Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_33

tripitaka_33

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:35

Description: tripitaka_33

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 1 พระสตุ ตนั ตปฎก อังคุตตรนกิ าย เอกนบิ าต - ทกุ นบิ าต เลม ที่ ๑ ภาคที่ ๒ขอนอบนอมแดพระผมู พี ระภาคอรหนั ตสมั มาสัมพุทธเจาพระองคนนั้ เอตทัคคบาลี วรรคที่ ๕ วาดว ยภิกษุณผี ูมตี าํ แหนงเลิศ ๑๓ ทาน [๑๕๐] ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย พระมหาปชาบดีโคตมีภิกษุณี เลิศกวา พวกภกิ ษณุ สี าวิกาของเราผูรูราตรีนาน. พระเขมาภกิ ษณุ ี เลิศกวาพวกภิกษุณสี าวิกาของเราผมู ปี ญ ญามาก. พระอบุ ลวรรณาภิกษณุ ี เลิศกวาพวกภกิ ษณุ สี าววกิ าของเราผมู ฤี ทธ์.ิ พระปฏาจาราภกิ ษุณี เลิศกวา พวกภกิ ษณุ ีสาวกิ าของเราผทู รงวินยั . พระธรรมทนิ นาภกิ ษุณี เลศิ กวาพวกภกิ ษณุ สี าวิกาของเราผูเปนธรรมกถกึ . พระนันทาภิกษณุ ี เลศิ กวาพวกภกิ ษุณีสาวิกาของเราผยู ินดใี นฌาน. พระโสณาภิกษุณี เลศิ กวา พวกภิกษณุ ีสาวิกาของเราผปู รารภความเพียร.

พระสุตตนั ตปฎ ก เอกนบิ าต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 2 พระสกุลาภกิ ษณุ ี เลิศกวาพวกภกิ ษุณสี าวกิ าของเราผมู จี กั ษุทิพย. พระภัททากณุ ฑลเกสาภิกษณุ ี เลศิ กวา พวกภิกษุณีสาวกิ าของเราผูตรัสรูไ ดเ รว็ พลนั . พระภัททกาปลานีภิกษณุ ี เลศิ กวาพวกภิกษณุ สี าวิกาของเราผรู ะลกึชาตกิ อ น ๆ ได. พระภัททากจั จานาภิกษุณี เลศิ กวาพวกภิกษณุ สี าวิกาของเราผไู ดบรรลุอภญิ ญาใหญ. พระกีสาโคตมภี ิกษุณี เลศิ กวาพวกภกิ ษณุ สี าวกิ าของเราผทู รงจวี รเศรา หมอง. พระสคิ าลมาตาภกิ ษณุ ี เลศิ กวาพวกภกิ ษุณสี าวิกาของเราผูพ นจากกิเลสไดด วยศรัทธา. จบวรรคที่ ๕

พระสตุ ตนั ตปฎก เอกนบิ าต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 3 เถรบิ าลี อรรถกถาวรรคท่ี ๕ อรรถกถาสูตรท่ี ๑ ๑. ประวตั ิพระมหาปชาบดีโคตมเี ถรี ในสูตรท่ี ๑ นน้ั พึงทราบวินิจฉยั ดงั ตอไปน้.ี ดวยบทวา ยทิท มหาปชาปตี โคตมี ทานแสดงวา พระมหาปชาบดโี คตมีเถรี เปน เลศิ กวา พวกภกิ ษณุ ีสาวิกาผรู ูร าตรนี าน ในปญ หากรรมของทาน มเี รื่องทีจ่ ะกลาวตามลําดับ ดังน้ี:- ไดยินวา พระมหาปชาบดีโคตมีน้ี คร้งั พระพุทธเจา พระนามวาปทุมตุ ตระ ถือปฏิสนธิในเรือนสกลุ กรุงหังสวดี สมัยตอ มา กําลังฟงพระธรรมเทศนาของพระศาสดา เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษณุ รี ปูหนงึ่ ไวใ นตาํ แหนง เอตทัคคะเปนเลศิ กวา พวกภกิ ษณุ สี าวิกาผูร ูราตรนี านกท็ าํ กุศลใหย ง่ิ ยวดข้ึนไป ปรารถนาตาํ แหนงนั้น. นางถวายทานรักษาศลีจนตลอดชวี ิต จตุ ิจากภพนั้นแลว บังเกิดในเทวโลก จุติจากเทวโลกในพุทธันดรหนง่ึ อกี ไปบงั เกิดเปนหวั หนา ทาสี ในจาํ นวนทาสี ๕๐๐ คนในกรงุ พาราณส.ี คร้ังน้ัน สมัยเขาพรรษา พระปจเจกพทุ ธเจา ๕๐๐องค ลงจากเงอื้ มเขานนั ทมูลกะ ไปทปี่ าอิสปิ ตนะ เท่ยี วบิณฑบาตในกรงุ แลวกลับมาปาอสิ ปิ ตนะดาํ ริวา ควรเราจักขอหัตถกรรมงานชางฝม อื เพอ่ื ทาํ กุฎสี าํ หรับเขาจําพรรษา. เพราะเหตุไร. เพราะผูจ ะเขาอยูจําพรรษาในฤดูฝน ทัง้ ปฏบิ ตั นิ าลกปฏิปทา จําตอ งเขา อยใู นเสนาสนะประจาํ ทม่ี ุงบังดวยเครือ่ งมุงบัง ๕ อยา ง อยางใดอยา งหน่ึง. สมจรงิ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก เอกนบิ าต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 4ดังพระพุทธดํารสั นีว้ า ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย ภิกษไุ มมเี สนาสนะไมพ ึงเขาอยูจาํ พรรษา ภิกษุใดฝาฝน ตองอาบัติทุกกฏ ดงั นี.้ เพราะเหตุนน้ั เม่ือใกลฤดูฝน [เขา พรรษา] ถา ไดเ สนาสนะนั่นก็บุญละ ถาไมได กจ็ ําตอ งแสวงหาหตั ถกรรมทํา เมือ่ ไมไดห ตั ถกรรม กพ็ ึงทาํ เสียเอง. ภกิ ษไุ มม ีเสนาสนะไมควรเขาอยจู ําพรรษา. นเี้ ปน ธรรมดาประเพณี. เพราะเหตนุ นั้พระปจ เจกพทุ ธเจาเหลานัน้ คดิ วา เราจาํ จกั ตอ งขอหตั ถกรรม จงึ หม จีวรเขาไปสูพ ระนครเวลาเยน็ ยนื อยทู ่ปี ระตูเรือนของเศรษฐ.ี นางทาสีหวั หนา ถือหมอน้าํ กําลงั เดนิ ไปทานํ้า เหน็ เหลาพระปจเจกพุทธเจาเดินเขา พระนคร เศรษฐีรเู หตุที่พระปจเจกพทุ ธเจา เหลา นนั้ มาแลว ก็กลา ววาขา พเจา ไมมีเวลา โปรดไปเถดิ . ลําดับนน้ั ทาสหี วั หนา ถอื หมอ นํ้าจะเขาไป เห็นพระปจเจกพทุ ธเจา เหลา นน้ั กาลงั เดินจากพระนคร จึงลดหมอ นาํ้ ลง ไหวอยางนอบนอม เผยปากถามวา ทําไมหนอ พระผเู ปนเจา ท้งั หลาย พอเขาไปแลว ก็ออกไป. ทา นตอบวา เราพากันมา ก็เพ่ือขอหตั ถกรรมงานสรา งกฎุ ีสําหรับอยจู ําพรรษา. นางจึงถามวา ไดไหมละเจา ขา . ตอบวา ไมไ ดด อก อุบาสิกา. นางถามวา จําเปน หรือที่คนใหญ ๆ เทานั้นจึงจะทาํ กุฎนี ัน้ ได หรอื แมค นยากจนก็ทาํ ได. ทา นตอบวาใครๆ ก็ทําได. นางจงึ กลา ววา ดีละเจา ขา พวกดิฉนั จักชว ยกันทํา ขอโปรดรับอาหารของดิฉันในวนั พรุง นี้ นิมนตแ ลว กถ็ ือหมอ นาํ้ พกั ไวที่ทางทา นา้ํ ทมี่ าแลว กลาวกับนางทาสที ง้ั หลายวา พวกเจาจงอยตู รงนก้ี ันนะเวลาท่ีทาสีเหลา นัน้ มา ก็กลาววา พวกเจา ทง้ั หลาย พวกเราจักทํางานเปนทาสีสําหรับคนอ่ืนกันตลอดไปหรือ หรือวา อยากจะพนจากการเปน ทาสีเขา. เหลาทาสีก็ตอบวา พวกเราอยากพนเสยี วันน้นี แ่ี หละ แมเ จา. นาง

พระสุตตันตปฎ ก เอกนบิ าต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 5จงึ กลา ววา ถาอยา งนั้น เหลา พระปจเจกพุทธเจา ๕๐๐ องค ทยี่ ังไมไ ดหตั ถกรรม เราก็นมิ นตใหฉ ันในวนั พรุงนแ้ี ลว พวกเจา จงใหส ามีของพวกเจา ใหง านหัตถกรรมเสยี วันหนึ่ง. เหลา ทาสีกร็ ับวา ดลี ะ แลวบอกพวกสามี เวลาท่ีเขาออกมาจากดงเวลาเย็น. สามีเหลานน้ั รบั ปากแลวมาประชุมกัน ทีป่ ระตูเรือนทาสหี ัวหนา ครั้งนัน้ ทาสหี ัวหนาจงึ กลา ววา พอทั้งหลาย พรุงนพ้ี วกเจา จงถวายหตั ถกรรมแกพ ระปจ เจกพทุ ธเจาทั้งหลายดวย แลว บอกอานิสงส ขคู นทไ่ี มอยากจะทําดวยโอวาทอันหนักหนว งใหทกุ คนยอมรับ. รุงขน้ึ นางถวายอาหารแกเ หลา พระปจ เจกพทุ ธเจาแลวใหการนัดหมายแกลูกทาสทุกคน. ทนั ใดนั้นเอง ลูกทาสเหลา น้ันก็พากันเขา ปา รวบรวมทพั พสมั ภาระแลว สรา งกฎุ ีทีละหลังเปน รอย ๆหลัง จดั บรเิ วณมที ีจ่ งกรมเปน ตน วางเตียง ต่งั นา้ํ ฉัน นา้ํ ใชเ ปนตนไว ใหพ ระปจเจกพุทธเจา ทงั้ หลายรบั ปฏิญญาทจี่ ะอยจู ําพรรษา ณ ท่นี ัน้ตลอดไตรมาส ใหจ ดั เวรถวายอาหาร. ทาสผี ใู ดไมอ าจถวายในวนั เวรของตนได ทาสหี วั หนาก็นําอาหารจากเรอื นตนถวายแทนทาสีผนู ั้น. ทาสีหวั หนาบาํ รุงมาตลอดไตรมาสอยา งนี้ ใหทาสคี นหนงึ่ ๆ จัดผา สาฎกคนละผนื . รวนเปน ผา สาฎกเน้ือหยาบ ๕๐๐ ผืน. นางใหเ ปลย่ี นแปสงผา สาฎกเนอ้ื หยาบเหลา น้ัน ทําเปนไตรจวี รถวายพระปจ เจกพุทธเจา ๕๐๐ องค.พระปจ เจกพทุ ธเจา ท้ังหลายไปสูเ ขาคันธมาทนท างอากาศทั้งท่ที าสเี หลา นนั้เห็นอยนู นั่ แล. ทาสเี หลานน้ั ทุกคนทํากุศลจนตลอดชีวิต กบ็ งั เกดิ ในเทวโลก.บรรดาทาสีเหลา นน้ั ทาสีหัวหนา จตุ จิ ากภพนนั้ แลว บงั เกดิ ในเรอื นของหวั หนา ชา งทอหกู ไมไ กลกรุงพาราณสี. ตอ มาวันหนึง่ พระปจเจกพุทธ-

พระสุตตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 6เจา ๕๐๐ องค บตุ รนางปทมุ วดี ท่ีพระเจากรุงพาราณสีนมิ นตไ วมาถงึ ประตพู ระราชนิเวศนไมพบคนใด ๆ ทจ่ี ะดแู ล จงึ กลับออกไปทางประตูกรงุ ไปยังหมูบา นชา งทอหูกน้นั . หญิงผนู ัน้ เห็นพระปจ เจกพุทธ-เจาทง้ั หลาย นกึ เอน็ ดู ก็ไหวหมดทกุ องคแลว ถวายอาหาร. พระ-ปจเจกพทุ ธเจาทั้งหลาย ฉนั อาหารเสร็จแลว ก็ไปสูเขาคันธมาทนอยา งเดมิ . แมหญงิ ผูน้นั ทาํ กศุ ลจนตลอดชีวติ ทอ งเท่ียวอยูในเทวดาและมนษุ ยแลว ถือปฏิสนธใิ นเรือนของเจา มหาสุปปพุทธะ กรุงเทวทหะ กอนพระ-ศาสดาของเราบงั เกิด. พระประยรู ญาตถิ วายพระนามของทา นวา โคตมีเปนกนษิ ฐภคินีของพระนางมหามายา [พระพทุ ธมารดา]. เหลา พราหมณผชู ํานาญมนตตรวจดพู ระลกั ษณะแลวพยากรณว า ทารกทอี่ ยูใ นพระครรภของพระนางทง้ั สองพระองค จกั เปน จักรพรรดิ. พระเจา สุทโธทน-มหาราชทรงมงคลอภเิ ษกกบั พระนางทงั้ สองพระองค เวลาทีท่ รงเจรญิ วยัแลวทรงนําไปอยพู ระราชนิเวศนของพระองค. ตอ มา พระโพธสิ ตั วข องเราจตุ จิ ากสวรรคช้ันดสุ ติ ทรงถอื ปฏสิ นธใิ นพระครรภข องพระนางมหามายา-เทวี. ในวันท่ี ๗ ตัง้ แตว นั ทพี่ ระโพธสิ ตั วป ระสตู ิแลว พระนางมหามายา-เทวีกส็ วรรคต บังเกิดในสวรรคช ้นั ดสุ ติ . พระเจาสทุ โธทนมหาราชก็ทรงสถาปนาพระนางมหาปชาบดีโคตมี พระมาตจุ ฉา [พระนา นาง]ของพระมหาสตั วไ วใ นตําแหนงพระอัครมเหส.ี เวลานน้ั นนั ทกมุ ารก็ประสูติ. พระมหาปชาบดนี ้ี ทรงมอบพระนันทกมุ ารแกพระพี่เลีย้ งนางนมทรงประคบประหงมบาํ รงุ พระโพธสิ ัตวดว ยพระองคเอง. สมยั ตอมา พระ-โพธสิ ัตวเ สด็จออกมหาภเิ นษกรมณ บรรลพุ ระสพั พญั ตุ ญาณ ทรง

พระสตุ ตนั ตปฎ ก เอกนบิ าต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 7อนุเคราะหโ ลก เสด็จถึงกรุงกบลิ พสั ดุ เสด็จเขา ไปบิณฑบาตในพระนคร.คร้ังนัน้ พระเจา สทุ โธทนมหาราชพทุ ธบิดา ทรงสดบั ธรรมกถา ณระหวา งถนน เปนพระโสดาบัน. ครน้ั วันที่ ๒ พระนนั ทกุมาร กท็ รงผนวช. วันท่ี ๗ พระราหุล กท็ รงผนวช. ตอมา พระศาสดา ทรงอาศัยกรงุ เวสาลีประทับอยู ณ กฏู าคารศาลา. สมยั นั้น พระเจา สุทโธทนมหาราชทรงทําใหแจง พระอรหตั แลวปรินิพพาน ภายใตพระมหาเศวตฉตั ร. ครั้งนั้น พระนางมหาปชาบดี เกิดวาเหวพระหฤทัยจะทรงผนวช.แตน ้นั นางปาทปรจิ ารกิ า ของพระกมุ าร ๕๐๐ พระองค ผซู ึ่งเสดจ็ออกทรงผนวชเมือ่ จบกลหววิ าทสตู ร รมิ ฝงแมน าํ้ โรหิณี ทกุ คนมีจติ เปนอนั เดียวกันวา พวกเราจักเขา ไปเฝา พระนางมหาปชาบดี แลว บวชในสํานักพระศาสดาหมดทกุ คน จึงใหพระนางมหาปชาบดเี ปนหัวหนา ประสงคจ ะไปเฝา พระศาสดา. ก็พระนางมหปชาบดนี ที้ รงทูลขอบรรพชากะพระศาสดาครัง้ เดียวคร้ังแรกเทานั้น ก็ไมได. เพราะเหตนุ ้นั พระนางจึงรบั สง่ั เรยี กชา งกัลบกมาแลว ใหต ดั พระเกศา ทรงครองผากาสายะ [ผายอมนาํ้ ฝาด]ทรงพาเหลาสากยิ านีทัง้ หมดน้นั เสดจ็ ถึงกรงุ เวสาลี ใหท านพระอานนท-เถระทูลออ นวอนพระทศพล กท็ รงไดบ รรพชาอปุ สมบทดว ยครธุ รรม๘ ประการ. สวนเหลาสากยิ านที ้งั หมด กไ็ ดอุปสมบทพรอมกัน. นเ้ี ปนความสังเขปในเรื่องนี้. สว นเรอ่ื งนโ้ี ดยพสิ ดารมาแลว ในพระบาล.ี ก็พระนางมหาปชาบดคี รั้นทรงอุปสมบทอยางนี้แลว เขาเฝา พระศาสดาถวายบงั คมแลว ประทับ ณ ทีส่ มควรสว นขางหน่งึ เวลาน้นั พระศาสดาทรงแสดงธรรมโปรดพระนาง พระนางรับกรรมฐานในสํานักพระศาสดาพระองคเดียวกบ็ รรลุพระอรหตั . ภกิ ษณุ ี ๕๐๐ รูปนอกน้นั กบ็ รรลพุ ระอรหตั

พระสุตตนั ตปฎก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 8เมอื่ จบนันทโกวาทสตู ร. เรือ่ งนีเ้ กิดข้นึ ดว ยประการฉะนี.้ ตอ มาภายหลังพระศาสดาประทบั นัง่ ณ พระเชตวนั วหิ าร เมือ่ ทรงสถาปนาภิกษุณที งั้ หลายไวใ นตําแหนง เอคทคั คะหลายตําแหนง จงึ ทรงสถาปนาพระมหาปชาบดีไวในตาํ แหนง เอตทัคคะเปนเลิศกวาพวกภิกษุณสี าวิกา ผเู ปน รตั ตญั ู รูราตรีนาน แล. จบอรรถกถาสตู รที่ ๑ อรรถกถาสูตรท่ี ๒ ๒. ประวตั ิพระเขมาเถรี ในสูตรที่ ๒ พึงทราบวนิ จิ ฉยั ดังตอ ไปน้.ี บทวา เขมา ไดแก ภกิ ษุณมี ชี ่อื อยางนี้. ก็แล ต้งั แตน ไ้ี ป ขา พเจาจะกลา ววา ในปญ หากรรมของทาน มเี รอื่ งท่จี ะกลา วตามลาํ ดบั ดงั นี้แลวจะกลาวขอ นีค้ วรจะกลาวตั้งแตอภนิ ิหารเปน ตน ไปไวทุกแหง. ดังไดสดับมา ในอดตี กาลคร้งั พระพทุ ธเจา พระนามวา ปทุมตุ ตระนางเขมานกี้ ็บังเกิดนบั เนอ่ื งกบั คนอ่ืน ในกรงุ หงั สวด.ี ตอ มา วันหน่งึนางพบพระสชุ าตเถรี อัครสาวกิ าของพระผมู พี ระภาคเจาน้ัน กาํ ลังเท่ียวบิณฑบาต จงึ ถวายขนมตม ๓ กอน ในวันนน้ั นน่ั แล กจ็ ัดในเรือนของคนแลวถวายทาน แตพระเถรีทําความปรารถนาวา ดฉิ ันพงึ มปี ญญามากเหมือนทา น ในพุทธุปบาทกาลในอนาคต. เปนผไู มป ระมาทในกุศลกรรมทั้งหลายจนลอดชีวติ ทองเทย่ี วอยใู นเทวดาและมนษุ ยแสนกปั -ครัง้ พระพทุ ธเจาพระนามวากสั สปะ กถ็ ือปฏสิ นธใิ นพระราชนิเวศนของพระเจา กิงกิ เปน พระธิดาอยูระหวา งพระพ่นี อ งนาง ๗ พระองค ทรง

พระสตุ ตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 9ประพฤตกิ มุ ารีพรหมจรรย ในพระราชนเิ วศนถึง ๒๐,๐๐๐ ป รวมกับพระพี่นองนางเหลา น้ัน สรา งบรเิ วณที่ประทบั อยขู องพระทศพล เวียนวา ยอยใู นเทวดาและมนษุ ยพ ทุ ธนั ดรหน่ึง ในพุทธปุ บาทกาลนี้ กถ็ ือปฏสิ นธิในราชสกลุ กรุงสาคละ แควน มทั ทะ พระประยูรญาตเิ ฉลมิ พระนามของพระนางวา เขมา พระนางมพี ระฉววี รรณแหงพระวรกายเล่อื มเรือ่ ดงัน้าํ ทอง พอเจรญิ พระชันษา ก็เสดจ็ ไปอยใู นพระราชนิเวศน [เปน พระเทว]ีของพระเจาพมิ พิสาร. เมอ่ื พระตถาคตทรงอาศยั กรงุ ราชคฤหป ระทับอยูณ พระเวฬุวันวหิ าร พระนางทรงสดบั วา เขาวา พระศาสดาทรงแสดงโทษในรูป เปนผมู วั เมาในรูปโฉม ไมกลาไปเฝา พระทศพล ดว ยทรงกลวั วาพระศาสดาจะทรงแสดงโทษในรปู ของเรา. พระราชาทรงพระดํารวิ าเราเปน อคั รอปุ ฐากของพระศาสดา แตอัครมเหสขี องอรยิ สาวกเชน เรา ก็ยังไมไปเฝาพระทศพล ขอนีเ้ ราไมช อบใจเลย. จงึ ทรงใหเหลา กวีประพันธคณุ สมบตั ิของพระเวฬวุ ันราชอุทยาน รบั สั่งวา พวกทา นจงขับรองใกล ๆ ที่พระนางเขมาเทวที รงไดย นิ . พระนางทรงสดบั คําพรรณนาคณุของพระราชอุทยาน ก็มพี ระประสงคจ ะเสดจ็ ไป จึงกราบทูลสอบถามพระ-ราชา. ทาวเธอตรัสวา ไปอุทยานกไ็ ด แตไมเ ฝาพระศาสดา อยา ไดกลับมานะ พระนางไมถวายคําตอบแดพระราชา กเ็ สด็จไปตามทาง. พระ-ราชาตรสั ส่ังเหลาบรุ ษุ ที่ไปกับพระนางวา ถา พระเทวีเมอื่ จะกลับจากสวนเฝา พระทศพลไดอยา งนน้ี ัน่ กเ็ ปนบญุ ถา ไมเฝา พวกทา นก็จงใชร าชอาํ นาจแสดงกะพระนาง. คร้งั นนั้ พระนางเสดจ็ ชมพระราชอุทยานเสยี จนสิน้ วนัเมือ่ เสดจ็ กลับก็ไมเ ฝาพระทศพล เริม่ จะเสด็จกลบั . แตเ หลาราชบุรษุ นําพระนางไปยังสํานักพระศาสดา ท้ังท่พี ระนางไมช อบพระทยั .

พระสุตตนั ตปฎ ก เอกนิบาต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 10 พระศาสดาทรงเหน็ พระนางกําลังเสดจ็ มาจงึ ทรงใชพุทธฤทธิเ์ นรมติเทพอัปสรนางหน่ึงซึง่ กําลงั ถือกา นใบตาลถวายงานพัดอย.ู พระนางเขมาเทวีเหน็ เทพอัปสรนัน้ แลว ทรงพระดําริวา เสยี หายแลวสเิ รา เหลา สตรีที่เทียบกบั เทพอัปสรเหน็ ปานน้ี ยงั ยืนอยูไมไกลพระทศพล เราแมจ ะเปน ปรจิ ารกิ าของสตรเี หลา นน้ั ก็ยงั ไมค ูค วรเลย กเ็ พราะเหตไุ รเลาเราจึงเปนผเู สียหายดว ยอาํ นาจจติ ทค่ี ดิ ชวั่ เพราะอาศยั ความมัวเมา แลว ก็ถอื นมิ ิตน้ัน ยนืทอดพระเนตรสตรีนัน้ อยู. เมอ่ื พระนางพิจารณาสตรนี นั้ อยนู ั้นแล แตดวยกาํ ลงั พระอธิฐานของพระตถาคต สตรนี ั้นลวงปฐมวัยไป เหมอื นต้งัอยูในมัชฌมิ วยั ฉะนัน้ ลว งมัชฌมิ วัยไป เหมอื นต้งั อยใู นปจฉมิ วยั ฉะนนั้ไดเ ปน ผูมีหนงั เหย่ี วยน ผมหงอก ฟนหักแลว . แตน ้ันเม่ือพระนางกาํ ลังแลดูอยนู น่ั แหละ. สตรีน้ันก็ลมลงกล้ิงพรอ มกับพดั ใบตาล. ลาํ ดบั นัน้ พระนางเขมา เม่ืออารมณน ้ันมาสวู ิถี เพราะเปน ผสู มบูรณด วยบุพเหตุ จึงทรงพระดาํ ริอยางน้ีวา สรรี ะมอี ยา งอยางน้ี ยังถงึ ความวบิ ัติอยา งนไ้ี ด แมสรรี ะของเรา กจ็ กั มคี ตอิ ยางนีเ้ หมือนกนั . ขณะทพ่ี ระนางมพี ระดําริอยางนี้พระศาสดาจงึ ตรัสพระคาถาในธรรมบทน้วี า เย ราครตตฺ านุปตนตฺ ิ โสต สย กต มกฺกฏโกว ชาล เอตมฺป เฉตวฺ าน ปริพฺพชนฺติ อนเปกขฺ โิ น กามสขุ  ปหาย. ชนเหลาใด ถกู ราคะยอ มแลว ยอมตกไป ตามกระแส เหมอื นแมลงมุมตกไปตายใยขายท่ีตนเอง

พระสตุ ตนั ตปฎก เอกนิบาต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 11 ทาํ ไว ชนเหลาน้นั ตัดกระแสนน้ั ไดแลว ไมเ ยือ่ ใย ละกามสขุ เสยี ยอ มบวช ดังนี.้จบพระคาถา พระนางประทับยืนในอิรยิ าบถทย่ี ืนอยูนั่นแล กบ็ รรลพุ ระอรหตั พรอ มดว ยปฏสิ มั ภทิ า ธรรมดาวา ผูอยูครองเรือนบรรลุพระอรหตัจาํ ตองปรนิ ิพพานหรือบวชเสยี ในวนั น้ันนั่นแหละ. กพ็ ระนางรวู า อายุสงั ขารของพระองคยงั เปนไปได ทรงพระดาํ รวิ า เราจักใหพ ระราชาทรงอนุญาตการบวชของพระองค จึงเสด็จกลบั พระราชนิเวศน ไมถวายบังคมพระราชาประทบั ยืนอยู. พระราชาก็ทรงทราบโดยสญั ญาณคอื พระอาการวาพระนางคงจกั บรรลอุ รยิ ธรรมแลว. พระราชาจงึ ตรัสกะพระนางวา พระ-เทวเี สด็จไปเฝา พระศาสดาหรอื . ทูลวา พระมหาราชเจา หมอมฉันประพฤติทัศนะอยา งท่พี ระองคทรงเห็นแลว หมอมฉันไดท าํ พระทศพลใหเ ปนผูอนั หมอมฉนั เหน็ ดว ยดแี ลว ขอไดโปรดทรงอนุญาตการบรรพชาแกหมอมฉันเถดิ . พระราชาตรสั รับวา ดีละพระเทวี ทรงนาํ ไปยังสาํ นกัภกิ ษณุ ดี ว ยวอทอง ใหทรงผนวช. คร้ังนัน้ ความที่พระนางมีพระปญญามาก ปรากฏไปวา ช่ือพระเขมาเถรี บรรลพุ ระอรหัตทงั้ ที่อยูในเพศคฤหัสถในขอ นีม้ ีเรอื่ งดงั น้ี . ตอ มาภายหลงั พระศาสดาประทับนงั่ ณ พระเชตวันวิหาร เมื่อทรงสถาปนาภกิ ษณุ ที ง้ั หลายไวในตําแหนง ตา ง ๆ จงึ ทรงสถาปนาพระเขมาเถรไี วในตําแหนง เอตทัคคะเปน เลศิ กวา พวกภกิ ษณุ -ีสาวิกา ผมู ปี ญ ญามาก แล. จบอรรถกถาสูตรท่ี ๒

พระสตุ ตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 12 อรรถกถาสูตรท่ี ๓ ๓. ประวัติพระอุบลวรรณาเถรี ในสตู รท่ี ๓ พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ดังตอ ไปน.้ี บทวา อุปปฺ ลวณฺณา ไดแกพ ระเถรมี ีชอื่ อยา งนี้ กเ็ พราะประกอบดวยผิวพรรณเสมอื นหองดอกอุบลขาบ. ไดย ินวา พระอุบลวรรณาเถรีนนั้ ครงั้ พระพทุ ธเจาพระนามวาปทุมุตตระ ถือปฏสิ นธใิ นครอบครัวในกรงุ หังสวดี ภายหลงั ไปสํานกั พระ-ศาสดาพรอ มกบั มหาชน กําลังฟง ธรรมอยู เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภกิ ษณุ ีรปู หนึง่ ไวใ นตําแหนงเอตทคั คะ เปน เลิศกวาพวกภกิ ษุณสี าวกิ าผูมีฤทธ์ิ จึงถวายมหาทานแดภกิ ษุสงฆ มีพระพทุ ธเจาเปนประมขุ ๗ วันปรารถนาตําแหนง น้ัน. นางทาํ กศุ ลจนตลอดชวี ิต เวียนวา ยอยใู นเทวดาและมนษุ ย คร้งั พระพทุ ธเจาพระนามวา กัสสปะ ถือปฏิสนธใิ นราชนิเวศนของพระราชาพระนามวากิงกิ กรงุ พาราณสี เปน พระธดิ าอยใู นระหวางพระพนี่ อ งนาง ๗ พระองค ประพฤตพิ รหมจรรยอยูถึง ๒๐,๐๐๐ ป ทําบรเิ วณถวายภิกษสุ งฆ บังเกดิ ในเทวโลก จุติจากเทวโลกน้นั ไปสูม นษุ ยโลกอกีบงั เกดิ ในถิ่นของคนทํางานดว ยมอื ตนเองเลี้ยงชีพในหมบู า นแหงหนงึ่ วนัหน่งึ นางไปยงั กระทอ มในนา ระหวา งทางเห็นดอกปทุมบานแตเ ชา ตรูในสระแหง หนึง่ ลงสระนัน้ แลวเกบ็ ดอกปทุมนน้ั และใบของปทมุ เพอ่ื ใสข าวตอก เด็ดรวงขาวสาลีใกลคนั นา นัง่ ในกระทอมคัว่ ขาวตอก นบั ได๕๐๐ ดอก. ขณะนั้น พระปจ เจกพทุ ธเจา องคห น่งึ ออกจากนโิ รธสมาบัติที่เขาคนั ธมาทน มายนื ไมไ กลนาง. นางแลเหน็ พระปจเจกพทุ ธเจา ก็ถอื

พระสตุ ตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 13ดอกปทมุ พรอมทั้งขา วตอกลงจากกระทอ ม ใสขาวตอกในบาตรของพระ-ปจเจกพุทธเจา ปดบาตรดวยดอกปทุมถวาย. ครงั้ นน้ั เม่ือพระปจ เจก-พทุ ธเจาไปไดห นอ ยหน่ึง นางกค็ ิดวา ธรรมดาเหลา บรรพชติ ไมตองการดอกไม จําเราจักไปเอาดอกไมม าประดบั แลวไปเอาดอกไมจากมือพระ-ปจเจกพทุ ธเจา แลว คิดอีกวา ถา พระผูเปน เจาไมต องการดอกไมไซร ทา นจะไมใ หวางดอกไมนน้ั ไวบ นบาตร พระผูเปน เจาจกั ตอ งการแนแท แลวไปวางไวบ นบาตรอีก ขอขมาแลว ทาํ ความปรารถนาวา พระคณุ เจา ขาดวยผลานสิ งสของขา วตอกเหลานี้ ขอจงมบี ุตรเทา จาํ นวนขา วตอก ดว ยผลานิสงสของดอกปทมุ ขอดอกปทมุ จงผดุ ทกุ ยา งกาวของดฉิ ัน ในสถานทเ่ี กิดแลว. ทง้ั ท่ีนางเหน็ อยนู น่ั แล พระปจเจกพทุ ธเจากไ็ ปสเู ขาคนั ธ-มาทนท างอากาศ วางดอกปทมุ นน้ั ไวส ําหรบั เชด็ เทา ใกลบนั ไดที่พระ-ปจ เจกพุทธเจาทงั้ หลายเหยียบ ณ เง้อื มเขานันทมลู กะ ดวยผลทานนัน้นางถอื ปฏสิ นธใิ นเทวโลก. จําเดมิ แตเ วลาท่นี างเกิด. ดอกปทมุ ขนาดใหญก็ผุดขน้ึ ทุก ๆ ยา งกาวของนาง. นางจุติจากเทวโลกน้นั แลว ก็บงั เกดิ ในหอ งของดอกปทุม ในสระปทมุ แหง หน่งึ ใกลเชงิ เขาทดี่ าบสองคหนง่ึ อาศัยเชิงเขาอย.ู ดาบสนน้ั ไปสระแตเชา ตรู เพือ่ ลา งหนา เห็นดอกไมน ัน่ แลวกค็ ิดวา ดอกน้ีใหญก วา ดอกอ่นื ๆ ดอกอน่ื ๆ บาน ดอกนยี้ งั ตมู อยู คงจะมีเหตใุ นดอกนัน้ แลว จงึ ลงนํา้ จับดอกนั้น. พอดาบสนั้นจับเทา นนั้ มันกบ็ าน. ดาบสเห็นเดก็ หญิงนอนอยภู ายในหอ งปทุม ไดความสิเนหาดังธิดา นับแตพ บเขา จงึ นําไปบรรณศาลาพรอ มทงั้ ดอกปทมุ ใหน อนบนเตยี ง. ขณะนน้ั ดว ยบุญญานุภาพ

พระสตุ ตันตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 14ของนาง นํ้านมก็บังเกิดทนี่ วิ้ หัวแมม อื . ดาบสนัน้ เมอื่ ดอกปทมุ นนั้ เหยี่ วกน็ ําดอกปทุมดอกอ่นื มาแทน ใหเด็กหญงิ นน้ั หลบั นอน. นับต้ังแตเดก็หญิงนน้ั สามารถเลน วงิ่ มาวิง่ ไปได ดอกปทมุ กผ็ ุดทุก ๆ ยา งกาว. ผิวพรรณแหง สรีระของนาง เปนเหมือนดอกบัวบก. เด็กหญิงนนั้ ยังไมเจริญวัย ก็ล้าํ ผวิ พรรณเทวดา ลา้ํ ผวิ พรรณมนุษย. เม่อื บดิ าไปแสวงหาผลาผล เดก็ หญงิ นน้ั กถ็ ูกทงิ้ ไวทบ่ี รรณศาลา. เม่ือเวลาเจรญิ วัยแลว อยูมาวนั หน่ึง เมอื่ บดิ าไปแสวงหาผลาผลพรานปา คนหนึง่ เหน็ นางก็คดิ วา ข้ึนชือ่ วาเหลามนษุ ยรปู รา งอยา งน้ไี มมีจาํ เราจักตรวจสอบนาง แลวน่งั รอการมาของดาบส. เมือ่ บิดากลับมานางก็เดินสวนทางไปรบั สาแหรกจากมอื ของดาบสนน้ั มาดว ยตวั เอง แลวแสดงขอวัตรทค่ี นควรทาํ แกดาบสซงึ่ น่งั ลงแลว. ครง้ั น้ัน นายพรานปาก็รวู านางเปน มนุษย จึงกราบดาบสแลวนั่งลง ดาบสจึงตอ นรบั ดว ยผลหมากรากไมกับนํา้ ดื่มแลว ถามวา ดกู อนบรุ ษุ ผูเจริญ ทานจกั พกั อยูในทน่ี ีห้ รอื จกั ไป. เขาตอบวา จกั ไปเจา ขา อยใู นที่นจี้ ักทาํ อะไรได. ดาบสขอรอ งวา เหตทุ ่ีทานเห็นอยนู ี้อยาไดพดู ไปเลยนะ. เขารบั วา ถาพระผูเปน เจาไมประสงคกจ็ ะพูดไปเพราะเหตุไรเลา แลว ไหวด าบส ทาํ ก่งิ ไมรอยเทา และเครอื่ งหมายตน ไมไวใ นเวลาท่ีจะมาอีก ก็หลีกไป. นายพรานปา น้ันไปกรงุ พาราณสเี ฝา พระราชา. พระราชาตรัสถามวา เหตไุ รเจา จึงมา. กราบทลู วา ขาแตเทวะ ขาพระบาทเปน พรานปาของพระองค พบอิตถรี ัตนะอันนาอัศจรรยทเ่ี ชิงเขา จงึ มาเฝาพระเจาขาแลวทลู เลาเรอ่ื งทัง้ หมดถวาย. พระราชาสดบั คาํ ของนายพรานปานั้นแลวรีบเสดจ็ ไปเชิงเขา ตงั้ คา ยพักในที่ไมไ กลจงึ พรอมดวยนายพรานปา และเหลา ราชบุรุษอ่ืน ๆ เสด็จไปทีน่ ้นั เวลาดาบสน่งั ฉันอาหาร ทรงอภวิ าท

พระสุตตันตปฎ ก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 15ปฏสิ ันถารแลว ประทับนัง่ พระราชาทรงวางเครื่องบริขารสาํ หรบั นักบวชไวแทบเทา ดาบส ตรสั วา ทา นเจาขา พวกเราจะทําอะไรสักอยางกจ็ ะไปดาบสทลู วา โปรดเสด็จไป เถดิ มหาบพติ ร. ตรสั วา ทา นเจาขา ขา พเจาจะไป ไดทราบวาบริษทั ทีเ่ ปนขา ศกึ อยูใ กลพ ระผเู ปนเจา มีอยู บริษทั นัน้ไดช ื่อวาเปน ผูท าํ ใหการปฏิบตั เิ นน่ิ ชาสําหรบั นกั บวชทั้งหลาย ขอบรษิ ัทนนั้ จงไปเสียกบั ขาพเจาเถิด ทา นเจาขา . ทลู วา ขนึ้ ช่อื วาจติ ใจของเหลามนษุ ยรายนัก หญงิ ผนู ีจ้ ักอยกู ลางหมูผูค นมากๆ อยางไรได. ตรัสปลอบวาทา นเจาขา นบั แตขาพเจา ชอบใจนางกจ็ ะตง้ั นางไวในตาํ แหนงหวั หนาของคนอ่ืน ๆ ทะนุบาํ รงุ ไว. ดาบสฟง พระราชดํารัสแลว กร็ อ งเรยี กธิดาโดยชอ่ื ท่ีตั้งไวค รั้งยังเล็ก ๆ วา ลูกปทมุ วดีจา. โดยเรียกคาํ เดยี ว นางก็ออกมาจากบรรณศาลายืนไหวบ ิดา. บิดาจงึ กลาวกะนางวา ลูกเอย เจาเจรญิวยั แลวคงจะอยูในที่นไ้ี ดไ มผ าสุก นับแตพ ระราชาทรงพบแลว จงไปกบัพระราชาเสียเถดิ นะลกู นะ. นางรบั คาํ บิดาวา เจา คะ ทานพอ ไหวบิดาแลวเดนิ ไปรองไหไป. พระราชาทรงพระดํารวิ า จาํ เราจะยึดจิตใจบิดาของหญิงผนู ี้ จึงวางนางไวบ นกองกหาปณะแลวทรงทําอภิเษก. จาํ เดมิ แตพระราชาทรงพานางมาถงึ นครของพระองคแ ลว กไ็ มท รงเหลียวแลสตรอี ่ืน ๆ เลย ทรงอภิรมยอยกู บั นางเทานัน้ . เหลา สตรอี ่นื ๆ ก็ริษยา ประสงคจ ะทํานางใหแตกกนั ระหวา งพระราชา จงึ พากันกราบทูลวาขา แตพ ระมหาราชเจา หญิงผนู ี้มิใชช าตมิ นษุ ยดอกเพคะ ดอกปทุมท้งั -หลายทป่ี รากฏอยใู นทพ่ี วกมนษุ ยท อ งเที่ยวไป พระองคเ คยพบแลวมใิ ชหรือ หญงิ ผูนี้ตอ งเปนยักษณิ แี นแ ลว โปรดขับไลม นั ไปเถิดเพคะ. พระ-ราชาทรงสดบั คําของสตรเี หลา นน้ั ก็ไดแตท รงน่งิ อย.ู บังเอญิ สมัยน้นั

พระสตุ ตนั ตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 16เมืองทางชายแดน กอ การกําเริบ พระนางปทมุ วดกี ท็ รงพระครรภแกเพราะฉะนัน้ พระราชาจึงทรงคงพระนางไวใ นพระนคร เสดจ็ ไปเมืองชายแดน. ครงั้ น้นั สตรเี หลา นัน้ จึงตดิ สนิ บนหญงิ ผูรบั ใชพ ระนางสัง่ วาเจา จงนาํ ทารกของพระนางท่พี อคลอดแลวออกไป จงเอาทอนไมทอนหนงึ่ ทาเลอื ดแลว วางไวใ กล ๆ แทน. ไมน านนักพระนางปทุมวดีก็ประสตู ิพระมหาปทุมกมุ ารอยใู นพระครรภพระองคเ ดียว. นอกนัน้ ทารก ๔๙๙พระองค กบ็ ังเกดิ เปนสงั เสทชะ ในขณะทพี่ ระมหาปทุมกมุ ารออกจากครรภของพระมารดาแลว บรรทมอยู ขณะน้ันหญงิ รบั ใชพระนางรวู า พระ-นางปทมุ วดนี ี้ยังไมไดสตกิ เ็ อาทอนไมทอ นหน่งึ ทาเลือดแลววางไวใ กล ๆแลวก็ใหส ัญญาณนัดหมายแกสตรเี หลา น้ัน สตรที ั้ง ๕๐๐ คน แตล ะคนกร็ บั ทารกคนละองค สงไปสํานักของเหลา ชางกลงึ ใหน าํ กลอ งทั้งหลายมาแลวใหท ารกทแ่ี ตล ะคนรับไวนอนในกลองนนั้ ทาํ ตราเคร่ืองหมายไวภายนอกวางไว. ฝายพระนางปทุมวดีรูสกึ พระองคแลวถามหญิงรับใชน นั้วา ขาคลอดบตุ รหรอื จะ แมน าง หญิงผูน น้ั พูดขพู ระนางวา พระนางจกัไดทารกแตไหนเลา มแี ตทารกทอี่ อกจากพระครรภพ ระนางอันนี้ แลว ก็วางทอนไมท่ีเปอ นเลอื ดไวเ บ้ืองพระพักตร. พระนางทอดพระเนตรเหน็แลว กเ็ สียพระหฤทยั ตรสั วา เจา จงรบี ผาทอนไมน้ันเอาออกไปเสีย ถาใครเขาเห็นจะอับอายขายหนา เขา. หญิงผนู ้นั ฟงพระราชเสาวนยี กท็ าํ เปนหวงั ดี ผา ทอ นไมแ ลว ใสเตาไฟ. ฝา ยพระราชเสด็จกลบั จากเมืองชายแดนแลว รอพระฤกษอยู ต้งัคายพักอยนู อกพระนคร ครัง้ น้นั สตรี ๕๐๐ คน ก็มาตอ นรับพระราชากราบทูลวา ขา แตพระมหาราชเจา พระองคค งจกั ไมท รงเช่ือขาพระบาท

พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 17ทงั้ หลายวา ท่ขี าพระบาทกราบทูลประหนงึ่ ไมม เี หตุ ขอไดโ ปรดสอบถามหญงิ รับใชพ ระมเหสดี ู พระเทวีประสูตเิ ปนทอ นไม พระราชาทรงสอบสวนเหตุนั้นแลวทรงพระดาํ รวิ า พระนางคงจกั ไมใชช าตมิ นุษยแ น ดงั น้ีแลว ทรงขับไลพ ระนางออกไปจากพระนิเวศน. พอพระนางเสดจ็ ออกพระราชนเิ วศนเ ทาน้นั ดอกปทมุ ทง้ั หลายก็อันตรธานไป พระสรรี ะก็มีผวิ พรรณแปลกไป พระนางทรงดําเนนิ ไปในทองถนนพระองคเดียวครง้ั น้นั หญิงเจรญิ วยั ผหู นึง่ แลเห็นพระนางกเ็ กดิ สเิ นหาพระนางประดุจวาเปนธิดา จงึ พดู วา แมค ณุ จะไปไหนจะ พระนางตรสั วา ดฉิ ันเปนคนจรกาํ ลงั เท่ยี วเดินหาทอ่ี ยูจะ หญิงชราพดู วา มาอยเู สยี ท่ีนี้ซิจะ แลว ใหท อ่ี ยูจัดแจงอาหารใหเสวย. เมือ่ พระนางอยูใ นทน่ี ้นั โดยทํานองน้ี สตรี ๕๐๐ คนน้ันก็รว มใจกันกราบทลู พระราชาวา ขา แตพระมหาราชเจา เมือ่ พระองคประทับคา ยพัก พวกขา พระบาทมีความปรารถนาวา เมื่อเทวะของพวกขาพระบาทชนะสงครามกลับมา จกั ทรงเลน กีฬาทางนํา้ เปน พลกี รรมแกเ ทวดาประจาํ แมคงคา ขอเทวะโปรดประกาศใหทราบเรอ่ื งนเี้ พคะ พระราชาดีพระหฤทยั ดว ยคาํ ทลู ของสตรีเหลา นนั้ เสดจ็ ไปทรงกีฬาทางนํา้ ในแมพระคงคา หญงิ เหลา น้ันถอื กลอ งท่แี ตละคนรับไวอยา งมิดชิดไปยังแมน้ําหม คลมุ เพ่อื ปกปดกลองเหลา นน้ั ทําเปน ตกนา้ํ แลวทิ้งกลอ งทั้งหลายเสียกลองเหลา นน้ั มารวมกนั หมดแลว ตดิ อยูใ นขายที่เขาขงึ ไวใ ตกระแสนาํ้ .แตนนั้ เวลาทพี่ ระราชาทรงกฬี าทางน้าํ เสดจ็ ขนึ้ แลว ราชบรุ ุษท้ังหลายก็ยกตาขา ยขึ้นเหน็ กลอ งเหลา นัน้ จงึ นาํ ไปราชสาํ นัก พระราชาทอดพระ-เนตรเห็นกลองทง้ั หลาย จึงตรัสถามวา อะไรในกลอง พอเขากราบทลู วา

พระสุตตนั ตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 18ยงั ไมทราบพระเจาขา ทาวเธอทรงใหเ ปดกลองเหลา น้ันสาํ รวจดู ทรงใหเปดกลองใสพ ระมหาปทุมกมุ ารเปน กลอ งแรก ในวันนพ้ี ระกุมารเหลาน้ันทั้งหมดบรรทมอยใู นกลอ งทั้งหลาย น้ํานมก็บงั เกิดท่หี วั นิว้ แมมอื ดว ยบุญฤทธิ์ ทาวสกั กเทวราชส่งั ใหจารกึ อักษรไวท ่ขี า งในกลอง เพือ่ พระ-ราชาจะไดไ มท รงสงสัยวา พระกมุ ารเหลา น้ีประสตู ใิ นพระครรภของพระ-นางปทุมวดี เปน โอรสของพระเจากรุงพาราณสี ครงั้ นั้นสตรี ๕๐๐ คนซ่งึ เปนศัตรูของพระนางปทุมวดี ใสพ ระกมุ ารเหลานน้ั ไวใ นกลอ งแลวโยนน้ํา ขอพระราชาโปรดทราบเหตนุ ้ี พอเปด กลองพระราชาทรงอา นอกั ษรทัง้ หลายแลวทอดพระเนตรเห็นทารกท้งั หลาย ทรงยกพระมหาปทุม-กมุ ารขนึ้ ตรสั สั่งวา จงรบี เทียมรถจัดมา ไว วันน้ีเราจกั เขาไปในพระนครทาํ ใหเปน ทีร่ ักสําหรับแมบานบางจําพวก แลว เสด็จขน้ึ ปราสาท ทรงวางถุงทรพั ย ๑,๐๐๐ กหาปณะ ไวบ นคอชา ง โปรดใหตีกลองปาวประกาศวา ผใู ดพบพระนางปทุมวดี ผนู ัน้ จงรับถงุ ทรัพย ๑,๐๐๐ กหาปณะไป. พระนางปทมุ วดี ทรงไดยนิ คําประกาศน้นั แลว ไดใหส ญั ญานดั หมายแกมารดาวา แมจา จงรับถงุ ทรัพย ๑,๐๐๐ กหาปณะ จากคอชา งเถดิ . หญิงชรากลา ววา ขาไมอ าจรบั ทรัพยขนาดนน้ั ไดดอก.พระนาง แมเมื่อมารดาปฏเิ สธ ๒ - ๓ ครง้ั กต็ รสั วา แมพูดอะไร รับไวเถดิ แม. หญงิ ชราคิดวา ลูกของเราคงพบพระนางปทมุ วดี เพราะ-ฉะน้นั จงึ กลา ววา รบั ไวเ ถดิ . หญิงชราน้ัน จึงจาํ ใจเดนิ ไปรบั ถงุทรพั ย ๑,๐๐๐ กหาปณะ. ขณะนน้ั ผูคนท้งั หลายพากันถามหญงิ ชรานนั้ วาคุณแม เหน็ พระนางปทมุ วดีเทวหี รอื . หญิงชราตอบวา ขา ไมเ ห็นดอกแตลกู สาวของขาเห็น. ผคู นเหลา น้นั ถามวา กล็ กู สาวของคณุ แมอ ยูทไี่ หน

พระสตุ ตนั ตปฎ ก เอกนิบาต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 19เลา แลวก็เดนิ ไปกบั หญงิ ชรานั้น จําพระนางปทมุ วดีไดก็พากนั หมอบอยูแทบยุคลบาท. ในเวลานน้ั หญิงชราน้ันกช็ ว้ี า น้พี ระนางปทมุ วดเี ทวีแลวกลาววา ผหู ญงิ ทํากรรมหนกั หนอ เปน ถึงพระมเหสขี องพระราชาอยา งนี้ ยังอยปู ราศจากอารักขา ในสถานทเี่ ห็นปานนี้. ราชบุรุษเหลาน้ันเอามา นขาววงลอ มเปนนิเวศนของพระนางปทมุ วดี ตง้ั กองอารักขาไวใกลประตู แลว กราบทูลแดพระราชา. พระราชาทรงสงสุวรรณสวี ิกา พระ-วอทองไปรับ. พระนางรบั สั่งวา เราจะไมไปอยา งน้ี เมื่อพวกทานลาดเครอ่ื งลาดอนั วจิ ติ รดวยผา เปลอื กไมอ ยางดี ระหวางต้งั แตส ถานทอ่ี ยขู องเราจนถงึ พระราชนิเวศน ใหตดิ เพดานผา อนั วจิ ิตรดว ยดาวทองไวข า งบนแลว สงสรรพอาภรณเพ่อื ประดับไป เราจกั เดนิ ไปดวยเทา ชาวพระนครจกั เหน็ สมบัตขิ องเราอยา งน้ี พระราชาตรัสวา พวกทา นจงทําตามความชอบใจของปทุมวด.ี แตน ั้น พระนางปทมุ วดี ทรงพระดํารวิ า เราจักประดบั เคร่อื งประดับทกุ อยางเดนิ ไปพระราชนเิ วศนแลวเสด็จเดนิ ทาง.ครง้ั นั้น ดอกปทมุ ทั้งหลาย กช็ ําแรกเครอื่ งลาดอันวจิ ติ รดว ยผาเปลอื กไมอยางดี ผดุ ขน้ึ ในทีท่ กุ ยา งกา วพระบาทของพระนาง. พระนางคร้ันแสดงสมบตั ขิ องพระองคแ กม หาชนแลว เสดจ็ ขึน้ พระราชนเิ วศน โปรดประทานเคร่อื งลาดอันวจิ ิตรทง้ั หมด เปน คา เล้ียงดแู กห ญิงชรานั้น. พระราชารับสัง่ ใหเ รียกสตรี ๕๐๐ คนมาแลวตรัสวา ดกู อนเทวีเราใหห ญิงเหลา น้นั เปน ทาสขี องเจา . พระนางทูลวา ดีละเพคะ หมอ มฉนัขอใหทรงประกาศใหชาวเมอื งทวั่ ไปไดท ราบวา หญิงเหลานีพ้ ระราชทานแกหมอมฉันแลว. พระราชาก็โปรดใหต ีกลองบาวประกาศวา หญิง ๕๐๐คน ผปู ระทุษรายพระนางปทมุ วดี เราใหเ ปนทาสีของพระนางพระองค

พระสตุ ตนั ตปฎ ก เอกนบิ าต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 20เดียว. พระนางปทมุ วดนี ้นั ทรงทราบวา ในนครท่วั ไป กําหนดรูว าหญิงเหลาน้นั เปน ทาสีแลว จึงทูลถามพระราชาวา ขา แตเทวะ หมอมฉนัจะทาํ ทาสขี องหมอมฉนั ใหเ ปน ไท ไดไหมเพคะ. พระราชารับสงั่ วาเทวี เจา ตองการก็ไดส .ิ พระนางกราบทลู วา เมอื่ เปน เชน นนั้ ขอไดทรงโปรดใหเ รียกคนตกี ลองปาวประกาศส่งั ใหเ ขาตกี ลองปาวประกาศอีกวา พวกทาสี ท่ีพระองคพระราชทานแกพ ระนางปทุมวดี พระนางทาํ ใหเปน ไทหมดทง้ั ๕๐๐ คนแลว . เมือ่ สตรีเหลานัน้ เปน ไทแลว พระนางก็มอบพระโอรส ๔๙๙ พระองคใหส ตรีเหลานั้นเลยี้ งดู สว นพระองคเ องทรงรับเลี้ยงดเู ฉพาะพระมหาปทุมกมุ ารเทา นัน้ . เมือ่ ถงึ เวลาพระราชกุมารเหลา นน้ั ทรงเลนได พระราชาก็โปรดใหสรางสนามเลนตา ง ๆ ไวในพระ-ราชอุทยาน. พระราชกุมารเหลา นัน้ มพี ระชันษาได ๖ พรรษา ทกุพระองคกพ็ รอ มกันลงเลนในมงคลโบกขรณี ที่ปกคลุมดวยปทมุ ในพระราชอุทยาน ทรงเหน็ ปทุมดอกใหมบาน ดอกเกากาํ ลงั หลนจากข้วัก็พิจารณาเห็นวา ดอกปทมุ นไ้ี มมีใจครอง ยงั ประสบชราเหน็ ปานน้ี ก็จะปวยกลา วไปไยถึงสรรี ะของพวกเราเลา แมสรรี ะนีก้ ็คงจักมคี ติอยางนี้เหมือนกัน แลว ทรงยดึ เปนอารมณ ทกุ พระองคบังเกิดปจ เจกพทุ ธญาณแลวพากนั ลุกขึ้น ประทบั นัง่ ขัดสมาธิ ณ กลีบดอกปทุม ขณะนน้ั พวกราชบรุ ษุ ทไ่ี ปกนั พระราชกุมารเหลานั้นรวู า สายมากแลว จึงทลู วา พระ-ลกู เจา เจา ขา ขอไดโ ปรดทราบเวลาของพระองค. พระราชกุมารทง้ั หมดนนั้ ก็นงิ่ เสยี . ราชบรุ ษุ เหลา นัน้ กพ็ ากนั ไปกราบทลู พระราชาวา ขา แตเทวะ. พระราชกุมารท้งั หลายประทับนัง่ ในกลีบดอกปทมุ เม่ือพวกขา -พระบาทกราบทูล กไ็ มท รงเปลง พระวาจาเลย. พระราชาตรสั วา พวก

พระสตุ ตนั ตปฎก เอกนบิ าต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 21เจาจงใหพ วกเขานง่ั ตามชอบใจเถิด. พระราชกุมารเหลาน้ัน ไดร ับอารักขาตลอดคืนยังรงุ ก็ประทับน่ังในกลีบดอกปทมุ ทํานองน้ันน่นั แหละจนอรณุ จับฟา พวกราชบุรุษก็กลบั ไป รงุ ขน้ึ จงึ พากันเขา ไปเฝา ทลู วาขอเทวะทัง้ หลาย โปรดทราบเวลาเถิด พระเจาขา. ทุกพระองคตรสั วาพวกเราไมใชเทวะ พวกเราชื่อวา พระปจเจกพทุ ธะ. พวกเขากราบทูลวา ขาแตพระลูกเจาทง้ั หลาย พระองคต รสั พระดํารสั หนัก พระเจาขา.ธรรมดาวา พระปจ เจกพุทธะทั้งหลาย ไมเ ปน เชนพระองคด อก ตองมีหนวดเครา ๒ องคลุ ี มบี รขิ าร ๘ สวมพระกายสพิ ระเจา ขา. พระราช-กมุ ารเหลานนั้ เอาพระหตั ถขวาลูบพระเศียร. ทันใดน้นั เอง เพศคฤหัสถกอ็ นั ตรธานหายไป. กลายเปน ผูม บี ริขาร ๘ สวมพระวรกาย แลวก็เสด็จไปเง้อื มเขานันทมูลกะ ทงั้ ท่มี หาชนกาํ ลงั มองดูอยนู ่นั แล. ฝายพระนางปทุมวดี กท็ รงเศราโศกพระหฤทยั วา เรากม็ ีลูกมากแตก็จาํ พลัดพรากกนั ไป. เสดจ็ ทวิ งคตดวยพระโรคน้นั นัน่ แล บังเกิดในสถานของคนทาํ งานดว ยมอื ตนเองเลี้ยงชพี ในหมูบา นใกลประตูกรุงราช-คฤห. ตอ มา นางมีเหยาเรอื นแลว วันหนึ่ง กําลังนําขาวยาคไู ปใหสามีก็แลเห็นพระปจ เจกพทุ ธะ ๘ องค อยใู นจาํ นวนบตุ รเหลาน้นั ของตนซ่งึ กําลังเหาะไปในเวลาแสวงหาอาหาร จึงรีบไปบอกสามีวา เชิญดพู ระผูเปนเจาปจเจกพุทธะ ชวยนิมนตท านมา เราจักถวายอาหาร. สามพี ูดวาขน้ึ ชอื่ วา พวกนก กบ็ นิ เทย่ี วไปอยางนน้ั นน่ั ไมใ ชพ ระปจเจกพุทธะดอก.พระปจเจกพทุ ธะเหลานน้ั กล็ งในทไี่ มไกลคนทง้ั ๒ นนั้ ซง่ึ กําลงั พูดจากนั อยู. หญงิ นน้ั ก็ถวายโภชนะคอื ขาวสวยและกบั แกลมสําหรับตนในวนั นัน้แดพระปจเจกพุทธะเหลา น้นั แลว นิมนตว า พรุงน้ี ทา นท้ัง ๘ ขอโปรด

พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 22รบั อาหารของดิฉนั ดวย. พระปจเจกพุทธะเหลาน้ันกลาววา ดีละทานอบุ าสกิ า ทานมีสกั การะและมอี าสนะ ๘ ทเี่ ทา นนั้ กพ็ อ เหน็ พระปจเจก-พทุ ธะองคอ ่นื ๆ เพ่มิ มากขน้ึ กจ็ งคงจิตใจของทา นไว. วันรุงข้ึน นางก็ปอู าสนะไว ๘ ที่ น่งั จัดสกั การะสําหรับพระปจ เจกพุทธะ ๘ องค.พระปจเจกพทุ ธะทงั้ หลายทร่ี บั นมิ นตจ ึงใหส ญั ญาณนัดหมายแกเหลาพระ-ปจเจกพทุ ธะนอกน้นั วา ทานผนู ิรทกุ ขท้ังหลาย วันนี้อยา ไปที่อื่น ท้ังหมดจงชวยกนั สงเคราะหโ ยมมารดาของพวกทานเถิด. ฟง คาํ ของพระปจ เจก-พุทธะ ๘ องคน้นั แลว ทุกองคก็เหาะไปพรอมกนั ปรากฏอยทู ่ปี ระตูเรือนของมารดา. แมน างเห็นพระปจ เจกพุทธะจาํ นวนมากกวาสัญญาที่ไดรบั คราวแรก กม็ ิไดห วัน่ ไหว. นมิ นตทุกองคเขาไปเรอื นใหนัง่ เหนืออาสนะ. เม่ือพระปจ เจกพทุ ธะกาํ ลังนัง่ ตามลําดบั องคที่ ๙ ก็เนรมติอาสนะเพ่ิมขึน้ อีก ๘ ที่ ตนเองนง่ั เหนอื อาสนะทไ่ี กล. เรือนกข็ ยายตามเทา ทอ่ี าสนะเพม่ิ ขน้ึ . เมือ่ พระปจ เจกพทุ ธะทกุ องคนั่งอยางนน้ั แลว หญงินัน้ กถ็ วายสกั การะทจี่ ดั ไวสําหรับพระปจ เจกพุทธะ ๘ องค จนเพยี งพอเทา พระปจเจกพทุ ธะ ๕๐๐ องค แลว จงึ นาํ เอาดอกอุบลขาบท้งั ๘ ดอกทีอ่ ยใู นมอื วางไวแทบเทา ของพระปจเจกพุทธะทนี่ ิมนตม าเทา น้ัน กลาวอธฐิ านวา ทา นเจา ขา ขอผวิ กายของดฉิ นั จงเปนประดุจผวิ ภายในหอ งดอกอบุ ลขาบเหลา น้ี ในสถานที่ทด่ี ิฉนั เกิดแลวเกิดอกี นะเจา ขา . พระ-ปจ เจกพุทธะทั้งหลาย ทา นอนโุ มทนาแกม ารดาแลวก็ไปสูเ ขาคันธมาทน. แมห ญงิ นั้น ทาํ กศุ ลจนตลอดชีวติ จตุ จิ ากภพน้ันแลว บังเกิดในเทวโลก ในพุทธปุ บาทกาลน้ี ก็ถอื ปฏสิ นธิในครอบครวั เศรษฐ.ี ก็เพราะนางมผี วิ พรรณเสมอดวยดอกอบุ ลขาบ. บดิ ามารดาจึงขนานนาม

พระสุตตนั ตปฎ ก เอกนิบาต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 23ของนางวา อบุ ลวรรณา. เมอื่ เวลานางเจริญวัย พระราชาทวั่ ชมพทู วีปกส็ ง คนไปสาํ นักเศรษฐขี อนาง ไมมรี าชาพระองคใดท่ไี มสง คนไปขอ.แตน ้ัน เศรษฐีคิดวา เราไมอาจยดึ เหนยี่ วจิตใจของคนทกุ คนได แตจาํ เราจะทาํ อุบายสกั อยา งหนึง่ จึงเรียกธดิ ามาถามวา เจา บวชไดไหมลกู .เพราะเหตทุ นี่ างเกิดในภพสุดทาย คาํ ของบิดานน้ั จึงเปน เหมือนนํ้ามันเค่ยี ว ๑๐๐ ครัง้ ราดลงบนศรี ษะ. เพราะเหตุนนั้ นางจงึ กลาวกะบดิ าวาบวชไดจะ พอ . เศรษฐนี ั้น จึงทาํ สกั การะแกน างแลว นาํ ไปสํานกั ภกิ ษณุ ีใหบ วช เมือ่ นางบวชใหม ๆ ถึงเวร [วาระ] ในโรงอุโบสถ. นางตามประทีปกวาดโรงอโุ บสถ ถอื เอานิมติ ทเ่ี ปลวประทปี ตรวจดูบอ ย ๆก็ทาํ ฌานมเี ตโชกสณิ เปนอารมณใ หฌ านบงั เกดิ แลวทาํ ฌานนัน้ ใหเ ปนบาท กบ็ รรลพุ ระอรหัต. พรอมดวยพระอรหัตผลน่นั แล ก็เปนผูชํ่าชองชาํ นาญในการแสดงฤทธิ์ตาง ๆ ตอมา ในวันทพี่ ระศาสดาทรงทํายมกปาฏิหาริย ทานกบ็ ันลือสหี นาทวา ขาแตพ ระองคผ เู จรญิขาพระองคจ กั ทาํ ปาฏิหารยิ ถวาย. พระศาสดาทรงทําเหตุอนั นใ้ี หเปนอัตถุปปตติ เหตเุ กิดเร่ือง ประทับนั่ง ณ พระเชตวันมหาวหิ าร เมือ่ทรงสถาปนาภกิ ษุณที งั้ หลายในตําแหนงตาง ๆ ตามลาํ ดับ จึงทรงสถาปนาพระเถรีนไ้ี วใ นตาํ แหนง เอตทัคคะเปนเลศิ กวา พวกภิกษุณสี าวิกา ผูม ฤี ทธิ์แล. จบอรรถกถาสูตรที่ ๓

พระสตุ ตันตปฎก เอกนบิ าต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 24 อรรถกถาสตู รท่ี ๔ ๔. ประวตั ิพระปฏาจาราเถรี ในสตู รท่ี ๔ พึงทราบวินิจฉยั ดังตอไปนี้. ดวยบทวา วินยธราน ยททิ  ปฏาจารา ทา นแสดงวา พระ-ปฏาจาราเถรเี ปน เลศิ กวา พวกภกิ ษุณสี าวิกาผทู รงวนิ ัย. ดงั ไดสดบั มา พระเถรีนน้ั ครั้งพระพทุ ธเจา พระนามวา ปทมุ ตุ ตระถอื ปฏิสนธิในครอบครวั กรุงหงั สวดี ตอ มา กาลังฟง พระธรรมเทศนาของพระศาสดา เหน็ พระศาสดาทรงสถาปนาภกิ ษุณีรปู หน่งึ ไวใ นตาํ แหนงเอตทคั คะเปน เลิศกวา พวกภกิ ษณุ สี าวิกาผทู รงวนิ ัย ทาํ กุศลใหย่งิ ยวดข้ึนไป ปรารถนาตาํ แหนง น้นั . ทานทาํ กุศลจนตลอดชวี ติ เวยี นวายอยใู นเทวดาและมนุษย ครั้งพระพทุ ธเจา พระนามวา กสั สปะ. ถือปฏิสนธิในพระราชนเิ วศนของพระเจากงิ กิ เปน พระธดิ าพระองคหนงึ่ ระหวา งพระพน่ี อ งนาง ๗ พระองค ประพฤติพรหมจรรยอยูถ ึง ๒๐,๐๐๐ ปสรางบรเิ วณถวายภกิ ษุสงฆ บงั เกิดในเทวโลกอีก เสวยสมบัติอยูพทุ ธนั ดรหนง่ึ ในพทุ ธุปบาทกาลน้ี ถอื ปฏิสนธใิ นครอบครวั เศรษฐี กรงุ สาวตั ถ.ี ตอ มา นางเจริญวยั ไดท ําการลักลอบกับลูกจา งคนหน่งึ ในบานภายหลังกาํ ลังจะมีสามีทมี่ ีชาตเิ สมอกัน จงึ ไดท ําการนดั หมายกับบรุ ุษท่ีลักลอบกันน้นั วา ตั้งแตวันพรุงนไ้ี ป เจาจักไมไ ดเ ห็นเรา แมจ ะประหารสกั ๑๐๐ คร้ัง ถา เจา ยังรักเรา ก็จงพาเราไปเสียเดี๋ยวน.้ี บรุ ุษผูน นั้รับคาํ วา ตกลง แลวกถ็ ือเอาสิง่ ของมคี าตดิ มอื ไปพอสมควร พานางออกไป ๓-๔ โยชนจ ากพระนคร อาศัยอยูในหมบู า นแหงหน่งึ ตอ มา

พระสุตตนั ตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 25ภายหลังนางตัง้ ครรภ เม่อื ครรภแ ก จงึ กลา ววา ทนี่ ้ไี มส มควรแกเราฉันจะไปเรือนสกลุ นะนาย. เขากผ็ ัดวา วันนีจ้ ะไป พรงุ นค้ี อ ยไป แตก ็ไมไดไ ปจนลวงเวลาไป. นางรูเหตุของสามีนั้น คดิ วา สามีนีเ้ ขลาจึงไมพาเราไป เมอื่ สามนี นั้ ออกไปนอกบาน จงึ เดินไปลําพงั คนเดียว ดวยหมายใจจะกลับไปยงั ครอบครัว. สามกี ลับมาไมเห็นนางในเรือน จึงถามคนทค่ี นุ เคยกนั รูว า นางกลบั ไปยงั ครอบครวั ก็คิดวา นางเปนธิดาของสกุล อาศยั แตเราไมมที พ่ี งึ่ เลย จงึ เดนิ ตามรอยเทา จนทนั กัน นางก็ตลอดบุตรเสียในระหวา งทางนนั้ เอง. สองสามภี ริยาปรึกษากนั วา ประ-โยชนท่เี ราจะพงึ เดนิ ทางไป ก็สาํ เรจ็ แลวในระหวางทาง เดี๋ยวน้ีเราจักไปทําไมเลา จงึ พากันกลับ . นางกต็ งั้ ครรภอ ีก. พึงทาํ เรอ่ื งใหพ สิ ดารตามนัยกอ นนั้นแล. แตในระหวา งทาง พอนางคลอดบุตร เมฆฝนก็ตง้ั เคา มาทัง้ ๔ ทศิ . นางจงึ กลา วกะสามวี า นาย ไมใ ชเ วลาแลว เมฆฝนตั้งเคานาท้ัง ๔ ทิศ จงพายามทาํ ทอ่ี ยูสาํ หรับตัวเราเถดิ . สามรี บั คําวา จักทําเดี๋ยวน้ี เอาทอนไมมาทาํ กระทอ ม คิดวา จะหาหญา มามงุ บัง จงึ ตดั หญาท่เี ชงิ จอมปลวกใหญแหงหน่ึง. ทีนั้น งูเหา ทน่ี อนในจอมปลวกกก็ ดั เทาเขา.บุรษุ ผูน้ัน กล็ ม ลงที่น้ันนน่ั เอง. แมนางคิดวาเดย๋ี วเขาคงมา. รอจนตลอดทง้ั คืน กค็ ดิ อีกวา เขาคงจกั คิดวา เรานี้ เปน หญงิ อนาถา พงึ่ ไมไ ดแลวทอดทงิ้ ไวในทางหนีไปแลว ครนั้ เกิดแสงสวา งแวบขึ้น จงมองดตู ามรอยเทา เห็นสามีลมลงทเ่ี ชงิ จอมปลวก ก็ครํ่าครวญวา เพราะเรา เขาจึงเสีย แลว เอาลกู คนเลก็ แนบขา ง เอาน้วิ มอื จูงลกู คนโต เดินไปตานทางระหวางทางพบแมน ํา้ ตื้น ๆ สายหน่ึง คิดวา เราไมอ าจพาลูกไปคราวเดยี วกันไดทงั้ ๒ คน จึงวางลกู คนโตไวฝ งนี้ นาํ ลกู คนเลก็ ไปฝง โนน ให

พระสุตตนั ตปฎก เอกนิบาต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 26นอนบนเบาะเกา ๆ ลงขา มแมน้ํา ดวยหมายจะพาลกู คนนไ้ี ป. เวลาที่นางถึงกลางแมน ํา้ เหย่ยี วตวั หนึง่ ก็มาโฉบเด็กไปดว ยสําคัญวา เปน กอ นเนอ้ื . นางก็ยกมอื ไลเหย่ียว. ลกู คนโตเหน็ นางทํามืออยางนน้ั สําคัญวาแมเรียก ก็ลงขา มแมนํ้า ตกไปในกระแสน้าํ ก็ลอยไปตามกระแสน้าํเม่อื นางยงั ขามไมถ ึงน่ันเอง เหยยี่ วก็โฉบเอาลูกคนเลก็ นัน้ ไป. นางเศรา -โศกเปน กาํ ลัง ในระหวางทาง กเ็ ดนิ ขับเพลงราํ พัน ดงั น้วี า อุโภ ปุตฺตา กาลกตา ปนฺเถ มยหฺ  ปตี มโต. บตุ รสองคนกต็ าย สามเี ราก็ตายเสียทห่ี นทาง. นางรําพันอยางน้ี จนถงึ กรงุ สาวัตถี ไปหาคนที่ชอบพอกันของสกลุก็กําหนดจาํ เรือนของตนไมได ดวยอาํ นาจความเศราโศก สอบถามวาท่ีตรงน้ี มีสกุล ชื่ออยางน้ี เรอื นอยไู หนเลา. ผคู นทงั้ หลายกลาววาเจาสอบถามถึงสกุลนั้นจกั ทําอะไร เรือนท่อี ยขู องคนเหลา น้นั ลมแลวเพราะลมกระหนา่ํ คนเหลานัน้ ในเรือนหลงั นัน้ เสยี ชีวติ หมด เขาเผาคนเหลานั้นบนเชงิ ตะกอนอันเดียวกนั ทัง้ เด็กทั้งผูใหญ ดูเสียสิ กลุมควันไฟยังปรากฏอยูนน่ั . นางฟงคาํ บอกเลาแลว กพ็ ดู วา พวกทา นพูดอะไร ก็ทรงผานงุ ของตนไวไ มไ ด ทาํ นองวนั เกิดนัน่ แหละ ประคองสองแขนรํ่าไห เดินไปสถานท่เี ชงิ ตะกอนเผาเหลา ญาติ คร่ําครวญเพลงรําพนั พิลาปจนครบคาถาวา อุโภ ปตุ ตฺ า กาลกตา ปนเฺ ถ มยหฺ  ปตี มโต มาตา ปตา จ ภาตา จ เอกจิตตฺ กสมฺ ึ ฑยหฺ เร. บตุ รสองคนก็ตาย สามีเราก็ตายเสยี ทหี่ นทาง มารดาบิดาและพชี่ าย เขาก็เผาท่เี ชงิ ตะกอนเดียวกนั .

พระสตุ ตันตปฎก เอกนิบาต-ทกุ นบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 27ท้ังยงั ฉกี ผา ท่ีคนอนื่ ใหเ สียอีก. ครงั้ นั้น มหาชนก็เท่ียวหอมลอ มนางในท่ีพบเห็นแลว. คนทงั้ หลายจงึ ขนานช่อื นี้นางวา ปฏาจารา เพราะนางปฏาจารานี้ เวนการนงุ ผาเท่ียวไป. อนึ่ง เพราะเหตุทีป่ รากฏวา นางมอี าจาระท่ีไมมีความละอาย เพราะเปนผเู ปลือยกาย ฉะนน้ั คนท้ังหลายจึงขนานชอ่ื นางวา ปฏาจารา. เพราะมอี าจาระอนั ตกไปแลว . วันหนง่ึเพราะศาสดากําลังทรงแสดงธรรมแกมหาชน นางก็เขาไปในพระวหิ ารยนื อยูทา ยบรษิ ทั พระศาสดาทรงแผพระเมตตาตรัสวา นอ งหญิง จงกลบัไดส ติ นองหญิง จงกลับไดสตเิ ถดิ . เพราะสดบั พระพทุ ธดํารสัหริ โิ อตตัปปะมกี าํ ลังก็กลับคืนมา. นางกน็ ั่งลงทพี่ ้นื ตรงน้นั นัน่ เอง. ชายคนที่ยนื อยไู มไ กล กโ็ ยนผานุงไปให. นางนุงผา นน้ั แลว ก็ฟง ธรรม.เพราะจริยาของนาง พระศาสดาจึงตรัสพระคาถาในพระธรรมบท ดงั นี้วา น สนตฺ ิ ปตุ ฺตา ตาณาย น ปต า นป พนธฺ วา อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส นตฺถิ ญาตีสุ ตาณตา. ไมม ีบตุ รจะชวยได บดิ าก็ไมไ ด พวกพอ งก็ไมไ ด เม่อื บุคคลถกู ความตายครอบงาํ แลว หมูญาตกิ ็ชวย ไมไ ดเลย. เอตมตฺถวส ตวฺ า ปณฺฑิโต สลี ส วุโต นิพพฺ านคมน มคฺค ขิปฺปเมว วิโสธเย. บณั ฑติ รูความจรงิ ขอนี้แลว สํารวมในศีล พงึ รบี เรงชําระทางไปพระนิพพานทเี ดียว.

พระสุตตันตปฎ ก เอกนบิ าต-ทุกนบิ าต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 28 จบพระคาถา นางกด็ าํ รงอยใู นโสดาปตตผิ ล ทั้งทีย่ ืนอยู จึงเขาไปเฝา พระศาสดา ถวายบังคมแลวทลู ขอบวช. พระศาสดาทรงรบั การบวชของนางวา ไปสํานกั ภกิ ษณุ ีบวชเสยี . นางคร้นั บวชแลว ไมนานนกัก็บรรลพุ ระอรหัต เรยี นพุทธวจนะ. ทานเปน ผูช่ําชองชาํ นาญในวินัยปฎ กภายหลงั พระศาสดาประทับน่งั ณ พระเชตวันวหิ าร เมอ่ื ทรงสถาปนาเหลา ภิกษุณไี วในตําแหนงตา งๆ ตามลาํ ดับ จงึ ทรงสถาปนาพระปฏาจารา-เถรไี วใ นตําแหนง เอตทัคคะเปน เลศิ กวา พวกภกิ ษุณีสาวกิ า ผทู รงวินยัแล. จบอรรถกถาสูตรที่ ๔ อรรถกถาสตู รท่ี ๕ ๕. ประวตั ิพระธรรมทนิ นาเถรี ในสตู รที่ ๕ พงึ ทราบวินจิ ฉยั ดังตอไปน.้ี ดว ยบทวา ธมฺมกถกิ าน ทานแสดงวา พระธรรมทนิ นาเถรีเปนเลศิ กวาพวกภกิ ษุณสี าวิกา ผูเ ปนธรรมกถึก. ไดยนิ วา ครัง้ พระพุทธเจาพระนามวา ปทุมุตตระ ทา นบังเกดิในสถานของตนท่ีตองอาศยั เขา กรุงหังสวดี ทํากุศลใหย งิ่ ยวดขึน้ ไปแกทา นพระสชุ าตเถระ อัครสาวกของพระผูมีพระภาคเจา พระนามวาปทุมุตตระแลว ปรารถนาตาํ แหนงนน้ั ทานทํากุศลจนตลอดชีวิตบงั เกิดในสวรรค. ทุกอยา งพงึ ทราบ โดยอาํ นาจอภนิ ิหารของพระเขมา-เถรี ในหนหลัง. ครงั้ พระพุทธเจาพระนามวา ปุสสะ นางกอ็ ยูในเรอื นของคนทาํ งาน ท่ถี กู แตง ต้งั ไวใ นตาํ แหนงเปนใหญในเรือ่ งทาน ของ

พระสุตตนั ตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 29สามพีน่ องตา งมารดากัน ถกู สง่ั วา จงใหหนง่ึ แตก็ใหเ สยี สอง. นางถวายทานทกุ อยา งไมล ดลงเลยอยางน้ี ลว งกปั ท่ี ๙๒ ครั้งพระพทุ ธเจาพระนามวา กัสสปะ ถือปฏิสนธใิ นพระราชนเิ วศนข องพระเจา กิงกิ เปนราชธิดาพระองคหนง่ึ ระหวางพระพนี่ อ งนาง ๗ พระองค ประพฤติพรหมจรรยถงึ ๒๐,๐๐๐ ป สรางบรเิ วณที่อยูถวายพระภิกษุสงฆ เวยี นวายอยูในเทวดาและมนษุ ยพ ทุ ธันดรหน่ึง ในพุทธุปบาทกาลน้ี ถือปฏิสนธิในครอบครวั หนง่ึ . ภายหลงั นางมเี รอื น เปนภรยิ าของวสิ าขเศรษฐี. ธรรมดาวาวิสาขเศรษฐี เปน พระสหายของพระเจาพมิ พิสาร ไปเฝา พระทศพลครง้ั แรกกับพระเจาพมิ พสิ าร ฟงธรรมแลว ดํารงอยใู นโสดาปต ติผล ตอ มากก็ ระทาํ ใหแ จงพระอนาคามผิ ล. วันน้นั วิสาขเศรษฐีน้ันกลับบา นแลวเมอ่ื นางธรรมทินนา ผูซ ่ึงยนื ทห่ี วั บนั ไดย่ืนมือมา กไ็ มเกาะมือไว ข้นึปราสาทเลย แมก ําลงั บรโิ ภคกไ็ มส่ังวา จงใหส่ิงนี้ จงนําส่ิงน้มี า นาง-ธรรมทินนาถอื ทพั พเี ล้ยี งดูอยคู ิดวา เศรษฐีนเ้ี มื่อเรายน่ื มือใหเ กาะ กไ็ มเกาะ. เมอ่ื บริโภคกไ็ มพ ูดจาอะไร เรามโี ทษผดิ อะไรหรอื หนอ ครนั้เศรษฐบี รโิ ภคแลว นางจึงถามวา พอลกู เจา ฉันมโี ทษผิดอะไรหรือ.เศรษฐกี ลา ววา ธรรมทินนา เจา ไมม ีโทษผดิ ดอก แตนับแตว ันนไี้ ปฉันไมค วรนั่ง ไมควรยนื ไมค วรใหนาํ อาหารมาเคีย้ ว มากนิ ใกล ๆ เจาดวยความชื่นชมไดด อก ถาเจาประสงคท รพั ยเทา ใด จงเอาไปเทาน้นักลับไปครอบครัวเดิมเสยี เถิด. นางกลา ววา พอ ลูกเจา เม่ือเปน เชนน้ีดิฉันกจ็ กั ไมเอาศรี ษะเทินหยากเยือ่ ซงึ่ เปรยี บเหมอื นน้าํ ลายทที่ า นทง้ิ แลวเทย่ี วไปได. ขอไดโปรดอนุญาตใหด ฉิ นั บวชเถดิ . วิสาขเศรษฐกี ลาววา

พระสุตตนั ตปฎ ก เอกนิบาต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 30ดีละ ธรรมทนิ นา แลว กราบทูลพระราชา เอาวอทองสง นางธรรมทินนาไปสํานกั ภิกษุณี เพ่ือบวช. นางบวชแลวคดิ วา แตกอ น เศรษฐนี ้กี อ็ ยูกลางเรอื น ยังทาํ ที่สุดทกุ ขได นับแตไดบ วชแลว แมเราก็ควรจะทาํท่ีสุดทุกขได จงึ เขาไปหาอุปชฌายอ าจารยกลาววา พระแมเ จา จิตของดิฉันนอ มไปในสถานท่ีเคยไปบอย ๆ ดฉิ ันจะไปยงั อาวาสใกลบา น. พระเถรีทงั้ หลายไมอาจหามจติ ของนางได ดว ยความทนี่ างออกจากสกุลใหญจึงพานางไปยงั หมูบาน. เพราะเหตทุ นี่ างยํ่ายสี งั ขารไดในอดีตกาล ไมนานนกั นางกบ็ รรลุพระอรหตั พรอ มดวยปฏิสมั ภทิ า ครง้ั นนั้ พระธรรมทนิ นาเถรดี าํ ริวา กิจของเราถึงทีส่ ุดแลว อยใู นท่ีนี้จกั ทาํ อะไร จาํ เราจะไปกรงุ ราชคฤห หมูญ าตเิ ปนอันมากอาศัยเราในที่นัน้ จกั ทาํ บุญทั้งหลายกนั . แลวก็พาพระเถรที ั้งหลายกลบั สพู ระนคร.วิสาขอุบาสกรวู า นางกลับมา ก็รีบไป สงสยั วา นางคงจักกระสนั กระมงัเวลาเย็นก็เขาไปสํานกั นาง ไหวแลว น่งั ณ ทคี่ วรสวนหนง่ึ คดิ วา จะถามถงึ ภาวะทีน่ างกระสันไมสมควร จึงถามปญหาดว ยอาํ นาจปญ จขนั ธเปน ตน . พระธรรมทินนาเถรกี ็วิสชั นาปญ หา ท่วี ิสาขอุบาสกถามแลวเหมือนเอาพระขรรคตัดกา นบัวฉะน้ัน. อุบาสกรูวา พระธรรนทินนาเถรีมญี าณกลา จึงถามปญ หา โดยอาการทุกอยางในมรรค ๓ ตามลําดบัในฐานะที่ตนบรรลุแลว ทงั้ ยงั ถามปญหาในอรหัตมรรค โดยอาํ นาจการเลา เรยี น พระธรรมทนิ หาเถรกี ร็ วู า อบุ าสกมวี นิ ยั เพยี งอนาคามผิ ลเทา น้นั คิดวา บดั น้ี อบุ าสกจกั แลนเกนิ . วสิ ัยของตนไป จงึ ทําใหอบุ าสกนัน้ กลบั กลา ววา ทานวิสาขะ ทา นยงั ไมอาจกาํ หนดท่สี ุดแหง ปญ หาท้ังหลายได ทา นวสิ าขะ ก็ทา นยังจํานงหวงั พรหมจรรยทหี่ ยัง่ ลงสพู ระ-

พระสุตตันตปฎก เอกนบิ าต-ทกุ นิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 31นพิ พาน มพี ระนิพพานเปนเบือ้ งหนา มพี ระนพิ พานเปน ท่สี ุด ทานวิสาขะ ทา นจงไปเฝาพระผมู พี ระภาคเจาทูลถามความขอ นัน้ พระผูม -ีพระภาคเจา ทรงพยากรณอยา งไร กพ็ ึงทรงจาํ ไวอ ยา งน้นั . วิสาขอบุ าสกเขาไปเฝาพระศาสดา กก็ ราบทูลนัยแหงปุจฉาและวสิ ชั นาถวายทุกประ-การ. พระศาสดาทรงสดับคําของวสิ าขอบุ าสกน้นั แลว ตรัสวา ธิดาของเราไมมตี ณั หาในขันธท ง้ั หลาย ทงั้ อดีตปจ จบุ นั และอนาคต แลว ตรัสพระคาถาในพระธรรมบท ดงั นวี้ า ยสฺส ปเุ ร จ ปจฉฺ า จ มชเฺ ฌ จ นตถฺ ิ กิจฺ น อกิ จฺ น อนาทาน ตมห พรฺ มู ิ พรฺ าหมฺ ณ . ผูใ ดไมม กี ิเลสเคร่ืองกงั วล ท้งั กอ น ทงั้ หลัง ท้ังกลาง เราเรยี กผูนนั้ ซงึ่ ไมม กี เิ ลสเคร่อื งกงั วล ไม ยดึ ม่นั วาเปน พราหมณ ดงั น้ี. แตน ั้น ก็ประทานสาธุการแกพ ระธรรมทินนาเถรีแลว ตรัสกะวสิ าข-อบุ าสกวา ดูกอนวสิ าขะ ธรรมทินนาภกิ ษณุ เี ปน บณั ฑติ ธรรมทินนา-ภิกษุณมี ีปญ ญามาก ดูกอ นวิสาขะ ถา แมทานพึงถามความขอน้ัน ถึงเราก็พึงพยากรณค วามอยางนัน้ เหมือนอยางทธี่ รรมทนิ นาภิกษณุ พี ยากรณไวแ ลว ความของขอนน้ั กเ็ ปนอยา งน้นั ทา นจงทรงจาํ ความขอ นนั้ ไวอยา งนัน้ เถิด. เรอ่ื งน้ีต้ังขึน้ ดวยประการฉะน.ี้ ตอ มา พระศาสดาประทับอยู ณ พระเชตวันวหิ าร เม่ือทรงสถาปนาเหลาภกิ ษุณไี วในตําแหนง ตา ง ๆตามลําดบั ทรงนาํ จฬู เวทัลลสูตรน้นี ่แี ล ใหเ ปนอัตถปุ ปต ตเิ หตุเกิดเร่อื งจึงทรงสถาปนาพระเถรไี วใ นตําแหนงเอตทคั คะเปนเลศิ กวา พวกภกิ ษณุ ี

พระสุตตนั ตปฎ ก เอกนบิ าต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 32สาวกิ า ผเู ปนธรรมกถกึ ในพระศาสนานี้ แล. จบอรรถกถาสตู รท่ี ๕ อรรถกถาสูตรท่ี ๖ ๖. ประวัติพระนันทาเถรี ในสตู รที่ ๖ พงึ ทราบวินจิ ฉยั ดงั ตอ ไปน.ี้ ดว ยบทวา ฌายีน ยททิ  นนฺทา ทานแสดงวา พระนนั ทาเถรีเปน เลศิ กวา พวกภิกษณุ ีสาวิกา ผูยนิ ดีในฌาน. ดงั ไดส ดับมา พระนนั ทาเถรีนน้ั คร้ังพระพุทธเจา พระนามวาปทุมตุ ตระ ถอื ปฏสิ นธใิ นครอบครวั กรุงหังสวดี ตอ มา กาํ ลังฟงธรรมกถาเห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูปหนึ่งไวในตําแหนงเอตทคั คะ เปนเลิศกวา พวกภกิ ษณุ สี าวกิ า ผยู นิ ดียง่ิ ในฌาน จึงทาํ กศุ ลใหย่ิงยวดขนึ้ ไปปรารถนาตําแหนงนน้ั . จากนั้น นางก็เวียนวายอยใู นเทวดาและมนุษยตลอดแสนกัป ถือปฏิสนธิในพระครรภข องพระมหาปชาบดโี คตมี กอ นพระศาสดาของเราอุบตั .ิ พระประยรู ญาตไิ ดเฉลิมพระนามพระนางวานนั ทา เรียกกนั วา รูปนนั ทา. ตอมา พระนางไดช ือ่ วา ชนบทกลยั าณีเพราะทรงมีพระสิริโฉมงามเย่ียม. เมอ่ื พระทศพลของเรา ทรงบรรลุพระสพั พัญุตญาณแลว เสดจ็ มากรุงกบิลพัสดุ ตามลาํ ดบั ทรงใหพระ-นนั ทะและพระราหุลผนวชแลว เสด็จหลกี ไปแลว. เวลาพระเจา สุทโธทน-มหาราชปรนิ ิพพานแลว พระนางทรงทราบวา พระนางมหาปชาบด-ีโคตมแี ละพระมารดาของพระราหุลเสดจ็ ออกทรงผนวชในสํานักพระ-ศาสดาแลว ทรงดํารวิ า ตั้งแตพระมารดามหาปชาบดีโคตมแี ละพระมารดา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 33พระราหลุ ทรงผนวชแลว เรากม็ งี านอยูในที่นี้ จงึ ไปสํานกั พระมหาปชาบดี-โคตมีทรงผนวชแลว. นบั ตง้ั แตวันที่ทรงผนวช ทรงทราบวาพระศาสดาทรงตําหนิรปู จงึ ไมไ ปเฝา พระศาสดา ถึงวาระรบั พระโอวาท ก็สั่งภกิ ษุณีรปู อ่นื ไปแลว ใหนาํ พระโอวาทมา. พระศาสดาทรงทราบวา พระนางหลงมัวเมาพระสริ โิ ฉม จึงตรัสวาภิกษณุ ีท้ังหลายตองมารับโอวาทของตนดว ยตนเอง สง ภิกษณุ รี ูปอ่ืนไปแทนไมได. แตน น้ั พระนางรปู นนั ทา เมอ่ื ไมเ หน็ ทางอน่ื กไ็ ปรับพระโอวาท ทั้งท่ไี มป รารถนา. พระศาสดาทรงเนรมิตรูปหญงิ ผูหนงึ่ ดวยพุทธฤทธ์ิ โดยอาํ นาจจริตของพระนาง ทรงทาํ ใหเ ปน เหมอื นหญงิ นนั้จับใบตาลถวายงานพดั อยู. พระนางรปู นันทาเหน็ รูปหญงิ น้ันแลวคิดวาเรามัวเมาโดยมิใชเหตุ จึงไมมา. หญงิ แมเหลานี้ เทย่ี วไปสนิทสนมในสํานักพระศาสดา รูปของเราไมถ งึ เสย้ี วที่ ๑๖ แหง รูปของหญงิ เหลา นี้เราไมรเู ลย จึงไมม าเสียตัง้ นาน ถอื เอาอิตถนี ิมติ นน้ั น่นั แหละ ยนื สํารวจดอู ยู. เพราะพระนางสมบูรณดวยบุพเหตุอยางน้ัน พระศาสดาจงึ ตรัสพระคาถาในพระธรรมบทวา อฏนี  นคร กต ทาํ ใหเปน บุตรแหง กระดกูทัง้ หลาย เปน ตน แลวตรสั พระสตู รวา จร วา ยทวิ า ติฏ นสิ นิ โฺ น อทุ วา สย เดินก็ดี ยืนกด็ ี นง่ั กด็ ี นอนกด็ ี เปน ตน . พระนางตัง้ ความส้ินความเส่ือมลงในรปู นั้นนัน่ แหละ. บรรลุพระ-อรหตั . เร่ืองน้ใี นทน่ี ี้ ทานมิไดทําใหพ ิสดาร เพราะเหมอื นกบั เรอื่ งของพระเขมาเถร.ี ตัง้ แตน ั้นมา พระรปู นนั ทาเถรกี ็ไดบรรลธุ รุ ะระหวางภกิ ษุณี ผยู นิ ดยี ่งิ ในฌาน. ภายหลัง พระศาสดาประทบั นั่ง ณ พระ-


































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook