พระสตุ ตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 1 พระสตุ ตนั ตปฎก อังคุตตรนกิ าย เอกนบิ าต - ทกุ นบิ าต เลม ที่ ๑ ภาคที่ ๒ขอนอบนอมแดพระผมู พี ระภาคอรหนั ตสมั มาสัมพุทธเจาพระองคนนั้ เอตทัคคบาลี วรรคที่ ๕ วาดว ยภิกษุณผี ูมตี าํ แหนงเลิศ ๑๓ ทาน [๑๕๐] ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย พระมหาปชาบดีโคตมีภิกษุณี เลิศกวา พวกภกิ ษณุ สี าวิกาของเราผูรูราตรีนาน. พระเขมาภกิ ษณุ ี เลิศกวาพวกภิกษุณสี าวิกาของเราผมู ปี ญ ญามาก. พระอบุ ลวรรณาภิกษณุ ี เลิศกวาพวกภกิ ษณุ สี าววกิ าของเราผมู ฤี ทธ์.ิ พระปฏาจาราภกิ ษุณี เลิศกวา พวกภกิ ษณุ ีสาวกิ าของเราผทู รงวินยั . พระธรรมทนิ นาภกิ ษุณี เลศิ กวาพวกภกิ ษณุ สี าวิกาของเราผูเปนธรรมกถกึ . พระนันทาภิกษณุ ี เลศิ กวาพวกภกิ ษุณีสาวิกาของเราผยู ินดใี นฌาน. พระโสณาภิกษุณี เลศิ กวา พวกภิกษณุ ีสาวิกาของเราผปู รารภความเพียร.
พระสุตตนั ตปฎ ก เอกนบิ าต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 2 พระสกุลาภกิ ษณุ ี เลิศกวาพวกภกิ ษุณสี าวกิ าของเราผมู จี กั ษุทิพย. พระภัททากณุ ฑลเกสาภิกษณุ ี เลศิ กวา พวกภิกษุณีสาวกิ าของเราผูตรัสรูไ ดเ รว็ พลนั . พระภัททกาปลานีภิกษณุ ี เลศิ กวาพวกภิกษณุ สี าวิกาของเราผรู ะลกึชาตกิ อ น ๆ ได. พระภัททากจั จานาภิกษุณี เลศิ กวาพวกภิกษณุ สี าวิกาของเราผไู ดบรรลุอภญิ ญาใหญ. พระกีสาโคตมภี ิกษุณี เลศิ กวาพวกภกิ ษณุ สี าวกิ าของเราผทู รงจวี รเศรา หมอง. พระสคิ าลมาตาภกิ ษณุ ี เลศิ กวาพวกภกิ ษุณสี าวิกาของเราผูพ นจากกิเลสไดด วยศรัทธา. จบวรรคที่ ๕
พระสตุ ตนั ตปฎก เอกนบิ าต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 3 เถรบิ าลี อรรถกถาวรรคท่ี ๕ อรรถกถาสูตรท่ี ๑ ๑. ประวตั ิพระมหาปชาบดีโคตมเี ถรี ในสูตรท่ี ๑ นน้ั พึงทราบวินิจฉยั ดงั ตอไปน้.ี ดวยบทวา ยทิท มหาปชาปตี โคตมี ทานแสดงวา พระมหาปชาบดโี คตมีเถรี เปน เลศิ กวา พวกภกิ ษณุ ีสาวิกาผรู ูร าตรนี าน ในปญ หากรรมของทาน มเี รื่องทีจ่ ะกลาวตามลําดับ ดังน้ี:- ไดยินวา พระมหาปชาบดีโคตมีน้ี คร้งั พระพุทธเจา พระนามวาปทุมตุ ตระ ถือปฏิสนธิในเรือนสกลุ กรุงหังสวดี สมัยตอ มา กําลังฟงพระธรรมเทศนาของพระศาสดา เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษณุ รี ปูหนงึ่ ไวใ นตาํ แหนง เอตทัคคะเปนเลศิ กวา พวกภกิ ษณุ สี าวิกาผูร ูราตรนี านกท็ าํ กุศลใหย ง่ิ ยวดข้ึนไป ปรารถนาตาํ แหนงนั้น. นางถวายทานรักษาศลีจนตลอดชวี ิต จตุ ิจากภพนั้นแลว บังเกิดในเทวโลก จุติจากเทวโลกในพุทธันดรหนง่ึ อกี ไปบงั เกิดเปนหวั หนา ทาสี ในจาํ นวนทาสี ๕๐๐ คนในกรงุ พาราณส.ี คร้ังน้ัน สมัยเขาพรรษา พระปจเจกพทุ ธเจา ๕๐๐องค ลงจากเงอื้ มเขานนั ทมูลกะ ไปทปี่ าอิสปิ ตนะ เท่ยี วบิณฑบาตในกรงุ แลวกลับมาปาอสิ ปิ ตนะดาํ ริวา ควรเราจักขอหัตถกรรมงานชางฝม อื เพอ่ื ทาํ กุฎสี าํ หรับเขาจําพรรษา. เพราะเหตุไร. เพราะผูจ ะเขาอยูจําพรรษาในฤดูฝน ทัง้ ปฏบิ ตั นิ าลกปฏิปทา จําตอ งเขา อยใู นเสนาสนะประจาํ ทม่ี ุงบังดวยเครือ่ งมุงบัง ๕ อยา ง อยางใดอยา งหน่ึง. สมจรงิ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก เอกนบิ าต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 4ดังพระพุทธดํารสั นีว้ า ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย ภิกษไุ มมเี สนาสนะไมพ ึงเขาอยูจาํ พรรษา ภิกษุใดฝาฝน ตองอาบัติทุกกฏ ดงั นี.้ เพราะเหตุนน้ั เม่ือใกลฤดูฝน [เขา พรรษา] ถา ไดเ สนาสนะนั่นก็บุญละ ถาไมได กจ็ ําตอ งแสวงหาหตั ถกรรมทํา เมือ่ ไมไดห ตั ถกรรม กพ็ ึงทาํ เสียเอง. ภกิ ษไุ มม ีเสนาสนะไมควรเขาอยจู ําพรรษา. นเี้ ปน ธรรมดาประเพณี. เพราะเหตนุ นั้พระปจ เจกพทุ ธเจาเหลานัน้ คดิ วา เราจาํ จกั ตอ งขอหตั ถกรรม จงึ หม จีวรเขาไปสูพ ระนครเวลาเยน็ ยนื อยทู ่ปี ระตูเรือนของเศรษฐ.ี นางทาสีหวั หนา ถือหมอน้าํ กําลงั เดนิ ไปทานํ้า เหน็ เหลาพระปจเจกพุทธเจาเดินเขา พระนคร เศรษฐีรเู หตุที่พระปจเจกพทุ ธเจา เหลา นนั้ มาแลว ก็กลา ววาขา พเจา ไมมีเวลา โปรดไปเถดิ . ลําดับนน้ั ทาสหี วั หนา ถอื หมอ นํ้าจะเขาไป เห็นพระปจเจกพทุ ธเจา เหลา นน้ั กาลงั เดินจากพระนคร จึงลดหมอ นาํ้ ลง ไหวอยางนอบนอม เผยปากถามวา ทําไมหนอ พระผเู ปนเจา ท้งั หลาย พอเขาไปแลว ก็ออกไป. ทา นตอบวา เราพากันมา ก็เพ่ือขอหตั ถกรรมงานสรา งกฎุ ีสําหรับอยจู ําพรรษา. นางจึงถามวา ไดไหมละเจา ขา . ตอบวา ไมไ ดด อก อุบาสิกา. นางถามวา จําเปน หรือที่คนใหญ ๆ เทานั้นจึงจะทาํ กุฎนี ัน้ ได หรอื แมค นยากจนก็ทาํ ได. ทา นตอบวาใครๆ ก็ทําได. นางจงึ กลา ววา ดีละเจา ขา พวกดิฉนั จักชว ยกันทํา ขอโปรดรับอาหารของดิฉันในวนั พรุง นี้ นิมนตแ ลว กถ็ ือหมอ นาํ้ พกั ไวที่ทางทา นา้ํ ทมี่ าแลว กลาวกับนางทาสที ง้ั หลายวา พวกเจาจงอยตู รงนก้ี ันนะเวลาท่ีทาสีเหลา นัน้ มา ก็กลาววา พวกเจา ทง้ั หลาย พวกเราจักทํางานเปนทาสีสําหรับคนอ่ืนกันตลอดไปหรือ หรือวา อยากจะพนจากการเปน ทาสีเขา. เหลาทาสีก็ตอบวา พวกเราอยากพนเสยี วันน้นี แ่ี หละ แมเ จา. นาง
พระสุตตันตปฎ ก เอกนบิ าต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 5จงึ กลา ววา ถาอยา งนั้น เหลา พระปจเจกพุทธเจา ๕๐๐ องค ทยี่ ังไมไ ดหตั ถกรรม เราก็นมิ นตใหฉ ันในวนั พรุงนแ้ี ลว พวกเจา จงใหส ามีของพวกเจา ใหง านหัตถกรรมเสยี วันหนึ่ง. เหลา ทาสีกร็ ับวา ดลี ะ แลวบอกพวกสามี เวลาท่ีเขาออกมาจากดงเวลาเย็น. สามีเหลานน้ั รบั ปากแลวมาประชุมกัน ทีป่ ระตูเรือนทาสหี ัวหนา ครั้งนัน้ ทาสหี ัวหนาจงึ กลา ววา พอทั้งหลาย พรุงนพ้ี วกเจา จงถวายหตั ถกรรมแกพ ระปจ เจกพทุ ธเจาทั้งหลายดวย แลว บอกอานิสงส ขคู นทไ่ี มอยากจะทําดวยโอวาทอันหนักหนว งใหทกุ คนยอมรับ. รุงขน้ึ นางถวายอาหารแกเ หลา พระปจ เจกพทุ ธเจาแลวใหการนัดหมายแกลูกทาสทุกคน. ทนั ใดนั้นเอง ลูกทาสเหลา น้ันก็พากันเขา ปา รวบรวมทพั พสมั ภาระแลว สรา งกฎุ ีทีละหลังเปน รอย ๆหลัง จดั บรเิ วณมที ีจ่ งกรมเปน ตน วางเตียง ต่งั นา้ํ ฉัน นา้ํ ใชเ ปนตนไว ใหพ ระปจเจกพุทธเจา ทงั้ หลายรบั ปฏิญญาทจี่ ะอยจู ําพรรษา ณ ท่นี ัน้ตลอดไตรมาส ใหจ ดั เวรถวายอาหาร. ทาสผี ใู ดไมอ าจถวายในวนั เวรของตนได ทาสหี วั หนาก็นําอาหารจากเรอื นตนถวายแทนทาสีผนู ั้น. ทาสีหวั หนาบาํ รุงมาตลอดไตรมาสอยา งนี้ ใหทาสคี นหนงึ่ ๆ จัดผา สาฎกคนละผนื . รวนเปน ผา สาฎกเน้ือหยาบ ๕๐๐ ผืน. นางใหเ ปลย่ี นแปสงผา สาฎกเนอ้ื หยาบเหลา น้ัน ทําเปนไตรจวี รถวายพระปจ เจกพุทธเจา ๕๐๐ องค.พระปจ เจกพทุ ธเจา ท้ังหลายไปสูเ ขาคันธมาทนท างอากาศทั้งท่ที าสเี หลา นนั้เห็นอยนู นั่ แล. ทาสเี หลานน้ั ทุกคนทํากุศลจนตลอดชีวิต กบ็ งั เกดิ ในเทวโลก.บรรดาทาสีเหลา นน้ั ทาสีหัวหนา จตุ จิ ากภพนนั้ แลว บงั เกดิ ในเรอื นของหวั หนา ชา งทอหกู ไมไ กลกรุงพาราณสี. ตอ มาวันหนึง่ พระปจเจกพุทธ-
พระสุตตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 6เจา ๕๐๐ องค บตุ รนางปทมุ วดี ท่ีพระเจากรุงพาราณสีนมิ นตไ วมาถงึ ประตพู ระราชนิเวศนไมพบคนใด ๆ ทจ่ี ะดแู ล จงึ กลับออกไปทางประตูกรงุ ไปยังหมูบา นชา งทอหูกน้นั . หญิงผนู ัน้ เห็นพระปจ เจกพุทธ-เจาทง้ั หลาย นกึ เอน็ ดู ก็ไหวหมดทกุ องคแลว ถวายอาหาร. พระ-ปจเจกพทุ ธเจาทั้งหลาย ฉนั อาหารเสร็จแลว ก็ไปสูเขาคันธมาทนอยา งเดมิ . แมหญงิ ผูน้นั ทาํ กศุ ลจนตลอดชีวติ ทอ งเท่ียวอยูในเทวดาและมนษุ ยแลว ถือปฏิสนธใิ นเรือนของเจา มหาสุปปพุทธะ กรุงเทวทหะ กอนพระ-ศาสดาของเราบงั เกิด. พระประยรู ญาตถิ วายพระนามของทา นวา โคตมีเปนกนษิ ฐภคินีของพระนางมหามายา [พระพทุ ธมารดา]. เหลา พราหมณผชู ํานาญมนตตรวจดพู ระลกั ษณะแลวพยากรณว า ทารกทอี่ ยูใ นพระครรภของพระนางทง้ั สองพระองค จกั เปน จักรพรรดิ. พระเจา สุทโธทน-มหาราชทรงมงคลอภเิ ษกกบั พระนางทงั้ สองพระองค เวลาทีท่ รงเจรญิ วยัแลวทรงนําไปอยพู ระราชนิเวศนของพระองค. ตอ มา พระโพธสิ ตั วข องเราจตุ จิ ากสวรรคช้ันดสุ ติ ทรงถอื ปฏสิ นธใิ นพระครรภข องพระนางมหามายา-เทวี. ในวันท่ี ๗ ตัง้ แตว นั ทพี่ ระโพธสิ ตั วป ระสตู ิแลว พระนางมหามายา-เทวีกส็ วรรคต บังเกิดในสวรรคช ้นั ดสุ ติ . พระเจาสทุ โธทนมหาราชก็ทรงสถาปนาพระนางมหาปชาบดีโคตมี พระมาตจุ ฉา [พระนา นาง]ของพระมหาสตั วไ วใ นตําแหนงพระอัครมเหส.ี เวลานน้ั นนั ทกมุ ารก็ประสูติ. พระมหาปชาบดนี ้ี ทรงมอบพระนันทกมุ ารแกพระพี่เลีย้ งนางนมทรงประคบประหงมบาํ รงุ พระโพธสิ ัตวดว ยพระองคเอง. สมยั ตอมา พระ-โพธสิ ัตวเ สด็จออกมหาภเิ นษกรมณ บรรลพุ ระสพั พญั ตุ ญาณ ทรง
พระสตุ ตนั ตปฎ ก เอกนบิ าต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 7อนุเคราะหโ ลก เสด็จถึงกรุงกบลิ พสั ดุ เสด็จเขา ไปบิณฑบาตในพระนคร.คร้ังนัน้ พระเจา สทุ โธทนมหาราชพทุ ธบิดา ทรงสดบั ธรรมกถา ณระหวา งถนน เปนพระโสดาบัน. ครน้ั วันที่ ๒ พระนนั ทกุมาร กท็ รงผนวช. วันท่ี ๗ พระราหุล กท็ รงผนวช. ตอมา พระศาสดา ทรงอาศัยกรงุ เวสาลีประทับอยู ณ กฏู าคารศาลา. สมยั นั้น พระเจา สุทโธทนมหาราชทรงทําใหแจง พระอรหตั แลวปรินิพพาน ภายใตพระมหาเศวตฉตั ร. ครั้งนั้น พระนางมหาปชาบดี เกิดวาเหวพระหฤทัยจะทรงผนวช.แตน ้นั นางปาทปรจิ ารกิ า ของพระกมุ าร ๕๐๐ พระองค ผซู ึ่งเสดจ็ออกทรงผนวชเมือ่ จบกลหววิ าทสตู ร รมิ ฝงแมน าํ้ โรหิณี ทกุ คนมีจติ เปนอนั เดียวกันวา พวกเราจักเขา ไปเฝา พระนางมหาปชาบดี แลว บวชในสํานักพระศาสดาหมดทกุ คน จึงใหพระนางมหาปชาบดเี ปนหัวหนา ประสงคจ ะไปเฝา พระศาสดา. ก็พระนางมหปชาบดนี ที้ รงทูลขอบรรพชากะพระศาสดาครัง้ เดียวคร้ังแรกเทานั้น ก็ไมได. เพราะเหตนุ ้นั พระนางจึงรบั สง่ั เรยี กชา งกัลบกมาแลว ใหต ดั พระเกศา ทรงครองผากาสายะ [ผายอมนาํ้ ฝาด]ทรงพาเหลาสากยิ านีทัง้ หมดน้นั เสดจ็ ถึงกรงุ เวสาลี ใหท านพระอานนท-เถระทูลออ นวอนพระทศพล กท็ รงไดบ รรพชาอปุ สมบทดว ยครธุ รรม๘ ประการ. สวนเหลาสากยิ านที ้งั หมด กไ็ ดอุปสมบทพรอมกัน. นเ้ี ปนความสังเขปในเรื่องนี้. สว นเรอ่ื งนโ้ี ดยพสิ ดารมาแลว ในพระบาล.ี ก็พระนางมหาปชาบดคี รั้นทรงอุปสมบทอยางนี้แลว เขาเฝา พระศาสดาถวายบงั คมแลว ประทับ ณ ทีส่ มควรสว นขางหน่งึ เวลาน้นั พระศาสดาทรงแสดงธรรมโปรดพระนาง พระนางรับกรรมฐานในสํานักพระศาสดาพระองคเดียวกบ็ รรลุพระอรหตั . ภกิ ษณุ ี ๕๐๐ รูปนอกน้นั กบ็ รรลพุ ระอรหตั
พระสุตตนั ตปฎก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 8เมอื่ จบนันทโกวาทสตู ร. เรือ่ งนีเ้ กิดข้นึ ดว ยประการฉะนี.้ ตอ มาภายหลังพระศาสดาประทบั นัง่ ณ พระเชตวนั วหิ าร เมือ่ ทรงสถาปนาภิกษุณที งั้ หลายไวใ นตําแหนง เอคทคั คะหลายตําแหนง จงึ ทรงสถาปนาพระมหาปชาบดีไวในตาํ แหนง เอตทัคคะเปนเลิศกวาพวกภิกษุณสี าวิกา ผเู ปน รตั ตญั ู รูราตรีนาน แล. จบอรรถกถาสตู รที่ ๑ อรรถกถาสูตรท่ี ๒ ๒. ประวตั ิพระเขมาเถรี ในสูตรที่ ๒ พึงทราบวนิ จิ ฉยั ดังตอ ไปน้.ี บทวา เขมา ไดแก ภกิ ษุณมี ชี ่อื อยางนี้. ก็แล ต้งั แตน ไ้ี ป ขา พเจาจะกลา ววา ในปญ หากรรมของทาน มเี รอื่ งท่จี ะกลา วตามลาํ ดบั ดงั นี้แลวจะกลาวขอ นีค้ วรจะกลาวตั้งแตอภนิ ิหารเปน ตน ไปไวทุกแหง. ดังไดสดับมา ในอดตี กาลคร้งั พระพทุ ธเจา พระนามวา ปทุมตุ ตระนางเขมานกี้ ็บังเกิดนบั เนอ่ื งกบั คนอ่ืน ในกรงุ หงั สวด.ี ตอ มา วันหน่งึนางพบพระสชุ าตเถรี อัครสาวกิ าของพระผมู พี ระภาคเจาน้ัน กาํ ลังเท่ียวบิณฑบาต จงึ ถวายขนมตม ๓ กอน ในวันนน้ั นน่ั แล กจ็ ัดในเรือนของคนแลวถวายทาน แตพระเถรีทําความปรารถนาวา ดฉิ ันพงึ มปี ญญามากเหมือนทา น ในพุทธุปบาทกาลในอนาคต. เปนผไู มป ระมาทในกุศลกรรมทั้งหลายจนลอดชีวติ ทองเทย่ี วอยใู นเทวดาและมนษุ ยแสนกปั -ครัง้ พระพทุ ธเจาพระนามวากสั สปะ กถ็ ือปฏสิ นธใิ นพระราชนิเวศนของพระเจา กิงกิ เปน พระธิดาอยูระหวา งพระพ่นี อ งนาง ๗ พระองค ทรง
พระสตุ ตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 9ประพฤตกิ มุ ารีพรหมจรรย ในพระราชนเิ วศนถึง ๒๐,๐๐๐ ป รวมกับพระพี่นองนางเหลา น้ัน สรา งบรเิ วณที่ประทบั อยขู องพระทศพล เวียนวา ยอยใู นเทวดาและมนษุ ยพ ทุ ธนั ดรหน่ึง ในพุทธปุ บาทกาลนี้ กถ็ ือปฏสิ นธิในราชสกลุ กรุงสาคละ แควน มทั ทะ พระประยูรญาตเิ ฉลมิ พระนามของพระนางวา เขมา พระนางมพี ระฉววี รรณแหงพระวรกายเล่อื มเรือ่ ดงัน้าํ ทอง พอเจรญิ พระชันษา ก็เสดจ็ ไปอยใู นพระราชนิเวศน [เปน พระเทว]ีของพระเจาพมิ พิสาร. เมอ่ื พระตถาคตทรงอาศยั กรงุ ราชคฤหป ระทับอยูณ พระเวฬุวันวหิ าร พระนางทรงสดบั วา เขาวา พระศาสดาทรงแสดงโทษในรูป เปนผมู วั เมาในรูปโฉม ไมกลาไปเฝา พระทศพล ดว ยทรงกลวั วาพระศาสดาจะทรงแสดงโทษในรปู ของเรา. พระราชาทรงพระดํารวิ าเราเปน อคั รอปุ ฐากของพระศาสดา แตอัครมเหสขี องอรยิ สาวกเชน เรา ก็ยังไมไปเฝาพระทศพล ขอนีเ้ ราไมช อบใจเลย. จงึ ทรงใหเหลา กวีประพันธคณุ สมบตั ิของพระเวฬวุ ันราชอุทยาน รบั สั่งวา พวกทา นจงขับรองใกล ๆ ที่พระนางเขมาเทวที รงไดย นิ . พระนางทรงสดบั คําพรรณนาคณุของพระราชอุทยาน ก็มพี ระประสงคจ ะเสดจ็ ไป จึงกราบทูลสอบถามพระ-ราชา. ทาวเธอตรัสวา ไปอุทยานกไ็ ด แตไมเ ฝาพระศาสดา อยา ไดกลับมานะ พระนางไมถวายคําตอบแดพระราชา กเ็ สด็จไปตามทาง. พระ-ราชาตรสั ส่ังเหลาบรุ ษุ ที่ไปกับพระนางวา ถา พระเทวีเมอื่ จะกลับจากสวนเฝา พระทศพลไดอยา งนน้ี ัน่ กเ็ ปนบญุ ถา ไมเฝา พวกทา นก็จงใชร าชอาํ นาจแสดงกะพระนาง. คร้งั นนั้ พระนางเสดจ็ ชมพระราชอุทยานเสยี จนสิน้ วนัเมือ่ เสดจ็ กลับก็ไมเ ฝาพระทศพล เริม่ จะเสด็จกลบั . แตเ หลาราชบุรษุ นําพระนางไปยังสํานักพระศาสดา ท้ังท่พี ระนางไมช อบพระทยั .
พระสุตตนั ตปฎ ก เอกนิบาต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 10 พระศาสดาทรงเหน็ พระนางกําลังเสดจ็ มาจงึ ทรงใชพุทธฤทธิเ์ นรมติเทพอัปสรนางหน่ึงซึง่ กําลงั ถือกา นใบตาลถวายงานพัดอย.ู พระนางเขมาเทวีเหน็ เทพอัปสรนัน้ แลว ทรงพระดําริวา เสยี หายแลวสเิ รา เหลา สตรีที่เทียบกบั เทพอัปสรเหน็ ปานน้ี ยงั ยืนอยูไมไกลพระทศพล เราแมจ ะเปน ปรจิ ารกิ าของสตรเี หลา นน้ั ก็ยงั ไมค ูค วรเลย กเ็ พราะเหตไุ รเลาเราจึงเปนผเู สียหายดว ยอาํ นาจจติ ทค่ี ดิ ชวั่ เพราะอาศยั ความมัวเมา แลว ก็ถอื นมิ ิตน้ัน ยนืทอดพระเนตรสตรีนัน้ อยู. เมอ่ื พระนางพิจารณาสตรนี นั้ อยนู ั้นแล แตดวยกาํ ลงั พระอธิฐานของพระตถาคต สตรนี ั้นลวงปฐมวัยไป เหมอื นต้งัอยูในมัชฌมิ วยั ฉะนัน้ ลว งมัชฌมิ วัยไป เหมอื นต้งั อยใู นปจฉมิ วยั ฉะนนั้ไดเ ปน ผูมีหนงั เหย่ี วยน ผมหงอก ฟนหักแลว . แตน ้ันเม่ือพระนางกาํ ลังแลดูอยนู น่ั แหละ. สตรีน้ันก็ลมลงกล้ิงพรอ มกับพดั ใบตาล. ลาํ ดบั นัน้ พระนางเขมา เม่ืออารมณน ้ันมาสวู ิถี เพราะเปน ผสู มบูรณด วยบุพเหตุ จึงทรงพระดาํ ริอยางน้ีวา สรรี ะมอี ยา งอยางน้ี ยังถงึ ความวบิ ัติอยา งนไ้ี ด แมสรรี ะของเรา กจ็ กั มคี ตอิ ยางนีเ้ หมือนกนั . ขณะทพ่ี ระนางมพี ระดําริอยางนี้พระศาสดาจงึ ตรัสพระคาถาในธรรมบทน้วี า เย ราครตตฺ านุปตนตฺ ิ โสต สย กต มกฺกฏโกว ชาล เอตมฺป เฉตวฺ าน ปริพฺพชนฺติ อนเปกขฺ โิ น กามสขุ ปหาย. ชนเหลาใด ถกู ราคะยอ มแลว ยอมตกไป ตามกระแส เหมอื นแมลงมุมตกไปตายใยขายท่ีตนเอง
พระสตุ ตนั ตปฎก เอกนิบาต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 11 ทาํ ไว ชนเหลาน้นั ตัดกระแสนน้ั ไดแลว ไมเ ยือ่ ใย ละกามสขุ เสยี ยอ มบวช ดังนี.้จบพระคาถา พระนางประทับยืนในอิรยิ าบถทย่ี ืนอยูนั่นแล กบ็ รรลพุ ระอรหตั พรอ มดว ยปฏสิ มั ภทิ า ธรรมดาวา ผูอยูครองเรือนบรรลุพระอรหตัจาํ ตองปรนิ ิพพานหรือบวชเสยี ในวนั น้ันนั่นแหละ. กพ็ ระนางรวู า อายุสงั ขารของพระองคยงั เปนไปได ทรงพระดาํ รวิ า เราจักใหพ ระราชาทรงอนุญาตการบวชของพระองค จึงเสด็จกลบั พระราชนิเวศน ไมถวายบังคมพระราชาประทบั ยืนอยู. พระราชาก็ทรงทราบโดยสญั ญาณคอื พระอาการวาพระนางคงจกั บรรลอุ รยิ ธรรมแลว. พระราชาจงึ ตรัสกะพระนางวา พระ-เทวเี สด็จไปเฝา พระศาสดาหรอื . ทูลวา พระมหาราชเจา หมอมฉันประพฤติทัศนะอยา งท่พี ระองคทรงเห็นแลว หมอมฉันไดท าํ พระทศพลใหเ ปนผูอนั หมอมฉนั เหน็ ดว ยดแี ลว ขอไดโปรดทรงอนุญาตการบรรพชาแกหมอมฉันเถดิ . พระราชาตรสั รับวา ดีละพระเทวี ทรงนาํ ไปยังสาํ นกัภกิ ษณุ ดี ว ยวอทอง ใหทรงผนวช. คร้ังนัน้ ความที่พระนางมีพระปญญามาก ปรากฏไปวา ช่ือพระเขมาเถรี บรรลพุ ระอรหัตทงั้ ที่อยูในเพศคฤหัสถในขอ นีม้ ีเรอื่ งดงั น้ี . ตอ มาภายหลงั พระศาสดาประทับนงั่ ณ พระเชตวันวิหาร เมื่อทรงสถาปนาภกิ ษณุ ที ง้ั หลายไวในตําแหนง ตา ง ๆ จงึ ทรงสถาปนาพระเขมาเถรไี วในตําแหนง เอตทัคคะเปน เลศิ กวา พวกภกิ ษณุ -ีสาวิกา ผมู ปี ญ ญามาก แล. จบอรรถกถาสูตรท่ี ๒
พระสตุ ตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 12 อรรถกถาสูตรท่ี ๓ ๓. ประวัติพระอุบลวรรณาเถรี ในสตู รท่ี ๓ พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ดังตอ ไปน.้ี บทวา อุปปฺ ลวณฺณา ไดแกพ ระเถรมี ีชอื่ อยา งนี้ กเ็ พราะประกอบดวยผิวพรรณเสมอื นหองดอกอุบลขาบ. ไดย ินวา พระอุบลวรรณาเถรีนนั้ ครงั้ พระพทุ ธเจาพระนามวาปทุมุตตระ ถือปฏสิ นธใิ นครอบครัวในกรงุ หังสวดี ภายหลงั ไปสํานกั พระ-ศาสดาพรอ มกบั มหาชน กําลังฟง ธรรมอยู เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภกิ ษณุ ีรปู หนึง่ ไวใ นตําแหนงเอตทคั คะ เปน เลิศกวาพวกภกิ ษุณสี าวกิ าผูมีฤทธ์ิ จึงถวายมหาทานแดภกิ ษุสงฆ มีพระพทุ ธเจาเปนประมขุ ๗ วันปรารถนาตําแหนง น้ัน. นางทาํ กศุ ลจนตลอดชวี ิต เวียนวา ยอยใู นเทวดาและมนษุ ย คร้งั พระพทุ ธเจาพระนามวา กัสสปะ ถือปฏิสนธใิ นราชนิเวศนของพระราชาพระนามวากิงกิ กรงุ พาราณสี เปน พระธดิ าอยใู นระหวางพระพนี่ อ งนาง ๗ พระองค ประพฤตพิ รหมจรรยอยูถึง ๒๐,๐๐๐ ป ทําบรเิ วณถวายภิกษสุ งฆ บังเกดิ ในเทวโลก จุติจากเทวโลกน้นั ไปสูม นษุ ยโลกอกีบงั เกดิ ในถิ่นของคนทํางานดว ยมอื ตนเองเลี้ยงชีพในหมบู า นแหงหนงึ่ วนัหน่งึ นางไปยงั กระทอ มในนา ระหวา งทางเห็นดอกปทุมบานแตเ ชา ตรูในสระแหง หนึง่ ลงสระนัน้ แลวเกบ็ ดอกปทุมนน้ั และใบของปทมุ เพอ่ื ใสข าวตอก เด็ดรวงขาวสาลีใกลคนั นา นัง่ ในกระทอมคัว่ ขาวตอก นบั ได๕๐๐ ดอก. ขณะนั้น พระปจ เจกพทุ ธเจา องคห น่งึ ออกจากนโิ รธสมาบัติที่เขาคนั ธมาทน มายนื ไมไ กลนาง. นางแลเหน็ พระปจเจกพทุ ธเจา ก็ถอื
พระสตุ ตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 13ดอกปทมุ พรอมทั้งขา วตอกลงจากกระทอ ม ใสขาวตอกในบาตรของพระ-ปจเจกพุทธเจา ปดบาตรดวยดอกปทุมถวาย. ครงั้ นน้ั เม่ือพระปจ เจก-พทุ ธเจาไปไดห นอ ยหน่ึง นางกค็ ิดวา ธรรมดาเหลา บรรพชติ ไมตองการดอกไม จําเราจักไปเอาดอกไมม าประดบั แลวไปเอาดอกไมจากมือพระ-ปจเจกพทุ ธเจา แลว คิดอีกวา ถา พระผูเปน เจาไมต องการดอกไมไซร ทา นจะไมใ หวางดอกไมนน้ั ไวบ นบาตร พระผูเปน เจาจกั ตอ งการแนแท แลวไปวางไวบ นบาตรอีก ขอขมาแลว ทาํ ความปรารถนาวา พระคณุ เจา ขาดวยผลานสิ งสของขา วตอกเหลานี้ ขอจงมบี ุตรเทา จาํ นวนขา วตอก ดว ยผลานิสงสของดอกปทมุ ขอดอกปทมุ จงผดุ ทกุ ยา งกาวของดฉิ ัน ในสถานทเ่ี กิดแลว. ทง้ั ท่ีนางเหน็ อยนู น่ั แล พระปจเจกพทุ ธเจากไ็ ปสเู ขาคนั ธ-มาทนท างอากาศ วางดอกปทมุ นน้ั ไวส ําหรบั เชด็ เทา ใกลบนั ไดที่พระ-ปจ เจกพุทธเจาทงั้ หลายเหยียบ ณ เง้อื มเขานันทมลู กะ ดวยผลทานนัน้นางถอื ปฏสิ นธใิ นเทวโลก. จําเดมิ แตเ วลาท่นี างเกิด. ดอกปทมุ ขนาดใหญก็ผุดขน้ึ ทุก ๆ ยา งกาวของนาง. นางจุติจากเทวโลกน้นั แลว ก็บงั เกดิ ในหอ งของดอกปทุม ในสระปทมุ แหง หน่งึ ใกลเชงิ เขาทดี่ าบสองคหนง่ึ อาศัยเชิงเขาอย.ู ดาบสนน้ั ไปสระแตเชา ตรู เพือ่ ลา งหนา เห็นดอกไมน ัน่ แลวกค็ ิดวา ดอกน้ีใหญก วา ดอกอ่นื ๆ ดอกอน่ื ๆ บาน ดอกนยี้ งั ตมู อยู คงจะมีเหตใุ นดอกนัน้ แลว จงึ ลงนํา้ จับดอกนั้น. พอดาบสนั้นจับเทา นนั้ มันกบ็ าน. ดาบสเห็นเดก็ หญิงนอนอยภู ายในหอ งปทุม ไดความสิเนหาดังธิดา นับแตพ บเขา จงึ นําไปบรรณศาลาพรอ มทงั้ ดอกปทมุ ใหน อนบนเตยี ง. ขณะนน้ั ดว ยบุญญานุภาพ
พระสตุ ตันตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 14ของนาง นํ้านมก็บังเกิดทนี่ วิ้ หัวแมม อื . ดาบสนัน้ เมอื่ ดอกปทมุ นนั้ เหยี่ วกน็ ําดอกปทุมดอกอ่นื มาแทน ใหเด็กหญงิ นน้ั หลบั นอน. นับต้ังแตเดก็หญิงนน้ั สามารถเลน วงิ่ มาวิง่ ไปได ดอกปทมุ กผ็ ุดทุก ๆ ยา งกาว. ผิวพรรณแหง สรีระของนาง เปนเหมือนดอกบัวบก. เด็กหญิงนนั้ ยังไมเจริญวัย ก็ล้าํ ผวิ พรรณเทวดา ลา้ํ ผวิ พรรณมนุษย. เม่อื บดิ าไปแสวงหาผลาผล เดก็ หญงิ นน้ั กถ็ ูกทงิ้ ไวทบ่ี รรณศาลา. เม่ือเวลาเจรญิ วัยแลว อยูมาวนั หน่ึง เมอื่ บดิ าไปแสวงหาผลาผลพรานปา คนหนึง่ เหน็ นางก็คดิ วา ข้ึนชือ่ วาเหลามนษุ ยรปู รา งอยา งน้ไี มมีจาํ เราจักตรวจสอบนาง แลวน่งั รอการมาของดาบส. เมือ่ บิดากลับมานางก็เดินสวนทางไปรบั สาแหรกจากมอื ของดาบสนน้ั มาดว ยตวั เอง แลวแสดงขอวัตรทค่ี นควรทาํ แกดาบสซงึ่ น่งั ลงแลว. ครง้ั น้ัน นายพรานปาก็รวู านางเปน มนุษย จึงกราบดาบสแลวนั่งลง ดาบสจึงตอ นรบั ดว ยผลหมากรากไมกับนํา้ ดื่มแลว ถามวา ดกู อนบรุ ษุ ผูเจริญ ทานจกั พกั อยูในทน่ี ีห้ รอื จกั ไป. เขาตอบวา จกั ไปเจา ขา อยใู นที่นจี้ ักทาํ อะไรได. ดาบสขอรอ งวา เหตทุ ่ีทานเห็นอยนู ี้อยาไดพดู ไปเลยนะ. เขารบั วา ถาพระผูเปน เจาไมประสงคกจ็ ะพูดไปเพราะเหตุไรเลา แลว ไหวด าบส ทาํ ก่งิ ไมรอยเทา และเครอื่ งหมายตน ไมไวใ นเวลาท่ีจะมาอีก ก็หลีกไป. นายพรานปา น้ันไปกรงุ พาราณสเี ฝา พระราชา. พระราชาตรัสถามวา เหตไุ รเจา จึงมา. กราบทลู วา ขาแตเทวะ ขาพระบาทเปน พรานปาของพระองค พบอิตถรี ัตนะอันนาอัศจรรยทเ่ี ชิงเขา จงึ มาเฝาพระเจาขาแลวทลู เลาเรอ่ื งทัง้ หมดถวาย. พระราชาสดบั คาํ ของนายพรานปานั้นแลวรีบเสดจ็ ไปเชิงเขา ตงั้ คา ยพักในที่ไมไ กลจงึ พรอมดวยนายพรานปา และเหลา ราชบุรุษอ่ืน ๆ เสด็จไปทีน่ ้นั เวลาดาบสน่งั ฉันอาหาร ทรงอภวิ าท
พระสุตตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 15ปฏสิ ันถารแลว ประทับนัง่ พระราชาทรงวางเครื่องบริขารสาํ หรบั นักบวชไวแทบเทา ดาบส ตรสั วา ทา นเจาขา พวกเราจะทําอะไรสักอยางกจ็ ะไปดาบสทลู วา โปรดเสด็จไป เถดิ มหาบพติ ร. ตรสั วา ทา นเจาขา ขา พเจาจะไป ไดทราบวาบริษทั ทีเ่ ปนขา ศกึ อยูใ กลพ ระผเู ปนเจา มีอยู บริษทั นัน้ไดช ื่อวาเปน ผูท าํ ใหการปฏิบตั เิ นน่ิ ชาสําหรบั นกั บวชทั้งหลาย ขอบรษิ ัทนนั้ จงไปเสียกบั ขาพเจาเถิด ทา นเจาขา . ทลู วา ขนึ้ ช่อื วาจติ ใจของเหลามนษุ ยรายนัก หญงิ ผนู ีจ้ ักอยกู ลางหมูผูค นมากๆ อยางไรได. ตรัสปลอบวาทา นเจาขา นบั แตขาพเจา ชอบใจนางกจ็ ะตง้ั นางไวในตาํ แหนงหวั หนาของคนอ่ืน ๆ ทะนุบาํ รงุ ไว. ดาบสฟง พระราชดํารัสแลว กร็ อ งเรยี กธิดาโดยชอ่ื ท่ีตั้งไวค รั้งยังเล็ก ๆ วา ลูกปทมุ วดีจา. โดยเรียกคาํ เดยี ว นางก็ออกมาจากบรรณศาลายืนไหวบ ิดา. บิดาจงึ กลาวกะนางวา ลูกเอย เจาเจรญิวยั แลวคงจะอยูในที่นไ้ี ดไ มผ าสุก นับแตพ ระราชาทรงพบแลว จงไปกบัพระราชาเสียเถดิ นะลกู นะ. นางรบั คาํ บิดาวา เจา คะ ทานพอ ไหวบิดาแลวเดนิ ไปรองไหไป. พระราชาทรงพระดํารวิ า จาํ เราจะยึดจิตใจบิดาของหญิงผนู ี้ จึงวางนางไวบ นกองกหาปณะแลวทรงทําอภิเษก. จาํ เดมิ แตพระราชาทรงพานางมาถงึ นครของพระองคแ ลว กไ็ มท รงเหลียวแลสตรอี ่ืน ๆ เลย ทรงอภิรมยอยกู บั นางเทานัน้ . เหลา สตรอี ่นื ๆ ก็ริษยา ประสงคจ ะทํานางใหแตกกนั ระหวา งพระราชา จงึ พากันกราบทูลวาขา แตพ ระมหาราชเจา หญิงผนู ี้มิใชช าตมิ นษุ ยดอกเพคะ ดอกปทุมท้งั -หลายทป่ี รากฏอยใู นทพ่ี วกมนษุ ยท อ งเที่ยวไป พระองคเ คยพบแลวมใิ ชหรือ หญงิ ผูนี้ตอ งเปนยักษณิ แี นแ ลว โปรดขับไลม นั ไปเถิดเพคะ. พระ-ราชาทรงสดบั คําของสตรเี หลา นน้ั ก็ไดแตท รงน่งิ อย.ู บังเอญิ สมัยน้นั
พระสตุ ตนั ตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 16เมืองทางชายแดน กอ การกําเริบ พระนางปทมุ วดกี ท็ รงพระครรภแกเพราะฉะนัน้ พระราชาจึงทรงคงพระนางไวใ นพระนคร เสดจ็ ไปเมืองชายแดน. ครงั้ น้นั สตรเี หลา นัน้ จึงตดิ สนิ บนหญงิ ผูรบั ใชพ ระนางสัง่ วาเจา จงนาํ ทารกของพระนางท่พี อคลอดแลวออกไป จงเอาทอนไมทอนหนงึ่ ทาเลอื ดแลว วางไวใ กล ๆ แทน. ไมน านนักพระนางปทุมวดีก็ประสตู ิพระมหาปทุมกมุ ารอยใู นพระครรภพระองคเ ดียว. นอกนัน้ ทารก ๔๙๙พระองค กบ็ ังเกดิ เปนสงั เสทชะ ในขณะทพี่ ระมหาปทุมกมุ ารออกจากครรภของพระมารดาแลว บรรทมอยู ขณะน้ันหญงิ รบั ใชพระนางรวู า พระ-นางปทมุ วดนี ี้ยังไมไดสตกิ เ็ อาทอนไมทอ นหน่งึ ทาเลือดแลววางไวใ กล ๆแลวก็ใหส ัญญาณนัดหมายแกสตรเี หลา น้ัน สตรที ั้ง ๕๐๐ คน แตล ะคนกร็ บั ทารกคนละองค สงไปสํานักของเหลา ชางกลงึ ใหน าํ กลอ งทั้งหลายมาแลวใหท ารกทแ่ี ตล ะคนรับไวนอนในกลองนนั้ ทาํ ตราเคร่ืองหมายไวภายนอกวางไว. ฝายพระนางปทุมวดีรูสกึ พระองคแลวถามหญิงรับใชน นั้วา ขาคลอดบตุ รหรอื จะ แมน าง หญิงผูน น้ั พูดขพู ระนางวา พระนางจกัไดทารกแตไหนเลา มแี ตทารกทอี่ อกจากพระครรภพ ระนางอันนี้ แลว ก็วางทอนไมท่ีเปอ นเลอื ดไวเ บ้ืองพระพักตร. พระนางทอดพระเนตรเหน็แลว กเ็ สียพระหฤทยั ตรสั วา เจา จงรบี ผาทอนไมน้ันเอาออกไปเสีย ถาใครเขาเห็นจะอับอายขายหนา เขา. หญิงผนู ้นั ฟงพระราชเสาวนยี กท็ าํ เปนหวงั ดี ผา ทอ นไมแ ลว ใสเตาไฟ. ฝา ยพระราชเสด็จกลบั จากเมืองชายแดนแลว รอพระฤกษอยู ต้งัคายพักอยนู อกพระนคร ครัง้ น้นั สตรี ๕๐๐ คน ก็มาตอ นรับพระราชากราบทูลวา ขา แตพระมหาราชเจา พระองคค งจกั ไมท รงเช่ือขาพระบาท
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 17ทงั้ หลายวา ท่ขี าพระบาทกราบทูลประหนงึ่ ไมม เี หตุ ขอไดโ ปรดสอบถามหญงิ รับใชพ ระมเหสดี ู พระเทวีประสูตเิ ปนทอ นไม พระราชาทรงสอบสวนเหตุนั้นแลวทรงพระดาํ รวิ า พระนางคงจกั ไมใชช าตมิ นุษยแ น ดงั น้ีแลว ทรงขับไลพ ระนางออกไปจากพระนิเวศน. พอพระนางเสดจ็ ออกพระราชนเิ วศนเ ทาน้นั ดอกปทมุ ทง้ั หลายก็อันตรธานไป พระสรรี ะก็มีผวิ พรรณแปลกไป พระนางทรงดําเนนิ ไปในทองถนนพระองคเดียวครง้ั น้นั หญิงเจรญิ วยั ผหู นึง่ แลเห็นพระนางกเ็ กดิ สเิ นหาพระนางประดุจวาเปนธิดา จงึ พดู วา แมค ณุ จะไปไหนจะ พระนางตรสั วา ดฉิ ันเปนคนจรกาํ ลงั เท่ยี วเดินหาทอ่ี ยูจะ หญิงชราพดู วา มาอยเู สยี ท่ีนี้ซิจะ แลว ใหท อ่ี ยูจัดแจงอาหารใหเสวย. เมือ่ พระนางอยูใ นทน่ี ้นั โดยทํานองน้ี สตรี ๕๐๐ คนน้ันก็รว มใจกันกราบทลู พระราชาวา ขา แตพระมหาราชเจา เมือ่ พระองคประทับคา ยพัก พวกขา พระบาทมีความปรารถนาวา เมื่อเทวะของพวกขาพระบาทชนะสงครามกลับมา จกั ทรงเลน กีฬาทางนํา้ เปน พลกี รรมแกเ ทวดาประจาํ แมคงคา ขอเทวะโปรดประกาศใหทราบเรอ่ื งนเี้ พคะ พระราชาดีพระหฤทยั ดว ยคาํ ทลู ของสตรีเหลา นนั้ เสดจ็ ไปทรงกีฬาทางนํา้ ในแมพระคงคา หญงิ เหลา น้ันถอื กลอ งท่แี ตละคนรับไวอยา งมิดชิดไปยังแมน้ําหม คลมุ เพ่อื ปกปดกลองเหลา นน้ั ทําเปน ตกนา้ํ แลวทิ้งกลอ งทั้งหลายเสียกลองเหลา นน้ั มารวมกนั หมดแลว ตดิ อยูใ นขายที่เขาขงึ ไวใ ตกระแสนาํ้ .แตนนั้ เวลาทพี่ ระราชาทรงกฬี าทางน้าํ เสดจ็ ขนึ้ แลว ราชบรุ ุษท้ังหลายก็ยกตาขา ยขึ้นเหน็ กลอ งเหลา นัน้ จงึ นาํ ไปราชสาํ นัก พระราชาทอดพระ-เนตรเห็นกลองทง้ั หลาย จึงตรัสถามวา อะไรในกลอง พอเขากราบทลู วา
พระสุตตนั ตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 18ยงั ไมทราบพระเจาขา ทาวเธอทรงใหเ ปดกลองเหลา น้ันสาํ รวจดู ทรงใหเปดกลองใสพ ระมหาปทุมกมุ ารเปน กลอ งแรก ในวันนพ้ี ระกุมารเหลาน้ันทั้งหมดบรรทมอยใู นกลอ งทั้งหลาย น้ํานมก็บงั เกิดท่หี วั นิว้ แมมอื ดว ยบุญฤทธิ์ ทาวสกั กเทวราชส่งั ใหจารกึ อักษรไวท ่ขี า งในกลอง เพือ่ พระ-ราชาจะไดไ มท รงสงสัยวา พระกมุ ารเหลา น้ีประสตู ใิ นพระครรภของพระ-นางปทุมวดี เปน โอรสของพระเจากรุงพาราณสี ครงั้ นั้นสตรี ๕๐๐ คนซ่งึ เปนศัตรูของพระนางปทุมวดี ใสพ ระกมุ ารเหลานน้ั ไวใ นกลอ งแลวโยนน้ํา ขอพระราชาโปรดทราบเหตนุ ้ี พอเปด กลองพระราชาทรงอา นอกั ษรทัง้ หลายแลวทอดพระเนตรเห็นทารกท้งั หลาย ทรงยกพระมหาปทุม-กมุ ารขนึ้ ตรสั สั่งวา จงรบี เทียมรถจัดมา ไว วันน้ีเราจกั เขาไปในพระนครทาํ ใหเปน ทีร่ ักสําหรับแมบานบางจําพวก แลว เสด็จขน้ึ ปราสาท ทรงวางถุงทรพั ย ๑,๐๐๐ กหาปณะ ไวบ นคอชา ง โปรดใหตีกลองปาวประกาศวา ผใู ดพบพระนางปทุมวดี ผนู ัน้ จงรับถงุ ทรัพย ๑,๐๐๐ กหาปณะไป. พระนางปทมุ วดี ทรงไดยนิ คําประกาศน้นั แลว ไดใหส ญั ญานดั หมายแกมารดาวา แมจา จงรับถงุ ทรัพย ๑,๐๐๐ กหาปณะ จากคอชา งเถดิ . หญิงชรากลา ววา ขาไมอ าจรบั ทรัพยขนาดนน้ั ไดดอก.พระนาง แมเมื่อมารดาปฏเิ สธ ๒ - ๓ ครง้ั กต็ รสั วา แมพูดอะไร รับไวเถดิ แม. หญงิ ชราคิดวา ลูกของเราคงพบพระนางปทมุ วดี เพราะ-ฉะน้นั จงึ กลา ววา รบั ไวเ ถดิ . หญิงชราน้ัน จึงจาํ ใจเดนิ ไปรบั ถงุทรพั ย ๑,๐๐๐ กหาปณะ. ขณะนน้ั ผูคนท้งั หลายพากันถามหญงิ ชรานนั้ วาคุณแม เหน็ พระนางปทมุ วดีเทวหี รอื . หญิงชราตอบวา ขา ไมเ ห็นดอกแตลกู สาวของขาเห็น. ผคู นเหลา น้นั ถามวา กล็ กู สาวของคณุ แมอ ยูทไี่ หน
พระสตุ ตนั ตปฎ ก เอกนิบาต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 19เลา แลวก็เดนิ ไปกบั หญงิ ชรานั้น จําพระนางปทมุ วดีไดก็พากนั หมอบอยูแทบยุคลบาท. ในเวลานน้ั หญิงชราน้ันกช็ ว้ี า น้พี ระนางปทมุ วดเี ทวีแลวกลาววา ผหู ญงิ ทํากรรมหนกั หนอ เปน ถึงพระมเหสขี องพระราชาอยา งนี้ ยังอยปู ราศจากอารักขา ในสถานทเี่ ห็นปานนี้. ราชบุรุษเหลาน้ันเอามา นขาววงลอ มเปนนิเวศนของพระนางปทมุ วดี ตง้ั กองอารักขาไวใกลประตู แลว กราบทูลแดพระราชา. พระราชาทรงสงสุวรรณสวี ิกา พระ-วอทองไปรับ. พระนางรบั สั่งวา เราจะไมไปอยา งน้ี เมื่อพวกทานลาดเครอ่ื งลาดอนั วจิ ติ รดวยผา เปลอื กไมอ ยางดี ระหวางต้งั แตส ถานทอ่ี ยขู องเราจนถงึ พระราชนิเวศน ใหตดิ เพดานผา อนั วจิ ิตรดว ยดาวทองไวข า งบนแลว สงสรรพอาภรณเพ่อื ประดับไป เราจกั เดนิ ไปดวยเทา ชาวพระนครจกั เหน็ สมบัตขิ องเราอยา งน้ี พระราชาตรัสวา พวกทา นจงทําตามความชอบใจของปทุมวด.ี แตน ั้น พระนางปทมุ วดี ทรงพระดํารวิ า เราจักประดบั เคร่อื งประดับทกุ อยางเดนิ ไปพระราชนเิ วศนแลวเสด็จเดนิ ทาง.ครง้ั นั้น ดอกปทมุ ทั้งหลาย กช็ ําแรกเครอื่ งลาดอันวจิ ติ รดว ยผาเปลอื กไมอยางดี ผดุ ขน้ึ ในทีท่ กุ ยา งกา วพระบาทของพระนาง. พระนางคร้ันแสดงสมบตั ขิ องพระองคแ กม หาชนแลว เสดจ็ ขึน้ พระราชนเิ วศน โปรดประทานเคร่อื งลาดอันวจิ ิตรทง้ั หมด เปน คา เล้ียงดแู กห ญิงชรานั้น. พระราชารับสัง่ ใหเ รียกสตรี ๕๐๐ คนมาแลวตรัสวา ดกู อนเทวีเราใหห ญิงเหลา น้นั เปน ทาสขี องเจา . พระนางทูลวา ดีละเพคะ หมอ มฉนัขอใหทรงประกาศใหชาวเมอื งทวั่ ไปไดท ราบวา หญิงเหลานีพ้ ระราชทานแกหมอมฉันแลว. พระราชาก็โปรดใหต ีกลองบาวประกาศวา หญิง ๕๐๐คน ผปู ระทุษรายพระนางปทมุ วดี เราใหเ ปนทาสีของพระนางพระองค
พระสตุ ตนั ตปฎ ก เอกนบิ าต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 20เดียว. พระนางปทมุ วดนี ้นั ทรงทราบวา ในนครท่วั ไป กําหนดรูว าหญิงเหลาน้นั เปน ทาสีแลว จึงทูลถามพระราชาวา ขา แตเทวะ หมอมฉนัจะทาํ ทาสขี องหมอมฉนั ใหเ ปน ไท ไดไหมเพคะ. พระราชารับสงั่ วาเทวี เจา ตองการก็ไดส .ิ พระนางกราบทลู วา เมอื่ เปน เชน นนั้ ขอไดทรงโปรดใหเ รียกคนตกี ลองปาวประกาศส่งั ใหเ ขาตกี ลองปาวประกาศอีกวา พวกทาสี ท่ีพระองคพระราชทานแกพ ระนางปทุมวดี พระนางทาํ ใหเปน ไทหมดทง้ั ๕๐๐ คนแลว . เมือ่ สตรีเหลานัน้ เปน ไทแลว พระนางก็มอบพระโอรส ๔๙๙ พระองคใหส ตรีเหลานั้นเลยี้ งดู สว นพระองคเ องทรงรับเลี้ยงดเู ฉพาะพระมหาปทุมกมุ ารเทา นัน้ . เมือ่ ถงึ เวลาพระราชกุมารเหลา นน้ั ทรงเลนได พระราชาก็โปรดใหสรางสนามเลนตา ง ๆ ไวในพระ-ราชอุทยาน. พระราชกุมารเหลา นัน้ มพี ระชันษาได ๖ พรรษา ทกุพระองคกพ็ รอ มกันลงเลนในมงคลโบกขรณี ที่ปกคลุมดวยปทมุ ในพระราชอุทยาน ทรงเหน็ ปทุมดอกใหมบาน ดอกเกากาํ ลงั หลนจากข้วัก็พิจารณาเห็นวา ดอกปทมุ นไ้ี มมีใจครอง ยงั ประสบชราเหน็ ปานน้ี ก็จะปวยกลา วไปไยถึงสรรี ะของพวกเราเลา แมสรรี ะนีก้ ็คงจักมคี ติอยางนี้เหมือนกัน แลว ทรงยดึ เปนอารมณ ทกุ พระองคบังเกิดปจ เจกพทุ ธญาณแลวพากนั ลุกขึ้น ประทบั นัง่ ขัดสมาธิ ณ กลีบดอกปทุม ขณะนน้ั พวกราชบรุ ษุ ทไ่ี ปกนั พระราชกุมารเหลานั้นรวู า สายมากแลว จึงทลู วา พระ-ลกู เจา เจา ขา ขอไดโ ปรดทราบเวลาของพระองค. พระราชกุมารทง้ั หมดนนั้ ก็นงิ่ เสยี . ราชบรุ ษุ เหลา นัน้ กพ็ ากนั ไปกราบทลู พระราชาวา ขา แตเทวะ. พระราชกุมารท้งั หลายประทับนัง่ ในกลีบดอกปทมุ เม่ือพวกขา -พระบาทกราบทูล กไ็ มท รงเปลง พระวาจาเลย. พระราชาตรสั วา พวก
พระสตุ ตนั ตปฎก เอกนบิ าต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 21เจาจงใหพ วกเขานง่ั ตามชอบใจเถิด. พระราชกุมารเหลาน้ัน ไดร ับอารักขาตลอดคืนยังรงุ ก็ประทับน่ังในกลีบดอกปทมุ ทํานองน้ันน่นั แหละจนอรณุ จับฟา พวกราชบุรุษก็กลบั ไป รงุ ขน้ึ จงึ พากันเขา ไปเฝา ทลู วาขอเทวะทัง้ หลาย โปรดทราบเวลาเถิด พระเจาขา. ทุกพระองคตรสั วาพวกเราไมใชเทวะ พวกเราชื่อวา พระปจเจกพทุ ธะ. พวกเขากราบทูลวา ขาแตพระลูกเจาทง้ั หลาย พระองคต รสั พระดํารสั หนัก พระเจาขา.ธรรมดาวา พระปจ เจกพุทธะทั้งหลาย ไมเ ปน เชนพระองคด อก ตองมีหนวดเครา ๒ องคลุ ี มบี รขิ าร ๘ สวมพระกายสพิ ระเจา ขา. พระราช-กมุ ารเหลานนั้ เอาพระหตั ถขวาลูบพระเศียร. ทันใดน้นั เอง เพศคฤหัสถกอ็ นั ตรธานหายไป. กลายเปน ผูม บี ริขาร ๘ สวมพระวรกาย แลวก็เสด็จไปเง้อื มเขานันทมูลกะ ทงั้ ท่มี หาชนกาํ ลงั มองดูอยนู ่นั แล. ฝายพระนางปทุมวดี กท็ รงเศราโศกพระหฤทยั วา เรากม็ ีลูกมากแตก็จาํ พลัดพรากกนั ไป. เสดจ็ ทวิ งคตดวยพระโรคน้นั นัน่ แล บังเกิดในสถานของคนทาํ งานดว ยมอื ตนเองเลี้ยงชพี ในหมูบา นใกลประตูกรุงราช-คฤห. ตอ มา นางมีเหยาเรอื นแลว วันหนึ่ง กําลังนําขาวยาคไู ปใหสามีก็แลเห็นพระปจ เจกพทุ ธะ ๘ องค อยใู นจาํ นวนบตุ รเหลาน้นั ของตนซ่งึ กําลังเหาะไปในเวลาแสวงหาอาหาร จึงรีบไปบอกสามีวา เชิญดพู ระผูเปนเจาปจเจกพุทธะ ชวยนิมนตท านมา เราจักถวายอาหาร. สามพี ูดวาขน้ึ ชอื่ วา พวกนก กบ็ นิ เทย่ี วไปอยางนน้ั นน่ั ไมใ ชพ ระปจเจกพุทธะดอก.พระปจเจกพทุ ธะเหลานน้ั กล็ งในทไี่ มไกลคนทง้ั ๒ นนั้ ซง่ึ กําลงั พูดจากนั อยู. หญงิ นน้ั ก็ถวายโภชนะคอื ขาวสวยและกบั แกลมสําหรับตนในวนั นัน้แดพระปจเจกพุทธะเหลา น้นั แลว นิมนตว า พรุงน้ี ทา นท้ัง ๘ ขอโปรด
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 22รบั อาหารของดิฉนั ดวย. พระปจเจกพุทธะเหลาน้ันกลาววา ดีละทานอบุ าสกิ า ทานมีสกั การะและมอี าสนะ ๘ ทเี่ ทา นนั้ กพ็ อ เหน็ พระปจเจก-พทุ ธะองคอ ่นื ๆ เพ่มิ มากขน้ึ กจ็ งคงจิตใจของทา นไว. วันรุงข้ึน นางก็ปอู าสนะไว ๘ ที่ น่งั จัดสกั การะสําหรับพระปจ เจกพุทธะ ๘ องค.พระปจเจกพทุ ธะทงั้ หลายทร่ี บั นมิ นตจ ึงใหส ญั ญาณนัดหมายแกเหลาพระ-ปจเจกพทุ ธะนอกน้นั วา ทานผนู ิรทกุ ขท้ังหลาย วันนี้อยา ไปที่อื่น ท้ังหมดจงชวยกนั สงเคราะหโ ยมมารดาของพวกทานเถิด. ฟง คาํ ของพระปจ เจก-พุทธะ ๘ องคน้นั แลว ทุกองคก็เหาะไปพรอมกนั ปรากฏอยทู ่ปี ระตูเรือนของมารดา. แมน างเห็นพระปจ เจกพุทธะจาํ นวนมากกวาสัญญาที่ไดรบั คราวแรก กม็ ิไดห วัน่ ไหว. นมิ นตทุกองคเขาไปเรอื นใหนัง่ เหนืออาสนะ. เม่ือพระปจ เจกพทุ ธะกาํ ลังนัง่ ตามลําดบั องคที่ ๙ ก็เนรมติอาสนะเพ่ิมขึน้ อีก ๘ ที่ ตนเองนง่ั เหนอื อาสนะทไ่ี กล. เรือนกข็ ยายตามเทา ทอ่ี าสนะเพม่ิ ขน้ึ . เมือ่ พระปจ เจกพทุ ธะทกุ องคนั่งอยางนน้ั แลว หญงินัน้ กถ็ วายสกั การะทจี่ ดั ไวสําหรับพระปจ เจกพุทธะ ๘ องค จนเพยี งพอเทา พระปจเจกพทุ ธะ ๕๐๐ องค แลว จงึ นาํ เอาดอกอุบลขาบท้งั ๘ ดอกทีอ่ ยใู นมอื วางไวแทบเทา ของพระปจเจกพุทธะทนี่ ิมนตม าเทา น้ัน กลาวอธฐิ านวา ทา นเจา ขา ขอผวิ กายของดฉิ นั จงเปนประดุจผวิ ภายในหอ งดอกอบุ ลขาบเหลา น้ี ในสถานที่ทด่ี ิฉนั เกิดแลวเกิดอกี นะเจา ขา . พระ-ปจ เจกพุทธะทั้งหลาย ทา นอนโุ มทนาแกม ารดาแลวก็ไปสูเ ขาคันธมาทน. แมห ญงิ นั้น ทาํ กศุ ลจนตลอดชีวติ จตุ จิ ากภพน้ันแลว บังเกิดในเทวโลก ในพุทธปุ บาทกาลน้ี ก็ถอื ปฏสิ นธิในครอบครวั เศรษฐ.ี ก็เพราะนางมผี วิ พรรณเสมอดวยดอกอบุ ลขาบ. บดิ ามารดาจึงขนานนาม
พระสุตตนั ตปฎ ก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 23ของนางวา อบุ ลวรรณา. เมอื่ เวลานางเจริญวัย พระราชาทวั่ ชมพทู วีปกส็ ง คนไปสาํ นักเศรษฐขี อนาง ไมมรี าชาพระองคใดท่ไี มสง คนไปขอ.แตน ้ัน เศรษฐีคิดวา เราไมอาจยดึ เหนยี่ วจิตใจของคนทกุ คนได แตจาํ เราจะทาํ อุบายสกั อยา งหนึง่ จึงเรียกธดิ ามาถามวา เจา บวชไดไหมลกู .เพราะเหตทุ นี่ างเกิดในภพสุดทาย คาํ ของบิดานน้ั จึงเปน เหมือนนํ้ามันเค่ยี ว ๑๐๐ ครัง้ ราดลงบนศรี ษะ. เพราะเหตุนนั้ นางจงึ กลาวกะบดิ าวาบวชไดจะ พอ . เศรษฐนี ั้น จึงทาํ สกั การะแกน างแลว นาํ ไปสํานกั ภกิ ษณุ ีใหบ วช เมือ่ นางบวชใหม ๆ ถึงเวร [วาระ] ในโรงอุโบสถ. นางตามประทีปกวาดโรงอโุ บสถ ถอื เอานิมติ ทเ่ี ปลวประทปี ตรวจดูบอ ย ๆก็ทาํ ฌานมเี ตโชกสณิ เปนอารมณใ หฌ านบงั เกดิ แลวทาํ ฌานนัน้ ใหเ ปนบาท กบ็ รรลพุ ระอรหัต. พรอมดวยพระอรหัตผลน่นั แล ก็เปนผูชํ่าชองชาํ นาญในการแสดงฤทธิ์ตาง ๆ ตอมา ในวันทพี่ ระศาสดาทรงทํายมกปาฏิหาริย ทานกบ็ ันลือสหี นาทวา ขาแตพ ระองคผ เู จรญิขาพระองคจ กั ทาํ ปาฏิหารยิ ถวาย. พระศาสดาทรงทําเหตุอนั นใ้ี หเปนอัตถุปปตติ เหตเุ กิดเร่ือง ประทับนั่ง ณ พระเชตวันมหาวหิ าร เมือ่ทรงสถาปนาภกิ ษุณที งั้ หลายในตําแหนงตาง ๆ ตามลาํ ดับ จึงทรงสถาปนาพระเถรีนไ้ี วใ นตาํ แหนง เอตทัคคะเปนเลศิ กวา พวกภิกษุณสี าวิกา ผูม ฤี ทธิ์แล. จบอรรถกถาสูตรที่ ๓
พระสตุ ตันตปฎก เอกนบิ าต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 24 อรรถกถาสตู รท่ี ๔ ๔. ประวตั ิพระปฏาจาราเถรี ในสตู รท่ี ๔ พึงทราบวินิจฉยั ดังตอไปนี้. ดวยบทวา วินยธราน ยททิ ปฏาจารา ทา นแสดงวา พระ-ปฏาจาราเถรเี ปน เลศิ กวา พวกภกิ ษุณสี าวิกาผทู รงวนิ ัย. ดงั ไดสดบั มา พระเถรีนน้ั ครั้งพระพทุ ธเจา พระนามวา ปทมุ ตุ ตระถอื ปฏิสนธิในครอบครวั กรุงหงั สวดี ตอ มา กาลังฟง พระธรรมเทศนาของพระศาสดา เหน็ พระศาสดาทรงสถาปนาภกิ ษุณีรปู หน่งึ ไวใ นตาํ แหนงเอตทคั คะเปน เลิศกวา พวกภกิ ษณุ สี าวิกาผทู รงวนิ ัย ทาํ กุศลใหย่งิ ยวดข้ึนไป ปรารถนาตาํ แหนง น้นั . ทานทาํ กุศลจนตลอดชวี ติ เวยี นวายอยใู นเทวดาและมนุษย ครั้งพระพทุ ธเจา พระนามวา กสั สปะ. ถือปฏิสนธิในพระราชนเิ วศนของพระเจากงิ กิ เปน พระธดิ าพระองคหนงึ่ ระหวา งพระพน่ี อ งนาง ๗ พระองค ประพฤติพรหมจรรยอยูถ ึง ๒๐,๐๐๐ ปสรางบรเิ วณถวายภกิ ษุสงฆ บงั เกิดในเทวโลกอีก เสวยสมบัติอยูพทุ ธนั ดรหนง่ึ ในพทุ ธุปบาทกาลน้ี ถอื ปฏิสนธใิ นครอบครวั เศรษฐี กรงุ สาวตั ถ.ี ตอ มา นางเจริญวยั ไดท ําการลักลอบกับลูกจา งคนหน่งึ ในบานภายหลังกาํ ลังจะมีสามีทมี่ ีชาตเิ สมอกัน จงึ ไดท ําการนดั หมายกับบรุ ุษท่ีลักลอบกันน้นั วา ตั้งแตวันพรุงนไ้ี ป เจาจักไมไ ดเ ห็นเรา แมจ ะประหารสกั ๑๐๐ คร้ัง ถา เจา ยังรักเรา ก็จงพาเราไปเสียเดี๋ยวน.้ี บรุ ุษผูน นั้รับคาํ วา ตกลง แลวกถ็ ือเอาสิง่ ของมคี าตดิ มอื ไปพอสมควร พานางออกไป ๓-๔ โยชนจ ากพระนคร อาศัยอยูในหมบู า นแหงหน่งึ ตอ มา
พระสุตตนั ตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 25ภายหลังนางตัง้ ครรภ เม่อื ครรภแ ก จงึ กลา ววา ทนี่ ้ไี มส มควรแกเราฉันจะไปเรือนสกลุ นะนาย. เขากผ็ ัดวา วันนีจ้ ะไป พรงุ นค้ี อ ยไป แตก ็ไมไดไ ปจนลวงเวลาไป. นางรูเหตุของสามีนั้น คดิ วา สามีนีเ้ ขลาจึงไมพาเราไป เมอื่ สามนี นั้ ออกไปนอกบาน จงึ เดินไปลําพงั คนเดียว ดวยหมายใจจะกลับไปยงั ครอบครัว. สามกี ลับมาไมเห็นนางในเรือน จึงถามคนทค่ี นุ เคยกนั รูว า นางกลบั ไปยงั ครอบครวั ก็คิดวา นางเปนธิดาของสกุล อาศยั แตเราไมมที พ่ี งึ่ เลย จงึ เดนิ ตามรอยเทา จนทนั กัน นางก็ตลอดบุตรเสียในระหวา งทางนนั้ เอง. สองสามภี ริยาปรึกษากนั วา ประ-โยชนท่เี ราจะพงึ เดนิ ทางไป ก็สาํ เรจ็ แลวในระหวางทาง เดี๋ยวน้ีเราจักไปทําไมเลา จงึ พากันกลับ . นางกต็ งั้ ครรภอ ีก. พึงทาํ เรอ่ื งใหพ สิ ดารตามนัยกอ นนั้นแล. แตในระหวา งทาง พอนางคลอดบุตร เมฆฝนก็ตง้ั เคา มาทัง้ ๔ ทศิ . นางจงึ กลา วกะสามวี า นาย ไมใ ชเ วลาแลว เมฆฝนตั้งเคานาท้ัง ๔ ทิศ จงพายามทาํ ทอ่ี ยูสาํ หรับตัวเราเถดิ . สามรี บั คําวา จักทําเดี๋ยวน้ี เอาทอนไมมาทาํ กระทอ ม คิดวา จะหาหญา มามงุ บัง จงึ ตดั หญาท่เี ชงิ จอมปลวกใหญแหงหน่ึง. ทีนั้น งูเหา ทน่ี อนในจอมปลวกกก็ ดั เทาเขา.บุรษุ ผูน้ัน กล็ ม ลงที่น้ันนน่ั เอง. แมนางคิดวาเดย๋ี วเขาคงมา. รอจนตลอดทง้ั คืน กค็ ดิ อีกวา เขาคงจกั คิดวา เรานี้ เปน หญงิ อนาถา พงึ่ ไมไ ดแลวทอดทงิ้ ไวในทางหนีไปแลว ครนั้ เกิดแสงสวา งแวบขึ้น จงมองดตู ามรอยเทา เห็นสามีลมลงทเ่ี ชงิ จอมปลวก ก็ครํ่าครวญวา เพราะเรา เขาจึงเสีย แลว เอาลกู คนเลก็ แนบขา ง เอาน้วิ มอื จูงลกู คนโต เดินไปตานทางระหวางทางพบแมน ํา้ ตื้น ๆ สายหน่ึง คิดวา เราไมอ าจพาลูกไปคราวเดยี วกันไดทงั้ ๒ คน จึงวางลกู คนโตไวฝ งนี้ นาํ ลกู คนเลก็ ไปฝง โนน ให
พระสุตตนั ตปฎก เอกนิบาต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 26นอนบนเบาะเกา ๆ ลงขา มแมน้ํา ดวยหมายจะพาลกู คนนไ้ี ป. เวลาที่นางถึงกลางแมน ํา้ เหย่ยี วตวั หนึง่ ก็มาโฉบเด็กไปดว ยสําคัญวา เปน กอ นเนอ้ื . นางก็ยกมอื ไลเหย่ียว. ลกู คนโตเหน็ นางทํามืออยางนน้ั สําคัญวาแมเรียก ก็ลงขา มแมนํ้า ตกไปในกระแสน้าํ ก็ลอยไปตามกระแสน้าํเม่อื นางยงั ขามไมถ ึงน่ันเอง เหยยี่ วก็โฉบเอาลูกคนเลก็ นัน้ ไป. นางเศรา -โศกเปน กาํ ลัง ในระหวางทาง กเ็ ดนิ ขับเพลงราํ พัน ดงั น้วี า อุโภ ปุตฺตา กาลกตา ปนฺเถ มยหฺ ปตี มโต. บตุ รสองคนกต็ าย สามเี ราก็ตายเสียทห่ี นทาง. นางรําพันอยางน้ี จนถงึ กรงุ สาวัตถี ไปหาคนที่ชอบพอกันของสกลุก็กําหนดจาํ เรือนของตนไมได ดวยอาํ นาจความเศราโศก สอบถามวาท่ีตรงน้ี มีสกุล ชื่ออยางน้ี เรอื นอยไู หนเลา. ผคู นทงั้ หลายกลาววาเจาสอบถามถึงสกุลนั้นจกั ทําอะไร เรือนท่อี ยขู องคนเหลา น้นั ลมแลวเพราะลมกระหนา่ํ คนเหลานัน้ ในเรือนหลงั นัน้ เสยี ชีวติ หมด เขาเผาคนเหลานั้นบนเชงิ ตะกอนอันเดียวกนั ทัง้ เด็กทั้งผูใหญ ดูเสียสิ กลุมควันไฟยังปรากฏอยูนน่ั . นางฟงคาํ บอกเลาแลว กพ็ ดู วา พวกทา นพูดอะไร ก็ทรงผานงุ ของตนไวไ มไ ด ทาํ นองวนั เกิดนัน่ แหละ ประคองสองแขนรํ่าไห เดินไปสถานท่เี ชงิ ตะกอนเผาเหลา ญาติ คร่ําครวญเพลงรําพนั พิลาปจนครบคาถาวา อุโภ ปตุ ตฺ า กาลกตา ปนเฺ ถ มยหฺ ปตี มโต มาตา ปตา จ ภาตา จ เอกจิตตฺ กสมฺ ึ ฑยหฺ เร. บตุ รสองคนก็ตาย สามีเราก็ตายเสยี ทหี่ นทาง มารดาบิดาและพชี่ าย เขาก็เผาท่เี ชงิ ตะกอนเดียวกนั .
พระสตุ ตันตปฎก เอกนิบาต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 27ท้ังยงั ฉกี ผา ท่ีคนอนื่ ใหเ สียอีก. ครงั้ นั้น มหาชนก็เท่ียวหอมลอ มนางในท่ีพบเห็นแลว. คนทงั้ หลายจงึ ขนานช่อื นี้นางวา ปฏาจารา เพราะนางปฏาจารานี้ เวนการนงุ ผาเท่ียวไป. อนึ่ง เพราะเหตุทีป่ รากฏวา นางมอี าจาระท่ีไมมีความละอาย เพราะเปนผเู ปลือยกาย ฉะนน้ั คนท้ังหลายจึงขนานชอ่ื นางวา ปฏาจารา. เพราะมอี าจาระอนั ตกไปแลว . วันหนง่ึเพราะศาสดากําลังทรงแสดงธรรมแกมหาชน นางก็เขาไปในพระวหิ ารยนื อยูทา ยบรษิ ทั พระศาสดาทรงแผพระเมตตาตรัสวา นอ งหญิง จงกลบัไดส ติ นองหญิง จงกลับไดสตเิ ถดิ . เพราะสดบั พระพทุ ธดํารสัหริ โิ อตตัปปะมกี าํ ลังก็กลับคืนมา. นางกน็ ั่งลงทพี่ ้นื ตรงน้นั นัน่ เอง. ชายคนที่ยนื อยไู มไ กล กโ็ ยนผานุงไปให. นางนุงผา นน้ั แลว ก็ฟง ธรรม.เพราะจริยาของนาง พระศาสดาจึงตรัสพระคาถาในพระธรรมบท ดงั นี้วา น สนตฺ ิ ปตุ ฺตา ตาณาย น ปต า นป พนธฺ วา อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส นตฺถิ ญาตีสุ ตาณตา. ไมม ีบตุ รจะชวยได บดิ าก็ไมไ ด พวกพอ งก็ไมไ ด เม่อื บุคคลถกู ความตายครอบงาํ แลว หมูญาตกิ ็ชวย ไมไ ดเลย. เอตมตฺถวส ตวฺ า ปณฺฑิโต สลี ส วุโต นิพพฺ านคมน มคฺค ขิปฺปเมว วิโสธเย. บณั ฑติ รูความจรงิ ขอนี้แลว สํารวมในศีล พงึ รบี เรงชําระทางไปพระนิพพานทเี ดียว.
พระสุตตันตปฎ ก เอกนบิ าต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 28 จบพระคาถา นางกด็ าํ รงอยใู นโสดาปตตผิ ล ทั้งทีย่ ืนอยู จึงเขาไปเฝา พระศาสดา ถวายบังคมแลวทลู ขอบวช. พระศาสดาทรงรบั การบวชของนางวา ไปสํานกั ภกิ ษณุ ีบวชเสยี . นางคร้นั บวชแลว ไมนานนกัก็บรรลพุ ระอรหัต เรยี นพุทธวจนะ. ทานเปน ผูช่ําชองชาํ นาญในวินัยปฎ กภายหลงั พระศาสดาประทับน่งั ณ พระเชตวันวหิ าร เมอ่ื ทรงสถาปนาเหลา ภิกษุณไี วในตําแหนงตา งๆ ตามลาํ ดับ จงึ ทรงสถาปนาพระปฏาจารา-เถรไี วใ นตําแหนง เอตทัคคะเปน เลศิ กวา พวกภกิ ษุณีสาวกิ า ผทู รงวินยัแล. จบอรรถกถาสูตรที่ ๔ อรรถกถาสตู รท่ี ๕ ๕. ประวตั ิพระธรรมทนิ นาเถรี ในสตู รที่ ๕ พงึ ทราบวินจิ ฉยั ดังตอไปน.้ี ดว ยบทวา ธมฺมกถกิ าน ทานแสดงวา พระธรรมทนิ นาเถรีเปนเลศิ กวาพวกภกิ ษุณสี าวิกา ผูเ ปนธรรมกถึก. ไดยนิ วา ครัง้ พระพุทธเจาพระนามวา ปทุมุตตระ ทา นบังเกดิในสถานของตนท่ีตองอาศยั เขา กรุงหังสวดี ทํากุศลใหย งิ่ ยวดขึน้ ไปแกทา นพระสชุ าตเถระ อัครสาวกของพระผูมีพระภาคเจา พระนามวาปทุมุตตระแลว ปรารถนาตาํ แหนงนน้ั ทานทํากุศลจนตลอดชีวิตบงั เกิดในสวรรค. ทุกอยา งพงึ ทราบ โดยอาํ นาจอภนิ ิหารของพระเขมา-เถรี ในหนหลัง. ครงั้ พระพุทธเจาพระนามวา ปุสสะ นางกอ็ ยูในเรอื นของคนทาํ งาน ท่ถี กู แตง ต้งั ไวใ นตาํ แหนงเปนใหญในเรือ่ งทาน ของ
พระสุตตนั ตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 29สามพีน่ องตา งมารดากัน ถกู สง่ั วา จงใหหนง่ึ แตก็ใหเ สยี สอง. นางถวายทานทกุ อยา งไมล ดลงเลยอยางน้ี ลว งกปั ท่ี ๙๒ ครั้งพระพทุ ธเจาพระนามวา กัสสปะ ถือปฏิสนธใิ นพระราชนเิ วศนข องพระเจา กิงกิ เปนราชธิดาพระองคหนง่ึ ระหวางพระพนี่ อ งนาง ๗ พระองค ประพฤติพรหมจรรยถงึ ๒๐,๐๐๐ ป สรางบรเิ วณที่อยูถวายพระภิกษุสงฆ เวยี นวายอยูในเทวดาและมนษุ ยพ ทุ ธันดรหน่ึง ในพุทธุปบาทกาลน้ี ถือปฏิสนธิในครอบครวั หนง่ึ . ภายหลงั นางมเี รอื น เปนภรยิ าของวสิ าขเศรษฐี. ธรรมดาวาวิสาขเศรษฐี เปน พระสหายของพระเจาพมิ พิสาร ไปเฝา พระทศพลครง้ั แรกกับพระเจาพมิ พสิ าร ฟงธรรมแลว ดํารงอยใู นโสดาปต ติผล ตอ มากก็ ระทาํ ใหแ จงพระอนาคามผิ ล. วันน้นั วิสาขเศรษฐีน้ันกลับบา นแลวเมอ่ื นางธรรมทินนา ผูซ ่ึงยนื ทห่ี วั บนั ไดย่ืนมือมา กไ็ มเกาะมือไว ข้นึปราสาทเลย แมก ําลงั บรโิ ภคกไ็ มส่ังวา จงใหส่ิงนี้ จงนําส่ิงน้มี า นาง-ธรรมทินนาถอื ทพั พเี ล้ยี งดูอยคู ิดวา เศรษฐีนเ้ี มื่อเรายน่ื มือใหเ กาะ กไ็ มเกาะ. เมอ่ื บริโภคกไ็ มพ ูดจาอะไร เรามโี ทษผดิ อะไรหรอื หนอ ครนั้เศรษฐบี รโิ ภคแลว นางจึงถามวา พอลกู เจา ฉันมโี ทษผิดอะไรหรือ.เศรษฐกี ลา ววา ธรรมทินนา เจา ไมม ีโทษผดิ ดอก แตนับแตว ันนไี้ ปฉันไมค วรนั่ง ไมควรยนื ไมค วรใหนาํ อาหารมาเคีย้ ว มากนิ ใกล ๆ เจาดวยความชื่นชมไดด อก ถาเจาประสงคท รพั ยเทา ใด จงเอาไปเทาน้นักลับไปครอบครัวเดิมเสยี เถิด. นางกลา ววา พอ ลูกเจา เม่ือเปน เชนน้ีดิฉันกจ็ กั ไมเอาศรี ษะเทินหยากเยือ่ ซงึ่ เปรยี บเหมอื นน้าํ ลายทที่ า นทง้ิ แลวเทย่ี วไปได. ขอไดโปรดอนุญาตใหด ฉิ นั บวชเถดิ . วิสาขเศรษฐกี ลาววา
พระสุตตนั ตปฎ ก เอกนิบาต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 30ดีละ ธรรมทนิ นา แลว กราบทูลพระราชา เอาวอทองสง นางธรรมทินนาไปสํานกั ภิกษุณี เพ่ือบวช. นางบวชแลวคดิ วา แตกอ น เศรษฐนี ้กี อ็ ยูกลางเรอื น ยังทาํ ที่สุดทกุ ขได นับแตไดบ วชแลว แมเราก็ควรจะทาํท่ีสุดทุกขได จงึ เขาไปหาอุปชฌายอ าจารยกลาววา พระแมเ จา จิตของดิฉันนอ มไปในสถานท่ีเคยไปบอย ๆ ดฉิ ันจะไปยงั อาวาสใกลบา น. พระเถรีทงั้ หลายไมอาจหามจติ ของนางได ดว ยความทนี่ างออกจากสกุลใหญจึงพานางไปยงั หมูบาน. เพราะเหตทุ นี่ างยํ่ายสี งั ขารไดในอดีตกาล ไมนานนกั นางกบ็ รรลุพระอรหตั พรอ มดวยปฏิสมั ภทิ า ครง้ั นนั้ พระธรรมทนิ นาเถรดี าํ ริวา กิจของเราถึงทีส่ ุดแลว อยใู นท่ีนี้จกั ทาํ อะไร จาํ เราจะไปกรงุ ราชคฤห หมูญ าตเิ ปนอันมากอาศัยเราในที่นัน้ จกั ทาํ บุญทั้งหลายกนั . แลวก็พาพระเถรที ั้งหลายกลบั สพู ระนคร.วิสาขอุบาสกรวู า นางกลับมา ก็รีบไป สงสยั วา นางคงจักกระสนั กระมงัเวลาเย็นก็เขาไปสํานกั นาง ไหวแลว น่งั ณ ทคี่ วรสวนหนง่ึ คดิ วา จะถามถงึ ภาวะทีน่ างกระสันไมสมควร จึงถามปญหาดว ยอาํ นาจปญ จขนั ธเปน ตน . พระธรรมทินนาเถรกี ็วิสชั นาปญ หา ท่วี ิสาขอุบาสกถามแลวเหมือนเอาพระขรรคตัดกา นบัวฉะน้ัน. อุบาสกรูวา พระธรรนทินนาเถรีมญี าณกลา จึงถามปญ หา โดยอาการทุกอยางในมรรค ๓ ตามลําดบัในฐานะที่ตนบรรลุแลว ทงั้ ยงั ถามปญหาในอรหัตมรรค โดยอาํ นาจการเลา เรยี น พระธรรมทนิ หาเถรกี ร็ วู า อบุ าสกมวี นิ ยั เพยี งอนาคามผิ ลเทา น้นั คิดวา บดั น้ี อบุ าสกจกั แลนเกนิ . วสิ ัยของตนไป จงึ ทําใหอบุ าสกนัน้ กลบั กลา ววา ทานวิสาขะ ทา นยงั ไมอาจกาํ หนดท่สี ุดแหง ปญ หาท้ังหลายได ทา นวสิ าขะ ก็ทา นยังจํานงหวงั พรหมจรรยทหี่ ยัง่ ลงสพู ระ-
พระสุตตันตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 31นพิ พาน มพี ระนิพพานเปนเบือ้ งหนา มพี ระนพิ พานเปน ท่สี ุด ทานวิสาขะ ทา นจงไปเฝาพระผมู พี ระภาคเจาทูลถามความขอ นัน้ พระผูม -ีพระภาคเจา ทรงพยากรณอยา งไร กพ็ ึงทรงจาํ ไวอ ยา งน้นั . วิสาขอบุ าสกเขาไปเฝาพระศาสดา กก็ ราบทูลนัยแหงปุจฉาและวสิ ชั นาถวายทุกประ-การ. พระศาสดาทรงสดับคําของวสิ าขอบุ าสกน้นั แลว ตรัสวา ธิดาของเราไมมตี ณั หาในขันธท ง้ั หลาย ทงั้ อดีตปจ จบุ นั และอนาคต แลว ตรัสพระคาถาในพระธรรมบท ดงั นวี้ า ยสฺส ปเุ ร จ ปจฉฺ า จ มชเฺ ฌ จ นตถฺ ิ กิจฺ น อกิ จฺ น อนาทาน ตมห พรฺ มู ิ พรฺ าหมฺ ณ . ผูใ ดไมม กี ิเลสเคร่ืองกงั วล ท้งั กอ น ทงั้ หลัง ท้ังกลาง เราเรยี กผูนนั้ ซงึ่ ไมม กี เิ ลสเคร่อื งกงั วล ไม ยดึ ม่นั วาเปน พราหมณ ดงั น้ี. แตน ั้น ก็ประทานสาธุการแกพ ระธรรมทินนาเถรีแลว ตรัสกะวสิ าข-อบุ าสกวา ดูกอนวสิ าขะ ธรรมทินนาภกิ ษณุ เี ปน บณั ฑติ ธรรมทินนา-ภิกษุณมี ีปญ ญามาก ดูกอ นวิสาขะ ถา แมทานพึงถามความขอน้ัน ถึงเราก็พึงพยากรณค วามอยางนัน้ เหมือนอยางทธี่ รรมทนิ นาภิกษณุ พี ยากรณไวแ ลว ความของขอนน้ั กเ็ ปนอยา งน้นั ทา นจงทรงจาํ ความขอ นนั้ ไวอยา งนัน้ เถิด. เรอ่ื งน้ีต้ังขึน้ ดวยประการฉะน.ี้ ตอ มา พระศาสดาประทับอยู ณ พระเชตวันวหิ าร เม่ือทรงสถาปนาเหลาภกิ ษุณไี วในตําแหนง ตา ง ๆตามลําดบั ทรงนาํ จฬู เวทัลลสูตรน้นี ่แี ล ใหเ ปนอัตถปุ ปต ตเิ หตุเกิดเร่อื งจึงทรงสถาปนาพระเถรไี วใ นตําแหนงเอตทคั คะเปนเลศิ กวา พวกภกิ ษณุ ี
พระสุตตนั ตปฎ ก เอกนบิ าต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 32สาวกิ า ผเู ปนธรรมกถกึ ในพระศาสนานี้ แล. จบอรรถกถาสตู รท่ี ๕ อรรถกถาสูตรท่ี ๖ ๖. ประวัติพระนันทาเถรี ในสตู รที่ ๖ พงึ ทราบวินจิ ฉยั ดงั ตอ ไปน.ี้ ดว ยบทวา ฌายีน ยททิ นนฺทา ทานแสดงวา พระนนั ทาเถรีเปน เลศิ กวา พวกภิกษณุ ีสาวิกา ผูยนิ ดีในฌาน. ดงั ไดส ดับมา พระนนั ทาเถรีนน้ั คร้ังพระพุทธเจา พระนามวาปทุมตุ ตระ ถอื ปฏสิ นธใิ นครอบครวั กรุงหังสวดี ตอ มา กาํ ลังฟงธรรมกถาเห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูปหนึ่งไวในตําแหนงเอตทคั คะ เปนเลิศกวา พวกภกิ ษณุ สี าวกิ า ผยู นิ ดียง่ิ ในฌาน จึงทาํ กศุ ลใหย่ิงยวดขนึ้ ไปปรารถนาตําแหนงนน้ั . จากนั้น นางก็เวียนวายอยใู นเทวดาและมนุษยตลอดแสนกัป ถือปฏิสนธิในพระครรภข องพระมหาปชาบดโี คตมี กอ นพระศาสดาของเราอุบตั .ิ พระประยรู ญาตไิ ดเฉลิมพระนามพระนางวานนั ทา เรียกกนั วา รูปนนั ทา. ตอมา พระนางไดช ือ่ วา ชนบทกลยั าณีเพราะทรงมีพระสิริโฉมงามเย่ียม. เมอ่ื พระทศพลของเรา ทรงบรรลุพระสพั พัญุตญาณแลว เสดจ็ มากรุงกบิลพัสดุ ตามลาํ ดบั ทรงใหพระ-นนั ทะและพระราหุลผนวชแลว เสด็จหลกี ไปแลว. เวลาพระเจา สุทโธทน-มหาราชปรนิ ิพพานแลว พระนางทรงทราบวา พระนางมหาปชาบด-ีโคตมแี ละพระมารดาของพระราหุลเสดจ็ ออกทรงผนวชในสํานักพระ-ศาสดาแลว ทรงดํารวิ า ตั้งแตพระมารดามหาปชาบดีโคตมแี ละพระมารดา
พระสตุ ตนั ตปฎ ก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 33พระราหลุ ทรงผนวชแลว เรากม็ งี านอยูในที่นี้ จงึ ไปสํานกั พระมหาปชาบดี-โคตมีทรงผนวชแลว. นบั ตง้ั แตวันที่ทรงผนวช ทรงทราบวาพระศาสดาทรงตําหนิรปู จงึ ไมไ ปเฝา พระศาสดา ถึงวาระรบั พระโอวาท ก็สั่งภกิ ษุณีรปู อ่นื ไปแลว ใหนาํ พระโอวาทมา. พระศาสดาทรงทราบวา พระนางหลงมัวเมาพระสริ โิ ฉม จึงตรัสวาภิกษณุ ีท้ังหลายตองมารับโอวาทของตนดว ยตนเอง สง ภิกษณุ รี ูปอ่ืนไปแทนไมได. แตน น้ั พระนางรปู นนั ทา เมอ่ื ไมเ หน็ ทางอน่ื กไ็ ปรับพระโอวาท ทั้งท่ไี มป รารถนา. พระศาสดาทรงเนรมิตรูปหญงิ ผูหนงึ่ ดวยพุทธฤทธ์ิ โดยอาํ นาจจริตของพระนาง ทรงทาํ ใหเ ปน เหมอื นหญงิ นนั้จับใบตาลถวายงานพดั อยู. พระนางรปู นันทาเหน็ รูปหญงิ น้ันแลวคิดวาเรามัวเมาโดยมิใชเหตุ จึงไมมา. หญงิ แมเหลานี้ เทย่ี วไปสนิทสนมในสํานักพระศาสดา รูปของเราไมถ งึ เสย้ี วที่ ๑๖ แหง รูปของหญงิ เหลา นี้เราไมรเู ลย จึงไมม าเสียตัง้ นาน ถอื เอาอิตถนี ิมติ นน้ั น่นั แหละ ยนื สํารวจดอู ยู. เพราะพระนางสมบูรณดวยบุพเหตุอยางน้ัน พระศาสดาจงึ ตรัสพระคาถาในพระธรรมบทวา อฏนี นคร กต ทาํ ใหเปน บุตรแหง กระดกูทัง้ หลาย เปน ตน แลวตรสั พระสตู รวา จร วา ยทวิ า ติฏ นสิ นิ โฺ น อทุ วา สย เดินก็ดี ยืนกด็ ี นง่ั กด็ ี นอนกด็ ี เปน ตน . พระนางตัง้ ความส้ินความเส่ือมลงในรปู นั้นนัน่ แหละ. บรรลุพระ-อรหตั . เร่ืองน้ใี นทน่ี ี้ ทานมิไดทําใหพ ิสดาร เพราะเหมอื นกบั เรอื่ งของพระเขมาเถร.ี ตัง้ แตน ั้นมา พระรปู นนั ทาเถรกี ็ไดบรรลธุ รุ ะระหวางภกิ ษุณี ผยู นิ ดยี ่งิ ในฌาน. ภายหลัง พระศาสดาประทบั นั่ง ณ พระ-
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 511
Pages: