Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_05

tripitaka_05

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:32

Description: tripitaka_05

Search

Read the Text Version

พระวินัยปฎ ก ภกิ ขุนวี ภิ งั ค เลม ๓ - หนาที่ 301 อรรถกถาตวุ ัฏฏวรรค สกิ ขาบทที่ ๕ วนิ จิ ฉัยในสิกขาบทที่ ๕ พึงทราบดงั น้ี :- ในคาํ วา อฺญ อาณาเปติ นี้ มีวินจิ ฉยั ดังนี:้ - ถาภิกษุณีผูไดรับสง่ั วา เธอจงฉุดออกไป ฉดุ คราใหเ ลยประตแู มมากออกไป โดยประโยคเดยี ว กเ็ ปนอาบัตติ วั เดียว. ถา ไดร บั ส่ังอยา งนีว้ า จงฉุดใหเ ลยประตูนแ้ี ละนี้ออกไป ฉดุ ใหเ ลยออกไป เปน อาบัติหลายตัว โดยการนับประตู คาํ ท่เี หลืองายท้งั นั้น. สิกขาบทน้ี มีสมุฏฐาน ๓ เปน กิริยา สญั ญาวโิ มกข สจิตตกะโลกวชั ชะ กายกรรม วจีกรรม อกุศลจติ เปนทกุ ขเวทนา แล. อรรถกถาตุวฏั ฏวรรค สิกขาบทที่ ๕ จบ

พระวินัยปฎก ภิกขนุ ีวภิ ังค เลม ๓ - หนา ท่ี 302 ตุวัฏฏวรรค สกิ ขาบทที่ ๖ เรือ่ งภิกษณุ จี ณั ฑกาลี [๒๗๖] โดยสมัยนน้ั พระผมู พี ระภาคพทุ ธเจาประทับอยู ณ พระ-เชตวนั อารามของอนาถบณิ ฑิกคหบดี เขตพระนครสาวตั ถี ครงั้ นัน้ ภกิ ษุณีจณั ฑกาลอี ยคู ลุกคลกี บั คหบดบี า ง กับบตุ รคหบดีบาง บรรดาภกิ ษณุ ที ี่เปน ผูมกั นอย . . . ตางก็เพง โทษ ตเิ ตียน โพนทะนาวา ไฉนแมเ จาจณั ฑกาลี จงึไดอ ยคู ลกุ คลกี บั คหบดีบาง กับบุตรคหบดีบางเลา . . . ทรงสอบถาม พระผมู พี ระภาคเจา ทรงสอบถามภกิ ษทุ ัง้ หลายวา ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลายขาววา ภกิ ษุณีจณั ฑกาลี อยคู ลุกคลีกับคหบดบี า ง กบั บตุ รคหบดีบาง จรงิหรือ. ภิกษทุ งั้ หลายกราบทลู วา จรงิ พระพทุ ธเจา ขา . ทรงตเิ ตยี นแลวบัญญัติสกิ ขาบท พระผูม ีพระภาคพทุ ธเจาทรงตเิ ตยี นวา ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย ไฉนภกิ ษุณจี ัณฑกาลี จึงไดอ ยูคลกุ คลกี ับคหบดบี าง กบั บุตรคหบดบี างเลา การกระทาํ ของนางนั่น ไมเปนไปเพือ่ ความเล่ือมใสของชุมชนท่ียังไมเ ลอ่ื มใส. . . ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย ก็แลภิกษณุ ีทง้ั หลายจงยกสกิ ขาบทน้ีขึ้นแสดงอยา งน้ี วา ดงั น้ี :-

พระวนิ ยั ปฎ ก ภิกขุนีวิภังค เลม ๓ - หนา ท่ี 303 พระบัญญตั ิ ๙๑. ๖. อนึง่ ภกิ ษุณี อยูคลกุ คลีกับคหบดีก็ดี กับบุตรคหบดกี ด็ ี ภกิ ษณุ นี น้ั อนั ภิกษุณที ง้ั หลายพึงวากลาวอยางน้วี า แมเจาอยา ไดอ ยคู ลกุ คลีกบั คหบดีหรอื บุตรคหบดี แมเ จาขอจงแยกออกสงฆยอมสรรเสริญความแยกออกอยา งเดียวแกพนี่ องหญงิ แลภกิ ษุณีนัน้ อันภิกษุณที ้งั หลายวา กลาวอยอู ยา งน้ี ยังยกยอ งอยอู ยางนเี้ ท่ยี วภิกษุณนี ้นั อนั ภิกษณุ ีทัง้ หลาย พงึ สวดสมนภุ าสกวา จะครบ ๓ จบเพอื่ ใหสละการกระทําน้นั หากเธอถูกสวดสมนกุ าสกวา จะครบ ๓ จบอยู สละการกระทําน้นั ได การสละไดอ ยางนี้ นน่ั เปน การดี หากไมส ละ เปน ปาจิตตยี  . เร่ืองภิกษุณีจณั ฑกาลี จบ สกิ ขาบทวภิ งค [๒๗๗] บทวา อน่ึง. . . ใด ความวา ผใู ด คือ ผเู ชน ใด. . . บทวา ภกิ ษุณี ความวา ท่ีชอ่ื วา ภิกษุณี เพราะอรรถวา เปน ผูขอ. . . นช้ี ่อื วา ภกิ ษุณี ท่ีทรงประสงคใ นอรรถนี.้ ท่ีชอ่ื วา คลุกคลี คือ คลกุ คลดี ว ยการคลกุ คลีทางกายและทางวาจาอนั ไมส มควร. ที่ช่ือวา คหบดี ไดแก บรุ ษุ ผูครองเรอื นคนใดคนหนึง่ . ที่ช่ือวา บตุ รคหบดี ไดแ ก บตุ รหรอื พ่นี อ งชายคนใดคนหนง่ึ . [๒๗๘] บทวา ภิกษณุ นี นั้ ไดแก ภิกษณุ รี ปู ท่ีคลกุ คล.ี บทวา อันภิกษุณีท้งั หลาย ไดแก ภิกษุณีพวกอ่ืน.

พระวนิ ัยปฎ ก ภกิ ขนุ ีวิภงั ค เลม ๓ - หนา ท่ี 304 ภิกษุณีผูค ลุกคลีนน้ั อันภกิ ษณุ ีผูท่ีไดเห็นไดท ราบ พงึ วา กลาวดังน้ีแมเ จา อยาอยคู ลกุ คลกี ับคหบดหี รอื กบั บตุ รคหบดี แมเจา ขอจงปลกี ตัวออกสงฆยอมสรรเสรญิ ความปลีกตวั ออกอยา งเดียวแกพน่ี อ งหญงิ พงึ วา กลาวแมครั้งทีส่ อง พึงวา กลา วแมครง้ั ท่สี าม หากสละได การสละไดอ ยางน้ี น่ันเปนการดี หากไมส ละ ตองอาบตั ทิ กุ กฏ. ภกิ ษณุ ผี ทู ราบเร่อื งแลว ไมวากลา ว ตอ งอาบัติทกุ กฏ. ภกิ ษณุ นี น้ั อันภกิ ษณุ ที ้ังหลายพงึ คุมตัวไป ณ ทามกลางสงฆ แลววากลา ว ดงั นี้ แมเจา อยา อยคู ลกุ คลกี บั คหบดหี รอื กบั บุตรคหบดี ขอจงปลีกตัวอยตู า งหาก สงฆยอ มสรรเสริญความแยกออกอยา งเดยี วแกพ นี่ อ งหญิง พึงวากลาวแมค รัง้ ทีส่ อง พึงวากลาวแมคร้งั ทสี่ าม หากสละได การสละไดอ ยา งนี้น่นั เปนการดี หากไมสละ ตอ งอาบตั ทิ ุกกฏ. วิธสี วดสมนุภาส [๒๗๙] ภิกษณุ นี ้ัน อนั ภิกษุณีทง้ั หลายพึงสวดสมนภุ าส ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย ก็แลสมนภุ าสนัน้ พึงสวดอยา งน.้ี อนั ภิกษุณผี ูฉลาด ผูสามารถ พงึ ประกาศใหสงฆท ราบ ดว ยญัตติจตุตถกรรมวาจาวาดงั น้:ี - กรรมวาจาสมนุภาส แมเ จา ขอสงฆจงฟงขา พเจา ภกิ ษุณมี ีช่อื น้ผี นู ้ี อยูค ลุกคลีกบั คหบดีบา ง กับบุตรคหบดีบาง เธอยงั ไมส ละวัตถุน้นั ถา ความพรงั่ พรอ มของสงฆถงึ ทแี่ ลว สงฆพึงสวดสมนภุ าสภกิ ษณุ มี ีช่อื น้ีเพื่อใหส ละวัตถุน้นั น่เี ปนญตั ติ.

พระวินัยปฎ ก ภิกขนุ วี ภิ ังค เลม ๓ - หนา ท่ี 305 แมเ จา ขอสงฆจงฟง ขาพเจา ภิกษุณีมีช่ือนผี้ ูน้ี อยูค ลุกคลีกับคหบดบี าง กับบตุ รคหบดบี า ง เธอยังไมสละวัตถนุ ้นั สงฆส วดสมนุภาสภกิ ษุณีมชี ือ่ นี้ เพอื่ ใหสละวัตถุน้นั การสวดสมนุภาสภกิ ษณุ ีมีช่อื นีเ้ พ่ือใหส ละวตั ถนุ ้ัน ชอบแกแ มเ จารปู ใด แมเจา รูปน้นั พึงเปน ผนู ง่ิ ไมชอบแกแ มเ จารปู ใด แมเ จา รปู นั้นพงึ พูด. ขาพเจา กลาวความนีแ้ มค ร้งั ท่ีสอง. . . ขา พเจา กลาวความนีแ้ มค รง้ั ท่ีสาม. . . ภิกษณุ ีมีช่อื นี้ อันสงฆสวดสมนุภาสแลว เพอื่ ใหสละวัตถุนั้น ชอบแกส งฆ เหตนุ นั้ จงึ น่ิง ขาพเจา ทรงความนไ้ี ว ดวยอยางน.้ี [๒๘๐] จบญตั ติ ตอ งอาบตั ิทกุ กฏ จบกรรมวาจาสองคร้งั ตอ งอาบัติทุกกฏสองตวั จบกรรมวาจาครง้ั สุด ตอ งอาบัติปาจิตตยี . บทภาชนีย ตกิ ะปาจติ ตีย [๒๘๑] กรรมเปนธรรม ภิกษุณสี าํ คญั วา กรรมเปน ธรรม ไมส ละตองอาบัตปิ าจติ ตยี . กรรมเปน ธรรม ภกิ ษุณสี งสัย ไมส ละ ตอ งอาบตั ปิ าจิตตีย. กรรมเปนธรรม ภกิ ษณุ สี ําคัญวา กรรมไมเ ปน ธรรม ไมส ละ ตองอาบตั ปิ าจติ ตีย. ติกะทุกกฏ กรรมไมเปนธรรม ภกิ ษณุ ีสาํ คญั วา กรรมเปน ธรรม ตอ งอาบตั ิทกุ กฏ.

พระวนิ ัยปฎก ภิกขุนวี ิภังค เลม ๓ - หนา ที่ 306 กรรมไมเปนธรรม ภิกษุณีสงสัย ตอ งอาบตั ทิ ุกกฏ. กรรมไมเปนธรรม ภิกษณุ ีสาํ คัญวา กรรมไมเ ปน ธรรม ตองอาบัติทกุ กฏ. อนาปต ติวาร [๒๘๒] ไมถูกสวดสมนุภาส ๑ สละได ๑ วกิ ลจรติ ๑ อาทิกมั มกิ า ๑ไมตอ งอาบัตแิ ล. ตุวฏั ฏวรรค สิกขาบทที่ ๖ จบ อรรถกถาตวุ ฏั ฏวรรค สกิ ขาบทที่ ๖ ในสิกขาบทที่ ๖ บททั้งปวง ตนื้ ทง้ั นนั้ . สิกขาบทน้ี มีการสวดสมนุภาสเปนสมฏุ ฐาน เปนอกริ ยิ า สัญญาวโิ มกข สจติ ตกะ โลกวชั ชะกายกรรม วจีกรรม อกุศลจติ เปนทุกขเวทนา แล. อรรถกถาตุวฏั ฏวรรค สกิ ขาบทท่ี ๖ จบ

พระวนิ ัยปฎ ก ภกิ ขนุ ีวิภังค เลม ๓ - หนา ท่ี 307 ตวุ ัฏฏวรรค สิกขาบทท่ี ๗ เร่ืองภิกษณุ หี ลายรูป [๒๘๓] โดยสมยั นัน้ พระผมู ีพระภาคพทุ ธเจา ประทบั อยู ณ พระ-เชตวนั อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวตั ถี ครงั้ นน้ั ภิกษณุ ีทั้งหลายไมม พี วกเกวียนเปนเพื่อน พากนั เท่ยี วจารกิ ไปในสถานท่ีซึ่งรูกนั อยวู ามีรงั เกียจ มภี ยั เฉพาะหนา ณ ภายในรัฐ เหลานกั เลงพากันประทุษราย. บรรดาภกิ ษุณที ีเ่ ปน ผูม ักนอย. . .ตา งกเ็ พงโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาวา.ไฉนภกิ ษุณที ั้งหลายจึงไดไ มม พี วกเกวียนเปนเพอ่ื น เที่ยวจารกิ ไปในสถานที่ซึ่งรกู ันอยวู ารังเกยี จ มีภยั เฉพาะหนา ณ ภายในรฐั เลา . . . ทรงสอบถาม พระผมู ีพระภาคเจา ทรงสอบถามภิกษทุ ั้งหลายวา ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลายขาววาภกิ ษณุ ที ้งั หลายไมม ีพวกเกวียนเปน เพอ่ื น เทยี่ วจารกิ ไปในสถานท่ีซง่ึ รูกนั อยูวา มรี ังเกียจ มีภยั เฉพาะหนา ณ ภายในรัฐ จรงิ หรือ. ภิกษุทง้ั หลายกราบทลู วา จรงิ พระพทุ ธเจาขา . ทรงติเตียนแลว บัญญัติสกิ ขาบท พระผูม ีพระภาคพทุ ธเจา ทรงตเิ ตยี นวา ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ไฉนพวกภกิ ษณุ ีจงึ ไดไมม พี วกเกวียนเปนเพ่ือน เทย่ี วจารกิ ไปในสถานที่ซึง่ รูกนั อยูวา มีรงั เกยี จ มีภัยเฉพาะหนา ณ ภายในรฐั เลา การกระทําของพวกนางน่นัไมเปนไปเพ่อื ความเลอื่ มใสของชมุ ชนที่ยังไมเ ลอ่ื มใส. . . ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย กแ็ ลภกิ ษณุ ที ้งั หลายจงยกสกิ ขาบทน้ขี น้ึ แสดงอยา งนี้ วา ดังน้;ี

พระวนิ ยั ปฎ ก ภิกขนุ ีวิภังค เลม ๓ - หนาท่ี 308 พระบัญญัติ ๙๒. ๗. อนงึ่ ภิกษุณีใด ไมมพี วกเกวียนเปนเพือ่ น เทีย่ วจาริกไปในสถานที่ซ่งึ รูก นั อยวู ามรี งั เกยี จ มภี ยั เฉพาะหนา ณ ภายในรฐั เปนปาจติ ตีย. เรอื่ งภิกษุณหี ลายรูป จบ สกิ ขาบทวภิ ังค [๒๘๔] บทวา อน่งึ . . .ใด ความวา ผใู ด คือ ผเู ชนใด. . . บทวา ภกิ ษุณี ความวา ทีช่ ่ือวา ภิกษุณี เพราะอรรถวาเปนผู ขอ. . . น้ีชื่อวา ภิกษณุ ี ที่ทรงประสงคใ นอรรถน้ี. บทวา ณ ภายในรัฐ คอื ในบานเมอื งของพระเจาแผน ดินทต่ี นอยู ทีช่ ือ่ วา มรี งั เกยี จ คือ มีสถานท่ีพวกโจรซอ งสมุ บรโิ ภค ยืน น่งันอน ปรากฏอยูใ นหนทางน้ัน. ท่ชี ่อื วา มีภัยเฉพาะหนา คอื มคี นถกู พวกโจรฆา ปลน ทบุ ตีปรากฏอยูในหนทางนัน้ . ทชี่ ่ือวา ไมมพี วกเกวียนเปน เพอ่ื น คอื เวนพวกเกวียน บทวา เท่ยี วจาริกไป คือ ในหมบู าน กําหนดระยะช่ัวไกบ นิ ตกตอ งอาบัตปิ าจติ ตยี  ทกุ ๆ ระยะบาน ในปาท่ีไมมบี า น ตอ งอาบตั ปิ าจิตตียทุก ๆ ระยะกึง่ โยชน. อนาปต ตวิ าร [๒๘๕] ไปกับพวกเกวยี น ๑ ไปในสถานท่ีปลอดภัย คอื ไมม ภี ัยเกดิขึน้ เฉพาะหนา ๑ มีอนั ตราย ๑ วกิ ลจริต ๑ อาทิกมั มิกา ๑ ไมต องอาบัติแล. ตวุ ฏั ฏวรรค สกิ ขาบทที่ ๗ จบ.

พระวนิ ยั ปฎ ก ภิกขนุ วี ิภังค เลม ๓ - หนา ท่ี 309 ตุวัฏฏวรรค สกิ ขาบทที่ ๘ เรื่องภิกษุณหี ลายรูป [๒๘๖] โดยสมัยนั้น พระผูมีพระภาคพุทธเจาประทับอยู ณ พระ-เชตวนั อารามของอนาถบณิ ฑกิ คหบดี เขตพระนครสาวัตถี คร้งั น้นั ภกิ ษณุ ีทง้ั หลายไมม พี วกเกวียนเปน เพือ่ นพากันเทีย่ วจารกิ ไปในสถานท่ีซึง่ รกู นั อยูวา มีรังเกยี จ มภี ยั เฉพาะหนา ภายนอกรัฐ ถูกพวกนักเลงประทุษรา ย บรรดาภกิ ษุณีท่ีเปน ผมู กั นอย. . .ตา งก็เพง โทษ ติเตียน โพนทะนาวาไฉนภิกษุณีจงึ ไมม ีพวกเกวยี นเปนเพื่อน เที่ยวจาริกไปในสถานท่ซี ่งึ รกู นั อยูว ามรี งั เกียจ มภี ยั เฉพาะหนา ภายนอกรัฐเลา. . . ทรงสอบถาม พระผูมพี ระภาคเจาทรงสอบถามภกิ ษทุ งั้ หลายวา ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลายขาววาพวกภกิ ษณุ ไี มมีพวกเกวยี นเปนเพ่อื น เทย่ี วจารกิ ไปในสถานท่ซี ึง่ รกู ันอยูว ามรี งั เกยี จ มีภยั เฉพาะหนา ภายนอกรัฐ จริงหรือ. ภกิ ษทุ งั้ หลายกราบทลู วา จริง พระพุทธเจา ขา. ทรงตเิ ตียนแลว บัญญตั สิ กิ ขาบท พระผมู ีพระภาคพุทธเจา ทรงติเตียนวา ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย ไฉนพวกภกิ ษณุ จี ึงไดไ มม พี วกเกวียนเปน เพื่อน เทยี่ วจารกิ ไปในสถานที่ซ่ึงรูก ันอยูวา มีรังเกียจ มีภยั เฉพาะหนา ภายนอกรฐั เลา การกระทาํ ของพวกนางนน่ั ไมเ ปนไปเพือ่ ความเล่ือมใสของชุมชนทยี่ งั ไมเ ลอื่ มใส. . . ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย ก็แลภิกษุทง้ั หลายจงยกสิกขาบทน้ีขน้ึ แสดงอยา งน้ี วาดังน:้ี -

พระวินยั ปฎก ภกิ ขุนีวภิ ังค เลม ๓ - หนาที่ 310 พระบัญญตั ิ ๙๓. ๘. อน่ึง ภกิ ษณุ ีใด ไมม พี วกเกวียนเปนเพือ่ น เท่ยี วจารกิ ไปในสถานทซี่ ง่ึ รกู นั อยวู ามีรงั เกียจ มภี ัยเฉพาะหนา ภายนอกรัฐ เปนปาจิตตยี . เรอื่ งภกิ ษุณีหลายรปู จบ สิกขาบทวิภงั ค [๒๘๗] บทวา อนงึ่ . . .ใด ความวา ผูใ ด คือ ผูเ ชนใด. . . บทวา ภกิ ษุณี ความวา ท่ชี ่อื วา ภิกษุณี เพราะอรรถวา เปนผูขอ. . .นีช้ ื่อวา ภิกษุณี ทีท่ รงประสงคใ นอรรถน้ี. บทวา ภายนอกรฐั คอื ในบา นเมืองของพระเจา แผน ดินอนื่ นอกรฐั ที่ตนอย.ู ทช่ี ือ่ วา มีรงั เกียจ คอื มีสถานที่พวกโจรซอ งสุม บริโภค ยนื นัง่นอน ปรากฏอยูในหนทางนน้ั . ที่ชอ่ื วา มีภัยเฉพาะหนา คือ มีคนถกู พวกโจรฆา ปลน ทุบตีปรากฏอยใู นหนทางน้ัน. ทีช่ อื่ วา ไมมพี วกเกวยี นเปนเพอ่ื น คือ เวน พวกเกวยี น. บทวา เทย่ี วจารกิ ไป คือ ในหมูบาน กาํ หนดระยะชัว่ ไกบนิ ตกตอ งอาบัตปิ าจติ ตีย ทุก ๆ ระยะบา น ในปา ทไี่ มม บี า น ตองอาบตั ปิ าจิตตยี ทุก ๆ ระยะกึ่งโยชน. อนาปตวิ าร [๒๘๘] ไปกบั พวกเกวียน ๑ ไปในสถานทีป่ ลอดภัย คอื ไมมภี ยั เกิดข้ึนเฉพาะหนา ๑ มีอนั ตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทกิ มั มิกา ๑ ไมตอ งอาบัติแล. ตวุ ัฏฏวรรค สิกขาบทท่ี ๘ จบ

พระวนิ ัยปฎก ภกิ ขุนวี ภิ งั ค เลม ๓ - หนาที่ 311 ตวุ ฏั ฏวรรค สกิ ขาบทท่ี ๙ เรื่องภกิ ษุณหี ลายรูป [๒๘๙] โดยสมยั นัน้ พระผมู ีพระภาคพุทธเจา ประทับอยู ณ พระ-เวฬวุ นั วหิ าร อนั เปนสถานทพี่ ระราชทานเหยอ่ื แกก ระแต เขตพระนครราช-คฤห ครั้งน้ัน ภิกษุณที ัง้ หลายพากันเทยี่ วจาริกไปในภายในพรรษา คนทั้งหลายพากนั เพง โทษ ติเตยี น โพนทะนาวา ไฉนพวกภิกษณุ ีจึงไดเทยี่ วจาริกไปในภายในพรรษา เหยยี บยํา่ หญาเขียวสด เบียดเบียนอินทรยี ชนิดหนึ่งซ่ึงมีชีวะ ทาํ สัตวเ ลก็ ๆ เปน จาํ นวนมาก ใหประสพการประหาร. ภิกษุณที ั้งหลายไดย นิ คนเหลานน้ั เพงโทษ ติเตยี น โพนทะนาอยูบรรดาทเ่ี ปน ผมู ักนอย. . . ตางก็เพงโทษ ติเตยี น โพนทะนาวา ไฉนภิกษณุ ีทั้งหลายจึงไดเ ท่ียวจารกิ ไปในภายในพรรษาเลา . . . ทรงสอบถาม พระผมู พี ระภาคเจา ทรงสอบถามภิกษทุ ง้ั หลายวา ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลายขา ววา พวกภกิ ษณุ เี ท่ียวจารกิ ไปในภายในพรรษา จริงหรอื . ภิกษุทัง้ หลายกราบทูลวา จริง พระพุทธเจา ขา . ทรงติเตียนแลว บัญญัติสกิ ขาบท พระผมู ีพระภาคพทุ ธเจา ทรงตเิ ตียนวา ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย ไฉนพวกภกิ ษุณจี ึงไดเทย่ี วจารกิ ไปในภายในพรรษาเลา การกระทาํ ของพวกนางน่นัไมเ ปนไปเพ่อื ความเลอ่ื มใสของชมุ ชนทีย่ ังไมเ ลอ่ื มใส. . .

พระวินัยปฎก ภิกขนุ ีวิภงั ค เลม ๓ - หนาท่ี 312 ดูกอนภิกษุท้งั หลาย กแ็ ลภกิ ษุณที ัง้ หลายจงยกสิกขาบทนีข้ ึ้นแสดงอยา งนี้ วาดังน้ี :- พระบัญญตั ิ ๙๔. ๙. อนง่ึ ภิกษณุ ีใด เทย่ี วจาริกไปในภายในพรรษาเปน ปาจิตตยี . เรอื่ งภิกษณุ หี ลายรปู จบ สกิ ขาบทวภิ งั ค [๑๒๗] บทวา อนึ่ง. . .ใด ความวา ผใู ด คือ ผเู ชนใด. . . บทวา ภกิ ษณุ ี ความวา ท่ชี ่อื วา ภิกษุณี เพราะอรรถวาเปน ผูขอ. . . นี้ช่ือวา ภิกษุณี ทที่ รงประสงคใ นอรรถนี้. บทวา ในภายในพรรษา คือ ไมอยูตลอดไตรมาสตน หรอืไตรมาสหลัง. บทวา เทย่ี วจาริกไป คือ ในหมูบาน กาํ หนดระยะช่ัวไกบนิ ตกตองอาบัติปาจติ ตีย ทุก ๆ ระยะบา น ในปาไมมีบาน ตองอาบัตปิ าจิตตียทกุ ๆ ระยะกงึ่ โยชน อนาปตตวิ าร [๒๙๑] ไปดว ยสัตตาหกรณียะ ๑ ถกู ใคร ๆ รบกวนจึงไป ๑ มีอันตราย ๑ วกิ ลจริต ๑ อาทกิ มั มกิ า ๑ ไมตองอาบัตแิ ล. ตวุ ัฏฏวรรค สิกขาบทท่ี ๙ จบ

พระวินยั ปฎ ก ภกิ ขุนีวภิ งั ค เลม ๓ - หนาที่ 313 อรรถกถาตวุ ฏั ฏวรรค สกิ ขาบทที่ ๗-๘-๙ ในสกิ ขาบทท่ี ๗-๘-๙ ทกุ ๆ บท ต้นื ทั้งน้นั . ทกุ ๆ สกิ ขาบท มีสมฏุ ฐานดุจเอฬกโลมสิกขาบท เปนกิริยา โนสญั ญาวิโมกข อจติ ตกะ ปณ -ณตั ติวัชชะ กายกรรม มจี ิต ๓ มีเวทนา ๓ แล. อรรถกถาตวุ ัฏฏวรรค สกิ ขาบทที่ ๗-๘-๙ จบ

































































พระวนิ ัยปฎ ก ภกิ ขนุ ีวภิ ังค เลม ๓ - หนา ที่ 346 อรรถกถาจติ ตาคารวรรค สกิ ขาบทที่ ๙ วินิจฉยั ในสกิ ขาบทที่ ๙ พงึ ทราบดงั นี้ :- สองบทวา พาหริ ก อนตถฺ ส หติ  ไดแ ก (ศิลปวิทยาการ) ทําลายผอู ืน่ มชี นดิ เชนศิลปะเนอ่ื งดวยชา ง มา รถ ธนู และดาบ กับมนตอ าถรรพณมนตฝง หุน มนตทาํ ใหมอี ํานาจ มนตทําใหผอมแหงและวิชาประกอบยาพิษเปนตน. บทวา ปริตตฺ  ไดแ ก (วิชาปองกนั ตัว) มชี นดิ เชน วิชาปองกันพวกยกั ษ และปอ งกนั พวกนาค (งู) เปนตน แมท ุกอยา ง ยอมสมควร. บทท่ีเหลอื ตืน้ ทง้ั นน้ั . สิกขาบทน้ี มีสมุฏฐานดจุ ปทโสธรรมสขิ าบท เกดิ ขน้ึ ทางวาจา ๑ ทางวาจากับจติ ๑ เปน กิรยิ า โนสญั ญาวโิ มกข อจิตตกะ ปณ ณัตติวชั ชะ วจกี รรมมีจติ ๓ มเี วทนา ๓ แล. อรรถกถาจิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ ๙ จบ

พระวนิ ยั ปฎ ก ภกิ ขุนวี ิภังค เลม ๓ - หนา ท่ี 347 จติ ตาคารวรรค สกิ ขาบทที่ ๑๐ เร่ืองภิกษณุ ีฉัพพคั คยี  [๓๒๕] โดยสมัยน้นั พระผมู พี ระภาคพทุ ธเจาประทบั อยู ณ พระ-เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งน้ัน ภกิ ษุณีฉพั พัคคยี พากนั สอนตริ ัจฉานวิชา คนทัง้ หลายพากันเพงโทษ ติเตยี น โพน-ทะนาวา ไฉนภิกษณุ ีทงั้ หลายจึงไดสอนติรัจฉานวชิ า เหมือนเหลาสตรีคฤหสั ถผูบริโภคกามเลา . ภิกษุณีท้ังหลายไดยนิ คนพวกน้ันเพง โทษ ติเตียน โพนทะนาอยูบรรดาทเ่ี ปนผูมักนอย. . . ตา งกเ็ พง โทษ ติเตียน โพนทะนาวา ไฉนภกิ ษณุ ีฉัพพคั คยี จ งึ ไดส อนตริ ัจฉานวชิ าเลา . . . ทรงสอบถาม พระผูม พี ระภาคเจา ทรงสอบถามภกิ ษุท้งั หลายวา ดูกอนภิกษุทงั้ หลายขาววา ภกิ ษุณีฉพั พคั คียส อนติรัจฉานวชิ า จริงหรือ. ภกิ ษทุ ง้ั หลายกราบทูลวา จรงิ พระพุทธเจา ขา . ทรงตเิ ตียนแลว บัญญตั ิสิกขาบท พระผมู ีพระภาคพุทธเจา ทรงตเิ ตยี นวา ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย ไฉนภกิ ษณุ ฉี พั พัคคยี จงึ ไดพ ากนั สอนตริ จั ฉานวิชาเลา การกระทาํ ของพวกนางนน่ัไมเปน ไปเพ่อื ความเลื่อมใสของชมุ ชนท่ียังไมเ ล่ือมใส. . . ดูกอนภกิ ษุทัง้ หลาย ก็แลภิกษณุ ที ง้ั หลายจงยกสกิ ขาบทนข้ี ึน้ แสดงอยา งนี้ วา ดังน้:ี -

พระวนิ ัยปฎ ก ภกิ ขนุ วี ภิ งั ค เลม ๓ - หนา ที่ 348 พระบัญญตั ิ ๑๐๕. ๑๐. อนึ่ง ภกิ ษณุ ีใด สอนติรัจฉานวิชา เปนปาจติ ตยี . เรือ่ งภกิ ษุณฉี พั พคั คีย จบ สิกขาบทวิภังค [๓๒๖] บทวา อนงึ่ . . .ใด ความวา ผูใด คือ ผเู ชนใด. . . บทวา ภกิ ษุณี ความวา ท่ีขอวา ภิกษณุ ี เพราะอรรถวา เปนผูขอ. . . นช้ี ื่อวา ภิกษณุ ี ที่ทรงประสงคใ นอรรถน้ี. ทีช่ ่อื วา ตริ ัจฉานวิชา ไดแก ศลิ ปวิทยาการนอกพระศาสนาชนดิ ใดชนิดหน่งึ ซึง่ ไมก อปรดวยประโยชน. บทวา สอน ความวา สอนโดยบท ตอ งอาบตั ปิ าจิตตีย ทุก ๆ บทสอนโดยอกั ขระ ตองอาบตั ิปาจิตตีย ทกุ ๆ ตวั อกั ขระ. อนาปตติวาร [๓๒๗ ] สอนหนังสอื ๑ สอนวิชาทอ งจาํ ๑ สอนวชิ าปอ งกันเพื่อประสงคค มุ ครองตัว ๑ วกิ ลจรติ ๑ อาทกิ มั มิกา ๑ ไมตองอาบตั ิแล. จิตตาคารวรรค สกิ ขาบทที่ ๑๐ จบ จติ ตาคารวรรคท่ี ๕ จบ

พระวนิ ัยปฎ ก ภิกขุนวี ภิ ังค เลม ๓ - หนา ที่ 349 อรรถกถาจิตตาคารวรรค สกิ ขาบทที่ ๑๐ วินจิ ฉัยในสกิ ขาบทท่ี ๑๐ พึงทราบดังน้:ี - บทวา วาเจยฺย แปลวา พึงสอน (น)้ี แปลกกัน. บททีเ่ หลอืพรอ มดว ยสมุฎฐาน เปน ตน พงึ ทราบโดยนัยดงั กลาวแลวในสกิ ขาบทที่ ๙ทงั้ นนั้ แล. อรรถกถาจติ ตาคารวรรค สิกขาบทที่ ๑๐ จบ อรรถกถาจิตตาคารวรรคที่ ๕ จบ

พระวินยั ปฎ ก ภิกขุนีวิภังค เลม ๓ - หนา ท่ี 350 ปาจิตตยี  อารามวรรคที่ ๖ อารามวรรค สิกขาบทที่ ๑ เร่ืองภิกษุณหี ลายรูป [๓๒๘] โดยสมัยน้นั พระผมู ีพระภาคพทุ ธเจา ประทบั อยู ณ พระ-เชตวนั อารามของอนาถบณิ ฑิกคหบดี เขตพระนครสาวตั ถี ครง้ั นัน้ ภิกษณุ ีหลายรูปมีจีวรผนื เดยี ว กําลังทาํ จีวรกรรมกนั อยใู นอาวาสใกลหมูบา นแหง หนง่ึพวกภกิ ษุณไี มบ อกกอนเขาสอู าราม แลวพากันเขา ไปหาภิกษุเหลา นั้น ภิกษุท้งั หลายพากนั เพงโทษ ติเตยี น โพนทะนาวา ไฉนภิกษณุ ีทง้ั หลายจงึ ไดไมบอกกลาวกอนเขา ไปสูอ ารามเลา . . . ทรงสอบถาม พระผมู พี ระภาคเจา ทรงสอบถามภิกษทุ ั้งหลายวา ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลายขาววา พวกภิกษณุ ีไมบอกกลา วกอนเขา ไปสอู าราม จรงิ หรือ. ภิกษทุ ้ังหลายกราบทลู วา จริง พระพุทธเจา ขา . ทรงติเตยี นแลว บญั ญตั สิ กิ ขาบท พระผมู ีพระภาคพุทธเจา ทรงตเิ ตยี นวา ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย ไฉนพวกภิกษุณีจึงไมบอกกลาวกอ นเขาไปสูอารามเลา การกระทําของพวกนางน่ัน ไมเปนไปเพ่ือความเลอื่ มใสของชมุ ชนท่ียงั ไมเ ลอ่ื มใส. . . ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย กแ็ ลภิกษณุ ีทัง้ หลายจงยกสกิ ขาบทนขี้ นึ้ แสดงอยางนี้ วาดงั น:้ี -


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook