Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารการสอนต้นทุน ป.ตรี

เอกสารการสอนต้นทุน ป.ตรี

Published by aoiprathana, 2019-06-08 22:14:41

Description: เอกสารการสอนต้นทุน ป.ตรี

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการสอน รายวิชา การบญั ชีต้นทนุ 1 (Cost Accounting I) รชต สวนสวสั ด์ิ คณะวิทยาการจดั การ มหาวิทยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี 2560

ค คานา เอกสารประกอบการสอนวิชา การบัญชีต้นทุน 1 AC30201 ผู้เรียบเรียงได้เรียบ เรียงข้นึ เพือ่ ใชป้ ระกอบการสอนวิชา การบัญชตี น้ ทุน 1 ซงึ่ นกั ศึกษาท่ลี งทะเบยี นเรียนวิชา นี้ ไดแ้ ก่ นกั ศึกษาสาขาวชิ าการบัญชี โดยเน้ือหาแบ่งเป็น 10 บท เพ่ือให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ถึงข้อมูลทางการบญั ชีตน้ ทุนทีน่ าไปใชป้ ระกอบการตัดสินใจให้แกผ่ บู้ ริหาร และนักศึกษามี ความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับ แนวคิดและความรู้ท่ัวไปเกี่ยวกับการบัญชีต้นทุน ระบบบัญชี ต้นทุนและการจัดทางบการเงินท่ีเกี่ยวข้อง การบัญชีเกี่ยวกับวัตถุดิบ ค่าแรงงาน และ คา่ ใช้จา่ ยในการผลิต คา่ ใชจ้ า่ ยการผลิตจดั สรรประจาแผนก และการปันส่วนค่าใช้จ่ายการ ผลิต การคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์โดยใช้ระบบต้นทุนงานสั่งทา และระบบต้นทุน กระบวนการ และการบัญชเี ก่ียวกับผลติ ภณั ฑร์ ว่ ม และผลติ ภัณฑพ์ ลอยได้ เอกสารประกอบการสอนเล่มนี้เหมาะสาหรับนักศึกษาเพื่อใช้ประกอบการเรียน ศกึ ษาค้นควา้ เพิม่ เตมิ ซงึ่ จะเปน็ ประโยชน์ต่อผู้อ่าน และผู้ที่ตอ้ งการข้อมลู เกยี่ วกับการบญั ชี ต้นทุน หากมขี ้อผดิ พลาดประการใด ผู้เรียบเรียงยินดีรับฟังและจะนาไปปรับปรุงแก้ไขใน โอกาสต่อไป รชต สวนสวัสดิ์ มกราคม 2560



สารบญั จ คานา หน้า สารบัญ ค สารบญั ภาพ จ สารบัญตาราง ฎ แผนบรหิ ารการสอนประจาวิชา ฒ ด แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 1 บทท่ี 1 แนวคิดและความรทู้ วั่ ไปเก่ียวกบั การบญั ชีต้นทนุ 1- 1 1- 3 ลักษณะของการบญั ชีต้นทนุ 1- 3 หนา้ ท่หี ลกั ของผ้บู ริหาร 1- 4 ความหมายของการบญั ชีตน้ ทนุ 1- 7 วัตถุประสงค์ของการบัญชตี น้ ทุน 1- 8 ความสมั พนั ธ์ระหว่างการบญั ชตี ้นทนุ การบัญชบี ริหาร 1 - 11 และการบญั ชีการเงิน 1 - 13 หนา้ ทข่ี องแผนกบญั ชีต้นทุน 1 - 14 การพัฒนาการบญั ชีต้นทนุ เพื่อการบริหาร 1 - 17 ความหมายของตน้ ทุน 1 - 19 การจาแนกประเภทของตน้ ทนุ 1 - 33 บทสรปุ 1 - 34 แบบฝกึ หัดทา้ ยบท 1 - 40 เอกสารอ้างอิง 2- 1 แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 2 2- 3 บทที่ 2 ระบบบญั ชีต้นทุนและการจดั ทางบการเงิน 2- 3 2- 5 โครงสรา้ งระบบบัญชีต้นทุน 2 - 12 การจาแนกระบบบญั ชีตน้ ทุน 2 - 13 การเลอื กระบบบัญชีตน้ ทนุ 2 - 20 วงจรการผลิตสนิ คา้ และตน้ ทนุ การผลิต การใช้บัญชคี มุ ยอดและบญั ชยี อ่ ย

สารบญั (ต่อ) ฉ บทที่ 2 (ต่อ) หน้า การบันทกึ บัญชสี นิ คา้ คงเหลอื 2 – 22 การจัดทางบการเงนิ สาหรับธรุ กิจประเภทตา่ งๆ 2 – 23 การจดั ทางบการเงนิ สาหรับธรุ กจิ ผลิตสินคา้ 2 – 28 การจดั ทางบการเงนิ สาหรบั ธุรกจิ ซอื้ ขายสินค้า 2 – 34 การจดั ทางบการเงนิ สาหรับธรุ กจิ บรกิ าร 2 – 38 บทสรปุ 2 – 41 แบบฝึกหดั ทา้ ยบท 2 – 42 เอกสารอา้ งอิง 2 – 52 แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 3 3– 1 บทที่ 3 การบญั ชีเกยี่ วกบั วตั ถดุ ิบ 3– 3 3– 3 ความหมายและประเภทของวตั ถดุ ิบ 3– 5 ขัน้ ตอนเกีย่ วกบั วตั ถุดิบ 3 – 12 การบญั ชีเกีย่ วกบั วัตถุดิบ 3 – 20 การคานวณตน้ ทนุ วตั ถุดบิ ใชไ้ ปและตรี าคาวัตถดุ ิบคงเหลอื 3 – 37 บทสรปุ 3 – 38 แบบฝกึ หดั ท้ายบท 3 – 46 เอกสารอ้างองิ 4– 1 แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 4 4– 3 บทที่ 4 การบญั ชีเก่ยี วกบั ค่าแรงงาน 4– 4 4– 5 ความหมายของคา่ แรงงาน 4– 7 ประเภทของคา่ แรงงาน 4– 9 ขนั้ ตอนเกยี่ วกับค่าแรงงาน 4 – 17 การจดั เกบ็ เวลาการทางาน 4 – 24 การคานวณ จาแนกประเภท และจ่ายค่าแรงงาน 4 – 27 การบนั ทึกบัญชีเกย่ี วกบั คา่ แรงงาน 4 – 33 การจ่ายคา่ แรงงานในรปู ผลตอบแทนและสวสั ดกิ ารอื่นๆ บทสรุป

ช สารบญั (ต่อ) บทท่ี 4 (ต่อ) หน้า แบบฝกึ หดั ทา้ ยบท 4 – 34 เอกสารอ้างองิ 4 – 42 แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 5 5– 1 บทที่ 5 การบญั ชีเก่ยี วกบั ค่าใช้จา่ ยการผลิต 5– 3 ความหมายและประเภทของค่าใช้จา่ ยการผลิต 5– 3 การรวบรวมและบนั ทกึ ค่าใชจ้ ่ายการผลิต 5– 6 คา่ ใช้จา่ ยการผลิตจดั สรร 5 – 12 สาเหตุของการกาหนดอตั ราค่าใช้จ่ายการผลติ จัดสรรไวล้ ่วงหนา้ 5 – 13 ประโยชนข์ องการใชอ้ ัตราคา่ ใชจ้ ่ายการผลิตจดั สรร 5 – 14 การกาหนดอตั ราคา่ ใชจ้ ่ายการผลิตจัดสรร 5 – 15 การประมาณระดบั การผลิต 5 – 17 ข้ันตอนการกาหนดอัตราคา่ ใชจ้ ่ายการผลติ จดั สรร 5 – 19 การบันทึกบญั ชีเกยี่ วกับคา่ ใชจ้ ่ายการผลิต 5 – 26 การบนั ทกึ บญั ชเี กยี่ วกับผลต่างคา่ ใช้จา่ ยการผลิต 5 – 30 บทสรปุ 5 – 34 แบบฝึกหดั ทา้ ยบท 5 – 35 เอกสารอ้างอิง 5 – 42 แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 6 6– 1 บทท่ี 6 ค่าใช้จา่ ยการผลิตจดั สรรประจาแผนกและการปันส่วน 6– 3 ค่าใช้จ่ายการผลิต 6– 4 6 – 15 วิธีการกาหนดอตั ราคา่ ใชจ้ ่ายการผลิตจัดสรร 6 – 16 การปันสว่ นคา่ ใชจ้ ่ายการผลติ ของแผนกบรกิ ารให้แผนกผลติ 6 – 17 ขน้ั ตอนการปันสว่ นค่าใชจ้ า่ ยการผลติ ของแผนกบริการใหแ้ ผนกผลติ 6 – 21 วธิ กี ารปนั ส่วนคา่ ใชจ้ า่ ยการผลิตของแผนกบรกิ ารให้แผนกผลติ 6 – 28 เกณฑ์ท่ีใชใ้ นการปนั ส่วนตน้ ทนุ การกาหนดอตั ราคา่ ใช้จา่ ยการผลติ ประจาแผนก

ซ สารบญั (ต่อ) บทที่ 6 (ต่อ) หน้า การบันทกึ บัญชเี กย่ี วกับคา่ ใชจ้ า่ ยการผลิตประจาแผนก 6 – 31 การวิเคราะหผ์ ลตา่ งคา่ ใชจ้ า่ ยการผลิตประจาแผนก 6 – 35 บทสรุป 6 – 35 แบบฝกึ หดั ท้ายบท 6 – 37 เอกสารอ้างอิง 6 – 46 แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 7 7– 1 บทที่ 7 การบญั ชีต้นทนุ งานสงั่ ทา 7– 3 7– 3 ลกั ษณะของการบญั ชตี ้นทนุ งานสง่ั ทา 7– 5 บัตรตน้ ทุนงานสง่ั ทา 7– 8 การบนั ทกึ บญั ชรี ะบบตน้ ทนุ งานส่งั ทา 7 – 31 บทสรปุ 7 – 32 แบบฝกึ หดั ท้ายบท 7 – 46 เอกสารอ้างอิง แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 8 8– 1 8– 3 บทที่ 8 การบญั ชีต้นทนุ กระบวนการ 8– 3 ลักษณะของการบญั ชตี ้นทุนกระบวนการ 8– 4 ความแตกตา่ งระหวา่ งระบบการบญั ชีต้นทนุ งานส่งั ทาและการบัญชี 8– 8 8– 9 ตน้ ทุนกระบวนการ 8 – 11 การรวบรวมตน้ ทนุ ตามแผนกผลติ 8 – 20 วงจรการบัญชตี ้นทนุ กระบวนการ 8 – 25 ขัน้ ตอนการบันทกึ บญั ชีตน้ ทนุ กระบวนการ 8 – 34 การคานวณหนว่ ยเทียบเทา่ หน่วยทผ่ี ลิตเสร็จ 8 – 36 การจดั ทารายงานต้นทนุ การผลิต 8 – 40 บทสรปุ แบบฝึกหัดท้ายบท เอกสารอา้ งอิง

สารบญั (ต่อ) ฌ แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 9 หน้า บทที่ 9 การบญั ชีต้นทุนกระบวนการ (ต่อ) 9– 1 9– 3 การคานวณต้นทนุ การผลิตเมอื่ มงี านระหว่างทาตน้ งวด 9– 3 การจัดทารายงานต้นทนุ การผลติ ตามวิธีถัวเฉลยี่ ถว่ งนา้ หนกั 9– 8 การจัดทารายงานตน้ ทนุ การผลิตตามวธิ ีเข้าก่อน – ออกกอ่ น 9 – 16 การจัดทารายงานต้นทนุ การผลติ เมอื่ มหี นว่ ยเพิ่ม 9 – 23 บทสรปุ 9 – 28 แบบฝึกหดั ท้ายบท 9 – 30 เอกสารอา้ งอิง 9 – 36 แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 10 10 – 1 บทที่ 10 การบญั ชีเกย่ี วกบั ผลิตภณั ฑร์ ว่ มและผลิตภณั ฑพ์ ลอยได้ 10 – 3 10 – 4 ความหมายของผลติ ภัณฑร์ ่วม 10 – 4 ลักษณะท่ัวไปของผลิตภัณฑร์ ่วม 10 – 5 การจดั สรรต้นทนุ ใหก้ ับผลิตภัณฑ์รว่ ม 10 – 6 หลกั เกณฑ์ในการจัดสรรตน้ ทนุ ให้กับผลติ ภัณฑ์ร่วม 10 – 17 การตีราคาสินค้าคงเหลือของผลิตภณั ฑร์ ่วม 10 – 17 การบันทกึ บญั ชเี กย่ี วกบั ผลติ ภณั ฑร์ ่วม 10 – 20 ความหมายของผลติ ภณั ฑพ์ ลอยได้ 10 – 20 ลักษณะของผลติ ภัณฑพ์ ลอยได้ 10 – 21 การบันทึกบัญชีเกย่ี วกบั ผลิตภัณฑพ์ ลอยได้ 10 – 33 บทสรปุ 10 – 34 แบบฝกึ หดั ท้ายบท 10 – 42 เอกสารอา้ งอิง



ฎ สารบญั ภาพ หน้า ภาพท่ี 1.1 โครงสรา้ งองคก์ ารสาหรบั กจิ การผลิตสนิ ค้า 1– 6 ภาพท่ี 1.2 ความสมั พนั ธ์ระหว่างการบญั ชตี ้นทนุ การบัญชกี ารเงนิ และ การบญั ชบี รหิ าร 1 – 10 ภาพท่ี 1.3 Value Chain ของกิจการคู่คา้ กจิ การ และกจิ การของลกู ค้า 1 – 16 ภาพที่ 1.4 แนวคดิ สาคัญในการบริหารธรุ กิจยคุ ใหม่ 1 – 17 ภาพท่ี 1.5 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งตน้ ทนุ คา่ ใช้จา่ ย และขาดทนุ 1 – 19 ภาพที่ 1.6 สรปุ การจาแนกต้นทนุ ตามหนา้ ท่ีและจาแนกตน้ ทนุ ตามแหลง่ ทมี่ าของตน้ ทุน 1 – 22 ภาพท่ี 1.7 แสดงการจาแนกตน้ ทนุ เพือ่ จดั ทารายงานทางการเงนิ 1 – 24 ภาพที่ 1.8 แสดงพฤตกิ รรมของตน้ ทนุ ผนั แปรรวม 1 – 26 ภาพที่ 1.9 แสดงพฤตกิ รรมของต้นทนุ ผันแปรต่อหน่วย 1 – 27 ภาพที่ 1.10 แสดงพฤติกรรมของต้นทุนคงทร่ี วม 1 – 28 ภาพท่ี 1.11 แสดงพฤติกรรมของตน้ ทนุ คงท่ตี อ่ หน่วย 1 – 28 ภาพท่ี 1.12 แสดงพฤติกรรมของต้นทุนก่งึ คงที่ 1 – 29 ภาพท่ี 1.13 แสดงพฤติกรรมของตน้ ทนุ ผสม 1 – 30 ภาพท่ี 2.1 แสดงความสมั พันธข์ องปัจจยั การผลิต งานระหวา่ งทา และสินคา้ สาเรจ็ รูป ตามระบบต้นทนุ งานสัง่ ทา 2– 6 ภาพท่ี 2.2 แสดงความสมั พนั ธข์ องปจั จัยการผลติ งานระหวา่ งทา และสนิ ค้าสาเรจ็ รปู ตามระบบตน้ ทนุ กระบวนการ 2– 7 ภาพที่ 2.3 โครงสร้างการจาแนกระบบบัญชตี น้ ทนุ ผลติ ภณั ฑ์ 2 – 11 ภาพที่ 2.4 วงจรการผลติ สนิ ค้า 2 – 14 ภาพที่ 2.5 วงจรต้นทุนการผลิตสนิ คา้ 2 – 15 ภาพที่ 2.6 การจาแนกต้นทนุ ในธุรกจิ ผลติ สินคา้ 2 – 25 ภาพท่ี 2.7 การจาแนกตน้ ทุนของธุรกจิ ซอ้ื ขายสินคา้ 2 – 26 ภาพท่ี 2.8 การจาแนกต้นทนุ ของธรุ กจิ บรกิ าร 2 – 27 ภาพท่ี 3.1 ขัน้ ตอนทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับวัตถดุ ิบ 3– 5 ภาพท่ี 3.2 ตน้ ทนุ วัตถุดบิ ทีเ่ กยี่ วกบั กิจกรรมแตล่ ะกิจกรรม 3– 6 ภาพที่ 3.3 ตวั อย่างใบขอซอื้ 3– 7

สารบญั ภาพ (ต่อ) ฏ ภาพท่ี 3.4 ตัวอยา่ งใบสง่ั ซอื้ 3– 8 ภาพที่ 3.5 ตัวอยา่ งใบรายงานการตรวจรบั ของ 3– 9 ภาพท่ี 3.6 ตัวอยา่ งบัตรวัตถดุ บิ 3 – 10 ภาพที่ 3.7 ตวั อยา่ งใบเบกิ วัตถดุ บิ 3 – 11 ภาพที่ 3.8 แสดงความสมั พนั ธข์ องบญั ชีคมุ ยอดวัตถุดิบและบตั รวัตถุดิบ 3 – 14 ภาพท่ี 4.1 ตวั อย่างบัตรลงเวลา 4 – 10 ภาพท่ี 4.2 ตวั อย่างบตั รบนั ทกึ เวลาประจาวัน 4 – 11 ภาพท่ี 4.3 ตัวอย่างบตั รบนั ทกึ เวลาประจางาน 4 – 12 ภาพที่ 4.4 ทะเบียนเงนิ เดอื นและค่าแรงงาน หรอื ใบบันทกึ การจา่ ยเงนิ เดือน 4 – 15 และค่าแรงงาน ภาพที่ 4.5 ทะเบยี นรายไดข้ องพนกั งาน หรอื ใบแสดงรายละเอยี ดเก่ยี วกบั 4 – 16 4 – 23 คา่ แรงงานของพนกั งานรายบุคคล 5 – 11 ภาพที่ 4.6 ตัวอย่างใบจาแนกค่าแรงงาน 6 – 16 ภาพที่ 5.1 ตัวอย่างใบสรุปคา่ ใช้จา่ ยการผลิตประจาแผนก 6 – 18 ภาพที่ 6.1 หลักการปนั สว่ นต้นทนุ 6 – 19 ภาพท่ี 6.2 วิธีการปันสว่ นโดยตรง 6 – 20 ภาพท่ี 6.3 วิธกี ารปนั สว่ นตามลาดับข้ัน ภาพท่ี 6.4 วิธีการปันส่วนโดยใชว้ ิธพี ชี คณิต 6 – 34 ภาพที่ 6.5 ความสัมพนั ธร์ ะหว่างเอกสาร สมดุ บัญชี และบญั ชีแยกประเภทตา่ งๆ 7– 6 7– 7 ทเ่ี กย่ี วข้อง 7 – 11 ภาพท่ี 7.1 ตวั อยา่ งบัตรตน้ ทุนงานสง่ั ทา (กรณมี แี ผนกผลติ แผนกเดยี ว) 7 – 12 ภาพท่ี 7.2 ตวั อย่างบตั รต้นทุนงานสัง่ ทา (กรณมี แี ผนกผลติ หลายแผนก) 7 – 14 ภาพท่ี 7.3 ตัวอย่างบัตรวตั ถุดบิ 7 – 15 ภาพท่ี 7.4 ตวั อย่างใบเบกิ วัตถดุ ิบ 7 – 16 ภาพท่ี 7.5 ตวั อย่างบัตรตน้ ทนุ งาน 7 – 16 ภาพท่ี 7.6 วงจรต้นทนุ วตั ถดุ บิ 7 – 19 ภาพท่ี 7.7 ตัวอย่างบตั รลงเวลา 7 – 22 ภาพที่ 7.8 ตัวอย่างบตั รบันทกึ เวลาประจางาน 7 – 23 ภาพที่ 7.9 วงจรตน้ ทุนคา่ แรงงาน ภาพที่ 7.10 ใบสรปุ คา่ ใช้จา่ ยการผลิตจริง ภาพท่ี 7.11 วงจรคา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ

ฐ สารบญั ภาพ (ต่อ) ภาพที่ 7.12 ตัวอยา่ งบตั รสนิ ค้าสาเรจ็ รูป 7 – 24 ภาพที่ 7.13 วงจรต้นทนุ ของงานทีผ่ ลิตเสร็จ 7 – 28 ภาพท่ี 7.14 สรุปวงจรบญั ชตี ้นทุนงาน 7 – 30 ภาพท่ี 8.1 เปรียบเทยี บการบญั ชีตน้ ทุนงานสงั่ ทาและการบญั ชตี น้ ทนุ กระบวนการ 8 – 6 ภาพท่ี 8.2 ข้อแตกตา่ งดา้ นการรวบรวมและคานวณต้นทนุ การผลิตระหวา่ ง การบญั ชตี ้นทุนงานและการบัญชตี ้นทุนกระบวนการ 8– 7 ภาพที่ 8.3 กระบวนการผลิตแบบเรียงลาดับ 8– 9 ภาพที่ 8.4 กระบวนการผลิตแบบขนาน 8 – 10 ภาพที่ 8.5 กระบวนการผลติ แบบจาแนก 8 – 10 ภาพที่ 8.6 เสน้ ทางของต้นทนุ การผลติ ในแผนกตัด 8 – 23 ภาพท่ี 8.7 เส้นทางของต้นทนุ การผลิตในแผนกประกอบ 8 – 25 ภาพที่ 9.1 เสน้ ทางต้นทนุ การผลิตของการคานวณต้นทนุ การผลิตแต่ละวิธี 9– 7 ภาพท่ี 10.1 แสดงลักษณะของกระบวนการผลติ ผลิตภัณฑ์รว่ ม ตน้ ทนุ รว่ ม และต้นทุนแยก 10 – 5 ภาพท่ี 10.2 ตวั อยา่ งแสดงกระบวนการผลติ นา้ มนั ดิบเป็นผลติ ภัณฑ์รว่ มมากกว่าหนง่ึ ชนิด 10 – 6 ภาพท่ี 10.3 แสดงการโอนต้นทุนร่วมใหก้ บั ผลติ ภัณฑ์รว่ มตามปริมาณหน่วยผลติ 10 - 19 ภาพที่ 10.4 แสดงลกั ษณะการจดั สรรต้นทนุ การผลิตรว่ มให้แกผ่ ลติ ภัณฑ์พลอยได้ 10 - 29



สารบญั ตาราง ฒ ตารางที่ 1.1 ขอ้ แตกต่างระหวา่ งการบัญชีตน้ ทุนและการบัญชกี ารเงนิ หน้า ตารางท่ี 2.1 การจาแนกตน้ ทุนผลติ ภัณฑ์และตน้ ทนุ ประจางวดตามวธิ ีตน้ ทนุ เตม็ 1 – 13 และต้นทนุ ผนั แปร 2– 9 ตารางท่ี 4.1 แสดงรายการคา่ ใชจ้ ่ายการผลติ และคา่ ใชจ้ า่ ยในการดาเนินงาน 4– 5 ตารางท่ี 5.1 ตารางแสดงการบนั ทกึ บัญชีเกยี่ วกบั ค่าใชจ้ า่ ยการผลติ และเอกสาร 5– 7 ต่างๆ ท่ีเก่ียวขอ้ ง 5– 9 ตารางท่ี 5.2 บัญชคี มุ ยอดคา่ แรงทางออ้ มแยกตามแผนก 5 – 12 ตารางท่ี 5.3 สรปุ รายละเอียดของคา่ ใช้จา่ ยการผลิต 6 – 21 ตารางที่ 6.1 เกณฑ์ทใ่ี ช้ในการปันส่วนต้นทนุ ของแผนกบรกิ าร ตารางท่ี 8.1 ข้อแตกต่างระหว่างการบญั ชีต้นทุนงานสัง่ ทา และการบญั ชี 8– 6 10 - 21 ต้นทุนกระบวนการ ตารางที่ 10.1 ขอ้ แตกต่างระหวา่ งผลิตภณั ฑ์ร่วม และผลติ ภณั ฑพ์ ลอยได้



แผนบริหารการสอนประจาวิชา ด 3(2-2-5) รหสั วิชา AC30201 รายวิชา การบญั ชตี ้นทุน 1 Cost accounting I คาอธิบายรายวิชา ศึกษาบทบาทของการบัญชตี ้นทุนท่มี ตี ่อกิจการ ความหมายของการบัญชีต้นทุน ประเภท ของต้นทุนและองค์ประกอบของต้นทุน วธิ ีการบันทึกเก่ียวกับวัตถุดิบ ค่าแรงงาน และค่าใช้จ่ายใน การผลติ วิธกี ารจัดสรรค่าใชจ้ า่ ยการผลิต วิธกี ารคานวณตน้ ทนุ และวิธีบันทึกบญั ชีตามระบบต้นทุน งานส่ังทา ต้นทุนช่วง ต้นทุนมาตรฐานการบัญชีเศษวัสดุ สินค้าเสียและสินค้ามีตาหนิ การ คานวณหาตน้ ทนุ ของผลิตภัณฑ์ร่วม และผลิตภัณฑ์พลอยได้ การคานวณต้นทุนโดยแยกตามฐาน กิจกรรม วตั ถปุ ระสงคท์ วั่ ไป 1. เพ่ือให้นักศึกษาเรียนรู้ความสาคัญของการบัญชีต้นทุน บทบาทการบัญชีต้นทุนในการ จดั การธุรกจิ แนวความคดิ เก่ยี วกบั การจาแนกประเภทตน้ ทนุ 2. เพอ่ื ใหน้ ักศกึ ษามีความร้แู ละเข้าใจถงึ ระบบบญั ชตี น้ ทนุ และการจัดทางบการเงนิ ท่เี ก่ียวข้อง กบั ธรุ กจิ แตล่ ะประเภท 3. เพอื่ ใหน้ ักศึกษามีความรู้และเข้าใจถึงวงจรการผลิต และตน้ ทุนการผลติ 4. เพอ่ื ใหน้ กั ศกึ ษาเข้าใจและสามารถบันทึกบัญชีเกี่ยวกับวัตถุดิบ ค่าแรงงาน และค่าใช้จ่าย การผลติ 5. เพอ่ื ใหน้ กั ศกึ ษาเขา้ ใจและสามารถปันส่วนค่าใช้จ่ายการผลติ จากแผนกบรกิ ารให้แผนกผลติ แต่ละวิธไี ด้ 6. เพ่อื ใหน้ ักศกึ ษามีความรู้และเข้าใจถึงระบบบัญชีต้นทุนงานสั่งทา สามารถคานวณต้นทุน งานได้อย่างถกู ต้อง 7. เพื่อใหน้ ักศึกษาเข้าใจถึงระบบบัญชีต้นทุนกระบวนการ และสามารถจัดทารายงานต้นทุน การผลติ ได้ ท้ังกรณีที่ไม่มีงานระหวา่ งทาต้นงวด และมงี านระหวา่ งทาต้นงวด โดยใช้วิธีถัว เฉลี่ยถ่วงนา้ หนกั และวธิ ีเข้ากอ่ น - ออกก่อน 8. เพ่ือให้นักศึกษาเข้าใจถึงการปันส่วนต้นทุนร่วมให้กับผลิตภัณฑ์ร่วม และบันทึกบัญชี เก่ียวกบั ผลติ ภณั ฑร์ ่วมและผลิตภณั ฑ์พลอยได้

ต เนื้อหา บทท่ี 1 แนวคิดและความร้ทู วั่ ไปเก่ียวกบั การบญั ชีต้นทนุ 4 ช่วั โมง ลกั ษณะของการบัญชีต้นทนุ หนา้ ที่หลกั ของผ้บู ริหาร ความหมายของการบัญชตี ้นทุน วตั ถุประสงคข์ องการบัญชตี น้ ทุน ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการบญั ชตี ้นทนุ การบญั ชีบริหาร และการบัญชกี ารเงนิ หนา้ ทขี่ องแผนกบญั ชีตน้ ทุน การพัฒนาการบญั ชีต้นทนุ เพือ่ การบรหิ าร ความหมายของตน้ ทุน การจาแนกประเภทของตน้ ทนุ บทสรปุ แบบฝึกหดั ทา้ ยบท เอกสารอ้างองิ บทที่ 2 ระบบบญั ชีต้นทนุ และการจดั ทางบการเงิน 4 ช่ัวโมง โครงสรา้ งระบบบัญชตี น้ ทุน การจาแนกระบบบัญชีตน้ ทนุ การเลือกระบบบญั ชตี ้นทุน วงจรการผลิตสนิ คา้ และต้นทุนการผลิต การใชบ้ ญั ชีคมุ ยอดและบญั ชียอ่ ย การบนั ทกึ บญั ชีสนิ คา้ คงเหลอื การจดั ทางบการเงนิ สาหรบั ธุรกิจประเภทตา่ งๆ การจัดทางบการเงนิ สาหรับธรุ กจิ ผลติ สนิ คา้ การจัดทางบการเงนิ สาหรับธุรกิจซอื้ ขายสินคา้ การจดั ทางบการเงนิ สาหรบั ธุรกจิ บรกิ าร บทสรุป แบบฝกึ หัดท้ายบท เอกสารอา้ งอิง

บทที่ 3 การบญั ชีเกย่ี วกบั วตั ถดุ ิบ ถ ความหมายและประเภทของวตั ถุดิบ 8 ชั่วโมง ข้นั ตอนเกีย่ วกบั วัตถดุ ิบ การบัญชีเก่ยี วกับวตั ถดุ ิบ 4 ชั่วโมง การคานวณตน้ ทุนวัตถุดิบใช้ไปและตีราคาวัตถดุ บิ คงเหลอื บทสรุป 4 ชว่ั โมง แบบฝกึ หดั ทา้ ยบท เอกสารอ้างองิ บทที่ 4 การบญั ชีเก่ียวกบั ค่าแรงงาน ความหมายของค่าแรงงาน ประเภทของค่าแรงงาน ขน้ั ตอนเก่ียวกบั คา่ แรงงาน การจัดเกบ็ เวลาการทางาน การคานวณ จาแนกประเภท และจา่ ยค่าแรงงาน การบันทกึ บญั ชีเกย่ี วกับคา่ แรงงาน การจา่ ยค่าแรงงานในรูปผลตอบแทนและสวสั ดกิ ารอืน่ ๆ บทสรปุ แบบฝึกหดั ทา้ ยบท เอกสารอา้ งองิ บทที่ 5 การบญั ชีเกยี่ วกบั ค่าใช้จา่ ยการผลิต ความหมายและประเภทของคา่ ใช้จา่ ยการผลติ การรวบรวมและบันทึกค่าใช้จา่ ยการผลติ ค่าใชจ้ า่ ยการผลิตจัดสรร ประโยชน์ของการใชอ้ ัตราคา่ ใชจ้ ่ายการผลิตจดั สรร การกาหนดอัตราคา่ ใชจ้ ่ายการผลิตจดั สรร การประมาณระดับการผลิต ขั้นตอนในการกาหนดอตั ราค่าใชจ้ า่ ยการผลติ จดั สรร การบนั ทึกบญั ชีเกยี่ วกับคา่ ใช้จ่ายการผลติ วิธีการบันทกึ บัญชเี กย่ี วกบั ผลตา่ งของคา่ ใชจ้ ่ายการผลติ บทสรุป

ท แบบฝึกหดั ท้ายบท เอกสารอา้ งอิง บทท่ี 6 ค่าใช้จ่ายการผลิตจดั สรรประจาแผนกและการปันส่วน 8 ชว่ั โมง ค่าใช้จ่ายการผลิต วธิ กี ารกาหนดอัตราคา่ ใช้จ่ายการผลติ จดั สรร การปนั สว่ นคา่ ใชจ้ ่ายการผลิตของแผนกบรกิ ารให้แผนกผลติ ขน้ั ตอนการปันส่วนคา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ ของแผนกบรกิ ารใหแ้ ผนกผลติ วิธีการปันสว่ นคา่ ใชจ้ ่ายการผลิตของแผนกบรกิ ารเขา้ ส่แู ผนกผลิต เกณฑท์ ใี่ ช้ในการปันส่วนตน้ ทุน การกาหนดอตั ราคา่ ใช้จา่ ยการผลติ ประจาแผนก การบันทกึ บญั ชีเกยี่ วกบั คา่ ใช้จา่ ยการผลิตประจาแผนก การวเิ คราะหผ์ ลตา่ งค่าใชจ้ ่ายการผลิตประจาแผนก บทสรปุ แบบฝกึ หดั ท้ายบท เอกสารอา้ งอิง บทท่ี 7 การบญั ชีต้นทนุ งานสงั่ ทา 4 ชวั่ โมง ลกั ษณะของการบญั ชีต้นทนุ งานสัง่ ทา บตั รตน้ ทนุ งานสง่ั ทา การบันทกึ บญั ชีตามระบบต้นทนุ งานส่ังทา บทสรปุ แบบฝึกหัดทา้ ยบท เอกสารอ้างอิง บทที่ 8 การบญั ชีต้นทุนกระบวนการ 4 ชั่วโมง ลกั ษณะของการบญั ชีต้นทนุ กระบวนการ ความแตกตา่ งระหว่างระบบการบญั ชีต้นทนุ งานสั่งทาและการบญั ชี ต้นทนุ กระบวนการ การรวบรวมตน้ ทุนตามแผนกผลิต วงจรการบัญชีต้นทนุ กระบวนการ ขน้ั ตอนการบนั ทกึ บัญชตี ้นทนุ กระบวนการ การคานวณหน่วยเทียบเทา่ หนว่ ยทีผ่ ลติ เสรจ็

การจัดทารายงานตน้ ทนุ การผลติ ธ บทสรุป 4 ชวั่ โมง แบบฝกึ หดั ทา้ ยบท 4 ชว่ั โมง เอกสารอา้ งองิ บทที่ 9 การบญั ชีต้นทุนกระบวนการ การคานวณตน้ ทนุ การผลิตเมอ่ื มงี านระหว่างทาต้นงวด การจัดทารายงานต้นทนุ การผลติ ตามวิธถี ัวเฉลยี่ ถว่ งน้าหนกั การจดั ทารายงานต้นทนุ การผลติ ตามวธิ เี ข้ากอ่ น – ออกกอ่ น การจดั ทารายงานต้นทนุ การผลติ เมอ่ื มหี นว่ ยเพม่ิ บทสรปุ แบบฝึกหดั ทา้ ยบท เอกสารอ้างองิ บทท่ี 10 การบญั ชีเก่ียวกบั ผลิตภณั ฑร์ ว่ มและ ผลิตภณั ฑพ์ ลอยได้ ความหมายของผลิตภัณฑ์รว่ ม ลกั ษณะทัว่ ไปของผลิตภณั ฑร์ ่วม การจัดสรรตน้ ทนุ ใหก้ บั ผลติ ภัณฑร์ ว่ ม หลักเกณฑ์ในการจดั สรรตน้ ทุนให้ผลติ ภณั ฑร์ ่วม การตรี าคาสินคา้ คงเหลอื ของผลติ ภณั ฑ์รว่ ม การบนั ทึกบญั ชีเกยี่ วกบั ผลติ ภณั ฑ์ร่วม ความหมายของผลิตภณั ฑพ์ ลอยได้ ลักษณะของผลติ ภัณฑพ์ ลอยได้ การบนั ทกึ บญั ชีเกย่ี วกบั ผลิตภัณฑ์พลอยได้ บทสรุป แบบฝึกหดั ท้ายบท เอกสารอา้ งอิง

น วิธีสอนและกิจกรรม 1. บรรยาย/อภปิ ราย 2. ศึกษาคน้ คว้าดว้ ยตนเองจากเอกสาร ตารา อินเตอรเ์ นต็ 3. ศึกษาต้นทุนผลิตภณั ฑจ์ ากธรุ กิจจรงิ 4. บรรยายสรปุ สาระสาคัญ และตอบข้อซกั ถาม 5. ทาแบบฝึกหัดทา้ ยบท ส่ือการเรยี นการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน 2. ผลิตภณั ฑ์ของจริงและสินคา้ ตัวอย่าง 3. วดี ีทัศน์และรูปภาพ 4. Power point 5. Mind map สรปุ เนื้อหาของแต่ละบท การวดั ผลและประเมินผล 10 คะแนน 10 คะแนน การวดั ผล 40 คะแนน 1. การเกบ็ คะแนนสะสม 40 คะแนน 1.1. การเขา้ ฟงั บรรยาย 100 คะแนน 1.2. การทาแบบฝึกหดั 1.3. การสอบเก็บคะแนน 2. การสอบปลายภาคเรียน รวม

บ การประเมินผล 80 - 100 ไดร้ ะดับ A 75 - 79 ได้ระดับ B+ คะแนนระหว่าง 70 - 74 ไดร้ ะดบั B คะแนนระหว่าง 65 - 69 ไดร้ ะดับ C+ คะแนนระหวา่ ง 60 - 64 ได้ระดับ C คะแนนระหวา่ ง 55 - 59 ได้ระดบั D+ คะแนนระหว่าง 50 – 54 ได้ระดับ D คะแนนระหวา่ ง 0 – 49 ได้ระดับ F คะแนนระหวา่ ง คะแนนระหวา่ ง

แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 1 แนวคิดและความร้ทู วั่ ไปเก่ียวกบั การบญั ชีต้นทนุ หวั ข้อเนื้อหาประจาบท 1. ลกั ษณะของการบัญชตี น้ ทุน 2. หนา้ ทหี่ ลกั ของผ้บู รหิ าร 3. ความหมายของการบญั ชีตน้ ทุน 4. วัตถุประสงค์ของการบญั ชีต้นทุน 5. ความสมั พันธข์ องการบญั ชตี ้นทนุ การบัญชีบรหิ าร และการบญั ชกี ารเงนิ 6. หนา้ ทขี่ องแผนกบญั ชีต้นทุน 7. การพัฒนาการบญั ชีต้นทุนเพอ่ื การบรหิ าร 8. ความหมายของตน้ ทุน 9. การจาแนกประเภทตน้ ทนุ 10.บทสรุป 11.แบบฝึกหดั 12.เอกสารอ้างองิ วตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 1. สามารถบอกความหมายของการบญั ชตี น้ ทนุ และวตั ถปุ ระสงคข์ องการบญั ชี ตน้ ทุน 2. สามารถอธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งการบญั ชตี น้ ทนุ การบญั ชบี รหิ ารและการ บญั ชกี ารเงนิ 3. สามารถอธบิ ายถงึ หนา้ ทขี่ องแผนกบัญชบี ญั ชตี น้ ทุนทม่ี ผี ลตอ่ การดาเนินธรุ กจิ 4. สามารถอธบิ ายการพฒั นาการบัญชีต้นทุนเพื่อการบริหารได้ 5. สามารถอธบิ ายความหมายและจาแนกประเภทของตน้ ทนุ ได้

1 - 2 การบัญชีตน้ ทุน 1 วิธีการสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนประจาบท 1. ชแ้ี จงรายละเอยี ดรายวชิ า วธิ กี ารจดั การเรยี นการสอน การวดั และการ ประเมนิ ผล 2. การบรรยายเน้อื หา 3. ถามตอบในชนั้ เรยี น 4. ศกึ ษาสว่ นประกอบของตน้ ทนุ ผลติ ภณั ฑป์ ระเภทตา่ งๆ 5. ทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบท ส่ือการเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน เร่ือง แนวคิดและความรู้ทั่วไปเก่ียวกับการบัญชี ตน้ ทนุ 2. ชุดการสอน PowerPoint 3. แหลง่ เวบ็ ไซดท์ เี่ ก่ียวขอ้ งจากอินเทอร์เนต็ 4. ตวั อยา่ งงบการเงนิ ของบริษทั ทจี่ ดทะเบยี นในตลาดหลกั ทรพั ยแ์ หง่ ประเทศไทย การวดั ผลและการประเมินผล 1. สงั เกตความสนใจขณะฟงั บรรยายและการตอบคาถาม 2. สงั เกตจากการทาแบบฝึกหดั ในชนั้ เรยี น 3. สงั เกตจากพฤตกิ รรมความสนใจ และการรว่ มกจิ กรรมในชนั้ เรยี น 4. ประเมนิ ผลจากการทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบท

บทท่ี 1 แนวคิดและความรู้ทัว่ ไปเกี่ยวกับการบญั ชีต้นทนุ 1 - 3 บทที่ 1 แนวคิดและความรทู้ วั่ ไปเกี่ยวกบั การบญั ชีต้นทุน การบรหิ ารองคก์ รไม่ว่าจะเป็นธุรกิจให้บริการ ธุรกิจซ้ือขายสินค้าและธุรกิจผลิตสินค้า ล้วนแล้วแต่มีต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดาเนินงานแทบทั้งสิ้น ดังนั้น การบัญชี ตน้ ทนุ จึงเรม่ิ ตน้ ต้ังแต่เรม่ิ กระบวนการท่ีมกี ารใหบ้ รกิ ารลกู คา้ สาหรบั ธรุ กิจการใหบ้ ริการ สาหรบั ธุรกิจซื้อขายสินค้าจะเร่ิมเมื่อมีการจัดหาและซ้ือสินค้า จนกระทั่งขายสินค้าให้กับลูกค้า ส่วน ธุรกจิ ทีท่ าการผลติ สนิ คา้ จะเริ่มเมือ่ มกี ารจดั หาปจั จยั การผลิตตา่ งๆ ทีใ่ ช้ในการผลิตสินค้า เช่น วัตถุดิบ แรงงานและเครื่องมือเครื่องใช้ที่ต้องใช้สาหรับผลิตสินค้า และนาสิ่งเหล่าน้ีเข้าสู่ กระบวนการผลิต โดยมีหัวหน้าแผนกผลิต หรือวิศวกรที่อยู่ในกระบวนการผลิตเป็นผู้เลือก กรรมวิธีการผลิตวา่ ควรใชว้ ิธีใดเป็นวธิ ที ่ีประหยดั ต้นทุน แต่ให้ผลประโยชน์มีประสิทธิภาพมาก ทสี่ ุด หวั หน้าแผนกผลติ จะเป็นผู้เลอื กวา่ จะใช้วัตถุดบิ ใด จานวนเทา่ ใด เพื่อนามาใช้ในการผลิต สินค้า แรงงานที่ใช้เป็นคนงานกลุ่มไหน และจะใช้เคร่ืองจักรอย่างไรในการผลิตสินค้า เพื่อให้ การทางานมีประสิทธิภาพมากที่สุด ธุรกิจแต่ละประเภทควรจะกาหนด ให้ได้ว่าในแต่ละ กระบวนการผลิตมีการใช้จานวนวัตถดุ ิบและชั่วโมงแรงงานท่ีใช้ในการผลิตสินค้าจานวนเท่าใด หรือเวลาที่ใช้ในการทางานของเคร่ืองจักรจะต้องใช้เวลากี่ชั่วโมง โดยกาหนดให้เป็นข้อมูล วตั ถุดบิ มาตรฐาน ค่าแรงงานมาตรฐาน รวมไปถงึ คา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ มาตรฐาน ท่ีควรจะนาไปใช้ เป็นเกณฑ์ในการคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์ท่ีกาหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อกาหนดเป็นต้นทุน มาตรฐานสาหรบั การผลติ สินค้าแต่ละชนิดต่อไป ช่วยให้ผู้บริหารสามารถนาข้อมูลไปใช้ในการ วางแผนและควบคุมได้ง่ายข้ึน รวมถึงนาข้อมูลนี้ไปใช้ประกอบการตัดสินใจในเร่ืองท่ีเก่ียวกับ การดาเนินธุรกจิ ลกั ษณะของการบญั ชีต้นทนุ การคานวณต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายจากการดาเนินธุรกิจแต่ละประเภท ซึ่งมีทั้งต้นทุน สินค้าท่ีผลิต ต้นทุนการให้บริการ หรือต้นทุนสินค้าที่ซื้อมาเพื่อขาย ต้นทุนเหล่าน้ีกิจการ ตอ้ งการคานวณเพอื่ นาไปใช้วัดผลการดาเนินงานให้กับกิจการ ว่ามีกาไรหรือขาดทุนจากการ ดาเนินงานจานวนเท่ากับเท่าใด สาหรับกิจการซื้อขายสินค้าจะคานวณต้นทุนสินค้าที่ขายจาก ผลคูณของปริมาณการขายกับต้นทุนของสินค้าที่ซ้ือมาตามใบกากับสินค้า แต่ถ้าเป็นกิจการ ผลิตสินค้าจะคานวณต้นทุนการผลิตหรือต้นทุนผลิตภัณฑ์จากต้นทุนของวัตถุดิบ ค่าแรงงาน และคา่ ใชจ้ า่ ยต่างๆ ที่เก่ียวข้องกับกระบวนการผลิตสินค้า แต่อาจมีปัญหาในเร่ืองการคานวณ

1 - 4 การบัญชีตน้ ทนุ 1 ต้นทุนสนิ คา้ เนอ่ื งจากสินค้าทผ่ี ลติ เสร็จ ที่เรยี กว่า สินค้าสาเร็จรูป (Finished Goods) กับสินค้า ที่อยู่ในระหว่างกระบวนการผลิต หรอื เป็นสินค้าที่เข้าสู่กระบวนการผลิตแล้วแต่ยังไม่เสร็จเป็น สนิ คา้ สาเรจ็ รูป ท่ีเรียกว่า งานระหว่างผลติ หรอื งานระหว่างทา (Work In Process) การคานวณต้นทุนของวัตถุดิบ ค่าแรงงาน และค่าใช้จ่ายการผลิตท่ีเกิดข้ึนใน กระบวนการผลิตดังกล่าว กิจการต้องมีวิธีการเก็บรวบรวมและทาการบันทึกข้อมูลเพื่อนามา คานวณหาต้นทุนสินค้าท่ีผลิต และต้นทุนสินค้าท่ีขาย ดังน้ัน กิจการจึงจาเป็นต้องใช้วิธีการ ทางการบญั ชที ่มี คี วามสมั พันธ์กันกบั กระบวนการผลติ สนิ ค้า ซง่ึ การบญั ชที ีม่ ีลกั ษณะเชน่ นี้ เป็น ส่วนหนึ่งของการบัญชีต้นทนุ (Cost Accounting) แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกการบัญชีต้นทุนเป็นเพียงส่วนประกอบของการบัญชี การเงิน (Financial Accounting) เพราะกิจการผลิตสินค้าได้มีการกาหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ เกย่ี วกับต้นทุนเพ่อื ใช้ในการคานวณหาผลกาไรหรอื ขาดทนุ จากการดาเนนิ งาน และตีมลู คา่ ของ สินค้าคงเหลอื แตต่ ่อมาเม่อื กจิ การขยายตัวใหญ่ขน้ึ ฝา่ ยบริหารตอ้ งการทจ่ี ะใชข้ ้อมลู ตน้ ทุนใน การวางแผน ควบคุมและใช้ตัดสินใจปัญหาต่างๆ ในการดาเนินงาน จึงมีการศึกษาและ พจิ ารณาเทคนิคต่างๆ ท่ีจะนาการบญั ชตี น้ ทนุ ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการบริหารมากข้ึน ทาให้เกิด การบัญชีบริหาร หรือ การบัญชีเพ่ือการจัดการ (Managerial Accounting) ด้วยเหตุน้ี การศึกษาวิชาการบัญชีต้นทุนจึงสัมพันธ์เช่ือมโยงกับวิชาการบัญชีการเงินและวิชาการบัญชี บริหาร นอกจากนี้ สภาพการแขง่ ขันในตลาดในปัจจุบนั ได้มกี ารเปล่ียนแปลงไปจากเดิม ทาให้ กิจการแต่ละแหง่ จาเป็นตอ้ งปรับเปลย่ี นรูปแบบการบริหารธรุ กิจและกรรมวิธขี องการผลิต เป็น เหตุให้เกิดการพัฒนาวิชาการบัญชีต้นทุนท่ีมีมาแต่เดิม (Traditional Costing) เป็นการบัญชี ต้นทุนเพื่อใช้สาหรับการบริหาร หรือเป็นการบริหารต้นทุน (Managerial Costing หรือ Cost Management) ท่ีอยู่ในกิจการ ดังนั้นในบทนี้จะกล่าวถึงรายละเอียดต่างๆ ท่ีเกี่ยวกับแนวคิด และความรู้ทั่วไปของการบัญชีต้นทุน ซึ่งมีหัวข้อย่อย ได้แก่ ความสาคัญของการบัญชีในการ บริหารธุรกิจ วัตถุประสงค์ของการบัญชีต้นทุน ความแตกต่างระหว่างการบัญชีต้นทุน การ บัญชีบรหิ าร และการบญั ชกี ารเงิน และ การพฒั นาการบญั ชีต้นทนุ เพื่อการบริหาร หน้าที่หลกั ของผ้บู ริหาร การบริหารองค์การธุรกิจใดๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการผลิต การจาหน่าย หรือการ ใหบ้ รกิ าร จะตอ้ งทราบวตั ถุประสงคห์ รือเป้าหมายในการดาเนินธุรกิจ ซึง่ อาจจะแตกต่างกันไป ตามสภาพแวดล้อมขององคก์ รธุรกิจนั้น บางแห่งตอ้ งการกาไรสงู สุด บางแหง่ ตอ้ งการเป็นผู้นา ในตลาดโดยมกี าไรพอประมาณ บางแห่งตอ้ งการให้บริการแก่ชุมชนโดยไม่หวังผลกาไร เช่น ในองค์การสาธารณกุศลต่างๆ แต่ไม่ว่าองค์การน้ันจะมีเป้าหมายอย่างไร ฝ่ายบริหารจะมี

บทที่ 1 แนวคดิ และความร้ทู ่ัวไปเกีย่ วกับการบัญชีต้นทุน 1 - 5 หน้าที่หลักในการบริหารธุรกิจ 4 ประการ ดังน้ี (ปรับปรุงจากดวงมณี โกมารทัต, 2559 : 2 และ สมนึก เอื้อจริ ะพงษ์พันธ์, 2557 : 10) 1. การวางแผน การวางแผน (Planning) หมายถึง การกาหนดวัตถุประสงค์ของการดาเนินธุรกิจ และกาหนดแนวทางในการปฏิบัติงานเพ่ือให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ท่ีกาหนดไว้ รวมถึงการ วิเคราะห์ปัจจยั หรอื สภาพแวดลอ้ มต่างๆ ของธุรกิจ ซ่ึงปัจจัยต่างๆ เหล่าน้ีมีผลต่อการกาหนด เปา้ หมายสาหรับการปฏิบัติงานขององค์การ และส่งผลต่อการวางแผนธุรกิจในอนาคต ปัจจัย ท่ีมากระทบกบั ธุรกิจมที ั้งปจั จยั ภายในและปัจจยั ภายนอก เชน่ สภาพทางเศรษฐกิจ สภาพการ แขง่ ขัน การเปล่ียนแปลงทางเทคโนโลยี การเมือง รสนิยมของผู้บริโภค ส่วนปัจจัยภายใน เช่น ลักษณะของสินค้า ส่วนประกอบของต้นทุนสินค้า นโยบายทางการตลาด นโยบายท่ีเกี่ยวกับ การผลิตสินคา้ กาลังการผลิตของเคร่ืองจักร เป็นต้น ดังนั้น เม่ือพิจารณาปัจจัยต่างๆ ข้างต้น กจิ การจึงตอ้ งมีการวางแผน คิดกลยทุ ธ์ วธิ กี ารและแนวทางในการปฏิบัติ ตลอดจนแผนการใช้ ทรพั ยากรเพอ่ื ให้บรรลุเป้าหมายขององคก์ รตามท่วี างไว้ 2. การจดั การองคก์ าร การจดั การองค์การ (Organizing) หมายถึง การจัดกลุ่มงานให้เป็นหน่วยงานย่อย เชน่ แผนก สาขา เขตการขาย เปน็ ต้น แลว้ ผู้บริหารมีหน้าท่ีจัดสรรทรัพยากรต่างๆ เข้าไปใน กลุ่มงานเหล่าน้ัน มีการมอบหมายงาน มีการแบ่งอานาจหน้าที่และความรับผิดชอบให้แก่ ผู้บริหารและพนกั งานระดับต่างๆ เพ่อื ให้เขาทราบขอบเขตในการปฏิบัติงานที่ชัดแจนแน่นอน โดยไม่มกี ารทางานซ้าซอ้ นหรอื กา้ วก่ายหนา้ ทีซ่ ่ึงกันและกัน การจัดองค์การท่ีดีควรก่อให้เกิด การประสานงานในระหว่างหน่วยงานด้วยกัน เพ่อื ให้บรรลุเปา้ หมายหรือเป็นไปตามแผนงานที่ ได้กาหนดไว้ โดยท่ัวไปกิจการจะกาหนดหนา้ ทแ่ี ละความรบั ผิดชอบของผบู้ ริหารระดบั ตา่ งๆ ไว้ ในโครงสร้างการจัดองค์การ (Organization Chart) ดังแสดงในภาพที่ 1.1 ซึ่งเป็นตัวอย่าง โครงสรา้ งการจัดองค์การของกจิ การประเภทผลิตสินค้า

1 - 6 การบัญชตี น้ ทุน 1 ผ้ถู ือห้นุ คณะกรรมการบรหิ าร ประธาน รองประธาน รองประธาน รองประธาน รองประธาน รองประธาน ฝา่ ยตลาด ฝ่ายบุคคล ฝ่ายผลติ ฝา่ ยวศิ วกรรม ฝา่ ยบญั ชแี ละการเงิน หัวหนา้ แผนกขนึ้ รปู ผ้อู านวยการการเงนิ ผูอ้ านวยการบัญชี สายการผลิต หัวหนา้ แผนกบรรจหุ ีบหอ่ หัวหนา้ แผนกอบ หวั หน้าแผนกประกอบ สายบริหาร หัวหนา้ แผนก หวั หน้าแผนก หัวหนา้ แผนก หัวหนา้ แผนก หัวหน้าแผนก ตรวจรบั ของ คลังสนิ คา้ ควบคมุ การผลิต ซอ่ มแซม ตรวจสอบคณุ ภาพ ภาพท่ี 1.1 โครงสรา้ งองคก์ ารสาหรับกจิ การผลติ สนิ คา้ 3. การควบคมุ การควบคุม (Controlling) หมายถึง การกาหนดวิธีการดาเนนิ งานในการตรวจสอบ สง่ิ ท่ีทาหรอื กิจกรรมท่ีทาว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร และวัดหรือประเมินผลการปฏิบัติงานจริงกับ แผนงานเพื่อพิจารณาว่ามีความแตกต่างหรือไม่ มากน้อยเพียงใด มีการวิเคราะห์สาเหตุของ ผลแตกตา่ งนน้ั แลว้ นาไปปรับปรุงแก้ไข แผน หรือวิธีปฏิบัติงาน เพื่อหาแนวทางให้ถูกต้องและ เหมาะสมมากขน้ึ กับสภาพการณข์ องธรุ กิจในขณะนน้ั 4. การตดั สินใจ การตัดสินใจ (Decision Making) เป็นกระบวนการที่ผู้บริหารกาหนดปัญหาและ โอกาสขององค์การธุรกิจ เสนอทางเลือกและเลือกทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ภายใต้สถานการณ์ ณ ขณะนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายรวมขององค์การ การตัดสินใจเกิดขึ้นท้ังในสภาพการณ์ปกติ และหรอื ในกรณที มี่ ปี ญั หาเรง่ ดว่ นหรอื เหตกุ ารณ์เฉพาะหนา้

บทท่ี 1 แนวคิดและความร้ทู ว่ั ไปเกย่ี วกับการบัญชีตน้ ทนุ 1 - 7 ความหมายของการบญั ชีต้นทุน การดาเนินธุรกิจเพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายในภาพรวมขององค์กร ฝ่าย บรหิ ารจาเปน็ ตอ้ งทราบขอ้ มลู ตา่ งๆ ที่เกิดข้ึนในการดาเนินงาน ซึ่งข้อมูลเหล่าน้ีจะมีท้ังท่ีเป็น ขอ้ มลู จากภายในกจิ การ และ ข้อมูลจากภายนอกกิจการ หรือเป็นข้อมูลที่เป็นตัวเงิน และไม่ เป็นตัวเงิน สาหรับข้อมูลภายในกิจการนั้นจะมาจากหน่วยงานต่างๆ ที่อยู่ในองค์กร เช่น ข้อมลู เก่ยี วกบั การผลติ สนิ ค้าจากแผนกผลติ ข้อมลู ทางการเงนิ จากแผนกบัญชี ข้อมูลเกี่ยวกับ กาลังการผลิตจากแผนกผลิต หรือข้อมูลเกี่ยวกับการพยากรณ์ปริมาณสินค้าท่ีขายจากแผนก ขาย เป็นต้น โดยปกติแผนกบัญชีจะเป็นผู้รวบรวมข้อมูลจากแผนกต่างๆ ในกิจการ แล้ว นาเสนอตอ่ ฝ่ายบรหิ าร ฝ่ายบริหารจะนาขอ้ มลู เหลา่ น้มี าเปน็ ข้อมูลพ้นื ฐานในการวางแผนธรุ กิจ ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นแผนการตลาด แผนการขาย แผนการผลิต แผนกาลังคน แผนทาง การเงนิ เปน็ ตน้ หลังจากกจิ การไดม้ กี ารดาเนินงานไประยะเวลาหน่ึง ผู้บริหารควรท่ีจะมีการ ควบคุมดูแลติดตาม และประเมิน ผลการปฏิบัติงานที่เกิดข้ึนจริงว่ามีส่วนแตกต่างไปจาก ที่ วางแผนงานไว้หรือไม่ อย่างไร รวมท้ังพิจารณาว่ามีส่วนใดบ้างท่ีควรจะได้รับการปรับปรุง แก้ไขใหด้ ขี ึน้ นอกจากนี้ฝา่ ยบริหารยังนาข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจปัญหาต่างๆ ทั้งท่ีเกิดข้ึน เป็นประจาหรืออาจจะเกดิ ข้ึนเป็นครัง้ คราว หน้าท่ีสาคัญของการบัญชี คือ การเก็บรวบรวมข้อมูลทางการเงินซึ่งเก่ียวข้องกับ หน่วยงานต่างๆ ของกจิ การ โดยจัดให้มกี ารจดบันทึกรายการหรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับข้อมูล ทางการเงินไว้ในรูปของหน่วยเงินตรา จัดหมวดหมู่รายการเหล่าน้ัน สรุปผลและจัดทาเป็น รายงานการเงินเสนอต่อบคุ คลภายนอกและภายในกิจการ (ดวงมณี โกมารทัต, 2559 : 4) ซึ่ง บคุ คลภายนอก ไดแ้ ก่ เจ้าหนี้ ผ้ลู งทนุ กรมสรรพากร รฐั บาล ธนาคาร เป็นต้น ซึ่งบุคคลเหล่าน้ี ย่อมต้องการข้อมูลทางการบัญชีไปใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับ การได้รับผลตอบแทนที่ตนจะ ได้รับจากการเข้าไปมีส่วนได้เสียในกิจการ ส่วนบุคคลภายใน เช่น ผู้จัดการ ผู้บริหารและ พนกั งานต่างๆ จะนาข้อมูลทางการบัญชีไปวางแผน ควบคุม และตัดสินใจปัญหาต่างๆ ที่ เกดิ ข้นึ จากการดาเนินธุรกิจ ดังน้ัน จะเห็นได้ว่าบุคคลต่างๆ เหล่านี้มีวัตถุประสงค์ในการใช้ ขอ้ มลู ทางการบัญชแี ตกต่างกัน จึงมีการจาแนกประเภทการบัญชีเป็น 3 ประเภท คือ การ บญั ชีการเงนิ การบญั ชีบรหิ าร และการบัญชีตน้ ทุน การบัญชแี ต่ละประเภทกม็ ีความหมายและ ลักษณะท่ีเหมือนและแตกตา่ งกนั ในบางเรือ่ ง จะขออธบิ ายในรายละเอียด ดงั นี้ การบัญชีการเงิน (Financial Accounting) เป็นการบัญชีท่ีเน้นการบันทึกบัญชี กระบวนการผา่ นบญั ชี การจดั ทางบการเงนิ เพอ่ื แสดงผลการดาเนินงานและฐานะการเงินของ กจิ การ ขอ้ มลู ทางบัญชกี ารเงนิ ใช้สาหรับบคุ คลภายในและบุคคลภายนอก มาตรฐานการบญั ชีท่ี ใช้ในการปฏบิ ตั ิ (กชกร เฉลมิ กาญจนา, 2557 : 3) ดังนั้น จะเห็นได้ว่า การบัญชีการเงินจะต้อง มีการมีการวางกฎเกณฑ์และวิธีปฏิบัติทางการบัญชี โดยการใช้หลักการบัญชีท่ีรับรองกัน

1 - 8 การบัญชตี น้ ทุน 1 โดยทั่วไป (Generally Accepted Accounting Principal : GAAP) (ดวงมณี โกมารทัต, 2559 : 4) ในปัจจุบันประเทศไทยได้ใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินของไทย (Thai Financial Reporting Standard : TFRS) เป็นหลักในการจัดทางบการเงินของกิจการท่ีทาให้ ประเทศไทย ท้ังน้ีเพอ่ื ปกป้องและรกั ษาผลประโยชน์ของผู้ใช้งบการเงินภายนอก (สภาวิชาชีพ การบญั ช,ี 2559) การบัญชีบริหาร หรือ การบัญชีเพื่อการจัดการ (Managerial Accounting) เป็นการ บัญชีแขนงหนึ่ง ท่ีประกอบด้วย ขบวนการแจกแจง การวัด การวิเคราะห์ การจัดเตรียม การ แปลความหมาย และการสื่อสารของข้อมูลทางการบัญชีซ่ึงใช้ภายในองค์การ เพื่อให้ผู้บริหาร หรือผู้มีอานาจในองค์การใช้ในการวางแผน การตัดสินใจรวมถึงการประเมินผล การควบคุม ภายในองค์การและการกากับดูแล (ศศิวิมล มีอาพล, 2558 : 2) นั่นคือ การบัญชีบริหาร เป็น การจัดทาขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือช่วยให้ผู้บริหารดาเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงใน การน้ีจะมีการจัดทารายงานทางการเงินและการบัญชีในลักษณะและรูปแบบต่างๆ กัน ท้ังน้ี ขน้ึ กบั ความต้องการของฝา่ ยจดั การหรือผบู้ ริหารในระดับตา่ งๆ ขอ้ มลู ดังกล่าวนอ้ี าจนาไปใชใ้ น การตดั สินใจแก้ไขปญั หาต่างๆ ทัง้ น้ีเกดิ ขน้ึ เป็นประจาหรือเปน็ กรณพี ิเศษ (ดวงมณี โกมารทัต, 2559 : 4) การบัญชีต้นทุน (Cost Accounting) เป็นการบัญชีท่ีบันทึกและจัดทารายงานการวัด ค่าของต้นทุนในการผลิตสินค้าและการให้บริการ ขอบเขตงานของการบัญชีต้นทุน จึงได้แก่ การรวบรวมขอ้ มูลต้นทุน บันทึกแยกประเภท แบ่งสรรหรือปันส่วน สะสมและจัดทารายงาน เกี่ยวกบั ต้นทนุ ในลกั ษณะตา่ งๆ ตามความประสงคข์ องฝา่ ยจัดการ (ดวงมณี โกมารทัต, 2559 : 5) นอกจากน้ี สมนึก เอื้อจิระพงษ์พันธ์ (2557 : 4) ได้เพ่ิมเติม ในส่วนของข้อมูลทางด้าน ต้นทุนน้ันเป็นการสะสมข้อมูลทางด้านต้นทุนท่ีเป็นข้อมูลท่ีเกิดขึ้นในอดีต โดยมีวัตถุประสงค์ พื้นฐานในการคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์ รวมท้ังประมาณมูลค่าของสินค้าคงเหลือ นอกจากนี้ การบัญชตี ้นทนุ ยงั เป็นสว่ นทเี่ กี่ยวข้องกับการประมาณหรือการพยากรณ์ต้นทุนที่จะเกิดข้ึนใน อนาคตเพื่อการตัดสินใจ การจัดทารายงานทางการเงินและนาข้อมูลไปวิเคราะห์ และจาแนก ข้อมูลเพื่อนาไปใช้ในการบริหารต้นทุน (Cost Management) ตามความต้องการของผู้บริหาร ซ่งึ ในสว่ นนจ้ี ะเขา้ มามบี ทบาทเพ่ือการตัดสนิ ใจของฝา่ ยบริหาร วตั ถปุ ระสงคข์ องการบญั ชีต้นทนุ การบัญชีต้นทุนในอดีตนามาใช้เพ่ือวัตถุประสงค์ในการคานวณต้นทุนสินค้าหรือการ บริการ ซ่ึงจะถือเป็นส่วนประกอบเพ่ือนาไปคานวณหาต้นทุนขาย และแสดงเป็นรายการหัก ออกจากยอดขายในงบกาไรขาดทนุ และตีราคาสินค้าคงเหลือเพ่ือนาเสนอรายการในงบแสดง ฐานะการเงนิ งบการเงนิ ทงั้ งบกาไรขาดทนุ และงบแสดงฐานะการเงินเป็นงบท่ีกิจการจัดทาข้ึน

บทท่ี 1 แนวคดิ และความรู้ท่ัวไปเก่ียวกับการบญั ชีต้นทนุ 1 - 9 เพื่อเสนอข้อมูลให้กับบุคคลภายนอก แต่ข้อมูลดังกล่าวอาจไม่เพียงพอสาหรับผู้บริหารซึ่ง ต้องการข้อมูลต้นทุนไปใช้เพ่ือวางแผน ควบคุมและตัดสินใจ ดังนั้น ในปัจจุบันจึงมีการ ออกแบบการบัญชตี ้นทุนเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการด้วย ซ่ึงอาจกล่าวได้ว่าการบัญชี ต้นทุนเกิดขึ้นเพ่ือวัตถุประสงค์หลัก 6 ประการดังต่อไปนี้ (ปรับปรุงจากดวงมณี โกมารทัต, 2559 : 5) 1. เพ่ือใช้ในการคานวณต้นทุนการผลิตสินค้าหรือการบริการ (Product or Service Costing) สาหรบั กจิ การที่ทาการผลติ สินคา้ ก็จะนาต้นทุนที่คานวณได้ไปตีราคาสินค้าคงเหลือ (Inventory Valuation) ซ่ึงประกอบด้วย วัตถุดิบคงเหลือ งานระหว่างทาคงเหลือและสินค้า คงเหลือเพอื่ แสดงไว้ในงบแสดงฐานะการเงนิ ณ วนั สน้ิ งวดบญั ชี 2. เพื่อใชใ้ นการวดั ผลการดาเนนิ งานประจางวด (Income Determination) การวัดผล กาไรหรือขาดทุนของธุรกิจ จะคานวณได้ก็ต่อเม่ือกิจการทราบต้นทุนสินค้าท่ีขายได้ หรือ ต้นทุนขาย (Cost of Goods Sold) ซึ่งต้นทุนขายจะเป็นเท่าใดนั้น จะขึ้นอยู่กับต้นทุนการ ผลิตท่ีคานวณได้ตามข้อ 1 ทั้งรายการต้นทุนขายและผลการดาเนินงานจะแสดงในงบกาไร ขาดทุนประจางวดของกิจการ 3. เพอ่ื ใชใ้ นการวางแผนและควบคุม (Planning and Controlling) การดาเนินงานของ ฝ่ายบริหารอาจมีการวางแผนงานล่วงหน้า โดยการจัดทางบประมาณแต่ละประเภทของทั้ง กิจการหรือแยกทาเป็นแผนกใดแผนกหน่ึง เม่ือถึงส้ินงวดพนักงานบัญชีก็จะเก็บข้อมูลท่ีเกิดขึ้น จริงมาเปรียบเทียบกับงบประมาณท่ีเกี่ยวข้องตามที่ไว้กาหนดไว้ ซึ่งอาจมีผลต่างเกิดขึ้น ซึ่ง ผลต่างมีทัง้ นา่ พอใจ (Favorable Variance) และไมน่ ่าพอใจ (Unfavorable Variance) หลังจาก นั้น ต้องมาวิเคราะหห์ าสาเหตวุ า่ เป็นเพราะอะไร แลว้ ทาการปรบั ปรงุ และแกไ้ ขปัญหาที่เกิดขึ้น นัน้ 4. เพ่ือใช้ในการกาหนดราคาขายของสินค้าหรือการบริการ ธุรกิจบางประเภท เช่น ธรุ กจิ รับเหมากอ่ สรา้ ง อซู่ อ่ มรถยนต์ หรอื รบั คาสง่ั ซ้ือพิเศษจากลูกคา้ ทมี่ ีลกั ษณะที่แตกตา่ งจาก สนิ ค้าทข่ี ายในตลาด เป็นต้น กิจการเหล่าน้ีจาเป็นต้องประมาณการต้นทุนของสินค้าหรือการ บริการขึ้นมาก่อนการผลิตจริง เพ่ือนาข้อมูลต้นทุนที่ประมาณการข้ึนเป็นฐานในการกาหนด ราคาขายเพื่อเสนอต่อลูกค้า หรือใช้ในการประมูลงานต่างๆ เพ่ือแข่งขันกับคู่แข่ง ปกติผู้ที่ ประมูลงานได้มักเป็นผู้ที่เสนอราคาต่าสุด ในกรณีที่กิจการไม่ทราบต้นทุนการผลิต ก็อาจ ประมูลงานนน้ั ไม่ไดเ้ พราะเสนอราคาที่สูงเกนิ ไป หรือถา้ ประมูลไดก้ ็อาจประสบกับการขาดทุน เนือ่ งจากเสนอราคาขายท่ีตา่ กว่าตน้ ทนุ จรงิ ทเ่ี กิดข้นึ 5. เพือ่ ใช้เป็นเคร่ืองมือสาหรับการตัดสินใจ (Decision Making Tools) ท้ังในปัญหาท่ี เกิดข้ึนเป็นประจาหรอื ปัญหาทเี่ กดิ ข้นึ เปน็ คร้ังคราว เชน่ การกาหนดจานวนวัตถุดิบท่ีจะสั่งซ้ือ การยกเลิกหรอื การเพ่มิ สายผลติ ภณั ฑ์ (Product Lines) หรือหนว่ ยงานยอ่ ย การตัดสนิ ใจขยาย กาลงั การผลิตหรอื ลดกาลังการผลิตของโรงงาน หรอื การปิดโรงงานช่วั คราว เปน็ ต้น

1 - 10 การบัญชีตน้ ทนุ 1 6. เพ่ือใช้ในการประเมินผลการดาเนินงานของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หรือ ทรัพยากรที่ใช้ในการดาเนินธุรกิจเพื่อพิจารณาประสิทธิภาพ (Efficiency) และ ประสิทธิผล (Effective) ในการปฏิบัติงานของหน่วยงานหรือทรัพยากรเหล่าน้ัน ซึ่งอาจพิจารณาจาก รายงานเปรียบเทียบผลแตกต่าง (Variance Reports) ระหว่างผลการปฏิบัติงานจริงกับ งบประมาณที่กาหนดไว้ประจางวด ซึ่งอาจจะแสดงเปน็ รายวนั รายสปั ดาห์หรอื รายเดอื นแลว้ แต่ กรณี จากวตั ถปุ ระสงคข์ องการบญั ชีต้นทนุ จะเห็นไดว้ ่า วัตถปุ ระสงค์ 2 ข้อแรกจะสนองต่อ ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ข อ ง ผู้ บ ริ ห า ร ใ น ก า ร ท่ี จ ะ น า ข้ อ มู ล ไ ป ใ ช้ ใ น ก า ร จั ด ท า ง บ ก า ร เ งิ น เ ส น อ ต่ อ บคุ คลภายนอกใหถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การบัญชีท่ีรับรองกันท่ัวไป ส่วนวัตถุประสงค์ท่ีเหลือ 4 ข้อ หลัง จะสนองความต้องการข้อมูลของผู้บริหารในระดับต่างๆ ซึ่งมีความต้องการใช้ข้อมูลใน ลักษณะแตกตา่ งกนั ดังนัน้ หลักเกณฑ์ในการรวบรวม และสรุปผลข้อมูลจึงอาจจะแตกต่างไป จากหลักการบัญชีที่ยอมรับกันท่ัวไป ดังน้ัน จึงสรุปได้ว่าข้อมูลท่ีได้จากการบัญชีต้นทุนจะใช้ เป็นข้อมลู พื้นฐานในการจัดทางบการเงินเสนอต่อบุคคลภายนอก (การบัญชีการเงิน) และใช้ จดั ทารายงานภายใน (Internal Report) เพอ่ื เสนอตอ่ ฝา่ ยบริหาร (การบญั ชีบริหารหรือบัญชี เพอื่ การจดั การ) ซึ่งการบญั ชีตน้ ทุน การบัญชกี ารเงนิ และการบญั ชีบริหาร มีความสัมพันธ์กัน ดงั แสดงในภาพท่ี 1.2 การบัญชกี ารเงนิ การบัญชีตน้ ทนุ การบญั ชบี รหิ าร ภาพท่ี 1.2 ความสัมพันธร์ ะหวา่ งการบัญชตี น้ ทุน การบญั ชีการเงนิ และการบัญชีบริหาร ทมี่ า: (สมนกึ เอ้ือจริ ะพงษ์พนั ธ์, 2557 : 7)

บทที่ 1 แนวคิดและความรทู้ ัว่ ไปเกี่ยวกับการบญั ชีตน้ ทนุ 1 - 11 ความสมั พนั ธร์ ะหว่างการบญั ชีต้นทนุ การบญั ชีบริหารและการบญั ชีการเงิน การบญั ชีแต่ละประเภทมีความสมั พนั ธ์กนั ในบางเรือ่ ง และแตกตา่ งกนั ในบางเรื่องดงั ได้ กล่าวแล้วข้างต้น ซ่ึงความสัมพันธ์ในที่นี้ จะกล่าวถึงความสัมพันธ์แยกเป็นส่วนๆ ซึ่ง ประกอบด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างการบัญชีต้นทุนและการบัญชีบริหาร และความสัมพันธ์ ระหวา่ งการบญั ชีตน้ ทนุ และการบัญชีการเงนิ ดังนี้ (ปรับปรุงจากดวงมณี โกมารทัต, 2559 : 9) 1. การบญั ชีต้นทุนและการบญั ชีบริหาร เมื่อพิจารณาความแตกต่างระหว่างการบัญชีต้นทุนและการบัญชีบริหาร มีตารา หลายเล่มกล่าวว่าการบัญชีต้นทุนเป็นส่วนหนึ่งของการบัญชีบริหาร เพราะมีวัตถุประสงค์ คล้ายกันในเร่ืองของการจัดทารายงานต่างๆ เพื่อสนองความต้องการของผู้บริหาร แต่ถ้า พิจารณาข้อแตกต่างระหว่างกันแล้ว จะมีความแตกต่างกันในด้านของการจัดทาบัญชี การ บัญชีต้นทุนจะเน้นไปที่การประมวลผล (Processing) และประเมินค่า (Evaluation) ข้อมูล ต้นทุนจะเก่ยี วกับการผลิตสนิ ค้าและการบริการ ตลอดจนตน้ ทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้น ในการดาเนินงาน หรือเป็นการบญั ชที ี่เกิดขนึ้ เพอื่ ค้นหาต้นทนุ แตส่ าหรบั การบญั ชีบรหิ ารเนน้ ไปที่เร่ืองของการวิเคราะห์และใช้ข้อมูลต้นทุนเป็นเคร่ืองมือสาคัญเพ่ือใช้ในการบริหารธุรกิจ เนื่องจากวธิ ีการประมวลผล ประเมนิ คา่ และใช้ประโยชน์มีความสัมพนั ธเ์ กีย่ วเนอื่ งซงึ่ กันและกนั ตาราการบัญชีต้นทุนบางเล่มได้อธิบายเนื้อหาต้ังแต่กระบวนการ ประมวลผล ประเมินค่า จนถึงการใช้ต้นทุนใหเ้ ป็นประโยชนต์ อ่ การบริหารดว้ ย (สมนกึ เอ้ือจิระพงษ์พันธ์, 2557 : 4) ใน ทานองเดียวกัน ตาราการบัญชีบรหิ ารบางเล่มก็อธบิ ายวธิ ีการประมวลผล ประเมินค่าพร้อมๆ ไปกับการใช้ต้นทุน ดังนน้ั จึงเปน็ การยากทจี่ ะแยกเนอ้ื หาของการบญั ชที ้งั 2 ประเภทออกจาก กันโดยเด็ดขาด สาหรบั เอกสารประกอบการสอนเลม่ นจ้ี ะเน้นไปในการประมวลผลและประเมิน ค่าของต้นทุนในการผลิตสินค้าและบริการมากกว่าการใช้ต้นทุนเพ่ือประโยชน์ในการบริ หาร สาหรบั เนอื้ หาเกยี่ วกบั การใชข้ ้อมูลต้นทนุ เพือ่ การบรหิ าร จะไปอยใู่ นเนอ้ื หาการบัญชีต้นทุน 2 หรือ การบัญชบี ริหาร หรอื การบญั ชีตน้ ทนุ เพื่อการบริหาร 2. การบญั ชีต้นทุนและการบญั ชีการเงิน การบัญชีต้นทุนเป็นเหมือนข้อมูลพื้นฐานท่ีสนับสนุนท้ังการบัญชีการเงินและการ บัญชบี ริหาร นน่ั คือ เม่อื นกั บัญชีตอ้ งการขอ้ มลู ต้นทุนเพ่อื นามาใชใ้ นการจัดทางบการเงินเพ่ือ เสนอต่อบุคคลภายนอก นักบัญชีจะต้องยึดหลักและแนวปฏิบัติของการบัญชีการเงินโดย เคร่งครัด ตอ้ งเปน็ ไปตามมาตรฐานการบญั ชีการรายงานทางการเงิน ในเร่ืองท่ีเกี่ยวข้อง เช่น การบันทึกต้นทุนการผลิต จะประกอบด้วย วัตถุดิบ ค่าแรง และค่าใช้จ่ายการผลิต จะใช้ ต้นทุนจริงซึ่งเป็นข้อมูลท่ีเกิดขึ้นในอดีต (Historical Cost) และเมื่อต้องการคานวณต้นทุน

1 - 12 การบัญชตี น้ ทนุ 1 ผลติ ภัณฑก์ ็จะใชห้ ลักการต้นทุนรวม (Full Costing หรือ Absorption Costing) ท้ังน้ีเป็นไป ตามหลักการบัญชีที่รับรองกันท่ัวไป (GAAP) และในปี 2561 จะมีมาตรฐานการรายงานทาง การเงิน สาหรบั กิจการขนาดกลางและขนาดย่อม (IFRS for SMEs) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันท่ี 1 มกราคม 2561 (สภาวชิ าชพี การบัญชี, 2559) ซ่ึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศ ไทยมจี านวนมากมาย และมีความหลากหลายในประเภทของการทาธรุ กจิ มีทัง้ ธรุ กิจการบริการ ธรุ กิจซอ้ื ขายสนิ คา้ และธุรกิจผลิตสินค้า ดังน้ัน ไม่ใช่แต่เฉพาะบริษัทมหาชนเท่าน้ัน ท่ีจาเป็น จะตอ้ งทาตามมาตรฐานการรายงานทางเงนิ แต่หมายถงึ ธรุ กิจเกือบทุกประเภทต้องปฏิบัติตาม มาตรฐานการรายงานทางการเงนิ ในทางตรงข้าม ถ้านักบัญชีต้องการข้อมูลต้นทุนเพ่ือจัดทารายงานต่างๆ เสนอต่อ ผบู้ ริหารทกุ ระดับของกจิ การ ผบู้ รหิ ารย่อมมีความต้องการใชข้ อ้ มลู ทแ่ี ตกต่างกนั ทัง้ ในลักษณะ ของข้อมลู ทใี่ ช้ รูปแบบการนาเสนอ และระยะเวลาของการจัดทาและนาเสนอ เช่น ผู้จัดการ ทั่วไปต้องการรายงานเปรียบเทียบต้นทุนและค่าใช้จ่ายแต่ละแผนกเป็นรายเดือน ในขณะท่ี ผู้จัดการแผนกผลิตต้องการทราบข้อมูลปริมาณการผลิตและประสิทธิภาพการทางานของ พนกั งานเป็นรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ปัจจัยเรื่องของสภาพการแข่งขันทางการตลาด พฤตกิ รรม ผบู้ ริโภค การเปลยี่ นแปลงทางเทคโนโลยีซ่ึงมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซ่ึงมีผลกระทบ ตอ่ การพัฒนาระบบการบัญชีต้นทุนให้ไปในทางการบัญชีบริหารมากขึ้น หรืออาจเรียกว่าเป็น การบัญชีต้นทุนเพื่อการบริหาร (Cost Management) ถ้าเป็นการนาข้อมูลมาใช้เพ่ือการ บริหารต้นทนุ นักบัญชไี ม่จาเป็นต้องยึดหลกั การบัญชีทร่ี บั รองกันทั่วไปอย่างเคร่งครัด อาจจะ มีการประมาณการเหตกุ ารณ์ในอนาคต เช่น พยากรณ์ยอดขาย หรือประมาณการเงินสดรับ หรือจา่ ยในเดอื นถัดไป ทาเป็นรูปของงบประมาณ การนาเสนอข้อมูลในรายงานอาจใช้หน่วย วดั อ่ืนๆ ซงึ่ ไม่ใช่หน่วยเงนิ เพียงอย่างเดยี ว เช่น จานวนหน่วยที่ขายได้ จานวนหน่วยท่ีผลิต ได้ จานวนชั่วโมงการทางาน จานวนชั่วโมงเครื่องจักร จานวนสินค้าเสีย เปอร์เซ็นต์ ขอ้ ผดิ พลาดทย่ี อมรับได้ เปน็ ต้น ช่วงเวลาของการจัดทารายงานก็จะแตกต่างกันไปตามความ ต้องการของผู้ใช้รายงาน เช่น ผู้จัดการฝ่ายการเงินต้องการรายงานเงินสดคงเหลือทุกวัน ผ้จู ดั การโรงงานตอ้ งการรายงานปรมิ าณการใชว้ ตั ถดุ บิ ทุกสัปดาห์ และต้องการรายงานต้นทุน การผลติ เปน็ ประจาทุกเดอื น เปน็ ตน้ จากข้อมูลขา้ งต้น สามารถสรปุ ความแตกต่างระหวา่ งการ บญั ชตี ้นทุน และการบญั ชบี รหิ ารไดด้ งั แสดงในตารางท่ี 1.1

บทท่ี 1 แนวคิดและความรทู้ ่วั ไปเก่ียวกบั การบญั ชีตน้ ทุน 1 - 13 ตารางท่ี 1.1 ข้อแตกต่างระหวา่ งการบญั ชตี ้นทนุ และการบัญชีการเงนิ (ปรบั ปรุงจาก ดวงมณี โกมารทัต, 2559 : 10) รายการ การบญั ชีต้นทุน การบญั ชีการเงิน (เพือ่ การบริหาร) 1. ผู้ใชข้ ้อมูล ผูใ้ ช้งบ หรือรายงานภายในกจิ การ ผใู้ ชง้ บการเงินภายนอก กจิ การ 2. ขอบเขตในการจัดทา ไมจ่ าเป็นตอ้ งเปน็ ไปตามหลกั การ เปน็ ไปตามหลกั การบญั ชที ่ี บัญชที ่รี ับรองโดยทวั่ ไป รับรองโดยท่ัวไป ตอ้ งทาตาม มาตรฐานการายงานทาง การเงิน 3. ลักษณะของขอ้ มลู หนว่ ยวัดคา่ ของข้อมลู เปน็ หนว่ ย เปน็ ขอ้ มูลตน้ ทุนทเ่ี กดิ ข้ึนใน วดั ใดกไ็ ด้ เชน่ จานวนเงนิ จานวน อดตี (Historical Cost) ชัว่ โมง หรือหนว่ ยผลิต หน่วยวดั คา่ จงึ เป็นจานวนเงนิ เท่านนั้ 4. ความถี่ หรือชว่ งเวลา จดั ทาขนึ้ ตามระยะเวลาที่ผบู้ ริหาร จะทาในตอนสน้ิ งวดการ ในการจดั ทาขอ้ มลู ตอ้ งการ อาจเป็นรายวัน ราย ดาเนินงาน ซ่ึงส่วนใหญ่จะมี สัปดาห์ รายเดอื น หรอื รายปีกไ็ ด้ ระยะเวลาเท่ากับ 1 ปี 5. ลกั ษณะการนาเสนอ จัดทารายงานแยกเป็นรายแผนก เป็นรายงานทางการเงินที่ ขอ้ มลู แยกตามเขตการขาย หรอื แยกตาม แสดงภาพรวมของทงั้ องค์การ ชนดิ ของสนิ คา้ ขนึ้ อยกู่ ับความ ตอ้ งการของผบู้ รหิ าร หน้าท่ีของแผนกบญั ชีต้นทุน การบัญชีต้นทุนเป็นฐานข้อมูลท่ีสาคัญสาหรับการบัญชีการเงินและการบัญชีบริหาร ดังนั้น หน้าท่ีของแผนกบัญชีต้นทุน จึงมีหน้าท่ีดังต่อไปน้ี (ปรับปรุงจากดวงมณี โกมารทัต, 2559 : 14) 1. รวบรวมและบนั ทกึ รายการทุกรายการที่เกี่ยวกับต้นทุนที่เกิดขึ้นเน่ืองจากการผลิต สินค้าและการบริการ รวมไปถงึ คา่ ใช้จา่ ยในการดาเนินงานตา่ งๆ ของกิจการ ในส่วนของการ บันทึกตน้ ทุนสินค้านั้น พนักงานบัญชีจะตอ้ งยดึ หลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปและมาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ซึ่งเปน็ แนวปฏิบัติของการบญั ชีการเงนิ แผนกบญั ชีต้นทนุ จะติดตามความ

1 - 14 การบญั ชตี ้นทุน 1 เคล่ือนไหวของวัตถุดิบ ค่าแรง และค่าใช้จ่ายการผลิต เน่ืองจากลักษณะของงานการบัญชี ต้นทุน คือ การรวบรวม แบ่งประเภท ลงบันทึกบัญชี และสะสมข้อมูลเบ้ืองต้น แต่ลักษณะ ของข้อมูลจะเกิดขึ้นซ้าๆ ดังน้ัน กิจการส่วนใหญ่จะนาเอาระบบคอมพิวเตอร์มาช่วยในการ บนั ทกึ รายการ เช่น ระบบสนิ คา้ คงเหลือ ระบบจัดซื้อ ระบบตน้ ทนุ ท่เี ก่ยี วขอ้ ง เป็นต้น 2. สรุปข้อมูลต้นทุนที่ได้จากการบันทึกรายการข้างต้น เสนอต่อผู้จัดการแผนกบัญชี ทัว่ ไป (สานักงานใหญ)่ เพ่ือใหแ้ ผนกจดั ทางบการเงินประจางวด เชน่ คานวณตน้ ทุนสนิ ค้าต่อ หนว่ ยของสนิ คา้ ที่ผลิตเสร็จในระหวา่ งงวด เพ่ือนาไปตีราคาสินค้าคงเหลือและงานระหว่างทา ในตอนส้นิ งวด ซงึ่ ขอ้ มูลสินค้าคงเหลือดังกล่าวจะไปแสดงไว้ในงบแสดงฐานะการเงิน รวมไป ถึงนาไปคานวณหาต้นทุนสินค้าที่ขายได้ของกิจการ และจะนาไปแสดงไว้ในงบกาไรขาดทุน ประจางวด 3. วิเคราะห์และจัดทารายงานต้นทุนตามความต้องการของผู้บริหารในแผนกต่างๆ เพื่อให้การรายงานต้นทุนเหล่าน้ีมีความถูกต้องและที่สาคัญคือทันต่อเหตุการณ์ นาไปใช้ ประกอบการตดั สนิ ใจได้อยา่ งทนั ทว่ งที สาหรบั การวิเคราะหข์ อ้ มลู น้ีนอกจากจะใชห้ ลักการบญั ชี ตน้ ทุนแลว้ ผบู้ รหิ ารหรือนกั วเิ คราะห์ต้องอาศัยความรู้และหลักเกณฑ์จากสาขาวิชาอ่ืนๆ เช่น การเงิน สถติ ิ และเศรษฐศาสตร์ เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมลู ด้วย 4. ออกแบบและจัดวางระบบบัญชีต้นทุนให้มีความเหมาะสมกับกิจการ ระบบบัญชี ตน้ ทุนทด่ี ีควรเป็นระบบท่ีเข้ากันได้ดีกับระบบบัญชีรวมของท้ังบริษัท ต้องสอดคล้องกับระบบ การผลิตของกิจการ เช่น การเลือกใช้วิธีการบัญชีต้นทุนงานส่ังทา (Job Order Costing) หรือวิธีการบัญชีต้นทุนกระบวนการ (Process Costing) เป็นต้น ซ่ึงระบบบัญชีเหล่านี้ต้อง สอดคลอ้ งกับกรรมวธิ ีการผลิตของกิจการ เพราะแต่ละกิจการมีลักษณะการผลิตท่ีแตกต่างกัน จะใช้ระบบเดียวกันมาประยกุ ตใ์ ช้กับการผลติ ทีแ่ ตกต่างกนั ไมไ่ ด้ นอกจากน้ี การออกแบบระบบบัญชีต้นทุนน้ีไม่ได้ใช้เพ่ือคานวณต้นทุนผลิตภัณฑ์ (Product Costing) เทา่ นน้ั แต่จะรวมไปถงึ ระบบตน้ ทุนต้องสามารถสนบั สนนุ ใหม้ ีการควบคุม ภายในที่มปี ระสทิ ธภิ าพประกอบกันไปดว้ ย สาหรับหนา้ ทใี่ นการจดั วางระบบบัญชีต้นทนุ ขึ้นมา ใหม่ หรอื ปรับปรงุ จากระบบทีม่ ีอยู่เดิมน้ัน อาจจะเป็นหน้าที่ของแผนกบัญชีต้นทุนเอง เพราะ เป็นผู้ท่ีเข้าใจในข้อมูลและการปฏิบัติงานของแผนกเป็นอย่างดี หรือให้ผู้เช่ียวชาญซึ่งเป็น บุคคลภายนอกเปน็ ผูว้ างระบบบัญชีให้ก็ได้ การพฒั นาการบญั ชีต้นทุนเพ่ือการบริหาร การดาเนินธุรกิจในปัจจุบันซึ่งอยู่ภายใต้สภาพการแข่งขันทางการตลาดที่ค่อนข้าง รุนแรง มีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างย่ิงการพัฒนาทางด้าน เทคโนโลยี ทาใหธ้ รุ กิจส่วนใหญต่ อ้ งมกี ารปรบั ตวั มีการเปลีย่ นโครงสร้างและรูปแบบการดาเนิน

บทท่ี 1 แนวคดิ และความรู้ท่ัวไปเก่ียวกบั การบญั ชีต้นทนุ 1 - 15 ธรุ กจิ รูปแบบของการผลติ และการบริหารให้ยืดหยุ่นไปตามสภาพการตลาดในยุคโลกาภิวัตน์ ทาใหเ้ กดิ แนวคิดสาคัญของการบรหิ ารธุรกิจยุคใหม่ ซ่ึงมี 5 ประการ ดังนี้ (ปรับปรุงจากดวง มณี โกมารทตั , 2559 : 20) 1. สรา้ งความพึงพอใจให้กบั ลกู ค้า การสรา้ งความพึงพอใจให้กบั ลูกคา้ (Customer Satisfaction) การทธ่ี ุรกิจจะประสบ ความสาเรจ็ ได้ กิจการต้องบรหิ ารจัดการใหล้ กู ค้าเกิดความพงึ พอใจในสินค้าหรอื การบรกิ ารของ ธุรกิจ มิฉะน้ัน กิจการก็ไม่สามารถจะอยู่รอดได้ในตลาดท่ีมีการแข่งขันท่ีรุนแรงเช่นน้ีได้ สิ่ง สาคัญกิจการตอ้ งทราบวา่ ลกู คา้ กลุ่มเป้าหมายตอ้ งการสนิ คา้ ชนิดใด มีคุณลกั ษณะอยา่ งไร และ ควรจะกาหนดราคาขายของสินค้าชนิดน้ันเท่าใด จึงจะเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางการ ตลาดในขณะนน้ั 2. เพื่อให้กิจการสามารถสร้างความพงึ พอใจให้แก่ลูกค้าได้ การที่กิจการจะสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ กิจการจึงต้องมีการ กาหนดปัจจยั แหง่ ความสาเร็จ (Key Success Factors) 4 ประการ ดังนี้ 2.1 ต้นทุนและประสิทธิภาพ (Cost and Efficiency) กิจการจะประสบความสาเร็จ ได้ต้องมีต้นทุนที่ต่ากว่าคู่แข่งขัน โดยการลดต้นทุนของการดาเนินงาน แต่ต้องไม่ทาให้ ประสิทธิภาพการทางานลดลง 2.2 คุณภาพ (Quality) กิจการต้องรักษาคุณภาพในการผลิตสินค้าและให้บริการ เพราะสิง่ ทลี่ กู ค้าคาดหวงั จากองค์การคือคณุ ภาพของสินคา้ หรือการบรกิ ารในระดบั สูง 2.3 เวลา (Time) กิจการต้องสามารถส่งมอบสินค้าและบริการได้ตรงตามเวลาที่ กาหนด 2.4 นวัตกรรม (Innovation) กิจการควรมีการประยุกต์ใช้นวัตกรรม และมีการ นาเอาเทคโนโลยีสมยั ใหม่มาใช้ในการผลติ สนิ คา้ และบรกิ ารตลอดเวลา 2.5 ความย่ังยืน (Sustainability) กิจการควรตระหนักถึงความรับผิดชอบในด้าน สังคมและส่ิงแวดล้อม น่ันคือ เพอื่ ใหบ้ รรลเุ ป้าหมายในผลการดาเนนิ งาน (Financial Goal) ของ ธุรกิจ กิจการต้องให้ความสาคัญกับสังคม (Social Goal) และส่ิงแวดล้อม (Environmental Goal) เสียก่อน จงึ จะทาใหธ้ รุ กิจสามารถดาเนินงานตอ่ ไปไดอ้ ย่างย่งั ยืน 3. มกี ารวิเคราะหค์ ณุ ค่า กิจการควรมีการวิเคราะห์คุณค่ากิจกรรมต่างๆ ท่ีเกิดขึ้นในแต่ละแผนก (Value Chain Analysis) โดยเชือ่ มโยงความสมั พันธ์ระหว่างแผนกหรือหน่วยงานย่อยต่างๆ ท่ีอยู่ใน

1 - 16 การบัญชตี ้นทนุ 1 กิจการ ซ่ึงตามเอกสารประกอบการสอนเล่มน้ี จะเนน้ การบริหารธรุ กจิ ผลติ และขายสินคา้ ดังน้ัน จึงให้ความสาคัญท่ีแผนกผลิตและแผนกขาย แต่ในความเป็นจริง การบริหารตามแนวคิดใหม่ ตอ้ งให้ความสาคัญกับทุกแผนกหรอื ทุกหน่วยงานท่อี ยูใ่ นองคก์ รด้วย นอกจากน้กี ิจการบางแห่ง ยงั ได้เช่ือมโยงกจิ กรรมต่างๆ ภายในธรุ กจิ ของตน กับธุรกิจของคู่ค้า (Suppliers) และเชื่อมโยง กบั ธุรกจิ ของลกู คา้ (Customer) ซึง่ ในการดาเนนิ ธรุ กจิ ไม่มอี งค์กรใดท่ีอยู่ได้ดว้ ยตวั เอง แตต่ ้อง มีความสัมพันธ์กับบุคคลภายนอกอยู่เสมอ ดังนั้น ผู้บริหารควรจะพิจารณาความสัมพันธ์ของ กจิ กรรมทีเ่ ก่ยี วเน่ืองระหวา่ งกันเพ่ือจะได้เห็นภาพรวมในการปฏิบตั ิงานของทั้งองค์การ กิจการ ชั้นนาบางแห่งอาจพิจารณาไปถึงกิจกรรมของคู่ค้า ซึ่งเรียกว่ากิจกรรมต้นน้า (Upstream Activities) และกจิ กรรมของลูกค้า ซ่ึงเรียกว่าเป็น กิจกรรมปลายน้า (Downstream Activities) ดงั แสดงในภาพที่ 1.3 กิจการของคู่คา้ (Suppliers) กจิ การ (Manufacturer) กิจการของลูกค้า (Customers) การวิจัยและพัฒนา การออกแบบ การผลติ การตลาด จัด ให้ ผลติ ภณั ฑ์ สนิ คา้ จาหนา่ ย บริการลกู ค้า ภาพท่ี 1.3 Value Chain ของกจิ การคคู่ ้า กจิ การ และกจิ การของลกู ค้า ท่มี า: (Horngren, Datar and Rajan, 2015 : 28) ตัวอย่างความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจของคู่ค้าและธุรกิจของลูกค้า เช่น บริษัทผลิต รถยนต์ในญี่ปุ่น จะปรึกษากับบริษัทผู้ผลิตอะไหล่และชิ้นส่วนเก่ียวกับคุณลักษณะของอะไหล่ และชิ้นส่วน ให้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการผลิตรถยนต์ และในขณะเดียวกันหากรรมวิธีใน การท่ีจะลดต้นทุนวัตถุดิบที่จะนามาใช้ประกอบรถยนต์ เพ่ือให้ราคาขายของสินค้ามีราคาท่ี ลดลง หรือไปลดต้นทุนในกระบวนการผลติ บางแผนก อาจไปลดกิจกรรมที่ไม่เพิม่ มูลค่าลง อาจ เปน็ ผลทาให้ตน้ ทุนของสนิ คา้ ลดลง เปน็ ตน้ 4. ให้ความสาคญั กบั ปัจจยั สภาพแวดล้อมทงั้ ภายในและภายนอกกิจการ กิจการต้องมีการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของธุรกิจทั้งปัจจัยภายในและภายนอก กิจการ (SWOT Analysis) เพ่ือให้ผู้บริหารได้ทราบถึงจุดเด่นและจุดด้อยในการปฏิบัติงาน ภายในองค์กร รวมท้ังเห็นโอกาสในการทากาไร และอุปสรรคต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อ กจิ การในอนาคต

บทที่ 1 แนวคดิ และความรู้ท่ัวไปเกยี่ วกบั การบัญชีตน้ ทุน 1 - 17 5. มีการปรบั ปรงุ อยา่ งต่อเนื่อง การปรับปรุงอย่างต่อเน่ือง (Continuous Improvement) สาหรับกระบวนการผลิต ในแตล่ ะขั้นตอนการทางานจะชว่ ยให้การปฏบิ ัติงานสามารถลดขอ้ ผิดพลาดในการปฏิบตั งิ านได้ และในขณะเดียวกัน ก็เป็นการสร้างแรงจูงใจให้พนักงานสามารถสร้างผลงานที่ดีอยู่แล้วให้ดี ย่ิงข้ึนไปอีก ซ่ึงจะทาให้กิจการพัฒนาการทางาน และก้าวขึ้นไปสู่ระดับแนวหน้าของท้องถ่ิน ของประเทศ หรอื ของโลกได้ จากข้อมูลข้างต้น สามารถสรุปแนวคิดสาคัญในการบริหารธุรกิจยุคใหม่ ดังแสดงใน ภาพท่ี 1.4 ดงั น้ี ปัจจยั แหง่ การวิเคราะหค์ ุณคา่ (Value Chain Analysis) ความสาเร็จ (KPI) ความพึงพอใจ ให้แก่ลูกค้า (Customer Satisfaction) ใหค้ วามสาคญั ตอ่ การปรับปรุงงานอยา่ ง สภาพแวดล้อมทั้งภายนอก ตอ่ เนอื่ ง และภายในกจิ การ (Continuous Improvement) ภาพท่ี 1.4 แนวคิดสาคัญในการบริหารธุรกจิ ยคุ ใหม่ ท่มี า: (ดวงมณี โกมารทัต, 2559 : 22) ความหมายของต้นทนุ กอ่ นจะทาการศึกษาในเรอ่ื งหลกั การของการบญั ชีตน้ ทุน สิ่งแรกทีค่ วรทาความเข้าใจ ก่อน นนั่ กค็ อื ความหมายและประเภทตน้ ทนุ ในลักษณะต่างๆ ซงึ่ จะทาให้เกดิ แนวคิดเพอ่ื จะ นาไปใชใ้ ห้บรรลุตามวตั ถุประสงค์ของผู้ใช้ขอ้ มลู โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การใช้ขอ้ มูลตน้ ทนุ เพอื่ ใช้ ในการบริหารงาน ประกอบการตดั สินใจของผู้บรหิ าร สมนึก เอ้ือจริ ะพงษ์พนั ธ์ (2557 : 11) ไดใ้ ห้ความหมาย ตน้ ทุน (Costs) ไว้ดังนี้ ต้นทุน หมายถึง มูลค่าของทรัพยากรท่ีสูญเสียไปเพ่ือให้ได้สินค้าหรือบริการ โดยมูลค่านั้นจะต้อง สามารถวัดไดเ้ ปน็ หนว่ ยเงินตรา ซง่ึ เปน็ ลักษณะของการลดลงในสินทรัพย์หรอื เพิ่มขึ้นในหน้ีสิน ตน้ ทุนที่เกดิ ข้นึ อาจจะให้ประโยชนใ์ นปจั จบุ ันหรือในอนาคตกไ็ ด้ เมื่อต้นทุนใดทเ่ี กิดข้ึนแล้ว และ กิจการได้ใช้ประโยชนไ์ ปทง้ั สน้ิ แลว้ ต้นทุนนนั้ จะถือวา่ เปน็ คา่ ใชจ้ ่าย (Expenses)

1 - 18 การบัญชีต้นทนุ 1 ดวงมณี โกมารทตั (2559 : 27) ได้กลา่ วถึงคาว่า “ตน้ ทนุ ” จะอยูใ่ นลักษณะของรายการ ที่เกิดขึ้นแล้ว (เป็นต้นทุนที่เกิดข้ึนในอดีต) โดยมีหลักฐานในการเกิดต้นทุน ได้แก่ใบสาคัญ ต่างๆ อย่างชดั เจน หรอื เป็นตน้ ทนุ ท่กี จิ การประมาณวา่ จะเกดิ ขนึ้ ภายใตส้ ภาวการณต์ า่ งๆ (เปน็ ต้นทนุ โดยประมาณหรอื ตน้ ทนุ ค่าเสียโอกาส) แต่ในแง่หลักการบัญชีท่ีรับรองท่ัวไปจะใช้ต้นทุน ที่เกิดข้ึนในอดตี ในการกาหนดมูลค่าและบนั ทกึ รายการทางบบญั ชีมากกว่าต้นทุนโดยประมาณ หรอื ต้นทนุ คา่ เสียโอกาส ดงั นน้ั จากขอ้ มูลขา้ งตน้ จงึ สรุปไดว้ า่ ต้นทนุ หมายถงึ มลู ค่าของทรัพยากรทส่ี ญู เสยี ไป เพ่ือใหไ้ ด้สินคา้ หรอื บรกิ าร โดยมลู คา่ นัน้ จะต้องสามารถวดั ไดเ้ ป็นหน่วยเงินตรา โดยมหี ลกั ฐาน ในการเกิดต้นทุนอย่างชัดเจน ซึ่งอาจทาให้เกิดการลดลงในสินทรัพย์หรือเพ่ิมข้ึนในหนี้สิน ต้นทุนทเ่ี กิดขน้ึ อาจจะใหป้ ระโยชนใ์ นปจั จุบันหรอื ในอนาคตก็ได้ นอกจากคาวา่ ต้นทุน แล้ว ยังมีคาท่ีมคี วามหมายคลา้ ยคลึงกนั คอื คาวา่ คา่ ใช้จ่าย และ ขาดทุน ซ่ึงในบางคร้ังอาจเข้าใจผิดคิดว่าทั้งสามคา มีความหมายเหมือนกัน ดังนั้น เพื่อให้ เข้าใจในความหมายของคาท้งั สามคาใหช้ ดั เจน จะขออธบิ ายเพม่ิ เติม ดงั นี้ ดวงมณี โกมารทัต (2559 : 27) ได้ให้คานิยามไว้ว่า ค่าใช้จ่าย (Expense) หมายถึง ต้นทนุ ทถี่ ูกใชป้ ระโยชน์ไปบางส่วนหรอื ทง้ั หมดในระยะเวลาทกี่ าหนดไว้ซึง่ ตามปกตกิ ค็ ือ “งวด บัญช”ี หรอื การเป็นต้นทุนได้สิ้นสุดลง (Expired cost) เม่ือกิจการได้ใช้ประโยชน์ในจานวน ตน้ ทุนนั้น จึงมีการตัดจาหน่าย (Expiration) ต้นทุนเป็นค่าใช้จ่ายแทน การใช้ประโยชน์ใน ต้นทนุ อาจจะสมั พนั ธ์กับการเกิดรายไดโ้ ดยตรง เชน่ กิจการซือ้ สนิ ค้าเพอ่ื ขายทาใหเ้ กิดรายได้ และในขณะเดียวกัน เมื่อขายสินค้าได้แล้วก็จะคานวณต้นทุนของสินค้าท่ีขายได้ หรือเรียกว่า ต้นทุนขาย (Cost of Goods Sold) ผลรวมของต้นทุนขายท้ังหมดจะนาไปหักจากยอดขาย สนิ ค้าประจางวด เพือ่ หากาไรขน้ั ตน้ ของงวดบัญชีน้ัน ต้นทุนขายตามกรณีน้ีเป็น “ค่าใช้จ่าย” เพราะเป็นรายการท่กี ่อให้เกดิ รายได้ (ประโยชน์) สาหรับสินค้าท่ียังขายไม่ได้ก็จะยังคงแสดง เป็น “ต้นทนุ ” ของสนิ คา้ คงเหลือในงบแสดงฐานะการเงิน ณ วนั ส้ินงวดบัญชี นอกจากนี้ ยังมีรายการคา่ ใช้จา่ ยบางรายการทไ่ี ม่ได้กอ่ ให้เกิดรายไดโ้ ดยตรง หรือไม่มี ความสัมพันธ์กับการเกิดรายได้ แต่เป็นค่าใช้จ่ายท่ีจาเป็นต่อการดาเนินงานเพื่อให้การ ดาเนินงานเป็นไปอย่างต่อเน่ือง เช่น เงินเดือนผู้จัดการ เงินเดือนพนักงาน ค่าซ่อมแซม บารุงรักษาเครอ่ื งมือเคร่อื งใชต้ า่ งๆ ค่าเชา่ สานกั งาน คา่ นา้ คา่ ไฟ ค่าพาหนะ ค่ารับรอง เป็นต้น โดยทั่วไปจะบนั ทกึ เปน็ ค่าใชจ้ ่ายทันทีทีเ่ กิดรายการ เนอ่ื งจากรายการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นเป็น ประจาในแต่ละงวด จึงเรียกว่าเป็น “ต้นทุนประจางวดหรือค่าใช้จ่ายประจางวด” (Period Cost or Period Expense) เมื่อถึงวันส้ินงวดจะนารายการท่ีถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายประจางวด ท้งั หมดไปหกั จากกาไรข้ันต้น เพอ่ื คานวณกาไร หรอื ขาดทนุ จากการดาเนนิ งาน สาหรับคาว่า ขาดทุน (Loss) หมายถึง ส่วนของต้นทุนท่ีหมดส้ินไปโดยไม่ได้ให้ ผลประโยชน์แก่กิจการอีกต่อไป เช่น กิจการได้สารวจสินค้าคงเหลือพบว่าสภาพของสินค้า

บทท่ี 1 แนวคดิ และความรู้ทวั่ ไปเกี่ยวกับการบญั ชีต้นทนุ 1 - 19 ชารุดเสยี หาย หรอื ล้าสมยั จนไม่สามารถขายสินค้าไดใ้ นราคาปกติได้ หรือถ้าขายได้ก็อาจต้อง ลดราคาขายให้ต่ากว่าต้นทุน ทาให้เกิดการขาดทุนบางส่วน แต่ถ้าพบว่าสินค้าน้ันชารุด เสียหายมากจนต้องโยนทง้ิ กรณีนจ้ี ะตอ้ งตัดจาหนา่ ยต้นทุนสนิ คา้ ดงั กลา่ วเป็นขาดทุนท้ังหมด โดยทันที (ดวงมณี โกมารทตั , 2559 : 28) เพ่ือให้เข้าใจในความหมายของคาว่า ต้นทุน ค่าใช้จ่ายและขาดทุน จะแสดง ความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุน คา่ ใชจ้ ่ายและขาดทนุ ดังภาพที่ 1.5 ขายได้ 70 หนว่ ย ตน้ ทนุ ขาย (ตัดจาหน่าย) (คา่ ใชจ้ า่ ย) ซือ้ สินคา้ ซื้อสินคา้ ต้นทุนคา่ ซอ้ื รอขาย ตน้ ทุนสนิ คา้ มไี ว้ 100 หน่วย สนิ คา้ (ต้นทุน) เพ่อื ขาย (ตน้ ทนุ ) ชารดุ 5 หน่วย ขาดทุน (ตัดจาหนา่ ย) ภาพท่ี 1.5 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งต้นทนุ ค่าใชจ้ า่ ย และขาดทนุ การจาแนกประเภทของต้นทนุ การดาเนินธุรกจิ แตล่ ะประเภทจะมีตน้ ทุนและค่าใช้จ่ายทเี่ กิดขนึ้ มากมายหลายรายการ ยิง่ ถ้ามีขนาดกิจการทคี่ อ่ นข้างใหญจ่ ะยิง่ มรี ายละเอยี ดทีคอ่ นข้างซับซ้อน ดังน้ัน ประเด็นต่อไป ท่ีต้องทาความเข้าใจ คือ การแบ่งประเภทต้นทุน เพราะในความเป็นจริง การใช้ข้อมูลของ ผู้บริหารหรือบุคคลอ่ืนๆ มีความต้องการใช้ข้อมูลไม่เหมือนกัน เช่น ผู้บริหารต้องการจะนา ขอ้ มูลทไี่ ด้ไปใช้ประกอบการตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ส่วนนักลงทุน ต้องการตัดสินใจจะลงทุน ในกิจการใดกิจการหน่ึง จาเป็นต้องได้ข้อมูลท่ีครบถ้วน เพ่ือให้การตัดสินใจไม่ผิดพลาด หรือ เจ้าหน้ตี ้องการทราบวา่ กิจการมีรายได้ และค่าใชจ้ ่ายมากนอ้ ยแคไ่ หน มคี วามสามารถที่จะจ่าย ชาระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ได้หรือไม่ เป็นต้น ดังน้ัน การจาแนกประเภทของต้นทุน จะมีหลาย ประเภท ซ่งึ แบง่ ไปตามวตั ถุประสงค์ต่างๆดงั นี้ 1. การจาแนกตน้ ทนุ ตามหน้าท่ี 2. การจาแนกต้นทนุ ตามแหลง่ ทม่ี าของต้นทุน 3. การจาแนกต้นทุนสาหรบั การจัดทารายงานทางการเงนิ 4. การจาแนกต้นทุนตามความสมั พันธ์ของตน้ ทนุ กบั แหลง่ ที่เกิดของตน้ ทนุ 5. การจาแนกตน้ ทนุ ตามพฤตกิ รรมของต้นทนุ 6. การจาแนกตน้ ทนุ เพื่อใช้สาหรบั การตดั สนิ ใจ

1 - 20 การบญั ชีตน้ ทนุ 1 ในแต่ละประเภทของต้นทุนจะมีองค์ประกอบย่อยอาจจะมีส่วนท่ีแตกต่างกันหรือบาง ประเภทอาจมีความสัมพันธ์กัน โดยจะอธิบายในรายละเอียดแต่ละหัวข้อดังนี้ (ปรับปรุงจาก ศศวิ ิมล มอี าพล, 2558 : 2-3) 1. การจาแนกต้นทนุ ตามหน้าท่ี สาหรบั ธรุ กจิ ผลิตสินค้า ตน้ ทนุ หรือค่าใช้จ่ายท่ีเกิดข้ึน กิจการสามารถแบ่งประเภท ต้นทุนไปตามหน้าท่ีท่ีเก่ียวข้องกับการผลิตและไม่เกี่ยวข้องกับการผลิต ซ่ึงแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ ต้นทุนการผลิต (Manufacturing Costs) และต้นทุนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิต (Non - manufacturing Costs) 1.1. ต้นทุนการผลิต ต้นทนุ การผลติ (Manufacturing Costs) หมายถึง ต้นทุนต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องกับ กิจกรรมการผลิตสินค้าของกิจการ ซ่ึงสามารถท่ีจะให้คาตอบเกี่ยวกับมูลค่าของต้นทุนสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ที่เกดิ จากการแปรรูปวตั ถดุ บิ ให้เป็นสินคา้ สาเร็จรูปหรือกึ่งสาเร็จรูป เพื่อจาหน่าย ตามวตั ถุประสงคข์ องกิจการ (สมนึก เอื้อจิระพงษ์พันธ์, 2557) ต้นทนุ การผลติ สามารถแบง่ ได้ 3 ประเภท ได้แก่ วัตถุดิบทางตรง (Direct Material) ค่าแรงงานทางตรง (Direct Labor) และ คา่ ใชจ้ ่ายการผลิต (Manufacturing Overhead) 1.1.1. วตั ถดุ ิบทางตรง วัตถดุ บิ ทางตรง (Direct Material) คือ วตั ถดุ ิบทุกชนดิ ท่ีเปน็ วตั ถหุ ลกั ใน การผลิตสินคา้ ชนิดใดชนิดหนึ่ง และสามารถคิดปริมาณการใช้ และต้นทุนวัตถุดิบให้กับสินค้า นั้นได้อย่างชัดเจน เช่น แป้งท่ีใช้ในการทาขนมเค้ก ไม้ท่ีใช้ในการผลิตเก้าอี้ ผ้าท่ีใช้ตัดเย็บ กระเปา๋ ผ้า เปน็ ต้น นอกจากน้ี ยงั มีวตั ถุดิบที่เป็นส่วนหนึ่งของการผลิตสินค้าเช่นกัน แต่มูลค่า น้อยมาก ไม่มีนัยสาคัญ เช่น เกลอื ทใี่ ช้เป็นส่วนผสมในการทาเคก้ ตะปูท่ใี ชใ้ นการประกอบเกา้ อ้ี กระดุมท่ีตดิ กับกระเป๋าผ้า ซง่ึ วัตถุดิบดงั กลา่ ว เม่ือคดิ ต้นทุนแล้วจะเห็นไดว้ า่ ต้นทุนของวตั ถุดิบ ตา่ มาก ซ่ึงถือว่าวัตถุดิบเหล่านี้ เป็นวัตถุดิบทางอ้อม (Indirect Material) หรือวัสดุในการผลิต ซ่ึงวตั ถุดบิ ทางออ้ ม ถอื เป็นสว่ นหนงึ่ ของคา่ ใชจ้ ่ายการผลิตชนิดหน่ึง 1.1.2. ค่าแรงงานทางตรง ค่าแรงงานทางตรง (Direct Labor) เป็นค่าจ้างแรงงานที่จ่ายให้กับ พนกั งานหรือคนงานทม่ี ีหนา้ ทใี่ นการผลิตสนิ คา้ โดยตรง การจา่ ยค่าแรงงานทางตรงจะมากหรือ น้อยขึ้นอย่กู ับปริมาณสินค้าท่ีผลติ หรือตามจานวนช่วั โมงท่ีคนงานทาการผลิตสินค้าชนิดน้ันๆ ดังนั้นคา่ แรงงานทางตรงจงึ สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่ามีต้นทุนเท่าใด แผนกที่เก่ียวข้องกับ การผลิต เช่น คนงานในแผนกตัดเย็บเสื้อผ้า คนงานในแผนกประกอบชิ้นส่วนในโรงงานผลิต รถยนต์ เป็นตน้

บทท่ี 1 แนวคดิ และความรทู้ ่วั ไปเกี่ยวกบั การบัญชีต้นทุน 1 - 21 นอกจากน้ี ยังมคี ่าแรงงานหรือคา่ จา้ งท่จี า่ ยใหก้ บั พนกั งานทีอ่ ยู่ในโรงงาน แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้า เช่น พนักงานทาความสะอาดโรงงาน ยามที่ดูแลความ เรียบรอ้ ยในโรงงาน เป็นต้น ซงึ่ ค่าแรงงานเหล่านี้ เป็นต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในโรงงาน แตไ่ ม่ถือว่าเป็นต้นทุนในการแปรสภาพวัตถุดิบให้เปล่ียนเป็นสินค้าสาเร็จรูป หรือไม่เกี่ยวกับ การผลติ สินคา้ โดยตรง โดยค่าแรงงานในลักษณะน้ี จะถือว่าเป็น ค่าแรงงานทางอ้อม (Indirect Labor) ซ่งึ เป็นสว่ นหน่งึ ของคา่ ใชจ้ า่ ยการผลิต เช่นเดียวกบั วตั ถดุ บิ ทางอ้อมน่นั เอง 1.1.3. คา่ ใช้จา่ ยการผลิต ค่าใชจ้ า่ ยการผลติ (Manufacturing Overhead) เปน็ ตน้ ทุนหรือคา่ ใชจ้ า่ ย ที่เกีย่ วข้องกบั การผลิเตอ่นื ๆ ท่ีนอกเหนือจากวัตถุดบิ ทางตรงและค่าแรงงานทางตรง ค่าใช้จ่าย การผลิต เช่น วัตถดุ บิ ทางออ้ ม ค่าแรงงานทางออ้ ม คา่ สาธารณูปโภค ค่าเสื่อมราคาเคร่ืองจักร คา่ เช่าโรงงาน ค่าเบี้ยประกันภัยโรงงาน เงินเดือนผู้จัดการโรงงาน เป็นต้น โดยค่าใช้จ่ายการ ผลิตเหล่านี้ต้องเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดข้ึนในบริเวณโรงงานหรือสถานที่ท่ีเกี่ยวข้องกับการผลิต สินคา้ หรอื คา่ ใช้จา่ ยการผลิตน้ีอาจถูกเรยี กว่า ค่าใชจ้ ่ายโรงงาน (Factory Overhead) 1.2. ต้นทุนที่ไม่เกย่ี วขอ้ งกบั การผลิต ต้นทุนท่ีไม่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้า (Non - manufacturing Costs) หรือ ในทน่ี ้หี มายถงึ คา่ ใช้จา่ ยท่ีเกดิ ข้นึ จากการดาเนินธรุ กจิ อนื่ ๆท่นี อกเหนอื จากกระบวนการผลิต ซึ่ง นั่นก็คอื ค่าใชจ้ ่ายในการดาเนนิ งาน น่นั เอง คา่ ใช้จา่ ยในการดาเนนิ งาน ประกอบดว้ ย คา่ ใช้จ่าย ในการขาย (Selling Expenses) และค่าใชจ้ ่ายในการบริหารงาน (Administrative Expenses) 1.2.1. คา่ ใชจ้ า่ ยในการขาย ค่าใช้จ่ายในการขาย (Selling Expenses) คือค่าใช้จ่ายต่างๆ ท่ี เกีย่ วกบั กจิ กรรมการขายสินคา้ หรอื เป็นการจ่ายค่าใช้จ่ายเพอ่ื เพิม่ ยอดขาย เชน่ ค่าโฆษณา ค่า นายหน้า เงินเดือนพนักงานขาย ค่าเช่าสานักงานขาย ค่าสาธารณูปโภคของแผนกขาย ค่า รบั รอง คา่ ขนส่งออก คา่ เสื่อมราคาอุปกรณส์ านกั งานของแผนกขาย เป็นตน้ 1.2.2. คา่ ใชจ้ า่ ยในการบรหิ ารงาน คา่ ใช้จ่ายในการบริหารงาน (Administrative Expenses) คอื ค่าใช้จ่าย อ่ืนๆทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับกจิ กรรมการบริหารงาน ทนี่ อกเหนือจากกิจกรรมการผลิตและกิจกรรมการ ขายสินค้า เช่น เงินเดือนฝ่ายบริหาร เงินเดือนพนักงานแผนกบัญชี ค่าเสื่อมราคาอาคาร ค่า เสือ่ มราคาอุปกรณ์สานกั งาน คา่ สาธารณูปโภคของสานักงาน เป็นต้น เพื่อให้เข้าใจมากยิ่งข้ึน การจาแนกประเภทต้นทนุ หรือค่าใช้จา่ ยตามหนา้ ท่ีโดยสรุป ได้แสดงไว้ในภาพที่ 1.6

1 - 22 การบัญชตี ้นทนุ 1 ต้นทนุ การผลิต หรือ ต้นทนุ ผลติ ภัณฑ์ วตั ถดุ บิ ทางตรง คา่ แรงงานทางตรง คา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ ต้นทุนขั้นตน้ ตน้ ทนุ แปรสภาพ ต้นทุนทไ่ี มเ่ กยี่ วข้องกับการผลติ หรอื ต้นทนุ ประจางวด ค่าใชจ้ า่ ยในการขาย คา่ ใช้จ่ายในการบรหิ ารงาน ภาพที่ 1.6 สรปุ การจาแนกตน้ ทนุ ตามหนา้ ท่ีและจาแนกตน้ ทนุ ตามแหล่งท่มี าของตน้ ทุน 2. การจาแนกต้นทุนตามแหล่งที่มาของต้นทนุ ต้นทนุ ท่เี กี่ยวข้องกบั การผลิตสินค้า ซ่ึงประกอบไปด้วย วตั ถดุ ิบทางตรง ค่าแรงงาน ทางตรงและค่าใช้จ่ายการผลิต อาจนาเอาต้นทุนการผลติ บางประเภทเข้าด้วยกัน โดยพิจารณา จากกระบวนการผลิตข้ันตอนแรกของการผลิต จนกระท่ังถึงข้ันตอนของการผลิตเป็นสินค้า สาเร็จรูป ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ต้นทุนข้ันต้น (Prime Costs) และต้นทุน แปรสภาพ (Conversion Costs)

บทที่ 1 แนวคดิ และความรทู้ ั่วไปเกยี่ วกบั การบญั ชีต้นทนุ 1 - 23 2.1 ต้นทุนขนั้ ต้น ต้นทุนขั้นต้น (Prime Costs) เป็นการรวมต้นทุนการผลิตในส่วนของวัตถุดิบ ทางตรงและค่าแรงงานทางตรง ซ่งึ ถอื เป็นข้นั ตอนแรกของกระบวนการผลิตสินค้า โดยการแปร สภาพวตั ถดุ บิ ทางตรงเข้าสกู่ ระบวนการผลติ โดยมีแรงงานคนมาคอยแปรสภาพวัตถุดิบนั้น ดัง แสดงในภาพที่ 1.6 2.2 ต้นทนุ แปรสภาพ ตน้ ทุนแปรสภาพ (Conversion Costs) เปน็ การรวมตน้ ทนุ การผลิตในส่วนของ คา่ แรงงานทางตรงและคา่ ใชจ้ ่ายการผลิต เป็นกระบวนการผลิตที่ต่อเน่ืองจากขั้นตอนแรกเพื่อ แปรสภาพวตั ถุดบิ ทางตรงใหเ้ ป็นสนิ ค้าสาเร็จรูป ดังแสดงในภาพที่ 1.6 3. การจาแนกต้นทนุ สาหรบั การจดั ทารายงานทางการเงิน การจาแนกต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายเพ่ือใช้ในการจัดทารายงานทางการเงิน สามารถ แบ่งได้ 2 ประเภท ไดแ้ ก่ ต้นทนุ ผลติ ภณั ฑ์ และต้นทนุ ประจางวด โดยมรี ายละเอียด ดงั น้ี 3.1 ต้นทุนผลิตภณั ฑ์ ตน้ ทุนผลติ ภัณฑ์ (Product Costs) เปน็ ต้นทนุ ของสนิ คา้ หรอื ผลิตภัณฑ์ที่ยังคง อยู่ในกิจการ ถ้ายังไม่มีการขายสินค้าให้กับลูกค้า ต้นทุนสินค้าจะถือว่าเป็นต้นทุนของสินค้า คงเหลือทปี่ รากฏอยใู่ นงบแสดงฐานะการเงิน (Statement of Financial Position) สาหรับธุรกิจ อุตสาหกรรม ต้นทุนผลิตภัณฑ์จะประกอบไปด้วย วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรงและ คา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ หรือหมายถงึ ตน้ ทนุ การผลิตนน่ั เอง แต่เมื่อกิจการมีการขายสินค้านั้นให้กับลูกค้า ต้นทุนสินค้าจะกลายเป็นต้นทุน ของสินค้าทขี่ ายได้ หรือเรียกว่า ต้นทุนสินค้าที่ขายได้ หรือต้นทุนขาย (Cost of Goods Sold) ซ่ึงถือว่าเปน็ คา่ ใชจ้ ่ายทีเ่ กดิ ขึน้ ในงวดทีม่ กี ารขายหรอื ต้นทุนประจางวด 3.2 ต้นทนุ ประจางวด ต้นทุนประจางวด หรือ ต้นทุนงวดเวลา (Period Costs) เป็นต้นทุนหรือ ค่าใชจ้ า่ ยที่ก่อให้เกดิ รายได้ท้งั ทางตรงและทางอ้อมในชว่ งระยะเวลาหนึ่ง ค่าใช้จ่ายประเภทนจ้ี ะ นาไปหักออกจากรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่รายได้นั้นเกิดข้ึน ต้นทุนประจางวดคือ ค่าใชจ้ ่ายในการดาเนินงานทเี่ กดิ ขน้ึ ในแตล่ ะรอบระยะเวลาบัญชี ซ่ึงประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายใน การขายและคา่ ใชจ้ ่ายในการบริหารงาน ซึ่งต้นทุนประจางวด ก็คือ ค่าใช้จ่ายท่ีไม่ได้เกี่ยวข้อง กบั การผลติ นั่นเอง โดยปกติต้นทุนประจางวดหรือค่าใช้จ่ายในการดาเนินงาน จะปรากฏอยู่ใน

1 - 24 การบัญชีต้นทนุ 1 งบกาไรขาดทุน (Statement of Financial Position) เพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น การจาแนก ประเภทตน้ ทนุ สาหรบั การจัดทารายงานทางการเงนิ ไดแ้ สดงไว้ในภาพที่ 1.7 ตน้ ทุน ตน้ ทุนการซือ้ สินทรัพย์ ค่าใช้จา่ ยตา่ งๆ วตั ถุดิบทางตรง ต้นทนุ ผลิตภัณฑ์ ค่าแรงงานทางตรง คา่ ใชจ้ า่ ยการผลิต (แสดงในงบแสดง (ค่าเสอ่ื มราคาเครื่องจักร ฐานะการเงิน) คา่ ใช้จา่ ยการผลติ อ่นื ๆ ค่าใช้จ่ายในการขาย ตน้ ทุนขาย (คา่ นา้ คา่ ไฟ คา่ เชา่ โรงงาน และบริหาร ตน้ ทุนประจางวด คา่ ใชจ้ า่ ยในการขายและ (ค่าเส่อื มราคาอุปกรณ์ (แสดงในงบกาไรขาดทนุ ) บรหิ าร สานักงาน) (ค่านายหน้า คา่ นา้ ค่าไฟ คา่ เช่าสานกั งาน) ภาพที่ 1.7 แสดงการจาแนกตน้ ทุนสาหรบั การจัดทารายงานทางการเงนิ ที่มา: (สมนึก เออื้ จิระพงษ์พันธ์, 2557 : 24) 4. การจาแนกต้นทุนตามความสมั พนั ธข์ องต้นทุนกบั แหล่งที่เกิดของต้นทนุ การจาแนกตน้ ทนุ ตามความสัมพันธ์ของต้นทุนกับแหล่งท่ีเกิดต้นทุน โดยพิจารณา ว่าตน้ ทนุ น้ันๆ สามารถจาแนกหรือระบไุ ดว้ ่าเปน็ ของหนว่ ยตน้ ทนุ ใด (Cost Object) หรอื ต้นทุน นน้ั มาจากแหลง่ ใด ซ่ึงหน่วยต้นทนุ อาจเป็นชนิดของผลิตภัณฑ์ สาขา แผนก หรือเขตการขาย ก็ได้ การแบ่งต้นทุนในลักษณะนี้สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ต้นทุนทางตรง (Direct Costs) และต้นทนุ ทางออ้ ม (Indirect Costs)

บทท่ี 1 แนวคิดและความรทู้ ัว่ ไปเก่ยี วกับการบัญชีต้นทุน 1 - 25 4.1 ต้นทนุ ทางตรง ต้นทุนทางตรง (Direct Costs) เป็นต้นทุนท่ีสามารถจาแนกได้โดยตรงหรือ คานวณได้อยา่ งชดั เจนและงา่ ยดายวา่ เป็นของหน่วยตน้ ทนุ ใดหนว่ ยตน้ ทุนหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น ถ้าหน่วยต้นทุนเป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ ต้นทุนวัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง ถือเป็น ต้นทุนทางตรงของสินคา้ หรือผลติ ภัณฑ์น้ันๆ หรือถ้าหน่วยต้นทุนคือแผนก เงินเดือนผู้จัดการ แผนกบญั ชี ค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์สานักงานของแผนกบัญชี ถือเป็นต้นทุนทางตรงของแผนก บัญชี หรือถ้าหน่วยต้นทุนเป็นเขตการขาย ค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขาย ค่านายหน้า ค่า โฆษณา ค่ารบั รอง ถอื เปน็ ตน้ ทนุ ทางตรงของเขตการขายใดเขตการขายหนึ่ง เปน็ ตน้ 4.2 ต้นทนุ ทางอ้อม ตน้ ทุนทางออ้ ม (Indirect Costs) เปน็ ตน้ ทนุ ทยี่ ากต่อการจาแนกหรือหรือระบุ วา่ เปน็ ต้นทุนของหน่วยต้นทุนใดหน่วยต้นทุนหน่ึงโดยเฉพาะ เช่น เงินเดือนผู้บริหาร ถือเป็น ต้นทุนทางออ้ มของแผนกขาย เน่ืองจากผู้บริหารมีหน้าท่ีวางแผน ควบคุมและตัดสินใจปัญหา หรือเรอื่ งอน่ื ๆท่ีเกี่ยวกับธรุ กิจ ซ่ึงไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นค่าใช้จ่ายของแผนกขายเท่าใด เป็น ต้น ต้นทุนทางอ้อม บางคร้ังถูกเรียกว่า ต้นทุนร่วม (Common Cost or Joint Cost) โดยปกติ การคดิ ตน้ ทนุ ทางอ้อมหรือตน้ ทุนร่วมใหก้ บั หนว่ ยต้นทนุ จะใช้วิธกี ารจัดสรรหรือปันส่วนต้นทุน ตามวธิ กี ารทีเ่ หมาะสม และยุติธรรมมากท่ีสดุ การจาแนกต้นทุนตามความสัมพันธ์ของหน่วยต้นทุนหรือแหล่งท่ีเกิดของ ตน้ ทุน จะเป็นต้นทนุ ทางตรงหรอื ต้นทุนทางออ้ มได้นั้น สิ่งท่ีต้องพิจารณาอันดับแรกคือ หน่วย ต้นทุนหรอื แหล่งของตน้ ทุนคืออะไร นกั บญั ชีหรอื ผ้นู าเสนอขอ้ มูลแก่ผูบ้ ริหารจะได้คิดต้นทุนได้ อย่างถูกต้อง ซ่ึงการแบ่งประเภทต้นทุนในลักษณะเช่นน้ี เพ่ือประโยชน์ในแง่ที่ว่าใครเป็น ผู้รับผิดชอบในต้นทุนท่ีเกี่ยวข้องน้ัน ซ่ึงสามารถนาไปใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงานได้ อยา่ งถกู ต้อง และเหมาะสมน่ันเอง

1 - 26 การบญั ชตี น้ ทนุ 1 5. การจาแนกต้นทุนตามพฤติกรรมของต้นทุน การจาแนกต้นทุนอกี ลักษณะหนึ่งซ่ึงพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงของระดับกิจกรรม เช่น ปรมิ าณการขายสนิ คา้ ชั่วโมงแรงงานทางตรง ชัว่ โมงการทางานของเคร่ืองจกั ร เป็นตน้ ซึ่ง การเปลีย่ นแปลงของระดับกิจกรรม จะมีผลต่อต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย ซ่ึงอาจจะเพ่ิมขึ้น ถ้าระดับ กจิ กรรมเพิม่ ข้นึ หรอื อาจจะลดลงถ้าระดบั กิจกรรมลดลง การจาแนกตน้ ทนุ ตามพฤตกิ รรมตน้ ทนุ มีวัตถุประสงคเ์ พอ่ื นาขอ้ มูลต้นทุนไปใช้ในการ วางแผนและการควบคุม ซึ่งแบ่งประเภทต้นทุนเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ต้นทุนผันแปร ต้นทุน คงท่ี ตน้ ทุนกึ่งคงที่ และต้นทนุ ผสมหรอื ต้นทนุ กง่ึ ผนั แปร ซ่งึ จะอธิบายในรายละเอยี ดดังนี้ 5.1 ต้นทนุ ผนั แปร ตน้ ทนุ ผนั แปร (Variable Costs) หมายถึง ต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายใดๆท่ีลักษณะของ ต้นทุนรวม (Total Cost) จะเปลี่ยนแปลงเป็นสัดส่วนโดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงตามปริมาณ ของกิจกรรม นนั่ คือ ต้นทนุ ผนั แปรรวมจะมีจานวนมากหรือน้อยข้ึนอยู่กับปริมาณของกิจกรรม แตเ่ มือ่ พิจารณาต้นทนุ ผนั แปรในสว่ นของต้นทุนผันแปรตอ่ หนว่ ย (Variable Cost Per Unit) ซ่ึง ลักษณะของต้นทุนผนั แปรต่อหนว่ ยจะไมม่ กี ารเปลีย่ นแปลง หรือตน้ ทุนผนั แปรต่อหน่วยจะคงท่ี เพื่อให้เข้าใจย่ิงขึ้น จะแสดงตัวอย่างต้นทุนผันแปรรวมและต้นทุนผันแปรต่อ หนว่ ย เชน่ กาแฟสด 1 แกว้ จะมีต้นทุนเมล็ดกาแฟรวมเท่ากับ 30 บาท แต่ถ้าหากขายได้ 10 แก้ว ต้นทุนกาแฟรวมจะเท่ากับ 300 บาท แต่ถ้าหากขายได้ 20 แก้ว ต้นทุนกาแฟรวมจะ เทา่ กับ 600 บาท แตเ่ มอ่ื พจิ ารณาที่ต้นทนุ กาแฟต่อแก้วจะเทา่ กบั 30 บาท เป็นตน้ ตน้ ทนุ วตั ถุดบิ ทางตรง (บาท) ตน้ ทนุ ผันแปรรวม 1,200 30 40 ปริมาณการผลิต (แกว้ ) 1,000 800 600 400 200 0 10 20 ภาพท่ี 1.8 แสดงพฤตกิ รรมของต้นทนุ ผนั แปรรวม

บทที่ 1 แนวคดิ และความร้ทู ัว่ ไปเก่ียวกบั การบญั ชีต้นทุน 1 - 27 ต้นทุนวตั ถุดบิ ทางตรง (บาท) ต้นทุนผันแปรต่อหน่วย 50 = 30 บาทตอ่ แกว้ 40 30 20 10 0 10 20 30 40 ปริมาณการผลติ (แกว้ ) ภาพที่ 1.9 แสดงพฤติกรรมของต้นทนุ ผนั แปรตอ่ หนว่ ย 5.2 ต้นทนุ คงที่ ตน้ ทนุ คงที่ (Fixed Costs) คือ ต้นทุนชนดิ ทีต่ น้ ทุนรวมจะไม่มีการเปล่ียนแปลง หรือเท่ากันตลอดช่วงของกิจกรรมที่เก่ียวข้อง (Relevant Range) หรือหมายถึงต้นทุนท่ีไม่ เปล่ียนแปลงถึงแม้ว่าระดับของกิจกรรมมีการเปลี่ยนแปลงก็ตาม แต่ทั้งนี้ต้นทุนคงที่จะไม่ เปลี่ยนแปลงภายในช่วงของกจิ กรรมหน่ึงเท่าน้ัน นอกจากจะพิจารณาจากต้นทุนคงท่ีรวมแล้ว ยังสามารถพิจารณาในส่วนของตน้ ทนุ คงทตี่ ่อหนว่ ย (Fixed Cost Per Unit) ไดเ้ ช่นกนั ลักษณะ ของตน้ ทุนคงทตี่ ่อหนว่ ยจะมีการเปล่ยี นแปลงไปในทศิ ทางตรงขา้ มกับระดับของกิจกรรม นน่ั คือ ย่งิ มปี ริมาณของกิจกรรมมาก จะย่งิ ทาใหต้ น้ ทุนคงท่ีต่อหน่วยจะยง่ิ ลดลง ในทางตรงกันขา้ ม ถ้า ยิ่งมปี รมิ าณของกิจกรรมน้อย ต้นทุนคงทต่ี อ่ หน่วยจะยิ่งสงู ขึน้ เพ่อื ใหเ้ ขา้ ใจย่งิ ขึ้น จะแสดงตัวอยา่ งตน้ ทนุ คงท่ีรวมและต้นทนุ คงที่ต่อหนว่ ย เช่น ในช่วงของการผลิตสินค้า 10,000 - 20,000 หน่วย จะจ้างหัวหน้าผู้ควบคุมโรงงาน 1 คน ถ้า ในช่วงเวลานน้ั มีปริมาณการผลติ เทา่ กบั 15,000 หน่วย จะจ่ายเงินเดือนให้หัวหน้างาน 15000 บาท มตี ้นทนุ ตอ่ หนว่ ยเท่ากับ 1 บาทต่อหนว่ ย (15,000 บาท 15,000 หน่วย) แต่ถ้าในเดือน ถัดไปมปี รมิ าณการผลิตเทา่ กับ 20,000 หน่วย บริษัทก็จ่ายเงินเดือนให้กับหัวหน้างาน 15000 บาท เท่าเดมิ แตเ่ มอ่ื พิจารณาต้นทนุ ต่อหน่วย จะเท่ากับ 0.75 บาทต่อหน่วย (20,000 บาท  15,000 หน่วย) เป็นต้น ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ถ้าการผลิตอยู่ในช่วงท่ีเก่ียวข้องกับการตัดสินใจ บริษัทจะจ่ายเงินเดือนเท่าเดิม น่ันคือ ต้นทุนรวมไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้ายิ่งผลิตมากขึ้น ตน้ ทนุ ตอ่ หน่วยจะยิง่ ลดลง น่นั คอื ตน้ ทนุ คงที่ตอ่ หน่วย จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางตรง ข้ามกบั ระดบั ของกิจกรรม น่ันเอง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook