พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 71เสยี แลว ยอ มไมส ามารถระลึกได. แมพระสาวกท้งั หลาย ก็ระลกึ ถึงตามลาํ ดบั ขนั ธได ครั้นถงึ ความเปนผูไมมีความรสู กึ ยอมไมเห็นความเปนไปของขันธ. แมเ ม่ือเปนอยา งน้ี ชอื่ วากาลอันไมมแี หงขันธท ้ังหลายของสัตวผ ูทอ งเทยี่ วไปสูวัฏฏะเหลานั้นยอมไมม ี แตใ นอสญั ญภพยอ มเปนไป๕๐๐ กัป เพราะฉะน้นั สัตวทงั้ หลายกา วลว งกาลประมาณเทา นี้ ตง้ั อยูในคําแนะนําอนั พระพุทธเจา ท้ังหลายทรงประทานแลว ยอมระลกึ ถงึ ขางหนา ไดเ หมอื นทา นโสภติ ะฉะน้ัน. อน่ึง พระอคั รสาวกทั้งสองและพระปจเจกพทุ ธเจาทั้งหลายตรวจดูจตุ แิ ละปฏสิ นธแิ ลวยอมระลึกถงึ ได. กิจคอื จตุ ิและปฏิสนธิของพระพุทธเจาทงั้ หลายยอมไมมี. พระพทุ ธเจา ท้งั หลายมพี ระประสงคจ ะทรงเห็นฐานะใด ๆยอมทรงเหน็ ฐานะน้ัน ๆ ทีเดยี ว. อนึ่ง เดียรถียท ้ังหลายเมอ่ื ระลึกถงึ บุพเพสนันิวาสยอ มระลึกถึงส่ิงทต่ี นเหน็ แลว กระทําแลว ฟงแลว เทานน้ั . พระสาวกทั้งหลายและพระปจเจกพุทธะท้ังหลายก็เหมือนอยางนน้ั . แตพระพทุ ธเจาทงั้ หลาย ยอมทรงระลกึ ถึงสิ่งทงั้ หมดทเี ดียวท่พี ระองคห รอื ผูอ ื่นเห็นแลว กระทําแลวฟง แลว. บุพเพนวิ าสญาณของพวกเดยี รถียเ ปน เชน กับแสงห่งิ หอย ของพระสาวกทง้ั หลายเปนเชน กับแสงประทปี ของพระอคั รสาวก เปนเชนกบั แสงดาวประกายพฤกษ ของพระปจเจกพทุ ธะทั้งหลายเปนเชน กับแสงพระจันทรของพระพทุ ธเจาทง้ั หลายเปน เชน กับแสงลรุ ิยมณฑลพันดวง. พระพทุ ธเจา น้ันไมก าํ หนดประมาณเทานี้วา รอ ยชาติ พันชาติ แสนชาติ หรอื รอยกปัพันกัป แสนกปั เมือ่ พระพุทธเจาทรงระลึกถงึ สิง่ ใดสง่ิ หนึ่งยอมไมพ ลาดยอ มไมข ัดขอ งโดยแท ความนึกคดิ ตอ เน่อื งกันยอ มเปน ความตอเนื่องกันดว ยความหวงั ความไตรต รองและจิตตบุ าทนน่ั เอง บุพเพนิวาสญาณยอ มแลนไปไมต ิดขัดดจุ ลกู ศรเหลก็ แลน ไปฉบั พลนั ในกองใบไมที่ผุ และดจุ อนิ ทวัชระท่ซี ดั ไปบนยอดเขาสิเนรุ.
พระสุตตันตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 72 บทวา อโห มหนตฺ ฺ ภควโต ปพุ เฺ พนิวาสาณ ความวา การสนาทนาเกดิ ข้ึน คอื เปนไปแลวปรารภพระผมู ีพระภาคเจา ดวย ประการฉะน้ีเพ่ือแสดงความทงั้ หมดนนั้ โดยยอทานจงึ กลาวไวใ นบาลีเพยี งวา อิตปิ ปพุ ฺเพ-นวิ าโส อิตปิ ปพุ ฺเพนวิ าโส ในบทเหลา นนั้ บทวา อิติป แปลวา แมอยางน้ี ขอความใดทีค่ วรกลาวไวในบาลีนว้ี า อสฺโสสิ โข ภควา ฯเปฯ อถภควา อนุปฺปตโฺ ต ทา นกลา วไวแลวในอรรถกถาพรหมชาลสตู รน้นั แล ตอไปน้ขี อความน้ัน เปนความตางกัน. ในสูตรน้นั พระผูมพี ระภาคเจา ไดสดบั โดยพระสพั พญั ตุ ญาณ. ในสตู รนี้ไดส ดบั โดยทิพพโสต. อนึ่ง ในสูตรนั้นสนทนาถงึ คณุ และโทษยงั คางอย.ู ในสูตรนส้ี นทนาถึงบุพเพนวิ าสญาณ. เพราะฉะน้นัพระผมู พี ระภาคเจาทรงดาํ รวิ า ภิกษุเหลานีส้ รรเสริญคณุ ปรารภบพุ เพนวิ าสญาณของเรา แตไมร ูค วามสาํ เร็จแหงบุพเพนิวาสญาณของเรา ชางเถิด เราจกั กลา วถึงความสําเร็จแหงบุพเพนวิ าสญาณนัน้ แลว แสดงแกพวกเธอ จงึ เสดจ็ มาประทับนงั่ ณ พุทธอาศนอนั ประเสริฐซึ่งตามปกตติ งั้ ไวเ พือ่ พระพุทธเจา ประทบั นง่ัแสดงธรรม ซึง่ ขณะนน้ั ภกิ ษทุ ง้ั หลายปลู าดถวายไวมีพระพุทธประสงคจ ะทรงแสดงธรรมกถาเก่ยี วกับบุพเพนวิ าสญาณ แกภ กิ ษุเหลานัน้ ในทสี่ ุดแหง คําถามวาภกิ ษุท้ังหลาย พวกเธอสนทนาเร่ืองอะไรกัน และแหงคาํ ตอบตั้งแตต นวา ขาแตพระองคผเู จรญิ ขา พระพุทธเจา กลับจากบณิ ฑบาตแลวในเวลาปจ ฉาภตั ไดนั่งประชุมกัน ณ โรงกเรริมณฑล แลวเกิดสนทนาธรรมกนั ข้ึนเก่ยี วกบั บุพเพ-นวิ าสญาณวา บุพเพนิวาส บพุ เพนิวาส ดังนี้พระเจา ขา จึงตรัสคําเปนตน วาพวกเธอปรารถนาจะฟง หรอื ไม. ในบทเหลา นั้น บทวา อิจฺเฉยยฺ าถโน แปลวาพวกเธอปรารถนาจะฟงหรือไมห นอ. ลาํ ดบั นั้น ภกิ ษทุ ัง้ หลายมใี จร่ืนเริงเม่ือจะทูลวิงวอนกะพระผูมพี ระภาค-เจา จงึ กราบทูลวา ขา แตพ ระผูมพี ระภาคเจา ถึงเวลาแลวท่พี ระองคจ ะทรงกระทาํธรรมกถานี.้ ในบทเหลานั้น บทวา เอตสสฺ คอื การกระทาํ ธรรมกถาน.้ี
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 73 ลําดับนน้ั พระผมู พี ระภาคเจาทรงรบั คาํ ทลู วิงวอนของภกิ ษเุ หลาน้ัน มีพระพทุ ธประสงคจะทรงแสดง จึงทรงชกั ชวนภกิ ษเุ หลาน้ันในการเงี่ยหูฟง และต้งั ใจฟง ดวยดีดว ยพระดาํ รัสวา ดูกรภิกษุทงั้ หลาย ถากระน้นั พวกเธอทง้ั หลายจงฟง แลว มีพระพุทธประสงคจ ะประกาศการระลกึ ถึงทางอนั ตัดขาดแลว ไมท ว่ัไปแกช นเหลาอนื่ จงึ ตรสั คาํ เปน ตน วา ดูกรภกิ ษทุ ั้งหลาย นับแตน้ีไปดังน.ี้ ในบทเหลานน้ั บทวา ย วิปสฺสี คือ พระผมู พี ระภาคเจา พระนามวาวิปสสีในกัปใด. แทจรงิ ย ศพั ทน ี้ ใชในปฐมาวภิ ัตต์ิ ในบททงั้ หลายเปนตนวาขาแตพ ระองคผ ูเ จริญ ขอความใดทขี่ า พระองคส ดบั มาแลวรับมาแลว ตอหนาพวกเทวดาชนั้ ดาวดึงส ขาพระองคจ ะกราบทลู ขอ ความนัน้ แดพ ระผมู ีพระภาค-เจา. ใชใ นทตุ ยิ าวิภัตติใ์ นบททั้งหลายเปน ตน วา ทานอกติ ตยิ พวกขาพเจาไดถามขอ ความอันใดไว พวกขาพเจาจะขอถามขอ ความอันน้นั อ่ืน ขอเชิญทา นจงบอกขอ ความนั้นแตข าพเจา ทัง้ หลายเถิดดงั นี.้ ใชใ นตตยิ าวภิ ตั ติ์ ในบททัง้ หลายเปนตนวา ดกู รภิกษุทั้งหลาย ขอ ที่ไมมีชอ งวา งดว ยโลกธาตุหน่งึ ไมใชฐ านะทีจ่ ะเปน ได. แตในบทน้พี ึงทราบวา ใชในสัตตมวี ภิ ัตติ์. เพราะฉะน้ัน ทา นจงึ กลาววา ยสมฺ ึ กปฺเป แปลวา ในกปั ใด.บทวา อทุ ปาทิ ความวา ยังหม่นื โลกธาตุใหบันลือเกิดขน้ึ แลว. บทวาภทฺทกปฺเป ความวา ในสนุ ทรกปั คือในสาระกัป เพราะมีพระพทุ ธเจา ทรงอบุ ตั ขิ ้ึน ๕ พระองค ดังนั้น พระผมู ีพระภาคเจาเมือ่ จะทรงยกยอ งกปั นี้ จงึ ตรสัอยางน้ี. ดังไดท ราบมาวา ตัง้ แตพ ระผมู พี ระภาคเจา ของเราทง้ั หลายทรงบําเพ็ญอภนิ หิ าร ยอ มไมมีแมใ นกปั เดยี วในระหวา งน้ันท่พี ระพทุ ธเจา ๕ พระองคท รงอุบตั แิ ลว. กแ็ ตก อ นอภนิ หิ ารของพระผูมพี ระภาคเจา ของเราทั้งหลาย พระพทุ ธ-
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 74เจา ๔ พระองคค อื พระตณั หงั กร พระเมธงั กร พระสรณงั กร พระทีปงกรทรงอบุ ตั ิแลวในกปั เดยี ว. ในสว นทเ่ี หนือขน้ึ ไปของพระพทุ ธเจาเหลา นั้น ไดวางเปลา พระพทุ ธเจาไปถึงหนึ่งอสงไขยทีเดียว. ในทสี่ ดุ อสงไขยกปั พระพทุ ธเจาพระนามวา โกณฑัญญะพระองคเ ดยี วเทา น้ัน ทรงอบุ ัตขิ ึน้ ในกัปหนง่ึ . แมจากนน้ัก็ไดวางเปลาพระพุทธเจา ไปอกี หนงึ่ อสงไขย. ในทส่ี ุดอสงไขยกปั พระพุทธ-เจา ๔ พระองค คือ พระสุมังคละ พระสมุ นะ พระเรวตะ พระโสภติ ะ ทรงอบุ ัติข้ึนในกัปหน่งึ . แมจากนัน้ กว็ างเปลาพระพทุ ธเจาไปอีกหนึ่งอสงไขย ในทส่ี ุด-อสงไขยกปั ตอ ไปอีก อสงไขยย่งิ ดวยแสนกปั พระพทุ ธเจา ๓ พระองคคอื พระอโนมทสั สี พระปทมุ ะ พระนารทะทรงอุบัติข้นึ ในกปั หน่ึง. แมจ ากนนั้ กไ็ ดว างเปลา พระพุทธเจาไปอกี หนึ่งอสงไขย. ในที่สุดอสงไขยกัป ตอ ไปอีกแสนกัป พระผูมีพระภาคพระนามวา พระปทมุ ุตตระ พระองคเดียวเทา นั้นทรงอบุ ตั ิขนึ้ ในกัปหนง่ึ . ตอ จากนีไ้ ปอกี สามหม่ืนกปั พระพุทธเจาสองพระองคคือ พระสเุ มธะ พระสุชาตะทรงอบุ ัตขิ นึ้ ในกัปหนง่ึ . ในสวนทเี่ หนอื ออกไปจากนนั้ ตอไปอกี ๑๘,๐๐๐ กัป พระพทุ ธเจา ๓ พระองค คอื พระปยทัสสีพระอัตถทัสสิ พระธัมมทัสสี ทรงอบุ ัติข้ึนในกัปหน่งึ . ตอจากนั้นไป ๙๘ กัปพระพุทธเจาพระนามวา สิทธัตถ ทรงอุบัติข้ึน. ในกปั หนึ่ง ตอจากนัน้ ไป ๙๒ กัปพระพุทธเจา ๒ พระองค คือ พระตสิ สะ พระปสุ สะ ทรงอุบตั ิขึ้นในกปั หนึ่ง.ตอ จากน้ันไป ๙๑ กัป พระผูมพี ระภาคเจาพระนามวาวปิ สสีทรงอบุ ตั ิขน้ึ . ตอจากนน้ั ๓๑ กัป พระพทุ ธเจา ๒ พระองค คือ พระสิขี พระเวสสภู ทรงอบุ ตั ิขนึ้ . ในภัทรกัปนี้ พระพุทธเจา ๔ พระองค คอื พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะพระกัสสปะ พระสมั มาสัมพทุ ธเจาของเราทั้งหลายทรงอุบตั ิข้ึน พระเมตเตยยะจกั ทรงอบุ ตั ิขน้ึ ภายหลงั . กัปน้เี ปนสนุ ทรกัปเปน สารกัป เพราะมพี ระพทุ ธเจาทรงอบุ ัติขึน้ ๕ พระองคด ว ยประการฉะน้ี ดังนัน้ พระผมู พี ระภาคเจา เมื่อทรงยกยองกัปนี้ จึงตรัสอยา งน.ี้
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 75 ถามวา ขอ ที่วา พระพุทธเจาประมาณเทานน้ั ทรงอบุ ัติขึ้นแลวกด็ ี จักทรงอุบตั ขิ น้ึ กด็ ใี นกปั นี้ ยอ มเปนการปรากฏแกพระพุทธเจา ท้ังหลายเทา นน้ั หรอืหรอื วา ยอมเปนการปรากฏแมแ กผ ูอน่ื ดวย. ตอบวา ยอ มเปน การปรากฏแมแกผอู ืน่ ดว ย. ถามวา แกใคร. ตอบวา แกพ รหมชั้นสทุ ธาวาส. จริงอยูในกาลดาํ รงอยแู หง กัป เมื่อโลกสันนวิ าสดํารงอยูตลอดอสงไขยหน่ึง ฝนเริ่มตกเพื่อใหโ ลกดาํ รงอย.ู ยอ มเปนเหมือนหิมะตกในสุดแควนแตตน เทียว. จากนนั้ กม็ รี ําขาวประมาณหน่ึง งบประมาณหนง่ึ ขา วสารประมาณหนง่ึ ถั่วเขยี วประมาณหนงึ่ ถัว่ ทองประมาณหนึง่ พุทรา มะขามปอมฟกเหลอื ง ฟกเขยี ว น้ําเตา ประมาณหน่งึ เปน สายนํ้างอกงามขึ้นโดยลําดบัหน่งึ อุสภะ สองอสุ ภะ ก่งึ คาวตุ หนง่ึ คาวตุ ก่ึงโยชน หนง่ึ โยชน สองโยชนสามโยชน สิบโยชน ฯลฯ แสนโยชนเ ปนประมาณ ตง้ั อยูบริบูรณใ นระหวา งแสนโกฏิจกั รวาลจนถึงอกนฏิ ฐพรหมโลก. ลําดบั น้ัน นํา้ น้นั ตกโดยลําดับ เมอื่นา้ํ ตก เทวโลกทง้ั หลายยอมดํารงอยใู นทข่ี องเทวโลกเปนปกต.ิ วิธีสรางเทวโลกเหลาน้ัน ทา นกลา วไวแลวในบพุ เพนิวาสกถา ในวิสุทธิมรรค. กฐ็ านะของมนุสสโลก เหมอื นเม่ือนาํ เขา ไปแลว ปดปากธมกรกเสยีนํ้านน้ั กอ็ ยูไดดวยอํานาจของลม. แผน ดินยอ มตัง้ อยไู ดเ หมือนใบบวั อยหู ลังนํ้า.มหาโพธิบัลลังก เมอื่ โลกพินาศ จะพนิ าศในภายหลัง เมือ่ โลกดํารงอยกู ็ดํารงอยกู อน. ณ โพธิบัลลังกน นั้ กอบัวกอหน่งึ ยอมเกดิ ข้นึ เปนบุพพนมิ ิตร หากวาในกปั นั้นของโพธิบัลลงั กน นั้ พระพุทธเจาจกั ทรงอบุ ตั ิ ดอกบัวยอ มเกดิ ขนึ้หากไมท รงอบุ ัติ ดอกบวั จะไมเกดิ . อนึ่ง เมอ่ื ดอกบวั เกิดหากพระพุทธเจาองคหน่งึ จกั ทรงอุบตั กิ ็เกดิ ดอกเดยี ว. หากพระพุทธเจาจักทรงอุบตั ิ ๒ องค ๓ องค๔ องค ๕ องค ดอกบวั ก็เกดิ ๕ ดอก. อน่งึ ดอกบวั เหลา นัน้ เปนดอกมชี อติดกันในกานเดยี วนนั่ เอง. ทาวสุทธาวาสพรหมท้งั หลายชวนกันวา ทานผูนิรทกุ ข
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 76ทงั้ หลาย พวกเรามากนั เกดิ จกั เหน็ บุพนมิ ิตรแลวพากัน มายงั มหาโพธบิ ัลลงั กสถาน ในกปั ทพี่ ระพทุ ธเจาทั้งหลายยังไมท รงอุบัติดอกบัวกไ็ มม ี. ทวยเทพท้ังหลายเหน็ ดอกบวั ไมม ดี อกกม็ ีความเสียใจวา พอ คณุ เอย โลกจักมดื มนหนอสัตวท ้ังหลายถกู ความมดื ครอบงําจกั เหน็ ในอบาย เทวโลก ๖ พรหมโลก ๙ จักวา งเปลา ครั้นเหน็ ดอกบัวในเวลาบานตางดีใจวา เมื่อพระสพั พัญูโพธิสัตวทรงกา วลงสูครรภพ ระมารดา ประสูติ ตรัสรู ยังธรรมจักรใหเปนไป ทรงกระทาํยมกปาฏหิ าริยห ยั่งลงจากเทวโลก ทรงปลงอายุสังขารเสด็จดับขนั ธปรินพิ พานพวกเราจักเหน็ ปาฏหิ าริย อนั ทาํ ใหหมน่ื จกั รวาลหวนั่ ไหว และอบายทง้ั ๔ จกัเสอ่ื มโทรม เทวโลก ๖ พรหมโลก ๙ จักบรบิ ูรณพ ากันเปลง อุทานไปสพู รหมโลกของตนของตน. อนง่ึ ดอกบวั ๕ ดอกเกดิ ขนึ้ แลว ในกปั น.้ี แมทาวสุทธาวาสพรหมทงั้หลายครนั้ เหน็ ดอกบวั เหลา นนั้ ก็รูความน้วี า พระพทุ ธเจา ๔ พระองค ทรงอบุ ตั ิแลว องคท่ี ๕ จกั ทรงอุบตั ิตอ ไปดังน้ี ดวยอานภุ าพแหง นมิ ิตรเหลา น้ันเพราะเหตุนั้น ทา นจึงกลาววา ขอ นนั้ เปน การปรากฏแมแกผ อู ืน่ ดงั น.้ี แมเพราะเหตุน้ี พระผูมพี ระภาคเจาทรงแสดงบุพเพนวิ าส ดว ยสามารถกาํ หนดกัปโดยนัยเปน ตน วา ดูกรภิกษุทัง้ หลาย นบั แตน ไี้ ป ดงั น้แี ลว บดั นี้เพ่ือจะทรงแสดงดว ยสามารถกาํ หนดชาติเปน ตน ของพระพุทธเจาเหลา นัน้ จงึ ตรัสคําเปน ตน วา ดกู รภิกษุทัง้ หลาย พระผูมพี ระภาคเจาพระนามวาพระวปิ สสีดังนี้. ในบทเหลา นนั้ พงึ ทราบวินจิ ฉัยในการกาํ หนดอายุ. บททง้ั สองนว้ี าปรติ ฺต ลหุก เปน ไวพจนข องอายุนอยน้ันเอง. ดวยวา อายุใดนอ ย อายุนัน้ยอ มเปนของนิดหนอยและเยา. บทวา อปปฺ วา ภิยโฺ ย คือ อายุเกนิ กวา ๑๐๐ ปมนี อ ย. ครัน้ ยงั ไมถ ึง ๑๐๐ ป ยอมเปนอยู ๒๐ ป ๓๐ ป ๔๐ ป ๕๐ ป หรือ๖๐ ป. แตค นอายุยืนอยางน้หี าไดย ากนัก ไดขาววา คนโนนอยนู านอยา งน้ี
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 77ควรพากันไปดูในที่น้ัน ๆ. บรรดาคนมีอายุยืนนนั้ นางวิสาขาอุบาสกิ าอยูได๑๒๐ ป พราหมณโ ปกขรสาติ พราหมณพรหมายุ พราหมณเสละ พราหมณพาวริยะ พระอานนทเถระ พระมหากสั สปเถระ ก็เหมอื นกนั แตพระอน-ุรทุ ธเถระอยูถ งึ ๑๕๐ ป พระพากลุ เถระอยู ๑๖๐ ป ทา นผูนีม้ อี ายุยนื กวาทง้ัหมด. แมทานก็อยไู มถึง ๒๐๐ ป. กพ็ ระโพธิสตั วท ั้งปวงมพี ระวปิ สสเี ปนตน ถือปฏิสนธใิ นครรภพระมารดา ดวยอสังขารกิ จติ สหรคตดว ยโสมนสั และสัมปยตุ ดวยญาณ อนั เปนสวนเบ้อื งตน แหงเมตตา. เมื่อถอื ปฏสิ นธิดวยจิตดวงนนั้ จะมีอายุอสงไขยหน่ึง.ดว ยเหตนุ ี้ พระพทุ ธเจา ทัง้ ปวง จึงมีอายุอสงไขยหนง่ึ . ถามวา เพราะเหตุไรทานเหลา น้ันจึงไมตงั้ อยถู งึ อสงไขย. ตอบวา เพราะความวบิ ัติแหง ฤดูและโภชนะ. จรงิ อยู อายุยอมเสอ่ื มบาง ยอ มเจรญิ บางดว ยอาํ นาจแหงฤดแู ละโภชนะ. ในขอ น้ัน เมอ่ื ใดพระราชาทง้ั หลายไมเ ปนผูประกอบดว ยธรรม เมอ่ื นั้นอปุ ราช เสนาบดี เศรษฐี สกลนคร สกลรฐั กย็ อ มไมป ระกอบดวยธรรมเหมือนกัน. เม่ือเปนดงั นน้ั อารักขเทวดาของชนเหลาน้ัน ภุมมเทวดา ผูเปนมิตรของเทวดาเหลานัน้ อากาสัฏฐกเทวดาผูเปน มิตรของภุมมเทวดา อณุ หวลา-หกเทวดา ผูเปน มติ รของอากาสัฏฐกเทวดา อัพภวลาหกเทวดา ผเู ปนมิตรของอณุ หวลาหกเทวดาเหลานัน้ สตี วลาหกเทวดา ผเู ปน มิตรของอพั ภวลา-หกเทวดาเหลานั้น วัสสวลาหกเทวดา ผเู ปนมติ รของสีตวลาหกเทวดาเหลา นัน้จาตมุ มหาราชกิ าเทวดา ผูเ ปนมติ รของวัสสวลาหกเทวดาเหลานนั้ ดาวดึงสเทวดา ผเู ปนมิตรของจาตมุ มหาราชกิ าเทวดาเหลานัน้ ยามาเทวดา ผูเปนมติ รของดาวดงึ สเทวดาเหลา น้นั เปน ตน ตราบเทา ถงึ ภวัคคพรหม เวน พระ-อริยสาวกเทวดาทงั้ หมด แมพรหมบรษิ ทั กเ็ ปนผไู มป ระกอบดวยธรรม.พระจันทรพ ระอาทิตยย อมดาํ เนนิ ไปลุม ๆ ดอน ๆ เพราะเทวดาเหลานนั้ ไม
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 78ประกอบดว ยธรรม. ลมยอมไมพ ัดไปตามทางลม. เม่อื ลมไมพดั ไปตามทางลมยอ มทําใหวิมานซึ่งตั้งอยบู นอากาศสะเทอื น. เม่ือวมิ านสะเทอื นพวกเทวดากไ็ มมจี ิตใจจะไปเลน กฬี า เมอ่ื เทวดาไมม จี ิตใจจะไปเลนกฬี า ฤดหู นาว ฤดรู อ นยอมไมเ ปน ไปตามฤดกู าล. เมอ่ื ฤดูไมเ ปนไปตามฤดูกาล ฝนยอ มไมต กโดยชอบบางคร้ังตก บางครัง้ ไมตก ตกในบางทองที่ ไมต กในบางทองที่ กเ็ มอ่ื ตกยอมตกขณะหวาน ขณะแตกหนอ ขณะแตกกา น ขณะออกรวง ขณะออกนา้ํ นมเปนตนยอ มตกโดยประการท่ีไมเปน อปุ การะแกขาวกลา เลย และแลงไปนาน ดวยเหตุนั้นขา วกลา จึงสกุ ไมพ รอ มกนั ปราศจากสมบตั มิ กี ล่นิ สีและรสเปน ตน . แมในขาวสารทใ่ี สในภาชนะเดยี วกัน ขา วในสว นหนง่ึ ดบิ สวนหน่งึ เปยกแฉะ สว นหนึ่งไหม.บริโภคขา วน้นั เขาไปยอมถึงโดยอาการ ๓ อยา งในทอ ง. สัตวท งั้ หลายเปนผูมีโรคมากและมีอายุนอ ยดว ยเหตุนั้น. อายยุ อ มเสือ่ มดว ยอาํ นาจของฤดูและโภชนะดวยประการฉะน้ีโดยแท. แมทวยเทพทั้งปวงตลอดถึงพรหมโลกยอมเปน ผปู ระกอบดว ยธรรมโดยนัยอนั มีในเบ้ืองตนวา ก็เม่อื ใดพระราชาเปนผูป ระกอบดวยธรรม เมื่อนั้นแมเ สนาบดีและอปุ ราชก็เปน ผปู ระกอบดว ยธรรมดงั น.้ี เพราะทวยเทพเหลา นั้นตง้ั อยใู นธรรม พระจนั ทรแ ละพระอาทติ ยย อ มดาํ เนินไปโดยสมํา่ เสมอ. ลมยอมพดั ไปตามทางของลมยอ มไมท ําใหวมิ านท่ีต้ังอยบู นอากาศสะเทอื น. เมือ่ วิมานไมส ะเทอื นพวกเทวดากม็ ีแกใจเลนกฬี า. ฤดยู อ มเปนไปตามกาลอยา งนี้. ฝนยอ มตกโดยชอบเกอื้ กูลขาวกลา ตง้ั แตขณะหวาน ตกตามเวลา แลงไปตามเวลา.ดวยเหตุนนั้ ขา วกลาสุกพรอมกนั มีกลิ่นหอม มีสงี าม มีรสอรอย มีโอชะ.โภชนะทป่ี รุงดวยขา วกลานน้ั แมบ ริโภคแลวกถ็ งึ ความยอยงาย สตั วท้ังหลายเปนผูไ มม โี รคมอี ายุยืนดว ยเหตนุ ้ัน. อายยุ อ มเจริญดวยอํานาจฤดแู ละโภชนะดว ยประการฉะน.้ี
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 79 ในบรรดาพระผมู ีพระภาคเจา เหลานัน้ พระผมู พี ระภาคเจา พระนามวาวิปสสีทรงอบุ ตั ิในขณะท่ีสตั วม ีอายุ ๘๐,๐๐๐ ป พระสิขี ทรงอุบตั ใิ นขณะท่ีสัตวมอี ายุ ๗๐,๐๐๐ ป ดังนั้น ทา นกําหนดอายนุ ี้ไว คลา ยกับเสอื่ มไปโดยลาํ ดบัแตไมใ ชเส่อื มอยางนั้น. พึงทราบวา อายุเจริญ เจรญิ แลวเสอื่ ม. ถามวาอยางไร. ตอบวา ในภัทรกัปนี้กอน พระผูม พี ระภาคเจาพระนามวา กกสุ นั ธะทรงอุบตั ใิ นขณะที่สตั วม อี ายุ ๔๐,๐๐๐ ป กําหนดอายุไว ๕ สว น ดาํ รงอยู๔ สวน เมือ่ ถงึ สว นท่ี ๕ ก็ปรินิพพาน. อายนุ นั้ เสือ่ มถึงกาลกริ ิยาเมือ่อายุ ๑๐ ป แลว เจรญิ อกี เปน อสงไขย จากน้ันกเ็ สื่อมดํารงอยูในขณะที่สตั วมอี ายุ ๓๐,๐๐๐ ป. กาลนัน้ พระผมู พี ระภาคเจาพระนามวา โกนาคมนะทรงอุบตั ิ. แมเม่อื พระโกนาคมนะนิพพานแลว อยา งนัน้ อายุน้นั เสอ่ื มถึงกาลกริ ยิ าเมื่ออายุ ๑๐ ป แลว เจริญอกี เปน อสงไขย เสอื่ มอกี ดาํ รงอยใู นขณะทีส่ ัตวมอี ายุ ๒๐,๐๐๐ ป. กาลน้ัน พระผูมพี ระภาคเจาพระนามวา กสั สปะ ทรงอุบตั ิ. แมเม่ือพระกสั สปะน้ันปรินิพพานอยา งนนั้ แลว อายนุ ้ันกเ็ สอ่ื มถงึ กาลกริ ยิ าเม่ือมอี ายุ ๑๐ ป แลว เจรญิ อีกเปนอสงไขยเส่อื มอีกถึงกาลกิริยาเม่ือมอี ายุ๑๐๐ ป. ทีนน้ั พระสัมมาสัมพทุ ธเจาของพวกเราทรงอบุ ตั .ิ อายมุ ิไดเส่อื มลงโดยลาํ ดบั อยา งนัน้ พึงทราบวา เจริญ เจริญแลวจึงเส่อื ม. ในขอนน้ั พึงทราบวา ขอ ทเี่ ม่ือมนษุ ยท ้งั หลายมีอายเุ จริญ พระพุทธเจายอมทรงอบุ ัตนิ ้นั แลเปนกําหนดอายุของพระพทุ ธเจา เหลานน้ั . การกาํ หนดอายจุ บ พึงทราบวนิ จิ ฉัยในการกาํ หนดสถานที่ตรัสรู บทวา ปาฏลิยามเู ล คอื ภายใตต นแคฝอย. ลําตน แคฝอยนัน้ โดยสวนสูงถึง ๑๐๐ ศอก คือ วนั น้ันลาํ ตน พงุ ขึ้นไป ๕๐ ศอกกิง่ ๕๐ ศอก.อน่งึ ตนแคฝอยนัน้ ในวันนนั้ มีดอกดุจตดิ กบั ชอ ปกคลมุ เปนอันเดียวกนัตั้งแตโ คนตน. กลนิ่ ทิพยฟ ุงไป. มิใชดอกแคฝอยตน น้ีตนเดียวเทา นัน้ บาน.
พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 80ตนแคฝอยท้งั หมดในหมนื่ จกั รวาลก็บาน. มิใชแคฝอยอยา งเดียวบาน.บรรดาตน ไมท ั้งหมดในหมื่นจกั รวาลก็บาน เชน กอปทุมบานทก่ี อ กา นปทุมบานทีก่ าน สายปทุมบานทีส่ าย อากาศปทมุ บานบนอากาศบวั หลวง ทําลายพน้ื ดนิผดุ ขน้ึ . แมม หาสมุทรก็ดาดาษไปดว ย ปทุม ๕ ชนิดและดวยบวั ขาบ บวั แดง.ทง้ั หม่นื จกั รวาลไดม ีกลมุ ดอกไมคลา ยธง เกลอ่ื นกลาดไปดวยพวงดอกไมเ นื่องกันและกองดอกไมทร่ี วง ณ ทน่ี ้นั ๆ แพรวพราวไปดว ยดอกไมส ตี า ง ๆ ไดเปนเชนกับสวนนนั ทวนั จิตรลดาวนั มสิ สกวนั และปารสุ กวนั . เปน ดุจยกธงขนึ้ ณ ริมขอบจกั รวาลดานทิศตะวนั ออก จด รมิ ขอบจกั รวาลดา นทิศตะวนัตก. และดจุ ยกธงขนึ้ ณ รมิ ขอบจักรวาลดา นทิศตะวันตก ทศิ ใต ทิศเหนอืจด รมิ ขอบจักรวาลดา นทศิ ใต. ไดเ ปนจกั รวาลอัน สมบรู ณดว ยสิริของกนั และกัน อยา งนี้. บทวา อภสิ มพฺ ุทฺโธ ความวา แทงตลอด คณุ ความเจริญ สิริอนั เปนพุทธะ คอื ตรัสรยู ิ่งซ่ึงอริยสัจ ๔. แมใ นบททงั้ หลายเปน ตนวา ดูกรภิกษุท้งั หลาย พระผูม ีพระภาคเจาพระนานวา สขิ ี เปน พระอรหนั ตสัมมา-สัมพุทธะตรสั รูยง่ิ แลว ณ ดวงไมบุณฑรกิ ดงั น้ี พึงทราบการพรรณนาโดยนัยนี้แล. กบ็ ทวา ปณุ ฑฺ รโี ก ในทนี่ ี้ คอื ตนมะมวงมีรสหวาน. แมต นมะมวงนน้ั ก็มปี ริมาณนัน้ เหมือนกัน. อนงึ่ ในวนั นั้นตน มะมวงน้ันกป็ กคลมุ ไปดว ยดอกอนั เปน ทพิ ยแ ละมีกล่นิ หอม. ไมใ ชดอกอยา งเดียว. ไดมผี ลดกดว ย.มะมวงนั้น ขางหนึง่ ผลออ น ขางหนงึ่ ผลปานกลาง ขางหน่ึงผลยังไมแ กจ ดัขางหนึ่งผลแกจัดมีรสอรอย มโี อชะดุจใสท พิ ยโอชะลงไปหอยยอ ยลง. ตน มะ-มวงน้ันฉนั ใด ในหมืน่ จกั รวาลกฉ็ นั นน้ั ตนไมท ่อี อกดอกกไ็ ดประดับดว ยดอกตนไมท ี่ออกผลกไ็ ดประดับดว ยผล.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 81 บทวา สาโล คือตน สาละ. แมตน สาละนน้ั ก็มีปริมาณน้นั เหมือนกัน.พึงทราบดอกสริ ิความเจริญอยอู ยา งน้ันเหมือนกัน. แมในตน ไมซ ึกกน็ ัยน้เี หมอื นกัน ในตน มะเดือ่ ไมมีดอกความงอกงามของผลในตน มะเดือ่ นีม้ นี ัยกลาวแลว ในตนมะมวงนน้ั แล. ในตนไทรกอ็ ยางเดียวกันในโพธใ์ิ บกอ็ ยางเดยี วกัน. บลั ลงั กข องพระพุทธเจา ทุกพระองคอยา งเดยี วกนั . แตต น ไมเปน อยางอื่น. ในบรรดาตนไมเ หลานน้ั พระพุทธเจา ทัง้ หลายยอมทรงรแู จง ถงึ การตรัสรูกลา วคือมรรคญาณ ๔ ณ ควงไมใด ๆ ไมน ัน้ ๆ ทานเรยี กวา โพธ.ิ น้ีช่อืวา กําหนดสถานท่ตี รัสร.ู พึงทราบวินิจฉัยในการกาํ หนดสาวก. บทวา ขณฑฺ ตสิ ฺส คอืสาวกชอ่ื วา ขณั ฑะและติสสะ. ทานท้งั สองนนั้ ทานขณั ฑะรว มบิดาเดยี วกนัเปน นอ ง ทา นติสสะเปน ปโุ รหติ . ทา นขัณฑะบรรลุทส่ี ดุ แหง ปญ ญาบารมีทานติสสะบรรลุทส่ี ุดแหงสมาธบิ ารมี. บทวา อคฺค อธบิ ายวา เปนผูสูงสุดเพราะความเปนผมู คี ณุ ไมเหมือนกบั ผทู ีเ่ หลอื ยกเวนพระผูมพี ระภาคเจา พระนามวา วปิ ส ส.ี บทวา ภทฺทยคุ อธิบายวา ชือ่ วาคเู จริญเพราะความเปนผูเลศิ . บทวา อภิภสู มฺภว คอื สาวกชือ่ วา อภิภู และ สัมภวะ ทา นทัง้สองนน้ั ทา นอภภิ บู รรลุทสี่ ุดแหง ปญญาบารมีไปสพู รหมโลก จากอรณุ วดีกบั พระผมู ีพระภาคเจาพระนามวา สขิ ี แลวแสดงปาฏิหาริยหลายอยางแกพรหมบริษัท แสดงธรรมแผไปทั่วหมื่นโลกธาตใุ หมืดมดิ แลวสองแสงสวางแกผ ูที่เกดิสงั เวชวาน้อี ะไรกัน แลว อธษิ ฐานวา ขอใหชนท้งั ปวงจงเห็นรปู ของเราและจงไดย ินเสียงของเราดังน้ี ไดก ลา วสองคาถา วาทานทง้ั หลายจงเร่มิ ไดด งั นี้เปนตน ใหไดยนิ เสยี ง. ทานสัมภวะไดบรรลุทส่ี ดุ แหงสมาธิบารมี. บทวา โสณตุ ตฺ ร คือพระสาวกชอื่ วา โสณะและพระอตุ ตระ. ในทานทั้งสองนัน้ ทานโสณะบรรลุปญ ญาบารมี ทานอุตตระบรรลสุ มาธิบารมี.
พระสุตตันตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 82 บทวา วิธรู สชฺ วี คือ พระสาวกชอื่ วา วธิ รู ะ และสญั ชีวะ ในทานทั้งสองน้ัน ทานวธิ ุระบรรลปุ ญญาบารมี. ทานสญั ชวี ะบรรลุสมาธบิ ารมี เปนผูมกั เขา สมาบตั พิ ยายามดวยกําลังสมาบัติในทพี่ กั กลางคนื ท่พี ักกลางวัน กุฎี ถํ้าและมณฑปเปน ตน เขา นโิ รธในปา ตลอดวัน. พวกทํางานในปา เปน ตนเขาใจวา ทา นมรณภาพจึงพากนั เผาทา น. ทา นสญั ชวี ะนนั้ ครั้นออกจากสมาบตั ิตามกําหนด หมคลุมเขา ไปยังบานเพ่อื บณิ ฑบาตร. อาศยั เหตนุ ้นั แล ชนทง้ั หลายจงึ รจู กั ทา นวา ทานสัญชีวะ ดังน.้ี บทวา ภยิ ฺโยสุตฺตร คือ พระสาวกช่ือวา ภิยโยสะและอุตตระ. ในทานทัง้ สองนัน้ ทา นภิยโยสะเปน ผเู ลศิ ดวยปญ ญา ทานอุตตระเปน ผเู ลศิ ดวยสมาธ.ิ บทวา ติสฺสภารทฺวาช คอื พระสาวกช่ือวาติสสะ และภารัทวาชะ.ในทา นทงั้ สองนั้น ทา นตสิ สะไดบ รรลุปญญาบารมี ทา นภารทวาชะไดบ รรลุสมาธบิ ารม.ี บทวา สารปี ุตตฺ โมคคฺ ลฺลาน คอื พระสาวกช่ือวา สารบี ตุ ร และโมคคลั ลานะ. ในทานทั้งสองนนั้ ทานสารีบตุ รไดเปนผเู ลศิ ในทางปญญา ทา นโมคคลั ลานะไดเ ปนผูเลิศในทางสมาธ.ิ น้ีชอื่ วา กําหนดคอู คั รสาวก. พึงทราบวินจิ ฉัยในการกาํ หนดการประชมุ สาวก. การประชุมครั้งแรกของพระผูมพี ระภาคเจา พระนามวาปสสีไดป ระกอบดวยองค ๔. คือภิกษทุ ง้ัหมดเปน เอหิภิกษุ ภกิ ษทุ ั้งหมดมีบาตรและจีวรบงั เกดิ ดวยฤทธิ์. ภกิ ษทุ ั้งหมดไมไ ดน ดั หมายกนั มา. อนง่ึ ภิกษเุ หลา น้ันมาประชมุ กนั ในวันอุโบสถข้ึน ๑๕ คํ่า.ลาํ ดับนั้น พระศาสดา ประทบั นั่งจบั พดั ยงั ภกิ ษใุ หล งอโุ บสถ. ครง้ั ท่ี ๒ ครงั้ ท่ี ๓กนั นัยนีแ้ ล. ในการประชมุ ทั้งหมดของพระพทุ ธเจา ทั้งหลายท่เี หลอื ก็เปน อยางนนั้ . กแ็ ตว าพระผูม ีพระภาคเจา ของเราท้ังหลายไดม กี ารประชุมในปฐมโพธกิ าล
พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 83เทา นั้นเพราะเหตใุ ด, พระสูตรน้ีทา นกลาวไวแลว ในภาคอ่ืน เพราะฉะน้นั ทา นจึงกลา ววา ดกู รภิกษทุ งั้ หลาย การประชุมสาวกของเราในบดั น้ี ใหม ีหนเดียวดงั น้ันการประชมุ จึงจบ. ในบทวา อฑฒฺ เตรสานภิ ิกขฺ สุ ตานิ ความวา ภิกษุ ๑,๒๕๐ รปู คือบุราณชฎลิ ๑,๐๐๐ รปู ปรวิ ารพระอคั รสาวก ๒๕๐ รูป. ในบรรดาภกิ ษเุ หลาน้นัควรกลา วถึงเร่ืองต้ังแตอภนิ หิ ารของพระอัครสาวกทงั้ สองแลว แสดงถงึ การบรรพชา. อนงึ่ บรรดาบรรพชิตเหลา น้ัน พระมหาโมคคลลั านะบรรลพุ ระอรหัตในวนั ทีเ่ จด็ . พระธรรมเสนาบดี เมื่อพระผมู พี ระภาคเจาทรงแสดงเวทนา-ปริคคหสูตรอนั เปนธรรมยาคะที่เตรยี มไว แกทฆี นขปรพิ าชก ผูเปนหลาน ณถาํ้ สกู รขาตาทา มกลางภูเขาคชิ ฌกูฏ ในวนั ที่ ๑๕ สง ญาณไปเพอ่ื รูตามโดยระลกึไปตามเทศนา ไดบรรลสุ าวกบารมญี าณ. พระผมู พี ระเจาทรงทราบถึงการบรรลพุ ระอรหัตของพระเถระแลว เสดจ็ขนึ้ ไปยังเวหาสไปปรากฏ ณ พระวิหารเวฬุวนั . พระเถระรําพงึ วา พระผูมีพระเจาเสด็จไปไหนหนอ ครั้นทราบความทพี่ ระองคป ระดษิ ฐานอยู ณ พระวิหารเวฬวุ ันแมท านเองก็เหาะสเู วหาสไปปรากฏ ณ พระวิหารเวฬุวันเหมือนกนั . ลาํ ดับนัน้พระผมู ีพระภาคเจา ทรงประกาศปาติโมกข (หลกั คําสอน) พระผูมีพระภาคเจาทรงหมายถึงการประชมุ นั้น จงึ ตรัสวา ภิกษุ ๑,๒๕๐ รปู เปนตน. น้ีคือกาํ หนดการประชมุ ของพระสาวก. พงึ ทราบวินิจฉัย ในการกําหนดอุปฐากตอ ไป. บทวา พระอานนททานกลา วหมายถงึ ความท่พี ระอานนทเถระ เปนอปุ ฐากประจํา. เพราะวา ในปฐมโพธกิ าล พระผมู พี ระภาคเจาไดม ีพระอปุ ฐากไมป ระจาํ . บางคราว พระนาค-สมาละถือบาตรและจีวรตามเสดจ็ . บางคราวพระนาคติ ะ. บางคราวพระอปุ วาณะ.บางคราวพระสุนักขัตตะ. บางคราวจนุ ทสมณเุ ทส บางคราวพระสาคตะ บางคราวพระเมฆิยะ.
พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 84 ในบรรดาทา นเหลา นั้น บางคราวพระผมู พี ระภาคเจา เสดจ็ ไปทางไกลกับพระนาคสมาลเถระ เสดจ็ ถงึ ทางสองแพรง. พระเถระหลกี ออกจากทางกราบทูลวา ขาแตพ ระผูมพี ระภาคเจา ขา พระองคจ ะไปตามทางนี้. ทนี ้นั พระผูมีพระภาคเจา ตรัสกะพระเถระนั้นวา มาน่ภี กิ ษุเราจะไปทางน้.ี พระเถระนนั้ กราบทลู วา ขาแตพระผมู พี ระภาคเจา ขอพระองครับบาตรและจีวรของพระองคเ ถิดขาพระองคจ ะไปตามทางน้ีแลว กเ็ ตรียมจะวางบาตรและจีวรลงบนพืน้ . ลําดบั น้นัพระผูมพี ระภาคเจา ตรัสกะพระเถระนั้นวา นํามาเถดิ ภิกษแุ ลว ทรงรบั บาตรและจีวรเสดจ็ ไป. เม่ือภิกษนุ ้ันไปอีกทางหนึง่ พวกโจรชิงบาตรแระจวี รไป และศรี ษะ. ภกิ ษุน้ันคิดวา บัดนี้ พระผูมพี ระภาคเจา เปน ท่ีพึง่ ของเรา ไมม ผี อู น่ืแลว ไดม าเฝา พระผูมีพระภาคเจาทัง้ ท่เี ลือดไหล. เม่อื พระผมู พี ระภาคเจาตรสั วาน่ีอะไร ภิกษุ จึงกราบทลู เรอ่ื งทเ่ี กิดขน้ึ นน้ั . ลาํ ดับน้ัน พระผูมีพระภาคเจา ตรสักะภิกษนุ ้ันวา อยาคิดไปเลย ภิกษุ เราหามเธอถึงเหตุนัน้ แลวทรงปลอบภกิ ษุนน้ั . ก็บางคราวพระผมู พี ระภาคเจาไดเ สด็จไปยงั ชันตุคามในวงั สมฤคทายวนั ดา นปาจนี กับพระเมฆยิ เถระ. แม ณ ที่น้ันพระเมฆิยะไปบิณฑบาต ในชันตคุ าม เหน็ สวนมะมว งนาประทบั ใจ ณ ฝง แมน าํ้ กราบทลู วา ขาแตพระ-ผมู พี ระภาคเจา ขอพระองคท รงรับบาตรและจีวรของพระองคไปเถิด ขา พระ-องคจะบาํ เพญ็ สมณธรรมทสี่ วนมะมวงนนั้ แมถ กู พระผมู พี ระภาคเจา ทรงหา มถึง๓ ครั้ง ก็ไปจนได ครัน้ ถูกอกศุ ลวติ กครอบงาํ จงึ กลบั มากราบทลู เหตทุ ่เี กดิ ขึ้นนั้นใหท รงทราบ. พระผูมีพระภาคเจา ตรสั กะพระเมฆิยะวา เรากําหนดรูเหตุนแ้ี กเธอแลวยังไดห ามเธอไว แลว ไดเสดจ็ ไปยังพระนครสาวัตถี โดยลาํ ดับ. ณ พระนครสาวัตถนี ั้น พระผูมพี ระภาคเจาแวดลอ มดว ยหมูภกิ ษุประทับน่ังเหนือพทุ ธอาสนอ นั บวรทป่ี ูไว ณ บรเิ วณคันธกฎุ ี ตรัสเรียกภกิ ษทุ ้ัง
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 85หลายวา ดกู รภกิ ษุทั้งหลาย บดั นี้เราเปน ผูแ ก ภกิ ษุบางรูปเม่ือเราบอกวาเราไปตามทางน้ีกันเถิด ไดไปเสียทางอ่นื บางรูปวางบาตรและจวี รของเราไวบ นพืน้พวกเธอจงเลอื กภกิ ษรุ ปู หนงึ่ เปนอปุ ฐากประจาํ ของเรา. ภิกษุทง้ั หลายเกดิธรรมสังเวช ลาํ ดับนั้น ทานพระสารบี ุตรลุกจากอาสนะถวายบังคมพระผูม ีพระ-ภาคเจาแลว กราบทูลวา ขาแตพระองคผ เู จริญ ขาพระองคต้ังความปรารถนาไวกะพระองค บาํ เพญ็ บารมตี ลอดอสงไขยยิ่งดว ยแสนกปั ธรรมดาอุปฐากมีปญญามากเชน ขา พระองคสมควรมิใชหรือ ขา พระองคจ กั อุปฐากพระองคด ังน.้ี พระผูมพี ระภาคเจา ทรงหามพระสารีบตุ รวา อยาเลย สารบี ุตร เธออยูใ นทิศใด ทศินน้ั ไมว า งเปลาทเี ดียว โอวาทของเธอเชนเดยี วกับโอวาทของพระพทุ ธเจาท้ังหลาย เธอไมต องทําหนาทอ่ี ุปฐากเรา. พระมหาสาวก ๘๐ รปู เรม่ิ แตพ ระมหาโมคคลั ลานะเปน ตน ไดล ุกขน้ึ โดยทาํ นองเดยี วกนั . พระผูม พี ระภาคเจา ทรงหา มพระสาวกเหลา นน้ั ทง้ั หมด. แตพระอานนนเถระ นงั่ นิ่งทีเดียว. ลาํ ดับนัน้ ภกิ ษุทง้ั หลายกลาวกะพระอานนทเถระนั้นอยางนว้ี า ทา นอานนท หมภู กิ ษกุ ราบทลู ขอคาํ แหนงอปุ ฐาก แมทานกจ็ งกราบทลู ขอบา งดังนี.้พระอานนทเถระนน้ั กลาววา ทา นผมู ีอายุทัง้ หลาย ชอ่ื วาการอปุ ฐากท่กี ราบทูลขอแลว ไดมาจะเปน เชน ไร พระศาสดาไมท รงเห็นเราดอกหรอื หากพระองคจักพอพระทัย จกั ทรงบอกวา อานนท จงอุปฐากเราดงั น.ี้ ทนี น้ั พระผมู พี ระภาค-เจาตรัสวา ดกู รภกิ ษุทั้งหลาย อานนทไมควรใหผ อู ่ืนสง เสรมิ จกั รูดว ยตนเองแลวอุปฐากเรา. แตนัน้ ภิกษทุ ั้งหลายกลาววา ทานพระอานนทลุกข้ึนเถดิ จงกราบทูลขอตาํ แหนง อุปฐากกะพระทศพล. พระเถระลกุ ขึ้นกราบทูลขอพร ๘ประการคอื ขอหา ม ๔ ขอ ขอขอรอ ง ๔ ขอ . พึงทราบขอหา ม ๔ ขอ. พระอานนทเถระกราบทูลวา ขาแตพระ-องคผูเจริญ หากพระผมู ีพระภาคเจา จักไมประทานจวี รอันประณตี ท่พี ระองค
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 86ไดมาแกข า พระองค จกั ไมประทานบิณฑบาต จกั ไมใ หอ ยูใ นคนั ธกฎุ เี ดยี วกนัรับนิมนตแลวจักไมไ ปรว มกันดวยประการฉะน้ี ขา พระองคจักอุปฐากพระผูมีพระภาคเจาดงั น้ี เมอ่ื พระผมู พี ระภาคเจาตรสั วา ดกู รอานนท ก็เธอเหน็ โทษอะไรในขอนี้ กราบทูลวา ขาแตพ ระองคผเู จรญิ หากขา พระองคจักไดส ิ่งเหลานี้จกั มีผูกลา วหาแกข า พระองควา พระอานนทใ ชจ วี รอนั ประณตี ทีพ่ ระทศพลไดแลว ฉันบณิ ฑบา อยใู นคนั ธกุฎีเดยี วกัน ไปสทู นี่ มิ นตร ว มกนั เมอ่ื ไดล าภน้ีจึงอปุ ุฐากพระตถาคต เมือ่ อปุ ฐากอยา งนี้จะหนกั หนาอะไร. พระอานนทเถระกราบทลู ขอขอหา ม ๔ ขอ เหลา น้.ี พึงทราบขอ ขอรอง ๔ ขอ. พระอานนทเถระ กราบทูลวา ขาแตพระองคผูเจริญ หากพระผมู ีพระภาคเจา จักเสด็จไปสูทนี่ ิมนตที่ขา พระองคร บั ไวหากขา พระองคจกั ไดเ ฝาพระผูมพี ระภาคเจาในขณะที่บริษัทมาจากภายนอกแควนภายนอกชนบทเพื่อเฝา พระผมู พี ระภาคเจามาถึงแลว ขณะใดความสงสยั เกิดขึน้แกขาพระองค ขณะนัน้ ขา พระองคจ ักไดเ ขา เฝาพระผมู พี ระภาคเจา พระผูม ีพระภาคเจาทรงแสดงธรรมขอ ใดลบั หลังขา พระองค ครัน้ เสด็จกลับมาแลว จักทรงแสดงธรรมขอน้ันแกขา พระองค ดวยประการฉะนี้ ขาพระองคจ กั อุปฐากพระผมู พี ระภาคเจา ดังนี้ เมื่อพระผมู ีพระภาคเจา ตรัสวา อานนท เธอเห็นอานิสงสอะไรในขอ น้ี กราบทลู วา ขาแตพระองคผูเจริญ กุลบตุ รทงั้ หลายผูมีศรัทธาในพระศาสนาน้ี เม่ือไมไ ดโอกาสของพระผูม พี ระภาคเจา ยอมกลา วกะขาพระองคอยา งน้ีวา ขา แตทานพระอานนท วนั พรุงนโ้ี ปรดรบั ภกิ ษาในเรือนของพวกกระผมพรอมดว ยพระผมู พี ระภาคเจา ดังน้ี ขาแตพระองคผูเจริญหากวา พระผมู ีพระภาคเจา จกั ไมเ สด็จไป ณ ทน่ี ้ัน ขาพระพทุ ธเจา จกั ไมไ ดโอกาสเพอื่ ช้ีแจงกะบรษิ ัทในขณะท่ีเขาปรารถนาและเพือ่ บนั เทาความสงสัยจกั มผี ูกลาววา อะไรกันพระอานนท อปุ ฐากพระทศพล แมเ พยี งเทานี้
พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 87พระผมู พี ระภาคเจา กไ็ มท รงทาํ การอนเุ คราะหแ กพ ระอานนท ดงั นี้ อนึง่ชนท้ังหลายจักถามขาพระพุทธเจา ลบั หลงั พระผูม ีพระภาคเจาวา ขาแตท านพระอานนท พระผมู พี ระภาคเจา ทรงแสดงคาถานี้ สูตรนี้ ชาดกนี้ในท่ีไหน ดังน้ีหากขา พระองคจ กั ชแ้ี จงขอ นัน้ ไมได จักมผี กู ลาววาแมเพยี งเทาน้ี ทานก็ยังไมรูทานไมล ะพระผูมพี ระภาคเจาดุจเงาเที่ยวไปตลอดกาลนาน เพราะเหตุไรดงั นี้ดว ยเหตนุ นั้ ขา พระองคปรารถนาจะกลา วธรรมแมทีพ่ ระองคท รงแสดงลบั หลังอีกครั้ง. พระอานนทก ราบทลู ขอขอ ขอรอ ง ๔ ขอน้ี. แมพ ระผมู ีพระภาคเจากไ็ ดท รงประทานแกพ ระอานนทน น้ั . พระ-อานนทคร้นั รบั พร ๘ ประการเหลา นี้แลว ก็ไดเ ปน อปุ ฐากประจาํ ดว ยประการฉะน้.ี พระอานนทบ รรลุผลแหง บารมีทบี่ าํ เพ็ญมาตลอด แสนกปั เพือ่ ตําแหนงนัน้ . พระผมู ีพระภาคเจาตรสั วา ดกู รภกิ ษุทั้งหลาย บัดนภ้ี กิ ษุอานนทผ เู ปนอปุ ฐากของเราไดเ ปนอปุ ฐากผเู ลศิ ดังน้ี หมายถงึ ความทีพ่ ระอานนทน ี้เปนอุปฐากประจําน้นั . นีเ้ ปนการกาํ หนดอปุ ฐาก. การกาํ หนดบิดามีความงา ยอยูแ ลว. บทวา วหิ าร ปาวสิ ิ ความวา พระผูม พี ระภาคเจา เสดจ็ เขา ไปสูว หิ ารเพราะเหตุอะไร นัยวา พระผมู พี ระภาคเจา คร้ันตรัสดงั น้ันแลว ทรงดาํ ริวาเราบรรลุถงึ ท่ีสุดอันหาระหวางมไิ ดแลว ยงั ไมได กลาวถึงวงศข องพระพุทธเจาท้ังหลาย ๗ พระองคเ ลย ก็เม่อื เราเขา ไปยงั วิหาร ภิกษุเหลา น้ไี ดปรารภถงึบพุ เพนวิ าสญาณโดยประมาณอนั ย่ิงแลวจักกลาวถงึ คุณ เม่อื เปนเชน นั้น เรามากลา วถงึ พุทธวงศอันหาระหวางมไิ ด ใหภิกษุทัง้ หลายบรรลถุ งึ ที่สดุ แลว จกั แสดงดังน้ี ทรงใหโอกาสภกิ ษุท้ังหลายสนทนากนั จึงเสด็จลุกจากอาสนะเขา สพู ระวิหาร.พระผูม พี ระภาคเจาตรัสแบบอนั ใดไว วาระ ๙ เหลานีม้ าแลว ในแบบแผนน้ัน คือกําหนดกัป กําหนดชาติ กําหนดโคตร กําหนดอายุ กาํ หนดการตรัสรู กําหนด
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 88คสู าวก กําหนดการประชมุ สาวก กาํ หนดอปุ ฐาก กําหนดบิดา. วาระหลายอยา งยงั ไมม าถงึ แตจะนํามาแสดง. จรงิ อยู เมื่อบุตรสมควรแกตระกูลและวงศห น่ึงของพระโพธสิ ตั วทง้ั ปวงเกดิ แลว ควรออกบวชน้แี ลเปนวงศ นเี้ ปนประเพณี. ถามวา เพราะเหตไุ รตอบวา เพราะวา ตง้ั แตก ารหยงั่ ลงสคู รรภของมารดาของพระโพธิสตั วผูเปนพระสพั พญั ทู ้งั หลายมีปาฏิหาริยห ลายอยา งดงั ไดก ลา วแลว ในตอนกอน ผวิ าเมืองเกดิ บิดามารดาภรรยาบตุ รของพระโพธสิ ตั วเหลา นั้นไมพงึ ปรากฏ เมอื งเกิดบดิ าบตุ รของบุคคลนก้ี ไ็ มป รากฏ. ผนู ้เี ห็นจะเปน เทวดา ทา วสักกะมารหรือพรหม และสาํ คัญวาปาฏิหารยิ เชนน้ขี องเทวดาทั้งหลายไมน าอศั จรรย พงึ สําคัญถงึ ปาฏิหาริยอนั ไมค วรฟงไมควรเชอื่ . แตนัน้ การตรัสรูไมพึงมี เม่ือไมมกี ารตรสั รู การอบุ ัตขิ องพระพุทธเจากไ็ มม ีประโยชน คําสอนกไ็ มนาํ ใหพนไปจากทกุ ข เพราะฉะนัน้เม่อื บุตรสมควรแกต ระกูลและวงศข องพระโพธิสตั วท ั้งปวงเกดิ ควรออกบวชน้ีแลเปนวงศ นเี้ ปนประเพณ.ี เพราะฉะนน้ั ควรนําวาระหลาย ๆ อยางมาแสดงดว ยสามารถแหงบุตรเปนตน . ในสมั พหุลวาระพึงทราบ บตุ รท้ัง ๗ ตามลาํ ดับของพระพุทธเจา ๗พระองคเหลาน้ีกอน คือ สมวัตตักขนั ธะ อตุละ สปุ ปพุทธะ อุตตระ สตั ถวาหะวชิ ติ เสนะ ราหุลเปนท่ี ๗, ในบรรดาบตุ รเหลา น้ัน เมือ่ เจา ชายราหุลประสูติพวกราชบรุ ุษนําหนงั สือบอกขาว มาวางไวบ นพระหตั ถข องพระมหาบุรุษ.ลาํ ดับน้นั ความสเิ นหาในพระโอรสทําใหพระวรกายทุกสวนของพระมหาบรุ ษุซาบซา น. พระมหาบรุ ุษดาํ รวิ า เมอื่ บุตรเกิดเพียงคนเดียว ความสิเนหาในบุตรยังเปน ถึงเพียงนี้ ถาเราจกั มีบตุ รกวา ๑,๐๐๐ คน ในบุตรเหลานน้ั
พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 89เมือ่ คนหน่ึงเกิดความผูกพนั ดวยสิเนหาเพ่ิมมากขึ้นอยางนี้ หัวใจจักแตกสลายเปน แท เพราะเหตนุ น้ั พระองคจ ึงตรัสวา หวงเกดิ แลว เคร่ืองผูกพันเกดิแลว . ในวนั น้นั เองพระมหาบรุ ษุ ทรงสละราชสมบัตอิ อกทรงผนวช. ในการเกดิบุตรของพระโพธิสตั วท ุกองคม นี ัยนี้แล นี้ การกาํ หนดบุตร บุตรแมท ้งั ๗ เหลา น้ัน ไดม มี ารดาเหลานี้คือ พระนางสตุ ตนา พระนางสัพพกามา พระนางสจุ ติ ตา พระ-นางโรจนี พระนางรุจจตินี พระนางสุนันทา และพระนางพิมพาเปนองคท ี่ ๗. กพ็ ระนางพมิ พาเทวี เมื่อราหลุ กุมารประสูติ ไดปรากฏชือ่ วาราหลุ มารดา. น้ี การกําหนดภรรยา. ก็พระโพธสิ ตั ว ๒ องคน ี้คอื พระวปิ สสี พระกกสุ ันธะ เสดจ็ ข้นึรถเทยี มดว ยมาอาชาไนย เสดจ็ ออกมหาภิเนษกรมณ. พระโพธิสัตว ๒ องคคือ พระสิขี พระโกนาคมนะ ประทับบนคอชา งประเสริฐออกทรงผนวช.พระเวสสภโู พธิสตั วป ระทับนง่ั บนวอทองออกทรงผนวช. พระกัสสปะประทบันั่งบนพนื้ มหาปราสาท ยงั อานาปานจตตุ ถฌานใหเกิด ออกจากฌานแลวการทําฌานนั้นใหเ ปน บาท ทรงอธิษฐานวา ปราสาทจงไปหย่ังลง ณ โพธิมณฑลปราสาทไปทางอากาศแลวหยั่งลง ณ โพธมิ ณฑล. แมพ ระมหาบรุ ษุ ลงจากปราสาทนั้น ประทับบนพ้นื ทรงอธษิ ฐานวา ปราสาทจงไปตัง้ อยู ณ ท่เี ดมิ .ปราสาทนั้นกต็ องอยใู นทเี่ ดิม. แมพระมหาบุรษุ กท็ รงประกอบความเพียรตลอด๗ วัน ประทับนง่ั ณ โพธบิ ัลลงั กไ ดตรัสรูพระสัพพัญุตญาณ. ก็พระโพธิสัตวของเราทั้งหลาย เสดจ็ ประทบั มา กณั ฐกะออกทรงผนวช. น้ี การกําหนดยาน. วหิ ารของพระผูมพี ระภาคเจาพระนามวาวปิ ส สี ตั้งอยใู นเนอื้ ทีป่ ระมาณโยชนห นึง่ . ของพระสขิ ี ๓ คาวุต. ของพระเวสสภกู ึง่ โยชน ของพระกกุสันธะคาวตุ หนงึ่ ของพระโกนาคมนะกง่ึ คาวุต ของพระกัสสปะ ๒๐ อุสภะ. วิหาร
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 90ของพระผูม พี ระภาคเจาของเราตั้งอยใู นเน้ือท่ี ๑๖ กรสี โดยวดั ตามปกติ ๘ กรีสโดยวัดของหลวง. น้ี การกาํ หนดพระวหิ าร. เศรษฐที ้ังหลายใหช างทําอิฐทองคํา ยาว ๑ ศอก กวาง ๑ คบื สงู๘ นิ้ว ปโู ดยสวนขวางแลว ซอ้ื สรางท่ีอยถู วายแดพ ระผมู พี ระภาคเจาพระนามวาวิปส ส.ี ปดู วยผาลไมเ สา ทองคาํ ซอ้ื ถวายแดพระผูมีพระภาคเจา พระนามวา สขิ ี.ใหชา งทาํ เทาชางทองคาํ ปโู ดยขวาง ซ้อื ถวายพระผูมพี ระภาคเจา พระนามวาเวสสภู. ปดู ว ยอฐิ ทองคาํ ตามนัยท่กี ลาวแลว ซอ้ื ถวายพระผูมพี ระภาคเจาพระนามวา กกสุ ันธ. ปดู วยเตาทองคาํ ตามนัยกลาวแลว ซ้อื ถวายแดพระผมู ีพระภาคเจา พระนามวา โกนาคมนะ. ปูดวยทองแทง ซ้อื ถวายแดพระผมู ีพระภาคเจาพระนามวากสั สปะ. และปูโดยขวางแหง กหาปณะอันมเี ครื่องหมายซ้อื ถวายแดพ ระผมู พี ระภาคเจา ของเราท้ังหลาย. น้ี กําหนดในการถือพื้นที่สรา งวหิ าร. อุปฐากผูท่ซี อ้ื พ้นื ทท่ี ําใหเ ปนวหิ ารถวายแดพ ระผูมีพระภาคเจา พระนามวา วปิ ส สีน้ัน ชอ่ื ปุนัพพสุมติ ตะ. ถวายพระผมู พี ระภาคเจาพระนานวา สิขี ชือ่สริ วิ ฑั ฒ. ถวายพระเวสสภู ชื่อ โสตถยิ ะ. ถวายพระกกุสนั ธะ ชอ่ื อัจจตุ ะ.ถวายพระโกนาคมนะ ชอื่ อุคคะ. ถวายพระกสั สปะ ช่ือ สุมนะ. ถวายพระผูมีพระภาคเจา ของเราทัง้ หลาย ชอ่ื สทุ ัตตะ. กอ็ ปุ ฐากเหลานั้นทง้ั หมดไดเ ปนเศรษฐคี หบดมี หาศาล. นี้ กาํ หนดอุปฏฐาก. ยงั มสี ถานทีอ่ ื่นอีก ๔ แหง . อันเปนสถานที่ทจ่ี ะเวน เสยี มไิ ด คือ โพธิบลั ลังกของพระพทุ ธเจา ทัง้ หมด เวนไมไดยอมมีในทีเ่ ดียวเทานั้น. การแสดงพระธรรมจักรในปาอสิ ปิ ตนมฤคทายวนั เวน ไมไดเ ลย. การเหยียบพระบาทครงั้ แรก ณ ประตูสงั กัสสนคร ตอนเสด็จลงจากเทวโลก เวนไมไ ดเลย. ทต่ี ง้ัเทาเตียง ๔ ทใ่ี นพระคนั ธกฏุ ี ในเชตวนั มหาวหิ าร เวนไมไดท ีเดยี ว. ก็แตว า
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 91วหิ ารมีเลก็ บางใหญบ า ง. แมว หิ ารก็เวน ไมได. แตน ครเวนได. กาลใดนครอยูดานปาจนี กาลน้นั วหิ ารอยูด า นปจฉมิ . กาลใดนครอยูดา นทักษณิ กาลนนั้วิหารอยูดา นอดุ ร. กาลใดนครอยดู านปจฉิม กาลน้นั วหิ ารอยดู านปาจีน.กาลใดนครอยดู านอุดร กาลนน้ั วหิ ารอยดู า นทักษิณ. กบ็ ดั น้ี นครอยูดา นอุดรวหิ ารอยูดา นทักษณิ . อนง่ึ พระพทุ ธเจา ทุกพระองคมีความตา งกนั อยู ๕ อยางคอื ตา งกันโดยอายุ ตา งกันโดยประมาณ ตา งกันโดยตระกลู ตางกันโดยความเพยี ร ตางกันโดยรัศม.ี พระพทุ ธเจาบางพระองคม ีพระชนมายุยนื บางพระองคมพี ระชนมายุนอ ยชือ่ วา ตา งกันโดยอายุ. เปน ความจรงิ อยางน้นั พระพทุ ธเจา พระนามวา ทีปง กรไดมีพระชนมายปุ ระมาณแสนป. พระผมู ีพระภาคเจา ของพวกเราไดม พี ระชนมายปุ ระมาณ ๑๐๐ ป. พระพุทธเจา บางพระองคส ูง บางพระองคเต้ียชอ่ื วา ตา งกนั โดยประมาณ. เปนความจรงิ อยางนน้ั พระทีปงกร สูง ๘๐ ศอกพระสมุ นะ สงู ๙๐ ศอก แตพระผูม ีพระภาคเจา ของเราทัง้ หลาย สงู ๑๘ ศอก.บางพระองคทรงอบุ ัติในตระกลู กษัตริยบางพระองคทรงอุบตั ใิ นตระกูลพราหมณชอ่ื วา ตางกันโดยตระกลู . ความเพียรของบางพระองคม เี วลาส้ัน เชน พระผูมพี ระภาคเจา พระนามวา กสั สปะ ของบางพระองคยาวนานด่ังเชน พระผมู ีพระภาคเจาของเราทั้งหลาย ชื่อวา ตา งกนั โดยความเพยี ร. พระรัศมจี ากพระวรกายของพระผมู พี ระภาคเจา พระนามวา สุมงั คละ ประมาณ หมืน่ โลกธาตุ. ของพระผูมีพระภาคเจาของเราประมาณวาหน่งึ โดยรอบ ช่อื วาตางกนั โดยรศั มี ในความตา งกันนั้น ตางกนั โดยรัศมีเก่ยี วกับพระพุทธประสงค. พระพุทธเจาพระองคใดทรงมีพระประสงคเทา ใด รัศมีจากพระวรกายของพระพุทธเจา พระองคน นั้ยอมแผไ ปเทา นนั้ . รศั มีจากพระวรกายของพระผูมีพระภาคเจา พระนามวาสุมังคละยอ มแผไป หมน่ื โลกธาตเุ ปน นจิ ดงั น้ีไดเปน พระพทุ ธประสงค. แต
พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 92ช่อื วา ความตางกันในคณุ คือ การตรัสรไู มม .ี โบราณกบัณฑติ แสดงเร่ืองอ่นื อกีเชน กาํ หนดสหชาต และกําหนดนักษัตรของพระผูมีพระภาคเจาของเราทัง้ หลาย. บคุ คลและสง่ิ ทเี่ กดิ รวมกับพระสัพพัญูโพธิสตั ว ๗ เหลา น้ี คือ ราหุล-มารดา พระอานนทเถร พระฉันนะ มา กัณฐกะ หมอขมุ ทรพั ย ตน มหาโพธิพระกาฬทุ าย.ี อน่งึ พระมหาบรุ ษุ ทรงปฏสิ นธิในพระครรภข องพระมารดาเสด็จออกมหาภเิ นษกรมณ ทรงแสดงพระธรรมจักร ทรงกระทาํ ยมกปาฏิหาริยในฤกษอุตตราสาฬหะ ประสตู ิ ตรสั รู และปรินพิ พาน โดยฤกษว ิสาขะ.ประชมุ พระสาวก และทรงปลงอายสุ งั ขารโดยฤกษม าฆะ. เสด็จลงจากเทวโลกโดยฤกษอ สั สยุชะ พงึ นํามาแสดงเพียงเทา น.้ี น้ี กําหนดหลายวาระ. บัดนี้ พงึ ทราบความในบทวา อถโข เตส ภกิ ฺขนู เปน ตน ภกิ ษุเหลานนั้ เกิดความประหลาดใจยงิ่ นักวา ทานผมู ีอายุ พระผูมพี ระภาคเจาทรงกลา วถงึ การเขาสปู ฏสิ นธิต้ังแตจ ตุ ิ การสงญาณยอนหลงั ตง้ั แตปฏสิ นธไิ ปถึงจุติอันเปนทางของบุพเพนวิ าส อนั นี้หนกั มาก ดุจทรงช้รี อยเทาบนอากาศ แลวจึงกลา ววา ดกู รผมู ีอายทุ ั้งหลาย นาอศั จรรยจ รงิ เมอ่ื จะแสดงเหตุแมอ น่ื อีกจึงกลา ววา ยตฺร หิ นาม ตถาคโต ดังน้ี บทวา ยตฺร หิ นาม เปน นบิ าตใชใ นความวานาอัศจรรย. อธิบายวาพระตถาคต พระองคใดเลา. ในบทวา ฉินฺนปปฺเจ น้ี ความวา กิเลส ๓อยา งเหลา นี้ คือ ตณั หา มานะ ทฐิ ิ ช่อื ธรรมทาํ ใหเ นินชา . บทวา ฉินฺนวฏเม นี้ทานกลา ววฏั ฏะคอื กศุ ลกรรมและอกุศลกรรม วา วฏมะ.บทวา ปรยิ าทินนฺ วฏเ ฏเปน ไวพจนของบทวา ฉินนฺ วฏเมนัน้ นัน่ แล. อธิบายวาควบคมุ วัฏฏะ คือกรรมทัง้ หมดไดแลว. บทวา สพพฺ ทกุ ฺขวีตวิ ตฺเต ไดแ ก ลวงทกุ ข กลาวคือวิปากวฏั ฏะ ท้งั หมด.
พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 93 บทวา อนสุ สฺ ริสสฺ ติ นี้เปน คํากลาวถึงอนาคต ดวยอ านาจของนิบาตวา ยตรฺ หิ ดงั น.้ี ก็ในบทนี้พึงทราบอธิบายดว ยสามารถแหง อดีต จริงอยูพระผมู พี ระภาคเจา ทรงระลกึ ถงึ พระพุทธเจาท้งั หลายเหลาน้ันแลว ไมใ ชจ กัระลึกถึงในบัดน้ี. บทวา เอว สลี า ความวา มีศลี อยา งนโ้ี ดย มรรคศลี ผลศีล โลกยิ ศีลโลกุตตรศลี . บทวา เอว ธมฺมา ความวา ธรรมเปน ฝา ยสมาธนิ นั่ แล ทานประสงคใ นบทน.้ี อธบิ ายวา ม้ีสมาธิอยา งนโี้ ดยมรรคสมาธิ ผลสมาธิ โลกิยสมาธิโลกุตตรสมาธ.ิ บทวา เอว ปฺา ความวา มีปญ ญาอยา งน้ดี ว ยสามารถแหงมรรคปญ ญา เปน ตน. บทวา เอว วิหารี อธิบายวา หากมีปญหาวา ก็ในบทนี้ เพราะธรรมฝายสมาธทิ า นยดึ ถือในภายหลงั เปน อนั ยึดถือวิหารธรรมดว ย เพราะเหตุไร จงึยดึ ถือธรรมทย่ี ดึ ถอื อยูแลว อกี เลา. ตอบวา นี้ไมใชเปน การยึดถอื . เพราะบทน้ีทานกลา วเพื่อแสดงถึงนิโรธสมาบัต.ิ เพราะฉะน้นั พระผูมีพระภาคเจาเหลานน้ัไดมีธรรมเปน เครือ่ งอยูค ือนโิ รธสมาบัติ พึงทราบความในบทน้ีอยางน.ี้ บทวา เอว วิมตุ ตฺ า ความวา ความพน ในบทน้มี ี ๕ อยาง คือพน ดวยขม ไว (วกิ ขมั ภนวมิ ตุ ต)ิ พน ชวั่ คราว (ตทังควมิ ตุ ต)ิ พน เด็ดขาด(สมุจเฉทวิมุตต)ิ พนอยางสงบ (ปฏิปสสทั ธวิ มิ ุตติ) พนออกไป (นสิ สรณ-วิมุตต)ิ . ในวิมุตติเหลานัน้ สมาบัติ ๘ จัดเปนวิกขมั ภนวิมตุ ติ เพราะพน จากนิวรณเปน ตน ทข่ี มไวไดเ อง. อนปุ ส สนา ๗ มี อนจิ จานปุ สัสนา เปนตนจัดเปน ตทังควิมตุ ติ เพราะกาํ หนดดวยสามารถเปนขาศึกของธรรมนน้ั ๆ เองเพราะพนจากนจิ จสญั ญาเปนตน เหลา น้ัน. อริยมรรค จัดเปน สมจุ เฉทวิมุตติเพราะพนจากกิเลสทต่ี ดั ขาดแลวเอง. สามญั ญผล ๔ จดั เปนปฏปิ ส สทั ธวิ มิ ุตติเพราะเกดิ ขน้ึ ในทสี่ ดุ แหงการสงบของกเิ ลสดว ยอานภุ าพมรรค. นพิ พานจดั เปน
พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 94นิสสรณวิมตุ ติ เพราะพน คือเพราะปราศจากคอื เพราะต้งั อยไู กลจากกเิ ลสท้ังปวงเพราะเหตุนัน้ พงึ ทราบเนอื้ ความในบทน้วี า พน แลวอยางนดี้ ว ยสามารถแหงวมิ ตุ ติ ๕ เหลานี้. บทวา ปฏิสลลฺ านา วฏุ โิ ต ความวา พระผูม พี ระภาคเจา เสดจ็ ออกจากความเปน ผปู ระทบั อยูพระองคเดยี ว. ถามวา สบื เน่อื งกันอยา งไรจากบทวาอิโต โส ภิกขฺ เว ดังนี้. ตอบวา ก็พระสตู รน้ีพระผมู ีพระภาคเจาทรงเร่มิ ดว ยสองบทเหลานว้ี า ดูกรภกิ ษทุ ง้ั หลาย ตถาคตไดแ ทงตลอดธรรมธาตุนี้ และวาแมทวยเทพก็พากนั กราบทลู ความนแี้ กตถาคตดังน้ี. ในบททัง้ สองน้ัน พระผมู ีพระภาคเจา ทรงแสดงบทกราบทูลของเทวดา จักใครครวญถึงโกลาหลของเทว-จารึกในตอนจบพระสตู ร. พระผูมพี ระภาคเจาทรงปรารภเทศนานดี้ ว ยสามารถการสืบเนือ่ งจากบทธรรมธาต.ุ ในบทเหลา น้ัน พงึ ทราบ ๑๑ บท เปนตนวา ขตฺติโย ชาตยิ า โดยนัยท่กี ลาวไวแลวในนิทานกณั ฑ. บทวา วปิ สสี ในบทเปนตน วา ดูกรภกิ ษทุ งั้ หลายพระโพธิสัตวพ ระนามวาวปิ สสี เปน ชอ่ื ของพระโพธิสัตวอ งคน ้ัน. อนึ่ง ทา นไดชื่อนั้น เพราะเปนผฉู ลาดในการเห็นเน้อื ความหลาย ๆ อยา ง. บทวา โพธสิ ตโฺ ต คือสัตวผ ฉู ลาด สตั วผ ตู รัสร.ู อีกอยางหนง่ึ สตั วผูฝก ใฝค ือมใี จจดจออยูในมรรค ๔ กลาวคอื โพธิ ช่ือวา โพธิสตั ว. ในบทวาสโต สมฺปชาโน นี้ บทวา สโต คอื สตนิ นั้ เอง. บทวา สมปฺ ชาโน คอื ญาณอธบิ ายวา พระโพธิสัตวทรงกระทําสติใหม น่ั กาํ หนดดว ยญาณเสด็จลงสพู ระ-ครรภข องพระมารดา. บทวา โอกฺกมิ ทา นแสดงความทพ่ี ระโพธิสัตวเ สดจ็ ลงดว ยบทน้ใี นบาลไี มไดแสดงถงึ ลําดบั แหงการกาวลง ก็เพราะลําดบั แหง การกาวนั้น ทานยกขน้ึ สอู รรถกถา ฉะนั้น พึงทราบอยางนี้.
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 95 จรงิ อยู พระโพธสิ ตั วทุกพระองค ทรงบาํ เพญ็ บารมี ๓๐ ทัศ ทรงบรจิ าคมหาบริจาค ๕ ทรงบรรลทุ ี่สดุ แหงญาตตั ถจริยา โลกตั ถจรยิ า พุทธจริยาทรงด ารงอยใู นอตั ภาพท่ี ๓ เชนพระเวสสันดร ทรงใหม หาทาน ๗ ครง้ัทรงยงั แผนดนิ ใหหวัน่ ไหว ๗ ครง้ั ทรงกระทํากาละแลวทรงอุบตั ิในภพดุสติในวาระแหง จติ ที่ ๒ แมพ ระโพธิสตั วพ ระนามวาวิปสสี ก็ทรงกระทํากาละเหมือนอยางนน้ั ทรงอบุ ัติในสวรรคช้ันดสุ ติ ทรงประดิษฐานอยูใ นสวรรคช น้ัดุสิตนน้ั ตลอด ๕๗ โกฏิป ยิ่งดวย ๖ ลานป. ก็ในกาลอนื่ พระโพธิสัตวท ัง้ หลายทรงอบุ ตั ิในเทวโลกท่สี ัตวม อี ายุยนื ยอมไมดํารงอยตู ราบเทาอายนุ ั้น. เพราะเหตไุ ร. เพราะทาํ บารมีใหเ ตม็ ไดยากในที่นัน้ . พระโพธสิ ัตวเหลานัน้ กระทาํอธิมตุ ตกาลกิรยิ า จงึ บงั เกดิ ในถ่ินของมนุษยน น้ั แล. กบ็ ารมีทั้งหลายของพระวิปส สโี พธิสัตวน ้นั สามารถจะยงั พระสพั พญั ุตญาณใหเกดิ โดยอัตภาพเดยี วในบดั นไ้ี ด ฉันใด ในครัง้ น้ัน พระวิปสสีโพธสิ ัตวไ ดดํารงอยูใ นสวรรคช ัน้ดสุ ติ นัน้ ตราบเทา อายุเพราะบารมเี ต็มแลว ดว ยประการทง้ั ปวง ฉันน้ัน. ก็พวกเทวดาจกั จุตโิ ดย ๗ วนั ดวยการคํานวณของพวกมนษุ ย ดงั นั้น บุพนมิ ติ ๕ยอมเกิดขึน้ คอื ดอกไมเ หีย่ ว ผา เศรา หมอง เหง่ือไหลจากรกั แรท้ังสอง ผวิพรรณหมอง เทวดาไมตงั้ อยใู นเทวอาสน. ในบทเหลานัน้ บทวา มาลา ไดแกดอกไมทีป่ ระดบั ในวนั ถอื ปฏิสนธิ.นยั วา ดอกไมเหลา น้นั ไมเ หยี่ วมาตลอด ๕๗ โกฏปิ ยงิ่ ดว ย ๖ ลา นป แตใ นตอนน้นั เห่ียว. แมในผาท้งั หลายกม็ นี ยั นีแ้ หละ. กต็ ลอดกาลประมาณเทานี้ พวกเทวดา ไมร ูสึกหนาว ไมร ูสึกรอน. ในกาลนัน้ เหงอื่ ไหลจากสรีระ เปน หยด ๆตลอดกาลประมาณเทา นีใ้ นสรรี ะของเทวดาเหลานน้ั ยอ มไมปรากฏวรรณตา งกันดว ยสามารถฟนหกั และผมหงอก เปน ตน . เทพธดิ าปรากฏเหมอื นมีอายุ๑๖ เทพบตุ ร ปรากฏเหมอื นมอี ายุ ๒๐. แตในเวลาตาย อตั ภาพของเทพบตุ ร
พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 96เหลา นน้ั ทรดุ โทรม. อน่ึง ตลอดกาลประมาณเทาน้ี เทพบตุ รเหลานัน้ ไมม ีความกระสันในเทวโลก. แตใ นเวลาจะตาย หายใจไมออกกระสบั กระสาย ไมยินดี ในอาสนะของตน. ก็บพุ นิมิต ๕ เหลาน้ี ยอ มปรากฏแกเทวดาผมู ีศักดใ์ิ หญเทา นั้นไมปรากฏแกเทวดาทัง้ ปวง เหมือนนิมิตมีอุกกาบาตแผน ดนิ ไหวและจันทคราสเปนตน ยอ มปรากฏแกพ ระราชาและอาํ มาตยข องพระราชาเปนตน ผมู ีบญุ มากเทาน้นั ไมปรากฏแกค นทั้งปวง ฉะนน้ั . เหมือนอยา งมนี กั โหราศาสตร ยอมรูบุพนนมิ ิต ในมนุษยท ้งั หลาย คนทั้งปวงไมรู ฉนั ใด ทวยเทพทง้ั ปวงยอมไมรูแมน มิ ิตเหลานนั้ แตบัณฑติ เทานัน้ รูไ ดฉนั นน้ั . เทพบตุ รเหลา ใดเกดิ ในเทวโลกนัน้ ดวยกศุ ลกรรมนอย เมอ่ื เทพบตุ รเหลา นั้นเกดิ เขากลัววา บดั นี้ใครจะรพู วกเราเกดิ ทไี่ หน เทพบตุ รทม่ี บี ุญมากยอ มไมก ลัววา พวกเราอาศยั ทานท่ีเราให ศีลที่เรารักษา ภาวนาทเี่ ราเจรญิ จกั เสวยสมบัตใิ นเทวโลกเบอ้ื งบน. แมพ ระโพธิสตั วพ ระนามวาวปิ สสี ทรงเหน็ บุพนมิ ิตเหลา นนั้ แลวไมทรงกลวั วา บัดนเ้ี ราจกั เปนพระพทุ ธเจา ในอัตภาพถัดไป. เมือ่ เปนเชน นน้ั เมือ่นิมิตเหลา นน้ั ปรากฏแกพ ระองค ทวยเทพในหม่นื จกั รวาฬพากนั มาประชุมทูลวิงวอนวา ขาแตทานผูนริ ทกุ ข พระองคท รงบาํ เพ็ญบารมี ๑๐ มไิ ดทรงปรารถนาสกั กสมบตั ิ มารสมบตั ิ พรหมสมบตั ิ สมบตั ิพระเจา จักรพรรดิ แตพระองคทรงปรารถนาความเปน พทุ ธะ ทรงบาํ เพ็ญเพอ่ื ถอนสตั วอ อกจากโลก บัดนี้กาลนั้นมาถงึ พระองคแ ลว เปนสมยั เพอ่ื ความเปนพทุ ธะแลว. ลําดบั น้นั พระมหาสตั วม ิไดท รงรับปฏญิ ญาของเทวดาเหลา นนั้ ทรงตรวจดมู หาวโิ ลกนะ ๕ ประการ ดว ยสามารถทรงกําหนด กาล ทวปี ประเทศตระกลู และอายขุ องพระมารดา. ในมหาวิโลกนะ ๕ น้นั พระมหาสัตวทรงตรวจดูกาลกอ นวา ถงึ เวลาหรอื ยัง. กาลเม่อื อายุของสัตวเจริญมากกวาแสนป กย็ งั
พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 97ไมใ ชกาล. ถามวาเพราะเหตุไร. ตอบวา เพราะในกาลนนั้ ชาตชิ ราและมรณะจะไมปรากฏแกสัตวท ง้ั หลาย. ชอ่ื วาพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจา ทัง้ หลายอนั จะทําใหพน จากพระไตรลักษณกจ็ ะไมมี. เมอื่ พระพทุ ธเจาทง้ั หลาย ตรสั วาทุกฺข อนจิ จฺ อนตตฺ า ดงั น้ี สตั วท ัง้ หลายก็จะพดู วา พระพุทธเจา ตรัสอะไรแลว ไมสําคญั เพอื่ จะฟง เพอ่ื จะเชอ่ื . แตนั้นก็จะไมม ีการตรสั รู เมือ่ ไมม ีการตรัสรู.คาํ สอนกจ็ ะไมนําสัตวใ หอ อกจากทกุ ข เพราะฉะนัน้ จึงไมใชกาล แมก าลเม่ือสตั วมอี ายถุ อยลงไปกวา ๑๐๐ ป ก็ไมใ ชกาล. ถามวาเพราะเหตุไร ตอบวาเพราะในกาลน้ัน สัตวท งั้ หลายมีกเิ ลสหนา. โอวาทที่ใหแ กสัตวทม่ี ีกเิ ลสหนายอมไมดาํ รงอยูใ นฐานะเปน โอวาท เหมอื นไมเ ทา ขีดลงไปในนํา้ ยอ มหายไปทนั ทีเพราะฉะนน้ั จึงไมใ ชก าล. กาลเม่อื อายสุ ตั วต ั้งแตแ สนป ลงมาถงึ ๑๐๐ ป ชอื่วากาล. ก็ในกาลนั้น. มนุษยท ัง้ หลายมีอายุ ๘๐,๐๐๐ ป. ครั้งนั้น พระมหาสัตวทรงเห็นวา ถึงกาลทีค่ วรจะเกิดแลว . จากนน้ั พระมหาสัตวท รงตรวจดูทวปี ทรงเห็นทวปี ๔ พรอ มดว ยบริวาร ทรงเห็นวา ใน ๓ ทวีป พระพุทธเจาทั้งหลายไมบ ังเกิด บงั เกิดในชมพทู วีปแหง เดยี ว. ชมพูทวีปเปนทวีปใหป ระมาณ๑๐,๐๐๐ โยชน ทรงตรวจดปู ระเทศตอ ไปวา พระพุทธเจาท้งั หลายยอ มบังเกดิ ในประเทศไหนหนอ ทรงเหน็ มัชฌมิ ประเทศ. ทา นกลาวถงึ มัชฌิมประเทศไวในวินัยโดยนัยเปน ตนวา ดานทิศตะวนั ออกมีนคิ มชือ่ กชังคละ ประเทศน้นั โดยสวนยาวประมาณ ๓๐๐ โยชน โดยสวนกวางประมาณ ๑๕๐ โยชน โดยรอบประมาณ ๙๐๐ โยชน. จริงอยู ในประเทศนน้ั พระพุทธเจาทั้งหลาย พระปจ-เจกพุทธะทัง้ หลาย พระอคั รสาวก พระมหาสาวก ๘๐ พระเจา จักรพรรดแิ ละกษัตริย พราหมณ คหบดี เศรษฐี ผูมศี กั ดิ์ใหญเหลาอน่ื ยอมเกิด. อนงึ่ ในประเทศนี้มนี ครช่ือพันธุมดี พระมหาสตั วท รงตัดสนิ พระทัยวา เราควรไปเกิดในนครนนั้ . จากนนั้ ทรงตรวจดตู ระกลู ทรงเหน็ ตระกูลแลว วา ธรรมดา
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 98พระพทุ ธเจา ทง้ั หลาย ยอมบังเกิดในตระกูลทชี่ าวโลกยกยอง ก็บัดนี้ ตระกลูกษตั ริยอนั ชาวโลกยกยองแลว เราจกั เกดิ ในตระกลู นน้ั พระราชาพระนามวาพันธุมจกั เปนพระบดิ าของเรา ดังนี้. จากนัน้ ทรงตรวจดมู ารดา ทรงเห็นแลว วา ธรรมดาพระพทุ ธมารดาไมเปนหญิงเหลาะแหละ ไมเ ปนนักเลงสุราบําเพ็ญบารมีมาแลวถงึ แสนกปั ต้ังแตเกิดมาศลี ๕ ไมข าด ก็หญิง เชน พระ-นางพันธุมดเี ทวนี ี้จกั เปน มารดาของเรา ดังน.้ี ทรงราํ พงึ วา พระนางพนั ธมุ ดีเทวีจะมพี ระชนมายเุ ทาไร ทรงเห็นแลว จักมีพระชนมายุ ๗ วนั ตอ จาก ๑๐ เดือน. พระโพธสิ ัตวทรงตรวจดมู หาวโิ ลกนะ ๕ นต้ี รสั วา ดกู รผนู ริ ทกุ ขท้งั หลาย เปน กาลอนั สมควรของเราเพือ่ ความเปน พระพทุ ธเจาแลว เมอ่ื จะทรงทาํ การสงเคราะหแกทวยเทพประทานปฏิญญา วา พวกทานจงพากันกลับไปเถิดทรงสงเทวดาเหลา นนั้ แลว แวดลอมดว ยเทวดาชน้ั ดสุ ิตเสด็จเขา ไปยังสวนนนั ทวนั ในดสุ ิตเทวโลก. แมใ นเทวโลกทง้ั หมดกม็ สี วนนนั ทวนั เหมือนกนั .เหลา เทวดาพากันทูลเตอื นวา ขอพระองคจ งจตุ จิ ากเทวโลกนี้ไปสมู นุษยสคุ ติเถิด แลวทลู ใหร ะลึกถงึ โอกาสที่ทรงบําเพญ็ กุศลกรรมมาในกาลกอ น. พระโพธิ-สตั วน ้ันแวดลอ มไปดวยเหลา เทวดาผใู หร ะลกึ ถึงกุศลอยา งน้ี เสด็จไปอยใู นสวนนนั ทวนั นนั้ ทรงจุติแลว. ก็คร้ันจตุ อิ ยา งน้แี ลวยอ มรวู า เราจุติ ไมร ูจตุ จิ ิตแมถ อืปฏิสนธแิ ลวจงึ รู แตไมร ปู ฏสิ นธิจติ อีกนนั้ แหละ แตรอู ยา งนี้วาเราถือปฏิสนธิในทน่ี ้ีนัน่ เอง. แตพระเถระบางพวกกลา ววา ควรไดการนกึ คดิ โดยปริยายพระโพธิสัตวจกั รูวารจติ ทส่ี องทสี่ าม. แตพระมหาสิวเถระผทู รงพระไตรปฎกกลา ววา ปฏิสนธขิ องพระมหา-สัตวไ มเหมือนปฏสิ นธิของสตั วอ ื่น ดว ยวาสติสมั ปชญั ญะของพระมหาสัตวเหลานั้นถงึ ทส่ี ุดแลว แตเพราะไมส ามารถกระทําจิตดวงนั้นดว ยจติ ดวงนั้นไดฉะนัน้ จงึ ไมรูจ ุตจิ ติ แตใ นขณะจตุ ินั่นเองยอมรวู า เราจตุ ไิ มรูปฏิสนธิจติ รูเพยี ง
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 99วาเราไดถ อื ปฏิสนธิ ณ ทีโ่ นน ดังน้.ี ในกาลนั้นหมน่ื โลกธาตุยอ มหวั่นไหว.พระโพธสิ ัตวม ีสตสิ ัมปชญั ญะอยางนี้ เสด็จลงสคู รรภมารดาทรงถือปฏสิ นธิดวยมหาวิบากจติ เชนกบั กุศลจติ อนั เปน อสงั ขารกิ ะ สหรคตดวยโสมนัส สมั ปยตุดวยญาณอันเปนสว นเบอ้ื งตน แหง เมตตาในปฏสิ นธจิ ติ ๑๙ ดวง. อนง่ึ พระ-มหาสวิ เถระยังกลา ววา จติ ลหรคตดวยอเุ บกขา. พระโพธสิ ตั วแ มพ ระองคน น้ัก็ไดถ ือปฏิสนธิดวยอฤุ กษอ ุตตราสาฬหะในวนั เพ็ญเดือน ๘ เหมือนพระผูมพี ระ-ภาคเจา ของเราท้งั หลายฉะนน้ั . ไดยนิ วา ในคร้งั นั้นจําเดมิ แตวนั ท่ี ๗ แหงอาสาฬหะบูรณมี พระมารดาของพระโพธิสัตวท รงเลนนกั ขัตตกฬี า ทรงประดับดวยดอกไมและของหอมเปน ตน ไมม กี ารดื่มสรุ าเสด็จลุกแตเขา ในวนั ที่ ๗ ทรงสรงสนานดวยนา้ํ หอมทรงตกแตงดว ยเคร่อื งประดับทกุ ชนิด เสวยพระกระยาหารเลศิ ทรงอธษิ ฐานองคอุโบสถ เสดจ็ เขาสหู องสริ ิบรรทมเหนือพระสิรไิ สยาศน ทรงเขาสนู ิทราไดทอดพระเนตรเหน็ พระสบุ นิ น.ี้ ในพระสบุ นิ นั้นวา ทา วมหาราชทงั้ ๔ ไดย กพระพุทธมารดาพรอ มดว ยพระท่นี าํ ไปยงั สระอโนดาด ใหสรงสนาน ใหทรงนุงหม ดว ยผา ทิพย ใหทรงลูบไลด ว ยของหอมทิพย ประดับ ดอกไมทิพย ไมไ กลจากน้นั มภี ูเขาเงิน ภายในภเู ขาเงนิ น้นั มีวมิ านทอง ใหพระพทุ ธมารดาหนั พระเศียรไปทางทศิ ปาจนีบรรทม ณ วิมานทองนนั้ . คร้ังนนั้ พระโพธิสตั วเปนชา งเผอื กผอ ง ไมไกลจากน้นั มภี เู ขาทองลกูหนงึ่ พระโพธิสัตวเสดจ็ ไปที่ภูเขาทอง น้ันแลว เสดจ็ ลงจากภูเขาทอง เสด็จขึน้ภเู ขาเงินแลวเสด็จเขาไปยังวิมานทอง กระทาํ ประทกั ษณิ พระมารดาแลวไดเ ปนคลา ยแหวกพระปรศั เบ้ืองขวาเสด็จเขาไปสูพระครรภ. ทนั ทีนนั้ พระเทวที รงต่ืนกราบทลู พระสบุ นิ นน้ั แดพระราชา.
พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 100 ครั้นสวา งแลว พระราชารับสงั่ ใหเรยี กหวั หนาพราหมณประมาณ ๖๔ คนใหล าดอาสนะอนั มคี ามากบนพน้ื ฉาบดว ยของเขียว กระทํามงคลสกั การะดว ยขา วตอกเปน ตน เมือ่ พราหมณท ้ังหลายน่ัง ณ ทีน่ ้ันแลว ทรงนาํ ถาดทองถาดเงนิอนั เต็มไปดวยขา วปายาสอยา งดี ปรุงดวยเนยใสนํ้าผง้ึ และน้าํ ตาลกรวดครอบดว ยถาดทองถาดเงินอีกทีถวาย. ทรงใหพ ราหมณเ หลานั้นอิม่ เอิบดว ยวัตถุอยางอนื่มีผา ใหมแมโคแดงและทานเปน ตน . พระราชาตรสั บอกพระสุบนิ นั้นแกพรา-หมณเ หลาน้ัน ผเู อบิ อิม่ ดว ยสิ่งปรารถนาท้ังปวงแลวรับส่งั ถามวา พระสุบินนัน้ จักเปน อยา งไร. พวกพราหมณกราบทลู วา ขอเดชะขาแตมหาราช พระองคอยา ทรงพระวิตกเลย พระเทวที รงพระครรภแ ลว พระเจา ขา อนึง่ พระครรภนั้นเปนบุรษุ ไมใ ชสตรี พระองคจักมีพระโอรส พระโอรสน้นั หากครองเรือนจกั เปนพระเจาจักรพรรดิ ประกอบดว ยธรรม เปนธรรมราชา หากออกบวชจักเปน พระพทุ ธเจาผูเปดโลก. พึงทราบลาํ ดับการพรรณนาเนอ้ื ความในบทน้ีวา พระโพธิสตั วเ สด็จลงสูพระครรภพ ระมารดาดงั นก้ี อ น. บทวา อยเมตฺถธมมฺ ตา ความวา ขอน้ี เปน ธรรมดาในการเสด็จลงสูพระครรภพ ระมารดาน.ี้ทานอธิบายวา นเี้ ปน ความเปนจริง น้ีเปนความแนนอนดงั น.ี้ ชือ่ วา นิยามนม้ี ี ๕ อยาง คอื กรรมนิยาม อุตนุ ยิ าม พชี นิยาม จิตต-นิยาม ธรรมนิยาม. ในนยิ ามทงั้ ๕ นัน้ การใหผ ลแหง กุศลท่ีนา ปรารถนาการใหผ ลแหงอกุศลทไ่ี มนา ปรารถนา น้ชี ่อื กรรมนยิ าม. เพอ่ื แสดงกรรมนิยามนนั้ ควรกลาวถึงเรื่องในคาถาวา น อนฺตลิกเฺ ข ดังน้เี ปน ตน. มีเรื่องเลาวา หญงิคนหนงึ่ ทะเลาะกับสามปี ระสงคจะผูกคอตาย จงึ สอดคอเขาไปในบว งเชือก. บุรษุคนหน่งึ ลับมีดอยูเ ห็นหญิงน้ันประสงคจะตัดเชอื ก จงึ วง่ิ ไปปลอบหญิงน้ันวานอ งอยากลวั นองอยา กลัว. เชือกกลายเปน อสรพษิ รัดคอหญิงอย.ู บุรษุ น้นักลวั รบี หนไี ป. หญงิ นน้ั ตาย ณ ที่นนั้ เอง. ควรแสดงถึงเรอ่ื งทง้ั หลายเปนตนอยา งนใี้ นทนี่ ้.ี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 560
Pages: