พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 1 พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปณณาสก เลมที่ ๓ ภาคท่ี ๒ ขอนอบนอมแดพ ระผูมีพระภาคอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา พระองคน ั้น สญุ ญตวรรค ๑. จฬู สญุ ญตสตู ร [๓๓๓] ขาพเจา ไดส ดบั มาอยา งน้:ี - สมยั หนง่ึ พระผมู ีพระภาคเจา ประทบั อยูท ป่ี ราสาทของอบุ าสกิ าวิสาขามิคารมารดา ในวหิ ารบุพพาราม กรุงสาวตั ถี ครัง้ นั้นแล ทานพระอานนทออกจากสถานทีหลีกเรน อยูในเวลาเย็น แลว เขา ไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจาครั้นแลว ถวายอภิวาทพระผูม ีพระภาคเจา นั่ง ณ ที่ควรสว นขา งหนงึ่ พอน่ังเรยี บรอยแลว ไดก ราบทูลพระผูมีพระภาคเจา ดังนีว้ า ขา แดพ ระองคผเู จริญสมัยหนึง่ พระผูม พี ระภาคเจาประทบั อยูสกั ยนคิ มชือ่ นครกะ ในสกั กชนบทณ ท่นี ้ัน ขาพระองคไดส ดับ ไครับพระดํารสั นี้เฉพาะพระพกั ตรพ ระผูม -ีพระภาคเจา วา ดกู อนอานนท บัดนี้ เราอยูมากดว ยสุญญตวหิ ารธรรม ขา แตพระองคผ ูเจริญ อนั ขาพระองคไ ดสดับดีแลว รับมาดแี ลว ใสใ จดีแลวทรงจาํ ไวด แี ลว หรือ.
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 2 [๓๓๔] พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสส่งั วา ดูกอนอานนท แนนอน นัน่ เธอสดับดแี ลว รับมาดแี ลว ใสใจดีแลว ทรงจาํ ไวดแี ลว ดกู อ นอานนททง่ั เมือ่ กอนและบัดน้ี เราอยูมากดวยสญุ ญตวหิ ารธรรม เปรยี บเหมือนปราสาทของมคิ ารมารดาหลังนี้ วา งเปลา จากชาง โค มา และลา วางเปลาจากทองและเงิน วางจากการชมุ นมุ ของสตรแี ละบรุ ุษ มไี มว า งอยกู ็คือสิ่งเดียวเฉพาะภิกษสุ งฆเ ทา น้นั ฉันใด ดูกอนอานนท ภกิ ษกุ ็ฉนั นน้ั เหมอื นกนั แล ไมใ สใ จสญั ญาวาบา น ไมใสใ จสญั ญาวามนุษย ใสใจแตส ิ่งเดยี ว เฉพาะสัญญาวา ปาจติ ของเธอยอู มแลน ไป เลอ่ื มใส ตัง้ มั่น และนกึ นอมอยใู นสัญญาวา ปา เธอจงึรชู ดั อยางนีว้ า ในสญั ญาวาบา น ไมมคี วามกระวนกระวายชนิดทอี่ าศัยสัญญาวา บาน และชนิดท่อี าศัยสัญญาวา มนุษยเ ลย มีอยกู ็แตเพยี งความกระวนกระวายคือภาวะเดยี วเฉพาะสญั ญาวาปา เทาน้ัน เธอรชู ดั วา สัญญาน้วี า งจากสญั ญาวา บาน สัญญาน้ีวา งจากสัญญาวา มนุษย และรูชัดวามใี นวา งอยูก็คอื สิ่งเดยี วเฉพาะสัญญาวาบานเทา นน้ั ดว ยอาการน้ีแหละ เธอจึงพิจารณาเห็นความวางนนั้ดว ยสงิ่ ทไ่ี มม ีอยูในสญั ญานั้นเลย และรูชดั ส่งิ ทเ่ี หลอื อออยูในสญั ญานัน้ อนั ยังมอี ยูวามี ดกู อ นอานนท แมอ ยา งนี้ กเ็ ปน การกาวลงสคู วามวา งตามความเปนจรงิไมเคล่ือนคลาด บริสุทธ์ิ ของภิกษุนนั้ . วาดว ยปฐวสี ัญญา [๓๓๕] ดูกอ นอานนท ประการอื่นยงั มีอกี ภิกษุไมใสใจสัญญาวามนษุ ยไมใสใจสญั ญาวาปา ใสใจแตส งิ่ เดียวเฉพาะสัญญาวาแผนดนิ จิตของเธอยูอมแลน ไป เลอ่ื มใส ตั้งมั่น และนึกนอ มอยใู นสัญญาวา แผน ดนิเปรยี บเหมอื นหนงั โคที่เขาขงึ ดีแลว ดวยหลกั ตงั้ รอ ย เปน ของปราศจากรอยยน
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌิมนกิ าย อุปริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 3ฉนั ใด ดูกอ นอานนท ภิกษุก็ฉันน้ันเหมือนกนั แล ไมใสใจแผนดินน้ี ซึง่ จะมีชน้ั เชิง มีแมน ํ้าลําธาร มที ี่เตม็ ดวยตอหนาม มภี เู ขาและพน้ื ทีไ่ มส มา่ํ เสมอทง้ั หมด ใสใ จแตส ่ิงเดยี วเฉพาะสญั ญาวาแผน ดิน จิตของเธอยอ มแลน ไปเลื่อมใส ตัง้ มัน่ และนึกนอมอยูในสัญญาวาแผน ดนิ เธอจึงรูชดั อยา งนวี้ าในสญั ญาวาแผน ดนิ นี้ ไมม ีความกระวนกระวายชนิดทอ่ี าศัยสัญญาวามนุษยและชนิดที่อาศยั สัญญาวา ปา มีอยกู ็แคเ พยี งความกระวนกระวาย คือภาวะเดยี วเฉพาะสญั ญาวาแผน ดินเทานน้ั เธอรูชดั วา สัญญานวี้ า งจากสัญญาวามนษุ ย สัญญาน้ีวางจากสัญญาวาปา และรชู ดั วา มีไมวางอยูก ค็ อื ส่งิ เดียวเฉพาะสญั ญาวา แผนดนิ เทา นัน้ ดวยอาการนแ้ี หละ เธอจงึ พจิ ารณาเห็นความวา งนนั้ ดวยสิ่งทไี่ มมีอยูใ นสญั ญานนั้ เลย และรูช ัดสิง่ ทเี หลอื อยูใ นสัญญานน้ั อนั ยงัมอี ยูวามี ดูกอนอานนท แมอ ยา งนี้ ก็เปน การกาวลงสคู วามวา งตามความเปน จรงิ ไมเ คล่ือนคลาด บริสทุ ธ์ิ ของภกิ ษนุ ้ัน . [๓๓๖] ดกู อ นอานนท ประการอน่ื ยังมีอีก ภิกษไุ มใสใจสญั ญาวาปาไมใ สใ จสัญญาวา แผน ดนิ ใสใ จแตส่ิงเดียวเฉพาะอากาสานญั จายตนสัญญาจิตของเธอยอมแลน ไป เลอ่ื มใส ตง้ั ม่นั และนึกนอมอยใู นอากาสานญั จายตน-สัญญา เธอจึงรชู ัดอยา งนีว้ า ในอากาสานัญจายตนสัญญานี้ ไมม ีความกระวนกระวายชนิดทอี่ าศัยสญั ญาวา ปา และชนิดท่ีอาศัยสญั ญาวา แผน ดนิ มีอยูก็แตเ พยี งความกระวนกระวาย คอื ภาวะเดียวเฉพาะอากาสานญั จายตนสญั ญาเทานัน้ เธอรูช ัดวา สญั ญานวี้ างจากสญั ญาวาปา สัญญานว้ี างจากสัญญาวาแผน ดิน และรชู ัดวามีไมวางอยูกค็ อื ส่งิ เดยี วเฉพาะอากาสานญั จายตนสญั ญาเทานั้น ดว ยอาการนีแ้ หละ. เธอจึงพิจารณาเหน็ ความวา งนน้ั ดว ยสงิ่ ที่ไมม อี ยูใ นสัญญานน้ั เลย และรชู ัดส่ิงท่ีเหลอื อยูใ นสัญญาน้ันอนั ยงั มอี ยวู ามี ดกู อ นอานนท
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย อปุ ริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 4แมอ ยา งน้ี ก็เปนการกาวลงสคู วามวา ง ตามความเปน จรงิ ไมเ คล่ือนคลาดบรสิ ุทธิ์ ของภกิ ษุนน้ั . [๓๓๗] ดูกอ นอานนท ประการอนื่ ยังมีอีก ภิกษไุ มใสใ จสัญญาวาแผน ดิน ไมใ สใ จอากาสานญั จายตนสญั ญา ใสใจแตส ง่ิ เดียวเฉพาะวญิ ญาณญั -จายตนสญั ญา จติ ของเธอยอมแลนไป เล่อื มใส ตง้ั มน่ั และนกึ นอมอยูในวิญญาณญั จายตนสัญญา เธอจึงรชู ัดอยา งน้ีวา ในวิญญาณัญจายตนสัญญานี้ไมมคี วามกระวนกระวายชนิดท่อี าลยั สญั ญาวา แผน ดิน และชนดิ ท่อี าศัยอากา-สานัญจายตนสัญญา มอี ยูก็แคเพยี งความกระวนกระวาย คอื ภาวะเดียวเฉพาะวิญญาณญั จายตนสญั ญาเทานน้ั เธอรชู ัดวา สญั ญานีว้ างจากสญั ญาวา แผน ดินสัญญานี้วา งจากอากาสานญั จายตนสัญญาและรชู ดั วา มีไมวา งอยกู ็คอื สงิ่ เดียวเฉพาะวญิ ญาณญั จายตนสัญญาเทาน้นั ดว ยอาการนแ้ี หละ เธอจึงพิจารณาเหน็ความวา งนน้ั ดว ยส่ิงทีไ่ มม อี ยูในสญั ญานั้นเลย และรชู ดั สงิ่ ท่เี หลืออยูใ นสญั ญานั้นอนั ยังมอี ยู วา มี ดกู อนอานนทแ่ี มอยางนี้กเ็ ปนการกา วลงสูค วามวา งตามความเปนจรงิ ไมเคลอ่ื นคลาด บรสิ ทุ ธิข์ องภิกษนุ น้ั . วา ดว ยอากญิ จัญญายตนสัญญา [๓๓๘] ดูกอนอานนท ประการอื่นยังมีอีก ภกิ ษุไมใ สใ จอากาสานัญจายตนสัญญา ไมใสใ จวญิ ญาณญั จายตนสญั ญา ใสใจแตส ิง่ เดียวเฉพาะอากญิ -จญั ญายตนสัญญา จิตของเธอยอมแลน ไป เล่อื มใส ต้งั ม่นั และนกึ นอมอยูในอากิญจัญญายตนสัญญา เธอจงึ รูชัดอยา งนี้วา ในอากิญจญั ญายตนสญั ญาน้ีไมม คี วามกระวนกระวายชนิดทอี่ าศยั อากาสานัญจายตนสัญญาและชนดิ ที่อาศัยวญิ ญาณญั จายตนสญั ญา มอี ยูกแ็ คเ พียงความกระวนกระวายคือภาวะเดียวเฉพาะอากิญจญั ญายตนสญั ญาเทา นนั้ เธอรูชัดวา สัญญานี้วา งจากอากาสานญั จายตน-
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 5สญั ญา สัญญานีว้ างจากวิญญาณญั จายตนสัญญา และรชู ดั วา มี ไมว างอยูกค็ ือสิ่งเดียวเฉพาะอากญิ จญั ญายคนสญั ญาเทา นน้ั ดวยอาการนี้แหละ เธอจึงพิจารณาเหน็ ความวา งน้นั ดว ยสงิ่ ทไี่ มม อี ยใู นสญั ญานนั้ เลย และรูช ดั สิ่งท่ีเหลอื อยูในสญั ญานัน้ อนั ยงั มอี ยวู ามี ดูกอ นอานนท แมอยา งนี้ กเ็ ปน การกาวลงสคู วามวางตามความเปนจริง ไมเคล่ือนคลาดบริสทุ ธิ์ ของภิกษนุ ั้น. [๓๓๙] ดกู อ นอานนท ประการอน่ื ยงั มีอีก ภิกษไุ มใสใจวิญญาณญั -จายตนสัญญา ไมใ สใ จอากิญจญั ญายตนสัญญา ใสใ จแตส งิ่ เดยี วเฉพาะเนวสญั ญานาสญั ญายตนสญั ญา จิตของเธอยอ มแลน ไป เลอ่ื มใส ต้ังมัน่ และนึกนอ มอยูในเนวสัญญานาสญั ญายตนสญั ญา เธอจงึ รูช ัดอยางน้วี า ในเนวสญั ญานาสญั ญายตนสัญญาน้ี ไมมคี วามกระวนกระวายชนดิ ทีอ่ าศัยวญิ ญาณัญ-จายตนสัญญาและชนิดท่อี าศยั อากญิ จญั ญายตนสญั ญา มีอยกู ็แคเ พียงความกระวนกระวายคือภาวะเดียวเฉพาะเนวสัญญานาสัญญายตนสัญญาเทา นัน้ เธอรูชดั วา สญั ญานี้วางจากวญิ ญาณัญจายตนสญั ญา สญั ญานว้ี า งจากอากญิ จัญญายตนสญั ญาและรชู ัดวา มี ไมวางอยูก ค็ ือส่ิงเดยี วเฉพาะเนวสัญญานาสญั ญายตนสัญญาเทาน้นั ดวยอาการนแี้ หละ เธอจงึ พิจารณาเห็นความวางน้ันดว ยสิ่งทีไ่ มม อี ยใู นสัญญานน้ั เลย และรูชัดส่งิ ท่ีเหลืออยูในสัญญาน้ันอันยงั มอี ยูวามี ดูกอ นอานนทแมอ ยา งนี้ กเ็ ปน การกา วลงสคู วามวา งตามความเปนจรงิ ไมเคลือ่ นคลาดบริสทุ ธ์ิ ของภิกษนุ ั้น . [๓๔๐] ดูกอนอานนท ประการอน่ื ยังมีอีก ภกิ ษไุ มใสใจอากญิ จัญ-ญายตนสัญญา ไมใสใจเนวสัญญานาสญั ญายตนสญั ญา ใสใ จแตส งิ่ เดยี วเฉพาะเจโตสมาธอิ ันไมมนี ิมติ จติ ของเธอยอ มแลนไป เลื่อมใส ตงั้ มัน่ และนึกนอ มอยใู นเจโตสมาธิอันไมม ีนิมิต เธอจงึ รูชัดอยางนวี้ า ในเจโตสมาธินี้ ไมม คี วาม
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนิกาย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 6กระวนกระวายชนิดทีอ่ าศยั อากิญจญั ญายตนสัญญาและชนิดท่ีอาศัยเนวสัญญานาสญั ญายตนสญั ญา มีอยแู คเพยี งความกระวนกระวายคอื ความเกิดแหงอายตนะ๖ อาศยั กายนเี้ องเพราะชีวิตเปน ปจจัย เธอรชู ดั วา สญั ญานว้ี า งจากอากิญ-จญั ญายตนสัญญา สญั ญาน้ีวางจากเนวสญั ญานาสญั ญายตนสัญญาและรูชดั วา มีไมว า งอยูก็คอื ความเกิดแหง อายตนะ ๖ อาศยั กายนเี้ องเพราะชวี ติ เปนปจจัยดวยอาการน้ีแหละ เธอจงึ พจิ ารณาเห็นความวา งนนั้ ดว ยส่ิงที่ไมมอี ยใู นเจโตสมาธนิ นั้ เลย และรูชดั ส่ิงที่เหลอื อยใู นเจโตสมาธิน้นั อันยงั มอี ยู วา มี ดูกอนอานนท แมอยา งนี้ ก็เปนการกา วลงสูความวาง ตามความเปน จริง ไมเคลือ่ นคลาด บรสิ ทุ ธิ์ ของภิกษุนนั้ . วา ดวยอนมิ ติ ตเจโตสมาธิ [๓๔๑] ดูกอนอานนท ประการอนื่ ยังมีอีก ภกิ ษไุ มใสใ จอากญิ -จญั ญายตนสญั ญา ไมใ สใ จเนวสัญญานาสญั ญายตนสญั ญา ใสใ จแตส ่ิงเดียวเฉพาะเจโตสมาธอิ นั ไมมีนิมิต จิตของเธอยอ มแลน ไป เลอื่ มใส ต้ังมนั่ และนกึ นอมอยใู นเจโตสมาธอิ นั ไมม นี มิ ิต เธอจึงรชู ัดอยางนว้ี า เจโตสมาธิอนั ไมม ีนมิ ิตน้แี ล ยังมีปจ จัยปรุงแตง จูงใจได ก็ส่ิงใดส่ิงหนงึ่ ทีป่ จ จัยปรงุ แตง จงู ใจไดน้นั ไมเทย่ี ง มคี วามดับไปเปน ธรรมดา เม่ือเธอรอู ยางนี้ เห็นอยา งน้ีจักยอมหลดุ พน แมจ ากกามาสวะ แมจากภวาสวะ แมจากอวชิ ชาสวะ เมื่อจิตหลดุ พน แลว ยอ มมีญาณรูวาหลดุ พน แลว รชู ดั วา ชาตสิ น้ิ แลว พรหมจรรยอยจู บแลว กิจท่ีควรทําไคท ําเสรจ็ แลว กิจอนั เพ่อื ความเปน อยา งนีม้ ไิ ดม ีเธอจึงรูชัดอยา งนว้ี าในญาณนี้ ไมม คี วามกระวนกระวายชนดิ ทอ่ี าศยั กามาสวะชนิดทอ่ี าศยั ภวาสวะและชนดิ ที่อาศยั อวิชชาสวะ มีอยกู แ็ คเพยี งความกระวนกระวาย คือ ความเกดิ แหง อายตนะ ๖ อาศัยกายน้ีเองเพราะชวี ติ เปน ปจจยั
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 7เธอรชู ัดวา สัญญานว้ี างจากกามาสวะ สญั ญาน้วี า งจากภวาสวะ สัญญานว้ี างจากอวชิ ชาสวะ และรูชัดวา มีไมวางอยกู ค็ อื ความเกดิ แหง อายตนะ ๖ อาศัยกายนเี้ องเพราะชีวติ เปน ปจ จยั ดวยอาการน้ีแหละ เธอจึงพจิ ารณาเหน็ ความวางนน้ั ดวยสิง่ ท่ีไมมีอยใู นเจโตสมาธนิ น้ั เลย และรชู ัดส่งิ ที่เหลืออยูใ นเจโตสมาธินนั้อนั ยังมอี ยู วา มี ดูกอนอานนท แมอ ยางนเี้ ปน การกา วลงสคู วามวาง ตามความเปน จริง ไมเ คลือ่ นคลาด บริสุทธิ์ ของภกิ ษนุ ้ัน. วา ดว ยสุญญตาวหิ าร [๓๔๒] ดูกอ นอานนท สมณะหรอื พราหมณใ นอดีตกาลไมว า พวกใด ๆ ทเี่ ขาถงึ สุญญตสมาบตั ิอันบรสิ ทุ ธ์ิ เยย่ี มยอดอยู ทง้ั หมดน้ัน ก็ไดเขาถึงสญุ ญตสมาบตั อิ นั บริสทุ ธ์ิ เยยี่ มยอดนเี้ องอยู สมณะหรือพราหมณในอนาคตกาลไมวาพวกใด ๆ ท่จี ะเขา ถงึ สญุ ญตสมาบัตอิ ันบรสิ ทุ ธิ์ เยีย่ มยอดอยู ท้ังหมดนั้น ก็จกั เขา ถงึ สุญญตสมาบัติอนั บริสุทธิ์ เยี่ยมยอดนี้เองอยู สมณะหรอืพราหมณในบัดนี้ ไมวา พวกใด ๆ ท่เี ขาถึงสุญญตสมาบตั อิ นั บริสุทธิ์ เยย่ี มยอดอยู ท้ังหมดนัน้ ยอมเขา ถึงสญุ ญตสมาบัตอิ นั บรสิ ุทธ์ิ เยีย่ มยอดน้เี องอยู ดกู อนอานนท เพราะฉะนนั้ แล พวกเธอพงึ ศึกษาไวอยางน้เี ถิดวา เราจกั เขาถึงสุญญตสมาบัติอนั บรสิ ุทธ์ิ เย่ียมยอดอย.ู พระผูมีพระภาคเจาไดต รัสพระภาษติ น้ีแลว ทานพระอานนทจ ึงชนื่ ชมยนิ ดีพระภาษติ ของพระผมู พี ระภาคเจาแล. จบ จูฬสุญญตสตู รที่ ๑
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌิมนกิ าย อุปริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 8 อรรถกถาสุญญตาวรรค อรรถกถาจูฬสุญญตาสูตร จูฬสุญญตาสตู ร๑ มบี ทเรมิ่ ตน วา ขาพเจา ไดส ดับมาอยางน:้ี - ในบทเหลา น้นั บทวา เอกมิท ความวา ไดย นิ วา พระเถระกระทําวัตรแดพ ระผูมพี ระภาคเจา แลว ไปสทู พ่ี ักกลางวันของตน กําหนดเวลาแลว .น่ังเจริญสญุ ญตาผลสมาบตั ิ มีพระนพิ พานเปน อารมณ แลว ออกตามเวลาที่กําหนด. ลําดบั น้นั สังขารของทา นปรากฏโดยความเปนของวา งเปลา ทานใครสดบั สญุ ญตากถา แลว ไดม ีความคิดอยางน้วี า เรามธี ุระยงุ เหยิง ไมอาจไปกราบทูลพระผมู พี ระภาคเจา วา ขาแดพระองคผ เู จริญ ขอพระองคไดโ ปรดตรัสสญุ ญตากถาแกขาพระองค เอาละเราจะใหพระองคร ะลึกถึงขอท่ีพระองคเขา ไปอาศัยนคิ มชือ่ นครกะ ตรสั กถาเรื่องหนง่ึ นน้ั พระผูมพี ระภาคเจาจักตรสัสุญญตากถาแกเราอยางนี้. เมอ่ื พระอานนทจะใหพระทศพลทรงระลึกไดจึงกลา ววา เอกมิท เปน ตน . บทวา อิท ในบทวา อเกมทิ เปนเพยี งนิบาตเทา นนั้ . บทวา กจิ จิ เมต ภนฺเต ความวา พระเถระจําไคเพียงบทเดยี วก็สามารถจะคนควา ทรงจาํ ไวไ คถึงหกหมนื่ บท เพราะฉะน้ัน ทานจกั ไมสามารถเพือ่ จะมสี ญุ ญตาวหิ ารธรรม แลวทรงจาํ บทเพียงบทเดียว ฉะนัน้ การทีผ่ ูประสงคจ ะฟง ทําเปน เหมอื นคนรแู ลวถามไมส มควร. พระเถระประสงคจะฟงสุญญตากถาทพี่ ระองคท รงแสดงไวอยางพสิ ดารใหแจมแจง จงึ กราบทูลอยางนี้เหมือนไมรู บางคนแมไ มร ู กท็ าํ เปน เหมอื นคนร.ู พระเถระจะการทําการ๑. พระสตู ร. เปน จฬู สญุ ญสตู ร
พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย อุปริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 9หลอกลวงอยา งน้ีไดอยางไรเลา . พระเถระแสดงความเคารพตอพระผูมพี ระ-ภาคเจา จงึ กราบทูล คําเปนตนวา กจจฺ ิ เมต แมในฐานะที่คนร.ูบทวา ปุพเฺ พ ความวา แมในเวลาที่เขา ไปอาศัยนิคมชอื่ วานครกะ ในปฐมโพธิกาล บทวา เอตรหิ แปลวา แมใ นบัดน้ี . พระผมู ีพระภาคเจาครน้ั ตรัสอยา งนแี้ ลว จงึ มพี ระพุทธดาํ รวิ า อานนทประสงคจะสดับ สญุ ญตากถา กค็ นบางคนสามารถสดบั แตไ มสามารถท่ีจะเรยี น บางคนสามารถทงั้ สดบั ท้ังเรยี น แตไ มอาจจะแสดง แตสาํ หรบั พระอานนท สามารถทง้ั สดบัทงั้ เรียน ทง้ั แสดง เราจะกลา วสุญญตากถาแกเ ธอ. เมอ่ื จะตรัสสุญญตากถานัน้จึงตรัสคาํ มีอาทิวา เสยยฺ ถาป ดังนี้ ดว ยประการฉะนี.้ บรรดาบทเหลานั้น บทวา สุ โฺ หตฺถคิ วฺ าสฺสวฬเวน นนั้ความวา ชา งเปนตนทีเ่ ขาทําเปน ชา งไม ชา งดินปน ชา งภาพเขยี น มอี ยูในปราสาทน้ัน เงนิ ทองทท่ี าํ เปน จิตรกรรมในทตี่ ้ังของทาวเวสวัณ ทาวมนั ธาตรุ าชเปนตนบาง ทีเขาประกอบเปนหนา ตา ง ประตู และเตยี งตงั้ ท่ีประดบั ดว ยเงนิ ทองนนั้ ทีเ่ กบ็ ไวเ พือ่ ปฏิสงั ขรณข องเกาก็ม.ี แมห ญงิ ชายท่มี าฟง ธรรมและถามปญ หาเปนตน การทาํ ดวยรูปไมเ ปน ตนมีอยู ฉะนน้ั ปราสาทนนั้ จึงไมว า งจากหญงิ และชายเหลานน้ั . ทานกลา วคํานี้ หมายถึงความไมม แี หง ชางเปน ตน ทม่ี วี ิญญาณ เนอ่ื งดว ยอินทรีย เงินและทองทีใ่ ชส อยในขณะตอ งการและหญงิ ชายทีอยเู ปนนิตย. บทวา ภกิ ฺขสุ งฺฆ ปฏจิ จฺ ความวา ดว ยวา ถงึแมภกิ ษทุ ัง้ หลายจะเขา ไปบิณฑบาต ปราสาทน้ันก็ไมวา งจากภกิ ษผุ ูย ินดภี ตั รในวหิ าร และภิกษุผูเปน ใช ภิกษุพยาบาลใช ภกิ ษนุ ักศกึ ษา ภกิ ษุผขู วนขวายจีวรกรรมเปนตน ดวยประการฉะนี้. ทา นจึงกลา วอยางน้ี เพราะมีภิกษุอยปู ระจํา. บทวา เอกตตฺ แปลวา ความเปน หนึ่ง อธบิ ายวา ไมว างเลยทานอธบิ ายวา มคี วามไมวางอยา งเดยี ว. บทวา อมนสกิ ริตวฺ า แปลวา
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นิกาย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 10ไมกระทําไวในใจ. บทวา อนาวชฺชติ วา แปลวาไมพิจารณา. บทวา คามส ฺ ความวา สัญญาวาบา นเกดิ ข้นึ โดยยึดวา เปน บา น หรือโดยเปนกเิ ลส. แมใ นมนสุ สสญั ญากม็ นี ัยอยา งเดยี วกนั น้แี หละ. บทวา อรฺสฺ ปฏจิ ฺจมนสิกโรติ เอกตตฺ ความวา การทาํ ไวใ นใจซ่งึ บานวา เปนอรัญญสญั ญาเพราะปา อยา งเดยี วเทาน้นั อยางนวี้ า นีต้ นไม นี้ภูเขา นไ้ี พรสณฑท่ีเขียวชะอมุ . บทวา ปกฺขนฺทติ แปลวา หยงั่ ลง. บทวา อธมิ จุ ฺจติ แปลวานอ มไปวา อยา งน้.ี บทวา เย อสฺสุ ทรถา ความวา ความกระวนกระวายที่เปนไปแลว ก็ดี ความกระวนกระวายเพราะกิเลสกด็ ี ท่จี ะพึงมเี พราะอาศยั คามสญั ญาเหลานัน้ ยอมไมมีดวยอรญั ญสญั ญาในปาน.ี้ แมในบทที่สอง ก็นยั นี้เหมือนกนั . บทวา อตฺถิ เจวาย ความวา แตม เี พยี งความกระวนกระวายที่เปนไป ซงึ่ เกดิ ข้ึนเพราะอาศยั อรญั ญสญั ญาอยางเดยี ว. บทวาย หิ โข ตตถฺ น โหติ ความวา ความกระวนกระวายท่เี ปน ไปแลวและความกระวนกระวายเพราะกเิ ลสซง่ึ เกิดขึ้นโดยคามสัญญา และมนสุ สสัญญานั้นยอมไมมีในอรญั ญสญั ญานี้ เหมือนชางเปน ตนไมมใี นปราสาทของนางวิสาขามคิ ารมารดา. บทวา ย ปน ตตถฺ อวสฏิ ความวา จะมีเหลอื อยูก็เพียงแคความกระวนกระวายที่เปนไปในอรัญญสัญญานน้ั . เหมอื นภกิ ษสุ งฆท่อี ยูในปราสาทของนางวสิ าขามคิ ารมารดา. บทวา ต สนตฺ มิท อตฺถีติปชานาติ ความวา รชู ัดสง่ิ นน้ั ที่มีอยูเทานนั้ วาไมม อี ยู. บทวา สฺุตรวกฺกนฺติแปลวา ความบังเกิดขน้ึ แหงสุญญตา. บทวา อมนสกิ ริตฺวา มนุสสฺ สฺ คือ ไมถ อื เอาคามสัญญาในบทนี้ เพราะเหตุไร. เพราะไดย นิ วา ภกิ ษนุ ้นัมคี วามคดิ อยางน้วี า เราจะยงั คามสัญญาใหเกิดดวยมนุสสสัญญา ยังมนุสสสญั ญาใหเกิดดว ยอรัญญสญั ญา ยังอรัญญสญั ญาใหเ กดิ ดว ยปฐวสี ญั ญา ยังปฐวสี ัญญาใหเกิดดว ยอากาสานัญจายตนสญั ญา ฯลฯ ยังอากิญญจัญญายตนสญั ญาใหเ กิดดวย
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 11เนวสญั ญานาสญั ญายจนสัญญา ยังเนวสัญญานาสัญญายตนสญั ญา ใหเ กิดดวยวปิ ส สนา ยังวิปสสนาใหเกดิ ดวยมรรค จกั แสดงอจั จันตสุญญตาโดยลาํ ดบัฉะน้ัน จงึ เริ่มเทศนาอยา งนี.้ ในบทเหลา น้นั บทวา ปวีสฺ ความวา เพราะเหตไุ รจงึ ละอรัญญสัญญาใสใจปฐวีสัญญา. เพราะบรรลคุ ุณพเิ ศษดว ยอรญั ญสัญญา.เปรียบเหมอื นบุรษุ เหน็ ทนี่ า ซึ่งนารน่ื รมยและทน่ี าตั้งเจด็ ครัง้ ดวยคดิ วาขา วสาลีเปนตน ทีห่ วา นลงในนาน้ี จักสมบูรณดว ยดี เราจักไดล าภใหญขา วสาลเี ปน ตน ยอ มไมสมบรู ณเลย แตถา เขาทาํ ทีน่ ้ัน ใหป ราศจากหลักตอและหนามแลว ไถ หวาน เมอ่ื เปนอยา งนี้ ขา วสาลยี อมสมบรู ณ ฉันใดภิกษุกฉ็ ันน้ัน เหมอื นกัน ใสใ จปา น้ใี หเ ปน อรญั ญสญั ญาถงึ เจด็ คร้งั วา นี้ปา นี้ตนไมน้ีภูเขา นีไ้ พรสนฑเขยี วชะอุม ยอ มบรรลุอปุ จารสมาธิ. สาํ หรบั ปฐวสี ญั ญาภิกษุนัน้ กระทาํ ปฐวีกสณิ บริกรรมใหเ ปน กัมมฏั ฐานประจาํ ยังฌานใหเ กิดเจริญวิปส สนา ซ่ึงมีฌานเปน ปทฎั ฐาน สามารถจะบรรลพุ ระอรหัตไดเพราะฉะนัน้ เธอยอ มละอรญั ญสัญญาใสใจปฐวสี ญั ญา. บทวา ปฏิจจฺ แปลวาอาศยั กนั เกดิ ข้นึ . บัดน้ี เพ่อื จะแสดงขอ เปรียบเทียบปฐวีกสิณที่ภกิ ษุมคี วามสาํ คญั วา ปฐวีในปฐวกี สิณ จึงตรัสคาํ มอี าทวิ า เสยยฺ ถาป ดังนี้. บรรดาบทเหลา นนั้ บทวาอสภุ สสฺ เอต คือ โคผูองอาจ ความวา โคเหลา อ่นื ถึงจะมีฝบ า ง รอยท่มิ แทงบา ง หนังของโคเหลานั้น เมือ่ คลีอ่ อก ยอมไมมีร้วิ รอย ตําหนเิ หลา นั้นยอมไมเกิดแกโ คอสุ ภะ เพราะสมบูรณด ว ยลักษณะ. ฉะนัน้ จึงถอื เอาหนังของโคอุสภะน้นั บทวา ส กสุ เฺ ตน ไดแก ขอรอ ยเลม . บทวา สวุ ิหต ไดแ ก
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 12เหยียดออกแลว ขูดจนเกล้ยี งเกลา. แทจ รงิ หนงั โคทีเ่ ขาใชข อไมถ ึงรอ ยเลมขูดออก ยงั ไมเกลย้ี งเกลา ใชขอถงึ รอยเลมยอมเกล้ยี งเกลา เหมือนพื้นกลองเพราะฉะน้นั จงึ ตรัสอยา งนี้. บทวา อกุ กฺ ลุ วกิ ุล แปลวา สงู ๆ ต่ํา ๆ คือเปน ทด่ี อนบาง เปนทล่ี มุ บา ง. บทวา นทวี ทิ ุคคฺ ไดแก แมน้ําและทซ่ี ึง่เดนิ ไมสะดวก บทวา ปฐวีสฺ ปฏจจฺ มนสิกโรติ เอกตตฺ ความวาใสใจสญั ญาอยางเดียวทอ่ี าศยั กันเกิดขน้ึ ในปฐวกี สิณ. บทวา ทรถมตฺตาความวา จาํ เดิมแตน ี้ พงึ ทราบความกระวนกระวาย โดยความกระวนกระวายท่เี ปน ไปในวาระท้ังปวง. บทวา อนิมิตฺต เจโต สมาธึ ไดแก วปิ ส สนา-จติ ตสมาธ.ิ เจโตสมาธทิ ี่เวน จากนมิ ิตวาเที่ยงเปน ตน นนั้ ทา นกลา ววา อนิมติ .บทวา อมิ เมวกาย ทา นแสดงวตั ถดุ วยวปิ ส สนา. ในบทเหลาน้นั บทวาอิมเมว ไดแก มหาภูตรปู ทั้ง ๔ น.้ี บทวา สฬายตนิก แปลวา ปฎิสงั ยตุดว ยสฬายตนะ. บทวา ชีวิตปจจฺ ยา ความวา ชวี ติ ยังเปนอยไู ด กช็ ่ัวชีวิตตนิ ทรียย งั เปนไป อธิบายวา ปฐวีสัญญานั้น ยังมคี วามกระวนกระวายท่เี ปน ไป.เพอื่ จะทรงแสดงความเห็นแจง โดยเฉพาะของวิปสสนา จึงตรัสวา อนมิ ติ ตฺ อกี .บทวา กามาสว ปฏจฺจ แปลวา อาศยั กามาสวะ. อธิบายวา ความกระวนกระวายท่จี ะเกิดขนึ้ และท่ีเปนไปแลว ไมมีในที่น้ี คือไมม ีในอรยิ มรรคและอริยผล. บทวา อมเิ มว กาย นี้ ตรสั เพื่อแสดงความกระวนกระวายของเบญ็ จขนั ธทยี่ ังเหลืออยู. ดวยประการฉะนี้ เปนอนั ทรงเปลยี่ นมนสุ สสัญญาเปนคามสญั ญา ฯลฯ มรรคเปนวปิ ส สนา แลว ทรงแสดงความวา งเปลาลว งสวนโดยลําดบั . บทวา ปรสิ ทุ ฺธ ไดแ ก ปราศจากอุปกิเลส. บทวา อนุตตฺ รแปลวาเวน จากสิ่งอน่ื ท่ยี อดเยย่ี ม คอื ประเสรฐิ สุดกวา ทุกอยา ง บทวา สุ ฺตไดแ ก สญุ ญตาผลสมาบัติ บทวา ตสมฺ า ความวา เพราะสมณพราหมณ
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย อปุ ริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 13คอื พระพุทธเจา พระปจเจกพทุ ธเจา พระสาวกของพระพุทธเจาในอดีตกด็ ีสมณพราหมณค อื พระพุทธเจา พระปจเจกพทุ ธเจา และสาวกของพระพทุ ธเจาในอนาคตกด็ ี สมณพราหมณคือพระพุทธเจา พระปจ เจกพทุ ธเจา และสาวกแหงพระพทุ ธเจา ในปจ จบุ นั กด็ ี เขาสญุ ญตะอันบรสิ ุทธิ์ยอดเยีย่ มน้ีอยแู ลว จักอยูและกาํ ลังอยู ฉะนนั้ คําที่เหลอื ในบททั้งปวง งายทั้งนน้ั . จบ อรรถกถาจฬู สญุ ญตาสตู ร ท่ี ๑
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย อปุ ริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 14 ๒. มหาสญุ ญตสูตร [๓๔๓] ขาพเจา ไดสดบั มาอยางนี:้ - สมัยหน่ึง พระผูมีพระภาคเจาประทบั อยูทพ่ี ระวิหารนิโครธารามกรงุ กบิลพสั ดุ ในสักกชนบท ครงั้ น้ันแล พระผมู ีพระภาคเจา ทรงนงุ สบงทรงบาตรจวี รแลว เสดจ็ เขา ไปบณิ ฑบาตยังกรุงกบลิ พสั ดุใ นเวลาเชา ครน้ัเสด็จกลบั จากบณิ ฑบาต ภายหลงั เวลาพระกระยาหารแลว จงึ เสดจ็ เขาไปยังวิหารของเจา กาฬเขมกะ ศากยะ มเี สนาสนะที่แตงตง้ั ไวมากดวยกนั พระผูม ีพระภาคเจา ทอดพระเนตรเหน็ เสนาสนะทแี่ ตงต้งั ไวม ากดวยกนั แลว จงึ มีพระ-ดาํ รดิ ังนวี้ า ในวหิ ารของเจา กาฬเขมกะ ศากยะ เขาแตงตัง้ เสนาสนะไวมากดว ยกัน ทีน่ ้ีมภี กิ ษอุ ยูมากมายหรอื หนอ. [๓๔๔] สมัยนนั้ แล ทานพระอานนทกับ ภกิ ษุมากรปู ทําจวี รกรรมอยูในวิหารของเจาฆฏายะ ศากยะ ครั้นในเวลาเย็น พระผมู ีพระภาคเจาเสดจ็ ออกจากที่ทรงหลีกเรนอยูแลว จึงเสด็จเขาไปยงั วหิ ารของเจา ฆฏายะศากยะ แลวประทับน่งั ณ อาสนะทเ่ี ขาแตงต้งั ไว พอประทับน่งั เรยี บรอยแลวจงึ ตรสั สัง่ กะทา นพระอานนทว า ดูกอ นอานนท ในวหิ ารของเจา กาฬเขมกะศากยะ เขาแตงต้ังเสนาสนะไวมากดว ยกัน ที่น่ันมีภกิ ษอุ ยมู ากมายหรือ. ทานพระอานนทท ลู วา มากมาย พระพุทธเจาขา ขา แดพ ระองคผูเจรญิ จวี รกาลสมยั ของพวกพระองคกําลงั ดําเนนิ อยู. วาดว ยฐานะและอฐานะ [๓๔๕] พ. ดกู อนอานนท ภกิ ษผุ ชู อบคลกุ คลีกัน ยินดีในการคลกุ คลีกนั ประกอบเนอื่ ง ๆ ซึ่งความชอบคลกุ คลกี นั ชอบเปนหมู ยินดี
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นกิ าย อปุ ริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 15ในหมู บันเทิงรว มหน่ึง ยอมไมงามเลย ดกู อ นอานนท ขอ ทภี่ ิกษผุ ชู อบคลกุ คลีกนั ยินดีในการคลุกคลกี ัน ประกอบเนอ่ื ง ๆ ซงึ่ ความชอบคลุกคลีกนัชอบเปน หมูย ินดีในหมูบันเทิงรวมหมูนนั้ หนอจักเปน ผูไดส ขุ เกิดแคเนกขมั มะสเุ กดิ แตความสงดั สุขเกิดแตค วามเขา ไปสงบ สขุ เกิดแตค วามตรสั รูตามความปรารถนาโดยไมยากไมล าํ บาก นน้ั ไมใชฐ านะทม่ี ไี ด สวนขอที่ภิกษุเปน ผูเดียว หลีกออกจากหมอู ยพู งึ หวังเปน ผูไดส ุขเกดิ แตเ นกขมั มะ สุขเกดิแตค วามสงดั สุขเกดิ แตค วามเขาไปสงบ สขุ เกดิ แตความตรัสรู ตามความปรารถนา โดยไมยาก ไมลาํ บาก นน้ั เปน ฐานะทีม่ ีได. ดูกอนอานนท ขอท่ีภิกษุผูชอบคลุกคลกี ัน ยนิ ดีในการคลุกคลกี ันประกอบเนอื ง ๆ ซง่ึ ความชอบคลกุ คลกี นั ชอบเปนหมู ยนิ ดใี นหมู บนั เทงิรว มหมูนน้ั หนอ จักบรรลุเจโตวมิ ตุ ตอิ ันปรารถนาเพียงช่ัวสมัย หรอื เจโตวิมุตติอนั ไมกาํ เรบิ มใิ ชเ ปน ไปช่ัวสมัยอยู นัน้ ไมใชฐ านะท่มี ไี ด สว นขอท่ภี กิ ษเุ ปนผูผเู ดียวหลกี ออกจากหมอู ยู พงึ หวังบรรลุเจโตวิมุตติอัน นาปรารถนาเพียงช่ัวสมัยหรือเจโตวมิ ุตตอิ ันไมกาํ เรบิ มใิ ชเปน ไปชว่ั สมัยอยู นนั้ เปน ฐานะท่มี ไี ด. ดกู อ นอานนท เรายอ มไมพิจารณาเห็นแมรูปอยางหนงึ่ ซงึ่ เปนที่ไมเกิดโสกะ ปรเิ ทวะ ทกุ ขโทมนัส อปุ ายาส เพราะความแปรปรวนและความเปนอยา งอืน่ ของรปู ตามทเ่ี ขากําหนัดกัน อยางยิง่ ซึ่งบุคคลกําหนดั แลว . [๓๔๖] ดูกอนอานนท กว็ ิหารธรรมอันตถาคตตรัสรูในท่ีนนั้ ๆ นีแ้ ลคือ ตถาคตเขา ถึงสุญญตสมาบัติภายใน เพราะไมใสใ จนมิ ติ ทั้งปวงอย.ู ดกู อ นอานนท ถาภกิ ษุ ภกิ ษณุ ี อบุ าสก อุบาสิกา พระราชา มหาอํามาตยของพระราชา เดยี รถยี สาวกของเดียรถยี เ ขา ไปหาตถาคตผูมโี ชคอยูดวยวหิ ารธรรมนีใ้ นท่นี น้ั ๆ ตถาคตยอมมีจิตนอมไปในวเิ วก โนน ไปในวเิ วก โอนไปในวเิ วก
พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 16หลกี ออกแลว ยินดยี งิ่ แลวในเนกมกั มะ มภี ายในปราศจากธรรมเปน ทตี ัง้ แหงอาสวะโดยประการทัง้ ปวง จะเปนผทู าํ การเจรจาแตท ี่ชักชวนใหอ อกเทานนั้ในบริษทั นน้ั ๆ โดยแท ดูกอนอานนท เพราะฉะน้ันแล ภิกษถุ า แมหวงั วาจะเขา ถึงสุญญตสมาบัตภิ ายในอยู เธอพงึ ดํารงจติ ภายใน ใหจติ ภายในสงบทําจิตภายในใหเปน ธรรมเอกผดุ ขึน้ ตั้งจติ ภายในใหม ัน่ เถระ. วา ดวยสัมปชานะ [๓๔๗] ดูกอ นอานนท ก็ภิกษจุ ะดํารงจิตภายใน ใหจิตภายในสงบทาํ จติ ภายในใหเปนธรรมเอกผุดข้ึน ต้ังจิตภายในมน่ั ไดอยางไร ดูกอนอานนทภกิ ษุในธรรมวินัยนี้ (๑) สงดั จากกาม สงดั จากอกศุ ลธรรม เขา ปฐมฌานมีวิตก มีวจิ ารมีปตแิ ละสุขเกิดแตวเิ วกอย.ู (๒) เขาทุติยฌาณ มีความผองใสแหงใจภายใน มีความเปนธรรมเอกผดุ ขึน้ เพราะสงบวิตกและวจิ าร ไมม วี ติ ก ไมม วี ิจาร มีปต แิ ละสกุ เกดิ แตสมาธอิ ย.ู (๓) เปน ผูวางเฉยเพราะหนา ยปติ มสี ตสิ มั ปชัญญะอยู และเสวยสุขดวยนามกาย เขา ตตยิ ฌาน ทีพ่ ระอรยิ ะเรียกเธอไดอยา ผวู างเฉย มสี ติ อยูเปนสุข อยู. (๔) เจาจตตถฌาน อันไมม ที กุ ข ไมมสี ุข เพราะละสขุ ละทกุ ขและดับโสมนสั โทมนสั กอน ๆ ได มีสติบรสิ ทุ ธ์ิ เพราะอเุ บกขาอย.ู ดูกอ นอานนท อยา งนแ้ี ล ภิกษชุ อ่ื วายอ มดาํ รงจติ ภายใน ใหจ ิตภายในสงบ ทําจติ ภายในใหเปน ธรรมเอกผุดขนึ้ ตง้ั จติ ภายในมนั่ .
พระสตุ ตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 17 ภิกษนุ ัน้ ยอ มใสใ จความวางภายใน เม่ือเธอกําลงั ใสใ จความวา งภายในจติ ยังแลน ไป ยังไมเ ลื่อมใส ยังไมต งั่ มั่น ยังไมนกึ นอ มไปในความวา งภายใน เมอ่ื เปนเชนนน้ั . ภกิ ษุยอ มรูช ัดอยางนี้วา เมือ่ เรากาํ ลังใสใ จความวางภายใน จติ ยงั ไมแลนไป ยังไมเล่อื มใส ยังไมต ้ังมัน่ ยังไมนึกนอมไปในความวางภายในดว ยอาการนแ้ี ล ยอ มเปน อนั เธอรูสกึ ตวั ในเรอ่ื งความวางภายในน้นั ได. ภิกษนุ ้ัน ยอมใสใ จความวางภายนอก. ภกิ ษุนนั้ ยอมใสใจความวา งทง้ัภายในและภายนอก. ภิกษนุ ้นั ยอมใสใจอาเนญชสมาบัติ เม่ือเธอกําลังใสใ จอาเนญชสมาบตั ิ จติ ยังไมแลน ไป ยงั ไมเลื่อมใส ยงั ไมต ัง้ มนั่ ยงั ไมน กึ นอมไปในอาเนญชสมาบตั ิ เมอ่ื เปน เชนนน้ั . ภกิ ษุยอ มรชู ดั อยา งนว้ี า เม่ือเรากําลังใสใ จอาเนญชสมาบตั ิ จติ ยงั ไมแลนไป ยงั ไมเลอื่ มใส ยงั ไมตั้งม่นั ยังไมนึกนอ มไปในอาเนญชสมาบัติ ดวยอาการน้แี ล ยอ มเปนอันเธอรสู ึกตัวในเร่ืองอาเนญชสมาบตั ิน้นั ได. ดกู อ นอานนท ภิกษนุ ั้นพึงดํารงจติ ภายใน ใหจติ ภายในสงบ ทําจิตภายในใหเ ปนธรรมเอกผุดข้นึ ต้งั จติ ภายในใหม ั่น ในสมาธนิ มิ ติ ขา งตน นน้ั แลเธออันใสใ จความวางภายใน เมอ่ื เธอกําลังใสใจความวา งภายใน จติ ยอ มแลนไป เลอ่ื มใส ตัง้ มนั่ นึกนอมไปในความวา งภายใน เม่ือเปน เชนนัน้ภกิ ษุยอมรูช ดั อยางนีว้ า เม่ือเรากําลงั ใสใจความวา งภายใน จิตยอมแลนไปเล่ือมใส ตั้งมัน่ นกึ นอมไปในความวางภายใน ดว ยอาการนี้แล ยอมเปนอนั เธอรสู กึ ตวั ในเรอ่ื งความวางภายในนนั้ ได. ภิกษนุ ัน้ ยอมใสใ จความวา งภายนอก ภิกษนุ ้ัน ยอ มใสใ จความวางทัง้ ภายในและภายนอก ภิกษนุ นั้ ยอมใสใจอาเนญชสมาบตั ิ เม่อื เธอกาํ ลังใสใจอาเนญชสมาบตั ิ จติ ยอ มแลนไปเล่ือมใส ต้งั มน่ั นกึ นอมไปในอาเนญชสมาบตั ิ เม่อื เปน เชน นั้น ภกิ ษุยอ มรู
พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 18ชดั อยา งนีว้ า เมื่อเรากําลงั ใสใ จอาเนญชสมาบตั ิ จิตยอมแลนไป เล่อื มใสตงั้ มั่น นึกนอ มไปในอาเนญชสมาบตั ิ ดว ยอาการนีแ้ ล ยอ มเปนอนั เธอรสู ึกตัวในเร่อื งอาเนญชสมาบัตนิ ้นั ได. [๓๔๘] ดกู อนอานนท หากเมอ่ื ภิกษุนนั้ อยดู ว ยวหิ ารธรรมนี้ จิตยอ มนอ มไปเพ่ือจะจงกรม เธอยอมจงกรมดวยใสใจวา อกุศลธรรมลามกคอือภชิ ฌาและโทมนสั จักไมค รอบงําเราผูจ งกรมอยอู ยางน้ไี ด ดว ยอาการนี้แลเปนอันเธอรูส กึ ตวั ในเรอ่ื งการจงกรม. หากเมอ่ื ภกิ ษนุ ัน้ อยูดว ยวิหารธรรมน้ี จิตยอ มนอมไปเพอื่ จะยืน เธอยอ มยืนดวยใสใจวา อกศุ ลธรรมลามกคอื อภิชฌาและโทมนสั จักไมครอบงําเราผยู ืนอยแู ลว อยางนีไ้ ด ดวยอาการน้แี ล เปนอนั เธอรสู ึกตัวในเรอ่ื งการยืน. หากเมอ่ื ภกิ ษุนน้ั อยดู วยวิหารธรรมน้ี จติ ยอมนอมไปเพื่อจะนง่ั เธอยอมนัง่ ดว ยใสใ จวา อกุศลธรรมลามกคืออภิชฌาและโทมนัส จกั ไมครอบงําเราผนู ่ังอยูแลว อยางนี้ได ดวยอาการนี้แล เปนอนั เธอรสู ึกตวั ในเรือ่ งการนั่ง. หากเมื่อภิกษุนั้นอยดู วยวิหารธรรมน้ี จิตยอมนอมไปเพอื่ จะนอนเธอยอมนอนดว ยใสใจวา อกศุ ลธรรมลามกคอื อภิชฌาและโทมนัส จกั ไมครอบงาํ เราผนู อนอยูอยางน้ีได ดวยอาการนีแ้ ล เปนอันเธอรูส กึ ตวั ในเรื่องการนอน. หากเมอ่ื ภิกษนุ ้นั อยดู ว ยวหิ ารธรรมน้ี จติ ยอมนอมไปเพื่อจะพดูเธอยอมใสใ จวา เราจักไมพ ูดเรื่องราวเหน็ ปานฉะนี้ ซ่ึงเปน เรื่องเลวทรามเปน เรอื่ งของชาวบา น เปนเร่อื งของปถุ ชุ น ไมใชของพระอรยิ ะ ไมป ระกอบดวยประโยชน ไมเปนไปเพ่อื ความเบือ่ หนาย เพอื่ คลายกาํ หนัด เพ่ือดับกเิ ลส
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 19เพื่อสงบกเิ ลส เพ่อื ความรยู ิง่ เพอ่ื ความตรสั รู เพื่อนิพพาน คอื เรอ่ื งพระราชาเร่ืองโจร เรื่องมหาอาํ มาตย เรอื่ งกองทพั เร่อื งภัย เร่อื งรบกนั เรอ่ื งขาวเรื่องนาํ้ เรือ่ งผา เร่อื งทน่ี อน เรื่องดอกไม เรอื่ งของหอม เร่ืองญาติเรื่องยาน เรือ่ งบาน เรือ่ งนคิ ม เรื่องนคร เรอ่ื งชนบท เรอื่ งสตรี เรือ่ งคนกลาหาญ เรอื่ งถนนหนทาง เรื่องทาสใี นสถานที่ตักนํา้ เรื่องคนท่ลี วงลบั ไปแลวเรอื่ งเบ็ดเตลด็ เรอ่ื งโลก เรือ่ งทะเล เรือ่ งความเจริญและความเสอ่ื มดว ยเหตุนั้นเหตุน้ี ดว ยอาการนแี้ ล เปนอันเธอรสู กึ ตวั ในเรอื่ งการพดู และเธอใสใจวาเราจกั พดู เร่อื งราวเห็นปานฉะน้ี ซ่ึงเปน เรือ่ งขัดเกลากิเลสอยา งย่ิง เปนทีส่ บายแกก ารพิจารณาทางใจ เปนไปเพ่ือความเบอ่ื หนายสว นเดียว เพ่ือคลายกาํ หนัดเพ่อื ดบั กิเลส เพอื่ สงบกเิ ลส เพือ่ ความรยู ่ิง เพอ่ื ความตรสั รู เพ่ือนิพพานคอื เรอื่ งมกั นอย เรอ่ื งยนิ ดขี องของตน เรอ่ื งความสงัด เรือ่ งไมคลุกคลีเรื่องปรารภความเพยี ร เรื่องศีล เรอ่ื งสมาธิ เรอ่ื งปญ ญา เรอ่ื งวิมตุ ติเรอ่ื งวิมุตติญาณทัสสนะ ดวยอาการนีแ้ ล เปน อันเธอรูสึกตวั ในเร่ืองการพูด หากเมอ่ื ภิกษุนั้นอยูด วยวิหารธรรมน้ี จติ ยอ มนอ มไปเพือ่ จะตรกึ เธอยอ มใสใจวา เราจักไมต รึกในวติ กเหน็ ปานฉะน้ี ซง่ึ เปน วิตกท่ีเลวทราม เปนของชาวบาน เปน ของปุถุชน ไมใชข องพระอริยะ ไมประกอบดว ยประโยชนไมเปน ไป เพ่ือความเบ่อื หนา ย เพ่อื คลายกาํ หนัด เพือ่ ดับกิเลส เพ่ือสงบกิเลส เพอื่ ความรยู ง่ิ เพือ่ ความตรัสรู เพอื่ นพิ พาน คอื กามวติ ก พยาบาทวติ ก วิหิงสาวติ ก ดวยอาการนแ้ี ล เปนอันเธอรสู ึกตัวในเรอ่ื งการตรึก และเธอใสใ จวา เราจกั ตรึกในวติ กเห็นปานฉะน้ี ซง่ึ เปนวิตกของพระอริยะ เปนเคร่อื งนาํ ออก ที่นําออกเพ่ือความส้นิ ทุกขโ ดยชอบแกบ คุ คลผทู ําตาม คอืเนกขัมมวิตก อพั ยาบาทวติ ก อวิหงิ สาวติ ก ดว ยอาการนี้แล เปน อันเธอรูสกึ ตวั ในการตรกึ .
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นกิ าย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 20[๓๔๙] ดกู อนอานนท กามคณุ น้ีมี ๔ อยางแล ๕ อยา งเปน ไฉนคือ รปู ทรี่ ไู ดดว ยจักษุ อันนา ปรารถนา นา ใคร นาพอใจ เปน ที่รัก ประ-กอบดว ยกามเปนทีต่ ้ังแหงความกาํ หนดั เสยี งทรี่ ูดว ยโสด... กล่ินทีร่ ูไดด วยฆานะ... รสทร่ี ูไดดวยชวิ หา... โผฏฐพั พะทีร่ ไู ดด ว ยกาย อันนา ปรารถนา นา ใครนา พอใจเปน ทรี่ ัก ประกอบดว ยกาม เปน ท่ตี ้ังแหง ความกําหนดั ดกู อ นอานนท นแ้ี ล กามคุณ ๕ อยาง ซ่ึงเปน ทท่ี ่ภี ิกษพุ งึ พจิ ารณาจิตของตนเนอื งๆวา มีอยูหรอื หนอแล ทคี่ วามฟงุ ซา นแหง ใจเกิดข้ึนแกเราเพราะกามคุณ ๕ นี้อยางใดอยา งหน่ึง หรือเพราะอายตนะใดอายตนะหน่งึ ดกู อนอานนท ถาภกิ ษพุ จิ ารณาอยู รูชัดอยา งน้ีวา มีอยแู ลท่ีความฟุง ซานแหงใจเกิดข้นึ แกเราเพราะกามคุณ ๕ น้ี อยา งใดอยางหน่งึ หรอื เพราะอายตนะใดอายตนะหนึ่งเมื่อเปน เชน น้ัน ภิกษุยอ มรูชัดอยางนีว้ า ความกําหนดั พอใจในกามคุณ ๕ นี้แล เรายงั ละไมไดแลว แตถา ภกิ ษุพิจารณาอยู รูอ ยางนี้วาไมมีเลยที่ความฟงุ ซานแหง ใจเกดิ ขนึ้ แกเราเพราะกามคุณ ๕ น้อี ยางใดอยา งหนง่ึ หรอื เพราะอายตนะใดอายตนะหน่ึง เมอ่ื เปน เชน น้นั ภกิ ษุยอมรูช ัดอยา งนว้ี า ความกาํ หนดั พอใจในกามคุณ ๕ นแี้ ล เราละไดแลว ดวยอาการนแ้ี ล เปนอันเธอรูส ึกตวั ในเร่อื งกามคณุ ๕. .[๓๕๐] ดกู อ นอานนท อปุ าทานขนั ธท้ัง ๕ นแี้ ล ซึ่งเปน ทีท่ ี่ภิกษุพึงเปนผูพิจารณาเห็นท้งั ความเกดิ และความดบั อยูวา อยางนี้รปู อยางนคี้ วามเกิดข้นึ แหงรูป อยางนคี้ วามดบั แหงรูป อยางนเี้ วทนา อยา งนีค้ วามเกดิ ข้นึแหงเวทนา อยางน้ีความดบั แหง เวทนา อยางนี้สัญญา อยา งนีค้ วามเกดิ ขึน้แหง สญั ญา อยางนี้ความดับแหง สญั ญา อยา งนสี้ ังขาร อยา งนค้ี วามเกิดข้ึนแหง สังขาร อยา งนีค้ วามดับแหงสังขาร อยางนว้ี ญิ ญาณ อยา งนคี้ วามเกดิ ข้ึน
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 21แหง วญิ ญาณ อยางน้คี วามดบั แหง วญิ ญาณ เธอผูพิจารณาเห็นท้ังความเกดิและความดบั ในอุปาทานขนั ธ ๕ นีอ้ ยู ยอมละอสั มมิ านะในอปุ าทานขนั ธ ๕ ไดเม่อื เปน เชนนน้ั ภกิ ษุยอมรชู ัดอยา งนว้ี า เราละอสั มมิ านะในอปุ าทานขันธ ๕ของเราไดแลว ดว ยอาการนี้แล เปนอันเธอรูสึกตวั ในเรือ่ งอปุ าทานขนั ธ ๕. ดกู อ นอานนท ธรรมนัน้ ๆ เหลา นี้แล เน่ืองมาแตก ศุ ลสวนเดยี วไกลจากขาศึก เปน โลกตุ ตระ อันมารผูมบี าปหย่ังลงไมได ดูกอ นอานนทเธอจะสาํ คญั ความขอนน้ั เปน ไฉน สาวกมองเหน็ อาํ นาจประโยชนอะไร จงึ ควรใกลชิดตดิ ตามศาสดา. ทานพระอานนททลู วา ขาแตพระองคผ เู จริญ ธรรมทงั้ หลายของพวกขา พระองค มีพระผูมีพระภาคเจาเปนเหตุ มีพ่ ระผมู ีพระภาคเจาเปนแบบอยาง มีพระผมู พี ระภาคเจาเปนที่พึ่งอาศยั ขอไดโ ปรดเถิดพระพุทธเจา ขาเน้อื ความแหง พระภาษิตนแ้ี จมแจง เฉพาะพระผูมีพระภาคเจา เทานัน้ ภิกษุทง้ัหลายพึงตอ พระผมู พี ระภาคเจา แลวจกั ทรงจําไว. วา ดวยกถาวัตถุ ๑๐ [๓๕๑] พ. ดกู อนอานนท สาวกไมค วรจะติดตามศาสดาเพียงเพื่อฟง สตุ ตุ เคยยะ และไวยากรณเ ลย น้นั เพราะเหตุไร เพราะธรรมทั้งหลายอันพวกเธอสดบั แลว ทรงจาํ แลว คลอ งปากแลว เพง ตามดวยใจแลว แทงตลอดดีแลว ดวยความเห็น เปน เวลานาน ดูกอ นอานนท แตสาวกควรจะใกลชดิ ติดตามศาสดาเพอ่ื ฟงเร่อื งราวเหน็ ปานฉะนี้ ซ่ึงเปนเร่ืองขดั เกลากิเลสอยา งย่งิ เปน ทีส่ บายแกการพจิ ารณาทางใจ เปนไปเพอ่ื ความเบือ่ หนา ยสวนเดียวเพ่ือความคลายกาํ หนดั เพือ่ ดบั กิเลส เพอ่ื สงบกเิ ลส เพ่อื ความรยู ่งิ เพอื่
พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นกิ าย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 22ความตรสั รู เพอ่ื นิพพาน คือ เรอื่ งมกั นอ ย เรือ่ งยนิ ดีของของตน เรอื่ งความสงัด เรอื่ งไมคลุกคลี เรอื่ งปรารภความเพียร เร่ืองศีล เร่ืองสมาธิเรอ่ื งปญญา เร่อื งวมิ ุตติ เรอื่ งวมิ ตุ ตญิ าณทสั สนะ. ดูกอนอานนท เมื่อเปน เชนน้ัน จะมีอุปท วะของอาจารย อปุ ท วะของศิษย อปุ ท วะของผปู ระพฤติพรหมจรรย. [๓๕๒] ดูกอนอานนท ก็อปุ ท วะของอาจารยย อ มมีไดอยางไรดกู อนอานนท ศาสดาบางทา นในโลกนี้ ยอมพอใจเสนาสนะอนั สงดั คอื ปาโคนไม ภเู ขา ซอกเขา ถ้าํ บนภเู ขา ปาชา ปาชฏั ท่แี จง และลอมฟางเมอื่ ศาสดาน้ันหลีกออกแลว อยา งน้นั อยู พวกพราหมณแ ละคฤหบดี ชาวนิคมและชาวชนบทจะพากนั เขาไปหา เมือ่ พวกพราหมณแ ละคฤหบดี ชาวนคิ มและชาวชนบท พากัน เขา ไปหาแลว ศาสดานัน้ จะปรารถนาอยา งหมกมนุจะถึงความวุนวาย จะเวยี นมาเพื่อความเปนผมู ักมาก ดูกอนอานนท ศาสดาน้ีเรยี กวา อาจารยม อี ุปทวะดว ยอปุ ท วะของอาจารย อกุศลธรรมอันลามกเศราหมอง เปนเหตเุ กดิ ในภพใหม มคี วามกระวนกระวาย มีทกุ ขเปนวบิ ากเปนท่ตี งั้ แหง ชาติ ชรา มรณะตอไปไดฆาศาสดานัน้ เสียแลว ดูกอ นอานนทอยา งนแ้ี ล อปุ ทวะของอาจารยย อมมไี ด. [๓๕๓] ดูกอนอานนท กอ็ ปุ ท วะของศษิ ยย อ มมีไดอ ยา งไร ดูกอนอานนท สาวกของศาสดานนั้ แล เม่อื เพ่ิมพนู วิเวกตามศาสดาน้นั ยอมพอใจเสนาสนะอันสงัด คอื ปา โคนไม ภูเขา ซอกเขา ถา้ํ บนภเู ขา ปา ชา ปาชัฏที่แจงและลอมฟาง เมอื่ สาวกนน้ั หลกี ออกแลวอยางนน้ั อยูพวกพราหมณแ ละคฤหบดี ชาวนคิ มและชาวชนบท จะพากนั เขาไปหา เมอ่ื พวกพราหมณแ ละคฤหบดี ชาวนคิ มและชาวชนบท พากันเขาไปหาแลว สาวกนน้ั จะปรารถนาอยา งหมกมนุ จะถึงความวนุ วาย จะเวยี นมาเพ่อื ความเปนผมู ักมาก ดูกอ น
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนกิ าย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 23อานนท สาวกนเ้ี รยี กวา ศิษยมอี ุปทวะดว ยอุปท วะของศิษย อกศุ ลธรรมอันลามก เศราหมอง เปนเหตเุ กดิ ในภพใหม มคี วามกระวนกระวาย มที กุ ขเปน วบิ าก เปน ท่ีตั้งแหง ชาติ ชรามรณะตอ ไป ไดฆา สาวกนั้นเสียแลวดูกอนอานนท อยางนี้แลอปุ ท วะของศิษยยอ มมีได. อปุ ทวะของผปู ระพฤตพิ รหมจรรย [๓๕๘] ดูกอ นอานนท ก็อุปทวะของผปู ระพฤตพิ รหมจรรยย อมมีไดอ ยางไร ดูกอนอานนท ตถาคตอุบตั ิในโลกนี้ ไดเปนผูไกลจากกิเลสรูเองโดยชอบถงึ พรอมดว ยวชิ ชาและจรณะ. ดาํ เนินไปดี รแู จงโลก เปน สารถีผูฝกบรุ ุษท่คี วรฝกอยางหาคนอ่นื ยิง่ กวา มไิ ด เปน ครขู องเทวดา และมนษุ ยทัง้ หลาย เปนผตู น่ื แลว เปนผูแ จกธรรม ตถาคตนนั้ ยอมพอใจเสนาสนะอันสงดัคือ ปา โคนไม ภูเขา ซอกเขา ถาํ้ บนภูเขา ปาชา ปา ชัฏ ทแ่ี จง และลอ มฟาง เม่ือตถาคตนัน้ หลีกออกแลวอยา งนน้ั อยู พวกพราหมณแ ละคฤหบดีชาวนิคมและชาวชนบท จะพากนั เขาไปหา เมอื่ พวกพราหมณและคฤหบดีชาวนิคมและชาวชนบท พากนั เขาไปหาแลว ตถาคตนั้นยอ มไมปรารถนาอยา งหมกมุน ไมถ ึงความวุนวาย ไมเวียนมาเพือ่ ความเปน ผูมักมาก ดูกอ นอานนท สวนสาวกของตถาคตผศู าสดานัน้ แล เม่ือเพม่ิ พูนวเิ วกตามคถาคตผูศาสดา ยอ มพอใจเสนาสนะอันสงดั คอื ปา โคนไม ภูเขา ซอกเขา ถ้ําบนภูเขา ปาชา ปา ชัฏ ที่แจง และลอมฟาง เม่ือสาวกนน้ั หลีกออกแลวอยา งนน้ั อยู พวกพราหมณและคฤหบดี ชาวนิคมและชาวชนบท จะพากนัเขา ไปหา เมอ่ื พวกพราหมณแ ละคฤหบดี ชาวนคิ มและชาวชนบท พากันเขาไปหาแลว สาวกน้นั ยอ มปรารถนาอยางหมกมุน ถงึ ความวุน วาย เวยี นมา
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 24เพ่ือความเปนผมู ักมาก ดูกอ นอานนท สาวกนเี้ รยี กวาผูประพฤตพิ รหมจรรยมีอุปทวะดวยอปุ ทวะของผปู ระพฤตพิ รหมจรรย อกศุ ลธรรมอนั ลามกเศราหมอง เปน เหตุเกิดในภพใหม มีความกระวนกระวาย มที ุกขเปนวบิ ากเปนท่ตี ้ังแหงชาติ ชรามรณะตอ ไป ไดฆ า สาวกนนั้ เสยี แลว ดูกอ นอานนทอยา งนี้แล อปุ ทวะของผปู ระพฤติพรหมจรรยยอ มมไี ด. ดกู อ นอานนท ในอุปท วะทั้ง ๓ นั้น อปุ ท วะของผูป ระพฤตพิ รหม-จรรยน้ี มีวบิ ากเปนทุกข มีวบิ ากเผ็ดรอ นกวาอปุ ทวะของอาจารยแ ละอุปทวะของศษิ ยท งั้ เปน ไปเพือ่ ความตกตาํ่ ดวย ดกู อ นอานนท เพราะฉะนั้นแล พวกเธอจงเรยี กรอ งเราดว ยความเปนมิตร อยาเรยี กรอ งเราดวยความเปนขา ศึก ขอน้ันจักเปน ไปเพ่ือประโยชนเ ก้อื กลู เพอ่ื ความสขุ แกพวกเธอตลอดกาลนาน. [๓๕๕] ดกู อ นอานนท ก็เหลา สาวกยอมเรยี กรองศาสดาดวยความเปน ขาศึก ไมใ ชเรียกรองดวยความเปนมิตรอยา งไร ดกู อ นอานนท ศาสดาในธรรมวินัยนี้ เปนผอู นุเคราะห แสวงหาประโยชนเ กอื้ กูล อาศยั ความเอ็นดูแสดงธรรมแกสาวกท้ังหลายวา นเี่ พือ่ ประโยชนเกื้อกลู แกพวกเธอ นีเ้ พื่อความสุขแกพ วกเธอ เหลาสาวกของศาสดานัน้ ไมฟงดว ยดี ไมเ งย่ี โสตสดับ ไมต ั้งจิตรับรแู ละประพฤตหิ ลกี เล่ยี งคําสอนของศาสดา ดกู อ นอานนท อยางนี้แล เหลาสาวกชือ่ วา เรียกรอ งศาสดาดวยความเปนขา ศกึ ไมใ ชเรยี กรอ งดวยความเปน มติ ร. วาดว ยมิตรปฏิบัติ [๓๕๖] ดกู อ นอานนท กเ็ หลาสาวกยอ มเรียกรอ งศาสดาดวยความเปนมติ ร ไมใ ชเรียกรอ งดว ยความเปน ขา ศึกอยางไร ดูกอ นอานนท ศาสดา
พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 25ในธรรมวินัยน้เี ปนผูอนุเคราะห แสวงหาประโยชนเ กอ้ื กูล อาศยั ความเอ็นดูแสดงธรรมแกสาวกทง้ั หลายวา นเี้ พื่อประโยชนเก้ือกูลแกพวกเธอ นี้เพ่อืความสขุ แกพ วกเธอ เหลาสาวกของศาสดาน้ัน ยอมฟงดว ยดี เงยี่ โสตสดบัต้งั จิตรบั รแู ละไมป ระพฤตหิ ลกี เลยี งคําสอนของศาสดา ดูกอนอานนท อยา งนแ้ี ลเหลา สาวกชอ่ื วาเรียกรอ งศาสดาดวยความเปน มติ ร ไมใ ชเรยี กรองดวยความเปน ขา ศึก. ดกู อนอานนท เพราะฉะนัน้ แล พวกเธอจงเรยี กรอ งเราดว ยความเปนมติ ร อยา เรยี กรอ งดวยความเปน ขา ศึก ขอน้ันจกั เปน ไปเพื่อประโยชนเกอื้ กูล เพอื่ ความสุขแกพ วกเธอตลอดกาลนาน ดกู อนอานนท เราจักไมประคับประคองพวกเธอ เหมอื นชา งหมอประคับประคองภาชนะดนิ ดิบทยี่ งัดบิ ๆ อยู เราจกั ขมแลว ๆ จึงบอก จักยกยอ งแลว ๆ จึงบอก ผใู ดมีแกน สารผืนน้ี จกั ตัง้ อย.ู พระผมู ีพระภาคเจาไดต รสั พระภาษติ นี้แลว ทา นพระอานนทจ ึงช่นื ชมยนิ ดีพระภาษติ ของพระผมู พี ระภาคเจาแล. จบ มหาสญู ญตสูตรที่ ๒
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 26 อรรถกถามหาสูญญตาสูตร มหาสญุ ญตาสูตร๑ มบี ทเร่มิ ตนวา ขาพเจา ไดสดบั มาอยา งน้:ี - บรรดาบทเหลา นนั้ บทวา กาฬเขมกสฺส ความวา เจาศากยะนั้นมีผิวดาํ . ก็คาํ วา เขมโก เปนชอื่ ของเจา ศากยะนนั้ . บทวา วหิ าโร หมายถึงที่พกั ซง่ึ เจาศากยะลอ มรวั้ ณ ประเทศแหงหนง่ึ ใกลน ิโครธารามนัน้ แหละสรา งซุมประตู ประดิษฐานเสนาสนะรปู หงสเปนตน และมาลมณฑลโรงฉันเปน ตน สรางไว. บทวา สมพฺ หุลานิ เสนาสนานิ ไดแ ก เตียง ต่งัฟูก หมอน เสื่อ ทอ นหนงั สนั ถัตทท่ี ําดว ยหญา สันถดั ที่ทาํ ดวยใบไมสนั ถดั ท่ที ําดวยฟางเปน ตน ซึง่ เขาปูลาดไว คอื ต้ังเตียงจดเตยี ง ฯลฯ ตัง้สันถดั ที่ทําดว ยฟาง จดสนั ถดั ทท่ี าํ ดว ยฟางเหมือนกัน . ไดเปนเหมือนทอ่ี ยขู องภิกษุท่ีอยูก ัน เปน คณะ. บทวา สมพฺ หลุ า นโุ ข ความวา ขึน้ ช่อื วา ความสงสนั ยอมไมมแี กพ ระผูม ีพระภาคเจา เพราะพระองคท รงถอนกเิ ลสท้ังปวงไดแลวทีโ่ พธบิ ัลลังก็นน้ั แล. ปจุ ฉาท่ีมีวติ กเปนบพุ ภาคกด็ ี และนอุ ักษรที่มวี ติ กเปนบุพภาคก็ดี เปนเพียงนบิ าต เมอื่ ถึงวาระพระบาลี ยอ มเปน อันไมต องวนิ ิจฉัย. ไดยนิ วา กอ นหนา แตนี้ พระผมู ีพระภาคเจา ไมเ คยทอดพระเนตรเห็นภกิ ษทุ งั้ หลายจะอยูในที่เดยี วกัน ถงึ ๑๐ รปู ๑๐ รปู . ครงั้ น้นั พระองคไดมพี ระดาํ ริดงั นวี้ า ข้นึ ชอ่ื วา การอยูเปน คณะน้ีไดป ระพฤตปิ ฏบิ ัติกนั มาในวัฏฏะแลว เหมือนนํ้าท่ีไหลลงสูแมน้าํ และการอยูเปน คณะก็ไดป ระพฤติกนั มาแลว ในนรก กําเนดิ สัตวเดียรจั ฉาน ปตติวิสัยและอสุรกายกม็ ี ในมนษุ ยโลก เทวโลก และพรหมโลกก็มี นรกหม่ืนโยชนแนนไปดวยสัตวท ้ังหลาย เหมือนทะนานที่เต็มไปดวยผงคีบุก เหลาสัตวใ น๑. พระสตู รเปน มหาสุญญตสตู ร
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนกิ าย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 27สถานทเ่ี ขาลงโทษดว ยเครือ่ งจองจํา ๕ ประการ จะประมาณหรือกาํ หนดไมไ ดเหลาสตั วท ี่อยกู นั เปนคณะยอ มเดอื นรอน ในที่ซึ่งถูกมีดฟนเปนตน เหมอื นอยา งน้ัน. ในกาํ เนดิ สตั วเดยี รัจฉาน หมปู ลวกในจอมปลวกแหง หนงึ่ ยอมจะประมาณหรือกําหนดไมไ ด และหมูมดแดงเปน ตน แมในรังแตล ะรงั เปนตนกเ็ หมือนกนั และแมใ นกาํ เนดิ สัตวเดยี รัจฉานกย็ อมอยรู วมกนั เปน คณะ ก็นครเปรตมดี าวุตหนึ่งกม็ ี ครงึ่ โยชนก ็มี เต็มไปดว ยเปรต แมในพวกเปรตก็อยูรวมกันเปน คณะอยา งนแี้ หละ. ภพอสูรมีประมาณหมืน่ โยชนเ หมือนรหู ทู ีเ่ อาเข็มเสียบไวทห่ี ู แมใ นอสรุ กาย กย็ อ มอยกู นั เปน คณะอยา งน้ี . ในมนษุ ยโลกเฉพาะกรงุ สาวัตถี มถี งึ หาลา นเจด็ แสนตระกูล. ในกรุงราชคฤหทั้งภายในภายนอก มีมนุษยอ าศยั อยู ๑๘ โกฏิ ในฐานะแมอ่นื ๆ คอื แมใ นมนษุ ยโลกกอ็ ยกู นั เปน คณะเหมอื นกัน. แมในเทวโลก และพรหมโลก ตั้งตน แตภ มุ ม-เทวดาไป ก็อยูกนั เปน คณะ. กเ็ ทวบุตรแตล ะองคยอ มมีเทพอกั ษรผูฟอ นราํ ถงึสองโกฏคิ รึ่ง บางองคม ถี ึง ๙ โกฏิ ถงึ พรหมจาํ นวนนบั หมื่นกอ็ ยรู วมในที่เดียวกนั . แตน ้ันทรงดาํ รวิ า เราบาํ เพญ็ บารมี ๑๐ ทศั ถึง ๔ อสงไขยแสนกปักเ็ พ่อื กาํ จดั การอยูรวมเปน คณะ แตภกิ ษุเหลา นี้ นับจําเดิมแตนไี้ ป ภิกษเุ หลา นี้ยอ มเกาะกลมุ ยนิ ดีในหมู กระทาํ กรรมไมส มควรเลย พระองคทรงเกดิ ธรรมสังเวช เพราะภกิ ษุท้งั หลายเปน เหตุ ทรงดาํ ริวา ถาเราจกั บญั ญตั สิ ิกขาบทวาภกิ ษุสองรปู ไมพ ึงอยใู นทเี่ ดียวกัน แตไมสามารถจะบญั ญัตไิ ด เอาละเราจะแสดงพระสูตรชื่อ มหาสุญญตาปฏบิ ตั ิ ซึ่งจกั เปนเหมือนการบัญญัติสิกขาบทสําหรบั กลุ บุตรผใู ครต อ การศกึ ษา และเหมือนกระจกสําหรับสอ งหมูสตั วทุกหมูเ หลา ทีว่ างไว ณ ประตูเมอื ง แตน นั้ กษตั รยิ เ ปน ตน เหน็ โทษของตนในกระจกบานหน่งึ ละโทษนัน้ ยอ มเปนผูหาโทษมิได ฉันใด แมเมื่อเราปริ-นพิ พานแลว ลว งไปถึง ๕,๐๐๐ ป กุลบุตรทัง้ หลายยอมระลกึ ถึงพระสูตรนี้
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 28จกั บรรเทาความเปนหมู ยนิ ดใี นเอกีภาพ จกั กระทาํ ที่สดุ แหง วัฏฏทุกขไ ด.กลุ บุตรท้งั หลายระลึกถึงพระสูตรนี้แลว บรรเทาความเปนหมยู ังทุกขใ นวฏั ฏะใหส น้ิ ไป แลวปรินพิ พาน นับไมถ วน เหมือนยังมโนรถของพระผูม ีพระภาคเจาใหบ ริบูรณ. ก็แมในวาลิกปฏ ฐวิ หิ าร พระอภัยเถระผชู ํานาญพระอภธิ รรมสาธยายพระสูตรครั้น รวมกับภกิ ษทุ ั้งหลายเปนอนั มาก ในวัสสปู นายิกสมยักลา ววา พระสัมมาสมั พุทธเจาโปรดใหท าํ อยางนี้ พวกเราจะทาํ อยา งไรกนั .ภกิ ษุเหลา น้นั ทง้ั หมด บรรเทาควานอยูร วมเปน คณะ ยนิ ดใี นเอกีภาพ แลวบรรลพุ ระอรหตั ภายในพรรษา. พระสตู รนีช้ อื่ วา ทําลายความอยูรวมเปนคณะดวยประการฉะน.ี้ บทวา ฆฏายะ ไดแก เจาศากยะผูมชี อ่ื อยา งน้นั . บทวา วิหาเรความวา แมใ นวหิ ารนี้ พงึ ทราบวา สรางไวในเอกเทศของนโิ ครธารามนนั้ เองเหมอื นวิหารของเจาศากยะชือ่ กาฬเขมกะ. บทวา จวี รกมมฺ ความวา การจดั แจงเอาผา เกา เศรา หมอง มาดามปะและชกั เปน ตน ก็ดี ผา ที่เกิดข้นึ เพื่อทําจวี รจะยังไมไ ดกะ และยงั ไมเ ยบ็ มาจัดแจงกด็ กี ็ควร. แตในทนี่ ้ปี ระสงคเอาสวนท่ียงัไมไดจดั ทํา. ก็มนษุ ยทง้ั หลายไดถ วายผา จวี รแกพ ระอานนทเถระ. เพราะฉะนน้ัพระเถระจึงชวนภิกษุเปนอนั มาก ไปทาํ จวี รกรรมในวหิ ารนน้ั . แมภิกษเุ หลานั้นน่ังตง้ั แตเ รม่ิ รอยเขม็ แตเ ชาตรู ลกุ ข้นึ ในเวลาไมปรากฏ. เม่ือเยบ็ เสรจ็ แลวภกิ ษุเหลา น้ันคดิ วา จกั จดั เสนาสนะแคยงั ไมไดจ ัด. บทวา จีวรกาลสมโย โนความวา ไดย ินวา พระเถระคิดวา พระผมู พี ระภาคเจา จักทรงเห็นเสนาสนะท้งั หลายทีภ่ กิ ษุเหลานี้ ยงั ไมไ ดเ ก็บไวแ นแท ดวยประการฉะนี้ พระศาสดา.จักไมทรงพอพระทยั ประสงคจ ะกําหราบ เราจกั ชวยเหลือภิกษุเหลานี้ เพราะฉะน้นั พระเถระจงึ กลา วอยางนี้. กใ็ นอนั มอี ธบิ ายดงั นี้ พระอานนททูลวาพระเจาขา ภกิ ษุเหลาน้ี มิใชม ุง แตการงานอยางเดยี วเทาน้ัน แตอยอู ยา งนี้
พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 29โดยจีวรกิจ. บทวา น โข อานนทฺ ความวา ดูกอนอานนท กัมมสมัยก็ดีอกมั สมยั ก็ดี จีวรกาลสมัยกด็ ี อจีวรกาลสมยั กด็ ี จงยกไว ภกิ ษทุ ่ียนิ ดดี วยการคลุกคลี ยอมไมง ามเลย เธออยา ไดชวยเหลือ ในฐานะที่ไมควรชว ยเหลอื .บรรดาบทเหลา นน้ั บทวา สงคฺ ณิกา เปนบทรวมบริษทั ของตน. บทวาคโณ เปนบทรวมชนตา ง ๆ. ดว ยประการฉะน้ี ภกิ ษจุ ะยนิ ดีดวยการคลุกคลีกต็ าม ยินดใี นคณะกต็ าม ยินดใี นความหมายแนน ของหมู เก่ยี วเนื่องดว ยหมูยอมไมงามโดยประการท้งั ปวง. แกภ กิ ษปุ ด กวาดทพ่ี ักกลางวนั ในเวลาหลังภัตรแลวลา งมอื เทาสะอาด รับมูลกัมมัฏฐาน ประกอบเนือง ๆ ซึ่งความเปนผูมีอารมณเปนหนงึ่ ยอ มงดงามในพระพทุ ธศาสนา. บทวา เนกฺขมฺมสุข ความวา สขุ ของภิกษผุ อู อกจากกามแมจ ะเปน สขุทเ่ี กดิ แตค วามสงบ ก็จดั เปนสุขเกดิ แตความสงบจากกาม. กท็ ่ชี ื่อวา อปุ สมสุขเพราะอรรถวา เปนไปเพอ่ื สงบกิเลสมีราคะเปนตน . ชอื่ วา สัมโพธสิ ขุ เพราะอรรถวา เปนไปเพ่อื รูพรอ มซงึ่ มรรค. บทวา นิกามลาภี แปลวา ไดต ามที่ตอ งการ คอื ไดตามทปี่ รารถนา. บทวา อกจิ ฺฉลาภี แปลวา ไดโ ดยไมย าก.บทวา อกสิรลาภี แปลวา ไดโ ดยงาย. บทวา สามายกิ ไดแ กพ น กเิ ลสเปน คราว ๆ. บทวา กนตฺ แปลวา เปน ทช่ี อบใจ. บทวา เจโตวมิ ตุ ตึไดแกเ จโตวมิ ุตติท่ีเปนรูปาวจรและอรูปาวจร. สมจริงดังท่ตี รสั ไวว า ฌาน ๔และอรปู สมาบตั ิ ๔ น้ี จัดเปน วิโมกขช ัว่ สมัย. บทวา อสามายิต ความวาพน จากกิเลสโดยไมเ นอ่ื งดวยสมัย. อัจจันตวิมตุ ติจัดเปนโลกุตตระแท. สมดงัที่ตรสั ไวว า อริยมรรค ๔ สามัญญผล ๔ น้ี จดั เปนวิโมกขท ไี่ มเ ปน ไปชัว่ สมัย.บทวา อกุปฺป แปลวา ไมย ังกเิ ลสใหก าํ เรบิ . ตามทอี่ ธิบายมาน้ี ทานกลา วหมายถงึ อะไร. ภกิ ษุทช่ี อบคลกุ คลีกันและผูกพันเปน คณะ ยอ มไมอ าจจะยงั โลกยิ คุณและโลกตุ ตรคณุ ใหเกดิ ขึ้นได. แตถา บรรเทาการอยเู ปน คณะ ยนิ ดี
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 30ในเอกีภาพ กอ็ าจจะยังโลกยิ คณุ และโลกุตตรคุณใหเกิดได จรงิ อยา งนน้ัแมพ ระวปิ สสโี พธิสตั ว แวดลอ มไปดวยบรรพชิต ๘๔,๐๐๐ รูป เทยี่ วไป ๗ ปกไ็ มอาจจะยังสพั พัญุตญาณใหเ กิดได. ครัน้ บรรเทาความเปน อยูเปนคณะแลวยนิ ดใี นเอกีภาพ ขนึ้ สโู พธมิ ณฑล ๗ วนั . ยังคณุ แหงสพั พญั ูใหเกดิ แลว.พระโพธิสัตวของเราทั้งหลาย เท่ียวไปตลอด ๖ ป กับภิกษเุ บญจวคั คีย ก็ไมสามารถจะยงั คณุ แหง พระสพั พัญใู หเ กิดข้นึ ได. เม่อื พระเบญจวัคคียหลกี ไปแลว ทรงยนิ ดใี นเอกภี าพ เสดจ็ ขนึ้ สโู พธิมณฑล ยังคุณแหง พระสพั พัญูใหเกดิ แลว. พระผมู พี ระภาคเจาครั้นทรงแสดงวา ผูทีช่ อบคลกุ คลไี มม ีทางท่ีจะบรรลคุ ณุ พเิ ศษไดอ ยา งน้แี ลว บดั น้ีเม่ือจะทรงแสดงความเกิดโทษ จึงตรสั วานาห อานนฺท เปนตน . ในบทเหลา นัน้ บทวา รูป ไดแ กส รรี ะ. บทวายตฺถ รตฺตสสฺ ไดแ ก ยินดโี ดยกาํ หนดั ในรูปใด. บทวา น อุปฺปชเฺ ชยยฺ ุความวา ไมเ กดิ แกภิกษุผูกาํ หนดั ในรูปใด เราไมพิจารณาเหน็ รูปนน้ั ทแ่ี ทยอ มบังเกิดนีไ้ ด เหมือนเกดิ แกปรพิ พาชกช่ือวา สญั ชัย โดยความเปนอยางอืน่ คราวเมือ่ พระสารีบตุ รและพระมหาโมคคัลลานะเขาไปเปนสาวกของพระทศพล เหมือนเกดิ แกน ิครนถนาฏบตุ ร คราวอุบาลีคฤหบดีเปลย่ี นใจและเหมือนเกดิ แกเศรษฐีเปน ตน ในปยชาติกสูตร. บทวา อย โข ปน อานนฺท เปนบทเชือ่ มความอันหน่ึง. กถ็ าภกิ ษุผูบวชใหม ผมู คี วามรตู ่ําบางรูป จักพงึ กลา ววา พระสมั มาสัมพทุ ธเจาดีแตน ําพวกเราออกจากหมู ประกอบไวใ นความโดดเด่ยี ว เหมือนชาวนานําโคทีเ่ ขา ไปสนู าออกจากนา สวนพระองคเองแวดลอ มไปดว ยพระราชาและขา ราช.บริพารเปนตน เพราะฉะนั้น พระตถาคตแมจ ะประทับนง่ั ทามกลางบรษิ ัทมีจักรวาลเปนทสี่ ดุ กท็ รงเร่ิมเทศนาน เพือ่ จะทรงแสดงวาเปนผูอยโู ดดเดี่ยว
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 535
Pages: