Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เพลงพื้นบ้านภาคกลาง

เพลงพื้นบ้านภาคกลาง

Description: เพลงพื้นบ้านภาคกลาง.

Search

Read the Text Version

๔๐๔ ต้องไม่ได้ หรือการใช้ประโยชนใ์ นเชงิ พาณิชย์แบบไมเ่ หมาะสม นอกจากนี้ ยังเป็นการยืนยันบทบาท ของปร ะเทศไ ทยใน เวทีโลกต่อการ ดาเนิน งาน เรื่ องการ สงวนรักษามร ดกทางวัฒน ธรร มท่ีจับต้อง ไม่ได้ ทง้ั ยงั มีสิทธใิ นการเสนอรายการเพ่อื ประกาศเป็นตวั แทนของมรดกวฒั นธรรมที่จับต้องไม่ได้ของ มนุษยชาติ หรือรายการมรดกวฒั นธรรมทีจ่ ับต้องไม่ไดซ้ ึ่งจาเปน็ ต้องได้รับการสงวนรักษาอย่างเรง่ ด่วน รวมทั้งสามารถเสนอแผนงาน โครงการ และกิจกรรมต่างๆเพื่อขอความช่วยเหลือจาก องค์การยูเนสโกไดอ้ ีกด้วย เปน็ ต้น พูดง่ายๆว่าการร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาฯฉบับนี้ของไทยจะเป็นการยืนยันบทบาทของ ประเทศไทยในเวทโี ลกต่อการดาเนินงานเร่อื งการสงวนรกั ษามรดกทางวัฒนธรรมท่จี บั ต้องไมไ่ ด้ และ รองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ.๒๕๕๘ ซ่ึงมีความจาเป็นอย่างยิ่งที่แต่ละประเทศจะต้อง รักษาอัตลักษณ์ของตนเอง โดยมีมรดกทางวัฒนธรรมท่ีจับต้องไม่ได้เป็นเครื่องมือสาคัญในการแสดง ตัวตนของคนไทย จากเหตุผลข้างต้น กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะท่ีได้รับ มอบหมายใหด้ าเนนิ การเรอ่ื งนี้ จงึ ได้นาเสนอเรอื่ งดงั กล่าวต่อคณะรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีได้มีมติ เม่อื วันที่ ๔ มถิ ุนายน พ.ศ.๒๕๕๖ ท่ีผ่านมา เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการ สงวนรกั ษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไมไ่ ด้ ทง้ั นี้ เม่อื รัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ซ่ึงก่อนหน้าจะมี การยุบสภาเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ การดาเนินการดังกล่าวอยู่ระหว่างการนาเสนอต่อ รัฐสภาให้ความเห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกทาง วัฒนธรรมที่จับตอ้ งไม่ได้ ตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญฯ และผลจากการยบุ สภาดงั กล่าว กระบวนการเพอื่ เข้ารว่ มภาคอี นสุ ัญญาฯฉบับนี้ จะต้อง ชะลอไปก่อน จนกว่าจะมีรัฐสภาใหม่ และเริ่มต้นตามข้ันตอนกฎหมายตอ่ ไป ๕. อนุสัญญาว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ขององค์การยูเนสโก และร่าง พ.ร.บ.วา่ ดว้ ยมรดกทางวัฒนธรรมทีจ่ ับต้องไม่ได้ พ.ศ. .... มสี ่วนเกี่ยวขอ้ งกันอยา่ งไร ในระหว่างการดาเนินการเพื่อเข้าเปน็ ภาคสี มาชกิ “อนสุ ญั ญาว่าดว้ ยมรดกทางวัฒนธรรม ทีจ่ ับตอ้ งไมไ่ ด้” นี้ ทางกรมส่งเสรมิ วัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กไ็ ด้ดาเนินการจัดทา “ร่าง พ.ร.บ. วา่ ด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ. ....” ควบคู่กันไปด้วย เนื่องจากพันธกิจหน่ึงของการ เข้าร่วมเปน็ ภาคอี นุสญั ญาว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ขององค์การยูเนสโกได้กาหนดให้ ประเทศสมาชิกต้องมีบทบาทในการดาเนินการมาตรการที่จาเป็นเพ่ือประกันว่าจะมีการสงวนรักษา มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ในอาณาเขตของตน (Article ๑๑ – Role of States Parties) ซ่ึง เม่อื พจิ ารณากฎหมายหรือระเบยี บตา่ งๆทีม่ อี ย่ใู นปัจจุบัน จะเห็นว่าแม้ประเทศไทยเราจะมีกฎหมายที่ บัญญัติหลักการคุ้มครองมรดกทางภูมิปัญญาอยู่หลายฉบับ เช่น พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวตั ถแุ ละพิพิธภณั ฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ และฉบับแก้ไขอ่ืนๆ พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริม

๔๐๕ ภมู ปิ ญั ญาทางการแพทยแ์ ผนไทย พ.ศ.๒๕๔๒ เป็นต้น แต่กย็ งั ไม่มกี ฎหมายทีค่ รอบคลุมหรือเน้นเรื่อง มรดกทางวฒั นธรรมทีจ่ บั ต้องไม่ได้โดยตรงอยา่ งชดั เจน ดังน้ัน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและรองรับการเข้าสู่การเป็นภาคีสมาชิก อนสุ ญั ญาฯฉบบั นี้ จงึ ได้มกี ารจัดทาร่าง พ.ร.บ.วา่ ดว้ ยมรดกทางวฒั นธรรมทีจ่ บั ต้องไม่ได้ ขนึ้ มา พดู ง่ายๆก็คือ ภายในประเทศ เราได้จัดทาร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เพื่อเตรียมการล่วงหน้า ส่วนทางด้าน ต่างประเทศ เราก็ได้ดาเนินการตามข้ันตอนเพื่อเตรียมสมัครเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ กับองค์การ ยเู นสโก เมอื่ ผา่ นความเห็นชอบของรัฐสภาของเราแล้ว เป็นการดาเนินการควบคกู่ นั ไป เนอ่ื งจากอนสุ ญั ญาฯของยูเนสโก เป็นอนสุ ัญญาทม่ี ีเนือ้ หาสาระคอ่ นข้างเปิดกวา้ ง เพ่ือให้ ประเทศที่เป็นภาคีสมาชิกสามารถนาไปเป็นประยุกต์ให้เป็นแนวปฏิบัติ หรือมาตรการที่เหมาะสมกับ บริบททางสังคมและวัฒนธรรมของแต่ละประเทศได้โดยมิได้บังคับ ดังน้ันในการร่าง พ .ร.บ.ฉบับนี้ ประเทศไทยมไิ ด้นาเน้ือหาสาระของอนุสัญญาวา่ ด้วยการสงวนรักษามรดกทางวฒั นธรรมทีจ่ บั ตอ้ งไมไ่ ด้ ของยูเนสโกมาทั้งหมด แต่นาเน้ือหาในส่วนท่ียังไม่มีกฎหมายรองรับเป็นแนวทางในการยกร่าง กฎหมาย เช่น การจัดทาทะเบียน การสนับสนุนให้เกิดการศึกษาวิจัย การส่งเสริมให้มีการถ่ายทอด การเข้าถึงมรดกทางวัฒนธรรมท่จี บั ต้องไม่ไดโ้ ดยเคารพต่อจารตี และวิถปี ฏบิ ตั ขิ องชุมชน ............................ ร่างพระราชบัญญัตวิ ่าด้วยมรดกทางวฒั นธรรมทจ่ี บั ตอ้ งไม่ได้ พ.ศ. .... เขยี นโดย กล่มุ บรหิ ารจดั การมรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม วนั พฤหัสบดที ่ี ๒๔ เมษายน ๒๐๑๔ เวลา ๑๖:๒๘ น. สว่ นท่ี ๓ ร่างพระราชบัญญตั ิวา่ ดว้ ยมรดกทางวัฒนธรรมที่จบั ต้องไมไ่ ด้ พ.ศ. .... ๑. การจัดทาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ. .... และ ขนั้ ตอนการดาเนนิ งาน กระทรวงวัฒนธรรมโดยกรมสง่ เสริมวัฒนธรรม ได้ร่วมกบั มูลนธิ ิสถาบนั วิจยั กฎหมาย ดาเนนิ การศกึ ษาวิจยั และจดั ทาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ. .... ข้ึน เพ่ืออนุรักษ์ ฟ้ืนฟู คุ้มครองและส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมท่ีเป็นวัฒนธรรมท่ีจับต้อง ไม่ได้ ได้แก่ ศิลปะการแสดง งานช่างฝีมือดั้งเดิม วรรณกรรมพื้นบ้าน กีฬาภูมิปัญญาไทย แนว ปฏิบัติทางสังคมพิธีกรรมและงานเทศกาล ความรู้และแนวปฏิบัติเก่ียวกับธรรมชาติและจักรวาล

๔๐๖ และ ภาษา ซง่ึ กฎหมายที่ไดป้ ระกาศใชบ้ งั คบั อยูแ่ ล้วในปจั จบุ ัน ยงั ไม่ครอบคลุมการคุ้มครองมรดก ทางวัฒนธรรมทีจ่ บั ตอ้ งไม่ไดด้ ังกล่าว โดย ร่างพระราชบญั ญตั ิวา่ ด้วยมรดกทางวัฒนธรรมท่ีจับต้อง ไมไ่ ด้ พ.ศ. .... มีองคป์ ระกอบทง้ั หมด แบ่งเปน็ ๗ หมวดและบทเฉพาะกาล รวมทัง้ หมด ๔๖ มาตรา (ดู รายละเอียดในร่างพระราชบญั ญัตทิ ีแ่ นบทา้ ย) รา่ งพระราชบัญญตั ิว่าดว้ ยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ .... ได้ถูกบรรจุไว้ ในแผนการตรากฎหมายท่ีจาเป็นต่อการดาเนินงานตามนโยบายและแผนการบริหารราชการ แผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๘ (แผนนิติบัญญัติ) ตามท่ีสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสานัก เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเม่ือวันท่ี ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ และให้ส่วนราชการท่ีเกี่ยวข้องปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนดังกล่าว กระทรวงวัฒนธรรม จึง ตอ้ งเร่งรดั การตรา กฎหมาย ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมท่ีจับต้องไม่ได้ พ.ศ. .... ฉบบั น้ี ภายในปี ๒๕๕๗ เพอ่ื ใหท้ ันตามแผนนติ บิ ญั ญัตดิ งั กล่าว คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ในการประชุมคร้ังที่ ๒/๒๕๕๖ เม่ือวันท่ี ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ มีมติเห็นชอบในหลักการให้เสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยมรดกทาง วฒั นธรรมท่จี บั ตอ้ งไมไ่ ด้ พ.ศ. ....ต่อคณะรัฐมนตรี กระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จึงเสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วย มรดกทางวัฒนธรรมท่ีจับต้องไม่ได้ พ.ศ. .... ต่อคณะรัฐมนตรี เพ่ือพิจารณาเห็นชอบในหลักการ โดยคณะรัฐมนตรไี ด้พิจารณา เรื่อง เสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้อง ไม่ได้ พ.ศ. .... โดยมีมติเมือ่ วนั ท่ี ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ดงั น้ี ๑. อนมุ ัตหิ ลกั การรา่ งพระราชบญั ญัติว่าดว้ ยมรดกทางวฒั นธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสานักงานคณะกรรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎร พจิ ารณาตอ่ ไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมดาเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างความ ตระหนักรใู้ ห้แกห่ นว่ ยงานทีเ่ กี่ยวข้องและสาธารณชนเก่ยี วกบั เรือ่ งมรดกทางวัฒนธรรมทั้งท่ีจับต้อง ได้และไมไ่ ด้ ปัจจบุ นั (เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๗) ร่างพ.ร.บ.ฉบับน้ี ยังอยู่ท่ีสานักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพจิ ารณา และยงั รอดาเนนิ การตามขน้ั ตอนกฎหมายอยู่ ๒. ความจาเป็นท่ีต้องมีร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมท่ีจับต้อง ไมไ่ ด้ พ.ศ. ....

๔๐๗ สาหรับเหตุผล และความจาเป็นท่ีต้องมีร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยมรดกทาง วัฒนธรรมที่จับตอ้ งไมไ่ ด้ พ.ศ. .... ตามท่กี ระทรวงวัฒนธรรมได้เสนออยา่ งเป็นทางการ ก็คอื ๑. เป็นกฎหมายสาคญั ในการดูแล ปกปอ้ งมรดกทางวฒั นธรรมทีจ่ ับต้องไม่ได้ ซ่ึงควร ได้รับการคุ้มครองและส่งเสริมอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ รวมถึงการส่งเสริมสิทธิของ ชุมชนในการอนรุ ักษ์ ฟื้นฟู จัดการ บารุงรกั ษามรดกทางวฒั นธรรมที่จบั ต้องไมไ่ ดข้ องตนให้ดารงอยู่ อยา่ งย่ังยืน ๒.เพ่ือเป็นมาตรการเพ่ือรองรับพันธกรณีในอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามร ดก วฒั นธรรมทจ่ี ับต้องไมไ่ ด้ของยเู นสโก เมื่อประเทศไทยเขา้ ร่วมเปน็ ภาคีสมาชกิ อนสุ ัญญาดังกลา่ ว ๓. สาระสาคัญของร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ. .... สาหรับเนื้อหาของรา่ งพระราชบัญญตั ิวา่ ดว้ ยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ. .... ท่ีไดจ้ ดั ทาเป็นร่างกฎหมายจะเป็นเร่อื งเกี่ยวกับ ๑.การคุ้มครองและส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ท่ีเป็นองค์ความรู้และ ภมู ปิ ัญญาดั้งเดิมทมี่ อี าณาเขตอยใู่ นประเทศไทย ๒. การอนุรกั ษ์ ฟนื้ ฟู ปกปอ้ ง ส่งเสริม และสืบทอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาที่เป็นมรดก ทางวฒั นธรรม ๓. การป้องกนั การนาองค์ความร้หู รอื ภูมิปัญญาดั้งเดิมของมรดกทางวัฒนธรรมท่ีจับ ต้องไม่ได้ไปใช้ประโยชน์อย่างไม่เหมาะสม ไม่เคารพเจ้าของภูมิปัญญาดั้งเดิม หรือเพ่ือแสวงหา ประโยชน์ในทางธุรกจิ รา่ งพระราชบัญญัติว่าดว้ ยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับตอ้ งไมไ่ ด้ พ.ศ. ....ที่นาเสนอน้ีจะ แบ่งเปน็ ๗ หมวด และบทเฉพาะกาล รวม ๔๖ มาตรา โดยมีหลักการประกอบด้วย คณะกรรมการ คุ้มครองและส่งเสรมิ มรดกทางวฒั นธรรมท่จี ับต้องไม่ได้ระดบั ชาตแิ ละระดับจงั หวัดการจัดทา ทะเบียนของจังหวัด การขึ้นทะเบียนของชาติ การคุ้มครองและส่งเสริมมรดกทาง วฒั นธรรมท่จี ับตอ้ งไมไ่ ด้ และบทลงโทษ ...................... ( ที่มา hhttp://www.culture.go.th แก้ไขล่าสุด ใน วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ เมษายน ๒๐๑๔ เวลา ๑๘:๐๒ น.)

๔๐๘ ข้อมูลประกอบการพจิ ารณาเสนอรายการมรดกภมู ิปัญญาทางวัฒนธรรมเพื่อประกาศ ขนึ้ ทะเบียน “มรดกภูมปิ ญั ญาทางวฒั นธรรม” หมายถงึ การปฏิบัติ การแสดงออก ความรู้ ทักษะ ตลอดจนเครื่องมือ วัตถุ ส่ิงประดิษฐ์ และพ้ืนท่ีทางวัฒนธรรมท่ีเกี่ยวเน่ืองกับส่ิงเหล่านั้น ซ่ึงชุมชน กลุม่ ชน และในบางกรณีปัจเจกบคุ คล ยอมรับว่าเป็นสว่ นหน่งึ ของมรดกทางวฒั นธรรมของตน มรดก ภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรมซ่ึงถา่ ยทอดจากคนร่นุ หน่ึงไปยังคนอีกรุ่นหน่ึงนี้ เปน็ สิ่งซ่งึ ชมุ ชนและกลุ่มชน สรา้ งขน้ึ ใหมอ่ ยา่ งสม่าเสมอ เพื่อตอบสนองตอ่ สภาพแวดล้อมของตน เปน็ ปฏสิ มั พันธ์ของพวกเขาท่ีมี ต่อธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ของตน และทาให้คนเหล่านั้นเกิดความรู้สึกมีอัตลักษณ์ และความ ตอ่ เนอ่ื ง ดังนนั้ จงึ ก่อให้เกดิ ความเคารพต่อความหลากหลายทางวัฒนธรรม และการคิดสร้างสรรค์ ของมนุษย์ ๑. วตั ถุประสงค์ ๑.๑ เพอ่ื บนั ทกึ ประวตั คิ วามเป็นมา ภมู ิปัญญา และอัตลักษณ์ของมรดกภูมิปัญญา ทางวัฒนธรรม ๑.๒ เพ่ือเปน็ ฐานขอ้ มลู สาคญั เกย่ี วกับมรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรมที่อยู่ในอาณา เขตของประเทศไทย ๑.๓ เพื่อเสริมสร้างบทบาทสาคัญ และความภาคภูมิใจของชุมชน กลุ่มคน หรือ บคุ คล ท่เี ปน็ ผ้ถู อื ครองมรดกภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรม ๑.๔ เพ่ือส่งเสริมและพัฒนาสิทธิชุมชนในการอนุรักษ์ สืบสาน ฟื้นฟู และปกป้อง คมุ้ ครองมรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรมของทอ้ งถ่นิ และของชาติ ๑.๕ เพอื่ รองรับการเข้าเปน็ ภาคีอนสุ ัญญาเพือ่ การสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมท่ีจับ ต้องไมไ่ ด้ของยูเนสโก ๒. สาขาของมรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม ๒.๑ ศิลปะการแสดง หมายถึง การแสดงดนตรี รา-เต้น และละครท่ีแสดงเป็น เรื่องราว ทัง้ ทเ่ี ปน็ การแสดงตามขนบแบบแผน มีการประยกุ ตเ์ ปล่ยี นแปลง และ/หรือ การแสดงร่วม สมัยการแสดงท่ีเกิดข้ึนน้ัน เป็นการแสดงสดต่อหน้าผู้ชม และมีจุดมุ่งหมายเพ่ือความงาม ความ บนั เทงิ และ/หรอื เปน็ งานแสดงท่กี ่อให้เกิดการคดิ วิพากษ์ นาสูก่ ารพัฒนาและเปล่ียนแปลงสงั คม ๒.๒ ง ๒.๒งานชา่ งฝมี อื ดั้งเดมิ หมายถึง ภูมิปัญญา ทักษะฝีมือช่าง การเลือกใช้วัสดุ และ กลวิธีการสร้างสรรค์ที่แสดงถึงอัตลกั ษณ์ สะท้อนพัฒนาการทางสงั คม และวฒั นธรรมของกลุ่มชน

๔๐๙ ๒.๓ วรรณกรรมพนื้ บา้ น หมายถึง วรรณกรรมทถี่ ่ายทอดอยู่ในวถิ ชี วี ติ ชาวบา้ น โดย ครอบคลมุ วรรณกรรมที่ถ่ายทอดโดยวิธีการบอกเล่า และท่เี ขียนเป็นลายลักษณอ์ ักษร ๒.๔ กฬี าภูมปิ ัญญาไทย หมายถึง การเล่น กีฬาและศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว ท่ีมี การปฏบิ ัติกนั อยใู่ นประเทศไทยและมเี อกลกั ษณ์สะทอ้ นวิถไี ทย แบ่งออกเป็น๓ ประเภท คือการเล่น พนื้ บ้าน กีฬาพ้ืนบา้ น และศลิ ปะการตอ่ สู้ป้องกันตัว ๒.๕ แนวปฏบิ ตั ิทางสงั คม พธิ ีกรรม และงานเทศกาล หมายถึง การประพฤติปฏิบัติ ในแนวทางเดยี วกันของคนในชมุ ชนที่สบื ทอดต่อกันมาบนหนทางของมงคลวถิ ี นาไปสู่สังคมแห่งสันติ สขุ แสดงให้เหน็ อตั ลกั ษณข์ องชมุ ชนและชาตพิ ันธ์นุ ้ันๆ ๒.๖ ความรู้และแนวปฏิบัติเก่ียวกับธรรมชาติและจักรวาล หมายถึง องค์ความรู้ วธิ ีการ ทักษะ ความเชอื่ แนวปฏิบัติและการแสดงออกที่พัฒนาขึ้นจากการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างคน กับสภาพแวดลอ้ มตามธรรมชาตแิ ละเหนอื ธรรมชาติ ๒.๗ ภาษา หมายถึง เครือ่ งมอื ท่ีใช้ส่อื สารในวถิ กี ารดารงชีวิตของชนกลุ่มต่าง ๆ ซึ่ง สะท้อน โลกทศั น์ ภูมปิ ัญญา และวัฒนธรรมของแตล่ ะกลมุ่ ชน ท้ังเสยี งพดู ตัวอกั ษร หรือสัญลักษณ์ ทใ่ี ชแ้ ทนเสียงพดู โดยจาแนกตามหน้าที่ทางสงั คม ๓. เกณฑ์การพิจารณาเสนอรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเพ่ือประกาศข้ึน ทะเบียนของชาติ ๓.๑ เปน็ มรดกภูมปิ ญั ญาทางวฒั นธรรมในสาขาศิลปะการแสดง สาขางานช่างฝีมือ ดง้ั เดมิ สาขาวรรณกรรมพ้ืนบ้าน สาขากฬี าภูมปิ ญั ญาไทย สาขาแนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม และ งานเทศกาล สาขาความรูแ้ ละแนวปฏบิ ัติเกย่ี วกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล และสาขาภาษา ๓.๒ มคี วามโดดเด่นเปน็ เอกลกั ษณ์ทางด้านประวัตศิ าสตร์และด้านวัฒนธรรม และ มคี ณุ ลักษณะบง่ บอกความเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรมของทอ้ งถิ่นหรือของประเทศชาติ ๓.๓ มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ วิชาการ ศิลปะ คุณค่าทางจิตใจ คุณค่าเชิง สร้างสรรค์ หรือผลงานควรคา่ แกก่ ารรักษาไว้ ๓.๔ มีการบันทึกหลักฐานหรือสามารถอ้างอิง/สืบค้นองค์ความรู้ภูมิปัญญาดั้งเดิม ของวฒั นธรรม ๓.๕ มีความจาเป็นตอ้ ง

๔๑๐ เอกสารแนบท่ี ๖ เอกสารประกอบการเขา้ คา่ ย “ เพาะกล้าพันธุ์เก่งเพลงพ้ืนบา้ น” โครงการเพลงพนื้ บา้ นภาคกลาง ไดร้ ับการสนับสนนุ ทนุ วิจยั ประจาปี ๒๕๕๗ จากกรมสง่ เสรมิ วฒั นธรรม

๔๑๑ คานา เอกสารฉบับน้จี ัดข้นึ เพอื่ ใชใ้ นการเข้าค่ายเพาะกล้าพนั ธุ์เก่งเพลงพน้ื บา้ น โครงการเพลงพน้ื บ้าน ภาคกลาง เนือ้ หาประกอบด้วยรายละเอียดของโครงการ กาหนดการ ความรูเ้ กี่ยวกับประวัตคิ วามเป็นมาและ ลักษณะการร้องเพลงพื้นบา้ น ๕ ชนิด ไดแ้ ก่ เพลงฉอ่ ย เพลงทรงเครอื่ ง เพลงเรอื เพลงอีแซวและลาตดั นอกจากจะเปน็ ประโยชน์ต่อการอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการแกผ่ ูส้ บื ทอดเพลงพนื้ บา้ นแล้ว ขอ้ มลู เพลงพ้ืนบา้ นภาคกลางในเอกสารนีเ้ ม่ือผา่ นการตรวจสอบ ยนื ยันและลงฉันทมติจากครูเพลง และผูส้ บื ทอดแล้ว จะถือเป็นข้อมูลหลกั ฐานของการรวบรวมและจัดเกบ็ มรดกภมู ิปัญญาทางวัฒนธรรม เร่ือง เพลงพ้นื บา้ นภาคกลาง ซง่ึ กรมสง่ เสรมิ วัฒนธรรมจะนาเสนอยเู นสโกเพอื่ จดทะเบยี นเป็นมรดกภูมปิ ัญญาทาง วัฒนธรรมของชาตแิ ละของโลกในโอกาสตอ่ ไป คณะกรรมการดาเนินงานคา่ ยเพาะกลา้ พันธเ์ุ กง่ เพลงพ้นื บา้ น ขอขอบคุณกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวฒั นธรรม ท่มี อบทนุ สนับสนุนการดาเนินงาน ขอขอบพระคณุ ครเู พลงและวทิ ยากรทุกทา่ น ที่เมตตา มอบความร้ตู ่าง ๆ เพือ่ ให้ “เมล็ดพันธ์ุ” และ “ตน้ กล้าพันธเุ์ ก่งเพลงพ้ืนบา้ น” ทกุ คนไดเ้ รยี นรแู้ ละฝึกฝน และกรุณาสละ “ทรพั ย์สนิ ทางปญั ญา” ของท่านเพอื่ ประโยชนแ์ ก่ชาติและมนุษยชาติ หวงั เปน็ อย่างยิง่ ว่าเอกสารนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผ้เู กย่ี วขอ้ งทกุ คน ทั้งในด้านการพิทักษ์รกั ษา การ สง่ เสรมิ การศึกษา การสรา้ งสรรค์และการสืบสานเพลงพน้ื บ้านภาคกลางของไทยให้เจรญิ งอกงามย่งิ ขนึ้ บวั ผัน สุพรรณยศและคณะ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เพลงอแี ซวเชิญเขา้ ค่ายเพาะกล้า ๕๗ เอ๊ย..ชาติเรามีศักด์ิศรเี พราะคนดสี ร้างสรรค์ ผลกิ ล้าจากกอเดียวกนั งามกิ่งกา้ นหอมไกล มารว่ มแลกเปลี่ยนเรียนรู้สู่ออ้ มอกครหู ลายหลาก มาเติมรักจากรากเพ่ิมพลงั หลง่ั ไหล มาเกบ็ องคค์ วามรู้แลว้ เลา่ สูส่ งั คมโลก ครูของเราไม่เศร้าโศกเพราะลูกศษิ ย์สืบสาย ห่วงมรดกแห่งแผน่ ดนิ จะสญู ส้นิ ให้อาดรู ต้องช่วยเพาะให้เพม่ิ พูนตอ้ งเผยแพรเ่ พ่ือปลอดภัย ต้นพันธ์ุเพลงพน้ื บ้านจะผลบิ านใบระบดั ..เอย.. เปน็ ภมู ิปญั ญามนษุ ยชาติยูเนสโกประกาศชัย..เอย.. บัวผัน สุพรรณยศ ๒ กรกฎาคม ๕๗

สารบญั ๔๑๒ คานา หนา้ สารบญั โครงการค่ายเพาะกล้าพนั ธเุ์ กง่ เพลงพ้นื บา้ น ๔ กาหนดการ ๗ รายนามผู้เขา้ ร่วมโครงการ ๑๐ ระเบยี บการคา่ ยเพาะกล้าพนั ธุเ์ ก่งเพลงพ้ืนบ้าน ๒๐ เพลงพน้ื บ้านภาคกลาง ๒๑ ๒๑ เพลงฉอ่ ย ๒๙ เพลงทรงเคร่อื ง ๓๓ เพลงเรือ ๓๖ เพลงอีแซว ๔๐ ลาตัด ๔๗ บรรณานกุ รม ๔๘ บนั ทกึ องค์ความรู้ ๕๓ แผนผงั สายตระกลู ครเู พลง ๕๕ รายนามคณะกรรมการดาเนินงาน

๔๑๓ ค่ายเพาะกลา้ พันธุ์เก่งเพลงพื้นบา้ น โครงการเพลงพืน้ บ้านภาคกลาง ได้รบั การสนับสนุนทนุ วจิ ัย ประจาปี ๒๕๕๗ จากกรมส่งเสริมวฒั นธรรม ช่ือโครงการ ค่ายเพาะกล้าพนั ธ์เุ ก่งเพลงพ้นื บ้าน โครงการเพลงพ้ืนบา้ นภาคกลาง ท่ีปรึกษา ๑. อธบิ ดีกรมสง่ เสรมิ วฒั นธรรม ๒. ผู้อานวยการสถาบนั วฒั นธรรมศกึ ษา ๓. แมข่ วัญจิต ศรปี ระจนั ต์ ๔. อาจารย์เอนก นาวิกมลู ๕. รองศาสตราจารย์สกุ ัญญา สจุ ฉายา ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงการ ๑. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์บัวผัน สุพรรณยศ ๒. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. กิตติศกั ดิ์ เกดิ อรุณสขุ ศรี ๓. อาจารยม์ ณทริ า ตาเมือง ๔. นาวาอากาศโทสมบัติ สมศรีพลอย ๕. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. อภิลักษณ์ เกษมผลกูล ๖. ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์โอฬาร รตั นภกั ดี หลกั การและเหตผุ ล ภาคกลางของไทยเป็นแหล่งขมุ ทรพั ย์ภมู ปิ ญั ญาดา้ นเพลงพืน้ บ้าน ดงั จะเห็นไดจ้ ากผลการรวบรวม ขอ้ มลู ภาคสนามของ เอนก นาวิกมูล เมื่อประมาณปี ๒๕๒๑ พบว่ามีถงึ ๔๕ ชนดิ ( เพลงนอกศตวรรษ ,๒๕๕๐, คานา ) ขอ้ มลู เกี่ยวกบั เพลงพ้นื บา้ นภาคกลางทั้งท่ีเปน็ “เพลงเก่า” ท่ีรวบรวมแล้วและยังไม่ได้ รวบรวม และ “เพลงใหม”่ ทย่ี งั ไมไ่ ดร้ วบรวม ลว้ นเปน็ ข้อมลู ที่มคี วามสาคญั และน่าสนใจ โดยเฉพาะมีแนวโน้ม อย่างย่ิงทจ่ี ะสญู หาย เพราะวฒั นธรรมไทยนบั วนั จะยงิ่ “ออ่ นแอ” และผู้สืบทอดกย็ ิง่ “อ่อนล้า” ดว้ ยเหตทุ ภ่ี าคกลางเปน็ “แหลง่ อ่ขู า้ วอู่น้า” ทส่ี มบรู ณเ์ พียบพรอ้ ม จงึ เป็นทีท่ ่ีรองรับผคู้ นจากหลาย ท่หี ลายถิ่น หลายชาติพันธ์ุ และยงั เปน็ “ แอง่ น้าใหญ่” ที่สายธารวฒั นธรรมอนั หลากหลายไหลทะลักเข้ามา หลอมรวมปะปนโดยง่าย เพลงส่วนใหญต่ ้านกระแสวฒั นธรรมข้ามชาตไิ มไ่ หวก็ลา้ เส่ือมและสญู ไปอยา่ งนา่ เสยี ดาย ปัจจุบันเพลงพนื้ บา้ นภาคกลางยงั คงเหลอื เพียงไมก่ ี่ชนดิ เช่น เพลงฉ่อย เพลงอแี ซว ลาตัด และเพลง เรอื เหตุที่ยังมีลมหายใจแผ่วรนิ อย่ไู ดน้ นั้ ส่วนหนงึ่ อาจเพราะการส่งเสริมสนับสนนุ จากสงั คมและจากกลมุ่ ชาวบ้าน เชน่ ปราชญ์ท้องถ่ิน ศิลปินแห่งชาติ ศลิ ปินพื้นบ้าน ครูเพลงและผถู้ ่ายทอดต่าง ๆ แต่นับวนั บุคคล เหล่าน้ีจะยง่ิ ลดจานวนลงอย่างน่าใจหาย หลายคนเสียชีวติ แลว้ เชน่ แมป่ ระยูร ยมเยย่ี ม และพ่อหวังเตะ๊ ที่ ยงั คงเหลอื อยู่ส่วนใหญก่ เ็ ปน็ ผสู้ ูงอายุ บางคนมีปญั หาต่างๆ ซง่ึ เป็นอุปสรรคในการสบื สานเพลงพ้ืนบ้าน เช่น

๔๑๔ แม่ขวัญใจ ศรปี ระจันต์ มีอาการเจ็บป่วยมาหลายปี บางคนกถ็ ูกพิษมหาอุทกภยั เม่ือปี ๒๕๕๔ เชน่ แมข่ วญั จิต ศรีประจนั ต์ เป็นต้น ด้วยเหตทุ ี่ภาคกลางเป็นแหลง่ ภูมิปญั ญาดา้ นเพลงพ้นื บา้ นท่สี าคัญของประเทศ และนับวันผ้ถู า่ ยทอด ทม่ี คี วามรู้ความสามารถจะลดน้อยลง กอปรกับผลการศกึ ษารวบรวมข้อมูลในภาพรวมทเี่ คยทามานบั เวลาแลว้ นานกว่า ๓๐ ปี ขอ้ มลู ย่อมมีความเปลยี่ นแปลงไปตามกาลและบคุ คล ข้อมลู ทัง้ หลายจึงควรไดร้ ับการรวบรวม และจดั เกบ็ อยา่ งเปน็ ระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงพื้นบา้ นภาคกลางจดั เปน็ ภูมิปญั ญาทส่ี าคญั ของชาตไิ ทย และสมควร นาเสนอเพ่ือเป็นมรดกโลกต่อไปดว้ ย กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจึงอนุมัติทนุ สนบั สนุนการวจิ ัย ประจาปี ๒๕๕๗ ให้แกค่ ณะผวู้ ิจัยในการดาเนินงานคา่ ยเพาะกล้าพันธ์ุเกง่ เพลงพน้ื บ้านครัง้ น้ขี ึน้ วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อพฒั นาศักยภาพทางดา้ นการแสดงเพลงพืน้ บ้านในระดบั สูงให้แก่เยาวชนของชาติ ๔. เพอ่ื เปดิ โอกาสใหค้ รูเพลงและผู้สืบทอดเพลงไดแ้ ลกเปลีย่ นเรียนรเู้ รอื่ งเพลงพ้ืนบา้ น ๕. เพ่ือกระตนุ้ จติ สานึกในการสร้างสรรค์ การสบื ทอดและการพทิ กั ษ์รกั ษาเพลงพืน้ บ้านภาคกลาง ๖. เพอื่ รวบรวมและจัดเกบ็ องค์ความรู้เกี่ยวกับเพลงพ้นื บา้ นภาคกลางซึง่ ชุมชนมสี ว่ นรว่ ม อันจะ นาไปส่กู ารเสนอขน้ึ ทะเบยี นเป็นมรดกภูมิปญั ญาทางวัฒนธรรมของชาติ และนาเสนอยเู นสโกให้เป็นมรดก ภมู ปิ ญั ญาทางวฒั นธรรมของมนุษยชาติในลาดับต่อไป วิธกี ารดาเนนิ งาน ๑. ขออนมุ ตั จิ ดั กิจกรรม ๒. แต่งตัง้ คณะกรรมการดาเนินงาน ๓. ประชุมกาหนดรูปแบบกิจกรรม ๔. ติดต่อประสานงานกับหนว่ ยงานที่เก่ยี วข้อง ๕. ประชาสมั พันธก์ จิ กรรมผ่านเครือข่าย เว็บไซต์และสือ่ มวลชน ๖. รบั สมคั รผู้เข้าร่วมกิจกรรมผ่านเครอื ข่าย เว็บไซต์และสอื่ มวลชน ๗. ของบประมาณสนับสนนุ เพ่มิ เติมจากแหลง่ ต่าง ๆ ๘. ดาเนนิ การจดั กิจกรรม ๙. รวบรวมและจดั เก็บองค์ความรู้ ๑๐. ประเมนิ ผลและสรุปผลการจัดกจิ กรรม รูปแบบและรายละเอียดของกจิ กรรม จัดอบรมเชิงปฏิบัตกิ ารเรอ่ื งเพลงพืน้ บา้ นภาคกลาง จานวน ๕ ชนดิ ไดแ้ ก่ เพลงฉ่อย เพลงอีแซว เพลง เรือ ลาตัด และเพลงทรงเครอื่ ง โดยเชญิ ครูเพลงศิลปินแหง่ ชาติ ปราชญช์ าวบ้าน ครภู มู ิปัญญา ศลิ ปินพื้นบ้าน

๔๑๕ ครูอาจารยผ์ ู้เชีย่ วชาญในดา้ นการสร้างสรรค์และสืบทอดเพลงพื้นบ้านภาคกลาง รวมทั้งหวั หนา้ คณะเพลง พื้นบ้านอาชีพ และคณะเพลงพืน้ บ้านเยาวชนหรอื สถาบนั การศกึ ษาท่ีสืบทอดมาจากครูเพลงพื้นบา้ น ตลอดจน ผสู้ ่งเสริมและสนับสนนุ เพลงพนื้ บ้านภาคกลางกลุ่มตา่ ง ๆ เชน่ นกั วิชาการ บุคคลทว่ั ไปและสือ่ มวลชน รวม ทั้งส้นิ ไมต่ ่ากวา่ ๗๐ คน ในเขตพ้ืนที่ ๓๕ จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ กาญจนบุรี กาแพงเพชร จันทบรุ ี ฉะเชิงเทรา ชลบรุ ี ชัยนาท ตราด ตาก นครนายก นครปฐม นครสวรรค์ นนทบรุ ี ปทุมธานปี ระจวบครี ขี ันธ์ ปราจนี บรุ ี พระนครศรีอยธุ ยา พจิ ติ ร พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบรู ณ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สมทุ รปราการ สมุทรสงคราม สมทุ รสาคร สระแกว้ สระบุรี สิงห์บรุ ี สุโขทยั สพุ รรณบุรี อา่ งทอง อตุ รดิตถ์และอุทัยธานี ระยะเวลาและสถานท่ใี นการดาเนนิ โครงการ ระหวา่ งวนั ท่ี ๑๕ – ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ ศนู ยภ์ มู ิปญั ญาไทย บา้ นแมข่ วัญจติ ศรีประจันต์ ตาบลสนามชยั อาเภอเมือง จังหวัดสพุ รรณบรุ ี ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะได้รับ ๑. เยาวชนไดพ้ ัฒนาความร้คู วามสามารถในการสร้างสรรค์เพลงพนื้ บา้ นอย่างชดั เจน ๒. เยาวชนไดพ้ ฒั นาศักยภาพในการแสดงอยา่ งชัดเจน ๓. เยาวชนผู้เข้ารว่ มกจิ กรรมไดม้ ีเวทใี นการแสดงออกทางด้านศิลปวฒั นธรรมอยา่ ง สรา้ งสรรคแ์ ละมีคุณค่า ๔. เยาวชนผู้เข้ารว่ มกิจกรรมได้รบั ประสบการณ์ในการเรยี นรู้ การปรบั ตวั และทากิจกรรม รว่ มกับผู้อ่ืนอยา่ งมีความสุข ๕. เยาวชนผเู้ ข้าร่วมกิจกรรมไดม้ โี อกาสเปน็ พลังขับเคลือ่ นสาคัญในรกั ษาและสืบทอด วัฒนธรรมแขนงนไ้ี ด้อย่างเป็นรูปธรรมและชดั เจน ๖. เยาวชนผูเ้ ข้าร่วมกจิ กรรมไดเ้ ป็นสว่ นหนึง่ ในการอนุรกั ษ์ สง่ เสริมและเผยแพร่ เพลงพืน้ บา้ นให้เปน็ ท่ีรู้จกั แพร่หลาย ๗. หนว่ ยงานทสี่ นับสนนุ ได้รับชื่อเสยี งในฐานะผู้นาด้านการสร้างสรรคแ์ ละดารงรกั ษา ศิลปวฒั นธรรมของชาติ และไดป้ ระสานความรว่ มมอื กับส่ือมวลชนในฐานะองค์กรชัน้ นา ที่สรา้ งสรรค์สงั คม ๘. หนว่ ยงานทเี่ กี่ยวขอ้ งได้องคค์ วามรเู้ กยี่ วกับเพลงพน้ื บา้ นภาคกลาง ซึ่งเปน็ สว่ นหน่ึงของคลังขอ้ มลู มรดกภูมิปัญญาในขอบเขตประเทศไทย อันเปน็ ประโยชน์ต่อการดาเนนิ งานด้านการปกปอ้ ง คมุ้ ครองมรดกภมู ปิ ัญญาดา้ นเพลงพน้ื บ้านภาคกลางในขอบเขตของประเทศไทยและของโลก ๙. หนว่ ยงานทเี่ กย่ี วขอ้ งได้ความเขา้ ใจ ความเข้าถึง การยอมรบั และฉนั ทามตใิ นการปกป้องมรดกภูมิ ปญั ญาด้านเพลงพน้ื บ้านภาคกลางจากประชาคมชาวไทย รวมทง้ั ไดแ้ นวคดิ และแนวทางในการ สง่ เสรมิ และการพฒั นาเพลงพืน้ บา้ นภาคกลางสืบไปในบริบททีเ่ หมาะสม

๔๑๖ กาหนดการ ค่าย “เพาะกลา้ พันธเ์ุ ก่งเพลงพื้นบ้าน ” โครงการเพลงพื้นบ้านภาคกลาง ได้รับทุนอดุ หนุนการวิจยั ประจาปี ๒๕๕๗ จากกรมส่งเสรมิ วฒั นธรรม ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ ศนู ย์ภูมปิ ัญญาไทย บ้านแม่ขวญั จติ ศรปี ระจันต์ ตาบลสนามชยั อาเภอเมอื ง จงั หวดั สุพรรณบุรี ........................ วันอังคารที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ พิธีเปดิ โครงการและการฝึกอบรม “เพลงฉ่อย” ๑๐.๐๐ น. ลงทะเบียนและรบั เอกสารโครงการ ๐๒.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวัน ๑๓.๐๐ น. พิธเี ปิดค่ายเพาะกล้าพนั ธุ์เก่งเพลงพนื้ บ้าน โครงการเพลงพน้ื บ้านภาคกลาง ประธานคณะกรรมการ กลา่ วรายงาน ผูอ้ านวยการสถาบนั วัฒนธรรมศึกษา กรมส่งเสริมวฒั นธรรม กล่าวเปิดงาน ผูแ้ ทนบรษิ ทั ปตท.สารวจและผลิตปโิ ตเลียม จากัด มหาชน กล่าวสนุ ทรพจน์ ๑๓.๔๕ น. พธิ ไี หว้ครเู พลงพ้นื บ้านภาคกลาง ๑๕.๓๐ น. รับประทานอาหารวา่ ง ๑๕.๔๕ น. การฝกึ อบรมเพลงฉ่อย ของครขู วัญจติ ศรปี ระจันต์ คณะครูเพลงสายสุพรรณ สายชยั นาท-สิงห์บุรีและสายเหนือ ๑๘.๐๐ น. รับประทานอาหารเยน็ ๑๙.๐๐ น. พธิ บี ายศรีสู่ขวัญ กจิ กรรมแลกเปล่ียนเรียนรู้เลา่ สู่เรือ่ งเพลงฉ่อย วันพธุ ท่ี ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เสวนาเพลงพ้นื บ้านภาคกลาง ๐๘.๐๐ น. รบั ประทานอาหารเชา้ ๐๙.๐๐ น. เสวนา หัวข้อ “เพลงพ้นื บา้ นภาคกลาง: มรดกภูมปิ ญั ญาทางวฒั นธรรมของ ประเทศไทยและของโลก” วิทยากร แม่ขวัญจิต ศรปี ระจนั ต์ อาจารย์เอนก นาวิกมลู รองศาสตราจารย์สุกัญญา สจุ ฉายา ผดู้ าเนินรายการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อภลิ ักษณ์ เกษมผลกลู ๑๐.๓๐ น. รบั ประทานอาหารว่าง ๑๐.๔๕ น. การแสดงเพลงฉอ่ ยของผเู้ ข้ารบั การอบรม

๔๑๗ ๑๒.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวัน ๑๓.๐๐ น. การอบรมเพลงเรอื ของครจู ารัส อยสู่ ุข ๑๕.๓๐ น. รับประทานอาหารวา่ ง ๑๕.๔๕ น. การประชมุ สังเคราะห์องค์ความรู้ เร่อื งเพลงฉ่อยและเพลงเรอื รวมทง้ั ประเมนิ ผล การฝึกอบรม ๑๘.๐๐ น. รับประทานอาหารเยน็ ๑๙.๐๐ น. กิจกรรมสานสมั พนั ธ์ชมุ ชน วนั พฤหัสบดที ี่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗ การฝึกอบรม “เพลงทรงเครือ่ ง” ๐๘.๐๐ น. รบั ประทานอาหารเชา้ ๐๙.๐๐ น. กจิ กรรม “ แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ เล่าสูเ่ รื่องเพลงทรงเคร่ือง” ๑๐.๓๐ น. รบั ประทานอาหารวา่ ง ๑๐.๔๕ น. การฝึกอบรมเพลงทรงเคร่ือง ของครขู วัญจิต ศรีประจนั ตแ์ ละคณะ ครเู พลงสายสุพรรณ ๑๒.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวนั ๑๓.๐๐ น. ฝึกซอ้ มการแสดงเพลงทรงเครอื่ ง ๑๕.๓๐ น. รบั ประทานอาหารว่าง ๑๕.๔๕ น. การแสดงเพลงทรงเคร่ืองของผู้เข้ารับการอบรม ๑๘.๐๐ น. รับประทานอาหารเย็น ๑๙.๐๐ น. การประชมุ สังเคราะหอ์ งค์ความรู้ เร่ืองเพลงทรงเครอื่ ง และประเมนิ ผลการฝึกอบรม กิจกรรมสานสัมพันธช์ ุมชน วันศกุ ร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ การฝึกอบรม “เพลงเรอื ” ๐๘.๐๐ น. รบั ประทานอาหารเชา้ ๐๙.๐๐ น. กิจกรรม “ แลกเปลีย่ นเรียนรู้ เล่าสู่เรือ่ งเพลงเรือ” ๑๐.๓๐ น. รบั ประทานอาหารว่าง ๑๐.๔๕ น. ฝกึ อบรมเพลงเรือ ของครขู วญั จิต ศรีประจนั ตแ์ ละคณะครูเพลงสายสพุ รรณ ๑๒.๐๐ น. รบั ประทานอาหารกลางวัน ๑๓.๐๐ น. แบ่งกลุม่ ฝึกรอ้ งและแสดงเพลงเรือ ๑๕.๓๐ น. รับประทานอาหารว่าง ๑๕.๔๕ น. การแสดงเพลงเรอื ของผูเ้ ข้ารบั การอบรม ๑๘.๐๐ น. รับประทานอาหารเยน็ ๑๙.๐๐ น. การประชุมสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรู้ เร่อื งเพลงเรือ และประเมนิ ผลการฝกึ อบรม วันเสาร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ การฝกึ อบรม “เพลงอแี ซว” ๐๘.๐๐ น. รับประทานอาหารเชา้

๔๑๘ ๐๙.๐๐ น. กจิ กรรม “ แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ เล่าส่เู รอื่ งเพลงอีแซว” ๑๐.๓๐ น. รับประทานอาหารว่าง ๑๐.๔๕ น. ฝึกอบรมเพลงอแี ซว ของครูขวัญจติ ศรปี ระจันตแ์ ละคณะครูเพลงสายสพุ รรณ ๑๒.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวนั ๑๓.๐๐ น. แบ่งกลมุ่ ฝกึ รอ้ งและแสดงเพลงอแี ซว ๑๕.๓๐ น. รับประทานอาหารวา่ ง ๑๕.๔๕ น. การแสดงเพลงอแี ซวของผ้เู ข้ารบั การอบรม ๑๘.๐๐ น. รับประทานอาหารเยน็ ๑๙.๐๐ น. การประชุมสงั เคราะห์องค์ความรู้ เร่ืองเพลงอีแซว และประเมินผลการฝึกอบรม กจิ กรรมสานสัมพนั ธช์ มุ ชน วนั อาทติ ยท์ ี่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ การฝึกอบรม “ลาตัด” ๐๘.๐๐ น. รับประทานอาหารเช้า ๐๙.๐๐ น. กจิ กรรม “ แลกเปล่ียนเรยี นรู้ เล่าสู่เรื่องลาตัด” ๑๐.๓๐ น. รับประทานอาหารว่าง ๑๐.๔๕ น. ฝกึ อบรมลาตัด ของคณะครูเพลงสายกรงุ เทพ-ปทมุ ธานี สายนครนายกและสาย ตะวนั ออก ๑๒.๐๐ น. รบั ประทานอาหารกลางวัน ๑๓.๐๐ น. แบ่งกลุ่มฝกึ ร้องและแสดงลาตดั ๑๕.๓๐ น. รบั ประทานอาหารว่าง ๑๕.๔๕ น. การแสดงลาตัดของผเู้ ข้ารบั การอบรม ๑๘.๐๐ น. รบั ประทานอาหารเย็น ๑๙.๐๐ น. การประชมุ สังเคราะห์องคค์ วามรู้ เรือ่ งลาตัด และประเมนิ ผลการฝึกอบรม วันจนั ทร์ท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ตรวจสอบ ยืนยัน ให้ฉนั ทามตแิ ละปิดค่าย ๐๘.๐๐ น. รับประทานอาหารเช้า ๐๙.๐๐ น. การประชุมสรปุ ผลการอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ าร “เพลงพื้นบ้านภาคกลาง” ๑๐.๓๐ น. รบั ประทานอาหารว่าง ๑๐.๔๕ น. การเสวนา หัวข้อ “ แนวคิดและแนวทางในการปกปอ้ งคมุ้ ครองเพลงพ้นื บา้ น ภาคกลางในฐานะมรดกภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรมของไทย” ๑๒.๐๐ น. รบั ประทานอาหารกลางวัน ๑๓.๐๐ น. การประชุมเพื่อตรวจสอบ ยืนยนั และใหฉ้ ันทามติต่อการเสนอข้ึนทะเบียน เพลงพนื้ บา้ นภาคกลางเปน็ มรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรมของชาติและของโลก ๑๕.๓๐ น. รับประทานอาหารวา่ ง ๑๕.๔๕ น. พิธี “ลาค่าย – ลาคร”ู

๔๑๙ ๑๖.๓๐ น. ถ่ายภาพหม่ทู ี่ระลึกรว่ มกัน และอาลาด้วยความประทบั ใจ ....................... พธิ กี ร ๑. นาวาอากาศโทสมบตั ิ สมศรีพลอย ๒. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์โอฬาร รัตนภกั ดี ผคู้ วบคุมรายการ บนั ทึกเสยี งและภาพ ๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อภิลักษณ์ เกษมผลกูล ๒. ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร. กิตตศิ กั ด์ิ เกดิ อรุณสุขศรี ๓. อาจารยม์ ณทิรา ตาเมอื ง ๔. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยบ์ ัวผัน สพุ รรณยศ

๔๒๐ รายนามผเู้ ข้ารว่ มโครงการ ผู้เขา้ ค่ายเพาะกล้าพันธ์เุ ก่งเพลงพน้ื บา้ น โครงการวจิ ัยเพลงพ้ืนบ้านภาคกลาง แบง่ เป็น ๓ กล่มุ ได้แก่ ครูเพลงและหัวหน้าคณะ ผ้สู บื ทอดสายครู และผ้สู ืบทอด “กล้าพนั ธ์ใุ หม่” ดังน้ี ครเู พลงและหวั หน้าคณะ ท่ี ชอื่ สกุล ชื่อในการ อายุ ที่อยู่ / ทที่ างาน โทรศพั ท์ สถานภาพ แสดง ๑ นางเกลียว ขวญั จติ ๖๗ ๙ หมู่ ๑ ถนนสพุ รรณบรุ ี-โพธ์ิ ครเู พลง, เสร็จกจิ ศรปี ระจันต์ พระยา ตาบลสนามชยั อาเภอ หัวหน้าคณะ เมอื งสุพรรณบรุ ี จงั หวดั ขวญั จิต ศรปี ระจนั ต์ สุพรรณบุรี ๗๒๐๐๐ ๒ นางลาจวน ลาจวน ๗๗ ๕๙ หมู่ ๒ ตาบลศาลาขาว ครูเพลง,หวั หนา้ คณะ เกษมสุข สวนแตง อาเภอเมือง จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี เพลงอแี ซว โทรศัพท์ ๐๘-๖๕๒๓-๕๘๘๗ ลาจวน สวนแตง ๓ นายสุจนิ ต์ สุจินต์ ๖๕ ๔๔ หมู่ ๕ ตาบลวงั นา้ ซับ อาเภอ ครเู พลง,หวั หนา้ คณะ ชาวบางงาม ศรปี ระจนั ต์ ศรีประจนั ต์ จงั หวัดสุพรรณบรุ ี เพลงอีแซว ๗๒๑๔๐ สุจินต์ ศรีประจันต์ ๔ นายบรรจง พอ่ บรรจง ๖๗ ๑๐๑ หมู่ ๕ ตาบลดอนปรู ครเู พลง,ศิลปิน ทบั วเิ ศษ อาเภอศรีประจันต์ จงั หวัด พื้นบ้านคณะขวัญจติ สพุ รรณบรุ ี ๗๒๑๔๐ ศรปี ระจนั ต์ ๕ นางจานงค์ ขวญั ใจ ๖๒ ๗๗/๑ หมู่ ๕ ตาบลวังน้าซบั ครูเพลง,หัวหนา้ คณะ เสรจ็ กิจ ศรีประจนั ต์ อาเภอศรปี ระจันต์ จงั หวัด เพลงอีแซว สพุ รรณบุรี ๗๒๑๔๐ ขวญั ใจ ศรีประจันต์ ๖ นางสาเนียง สาเนยี ง ๕๙ ๖๖ หมู่ ๕ ตาบลวังน้าซับ อาเภอ ศลิ ปินพน้ื บ้านคณะ ชาวปลายนา เสียงสุพรรณ ศรปี ระจันต์ จงั หวดั สพุ รรณบุรี ขวญั จิต ศรปี ระจนั ต์ ๗๒๑๔๐ และหัวหน้าคณะ สาเนียง เสียงสพุ รรณ ๗ นางวภิ าวรรณ นกเอี้ยง ๖๐ ๕๐๙ หมู่ ๕ ตาบลดอนเจดีย์ ครูเพลง,หัวหนา้ คณะ เทียนแจ่ม เสยี งทอง อาเภอดอนเจดยี ์ จังหวัด เพลงอีแซว สพุ รรณบุรี โทรศัพท์ ๐๘- นกเอ้ียง เสยี งทอง ๙๘๘๗-๖๗๑๑ ๘ นางพยงค์ นกเล็ก ๕๒ ๑๕๖๕ หมู่ ๕ ตาบลดอนเจดีย์ หวั หน้าคณะ

๔๒๑ ท่ี ชื่อ สกลุ ช่ือในการ อายุ ท่อี ยู่ / ที่ทางาน โทรศพั ท์ สถานภาพ เทยี นแจ่ม แสดง อาเภอดอนเจดยี ์ จังหวดั นกเล็ก เสียงทอง สพุ รรณบรุ ี โทรศพั ท์ ๐๘- ( เพลงอีแซว ) ๖๑๓๓-๓๐๖๕ ๙ นายหรดั พ่อหรดั ๖๖ บ้านสระตลุง หมู่ ๑ ตาบลตลุก หัวหนา้ คณะเพลง เขน่วม กลางท่งุ อาเภอเมือง จงั หวดั ตาก ฉอ่ ยวงพอ่ หรัดแม่ ประทวย ๑๐ นางประทวย แมป่ ระทวย ๖๒ บ้านสระตลงุ หมู่ ๑ ตาบลตลุก หัวหนา้ คณะ เขน่วม กลางทุ่ง อาเภอเมือง จังหวัดตาก เพลงฉ่อยวงพอ่ หรดั แม่ประทวย ๑๑ นายสกุล ๕๔ บา้ นวังแขม หมู่ ๒ ตาบลวังแขม หัวหน้าคณะเพลง ต๊ะปนิ ตา อาเภอคลองขลงุ จงั หวัด พื้นบา้ นวฒั นธรรม กาแพงเพชร ไทยสายใยชุมชน ตาบลวังแขม ๑๒ นางคมคาย ๕๘ ตาบลหนองนอ้ ย อาเภอวดั สิงห์ หัวหน้าคณะ ชุนตาล จงั หวดั ชยั นาท เพลงฉอ่ ย พอ่ สวิง บรรเดจ็ ๑๓ นางสอิ้ง แมส่ อ้งิ ๖๘ หมู่ ๘ ตาบลศรจี ุฬา หัวหน้าคณะลาตัด โชติสวสั ด์ิ เสียงทอง อาเภอเมอื ง จงั หวดั นครนายก ส. รวมศิลป์ โทรศพั ท์ ๐๘-๖๐๔๙-๒๙๘๖ , ลูกศรจี ุฬา ๐๘-๕๑๖๖-๓๐๑๓ ๑๔ นายสมพงษ์ ๖๘ หมู่ ๘ ตาบลศรีจฬุ า พอ่ เพลงคณะลาตัด จันทโชติ อาเภอเมือง จงั หวัดนครนายก ส. รวมศลิ ป์ โทรศัพท์ ๐๘-๖๐๔๙-๒๙๘๖ , ลกู ศรีจุฬา ๐๘-๕๑๖๖-๓๐๑๓ ๑๕ กานันทวีวฒั น์ ๕๘ ตาบลหนองโสน อาเภอเมอื ง หวั หน้าคณะลาตัด ระลกึ ชอบ จงั หวัดตราด กานนั ทวีวฒั น์ ๑๖ นายประสูติ ชว่ งเวฬวุ รรณ ระลึกชอบ ๑๗ กานันสาเริง ๗๓ ๗๑ หมู่ ๕ ตาบลวงั กระแจะ หวั หน้าคณะลาตัด อาเภอเมอื ง จังหวดั ตราด พอ่ ประสูติ ช่วงเวฬวุ รรณ ๖๘ ตาบลวงั หว้า อาเภอแกลง จงั หวัด หัวหน้าคณะลาตัด

๔๒๒ ท่ี ชอื่ สกลุ ช่อื ในการ อายุ ทอี่ ยู่ / ท่ที างาน โทรศพั ท์ สถานภาพ คณฑา แสดง ระยอง กานันสาเริง คณฑา ๑๘ นายยคุ ล เพยี ร ๓๕ รา้ นยคุ ลธรรพ์ ๒๐๖/๒๓ ถนนทุง่ หวั หนา้ คณะลาตัด เสมอ สุขลา อาเภอศรีราชา จังหวดั ยคุ ลธรรพ์ (คณะบาง ชลบุรี ปลาสรอ้ ย) ๑๙ นางประพิมพ์ ๖/๓๕ หมู่ ๑๐ ตาบลสุรศักด์ิ หวั หน้าคณะลาตัด เอกพจน์ อาเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พอ่ ผูก ๒๐ นางศรนี วล ขาอาจ แม่ศรีนวล ๖๗ ตาบลหนา้ ไม้ อาเภอลาดหลุม ครูเพลง,หัวหน้าคณะ แก้ว จงั หวดั ปทมุ ธานี โทร. ๐๘ ๔ ลาตัดหวังเต๊ะ ๓๕๗ ๗๑๐๘, ๐๘ ๑๘๗๔ แมศ่ รนี วล ๘๖๑๕, ๐๘ ๐๕๕๖ ๕๖๗๘ ๒๑ นางอนุ่ เรือน แม่อ่นุ เรือน ๓๒๕ ซอยเจริญนคร ๕๕ ผสู้ ืบทอดคณะลาตัด ยมเยีย่ ม บางลาพูลา่ ง คลองสาน แม่ประยูร ยมเยย่ี ม ๒๒ นางสมปอง แม่สมปอง พลอยบตุ ร กรงุ เทพฯ ๑๐๑๖๐ ๗๐ ๙๔ หมูท่ ี่ ๓ ตาบลบ้านคลอง ผสู้ บื ทอดคณะเพลง อาเภอเมอื ง จังหวดั พษิ ณุโลก ฉ่อยเพลงพ่อวนั แม่ ๖๕๐๐๐ โทรศัพท์ ๐๘๑-๗๔๓- เผ่ือน พลอยบุตร ๕๑๙๑ ๒๓ นางสวาท ๗๑ ๔/๑ ถนนเดน่ พฒั นา ตาบลใน หัวหน้าคณะเพลง ภาสประหาส เมือง อาเภอเมือง จังหวัด ฉอ่ ยวงคนสะเดยี ง เพชรบรู ณ์ ๖๗๐๐๐ โทรศัพท์ ผ้สู ืบทอดเพลงคณะ ๐๕๖-๗๒๐-๘๐๙ แมต่ ะเหลย่ี ม ภาชนะทอง ๒๔ นายสรุ ินทร์ ๕๘ ๖๙/๑ หมทู่ ี่ ๔ ตาบลเนินมะกอก หวั หนา้ คณะลาตัด แถมต้าน อาเภอบางมลู นาค จังหวัดพจิ ติ ร บา้ นวังกร่าง ๖๖๑๒๐ โทรศัพท์ ๐๘๙-๖๑๑- ๙๐๔๖ ๒๕ นายวีรวัฒน์ สงิ ห์บรุ ี ๐๘๑-๗๕๖-๐๑๖๐ ศลิ ปนิ พ้นื บา้ น พ่งึ ละออ เพลงฉ่อย ๒๖ นางจารสั อยู่สขุ แม่แจ่ม ๗๑ ๕๑/๒ หมทู่ ่ี ๑ ตาบลทับยา ครูเพลงเรือ เพลง อนิ ทรบ์ รุ ี อาเภออนิ ทรบ์ ุรี จงั หวดั สิงห์บุรี ทรงเครือ่ ง สอนคณะ

๔๒๓ ท่ี ช่อื สกุล ชื่อในการ อายุ ทอ่ี ยู่ / ท่ีทางาน โทรศพั ท์ สถานภาพ แสดง เพลงนาฏศิลป์ อ่างทอง ๒๗ นางสมบตั ิ สมบัติ ๙๗/๗ หมู่ ๔ ตาบลโพธ์พิ ระยา ศิลปินพ้ืนบ้าน รามแสง ศรปี ระจนั ต์ เทพทยั อาเภอเมอื ง จังหวดั สพุ รรณบรุ ี ๒๘ นายณัฐวฒั น์ ลกู อา่ งทอง ศริ ะชยั พงศ์ ๖๐/๑ หมู่ ๓ ตาบลสี่รัอย อาเภอ หัวหนา้ คณะเทพทยั วิเศษชยั ชาญ จังหวัดอา่ งทอง ลกู อา่ งทอง ๑๔๑๑๐ ๒๙ นายพรทวี พรทวี ๔๑ ๙ หมู่ ๑ ถนนสพุ รรณบรุ ี-โพธ์ิ หวั หน้าคณะพรทวี เสรจ็ กจิ ศรีประจันต์ พระยา ตาบลสนามชัย อาเภอ ศรีประจันต์ และ เมอื งสุพรรณบุรี จังหวัด ศลิ ปนิ พน้ื บา้ นคณะ สพุ รรณบุรี ๗๒๐๐๐ ขวญั จิต ศรีประจนั ต์ ๓๐ นางสาวสวัสด์ิ ๔๕ ๑๔๑ /๑ ตาบลวงั นา้ ซบั อาเภอ ศิลปนิ พนื้ บ้านคณะ บุญเรอื งรอด ศรีประจนั ต์ จังหวดั สพุ รรณบุรี ขวญั จิต ศรปี ระจนั ต์ ๓๑ นายสุเทพ ออ่ นสะอาด ๗๒๑๔๐ วิทยาลัยนาฏศิลป์สุพรรณบรุ ี ครเู พลงคณะ ๑๑๙ หมทู่ ี่ ๑ ตาบลสนามชยั วิทยาลัยนาฏศิลป์ อาเภอเมอื ง จงั หวดั สุพรรณบุรี สพุ รรณบุรี ๗๒๐๐๐ โทรศพั ท์ ๐๘ ๙๒๕๘ ๙๖๑๑ ๓๒ นางวรรณา ๔๘ ๔๙/๑ หมู่ที่ ๑ ตาบลสายทอง ครเู พลงคณะ แก้วกวา้ ง อาเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง วิทยาลยั นาฏศิลป์ ๓๓ นายอนันต์ สุขศรี ๑๔๑๓๐ โทรศพั ท์ ๐๘ ๑๙๔๖ สุพรรณบุรี ๓๔ นางสุวรรณา ๒๖๐๗ แจ่มจิตต์ ๓๔ ๑๑๙/๑๔ หม่ทู ี่ ๑ ตาบลสนาม ครเู พลงคณะ ๓๕ นายนรนิ ทร์ ชยั อาเภอเมอื ง จงั หวดั วิทยาลัยนาฏศิลป์ สุพรรณบุรี ๗๒๐๐๐ สุพรรณบรุ ี โรงเรียนอทู่ องศึกษาลยั (บ้านพัก ครูสอนเพลงพื้นบา้ น ครู) ๑๗๑๑หมู่ที่ ๖ ตาบลอ่ทู อง คณะโรงเรียนอ่ทู อง อาเภออูท่ อง จังหวัดสพุ รรณบุรี ศกึ ษาลยั ๗๒๑๖๐ โรงเรยี นอูท่ องศึกษาลัย (บ้านพกั ครูสอนเพลงพนื้ บา้ น

๔๒๔ ท่ี ชื่อ สกลุ ชอื่ ในการ อายุ ท่อี ยู่ / ท่ที างาน โทรศพั ท์ สถานภาพ แสดง แจ่มจติ ต์ ครู) ๑๗๑๑หมทู่ ่ี ๖ ตาบลอู่ทอง คณะโรงเรียนอู่ทอง ๓๖ นายโกศล พจนารถ อาเภออูท่ อง จังหวดั สพุ รรณบุรี ศึกษาลัย ๓๗ นางศรีอมั พร ๗๒๑๖๐ ประทุมนันท์ โรงเรยี นบางหลวงวิทยา ตาบล ครูสอนเพลงพ้ืนบ้าน ๓๘ อาจารย์ สดุ ารัตน์ บางหลวง อาเภอบางเลน จงั หวดั คณะโรงเรยี นบาง ชิณณะพงศ์ (เป้า) นครปฐม หลวงวิทยา ๓๙ อาจารยพ์ ิสจู น์ โรงเรยี นวดั ป่าเลไลยก์ อาเภอ อาจารยผ์ ู้สอนเพลง ใจเท่ยี งกลุ เมอื ง จงั หวดั สุพรรณบุรี พืน้ บา้ นโรงเรียนวัด ป่าเลไลยก์ ๔๖/๒ ม. ๒ ตาบลวงั ตะแก อาจารย์ผู้สอนลาตดั อาเภอเมอื ง จังหวดั นครปฐม โรงเรยี นสริ นิ ธร ๗๓๐๐๐ โทรศพั ท์ ๐๘๕-๑๗๖- ราชวทิ ยาลัย ๑๕๖๗ โรงเรียนบางลี่วทิ ยา ตาบลสองพี่ อาจารย์สอนเพลง น้อง อาเภอสองพ่นี ้อง จงั หวดั พน้ื บา้ นคณะโรงเรียน สพุ รรณบุรี บางลี่วทิ ยา ผสู้ ืบทอดสายครู ท่ี ช่ือ สกลุ ชอ่ื ในการ อายุ ท่อี ยู่ / ทีท่ างาน โทรศพั ท์ สถานภาพ แสดง ๑ นางสาวสุธาทพิ ย์ สมหญงิ ๓๕ ๙ หมู่ ๑ ถนนสุพรรณบุรี-โพธิ์ ผสู้ บื ทอดเพลงท้ัง ๕ ธราพร ศรปี ระจันต์ พระยา ตาบลสนามชยั อาเภอ ชนิดคณะขวัญจิต (หญงิ ) เมืองสุพรรณบรุ ี จงั หวดั ศรีประจนั ต์ สุพรรณบุรี ๗๒๐๐๐ ๒ นางวลี พดี่ า ๕๘ ๔๒/๑ หมู่ ๔ ถนนศาลายา- ผสู้ ืบทอดเพลงเรอื สวดมาลยั บางภาษี ตาบลคลองโยง นครปฐม (ดา ) อาเภอพทุ ธมณฑล จงั หวดั นครปฐม ๗๓๑๗๐ โทรศัพท์ ๐๘ ๙๘๙๒ ๖๘๒๖

๔๒๕ ท่ี ช่อื สกลุ ช่อื ในการ อายุ ท่ีอยู่ / ท่ีทางาน โทรศพั ท์ สถานภาพ แสดง ๓ นางอุมาวรรณ พี่ตอ้ ย ๕๗ ๑๒๘/๕๙ หมู่ ๖ หมบู่ า้ น ผสู้ บื ทอดเพลงเรอื ทองสุพรรณ สมพงษ์ ถนนศาลายา-บางภาษี นครปฐม (ต้อย) ตาบลคลองโยง อาเภอพุทธ มณฑล จังหวัดนครปฐม ๗๓๑๗๐ โทรศพั ท์ ๐๘ ๖๑๗๔ ๑๓๙๘ ๔ นางทองพูน พ่พี ิม ๕๙ ๔๔/๓ หมู่ ๔ ถนนศาลายา- ผสู้ บื ทอดเพลงเรือ ยงประกิจ (พิม) บางภาษี ตาบลคลองโยง นครปฐม อาเภอพุทธมณฑล จงั หวัด นครปฐม ๗๓๑๗๐ ๕ คุณครูสทิ ธิพงค์ สุรนิ ทร์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ผู้สืบทอดเพลง พรหมรส ศรปี ระจนั ต์ โรงเรียนกรรณสตู ศึกษาลัย แมล่ าจวน สวนแตง ตาบลรัว้ ใหญ่ อาเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ๗๒๐๐๐ ๖ นายยทุ ธนา ยุทธนา ๓๖ ๒๖/๑ หมทู่ ี่ ๒ ตาบลตานิม ผู้สบื ทอดเพลงเรอื จนั ทรเ์ ทศนา ปราโมทย์ อาเภอบางปะหัน จังหวัด อยธุ ยาและเพลง ๕ ( ยุทธ ) พระนครศรีอยุธยา โทรศพั ท์ ชนดิ จากครขู วัญจติ ๐๘ ๖๓๔๔ ๙๕๑๒ ศรปี ระจันต์ ๗ นายศุภชัย มหาวิทยาลัยราชภฏั นครปฐม ผู้สืบทอดแม่ลาจวน อ่มิ ทอง ตาบลวังตะกู อาเภอเมอื ง สวนแตง จังหวดั นครปฐม ๘ นายนพิ นธ์ รักรุ่ง เพาะกลา้ มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสุนัน ผู้สบื ทอดเพลงอแี ซว ( สิทธิ์ ) รนุ่ ท่ี๒ ทา กรงุ เทพฯ เพลงเรอื เพลงฉอ่ ยและ เพลงทรงเครื่อง ครู ขวญั จติ ศรปี ระจนั ต์ ๙ นายภวู ดล เพาะกลา้ มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครปฐม ผสู้ ืบทอดเพลงอีแซว เพง็ คล้าย รนุ่ ที่๒ ตาบลวังตะกู อาเภอเมอื ง เพลงเรือ เพลงฉอ่ ยและ ( ภู ) จงั หวัดนครปฐม เพลงทรงเคร่อื ง ครู เพาะกลา้ ขวญั จิต ศรีประจนั ต์ ๑๐ นายอนชุ ยั มหาวทิ ยาลยั หอการคา้ ไทย ถ. ผูส้ ืบทอดเพลงอีแซว

๔๒๖ ท่ี ชอื่ สกลุ ชอ่ื ในการ อายุ ทีอ่ ยู่ / ท่ที างาน โทรศัพท์ สถานภาพ แสดง หติ เพชร วิภาวดีรงั สติ เพลงฉ่อย เพลงเรือและ ( ตอ๋ ง ) รุน่ ที่๑ ดนิ แดง กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ เพลงทรงเครื่อง ครู ขวญั จติ ศรีประจันต์ ๑๑ นางสาวปรชั ญา เพาะกลา้ วทิ ยาลยั นาฏศิลป์สพุ รรณบุรี ผสู้ ือทอดเพลงอีแซว วลี มาลัยนาค รุ่นที่๑ ๑๑๙ หมทู่ ่ี ๑ ตาบลสนามชัย อาเภอวรรณา แก้ว ( ปอ ) อาเภอเมือง จังหวดั สุพรรณบรุ ี กวา้ ง ๗๒๐๐๐ ๑๒ นายอภิรกั ษ์ เพาะกล้า วิทยาลยั นาฏศิลปส์ ุพรรณบุรี ผ้สู บื ทอดเพลงอแี ซว ทิศาภาค ร่นุ ที่๑ ๑๑๙ หมทู่ ่ี ๑ ตาบลสนามชัย อาเภอวรรณา แกว้ ( มขุ ) อาเภอเมอื ง จงั หวดั สพุ รรณบุรี กวา้ ง ๗๒๐๐๐ ๑๓ นางสาวจิราภรณ์ เพาะกล้า มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร วิทยา ผ้สู ืบทอดเพลงอีแซว เขตพระราชวังสนามจนั ทร์ อาเภอพิสจู น์ ใจเที่ยง กาญจนสพุ รรณ รนุ่ ที่๑ อาเภอเมอื ง จังหวัดนครปฐม กลุ มหาวทิ ยาลัยกรุงเทพ-ธนบุรี สบื ทอดเพลง ( จิ ) ฉ่อย เพลงอแี ซวและ ๒๕/๑ หม่ ๑ ตาบลหันสัง เพลงเรอื ครูขวญั จิต ๑๔ นางสาวมัญชรี เพาะกล้า อาเภอบางปะหัน จังหวดั สบื ทอดเพลง พระนครศรอี ยุธยา ๑๓๒๒๐ ฉ่อยและเพลง หร่ายมณี รนุ่ ท่ี๑ ทรงเครื่องครูขวญั จิต ( แรม ) ๑๕ นางสาว เพาะกล้า ศรีสรุ างค์ รุ่นที่๒ วิริยะพนั ธุ์ ( บุ๋มบิม๋ ) ๑๖ นายชยั ณรงค์ เพาะกล้า มหาวทิ ยาลยั นเรศวร พษิ ณุโลก ผ้สู ืบทอดเพลงฉ่อยและ ศรีเดช รุ่นท่ี๒ ลาตัดพษิ ณโุ ลกและ ( จ๊อกก้ี ) เพชรบรู ณ์ ๑๗ นางสาวชุตพิ ร เพาะกลา้ มหาวิทยาลยั นเรศวร (ปจั จุบัน ผสู้ ืบทอดเพลง มณีพลาย รุ่นที่๒ ทางานแล้ว) ฉอ่ ยและเพลง ( ส้มจุก ) ทรงเครื่องครูขวัญจิต ๑๘ นางสาวปารชิ าติ เพาะกลา้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศนู ย์ ผสู้ บื ทอดเพลงอแี ซว แกว้ เขยี ว รนุ่ ที่๒ ลาปาง อาเภอหา้ งฉตั ร ลาปาง ผศ. โอฬาร รัตนภกั ดี ( อ้อ )

๔๒๗ ท่ี ช่อื สกลุ ชอ่ื ในการ อายุ ที่อยู่ / ที่ทางาน โทรศัพท์ สถานภาพ แสดง ๑๙ นางสาว เพาะกลา้ มหาวทิ ยาลยั มหิดล ตาบล ผสู้ ืบทอดเพลงอีแซว รจุ ริ าวรรณ รนุ่ ท่ี๒ ศาลายา อาเภอพทุ ธมณฑล เพลงเรอื เพลงฉ่อยและ ขนั ทอง (ชะเอม) จังหวัดนครปฐม เพลงทรงเครื่อง ครู ขวญั จติ ศรปี ระจันต์ ๒๐ นายธนากร เพาะกลา้ มหาวทิ ยาลัยหอการค้าไทย ถ. ผสู้ ืบทอดเพลงอแี ซว พิมพอ์ อ่ น ร่นุ ท่ี ๑ (ปังคงุ ) วิภาวดีรงั สิต ดนิ แดง กรุงเทพฯ เพลงเรือ เพลงฉ่อยและ ๑๐๔๐๐ เพลงทรงเครื่อง ครู ขวญั จิต ศรปี ระจันต์ ๒๑ นายวนั ชัย สดุ ใจ เพาะกลา้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถ. ผู้สบื ทอดเพลงอีแซว (ใหม)่ รุน่ ท่ี ๑ วิภาวดีรังสิต เพลงฉ่อย เพลงเรือและ ดนิ แดง กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ เพลงทรงเครื่อง ครู ขวัญจิต ศรปี ระจันต์ ๒๒ นางสาวพัชรี เพาะกล้า คณะศิลปศาสตร์ ผู้สบื ทอดเพลงอีแซว ศรีเพ็ญแกว้ รุ่นท่ี ๒ มหาวทิ ยาลัยมหิดล ตาบล เพลงฉ่อย เพลงเรือและ ศาลายา อาเภอพทุ ธมณฑล เพลงทรงเครื่อง ครู จังหวดั นครปฐม ๗๓๑๗๐ ขวัญจิต ศรีประจันต์ ๒๓ นางสาวจริ าภรณ์ พี่เล้ียง มหาวิทยาลยั ศลิ ปกร วทิ ยาเขต ผูส้ บื ทอดเพลงอแี ซว บุญจนั ทร์ เพาะกล้า พระราชวงั สนามจันทร์ อาเภอ เพลงฉ่อย เพลงเรอื และ เมอื ง จังหวดั นครปฐม และ เพลงทรงเคร่ือง ครู สถาบันบัณฑิตพฒั นศลิ ป์ ขวญั จิต ศรีประจนั ต์ กระทรวงวัฒนธรรม กรงุ เทพฯ ๒๔ นายธวชั ชัย พเ่ี ลย้ี ง กองสง่ เสรมิ ศิลปะและ ผสู้ ืบทอดเพลงอีแซว เกตเุ สาะ เพาะกล้า วฒั นธรรม มหาวทิ ยาลยั เพลงฉ่อย เพลงเรือและ หอการคา้ ไทย ถนนวภิ าวดี เพลงทรงเครอื่ ง ครู รงั สติ ดนิ แดง กรงุ เทพฯ ขวัญจติ ศรีประจนั ต์ ๑๐๔๐๐ โทร. ๐-๒๖๙๗- ๖๙๔๑ ๒๕ นายกิตตพิ งษ์ พเี่ ล้ียง กองส่งเสริมศลิ ปะและ ผู้สบื ทอดเพลงอีแซว อินทรศั มี เพาะกล้า วัฒนธรรม มหาวทิ ยาลัย เพลงฉ่อย เพลงเรอื และ หอการค้าไทย ถนนวภิ าวดี เพลงทรงเครอื่ ง ครู รงั สติ ดินแดง กรุงเทพฯ ขวัญจิต ศรีประจันต์

ท่ี ชอ่ื สกลุ ชอื่ ในการ อายุ ทีอ่ ยู่ / ทท่ี างาน โทรศัพท์ ๔๒๘ แสดง ๑๐๔๐๐ โทร. ๐-๒๖๙๗- สถานภาพ ๖๙๔๑ ๑๐๔๐๐ โทร. ๐- ผู้สบื ทอด “กลา้ พันธุใ์ หม่” ท่ี ช่ือ สกุล ทีอ่ ยู่ / ท่ที างาน โทรศัพท์ สถาบันการศึกษา ๑ นายเสกสรรค์ ๙๒/๒ ม. ๘ ตาบลทา่ ช้าง นคร มหาวิทยาลยั ราชภัฎ สมุ านิตย์ หลวง จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา พระนครศรีอยุธยา ( บอย ) ๑๓๒๖๐ โทรศพั ท์ ๐๘๖-๗๐๒- จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา ๗๗๕๐ ๒ นายเมธี ๘๑/๒๖๙/๓๔ ถ.สุวรรณศร ตาบล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รษั ฎานกุ ูล นครนายก อาเภอเมอื ง จังหวดั กรงุ เทพมหานคร ( โจ้ ) นครนายก ๒๖๐๐๐ โทรศัพท์ ๐๘๑-๑๖๔-๓๕๔๒ ๓ นางสาวณัฎฐดิ า นวลหนู ๑๐๐/๓๔๒ หมบู่ ้านนกั กฬี าแหลม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปล้อง ทอง ซอย ๒๒ ถนนกรงุ เทพกรฑี า กรงุ เทพมหานคร ( ฝน ) แขวงสะพานสูง เขตสะพานสงู กรงุ เทพฯ ๑๐๒๕๐ โทรศพั ท์ ๐๘๗-๓๘๔-๗๐๓๓ ๔ นางสาว ๗๒/๖๙๔ หมู่บา้ นพระปิ่นเกลา้ ๒ มหาวิทยาลัยราชภัฎ ปิยะวรรณ ซอยศาลากลธรรสพน์ ๑๕ เขตทวี บา้ นสมเดจ็ เจ้าพระยา ผลจันทร์ วัฒนา กรุงเทพฯ ๑๐๑๗๐ กรงุ เทพมหานคร ( ทราย ) ๕ นายธนภทั ร ๘๐/๑๑๔ ถ.ประชาอทุ ิศ ตาบลใน มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ บุญศรวี งศ์ เมอื ง จังหวัดเชยี งใหม่ ( เกล้า ) อาเภอเมอื ง จงั หวดั พษิ ณุโลก ๖๕๐๐๐ โทรศพั ท์ ๐๘๘-๒๙๓- ๖๑๑๖ ๖ นายมหิทธิ ๑๓/๖๐ ถ.ประชานมิ ิตร ตาบลทา่ มหาวทิ ยาลัยราชภฎั

๔๒๙ ท่ี ชอ่ื สกุล ที่อยู่ / ทีท่ างาน โทรศพั ท์ สถาบนั การศกึ ษา เบ้าพมิ พา อิฐ กาแพงเพชร ( โต้ ) อาเภอเมอื ง จงั หวดั อุตรดติ ถ์ จงั หวดั กาแพงเพชร ๕๓๐๐๐ โทรศพั ท์ ๐๘๒-๙๓๒- ๒๖๔๓ ๗ นายโยธิน ๕๖/๑ หมู่ ๑๖ ตาบลหนิ ดาต มหาวทิ ยาลัยราชภัฎ สมภักดี อาเภอปางศลิ าทอง จังหวดั กาแพงเพชร ( โย ) กาแพงเพชร ๖๒๑๒๐ โทรศพั ท์ จงั หวดั กาแพงเพชร ๐๙๐-๗๔๗-๓๑๖๕ ๘ นายศรายทุ ธ สุทธิศักด์ิ ๖๙/๑ ม. ๒ ตาบลห้วยโป่ง มหาวิทยาลยั นเรศวร ( โต๋ ) อาเภอหนองไผ่ จังหวดั เพชรบูรณ์ จงั หวดั พิษณโุ ลก ๖๗๒๒๐ โทรศัพท์ ๐๘๗-๒๐๑- ๕๖๘๖ ๙ นายศริ ศิ ักด์ิ ๒๒๐ ชมุ ชนวดั บางกระดี่ ถนนบาง มหาวทิ ยาลัยบรู พา รอดสาลี กระดี่ วทิ ยาเขตจันทบรุ ี ( น๊กุ ) แขวงแสมดา เขตบางขนุ เทยี น จังหวดั จนั ทบรุ ี กรงุ เทพฯ ๑๐๑๕๐ โทรศัพท์ ๐๘๔-๖๗๘-๒๖๙๕ ๑๐ ด.ญ. เอื้องอารีย์ ทอง ๔๖ หมู่ ๒ ตาบลวงั ตะกู อาเภอ โรงเรยี นสิรินธรราชวิทยาลัย ดอนออ่ น เมือง จงั หวัดนครปฐม ( เบาะ ) จงั หวดั นครปฐม ๗๓๐๐๐ โทรศัพท์ ๐๘๓-๘๓๔-๒๓๑๗ ๑๑ ด.ญ.สมธนศร ชัน้ ขจรกุล ๑๐๗ หมู่ ๔ ตาบล บางแขม โรงเรยี นสริ ินธรราชวทิ ยาลยั ( โรส ) อาเภอเมือง จังหวัดนครปฐม จังหวัด นครปฐม ๗๓๐๐๐ โทรศพั ท์ ๐๘๓-๓๐๗-๓๑๐๗ ๑๒ นางสาวรดา ๓๑/๒ หมู่ ๑ ตาบลทองเอน โรงเรียนสงิ ห์บุรี วัชรพลชยั อาเภออนิ ทร์บรุ ี จังหวัดสิงห์บรุ ี จงั หวัดสิงหบ์ รุ ี ( มน ) ๑๖๑๑๐ โทรศัพท์ ๐๙๘-๙๗๖- ๘๗๙๐ ๑๓ นายพัชรพล วทิ ยาลยั นาฏศิลปส์ ุพรรณบรุ ี ๑๑๙ ผู้สืบทอดเพลงอแี ซว พุม่ พานทอง หมู่ท่ี ๑ ตาบลสนามชัย อาเภอ ครูวรรณา แกว้ กว้าง เมือง จงั หวัดสุพรรณบุรี ๗๒๐๐๐

๔๓๐ ท่ี ชอ่ื สกลุ ท่อี ยู่ / ที่ทางาน โทรศัพท์ สถาบนั การศกึ ษา ๑๔ นางสาวจุฑาภทั ร พฒั กจิ วิทยาลยั นาฏศิลป์สุพรรณบรุ ี ๑๑๙ ผู้สบื ทอดเพลงอีแซว หมู่ท่ี ๑ ตาบลสนามชัย อาเภอ ครวู รรณา แกว้ กวา้ ง เมอื ง จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี ๗๒๐๐๐ ๑๕ ด.ช. จรญู ๗๕ หมู่ ๔ ตาบลบางหลวง อาเภอ ผสู้ บื ทอดอาจารย์โกศล พนู บางยูง บางเลน จังหวดั นครปฐม ๗๓๑๙๐ โรงเรยี นบางหลวงวิทยา ๑๖ ด.ช. เจริญ ๗๕ หมู่ ๔ ตาบลบางหลวง อาเภอ ผสู้ บื ทอดอาจารยโ์ กศล พนู บางยูง บางเลน จงั หวัดนครปฐม ๗๓๑๙๐ โรงเรยี นบางหลวงวิทยา ๑๗ ด.ช. จักรพงษ์ พูนบางยงู ๗๕ หมู่ ๔ ตาบลบางหลวง อาเภอ ผู้สืบทอดอาจารยโ์ กศล บางเลน จงั หวัดนครปฐม ๗๓๑๙๐ โรงเรยี นบางหลวงวทิ ยา ๑๘ ด.ช.ธนศกั ด์ิ โรงเรยี นวดั ปา่ เลไลยก์ อาเภอเมือง ผู้สบื ทอดเพลงอแี ซว เกตคง จงั หวัด สุพรรณบรุ ี ครูศรอี ัมพร ประทุมนันท์ ๑๙ ด.ญ.กนกพร โรงเรียนวัดป่าเลไลยก์ อาเภอเมือง ผสู้ บื ทอดเพลงอีแซว บุญเรอื งรอด จังหวัด สุพรรณบุรี ครศู รอี มั พร ประทุมนันท์ ๒๐ นางสาวภารดี เชิดฉนั ( มหาวทิ ยาลยั หอการคา้ ไทย ถ. ผสู้ ืบทอดเพลงอแี ซวและเพลง ไอซ์ ) วภิ าวดรี งั สิต ทรงเครื่อง ครขู วญั จติ ดนิ แดง กรงุ เทพฯ ๑๐๔๐๐ ศรปี ระจันต์ ๒๑ นางสาว มหาวทิ ยาลัยหอการค้าไทย ถ. ผู้สบื ทอดเพลงเรอื และเพลง ธนั ยนนั ท์ วภิ าวดรี งั สติ ทรงเครอื่ ง ครขู วัญจิต ศักดผิ์ ดุงกมล ดนิ แดง กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ ศรปี ระจนั ต์ ( ซิน ) ๒๒ นายอัศราวุฒิ หอมพฤติ มหาวิทยาลยั หอการคา้ ไทย ถ. ผู้สืบทอดเพลงทรงเครื่อง ภาพ ( เปบ๊ ) วภิ าวดรี งั สติ ครขู วญั จติ ศรีประจนั ต์ ดินแดง กรงุ เทพฯ ๑๐๔๐๐ ๒๓ นางสาวประภาพร เรือง โรงเรยี นบางลีว่ ิทยา ตาบลสองพี่ ผสู้ บื ทอดอาจารย์พสิ ูจน์ ขจร นอ้ ง อาเภอสองพนี่ อ้ ง จงั หวดั โรงเรยี นบางล่วี ิทยา สพุ รรณบรุ ี ๒๔ นางสาว โรงเรียนบางล่วี ิทยา ตาบลสองพี่ ผู้สบื ทอดอาจารยพ์ ิสูจน์ สุพรรษา หงษโ์ ต น้อง อาเภอสองพน่ี ้อง จงั หวดั โรงเรยี นบางล่วี ทิ ยา สพุ รรณบุรี ๒๕ นางสาวพรทิพย์ หริ ัญชยั โรงเรียนบางล่ีวทิ ยา ตาบลสองพี่ ผู้สืบทอดอาจารยพ์ ิสูจน์ น้อง อาเภอสองพี่นอ้ ง จังหวดั โรงเรยี นบางลี่วทิ ยา

๔๓๑ ท่ี ชอ่ื สกุล ทีอ่ ยู่ / ท่ที างาน โทรศพั ท์ สถาบันการศึกษา สุพรรณบุรี ๒๖ เดก็ หญงิ โรงเรียนบางลว่ี ทิ ยา ตาบลสองพ่ี ผสู้ บื ทอดอาจารย์พิสูจน์ พชั ราภา วรรณดี น้อง อาเภอสองพี่นอ้ ง จงั หวดั โรงเรียนบางลี่วิทยา สพุ รรณบุรี ๒๗ เด็กชายไพรัตน์ บณุ ยโต โรงเรยี นบางล่ีวิทยา ตาบลสองพี่ ผูส้ ืบทอดอาจารย์พิสจู น์ น้อง อาเภอสองพีน่ ้อง จังหวัด โรงเรยี นบางล่ีวทิ ยา ๒๘ นางสาวศศิธร รัตนสทิ ธ์ิ สพุ รรณบรุ ี ๒๗ หมู่ ๒ ตาบลบางแกว้ อาเภอ โรงเรยี นสริ นิ ธรราชวิทยาลัย ๒๙ นายทศพร จันตะสุ นครชัยศรี จงั หวดั นครปฐม ๗๓๑๒๐ ผูส้ บื ทอดอาจารย์สุวรรณา ๓๐ นายรักชาติ ๔๘ หมู่ ๙ ตาบลหนองโอ่ง อาเภอ โรงเรียนอทู่ องศกึ ษาลัย รูปสม อทู่ อง สพุ รรณบุรี ๗๒๑๖๐ ผสู้ บื ทอดอาจารยส์ วุ รรณา ๔๒ หมู่ ๔ตาบลยุ้งทลาย อาเภออู่ โรงเรียนอู่ทองศึกษาลยั ๓๑ นางสาวธนาวรรณ ทอง สพุ รรณบุรี ๗๒๑๖๐ ผู้สืบทอดอาจารย์สวุ รรณา ห้วยกระเจา ๒๔๗ หมู่ ๔ ตาบลหว้ ยกระเจา โรงเรียนอ่ทู องศึกษาลัย อาเภอห้วยกระเจา จังหวดั ๓๒ นายสบื สาน กาญจนบุรี ๗๑๑๗๐ มหาวิทยาลัยนเรศวร อาเภอเมือง ไครศ้ รี ๔๕ หมู่ ๒ ตาบลท่าสาย อาเภอ จังหวัดพิษณุโลก เมือง จังหวดั เชยี งราย ๕๗๐๐๐ ๑๐๔๐๐ โทร. ๐-๒๖๙๗-๖๙๔๑

๔๓๒ ระเบยี บการคา่ ยเพาะกล้าพันธุเ์ ก่งเพลงพนื้ บา้ น โครงการเพลงพ้ืนบ้านภาคกลาง เพื่อความเหมาะสมในการดาเนนิ งานคา่ ยเพาะกลา้ พนั ธ์ุเก่งเพลงพน้ื บา้ น คณะกรรมการจงึ กาหนด ระเบียบการเขา้ ค่ายไวด้ ังน้ี คุณสมบตั ขิ องผ้เู ขา้ ค่าย ๑. เปน็ ผู้สบื ทอดเพลงพืน้ บ้านภาคกลาง ๕ ชนดิ ไดแ้ ก่ เพลงฉอ่ ย เพลงทรงเครอื่ ง เพลงเรอื เพลง อแี ซวและลาตดั จากครูเพลงหรือหัวหนา้ คณะเพลงท่แี สดงเพลงดงั กลา่ วเปน็ อาชพี และผ่านการคัดกรองจาก คณะผ้วู ิจยั แลว้ ๒. เป็นชาย/หญงิ อายุ ๑๒ ปีข้นึ ไป ผู้เข้าค่ายทมี่ ีอายุต่ากวา่ ๑๘ ปี จะต้องไดร้ บั ความยนิ ยอมจาก ผปู้ กครองเป็นลายลักษณอ์ กั ษร ๓. มภี มู ิลาเนาอย่ใู นเขตภาคกลาง ๓๕ จงั หวดั ได้แก่ กรุงเทพฯ กาญจนบุรี กาแพงเพชร จันทบรุ ี ฉะเชงิ เทรา ชลบรุ ี ชัยนาท ตราด ตาก นครนายก นครปฐม นครสวรรค์ นนทบุรี ปทมุ ธานีประจวบครี ีขันธ์ ปราจนี บรุ ี พระนครศรอี ยธุ ยา พจิ ิตร พษิ ณโุ ลก เพชรบรุ ี เพชรบรู ณ์ ระยอง ราชบรุ ี ลพบุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมทุ รสาคร สระแกว้ สระบุรี สิงหบ์ ุรี สุโขทยั สุพรรณบุรี อา่ งทอง อุตรดติ ถ์และอทุ ยั ธานี ๔. มคี วามมุ่งมัน่ หมน่ั เพยี รทีจ่ ะรับการถ่ายทอดความรจู้ ากครเู พลงทกุ คน สามารถถอดองค์ความรทู้ ี่ ได้รับอยา่ งเต็มท่แี ละเต็มใจ ( กรอกแบบบันทกึ การสงั เกตและตอบสัมภาษณ์ทุกวัน ) ข้อตกลง ๑. คา่ ยนเี้ ป็นคา่ ยพเิ ศษ เพอ่ื รวบรวมและจดั เก็บข้อมลู มรดกภูมิปญั ญา อันจะนาไปส่กู ารเสนอให้ เพลงพื้นบ้านภาคกลางเป็นมรดกโลก จึงเป็นค่าย “รวมพลคนรกั ษเ์ พลง” มาแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ และถอดองค์ ความรู้ ซ่ึงมีประโยชน์ท้ังตอ่ ตนเองและประเทศชาติ ๒. ผเู้ ขา้ คา่ ยไม่ต้องเสียคา่ ใช้จ่ายใด ๆ ๓. เน่อื งจากไมม่ กี ารประกวด ไมม่ ีรางวัล เหมือนท่ีผ่านมา ดงั นน้ั เพ่อื เปน็ การสมนาคุณแก่ผู้ เสยี สละเวลามาเขา้ ค่าย ( ตลอด ๗ วัน ) ผทู้ ่ีผา่ นการเข้าค่ายนี้มีสทิ ธิพิเศษในการเขา้ ค่ายเพาะกลา้ ฯ รุ่น ๓ ที่ จะจัดเหมือน รุ่น ๑ และ ๒ ในโอกาสต่อไป ๔. ข้อมลู ท่ีผ่านการตรวจสอบ ยนื ยันและลงฉนั ทามติแล้วถือเปน็ มรดกภูมิปัญญาของชาติ ๕. ผ้เู ขา้ คา่ ยตอ้ งปฏิบัตติ ามข้อปฏบิ ัติทุกประการ ............................................

๔๓๓ เพลงพืน้ บา้ นภาคกลาง เพลงฉอ่ ย เพลงฉ่อยเป็นเพลงพ้ืนบ้านภาคกลางเก่าแก่ของไทย เอนก นาวิกมูล (๒๕๕๐ , ๕๒๔- ๕๖๘ ) กล่าวถงึ ประวตั คิ วามเป็นมาของเพลงฉอ่ ยไว้ดงั น้ี สมยั รัชกาลท่ี ๕ เพลงฉอ่ ยเป็นท่ีนิยมและร้องเล่นกันอย่างกว้างขวางแพร่หลายมากที่สุดเพลงหน่ึง จะเห็นไดจ้ ากหลักฐานต่างๆ ไดแ้ ก่ แผน่ เสยี งเพลงฉ่อยของนายเป๋ เช่น “เพลงเป๋เรื่องโคบุตร์ นายพัน แม่อิน แม่ผวิ ” และ “เพลงฉ่อยตับเช่านาวา ๕ นายพัน แม่อิน” และจากคาเล่าของนาย ต. เง๊กชวน (ในหนังสือ งานศพ)วา่ เมือ่ ตนเดก็ ๆ เพลงฉ่อยโด่งดังมากจนชาวบ้านเรียกเพลงฉ่อยว่าเพลงเป๋ หรือเพลงไอ้เป๋ นอกจากนี้ ในหนังสือจดหมายระยะทางไปพิษณุโลก ของสมเด็จฯเจา้ ฟา้ กรมพระยานรศิ รานุวัดติวงศ์ ซ่ึงทรงจดบันทึก การเดนิ ทางปี พ.ศ. ๒๔๔๔ ไวว้ ่าไดท้ อดพระเนตรเพลงเป๋ที่สุโขทัยและสวรรคโลก และกาญจนาคพันธุ์ หรือ ขนุ วิจติ รมาตรา ( สง่า กาญจนาคพันธุ์) ยงั เล่าวา่ เมื่อเป็นเด็กก็ติดตามฟังเพลงเป๋เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม แมว้ ่านายเป๋จะมชี อ่ื เสยี งโดง่ ดงั แต่กไ็ มม่ ีผใู้ ดทราบประวตั แิ ละผลงาน คงมแี ตเ่ พลงท่ีกล่าวถึงว่านายเป๋เล่นเพลง คู่กบั นางมา ท่วี า่ “ เปอ๋ ยากกญั ชา ขออัฐอมี าสองไพ” ครเู พลงเหลา่ นีม้ ีแค่ช่ือและตานาน ส่วนประวัติไม่มีเลย พ่อเพลงแม่เพลงฉ่อยรุ่นเก่าอื่นๆ ก็ปรากฏ ชือ่ อยเู่ ฉพาะในบทไหว้ครูท่ีร้องสืบต่อกันมาเท่านั้น เช่น ครูเปลี่ยน ครูเป๋ ครูบุญมี ครูบุญมา ครูฉิมและครูศรี เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี “ตาอ๊อด ( อ๊อด ตามประหาส) หรือขุนสาราญสมิตรมุข ซึ่งเป็นพ่อเพลงมาจากบ้าน คลองตาคต อาเภอโพธาราม จงั หวัดราชบุรี ( ต่อมาได้แสดงลิเกเฉพาะพระพักตร์รัชกาลท่ี ๖ ได้ตามเสด็จเข้า ไปเล่นโขนเป็นจาอวด และได้รับพระราชทานบรรดาศักด์ิเป็นขุนสาราญสมิตรมุข) แม่เพลงรุ่นขุนสาราญฯ ไดแ้ ก่ แม่อนิ ทง้ั อนิ เล็กอินใหญ่ ส่วนรุ่นน้องถัดมา ได้แก่ แม่ต่วน แม่ทองอยู่ แม่ทองหล่อ ตาพรหม รุ่นต่อมา ได้แก่ พ่อกร่าย พอ่ บวั เผอ่ื น พอ่ ไสว แมบ่ ัวผัน แม่บุญมา เปน็ ตน้ ( ซงึ่ ทั้งหมดน้เี สียชีวติ แลว้ ) เนอื่ งจากไม่มผี ูใ้ ดทราบกาเนดิ ท่ีแนน่ อนของเพลงฉอ่ ย สาหรบั หลกั ฐานลายลกั ษณท์ ีส่ บื ค้นได้คือเร่ือง ขบั รอ้ ง ในหนงั สือวชิรญาณวิเศษ ปีท่ี ๔ หน้า ๒๖๕ พระนิพนธ์กรมหม่ืนสถิตธารงสวัสดิ์ ท่ีทรงแต่งเม่ือ พ.ศ. ๒๔๓๒ สมยั รชั กาลท่ี ๕ ท่ีกล่าวว่า “ ยงั มเี พลงรอ้ งตามหัวเมือง แลเขา้ มาร้องในกรุงก็มีบ้าง คือเพลงฝ่ายเหนือ เรยี กว่า เพลงฉอ่ ย ฤาเพลงตะขาบ อย่าง ๑...” ( เอนก นาวิกมูล ๒๕๕๐ , ๕๒๘) ผเู้ ลน่ เพลงสมัยกอ่ นบางคนเรยี กเพลงฉอ่ ยว่า “เพลงวง” เพราะเดมิ ยนื รอ้ งเล่นกันเป็นวงบนลานดิน แตบ่ างคนกเ็ รียกว่า “ เพลงฉ่า” เพราะลูกคู่จะรับเพลงว่า เอ่ชา ฉ่า ฉ่า ฉ่า ชาวโพหัก อาเภอบางแพ จังหวัด ราชบุรีเรียกว่า “เพลงทอดมัน” เพราะเสียงรับเอ่ชานั้นดังราวกับเสียงฉ่าๆ ตอนทอดทอดมัน ส่วนชาว กรุงเทพฯหรือบางถ่นิ ของระยอง เรยี กวา่ เพลงเป๋ “สรุปไดว้ า่ หลักฐานเก่าสุดเก่ียวกับเพลงฉ่อยที่ค้นพบได้ถึงปัจจุบัน พ.ศ. ๒๕๒๗ น้ีค้นไปได้แค่สมัย รัชกาลท่ี ๕ พ.ศ. ๒๔๓๒ ซึ่งเพลงฉ่อยต้องเกิดก่อนน้ันแล้ว ...เพลงฉ่อยมีอายุไม่ต่ากว่า ๑๐๐ ปี” ( เอนก นาวกิ มลู ๒๕๕๐ , ๕๒๙) รูปแบบการเล่นเพลงฉ่อย เดิมมีลักษณะเป็นการละเล่นของหนุ่มสาว ไม่มีเครื่องดนตรีมีแต่การ ปรบมือประกอบจังหวะ เนื้อร้องและทานองน่าจะปรับปรุงและดัดแปลงมาจาก เพลงโคราช เพลงเรือ และ

๔๓๔ เพลงปรบไก่ สาเหตุเน่ืองจากเวลาปรบมือเป็นจังหวะอย่างเพลงปรบไก่ ร้องบทไหว้ครูและเกริ่นอย่างเพลง โคราช กลอนกใ็ ชค้ ล้ายกบั เพลงเรือ ต่อมาเพลงฉ่อยพัฒนามาเป็นการแสดงพื้นบ้านหรือมหรสพพื้นบ้าน ซ่ึงเป็นท่ีรู้จักแพร่หลายไปทั่ว ประเทศ เพราะมีคณะเพลงพนื้ บ้านทแ่ี สดงเป็นอาชพี ทงั้ คณะลาตัด เช่น คณะพ่อหวงั เต๊ะแม่ศรีนวล หรือคณะ เพลงอีแซว เช่น คณะแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ซึ่งล้วนแต่ยังคงร้องและแสดงเพลงฉ่อยอยู่เสมอตลอดมา นอกจากนีย้ ังมีการบันทึกแถบเสยี งและแถบบนั ทกึ ภาพการแสดง และนาเพลงฉ่อยมาดัดแปลงเป็นเพลงลูกทุ่ง จานวนมาก เช่น หนุ่มสุพรรณสาวนครปฐม ของ เมืองมนต์ สมบัติเจริญ เพลงกับข้าวเพชฌฆาต ของขวัญจิต ศรีประจนั ต์ เพลงลูกทงุ่ ชุดหมากัด ของเอกชยั ศรีวชิ ยั เป็นตน้ อย่างไรก็ตามเมื่อสภาพสังคมไทยเปล่ียนแปลงไปตามกระแสโลกแห่งทุนนิยมและวัฒนธรรม ต่าง ชาตินิยม เพลงฉ่อยกไ็ ดร้ บั ผลกระทบให้ลดบทบาทลงเช่นเดียวกับวัฒนธรรมไทยอื่นๆ เมื่อประมาณ ๔-๕ ปีท่ี ผา่ นมา เพลงพ้ืนบ้านรวมทง้ั เพลงฉ่อยเร่ิมได้รบั การฟืน้ ฟจู ากองคก์ รและสอื่ มวลชน เช่น โครงการประกวดเพลง พ้ืนบ้าน โครงการเดินตามรอยครเู ชดิ ชเู พลงเก่า นอ้ มเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และโครงการเพาะ กล้าพันธุ์เก่งเพลงพื้นบ้าน ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ( ดาเนินงานติดต่อต้ังปี ๒๕๔๗ – ปัจจุบัน ) รายการไทยมุง รายการไทยโชว์ รายการศิลปส์ โมสร สถานีโทรทศั นไ์ ทยพบี เี อส ( ระหว่างปี ๒๕๕๐- ๒๕๕๕ ) ผลของการสนบั สนนุ สง่ เสรมิ อย่างต่อเนื่องดังกล่าว ทาให้เพลงฉ่อยกลับฟ้ืนคืนความนิยมอีกคร้ัง โดยเฉพาะมี การนาเพลงฉ่อยมาแสดงเปน็ จาอวดหน้าม่าน โดยนักแสดงตลก ได้แก่ น้าโย่ง น้าพวงและน้านงค์ ในรายการ คุณพระช่วย ของบริษัทเวิร์คพอยท์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง ๙ เช่น เพลงฉ่อย เรื่องหวย เร่ืองเพศสมัยใหม่ เรื่องหนุ่มสาวจีบกัน เร่ืองน้าใจ เรื่องประหยัด เรื่องโรงพักตารวจ เร่ืองร้านตัดผม เร่ือง ภรรยา เร่ืองภาษาพาสนุก และเร่ืองหญิงชายใครสบายกว่ากัน เป็นต้น ยิ่งทาให้เพลงฉ่อยกลับมาโด่งดัง แพรห่ ลายในหม่ปู ระชาชนทุกเพศทุกวัยมากยงิ่ ขึน้ เพลงฉ่อยจึงเปน็ เพลงพน้ื บ้านเก่าแก่ท่ีอยู่คู่สังคมไทยมาอย่างยาวนาน และคาดว่าจะคงอยู่ได้ต่อไป สมกับคากล่าวของอาจารย์เอนก นาวิกมูล (๒๕๕๐ , ๕๓๘ ) ที่ว่า “ เพลงฉ่อยอาจจะยังไม่ตาย ด้วย ท่วงทานองที่ง่าย กลอนง่าย และหัดร้องได้ไม่ยาก เพลงฉ่อยประทับใจคนท้ังหลายตลอดมา ...ถึงแม้ชาว เพลงรนุ่ เก่าหลายคน...จะตายไปแลว้ แตเ่ ราเชอ่ื วา่ เพลงพ้ืนเมืองชนิดนีจ้ ะคงอยตู่ ่อไปได้ ถา้ เราสนใจ”

๔๓๕ ตัวอย่างเพลงฉ่อย ของพ่อไสว สุวรรณประทีป พ่อบัวเผ่ือน โพธิ์พักตร์ แม่บัวผัน จันทร์ศรี แม่ทอง อยู่ รกั ษาพล แมท่ องหล่อ ทาเลทอง และแมช่ ้นื ทับสีสด ( ๒ พฤษภาคม ๒๕๒๔) บทเกร่นิ แมค่ ุณอยา่ ทอ้ เลยนอ้ ง (ช.) แมค่ ุณอยา่ ทุกข์เลยหนอ อยา่ ทกุ ข์ไปเลยวา่ เมียพมี่ ี อีแมส่ ที บั ทิมสายสร้อยทอง นี่กเ็ มยี ไม่มาก็เมยี พี่ไมม่ ี เอย.ไม่ ถ้าหากวา่ เมยี พม่ี เี มียพ่ตี ้องมา หลงรกั กนั อย่แู ต่ข้างหลงั ข้าก็มาจนใจเฝา้ แต่ยนื จ้อง พ่ีมายนื อึดอึงตะลงึ แล จงึ ใชไ้ ปดว้ ยสายตามอง เอย..ไป ครั้นจะพูดไม่ออกบอกไมด่ ัง ฉันเองไม่รทู้ าเลรอ่ งรอย คร้นั จะพูดไมอ่ อกบอกไมไ่ ด้ ไม่ควรให้ยอดรักของนอ้ งคาน (ญ.) รกั ชายก็ช่างหลายเลห่ ์ จะรกั ฉนั มนั กค็ งไมน่ าน เอย..ไป อุตส่าห์ประคองพ่ีเอ๋ยรักคอย ก็มาเจอเจ้าสตี าลเยิน ถงึ จะแต่งลมลอ่ ใหแ้ ม่ทองหลอ่ หลง พ่อเผ่อื นเอ๋ยไมไ่ ด้กัด หอ้ หา ไมใ่ ห้พวกแกน่ีเสยี ทมี าเอย..ได้ ฉนั มาเจอเจ้าหัวหวานเจา้ ตาลยี อย่าทาโมโหกันเลยหา้ วเหนิ ถา้ วา่ นอ้ งมรี างฉันจะวางใหเ้ ลีย บทประ ก็มนั จวนเวลา ลงไป (ช.) คร้นั จะชมไปหนกั มนั ข้มี กั ช้า รักพ่ีอยา่ ทาเปน็ อาย เอ่ชา.. ใหน้ ้องเปดิ ปากจะกระดากดา้ ม ถา้ รกั พ่ีอยา่ ตัดเชิงชาย เอช่ า.. เจ้าแม่ลวดคดของพเี่ ขม็ ขดั รักของพไี่ ม่ยาวซักแคไ่ ร เอช่ า.. มาเปดิ ปากจะกระดากดา้ มเสา้ ใครหนอมาเรียกหาวุ่นวาย... (ญ.) จะเปน็ ผ้ใู ดท่ีไหนมา แมท่ องหล่อก็ไมร่ วู้ า่ ใคร เอ่ชา พ่อทูนหวั มาแอบอยทู่ ่ีแคมประตู แม่ทองหลอ่ ไม่รู้กนั ว่าใคร (ช.) บอกว่ามาแอบอยูท่ ี่แคมประตู ก็ทองหลอ่ มาแปลกฉนั ไป บอกวา่ แสงไฟฟา้ มแี สกแสก หน่อยไปเห็นคนลาวว่าคนไทย อีกหนอ่ ยไปเหน็ คนดาจะว่าคนขาว เห็นแตงโมวา่ แตงไทย เห็นด้ามมตี อกจะบอกว่ามีดโต้ นหี่ รือคือเผื่อนพ่จี าไว้ เอช่ า.. เหน็ ดา้ มกระบวยจะวา่ กล้วยตานี นหี่ รอื คือเผอื่ นพ่จี าไว้ (ญ.) เห็นดา้ มกระบวยจะว่ากลว้ ยตานี นานนานถึงได้มารู้ไหม พุทโธ่เผือ่ นเอย๋ พอ่ เผอ่ื นจา๋ มนั ยงั ไม่รูจ้ กั ว่าใคร ถา้ มาเจอเสียแถกเม่ือแรกจะทัก หน้าตาแกยังง้ีไปซะเมื่อไหร่ เมื่อตะกอ่ นแตก่ ี้

๔๓๖ ดูผวิ เผือดดเู ลือดแห้ง เหมือนอย่างลกู ฉนั แทง้ เมื่อปีกลาย เอช่ า.. ( เอนก นาวิกมูล ๒๕๕๐, ๕๓๙- ๕๕๑ ) การรอ้ งเพลงฉอ่ ย เพลงฉ่อยมีทานองและลีลาการร้องหลากหลายไปตามท้องถิ่น เช่น ทางจังหวัดอุทัยธานี - จังหวัด นครสวรรค์ รับเพลงว่า เอ่ชา เอชา เอ๊ชา ฉ่าชาเอย ส่วนทาง จังหวัดอยุธยา - จังหวัดอ่างทอง - จังหวัด สุพรรณบรุ ี รบั เพลงว่า เอ่ชา ชา ชาฉ่าชาเอย ส่วนทางใต้ กรุงเทพมหานคร - จังหวัดราชบุรี รับเพลงว่า เอ่ ชา เอชา ชาชาฉ่าชา หนอยแม แบบแผนการร้องเพลงฉ่อย แต่เดิมมามีลักษณะเป็น “เพลงโต้” คือมีการโต้ตอบกันระหว่างฝ่ายชาย และฝ่ายหญิง มีบ้างที่ผู้โต้เป็นเพศเดียวกัน ได้แก่ ฝ่ายชายโต้กับฝ่ายชาย เช่น เพลงตับชิงชู้ ฝ่ายหญิงโต้กับ ฝ่ายหญงิ เชน่ เพลงตบั ตีหมากผัวหมากเมีย ( เมียน้อยโต้กับเมียหลวง ) หรือเพลงที่เล่นเป็นเร่ือง เช่น ขุนช้าง ขุนแผน เป็นต้น ตัวอย่างการร้องเพลงฉ่อยจังหวัดสุพรรณบุรี คณะแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ มีลักษณะดังน้ี การข้ึนเพลง ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจะร้องต่างกัน โดยทั่วไปผู้ร้องฝ่ายชายมักเอื้อนเสียงว่า “ เฮิง เฮิง เออ เอ่อ เอิง เอย๊ ” หรือ “โฮง โฮง โงว โห่ โฮง โฮ้ย” ( การออกเสียง ฮ ง และอ สับเสียงกันได้ ) บางทีก็ร้องสั้นๆ วา่ “ เอย๊ ...” สว่ นการขนึ้ เพลงของฝา่ ยหญิง มที ้ังการเอ้ือนเสียงยาว เชน่ “ เออ๊ เอ่อ เอ๋อ เออ เอ่อ เอ๋ิง เอย... “ และขึน้ สนั้ ๆ ว่า “ เอย๊ ...” การร้องเน้อื เพลง เพลงฉ่อยมที านองหลกั ทานองเดยี วและมจี งั หวะหยดุ ทแี่ น่นอน หากตีฉง่ิ ตีกรับก็เทยี บ ได้กบั จังหวะหนึง่ ช้นั คร่ึงถงึ สองชน้ั การร้องเพลงฉ่อยคลา้ ยกบั การรอ้ งเพลงเรือ ตา่ งกันตรงเพลงฉ่อย วรรคหลัง มักรอ้ งหลบเสียงต่า ซึ่งเปน็ เสียงระดบั เดียวกับเสยี งกระทุ้งของลกู คทู่ ี่รับวา่ “ ช้าแม่หรอื นอยแม่” และ “ฉ่า ฉ่า ฉ่า” เช่น เสียงใคร/นัน่ เหนอ/ใคร/น่นั แหน เสยี งใคร/มารอ้ ง/เรยี กแม่ ( นอยแม)่ อยูท่ ่ีไหน (ฉ่าๆๆ) การลงเพลงและการรับเพลง เมื่อร้องเพลงแต่ละลงหรือแต่ละท่อนจบแล้ว ผู้ร้องจะทอดเสียงหรือ หยอดเสียงในตอนท้าย เพ่อื ใหล้ ูกคูร่ บั เพลง การรบั เพลงเรือมี ๒ แบบคอื แบบแรกร้องรับหรือกระทุ้งท้ายวรรค ทีส่ องว่า“ ชา้ แมห่ รือนอยแม่” และ “ฉ่า ฉา่ ฉ่า” ดงั ตัวอย่างข้างบน และการรับแบบท่ีสองคือการรับตอนลง เพลงว่า “ เอช่ า เอชา ชาชาฉ่าชา นอยแม่” ตัวอย่างเพลงฉ่อยบทเกริ่นแบบโบราณ ทกุ วนั พ่เี ทีย่ วหานาง ไปเหมอื นยังกวางหาหนอง ทกุ วันพเี่ ทีย่ วหานอ้ ง ไปเหมือนยังพรานหาเน้อื

๔๓๗ อแี ม่คานน้อยหาบหนัก ไมร่ ู้เลยจะหกั ลงเมอ่ื …ไร (รบั ) คานนอ้ ยหาบหนกั คานนอ้ ยหาบหนัก ไมร่ ู้เลยจะหักลงเมือ่ …ไร โอยแม่ โอละชา ๆ ฉา่ ฉา่ ชา นอละนอ ๆๆ นอละนอย หนอยแม่ๆ ฉ่า ชา เอ่อ… เอย… ตวั อยา่ งการร้องเพลงฉ่อย จังหวดั ตาก วงพอ่ หรดั แม่ประทวย เขนว่ ม เชน่ บทไหวค้ รู (แมป่ ระทวย เขน่วม) สาธุสะสิบน้วิ พนมกรกม้ ข้ึนเหนอื เกล้า ลูกจะไหวค้ ุณครผู ู้เฒ่าไปท้งั สองชมพูท่าเพ เม่ือลกู จะเอย่ อา้ ว่าเพลง ก็ ข อ ใ ห้ เ สี ย ง ลู ก เ ร่ ง ป า น เ ร . . . . . ไ ร เพลงกระทู้ (พ่อหรดั เขน่วม) กร็ ักแต่เบาเบาพอแบ่ง รกั ใครรกั เขา แช่งเถิดพวกพี่ก็ทาหน้าชนื่ ถงึ แม่ยายจะดา่ ถงึ พ่อตาจะแช่ง มาทกุ วันรกั น้องแทบกลืน....ได้ รักแมน่ มเกล้ียงปานกับหนา้ กลอง เพลงแก้ (เพลงประ) พอ่ หรัด เอง็ เปน็ หญงิ ดีช่างมีกริ ิยา จ ะ ใ ห้ ดู ห ลั ง ดู ห น้ า ดู น อ ก ดู ใ น ตัวเองมายนื กระดกอย่ทู กี่ กมะดัน อ ยู่ ใ ต้ ช่ อ ง น อ ก ช า น น้ อ ง ช่ า ง ไ ม่ แ ล เ ห็ น ช า ย พ่ไี ม่ใชค่ นอน่ื เป็นแตพ่ ้นื บา้ นเรา ถ้ า เ ป็ น ข โ ม ย ค ง จ ะ เ อ า วั ว ค ว า ย (เอช่ า เอ้ชา้ เอ้ชา ชา ฉ่า ชา) แมป่ ระทวย ถ้าเป็นขโมยนน้ั คงจะเอาววั ควาย ออ๋ พเี่ ป็นคนรจู้ กั ใหถ้ ามทักนบั ถอื พ่อขวญั เมืองคู่มือจะหมอบมองกนั อยูท่ าไม เธอมุดมอดคะมาเห็นหวั ดาดาฉนั แลดู มาหลงเลียรางดมรอู ๋อนี่พีม่ ากันแตเ่ มอื่ ไร (เอ่ชา เอ้ช้า เอช้ า ชา ฉา่ ชา) (หรดั เขน่วม และประทวย เขนว่ ม, สมั ภาษณ์, ๒๑ เมษายน ๒๕๕๗) ตวั อยา่ งเพลงฉอ่ ยจงั หวัดกาแพงเพชร ของพ่อสกลุ ตะ๊ ปินตา จะขอกล่าวคากลอนเปน็ สนุ ทรคาถ้อย ในทานองเพลงฉอ่ ย (โอย้ แม)่ ของไทย (ชา ฉ่า ชา) จากพวกเราชุมชนตาบลวงั ยางวังแขม จะไมข่ อออ้ มแอ้ม (โอย้ แม)่ มันน่าอาย (ชา ฉ่า ชา) ตาบลวังยางวังแขมอยู่อาเภอคลองขลงุ เปน็ ดินแดนเรอื งรุ่ง (โอย้ แม)่ มานานหลาย (ชา ฉ่า ชา) กอ็ าเภอคลองขลุงอยูจ่ งั หวดั กาแพงเพชร เมืองกลว้ ยไข่รสเดด็ (โอ้ยแม)่ น่ียงั ไง (ชา ฉา่ ชา) อย่ภู าคเหนอื ตอนล่างอย่ภู าคกลางตอนบน เป็นเมอื งทมี่ แี ตค่ น (โอย้ แม)่ มนี า้ ใจ (ชา ฉา่ ชา) เป็นเมอื งแหง่ การเกษตรเป็นเขตแหง่ การพฒั นา เป็นเมืองทมี่ ีคณุ ค่า (โอย้ แม)่ อยา่ งมากมาย (ชา ฉา่ ชา)

๔๓๘ เป็นเมอื งแห่งการทอ่ งเท่ยี วเปน็ เมอื งที่เก่ยี วกบั ทกุ เรอื่ ง แมแ้ ต่เรอ่ื งการเมอื ง (โอ้ยแม)่ น่ันกใ็ ช่ (ชา ฉา่ ชา) แตว่ นั นขี้ อเร่ืองเดยี วเอาเรื่องทอ่ งเทยี่ วเท่าน้ัน (ซ้า) เมอื งกาแพงเพชรกส็ าคัญไมแ่ พเ้ มืองใดใด (เอช่ า..) นางมลทนิ นาคนาม กาแพงเพชรนห่ี นานอกจากคาวา่ เปน็ มรดก ยังเป็นครัวของโลก (โอ้ยแม)่ ครัวของไทย (ชา ฉา่ ชา) ทก่ี าแพงเพชรมสี ิบเอด็ อาเภอ ของดเี มืองเราน่ะเหรอ (โอ้ยแม)่ มีมากมาย (ชา ฉา่ ชา) มีพืชผลทางการเกษตรมีทวั่ ทุกเขตทุกสงิ่ เกือบครบจรงิ จริง (โอ้ยแม)่ จะบอกให้ (ชา ฉ่า ชา) มที ง้ั ข้าวมที ั้งมนั ท่ที าน้าตาลคือออ้ ย ข้าวโพดถว่ั งากใ็ ช่ย่อย (โอ้ยแม่) มีเยอะไป (ชา ฉ่า ชา)ทั้ง สวนส้มทุกชนิดพืชเศรษฐกิจทัง้ นัน้ (ซ้า) ท่ขี ้ึนช่ือลอื ลัน่ นัน้ ก็คือกล้วยไข่ (เอช่ า...) (สกลุ ตะ๊ ปนิ ตา, มลทิน นาคนาม และปัทมาพร โชตกิ คาม. สมั ภาษณ์, ๒๒ เมษายน ๒๕๕๗.) ตัวอยา่ งเพลงฉอ่ ยจงั หวัดชัยนาท ของพอ่ สวงิ บรรเด็จ เพลงแตง่ ตัว เสยี งผู้ใดไหนเล่ามาเรยี กสาวเซง็ แซ่ เสยี งผใู้ ดใครแน่อยู่ท่ไี หน ครนั้ จะออกไปหาหนุ่มแต่งตัวไม่สวย ถา้ เชน่ นน้ั หนอเราก็ป่วยการไป จึงหันหน้าเข้าห้องตามองกระจก ผมยาวหวียกผมย่งุ ตอ้ งสยาย ผมซอยรากไทรเราต้องหวีเสยเสย ผมยาวกห็ วเี ลยให้ตลอดหัวไหล่ แลว้ เขียนคิ้วทาปากหยิบหวสี ักข้นึ มาเหน็บ แล้วกร็ บี ทาเล็บมไิ ด้รา่ พไิ ร ยคุ พัฒนาของไทยตอ้ งแต่งกายแข่งกัน ตามรฐั บาลท่ีท่านวางนโยบาย ถึงจะน่งุ สนั้ เขินกไ็ มใ่ หเ้ กนิ หัวเข่า หญิงไทยของเรามันต้องแตง่ ลวดลาย แล้วหยบิ เอาแป้งมาหนงึ่ เม็ดมาน่งั เช็ดห่มสี หยิบนา้ มนั ราตรีส่งกล่ินหอมไกล แลว้ ว่านะจงั งังชายเห็นให้งวยงง ถงึ คดิ ร้ายกท็ าไม่ลงใหย้ ืนนา้ ลายไหล พอเหน็ หนา้ แลว้ จงั งังขอใหม้ านัง่ ราบราบ มานงั่ ไหว้สองกาบทีต่ ิดอยูใ่ นรา่ งกาย (เอช่ า เอ เอ้ชา ชาฉ่าชา) เพลงประ/เพลงแก้ พ่อลมพัดกระพือใบไผ่ ( หญงิ ) ฉนั ถามวา่ จริงแล้วหรือพอ่ หรือ คงไม่ตกมาถงึ หญิงบ้านไกล ถ้าพอ่ ดจี รงิ เหมอื นดังคาเขาว่า เขาจึงไดเ้ นรเทศแกมาไกล ฉันกลวั จะเปน็ มะเขอื ไอ้ที่เหลือเดนเด็ด (คมคาย ชนุ ตาล. สมั ภาษณ์. ๒๕ เมษายน ๒๕๕๗) (เอช่ า เอ เอช้ า ชาฉา่ ชา) ตัวอย่างเพลงฉ่อยพิษณโุ ลก ของ นางสมปอง พลอยบตุ ร

๔๓๙ เพลงไหว้ครู (หญิง) ๑.เอย น้อมหตั ถ์เบอื้ งซ้าย ใชด้ ว้ ยต่างดอกไม้บูชา ลูกน้อมหัตถเ์ บอ้ื งขวา ใชด้ ว้ ยต่างมาลาเทียนงาม ธปู สามเทยี นหน่ึง แล้วน้อมระลึกถงึ พระคุณของครูบา เอ้ิงเงอ เฮ้อ เออ เอย (ลูกคชู่ ายรบั โนมโนม) เอ่อ เอย ไหว้ (หญงิ ลกู คูร่ บั ) ธปู สาม เอย เฮ้ย เทยี นหน่งึ เอย ธูปสาม เออ เอ๊ย เทียนหน่ึง แล้วน้อมระลึกถึงพระคุณของครู บา เอง้ิ เงอเออ้ เอย เอ่อ เอย๋ ไหว้ เอ่ชา เอ้ชา้ ชา่ ชา้ ฉ่าชานอ้ ยแม่ ๒.เอย พอไหวค้ ุณครเู สรจ็ สรรพลูกจะย้อนรอยถอยกลบั มาขอคานับคณุ บิดรมารดร เมอื่ ลกู อยู่ในท้องนัน้ หนา แม่มดี วงจิตคดิ สละ แม่จะรับประทานอาหารเผ็ดร้อน แมก่ ก็ ลวั เลือดกอ้ นของลกู จะละ เอิง้ เงอ เออ เอ่อ (ชายรบั โนมโนม) เอ่อ เอย ลาย (ลูกคูห่ ญิงรบั ) จะรบั ประทานอาหารเผด็ รอ้ น เออเฮ้ยประทานอาหารเผ็ดรอ้ น แม่ก็กลวั เลือดก้อนของลูกจะละ เอง็ เงอเองิ้ เออเออ๋ เอ๋ย สาย (เอ่ชาเอช้ า ชาฉะฉ่าชา) ๓.เอย แมไ่ ดอ้ าบน้ารอ้ นนอนไฟ จนหลงั ไหล่ของแมล่ อก หน้าแม่ดาชา้ ชอก แม่มเิ คยวา่ ลูกชวั่ จะยกเอาคณุ พระแม่เจ้า ขึ้นไปวางบนเกล้ากันตัว เองเงอเอ้อเออเอ่อ (ชานรัยโน มโนม) เออ่ เอย ไว้ (ลูกคู่หญงิ รบั ) ลูกจะยกคุณเออเฮ้ย พระแม่เจ้าเอย ยกคุณ เออเฮ้ย พระแม่เกล้าข้ึนไปวางไว้บนเกล้ากันตัว เอิงเงอเอ้อเออ่ เอ๋ย ไว้ เอ่ชาเอช้ า ชะฉา่ ชา น้อยแม่ ๔.ไหวค้ ณุ พระบิดรมารดาเชยี วหนาเสร็จสรรพ คราวนจ้ี ะขอคานับครูไทย ท้ังครูสอนให้เลน่ เปน็ นกั เลง จะไหวค้ รเู พลงตบไก่ สามสิบสองครเู พชรฉลกู รรณ ขอให้มาบันดาลดลใจ เอช่ า ชาชาช่าชา หนอ่ ยแม่ ๕. ลกู ขอใหน้ า้ เสียงแม่เอย่ ลกู เกล้ยี งเกลา ประดุจดงั เสยี งป่เี ป่าพระอภัย ลูกจะรอ้ งอะไรก็ขอให้ไหลรน่ื พอเอย่ ว่าฮาครืนไม่แพ้ใคร ขอให้ผู้ชายนนั้ มาเป็นลอง แพ้พ่ายงายทอ้ งเออเฮย้ กลับไป (ลกู ครู่ ับ) ( สมปอง พลอยบุตร.สมั ภาษณ์ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ) ตัวอย่างเพลงฉอ่ ยเพชรบรู ณ์ ของนางสวาท ภาสประหาส เพลงตานานแม่นางผมหอม เอ่อ เองิ เองิ เอย เอ่อ เองิ เอย สายวารีศรปี ่าสกั เปน็ แมน่ ้าสายหลัก ตง้ั แต่เหนือจดใต้ จดใต้วารี ไหลริน ผู้คนทากนิ สขุ สบาย

๔๔๐ มีประเพณที ง่ี ามลา้ คืออ้มุ พระดาน้าขจรไกล ยังมเี รอื่ งเล่าอกี มากหลาย สุดท่ีจะบรรยายให้หมดได้ จะหยิบยกมาซกั หน่ึงเร่ือง พอใหท้ า่ นประเทอื งจติ ใจ มพี ระนครที่เรืองรงุ่ ใครใครกม็ ุ่งอยากจะไป เพราะมีธิดาทง่ี ามสม พระนางมีผมหอมยวนใจ หนมุ่ หน่มุ ทัง้ หลายตา่ งหมายปอง อยากได้นางเป็นผู้ค่คู รองใจ จึงเกดิ เปน็ โศฏนาฏกรรม ทีแ่ ม่น้าป่าสักนยี่ งั ไง เอ ชา เอ ชา ชา ชา ช่า ชานอ้ ยแน่ จะขอบรรยายความตามตานาน เรือ่ งเล่าเท้าความกนั มานานปี มพี ระราชาอกี พระเหสี มีบตุ รีอยกู่ ลางพงไพร นางมเี กศาทหี่ อมกรุน่ หอมละมุน่ ขจรไกล เป็นท่ีตอ้ งตาและตอ้ งจิต ตา่ งกอ็ ยากจะคดิ รกั ใคร่ วนั หนึ่งพระราชาอยากใหพ้ ระธิดามีคู่ครอง ใหท้ หารป่าวร้องทั่วไป หน่มุ หนุ่มทัง้ หลายจะมาให้ลูกข้า ต้องมีบญุ ญาขจรไกล ต้องเป็นคนกล้าสมชายชาตรี ตกหลมุ ขวากแล้วไมม่ ีอันตราย เอ ชา... เพลงฉ่อยขนุ ช้างขุนแผน วนั นฉี้ นั จะฉ่อยฉ่อยเป็นนิทาน เรือ่ งราวพืน้ บา้ นวรรณกรรมไทย อวสานวันทองอสี องผวั เขาหาวา่ มนั ชัว่ นะ่ มันจริงไหม จริงไม่จรงิ ให้ลองพจิ ารณา แตอ่ ย่าลมื เอามาสอนใจ ( ขุนช้าง ) เออ เออ เออ่ เออ เออ้ อะไรกนั อะไรกนั ขุนชา้ งนอนฝันอะไรหว่า วนั นีน้ อนฝันฝันแปลก วา่ กระบานแยกแตกอา้ แตกต้งั แต่หวั ยันเทา้ ร้องบอกวา่ ไมเ่ อามนั จะฆา่ จึงควานหาวนั ทองเมยี รกั ผวั ฝันว่าฟันหักโอ๋เมยี จา๋ แม่วันทองแม่ทูนหัว ชว่ ยทานายฝันผวั หนอ่ ยหนา แมว่ ันทองของช้างของชา้ ง ทคี ่อยนอนขา้ งขา้ งกบั ตัวข้า หรอื จะเป็นไอ้ไวยลูกชะไอ้แผน ( ซา้ ) เหน็ แล้วแล้วแคน้ เป็นหนกั หนา เดยี๋ วไปฟ้องแม่ฟ้องพฟี่ อ้ งนอ้ ง และจะไปฟ้องพระพนั วษา จะใหพ้ ระพนั วษาจบั ไอไ้ วยซกุ จะให้มนั ติดคกุ ขี้หมา ขนุ วนั : เอ ชา เอ ชา เออ เออ เอย่ จะกลา่ วกลับจบั ความตามพน้ื บา้ น ไอ้ชา้ งหัวล้านวา่ ยน้ามา พงุ โลลอยน้าดาวา่ ย โหวกเหวกโวยวายคลา้ ยคนบ้า ฝูงปลาสะดงุ้ ฝงู กงุ้ สะท้าน ไอช้ า้ งหัวล้านวา่ ยน้าตามหา ปากกร็ ้องตะโกนกอ้ ง กลัวเสียวนั ทองน้องยา เอ ชา ... ( สวาท ภาสประหาส สัมภาษณ์ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ )

๔๔๑ ตัวอย่างเพลงฉ่อยกาแพงเพชร ของนายสกุล ตะ๊ ปนิ ตา เพลงแนะนาการทอ่ งเทีย่ วจงั หวัดกาแพงเพชร จะขอกล่าวคากลอนเป็นสุนทรคาถอ้ ย ในทานองเพลงฉอ่ ย (โอย้ แม)่ ของไทย (ชา ฉ่า ชา) จากพวกเราชมุ ชนตาบลวังยางวงั แขม จะไม่ขอออ้ มแอ้ม (โอย้ แม)่ มนั นา่ อาย (ชา ฉ่า ชา) ตาบลวังยางวังแขมอยอู่ าเภอคลองขลุง เปน็ ดนิ แดนเรอื งรงุ่ (โอย้ แม)่ มานานหลาย (ชา ฉ่า ชา) ก็อาเภอคลองขลุงอยจู่ ังหวัดกาแพงเพชร เมอื งกลว้ ยไขร่ สเด็ด (โอย้ แม)่ น่ยี งั ไง (ชา ฉ่า ชา) อยู่ภาคเหนอื ตอนล่างอยูภ่ าคกลางตอนบน เปน็ เมืองทีม่ แี ต่คน (โอ้ยแม)่ มีนา้ ใจ (ชา ฉา่ ชา) เปน็ เมืองแห่งการเกษตรเปน็ เขตแหง่ การพัฒนา เป็นเมืองที่มีคุณค่า (โอย้ แม)่ อยา่ งมากมาย (ชา ฉ่า ชา) เปน็ เมอื งแหง่ การท่องเทย่ี วเปน็ เมืองที่เกีย่ วกบั ทุกเรือ่ ง แม้แตเ่ ร่อื งการเมอื ง (โอ้ยแม)่ นัน่ ก็ใช่ (ชา ฉา่ ชา) แต่วันนข้ี อเรอ่ื งเดียวเอาเร่อื งทอ่ งเท่ียวเท่านนั้ (ซ้า) เ มื อ ง ก า แ พ ง เ พ ช ร ก็ ส า คั ญ ไ ม่ แ พ้ เ มื อ ง ใ ด ใ ด (เอ่ชา เอ้ชา ชาฉ่าชา น้อยแม่) กาแพงเพชรนีห่ นานอกจากคาว่าเปน็ มรดก ยงั เป็นครวั ของโลก (โอย้ แม)่ ครัวของไทย (ชา ฉ่า ชา) ที่กาแพงเพชรมีสบิ เอด็ อาเภอ ของดเี มอื งเรานะ่ เหรอ (โอย้ แม)่ มีมากมาย (ชา ฉา่ ชา) มพี ืชผลทางการเกษตรมีทั่วทุกเขตทกุ สิง่ เกอื บครบจริงจรงิ (โอย้ แม)่ จะบอกให้ (ชา ฉ่า ชา) มีทงั้ ข้าวมีทัง้ มันที่ทานา้ ตาลคอื อ้อย ขา้ วโพดถัว่ งากใ็ ช่ย่อย (โอ้ยแม่) มีเยอะไป (ชา ฉ่า ชา)ทั้ง สวนส้มทกุ ชนิดพืชเศรษฐกิจท้งั น้ัน (ซา้ ) ที่ขึน้ ช่อื ลอื ล่ันนน้ั กค็ ือกลว้ ยไข่ (เอช่ า เอ้ชา ชาฉ่าชา นอ้ ยแม่) (สกลุ ต๊ะปินตา, มลทิน นาคนาม และปัทมาพร โชตกิ คาม. สมั ภาษณ์, ๒๒ เมษายน ๒๕๕๗.) ส่วนการร้องเพลงฉ่อยท่ีปรากฏในรายการต่างๆ ทางสถานีโทรทัศน์ เช่น รายการโรงรับจานรรจ์ ช่อง ๑๑ และรายการคุณพระช่วยช่อง ๙ นั้น ผู้เขียนพิจารณาแล้วเห็นว่าส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็น “เพลง ตอ่ ” คอื ร้องต่อกัน หรือร้องเพื่อส่ง หรือเสริมมุกตลกให้แก่กัน เป็นการร้องไปในทางเดียวกันไม่ใช่โต้แย้ง หรือหกั ลา้ งกันเช่นเพลงโต้ตอบท่ัวไป ซึ่งลักษณะเช่นน้ีถือเป็นการสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ให้เหมาะแก่ส่ือ และแก่สงั คมยคุ ใหม่ ทาใหเ้ พลงฉอ่ ยเปน็ ทถี่ กู ใจคนไทยมากข้ึน กล่าวโดยสรปุ เพลงฉอ่ ยเป็นผลงานสร้างสรรค์ที่เกิดจากภูมิปัญญาของบรรพชน ซ่ึงสืบทอดกันมา หลายช่ัวอายุคน เดิมเราใช้เป็นการละเล่นเพื่อความบันเทิง ใช้เป็นสื่อในการสอนใจและระบายความทุกข์ คน ไทยจึงมีความผกู พนั กับเพลงฉอ่ ยมาชา้ นาน ปัจจบุ นั แมว้ า่ สภาพสงั คมจะเปล่ียนแปลงไป แต่เพลงฉอ่ ยก็ยังคงอยู่ ในจิตวญิ ญาณของความเป็นชาตินักกลอนเช่นคนไทยเรื่อยมา และสามารถปรับเปล่ียนรูปแบบเป็นการแสดง พนื้ บา้ น และการแสดงผา่ นสอ่ื มวลชนและสื่ออิเลก็ ทรอนิกส์ทแี่ พรห่ ลายอยา่ งยิ่ง เพลงฉอ่ ยในวันน้ีจึงไม่เพียงแต่

๔๔๒ เป็นภูมปิ ญั ญาไทย หรอื เป็นทรัพยซ์ ่ึงใหป้ ญั ญา แตย่ ังเปน็ ปญั ญาทใ่ี ห้ทรัพย์หรือเป็นทุนปญั ญาทางเศรษฐกิจ ของคนไทยในปัจจุบันดว้ ย เพลงทรงเครือ่ ง สุกญั ญา สุจฉายา ( ๒๕๔๐ ) กล่าวถึงเพลงทรงเครอ่ื งไว้ ดงั น้ี เพลงทรงเคร่ือง หรือ เพลงส่งเครื่อง คือเพลงฉ่อยท่ีพลิกแพลงเล่นเป็นเร่ืองแบบละครหรือลิเกที่ เรียกว่า“ส่งเครื่อง” เพราะเมื่อร้องเสร็จจะส่งให้พิณพาทย์รับ นางเหม อินทร์สวัสดิ์ ได้ให้รายละเอียดใน ด้านเพลงส่งเครื่องนวี้ า่ มกี าเนิดมาจากเพลงฉ่า (ฉ่อย) และละครชาตรีผสมกันในราวรัชกาลท่ี ๕ ผู้คิดเพลง ทรงเครือ่ งขึน้ คือนางทองดี ศิริสวุ รรณ ซึง่ เปน็ ครูเพลงรุ่นเก่าท่ีมีชีวิตอยู่ในราวรัชกาลท่ี ๕ – ๖ เป็นแม่เพลง ร่วมสมัยกับขุนสาราญสมิตมุข ( อ๊อด ) เป็นครูเพลงของนางต่วน บุญล้น ราชินีเพลงฉ่อยช่ือดังและนางเหม อินทร์สวัสดิ์ โดยนางทองดี ได้ดดั แปลงเพลงทรงเครื่องมาจากเพลงฉ่า คือ มีการว่า “ประ” หนา้ โรง ส่วนที่ว่า ดดั แปลงมาจากละครชาตรนี น้ั อยู่ทเ่ี น้ือเร่อื งและการแตง่ ตัวแบบละคร ในการเล่นเพลงทรงเครื่องนั้นส่ิงที่ขาดไม่ได้ คือโรงเวทีแบบโรงลิเก มีฉากพร้อมพิณพาทย์เพลง ทรงเคร่ืองจะเริ่มด้วยการไหว้ครู ฝ่ายชายจะร้องไหว้ครูโดยน่ังยองๆ หน้าเวที สองมือชูพานภายในพานมี ดอกไมธ้ ูปเทียนและค่ากานัลหกสลึง เมื่อฝ่ายชายร้องจบฝ่ายหญิงจะร้องบทไหว้ครูต่อ เมื่อหญิงร้องจบพิณ พาทยบ์ รรเลงเพลงสาธุการ ต่อจากนัน้ ฝา่ ยชายจะร้องบท “ปลอบ” เชื้อเชิญฝ่ายหญิงให้ออกมาร้องหน้าเวที ฝา่ ยหญิงจะออกมาหนา้ เวทรี อ้ งบทโต้ตอบแก้บทปลอบฝา่ ยชาย ช่วงนี้เป็นช่วงท่ีเรียกว่า “ประ” ร้องประสัก พกั แลว้ จะเริ่มเขา้ เร่ือง เรือ่ งเพลงทรงเครอื่ งนิยมเล่นมาก คอื ขุนชา้ ง – ขนุ แผน พระอภัยมณี โกมิน แก้วหน้าม้า สุวรรณ หงส์ เป็นต้น วธิ ีรอ้ ง เพลงทรงเครื่องแตกต่างจากเพลงฉ่อยตรงทานองเพลง บทร้องโดยทั่วไปจะร้องทานอง “สองไม้” แต่เมื่อเล่นเร่ืองที่ตัวละครเป็นชาวต่างชาติต่างภาษาจะร้องเป็นทานองต่างๆ เช่น ตัวสร้ อยฟ้า ลาวทอง พระเจ้าเชียงใหม่ จะร้องทานองลาวต่างๆ ด้วยพลายชุมพลตอนปลอมตัวเป็นสมิงมัจฉะราร้อง ทานองมอญ อุศเรนร้องทานอง โยสลัม ฝรัง่ ราเท้า ฝรั่งบุมซิเย ตัวตลกที่เป็นจีนจะร้องทานองเพลงไทยเดิม ชุดจีนตา่ งๆ ส่วนบทรบั ของลกู คู่มีการร้องรบั แตกตา่ งกันออกไปเปน็ ๓ แบบดงั น้ี ๑. แบบทางเหนอื คอื ตัง้ แต่จงั หวัดอทุ ยั ธานขี ึ้นไป รอ้ งรบั วา่ “เอ่ชา เอ เอ้ เอ๊ะ ชา เอ ชา โอยแม่ โอ ละหน่าย นอยเอย ช้าแม่” ๒. แบบทางกลาง คอื แถบอยุธยา อ่างทอง สพุ รรณบรุ ี ร้องรบั วา่ “ เอ่ชา เอ้ ชา้ ชา ชะ ฉาด ชา” ๓. แบบทางใต้ คือ ราชบุรี นครปฐม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ รับว่า “ช้า ชา ฉ่า ชา ช้า นอย แม”่

๔๔๓ ตัวอย่างเพลงทรงเครือ่ ง เรอ่ื งขุนชา้ งขนุ แผน ตอนพลายแก้วล่องทัพ ของแม่บัวผัน จันทร์ศรี สืบทอดโดยแม่ ขวัญจิต ศรีประจันตแ์ ละรองศาสตราจารย์สกุ ญั ญา สจุ ฉายา ฉากท่ี ๑ เมืองเชยี งทอง - ปพ่ี าทย์บรรเลงเพลงวา - - เปดิ ม่าน – - พลายแกว้ ออก - - ร้องเพลงฉา่ - พลายแกว้ : กลา่ วถึงพลายแก้วแววสุวรรณ ได้เป็นยอดทหารเมอื งไทย (เอช่ า…) นึกถึงทรงธรรม์พนั วษา ทา่ นไดม้ ีสาสน์ ตราสามใบ ใบหนึ่งใหล้ ่องใบสองให้กลบั ใหย้ กโยธาทพั กลบั เมอื งไทย วา่ ใบท่ีสามทา่ นก็พดู มา มกี ันทง้ั ทา้ ทง้ั ทาย ถา้ แม้นไม่กลับดงั สญั ญา (ซา้ ) จะสัง่ ตัดเกศาเสยี บไม้ (เอช่ า…) - แทรกพูด – ( ข้าพเจ้าช่ือพลายแก้ว…พระพันวษาสั่งให้กลับ... เรื่องความรักไว้ที่หลัง ชาติบ้านเมืองต้องมาก่อน จะไป ปรกึ ษาลาวทองว่าจะไปกรงุ ศรีหรือไม่...) - ร้องเพลงฉ่า - พลายแกว้ : จะไปปรกึ ษานวลน้อง จะไปปรกึ ษาลาวทองที่ห้องใน (ฉัดฉา่ …) จรลนิ แล้วลินลา เขา้ ยังเคหาห้องใน (เอช่ า…) - ปพ่ี าทย์บรรเลงเพลงเชิด – - พลายแก้วเข้าหลืบเวทีด้านซ้าย - - ลาวทองนัง่ อยู่บนตง่ั - - ร้องเพลงฉา่ - ลาวทอง : กลา่ วถึงสาวเจ้าลาวทอง นัง่ อย่ใู นหอ้ งหอใน (เอช่ า…) แสนสขุ เกษมเปรมปรีดิ์ โพยภยั ไม่มตี ิดกาย (เอช่ า…) - แทรกพูด - (เรือ่ งตนเองเปน็ ใคร พ่อ แม่ สามี ช่ืออะไร เช่น ข้าพเจ้าช่ือลาวทอง เป็นลูกสาวของพ่อแสนคาแมนและแม่สี เงนิ ยวง เปน็ เมยี ของพ่อพลายแก้ว พ่อพลายรักใคร่และสัญญาว่าจะอยู่ทเ่ี มอื งเชยี งทอง...) - พลายแกว้ ออกมา - - รอ้ งเพลงฉา่ - พลายแกว้ : ลดองคล์ งเคยี งเรียงลงขา้ ง หยอ่ นก้นลงน่ังใกล้ใกล้ (เอช่ า…) จึงร้องถามแม่ลาวทอง ถามว่าน้องจะล่องกับพี่หรือไม่ (เอช่ า…)

๔๔๔ - แทรกพูด - ( ลาวทองไหว้พลายแก้ว แลว้ ถามวา่ แต่เชา้ ทาไมหน้าตาเศร้าหมองเชียว มเี รื่องอะไร พลายแกว้ กเ็ ลา่ เร่ืองท่ีได้รบั สาสน์ ตราใหก้ ลับกรุงศรอี ยธุ ยาแลว้ ถามลาวทองว่าจะไปด้วยหรอื ไม่) - รอ้ งเพลงฉา่ - ลาวทอง : ได้ฟงั คาผัวบอก เหมอื นดงั หนามเขา้ มายอกทรวงใน(เอช่ า…) พ่จี ะลอ่ งทพั กลับสพุ รรณ เคยสญั ญากันว่าจะไมก่ ลับไป วา่ จะเอากระดกู เข้ามากอง อยู่ในเมืองจอมทองเล่าพอ่ พลาย(เอ่ชา…) พูดกันไว้มนั ไม่ไดด้ งั คา กลับมาเหลวไปเหมือนนา้ ใสใส(เอช่ า…) น้าลายในปากท่ีเขาถม่ ดซู ิยังเอามาอมอีกได้ โอ้พ่อดนิ สอพองของน้องแป้งผง ไม่ทันฝนจะลงกล็ ะลายเอย... - ปีพ่ าทย์บรรเลงเพลงโอด - - แทรกพดู - (พลายแก้วปลอบและชวนล่องไปกรงุ ศรี ว่าแลว้ ก็พากันไปลาพ่อแม่ ) - รอ้ งเพลงฉา่ - พลายแกว้ : ชักชวนนวลนอ้ ง ชวนแมล่ าวทองรีบไป จรลนิ รบี ลน้ิ ลา บ่ายพักตร์ต้งั หนา้ รบี ไป เอย.. - ปพี่ าทยบ์ รรเลงเพลงเชดิ – - พลายแกว้ และลาวทองเขา้ หลบื เวทดี า้ นซ้าย - ฉากที่ ๒ บ้านแสนคาแมน หมบู่ า้ นจอมทอง (แสนคาแมนและสีเงินยวงออกมานงั่ บนตั่ง ลาวทองเดินเขา้ มาหา) - รอ้ งเพลงฉ่า - ลาวทอง : ยกฝ่าเท้ากา้ วด่วน เดินมาถงึ ยังจวนหลงั ใหญ่ (เอช่ า…) คุณพอ่ กเ็ ฒา่ หนอชะแร สว่ นคุณแม่กแ็ กล่ งไป เปรยี บเหมือนตน้ ไมใ้ กลฝ้ ่งั นับวันจะพงั วนั ไรเอย... - ป่พี าทย์บรรเลงเพลงโอด - - รอ้ งเพลงฉ่า - สีเงนิ ยวง : มีเน้อื ความถามเจ้าลาวทอง เหตไุ ฉนจึงได้ร้องหม่ ไห้ (เอช่ า…) ลาวทอง จงึ เอาขมี้ ูกมาหา ดหู รอื เอาน้าตามาให้ วา่ ผวั เขาตีหรอื พเ่ี ขาด่า พอ่ พลายแกว้ เขาว่าอะไร (เอ่ชา…) : ผัวไม่ได้ตพี ่ีไมไ่ ดด้ ่า พพี่ ลายไมไ่ ด้ว่าไรให้ (เอช่ า…)

๔๔๕ โฉมอีพอ่ หนอวา่ พลายแก้ว เขาจะล่องไปแลว้ เมอื งไทย ใชใ้ หล้ ูกเขา้ มาลา ว่าอแี มจ่ ะว่ายังไง (เอช่ า…) - แทรกพดู - (ว่าขอลาพอ่ แม่ไปกรงุ ศรีกบั พลายแก้ว แสนคาแมนโกรธ ถามลาวทองวา่ พ่อพลายแก้วมาหรือเปล่าลาวทอง ตอบว่าไม่มา แสนคาแมนโม้วา่ ถ้ามาละกเ็ จอดแี น่แลว้ ก็บอกบักเป๋อ-บักปอ่ งให้ไปเอาหอกเอาดาบมา ) - พลายแกว้ เดินเขา้ มา - - รอ้ งเพลงฉา่ - พลายแกว้ : พลายแก้วเดินเฉยเลยเข้ามา ท้งั พ่อแม่เขาจะว่าแล้วยงั ไง (เอ่ชา…) - แทรกพูด - (พลายแก้วถามว่าจะเตรียมหอกเตรียมดาบมาทาไม แสนคาแมนบอกวา่ จะไปล่าสัตว์ตัดชวี ิต พลายแก้วบอกวา่ ต้องไปกรงุ ศรี แสนคาแมนสเี งนิ ยวงสอนและอวยพรลูก) - ร้องเพลงฉา่ - สเี งนิ ยวง : กลา่ วถึงสเี งนิ ยวงนงั่ ตวงน้าตา เห็นลูกรักมาลาก็เสียใจ (เอช่ า…) มีเน้อื ความถามเจ้าลาวทอง ถามวา่ เจา้ จะลอ่ งหรอื ไม่ จะไปกบั ผวั หรอื จะอยู่กับแม่ บอกมาให้แนแ่ ก่ใจ (เอช่ า…) ลาวทอง : จะอยูก่ บั แมไ่ มไ่ ปกบั ผวั ลาวทองกลวั ตัวเปน็ หมา้ ย (เอช่ า…) จะเปน็ หม้ายขายน้าหนา้ อายแกช่ าวประชาหญงิ ชายเอย… - ปพี่ าทยบ์ รรเลงเพลงโอด - - รอ้ งเพลงฉา่ - สเี งินยวง : ลาวทองจะไปแมก่ ไ็ มห่ ้าม เมอื่ ลกู จะไปก็ตามแต่ใจ ฝากเจ้าลาวทองของแมไ่ ปดว้ ย พ่อพลายเอย๋ พอ่ จงชว่ ยเอาใจ ถา้ ผดิ ไปบ้างพลัง้ ไปที พอ่ พลายเอ๋ยอย่าตีกันด้วยไม้ พอ่ อย่าไปตีกนั ดว้ ยลวด พ่อพลายเอ๋ยพ่ออย่าหวดกันดว้ ยหวาย ถ้าแมน้ ไมร่ กั ไม่เลย้ี ง ให้ส่งกลบั มาเวยี งวงั ชัย (เอช่ า…) ลาวทองจะไปแม่จะให้พร ขอใหล้ ูกโอนออ่ นเอาใจ พลบคา่ ธยนหนอวา่ สนธยา ไต้ไฟเตรยี มหาจดุ ไว้ กระโถนทองรองนา้ หมาก สาหรับผวั เขาขากนา้ ลาย พลบคา่ ธยนยามสนธยา จดั แจงแตง่ หนา้ กนั เข้าไว้ ต่ืนเช้าข้นึ มาเหน็ หน้าเมยี นวล ความรกั มนั ก็ยวนหัวใจ จะมเี มยี นอ้ ยไปสกั ร้อยพันพวง ยังอดรกั เมียหลวงไม่ได้ (เอช่ า…) ผัวกนิ ขา้ วให้นั่งเฝ้าสารบั ดวู า่ จะหมดกบั อะไร ถา้ แม้นผกั หญ้าปลายา พนั ไวเ้ ป็นคาคากินง่าย ถ้าแม้นปลาก้างให้เอามาใสค่ รก หยิบสากเอามาโขลกก้างหาย

๔๔๖ ผวั อม่ิ ขา้ วลกุ ไปบว้ นปาก เราเป็นเมยี หาหมากส่งให้ (เอ่ชา…) อนี อ้ ยเอ๋ยไปอยู่หนอว่าเมืองผัว มันจะเหมือนเมืองตวั กนั ทไ่ี หน สมควรนา้ กน็ า้ สมควรตาก็ตา สมควรย่ากย็ ่าสมควรยายกย็ าย อย่เู มอื งบนนงุ่ ซ่นิ ลว้ นแตป่ นิ่ ปกั อยู่เมืองผวั ต้องยักนงุ่ ลาย จะไปเอิ้นบกั นั้นหนอบกั น่ี บกั ไทยมนั จะซ่ีเอาตาย (เอ่ชา…) แสนคาแมน : กลา่ วถึงแสนคาแมนมันใหแ้ คน้ จิต ไมร่ หู้ นอมันจะคิดยงั ไง (เอ่ชา…) ลูกก็มีอยคู่ นเดยี ว อียายเอ้ยจะไปเหลยี วหาใคร เปรยี้ วหวานมนั เคม็ มนั กาลงั คนั จะใหม้ ันหลุดจากกนั เสียอยา่ งไร(เอช่ า…) เมอ่ื ลาวทองจะไปพ่อจะสอน ใหล้ ูกโอนอ่อนเอาใจ หงุ ข้าวอย่าหันหลังให้หม้อ ไฟดับกลบั มาก่อเขาไม่ใช้ กะปกิ ะปูดอย่าให้บูดใหแ้ ฉะ หม่ันตบหม่นั แตะกนั เข้าไว้ ถ้าสารบั ไม่ดฝี าชไี มแ่ ดง เขาจะเชญิ ชามแกงข้นึ ยอดไผ่ (เอช่ า…) เวลาจะนอนกราบหมอนสวดมนต์ ไหว้ผวั สามหนจึงจะนอนได้ ถา้ ผัวนอนสูงเราตอ้ งนอนต่า ถ้าผวั นอนคว่าเราตอ้ งนอนหงาย ผวั กระเดกเราตอ้ งกระดก มนั จะไดเ้ บาอกเบาใจ (เอช่ า…) พอ่ พลายแก้วจะไปพอ่ จะใหพ้ ร กอ็ ย่าวา่ พอ่ สอนเลยเจ้าพลาย ถ้าไปทางบกอยา่ ให้แคล้วเสอื ถ้าไปทางเรือให้จระเข้ฟาดตาย ขอให้เป็นมะเร็งเก็งกัง เมอ่ื พอ่ พลายเจา้ ยงั ไม่ตาย (เอ่ชา…) พลายแก้ว : พลายแกว้ ปผู ้าลงออ่ นออ่ น แผ่รบั พรกท็ พี่ อ่ ให้ ถา้ พ่อจะตายอย่าใหใ้ ครเขาดอย ให้เอาศพไว้คอยพอ่ พลาย ฟนื สกั ดุ้นไต้สกั ก้น ลกู จะกลบั มาซนเตาไฟ (เอช่ า…) - แทรกพูด – (พ่อพลายจะไปพอ่ กบ็ ่วา่ ใหบ้ ักเป๋อบกั ป่อง สาวเมี่ยงสาวไหมไปรบั ใชเ้ รียกบา่ วไพร่ใหข้ นของลงเรอื กญั ญา ทง้ั หมดไหว้ลาแล้วเดนิ เข้าหลืบเวทีด้านซา้ ย ) -ป่พี าทย์บรรเลงเพลงเชิด- - ปดิ มา่ น – ...................... เพลงเรือ เพลงเรือเป็นเพลงปฏิพากย์ชนิดหน่ึงใช้ร้องโต้ตอบกันในเชิงเกี้ยวพาราสี มีจุดเด่นอยู่ที่ปฏิภาณ และการใช้โวหารชงิ ไหวชิงพรบิ การประลองฝปี ากและภูมิรกู้ นั ของชาวภาคกลาง นิยมเล่นในฤดูน้าหลาก เดือน ๑๑ - ๑๒ ซึง่ ตรงกบั ช่วงเทศกาลออกพรรษา ทอดผ้าป่า ทอดกฐินและลอยกระทง สมัยก่อนชาวบ้านจะลงเรือ

๔๔๗ พายล่องไปตามลานา้ เพอ่ื รว่ มงานเทศกาล ทาบุญไหว้พระและเลน่ เพลงกนั อย่างสนกุ สนาน เชน่ ชาวสุพรรณบุรี เมือ่ ถึงงานไหว้พระหลวงพ่อโต วดั ป่าเลไลยกก์ จ็ ะไปร่วมชุมนมุ ปะทะฝีปากกันอย่างล้นหลาม อาจารย์เอนก นาวิกมูล ( ๒๕๒๗ ) เล่าถึงการเล่นเพลงเรือในสมัยก่อนว่า ฝ่ายชายนั่งเรือลาหน่ึง ฝ่ายหญิงน่งั ลาหน่ึง ส่วนมากนง่ั เปน็ คู่ จุดตะเกยี งไว้ให้สวา่ ง พ่อเพลงแม่เพลงมักนั่งกลางลาเรือ นอกน้ันเป็นลูก คู่ คอยรับคอยกระทุ้งว่า ฮ้าไฮ้ ชะๆ เช้ียบๆ กระเซ้าเย้าแหย่ให้สนุกสนาน บางคนก็ตีฉิ่ง ตีกรับ ปรบมือ เป็น เคร่อื งประกอบจังหวะ ฝ่ายชายจะพายเรือหาค่เู ล่นเพลง เม่ือพบแล้วก็จะพายเข้าไปเทยี บเกาะเรือผู้หญิง คู่ท่ีน่ังด้านในซ่ึง ต้องเอาเรือไปชิดกันก็ต้องเอาพายเก็บ ยกเว้นที่หัวกับท้ายต้องพายไปช้าๆหรือพยุงเรือไว้ พ่อเพลงจะเร่ิมว่า เพลงก่อน เรยี กว่า เพลงปลอบ คือขอเขา้ ไปรว่ มสนุกหรอื เชิญฝา่ ยหญิงมาร่วมเลน่ เพลงด้วย เป็นมารยาทอย่าง หนึ่งในการเลน่ เพลงเรือ เมอ่ื รอ้ งปลอบไปหลายบทแลว้ หากฝ่ายหญิงน่ิงไม่ยอมตอบก็แสดงว่าเขาไม่ชอบใจจะ ว่าเพลงดว้ ย หรอื เขามคี ู่นดั หมายเอาไว้ก่อนแล้ว ฝ่ายชายก็ต้องลาไปหาคู่ใหม่ต่อไป ถ้าฝ่ายหญิงพอใจว่าด้วยก็ จะเอื้อนตอบ เป็นการแสดงวา่ ตกลงปลงใจจะเลน่ เพลงด้วย ต่อจากน้ันก็จะร้อง บทประ คือร้องโต้ตอบกันด้วยเน้ือหาต่างๆ บทประเป็นบทปะทะคารม ประลองฝีปากของฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เป็นหัวใจของการเล่นเพลงโต้ตอบ จะประกอบด้วยเพลงตับต่าง ๆ จานวนมากมายตามแตผ่ ู้ร้องจะเลือกวา่ จะเลน่ ไปในแนวใด เมื่อว่าเพลงกันพอสมควรแล้ว ตอนจะเลิกจาก กัน หญิงชายบางคู่อาจจะแลกสิ่งของเป็นท่ีระลึกแก่กันด้วย เช่น ผ้า แหวน สร้อย ฯลฯ บางทีฝ่ายชายก็พาย เรอื ไปส่งฝา่ ยหญงิ และระหว่างนี้กว็ า่ เพลงลาหรือเพลงจาก แสดงความอาลัยอาวรณ์ หรืออวยพรให้กนั จะเหน็ วา่ เพลงเรอื แต่เดิมนน้ั จดั เป็นการละเล่นของชาวบ้าน ซ่ึงสืบทอดกันมาจากปากต่อปาก อาศัย การฟงั และการจดจา ไม่มีการจดบนั ทกึ เปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร ไมม่ ีกาเนิดแนน่ อน สนั นิษฐานว่านา่ จะมีมาต้ังแต่ สมัยอยธุ ยา สบื ทอดกันมาโดยไม่ทราบต้นตอแน่ชัดว่าผู้ใดเป็นผู้แต่งหรือผู้ร้องคนแรก ปัจจุบันเพลงเรือเกือบ สูญหายไปแลว้ ไม่มีการเลน่ เหมือนก่อน มีบา้ งเฉพาะท่ีเปน็ การแสดง ขั้นตอนการเล่นมักเพิ่ม บทไหวค้ รู ด้วย การร้องเพลงเรือ มลี ักษณะดงั น้ี การขึ้นเพลง โดยท่ัวไปผู้ร้องมักเอื้อนเสียงว่า “ เอ่อ..เออ..เอิง..เอย” หรือ บางทีก็ร้องส้ันๆ ว่า “ เอย” ลูกคู่ก็จะรับว่า “ ฮ้า...ไฮ้” หรือ “ ฮ้า...ไฮ้... เชี้ยบ เชี้ยบ” หรือ “ ฮ้า...ไฮ้... ชะ ชะ” การขึ้นเพลงมี จุดประสงค์เพื่อสร้างความไพเราะและดึงดูดความสนใจ รวมท้ังเพ่ือตั้งเสียงหรือต้ังทานองเพลงด้วย หากข้ึน เพลงผิดเพ้ยี น มกั ร้องทานองผิดไปด้วย ผู้ร้องจึงต้องตั้งใจมากเป็นพิเศษ อย่างไร ก็ตามในกรณีท่ีร้องโต้ตอบ กันมานานพอควรแล้ว หรือว่ากาลังร้องชิงไหวชิงพริบติดพันกัน ผู้ร้องอาจจะร้องเนื้อเพลงตอบโต้ไปเลยโดย ต้องไมข่ ้ึนเพลงอกี ก็ได้ การร้องเนื้อเพลง เพลงเรอื มที านองหลักทานองเดยี วและมีจังหวะหยุดท่ีแน่นอน หากตีฉิ่ง จะมีเสียง จังหวะ “ ฉ่ิงฉิ่ง ฉับ” ถ้าตีกรับก็เทียบได้กับจังหวะช้ันเดียว การร้องเพลงเรือคล้ายกับการร้องเพลงฉ่อย ต่างกันตรงเพลงฉ่อย วรรคหลัง มักร้องหลบเสียงต่า แต่เพลงเรือวรรคหลังมักข้ึนเสียงสูง ซึ่งเป็นเสียงระดับ เดียวกับเสียงกระทุ้งของลกู คทู่ ี่รับว่า “ ฮา้ ไฮ้” พอดี เช่น

๔๔๘ พอถว้ น/กาหนด/สามบท/เพลงปลอบ ให้สวยน้อง/แม่ตอบ/( ฮ้า...) คามา ( ไฮ้ ) (เช้ียบ เอ้า เชีย้ บๆ ) การลงเพลงและการรับเพลง เม่ือร้องเพลงแต่ละลงหรือแต่ละท่อนจบแล้ว ผู้ร้องจะทอดเสียงหรือ หยอดเสียงในตอนท้ายและลงเอย เพ่ือให้ลูกคู่รับเพลง การรับเพลงเรือมี ๒ แบบคือแบบแรกร้องรับหรือ กระทุ้งว่า “ ฮ้า...ไฮ้ เช้ียบ เอ้า เชี้ยบๆ ตอนท้ายของการข้ึนเพลงและร้องรับตอนระหว่างกลางวรรคและ ท้ายบท ดังตวั อย่างข้างบน หรือรับว่า “ชะๆ” หรือ “ควับๆ” ก็ได้ ส่วน การรับแบบท่ีสองคือการรับตอน ลงเพลง ซ่ึงจะร้องซา้ และทวนสองวรรคสุดท้ายคล้ายเพลงเตน้ กา ดงั ตวั อย่าง น้องอยา่ นงิ่ ทาบทเลยแม่รจนา เงาะนอ้ ยหอยสังขค์ สู่ ร้างมาเสาะหา ใหเ้ ผยพักตร์ขนึ้ พาทเี อย (รบั ) ใหเ้ ผยพักตร์ข้นึ พาเอย๊ ทีเอย เงาะนอ้ ยหอยสงั ข์คสู่ รา้ งมาเสาะหา หอยสังข์ หอยสงั ข์ คู่สร้างมาเสาะหา ให้ เผยพักตร์ขนึ้ พา ให้เผยพักตร์ขน้ึ พา ขึ้นพาทเี อย ฮา้ …ไฮ้… เชยี้ บๆ เพลงเรอื ของ แมบ่ ัวผนั จนั ทร์ศรี และคณะ ผูร้ วบรวม อาจารย์เอนก นาวิกมูล ช. เออ่ ..เออ..เอิง..เอย...ฮ้า..ไฮ้..เช้ียบ เอา้ ..เชีย้ บ เช้ยี บ ไหว้ครู/เสร็จสรรพ/จึงขยบั /เพลงปลอบ ใหส้ วยน้อง/แม่ตอบ (ฮ้า..) คามา(ไฮ้) (เชย้ี บ เอา้ ..เช้ยี บๆ ) บอกวา่ /พ่มี าปลอบ/อย่า/ใหเ้ ปลา่ อยา่ ใหพ้ ี่/อายเขา (ฮ้า..) ทมี่ า(ไฮ้) มมี งั่ /กไ็ ข/วา่ ได้/ก็ว่า น่มี นั ได้/เวลา/แล้วเอย ( รับ ) ได้เวลาเอย๊ แลว้ เอย มมี งั่ กไ็ ขว่าได้กว็ า่ ก็ไข กไ็ ข วา่ ได้กว็ ่า น่ีมันได้เวลา นี่มันได้เวลา เวลาแล้วเอย ฮ้า… ไฮ้….เชีย้ บ ๆ ญ. เอ๋ยไหว้ครูเสร็จสรรพ ลูกจะขอขยบั กลอนลา พอชายร้องชวนหน้านวลไมน่ าน เสยี งผู้ชายรอ้ งหวาน วาจา จะเล่นจะหัวนอ้ งไม่มวั ดดี ดิ้น น่มี นั งานกฐิน ผ้าปา่ แตพ่ อเรียกหงสท์ องนอ้ งกร็ ้องวา่ จ๋า กันเสียเม่ือเวลานีเ้ อย (รบั ) เมื่อเวลาเอ๊ยนี้เอย พอเรียกหงสท์ องน้องก็ร้องว่าจ๋า หงส์ทอง หงส์ทอง น้องก็ร้องว่าจ๋า กันเสียเม่ือเวลา กนั เสยี เมอ่ื เวลา เวลาน้ีเอย ฮ้า…ไฮ้….เชย้ี บ ๆ ช. เอ๋ย แตพ่ อเรยี กกข็ านแต่พอวานก็เกร่ิน สาวนอ้ ยแม่ไม่เนิน่ นานช้า ดีแล้วแมค่ ณุ ช่างจุนใจเจือ แม่หนชู า่ งแผใ่ จเผื่อ พวกข้า แต่พอเรียกก็ขานแต่พอวานกเ็ ลน่ ถา้ เปน็ มา้ นีม่ นั คงเผน่ จรบิ พับผ่า นกึ ชอบขอบใจน้องช่างอาศัยอาฌา ดใี จเปน็ กองนึกว่านอ้ งไมม่ า

พบพีเ่ มอื่ เวลาเวลานี้เอย ๔๔๙ ญ. วา่ การจะเล่นฉันไม่ใช่เช่นหญงิ ชั่ว แต่พอเรยี กก็ขานแต่พอวานกเ็ อ่ย จะหาว่านอ้ งถือตวั ถอื หน้า แตพ่ อพีพ่ บน้องฉนั กร็ อ้ งวา่ จา๋ น้องไม่นง่ิ ทาเฉย ชกั ช้า ไหนไหนแกก็มากนั เอย พที่ ักน้องก็ทักไมใ่ ห้สาลักนา้ ตา ช. เอ๋ย ว่านอ้ งก็ทกั พกี่ ท็ ัก ว่านานนานเจอทีปีเจอหน น้องไม่ใหส้ าลกั นา้ ตา ถา้ นอ้ งไม่ทกั กเ็ กอ้ ถ้าแม่ไมเ่ ออก็อด ว่าจอแจเข้ามาจน มากหน้า ถ้านอ้ งทกั พี่ทักไดโ้ ดดพักช้าชา้ เหน็ จะชักน้วิ หด กลับมา เจอะน้องจงึ ได้ว่ากนั เอย วา่ เจอพ่ไี มข่ ดั ไม่ว่ากลางวดั กลางวา ญ. ฉันจะไม่ทกั หนอไม่ทาย ฉันร้องทกั ชมโฉม ฉนั กลัวว่าแกจะอาย แก่หนา้ ฉนั ร้องทักพวกพี่อ๋อวนั นกี้ ็มา กันไปดว้ ยลม วาจา ฉนั ไมใ่ หน้ า้ ใตต้ งหยดลงใตต้ า ฉันไมใ่ หส้ ูงกวา่ นา้ ฉนั ไมใ่ หต้ า่ กว่าหญา้ ช. ออ๋ ไม่ให้น้าเชียวหนอใตต้ ง นะเจ้าหอมเสียกวา่ คนเอย ดีแลว้ ดีเล่าก็อแี ม่เจา้ ประคุณ ของแมห่ นูหยดลง ใตต้ า พอพค่ี ว่ามือไปนอ้ งกห็ งายมือมา แมแ่ บบบางสมบญุ ของขา้ เรามันคนเหน็ หน้ากนั เอย เจอนอ้ งไม่ขัดเล่นหมัดกลางวา ญ. ฉันไม่ทักกไ็ ดก้ ลวั จะอายเขาปน่ เขาร้องทกั แกเ้ กอ้ ยังเผยอไดห้ นา้ ฝงู ผฝู้ งู คน มากหน้า ฉนั ไม่ชักหน้าก้มให้หกล้มผวา ฉนั จะรับหนา้ เธอเอาไว้เสมอหน้าทา่ หรอกเจ้าลนิ้ กลาวนเอย… ช.เหลืองเอย๊ ใบยอ บทลา ให้พ่จี บู แก้มสง่ั หอมชอ่ จาปี (รบั ซ้า) เจา้ ช่อฉันเอ๊ยจาปี เสียข้างละที หอมเมอ่ื วานน้เี อย หอมเมอื่ ยามเยน็ เอย ญ. เหลอื งเอ๊ยใบยอ อยา่ ไปหลงวา่ แก้ม หอมชอ่ จาปี (รบั ซา้ ) เจา้ ช่อฉันเอ๊ยจาปี จะจบู เอาแคมฝาชี หอมเม่ือวานซนื เอย หอมเมื่อเย็นวานเอย หอมเมอ่ื คนื วานเอย

๔๕๐ เพลงอแี ซว เพลงอีแซวเป็นเพลงพื้นบ้านประจาถ่ินของสุพรรณบุรี มีกาเนิดและเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย อยู่ในท้องถิ่นน้ีมาตั้งแต่อดีตจนกระทั่งปัจจุบัน กาเนิดของเพลงอีแซวเท่าท่ีสืบค้นได้จากคาสัมภาษณ์ และการคานวณอายุของพ่อเพลงแม่เพลงแล้วพบว่า น่าจะเกิดมานานไม่น้อยกว่า ๑๐๐ ปี *แล้ว เพียงแต่ เพลงอีแซวในระยะแรกมีลักษณะเป็นเพลงปฏิพากย์ส้ัน คล้ายกับเพลงเหย่ยของจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็น เพลงท่ีหนมุ่ สาวใชร้ อ้ งยั่วเย้าหรือเก้ียวพาราสีกันอย่างง่าย ๆ และสั้น ต่อมาเมื่อประมาณ ๖๐ - ๗๐ ปีที่ผ่าน มา เพลงอีแซวจึงได้พัฒนาเป็นเพลงปฏิพากย์ยาวคือมีเนื้อเพลงที่ใช้ร้องในแต่ละคร้ังยาวขึ้นและดัดแปลง ทานองและลกั ษณะการรอ้ งรบั ของลูกคูเ่ หมอื นเชน่ ในปัจจุบนั สว่ นเนื้อหาได้นาเรื่องราวและเน้ือเพลงมาจาก เพลงพ้ืนบ้านอื่น ๆ เปน็ ตน้ วา่ เพลงฉ่อยและเพลงพวงมาลยั ซงึ่ เปน็ เพลงปฏิพากย์ยาวที่มมี ากอ่ นแล้ว ที่มาของช่ือ “อีแซว” ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามาจากคาหรือความหมายใด จากการสัมภาษณ์ พ่อเพลงแม่เพลงหลายท่าน ส่วนใหญ่ไม่ทราบความเป็นมา และให้ความคิดเห็นไว้แตกต่างกัน เป็นต้นว่า น่าจะมาจากคาว่า “ แซ่ว” ท่ีหมายถึงแกร่วอยู่ เพราะต้องเดินหรือยืนร้องเพลงแกร่วอยู่อย่างนั้น ( คล้าย แสงสี และไสว สุวรรณประทีป , สัมภาษณ์ ) หรือน่าจะมาจากคาว่า “ แซว” ซ่ึงเป็นศัพท์สแลง หมายถึงการย่วั เย้า เพราะเพลงนมี้ ีลักษณะของการยว่ั เย้า และเคยมีผ้เู รยี กเพลงนี้ว่าเพลงยั่วมาก่อน ( พร้อม ปานลอยวงศ์ , สมั ภาษณ์ ) แตอ่ ยา่ งไรก็ตามคาวา่ “ เพลงอีแซว” กเ็ รียกกนั มานานไม่ต่ากว่า ๖๐ - ๗๐ ปีแล้ว ปจั จุบนั เพลงอีแซวเป็นศลิ ปะการแสดงพน้ื บา้ นซึ่งเป็นที่นิยมเร่ือยมาของประชาชนทั้งในท้องถ่ิน จังหวัดสุพรรณบุรี ท้องถิ่นใกล้เคียงและท้องถิ่นอื่น ๆ ท่ัวประเทศ ท้ังในสังคมเมืองและสังคมชนบท ทั้งน้ี เพราะผู้แสดงมีการประยกุ ต์ลักษณะการร้องการเลน่ ใหม้ ีความทันสมัย และยังรวมตัวกันเป็นคณะเพลงอีแซว ทยี่ ดึ เปน็ อาชพี อีกหลายคณะ บางคณะยงั มงี านแสดงเกอื บตลอดทั้งปี ลกั ษณะคาประพนั ธ์ เพลงอีแซวเป็นเพลงปฏิพากย์ยาว ท่ีมีจังหวะเร็วกระช้ัน ลักษณะคาประพันธ์เป็นกลอนหัว เดียวเหมอื นเพลงพน้ื บา้ นภาคกลางทว่ั ไป ดังตัวอย่างเน้อื รอ้ งตอ่ ไปนี้ แมเ่ ลี้ยงลกู มาพอ่ ได้พาลูกเล่น ลูกจงึ ได้เดน่ เป็นมนุษยข์ ึน้ ได้ ครั้นลูกโตใหญท่ า่ นเอาไปฝากเรียน ฝากครูหัดเขียนในกอขอแก้ไข เนอื่ งจากเป็นเพลงทม่ี จี านวนคาในแต่ละวรรคค่อนข้างมาก และสว่ นใหญน่ ิยมเลน่ สัมผัส อกั ษรอยา่ งแพรวพราว ดังนนั้ เวลารอ้ งพอ่ เพลงแมเ่ พลงจงึ มักจะลงสมั ผัสตรงกบั จงั หวะของเพลงทก่ี ระชั้นเป็น ชว่ ง ๆ ไป ซ่งึ ทาให้เกดิ ความไพเราะและสนุกสนานครกึ คร้ืน เช่น

๔๕๑ หยาดเย้มิ / ทกุ อยา่ ง / นบั แตย่ า่ ง / เจอหญงิ ความสวย / ทกุ ส่ิง / พไ่ี ม่แกลง้ / ปราศรยั เอยี งโสต / ฟังสาร / ฟังพ่ีขาน / บอกขา่ ว โอแ้ ม่หนู / นอนหนาว / แล้วจะหนี / ไปไหน ให้พแ่ี นบ / นอนหน่อย / หนนู ้อย / อย่าแหนง พอใหพ้ ่ี / มแี รง / สกั หนอ่ ย / เปน็ ไร ทานอง ลีลาการรอ้ งและเครอ่ื งดนตรีประกอบ ทานอง ทานองของเพลงอีแซวมี ๓ ทานอง ได้แก่ ๑. ทานองเก่า เปน็ ทานองที่มมี าแต่เดมิ ในยคุ แรก ๆ ทย่ี งั เป็นเพลงยัว่ เยา้ สน้ั ๆ ของหนุม่ สาว ลักษณะของทานองค่อนขา้ งเร็ว กระชัน้ คลา้ ยเพลงเหยย่ ดงั ตัวอย่างต่อไปน้ี ไม่รกั ไมใ่ ครไ่ มไ่ ปไม่มา ( ซา้ ) ไม่เหยียบกอหญา้ กอหญา้ ให้ตาย (ซา้ ) ต้ังวงไว้เผอ่ื ปเู สอื่ ไวท้ ่า ( ซ้า ) สวยน้องจะชา้ จะชา้ รา่ ไร ( ซา้ ) ๒. ทานองปัจจบุ ัน ได้แก่ ทานองทเ่ี ป็นเพลงโต้ตอบอย่างยาว ซง่ึ มีผู้เล่นทกุ คณะรอ้ งกนั อยใู่ น ปัจจบุ ัน ดังตัวอยา่ งต่อไปน้ี แมก่ อไกน่ พเก้าโอแ้ มส่ าวเมอื งกาญจน์ ดสู วยโกเ้ ขา้ กา้ นไปทวั่ วรกาย ดูสวยโก๋เดนิ เกร่สวยเก๋เปน็ กอง สวยโก้ลือกอ้ งไปทว่ั เมืองไกล เขาลอื กอ้ งทว่ั กันอยใู่ นชน้ั อากาศ แม่ชา่ งเป๊ดิ สะกา๊ ดนา่ กอดนอนกา่ ย สวยกวนชวนกอดนุ่งสกอ๊ ตสวมสะเกิ๊ด ชา่ งแหวกอากาศมาเกดิ นะแมก่ อลูกไก่ ๓. ทานองใหม่ เป็นทานองที่ชาวลาตัดและนักรอ้ งเพลงลูกทงุ่ ได้ดดั แปลงข้ึน โดยนาทานองเกา่ มาประสมประสานกบั ทานองปจั จุบัน กล่าวคือจะข้นึ ตน้ และลงทา้ ยดว้ ยทานองเกา่ รอ้ ง เน้อื เพลงดว้ ยทานองปจั จบุ ัน ดังตวั อย่างต่อไปน้ี มาเถิดหนากระไรแม่มา ( ซ้า ) แม่คุณจะช้าจะชา้ รา่ ไร ( ซา้ ) ลองคบค้าพีไ่ ว้สักคน ถึงพจ่ี ะจนพีก่ ม็ ีนา้ ใจ พี่จะทาทกุ อยา่ งเพ่ือแมน่ างยาหยี ทุกทกุ นาทีพ่ีไม่หนีแหนงหนา่ ย จะใหเ้ ทกระถางหรือใหล้ า้ งกระโถน ถือกระเปา๋ ตามกน้ พกี่ ็ทาได้ เวลานอ้ งฉพ่ี ไ่ี ม่ใหห้ าร่อง พ่จี ะเอาปากรองรองทิ้งไป เวลานอ้ งฉีพ่ จี่ ะคอยเชด็ ถ้าน้องอยาก… กนิ เปด็ .. พจี่ ะหาให้ …………………………………… ……………………………. มาเถิดหนากระไรแม่มา ( ซ้า ) สวยนอ้ งอยา่ ช้าอยา่ ชา้ อยูไ่ ย ( ซา้ )

๔๕๒ ลลี าการร้อง ลีลาการรอ้ งเพลงอแี ซวแยกได้เปน็ ๓ ชว่ ง ไดแ้ ก่ ลีลาการขนึ้ เพลง การร้อง เนอ้ื เพลงและการลงเพลงกบั การรบั เพลง การขน้ึ เพลง สว่ นใหญ่ผู้เล่นเพลงนยิ มข้ึนเพลงด้วยการเอ้อื นเสยี งยาว ๆ ว่า “ เออ่ …เออ… เอิง…เอ้อ…เองิ๋ …เอย…” หรืออาจร้องสัน้ ๆ ว่า “ เอย…” หรือ “ เออ้ …เอย…” เพือ่ เปน็ การทดสอบเสยี ง หรอื ตั้งระดับเสยี ง และเพอ่ื เรียกความสนใจจากผู้ชม อย่างไรก็ตามการขึน้ เพลงน้ี พ่อเพลงแม่เพลงไมไ่ ด้ เครง่ ครดั อาจรอ้ งหรือไม่ก็ได้ การร้องเน้ือเพลง พ่อเพลงแม่เพลงจะร้องเนื้อเพลงให้เข้ากับจังหวะและจะร้องเรื่อยไป อยา่ งสม่าเสมอ อาจมีการเอื้อนเสียงหรือทอดเสียงรอจังหวะบ้างตามแต่ผู้ร้องจะต้องการ โดยทั่วไปจะนิยม รอ้ งเน้อื เพลงใหก้ ระชับ แบง่ เน้ือร้องเปน็ ช่วง ๆ แลว้ ร้องกระชน้ั ๆ ให้ลงกบั จังหวะพอดี เช่น / ๐๐๐ /๐๐ / ๐๐๐ /๐๐/ / ๐๐๐ / ๐๐/๐๐๐ / ๐๐/ / พ่อคนเก่ง / เพลงเก่า / มาพูดเก้า / เดือยกอ / ออกประกาศ / เรม่ิ ก่อ / เทย่ี วพูด/เกยี่ วก่าย การลงเพลงและการรบั เพลง การลงเพลงหมายถึงการทอดเสียงหรือหยอดเสียงเพ่ือให้ลูกคู่รับ ผรู้ ้องเพลงอีแซวจะทอดเสียงให้ต่าและทอดทานองให้ช้าลง แลว้ ลงทา้ ยว่า “เอย” ลูกคู่จะร้องรับด้วยคาว่า “ เอย…แลว้ …” และตอ่ ดว้ ยสองคาสดุ ทา้ ยของวรรค การลงเพลงนี้มี ๒ กรณี กรณีแรก เมื่อร้องเน้ือเพลงจบ ท่อนหรือจบหนึ่งลง ผู้ร้องจะลงเพลงท้ังวรรคหน้าและวรรคหลัง กรณีท่ีสอง คือลงเพลงในขณะร้องเน้ือ เพลง เพ่ือพักเสียงหรือคิดหาถ้อยคาหรือเพื่อเน้นข้อความหรือเพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้ชมก็ได้ การลง เพลงในกรณีนีม้ กั ลงเฉพาะวรรคแรก ลลี าการรอ้ งเพลงอีแซวนอกจากจะรอ้ งสนุก ๆ กระช้ัน ๆ แล้ว บางช่วงยังมีการปรับให้จังหวะ ช้าลงตามลักษณะอารมณ์ของเพลงด้วย เช่น การร้องเพลงลาท่ีมีอารมณ์โศกเศร้า ผู้ร้องมักร้องเอ้ือนให้ช้า และทอดเสียงรอจังหวะ เปน็ ตน้ ปกติผู้ร้องเพลงอีแซวมักมีท่าราหรือท่าทางประกอบด้วย ส่วนใหญ่เป็นการใช้ท่าทางอย่าง ธรรมชาติ การเคล่ือนไหวร่างกายค่อนข้างเร็วกระฉับกระเฉง เพ่ือให้เข้ากับจังหวะที่กระช้ัน ซ่ึงการทา ท่าทางดังกลา่ วนเ้ี ป็นสว่ นประกอบหน่งึ ที่ทาให้ผชู้ มรสู้ ึกสนุกสนานมากยิง่ ขึน้ เครื่องดนตรีประกอบ เคร่ืองดนตรีประกอบการเล่นเพลงอีแซวได้ปรับเปลี่ยนมาตามยุคสมัย จากเดิมท่มี กี ารใหจ้ ังหวะด้วยการปรบมอื ต่อมาจึงมีฉิ่งและแคนเป็นเคร่ืองประกอบจังหวะและเม่ือประมาณ ๒๐– ๓๐ ปีทผ่ี า่ นมากเ็ ร่ิมมกี ารนาตะโพนและวงปี่พาทยม์ าประกอบการแสดงตามลาดับ การแต่งกาย สถานทีแ่ ละโอกาสในการแสดง เดมิ ผ้เู ล่นเพลงอแี ซวแตง่ กายดว้ ยเส้อื ผ้าตามปกติ ของชาวบ้าน ปัจจุบันชาวเพลงทั้งหญิงและชายจะนุ่งโจงกระเบน ฝ่ายหญิงใส่เส้ือแขนสั้นคอกลมหรือคอ เหลี่ยมกว้าง ฝ่ายชายมักใส่เสื้อแขนสั้นคอกลม เสื้อผ้าท้ังหญิงและชายจะมีสีสันฉูดฉาดสะดุดตา เพ่ือ

๔๕๓ ดึงดูดใจผู้ชม ส่วนสถานท่ีและโอกาสในการแสดงของเพลงอีแซวน้ันสามารถแสดงได้เกือบทุกสถานท่ีและ เกือบทุกโอกาสตามแตผ่ ูว้ ่าจ้าง และผู้แสดงจะตกลงกนั ยกเวน้ งานแต่งงาน ลาดบั ขนั้ ตอนในการเล่นเพลงอแี ซว โดยทั่วไปการแสดงเพลงอีแซวมีลาดับขั้นตอนในการเล่นที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ๕ ขั้นตอน ได้แก่ การไหวค้ รู การรอ้ งเพลงเกริน่ การร้องเพลงประ การรอ้ งเพลงลาหรอื เพลงจากและการอวยพร ๑. การไหว้ครู เป็นการกราบไหว้บูชาเพ่ือระลึกถึงและบอกกล่าวขอพรส่ิงศักด์ิสิทธ์ิท้ังหลายท่ี เคารพนบั ถอื ได้แก่ พระรัตนตรัย เทวดา ภูตผี ตลอดจนพ่อแม่และครูบาอาจารย์ ๒.การร้องเพลงเกรนิ่ เป็นการรอ้ งของฝา่ ยชายและฝ่ายหญิงก่อนท่ีจะมาพบกันตามเหตุการณ์ที่ สมมตุ ิไว้ ประกอบดว้ ยการร้องเพลงออกตัว คอื เพลงที่กลา่ วทกั ทายและแนะนาตัวซึ่ง แสดงถึงความอ่อน น้อมถ่อมตน เพลงแต่งตัว คือเพลงที่พรรณนาถึงการอาบน้าและการแต่งกาย และเพลงปลอบ คือ เพลงทเี่ ชิญชวนให้ฝ่ายหญิงออกมาร้องเพลงโต้ตอบ ในเชิงอ้อนวอนหรือท้าทาย การร้องเพลงเกริ่นนี้ ฝ่าย ชายจะรอ้ งก่อนแลว้ ฝา่ ยหญิงจึงจะร้องบา้ ง ตวั อย่างเพลงแต่งตัวของแม่ขวญั จติ ศรีประจนั ต์ ว่าเธอกแ็ ต่งฉนั หรือก็แตง่ ผัดหนา้ ทาแปง้ เธอไปฉันกไ็ ป หวผี มทรงกระท่มุ สาวหนุ่มโบราณ ผ้าโจงกระเบนพืน้ บา้ นเสือ้ คอระบาย เอาผา้ แพรมาหม่ ดูเหมาะสมสดสวย เอาเชย่ี นหมากไปดว้ ยเพราะฉนั อดไม่ได้ หมากเจยี นพลูจบี จัดแจงบรรจง เตรยี มเสร็จแมก่ ็ลงลงบนั ได ๓. การร้องเพลงประ หมายถึงการร้องเพลงประคารมของฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เม่ือได้พบกันแล้ว การรอ้ งเพลงประนี้เปน็ ชว่ งหวั เลี้ยวหวั ต่อของการเลน่ เพลง ซง่ึ ผเู้ ลน่ จะเลือกว่าจะเล่นไปในแนวใด บ้างก็เล่น แนวรักคือเร่ิมจากการร้องเพลงตับเก้ยี วพาราสี แล้วอาจดาเนินเร่ืองไปสู่ ตับลักหาพาหนีหรือตับสู่ขอ ตับชิงชู้ หรือตับตีหมากผัว บ้างก็เล่นแนวประลองฝีปากหรือทดสอบภูมิปัญญา เช่น เพลงตับตอ ตับหมา ตับแมว ตับเช่านา ตับเชา่ เรอื ตับซือ้ ควาย ตบั ฉดี ยา ตบั ถามบาลี ตับถามประเพณี ฯลฯ บ้างก็เล่นแนวเพลงเรื่อง เช่น พระเวสสันดร จันทโครพและลักษณวงศ์ เป็นต้น การร้องเพลงประจึงเป็นช่วงท่ีสนุกสนานท่ีสุด นับเป็นหัวใจของการเลน่ เพลงอีแซวท่ีขาดไม่ได้ ตัวอย่างเพลงประ ( ช. ) พอเหลือบเนตรพบหน้าสายตาแลตอ้ ง เหลอื บเนตรพบนอ้ งพี่นีต้ ้องหนาวใน พไ่ี ม่นึกไมฝ่ ันวา่ จะพบนางฟ้า น้องหลบตอเทวดามาไดอ้ ย่างใด ( ญ. ) แต่พอสนเธอเขา้ มาเจอพอ่ หนุม่ โอโ้ ฮช่างภาคภูมแิ ลดหู ลอ่ ฉิบผาย สวัสดเี จ้าขา้ พอเจอหนา้ แลว้ เขนิ พช่ี ่างหล่อเหลอื เกินยงั กบั ลิงแปลงกาย… (โชติ สวุ รรณประทีปและขวัญใจ ศรีประจันต์ , การแสดง )