พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 421 ทา นอธิบายไวอ ยา งนวี้ า ดกู อนอานนท เราตถาคตหมอบอยแู ทบบาทมูลของพระพุทธเจาพระนามวา ทปี งกร ประชุมธรรม ๘ ประการ เมอ่ื จะกระทําอภินหิ าร มใิ ชก ระทาํ อภินิหาร เพอ่ื ประโยชนแ กพ วงมาลัยของหอมและดุรยิ างคสังคีต มใิ ชบ ําเพ็ญบารมที งั้ หลาย เพ่ือประโยชนแ กสงิ่ เหลา นนั้เพราะฉะน้นั เราตถาคตไมช ่อื วา เขาบูชาแลว ดว ยการบชู าอนั นเ้ี ลย. ถามวา กเ็ พราะเหตไุ ร พระผมู พี ระภาคเจาทรงสรรเสรญิ วบิ าก ท่ีแมพระพุทธญาณก็กําหนดไมไ ดของการบูชา ทีบ่ ุคคลถอื เพยี งดอกฝา ยดอกเดยี วระลกึ ถงึ พระพทุ ธคุณบูชาแลวไวใ นทอี่ นื่ ในที่นกี้ ลบั ทรงคัดคานการบชู าใหญอยางนี.้ ตอบวา เพราะเพ่ือจะทรงอนเุ คราะหบริษัทอยา งหนึง่ เพ่อื ประสงคจะใหพ ระศาสนาดํารงยงั่ ยนื อยา งหนึ่ง. จรงิ อยู พระผูมีพระภาคเจา ไมพ งึ คดั คานอยางนนั้ ไซร ตอไปในอนาคต พุทธบรษิ ทั กไ็ มต องบาํ เพ็ญศลี ในฐานะที่ศีลมาถึง จักไมใหสมาธิบรบิ รู ณในฐานะทีส่ มาธมิ าถงึ ไมใ หถือหองคอื วิปส สนาในฐานะทวี่ ปิ ส สนามาถึง ชกั ชวนแลว ชกั ชวนอกี ซึง่ อุปฏฐากกระทําการบูชาอยา งเดียวอยู. จรงิ อยูช่ือวา อามิสบูชานัน้ ไมส ามารถจะดํารงพระศาสนาแมใ นวันหน่ึงบา ง แมช วั่ ด่ืมขาวยาคูครั้งหน่ึงบาง. จริงอยู วหิ ารพนั แหง เชนมหาวหิ าร เจดียพนั เจดีย เชนมหาเจดยี ก็ดํารงพระศาสนาไวไมได. บุูผูใ ด ทาํ ไวก เ็ ปนของผนู น้ั ผูเดียว.สวนสัมมาปฏบิ ัติ ชือ่ วาเปน บูชาทสี่ มควรแกพระตถาคต. เปน ความจรงิ ปฏิบัติบูชานนั้ ชอ่ื วา ดํารงอยูแ ลว สามารถดํารงพระศาสนาไวไดดวย เพราะฉะน้นัพระผูม ีพระภาคเจา เมอ่ื จะทรงแสดงปฏบิ ัตบิ ูชาน้ัน จงึ ตรัสวา โย โข อานนฺทเปนตน . บรรดาบทเหลานัน้ บทวา ธมมฺ านุธมมฺ ปฏปิ นฺโน ไดแก ปฏบิ ตั ิปุพพภาคปฏิปทา อันเปนธรรมสมควร. ก็ปฏิปทานั่นแล ทานเรยี กวาสามีจิ
พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 422ชอบยิ่ง เพราะเปนปฏปิ ทาอนั สมควร. ชื่อวา สามีจิปฏิปนโฺ น เพราะปฏบิ ตั ิธรรมอนั ชอบย่ิง. ชือ่ วา อนธุ มมฺ จารี เพราะประพฤติบําเพ็ญธรรมอนั สมควรกลาวคือ บพุ พภาคปฏิปทานั้นนน่ั แล. ก็ศลี อาจารบัญญตั ิการสมาทานธดุ งคสัมมาปทาถึงโคตรภญู าณ พึงทราบวา ปุพพภาคปฏิปทา. เพราะฉะนัน้ ภกิ ษุต้ังอยใู นอคารวะ ๖ ละเมดิ พระบัญญตั ิ เลี้ยงชวี ติ ดวยอเนสนา ภกิ ษนุ ชี้ ื่อวาไมปฏิบัตธิ รรมสมควรแกธรรม สวนภกิ ษุใดไมล ะเมิดสกิ ขาบททท่ี รงบญั ญตั ิแลว แกตนทง้ั หมดทีข่ ีดคั่นเขตแดนและเสน บรรทดั ของพระชินเจาแมม ปี ระมาณนอ ยภกิ ษุน้ี ชื่อวาปฏบิ ัติธรรมสมควรแกธรรม. แมในภกิ ษณุ ี ก็นัยน้ีเหมือนกัน.ก็อุบาสกใดยดึ เวร ๕ อกุศลกรรมบถ ๑๐ ประพฤติไวแ นบแนน อุบาสกน้ชี ื่อวาไมป ฏิบัติธรรมสมควรแกธรรม. สว นอบุ าสกปฏบิ ัติใหส มบรู ณใ นสรณะ ๓ศลี ๕ ศีล ๑๐ รักษาอุโบสถเดือนละ ๘ ครัง้ ถวายทาน บูชาดวยของหอมบชู าดว ยมาลา บํารุงมารดาบิดา บาํ รุงสมณพราหมณ อุบาสกผูนี้ ชอ่ื วาเปนผปู ฏิบัตธิ รรมสมควรแกธ รรม แมใ นอบุ าสิกา กน็ ยั นเี้ หมือนกนั . บทวา ปรมาย ปชู าย แปลวา ดว ยบชู าสงู สุด. พระผูมพี ระภาคเจาทรงแสดงไวว า แทจรงิ ชอ่ื วา นริ ามสิ บชู าน้ี สามารถดาํ รงพระศาสนาของเราไวไ ด. จรงิ อยู บรษิ ัท ๔ นจี้ กั บูชาเราดวยการบูชานี้ เพียงใด ศาสนาของเรากจ็ ะรงุ เรอื งดจุ จันทรเพ็ญลอยเดน กลางทองฟา ฉะนน้ั . บทวา อปสาเทสิ แปลวา จงออกไป. บทวา อเปหิ แปลวา จงหลกี ไป. ดวยพระดาํ รัสคาํ เดยี วเทานน้ั พระเถระก็วางพดั ใบตาลแลวยนื ณสวนขางหนึง่ . พระผูมีพระภาคเจา ทรงหมายเอาความทีพ่ ระองคไ มมีอปุ ฏฐากประจําในปฐมโพธกิ าลจึงตรสั คาํ น้วี า อปุ ฏ าโก เปนตน . เมอ่ื พระเถระทูลอยา งนี้วา นท้ี านอุปวาณะเจา ขา . พระอานนทกําหนดความทีพ่ ระอปุ วาณะมีความผดิ วา เอาเถอะ เราจักกราบทลู ความทพี่ ระอปุ วาณะนัน้ ไมมคี วามผดิ
พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 423พระผมู ีพระภาคเจา จึงตรสั วา เยภุยฺเยน อานนทฺ เปน ตน . บรรดาคาํ เหลานนั้คําวา เยถยุ ฺเยน นี้ ทา นกลาวหมายเอาอสัญญสี ตั วและอรูปเทวดาถูกเมินเฉย.บทวา อปผฺ โุ ฏ ไดแก ไมสมั ผัส หรือไมแ ตะตอง. ไดยนิ วา ในสว นท่ใี กลชิดพระผูมพี ระภาคเจา เทวดาผมู ศี กั ดาใหญเนรมติ อตั ตภาพอันละเอยี ดในโอกาสเทา ปลายขนทราย ๑๐ องคๆ . ขางหนาแหงเทวดา ๑๐ องค ๆ นน้ั มเี ทวดา ๒๐ องค ๆ. ขา งหนา เทวดา ๒๐ องค ๆมเี ทวดา ๓๐ องค ๆ ขางหนาเทวดา ๓๐ องค ๆ มีเทวดา ๔๐ องค ๆ ขางหนาเทวดา ๔๐ องค ๆ มเี ทวดา ๕๐ องคๆ ขางหนาเทวดา ๕๐ องค ๆ มเี ทวดายืนเฝา อยู ๖๐ องค ๆ เทวดาเหลาน้นั ไมเบยี ดกันและกนั ดว ยมือเทา หรอื ผา . ไมมเี หตทุ ี่จะพึงกลา ววา ออกไปอยา เบียดเสียดเรา. เทวดาทง้ั หลายก็เปนเชนกบั ทีต่ รัสไวว า สารีบตุ ร เทวดาเหลา นนั้ แล ๑๐ องคบา ง ๒๐ องคบาง ๓๐องคบ าง ๔๐ องคบ าง ๕๐ องคบ าง ๖๐ องคบา ง ยืนในโอกาสแมเ พียงปลายเหลก็ แหลมจรดกนั ไมเบียดซงึ่ กันและกนั เลย. บทวา โอธาเรนโฺ ต แปลวา ยนื บงั . ไดย ินวา พระเถระรา งใหญเชนกับลูกชาง หมผาบงั สุกุลจีวร กด็ เู หมอื นใหญม าก. บทวา ตถาคตสฺส ทสฺสนาย ความวา เทวดาท้งั หลาย เมอื่ ไมไดเห็นพระพักตรพระผูมพี ระภาคเจา จงึ ติเตียนอยางน้ี. ถามวา กเ็ ทวดาเหลานน้ัไมส ามารถมองทะลุพระเถระหรือ. ตอบวา ไมส ามารถส.ิ ดวยวา เหลา เทวดาสามารถมองทะลเุ หลา ปถุ ุชนได แตมองทะลเุ หลาพระขีณาสพไมได ทงั้ ไมอ าจเขาไปใกลดว ย. เพราะพระเถระมอี านุภาพมาก มีอํานาจมาก. ถามวา ก็เพราะเหตุไรพระเถระจึงมอี าํ นาจมาก ผูอน่ื ไมเ ปนพระอรหนั ตหรือ. ตอบวา เพราะทา นเปน อารกั ขเทวดาในเจดยี ของพระกสั สปพทุ ธเจาอย.ู เลา กันวา เมื่อพระ-วิปสสสี มั มาสัมพุทธเจา ปรนิ พิ พานแลว ชนทง้ั หลายไดพากันสรา งพระเจดยี
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 424องคห นึ่ง บรรจพุ ระสารีริกธาตุสรรี ะอันเปนเชนกบั แทงทองคําทึบ. จรงิ อยูพระพทุ ธเจาผูมีพระชนมายุยืน ยอ มมีพระเจดยี อ งคเดยี วเทาน้ัน คนทั้งหลายใชแ ผน อิฐทองยาว ๑ ศอก กวา งหน่งึ คบื หนา ๘ น้วิ กอ พระเจดียนัน้ประสานดว ยหรดาลและมโนศลิ าแทนดิน ชะโลมดว ยน้ํามันงาแทนน้าํ แลวสถาปนาประมาณโยชนห นึง่ . ตอ นั้น ภมุ มเทวดากโ็ ยชนหนึ่ง จากนน้ั ก็อาสฏั ฐกเทวดา จากนน้ั ก็อุณหวลาหกเทวดา จากน้ัน ก็อัพภวลาหกเทวดาจากน้ัน กเ็ ทวดาชัน้ จาตุมมหาราช จากน้นั เทวดาชน้ั ดาวดงึ สส ถาปนาโยชนหน่งึ . พระเจดยี จ ึงมี ๗ โยชน ดวยประการฉะนี้. เม่อื ผคู นถอื เอามาลัยของหอมและผาเปน ตน มา อารักขเทวดาทงั้ หลายก็พากันถอื ดอกไมม าบชู าพระเจดยี ทั้งท่ีผคู นเหลาน้ันเหน็ อย.ู คร้ังน้ัน พระเถระนเ้ี ปนพราหมณมหาศาล ถอื ผา เหลืองผืนหนง่ึ ไป. เทวดากร็ ับผา จากมือพราหมณน นั้ ไปบูชาพระเจดยี . พราหมณเหน็ ดังนัน้ ก็มจี ติ เลื่อมใสตัง้ ความปรารถนาวา ในอนาคตกาล แมเรากจ็ ักเปนอารกั ขเทวดาในพระเจดียของพระพุทธเจา เหน็ ปานนี้ ดงั นแี้ ลว จตุ ิ จากอัตภาพนั้น กไ็ ปบงั เกิดในเทวโลก. เม่ือพราหมณน ้ันทองเท่ียวอยูใ นมนษุ ยโลกและเทวโลก พระกสั สปะผูมพี ระภาคเจา เสดจ็ อุบตั ใิ นโลกแลว ปรินพิ พาน. พระธาตสุ รรี ะของพระองคก็มีแหง เดียวเทา นัน้ . ผูคนท้งั หลายนําพระธาตสุ รีระนน้ั สรา งพระเจดยี โยชนหนง่ึ . พราหมณเปน อารักขเทวดาในพระเจดียน้นั เมือ่ พระศาสดาอนั ตรธานไป. กบ็ ังเกดิ ในสวรรคในกาลของพระผูมพี ระภาคเจาของเราจุติจากสวรรคนั้นแลว ถอื ปฏสิ นธิในตระกูลใหญ ออกบวชแลว บรรลพุ ระอรหัต. พึงทราบพระเถระมอี ํานาจมากเพราะเปนอารกั ขเทวดาในพระเจดยี มาแลว ดวยประการฉะน.้ี
พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 425 ดว ยบทวา เทวตา อานนฺท อุชฌฺ ายนตฺ ิ พระผมู พี ระภาคเจาทรงแสดงวา ดูกอนอานนท เหลา เทวดาติเตียน มใิ ชบตุ รเรามคี วามผิดอะไรอนื่ .เพราะเหตุไร ทานพระอานนท จงึ ทูลวา พระเจา ขา เหลา เทวดาเปน อยางไรจึงใสใจ. ทูลถามวา ขาแตพระผมู ีพระภาคเจา พระองคตรสั วา เหลา เทวดาติเตยี น ก็เหลา เทวดาน้นั เปนอยางไร จึงใสใ จพระองคจะยับย้งั การปรนิ ิพพานของพระองคหรือ. เมือ่ เปน ดงั นน้ั พระผูมพี ระภาคเจา เมื่อจะทรงแสดงภาวะที่เหลา เทวดาเหลา นั้นยบั ยัง้ ไมไดว า เราไมกลา วเหตุแหง การยบั ยัง้ จงึ ตรัสวาสนฺตานนทฺ เปน ตน. บรรดาบทเหลานนั้ บทวา อากาเส ปวีสฺนิโย ไดแก เนรมิตแผนดินในอากาศมีความสําคญั ในอากาศน้นั วา เปน แผน ดิน. บทวา กนฺทนติแปลวา รอ งไห. บทวา ฉนิ นฺ ปาท วยิ ปปตนฺติ ไดแ ก ลม ฟาดลงดังขาดกลางตัว. บทวา ววิ ฏฏนฺติ ไดแก ลม ลงกล้งิ ไป. อีกอยา งหน่ึง ลม กล้งิ ไปขา งหนา ที ขางหลงั ที ขางซา ยที ขางขวาที เรยี กกนั วากลงิ้ เกลอื ก. บทวาสนตฺ านนฺท เทวตา ปวยี ปวสี ฺนิโย ความวา ไดย นิ วา เหลาเทวดาไมอาจทรงตวั อยไู ด เหนือแผนดินปกติ. เหลาเทวดายอมจมลงในแผน ดินนน้ัเหมอื นหัตถกพรหม. ดวยเหตนุ น้ั พระผมู พี ระภาคเจา จึงตรสั วา ดูกอ นหัตถกะทานจงเนรมติ อัตภาพอยางหยาบ. เพราะฉะน้นั ทานหมายเอาเหลาเทวดาท่ีเนรมติ แผน ดินในแผน ดนิ จงกลาววา เหลาเทวดามคี วามสําคญั ในแผน ดินวาเปน แผน ดนิ . บทวา วีตราคา ไดแก เหลาเทวดาทเ่ี ปน พระอนาคามีและขีณาสพท่มี ีโทมนสั อนั ละไดแลวเชนเดียวกับเสาหิน. บทวา วสฺส วุฏ า ความวา ไดย นิ วา คร้ังพุทธกาล ภิกษปุ ระชมุ กัน๒ เวลา คือ จวนเขาพรรษาเพ่ือรบั กมั มัฏฐาน ๑ ออกพรรษาแลวเพอ่ื บอกกลา วคณุ วิเศษทบี่ ังเกดิ เพราะการประกอบเนืองๆซึ่งพระกัมมัฏฐานทีร่ ับมาแลว ๑.
พระสุตตันตปฎก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 426ครั้งพระพทุ ธกาลฉนั ใด แมใ นเกาะสหี ลก็ฉนั นนั้ . ภกิ ษุทีอ่ ยูฝง แมนา้ํ คงคาขา งโนนประชุมกนั ทีโ่ ลหประสาท ภิกษทุ ่อี ยฝู ง แมนํา้ คงคาอกี ฝง หนึง่ ก็ประชมุ กนัทีต่ สิ สมหาวิหาร. ในภกิ ษุ ๒ พวกน้ัน ภิกษุพวกทีอ่ ยูฝ งแมนา้ํ คงคาฝง โนนถอื เอาไมกวาดสําหรบั กวาดขยะทง้ิ แลว ประชุมกันท่มี หาวิหาร โบกปนู พระเจดยี ออกพรรษาแลว ก็มาประชมุ กนั ทโ่ี ลหประสาท ทาํ วัตรอยูในท่ีอันผาสุก ออกพรรษาแลว กม็ าสวดบาลแี ละอรรถกถาท่ีตนช่าํ ชองแลว ทีโ่ รงเรยี นนิกายท้งั ๕ในโลหปราสาท. พจิ ารณาถึงภกิ ษทุ ่เี รยี นบาลหี รืออรรถกถาผิดพลาด วา ทา นเรียนในสํานักใครใหยึดถือไวใ หตรง. ฝา ยภกิ ษทุ ่อี ยใู นแมน้ําคงคาอีกฝา ยหน่งึก็ประชมุ กนั ในตสิ สมหาวหิ าร บรรดาภกิ ษุท่ปี ระชุม ๒ เวลาอยา งน้ี ภิกษุเหลา ใดเรียนกัมมัฏฐานกอ นเขา พรรษาไปแลว กลบั มาบอกคุณวเิ ศษ ทานหมายเอาภิกษุเหน็ ปานน้นั จึงกลา ววา ปุพเฺ พ ภนเฺ ต วสฺส วตุ ถฺ า เปนตน. บทวา มโนภาวนีเย ไดแ กใหเจริญแลวอบรมแลวดวยใจ อธบิ ายวาภกิ ษุเหลาใดเจรญิ เพม่ิ พนู มโนมนะ ลอยกเิ ลสดุจธุลีมีราคะเปน ตนเสีย ภิกษุเห็นปานนน้ั . ไดย ินวา พระเถระถงึ พรอ มดว ยวัตรพบภกิ ษุแกก ็แขง็ ไมย อมน่ังออกไปตอ นรับ รับรม บาตรจีวรและเคาะต่ังถวาย เมื่อทานนง่ั ในทน่ี ้ันแลวก็ทําวตั รจัดเสนาสนะถวาย พบภิกษใุ หมก็น่งิ ยังไมน ั่ง เขาไปหาใกล ๆ พระ-เถระน้นั ปราศจากความไมเ สอื่ มแหง วตั รปฏบิ ัตินั้น จึงไดกลา วอยางนี.้ ครั้งนนั้พระผูมพี ระภาคเจาทรงพระดําริวา อานนท คิดวาเราจกั ไมไดพ บภิกษทุ นี่ าเจรญิ ใจ เอาเถอะ เราจักบอกสถานที่จะพบภิกษุผูน า เจริญใจแกเ ธอ ทเ่ี ธออยไู มตองเทยี วไปเทยี วมา กจ็ ักไดพ บเหลา ภกิ ษทุ นี่ าเจริญใจได ดงั นี้ แลว จึงตรัสวา จตฺตารมิ านิ เปนตน. บรรดาบทเหลานัน้ บทวา สทธฺ สฺส ความวา วัตรทงั้ หมดมีเจติยงั -คณวัตร เปนตน ท่ีเธอทําต้ังแตเ ชายอ มปรากฏแกกลุ บตุ รผมู ีจิตเล่อื มใสใน
พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 427พระพทุ ธเจาเปน ตน ผสู มบรู ณดวยวัตร. บทวา ทสสฺ นยี านิ ไดแก ควรจะเหน็ คือ ควรไปเพ่อื จะเหน็ . บทวา ส เวชนยี านิ ไดแก ใหเกดิ สลดใจ. บทวาานานิ ไดแ กเ หตหุ รือถิ่นสถาน. คาํ วา เย หิ เกจิ น้ี ทา นกลาวเพ่อื แสดงถงึ การจาริกไปในเจดียม ีประโยชน. บรรดาบทเหลา น้นั ดวยบทวา เจตยิ จารกิ อาหิณฺฑนฺตา ทา นแสดงวา กอ นอนื่ ภกิ ษเุ หลา ใด กวาดลานพระเจดียในที่นนั้ ๆชําระอาสนะ รดนาํ้ ท่ีตน โพธิ์แลวเที่ยวไป ในภกิ ษุเหลานัน้ ไมจาํ ตองกลา วถงึเลย. เหลา ภกิ ษุท่ีออกไปจากวัดดว ยคิดวา จักไปไหวพ ระเจดียใ นวัดโนน มจี ติเลอ่ื มใส แมกระทํากาละในระหวา งๆก็จกั บงั เกดิ ในสวรรคโ ดยไมม อี นั ตรายเลย. ดวยบทวา อทสฺสน อานนทฺ ทรงแสดงวา การไมเ หน็ มาตุคามเสียไดเ ลย เปน ขอ ปฏิบัตธิ รรมอนั สมควรในขอน้ี จรงิ อยู ภิกษุเปดประตูนั่งบนเสนาสนะ ตราบใดทไี่ มเหน็ มาตุคามท่มี ายนื อยทู ี่ประตู ตราบน้นั ภกิ ษุนน้ัยอมไมเ กดิ โลภ จติ ไมห วน่ั ไหวโดยสวนเดียวเทานนั้ . แตเม่อื ยงั เหน็ อยูแ มท ัง้๒ อยา งนั้นกพ็ งึ ม.ี ดว ยเหตนุ น้ั พระผมู ีพระภาคเจาจึงตรัสวา อทสสฺ นอานนฺท ดวยบทวา ทสฺสเน ปน ภควา สติ กถ พระอานนททูลถามวาเมื่อการเหน็ ในท่ี ๆ ภิกษุเขา ไปรับภิกษาเปนตน ภกิ ษุจะพึงปฏบิ ตั ิอยางไร.คร้ังนัน้ พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั วา บุรุษผยู ืนถือมดี ดว ยกลา ววา ถาทานพูดกบัเรา ๆ จะตดั ศรี ษะทานเสียในท่ีนแ้ี หละ หรือนางยกั ษิณียืนพูดวา ถา ทานพูดกับเรา ๆ จะแลเ น้ือทานเค้ียวกนิ เสียในท่ีนี้ นแ่ี หละยังจะดกี วา เพราะความพินาศเหตมุ ีขอน้นั เปน ปจจยั ยอ มมไี ดอัตตภาพเดียวเทา นนั้ ไมตอ งเสวยทุกขท่ีกาํ หนดไมไดใ นอบายท้ังหลาย สวนเมื่อมีการเจรจาปราศรยั กบั มาตคุ ามอยูความคุน ก็มี เม่อื มีความคนุ ชอ งทางก็มี ภกิ ษผุ มู ีจิตถกู ราคะครอบงาํ กถ็ งึ ความพินาศแหง ศีล ตอ งไปเตม็ อยใู นอบาย เพราะฉะนัน้ พระผูม พี ระภาคเจา จึงตรัสวา อนาลาโป ดังนี้. สมจรงิ ดังคาํ ท่ที านกลาวไวว า
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 428 บุคคลพึงพดู กบั บคุ คลผูม ีดาบในมือกบั ปศาจ น่ังชดิ กับอสรพิษ ผูที่ถูกคนมดี าบ ปศาจ อสรพิษ ถัดแลวยอ มไมมชี วี ิต ภิกษพุ ดู กบั มาตุคามสองตอ สอง ก็ไมม ชี วี ิตเหมอื นกัน. บทวา อาลปนฺเน ปน ความวา ถา มาตุคามถามวนั ขอศีล ใครฟงธรรม ถามปญ หา ก็หรือมกี ิจกรรมท่บี รรพชติ จะพงึ ทาํ แกมาตคุ ามน้ัน มาตคุ ามนั้น ก็จะพูดกะภกิ ษุผูไมพดู ในเวลาเหน็ ปานนีว้ า ภิกษอุ งคนเ้ี ปน ใบ หูหนวกฉันแลว กน็ ง่ั ปากแข็ง เพราะฉะนัน้ ภิกษุพงึ พูดโดยแท. ทานพระอานนททูลถามวา พระเจาขา ภกิ ษเุ ม่อื พูดอยางน้ี จะพงึ ปฏิบตั อิ ยางไร. ลําดับนน้ัพระผูมีพระภาคเจา ทรงหมายเอาพระโอวาททีว่ า มาเถิด ภิกษทุ ้งั หลาย พวกเธอจงตง้ั จิตคิดวามารดาในสตรปี ูนมารดา ต้งั จติ คิดวาพส่ี าวในสตรีปูนพี่สาวต้ังจิตคดิ วา ลูกสาวในสตรีปนู ลูกสาวจึงตรสั วา อานนท พึงตั้งสตไิ ว. บทวา อพฺยาวฏา ไดแกไ มเ กีย่ วพัน ไมข วนขวาย. บทวา สทตเฺ ถฆฏถ ไดแกพ ยายามในพระอรหัตอันเปน ประโยชนส งู สดุ . บทวา อนุยุชฺ ถไดแ กจ งประกอบเนอื ง ๆ เพอื่ บรรลพุ ระอรหตั นน้ั . บทวา อปฺปมตฺตา ไดแกไมอยปู ราศจากสต.ิ ช่ือวา ผมู ีเพียร เพราะประกอบดวยธรรมเครอื่ งยา งกเิ ลสคือความเพียร ชือ่ วามตี นสง ไป คอื มจี ิตสงไปอยู เพราะเปนผูไมอาลัยในกายและชวี ิต. ดวยบทวา กถ ปน ภนฺเต ทา นพระอานนททูลถามวา ชนเหลานั้นมีกษตั ริยบณั ฑิตเปนตน จะพงึ ปฏิบัตอิ ยางไร เขาจกั สอบถามขาพระองคแนแ ทวา ทานอานนท เราจะพงึ ปฏิบัตใิ นพระสรีระของพระตถาคตอยางไร ขา พระองคจ ะใหคาํ ตอบแกเ ขาอยางไร. บทวา อหเตน วตฺเถน ไดแกผา ใหมทีท่ าํ ในแควนกาสี ไมซ มึ นํ้ามัน เพราะเนอื้ ละเอยี ด แตผา สําลซี ึมเพราะฉะนัน้ ทา นจงึ กลา ววา วหิ เตน กปปฺ าเสน. บทวา อยสาย ไดแกรางทอง. ก็รางทอง ทา นประสงคเ อาวา อยส ในทนี่ ี้.
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 429 ถามวา ในคาํ วา ราชา จกฺกวตตฺ ิ เหตุไร พระผมู พี ระภาคเจา จงึทรงอนญุ าตการสรา งสถูปแกพระราชาผูอยูกลางเรอื นสวรรคตแลว ไมท รงอนญุ าตสาํ หรับภิกษผุ ูม ศี ลี . ตอบวา เพราะไมอศั จรรย. แทจริง เม่ือทรงอนุญาตสถูป สาํ หรับภิกษปุ ถุ ุชน กไ็ มพึงมีโอกาสสําหรบั สถูปทั้งหลายในเกาะสีหล ถงึ ในที่อื่น ๆ กเ็ หมือนกนั เพราะฉะนัน้ สถูปเหลานน้ั ไมอ ศั จรรยเพราะเหตุนน้ั จึงไมท รงอนญุ าต. พระเจา จักรพรรดิบังเกดิ พระองคเดยี วเทา น้ันดวยเหตนุ ั้น สถปู ของพระองคจึงอศั จรรย. สวนสําหรบั ภกิ ษุปถุ ชุ นผมู ีศีล จะทําสกั การะแมอ ยา งใหญ อยา งภิกษุผูปรินพิ พานกค็ วรเหมอื นกนั . สว นโรงกลม ทานประสงคเอาวา วหิ ารในคาํ วา วหิ าร น.ี้ เขาไปสูวหิ ารน้นั . บทวา กปสีส ไดแ ก ไมกลอนทต่ี ้งั อยูใ นท่ปี ลายเทาแขนประตู.บทวา โรทมาโน อฏาสิ ความวา ไดย ินวา ทา นพระอานนทค ิดวา พระศาสดาตรัสสถานท่ีอยซู ่ึงใหเกิดความสังเวชแกเ รา ตรสั การจารกิ ไปในเจดยี ว ามปี ระโยชน ตรัสตอบปญ หาเรอื่ งทจ่ี ะพงึ ปฏบิ ัตใิ นมาตคุ าม ตรัสบอกการปฏบิ ัติในสรรี ะของพระองค ตรัสถูปารหบุคคล ๘ จําพวก วนั นพี้ ระผมู พี ระภาคเจาปรนิ ิพพานแน. เมือ่ ทา นคดิ อยา งนแี้ ลวกเ็ กดิ โทมนสั อยางรนุ แรง. ครง้ั นน้ั ทานปริวิตกอยา งน้ีวา ช่อื วา การรอ งไหใ นท่ใี กลพระผูมพี ระภาคเจา ไมผ าสกุ เราจกั ไปในที่สว นหน่ึง บรรเทาความโศกใหเบาบาง. ทา นไดท ําเหมอื นอยา งนัน้ .ดว ยเหตุนนั้ ทา นจึงกลา ววา พระอานนทย นื รอ งไห. บทวา อทฺจ วตมฺหิตัดเปน อหฺจ วต อมฺหิ. ปาฐะวา อห วตมหฺ ิ ดงั นกี้ ม็ ี. บทวา โย มมอนุกมฺปโก แปลวา ผใู ด อนุเคราะหส ่ังสอนเรา. พดู กันมาวา ตง้ั แตวนั พรุงน้ี เดี๋ยวนี้ เราจกั ถวายน้าํ สาํ หรบั ลางพระพกั ตรแ กใ คร จะลา งพระบาทแกใครจักปฏบิ ัตเิ สนาสนะแกใคร จักรบั บาตรและจวี รของใคร จารกิ ไป.
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 430 บทวา อามนฺเตสุ ไดแก ไมเ หน็ พระเถระในระหวา งจงึ ตรัสเรียก.บทวา เมตเฺ ตน กายกมเฺ มน ไดแ ก ดวยกายกรรม มีอันถวายนํ้าลางพระพักตรเปนตน ทีป่ ฏิบตั ไิ ปดว ยอํานาจจติ มีเมตตา. บทวา หิเตน ไดแ ก อันกระทําไปเพ่อื ความเจริญแหง ประโยชนเ กอื้ กูล. บทวา สุเขน ไดแก อนั กระทาํ ไปดว ยอาํ นาจสุขกาย สุขใจ. อธบิ ายวา ไมม ที ุกขก ายทุกขใ จ. บทวาอทวฺ เยน ไดแกไ มก ระทาํ ใหเปน ๒ สวน. ทานอธิบายวา ทาํ ตอหนา ไมท าํ ลบัหลังอยางหน่งึ ทําลบั หลงั ไมทาํ ตอ หนาอยางหน่ึง ทาํ ไมแบงแยกอยา งน้ัน.บทวา อปฺปมาเณน ไดแ กเ วนจากประมาณ. ทรงแสดงวา จรงิ อยู แมจ ักรวาลคับแคบนัก แมภวคั คพรหมก็ตา่ํ นกั เพราะกายกรรมที่ทานทํามา. บทวาเมตเฺ ตน วจกี มเฺ มน ไดแ กวจีกรรม มีบอกเวลาลา งพระพกั ตรเปนตน ท่ีปฏบิ ัตไิ ปดวยอํานาจจิตมเี มตตา. อีกอยางหนึ่ง แมฟ ง โอวาทแลวทลู วาสาธุ ภนเฺ ต ดีละ พระเจา ขา . จัดเปนเมตตาวจกี รรมเหมือนกัน. บทวาเมตเฺ ตน มโนกมเฺ มน ความวา ดวยมโนกรรมทีป่ ฏบิ ัตแิ ตเชา ตรู แลว นง่ับนอาสนะอันสงดั แลวปฏิบตั อิ ยา งนวี้ า ขอพระศาสดา จงเปนผไู มมีโรค ไมมีทุกขเ บยี ดเบยี น จงเปน สขุ เถดิ . ดวยคาํ วา กตปุ โฺ สิ ทรงแสดงวา ทานเปนผูถึงพรอมดว ยอภินหิ าร (บญุ เกา ) ตลอดแสนกปั . ดวยบทวา กตปุ ฺโ-มหฺ ิ ทรงแสดงวา ดว ยเหตุเพียงเทานี้ เธออยาวางใจประมาท โดยทแ่ี ทจ งประกอบความเพยี รเนอื ง ๆ เธอประกอบความเพยี รเนือง ๆ อยางนีแ้ ลว จกัเปนผไู มม อี าสวะโดยฉับพลนั จักบรรลุพระอรหัตในเวลาสงั คายนาธรรม ก็การปรนนิบตั ทิ เี่ ธอกระทาํ แกพระพทุ ธเจา เชน เราชื่อวา ไรผลหามิได. กแ็ ลครัน้ตรัสอยา งน้แี ลว ทรงเริ่มพรรณนาคุณของพระอานนทป ระหนึ่งแผไ ปทั่วมหาปฐพี ประหน่งึ แผไ ปทัว่ อวกาศ ประหน่งึ ยกสูย อดจักรวาลคีรี ประหน่ึงยกสิเนรุบรรพต ประหน่งึ จับตนหวา ใหญเ ขยา คร้งั นัน้ แล พระผูม ีพระภาคเจาจึงตรัสเรยี กภกิ ษทุ ั้งหลาย.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 431 ในพระบาลนี ัน้ เพราะเหตไุ ร พระผูมพี ระภาคเจาจงึ ไมตรัสวา เยปเต ภิกขฺ เว เอตรหิ. เพราะพระพทุ ธเจาพระองคอ ่นื ๆ ไมมี. แตพึงทราบคาํ นนั้ โดยพระบาลนี วี้ า พระพุทธเจา องคอน่ื ๆ แมในระหวา งแหง จกั รวาลไมม ีฉันใด. บทวา ปณฑฺ โิ ต แปลวา เฉยี บแหลม. บทวา กลุ โล ไดแกฉลาด ในธรรมมีขันธธาตุ และ อายตนะ เปนตน. บทวา ภกิ ขฺ ปุ ริสา อานนฺท ทสฺสนาย ความวา ชนเหลา ใด ประ-สงคจะเฝาพระผมู ีพระภาคเจา เขาไปหาพระเถระ และชนเหลา ใดมาไดยินคุณของพระเถระวา ไดยนิ วา ทา นพระอานนทนาเล่ือมใสรอบดาน งามนา ชมเปนพหสุ ูต ผูงามในสงฆ ทานหมายเอาชนเหลาน้ันจงึ กลา ววา ภกิ ษบุ รษิ ัทเขา ไปพบพระอานนท. ในบทท้งั ปวงก็มนี ัยน.ี้ บทวา อตตฺ มนา ชื่อวา มใี จเปนของตน คือมีจติ ยนิ ดเี พราะเหน็ สมดวยการฟง มา. บทวา ธมฺม ไดแ กธรรมคอื ปฏิสนั ถารเห็นปานน้วี า ผูมีอายุ พอทนไดหรือ พอเปนไปไดห รือเธอจงทํากิจในโยนิโสมนสิการ จงบําเพ็ญอาจาริยวัตรและอปุ ช ฌายวัตร. ในธรรมคือปฏสิ นั ถารนัน้ มกี ารกระทาํ ทีต่ า งกนั ในภิกษุณีทง้ั หลายดังนี้วา ภกิ ษณุ ีทั้งหลาย ๔ พวก ทา นสมาทานประพฤตคิ รธุ รรม ๘ บา งละหรอื . เมื่ออบุ าสกท้งั หลายมาไมกระทาํ ปฏิสนั ถารอยา งนว้ี า ทา นไมเ จ็บปวดศรี ษะหรอื อวัยวะบางหรือ. แตจะกระทาํ ปฏิสันถารอยา งนว้ี า ทานอุบาสกท้งั หลาย สรณะ ๓ เปนอยา งไร ทา นรักษาศลี ๕ รักษาศลี อุโบสถเดอื น ๘ ครัง้ จงกระทาํ วตั รคือการบาํ รุงมารดาบิดา จงปฏบิ ตั สิ มณพราหมณผ ูต้งั อยูในธรรม. ในอบุ าสิกาท้งั หลายกน็ ยั นเ้ี หมือนกนั . บัดน้ี เมอ่ื จะทรงกระทาํ ขอ เปรยี บเทียบกับพระเจาจักรพรรดิสําหรบัพระอานนทเถระ. จึงตรสั วา จตตฺ าโรเม ภกิ ขฺ เว เปนตน. บรรดาบทเหลานั้น บทวา ขตฺตยิ า ไดแกชาตกิ ษตั ริยผ ไู ดร ับมรุ ธาภิเษก และมิไดร บั มุรธา
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 432ภเิ ษก. ไดยนิ วา กษัตริยเ หลา น้นั สดับคาํ พรรณนาคุณของจกั รพรรดนิ ้นั วาธรรมดาวา พระเจาจักรพรรดิงาม นาชม นาเลื่อมใส สญั จรไปไดท างอากาศเถลงิ ถวัลยราชสมบัติ ทรงธรรม เปนธรรมราชาดงั นี้ยอมดีใจ ในเมื่อไดเ ห็นสมดวยไดย ินพระคุณ. บทวา ภาสติ ไดแก ทรงกระทําปฏิสนั ถารวา พอ เอยอยางไรเรยี กวาบาํ เพญ็ ราชธรรม อยางไรเรยี กวา รักษาประเพณ.ี แตใ นพราหมณทงั้ หลาย ทรงกระทําปฏสิ นั ถารอยา งนี้วา ทา นอาจารยอยา งไร ช่อื วาสอนมนต เหลาศษิ ยกเ็ รยี นมนต พวกทานจงทําทกั ษิณา ผา หรือโคแดง.ในคฤหบดีท้ังหลาย ทรงทําปฏสิ นั ถารอยา งนีว้ า พอ เอย พวกทานไมถ กู เบยี ดเบยี นดวยอาชญา หรือดว ยภาษีอากรจากพระราชามีบา งหรอื ฝนตกตองตามฤดกู าลไหม ขา วกลาสมบูรณไ หม. ในสมณะท้งั หลายก็ทรงทําปฏิสันถารอยางนวี้ า ทา นเจาขา บรขิ ารสาํ หรบั บรรพชิตหาไดงา ยไหม พวกทา นอยา ประมาทในสมณธรรม. บทวา ขุททฺ กนครเก ไดแ กนครเลก็ ทค่ี ับแคบ เปนนครที่ยงั ตอ งพัฒนา. บทวา อุชชฺ งคฺ ลนครเก ไดแก นครทม่ี ีพนื้ ไมเรยี บ. บทวาสาขนครเก ไดแ กน ครเล็กเสมอื นกงิ่ ของนครใหญอื่น เหมอื นกง่ิ เลก็ ๆ ของตนไมทง้ั หลายฉะนั้น. บทวา ขตฺติยมหาสาลา ไดแก พระมหากษัตริยผเู ปนขัตตยิ มหาศาล. ในบททั้งปวงก็นัยนี.้ บรรดามหาศาลเหลา นนั้ ทีช่ อื่ วาขตั ติย-มหาศาลไดแ กเหลากษตั ริยท่ีเก็บทรพั ยไวรอยโกฏิบา ง พนั โกฏบิ า ง จายกหาปณประจําวันออกไปวนั ละ ๑ เลมเกวยี น ตกเย็นกหาปณะรับเขาวนั ละ ๒ เลมเกวยี น. ทช่ี อื่ วาพราหมณมหาศาล ไดแ กเหลาพราหมณท ่เี ก็บทรพั ยไ วแ ปดสิบโกฏิ จายกหาปณะไปวนั ละ ๑ กุมภะ ตกเย็นรบั เขาวันละ ๑ เลมเกวียน.ที่ช่อื วาคฤหบดีมหาศาล ไดแกเหลา คฤหบดที ่เี กบ็ ทรัพยสมบตั ไิ ว ๔๐ โกฏิจายกหปณะประจําวัน ๆ ละ ๕ อัมพณะ ตกเยน็ รบั เขา วันละ ๑ กุมภะ.
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 433 บทวา มา เหว อานนทฺ อวจ ไดแ ก อานนท เธออยาพูดอยา งนน้ั .พระผูม ีพระภาคเจาตรสั วา เธอไมค วรพูดวา นีน่ ครเล็ก ความจรงิ เราตถาคตมาท่ีนครนี้ ดวยความอตุ สาหะอยางใหญ ดว ยความบากบน่ั อยางใหญยนื นงั่ หลายครง้ั ก็เพื่อจะกลา วถงึ สมบตั ขิ องนครนี้โดยแท แลว จงึ ตรสั วาภูตปพุ พฺ เปน ตน . บทวา สุภกิ ฺขา ไดแก สมบรู ณดวยของเคีย้ วและของกิน. บทวาหตถฺ ิสทเฺ ทน ความวา เมอื่ ชา งเชอื กหนงึ่ รองขึ้น ชา ง ๘๔,๐๐๐ เชอื กกร็ องตาม ดงั น้นั กุสาวดีราชธานี จงึ ไมส งดั จากเสยี งชาง. จากเสยี งมากเ็ หมือนกนั .ก็สตั วทง้ั หลายในราชธานนี ีม้ บี ญุ มรี ถทีเ่ ทียมดว ยมา สนิ ธพ ๔ ตัว ตามกันและกนั สญั จรไปในระหวางถนน ฉะน้นั จึงชอ่ื วา ไมสงดั ดว ยเสียงรถ. อน่ึงดุรยิ างค มกี ลองเปนตน ในนครนนั้ ก็ยํา่ กนั อยูเปน นติ ย. ดังนน้ั จงึ ชอ่ื วา ไมสงดั จากเสยี งกลองเปน ตน. บรรดาบทเหลานัน้ บทวา สมฺมสทฺโท ไดแ กเสียงกังสดาล. บทวา ตาลสทโฺ ท ไดแก เสียงตาลทเี่ คาะดว ยมือและตาลรางส่เี หลียน. บางอาจารย กลา ววา กูฏเภรสิ ทฺโท เสียงกลองกฏู ดงั นกี้ ม็ ี. บทวาอสถ ปว ถ ขาทถ แปลวา จงกิน จงดม่ื จงเคยี้ ว. กใ็ นเรื่องน้มี ีความสังเขปดังน้.ี กสุ าวดีราชธานี ไมส งดั จากเสยี งทส่ี บิ นว้ี า เชญิ บริโภคเถดิ ทา นผูเจรญิ มเี สยี งไมขาดเลย. พระผมู พี ระภาคเจาทรงแสดงวา ในนครอื่น ๆ มีเสียงเห็นปานน้วี า พวกเจา จงทิง้ หยากเยอื่ จงถือจอบ จงถอื กระเชา เราจกัไปแรมคนื พวกเจาจงถอื หอขาวสาร จงถือหอ ขาวสุก จงใหจดั โลแ ละอาวุธดังนี้ฉันใด ในกสุ าวดีน้ีหามีเสยี งเหน็ ปานนฉี้ ันนั้นไม. ก็แลครั้นตรสั วาจากเสียงทส่ี บิ ดังนแ้ี ลว ทรงจบมหาสุทสั สนสูตรทง้ั หมดวา ดูกอ นอานนทกสุ าวดีราชธานีลอ มรอบดว ยกําแพง ๗ ชั้นแลว จึงตรสั วา คจฺฉ ตวฺ อานนทฺดังนเ้ี ปนตน.
พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 434 บรรดาบทเหลา นนั้ บทวา อภกิ กฺ มถ ความวา พวกทาน จงกา วมาขางหนา. ถามวา กพ็ วกเจามลั ละแหง กรงุ กสุ ินารา ไมท รงทราบวาพระผูม ีพระภาคเจา เสดจ็ มา ดอกหรือ. ตอบวาทรงทราบ. ธรรมดาวา ในสถานที่ๆพระพทุ ธเจา ท้ังหลายเสดจ็ ไป ๆ ยอ มโกลาหลมากทั้งทยี่ งั ไมเสดจ็ มา ก็เพราะทรงประชมุ กนั ดวยกรณยี ะบางอยา ง. พระผมู พี ระภาคเจาทรงทราบวา พวกเจามลั ละเหลา นัน้ มาแลว จักตอ งจดั โอกาสท่ียนื ทนี่ ง่ั ถวายแกภ กิ ษสุ งฆ จึงสงพระอานนทไปทสี่ ํานักของเจา มลั ละเหลาน้นั แมในเวลาอนั ไมค วร. โน อักษรในคาํ วา อมหฺ าก จ โน น้ี เปน เพียงนิบาต. บทวา อฆาวโิ น ไดแก กุล-ทุกข. บทวา เจโตทกุ ขฺ สมปปฺ โ ต ไดแกผ เู ปยมดวยโทมนัส. บทวา กลุ -ปรวิ ตฺตโส กลุ ปรวิ ตฺตโส เปตวฺ า ความวา พวกเจา มลั ละเปน ตระกูล ๆคือสงั เขปวา ตระกูล เปนสว น ๆ โดยอยูถนนเดยี วกันและตรอกเดยี วกนั . บทวา สภุ ทฺโท นาม ปรพิ พฺ าชโก ไดแ ก ปรพิ พาชกผูนงุ หมผาจากตระกลอุทิจจพราหมณมหาศาล. บทวา กงฺขาธมโฺ ม ไดแ กธรรมคือความเคลือบแคลง. ถามวากเ็ พราะเหตุไร สุภัททปรพิ พาชกนั้นจึงมคี วามคิดอยางนีใ้ นวนั น้.ี ตอบวา เพราะมีอุปนิสัยอยา งนัน้ . ไดย ินวา แตกอนไดมีพี่นอง ๒ คน ในการบาํ เพญ็ บุญ. พน่ี อง ๒ คนน้ัน ไดก ระทําขา วกลารวมกนัใน ๒ คนนน้ั พีช่ ายคิดวา เราจักถวายทานขาวกลา อันเลิศปละ ๙ ครง้ั . ฤดูหวา น ถวายเมล็ดอนั เลิศ. ในฤดขู าวตง้ั ทอ งปรกึ ษากับนองชายวา จักผาทอ งกลา ถวาย. นองชายบอกวา พตี่ องการจะใหขาวกลา ออนพินาศไปหรอื .พชี่ ายรูว า นองชายไมย ินยอม จึงแบงนากัน ผาทองขา วจากสวนของตน คน้ั น้ํานม ปรุงดวยเนยใสและน้าํ ออย. ในฤดูเปนขาวเมา ก็ใหกระทาํ ขา วเมา ถวาย.ในเวลาเก่ียวก็ใหถ วายขาวอันเลศิ . ในเวลามัดขะเน็ด กไ็ ดถ วายขา วอันเลิศในเวลาทาํ ขะเนด็ . ในเวลาทาํ เปนฟอ นเปน ตน กไ็ ดถวายขา วอนั เลิศเวลาทํา
พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 435ฟอ น ขา วอนั เลิศขณะขนไวในลาน ขาวอันเลิศขณะนวด ขาวอันเลิศในขณะอยูในฉาง. ไดถ วายทานเลิศในขา วกลา ปล ะ ๙ คร้ัง ดงั กลา วมาฉะนี.้ สวนนอ งชายเสร็จทํานาแลว จึงจะถวาย. ในพีน่ อง ๒ คนน้นั พีช่ ายเกิดเปนพระอญั ญาโกณฑญั ญเถระ. พระผมู ีพระภาคเจา ทรงตรวจดวู า เราจะพึงแสดงธรรมโปรดแกใ ครกอนหนอ จงึ ทรงพระดํารวิ า พระอญั ญาโกณฑัญญะ ไดถ วายทานอันเลศิ ในขา วกลา ปล ะ ๙ ครง้ั เราจกั แสดงธรรมอนั เลศิ นแี้ กเ ขา จึงทรงแสดงโปรดกอ นคนอ่นื ทง้ั หมด. ทานดํารงอยใู นโสดาปตติผล พรอมกบั พรหม๑๘ โกฏิ. สว นนอ งชายลาชา คดิ ไดอ ยา งน้ีในเวลาพระศาสดาปรินิพพานเพราะถวายทานในภายหลงั จึงไดเ ปนผูมคี วามประสงคจ ะเฝาพระศาสดา. บทวา มา ภควนฺต วิเหเสิ ความวา ไดย นิ วา พระเถระเขาใจวาขึน้ ช่ือวา อญั ญเดียรถียเหลา น้นั เหน็ แกตวั ทัง้ นนั้ เมอื่ พระผูม ีพระภาคเจา ตรสัมาก ๆ เพ่ือประโยชนแกการแกป ญ หาน้นั ก็จกั ทรงลําบากทง้ั ทางกายและวาจาดว ยวา โดยปกติพระผูมีพระภาคเจากท็ รงลาํ บากอยแู ลว จึงกลา วอยางน.ี้ปรพิ พาชก ก็ตามใจพระเถระดว ยคดิ วา ภกิ ษุรปู น้ี ไมใ หโอกาสแกเราผูตองการประโยชน กไ็ ดแ ตต ามใจ จึงกลาว ๒-๓ ครั้ง. บทวา อสฺโสสิ โขความวา เมือ่ พระเถระยนื พดู อยูใกลประตูมาน พระผมู ีพระภาคเจาทรงไดย นิดวยพระโสตตามปกต.ิ ก็แลคร้ัน แลว จงึ ตรสั วา อล อานนฺท เปน ตน เพราะพระองคเสด็จมาดวยอตุ สาหะอันใหญ เพ่อื โปรดสภุ ัททะนัน่ แล. ศัพทว า อลในคําวา อล อานนฺท นนั้ เปนนิบาต. ไดในอรรถวา ปฏเิ สธ. บทวาอฺาเปกโฺ ข ว แปลวา เปน ผใู ครจะร.ู บทวา อพฺภฺสี ุ ไดเเก รอู ยา งท่ีเจา ลทั ธเิ หลานนั้ ปฏิญญา. ทา นอธบิ ายวา ปฏญิ ญานั้นของเจาลัทธิเหลานน้ั เปน นยิ ยานกิ ะไซร พวกเขาทงั้หมด กร็ ทู ่วั ถงึ ถาปฏญิ ญาของพวกเขาไมเ ปน นยิ ยานิกะไซร พวกเขากไ็ มร ู
พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 436เพราะฉะนน้ั ปฏญิ ญาของเจาลัทธเิ หลานัน้ เปน นิยยานิกะหรือไมเปน นยิ ยานิกะ.ใจความของปญหานัน้ มีอยางนเ้ี ทา นน้ั . ครงั้ นน้ั พระผูม พี ระภาคเจา ทรงปฏิเสธวา อยาเลย เพราะไมเปน ฐานะอยา งหนงึ่ เพราะไมมโี อกาสอยา งหนึ่งดว ยการตรสั ถงึ ความท่ีปฏญิ ญาของเจา ลทั ธิเหลา นนั้ ไมเปนนยิ ยานิกะ จงึ ทรงแสดงธรรมอยางเดยี ว. พระผูมีพระภาคเจาเสด็จมาดวยพระพทุ ธประสงควาจกั ทรงแสดงธรรมโปรดพวกเจามลั ละตอนปฐมยาม แสดงธรรมโปรดสภุ ัททะตอนมชั ฌิมยาม สอนภกิ ษุสงฆต อนปจ ฉิมยาม เสดจ็ ปรินิพพานในเวลาใกลร ุง. บทวา สมโณป ตตฺถ น อปุ ลพฺภติ ความวา ในธรรมวินยั นนั้ไมมแี มสมณะที่ ๑ คือพระโสดาบัน แมสมณะที่ ๒ คอื พระสกทาคามี แมสมณะท่ี ๓ คือพระอนาคามี แมส มณะท่ี ๔ คือพระอรหันต กไ็ มม ีในธรรมวนิ ัยน้นั . พระผูมีพระภาคเจา ตรัสโดยไมกําหนดเทศนาเบอื้ งตน บดั นี้ เมอ่ืทรงกาํ หนดศาสนาของพระองคจึงตรสั วา อิมสฺมึ โข เปน ตน. บทวา สุ ฺ า-ปรปฺปวาทา สมเณภิ ความวา ปรัปปวาท (ลทั ธขิ องเจา ลทั ธอิ ่นื ) สญู วางเปลา จากสมณะ ๑๒ จําพวก คอื ผเู รม่ิ วิปสสนาเพอื่ ประโยชนแกมรรค ๔ รวม๔ จําพวก ผตู ้งั อยใู นมรรค ๔ จาํ พวก ผูตง้ั อยใู นผล ๔ จาํ พวก. บทวาอิเม จ สุภทฺท ความวา ภิกษุ ๑๒ จาํ พวกเหลานี.้ ในคาํ วา สมมฺ า วิหเรยฺยุพระโสดาบนั บอกฐานะทีต่ นบรรลุแกผ ูอน่ื ทําผูอ ื่นน้นั ใหเ ปน โสดาบัน ช่อื วา อยูโดยชอบ. ในพระสกทาคามีเปนตน กน็ ยั น้.ี พระผูตั้งอยูใ นโสดาปต ตมิ รรคกระทาํ แมผูอื่นใหเ ปนผูต้งั อยูใ นโสดาปตตมิ รรคก็ช่อื วา อยโู ดยชอบ. ในพระผตู งั้ อยูในมรรคท่ีเหลอื ก็นยั น.้ี พระผเู ร่ิมวิปส สนา เพ่ือโสดาปตตมิ รรคกําหนดกัมมฏั ฐานทต่ี นคลองแคลว กระทาํ แมผูอนื่ ใหเปน ผูเริ่มวิปส สนาเพอ่ืโสดาปตติมรรคก็ช่ือวาอยโู ดยชอบ. ในพระผเู ร่มิ วิปส สนาเพ่อื มรรคท่เี หลอื ก็
พระสุตตันตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 437นยั นี.้ ทา นหมายเอาความขอนี้จึงกลาววา สมฺมา วิหเรยฺย . บทวา อสุ โฺ โลโก อรหนฺเตหิ อสฺส ความวา พึงไมว างเวนเหมือนปาไมอ อ ปา ไมแ ขม. บทวา เอกูนตึส วยสา ไดแ ก ทรงมพี ระชนมายุ ๒๙ พรรษาโดยวัย. คําวา ย ในคําวา ย ปรพิ ฺพชชฺ ึ นี้ เปนเพยี งนิบาต. บทวา กึ กสุ ลา-นเุ อสี ไดแก ทรงเสาะแสวงวาอะไรเปน กศุ ลทานประสงคสพั พญั ุตญาณ วากุศลคืออะไร ในคาํ วา กึ กุสลานุเอสี นัน้ อธิบายวา ทรงแสวงหาสัพพญั -ตญาณน้นั . ดว ยบทวา ยโต อหึ ทรงแสดงวา จําเดมิ แตกาลใด แตร ะหวางนีเ้ ราบวชมาเกนิ ๕๐ พรรษา. บทวา ายสสฺ ธมฺมสสฺ ไดแ ก ธรรมคืออรยิ มรรค. บทวา ปเทสวตตฺ ิ เปนไปในประเทศคอื แมใ นทางแหงวิปสสนา.บทวา อโิ ต พหทิ ฺธา ภายนอกศาสนาของเรา. บทวา สมโณป นตถฺ ิ แมสมณะผบู ําเพญ็ วปิ สสนา ผูอยใู นทางแหง วปิ สสนาไมมี ทา นอธบิ ายวา สมณะท่ี ๑ แมท ่ีเปนโสดาบนั ไมม.ี บทวา เย เอตถฺ ความวา เธอเหลาใดอนั พระศาสดาอภิเษกโดยอันเตวาสิกาภิเสก เฉพาะพระพกั ตรในพระศาสนาน้ี เปน ลาภของเธอเหลานัน้ เธอเหลานัน้ ไดดีแลว. ไดยนิ วา ในลัทธิภายนอก อาจารยพ ูดกบั อันเตวาสิกผูใดวาจงบรรพชาผนู ้ี จงโอวาทสงั่ สอนผูน้ี อันเตวาสิกผูน ้นั ยอ มเปน อันอาจารยต ้งัไวใ นฐานะของตน เพราะฉะนนั้ ขอเหลาน้วี า จงบวชผนู ี้ จงโอวาทส่งั สอนผูน้ี เปนลาภของอันเตวาสกิ ผูนัน้ . สุภัททปริพาชกถือลัทธิภายนอกนนั้ น่ันแหละ จงึ กลาวแมกะพระเถระอยางนี้. บทวา อลตถฺ โข แปลวา ไดแ ลว อยางไร. ไดย นิ วา พระเถระนาํ สภุ ัททะนน้ั ไปในทแี่ หง หนง่ึ เอาน้าํ จากคณโฑรดศีรษะบอกตจปญจกกัมมัฏ-ฐาน ปลงผมและหนวด ใหครองผา กาสายะแลวใหสรณะแลวนาํ ไปยังสาํ นกัพระผมู พี ระภาคเจา . พระผูมีพระภาคเจา ใหอ ุปสมบทแลว ตรสั บอกกัมมฏั -
พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 438ฐาน. เธอรบั กมั มฏั ฐานไวแลว อธษิ ฐานจงกรมในทสี่ วนหน่งึ แหง อุทยานพากเพยี รพยายามชาํ ระวปิ ส สนาบรรลุอรหัตพรอ มดว ยปฏิสมั ภิทาแลว มาถวายบงั คมพระผมู พี ระภาคเจา นั่งลง. ทานหมายเอาอปุ สมบทกรรมน้นั จึงกลาววาอจิรปู สมปฺ นฺโน โข ปน เปน ตน. ก็ทา นพระสุภัททะน้นั ไดเ ปนปจ ฉมิ สกั ขีสาวกของพระผูม พี ระภาคเจา แล. คําของพระสงั คีตกิ าจารยว า ในบรรดาสาวกเหลานน้ั รปู ใดบรรพชาเมอื่ พระผมู พี ระภาคเจายงั ทรงพระชนมอยู ภายหลังไดอ ปุ สมบทเรียนกมั มฏั ฐานบรรลพุ ระอรหัตก็ดี ไดแมอุปสมบท เมื่อพระผมู ีพระภาคเจา ยังทรงพระชนมอยู ภายหลังเรยี นกัมมัฏฐานบรรลอุ รหัตก็ดี เรยี นแมก ัมมฏั ฐานเม่อื พระผมู พี ระภาคเจา ทรงพระชนมอ ยู ภายหลังบรรลอุ รหัตกด็ ีแมท กุ รปู นั้น ก็ชื่อวาปจฉิมสกั ขสี าวก. สว นทานสุภทั ทะนี้ บรรพชาอปุ สมบทเรียนกัมมฏั ฐานบรรลพุ ระอรหัต เม่อื พระผูมีพระภาคเจา ยงั ทรงพระชนมอ ย.ู จบกถาพรรณนาปญ จมภาณวาร. บัดนี้ เพ่อื จะแสดงการประทานพระโอวาทแกภิกษสุ งฆ ทท่ี รงเรม่ิ ไวนนั้ จึงกลา วคาํ วา อถ โข ภควา เปนตน . บรรดาบทเหลา น้ัน บทวาเทสิโต ปฺตโฺ ต ความวา ทั้งธรรมกท็ รงแสดงแลว บญั ญตั ิแลว ท้งั วินยัก็ทรงแสดงบัญญตั แิ ลว . อธบิ ายวา ชอ่ื วาทรงบัญญัติ ไดแกทรงแตง ตงั้ แลว.บทวา โส โว มมจจฺ เยน ไดแ ก ธรรมและวนิ ัยนนั้ จะเปน ศาสดาของทานทัง้หลายโดยท่ีเราลว งไป. จรงิ อยู เรายังเปนอยนู แ้ี ลแสดงอุภโตวภิ ังควินยั พรอมทง้ั ขนั ธกบริวารแกเ ธอท้ังหลาย ในวตั ถุที่จดั ไวด ว ยอาํ นาจกองอาบตั ิท้งั ๗ วา นอ้ี าบตั ิเบา น้อี าบัติหนกั นอ้ี าบตั ิทีแ่ กไ ขได นี้อาบัติท่แี กไ ขไมได นี้อาบตั ทิ ีเ่ ปนโลกวชั ชะ นี้เปน ปณ ณตั วิ ัชชะ นีอ้ าบัติออกไดใ นสํานกั บคุ คล นอ้ี าบตั อิ อก
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 439ไดใ นสํานักคณะ น้ีอาบัตอิ อกไดใ นสาํ นกั สงฆ. วินัยปฎ กแมท ั้งสน้ิ น้ัน เม่อืเราปรนิ พิ พานแลวจักทาํ กิจของศาสดาของพวกทา นใหสําเรจ็ . อนง่ึ เรายงั เปนอยูนแ้ี หละ ก็จาํ แนกแยกแยะธรรมเหลานแ้ี สดงสุตตันตปฎ กดวยอาการนน้ั วาเหลานีส้ ติปฏฐาน ๔ สัมมัปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย ๕ พละ ๕ โพชฌงค๗ อรยิ มรรคมอี งค ๘ สตุ ตนั ตปฎ กแมทั้งสิน้ นั้นจกั ทาํ กิจแหง ศาสดาของทานทง้ั หลายใหสาํ เร็จ. อน่ึง เรายังดาํ รงอยูน แี้ หละ จําแนกแยกแยะธรรมเหลา น้ีคือ ขันธ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ สัจจะ ๔ อนิ ทรยี ๒๒ เหตุ ๙ อาหาร ๔ผัสสะ ๗ เวทนา ๗ สัญญา ๗ สัญเจตนา ๗ จติ ต ๗ แมในจติ นั้น ธรรมเทาน้ี เปนกามาวจร เทา นี้เปน รูปาวจร เทา นีเ้ ปน อรปู าวจร เทา น้ีเปนธรรมเนือ่ งกนั เทาน้ีเปนธรรมไมเนอ่ื งกัน เทาน้เี ปน โลกยิ ะ เทา นเี้ ปน โลกุตตระแลวแสดงอภิธรรมปฎก เปนสมนั ตปฏฐาน ๒๔ ประดบั มหาปฏฐานอนนั ตนัยอภธิ รรมปฎกแมท ั้งส้ิน เมอื่ เราปรินิพพานแลว จักทํากิจแหงศาสดาของเธอท้ังหลายใหสําเร็จ. อน่งึ พระพทุ ธวจนะน้ีทง้ั หมด ทเี่ ราภาษติ แลว กลาวแลว ต้งั แตตรสั รู จนถงึ ปรนิ พิ พานมมี ากประเภทอยา งนี้ คอื ปฎก ๓ นิกาย ๕ องค ๙แปดหมน่ื สพี่ นั พระธรรมขนั ธ. พระธรรมขนั ธแปดหมื่นส่พี นั เหลาน้ดี าํ รงอยูดวยประการฉะน้.ี พระผมู ีพระภาคเจา เม่ือทรงแสดงเหตเุ ปน อันมากอยา งนีว้ าเราจกั ปรนิ พิ พานผูเดียว อนึ่ง เราบัดน้ีกโ็ อวาทส่ังสอนผเู ดยี วเหมอื นกนั เม่ือเราปรินิพพานแลว พระธรรมขนั ธแปดหม่ืนสพี่ ันเหลา น้ีก็จกั โอวาทสง่ั สอนทานทงั้ หลาย ทรงโอวาทวา ธรรม วนิ ัย นั้นจักเปน ศาสดาของทานทัง้ หลายเมอื่ เราลวงไป แลว เมื่อทรงย้ําแสดงจารตี ในอนาคตกาล จึงตรสั วา ยถา โขปน เปนตน .
พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 440 บรรดาบทเหลา นั้น บทวา สมุทาจรนฺติ ไดแ ก ยอ มกลาวยอมรองเรยี ก. บทวา นาเมน วา โคตฺเตน วา ไดแ ก นวกะพึงรอ งเรยี กโดยชือ่อยางนี้วา ติสสะ นาคะ หรอื โดยโคตรอยา งนี้วา กัสสปโคตร หรอื โดยวาทะวา อาวโุ ส อยางนีว้ า อาวุโสติสสะ อาวโุ สกสั สปะ บทวา ภนฺเตตวิ าอายสฺมาติวา ไดแ ก พงึ เรยี กอยา งน้ีวา ภนฺเต ตสิ สะ อายฺสมา ตสิ สะ. บทวา สมูหนตุ ไคัแก เมอ่ื จํานงอยู จงถอน. อธิบายวา ผวิ าปรารถนา. กพ็ ึงถอนเสีย. ถามวา ก็เพราะเหตไุ ร พระผมู ีพระภาคเจา ไมตรสั โดยสว นเดียววา จงถอนเสยี แตตรสั ดวยคาํ เปนวกิ ปั . ตอบวา เพราะทรงเห็นกาํ ลงั ของมหากสั สปะ. จรงิ อยู พระผูมพี ระภาคเจา ยอ มทรงเห็นวาเมอ่ื ตรัสวา จงถอนเสีย พระมหากสั สปะจกั ไมถอนในเวลาทําสังคายนา เพราะฉะนน้ั จึงตรัสไวดว ยคําเปนวกิ ัป นน่ั และ เรือ่ งเลก็ ๆ นอ ย ๆ มาในปญ จสติกสังคีติโดยนัยเปน ตนวา บรรดาพระเถระเหลา นั้นพระเถระบางเหลากลาวอยางนวี้ า เวน ปาราชกิ ๔ เสยี นอกนั้นกเ็ ปนอาบัตเิ ล็กนอ ย ๆ. กก็ ารวนิ จิ ฉยั ในเรือ่ งอาบตั เิ ล็ก ๆ นอย ๆ นกี้ ลาวไวแลวในอรรถกถาชอ่ื สมนั ตปาสาท-ทิกา. กอ็ าจารยบางพวกกลา ววา พระนาคเสนรจู กั อาบตั เิ ลก็ ๆ นอ ย เพราะถูกพระเจามิลินทต รัสถามวา ทานพระนาคเสน อาบัติเลก็ เปนอยางไร อาบตั ินอ ยเปนอยางไร ? ทลู ตอบวา มหาบพติ ร ทุกกฏเปนอาบัติเลก็ ทุพภาษิตเปนอาบัตนิ อย. สวนพระมหากัสสปะเถระ เมอ่ื ไมรอู าบตั เิ ล็ก อาบัตนิ อยน้นั จงึประกาศวา ผูมอี ายุทงั้ หลาย ขอสงฆจ งฟงขา พเจา สิกขาบททงั้ หลายของพวกเราทเี่ ปน สว นของคฤหสั ถก ็มีอยู แมค ฤหสั ถทั้งหลายกร็ วู า ขอ นคี้ วรแกทานท้ังหลายทีเ่ ปนสมณสกั ยบุตร ขอ น้ไี มค วรแกท านท้งั หลายทีเ่ ปนสมณสักยบุตรถา เราจะถอนสิกขาบทเล็ก ๆ นอ ย ๆ เสีย ผูคนทงั้ หลายกจ็ กั วากลา วเอาไดว า
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 441สิกขาบทที่พระสมณโคดมบญั ญัตเิ อาไวแ กสาวกทัง้ หลายอยูไดช ่ัวควนั ไฟ สาวกเหลา นี้ศึกษาในสกิ ขาบททงั้ หลายตราบเทาทศี่ าสดายงั ดํารงอยู เพราะศาสดาของสาวกเหลา นป้ี รนิ พิ พานเสียแลว สงฆไมพึงบญั ญัตใิ นขอ ทไ่ี มทรงบญั ญัติไมพึงถอนในขอ ทท่ี รงบญั ญตั ไิ วแลว พึงสมาทานประพฤติในสกิ ขาบทท้งั หลายทที่ รงบัญญัตไิ วแ ลว นีเ้ ปนญตั ติ. ทา นประกาศกรรมวาจาดังกลา วมาน้ี. ขอ นนั้ไมควรถืออยางน้ี ก็ทา นพระนาคเสนกลา วไวอ ยางน้นั ดว ยประสงคจะไมใหปรวาที (ฝายตรงกนั ขา ม) มีโอกาส. ทา นพระมหากสั สปเถระ ประกาศกรรมวาจานีก้ ด็ ว ยประสงคจะไมเพกิ ถอนอาบัตเิ ลก็ ๆ นอ ย ๆ แล. แมเ ร่ืองพรหมทณั ฑทานกว็ ินิจฉัยไวแลวในอรรถกถาวนิ ยั ชื่อสมนั ตปาสาทกิ า เพราะมาแลวในบาลสี งั คีต.ิ บทวา กงฺขา คอื ทางสองแพรง . บทวา วิมติ คือ ไมสามารถจะวนิ ิจฉยั ได. ความสงั เขปในขอน้อี ยา งนี้วา ผใู ดพึงบงั เกิดความสงสัยวา เปนพระพทุ ธเจา หรือไมใชพ ระพุทธเจาหนอ เปนพระธรรมหรือไมใ ชพระธรรมหนอ เปนพระสงฆห รอื ไมใ ชพ ระสงฆหนอ เปนมรรคหรอื มิใชมรรคหนอเปนปฏปิ ทาหรือไมใชป ฏิปทาหนอ เราจะกลา วขอ นนั้ แกเธอทงั้ หลาย ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย เธอจงถามดงั น.ี้ บทวา สตฺถคุ ารเวนาป น ปุจฺเฉยยฺ ากความวา ถา พวกเธอไมถ ามดว ยความเคารพในศาสดาอยา งนี้วา พวกเราบวชในสาํ นกั ของพระศาสดา แมป จ จัย ๙ ก็เปน ของพระศาสดาของพวกเราเหลาน้ัน ก็ไมค วรจะทาํ ความสงสัยตลอดกาลมีประมาณเทานีใ้ นวนั น้ี ไมควรจะทําความสงสัยในกาลภาคหลงั . บทวา สหายโกป ภกิ ฺขเว สหายกสฺส อาโร-เจตุ ทรงแสดงวา บรรดาทานทง้ั หลาย ผใู ดเหน็ คบกันแลวกบั ภกิ ษใุ ด ผนื น้ันจงบอกภิกษุนั้นวา ขา พเจา จะบอกแกภกิ ษุรูปหนึง่ ทา นทงั้ หลายฟงคําภิกษุนน้ัแลว จกั หมดความสงสัยทุกรูป. บทวา เอว ปสนโฺ น ความวา ขาพเจา เชื่ออยา ง
พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 442น้ี. บทวา าณเมว ความวา กระทําความเปนผูหมดความสงสัยใหประจกั ษช่อื วา ความรูนั่นแลของตถาคตในขอ นี้ มใิ ชเ พยี งความเช่อื . บทวา อเิ มสฺหิอานนทฺ ความวาบรรดาภกิ ษุ ๕๐๐ รูป ทนี่ ั่งอยูภายในมา นเหลา นี.้ บทวา โยปจฉฺ ิมโก ความวา ภิกษใุ ดตา่ํ สุดโดยคณุ . ทานกลาวหมายถึงพระอานนทเถระเทา น้ัน. บทวา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ ความวา จงยงั กิจทั้งปวงใหสําเร็จดว ยความไมไปปราศจากสติ. ดังน้ัน พระผูม ีพระภาคเจา ทรงบรรทมทีเ่ ตยี งปรนิ พิ พาน ประทานพระโอวาททีป่ ระทานมา ๔๕ พรรษา รวมลงในบทคอื ความไมประมาทอยา งเดียวเทา นน้ั . ก็คําน้ีวา ปจฉฺ ิม วาจา เปน คําของพระสังคีตกิ าจารยทงั้ หลาย ตอ แตน ้ีไป เพอื่ จะแสดงขอท่พี ระผมู พี ระภาค-เจา ทรงกระทําบริกรรมในพระปรนิ พิ พาน จึงกลา วคํามอี าทิวา อถ โข ภควาปมชฌฺ าน . บรรดาบทเหลา นั้น บทวา ปรนิ พิ ฺพุโต ภนฺเต ความวา ทา นพระอานนท เหน็ พระผูมีพระภาคเจาเขานิโรธสมาบัตไิ มม ีอัสสาสปส สาสะ จึงถามวา พระผมู พี ระภาคเจา ปรินพิ พานแลว หรอื . ทานพระอนรุ ุทธตอบวา ยังผูมีอายุ. พระเถระทราบเรื่อง. ไดย นิ วา พระเถระเขาสมาบตั ิน้นั ๆ พรอ มกับพระศาสดาน่นั แล จงึ รูวา พระผูมพี ระภาคเจา ออกจากเนวสญั ญานาสัญญายตนะ แลว ดําเนินไป บดั นี้ เขา นโิ รธสมาบัติ ชอื่ วาการทาํ กาละในภายในนิโรธสมาบัตไิ มม .ี ในพระบาลนี วี้ า ครัง้ น้ันแล พระผูม ีพระภาคเจา ทรงออกจากสัญญาเวทยติ นิโรธเขาเนวสญั ญานาสญั ญาตนะ ฯลฯ ออกจากตตยิ ฌาน เขา จตตุ ถ-ฌาน พระผูมพี ระภาคเจาทรงเขาปฐมฌานในฐานะ ๒๔ ทุตยิ ฌานในฐานะ ๑๓ตติยฌานก็เหมอื นกัน เขาจตุตถฌานในฐานะ ๑๕. เขา อยางไร. คือเขาปฐมฌานในฐานะ ๒๔ เหลานี้ มีอสุภะ ๑๐ อาการ ๓๒ กสิณ ๘ เมตตา กรุณา
พระสุตตันตปฎก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 443มุติตา อานาปานสตปิ ริจเฉทากาส เปนตน. แตเวน อาการ ๓๒ และอสุภะ๑๐ เขาทตุ ยิ ฌานในฐานะทเ่ี หลอื ๑๓ และเขาตติยฌานในฐานะ ๑๓ น้นั เหมือนกัน. อน่ึง เขา จตตุ ถฌานในฐานะ ๑๕ เหลาน้ี คือกสณิ ๘ อเุ บกขาพรหมวิหาร อานาปานสติ ปรจิ เฉทากาส อรปู ๔. กลาวโดยสงั เขปเทานี.้ แตพระผมู พี ระภาคเจา ผธู รรมสามี เสด็จเขา พระนครคอื ปรนิ พิ พาน เสดจ็ เขาสมาบตั ิทั้งหมดนบั ได ยสี่ ิบส่ีแสนโกฏิ แลวเขาเสวยสขุ ในสนาบตั ทิ งั้ หมดเหมอื นคนไปตา งประเทศ กอดคนท่เี ปนญาติฉะนั้น. ในคาํ น้ีวา พระผมู ีพระภาคเจา เสดจ็ ออกจากจตุตถฌานในลําดับมาเสดจ็ ปรนิ ิพพาน คือ ในลาํ ดับทงั้ ๒ คอื ในลําดับแหง ฌาน ในลาํ ดับแหงปจจเวกขณญาณ. พระผูม ีพระภาคเจาเสดจ็ ออกจากฌานแลว หยั่งลงสภู วงั คแลวปรนิ ิพพานในระหวา งน้นั ช่อื วาระหวา งฌาน ในลาํ ดบั ๒ นัน้ . พระผูมีพระภาคเจาเสดจ็ ออกจากฌานแลวพจิ ารณาองคฌานอกี หยง่ั ลงสภู วงั ค แลวปรนิ ิพพานในระหวางนน้ั นั่นแหละ ชอ่ื วา ระหวา งปจจเวกขณญาณ. แมทั้ง ๒น้กี ็ช่ือวา ระหวา งทั้งนั้น. กพ็ ระผมู ีพระภาคเจา เขาฌานเสดจ็ ออกจากฌานพิจารณาองคฌานแลว ปรนิ พิ พานดวยภวังคจติ ทเ่ี ปนอพั ยากฤตเปนทกุ ขสัจจะ.สตั วเ หลาใดเหลา หน่ึง ไมวา พระพทุ ธเจาหรือพระสาวก อยา งตาํ่ มดดาํ มดแดงตอ งกระทาํ กาละดว ยภวงั คจติ ทเ่ี ปน อัพยากฤตเปน ทกุ ขสจั ทั้งนั้นแล. เร่อื งแผนดินใหญไ หวเปนตน มีนยั ดงั กลา วไวแ ลว แล. บทวา ภตู า ไดแก สัตวท ัง้ หลาย บทวา อปปฺ ฏิปุคฺคโล ไดแ กปราศจากบุคคลท่เี ปรยี บเทยี บได. บทวา พลปฺปตโฺ ต คอื ผูถ ึงพลญาณ ๑๐.บทวา อุปปฺ าทวยธมฺมโิ น ไดแก มอี ันเกิดและดับเปน สภาวะ. บทวา เตสวูปสโม ความวา ความระงับสงั ขารเหลานั้น กค็ ือพระนิพพานอนั ไมมีปจจัยปรุงแตง แทจริง เปน สขุ . บทวา นาหุ อสฺสาสปสฺสาโส คอื ไมเ กดิ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 444อสั สาสปสสาสะ. บทวา อเนโช ชอ่ื วา อเนชะ เพราะไมม ีกิเลสเปนเคร่ืองไหวคือตณั หา. บทวา สนตฺ ิมารพภฺ ไดแ ก ปรารภอาศัยหมายเอาอนปุ าท-ิเสสนพิ พาน บทวา ย กาลมกริ ผูใดไดก ระทาํ กาละ. ทา นอธิบายวา ผมู ีอายุ พระพทุ ธมนุ ี คือศาสดาของเราพระองคใ ด ทรงปรารภสนั ตวิ า เราจักถึงสันตไิ ดทรงทํากาละแลว บัดนพี้ ระพทุ ธมุนีพระองคน น้ั มีจิตท้งั มัน่ คงที่ไมเ กดิ อสั สาสปสสาสะ คือไมม ไี มเปน ไป. บทวา อสลฺลเี นน คือดว ยจิตไมหดหู เบกิ บานดแี ลว แล. บทวา เวทน อชฺฌาวสยิ ทรงอดกลน้ั เวทนาแลวคอื ไมกระสบั กระสา ย เปนไปตามอํานาจของเวทนา. บทวา วิโมกโฺ ข ไดแกหลุดพน ไมตดิ ขดั ดวยธรรมอะไร ๆ ถงึ ความไมม บี ัญญตั ิ โดยประการทงั้ ปวงเปน เชนเดยี วกับความดบั ของไฟที่โพลงแลว . ทา นกลาววา ตทาสิ หมายเอาแผน ดนิ ไหวที่ทา นกลา วไวในหนหลังอยางนีว้ า แผน ดนิ ใหญไ หวพรอมกบัปรินพิ พาน. จรงิ อยูความไหวแหงแผนดินนัน้ ทําใหเกิดขนลุก และนาสะพรงึกลัว. บทวา สพฺพาการวรูเปเต แปลวา เขาถึงเหตอุ ันประเสริฐทงั้ ปวง. บทวา อวีตราคา ไดแก ปุถุชน พระโสดาบัน และพระสกทาคาม.ีจริงอยู ปุถชุ น พระโสดาบันและพระสกทาคามเี หลา นนั้ ยงั ละโทมนัสไมไ ด.เพราะฉะน้ัน ทา นแมเหลา นนั้ ประคองแขนทงั้ สองคร่าํ ครวญ วางมือทั้งสองไวเหนอื ศรี ษะรองไห. เรอื่ งทั้งหมดพึงทราบโดยนัยกอ นนั่นแหละ. บทวา อชุ ฺฌายนฺติ คือ เทวดายกโทษกลาวอยวู า พระผูเปนเจาทงั้หลายไมอาจอดกลัน้ แมดว ยตนเองได จักปลอบโยนชนทีเ่ หลอื ไดอยา งไร.บทวา กถ ภูตา ปน ภนเฺ ต อนรุ ุทธฺ ความวา ทา นผเู จริญ พวกเทวดาเปน อยา งไร. พระอนรุ ุทธะกาํ หนดวา เทวดาเหลานนั้ จะยบั ย้งั การปรนิ ิพพานของพระศาสดาไดห รอื . ตอ มา เพื่อจะแสดงความเปน ไปของเทวดาเหลา น้นัพระเถระจงึ กลาววา สนตฺ าวโุ ส เปนตน. คําน้ันมีขอ ความทีก่ ลา วไวแ ลว ทงั้น้นั .
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 445 บทวา รตตฺ าวเสส คือราตรีที่ยงั เหลือระยะเวลาเลก็ นอยเพราะปรินิพพานในเวลาใกลรุง. บทวา ธมฺมยิ า กถาย คอื ไมมธี รรมกถาทแ่ี ยกออกไปเปน อยา งอน่ื . แตวา พระเถระเจา ทั้งสองยังเวลาใหลวงไปดว ยกถาท่ีเกี่ยวดวยมรณะเหน็ ปานนว้ี า ผมู อี ายทุ ง้ั หลาย พระยามจั จรุ าชนี้ ไมละอายตอพระศาสดาผไู มม ีบคุ คลเปรียบในโลกพรอ มท้งั เทวโลก กจ็ ะปวยกลาวไปใยวาจะละอายตอโลกิยมหาชน. กเ็ มื่อพระเถระท้ังสองกลาวกถาอยนู น้ั อรณุ ก็ข้นึ โดยครูเ ดียวเทา นนั้ . บทวา อถโข ความวา เมอื่ อรุณขนึ้ พระเถระก็กลา วตอพระเถระ. บทวา เตน กรณีเยน ความวา กรณียะอันใดอยางน้ี คือจะพงึ จดัสักการะมีดอกไมแ ละของหอมเปนตน ในทีป่ รินพิ พานเชน ไรหนอ. จะพงึ จดัท่นี ่ังสาํ หรับภิกษสุ งฆเ ชน ไร. จะพงึ จัดขาทนียะ โภชนียะ เชนไร. อันผรู ูเรอ่ื งพระผูมพี ระภาคเจา ปรินพิ พานแลว จะพึงกระทาํ พวกเจา มัลละประชุมกันดวยกรณยี ะเชนน้นั . บทวา สพฺพจฺ ตาลาวจร ไดแก เคร่อื งดรุ ยิ างคทุกชนิด. บทวา สนนฺ ปิ าเตถ ความวา ตกี ลองเรียกประชุม. เจามัลละเหลา นน้ั ไดกระทํากนั อยา งนน้ั . บทวา มณฑฺ ลมาเล ไดแก นาํ มาลยั วงดวยผา. บทวา ปฏิยาเทนตฺ า แปลวา จดั . บทวา ทกฺขิเณน ทกขฺ ณคือ ทิศาภาคดานทักษณิ แหง พระนคร. บทวา พาหเิ รน พาหริ ไดแ ก ไมเขาไปภายในพระนคร นําไปขา งนอก โดยขางนอกพระนครนน่ั แหละ. บทวาทกฺขณิ โต นครสสฺ ความวา ต้ังไวใ นสถานท่เี ชน เดียวกับประตูดานทักษณิของกรุงอนรุ าธปรุ ะ กระทําสักการะสัมมานะแลวจักทาํ ฌาปนกจิ ในสถานท่ีเชนเดยี วกบั พระเชตวนั . บทวา อฏ มลลฺ ปาโมกขฺ า ไดแก พวกเจามัสละรนุ มัชฌมิ วยัสมบูรณด ว ยเรย่ี วแรง. บทวา สสี นหฺ าตฺวา ไดแก ชําระศีรษะอาบนํา้ แลว.
พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 446บทวา อายสฺมนตฺ เถร ความวา พระเถระผูเดยี วปรากฏวา เปนผูมที พิ ยจกั ษุเพราะฉะนัน้ เม่ือพระเถระองคอน่ื ๆ แมม อี ายุ พวกเจามลั ละเหลา นั้น ก็เรียนถามเฉพาะพระเถระ ดว ยประสงคว า ทานพระอนรุ ุทธเถระนี้ จกั บอกแกพวกเราไดช ดั เจน. บทวา กถ ปน ภนเฺ ต เทวตาน อธิปปฺ าโย ความวาพวกเจามัลละเรียนถามวา ทา นเจา ขา กอนอน่ื พวกเรารูค วามประสงคข องพวกเรา แตค วามประสงคของเหลาเทวดาเปน อยางไร. พระเถระเม่อื จะแสดงความประสงคของพวกเจา มลิ ละเทานน้ั จึงกลา ววา ตมุ ฺหาก โข เปน ตน. คําวา เจดียของพวกเจา มัลละ ชอ่ื วา มกฏุ พนั ธนะนี้ เปนชื่อของศาลามงคลเปน ที่แตงพระองคของพวกเจา มลั ละ. กศ็ าลานี้ ทานเรียกวาเจดยี เพราะอรรถวา ทานสรางไวอ ยา งงดงาม. ในคาํ วา ยาว สนธฺ ิสมลสงฺกฏริ า น้ีท่ีตอ เรือน ชือ่ วาสันธิ บอ กําจัดกองคถู (บอคถู ) ชือ่ วา สมละ ที่เทขยะชอ่ื วา สงั กฏิระ. บทวา ทิพฺเพหิ จ มานุสเกหิ จ นจฺเจหิ ความวา การฟอนราํ ของเหลาเทวดามี ณ เบอื้ งบน ของเหลา มนษุ ยมี ณ เบื้องลา ง. ในการขับรองเปนตน กน็ ยั นี้. อนึ่ง ในระหวางเหลา เทวดา กม็ ีเหลามนษุ ย ในระหวางเหลา มนษุ ยกม็ ีเทวดา ทัง้ เทวดาและมนุษยไดพ ากันไปสกั การะบูชาแมด วยประการดงั กลา วมานี้. บทวา มชเฺ ฌน มชฌฺ นครสสฺ หริตวฺ า ความวา เมอ่ื พระสรรี ะของพระผูม ีพระภาคเจา ถูกเขานํามาอยา งน้ี ภรรยาของพันธลุ เสนาบดี ชอ่ื วามลั ลกิ า ทราบวา เขานาํ พระสรีระของพระผูมีพระภาคเจา มา กค็ ิดวา เราจกัใหเขานาํ เครื่องประดับช่ือมหาลดาประสาธน เชน เดียวกบั เครอื่ งประดับของนางวสิ าขา ซ่งึ เราเก็บไวไ มไดใชส อยมาตัง้ แตสามีของตนตายไป จกั บูชาพระศาสดาดวยมหาลดาประสาธนน ้ี ดงั นแี้ ลว ใหทําความสะอาดมหาลดาประสาธนน้ันชาํ ระดวยน้าํ หอมแลววางไวใกลประต.ู เขาวา เคร่ืองประดบั นน้ั มีอยใู นสถาน
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 447ที่ ๓ แหง คอื ทีเ่ รอื นของสตรที ้ังสองนัน้ (นางวสิ าขา และนางมลั ลิกา) และเรอื นของโจรชื่อวา เทวนานยิ ะ. ก็นางมัลลิกาน้นั กลา ววา เมอื่ พระสรรี ะของพระศาสดามาถึงประตูแลว พอท้งั หลาย จงวางพระสรีระของพระศาสดาลงแลว สวมเคร่ืองประดบั นท้ี ่ีพระสรรี ะของพระศาสดา. เคร่อื งประดบันนั้ สวมตงั้ แตพระเศียรจนจรดพ้ืนพระบาท พระสรรี ะของพระผูม ีพระภาคเจาซ่ึงมพี ระฉวีวรรณเหมอื นทองคาํ ประดบั ดว ยมหาลดาประสาธน ที่ทาํ ดว ยรตั นะ๗ ประการ ก็รงุ เรอื งยิ่งนกั . นางมัลลกิ านน้ั เหน็ ดังนัน้ แลว ก็มจี ติ ผอ งใสทาํ ความปรารถนาวา ขา แตพระผมู พี ระภาคเจา ขา พระองค จกั โลดแลนอยูในวัฏฏสงสารตราบใด ตราบนั้น กิจดวยเครื่องประดบั จงอยา แยกจากขาพระ-องค ขอสรีระจงเปน เชน เดยี วกับเครอื่ งประดบั ทส่ี วมใสอยเู ปนนติ ยเถิด. ครั้งน้นัพวกเจา มัลลปาโมกข ยกพระผูม พี ระภาคเจา พรอ มดว ยเคร่อื งมหาลดาประ-สาธน ที่ทําดวยรัตนะ ๗ ประการ ออกทางประตูทศิ บรู พา วางพระสรรี ะของพระผมู พี ระภาคเจา ลง ณ มกุฏพนั ธนะเจดียข องพวกเจา มลั ละทางเบื้องทิศบรู พาแหงพระนคร. บทวา ปาวาย กสุ นิ าร ความวา ทานพระมหากัสสปะ เดนิ ทางไกลดว ยหมายใจวา จกั เทีย่ วไปบณิ ฑบาตในนครปาวาแลวจกั ไปยังนครกสุ นิ ารา.ในคาํ วา น่งั ณ โคนไมน ้ี เหตไุ ร ทา นจงึ ไมกลา ววาพักกลางวัน. เพราะทานไมน ัง่ เพื่อตอ งการจะพักกลางวนั . ความจริง เหลาภกิ ษบุ ริวารของพระเถระลว นแตจําเรญิ สขุ มีบญุ มาก ทา นเดินทางดวยเทาบนแผนดินทเี่ สมอื นแผนหินอนั รอ นในเวลาเที่ยง พากันลําบาก. พระเถระเหน็ ภิกษเุ หลานน้ั ก็คิดวาภิกษทุ ง้ั หลายพากันลาํ บาก ทั้งสถานท่ี ๆ จะไปก็ยงั อยไู กล จกั พักเสยี เลก็ นอยระงับความลาํ บาก ตอนเยน็ ถึงนครกสุ นิ าราจกั เขาเฝาพระทศพล จงึ แวะลงจากทาง ปูสังฆาฏทิ ีโ่ คนไมแ หง หน่ึง แลว เอานาํ้ จากคณโฑนํ้าลูบมือและเทา
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 448ใหเ ย็นแลว นัง่ ลง. แมเ หลาภกิ ษุบริวารของทา น กน็ ่ัง ณ โคนไม ใชโ ยนิโสมนสกิ ารทาํ กัมมัฏฐาน นง่ั สรรเสริญคุณพระรัตนตรยั . ดังน้ัน ทา นจึงไมกลา ววา พักกลางวัน. เพราะน่งั เพอื่ ตองการบรรเทาความเมอ่ื ยลา . บทวา มนฺทารวปปุ ฺผ คเหตฺวา ไดแก เอาไมเสยี บดอกมณฑารพขนาดถาดใหญถือมาดงั รม. บทวา อทฺทสา โข ไดแก เห็นอาชวี กเดินมาแตไกล. กแ็ ลครั้นเห็นแลว พระเถระคดิ วา นนั่ ดอกมณฑารพปรากฏอยใู นมือของอาชวี กนี่ ก็ดอกมณฑารพนนั้ ไมปรากฏในถ่นิ มนุษยเสมอ ๆ จะมกี ็ตอ เม่ือผูม ฤี ทธ์ิบางทานแผลงฤทธ์ิ และตอ เมื่อพระสัพพัญูโพธสิ ัตวเ สดจ็ ลงสูพระครรภของพระมารดาเปนตน แตวันน้ี ผูมีฤทธไ์ิ ร ๆ ก็ไมไดแ สดงฤทธนิ์ ี่ พระศาสดาของเราก็ไมเ สด็จลงสูพระครรภข องพระมารดา ไมไ ดเ สดจ็ ออกจากพระครรภท้งั วนั น้ีพระองคก ม็ ิไดตรัสรู ไมไ ดประกาศพระธรรมจักร ไมไ ดแ สดงยมกปาฏหิ ารยิ ไมไดเ สด็จลงจากเทวโลก ไมไ ดท รงปลงอายุสังขาร แตพ ระศาสดาของเราทรงพระชรา จักเสด็จปรินิพพานเสยี เปนแนแลว. ลาํ ดบั น้นั พระเถระเกิดจติ คดิ วา จักถามเขา จงึ ดาํ รวิ า กถ็ า เรานง่ั ถาม กจ็ กั เปนการกระทําความไมเคารพในพระศาสดา ดงั นี้แลวจึงลกุ ขน้ึ หมบังสุกลุ จวี รสเี มฆทีพ่ ระทศพลประทาน ประหน่ึงพญาชา งฉทั ทันต หลีกออกจากท่ยี ืน คลุมหนงั แกว มณีฉะน้ัน ยกอัญชลีอันรงุ เรอื งดว ยทศนัขสโมทานไวเหนือเกลา ผนิ หนา ตรงตออาชีวกดว ยคารวะทที่ ําในพระศาสดา กลา วถามวา ผมู ีอายุ ทานทราบขาวพระศาสดาของเราบา งไหม. ถามวา กท็ า นพระมหากัสสปะ รกู ารปรพิ พานของพระศาสดา หรอืไมรูจงึ ถาม. อาจารยพวกหนึง่ กลา ววา การรูของพระขณี าสพทง้ั หลาย ตอ งเนอ่ื งดวยอาวัชชนะ ความนึก ก็ทา นพระมหากสั สปะนไ้ี มรู จงึ ถาม เพราะทานไมไ ดนกึ ไว. พระเถระมากดว ยสมาบัติ ยังชีวิตใหเ ปน ไปดวยการมากไปดวย
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 449สมาบตั เิ ปน นิตย ในทีอ่ ยูกลางคืน ท่พี กั กลางวัน ท่ีเรน และทีม่ ณฑปเปน ตนเขา บา นของตระกลู ก็เขาสมาบัติทกุ ประตูเรอื น ออกจากสมาบัตแิ ลว จงึ รับภิกษาเขาวา พระกระทําความตัง้ ใจอยางนว้ี า ดว ยอตั ภาพสดุ ทายน้ี เราจกั อนุเคราะหมหาชน ชนเหลา ใด ถวายภกิ ษาหรอื ทาํ สกั การะดวยของหอม... และดอกไมเปนตน แกเรา ทานนั้นของชนเหลาน้ันจงมีผลมาก ดงั น้ี เพราะฉะน้ัน ทานจงึ ไมรูเพราะมากไปดว ยสมาบัต.ิ ดังนัน้ อาจารยพ วกหนงึ่ จงึ กลา ววา ทานไมรูจึงถาม. คาํ น้ัน ไมควรถอื เอา. เพราะวาไมมเี หตทุ ี่จะไมรใู นขอนัน้ . การปรินิพพานของพระศาสดา ไดเ ปน การกําหนดไวช ัดแลว ดว ยนมิ ิตทงั้ หลายมีหมื่นโลกธาตไุ หวเปน ตน พระเถระผรู ูอยจู ึงถามเพ่อื ใหเ กิดสตแิ กภกิ ษทุ งั้ หลายดวยคดิ วา กใ็ นบรษิ ทั ของพระเถระ ภิกษบุ างเหลาก็เคยเหน็ พระผูมพี ระภาคเจาบางเหลาก็ไมเ คยเห็น บรรดาภกิ ษุเหลา นัน้ แมภกิ ษุเหลา ใดเคยเห็นแลวภกิ ษุแมเหลานนั้ กย็ งั อยากจะเห็น แมภกิ ษเุ หลาใดไมเคยเหน็ แมภิกษเุ หลา น้ันกย็ ากจะเห็นเหมือนกัน บรรดาภกิ ษเุ หลา นั้น ภิกษเุ หลาใดไมเ คยเหน็ ภิกษุเหลา นั้นกไ็ ปเพราะกระหายที่จะเห็นย่ิงนกั ถามวา พระผมู พี ระภาคเจาอยูไหนทราบวาปรินิพพานเสียแลว ก็จะไมอ าจจะดาํ รงตัวอยไู ด ทง้ิ บาตรจวี ร นุงผาผืนเดียวบา ง นงุ ไมดีบาง หมไมด บี า ง ทบุ อกรา่ํ รอ งไห ในที่น้นั ผูค นทัง้ หลายจักแสดงโทษของเราวา เหลาภกิ ษุผถู ือบังสุกุลจีวริกังคธดุ งค ท่มี ากับพระมหากัสสปะรองไหเสียเองเหมือนสตรี ภกิ ษุเหลา นั้นจกั ปลอบโยนพวกเราไดอยา งไรก็ปา ใหญน คงจะวางเปลา เมอ่ื ภกิ ษทุ งั้ หลายรอ งไหเ หมอื นในท่ีน้ี ขนึ้ ช่ือวาโทษคงจะไมม ี เพราะรูเรอ่ื งเสียกอ น แมความโศกเศรา ก็คงจะเบาบางดังนี.้ บทวา อชชฺ สตฺตาห ปรนิ ิพพฺ ุโต สมโณ โคตโม แปลวานับถึงวนั นี้ พระสมณโคดมปรินพิ พานได ๗ วนั แลว. บทวา ตโต เม อทิ ไดแก ดอกมณทารพน้ี ขา พเจา เกบ็ มาแลวแตส ถานที่ปรนิ ิพพานของพระสมณโคดมนัน้ .
พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 450 บทวา สุภทโฺ ท นาม วุฑฒฺ ปพฺพชิโต ความวา คําวา สภุ ทั ทะเปน ชือ่ ของภิกษนุ นั้ แตเ พราะภกิ ษุนน้ั บวชในเวลาเปนคนแก ทา นจงึ เรยี กวาวฑุ ฒบรรพชิต. ก็เพราะเหตุไร สภุ ทั ทะภิกษุนนั้ จงึ กลา วอยา งน้ี. เพราะอาฆาตในพระผูมีพระภาคเจา. ไดยนิ วา สภุ ทั ทะภิกษุน้นี ั้น เคยเปนชางตัดผมในเมอื งอาตุมานคร ท่ีมาในขันธกะ บวชเม่อื แก ทราบวา เมอื่ พระผูมีพระภาคเจาเสด็จออกจากนครกุสินาราไปยังอาตุมานครพรอ มกบั ภกิ ษุ ๒๕๐ รปู . พระผูมีพระภาคเจากําลงั เสดจ็ มา จงึ คิดวา จักกระทํายาคทู านถวายในเวลาเสด็จมา จึงเรยี กบตุ ร ๒ คน ซง่ึ เตรียมตวั จะเปน สามเณร บอกวา พอเอย เขาวา พระผมู ีพระภาคเจา เสดจ็ มายังอาตุมานคร พรอมกบั ภกิ ษหุ มใู หญป ระมาณ ๒๕๐ รูปไปเถดิ พอ จงถือเครือ่ งมดี โกนพรอ มกับทะนานและถังไปทุกลําดับบา นเรอื นจงรวบรวมเกลอื บา ง นา้ํ มนั บา ง ขา วสารบา ง ของเค้ยี วบาง เราจกั กระทํายาคูทานถวายแดพ ระผูม ีพระภาคเจาผเู สด็จมา. บุตร ๒ คนนน้ั กไ็ ดกระทําอยา งน้ัน. ผูคนเห็นเดก็ เหลา นน้ั มีเสียงเพราะ มีไหวพริบ บา งประสงคจ กั ใหกระทาํ บางประสงคจะไมใ หก ระทํา แตกใ็ หกระทําท้ังน้นั ถามวา พอเอยเจาจกั รบั ไปในเวลาทาํ หรอื . เดก็ ๒ คนน้นั บอกวา พวกขาไมตอ งการอะไรอืน่แตพ อของเราประสงคจ ะถวายยาคทู าน ในเวลาทีพ่ ระผมู พี ระภาคเจาเสด็จมา.ผูคนไดฟ งดงั น้นั แลวกไ็ มคอ ยนําพา ยอมใหส ่ิงท่เี ดก็ ท้ัง ๒ น้นั อาจนาํ ไปไดหมด ทไี่ มอ าจนําไปไดก ็สง คนไป. ครัน้ พระผมู ีพระภาคเจาเสดจ็ มายังอาตมุ า-นครกเ็ ขาไปยังโรงลานขา ว ตกเย็น สุภทั ทะภิกษุกไ็ ปยังประตบู าน เรยี กมนุษยม ากลา ววา อุบาสกอุบาสิกาท้ังหลาย ขา พเจาไมไ ดร ับอะไร ๆ อยางอื่นจากสาํ นกั ของทานทงั้ หลาย ขา วสารเปน ตน ท่เี ดก็ ของขาพเจานํามาเพยี งพอแกสงฆ พวกทา นจงใหเพยี งงานฝม อื เถดิ . ถามวา พวกขา พเจา จะทาํ อยา งไรเจาขา.สภุ ทั ทะภกิ ษุพดู วา พวกทา นจงถอื เอาสิง่ นี้ ๆ แลว ใหถ อื เครื่องอุปกรณท ้ังหมด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 560
Pages: