บทที่ 5 การวเิ คราะหส์ มรรถภาพกระบวนการ 231 10.3 ถ้าขีดจากัดข้อกาหนดของความกว้างในการไหลคือ 1.50±0.50 ไมครอน และความกว้างในการไหล เป็นตัวแปรสุ่มที่มีการแจกแจงแบบปกติ ที่มีค่าเฉลี่ย 1.5056 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.1398 จงประมาณค่าสัดสว่ นของแผน่ กลมบางทเ่ี สียท่ผี ลิตได้ 10.4 จงหาคา่ อตั ราส่วนสมรรถภาพกระบวนการ (Montgomery D.C.อา้ งองิ ใน สายชล สนิ สมบูรณ์ทอง, 2554: 350) 11. ความยาวชน้ิ ส่วนทีป่ ระกอบกันดงั แสดงในรปู มกี ารแจกแจงแบบปกติ N(μ, σ2) มีหน่วยเป็นเซนตเิ มตร Y X1 X2 X3 X4 X1 ~ N(2.3, 0.06) X2 ~ N(2.6, 0.05) X3 ~ N(2.6, 0.08) X4 ~ N(3.4, 0.03) ถ้าขีดจากัดข้อกาหนดของความยาวรวม Y คือ 11.0±0.5 เซนติเมตร จงหาสัดส่วนของเสียที่อยู่ภายใน ขดี จากดั ขอ้ กาหนด (Banks J. อ้างองิ ใน สายชล สนิ สมบรู ณท์ อง, 2554: 357) 12. จากขอ้ 11 ขีดจากัดข้อกาหนดควรจะเปน็ เท่าไหร่สาหรบั ขดี จากดั ที่ 12.1 ±2σ จากคา่ เฉลยี่ 12.2 ±3σ จากค่าเฉลยี่ (Banks J. อา้ งองิ ใน สายชล สินสมบูรณ์ทอง, 2554: 357) 13. จากข้อ 11 ถ้าขีดจากัดข้อกาหนดเป็น 10.9±0.2 เซนติเมตร ความยาวช้ินส่วนแต่ละช้ินมีการแจกแจง แบบปกติท่ีมีค่าเฉล่ีย μ1 = 2.3 เซนติเมตร, μ2 = 2.6 เซนติเมตร, μ3 = 2.6 เซนติเมตร และ μ4 = 3.4 เซนติเมตร สมมติสัดส่วนของเสียท่ีตกนอกขีดจากัดเป็น 0.01 และ PCR = 1.3 ถ้าความแปรปรวนของแต่ละ ชน้ิ สว่ นเท่ากนั จงหาคา่ ความแปรปรวนนี้ (Banks J. อา้ งอิงใน สายชล สนิ สมบูรณ์ทอง, 2554: 357)
232 การควบคมุ คุณภาพ 14. ความแขง็ (Hardness) ทีว่ ดั ในแบบรอ็ คเวลล์สเกลซี (Rockwell C–Scale: HRC) ของช้นิ งานที่ได้จากการ อบชบุ จากเตาอบแบบอัตโนมตั ิ มีค่าดงั ตอ่ ไปนี้ 77 78 76 79 79 79 79 77 80 79 78 79 78 80 77 79 77 78 80 78 79 79 79 79 78 78 80 78 79 80 79 80 79 78 80 78 79 79 79 79 80 80 81 81 82 79 80 81 80 79 กาหนดใหช้ ิ้นงานทุกชนิ้ มสี ว่ นผสมและคณุ สมบตั อิ ่นื ๆ เท่ากนั ทุกประการ และเครื่องมือวัดได้ผ่านการสอบ เทียบเรียบร้อยแล้ว และค่าความคลาดเคลื่อนไม่สูงพอท่ีจะส่งผลให้เกิดความแปรปรวนในการวัด ดังนั้นค่า ความแข็งที่คลาดเคลื่อนจึงเกิดจากความไม่สม่าเสมอของอุณหภูมิเตาอบท่ีใช้ในการอบชุบ โดยที่ถ้าอุณหภูมิ สม่าเสมอแลว้ ค่าเฉลี่ยและคา่ เผื่อที่ควรจะเป็นของความแข็งของชิ้นงานคือ 80 HRC และ ±5 HRC ตามลาดับ จงวิเคราะห์สมรรถภาพของเตาอบดังกล่าว (ศภุ ชัย นาทะพันธ์, 2551) 15. จงใช้ข้อมูลต่อไปน้ีตอบคาถาม โรงงานผลิตยางในจักรยานแห่งหน่ึงมีค่าเฉลี่ยของการทนความดัน (Bursting pressure) ของผลิตภัณฑเ์ ป็น 150 ปอนดต์ ่อตารางน้ิว (psi) และมีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็น 15.2 psi ถ้าข้อกาหนดของผู้นาเข้าในประเทศระบุว่ายางในต้องมี Bursting pressure ไมต่ากว่า 100 psi กระบวนการผลติ ในโรงงานนี้มีของเสยี อย่ใู นชว่ งใด (สภาวิศวกร, 2555) 16. จงคานวณค่าสมรรถภาพกระบวนการ ในกระบวนการชุบเคลือบผิวสายรัดโลหะขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 13-19 มิลลิเมตร ให้ไดค่าความหนาของสังกะสีท่ีชุบเคลือบผิว 3±0.5 ไมโครเมตร ผลการชักตัวอย่าง 50 ชิ้น แล้ววดั คา่ ความหนาของสังกะสที ีเ่ คลอื บผวิ สายรัดโลหะ ผลแสดงดังตารางตอ่ ไปนี้ คา่ ความหนา (ไมโครเมตร) 3.0 2.8 3.0 2.9 3.0 3.0 2.9 2.9 3.0 2.9 2.9 2.9 3.1 3.1 2.9 3.1 3.0 2.8 3.1 3.0 3.0 3.0 3.1 3.0 3.0 2.9 2.9 2.9 3.1 2.9 2.0 3.1 2.9 3.1 3.1 2.9 3.1 3.0 3.0 3.1 3.0 2.9 3.0 2.9 3.1 3.0 3.2 3.1 3.1 2.9 (สภาวศิ วกร, 2555) 17. ถ้าหากต้องการให้กระบวนการที่ผลิตสินค้าท่ีมีคุณภาพสม่าเสมอที่สุด ต้องปรับปรุงค่าผลต่างระหว่าง ขดี จากัดบนและขดี จากัดล่าง (USL-LSL) กับ ขดี จากัดกระบวนการตามธรรมชาติ (6σ) ให้เป็นอยา่ งไร
บทท่ี 5 การวิเคราะห์สมรรถภาพกระบวนการ 233 18. แผนภูมิควบคุมค่าเฉล่ียและพิสัย สาหรับแผนกช้ินส่วนรถยนต์โดยลักษณะทางคุณภาพที่ควบคุม คือ ขนาดความกว้างของช้ินงาน โดยใช้ข้อมูลจานวน 25 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ตัวอย่าง เพ่ือสร้างแผนภูมิควบคุม สรปุ ผลดงั ตาราง x R 37.5 UCL 626 0 LCL 602 R = 16.5 ̿ = 614 Specification ความกว้างของช้ินงาน คือ 610±15 ถากระบวนการผลิตอยูภายใต้การควบคุม จงคานวณหาเปอรเ์ ซ็นต์ชนิ้ สว่ นรถยนต์ทไ่ี มตรงตามขอ้ กาหนด (สภาวิศวกร, 2555) 19. จากข้อมูลในตาราง ถ้าเส้นผ่านศูนย์กลางของลูกปืนมีขนาดเล็กกว่าข้อกาหนด 34.0±1.5 จะต้องนาไปอัด เปน็ เศษเหลก็ ขายก่อใหเ้ กิดความสูญเสียประมาณ 4 บาทต่อช้ิน โดยปกติบริษัทผลิต 20,000 ชิ้นต่อวัน ดังน้ัน บรษิ ทั จะสูญเสยี ตอ่ วันเท่าใด ในกรณีนี้ถา้ สมมติกระบวนการอยูภายใตก้ ารควบคุมจากข้อมูลตรวจลักษณะทาง คุณภาพของกระบวนการผลิตตลับลูกปืน โดยตรวจวัดเส้นผ่าศูนย์กลางของลูกปืนข้อมูลแสดงตัวอย่าง ข้อมูล กลมุ่ ละ 5 ตัวอยา่ ง โดย x = 34, R = 4.71 Sample No. x R Sample No. x R 1 34.5 3 13 35.4 8 2 34.2 4 14 34.0 6 3 31.6 4 15 37.1 5 4 31.5 4 16 34.9 7 5 35.0 5 17 33.5 4 6 34.1 6 18 31.7 3 7 32.6 4 19 34.0 8 8 33.8 3 20 35.1 4 9 34.8 7 21 33.7 2 10 33.6 8 22 32.8 1 11 31.9 3 23 33.5 3 12 38.6 9 24 34.2 2 20. ถากระบวนการทมี่ ขี อ้ กาหนดควบคมุ ทงั้ สองดา้ น มีคา่ PCR เป็น 1 จะมีของเสียเท่าไร (สภาวศิ วกร, 2555) (สภาวิศวกร, 2555)
234 การควบคมุ คุณภาพ เอกสารอ้างองิ พชิ ิต สขุ เจริญพงษ์. (2541). การควบคุมคุณภาพเชิงวศิ วกรรม. กรุงเทพมหานคร: ซเี อ็ดยูเคชัน่ . ศุภชยั นาทะพนั ธ์. (2551). การควบคุมคุณภาพ. กรุงเทพมหานคร: ซเี อด็ ยูเคชน่ั . สภาวศิ วกร. (2555). ขอ้ สอบสภาวศิ วกร สาขาวศิ วกรรมอุตสาหการ วิชาการควบคมุ คุณภาพ. กรุงเทพมหานคร: ผู้แต่ง. สายชล สินสมบรู ณท์ อง. (2554). การควบคุมคุณภาพเชงิ สถิติและวศิ วกรรม. กรุงเทพมหานคร: จามจรุ โี ปรดกั ท์. Banks J. (1989). Principles of Quality Control. New York: John Wiley & Sons. Besterfield D. H. (2004). Quality Control (7th ed). New Jersey: Pearson Prentice Hall. Montgomery D.C. (2009). Introduction to Statistical Quality Control (6th ed). New York: John Wiley & Sons
แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 6 แผนการชกั สง่ิ ตวั อย่าง หวั ข้อเนอื้ หา 6.1 แผนการชกั สงิ่ ตวั อย่างเพือ่ การยอมรับ 6.2 แผนการชกั ตัวอย่างแบบเชงิ คุณภาพ 6.2.1 แผนการชกั ตวั อยา่ งเชิงเดี่ยว 6.2.2 แผนการชกั ตวั อย่างเชงิ คู่ 6.2.3 แผนการชักสิ่งตัวอยา่ งหลายเชิง 6.2.4 แผนการชกั สง่ิ ตัวอยา่ งมาตรฐาน 105 อี 6.2.5 แผนการชกั ตวั อย่างดอดจ์และโรมกิ 6.2.6 แผนการชักสิ่งตวั อย่างทลี ะชน้ิ ตามลาดบั 6.3 แผนการชักตัวอย่างแบบเชงิ คุณภาพชนิดพเิ ศษ 6.3.1 แผนการชักสิ่งตวั อย่างของการผลิตต่อเนื่อง 6.4 แผนการชกั ตัวอย่างแบบเชงิ แปรผัน 6.4.1 แผนการชักส่ิงตวั อยา่ งแบบตวั แปร 6.5 สรุป แบบฝกึ หดั ทา้ ยบทท่ี 6 เอกสารอา้ งองิ วตั ถุประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม เมอ่ื ผเู้ รยี น เรยี นจบบทน้ีแล้วผเู้ รียนควรมีความรู้และทกั ษะดงั น้ี 1. อธิบายเก่ียวกับแนวความคิดของการจัดการแผนการชักส่ิงตัวอย่าง การจาแนกแผนการชักส่ิง ตัวอยา่ งและวธิ กี ารชักสงิ่ ตัวอยา่ ง 2. สามารถคานวณ วเิ คราะห์ และออกแบบแผนการชักสิง่ ตัวอย่างเชงิ เดย่ี ว เชงิ คู่ และหลายเชิง 3. สามารถคานวณโอกาสในการยอมรับลอตของแผนการชักสิง่ ตัวอย่างเชงิ เด่ยี ว เชงิ คู่ และหลายเชิง 4. อธิบายเกี่ยวกับแนวความคิด หลักการ ขอบเขตของแผนการชักส่ิงตัวอย่างมาตรฐาน 105 อี และ ขอ้ แตกต่างระหว่างระหว่างมาตรฐาน MIL-STD-105E กบั ANSI/ASQC Z1.4 5. สามารถคานวณ วเิ คราะห์ ออกแบบ และหาขนาดส่ิงตัวอย่างโดยเฉล่ียของแผนการชักสิ่งตัวอย่าง มาตรฐาน 105 อี 6. สามารถใชต้ ารางแผนการชกั ตวั อย่างดอดจ์-โรมิก สาหรับแผน LTPD และ แผน AOQL 7. สามารถสร้างแผนการชักสิ่งตัวอย่างทีละชิ้นตามลาดับ และกาหนดตารางในการยอมรับและ ปฏเิ สธ 8. อธิบายหลัก วิธีการสร้างแผนการชักสิ่งตัวอย่างของการผลิตต่อเน่ืองชนิด CSP-1, CSP-2 และ CSP-3 และสามารถคานวณ วเิ คราะห์ และออกแบบแผนการชกั สิ่งตัวอยา่ งของการผลิตต่อเนื่อง
236 การควบคมุ คุณภาพ 9. สามารถคานวณโอกาสในการยอมรับหรือปฏิเสธ และการสุ่มตัวอย่างของแผนการชักสิ่งตัวอย่าง แบบตัวแปร วธิ ีสอนและกจิ กรรม 1. ชี้แจงคาอธิบายแผนการชักสงิ่ ตัวอยา่ งเพอื่ การยอมรบั วัตถุประสงค์ เนื้อหา การประยุกต์ใช้ในงาน อุตสาหกรรม และภาพรวมของบทท่ี 6 2. นาเข้าสู่บทเรียนโดยการบรรยายเน้ือหาในแต่ละหัวข้อ พร้อมท้ังอธิบายการใช้ตารางของแผนการ ชกั สิ่งตัวอยา่ งแบบตา่ งๆ 3. แบง่ กลุ่มผู้เรยี นทาแบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 6 และตรวจคาตอบพร้อมทัง้ อธบิ ายอย่างละเอยี ด 4. สอบถามผูเ้ รยี นถา้ ผูเ้ รียนมคี าถามสงสัย 5. มอบหมายให้ผูเ้ รียนทาแบบฝึกหดั ท้ายบทที่ 6 (ทาตอ่ ) เป็นการบ้าน 6. เสรมิ สรา้ งคณุ ธรรม และจริยธรรมใหก้ ับนกั ศึกษากอ่ นเลกิ เรียน ส่อื การเรยี นการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาการควบคมุ คุณภาพ 2. กระดานไวทบ์ อรด์ 3. วสั ดุโสตทศั น์ Power point 4. แบบฝกึ หดั ท้ายบท 5. เฉลยแบบฝึกหดั ทา้ ยบท การวดั ผลและการประเมินผล การวดั ผล 1. สังเกตจากพฤติกรรมและบรรยากาศระหว่างเรยี น 2. ถามตอบระหวา่ งเรยี น 3. แบบฝกึ หัดท่มี อบหมายให้ในแตล่ ะคร้งั การประเมินผล 1. จากการทากจิ กรรมกลุ่มเสรจ็ ตามเวลา 2. ทาแบบฝึกหดั ถูกต้องไม่นอ้ ยกวา่ 80%
บทท่ี 6 แผนการชักส่ิงตัวอยา่ ง 237 บทท่ี 6 แผนการชักส่ิงตวั อย่าง ปจั จบุ ันกระบวนการปรับปรุงคุณภาพนั้น การสุ่มตัวอย่างเพ่ือการยอมรับถือเป็นปัจจัยสาคัญที่ส่งผลต่อมี การยอมรบั หรือปฏิเสธวัตถดุ บิ ที่จะนาเข้าสู่กระบวนการผลิตต่อไป ซึ่งการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์จะ จาแนกเป็นชนิดใหญ่ๆ ได้ คือ 1. การตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ด้วยตัวแปร 2. การตรวจสอบคุณภาพ ผลิตภณั ฑด์ ้วยลกั ษณะ ในการใช้แผนชักสิ่งตัวอย่างให้มีประสิทธิผลน้ันจึงต้องพยายามดาเนินการให้มีสารสนเทศป้อนกลับโดย ได้ชี้ให้เห็นว่า Schilling E.G. (อ้างอิงใน ศรีไร จารุภิญโญ, 2540) มีวิธีการมาตรฐาน 2 วิธี ท่ีสามารถใช้เพ่ือ การวเิ คราะหก์ ระบวนการผลิต คือ 1. จดุ ตรวจสอบในสายการผลติ (On–Line Inspection Stations) ซ่งึ เปน็ การตรวจสอบแบบ 100% 2. แผนการชักส่ิงตัวอย่างเพ่ือการยอมรับในสายการผลิต (On–Line Acceptance Sampling Plans) ซึ่งโดยปกตจิ ะทาหนา้ ท่ใี นการป้องกันมิให้ข้อบกพร่องจากกระบวนการก่อนหน้าถูกส่งไปยังกระบวนการถัดไป โดยไมม่ วี ิธกี ารปอ้ นกลับสารสนเทศ ดงั นั้นในข้นั ต้นนั้นผู้ใช้แผนการชักสิ่งตัวอย่างเพ่ือการยอมรับย่อมสามารถ วางระบบป้อนกลบั สารสนเทศจากการใชแ้ ผนการชกั ส่งิ ตวั อยา่ งในสายการผลติ นไ้ี ด้ และจะเห็นได้ว่าหากมีการ ใช้แผนชักส่ิงตัวอย่างเพ่ือการยอมรับให้ได้ผลดีแล้ว จะต้องกาหนดแนวคิดเบื้องต้นว่า แผนการชักส่ิงตัวอย่าง ไม่ใช่เครื่องมือประกันคุณภาพของลูกค้าแต่อย่างใด หากแต่เป็นเคร่ืองมือที่ผู้ผลิตใช้ในวิธีการส่งเสริมการ พัฒนาการควบคมุ กระบวนการ ซึง่ การใชแ้ ผนการชักสิ่งตัวอย่างเพ่ือการยอมรับนี้ จะสามารถใช้ได้ 2 แนวทาง ทีแ่ ตกตา่ งกนั คือ 1. การควบคุมผลิตภัณฑ์ หมายถึง การยอมรับลอตหรือแบช (Batch) จานวนหนึ่ง โดยวิธีการน้ีจะประยุกต์ใช้ กบั ลอตหรือแบชท่ีมีการระบุจานวนไว้ชดั เจน 2. การควบคุมกระบวนการ หมายถึง การยอมรับกระบวนการ โดยวิธีนี้แผนการชักส่ิงตัวอย่างจะป้อนกลับ สารสนเทศเก่ียวกับกระบวนการของผู้ผลิต ซ่ึงเปรียบเหมือนถ่ายภาพ (Snapshot) ของกระบวนการ ในขณะท่ี แผนภูมิควบคมุ จะเปรียบเหมือนฟลิ ม์ ภาพยนตร์ของกระบวนการ Schilling and Neubauer (2009) ไดน้ าเสนอวา่ หากมกี ารจัดแผนการชักส่ิงตัวอย่างท่ีดีแล้ว แผนการชัก ส่ิงตัวอยา่ งน้จี ะเหมาะสาหรับ (1) การป้องกนั ผบู้ รโิ ภคจากการรบั ของไรค้ ุณภาพ (2) การปอ้ งกันผผู้ ลิตจากการผลติ ของไรค้ ุณภาพ (3) ทาประวตั คิ ุณภาพเพ่ือการตดั สินใจ (4) การป้อนกลับสารสนเทศเพ่อื การควบคมุ กระบวนการ (5) สร้างอานาจทางเศรษฐศาสตร์ จิตวิทยา และกลยุทธ์สาหรับผู้ผลิตในการปรับปรุงคุณภาพของ กระบวนการผลิต
238 การควบคมุ คุณภาพ อยา่ งไรกต็ ามในการดาเนนิ การใชแ้ ผนชักสง่ิ ตวั อยา่ งใหเ้ กิดผลดงั กลา่ วน้ี จะต้องมีการดาเนนิ การดังน้ี 1. การมขี อ้ มูลทดี่ ี 2. การได้รบั มาซึง่ สารสนเทศที่รวดเรว็ 3. การสร้างแรงจูงใจต่อผผู้ ลิตใหไ้ ด้คุณภาพทร่ี ะดับพงึ พอใจ 4. การมปี ระวตั คิ ุณภาพท่ดี ี ซ่ึงได้มาจากการจดบันทกึ ตามปริมาณการตรวจสอบ ตารางที่ 6.1 เกณฑ์การเลอื กแผนการโดยใชป้ ระวตั ิคุณภาพ ผลท่ีผา่ นมา เลก็ นอ้ ย ประวตั ิคณุ ภาพ มาก เกณฑ์ ดเี ลิศ แผนการ AQL ปานกลาง เลกิ ตรวจสอบ เกอื บไม่มกี าร แผนการ AQL ปฎิเสธลอต พอใช้ แผนการ LQ พร้อมทาการสะสมผล แผนการ AQL แผนการ AQL พรอ้ มทาการสะสมผล (< 1% ) แย่ ตรวจสอบ 100% ยตุ กิ ารตรวจสอบเพอ่ื การ มลี อตเพยี งเลก็ นอ้ ย จานวน < 10 ลอต LQ ได้รับการปฎเิ สธ 10-50 ลอต ยอมรับ >50 ลอต (< 10%) มีลอตจานวนมากได้รบั การปฎเิ สธ ( ≥ 10% ) ทมี่ า: ศรไี ร จารุภญิ โญ, 2540 ในการสร้างประวัติคุณภาพตามการตรวจสอบนี้ สามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกแผนการชักส่ิงตัวอย่าง เพ่ือการยอมรับที่เหมาะสมได้ และถ้าหากผู้ผลิตมีการวางแผนค่าพิกัดของระดับคุณภาพที่ไม่สามารถให้การ ยอมรับได้ (Limiting Quality: LQ) แล้วเปลี่ยนเป็นแผนการชักตัวอย่างระบุโดยขีดจากัดคุณภาพท่ียอมรับ (Average Quality Level: AQL) ภายหลังการพัฒนาจนได้คุณภาพที่ดีแล้ว และเม่ือคุณภาพได้รับการพัฒนา จนอยใู่ นระดบั ดเี ลิศแลว้ กใ็ หเ้ ปลยี่ นการตรวจสอบจากแบบลอตตอ่ ลอต (Lot by Lot) เป็นแผนการตรวจสอบ แบบบางลอต (Skip Lot) ดงั แสดงในตารางท่ี 6.1 อย่างไรก็ตามเน่ืองจากมาตรฐาน MIL-STD-105E (ดังจะกล่าวต่อไป) เป็นมาตรฐานที่เน้น AQL ซึ่งเท่ากับเป็น การประกันคณุ ภาพในการยอมรับเฉพาะผลิตภัณฑท์ ม่ี ีคุณภาพดีนั้น จะใช้อย่างได้ผลก็ต่อเมื่อท้ังผู้ผลิตและผู้บริโภค มีการควบคมุ คุณภาพอยูใ่ นเกณฑท์ ี่เหมาะสมแลว้ ดังแสดงในรปู ที่ 6.1
บทท่ี 6 แผนการชกั สง่ิ ตัวอย่าง 239 100 เ ื้นอหาของการควบคุม50 สัดส่วนผลิตภัณ ์ฑบกพร่อง 0 Skip-lot AQL LQ เลกิ ตรวจสอบ ทศิ ทางการตรวจสอบตามประสบการณ์ ตรวจสอบ 100% AQL AOQL รูปท่ี 6.1 ความสมั พนั ธเ์ ชงิ ทวีประโยชนข์ องการควบคุมเพ่ือการยอมรับและการควบคุมกระบวนการ (ทม่ี า: ศรไี ร จารุภญิ โญ, 2540) จากรูปดังกล่าวจะพบว่า ในขณะท่ีไม่มีความรู้เก่ียวกับคุณภาพของลอตท่ีทาการตรวจสอบเลยควรจะ เร่ิมต้นการตรวจสอบ 100% พร้อมกับการทาประวัติคุณภาพไปด้วย และควรจะเร่ิมต้นใช้แผนการตรวจสอบ แบบชักสิ่งตัวอย่างลอตต่อลอตด้วยการประกันไม่ยอมลอตคุณภาพที่ไม่ดี คือ LQ ในขณะที่มีการประกัน คุณภาพดังกล่าวจะต้องมีการประเมินด้วยระดับ AOQL ควบคู่ไปกับการกระตุ้นให้ผู้ผลิตลอตทาการปรับปรุง คุณภาพ และเมื่อระดับของการควบคุมคุณภาพอยู่ครึ่งต่อครึ่งระหว่างการควบคุมคุณภาพของกระบวนการ (ผู้ผลิต) กับการควบคุมคุณภาพเพ่ือการยอมรับ (ผู้ซ้ือ) จึงสามารถใช้การตรวจสอบแบบชักสิ่งตัวอย่างลอต ต่อลอตด้วยแผนการ AQL ตามมาตรฐาน MIL-STD-105E ได้ และหากว่าเมื่อใดท่ีมีการพัฒนาคุณภาพด้วย การควบคุมคุณภาพของกระบวนการผลิตมากย่ิงข้ึนก็จะสามารถทาการตรวจสอบแบบตรวจบางลอตได้โดย ปกติ ประเภทการควบคมุ คุณภาพเพื่อการยอมรับจาแนกเปน็ 4 ประเภท คือ 1. การตรวจสอบแบบ 100% หมายถึง การตรวจสอบผลติ ภัณฑท์ ีละหนว่ ย 2. การตรวจสอบแบบคร้ังคราว (Spot–check Inspection) หมายถึง การตรวจสอบแบบเลือกตามใจ ชอบโดยมิได้วางอยู่บนเกณฑ์ด้านวิทยาศาสตร์ ได้แก่ การตรวจสอบงานชิ้นแรก (First–item Inspection) การตรวจสอบงานชิ้นสุดท้าย (End–item Inspection) และการตรวจสอบแบบสุ่ม (Random Inspection) เปน็ ต้น 3. การให้คารับรอง (Certification) หมายถึง การควบคุมคุณภาพเพ่ือการยอมรับโดยการให้วิศวกร หรือ สถาบันท่ีลูกค้าให้ยอมรับเป็นผู้ออกใบประกาศนียบัตรรับรองคุณภาพให้ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยยังมีสถาบัน
240 การควบคมุ คุณภาพ ดังกล่าวไม่มากนัก โดยส่วนใหญ่จะเป็นสถาบันภาคราชการ แต่ในอนาคตจะมีสถาบันเอกชนท่ีทาธุรกิจด้านน้ี เพม่ิ มากขนึ้ ตามจานวนความต้องการทม่ี ีแนวโนม้ ขึ้นโดยลาดบั 4. การชักสิ่งตัวอย่างเพ่ือการยอมรับ (Acceptance Sampling) หมายถึง การตรวจสอบส่ิงตัวอย่าง (Sample) ท่ีเลือกข้ึนมาจากงานท้ังหมดด้วยวิธีทางสถิติตามกฎของความน่าจะเป็น (Probability) และอาศัย คณุ ลกั ษณะของส่งิ ตวั อยา่ งที่ตรวจสอบได้ในการอธบิ ายคุณลกั ษณะของชิ้นงานท้ังหมดทต่ี อ้ งการตดั สนิ ใจ การเลือกวิธีการควบคุมคุณภาพเพ่ือการยอมรับท่ีเหมาะสมน้ัน จะต้องอาศัยการวิเคราะห์ทาง เศรษฐศาสตร์ โดยกาหนดจุดคณุ ภาพเทา่ กนั (Break–even Quality) ไดจ้ าก Pb = I …(6.1) A เมอื่ Pb คือ ระดับคณุ ภาพท่ีทาใหว้ ธิ ีการตรวจสอบคุณภาพให้ผลเหมือนกนั I คือ คา่ ใช้จา่ ยในการตรวจสอบต่อหนว่ ย A คอื ความเสยี หายอันเนอ่ื งมาจากมีขอ้ บกพร่องหลุดรอดจากการตรวจสอบ โดยถ้าหากไม่ได้มีการตรวจสอบหรือการชักสิ่งตัวอย่างเพ่ือการยอมรับ และระดับคุณภาพของลอต (P) มี ค่าต่ากว่า Pb แล้วค่าใช้จ่ายท้ังหมดจะต่าท่ีสุด แต่ถ้าหากระดับของลอตมีค่ามากกว่า Pb แล้วการตรวจสอบ แบบ 100% จะใหผ้ ลดีทสี่ ุดในเชงิ เศรษฐศาสตร์ ตารางท่ี 6.2 การเปรยี บเทียบประเภทของการควบคุมคณุ ภาพเพ่ือการยอมรบั ประเภทของ ข้อดี ขอ้ เสีย การควบคุม ในทางทฤษฎแี ล้วเชื่อว่าจะเปน็ วธิ ที ีท่ าให้ การตรวจสอบ ในทางปฏบิ ัตแิ ล้วไม่สามารถประกนั ได้ แบบ 100% ได้ผลทป่ี ลอดข้อบกพรอ่ ง ว่าไมม่ ีข้อบกพร่อง เนอื่ งจากความลา้ การตรวจสอบ ของพนกั งานและการเส่ือมสภาพของ เป็นครั้งคราว ใช้ได้ในกรณีที่มผี ลการตรวจมไิ ดม้ ผี ลทาง อุปกรณ์ คุณภาพที่รุนแรงมากนัก คา่ ใชจ้ า่ ยในการตรวจสอบสงู มาก ประหยดั ทส่ี ดุ ผลการตรวจสอบไมส่ ามารถอธิบายถึง คุณลักษณะของช้นิ งานทั้งหมดท่ี ต้องการตัดสินใจได้ ทม่ี า: ศรไี ร จารภุ ญิ โญ, 2540
บทท่ี 6 แผนการชักสิง่ ตัวอย่าง 241 ตารางท่ี 6.2 การเปรยี บเทียบประเภทของการควบคุมคุณภาพเพื่อการยอมรบั (ต่อ) ประเภทของ ข้อดี ขอ้ เสีย การควบคมุ มีความเสี่ยงต่อการทาธรุ กิจ ท้งั น้เี พราะวา่ การใหค้ า ไม่มีปญั หาในการจดั การ เน่ืองจากเปน็ รับรอง วธิ ีที่ขนึ้ อยูก่ ับความเชอ่ื ถือเป็นลูกค้ามี คณุ ภาพของยห่ี อ้ จะมผี ลอย่างมากตอ่ การ การชักสง่ิ ต่อตรา (Mark) หรอื คารบั รองสถาบนั ตัดสนิ ใจทาธรุ กิจของลกู ค้า ตัวอย่างเพื่อ ท่ีออกให้ มีความเสี่ยงในการตดั สนิ ใจเก่ียวกบั การยอมรับ คุณลกั ษณะของชิ้นงานท้ังหมดท่ตี อ้ งการ เป็นวิธีการท่ีค่อนขา้ งประหยัด ไม่ไดใ้ ห้รายละเอยี ดท้ังหมดเกี่ยวกบั เป็นวิธีการที่คอ่ นข้างจะใชเ้ วลาในการ คณุ ลกั ษณะของชนิ้ งานทตี่ ้องการตดั สนิ ใจ ตรวจสอบนอ้ ย ทาใหพ้ นกั งานไม่ลา้ ใหผ้ ลทน่ี า่ เชื่อถอื โดยการอธบิ ายผา่ น กฎของความน่าจะเป็น การทาลายผลิตภณั ฑท์ ไ่ี ดร้ ับการ ตรวจสอบต่า ให้ผผู้ ลิตและผซู้ อ้ื สามารถเจรจาตอ่ รอง ราคากันได้โดยอาศยั การพิจารณาจาก ความเสย่ี งของแผนการ เหมาะกับกรณกี ารตรวจสอบแบบ ทาลาย ทมี่ า: ศรีไร จารุภญิ โญ, 2540 6.1 แผนการชกั สงิ่ ตัวอยา่ งเพือ่ การยอมรบั ศรีไร จารุภิญโญ (2540) เทคนิคของการชักส่ิงตัวอย่างเพ่ือการยอมรับ เป็นเทคนิคที่ประยุกต์หลัก สถิติศาสตร์และความน่าจะเป็นในการเลือกส่ิงตัวอย่างท่ีต้องการตัดสินใจ (ทางสถิติเรียกว่า ประชากร) และ อาศัยการอนุมานทางสถิติศาสตร์ (Statistical Inference) เพ่ือการตัดสินใจโดยวิธีการทดสอบสมมุติฐาน (Test of Hypothesis) เพ่ือพิจารณาว่าคุณสมบัติของประชากรนั้นควรได้รับการยอมรับ (Accept) หรือไม่ ดงั แสดงในรูปที่ 6.2
242 การควบคุมคุณภาพ ประชากร การชกั สงิ่ ตัวอยา่ ง ส่งิ ตัวอยา่ ง (ลอต/กระบวนการ) กฎของการสุ่ม ขนาดส่งิ ตัวอยา่ ง การตัดสินใจเพื่อการยอมรับ การนบั การวดั บทสรุป การทดสอบสมมตฐิ าน ขอ้ มลู ความนา่ จะเปน็ เชงิ คุณภาพ เชิงผนั แปร รปู ที่ 6.2 กระบวนการของการชักส่งิ ตวั อยา่ งเพ่ือการยอมรับ (ท่มี า: ศรีไร จารภุ ิญโญ, 2540) จากรูปที่ 6.2 แสดงถึงกระบวนการของการชักส่ิงตัวอย่างเพ่ือการยอมรับ หากจะจาแนกเทคนิคของแผนการ ชกั สงิ่ ตัวอย่างเพื่อการยอมรับดว้ ยลักษณะของประชากรและประเภทของข้อมูล สามารถจาแนกได้ ดังรูปที่ 6.3 แผนการชักสิ่งตวั อยา่ ง แบบเชิงคณุ ภาพ (Attribute) แบบเชิงแปรผัน (Variable) ลอตต่อลอต แบบต่อเนือ่ ง ลอตตอ่ ลอต กระบวนการผลติ รูปท่ี 6.3 ประเภทของการชักส่งิ ตวั อย่างเพื่อการยอมรับ (ทม่ี า: ศรไี ร จารุภิญโญ, 2540) แผนการชักสิง่ ตัวอย่างเพอ่ื การยอมรับแบบเชิงคุณภาพ หมายถึง แผนการชักสิ่งตัวอย่างท่ีใช้การนับสิ่งตัวอย่าง ด้วยการจาแนก (Classification) ออกตามลักษณะทางคุณภาพ ซ่ึงมีความเหมาะสมอย่างมากต่อคุณลักษณะทาง คุณภาพประเภทอาศัยความรู้สึก (Sensory) และประเภทความสวยงาม (Cosmetic) โดยสามารถใช้ได้กับลักษณะ ทางคุณภาพทางเคมี กายภาพ และจุลชีววิทยา ที่ต้องการความรวดเร็วในการตรวจสอบ กล่าวคือมีการจาแนก ออกเป็น ผ่าน (Go) กับไม่ผ่าน (No Go) เท่านั้น อย่างไรก็ตามแผนการชักสิ่งตัวอย่างประเภทนี้มีข้อเสียท่ีไม่ สามารถใหร้ ายละเอยี ดเกย่ี วกบั คุณลกั ษณะทางคุณภาพที่ต้องการตัดสนิ ใจมากนัก
บทท่ี 6 แผนการชักส่ิงตวั อยา่ ง 243 สาหรับแผนการชกั สง่ิ ตัวอยา่ งเพ่ือการยอมรับแบบเชงิ แปรผัน หมายถึง แผนการวัดส่ิงตัวอย่างท่ีต้องอาศัย หลักในการวัด ดังน้ันคุณลักษณะทางคุณภาพจึงต้องเป็นคุณลักษณะทางด้านเคมี กายภาพ และจุลชีววิทยา โดยแผนการชักส่ิงตัวอย่างแบบน้ีจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับคุณลักษณะทางคุณภาพท่ีต้องการตัดสินใจได้มาก แต่ก็มีขอ้ เสีย คอื ขอ้ มูลทใ่ี ชส้ าหรบั แผนการชกั สิง่ ตวั อย่างประเภทน้ีจะมีค่าใช้จ่าย และเวลาที่สูงกว่าข้อมูลเชิง คณุ ภาพ 6.2 แผนการชักตวั อยา่ งแบบเชงิ คณุ ภาพ 6.2.1 แผนการชักตัวอยา่ งเชงิ เดย่ี ว (Single Sampling Plans) ศรีไร จารุภิญโญ (2540) การสร้างแผนการชักส่ิงตัวอย่างเชิงคุณภาพ (Attribute) กระทาได้จาก การคานวณ และใช้กราฟ โดยสญั ลกั ษณ์ที่เกยี่ วขอ้ งจะมีดงั น้ี ตารางท่ี 6.3 สัญลักษณส์ าหรับแผนการชักสิง่ ตวั อย่างเชงิ คุณภาพ คาศัพท์ สญั ลกั ษณห์ รือคาย่อ คาจากัดความ Lot size N จานวนหน่วยของลอต Sample size n จานวนหนว่ ยของตวั อย่าง Fraction Defective P อัตราส่วนของเสียในลอต Probability of acceptance Pa โอกาสทจ่ี ะยอมรับสนิ ค้าทงั้ ลอตหรอื ของกระบวนการผลิต Operating Characteristic Curve กราฟท่ีแสดงความสัมพันธ์ระหว่างโอกาสการยอมรับกับ OC Curve คุณภาพของลอตหรือกระบวนการผลติ Acceptance number จานวนของเสียมากท่ีสุดท่ีจะยอมให้มีได้ในการตรวจรับ Ac เพอื่ การยอมรบั สินคา้ ในลอตนนั้ Rejection number จานวนของเสียต่าสุดในการตรวจรับ เมื่อพบของเสียใน Re ขณะนีห้ รือมากกวา่ จะปฏเิ สธสนิ คา้ ทง้ั ลอต Acceptable Quality Level เปอร์เซ็นต์ของเสียมากที่สุดยอมให้มีได้ในกระบวนการ AQL or P1 ผลติ หรอื นนั่ คอื ระดบั คณุ ภาพท่ียอมรบั ได้ Producer’s Risk PR or α โอกาสหรือความเสี่ยงของผู้ผลิตท่ีจะถูกปฏิเสธสินค้า ในลอตน้ันๆ ที่เป็นสินค้ามีคุณภาพดีหรือเรียกว่าความ Average Outgoing Quality AOQ ผดิ พลาดแบบท่ี 1 ( ใชร้ ่วมกบั AQL) คุณภาพโดยเฉล่ียของสินค้าลอตท่ีถูกปฏิเสธจากการ Average Outgoing Quality AOQL ตรวจสอบ 100% และของเสียน้ันได้ถูกแทนท่ีโดยของดี Limit แล้ว คา่ สงู สดุ ของ AOQ สาหรับแผนการสมุ่ ตวั อยา่ งหน่ึง ท่ีมา: ศรีไร จารภุ ญิ โญ, 2540
244 การควบคมุ คุณภาพ ตารางท่ี 6.3 สญั ลักษณ์สาหรับแผนการชักสิง่ ตวั อย่างเชงิ คณุ ภาพ (ตอ่ ) คาศัพท์ สัญลักษณห์ รอื คายอ่ คาจากดั ความ Indifference Quality P0.5 เปอร์เซ็นต์ของเสียทม่ี ีโอกาสยอมรับ 50% Average Sampling Number ASN จานวนตัวอย่างโดยเฉล่ียของการชักส่ิงตัวอย่างจนกระทั่ง ทราบผลวา่ ยอมรับหรอื ปฏิเสธ Average Total Inspection ATI จานวนตรวจสอบโดยเฉลี่ยต่อลอตรวมท้ังจานวนท้ังหมด ในลอตท่ีถูกปฏิเสธด้วย (จะใช้เมื่อผู้ผลิตขอให้ทาการ Process Average 1 ตรวจสอบลอตท่ถี กู ปฏเิ สธแบบตรวจสอบ 100%) P จ า น ว น ข อ ง เ สี ย โ ด ย เ ฉ ลี่ ย ข อ ง ตั ว อ ย่ า ง ที่ ต ร ว จ ส อ บ Lot Tolerance Percent (คานวณจากตวั อย่างแรกเทา่ น้นั ) Defective LTPD or P2 เปอรเ์ ซน็ ต์ของเสยี ทป่ี นอยู่ในลอตที่ได้รับการยอมรับ ท้ังๆ Consumer’s Risk CR or β ทคี่ วรปฏเิ สธ โอกาสหรือความเสีย่ งของผู้บริโภคในการยอมรับสินค้าท่ีมี คุณภาพต่าท้ังๆที่ควรปฏิเสธ เป็นความผิดพลาดแบบ 2 (นยิ มใช้รว่ มกบั LTPD) ทีม่ า: ศรไี ร จารภุ ญิ โญ, 2540 6.2.1.1 หลกั การของแผนการชักสิ่งตวั อย่างเชงิ เดีย่ ว เมื่อแบ่งสินค้าออกเป็นลอตๆ แล้วจะมีการสุ่มตัวอย่างขึ้นมาเท่ากับจานวน n ชิ้นแล้ว ตรวจดูว่าในตัวอย่างนี้มีสินค้าท่ีแย่ (คุณภาพเป็นท่ีไม่ยอมรับหรือถือว่าเป็นของเสีย) มีอยู่จานวนก่ีช้ิน หรือถ้า เกินกว่า c ชิ้น จะปฏิเสธหรือไม่ยอมรับสินค้านั้นทั้งลอต ซ่ึงสินค้าลอตอื่นๆ ก็ตรวจสอบในทานองเดียวกัน การตรวจรบั สนิ คา้ ลกั ษณะน้ีเรียกว่า แผนการชกั ตวั อย่างเชงิ เด่ียว เขยี นเป็นแผนภูมดิ งั แสดงในรูปท่ี 6.4 แผนการชักสง่ิ ตวั อยา่ งเชงิ เดีย่ ว P n, c ลอตสนิ คา้ จานวนชิ้นเสีย: x ยอมรับ X: จานวนของเสียทพ่ี บในตัวอยา่ ง ปฏิเสธ P: อัตราสว่ นของเสียของสนิ คา้ ในลอต รูปที่ 6.4 แผนภูมกิ ารชักสิ่งตัวอย่างเชงิ เดี่ยว (ทีม่ า: ศรไี ร จารภุ ญิ โญ, 2540)
บทท่ี 6 แผนการชักสง่ิ ตัวอย่าง 245 6.2.1.2 การสรา้ งแผนภาพชักสิ่งตัวอยา่ งเชิงเด่ียว (Design of Sampling Plan) การหาค่าของ n และ c ถ้าหากไม่ได้มีการตรวจสอบหรือการชักสิ่งตัวอย่างเพ่ือการยอมรับ ลกั ษณะของแผนการชกั ส่ิงตัวอย่างจะมีคา่ ท่สี าคัญอยู่ 4 ค่า คือ AQL หรือ P1 เป็นเปอร์เซ็นต์ของเสียท่ีจะปนอยู่ในสินค้าท่ีผลิตได้ ผู้ผลิตจึงพยายามให้มี เปอรเ์ ซน็ ตต์ ่า α หรือ ความเสี่ยงของผูผ้ ลติ คอื โอกาสทจ่ี ะถูกปฏเิ สธสินค้าตอลดทง้ั ทีค่ วรยอมรบั LTPD หรือ P2 เป็นเปอร์เซ็นต์ของเสียที่ปนอยู่ในสินค้าลอตที่ได้รับการยอมรับท้ังๆ ท่ีควร ถูกปฏิเสธ ทาให้ผู้บริโภคต้องยอมรับสินค้าคุณภาพที่ต่ากว่ากาหนดจึงควรให้ P2 มากกว่า P1 มากๆ เพื่อให้มี โอกาสยอมรบั ต่า β หรอื ความเสี่ยงของผ้บู รโิ ภค คือ โอกาสทจ่ี ะยอมรับสนิ ค้าคณุ ภาพตา่ ดังนั้น ในการกาหนดแผนการชักส่ิงตัวอย่างจึงต้องตกลงกันระหว่างผู้ผลิต และผู้บริโภค กาหนดค่าตา่ งๆ ขึน้ ใหเ้ ปน็ ท่พี อใจกนั ทง้ั สองฝ่าย ตวั อยา่ งที่ 6.1 กาหนดให้ค่า AQL= P1 = 0.02 หรือ 2% และ α = 0.05 (นั่นคือถ้าฝ่ายผลิตกาหนดคุณภาพลอต ท่ีจะยอมรบั เป็น 0.02 แล้วตอ้ งการให้ 5 จาก100 ลอตเทา่ นัน้ ทีจ่ ะถูกปฏิเสธ) ให้ LTPD = P2 = 0.06 หรือ 6% และ β = 0.10 (น่ันคือฝ่ายผู้บริโภคกาหนดคุณภาพข้ันต่าท่ีจะ ยอมรับเพียง 0.06 แล้วต้องการให้ 10 จาก 100 ลอตเท่านั้นที่จะผิดพลาดยอมรับรุ่นคุณภาพต่า) จงหา แผนการชักสิง่ ตัวอย่างเชงิ เดยี่ ว (ให้หา n, c น่ันเอง) (ศรีไร จารุภญิ โญ, 2540) วธิ ที า วิธีการหาแผนการชักส่ิงตัวอย่าง คือ ทดลองกาหนดค่า c ข้ึนมาเป็น 0, 1, 2, … (เรียกว่าการ Trial and Error) แล้วหาค่า nP จากตารางปัวส์ซอง (ภาคผนวก ก.) และจากนั้นหาสัดส่วนของ P2/P1 ใกล้เคียง กบั ทีโ่ จทยก์ าหนดแลว้ หาค่า n ได้ จากนั้นเลือกค่า n, c ที่จะให้ค่าผิดพลาด (Error) ของ α และ β น้อยที่สุด ดงั วธิ ตี ่อไปน้ี กาหนด AQL = P1 = 0.02, LTPD = P2 = 0.06, α = 0.05, β = 0.10 LTPD = P2 = 0.06 = 3 AQL P1 0.02 1. ให้ c = 0, α = 0.05, β = 0.10 เมอ่ื α = 0.05 ได้ (Pa)P2 = 1-α = 1-0.05 = 0.95 เมื่อ β = 0.10 ได้ (Pa)P2 = β = 0.01 จากตารางปวั ส์ซองเมื่อ Pa = 0.95, c = 0 จะได้คา่ nP1' = 0.05 อตั ราส่วน nP2' = P2' = 2.31 = 46.20 nP1' P1' 0.05
246 การควบคุมคุณภาพ 2. ให้ c = 1, α = 0.05, β = 0.01 (Pa)p1 = 1 - 0.05 = 0.95 (Pa)P2 = β = 0.10 จากตารางปวั ส์ซอง Pa = 0.95, c = 1 จะได้คา่ nP1' = 0.35 Pa = 0.10, c = 1 จะไดค้ า่ nP2' = 3.89 อัตราสัดส่วน nP2' = P2' = 3.89 = 11.11 nP1' P1' 0.35 จะเหน็ ว่า P2' ลดลงเมือ่ c สูงข้ึน P1' ในทานองเดียวกัน กาหนดค่า c = 2, 3, 4,… และหาค่า nP' จากตารางปัวส์ซองและเม่ือเทียบกับ อตั ราสว่ น P2' /P1' แล้วไดค้ ่าใกล้เคียงกบั 3 เม่ือไหรใ่ หห้ ยดุ ดงั ผลสรปุ ในตารางท่ี 6.4 ตารางที่ 6.4 สรปุ การหาสดั สว่ น P2' /P1' โดยสมมุติค่า c c nP' nP' P' /P' 1 2 (Pa = 0.95) (Pa = 0.10) 21 0 0.05 2.31 46.20 1 0.35 3.89 11.11 2 0.82 5.33 6.50 3 1.36 6.68 4.91 4 1.97 8.00 4.06 5 2.61 9.30 3.56 6 3.28 10.54 3.21 7 3.98 11.79 3.96 จากตารางท่ี 6.4 จะเห็นว่าสัดส่วน P' /P' จะใกล้เคียงกับโจทย์ คือ 3 เมื่อ c = 6 และ 7 ขั้นต่อไปคือ 21 หาค่า n โดยกาหนดค่า α ค่าคงที่หนึ่ง และหาค่า β' จากตารางปัวส์ซอง แล้วเทียบกับค่า β จากท่ี กาหนดให้ หรือหาค่า n โดยกาหนด β คงท่ีค่าหน่ึง แล้วหาค่า α' จากตารางปัวส์ซองแล้วเทียบกับค่าจากท่ี กาหนดให้ จากน้ันเลือกแผนการชักตัวอย่าง (n, c) จากผลต่าง ( Δα หรือ Δβ ) ท่ีให้ผิดพลาดน้อยท่ีสุด รายละเอยี ดการคานวณเปน็ ดงั นี้
บทท่ี 6 แผนการชกั สิ่งตัวอย่าง 247 แผนที่ 1 เลือก c = 6 กาหนด α = 0.05 ท่ี P1 = 0.02 (กาหนด α จะหา β' ) ดังนน้ั n = nP1 3.28 = = 164 P1 0.02 nP2 = 164(0.06) = 9.84 จากตารางปัวสซ์ องเม่ือ c = 6, nP2 = 9.84 จะได้คา่ Pa = 0.141 = β' แผนท่ี 2 เลอื ก c = 6 กาหนด β = 0.10 ท่ี P = 0.06 (กาหนด β เพ่ือหา α' ) 2 ดงั น้นั n = nP2 = 10.54 = 175.67 176 p2 0.06 nP2 = 176(0.02) = 3.52 จากตารางปัวสซ์ องเม่ือ c = 6, nP1 = 3.52 ได้ Pa = 0.933 α' = 1 - Pa = 1 - 0.933 = 0.067 แผนท่ี 3 เลอื ก c = 7 กาหนด α = 0.05 ที่ P1 = 0.02 ดงั นนั้ n = nP1 = 3.98 = 199 p1 0.02 nP2 = 199(0.06) = 11.94 จากตารางปัวส์ซองเมื่อ c = 7, nP2 = 11.94 ได้ค่า Pa = 0.093 = β' แผนท่ี 4 เลอื ก c = 7 กาหนด β = 0.10 ท่ี P2 = 0.06 ดงั น้นั n = nP2 = 11.79 = 196.5 197 P2 0.06 nP1 = 197(0.02) = 3.94 จากตารางปัวส์ซองเม่ือ c = 7, nP1 = 3.94 ได้ Pa = 0.952 α' = 1 - Pa = 1 - 0.952 = 0.952
248 การควบคุมคุณภาพ ตารางที่ 6.5 สรปุ ผลการชักส่งิ ตวั อยา่ งทัง้ 4 แบบ แผน c, n α ท่ี P1 β ที่ P2 Δα หรือ Δβ 1 c = 6, n = 164 0.050 0.141 Δβ = 0.041 0.100 Δβ = 0.017 2 c = 6, n = 176 0.067 0.093 Δβ = 0.007 0.100 3 c = 7, n = 199 0.050 Δα = 0.002* ตา่ สดุ *4 c = 7, n = 197 0.048 จากตารางท่ี 6.5 จะเห็นว่าจากตารางแผนทัง้ 4 แผนท่ี 4 ให้คา่ ผลตา่ งน้อยทส่ี ุดหรือคา่ ผิดพลาดต่าสุด จงึ เลอื กแผนนเ้ี ปน็ แผนการชกั ส่ิงตวั อย่าง คอื ชักตวั อยา่ งขนาด 197 ชิน้ จากลอต ถ้าพบว่ามขี องเสียเกนิ 7 ช้นิ กใ็ ห้ปฏเิ สธลอตนั้นเสยี ถ้าของเสียมีน้อยกว่าหรือเท่ากับ 7 ช้ิน จะยอมรับสินค้าท้ังลอต ให้ใช้แผนการชักสิ่งตัวอย่างกับสินค้า ทุกๆ ลอตตลอดไปสาหรับเง่ือนไข AQL = 0.02, LTPD = 0.06, α = 0.05, β = 0.10 จนกว่าจะมีการ เปลยี่ นแปลงเงื่อนไขใหม่จงึ จะเปล่ียนแผนใหม่ 6.2.1.3 การออกแบบแผนชกั ตัวอยา่ งเชงิ เดียวดว้ ยโนโมกราฟ พิชิต สุขเจริญพงษ์ (2541) โนโมกราฟ (Nomograph) ใช้เพ่ือช่วยในการออกแบบแผนชัก ตัวอย่างเชิงเดี่ยวซ่ึงมีการแจกแจงแบบทวินาม ดังแสดงในรูปที่ 6.5 การใช้โนโมกราฟทาโดยลากเส้น 2 เส้น เส้นหนึง่ เชื่อมระหวา่ ง p1 และ (1-α) อกี เสน้ หนงึ่ เชอื่ งระหวา่ ง p2 และ β แล้วอ่านค่า n และ c จากเส้นตัดใน กราฟ รปู ท่ี 6.5 โมโนกราฟของแผนการชักสง่ิ ตัวอยา่ งเชงิ เดย่ี ว (ท่ีมา: Montgomery D.C., 2009)
บทที่ 6 แผนการชักส่งิ ตัวอยา่ ง 249 ตัวอยา่ งท่ี 6.2 ถ้าต้องการแผนชักตัวอย่างท่ีมีข้อกาหนดดังต่อไปน้ี คือ α = 0.05, β = 0.20, AQL = 0.02 และ LTPD = 0.08 วิธที า จากโนโมกราฟรูปท่ี 6.5 จะไดจ้ ดุ ตดั ของเส้นตรงทงั้ สองท่ี n = 80 และ c = 3 P n = 80 และ c = 3 Pa 6.2.2 แผนการชักตวั อยา่ งเชิงคู่ (Double Sampling plan) ศรีไร จารุภญิ โญ (2540) แผนการชักสิ่งตัวอย่างเชิงคู่มีโอกาสที่จะตัดสินจากการชักตัวอย่างถึงสอง ครัง้ ลอตของสนิ ค้าจะได้รบั การยอมรับทันทีในการชักสิ่งตัวอย่างคร้ังแรกถ้ามีคุณภาพดีพอ และจะถูกปฏิเสธ ในการชกั สงิ่ ตัวอย่างครง้ั แรกนีเ้ ช่นกันถ้าคณุ ภาพแยเ่ กนิ ไป แตถ่ า้ การชกั ส่ิงตัวอย่างคร้ังแรกจะยังตัดสินใจไม่ได้ จึงต้องชกั สิง่ ตัวอย่างคร้ังท่ีสองเพอื่ การตัดสนิ จึงต้องชกั ส่งิ ตวั อยา่ งครง้ั ทส่ี องเพอื่ การตัดสินใจ
250 การควบคมุ คุณภาพ โดยทั่วไปแผนการชักส่ิงตัวอย่างเชิงคู่ใช้จานวนตัวอย่างในการตรวจสอบน้อยกว่าแผนการชักสิ่ง ตัวอย่างเชิงเด่ียว และอีกอย่างหนึ่งในการชักส่ิงตัวอย่างเชิงคู่ยังมีผลเชิงจิตวิทยาด้วย ในเม่ือถูกปฏิเสธทาให้ ต้องชักตวั อยา่ งถงึ สองครง้ั แตก่ ไ็ ดม้ ีความยงุ่ ยากกว่า ดงั แสดงในรปู ท่ี 6.6 แผน แผน n1, c1 n2, c2 ลอตของสินค้า: N P ตัวอยา่ ง c1 < x1 ≤ c2 x1 + x2 ≤ c2 ครง้ั ที่ 1 x1 > c2 ตวั อย่างครั้งท่ี 2 Pa2 ยอมรบั ลอต x1 ≤ c1 Pr1 Pr2 x1 + x2 > c2 Pa1 ปฏเิ สธลอต ปฏิเสธลอต ยอมรบั ลอต รูปท่ี 6.6 แผนการชักส่ิงตัวอยา่ งเชงิ คู่ (ทมี่ า: ศรีไร จารุภิญโญ, 2540) n1 = จานวนชนิ้ ในการชักส่งิ ตวั อย่างครั้งแรก c1 = จานวนของเสียที่ยอมให้มีได้ในการชักสิ่งตัวอย่างครั้งแรกถ้าจานวนตัวอย่างที่ชัก ขึ้นมาครั้งแรก จานวน n1 ชิ้น มีของเสียอยู่เท่ากับหรือน้อยกว่า c1 ชิ้นก็จะยอมให้ รับของนั้นทง้ั ลอต x1 = จานวนของเสียทพี่ บในการชกั ตัวอย่างครง้ั แรก Pa1 = โอกาสในการยอมรบั สนิ ค้าในการชักตวั อย่างครัง้ แรกเมื่อ x1≤c1 c2 = จานวนของเสียทั้งหมดในการชักตัวอย่างท้ังสองครั้งที่ยอมให้มีได้ในสินค้า ถ้า จานวนของเสียในการชักทั้งสองคร้ังรวมกันน้อยกว่าหรือเท่ากับ c2 ก็จะยอมรับ สินคา้ ทงั้ ลอต แตถ่ ้ามากกวา่ c2 ก็จะปฏเิ สธ Pr1 = โอกาสในการปฏิเสธสินค้าทงั้ ลอตในการชักตัวอยา่ งคร้งั ที่หนงึ่ เมอ่ื x1>c2 n2 = จานวนตวั อยา่ งในการชักตวั อย่างครงั้ ท่สี อง Pa2 = โอกาสในการยอมรับสินคา้ ในการชักตวั อยา่ งครง้ั ท่สี อง เมื่อ x1+x2≤c2 Pr2 = โอกาสในการปฏเิ สธสนิ ค้าทั้งลอตในการชกั ตัวอย่างคร้งั ท่ีสองเมื่อ x1+x2>c2 x2 = จานวนของเสียท่ีพบในการชกั ตัวอย่างครง้ั ทส่ี อง ถ้าแผนการชักตัวอย่างเป็นดังน้ี n1 = 36, c1 = 0, n2 = 59, c2 = 3 โอกาสในการยอมรับลอตอาจ เกดิ ขนึ้ ได้ในกรณีหน่ึงกรณใี ดดงั น้ี 1. การชกั สง่ิ ตัวอยา่ งครงั้ แรกพบของเสียศนู ย์ช้นิ 2. การชักตัวอย่างครง้ั แรกพบของเสีย 1 ช้ิน การชกั สิง่ ตัวอยา่ งท่ี 2 พบของเสยี 0, 1 หรอื 2 ชน้ิ
บทที่ 6 แผนการชกั ส่ิงตวั อยา่ ง 251 3. การชกั สงิ่ ตัวอย่างครัง้ แรกพบของเสีย 2 ชนิ้ การชักสิ่งตัวอยา่ งคร้ังท่ี 2 พบของเสยี 0 หรือ 1 ช้ิน 4. การชกั สงิ่ ตวั อย่างครัง้ แรกพบของเสีย 3 ชิ้น การชกั ส่งิ ตวั อยา่ งคร้งั ท่ี 2 พบของเสยี 0 ชิน้ 6.2.2.1 การหาแผนการชักสิ่งตัวอย่างเชงิ คู่ ศรีไร จารุภิญโญ (2540) การหาแผนการชักสิ่งตัวอย่างเชิงคู่ที่กาหนดค่า AQL(P1), LTPD (P2), α และ β นัน้ มลี กั ษณะเหมอื นกับการหาแผนการชักส่งิ ตัวอยา่ งเชงิ เดย่ี ว คือ ต้องหาอัตราส่วน P2/P1 ว่า เป็นเท่าไร แล้วทดลองสมมติค่าจนกว่าได้อัตราส่วน P2/P1 ที่ใกล้เคียงกับโจทย์ แต่การหาแผนการชักส่ิง ตัวอย่างเชิงคู่มีความยุ่งยากกว่าของแผนการชักส่ิงตัวอย่างเชิงเด่ียวมาก และค่าที่กาหนดมาคือ P1, P2, α และβ ยงั ไม่พอต้องกาหนดความสัมพันธ์ของ n1 และ n2 ด้วยว่าเป็นเท่าใด เช่น n2 = an1 (a เป็นเลขจานวน เต็มบวกใดๆ) จากนั้นจึงสมมติค่า c1 และ c2 จนกว่าจะได้อัตราส่วน P2/P1 ใกล้เคียงกับโจทย์กาหนด โดยพจิ ารณาจากตัวอยา่ งตอ่ ไปน้ี ตัวอยา่ งที่ 6.3 จงหาแผนการชักส่ิงตัวอย่างเชิงคู่ (n1, c1, n2, c2) กาหนดให้ AQL(P1 ) = 1%, LTPD(P2) = 8%, α = 0.05 และ β = 0.10 โดยมี n2 = 2n1 วธิ ีทา เร่ิมต้นโดยการหาอัตราส่วน P2/P1 ของโจทย์ จากน้ันให้สมมติค่า c1 และ c2 เพ่ือหาค่า n1P1 และ n1P2 จะได้ค่า P2/P1 ค่า c1, c2 ใดให้อัตราส่วน P2/P1 ใกล้เคียงกับโจทย์ก็เลือกใช้คู่น้ัน ความสัมพันธ์ของ c1 และ c2 จะเป็นอยา่ งไรใหด้ จู ากความสัมพันธ์ของ n1 + n2 จากโจทย์ให้ n2 = 2n1 n1+ n2 = n1+ 2n1 = 3n1 น่ันคือ n1 + n2 เป็น 3 เท่าของ n1 ดังนั้นกาหนดให้ c2 มากกว่าหรือเท่ากับ 3 เท่า ของ c1 เช่น c1 = 0, c2 จะเป็น 1, 2, 3, ... c1 = 1, c2 จะเปน็ 3, 4, 5, ... c1 = 2, c2 จะเปน็ 6, 7, 8, ... เหตุผลก็คอื ถ้า c2 น้อยกว่า 3 เท่าของ c1 หมายความว่าเราจะยอมรับลอตจากตัวอย่าง n1 ช้ิน ด้วย สัดส่วนของเสยี สูงกวา่ การยอมรับลอตจากการรวมทง้ั สองตัวอย่าง 3n1 ช้ิน การคานวณหาแผนการชักส่ิงตวั อยา่ งเชิงคู่ โอกาสในการยอมรับลอต Pa = Pa1 + Pa2 โดยการหาค่า ความนา่ จะเปน็ ของการกระจายแบบปัวสซ์ อง -n1P x2 c2 - x2 -n2P y e n P e n P1 2 Pa = c1 e-n1P n1P x1 + c2 …(6.2) x !x1 = 0 x2 = c1 +1 x2! y = 0 y! 1
252 การควบคมุ คุณภาพ เมอื่ n2 = 2n1 . Pa = c1 e-n1P n1P x1 + c2 y e n P e 2n P-n1P x2 c2 - x2 -n2P1 1 x !x1 = 0 1 x2 = c1 +1 x2! y=0 y! ให้ Z=n P 1 e Zc1 -Zx1 y c2 e Z e 2Z-Z x2 c2 - x2 -2Z Pa = + …(6.3) x !x1 = 0 x !x2 = c1 +1 y! 1 2 y=0 …(6.4) …(6.5) โดยวธิ ี Trial & Error สมมติ ให้ c1 = 0, c2 =1 แทนในสมการท่ี 6.3 ...(6.6) . e Z0 -zx1 y e Z e 2Z1 -z x2 1 - x2 -2z Pa = + x !x1 = 0 x !x2 = 1 y! 1 2 y=0 เพราะว่า 0! มคี า่ เท่ากับ 1 และยกกาลงั ศนู ยม์ ีค่าเท่ากับ 1 Pa = e-z + e-zZ e-2z = e-z + Z e-3z เมื่อ AQL = P1 = 0.01, α = 0.05 ที่ P1: Pa = 1 - 0.05 = 0.95 แทนค่า Pa ในสมการที่ 6.4 จะไดส้ มการที่ 6.5 0.95 = e-z + Z e-3z โดยการทดลองใสค่ ่า Z พบวา่ Z = 0.16 จะได้ e-z+ Z e-3z = 0.95 Z = n1P1 = 0.16 เมอ่ื LTPD = P2 = 0.08, β = 0.10 ที่ P2: Pa = 0.01 แทนค่า Pa ในสมการที่ 6.4 จะได้สมการท่ี 6.6 0.10 = e-z + Z e-3z ทดลองใส่คา่ Z พบวา่ Z = 2.32 จะให้ค่าทางขวามอื ของสมการที่ 6.6 เทา่ กบั 0.10 Z = n1P2 = 2.32 ดังนัน้ n1P2 = 2.32 = 14.50 n1P1 0.16
บทที่ 6 แผนการชักสิง่ ตัวอย่าง 253 เพราะวา่ ที่ c1 = 0, c2 = 1 ให้คา่ P2 = 14.50 P1 แต่จากโจทย์ P2 = 8 ซ่ึงไม่ใกล้เคียงกัน ดังน้ันให้การทดลองเปลี่ยนค่า c1, c2 ใหม่แล้วแทนค่าใน P1 สมการท่ี 6.3 สมมติให้ c1 = 1, c2 = 3 หมายความว่า การชกั สิง่ ตวั อย่างมโี อกาสท่จี ะพบของเสียดังนี้ 1. เมื่อ x1 = 0 หรอื 2. เมอ่ื x1 = 1 หรือ 3. เม่ือ x1 = 2 และ x2 = 0 หรือ 4. เมอ่ื x1 = 2 และ x2 = 1 หรือ 5. เมอ่ื x1 = 3 และ x2 = 0 จะได้ Pa = e-Z + e-Z z + e-Zz2 e-2Z 2z0 + e-2Z 2z 1 e-z .z3 e-2Z 2z 0 2! 3! = e-z 1+z + e-3z z2 1 +z+ z 2 6 = e-z 1+z + e-3z z2 1 + z z ...(6.7) 2 6 ท่ี AQL = P1= 0.01, α = 0.05 Pa = 1- 0.05 = 0.95 แทน Pa ในสมการท่ี 6.7 จะได้ 0.95 = e-z 1+z +e-3Z z2 1 + 7 z …(6.8) 2 6 สมมติคา่ Z = 0.5 จะได้ค่าทางขวาของสมการ = 0.97 Z = 0.6 จะได้คา่ ทางขวาของสมการ = 0.95 ดงั น้ัน Z = 0.6 จะได้ Pa = 0.95 n1P1= 0.16 เมอื่ LTPD = P2 = 0.08, β = 0.10 ท่ี P2 = Pa = 0.10 แทน Pa = 0.10 ในสมการท่ี 6.7 จะได้สมการที่ 6.9 0.10 = e-Z (1+z) + e-3Z Z2 1 + 7 z …(6.9) 2 6
254 การควบคุมคุณภาพ สมมติ Z = 4.0 ลงในสมการท่ี 6.9 ได้ค่าทางขวามือ = 0.093 Z = 3.89 ลงในสมการที่ 6.9 ไดค้ ่าทางขวามือ = 0.100 ดังน้ัน z = n1P2 = 3.89 n1P2 = P2 = 3.89 = 6.48 (ไมเ่ ทา่ กับ 8) n1P1 P1 0.16 ทดลองสุ่มค่า c1, c2 ใหม่แล้วแทนค่าในสมการ 6.3 จนกว่าจะได้ค่า P2/P1 = 8 จึงจะหยุดสมมติ ไดผ้ ลการทดลองสรุป ดงั แสดงในตารางท่ี 6.6 ตารางที่ 6.6 สรปุ ผลการคานวณ ทดลองครง้ั ที่ C1 C2 n1P1 n1P2 P2/P1 Pa = 0.95 Pa = 0.10 1 0 2 0 1 0.16 2.32 14.50 3 0 4 1 2 0.30 2.42 8.07* 3 0.49 2.62 5.39 3 0.60 3.89 6.48 จากตารางที่ 6.6 จะเห็นว่าค่า P2/P1 = 8.07 ใกล้เคียงกับโจทย์ที่กาหนดให้ คือ 8 มากท่ีสุดจึงเลือก การทดลองท่ี 2 เปน็ แผนการชกั ส่ิงตัวอย่าง คอื c1 = 0, c2 = 2 จะได้ n1 = n1P1 = 0.30 = 30 P1 0.01 หรือ n1 = n1P2 = 2.42 = 30.25 30 P2 0.08 n1= 2n1 = 230 = 60 แผนการชกั สงิ่ ตัวอย่างเชิงคู่ คอื n1 = 30, c1 = 0, n2 = 60, c2 = 2 6.2.2.2 การเขียนเส้นโคง้ OC รวมของแผนการชักสิง่ ตัวอย่างเชงิ คู่ ศรีไร จารุภิญโญ (2540) เส้นโค้ง OC รวมเกิดจากจุดของโอกาสในการยอมรับลอตของ แผนการชักส่ิงตัวอยา่ งเชิงคู่ สามารถหาค่าได้จากสมการที่ 6.10 Pa = c1 e-n1P n1P x1 + c2 -n1P x2 c2 - x2 -n2P y e n P e n P1 2 x !x1 = 0 x2 = c1 +1 x2! y = 0 y! …(6.10) 1
บทที่ 6 แผนการชกั สิง่ ตวั อยา่ ง 255 โดยการสมมติค่า P ต่างๆ จะหาโอกาสยอมรับลอตจากตารางแจกแจงความน่าจะเป็น แบบปัวสซ์ องจะได้ผลลัพธ์ ดงั ตารางที่ 6.7 ตารางที่ 6.7 แสดงโอกาสการยอมรับลอต Pa % P Pa 1.0 ที่สดั ส่วนของเสีย 0.8 01 0.6 0.01 0.95 0.4 0.02 0.80 0.2 0.03 0.61 0.04 0.43 0.0 P 0.05 0.30 0.06 0.21 0.02 0.04 0.06 0.08 0.1 0.07 0.14 n1 = 30, c1 = 0, n2 = 60, c2 = 2 0.08 0.10 0.09 0.08 รปู ที่ 6.7 เสน้ โคง้ OC รวมของแผนการชกั สง่ิ ตวั อย่างเชงิ คู่ 0.10 0.05 6.2.3 แผนการชกั สิง่ ตัวอยา่ งหลายเชิง (Multiple Sampling Plans) ศรีไร จารุภญิ โญ (2540) ในแผนการชักสง่ิ ตัวอย่างเชิงคู่มีโอกาสให้ตัดสินใจท่ีจะยอมรับหรือปฏิเสธ ลอตโดยการชักส่ิงตัวอย่างมากกว่าสองครั้งอาจจะเป็น 3, 4, 5, ..... k คร้ัง เรียกแผนการนี้ว่า แผนการชักส่ิง ตวั อย่างหลายเชงิ เขียนเปน็ แผนภูมิ ดงั แสดงในรปู ท่ี 6.8 n1, c1 n2, c2 n3, c3 nk, ck c1 < x1 ≤ c2 c2 < x1 ≤ c3 x ≤ c2 N, p ตวั อยา่ ง ตัวอยา่ ง ตัวอยา่ ง ตวั อยา่ ง ยอมรบั ลอต ครงั้ ที่ n ครั้งท่ี 1 ครัง้ ท่ี 2 ครงั้ ที่ 3 x1 ≤ c1 x1 > ck x3 ≤ c3 x3 > ck x > ck x2 ≤ c2 x2 > ck ยอมรบั ปฏเิ สธ ปฏเิ สธ ปฏิเสธ ยอมรบั ปฏเิ สธ ยอมรบั รปู ท่ี 6.8 แผนการชักสิ่งตัวอยา่ งหลายเชงิ (ทีม่ า: ศรไี ร จารุภิญโญ, 2540)
256 การควบคุมคุณภาพ ตวั อย่างที่ 6.4 จงเขียนเส้นโค้ง OC รวมของแผนการชักส่ิงตัวอย่างเชิงคู่ (n2, c1: n2, c2 = 30, 0: 60, 2) แผนการ ชกั ส่งิ ตวั อยา่ งเชงิ คนู่ ี้ จะหมายความวา่ วธิ ีทา 1. ชักตวั อย่างขน้ึ มาครง้ั แรก 30 ช้นิ 2. ถ้าผลิตภัณฑ์ท่ีชักมาคร้ังแรกน้ีไม่พบของเสียจะยอมรับลอต แต่ถ้าพบของเสียมากกว่า 2 ชิ้นจะ ปฏิเสธลอต 3. ถ้าผลิตภัณฑ์ท่ีชักมาครั้งแรกนี้พบของเสียอยู่ระหว่าง 1 กับ 2 ช้ิน ต้องชักตัวอย่างคร้ังที่ 2 มาอีก 60 ชิ้น 4. เม่ือชักตัวอย่างคร้ังท่ี 2 พบของเสียร่วมกับคร้ังแรกไม่เกิน 2 ช้ิน ให้ยอมรับผลิตภัณฑ์นั้นทั้งลอต แตถ่ า้ พบของเสียรวมกนั เกิน 2 ชนิ้ จะไม่ปฏิเสธลอตนั้น ให้ x1 และ x2 แทนจานวนของเสียท่ีตรวจพบในการชักตัวอย่างชุดแรกและชุดท่ี 2 ตามลาดับ ดังนั้น การยอมรับผลิตภัณฑต์ ามแผนนี้ ถา้ 1. x1 = 0 หรอื 2. x1 = 1 และ x2 = 0 หรอื 3. x1 = 1 และ x2 = 1 หรอื 4. x1 = 2 และ x2 = 0 โดยใชก้ ารแจกแจงปัวสซ์ องตามสมการท่ี 6.10 หาโอกาสในการยอมรับของเหตกุ ารณท์ ั้ง 4 นี้ จะได้ e-30P 30P 0 e-30P 30P 1 e-30P 60P 0 e-60P 60P 1 e-30P 30P 2 e-60P 60P 0 Pa = + + + 0! 1! 0! 1! 2! 0! = e-30P 1+60P + 30P2 e-60P 1+30P e-60P 2 = e-30P 1+30P e-60P 1+60P+15P = e-30P +30P e-90P 1+75P เส้นโค้ง OC รวมของแผนการชกั ส่ิงตัวอยา่ งหลายเชงิ สามารถสร้างได้ในทานองเดยี วกับแผนการชักส่ิง ตัวอยา่ งเชิงคู่ คอื ใชโ้ อกาสที่จะยอมรับแผนการชกั ส่งิ ตัวอย่างรวมทสี่ ดั ส่วนของเสยี ตา่ งๆ สาหรบั แผนการชักสงิ่ ตัวอยา่ งหลายเชงิ โดยท่ัวไปแลว้ การนา n และ c มาอธบิ าย ดงั ตารางท่ี 6.8
บทท่ี 6 แผนการชกั สิ่งตัวอยา่ ง 257 ตารางที่ 6.8 ตวั อย่างแผนการชักสง่ิ ตัวอย่างหลายเชิง การชกั สง่ิ ตัวอย่าง ขนาดของ จานวนตวั อย่าง จานวนของเสยี จานวนของเสยี ท่ี ทีย่ อมรบั ได้ ปฏิเสธ ครัง้ ที่ ตัวอย่าง สะสม * 2 1 20 20 0 3 1 3 2 20 40 2 4 2 4 3 20 60 2 4 3 4 4 20 80 5 20 100 6 20 120 7 20 140 หมายเหต*ุ การชักส่ิงตัวอยา่ งนี้ครง้ั แรกยังไม่มีการยอมรับลอต 6.2.3.1 การคานวณโอกาสในการยอมรับหรือปฏเิ สธลอต ตัวอยา่ งที่ 6.5 จากแผนการชักส่ิงตัวอย่างหลายเชิงในตารางท่ี 6.8 จงทาการคานวณโอกาสที่จะเกิดการยอมรับหรือ ปฏิเสธลอตโดยคานวณที่สัดส่วนของเสีย 2% และคานวณโอกาสในการยอมรับหรือปฏิเสธของการชักส่ิงตัวอย่าง แต่ละครงั้ (ศรีไร จารุภิญโญ, 2540) วธิ ีทา เพอ่ื ความสะดวกสมมตใิ ห้ขนาดของลอตนี้ใหญ่มาก เมื่อเทียบกับขนาดของตัวอย่างเม่ือชักส่ิงตัวอย่าง ไปแล้วทาให้ของเสียในลอตมีค่าใกล้ 2% จึงสะดวกที่จะใช้ค่า nP = (20)(0.02) = 0.4 เม่ือเปิดตารางปัวส์ซอง จะไดค้ ่าต่างๆ ดังนี้ โอกาสที่จะพบของเสีย 0 ชน้ิ P0 = 0.670 โอกาสทจ่ี ะพบของเสีย 1 ชิน้ P1 = 0.938 – 0.670 = 0.268 โอกาสทีจ่ ะพบของเสยี 2 ชิ้น P2 = 0.992 – 0.938 = 0.054 โอกาสทจ่ี ะพบของเสยี 3 ช้ิน P3 or more = 1 – 0.992 = 0.008 การชักส่ิงตัวอยา่ งคร้งั ที่ 1 P0 = 0.670 (ทาการชกั ส่ิงตัวอยา่ งต่อไป โดยมีของเสยี ท่ีสะสม 0 ชน้ิ ) P1 = 0.268 (ทาการชกั สงิ่ ตวั อย่างต่อไป โดยมีของเสยี ท่ีสะสม 1 ชิน้ ) P2 or more = 0.054 + 0.008 = 0.062(ปฏิเสธ) หรือ 1-0.938 = 0.938
258 การควบคมุ คุณภาพ การชกั ส่งิ ตัวอย่างครงั้ ท่ี 2 P0-0 =0.6700.670 = 0.449 (ยอมรับ) P0-1=0.6700.268= 0.1795 P1-0 =0.2680.670= 0.1795 = 0.359 (ชกั ตวั อยา่ งต่อไป โดยมีของเสียสะสม 1 ชิ้น) P0-2 =0.6700.054 = 0.036 P1-1=0.2680.268= 0.072 = 0.108 (ชักตัวอยา่ งตอ่ ไป โดยมีของเสยี สะสม 2 ชน้ิ ) P0-3 or more =0.6700.008 = 0.005 P =1-2 or more 0.268 0.062 = 0.017 = 0.022 (ปฏิเสธ) ตรวจสอบ 0.449 + 0.359 + 0.108 + 0.022 = 0.938 หมายเหตุ: โอกาสในการชกั สิ่งตัวอย่างคร้ังตอ่ ไป = 0.359 + 0.108 = 0.467 การชกั สงิ่ ตัวอยา่ งครง้ั ท่ี 3 P1-0 =0.3590.670= 0.241 (ยอมรับ) P1-1=0.3590.268= 0.096 P2-0 =0.1080.670 = 0.072 = 0.168 (ชกั ตวั อย่างต่อไป โดยมีของเสยี สะสม 2 ชิน้ ) P1-2 or more =0.3590.062 = 0.022 P2-1 or more =0.1080.330 = 0.036 = 0.058 (ปฏเิ สธ) ตรวจสอบ 0.241 + 0.168 + 0.058 = 0.468 โอกาสในการยอมรับหรือปฏิเสธของลอตในการชักสิ่งตัวอย่างคร้ังต่อไปคานวณได้ในทานองเดียวกัน ผลสรปุ ได้ ดังตารางท่ี 6.9
บทที่ 6 แผนการชกั สงิ่ ตวั อย่าง 259 ตารางท่ี 6.9 สรปุ โอกาสในการยอมรับและปฏิเสธของลอตในการชกั สิง่ ตัวอยา่ งคร้ังตา่ งๆ ตัวอยา่ ง โอกาส Pa + Pr ครงั้ ท่ี ยอมรบั (Pa) ปฏิเสธ (Pr) 0.062 1 0.000 0.471 0.449 0.062 0.299 2 0.241 0.022 0.123 3 0.113 0.058 0.015 0.000 0.010 0.010 4 0.000 0.015 0.020 0.013 0.010 1.000 5 0.007 6 0.816 0.184 7 รวม 6.2.3.2 จานวนตัวอย่างทชี่ ักมาตรวจสอบโดยเฉล่ยี (Average Sampling Number: ASN) ศรีไร จารุภิญโญ (2540) ในการชักสิ่งตัวอย่างแบบหลายเชิงจานวนตัวอย่างที่ใช้ในการ ตรวจสอบ อาจจะเท่ากบั n1 ถ้าหากมีการยอมรับลอตหรือปฏิเสธลอตในการชักส่ิงตัวอย่างคร้ังที่ 1แต่ถ้ายังไม่ มกี ารยอมรบั หรอื ปฏิเสธกจ็ ะต้องทาการชกั ตวั อยา่ งคร้ังท่ี 2 โดยจานวนตัวอย่างเท่ากับ n2 ซึ่งรวมทั้งสองครั้งก็ จะได้จานวนตวั อยา่ งเท่ากับ (n1+n2) และจะเปน็ เชน่ นี้ไปเรอ่ื ยๆ จนกว่าจะมีการยอมรบั หรือปฏิเสธลอต ดังน้ันจานวนตัวอย่างท่ีใช้ในการตรวจสอบโดยเฉลี่ย จะคานวณได้จากโอกาสที่จะเกิดการ ยอมรบั หรือปฏิเสธลอตในการชกั ส่งิ ตวั อย่างในแตล่ ะครง้ั ไดด้ ังนี้ จานวนตรวจสอบโดยเฉลย่ี (ASN) = (n)(โอกาสท่จี ะตดั สนิ ไดในครงั้ ที่ 1) +(n1+n2)(โอกาสท่ีจะตดั สินได้ใน ครั้งที่ 2) +.... +(n1+n2+ …+nk) (โอกาสทีจ่ ะตดั สนิ ไดในครั้งท่ี k) = n1 Pa1 +Pr1 +n1+n2 Pa2 +Pr2 + n1+n2 +n3 Pa3 + Pr3 + ……. + n1+n2+...+nk Pak + Prk …(6.11) จากตัวอยา่ งท่ี 6.5 จะคานวณจานวนตัวอย่างตรวจสอบโดยเฉล่ยี ได้ดงั นี้ ดงั น้ัน ASN = (20)(0.062) + (40)(0.471) + (60)(0.29) + (80)(0.123) + (100)(0.015) + (120)(0.010) + (140)(0.020) = 53.36 ช้ิน
260 การควบคมุ คุณภาพ 6.2.4 แผนการชักสิง่ ตัวอย่างมาตรฐาน 105 อี ศรีไร จารภุ ิญโญ (2540) มาตรฐาน MIL-STD-105E เป็นมาตรฐานท่ีประกันคุณภาพด้วยระดับ AQL ซ่ึง มีจุดเริ่มต้นจากตารางแผนการชักสิ่งตัวอย่างของกรมสรรพาวุธแห่งสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ.2485 จากนั้นได้มีการ พัฒนาแผนการดังกล่าวอีกเล็กน้อยในปี พ.ศ.2488 โดยกลุ่มนักวิจัยด้านสถิติแห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และได้มี การพัฒนาต่อโดยกระทรวงกลาโหมแห่งสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ.2492 โดยใช้ช่ือว่า มาตรฐาน JAN (Joint Army Navy) 105 และในปี พ.ศ.2493 มกี ารเปลยี่ นแปลงในรายละเอียดของมาตรฐานเล็กน้อย มาตรฐาน MIL-STD-105A ไดร้ บั การเปล่ียนแปลงอีกครั้งละเล็กน้อยในปี พ.ศ.2501 และในปี พ.ศ.2504 ได้มีการเปลี่ยนแปลงช่ือเป็น MIL-STD-105B และ MIL-STD-105C ในระหว่างปี พ.ศ.2503 ถึง พ.ศ.2505 ได้ต้ัง คณะทางานขึ้นมาหนึ่งชุดประกอบด้วยผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และแคนนาดา โดยมี G.J Keefe เป็น ประธานคณะทางาน เพ่ือทาหน้าท่ียกร่องการชักส่ิงตัวอย่างเพ่ือการยอมรับสาหรับใช้ร่วมกันในประเทศทั้งสาม และเรียกมาตรฐานน้ีว่า ABC-STD-105 (ABC มาจากภาษาอังกฤษตัวแรกของประเทศทั้งสาม คือ America Britain Canada) และทางกระทรวงกลาโหมแห่งสหรัฐอเมริกาได้ประกาศใช้เป็นมาตรฐาน MIL-STD-105D เมื่อวันท่ี 29 เมษายน พ.ศ.2506 พร้อมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงอีกเล็กน้อยในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 และวันที่ 20 มนี าคม พ.ศ.2507 ในปี พ.ศ.2514 สานักมาตรฐานแห่งสหรัฐอเมริกาได้ยอมรับมาตรฐาน MIL-STD-105D เป็นมาตรฐาน แห่งชาติภายใต้ช่ือ ANSI Z1.4 ต่อมาได้รับการพัฒนาแก้ไขอีกคร้ังในปี พ.ศ.2524 และคร้ังสุดท้ายในปี พ.ศ.2536 ทางสานักงานระหวา่ งประเทศว่าด้วยมาตรฐาน โดย ISO/TC69 ได้มีการศึกษามาตรฐาน ANSI Z1.4 พร้อมท้ังแก้ไข อีกเล็กน้อย และประกาศเป็นมาตรฐานระหว่างประเทศภายใต้ช่ือว่า ISO-2859 ในปี พ.ศ.2517 และมีการแก้ไข ครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ.2528 สาหรับงานมาตรฐานแห่งชาติญี่ปุ่น ได้ทาการเปลี่ยนแปลงมาตรฐาน MIL-STD-105D ในส่วนของความหมายและวิธีการในแผนการท่ีง่ายขึ้น และได้ประกาศเป็นมาตรฐานแห่งชาติ JIS Z9015 ในปี พ.ศ.2523 สาหรับประเทศไทยสานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้มีการประกาศใช้มาตรฐาน มอก. 465-2527 ซึ่งมีพื้นฐานจาก ISO 2859 และ MIL-STD-105D ตามประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อ วันท่ี 11 มกราคม พ.ศ.2527 และยังไม่มีการแก้ไขอีกจนถึงปัจจุบันน้ี จากท่ีกล่าวจะเห็นว่ามาตรฐานการชักสิ่ง ตวั อยา่ งเชิงคุณภาพท่ีมีใช้กันอยู่ท่ัวไปในเวลาน้ีล้วนแต่เป็นมาตรฐานที่มีความเหมือนกับมาตรฐาน MIL-STD-105D ทัง้ สนิ้ มาตรฐาน MIL-STD-105D ได้รับการประกาศให้เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2532 โดยใช้ช่ือว่า มาตรฐาน MIL-STD-105E แต่อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ.2538 ทางกระทรวงกลาโหมแห่ง สหรัฐอเมริกาได้ประกาศเลิกใช้ MIL-STD-105E ทั้งน้ีเพราะว่ามาตรฐานแห่งชาติสหรัฐอเมริกา คือ ANSI Z1.4 ฉบับปี พ.ศ.2536 มีความใกล้เคียงกับ MIL-STD-105E มากและแนะนาให้องค์กรคู่ค้าของกระทรวงกลาโหมหันไป ควบคุมตามมาตรฐาน ANSI/ASQC Z1.4 แทน อย่างไรก็ตามการประกาศดังกล่าวไม่มีผลต่อองค์กรอื่นๆ แต่อย่าง ใด
บทที่ 6 แผนการชกั สิ่งตวั อย่าง 261 6.2.4.1 ความหมาย หลกั การ และขอบเขต Schilling and Neubauer (2009) ได้กาหนดนิยามสาหรับแผนการชักส่ิงตัวอย่าง (Sampling Plan) และแบบแผนการชักสิ่งตัวอย่าง (Sampling Scheme) ไว้ ซ่ึงเป็นนิยามท่ีกาหนดขึ้นโดย (Hill I. D, 1961) ดังนี้ แผนการชักสิ่งตัวอย่าง หมายถึง ข้อกาหนดเฉพาะของกฎเกณฑ์ (Specification of the Rules) ซ่ึงใช้ในการตัดสินคุณภาพของสินค้าท่ีระบุไว้ หรือหมายถึงกลยุทธ์โดยรวม (Overall Strategy) ท่ีใช้ ในการกาหนดแนวทางในการใช้แผนการชกั สงิ่ ตัวอยา่ ง ดังนั้นระบบการชักส่ิงตัวอย่าง (Sampling System) หมายถึง บทรวม (Collection) ของ แบบแผนการชักสิ่งตัวอย่างที่ใช้เป็นกฎเกณฑ์ในการเลือกแผนการชักสิ่งตัวอย่างที่เหมาะสมมาตรฐาน MIL-STD-105E นจ้ี ัดได้ว่าเปน็ ระบบของการชักส่ิงตัวอย่าง โดยมีการรวบรวมแผนการชักตัวอย่างไว้ 15 แบบ แผน ซ่ึงแสดงการใช้อักษรในภาษาอังกฤษ A ถึง R (ยกเว้น I และ O) และ S (เฉพาะกรณีการตรวจสอบแบบ เครง่ ครัด) โดยแต่ละแบบแผนประกอบด้วยแผนการชักสิ่งตัวอย่างจานวนมากข้ึนอยู่กับขนาด AQL ที่กาหนด และการกาหนดให้มีกฎการสับเปลี่ยน (Switching Rule) เป็นกลยุทธ์ท่ีกาหนดถึงแนวทางในการใช้แบบ แผนการชักสิ่งตัวอย่างเพื่อที่จะป้องกันลูกค้าจากการยอมรับผลิตภัณฑ์ที่บกพร่อง ตลอดจนกระตุ้นให้ผู้ผลิต ดาเนินการปรับปรุงคุณภาพของตัวเอง ท้ังนี้เพราะโดยธรรมชาติของมาตรฐาน MIL-STD-105E ซ่ึงเป็นระบบ AQL เป็นการป้องกันความเส่ียงของผู้ผลิตในการปฏิเสธผลิตภัณฑ์ท่ีดีเท่านั้น โดยจะไม่ป้องกันลูกค้าเลยหาก มไิ ดป้ ระยุกตใ์ ชก้ ฎการสบั เปลีย่ น ตาราง MIL-STD-105E ได้กาหนดถึงวัตถุประสงค์ของมาตรฐานนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า เป็น มาตรฐานท่ีได้รับการจัดทาข้ึนเพื่อใช้เป็นวิธีการและแผนในการชักส่ิงตัวอย่างจากลอตหรือแบช เพ่ือการ ตรวจสอบแบบเชิงคุณภาพ (Attribute) ซ่ึงหมายถึง การตรวจสอบเพียงเพ่ือระบุว่าหน่วยผลิตภัณฑ์ (Unit of Product) ท่ีได้รับการตรวจสอบเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีบกพร่องหรือไม่ หรือบ่งช้ีถึงจานวนข้อบกพร่องในหน่วย ผลติ ภัณฑ์เมอื่ เปรียบเทยี บกบั คุณลักษณะทีก่ าหนดเท่าน้ัน (กิติศักด์ิ พลอยพานิชเจริญ, 2542) นอกจากนี้แล้ว ในมาตรฐานนีย้ ังได้ระบุไว้ชดั เจนถึงการไม่ใหใ้ ชม้ าตรฐานนใ้ี นการตีความให้ขัดแย้งกับคู่สัญญาการค้าใดๆ และ คาว่า การยอมรับ (Accept) ท่ีใช้ในมาตรฐานนี้จะมีความหมายเพียงการยอมรับตามความต้องการของ มาตรฐาน แต่มิได้ครอบคลุมถึงการยอมรับทางกฎหมายหรือกฎระเบียบใดๆ ของทางราชการรวมทั้งคู่สัญญา การค้าใดๆ แผนการชกั สงิ่ ตวั อยา่ งทรี่ ะบุในมาตรฐานฉบับน้ี ไดร้ บั การออกแบบขนึ้ เพื่อการตรวจสอบสงิ่ ต่อไปน้ี (1) ผลติ ภัณฑข์ นั้ สาเรจ็ รูป (Finished Goods) (2) ชนิ้ ส่วนสาหรับประกอบ และวัตถุดิบ (3) การปฏบิ ัติการหรอื การบริการ (4) วัสดุในระหว่างผลิต (Material in Process) (5) สนิ ค้าในคลังทร่ี อการสง่ มอบ (Supplies in Storage) (6) การบารุงรักษา (Maintenance Operation) (7) ข้อมลู หรอื บนั ทึก (Data or Records) (8) กระบวนวธิ ที ีใ่ ช้ในการบรหิ าร (Administrative Procedures)
262 การควบคมุ คุณภาพ แผนการตรวจสอบมาตรฐาน MIL-STD-105E น้ีได้รับการออกแบบเพ่ือการตรวจสอบลอต หรือแบช (Lot or Batch) ท่ีต่อเน่ืองแล้ว จะต้องมีการใช้เส้นโค้งโอซี (OC Curve) เพื่อให้แผนการที่มีระดับ ความคมุ้ ครองตามทกี่ าหนดไว้ 6.2.4.2 โครงสร้างของมาตรฐาน ศรไี ร จารภุ ิญโญ (2540) โครงสรา้ งของมาตรฐาน MIL-STD-105E ได้รับการปรับเปลี่ยนไป จาก MIL-STD-105D พอสมควรเพอ่ื ใหเ้ กดิ ประสทิ ธผิ ลในการใช้ โดยแบ่งออกเป็น 6 หวั ข้อหลกั ดังน้ี ปกติ ตารางท่ี 1 อักษรรหัส (Code Letter) ของขนาดตวั อยา่ ง 1. ขอบเขต เครง่ ครัด ตารางท่ี 2 แผนการชกั สงิ่ ตัวอยา่ งเชงิ เด่ียว 2. เอกสารอา้ งองิ ผ่อนคลาย ปกติ ตารางท่ี 3 แผนการชกั ส่งิ ตัวอยา่ งเชิงคู่ 3. นยิ าม เครง่ ครดั ตารางที่ 4 แผนการชักสิ่งตัวอย่างหลายเชงิ 4. ความต้องการทัว่ ไป ผ่อนคลาย ปกติ เครง่ ครดั ผอ่ นคลาย ตารางท่ี 5 AOQL 5. ตารางและเสน้ โคง้ ตารางที่ 6 LQ ของตาหนิ 6. หมายเหตุ ตารางที่ 7 LQ ของของเสีย ตารางที่ 8 เลขพิกัดสาหรับตรวจแบบผอ่ นคลาย ตารางที่ 9 เสน้ โค้งแสดงขนาดสิง่ ตัวอยา่ งโดยเฉลี่ย ตารางท่ี 10 แสดงตัวอยา่ งของแตล่ ะอกั ษร รหสั (Code Letter) (เสน้ โคง้ โอซี) รปู ที่ 6.9 โครงสรา้ งของมาตรฐาน MIL-STD-105E (ทมี่ า: ศรีไร จารุภิญโญ, 2540)
บทท่ี 6 แผนการชกั สงิ่ ตวั อยา่ ง 263 1. ขอบเขต (Scope) 2. เอกสารอ้างอิง (Referenced Documents) 3. นิยาม (Definitions) ซ่ึงเป็นส่วนที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ จาก MIL-STD-105D ท้ังน้ีเพื่อให้เกิด ความสะดวกย่ิงข้ึนในการใช้มาตรฐานนิยามของคาว่า การตรวจสอบ (Inspection) การตรวจสอบแบบคุณภาพ (Inspection by Attributes) หน่วยผลิตภัณฑ์ ข้อบกพร่องสาคัญ (Major Defect) ขนาดของลอตหรือแบช (Lot or Batch Size) จานวนข้อบกพร่องต่อร้อยหน่วยผลิตภัณฑ์ (Defects per hundred units) ค่าร้อยละของ ผลิตภัณฑ์บกพร่อง (Percent Defective) ส่ิงตัวอย่าง และแผนการชักส่ิงตัวอย่างในมาตรฐาน MIL-STD-105E ยงั คงเหมือนกบั มาตรฐานเดิม คอื MIL-STD-105D ทุกประการ นิยามที่มีการเปล่ียนแปลงไปจากมาตรฐาน MIL-STD-105D บ้างเล็กน้อย ได้แก่ นิยามของ ข้อบกพร่องวิกฤต (Critical Defect) ผลิตภัณฑ์บกพร่องวิกฤต (Critical Defective) คุณภาพจ่ายออกโดยเฉล่ีย (Average Outgoing Quality: AOQ) และพิกัดคุณภาพจ่ายออกโดยเฉล่ีย (Average Outgoing Quality Limit: AOQL) สาหรับนิยามท่ีได้รับการเปล่ียนแปลงไปค่อนข้างมากในมาตรฐานน้ี คือ ระดับคุณภาพที่ ยอมรับ (Acceptable Quality Level: AQL) ข้อบกพร่อง (Defect) และค่าเฉล่ียของความบกพร่อง (Process Average) นอกจากน้ีในมาตรฐาน MIL-STD-105E ยังได้เพิ่มนิยามใหม่จากเดิมอีก 2 คา คือ อักษรรหัส ของขนาดสิ่งตวั อย่าง (Sample Size Code Letter) และการจาแนกข้อบกพร่อง (Classification of Defect) 4. ความต้องการโดยท่ัวไป (General Requirements) ซ่ึงส่วนใหญ่ยังคงเหมือนมาตรฐาน MIL-STD-105D โดยมีการแก้ไขในส่วนของกฎการสับเปลี่ยนภายใต้หลักการท่ีมุ่งประกันคุณภาพให้กับลูกค้าเพิ่ม มากขึน้ 5. ตารางและเส้นโค้ง (Tables and Curves) ซึ่งยังคงเหมือนกับมาตรฐาน MIL-STD-105D ทุกประการ 6. หมายเหตุ (Notes) 6.2.4.3 การใช้แผนการมาตรฐาน MIL-STD-105E ศรีไร จารุภิญโญ (2540) ตามความต้องการของมาตรฐาน MIL-STD-105E กาหนดให้มีการ เลอื กหน่วยผลิตภัณฑ์ท่ีจะทาการตรวจสอบแบบสุ่ม (Random) จากลอตหรือแบชท่ีกาหนดโดยที่ไม่เก่ียวข้อง กับคุณภาพใดๆ ของลอตหรอื แบชนั้นๆ และจะเรียกหนว่ ยผลติ ภัณฑท์ ไี่ ดร้ ับเลือกมาตรวจสอบนี้ว่า ส่ิงตัวอย่าง (Sample) จะเลือกวิธีการเลือกหนว่ ยผลิตภัณฑจ์ ากลอตหรือแบชน้ีว่า การชักสิ่งตัวอย่าง (Sampling) และจะ เรียกจานวนหน่วยผลิตภัณฑ์ในสิ่งตัวอย่างว่า ขนาดส่ิงตัวอย่าง (Sample Size) โดยในมาตรฐาน MIL-STD-105E ได้กาหนดให้อยู่ในรูปของอักษรรหัส (Code Letter) ซึ่งในมาตรฐานนี้ได้กาหนดอักษรต้ังแต่ A ถึง R (ยกเวน้ I และ O) และ S (เฉพาะการตรวจสอบแบบเคร่งครัด) รวมท้งั หมด 15 อักษรรหัส อักษรรหัสตามความต้องการของมาตรฐาน MIL-STD-105E นี้ ได้รับการกาหนดขึ้นเพื่อใช้ เป็นเครื่องมือในการเลือกชักสิ่งตัวอย่าง (Sample Plan) ตามตารางของมาตรฐานโดย MIL-STD-105E ไดน้ ิยามความหมายของการชักสิ่งตัวอย่างไว้ว่า คือ แผนท่ีกาหนดไว้ถึงขนาดส่ิงตัวอย่างหรืออนุกรมของขนาด
264 การควบคุมคุณภาพ สิ่งตัวอย่าง (Series of Sample Size) พร้อมตัวเลขแห่งการยอมรับ (Acceptance Number) และตัวเลข แหง่ การปฏิเสธ (Rejection Number) ซง่ึ ใชเ้ ป็นกฎเกณฑข์ องการพจิ ารณาการยอมรับ (Acceptability) นอกจากน้ี ในการชักสิ่งตัวอย่างตามความต้องการของมาตรฐาน MIL-STD-105E ยัง กาหนดให้ใช้วิธีการชักสิ่งตัวอย่างแบบการสุ่ม (Random Sampling) แล้ว และยังได้กาหนดถึงเวลาใน การชกั สิ่งตัวอย่าง (Time of Sampling) ไวด้ ว้ ย การชักส่ิงตัวอย่างแบบสุ่มที่กล่าวถึงน้ี หมายถึง การชักสิ่งตัวอย่างให้โอกาสแก่หน่วย ผลติ ภณั ฑท์ กุ หน่วยในลอตหรอื แบชทจี่ ะไดร้ บั เลือกมาเป็นส่งิ ตัวอย่างเท่ากัน ดังน้ันการใช้วิธีการชักสิ่งตัวอย่าง แบบน้จี ะตอ้ งมีความใกลเ้ คยี งกนั มาก (Homogeneous) ทัง้ นดี้ ว้ ยผลจากการศกึ ษา และกาหนดมาตรฐานของ กระบวนการของผผู้ ลิตทผี่ ลติ ลอตหรือแบชน้ัน สาหรับกรณีที่ไม่ทราบประวัติคุณภาพของกระบวนการผู้ผลิตลอตหรือแบชมาก่อน มีความ จาเป็นอย่างย่ิงต้องทาการตรวจสอบแบบ 100% ก่อน (ถ้าทาได้) ท้ังนี้เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับประวัติคุณภาพ ตามความต้องการของมาตรฐาน MIL-STD-105E น้ี ได้แบง่ แผนการชกั สิ่งตัวอยา่ งออกเปน็ 3 แบบ คอื 1. แผนการชักส่งิ ตวั อย่างเชิงเด่ยี ว (Sample Sampling Plan) 2. แผนการชักส่งิ ตวั อย่างเชงิ คู่ (Double Sampling Plan) 3. แผนการชกั สิ่งตัวอยา่ งหลายเชงิ (Multiple Sampling Plan) ในการตัดสินว่าจะใช้แผนการชักสิ่งตัวอย่างแบบใดนั้น จะพิจารณาโดยข้ึนอยู่กับการ เปรียบเทียบกันระหว่างความยากง่ายในการบริหาร (Administrative Difficulty) และขนาดสิ่งตัวอย่างโดย เฉล่ีย (Average Sample Size) ของแต่ละแผนการโดยทั่วไปแล้ว แผนการในการชักส่ิงตัวอย่างเชิงเด่ียวจะมี ความง่ายในการบริหารมากกว่าแผนการชักสิ่งตัวอย่างเชิงคู่และหลายเชิง รวมท้ังต้นทุนในการตรวจสอบต่อ หน่วยจะตา่ กว่าด้วย 6.2.4.4 แผนการชกั ส่ิงตัวอย่างเชิงเด่ียว ศรีไร จารุภิญโญ (2540) หมายถึง กฎเกณฑ์ท่ีกาหนดให้จานวนผลิตภัณฑ์ท่ีได้รับการ ตรวจสอบเท่ากับขนาดของส่ิงตัวอย่างท่ีระบุไว้ในแผนการ ถ้าหากจานวนของบกพร่องหรือจานวนของ ผลติ ภัณฑ์บกพร่อง ไม่เกินคา่ ของตวั เลขแห่งการยอมรบั ท่ีระบุไว้ในแผนการ ทาใหก้ ารยอมรับลอตหรือแบชนั้น ถ้าหากจานวนของขอ้ บกพร่องหรอื จานวนของผลติ ภณั ฑ์บกพร่องไม่ต่ากว่าค่าของตัวเลขแห่งการปฏิเสธที่ระบุ ไว้ในแผนการทาใหท้ าการปฏเิ สธลอตหรือแบชน้ัน ดังแสดงในรปู ท่ี 6.10 พารามเิ ตอร์ของแผนการ: n = ขนาดส่งิ ตวั อย่าง (Sample Size) Ac = ตวั เลขแห่งการยอมรบั (Acceptance Number) Re = ตวั เลขแห่งการปฏิเสธ (Rejection Number)
บทท่ี 6 แผนการชักสิ่งตัวอยา่ ง 265 วธิ ีการ : ชักสิ่งตัวอยา่ งขนาด n พบจานวนของเสีย d ≤c การปฏิเสธลอต การยอมรับลอต รูปท่ี 6.10 วธิ ีการของแผนการชักส่ิงตวั อยา่ งเชงิ เดย่ี ว (ที่มา: ศรีไร จารุภญิ โญ, 2540) ตวั อยา่ งท่ี 6.6 จงบอกความหมายของ n = 150, Ac = 3, Re = 4 วิธีทา หมายถงึ การชักสิ่งตวั อยา่ งขนาดลอตละ 150 หนว่ ย ถ้าพบข้อบกพร่องหรือผลิตภัณฑ์บกพร่อง 0, 1, 2 หรือ 3 ให้ทาการยอมรบั ลอต มฉิ ะนัน้ ให้ปฏเิ สธลอต 6.2.4.5 แผนการชักตัวอยา่ งเชงิ คู่ สามารถอธบิ ายดว้ ยรปู ภาพ ดังแสดงในรปู ที่ 6.11 และแสดงในตวั อยา่ งท่ี 6.7 พารามเิ ตอรข์ องแผนการ: n1 = ขนาดสงิ่ ตวั อยา่ งในการชกั สงิ่ ตวั อยา่ งครง้ั ที่ 1 n2 = ขนาดสิ่งตัวอยา่ งในการชักสิ่งตัวอยา่ งคร้งั ท่ี 2 Ac1, Ac2 = ตัวเลขแห่งการยอมรบั การชักสิง่ ตัวอยา่ งครัง้ ที่ 1, 2 โดยลาดับ Re1, Re2 = ตวั เลขแหง่ การปฏเิ สธสากรบั การชกั สิ่งตัวอยา่ งครัง้ ที่ 1, 2 โดยลาดบั
266 การควบคุมคุณภาพ 11 วธิ ีการ : ชกั สิ่งตวั อย่างขนาด n1 1 ≤ c1 พบจานวนของเสีย 1 c1 < 1 < 1 ชกั สง่ิ ตวั อยา่ งขนาด n2 1+ 2 2 พบจานวยของเสยี 2 1 + 2 ≤ c2 การยอมรบั ลอต การปฏเิ สธลอต รูปท่ี 6.11 วิธีการของแผนการชกั สิ่งตัวอยา่ งเชงิ คู่ (ท่มี า: ศรไี ร จารุภญิ โญ, 2540) ตวั อย่างท่ี 6.7 จงบอกความหมายของ n1 = 9, n2 = 9, Ac1 = 0, Ac2=1, Re1 = 2, Re2 = 2 วิธที า หมายถึง ให้ชักส่ิงตัวอย่างขนาดลอตละ 9 หน่วย ถ้าพบข้อบกพร่อง 0 ให้ทาการยอมรับลอต แต่ถ้า พบขอ้ บกพร่องหรือผลติ ภัณฑ์บกพร่องต้งั แต่ 2 หน่วย ขนึ้ ไป ให้ปฏเิ สธลอต ถา้ หากพบข้อบกพร่องหรือผลิตภัณฑ์บกพร่อง 1 ให้ทาการชักส่ิงตัวอย่างจากลอตเดิมอีก 9 หน่วย และถ้า หากพบข้อบกพร่องหรือผลิตภัณฑ์อีก 1 ให้ยอมรับลอต แต่ถ้าพบข้อบกพร่องหรือผลิตภัณฑ์บกพร่องตั้งแต่ 2 หนว่ ย ข้ึนไป ใหป้ ฏเิ สธลอตนั้น โดยทว่ั ไปแล้วไม่มคี วามจาเป็นทแี่ ผนการชกั สงิ่ ตัวอยา่ งคจู่ ะตอ้ งมีขนาดสิ่งตัวอย่างทั้งคร้ังแรกและคร้ัง ท่ีสองเท่ากัน ในที่นี้เป็นเฉพาะมาตรฐาน MIL-STD-105E เท่านั้นท่ีได้กาหนดให้ขนาดสิ่งตัวอย่างท้ังสองครั้งมี ค่าเท่ากัน 6.2.4.6 แผนการชักตวั อย่างหลายเชิง ศรีไร จารุภิญโญ (2540) จะมีวิธีการเหมือนกับแผนการชักส่ิงตัวอย่างเชิงคู่ท่ีกาหนดในหัวข้อ 6.2.3 ทุกประการ นอกจากจานวนหน่วยของผลิตภัณฑ์ท่ีจะได้รับการตรวจสอบเพื่อการตัดสินใจเท่านั้นที่ อาจจะมีอยา่ งตอ่ เนือ่ งจนถึงครั้งท่ี 7 ดงั แสดงวิธกี ารโดยทวั่ ไปในรปู ท่ี 6.12
บทที่ 6 แผนการชกั ส่งิ ตัวอยา่ ง 267 พารามเิ ตอรข์ องแผนการ : n1, n2 …, nk คอื ขนาดของสงิ่ ตวั อยา่ งในการชกั สง่ิ ตวั อยา่ ง คร้งั ท่ี 1, 2…, k โดยลาดับ Ac1, Ac2 …, Ack คือ ตัวเลขแห่งการยอมรับสาหรับการชักสิ่งตัวอย่าง คร้ังท่ี 1, 2…, k โดย ลาดับ Re1, Re2 …, Rek คือ ตัวเลขแห่งการปฏิเสธสาหรับการชักส่ิงตัวอย่าง คร้ังท่ี 1, 2…, k โดยลาดับ วธิ กี าร ชกั สิ่งตัวอย่างขนาด n1 พบจานวนของเสีย 1 1 ≤ c1 c1 < 1 < 1 11 ชักส่งิ ตัวอยา่ งขนาด n2 พบจานวนของเสีย 2 1 + 2 ≤ c2 c2 < 1 + 2 < 2 12 ∑1 ≤ c ชกั ส่ิงตวั อยา่ งขนาด n ∑1 พบจานวนของเสยี c <∑ 1 < ชักสงิ่ ตวั อย่างขนาด nk ∑1 k พบจานวนของเสีย ∑ 1 ≤ ck ยอมรับลอต ปฏเิ สธลอต รปู ที่ 6.12 วิธีการวางแผนการชักสง่ิ ตวั อย่างหลายเชงิ (ทีม่ า: ศรีไร จารภุ ิญโญ, 2540) โดยทั่วไปแล้วไม่มีความจาเป็นที่แผนการชักสิ่งตัวอย่างหลายเชิงจะต้องมีขนาดส่ิงตัวอย่าง เท่ากันทุกครั้ง และก็ไม่มีความจาเป็นที่แผนการชักสิ่งตัวอย่างแบบหลายเชิงจะต้องทาการตัดสินใจอย่าง
268 การควบคมุ คุณภาพ ตอ่ เนอื่ งถึง 7 คร้งั ท้ังน้ีเพยี งแต่เป็นเฉพาะข้อกาหนดของมาตรฐาน MIL-STD-105E เท่านั้น ท่ีกาหนดให้มีการ ตัดสินใจอย่างต่อเนอื่ งถงึ 7 ครงั้ ดว้ ยขนาดสิง่ ตัวอยา่ งเทา่ กันทุกครั้ง ภายใต้มาตรฐาน MIL-STD-105E มิได้มีการระบุถึงเกณฑ์หรือข้อแนะนาในการเลือกแผนการชัก ส่ิงตัวอย่างท้ัง 3 แบบแต่อย่างใด ท้ังนี้เป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันระหว่างผู้ผลิตและผู้ซ้ือ อย่างไรก็ตามการ พิจารณาเลือกใช้แผนการชักส่ิงตัวอย่างแบบใดนั้น ให้ดาเนินการเปรียบเทียบด้วยปัจจัยด้านการจัดการ (ดังแสดง ในตารางที่ 6.10) โดยท่ัวไปเป็นการชักส่ิงตัวอย่างเชิงเด่ียวจะได้รับความนิยมมากที่สุดด้วยเหตุผลของความง่ายใน การจัดการ แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากประวัติคุณภาพแสดงให้เห็นว่าคุณภาพของลอตหรือแบชอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก หรอื ไม่ดมี าก รวมถงึ ความสามารถในการฝกึ ฝนพนักงานตรวจสอบให้สามารถตัดสินใจตามวิธีการของแผนการชักส่ิง ตัวอย่างเชิงคู่ และแผนการชักส่ิงตัวอย่างหลายเชิงได้แล้ว ก็แนะนาว่าควรมีการเปล่ียนแผนการชักส่ิงตัวอย่าง เชงิ เด่ียวเป็นแผนการชักสง่ิ ตัวอยา่ งเชิงคู่และแผนการชักสิ่งตัวอย่างหลายเชิงแทน เพราะจะให้ผลทางเศรษฐศาสตร์ ทดี่ กี วา่ ตารางที่ 6.10 เปรยี บเทียบปัจจัยดา้ นการจดั การสาหรบั แผนการชกั ส่งิ ตัวอยา่ งทงั้ 3 แบบ ปจั จัยด้านการจัดการ เชงิ เดยี่ ว เชิงคู่ หลายเชงิ ขนาดส่ิงตัวอยา่ งโดยเฉลี่ย มากที่สุด น้อย ค่อนขา้ งจะน้อย (Average Sample Size: ASS) จานวนคร้ังของการชักส่ิงตัวอยา่ งตอ่ ลอตหรือ หนึง่ ครง้ั สองครง้ั หลายคร้ัง แบช (7 คร้ังสาหรับ MIL-STD-105E) จานวนหนว่ ยผลติ ภณั ฑ์ทส่ี งู ทส่ี ดุ ทอี่ าจจะได้รับ น้อยท่สี ดุ มาก ค่อนขา้ งมาก การตรวจสอบ ความไมแ่ น่นอนของจานวนหนว่ ยผลิตภณั ฑท์ ี่ ไมม่ ี มีมาก มคี ่อนข้างมาก ไดร้ ับการตรวจสอบ ที่มา: ศรไี ร จารภุ ิญโญ, 2540 6.2.4.7 ระดบั คุณภาพทีย่ อมรับ (Acceptable Quality Level: AQL) ศรีไร จารุภิญโญ (2540) หมายถึง ระดับคุณภาพที่ใช้เป็นจุดประสงค์ของการตรวจสอบ แผนการชกั สง่ิ ตวั อย่าง ซงึ่ ถือใหเ้ ปน็ คา่ เฉลีย่ ความบกพร่อง (Process Average) ท่ียอมให้เกิดในผลิตภัณฑ์เมื่อ มีการตรวจสอบอยา่ งตอ่ เน่ือง ในการกาหนดค่า AQL จะกาหนดภายใต้ค่าความเส่ียง (Risk) ท่ียอมให้เกิดจากการชักส่ิง ตัวอย่างโดยค่า AQL จะหมายถึง ข้อบกพร่องต่อร้อยหน่วยของผลิตภัณฑ์บกพร่องที่มีในลอต ซึ่งจะทาให้มี โอกาสมากท่ีสุดในการยอมรับลอต ในความต้องการของมาตรฐาน MIL-STD-105E กาหนดให้มีการใช้ AQL กับอักษรรหัสของขนาดส่ิงตัวอย่าง และโดยเจตนาของมาตรฐานมิได้มีความหมายให้ผู้ส่งมอบทาผลิตภัณฑ์ที่
บทที่ 6 แผนการชกั สง่ิ ตัวอยา่ ง 269 บกพรอ่ งมารวมไวใ้ นลอตทีท่ าการตรวจสอบ แตท่ ้งั น้ีเปน็ เพียงการยอมให้เกิดเพียงเพื่อยอมรับความไม่แน่นอน (Variability) จากกระบวนการผลิตทอ่ี ย่ภู ายใตก้ ารควบคุมนัน้ แลว้ นอกจากน้ี AQL ในมาตรฐาน MIL-STD-105E น้ี ยังสามารถกาหนดเป็น AQL รวมของกลุ่ม ข้อบกพร่องหรือแยกเป็น AQL ของข้อบกพร่องแต่ละรายการ แต่ถ้ากาหนด AQL ของข้อบกพร่องแต่ละ รายการแล้วควรเพิ่ม AQL รวมของกลุ่มข้อบกพร่องไว้ด้วย ค่าของ AQL ที่ไม่เกิน 10% นั้น สามารถใช้ได้กับ จานวนผลิตภัณฑ์บกพร่องคิดเป็นร้อยละหรือข้อบกพร่องต่อร้อยหน่วยของผลิตภัณฑ์ สาหรับกรณีที่ AQL มากกว่า 10% ให้ระบุเป็นข้อบกพร่องต่อร้อยหน่วยของผลิตภัณฑ์เท่าน้ัน ค่า AQL ที่ระบุในมาตรฐาน MIL-STD-105E เป็นค่า AQL ที่นิยม (Preferred AQL) ซึ่งมีการกาหนดตามอนุกรมเรขาคณิตขนาด 5 10 หรือเท่ากับ 1.58489 โดยเริ่มจาก 0.01% ในกรณีท่ีค่า AQL ที่ระบุ (Specifying AQL) มีค่าไม่ตรงกับ AQL ท่ีนิยม ซึ่งระบุไว้ในมาตรฐานก็ ไม่สามารถใช้มาตรฐานนี้ได้ จึงมีความจาเป็นต้องปรับให้ค่า AQL ท่ีระบุให้ตรงกับค่า AQL ในมาตรฐาน โดย แนะนาว่าอาจจะทาการปรับค่าโดยการใช้ตารางที่ 6.11 ซึ่งเป็นตารางแปลงค่า AQL ของมาตรฐาน ANSI/ASQC Z1.9 ในการตรวจสอบเกี่ยวกับขอ้ บกพร่องนั้น การกาหนดค่า AQL จะขึน้ อยู่กบั ระดับความรุนแรง ของข้อบกพรอ่ งทีต่ รวจ โดยใหใ้ ช้ค่า AQL ไมเ่ กิน 0.10% สาหรับข้อบกพร่องวิกฤต 1.0% สาหรับข้อบกพร่อง สาคัญ และ 2-4 % สาหรับข้อบกพร่องย่อย และถ้ามีการตรวจสอบพร้อมกันให้กาหนดขนาดตัวอย่างเท่ากับ ขนาดตวั อย่างทใ่ี หญท่ ่ีสดุ ของแต่ละระดับความรนุ แรงของข้อบกพร่อง ตารางที่ 6.11 แปลงคา่ AQL สาหรับค่า AQL ที่ระบุ ค่า AQL ทีใ่ หใ้ ช้ ซึ่งตกในช่วงตอ่ ไปน้ี - ถึง 0.109 0.10 0.110 ถงึ 0.164 0.15 0.165 ถงึ 0.279 0.25 0.280 ถึง 0.439 0.40 0.440 ถงึ 0.699 0.65 0.700 ถึง 1.09 1.0 1.5 1.10 ถึง 1.64 2.5 1.65 ถึง 2.79 4.0 2.80 ถงึ 4.39 6.5 4.40 ถงึ 6.99 10.0 7.00 ถงึ 10.90
270 การควบคมุ คุณภาพ 6.2.4.8 การตรวจสอบ (Inspection) ศรไี ร จารุภญิ โญ (2540) มาตรฐาน MIL-STD-105E ไดใ้ หค้ าจากัดความคาว่า การตรวจสอบ หมายถึง กระบวนการในการวัด (Measuring) การสอบ (Examining) และการทดสอบ (Testing) ตลอดจน วธิ ีการอนื่ ๆ ในอนั ที่จะเปรียบเทยี บคุณภาพของหน่วยผลิตภณั ฑ์กับความต้องการ สาหรับการตรวจสอบตามมาตรฐาน MIL-STD-105E จะเป็นการตรวจสอบเชิงคุณภาพ (Inspection by Attributes) ซึ่งหมายถึง การตรวจสอบท่ีมีการจาแนกคุณภาพของหน่วยผลิตภัณฑ์ท่ีได้รับ การตรวจออกเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีกับผลิตภัณฑ์บกพร่อง หรืออาจหมายถึง การตรวจสอบท่ีมีการนับจานวน ข้อบกพร่องของหน่วยผลิตภัณฑ์ที่ตรวจ ท้ังน้ีโดยการพิจารณาเปรียบเทียบกับความต้องการท่ีกาหนดให้ตาม ความต้องการด้านแผนการชัดสิ่งตัวอย่างของมาตรฐาน MIL-STD 105E ได้กาหนดให้มีระดับของการ ตรวจสอบ (Inspection Level) โดยระดับของการตรวจสอบนี้จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างขนาด ของลอตหรือแบชกับขนาดสิ่งตัวอย่าง และระดับการตรวจสอบท่ีแตกต่างกันจะทาให้มีความเสี่ยงสาหรับ ผู้บริโภคท่ีแตกต่างกันออกไป นอกจากน้ีการกาหนดระดับการตรวจสอบจะต้องทาเป็นลายลักษณ์อักษรใน คู่สญั ญาหรอื ในคมู่ อื คุณภาพ ในความต้องการของมาตรฐาน MIL-STD-105E ได้แบ่งระดับการตรวจสอบออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับที่ I II และ III โดย Juran and Gryna (1988) เสนอว่าแนวคิดของระดับของการตรวจสอบน้ี เป็นการยอมให้ ผู้ใช้มาตรฐานตัดสินใจเลือกบนความสมดุลระหว่างค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบกับความเสียหายที่เกิดข้ึนหากมี ข้อบกพร่องหลุดออกจากการตรวจสอบออกไป โดยปริมาณของการตรวจสอบท้ังสามระดับน้ีจะมีค่าอย่างหยาบๆ ทสี่ ดั สว่ น 0.4: 1.0: 1.6 โดยปกติแล้วหากมิได้มีการระบุระดับใดๆ ในคู่สัญญาจะใช้ระดับการตรวจสอบที่ II ในกรณี ท่ีต้องการลักษณะแตกต่างกันน้อยลง (Less Discrimination) จะใช้ระดับการตรวจสอบท่ี I และในกรณีท่ีต้องการ ลักษณะแตกต่างกันมากขึ้น (Greater Discrimination) แล้วจะใชร้ ะดบั การตรวจสอบท่ี III นอกจากน้ีในความต้องการของมาตรฐาน MIL-STD-105E ยังได้กาหนดให้มีระดับการตรวจสอบ พิเศษอีก 4 ระดับ คือ S-1, S-2, S-3 และ S-4 โดยระดับดังกล่าวน้ีจะใช้ในกรณีที่จาเป็นต้องใช้สิ่งตัวอย่างขนาด เลก็ กวา่ การตรวจสอบท่วั ไป และจะตอ้ งยอมให้มีความเสยี่ งในการชักสิ่งตัวอย่าง (Sampling Risk) มากข้นึ ในกรณที ี่เลือกระดบั การตรวจสอบ S-1 ถึง S-4 นี้ จะต้องเพิ่มความระมัดระวังเพ่ือหลีกเล่ียง กรณี AQL ไม่เป็นไปตามระดับการตรวจสอบเหล่านี้หรืออีกนัยหนึ่ง คือ จุดประสงค์ของการใช้ระดับการ ตรวจสอบพิเศษนี้ก็เพ่ือให้มีขนาดสิ่งตัวอย่างเล็กท่ีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น ถ้าหากใช้ S-1 ขนาดสิ่งตัวอย่าง จะไม่ใหญ่กว่าอักษรรหัส D ซ่ึงจะเทียบเท่ากับขนาดสิ่งตัวอย่าง 8 แต่ถ้าหาก AQL เท่ากับ 0.10% แล้วจะไม่ เคยไดใ้ ช้ระดับการตรวจสอบ S-1 เลยทง้ั น้เี พราะขนาดสิง่ ตวั อย่างที่ตา่ จะเทา่ กบั 125 เป็นตน้ 6.2.4.9 วธิ ีการตรวจสอบและกฎการสับเปลีย่ น (Inspection Procedures and Switching Rule) ศรีไร จารุภิญโญ (2540) ตามความต้องการของมาตรฐาน MIL-STD-105E ได้แบ่งความ เขม้ งวดของการตรวจสอบออกเปน็ 3 แบบ คอื
บทที่ 6 แผนการชักสิง่ ตวั อยา่ ง 271 1. แบบปกติ (Normal Inspection) 2. แบบเครง่ ครดั (Tightened Inspection) 3. แบบผ่อนคลาย (Reduced Inspection) โดยท่ัวไปเร่ิมต้นตรวจสอบด้วยแผนการท่ีมีความเข้มงวดของการตรวจสอบแบบปกติเสมอ แลว้ จึงใหใ้ ช้กฎการสบั เปลี่ยน กฎการสับเปลี่ยนตามความต้องการของมาตรฐาน MIL-STD-105E น้ี ให้ประยุกต์ใช้กับแต่ละ ระดับของข้อบกพร่องและผลิตภัณฑ์บกพร่องอย่างอิสระต่อกัน ตามความต้องการของมาตรฐาน MIL-STD-105E ไดก้ าหนดกฎเกณฑ์ โดยสรุปได้ดงั รูปที่ 6.13 ซึ่งมรี ายละเอียดดังนี้ 1. การสับเปล่ยี นวิธกี ารตรวจสอบแบบปกตเิ ปน็ แบบเครง่ ครัด ในขณะทีม่ กี ารตรวจสอบแบบปกตนิ นั้ ถ้ามีลติ หรอื แบชไดร้ บั การปฏเิ สธ 2 ลอตหรือแบช ในจานวนตรวจสอบท่ีต่อเน่ืองกัน 2, 3, 4 และ 5 ลอตหรือแบชในการตรวจสอบแรกเริ่ม แล้วให้สับเปลี่ยนไป ใช้การตรวจสอบแบบเคร่งครัด 2. การสับเปลย่ี นวิธีการตรวจสอบแบบเคร่งครัดเปน็ แบบปกติ ในขณะที่มีการตรวจสอบแบบเคร่งครัดน้ัน ถ้ามีลอตหรือแบชจานวน 5 ลอตหรือแบชท่ี ตอ่ เนื่องกันไดร้ ับการยอมรบั จากการตรวจสอบแรกเร่มิ แล้วให้สับเปล่ยี นไปใช้การตรวจสอบแบบปกติ 3. การสับเปล่ียนวธิ ีการตรวจสอบแบบปกติเป็นแบบผ่อนคลาย ในขณะท่ีมีการตรวจสอบแบบปกติน้ัน ถ้าเงื่อนไขท่ีพบต่อไปนี้ท้ังหมดเป็นจริง แลว้ ให้สับเปลี่ยนไปใชก้ ารตรวจสอบแบบผอ่ นคลาย (1) มีลอตหรือแบชจานวน 10 ลอตหรือแบชที่ต่อเน่ืองกัน (หรืออาจจะมากกว่า 10 ลอต หรือแบช) ได้รบั การยอมรับจากการตรวจสอบแรกเรมิ่ (2) จานวนท้งั หมดของขอ้ บกพรอ่ งหรอื ผลิตภัณฑ์บกพรอ่ งในขนาดสิ่งตวั อย่างทั้งหมดของ 10 ลอตหรือแบชนั้น (อาจจะมากกว่า 10 ลอต) ไม่เกินตัวเลขพิกัดตามจานวนท่ีกาหนดไว้ในตารางที่ 6.18 ซ่ึงกรณีท่ีใช้แผนการชักส่ิงตัวอย่างเชิงคู่หรือหลายเชิง ให้ทาการรวมสิ่งตัวอย่างท้ังหมดที่ได้รับการตรวจสอบ ไมใ่ ช่เฉพาะสง่ิ ตัวอย่างคร้งั แรกเท่านน้ั (3) กระบวนการผลติ ลอตหรอื แบชนนั้ อยูภ่ ายใต้การควบคุม (4) นโยบายในการตรวจสอบยอมให้มีการใช้การตรวจสอบแบบผ่อนคลาย (โดยกรณีน้ี ควรมกี ารระบุเงือ่ นไขในคสู่ ัญญาด้วย)
272 การควบคมุ คุณภาพ ผ่อนคลาย เง่อื นไข “และ” เร่ิมตน้ เมื่อมี 2 ลอตจาก 2, 3 ปกติ 4 หรือ 5 ลอต ได้รับ เมอ่ื มี 10 ลอตที่ต่อเน่อื งกนั ได้รับการยอมรบั การปฏิเสธ จากการตรวจสอบแรกเริม่ และ เครง่ ครดั จานวนขอ้ บกพร่องหรือผลิตภัณฑบ์ กพรอ่ งที่ ตรวจพบโดยรวมไม่เกนิ เลขพกิ ัดและ เม่ือมี 5 ลอตท่ี ต่อเนื่องกันได้รับการ การผลิตอยภู่ ายใตก้ ารควบคมุ และ ย อ ม รั บ จ า ก ก า ร นโยบายทยี่ อมให้มีการตรวจแบบผอ่ นคลาย ตรวจสอบ เง่ือนไข “หรือ” เมื่อมีจานวนลอตท่ีได้รับการปฏิเสธจาก การตรวจสอบแรกเร่ิมรวมกันถึง 5 ลอต เมือ่ มีการปฏิเสธลอต หรอื จากการตรวจลอตทีต่ ่อเน่อื งกัน มีการยอมรบั ลอต ในกรณจี านวน ข้อบกพร่องหรอื ผลติ ภณั ฑบ์ กพรอ่ งอยู่ ระหวา่ ง Ac และ Re หรือ การผลติ อยู่นอกการควบคุม หรือ เง่ือนไขอื่นทจี่ ะทาให้มีการประกันคุณภาพ โดยการตรวจสอบแบบปกติ ระงับการตรวจสอบ จนกวา่ จะมกี ารแกไ้ ข ให้ดขี ึน้ หมายเหตุ * หากกรณใี ช้แผนการชกั สิง่ ตัวอย่างแบบเชงิ คู่หรอื หลายเชงิ ให้รวมสง่ิ ตวั อย่างทัง้ หมดที่ไดร้ บั การตรวจสอบ ไม่ใชเ่ ฉพาะคร้งั แรกเทา่ นั้น รปู ท่ี 6.13 กฎการสับเปลยี่ นตามมาตรฐาน MIL-STD-105E 6.2.4.10 การสับเปลี่ยนวธิ กี ารตรวจสอบแบบผ่อนคลายเปน็ แบบปกติ ศรีไร จารุภิญโญ (2540) ในกรณีท่ีมีการตรวจสอบแบบผ่อนคลายน้ัน ถ้าเงื่อนไขต่อไปน้ี เพยี งขอ้ ใดขอ้ หนงึ่ เปน็ จริงสาหรับการตรวจสอบแรกเริม่ แล้ว ให้สบั เปลี่ยนไปใช้การตรวจสอบแบบปกติ 1. มลี อตใดลอตหนงึ่ หรอื แบชใดแบชหน่ึง ได้รบั การปฏิเสธ 2. มีการยอมรับลอตหรือแบชในกรณีท่ีมีข้อบกพร่องหรือผลิตภัณฑ์บกพร่องที่ได้จากการ ตรวจสอบ ตามขนาดตัวอย่างอยรู่ ะหว่างตวั เลขแห่งการยอมรบั และตวั เลขแห่งการปฏิเสธ 3. กระบวนการผลิตลอตหรือแบชนั้นอยู่ภายนอกการควบคุม ทาให้เกิดความผิดปกติบาง ประการหรอื ความลา่ ชา้ ในการผลิต 4. เง่ือนไขอน่ื ๆ ที่จะทาให้มกี ารประกันคุณภาพโดยการตรวจสอบแบบปกติ
บทท่ี 6 แผนการชักสิง่ ตัวอย่าง 273 6.2.4.11 การระงับการตรวจสอบ ศรีไร จารุภิญโญ (2540) ในกรณีท่ีมีการตรวจสอบแบบเคร่งครัดในการตรวจสอบแรกเริ่มน้ัน ถ้าจานวนสะสมของลอตหรือแบชได้รับการปฏิเสธถึง 5 ลอตหรือแบชจากการตรวจสอบลอตหรือแบชท่ีต่อเน่ือง แลว้ ให้ทาการระงบั การตรวจสอบไว้ จากนั้นดาเนินการค้นหาสาเหตุของข้อบกพร่องในขบวนการผลิตลอตหรือแบช นั้นพร้อมทาการแก้ไขให้ถูกต้องและเม่ือมีการแก้ไขให้ถูกต้องแล้ว จึงให้เร่ิมทาการตรวจสอบใหม่อีกคร้ังโดยยังคง ใชก้ ารตรวจสอบแบบเครง่ ครัด จากที่ได้กล่าวมามาตรฐาน MIL-STD-105E เป็นระบบ AQL จึงทาให้มาตรฐานดังกล่าวเป็น ระบบในการป้องกันความเสี่ยงแก่ผู้ผลิตต่อการปฏิเสธลอตท่ีดีเท่านั้น ซ่ึงโดยทั่วไปแล้วค่าความเสี่ยงท่ี AQL จะอยู่ ประมาณ 5% แต่จากการศึกษาของ (Schilling and Sheesley, 1978) พบว่าความเส่ียงจะอยู่ระหว่าง 1% ถึง 12% ดังน้ันในการป้องกันความเสี่ยงแก่ผู้บริโภคหรือลูกค้าต่อการยอมรับลอตท่ีบกพร่อง จะต้องดาเนินการด้วย การใช้กฎของการสับเปลี่ยนเท่าน้ัน โดยได้ทาการศึกษาและแสดงถึงคุณภาพของแบบแผนการชักส่ิงตัวอย่างทุกๆ แบบแผนทั้ง 15 อักษรรหัส (ในปัจจุบันผลการศึกษาดังกล่าวได้รับการยอมรับจากสานักมาตรฐานของ สหรัฐอเมริกา และได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาดังกล่าวในมาตรฐาน ANSI/ASQC Z1.4 จากการศึกษาดังกล่าวสรุปได้ว่า ในการใชก้ ฎการสับเปลย่ี นน้จี ะขยายการปอ้ งกันความเส่ียงในการตัดสินใจของท้ังผู้ผลิตและผู้บริโภคหรือลูกค้า โดย พบว่าที่ระดับคุณภาพแย่ (พิจารณาจากโอกาสในการยอมรับลอตหรือแบชดังกล่าวมีไม่เกิน 50%) โอกาสในการ ยอมรับลอตหรือแบชตามแบบแผนการชักส่ิงตัวอย่างดังกล่าวจะเท่ากับแผนการตรวจสอบแบบเคร่งครัด และที่ ระดับคุณภาพดี (พิจารณาจากโอกาสในการยอมรับลอตหรือแบชดังกล่าวมีไม่ต่ากว่า 90%) โอกาสในการ ยอมรับลอตหรือแบชตามแบบแผนการชักส่ิงตัวอย่างดังกล่าวจะมีค่าสูงกว่าเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ แผนการตรวจสอบแบบปกตโิ ดยลาพัง 6.2.4.12 การเลือกแผนการชกั สิ่งตวั อย่าง ในกรณลี อตหรือแบชมีความต่อเนื่อง ศรีไร จารุภิญโญ (2540) กรณีท่ีลอตหรือแบชท่ีมีความต่อเน่ือง ซ่ึงมีผลทาให้ผู้ตรวจสอบ คุ้นเคยกับลอตหรือแบชน้ันแล้ว จะดาเนินการเลือกแผนการชักส่ิงตัวอย่างเพื่อการยอมรับได้ตามลาดับขั้นตอนท่ี แสดงในรปู ท่ี 6.14 โดยมีลาดับขนั้ ต่อโดยละเอียดดังน้ี 1. ให้ดาเนินการพิจารณาถึงความสามารถของกระบวนการ (Process Capability) ของผู้ผลิต ลอตหรือแบช ท้ังนี้การกาหนดจะเป็นเกณฑ์ตัดสินใจเกี่ยวกับ AQL โดยการศึกษาดังนี้อาจจะทาการศึกษาผ่าน เทคนิคของแผนภูมิควบคุม (Control Chart) ก็ได้ ถ้าหากผู้ผลิตลอตหรือแบชนั้นมีการควบคุมกระบวนการด้วย สถิติ (Statistical Process Control: SPC) แล้ว 2. ให้กาหนดขนาดของลอตหรือแบช โดยคานึงถึงความสม่าเสมอจากคุณภาพในกระบวนการ ผลิตจะตอ้ งคานึงถึงองค์ประกอบการตัดสนิ ใจ 3 ประการ คือ (1) ลอตหรือแบชที่มีขนาดใหญ่จะทาให้มีความประหยัดในการตรวจสอบ เน่ืองจากมีขนาด ส่ิงตวั อย่างทเี่ ล็กกว่าเชงิ สัมพันธ์เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดลอตหรือแบชทม่ี ีขนาดเล็ก (2) ลอตหรือแบชจะต้องมีคุณภาพทสี่ มา่ เสมอและใกล้เคยี งกันมาก (3) ลอตหรือแบชจะต้องคานงึ ถงึ วิธีการในการขนถ่ายวัสดุ ทั้งน้ีเพ่ือป้องกันความเสียหาย ซึ่ง อาจจะเกดิ กับลอตหรือแบชในขณะทาการขนถ่ายวัสดนุ ้นั
274 การควบคมุ คุณภาพ 3. การกาหนดค่า AQL โดยค่า AQL ที่เหมาะสมน้ัน จะต้องมีขนาดที่สอดคล้องกับความสามารถ ของกระบวนการผลติ ที่ได้จากข้อ 1 4. การกาหนดระดับตรวจสอบว่าจะให้เป็นระดับทั่วไปหรือระดับพิเศษ (ในกรณีที่มีในคู่มือ สญั ญาหรอื คมู่ อื วธิ ีการตรวจสอบให้ถอื เปน็ ระดับทว่ั ไปที่ 2) 5. เลือกอักษรรหัส จากตารางที่ 6.12 6. กาหนดแบบของแผนการชักส่ิงตัวอย่างท่ีเหมาะสมว่าจะเป็น แบบเชิงเด่ียว เชิงคู่ หรือหลายเชิง โดยคานงึ ถงึ ความยากง่ายในการจดั การ 7. ทาการเลือกแผนการชักสิ่งตัวอย่างเพ่ือการยอมรับ สาหรับความเข้มงวดท้ัง 3 แบบ คือ แบบปกติ (ตาราง A) แบบเคร่งครัด (ตาราง B) และแบบผ่อนคลาย (ตาราง C) โดยใช้ตารางท่ี 6.13, 6.14 หรือ 6.15 แลว้ แต่วา่ เป็นแผนการชกั สิง่ ตวั อย่างเชิงเดีย่ ว เชิงคู่ หรือหลายเชิง โดยลาดบั 8. เรม่ิ การตรวจสอบ โดยครั้งแรกให้เร่ิมตน้ ดว้ ยการชักส่ิงตัวอย่างแบบปกติก่อนเสมอแล้วให้ มกี ารสับเปลยี่ นตามกฎการสบั เปลี่ยน 9. ทาการประเมินแบบแผนการชักสิ่งตัวอย่างเพ่ือประเมินถึงการประกันคุณภาพโดยอาจ พิจารณาถึงความเสี่ยง (Risk) ในการตัดสินใจจากเส้นโค้งโอซี (OC Curve) คุณภาพจ่ายออกโดยเฉล่ีย (Average Outgoing Quality)
บทท่ี 6 แผนการชักสง่ิ ตวั อยา่ ง 275 เร่มิ ต้น พจิ ารณาความสามารถของกระบวนการผผู้ ลติ (อาศยั แผนภูมิควบคุม) การกาหนดขนาดของลอตหรือแบช และ AQL (พิจารณาจากคู่สญั ญา) กาหนดวธิ กี ารตรวจสอบและเลอื กแผนการ แผนการชักสงิ่ ตัวอยา่ งเชงิ เดี่ยว แผนการชักสง่ิ ตัวอยา่ งเชงิ คู่ แผนการชักส่งิ ตวั อย่างหลายเชิง แบบปกติ แบบเค ่รงค ัรด แบบ ่ผอนคลาย แบบปก ิต แบบเคร่งครัด แบบ ่ผอนคลาย แบบปกติ แบบเคร่งครัด แบบผ่อนคลาย ประยุกตก์ ฎการสบั เปล่ยี น ประเมินแบบแผนการชกั สิ่งตวั อย่าง รูปท่ี 6.14 ลาดบั ขัน้ ตอนสาหรบั การตรวจเพ่ือเลือกแผนการชักสิง่ ตวั อยา่ ง (ทม่ี า: ศรีไร จารภุ ิญโญ, 2540) 6.2.4.13 ตารางแสดงแผนการชกั สง่ิ ตวั อยา่ งของมาตรฐาน MIL-STD-105E ศรีไร จารุภิญโญ (2540) มาตรฐาน MIL-STD-105E ได้แสดงตารางท่ีใช้สาหรับเลือกแผนการ ชักสิ่งตัวอย่างเพ่ือการยอมรับ ในกรณีท่ีมีการตรวจสอบลอตหรือแบชท่ีมีความต่อเนื่องหรือคุ้นเคย (ตารางที่ 6.12-6.15) สาหรบั ในกรณีทีม่ ีการตรวจสอบลอตหรือแบชแบบไม่ต่อเน่ืองที่ไม่มีความคุ้นเคยมาก่อน (ตารางท่ี 6.16-6.17) รายละเอียดดงั นี้
276 การควบคมุ คุณภาพ ตารางท่ี 6.12 อักษรรหัสสาหรบั ขนาดสิง่ ตวั อยา่ ง ตารางที่ 6.13 แผนการชักส่ิงตัวอย่างเพื่อการยอมรับเชิงเดี่ยวโดยตารางท่ี 6.13-A, 6.13-B และ 6.13-C แสดงแผนการตรวจสอบแบบปกติ, เครง่ ครัด และผ่อนคลายตามลาดบั ตารางที่ 6.14 แผนการชักสิ่งตัวอย่างเพื่อการยอมรับเชิงคู่โดยตารางท่ี 6.14-A, 6.14-B, 6.14-C แสดงแผนการตรวจสอบแบบปกติ, เครง่ ครดั และผอ่ นคลาย ตามลาดับ ตารางที่ 6.15 แผนการชักส่ิงเพ่ือการยอมรับหลายเชิงโดยตารางท่ี 6.15-A, 6.15-B, 6.15-C แสดงแผนการตรวจสอบแบบปกติ เครง่ ครดั และผ่อนคลายตามลาดบั ตารางที่ 6.16-A คุณภาพจากัด (LQ) ในรูปของค่าร้อยละผลิตภัณฑ์ข้อบกพร่องซ่ึงมีความน่าจะ เป็นในการยอมรับลอต (Pa) เทา่ กับ 10% ตารางที่ 6.16-B คุณภาพจากัด (LQ) ในรูปของจานวนข้อบกพร่องต่อร้อยละหน่วยผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีความนา่ จะเป็นในการยอมรบั ลอต (Pa) เทา่ กบั 10% ตารางท่ี 6.17-A คุณภาพจากัด (LQ) ในรูปของค่าร้อยละผลิตภัณฑ์ข้อบกพร่องซึ่งมีความน่าจะ เป็นในการยอมรับลอต (Pa) เท่ากับ 5% ตารางที่ 6.17-B คุณภาพจากัด (LQ) ในรูปของจานวนข้อบกพร่องต่อร้อยละหน่วยผลิตภัณฑ์ ซ่ึง มีความน่าจะเปน็ ในการยอมรับลอต (Pa) เทา่ กบั 5% ตารางที่ 6.18 ตัวเลขพิกดั สาหรับการตรวจสอบแบบผ่อนคลาย ตารางที่ 6.12 อักษรรหสั สาหรบั ขนาดสิง่ ตวั อย่าง ขนาดของลอตหรือแบช ระดบั การตรวจสอบพเิ ศษ ระดบั การตรวจสอบท่วั ไป S1 S2 S3 S4 GI GII GIII 2 to 8 AAAA A AB 9 to 15 AAAA A BC 16 to 25 AABB B CD 26 to 50 ABBC C DE 51 to 90 BBCC C EF 91 to 150 BBCD D FG 151 to 280 BCDE E GH 281 to 500 BCDE F HJ 501 to 1,200 CCEF G JK 1,201 to 3,200 CDEG H KL 3,201 to 10,000 CDFG J LM 10,001 to 35,000 CDFH K MN 35,001 to 150,000 DEGJ L NP 150,001 to 500,000 DEGJ M PQ 500,001 and over DEHK N QR
บทที่ 6 แผนการชักสิง่ ตวั อย่าง 277 แผนการชักตัวอยา่ งของมาตรฐาน MIL-STD-105E ได้แบ่งระดับการตรวจสอบ (Inspection Levels) ออกเป็นการตรวจสอบระดับท่ัวไป 3 ระดับ (GI, GII และ GIII) และการตรวจสอบระดับพิเศษ 4 ระดบั ของการตรวจสอบเป็นตวั บ่งช้ีถึงความสมั พันธ์ระหว่างขนาดของลอตหรือแบชกับจานวนตัวอย่าง และ ระดบั การตรวจสอบที่แตกตา่ งกนั จะทาให้มีความเส่ียงสาหรับผู้บริโภคท่ีแตกต่างกันออกไป การกาหนดระดับ การตรวจสอบจะตอ้ งทาเปน็ ลายลกั ษณ์อกั ษรในคูส่ ัญญาหรือคู่มือคุณภาพ ซ่งึ มรี ายละเอยี ดดงั ตอ่ ไปนี้ 1. การตรวจสอบท่ัวไประดับ GI เป็นระดับการตรวจสอบท่ีใช้จานวนตัวอย่างน้อยกว่าการ ตรวจสอบทั่วไประดับอื่น การตรวจสอบระดับน้ีจะทาให้ความเส่ียงของผู้บริโภคเพิ่มมากข้ึน จึงควรใช้กรณีที่ แม้ว่ามีความเส่ียงเพิ่มมากขึ้นแต่ประโยชน์ที่ได้รับก็พอชดเชยกันหรือในกรณีท่ีมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เน่อื งจากผขู้ ายมปี ระวตั ิดา้ นคณุ ภาพท่ดี ีทงั้ นี้เพอื่ ลดค่าใชจ้ า่ ยในการตรวจสอบ 2. การตรวจสอบทวั่ ไประดบั GII เป็นระดบั การตรวจสอบทีน่ ยิ มใช้กันมากที่สุด ในกรณีท่ีไม่มี ข้อสงสัยว่าสินค้าที่จะได้รับการตรวจสอบมีคุณภาพน้อยกว่า AQL แต่ไม่ควรใช้ในกรณีท่ีต้องทาการทดสอบ แบบทาลาย หรือในกรณีที่ขนาดของลอตมีจานวนน้อยหรือกรณีท่ีค่าทดสอบสูงมาก โดยปกติแล้วหากมิได้มี การระบุระดับใดๆ ในค่สู ัญญา จะใชร้ ะดบั การตรวจสอบนี้ 3. การตรวจสอบท่ัวไประดับ GII เป็นระดับการตรวจสอบที่ต้องใช้จานวนตัวอย่างมากกว่า ระดับอ่ืนๆ ซึ่งทาให้เสียค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบสูงขึ้น แต่ให้ประโยชน์ในการลดความเสี่ยงของผู้บริโภค การตรวจสอบระดับน้คี วรใชเ้ มื่อมีหลักฐานแน่ชัด สินค้าที่ได้รับการตรวจสอบมีคุณภาพด้อยกว่าค่า AQL หรือ ในกรณีที่ไม่เคยรู้ประวัติด้านคุณภาพของผู้ขายมาก่อนเลย และเพ่ือลดความน่าจะเป็นในการยอมรับสินค้าที่ ดอ้ ยคุณภาพ ส่วนการตรวจสอบพเิ ศษ 4 ระดับ ประกอบดว้ ย S1, S2, S3 และ S4 โดยระดับดังกล่าวนี้จะ ใช้ในกรณีท่ีจาเป็นต้องใช้จานวนตัวอย่างน้อยกว่าการตรวจสอบท่ัวไป หรือจาเป็นต้องใช้จานวนตัวอย่าง จานวนน้อยๆ และจะต้องยอมให้มีความเสี่ยงในการชักตัวอย่าง (Sampling Risks) มากข้ึน หรือยอมให้มี ความเส่ียงของผู้บริโภคมากขึ้นน่ันเองส่วนการเลือกใช้ระดับใดนั้น ข้ึนกับราคาสินค้า เวลา และค่าใช้จ่ายใน การทดสอบ และความเสียหายในความเสี่ยงของผู้บริโภคเป็นสาคัญ จานวนตัวอย่างของระดับ S1 จะน้อย ทสี่ ุด และเพ่มิ ขน้ึ ตามลาดบั จนถึง S4 จะมจี านวนตวั อย่างมากทส่ี ดุ ในกรณีที่เลือกระดับ S1 ถึง S4 จะต้องเพ่ิมความระมัดระวังเพ่ือหลีกเล่ียงกรณีค่า AQL ไม่ เปน็ ไปตามระดบั การตรวจสอบเหลา่ นี้ หรืออีกนัยหนง่ึ คือ จดุ ประสงค์การใชร้ ะดับการตรวจสอบพิเศษนี้เพ่ือให้ มีจานวนตัวอย่างน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น ถ้าหากใช้ S1 จานวนตัวอย่างจะไม่มากกว่าอักษรรหัส D ซ่ึงจะเทียบเท่ากับจานวนตัวอย่างเท่ากับ 8 ของแผนการชักตัวอย่างเชิงเด่ียวสาหรับการตรวจสอบแบบปกติ แตถ่ ้าหากค่า AQL เทา่ กับ 0.01% กจ็ ะไมใ่ ชร้ ะดบั การตรวจสอบ S1 เลย เพราะจานวนตัวอย่างท่ีต่าสุดเท่ากับ 125 เปน็ ต้น
ตารางที่ 6.13-A แผนการชักส่งิ ตวั อยา่ งเพอื่ การยอมรบั เชิงเดี่ยวการตรวจสอบ อกั ษรรหัส ขนาด ขีดจากดั คณุ ภาพที่ยอมรบั (AQL) รอ้ ยละของชน้ิ งานทีไ่ มเ่ ป็นไป ขนาด ตวั อยา่ ง 0.010 0.015 0.025 0.040 0.065 0.10 0.15 0.25 0.40 0.65 1.0 1. ตวั อยา่ ง 2 Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac A 3 B 5 0 C 8 D 13 01 E 20 F 32 01 G 50 H 80 01 1 J 125 K 200 01 122 L 315 M 500 01 12233 N 800 P 1250 01 1223345 Q 2000 R 01 122334567 01 1 2 2 3 3 4 5 6 7 8 10 01 1 2 2 3 3 4 5 6 7 8 10 11 14 01 1 2 2 3 3 4 5 6 7 8 10 11 14 15 21 01 1 2 2 3 3 4 5 6 7 8 10 11 14 15 21 22 1 2 2 3 3 4 5 6 7 8 10 11 14 15 21 22 ใชก้ ารชกั ตวั อย่างแผนแรกใตล้ กู ศร ถ้าขนาดตวั อยา่ งเท่ากบั หรอื ใหญก่ วา่ ขนาดรนุ่ ให้ทาการตรวจ ใช้การชกั ตวั อยา่ งแผนแรกเหนือลกู ศร Ac เลขจานวนที่ยอมรบั Re เลขจานวนท่ีไมย่ อมรบั
บแบบปกติ 278 การควบคมุ คุณภาพ ปตามข้อกาหนดและความไมเ่ ป็นไปตามข้อกาหนดตอ่ 100 ชน้ิ (การตรวจสอบแบบปกติ) .5 2.5 4.0 6.5 10 15 25 40 65 100 150 250 400 650 1000 Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re 01 1 2 2 3 3 4 5 6 7 8 10 11 14 15 21 22 30 31 01 1 2 2 3 3 4 5 6 7 8 10 11 14 15 21 22 30 31 44 45 01 1 2 2 3 3 4 5 6 7 8 10 11 14 15 21 22 30 31 44 45 1 1 2 2 3 3 4 5 6 7 8 10 11 14 15 21 22 30 31 44 45 1 2 2 3 3 4 5 6 7 8 10 11 14 15 21 22 30 31 44 45 1 2 2 3 3 4 5 6 7 8 10 11 14 15 21 22 2 2 3 3 4 5 6 7 8 10 11 14 15 21 22 3 3 4 5 6 7 8 10 11 14 15 21 22 4 5 6 7 8 10 11 14 15 21 22 6 7 8 10 11 14 15 21 22 8 10 11 14 15 21 22 11 14 15 21 22 15 21 22 22 จสอบทุกหน่วย
ตารางท่ี 6.13-B แผนการชักสง่ิ ตวั อยา่ งเพ่อื การยอมรบั เชิงเดีย่ วการตรวจสอบแ อกั ษรรหัส ขนาด ขดี จากดั คณุ ภาพท่ยี อมรบั (AQL) รอ้ ยละของชนิ้ งานทีไ่ มเ่ ป็นไปต ขนาด ตวั อยา่ ง 0.010 0.015 0.025 0.040 0.065 0.10 0.15 0.25 0.40 0.65 1.0 1. ตวั อย่าง 2 Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac Re Ac A 3 B 5 0 C 8 D 13 01 E 20 F 32 01 G 50 H 80 01 1 J 125 K 200 01 122 L 315 M 500 01 12233 N 800 P 1250 01 1223345 Q 2000 R 3150 01 122334568 S 01 1 2 2 3 3 4 5 6 8 9 12 01 1 2 2 3 3 4 5 6 8 9 12 13 18 01 1 2 2 3 3 4 5 6 8 9 12 13 18 19 01 1 2 2 3 3 4 5 6 8 9 12 13 18 19 12 ใชก้ ารชกั ตวั อยา่ งแผนแรกใตล้ กู ศร ถ้าขนาดตวั อยา่ งเท่ากบั หรอื ใหญก่ วา่ ขนาดรนุ่ ให้ทาการตรวจ ใชก้ ารชักตวั อย่างแผนแรกเหนือลกู ศร Ac เลขจานวนทย่ี อมรบั Re เลขจานวนที่ไมย่ อมรบั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 716
- 717
- 718
- 719
- 720
- 721
- 722
- 723
- 724
- 725
- 726
- 727
- 728
- 729
- 730
- 731
- 732
- 733
- 734
- 735
- 736
- 737
- 738
- 739
- 740
- 741
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 741
Pages: