396 จานวนครูทีไ่ ดร้ บั การคัดเลือกตามสดั ส่วนจาแนกเปน็ รายจงั หวดั จานวน (คน) 12 ลาดับ จงั หวัด 1 1 กรงุ เทพมหานคร 2 2 กระบ่ี 3 3 กาญจนบรุ ี 2 4 กาฬสินธุ์ 4 5 กาแพงเพชร 2 6 ขอนแก่น 2 7 จันทบุรี 3 8 ฉะเชงิ เทรา 1 9 ชลบรุ ี 3 10 ชัยนาท 1 11 ชัยภูมิ 3 12 ชุมพร 4 13 เชยี งราย 2 14 เชียงใหม่ 1 15 ตรงั 2 16 ตราด 1 17 ตาก 2 18 นครนายก 2 17 นครปฐม 6 20 นครพนม 4 21 นครราชสมี า 2 22 นครศรธี รรมราช 3 23 นครสวรรค์ 3 24 นนทบรุ ี 2 25 นราธิวาส 1 26 นา่ น 4 27 บึงกาฬ 2 28 บรุ ีรมั ย์ 1 29 ปทุมธานี 1 30 ประจวบครี ีขันธ์ 3 31 ปราจนี บรุ ี 32 ปตั ตานี
ลาดับ จงั หวดั 397 33 พระนครศรอี ยุธยา 34 พะเยา จานวน (คน) 35 พังงา 2 36 พัทลุง 1 37 พจิ ติ ร 1 38 พษิ ณุโลก 2 39 เพชรบุรี 1 40 เพชรบรู ณ์ 2 41 แพร่ 2 42 ภเู กต็ 3 43 มหาสารคาม 1 44 มุกดาหาร 1 45 แมฮ่ ่องสอน 2 46 ยโสธร 1 47 ยะลา 1 48 ร้อยเอ็ด 2 49 ระนอง 2 50 ระยอง 4 51 ราชบุรี 1 52 ลพบรุ ี 2 53 ลาปาง 2 54 ลาพนู 2 55 เลย 2 56 ศรสี ะเกษ 1 57 สกลนคร 2 58 สงขลา 4 59 สตูล 3 60 สมุทรปราการ 4 61 สมุทรสงคราม 1 62 สมุทรสาคร 2 63 สระแก้ว 1 64 สระบรุ ี 1 65 สิงห์บรุ ี 2 66 สุโขทัย 2 1 2
398 ลาดับ จงั หวดั จานวน (คน) 67 สพุ รรณบรุ ี 2 68 สุราษฎรธ์ านี 3 69 สุรนิ ทร์ 3 70 หนองคาย 2 71 หนองบัวลาภู 1 72 อา่ งทอง 1 73 อานาจเจริญ 1 74 อุดรธานี 4 75 อุตรดติ ถ์ 1 76 อุทัยธานี 1 77 อบุ ลราชธานี 5 172 รวม ปฏทิ ินการคัดเลอื กครรู างวัลสมเด็จเจ้าฟา้ มหาจกั รี คร้งั ท่ี 4 ปี 2564 (ประเทศไทย) ลาดับ กิจกรรม กาหนดเวลา 1 การประกาศหลักเกณฑ์ วธิ กี ารสรรหา และคดั เลือกครู เมษายน 2563 รางวลั สมเดจ็ เจา้ ฟ้า มหาจักรี คร้ังที่ 4 ปี 2564 พฤษภาคม – มิถนุ ายน 2563 (ประเทศไทย) มถิ ุนายน – กรกฎาคม 2563 2 แจง้ หลักเกณฑ์ วธิ กี ารสรรหา คดั เลือก และ กระบวนการทางานของคณะกรรมการคดั เลือกระดับ กรกฎาคม – ตุลาคม 2563 จังหวดั พฤศจิกายน 2563 3 ผ้วู า่ ราชการจังหวดั ผ้วู ่าราชการกรุงเทพมหานคร และ ปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ แต่งตง้ั คณะกรรมการ คัดเลือกครูผสู้ มควรไดร้ ับพระราชทานรางวลั สมเด็จเจ้า ฟา้ มหาจักรรี ะดับจังหวดั 4 คณะกรรมการคดั เลือกครผู ้สู มควรได้รับพระราชทาน รางวลั สมเด็จเจา้ ฟา้ มหาจักรรี ะดบั จงั หวดั ดาเนนิ การ สรรหาและคดั เลอื กครู 5 คณะกรรมการคัดเลือกระดับจังหวัดประกาศรายช่อื ครู ทผ่ี า่ นการคัดเลือก พิจารณาข้อทกั ทว้ ง เรยี บเรยี งข้อมลู
399 ครู และเสนอรายช่ือต่อคณะกรรมการคัดเลือก สว่ นกลาง 6 ประชุมเชงิ ปฏิบตั ิการร่วมกับครทู ่ีได้รบั การเสนอช่ือ ธนั วาคม 2563 7 คณะกรรมการคัดเลือกสว่ นกลางพจิ ารณาคัดเลือก ธันวาคม 2563 - มีนาคม 2564 รอบท่ี 1 พจิ ารณาคัดเลือกไว้จานวนไม่เกิน 20 ราย รอบท่ี 2 พิจารณาคัดเลอื กไว้จานวนไมเ่ กนิ 3 ราย 8 คณะกรรมการวิชาการ พิจารณาใหค้ วามเหน็ ชอบ มีนาคม 2564 รายชอ่ื ครูท่ผี า่ นการพจิ ารณาคัดเลือก 26 เมษายน 2564 9 คณะกรรมการมูลนิธริ างวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี 29 ตลุ าคม 2564 พิจารณาตัดสนิ รางวลั สมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี รางวัลคุณากร รางวัลครูยิง่ คุณ รางวัลครขู วัญศษิ ย์ 10 พิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจา้ ฟา้ มหาจักรี
400 แผนภาพแสดงกระบวนการสรรหาและคดั เลอื กและชอ่ งทางการเสนอช่ือ ครรู างวลั สมเดจ็ เจา้ ฟ้ามหาจกั รีครง้ั ที่ 4 ปี 2564 (ประเทศไทย) คณะกรรมการมลู นิธฯิ พจิ ารณาตดั สิน รางวัล “สมเดจ็ เจ้าฟา้ มหาจักรี” รางวลั คณุ ากร รางวลั ครูย่ิงคุณ และรางวัลครูขวญั ศษิ ย์ คณะกรรมการวิชาการ พจิ ารณาใหค้ วามเห็นชอบและเสนอรายชอ่ื ครตู ่อคณะกรรมการมูลนธิ ฯิ คณะกรรมการคัดเลอื กส่วนกลาง รับฟัง รบั รายชือ่ ครทู ี่เสนอจากองคก์ รภาครัฐและเอกชนตามทา้ ยประกาศ ข้อทักท้วง พจิ ารณากลน่ั กรองเอกสารจากคณะกรรมการคดั เลือกระดบั จังหวัด พิจารณากลน่ั กรองและคัดเลอื ก (จานวน 20 คน) ศึกษาข้อมลู เชิงลกึ และลงพ้นื ทพี่ ิจารณาคัดเลอื กเพอ่ื จัดลาดบั ผลการคัดเลือก คณะกรรมการคัดเลือกระดบั จงั หวดั พจิ ารณาและคดั เลือกครูทไ่ี ด้รับการเสนอช่อื จากสถานศึกษาขน้ั พื้นฐาน องคก์ รทเ่ี ปน็ นติ ิ บุคคล คณาจารย์ และศษิ ยเ์ ก่า พิจารณาครูรางวลั คณุ ากร ครยู ่งิ คุณ และครขู วัญศษิ ย์ (จากปี 2558) 1. เสนอชอ่ื โดย 2. เสนอช่อื โดย 3. เสนอ 4. เสนอช่ือ 5. เสนอชื่อ โดย สถานศกึ ษาขนั้ องค์กรทเ่ี ปน็ ชื่อโดย โดย องคก์ รภาครฐั พ้นื ฐาน โดยความ นติ ิบุคคลและ ศิษยเ์ กา่ และเอกชน ตาม เห็นชอบของ อายุ 25 ปี คณาจารยท์ ี่ คณะกรรมการ มภี ารกิจ ข้นึ ไป เคยสอนมา ประกาศฯ สถานศึกษา ส่งเสริมการ กอ่ น เรยี นรู้
401 แผนภาพแสดงกระบวนการสรรหาและคดั เลอื กและช่องทางการเสนอชื่อ ครรู างวลั สมเดจ็ เจา้ ฟ้ามหาจกั รคี รั้งที่ 4 ปี 2564 (ประเทศในอาเซียน และตมิ อร์ – เลสเต)
402 รายชอื่ สดุ ยอดครรู างวลั สมเดจ็ เจ้าฟา้ มหาจกั รี ครง้ั ท่ี 1 พ.ศ. 2558 รางวลั สมเด็จเจา้ ฟ้ามหาจักรี ครเู ฉลิมพร พงศ์ธีระวรรณ ครูเชย่ี วชาญ กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ โรงเรยี นสรุ าษฎร์พทิ ยา อ.เมอื ง จ.สรุ าษฎร์ ธานี วยั 58 ปี มีความเชยี่ วชาญด้านออกแบบการเรียนรู้ โดยฝกึ เดก็ ในเรื่องทักษะกระบวนการคิด วิเคราะห์และการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรผ์ ่านโครงงานทสี่ รา้ งประโยชน์คนื กลับชุมชน โดยโครงงานทสี่ ร้าง ช่ือเสียง อาทิ การทาไบโอพลาสตกิ จากเกลด็ ปลา จนนักเรียนได้รับรางวลั ในระดับนานาชาติและทาให้ ชอ่ื ลกู ศิษย์ 3 คน ถกู นาไปต้งั ช่อื เปน็ ดาวเคราะหน์ ้อย รายช่ือสดุ ยอดครรู างวลั สมเดจ็ เจ้าฟา้ มหาจักรี ครง้ั ท่ี 2 พ.ศ. 2560 รางวลั สมเดจ็ เจ้าฟ้ามหาจักรี ครจู ริ ฏั ฐ์ แจม่ สวา่ ง ครเู ชีย่ วชาญ กลุม่ สาระการเรียนรูก้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี โรงเรยี นสวนกหุ ลาบ วิทยาลยั นนทบรุ ี จ.นนทบรุ ี วยั 60 ปี พฒั นาสอ่ื และกระบวนการเรยี นรู้ ชอ่ื Digital Lesson ทีเ่ นน้ การค้นคว้าข้อมูลบน Internet พัฒนา Software ช่ือ Cyber Lecture ท่ีใชบ้ นั ทึกภาพแสดงผลบน จอคอมพวิ เตอร์เพ่ือเปน็ สื่อการสอน พฒั นาหลกั สตู ร Peer Coaching Program ให้ครูจัดกจิ กรรมการ เรียนรูใ้ นหอ้ งเรยี น และเป็นครวู ิทยากรอบรมครู ตลอดจนวางกลไกการจัดการสาธารณูปโภคใน โรงเรียนโดยใช้ Solar Cell เพื่อประหยัดพลังงานให้โรงเรียนถึงเท่าตวั
403 รายชือ่ สดุ ยอดครรู างวลั สมเดจ็ เจ้าฟา้ มหาจักรี รางวลั คณุ ากร ครยู งิ่ คุณ ครูขวญั ศษิ ย์ ครงั้ ที่ 3 พ.ศ.2562 รายช่อื ครรู างวัลสมเดจ็ เจา้ ฟ้ามหาจกั รี ครง้ั ท่ี 3 ปี 2562 ดังน้ี เนการาบรูไนดารุสซาลาม นางฮาจะฮ์ บินติ ฮาจี อัสปาร์ ครูใหญ่ ร.ร.ประถมศึกษาลัมบัก กานัน จารัล 49 และรับผิดชอบพฒั นากระบวนการเรียนการ สอนนิเทศและตดิ ตามการสอนของครูในโรงเรียนรวมทง้ั เป็นที่ปรึกษาด้านมาตรฐานของครบู รไู น ราชอาณาจกั รกัมพชู า นายวิรกั ลอย ครสู อนเกรด 12 ร.ร.มัธยมศกึ ษาฮุนเซน รอเลียพะเอีย ดว้ ยความเชอื่ วา่ การศกึ ษาทาให้ นักเรยี นมชี วี ติ ทีด่ ีจงึ สร้างบรรยากาศในห้องเรยี นเพื่อกระตุ้นให้นกั เรียนสนใจดว้ ยการศึกษาพฤตกิ รรม ของผ้เู รียนเพ่ือปรับใชก้ ับแผนการสอน เลือกเคร่ืองมือและส่อื การเรียนร้ทู ่ีเหมาะกับนักเรียน สาธารณรฐั อินโดนีเซยี
404 นายรูดี ฮารย์ าดี ครผู ้สู อนเทคโนโลยีไร้สายในระดับอาชีวศกึ ษา State Vocational Secondary School Cimahi จารว์ าตะวันตก ผู้ไม่หยุดทจ่ี ะเรียนรู้ หาความรูเ้ พ่ิมเตมิ ในสาขาวชิ าทเ่ี ก่ียวข้องเพอ่ื เชื่อมโยง กบั การสอน พฒั นาหลักสตู ร รวมถงึ ช่วยเพิ่มสมรรถนะครูในสาขาอาชีวศึกษา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นายไพสะนดิ ปันยาสะหวัด หวั หนา้ สาขาวชิ าภาษาลาวและวรรณคดี และรองหัวหน้าฝา่ ยวิชาการ ร.ร.มัธยมศกึ ษา สนั ตภิ าพ หลวงพระบาง มีผลงานด้านสารคดเี ก่ียวกบั ความขาดแคลนของ จ.พูคนู และได้รับรางวัล เชิดชเู กียรติระดบั ประเทศจานวนมาก ประเทศมาเลเซยี นางเค เอ ราซียะฮ์ ครผู ้เู ช่ยี วชาญการศึกษาพิเศษ ด้านการบกพรอ่ งทางการเรียนรู้ ร.ร.มัธยมศึกษาปันหยี โกตา บารู รฐั กลนั ตัน พัฒนาหลกั สูตรวชิ าเพ่ือเด็กพเิ ศษตงั้ แต่ระดบั อนบุ าล มธั ยมศึกษา และอาชวี ศึกษา เมอื่ ปที ี่ผา่ นมาไดร้ บั การคัดเลือกเป็น 1 ใน 50 รายช่ือครผู ้รู ับรางวัล “Global Teacher Award” คัดเลือกโดย Varkey Foundation ประเทศองั กฤษ
405 สาธารณรัฐแหง่ สหภาพเมียนมา นายหม่อง จ๋าย ครูสอนภาษาองั กฤษและเกษตร ร.ร.จอ่ เม แคว้นมัณฑะเลย์ ก่อนมาประจาท่โี รงเรียนจ่อ เม เคยทางานทก่ี ระทรวงศึกษาธิการ ในส่วนการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน สาธารณรฐั ฟิลปิ ปนิ ส์ นายสาดทั บี มินนั ดัง ครูประถมศึกษา ร.ร. ประถมศกึ ษาอมริ ัล เมืองโคตาบาโต ผู้มีบทบาทสาคัญในการก่อต้ัง โครงการ FaithMALU (ศรัทธากอ่ ใหเ้ กดิ พลงั ความร่วมมือ) และสร้างความตระหนักเรื่องการค้ามนุษย์ เพือ่ การอยู่รว่ มกันอย่างสันตขิ องชมุ ชน สาธารณรัฐสิงคโปร์ นางแองจิลิน ชาน ส่วิ เวน่ิ หวั หนา้ สาขาวิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศ ร.ร.แองโกไชนสี แผนกประถมศกึ ษาและหัวหน้าครู การสอนเด็กพเิ ศษ จากประสบการณ์การดูแลนกั เรยี นทีม่ ีความตอ้ งการพิเศษไดถ้ ูกถ่ายทอดผ่าน
406 ช่องทางออนไลนข์ องกระทรวงศึกษาธิการ เป็นครูพ่ีเล้ียงในการประเมินและการใชไ้ อซีทีในการเรยี น การสอนภาษาอังกฤษในโรงเรยี น สาธารณรัฐประชาธปิ ไตยตมิ อร์-เลสเต น.ส.ลรู เ์ ดส รันเจล กอนซัลเวซ ครปู ระถมศึกษา ร.ร.การศึกษาข้นั พนื้ ฐานเมืองมาตาตา ในเมอื งเอเมรา่ ผู้รว่ มเขียนและ พฒั นาหลักสตู รระดับประถมศกึ ษาปีที่ 1-6 และหลักสตู รการรู้หนงั สือ มคี วามมุง่ ม่ันในการพฒั นา นักเรียนทงั้ รา่ งกายและจติ ใจแบบองค์รวม และมีความสมั พนั ธท์ ดี่ กี ับชมุ ชน สาธารณรฐั สงั คมนิยมเวยี ดนาม นายเล ทนั เลียม ครูสอนวชิ าฟิสิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ร.ร.มธั ยมชนเผ่าฮิม ลาม จ.เห่ิวซาง ด้วย นักเรยี นสว่ นใหญ่เป็นชนกลมุ่ นอ้ ยชาวกมั พูชา ฐานะยากจน ครูเล ไดก้ ่อต้ังชมรมวิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยีและกระตนุ้ ใหใ้ ช้หลกั คดิ ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นแรงบนั ดาลใจในการพัฒนา ชุมชน
407 ประเทศไทย นายสุเทพ เทง่ ประกิจ ครูนักพฒั นาผู้มีความม่งุ มน่ั และเสียสละ ร.ร.บ้านคลองนา้ ใส จ.ยะลา ทา่ มกลางความ หลากหลายทางศาสนาและวัฒนธรรม ครสู เุ ทพ ได้ใช้ภาษามลายสู ร้างความสัมพนั ธ์ไทยมสุ ลมิ และ เข้าถงึ คนในชุมชน อีกทงั้ จดั ตั้งศูนย์การเรียนร้ทู ฤษฎีใหม่และศนู ย์ชา่ งเศรษฐกจิ พอเพียง จนมลี ูกศษิ ย์ ประสบความสาเรจ็ จานวนมาก นายสเุ ทพ เทง่ ประกิจ ครชู านาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านคลองนา้ ใส จ.ยะลา ครูรางวัล สมเด็จเจา้ ฟา้ มหาจกั รี ประเทศไทย ปี 2562 กลา่ ววา่ รู้สึกเปน็ เกียรติอยา่ งยงิ่ สาหรับรางวัลที่ ทรงคณุ คา่ ให้แก่ครู เพราะต้ังใจจะเปน็ ครมู าตัง้ แตเ่ ด็กจากประสบการณ์ที่ได้เริ่มสอนรุ่นน้องในโรงเรยี น เพอ่ื แกป้ ญั หาครขู าดแคลน เมอ่ื โตขึ้นก็ส่งตวั เองเรียนดว้ ยการรับจ้างเปน็ ช่างเหล็ก ชา่ งปนู ช่างไฟ ทา ให้มคี วามร้งู านชา่ ง จงึ อยากนาความร้ดู ้านอาชีพมาสอนให้กับเด็ก รวมถึงการสอนการรู้หนงั สือ ซึ่ง ผู้อานวยการโรงเรยี นไดแ้ นะนาให้ใชภ้ าษาไทยย้อนยุคมาใชเ้ พ่ือแกป้ ัญหาการอ่านออกเขียนได้ รปู แบบการสอนจึงใชก้ ลมุ่ คาท่เี กีย่ วกับงานช่าง รวมถงึ สอนตีราคาตน้ ทุนและค่าวสั ดุอปุ กรณ์ การ วางแผนการทางาน และในช่วงกอ่ นปิดภาคเรียนก็สารวจเด็กใครสนใจทางานด้านใด เพื่อพาไปสมัคร กับผปู้ ระกอบการในช่วงปิดเทอมเพ่อื ฝกึ วนิ ยั ความรับผดิ ชอบ และการไดล้ งมือปฏิบัติจรงิ การเรยี นรู้ ของเด็กในพน้ื ท่ีตนมองว่า การฝกึ อาชีพท่แี นน่ อนใหก้ บั เด็กบางคร้งั อาจไม่ใชง่ านทม่ี ีอยใู่ นพน้ื ท่แี ล้ว แต่ การให้ประสบการณ์ทหี่ ลากหลายเพอื่ สามารถเอาตวั เองรอดได้สาคญั ทส่ี ุด สาหรบั ประเทศไทย มูลนธิ ิรางวลั สมเด็จเจา้ ฟ้ามหาจักรี ได้มีการมอบรางวลั แก่ครูทีผ่ ่านการ คัดเลอื กจากคณะกรรมการระดบั จังหวัดท่ัวประเทศ ได้แก่ คุณากร 2 รางวัล ครูยิ่งคณุ 17 รางวลั และครขู วญั ศิษย์ 136 รางวลั โดยรางวลั คณุ ากร คือ
408 ดาบตารวจคณติ ชา่ งเงนิ ครูใหญโ่ รงเรียนตารวจตระเวนชายแดนบ้านแม่กลองคี ต.โมโกร อ.อ้มุ ผาง จ.ตาก ครูหน่ึงรา่ ง แตห่ ลายวญิ ญาณ เป็นทัง้ ครู หมอ ช่าง ภารโรง ผ้สู ร้างความเปลี่ยนแปลงเพ่ือเด็กและชุมชนใหม้ ีชีวติ ท่ี มีคุณภาพ น.ส.ปณุ ยาพร ผิวขา ครูชานาญการพิเศษ โรงเรียนหนองแวงวิทยาคม ต.หนองสูงใต้ อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ครู วิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ดึงความรทู้ างนาโนเทคโนโลยกี ระตุน้ การเรยี นรู้จากห้องเรยี นสู่การแกป้ ญั หา ชมุ ชน ความหมายของคณุ ธรรมจริยธรรม คาวา่ คณุ ธรรม ตรงกบั ภาษาอังกฤษว่า virtue จากการศกึ ษาคน้ คว้าเอกสาร คาว่า คณุ ธรรม จริยธรรม มักจะใช้ควบคู่กันเสมอ คาว่า “คุณธรรม” กับคาว่า “จริยธรรม” เป็นคาท่ีแยกกัน มี ความหมาย แตกต่างกัน คาว่า “คุณธรรม” แปลว่า ความดี มีประโยชน์ เป็นคาที่มีความหมายเป็น นามธรรม ส่วนคาว่า “จริย” แปลว่า กิริยาท่ีควรประพฤติเป็นคาที่มีความหมายเป็นรูปธรรม ส่วนคา ว่า “ธรรม” มีความหมาย หลายประการ เช่น ความดี หลักคาสอนของศาสนา หลักปฏิบัติ เมื่อนาคา ท้ังสองมารวมกันจะได้เป็นคุณธรรม และจริยธรรม ซึ่งมีผู้ให้ความหมายต่าง ๆ คาว่า คุณธรรม จริยธรรม มคี วามหมายใกลเ้ คยี งกนั มาก จึงมักมีผใู้ ช้ คาสองคานีไ้ ปดว้ ยกนั เป็นคุณธรรมและจริยธรรม แต่คาสองคานี้มีความแตกต่างกัน ซ่ึงมีนักจิตวิทยา นัก ปรัชญา นักการศาสนาและนักการศึกษาให้ ความหมายไว้ ดังน้ี พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2546 ให้ความหมาย คุณธรรม ไว้วา่ หมายถึง สภาพความ คุณงามความดี สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ได้ประมวลจากการประชุมระดมความคิด สรุปได้ ว่า คณุ ธรรม หมายถงึ สิ่งทม่ี คี ุณคา่ มปี ระโยชน์ เป็นความดงี าม เป็นมโนธรรม เป็นเครอ่ื งประคบั ประคอง
409 ใจให้เกลียดความ ชั่ว กลัวบาป ใฝ่ ความดีและเป็นเครื่องกระตุ้น ผลักดันให้เกิดความรู้สึก ผิดชอบ เกิดจิตส านกึ ทด่ี มี ีความสงบ เยน็ ภายใน เพลโต (Plato) กล่าวว่า คุณธรรม คือ การปฏิบัติท่ีดีตามหน้าท่ีของวิญญาณและคุณธรรมไม่ สามารถ เกิดข้ึนได้โดยบังเอิญ เพราะมนุษย์จะต้องรู้ว่าเขากาลังทาอะไร เพื่ออะไรและทาอย่างไร คณุ ธรรมจึงเกดิ ข้นึ จาก ความรู้ ไม่ใช่ความร้ทู างทฤษฎแี ต่เป็นความรทู้ มี่ าจากการปฏิบัตจิ รงิ อริสโตเติล (Aristotle) ได้นาคุณธรรมของเพลโต (Plato) มาอธิบายว่า คุณธรรม ได้แก่ การ เดินทาง สายกลางระหว่างความไม่พอดีและความพอดี หรือคุณธรรม คือ ความพอดี พองาม ไม่เอียง สุดไปทางด้านใด ด้านหน่ึง เช่น ความกล้าหาญจะอยู่ระหว่างความบ้าบ่ินกับความขลาด ความสุภาพ อยู่ระหว่างความข้ีอายกับความไร้ยางอาย และความเอื้อเฟื้ออยู่ระหว่างความฟุ่มเฟือยกับความ ตระหนี่ จากความหมายของคาว่า “คุณธรรม” สรุปได้ว่า คุณธรรม หมายถึง หลักของความดี งาม แห่งการประพฤติตนและลักษณะอุปนิสัยอันดีงามท่ีส่ังสมอยู่ในจิตใจของบุคคลมาเป็นเวลานาน มี คุณค่าก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ยึดถือและปฏิบัติตาม อันนามาซ่ึงความเจริญของตนเอง และสังคม ซ่ึง คุณธรรมท่ีเกิดขน้ึ ในจติ ใจ นั้นเกดิ จากการอบรมและปลูกฝงั คาว่า จริยธรรม เป็นคาศัพท์ท่ีบัญญัติขึ้นใหม่ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Ethics หมายถึง ความ ประพฤติที่แสดงออกภายนอก ที่เป็นความสัมพันธ์ของหมู่มนุษย์ ไม่เน้นด้านจิตใจ ดังนั้นจะไม่คลุม หลักศาสนาท่เี น้นดา้ นจิตใจ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2546 ให้ความหมาย จริยธรรม (ethics, behavior) ไว้ว่า จริย แปลว่า กิริยา ความประพฤติ การปฏิบัติ ฉะนั้นจริยธรรมจึงหมายถึงแนว ทางการปฏิบัติ สาหรบั มนษุ ยเ์ พอ่ื ให้บรรลถุ ึงสภาพชวี ิตที่พึงประสงค์ สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา สรุปได้ว่า จริยธรรม หมายถึง ส่ิงที่พึงประพฤติ ปฏิบัติ มี พฤติกรรมที่ดีงามต้องประสงค์ของสังคม เป็นแนวปฏิบัติสาหรับสังคม เพ่ือให้เกิดความเป็นระเบียบ เรียบร้อย สวยงาม เกิดความสงบร่มเย็นเป็นสุข เกดิ ความรักความสามัคคี เกดิ ความอบอนุ่ มนั่ คงและ ปลอดภัยในการดารงชวี ิต เช่น ศีลธรรม กฎหมาย ธรรมเนียมประเพณี เปน็ ตน้ พระเทพวิสุทธิเมธี (พุทธทาสภิกขุ 2529 : 215) อธิบายว่า จริยธรรมหมายถึง ตัวของกฎที่ ตอ้ ง ปฏบิ ัติ สว่ นจรยิ ศาสตร์ คือเหตผุ ลสาหรับใช้อธิบายกฎท่ีต้อปฏิบตั ิ มลี กั ษณะเปน็ ปรชั ญาและเมื่อ รวมทงั้ สอง ส่วนเขา้ ดว้ ยกันจะเรยี กวา่ จรยิ ศึกษา จากความหมายที่กล่าวมานี้ พอสรุปได้ว่า จริยธรรม ความดีงามที่เป็นหลักในการ ประพฤติ ปฏิบัติใน การดาเนินชีวิตท้ังทางกาย ทางวาจา ทางใจ อันช้ีให้เห็นถึงความเจริญงอกงามในชีวิตและ รวมถึง สภาพแวดล้อมที่โน้มนาให้บุคคลมุ่งกระทาความดี เป็นหลักความประพฤติของบุคคล เป็น
410 แนวทางของการ ประพฤติปฏบิ ตั ติ นในสง่ิ ทด่ี งี ามเหมาะสม และเป็นท่ยี อมรบั ของสังคม เพ่อื ประโยชน์ ของตนเองและส่วนรวม ปัจจุบัน คาว่า ศีลธรรมได้หายไปจากระบบการศึกษาไทย เนื่องจากเกิดปัญหาเกี่ยวกับความ แตกต่างทางศาสนาของผู้เรียน คาว่าศีลธรรมจะเน้นหนักไปในทางพุทธศาสนา จึงเปล่ียนใช้คาว่า จริยธรรมมาแทนท่ี เพราะมีคาสอนทางด้านจริยธรรมในทุกศาสนา แต่เน่ืองจากคาว่าจริยธรรมใน ภาษาไทย มีหลักที่เน้นด้านจิตใจเท่าน้ัน จึงมีคาว่า คุณธรรมมาเสริม ปัจจุบันจึงใช้คู่กันว่า คุณธรรม และจริยธรรม จรยิ ธรรมตามหลักศาสนา ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่พัฒนามาจากศาสนายูดาย มีพระเยซู (ซ่ึงแปลว่าพระผู้ไถ่มนุษย์ จากบาป) เป็นศาสดา พระเยซูทรงประสูติที่เมืองนาซาเรส แคว้นกาลิเล ประเทศปาเลสไตน์ หรือ อิสราเอลในปัจจุบนั เมื่อ พ.ศ.543 (ค.ศ.1) สิน้ ชีวิตเม่อื พ.ศ. 576 อายไุ ด้ 33 ปี เผยแผศ่ าสนาอยู่ 3 ปี จริยธรรมตามหลักศาสนาคริสต์ (Christianity) เนื่องจากพระเยซูมิได้ทรงประสงค์ที่จะต้ังศาสนาใหม่แต่ทรงมีประสงค์ท่ีจะปฏิรูปศาสนายู ดายให้บริสุทธิขึ้น เม่ือพระองค์ประกาศศาสนาก็ไม่ได้บอกว่าเป็นศาสนาใหม่ พระองค์ยังคงถือปฏิบัติ ตามหลักศาสนายูดายทุกอย่าง กล่าวคือ หลักบัญญัติ 10 ประการ ตลอดจนเข้าโบสถ์ สวดมนต์ และ ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เม่ือพระองค์ประกาศคาสอนพระองค์แจ้งแก่ชาวยิวว่า พระองค์ทรงนา ข่าวดมี าบอก ขา่ วดขี องพระองคก์ ็คอื ความรกั ความรักจงึ เปน็ หลกั คา สอนสาคญั ของศาสนาคริสต์ คาสอนทง้ั หมดของพระเยซู สามารถสรปุ ลงไดเ้ ป็น 2 ประการ คอื 1) จงรกั พระเจา้ ดว้ ยสดุ จติ สุดใจและสนิ้ สดุ ความคิด 2) จงรกั เพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง (เดือน คาดี, 2545 : 160) เม่อื จะขยายความคาสอน 2 ประการน้ไี ปสหู่ ลักบัญญัติ 10 ประการกจ็ ะได้ว่า การปฏิบตั ิตาม หลักการข้อท่ี 1 ก็คือ การปฏิบัติตามหลักบัญญัติ 10 ประการข้อที่ 1-4 และ การปฏิบัติหลักการข้อที่ 2 ก็คือ การปฏิบัติตามหลักบัญญัติ 10 ประการข้อท่ี 5-10 นั่นเอง (สุจิตรา อ่อนค้อม, 2542 : 206- 207) ตวั อยา่ งคาสอนของพระเยซูคริสต์ หลักคาสอนที่มาจากองค์พระเยซคู รสิ ต์ พระองคท์ รงมามใิ ช่เพื่อทาลายบทบัญญตั หิ รือคาสอน ดงั้ เดมิ แต่พระองคม์ าเพ่อื ทาให้บทบญั ญัตินัน้ สมบรู ณ์โดยไดส้ อนถึง 1) บัญญตั แิ หง่ ความรัก ( มธ. 22: 37– 39, ยน. 3 : 16) “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน นี้คือ บทบัญญัติเอกและเป็นบทบัญญัติแรก “บทบัญญัติประการท่ีสองก็เช่นเดียวกันคือ ท่านต้องรักเพื่อน
411 มนุษย์เหมือนรักตนเอง ธรรมบัญญัติและคาสอนของบรรดาผู้ประกาศ (ผู้เผยพระวจนะ) ก็ข้ึนอยู่กับ บญั ญัติสองประการน้ี” “เพราะวา่ พระเจ้าทรงรกั โลก จนไดป้ ระทานพระบุตรองคเ์ ดียวของพระองค์ เพือ่ ทุกคนท่ีวางใจในพระบตุ รน้ันจะไม่พนิ าศ แตม่ ชี ีวติ นิรนั ดร์” 2) ความสขุ แทจ้ ริง (มธ. 5: 1- 12) พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนมากมายจงึ เสด็จขน้ึ บนภูเขา เมื่อประทบั แลว้ บรรดาศิษย์เข้า มาหอ้ มลอ้ มพระองค์ พระองคท์ รงเร่ิม ตรัสสอนว่า - ผู้มีใจยากจน ย่อมเปน็ สขุ เพราะอาณาจกั รสวรรคเ์ ป็นของเขา - ผเู้ ป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเปน็ สุข เพราะเขาจะไดร้ บั การปลอบโยน - ผทู้ ่ีมีใจอ่อนโยน ยอ่ มเปน็ สขุ เพราะเขาจะได้ รบั แผน่ ดนิ เป็นมรดก - ผหู้ วิ กระหายความชอบธรรม ย่อมเป็นสขุ เพราะเขาจะอิม่ - ผมู้ ใี จเมตตา ย่อมเปน็ สุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา - ผู้มีใจบริสทุ ธิ์ ย่อมเป็นสขุ เพราะเขาจะได้เหน็ พระเจ้า - ผูส้ รา้ งสนั ติ ย่อมเป็นสขุ เพราะเขาจะไดช้ ื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า - ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรมย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์ เป็นของเขา ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุขเม่ือถูกดูหม่ิน ข่มเหงและใส่ร้ายต่าง ๆ นานาเพราะเรา จงช่ืนชม ยินดีเถิด เพราะบาเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์น้ันยิ่งใหญ่นัก เขาได้เบียดเบียนบรรดาผู้ประกาศที่ อยกู่ อ่ นท่านดงั นด้ี ว้ ยเช่นเดียวกนั (กรมการศาสนา, 2555) จริยธรรมตามหลักศาสนาอสิ ลาม (Islam) ศาสนาอิสลามเปน็ ศาสนา 1 ใน 3 ของศาสนาโลก (ศาสนาโลก หมายถึง ศาสนาที่ได้รบั ความ นิยมนับถือแพร่หลายในหลายประเทศนอกเหนือจากประเทศต้นกาเนิดของศาสนาซ่ึงในปัจจุบันก็คือ พระพุทธศาสนา ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม) เกิดในประเทศซาอุดิอารเบียเมื่อ พ.ศ. 1133 โดยคิดตามปีเกิดของศาสดา คือ ท่านนบีมุฮัมหมัด คาว่า อิสลาม มาจากศัพท์ว่าอัสลามะ (ซู เราะห์ 3: 82) แปลว่า การอ่อนน้อมถ่อมตนยอมจานนต่อพระเจ้า ซึ่งโดยใจความก็คือ การมอบกาย ถวายชีวติ ต่อพระอลั ลอฮฺอยา่ งสดุ จิตสดุ ใจ และคาวา่ มสุ ลิม กม็ ีความหมายวา่ ผู้ยอมมอบกายถวายชีวิต ต่อพระอัลลอฮฺอย่างส้ินเชิง (ฟื้น ดอกบัว, 2549 : 203) นอกจากนี้อิสลามยังแปลได้อีกว่า สันติ ความ สงบ และความปลอดภัย (เดอื น คา ดี, 2545 : 171) ดงั ท่ีกล่าวมาแลว้ วา่ ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาท่ีมีพัฒนาการต่อเนื่องมาจากศาสนายูดายและ ศาสนาคริสต์ ฉะนั้น ในพระคัมภีร์อัลกุรอานจึงปรากฏรายชื่อของศาสนทูต (นบี) ท่ีพระเจ้าเคยส่งลง มาประกาศศาสนาในโลกมนุษย์ถึง 25 คน และ 1 ใน 25 คนนั้นก็คือ พระเยซู (นบีอิซา (Isa) ซึ่งก็ หมายความวา่ ในศาสนา
412 อิสลามยอมรับว่า พระเยซูเป็นศาสนทูตท่านหนึ่งท่ีเคยมาประกาศศาสนาก่อนท่านนบีมุฮัมหมัด แต่ ชาวมุสลิมเช่ือว่า ศาสนาอิสลามซ่ึงได้รับการประกาศโดย ศาสนทูตนบีมุฮัมหมัดน้ันมีความสมบูรณ์ ท่สี ุดและเป็นศาสนทตู องค์สุดทา้ ย ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม นับถือพระเจ้าองค์เดียว คือพระอัลเลาะห์ พระองค์ทรงสร้างโลกและสรรพส่ิง ทรงกาหนดชะตากรรมของมนุษย์และสัตว์ ในศาสนาอิสลามไม่มี นักบวชมุสลิม แต่ทุกคนท้ังผู้ชายและผู้หญิงมีหน้าท่ีต้องปฏิบัติศาสนกิจเท่าเทียมกัน ไม่แยกกิจกรรม ทางโลกและกิจกรรมทางศาสนาออกจากกัน คาสอนมีลักษณะเป็นจริยธรรมและกฎหมาย (เดือน คา ดี, 2545 : 171) หลกั ปฏิบัติเพ่ือยนื ยันความศรทั ธา 1) การกล่าวคาปฏิญาณยืนยันความมีศรัทธา ว่าจะไม่มีพระเจ้าอ่ืนใดนอกจากอัลลอฮฺ และ ปฏิญาณวา่ มฮุ มั หมัดเป็นศาสนทตู ของอัลลอฮฺ 2) การนมาซ หรือ การละหมาด อัลลอฮฺทรงกาหนดให้เราต้องยนื ยันต่อสญั ญากบั พระเจ้าทุก วันในการนมาซประจาวัน 5 เวลา ได้แก่ ก่อนรุ่งอรุณ กลางวัน เย็น พลบค่า และกลางคืน (ทองหล่อ วงษธ์ รรมา, 2554 : 96) เพอื่ ยืนยันความศรัทธาในอสิ ลามของตนเอง 3) การจา่ ยซะกาต การจา่ ยซะกาตเป็นส่งิ ท่ีต้องทาควบคู่ไปกับการนมาซ หากไม่ทาถือว่าเป็น บาป ด้วยเหตุผลเพื่อให้มนุษย์ผู้มีความม่ังค่ังร่ารวยจากทรัพย์ปัจจัยที่ได้รับจากพระผู้เป็นเจ้า ต้อง รับผิดชอบต่อสังคมมากข้ึน โดยการเรียกเก็บทรพั ย์ส่วนหน่ึงซ่ึงเรียกว่าซะกาตจากทรัพย์สินของคนมง่ั คงั่ ในทุกรอบปีมาจัดสรรให้แก่ผู้มสี ทิ ธิไดร้ ับ 8 ประเภท ซะกาตจงึ ไม่ใชก่ ารบริจาคทาการกุศล แต่เปน็ หนา้ ท่ขี องมสุ ลมิ ท่ีตอ้ งปฏบิ ตั เิ หมอื นการเสยี ภาษีของประชาชนนั่นเอง 4) การถือศีลอด การถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอนเป็นวินัยบัญญัติท่ีกาหนดให้มุสลิม ทุกคน ต้องปฏิบัติ การละเว้นถือเป็นบาปใหญ่ การถือศีลอด คือ การงดเว้นจากการกิน การด่ืม การเสพ การ มีความสัมพันธ์ทางเพศและการงดเว้นจากอารมณ์ใฝต่ ่าท้ังทางด้านร่างกาย วาจาและจิตใจ ตั้งแต่ดวง อาทติ ยข์ น้ึ จนถงึ ดวงอาทิตย์ตกระหว่างเดือนเราะมะฎอนของทุกปีซึ่งอาจมรี ะยะเวลา 29 หรอื 30 วนั โดยมเี จตนาวา่ ทาเพ่อื อลั ลอฮฺ วัตถุประสงค์ของการถือศีลอดน้ีไม่ใช่เพื่อการทรมานร่างกายแต่เป็นไปเพ่ือสร้างความรู้สึก ยับย้ังชัง่ ใจตนเองและความรู้สึกยาเกรงตอ่ พระเจา้ (เรียกวา่ ตกั วา) 5) การบาเพญ็ ฮัจญ์ ฮัจญถ์ ือเป็นหลักปฏิบตั สิ าคัญที่อิสลามกาหนดให้มสุ ลิมทุกคนต้องปฏิบัติ คร้ังหน่ึงในชีวิต หากมีความสามารถทางด้านร่างกายและทรัพย์สินและหนทางที่ไปมีความปลอดภัย เพ่ือเป็นการแสดงออกถึงความศรัทธา การทาฮัจญ์ก็คือ การเดินทางไปยังบ้านของอัลลอฮฺ (บัยตุลลอ ฮฺ) ที่นครมักก๊ะฮฺ ประเทศซาอุดิอารเบีย ในวันที่ 8-13 ของเดือนซุลฮิจญะฮฺของทุกปี ทั้งน้ี เพ่ือปฏิบัติ ศาสนกจิ ตามแบบอยา่ งของท่านนบีมฮุ ัมหมดั
413 คุณธรรมสาคัญในอสิ ลาม นอกจากหลักศรัทธา 6 และหลักปฏิบัติ 5 ประการเพ่ือยืนยันความเป็นมุสลิมแล้ว อิสลามยัง มีวตั ถปุ ระสงคท์ ี่จะสร้างคุณธรรมสาคัญบางประการขน้ึ ในจติ ใจมนุษย์ ไดแ้ ก่ 1) ความยาเกรงพระเจ้า (ตักวา) ว่า พระองค์ทรงเฝ้ามองอยู่และกลัวการถูกลงโทษ ซึ่งจะทา ให้มนุษยไ์ ม่กล้าทาบาป 2) ความอดทนอดกลั้น (ซ็อบรฺ) เม่ือเกิดการสูญเสีย หรือมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นในชีวิต ซึ่งถือว่า เปน็ บททดสอบสาหรบั ชวี ิต 3) ความบริสุทธ์ิใจ (อิคลาศ) การทาความดีทุกอย่างจะต้องทาเพื่อพระเจ้าเพียงอย่างเดียว โดยไม่หวังส่ิงอืน่ แอบแฝง 4) การมอบความไวว้ างใจในอลั ลอฮฺ (ตะวกั กุล) คือ การยอมรบั ว่า อัลลอฮฺ คอื ผูก้ าหนดทุกสิ่ง ทกุ อยา่ งและผู้ประทานความสาเรจ็ ใหแ้ กช่ วี ิต 5) ความสานึกในบุญคุณของพระเจ้า (ชุกูรฺ) ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ได้มาตั้งแต่ชีวิต สุขภาพร่างกาย ความรู้ความสามารถ ปัจจัยยังชีพ ความม่ังค่ัง และส่ิงอานวยความสะดวกต่าง ๆ รอบตัว เป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานใหม้ าท้ังสน้ิ มนุษย์จะได้ไม่หยิ่ง จองหอง รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน และ ทาดตี ่อผ้อู นื่ เหมอื นกับทีพ่ ระเจา้ ได้ทาดีกับเขา (บรรจง บนิ กาซัน, 2548 : 101-102) จรยิ ธรรมตามหลักศาสนาพุทธ (Buddhism) พุทธจริยธรรม หมายถึง หลักเกณฑ์ทางจริยธรรมซ่ึงท่านผู้รู้ มีพระพุทธเจ้าได้ทรงวางไว้ เพื่อ เป็นมาตรฐานความประพฤติของมนุษย์ ตงั้ แตพ่ ืน้ ฐานเบอื้ งต้น ระดบั กลาง และระดบั สูง เพอื่ ให้มนุษย์ ได้ดาเนินชีวิตอันดีงามตามอุดมคติเท่าที่มนุษย์จะสามารถทาได้ เพื่อให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มี สตปิ ัญญา มีความสขุ อันสมบูรณ์ท่ีสุด (วศนิ อินทสระ, 2549 : 1) หากต้องการผลอันสูงส่ง อันเลิศแลว้ กจ็ าเปน็ ต้องสรา้ งเหตุใหส้ มควรกนั หากหวงั อยู่ซ่ึงสุขแต่ ทางดาเนินเปน็ ไปเพ่ือก่อใหเ้ กิดทุกข์ก็ไมส่ ามารถที่พบความสุขทีป่ ระสงค์นนั้ ได้ เพราะฉะน้นั มนษุ ยท์ ุก คน ล้วนรักสุข เกลียดกลัวความทุกข์ พระพทุ ธศาสนาจงึ แนะนาทางดาเนินชวี ติ เพอ่ื ไปสู่ความสุขได้ อย่างปลอดภยั อันไดแ้ ก่หลกั จริยธรรมชั้นตน้ ชัน้ กลาง และชน้ั สงู จรยิ ธรรมชั้นต้น หลักจริยธรรมชันต้นน้ีจัดเป็นหลักจริยธรรมท่ีมุ่งเน้นเพ่ือให้เกิดความสงบสุขเรียบร้อยของ สังคม ให้ผู้คนในสังคมสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นปกติสุข ไม่ละเมิด หรือเบียดเบียน ซึ่งชีวิต ทรพั ย์สนิ คนรกั วาจา และสตสิ มั ปชญั ญะอันเปน็ ทตี่ ง้ั แหง่ ความประมาท
414 จรยิ ธรรมชั้นกลาง หลักจริยธรรมช้ันกลาง เป็นหลักธรรมเพื่อการขัดเกลาและพัฒนาตนเองให้มีคุณธรรมสูงข้ึน ไปอีก และละเอียดยิ่งข้ึนไป เหมาะสาหรับคฤหัสถ์ท่ีต้องการจะปฏิบัติตนเพ่ือเป็นพ้ืนฐานในการครอง ตนเพือ่ รองรับการปฏิบตั ติ ามหลักจริยธรรมขัน้ สูงตอ่ ไป จรยิ ธรรมช้ันสูง จริยธรรมขั้นสูงในพุทธศาสนาก็คือ มรรคมีองค์ 8 หรือ อัฏฐังคิกมรรค แปลว่า “ทางมีองค์8 ประการ อันประเสริฐ” มรรคมีองค์ 8 นี้ ได้ช่ือว่า มัชฌิมาปฏิปทา แปลว่า ทางสายกลาง เพราะเป็น ข้อปฏิบัติอนั พอดที จี่ ะนาไปสจู่ ดุ หมายแห่งความหลดุ พ้นเปน็ อสิ ระ ดบั ทุกข์ หลกั ธรรมะประจาใจของครู 1. พรหมวหิ าร 4 พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต) ได้กล่าวถึงความหมายของ พรหมวิหาร 4 ไว้ใน พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรมไว้ว่า พรหมวิหาร 4 หมายถึง ธรรมเครื่องอยู่อย่าง ประเสริฐ, ธรรมประจาใจอันประเสริฐ, หลักความประพฤติที่ประเสริฐบริสุทธิ์, ธรรมท่ีต้องมีไว้เป็น หลกั ใจและกากับความประพฤติ จงึ จะชอื่ วา่ ดาเนนิ ชีวิตหมดจดและปฏิบัตติ นต่อมนุษยส์ ตั ว์ท้ังลายโดย ชอบ อนั ประกอบไปดว้ ย 1) เมตตา คอื ความรัก ปรารถนาดอี ยากให้เขามีสขุ มจี ิตอันแผ่ไมตรีและคดิ ทาประโยชน์แก่ มนุษยส์ ตั ว์ถ้วนหนา้ 2) กรุณา คือ ความสงสาร คิดช่วยให้พ้นทุกข์ ใฝ่ใจในอันจะปลดเปล้ืองบาบดั ความทุกข์ยาก เดอื ดร้อนของสัตว์ทัง้ ปวง 3) มุทิตา คือ ความยินดี ในเมื่อผู้อ่ืนอยู่ดีมีสุข มีจิตผ่องใสบันเทิง กอปรด้วยอาการแช่มช่ืน เบิกบานอยู่เสมอ ต่อสัตว์ท้ังหลายผู้ดารงอยู่ในปกติสุข พลอยยินดีด้วยเม่ือเขาได้ดีมีสุข เจริญงอกงาม ย่งิ ข้ึนไป 4) อุเบกขา คือ ความวางใจเป็นกลาง อันจะให้ดารงอยู่ในธรรมตามที่พิจารณาเห็นด้วย ปัญญา คือมีจิตเรียบตรงเท่ียงธรรมดุจตราชู ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง พิจารณาเห็นกรรมท่ีสัตว์ ท้ังหลายกระทาแล้ว อันควรได้รับผลดีหรือชั่ว สมควรแก่เหตุอันตนประกอบ พร้อมท่ีจะวินิจฉัยและ ปฏิบตั ไิ ปตามธรรม รวมท้ังรู้จกั วางเฉยสงบใจมองดู ในเมือ่ ไม่มีกิจที่ควรทา เพราะเขารับผดิ ชอบตนได้ ดแี ล้ว เขาสมควรรบั ผิดชอบตนเอง หรอื เขาสมควรไดร้ บั ผลอนั สมกบั ความรบั ผิดชอบของตนเอง เมตตา : ครูต้องรักเมตตาศิษย์ทุกคนด้วยอาการเกื้อกูล คือต้องการจะอานวยประโยชน์ต่อ ศิษย์โดยไม่หวังส่ิงตอบแทนใดๆ ไม่เมตตาแบบมีจิตพันผูก ดังเช่น พ่อแม่มีจิตพันผูกกับลูก มิตร สหายมีจิตพันผูกต่อกัน เป็นต้น เพราะจิตพันผูกกันนี้จะไม่เป็นเมตตาที่แท้จริงตามหลักพรหมวิหาร
415 ธรรม เมตตาท่แี ท้จริงจะต้องมคี วามปรารถนาดีต่อทุกคนท่ีรู้จักหรอื ไม่รูจ้ ัก ทัง้ ท่ีรักหรอื ชังก็ตาม นั่นคอื ถ้าข้ึนชื่อว่า “ศิษย์” จะมาจากไหน จะเป็นใคร จะร่ารวยหรือยากจน จะรูปงามหรือรูปทราม จะมี ปัญญาดหี รืออบั ปญั ญา หรือใดๆกแ็ ลว้ แต่ ครูตอ้ งมีเมตตาท่ีแทจ้ ริงตามหลักพรหมวิหารธรรม ต่อศษิ ย์ เหลา่ นั้นถ้วนทัว่ กันทุกคน กรุณา : ครูต้องมีความกรุณาสงสารต่อศิษย์ ความกรุณา ก็คือสภาวะท่ีทาให้ผู้ประเสริฐเกิด ความสะท้อนใจเมื่อเห็นผู้อ่ืนมีทุกข์ ทุกข์เกิดจากความไม่รู้ เมื่อเขามีความไม่รู้ ต้องสอนให้เขารู้ ครูที่ เห็นศิษย์ตกอยู่ในความทุกข์แล้วเกิดความสะท้อนใจอยากช่วยให้เขามีความรู้มีปัญญาเพ่ือให้พ้นทุกข์ นั้นแสดงวา่ ครเู ปน็ ผู้ประเสรฐิ ทมี่ คี วามกรุณาตามหลกั พรหมวิหารธรรมแล้ว มุทิตา : ครูต้องมคี วามยินดี เมอื่ ศิษย์ไดด้ หี รืออยดู่ ีมสี ุข เหน็ เขามีจิตผอ่ งใสบันเทงิ แชม่ ช่ืนเบิก บานอยู่เสมอเป็นปกติสุข ครูก็พลอยยินดีด้วย เมื่อเขาได้ดีมีสุข เจริญงอกงามยิ่งขึ้นไป มุทิตา จะมี ลักษณะชื่นชม นั่นคือ ครูจะเกิดมุทิตาได้ก็ต่อเมื่อเห็นศิษยเ์ จริญก้าวหน้าได้ดี ซึ่งจะตรงกันข้ามกับการ เกิดกรุณา เพราะกรุณาจะเกิดเมื่อเห็นศิษย์ตกต่าหรือมีทุกข์ แต่ความจริงแล้ว มุทิตาน้ีเกิดข้ึนได้ยาก ย่ิง เพราะในจิตใจของมนุษย์จะมีกิเลสหรือความริษยาครอบงาอยู่ ครูท่ีเจริญในพรหมวิหารธรรม เท่านนั้ ทพี่ ึงจะกาจัดความรษิ ยานไี้ ด้ จึงจะมมี ุทติ าทแี่ ท้จริงตอ่ ศิษยส์ มกบั เปน็ ครูผ้ปู ระเสรฐิ อุเบกขา : ครูต้องรู้จักปล่อยวางใจเป็นกลางต่อศิษย์ตามท่ีเขาสมควรได้รับผลอันสมกับความ รับผดิ ชอบของตนเอง หมายความว่า เมอ่ื ครพู ึง เมตตา กรุณา และมทุ ติ า ต่อศิษยอ์ ย่างสมควรแล้ว ถึง วันหนึ่งจุดหนึ่งก็ต้องเป็นเวลาของศิษย์ท่ีจะต้องดาเนินชีวิตไปตามหนทางท่ีเขาเลือก ซ่ึงเป็นความ รับผิดชอบของตัวเขาเอง ข้ึนอยู่กับกรรมของแต่ละบุคคลครูต้องเฝ้าดูด้วยใจที่เป็นกลางและยอมรับ ความจรงิ ว่าเป็นทางทเ่ี ขาไดเ้ ลอื กแลว้ เปน็ กรรมของแตล่ ะบุคคลที่จะนาพาชวี ิตของเขา 2. กุศลกรรมบถ 10 กุศลกรรมบถ 10 คือทางแห่งกุศลกรรม, ทางทาความดี, กรรมดีอันเป็นทางนาไปสู่ความสุข ความเจริญหรือสุคติ กุศลกรรมบถหมวดนี้ มีช่ือเรียกอีกอย่างว่าธรรมจริยา (ความประพฤติธรรม) (พระธรรมปฎิ ก (ป.อ.ปยตุ ฺโต), 2546 : 233) ว่าโดยขอ้ ธรรมสมบูรณ์ มี 10 ประการ ดังนี้ ความสะอาดทางกายมี 3 อย่าง 1) ละการฆา่ สัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสตั ว์ วางทัณฑะ วางศาตรา มีความละอาย มีความเอ็นดู มคี วามกรุณาหวงั ประโยชนเ์ กอ้ื กูลแก่สัตว์ทงั ปวง 2) ละการลักทรัพย์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ ไมถ่ ือเอาวัตถเุ ปน็ อุปกรณ์แก่ทรัพย์ เครือ่ งปลื้ม ใจแหง่ ผู้อื่นของบคุ คลอน่ื ซึ่งอยู่ในบา้ นหรอื อย่ใู นปา่ ทเี่ จ้าของมิได้ให้ ด้วยจติ เปน็ ขโมย 3) ละการประพฤติผดิ ในกาม เวน้ ขาดจากการประพฤตผิ ิดในกาม ไม่ถงึ ความประพฤติล่วงใน สตรีที่มารดารักษา บิดารักษาพี่ชายน้องชายรกั ษา พ่ีสาวน้องสาวรักษา ญาติรักษา ธรรมรักษา มีสามี มีอาชญาโดยรอบ โดยท่สี ุดแม้สตรที ่บี รุ ษุ คล้องแลว้ ดว้ ยพวงมาลยั
416 ความสะอาดทางวาจามี 4 อยา่ ง 1) ละการพดู เทจ็ เวน้ ขาดจากการพูดเทจ็ อยู่ในสภา ในบรษิ ัท ในทา่ มกลางญาติ ในท่ามกลาง เสนา หรือในท่ามกลางราชสกุล ถูกผู้อื่นนาไปเป็นพยานซักถามว่า มาเถิด บุรุษผู้เจริญ ท่านรู้ส่ิงใด จง พูดส่ิงนั้น บุรุษนั้นเมื่อไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ หรือเมื่อรู้ก็บอกว่ารู้ เมื่อไม่เห็นก็บอกว่าไม่เห็น หรือเม่ือเห็นก็ บอกว่าเห็น ไม่เป็นผู้กล่าวเท็จท้ังรู้ เพราะเหตุแห่งตน เพราะเหตุแห่งผู้อื่นบ้าง หรือเพราะเหตุเห็นแก่ อามิสเลก็ นอ้ ย 2) ละคาส่อเสียด เว้นขาดจากคาส่อเสียด ฟังข้างน้ีแล้วไปบอกข้างโน้น เพ่ือทาลายคนหมู่นี้ หรือฟงั จากข้างโนน้ แลว้ ไม่มาบอกข้างน้ี เพ่อื ทาลายคนหมโู่ น้น สมานคนที่แตกร้าวกันแลว้ บา้ งสง่ เสริม คนที่พร้อมเพรียงกันแล้วบ้าง ชอบคนผู้พร้อมเพรียงกัน ยินดีคนผู้พร้อมเพรียงกันเพลิดเพลินในคนผู้ พร้อมเพรียงกนั กล่าววาจาทที่ าใหค้ นพรอ้ มเพรยี งกัน 3) ละคาหยาบ เว้นขาดจากคาหยาบ กล่าววาจาท่ีไมม่ โี ทษ เพราะหู ชวนให้รักจับใจ เป็นของ ชาวเมือง คนส่วนมากรักใคร่ พอใจ 4) ละคาเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากคาเพ้อเจ้อ พูดถูกกาล พูดแต่คาท่ีเป็นจริง พูดอิงอรรถ พูดอิง ธรรม พดู อิงวนิ ัย พูดแต่คามหี ลักฐาน มีที่อา้ งอิง มที ี่กาหนด ประกอบด้วยประโยชน์ โดยกาลอนั ควร ความสะอาดทางใจมี 3 อย่าง 1) ไม่อยากได้ของผู้อื่น คือ ไม่อยากได้วัตถุเป็นอุปกรณ์แก่ทรัพย์เคร่ืองปล้ืมใจแห่งผ้อู ื่น ของ บุคคลอน่ื 2) ไม่มีจิตปองร้าย คือ ไม่มีความดาริในใจอันช่ัวร้ายว่า สัตว์เหล่านี้จงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มี ความมงุ่ ร้ายกัน ไมม่ ีทุกข์ มีสุข รกั ษาตนเถิด 3) มีความเห็นชอบ คือ มีความเห็นไม่วิปริตว่า ทานท่ีบุคคลให้แล้วมีผล การเซ่นสรวงมีผล การบูชามีผล ผลวิบากของกรรมท่ีบุคคลทาดที าชวั่ มีอยู่ โลกนี้มี โลกหน้ามี มารดามี บิดามีสัตว์ผู้เป็น อปุ ปาติกะมี สมณพราหมณ์ผดู้ าเนินไปชอบ ผปู้ ฏบิ ัตชิ อบ ผู้ทาโลกนีแ้ ละโลกหนา้ ให้แจ้งชดั ดว้ ยปัญญา อนั ยิ่ง ดว้ ยตนเองแล้วสอนผู้อื่นใหร้ ้ตู าม 3. มรรคมอี งค์ 8 แนวทางดาเนินอันประเสรฐิ ของชีวิตหรือกาย วาจา ใจ เพอ่ื ความหลดุ พน้ จากทกุ ข์ เรยี กว่า อริยมรรค แปลว่าทางอนั ประเสรฐิ เป็นข้อปฏิบตั ทิ ่ีมีหลกั ไม่อ่อนแอ จนถงึ กบั ตกอยู่ ใต้อานาจ ความอยากแห่งใจ แตก่ ็ไมแ่ ข็งตงึ จนถึงกบั เป็นการทรมานกายใหเ้ หือดแหง้ จากความสขุ ทาง กาย เพราะฉะนน้ั จึงได้เรียกว่ามัชฌิมาปฏปิ ทา คือทางดาเนินสายกลาง ไม่หย่อนไมต่ ึง แตพ่ อเหมาะ ได้แก่ 1) สมั มาทิฏฐิ การเหน็ ชอบ หมายถงึ การเห็นชอบตามทานองคลองธรรม เป็นแสงสว่างส่อง ทางให้พน้ ทุกข์ ครูทัง้ หลายหากมีสมั มาทฏิ ฐิและถือปฏิบัติเปน็ อยา่ งดยี ่อมเป็นครู
417 2) สัมมาสังกัปปะ การดาริชอบ หมายถึง การคิดอย่างฉลาด รอบคอบ รู้จัก ไตร่ตรอง เป็นผู้มีวิธีคิด รู้จักใช้ความคิดในทางท่ีถูกต้องดีงาม คิดในทางสร้างสรรค์ และเป็นประโยชน์ทั้งต่อ ตนเอง ตอ่ ศิษย์ และตอ่ สังคม 3) สัมมาวาจา การพูดจาชอบ หมายถึง การไมพ่ ดู จาส่อเสียด ไม่เพ้อเจ้อ ไมพ่ ดู หยาบและ ไม่พูดปดพูดเท็จ วิธีพูดของครูมีผลต่อความรู้สกึ และจิตใจของศิษย์เสมอ หากครูพูดด้วยความจรงิ ใจ อ่อนโยน ไพเราะ ย่อมทาใหศ้ ษิ ยม์ คี วามเคารพและรักนบั ถอื 4) สัมมากมั มันตะ การทาการงานชอบ หมายถึง การกระทากิจการต่างๆ ด้วยความเต็มใจ และตัง้ ใจอยา่ งเตม็ ความสามารถ เพอ่ื ใหเ้ กิดผลดีต่อผู้เก่ยี วข้อง 5) สัมมาอาชีพ การเล้ียงชีวิตชอบ หมายถึง การทาอาชีพสุจริต และไม่ผิดกฎหมาย ทั้งหลาย 6) สัมมาวายามะ การเพียรชอบ หมายถึง การมุ่งมั่นพยายามในทางดี ครูต้องมีความเพยี ร คือ พยายามศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ มีมานะพยายามสร้างความก้าวหน้าในชีวิตและหน้าที่การงาน ตามทานองคลองธรรม 7) สัมมาสติ การระลึกชอบ หมายถึง การพิจารณาไต่ตรองในทางที่ถูก ทง้ั มีสตปิ ัญญาเฉยี บ แปลมรอบคอบ ในการผจญปัญหาตา่ งๆ 8) สัมมาสมาธิ ความตั้งใจมั่นชอบ หมายถึง การตั้งอยู่ในความสงบ ไม่ปล่อยให้กิเลส ทั้งหลายเกิดข้ึนจนทาให้หลงผิด หากครูผู้มีความตั้งใจมั่นชอบย่อมเป็นผู้ประสบความสาเร็จในการ ดาเนนิ อาชพี ครู 4. สงั คหวตั ถุ 4 หลักธรรมที่เป็นเครื่องยดึ เหนย่ี วนา้ ใจของผอู้ น่ื ผกู ไมตรี เอื้อเฟ้ือ เกื้อกูล หรอื เป็นหลักการสงเคราะหซ์ งึ่ กันและกนั มีอยู่ 4 ประการ ได้แก่ 1) ทาน หมายถึง การให้ ครูอาจารยจ์ ะต้องให้คาแนะนาสั่งสอน ให้ความรู้และความ เขา้ ใจในเรื่องต่างๆ 2) ปยิ วาจา หมายถึง พูดจาด้วยนา้ ใจหวังดี มุง่ ใหเ้ ปน็ ประโยชนแ์ ละเกดิ ผลดี ทาให้เกิด ความเชื่อถือและเคารพนบั ถือ 3) อัตถจรยิ า หมายถงึ การประพฤติอันเป็นประโยชน์ การขวนขวายช่วยเหลอื กิจการ สาธารณประโยชน์ ตลอดจนช่วยแกไ้ ขปรับปรงุ สง่ เสรมิ ในทางจริยธรรมแก่ผู้อนื่ 4) สมานัตตตา หมายถึง การทาตนใหเ้ สมอตน้ เสมอปลาย ตลอดจนการวางตัวให้เหมาะแก่ ฐานะ ภาวะ บุคคล เหตกุ ารณ์และสิง่ แวดล้อม 5. อทิ ธบิ าท 4 เป็นหลกั ธรรมทที่ าให้ทางานประสพความสาเร็จ ประกอบดว้ ย 1) ฉนั ทะ คอื ความพงึ พอใจ ความตอ้ งการที่จะทา ใฝ่ใจรักจะทาสิง่ นน้ั อยเู่ สมอ และ ปรารถนาทาให้ได้ผลดยี ิ่งๆ ขึ้นไป
418 2) วิรยิ ะ คือ ความเพียร ขยันหมัน่ เพียรประกอบสิ่งนัน้ ๆ ดว้ ยความพยายามเขม้ แขง็ อดทน 3) จติ ตะ คือ ความคิดตัง้ จิตรบั รู้ในสิ่งทที่ าและทาสง่ิ นัน้ ด้วยความคดิ เอาจิตฝักใฝ่ไม่ปลอ่ ย ใจให้ฟุง้ ซ่านจากส่ิงที่ตอ้ งรบั ผิดชอบ 4) วิมงั สา คือ ความไตร่ตรอง หม่นั ใช้ปญั ญาพิจารณาใคร่ครวญตรวจตราหาเหตุผล และมี การวางแผน ปรบั ปรงุ งานอยู่เสมอ การประเมนิ วนิ ยั คุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณวชิ าชีพครู จะประเมินใน 6 เรอ่ื ง ไดแ้ ก่ 1.พฤตกิ รรมการรักษาระเบียบวนิ ยั ไดแ้ ก่ การควบคมุ การประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องตนเองให้อยู่ใน กฎระเบียบของหน่วยงานและสังคมในกรณีมคี วามรบั ผดิ ชอบและซื่อตรงตอ่ การปฏิบัติหนา้ ท่ี โดย ยดึ ถอื ประโยชน์ทจ่ี ะเกิดขึน้ ต่อสว่ นรวมเปน็ สาคญั 2.การประพฤตติ นเป็นแบบอยา่ งทด่ี ี ได้แก่ พฤติกรรมการปฏบิ ัติทั้งพฤตกิ รรมส่วนตนและ พฤติกรรมการปฏบิ ต้ ิงาน ท้งั ในเร่ืองความสามคั คีและวถิ ีประชาธปิ ไตยในการดาเนินชวี ติ 3.การดารงชวี ติ อย่างเหมาะสม ได้แก่ การประพฤติปฎบิ ัติตนในการดารงชวี ติ ทยี่ ดึ หลกั ความ พอเพียง การหลีกเล่ยี งอบายมุข การรู้รกั สามคั คแี ละวิถีประชาธปิ ไตยในการดาเนินชวี ติ 4.ความรกั และศรัทธาในวชิ าชีพ ได้แก่ ความพึงพอใจและอุทิศเวลาในการปฏบิ ัตงิ านในหน้าท่ี ด้วยความวิริยะ อตุ สาหะ โดยมุ่งผลสาเรจ็ ท่เี ปน็ ความเจริญก้าวหน้าของการจดั การศึกษา 5.ความรับผดิ ชอบในวชิ าชพี ไดแ้ ก่ การปฏบิ ตั งิ านในหนา้ ทีโ่ ดยคานึงถึงความถูกต้อง ความ ซ่ือสตั ย์สุจริต และผลประโยชนข์ องหน่วยงานและผ้รู ับบริการเปน็ สาคัญ 6.คา่ นยิ ม และอดุ มการณ์ของความเปน็ ครู และบุคลากรทางการศึกษา ได้แก่ คา่ นยิ มพน้ื ฐาน 5 ประการ ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ปัญหาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมของครู ในอดตี ครูศษิ ยผ์ ปู้ กครอง และชมุ ชน จะดารงชีวิตรว่ มกันด้วยวัฒนธรรมการเคารพนับถือ และให้เกียรติซง่ึ กันและกนั ซึ่งครจู ะเป็นกลมุ่ บคุ คลทส่ี ังคมใหก้ ารเคารพนบั ถือและให้เกียรติสงู กว่าคน ในอาชพี อ่นื เน่ืองจากครไู ดใ้ ห้ความเปน็ ครูอย่างสูงแกศ่ ิษย์และสังคม แต่ในปัจจบุ นั ครใู ห้ความเปน็ ครู ลดลง เพราะอิทธพลทางเศรษฐกิจ สงั คมและการเมอื งการปกครอง ระบบจริยธรรมทางจติ ใจในอดตี จงี ถูกแทนท่ีด้วยระบบจริยธรรมทางวตั ถุ ซ่งึ เป็นสาเหตสุ าคัญทที่ าให้ครูมีปญั หาคุณธรรม จรยิ ธรรม จานวนครูท่มี ปี ญั หาคุณธรรมจริยธรรมนัน้ อาจจะมีจานวนมากเน่ืองจากคณุ ธรรมจรยิ ธรรมมีขอบข่าย กวา้ งขวางและเปน็ พืน้ ฐานของทกุ กิจกรรมในชีวติ การทางานและชวี ิตส่วนตวั ของครู ครูคนหนงึ่ อาจมี คุณธรรมดีบางประการและไม่ดีบาง ประการ ครูบางคนอาจมคี ณุ ธรรมดีในบางโอกาสและไม่ดใี นบาง โอกาส
419 ส่วนครูท่ีมีปญั หาดา้ นจรรยาบรรณจะมจี านวนน้อย กวา่ ครูทม่ี ปี ัญหาด้านคณุ ธรรมจรยิ ธรรม เน่อื งจากเปน็ หลกั พ้นื ฐานในการประกอบวิชาชพี ท่ีมีการกาหนดผลเชิงลบทีค่ รูจะไดร้ ับ และจานวนครู ที่มีปญั หาด้านวนิ ัยจะมีจานวนนอ้ ยกวา่ ครูท่มี ปี ัญหาด้านจรรยาบรรณเน่อื งจากเป็นหลกั การท่ีมีการ ลงโทษ รนุ แรง อยา่ งไรก็ดีอาจสรปุ ปัญหาด้านคุณธรรมจริยธรรมของครูเปน็ 3 ดา้ น คือ 1. ปัญหาดา้ นความรทู้ างคณุ ธรรมจรยิ ธรรม ปญั หาสาคญั ของการขาดความรทู้ างคุณธรรมจรยิ ธรรม คอื การขาดความรูเ้ กย่ี วกบั คุณธรรม จริยธรรมอยา่ งแทจ้ รงิ ซึ่งครอบคลมุ ประเดน็ สาคญั ดังน้ี 1.1 การไมม่ ีความรู้ในหลกั ธรรมคาสอนตามศาสนาทตี่ นนบั ถอื อย่างเพียงพอและ ชดั เจนถกู ตอ้ ง เช่น ไมม่ ีความรูท้ ่ี ชัดเจนเกีย่ วกบั หลกั ไตรสิกขา ไม่สามารถจาแนกการคิดทัง้ 10 วิธี ในโยนิโสมนสิการได้ถูกต้อง 1.2 การไม่มคี วามรูใ้ นหลักธรรมของศาสนาอ่ืน ๆ ทเ่ี กีย่ วข้องเพื่อครูจะไดม้ คี วาม เขา้ ใจเม่ือมปี ฏสิ ัมพันธก์ บั บคุ คลท่นี ับถือศาสนาแตกตา่ งกนั หรือเม่อื ต้องทาการสอนเน้ือหาท่ี เกยี่ วขอ้ ง 1.3 การไม่มีความรวู้ า่ คุณธรรมจรยิ ธรรมแต่ละประการน้ันประกอบด้วยคณุ ธรรม จริยธรรมย่อย ๆ อะไรบ้าง เช่น การจะพฒั นาใหน้ ักเรยี นมีความซอื่ สัตยน์ ัน้ คณุ ธรรมพ้ืนฐาน ทีจ่ ะนาไปสคู่ วามซ่ือสัตยค์ ืออะไร 1.4 การไม่เขา้ ใจเครอข่ายหรือชุดของคุณธรรมจริยธรรม เช่น ไม่เขาใจว่าทาไม อรยิ สจั จึงต้องมี 4 ประการ และทาไมตอ้ งทาให้ครบทุกประการ 2. ปัญหาเจตคตทิ างคณุ ธรรมจรยิ ธรรม 2.1 การไม่เหน็ คุณค่าของคณธรรมจริยธรรม เนือ่ งจากมนุษยม์ ธี รรมชาตติ อ้ งการสิ่ง ตา่ ง ๆ แต่หลกั คุณธรรม จรยิ ธรรมสอนให้ตอ้ งการอย่างมีขอบเขต จงึ มีเจตคติว่าหลกั คณ ธรรมจรยิ ธรรมขัดกับความต้องการของตนเอง นอกจากนน้ั ระบบเศรษฐกิจปจั จุบันใช้ความ อยากของมนษย์ ในการสรา้ งความเตบิ โตของผผู้ ลติ คณุ ธรรมจริยธรรมจงึ ไม่เพยี งแต่ขดั กับ ความตอ้ งการของบุคคลเทา่ นั้น แตย่ งั ขดั กบั วิถกี ารดารงชีวติ ประจาวันในสงั คมด้วย 2.2 ความท้อถอยในการปฏิบัตติ ามคณธรรมจรยิ ธรรม เนื่องจากการปฏบิ ตั ิตาม คณุ ธรรมจริยธรรมแต่ละประการ นัน้ เป็นเรอื่ งต้องใช้ความพยามยามและใชเ้ วลาระยะยาว ตลอดชวี ิตของมนุษย์ การปฏบิ ตั ิตามคุณธรรมจริยธรรมจึงเป็นเร่อื งยาก และทาให้เกดิ ความ ท้อถอย 2.3 ความสับสนทางจริยธรรม ความสบั สนทางคุณธรรมจริยธรรมมหี ลายประการ เชน่
420 1) การสบั สนวา่ จะใช้ คุณธรรมเพียงใด เน่ืองจากคุณธรรมบางประการมีลกั ษณะเป็นกเิ ลส ดว้ ย เชน่ ความกลา้ เส่ยี ง 2) การไม่เห็นผลดแี ห่งการทาดขี องตนเอง แตเ่ ห็นผลดีในการทาไม่ดขี องคนอ่ืน 3) การตัดสินใจไม่ไดว้ า่ จะเลือกปฏิบัตอิ ย่างไร เม่ือคณุ ธรรมจริยธรรม และสภาพสงั คมมีความ ไมส่ อดคลอ้ งกนั เชน่ ซอ่ื สัตย์โดยตอ้ งรบั สภาพความยากจน เปน็ ต้น 3. ปัญหาทักษะทางคณุ ธรรมจรยิ ธรรม 3.1 การมที ักษะทางคณุ ธรรมจรยิ ธรรมท่ีไมค่ รบถว้ น เน่อื งจากคุณธรรมจรยิ ธรรมมี ลักษณะเปนเครือขา่ ยทต่ี อ้ งทา ครบถ้วนจงึ จะเกิดผลจริงตามหลักการ แต่ครูมีทักษะในแต่ละ ข้อไม่เท่ากนั เชน่ ในพรหมวิหาร 4 นน้ั ครูอาจมีทักษะในเร่ืองเมตตา แต่ไม่มีทักษะด้าน อุเบกขา 3.2 การไมส่ ามารถสรา้ งเครอื ขา่ ยหรอื ชดุ ของคณธรรมจริยธรรม เครอื ขา่ ยหรือชดุ ของคณุ ธรรมจรยิ ธรรมเป็นสงิ่ สาคญั ท่จี ะใช้ในการพัฒนาตนและการพัฒนานกั เรียน เชน่ หาก จะพัฒนานักเรียนให้มีความรักทีเ่ ปน็ สากลน้นั จะต้องนา คุณธรรมขอ้ ใดบา้ งมาเป็นพื้นฐานให้ เกิดความรัก และจะจดั คณธรรมเหลา่ นน้ั ให้เปน็ เครือข่ายที่ชดั เจนในรูปแบบแผนภูมิอยา่ งไร 3.3 การไม่สามารถประยุกต์ ์ใช้กบั สถานการณ์และบุคคลท่ีหลากหลาย แมว้ า่ ครูจะมี ความรู้เจตคตแิ ละทักษะการสรา้ งเครือข่ายจรยิ ธรรมแล้ว ครูยงั ขาดทักษะในการประยุกต์ใช้ คณุ ธรรมจริยธรรมใหเ้ หมาะกับตนเองในสภาพการณ์ตา่ ง ๆ และขาดทักษะในการประยุกต์ใช้ กบั บคุ คลหลากหลาย ทีต่ นต้องเขา้ ไปเก่ียวข้องดว้ ย ซงึ่ การใชค้ ุณธรรมจรยิ ธรรมในกาลเทศะ ทแ่ี ตกตา่ ง ก็จะมีปัจจัยเกี่ยวข้องแตกตา่ งกันไป 3.4 การเลือกปฏบิ ัตโิ ดยอาจเลือกปฏบิ ตั คิ ุณธรรมขอเดียวกันกับสถานการณ์แตกต่าง กนั เช่น ตัง้ ใจสอนเพราะจะใช้ผลเพอ่ื การวิจยั ในช้นั เรยี น หรออาจเลือกปฏิบตั ิกับบคุ คล แตกต่างกัน เชน่ เมตตามากกับนกั เรยี นท่เี รยี นดี นอกจากน้ันครยู ังมี การเลือกใช้คณุ ธรรม บางขอและต้ังใจละทิ้งบางข้อ เช่น การดืม่ สรุ าเพื่อเข้าสงั คม อน่ึงปญั หาข้างตน้ เปน็ ปญั หาทีเ่ กิดข้ึนกบั ครูบางส่วนทรี่ ฐั บาลคาดหวังใหเ้ ปน็ เพยี งครสู ่วนน้อย เทา่ นนั้ ครูส่วนใหญ่ ควรมีพัฒนาการดา้ นคุณธรรมจริยธรรมที่ดี หน่วยงานทเ่ี กยี่ วข้องจึงควรร่วมมือ กัน เพื่อขจัดปญั หาและป้องกันเพ่อื สถานภาพของวชิ าชีพครใู นอนาคต พลเมอื งทเ่ี ขม้ แขง็ ความหมายของ “ พลเมืองเข้มแขง็ ” พจนานกุ รมราชบัณฑิตยสถาน ไดใ้ ห้ความหมายของ คาต่าง ๆ ดงั นี้ พลเมอื ง หมายถงึ ชาวเมือง ชาวประเทศ ประชาชน
421 เขม้ แข็ง หมายถงึ อดทน แข็งแกรง่ ไมย่ ่อท้อ อ้างองิ : (2554).พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน.กรงุ เทพฯ:สานักพมิ พว์ ฒั นานิช. ดังน้ัน พลเมืองที่เข้มแข็ง คือ พลเมืองดี เป็นองค์ประกอบหลักท่ีสาคัญของสังคม เพราะเป็น กาลังสาคญั ในการพัฒนาความเจริญกา้ วหนา้ ของประเทศ บทบาทของพลเมอื งดี คือ การมแี นวทางใน การดาเนนิ ชีวิตทถี่ ูกต้องเหมาะสมประพฤตปิ ฏิบัติอยูภ่ ายใต้กฎเกณฑ์และขนบธรรมเนียมประเพณีของ สังคม รู้จักบทบาทหน้าท่ีของตนเอง และเคารพสิทธิของผู้อ่ืนยอมรับความแตกต่าง และเคารพความ คิดเห็นของคนส่วนใหญ่ มีอิสรภาพและสมารถพ่ึงพาตนเองได้ มีส่วนร่วมในการป้องกันหรือแก้ไข ปญั หาสว่ นรวม แตก่ ารจะสรา้ งคนใหเ้ ปน็ พลมอื งดี นัน้ ตอ้ งอาศัยการศึกษาเรยี นรู้ เขา้ ใจและถา่ ยทอด ปลกู ฝงั จากคนทมี่ ีบทบาทเกย่ี วขอ้ งในทุก ๆ ส่วน เสนอผา่ นสถานการณ์ ประสบการณ์ชีวติ ภาพยนตร์ ของบุคคลตันแบบท่ีเรียกว่า \"พลเมืองเข้มแข็ง\" ล้วนแต่ก่อเกิดแรงผลักดันในการพัฒนาตนเองและ พัฒนาผู้อื่นให้เป็นพลมืองดี (ปฏิบัติตามกติกาสังคมได้อย่างเหมาะสม) สู่การเป็นพลมืองเข้มแข็ง (คิด นา ทาประโชนเ์ พื่อส่วนรวม) เพอ่ื ก้าวเข้าสคู่ วามเป็นชมุ ชนเข้มแข็ง (มน่ั คง มัง่ คง่ั ยัง่ ยนื ) ธเนศวร์ เจริญเมอื ง.(2551).พลเมอื งเข้มแข็ง.17มกราคม 2564.https://wwwsco04.tci3thoijo.org/index.php/JMHR/article/view/173130 สถานภาพ บทบาท สทิ ธิ เสรภี าพ และหนา้ ทขี่ องพลเมอื งเข้มแข็ง 1. สถานภาพ หมายถงึ ตาแหนง่ ท่บี คุ คลได้รับจากการเป็นสมาชกิ ของสงั คม แบ่งออกเป็น สถานภาพท่ีได้มาโดยกาเนิด เชน่ ลกู หลาน คนไทยเป็นต้น และสถานภาพทางสงั คม เช่น ครู นักเรียน แพทย์ เป็นต้น 2. บทบาท หมายถึง การปฏบิ ตั ติ ามสทิ ธิ หน้าที่อนั เน่ืองมาจากสถานภาพของบคุ คล เน่อื งจากบุคคลมีหลายสถานภาพในคนคนเดียว ฉะน้นั บทบาทของบคุ คลจึงต้องปฏบิ ตั ไิ ปตาม สถานภาพในสถานการณต์ ามสถานภาพนัน้ ๆ 3. สทิ ธิ หมายถึง อานาจหรอื ผลประโยชนข์ องบุคคลท่ีกฎหมายใหค้ วามคุ้มครอง เช่น สิทธิเลือกตั้งกฎหมายกาหนดใหบ้ คุ คลท่ีมีอายุ 18 ปบี รบิ รู ณม์ ีคุณสมบตั ิถูกต้องตามกฎหมายมสี ทิ ธิ เลือกสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร 4. เสรภี าพ หมายถึง ความมอี สิ ระในการกระทาของบุคคลทอ่ี ยู่ในของเขตของกฎหมาย เช่น เสรภี าพในการพดู การเขยี น เปน็ ตน้ 5. หนา้ ท่ี หมายถงึ ภาระรบั ผดิ ชอบของบคุ คลทจ่ี ะต้องปฏบิ ัติ เช่น หน้าท่ีของบิดาทีม่ ตี ่อ บตุ ร เป็นตน้ สถานภาพและบทบาทของบุคคลท่ีสอดคล้องกนั เช่น 1. พอ่ แม่ ควรมบี ทบาทดังนี้ 1.1 รบั ผิดชอบในการอบรมสง่ั สอนสมาชกิ ในครอบครัว
422 1.2 ใหก้ ารศึกษาต่อสมาชกิ ของครอบครวั 1.3 จดั สรรงบประมาณของครอบครวั ใหเ้ หมาะสมกับเศรษฐกจิ ของสงั คมและโลก 1.4 ครองตนเป็นแบบอยา่ งท่ีดคี วามรกั ต่อบุตร 2. ครู – อาจารย์ ควรมบี ทบาท ดงั น้ี 2.1 ถ่ายทอดความรูแ้ ก่ศษิ ย์โดยกระบวนการที่หลากหลายให้เหมาะสมกับความสามารถและ ความสนใจของนักเรียน 2.2 ครองตนให้เหมาะสมและเป็นแบบอยา่ งที่ดแี ก่ศษิ ย์ 2.3 เป็นผเู้ สียสละทัง้ เวลาและอดทนในการสงั่ สอนศิษย์ทัง้ ด้านความประพฤตแิ ละการศึกษา 2.4 ยดึ มนั่ ในระเบยี บวินยั ตลอดจนปฏิบัตติ ามจรรยาบรรณครู 3. นกั เรียน ควรมบี ทบาท ดังนี้ 3.1 ยดึ มน่ั ในคณุ ธรรมจรยิ ธรรมและระเบยี บของโรงเรียน 3.2 รบั ผิดชอบต่อหนา้ ท่ใี นการศึกษาหาความรู้ 3.3 ใหค้ วามเคารพตอ่ บุคคลทอี่ าวโุ สโดยมมี ารยาททเ่ี หมาะสมกบั สถานการณ์ 3.4 รบั ฟงั และปฏิบตั ติ ามคาสั่งสอนอย่างมเี หตุผล 3.5 ขยนั หมนั่ เพียรในการแสดงหาความรู้เพ่ิมเตมิ 3.6 เสริมสรา้ งความสามัคคีในครอบครวั โรงเรียน และชุมชน โรงเรยี นวดั จรเข้เผือก.(2555).พลเมอื งท่ดี ใี นสงั คมไทย.17มกราคม 2564.https://wwwsites.google.com วธิ กี ารสรา้ งพลเมอื งทเี่ ขม้ แข็ง 1. เสริมสรา้ งแรงบนั ดาลใจ เพือ่ ให้มีชวี ติ อยอู่ ย่างมีเป้าหมาย เปล่ียนจากการเรียนรแู้ บบ เฉือ่ ยชา เปน็ การเรยี นรแู้ บบกระตอื รือรน้ หรอื การเปลี่ยนจากการเรียนแบบภาคบังคับ เป็นการ เรียนรดู้ ว้ ยความอยากรู้ และระบบการศกึ ษาแบบเดิมจะต้องเปลยี่ นใหเ้ หมาะกับเฉพาะบุคคล 2. บ่มเพราะความคิดสรา้ งสรรค์ หยุดการใชแ้ นวคิดในการใช้กรอบเขา้ มาควบคุม สนบั สนนุ ใหม้ ีการทางานนอกห้องเรียน มสี ทิ ธทิ ีจ่ ะเห็นตา่ ง คดิ ตา่ ง และทาตา่ งจากผอู้ น่ื 3. ปลูกฝังจติ สาธารณะ ดว้ ยการฝกึ เด็กให้รูจ้ กั การพ่งึ พาตนเองเป็นสาคัญ ใหม้ ีความซ่อื สัตย์ มวี นิ ยั ต่อตนเอง มคี ุณธรรมและจริยธรรม มคี วามรับผิดชอบตอ่ หน้าท่ีของตนและสังคม 4. มงุ่ เน้นการทางานใหเ้ กิดผลสัมฤทธ์ิ เปลยี่ นการเรียนรูเ้ ชิงทฤษฎีให้เป็นการวิเคราะห์ เพอ่ื ท่ีจะใช้ในการแก้ไขปญั หาไดด้ ว้ ยตนเอง เปลีย่ นแนวคดิ การเรียนเพื่อวุฒิการศึกษา เป็นการเรียน เพื่อนาไปประกอบอาชพี 1. การเหน็ แก่ประโยชน์ส่วนรวม 2. การมรี ะเบียบวนิ ยั และรบั ผดิ ชอบต่อหน้าท่ี
423 3. รบั ฟงั ความคดิ เป็นขอบกันและกันและเคารพในมตขิ องเสียงสว่ นมาก 4. ความซอื่ สตั ยส์ ุจริต 5. ความสามัคคี 6. ความละอายและเกรงกลัวในการกระทาชั่ว 7. ความกล้าหาญและเช่ือม่ันในตนเอง 8. การส่งเสริมให้คนดีปกครองบ้านเมืองและควบคุมคนไม่ดีไมใ่ ห้มีอานาจ จรยิ ธรรมของการเปน็ พลเมอื งดี คณุ ธรรม จรยิ ธรรม หมายถงึ ความดที ีค่ วรประพฤติ กิรยิ าทค่ี วรประพฤติ คุณธรรม จรยิ ธรรม ทส่ี ง่ เสริมความเป็นพลเมืองดี ไดแ้ ก่ 1. ความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หมายถึง การตระหนักในความสาคัญ ของความเป็นชาตไิ ทย การยดึ ม่นั ในหลกั ศีลธรรมของศาสนา และการจงรักภักดตี ่อพระมหากษตั ริย์ 2. ความมีระเบียบวินัย หมายถึง การยึดมั่นในการอยู่ร่วมกันโดยยึดระเบียบวินัย เพื่อความ เป็นระเบยี บเรียบรอ้ ยในสงั คม 3. ความกลา้ ทางจริยธรรม หมายถึง ความกล้าหาญในทางท่ถี ูกท่คี วร 4. ความรับผิดชอบ หมายถึง การยอมเสียผลประโยชน์ส่วนตนเพ่ือผู้อื่น หรือสังคมโดยรวม ไดร้ บั ประโยชนจ์ ากการกระทาของตน 5. การเสียสละ หมายถึง การยอมเสยี ผลประโยชนส์ ว่ นตนเพอ่ื ผู้อน่ื หรอื สังคมโดยรวมได้รบั ประโยชน์จากการกระทาของตน 6. การตรงต่อเวลา หมายถึง การทางานตรงตามเวลาท่ีได้รับมอบหมาย ความสาคญั ของการปฏบิ ตั ติ นเปน็ พลเมืองดี การปฏบิ ัตติ นเป็นพลเมืองดขี องสงั คม มีความสาคญั ต่อประเทศ เชน่ 1. ทาให้สงั คมและประเทศชาตมิ ีการพฒั นาไปได้อยา่ งม่ันคง 2. ทาใหส้ งั คมมีความเป็นระเบยี บเรยี บรอ้ ย 3. ทาให้เกดิ ความรักและความสามัคคีในหมู่คณะ 4. สมาชิกในสังคมอยู่ร่วมกนั อยา่ งมีความสุข พรรณราย ทรัพยย์ ะประภา. หน้าทพี่ ลเมืองและวฒั นธรรมไทย.17มกราคม 2564https://sites.google.com/site/tauw2491/sm4) สรปุ การเป็นพลเมืองเข้มแข็ง ต้องรู้จัก สถานภาพของตนเอง และผู้อื่น รู้จักบทบาท ของตนเอง รู้จักสิทธิ ส่วนตน และบุคคลอ่ืน รู้จักเสรีภาพ ในการอ่านการคิดเสนอความคิดเห็น รู้จักหน้าที่ที่ตน ต้องปฏิบัติ ของแต่ละบุคคลซ่ึง มีวิธีการสร้าง ให้เป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง โดยการสร้างแรงบันดาลใจ
424 การบ่มเพราะความคดิ การปลกู ฝงั จิตสาธารณะ และการมุง่ เนน้ การทางานเพื่อนาไปประกอบอาชีพได้ ท้งั น้ีการเป็นพลเมืองเขม้ แข็งควรเรม่ิ จาก ตนเอง สถาบันครอบครัว ชุมชน ประเทศ การดารงตนใหเ้ ปน็ ที่เคารพศรทั ธาของผ้เู รยี นและสมาชกิ ในชมุ ชน โดยธรรมชาติของอาชีพครูเป็นอาชีพที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้คนมากมาย สังคมส่วนใหญ่มัก คาดหวังวา่ ครจู ะเป็นแบบอย่างท่ดี ีของลูกศิษย์เป็นผสู้ ร้างสมาชิกใหม่ของสังคมให้เปน็ ทรัพยากรมนุษย์ ท่ีมีคุณภาพต่อสังคม ครูพึงสารวมระวังในการดาเนนิ ชีวิต ควรมีสติ ควรมีศีล มีความเพียรพยายามทา หน้าท่ีของตนเองให้สมบูรณ์ แสดงบทบาทให้สมกับท่ีคนอ่ืนยกย่องว่าเป็นครู ส่ิงที่สาคัญในการวางตัว ของครคู ือความเที่ยงธรรม ไม่มีอคติในการทาการเรยี นการสอน คือครูต้องวางตัวเปน็ กลาง นอกจากน้ี ครูต้องพยายามค้นคว้าหาความรู้อยู่เสมอ ไม่หยุดอยู่เฉพาะในตาราเท่านั้น จะต้องให้สมกับที่บอกว่า ครูคอื ผู้รอบรู้ นอกจากท่ีครจู ะประกอบด้วยคุณธรรมแลว้ ครคู วรมีหลักธรรมอกี อยา่ งหนงึ่ เพิ่มเติมดงั นี้ 1.หลกั ธรรมสาหรับการครองตน 2.หลกั ธรรมสาหรบั การครองคน 3.หลกั ธรรมสาหรบั การครองงาน การครองตน หมายถึง การมีความประพฤติและการปฏิบัติส่วนตน ประกอบไปด้วยคุณธรรม ควรแก่การยกยอ่ ง โดยพิจารณาจากองคป์ ระกอบค่านยิ มพนื้ ฐาน 5 ประการ ดังนี้ 1. การพงึ่ ตนเอง ขยนั หมนั่ เพยี ร และมคี วามรับผดิ ชอบ 1.1 มีความวริ ยิ ะ อตุ สาหะ ในงานหนา้ ทีค่ วามรบั ผิดชอบ 1.2 มีความตงั้ ใจทางานในหน้าท่ีให้ได้รับความสาเรจ็ ด้วยตนเอง 1.3 มคี วามอดทนไม่ย่อท้อต่อปัญหาอุปสรรค 1.4 มีความรบั ผิดชอบตอ่ ตนเอง ครอบครวั และผ้อู ่นื 2. การประหยัดและเก็บออม 2.1 รู้จักใช้จา่ ยตามควรแห่งฐานะ 2.2 รูจ้ กั ใช้ทรัพยส์ ินของทางราชการให้เป็นประโยชน์และประหยัด 2.3 รู้จักมัธยสั ถ์และเกบ็ ออม เพ่ือสรา้ งฐานะตนเองและครอบครวั 2.4 รจู้ กั ดูแลบารงุ และรักษาทรพั ยส์ นิ ของตนเองและส่วนรวม 3. การรกั ษาระเบยี บวินยั และเคารพกฎหมาย 3.1 เปน็ ผรู้ กั และปฏิบตั ติ ามระเบียบและกฎหมายทกี่ าหนดไว้ 3.2 ประพฤติและปฏบิ ตั ิตน อนั อาจเปน็ ตวั อยา่ งแก่บคุ คลโดยทว่ั ไป 3.3 เช่อื ฟัง และให้ความเคารพต่อผ้บู งั คบั บญั ชา
425 3.4 เป็นผูต้ รงต่อเวลา 4. การปฏิบัติตามคุณธรรมของศาสนา 4.1 ละเว้นต่อการประพฤติช่ัวและไมล่ มุ่ หลงอบายมขุ 4.2 เอ้อื เฟอ้ื เผอ่ื แผ่ เสียสละ เหน็ แก่ประโยชน์ส่วนรวม 4.3 มคี วามซื่อสัตย์ สุจรติ ต่อตนเองและผอู้ น่ื 4.4 มีความเมตตา กรณุ า โอบอ้อมอารตี อ่ บคุ คลอื่นโดยทว่ั ไป 5. การมคี วามจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ 5.1 ส่งเสริม สนับสนุนระบบประชาธิปไตย และปฏิบัติตามนโยบายของทางราชการและ รัฐบาล 5.2 เข้ารว่ มในศาสนกจิ และทานบุ ารุงศาสนา 5.3 ปฏบิ ตั ติ นเปน็ พลเมืองดี เชน่ ป้องกันประเทศ เสยี ภาษี เคารพกฎหมาย เป็นต้น 5.4 มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี ตาม พระบรมราโชวาท หรือเข้าร่วมพิธใี นโอกาสสาคญั อยา่ งสมา่ เสมอ เปน็ กิจวัตรปกติ เป็นตน้ 2. การครองคน หมายถึง การมีความสามารถในการติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น สามารถจูงใจให้ เกดิ การยอมรับและใหค้ วามร่วมมือ โดยพิจารณาจากองคป์ ระกอบ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ความสามารถในการประสานสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจอันดีกับผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงานผใู้ ต้บังคบั บญั ชา และผู้มาติดตอ่ งาน 1.1 เป็นผมู้ มี นษุ ยส์ มั พันธด์ ี 1.2 ยอมรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผู้อน่ื 1.3 กล้าและรับผดิ ชอบในสง่ิ ท่ีไดก้ ระทา 1.4 มนี ้าใจ ช่วยเหลอื และให้ความร่วมมือในการปฏิบัตงิ าน 2. ความสามารถในการร่วมทางานเป็นกลุ่ม สามารถจูงใจให้เกิดการยอมรับและให้ ความชว่ ยเหลอื 2.1 ให้ความเห็น ปรึกษา และเสนอแนะในงานที่ตนรับผิดชอบ มีความสามารถใน การคดิ และเสนอเหตผุ ล 2.2 การมีสว่ นร่วมในงานที่รบั ผิดชอบ ลงมือปฎบิ ตั งิ านอยา่ งเตม็ ใจ 2.3 เปิดโอกาสให้ทุกคนร่วมแสดงความคิดเห็น ยอมรับและฟังความคิดเห็นของ ผู้รว่ มงาน 2.4 ใหเ้ กียรติซง่ึ กันเลยกัน
426 2.5 สามารถปฏิบัติงานเต็มที่ตามความรู้ความสามารถ จนงานที่ได้ทาลุล่วงและ ประสบความสาเรจ็ ตามวัตถุประสงคห์ รอื เป้าหมายทีต่ ง้ั ไว้ 3. ให้บรกิ ารแกผ่ ู้มาติดตอ่ งานด้วยความเสมอภาค แนะนาส่ิงทเ่ี ป็นประโยชน์ 3.1 สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประชาชนในพนื้ ท่ี เปน็ หน่งึ ในจรรยาบรรณวชิ าชีพครูที่ มตี อ่ ผรู้ ับบรกิ าร และต่อสังคม เต็มใจใหบ้ รกิ าร สร้างความสัมพันธ์กบั ชมุ ชน 3.2 ช่วยเหลือ แนะนาในสง่ิ ท่ีดี ตลอดจนใหข้ อ้ มลู ขา่ วสารทีเ่ ปน็ ประโยชน์ 3.3 ให้การบริการดว้ ยความเตม็ ใจ และเสมอภาคกันทุกระดบั 3.4 มอี ธั ยาศยั ดี เป็นกันเอง และสุภาพตอ่ ทกุ คน 4. การเป็นผมู้ คี วามเป็นธรรมท้ังต่อตนเองและตอ่ ผอู้ ่ืน 4.1 ประพฤติและปฏิบตั ิตรงตายหลกั เกณฑ์ กฎ ระเบยี บ ทก่ี ารกาหนด 4.2 ถอื ประโยชน์ของส่วนรวมเปน็ ที่ต้ัง 4.3 แกป้ ัญหาโดยใชเ้ หตผุ ล 5. การเสริมสร้างความสามัคคีและรว่ มกิจกรรมของหมู่คณะทงั้ ในและนอกหน่วยหน่วยงาน 5.1 การใหค้ วามร่วมมอื หรอื เข้าร่วมกิจกรรมทจ่ี ดั ขึ้น 5.2 เสนอแนะขอ้ คิดเห็นทเ่ี ป็นประโยชนต์ อ่ งาน 5.3 ให้ความสาคญั ยกย่อง หรือให้เกยี รตแิ ก่ผู้ร่วมงาน 3. การครองงาน หมายถึง การมีความสามารถปฏิบัติงานในหน้าที่และงานท่ีได้รับมอบหมาย อยา่ งดี โดยพิจารณาจากองคป์ ระกอบ ดังต่อไปน้ี 1. ความรบั ผิดชอบตอ่ หนา้ ที่ 1.1 ศึกษา คน้ ควา้ หาความรู้ทจี่ าเป็นต้องใชใ้ นการปฏบิ ตั งิ านอยู่เสมอ 1.2 มีความตงั้ ใจปฏบิ ตั งิ านให้ไดร้ ับความสาเร็จ 1.3 สนใจและเอาใจใสง่ านทีร่ ับผดิ ชอบ 1.4 ปฏิบัตงิ านในหน้าทีค่ วามรบั ผดิ ชอบและที่ได้รบั มอบหมายอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 1.5 ให้ความรว่ มมือและชว่ ยเหลือในการปฏบิ ัติงาน 2. ความรู้ ความสามารถ และความพงึ พอใจในการปฏิบัตงิ าน 2.1 มีความรู้และเข้าใจในหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบ กฎ ข้อบังคับ มติ กฎหมาย และนโยบาย 2.2 มีความสามารถในการนาความรทู้ ี่มอี ยไู่ ปใช้ในการปฏบิ ัติงานได้เปน็ อย่างดี 2.3 มีความสามารถในการแก้ปัญหา และมปี ฏิภาณ ไหวพรบิ ในการปฏบิ ตั งิ าน 2.4 รักและชอบที่จะปฏบิ ตั ิงานในหน้าทีค่ วามรบั ผดิ ชอบ หรืองานที่ได้รับมอบหมาย ดว้ ยความเต็มใจ
427 3. ความคิดรเิ รม่ิ สร้างสรรค์และปรับปรุงงาน 3.1 มีความสามารถในการคิดริเริ่ม หาหลักการ แนวทาง วิธีการใหม่ ๆ มาใช้ ประโยชน์ในการปฏบิ ัติงาน 3.2 มคี วามสามารถในการปรับปรงุ งานให้มีประสิทธิภาพยง่ิ ขนึ้ 3.3 มคี วามสามารถในการทางานทีย่ าก หรืองานใหม่ใหส้ าเร็จเป็นผลดี 4. ความพากเพียรในการทางาน และมผี ลงานท่เี ปน็ ที่น่าพอใจ 4.1 มีความกระตือรือร้น ตอ้ งการท่ีจะปฏิบัตงิ านทไี่ ด้รบั มอบหมายจนสาเร็จ 4.2 มีความขยันหมั่นเพียร เสียสละ และอุทิศเวลาให้แก่ทางราชการหรืองานที่ รบั ผดิ ชอบ 4.3 ไดร้ ับการยกย่องในความสาเร็จของงาน 4.4 สามารถปฏิบัติงานในภาวะที่มีข้อจากัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ขาดแคลน วัสดุ อุปกรณ์ อัตรากาลงั เปน็ ตน้ 5. การคานึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมและประชาชน 5.1 การปฏิบตั งิ านยดึ หลักผลประโยชนข์ องสว่ นรวมและประชาชน 5.2 การดาเนินงานสอดคล้องหรือเป็นไปตามความต้องการของส่วนรวมและ ประชาชน 5.3 ใชว้ สั ดุ อปุ กรณ์และสาธารณปู โภคไดอ้ ย่างประหยดั และเหมาะสม 5.4 รว่ มมือ ช่วยเหลอื และประสานงานระหวา่ งราชการกบั ประชาชน 1. ครดู ีในดวงใจ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้จัดทาโครงการ “ครูดีในดวงใจ” เพ่ือสรรหา และคัดเลือกข้าราชการครูสายงานการสอนซึ่งเป็นบุคคลผู้เป็นท่ีศรัทธา ยกย่อง ยอมรับของนักเรียน เพ่ือนครู และสังคมว่าเป็นแบบอย่างของผู้มีจิตวิญญาณแห่งความเป็นครู และได้ทุ่มเท เสียสละ เพื่อ ช่วยเหลือดูแลนักเรียนอย่างต่อเนื่องจนเกิดผลงานเป็นที่ประจักษ์ โดยเป็นผู้ที่มีผลงานส่งผลต่อการ ยกระดับผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน มีความรู้ความสามารถในการจัดการเรียนการสอน และส่งเสริมการ เรียนรู้ของนักเรียน จนส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพของนักเรียนอย่างเป็นรูปธรรม ท้ังเด็กเก่ง เด็กท่ีมี ปัญหาการเรียนรู้ เด็กพิเศษ เด็กด้อยโอกาส หรือเด็กท่ีมีปัญหาทางพฤติกรรม ท้ังนี้ นักเรียนท่ีอยู่ใน ความรับผิดชอบส่วนใหญ่มีผลการประเมินมาตรฐานในเกณฑ์ดีหรือมีพัฒนาการสูงข้ึนตามลาดับ เพื่อให้ครูดังกล่าวได้รับรางวัลและยกย่องเชิดชูเกียรติ เผยแพรผ่ ลงานความดีให้ปรากฏต่อสาธารณชน เป็นแบบอย่างในการทาความดีให้ปรากฏแก่ครู นักเรียน และสาธารณชน เป็นการกระตุ้นให้บุคคล และหน่วยงาน ยดึ ถือปฏบิ ัติเป็นแบบอยา่ งในการประพฤติปฏิบตั ิตน วัตถปุ ระสงค์
428 1. เพ่ือสร้างแรงจูงใจใหค้ รูมขี วัญและกาลงั ใจในการพฒั นางานให้มปี ระสิทธิภาพ 2. เพื่อยกย่อง เชิดชเู กียรติ ผู้มผี ลงานดเี ปน็ ที่ประจักษ์ 3. เพือ่ เผยแพรผ่ ลงาน ความดี เชดิ ชูเกยี รติ “ครูดใี นดวงใจ” ต่อสาธารณชน 4. เพอ่ื เปน็ แบบอยา่ งทีด่ ีของครแู ละเด็กให้ทาความดี คณุ สมบตั ิผู้มสี ิทธิไ์ ดร้ ับรางวลั 1. เป็นข้าราชการครู ปฏิบัติหน้าที่ครูสายงานการสอนในโรงเรียนสังกัดสานักงาน คณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน และมีเวลาปฏิบัติการสอนไม่น้อยกว่า 3 ปีต่อเน่ือง โดยไม่จากัด วา่ เป็นโรงเรยี นเดียวกนั หรือไม่ แต่ท้ังน้ี ต้องทาการสอนในโรงเรยี นปจั จบุ ันไม่น้อยกวา่ 1 ปกี ารศึกษา 2. เป็นบุคคลผู้มีจิตวิญญาณแห่งความเป็นครู เป็นท่ีศรัทธา ยกย่อง ยอมรับของนักเรียน เพือ่ นครู ชุมชน และสงั คม 3. เป็นผู้ท่มุ เทเสียสละ เพอ่ื ช่วยเหลือดแู ลนักเรยี นอยา่ งตอ่ เนื่อง จนเกดิ ผลงานเป็นท่ีประจักษ์ โดยเป็นผู้ที่มีผลงานส่งผลต่อการยกระดับผลสัมฤทธ์ิของนักเรียน เช่น เป็นเด็กเก่ง เด็กท่ีมีปัญหาการ เรียนรู้ เด็กพิเศษ เด็กด้อยโอกาส หรือเด็กท่ีมีปัญหาทางพฤติกรรม ทั้งนี้ นักเรียนที่อยู่ในความ รับผิดชอบส่วนใหญ่ มีผลการประเมนิ มาตรฐานในเกณฑ์ดี หรอื มีพัฒนาการสงู ขึ้นตามลาดบั 4. เป็นผู้ไม่เคยถูกลงโทษทางวนิ ัย หรืออยู่ในระหว่างการดาเนินการทางวินยั ใช้หลักธรรมาภิ บาล ในการทางาน และร่วมกิจกรรมอ่ืนอันส่งผลและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อนักเรียน โดยประเมิน ผลสัมฤทธ์ไิ ด้ 5. เป็นผู้ท่ีไม่เคยได้รับการพิจารณาให้เป็น “ครูดีในดวงใจ” ระดับสานักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาข้นั พื้นฐาน แนวทางการสรรหาและคัดเลอื ก 1. สถานศึกษา โดยผู้บริหารสถานศึกษา คณะครู นักเรียน ศิษย์เก่า ผู้ปกครอง กรรมการ สถานศึกษา กรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง ฯลฯ สรรหาและให้ความเห็นชอบคัดเลือกข้าราชการครู สายงาน การสอนท่ีมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กาหนด มีผลงานเป็นรูปธรรมโดยวิธีการ เช่น สอบถาม สัมภาษณ์ ตรวจสอบ บันทึกความดี หรือวิธีการที่เหมาะสม สาหรับสถานศึกษาสังกัดสานักงานเขต พื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา พิจารณาสรรหาและคัดเลือกครูผู้สอนระดับปฐมวัย 1 คน ครูผู้สอน ระดับประถมศึกษา 1 คน ครูผู้สอนระดับ มัธยมศึกษา 1 คน (ถ้ามี) แล้วนาเสนอสานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศึกษา ส่วนสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา ครูผู้สอน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 1 คน และครูผู้สอนระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย 1 คน แล้วนาเสนอ สานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา 2. สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา โดยผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา ผู้แทน คณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล และนิเทศการศึกษาของเขตพื้นท่ีการศึกษา หรือบุคคล
429 อื่น ท่ีเหมาะสม พิจารณาสรรหาและคัดเลือก “ครูดีในดวงใจ” จากผู้ได้รับการคัดเลือกจาก สถานศึกษา โดยศึกษา จากสภาพจริงตามวิธีการท่ีเหมาะสม มุ่งเน้นครูดี เป็นที่ศรัทธายกย่องยอมรับ ของนักเรียน เพื่อนครู และสังคม ว่าเป็นผู้ทุ่มเทเสียสละเพ่ือช่วยเหลือดูแลนักเรียนอย่างต่อเนื่อง จน เกิดผลงานเป็นที่ประจักษ์ เช่น ตรวจสอบเอกสาร หลักฐานร่องรอยการทางาน สอบถามจากเพื่อนครู ผู้บริหาร นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน สาหรับสานักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษา สรรหาและ คัดเลือกครูผู้สอนระดับปฐมวัย 1 คน ครูผู้สอนระดับประถมศึกษา 1 คน และครูผู้สอนระดับ มัธยมศึกษา 1 คน (ถ้ามี) จานวนท้ังส้ิน 3 คน ส่วนสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา มัธยมศึกษา สรรหา และคัดเลือกครูผู้สอนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 1 คน และครูผู้สอนระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย 1 คน จานวนท้ังส้ิน 2 คน ผู้ได้รับการคัดเลือกจากสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาดังกล่าวจะได้รับ รางวลั “ครดู ีในดวงใจ” ระดบั สานกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษา และให้คณะกรรมการฯ ดาเนินการคัดเลือกจากผู้ ได้รับ รางวัลระดับสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา จานวน 1 คน แล้วนาเสนอสานักงานคณะกรรมการ การศกึ ษา ข้ันพนื้ ฐาน 3. สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน ตรวจสอบ ติดตาม และพิจารณาผลการสรร หา และคัดเลือกของสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา และประกาศรายช่ือ “ครูดีในดวงใจ” ระดับ สานักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน รางวลั แบง่ เป็น 2 ระดบั คอื 1. “ครูดีในดวงใจ” ระดับสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา ระดับสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา ประถมศึกษา แบ่งตามระดับ ครูผู้สอนระดับปฐมวัย 1 คน ครูผู้สอนระดับประถมศึกษา 1 คน ครูผู้สอนระดับมัธยมศึกษา 1 คน รวมสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาละ 3 คน ระดับ สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษาแบ่งตามระดับ ครูผู้สอนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 1 คน และครูผู้สอนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 1 คน รวมสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาละ 2 คน และสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ แบ่งตามระดับ ครูผู้สอนระดับปฐมวัย 1 คน ครูผู้สอน ระดับประถมศึกษา 1 คน ครูผู้สอนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 1 คน และครูผู้สอนระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย 1 คน รวมสานกั บรหิ ารงานการศึกษาพเิ ศษ 4 คน รวมจานวนทัง้ สิ้น 637 คน 2. “ครูดีในดวงใจ” ระดับสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน คณะกรรมการของ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พิจารณาคดั เลือกผเู้ ข้ารับรางวัลจากสานักงาน เขตพื้นท่ี การศกึ ษาละ 1 คน และสานกั บริหารงานการศึกษาพเิ ศษ 1 คน รวมจานวนทงั้ ส้นิ 226 คน กาหนดพธิ ีมอบรางวัล 1. “ครูดีในดวงใจ” ระดับสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาทุกเขต โดยผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา มอบเกียรติบัตรและยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ได้รับรางวัล
430 “ครูดีในดวงใจ” ระดับสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา และ “ครูดีในดวงใจ” ระดับสานักบริหารงาน การศกึ ษาพิเศษ ทม่ี ีสถานศึกษาตงั้ อยูใ่ นสานกั งานเขตพื้นที่การศึกษา ในวันครู 2. “ครูดีในดวงใจ” ระดบั สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน จานวน 226 คน เข้า รับรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติ ได้แก่ โล่รางวัล เข็มเชิดชูเกียรติ และเกียรติบัตร ในวันครู จาก รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธิการ ณ หอประชุมครุ ุสภา กรุงเทพมหานคร การเผยแพร่ประชาสมั พันธแ์ ละการยกยอ่ งเชิดชูเกียรติ 1. ประชาสัมพนั ธ์และเผยแพร่ผลงานผู้ไดร้ บั รางวัล \"ครดู ใี นดวงใจ” สานักงาน คณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐานทาง Internet และจัดทาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ “ครูดีในดวงใจ” เพ่ือเผยแพร่ ผลงานและเกียรตคิ ณุ 2. “ครูดีในดวงใจ” ระดับสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ประชุมสัมมนา เพื่อ แลกเปล่ยี นเรียนรู้ 3. “ครูดีในดวงใจ” ระดับสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา และ “ครูดีในดวงใจ” ระดับสานัก บรหิ ารงานการศกึ ษาพเิ ศษ จัดนทิ รรศการประวัติและผลงานผไู้ ด้รบั รางวัล ณ สถานที่มอบรางวัล และ เผยแพรผ่ ลงานตามความเหมาะสม 2. รางวัลครุ สุ ดดุ ี ครุ ุสภาประกาศคดั เลือกผปู้ ระกอบวิชาชีพทางการศึกษา เพอื่ รับเครอ่ื งหมายเชดิ ชเู กียรติ “คุรุ สดุดี” วัตถุประสงค์ 1. เพื่อส่งเสริมและยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ปฏิบัติตนตาม จรรยาบรรณของวชิ าชพี เปน็ แบบอย่างทด่ี ี 2. เพอื่ สรา้ งแรงบนั ดาลใจใหผ้ ู้ประกอบอาชีพทางการศึกษาประพฤติตนตามจรรยาบรรณของ วชิ าชพี 3. เพอ่ื สรา้ งความศรทั ธาและความเชอื่ ถือในการประกอบวิชาชพี ทางการศึกษา 4. เพ่อื เปดิ โอกาสใหผ้ ไู้ ด้รับรางวลั ไดแ้ ลกเปลยี่ นเรยี นร้แู ละถ่ายทอดประสบการณ์ใหแ้ กผ่ อู้ ่นื รางวลั ทจ่ี ะได้รบั 1. เครอื่ งหมายเชดิ ชเู กยี รติ “ครุ สุ ดดุ ี” 2. เกยี รตบิ ตั ร คุณสมบัติของผมู้ ีสิทธไิ์ ดร้ ับเครือ่ งหมายเชิดชูเกยี รติ 1. เป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาตามพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการ ศกึ ษา พ.ศ. 2556 และปฏิบตั งิ านมาแล้วไมน่ อ้ ยกว่า 10 ปี 2. เปน็ ผ้ทู ีม่ ีใบอนญุ าตประกอบวิชาชีพทางการศกึ ษา
431 3. ไมเ่ คยได้รับเครือ่ งหมายเชดิ ชเู กยี รติ “ครุ สุ ดดุ ี” มากอ่ น 4. ไม่มกี รณีอย่ใู นระหว่างการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย ถูกดาเนนิ การทางวินัยหรือ เป็นผู้เคยถูกลงโทษทางวินัย แม้จะได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติล้างมลทินตาม พระราชบญั ญัติลา้ งมลทินแลว้ รวมท้ังการดาเนินการเกี่ยวกบั การประพฤตผิ ิดจรรยาบรรณของวชิ าชีพ หลักเกณฑก์ ารพจิ ารณาให้ไดร้ บั รางวัลเครอ่ื งหมายเชิดชเู กยี รติ “คุรุสดุดี” 1. ประพฤติปฏบิ ตั ติ นตามจรรยาบรรณของวชิ าชีพครบ 9 ขอ้ อย่างโดดเด่น 2. ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพเดน่ ชดั เปน็ พิเศษ (3 ใน 9 ข้อ) 3. ไมเ่ คยกระทาความเส่ือมเสยี ใด ๆ อนั เปน็ การบกพร่องในศลี ธรรมอันดี 4. ผ่านการประเมินตามหลกั เกณฑ์และวธิ กี ารคดั เลือกท่คี ุรสุ ภากาหนด ผูส้ ทิ ธ์ิเสนอผลงานหรือเสนอชอื่ ผ้ปู ระกอบวิชาชพี ทางการศกึ ษา 4 ประเภท เสนอขอรับรางวลั ดว้ ยตนเอง หรือได้รบั การเสนอ ช่ือจากบุคคล หรือหน่วยงานทางการศึกษา องค์กร ชมรม สมาคม มูลนิธิ โดยเสนอผลงานให้ ผบู้ ังคบั บญั ชาชัน้ ต้นรบั รอง ทั้งน้ี ผู้เสนอผลงานด้วยตนเองแล้ว ต้องไม่ให้บุคคลอ่ืน หรือองค์กร หน่วยงานทางการศึกษา สถานศึกษา สมาคม มลู นิธิ ชมรม เสนอผลงานซา้ อีก และผบู้ งั คบบัญชาชน้ั ตน้ ลงนามรับรองการเสนอ ได้มากกวา่ หน่งึ คน ตามจานวนทเี่ สนอขอได้
432 วธิ ดี าเนินการคดั เลอื ก
433 ผลงานวิจยั ลกั ษณะของครทู ่ีดตี ามแนวคิดในวงการการศกึ ษาตะวนั ตก
434 ลักษณะครทู ีด่ นี ้ันในทัศนะของนกั การศกึ ษาตะวันตกนั้น เฮลซองและวีคส์ (ไพพรรณ เกียรติโชติชัย 2536:52-58) ได้สรุปแนวความคิดของครูท่ีดีไว้เป็นระบบและครอบคลุม คุณลักษณะของครูอยา่ งกว้างขวาง ดังนี้ 1. เป็นผู้มคี วามรอบรู้ 2. เปน็ ผมู้ ีอารมณ์ขนั 3. เป็นผู้มีความยืดหยุน่ ผ่อนปรน 4. เปน็ ผู้มีความต้งั ใจในการทางาน 5. เป็นผมู้ ีความซือ่ สัตย์ 6. เปน็ ผมู้ ีความสามารถสรา้ งความชัดเจน 7. เป็นคนเปิดเผย 8. เป็นผู้มคี วามอดทน 9. เปน็ แบบอย่างท่ดี ี 10. เป็นผูส้ ามารถประยุกต์ทฤษฎไี ปปฏบิ ัติได้ 11. เป็นผู้มคี วามเชอ่ื ม่ันในตนเองสูง 12. เปน็ ผู้มคี วามสามารถในศลิ ปะวิทยาการหลายๆด้าน 13. เป็นผแู้ ตง่ กายเหมาะสมและมสี ขุ อนามัยส่วนบคุ คลดี สรุป ครูจะต้องพัฒนาและสามารถความเชื่อมั่นในตนเองโดยการส่ังสมประสบการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะท่ีเก่ยี วกบั การสอนใหม้ ากท่ีสุด และครจู ะตอ้ งเชือ่ ม่ันในสิ่งที่ตนเองสอน ลกั ษณะของครทู ่ีดจี ากผลการวจิ ยั ต่าง ๆ ฝ่ายโครงการของวิทยาลัยครูบ้านเจ้าพระยา ได้ทาการวิจัยเร่ืองลักษณะของครูที่สังคม ตอ้ งการ โดยนกั เรยี น ครู ผปู้ กครอง ในเขตกรงุ เทพฯ เปน็ กลุ่มตวั อย่าง ได้สรปุ ผล ดงั นี้ 1. ด้านความประพฤตคิ วรมคี วามประพฤตทิ ่ดี ีเป็นแบบอย่างท่ีดใี ห้แก่เด็ก ๆ และสังคม 2. ดา้ นความรูท้ างด้านวชิ าการ ควรมีความรู้กว้างขวางนอกเหนอื ไปจากความร้เู ฉพาะ 3. ดา้ นการสอนตอ้ งรจู้ กั พฒั นาปรับปรุงการสอนของตนใหไ้ ด้ผลดี 4. ดา้ นการปกครองนักเรียน ควรฝึกนกั เรียนใหม้ วี ินยั ควบคไู่ ปกับการอบรมทางศีลธรรม 5. ด้านมนษุ ยส์ ัมพันธ์ของครู ครคู วรสรา้ งความเข้าใจและคณุ ความดีของสงั คม 6. ด้านบุคลิกภาพของครู ครูควรแต่งกายเหมาะสม มีอารมณ์ม่ันคง มีเสียงพูดชัดเจน และมี ลกั ษณะของความเปน็ ผนู้ า 7. ด้านการทางานนอกเวลา และงานอดิเรกของครู เห็นว่าครูควรทาได้ไม่กฎหมาย หรือขัด ต่อขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงาม
435 ผลงานการวิจัยของ เฉลียว บุรีภัคดี เกี่ยวกับคุณลักษณะของครูท่ีดีโดยการรวบรวมข้อมูลจาก นักเรียน ผปู้ กครอง ครูอาจารย์ ผู้บริหาร พระ และผทู้ รงคุณวฒุ จิ านวนทงั้ สน้ิ 7,762 คน มี ดงั นี้ ครทู ่ีไม่ชอบมากทีส่ ดุ เรยี งจากมากไปหานอ้ ยมี ดงั นี้ 1. ขาดความรับผิดชอบ 2. การเป็นคนเจ้าอารมณ์ 3. ขาดความยุตธิ รรม 4. เหน็ แกต่ ัว 5. ประจบสอพอ ครูทชี่ อบมากทีส่ ดุ มี ดังนี้ 1. ตั้งใจสอนและสอนเข้าใจแจม่ แจง้ 2. ความเขา้ ใจและเป็นกันเอง 3. ความรับผดิ ชอบ 4. มคี วามยตุ ธิ รรม 5. ความเมตตา 6. ร่าเรงิ แจ่มใส สภุ าพ 7. มวี ิธีสอนแปลก ๆ 8. มีอารมณ์ขัน 9. เอื้อเฟ้อื เผอ่ื แผ่ ความบกพรอ่ งของครู จากมากไปหาน้อยมี ดังน้ี ชาย 1. ความประพฤติไมเ่ รียบร้อย 2. มัวเมาในอบายมุข 3. การแตง่ กายไมส่ ุภาพ 4. การพูดจาไมส่ ุภาพ 5. ไม่รบั ผดิ ชอบการงาน หญิง 1. การแตง่ กายไมส่ ุภาพ 2. ความเปน็ คนเจา้ อารมณ์ 3. ประพฤติไมเ่ รยี บร้อย 4. ไมร่ ับผดิ ชอบการงาน 5. ชอบนนิ ทา
436 6. จ่จู ขี้ ี้บน่ 7. วางตัวไมเ่ หมาะสม 8. คยุ มากเกนิ ไป หน้าทขี่ องครูทจี่ าเป็นมากท่ีสุด คือ 1. สอนและอบรม 2. การเตรียมการสอน 3. หน้าทธี่ รุ การ เชน่ ทาบญั ชีเรยี กช่ือและสมดุ ประจาวันช้ัน 4. การแนะแนว 5. การศกึ ษาค้นคว้าเพ่มิ เติม 6. ดูแลอาคารสถานท่ี 7. ทาความเขา้ ใจเดก็ ลักษณะของครูทดี่ ี เรียงตามลาดบั คือ 1. ความประพฤตเิ รยี บร้อย 2. ความรู้ดี 3. บคุ ลกิ การแต่งกายดี 4. สอนดี 5. ตรงเวลา 6. มคี วามยุติธรรม 7. หาความรู้อยเู่ สมอ 8. รา่ เริง แจม่ ใส 9. ซื่อสัตย์ 10. เสียสละ จาเนียร น้อยท่าช้าง ยังได้ทาการวิจัยเร่ืองครูดีในทัศนะของเด็ก โดยเลือกสุ่มตัวอย่างจาก นกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษาในเขตการศึกษา 5 ทกุ จงั หวดั เปน็ จานวน 2,418 คน ชาย 1,203 หญงิ 1,215 คน สรปุ ได้ดังนี้ เกยี่ วกับคุณลักษณะทว่ั ไปของครู 1. ครจู ะเป็นหญงิ หรือชายก็ได้ 2. อายทุ ีเ่ หมาะสมของครูควรอยูใ่ นระหว่าง 31–40 ปี 3. สถานภาพสมรสของครจู ะเปน็ อยา่ งไรก็ได้ 4. ครทู ่ีสอนในระดบั มธั ยมศกึ ษาควรเป็นครทู ีม่ ีวฒุ ิในระดบั ปรญิ ญาตรี
437 5. ครูควรมีความสามารถในการสอน โดยสามารถสอนได้ท่ัวไป และมีความสามารถพิเศษ เฉพาะรายวิชา 6. ในการเรียนวิชาใดวิชาหน่ึง เช่น วิทยาศาสตร์ ปรากฎว่านักเรียนต้องการเรียนกับครูท่ีจบ วิทยาศาสตรเ์ ปน็ วิชาเอกและจบวชิ าครูมาด้วย เก่ียวกบั บคุ ลกิ ภาพลกั ษณะของครู 1. ครคู วรมคี วามสงบเสงี่ยม ตอ้ งระมัดระวงั ในการวางตัวเสมอ 2. ครคู วรแตง่ กายเรยี บร้อย ไม่แต่งกายนาสมัย และใช้เคร่อื งสาอางแต่พอประมาณ 3. พดู จาไพเราะนมุ่ นวลอยเู่ สมอ 4. ครคู วรพูดเสยี งดงั 5. มอี ารมณ์เย็น 6. เป็นกันเองกับเดก็ นกั เรยี นและมอี ารมณ์ขันบ้าง 7. มีสุขภาพแขง็ แรงท้ังทางดา้ นจิตใจและกท็ างด้านร่างกาย 8. มลี กั ษณะเปน็ ผนู้ าและเปน็ ผู้ท่พี ่ึงพงิ ได้ เกย่ี วกบั ทางด้านวิชาการของครู 1. ควรศึกษาและเพม่ิ เติมความรอู้ ยูเ่ สมอในทกุ ดา้ น 2. ควรมีความคิดรเิ รมิ่ และสร้างสรรค์ 3. เคยเรยี นวธิ สี อนและผา่ นการฝึกสอนมากอ่ น 4. ควรมีวชิ าความรวู้ ชิ าวัดผล 5. ควรมคี วามรใู้ นวิชาจิตวิทยา การสอนและการปกครองของครู 1. ชอบครูที่ใช้อปุ กรณก์ ารสอนช่วยในการสอน 2. ไม่ชอบครูทีม่ คี วามชานาญแตไ่ ม่เตรยี มการสอน 3. ชอบครูที่ให้งานและตรวจงานเสร็จเสมอ 4. ตอ้ งการใหค้ รสู อนซอ่ มนอกเวลาเรียน 5. ต้องการให้ครมู กี ิจกรรมประกอบการสอนในบางโอกาส 6. ต้องการใหค้ รเู ปดิ โอกาสให้นักเรยี นคน้ คว้าหาความรดู้ ้วยตนเองบ้าง 7. ไม่ชอบครูทเ่ี อาเวลาสอนไปทางานอืน่ 8. ชอบใหค้ รยู ึดระเบียบ กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ โดยเคร่งครดั ถงึ จะมกี ารลงโทษก็ยนิ ดี 9. การลงโทษไม่ตอ้ งการใหค้ รูเฆย่ี นตี 10. นกั เรยี นตอ้ งการเรยี นดถี ึงแม้วา่ ความประพฤตจิ ะดอ้ ยไปบ้าง ความประพฤตขิ องครู
438 1. ไม่เห็นด้วยกบั การท่ีครจู ะไปเทยี่ วพักผ่อนในสถานเรงิ รมยต์ ่าง ๆ 2. ไม่อยากใหค้ รดู มื่ สุรา เลน่ การพนนั ไมว่ ่าจะเป็นทีส่ โมสรข้าราชการหรือสถาบนั ท่ีท่ัว ๆ ไป 3. ครูควรประพฤติตัวดีกว่าข้าราชการอาชีพอื่น ๆ เช่น หมอ หมายความว่า ตารวจ ทหาร และข้าราชการปกครอง 4. ครคู วรประพฤติตัวเรยี บร้อย แต่ไม่ถงึ กับจะเหมอื นผ้าพับไว้ 5. ครคู วรรวู้ ฒั นธรรม แตไ่ มต่ อ้ งเคร่งครดั มากนัก 6. ครูควรเปน็ กนั เองกับเดก็ มนุษยส์ ัมพนั ธข์ องครู 1. สามารถแนะนาให้เด็กได้ท้งั เรื่องสว่ นตัวและเรอื่ งการเรียน 2. ไมเ่ หน็ ด้วยที่ครแู สดงตวั เป็นกันเองกบั เดก็ โดยการพดู จาแบบนักเลง ๆ 3. ชอบครูทมี่ ีความยตุ ธิ รรมและเป็นคนใจดี 4. ไมช่ อบทคี่ รจู ะเข้ากบั ผูป้ กครองโดยวิธีการร่วมดม่ื สรุ าหรือเลน่ การพนนั 5. ครูควรรว่ มมือพัฒนาชมุ ชน เพื่อจะเขา้ กับชมุ ชนได้ 6. ครูควรเชญิ ผปู้ กครองมาร่วมปรกึ ษาหารือในการจัดกจิ กรรมในโรงเรียนด้วย “ครูทแี่ ทจ้ รงิ นน้ั ตอ้ งเปน็ ผทู้ ีก่ ระทาแตค่ วามคือ” คือ - ตอ้ งหมั่นขยนั อตุ สาหะพากเพียร - ต้องเอ้อื เฟ้ือเผือ่ แผ่ และ เสยี สละ - ต้องหนักแนน่ อดทนอดกลัน้ - ต้องรักษาวินยั สารวมระวังความประพฤตขิ องตนให้อยู่ในระเบยี บแบบแผนท่ดี ีงาม - ต้องปลีกตัวปลีกใจออกจากความสบายและความสนกุ สนานร่าเริงที่ไม่ควรแกเ่ กียรติภูมิของ ตน - ต้องตง้ั ใจใหม้ ่นั คงและแน่วแน่ - ต้องรกั ษาความซือ่ สตั ย์รักษาความจรงิ ใจ - ต้องมเี มตตาและหวงั ดี - ต้องวางใจเป็นกลางไม่ปล่อยไปตามอานาจอคติ - ต้องมั่นอบรมปัญญาให้เพ่ิมพูนสมบูรณ์ขึ้นทั้งในด้านวิทยาการและความฉลาดรอบรู้ให้ เหตผุ ล” คุณลักษณะท่ีดีของครู หมายถึง เครื่องหมายหรือส่ิงที่ชี้ให้เห็นความดี หรือลักษณะที่ดีของ ครแู ละเป็นลกั ษณะท่ีตอ้ งการของสังคม ลักษณะครูท่ีดี ควรมีความรักและความเมตตาต่อศิษย์ มีความเสียสละ หม่ันเพียรศึกษา ปรับปรุงวิธีการสอน เพ่ือพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ต้องมีความเข้าใจและเอาใจใส่ตัวศิษย์ทุกคน เป็น
439 กาลังใจและช่วยสร้างแรงบัลดาลใจให้กับศิษย์เพ่ือให้เขาเป็นคนใฝ่เรียน รู้ เป็นแบบอย่างท่ีดีมี จรรยาบรรณในวิชาชีพครู มีจิตวิญญาณของความเป็นครู สามารถถ่ายทอดความรู้ได้เป็นอย่างดี มี วิธีการสอนท่ีหลากหลาย มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความยุติธรรม ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น รวมถงึ ยอมรบั และเข้าใจความแตกตา่ งของเด็กแตล่ ะคน กรมการ ฝึกหัดครู กระทรวงศึกษาธิการได้ทาการวิจัยเร่ืองของครูที่ดีโดยการสอบถามจาก บุคคลหลายฝ่าย คือ นักเรียน ครู ผู้บริหารการศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิ ศึกษานิเทศก์ และผู้ปกครอง ใช้ เวลาในการวิจัย พ.ศ.2518 – พ.ศ.2520: ซ่ึง เป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ทาการวิจัยเรื่องลักษณะ ของครูท่ดี ีท่ีได้กระทาใน วงกว้าง ผลจากการวิจัยลกั ษณะของครูที่ดี สรุปผลได้ดงั น้ี (กรมการฝึกหัดครู 2520 : 363 – 371 ) 1. ด้าน คุณธรรมและความประพฤติ ได้แก่ ความเท่ียงธรรม ความซ่ือสัตย์สุจริต การตรงต่อ เวลา ร่าเริงแจ่มใส รู้จักเสียสละ วาจาสุภาพเรียบร้อย เป็นกันเองกับเด็ก และเข้ากับเด็กได้ เป็น ตวั อย่างในการประพฤตดิ ี มีมนษุ ยส์ ัมพนั ธ์ แตง่ กายเรียบร้อยมีบุคลิกลกั ษณะท่ดี ีมวี าจาสุภาพอ่อนโยน เว้นจากอบายมุขต่างๆ ไม่ทาตัวเสเพล มีระเบียบวินัย อารมณ์ม่ันคง มีความปรานีรู้จักปกครองแบบ ประชาธิปไตย เปน็ คนมีเหตผุ ล ร้จู ักสทิ ธิและหน้าที่ 2. ด้านความยึดม่ันในสัญชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันเป็นหลักสาคัญและความจาเป็น อยา่ งย่ิงสาหรับบคุ คลท่ที าหนา้ ที่เป็นครูที่ ให้การศึกษาแก่อนชุ นของชาติ ให้มคี วามรกั และหว่ งแหนใน สงิ่ ทเ่ี ปน็ องค์ประกอบสาคัญของความเปน็ ไทย 3. ความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน รู้จักเตรียมการสอนเพ่ือให้การสอนและการเรียนของ นักเรียนบรรลุเป้าหมายท่ี ต้องการเอาใจใส่การสอน อบรมความประพฤติและปลูกฝ่ังค่านิยมดีงาม ให้แก่นักเรียน มีความขยันขันแข็ง มีความกระตือรือร้นในการทางาน มีความศรัทธาต่ออาชพี ครู อุทิศ ตัวเพ่ือราชการ มสี ุขภาพทางกายและจติ ใจทีด่ ี รู้จกั ติดต่อกับผปู้ กครอง และพยายามเข้าใจเด็ก 4. ความสามารถในการใช้ภาษาส่ือสาร รู้จกั หลักการพดู การอภปิ รายบทเรยี นแจม่ ชดั รู้จกั ใช้ ภาษาถกู ต้อง 5. เอาใจใส่ค้นคว้าความรู้อยู่เสมอ รู้และตามความเคล่ือนไหวทางการศึกษาอยู่เสมอ โดยเฉพาะแผนการศึกษาแห่งชาติและ หลักสูตร รู้จักปรับวิธีการสอนแบบใหม่และเหมาะสมอยู่ ตลอดเวลา การเป็นครูสอนให้คนเป็นมนุษย์ทส่ี มบูรณ์ คอื ความรูค้ ู่คณุ ธรรมมิใชเ่ ป็นสงิ่ ท่ที าไดง้ า่ ย การเป็นครูท่ีดี ต้องอาศัยความอดทน เสียสละ มีเมตตา ซึ่งเป็นคุณสมบัติเพียงส่วนหนึ่งของความเป็นครูที่ดี คุณลักษณะของครูที่ดีมีหลายประการ ซ่ึงจะได้นามากล่าวถึงลักษณะของครูที่ดีตามคาสอนในพุทธ ศาสนา ลักษณะของครูท่ีดี
440 จากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับลักษณะครูดีในประเทศไทยของนักการศึกษาหลายท่าน ดิเรก พร สมี า และคณะ (2543) พบวา่ ครทู ด่ี คี วรมลี กั ษณะท่จี าเป็น 3 ดา้ น ดังน้ี 1. ด้านคณุ ลกั ษณะ 1.1 ต้องมีความรักและศรัทธาในวิชาชีพครู และพร้อมที่จะพัฒนาวิชาชีพของตนอยู่ เสมอ 1.2 ประพฤติตนเป็นแบบอย่างแก่ผู้เรียนทั้งด้าน ศีลธรรม วัฒนธรรม กิจนิสัย สุข นิสยั และอุปนสิ ัย มคี วามเป็นประชาธิปไตย 1.3 ใฝห่ าความรูแ้ ละพฒั นาตนเองอยู่เสมอ 1.4 มคี วามเมตตาแกศ่ ษิ ย์ และเหน็ คณุ ค่าของศิษย์ 1.5 มสี ขุ ภาพสมบรู ณ์ 1.6 มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ทางวิชาการสามารถใชก้ ระบวนการคิดวิเคราะห์ เพื่อ แกไ้ ขปัญหาตา่ ง ๆ ได้ 1.7 มบี ทบาทในการพฒั นาชมุ ชน สามารถเปน็ ผนู้ าชุมชนได้ 1.8 ใชเ้ ทคโนโลยที ีท่ นั สมัย ภาษา และการวจิ ัยเพ่อื เป็นเคร่อื งมอื ในการพฒั นาตนเอง 1.9 สามารถพัฒนาตนเองให้เป็นครูแบบใหม่ในระบบสากลได้คือ การรู้ในวิทยาการ ด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศมากข้ึน มีความหลากหลายเพ่ือตอบสนองผู้เรียน เป็นหลักสามารถพัฒนาผู้เรียนได้อย่างเต็มศักยภาพและสร้างสรรค์ข้อมูลสะท้อนกลับสู่ ผเู้ รยี นไดอ้ ยา่ งต่อเน่ืองรวมทง้ั เป็นครูท่เี ข้าหาผ้เู รยี นและชมุ ชนไดม้ ากขึน้ 2. ดา้ นความรู้ของครู 2.1 ครูต้องเป็นผู้ท่ีมีความรู้ในวิชาท่ีสอนอย่างแท้จริงสามารถเช่ือมโยงทฤษฎีใน ศาสตร์ความรูม้ าส่กู ารปฏิบัตไิ ด้ ทั้งการปฏบิ ัตใิ นระดบั สากลและในระดบั ทอ้ งถ่นิ 2.2 มีความรู้ด้านการวิจัยวิทยาการคอมพิวเตอร์และภาษาเพ่ือเป็นเคร่ืองมือในการ แสวงหาความรู้ 2.3 มีความรู้เร่ืองเทคนิคการสอนจิตวิทยาการวัดผลและประเมินผลและสามารถ ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน 2.4 รู้ข้อมูลข่าวสารรอบตัวและเรื่องราวในท้องถ่ินเพ่ือแลกเปล่ียนความรู้และฝึก ผเู้ รยี นคิดวเิ คราะหว์ จิ ารณไ์ ด้ 3. ดา้ นการถา่ ยทอดของครู 3.1 สามารถประยุกต์ใช้เทคนิคการสอนต่าง ๆ เพื่อจัดบรรยากาศการเรียนรู้ที่ น่าสนใจทาให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาวิชาที่เรียนสามารถเช่ือมโยงความรู้นั้นสู่การนาไป ประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจาวนั และการเรียนรูต้ ่อไปได้
441 3.2 สามารถอบรมนิสัยให้ผู้เรียนมีศีลธรรมวัฒนธรรมกิจนิสัย สุขนิสัย และอุปนิสัย รวมท้ังรักในความเป็นประชาธิปไตย เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นใน สังคมได้อย่างมีความสขุ 3.3 สามารถพัฒนาให้ผู้เรียนใฝ่รู้ก้าวทันเทคโนโลยีตลอดจนสามารถใช้ภาษาส่ือสาร กันได้เพ่ือให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองอยู่เสมอ และสามารถใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการแสวงหา ความร้แู ละเรียนร้ไู ด้ด้วยตนเอง 3.4 สามารถพัฒนาให้ผู้เรียนมองกว้างคิดไกลและมีวิจารณญาณที่จะวิเคราะห์และ เลอื กใชข้ ่าวสารข้อมูลใหเ้ กดิ ประโยชน์ต่อตนเองได้ 3.5 พัฒนาผู้เรียนเรียนรู้เร่ืองราวต่าง ๆ ของชุมชนสามารถนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ เพ่อื พฒั นาชมุ ชน และแกป้ ัญหาต่าง ๆ ในชมุ ชนได้ คณะกรรมการส่งเสริมวิชาชีพครูได้กาหนดว่าบุคคลที่ประกอบวิชาชีพครคู วรมคี วามรัก ความ เมตตาและความปรารถนาดี มีความเสียสละและอุทิศตนและเวลาเพื่อส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนได้ เจริญเติบ โตและมีพัฒนาการในทุกด้าน ท้ังควรมีลักษณะอย่างน้อย 4 ประการ คือ 1 รอบรู้ 2 สอนดี 3 มีคณุ ธรรม จรรยาบรรณ 4 มุ่งม่ันพัฒนา 1. รอบรู้ คือ จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม รวมท้ังความเปล่ียนแปลง และพัฒนาการที่เกิดข้ึนในสังคมของตนและของโลก มีความรอบรู้ในวิชาชีพของตน เช่น ปรัชญา การศึกษา ประวัติการศึกษา หลักการศึกษานโยบายการศึกษา แผนและโครงการพัฒนาการศึกษา และจะต้องมีความรู้อย่างเชี่ยวชาญในเรื่องหลักสูตร วิธีสอนและวิธีประเมินผลการศึกษาในวิชาชีพ หรือกิจการทตี่ นรบั ผิดชอบ 2. สอนดี คือ จะต้องทาการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ มีการพัฒนาการสอนให้สอดคล้องกับ ความสามารถ และความสนใจของนกั เรยี น อกี ทั้งสามารถใหบ้ รกิ ารแนะแนวในดา้ นการเรยี นการครอง ตนและการรักษาสุขภาพ อนามัย จัดทาและใช้สื่อการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง สามารถปรบั การเรยี นการสอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของบา้ นเมือง 3. มีคุณธรรมจรรยาบรรณ คอื มีศรทั ธาในวชิ าชพี ครู ตงั้ ใจใช้ความรคู้ วามสามารถทางวิชาชีพ เพื่อให้บริการแก่นักเรียนและสังคม มีความซ่ือสัตย์ต่อหลักการของอาชีพครูมีความรับผิดชอบในด้าน การศึกษาต่อ สังคม ชุมชน และนักเรียน มีความรัก ความเมตตาและความปรารถนาดีต่อนักเรียน อุทิศตนและเวลาเพอ่ื ส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนได้รบั ความเจริญเติบโตและ พฒั นาการในทุกดา้ น 4. ม่งุ มน่ั พฒั นา คอื รู้จักสารวจและปรับปรุงตนเอง สนใจใฝ่รู้ และศกึ ษาหาความรู้ตา่ งๆ รจู้ ัก เพิ่มพูนวิทยฐานะของตน คิดคน้ และทดลองใช้วิธีการใหม่ๆ ทเี่ ปน็ ประโยชนต์ ่อการเรียนการสอน และ เป็นประโยชนต์ ่อชุมชนด้วย
442 สรปุ ครูเปน็ ผู้ให้กาเนิดพลเมืองที่ดี คือ ชุบพลเมืองใหเ้ ป็นนักรู้ นกั ทางาน นักพดู นักเขยี น นัก ตารา นกั ประดิษฐ์ นกั คน้ ควา้ เหตผุ ล นกั ปราชญ์ ฯลฯ เป็นต้น ความสามารถในการดาเนินการสอนงานครนู น้ั ถอื ว่าการสอนเปน็ สิง่ ที่สาคัญท่ีสุดและครูที่ดีจะ ติองมีความสามารถในวิทยาการหลายๆดา้ นเพอื่ นามาสง่ั สอนศิษย์ได้ ลักษณะของครทู ด่ี ีจากการศึกษาวเิ คราะหป์ ระวัติครูดีเด่น ธีรพงศ์ แก่นอินทร์ นิราศ จันทรกิจ และสมคิด ธนะเรืองสกุลไทย (2529:86-102) ได้ ศึกษาคุณลักษณะของครูโดยการศึกษาวิเคราะห์ประวัติครูดีเด่นจากหนังสือประวัติครูจานวน 24คน พบวา่ คณุ ลักษณะของครูท่ีได้ศึกษาและวิเคราะห์มาได้พบวา่ คุณลกั ษณะเด่นของครูท่ดี ีอันพึงมีประจา ใจ มีดังต่อไปนี้ 1. มีความตง้ั ใจทางานอยา่ งจริงจงั ดว้ ยความรัก ละรบั ผดิ ชอบ 2. มคี วามขยันขันแขง็ 3. มคี วามเสียสละ 4. เป็นผู้ใฝ่รู้ใฝ่เรียน 5. อทุ ิศเวลาใหแ้ ก่งานราชการ 6. มีกริ ยิ ามารยาทเรียบรอ้ ย 7. มคี วามเมตตากรุณา มคี วามซ่อื สตั ยส์ ุจริต 8. มีอารมณ์แจ่มใสรา่ เรงิ มอี ธั ยาศัยดี 9. มีความเป็นผู้นา มขี ันติ รจู้ ักใช้เวลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์ มีระเบียบวินยั สามารถแบง่ เปน็ ลักษณะสาคัญๆได้ 3 ด้าน ดงั น้ี 1. ภมู ริ ู้ ความสามารถทางดา้ นวชิ าการทจี่ ะสอน ตลอดจนการเปน็ ผู้ทีม่ ีสติปัญญาดี 2. ภูมธิ รรม การประพฤตดิ ี เว้นจากอบายมุขทง้ั ปวง 3. ภูมิฐาน มีบคุ ลกิ ดรี ูปรา่ งทา่ ทางดี แตง่ กายสะอาดเรยี บรอ้ ย พดู จาไพเราะนมุ่ นวล สรุปคุณลักษณะของครูที่ดีน้ัน ล้วนแต่เป็นส่ิงที่ฝึกฝนได้ทั้งส้ิน เพียงแต่ผู้ประกอบวิชาชีพครู ต้องมีความต้ังใจและความมุ่งมั่นเท่าน้ัน ฉะน้ันผู้ประสงค์จะประกอบวิชาชีพครูทุกคนสามารถฝึกฝน และปรับปรงุ ตนเองให้เปน็ ครทู ่ีดไี ด้ด้วยความพากเพยี รและสม่าเสมอ
443 สรปุ ลักษณะของครูที่ดีนั้นมีมากมายหลายแบบ และการท่ีจะยอมรับว่า ครูท่ีดีจะต้องมี ลักษณะ อย่างไรนั้น ข้ึนอยู่กับความคิดเหน็ ของแต่ละบุคคล แต่เม่ือพิจารณาโดยท่ัวไปแลว้ ก็สามารถสรุปไดว้ า่ ครทู ่ดี คี วรจะประกอบดว้ ยคณุ ลกั ษณะทส่ี าคญั ๆ คอื 1. บคุ ลกิ ภาพดี คือ รปู รา่ งทา่ ทางดี แต่งกายสะอาด สภุ าพเรยี บร้อย พูดจา ไพเราะ และ มลี ักษณะเปน็ ผนู้ า 2. มคี วามรดู้ ี มคี วามคดิ สร้างสรรค์ เชอ่ื ม่นั ในตนเอง กระตือรอื ร้นและสุขภาพ แขง็ แรง 3. การสอนดีและปกครองดี คือ อธิบายได้แจ่มแจ้งชัดเจนครบทุกกระบวนความ สอน สนกุ สนาน ปกครองดแู ลนักเรียนให้อยู่ในระเบียบวนิ ยั ทด่ี งี าม 4. ความประพฤติดี คือ เว้นจากอบายมุขทุกอย่าง ทาแต่ความดีท้ังกาย วาจา ใจ มี คณุ ธรรมและจรยิ ธรรมสูง มีความซอ่ื สัตย์ เสียสละ มเี มตตากรณุ า มีความยตุ ิธรรม และ มีมานะอดทน 5. มีมนษุ ยส์ มั พันธ์อันดี คือ มอี ธั ยาศยั ไมตรกี ับคนทุกเพศทกุ วัยและทุกฐานะ และมนี ้าใจ เปน็ ประชาธปิ ไตย คุณครู เป็นปูชนียบุคคลที่ไดร้ ับความเคารพนับถืออย่างสูง จะเป็นรองก็แต่คุณพ่อคุณแม่ เท่าน้ัน คนไทยเรามีอัธยาศัยน่ารัก ต่างจากชนชาติอื่นอยู่อย่างหนึ่งคือ เมื่อจะไปสมัครเป็นศิษย์ของ ท่านผู้ใด ก็ไม่ใช่เพียงมุ่งแต่จะไปถ่ายทอดคัดลอกวิชาความรู้จากครูอาจารย์ เสร็จแล้วก็ตีเสมอ แต่ ต้ังใจจริงจะไปมอบตัวเองเป็นลูกเต้าของท่านด้วย ไทยเราจึงนิยมใช้คาเต็มอย่างภาคภูมิว่า “ลูกศิษย์” หมายถงึ ยนิ ยอมมอบตวั ลงเปน็ ทั้งลูกท้งั ศิษย์ของทา่ นผู้เป็นครู การประกวด การรับรางวัลต่าง ๆ ชว่ ยทาใหค้ รเู ปน็ ทเ่ี คารพศรัทธาและเผยแพร่ผลงานให้เป็น ท่ีประจักษ์ ตัวอย่างเช่น รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี เป็นรางวัลที่จัดขึ้นเน่ืองจากพระเทพ รตั นราชสุดามีพระชนมายุครบ 60 พรรษา เปน็ รางวัลระดับอาเซียนที่คัดเลือกครูผ้สู ร้างแรงบันดาลใจ รางวัลคุรุสดดุ ีและรางวลั ครูดีในดวงใจ เป็นรางวัลทีช่ ว่ ยสร้างความศรัทธาและความน่าเช่ือถือ สง่ เสริม ยกย่องเชิดชูเกียรติครูและผู้ประกอบอาชีพทางการศึกษา ให้เป็นที่น่ายกย่องยอมรับ ของนักเรียน เพอื่ นครูและสงั คม
444 อา้ งองิ กรมวิชาการ. ศูนย์แนะแนวการศึกษาและอาชีพ. (2544). เอกสารการประกอบการประชมุ และรับฟงั ความคิดเห็น (ร่างป แบบพัฒนาการแนะแนว กระทรวงศึกษาธิการ ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2545 - 2549). พิษณโุ ลก: ศนู ยแ์ นะแนวจงั หวัดพษิ ณุโลก โรงเรยี นเฮลมิ ขวญั สตรี กรมสามัญศึกษา. (2546). พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 . กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พค์ รุ ุสภา. กัลยาณมติ ร. สบื ค้นจาก https://th.wikipedia.org/wiki/กัลยาณมิตร. เก่ยี วกับมูลนิธิ. สบื คน้ จาก https://www.pmca.or.th/thai/?page_id=53. ไกรฤกษ์ ศิลาคม. (2557). เอกสารประกอบการสอนรายวิชาจริยธรรมกับชีวิต. อุดรธานี: สานักวิชา ศกึ ษาท่ัวไ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อดุ รธานี ครุ ุสภา. (2563). คัดเลอื กผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการศกึ ษา เพื่อรบั เครอื่ งหมายเชดิ ชเู กยี รติ “ครุ สุ ดุด”ี ประจาปี 2563. สบื ค้นจาก https://www.ksp.or.th/ksp2018/2020/05/18737/. เดอื น คาด.ี (2545). ศาสนศาสตร์. กรงุ เทพฯ: สานักพมิ พม์ หาวิทยาลัยเกษตรศาสตร.์ ตระกลู ชัย ศิรผิ ล. (2020). การดารงตนใหเ้ ป็นทเ่ี คารพศรัทธาของผู้เรียนและสมาชกิ ในชมุ ชน. สืบค้นจาก https://www.youtube.com/watch?v=ybuNZ8sX830. ทองหล่อ วงษ์ธรรมา. (2554). จริยศาสตร์เบื้องต้น: มนุษย์กับอุดมคติและมาตรการทางศีลธรรม. กรุงเทพฯ: สานกั พมิ พ์โอเดยี นสโตร.์ ธนิศ ภ่ศู ริ ิ และคนอ่ืนๆ. (2555). พ้ืนฐานวิชาชีพครู เล่ม 3. พิมพ์ครัง้ ท่ี 5. กรงุ เทพฯ: บทความ-ลักษณะครูทีด่ ี. สบื ค้นจาก http://educ105.wordpress.com/บทความ-ลักษณะครูทด่ี ี/ ปณิดา ปตั ตาทานัง. (2013/07). พลเมอื งดีตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย.หนา้ ที่พลเมือง. สืบค้นจาก https://panidar7241.blogspot.com/2013/07/blog-post_27.html บรรจง บินกาซัน. (2548). สู่อิสลาม: สัจธรรมแห่งชีวิต. กรุงเทพฯ : ศูนย์อบรมศาสนาอิสลามและ จริยธรรมมัสยดิ ต้นสน. ประไพ สทิ ธิเลิศ. (2542). ความเป็นครู. กรงุ เทพฯ : สถาบนราชภฏั สวนสุนันทา. ประวีน ณ นคร. (2555). การบรรยายเรื่องปรัชญาและแนวคิดเกี่ยวกับจริยธรรม. สืบค้นจาก https://www.ocsc.go.th/download/2556/การบรรยายเรื่อง-ปรัชญาและแนวคิดหลัก เกย่ี วกับจรยิ ธรรม-โดย-ประวนี -ณ-นคร. แผนปฏบิ ัตกิ ารคดั เลือก. สบื ค้นจาก https://www.pmca.or.th/thai/?page_id=119. พระธรรมปิฏก. (2538). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบบั ประมวลศัพท์. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 8. กรุงเทพฯ : มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย.
445 พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, พิมพ์คร้ังท่ี 16, (กรุงเทพฯ): โรงพิมพ์บรษิ ัท เอส.อาร.์ พร้ินต้ิง แมส โปรดักส์ จากดั ), 2551, หนา้ 161 พระราชกรณยี กจิ ด้านการศกึ ษา. สบื ค้นจาก https://www.pmca.or.th/thai/?page_id=105. พระสขุ ุม สุขวฑฺฒโก และพระมหาชาญชัย ชยปตุ ฺโต. (2016). ลักกษณะของครทู ด่ี ี. ศึกษาศาสตร์ มมร. พทุ ธทาสภกิ ขุ, ธรรมสาหรับครู. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์นพิ พาน, 2529. _______. (2534). ก.ค. : อดีต ปจั จุบันอนาคต. กรงุ เทพฯ: ครุ ุสภา. มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี. ( 2564). รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี. สืบค้นจาก https://www.pmca.or.th/thai/, รางวัลสมเดจ็ เจา้ ฟ้ามหาจกั ร.ี สืบคน้ จาก https://www.pmca.or.th/thai/?page_id=81. ราชบัณฑติ ยสถาน. (2546). พจนานุกรมฉบับ ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ: นานมี บุคส์ พับลเิ คชั่นส์. รศ.ดร.ธนศิ ภศู่ ิริ และคนอ่นื ๆ. (2555). พ้นื ฐานวชิ าชพี ครู เลม่ 3. พิมพค์ รัง้ ท่ี 5. กรงุ เทพฯ โรงเรยี นวดั จรเขเ้ ผอื ก.(2555).พลเมืองที่ดใี นสงั คมไทย.17มกราคม2564. สืบค้นจาก https://www sites.google.com วราภรณ์ ศรวี ิโรจน.์ ปรชั ญาและคุณธรรมสาหรบั ครู และลักษณะครูท่ดี .ี (หน้า 4-11). สบื ค้นจาก http://edu.pbru.ac.th/e-media/10.pdf. วไิ ล ตั้งจติ สมคดิ . (2544). การศกึ ษาและความเปน็ ครไู ทย. กรงุ เทพ: โอเดยี นสโตร์. สงวน สุทธเิ ลิศอรุณ. (2543). พฤติกรรมมนุษยก์ ับการพัฒนาคน. กรงุ เทพฯ: หา้ งหนุ้ สว่ นทิพยวสิ ุทธิ์. สุจติ รา ออ่ นค้อม. (2551). ปรชั ญาเบอ้ื งตน้ . กรงุ เทพฯ: สานักพมิ พด์ วงแก้ว. สชุ ีพ ปญุ ญานภุ าพ. (2545). ศาสนาเปรยี บเทียบ. กรุงเทพฯ: สานกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั รามกาแหง. สานักงานคณะกรรมการข้าราชการครู กระทรวงศึกษาธิการ. คุณธรรมและจิตสานึกของข้าราชการ ครู. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พค์ รุ สุ ภาลาดพรา้ ว, 2541 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พืน้ ฐานกระทรวงศึกษาธิการ.(2563). โครงการครดู ใี นดวงใจ สบื ค้นจาก https://data.bopp-obec.info/emis/news/File/20190806111310.pdf สานกั งานเลขาธกิ ารครุ สุ ภา. (2542). คมู่ อื สมาชกิ ครุ สุ ภา. กรุงเทพ: ครุ สุ ภา. สานกั พฒั นาครูและบุคลากรการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน.(2564).เอกสารการคดั เลอื กครเู ข้ารบั รางวลั โครงการ “ครดู ใี นดวงใจ” ครง้ั ท่ี 18. สบื ค้นจาก https://hrd.obec.go.th/home/archives/2223. สานกั พัฒนาครูและบุคลากรการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน.(2564).ประกาศรายชอ่ื ครผู ทู้ ไี่ ดร้ บั รางวลั “ครดู ี ในดวงใจ” คร้งั ที่ 18. สบื ค้น จาก https://hrd.obec.go.th/home/archives/2257.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 516
Pages: