Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_05

tripitaka_05

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:32

Description: tripitaka_05

Search

Read the Text Version

พระวินยั ปฎก ภิกขนุ วี ิภังค เลม ๓ - หนาท่ี 501 พระบัญญตั ิ ๑๕๑. ๑๓. อนง่ึ ภิกษณุ ีใด ไมม ผี ารดั ถัน เขาบาน เปนปาจิตตีย. เรอื่ งภิกษณุ รี ูปหนง่ึ จบ สกิ ขาบทวิภงั ค [๔๘๑] บทวา อน่ึง. . .ใด ความวา ผใู ด คอื ผเู ชน ใด. . . บทวา ภิกษณุ ี ความวา ท่ชี อื่ วา ภกิ ษุณี เพราะอรรถวา เปนผูขอ. . .น้ชี อ่ื วา ภกิ ษุณี ท่ที รงประสงคในอรรถน.้ี บทวา ไมม ผี ารัดถนั คอื ปราศจากผา รดั นม. ท่ชี ื่อวา ผารดั ถัน ไดแก ผา ทใ่ี ชป กปดอวยั วะเบือ้ งต่ําแตร ากขวัญลงมา เบอื้ งบนตัง้ แตน าภขี ้ึนไป. คําวา เขาบา น คือ บา นท่มี ีเครอื่ งลอ ม เดนิ เลยเครอื่ งลอ มตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี . อนาปตติวาร [๔๘๒] มจี ีวรถกู ชิงไป ๑ มจี ีวรหาย ๑ อาพาธ ๑ หลงลืมไป ๑ไมร ตู วั ๑ วกิ ลจริต ๑ อาทิกมั มกิ า ๑ ไมตองอาบัตแิ ล. ฉัตตปุ าหนวรรค สิกขาบทท่ี ๑๓ จบ ฉตั ตปุ าหนวรรคที่ ๙ จบ๑. วรรคท่ี ๑๐ ถงึ วรรคที่ ๑๖ มวี รรคละ ๑๐ สิกขาบท คอื มสุ าวาทวรคท่ี ๑๐ มี ๑๐สิกขาบท ภูคคามวรรคที่ ๑๑ มี ๑๐ สิกขาบท โภชนวรรคท่ี ๑๒ มี ๑๐ สกิ ขาบท จริตตวรรคท่ี๑๓ มี ๑๐ สิกขาบท โชติวรรคท่ี ๑๔ มี ๑๐ สกิ ขาบท ทฏิ ฐวิ รรคท่ี ๑๕ มี ๑๐ สกิ ขาบท ธัมมิกวรรคท่ี ๑๖ มี ๑๐ สกิ ขาบท รวมอีก ๗๐ สิกขาบท เปนอุภโตบญั ญตั ิ ผูปรารถนาพงึ ทราบโดยนยั ดงักลาวแลว ในภกิ ขวุ ภิ ังคโนน เทอญ.

พระวินยั ปฎ ก ภกิ ขนุ ีวภิ ังค เลม ๓ - หนาที่ 502 อรรถกถาฉัตตวรรค สิกขาบทท่ี ๑๓ วนิ ิจฉัยในสิกขาบทที่ ๑๓ พงึ ทราบดังนี;้ - สองบทวา ปริกเฺ ขป อติกฺกมนตฺ ิยา คอื เม่ือกาวไปดวยเทา กา วแรกเปน ทกุ กฏ เม่ือกา วไปดวยเทา กาวท่ี ๒ เปนปาจติ ตีย. แมใ นอุปจารก็นยั นี้เหมอื นกนั . ในคาํ วา อจฉฺ ินฺนจวี ริกาย เปน ตน จีวร คือ ผารดั ถันนั่นแลบัณฑิตพงึ ทราบวา จวี ร. บทวา อาปทาสุ มีความวา ผารัดถันมคี ามาก เมอ่ื ภิกษุณีหมเดนิไป อันตรายจะเกดิ ข้นึ ได ไมเปนอาบตั ิในอันตรายเชนนี้. คําทีเ่ หลือ งายท้งั นัน้ . สิกขาบทน้ี มีสมุฏฐานดุจเอฬกโลมสิกขาบท เปนกริ ยิ า โนสญั ญา-วโิ มกข อจิตตกะ ปณ ณตั ตวิ ัชชะ กายกรรม มีจิต ๓ มเี วทนา ๓ แล. อรรถกถาฉตั ตวรรค สกิ ขาบทท่ี ๑๓ จบ อรรถกถาฉัตตวรรคที่ ๙ จบ

พระวินัยปฎก ภิกขนุ ีวิภงั ค เลม ๓ - หนาท่ี 503 บทสรปุ [๔๘๓] แมเจา ท้งั หลาย ธรรมคือปาจิตตีย ๑๖๖ ลกิ ขาบท ขาพเจายกขนึ้ แสดงแลว แล ขาพเจาขอถามแมเจาท้ังหลาย ในธรรมคอื ปาจิตตยี  ๑๖๖สกิ ขาบทนน้ั วา ทา นท้ังหลายเปน ผูบ ริสุทธิแ์ ลวหรอื ขาพเจาชอื่ ถามแมค รั้งที่ ๒ วา ทานท้ังหลายเปนผูบริสุทธ์ิแลว หรือ ขาพเจา ขอถามแมค รัง้ ที่ ๓ วาทานทัง้ หลายเปน ผบู ริสทุ ธิแ์ ลวหรอื แมเ จา ทัง้ หลายบรสิ ทุ ธิแ์ ลวในธรรมคอืปาจติ ตยี ท งั้ ๑๖๖ สิกขาบทเหลาน้ี เหตนุ ั้นจึงนิ่ง ขาพเจาทรงความน้ีไวด วยอยางน.้ี ปาจิตตยิ กณั ฑ จบ

พระวนิ ยั ปฎ ก ภกิ ขนุ วี ิภังค เลม ๓ - หนาท่ี 504 บทสรปุ ธรรม คอื ปาจิตตยี  ในคําวา อทุ ทฺ ฏิ า โข อยยฺ าโย ฉสฺสฏสิ ตา ปาจติ ตฺ ิยาธมมฺ า น้ี พงึ ทราบวา สิกขาบท ๑๘๘ ทัง้ หมดดว ยกัน คอื สิกขาบทในขทุ ทกะของพวกภิกษุณี ๙๖ สกิ ขาบท ของพวกภิกษุ ๙๒ สิกขาบท ชักออกจากสกิ ขาบท ๑๘๘ น้นั เสยี ๒๒ สกิ ขาบทนี้ คือ ภกิ ขณุ ีวรรค ทง้ั สิ้น(๑๐ สกิ ขาบท) ปรัมปรโภชนสิกขาบท ๑ อนตริ ิตตโภชนสิกขาบท ๑ อนติ-ริตเตนอภหิ ัฏมุ ปวารณสกิ ขาบท ๑ ปณีตโภชนวิญญัตสิ ิกขาบท ๑ อเจลกสิกขาบท ๑ ทุฏลุ ลปฏจิ ฉาทนสกิ ขาบท ๑ อูนวีสตวิ ัสสปู สัมปาทนสิกขาบท ๑สิกขาบทวา ดว ยการชักชวนกนั เดนิ ทางไกลกับมาตุคาม ๑ ราชนั เตปรุ ัปเวสนสกิ ขาบท ๑ สกิ ขาบทวา ดว ยการไมบอกลาภกิ ษณุ ีทีมีอยเู ขา บานในเวลาวกิ าล /นสิ ที นสิกขาบท ๑ วสั สิกสาฎกิ สิกขาบท ๑ เหลอื อกี ๑๖๖ สิกขาบท เปนอันขาพเจา ยกขึน้ แสดงแลว ตามแนวทางแหงปาฎโิ มกขทุ เทส. เพราะเหตนุ ้นัพระธรรมสังคีติกาจารย จงึ กลาววา อุททฺ ิฏา โข อยฺยาโย ฉสสฺ ฏ ิ-สตา ปาจิตฺติยา ธมมฺ า ฯ เป ฯ เอวเมต ธารยามิ ดงั นี.้ [วนิ จิ ฉัยสมุฏฐานเปนตนโดยยอ ] ในขุททกวรรณนาธิการน้นั มวี ินจิ ฉยั สมฏุ ฐาน โดยสังเขปดงั ตอไปน้;ี - ๑๐ สกิ ขาบทเหลาน้ี คอื คริ คั คสมัชชสิกขาบท ๑ จติ ตาคารสกิ ขาบท๑ สงั ฆาณสี กิ ขาบท ๑ อติ ถาลงั การสกิ ขาบท ๑ คนั ธวณั ณกสิกขาบท ๑ วาสติ ก-ปญ ญากสกิ ขาบท ๑ การใชภ ิกษณุ เี ปน ตน บีบนวด ๔ สกิ ขาบท เปนอจติ ตกะโลกวชั ชะ.

พระวินัยปฎก ภกิ ขนุ วี ิภังค เลม ๓ - หนา ท่ี 505 กใ็ นสกิ ขาบท ๑๐ เหลา นี้ มอี ธบิ ายดงั ตอ ไปน้:ี - สกิ ขาบทเหลานชี้ อ่ืวาเปนอจติ ตกะ เพราะแมเ วน จากจติ ก็ยังตอง แตเ มอื่ มจี ติ กเ็ ปน โลกวชั ชะเพราะจะพึงตอ งดวยอกศุ ลจิตเทา นัน้ สกิ ขาบททเ่ี หลือเปนอจติ ตกะ เปนปณณัตติวัชชะ ทงั้ น้นั . ๑๙ สกิ ขาบทเหลา น้ี คอื โจรวี ุฎฐาปนสกิ ขาบท ๑ คามนั ตรอารามสิกขาบท ๑ ในคพั ภนิ ีวรรค ๗ สิกขาบท ตง้ั แตตน ในกมุ ารีภูตวรรค ๕สิกขาบท ต้ังแตตน ปรุ สิ สังสฏั ฐสกิ ขาบท ๑ ปาริวาสิยฉนั ททานสกิ ขาบท ๑อนุวสั สวฎุ ฐาปนสิกขาบท ๑ เอกนั ตริกวฎุ ฐาปนสิกขาบท ๑ เปน สจติ ตกะปณ ณตั ตวิ ัชชะ ท่ีเหลอื เปนสจติ ตกะ โลกวชั ชะ ทั้งน้ันแล. ขทุ ทกกัณฑวรรณนา ในภกิ ขุนวี ภิ ังค ในอรรถกถาพระวินัย ช่ือสมันตปาสาทิกา จบ

พระวนิ ยั ปฎก ภิกขนุ วี ิภงั ค เลม ๓ - หนา ท่ี 506 ปาฏเิ ทสนียกัณฑ แมเจาทั้งหลาย อนง่ึ ธรรม คอื ปาฏิเทสนียะ ๘ สิกขาบทเหลานแ้ี ลมาสูอุเทศ. ปาฏิเทสนียะ สิกขาบทที่ ๑ เรอ่ื งภิกษุณฉี ัพพคั คีย [๔๘๔ ] โดยสมยั นน้ั พระผมู ีพระภาคพทุ ธเจา ประทบั อยู ณ พระ-เชตวนั อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนน้ั ภิกษณุ ีฉัพพคั คียขอเนยใสเขามาฉัน คนทั้งหลายพากนั เพง โทษ ติเตยี น โพนทะนาวา ไฉนภกิ ษุณที ้ังหลายจึงไดขอเนยใสเขามาฉันเลา อาหารทพ่ี รอ มมลู ใครจะไมพ อใจ อาหารทอี่ รอย ใครจะไมชอบ. ภิกษณุ ที ั้งหลายไดยินคนพวกนนั้ เพงโทษ ติเตียน โพนทะนาอยูบรรดาทเี่ ปน ผูม ักนอ ย. . . ตางกเ็ พง โทษ ติเตยี น โพนทะนาวา ไฉนพวกภกิ ษุณีฉพั พัคคียจ งึ ไดขอเนยใสเขามาฉันเลา. . . ทรงสอบถาม พระผมู ีพระภาคเจา ทรงสอบถามภกิ ษุทง้ั หลายวา ดูกอ นภิกษุทัง้ หลายขาววา พวกภกิ ษณุ ีฉพั พัคคียข อเนยใสเขามาฉัน จริงหรือ. ภกิ ษุทงั้ หลายกราบทลู วา จรงิ พระพทุ ธเจาขา.

พระวินัยปฎก ภกิ ขุนีวภิ ังค เลม ๓ - หนาท่ี 507 ทรงตเิ ตียนแลว บญั ญัติสิกขาบท พระผมู ีพระภาคพุทธเจาทรงติเตียนวา ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย ไฉนพวกภกิ ษุณีฉพั พัคคยี จงึ ไดขอเนยใสเขามาฉันเลา การกระทําของนางน่นั ไมเปน ไปเพือ่ ความเลือ่ มใสของชุมชนท่ียงั ไมเล่อื มใส. . . ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย กแ็ ลภิกษุณีทัง้ หลายจงยกสิกขาบทนี้ขนึ้ แสดงอยางนี้ วาดงั นี้:- พระบัญญตั ิ ๒๒๒. ๑. อนึง่ ภกิ ษุณใี ด ขอเนยใสมาฉนั ภิกษุณนี ้นั พึงแสดงคืนวา แมเ จา ดิฉันตอ งธรรมทน่ี าติ ไมเปน สปั ปายะ ควรจะแสดงคนื ดิฉันแสดงคืนธรรมนน้ั . กส็ ิกขาบทนี้ ยอมเปน อันพระผมู พี ระภาคเจา ทรงบัญญัติแลว แกภกิ ษุณีท้งั หลายดวยประการฉะน้ี. เรอ่ื งภกิ ษณุ ฉี ัพพัคคยี  จบ เรอ่ื งภิกษุณอี าพาธ [๔๘๕] ตอจากสมัยน้นั แล ภกิ ษุณีทั้งหลายอาพาธ พวกภกิ ษณุ ผี ูพยาบาลไขไ ดถ ามภกิ ษณุ ผี อู าพาธทั้งหลายวา แมเ จายังพอทนอยูห รอื ยังพอใหอัตภาพเปน ไปไดหรอื . ภกิ ษุณีอาพาธทง้ั หลายตอบวา แมเ จา เม่ือกอนพวกดิฉนั ขอเนยใสเขามาฉนั ได ดว ยเหตทุ ี่ฉันเนยใสนน้ั พวกดิฉันจึงมีความผาสกุ แตบดั น้ีพวกดิฉนั รังเกียจอยูวา พระผมู ีพระภาคเจาทรงหามเสยี แลว จงึ ไมก ลาขอเพราะเหตุท่ีไมไดฉ นั เนยใสนัน้ ความผาสุกจึงไมมีแกพ วกดิฉนั . ภกิ ษุท้งั หลายไดก ราบทูลเรื่องน้นั แดพระผูมีพระภาคเจา. . .

พระวนิ ัยปฎ ก ภกิ ขนุ ีวภิ งั ค เลม ๓ - หนา ที่ 508 ทรงอนุญาตเนยใส พระผมู พี ระภาคเจาทรงอนญุ าตวา ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย เราอนญุ าตใหภิกษุณผี อู าพาธขอเนยใสเขามาฉันได. ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสกิ ขาบทน้ีขึ้นแสดงอยา งนี้ วาดังนี:้ - พระอนบุ ัญญตั ิ ๒๒๒. ๑. ก. อนึง่ ภกิ ษุณีใด ไมเ ปน ไข ขอเนยใสมาฉนัภกิ ษณุ ีนัน้ พึงแสดงคืนวา แมเจา ดฉิ นั ตอ งธรรมทนี่ า ติ ไมเปนสัปปายะควรแสดงคนื ดฉิ นั แสดงคนื ธรรมน้ัน. เรอื่ งภกิ ษุณอี าพาธ จบ สิกขาบทวภิ ังค [๔๘๖] บทวา อน่ึง. . .ใด ความวา ผใู ด คอื ผเู ชน ใด. . . บทวา ภิกษณุ ี ความวา ทชี่ ือ่ วา ภกิ ษุณี เพราะอรรถวา เปนผขู อ. . . นี้ชอ่ื วา ภิกษุณี ที่ทรงประสงคใ นอรรถน้ี. ทชี่ ่อื วา ไมเ ปน ไข คือเวนเนยใสกม็ คี วามผาสุก. ที่ช่อื วา เปน ไข คอื เวนเนยใสแลวไมมคี วามผาสุก ทีช่ อ่ื วา เนยใส ไดแ ก เนยใสทเ่ี กดิ จากโคกด็ ี ท่เี กดิ จากแพะกด็ ีที่เกิดจากกระบอื กด็ ี หรือเนยใสแหง สัตวท ีม่ มี งั สะเปน กัปปยะ. ภิกษณุ ีไมเปน ไข ขอมาเพ่อื ประโยชนต น เปนทกุ กฏในประโยค ไดมารับประเคนไว ดว ยหมายใจวา จักฉนั ตอ งอาบัติทุกกฏ ฉัน ตองอาบตั ิปาฏเิ ทสนียะทกุ ๆ คํากลนื .

พระวนิ ัยปฎ ก ภกิ ขนุ ีวภิ ังค เลม ๓ - หนาท่ี 509 บทภาชนยี  ติกะปาฏเิ ทสนียะ [๔๘๗] ภิกษุณไี มเ ปนไข สําคัญวา เปนไข ขอเนยใสมาฉนั ตองอาบตั ิปาฏเิ ทสนียะ. ภกิ ษุณไี มเ ปน ไข มคี วามสงสัย ขอเนยใสมาฉนั ตองอาบตั ิปาฏิ-เทสนยี ะ. ภิกษุณีไมเปนไข สาํ คัญวา เปนไข ขอเนยใสมาฉัน ตองอาบัติปาฏเิ ทสนียะ. ทกุ ะทุกกฏ ภกิ ษุณีเปนไข สําคัญวาไมเปนไข ตอ งอาบัติทุกกฏ. ภิกษุณเี ปน ไข มคี วามสงสยั ตอ งอาบตั ิทกุ กฏ. ไมต อ งอาบตั ิ ภิกษุณเี ปนไข สําคญั วาเปน ไข ไมตองอาบตั ิ. อนาปตตวิ าร [๔๘๘] อาพาธ ๑ อาพาธขอไดม า หายอาพาธแลวจึงฉนั ๑ ฉันเนยใสที่เหลอื ของภิกษณุ ผี ูอาพาธ ๑ ฉันเนยใสของญาติ ๑ ฉนั เนยใสของคนปวารณา ๑ ขอเพ่ือประโยชนผ อู ืน่ ๑ จายมาดว ยทรพั ยของตน ๑ วกิ ลจริต ๑อาทิกมั มิกา ๑ ไมตอ งอาบัตแิ ล. ปาฏิเทสนียะ สิกขาบทที่ ๑ จบ

พระวินยั ปฎก ภิกขนุ วี ิภงั ค เลม ๓ - หนา ที่ 510 ปาฏเิ ทสนยี ะ สกิ ขาบทที่ ๒ เรื่องภกิ ษุณีฉพั พคั คยี  [๔๘๙] โดยสมัยน้นั พระผูมพี ระภาคพุทธเจาประทบั อยู ณ พระ-เชตวนั อารามของอนาถบณิ ฑกิ คหบดี เขตพระนครสาวตั ถี ครงั้ นน้ั ภิกษุณีฉัพพคั คยี ขอน้าํ มนั เขามาฉนั คนทง้ั หลายพากันเพง โทษ ติเตียน โพนทะนาวา ไฉนภกิ ษณุ ีท้ังหลายจงึ ไดขอนํ้ามนั เขามาฉันเลา อาหารทีพ่ รอ มมลู ใครจะไมพ อใจ อาหารทอี่ รอ ยใครจะไมช อบ. ภิกษุณที ้งั หลายไดย นิ คนพวกนัน้ เพง โทษ ตเิ ตียน โพนทะนาอยูบรรดาท่เี ปนผูม ักนอ ย. . . ตา งก็เพง โทษ ตเิ ตียน โพนทะนาวา ไฉนภิกษณุ ีฉัพพัคคยี จึงไดข อน้าํ มันเขามาฉันเลา. . . ทรงสอบถาม พระผมู พี ระภาคเจา ทรงสอบถามภิกษุทง้ั หลายวา ดูกอนภกิ ษุท้งั หลายขา ววา ภกิ ษุณฉี พั พคั คียข อน้าํ มันเขามาฉัน จรงิ หรือ. ภกิ ษทุ ้ังหลายกราบทูลวา จริง พระพทุ ธเจา ขา. ทรงตเิ ตยี นแลว บญั ญัตสิ ิกขาบท พระผูมีพระภาคพุทธเจา ทรงตเิ ตียนวา ดูกอนภิกษุท้ังหลาย ไฉนพวกภิกษุณฉี ัพพัคคยี จึงไดขอนา้ํ มนั เขามาฉันเลา การกระทาํ ของพวกนางนัน่ ไมเปนไปเพ่ือความเลอ่ื มใสของชุมชนที่ยงั ไมเ ลื่อมใส. . . ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย กแ็ ลภกิ ษุณีทั้งหลายจงยกสกิ ขาบทน้ขี น้ึ แสดงอยา งน้ี วา ดังน้:ี -

พระวนิ ัยปฎ ก ภิกขนุ ีวิภงั ค เลม ๓ - หนา ท่ี 511 พระบญั ญตั ิ ๒๒๓. ๒. อนงึ่ ภิกษุณใี ด ขอน้ํามันมาฉนั ภิกษณุ ีนั้นพงึแสดงคนื วา แมเจา ดิฉนั ตองธรรมที่นา ติ ไมเ ปน สัปปายะ ควรจะแสดงคนื ดฉิ ันแสดงคืนธรรมน้นั . กส็ ิกขาบทน้ี ยอมเปนอนั พระผูมพี ระภาคเจาทรงบญั ญตั ิแลวแกภิกษณุ ีทงั้ หลาย ดวยประการฉะน้.ี เรอ่ื งภกิ ษุฉัพพัคคยี  จบ เรอ่ื งภกิ ษณุ อี าพาธ [๔๙๐] ตอจากสมัยน้นั แล ภิกษณุ ีทั้งหลายอาพาธ เหลา ภิกษณุ ีผูพยาบาลไขไดถ ามภกิ ษณุ ีผอู าพาธทัง้ หลายวา แมเจายงั พออดทนอยูหรือ ยงัพอใหอตั ภาพเปน ไปไดหรอื . ภกิ ษณุ ีผูอาพาธท้ังหลายตอบวา แมเ จา เมื่อกอ นพวกดฉิ ันขอนา้ํ มนัเขามาฉนั ได ดวยเหตทุ ี่ฉันน้ํามนั ไดน น้ั พวกดฉิ ันจงึ มีความผาสขุ แตบ ัดนี้พวกดิฉนั รังเกียจอยูว า พระผมู พี ระภาคเจาทรงหามเสียแลว จึงไมกลาขอเพราะเหตทุ ี่ไมไดฉ นั น้ํามันนนั้ ความผาสุกจงึ ไมม ีแกพ วกดฉิ ัน. ภกิ ษุทงั้ หลายไดกราบทูลเร่อื งนั้นแดพระผมู ีพระภาคเจา. . . ทรงอนุญาตน้าํ มัน พระผูมีพระภาคเจา ทรงอนุญาตวา ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย เราอนุญาตใหภิกษณุ ผี อู าพาธขอนํา้ มนั เขามาฉนั ได. ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย ก็แลภกิ ษณุ ีท้ังหลายจงยกสิกขาบทนี้ขนึ้ แสดงอยางนี้ วาดังน้:ี -

พระวนิ ยั ปฎ ก ภกิ ขุนวี ภิ ังค เลม ๓ - หนา ท่ี 512 พระอนุบญั ญตั ิ ๒๒๓. ๒. ก. อน่งึ ภิกษุณใี ด ไมเปน ไข ขอนาํ้ มันมาฉนัภิกษุณีน้ันพงึ แสดงคืนวา แมเจา ดิฉันตองธรรมทนี่ า ติ ไมเ ปนสปั ปายะควรจะแสดงคนื ดฉิ ันแสดงคนื ธรรมนน้ั . เรอื่ งภิกษุณีอาพาธ จบ สกิ ขาบทวภิ งั ค [๔๙๑] บทวา อน่ึง. . .ใด ความวา ผใู ด คอื ผเู ชน ใด. . . บทวา ภกิ ษณุ ี ความวา ท่ชี ่ือวา ภิกษณุ ี เพราะอรรถวา เปน ผูขอ. . . นชี้ อื่ วา ภิกษณุ ี ทท่ี รงประสงคในอรรถน.้ี ที่ช่อื วา ไมเปนไข คือ เวนนา้ํ มนั กม็ ีความผาสกุ . ทช่ี ื่อวา เปน ไข คือ เวน นํ้ามนั แลวไมม คี วามผาสุก. ที่ช่อื วา นาํ้ มัน ไดแ ก น้าํ มนั ที่สกัดจากงา นาํ้ มนั ทสี่ กัดจากเมลด็พนั ธุผักกาด น้าํ มนั ทีส่ กัดจากมะซาง น้าํ มนั ที่สกัดจากเมลด็ ละหุง นํ้ามนั ท่ีสกัดจากเปลวสัตว. ภกิ ษณุ ีไมเ ปน ไข ขอมาเพ่ือประโยชนตนเปนทกุ กฏในประโยค ไดมารบั ประเคนไวด วยตง้ั ใจวา จกั ฉัน ตองอาบัตทิ ุกกฏ ฉัน ตองอาบัติปาฏิเทสนยี ะทุก ๆ คํากลืน. บทภาชนีย ติกะปาฏเิ ทสนยี ะ [๔๙๒] ภกิ ษณุ ไี มเ ปน ไข สําคญั วา ไมเ ปนไข ขอน้าํ มันมาฉนั ตอ งอาบตั ิปาฏเิ ทสนยี ะ.

พระวนิ ัยปฎก ภกิ ขนุ ีวภิ งั ค เลม ๓ - หนา ที่ 513 ภิกษณุ ไี มเ ปนไข มคี วามสงสยั ขอน้าํ มันมาฉนั ตองอาบัติปาฏิเทสนยี ะ. ภิกษุณีไมเ ปน ไข สาํ คัญวา เปนไข ขอน้าํ มนั มาฉนั ตอ งอาบัติปาฏิเทสนยี ะ. ทุกะทกุ กฏ ภกิ ษณุ ีเปนไข สาํ คญั วา ไมเปนไข ตองอาบัติทกุ กฏ. ภิกษณุ เี ปน ไข มคี วามสงสยั ตอ งอาบัติทกุ กฏ. ไมตองอาบตั ิ ภกิ ษณุ เี ปน ไข สําคญั วา เปน ไข ไมตอ งอาบัติ. อนาปต ตวิ าร [๔๙๓] อาพาธ ๑ อาพาธขอไดมา หายอาพาธแลว จงึ ฉนั ๑ ฉนันา้ํ มันทเี่ หลอื ของภิกษุณีผูอ าพาธ ๑ ฉันนา้ํ มันของญาติ ๑ ฉันน้ํามนั ของคนปวารณา ๑ ขอเพ่ือประโยชนผ ูอื่น ๑ จา ยมาดวยทรพั ยของตน ๑ วิกลจรติ ๑อาทิกัมมกิ า ๑ ไมตอ งอาบตั แิ ล. ปาฏเิ ทสนียะ สิกขาบทที่ ๒ จบ

พระวินยั ปฎก ภิกขนุ วี ิภงั ค เลม ๓ - หนา ที่ 514 ปาฏิเทสนยี ะ สกิ ขาบทท่ี ๓ เร่อื งภกิ ษุณฉี พั พคั คีย โดยสมัยนน้ั พระผมู ีพระภาคพทุ ธเจา ประทับอยู ณ พระเชตวันอารามของอนาถบิณฑกิ คหบดี เขตพระนครสาวตั ถี คร้ังนั้น ภกิ ษุณฉี พั พัคคยี ขอนํา้ ผึง้ เขามาฉัน คนทั้งหลายพากันเพง โทษ ติเตยี น โพนทะนาวา ไฉนภกิ ษุณีทัง้ หลายจึงไดขอนํ้าผึ้งเขามาฉันเลา อาหารท่ีพรอ มมลู ใครจะไมพอใจอาหารท่อี รอ ย ใครจะไมช อบ. ภิกษณุ ีทั้งหลายไดย นิ คนพวกนั้นพากนั เพง โทษ ติเตียน โพนทะนาอยู บรรดาทเ่ี ปนผูมักนอย. . . ตางก็เพงโทษ ตเิ ตียน โพนทะนาวา ไฉนภกิ ษณุ ฉี พั พัคคียจ ึงไดข อนา้ํ ผงึ้ เขามาฉันเลา . . . ทรงสอบถาม พระผมู ีพระภาคเจาทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายวา ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลายขาววา ภิกษุณีฉัพพคั คยี ขอนํ้าผ้งึ เขามาฉนั จริงหรือ. ภิกษทุ ้ังหลายกราบทูลวา จริง พระพุทธเจาขา. ทรงตเิ ตยี นแลวบญั ญตั ิสกิ ขาบท พระผูมีพระภาคพุทธเจาทรงติเตียนวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ไฉนพวกภกิ ษุณีฉพั พัคคียจึงไดขอนํ้าผ้งึ เขามาฉนั เลา การกระทําของพวกนางนัน่ไมเ ปน ไปเพือ่ ความเลือ่ มใสของชมุ ชนที่ยังไมเ ลือ่ มใส . . . ดกู อนภิกษุท้งั หลาย ก็แลภกิ ษณุ ที ง้ั หลายจงยกสกิ ขาบทนี้ขึ้นแสดงอยา งน้ี วาดงั นี้ :-

พระวนิ ยั ปฎก ภกิ ขุนวี ภิ งั ค เลม ๓ - หนา ที่ 515 พระบัญญัติ ๒๒๔. ๓. อนึง่ ภกิ ษณุ ใี ด ขอนาํ้ ผึ้งเขามาฉนั ภิกษุณีนน้ัพงึ แสดงคืนวา แมเจา ดิฉนั ตองธรรมทน่ี าติ ไมเ ปนสัปปายะ ควรจะแสดงคนื ดิฉันแสดงคืนธรรมนน้ั . กส็ ิกขาบทนี้ ยอ มเปน อันพระผมู ีพระภาคเจา ทรงบัญญัติแลวแกภ ิกษณุ ีทงั้ หลาย ดวยประการฉะน.้ี เร่อื งภกิ ษุณฉี ัพพัคคยี  จบ เรอ่ื งภิกษณุ ีอาพาธ ตอจากสมัยนนั้ แล ภิกษณุ ีทง้ั หลายอาพาธ เหลา ภกิ ษณุ ีผพู ยาบาลไขไดถามภกิ ษุณีผอู าพาธท้ังหลายวา แมเ จา ยังพออดทนอยหู รอื ยังพอใหอัตภาพเปนไปไดห รอื . ภิกษุณีผอู าพาธทั้งหลายตอบวา แมเจา เจา ขา เม่อื กอนพวกดิฉนัขอนํา้ ผึง้ เขามาฉันได ดวยเหตุที่ฉนั นํา้ ผ้งึ นนั้ พวกดฉิ ันจงึ มีความผาสุก แตบดั น้ี พวกดฉิ ันรงั เกียจอยวู า พระผมู ีพระภาคเจาทรงหา มเสยี แลว จงึ ไมกลาขอ เพราะเหตุที่ไมไดฉ ันนาํ้ ผึ้งนนั้ ความผาสุกจึงไมมแี กพ วกดฉิ ัน. ภิกษทุ งั้ หลายไดก ราบทลู เร่อื งน้ันแดพระผูม ีพระภาคเจา. . . ทรงอนญุ าตน้ําผ้งึ พระผูมีพระภาคเจา ทรงอนุญาตวา ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย เราอนุญาตใหภ ิกษุณผี อู าพาธ ขอนา้ํ ผ้งึ มาฉันได. ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย ก็แลภิกษุณีท้งั หลายจงยกสกิ ขาบทน้ขี น้ึ แสดงอยา งน้ี วาดังน้ี :-

พระวินยั ปฎ ก ภิกขุนีวภิ ังค เลม ๓ - หนาที่ 516 พระอนุบญั ญัติ ๒๒๔. ๓. ก. อนึง่ ภิกษุณใี ด ไมเ ปน ไข ขอน้าํ ผ้ึงมาฉนั ภิกษุณีน้ันพึงแสดงคนื วา แมเจา ดิฉันตองธรรมท่ีนาติ ไมเปนสปั ปายะ ควรแสดงคนื ดฉิ นั แสดงธรรมคนื น้นั . เร่ืองภิกษุณีอาพาธ จบ สกิ ขาบทวิภงั ค บทวา อนึง่ . . .ใด ความวา ผใู ด คือ ผูเชนใด. . . บทวา ภิกษณุ ี ความวา ที่ชื่อวา ภกิ ษณุ ี เพราะอรรถวาเปนผูขอ. . . นี้ชือ่ วา ภิกษณุ ี ทีท่ รงประสงคในอรรถน้.ี ท่ีชอื่ วา ไมเ ปนไข คือ เวน นา้ํ ผง้ึ ก็มีความผาสุก. ที่ชอ่ื วา เปน ไข คอื เวนนํา้ ผึ้งแลว ไมม คี วามผาสกุ . ท่ชี ่ือวา นาํ้ ผงึ้ ไดแ ก น้ําหวานทส่ี าํ เร็จจากแมลงผง้ึ . ภกิ ษุณไี มเปน ไข ขอเขามาเพอ่ื ประโยชนต น เปนทุกกฏในประโยคไดม ารบั ประเคนไวดวยต้งั ใจวา จกั ฉนั ตอ งอาบัติทุกกฏ ฉัน ตอ งอาบัติปาฏิเทสนียะทุก ๆ คํากลืน. บทภาชนยี  ติกะปาจิตตีย ภกิ ษณุ ไี มเปนไข สําคัญวาไมเ ปน ไข ขอนา้ํ ผง้ึ มาฉัน ตองอาบัติปาฏิเทสนียะ. ภิกษุณไี มเ ปน ไข มีความสงสยั ขอน้าํ ผึ้งมาฉัน ตอ งอาบัติปาฏเิ ทสนยี ะ.

พระวนิ ยั ปฎก ภกิ ขนุ ีวภิ งั ค เลม ๓ - หนาที่ 517 ภกิ ษุณีไมเ ปน ไข สําคัญวาเปน ไข ขอนาํ้ ผง้ึ มาฉัน ตองอาบตั ิปาฏเิ ทสนียะ. ทกุ ะทกุ กฏ ภกิ ษุณีเปน ไข สําคัญวา ไมเปน ไข ตอ งอาบตั ทิ ุกกฏ. ภิกษุณีเปนไข มีความสงสัย ตอ งอาบตั ิทกุ กฏ. ไมต องอาบัติ ภกิ ษุณเี ปน ไข สําคญั วา เปน ไข ไมต องอาบัต.ิ อนาปต ตวิ าร อาพาธ ๑ อาพาธขอไดม า หายอาพาธแลว จึงฉัน ๑ ฉันน้ําผง้ึ ที่เหลือของภิกษุณผี ูอาพาธ ๑ ฉนั น้าํ ผ้ึงของญาติ ๑ ฉันน้าํ ผึ้งของคนปวารณา ๑ขอเพ่อื ประโยชนผูอืน่ ๑ จา ยมาดว ยทรพั ยข องตน ๑ วิกลจรติ ๑ อาทิกมั มิกา ๑ไมต อ งอาบตั แิ ล ปาฏเิ ทสนียะ สกิ ขาบทท่ี ๓ จบ

พระวินัยปฎ ก ภกิ ขนุ วี ภิ งั ค เลม ๓ - หนา ที่ 518 ปาฏเิ ทสนยี ะ สิกขาบทที่ ๔ เร่ืองภกิ ษุณีฉพั พคั คยี  โดยสมยั นั้น พระผูม พี ระภาคพุทธเจาประทบั อยู ณ พระเขตวนั อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวตั ถี ครัง้ นัน้ ภกิ ษุณฉี ัพพัคคยี ขอนํา้ ออ ยเขามาฉนั คนทงั้ หลายพากนั เพง โทษ ติเตยี น โพนทะนาวา ไฉนภกิ ษณุ ีท้ังหลายจึงไดข อนาํ้ ออยเขามาฉันเลา อาหารท่พี รอมมลู ใครจะไมพ อใจอาหารท่อี รอ ยใครจะไมช อบ. ภกิ ษุณีท้ังหลายไดย ินคนพวกน้ันพากนั เพง โทษ ตเิ ตียน โพนทะนาอยู บรรดาทีเ่ ปน ผูม กั นอ ย. . . ตา งกเ็ พงโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาวา ไฉนภกิ ษณุ ีฉพั พัคคยี จ งึ ไดข อน้าํ ออยเขามาฉนั เลา. . . ทรงสอบถาม พระผมู พี ระภาคเจา ทรงสอบถามภกิ ษุทงั้ หลายวา ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลายขา ววา ภกิ ษุณีฉพั พัคคียข อนาํ้ ออ ยเขามาฉัน จรงิ หรอื . ภกิ ษทุ ้งั หลายกราบทูลวา จรงิ พระพทุ ธเจาขา. ทรงติเตยี นแลว บัญญัตสิ ิกขาบท พระผมู ีพระภาคพุทธเจาทรงตเิ ตยี นวา ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย ไฉนพวกภกิ ษณุ ีฉพั พัคคยี จงึ ไดขอน้าํ ออยเขามาฉันเลา การกระทาํ ของพวกนางนน่ั ไมเปนไปเพื่อความเลอื่ มใสของชมุ ชนทย่ี งั ไมเล่ือมใส,. ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ก็แลภกิ ษณุ ที ง้ั หลายจงยกสกิ ขาบทนขี้ ึน้ แสดงอยางน้ี วาดงั น;้ี -


























































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook