Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_25

tripitaka_25

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:37

Description: tripitaka_25

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 1 พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ท่ี ๑ ภาคท่ี ๒ขอนอบนอมแดพระผมู ีพระภาคอรหนั ตสัมมาสัมพทุ ธเจา พระองคน ัน้ มารสงั ยตุ ปฐมวรรคท่ี ๑ ๑. ตโปกรรมสตู ร ตบะอื่นไมอ ํานวยประโยชน [๔๑๖] ขา พเจา ไดส ดบั มาแลวอยา งน้ี :- สมัยหน่ึง พระผูมพี ระภาคเจาไดตรสั รูใ หม ๆ ประทบั อยทู ่ีตน ไมอชปาลนโิ ครธ ใกลฝง แมน าํ้ เนรญั ชรา ณ ตาํ บลอุรเุ วลา คร้งั นนั้ พระผูม ีพระภาคเจาประทับพกั รอ นอยใู นท่ีสวนพระองค ไดเ กดิ ความตรกึ แหง พระทัยอยางนวี้ า สาธุ เราเปนผพู นจากทุกรกิริยานัน้ แลว หนอ สาธุ เราเปนผูพน แลว จากทกุ รกริ ิยาอนั ไมประกอบดวยประโยชนนัน้ หนอ สาธุ เราเปนสตั วท่ีบรรลุโพธิญาณแลวหนอ.

พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 2 [๔๑๗] ครงั้ นนั้ มารผูม ีบาปไดทราบความตรึกแหงพระทยั ของพระผมู พี ระภาคเจาดวยจติ จงึ เขา ไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจาถึงท่ีประทับ แลวไดท ูลดว ยคาถาวา มาณพท้งั หลายยอ มบรสิ ุทธไ์ิ ดด วย การบาํ เพ็ญตบะใด ทานหลีกจากตบะน้นั เสียแลว เปนผูไมบรสิ ุทธิ์ มาสาํ คญั ตนวา เปน ผบู ริสุทธ์ิ ทา นพลาดมรรคาแหงความ บริสุทธ์ิเสียแลว. [๔๑๘] คร้งั นนั้ พระผูมีพระภาคเจา ทรงทราบวา นม่ี ารผูมีบาปจงึ ไดต รสั กะมารผูมบี าปดวยพระคาถาวา เรารูแ ลว วา ตบะอนื่ ๆ อยางใด อยา งหนึ่ง ไมประกอบดวยประโยชน ตบะทง้ั หมดหาอาํ นวยประโยชนใหไ ม ดุจถอเรือบนบก ฉะนั้น (เรา) เจรญิ มรรค คือ ศีล สมาธิ และปญญา เพอ่ื ความ ตรสั รู เปนผูบรรลคุ วามบรสิ ุทธอ์ิ ยา ง ยอดเยย่ี มแลว ดกู อนมารผูกระทาํ ซึ่งท่สี ดุ ตัวทา นเปน ผูทเ่ี รากาํ จัดเสยี แลว . คร้งั นน้ั มารผูมีบาปเปนทกุ ขเสยี ใจวา พระผมู ีพระภาคเจา ทรงรูจกั เรา พระสคุ ตทรงรจู ักเรา ดังนี้ จึงไดอ นั ตรธานไปในท่นี น้ั เอง.

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 3 มารสงั ยุต อรรถกถาตโปรกรรมสูตร พึงทราบวินิจฉยั ในตโปกรรมสตู รท่ี ๑ วรรคท่ี ๑ ตอ ไป :- บทวา อรุ ุเวลาย วหิ รติ ความวา พระผมู พี ระภาคเจา ผแู ทงตลอดพระสพั พญั ุตญาณ ทรงอาศยั หมูบ านอรุ ุเวลาประทบั อยู บทวา ปมา-ภสิ มพฺ ทุ ฺโธ ความวา ตรัสรเู ปนพระพุทธเจา ภายใน ๗ สัปดาหแรกน่นั เทียว.บทวา ทุกกฺ รการิกาย ไดแ ก ดวยทุกกรกิริยา ทที่ รงทาํ มาตลอด ๖ ป.บทวา มโร ปาปม า ความวา ที่ชอ่ื วา มาร เพราะทําเหลาสตั วผปู ฏิบตั ิเพอ่ื กา วลวงวสิ ัยของตนใหตาย. ที่ชื่อวา ปาปม า เพราะประกอบสัตวไ วใ นบาป หรอื ประกอบตนเองอยูในบาป มารน้นั มชี อื่ อ่นื ๆ บา ง มหี ลายช่ือเปน ตน วา กณั หะ อธปิ ติ วสวัตติ อันตกะ นมุจี ปมตั ตพันธุ ดังนบี้ าง.แตในพระสตู รนีร้ ะบุไว ๒ ชื่อเทาน้ัน. บทวา อุปสงฺกมิ ความวา มารคิดวาพระสมณโคดมน้ีบัญญตั ิวา เราเปน ผหู ลดุ พนแลว จําเราาจกั กลาวขอที่พระสมณโคดมน้นั ยังไมเปน ผหู ลุดพน ดังนี้แลว จึงเขา ไปเฝา . บทวา ตโปกมฺมา อปกฺกมมฺ แปลวา หลีกออกจากตบะกรรมดว ยบทวา อปรทโฺ ธ มารกลาววา ทา นยงั หางไกลจากทางแหง ความหมดจด.บทวา อปร ตป ความวา ตบะอนั เศราหมองทีก่ ระทาํ เพือ่ ประโยชนแ กต ะบะอยา งอนื่ อีก เปนอัตตกิลมถานโุ ยค ประกอบตนใหล ําบากเปลา. บทวา สพพฺ นตฺถาวห โหติ ความวา รวู า ตบะท้งั หมดไมนําประโยชนม าใหเรา. บทวาถยิ า ริตฺต ว ธมมฺ นิ ความวา เหมอื นถอ เรือบนบกในปา . ทานอธิบายวา

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 4เปรยี บเสมือนคนทง้ั หลาย วางเรอื ไวบ นบกในปา บรรทกุ สงิ่ ของแลว เมือ่มหาชนขึน้ เรอื แลว กจ็ บั ถอ ยนั มาขางน้ี ยนั ไปขา งโนน ความพยายามของมหาชนนนั้ ไมท ําเรือใหเ ขยื้อนไปแมเพียงนว้ิ หน่ึง สองนวิ้ ก็พึงไรป ระโยชนไมนําประโยชนมาให ขอนน้ั ฉันใด ขอน้ี ก็ฉันน้ันเหมอื นกนั เรารวู า ตบะอื่น ๆ ทง้ั หมด ยอ มเปนตบะทไ่ี มนําประโยชนมาให จงึ สละเสีย. ครั้นทรงละตบะอยางอืน่ ๆ นน้ั แลว บดั น้ี เมอื่ จะทรงแสดงทางท่ีเกิดเปนพระพุทธเจา จึงตรัสวา สีล เปน ตน. ในคาํ วา สลี  เปนตน นั้นทรงถอื เอาสมั มาวาจา สมั มากัมมนั ตะ และสมั มาอาชีวะ ดว ยคําวา สลี  ทรงถือเอาสมั มาวายามะ สมั มาสติ และสัมมาสมาธิ ดว ยสมาธิ ทรงถือเอาสัมมาทฏิ ฐิสมั มาสังกัปปะ ดวยปญ ญา. บทวา มคฺค โพธาย ภาวย ไดแ ก ทรงเจริญอริยมรรคมีองค ๘ น้ี เพ่อื ตรสั รู. ก็ในคําน้ี บทวา โพธาย ไดแ ก เพ่ือมรรค เหมอื นอยางวา คนทั้งหลายตม ขา วตมอยา งเดียว ก็เพอ่ื ขา วตม ปง ขนมอยางเดียว ก็เพื่อขนม ไมทํากิจไรๆ อยา งอ่นื ฉันใด บคุ คลเจรญิ มรรคอยางเดียว ก็เพือ่ มรรค ฉันนน้ั . ดว ยเหตุนัน้ พระผมู ีพระภาคเจาจงึ ตรสั วามคคฺ  โพธาย ภาวย ดังน.ี้ บทวา ปรม สทุ ฺธึ ไดแ ก พระอรหัต.บทวา นหี โต ไดแ ก ทา นถูกเราตถาคต ขจดั ออกไป คือทาํ ใหพายแพไ ปแลว . จบอรรถกถาตโปรกรรมสตู รท่ี ๑

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 5 ๒. นาคสตู ร มารแปลงเพศเปน พระยาชาง [๔๑๙] ขาพเจา ไดส ดับมาแลวอยา งน้ี :- สมยั หน่งึ พระผูม พี ระภาคเจา ไดตรสั รแู ลวใหม ๆ ประทับอยูท ่ีตนไมอชปาลนิโครธ ใกลฝ ง แมน ํา้ เนรญั ชรา ณ อรุ ุเวลาประเทศ สมัยนั้น พระ-ผูมพี ระภาคเจา ประทบั น่ังกลางแจง ในราตรีอันมืดสนทิ และฝนลงเมด็ประปรายอย.ู [๔๒๐] ครัง้ น้ัน มารผูมบี าปประสงคจะใหเ กดิ ความกลวั ความครนั่ ครา ม ขนลุกขนพองแกพระผูม ีพระภาคเจา จงึ เนรมติ เพศเปนพระยาชางใหญ เขา ไปใกลพ ระผมู พี ระภาคเจา พระยาชางนั้นมศี รี ษะเหมือนกับกอนหนิใหญส ีดาํ งาท้ังสองของมนั เหมือนเงินบริสทุ ธิ์ งวงเหมือนงอนไถใหญ. [๒๑] คร้ังน้นั พระผมู พี ระภาคเจา ทรงทราบวา น่ีมารผูม บี าปดงั นี้ แลวไดต รัสกะมารผูมีบาปดวยพระคาถาวา ทา นจําแลงเพศท้ังท่ีงามและไมงาม ทองเท่ยี วอยตู ลอดกาล อันยืดยาวนาน มารผมู บี าปเอย ไมพอท่ีทา นจะตอ งจําแลง เพศอยา งน้นั เลย ดูกอนมารผูกระทาํ ซ่ึง ทสี่ ดุ ตัวทานเปน ผทู ่เี รากําจดั เสยี แลว. ครง้ั น้ัน มารผูมีบาปเปน ทุกขเสียใจวา พระผูมีพระภาคเจา ทรงรูจกัเรา พระสุคตทรงรจู ักเรา ดังนี้ จึงไดอ ันตรธานไปในทนี่ ้นั เอง.

พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 6 อรรถกถานาคสตู ร พึงทราบวนิ ิจฉัยในนาคสูตรที่ ๒ ตอไป :- บทวา สตตฺ นฺธการตมิ สิ าย ไดแ ก ในราตรีมดื มาก คือมดื มีองค๔ ทกี่ ระทําใหเปนประหนึ่งคนตาบอด. บทวา อชฺโฌกาเส นสิ ินฺโน โหติความวา เสด็จออกจากพระคนั ธกฎุ ี วางจีวรผืนใหญไวบ นพระเศียร ประทบันงั่ กําหนดความเพยี รบนแผน หนิ ทา ยทจ่ี งกรม. ถามวา มรรคทพี่ ระตถาคคยงั ไมเจริญ กิเลสทย่ี งั ไมไ ดล ะ อกปุ ปธรรมที่ยังไมแ ทงตลอด หรอื นโิ รธทยี่ งั ไมท ําใหแจงของพระตถาคต ไมม ีเลยมใิ ชหรอื เพราะเหตไุ ร จงึ ไดทรงกระทําอยา งน้ัน. ตอบวา พระศาสดาทรงพจิ ารณาเหน็ ประโยชนดงั ขอชาง [บงั คับชาง] สําหรับกลุ บุตรท้งั หลายในอนาคตวา กลุ บุตรทัง้ หลายในอนาคตกาล ราํ ลกึ ถึงทางทเี่ ราตถาคคดําเนินไปแลวสําคญั ถงึ ที่อยซู ่งึ ควรอยกู ลางแจง จกั กระทํากรรมคอื ความเพยี ร จงึ ไดทรงกระทําดังน้นั . บทวา มหา แปลวา ใหญ. บทวา อริฏโก แปลวา ดาํ .บทวา มณิ ไดแก หิน. บทวา เอวมสฺส สสี  โหติ ความวา ศรี ษะของชางน้นั กเ็ ปนอยา งนน้ั คอื เสมอื นหนิ กอ นใหญส ีดําขนาดเทาเรอื นยอด. ดวยบทวา สภุ าสุภ พระผมู ีพระภาคเจาตรัสวา กท็ า นทองเท่ยี วอยูตลอดกาลยาวนาน มาแปลงเพศทั้งดีและไมด .ี อีกนยั หน่งึ . บทวา ส สรแปลวา ทอ งเท่ยี วมา. บทวา ทฆี มทฺธาน ไดแก ตลอดทางไกลต้งั แตถนิ่ของทาววสวัตดี จนถึงตําบลอุรเุ วลาและตลอดกาลนาน กลาวคือสมัยทรง

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 7บําเพญ็ ทกุ กรกิรยิ าตลอด ๖ ป กอนตรสั ร.ู บทวา วณฺณ กตฺวา สุภาสุภความวา ทานแปลงเพศ ท้งั ดแี ละไมดี มีประการตา ง ๆ มายงั สํานักเราหลายครง้ั . ไดย นิ วา ขน้ึ ชื่อวา เพศนัน้ ไมมดี อก. พระผมู ีพระภาคเจาตรัสอยางนั้นกับมาร กโ็ ดยเพศทม่ี ารไมเคยมายงั สํานักของพระผมู ีพระภาคเจา เพือ่ประสงคจะหลอกใหทรงหวาดกลวั . บทวา อลนฺเต เตน ความวา ดกู อนมาร ทานขวนขวายแสดงสง่ิ ท่ีนา กลวั นาจะพอกนั ท.ี จบอรรถกถานาคสตู รที่ ๒

พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 8 ๓. สภุ สูตร มารแปลงเพศเปน ตา ง ๆ [๔๒๒] ขา พเจาไดส ดบั มาแลว อยา งนี้ :- สมัยหนึง่ พระผูม พี ระภาคเจาไดตรสั รแู ลว ใหม ๆ ประทบั อยทู ี่ตนไมอชปาลนิโครธ ใกลฝง แมนํา้ เนรัญชรา ณ อุรเุ วลาประเทศ สมยั นั้น พระ-ผมู ีพระภาคเจาประทับน่งั กลางแจง ในราตรีอันมืดสนทิ . และฝนลงเมด็ ประปรายอยู. [๔๒๓] ครั้งนนั้ มารผมู ีบาปประสงคจะใหเ กิดความกลวั ความครั่นคราม ขนลุกขนพองแกพระผมู พี ระภาคเจา จึงเขาไปใกลพระผมู ีพระ-ภาคเจา แลว แสดงเพศตา ง ๆ หลากหลาย ท้ังทงี่ ามทัง้ ทีไ่ มง าม ในท่ีไมไกลพระผูมีพระภาคเจา. [๔๒๔] คร้ังน้นั พระผูม พี ระภาคเจา ทรงทราบวา นี่มารผูม บี าป ดงั น้ีจึงตรสั กะมารผูมบี าปดว ยพระคาถาทัง้ หลายวา ทานจาํ แลงเพศท้ังทงี่ ามทัง้ ทไ่ี มงาม ทองเทย่ี วอยตู ลอดกาล อนั ยดื ยาวนาน มารผูมบี าปเอย ไมพอท่ีทานจะตองจําแลง เพศอยา งน้ันเลย ดกู อนมารผกู ระทาํ ซึง่ ท่ีสุด ตัวทานเปนผูทําเรากาํ จดั เสยี ไดแลว . และชนเหลา ใดสํารวมดแี ลว ดวย กาย ดวยวาจา และดวยใจ ชนเหลา นนั้

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 9 ยอมไมต กอยูใ นอํานาจของมาร ชนเหลา น้ัน ไมเดินตามหลังมาร. ครั้งนนั้ มารผูมีบาปเปนทุกขเสยี ใจวา พระผมู พี ระภาคเจา ทรงรจู กัเรา พระสคุ ตทรงรูจกั เรา จงึ ไดอ ันตรธานไปในท่นี ้นั เอง. อรรถกถาสภุ สตู ร พึงทราบวนิ ิจฉยั ในสภุ สตู รที่ ๓ ตอไป:- บทวา สุส วตุ า แปลวาปด ไวแ ลว. บทวา น เต มารวสานคุ าความวา ดูกอ นมาร ชนเหลาน้ันไมต กอยใู นอํานาจของทา นดอก. บทวาน เต มารสสฺ ปจจฺ คู ความวา ชนเหลา นั้นหาเปนพวกพอ งศษิ ยอ ันเตวาสิกของทา นผเู ปน มารไม. จบอรรถกถาสุภสูตรที่ ๓

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 10 ๔. ปฐมปาสสูตร วาดวยบวงของมาร [๔๒๕] ขาพเจาไดส ดับมาแลวอยา งน้ี :- สมยั หน่งึ พระผมู พี ระภาคเจา ประทับอยูที่ปาอิสปิ ตนมฤคทายวนักรุงพาราณสี ณ ทีน่ นั้ พระผมู ีพระภาคเจาตรสั เรียกภิกษทุ ้ังหลายวา ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย ภิกษุเหลาน้นั ไดทูลรับพระดาํ รสั ของพระผูมีพระภาคเจาแลว . พระผูม พี ระภาคเจาไดตรสั วา ดกู อนภิกษุท้งั หลาย ความหลุดพนอยา งยอดเย่ยี มเราบรรลแุ ลว ความหลุดพน อยางยอดเยี่ยม เรากระทาํ ใหแจงแลว เพราะการกระทําไวในใจโดยแยบคาย เพราะการตงั้ ความเพยี รไวชอบโดยแยบคาย ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย แมเ ธอท้ังหลายก็จงบรรลซุ ง่ึ ความหลดุ พนอยา งยอดเยยี่ ม จงกระทาํ ใหแ จงซงึ่ ความหลดุ พนอยา งยอดเยี่ยม เพราะการกระทําไวในใจโดยแยบคาย เพราะการตัง้ ความเพยี รไวชอบโดยแยบคายเถดิ . [๔๒๖] ครั้งนน้ั มารผมู ีบาปไดเ ขาไปเฝาพระผูมพี ระภาคเจา แลวไดทลู พระผมู พี ระภาคเจาดวยคาถาวา ทา นเปนผูท่ีถูกเราผูกไวแ ลว ดว ยบว ง ของมารท้ังที่เปน ของทิพย ทั้งทเี่ ปนของ มนษุ ย ทา นเปน ผูทีถ่ ูกเราผูกไวแลว ดว ย เคร่ืองผูกของมาร ดกู อ นสมณะ ทานจกั ไมพ น เราไปได.

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 11 [๔๒๗] คร้ังนัน้ พระผมู ีพระภาคเจาทรงทราบวา น่มี ารผมู บี าปจงึ ไดตรสั กะมารผมู บี าปดว ยพระคาถาวา เราเปนผพู นแลว จากบวงของมาร ทง้ั ที่เปนของทิพย ทง้ั ทเ่ี ปน ของมนษุ ย เราเปน ผูพน แลว จากเครื่องผูกของมาร ดกู อนมารผกู ระทาํ ซึ่งความพนิ าศ ทา น เปน ผูที่เรากาํ จดั เสียแลว . ครัง้ น้ัน มารผมู บี าปเปน ทุกขเ สียใจวา พระผูมีพระภาคเจาทรงรจู กัเรา พระสุคตทรงรูจักเรา ดงั น้ี จึงไดอนั ตรธานไปในทนี่ น้ั เอง.

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 12 อรรถกถาปฐมปาสสตู ร พึงทราบวินิจฉยั ในปฐมปาสสูตรท่ี ๔ ตอ ไป :- บทวา โยนิโสมนสกิ ารา ไดแก เพราะกระทาํ ไวในใจโดยอุบาย.บทวา โยนิโสสมฺมปฺปธานา ไดแ ก เพราะความเพียรโดยอุบาย เพราะความเพยี รโดยเหตุ. บทวา วิมุตตฺ ิ ไดแก วิมุตตทิ ี่สมั ปยุทดว ยอรหตั ผล.บทวา อชฺฌภาสิ ความวา มารคิดวา พระสมณโคดมน้ี ทําความเพยี รแมต นเองบรรลพุ ระอรหตั แลวก็ไมสะใจ บดั น้ีก็ทําความอุตสาหะใหคนอ่ืน ๆวา พวกทานจงพากันบรรลพุ ระอรหตั จําเราจกั กําจัดเธอเสยี ดงั นี้ จึงไดกลาวอยา งนัน้ . บทวา มารปาเสน ไดแ ก บวงกิเลส. ดวยบทวา เย ทพิ พฺ า เยจ มานสุ า มารกลาววา ชอ่ื วาบว งมารเหลา ใด กลา วคือ กามคุณท่เี ปนทิพยและกลาวคอื กามคณุ ทเี่ ปนของมนุษยมอี ยู ทา นถกู บวงมารเหลานน้ั ผกู ไวแลว.บทวา มารพนฺธนพนฺโธ แปลวา ถูกบวงมารผูกไว หรอื ตดิ บวงมาร.บทวา น เม สมณ โมกขฺ สิ ความวา ดกู อนสมณะ ทา นจกั ไมหลุดพนจากวิสยั ของเราไปได. จบอรรถกถาปฐมปาสสูตรที่ ๔

พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 13 ๕. ทุติยปาสสตู ร พระพุทธเจา ตรัสการพน จากบวงมาร [๔๒๘] ขา พเจาไดส ดับมาแลวอยางน้ี :- สมัยหนึง่ พระผูมพี ระภาคเจาประทับอยูท ปี่ า อิสปิ ตนมฤคทายวัน กรุงพาราณสี ณ ทนี่ นั่ พระผูมพี ระภาคเจาตรสั เรียกภกิ ษุทั้งหลายวา ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย. ภิกษุเหลา น้ันไดทูลรบั พระดาํ รสั ของพระผมู พี ระภาคเจา แลว . พระผมู พี ระภาคเจา ไดต รัสวา ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย เราพน แลวจากบวงทั้งปวงท้ังทเี่ ปน ของทิพย ทง้ั ทเ่ี ปนของมนุษย ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย แมเธอทัง้ หลายก็พนแลว จากบวงทัง้ ปวง ท้งั ทเี่ ปนของทิพย ทง้ั ทเ่ี ปน ของมนุษยดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย เธอท้งั หลายจงเท่ียวจาริกไปเพ่อื ประโยชนเกื้อกูลแกชนหมูมาก เพื่อความสุขแกช นหมูมาก เพอ่ื อนุเคราะหโลก เพ่ือประโยชน เพ่ือเก้อื กูล เพือ่ ความสุขแกเ ทวดาและมนุษยท ัง้ หลาย เธอทั้งหลายอยา ไดไปทางเดยี วกนั ๒ รูป ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย เธอท้งั หลายจงแสดงธรรม งามในเบื้องตน งามในทา มกลาง งามในท่สี ุด จงประกาศพรหมจรรย พรอมทง้ั อรรถพรอ มทัง้ พยญั ชนะ. บริสทุ ธิบ์ ริบรู ณส ิ้นเชิง สตั วท ง้ั หลายผมู ีธลุ ีในจักษุนอยมอี ยู เพราะไมไดฟ ง ธรรมยอ มเสอ่ื มเสีย ผูร ูท่วั ถึงซึง่ ธรรมยังจกั มี ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย แมเ รากจ็ กั ไปยงั อุรเุ วลาเสนานคิ ม เพอื่ แสดงธรรม. [๔๒๙] ครั้งนน้ั มารผมู บี าปเขา ไปเฝา พระผมู ีพระภาคเจา แลว ไดท ลูพระผมู พี ระภาคเจา ดวยคาถาวา

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 14 ทานเปนผทู ถี่ ูกเราผกู ไวแ ลว ดว ยบวง ทัง้ ปวง ทัง้ ท่ีเปน ของทพิ ยท ้งั ท่เี ปนของ มนุษย ทา นเปนผทู ่ีถูกเราผกู ไวแ ลว ดว ย เครอื่ งพนั ธนาการอนั ใหญ ดกู อ นสมณะ ทานจักไมพนเราไปได. [๔๓๐] คร้ังนั้น พระผูม ีพระภาคเจาทรงทราบวา นี่มารผมู บี าปจึงไดตรัสกะมารผูมีบาปดว ยพระคาถาวา เราเปนผพู น แลวจากบว งท้งั ปวง ทง้ั ท่เี ปนของทพิ ย ทง้ั ที่เปน ของมนุษย เรา เปน ผพู น แลวจากเครอ่ื งพันธนาการอัน ใหญ ดูกอ นมารผูก ระทาํ ซง่ึ ความพินาศ ทานเปนผูท่ีเรากําจัดเสยี แลว ครงั้ นน้ั มารผมู บี าปเปน ทุกข เสียใจวา พระผูม พี ระภาคเจาทรงรจู กั เรา พระสคุ ตทรงรจู กั เรา ดังน้ี จงึ ไดอนั ตรธานไป ณ ท่ีนัน้ เอง.

พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 15 อรรถกถาทตุ ิยปาสสตู ร พงึ ทราบวินจิ ฉัยในทตุ ยิ ปาสสูตรท่ี ๕ ตอไป:- บทวา มุตฺตาห แปลวา เราพน แลว. สตู รตน ตรัสภายในพรรษาสวนสตู รน้ี ตรสั ในเวลาปวารณาออกพรรษาแลว . บทวา จารกิ  ไดแ กจาริกไปตามลาํ ดบั . ตรัสวา พวกเธอจงจาริกไปวนั ละหน่งึ โยชนเปนอยางยงิ่ .บทวา มา เอเกน เทวฺ แปลวา อยาไปทางเดียวกนั ๒ รูป. ดวยวา เม่ือไปทางเดียวกัน ๒ รปู เมอื่ รูปหนง่ึ กลาวธรรม อกี รูปหน่งึ ก็จาํ ตอ งยืนนงิ่เพราะฉะน้ัน จึงตรัสอยา งนี้. บทวา กลยฺ าณ ในบทวา อาทิกลฺยาณ เปน ตน แปลวา ดี เจรญิในเบือ้ งตน ในทามกลางและในท่สี ดุ กเ็ หมือนกนั กช็ อ่ื วา เบื้องตนทามกลางและทีส่ ุดนี้มี ๒ คอื ศาสนาและเทศนา. ใน ๒ อยา งนน้ั ศีล เปน เบือ้ งตนของศาสนา สมถวปิ ส สนาและมรรคเปน ทามกลาง ผลนพิ พานเปนทีส่ ุด. อกีนัยหน่งึ ศลี และสมาธเิ ปน เบ้ืองตน วปิ สสนาและมรรคเปน ทามกลาง ผลนิพพานเปน ทีส่ ุด อีกนัยหนึง่ ศีลสมาธิวปิ ส สนา เปนเบือ้ งตน มรรคเปน ทามกลางผลนิพพานเปนท่ีสุด. สว นเทศนา สําหรบั คาถา ๔ บทกอ น บทท่ี ๑ เปนเบอื้ งตน บทที่ ๒-๓ เปน ทามกลาง บทที่ ๔ เปนที่สุด สาํ หรบั ๕ บทหรอื ๖ บท บทแรกเปน เบือ้ งตน บทสุดทายเปนท่สี ุด ท่เี หลอื เปน ทามกลาง.สําหรบั พระสตู รมอี นุสนธเิ ดียว คาํ นิทานเริ่มตน เปนเบื้องตน. คํานคิ มลงทายวา อทิ มโวจ เปนท่สี ุด คําทเี่ หลือเปนทามกลาง. สาํ หรับพระสตู รทีม่ ีอนุสนธิมาก แมจะมากตรงกลาง ก็จัดเปน อนสุ นธเิ ดยี วเทา นน้ั คาํ นทิ านเปน เบ้ืองตนคําลงทายวา อิทมโวจ เปน ท่สี ดุ .

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 16 บทวา สาตฺถ ไดแ ก แสดงใหพรอ มอรรถ. บทวา สพฺยชฺ นไดแ ก จงแสดงใหบรบิ รู ณดวยพยัญชนะและบท. บทวา เกวลปริปณุ ฺณแปลวา บริบูรณสิน้ เชิง. บทวา ปรสิ ทุ ฺธ ไดแ ก ปราศจากอปุ กิเลส. บทวาพรฺ หมฺ จรยิ  ไดแก ศาสนาพรหมจรรยท ี่สงเคราะหดว ยสิกขา ๓. บทวาปกาเสถ ไดแ ก กระทาํ ใหแจง. บทวา อปฺปรชกฺขชาตกิ า ไดแกมสี ภาพธุลี คือกเิ ลสนอย ในจักษคุ อื ปญญา อธบิ ายวา เหลาสัตวท่ีสามารถบรรลพุ ระอรหตั เมื่อจบคาถา๔ บท ประหน่ึงปด ไวด วยมา นผา เนอื้ ละเอียด มอี ย.ู บทวา อสสฺ วนตา แปลวาเพราะไมไดฟง ธรรม. บทวา ปรหิ ายนฺติ ไดแก ยอมเสอ่ื มจากธรรม โดยไมเสอ่ื มจากลาภ. บทวา เสนานคิ โม ไดแ ก หมูบานทต่ี ั้งอยใู นโอกาสทตี่ ัง้กองทัพของเหลามนุษยตน กัป อีกนยั หน่ึง ไดแก หมบู านเสนานคิ มของ .บิดานางสุชาดา. บทวา เตนุปสงฺกมสิ สฺ ามิ ความวา เราสงพวกเธอไปใหสรา งสถานที่มีบรเิ วณเปนตน ถกู พวกอปุ ฏฐากเปน ตน บาํ เรออยูห ามไิ ด.แตเราครน้ั แสดงยมกปาฏิหารยิ  ๑,๕๐๐ แกชฏิลสามพ่นี อ งแลว เขาไปกเ็ พ่อืแสดงธรรมอยางเดยี ว. บทวา อปุ สงกฺ มิ ความวา มารคิดวา พระสมณโคดมนี้ สงพระภิกษุ ๖๐ รูปไปดวยกลาววา พวกเธออยาไปทางเดยี วกัน ๒รปู จงแสดงธรรม ประหนึ่งทําการรบใหญ ก็เมื่อพระสมณโคดมน้แี มองคเดยี วแสดงธรรมอยู เรายงั ไมมีความสบายใจเลย เมอ่ื ภกิ ษุเปนอนั มากแสดงอยูอ ยา งน้ี เราจกั มคี วามสบายใจไดแคไหนเลา จําเราจักหามกัน พระสมณโคดมนนั้ เสยี ดงั น้แี ลวจงึ เขา ไปเฝา. จบอรรถกถาทุติยปาสสูตรที่ ๕

พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 17 ๖. สัปปสตู ร มารนริ มิตเพศเปนพระยางู [๔๓๑] ขา พเจา ไดส ดับมาแลว อยางนี้ :- สมยั หน่งึ พระผมู ีพระภาคเจา ประทับ อยู ณ พระวหิ ารเวฬวุ ันอนั เปนสถานท่ีพระราชทานเหยอ่ื แกก ระแต กรุงราชคฤห. สมัยนั้น พระผมู พี ระภาคเจาไดป ระทับนง่ั กลางแจงในราตรีอนั มดื สนทิทงั้ ฝนกล็ งเมด็ ประปรายอย.ู [๔๓๒] ครงั้ นน้ั มารผมู ีบาปประสงคจะใหเกิดความกลวั ความครั้นคราม ขนลกุ ขนพองแกพระผูม พี ระภาคเจา จึงนิรมิตเพศเปนพระยางใู หญเขา ไปใกลพ ระผูม ีพระภาคเจา ถึงที่ประทับ กายของพระยางนู ้ันเปนเหมือนเรือลําใหญท่ีขดุ ดวยซงุ ท้งั ตน พงั พานของมนั เปน เหมอื นเส่ือลาํ แพนผนื ใหญสําหรบั ปูตากแปงของนักผลิตสุรา นัยนต าของมนั เปนเหมอื นถาดสําริดขนาดใหญข องพระเจา โกศล ลิ้นของมันแลบออกจากปากเหมือนสายฟา แลบ ขณะเมฆกาํ ลงั กระหม่ึ เสียงหายใจเขาออกของมัน เหมือนเสยี งสูบชา งทองท่กี าํ ลงัพน ลมอยูฉะนนั้ . [๔๓๓] คร้ังน้นั พระผูม ีพระภาคเจาทรงทราบวา นีม่ ารผูม ีบาปดังนี้ จึงไดต รสั กะมารผูมีบาปดวยพระคาถาทัง้ หลายวา มุนใี ดเสพเรือนวา งเปลาเพื่ออยูอาศัย มุนีนน้ั สาํ รวมตนแลว สละความอาลัยใน อตั ภาพน้ันเทย่ี วไป เพราะการสละความ อาลัยในอัตภาพแลวเทีย่ วไปนนั้ เหมาะสม แกมุนีเชนนั้น.

พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 18 สตั วท สี่ ัญจรไปมาก็มาก สิ่งทน่ี ากลวั ก็มา อนึง่ เหลือบยุง และสตั วเ ล้ือยคลาน กช็ ุกชมุ (แต) มหามนุ ีผูอยูในเรือนวาง- เปลา ยอมไมทาํ แมแ ตข นใหไหว เพราะ สง่ิ ท่นี า กลวั เหลา นั้น. ถึงแมท องฟา จะแตก แผน ดนิ จะไหว สตั วท ั้งหลายพงึ สะดุงกลัวกันหมดกต็ ามที แมถึงวา หอกจะจอ อยูทีอ่ กกต็ ามเถดิ พระ- พุทธเจา ทงั้ หลายยอมไมทรงปองกนั เพราะ อุปธิ (คอื ขนั ธ) ท้งั หลาย. ครั้งนน้ั มารผมู บี าป เปนทกุ ขเสยี ใจวา พระผมู พี ระภาคเจา ทรงรูจักเรา พระสคุ ตทรงรูจกั เรา ดังน้ี จึงไดอันตรธานไปในทีน่ ั้นเอง.

พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 19 อรรถกถาสปั ปสตู ร พงึ ทราบวินจิ ฉยั ในสปั ปสูตรท่ี ๖ ตอไป :- บทวา โสณฺฑกิ า กิลฺช ไดแก เสอ่ื ลาํ แพน สําหรับเกลีย่ แปงของพวกทําสุรา. บทวา โกสลิกา ก สจาฏิ ไดแ ก ภาชนะใสของเสวยขนาดลอ รถ ของพระเจาโกศล. บทวา คฬคฬายนเฺ ต ไดแก ออกเสียงดงั บทวากมมฺ ารคคฺคริยา ไดแ ก สูบเตาไฟของชางทอง. บทวา ธมมานาย ไดแ กใหเต็มดวยลมในกระสอบหนัง. บทวา อิติ วทิ ติ วฺ า ความวา มารคดิ วาพระสมณโคดม ประกอบความเพียรเนอื ง ๆ น่ังเปนสุข จําเราจกั กระทบกระเทยี มเขาดู แลว เนรมิตอตั ภาพมีประการดงั กลา วแลว จึงเดินดอ ม ๆ ณทที่ รงทาํ ความเพียร พระผมู พี ระภาคเจาทรงเห็นดว ยแสงฟา แลบ ทรงนกึ วาสัตว ผูนเ้ี ปนใครกนั หนอ กท็ รงทราบวา ผูน ีเ้ ปนมาร ดังน้ี บทวา สุ ฺ เคหานิ แปลวา เรือนวา ง. บทวา เสยยฺ า ความวาผูใดเสพเรอื นวา งทง้ั หลาย เพ่ือจะนอน คือเพ่ือตอ งการอยา งนวี้ า เราจักยืนจักเดนิ จักนั่ง จักนอน. บทวา โส มุนิ อตตฺ สฺโต ความวาพุทธมุนีใด สาํ รวมตัวแลว เพราะไมม ีการคะนองมอื และเทา. บทวา โวสสฺ ชชฺจเรยยฺ ตตถฺ โส ความวา พุทธมุนนี ้นั สละความอาลยั เยือ่ ใยในอตั ภาพน้นั พงึ จาริกไป. บทวา ปฏริ ปู  หิ ตถาวิธสสฺ ต ความวาความสละความเย่อื ใยในอัตภาพนน้ั จารกิ ไป ของพุทธมนุ ี ผเู ชน น้นั คือผดู าํ รงอยูอ ยางนัน้ กเ็ หมาะ ก็ชอบ กส็ มควร. บทวา จรกา ไดแก สัตวผูสัญจรไปมีสหี ะและเสอื เปน ตน . บทวาเภรวา ไดแก สภาพที่นากลวั ทงั้ มีวญิ ญาณและไมมวี ิญญาณ บรรดาสภาพ

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 20ที่นา กลัวเหลา น้นั สตั วมสี หี ะ และเสอื เปน ตน ชือ่ วา . สภาพท่ีนากลวั มีวิญญาณตอไมและจอมปลวกเปน ตน ในเวลากลางคนื ชื่อวา สภาพที่นากลวั ไมมวี ิญญาณเปนความจริง สภาพที่นา กลวั แมเ หลานน้ั ยอมปรากฏเปน ประหนึง่ ยกั ษใ นเวลาน้ัน เชอื กและเถาวัลยเ ปนตน กป็ รากฏประหนึ่งงู. บทวา ตตฺถ ความวาพุทธมนุ ี เขา ไปสเู รือนวาง ไมทาํ อาการแมเ พียงขนลุก ในสภาพที่นา กลัวเหลา นนั้ . บดั น้ี พระผูม ีพระภาคเจา เม่อื ทรงแสดงการกําหนดสิ่งท่มี ใิ ชฐ านะจงึ ตรสั วา นภ ผเลยฺย เปนตน. บรรดาบทเหลาน้นั บทวา ผเลยฺย ไดแกทองฟาจะพงึ แตกเปน ริ้ว ๆ ประหน่งึ ตีนกา. บทวา จเลยฺย ไดแก แผน ดินจะพงึ ไหว เหมอื นหยาดนํ้าบนใบบวั ท่ตี อ งลม. บทวา สลลฺ มฺป เจ อุรสกปสเฺ สยยฺ ุ ความวา แมว า คนทัง้ หลาย จะพงึ จอ หอกและหลาวอันคมไวัตรงอก. บทวา อปุ ธีสุ ไดแก ในเพราะอุปธิ คือขนั ธท้งั หลาย. บทวาตาณ น กโรนตฺ ิ ความวา คนทงั้ หลาย เมอ่ื เขาจอ หลาวอนั คมไวต รงอกกห็ นีเขา ระหวา งท่ีกําบังและภายในกระทอ มเปน ตน เพราะความกลัว ชอื่ วากระทาํ การปอ งกัน. แตพระพทุ ธะทั้งหลาย ไมก ระทําการปองกันเห็นปานนั้นเพราะทา นเพิกถอนความกลวั หมดทกุ อยางแลว . จบอรรถกถาสัปปสูตรท่ี ๖

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 21 ๗. สปุ ปติสตู ร วาดวยสาํ เร็จสีหไสยาสน [๔๓๔] ขา พเจาไดสดบั มาแลวอยางน้ี :- สมยั หน่ึง พระผูมพี ระภาคเจาประทบั อยู ณ พระวหิ ารเวฬุวัน อันเปน สถานทีพ่ ระราชทานเหยอื่ แกก ระแต กรุงราชคฤห. คร้งั นั้น พระผมู พี ระภาคเจาเสดจ็ จงกรมอยูกลางแจงเกอื บตลอดราตรีในเวลาใกลรงุ ทรงลางพระบาทแลวเสดจ็ เขา พระวิหารทรงสําเรจ็ สหี ไสยาสนโดยพระปรศั วเ บ้อื งขวา ทรงเหลี่อมพระบาทดว ยพระบาท ทรงมพี ระสต-ิสมั ปชญั ญะ ทรงทาํ ความหมายในอนั จะเสดจ็ ลุกข้นึ ไวในพระทยั . [๔๓๕] ครงั้ นั้น มารผมู บี าปไดเขาไปเฝาพระผมู ีพระภาคเจา แลวไดก ราบทูลพระผูม ีพระภาคเจาดว ยพระคาถาวา ทา นหลับหรือ ทานหลบั เสีย ทาํ ไมนะ ทา นหลับเปนตายเทียวหรือนี่ ทานหลับโดยสําคญั วา เรอื นวางเปลา กระน้นั หรือ เม่ือตะวันโดง แลว ทา นยัง จะหลับอยูหรอื นี.่ [๔๓๖] คร้ังนัน้ พระผมู ีพระภาคเจา ทรงทราบวา น่มี ารผูมบี าปจงึ ไดต รสั กะมารผูม บี าปดวยพระคาถาวา พระพทุ ธเจาซง่ึ ไมม ตี ัณหาดุจขาย อนั ซานไปในอารมณตาง ๆ สําหรบั จะนาํ ไปสภู พไหน ๆ ยอมบรรทมหลบั เพราะ

พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 22 ความสิน้ ไปแหง อปุ ธิทง้ั ปวง กงการอะไร ของทานในเรอ่ื งนี้เลา มารเอย . ครัง้ นั้น มารผูมบี าป เปน ทกุ ข เสียใจวา พระผมู ีพระภาคเจาทรงรูจ ักเรา พระสคุ ตทรงรจู ักเรา ดังน้ี จงึ ไดอนั ตรธานไปในที่นนั้ เอง. อรรถกถาสุปปติสตู ร พึงทราบวินจิ ฉัยในสุปปติสูตรที่ ๗ ตอ ไป :- บทวา ปาเท ปกฺขาเลตวฺ า ไดแ ก ทรงลา งพระบาทเพ่ือใหย ดึ ถอืธรรมเนยี มไว. กผ็ งธลุ ี ยอมไมตดิ ในพระสรี ระของพระพทุ ธะท้งั หลาย. แมแตน ้าํ ก็กลิง้ ไปเหมอื นน้าํ ท่ใี สในใบบัว. อีกนัยหนงึ่ การลางเทาในทลี่ างเทาเขาบา น เปน ธรรมเนียมของนกั บวชทง้ั หลาย ธรรมดาพระพุทธะทงั้ หลาย ชือ่ วาไมท รงทําลายธรรมเนียมในขอ น้ัน ก็พระพุทธะทง้ั หลาย ต้ังอยูในหวั ขอแหงธรรมเนยี มยอ มลางพระบาท. จรงิ อยู ถา พระตถาคต ไมพ งึ สรงนํา้ ไมลา งพระบาทไซร คนทงั้ หลายก็จะพงึ พูดวา ผูนีไ้ มใชมนษุ ย เพราะฉะนั้น พระผมู ีพระภาคเจา ไมท รงละเลยกิริยาของมนษุ ย จงึ ทรงลางพระบาท. บทวาสโต สมปฺ ชาโน ไดแ กทรงประกอบดว ยสติสัมชญั ญะ ที่กาํ หนดเอาความหลบั เปนอารมณ. ดวยบทวา อปุ สงฺกมิ ทานกลา ววา มารคิดวา พระสมณโคดม ทรงจงกรมในท่แี จงตลอดคนื ยังรงุ แลว เขาพระคันธกุฏี บรรทม คงจักบรรทมเปนสุขอยางเหลือเกิน จําเราจกั แกลงเธอ แลว จึงไปเฝา. ดว ยบทวา กึ โสปฺปสิ มารกลา ววา ทา นหลบั หรอื การหลับของทา นน้เี ปนอยา งไร. บทวา กึ นุ โสปปฺ สิ ไดแ ก เพราะเหตุไร ทานจงึ

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 23หลบั . บทวา ทุพภฺ โต วยิ ไดแก หลับเหมอื นตาย และหลับเหมือนสลบ.ดว ยบทวา สุฺมคาร มารกลา ววา ทานหลับดว ยคดิ วา เราไดเรือนวางแลวหรอื . บทวา สรุ ิเย อุคคฺ เต ความวา เม่ือตะวนั โดงแลว กบ็ ดั นี้ ภกิ ษุทัง้หลาย กาํ ลังกวาด ตง้ั นํา้ ฉนั เตรียมตัวไปภิกขาจาร เหตไุ ร ทา นจงึ ยงั นอนอยูเลา. บทวา ชาลนิ ี ความวา ตัณหา ชื่อวา ดุจขาย โดยขายอันเปน สว นของตน ซ่ึงครอบงําภพทั้งสาม ตามนยั ท่ีวา ซึ่งวาตัณหาวิจรติ ๑๘ เพราะอาศยั อายตนะภายในเปนตน. บทวา วสิ ตฺ ตฺ ิกา ไดแ ก ตัณหาทช่ี อ่ื วา ซานไปเพราะซา นไปในอารมณมรี ปู เปน ตนในภพน้ัน ๆ เพราะมรี ากเปนพิษและเพราะบริโภคเปน พิษ. บทวา กุหิ ฺจิ เนตเว ไดแ ก เพื่อนาํ ไปในท่ไี หน ๆ.บทวา สพฺพูปธีน ปรกิ ฺขยา ไดแก เพราะส้ินอปุ ธิทั้งหมด ตางโดยเปนขนั ธ กเิ ลส อภิสังขารและกามคุณ. บทวา กึ ตเวตฺถ มาร ความวา ดูกอนมาร ประโยชนอะไรของทานในเร่ืองนเี้ ลา เหตุไร ทา นจึงเลาะริมรั้วตเิ ตยี น เหมอื นแมลงวนั ตัวเลก็ ๆ ไมอ าจซอ นตวั อยูในขาวตม ท่ีรอน ๆ ได. จบอรรถกถาสปุ ปตสิ ตู รท่ี ๗

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 24 ๘. นันทนสตู ร วาดว ยเหตเุ ศราโศกของนรชน [๔๓๗] ขา พเจาไดสดับมาแลว อยางน้:ี - สมยั หนงึ่ พระผมู ีพระภาคเจาประทบั อยู ณ พระวหิ ารเชตวัน อารามของทา นอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรงุ สาวตั ถี. [๔๓๘] คร้ังนน้ั มารผูมีบาปไดเ ขาไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจาแลวไดกลา วคาถาน้ใี นสํานกั พระผูมพี ระภาคเจา วา คนมบี ุตร ยอมเพลิดเพลนิ เพราะ บุตร คนมโี คก็ยอ มเพลิดเพลินเพราะโค ฉันน้ันเหมือนกัน อปุ ธทิ ้ังหลายนัน่ แล เปน เครอื่ งเพลิดเพลินของนรชน เพราะ คนท่ีไมม ีอปุ ธิหาเพลิดเพลินไม. [๔๓๙] ครั้งน้นั พระผมู ีพระภาคเจาทรงทราบวา นมี่ ารผูมบี าปจึงไดตรสั กะมารผมู บี าปดว ยพระคาถาวา คนมีบตุ ร ยอมเศราโศกเพราะบตุ ร คนมีโคกย็ อ มเศรา โศกเพราะโค ฉนั นนั้ เหมอื นกัน อปุ ธทิ ง้ั หลายนนั่ แล เปนเหตุ เศราโศกของนรชน เพราะคนที่ไมมีอุปธิ หาเศราโศกไม.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 25 ครั้งนนั้ แล มารผูมบี าป เปนทกุ ข เสียใจวา พระผมู ีพระภาค เจาทรงรูจ กั เรา พระสคุ ตทรงรูจักเรา ดงั นี้ จึงไดอ นั ตรธานไปในท่ีนนั้ เอง. อรรถกถา นนั ทนสูตรท่ี ๘ มีเนอื้ ความกลาวไวในเทวตาสังยตุ ท้ังนัน้ .

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 26 ๙. ปฐมอายุสตู ร วา ดว ยอายนุ อย [๔๔๐] ขา พเจา ไดส ดบั มาแลว อยางนี้ :- สมยั หนึ่ง พระผูมพี ระภาคเจา ประทับ อยู ณ พระวิหารเวฬวุ ัน อนัเปนสถานทพี่ ระราชทานเหยือ่ แกกระแต กรงุ ราชคฤห. ณ ทน่ี ้นั พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั เรยี กภิกษุทั้งหลายวา ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย ดงั นี้. ภกิ ษุเหลานัน้ ทูลรบั พระดาํ รสั พระผูม ีพระภาคเจาแลว . พระผมู พี ระภาคเจาไดต รสั วา ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย อายขุ องมนุษยทงั้หลายนีน้ อ ยนกั จําตอ งไปสูสัมปรายภพ ควรทํากุศล ควรประพฤติพรหมจรรยสัตวผเู กดิ มาแลว จะไมตายไมมี ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย คนท่ีเปน อยนู าน ยอมเปนอยไู ดเ พียงรอยป หรือจะอยูเกินไปไดบ าง ก็มีนอ ย. [๔๔๑] ครง้ั นน้ั มารผูมีบาปไดเขาไปเฝา พระผูมีพระภาคเจา แลวไดกราบทูลพระผมู ีพระภาคเจา ดวยคาถาวา อายขุ องมนษุ ยทง้ั หลายยนื ยาว คนดี ไมค วรดหู ม่ินอายุนั้นเลย ควรประพฤติดจุ เดก็ ออนที่เอาแตกินนม ฉะนั้น ไมมีมัจจ-ุ มาดอก. [๔๔๒] คร้งั น้ัน พระผมู พี ระภาคเจาทรงทราบวา น่มี ารผมู ีบาปจึงไดต รัสกะมารผมู ีบาปดวยพระคาถาวา อายขุ องมนษุ ยท งั้ หลายนอ ย คนดี ควรดหู มิ่นอายนุ ้ันเสีย ควรประพฤตดิ จุ คน

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 27 ทถ่ี กู ไฟไหมศีรษะ ฉะนนั้ การที่มัจจไุ มเ มา จะไมมีเลย. ครั้งนน้ั มารผูมีบาป เปน ทกุ ขเ สียใจวา พระผูมีพระภาคเจาทรงรูจักเรา พระสุคตทรงรูจักเรา ดงั นี้ จงึ ไดอนั ตรธานไปในทีน่ ้นั แล. อรรถกถาปฐมอายสุ ูตร พึงทราบวินจิ ฉัยในปฐมอายุสตู รที่ ๙ ตอไป :- บทวา อปปฺ  วา ภิยโฺ รย ความวา คนเมอื่ เปนอยูเกินก็ไมอาจเปนอยเู กนิ ๑๐๐ ป คอื เปน อยู ๕๐ ปบา ง ๖๐ ปบา ง. บทวา อชฺฌภาสิ ความวา มารคิดวา พระสมณโคดมกลา ววา อายุของเหลามนษุ ยน อ ย จําเราจักกลาววา อายุน้ันยนื ยาวจงึ พดู ขมเพราะเปนผชู อบขดั คอ. บทวา น น หิเฬ ไดแ ก ไมพ ึงดูหม่นิ อายนุ น้ั วา อายุน้นี อ ย. บทวาขรี มตฺโตว ความวา เปรยี บเหมอื นเดก็ ออ นนอนหงายดมื่ นม นอนบนเบาะกลบั ไปเหมอื นไมรูสึกตัว บคุ คลยอมไมค ดิ วา อายขุ องใครนอ ย หรอื ยืนยาว.คนดีก็คดิ อยางน้นั . บทวา จเรยฺยาทติ ตฺ สีโสว ไดแก รูว าอายนุ อ ย พงึประพฤติตัวเหมอื นคนมศี รี ษะถกู ไฟไหม. จบอรรถกถาปฐมอายุสตู รท่ี ๙

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 28 ๑๐. ทุติยอายสุ ูตร วา ดวยอายุสิน้ ไป [๔๙๓] สมยั หนึง่ พระผูมพี ระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระวิหารเวฬ-ุวนั อันเปนสถานทพี่ ระราชทานเหย่อื แกก ระแต. กรงุ ราชคฤห. ณ ทนี่ ้ัน พระผมู พี ระภาคเจา ไดตรสั ขอน้ีวา ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลายอายขุ องมนษุ ยท ้ังหลายน้ีนอยนัก จําตองไปสมั ปรายภพ ควรทาํ กุศล ควรประพฤติพรหมจรรย สัตวผ เู กดิ แลว จะไมต ายไมม ีเลย ดกู อนภิกษุทั้งหลาย คนทเ่ี ปน อยูนาน ยอมเปนอยูไดเพียงรอยป หรือท่เี กินขนึ้ ไปกน็ อย ดังน.ี้ [๔๔๔] ครง้ั นั้น มารผูมีบาป ไดเขา ไปเฝา พระผมู ีพระภาคเจา แลวไดกราบทลู พระผูม พี ระภาคเจา ดวยคาถาวา วันคืนยอ มไมผานพน ไป ชวี ิตยอม ไมส ้นิ เขา อายุของสัตวทั้งหลาย ยอม ดาํ เนินตามไป ดจุ กงจรตามทบู รถไป ฉะน้นั . [๔๔๕] ครัง้ นัน้ พระผูม ีพระภาคเจา ทรงทราบวา นม่ี ารผูมบี าป จึงไดต รสั กะมารผมู บี าปดว ยพระคาถาวา วันคนื ยอมผา นพน ไป ชีวติ ยอ มส้ัน เขา อายขุ องสตั วท งั้ หลายยอ มสนิ้ ไป ดุจนา้ํ แหง แมน้าํ นอย ฉะนน้ั .

พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 29 คร้ังน้ัน มารผูมีบาป เปน ทุกขเสียใจวา พระผูมีพระภาคเจา ทรงรูจักเรา พระสุคตทรงรจู ักเรา ดังนี้ จงึ ไดอ นั ตรธานไปในที่นั้นแล. จบทตุ ิยอายุสตู ร จบ ปฐมวรรคท่ี ๑ อรรถกถาทุติยอายุสตู รท่ี ๑๐ พงึ ทราบวินิจฉยั ในทุติยอายุสูตที่ ๑๐ บทวา เนมวิ รถกุพฺพร ความวา รถทแ่ี ลนไปทั้งวัน กงลอกแ็ ลนตามไป ไมละทบู รถ ฉนั ใด อายกุ ็แลนไปตามฉนั น้ัน. จบอรรถกถาทตุ ิยอายสุ ตู รท่ี ๑๐ จบปฐมวรรคท่ี ๑ รวมพระสูตรในปฐมวรรคนมี้ ี ๑๐ สูตร คือ๑. ตโปกรรมสตู ร ๒. นาคสูตร ๓. สภุ สูตร ๔. ปฐมปาสสตู ร๕. ทตุ ยิ ปาสสตู ร ๖. สปั ปสตู ร ๗. สุปปติสูตร ๘. นันทนสูตร๙. ปฐมอายุสตู ร ๑๐. ทตุ ยิ อายสุ ูตร พรอมทงั้ อรรถกถา.

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 30 ทตุ ิยวรรคที่ ๒ ๑. ปาสาณสตู ร มารกล้ิงศิลาขูพ ระพทุ ธเจา [๔๔๖] สมัยหน่งึ พระผูม พี ระภาคเจา ประทับ อยู ณ ภูเขาคชิ ฌกฏูกรงุ ราชคฤห. ก็สมยั น้ันแล พระผูมีพระภาคเจา ประทบั น่งั ในท่แี จว ในเวลากลางคนืเดือนมืด และฝนกําลงั ตกประปรายอยู. [๔๔๗] คร้ังน้นั แล มารผมู ีบาปตองการจะยงั ความกลวั ความหวาดเสียว ขนพองสยองเกลา ใหเกดิ ขน้ึ แกพ ระผมู ีพระภาคเจา จึงเขา ไปณ ที่พระผูม พี ระภาคเจา ประทับ อยู ครัน้ แลว กล้ิงศลิ ากอนใหญ ๆ ไปใกลพระผมู ีพระภาคเจา . [๔๔๘] คร้งั นนั้ แล พระผูมพี ระภาคเจา ทรงทราบวา นมี่ ารผมู บี าปจึงตรสั สาํ ทบั กะมารผมู บี าปดว ยพระคาถาวา แมถ ึงวา ทา นจะพึงกล้ิงภเู ขาคชิ ฌกูฏ หมดทัง้ สน้ิ ความหวัน่ ไหวก็จะไมม แี ก พระพทุ ธเจา ทงั้ หลายผูหลุดพน แลว โดย ชอบแนแท. ลาํ ดบั นัน้ มารผมู บี าปเปน ทกุ ขเสียใจวา พระผมู พี ระภาคเจาทรงรจู ักเรา พระสุคตทรงรจู กั เรา ดงั น้ี จึงไดห ายไปในทนี่ น้ั เอง.

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 31 ทตุ ิยวรรคท่ี ๒ อรรถกถาปาสาณสูตร พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ในปาสาณสูตรที่ ๑ วรรคท่ี ๒ ตอ ไป :- บทวา นิสนิ ฺโน ไดแ ก ประทับนั่ง กาํ หนดความเพยี รตามนยั ท่ีกลา วไวแ ลว ในสตู รตน ๆ นนั่ แล. แมม ารก็รวู า พระผมู พี ระภาคเจา นน้ัประทับนัง่ สบาย จึงเขาไปเฝา ดวยหมายจะแกลง . บทวา ปคคฺ เฬสิ ความวามารยนื ท่หี ลังเขา แงะกอนหิน กอ นหนิ ทงั้ หลายกต็ กกระทบกนั ไมข าดสาย.บทวา เกวล แปลวา ท้ังส้ิน. แมท ้ังหมดกเ็ ปนไวพจนข องคําวา เกวลนนั้ นัน่ แล. จบอรรถกถาปาสาณสตู รที่ ๑

พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 32 ๒. สีหสูตร วา ดวยบนั ลือสหี นาท [๔๔๙] สมยั หนึง่ พระผมู ีพระภาคเจาประทบั อยู ณ พระวิหาร-เชตวนั อารามของทานอนาถบิณฑกิ เศรษฐี กรุงสาวตั ถี. กส็ มยั น้นั แล พระองคแวดลอ มดวยบรษิ ัทหมใู หญ ทรงแสดงธรรมอยู. ครั้งน้ันแล มารผูมบี าปไดมีความคดิ เห็นอยางน้ีวา พระสมณโคดมนีแ้ ล แวดลอมดว ยบรษิ ทั หมใู หญ แสดงธรรมอยู ถากระไร เราพึงเขา ไปใกลณ ทพี่ ระสมณโคดมประทบั อย.ู เพราะประสงคจะยังปญญาจกั ษุใหพ ินาศ. [๔๕๐] ลําดับนน้ั มารผมู ีบาปเขาไปใกลพระผมู ีพระภาคเขา ถึงประทบั ครนั้ แลว กลาวกะพระผูมพี ระภาคเจา ดว ยคาถาวา ทานเปน ผูอ งอาจในบริษทั บันลอื สหี นาท ดุจราชสหี  ฉะนั้นหรือ ก็ผทู พี่ อ จะตอ สูทา นยงั มี ทานเขา ใจวา เปนผชู นะ แลว หรอื . [๔๕๑] พระผูมีพระภาคเจา ตรสั ตอบดว ยพระคาถาวา ตถาคตเปน มหาวีรบรุ ุษ องอาจใน บริษทั บรรลุทสพลญาณ ขา มตัณหา อนั เปน เหตุขอ งในโลกเสยี ได บันลอื อยู โดยแท.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 33 ครงั้ นน้ั แล มารผมู ีบาปเปนทกุ ข เสียใจวา พระผมู พี ระภาคเจา ทรงรจู ักเรา พระสุคตทรงรูจกั เรา ดงั น้ี จงึ ไดหายไปในทน่ี ัน้ เอง. อรรถกถาสีหสูตร พึงทราบวินจิ ฉัยในสหี สูตรท่ี ๒ ตอ ไป :- บทวา วจิ กฺขุกมมฺ าย ไดแก เพอ่ื ประสงคจ ะทําปญ ญาจักษุของบรษิ ัทใหเสีย. แตมารน้นั ไมอ าจทาํ ปญ ญาจักษขุ องพระพุทธะท้งั หลายใหเสียไดไดแ ตป ระกาศหรอื สาํ แดงอารมณท่นี า กลัวแกบรษิ ัท. บทวา วชิ ติ าวี นุมฺสิ ความวา ทานยังสําคญั วา เราเปนผชู นะอยหู รอื หนอ ทานอยาสําคัญอยา งน้ี ความชนะของทา นไมม ีดอก. บทวา ปรสิ าสุ ไดแ ก ในบริษัท ๘.บทวา พลปฺปตตฺ า ไดแ ก ผูบ รรลุทศพลญาณ. จบอรรถกถาสหี สูตรท่ี ๒

พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 34 ๓. สกลิกสตู ร วาดว ยถกู สะเกด็ หิน [๔๕๒] ขาพเจา ไดสดับมาแลว อยางนี้ :- สมยั หน่ึง พระผมู พี ระภาคเจา ประทับอยู ณ มัททกจุ ฉมิ ิคทายวนักรงุ ราชคฤห. ก็โดยสมัยนัน้ แล พระบาทของพระผูมีพระภาคเจาถกู สะเกด็ หินเจาะแลว ไดยินวา เวทนาทง้ั หลาย อันยง่ิ เปนไปในพระสรรี ะ เปนทกุ ข แรงกลาเผ็ดรอน ไมเปน ทีย่ นิ ดี ไมเปนทีพ่ อพระทัย ยอ มเปนไปแดพระผมู พี ระภาคเจาพระองคมีพระสตสิ มั ปชัญญะอดกลัน้ ซ่งึ เวทนาเหลาน้นั ไมก ระสบั กระสา ย. ลาํ ดับ นัน้ พระผมู ีพระภาคเจา รบั สัง่ ใหป ผู า สงั ฆาฏเิ ปน ๘ ช้ัน แลวสําเรจ็ สีหไสยา โดยพระปรศั วเบ้ืองขวา พระบาทซา ยเหลอิ มพระบาทขวา มีพระสติสัมปชัญญะ. [๔๕๓] ครั้งนั้นแล มารผมู ีบาปเขาไปหาพระองคถึงทป่ี ระทบั แลวทูลถามพระผมู พี ระภาคเจาดวยคาถาวา ทา นนอนดว ยความเขลา หรอื มวั เมา คดิ กาพยกลอนอยู ประโยชนท้งั หลาย ของทานไมมมี า ทานอยู ณ ท่ีนอนทนี่ ัง่ อนั สงดั แตผ ูเ ดียว ตัง้ หนา นอนหลับ นี่ อะไร ทานหลับทเี ดยี วหรือ.

พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 35 [๔๕๔] พระผมู พี ระภาคเจา จงึ ตรัสตอบวา เราไมไดนอนดวยความเขลา ทั้ง มิไดมวั เมาคิดกาพยกลอนอยู เราบรรลุ ประโยชนแลว ปราศจากความโศก อยู ที่นอนทนี่ ัง่ อันสงดั แตผเู ดยี ว นอนราํ พึง ดวยความเอน็ ดใู นสัตวทง้ั ปวง. ลกู ศรเขา ไปในอกของชนเหลาใด เสยี บหทยั ให ลุมหลงอยู แมช นเหลานนั้ ในโลกนี้ ผูมี ลกู ศรเสยี บอกอยู ยังไดค วามหลับ เราผู ปราศจากลูกศรแลว ไฉนจะไมห ลับเลา . เราเดินทางไปในทางทีม่ ีราชสีหเ ปนตน มิไดหวาดหว่นั ถงึ หลับในท่เี ชนน้นั ก็ มิไดก ลัวเกรง กลางคืนและกลางวนั ยอม ไมทําใหเ ราเดือดรอ น เรายอมไมพบเห็น ความเส่อื มอะไร ๆ ในโลก ฉะนน้ั เราผู มคี วามเอ็นดใู นสัตวท ั้งปวงจึงนอนหลบั . คร้งั นั้นแล มารผมู บี าปเปน ทุกข เสียใจวา พระผมู พี ระภาคเจา ทรงรูจ กั เรา พระสคุ ตทรงรูจกั เรา ดงั น้ี จงึ ไดห ายไปในทน่ี นั้ เอง.

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ท่ี 36 อรรถกถาสกลิกสูตร พึงทราบวนิ ิจฉัยในสกลกิ สูตรที่ ๓ ตอ ไป :- บทวา มนฺทยิ า นุ เสสิ ไดแ ก ทา นนอนดวยความเขลา ดว ยความลุม หลง. บทวา อทุ าหุ กาเวยฺยมตโฺ ต ไดแก ก็หรอื วา ทา นนอนเหมอื นอยางกวี นอนครนุ คดิ คาํ ท่จี ะพึงกลา ว หมกมนุ ดว ยเหตทุ จ่ี ะพึงแตง นนั้ .บทวา สมปฺ จรุ า แปลวา มาก. บทวา กิมิท โสปฺปเสว ไดแ ก เหตไุ รทา นจึงหลับอยา งน้เี ลา. บทวา อตถฺ  สเมจฺจ ไดแ ก มาถงึ พรอ ม คือบรรลุประโยชนแ ลว ดว ยวา เราไมมปี ระโยชน [ความตองการ] วา ขนึ้ ช่ือวา ผูไมเกย่ี วของ ก็วบิ ตั ิจากผูเกีย่ วขอ งดงั น.้ี บทวา สลฺล ไดแ กห อกแลลูกศรอนั คม.บทวา ชคฺค น สงเฺ กมิ ความวา เราถงึ เดินทางกไ็ มระแวง อยา งคนบางคนเดินไปในทางสีหะเปนตน กร็ ะแวง. บทวา นป เภมิ โสตฺตุ ความวาเราไมกลวั จะหลับ อยางคนบางคน กลวั จะหลับ ในทางสหี ะเปนตน . บทวานานุปตนฺติ มา ม ความวา คนทัง้ หลายไมเ ดอื ดรอ นตามไปกะเรา อยา งเมอื่ อาจารยห รอื อนั เตวาสิกเกิดไมสบาย อนั เตวาสกิ มัวแตเลาเรยี นและสอบถามเสีย คืนวันลวงไป ๆ ก็เดือนรอนถึง ดวยวา กจิ ที่ยงั ไมเ สร็จไร ๆ ของเราไมมี. ดว ยเหตนุ นั้ น่ันแล พระผูมพี ระภาคเจาจงึ ตรัสวา หานึ น ปสฺสามิกหุ ิฺจิ โลเก เราไมเหน็ ความเสื่อมในโลกไหน ๆ. จบอรรถกถาสกลกิ สูตรที่ ๓

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 37 ๔. ปฏริ ูปสตู ร วา ดว ยทรงตง้ั อยูในธรรมท่คี วรสอน [๔๕๕] ขา พเจาไดสดบั มาแลว อยา งนี้ :- สมยั หนงึ่ พระผมู พี ระภาคเจา ประทับ อยู ณ ศาลาหลังหน่งึ ในพราหมณคาม แควนโกศล. กโ็ ดยสมยั น้ันแล พระผูม พี ระภาคเจา แวดลอ มดวยคฤหัสถบริษัทหมูใ หญทรงแสดงธรรมอยู. ลําดับน้ัน มารผูมบี าปไดมีความคิดขึ้นวา พระสมณโคดมนแี้ วดลอมดว ยคฤหสั ถบรษิ ทั หมูใหญ ทรงแสดงธรรมอยู ถา กระไร เราพึงเขาไปหาพระ-สมณโคดมถึงที่ประทบั เพราะประสงคจะยงั ปญญาจกั ษใุ หพ นิ าศ. [๔๕๖] ลาํ ดับน้ัน มารผมู ีบาปเขาไปหาพระผมู ีพระภาคเจาถงึ ท่ีประทบั ครั้นแลว จงึ ทูลถามพระผูม ีพระภาคเจาดว ยคาถาวา ทา นพร่าํ สอนผอู ่ืนดว ยสิง่ ใด สงิ่ นนั้ ไมส มควรแกทา น เมอื่ ทานกลา วถึงธรรม น้ัน อยาไดของอยใู นความยินดียนิ ราย [๔๕๗] พระผูม ีพระภาคเจาตรัสตอบวา พระสัมพทุ ธเจา มปี กติอนุเคราะห ดวยจิตอันเกือ้ กลู ทรงพรํา่ สอนผอู นื่ ดว ย สงิ่ ใด ตถาคตมจี ติ หลุดพน จากความยนิ ดี ยนิ รายในส่ิงนั้นแลว. คร้ังนัน้ แล มารผมู บี าปเปนทกุ ข เสียใจวา พระผมู พี ระภาคเจา ทรงรูจ ักเรา พระสุคตทรงรูจ ักเรา ดังนี้ จงึ ไดหายไปในท่นี ั้นนน่ั เอง.

พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนา ที่ 38 อรรถกถาปฏิรูปสูตร พึงทราบวินจิ ฉัยในปฏริ ปู สูตรท่ี ๔ ตอไป :- บทวา อนุโรธวโิ รเธสุ ไดแก ในความยินดียินราย. บทวา มาสชฺชติ ถฺ ตทาจร ไดแก อยามัวยึดการกลาวธรรมติดอยูเลย. ดวยวา เมือ่ทา นกลาวธรรมกถาอยู คนบางพวกถวายสาธกุ าร ก็เกดิ ความยินดใี นคนพวกนั้น คนบางพวกฟงไมเคารพ ก็เกดิ ความยนิ รา ยในคนพวกน้ัน ดงั นั้นพระธรรมกถึก ชอ่ื วา ขอ งอยใู นความยนิ ดยี ินรา ย ขอทา นอยา ขอ งอยา งนั้นแลมารกลา วดังน้ี. บทวา ยทฺมนสุ าสติ แปลวา ยอ มสั่งสอนคนอื่นใด.พระสมั พุทธะ ยอ มอนุเคราะหด ว ยประโยชนเ กือ้ กูล ชอ่ื วา หติ านกุ มปฺ  ผูอนเุ คราะหด ว ยประโยชนเ กอื้ กูล ก็เพราะเหตุที่ทรงอนุเคราะหดว ยประโยชนเก้ือกลู ฉะนั้น พระตถาคตจึงทรงหลดุ พนจากความยินดยี นิ รายแล. จบอรรถกถาปฏิรูปสตู รที่ ๔

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สคาถวรรค เลม ๑ ภาค ๒ - หนาท่ี 39 ๕. มานสสูตร วา ดวยบว งใจ [๔๕๘] ขาพเจาไดส ดับมาแลว อยา งน้ี :- สมยั หนึง่ พระผมู พี ระภาคเจาประทับ อยู ณ พระวหิ ารเชตวัน อารามของทา นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี กรงุ สาวตั ถี. [๔๕๙] ครั้งนัน้ แล มารผมู ีบาปไดเขาไปหาพระผมู พี ระภาคเจาถงึ ที่ประทับ ครน้ั แลว ไดกลาวกะพระผมู ีพระภาคเจา ดวยคาถาวา บว งใดมีใจไปไดใ นอากาศ กาํ ลัง เท่ยี วไป ขาพระองคจักคลอ งพระองคไ ว ดวยบวงนั้น สมณะ ทานไมพน เรา. [๙๖๐] พระผูมีพระภาคเจา ตรัสตอบวา เราหมดความพอใจในรูป เสียง กล่ิน รส โผฏฐพั พะ อนั เปนของร่ืนรมย ใจแลว แนะมาร เรากําจดั ทานไดแ ลว. ลาํ ดับน้ัน มารผูมีบาปเปนทกุ ข เสียใจวา พระผูมีพระภาคเจาทรงรูจักเรา พระสุคตทรงรจู ักเรา ดังน้ี จึงไดห ายไปในที่นัน้ นนั่ เอง. อรรถกถามานสสูตร พึงทราบวินิจฉัยในมานสสตู รที่ ๕ ตอ ไป :- บวงช่ือวา จรไปในอากาศ เพราะผูกแมแตผูจรไปในอากาศ. บทวาปาโส ไดแก บว งคือ ราคะ. บทวา มานโส ไดแก ประกอบกับใจ. อรรถกถามานสสตู รที ๕






















Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook