Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_13

tripitaka_13

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:39

Description: tripitaka_13

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 351ยอมศกึ ษา ในสกิ ขาบททัง้ หลาย ดังนี้ ผิวาความพรอมพร่งั ของสงฆถึงท่ีแลวสงฆไ มพึงบญั ญตั ิขอ ทไ่ี มไ ดทรงบัญญัติไว ไมพ ึงถอดถอนขอทท่ี รงบัญญตั ิไวแลว พงึ สมาทานประพฤติ ในสิกขาบททง้ั หลาย ตามท่ที รงบญั ญัตไิ ว. บทวาวฑุ ฺฒิเยว ไดแ ก ความเจรญิ ดว ยคณุ มศี ีลเปนตน ไมเ สือ่ มเลย. บทวา เถรา ไดแกผถู ึงความเปนผมู ัน่ คง คือประกอบดวยคณุ อันกระทําความมัน่ คง. ช่ือวา รัตตัญู เพราะรรู าตรีมาก. ชื่อวา จิรปพฺพชิตาเพราะบวชมานาน. ชื่อวา สงฺฆปต โร เพราะตั้งอยูใ นฐานะเปน บดิ าของสงฆ.ชอ่ื วา สงฺฆปริณายกา เพราะปริหารสงฆเ หตุตัง้ อยูในฐานะเปนบดิ า เปนหว หนาปฏิบตั ใิ นบทคือสิกขา ๓. ภิกษเุ หลา ใด ไมกระทาํ สักการะเปน ตนแกพระเถระเหลานั้น ไมไปปรนนบิ ตั วิ นั ละ ๒-๓ ครง้ั เพอื่ รบั โอวาท พระเถระแมเหลา นนั้ ยอ มไมใหโ อวาท ไมก ลา วเร่อื งประเพณี ไมใหศกึ ษาธรรมบรรยายอันเปนสาระแกภ ิกษเุ หลานนั้ . ภกิ ษุเหลา นัน้ ถูกพระเถระเหลานนั้ สลัดเสยี แลวยอมเสอ่ื มจากคณุ ทั้งหลาย มีอาทิอยา งน้ีคอื จากธรรมขนั ธ มศี ลี ขนั ธเปน ตนและจากอรยิ ทรัพย ๗. สว นภิกษเุ หลาใดกระทําสกั การะเปน ตน ไปปรนนบิ ตั ิพระเถระเหลานัน้ พระเถระแมเ หลานัน้ ยอ มใหโ อวาทแกภ กิ ษุเหลา นัน้ วา เธอพึงกา วไปอยา งนี้ พึงถอยกลับอยางน้ี พงึ แลอยางน้ี พงึ เหลยี วอยา งนี้ พงึ คูเขาอยา งนี้ พงึ เหยยี ดออกอยางน้ี พึงทรงบาตร และจวี รอยา งนี้ ยอมสอนเร่อื งประเพณี ยอมใหศ ึกษาธรรมบรรยายท่เี ปน สาระ พรํ่าสอนดวยธดุ งค ๑๓กถาวัตถุ ๑๐. ภกิ ษเุ หลานนั้ อยูในโอวาทของพระเถระเหลาน้นั เจรญิ ดว ยคณุมีศลี เปน ตน ยอมบรรลสุ ามญั ญผลโดยลําดับ. พงึ ทราบความเส่อื มและความเจริญในขอนด้ี วยประการฉะนี้. การใหก ารเกิดอีกชอื่ วาภพใหม ภพใหมน ้นั เปนปกตขิ องตณั หาน้นัเหตุน้นั ตัณหานั้น จงึ ชอ่ื วา โปโนพฺภวิกา. อธิบายวาใหเ กิดอกี . แหง ตัณหา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 352ผใู หภ พใหมนน้ั . พึงทราบวินจิ ฉัยในคาํ วา น วส คจฉฺ สิ สฺ นตฺ ิ ดงั ตอ ไปน้ีภิกษเุ หลา ใดรบั บิณฑบาตของอปุ ฏ ฐากแลว จากบา นหนึ่งไปบา นหน่ึง เพราะเหตแุ หง ปจ จยั ๔ ภกิ ษเุ หลา นนั้ ชื่อวา อยูในอาํ นาจของตัณหานนั้ . ฝา ยภิกษุผูไมป ฏบิ ตั อิ ยา งนั้น ช่อื วา ไมอ ยใู นอํานาจแหง ตณั หา. ความเส่ือมและความเจรญิ ในขอ นัน้ ปรากฏชดั แลว. บทวา อารฺ เกสุ ไดแกปาช่วั ๕๐๐ ธนูเปน ทีส่ ดุ . บทวา สาเปกฺขาไดแกมีตณั หา มอี าลัย. ภกิ ษแุ มย ังไมบรรลฌุ านในเสนาสนะใกลบาน พอออกจากฌานนนั้ ไดย ินเสียงหญิง ชาย และเดก็ หญิงเปน ตน เปนเหตุเสอ่ื มคุณวเิ ศษทภี่ ิกษุนั้นบรรลแุ ลว แตเ ธอนอนในปา พอตน่ื ขน้ึ ก็ไดย นิ แตเสียงราชสีห เสอื และนกยงู เปนตน อยา งท่เี ธอไดป ต ใิ นปา แลว พิจารณาปตนิ ้นันน่ั แล ต้ังอยใู นผลอันเลิศ. ดงั นน้ั พระผมู พี ระภาคเจา จงึ ทรงสรรเสรญิ ภิกษุผูห ลบั อยใู นปาเทา นัน้ ย่ิงกวา ภิกษุผไู มบรรลฌุ านอยูในเสนาสนะใกลบาน.เพราะฉะนั้น พระผมู พี ระภาคเจา ทรงอาศัยอาํ นาจประโยชนน้นั นั่นแล จึงตรสั วา จกั เปน ผูอาลยั ในเสนาสนะปา . บทวา ปจฺจตฺต เยว สตึ อปุ ฏ เปสสฺ นตฺ ิ ไดแกจ ักไปต้ังสตไิ วภายในของตน. บทวา เปสลา แปลวา ผูนา รกั . เหลาภกิ ษุเจา ถน่ิ ไมปรารถนาใหเ พื่อนสพรหมจารมี าในที่นี้ เปน ผไู มศ รัทธาไมเลือ่ มใส ยอมไมทําสามีกิจกรรม มไี ปตอนรับ รับบาตร จวี ร ปอู าสนะ พัดดว ยพดั ใบตาลเปน ตนแกเหลาภิกษผุ ูม าถงึ แลว . คร้งั น้ัน เสียงติเตยี นภิกษเุ หลา น้นั กก็ ระพือไปวาเหลาภกิ ษุวดั โนน ไมม ีศรทั ธาไมเ ล่อื มใส ไมทาํ วดั ปฏิบตั ิ แกเ หลาภิกษุผูเขา ไปวดั . บรรพชติ ทง้ั หลายพงึ เร่ืองนนั้ แลว กผ็ า นประตูวดั ไมย อมเขา วัด.เหลาภกิ ษทุ ี่ยังไมมา ยอ มไมมา ดวยประการฉะน้ี. สวนสําหรบั เหลาภิกษุที่มาแลว เมื่อไมมวี ัดอยผู าสุก เหลา ภิกษทุ ีไ่ มรูมาแลว กค็ ิดกอ นวา จะอยู แตก็

พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 353ตอ งออกไปเสีย ดว ยเห็นวาพวกเรามากนั แลว แตดวยความไมน ําพาน้ี ของภกิ ษุเจาถ่ินเหลานี้ ใครจกั อยไู ด. เมือ่ เปนดังนนั้ วัดนัน้ ภิกษุอ่นื ๆ กม็ าอยูไมไ ด. แตน ้นั เหลาภกิ ษุเจาถ่นิ เมอื่ ไมไดพ บเหลา ภิกษุผูม ศี ีล ก็พลอยไมไดภกิ ษุผูช ว ยบรรเทาความสงสัย หรอื ผใู หศึกษาธรรมบรรยาย หรอื ฟงธรรมอันไพเราะ ภกิ ษเุ จา ถ่ินเหลา นั้น ก็เปน อันไมไ ดร ับธรรมท่ยี ังไมไดรับ ไมไ ดกระทําการสาธยายธรรมท่รี บั ไวแลว . ดงั นนั้ ภกิ ษเุ จาถิ่นเหลานัน้ จงึ มแี ตค วามเสอ่ื มถายเดยี ว ไมมีความเจรญิ เลย. สว นภกิ ษเุ หลา ใด ปรารถนาจะใหเพ่ือนสพรหมจารมี า ภิกษเุ หลานนั้ มศี รัทธามคี วามเลื่อมใส กระทาํ การตอ นรับเปนตนแกเ พอ่ื นสพรหมจารที ีม่ ากนั แลว จัดเสนาสนะให พาเขาไปภกิ ษาจารบรรเทาความสงสยั ไดฟง ธรรมอนั ไพเราะ เมื่อเปน เชนน้นั กิตติศัพทของภกิ ษุเหลาน้นั กฟ็ ุงขจรไปวา เหลาภกิ ษุในวัดโนน มศี รทั ธา เลื่อมใส ถึงพรอมดว ยวตั ร สงเคราะหอ ยา งนี้ ภกิ ษทุ ้ังหลายไดฟงเรื่องนั่นแลว แมไ กลก็พากนั ไปเหลา ภกิ ษุเจา ถน่ิ กระทาํ วตั รแกภ กิ ษุอาคันตกุ ะเหลานั้น มาใกล ๆ แลว ไหวอาคนั ตกุ ะผูแกกวา แลวนงั่ ถอื อาสนะน่ังใกล ๆ อาคนั ตกุ ะผอู อ นกวา แลวถามวา พวกทานจักอยใู นวัดนีห้ รอื จักไป เมอ่ื อาคันตุกะ ตอบวา จกั ไป ก็กลาววา เสนาสนะสบาย ภิกษากห็ าไดง า ย ไมย อมใหไ ป. ถา อาคนั ตุกะเปนวนิ ยั ธร กส็ าธยายวินัยในสํานกั ของพระวินยั ธร ถาอาคนั ตกุ ะทรงพระสตู รเปนตน ก็สาธยายธรรมน้นั ๆ ในสํานักของพระธรรมธรน้ัน อยูในโอวาทของพระอาคันตกุ ะ ผูเ ปนพระเถระ ยอมบรรลพุ ระอรหตั พรอ มดว ยปฏสิ มั ภิทา.เหลา พระอาคนั ตุกะคดิ จะอยูสกั วนั ๒ วนั จงึ กลา ววา พวกเรามากนั แลว ก็จะอยูสัก ๑๐-๑๒ วนั เพราะภิกษเุ หลา น้ี มีการอยรู ว มอยา งสบาย. พึงทราบความเจริญและความเสอ่ื ม ดวยประการฉะนี.้

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 354 พึงทราบวินจิ ฉัยในสัตตกะท่ี ๒ ดังตอไปน.้ี ภิกษชุ ่ือวากัมมารามะเพราะมกี ารงานเปนที่ยินด.ี ช่อื วา กัมมรตะ เพราะยนิ ดใี นการงาน. บทวากมฺมารามต อนยุ ุตตฺ า ความวา ประกอบแลว ประกอบท่ัวแลว ประกอบตามแลว . ในบทเหลา น้ันงานท่จี ะพงึ ทําเรยี กวา กรรม. คอื อะไรบาง. คือ เชนจัดจวี ร กระทําจวี ร ชว ยเขาทําวัตถุมกี ลอ งเข็ม ถลกบาตร สายโยคประคดเอว เชิงรองบาตร เขยี งเทา และไมก วาดเปน ตน. จริงอยู ภกิ ษบุ างรูปเม่อืกระทํากจิ เหลา นนั้ ยอมกระทาํ กนั ทั้งวนั ทเี ดียว. ทานหมายเอาขอนั้นจงึ หามไวดงั น.ี้ สว นภิกษุใดกระทาํ กจิ เหลา นัน้ ในเวลาทาํ กจิ เหลา น้นั เทา น้นั ในเวลาอุเทศกเ็ รียนอเุ ทศ ในเวลาสาธยาย กส็ าธยาย เวลากวาดลานพระเจดยี ก ท็ ําวัตรทีล่ านพระเจดยี  ในเวลามนสกิ าร ก็ทํามนสกิ าร ภกิ ษุน้ันไมช ื่อวา มกี ารงานเปนทีย่ นิ ด.ี พึงทราบวินจิ ฉัย ในคาํ วา น ภสสฺ ารามา น้ดี ังตอไปน้ี ภกิ ษุใดเม่อื กระทําการเจรจาปราศยั ดว ยเร่ืองเพศหญงิ เพศชายเปน ตน หมดเวลาไปทัง้ กลางวันและกลางคืน คยุ เชน น้ไี มจ บ ภกิ ษุนี้ช่อื วา มีการคยุ เปน ทม่ี ายินด.ีสวนภกิ ษใุ ด พูดธรรม แกปญ หา ชอื่ วา ไมมกี ารคุยเปนทีม่ ายนิ ดี ภกิ ษุนชี้ อ่ื วาคุยนอ ยคุยจบทีเดียว. เพราะเหตไุ ร เพราะพระผมู ีพระภาคเจา ตรสั ไวว า ภิกษุท้งั หลาย พวกเธอผูป ระชุมกนั มีกรณยี ะ ๒ อยาง คอื พูดธรรม หรือนิง่ อยางอริยะ. พงึ ทราบวนิ ิจฉัยในคําวา น นทิ ฺทารามา น้ดี ังตอไปนี้ ภกิ ษุใดเดินกด็ ี นง่ั กด็ ี นอนกด็ ี ถูกถิ่นมทิ ธะครอบงําแลว กห็ ลบั ไดท ัง้ น้นั ภกิ ษนุ ชี้ อื่ วามกี ารหลับเปน ที่มายนิ ดีสว นภกิ ษุใดมจี ติ หยั่งลงในภวงั ค เพราะความเจบ็ ปว ยทางกรัชกาย เพราะเหตุนัน้ พระผมู พี ระภาคเจา จึงตรัสวา ดกู อ นอคั คิเวสสนะ

พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 355เรารูยิ่งวา ปลายเดือนฤดรู อ นภายหลงั กลับจากบณิ ฑบาต ปสู ังฆาฏิ ๔ ชั้นมสี ติสัมปชญั ญะ กา วลงสคู วามหลบั โดยตะแคงขางขวา. พงึ ทราบวนิ ิจฉัยในคาํ วา น สงคฺ ณกิ ารามา นีด้ ังตอ ไปนี้ ภิกษุใดมีเพือ่ น ๑ รูป ๒ รูป ๓ รูป ๔ รปู คลกุ คลอี ยอู ยา งนี้ ไมไดร ับความยินดีแตผูเดียว ภกิ ษนุ ีช้ ่อื วามีการคลุกคลเี ปน ทมี่ ายนิ ดี. สวนภกิ ษุใดไดความยินดีในอิริยาบถ ทัง้ ๔ แตผ เู ดียว ภิกษุนี้พงึ ทราบวามใิ ชผ มู คี วามคลุกคลีเปนท่ีมายนิ ด.ี เหลา ภกิ ษุผปู ระกอบดวยปรารถนา ความยกยองคณุ ท่ไี มม ีอยูเปนผูทศุ ลีช่ือวาเปนผปู รารถนาลามกในคาํ วา น ปาปจฉฺ า น้ี. พงึ ทราบวินจิ ฉัยในปาปมิตรเปน ตน ดังตอ ไปนี้. ช่อื วา ปาปมิตร เพราะมีมิตรช่วั ชอื่ วา ปาปสหาย เพราะมสี หายชวั่ เหตไุ ปดวยกันในอิริยาบถทง้ั ๔.ชื่อวา ปาปสมั ปวังกะ เพราะเปน เพือ่ นในหมภู ิกษชุ ว่ั เหตเุ ปน ผโู อนออ นผอ นตามภกิ ษชุ ัว่ นน้ั . บทวา โอรมตคฺ เกน ไดแก มีประมาณตํ่ามปี ระมาณนอย. บทวาอนตฺ รา ไดแกในระหวา งยงั ไมบ รรลพุ ระอรหนั ตนัน้ . บทวา โอสาน ไดแ กงดความเพียร ทอถอยวาพอละดว ยเหตเุ พยี งเทา น้ีไดแ กห ยดุ กิจ. ทานอธบิ ายไวดังนี้วา ภิกษุท้งั หลายไมถ งึ ทีส่ ุด ดวยผลเพยี งมศี ลี บริสทุ ธ์เิ พยี งวิปส สนาเพยี งฌาน เพียงเปนพระโสดาบันเพียงเปน พระสกทาคามี หรอื เพียงเปน พระ-อนาคามเี พยี งใด ภกิ ษทุ ้งั หลายพงึ หวงั แตความเจริญอยางเดยี วไมเ สื่อมเลย. พงึ ทราบวินจิ ฉยั ในสตั ตกะท่ี ๓ ดงั ตอ ไปน.้ี บทวา สทธฺ า ไดแ กถงึ พรอมดว ยศรทั ธา. ในความวา สทฺธา น้นั ศรัทธามี ๔ คือ อาคมนยี -ศรทั ธา อธคิ มศรทั ธา ปสาทศรัทธา โอกปั ปนศรัทธา. บรรดาศรทั ธาทั้ง ๔ นน้ั อาคมนยี ศรทั ธา ยอมมีแกพ ระโพธสิ ตั วผ สู ัพพญั ู. อธคิ มปสาท

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 356ศรัทธา ยอ มมแี กพ ระอริยบคุ คลทั้งหลาย สวนเม่อื เขาวา พทุ ฺโธ ธมฺโม สงโฺ ฆกเ็ ลือ่ มใส ชื่อวา ปสาทศรัทธา. สว นความปกใจเชื่อ ชอ่ื วา โอกปั ปน-ศรัทธา. ความเชื่อทง้ั ๒ น้ัน ทานประสงคเอาในท่ีน.ี้ จรงิ อยู ภิกษผุ ปู ระกอบดวยศรทั ธาน้นั เปน ผนู อ มไปในศรทั ธาก็เปนเชนเดยี วกบั พระวักกลิเถระ.ความจริง พระวกั กลเิ ถระเปนอนั ทําเจตยิ งั คณวตั ร หรอื วา โพธยิ งั คณวัตร.บาํ เพญ็ วตั รทุกอยา ง มีอปุ ช ฌายวตั รและอาจรยิ วัตรเปนตน. บทวา หริ มิ นาไดแ กผ ูมีจติ ประกอบดวย หิริ อันมีลักษณะเกลยี ดบาป. บทวา โอตตฺ ปฺปไดแกผูป ระกอบดว ยโอตตปั ปะอนั มีลักษณะเกรงกลวั แตบาป. ก็ในบทวา พหุสฺสตุ า น้ี พหุสตุ ะ มี ๒ คือ ปรยิ ัตติพหุสตุ ะปฏิเวธพหุสตุ ะ. ปฏก ๓ ชอื่ วา ปรยิ ตั .ิ การแทงตลอดสัจจะ ชือ่ วา ปฏเิ วธ.ก็ในทีน่ ี้ ทานประสงคเ อาปรยิ ตั .ิ ภิกษผุ มู ีสุตะมาก ชื่อวา พหุสุตะ. ก็ภิกษุพหุสุตะนีน้ ้ัน มี ๔ คอื นิสัยมุตตกะ ปรสิ ูปฎฐาปกะ ภิกขุโนวาทกะสัพพตั ถพหุสุตะ. ใน ๔ จาํ พวกน้นั . พหสุ ุตะ ๓ จาํ พวก พึงถอื เอาไดตามนยั ที่ทานกลา วไวแ ลวในโอวาทวรรค ในอรรถกถาวนิ ยั ชอ่ื สมนั ตปา-สาทกิ า. จําพวกสัพพตั ถพหุสตุ ะ. กค็ ลายกบั พระอานนทเถระ. จําพวกสัพพตั ถพหุสุตะนน้ั ทานประสงคเอาในทนี่ .ี้ ช่ือวา อารทั ธวิรยิ า ไดแกเ หลา ภิกษทุ ี่ปรารภความเพียรทางกายและทางใจ. ในภกิ ษุเหลาน้นั ภกิ ษุเหลา ใด บรรเทาความคลกุ คลดี ว ยหมอู ยูผ เู ดยี ว ในอิรยิ าบถท้งั ๔ โดยอารัมภวตั ถุ ๘ ภิกษุเหลานั้น ชือ่ วาปรารภความเพยี รทางกาย. ภิกษเุ หลาใดบรรเทาความคลกุ คลีทางจติ อยผู ูเดียว โดยสมาบัติ ๘ ไมยอมยนื เม่ือกเิ ลสทเ่ี กิดในขณะเดินอยู ไมยอมนั่งเม่ือกเิ ลสที่เกิดในขณะยืนอยู ไมย อมนอนเมือ่ กิเลสทเ่ี กดิ ในขณะนงั่ อยูขม กิเลสท่ีเกดิ ข้ึนแลวเกิดขึ้นอกี ภิกษเุ หลา นัน้ ช่ือวาปรารภความเพยี รทางจิต.

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 357 บทวา อปุ ฏิตสติ ไดแกร ะลกึ ถึง ตามระลึกถึงกจิ ทท่ี ําไวแ ลว แมนานเปนตน เหมือนพระมหาคตมิ พอภยั เถระ พระทีฆกอภัยเถระ และพระ-ติปฏ กจุฬาภยเถระ ไดย ินวา พระมหาคติมพอภัยเถระ เห็นนกกากําลังยื่นจงอยปากไปที่ขา วมธปุ ายาสท่เี ปน มงคล ในวนั ที่ ๕ นบั แตตนเกดิ กร็ อ งเสยี ง ฮู ฮู.ตอ มา เมอื่ เปน พระเถระ ถกู พวกภิกษถุ ามวา ทานขอรบั ทา นระลกึ ไดแ ตเมอ่ื ไร จึงกลาววา ผมู อี ายุ ตง้ั แตรอ งข้นึ ในวนั ท่ี ๕ นับแตตนเกดิ . มารดาของพระทีฆกอภัยเถระ นอมตวั ลงหมายจะจมุ พิต ต้งั แตว นั ที่ ๙ นับแตพ ระ-เถระเกดิ . มวยผมของนางก็สยาย. ตอ นั้นดอกมะลิประมาณทนานหนง่ึ ก็ตกไปทอ่ี กของทารกทาํ ใหเกิดทกุ ข. เม่อื เปน พระเถระทานถกู พวกภกิ ษุถามวาทา นขอรบั ระลึกไดต ้ังแตเ ม่อื ไรตอบวา ตงั้ แตวันที่ ๙ นบั แตตนเกิด. พระ-ติปฏกจฬู าภัยเถระ เลา วาเราปดประตู ๓ ดา น ในอนุราธบุรี ใหผูคนออกประตเู ดียวแลว ถามวาทานชือ่ ไร ทา นชื่อไร ถึงตอนเยน็ กไ็ มถามซ้ําสามารถระบุชอื่ ของผูค นเหลา น้ันได. ก็ทา นหมายเอาภกิ ษุเหน็ ปานนัน้ จึงกลา ววาอุปฏ ิตสต.ิ บทวา ปฺวนฺโต ไดแ กประกอบดวยปญ ญา กําหนดความเกดิ ดบั ของปญจขันธเ ปน อารมณ. อกี อยางหนงึ่ ดว ยสองบทนี้ ทา นกลา วถึงสัมมาสตแิ ละวิปสสนาปญญา อนั เปนเหตุอคุ หนุนวปิ ส สนาของเหลา ภิกษุผเู จริญวิปสสนา. พงึ ทราบวินิจฉัยในสตั ตกะที่ ๔ ดงั ตอไปน.ี้ สมั โพชฌงคค ือสติช่ือวาสติสัมโพชฌงค. ในทุกบท กน็ ยั น้ี. ในสัมโพชฌงค สตสิ ัมโพชฌงค มีความปรากฏเปนลักษณะ ธัมมวิจยสัมโพชฌงศม กี ารเลอื กเฟน เปนลักษณะ วริ ยิ ะ-สัมโพชฌงคมีการประคองจติ เปน ลักษณะ ปต ิสัมโพชฌงคมกี ารซาบซา นไปเปนลักษณะ ปสสทั ธิสมั โพชฌงคม คี วามสงบเปน ลักษณะ สมาธสิ มั โพชฌงคมีความไมฟุงซานเปนลกั ษณะ อเุ ปกขาสมั โพชฌงคม กี ารพิจารณาเปน ลกั ษณะ.

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 358บทวา ภาเวสสฺ นฺติ ความวา ภกิ ษุทงั้ หลายต้งั สติสัมโพชฌงค ดว ยเหตุ ๔ต้งั ธมั มวิจัยสัมโพชฌงค ดวยเหตุ ๖ ต้งั วริ ยิ สัมโพชฌงค ดวยเหตุ ๙ ตง้ัปติสัมโพชฌงค ดวยเหตุ ๑๐ ต้งั ปส สทั ธสิ ัมโพชฌงค ดว ยเหตุ ๗ ตั้งสมาธิสมั โพชฌงค ดว ยเหตุ ๑๐ ตง้ั อเุ ปกขาสมั โพชฌงค ดวยเหตุ ๕ จักทําใหเจรญิ . ทานกลา วสัมโพชฌงคคละกันทั้งโลกยิ ะทัง้ โลกตุ ตระประกอบดว ยวปิ ส สนาและมรรคผลดว ยบทน.ี้ พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ในสตั ตกะที่ ๕ ดังตอไปน.้ี สญั ญาทเ่ี กิดขึน้ พรอมกับอนจิ จานุปสสนา ช่อื วา อนจิ จสญั ญา. แมในอนัตตสญั ญาเปน ตน กน็ ยั นเ้ี หมือนกนั . พงึ ทราบวา สัญญา ๗ น้ี เปนโลกิยวปิ ส สนากม็ ี สัญญา ๒ ในที่น้ี เปนโลกตุ ตรวิปส สนาก็มี โดยบาลีที่มาวา นพิ พานนีส้ งบประณตี คอื ธรรมทร่ี ะงบัสงั ขารทั้งปวง ฯลฯ นโิ รธ. พงึ ทราบวินิจฉัยในฉักกะดงั ตอ ไปนี้. บทวา เมตฺต กายกมมฺ  ไดแ กกายกรรมทพี่ ึงทาํ ดว ยเมตตาจติ . แมในวจกี รรมและมโนกรรมก็นยั นเ้ี หมือนกัน.กก็ รรมท้ัง ๓ น้ีมาโดยเปนของเหลาภิกษุ แมในเหลา คฤหสั ถก ็ใชไ ด จรงิ อยูสําหรับเหลา ภกิ ษุ การบําเพ็ญธรรมคอื อภิสมาจารดวยเมตตาจิต ชอ่ื วา เมตตากายกรรม. สําหรับคฤหัสถก ิจมเี ปน ตน อยางนี้ คอื การไปไหวพ ระเจดีย ไหวตน โพธ์ิ นิมนตสงฆ การพบเหลาภกิ ษเุ ขาบา นไปบิณฑบาตแลวตอ นรับรับบาตรปอู าสนะ เดนิ ตาม ทานาํ้ มัน ชอ่ื วา เมตตากายกรรม. สําหรบั เหลา ภิกษุการสอนอาจาระ บัญญัติสิกขาบท และกมั มัฏฐาน การแสดงธรรม แมพระ-ไตรปฎก พทุ ธวจนะ ดวยเมตตาจติ ชอื่ วา เมตตาวจกี รรม. สาํ หรับคฤหัสถในเวลากลา วเปน ตนวา พวกเราไปไหวพ ระเจดีย ไปไหวตน โพธิ์ กระทาํ การฟง ธรรม ใหท าํ การบชู าดวยดอกไมธปู เทยี น สมาทานประพฤตสิ จุ รติ ๓ ถวายสลากภัตเปนตน ถวายผา อาบนาํ้ ฝน วันนี้ถวายปจ จัย ๔ แกสงฆ นิมนตส งฆ

พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 359จดั ถวายของเคยี้ วเปนตน ปอู าสนะ ตั้งน้ําฉนั ตอ นรบั สงฆน าํ มาใหน ่ังเหนืออาสนะท่ีปไู ว เกิดฉนั ทะ อตุ สาหะ ทําการขวนขวาย ช่อื วา เมตตาวจีกรรม.สาํ หรับภิกษลุ กุ ขึน้ แตเ ชาตรู ปฏบิ ัติสรรี ะ และทําวัตรท่ลี านพระเจดยี เปนตนน่ังเหนอื อาสนะอันสงดั คดิ วา ขอภกิ ษุทั้งหลายในวัดน้ี จงมีสุข ไมม ีเวร ไมเบยี ดเบียนกนั เปนตน ช่ือวา เมตตามโนกรรม. สําหรบั คฤหัสถคดิ วา ขอพระ-ผูเปน เจา จงมสี ขุ ไมมีเวร ไมเ บียดเบยี นกนั ชอื่ วาเมตตามโนกรรม. บทวา อาวิ เจว รโห จ ไดแกในท่ีตอหนาและลบั หลัง. ในบทนน้ัการรว มกันในจีวรกรรมเปนตน สําหรับภิกษุทั้งหลาย ชอื่ วาเมตตากายกรรมตอ หนา. แตส ําหรบั พระเถระ สามีจิกรรมทั้งหมด แมตา งโดยการลางเทาและพัดวีเปนตน กช็ อ่ื วาเมตตากายกรรมตอหนา . ไมท ําการดหู มิ่นในภิกษเุ หลา น้นัแลว เกบ็ งําสิง่ ของมีเครอ่ื งไมเปนตน ท่ีแมภิกษุ ๒ ฝา ยเก็บไวไ มดี เหมือนอยา งที่ตนเก็บไวไมด ี ชอื่ วาเมตตากายกรรมลับหลงั . การกลาวยกยอ งอยา งนวี้ าทา นพระเทวเถระ พระตสิ สเถระ. ช่อื วา เมตตาวจีกรรมตอหนา . การทีภ่ กิ ษุสอบถามถงึ ผทู ีไ่ มมอี ยูใ นวัด กลาวถอ ยคาํ ทีน่ า รกั วา พระเถระไปไหน พระติสสเถระไปไหน เมื่อไรจกั มาดังน้ี ช่อื วาเมตตาวจีกรรมลับหลงั การลมื ตาท่ีผอ งใสดว ยความหวงั ดแี ละความหว งใย มองดดู วยหนา ท่ีผอ งใส ชอ่ื วา เมตตามโนกรรมตอ หนา . การตง้ั ใจวา ขอทานพระเทวเถระ พระติสสเถระ จงเปนผไู มมีโรค ไมม ีอาพาธ ชอ่ื วาเมตตามในกรรมลับหลงั . บทวา ลาภา ไดแกป จจยั ที่ไดมา มีจวี รเปนตน . บทวา ธมมฺ ิกาความวา เวนมิจฉาชพี ตางดว ยการหลอกลวงเปน ตน เกิดดวยภกิ ขาจารวัตรโดยธรรมโดยเสมอ. บทวา อนตฺ มโส ปตตฺ ปริยาปนนฺ มตตฺ มปฺ  ความวาโดยอยา งตํา่ ที่สุด แมเพียงภิกษา ๒-๓ ทพั พที ่เี นอ่ื งในบาตร คือท่อี ยูภายในบาตร. ในคําวา อปปฺ ฏิวภิ ตตฺ โภคี น้ี ปฏิวภิ ัตตะ มี ๒ อยา ง คือ อามิส-

พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 360ปฏวิ ิภัตต บคุ คลปฏวิ ภิ ัตต. ใน ๒ อยางนัน้ การแบง ดว ยจติ คิดอยางนี้วา เราจักใหเ ทา น้ี จักไมใ หเทา นี้ ช่ือวา อามิสปฏิวภิ ตั ต. การแบง ดวยจิตคดิ อยางนีว้ าเราจกั ใหอ งคโ นน ไมใหแ กอ งคโ นนดังนี้ ช่ือวาบคุ คลปฏวิ ิภัตต. ภิกษุไมกระทําแมท ง้ั ๒ อยา ง บริโภคปจจัยท่ยี ังไมไ ดแ บง ช่อื วา อปฏวิ ิภัตตโภคี.ในคําวา สีลวนเฺ ตหิ สพฺรหฺมจารีหิ สาธรณโภคี นี้ เปน ลักษณะของภิกษุผบู ริโภคทว่ั ไป. ภกิ ษไุ ดล าภใด ๆ อนั ประณตี ใหล าภนน้ั แกพวกคฤหสั ถโ ดยมุขคอื การตอลาภดวยลาภกห็ ามิได บริโภคดว ยตนเองกห็ ามไิ ด. เมือ่ รับก็ถอื วาจงทั่วไปกับสงฆ เหน็ ลาภทีเ่ ขาเคาะระฆังแลว บริโภคเหมือนของสงฆ. ถามวาใคร ๆบําเพญ็ ใครไมบําเพญ็ สาราณยี ธรรมน้.ี ตอบวา ภกิ ษุผทู ุศลี ไมบาํ เพญ็ .เพราะภกิ ษผุ ูม ศี ลี ไมยอมรับของๆ ภิกษุน้นั . สวนภิกษผุ ูมศี ีลบรสิ ุทธ์ิ บาํ เพญ็วตั รไมข าด. วตั รในขอนัน้ มีอทุ าหรณด ่ังน้ี เรื่อง สารณยี ธรรมแตก กภ็ กิ ษใุ ด เจาะจงใหแกมารดาบิดาหรอื อาจารยแ ละอุปชฌายเ ปน ตนภกิ ษุนัน้ ยอ มใหส ิ่งทคี่ วรให ภกิ ษุนั้นไมมสี าราณยี ธรรม ชอื่ วาปฏิบัติดวยความกงั วล. จริงอยูสาราณียธรรมยอมควรแกบุคคลผพู นความกังวลเทาน้นั .ก็ภกิ ษุน้ันเมื่อใหเจาะจงพงึ ใหแกภกิ ษไุ ข ภิกษพุ ยาบาลภิกษุไขแกภ ิกษผุ จู รมาภกิ ษผุ เู ตรียมจะไปและภกิ ษบุ วชใหม ผไู มรูการรบั สงั ฆาฏแิ ละบาตร. ควรใหแกช นเหลา นน้ั สวนทเ่ี หลอื ไมใหน อย ๆ ต้ังแตเถรอาสน แลวพงึ ใหเทาที่ภกิ ษุจะรับได. เม่ือสว นทเ่ี หลอื ไมม ี ไปเที่ยวบณิ ฑบาตอกี ใหส ่ิงท่ีประณีต ๆต้ังแตเถรอาสน แลวบรโิ ภคสวนที่เหลือ. ไมควรใหแกภกิ ษุทศุ ลี เพราะพระ-บาลวี า สีลวนฺเตหิ ดงั น้.ี ก็สาราณยี ธรรมน้ี บําเพ็ญยากสําหรับบรษิ ัทผูยัง

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 361ไมศึกษา บาํ เพ็ญไมย ากสําหรับบริษทั ผูท ี่ศกึ ษาแลว . ภิกษใุ ดไดของโดยทางอนื่ภิกษุนนั้ ยอ มไมถอื เอา. แมเ มือ่ ไมไดโ ดยทางอ่ืนก็รบั แตควรแกป ระมาณเทา นน้ั ไมรับใหเกนิไป. ก็สาราณียธรรมนี้ ๑๒ ป จงึ จะบริบูรณ สาํ หรบั ภิกษผุ เู ทย่ี วบิณฑบาตบอ ย ๆ แลว ใหข องทไ่ี ดม า ๆ ดว ยประการฉะน้ี ไมต ่ําไปกวา นัน้ . กถ็ า ภิกษุบาํ เพ็ญสาราณยี ธรรมครบปที่ ๑๒ วางบาตรทเี่ ต็มดวยอาหารไวในโรงฉนั แลวไปสรงน้าํ พระสงั ฆเถระถามวา นั่นบาตรของใคร เม่ือภกิ ษุอนื่ ตอบวา ของภกิ ษผุ ูบําเพญ็ สาราณียธรรม จึงกลาววานําบาตรนนั้ มาซแิ ลว แจกจา ยอาหารในบาตรทง้ั หมดแลว ฉนั วางแตบาตรเปลา ไวที่นัน้ ภกิ ษนุ ้ันเห็นบาตรเปลา เกิดความเสียใจวา ภกิ ษทุ ้งั หลายฉันไมเ หลอื ไวใหเราเลย สาราณยี ธรรมก็แตก.ตองบาํ เพญ็ ๑๒ ปใ หม. ก็สาราณียธรรม กเ็ หมือนติตถยิ ปริวาส เมอื่ ขาดครัง้ หนึง่ กต็ องบําเพ็ญใหม. สวนภกิ ษุใดเกดิ ความดใี จวา เปนลาภของเราหนอ เราไดด ีแลว หนอ ทเี่ ราไมต องบอกกลาวถึงส่ิงท่ีอยใู นบาตร เพ่อื นสพรหมจารกี ็พากันฉัน เปนอันชื่อวา สาราณียธรรมน้ันเต็มแลว . กภ็ กิ ษผุ ูมสี าราณยี ธรรมเต็มอยา งนี้แลว ยอ มไมมคี วามริษยา ไมมคี วามตระหน่.ีภกิ ษนุ ั้นยอมเปนทร่ี กั ของคนท้งั หลาย และยอ มมปี จจยั หาไดง า ย. ของที่อยูในบาตรทีเ่ ขาถวายแกภ กิ ษุน้นั ยอ มไมส ิ้นไป. เธอยอมไดแ ตของที่เลศิ ในท่ี ๆเขาแจกของ. เมอ่ื ประสบภัยหรือความหวิ เหลาเทวดากช็ ว ยขวนขวาย. ในขอ นนั้ มีเรื่องน้เี ปนอุทาหรณ. เรอื่ งสาราณียธรรมเต็ม เขาเลา วา พระติสสเถระผอู ยู ณ เลณศิริ อาศยั มหาศริ ิคามอย.ูพระมหาเถระ ๕๐ รูป ไปยังนาคทวีป ประสงคจะไหวพ ระเจดยี  เทีย่ วบิณฑ-

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 362บาตในสริ ิคาม ไมไ ดอะไร ๆ เลย ก็พากันออกไป. กพ็ ระเถระเม่อื เขา ไปพบพระเถระเหลานน้ั แลว ถามวา ทา นไดอาหารแลว หรือขอรับ. ตอบวา พวกเราจะจาริกกันไปแลวละผูม ีอายุ. พระเถระรูวา พระเถระเหลาน้นั ไมไดอ าหารจงึ กลา ววา ทานขอรบั โปรดรออยูท่นี แี่ หละ จนกวาผมจะมา. ตอบวา เรามถี ึง๕๐ รูปนะ ไมไ ดแ มเพยี งนํา้ ชื้นบาตร. พระเถระพูดวา ทา นขอรบั ธรรมดาวาภิกษุประจาํ ถ่ิน ยอมเปนผสู ามารถแมเมื่อไมไดก ็รูจกั ภกิ ษุผูเปนเพ่อื นทางภิกษาจาร. พระเถระทั้งหลายมากันแลว. พระเถระก็เขามาบาน. มหาอบุ าสิกาในบานใกล ๆ กจ็ ัดน้าํ นมและอาหารคอยพระเถระพอพระเถระมาถงึ ประตูบานกถ็ วายเตม็ บาตร. พระติสสเถระนนั้ ก็นาํ บณิ ฑบาตไปยงั สํานกั พระเถระท้งั หลายกลา วกะพระสงั ฆเถระวา โปรดรับเถดิ ขอรับ. พระเถระมองดหู นา พระเถระอืน่ ๆดวยคดิ วา พวกเราถึงเทา นั้นไมไดอ ะไรเลย แตพ ระเถระรปู น้ีไปเด๋ียวเดยี วก็กลับมา อะไรกันหนอ. พระติสสเถระรูด ว ยอาการทมี่ องดเู ทาน้ันกลาววา ทานขอรบั พวกทา นอยา รําคาญใจไปเลย โปรดรบั บิณฑบาตท่ีไดม าโดยสมํา่ เสมอเถดิ แลว ก็ถวายอาหารจนพอแกความตองการแกพ ระเถระทกุ รปู ต้ังแตต น แมตนเองกฉ็ ันพอตองการ. เมือ่ ฉันเสร็จ พระเถระทั้งหลายกถ็ ามพระตสิ สเถระนัน้ วา ผูมีอายุ บรรลโุ ลกตุ ตรธรรมเมื่อไร. พระติสสเถระ ตอบวา โลกตุ ตรธรรมของผมไมมีดอกขอรบั . ถามวา ผูม อี าวุโสทา นไดฌ านหรือ. ตอบวา แมอยางนกี้ ไ็ มมี ขอรับ. ถามวา ผูมีอายนุ าอศั จรรยจริงหนอ. ตอบวา ทานขอรับผมบาํ เพญ็ สาราณยี ธรรมนะ ตั้งแตเวลาทส่ี าราณยี ธรรมของผมนั้นเตม็ แลวแมถามภี ิกษุแสนรปู ของทอี่ ยใู นบาตรก็ไมหมดไป. พระเถระเหลาน้ันฟงแลวก็พากนั กลาววา สาธุ สาธุ ทา นสัตบรุ ุษ ขอนขี้ องทา นเหมาะจริง. ในคําวาปตฺตคต น ขียติ ของทอ่ี ยใู นบาตรไมห มดไปนี้ มเี รอื่ งเทา นี้กอ น

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 363 อนึง่ พระเถระองคนีน้ แี่ หละ ไปยงั สถานที่ใหทาน ดว ยคิรภิ ณั ฑ-มหาบชู า ทเ่ี จตยิ บรรพต ถามวา ในทานนอี้ ะไรเปน ของเลิศ. ตอบวา ผา สาฎก๒ ผืนขอรับ. พระเถระพูดวา ผา สาฎก ๒ ผืนเหลา นัน้ จักตอ งถงึ เรา. อํามาตยไดฟ งดังน้ันแลวจงึ กราบทลู แกพ ระราชาวา ภิกษหุ นมุ รูปหน่ึงพดู อยางน้.ี พระ-ราชาตรัสวา ภกิ ษุหนุมมจี ิตคิดอยางน้ี แตผ า สาฎกเน้อื ละเอยี ดควรแกพระมหาเถระทง้ั หลายจึงตง้ั ไวดวยหมายจะถวายพระเถระทั้งหลาย. พระราชาเม่อื จะถวายอนั เม่อื ภิกษสุ งฆย นื เรยี งกัน ผาสาฎก ๒ ผืนทว่ี างไวใกล ๆ กไ็ มขึ้นสพู ระหตั ถ ข้นึ แตผา ผนื อ่นื ๆ แตในเวลาทีถ่ วายภกิ ษุหนุม ผาสาฎก ๒ ผืนน้นั ข้นึ สพู ระหตั ถข องพระราชา. ทา วเธอทรงวางไวในมอื ของภกิ ษุหนุม นั้นมองหนาของอํามาตยใหภกิ ษุหนุม น่ังถวายทาน ทรงละสงฆแลว ประทับนงั่ ใกลภิกษุหนุม ตรสั วา ทานเจา ขา ทา นบรรลธุ รรมเมือ่ ไร. ภิกษหุ นมุ นั้นไมทูลถึงคณุ ที่ไมม อี ยแู มทางออม ทูลวา ถวายพระพร โลกตุ ตรธรรมของอาตมภาพไมมดี อก. ตรสั วา ทานเจา ขา แตก อ นทานไดพ ดู ไวม ใิ ชหรอื . ทูลวา ถวายพระ-พรจรงิ อาตมภาพบาํ เพ็ญสาราณียธรรม ตัง้ แตเ วลาท่ธี รรมน้ันของอาตมภาพเต็มแลว ส่ิงของอันเลศิ กม็ าถงึ ในสถานทแี่ จก. พระราชาตรสั วา สาธุ สาธุทา นเจาขา คุณขอนขี้ องพระคุณทานเหมาะจริงแลวเสดจ็ กลับ. ในคําวา ภาช-นียฏ าเน อคคฺ ภณฑฺ  ปาณาติ สิ่งของอนั เลิศถงึ ในสถานทแ่ี จกจายนี้ มีเร่ืองดังกลาวมานี้. อน่งึ ชาวภาตรคาม ในพราหมณติสสภยั นคร ไมบ อกกลา วแกพระ-นาคเถรี พากันหนีไป. เวลาใกลรงุ พระเถรีพดู กะเหลาภกิ ษณุ สี าววา หมูบานชา งเงียบเหลือเกินชวยกนั ดูส.ิ ภกิ ษณุ สี าวเหลานัน้ ไปตรวจดู ก็รูว า ชาวบา นพากนั อพยพไปหมดแลว จึงมาบอกแกพระเถร.ี พระเถรีนนั้ ฟง แลว กก็ ลา ววา พวกทา นอยา คิดวา ชาวบานเหลา น้นั อพยพไปกนั เลย จงทําความเพยี รใน

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 364การเลา เรยี นบาลีอรรถกถาและโยนิโสมนสิการของตนเทา น้นั เวลาภกิ ษาจารก็หม ผา รวมดวยกนั ๑๒ รปู ทัง้ ตนเอง แมย ืนกนั อยูที่โคนตนไทรใกลป ระตูบา น เทวดาท่ีสิงอยทู ีต่ นไม ก็ถวายบิณฑบาตแกภกิ ษุณี ๑๒ รูป แลวกลาววาพระแมเจา อยา ไปท่อี ื่นเลยโปรดอยทู ีน่ ี้เปนนิตยเ ถิด. แตพ ระเถรมี ีนองชายชือ่ พระนาคเถระ พระเถระคดิ วา มีภัยใหญเราไมอ าจอยูในท่นี ้ีได จักไปฝง โนนมภี กิ ษุ ๑๒ ท้ังตน ออกจากสถานที่อยูของตนมายังภาตรคามดว ยหมายใจจะพบพระเถรแี ลวจึงจกั ไป. พระเถรที ราบวา เหลา พระเถระมากันแลว จงึ ไปสาํ นักของพระเถระเหลานัน้ ถามวา อะไรกัน พระผูเปน เจา . พระเถระกบ็ อกเรือ่ งน้นั . พระเถรีบอกวา วนั น้ีพวกทานจงอยใู นวัดนี้เสียวันหนึ่ง พรุงนี้ คอยไป. พระเถระทงั้ หลายก็พากนั ไปยงั วดั . รุงขนึ้ พระเถรีเที่ยวบิณฑบาตทโ่ี คนไมเขา ไปหาพระเถระพูดวา ทา นฉันบิณฑบาตนเี้ ถดิ . พระเถระกลาววา จกัควรหรอื พระเถรแี ลว กย็ นื น่ิง. พระเถรกี ลาววา พอ เอย บณิ ฑบาตน้ี ไดมาดวยธรรมอยา รงั เกียจโปรดฉนั เถดิ . พระเถระพดู วา ควรหรอื พระเถร.ี พระเถรจี บั บาตรไดกโ็ ยนไปในอากาศ. บาตรกต็ ัง้ อยูในอากาศ. พระเถระก็กลาววา พระเถรี ภัตแมต ั้งอยูในท่ี ๗ ช่ัวลาํ ตาล ก็เปนภัตสาํ หรับภิกษณุ ีนน่ั เองแลว กลาวอีกวา ชอ่ื วา ภยั ไมใ ชม ที กุ เวลา เมอื่ ภัยสงบ เราก็กลา วถึงอรยิ วงศถกู ทานตักเตือนดว ยจิตวา ดกู อ นทานผูถ ือบณิ ฑปาติกธุดงค พวกทา นโปรดฉนั อาหารของภกิ ษุณีเห็นปานน้ี อยูเร่ือยไปเถดิ ดงั น้ี ขาพเจา ไมอ าจชวยไดทา นภกิ ษุณีท้ังหลาย พวกทานจงเปน ผไู มประมาทเถิด แลว ออกเดนิ ทาง. แมรุกขเทวดาก็คดิ วา ถาพระเถระฉันบณิ ฑบาตจากมือพระเถรี เราจกั ไมนาํ พระเถระนั้นกลบั ถา พระเถระไมฉ ันก็จกั นาํ กลับ ยนื เหน็ พระเถระไปลงจากตนไมพูดวา โปรดใหบ าตรเถิดเจา ขา แลวรบั บาตรนําพระเถระมาทีโ่ คนไมน ้ันแลปูอาสนะถวายบิณฑบาต ใหพ ระเถระผฉู ันเสรจ็ แลว ปฏญิ าณ บาํ รงุ ภกิ ษณุ ี

พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 365๑๒ รูป ภกิ ษุ ๑๒ รูป ๗ ป ในขอ นี้วา เทวตา อสุ ฺสุกฺก อาปชฺชนตฺ ิเทวดายอ มชว ยเหลอื น้มี ีเรือ่ งดังกลา วมานี้ . จริงอยู ในขอ นน้ั พระเถรกี ็ไดเปนผูบาํ เพญ็ สาราณยี ธรรม. พึงทราบวินิจฉัยในคําวา อขณฺฑานิ เปน ตน ดังตอไปน้ี ภิกษุใดมสี ิกขาบทขาดในเบอื้ งตนหรือท่สี ดุ ในกองอาบตั ทิ ้ัง ๗ ศีลของภกิ ษนุ ั้นชอ่ื วาเหมือนผาขาดทช่ี าย. อนึง่ ภิกษใุ ดมสี กิ ขาบทขาดตรงกลางศีลของภิกษุนัน้ช่ือวาทะลุ เหมอื นผาทะลกุ ลางผนื . สว นภกิ ษใุ ดมสี กิ ขาบทขาด ๒-๓ สกิ ขาบทตามลําดับ ศลี ของภิกษุนัน้ ช่ือวาตาง เหมอื นแมโคสีดําสแี ดงเปน ตน อยางใดอยางหน่ึงโดยสีท่ีตางกนั อยูตรงหลงั บา ง ทองบาง. ภกิ ษใุ ดมีสกิ ขาบทขาดในระหวาง ๆ ศีลของภิกษนุ น้ั ช่อื วา พรอ ย เหมือนแมโ คมีลายจดุ ตา ง ๆ ในระหวา ง ๆ. สว นภกิ ษใุ ดมีสกิ ขบทไมขาดเลย ศีลเหลา น้ันของภิกษนุ ้นั ชี่อวาไมข าด ไมท ะลุ ไมดา ง ไมพรอย. ก็ศีลนนั้ ๆ ช่ือวาเปนไท เพราะกระทาํ ใหพ น จากความเปนทาสตณั หา กลบั เปนไท ชื่อวา วิญูชนสรรเลรญิ แลวเพราะวญิ ูชนมพี ระพุทธเจา เปนตน ทรงสรรเสรญิ แลว ชื่อวาอนั กิเลสไมถูกตอ งแลวเพราะตณั หาและทิฏฐไิ มถกู ตอ งแลว และเพราะอันใคร ๆ ไมอ าจปรามาสวา ทานเคยตองอาบัตชิ ่อื นี.้ ทา นเรยี กวา เปนไปเพือ่ สมาธิ เพราะยังอปุ จารสมาธิ หรือ อปั ปนาสมาธใิ หเปน ไป. บทวา สลี สามฺ คตาวิหริสสฺ นติ ไดแ กจ กั มีศีลเสมอกับภิกษุ ผอู ยูใ นทศิ าภาคน้นั ๆ อยู. จริงอยูศลี ของพระโสดาบันเปนตน ยอ มเสมอกบั ศีลของพระโสดาบันเปน ตนเหลา อื่นผอู ยใู นระหวางสมุทรก็ดี ในเทวโลกก็ดี. ความแตกตางกนั ในศลี ทป่ี ระกอบดว ยมรรคผลไมม.ี ทา นหมายเอาขอ น้นั จงึ กลาวคําน้.ี บทวา ยาย ทฏิ  ิ ไดแกส มั มาทิฏฐทิ ีส่ ัมปยุตดวยมรรค. บทวาอริยา ไดแก ไมม ีโทษ บทวา นิยยฺ าติ ไดแก นาํ ทกุ ขออกไป. บทวา

พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 366ตกกฺ รสฺส ไดแ ก ผกู ระทําอยา งน้ัน. บทวา สพฺพทกุ ฺขกขฺ ยาย ไดแ ก เพ่อืความสน้ิ ทกุ ขใ นวัฏฏะทง้ั ปวง. บทวา ทฏิ ิสามฺ คตา ความวา จกั เปนผเู ขาถงึ ความเปนผมู ีทิฏฐิเสมอกันอยู. บทวา วุฑฺฒเิ ยว ความวา ภิกษผุ อู ยูอยา งน้ี พึงหวังความเจรญิ ถา ยเดียว ไมเส่ือมเลย. บทวา เอตเทว พหลุ  ความวา พระผูม ีพระภาคเจา เมือ่ ทรงโอวาทภิกษทุ ัง้ หลายจงึ ทรงทําธรรมกี ถาอยา งนีน้ ่ีแหละบอ ย ๆ เพราะใกลป รนิ ิพพาน.บทวา อิติ สลี  แปลวา ศีลอยางนี้ ศีลเทา น.้ี ในขอ น้ัน พึงทราบวาจตุปารสิ ุทธิศลี ช่อื วาศีล. จิตเตกัคคตา ชือ่ วา สมาธ.ิ วิปสสนา ชือ่ วา ปญ ญา.พงึ ทราบวินิจฉยั ในคําวา สีลปริภาวิโต ดังนี้ ภิกษทุ ง้ั หลายทง้ั อยใู นศีลอนั ใดยอ มบงั เกดิ สมาธิท่ีสมั ปยตุ ดว ยมรรค สมาธิทส่ี ัมปยตุ ดว ยผลสมาธนิ นั้ อนั ศลีน้ันอบรมแลว ยอ มมผี ลมาก มีอานสิ งสม าก. ภกิ ษทุ ้งั หลายต้ังอยูในสมาธใิ ดยอ มบังเกิดปญญาทีส่ ัมปยตุ ดวยมรรค ปญญาทส่ี มั ปยตุ ดวยผลปญญานน้ั อนัสมาธินนั้ อบรมแลว ยอมมีผลมาก มีอานสิ งสม าก. ภกิ ษทุ ง้ั หลายต้ังอยใู นปญญาอันใด ยอ มบงั เกิดมรรคจิต. ผลจติ จิตนน้ั อันปญญานัน้ อบรมแลวยอมหลุดพนจากอาสวะท้งั หลายโดยชอบทีเดียว. บทวา ยถาภริ นตฺ  ความวาช่อื วา ความไมยนิ ดีย่งิ ความหวาดสะดุงของพระพุทธเจาเปนตน ไมมี. แตทา นอธบิ ายวา ตามความชอบใจ ตามอัธยาศัย. บทวา อายาม แปลวามาไปกนั เถิด ปาฐะวา อยาม ก็มี. อธิบายวา ไปกันเถดิ . พระผมู ีพระภาคเจาตรัสเรยี กพระอานนทผูต ดิ ตามไปใกล ๆ วา อานนท. ฝา ยพระเถระบอกภกิ ษุทัง้ หลายวา ผมู ีอายุ จงเตรียมถอื บาตร จวี ร พระผูมีพระภาคเจา ทรงพระ-ประสงคจะเสดจ็ ไปทโ่ี นน . เรือ่ งการเสด็จมาอัมพลัฏฐกิ าวนั งา ยทั้งน้ัน. คาํ วาอถ โข อายสมฺ า สารีปตุ โฺ ต ครงั้ นน้ั แล ทานพระสารบี ุตร ดังนีเ้ ปน ตนทานกลา วไวพิสดารแลวในสมั ปสาทนยี สตู ร.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 367 บทวา ปาฏลิคาเม อาวสถาคาร ไดแ ก เรอื นพกั สําหรบั คนจรมา.เขาวา ในปาฏลิคาม สหายของพระราชาสองพระองคมากันเปน นิจ พาครอบครวัออกจากบา นมาพกั กนั เดอื นหน่งึ บา ง คร่ึงเดอื นบาง. มนษุ ยเ หลา นน้ั ถูกรบกวนเสมอ คดิ กันวา ในเวลาที่คนเหลา น้นั มากนั กม็ ีทีอ่ ยู ดงั น้ีแลวจงึ สรา งศาลาใหญกลางพระนคร สรางทเี่ กบ็ สิ่งของไวสวนหน่งึ สรางทีอ่ ยูอาศัยไวส ว นหน่งึ ของศาลาน้นั . ผูค นเหลานัน้ ไดทราบวา พระผมู พี ระภาคเจาเสดจ็ มาแลว ก็มองเห็นประโยชนอยา งนวี้ า แมพวกเรากพ็ งึ ไปนาํ พระผูมพี ระภาคเจา มา พระองคเ สดจ็มาถึงสถานท่อี ยขู องพวกเราดวยพระองคเองแลว วันน้ีพวกเราจกั อาราธนาพระผมู พี ระภาคเจาใหตรัสมงคลในท่พี กั เพราะฉะนัน้ จงึ กลาวกันอยา งน้ี.บทวา เยนาวสถาคาร ความวา ไดย ินวา ผคู นเหลานน้ั ไมรพู ระทัยของพระผมู พี ระภาคเจาวา ธรรมดาพระพทุ ธเจา ทงั้ หลาย มีพระอัธยาศัยชอบปายินดปี า จะทรงประสงคห รือไมประสงคป ระทบั อยใู นบาน จงึ ไมจ ดั แจงเรอื นพกัพากันมาคดิ กันวา บดั นพี้ วกเรารูพ ระทัยของพระผมู พี ระภาคเจา แลว จกั พากันไปจดั แจงเสียกอนดังนั้น จึงพากนั ไปยังเรือนพกั . บทวา สพพฺ สนฺถรติ แปลวา ปูลาดไวท ุกสง่ิ ทกุ อยา ง. บทวา ทสุ สฺ โี ล ไดแกผไู มมีศีล. บทวา สีลวปิ นโฺ น ไดแ กมีศลีวิบัติ มสี ังวรสลาย. บทวา ปมาทาธกิ รณ ไดแกเพราะความประมาทเปนเหตุ.กพ็ ระสตู รนี้ ใชสาํ หรับคฤหัสถ แมบ รรพชิตก็ใชไ ด. จริงอยู คฤหัสถเลยี้ งชพีดวยการหมัน่ ศกึ ษาศลิ ปะไมวา จะเปนกสิกรรมวณชิ กรรมพล้งั เผลอไปดว ยการทําปาณาติบาตเปนตน กไ็ มส ามารถจะทําศลิ ปะนน้ั ๆ ใหสําเรจ็ ตามกาล เม่ือเปนเชนนน้ั รากฐานของเขาก็พนิ าศ. แตในเวลาคับแคน กระทําปาณาตบิ าตและอทนิ นาทาน ยอ มเสอื่ มโภคะอยา งใหญเ พราะอาํ นาจโทษ. ฝา ยบรรพชิตทุศลี ยอ มถงึ ความเสอ่ื มจากศลี จากพทุ ธวจนะ จากฌาน และจากอรยิ ทรัพย

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 368๗ เพราะความประมาทเปน เหตุ. สําหรบั คฤหัสถน ัน้ เกียรตศิ พั ทอ นั ชัว่ ยอมอื้อฉาวไปในทา มกลางบริษทั วาคนโนนเกิดในตระกูลโนน ทุศีล มีบาปธรรม สละทั้งโลกนีโ้ ลกหนา ไมถ วายทานแมเ พยี งสลากภตั . หรือสําหรับบรรพชติ เกยี รตศิ พั ทอนั ช่ัวก็ฟงุ ไปอยางนวี้ า ภิกษุชอ่ื โนน ไมส ามารถรกั ษาศลี ได ไมสามารถจะเรยี นพระพทุ ธพจนไ ดเล้ียงชพี ดว ยอเนสนกรรม มีเวชช-กรรมเปนตน ประกอบดวยอคารวะ ๖. บทวา อวสิ ารโท ความวา คฤหสั ถมคี วามกลวั วา กอนอ่นื คนบางพวกจกั รูเ รอ่ื งกรรมของเรา ดังนนั้ กจ็ ักขม เราหรือแสดงตวั ตอ ราชสกุล ในทปี่ ระชมุ คนจาํ นวนมากแนแท จงึ เขา ไปหาประหมา คอตก หนาควํา่ นัง่ เอาหวั แมมือไถพ้นื ถึงเปนคนกลา ก็ไมอ าจพูดจาได. ฝา ยบรรพชติ มีความกลวั วา ภกิ ษุเปนอันมากประชุมกัน บางรูปจกั รกู รรมของเราแน ด่งั นน้ั จักงดอุโบสถบา ง ปวารณาบางแกเรา จกั คราเราใหเ คลือ่ นจากเพศสมณะจึงเขาไปหา ถึงเปน คนกลาก็ไมอาจพดู จาได. สวนภกิ ษุบางรปู แมท ุศลี กเ็ ท่ยี วไปประดจุ ผูไมทุศลี แมภ กิ ษุนนั้ กย็ อ มเปนผูเกอ เขนิ โดยอธั ยาศัยทีเดียว. บทวา สมฺมโุ ฬหฺ กาล กโรติ ความวา กเ็ มือ่ภิกษผุ ูทศุ ีลนนั้ นอนบนเตียงเปน ทตี่ าย สถานทท่ี ี่ยดึ ถอื พระพฤติในกรรมคอืทศุ ีล ยอมมาปรากฏ. ภกิ ษทุ ศุ ีลนั้น ลืมตากเ็ หน็ โลกนี้ หลับตากเ็ ห็นปรโลกอบาย ๔ กป็ รากฏ แกภ ิกษทุ ศุ ีลนัน้ . ภิกษทุ ศุ ีลนั้นกเ็ ปนประหนงึ่ ถกู หอก๑๐๐ เลม แทงทศี่ รี ษะ เธอจะรองวา หา มที หา มที มรณะไป. ดวยเหตนุ ัน้พระผูม พี ระภาคเจาจงึ ตรัสวา สมฺมุโฬห กาล กโรติ หลงตาย ดังน้ี. บทที่ ๕ก็งายเหมอื นกัน. เรอ่ื งอานสิ งส กพ็ งึ ทราบโดยปรยิ ายตรงกนั ขา มกบั ทีก่ ลา วไวแ ลว. บทวา พหฺเทว รตตฺ ึ ธมฺมิยา กถาย ความวา พระผูมพี ระภาคเจาทรงใหอิม่ เอบิ แลว ใหเ ห็นแจง แลว ใหส มาทานแลว ใหอ าจหาญแลว ให

พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 369เขา ถงึ ความสิน้ และความเสือ่ มแลว ตลอดราตรเี ปน อนั มาก แลวทรงสง ไปดวยธรรมกถาที่พนจากบาลอี ยา งอ่ืน และดวยกถาอนุโมทนา การถวายเรือนพักประหน่งึ ทรงพาขามอากาศคงคา ประหนึง่ ทรงคน้ั ผึ้งรวงใหญ ขนาดโยชนหนง่ึ แลว ใหมหาชนด่มื น้ําผงึ้ ฉะนั้น. บทวา อภกิ กฺ นตฺ า ไดแ กลว งไปแลว สนิ้ ไปแลว . บทวา สุ ฺาคาร ความวา ขน้ึ ช่ือวา เรือนวาง ทีแ่ ยกเปน สว นหน่ึงตางหากไมม .ี แตใ นทีน่ นั้ นั่นแหละ เหลาชาวบา นปาฏลคิ ามลอ มไวด ว ยกําแพงคือมา นไวขางหนงึ่ แลวจดั เตยี งไวด วยประสงคว า พระ-ศาสดาจักทรงพกั ผอ นในทน่ี ี้. พระผูมพี ระภาคเจา ทรงสําเร็จสหี ไสยา บนเตียงน้นั ดวยมพี ระพทุ ธประสงควา เรือนพกั นี้ ตถาคต ใชส อยแลวดวยอริ ิยาบถแมทงั้ ๔ กศุ ลนั้น จักมีผลมากแกช าวปาฏลิคามเหลาน้นั ดังน.้ี ทา นหมายเอาเรือนพักนั้น จึงกลาววา สุฺ าคาร ปาวสิ ิ. เสด็จเขาไปสเู รือนวา งดงั นี.้ บทวา สนุ ธี วสฺสการา ไดแกพ ราหมณ ๒ คน คอื สุนธี ะคนหนง่ึวสั สการะคนหนึ่ง. บทวา มหามตตฺ า ไดแกมหามตั ตะ คือมหาอํามาตยของพระเจากรุงมคธ อกี อยางหนึ่ง ช่อื วามหาอาํ มาตยแ ควนมคธ กเ็ พราะมหาอํามาตยในแควน มคธ ประกอบดวยมาตรคืออสิ ริยยศยิ่งใหญ. บทวาปาฏลคิ าเม นคร ไดแกส รางปาฏลิคามทาํ ใหเปนบาตร. บทวา วชชฺ นี ปฏพิ าหาย ไดแก เพ่ือตดั ทางขยายตัวของราชวงศแ ควน วัชชี. บทวา สหสเฺ สว ไดแ กแ ตละพวกนับเปนพนั ๆ. บทวา วตถฺ ูนิไดแกท่ีปลูกเรือน. บทวา จิตฺตานิ นมนฺติ นเิ วสนาหิ มาเปต ความวาจิตของมหาอาํ มาตยผูท ํานายวชิ าดพู น้ื ทน่ี อมไปเพอื่ สรา งคฤหาสนสําหรับพระ-ราชาและมหาอํามาตยของพระราชา. เลา กันวา มหาอาํ มาตยเ หลานั้นใชอ านภุ าพแหงศลิ ปะของตนมองเห็นภายใตแผน ดนิ ประมาณ ๖๐ ศอก วาทนี่ ้นี าคยึดไว ที่น้ียกั ษส งิ ที่น้ภี ูตสงิ มหี ินหรือตอ. เวลาน้ัน อํามาตยเ หลา น้ันรายศิลปะ

พระสุตตันตปฎก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 370สรางขน้ึ ไดเหมอื นปรึกษากับเทวดาทั้งหลาย. อกี อยา งหน่ึง เทวดาสิงอยูใ นรา งของอํามาตยเ หลา นั้น นอมจติ ไปเพ่อื สรา งคฤหาสนในทีน่ ัน้ ๆ พอเขาตอกหลกัลงใน ๔ มุม เทวดาเหลานน้ั จึงเขาสิงพื้นที่. เทวดาผมู ศี รัทธา ทําอยา งนั้นแกตระกลู ผูมีศรัทธา เทวดาผไู มมศี รทั ธาก็ทําอยางนน้ั แกตระกูลผูไมมีศรัทธา.เพราะเหตุไร. เพราะผมู ศี รัทธามคี วามคดิ อยางนีว้ า คนทั้งหลายในโลกน้ีครั้นสรางบานเรือนแลว ช้นั แรกนมิ นตภิกษุสงฆใหน ั่ง ใหกลา วแตม งคลเมอ่ื เปนเชน น้.ี พวกเราก็จกั ไดเห็นผูม ีศีล ฟงธรรมกถา การแกป ญ หาและอนโุ มทนา ผูคนใหทานแลว จกั ใหส ว นบุญแกเรา. บทวา ตาวตึเสหิ ความวา เสยี งขจรไปวา พวกมนุษยใ นตระกูลโนน อาศยั มนษุ ยผูเปนบณั ฑิตผหู นง่ึ ในตระกูลหนง่ึ ยอมเปนบัณฑติ หรือภิกษใุ นวิหารโนน อาศยั ภกิ ษผุ เู ปน พหสู ูตรปู หน่งึ ในวหิ ารหนงึ่ ยอมเปนพหูสูตรปู หนึ่งในวิหารหนง่ึ ยอมเปนพหุสูตฉนั ใด. เสียงขจรไปวา เทวดาชนั้ ดาวดงึ ส อาศยั ทา วสักกเทวราช และวษิ ณกุ รรมเทพบุตรยอ มเปนบัณฑิตฉนั น้ันเหมอื นกัน . เพราะเหตุนัน้ พระผูมีพระภาคเจา จงึ ตรัสวา ตาวตเึ สห.ิอธบิ ายวา ยอ มสรางเหมือนปรกึ ษากบั เทวดาชั้นดาวดงึ ส. บทวา ยาวตาอรยิ  อายตน ความวา ชอื่ วา ทเ่ี ปนทป่ี ระชมุ ของมนุษย เผา อริยกะมปี ระมาณเทาใด. บทวา ยาวตา วณปิ ปฺ โถ ความวา ชอ่ื วา สถานท่ีเปนทซ่ี อื้ ขายโดยกองส่ิงของท่ีพวกพอ คา นํามา หรอื สถานท่ีเปนทอี่ ยขู องพวกพอ คา ทงั้ หลายมีประมาณเทาใด. บทวา อิท อคคฺ นคร ความวา อัครนครน้ีจกั เปน เมืองเจริญ เปน เมืองใหญ สาํ หรบั พวกอริยกะและพวกพอคา นน้ั ๆ. บทวา ปฏุ -เภทน ไดแก ทแี่ กห อสินคา. ทา นอธบิ ายวา เปน ที่ปลอยสนิ คาของเจาของสนิ คา ตาง ๆ. อธิบายวา ก็ชนทัง้ หลายแมไ มไ ดส ่ิงของในสกลชมพูทวปี ก็จกัไดใ นท่ีน้ีน่ีแหละ แมผ ูไมไ ปคาขายในทอี่ นื่ ก็จกั ไปในท่ีนี้ เพราะฉะนั้น พวก

พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 371เขาจกั แกห อ สนิ คาในทน่ี ี้เทาน้นั . ทานแสดงวา จรงิ อยูทกุ ๆ วนั มลู คาจักเกิดข้ึน หาแสน อยา งน้คี อื ทีป่ ระตพู ระนครทง้ั สด่ี านสแ่ี สน ท่ีทา มกลางพระ-นครหนึ่งแสน. วา ศพั ทใ นบทวา อคคฺ ิโต วา มอี รรถเทา กบั จ ความวา จกั พินาศดว ยไฟ ดวยน้ํา หรือดว ยการแตกกนั เปน ๒ ฝา ย อธบิ ายวา สวนหนง่ึ พินาศดวยไฟ ไมส ามารถจะดบั ได สว นหน่งึ แมน ้าํ คงคาพดั ไป สวนหนงึ่ จักพนิ าศไป โดยความแตกแหง กันและกนั ของพวกมนุษย ผูแตกกัน ดวยอํานาจ ปส ณุ -วาจาทกี่ ลา ววา คนน้ไี มพ ดู กะคนโนน คนโนน ไมพ ูดกะคนน้ี. พระผูมพี ระภาคเจาครั้นตรสั ดงั น้แี ลว เวลาใกลร ุงเสดจ็ ไปยงั ฝงแมน า้ํคงคา ทรงชําระพระพักตรแลว ประทบั น่งั รอเวลาภกิ ขาจารอย.ู ฝา ยมหาอาํ มาตย มคธชอื่ สุนธี ะและวสั สการะคิดวา พระราชาของพวกเราเปน อุปฏ ฐากของพระสมณโคดม พระองคจ กั ตรสั ถามพวกเราวา ไดยนิ วา พระศาสดาไดเสด็จไปปาฏลิคาม พวกทา นไดเ ขาเฝา พระองคห รอื เปลา เมอ่ื กราบทูลวาขาพระองคเ ขาเฝาจึงตรัสถามอีกวา พวกทานไดนมิ นตหรอื เปลา เมื่อกราบทลูวา ไมไดน มิ นต จกั ยกโทษนิคคหะพวกเรา อน่งึ เลา พวกเราก็จะสรา งพระนครในที่ทีย่ งั ไมไ ดส รางก็ในทีท่ ่ีพระสมณโคดมเสด็จไปแลว ๆ พวกสัตวกาลกิณีจักถอยกลับไป จึงคิดวา พวกเราจกั ใหพระองคต รสั ส่งิ ทเี่ ปน มงคลแกพระนครดงั น้ีแลว จงึ เขา ไปเฝาพระศาสดา ทลู อาราธนา เพราะฉะนนั้ ทานจงึ กลาววา อถ-โข สนุ ีธวสสฺ การา เปนตน. บทวา ปุพฺพณหฺ สมย แปลวา ในเวลาเชา .บทวา นวิ าเสตฺวา แปลวา ทรงอันตรวาสกคาดประคดตามธรรมเนียมเขาบา น. บทวา ปตฺตจีวรมาทาย แปลวา ทรงถอื บาตรและจวี รแนบพระองค. บทวา สีลวนเฺ ตตฺถ ตดั เปน สลี วนเฺ ต เอตฺถ. บทวา สฺเตไดแก ผูสํารวมดว ยกายวาจาใจ. บทวา ตาส ทกฺขณิ มาทเิ ส ความวา พึง

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 372อุทศิ ปจ จยั สี่ท่ถี วายสงฆคอื พึงใหส ว นบุญแกเ ทวดาประจาํ เรอื นเหลานั้น. บทวาปชู ิตา ปชู ยนฺติ ความวา เทวดายอมอารักขาดว ยดี ดว ยสัง่ วา ผคู นเหลา นี้แมไ มใชญาตขิ องเรา ก็ยงั ใหสว นบุญแกพ วกเราถงึ อยางน้ี เพราะฉะนนั้ พวกทานจงจัดการอารกั ขาดวยดี. บทวา มานติ า มานยนฺติ ความวา เทวดาท้ังหลายทเ่ี หลา ผคู นนบั ถอื ดว ยการทาํ พลีกรรมตามกาลสมควร จงึ นับถอื คอืกําจดั อันตรายท่ีเกิดข้นึ ดว ยเห็นวา ผคู นเหลา น้ี แมไมใชญาตขิ องพวกเรากย็ งัทาํ พลีกรรมแกพวกเราในชว งส่ีเดือนหกเดือน. บทวา ตโต น ไดแ ก แตนัน้เทวดากย็ อ มอนเุ คราะหค นผบู ณั ฑิตนั้น. บทวา โอรส ไดแก วางไวทีอ่ กใหเจรญิ เติบโต. อธิบายวา ยอมอนุเคราะหเ หมอื นมารดาอนุเคราะหบ ตุ รผูเ กดิแตอก พยายามกําจดั อันตรายท่เี กิดขึ้นฉะนั้น. บทวา ภนฺรานิ ปสสฺ ติแปลวา เหน็ สิ่งท่ดี ี. บทวา อลุ ุมฺป ไดแกพาหนะทเ่ี ขาตอกลิ่มสรางไวเพ่ือไปฝง โนน (แพ).บทวา กลุ ฺล ไดแกพ าหนะทเ่ี ขาใชเ ถาวัลยเ ปน ตนมัดไว (ทุน). คําวา อณฺณว ในคาถาวา เย ตรนฺติ อณณฺ ว นี้ เปน ชอ่ื แหง สถานท่นี ้าํ ลกึ และกวางโดยกําหนดอยา งตา่ํ ท่ีสุดประมาณโยชนห นึง่ . ในบทวา สร น้ีทา นประสงคเอาแมน ้ํา. มคี ําอธบิ ายวา ผทู ขี่ า มสระคอื ตณั หาที่ท้ังลึกทง้ั กวางสรางสะพานกลา วคอื อรยิ มรรค ละเปอ กตมคือท่ีลมุ เต็มดว ยนา้ํ แตะตอ งไมไดขา มไป สวนคนผนู ี้แมตอ งการจะขา มแมนาํ้ แมนดิ หนอ ยน้ี กต็ องผูกแพ สวนผูมปี ญ ญา คอื พระพทุ ธเจา และสาวกของพระพุทธเจา ไมต องใชแ พกข็ ามได. จบกถาพรรณนาปฐมภาณวาร บทวา โกฏิคาโม ไดแกบ า นที่สรา งไวทา ยปราสาทของพระเจามหาปนาทะ. บทวา อริยสจจฺ าน ไดแก สัจจะท่ีกระทําใหเ ปน พระอรยิ ะ. บทวา

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 373อนนโุ พธา ไดแกเ พราะไมตรสั รู คือ ไมร .ู บทวา อปฏเิ วธา แปลวาเพราะไมแ ทงตลอด. บทวา สนธฺ าวิต ไดแ ก แลน ไปโดยไปจากภพสูภพ.บทวา ส สริต ไดแ กท อ งเทยี วไปโดยไป ๆ มา ๆ ร่าํ ไป. บทวา มม เจว-ตมุ หฺ ากฺจ แปลวา อนั เราและพวกทา น. อกี นยั หนงึ่ พึงทราบความในขอน้ีอยา งน้ีวา บทวา สนฺธาวติ  ส สรติ  แปลวา ความแลน ไป ทอ งเท่ยี วไป.ไดม แี ลว ท้ังแกเราและพวกทาน. บทวา ส สริตพพฺ  แปลวา ทอ งเที่ยวไป. บทวา ภวเนตตฺ ิ สมหู ตาไดแก เชอื กคอื ตัณหาอนั สามารถนาํ สตั วจากภพไปสภู พ อันเราและพวกทา นกาํ จัดแลว ตดั แลว ทําใหไ มเปนไปแลว ดว ยด.ี บทวา นาทกิ า ไดแ กบ า นสองตําบล ของบุตรของอาและลงุ ท้งั สองอาศัยสระเดียวกนั . บทวา นาทิเก ไดแกห มูบ า นญาติตําบลหนงึ่ . บทวาคิชฺ กาวสเถ ไดแก ที่พักกอ ดว ยอิฐ. บทวา โอรมฺภาคยิ าน ไดแ ก สว นเบื้องตา่ํ อธิบายวา ทําใหถ ือปฏิสนธใิ นกามภพเทา นนั้ . อีกอยางหน่ึง โอรมั ภาคิยสังโยชน ทีพ่ ึงละดว ยมรรคทัง้ สามทไี่ ดชอื่ วา โอร . ในสังโยชนเ หลานัน้สงั โยชนส องนี้ คอื กามฉนั ทะ พยาบาท ที่ขม ไมไ ดดว ยสมาบตั ิ หรือตัดไมไ ดดวยมรรค ไมใหไ ปสูรูปภพและอรูปภพเบ้อื งสงู . สงั โยชนสามมี สกั กายทิฏฐิเปน ตน นําสัตว แมท บ่ี ังเกดิ ในภพนน้ั ใหมาบงั เกิดในภพน้อี กี เพราะฉะนน้ัสงั โยชนห มดท้งั สาม จึงชอื่ วาโอรมั ภาคิยสังโยชน. บทวา อนาวตฺติธมฺมาไดแ ก มีการไมกลับมาโดยปฏสิ นธเิ ปน สภาวะ. ในคําวา ราคโทสโมหานตนตุ ฺตา นี้ พงึ ทราบความท่ี ราคะโทสะโมหะเบาบางลง โดยอาการทง้ั สองอยา ง คือดว ยการเกดิ ขึ้นในบางคร้ังบางคราวและมีปรยิ ุฏฐานกเิ ลสนอย. กเิ ลสมรี าคะเปนตน ยอมไมเ กิดขึ้นเนอื ง ๆ แกพ ระสกทาคามี เหมือนปถุ ุชน แตเกดิ ในบางคร้งั บางคราว แตเม่ือเกดิ ขึ้น ไมเ กดิ ขึ้นมากๆ เหมือนปุถุชน เกิดขน้ึ

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 374บาง ๆ เหมือนภาชนะใสปลา แตพระมหาสิวเถระผรู จนาคมั ภีรทฆี นิกายกลา ววา เพราะพระสกทาคามยี ังมบี ุตรธดิ า และยงั มคี นสนิท ฉะนน้ั จงึ ยังมกี เิ ลสหนาแตค าํ น้ที านกลา วถึงกเิ ลสในภพเบาบาง. คํานนั้ ในอรรถกถาทานคัดคา นไวเพราะทานกลา วไววา พระโสดาบนั เวนภพเจ็ดเสีย กิเลสที่เบาบางในภพที่แปดไมม ี สําหรับพระสกทาคามี เวนภพสองเสยี ไมม กี เิ ลสเบาบางในภพท้งั หา สําหรับพระอนาคามเี วน รูปภพอรปู ภพ ไมม ีกิเลสเบาบางในกามภพพระขณี าสพไมมกี เิ ลสเบาบางในภพไหน ๆ เลย. คาํ วา อิม โลก น้ี ทานหมายเอากามาวจรโลก. ก็ในขอ นมี้ อี ธบิ ายดงั ตอ ไปน้ี กถ็ า พระอริยบคุ คลผูบรรลุสกทาคามิผลในมนษุ ยโลก แลวบังเกดิ ในเทวโลกยอมทาํ ใหแจง ซ่ึงพระ-อรหัต ขอ นดี้ ีอยางน้ี แตเมอ่ื สามารถกลบั มาสมู นษุ ยโลกแลว ยอมทําใหแ จงซง่ึ พระอรหัต ฝา ยพระอรยิ บุคคลผูบรรลุสกทาคามผิ ลในเทวโลก ถามาเกิดในมนษุ ยโลกยอ มทําใหแ จง ซ่ึงพระอรหตั ได ขอ นี้ดอี ยา งน้ี แตเม่อื สามารถไปสูเทวโลก ยอมทาํ ใหแจงซง่ึ พระอรหัตเปน แน. ความตกไปโดยไมเหลอื ช่ือวาวินบิ าต ในคาํ วา อวนิ ิปาตธมฺโม น้ี อธบิ ายวา ความตกไปโดยไมเ หลือของพระโสดาบันน้นั เปน ธรรมหามิได เหตุน้ัน พระโสดาบนั นั้น ช่ือวา มีอันไมตกตํ่าเปนธรรมดา คือมีอนั ไมต กไปโดยไมเหลอื ในอบายส่เี ปนสภาวะ. บทวานิยโต ไดแ ก แนนอน โดยกําหนดแหง ธรรม. บทวา สมโฺ พธิปรายโนความวา สัมโพธกิ ลา วคอื มรรคสามในเบอ้ื งบน เปนท่ไี ป เปนท่ดี าํ เนนิ เปนท่ีพงึ อาศัยของบุคคลนน้ั คือ อันบคุ คลนัน้ พงึ บรรลุแนแทเปนเบอ้ื งหนา เหตุน้ันบคุ คลน้นั ช่อื วา มสี มั โพธิเปนท่ีไปในเบอื้ งหนา. ดว ยบทวา วิเหสาเวสา ทรงแสดงวา ดูกอนอานนท นนั่ เปน ความลาํ บากกายของตถาคต ผูต รวจดญู าณคติญาณอปุ บัติ ญาณอภสิ ัมปรายะ ของเหลา สัตวนัน้ ๆ. แตความลําบากจิตไมมีแกพระพทุ ธเจา ทง้ั หลาย.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 375 บทวา ธมฺมาทาส ไดแ ก แวน คือธรรม. บทวา เยน ไดแ กผ ูประ-กอบดว ยแวนธรรมอื่นใด. บทวา ขณี าปายทคุ คฺ ติวินปิ าโต นี้ ทานกลาวโดยไวพจนข องนรกเปน ตน เทาน้นั . จรงิ อยู นรกเปน ตน ชอ่ื วา อบาย เพราะปราศจากอยะ คือความเจรญิ ชอื่ วา ทคุ ติ เพราะเปนทดี่ าํ เนินไป เปนท่ีพง่ึอาศัยแหงทกุ ข ชือ่ วา วนิ บิ าต เพราะเปนทตี่ กไปโดยไมเ หลือของเหลาชนผทู าํช่วั . บทวา อเวจจฺ ปปฺ สาเทน ไดแ ก ดวยความเสื่อมใสอนั ไมห วัน่ ไมไ หวเพราะรถู ึงพระพุทธคณุ ตามเปนจริงน่ันแล. แมในสองบทขา งตน กน็ ัยน้เี หมือนกนั . สวนความพสิ ดารของคาํ วา อติ ปิ  โส ภควา เปนตน กลา วไวแลวในคมั ภีรว ิสทุ ธมิ รรค. บทวา อริยกนเฺ ตหิ ไดแ กเ ปนท่ใี คร เปนท่ีรัก เปนที่ชอบใจ ของพระอริยะท้งั หลาย. ศีลหา ชอื่ วา เปน ท่ใี คร ของพระอริยะท้ังหลายเพราะทา นไมล ะแมใ นภพอนื่ . ทา นหมายถึงศลี หา นนั้ จงึ กลา วคําน้ไี ว. แตใ นทีน่ ้ไี ดแ กส ังวรท้งั หมด. คําวา โสตาปนโฺ นหมสสฺ ิ น้ี เปน หวั ขอเทศนาเทา น้นั . แตแ มพระสกทาคามเี ปนตน ยอมพยากรณโดยนยั มอี าทิวา สกทาคามหี มสฺมิ เราเปน สกทาคามีดงั นี้แล. การพยากรณแ หงพระอรยิ สาวกทง้ั ปวงในฐานะที่ควรโดยไมผิดสิกขาบท (วินยั ) เปนอันพระผูมีพระภาคเจาทรงอนญุ าตแลวแล. พึงทราบวินจิ ฉัยในคาํ วา เวสาลยิ  วหิ รติ น้ี ดงั ตอไปนี.้ พึงทราบความที่เมืองเวสาลเี ปนนครสมบูรณ. โดยนยั ทกี่ ลาวแลวขนั ธกวินยั วาเตน โข ปน สมเยน เวสาลี อิทธฺ าเจว โหติ ผีตา จ ดงั น.้ี บทวาอมพฺ ปาลิวเน ไดแ ก ในปา มะมว งอันเปนสวนของนางอมั พปาลีคณิกา. บทวาสโต ภกิ ฺขเว ความวา พระผูมีพระภาคเจาทรงเรม่ิ สติปฏฐานเทศนาในทีน่ ี้โดยพิเศษเพื่อใหส ตปิ รากฏในการทรงทอดทศั นาอมั พปาลีวนั . ในบทเหลานั้นชอื่ วา สโต เพราะระลกึ ได ชอื่ วา สมฺปชาโน เพราะรตู ัว อธิบายวา

พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 376พงึ เปนผูประกอบดว ยสตสิ ัมปชญั ญะอย.ู ขา พเจา จกั กลา วคาํ ทคี่ วรกลา วในคาํเปน ตน วา กาเย กายานุปสฺสี ไวใ นมหาสติปฏ ฐานสตู ร. คําวา นลี า เปน ตนนี้ กลา วรวมสที ้งั หมด. สวนคาํ วา นลี วณณฺ าเปน ตน เปน การแสดงจาํ แนกสีน้ันน่นั แหละ. กใ็ นคาํ นน้ั ทานกลา วคาํ นไ้ี วเพราะสเี หลา นั้น มิใชส เี ขยี วปกติ หากผสมดว ยสเี ขียว. บทวา นลี วตฺถาความวา ผา ธรรมดาผาเปลอื กไมแ ละผาไหมเปน ตน ชื่อวาเขยี วสาํ หรบั ผาเหลานนั้ . บทวา นลี าลงกฺ ารา ไดแ กป ระดบั ดว ยมณเี ขียว ดอกไมเขียว.แมรถของเจาลจิ ฉวีเหลา นั้น กข็ จิตดว ยมณีเขยี ว ขลิบดว ยผา เขียว มธี งเขียวประกอบดว ยทหารสวมเกราะเขียว อาภรณเขยี วเทียมดว ยมา เขยี ว แมดามแสกเ็ ขยี วเหมอื นกันแล. เนอ้ื ความในทุกบทก็พงึ ทราบโดยนยั น้.ี บทวา ปฏวิ ฏเ ฏสิ แปลวา ตี. คาํ วา เช ในคาํ วา กึ เช อมพฺ ปาลิเปนคาํ รอ งเรยี ก. ทานอธิบายวา แมอ ัมพปาลี เหตุไรจะ ? ปาฐะวา กิฺจิก็มี. ในคาํ นี้ ความกอ็ ยางนเี้ หมอื นกัน. บทวา สาหาร ไดแ ก พรอ มดวยชนบท. บทวา องคฺ ลุ ึ โผเฏสุ ไดแก สน่ั นวิ้ มือ. บทวา อมพฺ กาย ไดแกมายาหญิง. คาํ วา เยส เปนฉัฏฐีวิภตั ติ ลงในอรรถตตยิ าวิภตั ต.ิ ทานอธบิ ายวา อนั ภกิ ษุเหลาใดไมเหน็ แลว. บทวา โอโลเกถ ไดแกจ งดเู สยี . บทวาอวโลเกถ ไดแ กจงดบู อ ย ๆ. บทวา อุปส หรถ ไดแ กน อมเขามา. อธิบายวาพวกเธอจงนอมนาํ มาเปรยี บเทียบบริษทั ของเจาลิจฉวีนี้ เชนกบั เทวดาชน้ัดาวดึงสด วยจิตของพวกเธอ จงดูเทยี บกับเหลา เทวดาชนั้ ดาวดึงสวา แมเ จาลิจฉวเี หลาน้กี เ็ หมอื นเหลา เทวดาช้นั ดาวดึงสทีส่ ะสวยนาเลอื่ มใส มวี รรณะตา งๆกนั มีวรรณะเขียวเปน ตน ฉะนัน้ . ถามวา กเ็ หตุไรพระผมู พี ระภาคเจา จึงทรงหามอายตนะภายในมีจักษุเปน ตนยึดถอื นิมติ ในอายตนะภายนอกมรี ูปเปน ตนดวยสตู รหลายรอยสตู ร ในสูตรน้ีกลับทรงประกอบภิกษไุ วในการยึดถอื นมิ ิตดวยอุตสาหะอยา งใหญ. ตอบวา เพราะทรงมุงประโยชนเ ก้ือกลู .

พระสุตตันตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 377 ดังไดย นิ มา ภิกษุบางพวกในเมืองเวสาลีนัน้ ยอหยอนความเพยี ร.พระผูม พี ระภาคเจา เมอื่ จะทรงใชสมบัตขิ องเทวดาชัน้ ดาวดึงสปลอบประโลมจงึตรัสเพื่อใหภกิ ษุเหลานัน้ เกิดอตุ สาหะในสมณธรรมวา เมอ่ื ภกิ ษุกระทําสมณธรรมดว ยความไมประมาท กไ็ ดอสิ ริยสมบตั ิเห็นปานนีง้ าย. พระผมู พี ระภาค-เจาตรสั อยางนี้ เพอ่ื ความแจมแจงแหงอนจิ จลักษณะกไ็ ด. ความจรงิ อกี ไมนานเลยเจา ลิจฉวเี หลานแ้ี มท งั้ หมด ก็จกั ถงึ ความพนิ าศ ดวยอํานาจของพระเจาอชาตศัตร.ู ครั้งน้ันพระผูม พี ระภาคเจา ตรสั เพื่อความแจมแจง แหงอนิจจลกั ษณะดว ยพระพทุ ธประสงควา เหลาภิกษทุ ี่ยืนดสู ริ ิราชสมบัตขิ องเจาลจิ ฉวีเหลาน้นัจักเจรญิ อนิจจลักษณะวา ความพินาศแหงสริ ิสมบตั เิ หน็ ปานน้ันจักปรากฏ แลวจกั บรรลุพระอรหัตพรอมดวยปฏสิ มั ภิทา. ในบทวา อธวิ าเสตุ ถามวา เหตุไรพวกเจาลิจฉวี ท้ังทีร่ วู าพระผูม ีพระภาคเจารบั นมิ นตน างอมั พปาลีไวแลว จึงนมิ นตเลา. แกว าเพราะไมทรงเชอ่ื และเพราะเปน ธรรมเนียม. กพ็ วกเจาลิจฉวีเหลานนั้ คิดวา หญงิ นกั เลงนัน้ ไมน ิมนต พดู วานิมนต. ก็ช่อื วาการไปนิมนตในเวลาไปฟงธรรมเปนธรรมเนียมของมนษุ ยน ั่นเอง. บทวา เวฬวุ คามโก ไดแ ก บา นปาฏลคิ ามใกลก รุงเวสาลี. มติ รก็คือมิตรในคําวา ยถามิตฺต เปน ตน . บทวา สมฺภตฺตา มติ รที่เพียงพบเหน็ กนั ในทีน่ ัน้ ๆ ชือ่ วา มติ รท่ีเคยเหน็ กันมิใชมติ รมนั่ คง. บทวา สนทฺ ิฏาไดแกม ิตรทีค่ บกนั มาดว ยดีเปน มิตรมัน่ คง. อธบิ ายวาพวกเธอจงเขาไปจาํ พรรษาในท่ี ๆ พวกภกิ ษเุ ห็นปานนั้นมอี ย.ู เพราะเหตุไรพระผูม ีพระภาคเจาจงตรสัอยา งน.้ี เพราะมพี ระพุทธประสงคใ หภิกษุเหลา นนั้ อยเู ปนผาสกุ . ความจริงเสนาสนะ. ในเวฬวุ คาม ไมเพียงพอแกภ กิ ษเุ หลานนั้ ทัง้ ภกิ ษามีนอย สวนรอบกรุงเวสาลีเสนาสนะกม็ ีมาก ท้ังภิกษาก็หาไดงา ย เพราะฉะนั้น พระองคจงึ ตรสั อยางน้.ี เมื่อเปน เชนนน้ั เพราะเหตุไร จึงไมตรสั ตอบวา พวกทานคง

พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 378ไปสบาย. เพ่ือทรงอนุเคราะหภ ิกษุเหลาน้นั . ไดย ินวา พระองคท รงพระดําริวาเราอยไู ดเพยี ง ๑๐ เดอื นกจ็ กั ปรนิ พิ พาน. ถาภกิ ษุเหลา นัน้ จักไปไกล ก็ไมอาจเหน็ เราในเวลาปรนิ พิ พาน เมือ่ เปน ดังนัน้ ภิกษุเหลานั้นกจ็ ะเกดิ ความรอ นใจวา พระศาสดาเมื่อปรนิ พิ พานกไ็ มประทานแมเพียงสตแิ กเ รา ถาพวกเรารูเสียก็จะไมพงึ อยูไ กลอยางนี้ ไมต รสั ตอบวา กภ็ ิกษุท้งั หลายอยรู อบเมอื งเวสาลี ก็จักมาฟงธรรมไดเดอื นละ ๘ ครง้ั จกั ไดรับโอวาทของพระผมู พี ระภาคเจา . บทวา ขโร แปลวา หยาบ. บทวา อาพาโธ ไดแกโรคทเ่ี ปนขา ศึกกนั . บทวา พาฬหฺ า แปลวา รนุ แรง. บทวา มรณนฺติกา ไดแ กสามารถใหถึงปางตาย คือใกลต อความตาย. บทวา สโต สมฺปชาโนอธวิ าเสสิ ความวา ไดแ กตงั้ สติใหม่นั กําหนดดวยญาณอดกล้นั . บทวาอวิหฺ มาโน ไดแ กไมกระทําอาการกระสับกระสายโดยคลอ ยตามเวทนาไมถูกเวทนาเบยี ดเบยี น ไมท รงทุกขร อ นเลย อดกล้ันได. บทวา อนามนฺเตตฺวาไดแกไ มท รงใหอุปฏ ฐากร.ู บทวา อนปโฺ ลเกตวฺ า แปลวา ไมท รงบอกลาภกิ ษุสงฆ. ทานอธิบายวา ไมป ระทานโอวาทานุสาสนี. บทวา วริ ิเยน ไดแ กดว ยความเพยี รเบอื้ งตน และดว ยความเพยี รท่ีสัมปยุตดวยผลสมาบตั ิ. บทวาปฏปิ ฌฺ าเมตฺวา แปลวา ขับไล. แมช วี ติ กช็ ื่อวา ชีวิตสังขารในคาํ วา ชวี ิตสังขารน้ี. ชีวิตอันธรรมใดปรงุ แตงถึงขาดก็สบื ตอ ตง้ั อยู แมธรรมท่ีเปนผลสมาบัตนิ ั้นกช็ ื่อวาชวี ติ สงั ขาร. ธรรมคอื ผลสมาบตั ินัน้ ทานประสงคเ อาในที่นี.้บทวา อธิฏ าย ไดแกอ ธฏิ ฐานใหเ ปนไปแลว . ความสงั เขปในขอ น้มี ีดังน้ีวา เราพึงเขาผลสมาบัติท่สี ามารถดาํ รงชีวติ อยูไ ด. ถามวา ก็พระผูมีพระภาคเจา ไมท รงเขา ผลสมาบัตใิ นกาลกอนแตน ี้หรอื . ตอบวา เขา ซ.ี แตวา ผลสมาบตั ินน้ั เปน ขณิกสมาบัติ. จรงิ อยขู ณิกสมาบัติ ยอมขม เวทนาเฉพาะในภายในสมาบตั ไิ ดทเี ดียว. พอออกจากสมาบตั ิ

พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 379เวทนายอมครอบงาํ รา งกายอกี เหมือนสาหรายท่ีขาดเพราะไมห รอื กระเบอื้ งตกลงไปกลบั คลุมน้าํ ตามเดมิ . อน่งึ สมาบัติของผกู ระทาํ หมวด ๗ แหง รูปและหมวด๗ แหง อรูปใหห มดพุมหมดรกแลวเขาดว ยอาํ นาจแหงมหาวปิ สสนา ชอ่ื วายอ มขม ไดด วยดี. เปรียบเหมอื นสาหรายทีบ่ ุรษุ ลงน้ําแลวเอามอื และเทา แหวกใหดีตอ เวลานานจงึ จะคลุมน้าํ ฉันใด ผทู อี่ อกจากผลสมาบตั ินน้ั ตอ เวลานานเวทนาจึงจะเกิดขึน้ ฉนั นั้น. ดงั นนั้ พระผมู พี ระภาคเจาจงึ เปน เสมอื นทรงตัง้วปิ ส สนาใหมเอย่ี ม ณ พระมหาโพธบิ ลั ลังกในวนั นน้ั ทรงจอมลงดวยอาการ๑๔ กระทําหมวด ๗ แหง รูป หมวด ๗ แหงอรปู ไมใ หเ ปน พมุ ไมใหร กแลว ทรงไมเ สวยเวทนา ดวยมหาวปิ ส สนา เขาสมาบัติดวยทรงประสงควาขอเวทนาอยา เกดิ ตลอด ๑๐ เดอื น. เวทนาท่ีทรงขมดว ยสมาบตั ิ จึงไมเ กิดตลอดเวลา ๑๐ เดอื นเลย. เวทนาทที่ รงขม ดวยสมาบตั ิ จงึ ไมเกิดตลอดเวลา. บทวา คลิ านา วฏุ ิโต ไดแกป ระชวรแลว หายอกี . บทวา มธรุ กชาโตวิย ไดแ กเ หมอื นบุ ุรุษนอนหงายบนหลาว ที่เกดิ ภาวะเกร็งหนักและแขง็ .บทวา น ปกฺขายนตฺ ิ ไดแกไมแจง คอื ไมป รากฏโดยวาจาตา ง ๆ. ดวยบทวา ธมมฺ าป น นปปฺ ฏิภนตฺ ิ ทานแสดงวาแมธรรม คือ สตปิ ฏ ฐานไมปรากฏแกเรา. แตธ รรมคอื พระบาลี พระเถระคลองแคลวดีแลว . บทวาอุทาหรติ ไดแกไ มป ระทานปจ ฉิมโอวาท. ทานพระอานนทหมายเอาปจฉมิโอวาทนนั้ . บทวา อนนฺตร อพาหร ความวา พระผมู ีพระภาคเจาทรงดาํ ริวาเราไมก ระทํา ๒ อยาง โดยธรรมหรือบุคคล แลว จกั แสดงธรรมเทานี้แกบ ุคคลอ่ืนกห็ าไม ชื่อวา ทรงกระทําธรรมใหเ ปนภายใน. ทรงพระดําริวาเราจกั แสดงธรรมเทา นแี้ กบคุ คลอน่ื ชอ่ื วาทรงกระทําธรรมภายนอก. อนงึ่ ทรงพระดาํ ริวา เราจกั แสดงแกบ ุคคลน้ี ชอ่ื วา ทรงกระทําบุคคลภายใน. เมื่อทรงพระดํารวิ า

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 380เราจกั ไมแสดงแกบคุ คลน้ี ชือ่ วาทรงกระทําบุคคลภายนอก. อธบิ ายวาไมท รงทาํ อยา งนน้ั แสดง. ดว ยบทวา อาจรยิ มุฏ ิ ทรงแสดงวา ชื่อวา กํามอื ของอาจารยย อ มมีแกศ าสดาภายนอกพระพทุ ธศาสนา. เหลาศาสดาภายนอก ไมกลา วแกใ คร ๆ ในเวลาเปน หนมุ นอนบนเตยี งสําหรับตายในเวลาปจ ฉิมวัยกก็ ลา วแกอ นั เตวาสกิ (ศษิ ย) ทร่ี กั ท่ีพอใจ โดยวธิ ใี ด กิจกรรมอะไรที่เราบริหารตั้งไวทาํ เปนกาํ มือวา เราจกั กลาวขอ นใ้ี นเวลาแกเฒา ในเวลาปจฉิมวยั ยอมไมมแี กตถาคต โดยวธิ นี ้นั . บทวา อห ภิกขฺ สุ งฆฺ  ความวา เราเทา น้ันจักบรหิ ารภกิ ษุสงฆ. บทวา มมุทเฺ ทสโิ ก ความวา เราเปน ที่พํานกั ของภิกษสุ งฆนัน้ เพราะอรรถวา ภกิ ษสุ งฆพ ึงอา งเรา เหตุน้นั ภิกษสุ งฆน น้ั ชอ่ื วา มีเราเปนท่พี ํานกั . อธบิ ายวา ภิกษสุ งฆจงยกเราเทา นัน้ จาํ นงเฉพาะเรา เมอื่ เราลว งลบัไปหรอื ไมมีเหลาภิกษุแลว หรอื มอี ันเปนไป กห็ รอื วาภิกษสุ งฆไร ๆ จะมีความคดิ อยางที่กลา วมาน.ี้ บทวา น เอว โหติ ความวา ขอ น้นั ไมเ ปน อยา งน้ันเพราะความริษยาและความตระหน่ี เรากําจัดเสยี แลว ณ โพธบิ ลั ลงั กน ่ันเอง.บทวา สกึ ตัดเปน โส กึ. บทวา อสีตโิ ก แปลวา มีอายะ ๘๐ พรรษา. คาํ นี้ตรสั เมือ่ ทรงแสดงภาวะทถี่ งึ ปจฉมิ วยั โดยลําดบั . บทวา เวฬุมสิ ฺสเกน ไดแกดามดวยไมไ ผสําหรับซอ มมผี กู เทา แขนผูกลอเปน ตน. บทวา มฺเ ไดแกยังอตั ภาพใหเปน ไปเหมอื นเกวียนเกาไปไดด ว ยไมไผด าม. ทานแสดงวาพระตถาคตสําเรจ็ อริ ิยาบถ ๔ ดว ยเครอื่ งผกู คือ พระอรหัตผล. บัดนี้ เมื่อจะทรงแสดงความขอน้นั จงึ ตรสั วา ยสมฺ ึ อานนฺท สมเย เปนตน . บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา สพฺพนมิ ิตตฺ าน ไดแก กลาปะ มีรปู นิมิตเปน ตน . บทวา เอกจฺจาน เวทนาน ไดแ ก เวทนาทเ่ี ปนโลกิยะ. ดวยบทวาตสมฺ าติหานนฺท ทรงแสดงวา เพราะเหตุทคี่ วามผาสุก ยอมมดี วยผลสมาบตั ิวหิ าร ฉะนนั้ แมพวกเธอก็จงอยูอยา งนี้ เพอ่ื ประโยชนแ กความผาสุกเถิด.

พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 381บทวา อตตฺ ทีปา ความวา พวกเธอจงทําตนใหเ ปน ที่พงึ่ อาศัยเหมอื นเกาะทามกลางมหาสมทุ รอยูเถิด. บทวา อตฺตสรณา ไดแก จงเปน ผมู ีตนเปน คติเทาน้นั อยามอี ยางอ่ืนเปน คตเิ ลย. แมใ นบทวา ธมฺมทปี า ธมมฺ สรณา ก็นัยนี้เหมอื นกัน. บทวา ตมตฺ คเฺ ค แปลวา มีธรรมนนั้ เปนเลิศ ต อักษรตรงกลางทานกลา วดว ยบทสนธ.ิ ทา นกลาวอธบิ ายวา ดูกอนอานนท เหลา ภิกษขุ องเรานั้น ตัดการประกอบดว ยความสูงสุดทัง้ หมดอยา งนว้ี า พวกภิกษเุ หลานี้กส็ ูงสุดเหลา น้ีก็สงู สดุ แลวจักมีอยใู นธรรมอนั เลศิ อยา งยงิ่ คือในภาวะสูงสุด ไดแ กจกั มีธรรมอันสูงสุดอยา งย่งิ สําหรบั ภิกษุเหลานัน้ ภิกษเุ หลา ใดเหลา หนงึ่ เปนผูใครศกึ ษา คือภกิ ษเุ หลานนั้ ท้ังหมด มสี ติปฏ ฐาน ๔ เปนอารมณ จักมใี นธรรมอันเลศิ . ทรงสรุปเทศนา ดวยอดคอื พระอรหตั แล. จบกถาพรรณนาทตุ ยิ ภาณวาร. บทวา เวสาลึ ปณฑฺ าย ปาวสิ ิ เสดจ็ เขาเมืองเวสาลเี พื่อบณิ ฑบาตถามวา เสด็จเขา ไปเมือ่ ไหร. ตอบวา ในเวลาเสด็จออกจากอกุ กเวลคามไปยงัเมอื งเวสาล.ี ไดยนิ วา พระผมู ีพระภาคเจาทรงจาํ พรรษาแลว ออกจากเวฬวุ คามแลว เสดจ็ กลับโดยทางทเ่ี สด็จมาแลว ดวยพทุ ธประสงคว า จะเสด็จไปยังกรุงสาวตั ถี ถึงกรงุ สาวัตถโี ดยลําดับ เสดจ็ เขาสพู ระเชตวัน. พระธรรมเสนาบดี ทาํ วตั รแกพ ระผูมีพระภาคเจา แลวเขาสูทพ่ี ักกลางวัน. เม่ือเหลา อนั เตวาสิกทําวตั รในพระเชตวนั นัน้ กลับไปแลว ทานกป็ ด กวาดทพี่ ักกลางวัน ปแู ผน หนัง ลา งเทา นัง่ ขดั สมาธิเขาผลสมาบตั .ิ คร้ันทา นออกจากผลสมาบตั นิ ั้นตามกําหนดแลว เกดิ ปริวติ กอยา งนี้วา พระพุทธเจาทั้งหลายปรินิพพานกอ นหรอื พระอคั รสาวกหนอ. กร็ ูวาอัครสาวกกอ น. จงึ สาํ รวจดูอายุสงั ขารของตน. ก็รวู าอายุสงั ขารของตนจกั เปน ไปไดเ พยี ง ๗ วันเทาน้นั จงึ .

พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 382ดํารวิ า จกั ปรนิ ิพพานทไ่ี หนหนอ. คิดอยูร่าํ ไปวา ทา นราหุลปรนิ ิพพานในดาวดงึ ส ทา นพระอัญญาโกญฑัญญะ ในสระฉทั ทันต เราเลา จะปรนิ พิ พาน ณท่ีไหน. ก็เกิดสตปิ รารภมารดาขนึ้ วา มารดาของเราแมเ ปน มารดาของพระอรหันต ๗ รปู กไ็ มเ ลอ่ื มใสในพระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ มารดานนั้มีอปุ นสิ ยั หรือไมห นอ ระลกึ ไดแลวก็เห็นอุปนิสัยแหงโสดาปต ตมิ รรค พิจารณาวามารดาจกั บรรลดุ ว ยเทศนาของใคร กร็ ูวา จักบรรลดุ วยเทศนาของเรา ไมใชของผอู ่นื ก็ถาหากวา เราพงึ เปน ผขู วนขวายนอยเสียไซร คนท้ังหลายก็จกั วากลาวเราเอาไดว า พระสารีบุตรเปน ทีพ่ งึ่ ไดแมแ กชนอื่น ๆ จริงอยา งนนั้ ในวันเทศนาสมจติ ตสตู รของทา น เทวดาแสนโกฏกิ ็บรรลพุ ระอรหตั เทวดาท่บี รรลุมรรค ๓ นบั ไมถวน และในทอี่ น่ื ปรากฏวามกี ารบรรลุกันมากมาย อน่งึ เลาเพราะทาํ จติ ใหเลื่อมใสในพระเถระ ตระกลู ถงึ ๘๐,๐๐๐ ตระกลู บังเกิดในสวรรค บัดนี้ พระเถระไมอาจเพือ่ กําจัดแมเ พียงความเหน็ ผดิ ของมารดาไดเพราะฉะนนั้ จึงตกลงใจวา เราจักเปล้อื งมารดาออกจากมิจฉาทิฏฐิ แลว จักปรนิ พิ พานในหองนอ ยท่เี กดิ ดํารติ อไปวา เราจกั ทูลลาพระผูมพี ระภาคไปในวันน้ีนีแ่ หละ จงึ เรียกพระจุนทะเถระมาวา มาไปกนั เถิดทานจุนทะ ทานจงบอกภิกษุบรษิ ัท ๕๐๐ รปู ของเราวา อาวโุ ส ทานจงถอื บาตรและจีวร พระธรรมเสนาบดี ประสงคจ ะไปนาลกคาม. พระเถระไดทําอยา งนน้ั . ภิกษเุ กบ็ เสนา-สนะถอื บาตรจวี รมายงั สาํ นักพระเถระ. พระเถระกเ็ กบ็ เสนาสนะ. ปด กวาดทพี่ ักกลางวนั ยนื อยูที่ประตมู องดูที่พักกลางวัน ดาํ รวิ า บัดนี้ นเ้ี ปนการเหน็ คร้งั สุดทา ย ไมม กี ารกลบั มา ผูอ นัภกิ ษุ ๕๐๐ รปู แวดลอ มแลว จงึ เขา ไปเฝาพระผมู พี ระภาคเจา ถวายบงั คมแลวกราบทูลเปน คํารอ ยกรองกะพระผมู ีพระภาคเจา วา

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 383ฉินฺโนทานิ ภวิสสฺ ามิ โลกนาถ มหามุนิคมนาคมน นตถฺ ิ ปจฺฉมา วนทนา อยชวี ิต อปฺปก มยหฺ  อิโต สตฺตาหมจฺจเยนกิ ขฺ ิเปยฺยามห เทห ภารโวโรปน ยถาอนชุ านาตุ เม ภนเฺ ต (ภควา) อนุชานาตุ สคุ โตปรนิ ิพฺพานกาโล เม โอสสฺ ฏโ อายุสงขฺ โรขาแตพ ระมหามุนีโลกนาถเจา บัดน้ี ขาพระองคตัดสน้ิ แลว ไมมกี ารไปการมาน้ีเปน การถวายบังคมลาครัง้ สดุ ทาย ชีวิตของขา พระองคนอย ตอไปนี้ลวงไป ๗ วัน ขาพระองคจ ะทอดท้ิงเรือนราง เหมือนวางภาระลง ขอพระผมู ีพระภาคเจาโปรดอนุญาต ขอพระสุคตโปรดอนญุ าต แกข าพระองคดวยเถดิ นีเ้ ปนเวลาปริ-นพิ พาน ขา พระองคปลงอายสุ งั ขารแลวพระเจา ขา.กเ็ พราะเหตทุ ีพ่ วกมจิ ฉาทฏิ ฐิ ชอบยกโทษวา เมอื่ พระผูมพี ระภาคเจาตรัสวา จงปรนิ ิพพานเถดิ ก็จะกลายเปน วา พรรณนาคุณของความตายไปเมือ่ ตรสั วาอยาปรนิ พิ พานเลย กจ็ ะกลายเปน กลาวคุณของวฏั ฏสงสารไป เพราะฉะนั้น พระพุทธเจา ทง้ั หลายจึงไมต รสั แมค าํ ท้ังสอง. ดวยเหตนุ ัน้ พระผูมีพระภาคเจาจึงตรัสกะทานวา สารีบุตร เธอจักปรนิ ิพพานทไี่ หน. เม่ือทานกราบทูลวา หอ งนอย ในนาลกคาม แควนมคธมอี ยู ขาพระองคจกั ปรินิพพานในหองน้นั พระเจาขา . จงึ ตรสั วา สารีบุตร บัดน้ี เธอสําคัญกาลอันควรเถิดเวลาน้ี การเหน็ ภิกษเุ ชน น้ัน สําหรับพ่ีนองของเธอจกั หาไดย าก เพราะฉะนน้ัเธอจงแสดงธรรมแกพ่นี องเหลานน้ั เถิด.

พระสุตตันตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 384 พระเถระรวู า พระศาสดาทรงมพี ระประสงคจะใหเราแสดงฤทธ์ติ า ง ๆเสยี กอ นแสดงธรรม จงึ ถวายบังคมพระผูมีพระภาคเจา แลวโลดสงู ๗ ชัว่ ตนตาล กลับลงมาถวายบงั คมแลว ยนื อยูทามกลางอากาศช่วั ๗ ตน ตาล แสดงฤทธิต์ าง ๆ อยาง แลวแสดงธรรม. ชาวนครทงั้ สิน้ ประชุมกนั . พระเถระลงมาแลวถวายบังคมพระผูมีพระภาคเจา กราบทูลวา ถึงเวลาไปของขา พระองคแลวพระเจาขา . พระผมู ีพระภาคเจา ประทับนัง่ เหนือธรรมาสน ทรงพระดาํ รวิ าจักใหสารีบุตรแสดงฤทธิ์แลว จึงลกุ จากธรรมาสน เสด็จบายพระพกั ตรไ ปยังพระคันธกุฏี แลวประทบั ยืนบนบัลลังกแกว มณี. พระเถระกระทําประทักษณิ(เวยี น ๓) ๓ ครัง้ แลวถวายบงั คมในท่ี ๔ แหง กราบทลู วา เหนอื ข้นึ ไปแตกปั นี้ ได ๑ อสงไขย กําไรแสนกัป ขาพระองคห มอบอยูแ ทบบาทมูลของพระอโนมทัสสีสมั มาสมั พทุ ธเจา ปรารถนาจะพบพระองค ความปรารถนาน้นัของขา พระองคสาํ เรจ็ แลว ขา พระองคเหน็ พระองคแลว นั่นเปนการเห็นครั้งแรก น้เี ปน การเหน็ ครง้ั สุดทา ย จะไมม ีการเห็นพระองคอ กี แลว ประคองอัญชลอี นั รงุ เรอื งดวยทศนขสโมธาน แลวกลับบา ยหนา ไปจนพนทศั นวสิ ัย ต้ังแตบดั น้ีไป ขน้ึ ช่อื วาการไปการมาในฐานะไร ๆ โดยอาํ นาจจตุ ปิ ฏิสนธไิ มม ีดงั นี้แลว จงึ ถวายบงั คมลาไป. แผนมหาปฐพีกไ็ หวจนถึงนํ้ารองแผน ดนิ . พระผมู ีพระภาคเจา กต็ รัสกะเหลา ภกิ ษผุ ูย นื ลอ มอยวู า ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย พวกเธอจงตามไปสง พ่ชี ายของพวกเธอเถดิ . ภกิ ษทุ ้ังหลายพากนั ไปจนถงึ ซุมประตู. พระเถระกลา ววา หยุดเถดิ ผูมีอายุ พวกเธอจงเปนผไู มประมาทเถดิ แลวใหภิกษุเหลา นั้นกลบั ไป ตนเองกไ็ ปพรอ มกับบรษิ ทั . พวกผคู นกพ็ ากันตดิ ตามร่ําไรรําพนั วา แตกอ นพระผเู ปนเจา จารกิ ไปกก็ ลับมา แตคร้ังนไ้ี ปลบั ไมกลบั มา. พระเถระกลาววา ผมู อี ายุ พวกทานอยาประมาท สงั ขารทง้ั หลายกเ็ ปน อยางนีแ้ หละ แลวใหผ คู นเหลา นั้นกลบั ไป.
































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook