356 ภาพท่ี 4.139 การสร้างพ้นื หลังข้อความ 2. การเลือกใชส้ ี การเลือกใช้สีสาหรับงานนาเสนอเพ่ือใช้เป็นสัญลักษณ์ในการถ่ายทอดความหมายอย่างใดอย่าง หน่ึง ซึ่งเป็นองค์ประกอบทางด้านศิลปะท่ีมีอิทธิพลต่อความรู้สึก อารมณ์ จิตใจ ได้มากกว่าองค์ประกอบ ด้านอื่น ๆ ดังนั้น การเลือกใช้สีให้เหมาะสมกับงานนาเสนอจึงเป็นสิ่งคาคัญอย่างย่ิง เน่ืองจากผู้ชมงาน นาเสนอจะมีอารมณ์คล้อยตาม หรือเพลิดเพลินไปกับการรับชมงานนาเสนอ ทาให้งานนาเสนอไม่น่าเบื่อ มี เทคนคิ ในการเลือกใชส้ ี ดังนี้ 2.1 จิตวิทยาสีกับความรู้สึก (Psycholoy of Color) สีเป็นตัวกระตุ้นความรู้สึกและมีผลต่อ จิตใจของมนุษย์ โดยสีต่าง ๆ จะให้ความรู้สึกท่ีแตกต่างกัน ดังนั้น จึงมักใช้สีเพ่ือส่ือถึงความรู้สึกและ ความหมายตา่ ง ๆ ดังนี้ (สมภพ จงจติ ตโ์ พธา, 2556: 38) สแี ดง ให้ความรู้สกึ เร่าร้อน รนุ แรง อันตราย ตนื่ เตน้ สเี หลือง ใหค้ วามรสู้ กึ สว่าง อบอนุ่ แจม่ แจ้ง รา่ เรงิ ศรัทธา มง่ั ค่งั สีเขียว ให้ความรู้สกึ สดใส สดชื่น เยน็ ปลอดภยั สบายตา มุ่งหวัง สีฟ้า ให้ความรสู้ กึ ปลอดโปร่ง แจ่มใส กว้าง ปราดเปรื่อง สมี ่วง ให้ความรู้สกึ เศรา้ หม่นหมอง ลึกลบั สีดา ใหค้ วามรู้สกึ มดื มดิ เศรา้ นา่ กลวั หนักแน่น สีขาว ใหค้ วามร้สู ึก บริสุทธิ์ ผดุ ผอ่ ง ว่างเปล่า จืดชดื สีสม้ ให้ความรู้สกึ สดใส ร้อนแรง เจิดจา้ มีพลงั อานาจ สเี ทา ใหค้ วามรูส้ ึก เศรา้ เงยี บขรึม สงบ แกช่ รา สีนา้ เงนิ ให้ความรู้สึก เงยี บขรมึ สงบสขุ จริงจัง มสี มาธิ สีน้าตาล ใหค้ วามรู้สกึ แหง้ แล้ง ไมส่ ดช่ืน นา่ เบื่อ สีชมพู ใหค้ วามรสู้ ึก ออ่ นหวาน เป็นผหู้ ญิง ประณีต ร่าเรงิ
357 2.2 โทนสี (Tone Color) หรือวรรณะของสี เป็นการเลือกใช้ชุดสีที่มีความใกล้เคียงกัน หรือมี เฉดสีที่ไม่ขัดกับสายตาจากวงล้อสี ไล่ระดับสีใกล้เคียงกัน เพ่ือแสดงถึงความสอดคล้องของเนื้อหาในงาน นาเสนอ เช่น เลือกใช้สีเขียวเข้มเป็นข้อความ ใช้สีเขียวปกติเป็นเส้นขอบวัตถุ และใช้สีเขียวอ่อนเป็นสีพื้น หลงั เป็นตน้ โดยสามารถเลือกใช้โทนสีตามทฤษฎวี รรณะของสี ได้ดงั นี้ (สมภพ จงจติ ตโ์ พธา, 2556: 45) 2.2.1 สีโทนร้อน (Warm Tones) กลุ่มสีที่ให้ความรู้สึกร้อนหรืออบอุ่น ชุดสีประกอบด้วย สีเหลือง ส้ม-เหลือง ส้ม ส้ม-แดง แดง และม่วง-แดง หากสีใดมีอิทธิพลไปทางสีแดงหรือสีส้ม เช่น สีน้าตาล หรือสีเทาอมทอง กถ็ อื ว่าเป็นสีวรรณะรอ้ นเชน่ กัน ภาพท่ี 4.140 การใช้สีโทนร้อน 2.2.2 สโี ทนเย็น (Cool Tones) กลุ่มสีทใี่ หค้ วามรสู้ กึ เยอื กเยน็ สงบ ชดุ สีประกอบด้วย สี เขียว-เหลือง เขียว เขียว-น้าเงิน น้าเงิน น้าเงินม่วง และม่วง หากสีใดมีอิทธิพลไปทางสีน้าเงินหรือสีเขียว เชน่ สเี ทา สีดา กถ็ อื วา่ เปน็ สวี รรณะเยน็ เชน่ กนั ภาพที่ 4.141 การใช้สโี ทนเยน็
358 2.3 สีคู่ตรงข้าม (Complementary Colors) เป็นการเลือกสีคู่ตรงข้ามท่ีอยู่ในวงล้อสี เพื่อให้ สขี อ้ ความกับสพี ้ืนหลังตดั กันได้อย่างชัดเจน ทาใหอ้ า่ นขอ้ ความได้งา่ ยมากยงิ่ ขึน้ เช่น สนี ้าเงินกบั สีส้ม สีแดง กบั สีเขียว สีขาวกับสีดา หรอื สเี ข้มกับสีอ่อน สสี ว่างกับสีมืด เปน็ ต้น ดังภาพที่ 4.142 ภาพท่ี 4.142 การใช้สีคตู่ รงข้าม 2.4 การใช้งาน Adobe Color CC เคร่อื งมอื เลือกชุดสีในรปู แบบเว็บแอพพลเิ คชัน สามารถใช้ งานได้จากเว็บไซต์ https://color.adobe.com โดยผู้ใช้สามารถเลือกเฉดสีหลัก หลังจากนั้นโปรแกรมจะ ช่วยวิเคราะห์เฉดสีรองให้เหมาะสมกับสีหลักที่เลือก สามารถนาเฉดสีไปใช้กับงานออกแบบด้านต่าง ๆ ได้ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ โดยเฉพาะการออกแบบงานนาเสนอด้วย โปรแกรม PowerPoint มีฟงั กช์ ันการใช้งาน 3 สว่ น ได้แก่ 2.4.1 เลือกชุดสีจากวงล้อสี โดยการคลิกเลือกวงกลมสีหลักในวงล้อสี จากนั้นลากไปใน ตาแหน่งสีทีต่ ้องการ วงกลมสรี องอกี 4 สี จะเล่ือนไปยังสีใหม่ทเ่ี หมาะสมกับสหี ลกั ทเ่ี ลือก ดงั ภาพท่ี 4.143 ตัวเลือกวงลอ้ สี สีตรงข้าม ภาพท่ี 4.143 การเลือกชุดสีจากวงล้อสี ตัวเลือกชุดสีในวงล้อสี ประกอบด้วย สีที่คล้ายคลึงกัน (Analogous) สีในโทนเดียวกัน (Monochromatic) เฉดสีท่ีแตกต่างกัน (Triad) สีคู่ตรงข้ามกัน (Complementary) สีประกอบ (Compound) เฉดสเี ดียวกัน (Shades) และสแี บบกาหนดเอง (Custom)
359 2.4.2 เลือกชุดสีสาเร็จรูป จากเมนู Explore เป็นการเลือกชุดสีท่ีมีการกาหนดไว้แล้ว สามารถเลือกมาใช้งานได้ทันที สามารถค้นหาชุดสีตามคาสาคัญได้ เช่น Technology เป็นต้น ดังภาพท่ี 4.144 ค้นหาชดุ สี ภาพที่ 4.144 การเลือกชุดสสี าเร็จรูป 2.4.3 เลือกชุดสีจากภาพถ่าย เพื่อให้โทนสีมีความเหมาะสมและใกล้เคียงกับภาพที่ใช้ ประกอบเนือ้ หา โดยคลกิ ท่ีเมนู IMPORT IMAGE เพ่อื เลอื กภาพถ่ายทีเ่ ตรยี มไว้ ดงั ภาพท่ี 4.145 อพั โหลดภาพถา่ ย ภาพที่ 4.145 การเลือกชุดสีจากภาพถ่าย 2.5 ข้อแนะนาในการใช้สี (Color Guide) สาหรับงานนาเสนอท่ีสร้างด้วยโปรแกรม PowerPoint ผู้ใช้สามารถเลือกใช้สีต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ แต่การใช้สีท่ีเกินขอบเขต อาจทาให้งาน นาเสนอไมน่ า่ สนใจหรอื มีปัญหาต่อการรบั ชมของผูช้ ม จึงมขี อ้ แนะนาในการใชส้ ีใหเ้ หมาะสม ดังนี้
360 2.5.1 ใช้สีในงานนาเสนอไม่เกิน 3-4 สี ซ่ึงจะทาให้ผู้ชมสนใจและอ่านข้อความได้ง่าย เช่น กาหนดสีพื้นหลังเป็นสีเทาอ่อน กาหนดสีวัตถุเป็นสีสม้ และสีน้าเงิน กาหนดสีข้อความเป็นสีเทาเข้ม เป็นต้น เนื่องจากหากใช้สีมากจนเกินไปอาจทาให้ผู้ชมเกิดความสับสนในเนื้อหาท่ีต้องการนาเสนอ และเป็นการ รบกวนสายตาขณะอ่านขอ้ ความ ภาพท่ี 4.146 การใช้สี 3-4 สี 2.5.2 เลือกสีข้อความกับสีพ้ืนหลังท่ีเหมาะสม ไม่ควรใช้สีที่อ่านยาก ซ่ึงจะทาให้ผู้ชมไม่ สามารถอา่ นข้อความในภาพนิง่ ได้ สีของขอ้ ความต้องมีความเข้ากันไดก้ ับสีของพ้ืนหลงั อาจใชท้ ฤษฎีสีคู่ตรง ขา้ ม หลกี เลีย่ งการใชส้ ีท่ใี กล้เคียงกันมาก เชน่ พนื้ หลังสแี ดง ข้อความสีนา้ ตาลหรอื สสี ้ม เป็นต้น ภาพที่ 4.147 การใช้สีทอ่ี า่ นยาก
361 2.5.3 อย่าขาดสีสันจนเกินไป งานนาเสนอท่ีดีและน่าสนใจ การออกแบบส่วนเน้นหรือส่วน สาคัญที่สุดในภาพน่ิง เช่น ข้อความหลัก หรือวัตถุหลัก ควรเลือกใช้สีท่ีมีความโดดเด่นกว่าสีพ้ืนหลัง หรือสี ขององค์ประกอบอ่ืน หากงานนาเสนอใช้สีที่จืด หรือสีโทนอ่อนทุกองค์ประกอบ อาจทาให้งานนาเสนอมี ความนา่ เบือ่ ไมเ่ ป็นที่สนใจของผู้ชม เปน็ ตน้ ภาพที่ 4.148 การใชส้ ีที่ขาดสีสัน 2.5.4 หลีกเล่ียงแม่แบบ (Template) ที่มีการใช้งานท่ัวไป ซึ่งอาจทาให้งานนาเสนอมี รูปแบบซ้ากับงานนาเสนอของคนอื่น และผู้ชมอาจเคยเห็นรูปแบบท่ีใช้จนชินตา ทาให้งานนาเสนอไม่มี ความนา่ สนใจ ดังนั้น ผนู้ าเสนอควรออกแบบงานนาเสนอท่เี ป็นเอกลักษณ์ของตนเอง เพือ่ ดึงดูดความสนใจ จากผู้ชม ภาพที่ 4.149 แมแ่ บบงานนาเสนอทั่วไป
362 3. การเลอื กใช้แบบอักษร การเลือกใช้แบบอักษร หรือฟอนต์ (Fonts) สาหรับงานนาเสนอให้มีความเหมาะสม ควรเลือก แบบอักษรท่ีมีความเป็นสากลและทันสมัย เช่น แบบอักษรตระกูล TH Sarabun ซ่ึงเป็นแบบอักษรทาง ราชการของประเทศไทย มกี ารใช้งานตามหน่วยงานท่ัวไป แบบอกั ษร Tahoma, Sens Serif, Ariel สาหรบั ใช้กับข้อความภาษาอังกฤษหรือโรมัน เป็นต้น นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถดาวน์โหลดแบบอักษรรูปแบบต่าง ๆ ไดจ้ ากเวบ็ ไซต์ เชน่ http://www.f0nt.com ซง่ึ เป็นเว็บไซตท์ ่สี ามารถดาวนโ์ หลดแบบอักษรท่ีสามารถใช้ งานได้ฟรี และแบบเสียค่าใช้จ่ายในการดาวน์โหลด เพ่ือนาแบบอักษรท่ีมีความแปลกใหม่ มาใช้งานกับงาน นาเสนอ แตอ่ ย่างไรก็ตาม ผ้ใู ชค้ วรศึกษาขอบเขตและสทิ ธก์ิ ารนาแบบอักษรไปใชง้ าน 3.1 การใช้แบบอักษรในงานนาเสนอ ควรเลือกใช้แบบอักษรไม่เกิน 3 รูปแบบ เพ่ือให้งาน นาเสนอมีแบบอักษรท่ีไม่มากจนเกินไป ซึ่งอาจทาให้ผู้อ่านเกิดความสับสน และควรใช้แบบอักษรท่ีมีความ เหมาะสมกับเนอ้ื หาทน่ี าเสนอ หรอื ใช้แบบอักษรทีม่ ีการใช้งานในองค์กร (PresentationX, 2014: 1) แบบอักษรภาษาไทยสาหรับใช้ในงานนาเสนอ หากต้องการให้ข้อความมีความเป็นทางการ อ่านง่าย ไม่สับสนเร่ืองของพยัญชนะและสระ จะนิยมใช้แบบอักษรที่มีหัว และหากต้องการให้ข้อความมี ความร่วมสมัยเปน็ สากล จะนยิ มใช้แบบอกั ษรที่ไม่มหี วั ดังภาพท่ี 4.150 (9Expert, ม.ป.ป.: 1) ภาพที่ 4.150 แบบอักษรมีหวั และไมม่ หี ัว ที่มา: (Zilch, 2013: 1; Dhammadha, 2016: 1)
363 3.2 ข้อแนะนาในการใช้ตัวอักษร สาหรับสร้างงงานนาเสนอด้วยโปรแกรม PowerPoint ซ่ึงจะ ทาให้งานนาเสนอมคี วามนา่ สนใจมากยิ่งข้นึ มขี ้อแนะนาดังน้ี 3.2.1 ไม่ควรใช้ข้อความในภาพน่ิงมากเกินไป เนื่องจากจะทาให้ผู้ชมจดจ่ออยู่กับการอ่าน ข้อความ จนไม่ฟังเสียงบรรยายและไม่สนใจผู้บรรยาย ดังนั้น ควรเหลือพื้นท่ีในภาพน่ิงไว้พอสมควร หาก เนื้อหามจี านวนมาก สามารถแบง่ เนอื้ หาไปยงั ภาพนิง่ ใหมไ่ ด้ ภาพท่ี 4.151 การใช้ตัวอกั ษรทเ่ี หมาะสม 3.2.2 ซ่อนข้อความท่ีไม่จาเป็น ในกรณีท่ีมีข้อความที่ไม่ใชป่ ระเดน็ เนื้อหาที่ต้องการนาเสนอ เช่น ข้อความอ้างอิง URL ของเว็บไซต์ กาหนดขนาดข้อความให้เล็กลง จัดตาแหน่งข้อความไม่ให้รบกวน สายตาของผูช้ ม และกาหนดสขี ้อความใหไ้ ม่โดดเด่นเทา่ กบั สีของเน้อื หาหลัก เป็นต้น ใชข้ ้อความสีเทา ขนาดเลก็ ภาพที่ 4.152 การซ่อนขอ้ ความทไี่ มจ่ าเปน็
364 3.3 การเปล่ียนแบบอักษรในงานนาเสนอ เพื่อให้แบบอักษรอยู่ในรูปแบบเดยี วกันทั้งหมด โดย ที่ไม่เสียเวลาเปลี่ยนทีละภาพนิ่ง ให้คลิกท่ีเมนู Home > Replace > Replace Fonts โปรแกรมจะแสดง หน้าต่าง Replace Font จากนั้นทาการเลือกแบบอักษรท่ีต้องการเปล่ียน (Replace) และกาหนดแบบ อกั ษรใหม่ (With) โดยสามารถกาหนดแบบอกั ษรทีต่ ้องการเปลย่ี นได้ตามต้องการ ดงั ภาพท่ี 4.154 ภาพที่ 4.153 การเปล่ยี นแบบอกั ษรทั้งหมด 3.4 การฝังแบบอักษร เป็นการฝังแบบอักษรท้ังหมดที่มีการใช้งานในงานนาเสนอ ฝังลงในไฟล์ งาน เพอื่ ใหส้ ามารถแสดงแบบอักษรดังกล่าวได้ แมเ้ ครื่องคอมพิวเตอรเ์ คร่ืองอืน่ ท่ีเปิดไฟล์งานนาเสนอจะไม่ มีแบบอักษรดังกล่าวติดตั้งไว้ในเครื่องก็ตาม โดยคลิกท่ีเมนู File > Save As > Tools > Save Options จากนัน้ เลือกแถบ Save > Embed fonts in the file ดงั ภาพท่ี 4.154 ภาพที่ 4.154 การฝงั แบบอกั ษร Embed only the characters used in the presentation (best for reducing file size) ฝงั เฉพาะแบบอักษรท่ีใช้ในงานนาเสนอเท่าน้ัน (เหมาะสาหรับการลดขนาดไฟล์) และ Embed all characters (best for editing by other people) ฝังแบบอักษรท้ังหมด (เหมาะสาหรับการแก้ไขโดย บุคคลอื่น)
365 4. Inforgrapic อินโฟกราฟิก (Inforgrapic) เกิดจากการผสมกันระหว่างคาว่า Informaiton ท่ีหมายถึง สารสนเทศ ข้อมูลข่าวสาร สถิติ รายงานเหตุการณ์ต่าง ๆ กับคาว่า Graphic ท่ีหมายถึงภาพกราฟิกท่ีสร้าง ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือแสดงผลผ่านคอมพิวเตอร์ เม่ือรวมความหมายของทั้ง 2 คา อินโฟกราฟิก จึงหมายถึงการนาเสนอข้อมูลสารสนเทศ โดยใช้ภาพกราฟิกเป็นเคร่ืองมือหลักในการนาเสนอ ซึ่งจะนา ข้อมูลสารสนเทศหรือความรู้มาสรุปและจัดให้อยู่ในรูปแบบของกราฟิกท่ีมีลายเส้น สัญลักษณ์ กราฟ แผนภูมิ ไดอะแกรม แผนที่ และกราฟิกอ่ืน ๆ อาจอยู่ในรูปแบบของภาพน่ิงหรือภาพเคล่ือนไหว เพ่ือให้ การศึกษาข้อมูลเข้าใจได้ง่าย ชัดเจน ใช้เวลาอันรวดเร็วในการทาความเข้าใจ สามารถส่ือให้ผู้ชมเข้าใจ ความหมายของข้อมูลท้ังหมดได้โดยไมจ่ าเปน็ ต้องมีผู้นาเสนอมาช่วยอธิบายเพิม่ เติม (จงรกั เทศนา, ม.ป.ป.: 1; สานกั เทคโนโลยเี พ่อื การเรยี นการสอน, ม.ป.ป.: 4) การนาเสนอขอ้ มลู ในรูปแบบอนิ โฟกราฟิกในปัจจบุ นั ไดร้ ับความนิยมเปน็ อย่างมาก เน่ืองจากเป็น สื่อท่ีมีความสวยงามและง่ายต่อการทาความเข้าใจ อีกท้ังยังสามารถกระตุ้นให้เกิดการส่งต่อหรือแบ่งปันใน ส่อื สังคมออนไลน์ได้อย่างกว้างขวาง อยา่ งไรก็ตาม ประเภทของข้อมูลท่แี ตกตา่ งกนั ย่อมมีวัตถุประสงค์ของ การส่ือสารท่ีต่างกัน รูปแบบของอินโฟกราฟิกจึงสามารถออกแบบได้หลากหลาย เพื่อตอบสนอง วัตถปุ ระสงคข์ องการนาเสนอเน้ือหาใหเ้ กดิ ประโยชนส์ ูงสุด โดยรูปแบบอนิ โฟกราฟกิ ท่ีได้รบั ความนิยมมีดังนี้ (Digitalthinkhouse, 2016: 1) 4.1 Visualized Article ใช้สาหรับการเปลี่ยนรูปแบบข้อมูลจากข้อความให้เป็นภาพ พร้อม แทรกคาบรรยายเล็กน้อยเพื่อขยายความของเนื้อหา และต้ังชื่อหัวข้อให้มีความดึงดูดผู้อ่านให้ได้มากท่ีสุด คล้ายกบั กับการพาดหัวข่าว ดงั ภาพที่ 4.155 ภาพที่ 4.155 Infographic ประเภท Visualized Article ท่มี า: (Digitalthinkhouse, 2016: 1)
366 4.2 Flowchart ใช้สาหรับแสดงทิศทางการไหลของข้อมูล หรือแสดงผังงาน เพื่อให้ง่ายต่อการ พิจารณาถึงลาดับขั้นตอนในการทางานหรือการตัดสินใจ รวมถึงสามารถตรวจสอบความถูกต้องของลาดับ ข้ันตอนไดง้ า่ ย สามารถแทรกคาบรรยายประกอบ เพอื่ ให้ผอู้ า่ นเขา้ ใจได้งา่ ยมากยิ่งขน้ึ ดงั ภาพที่ 4.156 ภาพท่ี 4.156 Infographic ประเภท Flowchart ที่มา: (Fishkin, 2015: 1) 4.3 Timeline ใช้สาหรับแสดงข้อมูลแบบช่วงเวลา มักจะใช้แสดงเหตุการณ์สาคัญต่าง ๆ ท่ี เกิดข้ึน ตามลาดับ วัน/เวลา จากอดีตถึงปัจจุบัน เพ่ืออธิบายความหมายให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย ดังภาพท่ี 4.157 ภาพท่ี 4.157 Infographic ประเภท Timeline ทมี่ า: (Showeet, 2016: 1)
367 4.4 Useful Bait ใช้สาหรับเน้นประสิทธิภาพในการสื่อสารเป็นหลัก หรือการแจกแจงข้อมูล นิยมใช้กับข้อมูลท่ีบอกวิธีการเป็นข้ันตอน หรือการเปรียบเทียบเชิงลึก ท่ีต้องอาศัยความละเอียดสูง จงึ จาเป็นต้องออกแบบใหง้ ่ายตอ่ การทาความเข้าใจของผ้ชู ม ดังภาพที่ 4.158 ภาพท่ี 4.158 Infographic ประเภท Useful Bait ทม่ี า: (Overkamp, 2015: 1) 4.5 Number Porn ใช้สาหรับนาเสนอข้อมลู ทเ่ี ปน็ ตัวเลข หรอื ขอ้ มูลเชงิ สถิติ มักใช้ตวั เลขแสดง จานวนหรอื ร้อยละ เป็นส่วนประกอบในเน้ือหา สามารถใชก้ ราฟหรือแผนภูมิประเภทต่าง ๆ มาประกอบใน เนือ้ หา เพื่ออธิบายขอ้ มลู เพม่ิ เติมได้ ดงั ภาพที่ 4.159 ภาพที่ 4.159 Infographic ประเภท Number Porn ทีม่ า: (Digitalthinkhouse, 2016: 1)
368 4.6 Versus Infographic ใช้สาหรับเปรียบเทียบข้อมูล 2 ชุด หรืออาจมากกว่า โดยข้อมูลจะ อยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน และหัวข้อในการเปรียบเทียบ มักจะเป็นหัวข้อเดียวกัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความ แตกตา่ งกนั อยา่ งชัดเจน ดงั ภาพท่ี 4.160 ภาพท่ี 4.160 Infographic ประเภท Versus Infographic ทม่ี า: (Michaels, 2018: 1) เทคนคิ การนาเสนอ นอกจากการออกแบบสื่อนาเสนอให้มีความเหมาะสม สวยงาม ผู้นาเสนอจะต้องคานึงถึงเทคนิคที่ ใช้ในการนาเสนอเพ่ือให้การนาเสนอประสบผลสาเร็จ ส่ิงสาคัญท่ีผู้นาเสนอจะต้องเตรียมความพร้อม คือ บุคลิกภาพและคุณสมบัติของผู้นาเสนอ เพื่อให้การนาเสนอมีความน่าเช่ือถือ เป็นท่ียอมรับ และสามารถ ถ่ายทอดเนื้อหาไปยังผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงผู้นาเสนอจะต้องฝึกซ้อมการนาเสนอให้ชานาญก่อน การนาเสนอทกุ คร้งั โดยมีเทคนิคสาหรบั การนาเสนอ ดังน้ี 1. คณุ สมบตั ขิ องผนู้ าเสนอ การนาเสนอท่ีใช้การถ่ายทอดเน้ือหาด้วยคาพูดของผู้นาเสนอ นับว่าเป็นสิ่งสาคัญท่ีสุดท่ีจะใช้ สอ่ื สารให้ผู้ชมเกิดความเข้าใจในประเด็นทน่ี าเสนอ ดงั น้นั ผ้นู าเสนอท่ีดตี ้องฝึกซ้อม และเตรยี มความพร้อม ในทกุ ๆ ด้าน โดยสามารถสรุปคณุ สมบัตขิ องผู้นาเสนอท่ดี ี ได้ดังน้ี (สมิต, 2008: 1) 1.1 มีบคุ ลิกภาพดี ผนู้ าเสนอควรให้ความสาคัญต่อการพัฒนาบุคลิกภาพ เพราะผู้ท่ีมีบคุ ลิกภาพ ทีด่ ีย่อมเป็นท่ีชื่นชม น่าเชื่อถอื และได้รบั การยอมรับจากบุคคลท่ีพบเหน็ อนั จะสง่ ผลให้ผู้นาเสนอเกิดความ เช่ือมั่นในตนเอง ย่อมทาให้การนาเสนอราบร่ืนไปได้ด้วยดีและประสบความสาเร็จ ดังน้ัน ผู้นาเสนอจึงต้อง
369 ให้ความสาคัญกับการปรับปรุงตนเองให้เป็นผู้ท่ีมีบุคลิกภาพดี มีรายละเอียดดังนี้ (ลัดดา แพรภัทรพิศุทธิ์, 2552: 41-47) 1.1.1 การสารวจตนเอง โดยการสังเกตปฏิกิริยาของผู้อื่นที่มีต่อตน หากเป็นไปในทางที่ดี ก็ หมายความว่าตนเองไม่มีอะไรบกพร่อง แต่หากปฏิกิริยาของผู้อื่นเป็นไปในทางที่ไม่ดี ก็หมายความว่า บุคลิกภาพของตนเองมีความบกพร่อง ต้องสารวจตนเองว่าบกพร่องตรงจุดไหน อย่างไร เช่น ทรงผม ใบหนา้ หนวดเครา เศษอาหารตามซอกฟนั เป็นต้น และพยายามกาจัดขอ้ บกพร่องนน้ั ๆ ออกไป 1.1.2 การวิเคราะห์ตนเอง โดยการแยกองค์ประกอบมาพิจารณา แล้วประเมินผลส่วนย่อย ของแตล่ ะองคป์ ระกอบ เช่น วิเคราะหก์ ารพูดของตนเอง ควรแบง่ ออกเป็นน้าเสียง จังหวะการพดู ความเร็ว ในการพูด ระดับเสียง เบา-ดัง ความชัดเจนในการออกเสียง ลีลาการพูด ลาดับการพูด กิริยาประกอบการ พูด เป็นต้น หลังจากน้ันทาการประเมินผลด้วยวิธีประเมินตามความคิดของตนเองและประเมินด้วยวิธีการ เปรยี บเทียบกบั คนอน่ื 1.1.3 การแต่งกาย นับว่าเป็นส่ิงท่ีสาคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมบุคลิกภาพ เน่ืองจากเคร่ือง แต่งกายเป็นส่ิงแรกท่ีสร้างความสนใจแก่ผู้พบเหน็ ผู้แต่งกายดีย่อมเป็นที่ชื่นชอบของบุคคลอื่น นอกจากน้ีผู้ สวมใส่ยังเกิดความเชื่อมั่นในตนเอง ช่วยส่งเสริมบุคลิกที่สง่างาม แสดงถึงความมีวัฒนธรรม และเป็นผู้รู้จัก กาลเทศะอกี ด้วย โดยการแตง่ กายทีด่ ีควรยดึ หลักดงั ตอ่ ไปน้ี 1) แต่งกายให้สมฐานะ คือ การแต่งกายให้เหมาะสมกับสถานะภาพ ตาแหน่งหน้าท่ี บทบาท และอาชีพของแต่ละคน 2) แต่งกายให้เหมาะสมกับโอกาส คือ การแต่งกายให้เหมาะสมกับโอกาส สถานท่ี ช่วงเวลา หรือพิธตี ่าง ๆ ทจ่ี ะนาเสนอขอ้ มูล 3) แต่งกายให้เหมาะสมกับบุคลิกภาพ คือ การแต่งกายให้เหมาะสมกับรายละเอียดทาง กายภาพของตนเอง เช่น รูปร่างอ้วน ผอม สูง ต่า ผิวดา ผิวขาว เพศ หรือวัย ซ่ึงการแต่งกายที่ดี อาจไม่ใช่ แต่งตามรสนิยมหรือความทันสมัย หรือใช้เครื่องแต่งกายราคาแพง แต่การแต่งการท่ีดีน้ันจะต้องกลมกลืน กับทรวดทรง เหมาะสมกบั เพศและวัย จงึ จะเปน็ การส่งเสริมบุคลิกภาพใหด้ ูดี สามารถใชว้ ธิ กี ารเลือกเส้ือผ้า ในการอาพรางสว่ นบกพร่องของร่างกายได้ 4) แต่งกายใหส้ ะอาด ประณตี และเรยี บร้อยท่ีสุด แมว้ า่ เสื้อผา้ จะสวยงาม ราคาแพงเพียงใด หากขาดความสะอาด มีกลิ่น รีดไม่เรียบ หรือผู้สวมใส่ขาดความประณีต เช่น ชายเส้ือรุ่ย คอเส้ือผับงอ เนค ไทไม่เข้าที่ ร้อยเข็มขัดไม่ครบหู หรือสีของชุดเครื่องแบบท่ีสวมมีสีไม่เสมอกัน เช่น เสื้อเก่าแต่กางเกงหรือ กระโปรงใหม่ รองเท้าไม่ขัดมีฝนุ่ จบั เป็นต้น ส่ิงเหล่าน้ียอ่ มทาให้เครื่องแต่งกายหมดค่า และเป็นการทาลาย บคุ ลิกภาพของตนเอง 5) การเสริมสวยตามความจาเป็น โดยการใช้เคร่ืองสาอางช่วยเสริมความงาม ทาให้เกิด ความเรียบร้อยในร่างกาย และช่วยให้มีบุคลิกภาพดีข้ึน เช่น ใช้ครีมบารุงผิว ใช้น้ายาดับกลิ่นปาก ใช้น้ามัน จดั แตง่ ทรงผม ใสน่ ้าหอม เป็นต้น แต่ต้องใช้เท่าที่จาเป็น ไม่ควรแต่งหรือใชม้ ากเกนิ ไป
370 6) การใช้เคร่ืองประดับร่างกาย เพ่ือส่งเสริมบุคลิกภาพ เช่น แหวน นาฬิกาข้อมือ สร้อยคอ เข็มกลัด แวน่ ตา เนคไท เขม็ ขดั ตา่ งหู รองเทา้ เปน็ ตน้ ซง่ึ สง่ิ เหลา่ นี้จะเปน็ สว่ นเสริมใหก้ ับเสื้อผ้าและบุคลิก ของผู้สวมใส่ ดังนนั้ จงึ ควรเลอื กใช้เครอื่ งประดบั ให้กลมกลืนกับเส้อื ผ้าทส่ี วมใส่ และไม่ควรใส่มากจนเกนิ ไป 1.1.4 บุคลิกลักษณะ คือ ภาพลักษณ์ในการสารวมกิริยา มารยาทในการยืน น่ัง เดิน การ เคล่ือนไหว อากัปกิริยา ซึ่งเป็นสิ่งท่ีท่ีผู้นาเสนอควรให้ความระมัดระวังเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ชมจานวนมาก มี รายละเอียดดังนี้ 1) การยืน ผู้นาเสนอควรยืนให้เป็นธรรมชาติโดยท้ิงแขนทั้งสองข้างไว้ข้างลาตัว ไม่ควรยืน ถ่างขาเพราะจะทาให้ท่าทางไม่สง่างาม และไม่ยืนเท้าชิดกันมากเกินไป เพราะจะทาให้ขาดความม่ันคง เคลื่อนไหวได้ไม่ดี ดังน้ัน ผู้นาเสนอควรยืนให้เท้าแยกกันพอประมาณหรือยืนให้เท้าข้างใดข้างหนึ่งล้าไป ข้างหน้า จะทาใหผ้ ู้นาเสนอมีบุคลิกภาพท่ดี ี มีความม่ันคง และเคล่อื นไหวได้สะดวก นอกจากน้ี ผู้นาเสนอไม่ ควรยืนพิงส่ิงต่าง ๆ ยืนส่ายตัว ทาท่าลุกล้ีลุกลน ยืนล้วงกระเป๋า หรือเตะเท้าเล่น แม้จะยืนอยู่หลังแท่นยืน พดู ก็ตาม 2) การน่ัง หากเป็นชายให้น่งั หลังตรง ขาสองขา้ งแยกออกจากกนั พองาม ส่วนหญงิ ใหน้ งั่ หลงั ตรง หัวเข่าชิด ขาชิด เท้าชิด เปิดเข่าเล็กน้อย ท้ังชายและหญิงควรนั่งในอาการสารวม อย่านั่งพิงพนักตาม สบาย อย่าน่ังสั่นขาหรือกระดิกปลายเท้า หรือน่ังเยียดขาออกไปข้างหน้า เพราะท่าน้ังเหล่านี้เป็นท่านั่งท่ีไม่ สุภาพ 3) การเดิน ผู้นาเสนอควรเดินตัวตรง ลาคอตรง เชิดหน้าเล็กน้อย แกว่งแขนตามธรรมชาติ ไม่ส่ายหัว ตวั สะโพก ไม่กม้ หน้าก้มตาเดนิ และไมเ่ ดนิ ชา้ หรอื เร็วจนเกนิ ไป 4) การเคลื่อนไหว ขณะผู้นาเสนอกาลังนาเสนอควรมีการเคลื่อนไหวพองาม ไม่ควรยืนหรือ นั่งอยู่กับที่ และควรใชส้ ีหน้าหรอื ท่าทางประกอบการนาเสนอ แต่อย่าใชม้ ากจนเกินไป 1.1.5 การปรากฏตัว คือ การแสดงตัวต่อสาธารณะชนท่ีกาลังรอชมการนาเสนอ ผู้นาเสนอ ควรมีความม่ันใจ สุภาพ สง่าผ่าเผย ไม่แสดงอาการเย่อหยิ่งหรือซึมเศร้า เบื่อหน่าย ท้อแท้ ควรแสดงออก ด้วยความย้ิมแย้มแจ่มใส มอี ารมณข์ ัน และแสดงให้ผูช้ มเหน็ ว่าผนู้ าเสนอมีความตั้งใจจริง ตนื่ ตวั และมีความ พรอ้ มท่จี ะนาเสนอผลงาน 1.1.6 การใช้ภาษา เนื่องจากภาษาเป็นส่ิงที่แสดงให้ทราบถึงอุปนิสัยใจคอ และระดับ การศึกษาของผู้นาเสนอ ดังน้ัน การนาเสนอควรจะต้องระมัดระวังการใช้ภาษาให้ถูกต้อง โดยเฉพาะการ ออกเสยี งตัวควบกลา้ สระ พยัญชนะ ตอ้ งชดั เจน มกี ารเนน้ เสียงหนักเบา ตามความเหมาะสม ไมพ่ ดู ช้าหรือ เร็วเกนิ ไป ใช้ภาษาท่ีสุภาพ ไมใ่ ชค้ าหยาบ หรือพูดส่อเสยี ด ลอ่ แหลม 1.1.7 การตรงต่อเวลาและการรักษาเวลา เป็นสิ่งท่ีควรให้ความสาคัญอย่างมาก เน่ืองจาก การไม่ตรงต่อเวลาในการเริ่มนาเสนอทาให้ผู้ชมต้องเสียเวลารอคอย และการส้ินสุดการนาเสนอไม่ตรงต่อ เวลา ยอ่ มทาให้ผชู้ มเกิดความเบอ่ื หนา่ ย หรือทาให้ผู้นาเสนอคนตอ่ ไปตอ้ งรอ ซง่ึ อาจมผี ลกระทบกับหลาย ๆ ด้าน ดังน้ัน ผู้นาเสนอควรฝึกซ้อมตนเองและจัดเตรียมเนื้อหาให้สามารถนาเสนอได้อย่างเหมาะสมกับเวลา
371 ท่ีกาหนด และควรไปถึงสถานท่ีนาเสนอก่อนเวลาจริง 15-30 นาที เป็นอย่างน้อย เพ่ือเตรียมความพร้อม ดา้ นต่าง ๆ 1.1.8 การควบคุมอารมณ์ เน่ืองจากขณะนาเสนอหากผู้นาเสนอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ ของตนเองได้ อาจทาให้เกิดความประหม่า ตื่นเต้น จนอาจนาเสนอไม่ได้ หรือในขณะท่ีนาเสนอมีสิ่งที่มา กระทบกับอารมณ์ ทาให้เกิดความไม่พอใจ หากผู้นาเสนอควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ อาจจะแสดงกริยาท่ี ไมเ่ หมาะสมและโตต้ อบดว้ ยกริ ยิ าท่รี ุนแรง ซ่งึ จะทาให้เกิดการกระทบกระทั่งกนั ได้ ดังนน้ั ผนู้ าเสนอควรฝึก การควบคุมอารมณ์ตนเองให้ได้ โดยพยายามหาเหตุผลในเร่ืองน้ัน ๆ นึกถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล พยายามมองโลกในแง่ดีหรือแงข่ บขัน จะทาให้ควบคมุ อารมณไ์ ด้ 1.2 มีความรู้อย่างถ่องแท้ ผู้นาเสนอควรศึกษาเนื้อหาหรือข้อมูลท่ีจะใช้ในการนาเสนออย่าง ละเอียด เพื่อสร้างความเข้าใจในเนื้อหา ท้ังภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ จนเกิดความชานาญ หากมีข้อสงสัย หรือไม่ชานาญในเนื้อหาส่วนใดส่วนหน่ึง ให้ผู้นาเสนอศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากหนังสอื ตารา เอกสารต่าง ๆ หรือสอบถามบคุ คลผู้มีความรูใ้ นเร่ืองน้ัน ๆ ก่อนการนาเสนอจรงิ เพอื่ ใหส้ ามารถถ่ายทอดและอธิบายเนื้อหา ให้ผู้ชมเขา้ ใจได้โดยงา่ ย 1.3 มีความน่าเชื่อถือ เป็นคุณสมบัติที่สาคัญอย่างหนึ่งสาหรับผู้นาเสนอ ซ่ึงเกิดจากการ แสดงออกทางพฤติกรรมของตนเอง และต้องอาศัยระยะเวลาในการส่ังสมประสบการณ์ โดยการท่ีจะเป็น บุคคลท่มี ีความน่าเชอื่ ถือไดน้ ั่น ต้องอาศยั ปจั จัยหลายด้านรวมกัน ดงั น้ี (Vimonmass, 2014: 1) 1.3.1 ตอบคาถามทุกอย่างได้ถูกต้องและใช้วิธีการตอบโดยนาหลักวิชาการมาสนับสนุน รวมท้ังวิธีปฏิบัติท่ีสามารถยกตัวอย่างได้ ซึ่งต้องเป็นผู้ท่ีรู้ในเนื้อหาท่ีจะนาเสนอเป็นอย่างดี และหากไม่ สามารถตอบคาถามที่ผู้ชมถามได้ ไม่ควรตอบไปแบบผิด ๆ เพราะจะทาให้ผู้ชมขาดความเชื่อถือในตัวเรา ควรหาเหตผุ ลหรือคาตอบท่ีใกลเ้ คียง หรอื ขอเวลาในการศึกษาหาความรู้เพมิ่ เติม เพอ่ื ทจี่ ะมาตอบคาถามใน โอกาสตอ่ ไป 1.3.2 วางตนให้เหมาะสม โดยการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้อ่ืนทั้งทางด้านการปฏิบัติตน การพูด การแสดงกิริยามารยาท การตรงต่อเวลา การมีมนุษยสัมพันธ์ท่ีดี และพฤติกรรมอ่ืน ๆ ไม่แสดง พฤตกิ รรมทไี่ ม่เหมาะสมหรอื น่ารงั เกียจตอ่ สาธารณะ 1.3.3 สุภาพเรียบร้อย คือ การแต่งกายและวางตัวให้เหมาะสมกับงานที่จะนาเสนอ โดยให้ ศึกษาผู้ชม สถานท่ี และเวลาในการนาเสนอ รวมถึงการรู้จักนอบน้อมถ่อมตน มีความสารวม เม่ือนาเสนอ ตอ่ หนา้ บคุ คลทม่ี วี ัยวฒุ ิทส่ี ูงกวา่ ตนเอง 1.3.4 รักษาคาพูด คือ การไตร่ตรองและม่ันใจในคาพูดทุกครั้งก่อนการพูด ต้องรอบคอบ และไม่รับปากด้วยความเกรงใจ หรือการรับปากโดยท่ีไม่มั่นใจในข้อมูลของตนเอง ซ่ึงส่ิงที่ผู้นาเสนอพูด ออกไปอาจเปน็ คามนั่ สญั ญาทตี่ ้องทาให้ได้ จงึ จะสรา้ งความน่าเช่ือถือใหก้ บั ผู้นาเสนอ
372 1.4 มีความมั่นใจในตนเอง เนื่องจากปัญหาในการนาเสนอส่วนใหญ่มักเป็นความกลัว ความ วติ กกงั วลทีจ่ ะต้องพูดต่อหน้าคนจานวนมาก จนเกิดความประหม่า ดังน้นั ผู้นาเสนอจะต้องละท้ิงความกลัว หรือความกังวลต่าง ๆ ออกไปให้ได้ โดยใช้การเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับตนเอง แล้วทาการ ปรับปรงุ ให้ดยี ่ิงข้ึน ฝึกสมาธขิ องตน ฝึกพูดในทปี่ ระชุมหรือพูดในทีส่ าธารณะ รวมถงึ กลา้ แสดงความคิดเห็น ต่อสาธารณะชน ค้นหาแรงบนั ดาลใจและฟังคาแนะนาจากผู้อื่นอยเู่ สมอ นอกจากนี้ การสร้างความมนั่ ใจใน ตนเอง ยังสามารถแสดงออกทางภาษากาย โดยการฝึกการแสดงออกในขณะที่พูด เช่น เงยหน้ามองตรง สบตากับผู้ชม หากมีผู้ชมหลายคน ให้พยายามกวาดสายตาไปให้ท่ัวขณะพูด ระหว่างพูดให้พยักหน้าหรือ ผงกศีรษะพร้อมกับย้ิมเพื่อเป็นการผ่อนคลาย เป็นต้น จะทาให้ผู้นาเสนอมีความั่นใจในตนเองมากย่ิงขึ้น และยงั สง่ ผลใหผ้ ชู้ มเกดิ ความคลอ้ ยตามอกี ด้วย 1.5 มนี ้าเสยี งทชี่ ัดเจน ผู้นาเสนอควรฝึกออกเสยี งคาในภาษาไทยใหม้ ีความถูกต้อง ทง้ั พยัญชนะ สระ ตัวสะกด คาควบกล้า การเว้นวรรคตอน และการจัดรูปประโยคในการพูด ควรใช้ระดับความดังของ เสียงให้เหมาะสมกับจานวนผู้ฟังและขนาดของห้องบรรยาย เพ่ือให้ผู้ฟังมีความต่ืนตัวอยู่ตลอดเวลา และ แสดงถึงความเช่ือม่ันในตนเองของผู้พูด ควรกากับจังหวะการพูดไม่ให้ช้าหรือเร็วจนเกินไป หากพูดช้าอาจ ทาให้ผู้ฟังเกิดความเบื่อหน่าย หรือหากพูดเร็วอาจทาให้เกิดความผิดพลาดในการส่ือสารและผู้ฟังติดตาม เนื้อหาไม่ทัน พูดด้วยความกระตือรือร้น ใช้อารมณ์และความรู้สึกประกอบการพูดให้เหมาะสมกับกริยาท่ี แสดงออกไป นอกจากนี้ การพูดในท่ีสาธารณะนั้น ผู้นาเสนอควรคานึงถึงความถูกต้องของการใช้คา ความ เหมาะสมของถอ้ ยคาทีใ่ ชส้ ือ่ สารกบั กลุ่มผู้ฟัง จะทาให้การนาเสนอประสบผลสาเร็จ 1.6 มจี ิตวิทยาในการโน้มนา้ ว คือ ศาสตร์ทางจติ วทิ ยาท่ใี ช้เปล่ยี นแปลงความเชื่อ ทศั นคติ หรอื พฤติกรรมของผู้ชม จากมุมมองแบบเดิมเปลี่ยนเป็นมุมมองใหม่ พูดให้เกิดการคล้อยตาม คิดตาม และ ปฏบิ ตั ติ าม โดยเทคนิคการใชจ้ ติ วทิ ยาการเพอื่ โนม้ นา้ วใจ มีดงั นี้ (MOL Logistics, 2016: 1) 1.6.1 พูดให้ผู้ชมเห็นภาพและมีเหตุผลที่หนักแน่น นาเสนอความสมเหตุสมผล ซึ่งเม่ือผู้ชม ได้ชง่ั ใจและตดั สนิ ใจแลว้ ก็จะเกดิ การคลอ้ ยตามและเป็นความเช่ือในคนหมู่มาก 1.6.2 กาหนดจุดมุ่งหมายในการพูดอย่างชัดเจน เม่ือพูดออกไปแล้ว จะเกิดผลหรือความ เปลี่ยนแปลงอย่างไรต่อผู้ฟังบ้าง ไม่ควรพูดแบบจับใจความไม่ได้ จะทาให้ผู้ชมเกิดความเบ่ือหน่าย ควรพูด ตามเนื้อหาสาระท่เี ป็นจุดประสงคข์ องการนาเสนอ 1.6.3 กระตุ้นให้เกิดอารมณ์และความคิดเห็นที่คล้อยตามกันไป หากคนหมู่มากมีอารมณ์ ร่วมกัน จะทาให้เกิดพฤติกรรมในทางปฏิบัติรว่ มกัน และจะส่งผลไปยงั กลมุ่ คนท่ียังไม่กล้าตัดสนิ ใจ เกิดการ คลอ้ ยตามไปกับคนหม่มู าก 1.6.4 จัดลาดับเนื้อหาในการพูดให้ดี โดยเฉพาะการเกร่ินนาให้เกิดความประทับใจ และ จัดลาดับเน้ือหาในการนาเสนอให้มีความกระชับ ไดใ้ จความ และสรุปให้ตรงกบั ประเด็นหวั ขอ้ ที่นาเสนอ
373 1.6.5 บุคลิกและความคล่องแคล่วในการพูด โดยผู้นาเสนอจะต้องมีความรู้ในเรื่องที่จะ นาเสนออย่างละเอียด เพ่ือให้สามารถตอบคาถามให้กับผู้ชมได้อย่างคล่องแคล่ว แสดงให้เห็นถึงความเป็น มืออาชพี สามารถเชอื่ ถอื ได้ 1.6.6 ห้ามพูดถึงผลเสียท่ีอาจเกิดข้ึน คือ การหลีกเล่ียงคาพูดหรือเน้ือหาที่จะทาให้ผู้ชมเกิด ความคิดในเชิงลบ ซ่ึงอาจจะส่งผลให้ผู้นาเสนอไม่สามารถโน้มน้าวผู้ชมได้ ควรพูดในสิ่งที่ดี เพ่ือสร้าง ความคดิ บวกใหเ้ กดิ ขึน้ กบั ผชู้ ม 1.6.7 พูดถึงผลประโยชน์ท่ีผู้ชมจะได้รับ โดยเฉพาะการแสดงให้เห็นถึงส่ิงท่ีผู้ชมจะได้รับน้ัน มีความเป็นรูปธรรมชัดเจน หรือส่ิงท่ีจะได้รับเป็นสิ่งของท่ีสามารถจับต้องได้ จะทาให้การโน้มน้าวใจเป็นไป ไดง้ า่ ย และอาจเกดิ การบอกตอ่ ไปยังบุคคลอน่ื 1.6.8 สร้างบรรยากาศในการพูดให้ผ่อนคลาย ซึ่งการพูดเน้นเนื้อหาเป็นเวลานานจนเกินไป จะทาให้ผู้ชมเกิดอาการเบื่อ ความสนใจลดลง และจะทาให้ผู้ชมไม่ได้รับเนื้อหาสาระอย่างเต็มท่ี ดังน้ัน ระหว่างการพูดนาเสนอควรมีการแทรกอารมณ์ขันเข้าไปกับเนื้อหาท่ีนาเสนอ เพื่อให้ผู้ชมเกิดการหัวเราะ ผอ่ นคลาย และเกิดความเป็นกันเองมากยง่ิ ข้ึน 1.7 มีความสามารถในการใช้โสตทัศนูปกรณ์ ผู้นาเสนอจะต้องมีความรู้พ้ืนฐานในการจัดการ เคร่ืองมือโสตทัศนูปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ เครื่องฉายภาพ เครื่องขยายเสียง โปรแกรม คอมพิวเตอร์ และเคร่ืองมืออื่น ๆ ท่ถี ูกจัดเตรยี มไวส้ าหรับการนาเสนอในหอ้ งบรรยาย เพ่ือให้การนาเสนอมี ความสมบูรณ์แบบ ผู้นาเสนอมีความคล่องแคล่ว ฉับไว เป็นการเสริมบุคลิกในการนาเสนอทางด้านการใช้ งานอุปกรณ์ หากเกิดข้อผิดพลาดใด ๆ ขณะนาเสนอ หรือเกิดปัญหาจากอุปกรณ์ ผู้นาเสนอสามารถที่จะ แกไ้ ขปัญหาเบ้ืองต้น เพื่อใหก้ ารนาเสนอดาเนินตอ่ ไปได้จนสิ้นสดุ การนาเสนอ 1.8 มีความช่างสังเกต การคอยสังเกตกิริยาของผู้ชมขณะนาเสนอ หากผู้ชมแสดงกิริยาที่ให้ ความสนใจการนาเสนอด้วยสายตาท่ีมุ่งมั่น กระตือรือร้น และแสดงสีหน้าท่ีมีความสุข ให้ผู้นาเสนอ ดาเนินการนาเสนอด้วยรูปแบบเดิมต่อไป อาจเพิ่มการถาม-ตอบ ขณะนาเสนอ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วม มากยิ่งขึ้น แต่หากสังเกตกิริยาของผู้ชมแล้ว ผู้ชมแสดงความเบื่อหน่าย อารมณ์เสีย มีสีหน้าท่ีไม่พอใจ หรือ นอนหลับขณะบรรยาย ให้ผู้นาเสนอปรับเปล่ียนรูปแบบในการนาเสนอทันที เช่น ใช้น้าเสียงท่ีดังขึ้น ใช้ ท่าทางประกอบการบรรยายให้มากขึ้น ใช้การเล่าประสบการณ์หรือเรื่องท่ีเกี่ยวข้องในลักษณะอารมณ์ขัน เพื่อดึงความสนใจของผู้ชมกลับคืนมา เป็นต้น ดังนั้น ผู้นาเสนอจะต้องมีความช่างสังเกตอยู่ตลอดเวลา เพอื่ ให้การนาเสนอดาเนนิ ไปไดด้ ้วยดี 1.9 มีไหวพริบในการตอบคาถาม เม่ือมีคาถามหรือข้อสงสัยจากผู้ชม ให้ผู้นาเสนอคิดวิเคราะห์ คาถาม และตอบคาถามแบบไม่เร่งรีบ มีสมาธิในการตอบ ไม่ตอบออกไปทันที อาจใช้การวางท่าทางก่อน การตอบเพื่อให้ผู้ชมมีความเชื่อม่ันในการตอบคาถาม รวมถึงการตอบคาถามด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ให้ คาตอบในเชิงบวก หรอื หากไม่สามารถตอบคาถามได้ ใหแ้ สดงความคิดเห็นเชงิ วิชาการท่ีมีความใกลเ้ คียงกับ คาถามมากท่ีสุด เพ่ือแสดงให้ผู้ชมเห็นว่า ผู้นาเสนอไม่ได้ตอบแบบไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ และการตอบ
374 คาถามแต่ละคร้ัง ควรใช้เวลาให้กระชับ ไม่ตอบคาถามแบบยืดเยื้อ เพราะจะทาให้เสียเวลากับคาถามเพียง ข้อเดยี ว เม่อื หมดเวลานาเสนอ จะไมส่ ามารถตอบคาถามจากผชู้ มคนอ่นื ๆ ได้ 2. ข้อผดิ พลาดในการนาเสนอ ขอ้ ผิดพลาดในการนาเสนอที่อาจเกิดข้ึนได้เน่อื งจากสาเหตุต่าง ๆ ซึ่งอาจส่งผลให้การนาเสนอไม่ ประสบผลสาเร็จตามท่ีต้องการ โดยข้อผิดพลาดสามารถเกิดข้ึนได้กับผู้นาเสนอทุกคน การป้องกัน ข้อผิดพลาดในการนาเสนอ จึงเป็นสิ่งท่ีผู้นาเสนอต้องเตรียมความพร้อมก่อนการนาเสนอทุกครั้ง โดยมี ข้อผิดพลาดทอี่ าจเกิดขึน้ ขณะนาเสนอ ดังน้ี (Impressionconsult, ม.ป.ป.: 1) 2.1 การเกริ่นนา คือส่วนสาคัญท่ีสุดในการนาเสนอเน้ือหา หากไม่สามารถดึงความสนใจของ ผู้ชมมาได้ตั้งแต่เริ่มต้น อาจส่งผลให้การนาเสนอในครั้งนั้น ไม่มีใครรับฟังจนส้ินสุดการนาเสนอ ดังน้ัน การ เกริ่นนาให้มีความน่าสนใจ อาจใช้วิธีเริ่มต้นด้วยการใช้คาถามท่ีชวนคิด จุดประเด็นให้เกิดการโต้แย้งข้ึนมา ก่อน หรือเริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องท่ีจะนาเสนอคร่าว ๆ ในส่วนท่ีสาคัญขึ้นมาก่อน ซ่ึงสาระสาคัญของการ เกริน่ นา เป็นการอธบิ ายถงึ จดุ ประสงค์ที่ต้องการนาเสนอให้ผู้ชมเกดิ ความเขา้ ใจมากที่สดุ 2.2 การพูดเร็วเกินไป เป็นเหตุการณ์ท่ีมักเกิดขึ้นกับผู้นาเสนอโดยไม่รู้ตัว อาจเกิดจากความ ตื่นเต้น ซึ่งการพูดเร็วจนเกินไป เป็นการลดคุณค่าของเนื้อหาในสง่ิ ท่ีพูดออกไป เนื่องจากผู้ชมไม่สามารถนา ขอ้ มลู ไปประมวลผลและคิดตามได้ทนั ที ซึ่งอาจสง่ ผลให้ผ้ชู มฟงั ไมเ่ ขา้ ใจ จนทาใหผ้ ูช้ มเลิกให้ความสนใจการ นาเสนอ ดังนั้น ควรเตรยี มตวั ฝึกซ้อมโดยใช้การบันทึกภาพวิดีโอ เพ่อื สังเกตการพดู ของตนเองว่าเร็วหรือช้า เกินไป และปรับปรุงการพูดของตน พยายามกาหนดจังหวะการพูดให้พอดีกับเนื้อหา หรือให้บุคคลอื่นคอย สงั เกตเมอื่ นาเสนอ แลว้ ใหส้ ัญญาณคอยตกั เตอื นว่าพดู เรว็ เกนิ ไป 2.3 ใช้เสียงเบา เชื่องช้า ไร้จังหวะ และไม่ใช้ภาษากายประกอบการนาเสนอ อาจเป็นสาเหตุ ทาให้ผู้ชมเกิดความเบ่ือหน่าย ไม่สนใจการนาเสนออีกต่อไป ดังนั้น ควรปรับปรุงการนาเสนอด้วยวธิ ีการใช้ เสียงที่มนี า้ หนักมากขน้ึ ใช้เสียงดงั หรอื เสยี งเบา ใหพ้ อดี พูดใหก้ ระชับไมย่ ืดเย้ือ และใชท้ ่าทางประกอบการ นาเสนอตามความเหมาะสม จะทาใหผ้ ู้ชมมีความร้สู กึ ตืน่ ตัวอยูต่ ลอดเวลาในขณะการรับชม 2.4 เน้ือหามากเกินไป ซ่ึงเป็นสาเหตุของการพูดแบบเร่งรีบ อาจทาให้ผู้ชมอ่านและฟังไม่ทัน ดังนั้น ควรพิจารณาขอบเขตเนื้อหา ท้ังข้อความและภาพประกอบ จากนั้นให้ตัดส่วนที่ไม่สาคัญออก หาก ต้องการเพิ่มเนื้อหา ควรพิจารณาว่า เน้ือหามีความเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ท่ีจะนาเสนอมากน้อยเพียงใด ก่อนตัดสินใจเพิ่มเนือ้ หา 2.5 อ่านแต่เน้ือหาในภาพนิ่ง ผู้นาเสนอส่วนใหญ่มักจะแทรกเน้ือหาลงในภาพนิ่งจานวนมาก เม่ือนาเสนอจะใช้วิธีการอ่านจากภาพน่ิงแบบท่องให้ผู้ชมฟัง ซ่ึงตามหลักแล้วผู้ชมไม่ต้องการให้ผู้นาเสนอ อ่านให้ฟัง เนื่องจากผู้ชมสามารถอ่านเองได้ ซึ่งผู้ชมคงต้องการรายละเอียดของเน้ือหาท่ีถูกถ่ายทอดด้วย กระบวนการที่สามารถทาให้เข้าใจได้ ดังน้ัน ผู้นาเสนอควรแทรกเฉพาะคาหลัก (Keyword) หรือประโยค ใจความสาคัญลงในภาพน่ิงและทาการอธิบายเพ่ิมเติมตามหัวข้อในภาพน่ิง จะทาให้ผู้ชมเข้าใจและใหค้ วาม สนใจมากย่ิงขึ้น
375 2.6 มีความซับซ้อน หากเนื้อหาที่จะนาเสนอมีความซับซ้อนจนอาจทาให้ผู้ชมไม่สามารถเข้าใจ ได้ ผู้นาเสนอควรเตรียมการนาเสนอเพื่อให้ผู้ชมสามารถทาความเข้าใจได้ง่าย เช่น ควรเพิ่มภาพประกอบ แผนภาพ Inforgraphic ประกอบการนาเสนอ จะช่วยให้ผู้ชมเข้าใจได้ง่ายกว่าการมีเพียงข้อความ รวมถึง การนาเสนอแล้วเว้นช่วงเพ่ือถามถงึ ความเข้าใจของผชู้ ม และเปดิ โอกาสให้ผู้ชมซักถามไดต้ ลอดเวลา เป็นต้น 2.7 ไม่มีการเตรียมการ ซ่ึงการนาเสนอในลักษณะไม่มีการเตรียมการ ท้ังทางด้านตัวผู้นาเสนอ และงานนาเสนอ อาจสง่ ผลใหผ้ ู้นาเสนอเกดิ ความประหม่า ขาดความหมน่ั ใจ พูดผดิ พดู ถกู อธิบายไมช่ ดั เจน ตอบคาถามไม่ได้ และไม่สามารถควบคุมระยะเวลาในการนาเสนอได้ ดังนั้น ผู้นาเสนอควรฝึกซ้อมนาเสนอ แบบออกเสียง และอาจใช้การบันทกึ วิดีโอแล้วดูผลการนาเสนอ เพ่ือปรับปรุงการนาเสนอตอ่ ไป หากมีเวลา ในการฝึกซ้อมหรือเตรียมการน้อย ควรแบ่งเวลาล่วงหน้าเพ่ือศึกษางานนาเสนออย่างน้อย 1 รอบ ก่อนการ นาเสนอจริง 2.8 เลียนแบบวธิ กี ารนาเสนอจากคนอนื่ ซง่ึ บุคลกิ ของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน เชน่ บาง คนอาจนาเสนอด้วยวิธีท่ีต่ืนเต้น เน้นการสร้างเสียงหัวเราะ หรือนาเสนอแบบจริงจัง เป็นต้น ผู้นาเสนอ บางสว่ นพยายามเลียนแบบวธิ กี ารนาเสนอของบุคคลทช่ี นื่ ชอบ จนทาใหก้ ารนาเสนอไมเ่ ปน็ ธรรมชาติ ดังนนั้ การนาเสนอทดี่ ีควรนาเสนอในรูปแบบของตนเอง จะเปน็ การนาเสนอท่ีเป็นธรรมชาติท่ีสุด แตส่ ามารถเลือก เฉพาะจุดเด่นของบุคคลอื่นมาปรับใช้กับตนเองได้ ท้ังน้ี การนาเสนอต้องข้ึนอยู่กับเน้ือหาและวัตถุประสงค์ วา่ มีความเหมาะสมหรอื ไม่ บทสรปุ การสร้างงานนาเสนอด้วยโปรแกรม Microsoft PowerPoint ได้รับความนิยมและมีการใช้งาน อย่างแพรห่ ลาย เนื่องจากเป็นโปรแกรมทส่ี ามารถใชง้ านได้ง่าย สรา้ งงานนาเสนอได้รวดเรว็ มเี ครอ่ื งมือและ คาสั่งให้เลือกใช้อย่างมากมาย อีกทั้งยังสามารถสร้างรูปแบบการเคลื่อนไหวให้กับงานนาเสนอ ทาให้งาน นาเสนอมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์โดยส่วนใหญ่ท่ีใช้งานตามองค์กรต่าง ๆ หรือ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มักจะมีการติดตั้งชุดโปรแกรม Microsoft Office จึงสามารถนางานนาเสนอไปใช้ งานกบั คอมพิวเตอร์ทั่วไปได้ หรือหากมีข้อกังวลในการเปิดไฟล์งานนาเสนอกับเคร่ืองคอมพวิ เตอรเ์ คร่ืองอ่ืน ผู้ใช้สามารถบันทึกงานนาเสนอในรูปแบบของไฟล์ PDF จากโปรแกรม PowerPoint ได้โดยไม่ต้องแปลง ไฟล์ด้วยโปรแกรมอ่ืน และนาไปเปิดใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไปได้ ดังนั้น การฝึกใช้งานโปรแกรม และ ฝึกออกแบบงานนาเสนออยู่เสมอ จะทาให้ผู้นาเสนอเกิดความชานาญ มีแนวความคิดใหม่ ๆ ในการสร้าง งานนาเสนอใหม้ ีความน่าสนใจ รวมถงึ การเตรียมตวั ของผู้นาเสนอใหม้ ีความพรอ้ มในทกุ ๆ ดา้ น อย่างไรก็ตาม การนาเสนอผลงานให้ประสบผลสาเร็จ ยังต้องอาศัยเทคนิคการนาเสนอและ ประสบการณข์ องผูน้ าเสนอ ท่ีจะสามารถถ่ายทอดเน้ือหาไปยังผู้ชมใหเ้ กดิ ความเข้าใจ ซ่งึ เป็นสิง่ สาคญั อย่าง ย่งิ ดังนั้น ผูน้ าเสนอควรเรียนรเู้ ทคนิควธิ ตี ่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วขอ้ งกบั การนาเสนอ เพอื่ การพัฒนาตนเองให้ก้าวไปสู่ ผนู้ าเสนอแบบมืออาชีพ
376 แบบฝกึ หัดท้ายบท 1. จงบอกขอ้ ดีและขอ้ เสีย ของการเลอื กใชแ้ ม่แบบงานนาเสนอสาเร็จรูป 2. การปรับขนาดภาพน่ิงใหม้ ีอัตราส่วน 4:3 และ 16:9 มคี วามแตกต่างกนั อย่างไร 3. การกาหนดใหม้ รี ปู แบบการเปล่ยี นภาพนิ่ง (Transitions) มีความสาคญั อยา่ งไร 4. การใช้งาน Info Graphic กับงานนาเสนอดว้ ย PowerPoint มีความสาคัญอย่างไร 5. ให้ผู้ศึกษาสรา้ งงานนาเสนอเพ่ือแนะนาตนเองดว้ ยโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2016 ตง้ั ชอ่ื ไฟลเ์ ปน็ presentation.pptx โดยมีรายละเอยี ดดงั น้ี 5.1 กาหนดภาพน่ิงจานวน 15-20 ภาพน่งิ 5.2 เนื้อหา ประกอบด้วย ข้อความ ภาพถ่าย และวิดีโอ โดยต้องจัดวางองค์ประกอบให้มีความ เหมาะสม 5.3 มกี ารใช้งานรูปร่าง รูปวาด หรือ Info Graphic ในภาพนิง่ เพือ่ ให้เกดิ ความนา่ สนใจ 5.4 มีการกาหนดรูปแบบการเปล่ียนภาพน่ิง และกาหนดการเคลื่อนไหวของข้อความหรือวัตถุ อย่างเหมาะสม 5.5 ใช้รูปแบบตวั อักษร สีตวั อักษร และสีพน้ื หลงั ท่ีเหมาะสม อา่ นง่าย สบายตา 5.6 ฝึกซ้อมการนาเสนอ เพ่อื นาเสนอหนา้ ชัน้ เรียน
เอกสารอ้างองิ จงรกั เทศนา. (ม.ป.ป.). อินโฟกราฟกิ ส์ (Infographics). สืบคน้ เมื่อ 10 มีนาคม 2561, จาก http://www.krujongrak.com/infographics_information.pdf. จรี ะสทิ ธ์ิ อ้งึ รัตนวงศ์. (2558). คมู่ อื ใชง้ าน Microsoft Office 2013. กรงุ เทพฯ: ซเี อด็ ยเู คชัน่ . ดวงพร เกีย๋ งคา. (2559). คู่มือ Office 2016 ฉบบั ใช้งานจรงิ . นนทบุรี: ไอดีซฯี . ลัดดา แพรภัทรพิศุทธ.์ิ (2552). การพูด. กรงุ เทพฯ: โอเดยี นสโตร.์ สมภพ จงจติ ตโ์ พธา. (2556). ทฤษฎีสี. กรุงเทพฯ: วาดศลิ ป์. สมิต. (2008). เทคนคิ การนาเสนอ - ลกั ษณะการนาเสนอทีด่ ี. สบื คน้ เม่อื 9 มนี าคม 2561, จาก http://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?bookID=667. สานักเทคโนโลยเี พ่ือการเรียนการสอน. (ม.ป.ป.). การเพม่ิ ประสิทธภิ าพเทคนคิ การนาเสนอดว้ ยรูปแบบ Infographic. สืบค้นเมื่อ 4 มีนาคม 2561, จาก http://www.krumontree.com/pdf/InfographicManual.pdf. 9Expert. (ม.ป.ป.). เทคนคิ การจัดวางองค์ประกอบในงานนาเสนอ. สืบค้นเมอื่ 4 มีนาคม 2561, จาก https://www.9experttraining.com/articles/เทคนิคการจัดวางองค์ประกอบในงานนาเสนอ. ______. (ม.ป.ป.). เทคนคิ การเลอื กใชฟ้ อนตส์ าหรับงานนาเสนอ (Font for Presentation). สบื ค้น เม่ือ 4 มนี าคม 2561, จาก https://www.9experttraining.com/articles/เทคนคิ การเลือกใช้ ฟอนตส์ าหรับงานนาเสนอ-font-presentation. Coelho, C. (2016). Colour Theory 101: Finding your Skin Tones. Retrieved 10 February 2018, form https://www.claudiacoelho.com/single-post/2016/07/13/Colour-Theory- 101-Finding-your-Skin-Tones. Dhammadha. (2016). หวาน ฟรี | waan free. สืบค้นเม่อื 2 เมษายน 2561, จาก http://www.f0nt.com/release/waan-free. Digitalthinkhouse. (2016). สอ่ื สารแบบชคิ ๆ ด้วย Infographic 7 สไตล์. สืบค้นเมื่อ 4 เมษายน 2561, จาก https://www.digitalthinkhouse.com/blog/seven-types-infographic. Fiishkin, A. (2015). Do I Need a New Website for 2016?. Retrieved 10 February 2018, form https://arinfishkin.com/2015/12/03/starting-the-year-off-right. Impressionconsult. (ม.ม.ป.). 7 ขอ้ ผดิ พลาดบน Presentation ทค่ี วรแก้ไขในทนั ท.ี สืบค้นเมื่อ 4 มีนาคม 2561, จาก http://www.impressionconsult.com/web/index.php/articles/1394- 7-ขอ้ ผดิ พลาดบน-presentation-ท่คี วรแก้ไขในทนั ท.ี html.
378 IT-Guides. (2550). Smart Art คาส่ังใหมใ่ น Microsoft Office 2007. สืบค้นเมื่อ 4 มีนาคม 2561, จาก http://www.it-guides.com/training-a-tutorial/office-tutorial/microsoft-office- 2007-smartart. Microsoft. (2016). Video and audio file formats supported in PowerPoint. Retrieved 10 February 2018, form https://support.office.com/en-us/article/video-and-audio- file-formats-supported-in-powerpoint-d8b12450-26db-4c7b-a5c1-593d3418fb59. MOL Logistics. (2016). การพดู โน้มน้าวใจและตัวอยา่ งการพูดโนม้ น้าวใจ. สืบค้นเมอื่ 12 มนี าคม 2561, จาก http://www.mol-logistics.co.th/wp/2016/07/13/การพูดโน้มนา้ วใจ-และตัว. Overkamp, B. (2015). Infographics. Retrieved 13 February 2018, form https://www.scoop.it/t/infographics-by-brianna-overkamp. PresentationX. (2014). 5 เทคนคิ ออกแบบ PowerPoint ให้สวยโดนใจ. สืบค้นเมื่อ 2 เมษายน 2561, จาก http://infographic.in.th/infographic/5-เทคนคิ ทา-template-powerpoint-ให้ สวย. Showeet. (2016). Timeline Infographics Templates for PowerPoint. Retrieved 15 February 2018, form https://www.showeet.com/21/04/2016/charts-and- diagrams/timeline-infographics-templates-for-powerpoint. Vimonmass. (2014). พฤติกรรมทส่ี ร้างความน่าเช่ือถือสาหรับ HR. สบื ค้นเมื่อ 4 มีนาคม 2561, จาก https://th.jobsdb.com/th-th/articlesสรา้ งความน่าเชอ่ื ถือ-hr. Zilch. (2013). นทิ าน (Nithan). สบื ค้นเม่ือ 4 มนี าคม 2561, จาก http://www.f0nt.com/release/nitha.
แผนบรหิ ารการสอนประจาบทท่ี 5 Adobe Photoshop CC หวั ข้อประจาบท 1. พน้ื ฐานงานกราฟกิ 2. เร่มิ ต้นการใชง้ าน Adobe Photoshop CC 3. พื้นฐานการใช้งานเคร่ืองมือ 4. การใช้งานเลเยอร์ 5. การเปลีย่ นรปู ทรงภาพและวัตถุ 6. การปรบั แต่งสใี ห้กับภาพถ่าย 7. การปรบั แต่งภาพดว้ ยฟิลเตอร์ 8. เทคนคิ การตกแต่งภาพและแก้ไขภาพ 9. บทสรปุ วัตถปุ ระสงคท์ ่ัวไป ศึกษาวิธีการใช้งานโปรแกรม Adobe Photoshop CC ศึกษาความหมายของเครื่องมือ และ วิธีการใช้งานเคร่ืองมือท่ีถูกต้อง เทคนิคการใช้งานโปรแกรม การสร้างภาพกราฟิก การตกแต่งภาพกราฟิก การแก้ไขภาพกราฟิก ฝึกปฏิบัติการใช้งานโปรแกรม เพ่ือให้ผู้ศึกษาสามารถใช้งานโปรแกรม Adobe Photoshop CC ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ วตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 1. เพอ่ื ใหผ้ ูศ้ ึกษามคี วามรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกบั การใชง้ านโปรแกรม Adobe Photoshop CC 2. เพอื่ ให้ผศู้ ึกษาสามารถใชง้ านโปรแกรม Adobe Photoshop CC ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 3. เพ่อื ใหผ้ ู้ศึกษามีทักษะในการใชเ้ ครอื่ งมือจดั การภาพกราฟิกได้อย่างถูกต้องและชานาญ 4. เพื่อใหผ้ ศู้ ึกษามีทักษะในการแกไ้ ขปัญหาท่ีเกดิ จากการใชง้ านโปรแกรมดว้ ยวธิ ที ถี่ ูกต้อง วธิ ีสอนและกิจกรรมการเรยี นการสอน 1. ผู้สอนบรรยายบทนาก่อนเขา้ สู่เนือ้ หาประจาบท 2. ผู้สอนบรรยายเก่ียวกับโปรแกรม Adobe Photoshop CC และสาธิตวธิ ีการใชง้ านโปรแกรม 3. ผู้ศกึ ษาฝกึ ปฏบิ ัติการใช้งานโปรแกรม Adobe Photoshop CC 4. ผู้สอนเปดิ โอกาสใหผ้ ้ศู ึกษาร่วมอภปิ ราย ซกั ถามประเด็นสงสยั และแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ร่วมกนั 5. ผสู้ อนบรรยายสรุปเน้อื หาประจาบท 6. ทบทวนเน้อื หาประจาบท โดยใช้คาถามทา้ ยบทและแบบฝึกหดั ทา้ ยบท
380 สอ่ื การเรยี นการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนรายวชิ าเทคโนโลยเี พอื่ การจัดการสารสนเทศ 2. โปรแกรม Adobe Photoshop CC 3. หนงั สอื ตารา และเอกสารที่เกี่ยวข้อง 4. สือ่ นาเสนอ PowerPoint 5. อินเทอร์เนต็ และเวบ็ ไซต์ 6. เครอ่ื งฉายภาพ 3 มติ ิ (Visualizer) การวดั ผลและประเมินผล 1. สงั เกตความสนใจและความตั้งใจของผูศ้ ึกษาขณะผู้สอนบรรยายและสาธิตการใชง้ านโปรแกรม 2. สงั เกตจากการฝึกปฏิบตั ิและการแก้ไขปญั หาของผู้ศึกษา 3. สงั เกตจากการมีสว่ นรว่ มและการตอบคาถามของผู้ศึกษา 4. ความสามารถของผศู้ ึกษาในการตอบคาถามและทาแบบฝกึ หัดทา้ ยบท
บทที่ 5 Adobe Photoshop CC การนาเสนอข้อมลู ในรูปแบบของภาพกราฟิก นบั วา่ เป็นสื่อท่ีได้รับความนิยมและมีการใชง้ านอย่าง แพร่หลาย หน่วยงานท้ังภาครัฐและเอกชน ต่างให้ความสาคัญกับการออกแบบภาพกราฟิก เพ่ือให้การ ถ่ายทอดข้อมูลไปยังกลุ่มเป้าหมายมีประสิทธิภาพสูงสุด ภาพกราฟิกที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป อาทิ ป้าย โฆษณาขนาดใหญ่ โปสเตอร์ ใบปลิว อาจอยู่ในรูปแบบของส่ือส่ิงพิมพ์ท่ีจับต้องได้ หรืออาจอยู่ในรูปแบบ ของสื่อดิจิทัลท่ีสามารถพบเห็นได้ตามจอโฆษณา LED หรือตามเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยช้ินงานส่วนใหญ่ล้วนถูก สรา้ งขึน้ มาจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จึงเรียกงานด้านนี้ว่า คอมพิวเตอรก์ ราฟกิ (Computer Graphic) ซงึ่ ในปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านงานกราฟิกให้ผู้ใช้ได้เลือกใชอ้ ย่างมากมาย ผู้ที่จะทางานทางด้าน คอมพิวเตอร์กราฟิก จึงต้องมีทักษะทางด้านกราฟิก การออกแบบ และต้องมีทักษะการใช้งานโปรแกรม ทางด้านกราฟิก เพื่อให้ได้งานกราฟิกท่ีมีคุณภาพเหมาะสมกับการนาไปใช้งาน การศึกษาทางด้านการ ออกแบบและสร้างสรรค์ภาพกราฟิก รวมถึงการตกแต่งแก้ไขภาพ จึงมีความสาคัญต่อการเผยแพร่ ประชาสมั พนั ธ์ขอ้ มลู ต่าง ๆ ให้ผ้ชู มเกดิ ความเขา้ ใจและสรา้ งความนา่ เชอ่ื ถอื จากภาพกราฟิก โปรแกรม Adobe Photoshop CC มีความสามารถในการตกแต่งและแก้ไขภาพถ่ายหรือ ภาพกราฟิก มีเครื่องมือให้เลือกใช้หลากหลาย สามารถสร้างสรรค์ช้ินงานทางด้านกราฟิกหรืองานด้านสื่อ สิ่งพิมพ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความสามารถของโปรแกรมจึงเป็นที่นิยมใช้งานในวงการกราฟิกอย่าง กว้างขวาง มีการผลิตบทเรียน เทคนิคและวิธีการใช้งานโปรแกรม ซ่ึงอาจอยู่ในรูปแบบหนังสือ บทความ หรือส่ือออนไลน์ สามารถศึกษาค้นคว้าความรู้ได้ง่าย ดังนั้น การศึกษาวิธีการใช้งานโปรแกรมและเทคนิค ต่าง ๆ เพ่ือให้เกิดความชานาญ จะทาให้ผู้ใช้มีทักษะความสามารถทางด้านการสร้างสรรค์งานกราฟิก สามารถผลติ ผลงานได้อย่างมคี ุณภาพ พนื้ ฐานงานกราฟกิ กราฟิก (Graphic) คือ ศิลปะแขนงหน่ึงที่ใช้การสื่อความหมายด้วยเส้น จุด สัญลักษณ์ ภาพวาด ภาพถ่าย กราฟ แผนภูมิ ฯลฯ เพ่ือให้สามารถสื่อความหมายของข้อมูลได้ถูกต้อง บอกเล่าเรื่องราวหรือให้ รายละเอียดต่าง ๆ อาจแสดงถึงลักษณะของส่ิงใดสิ่งหน่ึง และความหมายท่ีสื่อออกไปอาจจะไม่ได้สื่อถึง ความเปน็ จริง แตอ่ าจสื่อไปในมมุ มองท่แี ตกต่าง (ปาพจน์ หนุนภักดี, 2553: 15)
382 1. ภาพกราฟกิ ภาพกราฟิกท่ีแสดงผลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ภาพท่ีได้ส่วนใหญ่เกิดจากการสร้างด้วยโปรแกรม คอมพิวเตอร์หรืออาจได้จากเคร่ืองบันทึกภาพแล้วนาไฟล์ภาพเข้าสู่เคร่ืองคอมพิวเตอร์ โดยภาพกราฟิกใน ระบบคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังน้ี (อนนั วาโซะ, 2558: 27-30) 1.1 ภาพบิตแมพ (Bitmap) หรือภาพเรสเตอร์ (Raster) คือ ภาพท่ีเกิดจากการรวมกันของจุด หรือเม็ดสีที่เรียกว่าพิกเซล (Pixel) ซ่ึงเป็นหน่วยเล็กท่ีสุด แต่ละจุดจะแสดงค่าสีของแต่ละตาแหน่ง เม่ือนา จุดมาเรียงตอ่ กัน จะทาใหเ้ กิดเปน็ ภาพทม่ี ีสีเปน็ ธรรมชาติ ภาพแต่ละภาพจงึ มกี ารเกบ็ ข้อมลู จานวนมาก ภาพที่ 5.1 ภาพบิตแมพ โดยส่วนใหญ่ภาพบิตแมพจะได้มาจากการถ่ายภาพแล้วนามาใชง้ านในคอมพิวเตอร์ เมื่อขยายภาพ จะส่งผลให้ภาพแตกเห็นเป็นจุดขนาดเล็ก รูปแบบไฟล์ภาพบิตแมพท่ีใช้งานท่ัวไป เช่น JPEG (Joint Photographic Experts Group) PNG (Portable Network Graphics) TIFF (Tagged Image File Format) GIF (Graphics Interchange Format) เป็นต้น โดยองค์ประกอบสาคัญของภาพบิตแมพ มดี ังนี้ 1.1.1 Pixel คอื หน่วยที่เลก็ ทส่ี ุดของภาพ มีลกั ษณะเปน็ จดุ สเี่ หลย่ี มขนาดเล็กเรยี งกันจานวน มาก เป็นองค์ประกอบพ้ืนฐานของภาพบิตแมพ ซ่ึงภายใน 1 พิกเซล จะแสดงค่าสีได้เพียงสีเดียวเท่าน้ัน ความเข้มของสีจะถูกกาหนดในรปู แบบเลขฐานสอง จานวน 8 บิต พิกเซลจึงสามารถแสดงสไี ด้ 28 หรอื 256 สี เมือ่ นาจดุ มาเรียงตอ่ กนั จงึ เกดิ เป็นภาพทสี่ มบรู ณ์ ดงั ภาพที่ 5.1 1.1.2 Image Aspect Ratio อัตราสว่ นของพกิ เซลหรืออัตราส่วนของภาพ โดยคดิ อตั ราสว่ น ระหวา่ งจานวนพิกเซลในแนวนอนกับจานวนพิกเซลในแนวตั้ง ภาพทีไ่ ด้จากกลอ้ งถา่ ยภาพอาจมีอัตราส่วนท่ี แตกต่างกันไป เช่น กล้องวิดีโอท่ัวไป มีอัตราส่วน 4:3 หรือภาพยนตร์ระดับ HD มีอัตราส่วน 16:9 เป็นต้น ดงั ภาพท่ี 5.2
383 ภาพท่ี 5.2 อตั ราสว่ นของภาพ 1.1.3 Resolution คา่ ความละเอยี ดของภาพ ถกู กาหนดด้วยพิกเซลต่อหนว่ ยความยาว เช่น ภาพมีค่าความละเอียดเท่ากับ 300 Pixels/Inches แสดงว่า ใน 1 ตารางน้ิว ประกอบด้วยพิกเซล จานวน 300 พิกเซล ดังนั้น การทางานกับไฟล์ภาพต้องคานึงถึงค่าความละเอียดของภาพ ซ่ึงจะมีผลต่อขนาดไฟล์ และความละเอยี ดของภาพ หากไฟลภ์ าพมีคา่ ความละเอียดสูง จะสง่ ผลใหไ้ ฟล์ภาพมีขนาดใหญ่ อาจใชเ้ วลา ในการประมวลผลนานและอาจมีผลกระทบตอ่ อุปกรณแ์ สดงผล 1.2 ภาพเวกเตอร์ (Vector) คือ ภาพท่ีสร้างจากความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ ลักษณะการ สรา้ งจะทาใหแ้ ต่ละส่วนของภาพเป็นอสิ ระต่อกนั โดยแต่ละส่วนเกิดจากการสร้างเส้น รูปทรง ส่วนโคง้ หรือ นาวัตถุต่าง ๆ มารวมเป็นภาพเดียวกัน เช่น การนาส่ีเหล่ียม วงกลม เส้นตรง ลูกบาศก์ มาผสมผสานกัน เพื่อใหเ้ กิดภาพ เปน็ ตน้ เมือ่ มีการแกไ้ ขภาพจะเป็นการแก้ไขคณุ สมบัติของเส้น ทาใหภ้ าพไมส่ ูญเสยี ค่าความ ละเอียด ดงั ภาพที่ 5.3 ภาพท่ี 5.3 ภาพเวกเตอร์ ท่ีมา: (Vecteezy, n.d.,: 1) ลักษณะเด่นของภาพเวกเตอร์ คือ เมือ่ มกี ารขยายภาพจะไม่มีผลกระทบต่อค่าความละเอียดของ ภาพ หรือภาพไม่แตก รูปแบบของไฟล์ภาพเวกเตอร์ที่นิยมนาไปใช้กับงานด้านต่าง ๆ เช่น AI (Adobe Illustrator) WMF (Windows Metafile) DRW (Drawing File) เป็นตน้
384 2. องค์ประกอบงานกราฟิก งานด้านกราฟิกเป็นการสร้างสรรค์ผลงานเพื่อถ่ายทอดความคิด โดยสื่อความหมายออกมาเป็น โครงสร้างมีระเบียบแบบแผนทางทัศนสัญลักษณ์ ตอบสนองความงามและส่ิงท่ีเกี่ยวข้องกับชีวิตประจาวัน หรืออาจมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึก การสร้างงานกราฟิกจึงต้องมีองค์ประกอบภายในชิ้นงานที่ครบถ้วน สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นขนาด สัดส่วน และการใช้สีท่ีเหมาะสม ซึ่งองค์ประกอบท่ีสาคัญในการออกแบบงาน กราฟกิ มดี งั นี้ (กษริ า ศิริวฒั นากุล และวราคณา ธนสิริตระกลู , 2551: 32) 2.1 เส้น (Line) เกิดจากการเคลื่อนที่ของจุด (Moving Dot) ไปในทิศทางท่ีกาหนด เป็น องค์ประกอบพ้ืนฐานของงานออกแบบและกราฟิกทุกชนิด เน่ืองจากเส้นเป็นตัวสื่อถึงอารมณ์ความรู้สึก สามารถท่ีจะนาเส้นไปสร้างเป็นรูปทรงหรือวัตถุได้อย่างไม่มีข้อจากัด ลักษณะของเส้นจะมีมิติเฉพาะความ ยาวและความหนา (วัฒนาพร เขือ่ นสุวรรณ, 2558: 1; อนัน วาโซะ, 2558: 7) ภาพท่ี 5.4 เส้น ที่มา (Art Blog, 2013: 1) เส้นจะใหค้ วามหมายเชงิ สัญลักษณ์แตกตา่ งกนั ออกไป ขน้ึ อยกู่ บั การนาไปใช้งาน โดยความหมาย ของเส้นแต่ละประเภท มีดงั น้ี 2.1.1 เส้นตรง (Straight Line) แสดงถึงความยุติธรรม แข็งแกร่ง ความซื่อตรง ความม่ันคง แน่นอน 2.1.2 เสน้ แนวนอน (Horizontal Line) แสดงถงึ ความสงบ นิง่ เฉย เงียบ พักผ่อน ผ่อนคลาย 2.1.3 เส้นแนวตงั้ (Vertical Line) แสดงถึงความมน่ั คง สงา่ หนักแนน่ จริงจัง แข็งแรง 2.1.4 เส้นแนวเฉียง (Diagonal Line) แสดงถึงความเคล่ือนไหว รวดเร็ว ไม่ม่ันคง ไม่ สมบรู ณ์ 2.1.5 เส้นโค้ง (Curved Line) แสดงถึงการเคลื่อนไหว มีชีวิตชีวา อ่อนไหว อ่อนโยน นมุ่ นวล
385 2.1.6 เส้นหยัก (Zigzag Line) แสดงถึงความต่ืนเต้น สับสน วุ่นวาย ไม่แน่นอน ขัดแย้ง ไม่ ราบเรยี บ 2.1.7 เส้นประ (Dash Line) แสดงถงึ ความโปรง่ ไมส่ มบูรณ์ 2.1.8 เส้นบาง (Thin Line) แสดงถึงความเบาบาง เฉียบคม 2.1.9 เสน้ หนา (Thick Line) แสดงถึงความหนักแน่น มั่นคง และเปน็ เส้นนาสายตา 2.2 รูปร่าง (Shape) เกดิ จากการนาเส้นมาประกอบกัน ทาใหเ้ กดิ ความกว้างและความยาว แต่ ไม่มีความหนาหรือความลึก เป็นลกั ษณะ 2 มติ ิ เน้นแสดงพ้นื ทผ่ี ิวระนาบไม่เน้นแสดงปริมาตรหรือมวล เช่น รูปหกเหลย่ี ม รูปส่ีเหลี่ยม รปู สามเหล่ยี ม รปู วงกลม รปู อิสระ เปน็ ต้น ดงั ภาพที่ 5.5 (อนนั วาโซะ, 2558: 8) ภาพท่ี 5.5 รูปร่าง รูปร่างแต่ละชนิดจะให้ความหมายและความรู้สึกแตกต่างกันออกไป ตัวอย่างรูปร่างและ ความหมาย มีดงั นี้ 2.2.1 วงกลม (Circle) แสดงถงึ ความเป็นศนู ย์กลาง ปกปอ้ ง ศนู ย์รวมความสนใจ 2.2.2 สี่เหลยี่ ม (Square) ใหค้ วามรูส้ กึ สงบ ม่นั คง เปน็ ระเบียบ 2.2.3 สามเหลี่ยม (Triangle) ให้ความรู้สึกหยุดน่ิง และให้ความรู้สึกถึงทิศทาง ความเฉียบ คม มแี รงผลักดนั 2.2.4 หกเหลี่ยม (Hexagon) ใหค้ วามรู้สึกถงึ การเชอื่ มโยง 2.3 รูปทรง (Form) เกิดจากการนาเส้นมาประกอบกัน ทาให้เกิดความกว้าง ความยาว ความ หนา และความลึก เป็นลักษณะ 3 มิติ เน้นแสดงปริมาตรหรือมีมวลภายใน เช่น รูปทรงกระบอก รูปทรง สามเหลย่ี ม รูปทรงสี่เหลีย่ ม เป็นตน้ ดงั ภาพที่ 5.6 ภาพที่ 5.6 รูปทรง
386 2.4 สี (Color) คือ สิ่งรอบตัวท่ีสามารถรับรู้ได้ด้วยการมองเห็น ไม่ว่าจะเป็นสีท่ีเกิดขึ้นตาม ธรรมชาติ หรือสีที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมา ในทางกราฟิก สีมักเป็นองค์ประกอบสาคัญเน่ืองจากมีผลต่อ อารมณ์และความรู้สึกของผู้พบเห็นได้ดีกว่าองค์ประกอบอื่น ๆ จากความสาคัญของสี จึงเกิดการค้นคว้า เก่ียวกับทฤษฎสี ี (Theory of Color) เพือ่ ใหส้ ามารถนาสีมาใชป้ ระโยชน์และประยุกตใ์ ช้สกี ับงานด้านตา่ ง ๆ ได้อยา่ งเหมาะสม โดยมรี ายละเอียดเกี่ยวกบั สี ดงั นี้ (กษิรา ศิริวัฒนากุล และวราคณา ธนสิรติ ระกลู , 2551: 22-25) 2.4.1 แม่สี (Primary Color) คือ สีที่นามาผสมกันแล้วทาให้เกิดสีใหม่ข้ึนมา มีลักษณะ แตกต่างไปจากสเี ดมิ โดยแม่สมี ี 2 ประเภท ได้แก่ 1) แม่สีของแสง (Light Color Primaries) เกิดจากการหักเหของแสงผ่านแท่งแก้ว ปรชิ มึ ประกอบดว้ ย 3 สี ไดแ้ ก่ สีแดง สีเหลอื ง สีนา้ เงิน จะอยใู่ นรูปของแสงรงั สี ซ่งึ เป็นพลังงานชนดิ เดียวท่ี มสี ี การนาคณุ สมบตั ขิ องแสงมาใช้งาน เชน่ จอคอมพวิ เตอร์ จอโทรทศั น์ การแสดงแสงสี เปน็ ต้น ภาพท่ี 5.7 สีที่เกดิ จากแสง ทีม่ า: (United Nuclear, n.d.: 1) 2) แม่สีวัตถุธาตุ (Pigment Color Primaries) เกิดจากธรรมชาติและการสังเคราะห์ โดยกระบวนการทางเคมี ประกอบด้วย 3 สี ได้แก่ สีแดง สีเหลือง สีน้าเงิน การนาแม่สีวัตถุธาตุไปใช้งาน เชน่ งานศลิ ปะ อตุ สาหกรรม สื่อสง่ิ พิมพ์ เปน็ ต้น ภาพที่ 5.8 สีท่ีเกิดจากวัตถธุ าตุ ทม่ี า: (Castro, 2018: 1)
387 2.4.2 วงล้อสี (Color Wheels) เกิดจากการผสมกันของสีเป็นคู่ เมื่อมีการผสมกันจะทาให้ เกดิ เปน็ สีใหมข่ ึน้ มา และจะไดส้ ที ้ังหมด 12 สี โดยแบ่งวงจรสีออกเปน็ 3 ข้ัน ได้แก่ ภาพท่ี 5.9 วงลอ้ สี ทมี่ า: (Pengadprinting, 2012: 1) สีขั้นที่ 1 (Primary Color) หรือแม่สี เป็นสีที่สามารถนาไปผสมกันแล้วเกิดสีใหม่ข้ึนมา ได้แก่ สีแดง สีเหลอื ง สีนา้ เงิน สีข้นั ท่ี 2 (Secondary Color) เกิดจากการผสมกนั ทลี ะคขู่ องแมส่ ี 3 สี โดยใช้อตั ราสว่ นของ สเี ท่ากัน จะทาให้เกิดสีเพ่ิมข้ึนมาอกี 3 สี ไดแ้ ก่ สสี ม้ สีเขียว สีมว่ ง สีขั้นที่ 3 (Tertiary Color) เกิดจากการผสมกันทีละคู่ระหว่างแม่สีกับสีข้ันท่ี 2 โดยใช้ อัตราส่วนของสีเท่ากัน จะทาใหเ้ กิดสีเพิ่มขึ้นมาอีก 6 สี ได้แก่ สีสม้ แดง สีสม้ เหลือง สเี ขียวเหลอื ง สเี ขียวน้า เงนิ สมี ว่ งแดง สีม่วงน้าเงนิ 2.4.3 วรรณะของสี (Tone of Color) การแบ่งกลุ่มสีตามอุณหภูมิ เพ่ือให้ได้ความรู้สึกท่ี แตกต่างกัน โดยแบ่งวรรณะของสีออกเป็น 2 กลุ่ม คือ สีวรรณะร้อน (Warm Tone) ได้แก่ สีเหลือง สีแดง สีส้ม สีส้มเหลือง สีส้มแดง สีม่วงแดง และสีวรรณะเย็น (Cool Tone) ได้แก่ สีม่วง สีน้าเงิน สีเขียว สีเขียว นา้ เงิน สีเขียวเหลอื ง ภาพที่ 5.10 วรรณะของสี ท่ีมา: (Stlarson, 2013: 1)
388 2.4.4 สีตรงข้าม (Complementary Color) สีที่อยู่ในตาแหน่งตรงข้ามกันในวงจรสี มี ลกั ษณะตดั กันอย่างชัดเจน เพอื่ ใหส้ ามารถเลือกสีท่จี ะนาไปใช้งานได้อยา่ งเหมาะสม หากเลือกใชส้ ีตามหลัก สตี รงข้าม จะทาให้กราฟกิ มีความน่าสนใจมาย่ิงขึน้ ซงึ่ สตี รงขา้ มหลกั มี 6 คู่ ภาพท่ี 5.11 สีตรงขา้ ม ทีม่ า: (Kerry, 2017: 1) 3. โหมดสีในระบบคอมพิวเตอร์ โหมดสีในระบบคอมพิวเตอร์ (Color Mode) คือ รูปแบบแม่สีของแสงที่นามาใช้ในระบบ คอมพิวเตอร์ แสดงผลผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือเครื่องฉายภาพ ผู้ใช้ควรเลือกใช้งานโหมดสีให้ เหมาะสมกับการทางาน โดยโหมดสีหลกั ประกอบดว้ ย 3 โหมด ดงั นี้ (พนู ศกั ด์ิ ธนพนั ธ์พาณชิ , 2553: 9-10) Grayscale ภาพท่ี 5.12 โหมดสีในระบบคอมพวิ เตอร์ 3.1 Grayscale คอื โหมดสีขาวดา การแสดงผลของภาพจะเป็นการไล่เฉดสีดาจากค่า 0 ถึง 255 (ดาไปขาว) มกั ใชก้ ับงานพมิ พส์ ีเดียว 3.2 RGB คือ โหมดสีท่ีใช้สาหรับแสดงผลบนหน้าจอ เป็นระบบสีของแสงท่ีเกิดจากการผสมสี 3 สี คอื สีแดง (Red) สเี ขียว (Green) สนี า้ เงิน (Blue) เมอ่ื นาสีมาผสมกนั จะทาใหเ้ กดิ สีตา่ ง ๆ ถงึ 16.7 ลา้ น สี เหมาะกบั งานแสดงผลภาพบนหน้าจอ เช่น เว็บไซต์ แอนเิ มชัน เปน็ ต้น 3.3 CMYK คือ โหมดสีสาหรับงานพิมพ์ ซึ่งจะให้สีท่ีตรงกับสีธรรมชาติมากที่สุด เกิดจากการ ผสมสีของแม่สีทางวัตถุหรือแม่สีหมึกพิมพ์ ประกอบด้วย 4 สี คือ สีฟ้า (Cyan) สีม่วงแดง (Magenta) สี เหลือง (Yellow) และสีดา (black)
389 4. การประยกุ ต์ใชง้ านกราฟิก งานกราฟิกเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ที่ใช้สาหรับการส่ือสารของมนุษย์ เพ่ือให้เกิดความเข้าใจ เพียงมองเห็นภาพกราฟิก การนาความรู้ทางด้านงานกราฟิกไปประยุกต์ใช้งาน เพื่อให้สามารถผลิตผลงาน ทางด้านกราฟิกและนาไปใช้ประโยชน์ด้านต่าง ๆ งานกราฟิกจึงมีความสาคัญกับงานทุกด้าน โดยมีตัวอยา่ ง การประยุกตใ์ ช้งานกราฟกิ ดงั น้ี 4.1 Image Retouching คือ การตกแต่งภาพให้เป็นไปตามจินตนาการของผู้ใช้ เช่น การ ซ่อมแซมภาพที่ชารุด การลบร้ิวรอยบนใบหน้า การทาภาพถ่ายให้เป็นภาพวาด การทาภาพสีให้เป็นขาวดา การแกไ้ ขภาพเกา่ ให้เปน็ ภาพใหม่ เป็นต้น 4.2 Design คือ การออกแบบกราฟิกด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซ่ึงได้รับความนิยมและใช้งาน กันแพร่หลายในทุกสาขาอาชีพ โดยเฉพาะการใช้งานโปรแกรมประเภท 3 มิติ (3 Dimensional: 3D) จะ ช่วยให้ได้ภาพที่มีมิติ มีแสงเงา สีสันสมจริง หรือจาลองแบบจริง สามารถแสดงภาพกราฟิกได้ทุกมุมมอง เช่น การออกแบบยานพาหนะ การออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ การออกแบบเครื่องจักร การออกแบบ โครงสร้างสง่ิ ปลกู สร้าง เป็นตน้ 4.3 Web Design คอื การออกแบบกราฟิกสาหรับเว็บไซต์ เป็นการนาหลักการทางด้านกราฟิก มาออกแบบเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์โดดเด่น สวยงาม และช่วยดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ เช่น การทาภาพ Banner บนส่วนหัวของเว็บไซต์ การทาป้ายโฆษณา การใช้กราฟิกจัดการข้อความในเว็บไซต์ หรือการทา ภาพเคล่ือนไหวเพ่ือนาเสนอในเว็บไซต์ เป็นต้น ภาพกราฟิกจะช่วยเพ่ิมความสวยงามและความน่าสนใจ ให้กบั เว็บไซต์มากยง่ิ ขนึ้ 4.4 Advertising คือ การใชภ้ าพกราฟิกเป็นสอ่ื ในการโฆษณา ซึ่งภาพกราฟิกเป็นสือ่ ทมี่ ีอิทธิพล ต่อการรับรู้ของมนุษย์ ทั้งสื่อภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว เม่ือมองเห็นภาพโฆษณาจะทาให้เกิดการจดจา แบรนด์สินค้าหรือข้อความโฆษณา จะเห็นได้จากการโฆษณาสินค้าและบริการผ่านทางโทรทัศน์หรือป้าย โฆษณา เช่น โฆษณาตามป้ายรถเมล์ โฆษณาตามป้ายโฆษณาขนาดใหญ่หรือป้ายโฆษณา LED เป็นต้น ดังนั้น การผลิตส่ือโฆษณาโดยใช้ภาพกราฟิก จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูล ตา่ ง ๆ ให้สามารถเข้าถึงกลมุ่ เปา้ หมายไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 4.5 Presentation คือ การใช้ภาพกราฟิกกับงานนาเสนอเพื่อทาให้ผู้ชมมีความเข้าใจ ความหมายของข้อมูลได้ง่ายยงิ่ ขึ้น หรืออาจเป็นการอธิบายข้อมูลด้วยภาพ มักพบเห็นได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น การนาเสนอข่าวเชิงสถิติด้วยกราฟ การนาเสนอข้อมูลท่ีเน้นภาพเป็นหลัก การอธิบายข้อมูลด้วย Infographic ซ่ึงสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ชมได้เป็นอย่างดี เน่ืองจากเมื่อผู้ชมเห็นภาพจะเกิดความ เข้าใจในเน้ือหาและจดจาได้ทันทีโดยไม่ต้องอ่านเน้ือหาจานวนมาก ปัจจุบันมักพบเห็น Infographic ในส่ือ สังคมออนไลน์ เนือ่ งจากผคู้ นสามารถเขา้ ถึงสื่อสังคมออนไลนไ์ ด้งา่ ยและรวดเร็วกวา่ ส่ือรูปแบบอนื่ ๆ จึงเป็น ชอ่ งทางในการนาเสนอขอ้ มูลตา่ ง ๆ ได้เปน็ อยา่ งดี
390 เร่มิ ตน้ การใช้งาน Adobe Photoshop CC โปรแกรม Adobe Photoshop CC เป็นโปรแกรมด้านกราฟิกที่พัฒนาและจัดจาหน่ายโดยบริษัท Adobe มีฐานการผลิตอยู่ท่ีเมืองแซนโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา จัดอยู่ในชุดโปรแกรม Adobe Creative Cloud ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ www.adobe.com/creativecloud โดยผู้ใช้ต้อง เสียค่าใช้จ่ายในการใช้งานโปรแกรม ซ่ึงสามารถซื้อโปรแกรมหรือเช่าโปรแกรมแบบรายเดือน และยัง สามารถเลือกซ้ือหรือเช่าเฉพาะโปรแกรมที่ต้องการใช้งานได้ ซึ่งข้อดีของ Adobe Creative Cloud คือ สามารถปรับปรุงโปรแกรมได้ฟรตี ลอดอายุการใช้งาน ซ่ึงไมจ่ าเปน็ ตอ้ งลบและติดตั้งโปรแกรมใหม่ เมือ่ มีการ ปรับปรุงโปรแกรมจากทางบริษัท ผู้ใช้สามารถอัพเดทส่วนต่าง ๆ ผ่านเว็บไซต์ได้ตลอดเวลา และผู้ใช้ยัง สามารถใช้งานพนื้ ที่จัดเก็บข้อมลู บน Creative Cloud ในรปู แบบออนไลน์ไดส้ ูงสดุ ถึง 100 GB (เกยี รติพงษ์ บญุ จิตร, 2557: 1-3) ภาพที่ 5.13 คา่ ใช้จ่ายการใช้งานโปรแกรม Adobe Creative Cloud โปรแกรม Adobe Photoshop CC มีเครื่องมือและคาสั่งสาหรับการสร้างสรรค์ ตกแต่ง แก้ไข และจัดการภาพกราฟิกในลักษณะต่าง ๆ การใช้งานเครื่องมือและคาส่ังอย่างถูกต้อง เหมาะสม จึงมี ความสาคัญต่องานกราฟิกเป็นอยา่ งยงิ่ โดยรายละเอียดของเคร่ืองมอื และคาสั่งต่าง ๆ มีดังน้ี 1. สว่ นประกอบหลักของโปรแกรม เม่ือผู้ใช้เปิดโปแกรม Adobe Photoshop CC จะพบกับหน้าจอของโปรแกรม โดยมี ส่วนประกอบต่าง ๆ แสดงอยู่ในหน้าจอโปรแกรม รวมถึงเคร่ืองมือและคาส่ังสาหรับจัดการภาพกราฟิก มี รายละเอียดดงั น้ี
A 391 D B C0 E F G ภาพท่ี 5.14 สว่ นประกอบหลักของโปรแกรม 1.1 Menu Bar (A) แถบเมนูหลักของโปรแกรม เป็นแถบท่ีรวมคาสั่งท่ีใช้สาหรับจัดการ ภาพกราฟิกและการตั้งค่าโปรแกรม โดยเมนูหลักจะแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ตามลักษณะการใช้งาน มี รายละเอยี ดดงั ตารางท่ี 5.1 ตารางท่ี 5.1 แถบเมนูหลกั ของโปรแกรม เมนู คาอธบิ าย File ชุดคาสั่งสาหรับจัดการไฟล์ในลักษณะต่าง ๆ เช่น สร้างไฟล์ใหม่ เปิดไฟล์ บันทึกไฟล์ นาเข้าหรือ ส่งออกไฟล์ การพมิ พ์ เป็นตน้ Edit ชุดคาสั่งสาหรบั ปรบั แตง่ แก้ไขภาพกราฟกิ เช่น ตัด คัดลอก วาง เป็นต้น รวมถึงการตง้ั ค่าทั่วไปของ โปรแกรม เช่น กาหนดรปู แบบสีหน้าจอโปรแกรม กาหนดตัวเลอื กสาหรบั เครอื่ งมอื เป็นต้น Image ชุดคาสั่งสาหรบั จดั การภาพกราฟิก เชน่ การปรับขนาดภาพ การแกไ้ ขสี การกาหนดโทนสี การแก้ไข ความมดื หรอื ความสว่างของภาพ การหมนุ ภาพ เปน็ ต้น Layer ชดุ คาส่งั สาหรับจดั การเลเยอร์ เช่น สรา้ งเลเยอร์ใหม่ ลบเลเยอร์ รวมเลเยอร์ คัดลอกและวางเลเยอร์ เป็นต้น รวมถึงการจัดการคุณสมบตั ิและรูปแบบของภาพในเลเยอร์ท่ีเลอื ก Type ชุดคาสั่งสาหรับจัดการข้อความ เช่น กาหนดทิศทางขอ้ ความ กาหนดการตดั ข้อความในย่อหน้า การ แปลงขอ้ ความเปน็ รูปร่าง เป็นตน้ Select ชุดคาส่ังสาหรับการเลือกวัตถุหรือภาพที่กาลังใช้งาน เช่น เลือกพ้ืนท่ีในภาพทั้งหมด เลือกเลเยอร์ ท้งั หมด ค้นหาเลเยอร์ เปน็ ต้น
392 เมนู คาอธบิ าย Filter ชดุ คาสั่งสาหรบั ปรับแต่งภาพอตั โนมัติด้วยรปู แบบสาเรจ็ รปู เชน่ การแปลงภาพถา่ ยให้เปน็ นภาพวาด การแปลงภาพใหม่ให้คล้ายภาพเกา่ การเบลอภาพ การบิดหรือดดั ภาพ รวมถึงการบิดหรือดัดวัตถุที่ 3D วาด เป็นตน้ View ชุดคาส่ังสาหรับปรับแต่งภาพกราฟิก 3 มิติ ท่ีนามาใช้งานกับโปรแกรม Adobe Photoshop CC Window และสามารถสรา้ งภาพกราฟิก 3 มิติ รปู แบบต่าง ๆ ได้ Help ชุดคาส่ังสาหรับจัดการมุมมองแสดงผลภาพ เช่น ย่อ-ขยายภาพ กาหนดภาพให้เต็มพอดีกับหน้าจอ แสดงเสน้ ขอบไม้บรรทดั แสดงเส้นนาทาง แสดงเส้นตาราง เป็นต้น ชุดคาสั่งสาหรับจัดการหน้าต่างในโปรแกรม เช่น ซ่อน/แสดงกล่องเครื่องมือ ซ่อน/แสดงเลเยอร์ แสดงประวตั ิการทางานทีเ่ กดิ ขึ้นในโปรแกรม เป็นต้น แสดงข้อมูลเพื่อช่วยเหลือส่ิงท่ีเก่ียวข้องกับการใช้งานโปรแกรม สามารถเรียกดูคู่มือการใช้งาน โปรแกรมจากเวบ็ ไซตไ์ ด้ 1.2 Option Bar (B) แถบแสดงตัวเลือกเพ่ิมเติมเมื่อทาการเลือกเคร่ืองมือต่าง ๆ ในกล่อง เคร่อื งมือ โดยในแต่ละเคร่ืองมือจะมตี ัวเลือกเพ่ิมเติมที่แตกต่างกัน ดังภาพท่ี 5.15 ภาพท่ี 5.15 แถบตัวเลือกเพ่ิมเตมิ 1.3 Workspace Switcher (C) เมนูสาหรับปรับเปลี่ยนมุมมองการทางานให้เหมาะกับการใช้ งานและความต้องการของผู้ใช้ โดยสามารถกาหนด Workspace ได้ 6 มมุ มอง ไดแ้ ก่ 1) Essentials เหมาะ สาหรับการทางานทุกรูปแบบ โปรแกรมจะแสดงพาเนลที่ครอบคลุมงานทั่วไป 2) 3D เหมาะสาหรับการ ทางานประเภท 3 มิติ 3) Graphic and Web เหมาะสาหรับการทางานกราฟิกสาหรับเว็บไซต์ 4) Motion เหมาะสาหรบั การทางานประเภทภาพกราฟิกเคลื่อนไหวหรือแอนิเมชัน 5) Painting เหมาะสาหรับงานวาด ภาพกราฟิก การระบายสี และ 6) Photography เหมาะสาหรับงานดา้ นภาพถา่ ย มมี ุมมองดงั ภาพท่ี 5.16 Essentials Painting ภาพที่ 5.16 มมุ มองการทางาน
393 นอกจากน้ี หากผู้ใช้ไม่ต้องการมุมมองการทางานท่ีโปรแกรมกาหนดมาให้ ผู้ใช้สามารถสร้าง มุมมองการทางานได้ด้วยตนเอง โดยมีข้นั ตอนดังภาพที่ 5.17 1. คลิกขวาท่ีพาเนล เพือ่ ปดิ พาเนลที่ไม่ตอ้ งการ 2. เลือกพาเนลทตี่ ้องการจากเมนู Window 3. จัดตาแหนง่ พาเนลตามความต้องการ 4. เลือกเมนู New Workspace 5. ตัง้ ชื่อ Workspace แล้วคลิกปมุ่ Save Workspace ทีก่ าหนดเอง ภาพที่ 5.17 การสรา้ งมมุ มองการทางานด้วยตนเอง หากต้องการกาหนดมุมมองการทางานให้กลับไปเป็นค่าเร่ิมต้น ให้ผู้ใช้คลิกท่ีปุ่ม Workspace Switcher แล้วคลกิ ทเ่ี มนู Reset Workspace หรือหากตอ้ งการลบมุมมองการทางานท่ีสรา้ งขน้ึ หรือมุมมอง ท่มี อี ยู่ ให้ผใู้ ชค้ ลกิ ทเี่ มนู Delete Workspace จากนัน้ ใหเ้ ลอื กมุมมองท่ีต้องการลบแลว้ คลิกปุ่ม Delete 1.4 Toolbox (D) กล่องเครื่องมือสาหรับใช้งานกับภาพกราฟิก แสดงในรูปแบบของไอคอน (Icon) เครือ่ งมือบางประเภทจะมีเคร่ืองมือย่อยเพิ่มเติม โดยจะแสดงรูปสามเหลี่ยมตรงมุมขวาตาแหน่งล่าง ดงั ภาพท่ี 5.18
394 12 คลกิ ไอคอนเครื่องมอื ค้างไว้ 34 เพ่ือแสดงเครอื่ งมือที่ซ่อนอยู่ 56 78 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 ภาพท่ี 5.18 กล่องเคร่ืองมือ ตารางท่ี 5.2 รายละเอยี ดเครื่องมือในกล่องเครอ่ื งมอื ช่อื เครื่องมอื Icon คาอธบิ าย 1. Move Tool เคลอื่ นย้ายภาพหรือวตั ถุ Artboard Tool จัดการพื้นที่ในการทางาน 2. Rectangular Marquee Tool เลือกพน้ื ทแ่ี บบสเ่ี หล่ียม Elliptical Marquee Tool เลอื กพื้นทแ่ี บบวงกลม 3. Lasso Tool เลือกพน้ื ที่แบบอสิ ระ Polygonal Lasso Tool เลอื กพืน้ ที่แบบมุมฉาก 4. Quick Selection Tool เลือกพืน้ ทีต่ ามทลี่ ากเมาส์ Magic Wand Tool เลอื กพื้นทโ่ี ดยยดึ ตามสีทม่ี คี ่าใกล้เคียงกนั 5. Crop Tool ตดั ขอบภาพเพ่ือใหเ้ หลือเฉพาะพน้ื ที่ท่ตี ้องการ 6. Eyedropper Tool เลอื กสีจากภาพตน้ ฉบับ หรอื การดูดสี Color Sampler Tool ดูดสเี กบ็ ไวเ้ พ่อื เปรียบเทียบค่า 7. Brush Tool ระบายสพี ื้นหลงั บนภาพ 8. Pencil tool สร้างเส้นหรอื ลวดลาย 9. Color Replacement Tool เปลยี่ นสีภาพเป็นสใี หม่ 10. Mix Brush Tool เกลี่ยสใี นภาพให้เปน็ ภาพวาด 11. Clone Stamp Tool คดั ลอกพื้นทจี่ ากจุดหนึง่ แลว้ วางลงในอีกจุดหนง่ึ
395 ชอ่ื เคร่อื งมือ Icon คาอธิบาย Pattern Stamp Tool เตมิ พน้ื ที่ 12. History Brush Tool ลากเมาสบ์ นภาพเพื่อเรียกคนื ค่าตน้ ฉบับ Art History Brush Tool ลากเมาสบ์ นภาพเพือ่ แปลงภาพถา่ ยให้เป็นภาพวาด 13. Eraser Tool ลบส่วนท่ีไม่ตอ้ งการออกจากภาพ Background Eraser Tool ลบพ้ืนหลงั ออกจากภาพโดยการลากเมาส์บนภาพ Magic Eraser Tool ลบพื้นหลังออกจากภาพโดยการคลกิ เมาส์ลงบนสที ่ไี มต่ ้องการ 14. Gradient Tool ไลเ่ ฉดสีบนภาพ Paint Bucket Tool เทสลี งบนภาพ หรอื พื้นที่ท่สี รา้ งไว้ 15. Blur Tool ปรับภาพให้เบลอ 16. Smudge Tool เกลย่ี สีในส่วนทลี่ ากเมาสผ์ ่าน 17. Sponge Tool ลดสใี นภาพใหจ้ างลงและเพิ่มความอิม่ ตวั ให้กับสี 18. Horizontal Type Tool สรา้ งขอ้ ความแนวนอน Vertical Type Tool สรา้ งขอ้ ความแนวตงั้ 19. Pen Tool สรา้ งเสน้ พาธตามขอบของภาพหรอื ตามรปู รา่ ง Freeform Pen Tool สร้างเสน้ พาธแบบอสิ ระ Add Anchor Point Tool เพม่ิ จุดสมอบนเส้นพาธ Delete Anchor Point Tool ลบจดุ สมอบนเสน้ พาธ Convert Point Tool เปล่ยี นเส้นพาธให้เป็นมมุ 20. Path Selection Tool เลอื กเสน้ พาธทส่ี ร้างไวเ้ พอื่ เคลื่อนย้าย Direct Selection Tool เลอื กจุดสมอบนเสน้ พาธเพื่อเปลีย่ นตาแหน่งจดุ 21. Rectangle Tool สร้างเสน้ พาธหรือสร้างรูปร่างสี่เหลี่ยม Rounded Rectangle Tool สรา้ งเส้นพาธหรอื สรา้ งรูปร่างสี่เหลยี่ มขอบมน Ellipse Tool สร้างเสน้ พาธหรือสรา้ งรูปรา่ งวงกลม Polygon Tool สรา้ งเส้นพาธหรือสรา้ งรปู ร่างหลายเหลย่ี ม Line Tool สร้างเส้นพาธหรือสรา้ งเสน้ ตรง Custom Shape Tool สรา้ งเสน้ พาธหรือสรา้ งรปู รา่ งตามรูปแบบทเี่ ลอื ก 22. Hand Tool เลือ่ นดสู ว่ นต่าง ๆ ในภาพ Rotate View Tool หมนุ หรือเอยี งภาพ ใหอ้ ยู่ในองศาท่ีต้องการ 23. Zoom Tool ย่อ-ขยายภาพ 24. More Tool แสดงเครือ่ งมอื เพม่ิ เตมิ Single Row Marquee Tool เลอื กพ้ืนที่แบบเส้นตรงแนวนอน Singe Column Marquee Tool เลือกพน้ื ที่แบบเสน้ ตรงแนวต้ัง
396 ชื่อเครอื่ งมอื Icon คาอธบิ าย Magnetic Lasso Tool เลือกพ้นื ทที่ ี่มีขอบภาพชัดเจน Perspective Crop Tool ตดั ขอบภาพทม่ี ีมมุ มองบิดเบยี้ วใหเ้ ปน็ มมุ มองท่ีปกติ Slice Tool ตดั ภาพออกเป็นช้ินเลก็ ๆ สาหรบั นาไปใช้งานในเวบ็ เพจ Slide Select Tool ปรบั แตง่ ภาพช้นิ เลก็ ๆ ท่ไี ดจ้ าก Slice Tool 3D Material Eyedropper Tool เลอื กสีจากภาพตน้ ฉบับ หรือการดูดสไี ปใช้กบั วัตถุ 3 มิติ Ruler Tool วดั ระยะหา่ งระหว่างจดุ 2 จุด หรอื แก้ไขภาพเอียง Note Tool แทรกบนั ทกึ ลงในภาพ Count Tool นบั จานวนวัตถภุ ายในภาพ Spot Healing Brush Tool แก้ไขจดุ บกพร่องขนาดเล็กบนภาพ Healing Brush Tool แกไ้ ขจดุ บกพร่องขนาดใหญ่บนภาพ Patch Tool นาพนื้ ทใ่ี นจุดอน่ื มาแปะทับพื้นท่ที มี่ ีความบกพรอ่ ง Content-Aware Move Tool ย้ายวัตถุไปยงั ตาแหนง่ ใหม่ โดยจะเพม่ิ พ้ืนหลงั ให้อัตโนมตั ิ Red Eye Tool แกไ้ ขภาพถ่ายบคุ คลที่แสงกระทบดวงตาทาให้เกิดตาแดง 3D Material Drop Tool เทสีลงในพน้ื ท่ขี องวตั ถุ 3 มติ ิ Sharpen Tool ปรบั แตง่ ภาพให้คมชดั มากยิ่งขึ้น โดยการลากเมาสบ์ นภาพ Dodge Tool ปรับภาพใหส้ ว่างเฉพาะจุด โดยการลากเมาสบ์ นภาพ Burn Tool ปรับภาพใหม้ ดื ลงเฉพาะจุด โดยการลากเมาสบ์ นภาพ Vertical Type Mask Tool สร้างขอ้ ความแนวตั้งแบบเลือกพน้ื ที่ Horizontal Type Mask Tool สรา้ งข้อความแนวนอนแบบเลอื กพ้ืนท่ี 25. Foreground & Background Color กาหนดสเี บือ้ งหน้าและสพี นื้ หลงั 26. Edit in Quick Mask Mode สลบั โหมดการแก้ไขภาพ โดยการปดิ บังส่วนทีไ่ มต่ อ้ งการ 27. Standard Screen Mode แสดงภาพแบบปกติ Full Screen Mode With Menu Bar แสดงภาพแบบเต็มหนา้ จอ โดยจะแสดงแถบเมนหู ลกั ดว้ ย Full Screen Mode แสดงภาพแบบเตม็ หนา้ จอ โดยจะไม่แสดงสว่ นอืน่ ๆ
397 1.5 Panel (E) พาเนล หรือแผงควบคุมคาสั่งที่นามาใช้กับภาพ เช่น พาเนลสาหรับเลือกสี พาเนลสาหรบั ปรับค่าความสว่าง เปน็ ต้น โดยสามารถเรียกใช้งานพาเนลที่ต้องการได้จากเมนู Window ซง่ึ จะมีรายการพาเนลให้คลิกเลือก เพื่อแสดงในหน้าจอโปรแกรม สามารถ เปิด/ปิด หรือซ่อนพาเนล และจัด พาเนลให้อยูใ่ นตาแหน่งทต่ี อ้ งการได้ ตวั อย่างพาเนลที่มกั มีการใชง้ านบอ่ ย ดังภาพท่ี 5.19 ภาพท่ี 5.19 พาเนล เปิด/ปดิ พาเนลจากเมนู Window ดับเบิลคลิกทแ่ี ถบชอ่ื พาเนล คลกิ ที่แถบช่อื พาเนล แล้วลากเพือ่ ยา้ ยตาแหน่ง เพอื่ ซอ่ น/แสดง พาเนล ภาพท่ี 5.20 การจดั การพาเนล
398 1.6 Workspace (F) พ้ืนที่แสดงผลการทางาน เป็นพ้ืนท่ีสาหรับจัดการภาพหรือสร้างวัตถุต่าง ๆ ลงบนภาพ สามารถย่อ-ขยายพื้นท่ี โดยการกดปุ่ม Ctrl + เคร่ืองหมายบวกหรือเคร่ืองหมายลบ หรือใช้ เคร่อื งมอื Zoom Tool ในการยอ่ -ขยาย ดงั ภาพท่ี 5.21 กดปุม่ Ctrl + เครือ่ งหมายบวก กดปุม่ Ctrl + เครื่องหมายลบ ภาพที่ 5.21 พ้ืนทแี่ สดงผลการทางาน 1.7 Status Bar (G) แถบแสดงสถานะของภาพ ประกอบด้วยขนาดของภาพท่ีกาลังเปิดใช้งาน และคุณสมบัติต่าง ๆ ของภาพ สามารถเลือกคุณสมบัติท่ีต้องการให้แสดงได้ เช่น ขนาดความกว้างหรือ ความสงู ของภาพ จานวนเลเยอร์ เครือ่ งมอื ทใ่ี ชง้ านล่าสดุ เป็นตน้ 2. การสร้างไฟลง์ านใหม่ ในโปรแกรม Adobe Photoshop CC ผ้ใู ชส้ ามารถสร้างไฟล์งานใหม่ เพอ่ื สรา้ งสรรค์งานกราฟิก รูปแบบต่าง ๆ โดยสามารถเลือกขนาดภาพมาตรฐานและสามารถกาหนดขนาดตามที่ต้องการดว้ ยตนเองได้ โดยการสร้างไฟล์งานใหม่ ให้คลิกท่ีเมนู File > New หรือกดปุ่ม Ctrl+N บนแป้นคีย์บอร์ด โปรแกรมจะ แสดงหน้าตา่ ง New Document มีรายละเอียดเกย่ี วกับการสรา้ งไฟล์งาน ดงั น้ี A BC ภาพที่ 5.22 การสร้างไฟลง์ านใหม่
399 2.1 Menu Bar (A) เมนูสาหรับเลือกขนาดภาพมาตรฐานที่โปรแกรมกาหนดมาให้แล้ว ประกอบด้วย ขนาดภาพมาตรฐานท่ีเป็นภาพถ่าย (Photo) ขนาดภาพมาตรฐานสาหรับงานพิมพ์ (Print) ขนาดภาพมาตรฐานสาหรับงานศิลป์ (Art & Illustration) ขนาดภาพมาตรฐานสาหรับเว็บไซต์ (Web) ขนาดภาพมาตรฐานสาหรับโทรศัพท์มือถือ (Mobile) และขนาดภาพมาตรฐานสาหรับภาพยนตร์ (Film & Video) 2.2 Preset (B) แสดงตัวอย่างขนาดภาพท่ีมีการกาหนดขนาดไว้ล่วงหน้า ประกอบด้วย คาอธิบายสาหรับการนาภาพไปใชง้ าน ขนาดความกวา้ ง ความสูง และค่าความละเอียดของภาพ 2.3 Preset Details (C) การกาหนดค่าพ้ืนฐานให้กับไฟล์งาน ประกอบด้วย การกาหนดชื่อ ไฟล์งาน กาหนดความกว้างและความสูงของภาพ มีหน่วยเป็น พิกเซล น้ิว เซนติเมตร มิลลิเมตร และพ้อย กาหนดคา่ ความละเอยี ดของภาพ มีหน่วยเป็น พิกเซลต่อตารางนิ้ว และพิกเซลต่อตารางเซนติเมตร กาหนด โหมดสี ได้แก่ Bitmap Grayscale RGB Color CMYK Color Lab Color และการกาหนดสีพื้นหลังของ พนื้ ที่การทางาน 3. การเปดิ ไฟลภ์ าพ การเปิดไฟล์ภาพเพ่ือใช้งานในโปรแกรม Adobe Photoshop CC ผู้ใช้สามารถเปิดไฟล์ภาพได้ หลายวธิ ี ขึ้นอยกู่ ับความสะดวกและลักษณะการนาไฟล์ไปใชง้ าน โดยมวี ธิ กี ารเปดิ ไฟล์ภาพ ดังน้ี 3.1 การเปิดไฟล์ภาพที่จัดเก็บไว้ในเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ให้ผู้ใช้คลิกท่ีเมนู File > Open หรือกด ปุ่ม Ctrl + O บนแป้นคีย์บอร์ด ทาการเลือกภาพจากเคร่ืองคอมพิวเตอร์ จากน้ันคลิกท่ีปุ่ม Open เพ่ือเปิด ไฟล์ภาพมาใชง้ าน ดงั ภาพที่ 5.23 1 2 3 ภาพท่ี 5.23 การเปิดไฟล์ภาพโดยใช้คาส่ังของโปรแกรม 3.2 การเปิดไฟล์ภาพที่จัดเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยใช้วิธีการลากไฟล์ภาพลงในโปรแกรม Adobe Photoshop CC โดยเปดิ หนา้ ต่างโปรแกรมพร้อมกบั หนา้ ต่างจัดเก็บไฟล์ภาพ จากนัน้ ลากไฟล์ภาพ ท่ีตอ้ งการลงในโปรแกรม ดังภาพท่ี 5.24
400 ลากภาพจากเคร่อื งลงในโปรแกรม ภาพท่ี 5.24 การเปิดไฟล์ภาพโดยการลากไฟล์ลงในโปรแกรม หากต้องการเปิดไฟล์ด้วยวิธีการลากไฟล์ลงในโปรแกรม แต่มีภาพที่เปิดอยู่ก่อนหน้าน้ีแล้ว ผู้ใช้ สามารถลากไฟลไ์ ปยังตาแหน่ง Tab ของชอ่ื ไฟล์ภาพ จะสามารถเปดิ ไฟลภ์ าพไดท้ ันที ดงั ภาพท่ี 5.25 ลากภาพลงใน Tab ภาพที่ 5.25 การเปิดไฟล์ภาพโดยการลากไฟล์ลงใน Tab 3.3 การเปิดไฟล์ภาพท่ีจัดเก็บไว้ในเคร่ืองคอมพิวเตอร์โดยใช้วิธีการดับเบิลคลิกในพ้ืนท่ีของ Workspace โปรแกรมจะแสดงหน้าต่างสาหรับเปิดไฟล์ภาพ ทาการเลือกภาพจากเครื่องคอมพิวเตอร์ จากน้ันคลิกทีป่ ุ่ม Open เพ่ือเปิดไฟล์ภาพมาใชง้ าน ดงั ภาพท่ี 5.26 ดับเบิลคลิก ภาพที่ 5.26 การเปิดไฟล์ภาพโดยการดบั เบลิ คลิก Workspace
401 3.4 การเปิดไฟล์ภาพท่ีจัดเก็บไว้ในเคร่ืองคอมพิวเตอร์พร้อมกันหลายภาพ ภาพที่ถูกเปิดจะถูก จัดเกบ็ ไว้ในพาเนลเลเยอร์ ผู้ใชส้ ามารถจดั การไฟล์ภาพได้พร้อมกันหลายไฟล์ โดยคลิกท่เี มนู File > Scripts > Load Files into Stack ทาการเลือกภาพจากเคร่ืองคอมพิวเตอร์พร้อมกันหลายภาพด้วยวิธีกดปุ่ม Ctrl บนแป้นคีย์บอร์ดค้างไว้ แล้วคลิกเลือกภาพท่ีต้องการ จากนั้นคลิกท่ีปุ่ม Open เพื่อเปิดไฟล์ภาพมาใช้งาน ดงั ภาพที่ 5.27 1 2 4 กดปุม่ Ctrl บนแปน้ คยี บ์ อร์ดค้างไว้ แลว้ คลกิ เลอื กภาพ 3 ภาพท้งั หมดอยู่ในพาเนลเลเยอร์ 4 ภาพที่ 5.27 การเปิดไฟล์ภาพพรอ้ มกันหลายไฟล์
402 4. มุมมองการแสดงผล การปรับเปล่ียนมุมมองการแสดงผลภาพในโปรแกรม Adobe Photoshop CC เพื่อช่วยให้การ ทางานมีความสะดวกและเหมาะสมย่งิ ขน้ึ ผใู้ ช้สามารถปรบั มุมมองการแสดงผลได้ 3 รปู แบบ ได้แก่ มุมมอง ปกติ (Standard Screen Mode) มุมมองแบบเต็มหน้าจอพร้อมแถบเมนู (Full Screen Mode with Menu Bar) และมุมมองแบบเต็มหน้าจอ (Full Screen Mode) โดยคลิกที่เคร่ืองมือ Change Screen Mode ในกล่องเคร่ืองมือ หรือกดปุ่ม F บนแป้นคีย์บอร์ด เพ่ือปรับเปล่ียนมุมมองการแสดงผลภาพ จะได้ มมุ มองการแสดงผลดงั ภาพที่ 5.28 Standard Screen Mode Full Screen Mode with Menu Bar Full Screen Mode นาเมาส์ไปยังตาแหน่งขวาของหนา้ จอ เพือ่ แสดงพาเนล ภาพท่ี 5.28 มมุ มองการแสดงผลภาพ นอกจากน้ี ผูใ้ ช้ยังสามารถซอ่ นแถบเครื่องมือต่าง ๆ หรอื ซอ่ นเฉพาะพาเนลท่ีไม่ต้องการ โดยการ กดปุ่ม Tab บนแป้นคยี บ์ อรด์ เพอ่ื ซอ่ นกล่องเคร่ืองมือและซ่อนพาเนลทั้งหมด และกดปุม่ Shift + Tab บน แป้นคียบ์ อร์ด เพอื่ ซ่อนเฉพาะพาเนล ดงั ภาพท่ี 5.29 กดปมุ่ Tab กดปุ่ม Shift + Tab ภาพท่ี 5.29 การซอ่ นกลอ่ งเครอ่ื งมือและพาเนล
403 5. การบันทกึ ไฟล์ภาพ การบนั ทกึ ไฟล์ภาพในโปรแกรม Adobe Photoshop CC ผู้ใชส้ ามารถบนั ทึกไฟล์ไดห้ ลากหลาย รูปแบบ ข้ึนอยู่กับการนาไฟล์ภาพไปใช้งาน เมื่อจัดการภาพเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในการบันทึกไฟล์ภาพครั้ง แรกให้คลิกที่เมนู File > Save As หรือกดปุ่ม Ctrl + Shift + S บนแป้นคีย์บอร์ด โปรแกรมจะแสดง หน้าตา่ ง Save As ให้ผู้ใชก้ าหนดช่ือไฟล์ เลือกรูปแบบไฟล์ และเลือกพ้นื ทจี่ ัดเกบ็ ไฟล์ และในการบันทกึ ครั้ง ต่อไป หากต้องการบันทึกข้อมูลลงในไฟล์เดิม ให้คลิกท่ีเมนู File > Save หรือกดปุ่ม Ctrl + S บนแป้นคีย์ บอรด์ ดงั ภาพท่ี 5.30 กาหนดช่อื ไฟลแ์ ละเลือกรูปแบบไฟล์ ภาพท่ี 5.30 การบันทึกไฟลภ์ าพ คุณภาพและขนาดของไฟล์ภาพที่บันทึกจะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับรูปแบบไฟล์ท่ีเลือก บนั ทึก โดยคณุ ลักษณะของไฟลภ์ าพแต่ละรปู แบบ ดังตารางท่ี 5.3 ตารางที่ 5.3 รปู แบบไฟลภ์ าพ รปู แบบ นามสกลุ คาอธบิ าย ไฟลภ์ าพทไี่ ดจ้ ากโปรแกรม Photoshop ซง่ึ จะเก็บคณุ สมบตั กิ ารทางาน PSD .psd ในไฟล์ไว้ สามารถแกไ้ ขไฟล์ภายหลังได้ ไฟล์ภาพที่มีการบีบอัด สูญเสียความละเอียดจากภาพต้นฉบับน้อยทีส่ ดุ (Photoshop) นิยมใช้ในงานทั่วไป หรือได้จากการถ่ายภาพ ให้ความละเอียดสูง และ แสดงสไี ด้สงู สดุ ถงึ 16.7 ล้านสี JPG, JPEG .jpg ไฟล์ภาพที่มีการบีบอัดให้เล็กลง ไม่เน้นรายละเอียดสีที่สมจริง มีทั้ง ภาพน่ิงและภาพเคลื่อนไหว มีเฉดสีเพียง 256 สี เหมาะสาหรับใช้งาน (Joint Photographic .jpeg ภาพในเว็บไซต์ หรือออกแบบโลโก้ และทาพ้ืนหลังโปร่งใส (Transparency) ได้ Experts Group) GIF .gif (Graphics Interchange Format)
404 นามสกลุ คาอธิบาย .png ไฟล์ภาพที่มีการบีบอัดให้เล็กลงเช่นเดียวกับ GIF โดยสูญเสียความ รูปแบบ ละเอียดของภาพน้อยเช่นเดียวกับ JPG สามารถทาพ้ืนหลังโปร่งใส PNG .tiff (Transparency) ไดเ้ ช่นเดยี วกบั ภาพ GIF (Portable Network ไฟล์ภาพท่ีมีคุณภาพและความละเอียดสูง มีระบบการบีบอัดไฟล์ภาพท่ี Graphics) ไมส่ ูญเสียรายละเอยี ดของข้อมลู สนับสนุนโหมดสมี ากกวา่ JPEG เหมาะ TIFF สาหรับการเก็บบนั ทึกไฟลภ์ าพต้นฉบับ และนยิ มใช้ประกอบการสรา้ งสอ่ื (Tagged Image File สงิ่ พิมพ์ Format) 6. การตั้งค่าโปรแกรม การต้ังค่าโปรแกรม Adobe Photoshop CC เพ่ือให้การใช้งานโปรแกรมมีประสิทธิภาพมาก ย่ิงขึ้น โดยการตั้งค่าต่าง ๆ ให้ผู้ใช้คลิกท่ีเมนู Edit > Preference > General หรือกดปุ่ม Ctrl + K บน แปน้ คยี บ์ อรด์ เพื่อแสดงหน้าตา่ งการต้งั คา่ มรี ายละเอยี ดการต้ังค่าที่สาคัญ ดังนี้ Interface: กาหนดชดุ สหี นา้ จอโปรแกรม Performance: กาหนดประสทิ ธภิ าพของหนว่ ยความจาควรกาหนดเปน็ 100% Performance: กาหนดจานวนการยอ้ นกลับการทางานได้สูงสุด 100 คร้ัง ภาพท่ี 5.31 การตั้งค่าโปรแกรม เน่ืองจากการทางานในโปรแกรม Adobe Photoshop CC หรือเวอร์ชันอื่น ผู้ใช้สามารถ ย้อนกลับการทางาน (Undo) โดยการกดปุ่ม Ctrl + Z บนแป้นคีย์บอร์ด ได้เพียง 1 คร้ัง หากต้องการให้ สามารถกดปมุ่ Ctrl + Z ไดต้ ามจานวนคร้งั ท่กี าหนดค่าไวต้ ามภาพที่ 5.31 ให้คลกิ ทเี่ มนู Edit > Keyboard shortcuts โปรแกรมจะแสดงหน้าตา่ ง Keyboard Shortcuts and Menus ใหผ้ ใู้ ชค้ ลกิ เลอื กเมนู Edit และ ต้ังคา่ ดงั ภาพที่ 5.32
405 Undo/Redo: ลบคาสัง่ Ctrl + Z ออก Step Backward: แกไ้ ขคาสัง่ เป็น Ctrl + Z ภาพท่ี 5.32 การต้ังคา่ การยอ้ นกลบั การทางาน พื้นฐานการใช้งานเครอื่ งมอื เคร่ืองมือ (Tools) ท่ีใช้สาหรับจัดการภาพกราฟิกในโปรแกรม Adobe Photoshop CC มี ความสามารถในการแก้ไข ตกแต่งภาพกราฟิกได้หลากหลายรูปแบบ การเลือกใช้เคร่ืองมือให้เหมาะสมกับ การทางาน จะช่วยให้ช้ินงานมีคุณภาพและประหยัดเวลาในการสร้างสรรค์ช้ินงาน โดยพื้นฐานการใช้งาน เครือ่ งมือทสี่ าคัญ มีดังน้ี 1. เคร่อื งมือเคลอ่ื นย้าย เครื่องมือเคลื่อนย้าย (Move) คือ เครื่องมือสาหรับย้ายตาแหน่งวัตถุหรือภาพกราฟิกไปยัง ตาแหนง่ ทีต่ ้องการในพื้นทกี่ ารทางาน มีเครือ่ งมอื ดงั น้ี 1.1 Move Tool คือ เครื่องมือสาหรับเคล่ือนย้ายตาแหนง่ ของวตั ถุหรือภาพกราฟกิ ที่เลือก โดย การคลิกเลือกเครื่องมือ Move หรือกดปุ่ม V บนแป้นคีย์บอร์ด จากนั้นคลิกที่วัตถุที่ต้องการเคลื่อนย้าย ทา การลากวตั ถไุ ปในตาแหนง่ ท่ตี อ้ งการ ดงั ภาพที่ 5.33 ภาพท่ี 5.33 การใช้งานเครื่องมอื Move Tool
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 651
Pages: