Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ວິຊາ เทคโนโลยีเพื่อการจัดการสารสนเทศ

ວິຊາ เทคโนโลยีเพื่อการจัดการสารสนเทศ

Published by thongla4567, 2021-08-24 08:35:28

Description: ວິຊາ เทคโนโลยีเพื่อการจัดการสารสนเทศ

Search

Read the Text Version

506 ปรับองศาการหมุน ภาพที่ 5.207 การใช้งานฟิลเตอร์ Twirl 4.8 Wave การปรับภาพให้บิดเบี้ยวคล้ายคล่ืนผิวน้า สามารถ เพ่ิม-ลด จานวนลูกคลื่นได้ที่แถบ Number of Generators เพิม่ -ลด ความยาวคล่ืนได้ทแี่ ถบ Wavelength เพิม่ -ลด ความกวา้ งของคล่ืนได้ที่ แถบ Amplitude เพิ่ม-ลด ขนาดคล่ืนได้ท่ีแถบ Scale และเลือกประเภทของคล่ืนได้ที่เมนู Type โดยคลิก เลอื กที่เมนู Filter > Distort > Wave ดงั ภาพท่ี 5.208 กาหนดจานวน เลือกประเภท ปรับความยาว ปรับความกวา้ ง ปรับขนาด ภาพที่ 5.208 การใชง้ านฟิลเตอร์ Wave 4.9 ZigZag การปรับภาพให้เป็นวงแหวนเส้นหยัก สามารถ เพ่ิม-ลด ขนาดของเส้นหยักได้ที่ แถบ Amount เพ่ิม-ลด สันของเส้นหยักได้ทแี่ ถบ Ridges และเลือกรูปแบบเส้นหยักได้จากเมนู Style โดย คลิกเลือกท่ีเมนู Filter > Distort > ZigZag ดงั ภาพท่ี 5.209 ปรบั ขนาด เลอื กรูปแบบ ภาพท่ี 5.209 การใช้งานฟลิ เตอร์ ZigZag

507 5. Noise สัญญาณรบกวน (Noise) คือ ฟิลเตอร์สาหรับสร้างเม็ดสีในรูปแบบสัญญาณรบกวนลงบนภาพ และยังสามารถลดเม็ดสีที่เกิดจากการถ่ายภาพในท่ีมืด ท่ีเกิดจากการปรับค่าความไวแสง (ISO) ในกล้องให้ สูงขึ้น จึงทาให้เกิดจุดสีเล็ก ๆ เป็นสัญญาณรบกวนในภาพ แต่ในบางกรณีผู้ใช้อาจต้องการเพิ่มสัญญาณ รบกวนลงบนภาพ เพอ่ื ตกแต่งภาพให้เกิดความแปลกใหม่หรือทาใหภ้ าพถ่ายเป็นภาพเกา่ โดยมีรปู แบบของ สัญญาณรบกวน ดังน้ี 5.1 Add Noise การเพม่ิ สัญญาณรบกวนลงบนภาพ สามารถ เพม่ิ -ลด ปริมาณสัญญาณรบกวน ไดท้ ่แี ถบ Amount และเลอื กรปู แบบการกระจายของสัญญาณรบกวนได้ทีเ่ มนู Distribution โดยคลกิ เลือก ทีเ่ มนู Filter > Noise > Add Noise ดงั ภาพที่ 5.210 เพ่ิม-ลดจานวน เลอื กรูปแบบ Noise เมด็ สเี ดียว ภาพท่ี 5.210 การใช้งานฟิลเตอร์ Add Noise 5.2 Despeckle การลบเม็ดสีที่เป็นสัญญาณรบกวนในภาพออก โดยเปิดภาพท่ีมีสัญญาณ รบกวนจากน้ันคลกิ เลือกท่ีเมนู Filter > Noise > Despeckle ดงั ภาพที่ 5.211 ก่อนปรบั หลงั ปรับ ภาพที่ 5.211 การใชง้ านฟลิ เตอร์ Despeckle

508 5.3 Dust & Scratches การลดฝุ่นหรือรอยขีดข่วนในภาพ แก้ปัญหาภาพถ่ายท่ีมีริ้วรอยท่ีอาจ เกิดจากฝุ่นติดหน้าเลนส์กล้อง หรือใช้เพ่ือลบสิ่งท่ีไม่ต้องการออกจากภาพ รวมถึงใช้เพ่ือเกลี่ยเฉดสีในภาพ เข้าหากัน สามารถ เพ่ิม-ลด ความเบลอได้ท่ีแถบ Radius และเพิ่ม-ลด ระดับโทนสีการเบลอได้ท่ีแถบ Threshold ซึ่งการเบลอจะช่วยให้ริ้วรอยจางหายไป โดยคลิกเลือกท่ีเมนู Filter > Noise > Dust & Scratches ดงั ภาพท่ี 5.212 ปรับระดับความเบลอ สร้าง Selection บรเิ วณทตี่ อ้ งการลบ เกล่ยี เฉดสภี าพเขา้ หากัน ภาพที่ 5.212 การใช้งานฟิลเตอร์ Dust & Scratches 5.4 Median การเกล่ียเฉดสีในภาพเข้าหากันด้วยวิธีการเฉลี่ยค่าสีท่ีใกล้เคียงกัน จะทาให้ภาพ นุ่มนวลมากยิ่งข้ึน สามารถ เพ่ิม-ลด ระดับการเฉลี่ยค่าสีได้ที่แถบ Radius โดยคลิกเลือกท่ีเมนู Filter > Noise > Median ดงั ภาพท่ี 5.213 ระดับการเฉล่ยี คา่ สี ภาพที่ 5.213 การใช้งานฟลิ เตอร์ Median

509 6. Pixelate การแปลงพิกเซล (Pixelate) คือ ฟิลเตอร์สาหรับแปลงพิกเซลทีอ่ ยู่ในภาพ ด้วยวิธีการเปล่ียนจุด พิกเซลที่เป็นเม็ดสีส่ีเหลย่ี มให้เป็นเม็ดสีในลักษณะอ่ืน สามารถนาไปปรับแต่งภาพใหม้ ีลักษณะแปลกใหมไ่ ด้ โดยมีรปู แบบของการแปลงพกิ เซล ดังนี้ 6.1 Color Halftone การแปลงภาพให้มีลักษณะเป็นจุดวงกลมเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ สามารถกาหนดขนาดของจุดและกาหนดองศาการเรียงกนั ของจดุ ได้ โดยคลิกเลอื กทเี่ มนู Filter > Pixelate > Color Halftone ดงั ภาพที่ 5.214 กาหนดขนาด กาหนดองศา ภาพที่ 5.214 การใช้งานฟลิ เตอร์ Color Halftone 6.2 Crystallize การเปล่ียนจุดพิกเซลให้เป็นจุดสี่เหลี่ยมคล้ายผลึกแก้วคริสตัล สามารถ เพ่ิม- ลด ขนาดของจุดได้ที่แถบ Cell Size โดยคลิกเลือกที่เมนู Filter > Pixelate > Crystallize ดังภาพท่ี 5.215 กาหนดขนาด ภาพท่ี 5.215 การใชง้ านฟิลเตอร์ Crystallize 6.3 Mezzotint การรวมพิกเซลท่ีมีเม็ดสีใกลเ้ คียงกัน ซึ่งเม่ือรวมกันแล้วจะส่งผลให้จุดพิกเซลมี ขนาดใหญ่ขึ้นและเป็นจุดหยาบ รวมถึงมีสีท่ีเข้มข้ึน สามารถเลือกประเภทการรวมพิกเซลได้จากเมนู Type โดยคลกิ เลือกทีเ่ มนู Filter > Pixelate > Mezzootint ดงั ภาพที่ 5.216

510 เลอื กประเภท ภาพที่ 5.216 การใช้งานฟลิ เตอร์ Mezzootint 6.4 Mosaic การแปลงภาพให้มีลักษณะเช่นเดียวกับกระเบ้ืองโมเสคหรือลายตารางส่ีเหล่ียม เป็นการเพ่ิมมิติให้กับภาพถ่าย นิยมใช้ในการปิดบังเพ่ือไม่ให้เห็นภาพชัดเจน หรือการเซ็นเซอร์ (Censor) ด้วยวิธีการสร้าง Selection ในพื้นท่ีที่ต้องการปิดบัง สามารถ เพ่ิม-ลด ขนาดของตารางโมเสคได้ท่ีแถบ Cell Size โดยคลกิ เลือกท่เี มนู Filter > Pixelate > Mosaic ดงั ภาพที่ 5.217 สร้าง Selection ปรับขนาด ภาพท่ี 5.217 การใชง้ านฟิลเตอร์ Mosaic 6.5 Pointillize การปรับจุดพิกเซลให้ขยายใหญ่ข้ึน ส่งผลให้เม็ดสีขยายตัวเป็นจุดสีขนาดใหญ่ เช่นเดียวกบั การแต้มดว้ ยสนี ้า สามารถ เพมิ่ -ลด ระดับการขยายตวั ของพกิ เซลไดท้ ี่แถบ Cell Size โดยคลิก เลอื กทเี่ มนู Filter > Pixelate > Pointillize ดงั ภาพที่ 5.218 ปรับขนาด ภาพท่ี 5.218 การใชง้ านฟิลเตอร์ Pointillize

511 7. Render การเรนเดอร์ (Render) คือ ฟิลเตอร์สาหรับแปลงภาพถ่ายให้กลายเป็นภาพใหม่ โดยจะนาสี Foreground และ Background ที่กาหนดไว้ในกล่องเคร่ืองมือ มาสร้างเป็นรูปแบบต่าง ๆ ให้เกิดข้ึนใน ภาพ มีรปู แบบในการเรนเดอร์ ดังนี้ 7.1 Picture Frame การสร้างกรอบให้กับภาพ สามารถเลือกรูปแบบของกรอบภาพได้ท่ีเมนู Frame และปรับแต่งคุณสมบัติต่าง ๆ ของกรอบภาพตามรูปแบบท่ีเลือก เช่น ปรับขนาดของกรอบ ปรับสี กรอบ เป็นตน้ โดยคลกิ เลอื กที่เมนู Filter > Render > Picture Frame ดงั ภาพท่ี 5.219 เลอื กรูปแบบ ปรบั แต่ง ภาพท่ี 5.219 การใชง้ านฟิลเตอร์ Picture Frame 7.2 Tree การแทรกต้นไม้ชนิดต่าง ๆ ลงในภาพ สามารถเลือกชนิดต้นไม้ได้ท่ีเมนู Base Tree Type และปรับแต่งคุณสมบัติต่าง ๆ ของต้นไม้ตามชนิดที่เลือก เช่น ปรับขนาด เพ่ิมก่ิง เพ่ิมจานวนดอก เพมิ่ จานวนใบ ปรบั ความถี่ของใบ เปน็ ต้น โดยคลกิ เลอื กทเี่ มนู Filter > Render > Tree ดงั ภาพท่ี 5.220

512 เลือกชนดิ ต้นไม้ ปรบั แตง่ ภาพท่ี 5.220 การใช้งานฟลิ เตอร์ Tree 7.3 Clouds การนาสี Foreground และ Background ที่กาหนดไว้ในกล่องเคร่ืองมือ มาสร้าง เป็นหมอกหรือก้อนเมฆ นิยมสร้างเพื่อใช้ตกแต่งภาพท้องฟ้า โดยคลิกเลือกที่เมนู Filter > Render > Clouds ดงั ภาพท่ี 5.221 ภาพท่ี 5.221 การใชง้ านฟิลเตอร์ Clouds 7.4 Difference Clouds การสร้างเอฟเฟกตใ์ ห้กับภาพด้วยวธิ กี ารแปลงสีภาพใหเ้ ปน็ สีตรงข้าม (Invert) โดยคลิกเลือกท่เี มนู Filter > Render > Difference Clouds ดงั ภาพท่ี 5.222 ภาพท่ี 5.222 การใชง้ านฟิลเตอร์ Difference Clouds

513 7.5 Fibers การนาสี Foreground และ Background ท่ีกาหนดไว้ในกล่องเครื่องมือ มาสร้าง เป็นเส้นใย สามารถ เพิ่ม-ลด จานวนความถี่ของเส้นใยได้ท่ีแถบ Variance และ เพ่ิม-ลด ระดับความหนา ของเส้นใยไดท้ ่แี ถบ Strength โดยคลกิ เลือกที่เมนู Filter > Render > Fibers ดงั ภาพที่ 5.223 จานวนความถี่เส้นใย ปรับความหนา ภาพท่ี 5.223 การใช้งานฟลิ เตอร์ Fibers 7.6 Lens Flare การสร้างแสงแฟลร์คล้ายกับการถ่ายภาพย้อนแสง ซ่ึงจะมีแสงตกกระทบหน้า เลนส์ ทาให้เกดิ แสงแฟลร์ สามารถกาหนดตาแหน่งการกาเนดิ แสงแฟลร์ เพมิ่ -ลด ระดบั ความสว่างของแสง ได้ท่ีแถบ Birghtness และเลือกระยะของเลนส์ถ่ายภาพได้ท่ีเมนู Lens Type โดยคลิกเลือกที่เมนู Filter > Render > Lens Flare ดงั ภาพท่ี 5.224 ตาแหน่งกาเนดิ แสง ปรบั ความสวา่ ง เลือกระยะเลนส์ ภาพที่ 5.224 การใชง้ านฟลิ เตอร์ Lens Flare 7.7 Lighting Effects การเพ่ิมเอฟเฟกต์แสงลงในภาพคล้ายกับการจัดแสงไฟในสตูดิโอ สามารถกาหนดจุดกาเนิดแสง ควบคุมทิศทางของแสง เพิม่ -ลด ระดับความสว่างของแสง กาหนดสีของแสง ได้ ประกอบด้วยแสง 3 รูปแบบ คือ Point Infinite และ Spot สามารถควบคุมเอฟเฟกต์ได้จากพาเนล Properties โดยคลิกเลอื กท่เี มนู Filter > Render > Lighting Effects ดงั ภาพที่ 5.225

514 Spot A B C D E F G Infinite Point ภาพที่ 5.225 การใชง้ านฟลิ เตอร์ Lighting Effects Color (A) กาหนดสีของจุดกาเนดิ แสง และ Intensity เพ่มิ -ลด ระดบั ความเขม้ ของแสง Hotspot (B) เพิ่ม-ลด ขนาดของจุด Hotspot เม่อื เลอื กรปู แบบแสงเป็น Spot Colorize (C) กาหนดสขี องรัศมแี สง และ Exposure เพม่ิ -ลด ระดับของแสง Gloss (D) เพมิ่ -ลด ระดับความืด Metallic (E) เพ่มิ -ลด ระดับความเปล่งประกายของแสง Ambience (F) เพิ่ม-ลด บรรยากาศของแสง Texture (G) เลือกรูปแบบพื้นผิวของแสง โดยจะแสดงพ้ืนผิวตามโหมดสีที่มีในภาพ ประกอบด้วยโหมดสี Red Green Blue สามารถ เพิ่ม-ลด ระดับความเข้มของรูปแบบพ้ืนผิวได้ที่แถบ Height 8. Sharpen การเพิ่มความคมชัด (Sharpen) คือ ฟิลเตอร์สาหรับเพิ่มความคมชัดให้กับภาพถ่าย เพ่ือแสดง รายละเอียดในภาพให้ชดั เจนมากย่ิงขึ้น และยังสามารถลดความเบลอที่เกิดจากการส่ันไหวขณะถ่ายภาพได้ มรี ปู แบบในการเพม่ิ ความคมชัด ดังน้ี

515 8.1 Shake Reduction ลดความเบลอทีเ่ กดิ จากการสั่นไหวขณะถา่ ยภาพ ทาใหภ้ าพท่ีสน่ั ไหวมี ความคมชัดมากยิ่งขึ้น สามารถกาหนดตาแหน่งท่ีต้องการเพ่ิมความคมชัดได้ โดยคลิกเลือกท่ีเมนู Filter > Render > Shake Reduction ดงั ภาพท่ี 5.226 A B C D E ภาพที่ 5.226 การใช้งานฟิลเตอร์ Shake Reduction Blur Trace Bounds (A) เพิ่ม-ลด ขอบเขตการเบลอในภาพ Source Noise (B) เลือกระดับสัญญาณรบกวนที่จะให้เกิดข้ึนในภาพ ประกอบด้วย เลือกระดับ อตั โนมัติ (Auto) ระดับต่า (Low) ระดับกลาง (Medium) และระดบั สงู (High) Smoothing (C) เพ่ิม-ลด ความราบเรียบของพ้ืนทใ่ี นภาพ Artifact Suppression (D) เพมิ่ -ลด สิ่งรบกวนอืน่ ๆ ทอี่ ยู่ในภาพ Detail (E) แสดงรายละเอยี ดตาแหน่งทีต่ ้องการเพิม่ ความคมชดั ในภาพ 8.2 Sharpen เพิม่ ความคมชัดให้กับภาพถา่ ย หากภาพมีความคมชดั ในระดบั ดี ความคมชดั ของ ภาพอาจเพมิ่ ขน้ึ เพียงเลก็ น้อย สามารถใชง้ านฟลิ เตอรไ์ ด้ทันทเี ม่ือคลิกเลือกคาส่งั โดยคลิกเลอื กท่เี มนู Filter > Render > Sharpen ดงั ภาพท่ี 5.227 ก่อนปรับ หลงั ปรับ ภาพที่ 5.227 การใชง้ านฟลิ เตอร์ Sharpen

516 8.3 Sharpen Edges เพ่ิมความคมชัดให้กับภาพถ่าย เน้นเฉพาะบริเวณขอบภาพ โดยคลิก เลอื กทีเ่ มนู Filter > Render > Sharpen Edges สามารถใชง้ านฟลิ เตอร์ได้ทันทเี มื่อคลิกเลือกคาสง่ั 8.4 Sharpen More เพ่ิมความคมชัดให้กับภาพถ่าย หลังจากใช้ฟลิ เตอร์ทุกประเภทแล้ว ซงึ่ จะ ปรับทุกพื้นที่ในภาพให้คมชัดมากย่งิ ขึ้น โดยคลิกเลือกท่ีเมนู Filter > Render > Sharpen More สามารถ ใชง้ านฟิลเตอรไ์ ดท้ ันทเี มอื่ คลกิ เลอื กคาส่ัง 8.5 Smart Sharpen เพ่ิมความคมชัดให้กับภาพถ่าย สามารถปรับความคมชัดได้ละเอียดมาก ยง่ิ ขึน้ โดยคลกิ เลือกท่เี มนู Filter > Render > Smart Sharpen ดงั ภาพที่ 5.228 A 0 B C D E ภาพท่ี 5.228 การใช้งานฟิลเตอร์ Smart Sharpen Preset (A) เลอื กรปู แบบการปรบั Smart Sharpen แบบสาเรจ็ รูป Amount (B) เพ่ิม-ลด ปริมาณความเปรียบต่างของพกิ เซลบริเวณขอบสีในภาพ Radius เพิม่ -ลด ความเขม้ ของความคมชัด และ Reduce Noise เพิม่ -ลด สัญญาณรบกวนที่เกดิ จากการปรับความคมชดั Remove (C) ตัวเลือกสาหรับนาส่วนเกินที่เกิดจากการเบลอออกจากภาพ ประกอบด้วย การ เบลอจากฟังก์ชันเกาเซียน (Gaussian Blur) การเบลอจากเลนสก์ ล้องถ่ายภาพ (Lens Blur) และการเบลอ จากการเคลือ่ นไหวขณะถ่ายภาพ (Motion Blur) Shadows (D) เพมิ่ -ลด ความคมชัดในสว่ นของเงา ประกอบดว้ ย การเกลยี่ เอฟเฟกต์เพ่ือเจือจาง ปรมิ าณความแขง็ กระดา้ งจากการปรบั ความคมชัด (Fade Amount) ปรบั ขอบเขตของโทน (Tonal Width) และปรับค่ารศั มีจากสขี องพกิ เซล หากมีคา่ มากจะนามาคานวณในการปรับความคมชดั ให้มากขน้ึ (Radius) Highlights (E) เพิ่ม-ลด ความคมชัดในส่วนของแสงสว่าง ประกอบด้วย การเกลี่ยเอฟเฟกต์เพื่อ เจือจางปริมาณความแข็งกระดา้ งจากการปรบั ความคมชัด (Fade Amount) ปรบั ขอบเขตของโทน (Tonal Width) และปรับค่ารัศมีจากสีของพิกเซล หากมีค่ามากจะนามาคานวณในการปรับความคมชัดให้มากข้ึน (Radius)

517 8.6 Unsharp Mask เพ่ิมความคมชัดให้กับภาพถ่าย ด้วยวิธีการปรับระดับความคมชัดและ ระดับความกว้างของเสน้ ขอบท่ีใช้ในการเพิ่มความคมชดั โดยคลิกเลือกทเ่ี มนู Filter > Render > Unsharp Mask ดงั ภาพที่ 5.229 A B C ภาพท่ี 5.229 การใช้งานฟิลเตอร์ Unsharp Mask Amount (A) เพมิ่ -ลด ปริมาณความเปรยี บตา่ งของพิกเซลบรเิ วณขอบสีในภาพ Radius (B) เพ่มิ -ลด ความเข้มของความคมชัด Threshold (C) เพ่ิม-ลด ระดับโทนสี 9. Stylize การปรับรูปแบบ (Stylize) คือ ฟิลเตอร์สาหรับปรับรูปแบบของภาพด้วยวิธีการเน้นสีและเส้น ขอบ เพ่ือใหภ้ าพมคี วามโดดเด่นมากยงิ่ ขน้ึ โดยมีรปู แบบดังน้ี 9.1 Diffuse การกระจายค่าสีในภาพให้มีลักษณะ คือ กระจายสีปกติ (Normal) กระจายสีใน ส่วนท่ีมืดเท่าน้ัน (Darken only) กระจายสีในส่วนท่ีสีบางเบาเท่านั้น (Lighten only) และกระจายสีตาม ทิศทาง (Anisotropic) โดยคลกิ เลือกที่เมนู Filter > Stylize > Diffuse ดงั ภาพท่ี 5.230 เลือกโหมดการกระจายสี ภาพท่ี 5.230 การใช้งานฟลิ เตอร์ Diffuse

518 9.2 Emboss ปรับผิวภาพให้นูนขึ้นตามเส้นท่ีปรากฏในภาพ สามารถกาหนดมุมตกกระทบของ แสง ปรับระดับความนูน และปรับระดับความเข้มของภาพได้ โดยคลิกเลือกท่ีเมนู Filter > Stylize > Emboss ดงั ภาพท่ี 5.231 A B C ภาพที่ 5.231 การใชง้ านฟิลเตอร์ Emboss Angle (A) ปรับองศามมุ ตกกระทบของแสงที่เขา้ มาในภาพ Height (B) เพม่ิ -ลด ระดับความนูนของเสน้ Amount (C) เพ่ิม-ลด ระดับความเขม้ ของภาพ 9.3 Extrude ปรับภาพให้ผิวนูนเป็นแท่งในลักษณะ 2 รูปแบบ คือ 1) Blocks แท่งบล็อก และ 2) Pyramids แท่งพีระมิด สามารถกาหนดจานวนแท่งได้ที่เมนู Size กาหนดระดับความลึกของแท่งได้ที่ เมนู Depth และกาหนดรูปแบบการเรียงแท่งได้ 2 รปู แบบ คือ 1) Random เรยี งแบบส่มุ ตาแหน่ง และ 2) Level-based เรียงแบบไล่ลาดับช้ันจากฐาน โดยคลิกเลือกที่เมนู Filter > Stylize > Extrude ดังภาพท่ี 5.232 Blocks Pyramids ภาพท่ี 5.232 การใชง้ านฟิลเตอร์ Extrude

519 9.4 Find Edges การแปลงภาพปกติให้เปน็ ภาพลายเส้นคล้ายภาพวาด ภาพท่ีได้จะยังคงโทนสี เดิมของภาพปกติไว้ โดยคลิกเลือกท่ีเมนู Filter > Stylize > Find Edges สามารถใช้งานฟิลเตอร์ได้ทันที เมอ่ื คลิกเลือกคาส่งั ดงั ภาพที่ 5.233 ก่อนปรับ หลงั ปรบั ภาพท่ี 5.233 การใชง้ านฟิลเตอร์ Find Edges 9.5 Oil Paint แปลงภาพปกติให้เป็นภาพวาดสีน้ามันท่ีมีความสมจริง ภาพที่ได้จะยังคงโทนสี เดิมของภาพปกติไว้ โดยคลิกเลอื กท่เี มนู Filter > Stylize > Oil Paint ดงั ภาพที่ 5.234 A B ภาพท่ี 5.234 การใชง้ านฟลิ เตอร์ Oil Paint Brush (A) การปรับหัวแปรง ประกอบด้วย เพิ่ม-ลด ความละเอียดของรูปแบบแปรง (Stylization) เพิ่ม-ลด ระดับความสะอาดของการทาสีน้ามันลงบนภาพ (Cleanliness) เพ่ิม-ลด ขนาดของ แปรง (Scale) และเพมิ่ -ลด รายละเอียดความพองของขนแปรง (Bristle Detail) Lighting (B) การปรับแสง ประกอบด้วย ปรับองศามุมตกกระทบของแสงที่เข้ามาในภาพ (Angle) และเพมิ่ -ลด ระดับความเงาเมอื่ แสงสอ่ งมาทภ่ี าพ (Shine)

520 9.6 Solarize การตัดค่าแสงสว่างออกจากภาพถ่าย จะได้ภาพคล้ายกับการส่องแผ่นฟิล์ม ภาพยนตร์ ผ่านแสง โดยคลิกเลือกที่เมนู Filter > Stylize > Solarize สามารถใช้งานฟิลเตอร์ได้ทันทีเม่ือ คลิกเลอื กคาสงั่ ดังภาพที่ 5.235 ก่อนปรับ หลงั ปรบั ภาพท่ี 5.235 การใชง้ านฟิลเตอร์ Solarize 9.7 Tiles การสรา้ งตารางคล้ายแผน่ กระเบ้ืองลงบนภาพ สามารถเลอื กรูปแบบลายเส้นตารางได้ จากเมนู Fill Empty Area With ประกอบด้วย 1) สี Foreground หรือสี Background ที่กาหนดไว้ใน กล่องเครื่องมือ 2) เลือกสีตรงข้ามกับโทนสีในภาพ (Inverse Image) และ 3) ใช้โทนสีเดิมที่มีในภาพ (Unaltered Image) กาหนดจานวนแถวตารางได้ท่ีเมนู Number of Tiles และกาหนดระยะห่างระหว่าง ชอ่ งตารางได้ที่เมนู Maximum Offsets โดยคลกิ เลือกทเ่ี มนู Filter > Stylize > Tiles ดงั ภาพท่ี 5.236 รปู แบบลายเสน้ ภาพท่ี 5.236 การใช้งานฟิลเตอร์ Tiles 9.8 Trace Contour แปลงภาพให้เป็นลายเส้นด้วยวิธีการตัดเส้นลงบนตาแหน่งท่ีมีโทนสี ต่างกัน สามารถ เพ่ิม-ลด ระดับความคมชัดของเส้นได้ที่แถบ Level และเลือกลักษณะเส้นได้ที่เมนู Edge โดยคลิกเลอื กท่เี มนู Filter > Stylize > Trace Contour ดงั ภาพท่ี 5.237

521 ปรับความคมชดั ลกั ษณะเส้น ภาพที่ 5.237 การใช้งานฟลิ เตอร์ Trace Contoure 9.9 Wind การเติมเส้นลงบนภาพในลักษณะคล้ายมีการเคลื่อนไหว สามารถเลือกรูปแบบการ เคล่ือนไหวได้ท่ีเมนู Method และเลือกทิศทางการเคล่ือนไหวได้ท่ีเมนู Direction โดยคลิกเลือกท่ีเมนู Filter > Stylize > Wind ดงั ภาพที่ 5.238 รปู แบบการเคลอื่ นไหว ทิศทางการเคลอื่ นไหว ภาพท่ี 5.238 การใช้งานฟลิ เตอร์ Wind 10. Other ฟิลเตอร์อื่น ๆ (Other) คือ ฟิลเตอร์เพ่ิมเติมท่ีมีความแตกต่างจากฟิลเตอร์กลุ่มอื่น ซึ่งจะรวม คาส่ังฟลิ เตอร์รปู แบบตา่ ง ๆ เข้าด้วยกัน โดยมีรปู แบบดังนี้ 10.1 Custom การกาหนดทิศทางของแสงสว่างในภาพ สามารถระบุค่าตัวเลขได้ต้ังแต่ -99 ถึง 99 เพ่ือกาหนดระดับของแสงตามทิศทาง กาหนดระดับความมืดได้ท่ีเมนู Scale และกาหนดระดับความ สวา่ งได้ที่เมนู Offset โดยคลกิ เลอื กท่ีเมนู Filter > Other > Custom ดงั ภาพที่ 5.239 ระบุตัวเลขระดบั แสง ความมืดและความสว่าง ภาพท่ี 5.239 การใช้งานฟลิ เตอร์ Custom

522 10.2 High Pass แสดงเส้นท่ีมีการตัดกันระหว่างโทนสีในภาพ สามารถ เพิ่ม-ลด ความเข้มของ เสน้ ไดท้ แี่ ถบ Radius โดยคลกิ เลอื กทเี่ มนู Filter > Other > High Pass ดงั ภาพท่ี 5.240 ปรบั ความเขม้ ของเส้น ภาพท่ี 5.240 การใชง้ านฟลิ เตอร์ High Pass 10.3 HSB/HSL การแปลงภาพจากระบบสหี น่ึงให้เป็นภาพอีกระบบสหี นึง่ ประกอบดว้ ยระบบสี RGB ( Red, Green, Blue) ร ะ บ บ สี HSB (Hue, Saturation, Brightness) แ ล ะ ร ะ บ บ สี HSL ( Hue, Saturation, Luminance) สามารถเลือกระบบสีต้นฉบับได้ท่ีเมนู Input Mode และเลือกระบบสีหลังจาก การแปลงภาพไดท้ ี่เมนู Row Order โดยคลิกเลอื กทีเ่ มนู Filter > Other > HSB/HSL ดงั ภาพที่ 5.241 ระบบสตี น้ ฉบับ ระบบสีหลังจากแปลง ภาพที่ 5.241 การใชง้ านฟลิ เตอร์ HSB/HSL 10.4 Maximum การขยายพิกเซลท่ีมีโทนสว่างหรือพิกเซลสีขาวเพ่ือลดพิกเซลท่ีมีโทนมืดใน ภาพ สามารถ เพิ่ม-ลด ขนาดพิกเซลท่ีขยายได้ท่ีแถบ Radius และเลือกรูปแบบของพิกเซลได้ท่ีเมนู Preserve ประกอบด้วยพิกเซลจุดส่ีเหล่ียม (Squareness) และพิกเซลจุดวงกลม (Roundness) โดยคลิก เลือกทเ่ี มนู Filter > Other > Maximum ดงั ภาพที่ 5.242

523 ปรับขนาด รปู แบบพกิ เซล ภาพที่ 5.242 การใช้งานฟลิ เตอร์ Maximum 10.5 Minimum การขยายพกิ เซลที่มโี ทนมืดหรือพิกเซลสีดาเพ่ือลดพิกเซลท่มี ีโทนสวา่ งในภาพ สามารถ เพิ่ม-ลด ขนาดพิกเซลท่ีขยายได้ท่ีแถบ Radius และเลือกรูปแบบของพิกเซลได้ท่ีเมนู Preserve ประกอบด้วยพิกเซลจุดสี่เหลี่ยม (Squareness) และพิกเซลจุดวงกลม (Roundness) โดยคลิกเลือกท่ีเมนู Filter > Other > Minimum ดงั ภาพท่ี 5.243 ปรับขนาด รูปแบบพิกเซล ภาพท่ี 5.243 การใชง้ านฟิลเตอร์ Minimum 10.6 Offset การเลื่อนตาแหน่งภาพไปยังตาแหน่งใหม่ ตามทิศทางแนวต้ังหรือแนวนอน สามารถเลื่อนตาแหน่งตามแนวนอนได้ท่ีแถบ Horizontal เลื่อนตาแหน่งตามแนวตั้งได้ท่ีแถบ Vertical และสามารถเลือกรูปแบบพ้ืนท่ีว่างตรงขอบภาพเม่ือมีการเล่ือนภาพไปจากตาแหน่งเดิมท่ีเมนู Undefined Areas โดยคลิกเลือกท่เี มนู Filter > Other > Offset ดงั ภาพท่ี 5.244 แถบเลอ่ื นตาแหนง่ รูปแบบพืน้ ทว่ี า่ ง ภาพที่ 5.244 การใชง้ านฟิลเตอร์ Offset

524 การใช้งานฟิลเตอร์บางชนิด สามารถนาไปใช้งานกับข้อความหรือวัตถุอ่ืน ๆ ได้เช่นเดียวกันกับ ภาพถ่าย ดงั ภาพที่ 5.245 Extrude Pointillze Dust & Scratches Oil Paint Texture: Stained Glass ภาพที่ 5.245 การใชง้ านฟลิ เตอร์กับขอ้ ความหรอื วตั ถุ เทคนคิ การตกแตง่ ภาพและแก้ไขภาพ การใช้งานโปรแกรม Adobe Photoshop CC ให้เกิดความชานาญด้วยการเรียนรู้วิธีการใช้งาน เคร่ืองมือและคาสั่งต่าง ๆ ให้สามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องน้ัน ถือเป็นพ้ืนฐานในการใช้งานโปรแกรม ทางด้านตกแต่งภาพ และเม่ือนาเครื่องมือหรือคาสั่งมาใช้ในการจัดการภาพ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างข้ึนใหม่ การแก้ไขภาพ การตกแต่งภาพ โดยใช้เทคนิคหรือวิธีการต่าง ๆ เพ่ือให้ได้ภาพตามที่ต้องการ จึงเป็น ส่ิง สาคัญท่ีผู้ใช้ต้องเรยี นรู้ดว้ ยตนเองและฝึกฝนอยูเ่ ป็นประจาจึงจะเกิดความชานาญ โดยมีตัวอย่างเทคนิคการ ตกแต่งภาพและการแก้ไขภาพ เพ่อื เปน็ แนวทางในการพฒั นาทกั ษะการใชง้ านโปรแกรมจดั การภาพ ดงั นี้ 1. การออกแบบภาพพ้นื หลัง การออกแบบภาพพ้ืนหลัง โดยใช้เคร่ืองมือและคาสั่งในโปรแกรม Adobe Protoshop CC สามารถใช้วิธีการสร้างได้หลากหลายรูปแบบ โดยจะยกตัวอย่างการออกแบบและสร้างพื้นหลังหน้าปก หนงั สอื โดยใชว้ ธิ ีการไล่โทนสีในภาพ มเี ทคนิคการใช้งานเครื่องมือ ดงั น้ี (มนสั สนิ ี ล่าสนั เทียะ, 2557: 104- 107) ข้ันตอนที่ 1 สรา้ งไฟลง์ านใหม่ โดยคลกิ เลือกเมนู File > New หรือกดปมุ่ Ctrl + N บน แป้นคีย์ บอร์ด จากนั้นกาหนดขนาดภาพเป็น 210x297mm. (ขนาด A4 แนวต้ัง) ค่าความละเอียดภาพ 300ppi. เลอื กโหมดสเี ปน็ RGB ขนาด 8 bit และกาหนด Backgound Contents เป็นสขี าว

525 ขั้นตอนที่ 2 สร้างพื้นหลังแบบไล่โทนสี โดยกาหนดสี Foreground เป็นสีน้าเงิน และสี Background เป็นสีฟ้า หรือกาหนดสีอ่ืนตามความต้องการ จากน้ันคลิกเลือกเคร่ืองมือ Gradient Tool เลือกรูปแบบเป็น Radial Gradient แล้วคลิกลากลงบนพ้ืนท่ีจากมุมบนลงล่างในแนวเฉียง 45 องศา ปรับแต่งทิศทางของแสงด้วยคาสั่ง Filter > Render > Lighting Effects เลือกรูปแบบเป็น Infinite ปรับ แสงไปตามทิศทางแนวเฉียง ดงั ภาพที่ 5.246 ภาพที่ 5.246 สร้างพ้นื หลงั แบบไล่โทนสี ขั้นตอนท่ี 3 สร้างเลเยอร์ใหม่ชื่อว่า “White Angle” จากน้ันวาดเส้นสามเหลี่ยมด้วยเคร่ืองมือ Pen Tool ในตาแหน่งมุมขวาล่างให้เป็นรูปสามเหลี่ยม ใช้เคร่ืองมือ Convert Point Tool ดัดเส้น สามเหล่ียมให้โค้ง จากน้ันสร้าง Selection โดยกดปุ่ม Ctrl + Enter บนแป้นคีย์บอร์ด ใช้เครื่องมือ Paint Bucket Tool เทสีขาวลงในตาแหน่งสามเหลยี่ ม จากนั้นกดปุ่ม Ctrl + D บนแป้นคีย์บอร์ด เพื่อยกเลิกเส้น Selection ดงั ภาพท่ี 5.247 Ctrl+Enter Ctrl+D ภาพที่ 5.247 สร้างมุมสามเหลยี่ ม

526 ข้ันตอนที่ 4 คัดลอกเลเยอร์ โดยคลิกขวาทีเ่ ลเยอร์ “White Angle” เลอื กคาสัง่ Duplicate Layer จะไดเ้ ลเยอรใ์ หมท่ ่ีมรี ปู แบบเดิม ชื่อวา่ “White Angle copy” จากนนั้ ให้เปลี่ยนชอื่ เลเยอรเ์ ป็น “Gradient Angle” กดปุ่ม Ctrl บนแป้นคีย์บอร์ดค้างไว้ แล้วคลิกเลือกท่ีเลเยอร์ “Gradient Angle” เพื่อสร้างเส้น Selection จากน้ันกาหนดสี Foreground เป็นสีฟ้า และสี Background เป็นสีน้าเงิน คลิกเลือกเคร่ืองมือ Gradient Tool แล้วคลกิ ลากลงบนพน้ื ทข่ี องเลเยอร์ “Gradient Angle” เพอื่ ไลโ่ ทนสี ดงั ภาพท่ี 5.248 คลกิ ขวา Ctrl+คลิก ภาพท่ี 5.248 การคัดลอกเลเยอร์ ข้ันตอนที่ 5 คลิกเลือกเลเยอร์ “Gradient Angle” แล้วกดปุ่ม Ctrl + T บนแป้นคีย์บอร์ด เพื่อ สร้างเส้น Free Tranform ทาการย่อขนาดจากบนลงล่างเล็กน้อย แล้วกดปุ่ม Enter ส่วนในเลเยอร์ “White Angle” ให้กาหนดสี Foreground เป็นสีเขียว และสี Background เป็นสีน้าเงิน คลิกเลือก เคร่ืองมือ Gradient Tool แล้วคลิกลากลงบนพ้ืนทีข่ องเลเยอร์ “White Angle” เพื่อไล่โทนสี จะได้ผลลพั ธ์ ภาพพน้ื หลัง ดงั ภาพที่ 5.249 ผลลัพธ์ Ctrl+T ภาพท่ี 5.249 ผลลพั ธ์ภาพพ้นื หลัง

527 2. การตดั ฉากหลังออกจากวัตถุ การตัดฉากหลังออกจากวตั ถุ เป็นการใช้งานเครื่องมือลบหรอื ตัดฉากหลังท่ีมีในภาพ เพื่อนาวัตถุ ไปใช้ในการสร้างงานกราฟิกอื่น ๆ วัตถุท่ีได้จากการตัดฉากหลังนิยมบันทึกเป็นไฟล์ PNG เนื่องจากจะได้ วัตถุที่มีพ้ืนหลังแบบโปร่งใส (Transparency) สามารถนาไปวางทับกับฉากหลังอื่น ๆ ได้ มีเทคนิคการใช้ งานเครอ่ื งมือ ดงั น้ี 2.1 ใช้เครื่องมือ Magic Eraser Tool เป็นการลบพ้ืนหลังออกจากภาพโดยการคลิกลงบนสีท่ี ไม่ต้องการ เลือกเคร่ืองมือ Magic Eraser Tool ในกล่องเครื่องมือ ในแถบตัวเลือกเพ่ิมเติมให้ปรับค่าความ ต่อเนื่องของสีจากเมนู Tolerance ให้เท่ากับ 20 (ค่าน้อยจะลบเฉพาะสีที่ใกล้เคียงกัน) และคลิกเลือกเมนู Anti-alias เพื่อกาหนดให้เส้นขอบของวตั ถุไม่เกดิ รอยหยัก จากนัน้ คลิกลงในพ้นื ท่ีทตี่ ้องการลบออก หากไม่ สามารถลบพน้ื ที่ทีม่ ีสีเพียงเล็กน้อยได้ ให้ใช้วธิ กี ารขยายภาพแล้วทาการลบ ทาการบนั ทึกไฟลภ์ าพเป็น PNG ดงั ภาพที่ 5.250 ผลลพั ธ์ ขยายภาพเพอ่ื ลบ ภาพที่ 5.250 การตดั ฉากหลังดว้ ย Magic Eraser Tool 2.2 ใช้คาส่ัง Color Range เป็นการเลือกขอบเขตโดยอ้างอิงจากโทนสีและความสว่างในภาพ โดยภาพจะต้องมีโทนสีแตกตา่ งกันระหวา่ งพ้ืนท่ีวัตถุกับพ้ืนท่ที ่ีต้องการตัดอย่างชดั เจน ทาการแปลงภาพให้ เป็นเลเยอร์ จากน้ันคลิกเลือกเมนู Select > Color Range ใช้เครื่องมือ Eyedropper คลิกลงบนตาแหน่ง ฉากหลังที่ต้องการตัดออก ใช้เครื่องมือ Add to Sample คลิกลงบนพื้นท่ีในภาพ จนพ้ืนท่ีท่ีไม่ต้องการเปน็ สขี าวท้งั หมด ดงั ภาพที่ 5.251

528 แปลงภาพเป็นเลเยอร์ ดดู สอี อก ดูดสีออกใหห้ มด ภาพที่ 5.251 การตัดฉากหลงั ด้วย Color Range (1) เม่ือได้พ้ืนที่ฉากหลังเป็นสีขาวแล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม OK ภาพจะแสดงเส้น Selection จากน้ันให้กด ปมุ่ Delete บนแป้นคีย์บอร์ด เพ่ือลบฉากหลงั ออก ทาการบนั ทึกไฟลภ์ าพเป็น PNG ดงั ภาพท่ี 5.252 ผลลัพธ์ กดปุ่ม Delete ภาพที่ 5.252 การตัดฉากหลงั ด้วย Color Range (2) 2.3 ใช้เคร่ืองมือ Pen Tool เป็นการตัดฉากหลงั ท่ีมีความซับซ้อนออกจากภาพ หรือภาพอาจมี สขี องฉากหลังเปน็ สโี ทนเดียวกันกบั สีของวตั ถุ โดยเลอื กเคร่อื งมือ Pen tool สร้างเส้น Selection รอบภาพ แบบจุดต่อจุด ดัดเส้นให้โค้งตามรูปทรงของวัตถุ ด้วยวิธีคลิกเมาส์ค้างไว้แล้วดัดเส้นให้โค้ง เมื่อต้องการเร่ิม เส้นในจุดถัดไป จะต้องลบจุดดัดเส้นออกก่อนเสมอ โดยให้ลากเส้นจนบรรจบที่จุดเริ่มต้น จากนั้นให้คลิก ขวาในพนื้ ที่ท่ีสรา้ ง Selection แลว้ คลกิ เลอื กเมนู Mask Selection เพอ่ื กาหนดความฟุ้งของขอบวตั ถุ โดย กาหนดค่าตัวเลขในเมนู Feather Radius และคลิกเลอื กเมนู Anti-aliased เพือ่ กาหนดให้เสน้ ขอบของวัตถุ ไมเ่ กิดรอยหยัก ดงั ภาพที่ 5.253

ลากเสน้ โคง้ ตามแนววตั ถุ ลากเสน้ ใหบ้ รรจบจดุ เร่ิมตน้ 529 คลกิ ขวาเลือกเมนู Mask Selection ภาพที่ 5.253 การตดั ฉากหลงั ดว้ ย Pen Tool (1) การตัดฉากหลังออกสามารถทาได้ 2 วิธี คือ 1) คัดลอกเฉพาะพื้นที่ที่เลือกแล้วสร้างเป็นเลเยอร์ ใหม่ โดยกดปุ่ม Ctrl + J บนแป้นคีย์บอร์ด และ 2) ลบเฉพาะพื้นหลังในเลเยอร์เดิม โดยคลิกเลือกเมนู Selection > Invert หรือกดปุ่ม Ctrl + Shift + I บนแป้นคีย์บอร์ด เพื่อกาหนดให้เลือกพื้นที่ตรงข้าม แล้ว กดปุ่ม Delete บนแปน้ คยี บ์ อร์ด ดงั ภาพที่ 5.254 กดปุ่ม Ctrl + J กดปมุ่ Ctrl+Shift+I ภาพในเลเยอร์ใหม่ กดปุ่ม Delete ภาพในเลเยอรเ์ ดิม ภาพที่ 5.254 การตัดฉากหลังด้วย Pen Tool (2)

530 3. การตัดต่อภาพด้วยการปิดบังเลเยอร์ การตัดต่อภาพด้วยการปิดบังเลเยอร์ (Layer Mask) เป็นการสร้างหน้ากาก (Mask) เพ่ือปิดบัง ส่วนต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการในเลเยอร์ ซ่ึงการตัดต่อภาพด้วยวิธีการ Layer Mask จะต้องมีภาพอย่างน้อย 2 เลเยอร์ มเี ทคนคิ การใช้งานเครือ่ งมือ ดังน้ี ขัน้ ตอนท่ี 1 สรา้ งพน้ื หลงั ในลักษณะทต่ี อ้ งการ แลว้ กาหนดภาพให้เปน็ เลเยอร์ โดยในตวั อยา่ งจะ ใช้วิธีการไล่โทนสีด้วยเคร่ืองมือ Gradient Tool จากน้ันใช้คาส่ัง Filter > Pixelate > Mosaic จะได้ภาพ พน้ื หลังรูปแบบตาราง ดงั ภาพท่ี 5.255 เลเยอร์พ้ืนหลงั ภาพที่ 5.255 การสร้างพื้นหลังแบบชอ่ งตาราง ขั้นตอนที่ 2 แทรกภาพท่ีต้องการตัดต่อ โดยคลิกเลือกท่ีเมนู File > Place Embedded แล้วกด ปุ่ม Enter บนแป้นคีย์บอร์ด เพื่อวางภาพลงในเลเยอร์ จากนั้นทาการสร้างเส้น Selection ด้วยเคร่ืองมือ Pen Tool รอบพน้ื ทีท่ ต่ี อ้ งการแสดง ดงั ภาพที่ 5.256 สรา้ งเสน้ Selection ภาพที่ 5.256 การแทรกภาพท่ตี อ้ งการปดิ บังดว้ ยเลเยอร์

531 ข้ันตอนท่ี 3 คลิกเลือกเลเยอร์ภาพที่ต้องการตัดต่อ จากนั้นคลิกท่ีคาสั่ง Layer Mask ในพาเนล เลเยอร์ โปรแกรมจะปิดบงั เลเยอร์ภาพ และแสดงเฉพาะพ้นื ท่ีที่สรา้ ง Selection โดยพื้นทีส่ ดี าจะเปน็ ส่วนท่ี ถูกปดิ บัง และพื้นท่สี ีขาวคือสว่ นทไี่ ม่ถูกปดิ บงั สามารถตกแตง่ Layer Mask เพ่ิมเติมได้ ดงั ภาพที่ 5.257 ผลลพั ธ์ คลิกปมุ่ Layer Mask ภาพท่ี 5.257 ภาพหลังจากใช้คาสง่ั Layer Mask 4. การซ่อมแซมภาพเก่าชารดุ การซ่อมแซมภาพเก่าท่ีเกิดความชารุด (Damaged Photo Restoration) ส่วนท่ีชารุดอาจ เนอ่ื งมาจากสาเหตตุ ่าง ๆ ซง่ึ โดยสว่ นใหญม่ กั จะเป็นภาพจากแผน่ ฟลิ ์มท่ีถกู จัดเก็บเป็นระยะเวลานาน นามา สแกนเข้าสู่คอมพิวเตอร์ในรูปแบบของไฟล์ภาพดิจิทัล เพื่อนาไปแก้ไขด้วยโปรแกรมตกแต่งภาพ ดังภาพท่ี 5.258 (เกยี รติพงษ์ บญุ จิตร, 2559: 178-191) ภาพที่ 5.258 ภาพชารดุ ทม่ี า: (DHS Computer Graphics, n.d.,: 1)

532 ขั้นตอนที่ 1 เปิดภาพที่ต้องการแก้ไข หากภาพต้นฉบับมีโทนสีอมแดงหรือสีโทนอ่ืน อาจ เน่ืองมาจากความเก่าของแผ่นภาพ ต้องแปลงภาพให้เป็นโทนสีขาว-ดา โดยกดปุ่ม Ctrl + Shift + U บน แป้นคียบ์ อรด์ เพ่ือใหส้ ามารถจัดการภาพไดง้ ่ายยิง่ ขน้ึ พร้อมกับเพ่ิมความสวา่ งและความเปรียบต่างเล็กน้อย ดังภาพที่ 5.259 ตน้ ฉบับ ปรับขาว-ดา เพิม่ ความสวา่ ง ภาพท่ี 5.259 แปลงโทนสีภาพเก่าใหเ้ ปน็ โทนสีขาว-ดา ข้ันตอนท่ี 2 กดปุ่ม Ctrl + J บนแป้นคีย์บอร์ด เพื่อคัดลอกเลเยอร์พร้อมกับเปล่ียนชื่อเลเยอร์เป็น “Remove Noise” ทาการลดสัญญาณรบกวนในภาพ โดยคลกิ ที่เมนู Filter > Noise > Dust & Scratches โดยปรับค่า Radius และ Threshold เพ่อื ลดรอยขดี ขว่ น รอยแตกรา้ ว ฝนุ่ และจุดรบกวนให้จางลง ดังภาพ ที่ 5.260 ปรบั ลด Noise คดั ลอกเลเยอร์ ภาพที่ 5.260 ลดสัญญาณรบกวนในภาพ

533 ขั้นตอนท่ี 3 สร้างเลเยอร์ใหม่พร้อมตั้งชื่อว่า “Spot Healing” คลิกเลือกท่ีเลเยอร์ใหม่ จากนั้น เลือกเคร่ืองมือ Spot Healing Tool ในกล่องเคร่ืองมือ กาหนดค่าในแถบตัวเลือก Type เลือกเป็น Content-Aware และคลิกเลอื ก Sample All Layer จากนน้ั คลกิ ลงบนพื้นทท่ี ี่มีจดุ บกพรอ่ งเล็ก ๆ สามารถ กาหนดขนาดและความฟุ้งของ Spot Healing ได้โดยการคลิกขวา แล้วปรับขนาดตามต้องการ ดังภาพที่ 5.261 หลังปรบั คลิกขวาปรับขนาด สร้างเลเยอรใ์ หม่ ภาพที่ 5.261 ลบจดุ บกพร่องในภาพ (1) ขั้นตอนที่ 4 สร้างเลเยอร์ใหม่พร้อมตั้งชื่อว่า “Clone Stamp” คลิกเลือกที่เลเยอร์ใหม่ จากน้ัน เลือกเครื่องมือ Clone Stamp Tool ในกล่องเครื่องมือ กดปุ่ม Alt บนแป้นคีย์บอร์ดค้างไว้ แล้วคลิกลงบน พ้ืนท่ีต้นฉบับ ซึ่งเป็นพ้ืนท่ีท่ีมีสภาพดี และมีสีใกล้เคียงกับพ้ืนท่ีท่ีต้องการแก้ไข แล้วคลิกประทับลงบนจุดท่ี ต้องการแก้ไข สามารถกาหนดขนาดและความฟุ้งของ Clone Stamp ได้โดยการคลิกขวา แล้วปรับขนาด ตามตอ้ งการ โดยใหแ้ กไ้ ขเฉพาะพนื้ ที่ทีไ่ ม่ใช่พ้ืนหลัง ดงั ภาพท่ี 5.262 หลงั ปรับ คลิกขวาปรับขนาด สร้างเลเยอร์ใหม่ ภาพท่ี 5.262 ลบจุดพกพร่องในภาพ (2)

534 ขั้นตอนที่ 5 เพ่ิมความเรียบเนียนให้กับพื้นผิว โดยกดปุ่ม Shift บนแป้นคีย์บอร์ดค้างไว้ จากน้ัน คลิกเลอื กเลเยอร์ “Clone Stamp”, “Spot Healing” และ “Remove Noise” กดปุ่ม Ctrl + E เพอ่ื รวม เป็นเลเยอรเ์ ดียวกัน กดปุ่ม Ctrl + Alt + Shift + E เพื่อคัดลอกให้เป็นเลเยอรใ์ หม่ พร้อมกับเปล่ียนช่ือเป็น Smooth Skin ดงั ภาพที่ 5.263 รวมเป็นเลเยอรเ์ ดยี วกัน คัดลอกเป็นเลเยอร์ใหม่ ภาพท่ี 5.263 รวมเลเยอรแ์ ละคัดลอกเลเยอร์ คลิกเลือกเลเยอร์ Smooth Skin จากน้ันคลิกเลือกเมนู Filter > Noise > Dust & Scratches ปรับค่าเพื่อลดจุดรบกวนในภาพให้น้อยลง และคลิกเลือกเมนู Filter > Blur > Surface Blur ปรับค่าเพ่ือ เพิ่มความเบลอของพ้นื ผวิ เลก็ นอ้ ย โดยไมต่ ้องกงั วลเรือ่ งความเบลอของภาพ ดังภาพที่ 5.264 หลังปรับ ปรับลดจดุ รบกวน เพิ่มความเบลอ ภาพท่ี 5.264 ปรับลดจดุ รบกวนและเพ่ิมความเบลอ

535 กดปุ่ม Alt บนแป้นคีย์บอร์ดค้างไว้ พร้อมกับคลิกที่ปุ่ม Add Layer Mask จากน้ันคลิกเลือก เครื่องมือ Brush Tool ในกล่องเครื่องมือ เลือกขอบแปรงแบบฟุ้ง กาหนดสี Foreground ให้เป็นสีขาว ปรับลดค่า Opacity เป็น 30% แล้วลากเมาส์เพ่ือระบายสีขาวลงบนพื้นผิวของภาพให้เรียบเนียน โดย ยกเวน้ พนื้ ที่ดวงตา ค้ิว รมิ ฝปี าก และเส้นผม ดงั ภาพท่ี 5.265 ภาพท่ี 5.265 ปรบั สีพน้ื ผวิ ข้ันตอนท่ี 6 เก็บรายละเอียดของภาพและปรับแสงเงา โดยกดปุ่ม Ctrl + Alt + Shift + E บน แป้นคีย์บอร์ด เพ่ือคัดลอกให้เป็นเลเยอร์ใหม่ จากน้ันเปลี่ยนชื่อเป็น “Final Photo” สร้างเส้น Selection รอบตัวบุคคล แล้วสร้าง Layer Mask เพ่ือซ่อนพื้นหลังของภาพ พร้อมกับปิดการแสดงผลของเลเยอร์อ่ืน ดงั ภาพท่ี 5.266 คัดลอกเปน็ เลเยอรใ์ หม่ ภาพท่ี 5.266 ซ่อนพ้นื หลังของภาพ

536 สร้างเลเยอร์ใหม่ กาหนดชื่อเป็น “Final Skin” จากน้ันกดปุ่ม Alt บนแป้นคีย์บอร์ดค้างไว้ แล้ว คลิกระหว่างเลเยอร์ “Final Photo” กับ “Final Skin” เพื่อสร้าง Clipping Layer กดปุ่ม Alt ค้างไว้อีก คร้ัง แล้วใช้เครื่องมือ Brush Tool ดูดสีในตาแหน่งที่ต้องการ เลือกขอบแปรงแบบฟุ้ง ปรับลดค่า Opacity เป็น 20-30% แล้วลากเมาส์บริเวณพื้นผิวของภาพที่ยังไม่เรียบเนียนเพ่ือเกล่ียสี หากต้องการปรับปรุง ตาแหนง่ อืน่ ให้ใชเ้ ครื่องมือ Brush Tool ดูดสที ีใ่ กลเ้ คยี งกนั มาใช้งาน ดงั ภาพที่ 5.267 Clipping Layer ดูดสดี ว้ ย Brush เกล่ียสี ภาพท่ี 5.267 ปรับความเรียบเนยี นของภาพ สร้างเลเยอร์ใหม่ กาหนดชื่อเป็น “Soft Light” จากนั้นกดปุ่ม Alt บนแป้นคีย์บอร์ดค้างไว้ แล้ว คลิกระหว่างเลเยอร์ “Final Skin” กับ “Soft Light” เพ่ือสร้าง Clipping Layer แล้วเทสีเทาลงในเลเยอร์ “Soft Light” ด้วย Paint Bucket Tool พร้อมกับเปลี่ยน Blend Mode เป็น Soft Light ใช้เคร่ืองมือ Brush Tool กาหนดขอบแปรงแบบฟุ้ง ระบายสีขาวเพ่ือเน้นแสงเงาในส่วนต่าง ๆ บนใบหน้า ดังภาพท่ี 5.268 Clipping Layer เทสีเทา ระบายสีขาว เลือก Soft Light ภาพที่ 5.268 การปรบั แสงเงา

537 ข้ันตอนท่ี 7 ปรับปรุงสีสันให้สมบูรณ์ โดยใช้คาส่ัง Color Balance ในพาเนล Adjustment ร่วมกับการใช้ Adjustment Layer มรี ายละเอียดดังนี้ กดปมุ่ Shift บนแปน้ คยี ์บอรด์ คา้ งไว้ จากนั้นคลิกเลือกเลเยอรท์ ง้ั หมด ยกเวน้ เลเยอร์ Background กดปุ่ม Ctrl + E เพื่อรวมเลเยอร์ให้เป็นเลเยอร์เดียว จากนั้นให้คลิกท่ีปุ่ม Create a new Group เพ่ือสร้าง โฟลเดอร์สาหรับเก็บเลเยอร์เป็นกลุ่ม กาหนดชื่อกลุ่มเป็น “Edit Color” กดปุ่ม Ctrl ค้างไว้ แล้วคลิกที่ เลเยอรข์ องภาพเพ่อื สร้าง Selection และสรา้ ง Layer Mask ให้กับกลุม่ เลเยอร์ ดังภาพท่ี 5.269 คลกิ เลือกเลเยอร์ทั้งหมด สร้างกลมุ่ เลเยอร์ สรา้ ง Layer Mask รวมเลเยอร์ กดปุม่ Ctrl + คลิก . ภาพที่ 5.269 การกาหนดเลเยอร์เพ่ือปรบั ปรุงสภี าพ สรา้ ง Selection รอบใบหน้าและลาคอดว้ ยเคร่ืองมือ Polygonal Tool เพื่อปรับโทนสขี องใบหน้า คลิกเลือกเลเยอร์ “Edit Color” จากน้ันคลิกเลือกเมนู Color Balance ในพาเนล Adjustment ทาการ ปรับสที งั้ 3 โทน ให้ได้สที ใ่ี กล้เคยี งสจี ริง มีความเป็นธรรมชาตมิ ากท่ีสดุ เมอ่ื ปรบั Color Balance โปรแกรม จะสร้าง Adjustment Layer ขึน้ มาโดยอัตโนมัติ ซ่งึ จะเชื่อมโยงกับเลเยอร์ “Edit Color” ดงั ภาพท่ี 5.270 สร้างพื้นท่ีรอบใบหน้าด้วย Polygonal Tool ปรับ Color Balance แสดง Adjustment Layer ภาพที่ 5.270 การปรับ Color Balance ทใ่ี บหน้า

538 หลังจากการปรับ Color Balance จะได้ภาพท่ีมีโทนสีเป็นธรรมชาตมิ ากยิ่งข้นึ แต่จะมีขอบสีท่ีเกิน มา จากพ้ืนที่ Selection ที่สร้างข้ึน สามารถแก้ไขได้โดยใช้เคร่ืองมือ Brush Tool เลือกขอบแปรงแบบฟุ้ง ปรบั ลดค่า Opacity เปน็ 20-30% เลือกสี Foreground เป็นสดี า แลว้ ลากเมาสบ์ ริเวณพื้นผิวทีม่ ีขอบสีเกิน จะไดภ้ าพท่เี รียบเนียนยงิ่ ข้ึน ดังภาพท่ี 5.271 ภาพมีขอบสเี กนิ มา ระบายสีดาบริเวณขอบสีท่เี กิน ภาพหลังแกไ้ ข ภาพท่ี 5.271 การแก้ไขขอบสีเกนิ สรา้ ง Selection รอบรมิ ฝีปากดว้ ยเคร่อื งมือ Polygonal Tool ปรบั Color Balance บรเิ วณพืน้ ท่ี รมิ ฝีปากใหม้ ีสสี ดมากยิ่งขน้ึ และแกไ้ ขขอบสีทีเ่ กินมาจากพื้นที่ Selection ทส่ี รา้ งขึ้น ด้วย Brush Tool ดงั ภาพท่ี 5.272 ภาพที่ 5.272 การปรบั Color Balance ที่ริมฝีปาก

539 ปรับระดับความมืดและความสว่าง (Levels) บริเวณพ้ืนท่ีรอบดวงตาและค้ิวให้มีความสว่างและ เข้มมากข้ึน โดยการสร้าง Selection รอบดวงตาและค้ิวด้วย Rectangle Marquee Tool ให้เป็นพื้นที่ สี่เหลี่ยม จากนั้นคลิกเลือกเมนู Levels ในพาเนล Adjustment ทาการปรับระดับค่าความมืดและความ สว่างตามต้องการ และแก้ไขขอบสีที่เกินมาจากพื้นท่ี Selection ที่สร้างข้ึน ด้วย Brush Tool ดังภาพท่ี 5.273 สร้างพ้นื ที่รอบดวงตาและคิ้ว ปรับ Levels ระบายสีดาบรเิ วณขอบสที ีเ่ กิน ภาพท่ี 5.273 การปรับ Level รอบดวงตาและคิ้ว สร้าง Selection รอบเสอ้ื หรือลาตัวด้วยเครือ่ งมอื Polygonal Tool ปรับ Color Balance บรเิ วณ พื้นที่เส้ือให้มีสีสดและสว่างสมจริงมากท่ีสุด และแก้ไขขอบสีที่เกินมาจากพ้ืนท่ี Selection ที่สร้างขึ้น ด้วย Brush Tool ดงั ภาพท่ี 5.274 ภาพที่ 5.274 การปรบั Color Banlance ทเี่ สื้อ

540 ขั้นตอนท่ี 8 สร้างพ้ืนหลังให้กับภาพ โดยการสร้างเลเยอร์ใหม่ กาหนดช่ือเป็น “Background” กาหนดลาดับเลเยอร์ให้อยู่ในตาแหน่งด้านล่างสุด จากน้ันทาการสร้างพื้นหลังด้วยเครื่องมือ Gradient Tool เพื่อให้ได้พ้ืนหลังแบบไล่เฉดสี โดยเลือกสีที่เหมาะสมกับการนาภาพไปใช้งาน หรืออาจสร้างพ้ืนหลัง ภาพให้ลกั ษณะอื่นได้ ดงั ภาพท่ี 5.275 สร้างเลเยอร์ใหม่ สร้างพื้นหลงั ภาพหลังปรบั ปรงุ ภาพตน้ ฉบบั ภาพที่ 5.275 การสรา้ งพน้ื หลังภาพ 5. การออกแบบแผ่นพบั แผ่นพับ (Brochures) คือ ส่ือประชาสัมพันธ์ในรูปแบบของแผ่นกระดาษขนาดเล็ก สามารถ จัดเก็บและแจกจ่ายได้อย่างสะดวก ภายในแผ่นพับ ประกอบด้วย ข้อความ ภาพ และองค์ประกอบอ่ืน ๆ รวมอยู่ในแผ่นพับ สามารถพิมพ์เน้ือหาได้ทั้ง 2 ด้านของหน้ากระดาษ นิยมสร้างแผ่นพับเพ่ือใช้สาหรับการ เผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร โฆษณา ประชาสัมพันธ์ การศึกษา หรือการรณรงค์เร่ืองต่าง ๆ มีเทคนิคการใช้งาน เคร่ืองมือ ดงั นี้ ขั้นตอนที่ 1 สร้างไฟล์งานใหม่ โดยคลิกเลือกเมนู File > New หรือกดปุ่ม Ctrl + N บน แป้นคีย์บอร์ด จากนั้นกาหนดขนาดภาพเป็น 297x210 mm. (ขนาด A4 แนวนอน) ค่าความละเอียดภาพ 300ppi. เลอื กโหมดสีเป็น CMYK เพ่ือใชส้ าหรับงานพิมพ์ และกาหนด Backgound Contents เปน็ สขี าว ขั้นตอนท่ี 2 แบ่งพื้นท่ีการทางานออกเป็น 3 ส่วน เพ่ือทาแผ่นพับ 3 คอลัมน์ โดยใช้เส้นนาทาง (Guide) ให้คลิกเลือกท่ีเมนู View > New Guide Layout กาหนดจานวนคอลัมม์ เท่ากับ 3 คอลัมน์ และ ระยะห่างระหว่างคอลัม เท่ากับ 0.5 cm สามารถแสดงเส้นไม้บรรทัดได้โดยกดปุ่ม Ctrl + R บน แปน้ คยี บ์ อร์ด ดงั ภาพท่ี 5.276

541 จานวนคอลมั นแ์ ละระยะห่างระหว่างคอลมั น์ ภาพท่ี 5.276 การแบง่ ส่วนหนา้ กระดาษ ขั้นตอนท่ี 3 ออกแบบพื้นหลังแผ่นพับ โดยการกาหนดพ้ืนหลังแบบไล่เฉดสีด้วยเครื่องมือ Gradient Tool กาหนดเฉดสี 3 สี โดยใช้รหัสสี คือ #b000b2 #0078ff และ #42ff46 แล้วลากเมาส์ตาม แนวทแยงของภาพ จากมมุ บนลงล่าง ดังภาพที่ 5.277 ลากเมาสต์ ามแนวทแยง คลกิ เพ่ือเลือกสี ภาพที่ 5.277 ออกแบบพ้นื หลงั แผน่ พับ ข้ันตอนท่ี 4 กาหนดโครงสร้างและแทรกเนื้อหา โดยนาเนื้อหาท่ีเตรียมไว้มาแทรกลงในแผ่นพับ ประกอบด้วย ข้อความ และภาพ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี แทรกโลโก้ในส่วนหน้าปกแผ่นพับ โดยคลิกเลือกท่ีเมนู File > Place Embedded แล้วเลือก ภาพโลโก้ทเี่ ตรียมไว้ จากนั้นทาการปรับขนาดใหเ้ ลก็ ลง จัดโลโกใ้ ห้อย่ใู นตาแหนง่ มมุ บนขวา แทรกข้อความในส่วนหน้าปกแผ่นพับ ด้วยเครื่องมือ Type Tool โดยกาหนดขนาดอักษรของ หัวข้อหลักเท่ากับ 36 pt สีขาว กาหนด Drop Shadow ให้กับเลเยอร์ข้อความ เพื่อให้ข้อความมีเงา เล็กน้อย ในข้อความส่วนล่างกาหนดขนาดอักษรเท่ากับ 18 pt สีดา และในส่วนหน้าหลังของแผ่นพับ ให้ แทรกข้อความขอ้ มูลติดต่อ กาหนดขนาดอกั ษรเทา่ กับ 16 pt สขี าว พร้อมกับแทรกสญั ลกั ษณ์การติดต่อ ใน ตาแหน่งกงึ่ กลางของสว่ นล่าง ดงั ภาพท่ี 5.278

542 ภาพที่ 5.278 แทรกโลโกแ้ ละหัวข้อหลกั แทรกภาพประกอบหน้าปกแผ่นพับ โดยเตรียมภาพ 4 ภาพ ท่ีมีความโดดเด่น สื่อความหมายมาก ที่สุด จากน้ันเปิดภาพท่ีเตรียมไว้ ใช้เครื่องมือ Polygon Tool กาหนดรูปแบบให้เป็นรูปร่าง (Shape) กาหนดจานวนด้าน (Sides) ในแถบตัวเลือกเพ่ิมเติม จานวน 6 ด้าน แล้วคลิกลากลงในตาแหน่งภาพที่ ต้องการ จะได้เลเยอร์ใหม่ 1 เลเยอร์ จากนั้น กดปุ่ม Ctrl บนแป้นคีย์บอร์ดค้างไว้ แล้วคลิกที่เลเยอร์ของ รปู รา่ ง เพือ่ สร้างเสน้ Selection คลกิ เลือกเลเยอรภ์ าพ แล้วกดปมุ่ Ctrl + C บนแป้นคยี ์บอร์ด เพื่อคัดลอก พืน้ ทใ่ี นภาพไปใชง้ าน ดงั ภาพท่ี 5.279 กดปุ่ม Ctrl + คลกิ คลกิ เลอื กเลเยอร์ กดปุ่ม Ctrl + C ภาพท่ี 5.279 คัดลอกพื้นที่ที่ต้องการในภาพ

543 เปดิ หนา้ ต่างไฟลแ์ ผ่นพบั จากนนั้ กดปุม่ Ctrl + V บนแป้นคยี ์บอร์ด เพือ่ วางภาพ ทาการปรบั ขนาด และจัดตาแหน่งในหน้าปกของแผ่นพับ โดยให้คัดลอกภาพ ให้ได้จานวน 4 ภาพ และจัดเรียงภาพตามมุม ของภาพ ให้ภาพอยู่ในแนวเดยี วกัน ดงั ภาพที่ 5.280 ปรับขนาดให้เหมาะสม ภาพท่ี 5.280 แทรกภาพประกอบหนา้ ปกแผน่ พับ กาหนด Drop Shadow ใหก้ บั ภาพทั้ง 4 เลเยอร์ เพอื่ ทาให้ขอบภาพมีเงาเลก็ น้อย เปน็ การเพ่ิมมิติ ให้กับภาพ แล้วกดปุ่ม Shift บนแป้นคีย์บอร์ดค้างไว้ พร้อมกับคลิกเลือกเลเยอร์ภาพท้ัง 4 เลเยอร์ จากนั้น กดปุม่ Ctrl + T บนแปน้ คยี ์บอร์ด แล้วหมุนภาพประมาณ 10 องศา ดงั ภาพท่ี 5.281 หมนุ ภาพทัง้ หมดพรอ้ มกนั เพิม่ ขอบเงาใหก้ บั ภาพ ภาพที่ 5.281 เพม่ิ ขอบภาพและหมนุ ภาพ จัดองค์ประกอบเนื้อหาด้านในแผ่นพับ ทาการ Save As เพ่ือสร้างไฟล์ใหม่อีก 1 ไฟล์ จากน้ันลบ เนื้อหาเดิมออก คงไว้เฉพาะรูปแบบพื้นหลัง ทาการแทรกเน้ือหา โดยเน้นเน้อื หาท่มี ีความสาคัญ กระชับ ได้ ใจความ ซง่ึ การจัดเนื้อหาท่ีเป็นข้อความ มักใชค้ าสงั่ ท่ีอยู่ในพาเนล Character และ Paragraph จัดยอ่ หน้า ระยะห่าง และรูปแบบของข้อความ แลว้ จดั ข้อความรว่ มกับภาพ ให้ได้องคป์ ระกอบทีเ่ หมาะสม สวยงาม ดงั ภาพท่ี 5.282

544 ภาพที่ 5.282 การออกแบบแผน่ พบั

545 บทสรุป โปรแกรม Adobe Photoshop CC เป็นโปรแกรมสาหรับจัดการภาพกราฟิกที่ได้รับความนิยมและ ใช้งานอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น งานออกแบบสื่อส่ิงพิมพ์ ป้ายโฆษณา แผ่นพับ งานตกแต่งภาพถ่าย กราฟิกสาหรับเว็บไซต์ หรืองานกราฟิกด้านอื่น ๆ ด้วยคุณลักษณะเฉพาะของโปรแกรม จึงทาให้สามารถ สร้างสรรค์งานกราฟิกได้หลายหลายรูปแบบ ดังน้ัน การฝึกใช้งานโปรแกรมเพ่ือให้เกิดความชานาญ ใช้งาน ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง รวดเรว็ รวมถึงศึกษาเทคนคิ วธิ ีการตกแต่งภาพอย่างสม่าเสมอ ยอ่ มทาใหผ้ ศู้ กึ ษาสามารถนา ความรู้ไปประยกุ ตใ์ ช้ให้เกิดประโยชนก์ บั งานดา้ นต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะงานด้านการเผยแพร่สารสนเทศ อย่างไรก็ตาม ขีดคุณลักษณะเฉพาะของโปรแกรม Adobe Photoshop CC อาจยังไม่ครอบคลุม การทางานกราฟิกเฉพาะด้าน ผู้ศึกษาจึงควรศึกษาโปรแกรมทางด้านกราฟิกโปรแกรมอ่ืน ๆ ซึ่งในชุด โปรแกรม Adobe ยงั มโี ปรแกรมใหเ้ ลือกใชก้ ับงานกราฟิกเฉพาะด้าน อาทิ Adobe Illustrator CC สาหรบั สร้างภาพเวกเตอร์ Adobe Indesign CC สาหรับออกแบบหนังสือหรือนิตยสาร Adobe Flash Professional CC สาหรับสร้างภาพเคล่ือนไหว ท้ังนี้ หากผู้ศึกษามีความรู้ความสามารถในการใช้งาน โปรแกรมทางด้านกราฟิกที่หลากหลาย ย่อมเป็นที่ต้องการของสถานประกอบการ หรือสามารถสร้างธุรกิจ ทางดา้ นงานกราฟกิ ไดด้ ้วยตนเอง

546 แบบฝกึ หัดทา้ ยบท 1. ภาพกราฟกิ แบง่ ออกเป็นกปี่ ระเภท อะไรบา้ ง และแตล่ ะประเภทมคี ณุ สมบตั อิ ย่างไร 2. องคป์ ระกอบพ้นื ฐานของงานด้านกราฟิก มีอะไรบา้ ง 3. โหมดสีในระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบดว้ ยโหมดอะไรบา้ ง และแตล่ ะโหมดมคี ณุ สมบตั อิ ยา่ งไร 4. หากตอ้ งการเปิดพาเนลตา่ ง ๆ ในโปรแกรม Adobe Photoshop CC จะต้องเรียกจากเมนใู ด 5. เครอื่ งมอื สาหรับเลอื กพื้นท่ี ท่สี ามารถดัดเส้นใหโ้ ค้งตามลักษณะของรปู ทรงได้ คอื เครอื่ งมือใด 6. ให้ผู้ศึกษาออกแบบโปสเตอร์สาหรับประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเท่ียวในจังหวัดอุดรธานี โดยใช้ ข้อความและภาพเปน็ องคป์ ระกอบหลัก ตง้ั ชือ่ ไฟลเ์ ป็น poster.psd และ poster.jpg มีรายละเอยี ดดงั นี้ 6.1 รวบรวมเน้อื หา ประกอบดว้ ย ข้อความ ภาพถา่ ย จากแหล่งขอ้ มลู จรงิ โดยให้ผ้ศู ึกษาลงพ้ืนที่ เพอ่ื เก็บรวบรวมขอ้ มลู ด้วยตนเอง 6.2 ออกแบบโปสเตอร์ โดยกาหนดขนาด เท่ากับ 297x420mm. (ขนาด A3) กาหนดความ ละเอียดภาพ เท่ากบั 300ppi. และกาหนดโหมดสเี ปน็ CMYK 6.3 ใช้แบบอักษร TH Sarabun New เป็นหลัก ร่วมกับแบบอักษรอ่ืน ๆ โดยใช้แบบอักษรได้ไม่ เกิน 3 แบบ 6.4 ใช้สีที่มีความเหมาะสม สะดุดตา ให้สีของพื้นหลังและสีของข้อความตัดกันอย่างชัดเจน เพอื่ ให้อา่ นไดง้ ่าย โดยสามารถใชส้ ีไดไ้ มเ่ กิน 4 สี 6.5 จัดพิมพ์โปสเตอร์พร้อมกับนาเสนอหลักการ หรือแนวความคิดในการออกแบบ โดยสถานท่ี ท่องเทยี่ วท่เี ลือกมา สามารถออกแบบโปสเตอรไ์ ดม้ ากกวา่ 1 แผน่

เอกสารอา้ งอิง กษริ า ศริ วิ ัฒนากุล และวราคณา ธนสริ ิตระกูล. (2551). Computer arts & graphic design : เส้นทางสู่นักกราฟิกมืออาชีพ. กรุงเทพฯ: สถาบนั อนิ เทอรเ์ นท็ และการออกแบบ. เกียรติพงษ์ บญุ จติ ร. (2559). Photoshop CC & CS6 Creative Retouch ตัดต่อภาพเหนอื จินตนาการ. นนทบุรี: ไอดีซีฯ. _______. (2557). Photoshop CC Professional Guide. นนทบุรี: ไอดซี ีฯ. ปาพจน์ หนุนภักด.ี (2553). หลกั การและกระบวนการออกแบบงานกราฟกิ ดไี ซน์ = Graphic design principles. นนทบรุ ี: ไอดีซฯี . พนู ศกั ดิ์ ธนพนั ธ์พาณิช. (2553). คู่มอื การใช้งาน Photoshop CS5. กรุงเทพฯ: เอส.พ.ี ซี.บุ๊คส์. เพยี งพิศ ชะโกทอง. (ม.ป.ป.). การใช้ Path สร้างงานกราฟิกอย่างละเอียด. สบื คน้ เม่ือ 25 มีนาคม 2560, จาก http://elearning.nsru.ac.th/web_elearning/paingpit/pan2-5.htm. มนัสสินี ลา่ สนั เทียะ. (2557). Workshop Photoshop + Illustrator CS6. กรุงเทพฯ: รไี ววา่ . วฒั นาพร เขือ่ นสวุ รรณ. (2558). หลักการทัศนศลิ ป์. สืบค้นเมอื่ 16 มีนาคม 2560, จาก http://watkadarin.com/E-(new)1/02studio2classrm/unit2/chapt2.2line/line.htm. อนนั วาโซะ. (2558). Graphic Design for Printing & Publishing. นนทบุรี: ไอดีซีฯ. Art Blog. (2013). เสน้ (Line). สืบค้นเมื่อ 16 มีนาคม 2560, จาก http://krittayakorn.wordpress.com/2013/03/20/line. BrainBell. (n.d.). Adobe Photoshop: How to Use the Red-Eye Tool. Retrieved 15 May 2018, form http://www.brainbell.com/tutorials/Photoshop/How_to_Use_Red- Eye_Tool.html. Castro, A. (2018). Epoxy Polyester Powder Coatings Market. Retrieved 12 May 2018, form https://anglophonetribune.com/tag/epoxy-polyester-powder-coatings-market. DHS Computer Graphics. (n.d.). Damaged photo restoration. Retrieved 20 July 2018, form https://milsteadgraphics.wordpress.com/about/damaged-photo-restoration. Kerry C. (2017). The Secret to Using Complementary Colors Effectively. Retrieved 5 May 2018, form https://copicmarkertutorials.com/using-complementary-colors- effectively-video. Pengadprinting. (2012). Introduction and the Color Wheel. Retrieved 12 May 2018, form http://www.pengadprinting.com/content/color-theory-part-i-primer-1. Stlarson. (2013). Color Temperature. Retrieved 12 May 2018, form http://art.nmu.edu/groups/cognates/wiki/46f81/Color_Temperature.html.

548 United Nuclear. (n.d.). Optical Glass Prism. Retrieved 12 May 2018, form http://unitednuclear.com/index.php?main_page=product_info&products_id=1129. Vecteezy. (n.d.). Avatar Icons Vector. Retrieved 10 May 2018, form https://www.vecteezy.com/vector-art/133253-avatar-icons-vector.

แผนบรหิ ารการสอนประจาบทที่ 6 Google Applications หัวข้อประจาบท 1. เร่มิ ตน้ การใชง้ าน Google Applications 2. Google Drive 3. Google Docs 4. Google Sheets 5. Google Slides 6. Google Site 7. บทสรปุ วตั ถปุ ระสงคท์ ั่วไป ศึกษาวิธีการใช้งานโปรแกรมประยุกต์ของ Google ศึกษาความหมาย ความสาคัญของระบบการ ประมวลผลแบบกล่มุ เมฆ ฝึกปฏิบัตกิ ารใชง้ านโปรแกรมประยุกตข์ อง Google เพอ่ื ใหผ้ ูศ้ กึ ษาสามารถใช้งาน โปรแกรมประยกุ ตผ์ า่ นเครอื ข่ายอินเทอร์เน็ตได้อยา่ งเต็มประสทิ ธภิ าพ วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. เพือ่ ใหผ้ ูศ้ ึกษามคี วามรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกับการใชง้ านโปรแกรมประยกุ ต์ของ Google 2. เพ่ือให้ผ้ศู ึกษาสามารถใช้งานโปรแกรมประยุกต์ของ Google ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 3. เพ่อื ใหผ้ ้ศู ึกษามที ักษะในการจดั เก็บ และจดั การสารสนเทศบนเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ต 4. เพือ่ ให้ผศู้ ึกษามีทักษะในการเผยแพร่ และค้นคนื สารสนเทศบนเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต วิธสี อนและกิจกรรมการเรียนการสอน 1. ผสู้ อนบรรยายบทนาก่อนเข้าสเู่ นื้อหาประจาบท 2. ผู้สอนบรรยายเกยี่ วกบั โปรแกรมประยกุ ต์ของ Google และสาธติ วิธีการใชง้ านโปรแกรม 3. ผู้ศกึ ษาฝึกปฏบิ ัติการใชง้ านโปรแกรมประยุกตข์ อง Google 4. ผู้สอนเปิดโอกาสให้ผศู้ ึกษารว่ มอภปิ ราย ซกั ถามประเดน็ สงสัย และแลกเปลีย่ นเรียนรู้รว่ มกนั 5. ผู้สอนบรรยายสรปุ เนอ้ื หาประจาบท 6. ทบทวนเนือ้ หาประจาบท โดยใช้คาถามทา้ ยบทและแบบฝกึ หัดท้ายบท

550 สอ่ื การเรยี นการสอน 1. เอกสารประกอบการสอนรายวิชาเทคโนโลยีเพ่อื การจดั การสารสนเทศ 2. Google Applications 3. หนงั สอื ตารา และเอกสารท่เี ก่ยี วข้อง 4. สื่อนาเสนอ PowerPoint 5. อินเทอรเ์ น็ตและเวบ็ ไซต์ 6. เครื่องฉายภาพ 3 มิติ (Visualizer) การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. สงั เกตความสนใจและความตั้งใจของผศู้ ึกษาขณะผสู้ อนบรรยายและสาธติ การใช้งานโปรแกรม 2. สังเกตจากการฝึกปฏิบัติและการแกไ้ ขปญั หาของผู้ศึกษา 3. สงั เกตจากการมสี ่วนร่วมและการตอบคาถามของผู้ศึกษา 4. ความสามารถของผศู้ ึกษาในการตอบคาถามและทาแบบฝกึ หัดทา้ ยบท

บทที่ 6 Google Applications การใช้งานโปรแกรมประยุกต์โดยอาศัยระบบการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ หรือ ระบบคลาวด์ คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) เป็นลักษณะการทางานระหว่างผู้ใช้กับผู้ให้บริการผ่านเครือข่าย อินเทอรเ์ นต็ สามารถใช้งานโปรแกรมประยุกต์ หน่วยจัดเกบ็ ข้อมูล หรอื ทรพั ยากรทมี่ ีอยู่จากผู้ให้บริการ ซง่ึ จะช่วยลดข้ันตอนหรือข้อผิดพลาดที่อาจเกิดข้ึน อาทิ การติดต้ังโปรแกรมที่ยุ่งยาก พื้นท่ีจัดเก็บข้อมูลไม่ เพียงพอ หรือต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาระบบ การใช้งานระบบคลาวด์คอมพิวต้ิง จึงช่วยลดค่าใช้จ่าย ระยะเวลา และทรพั ยากรตา่ ง ๆ ได้ บรษิ ัท Google เปน็ หน่งึ ในผใู้ หบ้ ริการทางดา้ นระบบคลาวดค์ อมพวิ ตง้ิ ทม่ี กี ารให้บริการทรพั ยากร ต่าง ๆ เพ่ือตอบสนองการใช้งานแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น งานด้านเอกสาร งานด้านตารางนัดหมาย งาน ด้านการคานวณ งานนาเสนอ พื้นท่ีจัดเก็บข้อมูล และด้านอื่น ๆ ทาให้ Google Application ได้รับความ นิยมจากผู้ใช้ทั้งส่วนบุคคลและองค์กร แต่อย่างไรก็ตาม ในการใช้งาน Google Application ผู้ใช้จะต้องมี บัญชกี บั ทาง Google เพอ่ื เปดิ ใชง้ านบรกิ ารอย่างสมบูรณ์ ภาพที่ 6.1 สัญลกั ษณ์ Google Apps เร่ิมตน้ การใช้งาน Google Applications กูเกิล แอปพลิเคชัน (Google Applications) เป็นโปรแกรมประยุกต์ที่ผลิตโดยบริษัท Google มี สานักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเมาน์เทนววิ รฐั แคลิฟอรเ์ นยี สหรฐั อเมริกา ใหบ้ ริการทางดา้ นการบรหิ ารจัดการ สารสนเทศผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) โดยไม่เก็บ ค่าใช้จ่ายใด ๆ จากผู้ใช้ เพียงผู้ใช้สมัครใช้งานบัญชีของ Google และเปิดใช้งานแอปพลิเคชันที่ต้องการ

552 ตัวอย่างความสามารถของกูเกิล แอปพลิเคชัน เช่น จัดเก็บข้อมูล สร้างเอกสาร สร้างงานนาเสนอ สร้าง แบบสอบถาม สร้างตารางงาน สร้างเว็บไซต์ เป็นต้น ซึ่งสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชันลง ในเคร่ืองคอมพิวเตอร์ จึงไม่สิ้นเปลืองพื้นท่ีจัดเก็บข้อมูล และไม่ต้องดูแลรักษาหรือติดต้ังใหม่หากเกิด ขอ้ ผดิ พลาดในการใช้งาน อกี ทัง้ ยงั สามารถเชื่อมโยงการทางานของแต่ละแอปพลิเคชนั และสามารถแบ่งปัน ทรพั ยากรต่าง ๆ เพ่ือทางานร่วมกับบญั ชีผใู้ ช้อ่นื ไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ Google Drive Google Drive คือ พ้ืนที่จัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง เหมาะสาหรับการจัดเก็บข้อมูล หรือสารองข้อมูล ซ่ึงมีความปลอดภัยมากกว่าการจัดเก็บในเครื่องคอมพิวเตอร์ การใช้งานแบบไม่มี ค่าใช้จ่าย ผู้ใช้จะมีพื้นที่สาหรับจัดเก็บ 15 GB สามารถชาระเงินเพ่ือขยายพื้นที่การจัดเก็บได้ โดย Google Drive สามารถจัดเก็บไฟล์ได้หลายประเภท เชน่ ไฟลเ์ อกสาร ไฟลเ์ สียง ไฟลว์ ดิ ีโอ ไฟล์ภาพ ไฟลบ์ ีบอัด ไฟล์ โปรแกรม เปน็ ตน้ สามารถใช้งานไดก้ ับอุปกรณ์ตา่ ง ๆ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ คอมพวิ เตอร์พกพา โทรศัพท์สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ท่ีมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และใช้งานได้ในทุกสถานที่ รวมถึงแบ่งปัน ทรัพยากรท่ีมีอยู่เพ่ือใช้งานร่วมกับผู้อื่นได้ และนอกจากการใช้งานบนระบบคลาวด์คอมพิวต้ิงแล้ว Google Drive ยงั สามารถดาวนโ์ หลดและตดิ ต้งั ลงในเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ เพอ่ื ความสะดวกในการจัดเกบ็ หรือถ่ายโอน ทรพั ยากรไปยัง Google Drive (งานระบบคอมพวิ เตอรแ์ ละบริการ, ม.ป.ป.: 38; มฮู ามะ มะสง, ม.ป.ป.: 1) 1. เปิดใชง้ าน Google Drive การเปิดใช้งาน Google Drive จะใช้งานผ่าน URL: https://drive.google.com/drive โดย แสดงผลและใชง้ านผา่ นโปรแกรมแสดงผลเวบ็ (Web Browser) มขี นั้ ตอนการเปดิ ใชง้ าน ดังภาพท่ี 6.2 Login ดว้ ยบญั ชี Google คลิกเมนู Apps เลือก Drive ภาพที่ 6.2 การเปดิ ใชง้ าน Google Drive

553 2. ส่วนประกอบหลักของ Google Drive ส่วนประกอบหลักของ Google Drive ประกอบด้วย พ้ืนที่สาหรับจัดเก็บทรัพยากร เครื่องมือ และคาสง่ั ในการทางาน มรี ายละเอยี ดแตล่ ะส่วน ดังน้ี D A F B E C ภาพที่ 6.3 สว่ นประกอบหลกั ของ Google Drive 2.1 New (A) ปุ่มสาหรบั สรา้ งหรือเพมิ่ รายการทรัพยากรใหม่ เพ่ือจดั เก็บใน Drive โดยสามารถ สร้างโฟลเดอร์เพ่ือจัดเก็บไฟล์ (Folder) อัพโหลดไฟล์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ (File Upload) อัพโหลด โฟลเดอร์จากเคร่ืองคอมพิวเตอร์ (Folder Upload) สร้างไฟล์ Google Docs สร้างไฟล์ Google Sheets สร้างไฟล์ Google Slides สร้างไฟล์ Google Forms และสร้างไฟล์อื่น ๆ จากแอปพลิเคชันของ Google ดงั ภาพที่ 6.4 ภาพที่ 6.4 คาส่งั ในปุ่ม New

554 เมื่อคลิกสร้างโฟลเดอร์ใหม่ Google Drive จะแสดงหน้าต่างสาหรับกาหนดชื่อโฟลเดอร์ เม่ือ กาหนดชื่อเรยี บร้อยแล้ว ใหค้ ลิกที่ปุ่ม CREATE เพื่อสรา้ งโฟลเ์ ดอร์สาหรับจัดเกบ็ ไฟล์ ดงั ภาพที่ 6.5 กาหนดชื่อโฟลเดอร์ ภาพที่ 6.5 การสร้างโฟลเดอร์ เมื่อคลิกอัพโหลดไฟล์ Google Drive จะแสดงหน้าต่างสาหรับเลือกไฟล์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยสามารถเลือกไฟล์ได้หลากหลายรูปแบบ จากน้ันให้คลิกที่ปุ่ม Open เพ่ืออัพโหลดไฟล์เข้าไปจัดเก็บใน Drive หรือสามารถลากไฟล์จากเคร่ืองคอมพิวเตอร์ลงใน Drive ได้โดยตรง ท้ังนี้ สามารถอัพโหลดไฟล์เพื่อ จัดเก็บในโฟลเดอร์ที่สร้างขน้ึ ได้ ดงั ภาพที่ 6.6 เลือกไฟลจ์ ากเครอื่ ง ไฟล์ที่อพั โหลด ลากไฟลจ์ ากเคร่ือง ภาพท่ี 6.6 การอพั โหลดไฟล์ เมื่อคลิกอัพโหลดโฟลเดอร์ Google Drive จะแสดงหน้าต่างสาหรับเลือกโฟลเดอร์ในเคร่ือง คอมพิวเตอร์ ให้ทาการเลือกโฟลเดอร์ท่ีต้องการอัพโหลด จากนน้ั คลกิ ที่ปุ่ม Upload เพ่ืออพั โหลดโฟลเดอร์

555 เข้าไปจัดเก็บใน Drive โดยโฟลเดอร์ที่อัพโหลด จะต้องมีไฟล์อยู่ภายในโฟลเดอร์ ถึงจะสามารถอัพโหลดได้ (ไม่สามารถอพั โหลดโฟลเดอร์เปลา่ ได้) ดงั ภาพท่ี 6.7 ภาพที่ 6.7 การอพั โหลดโฟลเดอร์ เมื่อคลิกสร้างไฟล์จากแอปพลิเคชันของ Google เช่น Google Docs Google Slides Google Sheets หรือแอปพลิเคชันอ่ืน ๆ หากมีการทางานในไฟล์นั้นเกิดข้ึน Google Drive จะสร้างไฟล์ บันทึก และจัดเกบ็ ใน Google Drive อัตโนมตั ิ โดยที่ผใู้ ช้ไมต่ อ้ งกดปุ่มบันทึก ดงั ภาพที่ 6.8 ไฟล์บนั ทึกอตั โนมัติ ไฟล์จัดเก็บใน Drive อตั โนมตั ิ ภาพที่ 6.8 การสรา้ งไฟล์จากแอปพลิเคชนั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook