Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เพลงพื้นบ้านภาคกลาง

เพลงพื้นบ้านภาคกลาง

Description: เพลงพื้นบ้านภาคกลาง.

Search

Read the Text Version

๔๕๔ ๔. การร้องเพลงลาหรือเพลงจาก เป็นเพลงท่ีใช้ร้องเพ่ือแสดงความอาลัยคู่เล่นเพลง ผู้ชม หรอื กลา่ วคาอาลาผูช้ มและเจา้ ภาพท่ีหาวา่ จ้างมาแสดง ๕. การอวยพร การอวยพรเป็นข้ันตอนท่ีมักจะขาดไม่ได้ เพราะเป็นการร้องขอบคุณเจ้าภาพ และผดู้ ทู งั้ หลายท่หี าว่าจ้างและชมการแสดง รวมทั้งขอบคุณผู้ชมที่มาใหร้ างวลั ต่าง ๆ เพลงอแี ซวเปน็ เพลงพ้นื บ้านของภาคกลางท่ีมีความเก่าแก่มากเพลงหนึ่ง พัฒนาในด้านต่าง ๆ มาตามเวลา โอกาสและสภาพสังคม เพลงอีแซวจึงเป็นท้ังเพลงพื้นบ้านและการแสดงพ้ืนบ้านท่ีได้รับความ นิยมและเป็นทรี่ ้จู กั แพร่หลายในหมู่ประชาชนท่วั ไป อนง่ึ ในการปรบั ปรุงรูปแบบและเน้ือหาของเพลงอีแซวน้นั ควรปรับปรุงเนือ้ หาใหเ้ หมาะกับยุค สมัยและคนรุ่นใหม่ โดยนาเร่ืองราวในสังคมปัจจุบันมาเป็นเน้ือหา ตลอดจนควรดาเนินเร่ืองให้กระชับ รวดเร็วและน่าสนใจ ในส่วนของการนาเทคนิคใหม่ ๆ โดยเฉพาะการนาเคร่ืองดนตรีและการเต้นแบบ วฒั นธรรมตะวันตกเขา้ มาผสมผสานนนั้ เปน็ ส่ิงทีช่ าวเพลงควรระมัดระวัง เพราะอาจทาให้สูญเสียความเป็น เอกลกั ษณข์ องการแสดงพื้นบ้านของไทยไปอย่างนา่ เสียดาย ในส่วนของเครื่องดนตรีก็ควรจะใช้เครื่องดนตรี ไทยบรรเลงเพลงสมัยใหม่ ซึ่งน่าจะเหมาะสมและเป็นท่ีพึงพอใจของผู้ชมมากกว่ า นอกจากน้ันควรให้ การศึกษาทางดา้ นวฒั นธรรมแกป่ ระชาชนใหส้ นใจ เข้าใจและยอมรับเพลงอแี ซว เพ่ือที่จะได้เกิดความศรัทธา และตระหนกั ในความรบั ผิดชอบในการบารุงรักษาและสืบทอดเพลงนตี้ อ่ ไป ตัวอย่างเพลงบทออกตัวของแม่ขวัญจิต ศรปี ระจนั ต์ บรรจงจีบสบิ นวิ้ ข้ึนหว่างค้วิ ทั้งคู่ เชิญรับฟังกระทเู้ อ๋ยแล้วเพลงไทย เชิญสดบั รับรสกลอนสดเพลงอีแซว ฝากลานาตามแนวเพลงอแี ซวยคุ ใหม่ เพลงอแี ซวยคุ ใหมผ่ ิดกับสมัยโบราณ ถึงรุ่นลกู รนุ่ หลานนับวันจะสญู หาย ถา้ ขาดผูส้ ง่ เสริมเพลงไทยเดมิ คงสญู ถา้ พอ่ แม่เกื้อกูลลูกกอ็ ุ่นหัวใจ อันวา่ เพลงพื้นเมอื งเคยรุง่ เรอื งมานาน สมัยครูบัวผนั และอาจารยไ์ สว ประมาณรอ้ ยกวา่ ปีตามที่มีหลกั ฐาน ทคี่ รบู าอาจารย์หลายหลายท่านกลา่ วไว้ ท้งั ปูย่ ่าตายายท่านก็ไดบ้ อกเลา่ การละเลน่ สมยั เก่าท่ีเกรยี วกราวเกรียงไกร ทอดกฐินผา้ ปา่ กเ็ ฮฮากนั ไป ในฤดเู ทศกาลเม่ือมีงานวัดวา งานนักขัตฤกษก์ ็เอิกเกริกกันใหญ่ หรือยามตรุษสงกรานต์ก็มงี านเอกิ เกริก ทัง้ ผแู้ ก่ผเู้ ฒา่ ต่างก็เอาใจใส่ ประชาชนชุมนุมทงั้ คนหนมุ่ คนสาว ถือเป็นประเพณีและศักดศ์ิ รคี นไทย ชวนลกู ชวนหลานไปร่วมงานพธิ ี คนทกุ ทศิ มุ่งมาทว่ี ัดป่าเลไลยก์ ใหบ้ ุญกุศลรักษามีชีวาสดใส ท่จี ังหวัดสุพรรณกม็ ีงานวัดปา่ สขุ สนั ตห์ รรษาทัว่ หน้ากนั ไป ปิดทองหลวงพ่อโตแล้วกโ็ มทนา เพลงฉ่อยเพลงอแี ซวกเ็ จ่ือยแจว้ ปลกุ ใจ ไดท้ าบญุ ทาทานก็เบกิ บานอรุ า ไดด้ ลู ิเกละครเวลากค็ ่อนคืนแล้ว

๔๕๕ หนุม่ สาวชาวเพลงก็คร้นื เครงล้อมวง เอย่ ทานองร้องสง่ ตัง้ วงราร่าย รอ้ งเกย้ี วพาราสบี ทกวีพ้ืนบ้าน เปน็ ทีส่ นกุ สนานสาราญหัวใจ เพลงพวงมาลัยบา้ งกใ็ ส่เพลงฉอ่ ย ทัง้ ลูกคลู่ ูกขอ้ ยต่างกพ็ ลอยกนั ไป ลาตดั อภิลักษณ์ เกษมผลกูล และจามร พงษ์ไพบูลย์ ( ๒๕๕๑ ) รายงานการจัดเก็บข้อมูลด้าน ศิลปะการแสดง เรอื่ ง ลาตดั จงั หวัดตราด สรปุ ได้ดังนี้ ลาตัดเป็นการแสดงพนื้ บ้านของภาคกลาง จัดเป็นการแสดงบนเวทีท่ีมีขึ้นในเทศกาลเพ่ือความรื่น เริง และได้รบั ความนิยมมาก การเล่นลาตดั น้ันมีทงั้ การร้องด้วยทานองต่างๆ กันเปล่ียนแปลงไปตามเนื้อร้องที่ ปรากฏ และการราประกอบด้วยลีลาตา่ งๆ ความหมายของลาตดั ผู้รู้ทางด้านศิลปวัฒนธรรมได้ให้ความหมายของลาตัดไว้อย่างน่าสนใจ ดังจะยกตัวอย่างมา ดงั ต่อไปนี้ พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถานได้ใหค้ วามหมายของคาว่า “ลาตดั ” ไวว้ ่า หมายถึง “การละเล่น ทเ่ี ปน็ ทานองร้องต่อกนั คนละวรรคหรือคนละหน” ต่อมา เดน่ ดวง พุม่ ศิริ ได้กล่าวถงึ ความหมายของลาตัดไว้ว่า “ลา คือ เน้ือร้องในใจความต่างๆ กัน เช่น ลาไหว้ครู ลาเกี้ยว ลาสาด ลาว่า ลาด่า ลาลอย เป็นต้น ส่วนคาว่า ตดั หมายถึง วา่ ตัดเข้าทานองเพลงต่างๆ ของแขกของไทย ของเพลงมโหรี ป่ีพาทย์ ในตอนที่ไพเราะเหมาะสม ทจี่ ะรอ้ งเข้าจังหวะรามะนาได้ครึกคร้นื กระฉับกระเฉง นอกจากนี้ก็ไปตัดหรือเลียนแบบการแสดงอื่นๆ อย่าง โน้นนดิ น้ีหน่อย เช่น โขน ละคร งิ้ว สวดคฤหัสถ์ และทานองเพลงพื้นบ้านอื่นๆ เช่น เพลงฉ่อง เพลงเก่ียวข้าว เพลงอีแซว ...” นอกจากนยี้ ังมีผู้ให้ความหมายของคาว่า ลาตัด ไว้อีกว่า “ลา คือ เพลง ตัด คือ แยก ฉะนั้น ลาตัด จงึ เป็นการนาเพลงประเภทต่างๆ เป็นบางตอนจากบทเพลงมาร้องต่อกนั ว่ากันไปเร่ือยๆ เชน่ ว่าเพลงอีแซวต่อ ดว้ ยเพลงฉ่อย อะไรทานองนี้ เพลงลาตดั จงึ ตดั สมชือ่ จรงิ ” มนตรี ตราโมท ซ่งึ เปน็ ผทู้ ่มี ีความรู้ทางด้านการดนตรี และการแสดงในด้านต่างๆ ก็เป็นอีกผู้หน่ึงที่ ได้พยายามค้นหาที่มาของคาวา่ ลาตัด ว่าใครเป็นผู้ต้งั ชือ่ ของการละเล่นชนิดน้ี และการต้ังช่อื เช่นนี้มาจากอะไร ซึ่งก็ไมไ่ ดร้ ับคาตอบเปน็ ท่ีพอใจหรือได้รบั ความสว่างข้ึนอย่างไรเลย แต่เม่ือมาพิจารณาดูการเล่นลิเกบันตน ซ่ึง เป็นการเล่นของมลายู จะพบว่ามกี ารเลน่ ทคี่ ล้ายกบั ลาดังนัน้ คาว่า ลา ท่ีประกอบเป็นช่ือเรียกการละเล่นชนิด นี้ว่า ลาตัด น้ันอาจจะหมายถึง การร้องเพลงตัดก็ได้ แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วลาตัดน้ีก็มีส่วนเป็นลาอยู่ด้วย คือ ตอนที่ต้นเสียงและคอสองร้องเป็นใจความนั้น ยึด ลานา (Rythum) มากกว่าทานอง (Melody) ซ่ึงเป็น ลกั ษณะของลา สว่ นตอนท้ายท่ีลูกคู่รับนั้นจะเป็นลักษณะของเพลงทานองที่นามาให้ลูกคู่รับโดยมากจะตัดมา จากเพลงร้องหรือเพลงดนตรีอีกชั้นหน่ึง โดยเลือกเอาแต่ตอนท่ี ๑ เหมาะสาหรับการร้องมาเท่านั้น

๔๕๖ เพราะฉะน้ันถ้าจะเรียกการละเล่นชนิดน้ีให้ถูกต้องตามลักษณะที่เป็นอยู่ จะต้องใช้ชื่อเรียกอย่างยืดยาวดังท่ี มนตรี ตราโมท เรียกวา่ “ขับลานาด้วยร้องเพลงตัด” ซ่ึงแทนที่จะเป็นช่ือเรียกก็จะกลายเป็นคาอธิบายไป จึง เห็นได้วา่ ผ้ทู เี่ ร่มิ การแสดงชนดิ น้ีข้นึ พรอ้ มท้ังต้ังชื่อว่า ลิเกลาตัด (เพราะมาจากดิเกร์) และต่อมาก็ถูกตัดลงไป โดยความกรอ่ นของภาษาเหลอื เพียงคาว่า ลาตดั จึงเป็นการตั้งชื่อท่ีเหมาะสม เรียกง่าย และมีความหมายตรง กบั การแสดงมากที่สุด ดังน้นั จึงพอสรุปไดว้ ่า ลาตัด หมายถึง การแสดงท่ีเป็นทานองเพลงที่ชายหญิงร้องโต้ตอบกันด้วย ถ้อยคาที่เผด็ รอ้ น ชวนคิด ชวนขนั มีรามะนาเป็นดนตรีประกอบ การแสดงจะเร่ิมต้นด้วยการโหมโรงรามะนา กอ่ น แลว้ ชายหญงิ จงึ จะว่ากลอนโต้ตอบกนั ประวัติความเป็นมา ลาตดั เปน็ การละเลน่ ท่ีสืบเนื่องมาจากลิเกหรือดเิ กรข์ องมลายสู าขาหนง่ึ ที่เรียกว่า “ละกูเยา” วธิ กี ารแสดงละกเู ยานี้ เรมิ่ ด้วยโหมโรงรามะนาลว้ นๆ ก่อน ตอ่ จากน้นั ผ้เู ปน็ ต้นบทจะนาร้อง บนั ตน เพลงใด เพลงหน่ึงซึง่ เปน็ ภาษาแขกอนั เป็นสร้อยสาหรบั ลูกค่รู ับขน้ึ ก่อน แลว้ บรรดาผู้ตรี ามะนาในวงนั้นร้องตามอกี ๒ เทย่ี ว ตน้ บทจึงแยกออกร้องเป็นใจความส้นั ๆ แล้วลูกคูก่ ร็ ้องรบั ยนื ในทานองเดมิ นน้ั ตลอดไป นานพอสมควร แล้วตน้ บทกเ็ ปล่ียนเพลงตอ่ ไปตามลาดับ ผู้ร้องตน้ บทนั้นจะมกี ่คี นจะผลดั กนั อยา่ งไรก็ได้ บางทผี ลัดกนั รอ้ งเปน็ ตน้ บทเรยี งลาดบั ไปท้งั วงกม็ ี ถ้อยคาท่รี ้องน้นั ภายหลงั แทรกคาไทยเข้าไปมาก เหลอื ภาษาแขกไวแ้ ตค่ าท่ีลกู คู่ รับจนกระทัง่ ตอ่ มารอ้ งเปน็ คาไทยท้งั หมด แยกออกเป็น ๒ ชนดิ ชนิดหนงึ่ ว่ากันให้เสียหายเพื่อให้อีกสว่ นหนึ่ง กลา่ วแก้ อีกชนิดหนง่ึ เป็นการสอบถามความรู้กัน เด่นดวง พมุ่ ศริ ิ กล่าวถึงความเป็นมาของลาตดั ไว้วา่ ลาตัดน่าจะมาจากลิเกบันตน ซึง่ คาว่า บันตน น้ีกร่อนมาจากคาวา่ ลิเกบันตน เกดิ ในราวปลายรัชกาลท่ี ๕ สมัยนนั้ ชาวปัตตานที ่เี ข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ นาน เขา้ กไ็ ด้เรยี นภาษาไทยจนอา่ นออกเขยี นไดก้ นั บ้างแลว้ ประกอบกับมญี าตพิ ่ีน้องเป็นไทยพทุ ธกนั บา้ ง การ สมาคมกข็ ยายวงกวา้ งออกไป การจะรอ้ งบันตนเปน็ ภาษามลายูอยา่ งเดียวคนอื่นท่ีไมร่ ู้ภาษามลายูกไ็ ม่เข้าใจ จงึ มกี ารปรบั ปรุงการเล่นโดยร้องเป็นกลอนคาไทยปนคามลายูอยู่บ้าง ในทานองเพลงมลายูเรียกว่า “เพลง กะเล็ง” ผู้ท่เี ลน่ ลิเกบนั ตนพวกแรกน้ัน เด่นดวง พมุ่ ศริ ิ กล่าววา่ มอี ยู่ ๔ พวก คือ “หะยแี ดง เรียกกนั ท่วั ไปว่า ยแี ดง อย่ตู าบลไผ่เหลือง สเุ หรา่ ไซกองคนิ อาเภอมนี บุรี ครซู ัน อย่ตู าบลถนนตก ครพู ันโด่ง อยู่ตาบลสมเด็จเจ้าพระยา และครูหมัดตุ๊ อย่ตู าบลบา้ นครวั (หลังวทิ ยาลัยเทคนคิ ปทุมวัน) ยแี ดง เลน่ บนั ตนแยกออกเปน็ ๒ แบบ คือ แบบหนึ่งเล่นบนั ตนรอ้ งเปน็ เร่ือง เรียกวา่ “เล่นลกู บท” และอกี แบบหน่งึ เลน่ เปน็ การโตต้ อบกนั ไปมา แบบนี้เองทไ่ี ด้ปรับปรงุ เปลี่ยนแปลงไปเปน็ ลิเกลาตัด ภายหลงั ตัดคาวา่ ลเิ กออก เหลอื แต่ “ลาตดั ” เอนก นาวิกมูล ได้กลา่ วถึงความเป็นมาของลาตัดไวว้ า่ มีการแสดงชนดิ หน่งึ ซึง่ ชาวมลายจู ดั ขึน้ เพ่ือ สรรเสรญิ พระผเู้ ป็นเจา้ ในศาสนาอสิ ลาม โดย “เร่มิ ต้นจากการตีกลองรามะนาพรอ้ มกบั สวดสรรเสริญพระเจา้

๔๕๗ ทางศาสนาอิสลาม เดิมเริ่มเลน่ กันทีป่ ตั ตานแี ละในเขตวัฒนธรรมมลายู เรยี กว่า “ลเิ กฮูล”ู ผู้เล่นหรือสวด ทัง้ หมดเปน็ ผชู้ ายยังไมม่ ผี ู้หญงิ เข้ามาปะปน ลเิ กฮูลเู ป็นต้นแบบท่ีแยกออกเปน็ “ลเิ กแบบลาตัด” แต่มผี ใู้ ห้ความเหน็ เกย่ี วกบั เรือ่ งทีม่ าของลาตดั ทแ่ี ตกต่างไปจากความเห็นของเอนก นาวิกมูล คอื มี ความเหน็ วา่ มาจากอนิ เดีย ดงั บทความในวารสารปฏญิ ญา วา่ “ลาตัดเปน็ ญาตพิ น่ี ้องกับลิเก มีความเปน็ มาจากท่ีเดียวกนั เป็นการละเลน่ ท่ีมาจากอินเดียซ่งึ เดมิ เป็นการสวดบูชาพระเจ้าพรอ้ มกับตรี ามะนาไปดว้ ย จากการสวดและตรี ามะนาก็กลายเปน็ “ฮันดาเลาะ” (ลเิ ก) แล “ละกูเยา” (ลาตัด) ละกูเยาหรอื ลาตัดสมยั บุกเบกิ นผี้ เู้ ลน่ จะนง่ั เป็นวง แล้วเรมิ่ โหมโรงดว้ ยเพลง รามะนาล้วนๆ ผเู้ ป็นต้นบทจะรอ้ ง “บนั ตน” เป็นภาษาแขก อันเป็นบทรอ้ งสรอ้ ยสาหรบั ลูกครู่ บั ขึ้นกอ่ น บรรดาผตู้ ีรามะนาในวงนนั้ กร็ อ้ งตามอกี ๒ เทยี่ ว ต้นบทจึงรอ้ งตามเป็นใจความสนั้ ๆ ต้นบทร้องในระยะหลงั มี การแทรกคาไทยจนกลายเปน็ ภาษาไทยล้วน ละกเู ยาของอสิ ลามจึงโอนสญั ชาติเป็นลาตดั ไทยโดยสมบูรณ์” จะเหน็ ได้ว่า ความเหน็ เกี่ยวกับต้นกาเนดิ ของลาตัดของ เอนก นาวกิ มลู และบทความในวารสาร ปฏิญญานัน้ กลา่ วไวไ้ มเ่ หมือนกนั โดย เอนก กลา่ ววา่ มาจากแถวปัตตานแี ละเขตวัฒนธรรมมลายู ส่วนใน วารสารปฏิญญากล่าวว่า มาจากอนิ เดยี แต่ส่วนที่กลา่ วไว้เหมอื นกนั คอื การละเลน่ ชนดิ น้ีเดิมเป็นบทสวดบูชา พระเจ้าในศาสนาอสิ ลาม แตจ่ ะเป็นอิสลามอินเดยี หรืออสิ ลามมลายูนน้ั เราในสมัยปจั จบุ ันไมอ่ าจทราบได้แน่ชัด นอกจากจะต้องพจิ ารณาจากความคดิ เหน็ ของผู้รทู้ ่ีไดส้ นใจศึกษาคน้ คว้าทางด้านนีไ้ ว้ นอกจาก เด่นดวง พ่มุ ศิริ แลว้ อีกท่านหนงึ่ ท่มี คี วามเหน็ ในเรอ่ื งทม่ี าของลาตดั ตรงกับ เอนก นาวิก มลู คือ มานิต ม่วงบุญ ไดก้ ล่าวไวว้ ่า “ลาตดั เท่าท่ีมีหลักฐานพอเชือ่ ว่า เปน็ การแสดงแบบหน่ึงท่ไี ทยเรานาแบบแผนการแสดง “ดเิ กร์” ของมลายมู าปรบั ปรงุ ดัดแปลงแกไ้ ขจนกลายเป็นลาตดั อย่ใู นปจั จบุ นั ดเิ กรน์ นั้ ชาวมลายนู ามาแสดงใน กรงุ เทพฯ ครัง้ แรกเมือ่ ตน้ รัชกาลที่ ๕ แหง่ กรุงรัตนโกสินทร์ วธิ กี ารแสดงมีคนตรี ามะนาหลายคนพร้อมดว้ ย เคร่ืองประกอบจงั หวะอ่ืนๆ พอผเู้ ปน็ ตน้ บทร้องนาขึ้นเป็นภาษามลายูแลว้ พวกท่นี ั่งลอ้ มกนั เปน็ วงกร็ ้องรับเป็น ลูกคพู่ ร้อมกับตีรามะนาและเครอื่ งประกอบจงั หวะไปดว้ ย ลาร้องนน้ั เรยี กวา่ “บันตน” เมือ่ รอ้ งบนั ตนไปจน จบกระบวนความหรือสมควรแก่เวลา การแสดงจะเรม่ิ พลกิ แพลงออกเป็น ๒ สาขา สาขาหนงึ่ เรยี กว่า “ฮันดา เลาะ” มกี ารแสดงเป็นชุดและเรอื่ งเบ็ดเตลด็ ต่างๆ ซ่งึ เป็นทม่ี าของลเิ ก ส่วนอกี สาขาหน่ึงเรียกวา่ “ละกเู ยา” เปน็ การวา่ กลอนด้นแก้กันอันเป็นตน้ ทางท่ีกา้ วสู่ “ลิเกลาตัด” หรอื เรียกสน้ั ๆ ว่า “ลาตัด” จากความเห็นของ เด่นดวง พมุ่ ศริ ิ และมานิต มว่ งบุญ ทาใหเ้ ราทราบว่า การแสดงบันตนนนั้ ปรากฏในเมืองไทยสมยั รัชกาลที่ ๕ ได้มีการกล่าวถึงการแสดงในลักษณะนไี้ วใ้ นสาสน์ สมเด็จ เลม่ ท่ี ๒๗ ของ สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจา้ ฟา้ กรมพระยานริศรานวุ ัติวงศ์ และสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา ดารงราชานุภาพ หน้า ๒๖๒ - ๒๖๔ ความวา่ “ยงั มีตานานอีกเร่อื งหนงึ่ ซงึ่ เกดิ เน่ืองมาแตค่ ร้งั งานพระศพสมเด็จพระนางสนุ นั ทา เหมือนกบั เมอื่ มกี งเต๊กเปน็ งานหลวงครัง้ นนั้ คนท้งั หลายคงจะเห็นเป็นการทรงบาเพญ็ พระราชกุศลอย่างกวา้ งขวาง ผดิ กับที่ เคยมีมากอ่ น เป็นเหตุให้พระยามิตรภกั ดี (หรือสร้อยอยา่ งอน่ื จาไม่ไดแ้ น่) เปน็ แขกอาหรบั พวกเราเรยี กกันแต่ วา่ “ขรวั หยา” ซ่ึงเปน็ เขยส่ขู ้าหลวงเดิม กราบทูลขอเอาพวกนักสวดแขกอสิ ลามเข้ามาสวดช่วยพระราชกศุ ล

๔๕๘ และทูลรบั รองวา่ ไม่ขดั กบั ศาสนาอิสลาม จงึ โปรดให้เขา้ มาสวดในเวลาคา่ ตามเวลาของเขา ณ ศาลาอฏั วิจารณ์ ทีพ่ ระญวนเคยทากงเต๊ก หม่อมฉนั ไปดูเหน็ ลว้ นเป็นแขกเกดิ ในเมอื งไทย ทราบภายหลงั ว่าเป็นชาวนนทบุรี นง่ั ขดั สมาธิถอื รามะนาแขกล้อมเปน็ วง จะเป็นวงเดียวหรือ ๒ วงจาไมไ่ ดแ้ น่ แตน่ งั่ สวดโยกตัวไปมา สวดเปน็ ลา นาอย่างแขก เขา้ กนั เปน็ จังหวะรามะนา ไดเ้ หน็ คร้ังแรกกไ็ ม่สูเ้ ข้าใจนัก ต่อมาในปีนั้นเองมงี านฉลองพระชันษา สมเด็จพระราชินีวกิ ตอเรยี ทส่ี ถานทูตอังกฤษ ในงานนน้ั พวกคนต่างชาติในบังคบั องั กฤษที่อย่ใู นกรงุ เทพฯ พา กันหาเครอ่ื งมหรสพตา่ งๆ ไป เห็นพวกนักสวดแขกชาวเมืองไทยนง่ั เปน็ วงตรี ามะนาสวดประชนั กนั อยู่ ๒ ประ รา...” นอกจากความคิดเหน็ ของนักวชิ าการหลายท่านดงั กล่าวมาแลว้ กย็ งั มีศิลปินลาตัดทา่ นหนง่ึ คอื นายหวังดี นิมา หรอื ท่ีเรารูจ้ ักกนั ดใี นนามของ หวงั เต๊ะ เจา้ ของคณะลาตัดคณะหวงั เตะ๊ ได้กล่าวถึงความ เป็นมาของลาตัดไวว้ า่ “ลาตัดเจริญในสมัยรัชกาลที่ ๖ เกดิ ในกรุงเทพฯ เดิมนัน้ รัชกาลท่ี ๑ ตีเอาปตั ตานมี าไดก้ ็ตอ้ นผู้คน มาปลอ่ ยไวแ้ ถวมีนบุรี ถนนตก ก็มี พวกน้ีได้นากลองเรียกว่า รามะนามาด้วย กลองรามะนานี้ปจั จบุ ันยงั มีอยทู่ ี่ กะลนั ตนั และปัตตานี แต่ไมส่ วยเท่าของเราในปจั จบุ นั ซึง่ ไดม้ กี ารนามาเปล่ยี นแปลงรูปโฉมใหม่ใหส้ วยงาม แล้วนากลองรามะนาน้ีมาตปี ระชันกนั ว่า ใครจะดังกวา่ กัน เรยี กว่า ดเิ กเรียบ หมายถึง เรียบร้อยไมม่ กี ารด่ากนั แต่เดมิ มแี สดงในปัตตานี เรียกวา่ ดิเกฮูลู มกี ารด่ากนั ปจั จบุ ันกย็ งั มกี ารแสดงอยู่ ดิเกเรียบไม่มวี ่ากัน เล่นกัน นานๆ เข้าก็เปน็ ลาตัดรอ้ งเป็นภาษาไทย พวกครูโรงเรียนเปน็ คนเลน่ สมยั นนั้ คนไมร่ ู้หนงั สือมาก ผ้เู ขยี นกลอน ดเู หมอื นจะเป็นครูประชาบาลเขยี นเน้อื ว่าแกก้ ัน ในกรุงเทพฯ คณะแรกคอื คณะทหารเรือ สามสมอ เลน่ กนั ก่อน ยนื รอ้ ง เอากลองตี ร้องวา่ กันวงเดียว ต่อมากแ็ ยกว่า ต่อมามพี วกหนองจอกเขา้ มาประชนั ในกรุงเทพฯ พระยาไพบูลยส์ มบตั ิเปน็ คนรเิ รม่ิ การประชนั ข้นึ กอ่ นทว่ี ิกบษุ ปะ ผ้ชู ายต่อผ้ชู าย ตอ่ มามีการเขยี นกลอนว่ากนั คนเขียนกลอนเป็นครชู ื่อครูกบ หรอื เรยี กว่า หะยกี บ” จากความเห็นของหลายๆ ทา่ นดงั กลา่ วมาแลว้ จงึ พอสรุปไดว้ า่ ลาตัดนนั้ มีแบบแผนการแสดงมา จากการแสดง ลิเก หรือ ดิเกร์ ของมลายู ซง่ึ แต่เดิมดิเกร์นเ้ี ป็นบทสวดบูชาพระเจ้าของศาสนาอสิ ลาม วธิ ีการ แสดงจะเร่ิมด้วยมีคนตีรามะนาและเคร่อื งประกอบจงั หวะอืน่ ๆ หลายคน ต้นบทจะร้องนาขนึ้ มาเปน็ ภาษา มลายู เรียกว่า “บนั ตน” แลว้ พวกที่ตรี ามะนาก็จะเป็นลกู ครู่ อ้ งรับไปดว้ ย ตอ่ มาการแสดงแบบนแ้ี ยกออกเป็น ๒ สาขา คือ “ฮันดาเลาะ” ซึ่งแสดงเป็นชดุ และเร่ืองเบด็ เตล็ดตา่ งๆ ซึ่งเปน็ ท่มี าของลิเก สว่ นอกี สาขาหนึง่ เรียกวา่ “ละกเู ยา” เป็นการด้นกลอนว่าแก้กัน ซง่ึ เป็นทีม่ าของ “ลิเกลาตัด” หรอื เรยี กสน้ั ๆ วา่ “ลาตัด” ใน ปจั จุบัน การกระจายตัว ในบรรดาเพลงพ้ืนบ้านด้วยกนั แลว้ เมื่อกล่าวถึงลาตัด คนทว่ั ไปจะรู้จกั ดีกวา่ เพลงพื้นบา้ นชนิดอ่ืนๆ คณะนักแสดงท่มี อี าชพี ทางการเลน่ ลาตดั น้ันมอี ย่ดู ้วยกันหลายคณะ นับว่าเป็นเพลงพ้นื บา้ นทีย่ งั แพร่หลายอยู่ ในปจั จบุ ัน ดังน้ันจึงถอื ไดว้ า่ ลาตัดเป็นมหรสพรว่ มสมัยกบั คนในยุคนมี้ ากกวา่ เพลงพืน้ บา้ นอื่นๆ ความนิยม แพรห่ ลายของลาตัดนน้ั กระจายไปทุกภาคและแสดงในงานรื่นเรงิ ทุกชนดิ จนแม้กระทั่งงานศพ ลาตดั กแ็ สดง

๔๕๙ สมโภชได้ ลาตดั ได้มกี ารบันทึกเป็นแผ่นเสียงขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๗๒ โดย เอนก นาวิกมลู ไดก้ ล่าวถงึ เร่ืองนไ้ี ว้วา่ “ในปี พ.ศ. ๒๔๗๒ หนงั สอื พิมพ์ศรีกรงุ ฉบบั วนั องั คารที่ ๓ ธนั วาคม หน้า ๔ ได้ลงโฆษณาขาย แผน่ เสียง ตราสนุ กั ข์ อดั ดว้ ยไฟฟ้า มที งั้ ลาตัด เพลง (ฉอ่ ย) และโนรา คือ ลาตัด เรอื่ งลักษณวงษต์ ามพราหมณ์ ลาตดั เร่อื งทกุ ข์เร่ืองหนาว ลาตดั เร่ืองกาเนิด ลาตัดสองงา่ มจดั เพลงแกก้ นั เรื่องหนภี าษี เพลงแก้กนั เรอ่ื งกระทู้ ยักควิ้ เพลงแก้กันกระทรู้ ับแขกกินหมาก โนราบทขนุ แผนตามวันทอง โนราบทไกรทอง โนรากาพรัดซดั พระ โนรากาพรดั เกี้ยวแมค่ า้ ตลาดปากพนงั เหลา่ นมี้ ขี ายทีบ่ รษิ ัทรตั นมาลา จากัด สี่แยกถนนพาหรุ ดั กบั ท่ี แผน่ เสียงสโตร์ ถนนเจริญกรุง ตอนส่แี ยกราชวงศ์” จากขอ้ ความดงั กลา่ วเป็นสิง่ ที่ชใ้ี ห้เห็นว่า ความนยิ มของลาตัดน้ันมีแพรห่ ลายมานานแลว้ การ บันทึกแผน่ เสียงลาตัดกม็ มี าไมต่ ่ากว่า ๔๕ ปแี ล้ว และในปี พ.ศ. ๒๔๗๓ หนังสอื พิมพ์ศรีกรงุ ฉบบั วนั พฤหัสบดี ท่ี ๔ กนั ยายน หน้า ๒๘ ได้ลงโฆษณาขายแผน่ เสียงลาตัดคณะคลองทา่ ไข่ เรื่องหญงิ ชายเกยี้ วกนั โดยนายสะ โอด นายหล่น นางเคลอื บ นางเชอ่ื ม ๓ แผ่น มีขายท่บี ริษัทรัตนมาลา จากัด และแผ่นเสยี งสโตร์เช่นเดยี วกัน นอกจากนแ้ี ผน่ เสยี งลาตดั จรงิ ๆ ทีอ่ ดั ขน้ึ ในสมยั นาย ต.เงก็ ชวน เป็นแผน่ เสยี งตรากระต่ายก็มอี ัดไว้หลายแผ่น เชน่ กัน ในปัจจุบนั น้ีความแพร่หลายของลาตัดกไ็ มไ่ ดล้ ดน้อยลงไปแต่อย่างใด การอดั บนั ทกึ เสียงลาตดั จาหน่ายตามทอ้ งตลาดยงิ่ มีมากขึ้นตามลาดับ แต่ในปัจจุบนั จะอดั ออกจาหนา่ ยในรปู ของแถบบนั ทกึ เสียง (Cassette Tape) ซ่งึ เป็นท่นี ยิ มและสะดวกในการเปิดฟงั มากกวา่ แผน่ เสียงในสมยั นัน้ คณะลาตัดทอ่ี ัดเปน็ แถบบันทึกเสยี งจาหนา่ ยน้นั มหี ลายคณะด้วยกนั เช่น คณะหวังเต๊ะ คณะแมป่ ระยรู คณะ แมบ่ ุญชู เป็นตน้ นอกจากนั้นยังมนี กั รอ้ งเพลงลกู ทุ่งบางคนได้หันมาสนใจรอ้ งลาตดั เหมอื นกนั และมีอัดเสียง จาหน่ายดว้ ย เช่น ชนิ กร ไกรลาศ ขวัญจติ ศรปี ระจนั ต์ รุง่ นภา กลมกลอ่ ม เปน็ ตน้ ความแพรห่ ลายของลาตัดน้ี นอกจากจะอดั เป็นแถบบันทึกเสียงจาหน่ายเป็นธุรกจิ การค้าแล้ว ใน ปจั จบุ นั ยงั มีนักกลอนสมัครเลน่ ได้สง่ กลอนลาตัดไปลงในนิตยสารโตต้ อบกันอีกดว้ ย ที่พบมากที่สุดคือ นิตยสาร สตรสี าร ซง่ึ จะมีคอลัมนส์ าหรบั นักกลอนสมัครเล่น โดยเปิดโอกาสให้ส่งกลอนเพลงพืน้ บ้านตา่ งๆ เชน่ เพลง ฉ่อย เพลงเรือ เพลงเกีย่ วข้าว เพลงลาตดั ฯลฯ ไปลงในคอลัมนน์ ไ้ี ด้ และสปั ดาหต์ อ่ มาก็อาจจะมีผู้ส่งกลอน โต้ตอบกลบั มาและระบวุ ่าโตต้ อบกับเพลงอะไรในฉบบั ทเ่ี ท่าไหร่ น่นั แสดงวา่ วงการเพลงพื้นบา้ นของไทยเรา นั้นกย็ ังคงมีผู้นิยมแพร่หลายอยู่ มิได้ถกู ลมื เลือนไปเลยทีเดียว โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ลาตัด ซึ่งยังคงเป็นทน่ี ิยมของ คนทกุ ระดบั ทุกวงการ เพราะศลิ ปนิ ลาตดั ในปจั จุบันได้รูจ้ กั ปรบั ปรงุ เน้ือหา และสอดแทรกมุขตลกไดท้ ันตอ่ เหตุการณใ์ นปัจจบุ ันได้เป็นอยา่ งดี และกเ็ ปน็ ทแี่ น่นอนว่าลาตดั ยงั คงจะเปน็ ท่นี ิยมในกลุ่มคนทัว่ ๆ ไปอีกนาน ทีเดียว ( หน้า ๙ ) ลาดบั ขัน้ ตอนการแสดง ดงั ทกี่ ล่าวมาแลว้ ขา้ งต้นว่าแต่เดมิ ลาตัดในจังหวดั ตราดเป็นการร้องเลน่ ในการทางาน ดงั น้ันจึงไม่ เคร่งครดั เรอ่ื งขนั้ ตอนการรอ้ งลาตัดเทา่ ใดนกั ภายหลังเมือ่ มีอนั จะตอ้ งแสดงข้ึนมาจึงได้มกี ารวางระเบยี บ ขัน้ ตอนให้เปน็ ระบบมากขน้ึ เพราะการแสดงโดยท่วั ๆ ไปน้นั จะตอ้ งมีลาดบั ข้นั ในการแสดง เพื่อให้เกดิ ความ

๔๖๐ เปน็ ระบบระเบยี บทีป่ ระทับใจคนดู และที่สาคัญคือ เพอื่ ไม่ให้เกิดความวนุ่ วายสับสนในหมู่ผู้แสดงเองด้วย การ แสดงลาตัดจงึ ต้องมีข้นั ตอนในการแสดงเพื่อใหก้ ารแสดงเป็นไปดว้ ยความเรียบร้อย ไมส่ ับสน เพราะการแสดง ลาตดั ไม่ไดเ้ ป็นเร่ืองราวเหมอื นการแสดงอยา่ งอื่น แต่จะใช้การรอ้ งโต้ตอบกันเปน็ การดาเนินเร่อื งไปโดยตลอด ดังนัน้ การวางลาดับขน้ั ในการแสดงท่ีแนน่ อนจะช่วยใหก้ ารแสดงลาตดั นา่ ชมมากขนึ้ ลาดบั ขน้ั ในการแสดงของ ลาตัดนนั้ มมี าแต่โบราณแลว้ และก็ยงั คงยึดแบบแผนน้นั อยู่ ดงั น้ี ๑. การโหมโรง เริม่ ตน้ โดยการโหมโรงรามะนา โหมโรงนนั้ จะขนึ้ ต้นด้วยทานองพม่า แขกและ มอญ ซง่ึ เรียกว่า ทานองออกภาษานน่ั เอง แตเ่ ดมิ การโหมโรงรามะนาใชห้ ลายทานอง ซึง่ เกรงวา่ จะเป็นที่เบื่อ หน่ายของผฟู้ งั จงึ ตัดทอนทานองตา่ งๆ ให้ลดน้อยลงเหลอื เพียง ๒ – ๓ ทานอง ๒. การร้องบนั ตน เม่อื จบการโหมโรงรามะนา จะตอ่ ดว้ ยการรอ้ งบนั ตน การร้องบันตนหรอื การ เกรน่ิ หน้ากลอง หรอื การวา่ หน้ากลอง เป็นการร้องตอ่ จากการโหมโรงรามะนา ผ้รู ้องจะนงั่ ร้องอยกู่ บั วงรามะนา บนั ตนทร่ี ้องน้ีแต่เดมิ เปน็ ภาษาแขกปนไทย ต่อมากลายเป็นเนอ้ื ภาษาไทยล้วนๆ ซึง่ บางคร้ังเปน็ การกลา่ ว เทดิ ทนู ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ ดังตวั อย่าง ไทยเรารกั ชาติไทยมีนา้ ใจร่วมสามัคคี พวกศตั รูจะมาจู่โจมตี ถ้าใครอวดดีมาซเิ ชิญลอง ไตรรงคค์ ือธงชาติโบกสะบัดอยู่ในเขตไทย ใครกลา้ แขง็ จะมาแย่งเอาไป ใครกลา้ แข็งจะมา แย่งเอาไปเรยี กว่าธงชาติไทยไม่ยอมให้ใครครอบครอง ไทยเรารกั สงบอาวธุ ครบไมร่ บกับใคร อิสรเสรไี ม่ราวผี ใู้ ดอิสรเสรไี ม่ราวีผู้ใด- ถ้าใครมายื้อแย่งไปต้องยิงกันใหเ้ ลอื ดนอง ชาตไิ ทยหวั ใจคือพระใครจะลองดกู เ็ อา พวกศัตรูจะมาลบหลู่ดเู บาพวกศตั รูจะมาลบหลดู่ ู เบาจะเอาเลอื ดของเจา้ มาทาเสาธงทอง ( พ่อประสูติ ชว่ งเวฬวุ ัน) ๓. การร้องไหว้ครู เมอื่ จบเกร่นิ หนา้ กลองแล้วจะเป็นการรอ้ งไหว้ครู ส่วนมากผแู้ สดงฝ่ายหญิงจะเป็นฝา่ ยร้อง โดยจะลุกขน้ึ มายนื ร้องไมน่ งั่ เหมอื นการเกรนิ่ หน้ากลอง เนอ้ื ความทร่ี ้องจะเปน็ การแสดงความเคารพครทู ี่ส่ัง สอนมา และขอพรใหค้ รูช่วยคมุ้ ครองป้องกนั อันตราย ขอให้การแสดงเป็นที่พอใจคนดู บางคณะไหว้ครดู ว้ ย บทเสภา ดังตวั อยา่ ง ประนมหัตถ์นอ้ มศริ ะอภวิ าท วรนาถพุทธะอะระหัง ถงึ พระองค์ดบั สูญพระคณุ ยัง ประจกั ษย์ ั่งยืนแนน่ แทนพระองค์ โปรดประทานพระธรรมไวส้ าหรบั เป็นเครอ่ื งดับราคะโทสะหลง แนะหนทางแปดอย่างล้วนทางตรง ประทานสงฆ์แก่ขา้ เป็นนาบุญ ทงั้ ไหว้บดิ รท่ีไดใ้ ห้ชพี เกิด ใหก้ าเนดิ เล้ียงบตุ รรกั อดุ หนนุ

๔๖๑ ลูกพลาดพล่าต่าต้อยคอยค้าจนุ เตือนกระตนุ้ บากบั่นหมัน่ อบรม ไหว้มารดาบญุ หนักรกั เอน็ ดู เลยี้ งอุ้มชูเฝ้าถนอมกลอ่ มผสม ลกู เป็นทกุ ขท์ ุกข์ด้วยชว่ ยระทม เป็นทงั้ พรหมมติ รแท้แตต่ ัง้ ครรภ์ ขา้ ขอไหวป้ วงท่านอาจารยค์ รู ทั้งท่อี ยูแ่ ละลว่ งลับซง่ึ ดับขันธ์ ไดป้ ระสาทวทิ ยาสารพนั เป็นทรัพยอ์ นั ติดตนจนบรรลยั บัดน้ีข้าตกี รับขับเสภา อย่าใหข้ า้ ผิดพลาดเคลือ่ นคลาดได้ จะขบั ร้องบรรเลงบทเพลงใด ใหถ้ ูกใจเพราะหทู ่านผฟู้ งั ให้ผทู้ ี่มาสันนบิ าตญาติและมติ ร ซึ่งตง้ั จิตจะสดบั อยคู่ บั คงั่ เจริญอายวุ ัณณะสขุ ะพลงั ใหส้ มหวังทกุ ข์ภัยอยา่ ได้มี ( พ่อประสูติ ช่วงเวฬวุ นั ) ๔. การร้องเชิญชวนของฝา่ ยชาย เม่ือจบการไหวค้ รู การทกั ทายเจ้าภาพและผู้ชมแล้ว กจ็ ะเร่มิ เชิญชวนว่ากลอนตอ่ ฝีปากกนั โดยฝา่ ยชายจะเปน็ ฝ่ายเร่มิ วา่ ก่อน ๕. การร้องโต้ตอบของฝ่ายหญงิ เม่ือฝ่ายชายร้องแล้วกจ็ ะใหฝ้ ่ายหญงิ รอ้ งแก้ เพอื่ โตต้ อบการ เก้ยี วพาราสีของฝ่ายชาย ซง่ึ จะเปน็ ทานองว่ารับหรือไม่ เพราะเหตุใด หรือตอ่ ว่าฝ่ายชาย การร้องโตต้ อบน้จี ะร้องโต้ตอบกนั ไปจนกว่าฝา่ ยใดฝา่ ยหน่ึงจะจนกลอนไม่สามารถคดิ กลอนมาว่าต่อไปได้ บางครัง้ มกั มกี ารแทรกเอาเพลงพน้ื บา้ นชนิดอ่ืนๆ มาแทรกด้วย เช่น แหล่ เพลงขอทาน เพลงฉอ่ ยและเพลงอี แซว เปน็ ตน้ ๖. การร้องอาลาและให้พร เม่ือการแสดงดาเนินไปจนถึงชว่ งสุดทา้ ยแล้ว ก่อนจะจบการแสดง ธรรมเนยี มของลาตัดอกี อย่างหนึ่งกค็ อื การรอ้ งอาลาใหพ้ รแก่เจ้าภาพ ผู้ชมและผูฟ้ ัง ลกั ษณะของการแสดงลาตดั ลักษณะการแสดงในสมัยแรกๆ กบั ปัจจบุ ันนม้ี คี วามแตกตา่ งกนั ในหลายดา้ น เปน็ ต้นว่า ผู้แสดง ลาตดั ในระยะแรกๆ นน้ั เป็นชายลว้ น การประชันจะประชนั กนั เป็นคู่ๆ อย่างเผ็ดรอ้ น ซึง่ เด่นดวง พมุ่ ศริ ิ ได้ กลา่ วถงึ การแสดงลาตัดในสมัยแรกๆ ว่า “ลาตดั ในครัง้ นัน้ มกี ารประคารมกันอย่างเผ็ดร้อน เหมือนเปน็ การโต้วาทีคากลอน ลาตัด สมัยกอ่ นไม่มีเป็นวงหรือเป็นคณะอยา่ งในปัจจุบนั นี้ เปน็ การละเล่นตามงานบ้านพวกมุสลมิ ในงานแตง่ งาน ขึน้ บา้ นใหม่ เข้าสุหนตั ตะมัดกรุ อา่ น เปน็ ต้น เจ้าภาพจะไปหาลาตัดฝปี ากดีมาประชันกัน บางทปี ระชันตวั ต่อตัว บางทีประชนั เป็นคู่ คูป่ ระชันเป็นชายลว้ น ยังไมม่ ผี ู้หญิงเขา้ มาร่วมดว้ ย เนื้อเร่ืองท่ีวา่ กันเป็นการขดุ คุย้ ความไม่ ดขี องกนั และกันมาประจาน ใครไปทาไมด่ ีไว้ทีไ่ หน เช่น ไปเปน็ ชเู้ มียใครมาบา้ ง ติดฝ่ินกนิ กัญชา หรือติดการ พนนั เลน่ เบ้ียเสียถว่ั หรอื เคยลักขโมยใครมา หรือไปมีแผลไว้ท่ไี หนกเ็ กบ็ มารอ้ งวา่ กนั แบบนี้ตามภาษาลาตัด เรียกวา่ “กลา่ วประวัติ” เพราะฉะนนั้ พวกลาตดั จะต้องระมดั ระวงั ตัวให้ดีไมท่ าอะไรเสียหาย หรอื ถ้าจะมีกต็ อ้ ง

๔๖๒ ปดิ ใหม้ ดิ ชิด แตอ่ ย่างไรกไ็ ม่พ้นเพราะเขาคอยสืบกันอยู่เสมอ ประชันเมื่อใดกเ็ ปน็ ไดแ้ ฉกันหมดไส้หมดพงุ ” ลาตดั ในระยะแรกๆ ทแ่ี ตกตา่ งจากในปัจจบุ ัน คอื ในเวลาทีร่ ้องลาตดั นัน้ จะไมไ่ ดย้ ืนรอ้ งเตม็ ตัวอยา่ งในปัจจบุ ัน ซึง่ เอนก นาวกิ มลู ไดก้ ลา่ วไว้ว่า “เดมิ ลาตดั เวลารอ้ งก็ยนื ครึ่งนง่ั ครึ่ง เรยี กว่า “คร่งึ ทอ่ น” คือ ยืนไมเ่ ตม็ ตัว ต่อมาจึงยืนรอ้ งเต็มตวั ผลดั กนั วา่ โต้ตอบฝ่ายละ “ยนื ” คือเวลาราว ๓๐ นาที คล้ายคาว่า “ยก” ในวงการมวย” แต่เดิมการแสดงลาตดั มแี ตผ่ ูช้ ายล้วนๆ ตอ่ มาจงึ มีการตัง้ วงลาตดั ผู้หญงิ ข้ึนมาบ้าง และสามารถว่า แก้กันกบั ผชู้ ายได้ ดงั นั้นการแสดงลาตัดจึงได้รบั ความนิยมมากข้ึนโดยเฉพาะเมอ่ื มีการประชันขนั แขง่ กนั ระหวา่ งวงฝา่ ยหญิงกบั ฝา่ ยชาย เพราะถอ้ ยคาทกี่ ลา่ วแก้กันนัน้ ได้เพ่ิมการเกยี้ วพาราสกี ันเข้าไปด้วย ซึ่งไม่เคยมี มาก่อนในวงผชู้ ายล้วนๆ การประชันกันในลักษณะนี้ในบางคร้งั ก็มีการกระทบกระท่งั กนั อยา่ งรนุ แรงจนเกิด เรอื่ งบาดหมางใจกัน จนกระทงั่ เกิดเรอื่ งทะเลาะเบาะแว้งระหว่างวง จึงได้มผี ู้คิดดดั แปลงโดยให้ในวงเดียวกนั มี ท้ังฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ประชนั คารมกันในวง มีการฝึกซอ้ มเพ่ือความกลมกลนื และฟงั ไพเราะรื่นดดู งั ที่เหน็ อยู่ ในปจั จบุ ัน การแสดงลาตดั นั้นได้รบั ความนยิ มมากข้ึนตามลาดบั เนอ่ื งจากมีการประชันขนั แขง่ ทง้ั ในดา้ น เพลงร้อง ฝมี ือการตรี ามะนา และท่ีสาคญั คอื ปฏิภาณหรอื ฝปี ากการวา่ กลอนแก้กัน จึงทาใหเ้ กิดความ สนกุ สนาน และส่งิ สาคัญอีกประการหนง่ึ ทสี่ รา้ งความนยิ มให้แก่การแสดงลาตดั ก็คอื การประชนั กันระหวา่ ง ชายจรงิ หญงิ แท้ ซงึ่ แต่เดมิ นนั้ การแสดงลาตดั ใช้ผู้ชายลว้ น การประชนั กันจงึ เปน็ เพียงการขุดค้ยุ เรอ่ื งสว่ นตวั และปมด้อยของฝา่ ยตรงกนั ขา้ มมาวา่ กนั เปน็ สว่ นมาก แตเ่ ม่อื เกดิ มีการประชนั กนั ระหว่างชายกับหญงิ นน้ั จงึ มี เรือ่ งของการเก้ยี วพาราสี ไต่ถาม ค่อนขอด ทาให้เกดิ ความไพเราะ เผด็ รอ้ น ในหลายรสลว้ นแต่สรา้ งความ ตน่ื เตน้ สนุกสนานแก่ผู้ดผู ฟู้ งั เปน็ อยา่ งย่ิง และมผี ลทาให้ลาตัดได้รบั ความนยิ มมากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถยึด เป็นอาชพี ได้ ดงั ท่เี หน็ กนั ในปัจจบุ ัน ตัวอยา่ งลาตัดจังหวัดนครนายก คณะ ส. รวมศิลป์ ลูกศรจี ุฬา (สร้อย) พลบคา่ ย่าฆอ้ ง พแ่ี ละน้องไดม้ องแลดู ผดิ ตรงไหนอภยั น้องหญิง (ซ้า) อยา่ เพ่ิงสลดั ตัดท้งิ เลยพ่อกิ่งเรณู (รับ) มอื ของลกู ทง้ั สิบบรรจงจีบนมัส ไหวค้ รลู าตดั ท่ีฝึกหดั เรียนรู้ จะไหวค้ รพู ักพากเพียรทเี่ คยเขียนเงือ่ นเค้า เคยแนะนาคา่ เช้าจนขา้ พเจ้าเฟ่ืองฟู จะไหว้ครูทีร่ ูห้ ลกั เคยเป็นนักประพันธ์ เคยราสอนกลอนฉนั ในเชิงประชนั ต่อสู้ แมป้ จั จามิตรจะคดิ ร้ายจงแพภ้ ยั เสียทุกงาน ตลอดศัตรูหมู่มารทีม่ นั มาพาลลบหลู่ ขอให้มนั แพฤ้ ทธ์ิไมว่ า่ มันจะคิดทางไหน ขอใหม้ ันแพภ้ ยั ทางรา้ ยศัตรู ใจดอื้ ถอื ดีขออยา่ ไดม้ ีอานาจ ใครถือดไี มม่ สี ตั ย์ใหแ้ พ้อานาจของคุณครู (รับ) บทออกตวั (สรอ้ ย) ยาบิน่ เตยายาบ่นิ เตยา หนูมาเดียวกลม โอ้เจ้าดอกรักษา (ซ้า) นานนานแม่จา๋ ก็มาให้ชม (รับ)

๔๖๓ มาฟังหัวข้อดฉิ ันจะขอประลา พดู ลอยน้อยต่ายงั ขาดความอบรม ยังไมค่ งกาเรยี นเหมือนชาวเปรียญนกั ปราชญ์ ในทานองขอ้ งขดั ยังไมฉ่ ลาดแหลมคม คนื น้จี าเปน็ คุณสมศักดิ์ คุณสุจนิ ต์ เกณฑ์เอามา ถึงวันสญั ญาในอรุ าชกั ระทม เหมอื นนา้ นอ้ ยยอ่ มแนโ่ บราณว่าแพ้อัคคี พระจันทร์วงสง่ ศรขี าววจโี พยม ฉันลาตดั ร่นุ ใหม่ถ้าไมพ่ รายพลกิ แพลง เหมอื นห่ิงหอ้ ยน้อยแสงไม่อาจจะแขง่ ดวงโคม (รบั ) บทประ (สร้อย) โยนยา่ ยโยนยา่ ยแตจ่ ไิ ร เห็นใจพอ่ ใบสาคู เหน็ ใจพอ่ ใบผกั ปอด (ซ้า) รักไม่ตลอดนะพ่อยอดพธู (รับ) ไดฟ้ งั อากรสอนศาสตรน์ กั ลาตัดตวั เต้ย พูดนอกละเมิดเปดิ เผยพดู เฉลยความรู้ มันคุยวา่ เปน็ นักเกษตรนี่แหละไอ้ข้เี สลดนกั กลอน แหกปากสั่งสอนว่าเปน็ นกั กลอนชน้ั ครู มันคยุ วา่ มพี นั ธ์ไุ มม้ าตงั้ หลายร้อยอยา่ ง มเี ล็กบา้ งกลางบา้ งใหญบ่ า้ งหลายอยา่ งท่ีมอี ยู่ ไมอ้ ะไรบ้าบอไม่มีกอ่ เสอื กมลี า เด๋ยี วพลดั ตดั โคนโยนนา้ เอาปลายเขา้ มาตาเข้ารูปู ไม้อะไรหรอื ได้ผปี ลูกสองสามปีมีสองลกู แหมมนั ปลกู ไวส้ นุกมลี ูกแล้วเรียกไอห้ นู ไม้ของพวกเจ้ากูไม่กลา้ เอามาทาพนั ธ์ุ มีมดี สกั หนอ่ ยจะตดั โคนไมใ่ ห้จ้ากลับบ้านเหลอื จุนจู๋ ถ้าขนื ปลูกไม่เลอื กท่ีเลือกต้นดีดีแลว้ จบั หัก ไม่ทันใหง้ อกออกรากต้องจบั หกั แล้วโยนลงคู (รบั ) ( สองิ้ โชติสวัสดิ์และสมพงษ์ จนั ทโชติ. สมั ภาษณ์ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๗ ) ............................... บรรณานุกรม บัวผัน สุพรรณยศ . “ วิเคราะห์เพลงอีแซวของจังหวัดสุพรรณบุรี.” วิทยานิพนธ์ อักษรศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร , ๒๕๓๕. สุกัญญา สุจฉายา. “ เพลงปฏิพากย์ : การศึกษาในเชิงวรรณคดีวิเคราะห์.” วิทยานิพนธ์ปริญญาโท บณั ฑติ วิทยาลัย จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย , ๒๕๒๓. .............................. เพลงปฏพิ ากย์ : บทเพลงแหง่ ปฏภิ าณของชาวบ้านไทย. กรงุ เทพฯ : จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๔๐. ---------------------. เพลงพน้ื บา้ นศึกษา. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย , ๒๕๔๓. อภิลักษณ์ เกษมผลกูล และจามร พงษ์ไพบลู ย์. รายงานการจดั เกบ็ ข้อมลู ด้านศลิ ปะการแสดง ประจาปี งบประมาณ ๒๕๕๐: ลาตัด จังหวดั ตราด. เสนอต่อสานักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวฒั นธรรม, ๒๕๕๑. เอนก นาวิกมูล. เพลงนอกศตวรรษ. พมิ พ์คร้งั ที่ ๕ . กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ , ๒๕๕๐. ____________. สารานุกรมเพลงพ้ืนบ้านภาคกลาง. กรุงเทพฯ : พฆิ เณศ , ๒๕๒๕.

๔๖๔ บันทึกองคค์ วามรู้

๔๖๕ แผนผังสายตระกลู ครูเพลง

๔๖๖ เอกสารแนบท้าย ๗ สาระสาคัญของการเสวนา หวั ขอ้ “แนวคดิ และแนวทางในการปกปอ้ งคุ้มครอง เพลงพ้ืนบา้ นภาคกลาง ในฐานะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม” และการประชุมเพ่อื ลงฉันทามตเิ รือ่ งยนิ ยอมใหเ้ สนอเพลงพืน้ บ้านภาคกลางเปน็ มรดกโลก เมอ่ื วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ บ้านแมข่ วญั จิต ศรปี ระจันต์ ผเู้ ขา้ รว่ มการเสวนาและการประชุม ไดแ้ ก่ แมข่ วญั จติ ศรีประจันต์ อ.เอนก นาวิกมูล ชาวชมุ ชน ผู้สนใจ ศิลปนิ เพลงพ้นื บ้านและผู้สืบทอด จานวนประมาณ ๘๐ คน ผ้นู าการเสวนา คอื ผศ. ดร. อภลิ ักษณ์ เกษมผลกลู ..................... ผศ. ดร. อภลิ กั ษณ์ เกษมผลกูล: ...หวั ใจสาคัญของเพลงพื้นบ้านภาคกลาง ในแง่ของทางการ ท่ีเราจะสื่อสาร กับกระทรวง วันนี้ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ท่ีอยากจะให้ทุกคนมีส่วนร่วม ในวันนี้จะเป็นการประชุมเพ่ือหา แนวคดิ แนวทางในการปกป้องคุ้มครองเพลงพื้นบ้าน ในฐานะท่ีเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ส่ิงหนึ่งท่ี เราอยากจะให้คยุ กนั เรอ่ื งการขน้ึ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม โดยเราจะขึ้นคาวา่ เพลงพ้นื บ้านภาคกลาง ก่อนอื่นผมขอเล่าว่า มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม คืออะไร เพื่อที่จะได้เข้าใจทางเดียวกันว่า มี ความสาคญั อยา่ งไร พูดได้ง่ายๆ ว่าเราร้องเพลงกันทุกวันมาต้ังแต่เด็ก แต่ว่าวันหน่ึงมันเกิดเร่ืองของการลอก เลยี นผลงาน และบางทไี ม่ได้ลอกกนั ในประเทศ ลอกกนั ข้ามประเทศ หลายๆ ท่านคงจะได้ยินข่าวว่า เรื่องของ นาฏศลิ ป์ไทย จบี ไทยกับจีบเขมร ที่ฟ้องรอ้ งกนั อยู่ มันเป็นเรื่องของภาคีอนุสัญญาว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรม พูดง่ายๆ ว่า ของๆ ใคร ใครก็มีครู ไม่งั้นมันจะผิดครู มันจะลักของๆ ครู มันไม่ใช่แค่ข้ามครู มันข้ามประเทศ แต่ความจริงแล้วต้นตอมันเป็นยังไง ความจริงมันอาจเป็นครูเดียวกันก็ได้ ที่น้ีเราจะทายังไงให้มันเป็นระบบ ระเบยี บ มีวิธกี ารในการจดั การ ทจ่ี ะสามารถใชด้ ้วยกนั ได้ ประเด็นและท่ีมาที่เราเรียกว่า อนุสัญญาว่าด้วยการ สงวนรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ทีน้ีมันจะมีคาว่า มรดกภูมิปัญญาที่จับต้องไม่ได้ องค์การ การศกึ ษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแหง่ สหประชาชาติ หรอื ยเู นสโก ( Unesco ) เป็นองคก์ รของโลก ส่วน หนึง่ มาจาก สหประชาชาติ ที่เปน็ องคก์ รว่าด้วยการศึกษา สถาบนั และวัฒนธรรม โดยยูเนสโกพยายามจะออก กฎ ที่จะให้ทุกคนได้ใช้ร่วมกัน สิ่งที่กาลังเป็นห่วงตอนน้ี มันมีศิลปะและวัฒนธรรมท่ีกาลังจะสูญหายไป วัฒนธรรมนยี่ ูเนสโกได้แบง่ เป็น ๒ แบบ คือ แบบทจี่ บั ต้องได้ กบั แบบท่ีจับตอ้ งไมไ่ ด้ ตวั อยา่ งเช่น วัด จบั ต้องได้ เอามือลบู คลาได้ กลอง จับได้ วิธีการขึ้นกลอง จับได้ ฉิ่งกจ็ บั ตอ้ งได้ แต่ทานอง กลอน มนั เป็นส่ิงที่จับต้องไม่ได้ วิธีรอ้ งเพลง การร้องเพลง จับต้องไม่ได้ นี่จะเป็นอีกประเภทหนึ่ง เพราะฉะนั้น ยูเนสโกอยากจะได้ สิ่งท่ีเป็น กฎระเบียบทจ่ี ะให้ทกุ คนไดช้ ว่ ยกันอนุรักษ์ คุ้มครองมรดกทง้ั ๒ สว่ น ส่วนทจี่ บั ต้องได้ และ จับตอ้ งไมไ่ ด้

๔๖๗ ทีน้ีหลายๆท่านคงจะรู้จักเร่ืองของมรดกโลก ในแง่ของอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกภูมิ ปัญญาทางวัฒนธรรมท่ีจับต้องไม่ได้ ก็เก่ียวข้องกับเร่ืองของมรดกโลก และให้ความรู้จาเป็นกับโลก อยุธยา สุโขทยั เปน็ มรดกโลก รวมถงึ ประเทศตา่ งๆ ทีเ่ ปน็ มรดกโลก ประเทศไทยก็เป็นสมาชิกของ ยูเนสโก(Unesco) เราจะเข้าไปตรงนี้ด้วยกัน เพราะฉะน้ันเวลาท่ีเราจะคุยกันเร่ืองลักษณะนี้ เราจะใช้กฎหมายระหว่างประเทศ รว่ มกัน และใช้ในการอนุรักษ์คุ้มครองมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม สรุปได้ว่าสิ่งท่ีเราจะคุยในวันนี้ จะเป็น ลกั ษณะทวี่ า่ เราจะทายังไงทจ่ี ะปกป้องของ ๆ เราใหม้ ันอยู่ หลายๆ ท่านคงจะเห็นว่าท่ีผ่านมา อาจารย์รวมไป ถงึ เด็กๆ หลายทา่ น จะมาถามและศึกษาจากครู สายครเู พลงและจะเก็บบทครู มันก็จะเห็นว่า สายลาตัด หรือ วา่ สายเพลงอีแซว สายฉ่อย สายทรงเคร่ือง ครูมาจากไหนกันบ้าง สามารถโยงไปถึงไหนกันบ้าง และปัจจุบัน สถานภาพการดารงอยู่มันเปน็ ยังไงบ้าง นเ่ี ปน็ สิง่ ข้อมลู ทค่ี ณะทางาน เด็กๆ ผูม้ ีสว่ นเกีย่ วขอ้ งทุกคน ได้พยายาม ทามาตลอด ๗ วันท่ีผ่านมา จะเป็นข้อมูลและรวบรวมส่งให้ทางกระทรวงวัฒนธรรมขึ้นทะเบียนเพลง โดย ขณะเดยี วกันเรากจ็ ะมกี ารบนั ทึกทาเป็นบรรณานุกรมศิลปิน เพลงพื้นบ้านภาคกลางด้วย เพ่ือที่จะง่ายต่อการ ค้นควา้ สบื หาข้อมูล ทีอ่ ยู่ ทผ่ี า่ นๆ มา ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัด จังหวัดนี้เข้าไป ก็เก็บแค่จังหวัดเดียว นักศึกษา เข้าไปเก็บแค่คนเดียวครั้งเดียว แต่คราวนี้จะเป็นในลักษณะทางข้อมูลที่สามารถสืบค้นได้ง่ายข้ึน น้ีเป็นสิ่งท่ี กระทรวงวฒั นธรรม และ คณะทางาน ได้พยายามผลักดนั เพอื่ ฟืน้ ฟูมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมในส่วนของ เพลงพื้นบ้านภาคกลาง อยากให้ช่วยกันดูข้อที่ ๒.๔ วัตถุประสงค์ของอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดก วฒั นธรรมที่จับต้องไมไ่ ด้ ตรงนี้จะเปน็ เรือ่ งวตั ถุประสงคข์ องอนุสัญญานี้ ข้อท่ี ๑.วา่ ด้วยว่าวตั ถุประสงคข์ องการ ทเี่ กิดอนสุ ญั ญาน้ี คือ การมงุ่ ทจ่ี ะปกปอ้ งมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้อยู่ในส่วนที่เป็นเพลงพ้ืนบ้าน ๒. เพื่อประกันว่าจะเคารพมรดกวัฒนธรรมท่ีจับต้องไม่ได้ของชุมชน กลุ่มชน และ ปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง นั่น หมายความว่าการเคารพกันก็คือ การไม่ดูถูก ไม่ลักลอบผลงาน โดยท่ีไม่อ้างอิง ๓.เพ่ือเพิ่มความตระหนักใน ระดบั ท้องถ่นิ ระดบั ชาติ และในระดับนานาชาติ ถึงความสาคัญของมรดกวัฒนธรรมท่ีจับต้องไม่ได้และให้เกิด ความช่นื ชมร่วมกนั หมายความว่า เพื่อท่ีจะเป็นแนวทางให้บังคับ ให้หน่วยงาน ให้ราชการ ให้องค์กรต่างๆท่ี เก่ียวข้องกับวัฒนธรรมโดยเฉพาะเพลงพ้ืนบ้าน หันมาสนใจเพลงพื้นบ้าน นี้จะเป็นกฎหมายที่จะทาให้กลุ่ม องค์กรตา่ งๆ หันมาใหค้ วามช่วยเหลอื กับกลมุ่ ครูเพลงพน้ื บ้านมากข้นึ ขอ้ สุดทา้ ย ข้อ ๔.เพื่อใหเ้ กิดความร่วมมือ และความช่วยเหลือระหว่างประเทศ อันน้ีจะเป็นการที่เราเข้าไปเป็นสมาชิกของ ยูเนสโก(Unesco) ความ ช่วยเหลือระหว่างประเทศเป็นยังไง ในองค์ระหว่างประเทศจะมีองค์กรที่ว่าด้วยการอนุรักษ์วัฒนธรรม จะมี กองทนุ ท่ีจะช่วยเหลือในการบันทึก รวมถึงทาฐานข้อมูล หรือว่าแม้กระทั่งให้เงินช่วยเหลือค่าย น้ีจะเป็นส่วน วัตถปุ ระสงคส์ าคญั ของอนุสญั ญาน้ี ในท่ีญปี่ ุ่นเองกพ็ ยายามทจี่ ะให้ความชว่ ยเหลอื ร่วมมอื ในแง่ของกองทุนทาง วัฒนธรรม แนวทางในข้อ ๒.๕ ว่าดว้ ยแนวทางในการสงวนมรดกทางวฒั นธรรมที่จับตอ้ งไม่ได้ สงิ่ ทตี่ ้องทาท่ีจะ ไปสจู่ ดุ นน้ั มที ง้ั หมด ๕ ข้อ นี้คือระดับประเทศ อย่างแรกก็คือ จัดฐานทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้อง

๔๖๘ ไมไ่ ด้ ขณะน้เี รากาลังดาเนนิ การอยู่ เดก็ ๆ รวมไปถึงอาจารย์แต่ละท่านได้ไปสมั ภาษณ์ทั้งท่บี า้ น ทัง้ เก็บรวบรวม ผลงานในอดีตของพอ่ ครูแม่ครูแต่ละทา่ น แล้วเราจะจดั ทาเป็นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ข้อ ที่ ๒. กาหนดนโยบายเพื่อมุ่งส่งเสริมบทบาททางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ น่ีจะเป็นข้อคิดเห็นเชิงนโยบายท่ี อยากฝากความคิดเห็นกบั พอ่ ครูแม่ครูกบั ทกุ ท่านว่ามแี นวทางหรือแนวคดิ ยังไงท่ีจะให้องค์กรช่วยส่งเสริม และ มีวิธีการที่จะนาเสนอไปถึงกระทรวง รวมไปถึงคณะกรรมการมรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรมแห่งชาติ ว่า เรา สามารถทีจ่ ะส่งเสริมบทบาทของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท่เี ปน็ เพลงพ้ืนบ้านได้อย่างไร ที่สาคัญก็คือ จะ นาไปสกู่ ารจัดตั้งองคก์ รเพ่อื สงวนรกั ษามรดกทางวัฒนธรรมท่ีจับตอ้ งไม่ได้ จะเปน็ องค์กรที่ดูแลในแง่ของมรดก ทางวัฒนธรรมท่ีจับต้องไม่ได้โดยเฉพาะ และยังสนับสนุนให้เกิดการศึกษาและวิจัย เพ่ือท่ีจะให้เกิดการใช้ ประโยชน์จากเพลงพ้ืนบ้านภาคกลางในเชิงวิชาการด้วย เพ่ือท่ีจะกระตุ้นส่งเสริมให้เห็นความสาคัญว่า เพลง พ้ืนบ้านมีอะไรอีกหลายๆ อย่างท่ีเราสามารถเรียนรู้ได้ เพราะว่าเพลงพื้นบ้านสะท้อนวิถีคิด วิถีชีวิต รวม สะท้อนให้เห็นภูมิปัญญา ศิลปวัฒนธรรมที่ดีของชาติ แนวทางน้ีจะเป็นแนวทางท่ีจะสนับสนุนให้มีการ ศกึ ษาวจิ ยั ขอ้ สุดท้าย กาหนดมาตรการท่ีเหมาะสมทางกฎหมายทางเทคนิค ทางการบริหาร และ ทางการเงิน เพอื่ ทจี่ ะสนบั สนนุ ใหเ้ กดิ การกระตุ้นเพลงพ้ืนบ้านของพวกเราให้แพร่หลายและกลับมาฟ้ืนฟูให้เกิดความนิยม อีกครัง้ หนงึ่ มีการบนั ทกึ ทานองเก่าๆ สามารถสบื คน้ ไดง้ ่ายข้ึน รวมไปถึงการเคารพต่อจารีตธรรมเนียมต่างๆ น่ี เปน็ สว่ นในระดบั ของภายในประเทศ ในส่วนของระดบั นานาชาติ ที่เราจะเข้าไปอยู่ในบญั ชีของระดับนานาชาติ เม่อื ประเทศไทยเข้าไปเปน็ สมาชิกของ ยเู นสโก(Unesco) ที่เราเรยี กว่าอนุสญั ญาภาคีมรดกทางวัฒนธรรมท่ีจับ ต้องไมไ่ ด้ ก็จะสามรถเสนอรายการท่ีเป็นตัวแทนของประเทศเข้าไปที่จะขึ้นทะเบียน โดยเราจะข้ึนคาว่าเพลง พ้นื บ้านภาคกลางให้ไปอยู่ในบญั ชีในระดบั ชองนานาชาติหรือระดับโลก เพ่ือจะให้คนท่ัวโลกได้เห็นว่าประเทศ ไทยมีภูมิปัญญาท่ีไม่แพ้ชาติอ่ืน ชาติอ่ืนก็ข้ึนเพลงพื้นบ้านของตัวเองเหมือนกัน แต่ของเรายังไม่ข้ึน เพราะฉะนน้ั วนั นจ้ี ะเปน็ โอกาสอนั ดีท่ีเราได้มาชมุ นุมกนั อยากจะขออนุญาตเปดิ เวทีให้ พอ่ ครแู มค่ รู ผู้สืบทอด และ ลูกๆ อยากจะให้ทั้ง ๓ รุ่นมีโอกาสในการท่ี จะแลกเปล่ยี นพดู คุยกันในเรอ่ื งน้ี วา่ เราจะเหน็ ดว้ ยหรอื ไมท่ ีเ่ ราจะมกี ฎหมายในลกั ษณะท่ีจะส่งเสริมให้เกิดการ อนรุ กั ษ์ใหท้ กุ คนหันกลับมารกั ษาเพลงพน้ื บา้ น ขณะเดียวกนั เรามีแนวทางหรอื ขอ้ เสนอยงั ไงทเ่ี ราจะส่งต่อไปถึง กระทรวง ท่ีเราจะให้สนับสนุนเพลงพ้นื บ้านใหแ้ พรห่ ลายมากข้นึ ขออนุญาตฟังความเห็นจากผู้มีประสบการณ์ ทกุ ท่าน รวมถึงลกู ๆด้วย กานนั ทวีวัฒน์ ระลึกชอบ : ฟังจากที่อาจารย์ได้บรรยายมาทุกเรื่อง ก็เข้าใจว่าเราต้องเดินในเร่ืองวัฒนธรรม ของชาติ ถามว่าขณะนเ้ี หลอื แต่คุณลงุ คณุ ป้าที่อยู่ตรงน้ีท่ีอยู่ในใจในเร่ืองของศิลปินพื้นบ้าน ในความคิดผมเอง ถ้าจะให้เกิดต่อไปข้างหน้าโดยมีพันธ์กล้าที่จะโตขึ้นมากับพวกเรา ผมว่าเร่ืองกาหนดมาตรเหมาะสมทาง

๔๖๙ กฎหมาย ถ้ากฎหมายบังคบั ใหค้ นทา คนไทยถา้ บังคบั กไ็ ม่ค่อยอยากจะทาตาม ยกตัวอย่าง ให้ใส่หมวกกันน็อก เราก็ใส่กนั หมดทั่วประเทศ แตถ่ ้าหากวา่ เป็นไปไดเ้ ราบอกว่าการศึกษาโรงเรียน เริ่มจากนักเรียนจากมัธยมต้น มามัธยมปลาย มกี ารร้องราทาเพลงพน้ื บา้ นเป็นประจา กลุ่มประจาช้ันมีเพลงอะไร ปีหน่ึงจะได้มีการประกวด รอ้ งเพลงในโรงเรียนหรือเร่ืองอะไรของพ้ืนบ้านมาเป็นการศึกษาก่อน และ อยากจะให้มีการจัดวิทยากรดูแล ครูที่จบๆกันมาตามมหาวิทายาลัยหลายๆแขนงบ้างทไี่ ม่เขา้ ใจในเพลงพ้ืนบ้าน แล้วเพลงไทยเดี๋ยวน้ีในโรงเรียน ผมมองดูแล้วก็ไม่ค่อยจะมีไปร้องกัน มันมาเปรียบเทียบความรู้สึกเด็กๆเปิดจอโทรทัศน์หรือโทรศัพท์มันก็มี อะไรที่เข้าอยากจะรไู้ ปข้างหน้า แต่ส่ิงท่ีประจาตัวของเราคนไทย เราต้องเอาของคนไทยมาก่อน ที่ๆมานั่งกัน ผมคิดว่าเราคนไทยแท้ๆ ต้องมาน่ังอนุรักษ์มรดกไทยไว้อย่างน้ีดี ทีน้ีผมอยากจะให้เร่ิมจากเยาวชน จาก การศกึ ษาทางโรงเรียน ใหม้ ีการร้องราทาเพลง เพลงของใครที่ดีให้ไปเป็นวิทยากรไปบรรยายและให้มีข้อสอบ ของการแสดง ประมาณน้คี รับ ผศ. ดร. อภลิ กั ษณ์ เกษมผลกลู : ผมขออนุญาตสรุปประเด็นของกานันทวีวัฒน์เป็น ๓ ประเด็นนะครบั ตอนแรกกานันสนับสนุนในเร่ืองของการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยจะมี ๓ ประเด็นหลักคือ อย่างทีห่ นง่ึ ถา้ กฎหมายไดน้ าไปสูก่ ารท่ีบรรจเุ พลงพื้นบ้านได้เข้าไปอย่ใู นโรงเรยี นสถานศึกษา ก็จะเป็นส่วนที่ทา ให้ผลักดนั ให้เกดิ ภมู ปิ ัญญาเพลงพนื้ บ้านไดอ้ ยูใ่ นระดบั ทีด่ ขี นึ้ นอกจากนี้ถา้ เป็นไปได้ จะนาไปสูท่ ว่ี า่ ถ้ากฎหมาย ระบถุ งึ การจดั สรรงบประมาณในการทีจ่ ะจัดกิจกรรมเพลงพืน้ บา้ นในสถานศกึ ษาดว้ ย เช่น องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นหรืออะไรก็ตามที่เราระบุได้เลยว่าจะต้องจัดสรรงบประมาณท่ีจะใช้ในการจัดกิจกรรมเพลงพื้นบ้าน และในสุดท้ายจะเป็นเร่ืองของจัดการเรียนการสอนท่ีจะต้องมีครูภูมิปัญญา ใช้พ่อเพลงแม่เพลงจริงๆ เพราะฉะนั้นจะต้องนาไปสู่การจัดทาคลังภูมิปัญญาท้องถ่ินในแต่ละจังหวัดเพ่ือที่จะให้สถานศึกษาแต่ละ สถานศึกษาเชิญไปใชแ้ ละไดใ้ ช้ครูจรงิ ๆ ใหค้ รทู ่สี อนเปน็ ครูภูมิปญั ญาจรงิ ๆ ไมใ่ ช่ใครก็ไดท้ ี่จะมาสอน นี่ก็จะเป็น ประเด็นทกี่ านันทวีวฒั นไ์ ด้ฝากไว้ ๓ ประเดน็ อ.วรรณา แกว้ กวา้ ง: กราบเรยี นพ่อเพลงแมเ่ พลงทกุ ท่าน ในชีวิตวัยเดก็ ของฉันมีแต่เพลงพ้ืนบ้าน ได้ยินตั้งแต่ กบั ขา้ วเพชฌฆาตของแม่ขวัญจิต ศรปี ระจนั ต์ จากนน้ั ก็มาสู่วงการเรียนการสอนท่วี ิทยาลยั นาฏศิลป์อ่างทอง ก็ เลยมีความรสู้ ึกว่าหลกั สตู รเพลงพื้นบ้านมนั เขา้ มาส่วู ทิ ยาลัยนาฏศิลป์ แตม่ นั ไม่ทุกท่ี และ มันไม่มีหน่วยกิจ แต่ ปัจจุบัน พรบ.การศึกษาฉบับใหม่ให้ในแต่โรงเรียนในระดับการศึกษาทุกระดับจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาได้ วิทยาลยั นาฏศิลปสุพรรณบุรี ได้จัดทาหลักสูตรสถานศึกษาแล้ว ก็คือเรื่องของเพลงพื้นบ้าน แต่ไม่ได้เป็นวิชา หลกั เปน็ วชิ าเลือกเสรี ส่วนหนงึ่ ที่ไดจ้ ากครเู พลงก็คือแมข่ วัญจิต ศรปี ระจันต์ พี่เนยี ง พีจ่ นิ ต์ และหลายๆ คนใน คณะแมข่ วัญจิต ศรีประจนั ตศ์ รปี ระจันต์ ช่วยทาไว้เกิดเป็นองค์ความรู้เพื่อถ่ายทอด ทีนี้โรงเรียนอ่ืนก็ได้ทราบ

๔๗๐ มาวา่ ท่ีสพุ รรณเองก็เขม้ แขง็ เรอื่ งของหลักสูตรทอ้ งถ่ิน ถงึ แมว้ ่าส่วนหน่งึ จะไม่ไดร้ บั การสนับสนุนจากผู้ใหญ่ใจดี อาจบางเร่ือง แตช่ มุ ชนอาจได้จอ๊ บเลก็ ๆ จาก อบต. อบจ. อะไรบ้าง วัฒนธรรมจังหวัดก็มีกลุ่มการศึกษาเล็กๆ สง่ิ ท่หี นสู ังเกตนะคะ อ.ทวีวฒั น์ คือจริงๆ แล้วมันปรากฏในหลักสูตรเพลงพื้นบ้านมีค่ะ แต่พอเราเป็นคนเรียน เพลงพน้ื บ้านได้สัมผัสกับครูเพลง พอไปเห็นเน้ือหาในหลักสูตรมันมีความรู้สึกว่ามันสัมผัสแบบผิวเผิน เพราะ คนเขยี นหลักสตู รไม่ใช่ครเู พลงทมี่ าใหข้ ้อคดิ เหน็ เขียนในลักษณะวิชาการให้เด็กรู้ ท่องจา และ นากลอนไปใช้ แคเ่ บอ้ื งตน้ ตรงนกี้ ระทรวงเปิดแล้ว แต่กระทรวงยังไม่ชัดเจนในเร่ืองของรูปเล่มท่ีอยู่ในเน้ือหาของหนังสือ ที่ นาไปให้เด็กใช้ ซ่ึงตรงน้ีเป็นสิ่งที่หนูคิดว่าต้องปรับปรุง แต่ส่ิงที่กระทรวงกาลังทาอยู่ ท่านกานันคะ ท่าน อนญุ าตในการทาหลักสูตรสถานศึกษาได้ แต่เนื้อหาในน้ีละค่ะ ถ้าทาจริงๆ ก็ต้องเชิญครูมาบรรยายให้เข้ามา เกย่ี วข้องด้วย และสว่ นท่ีเป็นพนื้ บา้ น ถา้ ในสพุ รรณบรุ มี นั ยังไม่หมดหายไปจากสงั คม อาจเปน็ เพราะสอื่ รวมถึง แบรนดเ์ นมของคาวา่ ศรปี ระจันต์ มนั ยงั ทาใหเ้ รามีความรสู้ ึกว่า เพลงพื้นบ้านของสุพรรณยงั มอี ยู่ในเทศกาลต่าง ๆ แม้ว่ามันจะลดน้อยลงไปบ้าง ของวิทยาลัยก็พอมีงาน อันน้ีมันข้ึนอยู่กับภูมิหลังของแต่ละจังหวัดต้อง สนบั สนนุ ชมุ ชน โดยนาเอาชมุ ชนท่ีเปน็ เลศิ เป็นเพชรผลักดนั เขา้ มาเวทีของกระทรวงวัฒนธรรมให้มากที่สุด แต่ หนูว่าปัจจุบันเพลงพื้นบ้านเริ่มมีบทบาทกับการสร้างกระแสสังคม โดยเฉพาะการทาบทประพันธ์ท่ีเป็นร่วม สมัย แต่เม่ือเด็กๆได้เห็นบทร่วมสมัยเข้าก็ควรจะได้รู้กลอนครู จึงมีข้อเสนอแนะตรงน้ีจึงเรียนท่าน อาจารย์ ทววี ฒั นว์ า่ หลักสูตรสถานศกึ ษามีแล้ว แต่มแี ล้วได้สบื ต่อหรือไม่ มีแล้วหยุดไปหรือไม่ แล้วกระทรวงจะทายังไง ให้หลักสูตรสถานศึกษาเป็นหนึ่งในหลักสูตรที่จาเป็นต้องมี รวมไปถึงเพลงพ้ืนบ้านภาคกลางด้วยและมัน สะทอ้ นไปถงึ ภาคต่างๆ ซงึ่ หนคู ิดว่าเขาอาจไม่เขม้ แขง็ เท่ากิจกรรมตรงนก้ี ็ได้ ว่าวนั นี้เป็นการรวมพลพอ่ เพลงแม่ เพลงท่ียิ่งใหญ่ท่ีสุด และคิดว่าเน้ือหาในวันน้ีในการสารวจทาวิจัยจะเป็นประโยชน์อย่างย่ิงกับคนค้นครูเพลง หรอื วา่ เนือ้ เพลงพืน้ บา้ น ขอบคณุ คะ่ ( MOV๐AD ๒๔:๒๘ ) ผศ. ดร. อภิลักษณ์ เกษมผลกูล: ประเด็นของอาจารย์น่าสนใจ ผมขออนุญาตสรุปเป็น ๒ ประเด็นก็คือว่า ประเดน็ แรก การมีส่วนร่วมตอนนกี้ ลายเป็นวา่ คนทาหลกั สตู รไปทางหนึง่ คนสอนไปอกี ทางหน่ึง บางทีครูเพลง ไปอีกทางหนึ่ง ครสู อนกบั ครเู พลงยังทางเดยี วกันอยู่ แต่วา่ คนท่ีทาหลักสูตรอาจเป็นคนละคน ซ่ึงตรงนี้ทีมวิจัย จะโน้ตไวว้ า่ การทาหลักสูตรยังขาดการมีส่วนร่วม ถ้าหากว่าเราไดร้ ับการมีส่วนร่วมจากพ่อเพลงแม่เพลงเข้ามา ด้วยก็จะดี ที่สาคัญท่ีน่าสนใจผมคิดว่าสุพรรณค่อนข้างเข้มแข็ง แต่จังหวัดอ่ืนอย่างของจังหวัดตราด ระยอง อาจยงั ไม่ได้เขม้ แข็งอาจใชส้ พุ รรณบุรเี ปน็ โมเดล สาหรับทจ่ี ะเปน็ หลักแล้วก็อาจรา่ งเป็นหลักสูตรกลางๆไว้ก่อน แล้วคอ่ ยให้แตล่ ะจังหวดั ลองเอาไปปรบั ไปใชใ้ ห้เขา้ กับบริบทของตวั เอง โดยที่ผา่ นการมีส่วนร่วมของครูเพลงใน แตล่ ะจงั หวดั จะได้มคี วามสอดคลอ้ งเหมาะสมกบั เพลงพ้นื บา้ นในแต่ละจงั หวัด

๔๗๑ กานนั สาเริง คนฑา : ต้องขอขอบคุณอาจารยอ์ ภิลักษณ์ และทางคณุ ครูท่ใี ห้การดูแลในจงั หวัดสุพรรณ ผมเป็น คนท่ีเลือกปัญหาของระยอง พูดถึงเรื่องครูก่อน ครูเนี่ยไม่เห็นความสาคัญของศิลปิน เรียกได้ว่าครูเขาไม่เอา หรอกเขาจะไปเต้นไปร้องกับใครก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด แต่ว่าเรื่องของจะเอาชุมชนของครูบาอาจารย์ในการ แสดงลาตดั บ้างทานู่นทานบ่ี ้างเก่ยี วกับเรอ่ื งไทยๆ ไม่เอาเลย ได้ครึ่งชว่ั โมงหรอื ชัว่ โมงกย็ งั ดี ในอาทติ ยห์ นง่ึ แล้ว อกี อย่างหน่งึ ที่มีปัญหาคือเรื่องท่ีอาจารย์ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องในการที่ผู้สนับสนุนองค์การบริหารส่วนตาบลก็มี งบประมาณ จริงๆ แล้วจะให้เราปีหน่ึงสัก ๒-๓ แสน ก็ได้ อย่างน้อยนะ แล้วจังหวัดอย่างน้อยน่าจะให้สัก ๕ แสน มาทากิจกรรมสิ่งดี ๆ แล้วเราก็มาดูกิจกรรมท่ีเราทามันคุ้มค่าคุ้มอะไรไหม ถึงจะเป็นวัฒนธรรมท่ีจับต้อง ไมไ่ ดห้ รอื ว่าอะไรกต็ ามแต่ก็มคี ุณค่ามากสาหรับคนไทยเรา ตรงนี้ผมถือว่ามันเป็นปัญหาแล้วอุปสรรคมากโดย เฉพาะท่ีจะมีการสนับสนุนกัน พูดถึงเร่ืองการสืบทอดผมจะกล่าวถึงตัวผมเอง จริงๆแล้วผมหัดมาจากครูคน หนงึ่ ทไี่ มเ่ ป็นหนังสอื เลยนะครบั มเี พลงอยูป่ ระมาณไมเ่ กนิ ๒๐ เพลง ผมก็หดั ไม่เกิน ๑๕ ในเวลาหดั กไ็ ม่ไดช้ อบ เลย แตช่ อบสาวๆท่ีรกั กนั พอเสรจ็ แล้วมนั มคี วามประทบั ใจว่าของคนไทยเรามันดี แล้วก็ไม่เหลือใครแล้วเหลือ ผมคนเดยี ว เปน็ การสืบทอดที่บางครั้งผมเองนอกจากครสู งวนบางอยู่แล้ว ผมพยายามเอาศิลปะการแสดงของ หวังเต๊ะ หรอื การลักจากเ็ อาไปทาแบบอยา่ งตรงไหนมันดีก็เอาหมด ลักษณะการแสดงยังไงๆต่างๆ พูดไปก็ขอ ฝากกบั นกั ศกึ ษาดว้ ยเป็นการเกยี่ วข้องท่ผี มหวงแหนกันเหลือเกนิ ตอ้ งจดลิขสิทธ์ิกันต่างๆบางคร้ังบางคราว ผม ทาเพลงไว้ ๒ แผ่น ผมไม่เคยจดลิขสิทธิ์เลย อยากจะให้ใครต่อที่ได้ยินเอาไปร้องๆกัน แต่ว่าในเม่ือมันมี กฎหมายควบคุมมันก็ดี บางทีผมแต่งไปร้องอัดเทปแล้ว พวกเอาไปร้องดังเลยผมเอาไปร้องท่ีหลังถูกฟ้อง ผม เองท่ีแต่งเพลงก็ถูกฟ้อง สรุปว่าถ้าเราได้มีการจดอะไรต่างๆมันก็เป็นสิทธิ์ของพวกเรา เร่ืองของภูมิปัญญา ชาวบ้านผมถือว่าเป็นวัฒนธรรมไทยท่ีเราได้สืบทอดกันมานานและในเวลานี้จะหมดละ ผมบอกเลยว่าเรามี ทรัพยากรเยอะ ทม่ี ีปัญหาอีกอย่างหนง่ึ เช่น มีสวนทุเรยี นมนั กท็ าสวนทุเรียนกันนอกจากทุเรียนแล้ว ปีหน่ึงได้ กันหลายล้าน สวนยาง ช่วยแม่ตัดยางก็บอกไอ้หนูมึงอย่าไปเรียนเลยช่วยแม่ตัดยางดีกว่าได้ทุกวันเลย อะไร ต่างๆ ตรงน้คี อื ปัญหาในการฝกึ สอน เราจะตอ้ งใหค้ รูบงั คับ ท่ีผมหมายถึงครูโรงเรียนต้องเข้าหาครูแล้ว ครูเอา ยงั งี้ไหมละผมจะสอนทุกปีเลยผมไม่เอาอะไรหรอก เอาแค่ครูกับนักเรียนมา มาเลือกเอา ก็ทากันอย่าง นี้แล้ว เอางบประมาณจากองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบลหรือจังหวัดทาส่วนตัวเลย ก็ขอฝากไวเ้ ทา่ น้ีละครบั ๓๐:๔๑ ผศ. ดร. อภิลักษณ์ เกษมผลกลู : ขอขอบพระคณุ กานันสาเรงิ มากนะครับกานันสาเริงเองก็พยายามจะเน้นให้ เหน็ ถงึ ความสาคัญของกฎหมายท่ีจะเข้ามาในเร่อื งของวัฒนธรรมตรงนี้แลว้ รวมถงึ การจัดสรรงบประมาณด้วย แม่สีนวล ขาอาจ : ขอบคุณค่ะ แม่ก็เป็นคนท่ีพูดไม่เก่งนะ ความรู้ก็น้อยนิด ก็อย่างท่ีอาจารย์พูดนะคะ ปทุมธานกี ท็ าอยทู่ ามาตลอด

๔๗๒ ผศ. ดร. อภิลกั ษณ์ เกษมผลกลู : ผมจาได้วา่ แมเ่ คยเล่าวา่ ท่ีปทุมก็มีหลกั สตู รด้วย แม่ศรีนวล: ตอนน้ีก็มีชั่วโมงเรียนหลักสูตรของเขาต้องเรียน แต่ว่าแม่ไม่ค่อยได้ไปสอน ๓ ปีไม่ได้ไปเลย เพราะว่ามีงานสอนแลว้ กด็ ูแลบา้ น แต่ตอนนี้ไปได้แล้วและก็ยังรอดูอยู่นะเพราะว่าแม่ฟรีตลอดคือเมื่อสอนแม่ ไม่เคยเรียกเงนิ ไมเ่ คยเรยี กอะไรฟรตี ลอด แมย่ นิ ดสี อนแม้แต่ทสี่ ุพรรณอยากให้สอนลาตดั กฟ็ รีได้ พ่อเคยบอกว่า เราอยากเผยแพร่ไหมเป็นวิทยาทานไป แต่อย่าเรียกเงินเขา แต่ถ้าจะให้เราสืบสานต่อไปก็ต้องมีทางรัฐตาม หนว่ ยงานช่วย สมัยกอ่ นให้ปลี ะ ๒ แสน พอตอนหลังไม่ให้เลย ก็ไม่เอาไม่รู้ทาไมไม่ให้ ให้แต่ว่าไม่ได้ใช้เองเลย ซ้ือกลองซอื้ ชุดอะไรตอ่ อะไรใหโ้ รงเรียนหมด เราจดั อบรมซื้อให้หมดเงินส่วนนั้นให้หมด ก็อย่างท่ีอาจารย์บอก ถ้าทากบั ขา้ วอยทู่ ่นี ่ไี ด้ยนิ ดเี ลย จะจดลขิ สิทธป์ิ ๊าจะบอกเลยขอนะ ถา้ ฉันยังอยอู่ ยา่ จดใหเ้ ป็นวิทยาทานไป แต่ถ้า ฉันตายเธอจะทาอะไรทาไป สมองกวา่ จะเขียนเพลงมาได้มันไม่ใช่เร่อื งงา่ ยบางคนเอาของเราท่แี ต่งไวอ้ ย่างดีเอา ไปแปลงจนฟังไม่ได้ พอคนอนื่ เคา้ ฟงั บอก ดูมนั ทา มันเรอื่ งทน่ี ่าเสียดายนะ เราทากว่าจะได้มา ดูอย่างแม่ขวัญ จรงิ กวา่ จะเขียนได้ดีมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ก็ขอฝากกับอาจารย์บัวผัน อาจารย์อภิรักษ์ เอายังไงเอา แม่เอาทุก อย่างยนิ ดีให้ทกุ อย่าง ( ๓๔:๓๔ ) ผศ. ดร. อภิลักษณ์ เกษมผลกูล: ประเด็นสาคัญตอนนี้ผมคิดว่าครูเพลงคงคิดเหมือนกันคือไม่ได้อยากได้ สตางค์จากเพลง แตเ่ ราอยากจะอนรุ กั ษ์ รวมไปถึงวา่ ใครก็ไม่รู้มาจากไหนแลว้ มาใชป้ ระโยชน์จนกระทั่งเจ้าของ เพลงไม่สามารถใช้เพลงได้ น่ีกจ็ ะเปน็ อีกสว่ นหนง่ึ ของอนสุ ัญญาที่วา่ ดว้ ยการเคารพสทิ ธภ์ิ ูมปิ ัญญา เราไม่ม่งุ หวัง เร่ืองเงนิ ทองอยแู่ ล้วเพยี งแต่ว่าเราอยากท่ีจะให้ทุกคนเคารพให้เกียรติของคนท่ีแต่ง แล้วพยายามท่ีจะรักษาให้ เห็นวา่ ของเดิมมันเป็นยงั ไงถา้ คุณจะปรบั ใหม่คณุ ก็ต้องปรับให้เป็นของคุณเองที่พัฒนาต่อยอดไปไม่ได้เป็นการ ดัดแปลง น่ีจะเป็นส่ิงที่เราพยายามจะผลักดัน อยากให้แม่เล่าอีกนิดหนึ่งตอนนี้เพลงขวัญจิตมีโครงการดีๆที่ น่าสนใจคอื เอาลาตัดไปสอนในเรือนจา อนั นเี้ ปน็ ประเด็นทนี่ า่ สนใจว่ามนั ชว่ ยให้เขามีความเปลยี่ นแปลงไปยังไง บ้าง ( ๓๕:๓๖ ) แม่สีนวล ขาอาจ : ก็ถือว่าโชคดีมากท่ีได้เข้าไปสอนในเรือนจา ได้เข้าไปสัมผัสกับนักโทษ นักโทษก็มีตั้งแต่ ตลอดชวี ติ ๒๕-๖๐ ปี เขาได้มาร้องลาตัดได้มาอยู่กับแม่เขามีความสุขมาก เขาบอกว่าได้ผ่อนคลาย แล้วเขาก็ ไดเ้ อาไปฝกึ กนั เอาไปรอ้ งข้างใน เขาจะมที ีวขี องเขา ได้เล่นกันแล้วส่งไปดูกัน เราก็ภูมิใจตอนน้ีก็จะอีกแล้วจาก ทีต่ ิดต่อมาก็จะใหไ้ ปอกี ก็ถา้ เราทาให้เขามคี วามสุขเรากส็ บายใจมาก พอ่ เพลงแม่เพลงทุกคนก็สบายใจ แล้วคน ในน้ันก็ไม่รู้ว่าเขาจะได้ออกมาไหม เวลาเขาพูดผมก็ไม่รู้ว่าผมจะได้ออกไหม การที่แม่ทาให้เขาได้สนุก เพลดิ เพลนิ มันยง่ิ ทาให้แม่มกี าลังใจที่จะสอนมันก็เป็นผลดี ถวายพระเทพฯ พระเทพฯได้รับส่ังว่า เก่งจังนะ มี อย่ใู นสายเลอื ด นักโทษกบ็ อกไปว่า คุณแมส่ อนเกง่ ครับ พระเทพฯกห็ ันมาถามว่า แมส่ ีนวลจะรับลูกศิษย์เข้าไป

๔๗๓ อย่ใู นวงหวงั เตะ๊ ไหม ไอเ้ ราก็คาราชาศัพท์ไมเ่ ปน็ หรอก บอกไปว่า รบั ค่ะ เราก็ไม่รู้จะพูดอะไรไม่กล้า แค่นี้ก็พอ นะ ขอบคุณค่ะ ( ๓๘:๐๑ ) ผศ. ดร. อภลิ ักษณ์ เกษมผลกลู : ขอฟังพอ่ สจุ ินต์ สายสพุ รรณบางนะครับ พอ่ สุจนิ ต์ : กอ่ นอื่นตอ้ งขอขอบคณุ ครูบาอาจารยท์ กุ ทา่ น ผมสุจินต์ พอฟังอาจารย์ทุกท่านมาก็คล้ายๆกันนะ ครับผมได้ผ่านการแสดงนี้ตั้งแต่อายุ ๑๓ มา ๖๕ ใช้เวลาประมาณ จะเป็นการแสดงในสถานที่ต่างๆ ผม พยายามจะเก็บดู สมัยก่อนอย่างที่คุณแม่สีนวลพูด ลาภก็พอหาได้ รับแต่เทคโนต่างๆ มันก็หายมันเข้ารุมเร้า สมัยก่อนเพลงอีแซวท่ียังสนับสนุนต้นฉบับวัดป่าเลไลยก์ก็อยู่เลย แล้วอยากให้มีหลักสูตรผมอยู่จนจะแก่ตาย แลว้ กย็ งั ไม่มหี ลักสตู รบรรจุเข้า แต่ยังได้ขอบคุณครูบาอาจารย์วิทยาลัยนาฏศิลป์ มาถามบอกพ่อไปเถอะพี่ไป เถอะ พวกผมเร่อื งสตางค์ก็ไม่เคยได้เรียก พอเสร็จแล้วก็เร่ือยมาตั้งแต่เพาะกล้าพันธ์เก่งต้ังแต่รุ่นแรกเรื่อยมา หายไปหลายปีกวา่ จะมา คอื การส่งเสริมต่างๆผมก็ไมอ่ ยากจะเน้นท่ีสุพรรณบุรีจังหวัดเดียว ต้ังแต่คณะหนึ่งแม่ สีนวลบอกวา่ ไม่มีพอ่ เพลงถือวา่ มาเท่ียวอวดตัวเองผมได้รับตาแหน่งศิลปินตั้งแต่ปี ๔๒ สมัยหนุ่มๆขึ้นไปกับเจ๊ ต้ังแต่วันแรกถึงวันสุดท้ายวงไหนมาก็ขึ้น แต่เหตุผลมันออกมาก็เริ่มจะถอยหลัง ถอยหลังเพราะอะไร งาน ประเพณีตา่ งๆแม้แต่ในต่างจงั หวดั อย่างท่ที า่ นกานันพดู เม่อื กีบ้ อกชน่ื ใจ มีงานอะไรไม่เคยบรรจุเข้าไปเม่ือก่อน มคี รบั เดีย๋ วนี้มงี านวดั ป่าเลไลยก์บรรจุไป ๕ คืน งานดอนเจดยี ์มเี ปน็ สิบๆคืน มนั กค็ อ่ ยๆ หายไป บรรจุบ้างบาง ทีตอ้ งขอฝากครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่ที่มีความสามารถฝากว่าท่ีผมพูดผมรับผิดชอบ ผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองไม่ค่อย สนใจไมค่ ่อยเกรง พวกผมก็เลยไมไ่ ดห้ ดห่เู พราะมันเข้าไปในสายเลือดแล้ว มันไม่ได้ส่งเสริมอะไรเท่าไหร่นัก มี งานต่างๆเอาคนื หน่ึงเท่าไหร่ก็ได้เอาช่ือผมไปหนึ่งจะได้มีพ่อแม่มาดูวันนี้ลูกฉันเล่นตรงนี้แล้วนะ เพลงฉันเล่น ตรงน้แี ล้วนะ มีคนกไ็ ปร่วมงานกเ็ ยอะแตต่ รงน้นั กไ็ ม่ได้ทา อกี ส่วนหนงึ่ เพลงทผ่ี มรอ้ งกจ็ าไมค่ ่อยไดร้ ้อง ใครอยากได้ก็ให้เค้าไปบางทีไม่แปลงเอาต้นฉบับเลย ผม ได้ไปงานของอาจารยบ์ ัวผันกับมหาวทิ ยาลยั หอการค้าไทย ตอนน้ัน อาจารย์โอฬาร ก็อยู่ด้วย ไปเล่นเร่ืองที่ผม จาไดว้ า่ เพลงตวั นมี้ นั แปลออกไปไดอ้ ย่างไร ไปแต่งตัวผมก็จาได้ว่าเป็นพระเอกพระอภัยมณีตอนท้าย เจ๊ก็เป็น ผีเสอื้ สมุด หลังจากนน้ั กน็ ั่งคุยพอดีโย่งเชิญยม้ิ มาน่ังคุย แต่งหน้ากันไปถามพ่อเพลงมันร้องยังไง พอน่ังคุยถาม ผมเพลงฉ่ามันรอ้ งยงั ไงผมกร็ อ้ งให้ฟัง สมองเขาดมี ากนะ จาไป จาไปรอ้ งแตท่ ุกอย่างมันไปเป็นตลกหน้าม่านไป แต่จริงๆแล้วก็ดีโย่งเป็นคนที่ส่งเสริมเขาบอกว่าถ้าอยากจะฟังจริงๆมาฟังที่แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์หรือท่ี สพุ รรณดีกว่า อีกอันหน่ึงที่อาจารย์พูดถึงผมก็เข้าไป ๒ คอสแล้วนะครับ ไปเข้าคุก ผู้ใหญ่ ผอ. ผมจาชื่อไม่ได้ ท่านได้เห็นผมทไี่ หนได้เอาผมไปสอนในคกุ มีการประกวดแขง่ ขันกนั เพอ่ื นๆถามไปไหน ก็บอกจะไปเข้าคุกก็ขา ผม จะไปคร้งั ที่ ๓ แลว้ คร้งั นจ้ี ะเป็นการประกวดร้องเพลง คือผมก็ไปทกุ ท่ีแต่ท่ีน่าเสียดายอยู่อย่างหนึ่งก็คือมัน

๔๗๔ นา่ จะเปน็ หลักสูตรจรงิ ๆจังๆแบบทที่ ่านกานนั วา่ อยา่ งพวกผมจะจา้ งไปสอนเท่าไหร่ก็ไปหรือไม่ให้ก็ไปสอนมัน สอนอกี สกั กป่ี เี ชี่ยว ผมคิดว่าผมให้ ฉะนน้ั ผมฝากไว้นิดหน่ึงว่าลูกๆท่ีผมอบรมกันในคร้ังนี้ถึงจะไม่ได้เอาไปร้อง แตเ่ อาไปเล่นกนั ท่บี ้านก็ได้ อีกอย่างหน่งึ ผมเสียดายคือทส่ี ุพรรณบรุ เี พลงพื้นบ้านเหมือนโดนเอาบังคับมาเรียน โดยเฉพาะฝากถึง ผใู้ หญไ่ ม่คอ่ ยได้ส่งเสริมอะไร ก็ขอขอบคณุ อาจารย์บัวผันทีมงานครูอาจารย์และเด็กๆด้วย ติดตามกันมาหลาย สิบปีจนจะจากกันก็ยังไม่มีหลักสูตรว่าโรงเรียนน้ีจะมีเพลงอีแซวสอน หรือเป็นหลักสูตรให้ ก็ขอฝากไว้เท่านี้ ขอบคณุ ครับ ( ๔๕:๑๒ ) ผศ. ดร. อภลิ กั ษณ์ เกษมผลกลู : กราบขอบพระคุณพอ่ สจุ นิ ต์มากครบั เราจะเห็นได้ว่าครูเพลงหลายท่านเน้น เร่อื งหลักสูตร รวมถึงใหค้ วามสาคญั ของการจัดสรรงบประมาณ ของหน่วยงานภาครฐั เพราะฉะน้ันนี่จะเป็นส่ิง ทีเ่ ราจะสะท้อนไปถึงกระทรวง ตอ่ ไปขอฟงั เสยี งพ่อสมพงษ์บ้างนะครับ พ่อสมพงษ์ จนั ทโชติ: กราบสวัสดีครอู าจารยท์ ุกทา่ นและพ่อเพลงแม่เพลงทกุ ทา่ น ผมเองก็เป็นทง้ั พ่อเพลง ท้ัง หมอขวญั และ เปน็ นักการเมอื ง ผมเองก็ยังขาดการสนับสนุนจากเบ้ืองบน อย่างจังหวัดนครนายกมีลาตัดอยู่ คณะเดียวคือ ส. รวมศิลป์ คณะพวกผมยงั ไมเ่ คยไดร้ บั การสนับสนุนใดๆ ทุกวันนี้คณะเรามีแต่จะสูญหายไปไม่ มีเยาวชนรุ่นหลังขึ้นมาแทน อยากจะได้เด็กอยากจะได้สอนต่อเนื่องให้คณะเราสืบทอดต่อไปเพื่อวัฒนธรรม พ้ืนบ้านหรือว่ามรดกของไทยเราให้สืบทอดต่อไป แต่ก็ไม่เคยได้รับการสนับสนุนอย่างที่อาจารย์พูดๆกันมา อย่างงานกาชาดเมื่อก่อนก็เคยมีไปเล่น แต่เดียวน้ีไม่มีเลย ไม่รู้เป็นเพราะอะไรหรือเขาไม่ส่งเสริม ก็อยากจะ ฝากไปถึงครูอาจารย์ทุกท่านและกระทรวงวัฒนธรรมให้ส่งเสริมพวกเราหน่อย อยากจะต่อยอดตรงน้ีให้ดีข้ึน ผมก็อายุเพ่ิงจะ ๕๐ คงจะอยู่ได้อีกหลายปี ก็อยากจะส่งเสริมเยาวชนรุ่นหลังๆนี้ให้สืบทอดเป็นมรดกต่อไป ขอบคณุ ครับ ( ๔๗:๒๕ ) ผศ. ดร. อภิลกั ษณ์ เกษมผลกลู : ขอบคุณคุณพ่อสมพงษ์มากครับ ฟังคุณพ่อสมพงษ์แล้วผมนึกขึ้นมาได้อย่าง หนึ่งคือ ช่วงน้ีทีวีดิจิตอลเกิดข้ึนเยอะมาก ทายังไงท่ีเราจะมีพื้นที่อยู่ในทีวี เราเล่นตามบ้านมันก็เห็นแค่ไม่กี่ ครัวเรือนกต็ าม แต่ถ้าเราออกทีวีซึ่งมพี นื้ ท่ีแลว้ ถา้ เราเวยี นกันเล่นได้เห็นหลายๆสายหลายๆครู ทีวีมันสามารถดู ไดท้ ั้งวันทั้งคืน ผมคิดวา่ คงเป็นขอ้ เสนอให้เราอกี ทางหน่งึ ทวี ดี จิ ิตอลในช่วงนี้ก็กาลังเกิดในหลายช่อง ถ้าสมมุติ ว่ามพี นื้ ท่ใี ห้เรา มพี ้ืนทีใ่ ห้ครู เดก็ ๆกจ็ ะไมไ่ ดม้ ีแค่ร้องเล่นอยู่กับบ้านละ เด็กๆจะมีเวที แล้วมันจะทาให้เขารู้สึก ว่ามันมีพื้นที่ให้แสดงความสามารถ ไม่ใช่แค่ร้องอยู่ตามห้องน้าแล้วกลัวคนได้ยิน แต่มันจะกลายเป็นพ้ืนที่ๆมี เกียรติท่จี ะได้ออกทีวี เพราะวา่ อยากจะออกมารอ้ งเพลงพื้นบ้านให้ทุกคนฟงั คดิ วา่ นีจ่ ะเป็นขอ้ เสนออีกอันหนึ่ง ( ๔๙:๐๐ )

๔๗๕ แม่สาเนยี ง ชาวปลายนา : ขอกราบสวัสดีทุกๆ ท่านเลยนะคะ รู้สึกภูมิใจท่ีเราได้มาร่วมคุยกันในวันนี้ ได้มา รวมความรู้ศลิ ปะพนื้ บ้านในแตล่ ะท่าน ฉันก็อยากจะขอฝากไวว้ า่ จะเปน็ ไปได้ไหมอยากจะให้นักศกึ ษาจะขั้นไหนกแ็ ล้วแต่ กข็ อให้มีวิชาศิลปะ พ้ืนบ้านติดอยู่ด้วย ขอให้มีวิชานี้ไว้ติดอยู่ในการศึกษา เผ่ือว่าเด็กๆจะสนใจว่าศิลปะพ้ืนบ้านน้ันมีอะไรบ้าง ก็ ขอให้ระบไุ วเ้ ผื่อเยาวชนร่นุ หลงั จะสนใจศิลปะ เช่น เพลงอีแซว เพลงฉ่อย เพลงเรือ เพลงเก่ียวข้าว หรือเพลง ลาตัด มันจะมีระบาเหนอื ระบาใต้ เพลงสงฟาง พานฟาง รนุ่ ครูไดส้ อนมามนั จะมหี ลายอย่าง กม็ ีเพลงคล้องช้าง บ้างอะไรบา้ ง แตก่ ็จาไมไ่ ดแ้ ตว่ ่าคณุ เอนกก็จะเกบ็ ไว้หลายอย่าง บางทีนกั ศึกษามาถามที่บ้านบ้าง ก็เลยบอกว่า จากขอ้ มลู ทแี่ มก่ ม็ หี ลายอย่าง แตก่ ็ไมแ่ นช่ ดั วา่ มอี ะไรบ้าง กเ็ คยใหใ้ หไ้ ปติดต่อพ่ีเอนก ท่านได้บันทึกไว้หมดเช่น เพลงแห่นางแมว หลายอย่างมากแต่จาไม่ได้ เพราะว่าฉันก็อยู่กับครูบาอาจารย์มาต้ังแต่เล็ก ต้ังแต่ ๑๑ ขวบ เฝ้าเพลงอยหู่ ลังเลิกเรียนไมไ่ ด้กลบั บา้ น อยา่ งครเู พลงทรี่ ักมาก แม่ทุเรียน แม่สงวน แม่ตะลุ่ม เมื่อก่อนเพราะ ความอยากใฝ่ร้กู ไ็ ด้ไปหาครู ครอู ยทู่ ่ีไหนก็ไดไ้ ปหาครูศกึ ษาไปเร่อื ยก็ได้ให้ร้องให้ฟัง เพราะว่าหนังสือตอนนั้นก็ ไมค่ ่อยรู้ไมค่ อ่ ยเกง่ แตก่ ็อาศยั การต่อแล้วก็มาจาไว้ เช่น เพลงพวงมาลัย เพลงระบาเหนือ เพลงระบาใต้ แม่ก็ ไดส้ อนและร้องให้ฟงั ก็ไดจ้ ามากระท้งั เดยี วน้ี แต่ว่าเน้อื หาก็มบี ้างแต่ไมม่ าก หากว่าได้แตง่ มากจ็ ะร้องใหถ้ ้าเดียว รุ่นหลังสนใจ ฉันก็ยินดีท่ีจะมอบศิลปะพ้ืนบ้านนี้ให้ แต่ตอนน้ีก็ภูมิท่ีได้มีลูกๆ รุ่นหลานๆ ได้สืบสาน ตอนนี้ก็ หวังอยู่ท่ีศิลปะพื้นบ้านนาฏศิลปสุพรรณ ตอนน้ีมีเพลงอะไรที่ได้มาจากครูทุกอย่างก็เคยบอกว่า ขอให้มาสืบ สานไว้จะไดไ้ ปเผยแพร่ต่อ ก็หวังว่าลกู ๆทุกคนจะสบื สารตอ่ ไปแมค่ งจะภูมิใจถงึ แมจ่ ะสิ้นบุญไปแล้วก็ให้มีช่ือแม่ อยู่บ้างทสี่ บื สานจากแมไ่ ป ขอฝากไว้ด้วยคะ่ ( ๕๒:๓๘ ) ผศ. ดร. อภิลักษณ์ เกษมผลกูล: ขอขอบคุณๆแม่สาเนียงมากนะครับ คุณแม่จะเน้นย้าให้เห็นถึงการรักษา เพลง โดยเฉพาะเพลงเก่าๆเพลงโบราณ นอกจากจะเล่นกันแล้วบางเพลงไม่ได้เล่นนานก็จะหายไป เพราะฉะน้นั เพลงเหล่าน้ีนอกจากเอาออกมาใช้ให้ได้ยินได้ฟังถ้ามีการถ่ายทอดสู่รุ่นลูกหลานเด็กๆก็จะได้รู้จัก เพลงทห่ี ลากหลายขึน้ ด้วย ( ๕๓:๐๓ ) แม่สมบตั ิ รามแสง: กราบสวสั ดี จะขอพูดถึงประสบการณ์ของสมบตั ิเองนะค่ะ คือสมบัติก็เป็นรุ่นนี้แล้ว ก็ได้มี โอกาสมาน่ังเสมออาจารยก์ ็เกรงใจ แตด่ ว้ ยประสบการณน์ ้อย เปน็ ลูกศษิ ย์ของแมข่ วญั จติ ศรีประจันต์กับแม่ศรี นวล และพ่อหวงั เตะ๊ ส่ิงทอ่ี ยากจะพดู ก็คือการผลักดนั จะทาไงใหเ้ ด็กสนใจทาไงให้ไดง้ บประมาณ คือบังเอิญนะ ค่ะ โรงเรยี นวดั นรจาน ก็มีโครงการของ สสส. เข้ามาเมื่อกันยายน ก็ไดค้ ัดเลือกสมบตั ไิ ปสอน ตรงน้ันไม่เคยได้ สนใจ กร็ ้แู ค่ว่าเป็นแม่เพลงอยู่ตรงน้ัน ตาบลนน้ั กเ็ ลยไดม้ าสอนของ สสส. เร่ืองรายไดต้ อนน้ันไม่รู้เลย รู้แค่ว่ามี งบ แม่ขวัญจติ ศรีประจันต์เองก็ไม่รวู้ า่ เทา่ ไหร่ไม่ชดั เจน ก็สอนไปตัง้ แตก่ ันยายน สอนไป ๓ เดือนจากกันยายน

๔๗๖ ไปถงึ เมษายน ถึงจะมีสตางคอ์ อกมา แม่ขวญั จติ ศรีประจนั ตจ์ ะถามอยู่ตลอดว่าสมบัติได้สตางค์มั่งหรือเปล่า ก็ ตอบว่ายังค่ะ แต่ด้วยใจมาสอนลูกศิษย์ก็ต้องสอนให้เป็นนับจากศูนย์ สอนให้เป็นคณะขึ้นมาแล้วได้มารับ สตางคถ์ ดั จากเดอื นเมษายนไดห้ ม่นื หน่งึ หลังจากจบงานนั้นเสร็จเด็กได้แสดง ๓ งานรวมกันกับนาฏศิลป์ด้วย หัดเด็กจากเปน็ ๐ ตัง้ คณะขึ้นมาได้โดยไม่รู้ว่าจะได้อะไรมาจากตรงไหนก็ไม่รู้ เพราะด้วยใจท่ีเป็นเพลงพอจบ งานของ สสส. นายกเทศบาลโทรไปดา่ โทรหาหนูว่าอยากสานต่อ อันนี้คือผลักดันนะค่ะ คือเราต้ังวงให้เด็กซะ ก่อนแลว้ เดี๋ยวผู้ใหญม่ ามองเหน็ เห็นแล้วอยากสานต่อให้เด็กเอารางวัลซะได้ นายกจ่าย การสอนอีแซวหนูจะ นุ่งผา้ ถุง คอื ให้เด็กเค้าดูลกั ษณะของคนโบราณ ให้แตง่ ตัวยังงดี้ ว้ ย กไ็ ดง้ บประมาณของเทศบาลโพธิ์พระยาสาน ตอ่ เปน็ เพลงฉอ่ ย ทุกวันจนั ทรท์ ส่ี อนจะเปน็ เพลงฉ่อย เหมือนผลักดนั และจะคอยอดั ฉดี เด็กอยู่ตลอด ร้องให้เก่ง นะ ถ้ามหาวิทยาลัยหอการค้าจัดประกวดจะส่งไป เดก็ กม็ ีความมานะ แตเ่ ด็กก็ไมร่ จู้ ักเพลงอีแซวเลยนะ ร้องให้ ดีนะถ้าใครร้องดจี บ ป.๖ จะให้เข้าวิทยาลัยนาฏศิลป์ เพราะว่าอาจารย์จ๊ะอยู่ตรงน้ี หนูจะผลักดันอย่างนี้ บาง กลุ่มศิษย์ดีหนูก็ส่งให้อาจารย์จ๊ะ หนูแค่ร้องเป็นยังร้องไม่ดีไม่เป็นไรแต่ร้องให้เสียงดังนะลูก เด๋ียวส่งเข้า นาฏศลิ ปไ์ มเ่ สียตงั ค์ไมต่ ้องสอบ เดียวให้ป้าสมบัติส่ง น่ีคือวิธีการผลักดันของหนูให้เด็กเรียนเพลงพื้นบ้าน มีที่ ไหนส่งประกวด ไดไ้ ม่ได้ ส่งประกวดก่อนบอกจะไปประกวดเขาก็ดีใจ แล้วไปงานเล็กๆได้มา ๒,๕๐๐ ให้เด็กไป อดั ฉดี ไปแลว้ บอก ถ้าหนูร้องเกง่ หนจู ะไดม้ ากกว่าน้ีถ้าใครรจู้ ักฝกึ ซอ้ มมาตามนัดจะได้เยอะ น่ีคือวิธีการของหนู และความรทู้ ่ีลกั จาทส่ี อนเด็กคือ ร้องสดุ คา ราสดุ แขน อะไรต่างๆก็จะจามาจากแมศ่ รนี วลกบั พ่อหวงั เต๊ะ ครูท่ีมี คาคมๆหนูจะเอาไปสอนอีกครั้งหนง่ึ ขอพูดแค่นล้ี ะกันค่ะ ขอบคุณคะ่ ( ๕๘:๑๘ ) ผศ. ดร. อภลิ ักษณ์ เกษมผลกูล: ขอบพระคุณพี่สมบัติมากนะครับ เราจะเห็นว่าการที่ตัวเป็นครูไม่ได้มุ่งหวัง เรอื่ งเงนิ ทองเลย อยากจะฝากวชิ าไว้กบั ลูกหลานเท่านนั้ ครูสิทธิพงศ์ พรหมรส : ตอนนคี้ นไทยโดยเฉพาะจงั หวดั สุพรรณบรุ ี ลมื รากเหงา้ คาวา่ ภูมิปัญญาน่ีคือรากเหง้า นะครับ ต้นไม้ถ้าไม่มีรากจะยืนไม่ได้ ก่อนจะสร้างเป็นมรดกโลกที่เราคุยกันอยู่นี่ ผมอยากให้มีหน่วยงาน ราชการทีจ่ ะต้องต้งั เปน็ วฒั นธรรมมรดกโลกมารบั ทราบปัญหา เพราะว่าอกี ไมก่ ่ีปีครูเพลงที่อยู่กันต่อหน้าก็ใกล้ จากไปแล้ว รุ่นผม ร่นุ พหี่ ญงิ รุ่นหน่อง ร่นุ คมคาย จะเก่งเหมือนคุณครูเขาหรือเปล่า ตอนน้ีพวกครูยังมีชีวิตอยู่ พวกเรายังเอาความรู้จากคุณครูได้ไปไม่หมด แล้วถ้าคุณครูเป็นอะไรไป มันหาย มันจะหายเหมือนกับเพลง พน้ื บ้านหลายๆ หมบู่ ้านท่หี ายไปแล้ว แม่ลาจวน ลงุ จง ป้าเนยี ง แมน่ กเอ้ียง แม่นกเอ้ียงจะมีเสียงท่ีแตกต่างกับ ศรีประจันต์ แมน่ กเล็กกจ็ ะแตกต่างอีกอย่างหน่ึง คนก็ชอบพดู กนั ถ้าไมไ่ ดส้ าเนยี งแบบนไ้ี มใ่ ชเ่ พลงพื้นบ้านไม่ใช่ เพลงฉอ่ ยไม่ใช่เพลงเรือ อย่าลืมนะครับนักเรียน สุพรรณมี ๑๐ อาเภอทุกอาเภอไม่เหมือนกัน แต่ละวิชาการ หรอื แต่ละอาจารยท์ เี่ ปน็ คนวิเคราะห์ก็ไมใ่ ช่สาเนียงสพุ รรณ แตท่ ี่จริงแลว้ มันคือรากเหง้า เพลงพ้ืนบ้านถ้าไม่ใช้

๔๗๗ สาเนียงพน้ื บ้านสาเนยี งชาวบา้ นไม่เพราะ อยา่ งลงุ กานันสาเริงเคยเหน็ อยู่ ๒ ครั้ง เขาก็ร้องสาเนียงของจังหวัด ระยองก็เพราะไปอกี อยา่ ง เร่ืองต่อไป ผมอยากให้ครูเพลงที่รู้จักหลายๆท่าน ผมอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบตรงน้ี อยากจะเอาความรู้ตรงน้ีรีบมากอบโกยก่อนที่คุณครูจะไม่ได้อยู่กับเราแล้ว ประการท่ีสอง นักวิชาการหรือว่า คุณครูบุคคลที่ต้องการฟังผลงานในด้านวิชาการเพ่ือท่ีจะทาให้ดีข้ึน เข้ามาเก็บความรู้ของครูบาอาจารย์และ สุดท้ายก็เอาไปใช้แล้วบอกว่าตัวเองน้ันแต่ง คุณครูที่น่ังอยู่ตรงน้ีเจ็บใจอยู่หลายๆ คน และเร่ืองต่อไปอย่าง หนว่ ยงานของสพุ รรณบรุ อี ย่างท่อี าจารย์หลายๆ ทา่ นพูด บรรจอุ ยใู่ นหลกั สตู รก็มีแต่เป็นวิชาเพิ่มเติมก็มีเฉพาะ วิทยาลยั นาฏศลิ ป์ แต่ในประถมมัธยมไม่ได้บรรจุ อย่างน้อย ม.๑ ร้องเพลงฉ่อย ม.๒ ร้องเพลงอีแซว คนที่จะ บรรจุเมอ่ื บรรจุในหลกั สูตรแลว้ เหมอื นเราบงั คับใหน้ กั เรียนๆ แตน่ กั เรียนทม่ี าเรยี นกันวนั นีม้ คี วามสุข ผมคิดว่า ถ้าลงในหลกั สูตรท้องถิ่น ทาในลักษณะบังคับ ก็จะมีความสุขได้เจอศลิ ปินพืน้ บา้ นพ่อเพลงแมเ่ พลง ท่านได้สอน อย่างมีความสุข สุดท้ายเร่ืองของจังหวัด เขาบอกว่าเพลงพ้ืนบ้านหยาบ แต่เวลาเต้นใบเตย คันหู สาวบางโพ กระเด้งหน้ากระเด้งหลังบอกเปน็ ศลิ ปะ ผมก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นก็เอาไอ้พวกนี้ไปเป็นมรดกโลก จะได้ดูกัน ทงั้ โลก แต่ผมก็ดีใจนักเรียนท่ีมาอบรมกันในวันน้ี หนูได้เจอคุณครูพ่อเพลงแม่เพลงที่ยังมีชีวิต ก็เป็นบุญ แล้ว เพราะสมยั ครูเรยี นๆ ตอนอายุ ๙-๑๐ ขวบ เพลงอีแซวของนักเรียนครูรุ่นแรกของโรงเรียนตลิ่งชันวิทยา ได้รับรางวัลพระราชทานปี ๓๙ และเพลงพื้นบ้านก็เลยดังต้ังแต่ตล่ิงชัน แล้วก็มาเร่ือยๆ เป็นส่ิงที่ครูผู้สอน ต้องการกระตุ้นให้นักเรียนรู้จักรากเหง้าของจังหวัดเรา จังหวัดอื่นก็มีความสาคัญ แต่ผมพูดในจังหวัดข อง สุพรรณบุรี ส่วนงบประมาณเวลาไปดูงานศึกษางานหน่วยงานของราชการแต่ละจังหวัด ๗-๘ แสน แต่มาให้ เพลงพ้นื บา้ นตังค์ไม่มี บางทีบอกไม่มีเวทใี ห้ เป็นนกั แสดงไม่มีเวทใี หก้ ็เทา่ นัน้ เหมือนจังหวัดนครนายกครับ ไม่ มีเวทใี ห้มนั กส็ ญู จะรอ้ งในห้องน้าเฉยๆเขาก็หาวา่ บา้ จังหวดั สุพรรณบุรีงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์มี ๑๑ คืน อย่าง นอ้ ยๆ น่าจะมเี พลงพื้นบา้ นให้ ๕ คนื หรือตามท่มี หี ัวหนา้ คณะ แต่มาบอกว่ามีแต่ประกวดดนตรีลูกทุ่ง ๓ ล้าน แล้วจังหวัดอ่ืนก็ได้แชมป์ พอได้แชมป์ปุ๊บจังหวัดเรามีงานเทศกาลต่างๆ เอามา จ้างมา ๒ แสน โดยไม่เอาที่ จังหวัดเรา ทีพ่ ูดคืออยากให้ผูน้ า แตพ่ ดู ไปเขาคงไม่รอู้ ะไร ก็รบกวนพวกเราว่านักเรียนท่ีมาอบรมถ้ามีรุ่น ๔ รุ่น ๕ ร่นุ ๖ ผมคดิ วา่ เราคงไมท่ ิ้งกนั ไมท่ ิง้ อาจารย์บวั ผัน ไม่ทิ้งอาจารย์ครเู พลงทุกท่าน ขอบคุณครบั (๑:๕:๕๒ ) ผศ. ดร. อภิลักษณ์ เกษมผลกูล: ขอขอบพระคุณอาจารยม์ ากครับ กเ็ ป็นกาลังใจให้กบั ครๆู และลกู ศิษย์ทุกคน ได้มาก และการที่เราได้พูดคุยกันในวันน้ีจะเป็นเสียงสะท้อนงานวิจัยไปถึงกระทรวง นี่ก็จะเป็นสิ่งหน่ึงที่ กระทรวงอยากจะใหเ้ ราทาประชุมครเู พลงเพ่อื ทีจ่ ะสะท้อนความคดิ กลบั ไป

๔๗๘ อ.เอนก นาวิกมูล: ขอสวัสดพี ีๆ่ ทกุ คนครบั ผมเอนก นาวกิ มลู ครับ ทจ่ี ริงผมกค็ ลุกคลีกับพ่อเพลงแม่เพลงมาตงั้ แตย่ ุค ๒๕๑๕ พดู ซา้ พดู ซากกนั มาตลอด เรื่องจะเก็บเพลง กนั ยงั ไงแลว้ จะส่งเสริมเพลงกันยงั ไง มาวนั นี้ยังตอ้ งพดู ถึงเรือ่ งน้ีกันอยู่ก็นา่ ประหลาดใจดีเหมือนกัน เหมือนกับ ทุกคนที่น่งั อยู่กับพ่อเพลงแมเ่ พลงข้างหนา้ แต่น่ายินดีครับที่พ่อเพลงแม่เพลงรุ่นครูยังมีกาลังพอที่จะถ่ายทอด เพลง อนั นีน้ า่ สนใจ ยังไม่หมดกาลงั ใจท่จี ะถา่ ยทอดเพลง เพราะฉะนน้ั คนท่ีมาเรียนเพลงในคร้ังน้ีหรือครั้งก่อน ก็แล้วแต่ ผมว่าโชคดีมากที่ได้ทันครูเพลงเหล่านี้ ก่อนหน้าน้ันมีครูเพลงหลายคนสมัยก่อนเยอะ ยุค ๒๕๐๐- ๒๕๑๐ ยังมีพอ่ เพลงแม่เพลงเกง่ ๆเยอะ แล้วกอ็ ยใู่ นจงั หวดั ตา่ งๆ มีเวทเี ล่นรอ้ งเพลงเล่นอย่างน้อยก็สังคีตศาลา พศ่ี รนี วลก็ไปหลายคร้ัง พี่ขวัญจิตก็ไปหลายครั้ง เก่าข้ึนไปอีกก็มี ยายกวด บุญล้น ยายทองหล่อ ยายทองอยู่ พ่อบวั เผื่อน แมบ่ ัวผัน กไ็ ดเ้ คยได้รอ้ งเพลงท่แี หง่ นัน้ ทสี่ ังคตี ศาลา ทีน้ีมานั่งเสียดายนิดเดียวตรงที่ว่ายุคนั้นมีครู เพลงเก่งๆ เยอะก็จริง แต่การบนั ทึกเสียงไมค่ อ่ ยดี ถ้าเปน็ ยคุ ๒๔๙๐-๒๕๐๐ ยงั มีเทปซ่ึงเขาเรียกว่าเทปรีล คือ เทปม้วนกลมใหญ่ ตอนนน้ั ยงั ไมม่ เี อ็มพีสาม หรือ อะไรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นก็ทากันอย่างประหยัด เทปรีลตอน น้นั เก็บเปน็ ม้วน ตอนนห้ี าเครอ่ื งมาเปิดแทบไม่มี ร่วนพังไปหมด แล้วก็ไม่มีคนซ่อม เพราะฉะนั้นเทปท่ีเคยอัด กนั ในยคุ นัน้ อยทู่ ่ีหลงั ตอู้ าจารย์เสรี หวังในธรรม ผมเคยถามเทปพวกน้เี กบ็ เพลงของใคร อาจารย์ก็บอกว่าเก็บท่ี เคยอัดๆไว้ท่ีสังคีตศาลา แต่ท่ีผมเคยถามคือยุค ๒๕๐๐ เกือบ ๔๐ ปีละ ไม่ปรากฏว่ามีการถ่ายโอนเทปเล็กๆ เพราะฉะนัน้ ป่านนไ้ี ม่รู้เปน็ ยงั ไงแล้ว คอื มนั อาจถกู โยนทิ้งไปก็ได้หรือว่าอยู่มันก็แห้ง มันขาด มันกรอบไปหมด นี่คือปัญหาที่ว่าไม่มีคนไปรับผิดชอบที่จะไปจัดการเร่ืองมรดกทางวัฒนธรรมท่ีเก็บ ทาแล้วก็ท้ิง ทาแล้วก็ท้ิง แบบน้ี ครเู พลงเลยตอ้ งมาร้องอยแู่ บบนท้ี กุ ครั้งไปซ้าๆซากๆ แตไ่ ม่เปน็ ไรผมไม่เบอ่ื รอ้ งไปจนกว่าจะตาย ในยุค ๒๕๐๐ ยังดนี ะครับในตอนน้นั พ่ีขวัญจิตไปร้องเพลงท่โี รงละครแห่งชาติ ผมก็ยังได้ถ่ายรูปกับพ่อ บัวเผื่อน แมบ่ วั ผนั พ่อไสว วงษง์ าม กับคนสุพรรณเยอะแยะไปร้องกัน พวกเมืองกาญ พวกพนมทวน ก็ไปร้อง เพลงเหย่ยที่โรงละคร ๒๕๐๐ แต่ไม่รู้ว่าใครอัดเสียงไว้บ้าง เหมือนกับว่ามันลอยไปตามลม ร้องเสร็จก็หายไป แตย่ ังดีพอปี ๒๒ คุณบญุ ชู โรจนเสถยี ร กรรมการผจู้ ัดการใหญข่ องธนาคารกรุงเทพ คณุ บุญชู โรจนเสถียร เป็น ผูใ้ หญ่ท่ีดมี ากสมัยก่อนเปน็ รัฐมนตรีการคลงั คุณบญุ ชู โรจนเสถยี ร เผอิญเป็นคนสนใจเร่ืองศิลปวัฒนธรรม แก่ กใ็ นฐานะผู้จดั การธนาคารกรุงเทพ กบ็ อกให้จดั ตง้ั ศนู ยส์ ังคีตศลิ ป์ กค็ อื ศิลปะทเี่ กยี่ วกับร้องราทาเพลง ท่ีบนชั้น ๓-๔ ของธนาคารกรุงเทพ สาขาผ่านฟ้า ตรงเฉลิมไทยเก่า ก็เปิดวันศุกร์ท่ี ๑๓ เมษายน ๒๕๒๒ ผมก็เลยไป ทางานท่นี น้ั ตง้ั แต่ช่วงปีน้ัน รายการประเดิมรายการทห่ี น่งึ คอื เพลงอีแซว พ่ีขวัญจติ ศรีประจันต์ มีพ่อไสว มีแม่ บัวผนั และกม็ คี ุณสาเนยี งด้วย ตอนนัน้ เสยี ดายทยี่ งั ไม่รู้จักพ่ีสุจินต์ เริ่มอัดเสียงอย่างดีเพราะว่าเขามีเครื่องเล่น เทปเป็นล้านเลย อดั เสยี งคร้งั ที่ ๑ วนั ศกุ ร์ท่ี ๑๓ เมษายน ๒๕๒๒ เทปเล่นครง้ั หนงึ่ ๒ ชั่วโมง รายการท่ีน้ันเปิด ให้คนดฟู รีประมาณ ๓-๔ ร้อยคนได้ ให้ดูฟรที กุ วนั ศุกร์ ทัง้ เพลงพ้นื บา้ น ทง้ั อาจารย์เสรี หวังในธรรม เล่นละคร

๔๗๙ ทงั้ วชิ าการ ทั้งดนตรไี ทย ทั้งศิลปะแขนงอ่ืน หมุนเวียนกันปีหน่ึงก็ ๕๗-๕๘ ครั้ง เขาก็เลยเก็บเทป ตอนหลังก็ เริ่มมีถา่ ยวีดโี อด้วย สมยั กอ่ นเลือกถ่ายเฉพาะของอาจารย์เสรี หวงั ในธรรมก่อน ก็เลยเสียดายรุ่นแรกๆ งบท่ีจะ ถ่ายสาหรับเพลงพื้นบ้านมันไม่มี เลยไม่มีรายการเพลงพื้นบ้านในวีดีโอยุคเก่า เพิ่งมามียุคหลังๆ จนผมทนไม่ ไหวเดยี วพ่อเพลงแมเ่ พลงตายก่อน ปี ๒๕๒๕ ผมเคยซ้ือเคร่ืองบันทึกวีดีโอมาเคร่ืองหนึ่ง เงินเดือนผมตอนนั้น สกั ๓๐๐๐ ได้ ซื้อเครือ่ งถา่ ยวดี ีโอสว่ นตวั มา ๔-๕ หม่นื มันไมไ่ ด้ใช้งา่ ยเหมือนปัจจบุ ัน แลว้ มันก็หนักประมาณ ๒๐ กโิ ล แบกไปกลอ้ ง ๒ ตวั ๓ ตวั ๑ กลอ้ งถ่ายขาวดา ๒ กล้องถ่ายภาพสี ๓ กลอ้ งถา่ ยสไลค์ ๓ อย่างแขวนไว้ ม่ีคอพรอ้ มกบั เครือ่ งอดั อกี ๒๐ กโิ ล กม็ าถ่ายเพลงที่ร่นุ ศรีประจันต์ ปี ๒๕๒๕-๒๕๒๗ มาจัดรายการกันท่ีนี่ ใช้ งบเพ่ือนฝูงรวมกนั เรยี กวา่ กลมุ่ ศึกษาเพลงพืน้ บา้ น มไี มก่ คี่ นกจ็ ัดอะไรตอ่ อะไรกันแล้วเอากล้องมาถ่ายตามตี าม เกิด เดยี วนีก้ เ็ หลอื อยู่สักส่วนหนึ่ง ไอท่มี ันซีดไปก็มีเยอะ วีดีโอมันเสื่อม กว่าเอาจะเอาเทคโนโลยีมารับมาถ่าย เป็นดีวดี ี มนั ก็เส่ือมลงไปเยอะ ตอนนเี้ ครอ่ื งวีดีโอหายาก โซนี่แต่เดิมผลิตเครื่องเล่นอัดข่าวจากทีวีได้แต่ตอนนี้ ไม่มีขายแล้ว ไม่ทาขาย อะไหล่ก็ไม่มี สรุปแล้ว ต้องช่วยเหลือตัวเองซะเยอะเพราะว่าทางหน่วยงานราชการ ทางกระทรวงและโดยเฉพาะอย่างยิง่ ผู้ใหญ่ท่ีอย่ใู นช้นั สูงสุดคอื รฐั มนตรบี อกวา่ ท่านยังไมม่ องลกึ ลงมาอย่างพ่อ เพลงแมเ่ พลง หรอื ศลิ ปะแขนงนี้ สกั เท่าไหร่ การบนั ทกึ การสนบั สนุนก็เป็นอย่างท่ีเรานั่งบ่นกัน ยังดีนะครับท่ี มหาวทิ ยาลยั หอการค้าไทย อาจารย์บัวผันมาฟ้ืนฟูให้ ๗-๘ ครั้งละ มันก็เร่ิมดีขึ้นมาอีก แต่จริงๆแล้วมันต้องดี ท้ัง ๒ ส่วน คือทางราชการและเอกชน เอกชนมาเริม่ ต้นให้ช่วยกัน มันต้องดี ๒ ส่วนร่วมกันถึงจะไปได้ ผมขอ พูดแคน่ ลี้ ะกัน ขอบคุณมากครับ ( ๑:๑๗:๑๖ ) ผศ. ดร. อภิลักษณ์ เกษมผลกูล: ขอบพระคุณอาจารย์เอนก มากครับ อาจารย์ทาให้เราเห็นว่าข้อมูลตั้งแต่ ๔๐-๕๐ ปีที่แล้วค่อนข้างมีความลาบากมาก ผ่านไปแล้วหลายปี ก็ยังพูดประเด็นเดิม ก็เป็นสิ่งที่น่าคิดและ น่าช่ืนชมนะครบั วา่ ครเู พลงทกุ คนยงั มีความเปน็ ครูอยู่เหมือนเดิม ที่น้ีอยากขออนุญาตฟังเสียงลูกบ้างนะครับ เราเรียนเพลงในคา่ ยมา ๗ วัน เรารอ้ งอยา่ งเดียวเราไม่เคยที่จะคุยกันเลยว่าการที่เราได้รับความรู้จากครู หรือ ว่าการทีเ่ ราจะได้รับการถา่ ยทอดเราร้สู ึกยงั ไง แลว้ ทาไมเราถึงเหน็ คุณค่าของเพลงพ้ืนบ้าน อยากฟังเสียงเด็กๆ บา้ งครับ ( MOV๐AD ๑:๑๘:๐๙ ) นางสาวธนาวรรณ หว้ ยกระเจา: ขอกลา่ วเปน็ ความรู้สึกนะค่ะ รู้สึกดีใจมาก รู้สึกภูมิใจวัฒนธรรมในบ้านของ เราเอง ไดม้ าสัมผัสอะไรที่ไมเ่ คยได้สัมผสั ได้มาเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ ได้มาเห็นประสบการณ์ได้เห็นหลายๆสิ่ง หลายๆอย่างเกิดขน้ึ ในค่ายน้ี ร้สู กึ ดใี จเพราะพ่อครแู มค่ รเู ตม็ ท่มี าก ก็ต้องขอขอบคณุ พ่อครูแม่ครูมากนะค่ะ หนู ได้อะไรเยอะเลยจากทห่ี นูเคยมอี ยไู่ มถ่ ึง ๕% ถามว่าเต็ม๑๐ ให้ตัวเองเท่าไหร่คงให้แค่ ๗ เพราะว่ายังต้องเก็บ เกีย่ วอะไรท่มี นั มากมายกว่าน้ี ได้มาทากิจกรรมร่วมกนั ได้มาอยู่เรียนรู้การทางานเป็นกลุ่ม ได้ความสามัคคีได้รู้ ถึงน้าใจของเพื่อนๆ น้องๆ พ่ีๆ หลายๆคนค่ะ ก็อยากจะขอบคุณแม่บัวผัน คุณครูทุกๆคน และ พี่ๆพ่ีเล้ียง ขอบคณุ ค่ะ

๔๘๐ นายเมธี รัษฎานุกูล : ครับ ในเรื่องเพลงพื้นบ้านผมว่าการท่ีจะอนุรักษ์ส่ือสารต่อไปได้นะครับ เราต้องพ่ึง กระแส เด็กวัยรุน่ สมยั นี้จะตามติดกระแสกันตลอดเลย แตว่ า่ คาว่ากระแสมันมาแล้วก็หายไปใช่ไหมครับ แต่ถ้า เราเปล่ยี นกระแสเป็นค่านิยมได้มันจะเป็นส่ิงท่ีดีครับ เพราะจะทาให้คนรุ่นหลังๆมองเห็นความสาคัญและสืบ ทอดต่อไปได้ ท่ีเราเห็นนะครับอย่างจาอวดหน้าม่านเขาเอาเพลงฉ่อยมาเล่นกันทาไมคนดูถึงติด เพราะเขา เข้าถึงคนดเู ข้าใจอารมณ์คนดู คนดูตอ้ งการอะไรจะถา่ ยทอดยังไงให้คนดูฟัง เขาเข้าใจถึงจุดๆนี้ ก็เลยทาให้เกิด ความประทับใจและบนั เทิงใจของผดู้ ูผ้ชู มใหต้ ิดตามสนใจตอ่ ไปได้ เราก็เลยต้องหันมามองตัวเองว่า วันน้ีเราทา อะไรให้คนรนุ่ หลงั ๆเขารสู้ กึ ประทับใจในตัวเราหรอื เปลา่ เพราะเพลงพ้นื บ้านมันเป็นของยาก คาบางคาเป็นคา โบราณ กลอนเกา่ ๆเป็นกลอนโบราณ มันก็ดีที่เราต้องอนุรักษ์รักษาไว้ แต่ว่าคนรุ่นใหม่บางทีฟังไม่รู้เรื่องมันก็ เลยทาให้เบ่ือ อย่างโขนละครบางทีพากย์กันคาบางคาก็ฟังไม่รู้เรื่อง บรรจุอยู่ในวิชาเรียนทุกวันยังไม่รู้เลย ฉะน้นั เราควรท่ีจะมาปรับปรุงตวั เราว่า ทายังไงทจ่ี ะนาเสนอออกไปแล้ว ดูง่าย ฟงั ง่าย เขา้ ใจง่าย จะทาให้เพลง พนื้ บา้ นสืบสานต่อไปยันช่ัวลูกชั่วหลานไม่หายไป ส่วนเร่ืองมรดกโลกเราควรที่จะทาและช่วยกัน แต่ผมก็ไม่รู้ ทางดา้ นกฎหมายเขาทากันยังไง ก็ขอฝากวอนผู้ใหญ่ขอให้ทาให้สาเร็จผมจะคอยดู ขอบคุณครับ ( MOV๐AD ๑:๒๑:๕๖ ) ผศ. ดร. อภลิ ักษณ์ เกษมผลกลู : เราจะเห็นได้ว่าลูกๆ พยายามที่ช้ีให้เห็นว่า มันมีความสาคัญ ๒ ส่วน ส่วนที่ อยากจะปลูกฝังเพลงพื้นบ้านให้กับเยาวชนรุ่นใหม่จะต้องมีการปรับบางอย่าง ขณะเดียวกันเพลงแบบเดิม จะตอ้ งมีแนวทางในการอนรุ กั ษเ์ พ่อื ที่จะใหเ้ หน็ ของดงั้ เดมิ ด้วย อยากฟงั เสียงเด็กๆ อีกสักนิดหนึ่ง ( MOV๐AD ๑:๒๒:๓๓ ) นายเมธี รัษฎานกุ ูล : ครับ ผมในฐานะเยาวชนค่ายเพาะกล้า ขอแสดงความคิดเห็นเรื่องการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก ประเด็นน้ีผมเห็นด้วยท่ีให้มีการข้ึนทะเบียนมรดกโลก เพราะว่ามันจะแสดงความเป็นเอกลักษณะ ของเราวา่ อนั นเ้ี ป็นของๆเรา ถา้ เกดิ มีเพ่ือนบ้าน อย่างหนังใหญ่เขมรก็ชิงจดทะเบียนไปก่อน แล้วถ้าเกิดเขามา ตามจดทะเบียนอย่างอื่นที่มันคล้ายๆของเราอย่างเพลงพ้ืนบ้านทานองเพลงต่างๆ มันก็กลายเป็นของเขาไป หมดเลย อยา่ งเขาพระวหิ าร เราก็น่งิ เฉยกนั มานานก็เลยเสียให้เขมรไป อยา่ งนอ้ ยถา้ เกดิ เราจดไป แล้วประเทศ อื่นมาโต้แย้งว่ามันเป็นของเขาแต่ก็ขอให้เราได้ต่อสู้แสดงถึงว่าเราก็เป็นเจ้าของ ถ้าเกิดว่าในขึ้นมรดกโลก กลายเปน็ ของเขมรไปแล้ว เด็กไทยทีจ่ ะมาเรยี นเพลงพนื้ บา้ นก็อาจไมอ่ ยากเรียน เพราะอาจรู้สกึ วา่ มนั ไม่ใช่ของ เราเอง การจดทะเบียนเพลงพ้นื บา้ นไม่ว่าจะภาคกลางหรือภาคไหนๆ ถา้ ไดจ้ ดข้ึนมาแล้วมันก็จะเป็นประโยชน์ ในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยแก่ชาวโลก ถ้าชาวต่างประเทศมาสนใจในการศึกษาเพลงพื้นบ้านก็จะไม่มี แหลง่ ข้อมลู แตถ่ ้าเราได้ขึ้นทะเบียนเป็นเพลงๆ มีข้อมูลให้ดูมันก็จะง่ายต่อการศึกษาและง่ายต่อการเผยแพร่ วัฒนธรรมไทยใหช้ าวโลกรจู้ กั ยง่ิ ขน้ึ ส่วนเร่ืองการอนุรักษ์เพลงพ้ืนบ้านให้อยู่กับแผ่นดินไทย ในความคิดผมไม่ เห็นด้วยกบั การท่ผี ู้ใหญห่ ลายๆท่านจะมาบอกว่าให้เด็กๆช่วยกันอนุรักษ์ช่วยกันสืบสาน เพราะว่าถ้าเด็กไม่ได้ รู้จกั เพลงพน้ื บ้านไมไ่ ดช้ อบเพลงพื้นบ้านแล้วอยู่ดีๆมีคนมาส่ังให้อนุรักษ์มันจะรู้สึกขัดแย้งไม่อยากทาตาม ผม

๔๘๑ คิดว่าการจะใหเ้ พลงพ้นื บ้านสบื สานต่อไปได้เรอ่ื ยๆอยา่ งแรกมนั ต้องทาใหเ้ ดก็ ชอบกอ่ น เหตุที่ผมมาเข้าค่ายตรง นี้หรือที่ผมเลือกเรียนเอกภาษาไทยไม่ได้เป็นเพราะผมอยากอนุรักษ์แต่เป็นเพราะว่าผมชอบ การท่ีจะทาให้ ชอบได้ต้องให้เด็ก ได้ฟัง ได้ดู ได้รู้ อีกอย่างหน่ึงคือเนื้อเพลงหรือเนื้อหาที่พ่อๆแม่ๆร้องกันมีเนื้อหาท่ีสะท้อน ค่านยิ มของวฒั นธรรมไทยอยู่แล้ว พอคนไทยฟังมันจะต้องรู้สึกอบอุ่นรู้สึกว่าเป็นของเราเองอยู่แล้ว แต่ว่าเด็ก รุ่นใหม่ที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีค่านิยมต่างประเทศ เขาอาจไปชินกับทานองไปชินกับจังหวะต่างชาติ มากกว่า ถ้าเกิดว่าเราสามารถทาให้จงั หวะทานองของเพลงพื้นบ้านเข้ามาเป็นจังหวะในใจของเด็กได้ มันก็จะ ชอบแล้วสักวันหนึง่ เขาก็อาจอยากหัดจรงิ ๆจังๆก็ได้ ขอบคณุ ครบั ( MOV๐AD ๑:๒๖:๒๐ ) ผศ. ดร. อภิลักษณ์ เกษมผลกูล: จากการประชุมกันในวันน้ีหลายๆคนก็จะเห็นว่า เราจะเห็นด้วยกับการที่ ข้อกาหนดบทกฎหมายต่างๆท่ีเราจะผลักดันให้เกิดความสาคัญ บทบาทของเพลงพื้นบ้านให้เด่นชัดข้ึนสิ่ง เหล่าน้ใี นการข้นึ ทะเบียนมรดกภมู ิปญั ญาวฒั นธรรมแห่งชาติตลอดจนเข้าไปเป็นภาคีอนุสัญญามรดกท่ีจับต้อง ไม่ได้ของ ยูเนสโก(Unesco) อย่างหน่ึงจะเป็นการกระตุ้นให้คนไทยได้เห็นความสาคัญของเพลงพ้ืนบ้าน โดยเฉพาะจะเป็นกฎหมายใหห้ นว่ ยงานของรัฐหันมาให้ความสาคัญกับการจัดการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมภูมิ ปัญญาโดยเฉพาะเพลงพ้ืนบ้านไว้ด้วย สุดท้ายน้ีอยากฟังแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ปิดงานคร้ังนี้ในแง่ของการ ประชมุ วา่ ในฐานะศิลปินเพลงพืน้ บ้านสาขาการแสดงพืน้ บ้านเพลงอีแซว ให้แมวได้แสดงความคิดเห็นสะท้อน ถึงกระทรวงวัฒนธรรม รวมไปถึงการข้ึนทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรมแห่งชาติ ว่าสิ่งเหล่านี้มี ความสาคญั ยงั ไงในฐานะที่เป็นศิลปินและในฐานะที่เป็นศิลปินแห่งชาติด้วย อยากให้แม่ฝากไว้ครับ ( MOV๐ AD ๑:๒๘:๐๓ ) แม่ขวญั จติ ศรีประจันต์: สวัสดีค่ะอาจารย์ทั้งหลายและก็ลูกๆเพาะกล้ารุ่นท่ี ๓ พ่ีเล้ียงทุกคน เราก็เห็นตรงนี้ กันมานานแล้ว แล้วสงิ่ ท่ีอยากจะพดู อาจารย์หลายท่านก็พดู แทนไปหมดแลว้ เรอื่ งของมรดกโลกยังไม่อยากพูด เพราะฉันร้ไู ม่จริง แต่เรอื่ งที่จะทายังไงให้เด็กชอบก่อน การที่เดก็ ชอบเด็กรู้จักเขาก็ต้องอยากร้อง ครูเอาตัวเอง มาเปรียบเมอ่ื ก่อนนี้ก็ไม่เคยสนใจ นา้ ผัน นา้ ไหว มาเล่นขา้ งบ้านดๆู หน่อยกไ็ ม่รู้อะไร แตพ่ อไดร้ ู้แล้วก็อยากร้อง อยากฝกึ ลเิ กละครกเ็ หมอื นกนั พอเห็นเรากอ็ ยากร้องอยากฝกึ เพราะฉะนน้ั เดก็ รุ่นหลงั สื่อท่ีกรอกหูอยู่ทุกวันนี้ มันชีโ้ บ๊ชีเ้ บ้ แล้วเพลงลกู ทุง่ ทกุ วันนม้ี ันอะไรก็ไม่รู้เดก็ ๆมันไดย้ นิ ทุกวัน พวกเราปีๆหนึ่งพวกเราจะได้ขึ้นเวทีสัก สามอึดใจ มันลาบากตรงน้ีแหละ เราไม่มีบุญพอท่ีจะไปโผล่หน้าจอบ่อยๆ ตอนนี้อีกเรื่องท่ีอยากบอก วฒั นธรรมจงั หวดั สนทิ กันทางานดว้ ยกันมาตลอด แตเ่ ขาก็ไมเ่ คยพดู ถึงตรงน้ี พอแกยา้ ยไปอย่จู งั หวัดกาญจนบุรี พาไปเร่ือยเลยไมร่ งู้ านอะไรบา้ งเขากพ็ าเราไป ไปเผยแพร่ ไปสัมมนา ของวิทยาลัยราชภัฏกาญจน์ แต่ว่าอยู่ใน สพุ รรณแทบทกุ วนั แตก่ ็ไม่พูดเรือ่ งน้เี ลย ยังอยากปรกึ ษา พัฒนาสังคมสมัย ผอ.อนุสรร เขาก็จะส่งเสริมตลอด เด็กต้งั แต่ เขต ๒ เขต ๓ กจ็ ะไดไ้ ปงานของพัฒนาสงั คมทาอะไรตอ่ อะไร งานเพลงพื้นเมอื งตรงไหนเด็กๆก็ได้ไป

๔๘๒ โผลก่ ันหนอ่ ยๆ นั้นคอื พฒั นาสงั คมคนใหม่ที่มาดูแลก็ยังไม่รู้จักเขาหรอกนะไม่รู้ว่ายังไง มันมีรายการโทรทัศน์ เคยพูดออกรายการทเี่ คยๆ คุณพระช่วยที่ไปเคยถ่ายเทปแรก ไม่มีห้องตัวเองหรอก ก่อนถ่ายก็ไปเจอคนหนุ่ม เรือ่ ยไมเ้ ดยี วมเี สียงเคาะ ไม่รวู้ า่ หรอื ซอ้ ม แล้วมาถา่ ยหนงั เรื่องลูกทุ่งฮอลเิ ดย์ ละครหนมุ่ สาวชาวหมอ เอาเราไป เลน่ เปน็ ตัวอะไรตอ่ อะไรท้งั คณะ แตเ่ ป็นคนอน่ื คุณปัญญากเ็ ห็นเราเลน่ เราถา่ ยละคร พอถึงเวลาจริงๆไม่มี แล้ว เมอื่ ๒ หรือ ๓ ปี ทไ่ี ดร้ างวลั เพชรภาษา แม่บัวนแ่ี หละท่ที าให้เราได้ไปดว้ ย กน็ ั่งคอู่ ยู่กับคุณปัญญาก็ได้คุยกันว่า คณุ ปัญญาลมื แม่แลว้ ม้ังเน่ยี เคยนอนรวมดินมาดว้ ยกัน แม่อยากออกนะคุณพระช่วย เข้าใจไหมอยากออก แต่ เขาคงคดิ ว่าเราคงอยากออกไปใหพ้ ้นเขา พูดกันถึงขนาดนั้น แต่ก็ต้องชมเชยเขาหน่อยว่าถึงยังไง หนึ่งปีก็ต้อง ไดโ้ ผลห่ นหนึง่ อนั นี้เขาก็ไม่ลืมเรา แลว้ อีกอันคอื ไอ้ทจี่ ะใสเ่ อช่าไปในไตเต้ิลเขาน่ะ ก็ทาดนตรีแล้วมันใสเอช่าไม่ เข้า ไม่รทู้ าไง ตามไปอีกแลว้ ดนตรีกม็ าแล้วมันก็จะเอชา่ ซ้อน เขาก็ถามว่าทาไมดนตรีไม่ลดเสียงมาให้เป็นเอช่า ละมนั จะไดส้ วมเข้าไป เรากน็ กึ ไม่ออก นักดนตรีก็เก่งๆกันท้ังนั้นเลย ตอนนั้นแม่น่าจะไปกระโดดโลดเต้นตรง นน้ั บ้างนะ ไมม่ หี รอกไม่มี มนั เปน็ ความอาภพั ของเพลงพนื้ บา้ นพนื้ เมอื ง แต่ฟังคาแม่ตะลุ่ม แม่สงวน แม่บัวผัน ปา้ ทุเรยี น เพราะแม่จะไม่ค่อยถกู กับสภุ าพบุรษุ เขาก็พดู บอก มันไม่สูญหรอก เล่นมาหลายสมัยแล้วเดี๋ยวมันก็ มบี า้ งเดยี วก็หายไปบา้ ง เด๋ยี วก็มเี ดก็ โผลม่ าคนสองคนเดี๋ยวกไ็ ปอกี รอบไปอกี รอบ แม่ตะลุ่มบอกโลกมันกลมมัน หมนุ ใชไ่ หม มนั หมนุ ไปเจอมดื เดียวกห็ มนุ ไปเจอตะวนั ไม่ตอ้ งไปยงุ่ มนั หรอกมนั อยู่ แต่อยู่แบบยากจน แต่เสร็จ แลว้ เมอ่ื อาจารยบ์ ัวผนั ต้องการจะทาจดุ นี้เอาไปผูกมดั ว่าสุพรรณของคนไทย ไม่ตอ้ งไปอยปู่ ระเทศอนื่ จะทันเขา หรือเปล่าเขาเอาอะไรไปม่ังแล้วก็ไม่รู้ จริงๆแล้วแม่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเลย เพราะฉะนั้นก็ต้องช่วยกันท่านครูบา อาจารย์ นกั วชิ าการ ท่านที่มีศิษย์ มีปัญญาในตรงน้ีๆ เราก็อยู่ตรงนี้ๆ เราไปไม่ถึง แต่ก็ขอร่วมแรงร่วมใจ พอ เหน็ นกั เพลงเยอะๆแลว้ ยงั นึกเลยว่าลาตัดยังหลงซ้อนอยู่ตามตะเข็บอีกเยอะ คราวหลังถ้าทาอีกเอามาให้หมด เลยเทา่ ทจี่ ะมชี ีวติ ถ้าไมม่ ีชีวติ ไมต่ อ้ งเอามานะไม่รจู้ ะเอาสารบั ข้าวไปต้ังตรงไหน แลว้ เพลงอแี ซวก็ยังมแี อบๆอยู่ อกี นะ แต่วา่ แอบอยู่น้อยกว่าเพราะดงึ มาปรากฏเยอะแลว้ ไอ้ที่แอบๆอยยู่ งั มีอีกหลายคนมีคุณภาพท้ังน้ัน ที่ช่ืน ใจอีกอย่างคือ เขาอ่านหนังสือไม่เก่ง เขาท่องเพลงเก่งเขาจาได้ แม่เน่ียนะตอน ป.๔ ก็เก่งกว่าคนอ่ืนนะแต่ เดี๋ยวนีแ้ พเ้ ด็ก แตง่ ใหเ้ ขาแล้ว ก็ลมื เอาไปรอ้ งไปตดิ มัง่ อะไรมัง่ ไปตดิ แลว้ เด็กมนั กว็ า่ เอาเธอไปเอาของมันมาร้อง เพลงแค่ ๕ นาที ไปเอาของมันมาร้องแล้วมันจะร้องอะไร คมคาย ติ๊งหน่อง สาลี มาบอกว่าถ้าไม่สงสารว่าถ้า บา้ นนจี้ ะไม่มีใครเฝ้ามนั จะฆา่ ทิง้ บางทเี ราก็นึกไมอ่ อกเรากเ็ อาไปร้อง พอหมดเวลาพวกน้ันก็ไม่ได้ร้อง มันก็ได้ เทา่ น้ีละนะรุ่นนีล้ ะ แม่กเ็ ปรยี บเหมือนรถตุ๊กๆคนรุ่นนี้ แต่การงานท่ีแม่ได้รับทุกวันมันเหมือนรถพ่วง มันเยอะ เกนิ สมองบางทกี น็ อนไมห่ ลับตาคา้ ง ตามันจะหลบั แต่ใจมนั บอก งานยังไม่เสร็จ และขนาดน้ีกาลังจะมีทายาท กาลงั จะตาลอย งานมนั ไมเ่ สรจ็ อ่ะนะมันเลยตาลอย ฉะน้ันเราเลยต้องฝากกันเองเนี่ยละดูแลกันไป และขอให้ วิญญาณของแมต่ ะลุ่มหมนุ โลกไปถงึ ตะวันไวๆ หรือไปแช่ทดี่ วงตะวนั นาน กม็ ั่นใจว่ามันมีเกิดแล้วล่ะ แต่ว่าเกิด มาอาจเปน็ ลกู ผสมเรากต็ ้องยอม ย่งิ เดก็ อแี ซวได้ รอ้ งเกาหลีได้ รอ้ งใหไ้ ดท้ ุกภาษามาเด๋ียวอาเซียนมาร้องให้มัน

๔๘๓ มึนไปเลยลกู เอาทัง้ ๙ ภาษาไปเลย ภาษาเรายังไมต่ อ้ งหัด เดี๋ยวแม่จะไปน่ังตบมือนัตถ์ุยานัตถุ์ข้างหน้า ต้องทา ให้ได้นะ ถา้ ไม่ได้แมจ่ ะกลนั้ ใจตาย เทา่ นี้ละคะ่ สวสั ดีคะ่ ( MOV๐AE ๐๙:๓๐ ) ผศ. ดร. อภลิ กั ษณ์ เกษมผลกูล ขอชอบพระคณุ แมข่ วัญจติ ศรปี ระจันตม์ ากนะครบั ก็เป็นการปดิ การประชุมที่ สวยงาม แม่ทาให้เห็นว่าความสาคัญของเพลงพ้ืนบ้านรวมถึงวัฏจักรของเพลงพื้นบ้านยังคงอยู่ แต่เราจะทา ยังไงใหม้ นั สบื ทอดหมุนไปทางสวา่ งอยูต่ ลอดแล้วให้นานที่สุดคิดว่าวันนี้การประชุมรับฟังแนวคิดและแนวทาง ในการปกปอ้ งคุ้มครองเพลงพื้นบ้านภาคกลางในฐานะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ก็คงจะได้ข้อสรุปข้อยุติ ในทางเดียวกนั ว่าเราทกุ คนสนบั สนนุ ท่จี ะขึ้นทะเบยี นมรดกภูมปิ ัญญาวฒั นธรรมแห่งชาติ ทุกท่านเห็นด้วยและ เห็นพ้องตรงกันว่าเราจะผลักดันในการขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรมแห่งชาติของเพลงพ้ืนบ้านภาค กลาง ก็ตอ้ งกราบขอขอบพระคุณครเู พลงทุกท่าน ขอบคุณผูส้ บื ทอด ทายาท ลูกๆทุกท่านนะครับ ท่ีผลักดันให้ เกดิ วันน้ี แลว้ เราจะนาเสียงสะท้อนส่งไปที่กระทรวงเพ่ือท่ีจะข้ึนทะเบียนมรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรมแห่งชาติ และเปน็ ระดบั นานาชาตติ ่อไป ขอบคุณครับ ( MOV๐AE ๑๐:๔๕ ) ..........................

๔๘๔ เอกสารแนบท้าย ๘ คากลา่ วรายงาน พธิ ีเปิดคา่ ยเพาะกล้าพนั ธเุ์ ก่งเพลงพน้ื บา้ น โครงการเพลงพ้นื บา้ นภาคกลาง ของผู้ช่วยศาสตราจารยบ์ ัวผัน สุพรรณยศ หวั หน้าโครงการ วนั อังคารที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๓.๐๐ น. ณ ศูนย์ภูมปิ ัญญาไทย บา้ นแมข่ วัญจิต ศรปี ระจันต์ จังหวัดสุพรรณบรุ ี ...................... เรียน ผอู้ านวยการสานัก ................กรมสง่ เสริมวฒั นธรรมและผมู้ เี กียรตทิ ุกทา่ น ในนามของคณะกรรมการดาเนนิ โครงการรสู้ กึ ซาบซึ้งและยนิ ดีอย่างย่งิ ที่ท่านผอู้ านวยการ.............ให้ เกียรติเป็นผู้แทนของท่านอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรมมาเป็นประธานในพิธีเปิดค่ายเพาะกล้าพันธ์ุเก่งเพลง พื้นบา้ น โครงการเพลงพ้นื บา้ นภาคกลางในวนั นี้ ภาคกลางของไทยเป็นแหล่งขุมทรัพย์ภูมิปัญญาด้านเพลงพ้ืนบ้าน แต่ด้วยเหตุที่ภาคกลางเป็น “แหล่งอขู่ า้ วอนู่ า้ ” ท่ีสมบูรณ์เพียบพร้อม จึงเป็นที่ท่ีรองรับผู้คนจากหลายท่ีหลายถิ่น หลายชาติพันธ์ุ และยัง เป็น “ แอ่งน้าใหญ่” ที่สายธารวัฒนธรรมอันหลากหลายไหลทะลักเข้ามาหลอมรวมปะปนโดยง่าย เพลง พ้ืนบ้านส่วนใหญ่ต้านกระแสวัฒนธรรมข้ามชาตไิ ม่ไหวกล็ ้า เสื่อมและสญู ไปอยา่ งน่าเสยี ดาย ปจั จบุ นั เพลงพน้ื บา้ นภาคกลางยังคงเหลือเพยี งไม่ก่ชี นิด เชน่ เพลงฉอ่ ย เพลงอีแซว ลาตัด และเพลง เรือ เหตุที่ยังมีลมหายใจแผ่วรินอยู่ได้น้ันส่วนหน่ึงเพราะการส่งเสริมสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะจากกลุ่มปราชญ์ท้องถิ่น ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินพื้นบ้าน ครูเพลงและผู้ถ่ายทอดต่าง ๆ แต่นับวัน บุคคลเหล่านี้จะยิ่งลดจานวนลงอย่างน่าใจหาย หลายท่านเสียชีวิตแล้ว เช่น แม่ประยูร ยมเยี่ยม และพ่อ หวงั เตะ๊ ท่ยี ังคงเหลืออยู่ส่วนใหญก่ ็เปน็ ผสู้ ูงอายุ เพลงพื้นบา้ นภาคกลางจงึ นับวนั จะอ่อนแอและอ่อนลา้ ลง ด้วยเหตุท่ภี าคกลางเปน็ แหลง่ ภมู ิปัญญาดา้ นเพลงพ้นื บา้ นท่ีสาคัญของประเทศ และนับวนั ผู้ถ่ายทอด ทีม่ ีความรคู้ วามสามารถจะลดน้อยลง กอปรกับนโยบายส่งเสริมสนับสนุนการรวบรวมและจัดเก็บองค์ความรู้ ของชาติ ของกรมส่งเสรมิ วฒั นธรรม คณะผู้วจิ ัยและคณะกรรมการดาเนินงานจึงจัดค่ายเพาะกลา้ พันธ์ุเก่งเพลง พืน้ บา้ นครั้งน้ีข้นึ โดยมีวัตถปุ ระสงค์ดงั น้ี ๑. เพ่อื รวบรวมและจดั เก็บองค์ความรู้เกี่ยวกบั เพลงพืน้ บา้ นภาคกลางซง่ึ ชมุ ชนมสี ว่ นร่วม ๒. เพ่ือกระตุน้ จติ สานึกในการสร้างสรรค์ การสืบทอดและการพิทักษ์รักษาเพลงพื้นบ้านภาคกลาง ซ่ึงจะทาให้เกิดความพยายามในการพัฒนาแนวคิดและการปฏิบัติเพื่อปกป้องคุ้มครองมรดกภูมิปัญญาด้าน เพลงพืน้ บา้ นภาคกลาง

๔๘๕ ๓. เพ่ือปกป้องคุ้มครองมรดกภูมิปัญญาด้านเพลงพ้ืนบ้านภาคกลาง อันจะนาไปสู่การเสนอขึ้น ทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ และนาเสนอยูเนสโกให้เป็นมรดก ภูมิปัญญาทาง วัฒนธรรมของมนุษยชาติในลาดับต่อไป รูปแบบของกิจกรรม เป็นการจัดค่ายอบรมเชิงปฏิบัติการเพลงพื้นบ้านภาคกลาง ๕ ชนิด ได้แก่ เพลงฉอ่ ย เพลงทรงเครอื่ ง เพลงเรอื เพลงอีแซว และลาตัด ให้แก่ผู้แทนกลุ่มประชาคมที่สืบทอดเพลงพ้ืนบ้าน ในเขตวฒั นธรรมภาคกลาง ๓๕ จงั หวดั รวมทัง้ สนิ้ ๗๐ คน ระหว่างวันท่ี ๑๕ – ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ ศูนย์ ภูมปิ ัญญาไทยแหง่ น้ี เพ่ือดาเนนิ การศกึ ษากระบวนการถ่ายทอดและสืบทอดเพลงพื้นบ้านภาคกลาง และเพ่ือ จัดการประชมุ ตรวจสอบ ยืนยันและลงฉนั ทามตขิ อ้ มูลเพลงพ้ืนบ้านภาคกลาง การจดั คา่ ยเพาะกลา้ ฯ ในคร้งั น้ีใช้งบประมาณจากทนุ สนบั สนุนการวจิ ัย ประจาปี ๒๕๕๗ โครงการ เพลงพ้ืนบ้านภาคกลาง ของกรมส่งเสริมวฒั นธรรม จานวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท และทุนสนับสนุนจากชมรมรักษ์ เพลงพ้นื บา้ น จานวน ๙๖,๒๕๐ บาท รวม ๒๙๖,๒๕๐ บาท คณะกรรมการดาเนินงานจึงใคร่ขอขอบพระคุณ ในกรณุ าของทกุ ทา่ นมา ณ ทนี่ ี้ นอกจากทุนในการดาเนินงานแล้ว ขวัญกาลังใจและความร่วมแรงร่วมใจของคณะครูเพลงและ ผู้สืบทอดเพลงพ้นื บา้ นภาคกลางจากทกุ ทอ้ งทีท่ กุ คนนับเป็นสว่ นสาคัญย่ิงให้โครงการนี้เกิดขึ้นและสาเร็จได้ จึง ขอประกาศเกียรติคุณทุกท่านไว้ ณ ท่ีนี้และจะจารึกคุณความดีไว้ในรายงานวิจัยให้เป็นหลักฐานปรากฏ ตลอดไป บัดนี้ได้เวลาอันสมควรแลว้ ขอเรียนเชญิ ท่านประธาน ผ้อู านวยการ............................................ ให้เกยี รตกิ ลา่ วเปิด “คา่ ยเพาะกลา้ พันธ์ุเก่งเพลงพนื้ บ้าน” ..................................

๔๘๖ เอกสารแนบท้าย ๙ คากล่าวเปิดงาน พิธีเปดิ คา่ ยเพาะกล้าพนั ธเ์ุ กง่ เพลงพนื้ บ้าน โครงการเพลงพน้ื บ้านภาคกลาง ของ ผแู้ ทนอธบิ ดีกรมสง่ เสรมิ วฒั นธรรม ทา่ นผู้อานวยการสถาบันวัฒนธรรมศกึ ษา วนั องั คารที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๓.๐๐ น. ณ ศูนยภ์ ูมิปญั ญาไทย บา้ นแม่ขวญั จิต ศรปี ระจันต์ จงั หวัดสพุ รรณบุรี .................... เรยี น ครูเพลง ศลิ ปินแหง่ ชาติ ผูส้ ืบทอดเพลงพ้นื บา้ นและผู้มเี กยี รติทกุ ท่าน ดฉิ นั ร้สู ึกยนิ ดีและเตม็ ใจอยา่ งย่งิ ทไ่ี ด้มากล่าวเปิดค่ายเพาะกล้าพันธุ์เก่งเพลงพื้นบ้าน โครงการเพลง พืน้ บา้ นภาคกลาง ณ สถานทีแ่ หง่ นซี้ งึ่ เป็นแหลง่ ภูมปิ ญั ญาอนั สาคัญของชาติ เพลงพ้ืนบ้านภาคกลางเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สาคัญของชาติไทย เพราะ“สร้างขึ้นด้วยภูมิ ปัญญา” ทาหน้าที่ “บันทึกภูมิปัญญา” รวมทั้งมีบทบาทในการ “สร้างเสริมภูมิปัญญา” ให้แก่คนในสังคม มาหลายช่ัวอายคุ น “สร้างขึ้นด้วยภูมิปัญญา” เพราะเป็นผลงานสร้างสรรค์เป็นสุนทรียศิลป์ของชาติ “บันทึกภูมิ ปัญญา” เพราะเพลงพื้นบ้านเป็นวรรณกรรม เป็นเสมือน “ ตาราหรือจารึกทางประวัติศาสตร์” เป็น “คัน ฉ่อง” สอ่ งชวี ิตของผู้คนในแต่ละท้องถิ่นและยุคสมัย แสดงให้เห็นความรู้และประสบการณ์อันชาญฉลาดของ บรรพชน ส่วนที่ว่า“สร้างเสริมภูมิปัญญา” เพราะเพลงพื้นบ้านมีบทบาทในการสร้างสรรค์และส่ังสมภูมิ ปญั ญา แง่คิดที่คมคายไพเราะมีส่วนในการจรรโลงใจและจรรโลงวัฒนธรรมด้านอ่ืนๆ ของไทย การเล่นเพลง พ้ืนบ้านยังเป็น การฝึกสมอง ประลองปัญญา ฝึกภาษาและไหวพริบปฏิภาณ จึงช่วยพัฒนาทั้งความคิดและ จิตใจ นับว่าเป็นภูมิปัญญาในการพัฒนาคนที่มีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์อันน่าช่ืนชม เพลงพื้นบ้านจึงเป็น ทรพั ยส์ ินทางปัญญาท่แี สดงถึงความเจรญิ ม่นั คงของชาติ อน่ึง สภาพสังคมไทยที่เปลี่ยนแปลงจากสังคมเกษตรกรรม วัฒนธรรมวิถีพุทธ เศรษฐกิจแบบพึ่งพา เน้นคุณค่าด้านจิตใจ ไปสู่สังคมอุตสาหกรรม เศรษฐกิจทุนนิยม เน้นบริโภคนิยมและสะสมวัตถุ ก้าวรุดตาม กระแสโลกาภิวตั น์ ทาใหว้ ถิ ีชวี ติ และค่านิยมของคนไทยเปลย่ี นไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมไทย ทกุ ด้าน รวมท้ังเพลงพนื้ บา้ นทุกชนดิ โดยเฉพาะเพลงพนื้ บ้านภาคกลางซ่ึงนับวนั จะเหลอื น้อยลงทกุ ที รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ กาหนดเร่ืองเกี่ยวกับการส่งเสริมภูมิปัญญา ศิลปะและวัฒนธรรมอันดีของท้องถ่ินและของชาติไทย

๔๘๗ หน่วยงานหลายแห่งของภาครัฐและประชาชนจึงมีบทบาทสาคัญในการอนุรักษ์และฟ้ืนฟูเพลงพื้นบ้านอย่าง จรงิ จงั อยา่ งไรก็ตามยงั คงมเี พลงพ้นื บ้านทห่ี ลงเหลืออกี จานวนมากท่ยี ังไมไ่ ดร้ วบรวมและศึกษา กรมสง่ เสริมวัฒนธรรมในฐานะหน่วยงานหลักของชาติ มีภารกิจเก่ียวกับการส่งเสริมและบารุงรักษา วัฒนธรรมไทย ไดด้ าเนนิ การศึกษา ค้นคว้า วิจัย ฟื้นฟู อนุรักษ์ พัฒนา เผยแพร่ และส่งเสริมหน่วยงานของรัฐ เอกชนและประชาชนทดี่ าเนนิ งานดา้ นวฒั นธรรม โดยใหท้ นุ สนบั สนุนการวจิ ัยและทุนดาเนินโครงการรวบรวม และจดั เก็บขอ้ มูลมรดกภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรมมาอย่างต่อเน่ือง เพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมของบุคคล กลุ่ม คน และชุมชน ในการสืบทอดและปกป้องคุม้ ครองมรดกภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรมให้ยัง่ ยืน โครงการเพลงพ้ืนบ้านภาคกลาง ประจาปี ๒๕๕๗ โครงการนี้ กรมฯ มีความยินดีอย่างย่ิง เพราะ คณะผวู้ จิ ยั มีความพรอ้ มทั้งในดา้ นกาลังคน เคร่ืองมือและเครือข่าย และท่ีสาคัญเป็นผู้รักษ์เพลงพื้นบ้านอย่าง แท้จริง กรมฯจึงหวังว่าโครงการวิจัยนี้จะเป็นผลงานท่ีมีคุณภาพ องค์ความรู้ที่ได้จะเป็นฐานข้อมูลที่มี คณุ ประโยชนแ์ ก่ชาติสบื ไป ท้ายน้ีขออวยพรให้การการดาเนินงานค่ายเพาะกล้าพันธุ์เก่งเพลงพ้ืนบ้าน ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งของ โครงการเพลงพ้ืนบ้านภาคกลางในครง้ั นเ้ี ปน็ ไปอย่างมีประสิทธภิ าพ ราบร่นื สาเรจ็ ลุล่วงตามวัตถุประสงค์ที่วาง ไวท้ ุกประการ ขอให้ไดท้ ้ังองค์ความร้แู ละเครอื ขา่ ยผู้สบื สานเพลงพนื้ บา้ นภาคกลางเพ่ิมข้ึน โดยเฉพาะผู้มีความ ศรัทธาและภาคภมู ิใจในภมู ิปญั ญาของชาติ มคี วามพร้อมและความมุ่งมน่ั ทจี่ ะสบื ทอดและสง่ เสรมิ เพลงพื้นบ้าน ตลอดไป สมควรแกเ่ วลาแลว้ ดฉิ ันขอเปิดคา่ ยเพาะกล้าพันธเ์ุ ก่งเพลงพื้นบ้าน โครงการเพลงพื้นบ้านภาคกลาง ณ บัดน้ีค่ะ ....................................

๔๘๘ เอกสารแนบท้าย ๑๐ ตวั อย่างใบลงทะเบยี น

๔๘๙

๔๙๐

๔๙๑

๔๙๒ เอกสารแนบท้าย ๑๑ ตัวอย่างจดหมายเชญิ รว่ มโครงการ โครงการวจิ ัยเพลงพืน้ บ้านภาคกลาง กองส่งเสรมิ ศลิ ปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยหอการคา้ ไทย ดินแดง กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐ ๑๖ มิถนุ ายน ๒๕๕๗ เรอื่ ง ขอเรียนเชิญรว่ มโครงการค่ายเพาะกลา้ พนั ธ์ุเกง่ เพลงพื้นบา้ น เรียน ครจู ารสั อยสู่ ุข สง่ิ ท่สี ่งมาด้วย กาหนดการ จานวน ๑ ฉบับ ตามที่กรมสง่ เสริมวัฒนธรรมกรณุ าอนมุ ตั ิทนุ อุดหนนุ การวจิ ยั ประจาปี ๒๕๕๗ เรอื่ ง เพลง พนื้ บ้านภาคกลาง ให้แก่ดิฉันและคณะนัน้ บดั นคี้ ณะผู้วิจยั ไดก้ าหนดจดั คา่ ยเพาะกลา้ พันธเุ์ กง่ เพลงพ้นื บา้ นขึน้ ระหว่างวนั ท่ี ๑๖ – ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ ศูนย์ภมู ิปญั ญาไทย บ้านแมข่ วัญจิต ศรปี ระจนั ต์ ตาบลสนามชัย อาเภอเมอื ง จงั หวดั สุพรรณบรุ ี ใหแ้ กผ่ ู้แทนกลุ่มชุมชนหรอื ประชาคม ได้แก่ ครูเพลง หัวหน้าคณะ ศิลปิน และ ผู้สบื ทอดเพลงพื้นบ้านภาคกลาง ในเขตวฒั นธรรมภาคกลาง ๓๕ จงั หวดั จานวน ๗๐ คน เพือ่ ดาเนินการ ฝกึ อบรมเพลงพ้นื บา้ น ๕ ชนดิ ไดแ้ ก่ เพลงฉอ่ ย เพลงทรงเครือ่ ง เพลงเรือ เพลงอแี ซวและลาตดั รวมท้งั ดาเนนิ การรวบรวมข้อมูล และจัดการประชมุ เพื่อตรวจสอบ ยนื ยันและใหฉ้ ันทามตติ อ่ การเสนอข้ึนทะเบียน เพลงพ้นื บา้ นภาคกลางเปน็ มรดกภมู ิปญั ญาทางวฒั นธรรมของชาติและมนุษยชาติ เพื่อให้งานวจิ ยั ดาเนนิ ไปอย่างราบรื่นและสาเร็จงดงาม โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ เพ่อื เปน็ ขวญั กาลังใจใหแ้ ก่ คณะกรรมการดาเนนิ งานและผสู้ นใจเขา้ คา่ ยฯ ทุกคน คณะผู้วจิ ัยขออนุเคราะห์ ดงั นี้ ๑. ขอเรยี นเชิญเป็นวิทยากรในการอบรมเพลงพื้นบ้านภาคกลาง ประเภทเพลงเรอื ในวนั เสารท์ ี่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ ศนู ย์ภมู ิปญั ญาไทย บา้ นแมข่ วญั จิต ศรปี ระจันต์ ตาบลสนามชยั อาเภอเมอื ง จงั หวัด สุพรรณบรุ ี ( โปรดตอบรับและสง่ เนอ้ื เพลงท่ีจะสอน ประมาณ ๑ หน้ากระดาษมายังผูป้ ระสานงาน ภายในวนั ศุกร์ท่ี ๒๗ มิถุนายน ศกนี้ เพื่อจะได้จดั พมิ พ์ในเอกสารประกอบการเข้าค่ายได้ทันตามกาหนด ) ๒. ขอความกรุณาคดั เลอื กผ้สู ืบทอดเพลงพ้นื บ้านของท่าน จานวน ๑ คน อายตุ ง้ั แต่ ๑๕ ปีขน้ึ ไป มาร่วมเข้าค่ายฝึกอบรม ระหวา่ งวันท่ี ๑๖ – ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ ศูนยภ์ ูมปิ ญั ญาไทย บา้ นแมข่ วัญจิต ศรปี ระจนั ต์ ตาบลสนามชยั อาเภอเมอื ง จังหวดั สุพรรณบุรี ( ไมเ่ สยี ค่าใช้จ่ายใด ๆ )

๔๙๓ ๓. ขอเรยี นเชญิ ประชมุ ตรวจสอบขอ้ มูล ยืนยันและให้ฉนั ทามติ เพ่อื เสนอขน้ึ ทะเบยี นเพลงพ้นื บา้ น ภาคกลางเป็นมรดกภูมปิ ญั ญาทางวฒั นธรรมของชาติและของโลก ในวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ( โปรดนา บัตรประจาตัวประชาชนมาดว้ ย ) จงึ เรยี นมาเพอ่ื ขอเรยี นเชิญและโปรดอนุเคราะห์ ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสน้ี ขอแสดงความนับถอื ( ผูช้ ว่ ยศาสตราจารยบ์ ัวผนั สุพรรณยศ ) หัวหนา้ โครงการวจิ ยั เพลงพ้ืนบา้ นภาคกลาง

๔๙๔ เอกสารแนบท้าย ๑๒ ตวั อย่างใบสมคั รเข้าร่วมโครงการเพาะกลา้ พนั ธเ์ุ ก่งเพลงพ้นื บา้ น

๔๙๕ ภาคผนวก ข ใบแสดงความยินยอมให้บนั ทกึ ขอ้ มลู ด้านเพลงพืน้ บา้ นภาคกลาง

๕๖๗ ภาคผนวก ค แบบบนั ทึกและบนั ทึกการสงั เกตเกยี่ วกับศลิ ปนเพลงพ้ืนบาน

๕๖๘ เอกสารแนบทายที่ ๑ ตวั อย\"างแบบสมั ภาษณผ& ูสบื ทอดเพลงพน้ื บานภาคกลาง ประวตั สิ \"วนตวั ของผใู หสัมภาษณ& ชื่อ ( นาย/นาง/นางสาว ) .......................................นามสกลุ ................................................................ อาย.ุ .........ป วนั เดือนปเกดิ ....................................สถานทเี่ กิด............................................................................ ศาสนา..........ช่อื บิดา......................................ชือ่ มารดา.........................................มพี ่ีนอ% ง จาํ นวน................คน ชอื่ พน่ี %องทส่ี บื ทอดหรอื แสดงเพลงพนื้ บ%าน ( ถา% มี )............................................................................................. ชอ่ื สามี/ภรรยา........................................................................... มีบตุ ร/ธดิ า จาํ นวน.......... คน ไดแ% ก.0 ............. ............................................................................................................................................................................ ชือ่ บุตรธิดาทีส่ บื ทอดหรอื แสดงเพลงพื้นบ%าน ( ถ%ามี ).......................................................................................... ทอ่ี ยปู0 จ2 จุบนั เลขที่........หม0ู/หมู0บา% น.....................................ตาํ บล................................................................... อําเภอ........................................จงั หวัด.........................................รหสั ไปรษณยี 6............................................... โทรศัพทบ6 า% น..................................................โทรศัพท6มือถือ.............................................................................. อเี มล6.......................................................ชอ0 งทางติดตอ0 อนื่ ๆ ............................................................................ การศึกษาระดับ.....................................................ชอ่ื สถาบัน........................................................................... อาชพี หลัก.....................................................................อาชพี อืน่ ๆ .................................................................. ชอ่ื ในการแสดง.............................................................................................................................................. ประวัตกิ ารฝก- หดั และสืบทอดเพลงพื้นบาน แรงบนั ดาลใจในการฝก= หัดเพลงพ้นื บ%าน........................................................................................... ชนดิ ของเพลงพนื้ บ%านทีฝ่ =กหัดครัง้ แรก..................................................... ชอ่ื บท/ตวั อยา0 งเนื้อร%อง..................... ........................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ชว0 งอายทุ ่เี รมิ่ ฝก= หดั .............ป สถานทฝี่ ก= หดั ....................................รวมระยะเวลาที่ฝก= หดั .................ป/เดอื น ชอื่ ครูเพลงทสี่ อน.................................................................................................................................................. ชอื่ คณะของครูเพลง ( ถา% มี )................................................................................................................................ ท่ีอย0ขู องครูเพลงท่ีสอน........................................................................................................................................ ประวัติและผลงานของครู ( ถ%าทราบ )............................................................................................................... ..........................................................................................................................................................................

๕๖๙ วิธีการสอนของครเู พลง...................................................................................................................................... พธิ ีไหว%ครู ครอบครหู รือจับมือ......................................................................................................................... คําสอนของครทู ท่ี า0 นประทบั ใจ........................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................... ขอ% ห%ามตา0 ง ๆ ทีค่ รสู ่ังสอน.............................................................................................................................. เพลงชนิดอนื่ ๆ ทฝ่ี =กหัดรอ% งและแสดง...................................................................................................... ชื่อครเู พลงท0านอ่นื ๆ ( และท่ีอยู0 รวมทั้งชนิดของเพลงท่ฝี ก= )............................................................................. ...................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... การฝ=กหดั การแต0งเพลง................................................................................................................................... ชอ่ื ครเู พลงทส่ี อนให%ท0านแตง0 เพลง (และท่อี ย0ู )........................................................................................... .......................................................................................................................................................................... สรุปเพลงทีส่ ามารถร%องและแสดงได% จํานวน ...........ชนดิ ไดแ% ก.0 ...................................................................... .......................................................................................................................................................................... ประวตั กิ ารแสดงเพลงพน้ื บาน การแสดงเพลงพ้ืนบา% นครง้ั แรกเม่ืออาย.ุ ...................ป ชนิดเพลง............................. ชอ่ื วง/คณะท่ีรว0 มแสดง............................................................................................................................ สมาชกิ ในวง/คณะ นักแสดง ๑. ชอ่ื ( นาย/นาง/นางสาว) ...............................................สกลุ ................................................................ อายุ............ป ที่อยู0................................................................................................................................ ๒. ชอื่ ( นาย/นาง/นางสาว) ...............................................สกลุ ................................................................ อาย.ุ ...........ป ทอ่ี ย0ู................................................................................................................................ ๓. ช่อื ( นาย/นาง/นางสาว) ...............................................สกลุ ................................................................ อายุ............ป ท่อี ย.ู0 ............................................................................................................................... ๔. ช่อื ( นาย/นาง/นางสาว) ...............................................สกลุ ................................................................ อายุ............ป ท่อี ย0.ู ............................................................................................................................... ๕. ชื่อ ( นาย/นาง/นางสาว) ...............................................สกลุ ................................................................ อายุ............ป ที่อย0ู................................................................................................................................ ๖. ช่อื ( นาย/นาง/นางสาว) ...............................................สกลุ ................................................................ อายุ............ป ท่ีอย.ู0 ............................................................................................................................... ๗. ช่อื ( นาย/นาง/นางสาว) ...............................................สกุล................................................................

๕๗๐ อาย.ุ ...........ป ทอ่ี ยู0................................................................................................................................ ๘. ชอ่ื ( นาย/นาง/นางสาว) ...............................................สกุล................................................................ อายุ............ป ท่อี ย0.ู ............................................................................................................................... นักดนตรี ๑. ชือ่ ( นาย/นาง/นางสาว) ...............................................สกลุ ......................................................... อายุ............ป ที่อย.ู0 ............................................................................................................................... ๒. ชอ่ื ( นาย/นาง/นางสาว) ...............................................สกุล......................................................... อายุ............ป ที่อย0.ู ............................................................................................................................... ๓.ช่ือ ( นาย/นาง/นางสาว) ...............................................สกุล............................................................. อายุ............ป ท่ีอยู0................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. ประสบการณ6การแสดงท่ีท0านประทับใจ ( เมอ่ื ไร ท่ีไหน อย0างไร ) ..................................................................... ............................................................................................................................................................................. ในฐานะผู%อยใ0ู นวงการเพลงพื้นบ%าน ท0านสังเกตเห็นการแสดงและความเปนG อยู0ของชาวเพลงจาํ นวนมาก พบวา0 มสี ภาพอยา0 งไรบ%าง......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. ผลงาน/รางวัล /ความสําเร็จท่ที า0 นภูมใิ จ............................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ ชื่อคณะเพลงพน้ื บา% นทีท่ า0 นก0อต้ัง หรอื เปนG หวั หน%าคณะ...................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ชอ่ื คณะเพลงพ้นื บา% นท่ีเปGนศิลปHนร0วมแสดงอยู0เปGนประจํา................................................................................. ชื่อคณะเพลงพ้ืนบ%านท่เี ปนG ศิลปนH ร0วมแสดงบางโอกาส........................................................................................ รายไดจ% ากการแสดง ตา่ํ ท่สี ุด............................................บาท สงู ท่ีสูด.......................................................บาท ทา0 นคิดว0าการประกอบอาชพี แสดงเพลงพื้นบา% นในป2จจบุ ันมีป2ญหาหรอื อปุ สรรคใดบ%าง ........................................................................................................................................................................ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ทา0 นคิดว0ามีปจ2 จยั ใดบา% งที่มผี ลกระทบต0อการแสดงเพลงพ้ืนบา% นในปจ2 จุบัน ( ทงั้ ในด%านดีและด%านไม0ดี ) .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................

๕๗๑ บคุ คล/องคก6 รที่สนับสนนุ สง0 เสรมิ การแสดงเพลงพนื้ บ%านของท0าน....................................................................... ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ตวั อย0างการร%อง ( บันทึกเสยี งลงแถบบนั ทึกเสยี งหรือแถบบันทึกภาพ หมายเลข.......) ตวั อยา0 งผลงานการแสดง ( แถบบนั ทกึ เสียง แถบบันทึกภาพ และภาพถ0าย หมายเลข...) ประวัติการสรางสรรค&และถ\"ายทอดเพลงพนื้ บาน ความสามารถในแตง\" เพลง แรงจูงใจหรอื ผู%สนับสนนุ ในการแตง0 เพลง............................................................................................ ชนิดของเพลงท่แี ต0งคร้งั แรก..................................ตวั อย0างเน้ือเพลง.................................................................... .............................................................................................................................................................................. ชนดิ ของเพลงตา0 ง ๆ ที่แต0ง..................................ตวั อยา0 งเนื้อเพลง...................................................................... โอกาสที่ใชใ% นการแสดง........................................................................................................................................ กลวิธีการแตง0 เพลง............................................................................................................................................. ป2ญหาและอุปสรรคในการแต0งเพลง.................................................................................................................. แนวทางการแกป% 2ญหา...................................................................................................................................... ความสามารถในการดนเพลง ประสบการณ6การดน% เพลง ตัวอยา0 ง งาน............................................................................................ วนั เวลาสถานที.่ ................................................................................ผลของการดน% .......................................... การถ\"ายทอดเพลง วนั เวลาคร้งั แรกที่เรมิ่ ถ0ายทอดหรอื สอนลูกศษิ ย6........................................ขณะน้นั มีอายุ...........ป ลกู ศษิ ย6รนุ0 แรก ไดแ% ก0 ................................................................................................................................. วิธีคัดเลอื กลูกศิษย6......................................................................................................................................... วิธีสอน......................................................................................................................................................... ระยะเวลาในการสอน.............................................................ผลของการสอน................................................. ชอ่ื สถาบันการศกึ ษาที่ไปสอน............................................................................................................................ วันเวลาสถานท.่ี ................................................................................................................................................ ผลงานการเปนG วทิ ยากร.................................................................................................................................... รวมจํานวนลูกศษิ ย6ต้ังแตเ0 ร่ิมสอนจนถงึ ปจ2 จบุ นั ประมาณ ...................คน มาจากสถานท่.ี ................................... ........................................................................................................................................................................... ลกู ศษิ ย6ที่มชี อ่ื เสยี ง เชน0 ...................................................................................................................................... ลกู ศิษย6ที่ตั้งวงหรอื คณะเพลง .....................................................................ชอื่ คณะ............................................ ลกู ศิษยท6 ภ่ี าคภมู ิใจ............................................................................................................................................. ปญ2 หาและอปุ สรรคในการถ0ายทอด.....................................................................................................................

๕๗๒ ข%อแนะนําในการสบื ทอดเพลงพื้นบา% น................................................................................................................ ตัวอยา\" งภาพถ\"าย ภาพถา0 ยเดยี่ ว ยนื หน%าตรง เต็มตัว ภาพถ0ายเดยี่ ว น่งั หนา% ตรง เต็มตัว ภาพถา0 ย ขณะสัมภาษณ6 ภาพถา0 ย ขณะแสดง

๕๗๓ ภาพถา0 ย ขณะสอนลกู ศิษย6 ภาพถา0 ย อื่น ๆ เชน0 พิธไี หวค% รู แผนผังสายตระกูลครเู พลง ช่อื ผสู ัมภาษณ&......................................................... วนั เดอื นป1ที่สัมภาษณ&............................................. สถานทสี่ ัมภาษณ.& .................................................. ชื่อผเู รียบเรียงและพิมพ.& .........................................

๕๗๔ ตรวจสอบและยนื ยนั ขอมูล ลายเซ็น (.......................................) วันท.ี่ ......................................