458 การควบคมุ คุณภาพ 7.7 สรปุ หลักการเทคนิคพฒั นาคณุ ภาพในบทท่ี 7 โดยแบง่ ออกเปน็ 6 กิจกรรม ได้แก่ 1. การจัดการคุณภาพโดยรวม (TQM) คือแนวคิดในการบริหารซ่ึงจะรวมการจัดการคุณภาพเข้าด้วยกัน ท่ัวท้ังองค์กร โดยพื้นฐานหลักของ TQM ประกอบด้วย (1) การมุ่งเน้นไปท่ีตัวลูกค้าในด้านความพึงพอใจ (2) การมุ่งเน้นไปทก่ี ระบวนการเพื่อสนบั สนุนการปรบั ปรงุ คุณภาพโดยรวม และ (3) การเรยี นร้ภู ายในองค์กร 2. กลุ่มควบคุมคุณภาพ (QC.Circle) คือการรวมตัวกันของกลุ่มการควบคุมคุณภาพ เพ่ือการบริหารงาน ด้านวัตถุดิบ กระบวนการผลิต ให้ได้คุณภาพตามความต้องการของลูกค้า โดยมีเป้าหมายป้องกัน แก้ไข และ ลดปญั หาความสญู เปลา่ ที่เกดิ ขึ้นในกระบวนการผลิต 3. การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Kaizen) คือการปรับปรุงทีละเล็กที่ละน้อยโดยมีหัวใจ คือการปรับปรุง อย่างต่อเนื่อง โดยไคเซนเกิดจากความพยายามของพนักงานทุกคนในองค์กร รวมถึงการบริหารงานที่ถูกต้อง ของผูบ้ ริหารระดับสงู 4. ซกิ ซ์ซิกมา (Six Sigma) เปน็ เทคนิคทางสถิติท่ีใช้ในการควบคุมคุณภาพและปรับปรุงประสิทธิภาพของ กระบวนการผลิต โดยมุ่งเน้นในการลดความผิดพลาด ลดความสูญเปล่า และลดการแก้ไขตัวชิ้นงาน ซ่ึงซิกซ์ ซิกมายอมให้มีโอกาสเกิดของเสีย 3.4 ส่วนใน 1 ล้านส่วน โดยเคร่ืองมือซิกซ์ซิกมาประกอบด้วย (1) แผนผัง กระบวนการ (2) ตารางสาเหตุและผลกระทบ (3) การวิเคราะห์ระบบการวัด (4) การศึกษาความสามารถของ กระบวนการ (5) การวิเคราะห์ผลกระทบจากความเสียหาย (6) การศึกษาผลกระทบแบบหลายด้าน (7) การออกแบบการทดลอง (8) แผนการควบคมุ 5. การเปรยี บเทียบกับองคก์ รทีเ่ ปน็ เลิศ (Benchmarking) คือวิธีการในการวดั และเปรยี บเทียบ ผลิตภัณฑ์ บริการ และวธิ ีการปฏิบัติกับองค์กรที่สามารถทาได้ดีกว่า เพ่ือนาผลของการเปรียบเทียบมาใช้ในการปรับปรุง องค์กรของตนเอง เพื่อมุง่ สคู่ วามเป็นเลศิ ในธรุ กจิ 6. มาตรฐานระบบคุณภาพ (ISO) คือ ระบบการบริหารงานคุณภาพ ซ่ึงมุ่งเน้นหลักการพัฒนาและ ปรับปรุงคุณภาพท่ีกระบวนการผลิตสินค้าหรือบริการ โดยมิได้เน้นเฉพาะที่ตัวผลิตภัณฑ์ โดยให้หลักประกัน กับลูกค้าว่าจะได้รบั สนิ ค้าหรอื บรหิ ารทม่ี คี วามนา่ เชื่อถือมคี ุณภาพตรงตามความตอ้ งการ แมว้ า่ เทคนคิ พัฒนาคุณภาพจะมคี วามแตกตา่ งและหลากหลายทั้งในด้านหลักการ และการปฏิบัติ แต่ส่ิงท่ี เป็นเป้าหมายเดียวกันหรือจุดประสงค์ร่วมกันก็คือ การสร้างคุณภาพให้เกิดข้ึน เพ่ือให้องค์กรท่ีนาไปใช้เกิด ประโยชน์ในด้านการบรหิ าร การผลติ และปฏิบัติการ การออกแบบ และการบริการ ซ่ึงความสมบูรณ์แบบของ การพัฒนาคณุ ภาพ น้ันเกิดจากข้ันตอนหรอื กระบวนการ 3 ประการดงั นี้ (1) การรวมกิจกรรมทุกๆ กิจกรรมในองค์กร เข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมด้านการผลิต การวิจัยและ ออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด การควบคุมคุณภาพ การเงินและบัญชี การจัดซ้ือจัดจ้าง การบริหาร ทรพั ยากรมนุษย์ เป็นตน้ โดยทกุ กจิ กรรมกาหนดใหม้ ีคณุ ภาพเป็นเปา้ หมายเดยี วกัน (2) ความร่วมมอื กันของทกุ ฝา่ ยในองค์กรตั้งแตฝ่ ่ายจัดหาวัตถุดิบไปจนกระท่ังฝ่ายขาย หรือตั้งแต่ผู้บริหาร ไปจนถงึ พนกั งานปฏิบตั กิ าร จะเป็นแรงขับเคลื่อนใหอ้ งคก์ รไปสเู่ ปา้ หมายไดอ้ ย่างดีเยี่ยม (3) การนาเทคนิคการพัฒนาคุณภาพมาปรับปรุง ดัดแปลง และประยุกต์ใช้ในองค์กร ไม่ว่าจะเป็น TQM QC.Circle ไคเซน และอนื่ ๆ ย่อมสง่ ผลให้เกิดคุณภาพและผลักดันเข้าสู่เปา้ หมายทีว่ างไว้ได้
บทท่ี 7 เทคนคิ การพฒั นาคุณภาพ 459 แบบฝกึ หัดทา้ ยบทที่ 7 1. จงอธิบายถึงการทาในสงิ่ ทีถ่ ูกตอ้ งและทาตั้งแต่คร้ังแรก (ปรียาวดี ผลอเนก, 2556) 2. การบรหิ ารโดยการตรวจเยยี่ ม (Walk around management) มีลักษณะอยา่ งไร (ปรียาวดี ผลอเนก, 2556) 3. จงอธิบายเครอ่ื งมอื และเทคนคิ ทใี่ ช้ TQM (ปรยี าวดี ผลอเนก, 2556) 4. จงอธิบายอุปสรรคในการนา TQM มาใชใ้ นองคก์ ร 5. จงอธบิ ายหลกั ใน TQM และองคป์ ระกอบของ TQM 6. ทีมงานการจัดการ TQM ประกอบด้วยฝ่ายใดบ้าง 7. จงอธบิ ายความหมายของ QC.Circle ในมุมมองของ JUSE (ศรีไร จารภุ ญิ โญ, 2540) 8. จงบอกแนวความคิดพนื้ ฐานของ QC.Circle 9. จงอธบิ ายองคป์ ระกอบท่ีสาคญั โครงสรา้ งพ้ืนฐานของ QC.Circle มอี ะไรบ้าง 10. Hosotani ได้จาแนกประเภทของปัญหาอะไรบ้าง และปัญหาประเภทใดที่ควรนามาเป็นหัวข้อของ QC.Circle 11. จงอธิบายความหมายของ QC Story (ศรไี ร จารภุ ญิ โญ, 2540) 12. จงอธิบายลักษณะปัญหา A, B, C, D จากหน้าต่างปัญหาของ Hosotani และปัญหาชนิดใด ที่เหมาะสม ตอ่ การแกป้ ญั หาโดย QC.Circle (ศรีไร จารภุ ญิ โญ, 2540) 13. องคป์ ระกอบในการเลือกปัญหามีอะไรบา้ ง จงอธิบาย (ศรไี ร จารุภิญโญ, 2540) 14. จงอธบิ ายความหมายของไคเซน 15. เทคนคิ ทีใ่ ชเ้ ป็นเครื่องมอื ในการปรบั ปรงุ อยา่ งต่อเน่ืองได้แก่เทคนิคอะไรบา้ ง 16. หลักพน้ื ฐานสาคญั 3 ประการของไคเซนประกอบดว้ ยอะไรบ้าง (ปรียาวดี ผลอเนก, 2556) 17. กจิ กรรมการเปล่ยี นแปลงแบบหน้ามือเปน็ หลังมอื (KAIZEN BLITZ) มลี ักษณะอยา่ งไร (ปรียาวดี ผลอเนก, 2556) 18. ไคเซนกบั นวัตกรรมแตกต่างกันอยา่ งไร (ปรยี าวดี ผลอเนก, 2556) 19. จงอธิบายแนวคดิ หลกั ของวธิ กี ารซิกซซ์ ิกมา (Six Sigma) (ปรียาวดี ผลอเนก, 2556) 20. จงอธิบายถึงขดี จากัดเฉพาะ (Specification limits) (ปรียาวดี ผลอเนก, 2556) 21. การวดั คา่ (measure) ซ่ึงเปน็ หนึ่งในข้ันตอนของ DMAIC ประกอบดว้ ยข้ันตอนใดบ้าง 22. จงอธิบายลกั ษณะการทางานของ Black Belts (ปรยี าวดี ผลอเนก, 2556) 23. การขนึ้ มาดารงตาแหนง่ Master Black Belts ตอ้ งผ่านเงือ่ นไขใด (ปรียาวดี ผลอเนก, 2556) 24. การเปรียบเทียบภายใน (Internal Benchmarking) มลี กั ษณะอย่างไร (ปรียาวดี ผลอเนก, 2556) 25. จงอธิบายรายละเอียดหลกั การเปรียบเทยี บกบั องคก์ รทเ่ี ปน็ เลศิ (ปรียาวดี ผลอเนก, 2556) 26. การเลอื กทีมงานการปรบั ปรงุ กระบวนการควรมีลกั ษณะอยา่ งไร
460 การควบคุมคุณภาพ 27. การเปรียบเทยี บพนั ธมิตรกบั องคก์ รทเ่ี ปน็ เลิศมีข้นั ตอนอยา่ งไรบ้าง 28. เหตุใดทกุ ๆ องคก์ รในปัจจุบันควรมกี ารดาเนินการเปรยี บเทยี บองคก์ ร 29. หน่วยงานท่ที าหน้าท่ีสนับสนนุ มาตรฐานคณุ ภาพที่ เรยี กว่า ISO ซง่ึ เป็นทร่ี ูจ้ ักกนั ทว่ั ไป มีช่ือเต็มว่าอยา่ งไร (สภาวิศวกร, 2555) 30. ขอบเขตของมาตรฐาน ISO 9001: 2000 ประกอบด้วยอะไรบา้ ง (ปรียาวดี ผลอเนก, 2556) 31. จงอธิบายถงึ หนา้ ทขี่ องผใู้ ห้การรบั รอง ISO 9000 32. ในการจัดทาระบบคุณภาพ ISO 9001: 2008 จะมงุ่ เน้นเรื่องใดเป็นหลัก 33. ประโยชนใ์ นการดาเนนิ ระบบมาตรฐาน ISO 9000 ประกอบด้วยอะไรบ้าง 34. มอก 18000 เปน็ มาตรฐานของสานักงานมาตรฐานผลิตภณั ฑ์อตุ สาหกรรมวา่ ดว้ ย (สภาวิศวกร, 2555) 35. มาตรฐานใดเป็นมาตรฐานท่ีเกย่ี วขอ้ งกับอตุ สาหกรรมยานยนต์ (สภาวศิ วกร, 2555) 36. Thailand Quality Award (TQA) เนน้ ให้ความสาคญั ในเรื่องใดมากท่ีสดุ (สภาวศิ วกร, 2555) 37. เทคนคิ การต้ังคาถามเพอ่ื ให้ทราบวา่ ทาไมกระบวนการยงั ไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็นคือ (สภาวศิ วกร, 2555) 38. Thailand Quality Award (TQA) มีพ้ืนฐานมาจากเกณฑร์ างวัลใด (สภาวิศวกร, 2555) 39. จงบอกลกั ษณะของผู้ให้การรบั รองระบบ ISO 40. จงเขยี นห่วงโซ่อปุ ทานสาหรับการเพ่มิ ความพึงพอใจของลูกคา้
บทที่ 7 เทคนิคการพฒั นาคุณภาพ 461 เอกสารอ้างองิ กิติศักด์ิ พลอยพานิชเจริญ. (2547). ระบบการควบคมุ คุณภาพทห่ี น้างานควิ ชีเซอร์เคิล. กรงุ เทพมหานคร: เทคนคิ อล แอพโพรช เคานเ์ ซลลงิ่ แอนด์ เทรนนิ่ง. ปรียาวดี ผลอเนก. (2556). การจดั การคณุ ภาพ. กรุงเทพมหานคร: จามจุรโี ปรดกั ท.์ ศรไี ร จารุภญิ โญ. (2540). การควบคุมคณุ ภาพ. กรงุ เทพมหานคร: มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บรุ ี. สภาวิศวกร. (2555). ข้อสอบสภาวิศวกร สาขาวิศวกรรมอตุ สาหการ วิชาการควบคุมคณุ ภาพ. กรงุ เทพมหานคร: ผูแ้ ต่ง. Evan James R., Linsay William M. (2008). The Management and Control of Quality (7th ed). OH: South-Western. Hosotani K. (1992). Japanese Quality Concept: An Overview Quality Resource. New York: White Plains. Oakland S.J. (2003). TQM Text with Case. (3rd ed). Butterworth-Heinemann An imprint of Elsevier. Ramasamy Subburaj. (2009). Total Quality Management. India: Tata McGraw-Hill. Russell R.S., Taylor B.W. (2011). Operation Management (7th ed). NJ: John Wiley& Sons(Asia). Swink, Morgan et al. (2011). Managing Operations Across the Supply Chain. NY: McGraw-Hill. Verma R., Boyer K.K. (2008). Operation & Supply Chain Management. China: China Translation & Printing Services Limited.
462 การควบคมุ คุณภาพ
แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 8 ความเชอื่ มั่นของผลิตภัณฑ์ หัวข้อเน้อื หา 8.1 หลักการของความเชอ่ื มน่ั ของผลติ ภณั ฑ์ 8.2 การหาความเชื่อมน่ั ของผลิตภณั ฑ์ 8.2.1 ผลิตภัณฑ์ทม่ี สี ว่ นประกอบย่อยประกอบเป็นแบบอนุกรม 8.2.2 ผลิตภัณฑ์ที่มสี ่วนประกอบย่อยประกอบเป็นแบบขนาน 8.2.3 ผลิตภณั ฑท์ ่มี สี ว่ นประกอบย่อยประกอบเป็นแบบผสม 8.3 เทคนคิ การเพิ่มค่าความเชือ่ ม่ัน 8.4 การแจกแจงความน่าจะเปน็ 8.5 การใชต้ ัวแบบเลขช้กี าลังกับความเชอ่ื ถือได้ของผลิตภัณฑ์ 8.6 รูปแบบของอตั ราความขัดขอ้ ง 8.7 กจิ กรรมการควบคมุ ค่าความเช่อื มน่ั 8.7.1 การกาหนดความเช่ือม่ันของผลิตภัณฑ์ 8.7.2 การวางโครงงานเพือ่ ให้เกิดความเช่ือม่ันทตี่ ้องการ 8.7.3 ค่าสว่ นเกนิ ของการออกแบบผลิตภณั ฑ์ 8.7.4 การลดอตั ราการใชง้ าน 8.7.5 การหาชิน้ ส่วนเกินไวท้ ดแทน 8.7.6 กรรมวิธีการผลติ 8.7.7 การบรรจุหีบห่อและการขนสง่ 8.7.8 การทดสอบและประเมินค่าความเช่อื มั่นของผลติ ภัณฑ์ 8.7.9 ระบบการควบคุม 8.7.10 การวิเคราะห์ความเชื่อมนั่ ในผลิตภณั ฑ์ 8.8 เสน้ โค้ง OC 8.9 สรปุ แบบฝึกหดั ท้ายบทที่ 8 เอกสารอา้ งอิง วัตถุประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม เม่อื ผู้เรียน เรียนจบบทนี้แล้วผ้เู รียนควรมคี วามรแู้ ละทักษะดงั นี้ 1. อธิบายเก่ียวกับหลักการของความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ ปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อความเช่ือมั่น และ เทคนคิ ในการเพิม่ ความเช่อื มัน่ ของผลิตภณั ฑ์ 2. สามารถคานวณหาความเช่อื มน่ั ของผลิตภัณฑ์ทม่ี สี ่วนประกอบย่อยประกอบเป็นแบบอนุกรม แบบ ขนาน และแบบผสม
464 การควบคุมคุณภาพ 3. สามารถคานวณหาความเชือ่ ม่ันของผลิตภัณฑ์ อายุเฉลี่ย และอัตราความขัดข้องสาหรับผลิตภัณฑ์ จากการแจกแจงความนา่ จะเปน็ 4. อธบิ ายเกี่ยวกับกิจกรรมการวัดและควบคมุ งานความเชอ่ื มนั่ 5. สามารถสร้างเส้นโค้ง OC สาหรับแผนการทดสอบความเช่ือม่ัน อายุของผลิตภัณฑ์ และคานวณ ความน่าจะเปน็ ในการยอมรบั ลอต วธิ สี อนและกจิ กรรม 1. ทบทวนเนอื้ หาในบทท่ี 7 และเฉลยการบา้ นในบทที่ 7 2. นาเข้าสู่บทเรียนโดยการบรรยายหลักการของความเช่ือม่ันของผลิตภัณฑ์ ประกอบรูปภาพใน Power point 3. อธบิ ายเน้ือหาทลี ะหวั ข้อแลว้ เปิดโอกาสให้ผูเ้ รยี นถามในแต่ละหัวข้อกอ่ นขา้ มหวั ข้อน้นั 4. แบง่ กลมุ่ ทาแบบฝกึ หัดทา้ ยบทที่ 8 หรือทดสอบย่อย และตรวจสอบคาตอบของผ้เู รียน 5. สอบถามผ้เู รียนถา้ ผู้เรยี นมีคาถามสงสัย 6. สรุปเนือ้ หา และภาพรวมของการควบคุมคุณภาพ สอ่ื การเรยี นการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ าการควบคุมคณุ ภาพ 2. กระดานไวท์บอรด์ 3. วัสดโุ สตทศั น์ Power point 4. แบบฝึกหัดท้ายบท 5. เฉลยแบบฝึกหดั ทา้ ยบท การวัดผลและการประเมนิ ผล การวัดผล 1. สังเกตจากพฤติกรรมและบรรยากาศระหวา่ งเรยี น 2. ถามตอบระหว่างเรยี น 3. แบบฝึกหดั ท่ีมอบหมายให้ในแตล่ ะครั้ง การประเมินผล 1. จากการทากจิ กรรมกลมุ่ เสรจ็ ตามเวลา 2. ทาแบบฝึกหัดมีความถูกต้องไมน่ ้อยกวา่ 80%
บทที่ 8 ความเชอ่ื มั่นของผลติ ภณั ฑ์ 465 บทที่ 8 ความเชื่อมน่ั ของผลติ ภณั ฑ์ ปัจจุบันความเช่ือม่ันของผลิตภัณฑ์เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งท่ีสาคัญต่อการควบคุมคุณภาพ ในขณะที่ ผลิตภัณฑ์ก็มีรูปแบบและการปรับปรุงขึ้น ทั้งในผู้จัดส่งวัตถุดิบ เครื่องจักรเทคโนโลยีท่ีทันสมัยต่อการผลิต และกระบวนการผลติ จึงต้องมีความถกู ตอ้ งและแม่นยาย่ิงขนึ้ ดงั นั้นการคานวณค่าความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์จึง มีความสาคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งค่าของความเช่ือมั่นน้ีสามารถท่ีจะบ่งบอกหรือเป็นตัวกาหนดคุณภาพของ ผลิตภัณฑ์ได้ แนวโนม้ ที่ผลิตภณั ฑจ์ ะต้องมีคา่ ความเชื่อมัน่ สงู นน้ั มสี าเหตุส่วนใหญ่ คอื 1. เนอ่ื งจากผลิตภณั ฑ์ วัตถดุ ิบ กระบวนการผลติ หรือระบบตา่ งๆ ลว้ นเป็นแบบอตั โนมตั ิมากขน้ึ 2. ผลิตภณั ฑ์ กรรมวิธี และระบบตา่ งๆ ในปัจจุบนั คอ่ นข้างสบั สนยุ่งยากกว่าเดมิ 3. ปัจจัยในการควบคุมการผลิตมีความแปรผันตลอดเวลา เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับความ ตอ้ งการของลูกค้า 8.1 หลกั การของความเชอ่ื ม่ันของผลิตภัณฑ์ (Reliability) ศุภชัย นาทะพันธ์ (2551) ความเชื่อม่ัน คือ ความน่าจะเปน็ ทผี่ ลติ ภัณฑ์ชนิดหนึ่งจะสามารถทางานได้ตาม รายละเอียดที่กาหนดตลอดช่วงของอายุผลิตภัณฑ์ ภายใต้สภาวะแวดล้อมท่ีกาหนด หรือเกณฑ์คุณภาพของ ผลิตภัณฑ์ตลอดอายุการใช้งาน จากพบว่ามี 4 ปัจจัยท่ีเก่ียวข้องกับความเช่ือมั่น คือ ค่าท่ีเป็นตัวเลขการ ทางานไดต้ ามรายละเอยี ด อายุการใชง้ าน และสภาวะแวดลอ้ ม กล่าวคอื ผลติ ภณั ฑห์ นงึ่ ๆ ท่ีเหมือนกันแต่มีอายุ การใช้งานของแต่ละช้ินไม่เท่ากัน ดังน้ันความเชื่อมั่นจึงเก่ียวพันกับความน่าจะเป็น ยกตัวอย่างเช่น ความ เชื่อม่ันของเชือกไนลอนสามารถบอกได้คือ ความน่าจะเป็นของการใช้งานเท่ากับ 0.92 ท่ีเชือกไนลอนจะ สามารถรับนา้ หนกั ได้ 1,000 กโิ ลกรัม ภายในชว่ งระยะเวลา 2 ปี และภายใตส้ ภาพแวดล้อมทแ่ี หง้ เปน็ ตน้ เนื่องจากความเช่ือมั่นมีความสัมพันธ์กับความน่าจะเป็นท่ีผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์จะทางานได้ ตาม รายละเอียดระหว่างช่วงเวลาหน่ึงๆ ซ่ึงมีค่าอยู่ระหว่าง 0 และ 1 ปัจจัยแรก คือ ปัจจัยของค่าที่เป็นตัวเลข ดงั นน้ั คา่ 0.92 จึงแทนความน่าจะเปน็ ท่ผี ลติ ภัณฑ์ 92 จาก 100 ช้ิน จะทางานได้ตามช่วงเวลาท่ีกาหนดและมี 8 ชิ้น จะไม่ทางานตามช่วงเวลาที่กาหนด หากทราบถึงการแจกแจงความน่าจะเป็น จึงมีประโยชน์ต่อการ อธบิ ายอัตราการล้มเหลวของหน่วยผลิตภัณฑ์ ปัจจัยท่ี 2 คือ การท่ีผลิตภัณฑ์ทางานได้ตามรายละเอียดที่กาหนด ปัจจัยที่สองเป็นปัจจัยท่ีสนใจการ ทางานได้ตามช่วงเวลาท่ีกาหนดทางานได้ตามการออกแบบการใช้งานสาหรับงานเฉพาะ เช่น ความแข็งแรง ก่อนการบดิ ขาดของเชือกโซ่กาหนดไว้ว่าไม่ต่ากว่า 1,000 กิโลกรัม ดังน้ันเม่ือถึงเวลาใช้งานโซ่ต้องสามารถรับ แรงได้ 1,000 กโิ ลกรมั หรือมากกว่ารอกไฟฟ้าซึ่งออกแบบสาหรับยกของท่ีระดับน้าหนักไม่เกินขีดจากัดหน่ึงๆ มันไม่ได้ถูกออกแบบมาใช้ยกของท่ีมีน้าหนักเกินข้อกาหนดในแบบ หรือไขควงถูกออกแบบเพื่อขันออกหรือ คลายสลักเกลยี วไมไ่ ด้ถูกออกแบบมาเพื่อเปดิ กระปอ๋ ง เปน็ ตน้ ปัจจัยท่ี 3 คือ อายุผลิตภัณฑ์ เป็นการกาหนดอายุของผลิตภัณฑ์ก่อนที่จะใช้งานไม่ได้ เช่น อายุของยาง รถยนต์ถูกกาหนดด้วยค่าท่ีแตกต่างกัน เช่น กรณียางถูกใช้งานจะมีอายุ 2-3 ปี หรือ 40,000-60,000
466 การควบคุมคุณภาพ กิโลเมตร ข้ึนอยู่กับกระบวนการผลิตยางว่าต้องการให้เกาะถนนหรือประหยัดพลังงาน แต่ถ้าเป็นยางสารอง จะมีอายุการใช้งาน 7 ปี ปัจจัยของสภาวะแวดล้อมเป็นปัจจัยสุดท้ายที่สนใจสภาวะการใช้งาน อาทิ อุณหภูมิ ความช้ืน ชนิดของ น้ายารวมไปถึงสถานท่ีเก็บสินค้า และวิธีการขนส่งสินค้า เช่น เก้าอ้ีนวมถูกออกแบบมาให้ใช้ในร่ม ซึ่งมิได้ถูก ออกแบบมาเพอ่ื ใชก้ ลางแจง้ เป็นต้น ดังน้ันสิ่งท่ีเกี่ยวข้อง 4 ประการ ท่ีส่งผลต่อค่าความเชื่อมั่นของผลิตภัณฑ์ (ศรไี ร จารภุ ิญโญ, 2540) มดี ังน้ี 1. ความนา่ จะเป็น เน่อื งจากว่าผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันแต่ละชิ้นอาจไม่เหมือนกัน บางทีก็มีอายุการใช้งาน ส้ัน บางชิ้นก็มีอายุการใช้งานท่ีนานกว่า เป็นต้น ฉะนั้นจึงจาเป็นต้องอาศัย Frequency Distributions ของ การเสยี หรือไมท่ างานของผลติ ภัณฑน์ น้ั ๆ เพือ่ จะนาไปหาอายุการทางานของผลติ ภณั ฑต์ ่อไป 2. การใชง้ านหรอื การทางาน ยกตัวอย่างเช่น เครื่องทาความร้อนก็ควรที่จะให้ความร้อน ณ อุณหภูมิหนึ่ง เมื่อเปิดสวิทช์และหมุนไปที่ขีดอันหนึ่ง เป็นต้น และการใช้งานนี้จะต้องใช้ให้ถูกต้องด้วย คือ เครื่องทาความ ร้อนสาหรับใช้กับห้องๆ หนึ่งนั้น ถ้านาไปใช้ในที่โล่งแจ้งไม่มีขอบเขตก็คงไม่เกิดความร้อนที่ถูกต้องได้ อย่างนี้ เรียกว่าใช้ไม่ถูกต้องกับหนา้ ที่การทางานของผลิตภัณฑ์นั้น 3. ระยะเวลาหรืออายุ เป็นสิ่งจาเป็นท่ีจะต้องบอกกล่าวหรือกาหนดตัวอย่าง เช่น ชีวิตของมนุษย์เราน้ี ความแขง็ แรงสมบูรณ์ของรา่ งกายใน 1 ปี กับ 10 ปี ย่อมแตกต่างกันได้ ระยะเวลาอายุของผลิตภัณฑ์ก็เช่นกัน จึงจาเปน็ ตอ้ งบอกหรือกาหนดชวี ิตของผลติ ภัณฑ์ (Life span) เอาไว้ดว้ ย 4. สภาพแวดล้อม คอื สงิ่ ภายนอกหรือรอบนอกของผลิตภัณฑ์อันมีผลกระทบต่อความแข็งแรงคงทน และ ถ้าจะมองให้กว้างออกไปอาจรวมถึงการเก็บและการขนส่งผลิตภัณฑ์น้ันๆ อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น มอเตอร์ ไฟฟ้าสาหรับใช้ภายในอาคาร หากนาไปใช้ตากแดดตากฝนก็จะเสียหาย หรืออายุชีวิตการทางานผิดและ เปลี่ยนไป ความแข็งแรงคงทนนั้น ผู้ออกแบบพยายามให้มีความแน่นอนและออกแบบให้ค่าความเชื่อม่ันของ ผลิตภณั ฑ์น้ันสงู เพยี งพอ ซ่ึงค่านี้เป็นค่าที่ถูกกาหนดและเป็นเป้าหมายของผู้ออกแบบ (Inherent Reliability) แต่พอเวลานามาใช้งานผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมักจะไม่แข็งแรงหรือคงทนดังท่ีผู้ออกแบบต้องการนั้นคือ ค่าความ เช่ือมั่นของผลิตภัณฑ์ลดลงไป เรียกว่า ความเชื่อม่ันท่ีผลิตภัณฑ์บรรลุถึง (Achieved Reliability) ส่วนนี้มี สาเหตุเกิดจากการผิดปกติของส่วนสัดหรือกลไกของผลิตภัณฑ์โดยคาดไม่ถึง (Failure Mechanism) ถ้าเราทราบสาเหตุของการผิดปกติของกลไกนีแ้ ล้วแก้ไขเป็นผลสาเร็จได้ ค่าของความเชื่อมั่นที่ผลิตภัณฑ์บรรลุ ถงึ จะสงู ขึ้น และสามารถเท่ากับค่าความเชือ่ ม่นั ของผลติ ภณั ฑ์ที่ผู้ออกแบบต้งั กาหนดเปา้ หมายไว้ได้ 8.2 การหาความเชอ่ื ม่นั ของผลติ ภัณฑ์ ศุภชัย นาทะพันธ์ (2551) ผลิตภัณฑ์ (Product) ส่วนมากจะประกอบด้วยหลายส่วนประกอบ (Components) เช่น เคร่ืองซักผ้า ต้องมีอุปกรณ์สาหรับป่ันผ้าท่ีสามารถทนความร้อนและสารเคมี อุปกรณ์ ปรับความเร็วสาหรับการปั่นผ้าขณะซักและปั่นแห้ง อุปกรณ์ปรับอุณหภูมิน้า หรืออุปกรณ์ควบคุมระดับน้า เป็นต้น เม่ือพิจารณาความเชื่อมั่นของแต่ละส่วนประกอบ ส่ิงท่ีวิเคราะห์ได้จะเรียกว่า ความเชื่อม่ันของ ผลิตภัณฑ์ (Reliability of the Product) หรือความเชื่อม่ันของระบบ (System Reliability: Rs) วิธีการเพิ่ม ค่าของความเชื่อมั่นของระบบ เพ่อื ปกปอ้ งผลประโยชน์ให้ลูกค้าในการใช้งานผลิตภัณฑ์ สามารถทาได้โดยการ ออกแบบส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ การออกแบบให้ผลิตภัณฑ์มีส่วนประกอบหลายชิ้นส่วน จะทาให้
บทท่ี 8 ความเชอื่ มั่นของผลติ ภณั ฑ์ 467 ผลติ ภัณฑม์ ีโอกาสที่จะไม่ทางานเพมิ่ มากยง่ิ ขึน้ ส่วนประกอบทีม่ ผี ลกระทบต่อความเชื่อมนั่ ของระบบโดยรวมมี 3 รูปแบบ คือ ส่วนประกอบท่ีต่อกันแบบอนุกรม (Series) แบบขนาน (Parallel) และแบบผสม (Combination) 8.2.1 ผลติ ภัณฑท์ ่ีมีสว่ นประกอบยอ่ ยประกอบเป็นแบบอนุกรม หมายถึง ระบบที่ประกอบด้วยช้ินส่วนท่ีทาให้การทางานของระบบจะทาได้ก็ต่อเมื่อทุกๆ ช้ินส่วน ตอ้ งทางานได้ (พิชิต สุขเจรญิ พงษ์, 2541) โดยส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ (1, 2, 3, ....., n) ถูกประกอบเป็น แบบอนุกรม ดงั แสดงในรูปที่ 8.1 โดยท่ีแต่ละส่วนประกอบทางานเป็นอิสระต่อกัน แต่ถ้าส่วนประกอบส่วนใด เสีย กจ็ ะสง่ ผลกระทบต่อการทางานของทั้งระบบ กล่าวคือผลิตภัณฑ์จะไม่สามารถใช้งานได้ ความเช่ือม่ันของ ระบบอนุกรมสามารถหาได้ โดยการนาคา่ ความเชื่อมั่นของแต่ละสว่ นประกอบมาคูณกนั ดังสมการท่ี 8.1 สว่ นประกอบ 1 ส่วนประกอบ 2 ส่วนประกอบ 3 สว่ นประกอบ n R R R R 1 2 3 n รูปท่ี 8.1 ส่วนประกอบยอ่ ยประกอบเป็นแบบอนกุ รม Rs = R1 x R2 x R3 x …. x Rn ...(8.1) กาหนดให้ R1, R2, R3, ….Rn คอื ความน่าจะเป็นของส่วนประกอบท่ี 1, 2, 3, ...n ที่สามารถทางาน ได้ จากสมการที่ 8.1 พบว่าความเชื่อม่ันของระบบจะลดลงเมื่อจานวนของส่วนประกอบย่อยเพ่ิมข้ึน ดังนั้น การออกแบบผลติ ภัณฑ์โดยการลดส่วนประกอบย่อยจึงเป็นหนทางท่ีจะสามารถเพ่ิมค่าความเช่ือมน่ั ตัวอยา่ งที่ 8.1 เครื่องฉายภาพมี 5 สว่ นประกอบท่ตี ่อกันแบบอนุกรมคือ ส่วนประกอบ ก ข ค ง และ จ ความเช่ือมั่น เท่ากับ 0.985, 0.890, 0.985, 0.999 และ 0.999 ตามลาดับ จงหาค่าความเชอื่ มน่ั ของระบบเครอื่ งฉายภาพ วิธที า Rs = Rก x Rข x Rค x Rง x Rจ = (0.985)(0.890)(0.985)(0.999)(0.999) = 0.862 สรุปได้วา่ ระบบเคร่ืองฉายภาพน้ีมีค่าความเช่ือมั่นเท่ากบั 0.862
468 การควบคุมคุณภาพ 8.2.2 ผลิตภัณฑท์ มี่ ีส่วนประกอบย่อยประกอบเป็นแบบขนาน เมื่อส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ 1, 2, 3, ...n ถูกประกอบเป็นแบบขนาน ดังแสดงในรูปที่ 8.2 ถ้า ส่วนประกอบส่วนได้ส่วนหน่ึงเสีย จะไม่ส่งผลกระทบต่อการทางานของระบบ เนื่องจากผลิตภัณฑ์จะใช้ ส่วนประกอบอื่นท่ีต่อขนานอยู่กับระบบให้ทางานแทน ความเชื่อม่ันของระบบแบบขนานสามารถหาได้ ดังสมการท่ี 8.2 Rs = 1 – (1 –R1) x (1 –R2) x (1 –R3) x ..... (1 –Rn) ...(8.2) กาหนดให้ (1 –R1), (1 –R2), (1 –R3), ..... (1 –Rn) คือ ความน่าจะเป็นของส่วนประกอบท่ี 1, 2, 3, ...n ไม่สามารถจะทางานได้ จากสมการที่ 8.2 พบวา่ ความเชอ่ื มน่ั ของระบบจะเพ่ิมข้ึน เม่ือจานวนของส่วนประกอบย่อยเพิ่มขึ้น ดงั นัน้ การออกแบบผลติ ภัณฑ์โดยการเพิ่มสว่ นประกอบยอ่ ย จงึ เป็นหนทางท่ีจะสามารถเพม่ิ ค่าความเชือ่ มน่ั สว่ นประกอบ 1 R 1 ส่วนประกอบ 2 R 2 ส่วนประกอบ 3 R 3 สว่ นประกอบ n R n รูปท่ี 8.2 ส่วนประกอบย่อยประกอบเป็นแบบขนาน
บทที่ 8 ความเช่อื มน่ั ของผลติ ภณั ฑ์ 469 ตวั อยา่ งที่ 8.2 จากตัวอย่างท่ี 8.1 กาหนดให้ 5 ส่วนประกอบต่อกันแบบขนานคือ ส่วนประกอบ ก ข ค ง และ จ โดยมีค่าความเชื่อม่ัน ของแต่ละส่วนประกอบเท่ากับ 0.985, 0.890, 0.985, 0.999 และ 0.999 ตามลาดับ จงหาคา่ ความเชอื่ มั่นของระบบ วธิ ีทา Rs = 1- (1-Rก) (1-Rข)(1-Rค)(1-Rง) (1-Rจ) = 1 - (1-0.985)(1-0.890)(1-0.895)(1-0.999)(1-0.999) = 0.9999999999753 สรุปได้ว่า ความเชอื่ มน่ั ของระบบมีค่าประมาณ 1 ซ่งึ มีค่าความเชอื่ มั่นสงู มาก 8.2.3 ผลิตภณั ฑ์ท่ีมีสว่ นประกอบยอ่ ยประกอบเปน็ แบบผสม เมื่อส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ถูกประกอบเป็นแบบผสม หรือส่วนประกอบถูกประกอบเป็นแบบ อนุกรมและแบบขนาน ดงั แสดงในรูปท่ี 8.3 ความเช่อื ม่ันของระบบแบบผสมสามารถหาได้ ดงั สมการที่ 8.3 Rs = (R1, 2, 3) x (R5, 6) x (R4) ...(8.3) จากสมการที่ 8.3 พบว่าความเชื่อมั่นของระบบส่วนใหญ่จะประกอบด้วยแบบผสม และแบบขนาน ส่วนประกอบ 1 สว่ นประกอบ 5 สว่ นประกอบ 4 R R R 1 5 4 ส่วนประกอบ 2 สว่ นประกอบ 6 R R 2 6 ส่วนประกอบ 3 R 3 รปู ท่ี 8.3 ส่วนประกอบย่อยประกอบเป็นแบบผสม
470 การควบคมุ คุณภาพ ตวั อยา่ งท่ี 8.3 กาหนดให้ 6 ส่วนประกอบต่อกันแบบขนาน และแบบอนุกรม ดังแสดงในรูปท่ี 8.3 โดยมีค่าความ เชือ่ ม่ันของแต่ละสว่ นประกอบ เท่ากบั 0.900, 0.956, 0.982, 0.953 และ 0.953 ตามลาดับ จงหาค่าความ เช่ือม่ันของระบบ วิธีทา Rs = (R1, 2, 3) x (R5, 6) x (R4) = (1 – (1 –R1) (1 –R2) (1 –R3))(1-(1-R5)(1–R6))(R4) = 1 - (1- 0.900)(1 - 0.956)(1-0.982)) (1 – (1-0.953)(1-0.953)) (0.999) = 0.997 สรปุ ได้วา่ ความเชอ่ื มั่นของระบบมีค่าเทา่ กบั 0.997 8.3 เทคนคิ การเพิม่ ค่าความเช่ือมั่น ศุภชัย นาทะพันธ์ (2551) เทคนิคการเพิ่มค่าความเช่ือม่ันมี 4 เทคนิค คือ การออกแบบ การควบคุม กระบวนการผลติ การควบคุมการขนส่งสนิ คา้ และการบารงุ รกั ษา 1. การออกแบบผลิตภัณฑ์เป็นปัจจัยหน่ึงท่ีจะมีผลกระทบต่อความเชื่อม่ัน กล่าวคือการออกแบบ ผลติ ภณั ฑใ์ หม้ สี ่วนประกอบนอ้ ยจะทาใหผ้ ลติ ภัณฑ์มีค่าความเช่อื มั่นมาก เชน่ ถา้ ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์มี 40 ช้ิน โดยต่อแบบอนุกรม และแต่ละส่วนประกอบมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.990 แล้วค่าความเชื่อม่ันของ ระบบ จะมีค่าเทา่ กับ R40 = 0.99040 = 0.669 แตถ่ า้ ส่วนประกอบของผลติ ภณั ฑม์ ี 30 ชนิ้ แลว้ ค่าความเชื่อม่ัน ของระบบจะมีค่าเท่ากับ R30 = 0.99030 = 0.740 เป็นต้น การเพ่ิมค่าความเชื่อมั่นเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย สามารถทาได้ 2 วิธีคือ วิธีการเพ่ิมส่วนประกอบสารอง (Backup Component) เผ่ือว่าส่วนประกอบหลักตัว ใดเกิดไม่ทางาน ส่วนประกอบสารองจะเร่ิมทางานแทน ซึ่งเป็นแนวคิดของระบบที่มีส่วนประกอบย่อย ประกอบเปน็ แบบขนาน และวธิ ีการออกแบบเกนิ มาตรฐาน (Over Design) เช่น การเพมิ่ ระบบความปลอดภัย เพ่ือให้ผลิตภัณฑ์มีค่าความเชื่อม่ันมากขึ้น อาจทาได้โดยการเพิ่มขนาดของหน้าตัดของสายไฟให้ใหญ่กว่า มาตรฐาน เป็นตน้ 2. การควบคมุ กระบวนการผลิต โดยอาศัยเทคนิคการควบคุมคุณภาพพ้ืนฐานท่ีได้อธิบายในบทก่อนหน้า นี้ เน่อื งจากจะช่วยลดความเสย่ี งในการผลติ ผลิตภณั ฑ์ท่มี ีคา่ ความเชื่อม่ันต่า 3. การขนส่งสินค้า เป็นปจั จยั ที่สาคญั เพราะไมว่ ่าจะออกแบบหรือผลิตผลิตภัณฑ์ดี อย่างไรก็ตามถ้าขนส่ง ไมด่ ีกจ็ ะทาใหบ้ รรจุภณั ฑ์เสยี หายจนสง่ ผลกระทบถงึ ผลิตภณั ฑ์ ส่งผลให้ลูกคา้ จะขาดความเชอ่ื ถอื ในผลติ ภัณฑ์ 4. การบารุงรักษา เป็นอีกวิธีท่ีทาให้ความเช่ือม่ันเพิ่มข้ึนได้เช่นกัน โดยอาจประยุกต์สัญญาณเตือน เช่น ไฟเหลืองกระพริบ หรือเสยี งเตือนเมื่อส่วนประกอบของเครอื่ งยนต์ต้องการสารหล่อลนื่ เปน็ ต้น
บทที่ 8 ความเชอ่ื ม่ันของผลิตภณั ฑ์ 471 8.4 การแจกแจงความน่าจะเปน็ การแจกแจงความน่าจะเป็นที่ต้องประยุกต์ในการศึกษาความเชื่อมั่นของผลิตภัณฑ์ต้องเป็นแบบต่อเนื่อง ประกอบด้วย การแจกแจงแบบเลขช้ีกาลัง (Exponential Distribution) การแจกแจงปกติ (Normal Distribution) การแจกแจงไวบูลล์ (Weibull Distribution) ดงั แสดงในรปู ที่ 8.4 การแจกแจงแบบเลขชีก้ าลัง การแจกแจงแบบปกติ การแจกแจงแบบไวบลู ล์ f(t) = 1 e−t θ f(t) = 1 −(t−θ)2 β t β−1 e− t β θ 2π θ θ θ σ e 2σ2 f(t) = 1.0 0.5 1.0 f(t) f(t) f(t) 0.5 ������ = 0.5 ������= 0 ������ = 1 ������ = 1 ������ = 3.5 0θ t 0θ 0θ t t รูปที่ 8.4 การแจกแจงความน่าจะเปน็ ทีป่ ระยุกต์ในการศกึ ษาความเชอื่ มนั่ (ท่ีมา: ศภุ ชัย นาทะพนั ธ์ 2551) จากรปู ที่ 8.4 พารามิเตอร์ความชันของการแจกแจงไวบูลล์ (β) เป็นตัวท่ีแสดงถึงรูปทรงของการแจกแจง เชน่ ในกรณีท่ีค่า β เท่ากับ 1 รูปทรงของการแจกแจงจะเป็นการแจกแจงแบบเลขช้ีกาลัง พารามิเตอร์ θ ของ การแจกแจงความน่าจะเป็น คือ อายุเฉล่ียหรือเวลาเฉล่ียจนกระทั่งเสีย (Mean Lifeหรือ Mean Time to Failure: MTTF) ของผลิตภณั ฑ์ และ t คือ เวลาหรอื วฏั จักร เส้นโค้งความเช่ือมั่น (Reliability Curve) สาหรับการแจกแจงการแจกแจงแบบเลขช้ีกาลัง การแจกแจง ปกติ และการแจกแจงไวบลู ล์ เม่อื พจิ ารณาในรูปของฟังกช์ น่ั เวลา ดงั แสดงในรูปท่ี 8.5
472 การควบคมุ คุณภาพ การแจกแจงแบบเลขชก้ี าลงั การแจกแจงแบบปกติ การแจกแจงแบบไวบูลล์ R(t) = e−t θ t β t β−1 e− t β 1.0 θ θ θ R(t) = 1.0 − f(t)dt f(t) = 1.0 0 1.0 R(t) 0.5 R(t) 0.5 R(t0).5 ������ = 0.5 ������ = 3.5 ������ = 1 0t 0 t0 t รูปที่ 8.5 เส้นโคง้ ความเชือ่ ม่ันของการแจกแจงแบบต่างๆ (ที่มา: ศภุ ชัย นาทะพนั ธ์ 2551) ตัวอยา่ งที่ 8.4 จงหาค่าความเช่ือมั่นที่ t = 30 และ 50 ของตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ต้องการทดสอบ เมื่ออายุเฉลี่ยมีค่า เทา่ กับ 40 ชัว่ โมงสาหรบั อัตราการขัดขอ้ งทคี่ งที่ วธิ ที า R t = 30 = e- t/Ө = e- 30/40 R t = 50 = 0.472 = e- t/Ө = e- 50/40 = 0.287 ค่าความเชื่อมั่นจะมีค่าลดลงเม่ือเวลาเพิ่มสูงขึ้น ซ่ึงตรงกับกราฟลักษณะการแจกแจงแบบเลขช้ีกาลัง ในรูปท่ี 8.5
บทท่ี 8 ความเชื่อม่นั ของผลติ ภณั ฑ์ 473 ตวั อยา่ งท่ี 8.5 หลอดไฟยีห่ ้อหนึ่งขนาด 75 วัตต์ มีอายุเฉล่ีย 750 ชั่วโมง และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 50 ชั่วโมง จงหาคา่ ความเชื่อม่นั ที่จะใช้งานได้ 850 ชวั่ โมง R(t) ������(������) → ∞ t 750 850 วธิ ีทา Z = x - θ = 850 - 750 2.0 σ 50 จากตารางการแจกแจงปกตจิ ะได้ P(t) = 0.9772 R t = 850 = 1- P(t) = 1 - 09772 = 0.228 หรอื 2.28 % สรุปได้ว่า ความเช่ือม่ันที่จะใช้งานได้ 850 ช่ัวโมง มีค่าเท่ากับ 0.0228 หรือ 2.28% หรือถ้ามีหลอดไฟ 10,000 หลอด จะมีประมาณ 228 หลอด ทสี่ ามารถใช้งานไดไ้ มน่ ้อยกว่า 850 ชัว่ โมง
474 การควบคมุ คุณภาพ ตวั อย่างที่ 8.6 รปู แบบความขัดขอ้ งของแบตเตอรี่ชนิดหนึ่งมีการแจกแจงแบบไวบูลล์ โดยมีค่าความชันของการแจก แจง เทา่ กบั 4.2 และมอี ายเุ ฉล่ยี เท่ากบั 103 ช่ัวโมง จงหาค่าความเชื่อมนั่ ที่ 120 ชวั่ โมง วธิ ที า R t = 120 = e –(t/Ө) ß = e- (120/103)4.2 = 0.150 ในการพิจารถึงอายขุ องผลิตภัณฑ์ สามารถวิเคราะห์ได้จากเส้นโค้งอัตราความขัดข้อง (Failure Rate Curve) ดงั แสดงในรปู ที่ 8.6 สาหรบั การแจกแจงปกติ การแจกแจงไวบลู ล์ เมอ่ื พจิ ารณาในรูปของฟังก์ช่นั เวลา การแจกแจงแบบเลขชี้กาลัง การแจกแจงแบบปกติ การแจกแจงแบบไวบลู ล์ e− t−θ 2 σ2 λ= β t β−1 λ=1 θ ∞ 1 x−θ 2 λ= θ θ − 2 σ 1.0 t dx 1.0 3.0 ������ ������ ������ = 0.5 ������ = 3.5 ������ = 1 1 ������ 1.0 ������ 0 t 0 t0 t รปู ท่ี 8.6 เสน้ โค้งอตั ราความขดั ข้องของการแจกแจงแบบตา่ งๆ (ทม่ี า: ศภุ ชัย นาทะพันธ์ 2551) จากรูปท่ี 8.6 อัตราความขัดข้อง (λ) ย่ิงมีค่าน้อย ผลิตภัณฑ์ก็ย่ิงมีความเช่ือมั่นสูง ซึ่งสามารถประมาณ จากการทดสอบโดยการใชส้ มการที่ 8.4 λ = จานวนผลติ ภัณฑเ์ สียในระหวา่ งการทดสอบ/ผลรวมของเวลาทใี่ ชท้ ดสอบ =r …(8.4) t+ n-r T
บทที่ 8 ความเชอื่ ม่ันของผลิตภณั ฑ์ 475 กาหนดให้ r แทนจานวนผลติ ภณั ฑ์เสีย t แทนเวลา (อายุ) ของผลิตภัณฑก์ ่อนเสยี n แทนจานวนผลิตภณั ฑท์ ่ีทดสอบ T แทนเวลาทต่ี ้องการทดสอบ ตัวอย่างที่ 8.7 จงหาอตั ราความขัดขอ้ งและอายุเฉลีย่ สาหรบั ผลิตภัณฑ์หนึ่ง เมื่อทาการทดสอบ 9 ช้ิน ว่าสามารถใช้ งานได้ 22 ชวั่ โมงหรอื ไม่ ผลพบว่ามี 4 ชนิ้ ทส่ี ามารถทางานไดเ้ พยี ง 4, 12, 15 และ 21 ชั่วโมง ส่วนท่ีเหลือ สามารถทางานได้ 22 ช่ัวโมง วธิ ีทา อตั ราความขัดข้อง (λ) = r t+ n-r T =4 4 12 15 21 9 4 22 = 0.025 ชน้ิ ตอ่ ชว่ั โมง อายุเฉล่ีย ( θ ) =1 λ =1 0.025 = 40 ช่ัวโมง ในกรณีที่ต้องการหาอัตราความขัดข้องสาหรับผลิตภัณฑ์ เมื่อทาการทดสอบจนผลิตภัณฑ์ไม่สามารถ ทางานได้ หรือเมื่อกาหนดเวลาท่ีต้องทดสอบ แต่ขณะทดสอบมีบางผลิตภัณฑ์ไม่สามารถทางานได้ตาม กาหนดเวลา แล้วมีการแทนหน่วยทดสอบใหม่แทนท่ีอัตราความขัดข้องสามารถประมาณได้จากสมการที่ 8.5 โดยท่ี ∑t แทนเวลาทดสอบทง้ั หมด λ = r …(8.5) t
476 การควบคมุ คุณภาพ ตัวอย่างที่ 8.8 จงหาอัตราความขัดข้องสาหรับผลิตภัณฑ์หน่ึง เม่ือทาการทดสอบ 6 ช้ิน จนกว่าผลิตภัณฑ์จะไม่ สามารถทางานได้ผลการทดสอบ คอื 1,025 1,550 2,232 3,786 5,608 และ 7,918 ชว่ั โมง วิธีทา λ = r t =6 1,025 + 1,550+ 2, 232 + 3,786 + 5,608 + 7,918 = 0.00027 ดังนั้น อตั ราความขัดขอ้ งสาหรับผลิตภณั ฑ์หนึง่ จึงมีค่าเท่ากับ 0.00027 ช้ินตอ่ ชั่วโมง 8.5 การใช้ตวั แบบเลขชี้กาลังกบั ความเช่ือถือไดข้ องผลิตภณั ฑ์ จากฟังก์ช่ันความเชื่อมั่นของผลิตภัณฑ์ สามารถนามาใช้เพ่ือการออกแบบระบบ และคานวณความ นา่ เชอ่ื ถอื ได้ ดงั ต่อไปน้ี 1. ระบบอนกุ รม ถ้าระบบประกอบด้วยช้ินส่วน n ช้ิน ต่อกันอย่างอนุกรม โดยมีอัตราการขัดข้อง λ1, λ2, ..., λn จะได้ ความเชือ่ ม่ันอนกุ รม คือ R (t) = exp- n λi t …(8.6) i=1 ตวั อย่างที่ 8.9 กาหนดใหช้ นิ้ ส่วนหนง่ึ มีอัตราความขัดขอ้ ง 0.09 ครง้ั ต่อ 1,000 ชว่ั โมง จงหาความนา่ จะเปน็ ที่ชิ้นส่วน นี้ ใชง้ านได้จนถงึ 10,000 ชว่ั โมง วธิ ที า R(t) = e –(t/Ө) = e-0.09(10) = 0.407 ดังน้ัน ความนา่ จะเป็นทีช่ ้ินส่วนน้ีใช้งานไดเ้ ท่ากบั 0.407 หรอื 40.7%
บทท่ี 8 ความเชื่อมั่นของผลติ ภณั ฑ์ 477 ตัวอยา่ งท่ี 8.10 ระบบอนุกรมประกอบด้วยช้ินส่วน 4 ช้ิน ท่ีมีอัตราการขัดข้องต่อ 1,000 ช่ัวโมง เป็น 0.05, 0.06, 0.12, 0.08 จงหาอัตราความนา่ จะเปน็ ทรี่ ะบบทางานไดจ้ นถงึ 5,000 ชั่วโมง วธิ ีทา R(4) = e –(t/Ө) = e-(0.05+0.06+0.12+0.08)(5) = 0.212 ดงั นนั้ ความน่าจะเป็นท่ีระบบทางานได้ได้เท่ากับ 0.212 หรอื 21.2% ดังที่กล่าวมาสาหรับการแจกแจงแบบเลขช้ีกาลัง เวลาเฉล่ียระหว่างการขัดข้อง (Mean Time Between Failure: MTBF) ซ่ึงมีค่าเป็น 1/ λ สาหรับระบบอนุกรมประกอบด้วย n ช้ิน โดยแต่ละชิ้นส่วนเป็น λ1, λ2, ..., λn ดงั น้นั คา่ MTBF ของระบบอนกุ รม คือ MTBF = λ1+λ2 + ...+ λn 1 …(8.7) จากตัวอย่างที่ 8.10 ค่า MTBF ของระบบ คอื MTBF = [0.05+0.06+0.12+0.08]-1 = 3.225 ชัว่ โมง 2. ระบบขนาน สาหรบั ระบบขนาน ความน่าจะเป็นที่ระบบจะขัดข้องเมื่อประกอบด้วยช้ินส่วน n ช้ิน ที่มีอัตราการ ขดั ข้อง λ1, λ2, ..., λn คานวณได้ คอื R(t) = 1-(1-e- λ /t)n …(8.8) ซ่ึงคา่ MTBF ของระบบในกรณนี ้ี คอื MTBF = 1 1+ 1 + 1 +...+ 1 …(8.9) λ 2 3 n
478 การควบคุมคุณภาพ ตัวอยา่ งท่ี 8.11 ถา้ ผ้อู อกแบบระบบสามารถตัดสนิ ใจเลอื กวา่ จะใชช้ ้นิ สว่ นขนานกันก่ีชิ้น เม่ือกาหนดให้ชิ้นส่วนทุกช้ิน มอี ตั ราการขดั ข้องเท่ากันหมดคือ 0.05 คร้ังต่อ 1,000 ชั่วโมง จากสมการที่ 8.9 จะได้วา่ (พิชิต สุขเจรญิ พงษ์, 2541) วธิ ีทา n 1 2 3 4 5 6 MTBF (ช่ัวโมง) 20,000 30,000 36,666 41,666 45,666 48,944 จะเห็นว่าถ้าใช้ชิ้นส่วน 4 ช้ิน ขนานกันจะทาให้ค่า MTBF เพิ่มข้ึนประมาณ 2 เท่า คือ จาก 20,000 ช่ัวโมง เป็น 41,666 ช่ัวโมง ดังน้ันอัตราการเพิ่มข้ึนของ MTBF จะลดลงเมื่อเทียบกับอัตราการเพิ่มขึ้นของ จานวนชน้ิ ส่วน 8.6 รปู แบบของอตั ราความขดั ขอ้ ง ศภุ ชัย นาทะพนั ธ์ (2551) รปู แบบของความขดั ข้อง หรอื รูปแบบการเสยี ของผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ สามารถ นาเสนอได้ดว้ ยความสัมพันธ์ระหว่างอัตราความขัดข้องของผลิตภัณฑ์กับระยะเวลาของผลิตภัณฑ์ ดังแสดงใน รปู ท่ี 8.7 กราฟดงั กลา่ วเกิดจากการสมุ่ ผลิตภณั ฑม์ าทดสอบตามหลักสถิตเิ พือ่ ศกึ ษาความเช่ือม่ัน ซึ่งเส้นโค้งจะ มีลักษณะเหมือนกับอ่างน้า หรือเส้นโค้งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ช่วง คือ ช่วงการแก้ไข (Debugging Phase) ชว่ งอตั ราความขดั ขอ้ งคงที่ (Chance Failure Phase) และชว่ งความสึกหรอ (Wear-out Phase) ช่วงการแก้ไขหรือช่วงเริ่มต้น เป็นช่วงที่เกิดอัตราความขัดข้อง (Failure Rate: λ) ในระยะเวลาสั้นๆ เน่ืองจากผลิตภัณฑ์อยู่ในช่วงของการทดสอบก่อนการส่งมอบผลิตภัณฑ์ หรือผลิตภัณฑ์อยู่ในช่วงการ รับประกันสนิ ค้า ลกั ษณะของเสน้ โคง้ ชว่ งนีจ้ ะแปรตามชนิดของผลิตภัณฑ์การเกิดความขัดข้องสามารถอธิบาย ด้วยการแจกแจงไวบลู ล์ โดยทค่ี ่าพารามเิ ตอร์ β มีคา่ นอ้ ยกว่า 1 ชว่ งการแก้ไข ชว่ งอัตราความขดั ขอ้ งคงท่ี ช่วงการสึกหรอ λ t รปู ท่ี 8.7 ความสมั พันธร์ ะหวา่ งอตั ราความขัดขอ้ งกับระยะเวลา (ท่ีมา: ศุภชัย นาทะพันธ์ 2551)
บทที่ 8 ความเชอ่ื มน่ั ของผลติ ภณั ฑ์ 479 ช่วงอตั ราความขดั ขอ้ งคงที่ในรปู ท่ี 8.7 เป็นช่วงท่ีมีเส้นตรงอยู่ในแนวนอน โดยมีความขัดข้องเกิดขึ้นแบบ สุ่ม ซ่ึงตรงกับผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่แต่ก็มีบางผลิตภัณฑ์ที่อัตราความขัดข้องแปรผันกับเวลา และก็มีบาง ผลิตภัณฑ์ที่อัตราความขัดข้องแปรผกผันกับเวลา (ผลิตภัณฑ์ได้รับการปรับปรุงตลอดเวลา) การแจกแจงที่ใช้ อธิบายในช่วงความสัมพันธ์น้ีคือ การแจกแจงแบบเลขช้ีกาลัง และการแจกแจงไวบูลล์ที่มีค่า β เท่ากับ 1 แต่ ถ้าเส้นตรงมีความชันเป็นบวกหรือลบ ค่า β ก็จะมีค่ามากหรือน้อยกว่า 1 ตามลาดับ ความเช่ือม่ัน ณ เวลา t ของการแจกแจงแบบเลขช้ีกาลงั และการแจกแจงไวบูลลท์ มี่ คี า่ β เท่ากบั 1 หาได้จากสมการท่ี 8.10 R = et t ...(8.10) ในกรณีท่ีคา่ β ไม่เท่ากบั 1 ประยกุ ตส์ มการที่ 8.10 แทนสมการท่ี 8.11 R = et t β ...(8.11) ช่วงการสึกหรอ ซ่ึงเป็นช่วงสุดท้ายของกราฟ อัตราความขัดข้องเพิ่มข้ึนตามระยะเวลา โดยปกติจะใช้ การแจกแจงปกตอิ ธิบายชว่ งการสึกหรอนี้ อย่างไรก็ตามการแจกแจงไวบูลล์ที่มีค่า β มากกว่า 1 ก็สามารถใช้ อธิบายได้เช่นกัน จากรูปที่ 8.5 ความเชื่อม่ัน ณ เวลา t ของการแจกแจงปกติ การแจกแจงปกติหาได้จาก สมการที่ 8.12 t ...(8.12) Rt = 1- f(t) dt 0 t ค่า f(t) dt สามารถหาได้จากการเปิดตารางที่ ก-3 ของภาคผนวก ก. โดยที่พื้นที่ใต้เส้นโค้งปกติ คือ 0 ความนา่ จะเปน็ ของความขัดข้อง อย่างไรก็ตามยังมีบางผลิตภัณฑ์ท่ีมีรูปแบบของความขัดข้องไม่เหมือนกับรูป ที่ 8.7 ส่ิงสาคัญ คือ การเข้าใจถึงรูปแบบของความขัดข้อง และการแจกแจงความน่าจะเป็นทาให้วิเคราะห์ หรอื ทานายความเชอ่ื ม่นั ของผลิตภณั ฑ์ได้
480 การควบคุมคุณภาพ ตัวอยา่ งท่ี 8.12 จงสร้างรูปแบบความขัดข้องสาหรับผลการทดสอบ 1,000 ค่าของผลิตภัณฑ์หนึ่งๆ ตลอดวัฏจักรการ ทางาน ผลการทดสอบมดี งั ตารางที่ 8.1 ตารางท่ี 8.1 วฏั จกั รการทางานของผลิตภัณฑ์ จานวนวฏั จักร จานวนของเสีย 0-10 347 11-20 70 21-30 59 31-40 53 41-50 51 51-60 60 61-70 79 71-80 92 81-90 189 วธิ ีทา ผลการทดสอบข้างต้นสามารถหาค่าอัตราความขดั ข้องได้ดังน้ี จานวนวฏั จักร จานวนของเสีย จานวนที่ยงั ทางานได้ λ = r/∑t 0-10 347 653 347/(10)(1,000) = 0.035 11-20 70 583 70/(10)(653) = 0.011 21-30 59 524 59/(10)(583) = 0.010 31-40 53 471 53/(10)(524) = 0.010 41-50 51 420 51/(10)(471) = 0.011 51-60 60 360 60/(10)(420) = 0.014 61-70 79 281 79/(10)(360) = 0.022 71-80 92 189 92/(10)(281) = 0.033 81-90 189 0 189/(10)(189) = 0.10 ดังน้ันรูปแบบความขัดข้องสาหรับผลการทดสอบ 1,000 ค่าของผลิตภัณฑ์หนึ่งๆ ตลอดวัฏจักรการ ทางานพจิ ารณาได้ดงั กราฟต่อไปนี้
บทท่ี 8 ความเชอ่ื มั่นของผลิตภณั ฑ์ 481 λ 0.12 0.1 0.08 0.06 0.04 0.02 0 0-10 11-20 21-30 31-40 41-50 51-60 61-70 71-80 81-90 วัฏจกั ร ตัวอยา่ งที่ 8.13 ในการทดสอบอายุเวลาของสวิตซ์ไฟฟ้า 200 อัน ให้ผลดังแสดงในตารางที่ 8.2 จงเขียนกราฟแสดง ความถ่ี ตารางที่ 8.2 การทดสอบสวิตซไ์ ฟฟ้า จานวนคร้งั ทท่ี างาน จานวนสวติ ช์เสยี จานวนครง้ั ทที่ างาน จานวนสวิตช์เสีย 1,000 20 9,000 9 2,000 18 10,000 8 3,000 16 11,000 7 4,000 14 12,000 6 5,000 13 13,000 6 6,000 12 14,000 5 7,000 11 15,000 5 8,000 10 16,000 4 วิธีทา กราฟแสดงความถ่ีที่ได้มีลักษณะการแจกแจงแบบเลขชี้กาลัง เน่ืองจากอัตราความขัดข้องมีค่าคงที่ ประมาณ 0.10 เชน่ 20/200, 18/180, 16/162, … ตา่ งมคี ่าเขา้ ใกล้ 0.10
482 การควบคุมคุณภาพ จานวนสวิตซ์ทเ่ี สยี จานวนครัง้ ท่ีทางาน 8.7 กจิ กรรมการควบคมุ ค่าความเชอ่ื มนั่ ความเชื่อม่ันถูกรวมเข้ากับระบบการควบคุมคุณภาพ มีส่วนเก่ียวข้องที่สาคัญ เช่น ความแปรปรวนของ กระบวนการ เวลา สภาพแวดล้อมการทางาน และลูกค้า เป็นต้น กิจกรรมของความเช่ือม่ันในระบบนี้ แบง่ ออกเปน็ 1. การกาหนดขดี ความเชอ่ื มั่นของผลติ ภัณฑ์ 2. กาหนดจัดวางโปรแกรม เพื่อให้ได้ตามความต้องการรวมถึงกรรมวิธีการผลิต การออกแบบผลิตภัณฑ์ การเก็บรักษา และการควบคุมคุณภาพ 3. ตดิ ตาม และควบคมุ เพือ่ ใหโ้ ปรแกรมท่ีวางไว้ดาเนินไปดว้ ยความเรยี บร้อย 4. วิเคราะหค์ ่าความเชอื่ มนั่ ท่ไี ด้แลว้ เปรยี บเทยี บกบั เปา้ หมายทวี่ างไว้ กิจกรรมการจดั และควบคุมงานความเชือ่ ม่ัน กาหนดขีดความ กาหนดโครงงาน ควบคุมโครงงาน วเิ คราะหค์ ่าความ เช่อื ม่นั เช่อื ม่นั รูปท่ี 8.8 แสดงถงึ ความเก่ียวโยงของกจิ กรรมสี่อยา่ ง (ท่มี า: ศรีไร จารุภิญโญ, 2540)
บทท่ี 8 ความเช่ือมนั่ ของผลติ ภณั ฑ์ 483 สาหรับข้อ 1, 2 และ 4 จาเป็นสาหรับกิจการใหม่ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ส่วนข้อ 3 จาเป็นสาหรับการ ควบคุมผลิตภณั ฑโ์ ดยท่ัวไป 8.7.1 การกาหนดความเชื่อม่ันของผลิตภณั ฑ์ โดยปกติการออกแบบผลิตภัณฑ์จะต้องตั้งมาตรฐานอายุเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ต่ังแต่เริ่มต้นผลิต จนกระทั่งผลิตภัณฑ์เสียหรือหมดอายุ รวมไปถึงเป้าหมายอ่ืนที่เก่ียวกับความเชื่อม่ันของผลิตภัณฑ์ แต่ควร ทราบว่าการเพิ่มค่าความเชื่อม่ันของผลิตภัณฑ์จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหน่ึงที่สูงข้ึน ย่อมส่งผลให้เกิดต้นทุน ค่าใช้จ่ายในการดาเนินการตามมาด้วย การจัดการเรื่องนี้จะต้องมีมาตรฐานหรือการวัดผลจากกระบวนการ ผลิตตามความเป็นจริง ไม่ใช่เป็นการกาหนดตามความคิดเห็นของเองโดยไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานในการ อ้างอิง ซ่ึงอุปสรรคส่วนใหญ่ก็คือการไม่ระลึกถึงตามข้อมูลข้อเท็จจริง ส่งผลให้ค่าความเชื่อมั่นท่ีต้ังข้ึนน้ีเกิด ผิดพลาดขึน้ ตามมา ศรีไร จารุภิญโญ (2540) ค่าความเช่ือม่ันจึงแบ่งออกเป็นค่าในปัจจุบันท่ีผู้ผลิตกระทาอยู่หรือเคย กระทามาแล้ว กับค่าใหม่ที่ต้องวิเคราะห์และทดสอบซึ่งมักจะเก่ียวกับผลิตภัณฑ์ท่ีเกิดข้ึนหรือออกแบบใหม่ ในการผลิตช้ินส่วนต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ยังจะต้องทราบให้เป็นท่ีแน่ชัดว่าช้ินส่วนใดท่ีเป็นจุดอ่อนและเสียง่าย ที่สุดท่ีจะต้องทาการแก้ไข และค่าความเช่ือมั่นของผลิตภัณฑ์จะสูงขึ้นได้โดยความชานาญของคนงานและ เทคนิคเลก็ ๆ น้อยๆ ของกรรมวิธกี ารผลิตดว้ ย การออกแบบผลติ ภณั ฑโ์ ดยทัว่ ๆ ไปควรพยายามไม่ให้สลับซับซ้อน เพราะจะก่อให้เกิดความยุ่งยาก ในการแก้ไขปรับปรุงค่าความเช่ือม่ันเมื่อต้องการ ถ้าหากการออกแบบผลิตภัณฑ์ไม่สลับซับซ้อนเราก็สามารถ บรรลถุ งึ ค่ามาตรฐานท่ีกาหนดได้โดยส้นิ เปลอื งน้อยลง 8.7.2 การวางโครงงานเพื่อให้เกิดความเชอ่ื ม่ันท่ตี ้องการ การบรรลุค่าความเช่ือมั่นที่ต้องการได้น้ีเก่ียวกับ กรรมวิธีการผลิต การออกแบบ และการควบคุม คณุ ภาพ ซึง่ ผูอ้ อกแบบตอ้ งแสดงถึงสว่ นประกอบ ขนาดของผลิตภัณฑ์ หรือกรรมวิธีการผลิต โดยหลักการต้อง อยู่ภายใต้เงือ่ นไขทางเศรษฐศาสตร์ และต้องเข้าใจถึงหน้าที่ของผลิตภัณฑ์ว่าจะเอาไปใช้งานอะไรบ้าง วิศวกร ผู้ออกแบบตอ้ งเร่มิ คิดถงึ การจดั ลาดบั หรือการจัดวางชนิ้ สว่ นประกอบให้ดี อีกทั้งต้องทราบค่าความเชื่อมั่นของ ส่วนประกอบช้นิ ต่างๆ หากชิ้นใดไมท่ ราบค่าก็ตอ้ งทาการทดสอบ โดยพยายามหลีกเลี่ยงหรือใช้จานวนให้น้อย ทั้งน้ีอาจตอ้ งทาการออกแบบใหม่ก็ได้ อีกวิธีหนึ่งก็คือทาการออกแบบช้ินส่วนทดแทน เม่ือชิ้นส่วนที่หน่ึงเสียก็ ใหส้ ่วนทีเ่ กนิ เข้าทาหนา้ ที่แทนได้ ศรีไร จารุภิญโญ (2540) เม่ือเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีสาเร็จก็ต้องทาการทดสอบความเช่ือม่ันกันอีก ซึ่งจะ พบข้อบกพร่องต่างๆ เวลาใช้งานจริงอันทาให้คาความเชื่อมั่นค่าความเช่ือมั่นของผลิตภัณฑ์ลดลงไป อาจจาเปน็ ตอ้ งกบั มาแก้ไขการออกแบบกันอีกคร้ังหนึ่ง เพ่ือทาให้บรรลุถึงค่ามาตรฐานที่วิศวกรผู้ออกแบบวาง เอาไว้นั้นได้ โดยเฉพาะในงานประกอบยิ่งจานวนชิ้นส่วนประกอบมีมากปัญหาของค่าความเชื่อม่ันของ ผลิตภัณฑก์ จ็ ะมากตามไปด้วย เมอ่ื ค่าความเชือ่ มน่ั สูงมากเช่นนี้การทดสอบก็จะส้ินเปลืองและต้องทดสอบเป็น จานวนมาก กรรมวิธีการผลิตจะต้องละเอียดและแม่นยา ส่งผลให้การออกแบบก็จะต้องมีเรื่องที่สาคัญ คือ ค่าส่วนเกิน (Design Margin) ลดอัตราการใช้งาน (Rerating) และหาจานวนชิ้นส่วนเกินไว้ทดแทน (Redundancy) เม่ือเกิดมีการเสียหายข้ึนนอกเหนือไปจากนี้ก็จะติดตามมาถึงเร่ืองกรรมวิธีการผลิต และการ ขนสง่ ในทีส่ ุด
484 การควบคมุ คุณภาพ 8.7.3 คา่ ส่วนเกินของการออกแบบผลิตภัณฑ์ ค่าส่วนเกินในการออกแบบมีความสาคัญต่อค่าความเช่ือมั่นของผลิตภัณฑ์เป็น อย่างมาก เน่ืองจากว่าอาจมีสาเหตุที่คาดไม่ถึงทาให้ไม่สามารถทราบค่าตัวเลขท่ีแน่นอน เกิดจากความไม่แน่นอนของ คุณสมบัติของวสั ดุที่ใช้ หรอื ความไม่แน่นอนของกรรมวธิ ีการผลติ ดงั น้นั จึงต้องมีการกาหนดค่าส่วนเกินไว้ก่อน เพอื่ ปอ้ งกนั ความผดิ พลาดหรอื ความแปรปรวนในกระบวนการผลติ ศรีไร จารุภิญโญ (2540) สาหรับความไม่แน่นอนหรือความเปลี่ยนแปลงน้ี ในผลิตภัณฑ์เราวัดค่า ออกมาเป็นค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ซ่ึงคิดออกมาเป็นค่าซิกมา (δ, Sigma) การ ออกแบบจะต้องให้มีค่าความเช่ือมั่นที่เพียงพอสาหรับส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน 6 ซิกมา ระหว่างค่าความ แขง็ แกรง่ ต่าสดุ กับค่าสูงสดุ เปน็ ตน้ ดว้ ยเหตนุ ี้เราจึงต้องทราบค่าทั้งสองท่ีกล่าวแล้วนั้น และจะต้องเป็นค่าที่แม่นยา ซึ่งมักจะได้รับการ ทดลองจากสภาพแวดลอ้ มที่ถกู ต้องและเป็นจริงเพ่ือใหค้ ่า 6 ซิกมาที่ใชน้ น้ั ถกู ต้องด้วย คา่ ความหนดื 1 2 3 ระดับความหนดื ท่ีกาหนด จานวนการทดสอบ รปู ท่ี 8.9 การทดสอบค่าความหนดื ของผลติ ภณั ฑ์ (ทม่ี า: ศรีไร จารุภญิ โญ, 2540) ส่ิงจาเป็นดังกล่าวคือ กรรมวิธีการผลิต ผู้ออกแบบจะต้องศึกษาเร่ืองกรรมวิธีการผลิตให้ละเอียด ท่ีสุด เพราะกรรมวิธีการผลิตจะไปเปลี่ยนแปลงค่าความเช่ือมั่นของผลิตภัณฑ์ท่ีผู้ออกแบบได้ตั้งเป้าหมายไว้ หรอื ขนาดผิดไปจากส่วนประกอบเดิม เป็นต้น เร่ืองกรรมวิธีการผลิตนี้มีส่วนสาคัญมากเฉพาะอย่างยิ่งสาหรับ ผลติ ภณั ฑ์ เช่น ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ต่างๆ ช้ินส่วนยานยนตร์ หรือชิ้นส่วนอุปกรณ์ท่ีมีความสัมพันธ์กับความ ปลอดภยั เป็นต้น 8.7.4 การลดอตั ราการใช้งาน ศรีไร จารุภิญโญ (2540) เทคนิคอกี อยา่ งหน่งึ ทจี่ ะไปเสริมคา่ สว่ นเกินในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ได้ กล่าวมาแล้วคือ ลดอัตราการใช้งาน อันจะทาให้ผลิตภัณฑ์ไม่ถูกใช้งานหนักเท่าที่ผู้ออกแบบคิดไว้ ยกตัวอย่าง เช่น ความต้านทานไฟฟ้า 3,000 โอห์ม ตัวหน่ึงซึ่งแต่เดิมใช้สาหรับที่อุณหภูมิ 70๐C และกาลังไฟฟ้า 1 วัตต์ ถ้าถูกนาไปใช้งานท่ีอุณหภูมิ 60๐C และกาลังไฟฟ้า 0.5 วัตต์ ก็จะทาให้ความต้านทานไฟฟ้าตัวนั้นสามารถ คงทนต่อการใช้งานในอายุท่ีกาหนดอย่างสบาย และการเปลี่ยนแปลงใดๆ ท่ีได้คาดหมายน้ันก็ลดลงไป หรือ อาจไมม่ ีขึน้ ได้
บทท่ี 8 ความเชือ่ ม่ันของผลิตภณั ฑ์ 485 8.7.5 การหาชนิ้ สว่ นเกนิ ไวท้ ดแทน ศรีไร จารุภิญโญ (2540) การหาช้ินส่วนประกอบเพ่ือไว้ทดแทนกันเมื่อช้ินส่วนหนึ่งเกิดเสียขึ้น เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทาให้ค่าความเช่ือม่ันของผลิตภัณฑ์ดีข้ึน ตัวอย่างเช่น จุกยางหูฟัง ยางอะไหล่ยนต์ เป็นต้น สาหรบั เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเลคทรอนิกส์ ก็ออกแบบให้ชิ้นส่วนเป็นอะไหล่ต่อภายในวงจร และจะทางานแทนที่ได้ ทันทีเมือ่ ชิ้นส่วนหน่งึ เกิดเสยี โดยมีสวิตชอ์ ัตโนมตั ิตอ่ อยู่ โดยปกติแล้ววิธีนี้อาจจะไม่จาเป็น และจะไม่นามาใช้ในการออกแบบเพื่อให้ได้ค่าความเช่ือม่ันที่ ต้องการ เพราะจะต้องคานึงถึงเร่ืองน้าหนัก (ในกรณีที่ผลิตภัณฑ์นาไปใช้กับเครื่องบินหรือยานอวกาศ) นอกจากน้รี าคาและการบารุงรักษาก็สูงขึ้นด้วย ในบางกรณีอาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างชิ้นส่วนประกอบอะไหล่นี้ กับชน้ิ สว่ นอ่นื ๆ ในระบบหรือวงจรเดียวกนั 8.7.6 กรรมวธิ ีการผลติ ศรีไร จารุภิญโญ (2540) เป็นความจริงท่ีกล่าวไว้ว่าเม่ือมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดย่อม จะตอ้ งมกี รรมวธิ ผี ลิตท่ีดีที่สุดด้วย กรรมวิธีการผลิตน้ัน หมายถึง เครื่องมือเครื่องจักรและวิธีการท่ีใช้ผลิตด้วย ค่าความเชื่อมั่นของผลิตภัณฑ์ท่ีออกแบบไว้จะบรรลุถึงได้ก็ย่อมข้ึนกับกรรมวิธีการผลิต เมื่อต้องการให้ ผลติ ภัณฑม์ คี ่าความเชือ่ มัน่ สูงขึ้น ก็ต้องทาการออกแบบเสียใหมห่ รอื เปลี่ยนวธิ กี ารผลติ หรอื ท้ังสองอยา่ ง วิธีการผลิตของแต่ละโรงงานอุตสาหกรรมจึงมีความสาคัญย่ิง และผู้ที่อยู่ฝ่ายผลิตจึงนับว่าเป็นผู้ที่ สาคัญที่จะช่วยให้คุณภาพหรือความเช่ือม่ันของผลิตภัณฑ์ที่โ รงงานทาการผลิตอยู่น้ันก้าวหน้าได้ไกลที่สุด ซ่ึงวิธีการผลิตอย่างเดียวยังไม่เป็นการเพียงพอ เพราะยังต้องขึ้นอยู่กับสิ่งท่ีเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เช่น การเช่ือมส่วนประกอบต่างๆ ในวงจรวิทยุหรืออิเลคทรอนิกส์จะให้ผลดีที่สุดจะต้องใช้อุณหภูมิท่ีถูกต้อง เท่านัน้ ด้วยเหตุผลดงั กลา่ วในโรงงานอุตสาหกรรมจึงต้องทาการคน้ คว้าวิจัยวิธีการ หรือกรรมวิธีการผลิต และ ทาการทดลองทดสอบผลอยู่เสมอ 8.7.7 การบรรจหุ ีบหอ่ และการขนสง่ ศรไี ร จารุภญิ โญ (2540) ถงึ แม้ว่าการออกแบบและการผลิตจะดีมากเพียงไรก็ตาม ถ้าการบรรจุหีบ หอ่ และการขนสง่ ไม่มคี ุณภาพแล้ว ผลิตภัณฑ์จะเสยี คา่ ความเช่ือม่ันได้ในทันที ดังน้ันผู้ผลิตหรือเจ้าของโรงงาน อุตสาหกรรมจึงควรถือเร่ืองนี้เป็นเร่ืองสาคัญที่สุดเร่ืองหนึ่ง และควรมีผู้ชานาญในการออกแบบและบรรจุหีบ ห่อ แม้ว่าโรงงานยังไม่มีขนาดใหญ่เพียงพอท่ีจะจ้างผู้ชานาญในเรื่องน้ีไว้ แต่ก็ควรจะจัดให้มีผู้รับผิดชอบใน เรอ่ื งน้ี ซง่ึ มหี น้าท่ีตดิ ตอ่ กับชานาญในการบรรจุอีกทหี น่ึง ถา้ การออกแบบหีบห่อเสร็จเรียบร้อย ก็ควรทาการทดสอบให้เหมือนกับการขนส่งที่แท้จริงโดยการ ใช้แรงกระแทก ความส่ันสะเทอื น และแรงกดอดั ต่างๆ เชน่ เดียวกับที่ผลิตภัณฑน์ ้ันๆ จะได้รับหรือถ้าหากว่าจะ ทาการขนส่งเป็นตวั อย่างทคี่ วรตอ้ งใช้เส้นทางและพาหนะท่ีขนส่งอยา่ งเดียวกนั ทุกประการ
486 การควบคมุ คุณภาพ 8.7.8 การทดสอบและประเมนิ ค่าความเชื่อมั่นของผลติ ภณั ฑ์ ศรีไร จารุภิญโญ (2540) ดังท่ีได้ทราบถึงความเก่ียวข้องระหว่างส่ิงต่างๆ กับค่าความเชื่อม่ันของ ผลิตภัณฑ์ ฉะนั้นการทดสอบในเร่ืองกรรมวิธีการผลิตและการขนส่งก็ควรจะต้องให้เสร็จสิ้น และได้ผล ท่ี ถูกต้อง สาหรับการทดสอบผลติ ภัณฑ์กค็ วรทจี่ ะทาการทดสอบจนกระท่ังผลิตภัณฑ์นั้นเสีย หรือใช้การไม่ได้ ซึง่ จะทาให้ทราบผลอย่างแน่ชัดว่าส่วนประกอบสว่ นใดทเี่ สียหรือเปน็ สาเหตุของการเสียนั้นๆ และทราบถึงการ แจกแจงความถี่ (Frequency of Distribution) ของการเสยี และเวลาดว้ ย สาหรับผลิตภัณฑ์ที่มีราคาแพงมาก และเมื่อทดสอบจนเสียแล้วก็ไม่สามารถนากลับมาแก้ไขให้ใช้ การได้อีกต่อไป ก็ควรจะใช้จานวนตวั อยา่ งนอ้ ยและระยะเวลาให้สนั้ ซ่งึ กระทาได้โดยแบบเร่งรัด คือ ให้ทางาน เพิ่มหนักกว่าการทางานปกติ และอาจหยุดการทดสอบก่อนท่ีผลิตภัณฑ์จะชารุดหรือเสียจนใช้การไม่ได้ แต่ อย่างไรกต็ ามการทดสอบแบบเรง่ รดั กค็ วรจะให้มคี วามสัมพันธก์ ับการใช้งานจริงของผลิตภณั ฑน์ ้ดี ว้ ย 8.7.9 ระบบการควบคุม ศรีไร จารุภิญโญ (2540) เม่ือได้มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่และทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมท่ีจะ ดาเนินการผลิตแล้ว การควบคุมกระบวนการจึงเป็นส่ิงที่จาเป็นท่ีสุด เพราะในการผลิตน้ันถึงแม้เราจะต้ังค่า มาตรฐานความเชื่อม่ันไว้แล้ว แต่อาจมีสาเหตุที่ทาให้การผลิตไม่สามารถจะบรรลุถึงค่าที่กาหนดไว้ได้ การเปล่ยี นแปลงปกตนิ ั้นย่อมเกิดขึ้นได้เสมอในทุกกระบวนการผลิต แต่สาหรับความผิดปกติท่ีไม่ทราบสาเหตุ หรอื คาดการณไ์ ว้ไม่ถงึ นน้ั จะทาใหค้ า่ ความเชือ่ มั่นของผลติ ภณั ฑ์ผดิ ไปอยา่ งมากมาย เทคนิคทางวศิ วกรรมควบคุมวิธี จะช่วยให้ได้ทราบถึงแนวทางของการเปล่ียนแปลงในกระบวนการ ผลิตต่างๆ โดยแผนภมู ิของการควบคุม (Control Chart) จะมีความสาคัญและต้องถูกนามาใช้ในกระบวนการ ผลิตท่ีได้รบั การควบคมุ เราสามารถจะแก้ไขหรือทราบถึงการเปล่ียนแปลงในอนาคต ถ้ากระบวนการผลิตใดที่ ไมไ่ ดร้ ับการควบคมุ หรอื ควบคมุ ไม่ได้แล้วก็ยากท่จี ะแกไ้ ขไดแ้ ละไมส่ ามารถทราบเหตุการณ์ใดๆ ที่จะเกิดข้ึนใน กรรมวิธีน้ันเลย ค่าความเชื่อมั่นจะบรรลุถึงมาตรฐานท่ีต้องการได้ก็ต่อเมื่อผลิตภัณฑ์ในกระบวนการผลิตนั้นๆ ได้รบั การควบคมุ กรรมวิธีของการผลิตโดยทั่วไปอาจทาให้ผลผลิตเสียหายได้ เนื่องจากการสึกหรอของเคร่ืองมือ การเปลี่ยนแปลงหรือเจือจางของเคมีภัณฑ์ต่างๆ อุณหภูมิ และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ดังน้ันแผนภูมิการควบคุม ค่าเฉล่ียและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( x Chart และ S Chart) จะบอกให้ทราบถึงการเปล่ียนแปลง เหลา่ น้นั และสามารถทาการแกไ้ ขไดท้ นั ทว่ งที หน้าท่ีของผู้ควบคุมกระบวนการผลิตอย่างหนึ่งก็คือ หาวิธีการป้องกันท่ีดี และการตรวจค่าความ เช่ือมั่นของผลิตภัณฑ์เม่ือผลิตภัณฑ์เสร็จออกมาก่อนจะถูกส่งออกไปยังลูกค้าของตน แม้ว่าโรงงาน อุตสาหกรรมจะวางแผนในการออกแบบ กรรมวิธี การบรรจุ การขนส่ง หรือการทดสอบจนเป็นที่พอใจ เรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่เมื่อถึงเวลาผลิตเพื่อส่งจาหน่ายออกจริงๆ ก็ต้องทดสอบหาค่าความเช่ือม่ันผลิตภัณฑ์ อีกคร้งั หนึ่งก่อนส่งออกไป เพราะปัจจัยต่างๆ ที่จะทาให้เกิดการเสียหายเปล่ียนแปลงต่อผลิตภัณฑ์ของเราน้ัน ยอ่ มอาจเกิดขน้ึ ขณะใดขณะหนงึ่ โดยทไ่ี ด้ควบคุมกระบวนการผลติ เอาไวแ้ ลว้ เรียกวา่ การทดสอบผลสดุ ท้าย
บทท่ี 8 ความเชอื่ ม่นั ของผลิตภณั ฑ์ 487 8.7.10 การวเิ คราะห์ความเชื่อมน่ั ในผลติ ภณั ฑ์ ในเรื่องความเช่ือมั่นในผลิตภัณฑ์ควรจะต้องมีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซ่ึงจะเป็น ประโยชน์ต่อการผลิตในอนาคตสาหรับผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันนี้ได้ด้วย และสามารถสรุปสาเหตุการวิเคราะห์ ความเชอ่ื ม่นั ในผลิตภณั ฑ์ (ศรไี ร จารภุ ิญโญ, 2540) ดังต่อไปนี้ 1. ค่าความเช่อื ม่นั ของผลิตภณั ฑใ์ นปจั จุบนั ยังคงตอ้ งปรับปรงุ 2. การที่ผลิตภัณฑ์นัน้ ๆ เสียหายก่อนหรอื เรว็ เกนิ ไปก่อใหเ้ กดิ การส้ินเปลืองอยา่ งมาก 3. คา่ บารุงรักษา และคา่ ซ่อมแซมระหว่างอายกุ ารทางานปกติของผลิตภณั ฑ์สงู มาก 4. ผลติดตามอนั เนอ่ื งมาจากการเสียหายอืน่ ขาดรายได้ ความไม่สะดวกต่างๆ และความปลอดภัย ท่ีคาดไมถ่ งึ ของผลิตภัณฑ์ เชน่ ชวี ติ ทรพั ยส์ นิ เป็นตน้ 5. มีคแู่ ข่งทาให้ต้องปรับปรงุ คา่ ความเช่อื มน่ั นใี้ หส้ งู ข้ึน 6. ลูกค้าหรือผู้บริโภคไม่พอใจ และต้องการให้ผู้ผลิตปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดีข้ึนเรื่องต่างๆ ทเี่ ก่ยี วกบั การวิเคราะห์ ดังนี้ (1) โครงการปรบั ปรงุ และวจิ ยั โดยท่ัวไปจะมีกรณีน้อยมากที่จะต้ังโครงการปรับปรุงและวิจัยท่ี สิ้นเปลืองเงินสูง เพื่อจะทาให้ผลิตภัณฑ์มีค่าความเชื่อม่ันสูงข้ึนอีกเล็กน้อย ในทางปฏิบัติที่เหมาะสมท่ีสุดใน การปรับปรุงค่าความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ก็โดยที่ฝ่ายบริหารโรงงานจะกาหนดให้มีผู้รับผิดชอบ และพยายาม ปรับปรงุ โดยทวั่ ไปทง้ั ด้านเทคนิคและบคุ คลท่ีเกี่ยวขอ้ งในการผลิตทั้งหมดใหด้ ีทีส่ ดุ เท่าทจ่ี ะกระทาได้ (2) ทดสอบเพื่อประเมินผล เรื่องน้ีมีความสาคัญทั้งในการควบคุมและปรับปรุงค่าความเช่ือมั่น ของผลิตภัณฑ์ แต่การทดสอบต่างๆ ก็ควรจะคานึงถึงระยะเวลาด้วย เนื่องจากบางครั้งผลิตภัณฑ์อาจหมด ความทันสมัยไปเสียก่อนท่ีจะได้ทาการปรับปรุงค่าความเชื่อม่ันน้ีเสียอีก ฉะน้ันแทนท่ีจะใช้จานวนผลิตภัณฑ์ โดยทัว่ ๆ ไปจานวนนอ้ ยทาการทดสอบในระยะเวลานาน เรากเ็ พ่ิมจานวนผลติ ภณั ฑ์ที่นามาทดสอบให้สูงขึ้นแต่ ใช้เวลาในการทดสอบสั้นลง หรืออีกแบบหน่ึงโดยทาการทดสอบต่อเนื่องกันไปอย่างไม่หยุดซึ่งเรียกว่า การ ทดสอบแบบเร่งรัด (3) ทดสอบให้ผลิตภัณฑ์ทางานหนักเกินปกติ การทดสอบการทางานของผลิตภัณฑ์แบบน้ีก็ ควรจะดวู ่ามีความเป็นไปได้หรือไม่และมากน้อยเพียงใด การทดสอบโดยเพิ่มความตึงเครียดในการทางานของ ผลติ ภณั ฑ์ และการดจู ุดแตกหัก (Breaking Point) เมื่อมีการเสียเกดิ ข้นึ ภายในระยะเวลาอันสั้นได้ แต่การท่ีให้ ผลติ ภณั ฑท์ างานเกินปกติก็ต้องมขี ดี จากดั เพราะถ้าเลยขีดน้ีจะก่อให้เกิดความเสียหายหรือเกิดสาเหตุอื่นที่ทา ให้คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์เปล่ียนไป ยังมีผลิตภัณฑ์อีกจานวนมากชนิดที่จะทดสอบหรือประเมินหาค่าความ เช่ือม่นั แบบนไ้ี มไ่ ด้ หรอื ได้คา่ ท่ผี ดิ พลาดจากความเป็นจรงิ (4) ความสัมพันธ์ของการทดสอบท่ีขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานจริงของผลิตภัณฑ์ เรื่องน้ีจะต้อง มีความสมั พนั ธ์และคล้ายคลงึ กันทีส่ ดุ ถา้ หากเกิดความแตกต่างจากความคาดหมายที่ผู้บริโภคซื้อผลิตภัณฑ์ไป ใช้แล้ว ก็ตอ้ งเปลยี่ นการทดสอบเสยี ใหม่ มิฉะนั้นผลการทดสอบกไ็ มม่ ีความหมาย และไม่ได้ความจริงใจในการ ประเมนิ เพือ่ หาค่าความเชอื่ มัน่ ของผลิตภณั ฑ์ (5) ประสิทธิภาพของการทดสอบ การทดสอบหาค่าความเช่ือม่ันจะส้ินเปลืองค่าใช้จ่ายสูงมาก ระยะเวลาท่ีใช้ ค่ากระแสไฟฟา้ ท่ีใช้ หรือปัจจัยอย่างอ่ืนก็มากตามไปด้วย และบางทียังต้องสูญเสียผลิตภัณฑ์ที่ ทดแทนอีกด้วย (กรณีที่เป็นการทดสอบแบบทาลาย) เพราะการทดสอบเป็นแบบต่อเนื่องต่างกับการทดสอบ
488 การควบคุมคุณภาพ แบบท่ัวไปเพื่อดูการทางานของผลิตภัณฑ์ตามปกติ ฉะน้ันการทดสอบจะต้องมีประสิทธิภาพสูง เพ่ือท่ีจะไม่ ส้ินเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งต้องใช้หลักการทางสถิติศาสตร์เพื่อค่าความเชื่อมั่นท่ีได้จะอยู่ในระดับความ เชอื่ ถือที่ต้องการ (Required Confidence Level) (6) ข้อมลู ในการใช้งานจริงของผลิตภัณฑ์ข้อมูลเหล่าน้ีจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ซ่ึงทางโรงงาน ควรจะพยายามจัดหาและเก็บไว้ให้มากท่ีสุด ส่งผลให้ได้ทราบว่าการทดสอบท่ีสร้างขึ้นถูกต้องใกล้เคียงกับ เป้าหมาย และสามารถนาไปปรับปรุงแก้ไขสาหรับการทดสอบต่อไปสาหรับผลิตภัณฑ์ชนิดนั้นหรือผลิตภัณฑ์ อยา่ งอื่นของโรงงาน (7) สัญญาซื้อขายบังคับให้โรงงานผลิต รวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ตลอดอายุผลิตภัณฑ์ท่ี นาไปใช้งาน สัญญาแบบน้ีผู้ผลิตจะต้องรวบรวมประวัติและข้อมูลต้ังแต่ต้นจนจบ เช่น การขนส่ง การเก็บ รักษา การทดสอบ การบริการ การบารงุ รักษา และการใชง้ าน เป็นตน้ และต้องบันทึกช่วงเวลาหรือระยะเวลา เหลา่ นั้นให้ละเอียดที่สุด เสร็จแล้วนามาทาการวิเคราะห์ผลและจัดทาเป็นรายงานทุกๆ ระยะ รายงานเหล่านี้ จะต้องแจง้ ใหแ้ ก่ฝ่ายซอื้ ขายทั้งสองฝา่ ย และเกบ็ ไวท้ ี่ศูนยก์ ลางรวบรวมข้อมลู (8) การปรับปรุงค่าความเชื่อม่ันของผลิตภัณฑ์เป็นวัตถุประสงค์ที่แท้จริง ในเมื่อการทดสอบ ความเช่ือมั่นของผลิตภัณฑ์ใดก็ตาม ได้พบจุดอ่อนหรือส่วนประกอบท่ีทาให้ผลิตภัณฑ์นั้นเสียหรือทางานไม่ได้ แลว้ ต่อไปกต็ อ้ งทาการแก้ไขถึงสาเหตุซึง่ อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงในการออกแบบผลิตภัณฑ์เสียใหม่ แก้ไข วิธีการผลิต หรือควบคุมกรรมวิธีให้ดีข้ึนโดยแก้ไขเทคนิคการควบคุมคุณภาพ ดังนั้นการปรับปรุงแก้ไขอย่างมี ประสทิ ธภิ าพก็จะเป็นวิธีการทปี่ ระหยัดและถูกตอ้ งในการบรรลุถึงจุดหมายของค่าความเช่ือม่ันในผลิตภัณฑ์ได้ โดยแทจ้ ริง 8.8 เส้นโค้ง OC (Operating Characteristic Curve) ศุภชัย นาทะพันธ์ (2551) เส้นโค้ง OC สาหรับแผนการทดสอบความเช่ือมั่น และอายุของผลิตภัณฑ์ การทดสอบอายุของผลิตภัณฑ์จะเก่ียวข้องกับจานวนตัวอย่างท่ีต้องสุ่มจากลอต และเก่ียวข้องกับการสังเกตจาก การทางานว่าสามารถดาเนินงานได้ตามอายุท่ีบริษัทกาหนดไว้หรือไม่ หากจานวนชิ้นเสียมีมากกว่าจานวนท่ีระบุไว้ ในแผนลอตจะถูกปฏิเสธ แต่หากจานวนชิ้นเสยี มีไม่เกินจานวนท่ีระบุไว้ลอตกจ็ ะถูกยอมรับ ในการสร้างเส้นโค้ง OC จะพิจารณาจากสมมติฐานในเร่ืองของอายุผลิตภัณฑ์ก่อนเสียว่ามีการแจกแจงแบบ เลขช้ีกาลังและอัตราความขัดข้องคงท่ี (λ) โดยพารามิเตอร์ของแผนการทดสอบอายุของผลิตภัณฑ์ประกอบด้วย เวลาท่ีใช้ทดสอบ (Test time: T) ขนาดตัวอย่าง (Sample Size: n) และจานวนที่ยอมรับได้ (Acceptance Number: c) เส้นโค้ง OC จะแสดงให้เห็นถึงความน่าจะเป็นของการยอมรับลอต (Probability of Lot Acceptance: Pa) โดยคุณภาพลอตแทนด้วยอายุเฉล่ียของผลิตภัณฑ์ (θ) จากสมมติฐานดังกล่าว จานวนของเสีย ภายในช่วงเวลาท่ีทดสอบจะมีการแจกแจงเป็นแบบปัวส์ซอง ดังน้ันความน่าจะเป็นในการยอมรับลอตสามารถ คานวณไดด้ ว้ ยการแจกแจงปัวสซ์ อง
บทที่ 8 ความเช่ือมนั่ ของผลติ ภณั ฑ์ 489 ตัวอยา่ งที่ 8.14 พารามิเตอร์ของแผนการทดสอบอายุของผลิตภัณฑ์มีดังตารางที่ 8.3 เวลาที่ทดสอบ 800 ชั่วโมง ภายใต้จานวนทดสอบ 12 ช้ิน เม่ือจานวนของเสียที่พบแล้วยอมรับได้ไม่เกิน 2 ชิ้น อายุของผลิตภัณฑ์มีการ แจกแจงปกติ เมือ่ พบผลติ ภณั ฑ์ท่ที ดสอบเสียผู้ทดสอบจะแทนที่ด้วยผลิตภัณฑ์ท่ีทดสอบใหม่ทันที จงสร้างเส้น โคง้ OC (ศุภชยั นาทะพันธ์, 2551) ตารางที่ 8.3 อายขุ องผลติ ภณั ฑ์ อายุ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 เฉลยี่ (θ) 1,000 2,000 3,000 4,000 5,000 6,000 7,000 8,000 9,000 10,000 11,000 12,000 13,000 14,000 15,000 วธิ ีทา เนื่องจากจานวนของเสียเฉล่ียในช่วงเวลาท่ีทดสอบคือ nTλ โดยท่ี λ จะแปรผกผันกับอายุเฉลี่ยของ ผลิตภัณฑ์ซ่ึงเปรียบเสมือน np0 สมมติ θ = 8,000 ดังน้ันสามารถคานวณหา λ ได้เท่ากับ 1/8,000 ส่งผลให้ จานวนของเสียเฉล่ียมีค่าเทา่ กบั 12(800)(1/8,000) = 1.2 จากตารางที่ ก-2 ในภาคผนวก ก. สามารถคานวณหาค่าความน่าจะเป็นที่จะยอมรับลอตท่ีมีของเสีย ได้ไม่เกิน 2 ชิ้น เท่ากับ 0.879 ในทานองเดียวกัน เม่ือเปล่ียนค่า θ ก็สามารถคานวณหาค่า Pa ได้ดังแสดงใน ตารางต่อไปน้ี อายุเฉลี่ย (θ) อัตราความขดั ขอ้ ง (λ) nTλ Pa 1,000 0.0010000 9.60 0.0038 2,000 0.0005000 4.80 0.1425 3,000 0.0003300 3.20 0.3799 4,000 0.0002500 2.40 0.5697 5,000 0.0002000 1.92 0.6983 6,000 0.0001700 1.60 0.7834 7,000 0.0001400 1.37 0.8404 8,000 0.0001250 1.20 0.8795 9,000 0.0001100 1.07 0.9070 10,000 0.0001000 0.96 0.9269 11,000 0.0000830 0.80 0.9526 12,000 0.0000710 0.69 0.9676 13,000 0.0000625 0.60 0.9769 14,000 0.0000500 0.48 0.9871 15,000 0.0000330 0.32 0.9957 จากตารางสามารถสร้างเส้นโค้ง OC สาหรับแผนการทดสอบอายุ เมื่อ n = 12, T = 800 และ c = 2 ดงั นี้
490 การควบคมุ คุณภาพ ความน่าจะเปน็ ในการยอมรับ Pa α 1.0 0.8 0.6 0.4 0.2 ������ 0.1 2,000 10,000 20,000 30,000 อายุเฉลย่ี (θ) เส้นโค้ง OC เม่ือ n = 12 , T = 800 และ c = 2 จะเหมือนกับเส้นโค้ง OC เม่ือ n = 10, T = 960 และ c = 2 และเส้นโค้ง OC เมอื่ n = 8, T = 1,200 และ c = 2 จากตัวอย่างที่ 8.14 หากต้องการพิจารณาในเรื่องความเสี่ยงของผู้ขายหรือผู้ผลิต (α) และความเสี่ยงของ ผู้ซ้ือหรือผู้บริโภค (β) ในแผนการทดสอบอายุของผลิตภัณฑ์ ก็สามารถพิจารณาได้ในรูปเส้นโค้ง OC ความ เส่ียงในการปฏิเสธลอตดี (ผลิตภัณฑ์ซ่ึงมีอายุเฉล่ียเป็นที่น่าพอใจ, θ0) คือ ความเส่ียงของผู้ผลิต ส่วนความ เสี่ยงในการยอมรับลอตไม่ดี (ผลิตภัณฑ์ซ่ึงมีอายุเฉลี่ยไม่เป็นท่ีน่าพอใจ, θ1) คือ ความเสี่ยงของผู้บริโภค ตวั อยา่ งเชน่ สมมติว่าผลติ ภัณฑม์ ีอายุของผลิตภัณฑ์เฉลี่ย 20,000 ช่ัวโมง จากเส้นโค้ง OC จะพบว่าอายุเฉลี่ย อยูใ่ นเกณฑ์ดี (θ0 = 20,000 ชว่ั โมง) กล่าวคอื α = 1–0.9871 = 0.0129 ซง่ึ มคี วามน่าจะเป็นท่ีลอตสินค้าจะ ถูกปฏิเสธ ในทางกลับกันสมมติว่าผลิตภัณฑ์มีอายุของผลิตภัณฑ์เฉล่ีย 2,000 ช่ัวโมง จากเส้นโค้ง OC จะ พบว่า อายุเฉลี่ยในเกณฑ์ไม่ดี (θ1 = 2,000 ช่ัวโมง) กล่าวคือ β = 0.1425 ซ่ึงเป็นความน่าจะเป็นท่ีลอตสินค้า จะได้รับการยอมรบั โดยท่ัวไปแผนการทดสอบความเชอื่ มน่ั และอายขุ องผลิตภัณฑ์ จะเกี่ยวกับการสังเกตผลิตภัณฑ์ตัวอย่างท่ี สุม่ มาตรวจสอบจนกระทัง่ พบผลติ ภัณฑ์เสีย ซ่ึงตอ้ งเสียค่าใชจ้ ่ายตอ่ หนว่ ยสูง เนื่องจากเวลาที่ใช้ในการทดสอบ ยาวนาน การทดสอบท่ีเกิดขึ้นต้องพยายามเลียนแบบสภาพการดาเนินการจริงให้มากท่ีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แผนการทดสอบมาตรฐานได้ถูกพัฒนาข้ึนโดยสหรัฐฯ ประกอบด้วย หนังสือคู่มือ H-108, MIL-STD-690B และ MIL-STD-781C ซง่ึ ความเกี่ยวพนั ระหว่างระบบความเช่ือม่ันกับระบบการควบคุมคุณภาพ แบ่งออกแบบ เป็นส่วนใหญ่ 3 ส่วน (ศรีไร จารุภิญโญ, 2540) ดงั ต่อไปน้ี
บทที่ 8 ความเชือ่ ม่ันของผลติ ภณั ฑ์ 491 1. การประเมนิ คณุ ภาพกอ่ นการผลติ สว่ นนเ้ี กี่ยวข้องกบั ความเชอื่ ม่ันของผลิตภณั ฑ์ คือ 1.1 วางมาตรฐานความเช่ือม่ันใหส้ อดคลอ้ งกบั ความต้องการของลกู คา้ 1.2 สารวจใหแ้ นช่ ัดว่าผลิตภัณฑจ์ ะตอ้ งถกู นาไปใช้ภายใต้สภาวะแวดล้อมเชน่ ไรบ้าง 1.3 หาจดุ สมดลุ ทางเศรษฐกิจระหวา่ งคา่ ใชจ้ ่ายกบั ความเช่อื มนั่ ของผลติ ภณั ฑ์ทีต่ ้ังเป้าหมายไว้ 1.4 ทาการออกแบบผลิตภัณฑ์และคัดเลอื กอันท่ดี ีที่สุด 1.5 เลอื กกรรมวิธใี นการผลิตทเ่ี หมาะสม และทาการทดสอบหาความเช่อื มั่น 1.6 ในการออกแบบผลิตภัณฑ์และเลือกกรรมวิธีการผลิตก็ดี ต้องพยายามมิให้มีการเสี่ยงต่อความ เช่อื ม่นั ทมี่ ุ่งหมายนัน้ 2. การวางแผน การประเมิน และการควบคุมคุณภาพของวัสดุท่ีจัดซ้ือสาหรับตอนน้ีมีความสัมพันธ์กับ ความเชือ่ ม่ัน ดังนี้ 2.1 การบอกความตอ้ งการและวตั ถปุ ระสงค์ที่ชัดเจนแก่ผู้ขายวัตถุดิบให้กับโรงงานจะทาให้ได้ค่าความ เชื่อมน่ั ของผลติ ภณั ฑ์แนน่ อนขึน้ 2.2 การประเมินสมรรถภาพของผู้ขายวัตถุดิบว่าสามารถจัดหาวัตถุดิบว่าสามารถจัดหาวัตถุมาให้ตาม ต้องการ เปน็ การช่วยเพ่มิ คา่ ความเชอ่ื ม่ันของผลิตภณั ฑ์ไดโ้ ดยตรง 2.3 ในการประเมินสมรรถภาพเมื่อทาแบบต่อเนื่องจะทาให้ได้ผลแน่นอนยิ่งขึ้น และค่าความเชื่อมั่น ของผลิตภัณฑ์จะดขี น้ึ 2.4 การบอกและให้คาแนะนาแกพ่ ่อคา้ ในการจัดหาวัตถุดิบให้กับโรงงาน เพื่อประโยชน์ในการควบคุม คณุ ภาพก็จะมีผลต่อค่าความเช่อื มน่ั ของผลิตภณั ฑ์เช่นเดียวกนั 3. การบริการและควบคุมคุณภาพภายหลังการผลิต ในตอนนี้จะเห็นได้ว่ากิจการของระบบควบคุม คุณภาพและเรอ่ื งค่าความเช่อื ม่นั ของผลิตภณั ฑม์ ีความสัมพนั ธแ์ ละจะต้องกระทาไปพร้อมกันด้วย 3.1 การตรวจสอบค่าความเช่อื มั่นภายหลังการผลติ และอาจมกี ารแก้ไขบ้างเล็กน้อยในตอนนี้ได้ 3.2 การประเมนิ คา่ ความเช่อื มั่นของผลติ ภัณฑ์ทเ่ี ป็นคู่แขง่ ขัน 3.3 การใหข้ ้อมลู จากฝ่ายผลติ ไปยังผู้ทาการทดสอบเพื่อหาค่าความเช่ือม่นั ของผลติ ภณั ฑ์ 3.4 การรายงานผลการทดสอบให้ทางโรงงานผูผ้ ลิตไดท้ ราบ 3.5 ทดสอบหาค่าความเชอื่ มน่ั โดยใชว้ ธิ ีคดิ ราคา และอตั ราการเสียของผลติ ภณั ฑน์ ้นั 3.6 ใหใ้ บรับรองแก่ลูกค้าหรอื ผู้บรโิ ภค 3.7 ในการขนส่ง การเก็บรักษา และการตั้งตัวก็ดี ผู้ผลิตหรือทางโรงงานจะต้องติดตามและรับฟังข่าว โดยตลอด 3.8 ให้คาอธิบายหรือหนังสือคู่มือวิธีติดตั้ง รักษา และการใช้ผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้า รวมทั้งการให้บริการ ในการซ่อมระยะเวลาทคี่ วรซ่อมหรอื เปลยี่ นชิน้ ส่วนบางช้ิน และราคาของช้นิ ส่วนประกอบ
492 การควบคุมคุณภาพ 8.9 สรุป 1. ความเช่ือม่ันของผลิตภัณฑ์ หมายถึง ความสามารถในการทางานของผลิตภัณฑ์ได้ตามที่กาหนด หรือ ตามท่ีคาดหวังของลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น โทรทัศน์สามารถมีอายุการใช้งานได้ 100,000 ชั่วโมง ยางรถยนต์มี อายกุ ารใช้งาน 5 ปี เครนยกเหลก็ สามารถรบั แรงได้ 50,000 KN เปน็ ตน้ 2. ชิ้นส่วนหน่ึงช้ินมีคุณภาพดี แต่เมื่อนาไปประกอบรวมกันกับชิ้นส่วนอ่ืนๆ อาจจะส่งผลให้ความเชื่อมั่น ลดลงได้ แต่อย่างไรก็ตามสินค้าท่ีมีคุณภาพดีน้ันก็ไม่จาเป็นที่จะต้องมีความเชื่อม่ันสูง นอกจากน้ีผลิตภัณฑ์ท่ีมี ความเชื่อมั่นสูงในเง่ือนไข A อาจจะไม่สามารถนาไปใช้งานในเง่ือนไข B ยกตัวอย่างเช่น การขี่จักรยานเสือ หมอบในเขตท้องถนนหรือชุมชนเมืองสามารถขับขี่ได้อย่างคล่องตัว แต่ไม่สามารถขับข่ีได้ในสภาพภูเขา ทะเลทราย หรือหิมะได้ 3. การนาชน้ิ ส่วนมาประกอบเพือ่ หาความน่าเชื่อมั่นของระบบ สามารถหาได้ 3 วิธี คือ การประกอบแบบ อนกุ รม การประกอบแบบขนาน และการประกอบแบบผสม 4. ฟงั กช์ นั่ หลักของการแจกแจงความน่าจะเป็นความเช่ือมั่น ได้แก่ การแจกแจงแบบเลขช้ีกาลัง การแจก แจงแบบปกติ และการแจกแจงไวบูลล์ ซึ่งใช้ในการหาความน่าจะเป็นอายุเฉลี่ยหรือเวลาเฉลี่ยจนกระท่ังของ ผลิตภณั ฑ์ 5. กิจกรรมการวัดและควบคุมงานความเชื่อม่ันมีเป้าหมายคือ การสร้างความเช่ือม่ันให้เป็นไปตาม ขอ้ กาหนด โดยกจิ กรรมน้มี ีการดาเนนิ กจิ กรรม คอื กาหนดขีดความเชื่อมั่น กาหนดโครงงาน ควบคุมโครงงาน และวเิ คราะห์ความเช่ือมัน่ 6. การหาเส้นโค้ง OC ของความเช่ือมั่น จะใช้เพ่ือการยอมรับลอตหรือปฏิเสธลอต โดยพิจารณาในเร่ือง เกณฑ์ของความเสี่ยง 2 แบบ คือ 1. การพิจารณาหลักเกณฑ์ความเสี่ยงของผู้ขายหรือผู้ผลิต (α) 2. การพิจารณาหลักเกณฑ์ความเส่ียงของผู้ซอื้ หรือผู้บริโภค (β)
บทที่ 8 ความเช่อื ม่นั ของผลติ ภณั ฑ์ 493 แบบฝกึ หัดทา้ ยบทที่ 8 1. จงบอกความหมายของค่าความเชือ่ ม่ัน 2. ความเชื่อม่ันกับการควบคุมคุณภาพไม่ใช่เรื่องเดียวกัน แต่เกี่ยวข้องและใกล้ชิดกันมากที่สุด และใน กระบวนการผลติ นัน้ ปจั จยั ใดบ้างทมี่ ผี ลต่อเรือ่ งความเชือ่ ม่นั ของผลิตภณั ฑ์ (ศรีไร จารภุ ิญโญ, 2540) 3. ลักษณะของอายุของผลิตภัณฑ์ซึ่งสามารถแบ่งได้ 3 ชวง ความล้มเหลวที่มีสาเหตุมาจากข้อจากัดของการ ออกแบบ หรือการเปล่ยี นแปลงของส่งิ แวดล้อมในการทางานจะเกิดในชว่ งใด (สภาวศิ วกร, 2555) 4. ชน้ิ สว่ น A ซึ่งเปน็ ส่วนประกอบเครื่องยงิ ขีปณาวุธมีค่า MTBF เท่ากบั 2,000 ช่ัวโมง และมีการแจกแจงแบบ เลขชี้กาลัง จงหาความน่าจะเป็นของชิ้นส่วนที่ จะทางานได้อย่างน้อย 200 ช่ัวโมง ช้ินส่วน A ซึ่งเป็น ส่วนประกอบเคร่ืองยิงขีปณาวุธมีค่า MTBF เท่ากับ 2,000 ชั่วโมง และมีการแจกแจงแบบเลขชี้กาลัง จงหา ความน่าจะเปน็ ของชิน้ ส่วนทจ่ี ะทางานได้อย่างน้อย 200 ชวั่ โมง (สภาวิศวกร, 2555) 5. ค่าความเช่ือมั่นของระบบ (PS) ท่ีมีส่วนประกอบ 3 เคร่ือง เรียงตามลาดับแบบอนุกรม เครื่องส่ง (PT) เคร่อื งรับ (PR) และเคร่อื งบันทึก (PC) คอื (สภาวิศวกร, 2555) 6. จงบอกเทคนิคในการเพม่ิ ความเชื่อม่ันมีอะไรบ้าง (ศรีไร จารภุ ิญโญ, 2540) 7. จงคานวณหาค่าความเชอ่ื มั่นของระบบท่ีต่อกันดงั นี้ R1 R2 R1= 0.90, R2 = 0.80, R3= 0.70 R3 8. ถ้าช้ินสว่ นประกอบของระบบในข้อ 7 มาต่อกัน ค่าความเชื่อมัน่ ของระบบน้จี ะเปน็ เท่าใด R1 R2 R3 R1 R2 R3
494 การควบคมุ คุณภาพ 9. ระบบหนึ่งมี 4 ส่วนประกอบคือ E1, G, I และ E2 โดยมีค่าความน่าเช่ือถือเท่ากับ 0.98, 0.89, 0.94 และ 0.95 ตามลาดบั จงหาค่าความน่าเช่อื ถือของระบบน้ี เม่ือสว่ นประกอบทั้งหมดประกอบเปน็ แบบอนุกรม (ศภุ ชยั นาทะพนั ธ์, 2551) 10. จงหาค่าความเชื่อม่ันท่ี t = 40 และ 60 ของตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ต้องการทดสอบ เมื่ออายุเฉล่ียมีค่า เทา่ กบั 40 ช่วั โมง สาหรับอตั ราการขดั ข้องท่ีคงที่ 11. จงหาคา่ ความนา่ เชือ่ ถอื ของระบบในรปู ต่อไปน้ี ซึ่งมสี ่วนประกอบ A, B, C และ D โดยแต่ล่ะส่วนประกอบ มีค่าความน่าเช่อื ถือ 0.95, 0.8, 0.85 และ 0.99 ตามลาดบั AC BD 12. เครื่องซักผ้ามีการแจกแจงของอายุการใช้งานจนกระท่ังเสียเป็นแบบเลขชี้กาลัง โดยมีอัตราความขัดข้อง (Failure Rate) เทา่ กับ 8% ต่อ 1,000 ช่ัวโมง จงหา 12.1 ค่าความเชือ่ ม่นั ของเคร่ืองซักผา้ ท่ี 5,000 ชวั่ โมง 12.2 อายุเฉลีย่ หรือเวลาเฉล่ียจนกระทั่งเสยี 13. ข้อมูลแสดง Failure Rate ของส่วนประกอบในอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์สรุปดังตาราง สมมติข้อมูลมีการ แจกแจงแบบเลขช้ีกาลัง และช้ินส่วนทุกช้ินมีผลต่อการทางานของอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ จงหา MTBF ของ อุปกรณ์อเิ ลคทรอนิกส์ ชดุ น้ี ชน้ิ สว่ น ปริมาณ Failure Rate/ hour Silicon transistor 40 74.0 x 10-6 Film resistor 100 3.0 x 10-6 Paper capacitor 50 10.0 x 10-6 (สภาวศิ วกร, 2555) 14. ช้ินส่วนสาหรับประกอบเคร่ืองตรวจจับวัตถุระเบิดมีการแจกแจงแบบเลขชี้กาลัง โดยมี Failure Rate (λ) = 0.036 failure/100 ชั่วโมง จงหาค่าความน่าจะเป็นที่ช้ินส่วนชิ้นน้ีจะไมเสียในช่วงการ ทางาน 400 ช่วั โมง (สภาวศิ วกร, 2555) 15. ระบบหนึ่งประกอบด้วยชิ้นส่วน 4 ช้ินต่อแบบนุกรม (Series) โดย Time to Failure มีการแจกแจงแบบ เลขชี้กาลัง และมี Failure Rate คือ 2.7, 3.6, 14.2 และ 8.6 ตอ 1,000 ช่ัวโมง คา MTBF ควรมีค่าเท่าใด (สภาวิศวกร, 2555)
บทที่ 8 ความเชื่อมน่ั ของผลิตภณั ฑ์ 495 16. เมื่อทาการทดสอบผลิตภัณฑ์หน่ึงจานวน 25 ช้ินตลอด 15 ช่ัวโมง ภายหลังการทดสอบพบว่า ผลิตภัณฑ์ จานวน 3 ช้นิ เสยี ในช่ัวโมงที่ 2, 5 และ 6 จงหาอตั ราความขดั ข้องสาหรับผลติ ภณั ฑน์ ้ี (ศภุ ชัย นาทะพันธ์, 2551) 17. จงหาค่าความเชื่อม่ันที่สวิตช์ไฟฟ้าจะใช้งานได้ 6,000 รอบ เม่ืออายุเฉล่ียมีค่าเท่ากับ 5,500 รอบ และค่า สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานเทา่ กับ 165 รอบ ภายใตก้ ารแจกแจงปกติ (ศุภชัย นาทะพันธ์, 2551) 18. จากข้อที่ 17 ถ้าการแจกแจงเป็นแบบไวบูลล์ และ β = 3.5 จงหาค่าความเชอื่ มั่นของสวิตช์ (ศุภชยั นาทะพนั ธ์, 2551) 19. กิจกรรมการวัดและควบคมุ งานความเชอ่ื มั่น มขี ัน้ ตอนอยา่ งไรบ้าง 20. จงสรา้ งเส้นโค้ง OC สาหรบั แผนการชกั ส่งิ ตวั อยา่ งของ n = 16, T = 600 และ c = 2 (ศุภชัย นาทะพนั ธ์, 2551)
496 การควบคุมคุณภาพ เอกสารอ้างองิ รศ.ดร.พิชิต สขุ เจรญิ พงษ.์ (2541). การควบคุมคณุ ภาพเชงิ วิศวกรรม. กรุงเทพมหานคร: ซีเอด็ ยเู คชนั่ . ผศ. ศรไี ร จารุภิญโญ. (2540). การควบคุมคุณภาพ. กรุงเทพมหานคร: มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล ธัญบุร.ี รศ. ศุภชัย นาทะพนั ธ.์ (2551). การควบคุมคณุ ภาพ. กรุงเทพมหานคร: ซีเอ็ดยูเคช่นั . สภาวิศวกร. (2555). ขอ้ สอบสภาวศิ วกร สาขาวศิ วกรรมอุตสาหการ วิชาการควบคมุ คุณภาพ. กรงุ เทพมหานคร: ผแู้ ตง่ .
บรรณานุกรม กระทรวงอตุ สาหกรรม. (2555). กาหนดมาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ุตสาหกรรมวธิ กี ารชกั ตัวอย่างเพ่อื การ ตรวจสอบเชิงคณุ ภาพ. กรงุ เทพมหานคร: ผ้แู ต่ง. กติ ศิ กั ด์ิ พลอยพานชิ เจรญิ . (2547). ระบบการควบคุมคณุ ภาพท่หี น้างานคิวชเี ซอรเ์ คิล. กรงุ เทพมหานคร: เทคนิคอล แอพโพรช เคาน์เซลลง่ิ แอนด์ เทรนนิง่ . กติ ศิ กั ดิ์ พลอยพานชิ เจรญิ . (2542) มาตรฐานระบบการตรวจสอบดว้ ยการชกั ส่ิงตัวอย่างเพอื่ ที่ยอมรับ MIL-STD-105E. กรงุ เทพมหานคร: สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น). กิตศิ กั ด์ิ พลอยพานชิ เจริญ. (2540). สถติ สิ าหรบั งานวศิ วกรรม (พิมพ์คร้ังท่ี 2). กรงุ เทพมหานคร: สมาคมสง่ เสรมิ เทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปนุ่ ). เกยี รติศักดิ์ จันทร์แดง. (2549). การบรหิ ารหารผลิตและการปฏบิ ตั ิการ (พมิ พ์ครง้ั ที่ 1). กรงุ เทพมหานคร: วติ ตก้ี รุ๊ป. ปรียาวดี ผลอเนก. (2556). การจดั การคณุ ภาพ. กรุงเทพมหานคร: จามจรุ โี ปรดักท์. พชิ ิต สขุ เจรญิ พงษ.์ (2541). การควบคุมคณุ ภาพเชงิ วิศวกรรม. กรงุ เทพมหานคร: ซีเอด็ ยูเคชัน่ . โยชโิ อะ คอนโด (2540). การควบคุมคณุ ภาพท่วั ท้งั องค์กร (แปลจาก Total Quality Control โดย วรภัทธ์ ภเู่ จริญ). กรงุ เทพมหานคร: สมาคมสง่ เสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญ่ปี นุ่ ). วิสาข์ เกษประทมุ . (2550). ความนา่ จะเปน็ และสถิติเบ้ืองตน้ . กรงุ เทพมหานคร: พ.ศ. พัฒนา. ศิวดล กัลยาคา. (2548). รูปแบบการควบคุมคุณภาพของพรมทอมือ โดยประยกุ ตใ์ ช้การควบคุม กระบวนการเชงิ สถิติ: กรณศี กึ ษาโรงงานผลติ พรม. วทิ ยานิพนธ์ปริญญา วศิ วกรรมศาสตร มหาบณั ฑิต สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ บัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น. ศรไี ร จารุภิญโญ. (2540). การควบคมุ คณุ ภาพ. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี. ศภุ ชัย นาทะพนั ธ์. (2551). การควบคุมคุณภาพ. กรงุ เทพมหานคร: ซเี อด็ ยูเคช่นั . สภาวิศวกร. (2555). ข้อสอบสภาวศิ วกร สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ วิชาการควบคมุ คณุ ภาพ. กรงุ เทพมหานคร: ผแู้ ต่ง. สายชล สินสมบรู ณ์ทอง. (2554). การควบคมุ คุณภาพเชงิ สถิติและวศิ วกรรม. กรงุ เทพมหานคร: จามจุรีโปรดักท์. อัจฉรียา รักมิตร. (2545). การปรับปรุงกระบวนการในการตรวจสอบประสทิ ธภิ าพเครือ่ งมือวัดโดยใช้ แนวทางซิกซซ์ ิกมา. วทิ ยานิพนธป์ ริญญาวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการทาง วิศวกรรม บัณฑติ วิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . อดศิ ักด์ิ พงษพ์ ลู ผลศักดิ์. (2535). การควบคมุ คุณภาพ. กรุงเทพมหานคร: ศูนย์สอื่ เสริมกรงุ เทพ Banks J. (1989). Principles of Quality Control. New York: John Wiley & Sons. Besterfield D. H. (2004). Quality Control. (7th ed). New Jersey: Pearson Prentice Hall.
498 การควบคุมคุณภาพ Dodge H.F. (1943). A Sampling Inspection Plan for Continuous Production. The Annals of Mathematical Statistics, Vol.14 pp 264-279. Evan James R., Linsay William M. (2008). The Management and Control of Quality (7th ed). OH: South-Western. Garvin D.A. (1988). Managing Quality: The strategic and competitive edge. New York: Harvard Business School. Gupta R.C. (1988). Statistical Quality Control (3rd ed). Delhi: J.N.Printers. Harrison M.W. (1989). Statistical Methods for Engineers and Scientists. New York: McGraw-Hill. Hill I. D. (1961). An Introduction to Sampling Inspection. The Institute of Engineering Inspection Monograph. London. Hosotani K. (1992). Japanese Quality Concept: An Overview Quality Resource. New York: White Plains. Juran, J. M., & Gryna, F. M. (Eds). (1988). The Quality Control Handbook (4th ed). New York: McGraw-Hill. Montgomery D.C. (2009). Introduction to Statistical Quality Control (6th ed). New York: John Wiley & Sons. Oakland S. J. (2003). Statistical Process Control (4th ed). Oxford: Butterworth Heinemann. Oakland S.J. (2003). TQM Text with Case. (3rd ed). Butterworth-Heinemann An imprint of Elsevier. Pande, P.S., Neumen, R.P., & Cavanaugh, R.R. (2002). The Six Sigma way: team fieldbook. New York: McGraw-Hill. Ramasamy Subburaj. (2009). Total Quality Management. India: Tata McGraw-Hill. Russell R.S., Taylor B.W. (2011). Operation Management (7th ed). NJ: John Wiley& Sons(Asia). Schilling E.G., Neubauer V.D. (2009). Acceptance Sampling in Quality Control (2nd ed). FL: Taylor & Francis Group. Schilling E.G., Sheesley J.H. (1978). The Performance of MIL-STD-105D under the Switching Rules. Journal of Quality Techonology 10(1978). pp 76-83 and 104-124. Swink, Morgan et al. (2011). Managing Operations Across the Supply Chain. NY: McGraw-Hill. Verma R., Boyer K.K. (2008). Operation & Supply Chain Management. China: China Translation & Printing Services Limited. http://www.pip.co.th/?p=63 1
ภาคผนวก
500 การควบคมุ คุณภาพ
ภาคผนวก ก ตารางสถิติศาสตร์
502 การควบคมุ คุณภาพ
ตารางสถติ ิศาสตร์ 503 ตารางที่ ก-1 ผลรวมความน่าจะเป็นแบบทวนิ าม x Bx; n, p b(k; n, p) k0 n=5 p 0.01 0.05 0.10 0.20 0.25 0.30 0.40 0.50 0.60 0.70 0.75 0.80 0.90 0.95 0.99 0 .951 .774 .590 .328 .237 .168 .078 .031 .010 .002 .001 .000 .000 .000 .000 1 .999 .977 .919 .737 .633 .528 .337 .188 .087 .031 .016 .007 .000 .000 .000 2 1.000 .999 .991 .942 .896 .837 .683 .500 .317 .163 .104 .058 .009 .001 .000 3 1.000 1.000 1.000 .993 .984 .969 .913 .812 .663 .472 .367 .263 .081 .023 .001 4 1.000 1.000 1.000 1.000 .999 .998 .990 .909 .922 .832 .763 .672 .410 .226 .049 n = 10 p 0.01 0.05 0.10 0.20 0.25 0.30 0.40 0.50 0.60 0.70 0.75 0.80 0.90 0.95 0.99 0 .904 .599 .349 .107 .056 .028 .006 .001 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 1 .996 .914 .736 .376 .244 .149 .040 .011 .002 .000 .000 .000 .000 .000 .000 2 1.000 .988 .930 .678 .526 .383 .167 .055 .012 .002 .000 .000 .000 .000 .000 3 1.000 .999 .987 .879 .776 .650 .382 .172 .055 .011 .004 .001 .000 .000 .000 4 1.000 1.000 .998 .967 .922 .850 .633 .377 .166 .047 .020 .006 .000 .000 .000 5 1.000 1.000 1.000 .994 .980 .953 .834 .623 .367 .150 .078 .033 .002 .000 .000 6 1.000 1.000 1.000 .999 .996 .989 .945 .828 .618 .350 .224 .121 .013 .001 .000 7 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .998 .988 .945 .833 .617 .474 .322 .070 .012 .000 8 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .998 .989 .954 .851 .756 .624 .264 .086 .004 9 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .999 .994 .972 .944 .893 .651 .401 .096 n = 15 p 0.01 0.05 0.10 0.20 0.25 0.30 0.40 0.50 0.60 0.70 0.75 0.80 0.90 0.95 0.99 0 .860 .463 .206 .035 .013 .005 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 1 .990 .829 .549 .167 .080 .035 .005 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 2 1.000 .964 .816 .398 .236 .127 .027 .004 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 3 1.000 .995 .944 .648 .461 .297 .091 .018 .002 .000 .000 .000 .000 .000 .000 4 1.000 .999 .987 .836 .686 .515 .217 .059 .009 .001 .000 .000 .000 .000 .000 5 1.000 1.000 .998 .939 .852 .722 .402 .151 .034 .004 .001 .000 .000 .000 .000 6 1.000 1.000 1.000 .982 .943 .869 .610 .304 .095 .015 .004 .001 .000 .000 .000 7 1.000 1.000 1.000 .996 .983 .950 .787 .500 .213 .050 .017 .004 .000 .000 .000 8 1.000 1.000 1.000 .999 .996 .985 .905 .696 .390 .131 .057 .018 .000 .000 .000 9 1.000 1.000 1.000 1.000 .999 .996 .966 .849 .597 .278 .148 .061 .002 .000 .000 10 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .999 .991 .941 .783 .485 .314 .164 .013 .001 .000 11 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .998 .982 .909 .703 .539 .352 .056 .005 .000 12 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .996 .973 .873 .764 .602 .184 .036 .000 13 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .995 .965 .920 .833 .451 .171 .010 14 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .995 .987 .965 .794 .537 .140
504 การควบคุมคุณภาพ ตารางที่ ก-1 ผลรวมความน่าจะเปน็ แบบทวนิ าม (ตอ่ ) x Bx; n, p b(k; n, p) k0 n = 20 p 0.01 0.05 0.10 0.20 0.25 0.30 0.40 0.50 0.60 0.70 0.75 0.80 0.90 0.95 0.99 0 .818 .358 .122 .012 .003 .001 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 1 .983 .736 .392 .069 .024 .008 .001 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 2 .999 .925 .677 .206 .091 .035 .004 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 3 1.000 .984 .867 .411 .225 .107 .016 .001 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 4 1.000 .997 .957 .630 .415 .238 .051 .006 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 5 1.000 1.000 .989 .804 .617 .416 .126 .021 .002 .000 .000 .000 .000 .000 .000 6 1.000 1.000 .998 .913 .786 .608 .250 .058 .006 .000 .000 .000 .000 .000 .000 7 1.000 1.000 1.000 .968 .898 .772 .416 .132 .021 .001 .000 .000 .000 .000 .000 8 1.000 1.000 1.000 .990 .959 .887 .596 .252 .057 .005 .001 .000 .000 .000 .000 9 1.000 1.000 1.000 .997 .986 .952 .755 .412 .128 .017 .004 .001 .000 .000 .000 10 1.000 1.000 1.000 .999 .996 .983 .872 .588 .245 .048 .014 .003 .000 .000 .000 11 1.000 1.000 1.000 1.000 .999 .995 .943 .748 .404 .113 .041 .010 .000 .000 .000 12 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .999 .979 .868 .584 .228 .102 .032 .000 .000 .000 13 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .994 .942 .750 .392 .214 .087 .002 .000 .000 14 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .998 .979 .874 .584 .383 .196 .011 .000 .000 15 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .994 .949 .762 .585 .370 .043 .003 .000 16 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .999 .984 .893 .775 .589 .133 .016 .000 17 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .996 .965 .909 .794 .323 .075 .001 18 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .999 .992 .976 .931 .608 .264 .017 19 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .999 .997 .988 .878 .642 .182
ตารางสถิติศาสตร์ 505 ตารางท่ี ก-1 ผลรวมความนา่ จะเป็นแบบทวนิ าม (ตอ่ ) x Bx; n, p b(k; n, p) k0 n = 25 p 0.01 0.05 0.10 0.20 0.25 0.30 0.40 0.50 0.60 0.70 0.75 0.80 0.90 0.95 0.99 0 .778 .277 .072 .004 .001 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 1 .974 .642 .271 .027 .007 .002 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 2 .998 .873 .537 .098 .032 .009 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 3 1.000 .966 .764 .234 .096 .033 .002 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 4 1.000 .993 .902 .421 .214 .090 .009 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 5 1.000 .999 .967 .617 .378 .193 .029 .002 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 6 1.000 1.000 .991 .780 .561 .341 .074 .007 .000 .000 .000 .000 .000 .000 .000 7 1.000 1.000 .998 .891 .727 .512 .154 .022 .001 .000 .000 .000 .000 .000 .000 8 1.000 1.000 1.000 .953 .851 .677 .274 .054 .004 .000 .000 .000 .000 .000 .000 9 1.000 1.000 1.000 .983 .929 .811 .425 .115 .013 .000 .000 .000 .000 .000 .000 10 1.000 1.000 1.000 .994 .970 .902 .586 .212 .034 .002 .000 .000 .000 .000 .000 11 1.000 1.000 1.000 .998 .980 .956 .732 .345 .078 .006 .001 .000 .000 .000 .000 12 1.000 1.000 1.000 1.000 .997 .983 .846 .500 .154 .017 .003 .000 .000 .000 .000 13 1.000 1.000 1.000 1.000 .999 .994 .922 .655 .268 .044 .020 .002 .000 .000 .000 14 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .998 .966 .788 .414 .098 .030 .006 .000 .000 .000 15 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .987 .885 .575 .189 .071 .017 .000 .000 .000 16 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .996 .946 .726 .323 .149 .047 .000 .000 .000 17 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .999 .978 .846 .488 .273 .109 .002 .000 .000 18 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .993 .926 .659 .439 .200 .009 .000 .000 19 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .998 .971 .807 .622 .383 .033 .001 .000 20 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .991 .910 .786 .579 .098 .007 .000 21 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .998 .967 .904 .766 .236 .034 .000 22 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .991 .968 .902 .463 .127 .002 23 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .998 .993 .973 .729 .358 .026 24 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 1.000 .999 .996 .928 .723 .222
506 การควบคมุ คุณภาพ ตารางท่ี ก-2 การกระจายสะสมแบบปัวส์ซอง X 01234567 8 9 u’ or P’ n 980 1.000 1.000 0.02 961 999 1.000 1.000 0.04 942 998 1.000 1.000 0.06 923 997 1.000 0.08 905 995 1.000 0.10 861 990 999 1.000 0.15 819 982 999 1.000 0.20 779 974 998 1.000 0.25 741 963 996 1.000 0.30 705 951 994 1.000 0.35 670 938 992 999 1.000 0.40 688 925 989 999 1.000 0.45 607 910 986 998 1.000 0.50 577 894 982 998 1.000 0.55 549 878 977 997 1.000 0.60 522 861 972 996 999 1.000 0.65 497 844 966 994 999 1.000 0.70 472 827 959 993 999 1.000 0.75 449 809 953 991 999 1.000 0.80 427 791 945 989 998 1.000 0.85 407 772 937 987 998 1.000 0.90 387 754 929 984 997 1.000 0.95 368 786 920 981 996 999 1.000 1.00 338 699 900 974 995 999 1.000 1.1 301 668 879 966 992 998 1.000 1.2 273 627 857 957 989 998 1.000 1.3 247 592 833 946 986 997 999 1.000 1.4 228 558 809 934 981 996 999 1.000 1.5 202 525 788 921 976 994 999 1.000 1.6 188 498 757 907 970 992 998 1.000 1.7 165 463 751 891 964 990 997 999 1.8 150 434 704 875 956 987 997 999 1.9 135 406 677 857 947 983 995 999 2.0 X คอื จานวนของเสีย u’ หรือ P’n คอื ตวั กลาง ส่วนตัวเลขในตาราง คือ โอกาสท่ีจะเกดิ ขน้ึ (เปน็ ทศนยิ ม 3 ตาแหน่ง)
ตารางสถติ ศิ าสตร์ 507 ตารางที่ ก-2 การกระจายสะสมแบบปวั ส์ซอง (ตอ่ ) X 89 01234567 1.000 u’ or P’ n 999 1.000 2.2 111 355 623 819 928 975 993 998 999 1.000 2.4 091 308 570 779 904 964 988 997 998 999 2.6 074 267 518 736 877 951 983 995 996 999 2.8 061 231 469 692 848 935 976 992 3.0 050 199 423 647 815 916 966 988 994 998 992 997 3.2 041 171 380 603 781 895 955 983 988 996 3.4 033 147 340 558 744 871 942 977 984 994 3.6 027 126 303 515 706 844 927 969 979 992 3.8 022 107 269 473 668 816 909 960 4.0 018 092 238 433 629 785 889 949 972 989 964 985 4.2 015 078 210 395 590 753 867 936 955 980 4.4 012 066 185 350 551 720 844 921 944 975 4.6 010 056 163 326 513 686 818 905 932 968 4.8 008 048 143 294 476 651 791 887 5.0 007 040 125 265 440 616 762 867 918 960 903 952 5.2 006 034 109 238 406 581 732 845 886 941 5.4 005 029 095 213 373 546 702 822 867 929 5.6 004 024 082 191 342 512 670 797 847 916 5.8 003 021 072 170 313 478 638 771 6.0 002 017 062 151 285 446 606 744 10 11 12 13 14 15 16 2.8 1.000 3.0 1.000 3.2 1.000 3.4 999 1.000 3.6 999 1.000 3.8 998 999 1.000 4.0 997 999 1.000 4.2 996 999 1.000 4.4 994 998 999 1.000 4.6 992 997 999 1.000 4.8 990 996 999 1.000 5.0 986 995 998 999 1.000 5.2 982 993 997 999 1.000 5.4 977 990 996 999 1.000 5.6 972 988 995 998 999 1.000 5.8 965 984 993 997 999 1.000 6.0 957 980 991 996 999 999 1.000
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 716
- 717
- 718
- 719
- 720
- 721
- 722
- 723
- 724
- 725
- 726
- 727
- 728
- 729
- 730
- 731
- 732
- 733
- 734
- 735
- 736
- 737
- 738
- 739
- 740
- 741
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 741
Pages: