส่วนราชการ จดั ท่าแผนปฏิบัติราชการ ๔ ปี ของ กระทรวง (พ.ศ.๒๕๕๒ - ๒๕๕๔ ) และแผนปฏบิ ตั ริ าชการประจ่าปี ตามกรอบระยะเวลา ทกี ่าหนด กระทรวงวัฒนธรรม ได้จดั ท่าแผนปฏบิ ัตริ าชการ ๔ ปี ของกระทรวงวัฒนธรรม (พ.ศ.๒๕๕๒ - ๒๕๕๔) เพือเป็นกรอบแนวทางการปฏิบัติงาน เป็นทีเรียบร้อยแล้ว ซึงใน แผนปฏบิ ัติราชการ ๔ ปี ของกระทรวงวัฒนธรรม (พ.ศ.๒๕๕๒ – ๒๕๕๔) นี้ ได้รวบรวม ประเด็นยุทธศาสตร์ เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ ตัวช้ีวัด และ แผนงาน/ โครงการ ระดับ ผลผลิต ของแต่ละส่วนราชการ ตามกรอบนโยบายของรัฐบาลทีแถลงต่อรัฐสภา และ แผนการบริหารราชการแผ่นดนิ โดยกรม กอง และส่านักต่างๆ ในสังกัดของกระทรวง ได้ จดั ท่าแผนปฏิบัติราชการแผ่นดิน... (กระทรวงวัฒนธรรรม ๒๕๕๑: ๑ http://www.m-culture.go.th/)
๒๖๙ “แผนปฏิบัติราชการ ๔ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ – ๒๕๕๘ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม” กาหนดแผนแม่บท วฒั นธรรมไว้ว่า ๗.๓ แผนแมบ่ ทวัฒนธรรม กรอบทิศทางการพัฒนางานศาสนา ศิลปะ และวฒั นธรรม โดยมีเป้าหมายส่าคัญ คือ พัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมทีมีความเข้มแข็ง และมันคงทางวัฒนธรรม คนไทยมี ความภาคภูมิใจในความเป็นไทย มีความเป็นน่้าหนึงใจเดียวกันท่ามกลางความ หลากหลายทางวฒั นธรรม (unity in diversity) พันธกิจที่ ๑ อุปถัมภ์ คุ้มครองและส่งเสริมศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมของชาติ และความหลากหลายทางวัฒนธรรมใหค้ งอยู่อยา่ งมันคง พันธกิจท่ี ๒ สนองงานส่าคัญของสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้ สบื ทอดและพัฒนาอยา่ งยังยนื พันธกิจที่ ๓ สร้างสรรค์สังคมสันติสุขด้วยมิติทางศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ในทกุ ระดบั พันธกิจท่ี ๔ ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการด่าเนินงาน ทางวัฒนธรรมเพือเชิดชูคุณค่าและจิตวิญญาณของความเป็นไทย พันธกิจที่ ๕ สร้างคุณค่าทางสังคม และส่งเสริมมูลค่าเพิมทางเศรษฐกิจด้วยทุน ทางวัฒนธรรม ( กรมสง่ เสรมิ วฒั นธรรม ๒๕๕๔ : ๕ )
๒๗๐ ภาพที่ ๑๕๕ แผนภมู ิแสดงรายละเอียดของแผนแม่บทวัฒนธรรมแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๙) ทมี่ า : กรมสง่ เสรมิ วฒั นธรรม ในhttp://www.culture.go.th
๒๗๑ การดาเนินงานด้านวัฒนธรรมในระดับชาติมีหน่วยงานรัฐรับผิดชอบดูแลโดยตรงคือกระทรวง วัฒนธรรม ซึ่งมีวิสัยทัศน์ “เป็นองค์กรหลักในการสร้างความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ปลูกฝังค่านิยมอันดี งาม บนพนื้ ฐานคณุ ธรรม นาสังคมอยู่เย็นเป็นสุข” มีพันธกิจหรือหน้าที่ตามกฎหมาย ในการทานุบารุงศาสนา ศิลปะและวฒั นธรรมของชาติ และสนองงานสาคัญของสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ให้มีการสืบ ทอดและพฒั นาอยา่ งยงั่ ยนื ปลกู ฝังค่านิยมและส่งเสริมวิถีชีวิตที่ดีงาม นามิติทางวัฒนธรรมมาเพ่ิมคุณค่าและ มูลค่าเพ่ิมทางเศรษฐกิจและสังคม ส่งเสริมอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรม และบริหารจัดการองค์ความรู้และ มรดกศิลปวัฒนธรรมให้เกิดประโยชน์แก่สังคมไทยและสังคมโล ก (กระทรวงวัฒนธรรม http://www.opdc.go.th ) และมีหน่วยงานในสังกัด อาทิ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ท่ีมีอานาจหน้าท่ีและ ดาเนนิ งานวัฒนธรรมต่าง ๆ อย่างตอ่ เนอื่ ง รวมทง้ั มีการประเมินผลการปฏบิ ัตงิ านอย่างสม่าเสมอและนาผลมา พัฒนางานด้วย เช่น รายงานผลการดาเนินงานของส่วนราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ ของ กระทรวงวัฒนธรรม กลา่ วถงึ สภาพปญั หาของสงั คมและแนวทางการดาเนนิ งานวา่ สังคมไทยก่าลังเผชิญหน้ากับภาวะวิกฤตเนืองด้วยตกอยู่ในกระแสบริโภคนิยม และกระแสทุนนยิ มจนท่าให้สภาพสังคมและวัฒนธรรมของชาตอิ อ่ นแอและศลี ธรรมอันดี เสือมตัวลงไปเป็นล่าดับ ผู้คนยึดความฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย นับหน้าถือตาเอาวัตถุเป็นตัวตั้ง โดยละเลยความส่านกึ ดี ซอื สัตย์ สุจริต จริยธรรม คุณธรรมกระทรวงวัฒนธรรมจึงควรใช้ สภาวการณ์ดังกล่าวในการเร่งรณรงค์ ฟื้นฟู และเข้ามาไปมีส่วนช่วยในการเยียวยา ปลูกฝัง พฒั นาคณุ ธรรมจริยธรรม ให้กบั สงั คม โดยเฉพาะอย่างยิงในการปลูกฝังคุณธรรม จรยิ ธรรมและความรกั ชาติ กับกลมุ่ เดก็ และเยาวชน (กระทรวงวฒั นธรรม ๒๕๔๘: ๑๖-๕) ในส่วนภูมิภาคยังมีหน่วยงานรัฐรับผิดชอบงานด้านวัฒนธรรมโดยตรง เช่น สานักงานวัฒนธรรม จังหวดั สภาวัฒนธรรมจังหวัดและสภาวฒั นธรรมตาบล เป็นต้น อย่างไรก็ตามงานด้านวัฒนธรรมมีขอบเขตท่ีกว้างขวางและหลากหลาย การดาเนินงานเพื่อให้ ครอบคลมุ วัฒนธรรมทุกชนิดทุกพื้นท่หี รือทุกชุมชนถอื เป็นงานหนกั และย่อมมีอุปสรรคมากมาย จะเห็นได้จาก การวเิ คราะหต์ นเอง ( SWOT ) ในแผนปฏิบัติราชการ ๔ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ – ๒๕๕๘ ของกรมส่งเสริมวฒั นธรรม พบว่ามจี ุดออ่ นและภยั คกุ คาม หลายประการ เชน่ จุดอ่อน ๑. กรมมกั เปล่ียนแปลงผู้บริหารระดบั สงู บ่อยครั้ง ทาใหท้ ิศทางการดาเนินงาน ขาดความต่อเนือ่ ง... ๓. ภารกจิ งานบางอยา่ งมีความซ้าซอ้ นกับหน่วยงานอื่น... ๕. กรมขาดแผนการพฒั นาบคุ ลากรให้มคี วามรู้ในงานมากข้นึ กว่าเดมิ ทต่ี ่อเนอ่ื ง และชัดเจน ๖. กรมมกี ารหาเงินนอกงบประมาณน้อยมาก ทาให้ความสามารถในการดาเนนิ
๒๗๒ งานภารกิจของกรมขึ้นอย่กู ับการไดร้ บั จดั สรรงบประมาณ ๗. การประชาสัมพนั ธก์ รมกบั ประชาชนยังไม่ทว่ั ถึง ทาใหอ้ ัตราการเพมิ่ ปรมิ าณ ของผู้รบั บรกิ ารในการจัดงานต่างๆ อยู่ในระดับค่อนข้างต่า ๘. ขาดความสามารถในการสร้างสรรคง์ านใหมๆ่ เพอ่ื ใหก้ รมโดดเดน่ ในการทางาน ภัยคกุ คาม ๑. ความคาดหวงั ของประชาชนทว่ั ไปและผรู้ บั บรกิ ารสูงขึ้นอย่างตอ่ เน่อื ง ทัง้ ในแง่ คณุ ภาพของงานและการสง่ มอบการบรกิ ารท่ีนา่ พึงพอใจ ๒. ภาวะเศรษฐกจิ ทยี่ ังไม่ฟืน้ ตวั ทาให้ประชาชนใหค้ วามสาคัญกบั ปากท้องมากกว่า เรอ่ื งคา่ นิยมทีด่ ีงาม ๓. การดาเนนิ งานของกรมบางครงั้ ตอ้ งดาเนินงานตามนโยบายทางการเมือง ๔. กฎหมายบางฉบับของกรมฯ ยังต้องปรบั ปรุงใหท้ ันตอ่ ความเปลยี่ นแปลงของ สภาพเศรษฐกิจและสงั คม (กรมสง่ เสริมวฒั นธรรม ๒๕๕๔ : ๓๗ ) ๔.๑ การสงวนรักษาเพลงพนื้ บ้านภาคกลางท่ผี า่ นมา อดีตกาลนั้น การสงวนรักษาเพลงพ้ืนบ้านภาคกลาง กระทาผ่านการถ่ายทอด และฝึกฝนวิชา ความรู้และการร้องเพลงพื้นบ้านประเภทต่างๆ ซึ่งจากการสารวจนั้นโดยท่ัวไปผู้ถ่ายทอดเพลงพื้นบ้านภาค กลางคอื ครูเพลง ซ่ึงแบ่งเป็น ๒ กลุ่ม ได้แก่ ครูเพลงที่เป็นศิลปินพ้ืนบ้าน และครูอาจารย์ในสถาบันการศึกษา การวิจัยคร้งั น้ีมงุ่ ศึกษาครเู พลงทเี่ ป็นศิลปินพื้นบ้านเทา่ น้นั จากการสัมภาษณ์พบว่าหวั หนา้ คณะซ่ึงมีอายุมากกว่า ๕๐ ปีทุกคณะเป็นครูเพลงด้วย เช่น นาง เกลียว เสร็จกิจ หรือแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ นางศรีนวล ขาอาจและนายสุจินต์ ชาวบางงาม เป็นต้น แต่ครู เพลงบางคนไมไ่ ดเ้ ปน็ หวั หน้าคณะ เชน่ ครูจารสั อยู่สขุ เปน็ ครเู พลงเรอื และเพลงทรงเคร่ือง บังโซ้ป หรือนาย นกั ชาย จเิ มฆ เปน็ ครูรามะนาและลาตัด เป็นต้น ครูเพลงเหล่านี้ส่วนใหญ่ฝึกหัดเพลงมาตั้งแต่เด็ก แสดงเพลง พน้ื บา้ นตลอดมาจนมีความเชี่ยวชาญ และเริ่มสอนเม่ือมีอายุมากกว่า ๔๐ ปี เช่น แม่ลาจวน สวนแตง แม่คม คาย ชุนตาล เป็นต้น นอกจากมีความรู้ความชานาญในการร้องการแสดงเพลงพื้นบ้านแล้ว บางท่านสามารถ แตง่ เพลงและดน้ เพลงไดด้ ้วย เช่น แม่ขวัญจติ ศรปี ระจันตแ์ ละพอ่ สุจินต์ ศรปี ระจนั ต์ เปน็ ตน้ ครูเพลงเหลา่ นส้ี อนเพลงให้แก่บุคคลทั่วไปทุกเพศทุกวัยทุกระดับ ท้ังในระบบโรงเรียนและนอก ระบบโรงเรียน สอนทั้งศิลปินพื้นบ้าน ศิลปินดารา นักร้องเพลงสมัยใหม่ บุคคลท่ัวไปและนักเรียนนักศึกษา วิธีการคัดเลือกลูกศิษย์ ครูหลายคนจะพิจารณาผู้ฝึกหัดท่ีมีความต้ังใจจริงในด้านการแสดง เช่น แม่คมคาย ชุนตาล ( สัมภาษณ์ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) “นกั เรยี นท่ีมคี วามสนใจ ไม่ได้บงั คับ” แม่นกเล็ก ดาวรุ่ง “ใครก็ ไดท้ สี่ นใจ” ( พยงค์ เทียนแจ่ม สัมภาษณ์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) ท่ีน่าเห็นใจและชื่นชมคือครูส่วนใหญ่ไม่มี
๒๗๓ โอกาสเลือกลูกศิษย์ และครูหลายท่านก็มีความเมตตาสูง ยินดีสอนให้แก่ทุกคนโดยไม่มีการคัดเลือกและ เรียกร้องคา่ ตอบแทน ดงั เชน่ คาให้สัมภาษณ์ เช่น แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ “สมัยก่อน คัดเลือกจากเสียงและ บุคลิกดี แต่ปัจจุบันแค่สนใจก็สอนให้ เพราะไม่มีศิษย์เลือก วิธีสอนเม่ือก่อนก็จะสอนในวันว่างและเอาติด คณะไปดว้ ยตลอด ตามดู ตามไปแสดง แตป่ จั จบุ นั ใชว้ ิธีบันทึกเสียงและวิดีโอไปเป็นต้นฉบับในการฝึกตามเป็น ส่วนใหญ่ คนทรี่ บั ในปัจจบุ นั ส่วนใหญ่รบั ไปเพ่อื เรยี นรู้ ไมไ่ ดร้ บั ไปเป็นอาชีพ ถา้ เปน็ อาชีพก็ต้องเน้นมากหน่อย ...ไม่ได้เลือก แม่รับทุกคนที่เข้ามาหา วิธีสอน ให้ความเป็นกันเอง “หัดก่อนน่ังหน้า หัดช้าน่ังหลัง” ( เกลียว เสรจ็ กิจ สัมภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) แม่ลาจวน สวนแตง “ ใครอยากเล่นก็รับหมด”( ลาจวน เกษม สุข สมั ภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) แมน่ กเอ้ยี ง เสยี งทอง “ลูกศษิ ยส์ ว่ นใหญ่มาสมคั รเอง บางคร้ังเห็นว่า พ่อแม่ยากจนก็จะชวนมา สอนให้มีวิชาติดตัวใช้เล้ียงครอบครัวต่อไป ไม่คิดค่าหัด ค่าสอน ( วิภาวรรณ เทยี นแจ่ม สัมภาษณ์ ๑๒ ธนั วาคม ๒๕๕๖ ) เปน็ ตน้ ครูเพลงส่วนใหญ่สืบทอดเพลงพื้นบ้านจากบุคคลในครอบครัวหรือเครือญาติ และฝึกหัดตั้งแต่ อายยุ งั นอ้ ยเพราะมีใจรักการรอ้ งการราหรือการแสดง ตวั อย่างเช่น แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ( สัมภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) เล่าว่า แรงบันดาลใจในการฝึกหัดเพลงพ้ืนบ้านคือ “อยากท่ีจะร้องรา ชอบการแสดง” เพลงพ้นื บ้านทฝ่ี กึ หดั ครง้ั แรกคือเพลงอีแซว บทออกตวั ขณะนัน้ อายุ ๑๕ ปี “ฝึกกับนา้ ผนั ( นางบัวผัน จันทร์ ศรี ) น้าไหว ( นายไสว สุวรรณประทีป )” แม่ลาจวน สวนแตง ( สัมภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) ก็ ฝึกหัดเพลงพื้นบ้านจากพ่ีสาวเพราะพี่สาวมีวงเล่นเพลงของตัวเอง ขณะน้ันมีอายุ ๑๔ ปี ครูจารัส อยู่สุข (สัมภาษณ์ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) ฝึกหัดเพลงพื้นบ้านเพราะ“ชอบการร้องการเล่นอยู่แล้ว ชอบความ สนุกสนาน เฮฮา” เพลงพ้ืนบา้ นทฝ่ี ึกหดั ครัง้ แรก คือเพลงฉ่อย บทไหว้ครู เรม่ิ ฝกึ หัดเมื่ออายุ ๑๙ ปี กับแม่แกล และพ่อหลง อยู่สุข ซึ่งเป็นบิดามารดาของสามี ส่วนแม่คมคาย ชุนตาล ( สัมภาษณ์ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗) ฝกึ หัดเพลงพนื้ บ้านจากบิดาคือนายสวิง เม่ืออายุ ๑๕ ปี จะเห็นว่าครูเพลงส่วนใหญ่สืบสายเลือดศิลปินเพลง พ้นื บา้ นจากบิดามารดาหรอื ญาติมติ ร เปน็ “การสบื เช้อื เครอื เพลง” กันมาหลายรุ่น สว่ นผู้สบื ทอดทม่ี ีอายนุ ้อยกวา่ ๕๐ ปี บางส่วนสืบทอดจากบิดามารดาและญาติ เช่น นางสาวสธุ า ทิพย์ ธราพร สบื ตอ่ จากมารดา คือแม่ขวญั จติ ศรีประจันต์ นายนิพนธ์ รักรงุ่ “ทวดเป็นเพลงเหน็ ท่านร้องแล้ว ประทับใจ” นางสาวทริ าธร หงษ์โต “ อยากเป็นแมเ่ พลงเก่งเหมอื นยา่ ย่าฝากไว้ก่อนเสยี ( ชวี ติ )” ( สมั ภาษณ์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) ผูส้ ืบทอดกลุ่มนี้มไี ม่มากนกั เปน็ สายเลือดศลิ ปนิ เช่นเดยี วกบั บรรพบุรษุ นับเป็นกาลัง สาคญั ของการสืบทอดเพลงตอ่ ไป อยา่ งไรก็ตามสิ่งทน่ี ่าเป็นห่วงในขณะนคี้ อื ครเู พลงและหัวหนา้ คณะหลาย คณะไม่มีบตุ รหลานที่จะสืบทอดเพลงพื้นบ้าน เช่น แมค่ มคาย ชุนตาล แม่สอ้ิง โชติสวัสดิ์ พ่อบรรจง ทพั วิเศษ ฯลฯ จงึ เปน็ เรื่องทคี่ วรสนใจและให้การสนบั สนนุ ผู้สบื ทอดอีกสว่ นหน่ึงไมใ่ ชส่ ายเลอื ดของครเู พลงแตฝ่ ึกหดั เพราะมีใจรัก ชอบเพลงพ้ืนบ้านเพราะ มีความสนุกสนาน เช่น สิทธิพงค์ พรหมรส ( สัมภาษณ์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) บางคนฝึกหัดเพราะมีแรง บันดาลใจจากการชมการแสดงของครูเพลงศลิ ปนิ แหง่ ชาติแล้วประทับใจ เช่น สุเทพ ลูกสุพรรณ ( สุเทพ อ่อน สะอาด สมั ภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) บางคนเพราะครอบครวั สนบั สนุน เช่น นางสาวพัชรี ศรีเพ็ญแก้ว “เคยดูในแผ่นซีดีที่พ่อเปิดให้ฟัง จึงอยากฝึกหัดร้องเพลง” บางคนเพราะมีใจรักและอยากอนุรักษ์ เช่น
๒๗๔ ณฐั วัฒน์ ศริ ะชัยพงศ์ หรอื เทพทยั ลกู อ่างทอง “ชอบทานอง เน้ือร้องและความงดงามของภาษา” ( สัมภาษณ์ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) ภาคภมู ิ พึง่ เพ็ง “เปน็ ศิลปะทม่ี คี วามไพเราะและควรค่าแก่การอนุรักษ์” ( สัมภาษณ์ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) เปน็ ตน้ ผู้สืบทอดกลมุ่ น้ีจึงจดั เป็นกลุ่มรักษ์เพลงพ้นื บ้านทแ่ี ท้จรงิ การฝึกหัดเพลงพื้นบ้านภาคกลาง ยกเว้นลาตัดที่เป็นสายมุสลิม ผู้ฝึกหัดจะต้องเข้าพิธีครอบครู และไหวค้ รู ท้ังแบบง่าย ๆ เชน่ ยกพานไหวค้ รธู รรมดา ซึง่ มีดอกไม้ธูปเทียนและเงินกานลมอบให้ครู หรือแบบ พิธีการใหญ่ที่ตั้งเครื่องบูชาเหมือนไหว้ครูดนตรีไทยนาฏศิลป์ ดังคาให้สัมภาษณ์ของครูทุกคน เช่น ซ่ึงคณะ เพลงแต่ละคณะจะมีรายละเอียดทแ่ี ตกต่างกันบ้าง เช่น ครูจารัส อยู่สุข พิธีไหว้ครู ครอบครูหรือจับมือ ต้องมี พานไหว้ครู ท่ีใส่หญ้าแพรก ดอกมะเขือ เงิน ๙ สลึง พริกไทย ๗ เม็ด และแป้ง ( สัมภาษณ์ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) เป็นต้น พิธีครอบครูและพิธีไหว้ครูดังกล่าวน้ีศิลปินเพลงพื้นบ้านส่วนใหญ่ยึดถืออย่างเคร่งครัดและ ปฏิบตั สิ ืบต่อกนั มาช้านาน การถ่ายทอดหรือวิธีสอนเพลงพื้นบ้านที่ครูเพลงเกือบทุกคนใช้ตลอดมาคือการให้เน้ือเพลง ทั้ง โดยการจด และบันทึกเสียง แล้วร้องให้ฟังเป็นตัวอย่าง จากนั้นให้นาบทเพลงไปท่องจา แล้วมาร้องให้ครูฟัง เพื่อแนะนา เม่ือร้องได้คล่องแคล่วแล้ว ก็จะสอนให้ราและแสดงท่าทาง หรือสอนตีบท รวมท้ังการใช้มุกตลก ตา่ ง ๆ ( พยงค์ เทยี นแจม่ สมั ภาษณ์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) เช่น แม่นกเอี้ยง เสียงทอง เล่าว่า “ขั้นแรกจะ ให้ท่องเน้ือเพลงบทออกตัวก่อน สอนทานอง พอร้องได้ จึงจะมาไหว้ครูจับข้อมือ ต่อจากน้ันจึงจะให้ร้อง เพลงแต่งตัว ลงกระได ตับหมานิล ตับผ้าลาย ตับควาย และตับอ่ืน ๆ ตามท่ีครูจะให้ท่อง” ( วิภาวรรณ เทยี นแจ่ม สัมภาษณ์ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๖ ) นอกจากนีก้ ็ใหต้ ิดตามไปดเู วลาเล่น เพื่อให้จดจาและลักจาวิธีการ แสดงของพอ่ เพลงแม่เพลงท่ีชานาญแลว้ ( ลาจวน เกษมสุข สัมภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) สิทธิพงค์ พรหมรส เล่าว่าเริ่มฝกึ หดั เมื่ออายุ ๙ ปี ที่บ้านครูเพลง รวมระยะเวลาท่ีฝึกหัด ๑ เดือน โดยเรียนกับครูหลาย คน เช่น ครทู องเลอื่ น ครูขวญั จิต ครเู ลี่ยม ครูชนั ครจู ินตนา ทับมี ครูขาว ครูเขียว ครูไค ครูแวว ครูบัว ครูปัด ครยู น ครใู จ ครูลาจวน ครูจกุ ครชู ดิ ครูลม้ิ ครูโชติ ครูบัวผัน จันทร์ศรี วิธีการสอนของครูเพลง ท่านร้องให้จา บอกจดลงสมุด ( สัมภาษณ์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) ภาพที่ ๑๕๖ แม่ลาจวน ศรีจนั ทร์ ไหวค้ รูก่อนจะสอน ภาพที่ แม่นกเล็ก ดาวรงุ่ สอนด้วยไอแพด ที่มา : บัวผัน สุพรรณยศและคณะ
๒๗๕ การฝึกหัดเพลงพื้นบ้านสมัยก่อนมีความยากลาบากกว่าสมัยน้ี ศิษย์บางคนมีฐานะยากจนและ บ้านอยู่ห่างไกลครู การเดินทางลาบาก ต้องไปขอพักอาศัยอยู่บ้านครูเป็นเวลานานนับปีหรือหลายปี ครูต้อง อบรมส่งั สอนและเลีย้ งดู ศษิ ย์จงึ กลาย “ลูก” หรอื “ลกู ศษิ ย”์ ไปโดยปรยิ าย ความสมั พันธร์ ะหวา่ งครูและศิษย์ จึงใกล้ชิดผูกพันกัน ศิษย์อยู่บ้านครูช่วยทางานบ้านและฝึกหัดเพลงด้วย เม่ือพอแสดงได้บ้างแล้วก็ออกแสดง เปน็ ลูกค่แู ละไดด้ ูได้จดจาเคล็ดลบั การแสดง ส่ังสมประสบการณ์ กว่าจะ “เป็นเพลง” ได้จึงต้องใช้ความอดทน ทุ่มเทอย่างยิ่ง ต้องรักจริงทาจริง ดังคาให้สัมภาษณ์ของครูเพลงหลายคน เช่น แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ แม่ สาเนียง ชาวปลายนา ( การบรรยาย ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) เป็นต้น บางคนบางคณะยังขวนขวายหาวิชา ความรู้เพ่ิมเติม เชน่ แม่อุ่นเรือน ยมเย่ียม “สมัยแม่น่ะฝึกลาบาก แต่จาแม่น ออกเวทีเปรี๊ยะเลย” แม่ศรีนวล ขาอาจ “ฝึกรอ้ งไปเล่นไป ฝึกร้องกะพ่อเตะ๊ พ่อของพอ่ หวัง พ่อหวังสอนคนอ่ืนแต่ไม่สอนแม่เลยนะ แม่ก็ลักจา เอา ...ตอนนั้นค่าตัว ๓๐ บาท ราไมด่ ถี กู เหยียบตีนนะ ...แมน่ าทา่ รานาฏศิลป์มาปรับใช้กับลาตัด ฝึกราโดยจ้าง ครูทองเร่ิมมาสอน สอนต้ังแต่เช้าจนเย็น เต้นเสาด้วย” ( การบรรยาย ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) การอุทิศตน เพื่อฝกึ หัดและฝกึ ฝนตนเองอย่างหนักน่ีเองท่ีทาให้ครูเพลงหลายท่านประสบความสาเร็จในอาชีพศิลปินเพลง พ้ืนบ้าน ปัจจบุ นั บ้านเมืองเจรญิ ขน้ึ ทกุ ด้าน ศิษย์ไม่จาเป็นต้องมาพักอาศัยบ้านครู บางคนมาหาครูที่บ้าน ฝึกหัดแล้วก็กลับบ้านตน หากเป็นเยาวชนท่ีเป็นนักเรียนนักศึกษา ส่วนใหญ่ครูรับเชิญไปสอนให้ที่ สถาบันการศึกษา เช่น สุเทพ อ่อนสอาด เล่าว่าเริ่มฝึกหัดเมื่ออายุ ๑๔ ปี กับครูจารัส อยู่สุข ท่ีวิทยาลัย นาฏศิลป์อ่างทอง ( สัมภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) นอกเหนือจากน้ียังมีอุปกรณ์เคร่ืองมือที่ทันสมัย ศิษย์ หลายคนใช้วิธีบันทึกเสียงครูด้วยโทรศัพท์เคลื่อนท่ีหรือเคร่ืองบันทึกเสียงแทนการจดเนื้อเพลงลงในสมุด จึง สะดวกสบายอย่างยิ่ง แต่ศิษย์บางคนเห็นว่าการจดและจาเป็นวิธีการเรียนรู้ท่ีดี เพราะทาให้จาแม่น ข้อท่ีน่า สงั เกตคอื ผสู้ บื ทอดกลุ่มน้มี จี านวนมากแตท่ ่สี ืบตอ่ เพลงมจี านวนน้อย ดังคาให้สัมภาษณ์ของครูเพลงหลายท่าน เช่น สุวรรณา แจ่มจิตต์ “ ฝึกไว้มาก แต่เม่ือเรียนจบก็เลิกกันหมด” ( สัมภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) อนันต์ สขุ ศรี “ศิษยเ์ ลน่ เพลงไมน่ านก็หยุด และเลิกไป” ( สมั ภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) ฯลฯ ศิลปินเพลงพ้ืนบ้านส่วนใหญ่ยังยึดมั่นในคาสั่งสอนของครูถือเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และ เครื่องเตือนใจที่สาคัญ ข้อห้ามต่างๆ ก็ถือเป็นขนบประเพณีที่ละเมิดไม่ได้ เช่น “เวลาจะเล่นทาใจให้ใหญ่ไว้ ทาใจให้ช้ืน จะว่าได้ฉะฉาน...ห้ามเล่นงานแต่ง เพราะถ้าคู่เขาเลิกกันอาจจะโทษเราและจะไม่มีคนหาไปเล่น อีก”( ลาจวน เกษมสุข สัมภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) “ตอ้ งมคี วามม่นั ใจ กล้าแสดงออก ทาให้ดีท่ีสุด ... หา้ มดถู กู คนดู คนจะมากหรือน้อยต้องแสดงให้เต็มที่” (พัชรี วิมลศิลปิน สัมภาษณ์ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) “จงรักเพลงเหมือนชีวิตของเราเอง... ห้ามเรียกค่าสอนจากลูกศิษย์” ( สิทธิพงค์ พรหมรส สัมภาษณ์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) “ แสดงให้เหมาะกับประเภทของงานท่ีต่างกัน... พรสวรรค์ไม่ดีเท่าพรแสวง... ห้ามเอ่ย วาจากลา่ วหาผรู้ อ้ งฝัง่ ตรงข้ามอย่างเสียหาย” (บุญนาค วรรณระกากิจ สัมภาษณ์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) “ รอ้ งใหถ้ กู ต้อง อกั ขระอยา่ ทิ้ง คาควบกลา้ ปรับปรุงเปล่ียนแปรให้เกล้ียงเกลากลมกลืน ... ห้ามคิดคดกับวิชาที่ แสดง” (ณรงค์ เกิดฉาย สัมภาษณ์ ๒๐ “ห้ามข้ามเครื่องดนตรี ฉิ่ง กรับ อย่าเคาะกับพ้ืน” ( เกลียว เสร็จกิจ สมั ภาษณ์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) “รอ้ งสดุ คา ราสดุ แขน...อยา่ ทรยศอาชีพตัวเอง” (คมคาย ฟุ้งฟู สัมภาษณ์
๒๗๖ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) “ร้องใหเ้ ต็มเสียง ร้องจากใจเรา” (ชตุ พิ ร มณพี ลาย สัมภาษณ์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) และ“หา้ มลบหล่คู รูบาอาจารย์” ( พัชรี ศรีเพ็ญแก้ว สัมภาษณ์ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) “ร้องให้สุดคา รา ให้สุดแขน คนโง่คือคนฉลาด... ห้ามหยาบคายในการแสดง” รุ่งลิขิต ไทรน่ิมนวล สัมภาษณ์ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ) เป็นต้น อนงึ่ ข้อห้ามของคณะเพลงบางคณะอาจแตกต่างกันบ้าง เช่น คณะเพลงพื้นบ้านแถบจังหวัด สพุ รรณบุรแี ละอา่ งทอง หา้ มแสดงในงานแตง่ งานเพราะเกรงจะทาใหค้ สู่ มรสทะเลาะโต้เถยี งกัน ขณะท่ีคณะลา ตัดเชอื้ สายมสุ ลมิ แสดงในงานแตง่ งานได้ อย่างไรกต็ ามคาส่งั สอนและขอ้ ห้ามเหลา่ น้ีล้วนเกี่ยวข้องกับการรักษา กาย วาจา ใจ ให้เหมาะสม แสดงความเคารพครูบาอาจารย์และผู้ชม รวมทั้งให้ยึดม่ันในอุดมการณ์วิชาชีพ เพลงพื้นบา้ นนั่นเอง ต่อมาการดาเนินงานด้านการอนุรักษ์เพลงพ้ืนบ้านอย่างจริงจังตั้งแต่ประมาณปี ๒๕๑๕ เป็นต้นมา กระทาโดยภาครัฐและเอกชน หน่วยงานรัฐกล่าวเฉพาะกระทรวงวัฒนธรรมได้ให้การส่งเสริมสนับสนุนเพลง พื้นบ้านภาคกลางตลอดมา แต่เป็นส่วนหน่ึงของโครงการเท่าน้ัน เช่น โครงการส่งเสริมและประสานงาน เครือขา่ ยทางวฒั นธรรม โครงการแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม โครงการมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ โครงการ ศึกษาวิจัยทางวัฒนธรรม โครงการส่งเสริมการถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรม ค่านิยม วิถีชีวิตและความเป็นไทย โครงการศิลปินแห่งชาติและผู้มีผลงาน ดีเด่นทางวัฒนธรรม โครงการอุดหนุนการวิจัยและโครงการส่งเสริม เผยแพรว่ ัฒนธรรมพ้นื บา้ น เป็นตน้ แมม้ ีนโยบายและแผนงานชัดเจน มีโครงการจานวนมาก แต่เพลงพื้นบ้าน ภาคกลางก็ยังประสบปัญหาขาดผู้ส่งเสริมสนับสนุน ปัจจุบันมีศิลปินแห่งชาติท่ีมีคณะเพลงพ้ืนบ้านเพียง ๑ คนคอื แมข่ วัญจิต ศรีประจันต์ และยังไมม่ ีโครงการส่งเสรมิ เพลงพนื้ บา้ นภาคกลางโดยเฉพาะ สาหรับหน่วยงานภาครัฐอ่ืนๆ ที่มีบทบาทในการสงวนรักษาเพลงพื้นบ้านอย่างจริงจังในปัจจุบัน ได้แก่ สถาบันการศึกษาหลายแห่ง เช่น คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศิลปากร คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลาปาง วทิ ยาลัยนาฏศลิ ป์สพุ รรณบรุ ี โรงเรยี นบางลี่วทิ ยาและโรงเรยี นอทู่ องศึกษาลยั เป็นตน้ ในส่วนของภาคเอกชนมีหนว่ ยงานทมี่ ีบทบาทในการสงวนรักษาเพลงพ้ืนบ้านภาคกลางจานวนหนึ่ง ซึ่งมีส่วนสาคัญในการศึกษา การสร้างสรรค์และการสืบทอดเพลงชนิดต่างๆ อย่างย่ิง เช่น ศูนย์สังคีตศิลป์ ธนาคารกรงุ เทพ สถาบนั คึกฤทธ์ิ ศูนย์มานษุ ยวิทยาสริ นิ ธร ( องค์การมหาชน ) สถานโี ทรทัศน์ไทยพีบีเอส และ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปน็ ตน้ ศิลปินพื้นบ้านถือเป็นบุคคลสาคัญที่มีบทบาทสูงในการสงวนรักษาเพลงพื้นบ้าน ท่ีผ่านมาครูเพลง หวั หนา้ คณะและศลิ ปินท้ังหลายต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างทุ่มเทและเสียสละ ตัวอย่างเช่น นายประสูตร ช่วงเวฬุ วรรณ อทุ ศิ ตนช่วยเหลอื สังคมอยู่เสมอ อาทิ รับแสดงในงานของภาครัฐ เช่น งานอนุรักษ์มรดกไทย งานทั่วๆ ไป งานของอาเภอ งานของจังหวัด งานของโรงพยาบาล งานประเพณีต่างๆ เพื่ออนุรักษ์และเผยแพร่เพลง พื้นบ้าน นอกจากน้ียังจัดกิจกรรมเก่ียวกับเพลงพ้ืนบ้านเป็นประจาทุกปี เช่น งานผู้สูงอายุ ในวันท่ี ๑๙ เมษายน เปน็ ต้น ทน่ี า่ สนใจคือใช้เพลงพ้ืนบ้านเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมภาครัฐต่าง ๆ อย่าง เป็นกลาง เชน่ “การเลือกต้ัง สว” จะใช้เพลงพ้ืนบ้านในการรณรงค์การเลือกตั้ง ไม่ใช้เป็นสื่อโฆษณาให้ฝ่ายใด หรือเบอรใ์ ดเบอร์หน่งึ ( ประสตู ร ชว่ งเวฬุวรรณและวาสนา จิตรบรรจง สัมภาษณ์ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๗ ) สิ่ง
๒๗๗ ทีค่ วรชนื่ ชมคือศิลปนิ เหล่านแ้ี ม้มฐี านะไม่ร่ารวยแตม่ จี ติ สาธารณะและเสียสละสูง หลายคนกล่าวยืนยันว่ายินดี จะถา่ ยทอดความรูใ้ หแ้ กท่ ุกคนโดยไม่คิดมูลค่าใด ๆ เพราะมีใจรักเพลงพื้นบ้านอยากให้คงอยู่คู่สังคมไทย เช่น นางสะอ้ิง โชติสวัสดิ์ กล่าวว่ามีความผูกพันกับเพลงลาตัดมาก เพราะสืบเช้ือสายมาโดยตรง ญาติพ่ีน้องได้ ฝึกหัดกันมาหลายรุ่น ชอบการรอ้ งการรา มีความสขุ ทไ่ี ดแ้ สดง เกรงว่าจะสูญ ตอ้ งการให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ชว่ ยกนั อนรุ กั ษ์สง่ เสริม อาจจะชว่ ยกันจรรโลงให้เพลงพ้ืนบ้านฟ้ืนข้ึนมาได้ อีกทั้งต้องการฝึกสอนเยาวชนที่ สนใจโดยไมห่ วงวชิ า เพ่ือจะไดช้ ว่ ยสบื สานอีกทางหนึง่ ดว้ ย ( สมั ภาษณ์ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๗ ) ๔.๒ การดาเนินงานของผู้วจิ ยั กบั ชมุ ชน ในช่วงระยะเวลาของการดาเนนิ งานวิจัยเร่ืองน้ี คณะผู้วิจัยได้ดาเนินงาน ๒ กิจกรรม ได้แก่ การจัด ค่ายเพาะกล้าพันธุ์เก่งเพลงพ้ืนบ้าน เมื่อวันที่ ๑๕ – ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ ศูนย์ภูมิปัญญาเพลงพ้ืนบ้าน บ้านแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี และจัดประชุมเสวนาหัวข้อ “แนวคิดและแนวทางในการ ปกปอ้ งค้มุ ครองเพลงพ้ืนบ้านภาคกลางในฐานะมรดกภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม” เมอื่ วันจนั ทร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ บ้านแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี รายละเอียดดังเอกสารประกอบการเข้าค่ายและ เอกสารประกอบการประชุมในภาคผนวกท้ายรายงานวจิ ยั น้ี ภาพที่ ๑๕๗ การเสวนาวชิ าการ หัวขอ้ “เพลงพ้ืนบา้ นภาคกลาง: มรดกภูมิปญั ญาทางวัฒนธรรมของประเทศไทยและของโลก” ที่มา : บัวผัน สพุ รรณยศและคณะ
๒๗๘ ภาพท่ี ๑๕๘ การเสวนา หวั ขอ้ “ แนวคิดและแนวทางในการปกป้องคมุ้ ครองเพลงพนื้ บา้ นภาคกลางในฐานะมรดกภูมปิ ญั ญา ทางวฒั นธรรมของไทย” และการประชมุ เพ่อื ตรวจสอบ ยืนยนั และใหฉ้ ันทามตติ อ่ การเสนอขึน้ ทะเบียนเพลงพืน้ บ้านภาคกลาง เป็นมรดกภูมปิ ญั ญาทางวัฒนธรรมของชาติและของโลก ทีม่ า : บัวผัน สพุ รรณยศและคณะ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ อนึ่ง คณะผวู้ ิจัยได้ดาเนนิ งานด้านการอนุรักษ์เพลงพ้ืนบ้านภาคกลางร่วมกันมากว่า ๑๐ ปี ทั้งด้าน วชิ าการและด้านกจิ กรรมการแสดง ตัวอย่างเชน่ การเข้าร่วมโครงการประกวดเพลงพ้ืนบ้านภาคกลาง ต้ังแต่ปี
๒๗๙ ๒๕๔๗ – ๒๕๕๔ การร่วมงานเสวนาวิชาการ โครงการเดินตามรอยครูเชิดชูเพลงเก่า น้อมเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คร้ังท่ี ๑ เม่ือวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๐ ณ หอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร หอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพฯ และร่วมกัน ก่อตั้ง “ กลุ่มรักษ์เพลงพ้ืนบ้าน” ซึ่งต่อมาเป็น “ ชมรมรักษ์เพลงพ้ืนบ้าน” การฝึกหัดและแสดงเพลงอีแซว ทรงเครอื งเรอื ง “พระเวสสนั ดร” ในงานโครงการเดินตามรอยครูเชิดชูเพลงเก่า น้อมเกล้าฯ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว คร้ังท่ี ๒ ซ่ึงกองส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยร่วมกับศูนย์ มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) จัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๑ ณ ศูนย์มานุษยวิทยา สริ ินธร ผลของการดาเนินงานทาให้เพ่ิมจานวน “กลุ่มรกั ษ์เพลงพ้ืนบา้ น” และเกิดชมรมและคณะเพลงพื้นบ้าน ในสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล คณะ อักษรศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศิลปากร และมหาวทิ ยาลัยนเรศวร เป็นตน้ การรว่ มกันแสดงเพลงทรงเครือง เรือง “พระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือ” นาแสดงโดย แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ พ่อสุจินต์ ชาวบาง งาม น้าโย่ง เชิญย้ิม และเยาวชนเพาะกล้าพันธุ์เก่ง เพลงพ้ืนบ้าน รุ่นท่ี ๑ ในงานโครงการเดินตามรอยครู เชิดชูเพลงเก่า น้อมเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คร้ังที่ ๔ ซึ่งกองส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยร่วมกับรายการไทยโชว์ สถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ( ไทยพีบีเอส ) จัดข้ึนเม่ือวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ หอประชุมมหาวทิ ยาลยั หอการค้าไทย การร่วมมือกันดาเนินโครงการเพาะกล้าพันธ์ุเก่ง เพลงพน้ื บา้ น คร้งั ท่ี ๑ และครั้งที่ ๒ เม่ือปี ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ เปน็ ตน้ ตัวอย่างภาพกจิ กรรม
๒๘๐
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 567
Pages: