Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_13

tripitaka_13

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:39

Description: tripitaka_13

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 101 ในชนบทน้ัน ๆ ในกาลนั้น ๆ การเกบ็ ดอกไมและผลไมเ ปน ตนตน โดยตดั ครงั้ เดียวเทานนั้ ลมพดั ลมไมพัด แดดกลา แดออน ฝนตก ฝนไมตก ดอกบัวกลางวันแยม กลางคนื หบุ อยา งน้ีเปนตน เปนอุตนุ ยิ าม ผลขา วสาลยี อ มเปนผลจากพชื ขา วสาลีอยา งเดียว รสหวานยอ มเปนผลจากน้ําหวาน รสขมยอมเปน ผลจากพืชขม นเ้ี ปนพีชนิยาม. ธรรมคือจิตและเจตสกิ ดวงกอน ๆ เปน ปจ จยั โดยอปุ นสิ ัยปจ จัยแหงธรรมคอื จิตและเจตสกิ ดวงหลัง ๆ เพราะฉะน้ัน การเกดิ ขึน้ แหงสัมปฏิจฉันนะเปน ตน ในลําดับแหงจักขุวญิ ญาณเปนตน น้ี เปนจิตตนยิ าม. ความเปนไปแหง ความหว่นั ไหวในหมืน่ โลกธาตุ ในการเสด็จลงสูพระครรภพระมารดาแหงพระโพธสิ ตั วท ง้ั หลาย นีช้ ื่อธรรมนิยาม. ในที่นี้ทานประสงคธรรมนิยาม. เพราะฉะนน้ั พระผูมพี ระภาคเจา เม่อื จะทรงแสดงความนน้ัจึงตรสั คําเปน ตน วา ดูกรภิกษุทง้ั หลาย เรือ่ งนเี้ ปน เรื่องธรรมดา ดังนี้. ในบทเหลานั้น บทวา กุจฉฺ ึ โอกฺกมติ นมี้ คี วามวา พระโพธสิ ัตวเสด็จลงสูพระครรภ. ก็เมอ่ื พระโพธสิ ัตวน นั้ เสด็จลงแลว ยอ มเปนอยางน้ี หาใชกาํ ลงั เสด็จลงไม. บทวา อปฺปมาโณ ความวา มีประมาณเจริญคอื ไพบลู ย บทวาอฬุ าโร เปนไวพจนของบทนน้ั . ทา นกลา ววามรี สอรอยอยางยง่ิ ในบทเปน ตนวาชนทั้งหลายยอมเคย้ี วกนิ ของควรเค้ยี วอนั มรี สอรอยอยางยงิ่ ทานกลาววาประเสรฐิ อยางย่งิ . ในบทมีอาทิวา ไดยนิ มาวา เหลา กอแหง วจั ฉะผูเจริญยอมสรรเสริญพระสมณโคดมดว ยความสรรเสริญอันย่ิง. แตในบทนท้ี านประสงคเ อาความไพบูลย. ในบทวา เทวาน เทวานุภาว นี้ มีความวา อานุภาพของเทวดากค็ อื ผานุง มีรัศมสี รา นไป ๑๒ โยชน รา งกายก็เชนน้นั เครือ่ งประดบั กเ็ ชนนั้นวิมานก็เชน นั้น พระโพธสิ ตั วล ว งเลยเทวานุภาพนนั้ ดังน้ี.

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 102 บทวา โลกนฺตรกิ า ความวา ชองวา งอนั หน่ึงๆในระหวางจักรวาลทงั้๓ ยอมมีในที่สุดโลก ดจุ ชองวางในทามกลางลอ เกวยี น ๓ ลอ หรือแผน ๓แผนท่วี างทับกันฉะนน้ั . ก็โลกนั ตรนรกนัน้ โดยสวนกวางถงึ ๘,๐๐๐ โยชน.บทวา อฆา คอื เปด เปน นิจ. บทวา อส วุตา ความวา แมข า งลา งก็ไมม ีต้งั ไว.บทวา อนธฺ การา คือ มืดมิด. บทวา อนฺธการติมสิ า ความวา ประกอบดว ยหมอกอนั ทาํ ความมืดพน จากจกั ขวุ ญิ ญาณ. นัยวา จักขุวิญญาณยอ มไมเกดิ ณทีน่ ั้น. บทวา เอว มหทิ ฺธกิ า ความวา พระจันทรแ ละพระอาทิตยยอมปรากฏใน๓ ทวปี โดยสอ งแสงครง้ั เดยี วเทานน้ั อยา งนีช้ ือ่ วา พระจนั ทรและพระอาทติ ยมีฤทธิ์มาก. พระจันทรและพระอาทิตยกาํ จดั ความมืดตลอดหน่ึงลา นแปดแสนโยชนใ นทศิ หนึ่ง ๆ แลว สอ งแสงสวาง อยางนีช้ ่อื วา พระจันทรและพระอาทติ ยมอี านุภาพมาก. บทวา อาภาย นานุโภนตฺ ิ ความวา แสงสวางของตนไมพอ.นยั วา พระจนั ทรและพระอาทิตยเ หลา นั้นแลน ไปทามกลางจกั รวาลบรรพต. ก็โลกนั ตรนรกเลยจกั รวาลบรรพตไป เพราะฉะน้นั พระจันทรและพระอาทติ ยเหลา นัน้ จึงมแี สงสวา งไมพ อในที่น้ัน. บทวา เยป ตตถฺ สตตฺ า ความวา แมสตั วเ หลาใดเกดิ แลว ในโลกนั ตรมหานรกนน้ั . ถามวาก็สตั วเหลานัน้ กระทาํ กรรมอะไรไวจ งึ เกิดในโลกนั ตรมหานรกนัน้ . ตอบวาทํากรรมหนักคอื หยาบชา. สัตวเ หลา นั้นกระทําความผดิ ตอมารดาบดิ าและสมณพราหมณผตู ้งั อยูในธรรมและกรรมรา ยกาจมีฆาสตั วเ ปน ตนทุกวัน ๆ ยอ มเกิดในโลกนั ตรนรกนนั้ ดจุ อภยโจรและนาคโจรเปน ตนในตาม-พปณ ณทิ วปี รางกายของสตั วเหลาน้ันสูง ๓ คาวตุ มเี ลบ็ ยาวเหมือนเลบ็ คาง-คาว สตั วเ หลา น้ันเกาะอยบู นจกั รวาลบรรพตดวยเล็บ เหมือนคา งคาวเกาะอยบู นตนไมฉะนั้น เมือ่ ใดสตั วเหลา นัน้ คลานไปถูกฝา มอื ของกันและกนั เขา เมือ่ น้นั ก็สําคญั วา เราพบอาหารแลว จึงวิง่ หมนุ ไปรอบ ๆ แลวกต็ กไปบนนํา้ หนุนโลก













































































พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 141 ทรงรุงเรืองดจุ พระอาทิตยในสารทกาลและดุจพระจันทรในวนั เพญ็ . จบภาณวารกถาที่ ๒ พึงทราบในภาณวารท่ี ๓. บทวา ยนนฺ นู าห ธมฺม เทเสยฺย ความวาไฉนหนอ เราจะพงึ แสดงธรรม. ก็วติ กน้ีเกดิ ขน้ึ แลวเมอ่ื ไร. เกิดข้นึ ในสัปดาหท่ี ๘ ของผูเ ปนพระพุทธเจา . ไดย นิ วา พระผมู ีพระภาคเจา พระนามวา วปิ ส สีนัน้ เปน พระพทุ ธเจาแลว ประทบั นง่ั ณ โพธิบลั ลังกตลอดสปั ดาห ประทบั ยืนเพง ดูโพธิบลั ลังกตลอดสัปดาห เสดจ็ จงกรม ณ เรือนแกว ตลอดสัปดาห ประทบั นง่ั เฟนพระธรรมณ เรือนแกว ตลอดสปั ดาห ประทบั นง่ั ณ อชปาลนโิ ครธตลอดสัปดาห ประทบันั่ง ณ โคนมจุ ลินทต ลอดสปั ดาห ประทบั นั่ง ณ ราชายตนะตลอดสัปดาหเสดจ็ ลกุ จากราชายตนะน้นั พอพระองคเสดจ็ มาในสัปดาหที่ ๘ ประทับนัง่ ณอชปาลนโิ ครธอกี ความวติ กนแ้ี ละความวติ กนอกเหนอื จากนท้ี ่พี ระพุทธเจาประพฤติและพระพฤตมิ าอยา งสม่าํ เสมอเกิดขนึ้ แลว แกพ ระพุทธเจาท้งั ปวง. ในบทท้ังหลายเหลา น้ัน บทวา อธิคโต คอื แทงตลอดแลว. บทวาธมฺโม ไดแก ธรรมคอื อริยสัจ ๔. บทวา คมภฺ ีโร น้ี เปน ชอ่ื ของการปฏเิ สธความเปน ของต้ืน. บทวา ทุทฺทโส ความวา เปน ธรรมทเี่ ห็นไดย าก คอื เปนธรรมอนั บุคคลเหน็ โดยยาก คือไมสามารถเหน็ งาย เพราะเปนธรรมลึกซงึ้ .เพราะเปน ธรรมทเ่ี หน็ ไดย าก จงึ เปนธรรมที่รตู ามยากอันบุคคลพงึ ตรสั รูโดยยากคอื ไมสามารถตรัสรูไดโ ดยงาย. บทวา สนโฺ ต คือดับสนิทแลว . บทวาปณีโต คือไมเ รารอ น ท้งั สองบทนีท้ านกลา วหมายถึง โลกุตตระนน่ั เอง.บทวา อตกกฺ าวจโร ความวา ไมค วรคาดคะเน คอื ไมควรหย่งั ลงดวยการตรกึ ควรคาดคะเนดวยญาณเทา น้นั . บทวา นิปโุ ณ คือละเอียด. บทวา

พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 142ปณฺฑิตเวทนีโย ความวา อนั บณั ฑติ ผูป ฏบิ ตั ปิ ฏิปทาชอบพงึ รไู ด. บทวาอาลยรามา ความวา สตั วท ้ังหลายยอ มติดในกามคณุ ๕ เพราะฉะนั้น สตั วเหลา น้นั ทา นกลาววา อาลยา. สัตวท้ังหลายยอมอยูกบั ความพวั พนั วิปรติ ของตณั หา ๑๐๘ เพราะฉะน้ัน ทานจึงกลา ววา อาลยา. สัตวทัง้ หลายยอมยินดีดว ยอาลัยเหลา นนั้ เพราะฉะนั้น จึงชอ่ื วา อาลยรามา คอื มอี าลยั เปนท่ียนิ ดี. สตั วทัง้ หลายยินดแี ลว ในอาลัย เพราะฉะน้นั จงึ ช่ือวา อาลยรตา คอื ยนิ ดแี ลว ในอาลยั . สตั วทั้งหลายเบิกบานแลวดวยดใี นอาลัยทง้ั หลาย เพราะฉะนัน้ จงึ ชื่อวาอาลยสมมฺ ุทิตา คือเบกิ บานแลวในอาลัย. สัตวทัง้ หลายยอ มยนิ ดีดวยอาลัยในกามและอาลยั ในตณั หาแมเ หลา น้ี เปนผเู บกิ บานกระสนั ในสงั สารวัฏอยูเหมือนพระราชาเสดจ็ ประพาสพระราชอทุ ยาน อันสมบรู ณดวยรกุ ขชาติท่ีเตม็ไปดว ยดอกและผลเปน ตน ซึ่งตกแตง ไวเ ปน อยา งดี ทรงร่นื รมยเ บกิ บานชน่ื ชมเพลิดเพลนิ ดวยสมบัติน้นั ๆ ไมท รงเบอ่ื หนา ย ไมทรงพระประสงคจ ะเสด็จกลับแมเ ย็นแลว ฉะนัน้ . ดว ยเหตนุ ้นั พระผูมีพระภาคเจา เมือ่ จะทรงแสดงความอาลัยแม ๒ อยา ง ดุจภาคพน้ื อุทยานแกส ัตวเ หลาน้ัน จึงตรัสวา อาลยรามา คือมอี าลัยเปน ทย่ี ินดีดงั นีเ้ ปนตน . บทวา ยทิท เปน นิบาต. พึงทราบความอยา งน้ีวา บทวา ย อิท หมายถึงฐานะของบทนนั้ . บทวา โย อย หมายถงึปฏจิ ุจสมุปบาท. ปจ จยั ของบทท้งั สองน้ีวา อิทปฺปจจฺ ยตา ปฏจิ ฺจสมุปฺปาโทชื่อ อิทปั ปจ จยา คือสิ่งนี้เปนปจ จัยของสิง่ น้.ี ชื่อวา อทิ ปฺปจฺจยตา และปฏิจจฺ สมปุ ปฺ าโท เพราะความทส่ี ่ิงนี้เปน ปจจยั ของสิง่ น้ี และปจ จยั อนั เปน ท่ีอาศัยกันเกดิ ขึน้ . บทนี้เปนชือ่ ของ อวชิ ชฺ า เปนตน อนั เปนปจ จัยแหงสังขารเปนตน . บทท้ังหมดวา สพฺพสงฺขารสมโถ เปนตน เปนนิพพานอยางเดยี ว.เพราะความดนิ้ รนของสังขารทัง้ ปวงอาศัยนิพพานนนั้ ยอ มสงบยอมระงับ ฉะนัน้ทา นจึงกลา ววา สพพฺ สงฺขารสมโถ คือ เปนท่ีระงบั แหง สังขารทั้งปวงดงั น.ี้

พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 143อนงึ่ เพราะกิเลสทั้งปวงเปน อันสลดั ทิง้ ไปได ตัณหาทั้งปวงส้นิ ไป กเิ ลสราคะทัง้ ปวงคลายไป ทุกขท ัง้ ปวงดบั ไป เพราะอาศัยนิพพานนัน้ ฉะนนั้ ทานจงึกลาววา สพฺพปู ธปิ ฏนิ สิ ฺสคโฺ ค คือ เปนทสี่ ลัดกเิ ลสทั้งปวง ตณฺหกขฺ โยเปนทีส่ ้นิ ไปแหง ตัณหา วริ าโค คลายความกําหนัด นิโรโธ ดับทุกข ดงั นี้.กต็ ณั หานั้นยอ มนาํ ไป คือรอยรัดภพดวยภพหรอื กรรมกับดวยผลกรรม เพราะฉะนั้น ทานจึงกลา ววา ตณั หาการทาํ การรอ ยรดั . ชื่อนพิ พานเพราะออกจากเครื่องรอยรัดน้ัน บทวา โส มมสฺส กิลมโถ ความวา การแสดงธรรมแกผไู มร พู งึ เปนความลาํ บากของเรา. เปน อันทานกลาววา พงึ เปนความลําบากทางกาย และพึงเปน การเบียดเบียนทางกาย. กแ็ ตวา ทง้ั สองน้มี ไิ ดมีในดวงจิตของพระพทุ ธเจา ทง้ั หลาย. บทวา อปส สฺ ุ เปน นบิ าตในอรรถวา พอกพูน. นบิ าตน้นั แสดงวามใิ ชไ ดมีความวิตกน้ีอยา งเดยี ว แมคาถาเหลานกี้ แ็ จมแจง แลว . ในบททง้ั หลายวา วิปสฺสึ เปน อาทิความวา พระวิปส สพี ระผมู ีพระภาค เปนพระอรหันตสมั มาสมั พทุ ธเจา. บทวา อนจฺฉริยา คอื อัศจรรยนอย. บทวา ปฏิภ สุ ความวาธรรมเปนโคจรท้งั หลายไดเ กดิ แกญาณกลาวคือปฏภิ าน ถงึ ซึ่งความเปน ธรรมพงึ ปรวิ ติ ก. บทวา กจิ ฺเฉน ความวา โดยยาก คอื มใิ ชเ พอ่ื ปฏบิ ตั ิยาก. เพราะแมมรรค ๔ ก็ยอมเปน ขอปฏบิ ตั งิ ายของพระพทุ ธเจาท้งั หลาย. บทนท้ี านกลา วหมายถงึ การปฏบิ ัตเิ พอื่ ไดค ุณวเิ ศษมาของทานทยี่ ังมรี าคะ มีโทสะ และมโี มหะในเวลาบําเพ็ญบารมีนนั้ เองใหส่ิงเปนตน อยา งน้ี คือ ตดั ศรีษะท่ปี ระดับตกแตง แลว เอาเลอื ดออกจากคอ ควกั ดวงตาทั้งสองขา งที่หยอดยาไวอยา งดีสละบุตรผจู ะดาํ รงวงศตระกูล สละภรรยา ผูม คี วามประพฤติเปนท่พี อใจ แก

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 144ผูขอท้ังหลายที่พากันมา และถึงอยา งอ่นื มกี ารตัดและทําลายในอตั ภาพ เชน กับขนั ติวาทดี าบสเปน ตน . ห อักษรในบทวา หล นี้เปน เพียงนบิ าต แปลวา ควร.บทวา ปกาสิตุ คอื เพื่อแสดง คอื เมือ่ คนบรรลธุ รรมไดยากอยางนี้ กไ็ มควรแสดง คอื ควรแสดงกับคนฉลาด ทา นอธบิ ายว า ประโยชนอะไรดว ยการแสดง. บทวา ราคโทสปเรเตหิ คือถกู ราคะโทสะครอบงาํ หรอื ราคะโทสะติดตามไป. บทวา ปฏิโสตคามึ ความวา สจั จธรรม ๔ อนั ถงึ แลวอยา งน้ีวาเปน ธรรมทวนกระแสแหงความเทย่ี งเปนตน คือ ความไมเ ท่ยี งเปน ทกุ ขไ มมีตวั ตนและไมงาม. บทวา ราครตฺตา ความวา ถกู กามราคะ ภวราคะและทฐิ ริ าคะยอมไว. บทวา น ทกขฺ นฺติ ความวา สตั วท ัง้ หลายจักไมเห็นตามความเปน จริงนีว้ า เปนของไมเท่ยี ง เปนทุกข ไมม ีตวั ตนไมงามดงั น้ีใครเลา จกั อาจเพ่อื ใหผ ทู ี่ไมเ ห็นเหลา น้ัน ถอื เอาอยา งนี้ได. บทวา ตโมกขฺ นฺเธน อาวฏุ า ความวา ถกู กองอวิชชาหมุ หอ ไว. บทวา อปโฺ ปสสฺ ุกฺกตาย ความวา เพราะไมป ระสงคจะทรงแสดงโดยความเปน ผไู มมคี วามขวนขวาย. กเ็ พราะเหตุไร พระทยั ของพระองคจงึ นอมไปอยา งนเ้ี ลา พระองคทรงการทําความปรารถนาไววา เรานัน่ พน แลวจกั ปลดเปลอ้ื งสตั ว เราขามไดแลวจกั ใหส ัตวข ามบา ง จะไดประโยชนอ ะไร ดว ยเราผูรูแจง ธรรมในโลกน้แี ลวจะไมใ หผ อู น่ื รูบาง เราบรรลสุ พั พญั ตุ ญาณแลว จกั ยังสัตวพ รอมดวยเทวดาใหข ามพน ไป ดังนี้ มใิ ชหรือ แลวทรงบาํ เพญ็ บารมีจนไดบ รรลุพระสพั พญั ตุ ญาณ. ขอนัน้ เปน ความจริง แตจ ิตของพระองคท รงนอมไปอยางนัน้ ดว ยอานุภาพแหงการพิจารณา. จรงิ อยเู ม่ือพระองคบรรลสุ ัพพัญตุ ญาณแลว ทรงพิจารณาถงึ ความท่ีสัตวทัง้ หลายยงั ยึดกเิ ลสอยู และความทพี่ ระธรรมเปนธรรมลกึ ซ้งึ ความท่ีสัตวทั้งหลายยงั ยดึ ถอื กเิ ลสอยู และความทีพ่ ระธรรม

พระสุตตันตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 145เปนธรรมลกึ ซึ้ง ปรากฏโดยอาการทั้งปวง. เมือ่ เปนเชนนั้น เมือ่ พระองคทรงดาํ รวิ า สัตวเหลาน้ีแลเต็มไปดวยกเิ ลสเศรา หมองยงิ่ หนัก ถูกราคะยอ ม ถูกโทสะครอบงาํ ลุมหลงไปดวยโมหะ ดุจนาํ้ เตาเต็มไปดวยน้าํ สม ดจุ ถาดเตม็ ไปดว ยเปรียง ดจุ ผืนผาขรี้ ้ิวชุม ไปดวยมนั เหลวและน้ํามัน ดุจมอื เปอนไปดว ยยาหยอดตา เขาเหลา นัน้ จกั รูแจง แทงตลอดไปไดอ ยา งไร ดังนี้ จติ จงึ นอมไปอยางนั้น ดวยอานุภาพแหง การยดึ ถือกเิ ลสและการพจิ ารณา. อน่งึ พระธรรมนี้ลกึ ซ้งึ ดุจลาํ นํ้าหนุนแผน ดินไว เห็นไดยาก ดจุ เมลด็ ผกั กาดทถ่ี ูกภเู ขากําบงั ไวต้งั อยู และรตู ามไดย าก ดุจการแยกปลายดว ยปลายของขนสตั วทผี่ าออก ๑๐๐สว น. จริงอยู เราพยายามเพอ่ื รแู จง แทงตลอด ธรรมนไ้ี มมีทานที่ไมไ ดใหไมม ศี ีลทีไ่ มไดร กั ษา ไมม บี ารมที ่ีไมไดบาํ เพญ็ มิใชหรอื แมเ มอื่ เรากาํ จัดมารและเสนามารดจุ ไรค วามอตุ สาหะ แผน ดินกไ็ มห วัน่ ไหว แมเ ม่อื เราระลกึ ถงึขันธที่เคยอยูอ าศยั ในชาตกิ อนในปฐมยามไดก็ไมหวนั่ ไหว แมเ มอื่ เราชําระทพิ พจกั ษใุ นมัชฌิมยาม ก็ไมหวั่นไหว แตเ ม่ือเรารูแจงแทงตลอดปฏิจจสมปุ -บาทในปจฉมิ ยาม แผน ดนิ หมื่นโลกธาตไุ ดห วัน่ ไหวแลว ดวยประการดงั นี้แมชนเชน เรายังรแู จงแทงตลอดธรรมนี้ดวยญาณอนั กลา ไดโดยยากถงึ เพยี งนี้แลว มหาชนชาวโลกจกั รแู จงแทงตลอด ธรรมนนั้ ไดอยา งไร เพราะเหตนุ นั้พงึ ทราบวา จติ ของพระองคน อ มไปแลว อยา งนนั้ แมด วยอานภุ าพแหงความที่พระธรรมเปน ธรรมลึกซึ้งและดว ยการพจิ ารณาดังนี.้ อีกอยา งหน่ึง เมื่อพระ-พรหมทลู วิงวอน จิตของพระองคก็นอมไปอยา งน้ี เพราะมพี ระประสงคจ ะแสดง.จรงิ อยู พระผูมพี ระภาคยอ มทรงทราบวา เม่อื จิตของเรานอมไปเพราะความท่ีเราเปนผมู ีความปรารถนานอ ย มหาพรหมวงิ วอนเราเพือ่ ขอใหแ สดงธรรมก็สัตวเ หลา นี้เปน ผเู คารพพรหม เมื่อรูวามีขา ววา พระศาสดาไมมีพระประสงคจะแสดงธรรมแกพ วกเรา ทนี นั้ มหาพรหมทูลวิงวอนพระองคใ หแ สดงแลว

พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 146ผูเ จรญิ ทั้งหลาย พระธรรมสงบหนอ ประณตี หนอดังนี้ จักต้ังใจฟง ดงั น.้ีพึงทราบวา อาศยั เหตนุ ี้ จิตของพระองคจ ึงนอ มไป เพ่อื ความท่ีพระองคเ ปนผมู คี วามขวนขวายนอย ไมน อมไปเพอื่ จะทรงแสดงธรรม. ในบทวา อฺ ตรสฺส น้ี ทาวกลาววา อฺตโร กจ็ รงิ ถงึ ดังน้ันพงึ ทราบวา นน่ั คือมหาพรหมผูใหญใ นจกั รวาลน้ี. บทวา นสฺสติ วต โภ โลโกความวา นยั วา มหาพรหมนัน้ เปลง เสียงนี้ โดยที่หมูพรมใน หม่ืนโลกธาตุสดบั แลว ทง้ั หมดประชุมกัน. บทวา ยตรฺ หิ นาม คือในโลกชอ่ื ใด. บทวาปุรโต ปาตุรโหสิ ความวา มหาพรหมไดปรากฏพรอ มกับพรหมหนึ่งหมื่นเหลา นั้น. บทวา อปฺปรชกขฺ ชาติกา ความวา ธุรี คือราคะโทสะและโมหะเบาบาง คอื นิดหนอย ในดวงตาอันสาํ เร็จดวยปญ ญา สภาพอยางนี้ของสัตวท้งั หลายเหลา น้ันยงั มอี ยู เพราะเหตนุ ้นั สตั วท ัง้ หลายชอ่ื วา อปปฺ รชกขฺ ชาติกาคอื มีกิเลศเพยี งดงั ธลุ ีในจักษุเบาบาง. บทวา อสสฺ วนตา คอื เพราะมิไดฟง.บทวา ภวสิ ฺสนตฺ ิ ความวา ทานแสดงวา สัตวท งั้ หลายผูส รา งสมบุญไวแ ลวถงึ ความแกกลาในพระพทุ ธเจาองคก อน ดว ยสามารถบุญกริ ิยาวตั ถุ ๑๐ หวังพระธรรมเทศนาอยา งเดยี วเหมอื นประทุมชาติหวังแสงอาทติ ย เปนผคู วรหยง่ัลงสอู รยิ ภูมิ ในเมือ่ จบคาถา ๔ บท ไมใ ชคนเดียว ไมใ ชสองคน มหี ลายแสนจกั เปนผูรธู รรม ดังน้.ี บทวา อชเฺ ฌสน คือวงิ วอนอยา งนี้ ๓ คร้ัง. บทวา พทุ ฺธจกฺขุนาความวา ดว ยปรชี ากาํ หนดรูความหยอ นและยง่ิ แหงอนิ ทรียของสัตวท งั้ หลายและดว ยอาสยานสุ ยญาณ. บทวา พุทฺธจกฺขุ เปน ชือ่ แหง ญาณทั้งสองนี้. บทวาสมนฺตจกฺขุ เปนช่อื แหง พระสพั พัญตุ ญาณ. บทวา ธมฺมจกขฺ ุ เปนชอื่ แหงมรรคญาณ ๓. ในบทวา อปปฺ รชกเฺ ข เปน ตน ความวา สตั วท ่มี ธี ลุ ีมีราคะเปน ตน ในปญ ญาจกั ษนุ อยโดยนยั ทก่ี ลาวนน้ั แล. ชอ่ื วา อปปฺ รชกขฺ า คอื มี

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 147กเิ ลสเพียงดังธลุ ใี นจกั ษนุ อย. สตั วทม่ี ธี ุลีมีราคะเปนตนน้ันในปญญาจกั ษุมากชอ่ื วามหารชกขฺ า คอื มีกเิ ลสเพียงดงั ธลุ ใี นจกั ษุมาก. สัตวทม่ี อี ินทรยี ม ศี รัทธาเปนตน แกก ลา ชื่อวา ติกฺขนิ ฺทฺรยิ า คอื มอี นิ ทรยี แกก ลา. สัตวท ม่ี อี ินทรยี เหลาน้นั ออน ชือ่ วา มุทุนทฺ รฺ ยิ า คอื มอี นิ ทรยี ออน. สตั วท ่ีมอี าการมศี รทั ธาเปนตน เหลานนั้ ดี ชื่อ สวฺ าการา คือมอี าการดี. สัตวท ี่กาํ หนดเหตทุ ี่กลา วสามารถใหรไู ดง าย ชอื่ วา สวุ ิ ฺาปยา คือใหร ูแจงไดงา ย. สตั วทเ่ี หน็ ปรโลกและโทษโดยความเปน ภัยช่อื วา ปรโลกวชชฺ ภยทสิสาวิโน คอื มกั เหน็ ปรโลกและโทษโดยความเปนภยั . ก็ในเร่อื งทม่ี บี าลีดงั น้ี บคุ คลท่ีมศี รทั ธามกี เิ ลสเพยี งดงั ธุลใี นจกั ษนุ อ ยบคุ คลผไู มม ีศรทั ธามีกิเลสเพยี งดังธุลใี นจักษมุ าก บคุ คลผปู รารภความเพยี รมีกิเลสเพยี งดังธลุ ีในจักษุนอ ย บคุ คลผเู กยี จครา นมกี ิเลสเพยี งดังธุลใี นจักษมุ ากบคุ คลผูมีสติตัง้ มน่ั มีกิเลสเพียงดงั ธุลใี นจักษุนอ ย บคุ คลผูม ีสติลมุ หลง มกี ิเลสเพยี งดงั ธุลใี นจักษุมาก บุคคลผูมจี ิตตั้งมน่ั มีกิเลสเพียงดังธุลีในจักษุนอย บคุ คลผูม ีจิตไมต้งั มั่นมกี เิ ลสเพยี งดังธุลีในจักษุมาก บคุ คลผมู ปี ญ ญามีกเิ ลสเพียงดงั ธลุ ีในจักษุนอ ย บุคคลผูมีปญญาทราบมีกเิ ลสเพยี งดังธุลใี นจกั ษุมาก เชนเดียวกันบคุ คลผมู ศี รัทธามอี นิ ทรยี แ กกลา ฯลฯ บคุ คลผมู ีปญ ญามักเหน็ โลกอน่ื และโทษดว ยความเปนภยั บุคคลผูมีปญ ญาทรามมักไมเห็นโลกอื่นและโทษโดยความเปนภยั . บทวา โลโก ไดแ ก ขนั ธโลก ธาตุโลก อายตนโลก สมบัตภิ วโลกวิบัติภวโลก สมบัติและวบิ ัติภวโลก วิบัตสิ ัมปต ภิ วโลก โลกหนง่ึ คอื สัตวทง้ั หลายทง้ั ปวงอยูไดด ว ยอาหาร โลก ๒ คือ นามและรปู โลก ๓ คอื เวทนา ๓โลก ๔ คอื อาหาร ๔ โลก ๕ คอื อปุ าทานขันธ ๕ โลก ๖ คอื อายตนะภายใน๖ โลก ๗ คอื ภมู ิเปน ทต่ี ั้งแหงวิญญาณ ๗ โลก ๘ คือ โลกธรรม ๘ โลก ๙ คอื

พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 148ภพเปนที่อยขู องสัตว ๙ โลก ๑๐ คอื อายตนะ ๑๐ โลก ๑๒ คือ อายตนะ ๑๒โลก ๑๘ คือ ธาตุ ๑๘. บทวา วชชฺ  ไดแก กิเลสทุกชนิด เปนโทษทจุ รติ ทกุ ชนดิ เปน โทษอภิสังขารทุกชนิดเปน โทษ กรรมคือการไปสูภพทกุ ชนดิ เปน โทษ ดว ยประการฉะน้ี ทั้งในโลกนท้ี ้ังโทษนี้ เปน อันปรากฏความหมายรโู ดยความเปน ภัยอยางแรงกลาเหมอื นเพชฌฆาตเง้ือดาบ พระผูมีพระภาคเจาพระนามวา วปิ ส สี ทรงรูทรงเห็น ทรงรยู ่ิง ทรงแทงตลอดอินทรีย ๕ เหลานี้ ดว ยอาการ ๕๐ เหลา น้ีนเ้ี ปนพระปรีชากําหนดรูค วามหยอนและยิง่ ของอนิ ทรยี ทงั้ หลายของพระตถาคต. บทวา อปุ ปฺ ลินยิ  คือ ในกอบัว. แมในบทนอกนีก้ ็มนี ยั นีเ้ หมือนกนั .บทวา อนโฺ ตนมิ ุคคฺ โปสีนิ คือ ดอกบวั แมเ หลา อ่ืนใดจมอยใู นน้ําอนั น้าํ เล้ียงไว.บทวา อุทก อจจฺ คุ คฺ มฺม ตฏิ  นฺติ คือบวั บางเหลา ตั้งขน้ึ พน นาํ้ . ในบทนัน้อธิบายวา บัวบางเหลาท่ตี ัง้ ขึ้นพน นาํ้ คอยรอสัมผัสแสงอาทิตยแลว บานในวนั น้ี. บางเหลา ตง้ั อยเู สมอนํา้ จักบานในวนั พรุงน้ี. บางเหลายังจมอยภู ายในนํ้าอนั น้ําเล้ยี งไวจักบานในวันที่ ๓. แตว ายังมดี อกบวั เปนตน ที่มีโรคแมเ หลาอืน่ไมข ้ึนพนจากนํ้าแลว ดอกบวั เหลาใด จักไมบ าน จกั เปนภักษาแหงปลาและเตาอยา งเดยี ว ดอกบวั เหลา น้ัน ทา นไมควรนาํ ขน้ึ สูบ าลไี ดแ สดงไวช ดั แลว. บุคคล ๔ จาํ พวก คือ อุคฆฏติ ญั ู วปิ จิตัญู เนยยะ ปทปรมะกเ็ ปรยี บเหมอื นดอกบัว ๔ เหลานั้นแล. ในบคุ คล ๔ จาํ พวกน้ัน บคุ คลทตี่ รัสรธู รรมพรอ มกบั เวลาทที่ า นยกข้ึนแสดง ชื่อ อคุ ฆฏติ ญั ู. บคุ คลท่ีตรัสรูธ รรมเม่อื ทานแจกความแหงคํายอโดยพสิ ดาร ช่อื วา วปิ จิตญั .ู บุคคลทีต่ รสั รูธ รรมโดยลาํ ดบั ดวยความพากเพยี รทอ งจํา ดว ยการไตถ าม ดว ยทาํ ไวในใจโดยแยบคาย ดว ยคบหาสมาคมกับกลั ยาณมติ ร ชือ่ วา เนยยะ. บุคคลท่ไี มต รสั รูธ รรมไดในชาตนิ ั้นแมเรียนมาก ทรงไวม าก สอนเขามาก ชื่อวา ปทปรมะ.

พระสุตตันตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 149 ในบทนน้ั พระผูมีพระภาคเจา ทรงตรวจดู หมืน่ โลกธาตุ เชนกบัดอกบัว เปนตน ไดท รงเห็นแลววา บุคคลจําพวก อุคฆฏิตญั ู ดุจดอกบัวจะบานในวันนี้ บุคคลจาํ พวก วปิ จิตัญู ดจุ ดอกบวั จกั บานในวันพรงุ นี้บุคคลจาํ พวกเนยยะ ดุจดอกบวั จักบานในวันที่ ๓ บุคคลจําพวกปทปรมะ ดุจดอกบวั อนั เปน ภักษาแหงปลาและเตา. อนึ่ง พระผมู พี ระภาคเจาเมอื่ ทรงตรวจดูไดท รงเห็นโดยอาการทั้งปวงอยา งนี้วา สัตวม กี ิเลสเพียงดังธลุ ีในจกั ษนุ อย มีประมาณเทานี้ สัตวมกี ิเลสเพยี งดังธุลีในจกั ษมุ ากมีประมาณเทาน้ี แมใ นสตั วเหลา น้ันจาํ พวกท่เี ปน อคุ ฆฏิตญั ู มีประมาณเทาน้ี ดงั น้ี. ในสตั ว ๔ จําพวกนัน้ การแสดงธรรมของพระผูม ีพระภาคเจา ยอ มสําเร็จประโยชนแกบุคคล ๓จาํ พวกในอัตภาพนแ้ี ล. พวกปทปรมะจะมีวาสนาเพอ่ื ประโยชนในอนาคต. ลาํ ดับนน้ั พระผูม ีพระภาคเจาทรงประกาศพระธรรมเทศนา อนั นาํ มาซึ่งประโยชนแ กบคุ คล ๔ จาํ พวกเหลา น้แี ลว ยังความเปน ผูม ีพระประสงคจ ะทรงแสดงใหเ กดิ ขนึ้ ไดท รงจดั สัตวแ มท้งั ปวงในภพ ๓ ใหม ใหเ ปน สองสวนดวยสามารถแหงภพั สัตว และอภพั สตั ว สัตวท่ีทานกลา วหมายถงึ นน้ั คือสัตวเหลา ใดประกอบดวย กัมมาวรณะ วิปากาวรณะ กิเลสาวรณะ ไมม ีศรัทธา ไมม ีความพยายาม มีปญญาทราม เปน ผไู มควรกา วลงสูความชอบในธรรมทั้งหลาย ท่เี ปนกศุ ลอยางแนนอน สัตวทั้งหลายเหลา นี้นน้ั เปน อภพั สัตวภัพสัตวเ ปนไฉน สัตวเ หลา ใดไมประกอบดวย กัมมาวรณะ ฯลฯ สตั วท ้ังหลายเหลา นนี้ ้ันเปนภัพสัตว ดังน้ี. ในบทน้ัน พระผูม ีพระภาคเจา ทรงละ อภพั บุคคลแมทงั้ หมด ทรงกําหนดภัพบุคคลอยางเดียวดว ยพระญาณ ไดทรงจัดใหเปน๖ สวน คือ สัตวจาํ พวกราคจริตประมาณเทา นี้ สัตวจ าํ พวกโทสจรติ โมหจริตวิตักกจริต ศรทั ธาจริต พทุ ธิจรติ มปี ระมาณเทานี.้ ครนั้ ทรงจดั อยา งน้ีแลวจึงทรงพระดาํ ริวา เราจกั แสดงธรรม ดังน้ี.

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 150 พรหมคร้ันทราบดงั นน้ั แลว เกิดโสมนสั ไดกราบทูลพระผูม พี ระ-ภาคเจาดวยคาถาหลายคาถา. พระผูมพี ระภาคเจาตรสั วา อถโข โส ภกิ ฺขเว มหาพรฺ หฺมาเปนตน ทรงหมายถงึ ขอ นี.้ ในบทเหลานัน้ บทวา อชฺฌภาสิ ตัดบทเปน อธิอภาส.ิ อธิบายวา ไดกราบทูลปรารภยิง่ ในรปู . บทวา เสเล ยถา ปพพฺ ตมุทฺธนิฏโิ ต คอื เหมอื นคนยนื อยบู นภูเขาหินลว น. จริงอยู เมอ่ื คนยนื อยบู นยอดภูเขาน้ันก็ไมม กี ิจเปนตน วา ยก และยึดคอ แมเพ่อื จะดู. บทวา ตถูปม ความวา เปรยี บดวยส่งิ นั้น คอื เปรียบดว ยภเู ขาหนิ ลวน. กค็ วามสังเขปในเร่ืองน้ีมีดังนี้. บุรุษผมู จี ักษุยืนอยบู นยอดเขาหนิ ลว นพึงเห็นหมูชนโดยรอบฉนั ใด ขาแตพระผมู ีพระภาคเจา พระองคเปน ผมู ีปญ ญาดี มจี ักษโุ ดยรอบดวยพระสัพพัญุตญาณกฉ็ นั นั้น เสด็จขึน้ สูปราสาทสําเรจ็ ดว ยธรรมสาํ เรจ็ ดวยปญ ญา เปน ผปู ราศจากความโศกดวยพระองคเอง ทรงพิจารณา ทรงใครค รวญ ทรงตรวจตรา หมชู นผเู กลอื กกลัว้ ไปดวยความโศก ถูกชาตชิ ราครอบงาํ แลว . ในบทนีม้ ีอธิบายดงั นี้ เหมือนอยางวา มนุษยทง้ั หลาย กระทาํ ทด่ี นิผืนใหญโดยรอบเชงิ ภเู ขา แลวปลูกกระทอมในแนวพนื้ ทีเ่ หมาะแกการเพาะปลูกณ ที่ดินผนื นน้ั จุดไฟในเวลากลางคนื อนึ่ง ทด่ี ินนั้นพงึ มคี วามมืดประกอบดว ยองค ๔ ขณะนนั้ เมือ่ บุรษุ ผมู จี ักษุยนื อยบู นยอดภเู ขานั้น มองดูพื้นท่ีทด่ี ิน ไมป รากฏ แนวพนื้ ทเี่ พาะปลกู ไมปรากฏ กระทอม ไมป รากฏพวกมนุษยท ี่นอนในกระทอมน้ัน ไมป รากฏ แตปรากฏเพยี งเปลวไฟในกระทอมท้ังหลาย เทา นั้น ฉันใด เมือ่ พระตถาคตเสด็จขน้ึ สูธรรมปราสาททรงตรวจดูหมูสัตว สัตวท ้ังหลายท่ีไมไดท าํ ความดี แมน ัง่ ณ ขางพระชานเุ บอ้ื งขวา ในในทอ่ี ยแู หงเดยี วกัน กฉ็ ันน้นั กไ็ มมาถงึ คลองแหงพทุ ธจักษุ ยอมเปนเหมือน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook