Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พุทธวจน (อริยวินัย)

พุทธวจน (อริยวินัย)

Published by Sarapee District Public Library, 2020-06-09 00:16:23

Description: พุทธวจน (อริยวินัย)

Keywords: พุทธวจน,ธรรมะ

Search

Read the Text Version

ภาคผนวก ๔๕๕ อะภหิ ฏั ฐมุ ปะวาเรยยะ, อากงั ขะมาเนนะ ภกิ ขนุ า ทว๎ ติ ตปิ ตั ตะปรู า ปะฏิคคะเหตัพพา; ตะโต เจ อุตตะริง ปะฏิคคัณเหยยะ, ปาจิตติยัง. ทว๎ ติ ตปิ ตั ตะปเู ร ปะฏคิ คะเหตว๎ า ตะโต นหี ะรติ ว๎ า ภกิ ขหู ิ สทั ธงิ สงั วภิ ะชติ พั พงั , อะยงั ตตั ถะ สามจี .ิ ๓๕.โย ปะนะ ภิกขุ ภุตตาวี ปะวาริโต อะนะติริตตัง ขาทะนียัง วา โภชะนยี งั วา ขาเทยยะ วา ภญุ เชยยะ วา, ปาจติ ตยิ งั . ๓๖. โย ปะนะ ภิกขุ ภิกขุง ภุตตาวิง ปะวาริตัง อะนะติริตเตนะ ขาทะนเี ยนะ วา โภชะนเี ยนะ วา อะภหิ ฏั ฐมุ ปะวาเรยยะ “หนั ทะ ภกิ ขุ ขาทะ วา ภญุ ชะ วาติ ชานงั อาสาทะนาเปกโข, ภตุ ตสั ม๎ งิ ปาจติ ตยิ งั . ๓๗.โย ปะนะ ภกิ ขุ วกิ าเล ขาทะนยี งั วา โภชะนยี งั วา ขาเทยยะ วา ภญุ เชยยะ วา, ปาจติ ตยิ งั . ๓๘.โย ปะนะ ภกิ ขุ สนั นธิ กิ าระกงั ขาทะนยี งั วา โภชะนยี งั วา ขาเทยยะ วา ภญุ เชยยะ วา, ปาจติ ตยิ งั . ๓๙.ยานิ โข ปะนะ ตานิ ปะณตี ะโภชะนาน,ิ เสยยะถที งั ; สปั ปิ นะวะนตี งั เตลัง มะธุ ผาณิตัง มัจโฉ มังสัง ขีรัง ทะธิ, โย ปะนะ ภิกขุ เอวะรูปานิ ปะณีตะโภชะนานิ อะคิลาโน อัตตะโน อัตถายะ วิญญาเปต๎วา ภุญเชยยะ, ปาจิตติยัง. ๔๐. โย ปะนะ ภกิ ขุ อะทนิ นงั มขุ ะทว๎ ารงั อาหารงั อาหะเรยยะ อญั ญตั ร๎ ะ อทุ ะกะทนั ตะโปณา, ปาจติ ตยิ งั . โภชะนะวคั โค จะตตุ โถ. ๔๑.โย ปะนะ ภกิ ขุ อะเจละกสั สะ วา ปะรพิ พาชะกสั สะ วา ปะรพิ าชกิ ายะ วา สะหตั ถา ขาทะนยี งั วา โภชะนยี งั วา ทะเทยยะ, ปาจติ ตยิ งั . ๔๒.โย ปะนะ ภกิ ขุ ภกิ ขงุ เอวงั วะเทยยะ “เอหาวโุ ส คามงั วา นคิ ะมงั วา ปณิ ฑายะ ปะวสิ สิ สามาต.ิ ตสั สะ ทาเปตว๎ า วา อะทาเปตว๎ า วา อยุ โยเชยยะ “คจั ฉาวโุ ส, นะ เม ตะยา สทั ธงิ กะถา วา นสิ ชั ชา วา ผาสุ โหต,ิ เอกะกสั สะ เม กะถา วา นิสัชชา วา ผาสุ โหตีติ, เอตะเทวะ ปัจจะยัง กะริต๎วา อะนัญญัง, ปาจิตติยัง.

๔๕๖ ประมวลพระพุทธบญั ญัติ อรยิ วนิ ยั จากพระไตรปฎิ ก ๔๓.โย ปะนะ ภกิ ขุ สะโภชะเน กเุ ล อะนปู ะขชั ชะ นสิ ชั ชงั กปั เปยยะ, ปาจิตติยัง. ๔๔.โย ปะนะ ภิกขุ มาตุคาเมนะ สัทธิง ระโห ปะฏิจฉันเน อาสะเน นสิ ชั ชงั กปั เปยยะ, ปาจติ ตยิ งั . ๔๕.โย ปะนะ ภกิ ขุ มาตคุ าเมนะ สทั ธงิ เอโก เอกายะ ระโห นสิ ชั ชงั กปั เปยยะ, ปาจติ ตยิ งั . ๔๖.โย ปะนะ ภิกขุ นิมันติโต สะภัตโต สะมาโน, สันตัง ภิกขุง อะนาปจุ ฉา ปเุ รภตั ตงั วา ปจั ฉาภตั ตงั วา กเุ ลสุ จารติ ตงั อาปชั เชยยะ อญั ญตั ร๎ ะ สะมะยา, ปาจติ ตยิ งั . ตตั ถายงั สะมะโย: จวี ะระทานะสะมะโย จวี ะระการะสะมะโย, อะยงั ตตั ถะ สะมะโย. ๔๗.อะคิลาเนนะ ภิกขุนา จาตุมาสะปัจจะยะปะวะระณา สาทิตัพพา อญั ญตั ร๎ ะ ปนุ ะปะวาระณายะ, อญั ญตั ร๎ ะ นจิ จะปะวาระณายะ, ตะโต เจ อตุ ตะรงิ สาทเิ ยยยะ, ปาจติ ตยิ งั . ๔๘.โย ปะนะ ภกิ ขุ อยุ ยตุ ตงั เสนงั ทสั สะนายะ คจั เฉยยะ อญั ญตั ร๎ ะ ตะถารปู ะปจั จะยา, ปาจติ ตยิ งั . ๔๙.สิยา จะ ตัสสะ ภิกขุโน โกจิเทวะ ปัจจะโย เสนัง คะมะนายะ, ทว๎ ริ ตั ตะตริ ตั ตงั เตนะ ภกิ ขนุ า เสนายะ วะสติ พั พงั . ตะโต เจ อตุ ตะรงิ วะเสยยะ, ปาจิตติยัง. ๕๐. ทว๎ ริ ตั ตะตริ ตั ตญั เจ ภกิ ขุ เสนายะ วะสะมาโน อยุ โยธกิ งั วา พะลคั คงั วา เสนาพย๎ หู งั วา อะนกี ะทสั สะนงั วา คจั เฉยยะ, ปาจติ ตยิ งั . อะเจละกะวคั โค ปญั จะโม. ๕๑. สรุ าเมระยะปาเน ปาจติ ตยิ งั . ๕๒.องั คลุ ปิ ะโตทะเก ปาจติ ตยิ งั . ๕๓.อทุ ะเก หสั สะธมั เม ปาจติ ตยิ งั . ๕๔.อะนาทะรเิ ย ปาจติ ตยิ งั . ๕๕.โย ปะเน ภกิ ขุ ภกิ ขงุ ภงิ สาเปยยะ,ปาจติ ตยิ งั . ๕๖. โย ปะนะ ภกิ ขุ อะคลิ าโน วสิ วี ะนาเปกโข โชตงิ สะมาทะเหยยะ วา

ภาคผนวก ๔๕๗ สะมาทะหาเปยยะ วา อญั ญตั ร๎ ะ ตะถารปู ะปจั จะยา, ปาจติ ตยิ งั . ๕๗.โย ปะนะ ภกิ ขุ โอเรนฑั ฒะมาสงั นะหาเยยยะ อญั ญตั ร๎ ะ สะมะยา, ปาจิตติยัง. ตัตถายัง สะมะโย: ทิยัฑโฒ มาโส เสโส คิมหานันติ วัสสานัสสะ ปะฐะโม มาโส อิจเจเต อัฑฒะเตยยะมาสา อุณหะสะมะโย ปะริฬาหะสะมะโย คลิ านะสะมะโย กมั มะสะมะโย อทั ธานะคะมะนะสะมะโย วาตะวฏุ ฐสิ ะมะโย. อะยงั ตตั ถะ สะมะโย. ๕๘.นะวมั ปะนะ ภกิ ขนุ า จวี ะระลาเภนะ ตณิ ณงั ทพุ พณั ณะกะระณานงั อัญญะตะรัง ทุพพัณณะกะระณัง อาทาตัพพัง นีลัง วา กัททะมัง วา กาฬะสามงั วา, อะนาทา เจ ภกิ ขุ ตณิ ณงั ทพุ พณั ณะกะระณานงั อญั ญะตะรงั ทพุ พณั ณะกะระณงั นะวงั จวี ะรงั ปรภิ ญุ เชยยะ, ปาจติ ตยิ งั . ๕๙. โย ปะนะ ภิกขุ ภิกขุสสะ วา ภิกขุนิยา วา สิกขะมานายะ วา สามะเณรสั สะ วา สามะเณรยิ า วา สามงั จวี ะรงั วกิ ปั เปตว๎ า อะปจั จทุ ธาระกงั ปะรภิ ญุ เชยยะ, ปาจติ ตยิ งั . ๖๐. โย ปะนะ ภกิ ขุ ภกิ ขสุ สะ ปตั ตงั วา จวี ะรงั วา นสิ ที ะนงั วา สจู ฆิ ะรงั วา กายะพันธะนัง วา อะปะนิเธยยะ วา อะปะนิธาเปยยะ วา อันตะมะโส หสั สาเปกโขป,ิ ปาจติ ตยิ งั . สรุ าปานะวคั โค ฉฏั โฐ. ๖๑. โย ปะนะ ภกิ ขุ สญั จจิ จะ ปาณงั ชวี ติ า โวโรเปยยะ, ปาจติ ตยิ งั . ๖๒.โย ปะนะ ภิกขุ ชานัง สัปปาณะกัง อุทะกัง ปะริภุญเชยยะ, ปาจิตติยัง. ๖๓. โย ปะนะ ภกิ ขุ ชานงั ยะถาธมั มงั นหี ะตาธกิ ะระนงั ปนุ ะกมั มายะ อกุ โกเฏยยะ, ปาจติ ตยิ งั . ๖๔.โย ปะนะ ภกิ ขุ ภกิ ขสุ สะ ชานงั ทฏุ ฐลุ ลงั อาปตั ตงิ ปะฏจิ ฉาเทยยะ, ปาจิตติยัง. ๖๕. โย ปะนะ ภกิ ขุ ชานงั อนู ะวสี ะตวิ สั สงั ปคุ คะลงั อปุ ะสมั ปาเทยยะ, โส จะ ปคุ คะโล อะนปุ ะสมั ปนั โน, เต จะ ภกิ ขู คารยั ห๎ า, อทิ งั ตสั ม๎ งิ ปาจติ ตยิ งั . ๖๖. โย ปะนะ ภิกขุ ชานัง เถยยะสัตเถนะ สัทธิง สังวิธายะ

๔๕๘ ประมวลพระพทุ ธบัญญัติ อรยิ วนิ ยั จากพระไตรปฎิ ก เอกทั ธานะมคั คงั ปะฏปิ ชั เชยยะ อนั ตะมะโส คามนั ตะรมั ป,ิ ปาจติ ตยิ งั . ๖๗.โย ปะนะ ภิกขุ มาตุคาเมนะ สัทธิง สังวิธายะ เอกัทธานะมัคคัง ปะฏปิ ชั เชยยะ อนั ตะมะโส คามนั ตะรมั ป,ิ ปาจติ ตยิ งั . ๖๘. โย ปะนะ ภกิ ขุ เอวงั วะเทยยะ “ตะถาหงั ภะคะวะตา ธมั มงั เทสติ งั อาชานาม;ิ ยะถา เยเม อนั ตะรายกิ า ธมั มา วตุ ตา ภะคะวะตา, เต ปะฏเิ สวะโต นาลงั อนั ตะรายายาต,ิ โส ภกิ ขุ ภกิ ขหู ิ เอวะมสั สะ วะจะนโี ย “มา อายสั ม๎ า เอวงั อะวะจะ, มา ภะคะวนั ตงั อพั ภาจกิ ข;ิ นะ หิ สาธุ ภะคะวะโต อพั ภกั ขานงั , นะ หิ ภะคะวา เอวงั วะเทยยะ; อะเนกะปะรยิ าเยนะ อาวโุ ส อนั ตะรายกิ า ธมั มา วตุ ตา ภะคะวะตา อะลญั จะ ปะนะ เต ปะฏเิ สวะโต อนั ตะรายายาติ เอวญั จะ โส ภกิ ขุ ภกิ ขหู ิ วจุ จะมาโน ตะเถวะ ปคั คณั เหยยะ, โส ภกิ ขุ ภกิ ขหู ิ ยาวะตะตยิ งั สะมะนภุ าสติ พั โพ ตสั สะ ปะฏนิ สิ สคั คายะ; ยาวะตะตยิ ญั เจ สะมะนภุ าสยิ ะมาโน ตงั ปะฏนิ สิ สชั เชยยะ, อจิ เจตงั กสุ ะลงั , โน เจ ปะฎนิ สิ สชั เชยยะ, ปาจติ ตยิ งั . ๖๙. โย ปะนะ ภกิ ขุ ชานงั ตะถาวาทนิ า ภกิ ขนุ า อะกะฏานธุ มั เมนะ ตงั ทฏิ ฐงิ อปั ปะฏนิ สิ สฏั เฐนะ สทั ธงิ สมั ภญุ เชยยะ วา สงั วะเสยยะ วา สะหะ วา เสยยงั กปั เปยยะ, ปาจติ ตยิ งั . ๗๐.สะมะณทุ เทโสปิ เจ เอวงั วะเทยยะ “ตะถาหงั ภะคะวะตา ธมั มงั เทสิตัง อาชานามิ; ยะถา เยเม อันตะรายิกา ธัมมา วุตตา ภะคะวะตา, เต ปะฏเิ สวะโต นาลงั อนั ตะรายายาต,ิ โส สะมะณทุ เทโส ภกิ ขหู ิ เอวะมสั สะ วะจะนโี ย “มา อาวโุ ส สะมะณทุ เทสะ เอวงั อะวะจะ, มา ภะคะวนั ตงั อพั ภาจกิ ข,ิ นะ หิ สาธุ ภะคะวะโต อพั ภกั ขานงั , นะ หิ ภะคะวา เอวงั วะเทยยะ. อะเนกะปะรยิ าเยนะ อาวโุ ส สะมะณทุ เทสะ อนั ตะรายกิ า ธมั มา วตุ ตา ภะคะวะตา, อะลญั จะ ปะนะ เต ปะฏเิ สวะโต อนั ตะรายายาต;ิ เอวญั จะ โส สะมะณทุ เทโส ภกิ ขหู ิ วจุ จะมาโน ตะเถวะ ปัคคัณเหยยะ, โส สะมะณุทเทโส ภิกขูหิ เอวะมัสสะ วะจะนีโย “อชั ชะตคั เค เต อาวโุ ส สะมะณทุ เทสะ นะ เจวะ โส ภะคะวา สตั ถา อะปะทสิ ติ พั โพ; ยมั ปิ จญั เญ สะมะณทุ เทสา ละภนั ติ ภกิ ขหู ิ สทั ธงิ ทว๎ ริ ตั ตะตริ ตั ตงั สะหะเสยยงั , สาปิ เต นัตถิ; จะระ ปิเร วินัสสาติ. โย ปะนะ ภิกขุ ชานัง ตะถานาสิตัง สะมะณทุ เทสงั อปุ ะลาเปยยะ วา อปุ ฏั ฐาเปยยะ วา สมั ภญุ เชยยะ วา สะหะ วา

ภาคผนวก ๔๕๙ เสยยงั กปั เปยยะ, ปาจติ ตยิ งั . สปั ปาณะวคั โค สตั ตะโม. ๗๑.โย ปะนะ ภกิ ขุ ภกิ ขหู ิ สะหะธมั มกิ งั วจุ จะมาโน เอวงั วะเทยยะ ‘นะ ตาวาหงั อาวโุ ส เอตสั ม๎ งิ สกิ ขาปะเท สกิ ขสิ สาม,ิ ยาวะ นญั ญงั ภกิ ขงุ พย๎ ตั ตงั วนิ ะยะธะรงั ปะรปิ จุ ฉามตี ,ิ ปาจติ ตยิ งั . สกิ ขะมาเนนะ ภกิ ขะเว ภกิ ขนุ า อญั ญาตพั พงั ปะรปิ จุ ฉติ พั พงั ปะรปิ ญั หติ พั พงั , อะยงั ตตั ถะ สามจี .ิ ๗๒.โย ปะนะ ภิกขุ ปาฏิโมกเข อุททิสสะมาเน เอวัง วะเทยยะ “กมิ ปะนเิ มหิ ขทุ ทานขุ ทุ ทะเกหิ สกิ ขาปะเทหิ อทุ ทฏิ เฐห,ิ ยาวะเทวะ กกุ กจุ จายะ วเิ หสายะ วเิ ลขายะ สงั วตั ตนั ตตี ,ิ สกิ ขาปะทะววิ ณั ณะนะเก ปาจติ ตยิ งั . ๗๓.โย ปะนะ ภกิ ขุ อนั ว๎ ฑั ฒะมาสงั ปาฏโิ มกเข อทุ ทสิ สะมาเน เอวงั วะเทยยะ “อิทาเนวะ โข อะหัง อาชานามิ ‘อะยัมปิ กิระ ธัมโม สุตตาคะโต สตุ ตะปะรยิ าปนั โน อนั ว๎ ฑั ฒะมาสงั อทุ เทสงั อาคจั ฉะตตี ;ิ ตญั เจ ภกิ ขงุ อญั เญ ภิกขู ชาเนยยุง “นิสินนะปุพพัง อิมินา ภิกขุนา ท๎วิตติกขัตตุง ปาฏิโมกเข อทุ ทสิ สะมาเน โก ปะนะ วาโท ภยิ โยต,ิ นะ จะ ตสั สะ ภกิ ขโุ น อญั ญาณะเกนะ มตุ ติ อตั ถ,ิ ยญั จะ ตตั ถะ อาปตั ตงิ อาปนั โน, ตญั จะ ยะถาธมั โม กาเรตพั โพ; อตุ ตะรญิ จสั สะ โมโห อาโรเปตพั โพ “ตสั สะ เต อาวโุ ส อะลาภา, ตสั สะ เต ทุลลัทธัง; ยัง ตะวัง ปาฏิโมกเข อุททิสสะมาเน นะ สาธุกัง อัฏฐิกัต๎วา มะนะสกิ ะโรสตี ;ิ อทิ งั ตสั ม๎ งิ โมหะนะเก ปาจติ ตยิ งั . ๗๔.โย ปะนะ ภกิ ขุ ภกิ ขสุ สะ กปุ โิ ต อะนตั ตะมะโน ปะหารงั ทะเทยยะ, ปาจิตติยัง. ๗๕.โย ปะนะ ภิกขุ ภิกขุสสะ กุปิโต อะนัตตะมะโน ตะละสัตติกัง อคุ คเิ รยยะ, ปาจติ ตยิ งั . ๗๖.โย ปะนะ ภกิ ขุ ภกิ ขงุ อะมลู ะเกนะ สงั ฆาทเิ สเสนะ อะนทุ ธงั เสยยะ, ปาจิตติยัง. ๗๗.โย ปะนะ ภกิ ขุ ภกิ ขสุ สะ สญั จจิ จะ กกุ กจุ จงั อปุ ะทะเหยยะ “อติ สิ สะ มหุ ตุ ตมั ปิ อะผาสุ ภะวสิ สะตตี ิ เอตะเทวะ ปจั จะยงั กะรติ ว๎ า อะนญั ญงั , ปาจติ ตยิ งั . ๗๘.โย ปะนะ ภิกขุ ภิกขูนัง ภัณฑะนะชาตานัง กะละหะชาตานัง

๔๖๐ ประมวลพระพุทธบญั ญตั ิ อรยิ วนิ ยั จากพระไตรปฎิ ก ววิ าทาปนั นานงั อปุ สั สตุ งิ ตฏิ เฐยยะ “ยงั อเิ ม ภะณสิ สนั ต,ิ ตงั โสสสามตี ิ เอตะเทวะ ปจั จะยงั กะรติ ว๎ า อะนญั ญงั , ปาจติ ตยิ งั . ๗๙.โย ปะนะ ภิกขุ ธัมมิกานัง กัมมานัง ฉันทัง ทัต๎วา ปัจฉา ขยิ ยะนะธมั มงั อาปชั เชยยะ, ปาจติ ตยิ งั . ๘๐. โย ปะนะ ภิกขุ สังเฆ วินิจฉะยะกาถายะ วัตตะมานายะ ฉันทัง อะทตั ว๎ า อฏุ ฐายาสะนา ปกั กะเมยยะ, ปาจติ ตยิ งั . ๘๑. โย ปะนะ ภิกขุ สะมัคเคนะ สังเฆนะ จีวะรัง ทัต๎วา ปัจฉา ขยิ ยะนะธมั มงั อาปชั เชยยะ “ยะถาสนั ถตุ งั ภกิ ขู สงั ฆกิ งั ลาภงั ปะรณิ าเมนตตี ,ิ ปาจิตติยัง. ๘๒.โย ปะนะ ภิกขุ ชานัง สังฆิกัง ลาภัง ปะริณะตัง ปุคคะลัสสะ ปะรณิ าเมยยะ, ปาจติ ตยิ งั . สะหะธมั มกิ ะวคั โค อฏั ฐะโม. ๘๓.โย ปะนะ ภิกขุ รัญโญ ขัตติยัสสะ มุทธาภิสิตตัสสะ อะนิกขันตะราชะเก อะนิคคะตะระตะนะเก ปุพเพ อัปปะติสังวิทิโต อินทะขีลัง อะตกิ กาเมยยะ, ปาจติ ตยิ งั . ๘๔.โย ปะนะ ภิกขุ ระตะนัง วา ระตะนะสัมมะตัง วา อัญญัต๎ระ อัชฌารามา วา อัชฌาวะสะถา วา อุคคัณเหยยะ วา อุคคัณหาเปยยะ วา, ปาจิตติยัง. ระตะนัง วา ปะนะ ภิกขุนา ระตะนะสัมมะตัง วา อัชฌาราเม วา อัชฌาวะสะเถ วา อุคคะเหต๎วา วา อุคคัณหาเปต๎วา วา นิกขิปิตัพพัง “ยัสสะ ภะวสิ สะติ โส หะรสิ สะตตี :ิ อะยงั ตตั ถะ สามจี .ิ ๘๕.โย ปะนะ ภกิ ขุ สนั ตงั ภกิ ขงุ อะนาปจุ ฉา วกิ าเล คามงั ปะวเิ สยยะ, อญั ญตั ร๎ ะ ตะถารปู า อจั จายกิ า กะระณยี า, ปาจติ ตยิ งั . ๘๖. โย ปะนะ ภกิ ขุ อฎั ฐมิ ะยงั วา ทนั ตะมะยงั วา วสิ าณะมะยงั วา สจู ฆิ ะรงั การาเปยยะ, เภทะนะกงั ปาจติ ตยิ งั . ๘๗.นะวัมปะนะ ภิกขุนา มัญจัง วา ปีฐัง วา การะยะมาเนนะ อฎั ฐงั คลุ ะปาทะกงั กาเรตพั พงั สคุ ะตงั คเุ ลนะ อญั ญตั ร๎ ะ เหฏฐมิ ายะ อะฏะนยิ า, ตงั อะตกิ กามะยะโต เฉทะนะกงั ปาจติ ตยิ งั .

ภาคผนวก ๔๖๑ ๘๘.โย ปะนะ ภกิ ขุ มญั จงั วา ปฐี งั วา ตโู ลนทั ธงั การาเปยยะ, อทุ ทาละนะกงั ปาจติ ตยิ งั . ๘๙. นสิ ที ะนมั ปะนะ ภกิ ขนุ า การะยะมาเนนะ ปะมาณกิ งั กาเรตพั พงั ; ตตั ร๎ ทิ งั ปะมาณงั : ทฆี ะโส เทว๎ วทิ ตั ถโิ ย สคุ ะตะวทิ ตั ถยิ า, ตริ ยิ งั ทยิ ฑั ฒงั , ทะสา วทิ ตั ถ,ิ ตงั อะตกิ กามะยะโต เฉทะนะกงั ปาจติ ตยิ งั . ๙๐. กัณฑุปะฏิจฉาทิง ปะนะ ภิกขุนา การะยะมาเนนะ ปะมาณิกา กาเรตพั พา; ตตั ร๎ ทิ งั ปะมาณงั : ทฆี ะโส จะตสั โส วทิ ตั ถโิ ย สคุ ะตะวทิ ตั ถยิ า ตริ ยิ งั เทว๎ วทิ ตั ถโิ ย, ตงั อะตกิ กามะยะโต เฉทะนะกงั ปาจติ ตยิ งั . ๙๑. วัสสิกะสาฏิกัง ปะนะ ภิกขุนา การะยะมาเนนะ ปะมาณิกา กาเรตัพพา; ตัต๎ริทัง ปะมาณัง: ทีฆะโส ฉะ วิทัตถิโย สุคะตะวิทัตถิยา ติริยัง อฑั ฒะเตยยา, ตงั อะตกิ กามะยะโต เฉทะนะกงั ปาจติ ตยิ งั . ๙๒.โย ปะนะ ภกิ ขุ สคุ ะตะจวี ะรปั ปะมาณงั จวี ะรงั การาเปยยะ อะตเิ รกงั วา, เฉทะนะกงั ปาจติ ตยิ งั . ตตั ร๎ ทิ งั สคุ ะตสั สะ สคุ ะตะจวี ะรปั ปะมาณงั : ทฆี ะโส นะวะ วทิ ตั ถโิ ย สคุ ะตะวทิ ตั ถยิ า ตริ ยิ งั ฉะ วทิ ตั ถโิ ย, อทิ งั สคุ ะตสั สะ สุคะตะจีวะรัปปะมาณัง. ระตะนะวคั โค นะวะโม. อทุ ทฏิ ฐา โข อายสั ม๎ นั โต เทว๎ นะวตุ ิ ปาจติ ตยิ า ธมั มา. ตตั ถายสั ม๎ นั เต ปุจฉามิ: กัจจิตถะ ปะริสุทธา? ทตุ ยิ มั ปิ ปุจฉามิ: กัจจิตถะ ปะริสุทธา? ตะติยัมปิ ปุจฉามิ: กจั จิตถะ ปะริสุทธา? ปะรสิ ทุ เธตถายสั ม๎ นั โต, ตสั ม๎ า ตณุ ห๎ ,ี เอวะเมตงั ธาระยาม.ิ ปาจติ ตยิ า นฏิ ฐติ า. อิเม โข ปะนายัส๎มันโต จัตตาโร ปาฏิเทสะนียา ธัมมา อุทเทสัง อาคัจฉันติ. ๑. โย ปะนะ ภกิ ขุ อญั ญาตกิ ายะ ภกิ ขนุ ยิ า อนั ตะระฆะรงั ปะวฏิ ฐายะ หตั ถะโต ขาทะนยี งั วา โภชะนยี งั วา สะหตั ถา ปะฏคิ คะเหตว๎ า ขาเทยยะ วา

๔๖๒ ประมวลพระพุทธบญั ญตั ิ อรยิ วนิ ยั จากพระไตรปฎิ ก ภญุ เชยยะ วา, ปะฏเิ ทเสตพั พงั เตนะ ภกิ ขนุ า “คารยั ห๎ งั อาวโุ ส ธมั มงั อาปชั ชงิ อะสปั ปายงั ปาฏเิ ทสะนยี งั , ตงั ปะฏเิ ทเสมตี .ิ ๒. ภิกขู ปะเนวะ กุเลสุ นิมันติตา ภุญชันติ, ตัต๎ระ เจ ภิกขุนี โวสาสะมานะรปู า ฐติ า โหติ “อธิ ะ สปู งั เทถะ, อธิ ะ โอทะนงั เทถาต,ิ เตหิ ภกิ ขหู ิ สา ภกิ ขนุ ี อะปะสาเทตพั พา “อะปะสกั กะ ตาวะ ภะคนิ ,ิ ยาวะ ภกิ ขู ภญุ ชนั ตตี :ิ เอกสั สะปิ เจ ภกิ ขโุ น นปั ปะฏภิ าเสยยะ ตงั ภกิ ขนุ งิ อะปะสาเทตงุ “อะปะสกั กะ ตาวะ ภะคนิ ,ิ ยาวะ ภกิ ขู ภญุ ชนั ตตี ,ิ ปะฏเิ ทเสตพั พงั เตหิ ภกิ ขหู ิ “คารยั ห๎ งั อาวโุ ส ธมั มงั อาปชั ชมิ หา อะสปั ปายงั ปาฏเิ ทสะนยี งั , ตงั ปะฏเิ ทเสมาต.ิ ๓. ยานิ โข ปะนะ ตานิ เสกขะสัมมะตานิ กุลานิ, โย ปะนะ ภิกขุ ตะถารเู ปสุ เสกขะสมั มะเตสุ กเุ ลสุ ปพุ เพ อะนมิ นั ตโิ ต อะคลิ าโน ขาทะนยี งั วา โภชะนียัง วา สะหัตถา ปะฏิคคะเหต๎วา ขาเทยยะ วา ภุญเชยยะ วา, ปะฏเิ ทเสตพั พงั เตนะ ภกิ ขนุ า “คารยั ห๎ งั อาวโุ ส ธมั มงั อาปชั ชงิ อะสปั ปายงั ปาฏเิ ทสะนยี งั , ตงั ปะฏเิ ทเสมตี .ิ ๔. ยานิ โข ปะนะ ตานิ อารญั ญะกานิ เสนาสะนานิ สาสงั กะสมั มะตานิ สัปปะฏิภะยานิ, โย ปะนะ ภิกขุ ตะถารูเปสุ เสนาสะเนสุ วิหะรันโต ปุพเพ อปั ปะฏสิ งั วทิ ติ งั ขาทะนยี งั วา โภชะนยี งั วา อชั ฌาราเม สะหตั ถา ปะฏคิ คะเหตว๎ า อะคลิ าโน ขาเทยยะ วา ภญุ เชยยะ วา, ปะฏเิ ทเสตพั พงั เตนะ ภกิ ขนุ า “คารยั ห๎ งั อาวโุ ส ธมั มงั อาปชั ชงิ อะสปั ปายงั ปาฏเิ ทสะนยี งั , ตงั ปะฏเิ ทเสมตี .ิ อทุ ทฏิ ฐา โข อายสั ม๎ นั โต จตั ตาโร ปาฏเิ ทสะนยี า ธมั มา. ตตั ถายสั ม๎ นั เต ปุจฉามิ: กจั จิตถะ ปะริสุทธา? ทตุ ยิ มั ปิ ปุจฉามิ: กัจจิตถะ ปะริสุทธา? ตะติยัมปิ ปุจฉามิ: กัจจิตถะ ปะริสุทธา? ปะรสิ ทุ เธตถายสั ม๎ นั โต, ตสั ม๎ า ตณุ ห๎ ,ี เอวะเมตงั ธาระยาม.ิ ปาฏเิ ทสะนยี า นฏิ ฐติ า. อิเม โข ปะนายัส๎มันโต (ปัญจะสัตตะติ) เสขิยา ธัมมา อุทเทสัง อาคัจฉันติ.

ภาคผนวก ๔๖๓ ๑. “ปะรมิ ณั ฑะลงั นวิ าเสสสามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๒. “ปะรมิ ณั ฑะลงั ปารปุ สิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๓. “สปุ ะฏจิ ฉนั โน อนั ตะระฆะเร คะมสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๔. “สปุ ะฏจิ ฉนั โน อนั ตะระฆะเร นสิ ที สิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๕. “สสุ งั วโุ ต อนั ตะระฆะเร คะมสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๖. “สสุ งั วโุ ต อนั ตะระฆะเร นสิ ที สิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๗. “โอกขติ ตะจกั ขุ อนั ตะระฆะเร คะมสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๘. “โอกขติ ตะจกั ขุ อนั ตะระฆะเร นสิ ที สิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๙. “นะ อกุ ขติ ตะกายะ อนั ตะระฆะเร คะมสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๐. “นะ อกุ ขติ ตะกายะ อนั ตะระฆะเร นสิ ที สิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๑. “นะ อชุ ชคั ฆกิ ายะ อนั ตะระฆะเร คะมสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๒.“นะ อชุ ชคั ฆกิ ายะ อนั ตะระฆะเร นสิ ที สิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๓.“อปั ปะสทั โท อนั ตะระฆะเร คะมสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๔.“อปั ปะสทั โท อนั ตะระฆะเร นสิ ที สิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๕. “นะ กายปั ปะจาละกงั อนั ตะระฆะเร คะมสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๖. “นะ กายปั ปะจาละกงั อนั ตะระฆะเร นสิ ที สิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๗.“นะ พาหปุ ปะจาละกงั อนั ตะระฆะเร คะมสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๘. “นะ พาหปุ ปะจาละกงั อนั ตะระฆะเร นสิ ที สิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๙. “นะ สสี ปั ปะจาละกงั อนั ตะระฆะเร คะมสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๒๐.“นะ สสี ปั ปะจาละกงั อนั ตะระฆะเร นสิ ที สิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๒๑.“นะ ขมั ภะกะโต อนั ตะระฆะเร คะมสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๒๒.”นะ ขมั ภะกะโต อนั ตะระฆะเร นสิ ที สิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๒๓.”นะ โอคณุ ฐโิ ต อนั ตะระฆะเร คะมสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๒๔.”นะ โอคณุ ฐโิ ต อนั ตะระฆะเร นสิ ที สิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๒๕.”นะ อกุ กฏุ กิ ายะ อนั ตะระฆะเร คะมสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๒๖.“นะ ปลั ลตั ถกิ ายะ อนั ตะระฆะเร นสิ ที สิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ฉพั พสี ะติ สารปุ ปา.

๔๖๔ ประมวลพระพทุ ธบัญญตั ิ อรยิ วนิ ยั จากพระไตรปฎิ ก ๑. “สกั กจั จงั ปณิ ฑะปาตงั ปะฏคิ คะเหสสามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๒. “ปตั ตะสญั ญี ปณิ ฑะปาตงั ปะฏคิ คะเหสสามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๓. “สะมะสปู ะกงั ปณิ ฑะปาตงั ปะฏคิ คะเหสสามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๔. “สะมะตติ ตกิ งั ปณิ ฑะปาตงั ปะฏคิ คะเหสสามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๕. “สกั กจั จงั ปณิ ฑะปาตงั ภญุ ชสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๖. “ปตั ตะสญั ญี ปณิ ฑะปาตงั ภญุ ชสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๗. “สะปะทานงั ปณิ ฑะปาตงั ภญุ ชสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๘. “สะมะสปู ะกงั ปณิ ฑะปาตงั ภญุ ชสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๙. “นะ ถูปะโต โอมัททิต๎วา ปิณฑะปาตัง ภุญชิสสามีติ สิกขา กะระณียา. ๑๐. “นะ สปู งั วา พย๎ ญั ชะนงั วา โอทะเนนะ ปะฏจิ ฉาเทสสามิ ภยิ โยกมั ย๎ ะตงั อปุ าทายาติ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๑. “นะ สปู งั วา โอทะนงั วา อะคลิ าโน อตั ตะโน อตั ถายะ วญิ ญาเปตว๎ า ภญุ ชสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๒.“นะ อชุ ฌานะสญั ญี ปะเรสงั ปตั ตงั โอโลเกสสามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๓.“นาตมิ ะหนั ตงั กะวะฬงั กะรสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๔.“ปะรมิ ณั ฑะลงั อาโลปงั กะรสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๕. “นะ อะนาหะเฏ กะวะเฬ มขุ ะทว๎ ารงั ววิ ะรสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๖. “นะ ภญุ ชะมาโน สพั พงั หตั ถงั มเุ ข ปกั ขปิ สิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๗.“นะ สะกะวะเฬนะ มเุ ขนะ พย๎ าหะรสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๘. “นะ ปณิ ฑกุ เขปะกงั ภญุ ชสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๙. “นะ กะวะฬาวจั เฉทะกงั ภญุ ชสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๒๐.“นะ อะวะคณั ฑะการะกงั ภญุ ชสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๒๑.“นะ หตั ถะนทิ ธนู ะกงั ภญุ ชสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๒๒.”นะ สติ ถาวะการะกงั ภญุ ชสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๒๓.“นะ ชวิ หานจิ ฉาระกงั ภญุ ชสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๒๔.“นะ จะปจุ ะปกุ าระกงั ภญุ ชสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า.

ภาคผนวก ๔๖๕ ๒๕.“นะ สรุ สุ รุ กุ าระกงั ภญุ ชสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๒๖.“นะ หตั ถะนลิ เลหะกงั ภญุ ชสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๒๗.”นะ ปตั ตะนลิ เลหะกงั ภญุ ชสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๒๘.“นะ โอฏฐะนลิ เลหะกงั ภญุ ชสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๒๙.“นะ สามเิ สนะ หตั เถนะ ปานยี ะถาละกงั ปะฏคิ คะเหสสามตี ิ สกิ ขา กะระณียา. ๓๐. “นะ สะสติ ถะกงั ปตั ตะโธวะนงั อนั ตะระฆะเร ฉฑั เฑสสามตี ิ สกิ ขา กะระณียา. สะมะตงิ สะ โภชะนะปะฏสิ งั ยตุ ตา. ๑. “นะ ฉัตตะปาณิสสะ อะคิลานัสสะ ธัมมัง เทสิสสามีติ สิกขา กะระณียา. ๒. “นะ ทัณฑะปาณิสสะ อะคิลานัสสะ ธัมมัง เทสิสสามีติ สิกขา กะระณียา. ๓. “นะ สัตถะปาณิสสะ อะคิลานัสสะ ธัมมัง เทสิสสามีติ สิกขา กะระณียา. ๔. “นะ อาวุธะปาณิสสะ อะคิลานัสสะ ธัมมัง เทสิสสามีติ สิกขา กะระณียา. ๕. “นะ ปาทุการูฬ๎หัสสะ อะคิลานัสสะ ธัมมัง เทสิสสามีติ สิกขา กะระณียา. ๖. “นะ อุปาหะนารูฬ๎หัสสะ อะคิลานัสสะ ธัมมัง เทสิสสามีติ สิกขา กะระณียา. ๗. “นะ ยานะคะตสั สะ อะคลิ านสั สะ ธมั มงั เทสสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า ๘. “นะ สะยะนะคะตัสสะ อะคิลานัสสะ ธัมมัง เทสิสสามีติ สิกขา กะระณียา. ๙. “นะ ปลั ลตั ถกิ ายะ นสิ นิ นสั สะ อะคลิ านสั สะ ธมั มงั เทสสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณียา. ๑๐. “นะ เวฏฐิตะสีสัสสะ อะคิลานัสสะ ธัมมัง เทสิสสามีติ สิกขา

๔๖๖ ประมวลพระพุทธบญั ญตั ิ อรยิ วนิ ยั จากพระไตรปฎิ ก กะระณียา. ๑๑. “นะ โอคุณฐิตะสีสัสสะ อะคิลานัสสะ ธัมมัง เทสิสสามีติ สิกขา กะระณียา. ๑๒.“นะ ฉะมายงั นสิ ที ติ ว๎ า อาสะเน นสิ นิ นสั สะ อะคลิ านสั สะ ธมั มงั เทสสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๓.“นะ นเี จ อาสะเน นสิ ที ติ ว๎ า อจุ เจ อาสะเน นสิ นิ นสั สะ อะคลิ านสั สะ ธมั มงั เทสสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๔.“นะ ฐิโต นิสินนัสสะ อะคิลานัสสะ ธัมมัง เทสิสสามีติ สิกขา กะระณียา. ๑๕. “นะ ปจั ฉะโต คจั ฉนั โต ปรุ ะโต คจั ฉนั ตสั สะ อะคลิ านสั สะ ธมั มงั เทสสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๑๖. “นะ อปุ ปะเถนะ คจั ฉนั โต ปะเถนะ คจั ฉนั ตสั สะ อะคลิ านสั สะ ธมั มงั เทสสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. โสฬะสะ ธมั มะเทสะนาปะฏสิ งั ยตุ ตา. ๑. “นะ ฐโิ ต อะคลิ าโน อจุ จารงั วา ปสั สาวงั วา กะรสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณียา. ๒. “นะ หะรเิ ต อะคลิ าโน อจุ จารงั วา ปสั สาวงั วา เขฬงั วา กะรสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ๓. “นะ อทุ ะเก อะคลิ าโน อจุ จารงั วา ปสั สาวงั วา เขฬงั วา กะรสิ สามตี ิ สกิ ขา กะระณยี า. ตะโย ปะกณิ ณะกา. อทุ ทฏิ ฐา โข อายสั ม๎ นั โต (ปญั จะสตั ตะต)ิ เสขยิ า ธมั มา. ตตั ถายสั ม๎ นั เต ปุจฉามิ: กัจจิตถะ ปะริสุทธา? ทตุ ยิ มั ปิ ปุจฉามิ. กัจจิตถะ ปะริสุทธา? ตะติยัมปิ ปุจฉามิ. กัจจิตถะ ปะริสุทธา? ปะรสิ ทุ เธตถายสั ม๎ นั โต, ตสั ม๎ า ตณุ ห๎ ,ี เอวะเมตงั ธาระยาม.ิ เสขยิ า นฏิ ฐติ า.

ภาคผนวก ๔๖๗ อิเม โข ปะนายัส๎มันโต สัตตาธิกะระณะสะมะถา ธัมมา อุทเทสัง อาคัจฉันติ. อุปปันนุปปันนานัง อะธิกะระณานัง สะมะถายะ วูปะสะมายะ สัมมุขาวินะโย ทาตัพโพ, สะติวินะโย ทาตัพโพ, อะมูฬ๎หะวินะโย ทาตัพโพ, ปะฏญิ ญาตะกะระณงั , เยภยุ ยะสกิ า, ตสั สะ ปาปยิ ะสกิ า, ตณิ ะวตั ถาระโกต.ิ อทุ ทฏิ ฐา โข อายสั ม๎ นั โต สตั ตาธกิ ะระณะสะมะถา ธมั มา. ตตั ถายสั ม๎ นั เต ปุจฉามิ: กัจจิตถะ ปะริสุทธา? ทตุ ยิ มั ปิ ปุจฉามิ: กัจจิตถะ ปะริสุทธา? ตะติยัมปิ ปุจฉามิ: กัจจิตถะ ปะริสุทธา? ปะรสิ ทุ เธตถายสั ม๎ นั โต, ตสั ม๎ า ตณุ ห๎ ,ี เอวะเมตงั ธาระยาม.ิ สตั ตาธกิ ะระณะสะมะถา นฏิ ฐติ า. อทุ ทฏิ ฐงั โข อายสั ม๎ นั โต นทิ านงั . อทุ ทฏิ ฐา จตั ตาโร ปาราชกิ า ธมั มา. อทุ ทฏิ ฐา เตระสะ สงั ฆาทเิ สสา ธมั มา. อทุ ทฏิ ฐา เทว๎ อะนยิ ะตา ธมั มา. อทุ ทฏิ ฐา ตงิ สะ นสิ สคั คยิ า ปาจติ ตยิ า ธมั มา. อทุ ทฏิ ฐา เทว๎ นะวตุ ิ ปาจติ ตยิ า ธมั มา. อทุ ทฏิ ฐา จตั ตาโร ปาฏเิ ทสะนยี า ธมั มา. อทุ ทฏิ ฐา (ปญั จะสตั ตะต)ิ เสขยิ า ธมั มา. อทุ ทฏิ ฐา สตั ตาธกิ ะระณะสะมะถา ธมั มา. เอตตะกันตัสสะ ภะคะวะโต สุตตาคะตัง สุตตะปะริยาปันนัง อนั ว๎ ฑั ฒะมาสงั อทุ เทสงั อาคจั ฉะต.ิ ตัตถะ สัพเพเหวะ สะมัคเคหิ สัมโมทะมาเนหิ อะวิวะทะมาเนหิ สิกขิตัพพันติ. ภกิ ขปุ าฏโิ มกขงั นฏิ ฐติ งั .

๔๖๘ ประมวลพระพทุ ธบญั ญัติ อรยิ วนิ ยั จากพระไตรปฎิ ก ปวารณา ภิกษุผู้ฉลาด สามารถ พึงตั้งบุพพกรณ์ และบุพพกิจในวันปวารณา ตามวธิ เี ปลย่ี นดงั กลา่ วแลว้ ในบพุ พกรณ์ และบพุ พกจิ อโุ บสถ ซง่ึ อยใู่ นหนา้ ๔๒๘ สงั ฆปวารณา (มภี กิ ษตุ ง้ั แต่ ๕ รปู ขน้ึ ไป พงึ ตง้ั ญตั ติ ดงั นว้ี า่ )* \"สณุ าตุ เม ภนั เต สงั โฆ , อชั ชะ ปะวาระณา ยะทิ สงั ฆสั สะ ปตั ตะกลั ลงั , สงั โฆ ปะวาเรยยะ.\" \"ทา่ นเจา้ ขา้ ขอสงฆจ์ งฟงั ขา้ พเจา้ วนั นเ้ี ปน็ วนั ปวารณา ถา้ ความ พรง่ั พรอ้ มของสงฆถ์ งึ ทแ่ี ลว้ สงฆพ์ งึ ปวารณา.\" ภกิ ษผุ เู้ ถระพงึ หม่ ผา้ อตุ ราสงคเ์ ฉวยี งบา่ นง่ั กระโหยง่ ประคองอญั ชลี แลว้ กลา่ วปวารณาอยา่ งน้ี วา่ ดงั น:้ี - สงั ฆงั อาวโุ ส ปะวาเรมิ ทฏิ เฐนะ วา สเุ ตนะ วา ปะรสิ งั กายะ วา, วะทนั ตุ มงั อายสั ม๎ นั โต อะนกุ มั ปงั อปุ าทายะ, ปสั สนั โต ปะฏกิ กะรสิ สาม.ิ ทตุ ยิ มั ปิ อาวโุ ส สงั ฆงั ปะวาเรมิ ทฏิ เฐนะ วา สเุ ตนะ วา ปะรสิ งั กายะ วา, วะทนั ตุ มงั อายสั ม๎ นั โต อะนกุ มั ปงั อปุ าทายะ, ปสั สนั โต ปะฏกิ กะรสิ สาม.ิ ตะตยิ มั ปิ อาวโุ ส สงั ฆงั ปะวาเรมิ ทฏิ เฐนะ วา สเุ ตนะ วา ปะรสิ งั กายะ วา, วะทนั ตุ มงั อายสั ม๎ นั โต อะนกุ มั ปงั อปุ าทายะ, ปสั สนั โต ปะฏิกกะริสสามิ. ภกิ ษผุ นู้ วกะพงึ หม่ ผา้ อตุ ราสงคเ์ ฉวยี งบา่ นง่ั กระโหยง่ ประคองอญั ชลี แลว้ กลา่ วปวารณา (เชน่ เดยี วกนั โดยเปลย่ี นคำวา่ อาวโุ ส เปน็ ภนั เต) คณะปวารณา (มภี กิ ษุ ๔ รปู หรอื ๓ รปู ) ภกิ ษุ ๔ รปู พงึ ตง้ั ญตั ติ ดงั นว้ี า่ สณุ นั ตุ เม อายสั ม๎ นั โต, อชั ชะ ปะวาระณา ยะทายสั ม๎ นั ตานงั ปตั ตะกลั ลงั , มะยงั อญั ญะมญั ญงั ปะวาเรยยามะ. (ถา้ มภี กิ ษุ ๓ รปู ใหเ้ ปลย่ี นคำวา่ อายสั ม๎ นั โต เปน็ อายสั ม๎ นั ตา) * คำบาลที ใ่ี ชเ้ หลา่ นน้ี ำมาจาก คมั ภรี ม์ หาวรรค ภาค ๑ พระไตรปฏิ กบาลสี ยามรฐั เลม่ ๔ ขอ้ ๒๒๕ หนา้ ๓๑๒ โดยตรง

ภาคผนวก ๔๖๙ ภกิ ษผุ เู้ ถระพงึ หม่ ผา้ อตุ ราสงคเ์ ฉวยี งบา่ นง่ั กระโหยง่ ประคองอญั ชลี แลว้ กลา่ วปวารณาอยา่ งน้ี วา่ ดงั น:้ี - อะหงั อาวโุ ส อายสั ม๎ นั เต ปะวาเรมิ ทฏิ เฐนะ วา สเุ ตนะ วา.... ..............ฯลฯ.........................................ปะฏิกกะริสสามิ, ทตุ ยิ มั ปิ อาวโุ ส อายสั ม๎ นั เต...... ปะฏกิ กะรสิ สาม,ิ ตะตยิ มั ปิ อาวโุ ส อายสั ม๎ นั เต...... ปะฏกิ กะรสิ สามิ ภกิ ษผุ นู้ วกะพงึ หม่ ผา้ อตุ ราสงคเ์ ฉวยี งบา่ นง่ั กระโหยง่ ประคองอญั ชลี แลว้ กลา่ วปวารณา (เชน่ เดยี วกนั โดยเปลย่ี นคำวา่ อาวโุ ส เปน็ ภนั เต) คณะปวารณา (มภี กิ ษุ ๒ รปู ) ดกู อ่ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย กแ็ ลภกิ ษทุ ง้ั สองพงึ ปวารณาอยา่ งน:้ี - ภิกษุผู้เถระพึงห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า นั่งกระโหย่ง ประคองอัญชลี แลว้ กลา่ วคำปวารณาตอ่ ภกิ ษผุ นู้ วกะอยา่ งน้ี วา่ ดงั น:้ี - อะหงั อาวโุ ส อายสั ม๎ นั ตงั ..........ฯลฯ............ปะฏกิ กะรสิ สาม,ิ ทตุ ยิ มั ปิ อาวโุ ส อายสั ม๎ นั ตงั ..........ฯลฯ............ปะฏกิ กะรสิ สาม,ิ ตะตยิ มั ปิ อาวโุ ส อายสั ม๎ นั ตงั ..........ฯลฯ............ปะฏกิ กะรสิ สาม,ิ ภกิ ษผุ นู้ วกะพงึ หม่ ผา้ อตุ ราสงคเ์ ฉวยี งบา่ นง่ั กระโหยง่ ประคองอญั ชลี แลว้ กลา่ วคำปวารณาตอ่ ภกิ ษผุ เู้ ถระ (เชน่ กนั โดยเปลย่ี นคำวา่ อาวโุ ส เปน็ ภนั เต) อธษิ ฐานปวารณา (มภี กิ ษรุ ปู เดยี ว) ดกู อ่ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย กใ็ นอาวาสแหง่ หนง่ึ ถงึ วนั ปวารณา มภี กิ ษใุ น ศาสนานอ้ี ยรู่ ปู เดยี ว. ภกิ ษนุ น้ั พงึ กวาดสถานทเ่ี ปน็ ทไ่ี ปมาแหง่ ภกิ ษทุ ง้ั หลาย คอื จะเปน็ โรงฉนั มณฑปหรอื โคนตน้ ไม้ กต็ าม แลว้ จดั ตง้ั นำ้ ฉนั นำ้ ใชไ้ ว้ ปอู าสนะ ตามประทปี แลว้ นง่ั รออย.ู่ หากมีภิกษุเหล่าอื่นมา พึงปวารณาร่วมกับพวกเธอ หากไมม่ มี าพงึ อธษิ ฐานวา่ \"อชั ชะ เม ปะวาระณา. ปวารณาของเราวนั น”้ี หากไมอ่ ธษิ ฐาน ตอ้ งอาบตั ทิ กุ กฏ.

๔๗๐ ประมวลพระพทุ ธบญั ญตั ิ อรยิ วนิ ยั จากพระไตรปฎิ ก กรรมวาจากฐิน คำถวายผา้ กฐนิ อิมัง ภันเต, สะปะริวารัง, กะฐินะจีวะระทุสสัง, สังฆัสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, สังโฆ, อิมัง, สะปะริวารัง, กะฐินะทุสสัง ปะฏิคคัณหาตุ, ปะฏิคคะเหต๎วา จะ, อิมินา ทุสเสนะ, กะฐินัง, อัตถะระตุ, อมั หากงั , ทฆี ะรตั ตงั หติ ายะ สขุ ายะ. ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้ากฐินจีวร กับทั้งบริวารนี้ แด่พระสงฆ์ ขอพระสงฆ์จงรับผ้ากฐินกับทั้งบริวารนี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย รับแล้ว จงกรานกฐิน ด้วยผ้านี้ เพื่อประโยชน์ และความสขุ แกข่ า้ พเจา้ ทง้ั หลาย สน้ิ กาลนาน เทอญ. คำอปโลกน์กฐิน รปู ท่ี ๑ ผ้ากฐินทาน กับทั้งผ้าอานิสังสบริวารทั้งปวงนี้ เป็นของ............... พรอ้ มดว้ ย ....................ผปู้ ระกอบดว้ ยศรทั ธาอตุ สาหะ พรอ้ มเพรยี งกนั นำมา ถวายแดพ่ ระภกิ ษสุ งฆ์ ผอู้ ยจู่ ำพรรษาถว้ นไตรมาสในอาวาสน้ี ก็แล ผ้ากฐินทานนี้ เป็นของบริสุทธิ์ดุจเลื่อนลอยมาโดยนภากาศ แลว้ แลตกลงในทป่ี ระชมุ สงฆ์ จะไดจ้ ำเพาะเจาะจงลงวา่ เปน็ ของภกิ ษรุ ปู ใด รปู หนง่ึ กห็ ามไิ ด้ มพี ระบรมพทุ ธานญุ าตไวว้ า่ ใหพ้ ระสงฆท์ ง้ั ปวงยอมอนญุ าต ให้แก่ภิกษุรูปหนึ่ง เพื่อจะทำซึ่งกฐินนัตถารกิจ ตามพระบรมพุทธานุญาต และมคี ำพระอรรถกถาจารยผ์ รู้ พู้ ระบรมพทุ ธาธบิ ายสงั วรรณนาไวว้ า่ ภกิ ษรุ ปู ใด ประกอบดว้ ยศลี สตุ าธคิ ณุ มสี ตปิ ญั ญาสามารถ รธู้ รรม ๘ ประการ มบี รุ พกจิ เป็นต้น ภิกษุรูปนั้นจึงสมควรเพื่อจะทำซึ่งกฐินนัตถารกิจ ตามพระบรม พุทธานุญาตได้ บดั น้ี พระสงฆท์ ง้ั ปวง จะเหน็ สมควรแกภ่ กิ ษรุ ปู ใด จงพรอ้ มกนั ยอม อนญุ าตใหแ้ กภ่ กิ ษรุ ปู นน้ั เทอญ. (ไมต่ อ้ งสาธ)ุ

ภาคผนวก ๔๗๑ รปู ท่ี ๒ ผา้ กฐนิ ทาน กบั ทง้ั ผา้ อานสิ งั สบรวิ ารทง้ั ปวงน้ี ขา้ พเจา้ พจิ ารณาเหน็ สมควรแก.่ ...............เปน็ ผมู้ สี ตปิ ญั ญาสามารถ เพอ่ื กระทำกฐนิ นตั ถารกจิ ให้ ถกู ตอ้ งตามพระบรมพทุ ธานญุ าตได้ ถา้ พระภกิ ษรุ ปู ใดเหน็ ไมส่ มควร จงทกั ทว้ ง ขน้ึ ในทา่ มกลางสงฆ์ ( หยดุ รอครหู่ นง่ึ ) ถา้ เหน็ สมควรแลว้ ไซร้ จงใหส้ ทั ทสญั ญา สาธกุ ารขน้ึ ใหพ้ รอ้ มกนั เทอญ. (สาธุ พรอ้ มกนั ) แบบกรรมวาจาสวดให้ผ้ากฐิน นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พทุ ธสั สะ นะโม ตสั สะ, ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พทุ ธสั สะ นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สมั มาสมั พทุ ธสั สะ. สณุ าตุ เม ภนั เต สงั โฆ, อทิ งั สงั ฆสั สะ กะฐนิ ะทสุ สงั อปุ ปนั นงั , ยะทิ สงั ฆสั สะ ปตั ตะกลั ลงั , สงั โฆ อมิ งั กะฐนิ ะทสุ สงั อายสั ม๎ ะโต อติ ถนั นามสั สะ ทะเทยยะ, กะฐนิ งั อตั ถะรติ งุ , เอสา ญตั ต.ิ สณุ าตุ เม ภนั เต สงั โฆ, อทิ งั สงั ฆสั สะ กะฐนิ ะทสุ สงั อปุ ปนั นงั , สงั โฆ อมิ งั กะฐนิ ะทสุ สงั อายสั ม๎ ะโต อติ ถนั นามสั สะ เทต,ิ กะฐนิ งั อตั ถะรติ งุ , ยสั สายสั ม๎ ะโต ขะมะต,ิ อมิ สั สะ กะฐนิ ะทสุ สสั สะ, อายสั ม๎ ะโต อติ ถนั นามสั สะ ทานงั , กะฐนิ งั อตั ถะรติ งุ , โส ตณุ ห๎ สั สะ, ยสั สะ นกั ขะมะต,ิ โส ภาเสยยะ. ทนิ นงั อทิ งั สงั เฆนะ, กะฐนิ ะทสุ สงั อายสั ม๎ ะโต อติ ถนั นามสั สะ กะฐนิ งั อตั ถะรติ งุ , ขะมะติ สงั ฆสั สะ, ตสั ม๎ า ตณุ ห๎ ,ี เอวะเมตงั ธาระยาม.ิ ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ผ้ากฐินผืนนี้เกิดขึ้นแล้วแก่สงฆ์ ถ้าความพรั่งพร้อมของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงให้ผ้ากฐินผืนนี้แก่ภิกษุผู้มีชื่อนี้ เพอ่ื กรานกฐนิ นเ้ี ปน็ ญตั ต.ิ ทา่ นเจา้ ขา้ ขอสงฆจ์ งฟงั ขา้ พเจา้ ผา้ กฐนิ ผนื นเ้ี กดิ ขน้ึ แลว้ แกส่ งฆ์ สงฆใ์ หผ้ า้ กฐนิ ผนื น้ี แกภ่ กิ ษผุ มู้ ชี อ่ื น้ี เพอ่ื กรานกฐนิ การใหผ้ า้ กฐนิ ผนื น้ี แก่ ภกิ ษผุ มู้ ชี อ่ื น้ี เพอ่ื กรานกฐนิ ยอ่ มชอบแกท่ า่ นผใู้ ด ทา่ นผนู้ น้ั พงึ เปน็ ผนู้ ง่ิ ไมช่ อบแกท่ า่ นผใู้ ด ทา่ นผนู้ น้ั พงึ พดู ผา้ กฐนิ ผนื น้ี สงฆใ์ หแ้ ลว้ แกภ่ กิ ษผุ มู้ ชี อ่ื น้ี

๔๗๒ ประมวลพระพทุ ธบัญญตั ิ อรยิ วนิ ยั จากพระไตรปฎิ ก เพอ่ื จะกรานกฐนิ ยอ่ มชอบแกส่ งฆ์ เหตนุ น้ั จงึ นง่ิ อยู่ ขา้ พเจา้ ทรงความนไ้ี ว้ ดว้ ยอยา่ งน.้ี (คำว่า อิตถันนามัสสะ ใช้เปลี่ยนตามชื่อของภิกษุผู้รับผ้ากฐิน เช่น ขันติธัมโม เปลี่ยนเป็น ขันตธิ ัมมัสสะ ถ้าภิกษุนั้นอ่อนกว่าผู้สวด ต้องตัด อายัส๎มะโต ออกเสีย แล้วเติมภิกขุโน ต่อท้ายคำ อิตถันนามัสสะ เช่น อายสั ม๎ ะโต อติ ถนั นามสั สะ เปลย่ี นเปน็ อติ ถนั นามสั สะ ภกิ ขโุ น) คำกรานกฐนิ อมิ ายะ สงั ฆาฏยิ า กะฐนิ งั อตั ถะราม.ิ ผ้าสังฆาฏิ อมิ นิ า อตุ ตะราสงั เฆนะ กะฐนิ งั อตั ถะราม.ิ ผา้ อตุ ตราสงค์ อมิ นิ า อนั ตะระวาสะเกนะ กะฐนิ งั อตั ถะราม.ิ ผ้าอันตรวาสก คำอนโุ มทนากฐนิ อนั ภกิ ษผุ กู้ รานกฐนิ นน้ั พงึ เขา้ ไปหาสงฆ์ หม่ ผา้ อตุ ราสงคเ์ ฉวยี งบา่ ประคอง อญั ชลี กลา่ วอยา่ งนว้ี า่ “อตั ถะตงั อาวโุ ส (ภนั เต) สงั ฆสั สะ กะฐนิ งั , ธมั มโิ ก กะฐนิ ตั ถาโร, อะนโุ มทะถะ. ทา่ นเจา้ ขา้ กฐนิ ของสงฆก์ รานแลว้ การกรานกฐนิ เปน็ ธรรม ขอทา่ น ทง้ั หลาย อนโุ มทนาเถดิ .” ภิกษุผู้อนุโมทนาเหล่านั้น พึงห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า ประคองอัญชลี กลา่ วอยา่ งน้ี วา่ “อตั ถะตงั ภนั เต (อาวโุ ส) สงั ฆสั สะ กะฐนิ งั , ธมั มโิ ก กะฐนิ ตั ถาโร, อะนุโมทามะ. ผู้มีอายุ กฐินของสงฆ์กรานแล้ว การกรานกฐินเป็นธรรม เราทง้ั หลาย อนโุ มทนา.”

ภาคพเิ ศษ เพื่อช่วยในการศึกษาค้นคว้านำมาปฏิบัติ  สว่ นสรปุ หลกั เกณฑว์ ธิ กี ารระงบั อธกิ รณ์ แผนผงั ท่ี ๑ สรปุ วธิ กี ารทางสงฆเ์ พอ่ื จดั การอธกิ รณ์ ตารางอธบิ ายอธกิ รณ์ ๔ และอธกิ รณสมถะ ๗ แผนผงั ท่ี ๒ วธิ กี ารลงโทษ ทเ่ี กดิ เพราะเหตอุ าชวี ะหรอื ปาตโิ มกข์ แผนผงั ท่ี ๓ วธิ กี ารลงโทษ ทเ่ี กดิ เพราะเหตมุ รรคหรอื ปฏปิ ทา  สว่ นชว่ ยศกึ ษาคน้ ควา้ สกิ ขาบททม่ี ลี กั ษณะเดยี วกนั  สว่ นดชั นี (ชว่ ยคน้ หาคำ โดยเรยี งตามลำดบั อกั ษร) ดชั นเี นอ้ื เรอ่ื งพระวนิ ยั ดชั นเี นอ้ื เรอ่ื งพระธรรม ดชั นชี อ่ื เฉพาะ (อสาธารณนาม)

ถงุ ลม “ภิกษุ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเล่าเรียนปริยัติธรรม (นานาชนิด) คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภูตธัมมะ เวทัลละ; เธอใช้เวลาทั้งวันให้เปลืองไปด้วยการเรียน ธรรมนั้น ต้องเลิกร้างจากการหลีกเร้น ไม่ประกอบซึ่งธรรมเป็นเครื่อง สงบใจในภายใน. ภกิ ษนุ ้ี เราเรยี กวา่ ผมู้ ากไปดว้ ยปรยิ ตั ิ (นกั เรยี น) ยังมิใช่ธรรมวิหารี (ผู้อยู่ด้วยธรรม). อีกอย่างหนึ่ง, ภิกษุ แสดงธรรมตามที่ได้ฟังได้เรียนมา แกค่ นอน่ื โดยพสิ ดาร, เธอใชเ้ วลาทง้ั วนั ใหเ้ ปลอื งไปดว้ ยการบญั ญตั ิ ธรรมนน้ั ต้องเลิกร้างจากการหลีกเร้น ไม่ประกอบซึ่งธรรมเป็นเครื่อง สงบใจในภายใน. ภกิ ษนุ ้ี เราเรยี กวา่ ผมู้ ากไปดว้ ยบญั ญตั ิ (นกั แตง่ ) ยังมิใช่ธรรมวิหารี (ผู้อยู่ด้วยธรรม). อกี อยา่ งหนง่ึ , ภกิ ษุ ทำการสาธยายธรรมตามทไ่ี ดฟ้ งั ไดเ้ รยี น มาโดยพิสดาร,เธอใช้เวลาทั้งวันให้เปลืองไปด้วยการสาธยาย ธรรมนั้น ต้องเลิกร้างจากการหลีกเร้น ไม่ประกอบซึ่งธรรม เป็นเครื่อง สงบใจในภายใน. ภกิ ษนุ ้ี เราเรยี กวา่ ผมู้ ากไปดว้ ยการสวด (นกั สวด) ยังมิใช่ ธรรมวิหารี (ผู้อยู่ด้วยธรรม). อกี อยา่ งหนง่ึ , ภกิ ษุ คดิ พลา่ นไปในธรรมตามทไ่ี ดฟ้ งั ไดเ้ รยี นมา, เธอใช้เวลาทั้งวันให้เปลืองไป ด้วยการคิดพล่านใน ธรรมนั้น ต้องเลิกร้างจากการหลีกเร้น ไม่ประกอบซึ่งธรรมเป็นเครื่อง สงบใจ ในภายใน. ภกิ ษนุ ้ี เราเรยี กวา่ ผมู้ ากไปดว้ ยการคดิ (นกั คดิ ) ยังมิใช่ธรรมวิหารี (ผู้อยู่ด้วยธรรม). (พระไตรปฎิ กบาลี สยามรฐั ๒๒ / ๙๘ / ๗๓ )

๔๗๕ ส่วนสรุปหลักเกณฑ์วิธีการระงับอธิกรณ์ เพื่อให้ผู้ศึกษามองเห็นภาพโดยรวมของระบบอธิกรณ์ทั้งหมด คอื ตง้ั แตก่ ารเกดิ อธกิ รณ์ จนถงึ อธกิ รณร์ ะงบั อยา่ งยอ่ ๆ (ซึ่งเป็นภาพโดยรวมของแผนผังที่ ๑, ๒ และ ๓ นั่นเอง) สามารถที่จะบรรยายออกเป็นแผนภาพได้ดังนี้ แผนภาพรวมโดยยอ่ ของ อธกิ รณแ์ ละการระงบั อธกิ รณ์ เกดิ อธกิ รณ์ (ดูแผนผังที่ ๑) ใช้วิธีระงับอธิกรณ์ ๗ ประการ (ดูตารางอธิบายอธิกรณ์ฯ) ไม่ต้อง อาบัติ ต้อง อาบัติ (ดแู ผนผงั ท่ี ๑ ในกรอบเสน้ ประ) เพราะเหตุ เพราะเหตุ อาชวี ะ - ปาตโิ มกข์ มรรค - ปฏิปทา (ดูแผนผังที่ ๓) (ดูแผนผังที่ ๒) อธิกรณ์ระงับ ข้อสังเกต จากพระพุทธดำรัสใน สามคามสูตร (ดูหน้า ๓๘๙) มีการแบ่งเหตุความวิวาทเป็น ๒ ส่วน ซึ่งจะระงับ โดยไมต่ อ้ งอาบตั แิ ละตอ้ งอาบตั ิ ในการตอ้ งอาบตั จิ งึ สามารถจดั กลมุ่ ไดจ้ ากเหตตุ ามเรอ่ื งทเ่ี กดิ ขน้ึ ๒ สว่ นน้ี คอื ๑.เรอ่ื ง ทเ่ี กดิ เพราะเหตุ อาชวี ะอันยิ่งหรอื ปาตโิ มกข์อนั ยงิ่ และ ๒.เรอ่ื งอนั เกดิ ในสงฆท์ ่เี กดิ เพราะเหตุ มรรคหรอื ปฏปิ ทา.

แผนแผผนงั ผทงั ่ี ท๑ี่ ๑ ùòêć ( üอöçธÐă กิ çă òสรâณĄÐรŞ ğ์ ๔ปุ āÓคĆüòวอื ċธิæòเēüĆรีก่อืÖāæงาċēĄทÖÐร่เี ăãùกÑทดิ ąĔèÖมðาขี ÕČĄ ง้นึ ôöśแสŞċùลíÖงว้ ÕฆสŞäĆüē öăöāæāçăÐò⪠ïăÐø ïÐă øćöăöāæÐèĀ ċòüĆē Öçòòðöèă ñĀ üçăÐòâùðåÿĢ ùĀððćÑāöăèĀñ íòśüðúèāś ùÖÕ Ş çòòð öăèñĀ éćÓÓô üçÐă òâŞòÿÖéĀ ùäöă ăèñĀ ñÐĎúśöŚāċêŢèëśĈðĄùäăùðéĈòâ Ş üðûĈ úöăèñĀ ñÐĎúśöŚāæĂëãă ÑâÿċêèŢ éāś êÞăÜÜāäÐòâÿ êòéĀ äāðòéĀ ùāòïāíäāð×òÖă ċñïćññùÐă ā äĀãùăèäāðċùñĄ ÖùŚöèĎúÜ Ś äùĀ ùêāêñő ùăÐā Ðòă ăñāæēĄôÖčæøČÐëŚ Ĉśëãă äâă öäĀ åāòÐÿ ã×ć úÜśāÐôéďöś úñćãďðŚĎúôś Ðć ôāð ãĈòāñôÿċüñĄ ãæĄē äāÖòāÖüçÐă ò⪠ğČôÿüçÐă òâùðåÿĢ แผนผงั ท่ี ๒ öăçĄÐāòôÖčæøċíüĆē ČÐśďÑæăÞßíă óäÐă òò ċíòāÿċúäćüāÙĄöÿüèĀ ñēăÖúòĆüêāÞăčðÐÑ ĜüêčôÐèÐòòð ĝÜĀääÐă òòð éüÐÐôāŚ öČÐæŚ ēĄêòÿÙćð êòÿÐā÷ĎúśùÖÕæŞ òāé ċÙèŚ  ÐāòČלÖÐāòêôÖëðëśÑĈ üéöÙ ċÙŚè  ÓâÿČôÿùĀÖÕÑüÖüćčéùåČôÿêöāòâā ċÙŚè  êòÿÐā÷ÖãêāÞăčðÐÑČŞ ÐïŚ Ðă øć   åüèïÐă øć×āÐÓâÿëĈśòÿÖéĀ üçăÐò⪠  êòÿÐā÷Ďúś×éĀ ØôāÐþôþ   ùððćäăäèåāðüèĀ äòāñăÐçòòð ãĠĈ Ĝğ    ãĈĠĜğ  üçÐă òâòŞ ÿÖĀé üçăÐòâòŞ ÿÖéĀ ÑæùæċêüÖāĂŢèÕÖÖê ôÖč úðāñċúäć èüÐ×āÐöăçĄÐāòæāÖùÖÕċŞ úôŚāèĔĄ ñÖĀ ðÐĄ āòåüĆ èùă ùĀñüñĈ÷Ś ąÐøāçòòðöèă Āñ úèāś ĝĜğ  ëśãĈ āŚ ĎúśČ ÐāòêòÿâāðÑéĀ ďôïŚ ăÐøć úèāś ĝěĤ æâĀ àÐòòðÐāòôÖčæøèāùèÿÑĀéďôŚùāðċâò úèśāĝĜġ  íòÿ ÐāòÑüÑðāþôþÚÖēą ċêŢèöăçČĄ èÿèĂùĀÖē ùüèòÿúöŚāÖéćÓÓôúòüĆ òÿúöāŚ Öüêć ÙŠ ÛāñüŞ ā×āòñäŞ Śü÷øă ñŞ ÚąÖē ðĄÓöāðùĂÓĀÜðāÐċÙèŚ ÐĀèČôÿñĀÖðĄöăçĄÐāòêÞăéäĀ ăċíĆēüĎúśÓâÿùÖÕüŞ ñòĈŚ öŚ ðÐèĀ üñāŚ ÖëāùÐć  ãśöñÐāòċÓāòíÐèĀ äāðüāñíć òòøā úèśāĞĝĜ ÐāòêÞăéĀääă āðöĀäòĜğ úèāś ĞĞĠ  Čðל ÿñĀÖďððŚ ĄüçÐă òâŞċÐãă ÑèĔą ÐĒäāðÐòâíĄ òÿíćæçãĂòùĀ ĎúśôÖíòúðæâĀ àíŞ òÿØĀèèÿãĈ úèāś ĞĠĤ แผนผังท่ี ๓ öçă ÐĄ āòôÖčæøċíĆēüČÐďś ÑæăÞßíă óäÐă òò ðĄëôÐòÿæéðāÐċíòāÿäòĀùöŚāďðŚċÐĔĆüÐôĈ ď

๔๗๗ ฆสäüงśüฆเ์ Ö××พต์ Āã้อĀãä่อื งüś จÐจÖดั æตัดĂāอ้ğกงòทêาüำòÿร๔çċïอปæÐă รธ ะüòเกิ ภçÐăทâรò,âณอŞùธðğ์ิกå๔รÿณäĢสÓมāüĆ ถตðะöçă า๗æòĄ ÿมคÖæēĄĀéอื ทüวçò่ที ธิ Ðă ีรÖòระâงéงŞบั ĢบอĀÜêธญักòÿรÜÐณญāò์ ๗Āä ตั ปăďิไรöวะกś้ าร) üçăÐòâŞğ üèćöāæāçÐă ò⪠üāêäŠ äāçăÐò⪠Ð×ă ×āçÐă ò⪠øčć ׿îŖüÖÐèĀ ċòĆüē ÖüāéäĀ ă ïăÐøćôŚöÖôÿċðãă ùăÐÑāéæ ðĄÐă×ÑüÖùÖÕŞċÐãă ÑąĔè òðÑüÖïÐă øćÚēÖą ëăãäāðçòòðæĄēċÐăãÑĔèą üçÐă òâòŞ ÿÖéĀ ÑŞüèĀ ñēăÖ ãúĈ èśāĞģĤ ĞÜĀääăæäć ñă Ðòòð ğÜĀää×ă äćäåÐòòð êòÿÐā÷ ČôśöåāððäăùÖÕŞ ĜÓòÖĔĀ êòÿÐā÷ Čôśöåāððäùă ÖÕŞĞÓòĔÖĀ è ùððäùă ðĄ āÐĀêêñő ÐćÝĄċ×āś úèśāæĄùē ÖÕŞ üçăÐòâòŞ ÿÖĀé  Ďúêś òöă āùČÐëŚ ś×Ĉ ÿéöÙæĄċē ÓñċêèŢ ċãĄñòåñĄ Ş  ÐāòĎúśÓòüÖëśāÐßăè ÐāòċãāÿÐßăè ċÙèŚ  ÐāòĎúśüêć ùðéæ  ãĈĠĜğ   ċÑśāċêŢèïăÐøć   Ďúêś òăöāù ðāèäĀ èÕÖÖêÐïüŞÐāùÐăñāñðøāŚ ùöÖðèć èāèćäèĔĀ ×ñĄ èĀĔ Ďă āÐúďÑ ðòśêèüòíŚ òÖĞðÿÖą ïċĝÐČăÐúāÐĤøèĒ ÷Śï ćèööăÐŚāĔèĀāŚ øíÐċëćòêāÿĈśæòŢèòÐēæĄ äĀċØòĂèÿíôäæāāòĂÿññĀ üçăÐòâŞòÿÖéĀ   üĀíïāè ãĈ ĠĜğ ÐðòÐĄ âòÑĄâüċĄ ÖãíĄñòöÿÓċĆüæöæĀä üçăÐòâŞòÿÖéĀ čæøÓöĂē éāäČă ÐüŚ éć āùÐüéć āùÐă ā üçÐă òâŞòÿÖéĀ ÐòâëĄ śüĈ ćêùðéæďðďŚ ãś āïÐă øć ÑöñÑöāñæĂÓöāðċùēüĆ ðċùĄñ ĜĜêòÿċïæ èĝĜģ  ČÐïŚ ăÐø ć ñĎć úïś Ðă øČć äÐÐèĀ äăċäñĄ è äòĀùöŚāïăÐøćďðŚíÖą Ďúś ÿòäĀ èäòñĀ  èĞĜĜ üêć ùðéææēüĄ êć ùðéæ Čôśöäüś ÖĎúùś Ðą òðÑüÖïÐă øćÚÖēą ëãă äāðçòòðüèĀ ċÐãă ĎèùÖÕæŞ ċēĄ Ðăãċíòāÿċúäðć òòÓúòĆüêÞêă æā ďðŚĎÙùŚ ćÑďðŚĎÙêŚ òÿčñÙèŞÑüÖðúāÙèċêŢèüĀèðāÐãĈúèśāĞģĤ üçÐă òâŞòÿÖéĀ

ผทู้ น่ี า่ รกั นา่ เคารพ \"ภกิ ษุ ทง้ั หลาย ! ภกิ ษุ เมอ่ื ประกอบดว้ ยธรรมแปดอยา่ งแลว้ ยอ่ มเปน็ ผทู้ ่ี นา่ รกั นา่ พอใจ นา่ เคารพ นา่ สรรเสรญิ ของเพอ่ื นผปู้ ระพฤตพิ รหมจรรยด์ ว้ ยกนั . ธรรมแปดอยา่ งอะไรบา้ งเลา่ ? แปดอยา่ ง คอื :- (๑) ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี เปน็ ผไู้ มต่ อ้ งการลาภ. (๒) เปน็ ผไู้ มต่ อ้ งการสกั การะ. (๓) เปน็ ผไู้ มต่ อ้ งการทำตวั ใหเ้ ดน่ . (๔) เปน็ ผรู้ จู้ กั กาล. (๕) เปน็ ผรู้ จู้ กั ประมาณ. (๖) เปน็ คนใจสะอาด. (๗) เปน็ คนไมพ่ ดู มาก. (๘) ไมเ่ ปน็ คนมกั ดา่ วา่ รา้ ยเพอ่ื นผ้ปู ระพฤตพิ รหมจรรยด์ ว้ ยกนั . ภกิ ษุ ทง้ั หลาย ! ภกิ ษุ เมอ่ื ประกอบดว้ ยธรรมแปดอยา่ งเหลา่ นแ้ี ลว้ ยอ่ มเปน็ ผทู้ น่ี า่ รกั นา่ พอใจ นา่ เคารพ นา่ สรรเสรญิ ของเพอ่ื นผปู้ ระพฤตพิ รหมจรรย์ ดว้ ยกนั แล\" ( พระไตรปฎิ กบาลี สยามรฐั ๒๓ / ๙๔ / ๑๕๘ )

ตารางอธิบายอธิกรณ ๔ และ ประเภทของอธกิ รณ ๔ ววิ าทธิกรณ อนวุ าทา การโจทฟองกันดว ย วธิ รี ะงับอธิกรณ ๗ เถียงกนั วาเปนธรรมวินัย, คําตรสั , พุทธจริยา, ทฏิ ฐวิ ิบัติ หรืออาชวี วิบตั บัญญัติ,อาบัติเบา-หนกั -มสี ว นเหลอื หรือไมใ ช ทรงใหใชสัมมขุ าวินัยรว ม สัมมขุ าวนิ ัย ระงบั ในที่พรอ มตอหนา คือ รว มกบั อมฬู หวินัย ๑.พรอมหนา สงฆ ๑.ใหระงบั ดวยสมั มุขาวินยั คอื ประชมุ พรอมหนา ตัสสปาปยสกิ า ตามควร ๒.พรอ มหนา ธรรมะ ๒.ถาไมไดใหไปอาวาสที่มีภิกษุมากกวาเพ่ือให ๓.พรอ มหนา วนิ ัย ชว ยระงบั ๓.ถา ขณะวินิจฉยั มเี สียงไมส งบใหใช ก.ทรงใหใชส มั มขุ าวินัยร ๔.พรอ มหนา บคุ คล คอื ทัง้ โจทและจําเลย อุพพาหิกวธิ ี คอื สงฆตั้งภกิ ษเุ ปนคณะ (ผูมอี งค- ผูถกู โจทเปนผมู สี ตสิ มบูร คณุ ๑๐) มอบเรอื่ งใหไ ปวินิจฉยั (หนา ๓๐๐) และครบตามเงอื่ นไขของ สติวินยั ยกใหวาเปนผูมสี ติสมบูรณ โดยมี สวดประกาศใหสติวนิ ยั แ เงื่อนไข คือ ๑.ผูถกู โจทเปนผูบรสิ ทุ ธ์ิ ๔.ถายงั ระงับไมไ ด ใหระงบั ดวยเยภยุ ยสกิ า คอื ๒.มผี ูกลาวฟอ งเธอ ๓.เธอขอสติวินยั ข.กรณที ีจ่ ําเลยเปนผทู าํ ผ ๔.สงฆใ หส ติวินัยแกเ ธอ นบั คะแนนเสยี งสว นมาก โดยสงฆป ระกาศ หายบา แลวมผี โู จท ทรง ๕.สงฆพ รอ มเพรยี งกันใหโดยธรรม อมฬู หวินยั โดยใหผ ูน อมฬู หวนิ ัย ยกใหวา ทาํ ผิดขณะเปนบา สมมติภิกษุผูจับนบั คะแนน, ตรัสวธิ ลี งคะแนน ๓ สงฆใ หอมฬู หวินัย ดวยญ ใหขออมูฬหวินัยกับสงฆ, สงฆสวดประกาศ ใหอมฬู หวินัย, มลี ักษณะทไ่ี มเ ปนธรรม คือ คือ ๑.ปกปด, ๒.กระซิบบอก, ๓.เปดเผย ค.ถาจําเลยทป่ี ฏิเสธแลว ทําผิดขณะรูตัว หรือไมเปนบา แตแกต ัววา การกลบั กลอก กลาวเทจ็ ไมร ู, วารสู กึ เหมอื นฝน, แกต ัวอางวาเปนบา รว มกบั ตัสสปาปย สกิ า ป ฏิ ญ ญา ตก ร ณะ ปรั บโท ษ ต า มกา รรั บ ๑๘ ขอ (มวี ัตรเหมอื นตัช สารภาพท่ไี ดกระทําลงไปจรงิ มลี ักษณะทีไ่ ม เปนธรรม คือ สารภาพไมต รงตามท่ีทาํ จริง เยภุยยสกิ า ตัดสินตามเสียงสวนใหญ โดย สงฆสมมติภกิ ษุผูนบั คะแนน มอี งค ๕ คือ ไม ลําเอียงเพราะรกั ,เกลยี ด,หลง,กลัว,รูวา อยางไร นบั แลว, มลี กั ษณะไมเ ปนธรรม หนา ๒๙๗ ตัสสปาปย สกิ า กริ ยิ าทล่ี งโทษแกผผู ิด มีองค ๕ คือ ๑.เปนผูไมบ ริสทุ ธิ์ ๒.เปนผูไมล ะอาย ๓.มผี ูโจทฟอง ๔.สงฆท ําตัสสปาปยสิกาแกเ ธอ ๕.สงฆพรอ มกันลงโทษโดยธรรม ติณวัตถารกะ ดุจหญากลบไว, หยุดไมให ลุกลาม ถาวิวาทกันตอไปจะลุกลามเลวราย แตกแยกกัน ใหขอมติสงฆ เพื่อออกจากอาบตั ิ ดว ยกันทัง้ สองฝาย โดยเวน อาบัติหยาบ, เวน อ า บั ติ ท่ีเ นื่ อ งกับคฤ หั ส ถ , เวน ผู ที่มีคว าม เห็นแยง, เวน ผูทไ่ี มไดป ระชุมอยูในทน่ี ้ัน

๔๗๙ ะอธกิ รณสมถะ ๗ (ดแู ผนผงั ท่ี ๑ ประกอบ) าธิกรณ อาปต ตาธกิ รณ กจิ จาธกิ รณ ศีลวิบตั ิ, อาจารวบิ ัต,ิ การตองอาบัติ การปรบั อาบัติ และการแกไขตน เปนกิจของสงฆท ตี่ องทาํ มี อปโลกนกรรม, ติ ใหพน จากอาบัติ ทัง้ ๗ กอง ญัตตกิ รรม, ญัตติทุตยิ กรรม, ญตั ติจตุตถกรรม มกับสติวนิ ยั ,สมั มขุ าวินยั หรือสมั มขุ าวินัยรว มกับ ทรงใหใชสมั มขุ าวินยั รว มกับ ปฏิญญาตกรณ ระงบั ดว ยประการเดยี ว คือดว ยสมั มขุ าวนิ ัย รแกก รณี ดังนี้ :- หรอื ใหใชส มั มขุ าวนิ ยั รว มกบั ตณิ วตั ถารกะ ดว ยความพรอ มหนา สงฆ, ธรรม, วนิ ยั และ ตามควรแกกรณี ดงั น้ี :- พรอ มหนาบุคคล เชน ใหอปุ สมบท, อโุ บสถ, ปวารณา, ใหผากฐนิ , ใหปริวาส, ใหมานตั , ให อัพภาน ฯลฯ (ดรู ายละเอียดในแผนผังท่ี ๓) รวมกบั สติวนิ ัย ในกรณีท่ี รณ (คือเปนพระอรหันต) งสติวนิ ยั โดยใหสงฆ แกเธอ ผิดขณะทเี่ ปนบา เมื่อ งใหใ ชสมั มขุ าวนิ ยั รว มกบั น้นั ขออมฬู หวินยั กะสงฆ, ญัตติจตุตถกรรม ก.ใหใชสมั มขุ าวนิ ัยรว มกบั ปฏิญญาตกรณะ คอื ปรับโทษตามรบั สารภาพทไี่ ดทาํ จริง เชน อยู ปริวาส,ประพฤติมานัต,แสดงอาบัต(ิ แผนผังที่ ๒) วรับ รับแลว ปฏิเสธ ให จทง้ั ทร่ี ู ใหใ ชสมั มขุ าวินัย ลงโทษใหประพฤติวัตร ชชนยี ฯ หนา ๒๗๘) ข.กรณภี กิ ษุ ๒ ฝายวิวาทกัน ตางกป็ ระพฤติไม สมควรเปนอันมาก ถา ปรบั กันและกันดวยอาบตั ิ เหลานนั้ เร่ืองจะรุนแรงรายกาจและแตกกันได จึงทรงใหใชสมั มุขาวนิ ัยรว มกับ ตณิ วตั ถารกะ โดยใหภิกษุรปู หน่ึงของแตละฝาย ทเี่ สนอญัตติ เปน ผูแสดงอาบัติแทน

รักษาพรหมจรรย์ไว้ด้วยน้ำตา \"ภกิ ษุ ทง้ั หลาย ! บรรพชติ รปู ใด จะเปน็ ภกิ ษหุ รอื ภกิ ษณุ กี ต็ าม, แมจ้ ะทกุ ขก์ ายทกุ ขใ์ จถงึ นำ้ ตานองหนา้ รอ้ งไหอ้ ยู่ กย็ งั สปู้ ระพฤตพิ รหมจรรย์ ใหบ้ รสิ ทุ ธบ์ิ รบิ รู ณอ์ ยไู่ ดก้ ม็ ี ขอ้ ทน่ี า่ สรรเสรญิ เธอใหเ้ หมาะสมแกธ่ รรมทเ่ี ธอไดม้ ี ในบดั น้ี มอี ยหู่ า้ อยา่ ง. หา้ อยา่ งอะไรบา้ งเลา่ ? หา้ อยา่ งคอื :- (๑) ธรรมทช่ี อ่ื วา่ ศรทั ธา ในกศุ ลธรรมทง้ั หลาย กไ็ ดม้ แี ลว้ แกเ่ ธอ. (๒) ธรรมทช่ี อ่ื วา่ หริ ิ ในกศุ ลธรรมทง้ั หลาย กไ็ ดม้ แี ลว้ แกเ่ ธอ. (๓) ธรรมทช่ี อ่ื วา่ โอตตปั ปะ ในกศุ ลธรรมทง้ั หลาย กไ็ ดม้ แี ลว้ แกเ่ ธอ. (๔) ธรรมทช่ี อ่ื วา่ วริ ยิ ะ ในกศุ ลธรรมทง้ั หลาย กไ็ ดม้ แี ลว้ แกเ่ ธอ. (๕) ธรรมทช่ี อื่ วา่ ปญั ญา ในกศุ ลธรมทง้ั หลาย กไ็ ดม้ แี ลว้ แกเ่ ธอ. ภกิ ษุ ทง้ั หลาย ! บรรพชติ รปู ใด จะเปน็ ภกิ ษหุ รอื ภกิ ษณุ กี ต็ าม, แมจ้ ะ ทกุ ขก์ ายทกุ ขใ์ จ ถงึ นำ้ ตานองหนา้ รอ้ งไหอ้ ยู่ กย็ งั สปู้ ระพฤตพิ รหมจรรยใ์ หบ้ รสิ ทุ ธิ์ บรบิ รู ณอ์ ยไู่ ดก้ ม็ ี ขอ้ ทน่ี า่ สรรเสรญิ เธอใหเ้ หมาะสมแกธ่ รรมทเ่ี ธอไดม้ ใี นบดั น้ี หา้ อยา่ งเหลา่ นแ้ี ล.\" ( พระไตรปฎิ กบาลี สยามรฐั ๒๒ / ๕ / ๔ )

แผนผังที่ วธิ ๒กี ารöลçă งÐĄโทāษòôเÖพčอ่ื æแøกċไ้ íขทüēĆ ฏิČฐÐพิ ďś Ñฤ ทเ่ี กดิ เพæรĄēċาÐะăãเหċตíอุ òาāชÿวี ċúะอäนั ïăÐøćôöŚ Öôÿ  ü ÓćòÐć āéĀäă üāéäĀ ăúèĀÐ ĜêāòāÙăÐğ ĝùĀÖÕāæăċùùĜĞ Ğåćôô×Ā ×ñĀ ëíśĈ āŚ ñČíś üāéäĀ ăæēäĄ śüÖüā÷ĀñùÖÕŞ üāéäĀ ăÙöēĀ úñāé üāéĀäæă ĀèææĄ ĄēôŚöÖôÿċðăã ùÖÕùŞ öãĎúċś ôăÐ è ďãśČÐùŚ ĀÖÕāæċă ùùÑśüĜīĤ íóäăÐòòðĞúè ê ñĀÖďðċŚ ôăÐ׹ÖüāéäĀ ă Ñāã×āÐÓöāð ďðêŚ Ðêãő êÐêãő ÑśüĜěīĜĞ ċê ċêŢèïÐă øæć èĀ æĄ ÑüêòăöāùÐÿùÖÕŞ ċè Čðś×ÿďððŚ ĄĎÓòòśĈ Óöāðëăãďöś Óöāðëăãďöś äĀÖĔ ČäŚ ğòĈêÑąĔèďê æäēĄ  úðãùæă çüă ñŚĈòŚöð úò  ĎèúðïŚĈ Ðă øć ÑüðĈôāñêÞÐă Āùùèā üñĈêŚ òöă āùðÑĄ śüöĀäò ×ąÖ  üêć ùðéæüĄÐďðďŚ ãś ċÙ  äôüãďê ÑüÙÐĀ ċÑśāúāüāéäĀ ċă ãðă ĤğÑüś úāś ðòäĀ äăċØæ Ñü  úèśāĢīĜĤ ÐÿùÖÕŞ úèāś ĝĤĞ ĞÑśü üñċŚĈ æāŚ æĄē×Ăèöè ÚĔüĆ öèĀ æĄêē őãďöś úèśāĝģġ Čô æĂëăãÚĔĂ ã ÑüðāèĀäÐÿùÖÕŞäÖĔĀ ČäŚ ğòĈêÑĔąèďê åāś êòÿíóäăåĈÐäśüÖ ü ÑüðĈôāñêÞÐă Āùùèā êòÿíóäăðāèäĀ ðÑĄ śüöäĀ òĤğÑśü ÑüÙĀÐċÑśāúāüāéĀäăċãăð úāś ðòäĀ äċă ØæğÑüś ÐÿùÖÕŞ úèśāĝĤĞ êòÿíóäă ġöĀè úèāś ĝģġ åāś æĂëăãÚĂĔ åāś êòÿíóäăåÐĈ äüś Ö üüÐüĀíïāèÐÿùÖÕŞäÖĀĔ ČäŚĝěòĈêÑèĔą ďê ÐôĀéċêŢèïÐă øêć Ðäă

๔๘๑ แผนผงั ท่ี ๒ ÑฤæตăÞกิ รßมíă ขóอäงÐăภกิòòษðซุ Ñง่ึ ผüดิ ÖïตาăÐมøธćÚรÖēą รëมăãäāðçòòð äนüć ยāง่ิ ÙหöĄ รÿอื üปĀèาñฏăÖēโิ มúกòขĆüอ์ êนั āยÞง่ิ ăčðÐÑŞüèĀ ñÖăē ÿċðãă ùÐă Ñāéæ üāéĀä ă ôúćÐāéĀäă üāéĀäăċéā ñ ğêā×ăääñĄ Ş ĠêāÞăċæùùñĄ ÿğ ġæćÐÐÞ Ģæíć ïāùäă é ñÖĀ Ð÷ć ôĎúśäÐďê íąÖČùãÖÓĆè æĂďðãŚ Ą ëãă ÐÝ íĈãďðãŚ Ą ÑśüéĀÜÜäĀ ă íãĈ úñüÐôüś üćêùĀðéèĀ úòĆü Ďèüïùă ðā×āò üèêć ùĀðéèĀ èùă ùÓĀ ÓñĄ ùæć çÐă êā×äă äĄñŞ Ğě êā×äă äñĄ Ş Ĥĝ êèŢ Óöāðëãă êā×äă äñĄ Ş êā×äă äñĄ Ş èĆüē ÖãśöñùÖăē ÑüÖ ċïæèÐċØæèÐ äśüÖùôÿĎèùÖÕŞ äśüÖäŚüñæćé òüĆ éÓć ÓôÐüŚ è òüĆĔ èćèŚ äĀãĎúďś ãś ÖêôÖüāéĀäăďãś ÑèāãċùñĄ ÐŚüè ÙèŚ ċÖèă æüÖ  ×Öą êôÖüāéĀäďă ãś üÖæēďĄ ãś×āÐÐāò ċÙŚèÐôüŚ ÖċÑĒð  üÑāñúòüĆ  ċæśāċäĄñÖ ëāś þ ôÐċêôñĄē è ãöĈ çă úĄ èśāğĜĝ üüÐ×āÐüāéĀäăãśöñÐāòČùãÖċêãő ċëñüāéäĀ ă äüŚ ïăÐøćÓâÿïăÐøćúòĆüùÖÕŞ ČôÿùĂòöðòÿöĀÖðăĎúśëãă üĄÐ ãĈöăçĄúèśāğĜģ  ċØíāÿüāéäĀ ăêāÞăċæùèĄñÿ üüÐ×āÐüāéĀäãă öś ñÐāòÐôāŚ öÓĂČùãÖÓèĆ äāðæðēĄ üĄ ñĈŚĎèùÐă ÑāéæèĀèĔ íśè×āÐüāéĀäă

กระดองของบรรพชิต “ภกิ ษุ ทง้ั หลาย ! ในกาลใด พวกเธอทง้ั หลาย จกั เปน็ ผคู้ มุ้ ครองทวาร ในอนิ ทรยี ท์ ง้ั หลาย (คอื ตา หู จมกู ลน้ิ กาย ใจ) อยู่ ในกาลนน้ั มารผใู้ จบาป จกั ไมไ่ ดช้ อ่ งแมจ้ ากพวกเธอทง้ั หลาย และจกั ตอ้ งหลกี ไปเอง, เหมอื นสนุ ขั จง้ิ จอก จกั ไมไ่ ดช้ อ่ งจากเตา่ กห็ ลกี ไปเอง ฉะนน้ั . “เต่า หดอวัยวะไว้ในกระดอง ฉันใด, ภิกษุ พึงตั้ง มโนวติ ก(ความตรติ รกึ ทางใจ) ไวใ้ นกระดอง กลา่ วคอื อารมณ์แห่งกัมมัฏฐาน ฉันนั้น. เป็นผู้ที่ตัณหา และทิฏฐิ ไม่อิงอาศัยได้, ไม่เบียดเบียนผู้อื่น, ไม่กล่าวร้ายต่อใครทั้งหมด, เป็นผู้ดับสนิทแล้ว” ดังนี้แล. (พระไตรปฎิ กบาลี สยามรฐั ๑๘ / ๓๒๐ / ๒๒๒)

แผนผแผงั นทผ่ี ๓ังที่ วธิ ๓ีกาöรăçลÐĄ งโāทòษôเÖพčอ่ื æแøกċไ้ íขĆēüทČฏิ ฐÐิพďś Ñ ทีเ่ กิดเพæรċĄēาÐะเãă หÑต ïăÐøðć ĄæăÞßă íó ĜäÙĀ ÙèĄñÐòòð ĝèăñùÐòòð ĞêíŠ í ùÖÕôŞ ÖčæøãśöñÐāòÑðŚ ÑĈ Ś ùÖÕŞäãĀ ùăæçă ĎúśÐôéĀ åĆüèùă ùñĀ Ďúð Ś ùÖÕÑŞ éĀ ďôĎŚ ôÐĀ øâÿÑüÖëĈśÓöòåĈÐôÖčæø ôĀÐøâÿÑüÖëśĈÓöòåÐĈ ôÖčæø ôĀÐøâÿÑü ïÐă øëć ĈśÐüŚ Ðāòæÿċôāÿöăöāæ ïÐă øćëśðĈ ĄüāéäĀ ăðāÐ ðāòñāæ ïăÐøëć ďĈś ðôŚ ÿ ñćñÖĎúïś øă éć āãúðāÖÐĀè  æòāð ÓôćÐÓôĄÓóúùĀ åŞčãñďðŚ üèā×āòêòÿ ÐüŚ üçăÐòâ Ş ðĄÓöāðëãă Ďè ùðÓöò æĀĔÖæüēĄ ñĈŚêòöă āùðāèäĀ ôÿċðãă éÜĀ Ü ġúðöãôĀÐøâÿ ÙĀÐċÑśāüāéäĀ ăċãăððĄÓöāðëãă Ďè ÙíĄ ðĄÓöāð úèśāĝĢĢ ġúðöãôÐĀ øâÿ úèśāĝĢĢ ôÐĀ øâÿ úè úðöãôÐĀ øâ öăçÐĄ āòôÖčæøĜùÖÕŞč׿ïÐă øćèèĔĀ äāðčæøĝĎúśïÐă øèć ĔèĀ ĎúÐś āòĞê čæøæĄďē ãśòĀéïăÐøëć Ĉåś ĈÐôÖčæøäśüÖêòÿíóäăöĀäò ĎúśïÐă øćèĔĀèÐôéĀ åĆüèăùùñĀ ĎúðŚ Ďúïś Ðă øèć ĀĔè ÷ąÐøāçòòðöèă ĀñÐéĀ üćêÙŠ ÛāñŞ åāś ďðŚêòÿíó üā×āòñüŞ ÐĄ ÓòĔÖĀ  úèśāĝĢĤ ÐāòÐùÖÕŞ Ďú ùÖĀ Õāæăċùù ÐāòòÿÖĀéčæø ĜåśāêÞăéäĀ äă āðöĀäòæùĄē ÖÕòŞ ÿéćċêŢèæċēĄ òñĄ éòśüñÐôĀéêòÿíóäăÙüéúāñċñŚüúñēÖă  ĝåāś ďðêŚ òÿíóääă āðÑüś öäĀ òæòĄē ÿéć ČôÿÑśüêÞăéĀäăæĄċē íēðă ċäăðäāðôÐĀ øâÿÑüÖÐòò ÑśüùÖĀ ċÐä íòÿċùññùÿåĈÐôÖčæøùÖĀ Õāæċă ùùÚÖąē ċêèŢ ÐāòôÖčæøäāðüāéĀäăÐüŚ èïāñúôÖĀ ×ąÖôÖ ïăÐøíć öÐíòÿüĀùùÙăČôÿíòÿêćèíĀ íùÐć ÿåĈÐôÖčæøêŠííāÙèñĄ ÐòòðÐüŚ èïāñúôĀÖ×Öą å

๔๘๓ พÑฤæตกิÞă รßรíă มóขäองăÐภòกิ òษðซุ Ñ่งึ üผÖดิ ïตăÐาøมธÚć รąēÖรëมãă äāðçòòð ÑตèąĔ ุมċรíรคòāหÿรðือปòòฏÓปิ úทòาĆüêÞêă æā óäÐă òòðæēďĄ ðùŚ ðÓöò íāÙèĄñÐòòð ğêÞăùāòâĄñÐòòòð Ġüċć ÑêèñĄ Ðòòòð ĎúśüüÐ×āÐíèĆĔ æèēĄ èĀĔ ùÖÕĎŞ úśÐôéĀ ďêÑüčæøÓóúĀùåŞ ùÖÕŞñÐïÐă øüć üÐċùĄñ×āÐúðŚĈ üÖëÓĈś öòåĈÐôÖčæø ôĀÐøâÿÑüÖëśĈÓöòåÐĈ ôÖčæø ôÐĀ øâÿÑüÖëĈÓś öòåÐĈ ôÖčæø ÿüāñ êòÿíóäă ïăÐøćãāŚ ùòśāÖÓöāðċùĆēüðċùĄñ ïăÐøëć ďĈś ðŚċúèĒ üāéĀä ă ëśďĈ ðŚÓèĆ ČÐÓŚ óúĀùåŞ úòĆüĎúċś ÑāČäÐÐĀè üāéĀäă ëśĈďðŚôÿÓöāðċúèĒ ëãă ÿæøć òāś ñùÐćô  ðĄÓöāðëăãĎèġúðöãôĀÐøâÿ ðĄÓöāðëãă ĎèġúðöãôÐĀ øâÿ ÜĀäă êòÿÐüéðăרā úèśāĝĢĢ úèśāĝĢĢ ðëăãĎèġúðöã èāś ĝĢĢ  ģ âÿ úèāś ĝģě êòéĀ üāéĀäăäāðçòòðğùÖÕôŞ ÖčæøäāðôĀÐøâÿÓöāðëăããöś ñÜĀääă×äćääåÐòòð òåĈÐäĀãùăæçă ĜģÑüś  ãÑĈ üś öäĀ òæĀÖĔ ĜģÑśüèèĀĔ Ďèúèāś ĝĢģ üüÐ×āÐíĆĔèæèĄē èĔĀ Ďúïś Ðă øćèĀĔèÐôĀéďêÑüčæø Ďúäś ãĀ ùăæçăċė íăēðċäðă üÐĄ ĝĠÑüś óääă āðČäŚäăċäĄñè ÓóúĀùåŞ čãñùÖÕùŞ ððäăïăÐøć ċÙŚèďðŚòŚöðÓéúā ďðòŚ ŚöðÐèă úśêòĀéüāéĀääă āð ċêèŢ æäĈ ÙöŚ ñċ×ò×ā úèāś ĝģĝ ďðŚòŚöðèüèãśöñ úèśāĝģĞ Ñüś ĜĞ úèāś ğĝ ÐôéĀ äĀöďãś ĎúÑś üòÿÖĀéčæøÐéĀ ùÖÕŞùÖÕòŞ ÿÖéĀ čæøĎúãś śöñÜĀää×ă äćäåÐòòð òðæēĄåÐĈ ùÖÕŞôÖčæøÐďĒ ðÓŚ öòòÿÖĀéÐāòôÖčæø ÓöāðëăãČôÿčæøñÖĀ ÓÖüñŚäĈ üŚ ďê ÖčæøèăñùÐòòð ãĈúèāś ĝĠ ĝĢĢ åÐĈ ôÖčæøùÖĀ ÕāæăċùùÚÖēą ċêèŢ ÐāòôÖčæøäāðüāéäĀ ă ãúĈ èāś ğġ ĝģě

ผชู้ ช้ี วนวงิ วอน ! “ภกิ ษุ ทง้ั หลาย ! กจิ อนั ใดทศ่ี าสดาผเู้ อน็ ดแู สวงหาประโยชนเ์ กอ้ื กลู อาศยั ความเอน็ ดแู ลว้ จะพงึ ทำแกส่ าวกทง้ั หลาย กจิ อนั นน้ั เราไดท้ ำแลว้ แกพ่ วกเธอทง้ั หลาย.” “ภกิ ษุ ทง้ั หลาย ! นน่ั โคนไมท้ ง้ั หลาย, นน่ั เรอื นวา่ งทง้ั หลาย. “ภกิ ษุ ทง้ั หลาย ! พวกเธอทง้ั หลายจงเพยี รเผากเิ ลส, อยา่ ไดป้ ระมาท พวกเธอทง้ั หลาย อยา่ ไดเ้ ปน็ ผทู้ ต่ี อ้ งรอ้ นใจ ในภายหลงั เลย. นแ่ี ล เปน็ วาจาเครอ่ื งพรำ่ สอนพวกเธอทง้ั หลายของเรา.” (พระไตรปฎิ กบาลี สยามรฐั ๑๘ / ๖๗๔ / ๔๔๑)

ภาคพเิ ศษ : สว่ นชว่ ยศกึ ษาคน้ ควา้ สกิ ขาบททม่ี ลี กั ษณะเดยี วกนั ๔๘๕ สว่ นชว่ ยศกึ ษาคน้ ควา้ สกิ ขาบททม่ี ลี กั ษณะเดยี วกนั จดั กลมุ่ สกิ ขาบทเพอ่ื การศกึ ษาคน้ ควา้ ตามลกั ษณะดงั น้ี คอื :- ก. กลมุ่ สกิ ขาบทเกย่ี วกบั นสิ สยั ๔ (ปจั จยั เครอ่ื งอาศยั ของบรรพชติ ) ข. กลมุ่ สกิ ขาบทเกย่ี วกบั อกรณยี กจิ ๔ (กจิ ทบ่ี รรพชติ ไมค่ วรทำ) ค. กลมุ่ สกิ ขาบทเกย่ี วกบั อาจารวบิ ตั ิ (ผดิ จรรยามารยาทของสมณะ) ง. กลมุ่ สกิ ขาบทเกย่ี วกบั ทฏิ ฐวิ บิ ตั ิ (ความเหน็ ผดิ ) จ. กลมุ่ สกิ ขาบทเกย่ี วกบั อาชวี วบิ ตั ิ (การเลย้ี งชพี ทผ่ี ดิ ของบรรพชติ ) ฉ. กลมุ่ สกิ ขาบทเกย่ี วกบั สงั ฆสามคั คี (ความพรอ้ มเพรยี งในหมสู่ งฆ)์ ก. กลมุ่ สกิ ขาบทเกย่ี วกบั นสิ สยั ๔ (ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิต) ๑. สกิ ขาบทเกย่ี วกบั อาหารการขบฉนั “บรรพชาอาศัยโภชนะ คือคำข้าวที่พึงได้ด้วยกำลังปลีแข้ง เธอพึงทำความอุตสาหะในโภชนะ คือคำข้าวที่พึงได้ด้วยกำลังปลีแข้งจนตลอดชีวิต อติเรกลาภ คอื ภัตถวายสงฆ์ ภัตเฉพาะสงฆ์ การนิมนต์ ภตั ถวายตามสลาก ภตั ถวายในปกั ษ์ ภตั ถวายในวนั อโุ บสถ ภัตถวายในวันปาฎบิ ท” (นสิ สยั ๔ มหาวรรค ภาค.๑/ ดหู นา้ ๒๒๒) - ภกิ ษฉุ นั อาหารทเ่ี ขายงั ไมไ่ ดใ้ ห้ ลว่ งชอ่ งปาก(ปาจติ ตยี ์ วรรคท่ี ๔, ขอ้ ๑๐/ หนา้ ๑๒๓) - ภกิ ษไุ มอ่ าพาธฉนั อาหารประณตี ทข่ี อมาเพอ่ื ประโยชนต์ น (ปาจติ ตยี ์ ว.๔, ๙/ ๑๒๒) - ภกิ ษไุ มอ่ าพาธขอแกงหรอื ขา้ วสกุ เพอ่ื ประโยชนต์ น (ทกุ กฏ เสขยิ ะ ว.๒, ๑๑/ ๑๘๖) - ภกิ ษรุ บั และฉนั บณิ ฑบาต โดยไมเ่ ออ้ื เฟอ้ื (ทกุ กฏ เสขยิ ะ ว.๒, ขอ้ ๑,๕ /๑๘๔, ๑๘๕) - ภกิ ษรุ บั บณิ ฑบาตจนลน้ (ขอบบาตร) (ทกุ กฏ เสขยิ ะ วรรค ๒, ๔ /๑๘๕) - เขาปวารณาใหน้ ำไปตามปรารถนาภกิ ษรุ บั ยง่ิ กวา่ ๓ บาตร (ปาจติ ตยี ์ ว. ๔, ๔/ ๑๑๗) - ภกิ ษพุ งึ ศกึ ษาวา่ จกั รบั บณิ ฑบาตพอเหมาะกบั แกง (ทกุ กฏ เสขยิ ะ ว.๒, ๓/ ๑๘๕) หมายเหตุ (-) เปน็ สกิ ขาบททเ่ี ปน็ ขอ้ หา้ ม โดยจะแสดง : (ประเภทของโทษ คมั ภรี ห์ รอื วรรคท,่ี ขอ้ ท่ี / หนา้ ของหนงั สอื น)้ี (-)ทต่ี น้ บรรทดั เปน็ ระดบั อาทพิ รหมจารยิ าสกิ ขา, (-)ทย่ี อ่ เขา้ มาเปน็ บางสว่ นของ อภสิ มาจารกิ าสกิ ขา (-)อกั ษรเอน เปน็ ลกั ษณะพฤตกิ รรมทค่ี วรถกู สงฆล์ งโทษ, หรอื ข้อห้ามที่มีในพระไตรปิฎกที่อ่นื ๆ (*) อกั ษรเอนเปน็ ขอ้ ทท่ี รงอนญุ าต โดยจะแสดง : (ชอ่ื คมั ภรี ์ / หนา้ ของหนงั สอื เลม่ น)้ี ควรจะดใู จความเตม็ ..

๔๘๖ ประมวลพระพุทธบญั ญัติ อรยิ วนิ ยั จากพระไตรปฎิ ก - ภกิ ษไุ มไ่ ดร้ บั นมิ นตร์ บั อาหารในสกลุ ทส่ี งฆส์ มมตวิ า่ เปน็ เสกขะ(ปาฏเิ ทสนยี ะ ๓/๑๗๘) - ภกิ ษฉุ นั อาหารทท่ี ำการสง่ั สม (เกบ็ ไวค้ า้ งคนื ) (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๔, ขอ้ ๘ / หนา้ ๑๒๑) * ทรงอนญุ าตแสวงหาเสบยี งเดนิ ทางได,้ แตไ่ มอ่ นญุ าตเงนิ (เภสชั ชขนั ธ์ มหา.๒/ ๒๕๓) - ภกิ ษเุ กบ็ อาหารคา้ งคนื ในทอ่ี ยู่ (ทกุ กฏ เภสชั ชขนั ธ์ มหา.๒/ ๒๕๑) - ภกิ ษหุ งุ ตม้ อาหารในทอ่ี ยู่ (ทกุ กฏ เภสชั ชขนั ธ์ มหา.๒/ ๒๕๑) - ภกิ ษหุ งุ ตม้ อาหารดว้ ยตนเอง (ทกุ กฏ เภสชั ชขนั ธ์ มหา.๒/ ๒๕๑) - ฉนั ผลไมท้ เ่ี กบ็ มาเองโดยใหค้ นประเคนทหี ลงั (ทกุ กฏ เภสชั . มหา.๒/ ๒๕๒) * ทรงอนญุ าตฉนั ภตั ๖ อยา่ ง มฉี นั ในทน่ี มิ นต์ เปน็ ตน้ (เภสชั . มหา.๒/ ๓๒๗) - ภกิ ษฉุ นั เปน็ หมู่ เวน้ แตใ่ นสมยั ทท่ี รงอนญุ าต (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๔, ขอ้ ๒/ หนา้ ๑๑๔) - ภกิ ษรุ บั นมิ นตแ์ ลว้ เวน้ โภชนะนน้ั ฉนั โภชนะอน่ื (ปาจติ ตยี ์ ว. ๔, ๓/ ๑๑๖) - ฉนั เสรจ็ แลว้ หา้ มภตั แลว้ ฉนั อาหารทม่ี ใิ ชเ่ ดน(ปาจติ ตยี ์ ว.๔, ๕/๑๑๙; เภสชั . มหา. ๒/ ๒๕๒) - ภกิ ษมุ ใิ ชผ่ อู้ าพาธฉนั อาหารในโรงทานยง่ิ กวา่ ครง้ั หนง่ึ (ปาจติ ตยี ์ ว.๔, ๑/ ๑๑๓) - ภกิ ษอุ ยใู่ นปา่ ทม่ี ภี ยั ฉนั อาหารทเ่ี ขาไมไ่ ดบ้ อกใหร้ ไู้ วก้ อ่ น (ปาฏเิ ทสนยี ะ ๔/ ๑๗๙) - ภกิ ษฉุ นั อาหารในเวลาวกิ าล (คอื หลงั เทย่ี งไป) (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๔, ขอ้ ๗/ หนา้ ๑๒๑) ๒. สกิ ขาบทเกย่ี วกบั เครอ่ื งนงุ่ หม่ และบรขิ ารอน่ื ๆ “บรรพชาอาศัยผ้าบังสุกุล เธอพึงทำความอุตสาหะในผ้าบังสุกุลนั้นจนตลอดชีวิต อตเิ รกลาภ คอื ผา้ เปลอื กไม้ ผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้าขนสตั ว์ ผ้าป่าน ผ้าเจือกนั ” (นสิ สยั ๔ มหาวรรค ภาค ๑/ ดหู นา้ ๒๒๒) สิกขาบทเกี่ยวกับเครื่องนุ่มห่ม * ทรงอนญุ าตคหบดจี วี ร, และอนญุ าตผา้ จวี ร ๖ ชนดิ (จวี รขนั ธ์ มหา.๒ /๒๖๐) * ทรงอนญุ าตสยี อ้ มจวี รทท่ี ำจากรากลำตน้ เปลอื กใบดอกผลตน้ ไม้ (จวี รขนั ธ์ มหา.๒/๒๖๑) - ภกิ ษใุ ชจ้ วี รมสี ที ไ่ี มส่ มควร (ทกุ กฏ จวี รขนั ธ์ มหา.๒ /๒๖๖)

ภาคพเิ ศษ : สว่ นชว่ ยศกึ ษาคน้ ควา้ สกิ ขาบททม่ี ลี กั ษณะเดยี วกนั ๔๘๗ * ทรงอนญุ าตใหใ้ ชไ้ ตรจวี ร (จวี รขนั ธ์ มหาวรรค ภาค ๒ / ดหู นา้ ๒๖๑) - ภกิ ษอุ ยปู่ ราศจากไตรจวี ร แมส้ น้ิ ราตรหี นง่ึ (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ วรรค๑, ขอ้ ๒/ หนา้ ๕๓) - ภกิ ษอุ ยใู่ นปา่ ทม่ี ภี ยั เกบ็ จวี รไวใ้ นบา้ นเกนิ ๖ ราตรี (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๓, ๙/ ๘๔) - ภกิ ษมุ แี ตจ่ วี ร กบั สบงเขา้ บา้ น เวน้ มเี หตจุ ำเปน็ ๕ (ทกุ กฏ จวี ร. มหา.๒/ ๒๖๓) - ภกิ ษขุ อจวี รตอ่ คฤหสั ถผ์ มู้ ใิ ชญ่ าติ นอกจากสมยั ฯ (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๑, ๖/ ๕๗) - ภกิ ษจุ วี รฉบิ หายรบั จวี รจากผทู้ ม่ี ใิ ชญ่ าตเิ กนิ กำหนด (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๑, ๗/ ๕๙) - ผทู้ ม่ี ใิ ชญ่ าตเิ ตรยี มจา่ ยจวี รแกภ่ กิ ษๆุ ไปกำหนดจวี ร (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๑, ๘/ ๖๐) - ผมู้ ใิ ชญ่ าต๒ิ คนเตรยี มจา่ ยจวี รแกภ่ กิ ษๆุ ใหร้ วมกนั จา่ ยจวี รดี(นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๑, ๙/ ๖๑) - ภกิ ษทุ วงจวี รจากผรู้ บั ฝากผอู้ น่ื ใหจ้ า่ ยจวี ร เกนิ ๖ครง้ั (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๑, ๑๐/ ๖๒) - ภกิ ษขุ อดา้ ยมาเองแลว้ ยงั ชา่ งหกู ใหท้ อจวี ร (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๓, ๖/ ๘๐) - ผมู้ ใิ ชญ่ าตใิ หช้ า่ งหกู ทอจวี รแกภ่ กิ ษๆุ สง่ั ชา่ งใหท้ อใหด้ ี(นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๓, ๗/ ๘๑) - ภกิ ษทุ ำจวี รมปี ระมาณเทา่ สคุ ตจวี ร หรอื ยง่ิ กวา่ (ปาจติ ตยี ์ ว.๙, ๑๐/ ๑๗๕) - ภกิ ษไุ มท่ ำใหเ้ สยี สอี ยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ กอ่ น ใชจ้ วี รใหม่ (ปาจติ ตยี ์ ว.๖, ๘/ ๑๔๓) - ผา้ ทกุ ผนื ทไ่ี มไ่ ดต้ ดั ภกิ ษไุ มพ่ งึ ใช้ (ทกุ กฏ จวี ร. มหา.๒/ หนา้ ๒๖๑ และ๒๖๓) - ภกิ ษทุ รงอตเิ รกจวี รไวย้ ง่ิ กวา่ ๑๐ วนั (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ วรรค๑, ขอ้ ๑/ ดหู นา้ ๕๓) - ภกิ ษวุ กิ ปั จวี รเองแกส่ หธรรมกิ แลว้ ใชจ้ วี รทย่ี งั ไมใ่ หเ้ ขาถอน (ปาจติ ตยี ์ ว.๖, ๙/ ๑๔๔) - ภกิ ษเุ กบ็ อกาลจวี รไวเ้ กนิ ๑ เดอื น (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๑, ๓/ ๕๕) - ภกิ ษเุ กบ็ อจั เจกจวี รไวเ้ กนิ สมยั ทเ่ี ปน็ จวี รกาล (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๓, ๘/ ๘๒) * ทรงอนญุ าตผา้ ตา่ งๆ (จวี รขนั ธ์ มหาวรรค ภาค๒/ ดหู นา้ ๒๖๓) - ภกิ ษแุ สวงหา-ทำผา้ อาบนำ้ ฝนเกนิ เวลาทท่ี รงกำหนด(นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๓, ๔/ ๗๙) - ทำผา้ ปนู ง่ั ,ผา้ ปดิ ฝ,ี ผา้ อาบนำ้ ฝนมขี นาดเกนิ กำหนด(ปาจติ ตยี ์ ว.๙, ๗-๙/ ๑๗๒-๑๗๔) - ภกิ ษหุ ม่ ผา้ ขนสตั วท์ ม่ี ขี นอยดู่ า้ นนอก (ทกุ กฏ ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ .๒/ ๓๐๖) - ภกิ ษถุ อื ขนเจยี มไปดว้ ยมอื ตนเองเกนิ ๓ โยชน์ (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๒, ๖/ ๗๐)

๔๘๘ ประมวลพระพุทธบญั ญตั ิ อรยิ วนิ ยั จากพระไตรปฎิ ก - สกิ ขาบทเกย่ี วกบั การหลอ่ สนั ถตั ๕ เรอ่ื ง (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๒, ขอ้ ๑-๕/ ๖๕-๖๘) - ภกิ ษใุ ชป้ ระคตเอวทถ่ี กั สวยงามมที รวดทรงตา่ งๆ (ทกุ กฏ ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ .๒/ ๓๑๕) - ภกิ ษเุ ขา้ บา้ นโดยไมม่ ปี ระคตเอว (ทกุ กฏ ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ วรรค ภาค๒/ ๓๑๕) สิกขาบทเรื่องบริขารอื่นๆ * ทรงอนญุ าตบาตร ๒ชนดิ คอื บาตรเหลก็ และบาตรดนิ (ขทุ ทกวตั ถขุ นั ธ์ จลุ .๒/ ๓๐๗) - ใชก้ ะโหลกนำ้ เตา้ ,หมอ้ กระเบอ้ื ง,กะโหลกหวั ผเี ปน็ บาตร(ทกุ กฏ ขทุ ทก. จลุ .๒/ ๓๐๗) - ภกิ ษทุ รงอตเิ รกบาตรไวเ้ กนิ ๑๐ วนั (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ วรรค ๓, ขอ้ ๑/ ดหู นา้ ๗๖) - ภกิ ษบุ าตรมแี ผลหยอ่ น ๕ ใหจ้ า่ ยบาตรใหม่ (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ วรรค๓,ขอ้ ๒/หนา้ ๗๖) * ทรงอนญุ าตถงุ บาตร ,สายโยก,บงั เวยี น,เชงิ รองบาตร (ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ . ๒/ ๓๐๗) - ภกิ ษุเกบ็ หรอื ผง่ึ แดดบาตรทง้ั ทเ่ี ปยี กนำ้ , ผง่ึ บาตรในทร่ี อ้ นนาน, วางบาตรรมิ ตง่ั ไม,้ วางบาตรบนเตยี งตง่ั บนตกั บนรม่ , ผลกั ประตเู มอ่ื มอื ถอื บาตร, แขวนบาตร , ใชบ้ าตร รองรบั เศษอาหารบา้ งนำ้ บว้ นปากบา้ ง (ทกุ กฏ ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ .๒/ ดหู นา้ ๓๐๗) * ทรงอนญุ าตและหา้ มตา่ งๆ เกย่ี วกบั รองเทา้ (จมั มขนั ธ์ มหาวรรค ภาค๒/ หนา้ ๒๔๐) - ภกิ ษสุ วมรองเทา้ เขา้ บา้ น เวน้ แตอ่ าพาธ (ทกุ กฏ จมั มขนั ธ.์ มหา.๒/ หนา้ ๒๔๓) * ทรงอนญุ าตและหา้ มเกย่ี วกบั การใชร้ ม่ (ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ .๒/ ๓๑๓) * ทรงอนญุ าตมดี ตดั ผา้ , ปลอกมดี , เขม็ , กลอ่ งเขม็ ฯลฯ (ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ .๒/ ๓๐๘) - ภกิ ษใุ หท้ ำกลอ่ งเขม็ แลว้ ดว้ ยกระดกู , งา, เขาสตั ว์ (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๙, ขอ้ ๔/ ๑๖๙) * ทรงอนญุ าตผา้ กรองนำ้ , ถงุ ใสข่ อง, มงุ้ ฯลฯ (ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ .๒/ หนา้ ๓๐๙) - ภกิ ษเุ ดนิ ทางไกลโดยไมม่ ผี า้ กรองนำ้ (ทกุ กฏ ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ .๒/ ๓๐๙) ๓. สกิ ขาบทเกย่ี วกบั เสนาสนะ ทอ่ี ยอู่ าศยั “บรรพชาอาศัยเสนาสนะโคนไม้ เธอพึงทำความอุตสาหะในเสนาสนะ คือโคนไม้นั้นจนตลอดชีวิต อตเิ รกลาภ คอื วหิ าร เรอื นมงุ แถบเดยี ว ปราสาท เรอื นโลน้ ถำ้ ” (นสิ สยั ๔ มหาวรรค ภาค๑ / ดหู นา้ ๒๒๒)

ภาคพเิ ศษ : สว่ นชว่ ยศกึ ษาคน้ ควา้ สกิ ขาบททม่ี ลี กั ษณะเดยี วกนั ๔๘๙ * ทรงอนญุ าตรกุ ขมลู เสนาสนะ(อยโู่ คนไม)้ ตลอด๘เดอื น (ภกิ ขวุ ภิ งั ค์ ภาค๑/ ดหู นา้ ๓๘) * ทรงบญั ญตั วิ ตั รของภกิ ษผุ อู้ ยปู่ า่ ฯลฯ (วตั ตขนั ธ์ จลุ วรรค ภาค ๒/ ดหู นา้ ๓๔๐) * ทรงอนญุ าตเสนาสนะ (ทอ่ี ยอู่ าศยั ) ๕ ชนดิ (เสนาสนะขนั ธ์ จลุ .๒/ ๓๑๙) * ทรงอนญุ าตวจั กฎุ ี (หอ้ งสว้ ม) และสว่ นประกอบอน่ื ๆ (ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ .๒/ ๓๑๘) * ทรงอนญุ าตชนั ตาฆร (เรอื นไฟ) และสว่ นประกอบอน่ื ๆ (ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ .๒/ ๓๐๙) * ทรงอนญุ าตกปั ปยิ ภมู ิ และสว่ นประกอบอน่ื ๆ (เภสชั ชขนั ธ์ มหาวรรค ภาค๒/ ๒๕๒) * ทรงอนญุ าตใหใ้ ชป้ ราสาท สว่ นทน่ี ง่ั นอนใหท้ ำใหค้ วรกอ่ น(ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ .๒/ ๓๒๕) * ทรงอนญุ าตหอฉนั ศาลาตง้ั เตา และสว่ นประกอบอน่ื ๆ (เสนาสน. จลุ .๒/ ๓๒๐) * ทรงอนญุ าตโรงไมแ้ บบ (กฐนิ ศาลา) และสว่ นประกอบอน่ื ๆ (ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ .๒/ ๓๐๙) * ทรงอนญุ าตสมมตสิ มี า และรายละเอยี ดอน่ื ๆ (อโุ บสถ. มหา. ๒/ ๒๒๕) * ทรงอนญุ าตสมมตใิ หน้ วกรรม (สมมตภิ กิ ษผุ ดู้ แู ลการกอ่ สรา้ ง)(เสนาสน. จลุ .๒/ ๓๒๖) - ภกิ ษสุ รา้ งกฏุ เิ พอ่ื ตนดว้ ยการขอ ใหญเ่ กนิ หรอื ไมใ่ หส้ งฆแ์ สดงท่ี (สงั ฆาทเิ สส ๖/๓๑) - ภกิ ษสุ รา้ งวหิ ารมเี จา้ ภาพสรา้ งถวายเพอ่ื ตน ไมไ่ ดใ้ หส้ งฆแ์ สดงท่ี (สงั ฆาทเิ สส ๖/๓๓) - ภกิ ษอุ ำนวยใหพ้ อกหลงั คาวหิ ารเกนิ ๓ ชน้ั (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๒, ขอ้ ๙/ หนา้ ๑๐๔) - ภกิ ษสุ รา้ งกฏุ ดิ นิ เผา (ทกุ กฏ ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ . ๒/ ๓๑๘) * ทรงอนญุ าตเตยี ง, ตง่ั สำหรบั นง่ั หลายชนดิ (เสนาสนะขนั ธ์ จลุ วรรค ภาค ๒/ ๓๑๙) - ภกิ ษใุ หท้ ำเตยี ง, ตง่ั ใหมม่ เี ทา้ สงู เกนิ ๘ นว้ิ ดว้ ยนว้ิ พระสคุ ต (ปาจติ ตยี ์ ว.๙, ๕/ ๑๗๐) - ภกิ ษใุ หทั ำเตยี ง, ตง่ั เปน็ ของหมุ้ นนุ่ (ยดั ดว้ ยนนุ่ )(ปาจติ ตยี ์ ว. ๙, ขอ้ ๖/ ดหู นา้ ๑๗๑) - ภกิ ษวุ างเตยี งตง่ั ฟกู เกา้ อข้ี องสงฆไ์ วก้ ลางแจง้ หลกี ไปไมเ่ กบ็ (ปาจติ ตยี ์ ว.๒, ๔/ ๙๙) - ภกิ ษปุ ลู าดทน่ี อนไวใ้ นวหิ ารของสงฆ์ หลกี ไปไมเ่ กบ็ (ปาจติ ตยี ์ ว.๒, ๕/ ๑๐๐) - ภกิ ษยุ า้ ยของใชป้ ระจำอยเู่ สนาสนะหนง่ึ ไปใชท้ อ่ี น่ื (ทุกกฏ เสนาสนะ. จุล. ๒/ ๓๒๖) * ทรงบญั ญตั ขิ อ้ วตั รในการรกั ษาเสนาสนะ (เสนาสนะ. จลุ . ๒/ ๓๒๖, วตั ตขนั ธ.์ จลุ .๒/๓๔๑)

๔๙๐ ประมวลพระพุทธบญั ญตั ิ อรยิ วนิ ยั จากพระไตรปฎิ ก ๔. สกิ ขาบทเกย่ี วกบั เภสชั ยารกั ษาโรค “บรรพชาอาศยั ยา คอื น้ำมูตรเน่า เธอพึงทำความอตุ สาหะในยา คอื น้ำมูตรเนา่ นัน้ จนตลอดชีวติ อติเรกลาภ คือ เนยข้น เนยใส นำ้ มนั นำ้ ผึ้ง น้ำอ้อย” (นสิ สยั ๔ มหาวรรค ภาค๑ / ดหู นา้ ๒๒๒) * ทรงอนญุ าตใชแ้ ละเกบ็ เภสชั ตา่ งๆไดต้ ลอดชพี (เภสชั ชขนั ธ์ มหาวรรค ภาค๒/ ๒๔๕) * ทรงอนญุ าตฉนั เภสชั ๕ ไดท้ ง้ั ในกาลและในวกิ าล (เภสชั ชขนั ธ์ มหา.๒/ ๒๔๕) * ทรงอนญุ าตนำ้ ปานะ (เภสชั ชขนั ธ์ มหา.๒/ ๒๕๓)(ควรชว่ั วนั หนง่ึ คนื หนง่ึ ดหู นา้ ๒๕๕) - ภกิ ษรุ บั เภสชั ๕ เกบ็ ไวเ้ กนิ ๗ วนั (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๓, ๓/ ๗๘) ข.กลมุ่ สกิ ขาบทเกย่ี วกบั อกรณยี กจิ ๔ (สิ่งที่บรรพชิตไม่ควรทำ) ๑. สกิ ขาบทเกย่ี วกบั การประพฤตผิ ดิ ในกาม “ภิกษุผู้อุปสมบทแล้วไม่พึงเสพเมถุนธรรม โดยที่สุดแม้กับสัตว์เดรัชฉานตัวเมีย ภิกษใุ ดเสพเมถุนธรรม ยอ่ มไมเ่ ป็นสมณะ ไม่เป็นเชอ้ื สายพระศากบตุ ร... เปรยี บเหมอื นคนถกู ตัดศรี ษะ ไม่อาจมชี ีวติ อยู่ได้ โดยการตอ่ ศรี ษะเข้ากบั ร่างกายนั้น การเสพเมถุนธรรมนั้น อันเธอไม่พึงกระทำจนตลอดชีวิต” (อกรณยี กจิ มหาวรรค ภาค ๑/ ดหู นา้ ๒๒๒) สิกขาบทเนื่องด้วยกาย - ภกิ ษเุ สพเมถนุ โดยทส่ี ดุ แมใ้ นดริ จั ฉานตวั เมยี (ปาราชกิ ขอ้ ๑/ ดหู นา้ ๗) - ภกิ ษปุ ลอ่ ยสกุ กะ(นำ้ อสจุ )ิ ดว้ ยความจงใจ เวน้ ไวแ้ ตฝ่ นั (สงั ฆาทเิ สส ขอ้ ๑/ หนา้ ๒๔) - ภกิ ษกุ ำหนดั แลว้ จบั ตอ้ งกาย(อวยั วะใดๆ) ของมาตคุ าม(ผหู้ ญงิ ) (สงั ฆาทเิ สส ๒/ ๒๕) - ภกิ ษุ ถกู ตอ้ งองคก์ ำเนดิ โคตวั เมยี ดว้ ยจติ กำหนดั (ถลุ ลจั จยั จมั ม. มหา.๒/ ๒๔๒) - ภกิ ษผุ เู้ ดยี วนง่ั ในทล่ี บั คอื อาสนะกำบงั กบั มาตคุ ามผเู้ ดยี ว (อนยิ ต ขอ้ ๑/ หนา้ ๔๗) - ภกิ ษผุ เู้ ดยี วนง่ั ในอาสนะหากำบงั ไมเ่ ลยทเี ดยี วกบั มาตคุ ามผเู้ ดยี ว (อนยิ ต ขอ้ ๒/ ๔๙)

ภาคพเิ ศษ : สว่ นชว่ ยศกึ ษาคน้ ควา้ สกิ ขาบททม่ี ลี กั ษณะเดยี วกนั ๔๙๑ - ภกิ ษนุ ง่ั ในทล่ี บั คอื ในอาสนะกำบงั กบั มาตคุ าม(ผหู้ ญงิ ) (ปาจติ ตยี ์ ว.๕, ๔/ หนา้ ๑๒๘) - ภกิ ษผุ เู้ ดยี วนง่ั ในทล่ี บั กบั มาตคุ าม(ผหู้ ญงิ )ผเู้ ดยี ว (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๕, ขอ้ ๕/ ๑๒๙) - ภกิ ษนุ ง่ั บนมา้ ยาวเดยี วกบั ผหู้ ญงิ หรอื กระเทย (ทกุ กฏ เสนาสนะ. จลุ . ๒/ ๓๒๕) - ภกิ ษสุ ำเรจ็ การนอนรว่ มกบั มาตคุ าม(ผหู้ ญงิ ) (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๑, ขอ้ ๖/ ดหู นา้ ๙๑) - ภกิ ษชุ กั ชวนแลว้ เดนิ ทางไกลดว้ ยกนั กบั มาตคุ าม ฯ (ปาจติ ตยี ์ ว.๗, ๗/ ๑๕๑) - ภกิ ษกุ ราบไหวล้ กุ รบั อญั ชลกี รรมสามจี กิ รรมแกม่ าตคุ าม( ทกุ กฏ ภกิ ขนุ .ี จลุ .๒/๓๕๕) - ภกิ ษทุ ำกจิ กรรมทไ่ี มส่ มควรตา่ งๆ กบั ผหู้ ญงิ ( > ดหู นา้ ๔๕, ๒๘๐, ๓๑๘) - ภกิ ษมุ อี าบตั มิ าก ไมฉ่ ลาด มารยาทไมส่ มควร: ลงนยิ สกรรม (กมั ม. จลุ . ๑/๒๗๙) สิกขาบทเนื่องด้วยวาจา - ภกิ ษกุ ำหนดั มจี ติ แปรปรวนพดู เคาะมาตคุ ามดว้ ยวาจาชว่ั หยาบ (สงั ฆาทเิ สส ๓/ ๒๖) - ภกิ ษกุ ำหนดั พดู ใหห้ ญงิ บำเรอตนดว้ ยกาม ดว้ ยคำพาดพงิ เมถนุ (สงั ฆาทเิ สส ๔/ ๒๘) - ภกิ ษแุ สดงธรรมแกม่ าตคุ ามเกนิ ๖คำ เวน้ แตม่ บี รุ ษุ รเู้ ดยี งสาอยู่ (ปาจติ ตยี ์ ๑,๗/ ๙๒) - สกิ ขาบททเ่ี กย่ี วกบั ภกิ ษณุ ี (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๑, ๔-๕/ ๕๖-๕๗; ว.๒, ๗/ ๗๑; ปาจติ ตยี ์ ว.๓/ ๑๐๖-๑๑๒; ปาฏเิ ทสนยี ะ ๑-๒/ ๑๗๖-๑๗๘; ภกิ ขนุ ขี นั ธ์ จลุ . ๒/๓๕๔-๓๕๗) ๒. สกิ ขาบทเกย่ี วกบั ถอื เอาสง่ิ ของทเ่ี จา้ ของมไิ ดใ้ ห้ “ภิกษุผู้อุปสมบทแล้วไม่พึงถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ โดยส่วนแห่งจิตคิดจะลัก ภิกษุใดถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ โดยส่วนแห่งจิตคิดจะลัก ๑ บาทบ้าง ควรแก่ ๑ บาทบา้ ง เกนิ กว่า ๑ บาทบา้ ง ย่อมไมเ่ ปน็ สมณะ ไมเ่ ป็นเช้อื สายพระศากบุตร... เปรียบเหมือนใบไม้เหี่ยวเหลืองหลุดจากขั้วแล้ว ไม่อาจเป็นของเขียวสดต่อไปได้ การถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้นั้น อันเธอไม่พึงกระทำจนตลอดชีวิต” (อกรณยี กจิ มหาวรรค ภาค ๑/ ดหู นา้ ๒๒๒) - ภกิ ษถุ อื เอาทรพั ยอ์ นั เจา้ ของไมไ่ ดใ้ ห้ โดยสว่ นแหง่ ความเปน็ ขโมย (ปาราชกิ ๒/ ๑๒) - ภกิ ษนุ อ้ มลาภทเ่ี ขานอ้ มไวจ้ ะถวายสงฆม์ าเพอ่ื ตน (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๓, ๑๐/ ๘๕) - ภกิ ษรุ อู้ ยนู่ อ้ มลาภทเ่ี ขานอ้ มไปจะถวายสงฆม์ าเพอ่ื บคุ คล (ปาจติ ตยี ์ ว.๘, ๑๒/ ๑๖๔) - ภกิ ษสุ ละของสงฆใ์ หแ้ กบ่ คุ คล (ถลุ ลจั จยั เสนาสนะ. จุล.๒/ ๓๒๕, มหาโจร ๕ หน้า๒๒) - ภกิ ษุ เกบ็ ,ใหเ้ กบ็ ของมคี า่ ทต่ี กอยู่ เวน้ แตใ่ นวดั ทอ่ี ยใู่ นทอ่ี ยพู่ กั (ปาจติ ตยี ์ ว.๙, ๒/ ๑๖๗)

๔๙๒ ประมวลพระพุทธบญั ญัติ อรยิ วนิ ยั จากพระไตรปฎิ ก ๓. สกิ ขาบทเกย่ี วกบั การจงใจพรากสตั วเ์ สยี จากชวี ติ “ภิกษุผู้อุปสมบทแล้ว ไม่พึงจงใจพรากสัตว์เสียจากชีวิต โดยที่สุดกระทั่งมดดำมดแดง ภิกษุใดจงใจพรากกายมนุษย์จากชีวิตโดยที่สุดกระทั่งยังครรภ์ให้ตกไป ยอ่ มไม่เปน็ สมณะ ไม่เป็นเชอ้ื สาย พระศากบตุ ร...เปรยี บเหมอื นแผน่ ศิลาหนา แตกออกเป็น ๒ เสี่ยงจะประสานให้สนิทเป็นแผ่นเดียวกันอีกไม่ได้ การจงใจพรากกายมนษุ ยเ์ สียจากชวี ติ อันเธอไมพ่ งึ กระทำจนตลอดชีวติ ” (อกรณยี กจิ มหาวรรค ภาค ๑/ ดหู นา้ ๒๒๒) - ภกิ ษจุ งใจพรากกายมนษุ ยจ์ ากชวี ติ ฯลฯ (ปาราชกิ ขอ้ ๓/ ดหู นา้ ๑๖) - ภกิ ษแุ กลง้ พรากสตั วเ์ สยี จากชวี ติ (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๗, ขอ้ ๑/ ดหู นา้ ๑๔๖) - ภกิ ษรุ อู้ ยบู่ รโิ ภคนำ้ มตี วั สตั ว์ (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๗, ขอ้ ๒/ ดหู นา้ ๑๔๗) - ภกิ ษรุ อู้ ยวู่ า่ นำ้ มตี วั สตั ว์ รดหรอื ใหร้ ด ซง่ึ หญา้ หรอื ดนิ (ปาจติ ตยี ์ ว.๒, ๑๐/ ๑๐๕) - ภกิ ษพุ รากภตู คาม (ตดั ทำลายตน้ ไม)้ (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๒, ขอ้ ๑/ ๙๖) - ภกิ ษขุ ดุ หรอื ใหข้ ดุ ซง่ึ ปฐพี (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๑, ขอ้ ๑๐/ ดหู นา้ ๙๕) - ภกิ ษเุ ผากองหญา้ (ทกุ กฏ ขทุ ทกวตั ถขุ นั ธ์ จลุ วรรค ภาค ๒/ ดหู นา้ ๓๑๖) * ทรงอนญุ าตจำพรรษาเพราะภกิ ษเุ หยยี บตน้ ขา้ ว,สตั วต์ าย (วสั สปู นายกิ า. มหา. ๑/ ๒๓๒) - ภกิ ษฉุ นั เนอ้ื สตั วท์ เ่ี ขาฆา่ เจาะจงเพอ่ื ถวายภกิ ษุ (ทกุ กฏ เภสชั ช. มหา.๒/ ๒๕๑) ๔. สกิ ขาบทเกย่ี วกบั การพดู เทจ็ , สอ่ เสยี ด, หยาบ, เพอ้ เจอ้ “ภิกษุผู้อุปสมบทแล้ว ไม่พึงกล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม โดยที่สุดพูดว่าขา้ พเจ้ายนิ ดใี นเรอื นวา่ ง ภกิ ษใุ ดมคี วามปรารถนาชั่ว ถูกความอยากครอบงำ กล่าวอวดอุตริมนุสสธรรมที่ไม่มีอยู่ ไม่เป็นจริง คอื ฌานกด็ ี วโิ มกขก์ ด็ ี สมาธกิ ด็ ี สมาบัตกิ ็ดี มรรคก็ดี ผลกด็ ี ยอ่ มไม่เปน็ สมณะ ไมเ่ ปน็ เชอ้ื สายพระศากบุตร... เปรียบเหมือนต้นตาลยอดด้วนที่ไม่อาจงอกได้ต่อไป การกล่าวอวดอตุ ริมนสุ สธรรมน้ัน อันเธอไม่พงึ กระทำจนตลอดชวี ิต” (อกรณยี กจิ มหาวรรค ภาค ๑/ ดหู นา้ ๒๒๒) - ภกิ ษใุ ดไมร่ เู้ ฉพาะ กลา่ วอวดอตุ ตรมิ นสุ สธรรมฯ นอ้ มเขา้ มาในตน (ปาราชกิ ๔/ ๑๙) - ภกิ ษจุ งใจจะพดู ใหค้ ลาดจากความจรงิ (ปาจติ ตยี ์ วรรค๑,ขอ้ ๑/หนา้ ๘๖) - รบั คำจะจำพรรษาทใ่ี ดแลว้ ไมจ่ ำพรรษาในทน่ี น้ั (ทกุ กฏ วสั สปู นายกิ า. มหา.๑/ ๒๓๕)

ภาคพเิ ศษ : สว่ นชว่ ยศกึ ษาคน้ ควา้ สกิ ขาบททม่ี ลี กั ษณะเดยี วกนั ๔๙๓ - ภกิ ษพุ ดู สอ่ เสยี ดภกิ ษุ (พดู ใหภ้ กิ ษทุ ะเลาะกนั ) (ปาจติ ตยี ์ ว.๑, ๓/ ๘๗) - ภกิ ษพุ ดู โอมสวาท (พดู คำเสยี ดแทงใหเ้ จบ็ ใจ) (ปาจติ ตยี ์ ว.๑, ๒/ ๘๗) - ภกิ ษุดา่ ปรภิ าษคฤหสั ถ:์ ลงปฏสิ ารณยี กรรม (จมั ปยย. มหา.๒/ ๒๖๘, กมั มขนั ธ์ จลุ .๑/ ๒๘๑) - พดู ลอ้ เลน่ อปุ สมั บนั ,อนปุ สมั บนั ดว้ ยอกั โกสวตั ถุ (ทพุ ภาสติ วภิ งั คป์ าจติ ตยี ์ ว.๑, ๒/๘๘) - ภกิ ษพุ ดู คยุ เดรชั ฉานกถา, พดู แกง่ แยง่ , ลอ่ ลวงฯ ( >ดู มชั ฌมิ ศลี มหาศลี หนา้ ๓๗๒) ค.กลุ่มสิกขาบทเกี่ยวกับอาจารวิบัติ (ผิดจรรยามารยาทของสมณะ) - ภกิ ษขุ ดุ หรอื ใหผ้ อู้ น่ื ขดุ ซง่ึ ปฐพี (ปาจติ ตยี ์ วรรค. ๑, ขอ้ ๑๐/ หนา้ ๙๕) - ภกิ ษพุ รากภตู คาม (ตดั ทำลายตน้ ไม)้ (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๒, ขอ้ ๑/ หนา้ ๙๖) - ภกิ ษมุ ใิ ชผ่ อู้ าพาธ มงุ่ การผงิ ตดิ หรอื ใหต้ ดิ ซง่ึ ไฟ เวน้ มปี จั จยั (ปาจติ ตยี ์ ว. ๖, ๖/ ๑๔๑) - ภกิ ษดุ ม่ื สรุ าและเมรยั (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๖, ขอ้ ๑/ หนา้ ๑๓๕) - ภกิ ษหุ วั เราะในนำ้ (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๖, ขอ้ ๓/ หนา้ ๑๓๗) - ภกิ ษขุ น้ึ ตน้ ไม้ มกี จิ ขน้ึ ไดส้ งู ชว่ั บรุ ษุ ฯ (ทกุ กฏ ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ .๒/ หนา้ ๓๑๖) - ภกิ ษยุ งั หยอ่ นกง่ึ เดอื นอาบนำ้ เวน้ แตส่ มยั , เวน้ ปจั จนั ตชนบท (ปาจติ ตยี ์ ว.๖,๗/๑๔๒) - ภกิ ษไุ มไ่ ดร้ บั บอกกอ่ นกา้ วลว่ งธรณเี ขา้ ไปในหอ้ งของกษตั รยิ ์ (ปาจติ ตยี ์ ว.๙, ๑/ ๑๖๖) - ภกิ ษนุ ง่ั แทรกแซงในตระกลู ทม่ี คี น ๒ คน (คอื สตรกี บั บรุ ษุ ) (ปาจติ ตยี ์ ว. ๕, ๓/ ๑๒๗) - ภกิ ษชุ กั ชวนแลว้ เดนิ ทางไกลกบั ผเู้ ปน็ โจรหรอื มาตคุ าม(ปาจติ ตยี ์ ว. ๗, ๖-๗/๑๕๐-๑๕๑) - ภกิ ษไุ ปเพอ่ื ดเู สนาอนั ยกออกแลว้ เวน้ แตม่ ปี จั จยั (ปาจติ ตยี ์ ว. ๕, ๘/ ๑๓๒) - ถา้ ปจั จยั บางอยา่ งเพอ่ื จะไปสเู่ สนาม,ี อยใู่ นเสนาเกนิ ๓ คนื (ปาจติ ตยี ์ ว. ๕, ๙/ ๑๓๓) - ภกิ ษอุ ยใู่ นเสนา ไปสสู่ นามรบ, ทพ่ี กั พล, ทจ่ี ดั ขบวนทพั (ปาจติ ตยี ์ ว. ๕, ๑๐/ ๑๓๔) - ภกิ ษรุ อู้ ยยู่ งั บคุ คลมปี หี ยอ่ น ๒๐ ใหอ้ ปุ สมบท (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๗, ขอ้ ๕/ หนา้ ๑๔๙) - ภกิ ษนุ อนรว่ มกบั อนปุ สมั บนั (ผไู้ มไ่ ดอ้ ปุ สมบท)เกนิ ๓ คนื (ปาจติ ตยี ์ ว. ๑, ๕/ ๙๐) - ภกิ ษยุ งั อนปุ สมั บนั (ผไู้ มไ่ ดอ้ ปุ สมบท)ใหก้ ลา่ วธรรมโดยบท (ปาจติ ตยี ์ ว. ๑, ๔/ ๘๙)

๔๙๔ ประมวลพระพทุ ธบญั ญัติ อรยิ วนิ ยั จากพระไตรปฎิ ก - ภกิ ษใุ หข้ องเคย้ี วของกนิ แกน่ กั บวชอน่ื ดว้ ยมอื ของตน (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๕, ขอ้ ๑/ ๑๒๔) - ภกิ ษสุ มาทานการเปลอื ยกายแบบเดยี รถยี ์ (ถลุ ลจั จยั จวี รขนั ธ์ มหา. ๒/ ๒๖๕) - ภกิ ษตุ ดั องคชาติ (ถลุ ลจั จยั ขทุ ทกวตั ถขุ นั ธ์ จลุ วรรค ภาค ๒/ หนา้ ๓๐๗) - ภกิ ษไุ มล่ าภกิ ษุ เขา้ สบู่ า้ นในเวลาวกิ าล เวน้ มกี จิ รบี ดว่ น (ปาจติ ตยี ์ ว. ๙, ๓/ ๑๖๘) - ภกิ ษรุ บั นมิ นตแ์ ลว้ ไมบ่ อกลาภกิ ษุ เปน็ ผเู้ ทย่ี วไปในตระกลู (ปาจติ ตยี ์ ว. ๕, ๖/ ๑๓๐) - ภกิ ษนุ งุ่ หม่ ผา้ แบบคฤหสั ถ์ (ทกุ กฏ ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ วรรค ภาค ๒/ หนา้ ๓๑๖) - ภกิ ษใุ ชเ้ ครอ่ื งประดบั แบบคฤหสั ถ์ (ทกุ กฏ ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ . ๒/ ดหู นา้ ๓๐๔) - ภกิ ษดุ ฟู อ้ นรำ, ขบั รอ้ ง, บรรเลงดนตรี (ทกุ กฏ ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ . ๒/ ๓๐๕) - ภกิ ษขุ บั ธรรม (สวดมนต)์ ดว้ ยเสยี งอนั ยาว (ทกุ กฏ ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ . ๒/ ๓๐๕) - ภกิ ษเุ วน้ ขาดจากการฟอ้ นรำ ขบั รอ้ ง ประโคม ดกู ารเลน่ (นยิ าย, เพลง, ชกมวย กฬี าฯ) เลน่ การพนนั , นอนทน่ี อนสงู ใหญ,่ ประดบั ตกแตง่ รา่ งกาย, รบั เงนิ ทอง, ขา้ วเปลอื กเนอ้ื ดบิ ,หญงิ ,ทาส, แพะแกะไกส่ กุ รชา้ งโคมา้ ,ทน่ี าทส่ี วน,พดู เดรชั ฉานกถา กลา่ วคำแกง่ แยง่ กนั ฯลฯ ( > ดู จลุ ศลี มชั ฌมิ ศลี มหาศลี หนา้ ๓๖๘-๓๗๘) - สกิ ขาบทในเสขยิ วตั รทง้ั ๗๕ ขอ้ (ทกุ กฏ ภกิ ขวุ ภิ งั ค์ ภาค ๒/ ดหู นา้ ๑๘๑ - ๑๙๑) * ทรงบญั ญตั กิ ารบรหิ ารสรรี ะ (ผม,ขน,เลบ็ ,การอาบนำ้ ฯลฯ) (ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ .๒/๓๐๔-๓๑๘) * ทรงบญั ญตั ิวตั ร ๑๔ (ขอ้ ปฏบิ ตั ทิ พ่ี งึ กระทำ) (วตั ตกั ขนั ธ์ จลุ . ๒/ ๓๓๕-๓๔๙) ง. กลมุ่ สกิ ขาบทเกย่ี วกบั ทฏิ ฐวิ บิ ตั ิ (ความเหน็ ผดิ ) - กลา่ ววา่ ธรรมทต่ี รสั วา่ อนั ตรายไมอ่ าจทำอนั ตรายแกผ่ เู้ สพไดจ้ รงิ (ปาจติ ตยี ์ ว.๗,๘/๑๕๒) - ภกิ ษรุ อู้ ยกู่ นิ รว่ ม,อยรู่ ว่ ม,นอนดว้ ยกนั กบั ภกิ ษผุ กู้ ลา่ วอยา่ งนน้ั (ปาจติ ตยี ์ ว.๗,๙/ ๑๕๓) - ภกิ ษรุ อู้ ยใู่ หส้ ามเณรผกู้ ลา่ วอยา่ งนน้ั อปุ ฏั ฐาก,กนิ รว่ ม,นอนรว่ ม(ปาจติ ตยี ์ ว.๗,๙/ ๑๕๔) - ภกิ ษกุ น่ สกิ ขาบท (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๘, ขอ้ ๒/ ดหู นา้ ๑๕๖)

ภาคพเิ ศษ : สว่ นชว่ ยศกึ ษาคน้ ควา้ สกิ ขาบททม่ี ลี กั ษณะเดยี วกนั ๔๙๕ - ภกิ ษแุ สดงความไมเ่ ออ้ื เฟอ้ื (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๖, ขอ้ ๔/ หนา้ ๑๓๘) - ถกู วา่ กลา่ วโดยชอบธรรมกลบั พดู วา่ จะยงั ไมศ่ กึ ษาในสกิ ขาบทน(้ี ปาจติ ตยี ์ ว.๘,๑/๑๕๕) - เคยฟงั ปาตโิ มกขแ์ ตพ่ ดู วา่ เพง่ิ รวู้ า่ มขี อ้ น,้ี ปาจติ ตยี เ์ พราะแสรง้ หลง(ปาจติ ตยี ์ ว.๘,๓ /๑๕๗) - ภกิ ษผุ ตู้ อ้ งอาบตั แิ ลว้ ไมเ่ หน็ อาบตั ไิ มท่ ำคนื อาบตั ,ิ หรอื ภกิ ษผุ มู้ คี วามเหน็ ผดิ วา่ ธรรมทต่ี รสั วา่ อนั ตรายไมอ่ าจอนั ตรายแกผ่ เู้ สพ :ลงอกุ เขปนยี กรรม(กมั ม.จลุ .๑/๒๘๓) * ทรงใหถ้ อื นสิ ยั ในอปุ ชั ฌายอ์ าจารย์ ๕ป,ี ประฌาม,ขอขมา (มหาขนั ธ์ มหา.๑/๒๐๕-๒๑๔) จ.กลุ่มสิกขาบทเกี่ยวกับอาชีววิบัติ (การเลี้ยงชีพที่ผิดของบรรพชิต) สิกขาบทเกี่ยวกับการซื้อขายแลกเปลี่ยนใช้เงินทอง - ภกิ ษรุ บั ใหร้ บั หรอื ยนิ ดเี งนิ ทองอนั เขาเกบ็ ไวใ้ ห้ (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๒, ๘/ ๗๓) - ภกิ ษซุ อ้ื ขายดว้ ยรปู ยิ ะ(เงนิ ตรา)มปี ระการตา่ งๆ (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๒, ๙/ ๗๓) - ภกิ ษถุ งึ การแลกเปลย่ี นมปี ระการตา่ งๆ (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ วรรค ๒, ขอ้ ๑๐/หนา้ ๗๔) * ใหย้ นิ ดขี องกปั ปยิ ะจากกปั ปยิ ภณั ฑ์ แตม่ ใิ หย้ นิ ด,ี แสวงหาทองเงนิ (เภสชั . มหา.๒/ ๒๕๓) * ทรงอนญุ าตทวงจวี รจากไวยาวจั จกรผรู้ บั ฝากทรพั ย์ (> นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ๑,๑๐/ ๖๒) สิกขาบทเกี่ยวกับการแสดงคุณพิเศษ - ภกิ ษใุ ดไมร่ เู้ ฉพาะ กลา่ วอวดอตุ ตรมิ นสุ สธรรมฯ นอ้ มเขา้ มาในตน (ปาราชกิ ๔/ ๑๙) - ภกิ ษบุ อกอตุ ตรมิ นสุ สธรรมทม่ี จี รงิ แกอ่ นปุ สมั บนั (ผมู้ ไิ ดบ้ วช) (ปาจติ ตยี ์ ว.๑, ๘/ ๙๓) - ภกิ ษแุ สดงอทิ ธปิ าฏหิ ารยแ์ กค่ ฤหสั ถ์ (ทกุ กฏ ขทุ ทกวตั ถขุ นั ธ์ จลุ . ๒/ ๓๐๗) สกิ ขาบทเกย่ี วกบั การประจบ, ประพฤตอิ นาจาร, ลอ่ ลวง - ภกิ ษปุ ระทษุ รา้ ยตระกลู ประจบคฤหสั ถส์ งฆส์ วดหา้ ม ๓ ครง้ั (สงั ฆาทเิ สส ๑๓/ /๔๒) - ภกิ ษชุ กั สอ่ื ชายหญงิ ในความเปน็ เมยี ,เปน็ ช,ู้ หรอื แกห่ ญงิ แพศยา(สงั ฆาทเิ สส ๕ /๒๙) - ภกิ ษปุ ระพฤตอิ นาจารประจบคฤหสั ถ(์ ทกุ กฏ ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ . ๓๑๘ ด๔ู ๔, ๒๘๐)

๔๙๖ ประมวลพระพุทธบัญญัติ อรยิ วนิ ยั จากพระไตรปฎิ ก - ไมล่ ะอายประพฤตเิ ลวทรามประจบคฤหสั ถ์ : ลงปพั พชนยี กรรม(กมั มขนั ธ.์ จลุ .๒/๒๘๐) - ภกิ ษรุ บั ใชเ้ ปน็ ทตู นำขา่ ว,ลอ่ ลวงชาวบา้ น,หมอทายโชคลาง, ทายลกั ษณะสง่ิ ของ ทายแพช้ นะ, โหราศาสตร,์ ทายดนิ ฟา้ อากาศ, ดฤู กษย์ าม, หมอผี หมอยา ฯลฯ ( > ดลู กั ษณะในจลุ ศลี มชั ฌมิ ศลี มหาศลี หนา้ ๓๗๓-๓๗๗) - ภกิ ษเุ รยี น,สอนโลกายตะ หรอื เดรชั ฉานวชิ า (ทกุ กฏ ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ . ๒/ ๓๑๗) สกิ ขาบทเกย่ี วกบั การขอ และการสง่ั ใหผ้ อู้ น่ื ทำ - ภกิ ษขุ อเกนิ กวา่ ทเ่ี ขากำหนดปวารณา หรอื เกนิ ๔ เดอื น (ปาจติ ตยี ์ ว.๕, ๗/ ๑๓๑) - ภกิ ษมุ ากไปดว้ ยการขอแรงและวสั ดกุ อ่ สรา้ ง(> ดตู น้ บญั ญตั สิ งั ฆาทเิ สส ขอ้ ๖/หนา้ ๓๑) - ภกิ ษขุ อจวี รตอ่ คฤหสั ถท์ ม่ี ใิ ชญ่ าติ (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๑, ขอ้ ๖-๑๐/ ๕๗-๖๓) - ภกิ ษขุ อดา้ ยมาเองแลว้ ใหช้ า่ งหกู ทอจวี ร (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ วรรค ๓, ขอ้ ๖/หนา้ ๘๐) - ภกิ ษบุ าตรมแี ผลหยอ่ น ๕ ใหจ้ า่ ยบาตรใหม่ (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๓, ๒/ ๗๗) - ภกิ ษมุ ใิ ชผ่ อู้ าพาธขออาหารปราณตี เพอ่ื ประโยชนต์ นแลว้ ฉนั (ปาจติ ตยี ์ ว.๔, ๙/ ๑๒๒) - ภกิ ษสุ ง่ั ใหผ้ อู้ น่ื รบั ทองเงนิ แทนตน (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๓, ขอ้ ๘/ ๗๒) - ภกิ ษรุ อู้ ยวู่ า่ นำ้ มตี วั สตั ว์ สง่ั ใหผ้ อู้ น่ื รดหญา้ หรอื ดนิ (ปาจติ ตยี ์ ว.๒, ๑๐/ ๑๐๕) * กปั ปยิ โวหารใหผ้ อู้ น่ื ขดุ ดนิ ( > ดทู อ่ี นาบตั ปิ าจติ ตยี ์ ว.๑, ๑๐/ ๙๕) * กปั ปยิ โวหารใหผ้ อู้ น่ื พรากตน้ ไม้ ( > ดทู อ่ี นาบตั ปิ าจติ ตยี ์ ว.๒, ๑/ ๙๖) ฉ. กลมุ่ สกิ ขาบทเกย่ี วกบั สงั ฆสามคั คี (ความพร้อมเพรียงในหมู่สงฆ์) สิกขาบทเกี่ยวกับการไม่ทำสงฆ์ให้แตกกัน - ภกิ ษพุ ยายามทำลายสงฆใ์ หแ้ ตก สงฆห์ า้ ม ๓ ครง้ั ยงั ไมเ่ ลกิ (สงั ฆาทเิ สส ๑๐/ ๓๗) - ภกิ ษผุ ปู้ ระพฤตติ ามภกิ ษผุ ทู้ ำลายสงฆ์ สงฆห์ า้ ม ๓ ครง้ั (สงั ฆาทเิ สส ขอ้ ๑๑/ ๓๙) - ภกิ ษปุ ระพฤตติ ามภกิ ษผุ ทู้ ำสงฆใ์ หแ้ ตกกนั (ถลุ ลจั จยั สงั ฆเภทขนั ธ์ จลุ . ๒/ ๓๓๒)

ภาคพเิ ศษ : สว่ นชว่ ยศกึ ษาคน้ ควา้ สกิ ขาบททม่ี ลี กั ษณะเดยี วกนั ๔๙๗ - ภกิ ษฉุ นั เปน็ หมู่ (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๔, ขอ้ ๒/ หนา้ ๑๑๔ ดเู ชงิ อรรถหนา้ ๑๑๖ประกอบ) สิกขาบทเกี่ยวกับการไม่ให้เกิดการวิวาทกัน - ภกิ ษมุ โี ทสะตามกำจดั ภกิ ษดุ ว้ ยอาบตั ปิ าราชกิ ทไ่ี มม่ มี ลู (สงั ฆาทเิ สส ๘/ หนา้ ๓๔) - ภกิ ษมุ โี ทสะถอื เอาเลสตามกำจดั ภกิ ษดุ ว้ ยอาบตั ปิ าราชกิ ทไ่ี มม่ มี ลู (สงั ฆาทเิ สส ๙/ ๓๖) - ภกิ ษกุ ำจดั ภกิ ษดุ ว้ ยอาบตั สิ งั ฆาทเิ สสทไ่ี มม่ มี ลู (ปาจติ ตยี ์ วรรค๘, ขอ้ ๖/ หนา้ ๑๕๙) - ภกิ ษโุ จทอาบตั โิ ดยไมข่ อโอกาสกอ่ น(ทกุ กฏ อโุ บสถขนั ธ์ มหา.๑/หนา้ ๒๒๗ขอ้ ๒๒) - ภกิ ษกุ อ่ ความรำคาญ(สงสยั วา่ เปน็ อาบตั )ิ แกภ่ กิ ษอุ น่ื (ปาจติ ตยี ์ ว. ๘, ขอ้ ๗/ หนา้ ๑๖๐) > ดคู ณุ สมบตั ผิ โู้ จทและผถู้ กู โจท (ปาฏโิ มกขฐปนขนั ธ์ จลุ วรรค ขอ้ ๒/ หนา้ ๓๕๓) - ภกิ ษบุ อกอาบตั ชิ ว่ั หยาบของภกิ ษแุ กผ่ ไู้ มไ่ ดบ้ วช (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๑, ๙/ หนา้ ๙๔) - ภกิ ษรุ อู้ ยปู่ กปดิ อาบตั ชิ ว่ั หยาบของภกิ ษุ (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๗, ขอ้ ๔/ หนา้ ๑๔๘) * ทรงอนญุ าตใหส้ วดปาตโิ มกขท์ กุ กง่ึ เดอื น (อโุ บสถ. มหาวรรค ๑ / หนา้ ๒๒๔-๒๒๕) - ภกิ ษพุ ดู สอ่ เสยี ด (ยใุ หท้ ะเลาะกนั ) (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๑, ขอ้ ๓/ หนา้ ๘๘) - ภกิ ษแุ อบฟงั ความของภกิ ษผุ ทู้ ะเลาะกนั (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๘, ขอ้ ๘/ หนา้ ๑๖๑) - ภกิ ษโุ พนทะนาบน่ วา่ (ภกิ ษทุ ท่ี ำหนา้ ทโ่ี ดยธรรมทส่ี งฆส์ มมต)ิ (ปาจติ ตยี ์ ๒, ๓/๙๘) - ภกิ ษตุ เิ ตยี นภกิ ษวุ า่ สอนภกิ ษณุ เี พราะเหน็ แกล่ าภ (ปาจติ ตยี ์ ว.๓, ขอ้ ๔/ หนา้ ๑๐๘) - ภกิ ษกุ อ่ การทะเลาะววิ าทกอ่ อธกิ รณ:์ ลงตชั ชนยี กรรม (กมั ม. จลุ . ๑/ หนา้ ๒๗๗) สิกขาบทเกี่ยวกับการเคารพซึ่งกันและกัน - ภกิ ษเุ ปน็ ผวู้ า่ ยากสอนยาก สงฆห์ า้ ม๓ ครง้ั ไมล่ ะเลกิ (สงั ฆาทเิ สส ขอ้ ๑๒/ หนา้ ๔๑) - ภกิ ษเุ ปน็ ผใู้ หล้ ำบาก(คอื พดู เฉไฉเมอ่ื ถกู สอบสวน) (ปาจติ ตยี ์ ว.๒, ขอ้ ๒/ หนา้ ๙๗) * ทรงอนญุ าตปวารณากนั และกนั (คอื ใหภ้ กิ ษอุ น่ื วา่ กลา่ วตกั เตอื นได)้ (ปวารณา. มหา.๑/๒๓๖) - ภกิ ษรุ อู้ ยฟู่ น้ื อธกิ รณท์ ท่ี ำเสรจ็ แลว้ ตามธรรม (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๗, ขอ้ ๓/ หนา้ ๑๔๗) - มอบฉนั ทะเพอ่ื กรรมอนั เปน็ ธรรมแลว้ พดู บน่ วา่ ในภายหลงั (ปาจติ ตยี ์ ว. ๘, ๙/ ๑๖๒) - กำลงั วนิ จิ ฉยั เรอ่ื งในสงฆอ์ ยไู่ มใ่ หฉ้ นั ทะลกุ จากอาสนะหลกี ไปเสยี (ปาจติ ตยี ์ ว.๘,๑๐/๑๖๓)

๔๙๘ ประมวลพระพุทธบัญญตั ิ อรยิ วนิ ยั จากพระไตรปฎิ ก - ภกิ ษรุ ว่ มกบั สงฆใ์ หจ้ วี รแกภ่ กิ ษแุ ลว้ ตเิ ตยี นภายหลงั (ปาจติ ตยี ์ ว.๘, ๑๑/ หนา้ ๑๖๔) * ทรงบญั ญตั วิ ตั ร ๑๔ ขอ้ ปฏบิ ตั ติ อ่ กนั , ตอ่ สง่ิ ตา่ งๆ (วตั ตกั ขนั ธ์ จลุ .๒/๓๓๕-๓๔๙) - ภกิ ษไุ มใ่ หก้ ราบไหว,้ ลกุ รบั ,การทำอญั ชลกี รรม,การทำสามจี กิ รรม,อาสนะทเ่ี ลศิ นำ้ อนั เลศิ ,บณิ ฑบาตอนั เลศิ ตามลำดบั ผแู้ กก่ วา่ (ทกุ กฏ เสนาสน. จลุ .๒/๓๒๑-๓๒๓) * ทรงอนญุ าตผสู้ อนธรรมวนิ ยั ออ่ นกวา่ นง่ั อาสนะเสมอหรอื สงู กวา่ ผฟู้ งั และให้ ภกิ ษผุ มู้ อี าสนะเสมอกนั ระหวา่ ง๒พรรษานง่ั รวมกนั ได้ (เสนาสน. จลุ . ๒/ ๓๒๔) - ภกิ ษสุ งฆ์ ไมพ่ ยาบาลภกิ ษอุ าพาธ (ทกุ กฏ จวี รขนั ธ์ มหา.๒/ ๒๖๔) สิกขาบทเกี่ยวกับการไม่ทำตัวให้เป็นที่รังเกียจ - ภกิ ษโุ กรธนอ้ ยใจใหป้ ระหาร(ทำรา้ ย)ภกิ ษุ (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๘, ขอ้ ๔/ หนา้ ๑๕๘) - ภกิ ษโุ กรธนอ้ ยใจเงอ้ื หอกคอื ฝา่ มอื แกภ่ กิ ษุ (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๘, ขอ้ ๕/ หนา้ ๑๕๙) - เปน็ ปาจติ ตยี ใ์ นเพราะจด้ี ว้ ยนว้ิ มอื (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๖, ขอ้ ๒/ หนา้ ๑๓๖) - ภกิ ษโุ กรธขดั ใจฉดุ ครา่ ใหฉ้ ดุ ครา่ ภกิ ษจุ ากวหิ ารของสงฆ์ (ปาจติ ตยี ์ ว.๒, ๙/ หนา้ ๑๐๒) - ภกิ ษรุ อู้ ยนู่ อนแทรกภกิ ษผุ เู้ ขา้ ไปอยกู่ อ่ นในวหิ ารสงฆฯ์ (ปาจติ ตยี ์ ว. ๒, ๖/ หนา้ ๑๐๑) - ภกิ ษนุ ง่ั นอนทบั เตยี งตง่ั ทอ่ี ยบู่ นรา้ นในวหิ ารสงฆ์ (ปาจติ ตยี ์ ว. ๒, ขอ้ ๘/ หนา้ ๑๐๓) - ภกิ ษใุ หจ้ วี รแกภ่ กิ ษเุ องแลว้ โกรธนอ้ ยใจชงิ เอามา (นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี ์ ว.๓, ๕/ หนา้ ๘๐) - ภกิ ษชุ วนภกิ ษไุ ปบณิ ฑบาตดว้ ยกนั แลว้ ไลก่ ลบั (ปาจติ ตยี ์ วรรค๕, ขอ้ ๒/ หนา้ ๑๒๖) - ภกิ ษรุ อู้ ยเู่ พง่ จะหาโทษพดู ใหภ้ กิ ษทุ ห่ี า้ มภตั แลว้ ฉนั ของมใิ ชเ่ ดน(ปาจติ ตยี ์ ว.๔, ๖/๑๒๐) - ภกิ ษใุ ดหลอนซง่ึ ภกิ ษุ เปน็ ปาจติ ตยี ์ (ปาจติ ตยี ์ วรรค ๖, ขอ้ ๕/ หนา้ ๑๓๙) - ภกิ ษซุ อ่ นหรอื ใหซ้ อ่ นบรขิ ารของภกิ ษแุ มเ้ พอ่ื จะหวั เราะ (ปาจติ ตยี ์ ว.๖,๑๐/ หนา้ ๑๔๕) - ภกิ ษเุ พง่ โพนทะนาแลดบู าตรของผอู้ น่ื (ทกุ กฏ เสขยิ ะ วรรค๒, ขอ้ ๑๒/ หนา้ ๑๘๖) - มใิ ชเ่ พราะเหตอุ าพาธ ฉนั กระเทยี ม (ทกุ กฏ ขทุ ทกวตั ถ.ุ จลุ .๒/ หนา้ ๓๑๗) - ภกิ ษฉุ นั หรอื ดม่ื ในภาชนะเดยี วกนั , นอนรว่ มเตยี ง,รว่ มเครอ่ื งลาด,หรอื ผา้ หม่ ผนื เดยี วกนั (ทกุ กฏ ขทุ ทกวตั ถขุ นั ธ์ จลุ วรรค ภาค ๒/ หนา้ ๓๑๑)

ภาคพิเศษ : ดัชนีเนื้อเร่ืองพระวินัย ๔๙๙ สว่ นดชั นี (คน้ หาคำ เรยี งลำดบั ตามอกั ษร) ก ดชั นเี นอ้ื เรอ่ื งพระวนิ ยั กฐนิ ๒๕๖ ผลไม้ ๒๔๘, ๒๔๙, ๓๐๖, ๔๑๗ ขบั ไล่ ๒๖๘, ๒๘๐ กฐนิ ศาลา ๓๐๙ กาลกิ ๔ ๑๑๙, ๑๒๑, ๑๒๒, ขาบาตร (ใชร้ องขณะฉนั :โตก) ๓๑๑ ๒๔๕, ๒๕๕ ขา้ ว ๒๕๓ กรรมวาจา ๔๗๐ กาลิกระคนกัน ๒๕๕ ขา้ วเปลอื ก ๓๖๙ กรานกฐนิ ๒๕๖, ๒๕๗, ๒๖๓,๔๗๒ กิจจาธิกรณ์ ๒๙๙,๓๙๑,๔๗๗,๔๗๙ ขา้ วยาคู ๒๔๙ คำล่าวอนุโมทนากฐิน ๔๗๒ กีฬา ๔๕, ๒๘๐, ๓๑๘, ๓๗๐ ขา้ วสกุ ๑๑๔ (ดู อาหาร ดว้ ย) เดาะกฐนิ ๒๕๘, ๒๖๓ กุฏิ ขร่ี ถ ขม่ี า้ ๔๕ ปลิโพธ ๒๕๘ กฏุ ทิ ส่ี ำเรจ็ ดว้ ยดนิ ลว้ น ๑๔ เขม็ ๑๖๙, ๓๐๘ ไมแ้ บบ,ไมส้ ะดงึ (ชว่ ยเยบ็ จวี ร) ๓๐๘ สรา้ งกฏุ ี ๓๑, ๓๓ เขยี นภาพ ๓๒๐ สงฆ์ ๔ รปู ๒๖๗ เก็บอาหาร (ดู อาหาร) ค อานสิ งสก์ ฐนิ ๕. ๒๕๖, ๒๖๓ เกลือ ๒๔๖, ๓๖๑ คณโภชนะ ๑๑๔, ๒๕๗, ๓๓๑ คมกิ ภตั ๒๖๒ กตกิ าสงฆท์ ต่ี ง้ั ขน้ึ เอง ๖๙ โกนผม ๒๑๓, ๒๕๔, ๓๐๕, ๓๑๔ คมกิ วตั ร ๓๓๗ ข ครธุ รรม ๘ ประการ ๓๕๔ กรรม (ดู สงั ฆกรรม) ครุภัณฑ์ ครุบรขิ าร ๒๒, ๓๒๕ กรอง คฤหสั ถ์ กรองน้ำ ๓๐๙ ขนจมกู ๓๑๔ กรองมันเหลวในเวลาวิกาล ๒๔๕ ขนเจยี ม ๖๖, ๗๐, ๗๑ กระจก (สอ่ งกระจก) ๓๐๕ ขนม ๑๑๔, ๑๑๘ กระโถน ๓๐๘ ขโมย ๑๓, ๑๖, ๒๓, ๒๒๒, ๓๖๘ คลุกคลีด้วยคฤหัสถ์ ๒๗๗ กระเทย (บณั เฑาะก์) ๒๑๘ ขอ ขอโทษคฤหสั ถ์ (ปฏสิ ารณยี กรรม) กระเทยี ม ๓๑๗ ดา้ ยทำจวี ร ๘๐ ๒๖๙, ๒๘๑ กรานกฐนิ (ดู กฐิน) จวี ร ๕๗ ชวนคฤหสั ถใ์ นทางไมส่ มควร ๒๕๔ กสาวเภสัช ๒๔๕ บาตร ๗๗ นุ่งหม่ อยา่ งคฤหสั ถ์ ๓๑๕ กอ่ สรา้ ง เพอ่ื ประโยชนแ์ กภ่ กิ ษอุ น่ื ๑๒๓ ประจบคฤหสั ถ์ ๔๓, ๔๔, ๓๑๘ ๓๑, ๓๓, ๙๕, ๙๖, ๒๓๘, ๓๒๑, แรงและเครื่องมือ ๓๒ ล่อลวงคฤหสั ถ์ ๓๗๔ ๓๒๖ (ดู นวกรรม ดว้ ย) สิกขาบทเกี่ยวกับการขอ ๔๙๖ ควำ่ บาตร ๓๑๑ กัณฑุปะฏิจฉาทิง (อธษิ ฐาน) ๔๐๘ อาหาร ๑๒๒, ๑๘๔ คหบดจี วี ร ๓๘, ๒๕๙ กปั ปะ (สมณกปั ปะ) (ดู กปั ปยิ ะ) กปั ปยิ ะ ขอขมา (ดู โทษ -ขอโทษ) คะแนน (ลงคะแนน) ๒๙๗, ๓๐๐ กปั ปยิ ะการก ๒๔๘, ๒๕๓ ของเขยี ว (ภตู คาม) ๙๖, ๑๐๔, ๓๗๐ คมั ภรี ์ ของสงฆ์ ๒๒, ๓๒๕ จลุ วรรค (๒๘) ไวยาวจั กร ๖๓ นอ้ มลาภของสงฆ์ ๘๕, ๑๖๔ ปรวิ าร (๒๙) กปั ปยิ ะภมู ิ ๒๕๒ ขอโทษ (ดู โทษ - ขอโทษ) ภกิ ขุนวี ภิ ังค์ (๒๗) ขอนิสัย (ดู นสิ ยั ) ภิกขุวิภังค์ (๒๗) สมมตกิ ปั ปยิ ะภมู ิ ๔๒๕ กปั ปยิ ะ ผลไม้ ๔๑๗ ขอโอกาสโจท ๒๒๗ มหาวรรค (๒๗) ดนิ ๙๕ ขับร้อง ๔๕, ๓๑๘, ๓๖๙, ๓๗๐ คามสมี า ๒๒๖ ภตู คาม ๙๖ ขบั รอ้ งธรรมดว้ ยเสยี งยาว ๓๐๕ คิลานภัต ๒๖๒

๕๐๐ ประมวลพระพุทธบญั ญัติ อรยิ วนิ ยั จากพระไตรปฎิ ก คลิ านเภสชั (ดู ยา) ไตรจีวร ฉันในเตียบ, ฉันบนโตก ๓๑๑ คิลานปุ ัฏฐากภตั ๒๖๒ ไมค่ รบหา้ มเขา้ หมบู่ า้ น ๒๖๓ ฉันในที่นิมนต์ (นิมันตนภัต) ๓๒๗ คนื สกิ ขา (ลาสกิ ขา) อนญุ าตจวี ร ๓ ผนื ๕๓, ๒๖๑ ฉนั ในบาตรเปน็ วตั ร ๕ อยา่ ง ๓๖๗ พระลาสกิ ขา ๗ อยปู่ ราศจากไตรจวี ร ๕๓, ๒๕๖ ฉันในวิกาล ๔๕,๒๔๕,๒๔๘,๓๑๓ เณรลาสกิ ขา ๒๑๗ เขตอยปู่ ราศจากไตรจวี ร ๒๒๖ ฉนั ผลไม้ ๒๕๓, ๓๐๖ คบื พระสคุ ต ๓๑ บงั สกุ ลุ จวี ร ๒๖๐ ฉนั ภตั เครื่องใช้ (โลหะ,ทองสมั ฤทธ)์ิ ๓๑๕, ประมาณจวี ร ๑๗๕ ที่เขาถวาย ๕ อย่าง ๑๑๕,๓๒๗ ๓๑๘ ผา้ จวี ร ๖ ชนติ ๒๖๐ ภตั ตคั ควตั ร ๓๓๘ เครื่องลาด ๓๗๑ ผา้ ท่ีทรงห้าม ๒๖๕ ภตั ตานโุ มทนาวตั ร ๓๓๘ เคารพ วกิ ปั ๕๓, ๑๔๔, ๒๕๗, ๒๖๑, ๔๐๙ สลากภัต ๓๒๗ สิกขาบทเกี่ยวกับการเคารพ และ สไี มค่ วร ๒๖๖ หา้ มภัต ๑๑๙ การไมเ่ คารพกนั ๔๙๙ สยี อ้ มจวี ร ๖ ชนดิ ๒๖๑ ฉันภาชนะเดียวกัน ๓๑๑ แคะหู ๓๑๕ อกาลจวี ร ๕๕ ฉันโภชนะ ๕ ๑๑๔ โค อจั เจกจวี ร ๘๓ โภชนะทีหลัง ๑๑๖, ๒๕๐ ปญั จโครส (รสของโค ๕) ๒๕๓ อตเิ รกจวี ร ๕๒, ๒๖๑ ขอโภชนะ ๑๒๒, ๑๘๖ ถกู ตอ้ งโคตัวเมีย ๒๔๒ อธษิ ฐาน ๕๒, ๒๖๓, ๔๐๘ ฉันวันหนึ่งหนเดียว ๑๑๙, ๓๖๙, ฆ อนญุ าต ๑ ชน้ั , ๒ ชน้ั , ๔ ชน้ั ๒๖๑ ๓๘๓ อนญุ าตจวี รเพยี ง ๓ ผนื ๒๖๑ ฉันอาหารที่ถวายเจาะจง ๓๒๗ ฆ่าตัวตาย ๑๗ สกิ ขาเกย่ี วกบั เครอ่ื งนงุ่ หม่ ๔๘๖ ฉันอาหารที่เป็นเดน ๑๑๙ ฆา่ สตั ว์ ๑๔๖, ๒๒๒, ๓๖๘ จดุ ไฟเผากองหญา้ ๓๑๖ สิกขาบทเกี่ยวกับการฉัน ๔๘๕ สิกขาบทเกี่ยวกับการฆ่าสตั ว์ ๔๙๐ จุลวรรค (๒๘) ฉนั ทะ ๑๖๒, ๑๖๓ ง จลุ ศลี ๓๖๘ เจรญิ พระชนม์ ๓๑๗ มอบฉนั ทะ ๒๒๘ วธิ มี อบฉนั ทะ ๔๓๐ เงนิ ทอง ๗๒, ๑๖๗, ๒๑๖, ๒๕๓, เจา้ หนา้ ทท่ี ำการสงฆ์ ฉดุ ครา่ ภกิ ษุ ๑๐๒, ๓๒๓ ชสิกขาบทเกี่ยวกับเงินทอง ๔๙๕ เจยี ว (มันเหลวในเวลาวิกาล) ๒๔๕ ๓๖๑, ๓๖๒, ๓๖๙ (ดู ผอู้ นั สงฆส์ มมติ) จ โจท ๒๒๗, ๒๗๕, ๒๙๖, ๒๙๙, ๔๗๗ ชกมวย ๔๖, ๓๗๑ ขอโอกาสก่อนโจท ๒๒๗ ชตเุ ภสชั ๒๔๖ จงกรม ๓๐๙ คณุ สมบตั ผิ ทู้ จ่ี ะโจท ๕ อยา่ ง ๓๕๓ ชนบทชายแดน (ขอ้ อนญุ าต) ๒๔๔ จมั เปยย ๒๖๗ คณุ สมบตั ผิ ถู้ กู โจท ๒ อยา่ ง ๓๕๓ ชกั สอ่ื ชายหญงิ ๒๙ จมั มะ ๒๔๐ อาบตั ิ ๓๔, ๓๖, ๑๕๙, ๒๙๙, ๔๗๕ ชนั ตาฆรวตั ร ๓๔๓ ฉ จาม ๓๑๗ ชา่ งตดั ผม ๒๕๔, ๓๑๔ จวี ร ๒๕๙ (ดู ผา้ ด้วย) ฉลาก (จบั ฉลาก) ๒๙๗, ๓๐๐ ญ กตกิ า ๘ ประการทจ่ี วี รจะเกดิ ขน้ึ ๒๖๖ ฉนั (ดู อาหาร ดว้ ย) ญตั ติ การถวายจวี ร ๘ ประการ ๒๖๖ กระเทยี ม ๓๑๗ ญตั ตกิ รรม ๑๖๒,๒๙๙,๔๗๗,๕๑๔ คหบดจี วี ร ๓๘, ๒๕๙ กดั คำขา้ ว ๑๘๗ ญตั ตจิ ตตุ ถกรรม ๑๖๒, ๒๐๗, จวี รกาล ๘๓ คณโภชนะ(ฉันเป็นหมู่)๑๑๔,๒๕๗ ๒๙๙, ๔๗๗, ๕๑๔ ตดั เปน็ กระทงนา ๒๕๗,๒๖๑,๒๖๓ ฉันก่อนไปที่นิมนต์ ๑๑๖, ๒๕๐ ญตั ตทิ ตุ ยิ กรรม ๑๖๒, ๒๕๗, ตัดเย็บ ๒๕๗ ฉนั ที่เหลอื ภกิ ษุอาพาธ ๑๑๙, ๑๒๓ ๒๙๙, ๔๗๗, ๕๑๔ ตดั ใหเ้ ศรา้ หมอง ๒๖๑ ฉันที่อาเจียนออกมาอีก ๓๑๓ ญาติ (ผทู้ ม่ี ใิ ชญ่ าติ ) ๕๖

ภาคพิเศษ : ดชั นเี นอื้ เรอื่ งพระวนิ ัย ๕๐๑ ด พระพทุ ธพระธรรมพระสงฆ์ ๒๗๗, เทีย่ ง (ฉนั อาหารเลยเท่ียง) ๓๖๑ ๒๘๒, ๓๑๒ โทษ ดนตรี ๓๐๕, ๓๖๙, ๓๗๐ ดอกไม้ ๔๔, ๒๘๐, ๓๑๑ พระวนิ ยั ๑๓๘, ๑๕๒, ๑๕๖ ขอโทษ (ขอขมา) ดกู ารเลน่ ๓๗๐ ตสิ รณคมนปู สมั ปทา ๒๐๑ ๒๐๖, ๒๐๙, ๔๑๑ เดน (อาหารอนั เปน็ เดน) ๑๑๙ เตน้ รำ (ดู ฟอ้ นรำ) เดรจั ฉานกถา ๓๗๒ เตยี ง ๙๙, ๑๐๓, ๓๑๙ ขอโทษคฤหสั ถ์ (ปฏสิ ารณยี กรรม) เดรจั ฉานวชิ า ๓๑๗, ๓๗๔ ๒๖๘, ๒๘๑, ๔๘๓ เดาะกฐนิ (ดู กฐิน) ใช้สอยเตียง ๑๗๐ เดยี รถยี ์ ๒๑๐ เตยี ง (สงู ใหญ่ ) ๒๔๓, ๓๑๙, ยกโทษ ๒๐๙ ลงโทษ (๒๘), ๑๙๑, ๒๖๙, ๒๗๔, ต ๓๖๙, ๓๗๑ ทโ่ี รยดว้ ยดอกไม้ ๓๑๐ ๒๙๕, ๔๘๑, ๔๘๓ ตกแต่งร่างกาย ๓๐๔, ๓๐๕, ๓๑๔, นอนบนเตยี งเดยี วกนั ๓๑๑ แก่นางภิกษุณี ๓๕๗ ๓๖๙, ๓๗๒ แกส่ ามเณร ๒๑๖ ถ ควำ่ บาตร ๓๑๑ ตน้ บญั ญตั ิ (๓๐), (๓๑) ลงโทษดว้ ยการไมไ่ หว้ ๓๕๗ ตน้ ไม้ ถอดยศตัดสทิ ธิ (ดู ตดั สทิ ธ)ิ ตชั ชนยี กรรม ๒๖๘, ๒๗๔, ถอนสกิ ขาบทเลก็ นอ้ ย ๓๕๘ ๕ อยา่ ง ๙๖ ถำ้ ๓๑๙ ๔๘๓ ขน้ึ ตน้ ไม้ ๓๑๖ ถลุ ลจั จยั (๒๖), ๓๖๕, ๔๘๑ ลักษณะผู้ควรลงโทษ ๒๗๗ ตดั ตน้ ไม้ ๓๓, ๙๖ เถาวลั ย์ ๒๒, ๓๒๕ นาสนะ ๑๕๕, ๒๑๗ ปลกู ตน้ ไมแ้ ละรดนำ้ ๔๓, ๔๔ นิยสกรรม ๒๖๘, ๒๗๙, ๔๘๓ ตระกลู เสกขะ ๑๗๘, ๓๓๕ ท ประณาม ๒๐๖, ๒๐๙ ตอ้ นรบั ภกิ ษุ ๒๒๘, ๓๓๕ ปพั พาชนยี กรรม ๔๖, ๒๖๘, ตกั เตอื นกนั และกนั ๔๑, ๒๓๖, ทะเลาะ (ดู ววิ าท) ๒๘๐, ๔๘๓ ตง่ั (ดู เตยี ง) ทัณฑกรรม ๒๑๖, ๒๑๗ พรหมทัณฑ์ ๓๕๙ ตัชชนียกรรม ๒๖๘, ๒๗๔, ๔๘๓ ทายลักษณะ ๓๗๕ เสยี สทิ ธิ ลกั ษณะผคู้ วรถกู ลงตชั ชนยี ฯ ๒๗๗ ทาส, ทาสี ๔๕, ๓๖๙ ๑๘ อยา่ ง ๒๗๘, ๔๘๓ ตดั สทิ ธิ ๒๖๘, ๒๗๙, ๔๘๓ ทฏิ ฐวิ บิ ัติ ๒๗๗, ๔๓๒,๔๙๔ ของภกิ ษผุ อู้ ยปู่ รวิ าส ๒๘๖ ๑๘ อยา่ ง ๒๗๘, ๔๘๓ ท่ี (สถานท)่ี อกุ เขปนยี กรรม ๒๖๗, ๒๖๘, ๒๕ อยา่ ง ๒๘๓, ๔๘๓ ๒๘๓, ๔๘๓ ของภกิ ษผุ อู้ ยปู่ รวิ าส - มานตั ๒๘๖ ทเี่ ก็บอาหาร ๒๕๑, ๒๕๒, ๔๒๕ ตดั สนิ ทถ่ี า่ ยปสั สาวะอจุ จาระ ๓๑๘ ธ ทล่ี บั ๑๑๒, ๑๒๘, ๑๒๙ วนิ ยั (มหาประเทส ๔) ๒๕๕ ทล่ี บั ตา ๔๗, ๑๒๘ ธรรมทตู ประกอบดว้ ยองค์ ๘. ๓๓๒ ธรรมวนิ ยั (มหาประเทส ๔) ๓๙๙ ทล่ี บั หู ๔๗, ๔๙, ๑๒๘, ๑๒๙ ธรรมวนิ ยั (ดู พระธรรมวนิ ยั ) หลกั ตดั สนิ ธรรมวนิ ยั ๘. ๓๕๖ ท่ีอยูอ่ าศัย ๓๑๙ ธรรมเปน็ อนั ตราย ๑๕๒, ๑๕๔, ๒๘๓ ตสั สปาปยิ สกิ า ๑๙๑, ๒๙๘, ๓๐๑, ถือที่อาศัย ๒ แห่ง ๓๒๔ ธญั ชาติ ๗ อยา่ ง ๒๕๓ ๓๙๑, ๓๙๓, ๔๗๗, ๔๗๙ แสดงท่ี ๓๑, ๓๓ ธดุ งคว์ ตั ร ๑๓ ๗๐, ๓๖๖ ตณิ วตั ถารกวนิ ยั ๑๙๑, ๒๙๘, ๓๐๑, ทุกกฏ (๒๖), ๑๘๑, ๓๖๕, ๔๘๑ ๓๙๑, ๓๙๔, ๔๗๗, ๔๗๙ ปฏสิ สวทกุ กฏ ๒๓๕, ๒๘๒ บณิ ฑบาตกิ ธดุ งค์ ๖๙, ๓๖๗ ตเิ ตยี น ทตุ ยิ กรรมวาจา (ดู ญตั ตทิ ตุ ยิ กรรม) ปงั สกุ ลุ กิ ธดุ งค์ ๓๘,๖๙,๒๖๐,๓๖๗ ทพุ ภาสติ (๒๖), ๘๘, ๓๖๖, ๔๘๑ อารญั ญกิ ธดุ งค์ ๖๙,๗๐,๓๔๐,๓๖๗ เจา้ หนา้ ที่สงฆ์ ๙๘ ทตู บคุ คล (ดู โจท) น ธรรมทตู ประกอบดว้ ยองค์ ๘. ๓๓๒ ทตู นำขา่ ว ๓๖๙, ๓๗๓ นวกรรม (การกอ่ สรา้ ง) ๓๒, ๓๒๑, ๓๒๖, ๔๒๔


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook