พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 1 พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย มหานิทเทส เลม ที่ ๕ ภารที่ ๒ ขอนอบนอมแดพระผูพ ระภาคอรหันตสมั มาสมั พทุ ธเจา พระองคน น้ั อฏั ฐกวัคคิกะ๑ ปรุ าเภทสุตตนิทเทสที่ ๑๐ [๓๗๔] (พระพุทธนิมติ ตรสั ถามวา ) บุคคลมีความเหน็ อยางไร มศี ีลอยา งไร อันบณั ฑิตกลา ววา เปน ผูเขาไปสงบแลว ขา แตพระโคดม พระองคถ กู ถามแลว ขอจงตรัสบอก บคุ คลนัน้ ซึง่ เปนนรชนผูอ ดุ ม แกข าพระองค. วาดวยคาํ ถามของพระพุทธนิมติ [๓๗๕] คําวา มคี วามเห็นอยางไร ในคาํ วา บคุ คลมีความเหน็อยา งไร มีศลี อยางไร อนั บณั ฑิตกลาววา เปน ผเู ขา ไปสงบแลวความวา บคุ คลประกอบดวยความเหน็ เชน ไร คอื ดว ยความดํารงอยูอยางไร ดว ยประการอยางไร ดว ยสว นเปรยี บอยา งไร เพราะฉะน้นัจึงชื่อวา มีความเหน็ อยา งไร. คําวา มศี ลี อยา งไร ความวา บคุ คลประกอบ๑. บาลีเลมท่ี ๒๙. คําน้พี มาเปนอัฏฐกวัคคะ.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 2ดวยศลี เชน ไร คือ ดว ยความดาํ รงอยูอยา งไร ดว ยประการอยางไร ดวยสวนเปรียบอยางไร เพราะฉะนัน้ จึงชือ่ วา มีความเห็นอยา งไร มีศลีอยางไร. คําวา อนั บณั ฑิตกลาววา เปนผเู ขาไปสงบแลว ความวา อันบัณฑิตกลา ว เรียก บอก พดู แสดง แถลงวา เปนผูสงบเขา ไปสงบดับ ระงบั แลว. พระพุทธนิมติ ตรสั ถามถึงอธิปญ ญาวา มีความเหน็ อยา งไรตรัสถามถงึ อธิศลี วา มีศลี อยางไร ตรสั ถามถึงอธิจติ วา เปนผูเ ขา ไปสงบแลว เพราะฉะน้นั จึงชือ่ วา บุคคลมคี วามเห็นอยางไร มีศลี อยางไรอนั บัณฑติ กลา ววา เปน ผูเขา ไปสงบแลว. [๓๗๖] คําวา ซึง่ บคุ คลนนั้ ในคาํ วา ขาแตพระโคดม . . . ขอจงตรัสบอกบคุ คลน้นั . . .แกขาพระองค ความวา บุคคลทถี่ าม ทขี่ อใหบอก ขอจงตรสั บอก ขอใหประสาท พระพุทธนมิ ติ น้ัน ยอมตรสัเรยี กพระผมู ีพระภาคเจาผูพทุ ธเจา โดยพระโคตรวา ขาแตพระโคดม.คาํ วา ขอจงตรสั บอก คอื ตรัสเลา บอก แสดง แถลง แตง ตงั้ เปดเผย จาํ แนก ทาํ ใหต้นื ประกาศ เพราะฉะนั้น จงึ ช่อื วา ขาแตพ ระ-โคดม... ขอจงตรสั บอกบุคคลนั้น... แกขาพระองค. [๓๗๗] คาํ วา ถกู ถามแลว ในคาํ วา ถูกถามแลว ... ซ่งึ เปนนรชนผอู ุดม ความวา ถกู ถาม ถกู สอบถาม ขอใหบ อก ขอเชญิ ใหทรงแสดง ขอใหประสาท. คําวา ซงึ่ เปน นรชนผอู ดุ ม ความวา ซ่งึ เปนนรชนผูเลศิ ประเสรฐิ วเิ ศษ เปน ประธาน สงู สุด บวร เพราะฉะนั้นจงึ ชอ่ื วา ซ่งึ เปน นรชนผูอุดม เพราะเหตุนนั้ พระพุทธนิมติ จงึ ตรัสวา บคุ คลมีความเหน็ อยางไร มศี ีลอยางไร อนั บณั ฑิต กลา ววา เปนผูเขา ไปสงบแลว ขาแตพ ระโคดม พระองค
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 3 ถกู ถามแลว ขอจงตรสั บอกบุคคลน้นั ซึ่งเปน นรชนผูอดุ ม แกข า พระองค [๓๗๘] (พระผูมพี ระภาคเจาตรัสตอบวา ) กอ นแตก ายแตก พระอรหันตเ ปน ผปู ราศจากตณั หา ผไู มอาศยั สว นเบื้องตน อันใคร ๆ ไมนับไดใ นสวนทามกลาง ความทําไวใ น เบอื้ งหนา มิไดม ี แกพระอรหนั ตน น้ั . อธิบายคําวา ภควา [๓๗๙] คาํ วา (พระผูม พี ระภาคเจาตรสั วา ) กอ นแตกายแตกพระอรหันต เปนผูปราศจากตณั หา ความวา กอ นแตก ายแตก คือกอนแตอ ตั ภาพแตก กอนแตทอดท้ิงซากศพ กอ นแตข าดชวี ิตินทรียพระอรหันตเปนผูปราศจากตณั หา คือ เปน ผมู ตี ณั หาหายไป สละไปสํารอกออก ปลอ ย ละ สละคืน เปน ผูป ราศจากราคะ คือ เปน ผูมีราคะหายไป สละไป สํารอกออก ปลอย ละ สละคืนแลว เปน ผูหายหวิ ดบั แลว เย็นแลว เปน ผูเ สวยสุขมีตนดงั พรหมอยู. บทวา ภควาเปนคาํ กลาวเรยี กดว ยความเคารพ. อกี อยา งหนง่ึ ชือ่ วา ภควา เพราะอรรถวา ผูทาํ ลายราคะ ทาํ ลายโทสะ ทําลายโมหะ ทําลายมานะ ทาํ ลายทฏิ ฐิ ทาํ ลายเส้ียนหนาม ทาํ ลายกิเลส และเพราะอรรถวา ทรงจําแนกแจกแจง ซึง่ ธรรมรตั นะ เพราะอรรถวา ทรงทําท่ีสดุ แหง ภพทง้ั หลายเพราะอรรถวา มพี ระกายอันอบรมแลว มศี ีลอันอบรมแลว มีจิตอันอบรมแลว มีปญญาอันอบรมแลว อนง่ึ พระผูมีพระภาคเจาทรงซองเสพเสนา-สนะอนั เปน ปาละเมาะ ปา ทึบ อนั สงดั มีเสียงนอย ปราศจากเสียงกกึ กอ ง
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 4ปราศจากชนผสู ญั จรไปมา เปนทีค่ วรทํากรรมลับของมนษุ ย สมควรแกหลีกออกเรน เพราะฉะนัน้ จึงชอ่ื วา ภควา. อนึง่ พระผูมพี ระภาคเจาทรงมสี ว นแหง จวี ร บิณฑบาต เสนาสนะ คลิ านปจจยั เภสัชบรขิ าร เพราะ-ฉะน้นั จึงช่ือวา ภควา. อน่ึง พระผูมพี ระภาคเจา ทรงมสี ว นแหง อธิศีลอธิจติ อธปิ ญญา อนั มีอรรถรส ธรรมรส วิมุตตริ ส เพราะฉะนัน้ จงึ ชือ่ วาภควา. อนึ่ง พระผูมีพระภาคเจา ทรงมสี ว นแหงฌาน ๔ อัปปมัญญา ๔อรูปสมาบตั ิ ๔ เพราะฉะนั้น จงึ ชือ่ วา ภควา. อนง่ึ พระผูมพี ระภาคเจาทรงมสี ว นแหง วิโมกข ๘ อภิภายตนะ ๘ (ฌานเปนทต่ี ง้ั แหงความครอบงาํอารมณ) อนปุ ุพพวิหารสมาบตั ิ ๙ (รูปฌาน ๔ อรูปฌาน ๔ สัญญา-เวทยติ นิโรธ ๑) เพราะฉะนั้น จึงชือ่ วา ภควา. อน่งึ พระผูมีพระภาคเจาทรงมสี วนแหง สญั ญาภาวนา ๑๐ กสณิ สมาบตั ิ ๑๐ อานาปานสติสมาธิอสภุ ฌานสมาบัติ เพราะฉะนนั้ จงึ ชือ่ วา ภควา. อนึ่ง พระผมู พี ระภาค-เจาทรงมสี ว นแหง สติปฏฐาน ๔ สัมมปั ปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย ๕พละ ๕ โพชฌงค ๗ อรยิ มรรคมีองค ๘ เพราะฉะนน้ั จึงช่อื วา ภควา.อนึง่ พระผมู พี ระภาคเจาทรงมีสว นแหง ตถาคตพละ ๑๐ เวสารชั ญาณ ๔ปฏิสัมภิทา ๔ อภญิ ญา ๖ พุทธธรรม ๖ เพราะฉะนน้ั จึงช่ือวา ภควา.พระนามวา ภควา นี้ พระมารดา พระบดิ า พระภาคา พระภคนิ ี มิตรอํามาตย พระญาติสาโลหติ สมณพราหมณ เทวดา มไิ ดเฉลิมใหพระนามวา ภควา น้ี เปนวโิ มกขันตนิ าม (พระนามมใี นอรหตั ผลในลําดับแหง อรหตั มรรค) เปน สัจฉกิ าบัญญัติ (บญั ญัตทิ ี่เกิดเพราะทาํ ใหแจง ซง่ึพระอรหตั ผลและธรรมท้ังปวง) พรอ มดว ยการทรงบรรลุพระสพั พญั ุต-ญาณ ณ ดวงแหง โพธิพฤกษข องพระผูม ีพระภาคเจา ทัง้ หลายผตู รสั รูแลว
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 5เพราะฉะน้นั จงึ ชื่อวา ภควา เพราะเหตนุ ้ัน พระผมู พี ระภาคเจาตรัสวากอนแตกายแตก พระอรหนั ตเปนผูป ราศจากตณั หา. [๓๘๐] อดีตกาล ทา นเรยี กวา สวนเบ้อื งตน ในคาํ วา ผูไมอาศยั สวนเบอื้ งตน พระอรหันตปรารภถึงอดตี กาล ละตณั หา สละคืนทิฏฐิเสยี แลว เพราะละตัณหา ละคืนทฏิ ฐเิ สยี แลว จงึ ช่อื วา เปนผูไมอาลยัสว นเบอื้ งตน แมด ว ยเหตอุ ยางน้.ี อกี อยา งหน่งึ พระอรหนั ตไมเปน ไปตามความเพลนิ ในรูปวา ในอดตี กาลเราไดมีรูปอยา งนี้ ไมเ ปนไปตามความเพลนิ ในนามวา ในอดีต-กาล เราไดมเี วทนาอยางนี้ ... มสี ัญญาอยางน้ี ... มสี งั ขารอยา งนี้ ... มีวิญญาณอยา งนี้ จึงช่ือวา เปนผไู มอ าศัยสว นเบ้ืองตน แมด ว ยเหตอุ ยา งน.้ี อีกอยางหน่ึง พระอรหันตมไิ ดม ีวิญญาณเนื่องดว ยฉนั ทราคะในจกั ษุและรูปวา ในอดตี กาล เราไดม จี กั ษดุ ังน้ี มีรปู ดงั นี้ เพราะเปนผูไ มม ีวญิ ญาณเนอ่ื งดวยฉันทราคะ. จึงไมเพลนิ ซ่ึงจกั ษแุ ละรูปนน้ั เมือ่ ไมเพลนิ ซ่งึ จกั ษุและรูปน้ัน จึงช่ือวา เปน ผไู มอ าศยั สวนเบอ้ื งตน แมดวยเหตุอยางนี้ มไิ ดมวี ญิ ญาณเน่อื งดวยฉันทราคะในหูและเสียงวา ในอดตี กาลเราไดม หี ดู งั น้ี มีเสยี งดงั นี้ ในอดตี กาล เราไดมจี มกู ดงั นี้ มีกล่นิ ดงั นี.้ ..ในอดตี กาล เราไดมลี นิ้ ดังน้ี มรี สดงั น้ี ในอดีตกาล เราไดม ีกายดังน้ีมโี ผฏฐพั พะดงั น้ี ในอดตี กาล เราไดมีใจดงั นี้ มธี รรมารมณด งั น้ี เพราะเปนผไู มม วี ญิ ญาณเน่ืองดวยใจและธรรมารมณน ัน้ จงึ ไมเพลนิ ซึ่งใจและซ่งึ ธรรมารมณน ั้น เมอ่ื ไมเ พลินซึ่งใจและซ่งึ ธรรมารมณน้นั จงึ ชือ่ วาเปนผูไมอ าศัยสวนเบือ้ งตน แมดวยเหตุอยา งน้.ี
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 6 อีกอยา งหน่ึง พระอรหันตยอมไมพ อใจ ไมชอบใจซึ่งความหวั เราะการเจรจา การปราศรยั และการเลน หวั กับมาตคุ ามในกาลกอน และไมถงึความปลืม้ ใจดวยความหัวเราะ การเจรจา การปราศรยั และการเลน หัวกบั มาคุคามที่มใี นคราวกอนนนั้ จึงชอ่ื วา เปน ผไู มอาศัยสว นเบือ้ งตน แมดว ยเหตุอยางนี.้ [๓๘๑] ปจ จุบันกาล ทานเรียกวา สว นทามกลาง ในคําวาผูอ ันใคร ๆ ไมน บั ไดในสวนทามกลาง พระอรหันตป รารภถงึ ปจจบุ ัน-กาล ละตัณหา สละคนื ทิฏฐิแลว เพราะละตณั หา สละคนื ทิฏฐแิ ลว อนัใคร ๆ ไมน บั ไดวา เปนผูก าํ หนัด ขัดของ หลงใหล ผกู พัน ยดึ ถือถงึ ความกวัดแกวง ถึงความไมตกลง ถงึ โดยเร่ียวแรง พระอรหันตล ะอภิสงั ขารเหลานั้นไดแ ลว เพราะละอภสิ ังขารไดแ ลว อันใคร ๆ ไมนับไดโดยคดิ วา เปนผเู กดิ ในนรก เกดิ ในกําเนดิ ดิรจั ฉาน เกดิ ในเปรตวสิ ยัเปน มนุษย เปนเทวดา เปน สตั วม ีรูป เปนสตั วไ มม ีรูป เปนสัตวม ีสัญญา เปนสัตวไ มมีสญั ญา หรอื เปน สตั วม ีสัญญากม็ ใิ ช ไมม ีสญั ญากม็ ิใชพระอรหนั ตนน้ั ไมมเี หตุ ไมมปี จจยั ไมมกี ารณะ อนั เปนเครอื่ งถงึการนบั เพราะฉะนน้ั จงึ ชอื่ วา ผอู ันใคร ๆ ไมน บั ไดใ นสวนทา มกลาง. วา ดวยความทาํ ไวในเบอ้ื งหนา ๒ อยา ง [๓๘๒] คําวา นั้น ในคาํ วา ความทาํ ไวในเบือ้ งหนามไิ ดม ีแกพระอรหันตนนั้ คอื พระอรหนั ตขณี าสพ ช่ือวา ความทําไวเ บอ้ื งหนาไดแกค วามทาํ ไวใ นเนือ่ งหนา ๒ อยาง คอื ความทําไวในเบื้องหนาดวยตัณหา ๑ ความทาํ ไวในเบื้องหนา ดว ยทฏิ ฐิ ๑ ฯลฯ น้ชี ่อื วา ความทาํ ไว
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 7ในเบือ้ งหนาดว ยตัณหา ฯลฯ น้ีชื่อวา ความทําไวในเบอื้ งหนาดว ยทิฏฐิพระอรหันตน น้ั ละความทําไวใ นเบ้อื งหนา ดวยตัณหา สละคนื ความทําไวใ นเบือ้ งหนา ดว ยทฏิ ฐแิ ลว เพราะละความทาํ ไวในเบือ้ งหนา ดวยตัณหาสละคนื ความทาํ ไวใ นเบอ้ื งหนา ดว ยทฏิ ฐิ จงึ ไมก ระทําตัณหา หรือทิฏฐิไวใ นเบอ้ื งหนา เที่ยวไป คอื ไมมตี ณั หาเปน ธงชัย ไมมีตัณหาเปนธงยอดไมม ตี ัณหาเปนใหญ ไมมีทฏิ ฐิเปน ธงชยั ไมม ีทิฏฐิเปน ธงยอด ไมม ีทฏิ ฐิเปน ใหญ ไมเ ปนผูอนั ตัณหาหรือทฏิ ฐแิ วดลอมท่วั ไป แมด วยเหตอุ ยา งน้ีดงั นี้ จึงชอ่ื วา ความทาํ ไวในเบือ้ งหนา มไิ ดมีแกพระอรหันตนัน้ . อีกอยา งหน่งึ พระอรหันตไมเ ปน ไปตามความเพลนิ ในรูปวา ในอนาคตกาล เราพงึ มรี ปู อยา งนี้ ไมเ ปนไปตามความเพลนิ ในนามวา ในอนาคตกาล เราพงึ มีเวทนาอยางนี้ ... มีสัญญาอยางน้ี ... มีสงั ขารอยา งน้ี ... มีวิญญาณอยา งนี้ แมดวยเหตอุ ยา งน้ี จงึ ชอื่ วา ความทาํ ไวใ นเบอ้ื งหนา มิไดม แี กพระอรหันตนน้ั . อกี อยางหน่ึง พระอรหันตย อ มไมตั้งจิตเพอ่ื ไดจกั ษแุ ละรูปที่ยงั ไมไดว า ในอนาคตกาลเราพงึ มีจักษดุ ังนี้ มีรปู ดงั นี้ เพราะเหตไุ มตง้ั จติ ไวจึงไมเพลินจกั ษแุ ละรูปน้ัน เมอื่ ไมเ พลนิ จักษแุ ละรูปนั้น ความทําไวในเบื้องหนามิไดม แี กพระอรหันตน ั้น แมด วยเหตุอยางนี้ ไมทง้ั จิตเพ่ือไดหูและเสียงท่ยี งั ไมไ ดว า ในอนาคตกาลเราพงึ มีหดู งั นี้ ... ในอนาคตกาลเราพึงมีจมกู ดงั น้ี มีกลน่ิ ดังน้.ี .. ในอนาคตกาล เราพึงมลี นิ้ ดังนี้ มีรสดงั นี้ ... ในอนาคตกาล เราพงึ มีกายดังนี้ มโี ผฏฐพั พะดังน้ี ... ในอนาคต-กาล เราพงึ มใี จดังน้ี มธี รรมารมณดังน้ี เพราะเหตุไมตงั้ จิตไว จงึ ไม
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 8เพลินซง่ึ ใจและธรรมารมณน ้ัน เมอื่ ไมเ พลนิ ซึง่ ใจ และธรรมารมณนน้ัความทาํ ไวใ นเบ้ืองหนามไิ ดมีแกพระอรหันตน ัน้ แมดว ยเหตุอยางนี.้ อกี อยางหน่งึ พระอรหนั ตยอ มไมต ้งั จิตเพอ่ื ไดภพทย่ี งั ไมไดวา เราจกั เปนเทพเจา หรือเปน เทวดาตนใดตนหนงึ่ ดว ยศลี ดว ยวัตร ดว ยตบะหรือดว ยพรหมจรรยนี้ เพราะเหตุไมต ั้งจติ ไว จงึ ไมเ พลนิ ภพนัน้ เม่ือไมเ พลนิ ภพน้นั ความทําไวใ นเบอื้ งหนามไิ ดมแี กพระอรหนั ตน้นั แมดวยเหตุอยา งนี้ เพราะเหตุนั้น พระผูม ีพระภาคเจาจงึ ตรัสวา (พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสวา) กอ นแตก ายแตก พระ- อรหันตเ ปนผูปราศจากตณั หา ไมอ าศัยสวนเบื้องตนอัน ใคร ๆ ไมนับไดในสว นทามกลาง ความทําไวในเบ้อื ง หนา มไิ ดม ีแกพระอรหันตน้ัน. [๓๘๓] บคุ คลนนั้ แล ผูไ มโกรธ ไมสะดุง ไมโออวด ไม มีความคะนอง พูดดวยปญญา ไมฟ ุงซาน สํารวมวาจา เปนมุน.ี วาดวยเหตุใหเ กิดความโกรธ ๑๐ อยา ง [๓๘๔] ก็พระผมู พี ระภาคเจาตรัสวา ผูไมโ กร ในคาํ วา ผูไ มโกรธไมส ะดงุ กแ็ ตว า ความโกรธควรกลาวกอ น ความโกรธ ยอมเกิดดว ยอาการ ๑๐ อยาง คอื ความโกรธยอ มเกิดดวยอาการวา เขาไดป ระพฤติสง่ิ ไมเ ปน ประโยชนแกเ ราแลว ๑ เขากาํ ลังประพฤตสิ ่งิ ไมเปนประโยชนแกเ รา ๑ เขาจกั ประพฤตสิ ิ่งไมเ ปนประโยชนแกเรา ๑ เขาไดประพฤตสิ ง่ิ
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 9ไมเปน ประโยชนแ กบ คุ คลผูเปนท่รี กั ชอบใจของเราแลว ๑ เขากําลงั ประ -พฤตสิ ่ิงไมเ ปน ประโยชนแกบ ุคคลผูเ ปนท่ีรกั ชอบใจของเรา ๑ เขาจักประพฤติสิ่งไมเปน ประโยชนแกบ ุคคลผูเปนทรี่ ักทีช่ อบใจของเรา ๑ เขาไดประพฤติสิง่ เปน ประโยชนแกบุคคลผูไมเปน ทร่ี ักท่ชี อบใจของเรา๑ เขากาํ ลังประพฤตสิ ่ิงเปนประโยชนแกบุคคลผไู มเปนทรี่ กั ท่ชี อบใจของเรา ๑เขาจกั ประพฤติสง่ิ เปน ประโยชนแกบุคคลผไู มเ ปน ทีร่ ักทชี่ อบใจของเรา ๑ความโกรธยอมเกิดในทีม่ ใิ ชเหตุ ๑. ความปองรา ย ความมงุ ราย ความขัดเคอื ง ความขุนเคอื ง ความเคอื ง ความเคืองทวั่ ความเคืองเสมอ ความชัง ความชงั ทัว่ ความชงัเสมอ ความพยาบาทแหงจิต ความประทษุ รายในใจ ความโกรธ กริ ิยาทโ่ี กรธ ความเปน ผโู กรธ ความชัง กริ ิยาท่ีชัง ความเปน ผชู งั ความพยาบาท กิริยาที่พยาบาท ความเปนผูพ ยาบาท ความพโิ รธ ความพโิ รธตอบ ความเปนผูดุราย ความเพาะวาจาช่วั ความไมแ ชมชืน่ แหงจติ นเี้ รยี กวา ความโกรธ. อกี อยางหนง่ึ ควรรคู วามโกรธมากโกรธนอ ย บางครั้งความโกรธเปน แตเพียงทําจิตใหขุนมัว แตยงั ไมถ ึงใหหนา เงาหนา งอกม็ ี บางคร้งัความโกรธเปนเพยี งทาํ ใหหนาเงา หนางอแตย ังไมท าํ ใหค างสั่นกม็ ี บางคร้งัความโกรธเปน แตเพยี งทาํ ใหค างสัน่ แตยงั ไมใหเ ปลง ผรสุ วาจากม็ ี บางคร้งั ความโกรธเปนแตเ พียงใหเ ปลงผรุสวาจา แตย งั ไมใ หเ หลียวดูทิศตา ง ๆ กม็ ี บางครง้ั ความโกรธเปน แตเพยี งใหเหลยี วดูทศิ ตา ง ๆ แตย งัไมใหจบั ทอ นไมแ ละศาสตราก็มี บางคร้ัง ความโกรธเปนแตเ พียงใหจ บัทอ นไมแ ละศาสตรา แตย ังไมใหเง้อื ทอนไมแ ละศาสตราก็มี บางคร้ังความ
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 10โกรธเปนแตเพยี งใหเ ง้อื ทอ นไมและศาสตรา แตยงั ไมใหท อ นไมแ ละศาสตราถกู ตอ งกม็ ี บางคร้ัง ความโกรธเปนแตเพียงใหท อนไมแ ละศาสตราถูกตอ ง แตย งั ไมทาํ ใหเปน แผลเล็กแผลใหญก ม็ ี บางครง้ั ความโกรธเปนแตเพยี งทาํ ใหเ ปนแผลเลก็ แผลใหญ แตย งั ไมใหก ระดูกหักก็มี บางครั้งความโกรธเปน แตเ พียงใหก ระดูกหักแตยังไมใ หอ วัยวะนอ ยใหญห ลดุ ไปกม็ ีบางคร้ังความโกรธเปนแตเพยี งใหอ วยั วะนอยใหญห ลุดไป แตย ังไมใ หชีวิตดบั กม็ ี บางครง้ั ความโกรธเปนแตเพียงใหชวี ิตดบั แตยงั ไมเสียสละชีวิตของตนใหหมดไปก็มี เม่ือใด ความโกรธใหฆา บุคคลอน่ื แลว จึงใหฆาคน เมอื่ น้ัน ความโกรธเปน ไปรนุ แรงอยางหนัก ถงึ ความเปนของมากอยางย่ิง ความโกรธนัน้ อันบคุ คลใดละ ตดั ขาด สงบ ระงับแลวทําไมใหค วรเกดิ ขึน้ ได เผาเสยี แลวดวยไฟคือญาณ บคุ คลนั้นเรยี กวา ผูไมโ กรธ บุคคลชอื่ วาเปนผไู มโ กรธ เพราะละความโกรธไดแ ลว เพราะกาํ หนดรูว ตั ถแุ หงความโกรธ เพราะตดั เหตุแหง ความโกรธเสีย เพราะ-ฉะนั้น จึงช่อื วา ผไู มโ กรธ. วาดว ยผูไมสะดุง [๓๘๕] คาํ วา ผไู มสะดุง ความวา ภิกษบุ างรูปในธรรมวินัยน้ีเปนผูส ะดุง หวาดเสียว สยดสยอง ภกิ ษุน้ัน ยอ มสะดงุ หวาดเสยี วสยดสยองกลัว ถงึ ความสะดุงวา เราไมไดส กุล ไมไดหมคู ณะ ไมไ ดอาวาส ไมไ ดล าภ ไมไ ดย ศ ไมไดส รรเสริญ ไมไ ดส ขุ ไมไ ดจ ีวร ไมไดบิณฑบาต ไมไดเ สนาสนะ ไมไ ดคลิ านปจจัยเภสชั บรขิ าร ไมไ ดบคุ คลผูพ ยาบาลในคราวเปนไข เราจะไมเ ปน ผมู ชี ่ือเสยี งปรากฏ ภิกษใุ น
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 11ธรรมวินยั น้ี เปน ผไู มสะดงุ ไมห วาดเสียว ไมสยดสยอง ภิกษุนนั้ ยอมไมส ะดุง ไมหวาดเสยี ว ไมสยดสยอง ไมกลวั ไมถ งึ ความสะดุงวา เราไมไดส กุล ไมไ ดห มคู ณะ ไมไดอาวาส ไมไดลาภ ไมไดย ศ ไมไดสรรเสรญิ ไมไดส ุข ไมไดจวี ร ไมไดบณิ ฑบาต ไมไดเ สนาสนะ ไมไ ดคลิ านปจจัยเภสชั บริขาร ไมไ ดบ ุคคลผูพยาบาลในคราวเปนไข เราไมเ ปนผมู ชี ื่อเสยี งปรากฏ เพราะฉะนัน้ จึงช่ือวา ผูไมโกรธ ผูไมส ะดงุ . วา ดว ยไมโออวด [๓๘๖] คาํ วา ผไู มโ ออวด ไมม ีความราํ คาญ ความวา ภกิ ษุบางรปู ในธรรมวินยั นี้ เปน ผูอ วด โออวด ภกิ ษนุ ั้น ยอ มอวด ยอ มโออ วดวา เราเปนผูถ งึ พรอมดว ยศลี บาง ถึงพรอ มดวยวัตรบาง ถงึ พรอ มศลี และวัตรบาง ถงึ พรอ มดวยชาตบิ าง ถึงพรอ มดวยโคตรบา ง ถึงพรอมดว ยความเปนบตุ รแหงสกุลบาง ถงึ พรอมดว ยความเปนผมู ีรูปงามบา ง ถงึพรอ มดว ยทรัพยบ าง ถงึ พรอมดว ยการปกครองบา ง ถงึ พรอมดวยหนา ท่ีการงานบา ง ถึงพรอมดว ย หลกั แหลง แหง ศลิ ปศาสตรบ าง ถงึ พรอ มดว ยวิทยฐานะบาง ถงึ พรอ มดวยการศึกษาบา ง ถงึ พรอมดว ยปฏภิ าณบาง ถึงพรอ มดว ยวัตถอุ ยางใดอยางหน่ึงบาง ออกบวชจากสกลุ สูงบาง ออกบวชจากสกลุ ใหญบา ง ออกบวชจากสกลุ มีโภคสมบตั มิ ากบา ง ออกบวชจากสกลุมโี ภคสมบตั ิยงิ่ ใหญบาง เปน ผูม ชี ่ือเสียงปรากฏมียศกวาพวกคฤหัสถแ ละบรรพชิตบา ง เปนผูไดจ ีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปจ จัยเภสชับริขารบาง เปนผทู รงจําพระสูตรบา ง ทรงจาํ พระวินัยบาง เปน ธรรมกถกึบา ง เปน ผูถอื อยปู าเปนวัตรบาง เปนผถู อื เท่ยี วบิณฑบาตเปน วัตรบา ง
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 12เปน ผูถือทรงผาบงั สุกุลเปนวตั รบาง เปน ผถู ือทรงไตรจวี รเปน วัตรบางเปน ผูถอื เทยี่ วบณิ ฑบาตไปตามลําดบั ตรอกเปน วัตรบาง เปน ผูถอื ไมฉันภัตในภายหลังเปนวตั รบาง เปน ผูถือไมน อนเปนวัตรบาง เปน ผูถอื อยใู นเสนาสนะที่เขาจัดใหอยางไรเปนวัตรบาง เปน ผูไดป ฐมฌานบา ง เปนผูไดทตุ ิยฌานบาง เปนผูไ ดต ตยิ ฌานบา ง เปน ผไู ดจ ตุตถฌานบาง เปนผูไดอากาสานญั จายตนสมาบัติบา ง เปน ผไู ดวิญญาณญั จายตนสมาบัติบา งเปน ผูไดอากญิ จญั ายตนสมาบัตบิ าง เปนผไู ดเนวสญั ญานาสัญญายตน-สมาบัตบิ าง บคุ คลไมอ วด ไมโ ออ วดอยา งน้ี บุคคลงด เวน เวน ขาดออก สลัด พน ขาด ไมเกีย่ วขอ งดว ยความอวด เปนผูมจี ิตปราศจากแดนกิเลสอยู เพราะฉะนั้น จงึ ชื่อวา ผไู มโ ออ วด. วาดวยผไู มม ีความรําคาญ [๓๘๗] ช่ือวา ความราํ คาญ ในคาํ วา ผไู มม ีความรําคาญ ไดแ กความราํ คาญมอื บา ง ความรําคาญเทา บา ง ความราํ คาญทัง้ มือและเทาบางความสาํ คัญในส่งิ ไมควรวาควร ความสําคญั ในสงิ่ ควรวาไมค วร ความสําคัญในสง่ิ ท่ไี มม โี ทษวา มโี ทษ ความสําคญั ในสิง่ ท่มี โี ทษวา ไมม โี ทษความราํ คาญ กริ ยิ าทีร่ ําคาญ ความเปน ผูรําคาญ ความเดือนรอนจิตความกลมุ ใจเห็นปานน้ี นเี้ รียกวา ความรําคาญ อกี อยางหนง่ึ ความรําคาญ ความเดอื ดรอนจิต ความกลมุ ใจ ยอมเกิดข้นึ เพราะเหตุ ๒ ประการคือ เพราะกระทําและเพราะไมกระทํา. ความรําคาญ ความเดือดรอ นจิต ความกลุมใจ ยอ มเกิดขน้ึ เพราะกระทําและเพราะไมก ระทาํ อยา งไร ความราํ คาญ ความเดอื ดรอ นจิตความกลุม ใจยอ มเกิดขึ้นวา เราทาํ แตก ายทจุ รติ เราไมไ ดทาํ กายสุจรติ
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 13เราทําแตวจีทุจรติ เราไมไดทาํ วจสี จุ รติ เราทาํ แตมโนทจุ รติ เราไมไ ดทาํ มโนสจุ ริต เราทาํ แตป าณาติบาต เราไมไ ดท ําเจตนางดเวนจากปาณาติ-บาต เราทําแตอ ทนิ นาทาน เราไมไ ดท าํ เจตนาเครื่องงดเวน จากอทนิ นาทาน เราทาํ แตกาเมสมุ ิจฉาจาร เราไมไ ดทําเจตนาเครอ่ื งงดเวนจากกาเมสมุ ิจฉาจาร เราทําแตม สุ าวาท เราไมไ ดทําเจตนาเคร่ืองงดเวนจากมสุ าวาท เราทําแตป สุณาวาจา เราไมไดทําเจตนาเคร่ืองงดเวนจากปส ุณาวาจา เราทาํ แตผรสุ วาจา เราไมไ ดทาํ เจตนาเคร่อื งงดเวน จากผรุส-วาจา เราทําแตสมั ผัปปลาปะ เราไมไ ดท ําเคร่อื งงดเวนจากสมั ผปั ปลาปะเราทาํ แตอภชิ ฌา เราไมไ ดท าํ อนภชิ ฌา เราทาํ แตพยาบาท เราไมไ ดท ําอพั ยาบาท เราทําแตมจิ ฉาทิฏฐิ เราไมไดทาํ สมั มาทิฏฐิ ความราํ คาญความเดือดรอ นจิต ความกลุม ใจ ยอ มเกดิ ข้ึนเพราะกระทาํ และเพราะไมกระทาํ อยางน.ี้ อีกอยางหน่งึ ความราํ คาญ ความเดือดรอนจิต ความกลมุ ใจยอ มเกิดขน้ึ วา เราเปน ผไู มก ระทาํ ความบริบรู ณใ นศลี ท้งั หลาย เราเปนผูไมค มุ ครองทวารในอินทรียทง้ั หลาย เราเปนผูไ มรูจ กั ประมาณในโภชนะเราเปน ผไู มหมน่ั ประกอบในความเพียรเปนเครือ่ งตนื่ อยู เราเปน ผไู มประกอบดวยสตสิ ัมปชญั ญะ เราไมไ ดเจรญิ สตปิ ฏ ฐาน ๔ เราไมไดเ จรญิสัมมปั ปธาน ๔ เราไมไดเจริญอิทธบิ าท ๔ เราไมไ ดเจรญิ อินทรีย ๕เราไมไดเจรญิ พละ ๕ เราไมไ ดเจริญโพชฌงค ๗ เราไมไ ดเ จรญิ อริย-มรรคมอี งค ๘ เราไมไดก าํ หนดรูทกุ ข เราไมไดล ะสมุทยั เราไมไ ดเจริญมรรค เราไมไดทําใหแจงนโิ รธ ความรําคาญนี้ อนั บุคคลใดละตดั ขาดสงบ ระงับแลว ทาํ ไมใ หควรเกดิ ข้ึน เผาเสียแลวดว ยไฟคือญาณ
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 14บุคคลนั้นเรยี กวา ไมม ีความราํ คาญ เพราะฉะน้ัน จงึ ชอ่ื วา ผไู มโ ออ วดไมมคี วามรําคาญ. วาดวยปญญาเรยี กวา มนั ตา [๓๘๘] คาํ วา ผูพูดดวยปญญา ไมฟ ุงซา น ความวา ปญญาเรียกวา มนั ตา ไดแ กป ญญา ความรูท ัว่ ฯลฯ ความไมหลง ความเลอื กเฟน ธรรม ความเหน็ ชอบ บคุ คลกําหนดกลาววาจาดวยปญ ญา แมกลาวมาก พดู มาก แสดงมาก แถลงมาก ก็ไมก ลา ววาจาท่ีกลา วชัว่ พูดชัว่เจรจาชัว่ ปราศรัยชั่ว บอกเลาชวั่ เพราะฉะน้นั จงึ ชอื่ วา ผพู ดู ดว ยปญ ญา. ความฟงุ ซาน ในคาํ วา ผูไมฟ ุง ซา นเปนไฉน ความฟุงซา นความไมสงบจติ ความทีจ่ ิตกวดั แกวง ความท่จี ติ หมนุ ไป นเี้ รยี กวาความฟุงซา น ความฟุง ซานน้นั อนั บุคคลใดละ ตดั ขาด สงบ ระงับแลว ทําไมใหค วรเกิดข้ึนได เผาเสียแลว ดวยไฟคือญาณ บุคคลนน้ั ชอื่ วาผูไมฟ งุ ซา น เพราะฉะนนั้ จงึ ชอ่ื วา ผพู ดู ดวยปญ ญา ไมฟงุ ซาน. วาดว ยการสาํ รวมวาจา [๓๘๙] คาํ วา บุคคลนนั้ แล สํารวมวาจา เปนมุนี ความวาภกิ ษุในธรรมวนิ ัยน้ี ละมุสาวาท เวนขาดจากมุสาวาท พดู จรงิ ดาํ รงคําสัตย มีถอ ยคําม่ันคงเชอื่ ถือได ไมพ ดู ใหเคล่ือนคลาดแกโลก ละปสุณา-วาจา เวน ขาดจากปส ุณาวาจา ฟงจากขางนีแ้ ลว ไมไ ปบอกขางโนนเพอ่ื ทาํ ลายคนหมูนี้ หรอื ฟงจากขางโนน แลว ไมม าบอกคนหมนู ้ี เพ่ือทําลายคนหมโู นน เปน ผสู มานคนที่แตกกนั บา ง สง เสรมิ คนทพ่ี รอมเพรยี ง
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 15กนั บา ง มีความพรอ มเพรียงเปนท่มี ายินดี ยินดใี นบุคคลท่ีพรอ มเพรียงกัน มคี วามเพลิดเพลนิ ในบุคคลท่พี รอ มเพรียงกนั กลาววาจาทที่ าํ ใหเ ขาพรอมเพรียงกัน ดวยประการฉะน้ี ละผรสุ วาจา เวนขาดจากผรสุ วาจากลาววาจาที่ไมมโี ทษ อนั ไพเราะโสต เปนทีต่ ง้ั แหง ความรัก หย่งั ลงถงึหทยั เปนคาํ ของชาวเมือง ท่ชี นหมมู ากพอใจชอบใจ ละสมั ผปั ปลาปะเวน ขาดจากสัมผัปปลาปะ พูดโดยกาลควร พูดจรงิ พดู อิงอรรถ พดูองิ ธรรม พูดองิ วินยั กลา ววาจาเปนหลักฐาน มที อ่ี า งองิ มีสวนสุดประกอบดว ยประโยชนโ ดยกาลอนั ควร เปนผูป ระกอบดว ยวจสี ุจรติ ๔กลาววาจาปราศจากโทษ ๔ งดเวน เวน ขาด ออก สลดั พน ขาดไมป ระกอบดวยดริ ัจฉานกถา ๓๒ ประการ เปน ผูมจี ติ ปราศจากเขตแดนอยู ยอมกลาวกถาวตั ถุ ๑๐ อยาง คอื อัปปจฉกถา สันตุฏฐิกถา ปวเิ วก-กถา อสังสัคคกถา วิริยารัมภกถา สีลกถา สมาธิกถา ปญญากถาวมิ ตุ ตกิ ถา วิมุตตญิ าณทัสสนกถา สตปิ ฏ ฐานกถา สมั มัปปธานกถาอิทธบิ าทกถา อินทริยกถา พลกถา โพชฌังคกถา มรรคกถา ผลกถานิพพานกถา. คําวา ผูสาํ รวมวาจา คอื ผูสํารวม สํารวมเฉพาะ คมุ ครองปกครอง รักษา ระวงั สงบแลว . คําวา มุนี ความวา ญาณเรียกวาโมนะ ฯลฯ กา วลว งธรรมเครอื่ งขอ ง และตณั หาเพยี งดังวาขา ย บคุ คลนัน้ ชอื่ วา มุนี เพราะฉะนั้น จึงช่ือวา บุคคลนั้นแล สาํ รวมวาจา เปนมุนี เพราะเหตุนั้น พระผูมีพระภาคเจา จึงตรสั วา
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย มหานทิ เทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 16 บุคคลผูน นั้ แลผูไมโ กรธ ไมสะดงุ ไมโออวด ไม มีความราํ คาญ พูดดวยปญญา ไมฟงุ ซา น สาํ รวมวาจา เปน มุนี. [๓๙๐] บคุ คลผไู มม ตี ัณหาเครื่องเก่ียวขอ งในอนาคต ไม เศรา โศกถึงสง่ิ ท่ลี ว งไปแลว ผเู หน็ วเิ วกในผัสสะทงั้ หลาย และไมถกู นําไปในเพราะทฏิ ฐิทัง้ หลาย. วา ดว ยผูไมม ตี ัณหา [๓๙๑] คําวา บุคคลผไู มมตี ัณหาเครือ่ งเกยี่ วขอ งในอนาคตความวา ตัณหา เรียกวา ตัณหา เครื่องเกยี่ วของ ไดแ กค วามกาํ หนดัความกําหนัดนัก ฯลฯ อภชิ ฌา โลภะ อกุศลมูล ตณั หาเคร่อื งเก่ียวขอ งนั้น อนั บคุ คลใดละ. ตดั ขาด สงบ ระงบั แลว ทําไมใ หค วรเกิดขึน้ เผาเสยี แลวดวยไฟคือญาณ แมเ พราะเหตุอยางนีด้ ังนี้ จึงชื่อวา ผไู มม ตี ัณหาเคร่ืองเก่ยี วของในอนาคต. อกี อยา งหนึ่ง บุคคลผไู มเปน ไปตามความเพลนิ ในรูปวา ในอนาคตกาล เราพงึ มรี ูปอยา งน้ี ไมเ ปน ไปตามความเพลินในนามวา ในอนาคตกาล เราพึงมีเวทนาอยา งนี้ มีสญั ญาอยา งนี้ มสี งั ขารอยางนี้ มีวิญญาณอยางนี้ แมดว ยเหตอุ ยา งน้ีดังนี้ จึงช่อื วา ผูไ มม ตี ัณหาเคร่ืองเกยี่ วของในอนาคต. อกี อยา งหนึง่ บุคคลไมตั้งจิตเพื่อไดจกั ษุและรปู ที่ยงั ไมไดว า ในอนาคตกาล เราพงึ มีจกั ษดุ งั นี้ มีรปู ดังนี้ เพราะเหตุทีไ่ มต ัง้ จิตไว จงึไมเ พลนิ จักษแุ ละรปู น้ัน เม่ือไมเ พลนิ จกั ษุและรปู นัน้ ก็เปน ผไู มมตี ณั หา
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 17เครื่องเก่ียวของในอนาคต แมดวยเหตอุ ยางน้ี ไมต ้งั จิตเพ่ือไดหูและเสยี งทย่ี ังไมไ ดวา ในอนาคตกาล เราพงึ มีหดู งั นี้ มีเสยี งดงั น้ี ... ในอนาคตกาล เราพึงมจี มูกดงั น้ี มกี ล่นิ ดังน้ี ... ในอนาคตกาล เราพึงมีลิ้นดังน้ี มรี สดงั น้.ี .. ในอนาคตกาล เราพงึ มกี ายดังน้ี มโี ผฏฐพั พะดังน้ี ... ในอนาคตกาล เราพงึ มใี จดงั น้ี มีธรรมารมณดังน้ี เพราะเหตุท่ีไมดงั จิตไว จงึ ไมเพลนิ ซ่ึงใจและธรรมารมณน ั้น เมื่อไมเ พลนิ ซึ่งใจและธรรมารมณน ั้น ก็เปนผไู มมีตัณหาเคร่ืองเกีย่ วของในอนาคต แมดวยเหตอุ ยางนี้. อีกอยา งหน่งึ บคุ คลไมตั้งจติ เพือ่ จะไดภพทีย่ งั ไมไ ดวา เราจักเปนเทพหรือเทวดาตนใดตนหนึง่ ดว ยศลี ดว ยวตั ร ดวยตบะ หรือดว ยพรหมจรรยน ี้ เพราะเหตุทไ่ี มต้งั จิตไว จึงไมเพลินภพนนั้ เมื่อไมเพลินภพนัน้ กเ็ ปนผูไ มมีตัณหาเครอ่ื งเกี่ยวขอ งในอนาคต แมดวยเหตอุ ยางน.้ี วาดวยผูไมเศราโศก [๓๙๒] คําวา ไมเ ศราโศกถึงส่ิงท่ลี ว งไปแลว ความวา ไมเศรา โศกถึงวัตถทุ ่ีแปรปรวน หรือเมอ่ื วตั ถแุ ปรปรวนไปแลว ก็ไมเศราโศกถงึ คือ ไมเศราโศก ไมลาํ บาก ไมร ําพันถงึ ไมทุบอกคดร่าํ ครวญไมถ งึ ความหลงใหลวา จกั ษุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กาย ของเรา แปร-ปรวนไปแลว รูป เสยี ง กล่นิ รส โผฏฐัพพะ ของเรา แปรปรวนไปแลวสกุล หมู คณะ อาวาส ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ของเรา แปรปรวนไปแลว จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คลิ านปจ จยั เภสัชบรขิ าร ของเราแปรปรวนไปแลว มารดา บิดา พ่ชี าย นอ งชาย พห่ี ญงิ นองหญิง
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 18บุตร ธดิ า มิตร พวกพอ ง ญาติสาโลหติ ของเรา แปรปรวนไปแลวเพราะฉะนน้ั จึงชื่อวา ไมเ ศรา โศกถงึ สิ่งที่ลว งไปแลว. วาดวยผัสสะ [๓๙๓] ชื่อวา ผัสสะ ในคําวา ผูเหน็ วิเวกในผัสสะทง้ั หลายไดเเกจักษสุ ัมผัส โสตสัมผัส ฆานสมั ผสั ชิวหาสัมผัส กายสัมผัสมโนสมั ผสั อธิวจนสมั ผัส ปฏฆิ สัมผัส สมั ผัสอันเกือ้ กูลแกส ุขเวทนาสัมผัสอันเกอื้ กลู แกท ุกขเวทนา สมั ผัสอันเกื้อกลู แกอ ทกุ ขมสขุ เวทนา ผัสสะอันเปนกุศล ผสั สะอนั เปนอกศุ ล ผัสสะอันเปน อัพยากตะ ผสั สะอันเปนกามาวจร ผัสสะอันเปนรูปาวจร ผัสสะอันเปนอรูปาวจร ผสั สะอันเปนสุญญตะ ผัสสะอันเปน อนมิ ติ ตะ ผัสสะอนั เปนอปั ปณหิ ติ ะ ผัสสะอนั เปนโลกยิ ะ ผสั สะอนั เปน โลกุตระ ผสั สะอันเปน อดีต ผัสสะอันเปนอนาคตผสั สะอันเปน ปจจบุ นั ผัสสะความถกู ตอ ง กริ ยิ าทถี่ ูกตอง ความเปน แหงความถกู ตองเห็นปานนี้ น้ีชื่อวา ผสั สะ. คาํ วา ผูเหน็ วิเวกในผสั สะทง้ั หลายความวา บุคคลเหน็ จกั ษสุ ัมผสั วา เปน ของวา งจากความเปน คนบา ง จากธรรมท่ีเน่ืองในตนบา ง จากความเทย่ี งบา ง จากความยัง่ ยืนบาง จากความเปน ของเทยี่ งบาง จากธรรมท่ไี มแ ปรปรวนบา ง เห็นโสตสมั ผสัเหน็ ฆานสัมผัส เห็นชิวหาสัมผสั เหน็ กายสมั ผัส เห็นมโนสมั ผัส เห็นอธิวจนสมั ผัส เหน็ ปฏิฆสมั ผสั เหน็ สมั ผัสอนั เกือ้ กลู แกสุขเวทนา เหน็สัมผสั อันเกอ้ื กลู แกท ุกขเวทนา เหน็ สัมผสั อันเก้อื กลู แกอทุกขมสขุ เวทนาเหน็ ผัสสะอนั เปนกุศล เห็นผัสสะอันเปน อกุศล เห็นผสั สะอันเปน อพั ยา-กตะ เห็นผัสสะอันเปนกามาวจร เห็นผัสสะอันเปนรปู าวจร เหน็ ผสั สะ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 685
Pages: