เฉลยแบบฝกึ หดั 575 6) 22.70 ถึง 23.30 ออนซ์ 7) แผนภูมคิ วบคมุ แบบ X-MR 8) 10.219 9) 2.03 10) คา means ของกระบวนการเปลีย่ นแปลงลดลง 11) แผนภูมิควบคุม x ̅ = 0.00935 ̅ = 0.00797 ̅ = 0.00658 แผนภูมคิ วบคมุ R UCLR = 0.00509 CLR = 0.00241 LCLR = 0 จากแผนภูมิควบคุม x และ R พบว่า ไม่มีจุดในแผนภูมิออกนอกขีดจากัดควบคุม แต่ในแผนภูมิ ควบคุม x เกิดการรัน เพราะมี 8 จุดอยู่เหนือเส้นก่ึงกลาง (ข้อมูลกลุ่มท่ี 8 ถึง 15) ก่อนการใช้แผนภูมินี้ ถ้า เจ้าหน้าท่ีหน่วยควบคุมคุณภาพสามารถระบุสาเหตุการรัน (Assignable Causes) ได้ การใช้แผนภูมิน้ีเพ่ือ ควบคมุ กระบวนการผลิตในครั้งต่อไปตอ้ งคานวณใหม่ เนอ่ื งจากต้องตดั ขอ้ มลู กลุ่มท่ี 8 ถึง 15 แต่ถ้าไม่สามารถ ระบสุ าเหตุการรัน จึงสามารถใช้ไดโ้ ดยไมม่ กี ารตดั ข้อมลู กลุ่มที่ 8 ถงึ 15 12) แผนภมู คิ วบคมุ x ̅ = 2.17 ̅ = 0.04 ̅ = -2.09 แผนภูมิควบคมุ R UCLR = 7.83 CLR = 3.70 LCLR = 0
576 การควบคุมคุณภาพ 13) 13.1 แผนภมู ิควบคุม x ̅ = 0.8390 ̅ = 0.7262 ̅ = 0.6134 แผนภมู ิควบคุม R UCLR = 0.3533 CLR = 0.1548 LCLR = 0 จากแผนภูมิควบคุมพิสัยจะพบว่ามีจุดตกอยู่ขีดจากัดควบคุม 1 จุด คือ จุดท่ี 11 จึงตัดจุดนี้ ออกไป แผนภูมิควบคุม x ปรับปรุง ̅ = 0.8301 ̅ = 0.7262 ̅ = 0.6223 แผนภูมคิ วบคุม R ปรับปรุง UCLR = 0.3252 CLR = 0.1425 LCLR = 0 จากแผนภูมิควบคุมค่าเฉล่ียจะพบว่ามี 8 จุดต่อเนื่องกันตกอยู่ด้านล่างเส้นก่ึงกลาง แสดงว่า กระบวนการผลติ ไมอ่ ย่ใู นสภาวะเสถียร 13.2 แผนภูมคิ วบคุม x ̅ = 0.8263 ̅ = 0.7184 ̅ = 0.6105 แผนภมู คิ วบคุม R UCLR = 0.3377 CLR = 0.1480 LCLR = 0 จากแผนภูมิควบคุมค่าเฉลี่ยพบว่ามี 8 จุดต่อเนื่องกันตกอยู่ด้านล่างของเส้นกลาง แสดงว่า กระบวนการผลิตไม่ได้อยู่ในสภาวะเสถียร ส่วนแผนภูมิควบคุมค่าพิสัยจะพบว่ามีจุดตกนอกขีดจากัดควบคุม 1 จดุ คือ จุดที่ 11 แสดงว่ากระบวนการผลติ ไม่อยูใ่ นสภาวะเสถยี ร
เฉลยแบบฝกึ หดั 577 14) แผนภมู ิควบคมุ x ̅ = 6.47 ̅ = 6.41 ̅ = 6.35 แผนภูมิควบคมุ S UCLS = 0.088 CLS = 0.039 LCLS = 0 จากแผนภูมิควบคุม x มีจุดตกอยู่ขีดจากัดควบคุม 4 จุด คือจุดท่ี 4, 9, 16 และ 20 จึงตัด ออกไป พบว่าเนื่องจากกล่มุ ตวั อย่างที่ 4 และ 20 สามารถหาสาเหตุของความผิดปกติได้ จึงตดั 2 จุดน้อี อกไป ส่วนแผนภูมคิ วบคุม S พบว่าจุด 18 ตกนอกขีดจากัดควบคุม และค้นหาสาเหตุได้จึงตัดออก เพ่อื ปรับปรงุ แผนภูมิควบคุมใหม่ แผนภมู คิ วบคุม x ปรบั ปรงุ ̅ = 6.46 ̅ = 6.40 ̅ = 6.34 แผนภูมิควบคมุ S ปรับปรุง UCLS = 0.079 CLS = 0.038 LCLS = 0
578 การควบคุมคุณภาพ 15) คา่ สงั เกตท่ี 1045 – 1062.5 0 0 1037.5 - 0 0 1 1055 -17.50 0 0 -7.50 0 0 2 1037 -7.50 0 0 -17.50 0.50 1 3 1064 -25.50 1.5 1 0.50 0 0 4 1095 1.50 34 2 -26.50 0 0 5 1008 32.50 0 0 -57.50 29.50 1 6 1050 -54.50 0 0 29.50 17 2 7 1087 -12.50 24.5 1 -12.50 0 0 8 1125 24.50 87 2 -49.50 0 0 9 1146 62.50 170.5 3 -87.50 0 0 10 1139 83.50 247 4 -108.50 0 0 11 1169 76.50 353.5 5 -101.50 0 0 12 1151 106.50 442 6 -131.50 0 0 13 1128 88.50 507.5 7 -133.50 0 0 14 1238 65.50 685 8 -90.50 0 0 15 1125 175.50 745.5 9 -200.50 0 0 16 1163 62.50 846 10 -87.50 0 0 17 1188 100.50 971.5 11 -125.50 0 0 18 1146 125.50 1055 12 -150.50 0 0 19 1167 83.50 1159.5 13 -108.50 0 0 20 104.50 -129.50 จากตารางจะพบวา่ ตัวอย่างท่ี 10 คา่ มีคา่ มากกว่าค่า H สรุปได้วา่ ข้อมลู มกี ารเลื่อนจากค่าเฉลี่ย ที่ควรจะเป็นโดยค่าน้าหนักของอณูอยู่ภายใต้สภาวะการควยคุมคร้ังสุดท้ายในตัวอย่างที่ 7 กล่าวคือ ค่า น้าหนักเริ่มเลอ่ื นต้งั แตต่ วั อยา่ งท่ี 8 ส่งผลให้คา่ เฉลี่ยของนา้ หนกั ปรับเพ่มิ เปน็ 1,119.33 16) 0.0708
เฉลยแบบฝกึ หัด 579 17) 17.1 0.0024 17.2 แผนภมู คิ วบคมุ x ̅ = 2.3296 ̅ = 2.3244 แผนภูมิควบคุม R UCLR = 0.0114 LCLR = 0 18) 18.1 แผนภูมคิ วบคุม x ̅ = 36.91 ̅ = 33.29 ̅ = 29.67 แผนภมู คิ วบคมุ MR UCLMR = 9.11 CLMR = 3.54 LCLMR = 0 จากแผนภูมิควบคุมค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และพิสัยเคลื่อนท่ี 3 ช่วง จะพบว่ามีจุดบางจุดตกอยู่ ภายนอกขีดจากัดควบคุม ดงั นนั้ กระบวนการผลติ ไม่อยู่ภายใตก้ ารควบคุม 18.2 แผนภมู ิควบคุม x ̅ = 44.38 ̅ = 34.96 ̅ = 25.54 แผนภมู คิ วบคมุ MR UCLMR = 11.57 CLMR = 3.54 LCLMR = 0 จากแผนภูมิควบคุม x และ MR จะพบว่าจุดทุกจุดตกอยู่ภายในขีดจากัดควบคุม ดงั น้นั กระบวนการผลิตอยภู่ ายใตก้ ารควบคมุ 19) 0.1587 20) 20.1 0.4844 20.2 0.4483
580 การควบคมุ คุณภาพ บทที่ 4 แบบฝึกหดั ระหวา่ งบทเรียนบทท่ี 4 1) แผนภูมิควบคมุ p UCLp = 0.0618 CLp = 0.0426 LCLp = 0.0234 พบว่ากระบวนการท่ี 5 ตกออกนอกขดี ควบคมุ และทราบสาเหตุความผดิ ปกตจิ ึงตดั จุดที่ 5 ท้ิงไป แผนภูมิปรบั ปรุง p UCLp = 0.0542 CLp = 0.0361 LCLp = 0.0186 2) UCLnp =253, CLnp = 210, LCLnp = 167 3) แผนภมู คิ วบคมุ np UCLnp = 19 CLnp = 10 LCLnp = 1 แบบฝึกหดั ท้ายบทท่ี 4 1) จาแนกได้เปน็ 2 กลุ่ม กลมุ่ แรกเป็นแผนภูมิควบคมุ เพื่อควบคุมจานวนของเสียท่ีเกิดข้ึนในกระบวนการผลิต แผนภูมิควบคุม p ซ่ึงแผนภูมิชนิดน้ีจะเกี่ยวข้องกับสัดส่วนของเสียหรือสินค้าท่ีใช้ไม่ได้ที่กระบวนการผลิตผลิตออกมา (Fraction Nonconforming) แผนภูมิควบคุม np ซึ่งใช้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์กับมาตรฐานด้วยการนับจานวน สนิ ค้าที่เสีย (Defective Product) ส่วนกลุ่มท่ี 2 คือ แผนภูมิควบคุม c ใช้สาหรับควบคุมรอยตาหนิในสินค้า เช่น รอยตาหนิในม้วนผ้า รอยตาหนิในแผ่นกระจก เป็นต้น และแผนภูมิควบคุม u ซึ่งได้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์กับมาตรฐานด้วยการนับ ผลิตภณั ฑ์ว่าเปน็ สนิ คา้ ที่มขี ้อบกพรอ่ ง(ตาหน)ิ (Defect Product) หรอื ไมม่ ีขอ้ บกพรอ่ ง (No Defect) 2) 25 กลุ่ม 3) Binomial
เฉลยแบบฝึกหดั 581 4) ±2σ 5) 0.08 6) u chart 7) Trial control limits 8) p chart 9) 0.15 และ 0.029 ตามลาดับ 10) 10.1 แผนภูมิควบคมุ p UCLP = 0.1312 CLP = 0.06 LCLP = 0 จากแผนภูมคิ วบคุมสัดส่วนของเสยี จะพบวา่ จุดตกอย่ภู ายในขีดจากัดควบคุมและการแปรผัน เป็นแบบสุม่ ดังนัน้ กระบวนการอยภู่ ายในการควบคุม 10.2 นอกเหนือจากแผนภูมคิ วบคุมสัดส่วนของเสยี สามารถใช้แผนภูมิควบคุมร้อยละของเสียและ เน่อื งจากรนุ่ คงท่ี ยงั สามารถใชแ้ ผนภมู ิควบคมุ จานวนของเสยี ไดอ้ กี ดว้ ย 11) แผนภมู คิ วบคมุ p UCLP = 0.231 CLP = 0.158 LCLP = 0.085 พบว่ากระบวนการผลิตยางรถยนต์ยังไม่มีเสถียรภาพ เพราะมีจุดที่ตกออกนอกการควบคุม คือ จุดท่ี 6, 7, 18, 19 และ 20 ดังนนั้ หน่วยงานควบคมุ คุณภาพควรหาสาเหตุของความผดิ ปกตขิ องกระบวนการผลิตให้ ได้โดยเรว็
582 การควบคมุ คุณภาพ 12) แผนภมู คิ วบคุม np UCLnp = 26.74 CLnp = 15.8 LCLnp = 4.86 พบว่ากระบวนการผลิตยางรถยนต์ยังไม่มีเสถียรภาพ เพราะมีจุดท่ีตกออกนอกการควบคุม คือ จุดที่ 19, 20 เน่ืองจากทราบสาเหตุที่ผิดปกติคือ พนักงานประจาลาป่วย ทาให้ต้องหาพนักงานไม่ประจามา ปฏบิ ัติงานแทน จงึ ตดั 2 จดุ นี้ออกไป แผนภูมคิ วบคมุ np ปรบั ปรงุ UCLnp = 25.06 CLnp = 14.5 LCLnp = 3.94 13) 13.1 แผนภูมิควบคมุ p UCLP = 0.0396 CLP = 0.0184 LCLP = 0 จากแผนภูมิควบคุมสัดส่วนของเสีย กระบวนการผลิตอยู่นอกการควบคุมมีจุดตกนอกพิกัด ควบคุม คือ จุดท่ี 1 และ 19 เน่ืองจากทราบสาเหตุของความแปรผันการปรับปรุงแผนภูมิควบคุมสามารถ กระทาไดด้ ้วยการตัดจุดที่ 1 และ 19 ซึ่งตกนอกขีดจากดั ควบคุมทิ้ง จงึ คานวณขีดจากดั ควบคมุ ใหมด่ งั นี้ แผนภูมิควบคุม p ปรับปรงุ UCLP = 0.0355 CLP = 0.0147 LCLP = 0 13.2 แผนภูมิควบคมุ np UCLnp = 12.50 CLnp = 5.52 LCLnp = 0 จากแผนภูมิควบคุมสัดส่วนของเสีย กระบวนการผลิตอยู่นอกการควบคุมมีจุดตกนอกพิกัด ควบคุม คือ จุดที่ 19 เน่ืองจากทราบสาเหตุของความแปรผันการปรับปรุงแผนภูมิควบคุมสามารถกระทาได้ ดว้ ยการตดั จุดท่ี 19 ซึ่งตกนอกขีดจากัดควบคุมท้งิ จึงคานวณขีดจากดั ควบคมุ ใหมด่ งั นี้ แผนภูมิควบคมุ np ปรบั ปรงุ UCLnp = 11.45 CLnp = 4.88 LCLnp = 0
เฉลยแบบฝึกหัด 583 14) แผนภมู คิ วบคุม c UCLc = 23.46 CLc = 12.75 LCLc = 2.04 จากแผนภูมิควบคุม c chart ไม่มีจุดใดๆ ตกออกนอกขีดพิกัดควบคุม ดังนั้นกระบวนการส่งมอบ สนิ ค้าที่ล่าช้าอยู่ภายใต้การควบคุม 15) 15.1 แผนภูมคิ วบคุม p UCLP = 0.1083 CLP = 0.07 LCLP = 0.0317 15.2 0.2981 15.3 0.5073 16) 16.1 แผนภมู ิควบคมุ p UCLP = 0.1425 CLP = 0.1228 LCLP = 0.1031 16.2 จากแผนภูมิควบคุมสัดส่วนของเสียจะพบว่ามีจุดตกนอกขีดจากัดควบคุม 11 จุด คือ จุดที่ 1, 2, 3, 5, 11, 12, 15, 16, 17, 19 และ 20 ถ้าทราบการแปรผันท่ีทราบสาเหตุ ให้ตัดจุดที่ตกนอกขีดควบคุม ออกไป แต่ถา้ ไม่ทราบสาเหตุ ก็ไม่ต้องตัดจุดที่ตกนอกขีดจากัดควบคุม ให้คงจุดเหล่านี้เอาไว้ ดังนั้นข้อมูลน้ีไม่ ควรใชเ้ น่อื งจากมีหลายจุดตกนอกขดี จากัดควบคุมบนล่าง 17) แผนภมู คิ วบคมุ c UCLc = 11.12 CLc = 4.65 LCLc = 0 จากแผนภูมิควบคุมรอยตาหนิไม่มีจุดตกออกนอกขีดจากัดควบคุม แสดงว่ากระบวนการอยู่ในการ ควบคมุ
584 การควบคมุ คุณภาพ 18) แผนภูมคิ วบคมุ c UCLc = 33.22 CLc = 19.85 LCLc = 6.48 จากแผนภูมิควบคุมรอยตาหนิ พบว่ามีจุดตกออกนอกขีดจากัดควบคุม 2 จุด คือ จุดท่ี 6 และ 20 สามารถระบุสาเหตุของความผิดปกตไิ ด้คอื มกี ารเปล่ียนชนดิ ของวตั ถุดบิ หลกั จงึ ตัดจดุ เหล่าน้อี อกไป แผนภมู คิ วบคุม c ปรบั ปรงุ UCLc = 32.97 CLc = 19.67 LCLc = 6.36 19) พ้นื ท่ี (ตารางเมตร) จานวนรอยตาหนิ จานวนรอยตาหนิ UCLU LCLU ท้งั หมด ต่อหน่วย มว้ นท่ี 500 14 0.03 0.355 0.213 400 0.364 0.204 1 650 12 0.03 0.347 0.221 2 500 0.355 0.213 3 475 20 0.03 0.357 0.211 4 500 0.355 0.213 5 600 11 0.02 0.349 0.219 6 525 0.354 0.214 7 600 7 0.01 0.349 0.219 8 625 0.348 0.220 9 10 0.02 10 21 0.04 16 0.03 19 0.03 23 0.04 ค่าเฉลย่ี เทา่ กับ 0.284 (CLU) พบวา่ จดุ ที่ 4, 5, 6, 7 และ 10 ผิดปกติ และสามารถระบุความแปรผันเหล่าน้ีได้จึงตัดจุดเหล่าน้ีทิ้งไป และปรับปรุงแผนภมู คิ วบคมุ รอยตาหนิตอ่ หน่วยใหมไ่ ด้ดงั ตาราง มว้ นที่ พืน้ ที่ (ตารางเมตร) จานวนรอยตาหนิ จานวนรอยตาหนิ UCLU LCLU ท้ังหมด ต่อหน่วย 1 500 14 0.03 0.054 0.007 2 400 12 0.03 0.056 0.004 3 650 20 0.03 0.051 0.010 8 525 16 0.03 0.053 0.007 9 600 19 0.03 0.051 0.009 คา่ เฉลย่ี เทา่ กับ 0.03 (CLU)
เฉลยแบบฝกึ หดั 585 20) 2.06 21) 0.066 และ 0 ตามลาดับ 22) C Chart 23) C Chart 24) การเปลย่ี นแปลงจานวนข้อบกพรอ่ งของกล่มุ ตัวอย่าง 25) 0
586 การควบคมุ คุณภาพ บทท่ี 5 แบบฝึกหัดระหว่างบทเรยี นบทท่ี 5 1) ก่อนปรบั ปรุงเท่ากบั 1.67 หลังปรับปรงุ เท่ากบั 2.08 2) กระบวนการไม่เปน็ ไปตามข้อกาหนด และสดั สว่ นของเสียเท่ากับ 0.0075 3) 3.1 0.67 3.2 0.5 3.3 ̅ = 362.575, ̅ = 357.425 แบบฝกึ หัดทา้ ยบทที่ 5 1) 1.11 2) 0.63 3) สภาพของความขัดแยง้ แบบท่ี กระบวนการผลิตจะผลิตสินค้าไม่ตรงตามข้อกาหนด โดยมีสัดส่วนของ เสยี ดังแสดงในพ้นื ที่ใตเ้ สน้ โค้งส่วนที่แรเงา เพื่อลดสัดส่วนของเสียลง กระบวนการผลิตจะต้องปรับปรุงในด้าน ความแปรปรวนของกระบวนการผลิตลดลง ขีดจากัดเกณฑ์ความคลาดเคล่ือนก็จะเข้าใกล้ขีดจากัดข้อกาหนด การลดความแปรปรวนของกระบวนการผลิตอาจทาได้โดยการเปล่ียนเครื่องจักรใหม่ ฝึกอบรมพนักงานให้มี ความชานาญมากขน้ึ เลือกวัตถดุ บิ ทีเ่ หมาะสม และปรับตั้งเครอ่ื งจกั รใหม่ ส่วนความขัดแย้งประเภทท่ี 2 ค่าเฉล่ียของกระบวนการไม่เหมาะสมกับขีดจากัดข้อกาหนดสาหรับ กรณที ขี่ ีดจากดั ข้อกาหนดมเี พียงดา้ นเดียว อาจเป็นขีดจากัดบนหรือขีดจากัดล่าง ถ้าค่าเฉล่ียของกระบวนการ ปรับต้ังไม่ดีจะก่อให้เกิดปัญหาหรือขีดจากัดล่าง ถ้าค่าเฉลี่ยของกระบวนการปรับต้ังไม่ดีจะก่อให้เกิดปัญหา การผลิตของเสียออกมา วิธีการแก้ปัญหาสาหรับสาหรับกรณีน้ีทาได้โดยปรับต้ังค่าเฉล่ียของกระบวนการผลิต เสยี ใหม่ให้เหมาะสมกบั ขดี จากดั ขอ้ กาหนดน้ที วี่ างไว้ 4) Cp ศึกษาความสามารถกระบวนการโดยไมสนใจค่าเปา้ หมาย แต่ Cpk คานึงถงึ ค่าเปา้ หมาย 5) คากลางอยูก่งึ กลาง Spec.
เฉลยแบบฝกึ หดั 587 6) 0.4% 7) ดัชนคี วามสามารถกอ่ นปรบั ปรงุ กระบวนการเทา่ กับ 1.32 ดัชนคี วามสามารถหลังปรับปรงุ กระบวนการเท่ากับ 1.67 8) ดชั นคี วามสามารถหลงั ปรบั ปรุงกระบวนการเทา่ กบั 1.67 และเม่ือเปลี่ยนศูนย์กลางกระบวนการผลิต จาก 6.40 เป็น 6.30 Cpk จะมีคา่ ลดลง 9) 0.8333 10) 10.1 แผนภูมคิ วบคุม x ̅ = 1.6932 ̅ = 1.5056 ̅ = 1.3180 แผนภมู คิ วบคมุ R UCLR = 0.6875 CLR = 0.3252 UCLR = 0 10.2 0.1398 10.3 0.00035 10.4 1.19 11) 0.2980 12) 12.1 10.9±0.938 12.2 10.9±1.407 13) 0.00065 14) Cmku = 1.6, Cmkl = 1.07 ดังนั้น Cmk = Cmkl เน่ืองจากสมรรถภาพของเตาอบอัตโนมัติทางขีดจากัด ขอ้ กาหนดลา่ ง (LSL) ต่า เพราะคา่ Cmkl น้อยกว่า 1.33 สรุปไดว้ า่ ตอ้ งปรบั คา่ ปจั จัยเพอื่ ใหค้ ่าเฉล่ยี เพิ่มข้นึ
588 การควบคุมคุณภาพ 15) 401-600 ppm 16) 1.75 17) 6σ < USL - LSL 18) 10% 19) 3,876 บาท 20) 2,700 ppm
เฉลยแบบฝึกหัด 589 บทที่ 6 แบบฝกึ หัดระหว่างบทเรยี นบทท่ี 6 1) n = 120, c = 1 2) n1 = 55, c1 = 0, n2 = 115, c2 = 4 3) n = 33, c =0 4) n1 = 55, c1 = 0, n2 = 50, c2 = 2 5) 5.1 n = 530, c = 2, AOQL = 0.26 5.2 n1 = 280, c1 = 0, n2 = 605, c2 = 4 6) 6.1 n = 190, c = 3, Pt = 3.5 6.2 n1 = 145, c1 = 0, n2 = 225, c2 = 6 7) 0.62% แบบฝึกหัดทา้ ยบทท่ี 6 1) เป็นเทคนิคที่อาศัยการประยุกต์หลักการทางสถิติและความน่าจะเป็นในการเลือกสิ่งตัวอย่างท่ี ต้องการตัดสินใจ (ทางสถิติเรียกว่า ประชากร) และอาศัยการอนุมานทางสถิติ (Statistical Inference) เพ่ือ การตัดสินใจโดยวิธีการทดสอบสมมตุ ฐิ าน (Test of Hypothesis) เพื่อพิจารณาว่าคุณสมบัติของประชากรน้ัน ควรได้รบั การยอมรับ (Accept) หรอื ไม่
590 การควบคุมคุณภาพ 2) ข้อดี ข้อเสยี ประเภทของการ ควบคุม ในทางทฤษฎีแล้วเช่ือว่าจะเป็นวิธี ในทางปฏิบตั ิแลว้ สามารถประกนั ไดว้ า่ ปลอด ที่ทาให้ได้ผลที่ปลอดภัยมากกว่า ข้อบกพร่อง เน่ืองจากความล้าของพนักงาน การตรวจสอบ ขอ้ บกพร่อง และการเสอื่ มสภาพของอปุ กรณ์ แบบ 100% ใช้ไดใ้ นกรณีท่ีมีผลการตรวจมิได้มี คา่ ใช้จา่ ยในการตรวจสอบสงู มาก การตรวจสอบ ผลทางคุณภาพทรี่ ุนแรงมากนกั ผลการตรวจสอบไม่สามารถอธิบายถึง เปน็ ครั้งคราว การให้คารับรอง ประหยัดทส่ี ุด คุณลักษณะของชิ้นงานท้ังหมดที่ต้องการ ตดั สินใจได้ แ ผ น ก า ร ชั ก สิ่ ง ไมม่ ปี ัญหาในการจัดการ เนื่องจาก ตัวอย่างเพ่ือการ เปน็ วธิ ีทขี่ นึ้ อยู่กบั ความเช่ือถือเป็น มีความเส่ียงต่อการทาธุรกิจ ท้ังน้ีเพราะว่า ยอมรับ ลูกค้ามีต่อตรา (Mark) หรือคา คุณภาพของยี่ห้อจะมีผลอย่างมากต่อการ รับรองสถาบนั ทอี่ อกให้ ตดั สินใจทาธรุ กจิ ดว้ ยของลูกค้า เปน็ วธิ ีการท่ีคอ่ นข้างประหยดั มีความเสี่ยงในการตัดสินใจเกี่ยวกับ เป็นวิธีการที่ค่อนข้างจะใช้เวลาใน คุณลักษณะของชิ้นงานทั้งหมดท่ีต้องการ ตัดสินใจเสมอ การตรวจสอบน้อย ทาให้พนักงาน ตรวจสอบไมล่ ้า มิ ไ ด้ ใ ห้ ร า ย ล ะ เ อีย ด ทั้งห ม ด เ ก่ี ย วกั บ ให้ผลท่ีน่าเชื่อถือโดยการอธิบาย คุณลักษณะของชิ้นงานทั้งหมดที่ต้องการ ผ่านกฎของความน่าจะเปน็ ตัดสนิ ใจ มีการทาลายผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการ ตรวจสอบต่า ให้ผู้ผลิตและผู้ซื้อสามารถเจรจา ต่อรองราคากันได้โดยอาศัยการ พิ จ า ร ณ า จ า ก ค ว า ม เ สี่ ย ง ข อ ง แผนการ เหมาะกับกรณีการตรวจสอบแบบ ทาลาย
เฉลยแบบฝึกหดั 591 3) แผนการชกั ส่งิ ตัวอยา่ ง แบบเชงิ คณุ ภาพ (Attribute) แบบเชงิ แปรผัน (Variable) ลอตตอ่ ลอต แบบตอ่ เนื่อง ลอตตอ่ ลอต กระบวนการผลติ 4) เมื่อแบ่งสินค้าออกเป็นลอตๆ แล้ว จะมีการสุ่มตัวอย่างขึ้นมาเท่ากับจานวน n ช้ินแล้วตรวจดูว่าใน ตัวอย่างนี้มีสินค้าท่ีเลว (คุณภาพเป็นท่ีไม่ยอมรับหรือถือว่าเป็นของเสีย) มีอยู่จานวนก่ีช้ิน หรือถ้าเกินกว่า c ชิ้น จะปฏเิ สธหรือไมย่ อมรบั สินคา้ นน้ั ทงั้ ลอต สินคา้ ลอตอ่ืนๆ กต็ รวจสอบในทานองเดยี วกันการตรวจรับสินค้า ลอตนนั้ หรอื ไม่ แผนการชักสิง่ ตวั อย่างเชงิ คมู่ โี อกาสที่จะตัดสินจากการชักตัวอย่างถึงสองคร้ัง ลอตของสินค้าจะได้รับ การยอมรบั ทันทีในการชกั ส่งิ ตวั อยา่ งครัง้ แรกถ้ามีคุณภาพดีพอ และจะถูกปฏิเสธในการชักส่ิงตัวอย่างคร้ังแรก นีเ้ ชน่ กันถ้าคณุ ภาพแย่เกนิ ไป แตถ่ ้าการชักสิ่งตัวอย่างคร้ังแรกจะยังตัดสินใจไม่ได้ จึงต้องชักส่ิงตัวอย่างคร้ังที่ สองเพือ่ การตัดสิน จึงตอ้ งชักสิ่งตัวอย่างคร้ังทส่ี องเพอ่ื การตดั สินใจ 5) มวี ธิ กี ารมาตรฐาน 2 วธิ ี ทส่ี ามารถใชเ้ พือ่ การวเิ คราะหก์ ระบวนการผลิตได้ 1. จุดตรวจสอบในสายการผลิต (On–Line Inspection Stations) ซ่ึงเป็นการตรวจสอบแบบ 100% 2. แผนการชักสิ่งตัวอย่างเพ่ือการยอมรับในสายการผลิต (On–Line Acceptance Sampling Plans) ซึ่งโดยปกติจะทาหน้าท่ีในการป้องกันมิให้ข้อบกพร่องจากกระบวนการก่อนหน้าถูกส่งไปยัง กระบวนการถดั ไป โดยไมม่ ีวธิ กี ารปอ้ นกลบั สารสนเทศ
592 การควบคุมคุณภาพ 6) 1. การมขี ้อมลู ที่ดี 2. การไดร้ บั มาซึง่ สารสนเทศที่รวดเร็ว 3. การสร้างแรงจงู ใจต่อผู้ผลิตใหไ้ ดค้ ณุ ภาพที่ระดบั พึงพอใจ 4. การมปี ระวตั ิคุณภาพท่ีดี ซง่ึ ไดม้ าจากการจดบันทกึ ตามปรมิ าณการตรวจสอบ 7) 7.1 ตวั อยา่ งท่ี ความน่าจะเปน็ ในการ ปฏเิ สธรนุ่ Pr ยอมรบั รนุ่ Pa 0.09 1 0.174 2 0 0.0874 3 0.368 0.077 4 0.073 5 0 0.501 0.136 0.113 0.617 7.2 16 ช้ิน 8) (n, c) = (70, 2) 9) (n, c) = (268, 11) 10) 0.299 11) 0.8248 12) เสน้ โคง้ แสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งเปอร์เซน็ ต์ยอมรับกับเปอร์เซ็นต์ของเสยี 13) งา่ ยตอ่ การใช้เพราะสามารถหาแผนการส่มุ ตัวอย่างไดจากการเปดิ ตาราง 14) ผลิตภัณฑ์เป็น lot ท่ีไม่ดสี ุ่มตัวอย่างแลว ยอมรบั (accept) lot นัน้ 15) 0.10 16) Code L
17) PaI = 0.40 และ PaII = 0.082 เฉลยแบบฝึกหดั 593 18) XL = -0.9389+0.0397n n = 55 และ c = 3 Pa XU = 1.2054+0.0397n 19) XL = -2.431+0.124n XU = 3.121+0.124n n = 20 20) n = 55, c = 3 P 0.08
594 การควบคุมคุณภาพ 21) เป็นมาตรฐานท่ีได้รับการจัดทาข้ึนเพ่ือใช้เป็นวิธีการและแผนในการชักส่ิงตัวอย่างจากลอตหรือแบช เพื่อการตรวจสอบแบบเชิงคุณภาพ (Attribute) และแผนการชักส่ิงตัวอย่างท่ีระบุในมาตรฐานฉบับน้ี ได้รับ การออกแบบขน้ึ เพอ่ื การตรวจสอบส่ิงต่อไปน้ี (แต่มไิ ดจ้ ากดั แค่เทา่ ทรี่ ะบุ) (1) ผลติ ภณั ฑข์ ัน้ สาเร็จรปู (End Items) (2) ชน้ิ สว่ นสาหรบั ประกอบ และวัตถดุ ิบ (3) การปฏิบัติการหรอื การบรกิ าร (4) วัสดใุ นระหว่างผลติ (Material in Process) (5) สนิ ค้าในคลงั ทร่ี อการส่งมอบ (Supplies in Storage) (6) การบารงุ รกั ษา (Maintenance Operation) (7) ข้อมูลหรอื บันทกึ (Data or Records) (8) กระบวนวธิ ีทใ่ี ช้ในการบริหาร (Administrative Procedures) แผนการตรวจสอบมาตรฐาน MIL-STD-105E น้ีได้รับการออกแบบเพ่ือการตรวจสอบลอตหรือแบช (Lot or Batch) ท่ีต่อเนื่องแล้ว จะต้องมีการใช้เส้นโค้งโอซี (OC Curve) เพื่อให้แผนการท่ีมีระดับความ คุ้มครองตามทีก่ าหนดไว้ 22) ในกรณีที่มีการตรวจสอบแบบเคร่งครัดในการตรวจสอบแรกเริ่มน้ัน ถ้าจานวนสะสมของลอตหรือ แบชได้รับการปฏิเสธถึง 5 ลอตหรือแบชจากการตรวจสอบลอตหรือแบชท่ีต่อเนื่องแล้ว ให้ทาการระงับการ ตรวจสอบไว้ จากนั้นดาเนินการค้นหาสาเหตุของข้อบกพร่องในขบวนการผลิตลอตหรือแบชนั้นพร้อมทาการ แก้ไขให้ถูกต้องและเม่ือมีการแก้ไขให้ถูกต้องแล้ว จึงให้เริ่มทาการตรวจสอบใหม่อีกคร้ังโดยยังคงใช้การ ตรวจสอบแบบเครง่ ครดั 23) 1. การตรวจสอบจะใช้การตรวจสอบแบบท่ัวไปโดยปกติได้รหสั อักษร J 2. แผนการชกั สง่ิ ตวั อยา่ งแบบปกติ จะได้ n = 80, Ac = 1, Re = 2 แผนการชักสง่ิ ตัวอย่างแบบเครง่ ครดั จะได้ n = 80, Ac = 1, Re = 2 แผนการชกั สง่ิ ตัวอย่างแบบผ่อนคลาย จะได้ n = 32, Ac = 0, Re = 2
เฉลยแบบฝกึ หัด 595 24) 24.1 N = 570 AQL = 4% ระดับการตรวจสอบ II Letter Code =___J___ แผนการชักตวั อยา่ ง แบบปกติ n = ____80___Ac = ____7___ Re = ____8___ แบบเครง่ ครดั n = ____80___Ac = ____5___ Re = ____6___ แบบผ่อนคลาย n = ____32___Ac = ____3___ Re = ____6___ 24.2 N = 800 AQL = 2.5% ระดบั การตรวจสอบ III Letter Code =___K___ แผนการชักตวั อยา่ ง แบบปกติ n = ____125___Ac = ___7____Re = ____8___ แบบเครง่ ครดั n = ____125___Ac = ___5____Re = ____6___ แบบผอ่ นคลาย n = _____50__Ac = ____3___ Re = ____ 6___ 24.3 N = 1,200 AQL = 1% ระดบั การตรวจสอบ I Letter Code =___G___ แผนการชักตวั อยา่ ง แบบปกติ n = ____32___Ac = ____1___ Re = _____2__ แบบเคร่งครดั n = ____32___Ac = ____1___ Re = _____2__ แบบผอ่ นคลาย n = _____13__Ac = ____0___ Re = _____2__ 24.4 N = 5,000 AQL = 1.5% ระดับการตรวจสอบ I Letter Code =____J__ แผนการชักตวั อยา่ ง แบบปกติ n = _____80__Ac = ____3___ Re = _____4__ แบบเคร่งครัด n = _____80__Ac = ____2___ Re = _____3__ แบบผ่อนคลาย n = ____32___Ac = _____1__ Re = _____4__ 24.5 N = 35,600 AQL = 10% ระดบั การตรวจสอบ II Letter Code =___N___ แผนการชกั ตวั อย่าง แบบปกติ n = ____500___Ac = ____21___Re = ____22___ แบบเครง่ ครัด n = ____500___Ac = ____18___Re = ____19___ แบบผอ่ นคลาย n = ____200___Ac = ____10___Re = ____13___
596 การควบคมุ คุณภาพ 25) แบบของการตรวจสอบ n Ac Re ปกติ 125 1 2 เคร่งครดั 200 1 2 ผอ่ นคลาย 20 0 1 การตรวจสอบลอตไดผ้ ลดังนี้ ลอตที่ แผนการตรวจสอบ ผลติ ภณั ฑบ์ กพรอ่ ง การตัดสินใจ 1 ปกติ 1 ยอมรบั 2 ปกติ 0 ยอมรับ 3 ปกติ 0 ยอมรับ 4 ปกติ 0 ยอมรบั 5 ปกติ 0 ยอมรับ 6 ปกติ 0 ยอมรับ 7 ปกติ 0 ยอมรบั 8 ปกติ 0 ยอมรับ 9 ปกติ 0 ยอมรบั 10 ปกติ 0 ยอมรับ ในการตรวจสอบลอตท่ี 11 ยังคงทาการตรวจสอบตามปกติ แม้ว่าจะยอมรับลอตต่อเนื่องกัน 10 ลอต และผลติ ภณั ฑ์บกพรอ่ งเป็น 0 หน่วยก็ตาม ดังน้ันจานวนสิ่งตัวอย่างท่ีน้อยที่สุดท่ีทาให้สับเปลี่ยนไปตรวจสอบ แบบผ่อนคลายได้ คอื ลอตท่ี 24 (3000/125) 26) 1. AQL = 0.25 และ LQ = 2.0 เปิดตารางท่ี 16-A จะได้อักษร Q 2. ดงั นน้ั n = 200, Ac = 0, Re = 1 27) 1. ขนาดลอต 900 ช้ิน ระดบั ตรวจสอบคอื 3 ได้อักษร K 2. อ่านค่าพบว่าลูกศรให้ใช้แผนชักตัวอย่างอักษร J และ อักษร J ไม่มีแผนชักตัวอย่าง จึงกลับไปใช้ แผนชักตัวอย่างเชิงเดย่ี ว ได้ n = 80, Ac = 0 และ Re = 1 28) n = 80, Ac = 5 และ Re = 6: พิจารณา Ac = 5 ทแี่ ผนชักตวั อย่างเชงิ เดย่ี ว Ass = 80 แผนชักตวั อยา่ งเชงิ คู่ Ass = 0.65(80) = 52 แผนชักตัวอย่างหลายเชงิ Ass = 0.55(80) = 44 ควรใชแ้ ผนชักตวั อย่างหลายเชิงเนือ่ งจากประหยัดกว่า
เฉลยแบบฝึกหัด 597 29) ตารางมาตรฐาน ANSI/ASQC Z1.4 จะมีการชักส่ิงตัวอย่างเชิงเด่ียวเท่านั้น ส่วนตารางมาตรฐาน MIL-STD-105E จะมีการชกั ส่งิ ตัวอย่าง 3 แบบ คอื เชิงเดี่ยว เชิงคู่ และหลายเชิง 30) 1.39% 31) 31.1 XL = -1.1853+0.0567n XU = 1.5217+0.0567n 31.2 ตวั อยา่ งท่ี เลขจานวนการ เลขจานวนการ ตวั อยา่ งท่ี เลขจานวนการ เลขจานวน ยอมรบั ปฏิเสธ ยอมรบั การปฏเิ สธ 1 * * 16 * 2 * 2 17 * 3 3 * 2 18 * 3 4 * 2 19 * 3 5 * 2 20 * 3 6 * 2 21 0 3 7 * 2 22 0 3 8 * 2 23 0 3 9 * 3 24 0 3 10 * 3 25 0 3 11 * 3 26 0 3 12 * 3 27 0 3 13 * 3 28 0 4 14 * 3 29 0 4 15 * 3 30 0 4 4 32) ตรวจสอบทุกหน่วยต่อเนื่องกันแบบ 100% จนครบ 138 ชิ้นแล้วไม่พบของเสีย ให้เปล่ียนเป็น สุ่มตรวจ 1 ชนิ้ จากทกุ ๆ 10 ชน้ิ 33) จากแผนการสุ่มตัวอย่างพบว่าไม่มีของเสียติดต่อกัน 60 ชิ้น แล้วตรวจสอบด้วยสัดส่วน f=1/5 กล่าวคือ ให้ตรวจสอบ 1 ชิ้น ทุกๆ 5 ช้ิน จากการตรวจสอบพบของเสียช้ินแรกในการตรวจสอบ f ในครั้งท่ี 7 แล้วยังคงตรวจสอบ f ต่อไปจนกว่าจะพบของเสียช้ินท่ี 2 แล้วตรวจสอบว่ามีของดีน้อยกว่า i = 60 ช้ิน ตดิ ตอ่ กันหรอื ไม่ ถา้ มขี องดีนอ้ ยกวา่ 60 ช้นิ ใหเ้ ปล่ียนเป็นตรวจแบบ 100% แต่ถ้ามีของดีมากกว่าหรือเท่ากับ 60 ชนิ้ ใหต้ รวจสอบเปน็ สดั ส่วน f เช่นเดิม
598 การควบคมุ คุณภาพ 34) 91 35) f = 1/5, i = 217 36) 45 37) แผนการสมุ่ ตัวอย่าง CSP-1: i = 32 แผนการสมุ่ ตัวอยา่ ง CSP-2: i = 45 ซ่ึงแผนการสุม่ ตัวอยา่ ง CSP-2 มีจานวนของเสยี ทีพ่ บตดิ ตอ่ กัน i ชิน้ มากกว่าแผนการสุ่มตวั อย่าง CSP-1 38) 0.8097 39) N = 2,500, n = 45, c = 2, LTPD = 11.7 40) N = 750, n = 60, c = 3, LTPD = 10.9 41) 1. การแทนคาว่า nonconformity ด้วย defect, nonconforming ด้วย defective และ percent nonconforming ดว้ ย Percent defective ทใี่ ชใ้ นตารางมาตรฐาน MIL-STD 414 2. ในกฎเกณฑ์การสับเปลี่ยนระหว่างการตรวจสอบแบบปกติและแบบเคร่งครัด กฎเกณฑ์การ สบั เปลีย่ นในตารางมาตรฐาน MIL-STD-414 จะทาการปรบั เปลย่ี นเลก็ นอ้ ยในตาราง ANSI/ANQC Z1.4 3. การเปล่ยี นระดบั จากการตรวจสอบ I, II, III, IV และ V ในตารางมาตรฐาน MIL-STD-414 เป็น S3, S4, S5, I, II และ III ในตารางมาตรฐาน ANSI/ANQC Z1.4 4. ขนาดรุ่นในตารางมาตรฐาน MIL-STD-414 มีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับตารางมาตรฐาน ANSI/ANQC Z1.4 5. คา่ AQL ของ 0.04, 0.065 และ 15 ถกู ตัดออกจากตารางมาตรฐาน ANSI/ANQC Z1.4 42) n = 16, k = 1.46 43) n = 38, k = 1.68 44) ถ้า p ≤ 0.0207 จะยอมรับรุ่น ไม่เช่นนัน้ จะปฏิเสธร่นุ 45) n = 32 46) ยอมรบั เพราะ ZLSL> k
เฉลยแบบฝึกหัด 599 47) แผนการสุ่มตวั อยา่ งโดยมีเสน้ คขู่ นาน XL และ XU หรือ เสน้ ยอมรบั และเส้นปฏเิ สธ 48) ยอมรับรุ่นสนิ ค้า เมื่อรุ่นสินค้าน้ันมคี ุณภาพไมดี 49) ยอมรบั รนุ่ สินค้า 50) 50.1 ถา้ ZL ≥ 1.65 ถงึ จะยอมรับรุน่ 50.2 ถ้า ZL ≥ 2.47 ถึงจะยอมรับรุน่ 50.3 0.4932 50.4 ปฏเิ สธรุ่น
600 การควบคมุ คุณภาพ บทที่ 7 แบบฝึกหดั ท้ายบทที่ 7 1) การดาเนินกิจกรรมทุกๆส่ิงในองค์กรไม่ได้หมายถึงเพียงแค่การผลิตสินค้าหรือบริการข้ันสุดท้าย เท่าน้ัน แต่หมายรวมถึงส่งท่ีพนักงานในองค์กรปฏิบัติอยู่ทุกๆวัน ซ่ึงพนักงานควรจะทาส่ิงที่ถูกต้องต้ังแต่คร้ัง แรกๆและทาทกุ ๆครัง้ ตลอดเวลา 2) เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการบริหารและความเป็นผู้นาสาหรับการเติบโตขององค์กร การ บริหารงานแบบน้ีมีลักษณะคือเป็นการไปเยี่ยมชมโรงงานอย่างไม่เป็นทางการของผู้บริหาร ซึ่งจะเข้าไปหน้า งานสายการผลิตเพื่อพูดคุยกับพนักงานเก่ียวกับเรื่องงานของพนักงาน และคอยสอบถามพนักงานแต่ละคนว่า มปี ัญหาใดบา้ งในการทางาน และตอ้ งการความชว่ ยเหลอื ใดหรือไม่ 3) พน้ื ท่ขี องTQM เครอื่ งมอื และเทคนิค การควบคุมคุณภาพทางสถิติ (SPC) การออกแบบการทดลอง (DOE) 1. วธิ ีการ (Methodologies) บา้ นแห่งคณุ ภาพ (QFD) การบารงุ รกั ษาทวีผลทีท่ กุ คนมีสว่ นร่วม (TPM) 2. ระบบ (System) ISO 9000 3. การบรหิ ารทรพั ยากรมนุษย์ การมีสว่ นรว่ มของพนกั งานท้ังหมด (TPE) (Human resources) การบรหิ ารงานเชิงรุกและวงจรเดม็ ม่งิ 4. การจูงใจ (Motivation) รางวัลในด้านการปรับปรุงคุณภาพ เช่น รางวัล Malcolm Baldrige, รางวัล Deming Award, รางวัล European Quality Award 4) 1. ขาดความมุ่งมน่ั และขอ้ ผูกพนั ของผู้บรหิ ารระดับสูง 2. ขาดการมสี ว่ นร่วมของพนกั งาน 3. ไม่มีความร่วมมือกันในหมู่ผู้จัดการระดับต้น (First line manager) และผู้จัดการระดับกลาง (Middle manager) 4. วสิ ยั ทศั นข์ าดความชัดเจน 5. สูญเสียการตดิ ตามผลการดาเนนิ งาน 6. ไม่มสี ่วนรว่ มของลูกคา้ และซัพพลายเออร์ 7. เช่ือวา่ การฝกึ อบรมจะนาไปสู่ความแตกแยกของพนักงาน 8. การขัดขวางการเปลีย่ นแปลงในทุกระดับ 9. ความไมม่ ปี ระสิทธิภาพของผใู้ หบ้ รกิ ารด้านTQM 10. เลอื กทีป่ รึกษาผิด
เฉลยแบบฝึกหัด 601 11. ขาดความคงเสน้ คงวาของการบรหิ ารจัดการ 12. ความเร่งรีบและของเสยี ในกระบวนการผลิต 13. การมองไปที่กาไรในระยะส้ัน 14. ไมม่ กี ารลงทุนในเรือ่ งทพั ยากรอย่างเพียงพอ 15. องค์กรเฉพาะกจิ 16. ผลิตภัณฑ์ท่ีหมดอายอุ ยา่ งรวดเร็ว 17. การสูญเสียความมั่นใจในชว่ งระยะกลางของการดาเนินกิจกรร TQM เนอ่ื งจากเหตผุ ลตา่ งๆ 18. ใชแ้ รงงานมากกว่าใชส้ มองในการทางาน 19. การแขง่ ขันท่รี ุนแรงซงึ่ นาไปสู่สงครามราคา 20. มีพนักงานทีใ่ หบ้ ริการไมถ่ กู ต้อง เนือ่ งจากอาจจะมีพนกั งานมากเกินไปหรอื น้อยเกินไป 5) การจดั การคุณภาพโดยรวม คือ การปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเน่ือง เน้นคุณภาพท่ัวทั้งองค์กร รวมถึง ลูกค้าและผมู้ ีสว่ นได้ส่วนเสียในองค์กร องค์ประกอบของการจดั การคุณภาพโดยรวม ความแนว่ แน่ของวตั ถปุ ระสงค์/ความมงุ่ มัน่ ในระยะยาว การฝกึ อบรม TQM ม่งุ เนน้ ไปทีก่ ระบวนการ วธิ กี ารทางสถติ ิ การมีสว่ นร่วมของพนักงาน ทั้งหมด/การทางานเป็นทีม ความเปน็ ผนู้ า การปรบั ปรงุ กระบวนการอยา่ งต่อเนอื่ ง ซพั พลายเออร/์ พันธมิตรทางธรุ กจิ มุ่งเนน้ ไปทล่ี กู ค้า 6) ทีมงาน TQM ซ่ึงประกอบด้วยฝ่าย QC ผู้ประสานงาน TQM และพนักงานฝ่ายสนับสนุนจะทาการ ปฏิบตั ิการปรับปรุงในแตล่ ะโครงการ 7) 1. การสนบั สนนุ ใหเ้ กดิ การปรับปรงุ และการพฒั นาองคก์ ร 2. เคารพความเป็นมนุษย์ และการสร้างสรรค์สถานท่ีทางานให้มีชีวิตชีวาร่ืนรมย์ในอันท่ีจะทาให้มี บรรยากาศการทางานที่ดี 3. สร้างโอกาสให้พนักงานได้แสดงออกซ่ึงความสามารถอย่างเต็มที่ และดึงความสามารถท่ีซ้อนเร้น ซงึ่ มอี ยอู่ ยา่ งไมจ่ ากดั ออกมาใชป้ ระโยชน์
602 การควบคุมคุณภาพ 8) 1. การพฒั นาตนเอง 2. การดาเนนิ การอยา่ งสมัครใจ 3. การดาเนนิ การแบ่งกล่มุ 4. การบริหารแบบมสี ่วนร่วม 5. การประยกุ ต์กลวิธีดา้ นการควบคุณคณุ ภาพ 6. การปลูกฝ่ัง QC.Circle ลงในสถานทีท่ างาน 7. การกระตุน้ และสนับสนุนใหก้ ารทา QC.Circle เป็นไปอยา่ งต่อเนอื่ งไม่ร้จู บ 8. การพัฒนาซึ่งกนั และกนั 9. การมคี วามคดิ ริเริ่ม 10. การมีจิตใจสานกึ ตอ่ คณุ ภาพ ปญั หา และการปรบั ปรงุ 9) โครงสรา้ งพนื้ ฐานของ QC.Circle คณะกรรมการ TQM คณะอนกุ รรมการอ่นื ๆ คณะอนกุ รรมการ คณะอนกุ รรมการอ่นื ๆ QC.Circle เลขานุการ กลมุ่ กลุม่ กลมุ่ กลมุ่ QC.Circle QC.Circle QC.Circle QC.Circle (ฝา่ ยผลิต) (ฝ่ายขาย) (ฝา่ ยบรหิ าร) (ฝ่ายอ่ืนๆ) 1. คณะกรรมการ TQM นม้ี หี น้าท่ีสาคัญๆดังน้ี คอื (1) กาหนดนโยบายการส่งเสริมการบริหารคุณภาพแบบเบ็ดเสร็จตลอดจนกาหนดแผนการการ บริหารคณุ ภาพเชงิ กลยทุ ธ์ (Strategic Quality Plan) (2) พจิ ารณาจัดทาและอนมุ ตั แิ ผนประจาปสี าหรับการฝึกอบรมด้านการบริหารคุณภาพ (3) พจิ ารณาจดั ทาแผนและติดตามแผนการตรวจตดิ ตามภายในด้านคุณภาพ (Quality Internal Auditing) และแผนการวนิ ิจฉยั การบริหารคุณภาพโดยผู้บรหิ าร (Quality Management Diagnosis)
เฉลยแบบฝกึ หดั 603 (4) พิจารณาตัดสินใจเพ่ือการบริหารมาตรฐานต่างๆ ด้านการบริหารคุณภาพ เช่น ISO/มอก. 9000 ISO/มอก. 14000 ฯลฯ (5) กากบั ดูแลให้เกดิ การประสานงานเก่ยี วกับคุณภาพในระหว่างฝ่าย (6) พิจารณาจัดทาและควบคุมแผนการประชาสัมพันธ์ตลอดจนรณรงค์ให้บุคลากรในองค์กรเกิด ความเขา้ ใจในการบริหารคุณภาพแบบเบ็ดเสรจ็ 2. คณะอนกุ รรมการส่งเสรมิ QC.Circle จะมีหน้าที่สาคญั ๆดังนี้ คือ (1) จัดทาแผนประจาปีสาหรับการดาเนินการด้าน QC.Circle ภายใต้นโยบายตามแผนการการ บรหิ ารคณุ ภาพเชิงกลยทุ ธ์ (2) จัดทาแผนการประเมินผลการดาเนนิ การด้าน QC.Circle ทัว่ ท้ังองคก์ ร (3) จัดทาแผนเผยแพร่ความรู้ QC.Circle สาหรับบุคคลากรทั่วท้ังองค์กรโดยเฉพาะแผนการฝึก อบรบพนักงานใหม่ (4) จัดทาแผนการประชุมใหญ่ประจาปีขององค์กร เพ่ือเสนอผลงาน QC.Circle ของพนักงาน รวมท้ังแผนการประชุมและแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ และจัดทศั นศึกษา 3. สานักเลขานุการ QC.Circle ในองค์กรหลายแห่งที่มีบุคลากรไม่มากนัก การดาเนินงานด้านน้ีอาจจะอยู่ภายใต้ “บริกร QC.Circle (QC.Circle Facilitator)” เพียงคนเดียวก็ได้ และบริกรดังกล่าวหรือสานักเลขานุการ QC.Circle จะเป็น หน่วยงานในสังกัดฝ่ายประกันคุณภาพ หรือฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ก็ได้ ซ่ึงข้ึนอยู่กับใบพรรณนาลักษณะงาน (JD) ของฝา่ ยประกันคุณภาพ และฝ่ายทรัพยากรมนษุ ยข์ ององค์กรเปน็ สาคญั 10) ก. ปัญหาประจาบ้าน (Everyday Problems) ซึ่งเป็นปัญหาท่ีเกิดได้เสมอในชีวิตประจาวันและการ ทางาน อาทิ ตัวจับยึดงานจับงานไม่แน่นทาให้ช้ินงานหลุดออกขณะทางาน หรือการประกอบชิ้นส่วนผิดข้าง ฯลฯ โดยปกติแล้วปัญหากลุ่มน้ีควรมีการแก้ไขด้วยการให้พนักงานมีจิตสานึกต่อปัญหาและคุณภาพ ด้วยการ ปรับสถานทที่ างานให้สามารถตรวจสอบด้วยตาเปลา่ (Self-Monitoring) โดยผา่ นกิจกรรม 3 ส ข. ปญั หาที่ไดร้ ับมอบหมายให้แก้ (Problems given to us to solve) ซ่ึงเป็นปัญหาที่ผู้บังคับบัญชา ได้มอบหมายให้รับไปแก้ไข เช่น ให้ลดข้อบกพร่องในการผลิตลง 1% ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในการเดิน เคร่ืองจักรผลิตลง 10% เป็นต้น โดยปกติแล้วปัญหากลุ่มนี้ควรมีการแก้ไขผ่านการกระจายนโยบายด้วยตัว แบบการบริหารแบบขา้ มสายงาน (A cross functional management) ค. ปัญหาที่คิดค้นมาเพื่อแก้ไข (Problems we have sought out) ซ่ึงเป็นปัญหาที่มองอย่างผิวเผิน แล้วจะไม่พบปัญหาที่เป็นรูปธรรมชัดเจนหรือมีใครระบุได้ว่าเป็นประการใดแต่อาจเช่ือว่าคงมีอยู่ และหาก ดาเนินกจิ กรรมต่อไปก็จะพบปญั หาเชน่ นไี้ ด้ เช่น อตั ราการเพ่มิ ผลติ ภาพต่าลงเนื่องจากมีการกาหนดมาตรฐาน งานได้ไมเ่ หมาะสม เปน็ ตน้ 11) เป็นกระบวนการท่ีมุ่งสู้การแก้ปัญหาภายใต้เงื่อนไขการพัฒนาบุคลากรให้เข้าใจถึงหลักการในการบริหาร โครงการดว้ ยวงจร P-D-C-A
604 การควบคุมคุณภาพ 12) ปัญหา C เป็นปัญหาพ้ืนๆ ซ่ึงทราบท้ังสาเหตุรากเหง้าที่แท้จริงของปัญหาและทราบมาตรการการ แก้ไขปัญหาแล้ว ปัญหาแบบน้ีจึงไม่ควรนามาทา QC.Circle แต่ควรนาไปวิเคราะห์ในงานประจาวัน และ หัวหน้างานควรเปน็ ผนู้ าในการแกป้ ัญหานี้ทีห่ น้างาน ปัญหา B เป็นปัญหาไฮเทค เน่ืองจากทราบถึงสาเหตุรากเหง้าท่ีแท้จริงของปัญหา แต่ไม่ทราบ มาตรการแก้ไขปัญหา ปัญหาแบบนี้ไม่เหมาะกับ QC.Circle เพราะสามารถทาการแก้ไขได้โดยปรึกษากับ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางทางดา้ นเทคนิคได้ ซ่ึงต้องลงทุนค่อนขา้ งสงู ปญั หา D เป็นปัญหาท่ีสามารถกาหนดมาตรการแกไ้ ขทเ่ี หมาะสมได้ แต่ยังไม่ทราบสาเหตุรากเหง้า ของปัญหา ซึ่งถ้าหากมีการกาหนดให้มีการสอบประเมินผลและให้หัวหน้างานในสายการผลิตช่วยอบรมแบบ On- the Job-Training (OJT) กส็ ามารถทาให้ปัญหาหายไปได้ แตต่ ้องอาศัยการลงทุนทคี่ อ่ นข้างสงู ปัญหา A เป็นปัญหาท่ีไม่ทราบทั้งสาเหตุรากเหง้าของปัญหา และมาตรการแก้ไขจึงถือว่า ปัญหา ประเภทนี้จะมีความท้าทาย และมีคุณค่ามากที่สุดต่อกลุ่ม QC.Circle ในการใช้คิวซีสตอรี่ เพ่ือการวิเคราะห์ และแก้ไขปัญหา โดยในกระบวนการแก้ปัญหานี้จะทาให้เกิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างต่อเน่ืองได้ ดังนน้ั ปัญหาทกี่ ลุม่ QC.Circle จะเลอื กมาแกไ้ ขต้องเปน็ ปญั หาประเภทนเี้ ทา่ น้ัน มาตรการการแ ้กไข ัปญหา ปญั หา B ปัญหา A ทราบ ไม่ทราบ ปัญหาไฮเทค ปัญหาท่มี มี ลู คา่ เพิ่มต่อ กลมุ่ QC.Circle ปญั หา C ปัญหา D ปัญหาพน้ื ๆ ปญั หาท่ตี ้องการดูแล อยา่ งใกลช้ ิด ทราบ ไม่ทราบ การทราบสาเหตุรากเหง้าท่ีแทจ้ ริงของปัญหา ปัญหาประเภท A คือ ปัญหาที่ไม่ทราบสาเหตุรากเหง้าและมาตรการแก้ไขไปดาเนินการและ เหมาะสมตอ่ การแกป้ ญั หาโดยควิ ซเี ซอร์เคิล 13) ความถีข่ องการเกิดปัญหา ความรนุ แรงที่ปญั หามผี ลต่อลูกค้า และความเป็นไปไดใ้ นการแกป้ ัญหา 14) กิจกรรมไคเซน (Kaizen) เป็นภาษาญ่ีปุ่นซ่ึงมีความหมายว่า การปรับปรุงอย่างต่อเน่ือง (Continuous Improvement) ไคเซน มาจากคา 2 คา คือ Kai หมายถึง การเปลี่ยนแปลง (Change) และ Zen หมายถงึ ดี (Good) หรือหมายถึง การเปลยี่ นแปลงไปในทางทด่ี ี 15) ไคเซนใช้เทคนิคของหลักการการผลิตแบบโตโยต้า คือ Jidoka สาหรับการป้องกันปัญหาด้าน คุณภาพที่เกิดข้ึนซ้าๆ ในข้ันตอนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ และอีกเทคนิคหนึ่งในการปรับปรุงคุณภาพ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง คอื การคน้ หารากเหง้าของปญั หา คือ เทคนคิ 5 Why’s โดยการถามทาไมเป็นจานวน 5 คร้งั
เฉลยแบบฝกึ หัด 605 16) 1. สถานทที่ างานมีประสทิ ธภิ าพ ชาวญ่ีปุ่นได้พัฒนาเคร่ืองมือ 5ส (5S) มาร่วมใช่กับกิจกรรมไคเซน เพื่อพัฒนาสถานที่ทางานให้มี ประสิทธิภาพ 2. การกาจัดความสูญเปล่า ความไม่สมา่ เสมอ และสภาวะทเ่ี กินกาลงั (3 MUs) กิจกรรมไคเซนจะสัมฤทธ์ิผลได้น้ันต้องใช้กิจกรรม 5ส สาหรับพัฒนาประสิทธิภาพในการทางาน และกาจดั ความสูญเปล่า (3 MUs) ทีเ่ กิดข้ึนในกระบวนการ 3. งานท่เี ป็นมาตรฐาน ไคเซน (Kaizen) มุ่งเน้นไปที่กระบวนการท่ีเป็นมาตรฐาน วัตถุดิบ เคร่ืองจักร โดยมีละเอียด ดงั ตอ่ ไปนี้ 3.1 เผยใหเ้ หน็ ถึงสิง่ ท่ีดีท่สี ุด งา่ ยท่สี ุด และเปน็ วิถที างท่ีปลอดภยั ที่สุดในการกาหนดขั้นตอนการ ปฏิบัติงาน (Procedure) และขอ้ แนะนาในการทางาน (Work Instruction: WI) 3.2 เผยใหเ้ หน็ ถึงวิถที างทีด่ ที ีส่ ุดในการรกั ษาความรู้ ความเช่ยี วชาญ และขั้นตอนการปฏิบัติงาน ที่ (procedure) เปน็ มาตรฐาน 3.3 มีววิ ัฒนาการทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ ซ่งึ หมายถงึ ตัวชวี้ ดั ที่มีประสทิ ธิภาพและงานท่เี ป็นมาตรฐาน 3.4 โปรมแกรมการฝึกอบรมท่เี ปน็ มาตรฐาน 3.5 การตรวจสอบและการวนิ ิจฉยั ปัญหาที่เปน็ มาตรฐาน 3.6 ขนั้ ตอนในการปอ้ งกันการเกิดขึ้นของข้อผดิ พลาดและลดความแปรปรวนทเ่ี ปน็ มาตรฐาน 17) KAIZEN BLITZ รจู้ ักกนั ดใี นนามของ KAIZEN WORKSHOP ซึ่งมีเป้าหมายการทางานโดยเฉเพาะ ทีมขา้ มสายงาน (A cross function team) อันประกอบไปด้วยผู้จัดการ หัวหน้างาน พนักงาน และบางคร้ัง จะมีแผนกการตลาดและแผนกการเงินคอยให้คาปรึกษา หลังจากที่ทีมข้ามสายงานได้จัดตั้งข้ึนมาก็จะเข้าสู่ โปรแกรมการอบรมสมาชิกในทีม ได้แก่ หัวข้อเร่ือง การศึกษา กระบวนการ การเก็บ และ วิเคราะห์ข้อมูล การปรึกษาตัวเลือกในการปรับปรุง ข้อเสนอแนะในการปรับปรุง และข้อเสนอแนะในการเปล่ียนแปลง โดย การเปล่ียนแปลงจะดาเนินการด้วยความเห็นชอบของ QC การเปล่ียนแปลงนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการ เปลี่ยนแปลงรูปแบบอุปกรณ์ หรือการปรับเปล่ียนกระบวนการการกระโดดข้ามกระบวนการท่ีไม่เพิ่มมูลค่า ใดๆ KAIZEN BLITZ หรอื Kaizen เก่ียวข้องกบั ส่วนตา่ งๆดังนี้ 1. การนา 5ส มาใช้เพ่อื ปรบั ปรงุ งานสถานท่ีทางานให้มีประสทิ ธิภาพ 2. การลดและการขจดั ความสูญเปล่า (3MUs) 3. มาตรฐานของวิธีการทางานใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ 18) นวัตกรรมคือสิ่งท่ีคิดค้น วิจัย แก้ไขและเกิดการสิ้นสุดเมื่อสามารถแก้ปัญหาในจุดๆ นั้นได้แล้ว แตไ่ คเซนคอื การปรับปรงุ การพัฒนา และการเปล่ียนแปลงไปในทศิ ทางทีด่ ขี ้นึ ตลอดเวลาอย่างไมม่ ีท่ีสิ้นสุด
606 การควบคมุ คุณภาพ 19) ซกิ ซซ์ กิ มาเป็นเคร่อื งมือทใ่ี ช้ในการควบคุมคุณภาพและปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต ด้วยการใช้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง และการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ โดยมีจุดมุ่งหมายเพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพ และลดความแปรปรวนในระบบการผลิต โดยยอมใหม้ ขี องเสียในกระบวนการผลิตได้เพียง 3.4 ช้ินต่อการผลิต สินค้าล้านช้นิ แนวคดิ หลกั ของวิธกี ารซิกซซ์ กิ มา สามารถสรปุ ได้ดังนี้ 1. มุ่งเน้นความเข้าใจในความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าโดยแท้จริง คานิยามของลูกค้า และการประเมินคุณภาพเป็นศูนย์กลางของวิธีการซิกซ์ซิกมา ดังน้ันวิธีการซิกซ์ซิกมาซึ่งเป็นวิธีการทาง วิทยาศาสตรไ์ ดน้ ามาใชส้ นบั สนนุ ในการประเมินความพงึ พอใจของลูกค้าและข้อมูลย้อนกลับเก่ียวกับการเสนอ สินคา้ และบริการ 2. การบริหารจัดการด้วยข้อมูลเป็นสิ่งจาเป็นสาหรับวิธีการซิกซ์ซิกมา การมุ่งเน้นข้อเรียกร้องของ บริษัทใช้เฉพาะท่ีเก่ียวข้องกับการเก็บข้อมูลด้านวัตถุประสงค์จากกระบวนการตัดสินใจและละเว้นการ พจิ ารณาการตดั สนิ ใจโดยใชอ้ คติสว่ นตวั 3. หน่วยของการวิเคราะห์ภายในวิธีการซิกซ์ซิกมา คือ กระบวนการประกอบ ด้วยการบริหาร จัดการด้วยข้อมูล ดังน้ันในการปรับปรุงคุณภาพของกระบวนการวิธีการซิกซ์ซิกมาจะสามาร ถเพิ่ม ประสทิ ธิภาพโดยอตั โนมตั ิดว้ ยคณุ ภาพของสนิ ค้าและบรกิ ารท่ีส่งมอบแก่ลูกคา้ 4. วิธีการซิกซ์ซิกมาได้เน้นย้าความต้องการในรูปแบบการบริหารจัดการเชิงรุก (Proactive management style) แทนที่จะรอให้ปัญหาคุณภาพเกิดขึ้น การบริหารจัดการควรมุ่งเน้นไปท่ีการระบุ รากเหงา้ ของปญั หาตั้งแตเ่ นิน่ ๆ เพื่อที่วา่ ปญั หานนั้ จะได้ไม่เกิดขึ้นตัง้ แตค่ ร้งั แรก 5. การประสานงานเชิงรุกและการร่วมแรงร่วมใจกันระหว่างพนักงานท่ีทางานในแผนกงงานท่ี แตกต่างกันในบริษัท หากวิธีการซิกซ์ซิกมาประสบความสาเร็จ ทีมงานท่ีมีระดับหน้าที่ที่แตกต่างกันจะต้อง ข้ามสายงานเพอ่ื ลดอปุ สรรคของลาดบั ชนั้ งานทีแ่ ตกตา่ งกนั 6. สดุ ท้ายคือวธิ ีการซิกซ์ซกิ มามุ่งมั่นความสมบรู ณ์แบบ วิธกี ารของซิกซ์ซิกมาอ้างถึงช่วงของค่าสถิติ ซึ่งก็คือยอมใหม้ ีโอกาสเกดิ ของเสยี 3.4 ส่วนใน 1 ล้านส่วน สมมติวา่ กระบวนการมีการกระจายตามปกติ พ้ืนที่ ภายใต้โค้งจะถูกกาหนดโดยค่าพิสัยของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (σ) จากค่าเฉลี่ย (µ) ในภาพที่ 7.10 ค่าพิสัย ของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (1σ) จากค่าเฉล่ียมีค่าประมาณ 68.27 % ภายใต้โค้งของการกระจายแบบปกติ (normal curve) ค่าพสิ ยั 2 ใน 3 ของส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานมีค่าเท่ากับ 95.45% และ 99.73% ภายใต้การ กระจายโคง้ ปกติ 20) ขอบเขตการควบคุมขีดจากัดเฉพาะบน (Upper Specification Limits: USL) และขอบเขตการ ควบคุมขีดจากบั เฉพาะลา่ ง (Lower Specification Limits: LSL) ยกตัวอย่างเช่น ขีดจากัดเฉพาะของการผลิตถ่ัวลิสงกระป๋องได้กาหนดไว้ว่า มีค่า 100±6 กรัม ซ่ึง เปน็ ค่าความแปรปรวนในกระบวนการบรรจุ โดยมคี า่ เบยี่ งเบนมาตรฐานในกระบวนการผลิตเท่ากับ 2 กรัม ซ่ึง หมายความวา่ มีค่าจากัด 3σ และคา่ ขีดจากัดเฉพาะ 3σ ซ่ึงค่าจากัด 3σ ได้ครอบคลุมขีดจากัดเฉพาะไว้ ซ่ึงก็ หมายความว่า กระบวนการไม่สนใจคา่ ของเสียจานวน 0.27% (ซง่ึ ขอบเขตการควบคมุ ได้รวมไว้ 3σ)
เฉลยแบบฝึกหัด 607 21) 1. การระบุการวัดค่า โดยทีมงานซิกซ์ซิกมาเป็นผู้ระบุค่าการวัดโดยประมาณ หลังจากท่ีผ่านการ ระดมสมองมาเรียบรอ้ ยแล้ว 2. ข้ันตอนหนึ่งๆในการวัด คือ การระบุค่า ซึ่งการวัดได้กาหนดค่าไว้เพ่ือความไม่คลุมเครือของค่า การวดั โดยข้ันตอนมคี วามจาเป็นอย่างยิ่งเพ่ือท่ีจะแก้ไขภาพโดยรวมของประสิทธิภาพของกระบวนการตลอด การวัดกระบวนการซา้ 3. ข้ันตอนถัดไป คือ การระบุเป้าหมายของประสิทธิภาพของกระบวนการในการสรุปข้อรียกร้อง จากลูกค้า การเปรียบเทียบกับองค์กรที่เป็นเลิศ (Benchmarking) จะเป็นประโยชน์อย่างย่ิงในการระบุ เป้าหมายของประสทิ ธิภาพของกระบวนการ 4. การวดั คา่ ประสิทธิภาพในปัจจุบันและระบุความแตกต่าง (Gaps) โดยระดับของเสียในปัจจุบันมี คา่ เทา่ กับ 1% ความแตกต่างนี้มคี วามชัดเจนและองคก์ รควรจะใช้ความพยายามในการวดั ความแตกต่าง 22) หัวหน้าโครงการเป็นผู้นาในข้ันตอนของ DMAIC ไปใช้เรียกว่า Black Belt โดย จะมีการฝึกอบรม อยา่ งกวา้ งขวางในการใช้สถิติและเคร่ืองมือการควบคุมคุณภาพ ตลอดจนการบริหารโครงการและการบริหาร ทีมงาน Black Belt ได้รับมอบหมายงานเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี ในระหว่างน้ี Black Belt จะต้องเป็น หัวหนา้ โครงการจานวน 8-12 โครงการจากแผนกต่างๆ 23) Master Black Belt จะต้องดารงตาแหน่งเต็มเวลาและได้รับการรับรองหลังจากเข้าร่วมใน โครงการที่ประสบความสาเร็จ 20 โครงการ 24) เป็นการเปรียบเทียบภายในทีมหรือแผนกต่างๆภายในองค์กร ถึงแม้แต่ละแผนกจะผลิตสินค้าที่ แตกตา่ ง โดยแนวทางการปฏิบัติของแผนกผลิตหรอื แผนกให้บริการลูกค้าอาจเป็นตัววัดแนวทางการปฏิบัติที่ดี ท่ีสุดขององค์กร เชน่ ตวั วดั รอบระยะเวลาการผลิต อตั ราความผดิ พลาด ต้นทุนคุณภาพ และข้อเสนอแนะจาก ลกู คา้ เปน็ ต้น 25) 1. การวางแผน (Plan) 1.1 การเลือกกระบวนการสาหรบั เปรียบเทยี บ 1.2 การนางานท่ีมีสว่ นเก่ียวข้องในการสรา้ งบทบาทและความรบั ผิดชอบ 1.3 กาหนดการเปรียบเทียบและวัดการเก็บรวบรวมข้อมลู 1.4 ระบุคู่แข่งขันท่เี ป็นเลิศที่สุดหรือควบคุมกระบวนการ บางครงั้ อาจจะใช้ขอ้ มูลย้อนกลบั จาก ลกู ค้าหรือจากการสงั เกตการณอ์ ตุ สาหกรรม 1.5 เอกสารของกระบวนการในปจั จุบนั 2. การเกบ็ รวมรวมข้อมลู (Collect) 2.1 การตัดสนิ ใจดา้ นข้อมลู และวธิ กี ารเกบ็ รวบรวมข้อมูล รวมถงึ การวิจัย 2.2 ระดบั ประสิทธิภาพของการเกบ็ ข้อมลู ในปัจจุบนั 2.3 การกาหนดพันธมิตรในการทาการเปรียบเทียบ
608 การควบคุมคุณภาพ 2.4 การจดั การการตรวจสอบขอ้ เทจ็ จริงเบื้องต้น 2.5 การเตรียมตรวจเยีย่ มและการปฏิสมั พันธก์ บั องค์กรเป้าหมาย 2.6 การใช้วธิ ใี นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 3. การวเิ คราะหข์ ้อมลู (Analyze) 3.1 ประสทิ ธิภาพของข้อมลู 3.2 การสรา้ งตารางการเปรยี บเทยี บประสทิ ธภิ าพในปจั จบุ ันการเปรยี บเทียบประสิทธิภาพของ คู่แข่งขนั ท่ีเป็นพนั ธมติ ร 3.3 การกาหนดแนวปฏิบตั ิที่ดีเยยี่ ม 3.4 แยกกระบวนการที่มีความเปน็ ไปได้ในการวดั ประสิทธิภาพ 4. การปรบั ปรงุ (Improve) 4.1 การสรา้ งแคตตาล็อกขอ้ มูลและการสรา้ งข้อมูลดา้ นขดี ความสามารถขององค์กร 4.2 การพฒั นาระดับสิทธิภาพของวัตถุประสงค์ / กล่มุ เป้าหมาย / มาตรฐานขององคก์ รใหม่ 4.3 กาหนดวสิ ัยทัศนด์ า้ นกระบวนการทางเลอื กและแนวปฏิบัติทเี่ ป็นเลิศ 4.4 การกาหนดและจากดั อปุ สรรคในการเปลีย่ นแปลง 4.5 การพัฒนาแผนการปฏิบัติการเพ่ือปรับปรุงและบรรลุผลแนวการปฏิบัติที่เป็นเลิศการ เปลยี่ นแปลงกระบวนการ และการประสบความสาเร็จตามเปา้ หมาย 5. การทบทวนประสิทธภิ าพ (Review) 5.1 การติดตามผลและการปรบั ปรงุ 5.2 การประเมนิ ผลและการเรียนรจู้ ากการศึกษา 5.3 การทบทวนการเปรยี บเทียบ 5.4 การแบง่ ปนั ประสบการณ์และแนวปฏิบัตทิ ีเ่ ปน็ เลิศในการเรียนรจู้ ากการทาให้เกิดผล 5.5 การทบทวนความสัมพนั ธ์กับกลมุ่ เปา้ หมายและพันธมิตรขององค์กร 26) ควรจะเลอื กทมี งานข้ามสายงาน (A cross functional team) ท้งั พนักงานทีท่ างานในกระบวนการ และทีมงานกอ่ ต้ังกระบวนการปรบั ปรงุ ในการเปรยี บเทียบ 27) การเปรียบเทียบกับองค์กรที่เป็นเลิศได้ปรึกษากันเกี่ยวกับพนักงานในองค์กร เจ้าของกระบวนการ ซัพพลายเออร์จากภายนอก ลูกค้า และผู้เช่ียวชาญภายใน ซ่ึงถือเป็นพันธมิตรของการเปรียบเทียบแล้ว ใน ขั้นตอนน้ีทีมงานจะทาการศึกษาข้อมูลท่ีพันธมิตรการเปรียบเทียบได้เผยแพร่สู่สาธารณะ หากข้อมูลเหล่าน้ี สามารถใช้ประโยชน์ได้ทีมงานจะใช้ข้อมูลเหล่าน้ีทาการเปรียบเทียบกับองค์กรที่เป็นเลิศต่อไป ซึ่งวิธีน้ีถือเป็น วิธีการที่งายท่ีสุดในการดาเนินการเปรียบเทียบการขาดข้อมูลที่สามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้จะทาให้ ประสิทธิภาพของกระบวนการอุตสาหกรรมมีไม่เพียงพอ ทีมงานที่ตั้งอยู่ในทาเลเดียวกับพันธมิตรการ เปรียบเทียบก็จะสามารถดาเนินกิจกรรมได้ทันที หากองค์กรที่จะทาการเปรียบเทียบน้ันอยู่ในอุตสาหกรรม ประเภทเดียงกนั หรือกจิ กรรมการใหบ้ รกิ ารประเภทเดียวกันก็จะไม่สามารถทาการเปรียบเทียบได้ โดยทีมงาน จะจบั ตาไปทอ่ี ุตสาหกรรมการผลติ หรือองค์กรการใหบ้ ริการที่มีกระบวนการหน้าที่คล้ายคลึงกัน อนึ่งการสร้าง
เฉลยแบบฝกึ หัด 609 ความเช่ือมโยงกับพันธมติ รการเปรียบเทยี บเป็นงานท่ียากทส่ี ุในกระบวนการเปรียบเทียบและความล้มเหลวใน การเปรียบเทียบเกิดข้ึนบ่อยครั้งเช่นกัน หากพันธมิตรการเปรียบเทียบกับองค์กรท่ีเป็นเลิศท างการ เปรยี บเทยี บกบั แผนกอนื่ ในองค์กรก็จะแก้ไขปญั หาได้มาก เนอ่ื งจากมแี บบอย่างทช่ี ดั เจน หากเป็นไปได้ทีมงาน ควรจะทาการเปรียบเทยี บภายในองคก์ รจะดีทีส่ ดุ 28) เป็นจุดเริ่มต้นในการทาให้เป้าหมายขององค์กรบรรลุความสาเร็จได้ โดยพยามยามเสาะแสวงหา ตัวอยา่ งอุตสาหกรรมท่ดี ีท่ีสุด เพอื่ ที่จะเอามาเป็นตวั อยา่ งในการทาธุรกิจให้เป็นเลิศต่อไป 29) International Organization for Standardization 30) 1. แสดงให้เห็นถงึ ความสามารถในการพฒั นาผลติ ภัณฑ์อย่างต่อเน่ือง เพ่ือทจ่ี ะสนองความตอ้ งการ ของลกู คา้ และความต้องการด้านกฎระเบยี บท่ีใชบ้ ังคับ 2. เพ่ิมความพึงพอใจของลูกค้า อย่างไรก็ตามข้อกาหนดของมมาตรฐานนี้สามารถนาไปใช้ได้กับ ทกุ ๆ องคก์ รโดยไม่ตอ้ งคานงึ ถึงประเภทขององค์กร ขนาดขององคก์ ร และผลติ ภณั ฑ์ขององค์กร 31) ผู้ให้การรับรองระบบ ISO เป็นองค์กรที่ได้รับการรับรองในการเป็นผู้นาการตรวจประเมินและเป็น องค์กรท่ีมีความเชี่ยวชาญในระบบคุณภาพและสภาพแวดล้อมการผลิตและการบริการ ผู้ให้การรับรองระบบ ISO ได้พัฒนาทีมผู้ตรวจประเมินในการประเมินโปรแกรมคุณภาพของบริษัทและรายการกลับไปยังบริษัทแม่ ซ่ึงเป็นองค์กรท่ไี ด้รับการยอมรับผ่านการรับรองด้านการตรวจสอบและตรวจประเมินตามข้อกาหนดตลอดจน มาตรฐานต่างๆ จากสถาบนั ชั้นนาท้ังในและตา่ งประเทศท่ัวโลก 32) ระบบคุณภาพ ISO 9001: 2008 นั้น องค์กรจะต้องมุ่งเน้นลูกค้าเป็นหลัก เพื่อท่ีจะวัดความพึง พอใจของลูกค้าท่ีมีต่อองค์กร รวมถึงการขายผลิตภัณฑ์/บริการไปสู่ตลาดภายนอก โดยบริษัทสามารถแสดง การวัดและการตรวจสอบความพึงพอใจของลูกค้าซึ่งนาไปสู่การดาเนินการแก้ไขและปกป้องขอร้องเรียนจาก ลูกค้า อันเน่ืองจากผลิตสินค้าไม่ตรงตามมาตรฐานซ่ึงจะนาไปสู่การปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ในการ วิเคราะห์ความพงึ พอใจของลกู คา้ ตอ้ งมีการเก็บรวบรวมขอ้ มูลจานวนมากและต้องมีการประมวลผลด้วย การท่ี จะทาให้ลกู คา้ หันกลบั มาใช้บรกิ ารหรอื ซ้ือผลิตภณั ฑน์ ัน้ ตอ้ งสร้างความพอใจใหล้ ูกค้า 33) ประโยชนข์ องการดาเนนิ งานภายใต้ระบบมาตรฐาน ISO 9000 คอื 1. ความรู้สาหรับการสร้างระบบบริหารคุณภาพซ่ึงถูกพบในการปรับปรุงจากพนักงานระดับ ปฏบิ ตั งิ านในบรษิ ัท 2. การรับรองมาตรฐานเป็นข้อกาหนดข้ันต่าในการประกวดราคา ดังนั้น องค์กรต่างๆ ควรจะขอ การรับรอง ISO 9000 เพ่ือพิสูจน์ขีดสมรรถนะขององค์กร โดยองค์กรที่มีขนาดใหญ่ต่างต้องการ ซัพพลายเออรท์ ไ่ี ด้รับการรับรองมารฐาน ISO 9000 ดังน้ันซัพพลายเออร์ท่ีได้รับการรับรอง ISO 9000 ก็จะมี สทิ ธ์ไดร้ ับการเขา้ ประมลู ราคากบั องค์กรใหญ่ๆ
610 การควบคุมคุณภาพ 3. เป็นภาพลกั ษณข์ ององคก์ ร 4. เพ่ือปรบั ปรุงจริยธรรมของพนกั งาน เน่อื งจากเปน็ การปรับปรงุ ระบบขององค์กร 5. ลูกคา้ ไดร้ บั ประโยชน์โดยตรง เน่ืองจากองคก์ รได้ปรบั ปรุงผลติ ภณั ฑแ์ ละบริการขององค์กร 6. ซัพพลายเออร์ได้ทราบถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นการลดความสูญ เปลา่ ในกระบวนการผลติ ของบริษทั ท่ไี ด้รบั การรบั รองมาตรฐาน ISO 9000 7. ISO 9000 เป็นสว่ นหนงึ่ ของ TQM ซ่งึ องคก์ รจะได้รับผลประโยชนใ์ นระยะยาว 8. พนกั งานจะได้รับการฝึกอบรมเกย่ี วกบั การจดั การในองค์กร ถอื เป็นประโยชน์ทางตรงขององค์กร 34) การจดั การความปลอดภยั ในโรงงานอตุ สาหกรรม 35) TS 16949 36) ผลลัพธ์ทางธุรกิจ 37) 5W1H 38) Malcolm Baldrige National Quality Award (MBNQA) 39) ผู้ให้การรับรองระบบ ISO จะเป็นทีมผู้ตรวจประเมินโปรแกรมคุณภาพของบริษัท และเป็นผู้ท่ีมี ความเช่ียวชาญในดา้ นระบบคณุ ภาพ สภาพแวดลอ้ ม การผลิต และการบรกิ าร เป็นตน้ 40) ซพั พลายเออร์ ผ้ผู ลิต ลูกคา้
เฉลยแบบฝึกหดั 611 บทท่ี 8 แบบฝึกหดั ท้ายบทที่ 8 1) ความนา่ จะเปน็ ทผ่ี ลิตภัณฑช์ นิดหนึ่งจะสามารถทางานไดต้ ามรายละเอียดท่กี าหนดตลอดช่วงของอายุ ผลิตภัณฑ์ ภายใตส้ ภาวะแวดล้อมทก่ี าหนด 2) 1. ความน่าจะเป็น เนื่องจากว่าผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันแต่ละอันก็อาจไม่เหมือนกัน บางทีก็มีอายุสั้น บางอันก็มีอายุยืนกว่าอีกอันหนึ่ง เป็นต้น ฉะน้ันจึงจาเป็นต้องอาศัย Frequency Distributions ของการเสีย หรอื ไม่ทางานของผลิตภณั ฑน์ นั้ ๆ เพือ่ จะนาไปหาอายกุ ารทางานของผลิตภณั ฑต์ อ่ ไป 2. การใช้งานหรือทางาน จะพอยกตัวอย่างได้เช่น เครื่องทาความร้อนก็ควรท่ีจะให้ความร้อน ณ อณุ หภมู หิ น่ึงเม่ือเปดิ สวิทช์และหมุนไปท่ีขีดอนั หนงึ่ เป็นต้น และการใช้งานนี้จะต้องใช้ให้ถูกต้องด้วย คือเครื่อง ทาความรอ้ นสาหรับใช้กับห้องๆ หน่ึงนั้น ถ้านาไปใช้ในท่ีโล่งแจ้งไม่มีขอบเขตก็คงไม่เกิดความร้อนท่ีถูกต้องได้ อยา่ งนี้เรียกว่าใชไ้ มถ่ กู ตอ้ งกับหนา้ ท่ีการทางานของผลติ ภณั ฑ์อันน้ัน 3. ระยะเวลาหรืออายุ เป็นสงิ่ จาเป็นท่ีจะตอ้ งบกกลา่ วหรือกาหนดอย่างเช่นชีวิตของมนุษย์เรานี้ความ แข็งแรงสมบูรณ์ภายใน 1 ปี กับ 10 ปี ย่อมแตกต่างกันได้ ระยะเวลา อายุของผลิตภัณฑ์ก็เช่นกัน จงึ จาเป็นตอ้ งบอกหรือกาหนดชวี ิตของผลิตภัณฑ์ (Life span) เอาไว้ด้วย 4. สภาพแวดล้อม ก็คือส่ิงภายนอกหรือรอบนอกของผลิตภัณฑ์อันมีผลกระทบกระเทือนต่อความ แข็งแรงคงทน และถ้าจะมองให้กว้างออกไปอาจรวมถึงการเก็บและการขนส่งผลิตภัณฑ์นั้นๆ อีกด้วย อย่างเช่น มอเตอร์ไฟฟ้าสาหรับใช้ภายในอาคาร หากนาไปใช้ตากแดดตากฝนก็จะเสียหาย หรืออายุชีวิตการ ทางานผิดและเปล่ียนไป 3) Expected Normal Life 4) 0.905 5) (PS) = (PT) * (PR) * (PC) 6) เทคนิคการเพ่ิมค่าความเช่ือมั่นมี 4 เทคนิคคือ การออกแบบ การควบคุมกระบวนการผลิต การ ควบคุมการขนสง่ สนิ ค้า และการบารงุ รักษา 7) 0.994 8) 0.7539
612 การควบคุมคุณภาพ 9) 0.78 10) 0.368 และ 0.223 11) 0.9885 12) 12.1 0.6703 12.2 12,500 ชัว่ โมง 13) 267 14) 0.87 15) 34 16) 0.0087 ชว่ั โมง 17) 0.0012 18) 0.258 19) 1. กาหนดหรอื ตงั้ ขีดความต้องการของความเชื่อม่นั ของผลิตภัณฑ์ 2. จดั วางโปรแกรม เพื่อให้ไดต้ ามความตอ้ งการรวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ กรรมวิธีการผลิต และ การขนส่ง 3. ควบคุมเพ่ือใหโ้ ปรแกรมทีว่ างไว้ดาเนินไปด้วยความเรยี บร้อย 4. วเิ คราะหค์ า่ ความเชือ่ มัน่ ทีไ่ ด้จากการดาเนินงานทว่ี างไว้น้ัน
เฉลยแบบฝึกหัด 613 20) อัตราความขดั ข้อง (λ) nTλ Pa 0.001000 9.60 0.0038 อายุเฉลี่ย (θ) 0.000500 4.80 0.1425 1,000 0.000250 2.40 0.5697 2,000 0.000200 1.92 0.6983 4,000 0.000167 1.60 0.7834 5,000 0.000100 0.96 0.9269 6,000 0.000050 0.48 0.9871 10,000 20,000 ความนา่ จะเป็นในการยอมรับ Pa 1.0 0.75 0.5 0.25 5,000 10,000 15,000 20,000 อายุเฉลีย่ (θ)
614 การควบคมุ คุณภาพ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 716
- 717
- 718
- 719
- 720
- 721
- 722
- 723
- 724
- 725
- 726
- 727
- 728
- 729
- 730
- 731
- 732
- 733
- 734
- 735
- 736
- 737
- 738
- 739
- 740
- 741
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 741
Pages: