Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_05

tripitaka_05

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:32

Description: tripitaka_05

Search

Read the Text Version

พระวนิ ัยปฎก ภิกขุนวี ิภังค เลม ๓ - หนา ที่ 351 พระบัญญตั ิ ๑๐๖. ๑. อน่ึง ภกิ ษุณใี ด ไมบ อกกลา วกอน เขา สูอ ารามเปน ปาจิตตยี . กส็ ิกขาบทน้ี ยอ มเปน อันพระผูม พี ระภาคเจา ทรงบญั ญัตแิ ลวแกภิกษุณีท้ังหลาย ดวยประการฉะนี้. เร่อื งภิกษณุ หี ลายรปู จบ เรอ่ื งภกิ ษณุ หี ลายรปู [๓๒๙] ตอจากสมยั นนั้ แล ภิกษเุ หลา นั้นหลีกไปแลวจากอาวาสนน้ัพวกภิกษณุ ีทราบวา พระคุณเจาท้งั หลายหลกี ไปแลว จงึ ไมม าสูอาราม ครน้ัภกิ ษุเหลา นนั้ กลบั มายงั อาวาสนัน้ ด่ังเดมิ ภิกษณุ ที ง้ั หลายทราบวา พวกพระคุณ-เจากลบั มาแลวจึงบอกกลา วกอนเขาสูอาราม เขา ไปหาภิกษเุ หลานัน้ กราบไหวแลว ไดยนื อยู ณ ทีค่ วรสวนขางหน่ึง. ภกิ ษเุ หลา นน้ั ไดก ลาวคาํ นีก้ ะภกิ ษณุ ีเหลานนั้ วา นอ งหญิงท้ังหลายเหตไุ ฉนพวกเธอจงึ ไมก วาดอาราม ไมจ ดั น้ําฉนั นํ้าใชไ ขเลา. ภิกษณุ ีเหลา นั้นชีแ้ จงวา เพราะพระผมู พี ระภาคเจาทรงบัญญัติสิกขาบทไวแ ลวเจา ขา วาภิกษณุ ไี มบ อกกลาวกอน ไมพ ึงเขา สูอาราม ฉะนัน้ พวกดฉิ ันจงึ ไมไดม า. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรอื่ งนัน้ แดพระผูมีพระภาคเจา ๆ ทรงอนุญาตวา ดูกอนภิกษุท้ังหลาย เราอนญุ าตใหบ อกกลา วภกิ ษทุ ี่มอี ยูกอ นเขา สอู าราม. ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย กแ็ ลภกิ ษณุ ที ั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ ข้ึนแสดงอยา งน้ี วาดงั นี้:-

พระวนิ ัยปฎก ภิกขุนีวิภงั ค เลม ๓ - หนา ท่ี 352 พระอนบุ ัญญัติ ๑ ๑๐๖. ๑. ก. อน่ึง ภกิ ษณุ ีใด ไมบอกกลา วภิกษุทมี่ ีอยูกอ นเขา สอู าราม เปน ปาจิตตยี . กส็ กิ ขาบทนี้ ยอมเปน อนั พระผมู ีพระภาคเจา ทรงบญั ญตั แิ ลวแกภ ิกษุณีท้งั หลาย ดว ยประการฉะน้.ี เรือ่ งภกิ ษุณีหลายรปู จบ [๓๓๐] ตอ จากสมัยนนั้ แล ภกิ ษุเหลา น้นั หลกี ไปจากอาวาสนั้น แลวกลับไปสอู าวาสน้นั ตามเดิม ภกิ ษุณที ้ังหลายเขา ใจวาพระผูเปนเจา หลกี ไปแลวจึงไมบอกกลาว เขาสูอาราม แลวไดม คี วามรังเกยี จวา พระผมู พี ระภาคเจาทรงบัญญตั ิสกิ ขาบทไววา ภกิ ษุณไี มบ อกกลาวภกิ ษุทมี่ ีอยู ไมพ งึ เขาไปสอู ารามกพ็ วกเรามไิ ดบอกกลา วภกิ ษุทีม่ อี ยู ไดพากันเขามาสอู าราม พวกเราตองอาบัติปาจติ ตยี แ ลว กระมังหนอ ดงั นี้ แลวไดกราบทูลเร่อื งนน้ั แดพ ระผมู ีพระภาคเจา ๆทรงบัญญัติ อนุบัญญตั ิ ๒ วา . ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย ก็แลภิกษณุ ที ้งั หลายจงยกสิกขาบทนข้ี ึน้ แสดงอยา งนี้ วา ดงั น:ี้ - พระอนุบญั ญัติ ๒ ๑๐๖. ๑. ข. อนง่ึ ภกิ ษุณีใด รูอยไู มบอกกลา ว เขา ไปสูอารามท่ีมีภกิ ษุ เปน ปาจิตตยี . สกิ ขาบทวภิ ังค [๓๓๑] บทวา อนง่ึ . . .ใด ความวา ผูใด คอื ผูเชน ใด. . . บทวา ภกิ ษุณี ความวา ที่ชอ่ื วา ภิกษุณี เพราะอรรถวาเปน ผูขอ. . . น้ชี ่ือวา ภกิ ษณุ ี ทท่ี รงประสงคในอรรถน้ี.

พระวินยั ปฎก ภกิ ขุนีวิภงั ค เลม ๓ - หนาที่ 353 ทช่ี อื่ วา รอู ยู คอื รเู อง หรอื คนอนื่ บอกแกน าง หรอื ภกิ ษุเหลาน้นั บอก. อารามทชี่ ือ่ วา มีภิกษุ คือ มีภกิ ษุอยูแ มท ใ่ี ตตนไม. บทวา ไมบ อกกลา วเขา ไปสอู าราม คอื ไมบ อกกลา วภกิ ษุสานเณรหรือคนวัด กา วลว งเขตอารามทมี่ ีเครือ่ งลอ ม ตองอาบัติปาจติ ตยี อารามทไี่ มมีเครื่องลอม เมือ่ กา วลงสูอุปจาร ตองอาบตั ิปาจิตตยี . บทภาชนีย [๓๓๒] อารามมีภิกษุ ภกิ ษุณีสาํ คัญวามีภกิ ษุ ไมบ อกกลาวภกิ ษุทม่ี ีอยเู ขาไปสอู าราม ตอ งอาบตั ปิ าจิตตยี . อารามมีภิกษุ ภิกษุณีสงสยั ไมบอกกลา วภกิ ษุท่ีมอี ยู เขา ไปสูอารามตอ งอาบัตทิ กุ กฏ. อารามมีภิกษุ ภกิ ษณุ สี าํ คัญวา ไมมีภิกษุ ไมบ อกกลาวภิกษทุ ีม่ อี ยูเขาไปสอู าราม ไมตองอาบัต.ิ อารามไมม ภี ิกษุ ภกิ ษณุ สี าํ คญั วามีภิกษุ ตอ งอาบตั ทิ ุกกฏ. อารามไมมภี ิกษุ ภิกษุณีสงสัย ตอ งอาบัติทกุ กฏ. อารามไมม ภี กิ ษุ ภกิ ษุณสี ําคญั วาไมมภี กิ ษุ ไมต อ งอาบัติ. อนาปตตวิ าร [๓๓๓] ภกิ ษุมีอยู บอกกลา วแลวเขา ไป ๑ ภิกษุไมมี ไมบอกกลา วเขา ไป ๑ เดนิ มองดูศีรษะภกิ ษุณีผูเขาไปกอ น ๑ ไป ณ สถานท่ีมพี วกภกิ ษณุ ีประชุมกนั ๑ หนทางมผี า นไปทางอาราม ๑ อาพาธ ๑ มอี ันตราย ๑ วกิ ลจรติ๑ อาทกิ ัมมิกา ๑ ไมตอ งอาบัตแิ ล. อารามวรรค สกิ ขาบทท่ี ๑ จบ

พระวินยั ปฎ ก ภกิ ขนุ วี ภิ ังค เลม ๓ - หนา ที่ 354 อรรถกถาอารามวรรคที่ ๖ อรรถกถาอามวรรค สกิ ขาบทที่ ๑ วินิจฉยั ในสกิ ขาบทที่ ๑ แหงอารามวรรค พึงทราบดังนี้:- ในคําวา ปริกฺเชป อติกกฺ มนตฺ ยิ า อุปจาร โอกกฺ มนฺตยิ า นี้พึงทราบวา เปนทกุ กฏในยางเทา ที่ ๑ เปน ปาจติ ตยี ใ นยางเทา ที่ ๒. บทวา สสี านุโลกกิ า มีความวา ภิกษุณตี ามเขาไปคอยดศู รี ษะแหงพวกภกิ ษณุ ผี เู ขา ไปกอ น ไมเ ปน อาบตั .ิ พวกภกิ ษณุ ีเขา ไปในท่ใี ดกอ น กระทํากจิ มกี ารสาธยายและไหวพระเจดียเปน ตน จะเขาไปดวยตงั้ ใจวา เราจะไปสูสํานกั แหงภิกษุณีพวกน้ัน ในที่นั้น ควรอย.ู บทวา อาปทาสุ มีความวา ภิกษุณีถกู อนั ตรายบางอยา งเบียดเบยี นในอนั ตรายเหน็ ปานนี้ จะเขาไป ก็ควร คาํ ที่เหลือ ตื้นท้ังนัน้ . สิกขาบทน้ี มกี ารทอดธรุ ะเปน สมฏุ ฐาน เปน ท้ังกริ ยิ าท้งั อกริ ยิ า สญั ญาวิโมกข สจติ ตกะ ปณณตั ตวิ ชั ชะ กายกรรม วจกี รรม มจี ติ ๓ มีเวทนา ๓แล. อรรถกถาอารามวรรค สิกขาบทที่ ๑ จบ

พระวนิ ยั ปฎ ก ภิกขนุ วี ิภงั ค เลม ๓ - หนา ที่ 355 อารามวรรค สิกขาบทที่ ๒ เร่ืองพระกปั ปต กะเถระ [๓๓๔] โดยสมัยน้ัน พระผมู พี ระภาคพทุ ธเจาประทบั อยู ณ กฏู าคาร-ศาลา ปามหาวัน เขตพระนครเวสาลี ครั้งนั้น ทานพระกปั ปต กะ อปุ ช ฌายะของทานพระอุบาลี ยบั ย้ังอยใู นสสุ านประเทศ ครัง้ นั้น มภี ิกษุณีรปู หนึ่งผูแกกวา พวกภิกษณุ ฉี ัพพัคคียถ งึ มรณภาพลง ภกิ ษณุ ีฉพั พัคคยี ช ว ยกันนําศพออกไปเผาแลว กอสถูปไวใกล ๆ ท่อี ยขู องทานพระกปั ปต กะ แลวพากันไปรอ งไห ณสถปู นั้น จึงทานพระกัปปตกะรําคาญเสียงรองไหนน้ั แลวไดทาํ ลายสถปู นน้ัพงั กระจาย ภิกษุณีฉัพพคั คียปรกึ ษากันเปน ความลับวา พระกปั ปตกะนี้ทําลายสถูปแมเจา ของพวกเรา มาพวกเราชวยกนั ฆาทา นเสียเถดิ ภิกษุณีรูปหนึ่งไดแจงขอปรกึ ษากนั นั้นแกทานพระอุบาลี ๆ ไดก ราบเรียนเร่ืองนัน้ ใหท านพระกัปปต -กะทราบ ทานพระกัปปตกะไดออกจากวหิ ารไปหลบซอนอยู. ครั้งนัน้ ภิกษุณีฉพั พัคคียไดเ ดินผา นเขา ไปทางวหิ ารของทา นพระ-กปั ปตกะแลวชวยกนั ขนกอนหนิ และกอนดนิ ทับถมวิหารของทา น แลวหลีกไปดวยเขา ใจวาทา นถึงมรณภาพแลว ครน้ั ราตรีนนั้ ผา นไป ทานครองอันตรวาสกแลว ถือบาตรจวี รเขา ไปบิณฑบาตในเมอื งเวสาลแี ตเ ชา ภิกษณุ ีฉพั พัคคียไ ดเหน็ ทา นยังเดินเทยี่ วบิณฑบาตอยู ครั้นแลว ไดพดู กันอยางนี้วา พระกัปปตกะนยี้ ังมีชีวติ อยู ใครหนอนาํ เอาความลับของเราไปบอก ครนั้ ไดท ราบขาววาพระคณุ เจา อบุ าลนี าํ ไป จงึ พากนั ดาทา นพระอุบาลวี า ทานน้เี ปน คนสาํ หรับคอยรบั ใชเมอ่ื เวลาอาบนา้ํ เปนคนคอยชาํ ระของเปรอะเปอ น เปนคนมสี กลุ ตาํ่ไฉนจึงไดล อบนาํ ความลบั ของเราไปเทย่ี วบอกเขาเลา .

พระวินัยปฎก ภิกขนุ ีวภิ งั ค เลม ๓ - หนา ท่ี 356 บรรดาภกิ ษณุ ีทเ่ี ปน ผมู กั นอ ย. . . ตา งกเ็ พง โทษ ติเตียน โพนทะนาวาไฉนภกิ ษณุ ฉี พั พคั คยี จ งึ ไดด า พระคณุ เจา อุบาลีเลา. ทรงสอบถาม พระผมู พี ระภาคเจาทรงสอบถามภิกษุท้งั หลายวา ดูกอ นภิกษุทง้ั หลายขา ววาภกิ ษณุ ีฉพั พัคคยี พากันดา ภกิ ษุอบุ าลี จรงิ หรอื . ภกิ ษุท้งั หลายกราบทูลวา จริง พระพทุ ธเจา ขา. ทรงตเิ ตยี นแลว บัญญตั สิ ิกขาบท พระผมู พี ระภาคพทุ ธเจาทรงตเิ ตียนวา ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษณุ เี หลา ฉพั พคั คียจงึ ไดด า ภิกษอุ ุบาลเี ลา การกระทําของพวกนางนั่น ไมเปน ไปเพือ่ ความเลือ่ มใสของชมุ ชนที่ยังไมเลอ่ื มใส. . . ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย กแ็ ลภกิ ษุณที ้ังหลายจงยกสิกขาบทนขี้ นึ้ แสดงอยา งน้ี วาดังน้ี :- พระบญั ญัติ ๑๐๗. ๒. อน่ึง ภิกษุณีใด ดา กด็ ี กลาวขกู ็ดี ซ่งึ ภิกษุณี เปนปาจติ ตีย. เรอื่ งพระกปั ปตกเถระ จบ สิกขาบทวภิ ังค [๓๓๕] บทวา อน่งึ . . .ใด ความวา ผูใด คอื ผูเ ชน ใด. . . บทวา ภิกษุณี ความวา ทีช่ อ่ื วา ภกิ ษุณี เพราะอรรถวาเปน ผูขอ. . . น้ชี ่ือวา ภกิ ษณุ ี ที่ทรงประสงคในอรรถน้.ี บทวา ภกิ ษุ ไดแ ก อปุ สัมบนั .

พระวนิ ัยปฎ ก ภกิ ขนุ วี ภิ งั ค เลม ๓ - หนาที่ 357 บทวา ดา กด็ ี คือ ดาดวยวตั ถุสาํ หรบั ดา ทั้ง ๑๐ อยาง หรอื ดวยอยา งใดอยา งหนง่ึ ในทัง้ ๑๐ น้ัน ตองอาบตั ิปาจิตตีย. บทวา กลา วขูกด็ ี คอื แสดงเรื่องหรอื อาการท่นี า กลวั ตองอาบัติปาจติ ตีย. บทภาชนีย ตกิ ะปาจติ ตีย [๓๓๖] อปุ สัมบัน ภิกษณุ สี าํ คญั วาอปุ สมั บนั ดา ก็ดี กลาวขกู ด็ ีตองอาบตั ปิ าจิตตีย. อุปสัมบัน ภกิ ษุณสี งสยั ดาก็ดี กลาวขูก็ดี ตองอาบตั ปิ าจิตตยี . อุปสัมบัน ภกิ ษณุ สี ําคัญวา อนสุ มั บนั ดากด็ ี กลาวขูกด็ ี ตอ งอาบตั ิปาจิตตยี . จตกุ ะทุกกฏ ดา กด็ ี กลา วขกู ด็ ี ซ่ึงอนุปสัมบัน ตอ งอาบัตทิ กุ กฏ. อนุปสมั บัน ภกิ ษณุ สี าํ คัญวาอุปสมั บนั ตองอาบตั ทิ กุ กฏ. อนปุ สัมบัน ภิกษุณีสงสัย ตอ งอาบตั ทิ กุ กฏ. อนปุ สัมบัน ภิกษุณสี าํ คัญวา อนุปสัมบนั ตอ งอาบัติทกุ กฏ. อนาปต ติวาร [๓๓๗] มุงอรรถ ๑ มุงธรรม ๑ มงุ สั่งสอน ๑ วกิ ลจริต ๑ อาทิกัมมิกา๑ ไมตอ งอาบตั แิ ล. อารามวรรค สกิ ขาบทท่ี ๒ จบ

พระวนิ ัยปฎ ก ภิกขุนวี ภิ ังค เลม ๓ - หนา ท่ี 358 อรรถกถาอารามวรรค สิกขาบทที่ ๒ วนิ จิ ฉัยในสิกขาบทท่ี ๒ พงึ ทราบดงั น้:ี - สองบทวา อายสมา กปฺปตโก คอื ทา นผมู อี ายนุ ้ี เปนพระเถระอยูภ ายในจาํ นวนภกิ ษุชฏลิ พันรปู . บทวา ส หริ คอื ใหแ พรง พรายแลว (ไดน าํ ไปบอก). บทวา ส หโต คอื ทา นพระอบุ าลีใหแพรง พรายแลว (นําไปบอก). บทวา กสาวโฏ แปลวา ชางกัลบก. พวกภิกษุณกี ลาวหมายเอาผทู ่นี ุง ผา ยอ มน้ําฝาด กระทาํ การงาน. คาํ ท่เี หลอื ตืน้ ทง้ั นน้ั . สิกขาบทนี้ มีสมุฏฐาน ๓ เปนกริ ยิ า สญั ญาวิโมกข สจติ ตกะ โลกวัชชะ กายกรรม วจกี รรม อกศุ ลจิต เปน ทกุ ขเวทนา แล. อรรถกถาอารามวรรค สิกขาบทที่ ๒ จบ

พระวินัยปฎ ก ภกิ ขุนวี ภิ ังค เลม ๓ - หนาท่ี 359 อารามวรรค สิกขาบทที่ ๓ เรื่องภกิ ษณุ ีจัณฑกาลี [๓๓๘] โดยสมยั นน้ั พระผูมีพระภาคพุทธเจา ประทบั อยู ณ พระ-เชตวัน อารามของอนาถบณิ ฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนน้ั ภิกษุณีจัณฑกาลีเปน ผูก อ ความบาดหมาง กอ ความทะเลาะ กอการวิวาท กอความอือ้ ฉาว กออธิกรณในสงฆ เมือ่ ภกิ ษณุ สี งฆท ํากรรมแกน าง ภิกษุณีถุลลนนั ทาคาน. [๓๓๙] ก็โดยสมัยนนั้ แล ภกิ ษณุ ีถุลลนนั ทาไดไปสูหมูบานแหง หน่งึดว ยกรณียะบางอยา ง ครน้ั ภิกษณุ สี งฆท ราบวา ภกิ ษุณีถุลลนนั ทาหลกี ไปแลวจงึ ยกวตั รภกิ ษณุ จี ัณฑกาลี ในเพราะไมเหน็ อาบตั ิ ภกิ ษุณถี ุลลนนั ทาเสรจ็กรณียกิจในหมูบานนั้นแลว กลบั มาสูน ครสาวตั ถีดังเดิม เมอ่ื นางมาถงึ ภกิ ษณุ ีจัณฑกาลีไมปูอาสนะรับ ไมจ ดั ต้ังนา้ํ ลางเทา ตง่ั รองเทา กระเบอ้ื งเช็ดเทาไมล ุกไปรบั บาตรจวี ร ไมไตถ ามดวยนาํ้ ฉัน ภิกษุณถี ลุ ลนันนทาไดก ลา วคําน้ีกะภกิ ษุณีจณั ฑกาลีวา ทําไม เมื่อฉนั มาถงึ เธอจงึ ไมป ูอาสนะรบั ไมจัดตั้งนาํ้ ลางเทา ตัง่ รองเทา กระเบือ้ งเช็ดเทา ไมลุกมารบั บาตรจวี ร ไมไดถามดว ยนํา้ ฉนั . ภิกษณุ ีจณั ฑกาลีตอบวา การท่เี ปน ด่ังนีน้ น้ั เพราะดฉิ นั เปนด่งั สตรีผไู รท พี่ ่งึ เจา ขา . ภกิ ษณุ ถี ุลลนนั ทาซักวา เพราะเหตไุ ร เธอจึงเปน ดัง่ สตรีผไู รที่พึ่งเลา ภกิ ษณุ ีจัณฑกาลีแถลงวา เพราะภกิ ษุณีเหลาน้ยี กวตั รดฉิ นั ในเพราะไมเ ห็นอาบัติ ดว ยเขาใจวานางผนู ้ีไรทีพ่ ึ่ง ไมส จู ะมีชื่อเสียง ไมม ใี ครซึ่งจะเปน ผูยําเกรงนางผูน ้.ี

พระวินยั ปฎก ภกิ ขนุ ีวภิ ังค เลม ๓ - หนา ที่ 360 ภกิ ษุณถี ลุ ลนันทาข้ึนเคยี ดกลา วติคณะวา ภิกษณุ ีเหลานเ้ี ขลา ภิกษุณีเหลา นไี้ มฉ ลาด ภกิ ษณุ ีเหลา นไ้ี มรจู กั กรรม โทษอนั สมควรแกก รรม กรรมวิบตั ิหรอื กรรมสมบตั .ิ บรรดาภิกษณุ ีท่ีเปน ผมู ักนอย. . . ตางกเ็ พงโทษ ตเิ ตียน โพนทะนาวา ไฉนแมเ จา ถุลลนันทาจึงไดข้งึ เคียดกลา วติคณะเลา . . . ทรงสอบถาม พระผมู ีพระภาคเจาทรงสอบถามภิกษทุ งั้ หลายวา ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลายขาววาภิกษุณีถุลลนันทาข้งึ เคียดกลาวตคิ ณะ จรงิ หรือ. ภกิ ษทุ ้ังหลายกราบทลู วา จริง พระพทุ ธเจา ขา. ทรงตเิ ตยี นแลวบัญญตั สิ ิกขาบท พระผูม ีพระภาคพุทธเจาทรงตเิ ตยี นวา ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย ไฉนภกิ ษณุ ีถุลลนนั ทาจึงไดข ง้ึ เคียดกลา วติคณะเลา การกระทําของนางน่นั ไมเปนไปเพ่อื ความเลือ่ มใสของชุมชนทยี่ ังไมเ ลอ่ื มใส. . . ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย กแ็ ลภิกษทุ ้งั หลายจงยกสกิ ขาบทน้ีขนึ้ แสดงอยา งน้ี วา ดังน:ี้ - พระบญั ญตั ิ ๑๐๘. ๓. อนึ่ง ภิกษุณใี ด ขนึ้ เคียดกลาวตคิ ณะ เปนปาจติ ตยี . เร่อื งภกิ ษณุ ีจณั ฑกาลี จบ สิกขาบทวภิ ังค [๓๔๐] บทวา อนงึ่ . . .ใด ความวา ผใู ด คื ผูเชนใด. . . บทวา ภกิ ษณุ ี ความวา ทช่ี อื่ วา ภิกษณุ ี เพราะอรรควา เปนผูขอ...นี้ชอื่ วา ภกิ ษุณี ท่ีทรงประสงคในอรรถน.ี้

พระวนิ ัยปฎ ก ภิกขุนีวิภังค เลม ๓ - หนา ท่ี 361 ท่ีช่ือวา ข้ึงเคยี ด ไดแ ก กิรยิ าท่ีเขาเรียกกันวาโกรธ. ท่ชี อ่ื วา คณะ ไดแ ก หมทู ่เี รียกกันวา ภกิ ษุณีสงฆ. บทวา กลาวติ คอื ตโิ ทษวา ภิกษณุ เี หลาน้ไี มฉ ลาด ภิกษณุ ีเหลานี้ไมร จู กั กรรม โทษอนั สมควรแกก รรม กรรมวิบัติ หรือกรรมสมบัติตอ งอาบตั ปิ าจติ ตีย กลา วตภิ กิ ษุณีหลายรปู ภิกษณุ ีรปู เดยี ว หรอื อนุปสัมบนัตองอาบตั ิทุกกฏ. อนาปตตวิ าร [๓๔๑] มุงอรรถ ๑ มงุ ธรรม ๑ มงุ สงั่ สอน ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา๑ ไมต องอาบัตแิ ล. อรรถกถาวรรค สิกขาบทท่ี ๓ จบ อรรถกถาอารามวรรค สกิ ขาบทที่ ๓ วินจิ ฉัยในสกิ ขาบทที่ ๓ พึงทราบดงั น้ี :- บทวา อนุสาสนปี ุเรกขฺ าย มคี วามวา ภกิ ษุณีดาํ รงอยูในฝา ยแหงการพรํ่าสอนกลา วโดยนยั เปนตนวา แมเ ด่ียวน้ี เธอกเ็ ปน คนโงไมฉ ลาด ไมเปนอาบัติ . คาํ ที่เหลือ ต้ืนทงั้ น้นั . สมุฏฐานเปน ตนก็เปนเชนกับสกิ ขาบทถัดไปนน้ั แล. อรรถกถาอารามวรรค สขิ าบทที่ ๓ จบ

พระวนิ ยั ปฎก ภิกขนุ วี ิภงั ค เลม ๓ - หนาที่ 362 อารามวรรค สิกขาบทที่ ๔ เรอ่ื งภกิ ษณุ หี ลายรปู [๓๔๒] โดยสมยั น้ัน พระผมู พี ระภาคพทุ ธเจาประทบั อยู ณ พระ-เชตวนั อารามของอนาถบิณฑกิ คหบดี เขตพระนครสาวัตถี คร้ังนนั้ พราหมณคนหน่ึงไดนมิ นตภ กิ ษณุ ีทั้งหลาย ภิกษณุ ที ั้งหลายฉันเสร็จหามภตั แลว ไปเย่ียมตระกูลญาติ บางพวกกฉ็ นั อีก บางพวกไดน ําบณิ ฑบาตไป. เม่อื เสร็จการเลีย้ งภิกษณุ ีทัง้ หลายแลว พราหมณไดก ลา วเชือ้ เชญิ ชาวเพ่อื นบา นวา คณุ ๆ ทง้ั หลาย ขา พเจาเล้ียงดูภิกษณุ ีทงั้ หลายใหอิม่ หนําแลวเชิญมาเถดิ ขา พเจา จกั เลย้ี งพวกทา นใหอ ิม่ หนาํ บา ง. พวกเพอื่ นบา นเลา นั้นพากนั กลา วอยา งน้ีวา ทานจักเลี้ยงพวกขาพเจาใหอ่มิ หนาํ ไดอยางไร แมพ วกภิกษณุ ที ท่ี านนมิ นตมาฉนั เหลานนั้ ไปถงึ เรอื นของพวกขา พเจา แลว บางพวกก็ฉันอีก บางพวกกน็ าํ บณิ ฑบาตไป. พราหมณน้นั จงึ เพง โทษ ติเตยี น โพนทะนาวา ไฉนภกิ ษุณที ้งั หลายฉนั อาหารที่เรอื นของพวกเราแลว จึงไดไ ปฉนั ในที่อืน่ อกี เลา เราไมมีกําลงั พอทจ่ี ะถวายใหพอแกค วามตอ งการหรือ. ภิกษุทงั้ หลายไดยินพราหมณน น้ั เพงโทษ ตเิ ตียน โพนทะนาอยูบรรดาทเ่ี ปน ผูมักนอ ย. . . ตางก็เพง โทษ ตเิ ตียน โพนทะนาวา ไฉนภิกษุณีทง้ั หลายฉันเสร็จหามภตั แลว จึงไดฉันในทีอ่ ื่นอีกเลา . . . ทรงสอบถาม พระผูม พี ระภาคเจา ทรงสยบถามภกิ ษุทัง้ หลายวา ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลายขา ววา ภกิ ษณุ ีทง้ั หลายฉันเสรจ็ หามภตั แลว ยังฉนั ในทีอ่ ื่นอกี จริงหรอื .

พระวินัยปฎก ภกิ ขนุ ีวิภังค เลม ๓ - หนา ท่ี 363 ภิกษทุ ั้งหลายกราบทลู วา จรงิ พระพทุ ธเจา ขา. ทรงตเิ ตยี นแลว บญั ญัตสิ กิ ขาบท พระผูมพี ระภาคพุทธเจา ทรงตเิ ตียนวา ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย ไฉนภิกษุณีทัง้ หลายฉนั เสร็จหามภัตแลว จึงไดฉ ันในทอ่ี ื่นอกี เลา การกระทาํ ของนางน่ัน ไมเ ปน ไปเพ่อื ความเลอื่ มใสของชมุ ชนท่ยี งั ไมเล่ือมใส . . . ดูกอนภิกษุท้งั หลาย กแ็ ลภกิ ษุณที ้งั หลายจงยกสิกขาบทนข้ี ้ึนแสดงอยางนี้ วาดงั น้:ี - พระบัญญัติ ๑๐๙. ๔. อนึ่ง ภกิ ษุณใี ด อันทายกนิมนตแลว หรือหามภตั แลว เคยี้ วกด็ ี ฉันก็ดี ซ่งึ ของเคย้ี ว หรอื ของฉนั เปนปาจติ ตีย. เร่ืองภิกษุณหี ลายรูป จบ สกิ ขาบทวิภงั ค [๓๔๓] บทวา อนง่ึ . . .ใด . ความวา ผใู ด คือ ผูเ ชนใด . . . บทวา ภิกษณุ ี ความวา ท่ีชอื่ วา ภกิ ษุณี เพระอรรถวา เปนผูขอ. . . นี้ชื่อวา ภกิ ษุณี ทท่ี รงประสงคในอรรถนี้. ทชี่ ือ่ วา อันทายกนิมนตแ ลว คอื นิมนตดวยโภชนะ ๕ อยา ง ๆใดอยา งหนึ่ง. ทช่ี ื่อวา หา มภตั แลว คือ อาสนะปรากฏ โภชนะปรากฏ ตนอยูในหัตถบาส ทายกนาํ ของเขา ไปถวาย การหามปรากฏ. ทชี่ ือ่ วา ของเคีย้ ว คอื เวนโภชนะ ๕ ยาคู ยามกาลกิ สัตตาหกาลกิยาวชีวิก นอกน้ันชื่อวา ของเคย้ี ว.

พระวนิ ัยปฎ ก ภิกขนุ ีวภิ ังค เลม ๓ - หนาที่ 364 ท่ชี อื่ วา ของฉนั ไดแ กโภชนะ ๕ คือ ขา วสุก ๑ ขนมสด ๑ ขนมแหง ๑ ปลา ๑ เน้ือ ๑. รบั ประเคนไวดว ยหมายใจวา จักเค้ียว จกั ฉนั ตองอาบตั ทิ ุกกฏ ฉนัตอ งอาบตั ปิ าจิตตีย ทุก ๆ คาํ กลนื . บทภาชนยี  ติกะปาจิตตีย [๓๔๔] ทายกนมิ นตแลว ภิกษุณสี ําคญั วา นมิ นตแลว เคีย้ วก็ดี ฉนักด็ ี ซึ่งของเค้ียว หรือของฉนั ตอ งอาบตั ิปาจติ ตยี . ทายกนิมนตแ ลว ภกิ ษุณีสงสยั เคี้ยวกด็ ี ฉันกด็ ี ซง่ึ ของเคยี้ ว หรือของฉนั ตองอาบตั ปิ าจิตตยี . ทายกนิมนตแลว ภกิ ษณุ ีสําคัญวา มไิ ดน ิมนต เค้ียวกด็ ี ฉันกด็ ี ซ่งึของเคย้ี ว หรอื ของฉนั ตองอาบตั ปิ าจติ ตีย. ทุกะทกุ กฏ รับประเคนยามกะลิก สัตตาหกาลกิ ยาวชีวกิ ไวเพือ่ ประสงคเ ปนอาหาร ตอ งอาบตั ิทุกกฏ ฉัน ตองอาบตั ทิ ุกกฏ ทุก ๆ คํากลนื . อนาปตตวิ าร [๓๔๕] ทายกไมไ ดนิมนต ๑ ไมไดห า มภตั ๑ ดืม่ ยาคู ๑ บอกเจาของแลวฉัน ๑ เมอื่ เหตจุ ําเปน มี ฉันยามกาลกิ สัตตาหกาลิก ยาวชวี ิก ๑วกิ ลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไมต อ งอาบัติแล. อารามวรรค สกิ ขาบทที่ ๔ จบ

พระวินยั ปฎก ภกิ ขุนวี ภิ ังค เลม ๓ - หนา ที่ 365 อรรถกถาอารามวรรค สิกขาบทท่ี ๔ คําทั้งหมดในสกิ ขาบทที่ ๔ ตน้ื ท้ังนัน้ . สิกขาบทนี้มสี มฏุ ฐาน ๔เกิดข้ึนทางกาย ๑ ทางกายกบั วาจา ๑ ทางกายกบั จิต ๑ ทางกายวาจากับจติ ๑เปน ทั้งกริ ยิ าทัง้ อกริ ิยา เพราะเปนอาบัติแกภกิ ษุณผี ูรบั นิมนตแลว ไมบ อกกลา วกอนฉันกม็ ี เปน กิรยิ า เพราะเปน อาบตั ิ แกภิกษณุ ีผหู า มภัตแลว ใหทาํ โภชนะใหเปนกปั ปยะบาง ไมใ หท ําบาง ฉันก็มี เปน โนสัญญาวโิ มกขอจติ ตกะ ปณ ณัตติวชั ชะ กายกรรม วจีจรรม มีจติ ๓ มีเวทนา ๓ แล. อรรถกถาอารามวรรค สกิ ขาบทที่ ๔ จบ

พระวนิ ยั ปฎ ก ภกิ ขุนวี ิภงั ค เลม ๓ - หนาท่ี 366 อารามวรรค สกิ ขาบทที่ ๕ เรอื่ งภิกษุณีรปู หน่งึ [๓๔๖] โดยสมัยนัน้ พระผูมพี ระภาคพทุ ธเจา ประทบั อยู ณ พระ-เชตวัน อารามของอนาถบณิ ฑกิ คหบดี เขตพระนครสาวัตถี คร้ังนั้น ภิกษุณีรูปหนง่ึ เท่ียวบิณฑบาตไปในตรอกแหง หนึ่ง ในพระนครสาวัตถี ผา นเขา ไปสูสกุลแหงหน่งึ คร้นั แลว ไดน งั่ บนอาสนะที่เขาปลู าดไว ครน้ั เขานมิ นตภกิ ษณุ ีรปู น้นั ใหฉ ันแลวไดก ลาวคาํ น้วี า แมเจา แมภ กิ ษณุ รี ูปอืน่ ๆ กจ็ งมา. ทนั ทนี ั้น นางคดิ วา ทําไฉนภกิ ษุณรี ปู อื่น ๆ จึงจะไมม า แลวไดเขาไปหาภกิ ษุณีท้งั หลายกลาวคํานี้วา . แมเ จา ณ สถานทโ่ี นน สุนขั ดุ โคเปลีย่ วดุสถานทีล่ ื่น ทานท้งั หลายอยา ไดไ ปสถานท่นี ้ันเลย. แมภกิ ษุณีอกี รปู หนึ่งก็ไดเท่ยี วบิณฑบาตไปในตรอกน้ัน เดินผานเขาไปถึงสกุลนน้ั คร้นั แลว นั่งบนอาสนะทีเ่ ขาจัดถวาย คร้ันคนพวกนนั้ นมิ นตใ หนางฉนั แลวไดก ลา วคํานี้วา แมเ จา ทาํ ไมภกิ ษุณีทั้งหลายจึงไมคอยมา. ภิกษุณีรูปนน้ั จงึ ไดเ ลา เร่ืองน้ันแกเขาเหลานนั้ พวกเขาจึงเพงโทษตเิ ตยี น โพนทะนาวา ไฉนภิกษณุ จี งึ ไดหวงตระกลู เลา. . . ทรงสอบถาม พระผมู พี ระภาคเจา ทรงสอบถามภกิ ษทุ ั้งหลายวา ดูกอนภิกษุทั้งหลายขา ววาภกิ ษุณหี วงตระกูล จริงหรอื . ภกิ ษุทง้ั หลายกราบทูลวา จริง พระพทุ ธเจาขา .

พระวินัยปฎก ภกิ ขุนวี ภิ งั ค เลม ๓ - หนา ท่ี 367 ทรงตเิ ตยี นแลวบญั ญัตสิ ิกขาบท พระผมู ีพระภาคพุทธเจาทรงตเิ ตยี นวา ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ไฉนภกิ ษุณีจึงไดหวงตระกูลเลา การกระทาํ ของนางนัน่ ไมเปนไปเพ่อื ความเลอื่ มใสของชมุ ชนท่ียงั ไมเ ล่อื มใส. . . ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย กแ็ ลภิกษุณที ้งั หลายจงยกสิกขาบทน้ีขนึ้ แสดงอยา งน้ี วาดังน้ี:- พระบญั ญัติ ๑๑๐. ๕. อน่ึง ภกิ ษณุ ีใด เปน คนตระหนี่ตระกลู เปนปาจติ ตยี . เรื่องภกิ ษณุ รี ปู หนง่ึ จบ สกิ ขาบทวิภงั ค [๓๔๗] บทวา อน่งึ . . .ใด ความวา ผูใด คือ ผเู ชน ใด. . . บทวา ภกิ ษณุ ี ความวา ทชี่ ือ่ วา ภกิ ษณุ ี เพราะอรรถวา เปน ผูขอ. . .นช้ี ือ่ วา ภิกษุณี ทีท่ รงประสงคในอรรถนี.้ ทชี่ ื่อวา ตระกลู ไดแ ก ตระกูลทง้ั ๔ คอื ตระกูลกษัตริย ตระกูลพราหมณ ตระกูลแพทย ตระกลู ศทู ร. บทวา เปน คนตระหนีต่ ระกูล คือคิดวา ทาํ ไฉนภิกษุณีท้ังหลายจะไมพ งึ มา แลวกลา วโทษของพวกพองในสาํ นักภกิ ษณุ ีทง้ั หลาย ตองอาบตั ิปาจติ ตีย หรือกลา วโทษของภิกษุณีทง้ั หลายในสํานกั ของพวกพอง กต็ องอาบตั ิปาจติ ตีย.

พระวินยั ปฎ ก ภิกขนุ วี ิภงั ค เลม ๓ - หนา ที่ 368 อนาปต ตวิ าร [๓๔๘] ไมหวงตระกลู บอกโทษเทา ที่มอี ยู ๑ วิกลจริต ๑ อาทิ-กมั มิกา ๑ไมตองอาบตั ิแล. อารามวรรค สิกขาบทที่ ๕ จบ อรรถกถาอารามวรรค สิกขาบทที่ ๕ วนิ จิ ฉยั ในสกิ ขาบทที่ ๕ พงึ ทราบดังน:้ี - ความหวงแหนตระกลู ชื่อวา ความตระหนตี่ ระกูล. ความตระหน่ีตระกลู มแี กภ ิกษณุ นี น้ั เหตุนน้ั ภกิ ษณุ ีนัน้ จึงช่อื วา ผูมีความตระหน่ตี ระกลูอีกอยา งหนึ่ง ชอื่ วา เปนคนตระหนี่ตระกลู เพราะอรรถวา พระพฤติตัวเปนคนหวงแหนสกลุ . สองบทวา กลุ สสฺ อวณณฺ  ไดแ ก กลา วโทษวา ตระกลู น้ันไมมีศรทั ธา ไมเลื่อมใส. สองบทวา ภกิ ฺขนุ นี  อวณณฺ  ไดแ ก กลา วโทษของพวกภกิ ษุณีวา พวกภกิ ษณุ ี เปน ผทู ศุ ีล มธี รรมลามก. สองบทวา สนตฺ  เยว อาทนี ว ไดแก บอกโทษมใิ ชคณุ ทมี่ ีอยูของตระกูล หรือของพวกภกิ ษุณี. คาํ ท่ีเหลอื ตน้ื ทัง้ นนั้ . สิกขาบทน้ี มีสมุฏฐาน ๓ เปน กริ ิยา สญั ญาวิโมกข สจิตตกะโลกวชั ชะ กายกรรม วจกี รรม อกศุ ลจิต เปนทุกขเวทนา แล. อรรถกถาอารามวรรค สกิ ขาบทที่ ๕ จบ

พระวนิ ัยปฎ ก ภิกขุนวี ภิ งั ค เลม ๓ - หนา ท่ี 369 อารามวรรค สกิ ขาบทที่ ๖ เรอื่ งภกิ ษณุ หี ลายรูป [๓๔๙] โดยสมัยนั้น พระผมู พี ระภาคพุทธเจาประทบั อยู ณ พระ-เชตวัน อารามของอนาถบณิ ฑิกคหบดี เขตพระนครสาวตั ถี ครัง้ นั้น ภิกษุณีหลายรปู จาํ พรรษาอยใู นอาวาสใกลหมบู าน แลว ไดพ ากันไปสูพ ระนครสาวัตถีภกิ ษุณีทัง้ หลายไดรมุ กนั ถามภกิ ษุณีพวกนนั้ วา แมเจา ทัง้ หลายจําพรรษาอยู ณท่ไี หน โอวาทการกลาวสอนไดมีสมณบรู ณแ ลว หรือ. ภิกษุณีเหลาน้ันตอบวา แมเ จา ในอาวาสที่พวกดฉิ นั จําพรรษาอยูนน้ัไมม ีภกิ ษเุ ลย การกลาวสอนจกั สมบรู ณไ ดจากไหน. บรรดาภิกษณุ ที เี่ ปนผมู ักนอย . . . ตางกเ็ พง โทษ ติเตียน โพนทะนาวาไฉนภกิ ษุณที ัง้ หลายจงึ ไดจ ําพรรษาอยใู นอาวาสทไ่ี มมีภกิ ษุเลา. . . ทรงสอบถาม พระผูมีพระภาคเจา ทรงสอบถามภิกษุทง้ั หลายวา ดูกอ นภิกษุท้ังหลายขาววา พวกภกิ ษณุ ที ้ังหลายจาํ พรรษาอยใู นอาวาสท่ไี มมภี กิ ษุ จริงหรอื . ภิกษุทัง้ หลายกราบทลู วา จริง พระพุทธเจา ขา. ทรงติเตยี นแลว บญั ญตั ิสิกขาบท พระผูมีพระภาคพทุ ธเจาทรงตเิ ตยี นวา ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย ไฉนภกิ ษุณที ั้งหลายจงึ ไดจําพรรษาอยใู นอาวาสทไ่ี มมีภิกษเุ ลา การกระทาํ ของพวกนางน่นั ไมเ ปนไปเพอ่ื ความเล่ือมใสของชุมชนทยี่ ังไมเ ล่อื มใส. . . ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย กแ็ ลภกิ ษณุ ีทงั้ หลายจงยกสิกขาบทนี้ข้ึนแสดงอยา งนี้ วาดังน้ี:-

พระวินัยปฎก ภิกขุนวี ภิ ังค เลม ๓ - หนาท่ี 370 พระบัญญัติ ๑๑๑. ๖. อนึ่ง ภิกษุณใี ด จําพรรษาอยูในอาวาสท่ไี มม ีภกิ ษุเปน ปาจิตตีย. เร่อื งภิกษุณหี ลายรปู จบ สิกขาบทวิภงั ค [๓๕๐] บทวา อน่ึง. . .ใด ความวา ผใู ด คือ ผูเชนใด. . . บทวา ภิกษณุ ี ความวา ทช่ี ื่อวา ภกิ ษณุ ี เพราะอรรถวาเปน ผขู อ...น้ีชือ่ วา ภิกษณุ ี ท่ีทรงประสงคในอรรถน้ี. อาวาสที่ชอ่ื วา ไมม ภี กิ ษุ ไดแ ก อาวาสที่ภิกษุณีไมสามารถจะไปเพ่อื รับครธุ รรมอันเปน โอวาท หรอื เพ่ือประสงคจะถามอุโบสถและปวารณาได ตง้ั ใจวาจกั อยจู าํ พรรษา แลว จัดแจงเสนาสนะ จัดตง้ั นํา้ ฉัน น้าํ ใชกวาดบริเวณ ตองอาบัติทกุ กฏ พออรุณขึ้น ตองอาบตั ิปาจิตตีย. อนาปตตวิ าร [๓๕๑] มภี กิ ษุที่อยูจาํ พรรษา หลีกไป สึก มรณภาพ หรือไปเขารดี เดียรถยี  ๑ มีอันตราย ๑ วกิ ลจรติ ๑ อาทิกัมมกิ า ๑ ไมตองอาบตั ิแล อารามวรรค สิกขาบทที่ ๖ จบ

พระวนิ ัยปฎ ก ภกิ ขุนีวิภังค เลม ๓ - หนาที่ 371 อรรถกถาอารามวรรค สกิ ขาบทที่ ๖ วนิ ิจฉัยในสกิ ขาบทที่ ๖ พงึ ทราบดงั นี้;- บทวา โอวาทาย คอื เพ่ือประโยชนแ กค รุธรรม. บทวา ส วาสาย คอื เพ่ือประโยชนแกการถามอุโบสถและปวารณา.นี้ความยอในสกิ ขาบทน.้ี สว นความพิสดาร ขาพเจาไดก ลา วแลวในวรรณนาแหง ภิกษโุ นวาทกสิกขาบทนี้นัน่ แล. สกิ ขาบทน้ี มีสมฏุ ฐานดจุ เอฬกโลมสิกขาบท เปนกริ ยิ า โนสัญญาวิโมกข อจิตตกะ ปณ ณตั ติวัชชะ กายกรรม มีจติ ๓ มเี วทนา ๓ แล. อรรถกถาอารามวรรค สิกขาบทท่ี ๖ จบ

พระวินัยปฎก ภิกขุนวี ภิ ังค เลม ๓ - หนาท่ี 372 อารามวรรค สิกขาบทที่ ๗ เรื่องภิกษุณหี ลายรปู [๓๕๒] โดยสมัยนน้ั พระผมู พี ระภาคพทุ ธเจา ประทบั อยู ณ พระ-เชตวัน อารามของอนาถบิณฑกิ คหบดี เขตพระนครสาวัตถี คร้ังนน้ั ภกิ ษณุ ีหลายรปู จาํ พรรษาอยใู นอาวาสใกลห มูบ าน แลวไดพ ากันไปสพู ระนครสาวัตถีภกิ ษณุ ีทัง้ หลายไดพากนั ถามภิกษณุ พี วกนน้ั วา เจาแมท ้งั หลายจําพรรษาอยู ณท่ีไหนไดป วารณาตอ ภกิ ษุสงฆแลว หรอื . ภกิ ษุณีเหลาน้นั ตอบวา พวกดฉิ นั ยังมิไดปวารณาตวั ตอภกิ ษสุ งฆเจาขา บรรดาภกิ ษุณที ่เี ปนผมู กั นอ ย. . .ตางกเ็ พง โทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาวาไฉนภกิ ษณุ ที ัง้ หลายอยจู าํ พรรษาแลว จึงไดไ มป วารณาตอภิกษุสงฆเ ลา. . . ทรงสอบถาม พระผูมพี ระภาคเจาทรงสอบถามภกิ ษทุ ัง้ หลายวา ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลายขา ววา ภิกษุณีทง้ั หลายจําพรรษาแลวไมป วารณาตอภกิ ษสุ งฆ จรงิ หรอื . ภกิ ษุทง้ั หลายกราบทูลวา จรงิ พระพทุ ธเจาขา. ทรงติเตยี นแลวบัญญัตสิ กิ ขาบท พระผูม พี ระภาคพุทธเจาทรงตเิ ตยี นวา ดูกอ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย ไฉนภิกษุณีจําพรรษาแลวจึงไดไ มป วารณาตอภกิ ษสุ งฆเ ลา การกระทาํ ของพวกนางน่ัน ไมเ ปน ไปเพือ่ ความเล่ือมใสของชมุ ชนทีย่ งั ไมเล่อื มใส. . . ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย ก็แลภกิ ษุณีทงั้ หลายจงยกสกิ ขาบทนข้ี น้ึ แสดงอยางนี้ วาดงั น้ี :-

พระวนิ ยั ปฎก ภกิ ขนุ วี ภิ ังค เลม ๓ - หนา ที่ 373 พระบญั ญัติ ๑๑๒. ๗. อนึง่ ภกิ ษณุ ใี ด จาํ พรรษาแลว ไมป วารณาตอสงฆส องฝา ย ดว ยสถาน ๓ คือ ดว ยไดเหน็ ก็ดี ดวยไดยินกด็ ี ดวยรงั เกยี จก็ดี เปนปาจติ ตีย. เรอ่ื งภกิ ษุณีหลายรปู จบ สิกขาบทวิภงั ค [๓๕๓] บทวา อนึง่ . . .ใด ความวา ผูใด คือ ผูเชนใด. . . บทวา ภกิ ษณุ ี ความวา ทชี่ ือ่ วา ภิกษณุ ี เพราะอรรถวาเปน ผขู อ. . .นี้ช่ือวา ภกิ ษุณี ทีท่ รงประสงคในอรรถน.้ี ที่ช่ือวา จาํ พรรษาแลว คือ อยตู ลอดไตรมาสตน หรือไตรมาสหลงั . พอทอดธรุ ะวา จกั ไมป วารณาตอสงฆส องฝาย ดว ยสถาน ๓ คอื ดวยไดเ หน็ กด็ ี ดว ยไดย นิ กด็ ี ดวยรังเกยี จก็ดี ตอ งอาบัตปิ าจติ ตีย. อนาปตตวิ าร [๓๕๔] ในเมอื่ อันตรายมี ๑ แสวงหาแลวไมไ ด ๑ อาพาธ ๑ มเี หตุขดั ของ ๑ วิกลจรติ ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไมตอ งอาบตั ิแล. อารามวรรค สกิ ขาบทที่ ๗ จบ

พระวนิ ัยปฎก ภกิ ขุนวี ิภงั ค เลม ๓ - หนาท่ี 374 อรรถกถาอารามวรรค สิกขาบทที่ ๗ วินิจฉยั ในสิกขาบทท่ี ๗ พึงทราบดงั น:ี้ - สองบทวา ปริเยสติ ฺวา น ลภติ คอื (แสวงหาแลว ) ไมไ ดภกิ ษณุ ีคําทเ่ี หลอื ต้นื ทั้งนนั้ . ความพิสดารแหงสกิ ขาบทแมน้ี ก็ไดก ลา วไวแลวในภกิ ขุโนวาทกสิกขาบทเหมือนกนั . สกิ ขาบทน้ี มกี ารทอดธรุ ะเปน สมฏุ ฐาน เปน อกิริยา สญั ญาวิโมกขสจิตตกะ โลกวชั ชะ กายกรรม วจีกรรม อกศุ ลจติ เปนทกุ ขเวทนา แล. อรรถกถาอารามวรรค สิกขาบทท่ี ๗ จบ

พระวนิ ัยปฎก ภกิ ขุนีวภิ ังค เลม ๓ - หนา ท่ี 375 อารามวรรค สิกขาบทท่ี ๘ เรอื่ งภกิ ษุณฉี ัพพคั คีย [๓๕๕] โดยสมยั นั้น พระผมู พี ระภาคพทุ ธเจา ประทบั อยู ณนิโครธาราม เขตพระนครกบิลพสั ดุ สกั กชนบท คร้งั นน้ั ภกิ ษฉุ พั พัคคยี เขาไปสูส าํ นักของภิกษณุ ีแลว จะกลา วสอนภิกษุณฉี ัพพคั คีย ภกิ ษุณที ัง้ หลายไดกลา วชวนภิกษณุ ฉี ัพพัคคียว า มาเถดิ แมเ จา ไปรับโอวาทกนั เถิดเจาขา. ภกิ ษุณฉี พั พคั คยี กลา ววา แมเ จาท้ังหลาย พวกเราจะชวนกนั ไป แมเพราะเหตุแหงโอวาทอันใด พระคณุ เจา ฉัพพคั คีย กจ็ ะมากลาวสอนพวกเราดวยโอวาทนน้ั ณ สถานที่นีแ้ ลว . บรรดาภกิ ษุณีทเ่ี ปนผมู กั นอ ย. . .ตา งกเ็ พงโทษ ติเตียน โพนทะนาวา ไฉนภกิ ษณุ ฉี พั พคั คยี จึงไดไมไ ปรับโอวาทเลา . . . ทรงสอบถาม พระผมู พี ระภาคเจาทรงสอบถามภกิ ษุท้ังหลายวา ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลายขา ววาภิกษุณีไมไปรบั โอวาท จรงิ หรือ. ภกิ ษทุ ง้ั หลายกราบทูลวา จรงิ พระพุทธเจา ขา . ทรงติเตยี นแลวบัญญัติสกิ ขาบท พระผมู พี ระภาคพุทธเจา ทรงติเตียนวา ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ไฉนภิกษุณีฉพั พคั คียจึงไดไมไ ปรบั โอวาทเลา การกระทําของพวกนางนัน่ ไมเปนไปเพอ่ื ความเล่ือมใสของชุมชนทยี่ ังไมเลอ่ื มใส. . . ดูกอ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย กแ็ ลภกิ ษุณที ้งั หลายจงยกสิกขาบทน้ขี น้ึ แสดงอยางน้ี วาดังน้:ี -

พระวินัยปฎก ภกิ ขุนีวภิ ังค เลม ๓ - หนาที่ 376 พระบญั ญตั ิ ๑๑๓. ๘. อนง่ึ ภิกษุณใี ด ไมไ ปเพ่ือโอวาทกด็ ี เพือ่ ธรรมเปนเหตุอยรู วมกด็ ี เปน ปาจิตตีย. เรือ่ งภกิ ษณุ ีฉัพพคั คีย จบ สิกขาบทวภิ งั ค [๓๕๗] บทวา อนง่ึ . . . ใด ความวา ผใู ด คือ ผูเชน ใด. . . บทวา ภิกษุณี ความวา ทีช่ ื่อวา ภิกษุณี เพราะอรรถวาเปน ผูขอ. . . นช้ี ื่อวา ภกิ ษณุ ี ท่ที รงประสงคในอรรถน้.ี ท่ชี ื่อวา โอวาท ไดแ ก ครธุ รรม ๘. ที่ชอื่ วา ธรรมเปน เหตุอยูรว ม ไดแ ก กรรมท่ีพึงทาํ รว มกัน อเุ ทศท่พี งึ สวดรว มกัน ความเปนผมู ีสิกขาเสมอกัน. พอทอดธรุ ะวา จกั ไมไ ปเพ่อื โอวาทกด็ ี เพื่อธรรมเปน เหตอุ ยรู วมกด็ ีตองอาบัติปาจิตตีย. อนาปต ติวาร [๓๕๗] ในเมอ่ื อันตรายมี ๑ แสวงหาภกิ ษุณเี ปน เพื่อนไมไ ด ๑อาพาธ ๑ มเี หตขุ ดั ของ ๑ วกิ ลจรติ ๑ อาทกิ ัมมิกา ๑ ไมต อ งอาบัติแล. อารามวรรค สกิ ขาบทที่ ๔ จบ

พระวินัยปฎก ภิกขนุ ีวภิ ังค เลม ๓ - หนา ท่ี 377 อรรถกถาอารามวรรค สิกขาบทท่ี ๘ วนิ ิจฉยั ในสิกขาบทท่ี ๘ พึงทราบดังน:้ี - ดวยคาํ วา เอกกฺ มมฺ  เปน ตน พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั หมายถึงอโุ บสถและปวารณาเทานนั้ . คาํ ที่เหลือ ตน้ื ทง้ั นน้ั . ความพสิ ดารแหง สิกขาบทแมน้ีก็ไดกลาวไวแ ลว ในภิกขุโนวาทกสิกขาบทเหมือนกัน. สิกขาบทนี้ มีสมุฏฐานดุจปฐมปาราชกิ สกิ ขาบท เปน อกิรยิ า สญั ญา-วโิ มกข สจิตตกะ โลกวัชชะ กายกรรม อกุศลจิต เปน ทกุ ขเวทนา แล. อรรถกถาอารามวรรค สกิ ขาบทที่ ๘ จบ

พระวนิ ยั ปฎ ก ภกิ ขนุ วี ิภงั ค เลม ๓ - หนาที่ 378 อารามวรรค สิกขาบทท่ี ๙ เรือ่ งภิกษุณีหลายรูป [๓๕๘] โดยสมยั นัน้ พระผมู พี ระภาคพุทธเจาประทบั อยู ณ พระ-เชตวัน อารามของอนาถบณิ ฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี คร้ังน้นั ภกิ ษณุ ีทั้งหลายไมถามอโุ บสถกม็ ี ไมขอโอวาทกม็ ี ภกิ ษทุ ง้ั หลายพากันเพงโทษติเตียน โพนทะนาวา ไฉนภกิ ษุณีทัง้ หลายจงึ ไดไมถามอุโบสถและไมขอโอวาทเลา . . . ทรงสอบถาม พระผมู ีพระภาคเจาทรงสอบถามภกิ ษทุ งั้ หลายวา ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลายขา ววาภกิ ษณุ ีทั้งหลายไมถามอุโบสถและไมขอโอวาท จรงิ หรือ. ภกิ ษทุ ัง้ หลายกราบทูลวา จริง พระพทุ ธเจาขา . ทรงติเตียนแลว บญั ญตั สิ ิกขาบท พระผูม ีพระภาคพทุ ธเจา ทรงติเตียนวา ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย ไฉนภิกษุณที งั้ หลายจึงไดไมถามอุโบสถ ไมขอโอวาท การกระทาํ ของพวกนางนน่ัไมเ ปนไปเพื่อความเล่อื มใสของชุมชนท่ียังไมเ ลื่อมใส . . . ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย กแ็ ลภกิ ษุณที ้ังหลายจงยกสกิ ขาบทนีข้ ึน้ แสดงอยา งน้ี วาดังนี:้ - พระบัญญตั ิ ๑๑๔. ๙. อนงึ่ ทุก ๆ ระยะกงึ่ เดอื น ภกิ ษณุ พี ึงหวังเฉพาะธรรม ๒ ประการ จากภกิ ษุสงฆ คอื การถามอุโบสถ ๑ การเขา ไปขอโอวาท ๑ เม่ือฝาฝนธรรม ๒ อยางนัน้ เปน ปาจิตตยี . เรือ่ งภิกษุณหี ลายรปู จบ

พระวนิ ัยปฎก ภิกขุนวี ภิ ังค เลม ๓ - หนา ท่ี 379 สิกขาบทวภิ ังค [๓๕๙] บทวา ทกุ ระยะกง่ึ เดอื น คือ ทกุ ๆ วนั ท่มี อี โุ บสถ. ทีช่ ื่อวา อุโบสถ ไดแ ก อโุ บสถ ๒ อยา ง คือ อโุ บสถมใี นวนั๑๔ ค่ํา ๑ อโุ บสถมีในวัน ๑๕ คา่ํ ๑. ทชี่ ือ่ วา โอวาท ไดแ ก ครธุ รรม ๘. พอทอดธุระวา จกั ไมถามอุโบสถก็ดี จักไมข อโอวาทกด็ ี ดังนี้ ตองอาบตั ิปาจติ ตยี . อนาปต ตวิ าร [๓๖๐] ในเม่อื อนั ตรายมี ๑ แสวงหาภกิ ษุณีเปนเพ่ือนไมไ ด ๑อาพาธ ๑ มีเหตขุ ดั ขอ ง ๑ วกิ ลจรติ ๑ อาทกิ ัมมิกา ๑ ไมตอ งอาบตั แิ ล. อารามวรรค สิกขาบทที่ ๙ จบ อรรถกถาอารามวรรค สิกขาบทท่ี ๙ คาํ ทั้งหมดในสิกขาบทที่ ๙ ตน้ื ทัง้ น้นั . ความพสิ ดารแหง สกิ ขาบทแมน้ีกไ็ ดกลาวไวแ ลว ในภกิ ขโุ นวาทกสกิ ขาบทเหมอื นกนั . สิกขาบทนี้ มีการทอกธุระเปนสมฏุ ฐาน เปนอกิรยิ า สญั ญาวโิ มกข สจติ ตกะ โลกวัชชะกายกรรม วจกี รรม อกศุ ลจติ เปน ทุกขเวทนา แล. อรรถกถาอารามวรรค สิกขาบทที่ ๙ จบ

พระวินัยปฎก ภกิ ขนุ ีวภิ งั ค เลม ๓ - หนา ท่ี 380 อารามวรรค สกิ ขาบทที่ ๑๐ เรอื่ งภิกษุณีรูปหน่ึง [๓๖๑] โดยสมยั นัน้ พระผมู พี ระภาคพุทธเจาประทับอยู ณ พระ-เชตวนั อารามของอนาถบิณฑกิ คหบดี เขตพระนครสาวตั ถี คร้ังน้ัน ภกิ ษณุ ีรูปหนึง่ กบั บุรุษหนง่ึ ตอหน่งึ ใหบ งฝอนั เกิดในรม ผา ครน้ั แลว บุรุษนนั้ ไดพยายามประทุษรา ยภิกษณุ ีรูปนน้ั นางไดส งเสียงข้นึ ภิกษุณีท้งั หลายไดพ ากนัว่งิ เขาไปถามภิกษุณนี ั้นวา แมเจาสง เสียงอะไรกนั เมอ่ื ถกู ถาม นางไดเ ลาเรอื่ งนน้ั แกเ หลา ภิกษณุ ี. บรรดาภิกษณุ ีท่ีเปนผูมกั นอย. . . ตา งกเ็ พง โทษ ติเตียน โพนทะนาวา ไฉนภิกษณุ กี บั บรุ ุษหนงึ่ ตอ หนง่ึ จงึ ไดใ หบ ง ฝอันเกิดในรม ผา เลา. . . ทรงสอบถาม พระผมู ีพระภาคเจาทรงสอบถามภกิ ษุทงั้ หลายวา ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลายขา ววาภกิ ษณุ ีกับบรุ ษุ หน่งึ ตอหน่ึงใหบง ฝอ ันเกิดในรมผา จริงหรอื . ภกิ ษุทัง้ หลายกราบทลู วา จรงิ พระพทุ ธเจาขา. ทรงตเิ ตียนแลวบัญญตั ิสิกขาบท พระผูพระภาคพทุ ธเจาทรงติเตยี นวา ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย ไฉนภกิ ษณุ ีกับบุรุษหนึ่งตอหน่งึ จงึ ไดใหบง ฝอันเกดิ ในรม ผาเลา การกระทาํ ของนางนน่ัไมเ ปน ไปเพื่อความเล่ือมใสของชมุ ชนทยี่ งั ไมเ ลือ่ มใส. . . ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย กแ็ ลภกิ ษณุ ีท้ังหลายจงยกสิกขาบทน้ีขึ้นแสดงอยางนี้ วาดังน้ี;-

พระวนิ ัยปฎ ก ภิกขนุ ีวิภังค เลม ๓ - หนา ท่ี 381 พระบัญญตั ิ ๑๑๕. ๑๐. อน่ึง ภกิ ษุณีใด ไมบ อกกลา วสงฆหรอื คณะ กบับุรุษหนง่ึ ตอ หนึ่ง ใหบ งกด็ ี ผาก็ดี ชะกด็ ี ทากด็ ี พันกด็ ี แกะกด็ ีซ่ึงฝห รอื บาดแผลอนั เกดิ ในรมผา เปนปาจิตตยี . เรอื่ งภิกษณุ ีรูปหนึง่ จบ สิกขาบทวภิ งั ค [๓๖๒] บทวา อนงึ่ . . .ใด ความวา ผใู ด คอื ผเู ชน ใด. . . บทวา ภกิ ษุณี ความวา ทีช่ ่อื วา ภิกษุณี เพราะอรรถวาเปนผูขอ. . .นีช้ ื่อวา ภกิ ษณุ ี ทีท่ รงประสงคใ นอรรถนี.้ ทชี่ ่อื วา รมผา ไดแก อวัยวะใตน าภลี งไป เหนอื เขาขน้ึ มา. บทวา เกดิ คอื เกิดขน้ึ ในบริเวณนน้ั . ทีช่ ื่อวา ฝ ไดแ ก ฝชนิดใดชนดิ หน่ึง. ทช่ี ่ือวา แผล ไดแก แผลชนิดใดชนดิ หน่งึ . บทวา ไมบ อกกลาว คอื ไมแจงใหท ราบ. ท่ชี ่อื วา สงฆ ไดแก หมทู ี่เรยี กกันวา ภกิ ษุณีสงฆ. ที่ชอ่ื วา คณะ ไดแก หมทู ่ีเรียกกนั วา ภกิ ษุณหี ลายรปู . ท่ชี อื่ วา บรุ ษุ ไดแ ก มนษุ ยผ ชู าย ไมใ ชยักษผ ชู าย ไมใ ชเปรตผูชาย ไมใชสตั วด ริ จั ฉานตวั ผู เปนผูรเู ดียงสา เปน ผูสามารถเพือ่ ประทษุ รา ยได. บทวา กับ คือ ดว ยกนั . บทวา หนึง่ ตอ หนึ่ง คือ บุรุษผูหนงึ่ ภิกษุณีรปู หน่ึง. ส่ังวา จงบง ตองอาบตั ิทุกกฏ เม่อื บงเสร็จ ตองอาบัติปาจิตตยี . สัง่ วา จงผา ตอ งอาบัตทิ ุกกฏ เมอ่ื ผาเสรจ็ ตอ งอาบตั ปิ าจิตตีย.






































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook