Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_05

tripitaka_05

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:32

Description: tripitaka_05

Search

Read the Text Version

พระวนิ ยั ปฎ ก ภกิ ขนุ ีวิภงั ค เลม ๓ - หนา ท่ี 70 ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย กแ็ ลภิกษณุ ีทั้งหลาย จงยกสิกขาบทน้ีขนึ้ แสดงอยางนวี้ าดังนี้ :- พระบัญญตั ิ ๑๒. ๔. อน่ึง ภิกษุณีใด ไมบ อกกลา วการกสงฆ ไมร ูฉนั ทะของคณะ เรียกภกิ ษณุ ีผูซ่ึงสงฆพ รอมเพรียงกนั ยกเสียจากหมูตามธรรม ตามวนิ ัย อันเปน สตั ถศุ าสนแลวใหเขา หมู ภิกษณุ แี มน ้ีกต็ องธรรมคอื สงั ฆาทเิ สส ช่อื นสิ สารณยี ะ มีอนั ใหตอ งอาบัตขิ ณะแรกทํา. เรื่องภิกษุณีจัณฑกาลี จบ สกิ ขาบทวิภงั ค [๔๘] บทวา อนึง่ . . .ใด ความวา ผใู ด คอื ผเู ชน ใด . . . บทวา ภิกษุณี ความวา ท่ีชื่อวา ภกิ ษณุ ี เพราะอรรถวา เปนผูขอ. . .น้ีช่อื วา ภิกษณุ ี ทท่ี รงประสงคใ นอรรถน้ี . สงฆท ี่ชือ่ วา พรอ มเพรียงกนั คือ มสี งั วาสเสมอกนั อยูในสีมาเดยี วกนั . ทช่ี ื่อวา ยกเสียจากหมู คอื ถกู ยกเสยี จากหมู เพราะไมเห็นอาบตั ิหรอื เพราะไมทาํ คนื อาบตั ิ หรือเพราะไมสละคนื ทฏิ ฐบิ าป. บทวา ตามธรรม ตามวนิ ยั คอื ตามธรรมใด ตามวนิ ยั ใด. บทวา อนั เปน สัตถศุ าสน ไดแก ธรรมน้ัน วนิ ยั น้ันเปนคําสง่ั สอนของพระชนิ เจา คือ เปนคาํ สงั่ สอนของพระพุทธเจา .

พระวินัยปฎก ภกิ ขนุ ีวภิ ังค เลม ๓ - หนาท่ี 71 บทวา ไมบอกกลาวการกสงฆ คือ ไมบ อกเลาการกสงฆผ ูทาํกรรมใหท ราบ. บทวา ไมรูฉันทะของคณะ คอื ไมรคู วามพอใจของคณะ. ภิกษุณปี ระสงคจะเรยี กเขาหมู แสวงหาคณะก็ดี สมมตสิ ีมาก็ดี ตองอาบัตทิ ุกกฏ จบญตั ติ ตอ งอาบัตทิ ุกกฏ จบกรรมวาจาสองคร้งั ตอ งอาบัติถุลลจั จัย จบกรรมวาจาครั้งสุด ตองอาบตั สิ ังฆาทิเสส. [๔๙] บทวา ภกิ ษณุ ีแมน ้ี พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสเทียบเคียงภิกษุณรี ูปกอน ๆ. บทวา มอี ันใหตองอาบัติขณะแรกทํา ความวา ตอ งอาบตั ิพรอมกบั การลว งวัตถุ โดยไมตอ งสวดสมนภุ าส. ท่ชี อื่ วา นิสสารณยี ะ ไดแก ถูกขับออกจากหมูส งฆ. บทวา สังฆาทิเสส ความวา สงฆเทานัน้ ใหม านัต . . .แมเพราะเหตนุ ั้นจงึ ตรสั เรยี กวา สงั ฆาทเิ สส. บทภาชนีย ตกิ ะสงั ฆาทิเสส [๕๐] กรรมเปนธรรม ภิกษณุ สี ําคัญวา กรรมเปน ธรรม เรียกเขาหมตู องอาบตั สิ ังฆาทเิ สส. กรรมเปนธรรม ภกิ ษุณสี งสยั เรียกเขา หมู ตองอาบตั สิ งั ฆาทเิ สส. กรรมเปน ธรรม ภิกษุณสี ําคัญวา กรรมไมเปน ธรรม เรียกเขา หมูตองอาบตั ิสังฆาทิเสส.

พระวินัยปฎ ก ภกิ ขุนวี ภิ งั ค เลม ๓ - หนา ที่ 72 ตกิ ะทกุ กฏ กรรมไมเปน ธรรม ภิกษณุ ีสาํ คัญวา กรรมเปนธรรม . . . ตอ งอาบตั ิทุกกฏ. กรรมไมเปนธรรม ภิกษณุ ีสงสยั . . . ตอ งอาบตั ทิ กุ กฏ. กรรมไมเ ปนธรรม ภิกษุณสี ําคญั วา กรรมไมเ ปน ธรรม . . . ตองอาบตั ิทกุ กฏ. อนาปตตวิ าร [๕๑] บอกกลา วการกสงฆผ ูทาํ กรรม แลว เรียกเขา หมู ๑ รูฉ นั ทะของคณะ แลว เรียกเขา หมู ๑ เรยี กภิกษณุ ีผูประพฤตชิ อบแลวเขาหมู ๑ เรียกเขาหมใู นเมอื่ การกสงฆผ ทู ํากรรมไมม ี ๑ วกิ ลจริต ๑ อาทกิ มั มิกา ๑ ไมตองอาบตั แิ ล. สังฆาทเิ สสสิกขาบทท่ี ๔ จบ อรรถกถาสังฆาทิเสสสิกขาบทท่ี ๔ วนิ ิจฉัยในสกิ ขาบทท่ี ๔ พึงทราบดงั นี้ :- ท่วี างเทา ที่ลา งแลว ชื่อวา ต่งั รองเทา . ที่สาํ หรบั รองเทา ทย่ี งั ไมไดล างชือ่ วา กระเบ้อื งเชด็ เทา . ขอวา อนฺญาย คณสฺส ฉนฺท ไดแก ไมร ูฉันทะของคณะผูกระทํานน้ั น่ันแล. สองบทวา วตเฺ ต วตตฺ นฺตึ ไดแก ผปู ระพฤติชอบในเนตถารวัตร(วัตรเปนเหตุสลดั ออก) ๔๓ ประเภท. คาํ ทีเ่ หลอื ตื้นท้งั นน้ั .

พระวนิ ยั ปฎก ภกิ ขนุ วี ภิ ังค เลม ๓ - หนาที่ 73 สิกขาบทนี้ มกี ารทอดธุระเปน สมุฎฐาน เกดิ ขน้ึ ทางกายวาจากับจติเปน ทั้งกิริยาท้ังอกิรยิ า สัญญาวโิ มกข สจิตตกะ โลกวชั ชะ กายกรรม วจีกรรมอกศุ ลจิต เปน ทกุ ขเวทนา ดังน้แี ล. อรรถกถาสังฆาทเิ สสสกิ ขาบทที่ ๔ จบ/I สงั ฆาทิเสสสกิ ขาบทท่ี ๕ เร่ืองภกิ ษุณีสนุ ทรีนันทา [๕๒] โดยสมยั น้ัน พระผูม ีพระภาคเจาพุทธเจา ประทับอยู ณ พระ-เชตวัน อารามของอนาถบิณฑกิ คหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครัง้ น้ัน ภิกษุณีสนุ ทรีนนั ทาเปนผทู รงโฉมวไิ ล นาพิศพึงชม คนท้งั หลายแลเหน็ นางท่ใี นโรงฉันแลว มีความพงึ พอใจ ตางถวายโภชนาหารทีด่ ี ๆ แกนางผมู คี วามพงึ พอใจนางฉันไดพอแกค วามประสงค ภิกษณุ ีรูปอ่นื ๆ ไมไ ดฉ นั ตามตอ งการ. บรรดาภกิ ษุณีที่เปนผูมักนอย. . .ตางก็เพงโทษ ตเิ ตียนโพนทะนาวาไฉนแมเขา สนุ ทรนี นั ทาจึงไดม ีความยินดรี ับของเคี้ยวของฉนั ดวยมอื ของตนเองจากมือของบรุ ษุ บคุ คลผมู คี วามพึงพอใจ แลวเคี้ยวฉันเลา . . . แลว กราบทลูเรือ่ งนัน้ แดพระผูมีพระภาคเจา. ทรงสอบถาม พระผมู ีพระภาคเจาทรงสอบถามภกิ ษุท้ังหลายวา ดกู อนภิกษุทัง้ หลายขา ววา ภกิ ษณุ สี นุ ทรนี ันทามีความยินดีรับของเค้ียวของฉนั ดวยมือของตนเองจากมือของบุรษุ บุคคลผูมคี วามพึงพอใจ แลว เคย้ี วฉนั จรงิ หรอื . ภกิ ษุท้งั หลายกราบทูลวา จริง พระพุทธเจาขา.

พระวนิ ัยปฎก ภิกขนุ วี ิภังค เลม ๓ - หนาท่ี 74 ทรงตเิ ตยี นแลวบญั ญัติสกิ ขาบท พระผมู ีพระภาคเจา ทรงติเตยี นวา ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย ไฉน ภิกษุณีสุนทรนี นั ทา จึงไดย นิ ดรี บั ของเคยี้ วของฉนั ดว ยมอื ของตนเองจากมือของบุรษุบคุ คลผมู ีความพึงพอใจแลว เค้ยี วฉนั เลา การกระทําของนางนนั่ ไมเปน ไปเพ่ือความเลือ่ มใส ของชมุ ชนท่ียังไมเล่ือมใส. . . ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย กแ็ ลภิกษุณีทง้ั หลาย จงยกสิกขาบทนีข้ ึน้ แสดงอยางน้วี าดังนี้ :- พระบัญญัติ ๑๓. ๕. อน่ึง ภิกษณุ ีใด มีความพอใจ รบั ของเคย้ี วก็ดีของฉนั ก็ดี ดวยมอื ของตนเอง จากมือของบรุ ุษบคุ คลผมู ีความพึงพอใจแลวเค้ียวกด็ ี ฉนั ก็ดี ภิกษณุ ีแมน ้ีกต็ อ งธรรมคือสงั ฆาทิเสส ชือ่นสิ สารณียะ มอี นั ใหตอ งอาบัตขิ ณะแรกทาํ . เรอื่ งภกิ ษณุ สี นุ ทรนี นั ทา จบ สกิ ขาบทวิภงั ค [๕๓] บทวา อน่งึ . . .ใด ความวา ผใู ด คอื ผเู ชนใด. . . บทวา ภกิ ษุณี ความวา ท่ชี ่อื วา ภกิ ษณุ ี เพราะอรรถวาเปนผูขอ. . . นี้ช่อื วา ภกิ ษณุ ี ทท่ี รงประสงคใ นอรรถนี้. ทช่ี ่ือวา มคี วามพึงพอใจ คอื มคี วามยนิ ดียงิ่ นัก มีความเพงเล็งมจี ิตปฏิพัทธ. ทชี่ ่อื วา ผูมคี วามพึงพอใจ คอื มคี วามยนิ ดียง่ิ นัก มคี วามเพงเล็งมจี ติ ปฏิพทั ธ.

พระวนิ ยั ปฎก ภิกขุนีวภิ ังค เลม ๓ - หนา ท่ี 75 ทีช่ อื่ วา บุรษุ บคุ คล ไดแ ก มนุษยผชู าย ไมใ ชยักษผูช าย ไมใ ชเปรตผูชาย ไมใชสัตวดริ จั ฉานตัวผู เปนผรู ูความ สามารถเพื่อจะยนิ ดีย่ิงนกั . ทชี่ ือ่ วา ของเค้ยี ว คือ ยกเวนโภชนะ ๕ อยา ง กบั น้ําและไมส ีฟนนอกนั้นชื่อวา ของเค้ียว. ท่ชี อื่ วา ของฉัน ไดแ กโภชนะทัง้ หา คอื ขาวสุก ๑ ขนมสด ๑ขนนแหง ๑ ปลา ๑ เนื้อ ๑. ภกิ ษณุ รี บั ประเคนดว ยตง้ั ใจวา จักเคย้ี ว จกั ฉนั ตอ งอาบัติถุลลัจจัยกลนื กิน ตอ งอาบัติสังฆาทเิ สส ทกุ ๆ คาํ กลนื . [๕๔] บทวา ภิกษณุ แี มน ้ี พระผูมีพระภาคเจา ตรสั เทยี บเคียงภกิ ษณุ ีรูปกอ น ๆ. บทวา มีอันใหต อ งอาบัตขิ ณะแรกทาํ คอื ตอ งอาบัตพิ รอ มกับการลวงวัตถุ โดยไมตองสวดสมนภุ าส. ที่ชอ่ื วา นสิ สารณียะ ไดแก ถูกขบั ออกจากหมสู งฆ. บทวา สงั ฆาทิเสส ความวา สงฆเ ทา น้นั ใหมานัต. . .แมเ พราะเหตนุ ้นั จงึ ตรสั เรยี กวา สงั ฆาทเิ สส. รับประเคนนํา้ และไมชําระฟน ตอ งอาบตั ทิ กุ กฏ. บทภาชนยี  [๕๕] ฝา ยหน่ึงมีความพอใจ รบั ประเคนดวยต้ังใจวา จกั เคย้ี วจกั ฉนัตองอาบตั ทิ ุกกฏ กลนื กนิ ตองอาบัตถิ ลุ ลจั จัยทกุ ๆ คํากลนื รบั ประเคนน้ําและไมชําระฟน ตองอาบตั ิทกุ กฏ.

พระวนิ ยั ปฎก ภิกขุนวี ิภงั ค เลม ๓ - หนา ท่ี 76 ท้งั สองฝายมีความพงึ พอใจ รับประเคนจากมอื ยักษผ ชู าย เปรตผูช ายบัณเฑาะก หรือสตั วดริ ัจฉานตัวผูทีม่ ีกายคลายมนษุ ย ดว ยตง้ั ใจวา จกั เค้ียวจักฉนั ตองอาบตั ิทุกกฏ กลืนกิน ตองอาบตั ิถุลลจั จัย ทกุ ๆ คาํ กลนื รับประเคนน้ําและไมชาํ ระฟน ตอ งอาบตั ิทกุ กฏ. เขามคี วามพงึ พอใจฝายเดียว รับประเคนดว ยต้ังใจวา จกั เค้ยี ว จักฉันตอ งอาบตั ทิ ุกกฏ กลืนกิน ตองอาบัตทิ ุกกฏ ทุก ๆ คาํ กลนื รบั ประเคนน้าํและไมช ําระฟนตองอาบัติทกุ กฏ. อนาปต ติวาร [๕๖] ทง้ั สองฝายไมม คี วามพงึ พอใจ ๑ รูอยูวาเขาไมม ีความพึงพอใจจึงรบั ประเคน ๑ วกิ ลจริต ๑ อาทิกัมมกิ า ๑ ไมต องอาบัตแิ ล. สังฆาทิเสสสิกขาบทท่ี ๕ จบ อรรถกถาสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๕ วินิจฉัย ในสกิ ขาบทท่ี ๕ พงึ ทราบดังนี้ :- ทานกลาวไวใ นมหาปจจรวี า ในคาํ วา เอกโต อวสสฺ เุ ต น้บี ณั ฑติพึงเห็นวา ภกิ ษุณเี ปนผมู คี วามพึงพอใจ. แตในมหาอรรถกถาทานไมไ ดกลาวคําวา ฝา ยหนึง่ มีความพงึ พอใจน้ไี ว. คาํ น้นั สมดว ยพระบาลี. คําทเ่ี หลอื ตื้นท้ังนนั้ . สิกขาบทน้ี มีสมฏุ ฐานดจุ ปฐมปาราชิก เปน กิริยา สญั ญาวิโมกขสจิตตกะ โลกวชั ชะ กายกรรม อกศุ ลจติ เปนทุกขเวทนาดังน้แี ล. อรรถกถาสงั ฆาทเิ สสสกิ ขาบทท่ี ๕ จบ

พระวินัยปฎ ก ภิกขุนีวภิ ังค เลม ๓ - หนาที่ 77 สังฆาทิเสสสิกขาบทท่ี ๖ เร่อื งภกิ ษณุ สี ุนทรนี ันทา [๕๗] โดยสมยั น้ัน พระผมู ีพระภาคเจา พทุ ธเจา ประทบั อยู ณ พระ-เชตวันอารามของอนาถบณิ ฑิกคหบดี เขตพระนครสาวตั ถี คร้ังนั้น ภกิ ษณุ ีสนุ ทรนี นั ทาเปนผูท รงโฉมวิไลนา พศิ พงึ ชม คนทงั้ หลายพบนางท่ใี นโรงฉันแลว ตางมคี วามพอใจ ถวายโภชนาหารที่ดี ๆ แกนาง ๆ รงั เกียจไมร บั ประเคนภิกษณุ ผี นู ัง่ รองลาํ ดบั จึงถามนางวา แมเ จา เหตไุ รแมเ จาจึงไมร บั ประเคนเลาเจาคะ. นางตอบวา เพราะเขามีความพอใจ เจา คะ . ภกิ ษุณนี ้นั ถามวา ก็แมเ จา มีความพอใจดวยหรือ. ส.ุ ไมมี เจาคะ . ภ.ิ แมเ จา บุรุษบุคคลนน่ั มีความพอใจก็ตาม ไมม ีความพอใจก็ตาม จักทําอะไรแกแมเ จาได เพราะแมเจา ไมม ีความพอใจ นมิ นตเถิด เจา คะบรุ ุษบุคคลนั้นจักถวายของสง่ิ ใด เปน ของเคีย้ ว หรอื ของฉนั กต็ าม แกแ มเ จา ๆจงรบั ประเคนของส่งิ น้ันดว ยมอื ของตน แลวเคยี้ วหรอื ฉันเถิด เจาคะ . บรรดาภกิ ษุณที ีเ่ ปน ผูมกั นอย. . .ตางก็เพงโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาวา ไฉนภกิ ษุณีจงึ ไดก ลา วอยา งน้ีวา แมเ จา บรุ ุษบุคคลนน่ั มคี วามพอใจก็ตาม ไมมีความพอใจกต็ าม จักทําอะไรแกแมเจา ได เพราะแมเ จา ไมมคี วามพอใจ นมิ นตเถดิ เจา คะ บรุ ุษบุคคลนั้นจะถวายของสง่ิ ใด เปนของเคี้ยว.หรอื ของฉนั ก็ตาม แกแมเจา แมเจา จงรบั ประเคนของสงิ่ นั้นดวยมือของตนแลวเคย้ี วหรอื ฉนั เถดิ ดังนี้เลา . . . แลว กราบทูลเรอื่ งนน้ั แดพ ระผูมพี ระภาคเจา

พระวนิ ยั ปฎ ก ภกิ ขนุ วี ิภังค เลม ๓ - หนาท่ี 78 ทรงสอบถาม พระผูม ีพระภาคเจาทรงสอบถามภกิ ษุท้งั หลายวา ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลายขาววา ภกิ ษุณีกลาวอยางนวี้ า แมเจา บรุ ษุ บุคคลนัน่ มคี วามพอใจก็ตาม ไมมีความพอใจ กต็ าม จักทาํ อะไรแกแมเจา ได เพราะแมเ จาไมมีความพอใจนิมนตเถิด เจา คะ บรุ ษุ บคุ คลนัน้ จะถวายของสงิ่ ใด เปน ของเค้ียวก็ตาม ของฉันก็ตาม แกแมเจา แมเจาจงรับประเคนของสง่ิ นน้ั ดว ยมอื ของตน แลวเคี้ยวหรอื ฉันเถดิ ดงั นี้จรงิ หรือ. ภิกษทุ ั้งหลายทลู รับวา จรงิ พระพุทธเจาขา. ทรงติเตยี นแลวบญั ญัตสิ กิ ขาบท พระผูมพี ระภาคเจาพทุ ธเจาทรงตเิ ตียนวา ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย ไฉนภกิ ษณุ จี งึ ไดกลา วอยา งน้ีวา แมเจา บรุ ษุ บคุ คลน่ัน มีความพอใจก็ตาม ไมมีความพอใจก็ตาม จกั ทําอะไรแกแ มเจาได เพราะแมเ จาไมมีความพอใจนิมนตเถิดเจาคะ บุรุษบคุ คลน้ันจะถวายของสง่ิ ใด เปนของเค้ยี วก็ตาม ของฉันก็ตาม แกแมเจา แมเ จาจงรบั ประเคนของสิ่งนั้น ดวยมือของตน แลวเค้ียวหรอื ฉันเถิด ดังนีเ้ ลา การกระทําของนางนัน่ ไมเปน ไปเพือ่ ความเล่อื มใสของชมุ ชนท่ยี ังไมเล่ือมใส. . . ดกู อนภิกษุทงั้ หลาย กแ็ ลภกิ ษุณีทงั้ หลาย จงยกสิกขาบทน้ีขน้ึ แสดงอยางน้ีวา ดังน้ี :- พระบัญญัติ ๑๔. ๖. อน่งึ ภกิ ษุณีใด กลาวอยางนว้ี า แมเ จา บรุ ษุ บุคคลน่นั มคี วามพอใจก็ตาม ไมมคี วามพอใจก็ตาม จกั ทาํ อะไรแกแม

พระวนิ ยั ปฎก ภิกขุนีวภิ ังค เลม ๓ - หนา ท่ี 79เจาได เพราะแมเจาไมม ีความพอใจ นิมนตเ ถิด เจา คะ บรุ ษุ บคุ คลนั้นจะถวายของส่ิงใด เปน ของเคยี้ วหรือของฉนั กต็ าม แกแ มเจาขอแมเ จาจงรับประเคนของส่ิงนั้นดวยมอื ของตน แลว เคยี้ วหรอื ฉันเถดิ ดงั น้ี ภิกษณุ ีแมนี้กต็ องธรรมคอื สังฆาทิเสสชอ่ื นิสสารณียะมอี นั ใหต องอาบตั ขิ ณะแรกทํา. เรอ่ื งภกิ ษณุ ีสุนทรีนันทา จบ สิกขาบทวภิ ังค [๕๘] บทวา อนึ่ง. . .ใด ความวา ผใู ด คอื ผูเชนใด. . . บทวา ภิกษุณี ความวา ที่ช่อื วา ภกิ ษุณี เพราะอรรถวา เปน ผูขอ. . . นชี้ ือ่ วา ภกิ ษณุ ี ทท่ี รงประสงคในอรรถน.ี้ บทวา กลาวอยา งนี้ คอื พูดสง เสรมิ วา แมเ จา บุรษุ บคุ คลนัน่มีความพอใจกต็ าม ไมม ีความพอใจก็ตาม จกั ทําอะไรแกแ มเ จา ได เพราะแมเ จาไมม คี วามพอใจ นิมนตเ ถดิ เจา คะ บุรุษบุคคลนนั้ จะถวายของสิ่งใดเปน ของเคยี้ ว หรอื ของฉันก็ตาม แกแมเ จา ขอแมเ จาจงรับประเคนของสง่ินนั้ ดวยมอื ของตน แลว เคี้ยวหรือฉันเถิด ดงั นี้ ตองอาบตั ทิ กุ กฏ. ภิกษุณีรับประเคนตามคําของภกิ ษณุ ผี พู ูดนนั้ ดวยประสงคจะเคี้ยวจะฉนั ภิกษณุ ผี ูพูดนัน้ ตองอาบตั ทิ ุกกฏ. ภิกษณุ ีน้ันฉัน ภิกษณุ ีผพู ูด ตองอาบัติถลุ ลัจจัยทกุ ๆ คํากลนื . ภกิ ษุณนี น้ั ฉนั อาหารเสร็จ ภกิ ษณุ ผี พู ูด ตองอาบัตสิ ังฆาทิเสส. บทวา ภิกษณุ แี มนี้ พระผูม พี ระภาคเจา ตรสั เทียบเคียงภิกษณุ รี ปูกอน ๆ.

พระวินยั ปฎก ภกิ ขุนวี ภิ ังค เลม ๓ - หนาที่ 80 บทวา มอี ันใหต อ งอาบัติขณะแรกทาํ คอื ตอ งอาบัตพิ รอ มกบัการลว งวตั ถุ โดยไมต องสวดสมนุภาส. ทชี่ ือ่ วา นิสสารณยี ะ ไดแ ก ถกู ขับออกจากหมู. บทวา สังฆาทิเลส ความวา สงฆเทาน้ันใหม านัต. . . เพราะเหตนุ ้ันจึงตรัสเรยี กวา สังฆาทเิ สส. ภิกษณุ ีพดู สง เสรมิ วา จงรับประเคนน้าํ และไมชําระฟน ตอ งอาบัติทุกกฏ ภกิ ษณุ รี บั ประเคนตามคาํ ของภิกษณุ ีผพู ดู นน้ั ดวยประสงคจ ะเคีย้ วจะฉนั ภิกษณุ ีผูพดู นน้ั ตอ งอาบตั ิทุกกฏ. บทภาชนยี  [๕๙] ฝา ยหนึ่งมีความพอใจ ภกิ ษุณีพดู สงเสรมิ วา แมเจา จงเค้ยี วกต็ าม จงฉันกต็ าม ซึง่ ของเค้ยี วกต็ าม ของฉันก็ตาม ทร่ี บั จากมือของยกั ษก็ดี เปรตผูช ายกด็ ี บัณเฑาะกผ ูชายก็ดี สัตวด ิรัจฉานตวั ผมู ีกายคลายมนษุ ยกด็ ี ดังนี้ ตองอาบตั ิทกุ กฏ. ภกิ ษณุ รี ับประเคนตามคําของผพู ดู นน้ั ดวยประสงคว าจะเคี้ยวจะฉันภิกษุณีผูพ ดู ตอ งอาบตั ทิ ุกกฏ ภกิ ษณุ ีน้นั ฉัน ภิกษุณผี ูพ ดู ตองอาบตั ทิ กุ กฏทุก ๆ คํากลนื ภกิ ษณุ ีนน้ั ฉันเสร็จ ภิกษณุ ผี ูพ ูด ตอ งอาบัตถิ ุลลัจจัย. พดู สง เสริมวา จงรบั ประเคนนํ้าและไมชําระฟน ตอ งอาบัติทุกกฏภกิ ษุณีรบั ประเคนตามคาํ ของภิกษุณนี น้ั ดว ยประสงควาจะเคย้ี วจะฉัน ภกิ ษุณีผูพ ดู ตองอาบัตทิ กุ กฏ.

พระวนิ ยั ปฎก ภกิ ขนุ ีวภิ งั ค เลม ๓ - หนาท่ี 81 อนาปต ติวาร [๖๐] รอู ยูวาเขาไมมคี วามพอใจ พดู สงเสรมิ ๑ พดู สง เสริมโดยเขาใจวา เขาโกรธกัน นางคงไมรับประเคน ๑ พดู สง เสริมโดยเขาใจวา นางจักไมรบั ประเคน เพราะความเอน็ ดูแกสกุล ๑ วกิ ลจรติ ๑ อาทกิ มั มิกา ๑ไมตอ งอาบตั แิ ล. สังฆาทิเสสสกิ ขาบทท่ี ๖ จบ อรรถกถาสังฆาทเิ สสสกิ ขาบทท่ี ๖ วินิจฉยั ในสกิ ขาบทท่ี ๖ พงึ ทราบดังน้ี :- สองบทวา ยโต ตฺว ไขเปน ยสมฺ า ตวฺ  แปลวา เพราะวาแมเ จา. ถามวา อาบัติท้ังหลายมีอาทิวา พูดสง เสรมิ ตอ งอาบตั ิทุกกฏ มีสงั ฆาทเิ สสเปนทสี่ ุด จะมแี กใ คร. แกว า มีแกภิกษณุ ีผพู ดู สงเสรมิ . สมจริงดังคาํ ท่พี ระผูม พี ระภาคเจาตรัสไวแมในคัมภรี ป รวิ ารวา ภกิ ษณุ ไี มให ไมรบั ประเคน การ รบั ไมม ี ดว ยเหตุนัน้ , แตต อ งอาบตั ิหนกั ไมใ ชอ าบตั เิ บา และการตองนั้น เพราะ การบริโภคเปนปจจยั ปญ หาขอ นี้ทานผู ฉลาดท้งั หลายคดิ กนั แลว.

พระวินัยปฎก ภกิ ขุนวี ิภงั ค เลม ๓ - หนาท่ี 82 จรงิ อยู คาถานตี้ รัสหมายเอาภกิ ษณุ ีผพู ดู สงเสรมิ นี.้ สวนความตางแหงอาบัตขิ องภกิ ษุณีผูพูดสงเสริมนอกนี้ ทรงจําแนกไวแ ลว ในสกิ ขาบทที่ ๑แล. คาํ ท่เี หลือตนื้ ท้ังนนั้ แล. สิกขาบทนี้ มีสมุฏฐาน ๓ เปนกิริยา สญั ญาวโิ มกข สจิตตกะ โลก-วชั ชะ กายกรรม วจกี รรม อกุศลจิต มีเวทนา ๓ ดงั น้แี ล. อรรถกถาสงั มาทเิ สสสิกขาบทที่ ๖ จบ สังฆาทเิ สสสกิ ขาบทที่ ๗ เร่ืองภิกษุณีจณั ฑกาลี [๖๑] โดยสมัยน้ัน พระผมู ีพระภาคพุทธเจาประทับอยู เพระเชต-วัน อารามของอนาถบณิ ฑิกคหบดี เขตพระนครสาวตั ถี ครัง้ นั้น ภิกษุณีจณั ฑกาลที ะเลาะกับภกิ ษุณที ง้ั หลาย โกรธ ขดั ใจ แลว กลา วอยา งนีว้ า ขาพเจาขอบอกคืนพระพทุ ธเจา ขา พเจา ขอบอกคนื พระธรรม ขาพเจา ขอบอกคืนพระสงฆ ขา พเจา ขอบอกคนื สิกขา ภกิ ษณุ ีทข่ี อสมณี จะมีเฉพาะสมณเี หลาศากยธดิ าเหลานเี้ มอื่ ไร แมสมณเี หลา อ่นื ท่ีมคี วามละอาย มคี วามรังเกียจ ผูใครต อสิกขาก็ยงั มี ขา พเจาจะไปประพฤตพิ รหมจรรยในสํานกั สมณเี หลา นั้นดังน.้ี บรรดาภิกษุณที ่ีเปนผมู ักนอย. . . ตางก็เพงโทษ ติเตียนโพนทะนาวาไฉน แมเ จา จัณฑกาลี จึงไดโกรธ ขัดใจ กลาวอยา งน้วี า ขา พเจา ขอบอกคืนพระพุทธเจา. . . ขา พเจาขอบอกคืนสิกขา ภกิ ษุณีที่ช่อื วา สมณี จะมีเฉพาะสมณีเหลา ศากยธดิ าเหลา นีเ้ ม่ือไร แมส มณเี หลาอื่นทีม่ คี วามละอาย มี

พระวนิ ยั ปฎ ก ภิกขุนีวิภงั ค เลม ๓ - หนาท่ี 83ความรงั เกียจ ผูใครต อ สกิ ขา ก็ยังมี ขา พเจา จักพระพฤติพรหมจรรยใ นสํานักสมณีเหลา น้ัน ดังนเี้ ลา. . . แลว กราบทลู เร่อื งนนั้ แดพ ระผมู ีพระภาคเจา. ทรงสอบถาม พระผูมพี ระภาคเจาทรงสอบถามภิกษทุ ง้ั หลายวา ดูกอนภิกษุทัง้ หลายขาววา ภิกษณุ จี ัณฑกาลี โกรธ ขดั ใจ แลว กลา วอยางนี้วา ขาพเจาขอบอกคืนพระพทุ ธเจา. . . ขา พเจาขอบอกคนื สิกขา ภกิ ษุณีช่อื วาสมณี จะมีเฉพาะสมณเี หลาศากยธิดาเหลานเ้ี มอ่ื ไร แมส มณเี หลาอื่นท่มี คี วามละอาย มีความรังเกยี จ ผูใครต อ สกิ ขากย็ งั มี ขาพเจาจกั ไปประพฤตพิ รหมจรรยในสํานกัสมณเี หลานนั้ ดงั นี้ จริงหรือ. ภกิ ษทุ งั้ หลายทูลรบั วา จริง พระพุทธเจา ขา . ทรงติเตยี นแลว บัญญัตสิ ิกขาบท พระผมู ีพระภาคพทุ ธเจา ทรงติเตียนวา ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ไฉนภิกษณุ จี ณั ฑกาลีจงึ โกรธ ขัดใจ กลาวอยา งนว้ี า ขาพเจาขอบอกคืนพระ-พทุ ธเจา. . . ขา พเจา ขอบอกคืนสกิ ขา ภิกษุณที ช่ี อ่ื วาสมณี จะมีเฉพาะสมณีเหลา ศากยธดิ าเหลา นี้เม่ือไร แมสมณเี หลาอน่ื ทีม่ ีความละอาย มคี วามรังเกียจผูใครตอ สิกขากย็ งั มี ขา พเจาจกั ไปพระพฤตพิ รหมจรรยในสาํ นกั สมณีเหลานั้นดงั นเี้ ลา การกระทาํ ของนางนั่น ไมเ ปนไปเพือ่ ความเล่อื มใสของชมุ ชนทยี่ งัไมเ ล่อื มใส . . . ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย ก็แลภิกษณุ ีท้ังหลาย จงยกสกิ ขาบทนี้ข้นึ แสดงอยางน้ี วาดังน้ี :-

พระวนิ ัยปฎ ก ภกิ ขนุ วี ภิ ังค เลม ๓ - หนา ที่ 84 พระบญั ญัติ ๑๘.๑๗. อนง่ึ ภกิ ษุณใี ด โกรธ ขัดใจ พึงกลา วอยางน้วี าขา พเจาขอบอกคืนพระพุทธเจา ขอบอกคนื พระธรรม ขอบอกคืนพระสงฆ ขอบอกคืนสกิ ขา ภกิ ษณุ ที ชี่ อ่ื วา สมณี จะมีเฉพาะสมณีศากยธิดาเหลา นีเ้ ม่อื ไร แมสมณีเหลาอ่ืนทมี คี วามละอาย มีความรังเกียจ ผูใครตอสิกขากย็ ังมี ขา พเจา จักประพฤติพรหมจรรยใ นสาํ นกั สมณีเหลา นน้ั ดังนั้น ภิกษณุ ีนน้ั อันภกิ ษณุ ที ัง้ หลายพงึ กลา วอยางนี้วา แมเจา อยา ไดโ กรธ ขดั ใจ กลาวอยางนี้วา ขาพเจา ขอบอกคืนพระพุทธเจา ขอบอกคืนพระธรรม ขอบอกคนื พระสงฆขอบอกคืนสกิ ขา ภิกษุณีท่ชี อ่ื วาสมณี จะมีเฉพาะสมณศี ากยธดิ าเหลา นี้เม่อื ไร แมส มณีเหลาอน่ื ที่มคี วามละอาย มีความรงเกยี จ ใครตอสกิ ขากย็ งั มี ขา พเจาจักไปประพฤตพิ รหมจรรยใ นสํานกั สมณีเหลานนั้ ดังน้ัน ภกิ ษุณที ัง้ หลายจึงกลาววา แมเ จาจงยินดีย่ิงพระธรรมอนั พระพทุ ธเจา ตรสั ไวด ีแลว จงประพฤติพรหมจรรยเพ่ือทาํ ที่สุดทุกขโดยชอบเถดิ และภกิ ษุณนี ้นั อันภกิ ษณุ ีทงั้ หลายวากลา วอยูอยา งนี้ ยงั ยกยองอยูอยางน้ันเทยี ว ภกิ ษณุ นี ั้นอนั ภกิ ษณุ ีทั้งหลาย พงึ สวดสมนุภาสกวาจะครบสามจบ เพอ่ื ใหสละกรรมนน้ัถา เธอกําลังถกู สวดสมนุภาสกวา จะครบสามจบอยูสละกรรมนนั้ เสยีสละไดอ ยางน้ี นั่นเปนการดี หากพวกเธอไมส ละ ภิกษุณแี มน ก้ี ต็ องธรรมคือสงั ฆาทิเสส ชอ่ื นิสสารณยี ะ มอี นั ใหตองอาบัตใิ นเมือ่ สวดสมนภุ าสครบสามจบ.๑. สิกขาบทท่ี ๑๕ ๑๖ ๑๗ เปนสาธารณบญั ญัติ ฉะนนั้ สกิ ขาบทที่ ๗ นี้ จงึ เปน ที่ ๑๘.

พระวินยั ปฎก ภิกขนุ วี ภิ งั ค เลม ๓ - หนา ที่ 85 สิกขาบทวภิ งั ค [๖๒] บทวา อนงึ่ . . .ใด ความวา ผูใ ด คือผเู ชนใด. . . บทวา ภิกษุณี ความวา ทช่ี อื่ วา ภิกษณุ ี เพราะอรรถวา เปน ผูขอ. . . นช้ี ่ือวา ภกิ ษณุ ี ที่ทรงประสงคใ นอรรถน้.ี บทวา โกรธ ขดั ใจ คอื ไมพอใจ แคน ใจ เจ็บใจ. บทวา กลา วอยา งน้ี คอื กลา ววา ขา พเจาขอบอกคืนพระพทุ ธเจา . . .บอกคืนสิกขา ภกิ ษณุ ที มี่ ชี อ่ื วาสมณี จะมเี ฉพาะสมณีเหลา ศากยธดิ าเหลา นีเ้ ม่ือไรแมส มณเี หลาอนื่ ทม่ี คี วามละอาย มีความรังเกียจ ผูใครตอสิกขา ก็ยงั มี ขาพเจาจะไปประพฤติพรหมจรรยใ นสํานักสมณีเหลา นน้ั ดังน.ี้ [๖๓] บทวา ภกิ ษุณนี นั้ ไดแ ก ภิกษณุ ีผูที่พูดอยา งนน้ั . บทวา อันภิกษุณที ง้ั หลาย ไดแกภ กิ ษุณเี หลาอน่ื คือ จาํ พวกที่ไดเห็น ไดย ินเหลา นัน้ พึงวา กลาววา แมเ จาอยาไดโกรธ ขดั ใจ กลาวอยา งนี้วา ขา พเจา ขอบอกคืนพระพุทธเจา . . . ขอบอกคืนสิกขา ภกิ ษณุ ีทีช่ ่อื วาสมณี จะมีเฉพาะสมณศี ากยธดิ าเหลานเ้ี มื่อไร แมส มณเี หลา อ่ืนที่มีความละอายมีความรังเกียจ ผูใ ครตอสิกขากย็ ังมี ขาพเจาจะไปประพฤติพรหมจรรยในสาํ นักสมณเี หลาน้นั ดงั น้ี พึงกลา ววา แมเจา จงยนิ ดยี ่งิ พระธรรมอันพระพุทธเจาตรัสไวด แี ลวจงประพฤติพรหมจรรย เพ่อื ทาํ ที่สดุ ทกุ ขโดยชอบเถดิ พึงวา กลาวแมค รง้ั ที่ ๒ พึงวา กลาวแมค ร้ังที่ ๓ หากนางสละเสยี สละไดอ ยางน้ี นั่นเปนการดี หากไมส ละ ตอ งอาบตั ิทุกกฏ ภิกษณุ ีทั้งหลายทราบขาวแลวไมวา กลา วตอ งอาบตั ทิ ุกกฏ ภกิ ษณุ นี น้ั อันภิกษุณที ง้ั หลายพึงคมุ ตัวมาสทู ามกลางสงฆ แลววา กลาววา แมเ จา อยาโกรธ ขดั ใจ กลาวอยา งน้วี า ขาพเจาขอบอกคนืพระพทุ ธเจา . . .ขอบอกคนื สิกขา ภิกษณุ ที ช่ี ือ่ วา สมณี จะมีเฉพาะสมณีศากยธดิ า

พระวินัยปฎก ภิกขุนีวภิ ังค เลม ๓ - หนา ที่ 86เหลาน้เี ม่ือไร แมส มณีเหลา อ่นื ทีม่ ีความละอาย มีความรังเกยี จ ผใู ครตอสกิ ขากย็ ังมี ขา พเจาจะไปประพฤติพรหมจรรยในสํานักภิกษณุ เี หลา น้ัน ดังนี้ พงึกลาววา แมเจา จงยนิ ดีย่งิ พระธรรมอนั พระพทุ ธเจาตรสั ไวดีแลว จงประพฤติพรหมจรรยเพื่อทําที่สดุ ทกุ ขโดยชอบเถิด พึงวากลาวแมค รง้ั ที่ ๒ พึงวากลา วแมคร้ังที่ ๓ ถา ภิกษุณีนนั้ สละเสยี สละไดอ ยางน้ี นน่ั เปนการดี หากไมสละตอ งอาบตั ทิ กุ กฏ. วธิ สี วดสมนุภาส [๖๔] ภกิ ษณุ ีนัน้ อนั ภกิ ษณุ สี งฆพงึ สวดสมนุภาส ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลายก็แลสมนุภาสน้ัน พงึ สวดอยา งน้ี อันภกิ ษณุ ผี ฉู ลาด ผสู ามารถ พึงประกาศใหสงฆทราบดว ยญตั ตจิ ตุตถกรรมวาจา วา ดงั นี้ :- กรรมวาจาสมนภุ าส แมเ จา เจา ขา ขอสงฆจ งฟงขาพเจา ภกิ ษุณีมชี อ่ื น้ผี นู ี้ โกรธขัดใจ กลา วอยา งนว้ี า ขา พเจาขอบอกคนื พระพุทธเจา ขอบอกคนืพระธรรม ขอบอกคืนพระสงฆ ขอบอกคนื สกิ ขา ภกิ ษุณีทชี่ ือ่ วาสมณี จะมีเฉพาะสมณศี ากยธิดาเหลา น้เี ม่อื ไร แมส มณีเหลาอนื่ ท่มี ีความละอาย มคี วามรังเกียจ ผูใครต อสกิ ขากย็ งั มี ขา พเจาจกั ไปประ-พฤตพิ รหมจรรยใ นสํานกั สมณีเหลานน้ั ดงั น้ี นางยังไมสละวัตถุนั้นถาความพรอมพรงั่ ของสงฆถึงท่แี ลว สงฆพ ึงสวดสมนุภาสภิกษุณีผูมชี อ่ื น้ี เพอ่ื ใหสละวตั ถนุ น้ั นี่เปน ญัตติ. แมเจา เจาขาขอสงฆจงฟง ขา พเจา ภกิ ษุณีมชี ่ือน้ผี นู ้ีโกรธขัดใจ กลาวอยา งนว้ี า ขาพเจา ขอบอกคนื พระพุทธเจา ขอบอกคืน

พระวินยั ปฎก ภิกขุนวี ิภงั ค เลม ๓ - หนา ที่ 87พระธรรม ขอบอกคืนพระสงฆ ขอบอกคืนสกิ ขา ภิกษณุ ชี อื่ วา สมณีจะมีเฉพาะสมณีศากยธิดาเหลา นี้เมอ่ื ไร แมส มณีเหลา อนื่ ทมี่ คี วามละอาย มคี วามรังเกียจ ผใู ครต อสิกขาก็ยังมี ขาพเจา จกั ไปประพฤติพรหมจรรย ในสาํ นกั สมณีเหลานัน้ ดังน้ี นางยังไมสละวัตถนุ ัน้สงฆส วดสมนุภาสภิกษุณีมีชือ่ นี้ เพื่อใหสละวตั ถุน้นั การสวดสมนภุ าสภิกษณุ มี ีชื่อน้ี เพ่อื ใหส ละวตั ถนุ ้ัน ชอบแกแมเจาผูใดแมเจานน้ั พึงนง่ิ ไมช อบแกแมเจา ผูใด แมเ จาผูน นั้ พึงพูด. ขาพเจากลา วความนเ้ี ปน ครง้ั ที่ ๒. . . ขาพเจา กลาวความนีเ้ ปน ครงั้ ที่ ๓. . . ภกิ ษุณมี ีชอื่ น้ี อนั สงฆส วดสมนภุ าสนแลว เพื่อใหส ละวัตถุนัน้ ชอบแกส งฆ เหตุนัน้ จงึ นงิ่ ขา พเจาทรงความนไ้ี วดว ยอยา งน้ี. [๖๕] จบญตั ติ ตองอาบัตทิ ุกกฏ จบกรรมวาจา ๒ คร้งั ตองอาบตั ิถุลลัจจยั จบกรรมวาจาครง้ั สดุ ตองอาบัตสิ ังฆาทิเสส เมอื่ ตองอาบตั ิสังฆาทิเสสอาบัตทิ กุ กฏเพราะญัตติ อาบตั ิถุลลัจจยั เพราะกรรมวาจา ๒ ครัง้ ยอ มระงับ. [๖๖] บทวา แมนี้ พระผมู ีพระภาคเจาตรัสเทียบเคียงภกิ ษณุ รี ูปกอ น บทวา มอี นั ใหต องอาบตั ใิ นเมอื่ สวดสมนุภาสครบสามจบ คอืตอ งอาบตั ิเพราะสวดสมนุภาสจบครั้งท่ี ๓ ไมใ ชต อ งพรอมกบั การลว งวตั ถุ. ทช่ี อ่ื วา นสิ สารณียะ ไดแก ถูกขบั ออกจากหม.ู บทวา สังฆาทิเสส ความวา สงฆเทานนั้ ใหม านตั . . . แมเพราะเหตนุ ัน้ จึงตรสั วา สงั ฆาทเิ สส.

พระวินัยปฎ ก ภกิ ขุนีวิภังค เลม ๓ - หนา ท่ี 88 บทภาชนีย ติกะสงั ฆาทิเสส [๖๗] กรรมเปน ธรรม ภิกษณุ ีสําคัญวา กรรมเปน ธรรม ไมส ละตองอาบัตสิ งั ฆาทิเสส. กรรมเปน ธรรม ภิกษุณีสงสยั ไมสละ ตอ งอาบัตสิ ังฆาทเิ สส. กรรมเปนธรรม ภกิ ษณุ สี าํ คัญวา กรรมไมเ ปนธรรม ไมส ละตอ งอาบตั ิสังฆาทเิ สส. ตกิ ะทกุ กฏ กรรมไมเ ปนธรรม ภกิ ษณุ สี ําคญั วา กรรมเปนธรรม ตองอาบตั ทิ กุ กฏ. กรรมไมเปน ธรรม ภกิ ษุณีสงสัย. . . ตองอาบตั ทิ ุกกฏ. กรรมไมเปน ธรรม ภกิ ษุณสี าํ คญั วา กรรมไมเ ปน ธรรม ตองอาบัติทุกกฏ. อนาปตติวาร [๖๘] ภกิ ษณุ ีผูย ังไมถกู สวดสมนุภาส ๑ ภิกษณุ ผี เู สยี สละได ๑ วิกล-จริต ๑ อาทิกมั มกิ า ๑ ไมตอ งอาบัตแิ ล. สังฆาทเิ สสสกิ ขาบทที่ ๗ จบ อรรถกถาสงั ฆาทเิ สสสิกขาบทที่ ๗ วินิจฉยั ในสกิ ขาบทท่ี ๗ พงึ ทราบดงั น้ี :- บณั ฑิตพงึ ทราบอรรถแหงบทวา ยาวตติยกะ โดยนยั ดังท่ีขา พเจากลา วไวใ นมหาวภิ งั คนัน่ แหละ. คาํ ที่เหลอื ต้นื ทงั้ นน้ั แล.

พระวนิ ัยปฎ ก ภิกขุนีวิภังค เลม ๓ - หนาที่ 89 สกิ ขาบทน้ีมีการสวดสมนภุ าสเปนสมฏุ ฐาน เปนกิรยิ า สัญญาวิโมกขสจิตตกะ โลกวชั ชะ กายกรรม วจีกรรม อกศุ ลจติ เปน ทุกขเวทนา ดงั นแี้ ล. อรรถกถาสงั ฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๗ จบ. สังฆาทเิ สสสกิ ขาบทที่ ๘ เรอื่ งภกิ ษณุ ีจัณฑกาลี [๖๙] โดยสมัยนั้น พระผูมพี ระภาคพุทธเจาประทับอยู ณ พระเชต-วัน อารามของอานาถบณิ ฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครงั้ นั้น ภกิ ษุณีจณั ฑกาลี ถูกตดั สินใหแพในอธิกรณเ รือ่ งหนง่ึ โกรธ ขัดใจ กลาวอยางน้ีวา พวกภิกษุณถี งึ ฉนั ทาคติ โทสาคติ โมหาคติ และภยาคติ ดังนี้ บรรดาภกิ ษณุ ที ี่เปนผมู กั นอ ย . . . ตา งกเ็ พงโทษตเิ ตยี นโพนทะนาวา ไฉนแมเจาจัณฑกาลถี ูกตัดสินใหแพใ นอธิกรณเร่ืองหน่ึงแลว โกรธ ขัดใจ จึงไดกลา วอยางน้วี า พวกภิกษุณถี ึงฉนั ทาคติ . . . และภยาคติ ดังนี้เลา แลว กราบทูลเร่อื งน้นั แดพระผมู พี ระภาคเจา. ทรงสอบถาม พระผมู ีพระภาคเจาทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายวา ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลายขา ววา ภิกษณุ ีจัณฑกาลีถกู ตดั สินใหแพใ นอธกิ รณเรื่องหนึง่ แลว โกรธ ขดั ใจกลาวอยา งนวี้ า พวกภิกษณุ ถี ึงฉนั ทาคติ โทสาคติ โมหาคติ และภยาคติดังนี้ จรงิ หรอื . ภิกษุทง้ั หลายกราบทูลวา จริง พระพทุ ธเจา .

พระวนิ ยั ปฎ ก ภกิ ขนุ ีวิภังค เลม ๓ - หนาที่ 90 ทรงติเตียนแลวบญั ญัติสกิ ขาบท พระผูมพี ระภาคพทุ ธเจาทรงตเิ ตยี นวา ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย เหตไุ ฉนภิกษุณจี ณั ฑกาลีถกู ตดั สนิ ใหแ พในอธิกรณเ รอ่ื งหนงึ่ แลว จงึ ไดโ กรธ ขัดใจกลาวอยา งนว้ี า พวกภิกษุณถี ึงฉันทาคติ โทสาคติ โมหาคติ และภยาคติดังน้เี ลา การกระทําของนางนน่ั ไมเ ปน ไปเพือ่ ความเล่อื มใสของชมุ ชนท่ยี งั ใมเล่ือมใส . . . ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย ก็แลภิกษณุ ที ้ังหลายจงยกสิกขาบทนขี้ ึ้นแสดงอยา งน้ี วาดงั นี้ :- พระบญั ญตั ิ ๑๙. ๘. อนึ่ง ภกิ ษณุ ใี ด ถูกตัดสนิ ใหแ พในอธิกรณเรือ่ งหน่ึงแลว โกรธ ขัดใจ กลาวอยางนวี้ า พวกภกิ ษณุ ถี ึงฉันทาคติโทสาคติ โมหาคติ และภยาคติ ดังนี้ ภิกษณุ ีน้ัน อันภกิ ษณุ ีท้งั หลายพึงวากลา วอยา งนว้ี า แมเจา ถกู ตดั สนิ ใหแพใ นอธิกรณเ ร่อื งหนง่ึ แลวอยาโกรธ ขัดใจ กลา วอยา งนวี้ า พวกภิกษณุ ถี งึ ฉันทาคติ โทสาคติโมหาคติ และภยาคติ ดังน้ี แมเ จา ตางหาก ถึงฉันทาคติบา ง โทสาคติบาง มหาคตบิ าง ภยาคตบิ าง และภิกษุณนี ั้น อันภกิ ษณุ ีท้งั หลายวา กลาวอยอู ยา งน้ี ยังยกยองอยอู ยางน้ันเทียว ภิกษุณนี ้ัน อันภิกษณุ ีทง้ั หลายพงึ สวดสมนุภาสกวา จะครบสามจบ เพ่อื ใหส ละกรรมนนั้หากเธอถูกสวดสมนภุ าสกวาจะครบสามจบอยู สละกรรมนน้ั เสียไดการสละไดอ ยางนั้น นัน่ เปน การดี หากเธอไมสละ ภิกษณุ แี มนีก้ ็

พระวินยั ปฎ ก ภกิ ขนุ ีวิภงั ค เลม ๓ - หนาท่ี 91ตองธรรมคอื สังฆาทเิ สส ชือ่ นิสสารณียะ มีอันใหตองอาบตั ใิ นเมอ่ืสวดสมนภุ าสครบสามจบ. เรื่องภิกษุณจี ัณฑกาลี จบ สกิ ขาบทวภิ งั ค [๗๐] บทวา อนงึ่ . . .ใด ความวา ผูใด คือ ผเู ชน ใด. . . บทวา ภกิ ษณุ ี ความวา ทช่ี อ่ื วา ภกิ ษณุ ี เพราะอรรถวา เปน ผูขอ. . . นี้ช่ือวา ภิกษณุ ี ที่ทรงประสงคในอรรถน.้ี ทชี่ ื่อวา อธกิ รณ ในบทวา อธกิ รณเรื่องหนึ่งนัน้ ไดแก อธกิ รณ๔ คือ ววิ าทาธิกรณ ๑ อนวุ าทาธกิ รณ ๑ อาปต ตาธกิ รณ ๑ กจิ จาธกิ รณ ๑. ท่ีช่อื วา ถกู ตดั สินใหแพ ไดแ ก ทเี่ ขาเรยี กกนั วาผแู พค ดี. สองบทวา โกรธ ขัดใจ คือ ไมพอใจ แคนใจ เจบ็ ใจ. บทวา กลา วอยา งน้ี คือ กลา ววา พวกภิกษุณีถึงฉันทาคติ โทสาคติโมหาคติ และภยาคติ ดงั นี้. [๗๑] บทวา ภิกษณุ ีนนั้ ไดแก ภิกษณุ ีรูปทกี่ ลา วอยา งน้ัน. บทวา อนั ภิกษณุ ีท้งั หลาย ไดแก ภิกษุณีพวกอืน่ คือ พวกที่ไดเห็นไดท ราบเหลา นน้ั พงึ วา กลา ววา แมเ จาถกู ตดั สินใหแ พในอธิกรณเรอื่ งหนงึ่ แลว อยาไดโกรธ ขดั ใจ กลา วอยา งนว้ี า พวกภกิ ษณุ ีถึงฉนั ทาคติ โทสา-คติ โมหาคติ และภยาคติ แมเ จาตา งหากถงึ ฉันทาคติบาง โทสาคตบิ างโมหาคติบาง ภยาคตบิ าง ดังนี้ พงึ วากลา วแมครง้ั ท่สี อง พึงวา กลาวแมค รง้ัทสี่ าม หากนางสละได การสละไดด ังนี้ นนั่ เปน การดี หากไมส ละ ตอ งอาบัติทกุ กฏ. ภิกษณุ ีทงั้ หลายทราบขาวแลวไมว ากลา ว ตอ งอาบัตทิ ุกกฏ ภิกษุณี

พระวินยั ปฎ ก ภิกขุนีวิภงั ค เลม ๓ - หนา ท่ี 92นั้นอนั ภกิ ษณุ ที ั้งหลายพึงคมุ ตวั มาแมส ทู า มกลางสงฆ แลววา กลา ววา แมเ จาถกู ตดั สินใหแพในอธกิ รณเร่ืองหน่งึ แลว อยาไดโกรธ ขดั ใจ กลาวอยา งนี้วาพวกภกิ ษณุ ถี งึ ฉันทาคติ โทสาคติ โมหาคติ และภยาคติ ดงั น้ี แมเจา ตางหากถงึ ฉันทาคติบา ง โทสาคตบิ า ง โมหาคตบิ าง ภยาคตบิ า ง พึงวา กลาวแมคร้ังที่สอง พงึ วา กลาวแมค รงั้ ทีส่ าม หากภกิ ษณุ นี ัน้ สละได การสละไดอ ยางนี้นน่ั เปน การดี หากไมส ละ ตองอาบตั ิทกุ กฏ. วิธีสวดสมนภุ าส [๗๒] ภกิ ษณุ ีนั้น อนั ภกิ ษสุ งฆพึงสวดสมนภุ าส ดูกอ นภิกษุทงั้ หลายก็แลสมนภุ าสนน้ั พงึ สวดอยา งนี้ อันภกิ ษณุ ีผฉู ลาด ผสู ามารถ พึงประกาศใหสงฆทราบดวยญตั ตจิ ตุตถกรรมวาจาวา กรรมวาจาสมนุภาส แมเ จา เจา ขา ขอสงฆจงฟงขาพเจา ภกิ ษุณมี ีชอ่ื นี้ ผนู ้ีถกู ตัดสินใหแพในอธกิ รณเ รอ่ื งหน่งึ แลว โกรธ ขดั ใจ กลาวอยางนี้วา พวกภิกษณุ สี งฆถ งึ ฉนั ทาคติ โทสาคติ โมหาคติ และภยาคติดงั นี้ นางยงั ไมส ละวัตถนุ ัน้ หากความพรอมพรัง่ ของสงฆถ ึงที่แลวสงฆพงึ สมนภุ าสภกิ ษณุ มี ีชื่อนี้ เพอ่ื สละวัตถนุ น้ั นเี่ ปน ญตั ต.ิ แมเ จา เจาขา ขอสงฆจงฟง ขาพเจา ภิกษณุ ีมีชอื่ วา ผนู ้ีถกู ตดั สนิ ใหแ พใ นอธิกรณเร่อื งหนง่ึ แลว โกรธ ขัดใจ กลาวอยางน้วี า พวกภกิ ษณุ ีถึงฉนั ทาคติ โทสาคติ โมหาคติ และภยาคติดังนี้ นางยังไมส ละวัตถนุ ัน้ สงฆสวดสมนภุ าสภกิ ษุณมี ชี อ่ื น้ี เพอ่ืสละวัตถนุ ้ัน การสวดสมนภุ าสภกิ ษณุ มี ีชอื่ น้ี เพื่อสละวตั ถนุ ั้น ชอบ

พระวินยั ปฎ ก ภกิ ขนุ ีวภิ ังค เลม ๓ - หนาท่ี 93แกแ มเจา ผใู ด แมเจา ผูน้นั พึงเปน ผูน ่ิง ไมชอบแกแมเจาผใู ด แมเ จาผูนน้ั พึงพูด. ขาพเจา กลา วความนีเ้ ปนครัง้ ท่ีสอง . . . ขา พเจา กลา วความนี้เปนคร้ังท่ีสาม. . . ภิกษณุ ีมชี ่อื นี้ อันสงฆสวดสมนภุ าสแลว เพอ่ื สละวตั ถนุ ั้นชอบแกสงฆ เหตุน้ันจงึ นิ่ง ขา พเจา ทรงความนีไ้ วด ว ยอยางน.้ี [๗๓] จบญัตติ ตอ งอาบัตทิ กุ กฏ จบกรรมวาจาสองคร้ัง ตองอาบตั ิถลุ ลัจจัย จบกรรมวาจาครั้งสุด ตองอาบัตสิ ังฆาทเิ สส เม่ือตองอาบตั ิสงั ฆา-ทิเสส อาบัตทิ กุ กฏเพราะญตั ติ อาบตั ถิ ุลลจั จยั เพราะกรรมวาจาสองครั้ง ยอมระงับ. [๗๔] บทวา แมน้ี พระผูมีพระภาคเจาตรสั เทียบเคียงภกิ ษุณีรูปกอน. บทวา มอี ันใหต องอาบัติในเมื่อสวดสมนุภาสครบสามจบ คอืตอ งอาบัติเพราะสวดสมนภุ าสจบครัง้ ทสี่ าม ไมใ ชตองพรอมกับการลว งวัตถ.ุ ทช่ี ื่อวา นสิ สารณยี ะ ไดแ ก ถูกขบั ออกจากหมู. บทวา สังฆาทเิ สส ความวา สงฆเ ทา นัน้ ใหมานตั . . . แมเ พราะเหตนุ นั้ จึงตรสั วา สังฆาทเิ สส. บทภาชนยี  ตกิ ะสงั ฆาทิเสส [๗๕] กรรมเปนธรรม ภกิ ษณุ สี าํ คัญวา กรรมเปนธรรม ไมสละตอ งอาบตั ิสังฆาทิเสส.

พระวินยั ปฎก ภิกขนุ วี ภิ ังค เลม ๓ - หนาที่ 94 กรรมเปนธรรม ภกิ ษุณีสงสัย ไมสละ ตองอาบัตสิ งั ฆาทเิ สส. กรรมเปนธรรม ภิกษณุ สี ําคญั วา กรรมไมเปนธรรม ไมสละ ตอ งอาบตั สิ ังฆาทิเสส. ตกิ ะทกุ กฏ กรรมไมเ ปนธรรม ภิกษณุ สี าํ คญั วากรรมเปน ธรรม ตอ งอาบตั ทิ ุกกฏ. กรรมไมเ ปน ธรรม ภกิ ษุณีสงสัย ตอ งอาบตั ิทกุ กฏ. กรรมไมเปน ธรรม ภิกษณุ สี าํ คญั วา กรรมไมเปนธรรม ตองอาบัติทกุ กฏ. อนาปตตวิ าร [๗๖] ยังไมถ ูกสวดสมนุภาส ๑ ยอมสละ ๑ วกิ ลจรติ ๑ อาทิกมั -มิกา ๑ ไมต อ งอาบัติแล. สงั ฆาทเิ สสสิกขาบทที่ ๘ จบ อรรถกถาสงั ฆาทิเสสสิกขาบทท่ี ๘ วินิจฉยั ในสิกขาบทที่ ๘ พึงทราบดงั น้ี :- สองบทวา กสิ มฺ ิฺจเิ ทว อธกิ รเณ ไดแก ในบรรดาอธิกรณ ๔อธิกรณอยางใดอยา งหนงึ่ . แตในบทภาชนะ เพื่อทรงแสดงการจาํ แนกอธิกรณอยา งเดียว พระผมู ีพระภาคเจา จงึ ตรัสคําเปนตน วา ทช่ี ือ่ วา อธิกรณ ไดแ กอธิกรณ ๔ ดังน้ี . คําทีเ่ หลือพรอมท้งั สมฏุ ฐานเปนตน ต้นื ทง้ั นน้ั แล. อรรถกถาสังฏาทิเสสสิกขาบทท่ี ๘ จบ

พระวินยั ปฎก ภกิ ขนุ วี ิภงั ค เลม ๓ - หนา ที่ 95 สงั ฆาทิเสสสกิ ขาบทท่ี ๙ เร่ืองภิกษุณีอนั เตวาสนิ ีของภกิ ษณุ ถี ุลลนนั ทา [๗๗] โดยสมยั น้ัน พระผูม พี ระภาคพทุ ธเจาประทับอยู ณ พระ-เชตวัน อารามของอนาถบณิ ฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครงั้ น้นั เหลาภิกษุณอี ันเตวาสนิ ีของภกิ ษณุ ีถุลลนันทา ชอบอยคู ลุกคลีปนเปกัน มอี าจาระทราม มีเกยี รติศพั ทไมงาม มอี าชวี ะไมช อบ มกั เบยี ดเบียนภกิ ษุณีสงฆชอบปกปดโทษของพรรคพวกกัน บรรดาภกิ ษณุ ีที่เปน ผูมกั นอ ย สนั โดษ. . .ตา งกเ็ พง โทษตเิ ตยี นโพนทะนาวา ไฉนพวกภกิ ษุณจี งึ ไดอ ยคู ลุกคลีกนั มีอาจาระทราม มีเกยี รติศัพทไมงาม มอี าชีวะไมช อบ มักเบียดเบยี นภิกษุณ-ีสงฆ ชอบปกปดโทษของพรรคพวกกนั เลา . . . แลวกราบทูลเรอ่ื งน้ันแตพระผูมพี ระภาคเจา . ทรงสอบถาม พระผมู พี ระภาคเจาทรงสอบถามภิกษทุ ัง้ หลายวา ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลายขาววา พวกภิกษณุ ีอยคู ลุกคลกี ัน มอี าจาระทราม มเี กยี รตศิ พั ทไ มง าม มีอาชีวะไมช อบ มักเบียดเบียนภิกษณุ สี งฆ ชอบปกปด โทษของพรรคพวกกนัจรงิ หรือ. ภิกษทุ ัง้ หลายกราบทูลวา จริง พระพุทธเจา ขา. ทรงตเิ ตยี นแลว บญั ญัตสิ กิ ขาบท พระผูมีพระภาคพทุ ธเจาทรงติเตียนวา ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย ไฉนพวกภิกษุณีจึงไดชอบอยคู ลุกคลกี ัน มอี าจาระทราม มีเกียรตศิ พั ทไ มงาม มี

พระวินยั ปฎก ภกิ ขนุ ีวิภงั ค เลม ๓ - หนา ท่ี 96อาชวี ะไมชอบ มักเบียดเบยี นภกิ ษณุ สี งฆ ชอบปกปด โทษของพรรคพวกกันเลา การกระทาํ ของพวกนางนนั่ ไมเปนไปเพือ่ ความเลือ่ มใสของชุมชนท่ยี ังไมเลอื่ มใส . . . ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย กแ็ ลภิกษณุ ที ัง้ หลาย จงยกสกิ ขาบทนี้ขึน้ แสดงอยางน้ี วา ดังนี้ :- พระบญั ญตั ิ ๒๐. ๙. อนึง่ ภิกษณุ ีทั้งหลายอยคู ลุกคลกี นั มอี าจาระทรามมเี กียรติศัพทไมง าม มอี าชวี ะไมชอบ มกั เบียดเบยี นภิกษุณีสงฆชอบปกปด โทษของพรรคพวกกนั ภิกษุณเี หลาน้นั อันภกิ ษุณีทง้ั หลายพึงวากลาวอยางนว้ี า พีน่ องหญิงทั้งหลายแลอยูคลุกคลีกนั มีอาจาระทราม มีเกียรติศพั ทไ มงาม มอี าชวี ะไมช อบ มักเบียดเบยี นภกิ ษุณสี งฆชอบปกปด โทษของพรรคพวกกนั แมเ จาทัง้ หลายจงแยกกันอยเู ถดิสงฆย อมสรรเสรญิ ความสงัดอยางเดยี วแกพี่นองหญงิ ท้ังหลาย แลภกิ ษุณเี หลาน้นั อนั ภกิ ษุณีทั้งหลายวากลาวอยอู ยางนี้ ยงั ยกยองอยูอยางนั้นเทยี ว ภิกษุณีเหลา นน้ั อันภกิ ษณุ ที ัง้ หลาย พึงสวดสมนุภาสกวา จะครบสามจบ เพื่อใหส ละวัตถนุ นั้ หากเธอเหลา นนั้ ถูกสวดสมนกุ าสกวาจะครบสามจบอยู สละวัตถนุ นั้ เสียได การสละไดอยา งนี้ น่ันเปนการดี หากไมสละ ภิกษณุ แี มเ หลาน้กี ต็ อ งธรรมคอืสงั ฆาทเิ สส ชือ่ นสิ สารณียะ มีอนั ใหต อ งอาบตั ิในเมื่อสวดสมนุภาสครบสามจบ. เรื่องภกิ ษุณีอันเตวาสินขี องภิกษุณถี ลุ ลนนั ทา จบ

พระวินัยปฎ ก ภกิ ขนุ วี ิภังค เลม ๓ - หนาที่ 97 สิกขาบทวิภงั ค [๗๘] บทวา อน่ึง ภกิ ษุณที ั้งหลาย พระผูมีพระภาคเจา ตรัสหมายสตรีผอู ุปสมบทแลว . ทชี่ ือ่ วา อยูคลกุ คลีกัน คือ อยูค ลกุ คลดี วยการคลกุ คลที างกายและวาจาอันไมส มควร. บทวา มีอาจาระทราม คอื ประกอบดว ยความประพฤตทิ ี่เลว. บทวา มีเกยี รตศิ พั ทไมงาม คือ อือ้ ฉาวดว ยเสยี งเลา ลือท่ีเสียหาย. บทวา มอี าชวี ะไมชอบ คือ เลีย้ งชีวิตดวยมิจฉาชีพต่ําชา. บทวา มกั เบยี ดเบยี นภิกษณุ ีสงฆ คอื เม่ือสงฆท าํ กรรมแกเ พือ่ นกนั ยอ มคัดคา น. บทวา ชอบปกปดโทษของพรรคพวกกนั คอื ปกปดความผิดของกนั และกัน. [๗๙] บทวา ภิกษุณีเหลาน้นั ไดแก ภกิ ษุณีพวกท่อี ยูค ลุกคลีปะปนกนั . บทวา อนั ภิกษณุ ีทัง้ หลาย ไดแก ภกิ ษุณพี วกอ่ืน คือพวกทไ่ี ดเหน็ ไดทราบ เหลา นัน้ พึงกลา ววา พนี่ อ งหญงิ ทัง้ หลายอยคู ลุกคลีกนั มีอาจาระทราม มีเกยี รติศพั ทไมง าม มอี าชวี ะไมชอบ มักเบยี ดเบียนภิกษณุ สี งฆ ชอบปกปด โทษของพรรคพวกกัน แมเ จาทง้ั หลาย จงแยกกนั อยูเถิด สงฆย อมสรรเสริญความสงดั อยา งเดียวแกพ ่ีนอ งหญงิ ทั้งหลาย พงึ วา กลาวแมครัง้ ท่ี ๒พงึ วากลาวแมครั้งท่ี ๓ หากภกิ ษุณีเหลานัน้ สละได การสละไดอยา งน้ีนนั่ เปนการดี หากไมส ละ ตอ งอาบตั ิทกุ กฏ พวกภิกษุณีทราบแลว ไมว ากลาว กต็ อ งอาบตั ทิ ุกกฏ.

พระวินัยปฎ ก ภิกขนุ วี ิภังค เลม ๓ - หนาที่ 98 ภกิ ษุณีเหลา นน้ั อันภิกษณุ ที ้งั หลายพงึ คุมตวั มาสทู ามกลางสงฆ แลววากลาววา พน่ี องหญงิ ท้งั หลายแล อยูคลุกคลีกนั มอี าจาระทราม มีเกียรติ-ศัพทไ มงาม มีอาชวี ะไมช อบ มักเบียดเบยี นภกิ ษุณสี งฆ ชอบปกปดโทษของพรรคพวกกัน แมเ จาทงั้ หลายจงแยกกนั อยูเ ถดิ สงฆยอมสรรเสรญิ ความสงัดอยางเดยี วแกพี่นองหญิงทัง้ หลาย พงึ วา กลา วแมครั้งที่ ๒ พงึ วากลาวแมครั้งที่๓ หากภิกษณุ ีเหลา นนั้ สละได การสละไดอ ยา งน้ี นั่นเปนการดี หากไมสละตอ งอาบัตทิ กุ กฏ. วิธีสวดสมนุภาส [๘๐] ภิกษณุ ีเหลาน้นั อนั ภิกษุณสี งฆพึงสวดสมนภุ าส ดกู อนภิกษุทั้งหลาย กแ็ ลวธิ ีสวดสมนุภาสน้ันพงึ สวดอยา งน้ี อันภกิ ษณุ ผี ฉู ลาด ผูส ามารถพึงประกาศใหสงฆทราบดวยญัตตจิ ตุตถกรรมวาจา วาดงั นี้ :- กรรมวาจาสมนภุ าส แมเ จา เจา ขา ขอจงฟง ขาพเจา ภกิ ษุณที งั้ หลายมชี ือ่ นด้ี วยมชี ือ่ นด้ี ว ย อยคู ลกุ คลีกนั มีอาจาระทราม มเี กียรตศิ พั ทไ มง าม มีอาชีวะไมช อบ มักเบียดเบยี นภิกษณุ ีสงฆ ชอบปกปด โทษของพรรคพวกกัน เธอเหลา นน้ั ยงั ไมส ละวตั ถนุ นั้ ถา ความพรอมพร่ังของสงฆถงึ ท่แี ลว สงฆพ งึ สวดสมนุภาสภกิ ษุณที ัง้ หลายมชี อื่ นดี้ ว ย มชี ือ่ น้ีดว ย เพอ่ื ใหส ละวัตถุนัน้ น่ีเปน ญตั ต.ิ แมเ จา เจาขา ขอสงฆจ งฟง ขาพเจา ภิกษณุ ีทง้ั หลายมีชื่อน้ีดวย มชี ื่อน้ดี ว ย อยคู ลุกคลีกัน มีอาจาระทราม มีเกยี รติศัพทไมง ามมอี าชวี ะไมชอบ มักเบยี ดเบยี นภิกษณุ สี งฆ ชอบปกปดโทษของ

พระวนิ ัยปฎก ภกิ ขนุ วี ภิ งั ค เลม ๓ - หนา ที่ 99พรรคพวกกัน เธอเหลานนั้ ยังไมส ละวตั ถนุ ั้น สงฆสวดสมนุภาสภกิ ษณุ ีท้ังหลาย มชี ่อื นีด้ วย มีชอ่ื น้ดี ว ย เพือ่ ใหส ละวตั ถนุ ้ัน การสวดสมนภุ าสภกิ ษุณที ั้งหลายมชี ื่อนด้ี ว ย มชี ื่อนี้ดว ย เพ่ือใหส ละวตั ถนุ ัน้ ชอบแกแ มเจาผูใด แมเจาผูนนั้ พึงเปนผนู ิง่ ไมชอบแกแมเ จาผูใด แมเ จาผูน น้ั พึงพูด. ขา พเจากลาวความน้แี มครัง้ ที่ ๒ . . . ขาพเจา กลาวความนแี้ มค รั้งที่ ๓ . . . ภกิ ษณุ ีท้งั หลายมีชื่อนีด้ ว ย มีชอื่ นี้ดวย อนั สงฆส วดสมนุภาสแลว เพ่อื ใหส ละวตั ถนุ ้นั ชอบแกสงฆ เหตนุ ั้นจึงนิ่ง ขา พเจา ทรงความนี้ไวดวยอยา งน้ี. [๘๑] จบญัตติ ตองอาบัติทุกกฏ จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ตอ งอาบตั ิถลุ ลจั จัย จบกรรมวาจาครั้งสุด ตอ งอาบตั ิสงั ฆาทเิ สส เมอื่ ตองอาบตั ิสังฆาทเิ สสแลว อาบัติทุกกฏเพราะญตั ติ อาบัติถลุ ลัจจยั เพราะกรรมวาจา ๒ ครง้ั ยอมระงบั . พงึ สวดสมนุภาสภกิ ษุณี ๒-๓ รปู คราวเดยี วกนั ได ไมพงึ สวดสมนุภาสภิกษุณีมากกวานั้น. [๘๒] บทวา ภิกษณุ แี มเ หลานี้ พระผูมพี ระภาคเจาตรสั เทียบเคยี งภิกษุณีรปู กอ น. บทวา มอี ันใหตองอาบตั ิเมือ่ สวดสมนุภาสครบสามจบ คอืตอ งอาบัติเพราะสวดสมนภุ าสจบครง้ั ท่ี ๓ ไมใ ชตองพรอ มกับการละเมดิ วตั ถ.ุ ทช่ี ่อื วา นิสสารณียะ ไดแ ก ถกู ขบั ออกจากหมสู งฆ. บทวา สังฆาทเิ สส ความวา สงฆเ ทา นั้นใหมานัต. . . แมเพราะเหตนุ ัน้ จงึ ตรสั เรยี กวา สังฆาทเิ สส.

พระวนิ ยั ปฎ ก ภกิ ขนุ วี ภิ ังค เลม ๓ - หนาท่ี 100 บทภาชนีย ตกิ สังฆาทเิ สส [๘๓] กรรมเปนธรรม ภกิ ษุณสี ําคัญวา กรรมเปน ธรรม ไมส ละตอ งอาบตั ิสังฆาทิเสส. กรรมเปน ธรรม ภกิ ษณุ สี งสยั ไมสละ ตองอาบตั สิ ังฆาทเิ สส. กรรมเปนธรรม ภิกษุณสี ําคญั วา กรรมไมเ ปน ธรรม ไมส ละ ตองอาบัตสิ ังฆาทเิ สส. ตกิ ทุกกฏ กรรมไมเปนธรรม ภิกษณุ ีสาํ คญั วา กรรมเปน ธรรม ตองอาบัตทิ กุ กฏ. กรรมไมเปนธรรม ภิกษุณีสงสัย ตองอาบตั ิทุกกฏ. กรรมไมเปนธรรม ภิกษณุ สี ําคญั วา กรรมไมเ ปน ธรรม ตองอาบตั ิทุกกฏ. อนาปตติวาร [๘๔] ยงั ไมสวดสมนภุ าส ๑ ยอมสละ ๑ วกิ ลจริต ๑ มจี ิตฟงุ ซาน๑ กระสับกระสา ยเพราะเวทนา ๑ อาทกิ มั มกิ า ๑ ไมต อ งอาบัตแิ ล. สงั ฆาทิเสสสกิ ขาบทท่ี ๙ จบ อรรถกถาสังฆาทเิ สสสกิ ขาบทท่ี ๙ วินิจฉัย ในสกิ ขาบทที่ ๙ พงึ ทราบดงั น้ี :- บทวา ส สฏ า คือ เปน ผคู ลกุ คลีปนเปกนั .


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook