Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_31

tripitaka_31

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:36

Description: tripitaka_31

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 1 พระสุตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ท่ี ๕ ภาคท่ี ๒ขอนอบนอ มแดพ ระผมู พี ระภาคอรหันตสัมมาสมั พทุ ธเจาพระองคน ้นั อนิ ทรยิ สงั ยุ สทุ ธิกวรรคท่ี ๑ ๑. สทุ ธกิ สูตร วาดวยอินทรยี  ๕ [๘๔๓] สาวตั ถนี ิทาน. ณ ทนี่ ั้นแล พระผูมพี ระภาคเจาไดตรสั พระ-พุทธพจนนี้ วา ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย อนิ ทรีย ๕ ประการน้ี ๕ ประการเปนไฉนคอื สทั ธนิ ทรยี  ๑ วริ ิยินทรีย ๑ สตนิ ทรีย ๑ สมาธินทรยี  ๑ ปญ ญนิ ทรีย ๑ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย อนิ ทรยี  ๕ ประการน้ีแล. จบสุทธิกสูตรท่ี ๑

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 2 อินทริยสงั ยตุ ตวรรณนา สุทธกิ วรรคที่ ๑ อรรถกถาสุทธิสูตร อินทริยสงั ยุต สทุ ธิกสตู รที่ ๑.อินทรีย ๓ อยา งน้ี คือ สัทธนิ -ทรยี  สตนิ ทรยี  ปญญนิ ทรีย ยอ มได ทัง้ ในกุศลและวบิ ากทีเ่ ปน ไปในภูมิ๔ ทั้งในกิริยา. วิริยินทรยี  สมาธินทรยี  ยอ มไดใ นจติ ทกุ ดวงคือ ในกศุ ลทเ่ี ปนไปในภมู ิ ๔ ในอกศุ ลวบิ าก ในกิรยิ า. พงึ ทราบวา พระสตู รนี้พระผูมีพระภาคเจา ไดต รัสดว ยอํานาจการกาํ หนดธรรม ที่รวมเขาไวทั้งส่ภี ูม.ิ จบอรรถกถาสทุ ธิกสตู รท่ี ๑ ๒. ปฐมโสตาสตู ร* รคู ุณโทษของอินทรยี  ๕ เปนพระโสดาบนั [๘๔๔] ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย อนิ ทรยี  ๕ ประการนี้ ๕ ประการเปนไฉน คือ สทั ธนิ ทรีย ๑ วิริยินทรีย ๑ สตนิ ทรยี  ๑ สมาธนิ ทรีย ๑ ปญ -ญนิ ทรีย ๑ เมอ่ื ใดแล อรยิ สาวกรูชัดซึ่ง (ความเกิด ความดบั ) คุณ โทษและอุบายเคร่ืองสลัดออกแหง อนิ ทรีย ๕ ประการน้ี ตามความเปนจรงิ เม่ือนั้นเราเรยี กอรยิ สาวกนี้วา เปน พระโสดาบัน มีความไมต กต่ําเปน ธรรมดา เปนผูเท่ยี งที่จะตรัสรใู นเบอื้ งหนา. จบปฐมโสตาสูตรที่ ๒*ตง้ั แตส ตู รที่ ๒-๖ ไมม ีอรรถกถา

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 3 ๓. ทตุ ยิ โสตาสตู ร รูความเกดิ ดบั ของอนิ ทรย ๕ เปนพระโสดาบัน [๘๔๕ ] ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย อินทรีย ๕ ประการนี้ ๕ ประการเปนไฉน. ฯลฯเม่อื ใดแล อรยิ สาวกรูช ดั ซง่ึ ความเกิด ความดบั คณุ โทษ และอบุ ายเครื่องสลัดออก... เปนพระโสดาบนั มีความไมตกตาํ่ เปนธรรมดา เปนผเู ที่ยงท่จี ะตรสั รใู นเบือ้ งหนา . จบทตุ ิยโสตาสตู รท่ี ๓ ๔. ปฐมอรหัตสตู ร รคู วามเกดิ ดับของอนิ ทรีย ๕ เปน พระอรหันต [๘๔๖] ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย อนิ ทรยี  ๕ ประการน้ี ๕ ประการเปนไฉน คือ สัทธนิ ทรยี  ๑ วริ ยิ นิ ทรีย ๑ สตินทรีย ๑ สมาธินทรยี  ๑ ปญ-ญนิ ทรีย ๑ เม่อื ใดแล. ภกิ ษรุ ชู ดั ซ่ึงความเกดิ ความดบั คณุ โทษ และอบุ ายเครอ่ื งสลัดออกแหง อินทรยี  ๕ ประการน้ี ตามความเปน จริงแลว เปนผหู ลดุ พน เพราะไมย ดึ มัน่ เมอื่ นนั้ เราเรยี กภิกษุน้นั วา เปน พระอรหนั ต-ขีณาสพ อยูจ บพรหมจรรย ทํากิจท่คี วรทําเสร็จแลว ปลงภาระลงแลว บรรลุประโยชนของตนแลว สิ้นสงั โยชนท่จี ะนาํ ไปสูภพแลว หลุดพน แลว เพราะรูโดยชอบกอน. จบปฐมอรหนั ตสูตรท่ี ๔

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 4 ๕.ทตุ ยิ อรหันตสูตร รูความเกดิ ดบั ของอนิ ทรยี  ๕ เปน พระอรหนั ต [๘๔๗] ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย อินทรีย ๕ ประการนี้ ๕ ประการเปนไฉน คือ สัทธนิ ทรีย ๑ วิริยินทรีย ๑ สตินทรีย ๑ สมาธนิ ทรยี  ๑ ปญ -ญินทรีย ๑ เม่อื ใดแล ภกิ ษรุ ชู ดั ซ่ึงความเกดิ ความดับ คณุ โทษ และอุบายเคร่อื งสลัดออกแหง อินทรยี  ๕ ประการนี้ ตามความเปน จริงแลว เปนผูหลดุ พนเพราะไมถ อื มัน่ เมื่อนน้ั เราเรยี กภกิ ษนุ ั้นวา พระอรหนั ตขณี าสพอยจู บพรหมจรรย ทาํ กจิ ทค่ี วรทําเสรจ็ แลว ปลงภาระลงแลว บรรลุประโยชนของตนแลว ส้ินสงั โยชนท ่จี ะนําไปสภู พแลว หลุดพน แลว เพราะรโู ดยชอบ. จบทตุ ิยอรหนั ตสตู รที่ ๕ ๖. ปฐมสมณพราหมณสตู รผูไมรูความเกดิ ดับของอินทรีย ๕ ไมนับวา สมณะหรือพราหมณ. [๘๔๘] ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย อนิ ทรยี  ๕ ประการนี้ ๕ ประการเปนไฉน คือ สทั ธินทรยี  ๑ วริ ิยินทรีย ๑ สตนิ ทรีย ๑ สมาธินทรยี  ๑ ปญ-ญินทรยี  ๑ กส็ มณะหรอื พราหมณพ วกใดพวกหนงึ่ ไมรชู ัดซึ่งความเกดิความดบั คุณ โทษ และอุบายเครือ่ งสลัดออกแหงอินทรยี  ๕ ประการน้ี ตามความเปนจรงิ สมณะหรอื พราหมณพ วกนัน้ เราไมน บั วาเปน สมณะในพวกสมณะ หรอื เปน พราหมณในพวกพราหมณ เพราะทานเหลา น้ันยงั ไมก ระทํา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 5ใหแ จง ซ่งึ ประโยชนของความเปน สมณะ หรอื ของความเปน พราหมณ ดว ยปญญาอนั ยงิ่ เองในปจ จบุ ัน เขา ถึงอย.ู [๘๔๙] ดูกอ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย สว นสมณะหรือพรหมณเหลา ใดรูชัดซึง่ ความเกิด ความดบั คุณ โทษ และอุบายเคร่อื งสลัดออกแหง อนิ ทรีย๕ ประการนี้ ตามความเปนจริง สมณะหรือพราหมณเหลานนั้ เรานบั วา เปนสมณะในพวกสมณะ หรอื เปน พราหมณใ นพวกพราหมณ เพราะทา นเหลานั้นกระทําใหแจงซ่ึงประโยชนของความเปนสมณะและของความเปน พราหมณดว ยปญ ญาอันยิ่งเองในปจ จบุ ัน เขาถึงอย.ู จบปฐมสมณพราหมณส ตู รที่ ๖ ๗. ทุติยสมณพราหมณสูตร ผรู ชู ดั ถึงความเกดิ ของอินทรยี  ๕ นบั วาเปน สมณพราหมณ [๘๕๐] ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย สมณะหรือพราหมณเ หลา ใดเหลาหนง่ึไมร ชู ัดซึ่งสัทธินทรีย ความเกิดแหงสัทธนิ ทรีย ความดบั แหง สัทธินทรยี และปฏิปทา อันใหถ งึ ความดับแหง สทั ธินทรยี  ไมร ูชัดซ่ึงวิรยิ ินทรีย ฯลฯสตนิ ทรีย ฯลฯ สมาธนิ ทรีย ฯลฯ ไมรชู ัดซง่ึ ปญญนิ ทรีย ความดบั แหงปญ -ญนิ ทรยี  ปฏปิ ทาอันใหถ งึ ความดับแหงปญญินทรีย สมณะหรือพราหมณเ หลานั้น เราไมนบั วา เปน สมณะในพวกสมณะ หรอื เปนพราหมณใ นพวกพราหมณเพราะทานเหลา นั้นยังไมกระทําใหแ จง ซึง่ ประโยชนข องความเปนสมณะหรือของความเปน พราหมณ ดว ยปญญาอนั ยิ่งเองในปจจบุ นั เขาถึงอยู.

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 6 [๘๕๑] ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย สว นสมณะหรือพราหมณเ หลาใดเหลาหนงึ่ รชู ดั ซง่ึ สัทธนิ ทรีย ความเกิดแหง สทั ธินทรีย ความดับแหง สทั ธนิ ทรยี และปฏิปทาอนั ใหถ ึงความดับแหง สัทธินทรีย รชู ดั ซงึ่ วริ ิยินทรีย... สติน-ทรยี ... สมาธนิ ทรีย. .. รชู ดั ซ่ึงปญ ญินทรยี  ความเกดิ แหงปญ ญินทรยี ความดบั แหงปญ ญินทรยี  และปฏิปทาใหถึงความดับแหง ปญ ญนิ ทรีย สมณะหรอื พราหมณพวกน้ัน เรานับวา เปน สมณะในพวกสมณะ หรือเปนพราหมณในพวกพราหมณ เพราะทา นเหลา นัน้ กระทาํ ใหแ จง ซ่งึ ประโยชนของความเปนสมณะและของความเปน พราหมณ ดว ยปญญาอนั ยิง่ เอง ในปจจุบันเขา ถงึ อย.ู จบทตุ ิยสมณพราหมณสูตรท่ี ๗ อรรถกถาทตุ ิยสมณพราหมณสตู ร สูตรที่ ๗. คําวา ไมร ชู ดั ซ่งึ สัทธินทรีย คือไมเขา ใจดวยอาํ นาจแหง ทกุ ขสัจ. คาํ วา ไมร ชู ัดซ่งึ ความเกิดข้ึนแหง สทั ธนิ ทรีย คอื ไมเ ขาใจชัดดว ยอาํ นาจสมุทยั สจั ไมเ ขา ใจชดั นโิ รธดวยสามารถแหง นโิ รธสจั ไมเขาใจชัดทางปฏิบตั ิ ดวยอาํ นาจมรรคสัจ อยางน้แี ล. แมในคาํ ทีเ่ หลอื ก็นยันีแ้ หละ. สวนในฝายขาว การเกิดขนึ้ พรอ มแหง สัทธินทรีย ยอ มมไี ดด ว ยการเกดิ ขึน้ พรอ มแหง การพจิ ารณาดว ยอาํ นาจอธิโมกข (การนอมใจเชอ่ื ). การเกดิ ขน้ึ พรอมแหง วิริยนิ ทรยี  ยอมมไี ดด ว ยการเกดิ ขึ้นพรอ มแหงการพจิ ารณาดว ยอาํ นาจการประคบั ประคองจติ ไว การเกิดขึ้นพรอ มแหง สตนิ ทรยี  ยอ มมไี ด

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 7ดวยการเกิดข้ึนพรอ มแหง การพิจารณาดว ยอาํ นาจการเขาไปตั้งจิตใจ (การปรากฏ) การเกิดขนึ้ พรอมแหง สมาธินทรีย ยอมมีไดด ว ยการเกิดขึน้ พรอ มแหงการพิจารณาดว ยอาํ นาจความไมซัดสา ย (ไมฟ ุงซาน) การเกดิ ข้ึนพรอ มแหงปญ ญินทรีย ยอมมีไดดว ยการเกดิ ขึ้นพรอมแหง การพจิ ารณาดวยอาํ นาจทรรศนะ (ความเห็น). อีกอยา งหนึง่ การเกดิ ข้นึ พรอ มแหง สัทธินทรีย ยอ มมไี ดด ว ยการเกดิ ขนึ้ พรอมแหงการพจิ ารณาดว ยอาํ นาจฉนั ทะ (ความพอใจ). การเกิดข้นึพรอมแหง วิริยนิ ทรยี  สตนิ ทรีย สมาธินทรีย และปญญินทรีย ยอ มมไี ดดว ยการเกดิ ขน้ึ พรอ มแหงการพจิ ารณาดวยอํานาจฉนั ทะ. การเกดิ ข้ึนพรอมแหง สัทธนิ ทรยี  ยอ มมีไดดวยการเกดิ ข้นึ พรอมแหง การพิจารณาดว ยอาํ นาจมนสิการ (การใสใจ). การเกิดข้ึนพรอมแหงวิริยินทรยี  สตนิ ทรยี  สมาธินทรยี และปญญินทรีย ยอ มมไี ดด ว ยการเกิดข้นึ พรอ มแหงการพิจารณาดว ยอาํ นาจมนสกิ าร. พงึ ทราบใจความแมด วยประการฉะน.้ี ใน ๖ สูตรตามลาํ ดบั เหลานี้พระผมู ีพระภาคเจา ไดทรงแสดงเกีย่ วกับสัจจะส่ปี ระการนั่นเอง. จบอรรถกถาทุติยสมรพรหมณสูตรท่ี ๗

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 8 ๘. ทัฏฐพั พสตู ร วาดวยการเห็นอินทรีย ๕ ในธรรมตาง ๆ [๘๕๒] ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย อนิ ทรยี  ๕ ประการน้ี ๕ ประการเปนไฉน คือ สทั ธนิ ทรยี  ฯลฯ ปญ ญินทรยี . [๘๕๓] ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย ก็จะพึงเห็นสทั ธินทรยี ในธรรมไหนเลา .ในโสตาปตตยิ ังคะ ๔ พึงเหน็ สัทธินทรียใ นธรรมน.ี้ [๘๕๔] กจ็ ะพึงเห็นวิริยนิ ทรียใ นธรรมไหนเลา. ในสัมมปั ปธาน ๔พึงเหน็ วริ ยิ ินทรยี ในธรรมน.ี้ [๘๕๕] กจ็ ะพงึ เหน็ สตนิ ทรยี ใ นธรรมไหนเลา . ในสติปฏ ฐาน ๔พงึ เห็นสตนิ ทรียใ นธรรมน้ี. [๘๕๖] กจ็ ะพงึ เหน็ สมาธินทรยี ในธรรมไหนเลา. ในฌาน ๔ พงึ เห็นสมาธนิ ทรียใ นธรรมนี้. [๘๕๗] กจ็ ะพงึ เหน็ ปญญินทรียใ นธรรมไหนเลา. ในอรยิ สจั ๔ พึงเห็นปญ ญนิ ทรยี ในธรรมนี้ ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย อนิ ทรีย ๕ ประการนีแ้ ล. จบทัฏฐพั สูตรที่ ๘

พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 9 อรรถกถาทัฏฐพั พสตู ร สูตรท่ี ๘. คําวา ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย กจ็ ะพงึ เหน็ สัทธนิ ทรียในธรรมไหนเลา ความวา พระผูมีพระภาคเจาไดตรัสคาํ เปนตน วา ในโสตาปตติยังคะ ๔ ประการ เพือ่ ทรงชค้ี วามทอ่ี ินทรียเ หลา นีส้ าํ คญั ท่ีสดุ ในวิสัย (อารมณ) ของตน. เหมอื นอยา งวา ลกู ชายเศรษฐี ๔ คน ในเม่อื กลุม เพือ่ นซง่ึ มพี ระราชาธริ าชเปน ที่ ๕ หยงั่ ลงสูถนน ดว ยคดิ วา พวกเราจะเลนงานนักษตั รฤกษ เวลาไปถงึ เรอื นลกู ชายเศรษฐีคนหนึ่ง นอกน้ี ๔ คนกน็ ั่งนิง่ . เจาของเรอื นเทา น้นัทไี่ ดเ ทีย่ วสัง่ งานในเรือนวา จงใหข องเคี้ยว ของกนิ แกทา นเหลา น้ี จงใหเครือ่ งแตง ตวั มีของหอมและพวงมาลัยเปนตนแกท านเหลานี.้ ครัน้ เวลาไปถึงเรือนคนท่ี ๒ ที่ ๓ และท่ี ๔ อกี คนนอกนี้ ก็น่ังนง่ิ . เจาของเรือนเทา น้ันทไี่ ดเทีย่ วสั่งงานในเรือนวา จงใหข องเค้ียว ของกนิ แกทา นเหลาน้ี จงใหเคร่ืองแตง ตัวมีของหอมและพวงมาลัยเปน ตน แกทา นเหลา นี้ ฉนั ใด ก็ฉันนน้ัเหมือนกัน แมเ มอื่ อนิ ทรยี ท ม่ี ศี รัทธาเปนท่ี ๕ ซ่งึ เกิดขึ้นในอารมณอนัเดยี วกนั เหมอื นเมือ่ พวกเพ่อื นเหลา น้ัน หย่ังลงสูถนนไปดว ยกัน เม่ือไปถงึโสดาปตติยงั คะ (สว นประกอบแหงการถงึ กระแส) สัทธินทรียซ งึ่ มกี ารนอมลงเชือ่ เปนลักษณะเทานนั้ ยอ มเปนใหญ เปน หัวหนา อินทรยี ท เี่ หลือตางก็คลอ ยไปตามสัทธินทรียนนั้ เหมอื นในเรือนของคนแรก อกี ๔ คน น่ังน่งิเจาของเรือนเทานั้นเทย่ี วสง่ั งาน ฉะน้ัน เมอ่ื มาถึงความเพยี รชอบวริ ิยนิ ทรียซ ง่ึ มีความประคับประคองเปน ลักษณะเทา นน้ั ทม่ี าเปน ใหญ เปนหัวหนา อนิ ทรียท่ีเหลอื ตา งกค็ ลอ ยไปตามวริ ยิ นิ ทรียน ้นั เหมือนในเรือนคนที่ ๒ อกี ๔ คนนั่งนิง่ ปลอ ยใหเ จา ของเรือนเทา น้นั เทีย่ วสงั่ งาน ฉะนนั้

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 10ครัน้ มาถึงสตปิ ฏฐาน สตนิ ทรยี ซง่ึ มกี ารเขาไปปรากฎเปนลักษณะเทา น้ันที่เปนใหญ เปนหัวหนา อนิ ทรียท่เี หลอื ตางกค็ ลอยไปตามสตินทรียน ัน้ เหมือนในเรอื นคนท่ี ๓ อกี ๔ คนน่งั น่งิ ปลอ ยใหเจาของเรอื นเทา นน้ั เท่ียวส่ังงานฉะนัน้ . ครน้ั ถงึ เรือ่ งฌาน และวโิ มกข สมาธนิ ทรียท่ีมลี ักษณะไมซ ัดสา ยเทา นนั้เปนใหญเ ปนหัวหนาอินทรียทเ่ี หลอื ตา งก็คลอ ยไปตามสมาธินทรียนนั้ เหมือนในเรอื นคนที่ ๔ อีก ๔ คนนง่ั นงิ่ ปลอ ยใหเ จาของเรอื นเทานนั้ เทย่ี วส่งั งานฉะนน้ั . แตท ายสดุ เมื่อถงึ อรยิ สัจ ปญญินทรียท ่มี ีลกั ษณะรูชัดเทานั้น ยอ มเปนใหญเปนหัวหนาอนิ ทรียท่เี หลอื ตางกค็ ลอยไปตามปญญนิ ทรยี นน้ั เหมือนเวลาไปถงึ พระราชวัง ๔ คนนอกน้ี น่ังน่งิ พระราชาเทา นั้น ยอมทรงเที่ยวสั่งงานในพระตําหนัก ฉะน้นั ดว ยประการฉะน.ี้ จบอรรถกถาทฏั ฐพั พสตู รที่ ๘ ๙. ปฐมวิภังคสูตร วา ดว ยความหมายของอนิ ทรยี  [๘๕๘] ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย อินทรยี  ๕ ประการนี้ ๕ ประการเปน ไฉน คือ สทั ธินทรยี  ฯลฯ ปญ ญินทรยี . [๘๕๙] ดูกอนภิกษุท้ังหลาย ก็สัทธินทรยี เ ปนไฉน ดกู อนภิกษุท้งั หลาย อริยสาวกในธรรมวนิ ยั นี้ เปน ผูมีศรัทธา เชอ่ื พระปญ ญาตรสั รูของพระตถาคตวา แมเ พราะเหตนุ ้ี ๆ พระผมู ีพระภาคเจา พระองคนัน้ เปนพระอรหันต ตรสั รูเองโดยชอบ ทรงถึงพรอมดวยวชิ ชาและจรณะ เสด็จไป

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 11ดแี ลว ทรงรูแ จงโลก เปนสารถีฝก บรุ ษุ ท่ีควรฝก ไมม ีผูอนื่ ย่งิ กวา เปนศาสดาของเทวดาและมนษุ ยท ้งั หลาย ทรงเบกิ บานแลว เปนผจู ําแนกธรรมนเี้ รียกวา สทั ธนิ ทรีย. [๘๖๐] กว็ ิริยินทรยี เ ปน ไฉน ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย อรยิ สาวกในธรรมวนิ ัยนี้ ปรารภความเพยี ร เพอื่ ละอกุศลธรรม เพ่ือความถงึ พรอมแหงกศุ ลธรรม มกี าํ ลัง มคี วามบากบัน่ มัน่ คง ไมท อดท้ิงธรุ ะในกศุ ลธรรมท้งั หลายนี้เรียกวา วิริยินทรยี . [๘๖๑] ก็สตนิ ทรียเ ปนไฉน ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย อรยิ สาวกในธรรมวินัยน้ี เปน ผูมีสติ ประกอบดวยสติเปน เครื่องรกั ษาตัวอยางยงิ่ ระลกึ ไดตามระลึกได ซึ่งกจิ ทีก่ ระทาํ และคําทพี่ ูดแมน านได น้ีเรียกวา สตินทรยี . [๘๖๒] ก็สมาธนิ ทรยี เปน ไฉน ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย อริยสาวกในธรรมวนิ ัยนี้ กระทําซ่ึงนพิ พานใหเ ปน อารมณ แลวไดส มาธิ ไดเอกัคคตาจิตนเี้ รียกวา สมาธินทรยี . [๘๖๓] ก็ปญ ญนิ ทรยี เปนไฉน ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย อริยสาวกในธรรมวนิ ยั น้ี เปน ผูม ีปญญา ประกอบดว ยปญ ญาเครือ่ งกําหนดความเกดิความดบั อันประเสริฐ ชําแรกกเิ ลส ใหถ ึงความส้ินทุกขโ ดยชอบ น้ีเรียกวาปญญนิ ทรยี  ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย อนิ ทรีย ๕ ประการนแี้ ล. จบปฐมวิภังคส ูตรที่ ๙

พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 12 อรรถกถาปฐมวิภงั คสตู ร สตู รที่ ๙. ในบทวา สติเนปกฺเกน น้ี หมายถึง ความเปน คือปญญาเครื่องรักษาตัว. คาํ วา ปญญาเครือ่ งรกั ษาตัว นี้ เปน ชือ่ ของปญญา.ถามวา ทําไมพระผูมพี ระภาคเจา จงึ ทรงเรียกปญ ญา ในภาชนะ (ทรี่ องรบั ) แหงสติเลา . ตอบวา เพอ่ื ทรงแสดงถึงสตทิ ม่ี ีกาํ ลัง จริงอยางน้นั ในท่นี ี้ พระองคทรงหมายเอาแตส ตทิ ม่ี กี ําลงั เทา นน้ั . กเ็ ม่ือจะทรงแสดงถึงสตทิ ่ปี ระกอบดว ยปญ ญาวา สติทป่ี ระกอบดว ยปญ ญานนั้ เปนสติท่มี กี าํ ลัง ทไ่ี มประกอบดวยปญญายอ มไมมีกาํ ลัง จึงไดตรสั อยา งนี้. คําวา จริ กต คอื ทาน ศีลหรืออุโบสถกรรมที่ไดทํามาสิ้นกาลนานแลว . คาํ วา จริ ภาสติ  ความวา ในทโี่ นน ไดพดู คาํ ชื่อโนน เทานน้ั . คําพูดอันบุคคลพงึ พูดในเวลาท่นี านอยา งน.ี้คําวา โวสสฺ คฺคารมฺมณ กริตฺ วา คือ ทาํ นิพพานเปนอารมณ. คําวาอทุ ยตถฺ คามนิ ยิ า คือ ถงึ ความเกิดข้นึ และความดับไป หมายความวาทกี่ าํ หนดถือเอาท้ังความเกิดขนึ้ และความเส่อื มไป. ในสูตรน้ี พระผูมีพระภาคเจาทรงแสดงแตโลกุตระที่ใหเกิดสทั ธินทรีย สตินทรีย ปญญนิ ทรีย อนั เปนสวนเบื้องตน สมาธนิ ทรยี ท ี่เจือกับวริ ิยินทรียไวเ ทานน้ั . จบปฐมวิภงั คสตู รที่ ๙

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 13 ๑๐. ทตุ ิยวภิ งั คสตู ร วาดว ยหนาทขี่ องอินทรยี  ๕ [๘๖๔] ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย อินทรีย ๕ ประการน้ี ๕ ประการเปน ไฉน คอื สทั ธินทรีย ฯลฯ ปญ ญนิ ทรีย. [๘๖๕] ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย กส็ ทั ธินทรียเปน ไฉน ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย อริยสาวกในธรรมวนิ ยั นี้ เปน ผมู ีศรทั ธา เชือ่ พระปญญาตรสั รูของพระตถาคตวา แมเ พราะเหตนุ ้ี ๆ พระผูมีพระภาคเจาพระองคน ้นั เปนพระอรหันต... เปนผจู าํ แนกธรรม นเ้ี รียกวา สทั ธนิ ทรีย. [๘๖๖] กว็ ิริยนิ ทรียเปน ไฉน ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย อริยสาวกในธรรมวินยั น้ี ปรารภความเพยี ร เพอื่ ละอกศุ ลธรรม เพือ่ ความถงึ พรอมแหงกศุ ลธรรม มกี ําลัง มคี วามบากบ่นั ม่นั คง ไมท อดธรุ ะในกุศลธรรมท้งั หลายอริยสาวกนัน้ ยังฉนั ทะใหเ กิด พยายาม ปรารภความเพยี ร ประคองจติ ไวตั้งจิตไวม ั่น เพือ่ ความไมบ ังเกิดข้ึนแหง อกุศลธรรมอนั ลามกที่ยังไมบังเกดิ ข้นึเพอ่ื ละอกศุ ลธรรมอันลามกทบ่ี งั เกิดขน้ึ แลว เพือ่ ความบงั เกดิ ขึน้ แหง กุศลธรรมท่ยี ังไมบ ังเกิดขน้ึ เพอื่ ความถึงพรอม เพอื่ ความไมห ลงลืม เพื่อเจรญิ ย่ิงขน้ึเพือ่ ความไพบลู ย เพอ่ื ความเจรญิ เพอื่ ความบริบูรณแหง กุศลธรรมท่ีบังเกิดขึน้ แลว นีเ้ รยี กวา วริ ิยินทรยี . [๘๖๗] ก็สตินทรยี เ ปนไฉน ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวนิ ยั นี้ เปนผูมีสติ ประกอบดว ยสติเคร่อื งรกั ษาตวั อยา งย่ิง ระลึกได ตามระลึกได ซ่งึ กจิ ทก่ี ระทําและคําพดู แมนานได อริยสาวกนั้นยอมพิจารณาเห็นกายในกายอยู มีความเพียร มสี มั ปชญั ญะ มีสติ กาํ จัดอภิชฌา

พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 14และโทมนัสในโลกเสีย ยอ มพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู . . . ยอมพจิ ารณาเหน็ จิตในจติ อยู ... ยอมพิจารณาเหน็ ธรรมในธรรมอยู มีความเพียร มีสัมปชญั ญะ มีสติ กาํ จดั อภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสยี นีเ้ รียกวา สตินทรีย. [๘๖๘] ก็สมาธินทรยี เ ปนไฉน ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย อรยิ สาวกในธรรมวินยั น้ี กระทาํ นพิ พานใหเปนอารมณแ ลวไดส มาธิ ไดเอกัคคตาจติอรยิ สาวกนนั้ สงดั จากกาม สงดั จากอกศุ ลธรรม บรรลปุ ฐมฌาน มีวติ กมวี ิจาร มปี ต แิ ละสุขเกิดเเตวเิ วกอยู บรรลุทตุ ยิ ฌาน มีความผองใสแหงจติ ในภายใน เปน ธรรมเอกผดุ ขน้ึ ไมม วี ติ ก ไมมีวจิ าร เพราะวิตกวจิ ารสงบไปมีปต แิ ละสุขเกิดแตสมาธอิ ยู เธอมีอเุ บกขา มีสตสิ ัมปชัญญะ เสวยสขุ ดว ยนามกาย เพราะปติสิน้ ไป บรรลุตตยิ ฌาน ทพี่ ระอรยิ เจา ทัง้ หลายสรรเสริญวา ผูไ ดฌานนเี้ ปน ผูม ีอุเบกขา มสี ติอยูเปน สุข เธอบรรลุจตุตถฌาน ไมมีทุกข ไมมีสขุ เพราะละสุขและทุกขและดับโทมนัสโสมนสั กอ น ๆ ได มีอุเบกขาเปน เหตุใหสตบิ ริสุทธอิ์ ยู น้เี รียกวาสมาธินทรยี . [๘๖๙] กป็ ญ ญนิ ทรียเ ปน ไฉน ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย อรยิ สาวกในธรรมวินยั นี้ เปน ผมู ปี ญญา ประกอบดวยปญญาเครอ่ื งกําหนดความเกดิ ความดบั อนั ประเสรฐิ ชําแรกกิเลส ใหถ ึงความสนิ้ ทุกขโดยชอบ อริยสาวกน้ันยอ มรตู ามความเปน จรงิ วา นที้ กุ ข นีท้ กุ ขสมุทยั น้ีทกุ ขนโิ รธ นที้ กุ ขนโิ รธคามินีปฏิปทา นเ้ี รียกวา ปญญินทรยี  ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย อินทรีย ๕ ประการน้แี ล. จบทตุ ิยวิภังคสูตรที่ ๑๐ จบสทุ ธิกวรรคที่ ๑

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 15 แมใ นพระสูตรท่ี ๑๐ มีการกาํ หนดธรรมน้เี หมอื นกัน รวมพระสตู รที่มใี นวรรคน้ี คือ ๑. สทุ ธกิ สตู ร ๒. ปฐมโสตาสูตร ๓. ทตุ ยิ โสตาสูตร ๔. ปฐมอรหนั ตสูตร ๕. ทตุ ิยอรหันตสูตร ๖. ปฐมสมณพราหมณสตู ร ๗.ทุติยสมณพราหมณสตู ร ๘. ทัฏฐพั พสตู ร ๙. ปฐมวภิ ังคสูตร ๑๐. ทุติย-วิภงั คสตู ร พรอมทงั้ อรรถกถา.

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 16 มทุ ุตรวรรคท่ี ๒ ๑. ปฏลิ าภสูตร วาดวยอินทรีย ๕ [๘๗๐] ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย อนิ ทรีย ๕ ประการน้ี ๕ ประการเปนไฉน คือ สัทธนิ ทรยี  ฯลฯ ปญ ญนิ ทรยี . [๘๗๑] ดกู อนภิกษุท้ังหลาย ก็สัทธนิ ทรยี เปน ไฉน อรยิ สาวกในธรรมวนิ ยั นี้ เปนผูมีศรัทธา เชื่อพระปญญาตรัสรขู องพระตถาคตวา แมเพราะเหตนุ ้ี ๆ พระผมู ีพระภาคเจาพระองคนั้น เปน พระอรหนั ต... เปนผูตื่นแลว เปนผจู ําแนกธรรม นี้เรยี กวา สัทธินทรีย. [๘๗๒] กว็ ริ ิยนิ ทรียเ ปน ไฉน อรยิ สาวกปรารภสัมมัปธาน ๔ ยอ มไดค วามเพียร นี้เรียกวา วิริยนิ ทรีย. [๘๗๓] กส็ นิ ทรยี เปน ไฉน อรยิ สาวกปรารภสตปิ ฏ ฐาน ๘ ยอ มไดสติ นี้เรียกวา สตินทรีย. [๘๗๔] ก็สมาธินทรยี เปน ไฉน อรยิ สาวกในธรรมวินยั น้ี ยึดหนว งนพิ พานใหเปนอารมณแลวไดสมาธิ ไดเ อกคั คตาจิต น้เี รยี กวา สมาธินทรีย. [๘๗๕] กป็ ญ ญินทรียเ ปน ไฉน อริยสาวกในธรรมวนิ ยั น้ี เปนผูมีปญญา ประกอบดว ยปญญาเครอ่ื งกาํ หนดความเกดิ และความดับ อนั ประเสริฐชําแรกกเิ ลส ใหถึงความสน้ิ ทุกขโดยชอบ นีเ้ รยี กวา ปญ ญินทรีย ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย อนิ ทรีย ๕ ประการนี้แล. จบปฏลิ าภสูตรที่ ๑

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 17 มุทตุ รวรรคที่ ๒ อรรถกถาปฎลิ าภสูตร ปฏลิ าภสูตรท่ี ๑. คําวา ปรารภสมั มัปปธาน คือ อาศัยความเพยี รชอบ หมายความวา เจรญิ ความเพียรชอบ. แมใ นสตนิ ทรยี ก็ทาํ นองเดียวกันน้ีแหละ. จบอรรถกถาปฏลิ าภสูตรท่ี ๑ ๒. ปฐมสังขติ ตสูตร ความเปน พระอรยิ บคุ คลระดับตา ง ๆ [๘๗๖] ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลาย อนิ ทรยี  ๕ ประการน้ี ๕ ประการเปนไฉน คอื สทั ธินทรยี  ฯลฯ ปญ ญนิ ทรีย อินทรีย ๕ ประการนี้ แล. [๘๗๗] ดกู อนภิกษุทัง้ หลาย บคุ คลเปน พระอรหนั ตเ พราะอนิ ทรีย๕ ประการนี้เต็มบรบิ ูรณ เปนพระอนาคามี เพราะอินทรีย ๕ ยงั ออนกวาอนิ ทรียข องพระอรหนั ต เปน พระสกทาคามี เพราะอินทรยี  ๕ ยังออ นกวาอินทรยี ของพระอนาคามี เปน พระโสดาบนั เพราะอนิ ทรี ๕ ยังออ นกวาอินทรียข องพระสกทาคามี เปนพระโสดาบนั ผูธมั มานุสารี เพราะอินทรยี  ๕ยังออนกวาอินทรยี ข องพระโสดาบัน เปนพระโสดาบนั ผสู ัทธานสุ ารี เพราะอนิ ทรยี  ๕ ยงั ออนกวา อินทรยี ข องพระโสดาบันผูธัมมานุสาร.ี จบปฐมสังขติ ตสตู รที่ ๒

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 18 อรรถกถาปฐมสงั ขติ ตสูตร ปฐมสังขิตตสูตรที่ ๒. คาํ วา ตโต คือ พึงทราบความคละปนกันดว ยอํานาจวปิ ส สนา มรรค และผล. จริงอยู ปญญนิ ทรยี  ทีส่ มบูรณเต็มทแี่ ลว ยอมชอ่ื วาเปนวปิ ส สนินทรียข องอรหัตมรรค. คาํ วา ตโตมทุ ุตเรหิ คือ ที่ออ นกวา วิปส สนินทรียของอรหตั มรรคเหลานน้ั ชือ่ วาเปนวปิ ส สนนิ ทรียของอนาคามมิ รรค. ท่ีออ นกวา นนั้ ก็เปนของสกทาคามมิ รรค.ท่อี อนกวา น้นั ช่อื วา เปน วิปส สนนิ ทรียข องโสดาปต ติมรรค. ออนกวานั้น กเ็ ปนของธัมมานสุ าริมรรค ที่ออนกวานัน้ ชื่อวา เปน วปิ ส สนินทรียของสัทธานุสารมิ รรค. ปญ ญนิ ทรยี ทส่ี มบรู ณเ ต็มทอี่ ยา งนั้น ช่อื วา เปนอนิ ทรยี ของอรหตั มรรคและอรหัตผล. ที่ออ นกวานน้ั ชือ่ วา เปนอนิ ทรยี ของอนาคามมิ รรค สกทาคามิมรรคและโสดาปต ตมิ รรค. ทอ่ี อ นกวานนั้ ก็เปน ของธัมมานสุ าริมรรค. ที่ออ นกวา น้นั ชอ่ื วา เปน อินทรียข องสทั ธา-นุสารมิ รรค. อินทรียทัง้ หา ท่สี มบูรณเ ตม็ ที่ ชอ่ื วา เปนอินทรียของอรหัตผล. ทีอ่ อนกวานัน้ กเ็ ปนของอนาคามิผล. ที่ออ นกวานน้ั กเ็ ปนของสกทาคามผิ ล. ท่อี อนกวาน้นั ช่อื วา เปนอินทรยี ของโสดาปตตผิ ล.สวนธมั มานสุ ารแี ละสัทธานุสารี แมท้ังสอง ก็คอื บุคคลผดู ํารงอยใู นโสดาปตติมรรค ดวยอํานาจแหง บคุ คลผดู ํารงอยูในมรรคแลว จะทราบความแตกตา งของบคุ คลทง้ั สองนัน้ ไมไ ด เพราะดวยการบรรลบุ าง ดว ยมรรคบา ง สัทธานุสารีบคุ คล ท่กี าํ ลงั ใหเ รยี นอเุ ทศ สอบถามอยู ยอ มจะบรรลุมรรคโดยลําดับ.ธมั มานสุ ารบี คุ คล ยอมบรรลมุ รรคดว ยการฟงเพียงครัง้ เดียว หรือสองคร้งัเทา น้นั พึงเขา ใจความแตกตา งในการบรรลุของธมั มานุสารบี คุ คลและสทั ธานุ-

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 19สารีบคุ คลเหลา น้นั อยา งนก้ี อ น. สําหรบั ของธมั มานุสารีบุคคล มรรคเปนของกลา แขง็ ยอมนําไปสูญ าณที่แกลวกลา ยอมตัดกเิ ลส ดว ยไมต องมใี ครมากระตุน ไมต อ งใชความเพยี ร เหมือนใชคมดาบทคี่ มกริบ ตัดตนกลวยฉะน้ัน. สวนมรรคของสทั ธานสุ ารบี คุ คลไมก ลาแขง็ เหมือนธมั มานุสารีบคุ คลไมน ําไปสญู าณทแี่ กลว กลา ยอ มตัดกิเลสโดยไมต อ งใหใ ครมากระตนุ ไมตอ งใชความเพยี ร เหมือนใชด าบท่ีทือ่ ตดั ตน กลว ยฉะนัน้ . แตในเรอื่ งการส้นิ กเิ ลสแลวทานเหลานนั้ ไมมีความแตกตา งกันเลย. และเหลากเิ ลสทีเ่ หลอื กย็ อมจะสิน้ ไป(เหมอื นกัน). จบอรรถกถาปฐมสงั ขิตตสูตร ๓. ทุติยสังขิตตสตู ร ความตา งแหงผลเพราะความตา งแหง อินทรยี  [๘๗๘] ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย อินทรยี  ๕ ประการนี้ ๕ ประการเปนไฉน คือ สทั ธินทรีย ฯลฯ ปญ ญนิ ทรยี  อนิ ทรยี  ๕ ประการนแ้ี ล. [๘๗๙] ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย บุคคลเปนพระอรหนั ต เพราะอนิ ทรีย๕ ประการนเ้ี ตม็ บริบูรณ เปน พระอนาคามี เพราะอนิ ทรยี  ๕ ยงั ออนกวาอนิ ทรยี ข องพระอรหันต เปนพระสกทาคามี เพราะอินทรีย ๕ ยังออนกวาอินทรยี ของพระอนาคามี เปน พระโสดาบนั เพราะอินทรีย ๕ ยงั ออนกวาอนิ ทรียข องพระสกทาคามี เปนพระโสดาบนั ผูธ มั มานสุ ารี เพราะอินทรีย ๕ยังออนกวา อินทรยี ข องพระโสดาบัน เปนพระโสดาบนั ผูสทั ธานสุ ารี เพราะอินทรยี  ๕ ยังออ นกวา อินทรียของพระโสดาบันผธู ัมมานสุ ารี ดังพรรณนามาฉะนี้ ความตางแหงผลยอมมไี ดเพราะความตา งแหงอินทรยี  ความตางแหงบุคคลยอ มมีไดเ พราะความตางแหงผล. จบทุตยิ สงั ขติ ตสูตรที่ ๓

พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 20 อรรถกถาทุตยิ สงั ขิตตสตู ร สตู รท่ี ๓. คาํ วา ตโต คอื พึงทราบความคละปนกันดวยอาํ นาจผล. จรงิ อยู อินทรียท ง้ั หาท่ีสมบูรณเต็มทแ่ี ลว ก็ยอ มชื่อวา เปน อนิ ทรยี ของอรหตั ผล. บคุ คลท่ีประกอบดวยอรหตั ผล กเ็ ปนพระอรหันต ทอ่ี อนกวานัน้กย็ อ มชือ่ วาเปน อนิ ทรียข องอนาคามิผล ฯลฯ ท่ีออนกวานั้น ก็เปน อินทรียของโสดาปต ติผล. บุคคลทป่ี ระกอบดว ยโสดาปตตผิ ล ก็เปนพระโสดาบนัความเปนตา ง ๆ ของผล ยอ มมเี พราะความเปนตาง ๆ ของอนิ ทรยี . ความแตกตางของบคุ คล ยอมมเี พราะความแตกตา งของอนิ ทรีย เพราะความแตกตางกันของผล. จบอรรถกถาทุติยสังขติ ตสูตรที่ ๓ ๔. ตตยิ สังขติ ตสตู ร อนิ ทรีย ๕ ไมเ ปนหมัน [๘๘๐] ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย อินทรีย ๕ ประการน้ี ๕ ประการเปน ไฉน คอื สัทธินทรีย ฯลฯ ปญ ญินทรีย ๑ อินทรีย ๕ ประการนแ้ี ล. [๘๘๑ ] ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย บคุ คลผเู ปนพระอรหันต เพราะอนิ ทรยี  ๕ ประการน้เี ต็มบรบิ รู ณ เปนพระอนาคามี เพราะอนิ ทรยี  ๕ ยังออ นกวา อินทรยี ข องพระอรหันต....เห็นพระโสดาบนั ผูสทั ธานสุ ารี เพราะอนิ ทรยี  ๕ยังออ นกวาอินทรยี ของพระโสดาบันผธู ัมมานุสารี ดังพรรณนามาฉะน้ีแลบคุ คลผบู ําเพ็ญอรหัตมรรคใหบรบิ รู ณ ยอ มไดช มอรหัตผล บุคคลผูบ าํ เพญ็

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 21มรรค ๓ ทเ่ี หลือใหบ ริบรู ณ ยอมไดช มผลทง้ั ๓ เรากลา วอนิ ทรยี  ๕ วาไมเปน หมนั เลย. จบตติยสังขิตตสูตรที่ ๔ อรรถกถาตติยสังขิตตสูตร สตู รที่ ๔. คําวา ปรปิ รู  ปริปูรการี อาราเธติ คือ ผกู ระทําอรหัตมรรคใหบริบรู ณ ยอ มสําเร็จอรหตั ผล. คาํ วา ปเทส ปเทสการีคอื ผกู ระทาํ มรรคบางสว น ทเี่ หลอื อีกสาม ก็ยอมสาํ เรจ็ ผลสามเปน บางสวนเทาน้ัน. ใน ๔ สตู รน้ี พระผูม ีพระภาคเจา ทรงแสดงอินทรียคละกันไป ดวยประการฉะน.้ี จบอรรถกถาตตยิ สงั ขิตตสูตรท่ี ๔

พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 22 ๕. ปฐมวิตถารสูตร ความเปนพระอรยิ บคุ คลระดบั ตา ง ๆ [๘๘๒] ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย อนิ ทรยี  ๕ ประการน้ี ๕ ประการเปน ไฉน คอื สทั ธนิ ทรีย ฯลฯ ปญ ญินทรีย อนิ ทรยี  ๕ ประการนีแ้ ล [๘๘๓] ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย บคุ คลเปน พระอรหนั ต เพราะอนิ ทรยี ๕ ประการนี้เตม็ บริบรู ณ เปน พระอนาคามีผอู นั ตราปรนิ ิพพายี เพราะอนิ ทรยี ๕ ยังออนกวา อินทรยี ข องพระอรหนั ต เปนพระอนาคามีผูอุปหจั จปรนิ ิพพายีเพราะอินทรีย ๕ ยังออ นกวา อินทรียข องพระอนาคามีผอู นั ตราปรินพิ พายีเปน พระอนาคามผี มู อี สงั ขารปรนิ ิพพายี เพราะอนิ ทรีย ๕ ยังออ นกวาอนิ ทรียของพระอนาคามผี ูอ ปุ หัจจปรนิ ิพพายี เปน พระอนาคามผี สู สงั ขารปรนิ พิ พายีเพราะอนิ ทรยี  ๕ ยังออนกวาอินทรียข องอนาคามผี ูอสังขารปรนิ ิพพายี เปนอนาคามีผูอทุ ธงั โสโตอกนฏิ ฐคามี เพราะอนิ ทรีย ๕ ยงั ออ นกวาอนิ ทรยี ของพระอนาคามีผูส สังขารปรินพิ พายี เปนพระสกทาคามี เพราะอนิ ทรยี  ๕ ยังออนกวาอนิ ทรยี ข องพระอนาคามีผูอุทธงั โสโตอกนิฏฐคามี เปน พระโสดาบันเพราะอินทรีย ๕ ยงั ออนกวาอินทรยี ข องพระสกทาคามี เปน พระโสดาบันผูธมั มานสุ ารี เพราะอนิ ทรีย ๕ ยังออนกวาอินทรียของพระโสดาบนั เปนพระโสดาบันผูส ทั ธานุสารี เพราะอินทรยี  ๕ ยงั ออนกวาอนิ ทรียข องพระ-โสดาบนั ผธู มั มานสุ าร.ี จบปฐมวติ ถารสตู รท่ี ๕

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 23 อรรถกถาปฐมวิตถารสตู ร สูตรท่ี ๕. คําวา ตโต มุทุตเรหิ คือ พงึ ทราบความเจือกนั ดว ยอาํ นาจวิปส สนา จริงอยู อนิ ทรียทงั้ หาท่ีเต็มทแี่ ลว ยอ มเปน วิปสสนินทรียของอรหตั มรรค. ท่อี อ นกวานน้ั เปน วิปสสนินทรียข องอนั ตราปรินพิ พายีทีอ่ อ นกวา นั้นกเ็ ปน ของอุปหจั จปรนิ พิ พายี ท่อี อ นกวานัน้ กเ็ ปนของอสังขารปรินพิ พายี ท่อี อนกวานนั้ กเ็ ปนของสสังขารปรนิ พิ พายี. ท่อี อนกวานน้ักย็ อ มชอ่ื วา เปน วิปสสนนิ ทรียของอทุ ธงั โสตอกนิฏฐคามี. สําหรับในฐานะนี้พึงชักเอาแตความเจอื ปนกนั ทง้ั หา อยางที่ต้ังอยใู นอรหตั มรรคเทา นัน้ ออกมา.คือวา วิปส สนนิ ทรียข องอันตราปรินิพพายี อนั แรก ออนกวา วิปสสนนิ ทรยี ของอรหัตมรรค ทอี่ อนกวา น้นั กเ็ ปนของอนั ตราปรินพิ พายีอันท่ีสอง ที่ออนกวาน้นั ก็เปนของอันตราปรินิพพายชี นิดท่ีสาม ทอ่ี อนกวา นนั้ กเ็ ปนของอปุ หจั จปรนิ ิพพายี ทีอ่ อนกวานนั้ ก็เปนวปิ สสนินทรียข องอทุ ธังโสตอกนฏิ ฐคามี ของอสังขารปรินพิ พายี และของสสงั ขารปรินิพพายี ชน ๕ พวกเหลานแ้ี หละ. สว นความเจอื ปนอกี ๓ อยาง เปนอินทรียของสกทาคามมิ รรค. จบอรรถกถาปฐมวิตถารสูตรท่ี ๕

พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาที่ 24 ๖.ทตุ ยิ วติ ถารสตู ร ความตา งแหง ผลเพราะความตา งแหง อินทรยี  [๘๘๔] ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย อินทรยี  ๕ ประการน้ี ๕ ประการเปนไฉน คือ สทั ธนิ ทรีย ฯลฯ ปญญนิ ทรยี  อินทรีย ๕ ประการน้แี ล. [๘๘๕] ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย บคุ คลเปนพระอรหันต เพราะอนิ ทรีย๕ ประการน้ีเต็มบรบิ ูรณ เปน พระอนาคามีผูอนั ตราปรนิ ิพพายี เพราะอินทรยี ๕ ยังออ นกวา อินทรยี ข องพระอรหันต. .. เปน พระโสดาบันผสู ทั ธานุสารีเพราะอนิ ทรยี  ๕ ยังออนกวา อินทรยี ข องพระโสดาบนั ผธู ัมมานสุ ารี ดังพรรณนามาฉะน้ี ความตางแหงผลยอ มมไี ดเพราะความตางแหง อนิ ทรยี  ความตางแหงบคุ คลยอมมไี ดเพราะความตา งแหงผล. จบทุติยวิตถารสตู รที่ ๖ สตู รที่ ๖ และท่ี ๗ นนี้ ัยอันทา นกลาวไวเ สร็จแลว . แตใน ๓ สูตรนี้พระผมู ีพระภาคเจามิไดทรงแสดงวิปสสนนิ ทรีย อันเปนสว นเบ้อื งตนไวเลย.

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 25 ๗. ตติยวติ ถารสตู ร อนิ ทรีย ๕ ไมเปนหมัน [๘๘๖] ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย อินทรีย ๕ ประการนี้ ๕ ประการเปนไฉน คือ สัทธินทรีย ฯลฯ ปญ ญนิ ทรีย อินทรีย ๕ ประการนีแ้ ล. [๘๘๗] ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย บุคคลเปน พระอรหันต เพราะอนิ ทรีย๕ ประการนีเ้ ต็มบริบรู ณ เปนพระอนาคามผี ูอันตราปรนิ พิ พายี เพราะอินทรียท้งั ๕ ยังออ นกวา อินทรียของพระอรหันต. .. เปนพระโสดาบนั ผสู ทั ธานสุ ารีเพราะอนิ ทรีย ๕ ยงั ออ นกวาพระโสดาบันผธู ัมนานสุ ารี ดังพรรณนามาฉะน้ีแลบคุ คลผูบาํ เพ็ญอรหตั มรรคใหบ ริบูรณ ยอมไดช มอรหตั ผล บุคคลผูบําเพ็ญมรรค ๓ ทเ่ี หลอื ใหบริบรู ณ ยอ มไดช มผลทั้ง ๓ เรากลาวอนิ ทรีย ๕ วา ไมเปน หมนั เลย. จบตตยิ วติ ถารสตู รท่ี ๗ ๘. ปฏิปน นสูตร ผูปฏิบตั ิอนิ ทรีย ๕ [๘๘๘] ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย อนิ ทรีย ๕ ประการนี้ ๕ ประการเปน ไฉน คอื สัทธินทรีย ฯลฯ ปญ ญนิ ทรีย อินทรยี  ๕ ประการน้ีแล. [๘๘๙] ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย บุคคลผูเ ปน พระอรหันต เพราะอนิ ทรีย๕ ประการน้เี ต็มบรบิ รู ณ เปน ผปู ฏิบัตเิ พือ่ ทําอรหัตผลใหแ จง เพราะอินทรยี 

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 26๕ ยังออนกวา อินทรยี ข องพระอรหันต เปนอนาคามี เพราะอินทรีย ๕ ยังออนกวา อนิ ทรียของผูป ฏบิ ตั ิเพ่อื ทําอรหตั ผลใหแจง เพราะอนิ ทรยี  ๕ ยงัออนกวาอินทรยี ข องพระอนาคามี เปน พระสกทาคามี เพราะอนิ ทรีย ๕ ยงัออนกวา อินทรยี ข องผปู ฏบิ ัตเิ พอ่ื ทําอนาคามผิ ลใหแจง เปนผปู ฏบิ ตั เิ พอ่ื ทาํสกทาคามผิ ลใหแ จง เพราะอนิ ทรยี  ๕ ยงั ออนกวาอนิ ทรยี ข องพระสกทาคามีเปน พระโสดาบัน เพราะอินทรีย ๕ ยงั ออนกวา อินทรียข องผปู ฏบิ ตั ิเพ่ือทาํสกทาคามิผลใหแ จง เปนผปู ฏิบตั เิ พื่อทําโสดาปต ติผลใหแจง เพราะอนิ ทรีย๕ ยังออนกวาอินทรียข องพระโสดาบนั ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย อินทรยี  ๕ประการน้ี ไมม แี กผใู ดเสียเลยโดยประการทั้งปวง เราเรียกผนู นั้ วา เปน คนภายนอก ตง้ั อยูใ นฝายปุถุชน. จบปฏิปน นสูตรที่ ๘ อรรถกถาปฏิปนนสูตร สตู รท่ี ๘. คําวา ตโต มทุ ตุ เรหิ คอื พงึ ทราบความคละปะปนกนัดวยอํานาจมรรคและผลน่นั เอง. ความคละปะปนกันนนั้ พระผมู พี ระภาคเจาไดต รสั ไวในบาลีเสรจ็ แลว . คําวา ภายนอก คอื เปนคนทีน่ อกจากบุคคลท้งั ๘ เหลา น้ี. คาํ วา ต้ังอยูในฝา ยเปนปุถชุ น คอื ดาํ รงอยใู นสวนของคนกเิ ลสหนา. ในสูตรน้ี พระผูม พี ระภาคเจา ทรงแสดงแตอนิ ทรยี ท ่ีเปนโลกตุ ระเทา นน้ั . จบอรรถกถาปฏปิ น นสตู รที่ ๘

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ท่ี 27 ๙. อปุ สมสตู ร วา ดว ยผูถงึ พรอมดว ยอินทรยี  ๕ [๘๙๐] ครั้งนัน้ แล ภกิ ษุรปู หนึ่งเขา ไปเฝา พระผูมพี ระภาคเจาถึงที่ประทับ ถวายบงั คมพระผูมีพระภาคเจา แลว นัง่ ณ ทค่ี วรสวนขา งหนึ่ง ครัน้แลว ไดทูลถามพระผูมีพระภาคเจา วา ขา แตพระองคผ เู จริญ ที่เรียกวา ผถู ึงพรอ มดว ยอินทรยี อ ื่น ๆ ดังนี้ ดว ยเหตุเพียงเทาใดหนอ ภิกษจุ ึงชื่อวา เปน ผูถงึ พรอมดวยอินทรีย. [๘๙๑] พระผมู พี ระภาคเจาตรัสวา ดูกอ นภกิ ษุ ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั นี้ยอ มเจริญสทั ธนิ ทรีย วริ ิยนิ ทรีย สตนิ ทรยี  สมาธนิ ทรยี  ปญญนิ ทรีย อันใหความสงบ ใหถึงความตรสั รู ดกู อนภกิ ษุ ดว ยเหตุเพยี งเทา น้ีแล ภิกษุจงึ จะชอ่ื วาเปน ผูถึงพรอมดวยอนิ ทรยี . จบอปุ สมสูตรที่ ๙ อรรถกถาอุปสมสูตร สูตรท่ี ๙. คาํ วา ผูถงึ พรอมดว ยอนิ ทรีย คอื ผูมอี ินทรยี เต็มท.่ี จบอรรถกถาอุปสมสตู รท่ี ๙

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 28 ๑๐. อาสวักขยสูตร ผลของการปฏิบัติอนิ ทรยี  ๕ [๘๙๒] ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย อินทรีย ๕ ประการน้ี ๕ ประการเปนไฉน คือ สทั ธนิ ทรีย ฯลฯ ปญ ญนิ ทรยี  อนิ ทรยี  ๕ ประการน้ีแล. [๘๙๓] ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย เพราะไดเ จริญ ไดก ระทําใหมากซงึ่อินทรีย ๕ ประการนี้ ภิกษจุ งึ กระทาํ ใหแจงซงึ่ เจโตวิมตุ ติ ปญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมไิ ด เพราะอาสวะทง้ั หลายส้ินไป ดวยปญ ญาอันย่ิงเองในปจจุบัน เขาถงึ อยู. จบอาสวักขยสูตรที่ ๑๐ จบมุทตุ รวรรคท่ี ๒ อรรถกถาอาสวักขยสตู ร สตู รท่ี ๑๐ ตืน้ ทัง้ นั้นแล. ใน ๒ สตู รน้ี (สตู รที่ ๙-๑๐) พระ-ผมู ีพระภาคเจา ทรงแสดงอินทรียเจือกนั . รวมพระสูตรทมี่ ีในวรรคนี้ คือ ๑. ปฏลิ าภสูตร ๒. ปฐมสังขิตตสตู ร ๓. ทตุ ิยสงั ขิตตสตู ร ๔. ตติย-สงั ขิตตสูตร ๕. ปฐมวิตถารสูตร ๖. ทุตยิ วติ ถารสูตร ๗. ตติยวติ ถารสตู ร๘. ปฏิปน นสูตร ๙. อปุ สมสตู ร ๑๐. อาสวกั ขยสูตร และอรรถกถา

พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนา ที่ 29 ฉฬนิ ทริยวรรคที่ ๓ ๑. ปนุ ัพภวสูตร* วา ดว ยอินทรยี  ๕ [๘๙๔] ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย อนิ ทรีย ๕ ประการนี้ ๕ ประการเปนไฉน คือ สัทธนิ ทรยี  ฯลฯ ปญญินทรยี . [๘๙๕] ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย เรายงั ไมรูท ่วั ถงึ ความเกิด ความดับคณุ โทษ และอบุ ายเคร่อื งสลัดออกแหงอินทรีย ๕ ประการน้ตี ามความเปนจริง เพียงใด เรากย็ งั ไมป ฏญิ าณตนวา ไดต รสั รพู ระอนตุ ตรสัมมาสัมโพธญิ าณในโลก พรอมทง้ั เทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมสู ัตว พรอมทั้งสมณพราหมณ เทวดาและมนุษย เพียงนั้น. [๘๙๖] ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย เมือ่ ใด เรารูท ัว่ ถึงความเกิด ความดบั คณุ โทษ และอุบายเครอื่ งสลดั ออกแหง อนิ ทรยี  ๕ ประการน้ตี ามความเปน จรงิ เมือ่ น้นั เราจึงปฏญิ าณตนวา ไดต รสั รพู ระอนตุ ตรสัมมาสัมโพธิญาณในโลก พรอ มทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมูสัตว พรอมทงั้สมณพราหมณ เทวดาและมนุษย ก็แลญาณทัสสนะไดบ งั เกิดขึน้ แกเราวาวมิ ตุ ติของเราไมก าํ เรบิ ชาตนิ ี้เปนชาตมิ ีในที่สดุ บัดนี้ ความเกิดอีกไมม ี. จบปุนัพภวสูตรท่ี ๑* ปุนพั ภวสูตรที่ ๑ ไมมอี รรถกถาแก.

พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 30 ๒. ชวี ิตนิ ทรยิ สูตร วาดวยอินทรยี  ๓ [๘๙๗] ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย อินทรีย ๓ ประการน้ี ๓ ประการเปน ไฉน คือ อติ ถนิ ทรยี  ๑ ปรุ สิ นิ ทรีย ๑ ชวี ิตินทรีย ๑ อนิ ทรีย ๓ประการนแ้ี ล. จบชวี ติ ินทรยิ สูตรท่ี ๒ ฉฬนิ ทรยิ วรรควรรณนาที่ ๓ อรรถกถาชีวติ ินทริยสูตร สูตรที่ ๒. ในคาํ เปน ตน วา อติ ถินทรยี  พงึ ทราบวเิ คราะหด ังตอ ไปน้.ี ที่ช่ือวา อิตถนิ ทรยี  เพราะยอมกระทาํ อรรถวา ใหญใ นความเปนหญงิ . ท่ชี ื่อวา ปรุ ิสนิ ทรีย เพราะยอมกระทําอรรถวาใหญใ นความเปน ชาย.ทีช่ ื่อวา ชวี ติ นิ ทรยี  เพราะยอ มกระทาํ อรรถวาใหญในความเปนอย.ู เลา กันมาวา พระสตู รนี้มีเหตุเกิดแหง เนือ้ ความวา กแ็ ลในทามกลางสงฆ เกิดถอ ยคําวา อนิ ทรียท่ีเปนวฏั ฏะมีเทาไรหนอแล. ลําดับนน้ั เมอื่ พระผมู พี ระภาคเจาทรงเหน็ อินทรยี ทเี่ ปน วฏั ฏะอยจู ึงตรัสคาํ เปนตนวาภกิ ษุท้ังหลาย อนิ ทรยี สามเหลาน้.ี จบอรรถกถาชวี ติ ินทริยสูตรท่ี ๒

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย มหาวารวรรค เลม ๕ ภาค ๒ - หนาท่ี 31 ๓. อัญญาตาวินทริยสตู ร อินทรีย ๓ อกี อยา งหนงึ่ [๘๙๘] ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย อนิ ทรีย ๓ ประการน้ี ๓ ประการเปนไฉน คือ อนญั ญาตัญญสั สามตี นิ ทรีย ๑ อัญญนิ ทรยี  ๑ อญั ญาตาวินทรยี  ๑อินทรยี  ๓ ประการนแ้ี ล. จบอญั ญาตาวินทรยิ สตู รท่ี ๓ อรรถกถาอัญญาตาวนิ ทริยสูตร สูตรท่ี ๓. อินทรยี ท ่ีเกดิ ข้นึ ในขณะแหงโสดาปตตมิ รรคของผูปฏิบัติ ทีค่ ิดวา เราจกั รูส ง่ิ ที่ยงั ไมเ คยรใู นสงสารที่มีท่ีสุดเบื้องตนอนั ไมมีใครรูได ชือ่ วา อนญั ญาตัญญัสสามีตนิ ทรีย. อินทรยี ท ี่เกิดขึ้นในฐานะทง้ั ๖มีโสดาปต ติผลเปน ตน ดว ยอาการคือรูสง่ิ ทรี่ ทู วั่ ถงึ แลวเหลา นั้นแหละ ชื่อวาอญั ญินทรีย. ที่ช่ือวา อญั ญาตาวินทรยี  ไดแ ก อนิ ทรียทเ่ี กิดขนึ้ ในธรรมท้งั หลาย ในอรหตั ผล ทร่ี ทู ัว่ ถงึ แลว เปนตน. คาํ วา อินทรีย นี้เปน ชือ่ ของญาณท่ีเกดิ ขึน้ ดว ยอาการนัน้ ๆ ในมรรคผลน้นั ๆ แมส ตู รนี้ ก็มีเหตุเกิดขนึ้ แหง เน้ือความเหมือนกนั คือในทา มกลางสงฆเกดิ ถอยคาํ ขนึ้ วาอินทรียท เ่ี ปนโลกุตระ มีเทา ไรหนอแล. ลําดับนน้ั เมอ่ื พระผูมพี ระภาคเจาจะทรงแสดงอนิ ทรยี เ หลา น้นั จึงตรัสคาํ เปนตน วา ภกิ ษทุ ั้งหลาย อนิ ทรีย ๓อยางเหลาน้ี ดงั นี้. จบอรรถกถาอัญญาตาวินทรยิ สูตรที่ ๓






































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook