446 หลักเกณฑ์วิธีการสรรหาและคัดเลือกครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี คร้ังที่ 4 ปี 2564 (ประเทศไทย).สืบค้นจาก https://www.pmca.or.th/thai/?wpfb_dl=161. หลกั เกณฑ์วธิ คี ัดเลอื กครรู างวัลสมเดจ็ เจา้ ฟ้ามหาจักรี คร้งั ท่ี 4 ปี 2564 (ประเทศไทย). สืบค้นจาก https://www.krupatom.com/education_19674. องค์ความรู้ท่ีจาเป็นที่กาหนดไว้ในแผนการจัดการความรู้. การถอดองค์ความรจู้ ากผ้ทู ี่จะเกษยี ณอายุ ในอีก 5 ปีข้างหนา้ . ลบื คน้ จาก http://www.uthaithani.doae.go.th.pdf. Ttemeisle.(2019). พลเมืองทเี่ ขม้ แขง็ .17 มกราคม 2564. สบื ค้นจาก https://www.rkmissiondel.org admin.(2562. สรปุ มาตรฐานวชิ าชพี ครู ฉบบั แก้ไข ราชกจิ จานเุ บกษา 2562. สบื คันจาก: www.kruachieve.com/เรื่องราวน่าสนใจ/สรุป-มาตรฐานวิชาชีพครู-ฉ/ orathai education. คณุ ลกั ษณะครทู ่ีดี. สบื คน้ จาก https://sites.google.com/site/orathaieducation/home/khunlaksna-thi-di-khxng- khru
447 กลมุ่ 3 สภาพการณพ์ ฒั นาวชิ าชพี ครู กลวธิ กี ารพฒั นาการศกึ ษาทย่ี ง่ั ยนื ความรอบรู้ ทนั สมยั ทนั ตอ่ การเปลย่ี นแปลง
448 การเรียนร้ใู นศตวรรษที่ 21 การศึกษาในศตวรรษที่ 21 เป็นการเตรียมคนไปเผชิญการเปลี่ยนแปลงท่ีรวดเร็ว รุนแรง พลิกผนั และคาดไมถ่ งึ คนยุคใหม่จึงตอ้ งมที กั ษะที่สงู ในการเรียนรูแ้ ละปรับตัว ครูเพือ่ ศษิ ย์ต้อง พัฒนา ตนเองให้มที กั ษะของการเรยี นรู้ดว้ ย และในขณะเดยี วกนั ตอ้ งมที ักษะในการทาหนา้ ท่ี ครใู นศตวรรษท่ี 21 ซง่ึ ไม่เหมอื นการทาหนา้ ทีค่ รูในศตวรรษท่ี 20 หรือ 19 ทักษะเพื่อดารงชีวิตในศตวรรษที่ 21 1. ทักษะการเรยี นรู้และนวตั กรรม โลกยุคศตวรรษท่ี 21 มีการเปล่ียนแปลงที่รวดเร็ว พลิก ผัน รุนแรง และคาดไม่ถึง ต้อการดารงชีวิต ดังนั้นคนในยุคศตวรรษที่ 21 จึงต้องมีทักษะสูงในการ เรียนรู้และปรับตัว การสร้าง ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม จะใช้กระบวนการ Project-Based Learning: PBL 1.1 การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา (Critical Thinking and Problem Solving) เป็นการสรา้ งทกั ษะการคดิ ในแบบตา่ ง ๆ ดังนี้ 1) แบบเป็นเหตเุ ป็นผล ทั้งแบบอุปนยั (inductive) และแบบอนุมาน (deductive) 2) แบบใช้การคิดกระบวนการระบบ (systems thinking) โดยวิเคราะห์ ปจั จยั ย่อยมี ปฏสิ ัมพันธ์กนั อยา่ งไร จนเกดิ ผลในภาพรวม 3) แบบใช้วิจารณญาณและการตัดสินใจ ที่สามารถวิเคราะห์และประเมิน ข้อมูลหลักฐาน การโต้แยง้ การ กล่าวอ้างอิง และความน่าเชื่อถือ วิเคราะห์เปรียบเทียบและประเมิน ความเห็นประเด็นหลัก ๆ สังเคราะห์และ เช่ือมโยงระหว่างสารสนเทศกับข้อโต้แย้ง แปลความหมายของ สารสนเทศและสรุปบนฐานของการ วเิ คราะห์ และตีความและทบทวนอยา่ งจริงจงั ในดา้ นความรแู้ ละกระบวนการ 4) แบบแก้ปัญหา ในรูปแบบการฝึกแก้ปัญหาท่ีไม่คุ้นเคยหลากหลาย ใน แนวทางท่ียอมรับ กันท่ัวไป และแนวทางที่แตกต่างจากการยอมรับ รูปแบบการตั้งคาถามสาคัญท่ีชว่ ยทา ความกระจ่าง ในมมุ มองต่าง ๆ เพอื่ นาไปสทู่ างออกท่ดี กี ว่า 1. 2 การสื่อสารและความร่วมมือ ( Communication and Collaboration) ความ เจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิตอล และเทคโนโลยีการส่ือสาร (digital and communication technology) ทาให้ศตวรรษท่ี 21 ต้องการทักษะของการส่ือสารและความร่วมมือท่ีกว้างขวางและ ลกึ ซึง้ ดงั นี้
449 1) ทกั ษะในการส่อื สารอยา่ งชัดเจน ตงั้ แต่ การเรียบเรียงความคดิ และ มุมมอง (idea) ส่อื สาร เข้าใจง่าย ในหลายแบบ ท้ังการพูด เขียน และกิริยาทาทาง การฟังอย่างมี ประสิทธิภาพ นาไป ถ่ายทอดสื่อสาร ความหมายและความรู้ แสดงคุณค่า ทัศนคติและความตั้งใจ การ ส่ือสารเพ่ือการ บรรลุเป้าหมายการทางาน การส่ือสารด้วยหลากหลายภาษาและสภาพแวดล้อมที่ หลากหลายอย่าง ไดผ้ ล 2) ทักษะความร่วมมือกับผู้อื่น ต้ังแต่การทางานให้ได้ผลราบร่ืนท่ีเคารพและ ให้เกียรติ ผู้ร่วมงาน มีความยืดหยุดนและช่วยเหลือประนีประนอมเพื่อการบรรลุเป้าหมายร่วมกัน มีความ รับผดิ ชอบร่วมกับผรู้ ว่ มงาน และเหน็ คณุ คา่ ของบทบาทของผรู้ ่วมงาน 1.3 ความคิดสรา้ งสรรค์และนวตั กรรม (Creativity and Innovation) ทักษะทางด้านนี้เป็น เร่ืองของการนจินตนาการมาสร้างขั้นตอนกระบวนการ โดยอ้างอิงจากทฤษฎีความรู้เพ่ือนาไปสู่การ ค้นพบใหม่เกิดเป็นที่ใช่ ตอบสนองความต้องการใน การดารงชีวิตท่ีลงตัว และนาไปสู่การเป็นผู้ผลิต และผูป้ ระกอบการต่อไป ทักษะดา้ นน้ไี ดแ้ ก่ 1) การคิดอย่างสร้างสรรค์ ท่ีใช้เทคนิคสร้างมุมมองอย่างหลากหลาย มีการ สร้างมุมมองที่ แปลกใหม่อาจเป็นการปรับปรุงพัฒนาเพียงเล็กน้อย หรือทาใหม่ท่ีแหวกแนวโดนส้ินเชิง ที่ เปิดกว้าง ในความคิดเห็นที่ร่วมกันสร้างความเขาใจ ปรับปรุง วิเคราะห์ และประเมินมุมมอง เพ่ือพัฒนา ความ เขา้ ใจเกี่ยวกบั ความคิดอย่างสร้างสรรค์ 2) การทางานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ ในการพัฒนา ลงมือปฏิบัติ และ ส่ือสารมุมมอง ใหม่กับผู้อื่นอยู่เสมอ มีการเปิดใจและตอบสนองมุมมองใหม่ ๆ รับฟังข้อคิดเห็น และร่วม ประเมินผล งานจากกลุ่มคณะทางาน เพื่อนาไปปรับปรุงพัฒนา มีการทางานด้วยแนวคิดหรือวิธีการใหม่ ๆ และ เขา้ ใจข้อจากัดของโลกในการยอมรับมมุ มองใหม่ และใหม้ องความล้มเหลวเป็นโอกาสการเรยี นรู้ 3) การประยกุ ต์สู่นวัตกรรม ท่มี ีการลงมือปฏิบัตติ ามความคิดสร้างสรรคใ์ ห้ ไดผ้ ลสาเรจ็ ที่เป็น รูปธรรม 2. ทักษะด้านสารสนเทศ ส่ือ และเทคโนโลยี การรับรู้สิ่งต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้นแล้วตอบสนอง รับ สิ่งที่รับรู้มาเป็นกระบวนทัศนะใหม่ ทันที แสดงถึงการขาดทักษะการคิดแบบขาดวิจารณญาณ ผลท่ี เกิดขึ้นก็จะตกอยู่ภายใต้การชวนเชื่อ และไม่สามารถกาหนดตนเองได้การสร้างทักษะด้านสารสนเทศ สอ่ื และเทคโนโลยี เพอ่ื ใหเ้ กิดการเทา่ ทนั ไมต่ กอย่ภู ายใต้การถูกชกั จูง ชวนเชอ่ื 2.1 การรู้เท่าทันสารสนเทศ (Information Literacy) การับรู้คาบอกเล่าจาก เพื่อน ผู้อื่น รวมถงึ ครูผสู้ อน หรือแม้นแต่สมมตฐิ านคาตอบท่หี ารือกันในกลมุ่ อภปิ ราย เปน็ เพยี งความ คิดเหน็ ที่รอ การพิสูจน์ ยืนยันคาตอบที่เป็นจริงจากสารสนเทศที่ได้จากการสืบค้น รวมรวมจากแหล่งอ้างอิงที่
450 เชื่อถือได้มาผ่านกระบวนการคิดแบบขาดวิจารณญาณ สนับสนุน หรือโต้แย้งพิสูจน์ความเป็น จริง สร้างเป็นความรู้ และองค์ความรู้ท่ีได้จากการเรียนรู้ ซ่ึงต้องใช้ทักษะในการเข้าถึงแหล่งความรู้ได้ อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง มีทักษะการประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลสารสนเทศ และทักษะใน การ ใชอ้ ยา่ งสรา้ งสรรค์ 2.2 การรเู้ ท่าทนั สือ่ (Media Literacy) การรบั สารจากสื่อ และส่ือสารออกไป ในยุค media คนในศตวรรษท่ี 21 จะต้องมีความสามารถใช้เคร่ืองมือผลิตส่ือ และส่ือสารออกไป หรือ แม้แต่การ รับเข้ามาในรูป วิดีโอ (video) ออดิโอ (audio) พอดคาส์ท (podcast) เว็บไซด์ (website) และอื่น ๆ อีกมากมาย แตก่ ารรับรูจ้ ากแหล่งสื่อเหล่านั้นถ้าขาดการเท่าทัน ขาดการคิดอยา่ งมี วิจารณญาณ ก็จะ ตกอยู่ภายใต้การถูกชักจูง ชวนเช่ือได้เช่นกัน จึงต้องสร้างทักษะการวิเคราะห์สื่อให้เท่า ทัน วัตถุประสงค์ของตัวสื่อ และผลิตสื่อนั้นอย่างไร มีการตรวจสอบแหล่งอ้างอิงท่ีเช่ือถือได้ และเท่าทัน ต้อการมีอิทธิพลต่อความเช่ือและพฤติกรรมอย่างไร และมีข้อขัดแย้งต่อจริยธรรมและกฎหมายท่ี เก่ียวข้องหรือไม่ อย่างไร ในเร่ืองการสร้างผลติ ภัณฑ์ส่ือ ต้องมีความเท่าทันต่อการเลอื กใช้เครื่องมือท่ี พอเพียงพอเหมาะกับวัตถุประสงค์การใช้งาน และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมความแตกต่าง หลากหลายด้านวัฒนธรรม 2.3 การรู้ทนั เทคโนโลยี (ICT: Information, Communication and Technology Literacy) โลกยุคศตวรรษที่ 21 เป็นโลกเทคโนโลยีท่ีมีการแข่งขันกนั ผลิต และนามา สกู่ ารสร้าง กลยุทธ์การขาย สู่กลุ่มผู้บริโภคท่ีต้องการความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถ้าขาดความเท่าทัน การใช้เทคโนโลยีจะ กลายเป็นผู้ซื้อ แต่ไม่อยากจะเรียนรู้การเป็นผู้ผลิต เพื่อนาไปใช้งานที่พอเพียง เหมาะสมกับงาน การ ถูกชักจูง ชวนเช่ือ ให้เป็นผู้ซ้ือก็จะง่ายขึ้น ผลการสูญเสียงบประมาณ และการขาด ดุลทางเศรษฐกิจ จะตามมา ดังนั้นทักษะความเท่าทันด้านเทคโนโลยีจึงเป็นทักษะท่ีจาเป็นในศตวรรษที่ 21 ทาให้คน รู้จักผลิตใช้และนาไปแลกเปลี่ยนใช้ในเวทีการค่า เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ รวมถึงการ ใช้ เทคโนโลยเี พ่อื การเรียนรู้ให้เกดิ การสืบคน้ รวมรวมความรู้พสิ จู นส์ มมตฐิ านคาตอบในการใชท้ ักษะการ คิดแบบมีวิจารณญาณ มากกว่าที่จะใช้เพ่ือการบันเทิง ในแบบสังคมก้มหน้า จึงควรใช้เทคโนโลยีเพื่อ การ วิจัย จัดระบบ ประเมิน และสื่อสารสารสนเทศ ใช้ส่ือสารเชื่อมโยงเครือข่าย และ Social network อย่างถูกต้องเหมาะสม เพ่ือการเข้าถึง การจัดการ การผสมผสาน ประเมิน และสร้าง สารสนเทศ เพื่อทา หน้าท่ีในเศรษฐกิจฐานความรู้ ท้ังน้ีต้องคานึงถึงการปฏิบัติตามคุณธรรมและ กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกบั การ เขา้ ถึงและใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ
451 3. ทกั ษะชีวติ และงานอาชพี การเรียนรู้ท่จี ะปรบั ตัวได้อย่างดีในสภาวะการเปลย่ี นแปลง หรือ มีภัยคุกคามได้ อย่างชาญฉลาดถือเป็นเรื่อสาคัญในการดารงชีวิตท่ีมีทักษะชีวิตในโลกศตวรรษที่ 21 และการคิดสร้าง ผลิตภัณฑ์ใหม่เพ่ือตอบสนองการดารงชีวิตเฉพาะบริบท สภาพแวดล้อมท่ีต่างกันไป นาไปสกู่ ารเผยแพร่ เทคนคิ วธิ กี ารใช้และพฒั นาทักษะใช้ เกิดเป็นกลยทุ ธก์ ารขายเกดิ ผปู้ ระกอบการใน งานอาชีพต่าง ๆ ซึ่ง เป็นทักษะงานอาชีพท่ีต้องมีการส่งเสริมให้มีเท่าทันในยุกต์การเปล่ียนแปลงของ โลกศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวติ และทกั ษะงานอาชีพจงึ ควรมีการพัฒนาสงิ่ ตอ่ ไปน้ี 3.1 ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัว (Flexibility and Adaptability) เป็น ทักษะเพ่ือการเรียนรู้ การทางานและการเป็นพลเมืองในศตวรรษท่ี 21 ซ่ึงต้องทา เพ่ือการบรรลุ เป้าหมายแบบมีหลักการ และไม่เล่ือนลอยภายใต้การเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว และไม่ คาดคิด ทั้งมี ข้อจากัดด้านทรัพยากร เวลา และการมีคู่แข่ง โดยใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส ในด้านการปรับตัว ต้อการ เปลี่ยนแปลง เป็นการปรับตัวให้เข้ากับบทบาทที่แตกต่างไป งานที่มีกาหนดการที่เปลี่ยนไป และ บริบทท่ีเปล่ียนไป ในด้านความยืดหยุ่น เป็นการนาเอาผลลัพธ์ที่เกิดข้ึนมาใช้ประโยชน์อย่างได้ผล มี การ จัดการเชิงบวกต่อคาชม คาตาหนิ และความผิดพลาด สามารถนาความเห็นและความเชื่อท่ี แตกต่าง หลากหลายทั้งของคณะทางาน หรือข้ามวัฒนธรรมคณะทางาน มาทาความเข้าใจ ต่อรอง สร้างดุลยภาพ และทาให้งานลุล่วง ดังน้ันความยืดหยุ่นจึงทาเพื่อการบบลุผลงานไม่ใช้เพื่อให้ทุกคน สบายใจ 3.2 การริเริ่มสรา้ งสรรคแ์ ละกากบั ดแู ลตนเองได(้ Initiative and Self Direction) เป็นทกั ษะ ท่ีสาคัญมากในการทางานและดารงชีวิตในโลกศตวรรษที่ 21 ที่ต้องมีการกาหนด เป้าหมายโดยมี เกณฑ์ความสาเร็จที่เป็นรูปธรรม และนามธรรม มีความสมดุลระหว่างเป้าหมายระยะส้ัน ท่ีเป็นเชิง ยุทธวิธี และเป้าหมายระยะยาวที่เป็นเชิงยุทธศาสตร์ มีการคานวณประสิทธิภาพการใช้เวลากับ การ จัดการภาระงาน การทางานต้องทางานสาเร็จได้ด้วยตนเอง โดยกาหนดตัวงาน ติดตามผลงาน และ ลาดับความสาคญั ของงานไดเ้ อง นอกจากนัน้ การทางานยังต้องฝกึ ทักษะการเป็นผเู้ รียนรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง ที่มีการมองเห็นโอกาสเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพ่ือขยายความเช่ียวชาญในงานของตนเอง มีการริเร่ิมการ พัฒนา ทักษะไปสู่ระดับอาชีพ แสดงความเอาใจใส่จริงจังต่อการเรียนรู และท้บทวนประสบการณ์ใน อดตี เพอ่ื คดิ หาทางพฒั นาในอนาคต 3.3 ทักษะสังคมและสังคมข้ามวัฒนธรรม (Social and Cross-Cultural Skills) เป็นทักษะ ทาให้คนในศตวรรษที่ 21 สามารถทางานและดารงชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมและผู้คน ที่มีความ แตกตา่ งหลากหลายไดอ้ ย่างไม่แปลกแยก ทาให้งานสาเรจ็ การพฒั นาทกั ษะนจ้ี ะทาให้เกิด ปฏิสัมพันธ์ กับผู้อ่ืนอย่างเกิดผลดีในเรื่อกาลเทศะ เกิดการทางานในทีมที่แตกต่างหลากหลายอย่าง ได้ผลดี ท่ีมี
452 การเคารพความแตกต่างทางวัฒนธรรม ตอบสนองความเห็นและคุณค่าท่ีแตกต่างอย่างใจ กว้าง เพ่ือ ยกระดับความแตกต่างทางสังคมและวฒั นธรรมสู่การสร้างแนวความคิด วิธที างานใหม่ ส่คู ุณภาพของ ผลงาน 14 แนวทางจดั การเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21 3.4 การเป็นผู้สร้างผลงานหรือผลผลิตและความรับผิดชอบเชื่อถือได้ (Productivity and Accountability) เป็นการกาหนดข้ันตอนวิธีการทางานในการสร้างช้ินงาน ผลงาน หรือผลิตภัณฑ์ อยา่ งมีหลกั การตามทฤษฎีความรู้ทต่ี อ้ งมีทกั ษะความชานาญการ ซ่ึงเป็นเรือ่ ง ของการจดั การโครงการ ที่มีการกาหนดเป้าหมายและวิธีการบรรลุเป้าหมายภายใต้ข้อจากัดท่ีมีอยู่ โดย การกาหนดลาดับ ความสาคญั วางแผน และการจัดการ ผลิตภัณฑ์ และผลงาน ที่ได้จาการผลติ ต้องมี คุณภาพเพ่ือแสดง ถึงทักษะการทางานอย่างเป็นระบบจากผู้ท่ีมีความเชี่ยวชาญการผลิต นาไปใช้ ประโยชน์แก่บุคคล ชุมชนได้อย่างไม่มีผลกระทบทางลบ แต่ถ้ามีจะต้องออกมายอมรับข้อบกพร้องอย่าง ไม่ปิดบัง อัน นาไปสู่การปรับแกไ้ ข หรือยกเลกิ เพือ่ แสดงจรยิ ธรรมท่ีเปน็ บรรทัดฐานทางสังคม 3.5 ภาวะผู้นาและความรับผดิ ชอบ (Leadership and Responsibility) ใน ศตวรรษท่ี 21 มีความต้องการภาวะผู้นาและความรับผิดชอบแบบกระจายบทบาท จากการรับผิดชอบ ต่อตนเอง รับผิดชอบการทางานแบบประสานสอดคล้องเป็นคณะทางาน และรับผิดชอบแบบสร้าง เครือข่าย ร่วมมือแบบพันธมิตรการทางาน เพ่ือไปสู่เป้าหมายของผลงานร่วมกัน ซ่ึงต้องพัฒนาทักษะ มนุษย สัมพันธ์และทักษะการแก้ปัญหาในการชักนาผู้อ่ืนให้เห็นเป้าหมายร่วมกัน และทาให้ผู้อื่นเกิด พลังใน การทางานให้บรรลุผลสาเร็จร่วมกัน เกิดแรงบันดาลใจให้ผู้อ่ืนใช้ศักยภาพหรือความสามารถ สูงสุด โดยการทาตัวอย่างที่ไม่ถือผลประโยชน์ของตนเองเป็นท่ีตั้ง และไม่ใช้อานาจโดยขาดจริยธรรม และ คณุ ธรรม ถอื ประโยชนส์ ว่ นรวมเป็นทต่ี ้งั ทักษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษที2่ 1 ปัจจุบันโลกแห่งการศึกษาได้ก้าวหน้าและพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ รูปแบบการเรียนรู้ก็ต้องปรับปรงุ ไปเรื่อยๆเพ่ือให้เข้ากับยุคสมัย โดยเด็กนักเรียนจะมีการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น สร้างสรรค์ และท้าทาย มองเหน็ ปญั หาเปน็ โจทย์ใหน้ ักเรียนไดเ้ รียนรวู้ ธิ ีการแก้ไข ซึง่ ทกั ษะท่จี าเป็นในการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 คอื 3R8C โดยมีรายละเอียดดังนี้ 3R คอื ทกั ษะพน้ื ฐานที่จาเป็นตอ่ ผู้เรยี นทกุ คน มีดงั น้ี 1. Reading คอื สามารถอา่ นออก 2. Riteing คอื สามารถเขียนได้ 3. Rithmatic คอื มที กั ษะในการคานวณ
453 8C เป็นทักษะต่าง ๆ ท่ีจาเป็นเช่นกัน ซ่ึงทุกทักษะสามารถนาไปปรับใช้ในการเรียนรู้ได้ทุก วิชา มีดงั น้ี 1. Critical thinking and problem solving คือ มีทักษะการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมี วจิ ารณญาณและสามารถแกไ้ ขปัญหาได้ 2. Creativity and innovation คือ การคดิ อย่างสร้างสรรค์และคดิ เชิงนวตั กรรม 3. Cross-cultural understanding คือ ความเข้าใจในความแตกต่างของวัฒนธรรมและ กระบวนการคิดขา้ มวฒั นธรรม 4. Collaboration teamwork and leadership คือ ความร่วมมือ การทางานเป็นทีม และ ภาวะความเปน็ ผูน้ า 5. Communication information and media literacy คือ มีทักษะในการส่ือสารและ การรเู้ ท่าทันส่อื 6. Computing and IT literacy คือ มีทักษะการใชค้ อมพวิ เตอร์และรู้เท่าทันเทคโนโลยี 7. Career and learning skills คือ มที กั ษะอาชพี และการเรยี นรู้ 8. Compassion คอื มคี วามเมตตากรณุ า มีคณุ ธรรม และมีระเบียบวินัย แนวทางการจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 การจัดทาแนวทางการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ที่เน้นสมรรถนะทางสาขาวิชาชีพเพื่อพัฒนา ทกั ษะแหง่ อนาคตในศตวรรษที่ 21 ยึดกรอบของระบบสนับสนนุ การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ดงั นี้ 1. ระบบมาตรฐานการเรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21 (21st Century Standards) 1.1 การใช้ข้อมูลความจริงจากกระบวนการสังเกต ต้ังประเด็นคาถามจากแหล่งเรียนรู้ชุมชน เชอ่ื มโยงไปสสู่ าระการเรียนรรู้ ายวิชา 1.2 การบูรณาการความรู้ และความซ้าซอ้ นของเนอื้ หาสาระ 1.3 การสรา้ งทกั ษะการสืบค้น รวบรวมความรู้ 1.4 การสร้างความรู้ ความเขา้ ใจเชงิ ลึกมากกวา่ แบบผิวเผนิ 1.5 การสร้างความเชี่ยวชาญตามความถนดั และสนใจให้เกดิ กับผ้เู รียน 1.6 การใชห้ ลักการวัดประเมินผลท่ีมคี ุณภาพระดับสงู 2. ระบบการประเมนิ ทกั ษะในศตวรรษที่ 21 (Assessment of 21st Century Skills) 2.1 สร้างความสมดุลในการประเมินผลเชิงคุณภาพ (ความรู้ ความถนัดสาขาอาชีพ ทัศนคติ ต่อการทางานและอาชีพ)
454 2.2 นาประโยชน์ของผลสะท้อนจากการปฏิบัติของผู้เรียนมาปรับปรุงการแก้ไขงาน (เครื่องมือวัดผลตามสภาพจรงิ การปฏบิ ัติ ทัศนคติ และความรู้) 2.3 ใชเ้ ทคโนโลยีเพื่อยกระดับการทดสอบวัดและประเมินผลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสดุ (คลัง ขอ้ สอบระบุตวั ชีว้ ดั มาตรฐานรายวชิ า ระบรุ ะดับขน้ั พฤติกรรม) 2.4 สร้างและพัฒนาระบบแฟ้มสะสมงาน (Portfolios) และเส้นทางการศึกษาต่อสู่การ ประกอบอาชีพ (Career Path) ของผูเ้ รียนใหเ้ ปน็ มาตรฐานและมีคุณภาพ 3. ร ะ บ บ ห ลัก สูตรแ ละ ก ารส อน ใน ศต ว รรษ ท่ี 21 ( 21st Century Curriculum & Instruction) 3.1 สอนให้เกิดทักษะการเรียนในศตวรรษที่ 21 มุ่งเน้นเชิงสหวิทยาการ (Interdisciplinary: ความรูท้ ไี่ ด้จากหลายสาขาวิชาประกอบกัน) ของวชิ าแกนหลัก 3.2 สร้างโอกาสทีจ่ ะประยุกต์ทักษะเชงิ บรู ณาการข้ามสาระเน้อื หา และสร้างระบบการเรยี นรู้ ทเ่ี นน้ สมรรถนะเปน็ ฐาน (Competency-based) 3.3 สร้างนวัตกรรมและวิธีการเรียนรู้ในเชิงบูรณาการท่ีมีเทคโนโลยีเป็นตัวเกื้อหนุน การ เรยี นรแู้ บบสืบคน้ และวธิ ีการเรียนจากการใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน (Problem-based) 3.4 บูรณาการแหลง่ เรยี นรู้ (Learning Resources) จากชุมชนเข้ามาใชใ้ นโรงเรยี นตาม กระบวนการเรียนร้แู บบ Project-Based Learning: PBL 4. ร ะ บ บ ก า ร พั ฒ น า ท า ง วิช า ชีพ ใ น ศ ต ว ร ร ษ ท่ี 21 ( 21st Century Professional Development) 4.1 ฝึกฝนทักษะความรูค้ วามสามารถในเชิงบรู ณาการ 4.2 ใชม้ ติ ขิ องการสอนด้วยเทคนิควธิ กี ารสอนท่หีลากหลาย 4.3 ฝึกฝนทักษะความรู้ความสามารถในเชิงลึกเก่ียวกับการแก้ปัญหา การคิดแบบ วิจารณญาณ 4.4 สามารถวิเคราะห์ผู้เรียนได้ทั้งรูปแบบการเรียน สติปัญญา จุดอ่อน จุดแข็ง ในตัวผู้เรียน และสามารถวจิ ยั เชิงคุณภาพที่มุ่งผลต่อคุณภาพของผู้เรียน 4.5 พัฒนาความสามารถให้สูงขึ้น นาไปใช้สาหรับการกาหนดกลยุทธ์และจัดประสบการณ์ ทางการเรียนไดเ้ หมาะสมกับบรบิ ททางการเรยี นรู้ 4.6 ประเมนิ ผเู้ รยี นอย่างตอ่ เนอ่ื ง เพ่ือสร้างทกั ษะและเกิดการพัฒนาการเรียนรู้ 4.7 แบง่ ปันความรู้ระหวา่ งชมุ ชนทางการเรยี นรู้ โดยใช้ช่องทางหลากหลายในการสือ่ สารให้ เกดิ ข้ึน
455 5. ระบบสภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 (21st Century Learning Environment) 5.1 สร้างสรรคแ์ นวปฏิบัตทิ างการเรยี น การรบั การสนับสนุนจากบุคลากรและสภาพแวดล้อม ทางกายภาพทเี่ กือ้ หนุน เพ่อื ชว่ ยให้การเรียนการสอนบรรลผุ ล 5.2 สนับสนุนทางวิชาชีพแก่ชุมชนท้ังในด้านการให้การศึกษา การมีส่วนร่วม การแบ่งปันส่ิง ปฏิบัติที่เปน็ เลศิ ระหว่างกันรวมท้ังการบรู ณาการหลอมรวมทกั ษะหลากหลายสูก่ ารปฏบิ ัติในชน้ั เรียน 5.3 สร้างผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากส่ิงท่ีปฏิบัติจริงตามบริบท โดยเฉพาะการเรียนแบบ โครงงาน 5.4 สรา้ งโอกาสในการเขา้ ถึงส่อื เทคโนโลยเี ครื่องมือหรือแหลง่ การเรยี นรทู้ ่ีมคี ณุ ภาพ การศกึ ษา 4.0 การศึกษา 4.0 เป็นการจัดการเรียนการเรียนรู้ใหม่ท่ีเน้นให้ผู้เรียนเติบโตก้าวหน้าและพัฒนา ตนเองจนสามารถสรา้ งและผลิต “ผลิตภาพ” PRODUCTIVE LEARNING ท่เี ปน็ ผลจากการเรียนรู้ดว้ ย ตัวเอง ผู้เรียนเป็นผู้ที่มีความตระหนักในการเรียนรู้ พัฒนาความรู้ ความคิด และทักษะ ท้ังน้ีความรู้ที่ ได้ ผลติ ขน้ึ สามารถนาคณุ คา่ มาให้แก่สงั คมและประเทศชาตไิ ด้ พฒั นาการ การศกึ ษาไทย 1.0 เกษตรกรรม หลกั สูตร 2503 หลักสตู รการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2503 มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้พลเมืองทุกคนได้รับการศึกษาตามควรแก่อัตภาพ ได้รับการศึกษาอยู่ใน โรงเรียนจนอายุ 15 ปีบริบูรณ์ เป็นอย่างน้อย ในการจัดการศึกษาน้ันเพื่อสนองความต้องการของ สังคมและบุคคลโดยให้สอดคล้องกับแผนเศรษฐกิจและแผนการปกครองประเทศ เน้ือหาสาระที่จัด ในระดับประถมศึกษาตอนต้น มี 6 หมวดใหญ่ คือ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ภาษาไทย ศิลปศึกษา พลานามัย สาหรับระดับประถมศึกษาตอนปลายเพิ่มหมวดวิชาภาษาอังกฤษและหัตถ ศึกษา ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นทั้งสายสามัญและสายอาชพี ต้องเรียนเลขคณิตและพืชคณิตตลอด ทงั้ 3 ปี ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย แบง่ เปน็ 3 แผนก คือ แผนกทวั่ ไป วทิ ยาศาสตร์ และศลิ ปะ 2.0 ยคุ อตุ สาหกรรม หลกั สูตร 2521 หลักสูตรประถมศกึ ษา พทุ ธศักราช 2521
456 หลังจากผ่านยุค 1.0 มานั้นการศึกษาไทยได้เปลี่ยนมาใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2521 เนือ่ งจากความไม่ทนั ต่อการเปลยี่ นแปลง การศึกษาไม่สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิต ได้ เป็นการศึกษาแพ้คัดออก คนมีโอกาสเรียนในระดับสูงน้อยมากมาก หลักสูตรประถมศึกษา พุทธศักราช 2521 มีจุดมุ่งหมายเพ่ือให้ผู้เรียนเป็นคนดีมีคุณธรรม ให้มีความรู้ความสามารถ มี ความสุข รวมทั้งเป็นพลเมืองดีของสังคมและประเทศชาติ เน้ือหาสาระที่เรียนมี 4 กลุ่ม คือ กลุ่ม ทกั ษะ (ไทย-คณติ ) กลุ่มประสบการณช์ วี ติ กลุ่มลกั ษณะนิสัย และกลุ่มการงานหลกั สูตรประถมศกึ ษา พทุ ธศักราช 2521 (ฉบบั ปรับปรุง 2533) มีจดุ มุ่งหมายเพ่อื ม่งุ พฒั นาผู้เรียนให้สามารถพัฒนา คุณภาพชีวิตให้พร้อมที่จะทาประโยชน์เพื่อสังคมภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุข เนื้อหาสาระมี5 กลุ่ม กลุ่มทักษะในหลักสูตร 2521 เปล่ียนเป็นกลุ่มทักษะท่ีเป็น เคร่ืองมือ การเรียนรู้ และเพิ่มกลุ่มประสบการณ์พิเศษ ส่วนหลักสูตรมัธยมศึกษา พุทธศักราช 2521 (ฉบับปรับปรุง 2533) มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและการศึกษาต่อให้สามารถทาประโยชน์ เพือ่ สังคมในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เน้ือหาสาระท่ีเรียนประกอบด้วย วิชาบังคับแกน(ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา พลานามัย และศิลปศึกษา) วิชา บังคับเลือก วิชาเลือกเสรี และกิจกรรม จากการใช้หลักสูตรดังกล่าวไม่สามารถส่งเสริมให้สังคมไทย ก้าวไปสู่ส่งคมความรู้ในยุคโลกาภิวัตน์ได้ทันการณ์ ไม่สะท้อนความต้องการของท้องถ่ิน การแก้ไข รัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติจึงเปลี่ยนไปใช้หลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2544 มีจุดมุ่งหมายมุ่งพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็นคนดี มีปัญญา มี ความสุข และมีความเป็นไทย มีศักยภาพในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ แบ่งระดับการศึกษา เป็น 4 ชว่ งช้นั สาระ การเรยี นรู้มี 8 กลมุ่ สาระ คอื ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี และ ภาษาตา่ งประเทศ และกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น จากการใชห้ ลกั สูตรพบว่ามีความสับสนใน ผู้ปฏิบตั ิการ ในสถานศึกษา หลักสูตรแน่นเกินไป ปัญหาในการเทียบโอน และปัญหาคุณภาพผู้เรียนในด้านความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ จึงเปลี่ยนมาใช้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 โดยเพ่ิมสมรรถสาคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ส่วน เนื้อหาสาระยังคงใช้ 8 กลุ่มสาระเหมือนหลักสูตร 2544 แต่หลักสูตรกาหนดตัวชี้วัดมาให้ ส่วน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนน้ันเพ่ิมกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์เพ่ือสังคมด้วย สรุปได้ว่าหลักสูตรการศึกษา เปล่ยี นไปเพอ่ื แกไ้ ขปญั หาการศึกษาท่ีไม่สอดคล้องกับสภาพสังคม เศรษฐกจิ วัฒนธรรม และการเมือง 3.0 ยุคเทคโนโลยี หลกั สตู ร 2551 หลักสตู รการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
457 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ.2551 จัดทาข้ึนเพ่ือให้เขตพื้นท่ีการศึกษา หน่วยงานระดับท้องถ่ินและสถานศึกษานาไปเป็นกรอบและทิศทางพัฒนาหลักสูตรและจัดการเรียน การสอน จากข้อค้นพบในการศึกษาวิจัยและติดตามผล การใช้หลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ท่ีกล่าวถึง ประกอบกับข้อมูลจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับ ที่ 10 เกี่ยวกับแนวทางการพฒั นาคนในสงั คมไทย และจดุ เน้นของกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนา เยาวชนสู่ศตวรรษที่ 1 จึงเกิดการทบทวนหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2544 เพ่ือ นาไปสู่การพัฒนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ท่ีมีความเหมาะสม ชัดเจน ทั้งเป้าหมายของหลักสูตรในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมพัฒนา ประเทศพ้ืนฐานในการดารงชีวิต การพัฒนาสมรรถนะและทักและกระบวนการนาหลักสูตรไปสู่การ ปฏิบัติในระดับเขตพ้ืนที่การศึกษาและสถานศึกษา โดยได้มีการกาหนดวสิ ัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะ สาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดท่ีชัดเจน เพื่อใช้เป็น ทิศทางในการจัดทาหลักสูตร การเรียนการสอนในแต่ละระดับ นอกจากนั้นได้กาหนดโครงสรา้ งเวลา เรียนขั้นต่าของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ในแต่ละชั้นปีไว้ในหลักสูตรแกนกลาง และเปิดโอกาสให้ สถานศึกษาเพิ่มเติมเวลาเรียนได้ตามความพร้อมและจุดเน้น อีกทั้งได้ปรับกระบวนการวัดและ ประเมินผลผู้เรียน เกณฑ์การจบการศึกษาแต่ละระดับ และเอกสารแสดงหลักฐานทางการศึกษาให้มี ความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ และมีความชัดเจนต่อการนาไปปฏิบัติดังนั้นสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (สพฐ.) จึงได้ปรับเปล่ียนหลักสูตรเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการ นาไปสกู่ ารปฏิบตั ิแต่ยังคงยดึ มาตรฐานการเรยี นรู้และหลกั การเดมิ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. 2551 เปล่ียนแปลงมาจากหลักสูตรการศึกษาขั้น พื้นฐาน พ.ศ. 2544 ซ่ึงกาหนดจุดมุ่งหมายเพ่ือพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มี คณุ ภาพชวี ิตดี มคี วามสามารถแข่งขนั ในเวทีโลก ใหส้ ถานศึกษามีส่วนร่วมในการพฒั นาหลักสตู ร 4.0 ยคุ นวตั กรรม การศึกษา 4.0 จากปัญหาต่างๆ ของประเทศไทย เช่น เศรษฐกิจล้มเหลว การเมืองล้มแล้ว สังคมล้มเหลว หรือทุกๆ ปัญหาท่ีล้มเหลวต่างก็โทษการศึกษาล้มเหลว ไทยแลนด์ 4.0 เป้าหมาย ต้องการให้ประเทศไทยมีนวัตกรรมเป็นของตนเอง แต่หลักสูตรการศึกษาและการจัดการเรียนการ สอนของครตู อบสนองเป้าหมายของไทยแลนด์ 4.0 แล้วหรอื ยงั ทั้ง ๆ ทม่ี ีการเปลยี่ นและปรับหลกั สตู ร มาตลอดกว่า 50 ปี ถึงเวลาแล้วที่จะต้องปรับเปล่ียนกระบวนการจัดการศึกษาของประเทศ เพื่อ ตอบสนองการสร้างนวัตกรรมของประเทศ โดยกระทรวงศึกษาต้องเป็นผู้นาท่ีต้องเดินพร้อมไปกับ โรงเรียนทเี่ ปน็ หน่วยปฏบิ ัตโิ ดยตรง ดงั นี้
458 1. ต้องกาหนดนโยบายหรือออกกฎกระทรวงนักเรียนต่อห้องต้องไม่เกิน 36 คน เพ่ือให้เกิดประ สิทธิการในการสอนอย่างจริงจัง ครูสามารถดูแลนักเรียนในการจัดกิจกรรมการสอนได้อย่างท่ัวถึง จะ ออกข้อสอบอัตนัย ครูก็สามารถท่ีจะตรวจข้อสอบได้ในเวลาท่ีพอเหมาะ ไม่ใช่นักเรียนห้องละ 50 ครู ดูแลไม่ท่วั ถึง ใครไมส่ นใจครูจาเป็นตอ้ งปล่อย ปจั จุบันอตั ราการเกิดของประชากรน้อยมาก นกั เรียนก็ ลดลงทุกโรงเรียน ฉะนั้น โรงเรียนสามารถรับนกั เรยี นไดอ้ ย่างเพยี งพอ 2. การจัดความพร้อมของโรงเรียน หมายถึงโรงเรียนทั้งประเทศอย่างน้อยในทุกตาบล หรือ อาเภอ หรือจังหวัด ต้องมีความพร้อมเท่าเทียมกัน ทั้งสื่อ อุปกรณ์ ครู อาคารสถานท่ี ต้องมีความ พร้อมเท่ากนั ไม่ให้เกดิ การเปรยี บเทยี บถึงความแตกต่าง 3. หลักสูตรต้องมีการปรับปรุง อาจจะหลักสูตรรายวิชา มีการยกระดับวิชาคอมพิวเตอร์ วิชา เทคโนโลยี มาเป็นวิชาหลัก ไม่ใช่เป็นส่วนหน่ึงของวิชาการงานอาชีพ การเรียนเป็นรายวิชาจะมีข้อดี คือสามารถจะเปลี่ยนรายวิชาได้ทุกปี เป็นวิชาท่ีโรงเรียนสามารถจัดให้นักเรียนเรียนวิชาท่ีทันยุค ทันสมยั ได้เลย ไม่กาหนดตายตัว 4. ต้องนาสะเต็มศึกษา (STEM EDUCATION) และ Active Learning เข้ามาจัดการเรียนการ สอนในโรงเรียน คาว่า “สะเต็ม” หรือ “STEM” เป็นคาย่อจากภาษาอังกฤษของศาสตร์ 4 สาขาวิชา ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และ คณิตศาสตร์ (Mathematics) หมายถึงองค์ความรู้ วิชาการของศาสตร์ทั้งสี่ที่มีความเชื่อมโยงกันใน โลกของความเปน็ จริงทต่ี ้องอาศัยองค์ความร้ตู ่างๆ มาบูรณาการเข้าด้วยกันในการดาเนินชวี ติ และการ ทางาน การจัดการเรียนการสอนของไทยเรา ครูผู้สอนจะสอนแยกส่วน เช่น สอนเคมี ก็เคมีล้วน ๆ ฟิสิกส์ ก็ฟิสิกส์ล้วน ๆ หรือคณิตศาสตร์ก็คณิตศาสตร์ล้วน ๆ ไม่เคยนามาบูรณาการในช้ินงาน หลัก ของวัตกรรมทั้งหมดเกิดจากการบรู ณาการของคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์เป็นสว่ นใหญ่ แลว้ จงึ เกิด นวัตกรรมจนกลายเป็นเทคโนโลยี ต่อมามีนาการนาเทคโนโลยีมาบูรณาการกับวิทยาศาสตร์และ คณิตศาสตร์ จึงเกิดนวัตกรรมใหม่ต่อยอดไปเร่ือย ๆ ท้ังน้ี โดยใช้กระบวนการทางวิศวกรรมในการ สรา้ งนวัตกรรม การสอนให้นกั เรียนสรา้ งนวตั กรรมนั้น ตอ้ งสอนใหน้ ักเรยี นรแู้ บบโครงงาน หรอื การสรา้ งช้นิ งาน โดยในโครงงานหรือช้ินงานน้ัน นักเรียนต้องตอบได้ว่ามีคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือเทคโนโลยีเข้า มาเกี่ยวข้องอย่างไร ในอดีตการสร้างช้ินงานของนักเรียน เราไม่เคยนาวิชา STEM เข้ามาบูรณาการ ตัวอย่างเช่น อดีตการหงุ ข้าวเป็นวิถชี วี ติ ประจาวัน แมบ่ อกใหก้ รอกข้าว 1 หรือ 2 กระป๋อง ใส่นา้ ใหส้ ูง จากข้าวสาร 1 ข้อ หรือแล้วแต่บางคนให้ท่วมหลังมือ การหุงข้าวใช้ไม้ฟืนหรือถ่าน หุงข้าวสุกไม่ดิบ สามารถรับประทานได้เสร็จก็จบ แต่เราไม่เคยนาหลักคณิตศาสตร์เรื่องการตวง เรื่องปริมาตร หลัก วทิ ยาศาสตร์ เรอื่ งความรอ้ น เขา้ มาคดิ ในเรื่องการหงุ ข้าว ญ่ีปุ่นนาหลกั ของ STEM มาใชใ้ นการหงุ ข้าว
459 โดยใช้หลักของคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เช่น เร่ืองของปริมาตร การตวง เรื่องของความร้อน เรื่อง ของเวลา จนสามารถสรา้ งหม้อหุงข้าวไฟฟ้าไดส้ าเร็จ และมกี ารพฒั นาขนึ้ มาเรอื่ ย ๆ เช่น กาหนดเวลา ในการหุงข้าว การอนุ่ ขา้ ว การต้มข้าว ฯลฯ หรือขอยกตวั อยา่ งในชวี ิตจริง คนไทยมกี ารปรุงอาหารต่างๆ มากมาย เชน่ แกงบา้ ง ทาขนมบ้าง บา้ งคนทาอร่อย บางคนไม่อร่อย ข้นึ อยกู่ ับฝมี อื การปรงุ อาหาร หรอื ขนม กใ็ ช้ความเคยชนิ ในการปรุง เช่น การเหยาะน้าปลา ใส่นา้ ตาล ใสเ่ กลอื เป็นฝีมอื เฉพาะคน แต่ถ้าเรานาหลกั STEM เขา้ มาจับ กจ็ ะ ทาเกิดแฟรนไชส์ (Franchise) เป็นของตนเอง ฉะน้ันหลักสูตรต้องกาหนดให้นักเรียนต้องมีโครงงาน หรือชน้ิ งานท่ีตอบโจทย์ STEM ได้ ครูผ้สู อนในกลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการ งานอาชีพ ต้องมีความรู้ในนา STEM มาบูรณาการในโครงงาน หรือช้ินงานของนักเรียนได้ ส่วน Active Learning เป็นการจัดการเรียนการสอนให้นักเรียนลงมือปฏิบัติจริง สร้างชิ้นงานเป็นของ ตนเองได้จริง โดยงานเด่ียวหรืองานกลุ่ม ซึ่งสอดคล้องกับ STEM ถ้าเป็นวิชาท่ีเป็นเน้ือหา นักเรียน สามารถท่จี ะสรปุ นาเสนอผลงานของตนเองได้ 5. ต้องสร้างตัวช้ีวัดระดับบุคคลในการประเมินผลการปฏิบัติงานของครู เพ่ือจะทาให้ทราบ จุดเด่นจุดด้อย ต้องพัฒนาครูเป็นรายบุคคล กระทรวงต้องการให้ครูเป็นอย่างไรก็กาหนดตัวช้ีวัดมา ประเมินในสิ่งที่ต้องการให้เป็น ปัจจุบันตอบไม่ได้ว่าครูแต่ละคนมีส่ิงที่จะต้องพัฒนาอะไรบ้าง จุดเด่น ของครูมีอะไรบ้าง เช่น ต้องการให้ครูนาเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอน ก็ต้องสร้างตัวช้ีวัดเพื่อ ประเมินครูว่ามีการใช้ได้หรือเปล่า เช่น กระทรวงมีนโยบายอย่างไร นโยบายจะสาเร็จหรือไม่ต้อง กาหนดตัวช้ีวัดของนโยบายน้ันๆ ระดับโรงเรียน และระดับตัวบุคคลของแต่ละนโยบาย ถึงจะตอบ โจทยแ์ ห่งความสาเรจ็ น้ันได้ ไทยแลนด์ 4.0 เป็นส่ิงที่ดี ถ้าเป็นไปตามโมเดลนี้ ประเทศจะต้องมีนวัตกรรมเป็นของตนเอง อย่างแน่นนอน ฉะน้ัน การศึกษา 4.0 เป็นส่วนหนง่ึ ของไทยแลนด์ 4.0 ท่ีจะนาพาไปสู่ความสาเร็จ จึง ต้องอาศัยทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะครูต้องปรับการเรียนการสอนตามแนวทางสะเต็ม ศึกษา (STEM) และ Active Learning นามาใช้ในการเรียนการสอนอย่างจริงจัง ผู้บริหารโรงเรียน ต้องเป็นผู้นาทางวิชาการ การปฏิรูปการศึกษาต้องเน้นที่ห้องเรียน ติดตามพฤติกรรมการสอนของครู โดยสร้างตัวชวี ดั ผลการปฏบิ ัติงาน โรงเรียนทกุ โรงเรียนตอ้ งมมี าตรฐานเดยี วกัน ภายใน 10 ปี ประเทศ ไทยตอ้ งมนี วตั กรรมเป็นของตนเองแน่นอน แนวคิดการศึกษา 4.0 1.คุณลักษณะของผ้เู รียน - มคี วามสามารถสรา้ งนวตั กรรมได้
460 - มีทักษะในการสอื่ สารและเทคโนโลยีสารสนเทศ - มีทกั ษะการเปน็ ูผ้ประกอบการ - ปรับตัวได้ในโลกท่มี ีการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็ว - มคี ุณธรรมและมคี วามรบั ผดชิ อบต่อสังคม 2.กระบวนการสอน หลังจากท่ีเข้าใจระบบการเรียนการสอนในยุค 4.0 แล้ว จะเห็นได้ว่าถึงเวลาสถาบันการสอน ต้องปรับเปล่ียนกันเพื่อให้รองรับการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่น้ีแล้ว แต่การสอนด้วยเทคโนโลยีแบบสอน ไปตามหัวข้อไปเร่ือย ๆให้ผู้เรียนนั่งฟัง ทาแบบทดสอบท้ายบทเรียนจากนน้ั เก็บคะแนนอาจจะไม่เปน็ ผลดีแน่ จึงจาเปน็ ตอ้ งมีการทาระบบการเรียนการสอนท่ใี ส่ใจผูเ้ รียนดว้ ย เช่น การออกแบบระบบการ เรียนให้รองรับอุปกรณ์ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งบนคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน การใช้ระบบ Data และ Tracking ผู้เรียนรายบุคคลเพื่อติดตามว่าผู้เรียนมีความเข้าใจในเรื่องที่เรียนมากน้อยแค่ไหน รวมถึงการดึงเอาข้อมูลเหล่าน้ีมาใช้ในการวางแผนเพื่อปรับปรุงระบบการสอนให้ดีย่ิงขึ้น การเปิด ช่องทางให้ผู้เรียนสามารถถามคาถามท่ีสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหา การมีช่องทางให้แจ้งเจ้าหน้าที่เม่ือพบ ปญั หาการใช้งานระบบการเรียน 3.การบริหารองคก์ ร การบริหารสถานศึกษาในยุคไทยแลนด 4.0 ผู้บรหิ ารสถานมีบทบาท ดังน้ี 1. ผบู้ ริหารต้องทาความรู้จกั กบั การเปล่ยี นแปลง (Change) การเปลย่ี นแปลงท่ีเกดิ ข้นึ มาจาก การ แข่งขันท่ีไร้พรมแดน โลกกาลังอยู่ในยุคของเทคโนโลยีและข่าวสาร ความรู้เป็นส่ิงสาคัญท่ีทาให้ เกิดความ ได้เปรียบในการแข่งขัน ดังนั้นเมื่อผู้บริหารเข'าใจถึงการเปลี่ยนแปลงแล'วก็จะสามารถ จัดการกับการ เปล่ียนแปลงได้โดยการเปล่ียนแปลงจะเกิดข้ึนอยู่ตลอดเวลาและมีผลกระทบหรือมี ปฏสิ มั พันธก์ ับองค์กร 2. ผู้บริหารต้องสร้างการเปลย่ี นแปลง (Change Intervention) ด้วยการวางแผนปฏบิ ัติการ ในการ ปรับแต่งสิ่งต่างๆ ให'แตกต่างจากเดิม โดยอาจจะกระทาอย่างรวดเร็วหรือกระทาอย่างค่อย เป็นนค่อยไป การบริหารความเปล่ียนแปลงนั้น ผู้บริหารต'องเข'าใจถึงการเปลี่ยนแปลงก่อนแล้วจึง กาหนดเป้าหมายและเลือก วิธีที่จะนามาใช้ในการจัดการกับความเปลี่ยนแปลงซึ่งต'องอาศัยการวาง แผนการเปล่ียนแปลงเชิงกลยุทธ แล้วจึงนาไปปฏิบัติตามแผนที่ต'องอาศัยความเข'าใจและความ ร่วมมือ จากทุกคนในองค กร โดยผู้บริหารจะต้องมีการเสริมแรงให้กับความเปลี่ยนแปลงโดยการ ช้ีแจงให'บุคลากรในองค การทราบถึงความเปล่ียนแปลงหรือการ ปรับปรุงที่ได้เกิดข้ึนแล้วและแสดง
461 ความขอบคุณต่อบุคคลท่ีเก่ียวข้องและมีส่วนช่วยให'เกิดความเปลี่ยนแปลงแล้วจึงทาการประเมินผล ต่อไป 3. ผู้บริหารต'องเป็นตัวแทนความเปลี่ยนแปลง (Change Agent) ด้วยการเป็นผู้นาการ เปลี่ยนแปลง หรือมีหน้าที่ในการจัดกระบวนการเปล่ียนแปลงภายในองค กรเพ่ือพัฒนา เน้นผลการ ปฏิบัติงานโดยส่วนรวม มากกว่าการเน้นไปที่ผลงานของแต่ละคนในองค กร ให'บุคลากรในองค กร รับรู้ถึงผลการดาเนินงานขององค์กร เพื่อให้ทราบถึงสถานการณ และวิกฤตการณ ต่างๆ ท่ีองค กร เผชิญอยู่ เช่น จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค ดังน้ันผู้บริหารจึงต้องมีการใช้ข้อมูลและสารสนเทศ เพ่ือใช'ในการกาหนดยุทธศาสตร์ และการนายุทธศาสตร์ ไปสู่การปฏิบัติ ตระหนักถึงศักยภาพของ สถานศึกษาต่อการเปล่ยี นแปลง 4. ผู้บริหารต'องเป็นนักปฏิรูป เป็นนักคิด นักพัฒนา ต้องทันต่อการเปล่ียนแปลงของโลกมี วสิ ยั ทศั น ในการบริหารงานที่พร'อมรบั กับเปลยี่ นแปลง ไม่ยึดตดิ ตอ่ สงิ่ ใด 5. ผู้บริหารต้องส่งเสริมประชาธิปไตย บริหารงานแบบประชาธิปไตย รับความความคิดเห็น ของผู้อืน่ รว่ มคดิ รว่ มทาร่วมแก้ปญั หากับบคุ ลากรในองคกร 6. ผู้บรหิ ารต้องเปน็ ประสานงานในองค กรใหเ้ กิดการทางานทีร่ าบรนื่ มุ่งให'เกิดประสิทธิภาพ ในการทางาน และประสานงานนอกองค กรให้เกดิ ภาคีเครือขา่ ยรว่ มคิด รว่ มจัดการศกึ ษา 7. ผู้บริหารต้องเป็นผู้ประนีประนอม พยายามไม่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเกิดความขัดแย่งในองค กร เปน็ ผู้ประนีประนอม เมอ่ื เกิดปัญหา ผ่อนหนกั ให'เป็นเบา 8. ผู้บริหารต้องให้ความสาคัญกับการประชาสัมพันธ์ ผู้บริหารต้องสนับสนุนใหท้ ุกคนทาวิจยั รายงานผลการดาเนนิ งาน และนารายงานมาประชาสัมพันธ์ ให้ผเู้ กีย่ วขอ้ ง และสาธารณชนทราบ 9. ผู้บรหิ ารเป็นนกั ประชาสงเคราะห์ผูบ้ ริหารจะต'องให'ความชว่ ยเหลือผ้รู ว่ มงานทกุ เรือ่ งเป็น ห่วงเป็นใยตลอดเวลา จะปะสานงานกับหน่วยงานอื่นเพื่อให'ความช่วยเหลือผู้ร่วมงาน การพัฒนา บุคลากรจะพัฒนา อย่างต่อเนื่องให้ทุกคนมีความก้าวหน้าในอาชีพ และครอบครัวอยู่เสมอ มีการให้ อภัยเพื่อนร่วมงาน ไม่มีการตักเตือนอย่างรุนแรง ผู้ร่วมงานจะมีความสุขมากในการทางานเป็น กลั ยาณมิตรกับทุกคน 10. ผู้บริหารต'องมคี วามสามารถในการแก้ปัญหา โดยการนายทุ ธศาสตร์ การมีส่วนรวมและ เหตุการณม์ าใชเ้ ปน็ ฐานในการแกป้ ัญหาตา่ งๆ ในองคกร ทั้งนีผ้ ู้บริหารควรมกี ารศึกษารายระเอียดของ เหตุการณ มีการทดสอบสมมติฐาน การวิเคราะห์การแก้ปัญหา มีการแก้ปัญหาโดยใช'นวัตกรรมใหม่ โดยคานึงถงึ การบรรลุผล ในวสิ ยั ทัศน และยทุ ธศาสตร์ ของโรงเรยี นเปน็ หลัก
462 การเรยี นแบบ CCPR Model 1. กระบวนการเรยี นรูห้ ลกั ของการศึกษา 4.0 ประกอบดว้ ย 1) กระบวนการเรียนรู้เชิงผลิตภาพ (Productive-Based Learning) เน้นให้ ผู้เรียนเรียนรู้ โดยสร้างผลงานท่ีมีค ณค่า มีการก าหนดเป้าหมายที่มุ่งสรา้ งหรือผลิต เป้าหมายอาจเป็น แนวปฏิบัติ ท่ีเป็นพลังสร้างสรรค์สังคม กระบวนการเรียนและการปฏิบัติการเรียนรู้สามารถใช้ กระบวนการได้ หลากหลาย (ไพฑูรย์ สนิ ลารตั น์, 2549; สมพร โกมารทตั , 2557) 2) กระบวนการเรียนรู้ท่ีมุ่งผลลัพธ์ (Outcome – Based Learning) เน้นให้ ผู้เรียนเรียนรู้ ควบคู่กับการท ากิจกรรม (Activity-based Learning) มีการก าหนดผลลัพธ์ที่ผเู้ รียนควร จะได้หรือ ควรจะเป็นหลังจากเสร็จสิ้นการเรียน ซึ่งจะต้องแจ้งให้ผู้เรียนทราบว่าเมื่อเรียนวิชานี้จบไป แล้ว จะ สามารถท าอะไรได้บ้าง จากนั้นจึงออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อมุ่งไปสู่ผลลัพธ์นั้น รวมไป ถึงการ ให้ผเู้ รยี นได้สร ปบทเรียนการเรยี นรู้ (Reflection) อย่างสม่าเสมอ เพ่ือใหผ้ ู้เรียนได้แลกเปล่ียน เรยี นรู้ ซ่ึงกันและกัน และต้องมีการประเมินผลหรือประเมินผลลัพธ์ เพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดการพัฒนา ตนเอง
463 และเพ่ือให้อาจารย์ผู้สอนได้ทราบว่าวิธีการที่ใช้น้ันได้ผลหรือไม่ ถ้าไม่ได้ผล หรือได้ผลนนอย ก็ ต้อง ปรับวธิ ีการให้ได้ผลมากขึน้ ในครงั้ ตอ่ ไป 2. กระบวนการเรียนรูเ้ พื่อเตรยี มผเู้ รยี นให้พรอ้ มสาหรบั Productive Learning ประกอบดว้ ย 1) กระบวนการเรียนรู้โดยเน้นกระบวนการคิด(Thinking-Based Learning) เน้นให้ผู้เรียน พัฒนาการคดิ ระดบั สูงโดยฝึกทักษะการคดิ การใช้ลักษณะการคิดแบบต่างๆหลากหลายผู้เรยี นได้เป็นผู้ ปฏิบัติการคิดผู้สอนเป็นผู้กระต้นการคิดใช้รูปแบบวิธีการเทคนิคต่างๆในการกระต้นผู้เรียน (ทิศนา แขมมณ,ี 2555; บรรจง อมรชีวิน, 2556) 2)กระบวนการเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning) เน้นให้ผู้เรียนได้ ผลติ ผลงานจากกระบวนการท าโครงงานมีการก าหนดวตั ถ ประสงค์ วางแผน ด าเนินงาน น าเสนอ ผลงาน ผู้เรียนมีโอกาสเลือกวิธีการและมีโอกาสเรียนรู้จากการปฏิบัติ(ไสว ฟักขาว, 2544 และสุคนธ์ สินธพานนท์ และคณะ, 2554) 3)กระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning) เน้นให้ผู้เรียน สร้างความรูจ้ ากกระบวนการแก้ปัญหา มกี ารกาหนดปัญหาการแสวงหาข้อมูลการแก้ปัญหาและสร้าง ความร้จู ากกระบวนการคดิ ระดบั สงู (วชั ราเลา่ เรียนดี, 2553 และอษุ า คงทอง และคณะ, 2553) 4) กระบวนการเรียนรูแ้ บบสบื สอบ (Inquiry-Based Learning) เน้นให้ผู้เรียนแสวงหาข้อมูล หลักฐานอา้ งอิงในการอธบิ ายอยา่ งสมเหต สมผลต่อสถานการณ์ท่ีน่าสงสยั มีการกาหนดสถานการณ์ท่ี น่าสงสัยการรวบรวมข้อมูลควบคู่กับการต้ังสมมติฐานการตรวจสอบสมมติฐานด้วยข้อมูลผู้เรียนได้ พัฒนาการคิดอย่างมีวิจารณญาณได้สร้างข้อสรุปเชิงหลักการเหตุผล (วัฒนาพร ระงับทุกข์, 2545; สคุ นธ์ สินธพานนท์ และคณะ, 2554 และบรรจง อมรชีวิน, 2556) 5) กระบวนการเรียนรู้แบบวิจัยเป็นฐาน (Research-Based Learning) เน้นให้ผู้เรียนสร้าง ความรู้จากกระบวนการท่ีเป็นแบบแผนได้ใช้ความรู้เชิงทฤษฎีเป็นพื้นฐานและใช้เคร่ืองมือรวบรวม ข้อมูลมีการวิเคราะหข์ ้อมูลและสร้างข้อสร ปอย่างสมเหต สมผลคิดเชิงระบบวจิ ัย (อมรวิชช์ นาครทร รพ, 2547) 6)กระบวนการเรียนรู้แบบน าตนเอง (Self-Directed Learning)เน้นให้ผู้เรียนพัฒนาความ เช่ือม่ันในการพัฒนาตนเองรบั ผดิ ชอบต่อการเรียนรู้ของตนเองประเมินตนเองได้ใช้ชอ่ งทางการเรยี นรู้ หลากหลายไดพ้ ัฒนาตนเองอยา่ งอสิ ระและกา้ วหน้าอย่างสรา้ งสรรค์ (ศศิธร เวยี งวะลยั , 2556) 7)กระบวนการเรียนรู้แบบใช้กรณีศึกษา (Case-Based Learning)เน้นให้ผู้เรียนเรียนรู้ หลักเกณฑ์หลักการหรือองค์ความรู้เชิงทฤษฎีจากการวิเคราะห์สถานการณ์ท่ียกมาเป็นกรณีศึกษามี
464 การระดมความคิดอภิปรายตัดสินใจอย่างมีหลักเกณฑ์ในการสร้างข้อสร ปหรือองค์ความรู้ซึ่งสร้างได้ หลากหลายหลักการหรือสาระสาคัญกรณีศึกษาต้องมีความซับซ้อนเป็นเร่ืองจริงหรือคล้ายจริงและมี แนวคิดสาคัญแฝงอยู่ (Richard I. A. & Kilcher. A, 2010; สุคนธ์ สินธพานนท์ และคณะ, 2554และ ชัยวฒั น์ สทุ ธริ ัตน์, 2554) 8)กระบวนการเรียนรู้จากการทางาน (Work-Based Learning) เน้นให้ผู้เรียนเรียนรู้โดยใช้ ความรู้และทักษะปฏิบัติงานจริงอาจกาหนดช่วงเวลาเรียนกับการทางานสลับกันอย่างต่อเนื่องจน ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ฝังลึก (tacit knowledge) ผู้สอนหรือสถาบันต้องสร้างความร่วมมือกับแหล่ง งานและเกิดประโยชนท์ ั้งสองฝา่ ย (ศศธิ ร เวียงวะลัย,2556) 9)กระบวนการเรียนรู้เชิงรุก (Active-Based Learning) เน้นให้ผู้เรียนปฏิบัติการควบคู่กับ การสร้างความรู้โดยใช้ความคิดในกระบวนการปฏิบัติหรือได้คิดจากการปฏิบัติผู้สอนมีบทบาทในการ ออกแบบกิจกรรมท่ีเหมาะสมในการปฏบิ ัติด้วยการใช้ความคิดและสรา้ งความร้ไู ด้ด้วยตวั ผู้เรียนเอง(ส พรรณี ชาญประเสรฐิ , 2557) 10)สะเต็มศึกษา (Science Technology Engineering and Mathematics Education: STEM Education)เนน้ กระบวนการเรยี นที่ผเู้ รียนใชค้ วามรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์หรอื องค์ ความรูอ้ ืน่ ๆด้วยการใช้เคร่ืองมือเทคนิควธิ ีหรือกระบวนการทางเทคโนโลยที างวศิ วกรรมเป็น กระบวนการเรยี นรู้อยา่ งเหมาะสมผลการเรยี นรอู้ าจเปน็ ผลิตภาพทีเ่ ป็นรปู ธรรมหรอื กระบวนการ เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสร้างความรู้ผา่ นกระบวนการทส่ี รา้ งสรรค์ และมีการปรับปรุงเพื่อให้ได้ผลติ ภาพที่ สรา้ งสรรค์และมีคณุ ค่ามากข้ึน (สิรนิ ภา กิจเก้อื กลู , 2558) 3. กระบวนการเรยี นรเู้ พ่อื ประเมินผลงาน (Product)ทสี่ รา้ งขนึ้ ประกอบดว้ ย 1)กระบวนการเรียนรู้แบบตกผลึกทางปัญญา (Crystal-Based Learning) เน้นให้ผู้เรียน พัฒนาการสร้างสรรค์แนวคิดเพื่อการเขียนหรือนาเสนอ โดยผ่านกระบวนการวางแผนค้นคว้าและฝึก เขียนโดยกากับตนเอง มีการนาเสนออภิปรายเพ่ือนาไปปรับแก้นาเสนอใหม่ ประเมินใหม่ อาจทา หลายรอบจนกว่าจะตกผลึกทางปัญญา มีแนวคิดสาคัญในการเขียนเชิงวิชาการ (ไพฑูรย์ สินลา รตั น์,2558) 2)กระบวนการเรียนรู้โดยบริการสังคม (Service-Based Learning)เน้นให้ผู้เรียนเรียนรู้จาก การลงมือแก้ไขปัญหาในสังคมมีการกาหนดความสาเร็จของการบริการสังคมการลงมือปฏิบัติใช้ทั้ง ความรู้ทักษะและความรับผิดชอบต่อสังคม (ทิศนา แขมมณี, 2555)กระบวนการเรียนรู้ท่ีคัดสรร เหล่าน้ี เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่มุ่งสร้างผลิตภาพที่สร้างสรรค์ มีข้ันตอนสาคัญในการสร้างความรู้ การสร้างผลงาน และขั้นตอนต่างๆ ที่เน้นการปฏิบัติการร่วมมือกันทางาน โดยใช้ความรู้และทักษะ
465 เป็นข้ันตอนที่ผู้เรยี นมีโอกาสออกแบบ และสร้างสรรค์ผลงานจากการเรียนรู้ได้รวมทง้ั พัฒนาบุคคลให้ มอี ิสระแต่มุ่งม่นั ในการเรียนรู้ด้วยตนเอง การส่งเสรมิ การเรยี นรู้ 1.การพฒั นาทกั ษะดา้ นภาษา การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ เป็นหัวใจสาคัญในการสื่อสารกับนานาชาติ ทั้งเพื่อการ ติดต่อส่ือสาร การแลกเปลี่ยนความรู้ การประสานความร่วมมือ และการค้าขาย ซึ่งท่ีผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการได้ดาเนินการยกระดับภาษาอังกฤษของประเทศผ่านโครงการสาคัญต่าง ๆ อาทิ การพฒั นาครูภาษาอังกฤษผ่านกระบวนการ Boot Camp, จดั ทาแอพพลิเคชั่น Echo Hybrid, Echo English เป็นตน้ 2.สง่ เสรมิ การเรยี นการสอนวิชาคณติ ศาสตร์และวทิ ยาศาสตร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสะเต็มศึกษา (STEM Education) เพ่ือให้เด็กมีความเข้าใจเกี่ยวกับ ศาสตร์ท่ีว่าด้วยเร่ืองของโลกและวัตถุต่าง ๆ ในขณะเดียวกันเด็กไทยในอนาคตก็ต้องคงไว้ซึ่ง วฒั นธรรมของไทยที่ดีงามควบคู่กับการเรียนรศู้ าสตร์ใหม่ ๆ ท่ีมีความทันสมัยด้วยเช่นกัน 3.การพฒั นาทักษะการคดิ วิเคราะห์ ส่งิ สาคัญหนึ่งทีม่ หาวิทยาลัยเคมบริดจ์ค้นพบเกี่ยวกับ Communication Thinking Skill คือ การสอนเร่ืองการคดิ วิเคราะห์ ไมส่ ามารถแยกวชิ าสอนต่างหากได้ แต่จะต้องมีการเรยี นวิชาการแต่ละ เร่ืองอย่างลึกซึ้งเสียก่อน หลังจากนั้นการคิดวิเคราะห์จะตามมาเอง เช่นเดียวกับการเรียน ภาษาอังกฤษ ต้องมีความรู้เร่ืองไวยากรณ์ควบคู่กับการอ่าน จนมีความรู้เรื่องคาและเร่ืองภาษาจรงิ ๆ เม่อื น้นั เราก็จะสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ รวมทง้ั สามารถนาความร้ไู ปใช้งานต่อได้ดว้ ย วิธกี ารสอนของคร-ู อาจารย์ Creativity การสอนแบบสร้างสรรค์ ขัน้ ตอนดงั นี้ 1. การกระตนุ้ ความอยากรู้ 2. เปดิ โอกาสให้ค้นหาข้อมูลเป็นกล่มุ 3. ใหผ้ ูเ้ รียนหาทางแก้ไขปัญหาดว้ ยตนอง 4. ใชเ้ กมสใ์ ห้มสี ่วนร่วมการเรยี นรูใ้ นหอ้ งเรียน 5. แบ่งกล่มุ ทาโครงการ
466 6. ใหเ้ สนอผลงานดว้ ยวิธตี ่าง ๆ 7. ใชก้ ารวดั ผลที่เป็นการวัดด้านตา่ ง ๆ ตามวัตถปุ ระสงค์ Critical Thinking สอนแบบให้ร้ถู กู ผิดใชว้ ิจารณญาณเปน็ 1. ความสามารถในการวิเคราะหเ์ ชิงระบบ 2. ความสามารถในการวเิ คราะหเ์ ชงิ โตแ้ ยง้ 3. ความสามารถในการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน 4. ความสามารถในการตัดสนิ คณุ ภาพ การจดั การศกึ ษาตา่ งประเทศ ระบบการศึกษาประเทศฟินแลนด์ ระบบการศึกษาประเทศฟนิ แลนด์ จะเริ่มตน้ ตงั้ แต่ Daycare ในเด็กชว่ งอายุ 8 เดือน – 5 ปี อย่างไรก็ตามกม็ ีผู้ปกครองบางสว่ นทไ่ี ม่ต้องการให้ลูกเลก็ มาเรยี นที่ Daycare เน่อื งจากมีความกงั วล เรอ่ื งความปลอดภยั ดังน้นั จงึ มีทางเลือกพิเศษคือ การดูแลลกู ท่บี า้ นโดยปรบั ปรุงบา้ นเป็น Daycare โดยมงี บจากเทศบาลมาสนบั สนุนใหก้ ับผูป้ กครองทีต่ ้องการพัฒนาบ้านตนเองใหเ้ ป็น Daycare และ จะมีการสุ่มตรวจเพื่อวัดมาตรฐานวา่ มผี ลสาเร็จในการจัดการเรียนการสอนมากน้อยเพยี งใด เม่อื เด็กอายุครบ 6 ปีจะเข้าโรงเรียนอนบุ าล (Pre-School/Kindergarten) เปน็ เวลา1 ปี ใน ระยะเวลาน้ีเด็กจะเรียนอา่ นเขยี นหนงั สืออยา่ งจริงจงั และฝึกให้มเี อกลกั ษณ์เฉพาะตน มีความเข้าใจ ผ้อู น่ื เมื่อถึงอายุ 7 ปี กจ็ ะเร่ิมเขา้ การศึกษาภาคบังคับ จะใชเ้ วลาท้ังหมด 9 ปี คอื ต้งั แต่ เกรด 1-9 (ป. 1-ม.3) โรงเรยี นสว่ นมากเปน็ โรงเรยี นรฐั บาลท่ีไม่เก็บคา่ ใช้จ่าย มรี ถรบั ส่งท่ีไม่เกบ็ ค่าใช้จ่าย เชน่ เดียวกนั มีนักเรยี น 20 คน/ห้อง เรยี น 4-11 วชิ า/สัปดาห์ เรียนวันละไมเ่ กิน 5 ช่ัวโมง วิชาที่ใช้ สอนเชา่ ภาษา Finland , ภาษาต่างประเทศ , คณิตศาสตร์ , พละศกึ ษา ศิลปะ หัตกรรมเปน็ ต้น หลงั จบการศกึ ษาภาคบงั คบั นักเรียนจะเรยี นต่อหรือไม่ก็ได้ สามารถเรียนต่อได้ 2 ทางคือ 1.โรงเรยี นมธั ยมปลาย คอื เรียนต่อม.4-ม.6 เหมาะสาหรบั นกั เรียนท่ีต้องเรยี นมหาวิทยาลยั ต่อในสาย วิชาการเชน่ แพทย์ ครศุ าสตร์ นติ ศิ าสตร์
467 2.โรงเรียนสายอาชีพเหมาะสาหรับนกั เรียนที่ต้องการฝึกทักษะวชิ าชพี (ฟินแลนด์ ทาไมจงึ มี ระบบ การศกึ ษาดที ี่สุดในโลก, 2555) ปจั จยั สาคัญทท่ี าใหก้ ารศกึ ษาของ Finland ประสบความสาเรจ็ อา้ งอิงจาก Sophia Faridi นกั การศึกษาจากสหรัฐอเมริกาไดท้ าการวิจัยในเร่อื งนี้ดังน้ี 1. การเรียนที่ Finland เน้นไปทก่ี ารเลน่ มากกว่า เพราะเด็กสามารถเรยี นรู้ไดด้ ีผ่านการเล่น และการ เลน่ สามารถทาใหเ้ ดก็ สามารถคน้ พบตนเอง 2. การสอบไม่ไดเ้ ป็นแบบเอาเป็นเอาตาย 3. ความเชอ่ื ใจเป็นส่ิงที่นักวิจยั ทา่ นน้เี ห็นว่าแตกต่างทีส่ ดุ จากประเทศอ่ืนๆ เพราะรัฐบาลของ Finland เชอ่ื มนั่ ในเขตการปกครองย่อยๆของตนเอง และหน่วยปกครองย่อยๆกเ็ ชอื่ ม่ันในโรงเรยี น รวมไปถึงครกู ไ็ วใ้ จนักเรียน ผปู้ กครองก็เชอ่ื มนั่ ในความสามารถของครูมากเทียบเทา่ กับอาชีพแพทย์ 4. แตล่ ะโรงเรียนไม่แข่งขนั กันเอง ไม่มีการจัดลาดับโรงเรียน 5. การคัดเลอื กครูเข้มงวดมาก เพราะครูต้องผา่ นการสัมภาษณ์ดา้ นศีลธรรมในดา้ นแรงบันดาลใจใน การเปน็ ครู และตอ้ งจบปริญญาโทเท่านนั้ 6. เวลาส่วนตวั ของเด็กนนั้ สาคญั มาก เพราะทุกๆ 45 นาที เด็กจะมสี ิทธิพกั สว่ นตัว 15 นาทตี าม กฎหมาย 7. เด็กไม่ต้องเข้าโรงเรยี นจนถึงอายุ 7 ขวบและระยะเวลาเรยี นระหวา่ งวนั ไมย่ าวนานเกินไปเชน่ ระดบั ประถมศึกษาเรยี น 4-5 ช่วั โมง/วนั 8. เนน้ ที่คณุ ภาพชวี ิต ระบบการศึกษา Finland เช่อื ว่าครูที่มคี วามสขุ คือครูท่ดี แี ละครทู ี่ทางานหนกั เกนิ ไปจะไมใ่ ชค่ รขู องพวกเขา ซ่งึ ครูควรสอนประมาณ 20 ช่ัวโมง / สัปดาห์ 9. เรียนสายไหนกไ็ ด้รับการยอมรบั หลังจากอาย1ุ 6ปี เดก็ สามารถเลือกเรยี นไดว้ ่าจะเรียนสายสามัญ หรืออาชพี ซ่งึ ทง้ั 2 สายนี้ เป็นท่ยี อมรบั สงู ในสงั คม Finland และสามารถเรียนต่อมหาวิทยาลยั ได้ 10. ระบบการศกึ ษามีมาตรฐานเดียวกนั 11. ไม่ใช้เกรดเฉลยี่ มาเปน็ ตัวแบง่ แยกความภาคภูมิใจให้แก่เดก็ เพราะเน้นการเรยี นรมู้ ากกวา่ 12. สอนจริยธรรมตงั้ แตย่ ังเล็ก แม้จะเป็นเดก็ เล็กกต็ ้องเรียนจากหอ้ งเรยี นสอนศาสนา
468 13. จัดส่งิ แวดลอ้ มที่สนับสนุนความร่วมมอื ซง่ึ กนั และกันระหว่างครูกับนักเรียน เปรยี บเทยี บระบบประเทศฟนิ แลนดแ์ ละประเทศไทย เรื่อง Finland Thailand งานบรหิ ารบคุ คลของ ครไู ดร้ ับเงินเดือนสูง องค์กร ครเู งินเดือนไม่สงู มาก เขตพ้ืนท่ี ท้องถ่นิ เปน็ ผ้จู ดั การเงนิ เดือน การศกึ ษาเป็นผูพ้ ิจารณาเงนิ เดอื น ข้าราชการครู สว่ นรัฐบาลสนบั สนุนบางส่วน รัฐบาลสนบั สนุนเงินเดอื นทงั้ หมด ความกา้ วหนา้ ทาง สานักงานสภาการศึกษา ทาผลงานเล่อื นวทิ ยฐานะของ วิชาชีพครู กระทรวงการศึกษาและ ตนเอง วัฒนธรรมจะกากบั มาตรฐาน คณุ ภาพการจัดการศึกษาของ โรงเรียนในระดับการศกึ ษาข้ัน พืน้ ฐานและจดั บริการฝึกอบรม พัฒนาตลอดชวี ิตการเปน็ ครู เรอื่ ง Finland Thailand การปฎิรูปการศึกษา ปฎิรูปหลักสตู รโดยเน้นให้ท้องถิ่น ปฎิรูปหลักสูตรโดยเน้นใหท้ กุ ภาค ไดม้ ีส่วนร่วมในการพฒั นา สว่ นเขา้ มามสี ว่ นร่วมในการพัฒนา หลกั สตู รให้สอดคล้องกับความ หลกั สูตร นโยบายอาทิเชน่ ตอ้ งการของผ้เู รยี น นโยบายอาทิ - สว่ นกลางสนบั สนุนและ เช่น กาหนดแนวทางการใช้ - โรงเรยี นเปน็ สว่ นหน่ึง งบประมาณเงินอดุ หนนุ ของการบรกิ าร รายหวั นกั เรยี น สาธารณะของชุมชน - หนว่ ยงานทัง้ สว่ นกลาง อยา่ งแท้จรงิ และภมู ภิ าคกากบั และ - ไมม่ ผี ้ตู รวจโรงเรียนแต่มี ตดิ ตามผลการดาเนินการ การสารวจเพือ่ ติดตาม ของโรงเรียน - มกี ารทดสอบระดบั ชาติ
469 ผลการเรียนรขู้ อง - การกาหนดเวลาเรียน นักเรียน กาหนดไว้ 200วนั /ปี - ไมม่ ีการสอบระดับชาติ - การกาหนดเวลาเรยี นน้ัน - หลกั สูตรแกนกลาง กาหนดไว้ไมต่ ่ากว่า 190 กาหนดไว้สาหรบั ให้ วัน/ปี โรงเรยี นสามารถปรับให้ - หลักสตู รแกนกลาง เหมาะสมกับบริบทได้แต่ กาหนดไวส้ าหรบั ให้ ในทางปฎบิ ตั สิ ถานศึกษา โรงเรียนสามารถปรับให้ ยงั ขาดความรู้ เหมาะสมกบั บริบทได้ ความสามารถในการ - ครสู ามารถเลือกวธิ สี อน ปรับเปลย่ี น และครูคุ้น วิธกี ารวดั และ ชนิ กบั หลกั สูตรทเ่ี น้น ประเมินผล สอ่ื และ เน้ือหาและตาราเรยี น หนังสือได้อย่างอิสระ ครู สอนนอ้ ยแตส่ อนเชิงลกึ - ครสู ามารถเลือกวธิ ีสอน การบา้ นนอ้ ย เน้นการมี และวัดการประเมินผล สว่ นร่วมและการปฎิบตั ิ ส่อื การเรียนรไู้ ด้อย่าง มากกวา่ อิสระ ครูสอนมากสอน - จานวนนักเรียนต่อห้อง ตามหนงั สอื เรียน เน้น น้อย ครูดูแลนกั เรียนได้ ท่องจา อย่างทั่วถึง ครูจะตาม สอนนกั เรียน 3-6 ปี - นักเรยี นเรยี นเนื้อหามาก อยา่ งต่อเนอ่ื ง ทาใหร้ ูจ้ กั การบา้ นมากเกนิ ไป การ ผเู้ รียนอย่างใกลช้ ดิ มสี ว่ นรว่ มและการปฎบิ ัติ ไมม่ ากนัก จานวน นักเรยี นตอ่ ห้องมาก สาธารณรัฐเอสโตเนยี เอสโตเนีย หรือชื่อทางการคือ สาธารณรฐั เอสโตเนีย (อังกฤษ: Republic of Estonia; เอสโตเนีย: Eesti Vabariik) เปน็ รัฐอธปิ ไตยในภูมิภาคบอลตกิ ในยุโรปเหนอื มีอาณาเขตทางทิศเหนือ ติดกบั อ่าวฟนิ แลนด์ ทิศตะวนั ตกติดกบั ทะเลบอลติก มพี รมแดนทางทิศใตต้ ิดกับประเทศลัตเวยี (ระยะทาง 343 กโิ ลเมตร) และทางทิศตะวันออกตดิ กับประเทศรสั เซยี (ระยะทาง 338.6 กิโลเมตร)
470 เอสโตเนียมีพืน้ ท่ี 45,227 ตารางกิโลเมตร (17,462 ตารางไมล)์ (อนั ดบั ที่ 131 ของโลก) ประเทศ เอสโตเนยี ปกครองดว้ ยระบอบสาธารณรัฐประชาธปิ ไตยแบบรฐั สภา มีประธานาธิบดีเปน็ ประมุขและ มีการแบง่ เขตการปกครองออกเปน็ เทศมณฑลจานวน 15 เทศมณฑล โดยมีเมืองหลวงชอ่ื วา่ ทาลลินน์ โดยเอสโตเนยี มจี านวนประชากรของประเทศทน่ี ้อยทสี่ ดุ ในประเทศสมาชกิ ของสหภาพยโุ รป (วกิ ิพีเดีย , 12 ตลุ าคม 2563) ขอ้ มูลจาก ภาคเี พื่อการศกึ ษาไทย (TEP - Thailand Education Partnership) (2563) กลา่ ว วา่ นอกจากปฏริ ปู การศึกษาตามลาดบั ชนั้ ท้งั การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ประถม มัธยม และอุดมศึกษาแล้ว เอสโตเนยี กาหนดยทุ ธศาสตรส์ าคัญ คือ ยุทธศาสตรก์ ารเรียนรตู้ ลอดชวี ิต 2020 (The Estonian Lifelong Learning Strategy 2020) ที่มจี ุดมุง่ หมาย 5 ประการ คือ • เปล่ยี นวธิ ีการเรียนรู้ • สร้างความสามารถและแรงจูงใจครแู ละผู้บรหิ ารโรงเรยี น • สรา้ งโอกาสการเรยี นรตู้ ลอดชีวิต สอดคลอ้ งกับความต้องการของตลาดแรงงาน • เนน้ เทคโนโลยีดิจิทัล เอ้อื ประโยชน์ต่อการเรียนรู้ตลอดชวี ติ • สรา้ งความเสมอภาค และการมีสว่ นรว่ มในการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ และสรา้ งท้ัง 5 จดุ มงุ่ หมายให้เกดิ ขนึ้ จริง ด้วยนโยบาย ดงั ต่อไปนี้ 1. เปลยี่ นวธิ กี ารเรยี นรู้ เอสโตเนยี มหี นว่ ยงานเฉพาะในดแู ลในการกาหนดหลักสตู รแหง่ ชาตทิ ี่ทนั สมยั โดยมีความ สอดคล้องกบั สภาพเศรษฐกจิ และสังคม ซ่งึ การกาหนดหลักสตู รน้นั เน้นการจดั พืน้ ที่ท่ปี ลอดภยั และ เออ้ื ต่อการเรยี นรใู้ หก้ บั เด็ก เพ่อื ให้เดก็ นัน้ ไดก้ ่อใหเ้ กิดความคดิ สร้างสรรคแ์ ละการคิดแบบมีตรรกะ สว่ นการประเมนิ ผลนน้ั จะเป็นการเน้นเปรยี บเทียบพฒั นาการของผ้เู รยี น นักเรียนจะมีส่วน รว่ มในการประเมนิ ตนเอง เพือ่ ใหน้ ักเรยี นนนั้ สามารถวิเคราะหก์ ารเรยี นรู้และพฤติกรรมของตนเอง เพอื่ เพ่ิมแรงจงู ใจในการเรยี นรู้ตอ่ ไป นอกจากน้ีท่ีเอสโตเนยี กย็ งั ใหค้ วามสาคัญกบั การเรียนรู้ ภาษาองั กฤษ และภาษาท่ี 3 มาก โดยเด็กทุกคนต้องได้เรียนอย่างน้อย 3 ภาษา เพราะถือว่าภาษาคือ ประตสู ูก่ ารเรียนรูใ้ นโลกใบนี้ 2. สรา้ งความสามารถและแรงจูงใจครแู ละผบู้ รหิ ารโรงเรยี น
471 ที่เอสโตเนียได้มีการก่อตั้ง “ศูนย์สมรรถนะ” ในมหาวทิ ยาลยั ซึ่งมีโครงการตา่ ง ๆ เกิดขึน้ มากมาย เพ่ือทจี่ ะสามารถพัฒนาวิชาชพี ครู อีกทั้งผู้นาโรงเรียนก็ยงั ให้อสิ ระอย่างเต็มที่กับครู โดย หลักสูตรแกนกลางจะกาหนดเพยี งแค่เปา้ หมาย และระยะเวลาเทา่ น้นั ซึง่ ส่วนวธิ ีการท่ีจะทาให้ไปถงึ เป้าหมายได้อย่างไร ครูมีอสิ ระในการที่จะออกแบบการสอนของตนเอง ครูสามารถออกแบบช้ันเรียน ด้วยตวั เอง โดยการเรียนการสอนยืดหยนุ่ และปรบั เปล่ียนได้ ขึน้ อยูก่ บั ผ้เู รยี นเป็นเหลัก ความสาคัญอยู่ ทผี่ ้เู รยี น เพราะนักเรียนแตล่ ะคนนน้ั แตกตา่ งกนั อีกท้งั ยงั ใหค้ ่าตอบแทนท่ีดี มีการปรับฐานเงนิ เดอื น ครใู ห้สงู ขน้ึ ด้วย 3. สรา้ งโอกาสการเรยี นร้ตู ลอดชวี ติ สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของตลาดแรงงาน การศกึ ษาของเอสโตเนียน้ันมีทง้ั สายสามัญ และสายอาชีพหรอื อาชีวศิ กึ ษา เอสโตเนียไม่ได้ให้ ความสาคญั แค่กบั สายสามัญ แตท่ ่เี อสโตเนียนั้นยังให้ความสาคัญกบั โรงเรียนสายอาชพี หรือ อาชีวศึกษามาก ซึ่งในประเทศเอสโตเนยี น้ันทุกเขตจะต้องมีโรงเรียนสายอาชีพให้ทกุ คนเข้าถงึ และเดิน ตามฝันได้ ไมว่ ่าจะอยู่สว่ นไหนของประเทศ โดยทางเอสโตเนียมกี องทุนสนบั สนุนจากภาครฐั ทมี่ อบให้ ทางการศกึ ษาระยะยาวในหลากหลายสาขาวิชาชีพ ท้งั การศึกษาในและนอกระบบ ทาใหต้ ัวเลขคน เรยี นตอ่ ในเอสโตเนียสงู กวา่ ค่าเฉลยี่ ในยโุ รป 4. เนน้ เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั เอ้ือประโยชนต์ อ่ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ เอสโตเนยี ใหค้ วามสาคัญกบั การนาเทคโนโลยมี าใชใ้ นการศึกษา ไมว่ ่าจะเปน็ ระบบออนไลน์ E-Learning ทส่ี ามารถเขา้ ถงึ 100% ทวั่ ประเทศ โดยยงั สนับสนนุ ใหเ้ ดก็ ใชโ้ ทรศัพท์มือถือในห้องเรียน ได้เพราะ เปรยี บเสมือนกบั โทรศัพท์มือถอื นัน้ เป็นคอมพวิ เตอรส์ ว่ นตัว เปน็ เครื่องมือในการเรยี นรู้ โดยเอสโตเนยี มีการพัฒนาระบบการประเมนิ ผลแบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์ท่ีมคี วามสอดคล้องกับ ยทุ ธศาสตร์ชาตทิ ี่มุ่งเนน้ การพัฒนาเศรษฐกจิ ด้วยเทคโนโลยี และพบวา่ ประชากรกว่า 30% หรอื ราว 400,000 คน ทางานทเ่ี ก่ยี วข้องในสายของอินเทอรเ์ น็ตและเทคโนโลยี 5. สรา้ งความเสมอภาคและการมสี ว่ นรว่ มในการเรียนรตู้ ลอดชวี ติ ในประเทศเอสโตเนียนน้ั ทุกคนไดเ้ รยี นฟรี ค่าใช้จ่ายอาหารกลางวนั สาหรับนกั เรียนก็ฟรี และ ยังมที ุนการศึกษาเพ่ิมเตมิ สาหรบั โรงเรยี นในชนบท และนักเรยี นท่ขี าดแคลน จึ่งทาใหม้ น่ั ใจได้วา่ เด็ก ๆ จะสามารถทุ่มเทให้กบั การเรียนได้อยา่ งเตม็ ที่ โดยไม่ตอ้ งกังวลเรือ่ งค่าใชจ้ ่าย หรอื พน้ื ฐานทาง เศรษฐกิจของครอบครวั นอกจากน้ยี ังมีทนุ การศึกษาทั้งสาหรบั นกั เรยี นในประเทศ และเดก็ นานาชาตเิ พือ่ ส่งเสรมิ ใหเ้ กดิ การ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ระหว่างประเทศ โดยทุนการศึกษาท่ีทางเอสโตเนียมีให้น้ันกม็ ีให้เลือกหลากหลาย
472 สาขาไม่ใชเ่ ฉพาะวิชาการเท่านน้ั แต่ยงั รวมถึง ดนตรี กีฬา ทาใหโ้ ลกของการศกึ ษาเปดิ กว้างพรอ้ มเนน้ การสง่ เสรมิ คณุ ธรรม และจริยธรรมในการเรยี นรูต้ ลอดชีวิตดว้ ย โดยการเปล่ียนแปลงนไ้ี ม่ใช่เพียงแค่ดา้ นการศึกษาของเอสโตเนยี เท่านั้นทม่ี ีการพัฒนาขึน้ อยา่ งรวดเรว็ จนสามารถกา้ วข้ึนมาเปน็ ผนู้ าของโลก แตย่ งั สง่ ผลต่อการพฒั นาพื้นฐานทางเศรษฐกจิ และสงั คมทเี่ ติบโตอย่างกา้ วกระโดดและไม่หยดุ น่งิ เพราะรากฐานสาคญั เร่มิ ต้นที่ “การศึกษา” ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกจิ พอเพียง เปน็ ปรชั ญาช้ถี ึงแนวการดารงอยู่และปฏบิ ตั ิตนของประชาชนในทุกระดบั ต้งั แต่ ระดบั ครอบครวั ระดับชุมชน จนถงึ ระดับรฐั ทงั้ ในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดาเนินไปในทาง สายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกจิ เพอื่ ให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภวิ ัตน์ ความพอเพียง หมายถงึ ความพอประมาณ ความมเี หตุผล รวมถึงความจาเปน็ ที่จะต้องมีระบบภมู คิ ุ้มกันในตัวท่ีดี พอสมควร ตอ่ การกระทบใดๆ อนั เกิดจากการเปลยี่ นแปลงทั้งภายในภายนอก ทั้งนี้ จะต้องอาศัย ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอยา่ งย่ิงในการนาวชิ าการต่างๆ มาใชใ้ นการวางแผน และการดาเนนิ การ ทุกขัน้ ตอน และขณะเดยี วกนั จะต้องเสริมสรา้ งพ้นื ฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนกั ธรุ กจิ ในทุกระดบั ใหม้ ีสานึกในคุณธรรม ความซื่อสตั ย์ สุจริต และใหม้ ีความรอบรทู้ เี่ หมาะสม ดาเนินชีวติ ด้วยความอดทน ความเพยี ร มีสติ ปัญญา และ ความรอบคอบ เพือ่ ใหส้ มดลุ และพร้อมต่อการรองรบั การเปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้ง ดา้ นวัตถุ สงั คม สงิ่ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี ความหมายของเศรษฐกจิ พอเพียง จงึ ประกอบดว้ ยคณุ สมบตั ิ ดังนี้ ๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดที ี่ไม่น้อยเกนิ ไปและไม่มากเกนิ ไป โดยไม่เบยี ดเบยี นตนเอง และผู้อืน่ เช่น การผลติ และการบริโภคทีอ่ ยใู่ นระดบั พอประมาณ ๒. ความมเี หตผุ ล หมายถงึ การตดั สนิ ใจเก่ียวกบั ระดับความพอเพยี งน้นั จะต้องเปน็ ไปอยา่ งมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจยั ท่เี กีย่ วขอ้ ง ตลอดจนคานึงถึงผลท่คี าดวา่ จะเกดิ ขึ้นจากการกระทานั้นๆ อยา่ งรอบคอบ ๓. ภมู คิ ุ้มกนั หมายถงึ การเตรียมตัวให้พรอ้ มรับผลกระทบและการเปลยี่ นแปลงด้านต่างๆ ทจี่ ะ เกิดขึ้น โดยคานึงถงึ ความเปน็ ไปได้ของสถานการณ์ตา่ งๆ ที่คาดวา่ จะเกิดขึ้นในอนาคต
473 โดยมี เงอ่ื นไข ของการตัดสินใจและดาเนินกิจกรรมต่างๆ ใหอ้ ยู่ในระดับพอเพยี ง ๒ ประการ ดังนี้ ๑. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรเู้ กี่ยวกบั วิชาการตา่ งๆ ทีเ่ กีย่ วข้องรอบดา้ น ความ รอบคอบท่จี ะนาความรู้เหล่าน้นั มาพิจารณาให้เชอื่ มโยงกนั เพือ่ ประกอบการวางแผนและความ ระมดั ระวังในการปฏบิ ัติ ๒. เง่ือนไขคณุ ธรรม ท่ีจะต้องเสรมิ สรา้ ง ประกอบดว้ ย มีความตระหนักใน คณุ ธรรม มีความซื่อสตั ย์ สจุ รติ และมคี วามอดทน มคี วามเพียร ใช้สตปิ ญั ญาในการดาเนินชวี ิต ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งสกู่ ารศกึ ษา รฐั บาลไดน้ อ้ มนาหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาดาเนินการให้เปน็ รูปธรรมโดยบญั ญัตไิ วใ้ น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตราที่ 83 ได้บัญญตั ไิ ว้ว่า “รัฐต้องส่งเสรมิ และสนบั สนุนใหม้ กี ารดาเนนิ การตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” และมาตรา 84(2) รฐั ต้อง สนบั สนนุ ใหม้ ีการใช้หลักคุณธรรม จรยิ ธรรมและหลกั ธรรมาภบิ าลควบคกู่ บั การประกอบกิจการ” ในขณะท่กี ระทรวงศึกษาธิการได้มุ่งเน้นในการจัดทานโยบายการจดั การศึกษาใหเ้ ข้ากับนโยบายของ รฐั บาล ซง่ึ หลักเศรษฐกิจพอเพยี งเปน็ เร่ืองหน่งึ ทีเ่ ป็นนโยบายในการจัดการศกึ ษา ดงั นัน้ นอกเหนือจาก การเดนิ หน้าในการปฏิรูปการศกึ ษาตามแนวพระราชบัญญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไข ปรับปรงุ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2545 ของกระทรวงศึกษาธิการแลว้ กระทรวงศึกษาธกิ ารกาลงั จัดทา หลักสตู รเกยี่ วกับเศรษฐกิจพอเพยี ง เพื่อนาไปสอนนักเรยี นในทุกระดับการศกึ ษา (เจริญ ภูวิจติ ร์, 2550) นโยบายรฐั บาลเน้นคุณธรรมนาความรู้และกระทรวงศึกษาธกิ ารไดป้ ระกาศนโยบายเร่งรัด การ ปฏิรูปการศกึ ษา โดยยึดคณุ ธรรมนาความร้สู ร้างความตระหนกั สานึกในคุณคา่ ของปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง ความสมานฉันท์ สันติวิธี วิถีประชาธิปไตย พฒั นาคนโดยใช้คุณธรรมเปน็ พน้ื ฐานของ กระบวนการเรียนรู้ทีเ่ ชอ่ื มโยงความร่วมมอื ของสถาบนั ครอบครัว ชมุ ชน สถาบนั ศาสนา และ สถาบนั การศึกษาเพื่อพัฒนาเยาวชนให้เปน็ คนดี มีความรู้ และอยูด่ ีมีสขุ จากการศึกษาพระราชดารัส เศรษฐกจิ พอเพยี ง หลักการ แนวคดิ ของหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง หากนาไปสู่การปฏิบตั ิจะกอ่ เกดิ ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล และการสร้างภูมิคมุ้ กนั ทด่ี ีแกต่ นเอง ชุมชน สงั คม และ ประเทศชาติ (สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน, 2551) สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐานไดน้ านโยบายของกระทรวงศึกษาธิการมากาหนดเปน็ กลยุทธ์ “คุณธรรมนาความรู้ และนอ้ มนาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏบิ ตั ิ” เพ่ือให้ผบู้ รหิ าร ครู บคุ ลากรทางการศกึ ษาและนักเรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจและปฏิบตั ติ นตามหลักคณุ ธรรมและหลัก
474 ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลกั ธรรมาภบิ าล ความสมานฉนั ท์ คณุ ธรรมตามหลักสตู รและ คณุ ธรรมท่คี ัดสรรโดยคณะกรรมการสถานศกึ ษาและนักเรยี น (สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน, 2550) หลกั การจดั การศกึ ษาตามพระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และ ที่แก้ไขเพิม่ เติม พ.ศ. 2545 ตามมาตรา 6 กาหนดว่าการจัดการศึกษาต้องเปน็ ไปเพื่อพฒั นาคนไทยให้ เปน็ มนษุ ยท์ ่สี มบรู ณ์ทัง้ ด้านร่างกาย จติ ใจ สติปญั ญา ความรู้ และคุณธรรมมจี รยิ ธรรมและวัฒนธรรม ในการดาเนินชวี ิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อนื่ ไดอ้ ย่างมคี วามสุข และกาหนดแนวทางการจัดการศกึ ษาว่า การจดั กระบวนการเรยี นรใู้ นสถานศึกษาและหนว่ ยงานทเ่ี กี่ยวข้อง จดั การเรยี นการสอน โดย ผสมผสานความรดู้ ้านตา่ งๆ อย่างได้สัดส่วนสมดลุ กัน รวมท้ังปลกู ฝังคณุ ธรรมคา่ นิยมท่ีดงี ามและ คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา มาตรา 23 ได้กลา่ วถึงแนว การจัดการศึกษาไว้วา่ การจดั การศึกษาทัง้ การศึกษาในระบบ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศยั ต้องเน้นความสาคัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้และบรู ณาการตาม ความ เหมาะสมของแต่ละระดบั การศึกษา (สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาติ, 2545) การจัดการ ศกึ ษาท่ีสอดคล้องกบั แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ระยะท่ี 11 (พ.ศ. 2555-2559) ได้ อญั เชิญแนวคิดปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงตามพระราชดารัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว เป็นปรัชญานาทางในการบริหารประเทศ โดยยดึ หลกั ทางสายกลางมุง่ การพฒั นาที่มดี ุลยภาพระหวา่ ง มติ ิทางเศรษฐกจิ สังคม และสงิ่ แวดล้อมอย่างเก้ือกลู กนั สกู่ ารพัฒนาอย่างมคี ณุ ภาพ มน่ั คงและย่งั ยนื นอกจากนี้ยังมีการปฏวิ ตั ิกระบวนการเรียนรู้และการปฏริ ูปการศึกษาดังเจตนารมณ์แหง่ พระราชบัญญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 แผนการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2560 – 2574 ได้อัญเชิญแนวหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเปน็ ปรชั ญาพน้ื ฐานของแผน เพื่อใชช้ นี้ าในการกาหนดมาตรการต่างๆ และในการดาเนนิ การทุกขน้ั ตอน แผนการศกึ ษาแห่งชาติเป็นแผนบูรณาการเชอื่ มโยงการพัฒนาการศึกษา ศาสนา ศลิ ปะ และ วัฒนธรรม เกิดความสัมพันธ์เป็นกระบวนการเดียวกนั คานึงถงึ การพฒั นาอยา่ งต่อเนือ่ งตลอดชีวิต โดยครอบครัวเป็นสถาบันหลักที่สาคัญท่ีสุด และให้มกี ารผสมผสานวิทยาการใหม่เข้ากบั ภมู ิปญั ญา ทอ้ งถ่นิ ไทยทม่ี ีอยูเ่ ดิม การศกึ ษาอยา่ งบูรณาการจะพฒั นาผู้เรยี นทงั้ ในทางสมรรถนะการแขง่ ขนั กา้ ว ทนั โลกพรอ้ มๆ กับความสามารถสร้างสรรค์คุณภาพชวี ิตด้วยจิตใจที่ยดึ ม่ันในสันติภาพ ในกรอบ แห่งศาสนธรรมเป็นความกลมกลนื ของความตืน่ ตัวเต็มอย่างมคี วามสมดลุ อันเปน็ คุณลักษณะที่เป็น เลศิ โดยแทจ้ รงิ สาหรับคนรนุ่ ใหมใ่ นศตวรรษท่ีโลกกาลังเปล่ียนผ่านเขา้ สู่อดุ มคตขิ องความยง่ั ยืน แผนการศึกษาแห่งชาติฉบับนี้เป็นแผนยุทธศาสตรใ์ นการปฏิรูปการศกึ ษาทน่ี าปรัชญาเศรษฐกิจ
475 พอเพียงมาเปน็ ปรชั ญาพ้นื ฐานในการกาหนดแผน มกี ารเช่ือมโยงเป็นองค์รวม มีการพึ่งพาอาศัย ส่งเสรมิ สนบั สนนุ ซึง่ กันและกันอย่างพอเหมาะ พอดี และมีดุลยภาพ ท้งั ดา้ นเศรษฐกิจ สังคม และ สง่ิ แวดลอ้ ม (สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, 2545) กระทรวงศึกษาธกิ ารได้ประกาศ จดั ตัง้ สานกั งานการศึกษาเอกชนจังหวัด และสานักงานการศึกษาเอกชนอาเภอในเขตพฒั นาพเิ ศษ เฉพาะกจิ จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ โดยใหจ้ ดั ตั้งสานกั งานการศึกษาเอกชนจงั หวัดขนึ้ ในจังหวัดปตั ตานี จงั หวดั ยะลา จงั หวัดนราธวิ าส จังหวดั สงขลา และจังหวัดสตลู และใหจ้ ัดตงั้ สานกั งานการศกึ ษา เอกชนอาเภอขึ้นในทกุ อาเภอของจงั หวดั ปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และจงั หวัดสงขลา เฉพาะอาเภอจะนะ อาเภอนาทวี อาเภอเทพา และอาเภอสะบา้ ย้อย ตามมติคณะรฐั มนตรี เม่อื วนั ที่ 19 พฤศจิกายน 2551 ประกอบ มตคิ ณะรัฐมนตรี เมอ่ื วนั ที่ 21 เมษายน 2552 โดยใหส้ านกั งาน การศึกษาเอกชนจงั หวัดเป็นหน่วยงานภายในสานกั งานคณะกรรมการสง่ เสริมการศึกษาเอกชน และ ให้สานกั งานการศึกษาเอกชนอาเภอเปน็ หน่วยงานภายในสานักงานการศกึ ษาเอกชนจังหวดั ใหส้ า นักงานการศึกษาเอกชนจงั หวัดและสานกั งานการศึกษาเอกชนอาเภอ เป็นหน่วยงานทางการศกึ ษา ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติระเบยี บขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 โดย ใหด้ ูแลรับผิดชอบ ประสาน ส่งเสรมิ สถานศึกษาเอกชน รวมทงั้ สง่ เสรมิ สนบั สนุนสถาบนั ศึกษาปอเนาะ ศูนยก์ ารศึกษาอสิ ลามประจา มัสยดิ (ตาดีกา) และปฏิบัติงานรว่ มกบั หรือสนับสนุนหนว่ ยงานอื่นท่ีเก่ยี วข้อง หรือปฏิบตั ิงานอน่ื ตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย นอกจากน้ีได้มกี ารจัดตั้งสานักงานคณะกรรมการส่งเสรมิ การศึกษาเอกชน ได้ กาหนดอานาจหนา้ ทีต่ ามพระราชบญั ญตั ิระเบยี บบรหิ ารราชการกระทรวงศึกษาธกิ าร พ.ศ. 2546 กฎกระทรวงแบ่งสว่ นราชการสานักงานปลดั กระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2548 และ พระราชบญั ญตั โิ รงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 ไวด้ งั นี้ 1) เป็นหน่วยงานในการส่งเสรมิ และประสานงาน การศกึ ษาเอกชนและดาเนนิ การให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายเก่ยี วกับการศึกษาเอกชน 2) เสนอ นโยบายยุทธศาสตร์ แผนพฒั นาการศึกษาเอกชน กาหนดกฎ ระเบียบ และเกณฑม์ าตรฐานกลางใน การจัดการศกึ ษาเอกชน รวมทง้ั ส่งเสรมิ สนบั สนนุ ด้านวิชาการ การประกันคุณภาพ การวิจัยและ พฒั นาเพ่ือปรับปรงุ คณุ ภาพการศกึ ษาเอกชน 3) ดาเนินการเกี่ยวกับกองทนุ ทางการศกึ ษาเอกชน การ อุดหนุนการศึกษาเอกชนการคมุ้ ครองการทางาน สทิ ธิประโยชน์ของครู บุคลากรทางการศกึ ษา และ ผเู้ กย่ี วขอ้ งกบั การจัดการศึกษาเอกชน 4) เป็นศนู ย์สง่ เสริมสนบั สนุนขอ้ มูลและทะเบยี นกลางทาง การศึกษาเอกชน ตลอดจนติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการศึกษาเอกชน 5) ปฏบิ ตั งิ าน รว่ มกบั หรอื สนบั สนนุ การปฏิบัตงิ านของหนว่ ยงานอนื่ ท่เี ก่ียวขอ้ งหรือทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
476 การศกึ ษายคุ Covid-19 ความรเู้ กยี่ วกบั โรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (Coroavirus Disease 2019 : COVID-19) เป็นตระกูลของ ไวรัสท่ีก่อให้เกิดอาการป่วยตั้งแต่โรคไข้หวัดธรรมดา ไปจนถึงโรคท่ีมีความรุนแรงมาก เช่น โรคระบบ ทางเดินหายใจในตะวันออกกลาง (MERS - CoV) โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง(SARS - CoV) เป็นต้น ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ท่ีไม่เคยพบมาก่อนในมนุษย์ ก่อให้เกิดอาการป่วยระบบทางเดิน หายใจในคน และสามารถแพร่เช้ือจากคนสู่คนได้ โดยเช้ือไวรัสน้ีพบการระบาดคร้ังแรกในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงปลายปี 2019 หลังจากนั้นได้มีการระบาดไปท่ัวโลก องคก์ ารอนามัยโลกจงึ ตัง้ ชอ่ื การตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนาสายพันธุ์ใหมน่ ้ีว่า โรค COVID-19 อาการท่ัวไป ได้แก่ อาการระบบทางเดินหายใจ มีไข้ ไอ มีน้ามูก เจ็บคอ หายใจลาบาก เหน่ือยหอบ ไม่ได้กล่ิน ไม่รู้รส ในกรณีท่ีอาการรุนแรงมาก อาจทาให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอด บวม ปอดอักเสบ ไตวาย หรืออาจเสียชีวิตโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แพร่กระจาย เช้อื ได้อย่างไรโรคชนดิ นี้มีความเป็นไปได้ท่ีมีสัตวเ์ ป็นแหลง่ รงั โรค ส่วนใหญแ่ พร่กระจายผ่านการสัมผัส กับผู้ติดเช้ือผ่านทางละอองเสมหะจากการไอ น้ามูก น้าลาย ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนการ แพร่กระจายเชื้อผ่านทางพ้ืนผิวสัมผัสที่มีไวรัส แล้วมาสัมผัสปาก จมูก และตาสามารถแพร่เช้ือผ่าน ทางเชอื้ ทถ่ี ูกขับถ่ายออกมากับอจุ จาระเข้าสอู่ กี คนหนงึ่ โดยผ่านเข้าทางปากได้ดว้ ย โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ยังไม่มียาสาหรับป้องกันหรือรักษาโรคโควิด 19 ผ้ทู ตี่ ิดเชอ้ื อาจต้องได้รับการรักษาแบบประคบั ประคองตามอาการ โดยอาการทแี่ สดงแตกตา่ งกัน บาง คนรนุ แรงไม่มาก ลักษณะเหมือนไข้หวดั ทัว่ ไป บางคนรนุ แรงมาก ทาให้เกดิ ปอดอักเสบได้ ตอ้ งสังเกต อาการอยา่ งใกล้ชิด ร่วมกับการรกั ษาด้วยการประคับประคองอาการจนกวา่ จะพ้นอาการช่วงนนั้ และ ยังไม่มยี าตัวใดท่มี ีหลกั ฐานชดั เจนว่า รกั ษาโรคโควดิ 19 ได้โดยตรง สถานศึกษากบั สถานการณ์โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สถานศึกษาเป็นสถานที่ที่มีนักเรียนอยู่รวมกันจานวนมาก มักจะมีความเสี่ยงสูงหากมีระบบ การจัดการที่ไม่ดี อาจจะมีการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ได้ในกลุ่มเด็กเนื่องจากพบว่าการติด
477 เชื้อ COVID-19 ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีอาการหรือมีอาการแสดงค่อนข้างน้อย ความรุนแรงจะน้อยมาก แตเ่ ดก็ นกั เรยี นจะเอาเช้ือกลับบ้าน อาจทาให้การแพรร่ ะบาดเกิดข้ึนได้อยา่ งรวดเร็ว (Super spread) ไปยังบุคคลในบ้าน หากมีการระบาดในกลุ่มเด็กข้ึน จะมีผลกระทบในสังคมหรือผู้ใกล้ชดิ เช่น ครู พ่อ แม่ ผสู้ ูงอายุทตี่ ดิ เชื้อจากเด็ก ดังนัน้ หากมกี ารเปิดเรยี น มโี อกาสสูงท่ีจะเกดิ การติดเช้อื ในกล่มุ เด็กเพิ่ม มากขึ้น ซง่ึ เด็กเป็นกลมุ่ ทีต่ อ้ งได้รับการดูแลและระมดั ระวงั ในการกระจายเช้ือเปน็ อยา่ งมาก มาตรการ ในการเปิดเทอม จึงมีความสาคัญมากในการควบคุมการระบาดการวางแผนเปิดเทอมจึงต้องมั่นใจว่า สามารถควบคุมไม่ให้เกิดการระบาดของโรคในเด็กนกั เรยี นได้ รปู แบบการจดั การเรียนการสอนในสถานการณ์โรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) กระทรวงศึกษาธิการ ได้กาหนดรูปแบบการจัดการเรียนการสอนสาหรับโรงเรียน ใน สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ใน 5 รูปแบบ ซึ่ง โรงเรียนสามารถเลือกรูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยพิจารณาตามความเหมาะสมและบริบท ของโรงเรยี น ดงั นี้ 1. การเรียนในช้นั เรยี น (On-Site) การเรียนการสอนท่ีเน้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในโรงเรียนหรือในชั้นเรียนเป็นหลัก โดย ครูผู้สอนสามารถนารูปแบบการเรียนการสอนอ่ืน ๆ มาบูรณาการใช้กับการเรียนในช้ันเรียนได้ เช่น การเรยี นผา่ นโทรทัศน์ (On-Air) หรอื การเรยี นผา่ นอินเทอร์เน็ต (Online) เป็นตน้ 2. การเรียนผา่ นโทรทศั น์ (On-Air) การเรียนการสอนทางไกลผ่านโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล และระบบดาวเทียมเพื่อให้นักเรียน เข้าถึงการเรียนรู้ในทุกครัวเรือน ท้ังนี้ มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้อนุเคราะห์ในการส่งสัญญาณออกอากาศ15 ช่องสัญญาณ (อนุบาล 1 –ม.6) พร้อมท้ังอนุเคราะห์ เน้อื หาสาระการเรยี นรู้ในระดบั ชน้ั อนุบาลปที ี่ 1 ถงึ ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 สว่ นเนื้อหาสาระการเรียนรู้ในระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ถึงระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน เปน็ ผูจ้ ัดทาสื่อวิดิทัศน์ การเรียนการสอน 3. การเรียนการสอนแบบออนไลน์ (Online) การเรียนการสอนแบบออนไลน์ เป็นการศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยนักเรียน สามารถเลือกเรียนตามความสนใจ หรือครูอาจกาหนดเน้ือหาการเรียนรู้เพ่ือให้นักเรียนเข้าถึงเนื้อหา ด้วยตนเองได้ทุกท่ีทุกเวลา เนื้อหาอาจประกอบด้วย ข้อความ ,รูปภาพ , เสียง , วิดีโอ และสื่อ
478 มลั ติมีเดียอน่ื ๆ ซง่ึ นักเรยี น ครู และเพอ่ื นร่วมชนั้ เรียนสามารถติดต่อ ส่ือสาร ปรึกษา หรือแลกเปลยี่ น ความคิดเห็นแบบเดียวกับการเรียนในช้ันเรียนท่ัวไป โดยใช้ช่องทางการสื่อสารผ่าน E-mail, Chat, Social Network เปน็ ต้น 4. การเรียนผน่ แอปพลเิ คชัน (On Demand) เป็นการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่ครูกับนักเรียนใช้ร่วมกันได้ นักเรียนเรียนรู้กับ ครผู ูส้ อนประจาวิชาโดยการใช้งานผ่านแอปพลเิ คช่ันต่างๆ ทคี่ รกู ับนกั เรียนใชร้ ว่ มกนั เช่น Facebook ,Zoom ,Google Meet ,Quizizz ฯลฯ โดยมีการใชห้ นังสอื เรยี นประกอบกบั การทาแบบฝกึ หัดอย่ทู ่ีบ้าน 5. การเรียนแบบจัดใบงานใหก้ บั นกั เรยี น (On Hand) จดั ใบงานให้กบั นักเรียน เปน็ ลกั ษณะแบบเรียนสาเรจ็ รูป ให้นกั เรยี นรบั ไปเปน็ ชดุ ไปเรยี นด้วย ตวั เองทีบ่ า้ น โดยมีครูออกไปเยีย่ มเป็นคร้งั คราว หรือให้ผ้ปู กครองทาหนา้ ทเ่ี ป็นครูคอยชว่ ยเหลือ การประเมนิ ความพรอ้ มของสถานศึกษา ในการเปดิ ภาคเรยี น การประเมินความพรอ้ มของสถานศึกษา ในการเปิดภาคเรยี น 1. สถานศึกษาประเมินตนเองโดยผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาข้ัน พื้นฐาน ตามแบบประเมินตนเองสาหรับสถานศึกษาในการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน เพื่อ เฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19ท่ีปรากฏใน คู่มือการปฏิบัติสาหรับสถานศึกษา ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19” ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งผลการ ประเมนิ สามารถแบ่งออกไดเ้ ปน็ 3 ระดับ ไดแ้ ก่ “สีเขียว” หมายถงึ โรงเรียนสามารถเปดิ เรียนได้ “สีเหลืง” หมายถึง โรงเรียนสามารถเปิดเรียนได้ แต่ต้องดาเนินการปรับปรุงให้เป็นไปตาม มาตรฐานทกี่ าหนด “สีแดง” หมายถึง โรงเรียนไม่สามารถเปิดเรียนได้ ต้องดาเนินการปรับปรุงให้เป็นไปตาม มาตรฐานท่กี าหนด และ/หรอื ประเมินตนเองซา้ 2. ในกรณีที่สถานศึกษาทาการประเมินตนเอง และได้ผลการประเมินระดับสีเหลืองข้ึนไปให้ สถานศกึ ษารายงานผลการประเมนิ ตนเอง พร้อมท้งั นาเสนอ รูปแบบการจดั การเรยี นการสอน (ตามท่ี สถานศึกษาประเมินตนเองใน ข้อที่ 9) ต่อคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลและนิเทศ การศึกษา (ก.ต.ป.น.) เพ่ือทราบ พร้อมท้ังให้ข้อเสนอแนะ และเสนอต่อคณะกรรมการศึกษาธิการ จังหวดั พจิ ารณา
479 3. คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ และเสนอต่อศูนย์ ปฏิบัตกิ ารควบคุมโรคจังหวดั (ศปก.จ.) พิจารณา 4. ศูนย์ปฏิบตั ิการควบคุมโรคจงั หวดั (ศปก.จ.) พิจารณาให้ความเหน็ ชอบ 5. สานักงานศึกษาธิการจังหวัด แจ้งผลการพิจารณาของ ศปก.จ. ให้สานักงานเขตพื้นที่ การศึกษา เพอื่ แจง้ ตอ่ สถานศกึ ษาทราบ การจักการเรียนการสอนแบบปกติ 1. การเรียนในช้นั เรยี น (On-Site) สาหรับสถานศึกษาท่ีมีผลการประเมินตนเอง ตามแบบประเมินตนเองสาหรับสถานศึกษาใน การเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน เพ่ือเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในระดับ “สีเขียว” หรอื “สีเหลือง” สามารถจัดการเรยี นการสอนแบบปกติในชั้น เรียนได้ ท้ังน้ีจะต้องปฏิบัติตามมาตรการ 6 ข้อปฏิบัติในสถานศึกษา ได้แก่ 1) วัดไข้ 2) ใส่ หน้ากาก 3) ล้างมือ 4) เว้นระยะห่าง 5) ทาความสะอาด 6) ลดแออัด รวมถึง สถานศึกษา จะต้องนาเสนอ รูปแบบการจัดการเรียนการสอน(ตามท่ีสถานศึกษาประเมินตนเองใน ข้อท่ี 9) และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) และศูนยป์ ฏิบัติการ ควบคมุ โรคจงั หวัด (ศปก.จ.) ใหโ้ รงเรียน สามารถเปิดเรียนได้ท้ังโรงเรียน 2. การจัดการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน (Blended Learning) การจัดการเรียนการสอนแบบผสมสาน คือ การจัดการเรียนรู้ ท่ีใช้รูปแบบการเรียนรู้ หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน ผสมผสานกับการเรียนรู้นอก ห้องเรยี นท่คี รแู ละนักเรียนไม่ได้เผชญิ หน้ากัน หรือการใช้แหลง่ เรียนรู้ทม่ี ีอยู่อยา่ งหลากหลาย ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ท่ีการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นสาคัญโดยโรงเรียนสามารถเลือกรูปแบบการ จัดการเรียนการสอนไดต้ ามตัวอยา่ ง ดังนี้ การสลบั ชนั้ มาเรียนของนักเรยี น แบบสลบั วันเรียน การสลับชัน้ มาเรยี นของนกั เรยี น แบบสลบั วันคู่ วนั ค่ี การสลับชั้นมาเรยี นของนกั เรียน แบบสลับวนั มาเรยี น 5 วนั หยุด 9 วัน การสลบั ช่วงเวลามาเรยี นของนกั เรยี น แบบเรียนทุกวัน
480 การสลบั กลมุ่ นกั เรียน แบบแบ่งนกั เรียนในห้องเรยี นเปน็ 2 กลุ่ม รูปแบบหรอื วธิ อี ืน่ ๆ ในสถานการณโ์ ควดิ -19 ระบาด เราควรเปลยี่ นใหท้ ุกๆท่กี ลายเปน็ โรงเรยี น เพราะการเรียนรู้ยังต้องดาเนินอยู่แม้นักเรียนไม่สามารถไปโรงเรียนตามปกติ ในหลาย ประเทศที่ประกาศมาตรการปดิ โรงเรยี น รัฐบาลมักจะออกมาตรการดา้ นการเรยี นรู้มารองรับ ดว้ ยการ เรียนทางไกลรูปแบบต่างๆ โดยพิจารณาจากเงื่อนไขความพร้อมด้านอุปกรณ์ ความพร้อมของพ่อแม่ และความพรอ้ มตามชว่ งวยั ของเด็ก สาหรับประเทศไทย ความท้าทายในการเปล่ียนครั้งน้ีไม่ใช่แค่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าใน สถานการณ์โควดิ -19 เท่านน้ั แต่ควรเป็นการ “เปลย่ี นวกิ ฤตใิ หเ้ ป็นโอกาส” ในการพฒั นาคุณภาพการ เรียนการสอนให้ดีกว่าเดิม ดังนั้นมาตรการการเรียนรู้ของไทยจึงไม่ควรปรับแค่กระบวนการเรียนรู้ใน ห้องเรียน แต่ต้องปรับใหญ่ท้ังระบบการเรียนรู้ท่ีตอ้ งสอดคล้องกันและเชือ่ มโยงกับการเรียนรู้ของเดก็ โดยควรดาเนินการดงั น้ี 1. กระชับหลกั สูตร ปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 และส่ือสารให้ผู้เกี่ยวข้องทุก ภาคส่วนทราบ หลักสูตรการศึกษาพ้ืนฐานของไทยในปัจจุบัน เน้นเน้ือหามาก ครูจาเป็นต้องใช้เวลา เยอะเพื่อสอนได้ครบถว้ น และไม่เอื้อให้นกั เรียนมีส่วนร่วม (Active Learning) เทา่ ทค่ี วร และหากยัง ใช้หลักสูตรเดิมในการเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ครูจะต้องใช้เวลาสอนมากขึ้นเพื่อ สอนให้ครบถ้วน การปรับหลักสูตรให้กระชับควบคู่ไปกับจัดลาดับความสาคัญ รวมทั้งผ่อนคลาย ตัวช้ีวัดเร่ืองโครงสรา้ งเวลาเรียนจะสามารถชว่ ยลดความกดดัน โดยยังคงคุณภาพข้ันต่าไว้ได้ ตัวอย่าง ของ มลรัฐ Alberta ประเทศแคนาดา ได้กระชับหลักสูตรโดยเน้นเน้ือหาจาเป็นตามมาตรฐานของแต่ ละช่วงวัย เพ่ือให้ครูสามารถนาไปวางแผนการสอนและใช้เวลาได้อย่างเหมาะสม รวมท้ังออกคู่มือ หลกั สตู รฉบับย่อสาหรับผ้ปู กครอง เพอื่ สือ่ สารให้เข้าใจถึงหลักสูตรทเี่ ปลี่ยนแปลงไป หลักสูตรแกนกลางไทยจัดประเภทตัวชี้วัดแล้ว แต่ต้องเพ่ิมความชัดเจนในการส่ือสารแก่ครู และผู้ปกครอง หลักสูตรแกนกลางของไทยกาหนดตัวชี้วัด “ต้องรู้” และ “ควรรู้” ในแต่ละสาระวิชา แล้ว แต่ต้องเพิ่มความชัดเจน โดยระบุเนื้อหาจาเป็นของแต่ละช่วงวัย และเปิดให้ครูมีอิสระในการ จัดการเรียนรู้เน้ือหาส่วนอ่ืนๆ ตามความเหมาะสม ในขณะเดียวกันกระทรวงศึกษาธิการควรให้ ศึกษานิเทศกท์ าหนา้ ทเ่ี ป็นโคช้ ใหแ้ ก่ครู โดยให้คาแนะนาในการเลือกตัวช้ีวัดและเน้ือหานอกเหนือจาก ส่วนที่จาเป็นเพ่ือให้เหมาะกับบริบทและสถานการณ์ของพื้นท่ี อีกท้ังกระทรวงศึกษาธิการควรออก คู่มือหลักสูตรฉบับย่อสาหรับผู้ปกครอง เพ่ือให้ผู้ปกครองเข้าใจบทบาทใหม่ และสามารถติดตามการ
481 เรียนรู้ของเด็กได้ นอกจากน้ี โรงเรียนต้องไม่ละเลยการให้ความรู้แก่นักเรียนแต่ละช่วงวัยในการ ปอ้ งกนั ตนเองจากโรคระบาด ซึ่งองคก์ รอนามัยโลกไดจ้ ัดทาคู่มือไวแ้ ล้ว 2. เพ่ิมความยืดหยุ่นของโครงสร้างเวลาเรียนและความหลากหลายของรูปแบบการเรียนรู้ ความยืดหยุ่นในการใช้เวลาและการเลือกรูปแบบการเรียนจะทาให้ครูสามารถออกแบบหน่วยการ เรียนรู้ที่เหมาะสมและส่งเสริมการเรียนร้รู ายบุคคล (personalized learning) ได้ ดังตัวอย่างของมล รัฐ Alberta ประเทศแคนาดา ซึ่งมีแนวทางสนับสนุนให้ครูจัดการเรียนรู้ด้วยแบบผสมผสาน (blended learning) โดยแนะนาการกาหนดจานวนชั่วโมงการเรียนร้รู ูปแบบต่างๆ ได้แก่ ชวั่ โมงเรียนรู้ผ่านจอสาหรบั เดก็ แตล่ ะชว่ งวัย โดยคานึงถงึ พัฒนาการด้านรา่ งกาย (ปัญหาดา้ น สายตา) และพฒั นาการดา้ นสังคม (ปฏิสัมพันธก์ บั ผูอ้ นื่ ) ช่ัวโมงการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเองที่บา้ นจากการทาใบงาน ชนิ้ งาน ค้นควา้ ด้วยตวั เอง และ ชั่วโมงท่ีครูและนกั เรียนทากิจกรรมเรยี นรู้รว่ มกนั ส่วนในกรณีของสหรัฐอเมริกา พบว่า ให้ความสาคัญต่อการตอบสนองของผู้เรียนแต่ละคน แตกต่างกนั โดยจัดทาฐานขอ้ มูลของสื่อการเรยี นรูต้ า่ งๆ ที่ครูและนักเรียนสามารถเข้าถึงไดอ้ ย่างอิสระ โดยไม่เสยี ค่าใชจ้ า่ ย นอกจากนี้ ยังเปิดชอ่ งใหห้ นว่ ยงานอื่นๆ และแหลง่ เรียนรู้ในพ้นื ที่ เชน่ พพิ ิธภณั ฑ์ ห้องสมุดชุมชน เขา้ มามีสว่ นรว่ มในการสนับสนุนการเรียนร้ขู องเด็ก ในขณะที่นิวซีแลนด์เตรยี มชุดการ เรียนรู้พื้นฐานให้นักเรียน ซ่ึงประกอบด้วยคู่มือออนไลน์ และชุดการเรียนรู้ (ส่ือแห้ง) เพื่อให้นักเรียน ทุกคนทงั้ ทสี่ ามารถเขา้ ถงึ และไม่สามารถเข้าถึงระบบเรยี นออนไลนส์ ามารถใชเ้ รียนรู้ได้ ในกรณีของไทย แม้หลักสูตรแกนกลางของไทยเปิดให้มีความยืดหยุ่นในการกาหนดชั่วโมง เรียน แต่ก็ยังมีข้อกาหนดเก่ียวกับโครงสร้างเวลาเรียนท่ีค่อนข้างแข็งตัว ดังน้ันหาก กระทรวงศึกษาธิการช่วยผ่อนคลายโครงสร้างเวลาเรียนลง และเปิดช่องทางการสื่อสารให้ครูได้ สอบถามข้อสงสัย ก็จะช่วยสร้างความม่ันใจให้แก่ครูออกแบบการเรียนรู้อย่างยืดหยุ่น นอกจากน้ี กระทรวงศึกษาธิการยังสามารถเปิดให้เอกชน และภาคประชาสังคม ท่ีมีความเช่ียวชาญด้านระบบ การเรียนรู้และส่ือการเรียนรู้ เข้ามามีส่วนร่วมพัฒนา แลกเปล่ียนเครื่องมือและเทคนิคใหม่ๆ ซึ่งจะ ช่วยเพิ่มทางเลือกทห่ี ลากหลายและเหมาะสมกบั เดก็ มากขน้ึ 3. ออกแบบหน่วยการเรียนรู้ และสอนอย่างมีแผนที่เหมาะสม ในสถานการณ์ท่ีเปลี่ยนไป ครจู ะต้องเตรยี มความพร้อมก่อนการสอนแบบใหม่ วิธีการหนงึ่ คือ การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ ซึ่ง จะนาไปสู่การจัดการเรยี นรู้ฐานสมรรถนะหลงั การระบาดของโควิดส้นิ สุดลง ท้ังนี้ควรเร่ิมต้นโดยการ
482 จัดกลุ่มตัวชี้วัดให้เป็นหน่วยการเรียนรู้ ซ่ึงจะทาให้แผนการเรียนรู้มีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์การ ระบาด เช่น ครูสามารถออกแบบหนว่ ยการเรียนรู้หนว่ ยละ 2 สัปดาห์ เพ่ือให้สอดคล้องกับระยะเวลา การประเมินสถานการณ์การระบาด ทั้งน้ี หากครูสามารถออกแบบหน่วยการเรียนรู้แต่ละหน่วยให้ ร้อยเรียงกันอย่างเป็นระบบท้ังเทอมหรือท้ังปี ก็จะช่วยให้นักเรียนสามารถพัฒนาตนเองตามศักยภาพ ได้ดีย่ิงข้ึน และได้พัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นทักษะจาเป็นสาหรับการดารงชีวิตใน อนาคต ในทางปฏิบตั ิ การจดั หน่วยการเรยี นรู้สามารถจัดตามเนื้อหาหรือตามประเด็นทนี่ ่าสนใจ และ ยังสามารถบูรณาการข้ามวิชาหรือในวิชาเดียวกัน หลังจากน้ันครูควรกาหนดคาถามสาคัญของแต่ละ หน่วย และวางแผนการติดตามการเรียนรู้ตามตัวชี้วัดด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติอย่างชัดเจน เลอื กส่ือการเรยี นรูท้ ีเ่ หมาะสมกับเด็ก และสอ่ื สารกบั พ่อแม่ให้ทราบถึงบทบาทท่ีจะเปล่ยี นไป เนื่องจาก การเสริมทักษะออกแบบหน่วยการเรียนรู้ ตั้งคาถาม เลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสมจะ ทาให้ครูออกแบบหน่วยการเรียนรู้ได้มีคุณภาพมากข้ึน ดังน้ันกระทรวงศึกษาธิการควรจะสนับสนุน การเพ่ิมทักษะเหล่าน้ีตามความต้องการของครูในแต่ละพ้ืนท่ี โดยอาจจะเปิดให้ผู้เชี่ยวชาญในภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาสังคม ช่วยพัฒนาศกั ยภาพครูให้ตรงกับทักษะทีต่ ้องการ และสนับสนนุ ใหม้ ีการ เพม่ิ ทักษะให้แก่ศกึ ษานเิ ทศก์ เพื่อเปน็ “โค้ชหน้างาน” ให้แก่ครูต่อไป 4. ยกระดับการประเมนิ เพ่ือการพัฒนา (formative assessment) เพื่อไม่ให้เด็กเสียโอกาส พฒั นาความรู้และทักษะ เมือ่ นักเรยี นไปโรงเรยี นตามปกติไม่ได้ ครูกบั นักเรยี นกจ็ ะมปี ฏิสมั พันธ์ต่อกัน ลดลง ทาให้ครูไม่สามารถติดตามพัฒนาการของนักเรียนได้เต็มที่ อาจทาให้ไม่สามารถรู้ปัญหาของ นักเรียนได้ทันเวลา โดยเฉพาะความรู้ด้านภาษาและการคานวณ ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อการเรียนรู้ ระยะยาว การประเมินเพื่อพัฒนาจึงไม่สามารถลดหรือละท้ิงไปได้ทั้งการประเมินเพื่อการเรียนรู้ (assessment for learning) ของเด็ก เพ่ือให้ครูทราบถึงกระบวนการเรียนรู้ของเด็ก โดยจะสามารถ ให้ feedback กับเด็กและปรับแผนการเรียนรู้ได้ตรงตามสถานการณ์ และการประเมินซ่ึงทาให้เกิด การเรยี นรู้ (assessment as learning) ของเด็ก โดยครเู ปดิ โอกาสให้เดก็ ยอ้ นคิดถึงกระบวนการเรียน ของตนเอง กระบวนการน้จี ะทาให้เด็กมีความรับผิดชอบและเป็นเจ้าของการเรียนรู้ของตนเองมากข้ึน รวมถงึ เม่ือเด็กเข้าใจตนเองกจ็ ะเปน็ โอกาสท่จี ะวางแผนการเรยี นรู้ของตนเองร่วมกับผูป้ กครองและครู ได้ การประเมินเพ่ือพัฒนาทั้ง 2 ลักษณะจึงต้องอาศัยการทางานร่วมกันระหว่างเด็ก ผู้ปกครอง และครูมากขึ้น วิธีหน่ึงที่ทาได้คือ การประเมินเพ่ือพัฒนาอย่างไม่เป็นทางการรายบุคคล
483 (personalized check-ins) เพ่ือติดตามการเรียนรู้ สุขภาพกายและสุขภาพจิตของนักเรียน โดยให้ ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ในกรณีของเด็กโต อาจจะเพิ่มการประเมินตนเองและการประเมิน เพ่ือน (self & peer assessment) เข้าไปด้วย ซ่ึงจะมีประโยชน์ในการช่วยฝึกทักษะการสะท้อนคิด ให้เด็กได้อกี ทางหนงึ่ ด้วย การประเมินเพื่อพัฒนาจะประสบความสาเรจ็ ก็ต่อเมื่อมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม คือ (1) มี การเสริมศักยภาพครูในการใช้และออกแบบเคร่ืองมือประเมิน (2) มีการให้เอกชน และภาคประชา สังคม ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการประเมินเข้ามาร่วมพัฒนาเคร่ืองมือการประเมินใหม่ๆ และ (3) มี การเปิดเวที (platform) การแลกเปลย่ี นเรียนรู้ระหว่างครูกบั ผู้เชีย่ วชาญ 5. การประเมินเพื่อรับผิดรับชอบ (assessment for accountability) ยังคงควรไว้ แต่ควร ให้น้าหนักการประเมินโอกาสทางการเรียนของเด็ก มากกว่าการวัดความรู้ด้วยคะแนนสอบ สถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบันทาให้ต้องใช้รปู แบบการเรยี นการสอนที่หลากหลาย ดังน้ัน คุณภาพ การศึกษาท่ีเด็กจะได้รับในแต่ละพ้ืนที่จะไม่เหมือนกัน จึงไม่สามารถใช้คะแนนวัดความรู้หรือทักษะ แบบเดียวกันเพ่ือให้เกิดความรับผิดรับชอบได้ มิฉะนั้นก็อาจส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ามากขึ้น กระทรวงศึกษาธิการจึงควรปรับเกณฑ์ข้อสอบวัดความรู้ (test-based) มาสู่การให้น้าหนักกับตัวช้ีวัด ที่ไม่ใช่ด้านวิชาการ (non-academic measure) มากขึ้น เช่น อัตราการเข้าเรียน (attendance rate) หรืออัตราการออกกลางคัน (drop-out rate) เป็นต้น โดยการเก็บข้อมูลตัวชี้วัดเหล่านี้ที่ สามารถใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพ่ือลดภาระครู เช่น ใช้ระบบ Google Classroom บันทึกการใช้ งาน ซึ่งจะชว่ ยทาใหเ้ ขตพื้นท่ีสามารถติดตามและให้การสนบั สนุนโรงเรยี นได้ตรงกับความต้องการมาก ข้นึ ดว้ ย การเรยี นออนไลน์ในประเทศไทย พร้อมแค่ไหน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้หยิบยกข้อมูลแบบสอบถามนักเรียน อายุ 15 ปี และผู้บริหารโรงเรียนของ PISA 2018 ใน 79 ระบบการศึกษาในกลุ่มประเทศ OECD (องค์การเพ่ือความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ) เพ่ือหาข้อสรุปเก่ียวกับการเข้าถึงการเรียน การสอนออนไลน์ของไทย พบว่านักเรียนไทยยังขาดแคลนปัจจัยสาหรับการเรียนออนไลน์ ได้แก่ สถานท่ีที่เงียบสงบ, อุปกรณ์สาหรับเรียนรู้ และอินเทอร์เน็ต เมื่อเทียบกับประเทศอ่ืน ๆ ครูไทยมี ความพร้อมในการใชอ้ ุปกรณด์ ิจิทัลในการเรียนการสอนออนไลน์มากกวา่ กล่มุ ประเทศสมาชิก
484 ร้อยละของนักเรียนที่รายงานว่ามีปัจจัยท่ีเกี่ยวข้องกับการเรียนผ่านระบบออนไลน์ที่บ้าน ข้อมูลจาก สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ข้อดขี ้อเสยี ของการเรยี นออนไลน์ ข้อดีของการเรียนออนไลน์ คือคุณครูสามารถจัดทาแผนการเรียนการสอนได้ทันสมัย และให้เด็ก ๆ เข้าถงึ ขอ้ มลู จากการค้นหาเพิ่มเติมได้ดว้ ย แต่ก็มขี ้อจากดั ระหว่างผเู้ รยี น และผ้สู อน ดงั น้ี ขอ้ ดี ลดเวลาการเดินทาง ทง้ั ครูผสู้ อน และผู้เรียน มีโปรแกรมช่วยบริหารจัดการ เช็กช่ือนักเรียนเข้าเรียน และรับเอกสารแบบทดสอบ เพื่อใช้ ประเมินการเรียนได้สะดวกมากข้ึน มีช่องทางสือ่ สารระหว่างครผู ู้สอน และผู้เรยี นได้สะดวก ใชเ้ ครอ่ื งมอื ออนไลนค์ ้นคว้าขอ้ มูลเพม่ิ เตมิ ไดม้ ากขึน้
485 ขอ้ เสยี การสอนทเ่ี ปน็ การสอื่ สารทางเดยี ว มีโอกาสเกิดความผดิ พลาดในการรับรู้ เพราะฉะน้นั ต้องมี แบบทดสอบทีป่ ระเมนิ การเรียนร้ขู องผเู้ รยี น การเข้าถงึ อปุ กรณเ์ รียนออนไลนไ์ มว่ ่าจะเปน็ โทรทัศน์, โทรศพั ท์มอื ถือ, แทบ็ เล็ต หรือ สัญญาณอินเทอรเ์ น็ตมีข้อจากัด เด็กนกั เรียนไมม่ ีสมาธิในการเรียน หากให้ใช้มือถอื กจ็ ะแอบเอามือถือมาเลน่ ระหวา่ งเรียน เด็กนักเรยี นไม่สามารถไตร่ตรองความถูกต้องของขอ้ มลู จากการเข้าถงึ ขอ้ มลู ท่ีไม่น่าเชอ่ื ถอื เดก็ นักเรียนใชเ้ วลาเสพออนไลน์มากเกนิ ควร ผปู้ กครองตอบคาถามหรอื ทาการบ้านแทนเดก็ ผปู้ กครองไม่มีเวลาเฝ้าดแู ลเด็ก เพราะตอ้ งทางาน
486 อา้ งองิ กวนิ ทร์เกยี รติ นนธพ์ ละ. (2564, มกราคม 6). การจัดการเรียนการสอนทางไกล. สานักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร. สบื ค้นจาก https://www.kroobannok.com/UserFiles2611/File/2021/_06_.pdf กวินทร์เกียรติ นนธ์พละ. (2564, มกราคม 6). การจดั การเรียนการสอนทางไกล. สานกั งาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร. สบื คน้ จาก https://www.kroobannok.com/88682 กันต์ เอ่ียมอนิ ทรา. (2563). ผลกระทบจากโควดิ -19 ต่อภาคการศึกษา. กรงุ เทพธรุ กจิ . สบื ค้นจาก https://www. bangkokbiznews.com/news/detail/872053 ความเสมอภาค หวั ใจสาคญั ความสาเรจ็ การศกึ ษาในฟนิ แลนด์ (ออนไลน์). 10 ธนั วาคม 2559. สืบคน้ จาก http://news.voicetv.co.th/thailand/440763.html จับจา่ ย For School. สบื คน้ จาก https://www.jabjai.school/บทความ/นกั เรียนยุคใหม่_กับการ เรยี นรใู้ น ศตวรรษที่21.html จินตนา แก้วขาว. (2543). สบื ค้นจาก https://www.baanjomyut.com ชูกิจ ลมิ ปจิ านงค์. (2563, มถิ ุนายน 19). พลกิ วกิ ฤต‘โควิด’เปน็ โอกาส ปรบั การจัดการศึกษาคร้ังใหญ่ รบั วิถนี วิ นอร์มัล พัฒนาคร.ู แนวหนา้ . สืบค้นจาก https://www.naewna.com/local/500225 เท้ือน ทองแก้ว. (2020, สิงหาคม 31). การออกแบบการศึกษาในชีวิตวิถใึ หม่ (Design- Based New Normal): ผลกระทบจาก การแพร่ระบาด COVID-19. คุรสุ ภาวทิ ยาจารย.์ สบื คน้ จาก https://ph02.tci- haijo.org/index.php/ withayajarnjournal/issue/view/16558 ธงชัย สิทธิกรณ์. (2556). จากผใู้ หญล่ ถี ึงการศกึ ษา 4.0. สบื คน้ จาก http://www.birdkm.com/outside- classroom/outsideclass/thai-education-40
487 นราวทิ ย์ นาควิเวก. (2561). บทบาทผนู้ าทีด่ ใี นยุค 4.0 (Skill Set สาหรบั ผนู้ าทกุ ระดบั ). สืบคน้ จาก https://www.smartsme.co.th/content/63868. นวรัตน์ รามสูต และบัลลังก์ รติ เสถียร. (2559). Education Reform&Entrance 4.0. สบื ค้นจาก https://www.moe.go.th /education-reform-entrance-4-0/14909 แนวทางจัดการเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21. สบื คน้ จาก https://webs.rmutl.ac.th/assets/upload/files/2016/ 09/20160908101755_51855.pdf บญุ ชนก ธรรมองศา. (2561). CRITICAL THINKING สอนใหเ้ ดก็ รคู้ ดิ ผดิ หรือถกู กใ็ ชว้ จิ ารณญาณเปน็ . THE PROTENTIAL. สบื คน้ จาก https://thepotential.org /knowledge /how-to-critical ประชาชาตธิ รุ กจิ . สบื ค้นจาก http://www.secondary35.go.th ประทปี แสงเปีย่ มสุข. (2550). “เศรษฐกิจพอเพยี งกับการจัดการเรียนการสอนและการดาเนินชีวิต” สืบค้นจาก https://www.kroobannok.com ปรีดา วิทยากลุ . (2550). ครูกบั หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง. สบื คน้ จาก https://www.gotoknow.org/posts เปรียบเทียบการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานของประเทศไทย กบั ประเทศฟนิ แลนด์ (ออนไลน์). 20 มกราคม 2559 สืบคน้ จาก https://www.curriculum51.net/upload/20160120052823.pdf เปรยี บเทียบระบบการศึกษาระหวา่ งไทยกบั ฟนิ แลนด์ (ออนไลน์). 28 มนี าคม 2556. สบื คน้ จาก https://www.dek- d.com/board/view/2718742/ เพชรา บดุ สีทา. แนวทางการจดั การเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21. สบื คน้ จาก https://fms.kpru.ac.th/pr- all/pr-km/pr-km- 2560/4908/ ไพฑรู ย์ สินลารตั น.์ (2560). สืบค้นจาก https://www.ph.mahidol.ac.th/ed/from/12_7_60.pdf ฟนิ แลนด์ ทาไมจงึ มรี ะบบการศกึ ษาดีทสี่ ดุ ในโลก (ออนไลน์). 12 มกราคม 2560.สืบค้นจาก http://tripsm,
488 wixsite.com/21st/untitled-cvqu ภาคีเพ่ือการศึกษาไทย (TEP - Thailand Education Partnership). (2563, มนี าคม 29). พลกิ โฉม ประเทศด้วยการศึกษาใน แบบเอสโตเนยี . ภาคเี พอื่ การศึกษาไทย. สบื คน้ จาก https://web.facebook.com/TEPThaiEDU/photos/pcb. 1045621715839004/1045617902506052/ ภษู ิมา ภิญโญสินวัฒน.์ (2020, พฤษภาคม 7). จดั การเรียนการสอนอยา่ งไรในสถานการณโ์ ควดิ -19. สถาบนั วจิ ยั เพอื่ การพัฒนา ประเทศไทย (ทดี ีอาร์ไอ). สบื ค้นจาก https://tdri.or.th/2020/05/examples-of-teaching- and-learning-in-covid- 19- pandemic/?fbclid=IwAR3w04EfwuvDMpiPgGRjVfhDz7rNofsBgUQ7qyMuDkpxc4TJnJ8cH_ Yu5Os. ภษู มิ า ภญิ โญสนิ วัฒน.์ (2020, พฤษภาคม 7 ). TDRI พลิกวกิ ฤติเป็นโอกาส “โคช้ หนา้ งาน” ครพู ฒั นา การศกึ ษาไทย. ประชาชาตธิ รุ กจิ . สืบคน้ จาก http://www.secondary35.go.th มหาวิทยาลัยราชภฏั วลัยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถมั ภ.์ (2561). รปู แบบการจดั การศกึ ษาวไลย อลงกรณส์ าหรบั การศคกึ ษา ยคุ 4:0 การเรยี นรเู้ ชงิ สรา้ งสรรค์และผลติ ภาพ. 12 (12), 260. สบื คน้ จาก http://So02.tcithaijo.org/index.php/ JournalGraVRU/article/view/137156/102110 วกิ ิพเี ดีย. (2563, ตลุ าคม 12). ประเทศเอสโตเนยี . วิกพิ เี ดยี สารานกุ รมเสรี. สืบค้นจาก https://th.wikipedia.org/wiki/% E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9 %80%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%99% E0%B8%B5%E0%B8%A2 Ministry of education and research. 2014. The Estonian lifelong strategy. (วิจารณ์ พานิช, 2556). สบื ค้นจาก file:///C:/Users/ASUS/Downloads/246719- Article%20Text-861215-3-10-20200928%20(8).pdf
489 สายสมร เฉลยกิตต. (2563). ผลกระทบโรคระบาด COVID-19. วารสารวจิ ยั สขุ ภาพและการพยาบาล. 36(2), 205-262 สืบคน้ จาก file:///C:/Users/User/Downloads/244663-Article%20Text-863122-2- 10- 20200909%20(3).pdf 13 ข้อทกี่ ารศกึ ษาฟนิ แลนด์ ประสบความสาเรจ็ (ออนไลน์). 2 กุมภาพันธ์ 2559. สืบคน้ จาก https://blog.eduzones.com/kloyjaiiphattaraporn/155170 สุรยิ า ฆอ้ งเสนาะ. 2560. “ฟนิ แลนด์กบั ความสาเร็จทางด้านการศึกษา”. บทความวชิ าการHot Issue (วารสารออนไลน)์ . สืบคน้ จาก: เอกสารเดือนกุมภาพันธ2์ 560 สุวิทย์ บงั้ เงนิ . กลุม่ งานสง่ เสริม พฒั นาสื่อนวตั กรรมและเทคโนโลยที างการศึกษา. สบื คน้ จาก https://sites.google.com/ a/esdc.go.th/sv-sw/home/thaksa-ni-stwrrs-thi-21 สวุ ิทย์ เมษนิ ทรยี .์ (2563, พฤษภาคม 20). สรปุ ข้อดขี ้อเสยี การ 'เรยี นออนไลน์' ดหี รอื ไม่ อยา่ งไร. ไทยรฐั ออนไลน.์ สืบค้นจาก https://www.thairath.co.th/lifestyle/tech/1848004 สวุ ิทย์ เมษินทรยี .์ “สุวิทย์” ดึงไมโครซอฟทเ์ รียนสอนออนไลน์ เสมือนจริงแบบโตต้ อบได้บน แพลตฟอรม์ ระดับโลก. ไทยรฐั ออนไลน.์ (2563, มนี าคม 19). สบื คน้ จาก https://www.thairath.co.th/news/society/1798556 สานักบรหิ ารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย สพฐ. แนวทางจัดการเรียนรูใ้ นศตวรรษท่ี 21. สืบค้นจาก https://webs.rmutl.ac.th/assets/upload/files/2016/09/20160908101755_51855.pdf Ministry of education and research. สบื คน้ จาก https://www.hm.ee/sites/default/files/estonian_ lifelong_strategy.pdf. R8C – ครรู วี. สืบคน้ จาก https://sites.google.com/site/khrurwi/kar-cadkar-reiyn-ru-ni- stwrrs-thi-21/3r-8c
อา้ งองิ 13 ข้อทก่ี ารศึกษาฟนิ แลนด์ ประสบความสําเรจ็ (ออนไลน์). 2 กุมภาพันธ์ 2559. สืบค้นจาก https://blog.eduzones.com/kloyjaiiphattaraporn/155170. admin. (2562). สรุป มาตรฐานวชิ าชพี ครู ฉบบั แก้ไข ราชกจิ จานุเบกษา 2562. สบื คันจาก: www.kruachieve.com/เรื่องราวนา่ สนใจ/สรปุ -มาตรฐานวิชาชพี ครู-ฉ/. Anderson, L. W., & Krathwohl, D. R. (2001). A taxonomy for learning, teaching, and assessing: A revision of Bloom's taxonomy of educational objectives. New York: Addison Wesley Longman. Ausubel, David P. (1963). Education Psychology: A Cognitive View. New York : Holt Rinehart and Winston. Bigge, M.l. (1982). Learning theories for teachers. (4th ed). New YORK: Harper & Row. Bischof, L. J. 1954. Intelligence: Statistical Concepts of its Nature. New York, Doubleday. Boonsupa, C. (2018). ทฤษฎีพฒั นาการจริยธรรมของโคลเบิร์ก (Lawrence Kohlberg). สืบคน้ จาก https://sircr.blogspot.com/2018/04/lawrence-kohlberg.html. Bruner, J. (1963). Process of Education. New York; Alfred A. Knopf, Inc. Dixon-Krauss, L. (1996). Vygotsky in the classroom : Mediated literacy instruction and assessment. New York : Longman. Frankel, J. R. (1977). How to Teach About Values : An Analytic Approach. New Jersey. Prentice Hall. Gagné, R. and Briggs, L.J. (1974). Principles of Instructional Design. Holton, Rinehart & Winston, New York. Gardner, Howard. (1999). Intelligence Reframed. Multiple intelligences for the 21st century, New York: Basic Books. 292 + x pages. Useful review of Gardner's theory and discussion of issues and additions. Hawk Host. (2543). ทฤษฎีการเรยี นรกู้ ลุ่มพฤติกรรม (Hawk Host , 2543) สืบคน้ จาก https://www.baanjomyut.com/library_3/behaviorism/07.html. Janesawang, T. (2011). Teacher Spirituality Experience: A Phenomenological Study. Unpublished Doctoral Dissertation, Srinakarinwirot University, Bangkok, Thailand. [in Thai]. JinSon. (2009). ปรชั ญาญาณวทิ ยา. สืบคน้ จาก https://saengtham.wordpress.com/2009 /07/13/ปรัชญา ญาณวทิ ยา
Lawthong, N., & Visessuvanapoom, P. (2010). Development of the teacher spirituality scale. Journal of Research Methodology. 23(1). 25-54. [in Thai]. Ministry of education and research. 2014. The Estonian lifelong strategy. (วจิ ารณ์ พานชิ , 2556). สืบค้นจาก file:///C:/Users/ASUS/Downloads/246719-Article%20Text-861215-3-10- 20200928%20(8).pdf. Ministry of education and research. สืบค้นจาก https://www.hm.ee/sites/default/ files/estonian_lifelong_strategy.pdf. Nosu, K., & Wisalaporn, S. (2014). Factors and indicators of teachers’ spirit of the primary education area office in the Upper-Northern Provinces. Kasalongkham Researrch Journal Chiangrai Rajabhat University, 8(1), 53-65. [in Thai]. orathai education. คุณลกั ษณะครทู ด่ี ี. สบื คน้ จาก https://sites.google.com/site/ orathaieducation/home/khunlaksna-thi-di-khxng-khru. Padvee Academy. (2014). ปรัชญาเบ้ืองต้น บทที่ ๔ ญาณวทิ ยา. สืบค้นจาก https://www.slideshare.net/Padvee/ss-36153875. Padveewp. (2015, กันยายน 9). ประวัติและววิ ฒั นาการแนวความคดิ ทางปรัชญา.Philosophychichic. สืบค้น จาก https://philosophychicchic.com/timeline-philosophy/. Pajak, E., & Blase, J. J. (1989). The impact of teachers' personal lives on professional role enactment: A qualitative analysis. American Educational Research Journal, 26(2), 283– 310. Panyawat, (2008, October 17). ปรัชญาอนิ เดีย : ประวตั ิและลทั ธ.ิ สืบคน้ จาก http://oknation.nationtv.tv/blog/chaiyassu/2011/03/03/entry-2. Phenix, P. (1958). Philosophy of education. New York: Henry Holt. Spranger, E. 1928. Types of men. Halle: Max Neime yer. Philosophy & Religiondhrammada.ปรชั ญาตะวนั ตกสมยั ใหม่. สบื คน้ จาก https://dhrammada.wordpress.com/2014/12/19/ปรชั ญาตะวันตกสมัยใหม่/. R8C – ครรู วี. สบื ค้นจาก https://sites.google.com/site/khrurwi/kar-cadkar-reiyn-ru-ni-stwrrs-thi-21/3r- 8c Silverman, Robert E. 1985. Psychology. 5th ed., Englewood Cliffs, New Jersey : PrenticeHall Spearman, C. (1927). The Abilities of Man. New York. MacMillan.
Srangnanok, T. (n.d.). ทฤษฎีพฒั นาการทางจริยธรรมของโคลเบอร์ก. สบื คน้ จาก http://www.mpy5.ac.th/docs/Kohlberg.pdf. ToonWorldZ. (2018). ประวัตขิ องอบั ราฮัม มาสโลว์ (Abraham Maslow). สืบค้นจาก https://psychodiary.com/general/history-of-abraham-maslow. Ttemeisle. (2019). พลเมอื งท่เี ขม้ แขง็ .17 มกราคม 2564. สบื คน้ จาก https://www. rkmissiondel.org. Vygotsky L. S. (1978). Mind in society : The development of higher psychological processes. Massachusetts: Harvard University. Wink, Joan and Putney, LeAnn G (2002). A Vision of Vygotsky. Boston. MA: Allyn & Bacon. Yolao, et al., (2010). Giving Definitions and Index, Evaluation and Instruments of Spirituality of Educational Personnel. Sodsri-Saridwongso Foundation. [in Thai] กรมวิชาการ. ศนู ย์แนะแนวการศึกษาและอาชพี . (2544). เอกสารการประกอบการประชุมและรับฟงั ความ คดิ เหน็ (ร่างป แบบพฒั นาการแนะแนว กระทรวงศึกษาธกิ าร ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2545 - 2549). พษิ ณโุ ลก: ศนู ย์แนะแนวจังหวดั พษิ ณโุ ลก โรงเรยี นเฮลมิ ขวัญสตรี กรมสามญั ศึกษา. (2529). แนวปฏบิ ัตติ ามโครงการเสริมสร้างวินยั นักเรียนทวั่ ประเทศ. กรุงเทพมหานคร. กองพัสดุ และอปุ กรณท์ างการศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ. กรมสามญั ศึกษา. (2546). พระราชบญั ญตั ิสภาครูและบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 . กรงุ เทพฯ: โรง พมิ พค์ รุ สุ ภา. กรนี -ปัญญาญาณ. กฤษมันต์ วฒั นาณรงค์. (2563). การทาํ โทษนักเรียนท่ีมพี ฤตกิ รรมไม่เหมาะสม. สบื คน้ จาก https://sites.google.com/site/mcupsychology. กลมุ่ กฎหมายและคดี (2560). หลกั กฎหมายและระบบบริหารการศึกษาไทยในอดตี ปจั จบุ ัน และอนาคต สืบค้น วนั ท่ี 5 มกราคม 2564. จาก https://sites.google.com/a/phayao2.go.t /nitikorn/bthkhwam/hlakkdhmaylaearabbbriharkarsuksathiynixditpaccubanlaeaxnakht. กวนิ ทร์เกียรติ นนธพ์ ละ. (2564, มกราคม 6). การจดั การเรยี นการสอนทางไกล. สํานกั งานคณะกรรมการ การศึกษาขน้ั พนื้ ฐานกระทรวงศึกษาธิการ. สืบคน้ จาก https://www.kroobannok.com/UserFiles2611/File/2021/_06_.pdf. กวินทร์เกยี รติ นนธ์พละ. (2564, มกราคม 6). การจัดการเรยี นการสอนทางไกล. สาํ นักงานคณะกรรมการ การศึกษาข้นั พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. สบื คน้ จาก https://www.kroobannok.com/88682. กันต์ เอย่ี มอนิ ทรา. (2563). ผลกระทบจากโควดิ -19 ตอ่ ภาคการศึกษา. กรุงเทพธุรกจิ . สืบค้นจาก https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/872053.
กลั ยาณมิตร. สบื ค้นจาก https://th.wikipedia.org/wiki/กัลยาณมติ ร. กลั ยาณี สูงสมบัติ. (2550). ส่อื การเรียนรู้ออนไลน์วิชาเทคนคิ การจัดการสมยั ใหม่. สบื ค้นจาก http://uhost.rmutp.ac.th/kanlayanee.so/L3/3-1-1.htm. การพฒั นาแนวคดิ ทฤษฎีการเรียนร้สู ่กู ารปฏบิ ัติในศตวรรษท่ี 21, 1-3. กิตินันท์ โนสุ และ เสริมศกั ด์ิ วิศาลาภรณ.์ (2557). องค์ประกอบและตวั บ่งชี้จติ วญิ ญาณความเป็นครสู ังกัด สาํ นักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาในจงั หวดั ภาคเหนือตอนบน. วารสารการวิจยั กาสะลองคํา มหาวิทยาลยั ราชภฏั เชยี งราย, 8(1), 53-65. กรี ติ บุญเจือ, (2018, June 13). ปรัชญาสวนสนุ ันทา. สืบคน้ จาก https://philosophy- suansunandha.com/2018/06/13/indian-philosophy. กีรติ บุญเจอื . (2519). ชดุ ประวตั ิปรัชญาตะวนั ตกปรัชญากรกี ระยะก่อตัวท่ีอิตาล.ี กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพาณิชย์. กีรติ บญุ เจือ. (2520). ชุดพืน้ ฐานปรชั ญาแก่นปรชั ญากรีก. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพาณิช. กรี ติ บุญเจือ. (2522). สารานุกรมปรัชญา. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานชิ . กีรติ บุญเจอื . (2528). แกน่ ปรชั ญากรกี . กรุงเทพ ฯ: ไทยวัฒนาพานิช. กรี ติ บญุ เจอื . (2550). แกน่ ปรชั ญายุคกลาง. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . กรี ติ บุญเจอื . 2522. สารานกุ รมปรชั ญา. กรงุ เทพฯ : ไทยวฒั นาพานชิ . เกรยี งไกร เรอื นน้อย. (2554). คา่ นิยมที่พึงประสงค์และลักษณะคนไทยท่ีดีของคนไทย [ออนไลน์]. สืบคน้ จาก https://www.gotoknow.org/posts/336897. สืบคน้ เมอ่ื วันท่ี 30 ธันวาคม 2563. เกี่ยวกับมูลนิธิ. สบื ค้นจาก https://www.pmca.or.th/thai/?page_id=53. โกมาตร จึงเสถียรทรัพย.์ (2560). สุขภาพทางปัญญา: จิตวิญญาณ ศาสนาและความเป็นมนษุ ย์. นนทบุร:ี สํานักงานคณะกรรมการสุขภาพแหง่ ชาต.ิ ไกรฤกษ์ ศลิ าคม. (2557). เอกสารประกอบการสอนรายวิชาจรยิ ธรรมกับชวี ิต. อดุ รธานี: สํานกั วิชาศึกษาทัว่ ไป มหาวิทยาลัยราชภฏั อดุ รธานี ข้อบังคบั ครุ สุ ภาว่าด้วยจรรยาบรรณวิชาชีพ พ.ศ. 2556. (2556, 4 ตลุ าคม). ราชกจิ จานเุ บกษา. ข้อบงั คบั คุรุสภาว่าดว้ ยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ.2562. (2562, 20 มนี าคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 136 ตอนพิเศษ 68. หน้า 3. ครสู มารท์ ดอทคอม. (2563). [เตือนครู] ระวงั ผดิ วนิ ัย ตวั อยา่ งความผิดทางวินัยของครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ตัวอย่างความผิดวินยั คร.ู สบื คน้ จาก:http://www.krusmart.com/teacher-discipline/. ความเสมอภาค หัวใจสาํ คญั ความสําเรจ็ การศึกษาในฟนิ แลนด์ (ออนไลน์). 10 ธันวาคม 2559. สืบคน้ จาก http://news.voicetv.co.th/thailand/440763.html.
ครุ ุสภา. (2561). ประวัติคุรุสภา. สบื ค้นเม่ือวันที่ 14 ธันวาคม 2563. จาก https://www.ksp.or.th/ksp2018/ksp_history/. ครุ ุสภา. (2561). วตั ถุประสงค์และอาํ นาจหนา้ ท่ี. สบื ค้นเม่ือวันที่ 14 ธันวาคม 2563. จาก https://www.ksp.or.th/ksp2018/objectives/. คุรุสภา. (2563). คัดเลือกผู้ประกอบวชิ าชีพทางการศึกษา เพื่อรบั เครอ่ื งหมายเชดิ ชเู กียรติ “คุรุสดดุ ี” ประจําปี 2563. สืบค้นจาก https://www.ksp.or.th/ksp2018/2020/05/18737/. จรญู ศรี มาดิลกโกวิท และคณะ. (2561). รายงานการวิจัยเรื่อง แนวทางการพัฒนาจิตวญิ ญาณความเปน็ ครูสําหรับ ครูกอ่ นประจาํ การและครูระหว่างประจําการ [ออนไลน์]. สบื ค้นจาก http://www.thai- explore.net/file_upload/submitter/file_doc/53143c75974 d26d415ac1dd87399f6dd6591.pdf. สบื คน้ เม่ือวนั ที่ 20 มกราาคม 2564. จบั จ่าย For School. สบื ค้นจาก https://www.jabjai.school/บทความ/นกั เรยี นยุคใหม่_กบั การเรยี นรู้ใน ศตวรรษที่21.html. จาํ นงค์ ทองประเสริฐ. (2539). สบื คน้ จาก https://www.wikiwand.com. จํานงค์ ทองประเสรฐิ . (2534). ปรชั ญาตะวนั ตกกสมยั กลาง. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลยั จติ วทิ ยาสาํ หรบั คร.ู (2555). ทฤษฎจี ิตวเิ คราะหข์ องซิกมนั ด์ ฟรอยด์. สืบค้นจาก http://konniana.blogspot.com/2012/07/blog-post_11.html จินตนา แก้วขาว. (2543). สืบคน้ จาก https://www.baanjomyut.com. จนิ ตนา แก้วขาว. (2543). สบื ค้นจาก https://www.baanjomyut.com. จิรายทุ ธิ์ ออ่ นศรี. (ม.ป.ป.). การพฒั นาแนวคดิ ทฤษฎกี ารเรยี นรู้สู่การปฏิบัตใิ นศตวรรษที่ 21. สืบค้นจาก http://www.nwm.ac.th/nwm/wp-content/uploads/2018/07/การพฒั นา แนวคิดทฤษฎกี าร เรยี นรสู้ ูก่ ารปฏบิ ตั ิในศตวรรษท่ี-21.pdf. จิรายทุ ธ์ิดร ออ่ นศรี. (2561). ทฤษฎีการเรยี นรู้ของ Bloom (Bloom’s Taxonomy) (1956). จี ศรนี ิวาสัน. 2534. สุนทรียศาสตร์ : ปญั หาและทฤษฎีเก่ียวกบั ความงามและศลิ ปะ. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พม์ หาม กุฏราชวทิ ยาลัย จไุ รรัตน์ ป่ินเวหาและคณะ. (2558). ทฤษฎกี ารเรียนรู้กลุ่มมนุษยนยิ ม. สบื คน้ เม่ือวนั ที่ 11 มกราคม 2564. จาก https://sites.google.com/site/psychologybkf1/home. ชญานศิ วร์ กลุ รัตนมณีพร และคณะ. (2555). การเสรมิ สรา้ งคา่ นยิ ม: การทบทวนองคค์ วามรู้และแนวทางการวิจยั ด้านค่านิยมไทยในอนาคตกระทรวงวัฒนธรรม. กระทรวงวัฒนธรรม. ชฎาพร ปัน้ วงศ.์ (2555). ทฤษฎีการเรียนรูข้ องมาสโลว.์ สบื ค้นจาก https://www.gotoknow.org/posts/197780.
ชฎาพร พัชรษั เฐยี ร. (2554). ความคิดเห็นเก่ยี วกบั คา่ นยิ มทางสังคมของนกั เรยี นมธั ยมศึกษาในกรงุ เทพมหานคร. ครุศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . ชมช่ืน มัณยารมย์. (2563). วิวัฒนาการกฎหมายไทย. สืบคน้ จาก http://law.dpu.ac.th. ชวาล แพรตั กลุ . “ความหมายของความถนดั ”. พฒั นาวดั ผล. ฉบับที่ 5. หนา้ 1. ชัยวฒั น์ อัตพฒั น์. (2539). ปรชั ญาตะวันตกสมยั ใหม่ 2 Modern Western Philosophy 2 PY332 (PY335). สบื ค้นจาก http://old-book.ru.ac.th/e-book/inside/html/dlbook.asp?code=PY332. กรุงเทพฯ:มหาวทิ ยาลยั รามคําแหง. (วันทส่ี ืบคน้ ข้อมลู 28 มกราคม 2564). ชาติ บุษย์ชญานนท์. อภปิ รชั ญา. สืบคน้ จาก https://cms.pblthai.com/admin/files/ atth/62302901110401/3311100031121_20200510083442.pdf. ชนิ ะพฒั น์ ชื่นแดชุ่ม. (2542). ผลของการใช้กระบวนการเรียนการสอนตามแนวคิดการพัฒนาความสามารถในการ เรยี นร้ขู องไวกอตสกี ท่มี ีต่อทักษะทางภาษาไทยและการกาํ กับตนเองของนักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษา ตอนต้น. ปรญิ ญาดษุ ฎบี ัณฑติ สาขาวิชาหลกั สตู รและการสอน จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. ชษิ ณพุ งษ์ พบิ ูลย์. (2014, December 20) สืบค้นจาก https://dhrammada.wordpress.com /category/western-philosophy. ชุษณะ ปน่ิ เงิน. (2558). แนวคิดความยุตธิ รรมของฌองปอลซาร์ตร. วารสารปณธิ าน. 11 (17), 8 – 24. สบื คน้ จาก http://www.human.cmu.ac.th/home/phil/th/wp-content/uploads/2017/06/y12-09-59- P17-Proof2.pdf. (วันทส่ี ืบค้นข้อมลู 28 มกราคม 2564). ชูกิจ ลมิ ปจิ าํ นงค.์ (2563, มิถุนายน 19). พลกิ วิกฤต‘โควิด’เป็นโอกาส ปรับการจดั การศึกษาคร้ังใหญ่ รบั วถิ นี ิ วนอรม์ ลั . พฒั นาคร.ู แนวหน้า. สบื คน้ จาก https://www.naewna.com/local/500225. ไชยยศ เรอื งสุวรรณ. (2533). เทคโนโลยีการศกึ ษา : ทฤษฎีและการวจิ ยั . กรงุ เทพฯ. โอเดยี นสโตร เซนเตอร.์ (2554). สรปุ ยอ่ พ.ร.บ.คมุ้ ครองเด็ก พ.ศ. 2546 โดยครูเซนเตอร์ (4 ธันวาคม 54). สืบคน้ จาก http://satun.nfe.go.th/satun/111. ไซฟูดิน บากา. (2540). จติ วิทยาสําหรบั ครู (ไซฟูดนิ บากา , 2540) สืบคน้ จาก http://saifudeen007.blogspot.com/p/blog-page_9.html. ญาดา ช่อสงู เนนิ . (2554). การคดิ เชิงเหตผุ ลของเด็กปฐมวัยท่ีได้รับการจดั ประสบการณ์แบบสร้างองคค์ วามรตู้ าม แนวคอนสตรคั ติวสิ ต.์ ปริญญามหาบัณฑิต สาขาการศกึ ษาปฐมวยั มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ. ณรงค์ เสง็ ประชา. (2531). พื้นฐานวัฒนธรรมไทย. กรงุ เทพฯ: โอเดียนสโตร์. ณัฏฐภรณห์ ลาวทอง และปยิ วรรณ วเิ ศษสุวรรณภมู .ิ (2553). การพัฒนาแบบวดั จติ วิญญาณความเป็นครู. วารสาร วธิ ีวทิ ยาการวิจยั , 23(1): 25-54. เดอื น คาํ ดี. (2545). ศาสนศาสตร์. กรงุ เทพฯ: สาํ นกั พิมพ์มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 516
Pages: