Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_16

tripitaka_16

Published by sadudees, 2017-01-10 01:16:29

Description: tripitaka_16

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 201๓. ถีนมิทธะ ความมีจิตหดหแู ละเคลบิ เคล้มิ๔. อุทธัจจกกุ กจุ จะ ความฟุงซานและราํ คาญ๕. วจิ กิ ิจฉา ความสงสยั[๒๘๔] โอรัมภาคิยสงั โยชน ๕๑. สักกายทิฏฐิ ความเห็นเปน เหตถุ ือตัวถือตน๒. วจิ กิ ิจฉา ความสงสยั๓. สีลัพพตปรามาส ความเช่ือถอื ดว ยศลี หรือพรต๔. กามฉนั ทะ ความพอใจในกาม๕. พยาบาท ความคดิ แกแ คน ผอู น่ื[๒๘๕] อทุ ธมั ภาคียสังโยชน ๕๑. รูปราคะ ความติดใจในรปู๒. อรูปราคะ ความติดใจในอรปู๓. มานะ ความถอื ตัว๔. อุทธจั จะ ความคิดพลา น๕. อวิชชา ความไมรู.[๒๘๖] สิกขาบท ๕๑. ปาณาตปิ าตา เวรมณี เจตนางดเวนจากการฆาสตั ว๒. อทินนาทานา เวรมณี เจตนางดเวนจากการลักทรพั ย๓. กาเมสมุ จิ ฉาจารา เวรมณี เจตนางดเวนจากการประพฤติผิด ในกาม๔. มุสาวาทา เวรมณี เจตนางดเวนจากการพูดเท็จ๕. สรุ าเมรยมชั ชปมาทฏั ฐานา เวรมณี เจตนางดเวนจากการด่มื

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 202 นํ้าเมา คือสุราและเมรยั อนั เปน ทีต่ ้ังแหง ความประมาท. [๒๘๗] อภพั พฐาน ๕ ๑. ภิกษุขีณาสพไมสามารถท่จี ะแกลง ปลงสัตวจ ากชีวติ ๒. ภิกษขุ ณี าสพไมสามารถทีจ่ ะลกั ทรัพยอ ันเปนสว นแหงความ เปนขโมย ๓. ภิกษุขีณาสพไมส ามารถที่จะเสพเมถุนธรรม ๔. ภิกษขุ ีณาสพไมสามารถทจี่ ะพดู เทจ็ ทง้ั ท่รี อู ยู ๕. ภิกษขุ ณี าสพไมส ามารถทจี่ ะกระทําการส่ังสม บรโิ ภคกาม เหมือนเม่อื ครัง้ ยังเปนคฤหสั ถอยู. [๒๘๘] พยสนะ ๕ ๑. ญาติพยสนะ ความฉิบหายแหง ญาติ ๒. โภคพยสนะ ความฉบิ หายแหงโภค ๓. โรคพยสนะ ความฉบิ หายเพราะโรค ๔. สลี พยสนะ ความฉบิ หายแหงศีล ๕. ทิฏฐพิ ยสนะ ความฉิบหายแหง ทิฏฐ.ิ ดกู อ นผูม ีอายุทง้ั หลาย เพราะเหตุที่Iญาติฉิบหายก็ดี เพราะเหตุที่โภคะฉิบหายก็ดี เพราะเหตุท่ฉี บิ หายเพราะโรคกด็ ี สตั วท ัง้ หลาย ยอมจะไมเขาถึงอบาย ทุคติ วินบิ าต นรก เบอ้ื งหนา แตตายเพราะกายแตก. แตเ พราะเหตุทศ่ี ลี พนิ าศ หรือเพราะเหตุท่ีทิฏฐพิ นิ าศ สัตวท ้ังหลายยอมจะเขา ถงึอบาย ทคุ ติ วนิ บิ าต นรก เบือ้ งหนา แตต ายเพราะกายแตก. [๒๘๙] สมั ปทา ๕ ๑. ญาตสิ ัมปทา ความถงึ พรอ มดวยญาติ

พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 203 ๒. โภคสัมปทา ความถงึ พรอ มดวยโภคะ ๓. อาโรคยสัมปทา ความถงึ พรอ มดว ยความไมม โี รค ๔. สีลสมั ปทา ความถงึ พรอ มดว ยศีล ๕. ทิฏฐิสมั ปทา ความถึงพรอมดว ยทิฏฐ.ิ ดกู อนผูมอี ายทุ งั้ หลาย เพราะเหตแุ หง ญาตสิ มั ปทากด็ ี เพราะเหตุแหงโภคสัมปทากด็ ี เพราะเหตุแหงอาโรคยสมั ปทาก็ดี สัตวท ้ังหลาย ยอมจะไมเขา ถึงสุคติ โลกสวรรค เบือ้ งหนาแตต ายเพราะกายแตก. แตเ พราะเหตุสีลสมั ปทา หรือ เพราะเหตุแหงทิฏฐสมั ปทา สตั วท ั้งหลายจะเขา ถึงสคุ ติโลกสวรรค เบ้ืองหนา แตตายเพราะกายแตก. [๒๙๐] โทษแหงศลี วบิ ัติ ๕ ๑. ดูกอนผมู ีอายุทงั้ หลาย คนทศุ ีลมีศลี วิบัติในโลกนี้ ยอมเขาถึงความเสื่อมแหงโภคใหญซ ่ึงมีความประมาทเปนเหตุ นโ้ี ทษแหงศีลวิบตั ขิ องคนทศุ ลี ขอ ทีห่ นงึ่ . ๒. เกยี รติศพั ทอ ันเสียหายของคนทศุ ลี มีศีลวิบัติยอ มระบือไป นี้โทษแหง ศีลวิบัตขิ องตนทุศลี ขอ ท่ีสอง. ๓. คนทุศีลมศี ีลวบิ ตั ิเขา ไปหาบรษิ ัทใด ๆ คอื ขตั ติยบรษิ ัทพราหมณบริษัท คฤหบดีบริษทั หรอื สมณบริษัท เปน ผูไ มแกลวกลาเปนคนเกอเขินเขาไปหา นีโ้ ทษแหง ศีลวบิ ตั ิของคนทุศลี ขอทสี่ าม. ๔. คนทศุ ีลมศี ีลวบิ ัตยิ อมเปน คนหลงทํากาละ นโ้ี ทษแหงศลี วิบตั ิของตนทุศีลขอที่สี.่ ๕. คนทศุ ีลมศี ลี วิบัติ ยอมเขา ถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกเบื้องหนา แตต ายเพราะกายแตก นี้โทษแหงศลี วิบัตขิ อคนทศุ ลี ขอ ท่ีหา .

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 204 [๒๙๑] อานิสงฆแหง ศีลสมบตั ิ ๕ ๑. ดูกอ น ผูมอี ายุท้ังหลาย คนมีศลี ถึงพรอมดว ยศลี ในโลกนี้ ยอมประสบกองแหงโภคใหญ ซึง่ มคี วามไมประมาทเปนเหตุ นอ้ี านิสงสแหงศีลสมบัติของคนมศี ลี ขอ ท่ีหนึ่ง. ๒. เกียรติศพั ทท ี่ดงี ามของตนมีศีล ถึงพรอ มแลว ดว ยศีล ยอมระบือไป นี้เปน อานสิ งสของศลี สมบัติของคนมีศลี ขอ ท่ีสอง. ๓. คนมศี ลี ถงึ พรอ มแลว ดวยศีล เขาไปหาบริษัทใด ๆ คอื ขตั ติย-บริษทั พราหมณบรษิ ทั คฤหบดีบริษัท หรอื สมณบรษิ ทั เปนผแู กลว กลาไมเ กอเขนิ เขา ไปหา นีอ้ านิสงสแหง ศลี สมบัตขิ องตนมีศลี ขอ ที่สาม. คนมีศีลถงึ พรอ มแลวดว ยศลี ยอ มเปนผูไมห ลงทํากาละ นี้อานสิ งสข องศลี สมบตั ขิ องคนมีศลี ขอทสี่ .ี่ ๕. คนมศี ีลถึงพรอมแลวดวยศีล ยอ มเขาถึงสคุ ตโิ ลกสวรรคเบ้อื งหนาแตตายเพราะกายแตก นอ้ี านสิ งสแหงศีลสมบตั ิของคนมศี ลี ขอ ทหี่ า . [๒๙๒] ธรรมสําหรับโจทก ๕ ดูกอ นผมู ีอายุท้ังหลาย อนั ภิกษผุ เู ปนโจทกท ่ปี ระสงคจะโจทผอู ืน่พงึ ต้งั ธรรม ๕ ประการไวในภายในแลว จงึ โจทผอู ่นื คือ ๑. เราจักกลา วโดยกาลอนั สมควร จักไมก ลา วโดยกาลอันไมค วร ๒. เราจักกลา วดว ยคําจริง จักไมกลาวดวยคาํ ไมจริง ๓. เราจักกลา วดวยคําออนหวาน จกั ไมกลาวคาํ หยาบ ๔. เราจกั กลา วดวยคาํ ที่ประกอบดว ยประโยชน จกั ไมก ลาวดว ยคํา ท่ไี มประกอบดว ยประโยชน ๕. เราจักกลาวดวยเมตตาจติ จกั ไมกลาวดวยมโี ทสะในภายใน.

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 205ดูกอ นผูมีอายทุ ั้งหลาย อันภิกษุผูเปน โจทกท่ปี ระสงคจะโจทผอู ื่นพงึ ตงั้ ธรรม ๕ ประการนีไ้ วในภายในแลว จงึ โจทผอู น่ื .[๒๙๓] องคแ หง ความเพียร ๕ดูกอ นผมู อี ายทุ ัง้ หลาย ภิกษุในพระธรรมวินยั น้ี เปนผูมีศรัทราเช่ือพระปญญาตรสั รูของพระตถาคตวา แมเ พราะเหตนุ ี้ พระผมู ีพระภาคเจานั้น เปนพระอรหันต ตรสั รูเองโดยชอบ ถึงพรอ มดว ยวชิ ชาและจรณะเสดจ็ ไปดีแลว ทรงรูแจงโลก เปนสารถีฝก บรุ ษุ ไมมีผอู น่ื ยิง่ กวา เปนศาสดาของเทวดาและมนุษยท ้ังหลาย เปนผตู นื่ แลว เปน ผูจ ําแนกพระธรรม๒. เปน ผมู อี าพาธนอ ย มที ุกขน อย ประกอบดว ยเตโชธาตอุ ันมีวบิ ากเสมอกนั ไมเย็นนกั ไมรอ นนัก เปน อยา งกลาง ๆ ควรแกความเพยี ร๓. เปน ผูไมโออ วด ไมม มี ารยา เปดเผยตนตามเปนจริงในพระ-ศาสดา หรือสพรหมจารีทเ่ี ปน วิญชู นทัง้ หลาย๔. เปน ผปู รารภความเพยี ร เพ่อื จะละอกศุ ลธรรม เพือ่ จะยังกุศลธรรมใหถงึ พรอ มเปนผมู ีกาํ ลงั ใจ มีความบากบน่ั ไมท อดธรุ ะในบรรดาธรรมทเ่ี ปนกุศล๕. เปนผมู ีปญญา ประกอบดว ยปญญาที่เหน็ เกดิ และดบั อันประเสริฐชาํ แรกกิเลสใหถ ึงความสิ้นทุกขโ ดยชอบ.[๒๙๐] สทุ ธาวาส ๕๑. อวิหา ๓. สุทัสสา๒. อตัปปา ๔. สุทัสสี๕. อกนิฏฐา.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 206[๒๙๕] พระอนาคามี ๕๑. อนั ตราปรินิพพายี ผูที่จะปรินิพพานในระหวา งอายยุ ังไมทนั ถึงก่ึง๒. อปุ หัจจปรินิพพายี ผูที่จะปรินิพพานตอเมอื่ อายุพน กง่ึ แลว๓. อสงั ขารปรนิ ิพพายี ผทู ี่จะปรนิ ิพพานไมต อ งใชค วามเพยี รนัก๔. สสงั ขารปรนิ ิพพานยี ผูท่จี ะปรนิ พิ พานดวยตองใชความเพยี ร๕. อทุ ธงั โสโต อกนิฏฐาคามี ผมู ีกระแสในเบอ้ื งบนไปสชู ัน้ อกนฏิ ฐภพ.[๒๙๖] เจโตขีลา ตะปูปก ใจ ๕๑. ดกู อนผมู ีอายทุ ้งั หลาย ภิกษุในพระธรรมวินยั นี้ ยอมเคลือบ-แคลงสงสัย ไมเชอ่ื แน ไมเ ลื่อมใสในพระศาสดา. จิตของภกิ ษผุ เู คลอื บแคลงสงสัย ไมเ ช่ือแน ไมเลือ่ มใสในพระศาสดายอมไมนอมไป เพือ่ ความเพยี รเพื่อความประกอบเนอื งๆ เพ่ือความกระทําเปนไปติดตอ เพื่อความเพยี รท่ีตัง้ มนั่ ความทจี่ ติ ของภกิ ษไุ มน อมไป เพ่อื ความเพียร เพ่อื ความประกอบเนือง ๆ เพอื่ ความกระทาํ เปน ไปตดิ ตอ เพื่อความเพยี รทต่ี ง้ั มนั่ น้เี ปน ตะปูปกใจขอ ทห่ี นึ่ง.๒. ภิกษยุ อมเคลือบแคลงในพระธรรม.๓. ภกิ ษุยอมเคลอื บแคลงในพระสงฆ.๔. ภกิ ษยุ อมเคลอื บแคลง สงสัยในสกิ ขา.๕. ภิกษเุ ปน ผโู กรธขัดเคือง มีจติ อันโทสะกระทบแลว มีจิตเปนเสมอื นตะปใู นสพรหมจารที ง้ั หลาย. จติ ของภกิ ษผุ ูโกรธขัดเคอื ง มจี ิตอนั โทสะกระทบแลว มจี ติ เสมือนตะปูในสพรหมจารที งั้ หลาย ยอมไมนอมไป เพื่อความเพียร เพ่ือความประกอบเนอื ง ๆ เพ่อื ความกระทาํ

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 207เปนไปติดตอ เพอื่ ความเพียรตั้งมัน่ ความท่จี ิตของภิกษุไมน อ มไป เพ่ือความเพยี ร เพื่อความประกอบเนอื ง ๆ เพ่อื ความกระทําเปน ไปติดตอเพอื่ ความเพียรตั้งม่นั นี้เปนตะปปู กใจขอท่หี า. [๒๙๗] วินพิ ันธา ความผกู พนั ใจ ๕ ๑. ดูกอ นผูม อี ายุทั้งหลาย ภิกษใุ นพระธรรมวนิ ยั น้ี เปนผยู ังไมปราศจากความกําหนดั ความพอใจ ความรกั ความกระหาย ความกระวน-กระวาย ความทะยานอยาก ในกามทง้ั หลาย. ผูมอี ายุทัง้ หลาย ภิกษุใดเปน ผยู ังไมป ราศจากความกําหนัด ความพอใจ ความรัก ความกระหายความกระวนกระวาย ความทะยานอยาก ในกามท้งั หลาย จติ ของภิกษนุ ้ันยอมไมนอมไป เพ่ือความเพยี ร เพือ่ ความประกอบเนือง ๆ เพ่อื ความกระทาํเปนไปตดิ ตอ เพือ่ ความเพียรท่ตี ้ังมั่น ความที่จติ ของภกิ ษุไมนอมไป เพือ่ความเพียร เพอื่ ความประกอบเนอื ง ๆ เพอ่ื ความกระทาํ เปนไปตดิ ตอ เพ่ือความเพยี รท่ีตั้งม่ัน น้คี วามผกู พนั ใจขอ ที่หนงึ่ . ๒. ภิกษเุ ปน ผยู ังไมปราศจากความกาํ หนดั . . .ในกาย . . . ๓. ภกิ ษุเปนผูยิ่งไมป ราศจากความกําหนัด . . .ในรูป . . . ๔. ภกิ ษุบรโิ ภคอิ่มหนาํ พอแกค วามตองการแลว ประกอบความสขุในการนอน ความสุขในการเอนขาง ความสุขในการหลับ . . . ๕. ดกู อ นผมู ีอายทุ ง้ั หลาย ภิกษปุ ระพฤติพรหมจรรย ปรารถนาหมเู ทพหมใู ดหมูหนงึ่ วา เราจักเปนเทพเจา หรือเปน เทพองคใ ดองคหน่ึงดว ย ศีล พรต ตบะ หรอื พรหมจรรยนี้ ดังนี.้ ภิกษุใด ประพฤติพรหมจรรยปรารถนาหมเู ทพหมูใดหมหู นึ่งวา เราจกั เปน เทพเจา หรือเปน

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 208เทพองคใ ดองคห นงึ่ ดว ยศีล พรต ตบะ หรือพรหมจรรยน ี้ จิตของภกิ ษุน้นั ยอมไมน อมไปเพอื่ ความเพยี ร เพ่ือความประกอบเน่อื ง ๆ เพื่อความกระทาํ เปน ไปติดตอ เพ่ือความเพยี รทต่ี ้งั มนั่ ความที่จิตของภกิ ษไุ มน อ มไปเพอื่ ความเพียร เพอ่ื ความประกอบเนอื ง ๆ เพอื่ ความกระทาํ เปน ไปตดิ ตอเพ่อื ความเพยี รตงั้ มัน่ น้ีความผกู พนั ใจขอ ทีห่ า . [๒๙๘] อินทรีย ๕ ๑. จกั ขุนทริย อินทรยี  คือ ตา ๒. โสตินทรยิ  อินทรยี  คอื หู ๓. ฆานนิ ทริย อินทรีย คอื จมกู ๔. ชวิ หินทริย อินทรีย คอื ล้นิ ๕. กายยนิ ทริย อินทรยี  คือ กาย. [๒๙๙] อินทรียอีก ๕ ๑. สุขินทริย อนิ ทรีย คือ สุข ๒. ทกุ ขินทริย อินทรีย คือ ทกุ ข ๓. โสมนสั สินทรีย อนิ ทรีย คือ โสมนสั ๔. โทมนัสสนิ ทรยี  อนิ ทรีย คือ โทมนัส ๕. อเุ ปกขินทรีย อนิ ทรยี  คือ อุเบกขา. [๓๐๐] อนิ ทรียอ กี ๕ ๑. สทั ธินทรยี  อินทรีย คือ ศรัทธา ๒. วิริยินทรีย อินทรีย คือ วริ ิยะ ๓. สตนิ ทรยี  อินทรยี  คอื สติ

พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 209 ๔. สมาธนิ ทรยี  อินทรีย คือ สมาธิ ๕. ปญญินทรีย อนิ ทรยี  คือ ปญญา. [๓๐๑] นิสสารณยี ธาตุ ๕ ๑. ดูกอ นผูมอี ายุทง้ั หลาย เม่ือภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ มนสิการถงึ กามทงั้ หลาย จติ ยอ มไมแลนไป ไมเลือ่ มใส ไมตัง้ อยู ไมพ นวิเศษในเพราะกามทงั้ หลาย แตเ มื่อเธอมนสิการถึงเนกขัมมะอยแู ล จติ ยอมแลน ไป เล่อื มใส ตัง้ อยู พน วเิ ศษในเพราะเนกขมั มะ จติ ของเธอน้นั ไปดีแลว อบรมดีแลว ออกดแี ลว พน วิเศษดแี ลว พรากแลว จากกามทงั้ หลายและเธอพนแลว จากอาสวะท้ังหลายอันเปน เหตุเดอื ดรอน กระวนกระวายซึ่งมีกามเปนปจจยั เกิดข้ึน เธอยอ มไมเ สวยเวทนาน้นั ขอนี้กลาวไดว าเปน เครอื่ งสลัดออกซง่ึ กามทัง้ หลาย. ๒. ดูกอนผูม อี ายุทง้ั หลาย ขออื่นยง่ิ มอี ีก เม่ือภิกษมุ นสกิ ารถึงความพยาบาทอยู จิตยอ มไมแลน ไป ไมเล่ือมใส ไมต้งั อยู ไมพ นวิเศษในเพราะความพยาบาท แตเม่ือเธอมนสิการถงึ ความไมพยาบาทอยแู ล จติ ยอ มแลนไป เล่ือมใส ตง้ั อยู พนวเิ ศษในเพราะความไมพยาบาท จติ ของเธอนัน้ ไปดีแลว อบรมดแี ลว ออกดีแลว พน วเิ ศษดแี ลว พรากแลว จากความพยาบาท และ เธอพน แลว จากอาสวะทงั้ หลาย อนั เปนเหตเุ ดือดรอนกระวนกระวาย ซง่ึ มีความพยาบาทเปน ปจจัยเกดิ ข้ึน เธอยอมไมเ สวยเวทนาน้นั ขอ นีก้ ลาวไดวาเปน เครอ่ื งสลดั ออกซึ่งความพยาบาท. ๓. ดูกอ นผูมีอายทุ ัง้ หลาย ขอ อนื่ ยังมีอกี เมอ่ื ภกิ ษุมนสิการถงึ ความเบยี ดเบียนอยู จติ ยอมไมแ ลนไป ไมเ ล่อื มใส ไมต้งั อยู ไมพ น วิเศษในเพราะความเบยี ดเบยี น แตเ ม่ือเธอมนสิการถงึ ความไมเ บยี ดเบยี นอยแู ล

พระสุตตันตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 210จติ ยอ มแลน ไป เล่ือมใส ต้งั อยู พน วเิ ศษในเพราะความไมเบยี ดเบยี นจิตของเธอนั้น ไปดีแลว อบรมดแี ลว ออกดีแลว พนวเิ ศษดแี ลว พรากแลวจากความเบยี ดเบียน และเธอพนแลว จากอาสวะทั้งหลาย อนั เปนเหตุเดือดรอ นกระวนกระวาย ซ่งึ มคี วามเบยี ดเบียนเปนปจ จัยเกดิ ขึน้ และเธอยอ มไมเ สวยเวทนานน้ั ขอ นกี้ ลาวไดวา เปน เคร่ืองสลัดออกซง่ึ ความเบยี ดเบียน. ๔. ดกู อนผูมีอายุทงั้ หลาย ขอ อื่นยงั มอี ีก เมื่อภิกษุมนสิการถงึ รูปทั้งหลายอยู จติ ยอมไมแลน ไป ไมเ ลือ่ มใส ไมต ง้ั อยู ไมพ น วิเศษในเพราะรปู ทง้ั หลาย แตเ ม่อื เธอมนสกิ ารถงึ อรปู อยแู ล จติ ยอ มแลน ไปเลื่อมใส ตัง้ อยู พน วเิ ศษในเพราะรปู จติ ของเธอนไ้ี ปดีแลว อบรมดแี ลวออกดแี ลว พนวิเศษดีแลว พรากแลวจากรูปทงั้ หลาย และเธอพน แลวจากอาสวะทงั้ หลายอนั เปนเหตเุ ดือดรอน กระวนกระวาย ซ่งึ มีรปู เปนปจ จัยเกดิ ข้ึน เธอยอ มไมเสวยเวทนาน้ัน ขอน้กี ลา วไดว า เปน เคร่ืองสลดั ออกซงึ่ รปู ทั้งหลาย. ดูกอนผูมีอายุทงั้ หลาย ขออน่ื ยังมีอกี เม่ือภกิ ษมุ นสิการถึงกายของตนอยู จติ ยอมไมแ ลนไป ไมเล่อื มใส ไมต ง้ั อยู ไมพนวิเศษในเพราะกายของตน แตเ มอื่ เธอมนสกิ ารถงึ ความดบั แหงกายของตนอยแู ล จติ ยอมแลนไป เลอื่ มใส ต้งั อยู พน วเิ ศษในเพราะความดับแหง กายของตน จิตของเธอนน้ั ไปดแี ลว อบรมดีแลว ออกดีแลว พนวเิ ศษดีแลว พรากแลวจากกายของตน และเธอพนแลว จากอาสวะทงั้ หลายอนั เปนเหตเุ ดือดรอ นกระวนกระวาย ซ่ึงมีกายของตนเปน ปจ จัยเกดิ ขนึ้ เธอยอมไมเ สวยเวทนานนั้ ขอน้ีกลาวไดว า เปน เครอื่ งสลัดออกซึ่งกายของตน.

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 211 [๓๐๒] วมิ ตุ ตายตนะ ๕ ๑. ดูกอ นผูมีอายทุ งั้ หลาย พระศาสดา หรอื เพ่อื นสพรหมจารีรปู ใดรปู หนึ่ง ซง่ึ ควรแกต ําแหนงครู ยอมแสดงธรรมแกภ ิกษใุ นพระธรรมวินัยนี.้ ภิกษุนั้นรแู จงอรรถ และรแู จงธรรมในธรรมนน้ั โดยประการที่พระศาสดา หรอื เพ่อื นสพรหมจารรี ูปใดรปู หนง่ึ ซง่ึ ควรแกต าํ แหนงครูแสดงแกเธอ. ความปราโมทยยอ มเกดิ แกเ ธอผรู แู จง อรรถรแู จงธรรมความอ่มิ ใจยอ มเกดิ แกเ ธอผปู ราโมทยแลว กายของเธอผมู ใี จประกอบดว ยปต ิ ยอ มสงบระงับเธอผมู กี ายสงบระงบั แลว ยอ มเสวยความสขุ จิตของเธอผูม ีความสขุ ยอมต้งั ม่ัน นี้แดนวิมุตติขอทีห่ นง่ึ ๒. ดูกอนผูม ีอายุท้งั หลาย ขอ อ่นื ยงั มีอีก พระศาสดา หรือเพ่อื นสพรหมจารรี ปู ใดรปู หนงึ่ ซ่ึงควรแกต าํ แหนงครู ไมไดแสดงธรรมแกภกิ ษุเลย แตเ ธอแสดงธรรมตามที่ไดฟ งแลวตามทไ่ี ดเรยี นแลว แกค นอ่ืน ๆ โดยพิสดาร . . . ๓. เธอกระทาํ การสาธยายธรรม ตามที่ไดฟงแลว ตามที่ไดเรยี นแลวโดยพสิ ดาร ฯลฯ ๔. เธอตรึกตรองดวยใจ เพงตามดวยใจ ซ่ึงธรรมตามที่ไดฟ งแลวตามที่ไดเ รยี นแลว ฯลฯ ๕. แตวา เธอเรยี นสมาธินมิ ติ อยา งใดอยางหนึ่งดว ยดี ทําไวใ นใจดวยดี ใครครวญดว ยดี แทงตลอดดว ยดี ดวยปญ ญา. ภิกษุนัน้ ยอมรูแจง อรรถ รูแ จง ธรรมในธรรมนน้ั โดยประการทไ่ี ดเ รยี นสมาธนิ ิมิอยา งใดอยางหน่ึงดว ยดี ทําไวใ นใจดว ยดี ใครค รวญดวยดี แทงตลอดดวยดีดว ยปญ ญา. ความปราโมทยย อมเกดิ แกเธอผูรูแจงอรรถ รูแจง ธรรม ความ

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 212อม่ิ ใจยอ มเกิดแกเ ธอผปู ราโมทยแลว กายของเธอผูมีใจประกอบดว ยปติยอมสงบระงับ เธอผมู กี ายสงบระงบั แลว ยอ มเสวยความสขุ จติ ของเธอผูมคี วามสุข ยอมต้ังมั่น น้แี ดนวิมุตตขิ อ ทีห่ า .[๓๐๓] สัญญาทค่ี วรเจริญเพ่อื ความหลดุ พน มี ๕ อยาง ๑. อนิจจสญั ญา ความสําคญั หมายในสังขารวาเปนของไมเ ทย่ี ง ๒. อนิจเจ ทกุ ขสญั ญา ความสําคัญหมายในสงิ่ ทไี่ มเทีย่ งวา เปนทุกข ๓. ทกุ เข อนัตตสญั ญา ความสาํ คญั หมายในสิง่ ทีเ่ ปน ทุกขว า ไมใ ชตัวตน ๔. ปหานสญั ญา ความสาํ คญั หมายในปหานะ ๕. วิราคสัญญา ความสาํ คัญหมายในการคลายกาํ หนัด ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย ธรรม ๕ เหลาน้ีแล พระผมู พี ระภาคเจาผูทรงรูทรงเหน็ เปนพระอรหนั ตสัมมาสัมพทุ ธเจาพระองคน้นั ตรสั ไวโ ดยชอบแลว พวกเราทงั้ หมดทีเดยี ว พึงสงั คายนา ไมพ งึ โตแยง ในธรรมน้นัการที่พรหมจรรยน้ยี ง่ั ยนื ตง้ั อยตู ลอดกาลนานน้นั พึงเปนไปเพ่อื ประโยชนแกชนเปนอันมาก เพื่อความสขุ แกชนเปนอันมาก เพ่อื นเุ คราะหแ กชาวโลก เพอ่ื ประโยชน เพือ่ เกอื้ กลู เพือ่ ความสุข แกเทวดาและมนุษยทัง้ หลาย. จบสงั คตี ิหมวด ๕

พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 213 วา ดว ยสังคีตหิ มวด ๖ [ ๓๐๔ ] ดูกอนทา นผมู ีอายทุ ง้ั หลาย ธรรมหมวด ๖ พระผูม พี ระ-ภาคเจา ผูทรงรูท รงเหน็ เปน พระสัมมาสัมพทุ ธเจา พระองคน ้นั ตรสัไวชอบแลวแล พวกเราทั้งหมด พึงสงั คายนา ไมพ ึงโตแ ยง กันในธรรมน้นัการทพี่ รหมจรรยน ้ียัง่ ยนื ตั้งอยูตลอดกาลนานนั้น พงึ เปน ไปเพอื่ ประโยชนแกชนเปนอนั มาก เพอ่ื ความสุขแกชนเปน อนั มาก เพือ่ ความอนเุ คราะหแ กชาวโลก เพือ่ ประโยชน เพอ่ื ความเกื้อกูล เพื่อความสขุ แกเ ทวดาและมนุษยท ั้งหลาย ธรรมท้ังหลาย ๖ เปนไฉน. อายตนะภายใน ๖ ๑. จกั ขายตนะ อายตนะ คอื ตา ๒. โสตายตนะ อายตนะ คอื หู ๓. ฆานายตนะ อายตนะ คอื จมูก ๔. ชวิ หายตนะ อายตนะ คอื ล้นิ ๕. กายายตนะ อายตนะ คอื กาย ๖. มนายตนะ อายตนะ คอื ใจ. [๓๐๕] อายตนะภายนอก ๖ ๑. รปู ายตนะ อายตนะ คอื รปู ๒. สทั ทายตนะ อายตนะ คอื เสียง ๓. คันธายตนะ อายตนะ คือ กล่ิน ๔. รสายตนะ อายตนะ คอื รส

พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 214 ๕. โผฏฐพั พายตนะ อายตนะ คอื โผฏฐัพพะ ๖. ธมั มายตนะ อายตนะ คือ ธรรม. [๓๐๖] วญิ ญาณกาย คือ การประชมุ วญิ ญาณ ๖ ๑. จกั ขวุ ิญญาณ ความรอู ารมณท างตา ๒. โสตวิญญาณ ความรอู ารมณทางหู ๓. ฆานวญิ ญาณ ความรอู ารมณท างจมูก ๔. ชวิ หาวิญญาณ ความรอู ารมณท างลิ้น ๕. กายวญิ ญาณ ความรูอารมณทางกาย ๖. มโนวญิ ญาณ ความรอู ารมณท างใจ. [๓๐๗] ผัสสกาย การประชุมผสั สะ ๖ ๑. จกั ขสุ มั ผสั ส ความถูกตองอาศัยตา ฯลฯ ๖. มโนสัมผัสสความถกู ตองอาศัยใจ. [๓๐๘] เวทนากาย การประชมุ เวทนา ๖ ๑. จักขุสัมผสั สขาเวทนา เวทนาทเ่ี กดิ แตค วามถกู ตอ งอาศัยตาฯลฯ ๖. มโนสัมผสั สชาเวทนา เวทนาทเ่ี กิดแตค วามถูกตองอาศยั ใจ. [๓๐๙] สญั ญากาย การประชมุ สญั ญา ๖ ๑. รปู สัญญา สญั ญาที่มรี ูปเปนอารมณ ฯลฯ ๖. ธมั มสัญญาสญั ญาท่ีมธี รรมเปนอารมณ.

พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 215[๓๑๐] สญั เจตนากาย การประชุมแหง สัญเจตนา ๖๑. รปู สญั เจตนา ความจงใจทมี่ รี ูปเปน อารมณ ฯลฯ ๖. ธัมม- สญั เจตนา ความจงใจท่มี ธี รรมเปนอารมณ. [๓๑๑] ตัณหากาย การประชุมตัณหา ๖๑. รปู ตัณหา ตัณหาเกิดขึน้ เพราะมีรปู เปน อารมณ๒. สทั ทตัณหา ตัณหาเกดิ ขึ้นเพราะมเี สยี งเปน อารมณ๓. คันธตณั หา ตณั หาเกิดข้นึ เพราะมีกลิ่นเปนอารมณ๔. รสตณั หา ตณั หาเกดิ ขน้ึ เพราะมีรสเปน อารมณ๕. โผฏฐัพพตัณหา ตัณหาเกิดขึน้ เพราะมีโผฏฐพั พะเปนอารมณ๖. ธัมมตณั หา ตณั หาเกิดขึ้นเพราะมธี รรมเปนอารมณ. [๓๑๒] อคารวะ ความไมเคารพ ๖๑. ดูกอ นทา นผมู ีอายทุ ั้งหลาย ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี เปนผไู ม เคารพ ไมย าํ เกรงในพระศาสดาอยู๒. เปน ผไู มเคารพ ไมย ําเกรงในพระธรรมอยู๓. เปนผไู มเ คารพ ไมย าํ เกรงในพระสงฆอยู๔. เปนผไู มเ คารพ ไมย าํ เกรงในสิกขาอยู๕. เปนผูไมเคารพ ไมยําเกรงในความไมประมาทอยู๖. เปน ผูไมเ คารพ ไมย ําเกรงในปฏสิ นั ถารอย.ู [๓๑๓] สคารวะ ความเคารพ ๖๑. ดูกอนทา นผมู ีอายทุ ั้งหลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นี้ เปนผูเ คารพ ยําเกรงในพระศาสดาอยู๒. เปน ผเู คารพยาํ เกรงในพระธรรมอยู๓. เปน ผูเคารพยําเกรงในพระสงฆอยู

พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 216 ๔. เปนผูเคารพยําเกรงในสิกขาอยู ๕. เปน ผูเคารพยาํ เกรงในความไมประมาทอยู ๖. เปน ผูเ คารพยาํ เกรงในการปฏสิ นั ถารอย.ู[๓๑๔] โสมนสั สปู วจิ าร วิจารสัมปยุตดว ยโสมนสั ๖ ๑. เหน็ รูปดวยตาแลว ใครค รวญรปู อนั เปน ท่ตี ั้งแหงความโสมนัส. ๒. ไดย ินเสียงดว ยหแู ลว... ๓. ไดด มกลนิ่ ดว ยจมูกแลว ... ๔. ไดล้ิมรสดว ยลิ้นแลว... ๕. ไดถกู ตอ งโผฏฐัพพะดวยกายแลว ... ๖. รแู จงธรรมารมณดว ยใจแลว ใครครวญธรรมอนั เปนที่ตั้งแหง ความโสมนัส.[๓๑๕] โทมนัสสปู วจิ าร วจิ ารสมั ปยตุ ดว ยโทมนสั ๖ ๑. เห็นรปู ดว ยตาแลว ใครครวญรปู อนั เปนท่ีตง้ั แหง โทมนสั . ๒. ไดยินเสียงดว ยหูแลว... ๓. ไดด มกลน่ิ ดว ยจมกู แลว ... ๔. ไดล ม้ิ รสดวยลิน้ แลว ... ๕. ไดถูกตอ งโผฏฐพั พะดวยกายแลว... ๖. รแู จงธรรมดว ยใจแลว ยอ มใครค รวญธรรมอนั เปน ทต่ี ัง้ แหง โทมนัส.[๓๑๖] อเุ ปกขปู วจิ าร วิจารสมั ปยุตดวยอุเบกขา ๖ ๑. เหน็ รูปดว ยตาแลว ยอมใครค รวญรูปอนั เปนท่ีตง้ั แหงอเุ บกขา.

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 217 ๒. ไดย นิ เสียงดว ยหูแลว ... ๓. ไดด มกลนิ่ ดวยจมูกแลว... ๔. ไดล มิ้ รสดวยล้นิ แลว... ๕. ไดถ กู ตอ งโผฏฐพั พะดว ยกายแลว. . . ๖. รแู จง ธรรมดว ยใจแลว ยอมใครค รวญธรรมอนั เปน ที่ต้งั แหง อเุ บกขา.[๓๑๗] สาราณยี ธรรม ธรรมเปนท่ีต้งั แหงความใหร ะลึกถงึ ๖ ๑ ดูกอ นทา นผูมอี ายุทงั้ หลาย ภกิ ษุในธรรมวินยั น้ี เขาไปต้ังกายกรรมประกอบดวยเมตตา ในเพื่อนสพรหมจารที ้ังหลาย ทั้งตอหนาและลบั หลัง ธรรมน้ี เปนท่ตี ้ังแหง ความใหร ะลึกถงึ เปน เคร่ืองกระทําใหเปน ทีร่ ัก เปนเครอ่ื งกระทาํ ใหเ ปน ท่เี คารพ ยอ มเปนไปเพ่อื ความสงเคราะหเพ่อื ความไมวิวาท เพอ่ื ความสามคั คี เพอ่ื ความเปนอันหน่งึ อันเดียวกัน. ๒. ดกู อ นทา นผมู ีอายุทง้ั หลาย ขออืน่ ยงั มีอกี คือ ภิกษุในพระธรรมวินยั น้ีเขา ไปต้ังวจกี รรมประกอบดวยเมตตา. . . ๓. เขา ไปตั้งมโนกรรมประกอบดว ยเมตตา ในเพื่อนสพรหมจารีทง้ั หลาย ทัง้ ตอ หนาและลับหลัง ธรรมแมข อน้ี กเ็ ปน ท่ีต้งั แหง ความใหระลกึ ถงึ ฯลฯ เปน ไปเพื่อความเปนอนั หน่ึงอันเดียวกนั . ๔. ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย ขอ อน่ื ยังมีอีก ภิกษไุ ดลาภอยางใดอยางหนงึ่ ซ่งึ ประกอบดวยธรรม ไดมาโดยธรรม โดยทสี่ ุดแมเพียงอาหารในบาตร ไมห วงกนั ดวยลาภเหน็ ปานนัน้ แบงปน กับเพื่อนสพรหมจารที ้ังหลายผูมีศลี ธรรมแมน ี้ ก็เปนท่ีตั้งแหงความใหร ะลกึ ถึง ฯลฯ เปนไปเพอื่ ความเปน อนั หนึ่งอันเดยี วกนั .

พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 218 ๕. ดกู อ นทานผมู อี ายทุ ้ังหลาย ขอ อนื่ ยังมีอีก คือวา ภิกษุมศี ีลอยา งใดอยางหน่ึง ซึ่งไมข าด ไมท ะลุ ไมด าง ไมพ รอย เปนไทย อันวิญ-ูชนสรรเสรญิ แลว ไมเกี่ยวดวยตัณหาและทิฏฐิ เปนไปพรอ มเพ่ือสมาธิถึงความเปนผมู ศี ลี เสมอกนั ในศีลทัง้ หลายเหน็ ปานนนั้ กับเพ่อื นพรหมจารีทัง้ หลาย ทัง้ ตอ หนาและลับหลังอยู ธรรมแมข อน้ี ก็เปน ท่ตี ้ังแหงความใหระลึกถงึ ฯลฯ เปน ไปเพอื่ ความเปน อนั หนงึ่ อันเดยี วกนั . ๖. ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย ขออ่ืนยงั มอี ีก คือ ทฏิ ฐิอยา งใดอยางหนง่ึอันเปน ของประเสรฐิ เปนเครอื่ งนําสัตวอ อกจากทุกข ยอ มนําออกเพ่ือความสิ้นทกุ ข โดยชอบแกผูกระทาํ ทฏิ ฐิอนั น้ัน มอี ยู ภกิ ษเุ ปน ผถู ึงความเสมอกนั ดวยทิฏฐใิ นทิฏฐิเหน็ ปานน้นั กบั เพ่ือนสพรหมจารีทัง้ หลาย ท้งัตอหนาและลับหลงั ธรรมแมข อนี้ ก็เปนท่ีตั้งแหง ความใหร ะลกึ ถึง เปนเคร่ืองกระทาํ ใหเปนทีร่ กั เปน เคร่ืองกระทาํ ใหเปน ทเ่ี คารพ ยอมเปน ไปเพอ่ื ความสงเคราะห เพอ่ื ความไมว ิวาท เพอื่ ความสามคั คี เพอ่ื ความเปนอันหน่ึงอนั เดยี วกนั . [๓๑๘] วิวาทมลู มลู แหง การววิ าท ๖ ๑. ดูกอ นทานผูม ีอายทุ ้งั หลาย ภกิ ษุในพระธรรมวนิ ยั นี้ เปนผูมักโกรธ เปน ผูมกั ผกู โกรธไว. ดูกอนทานผูมีอายุทง้ั หลาย ภกิ ษุผมู กั โกรธมักผูกโกรธนน้ั ยอมไมเ คารพ ไมย าํ เกรงแมในพระศาสดาอยู ยอ มไมเคารพ ไมยาํ เกรงแมใ นพระธรรมอยู ยอ มไมเ คารพ ไมย าํ เกรงแมใ นพระสงฆอยู ยอมเปน ผูไมกระทาํ ใหบริบรู ณแมใ นสกิ ขา. ดูกอนทานผมู ีอายุทงั้ หลาย ภกิ ษุเปน ผไู มเ คารพ ไมยําเกรงในพระศาสดาอยู ไมเคารพ ไม

พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 219ยาํ เกรงในพระธรรม ฯลฯ ในพระสงฆ ฯลฯ ไมกระทาํ ใหบ ริบูรณในสิกขา.ภิกษุนัน้ ยอ มเปน ผูกอความวิวาทในสงฆ ผใู ดกอความวิวาท ผูน้นัยอ มเปน ไปเพื่อมใิ ชป ระโยชนแ กช นเปนอนั มาก เพือ่ มใิ ชความสุขแกชนเปนอันมาก เพอื่ ความพินาศแกช นเปนอนั มาก เพ่อื มใิ ชประโยชนเพื่อความทุกขแกเ ทวดาและมนุษยท ้ังหลาย. ดกู อ นทา นผูมีอายุทัง้ หลายถา พวกทานพิจารณาเห็นมูลแหง ความววิ าทเหน็ ปานน้ี ทงั้ ภายในทง้ัภายนอก ดกู อนทา นผูม ีอายทุ ง้ั หลาย พวกทา นกจ็ ะพึงพยายามเพื่อละมลูแหง ความววิ าทอันลามกนน้ั น่ันแหละ. ดกู อ นทา นผูมีอายทุ ้ังหลาย ถาพวกทา น ไมพ จิ ารณาเหน็ มูลแหงความววิ าทเหน็ ปานน้ัน ทั้งภายในและภายนอก พวกทา นก็พึงปฏิบตั เิ พือ่ มใิ หม ูลแหง ความววิ าทอนั ลามกนั้นนัน่และเปน ไปตอไป. การละวิวาทมลู อันลามกนนั้ ยอมมีดวยอาการอยา งนี้และความไมเ ปน ไปตอ ไปของววิ าทมูลอันลามกน้ัน ยอมมีดว ยประการฉะนี.้ ๒. ดูกอนทานผูมอี ายุทง้ั หลาย ขอ อืน่ ยังมีอีก ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เปนผลู บหลู เปนผตู เี สมอ. . . ๓. ภกิ ษเุ ปนผูมักรษิ ยา เปน ผูต ระหน่ี ... ๔. ภกิ ษุเปน ผูโออวด เปนผูมีมารยา. . . ๕. ภกิ ษเุ ปนผูม คี วามปรารถนาลามก มคี วามเห็นผิด. . . ๖. ภกิ ษุเปน ผูยึดมน่ั ในความเหน็ ของตน มกั ถอื รัน้ คลายไดยาก.ดูกอ นทา นผมู อี ายุทั้งหลาย ภิกษุผยู ดึ ม่นั ในความเหน็ ของตน มกั ถือร้นัคลายไดยาก ยอ มจะไมเคารพ ไมย าํ เกรงแมในพระศาสดาอยู ยอมจะไมเคารพ ไมย าํ เกรงแมในพระธรรมอยู ยอ มไมเ คารพ ไมยาํ เกรงแมใน

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 220พระสงฆอยู ยอมเปนผูไมกระทาํ ใหบ ริบรู ณแมใ นสิกขา. ดูกอนทา นผมู ีอายทุ ้งั หลาย ภกิ ษใุ ดไมเ คารพ ไมย าํ เกรงแมในพระศาสดา แมใ นพระธรรม ฯลฯ แมใ นพระสงฆ ฯ ล ฯ เปน ผไู มก ระทาํ ใหบ รบิ ูรณแ มในสกิ ขา. ภกิ ษนุ ้ัน ยอ มกอววิ าทในสงฆ ภกิ ษุใด ยอ มกอ ววิ าท ภิกษนุ น้ัยอมเปนไป เพอ่ื มิใชป ระโยชนแ กชนเปน อนั มาก เพอ่ื มิใชความสขุ แกช นเปนอันมาก เพื่อความพินาศแกชนเปนอันมาก เพือ่ มใิ ชป ระโยชนเพอื่ ความทุกขแกเทวดาและมนษุ ยท ัง้ หลาย. ดกู อ นทา นผูม ีอายทุ ้ังหลายถาพวกทา นพงึ พิจารณาเห็นมูลแหงววิ าทเหน็ ปานน้ี ทง้ั ภายในทัง้ ภายนอก.พวกทานก็พึงพยายามเพื่อละมลู แหง วิวาทอนั ลามก นน้ั นน่ั แหละในท่ีนน้ั ได. ดกู อนทา นผูม อี ายทุ งั้ หลาย ถาพวกทานไมพึงพจิ ารณาเหน็ มลู แหงวิวาทเห็นปานน้นั ทั้งภายในท้งั ภายนอก. พวกทานกพ็ ึงปฏิบัติ เพอื่ ความไมเกดิ ขนึ้ ตอไปแหงวิวาทมลู อันลามกนั้นนัน่ แหละ.. เมอ่ื พยายามไดอ ยา งน้ีเธอยอมละมูลแหงวิวาทอันลามกนั้นได เม่ือเธอปฏิบตั ิอยอู ยา งน้ี มูลแหงวิวาทอันลามกนน้ั ยอ มไมม ตี อ ไปอกี . [๓๑๙] ธาตุ ๖ ๑. ปฐวีธาตุ ธาตดุ ิน ๒. อาโปธาตุ ธาตุนา้ํ ๓. เตโชธาตุ ธาตไุ ฟ ๔. วาโยธาตุ ธาตุลม ๕. อากาสธาตุ ธาตทุ ีส่ ัมผัสไมได ๖. วญิ ญาณธาตุ ธาตรุ ู.

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 221[๓๒๐] นิสสารณียธาตุ ธาตทุ ค่ี วรเพือ่ ความออกไป ๖ ๑. ดกู อนทานผู อายทุ ง้ั หลาย ภกิ ษุในพระธรรมวนิ ยั น้ี พึงกลา วอยางนวี้ า กเ็ จโตวิมุตติที่ประกอบดว ยเมตตาแล เราอบรมแลว ทาํ ใหมากแลว ทาํ ใหเ ปนดงั ยานแลว ทาํ ใหเปนท่ีตงั้ แลว คลอ งแคลวแลว สั่งสมแลวปรารภดีแลว แตถึงอยา งนน้ั พยาบาทกย็ ังครอบงําจิตของเราตั้งอยไู ดดงั น.้ี ภกิ ษุน้นั พึงถกู วา กลาวอยางนีว้ า ทา นผมู อี ายุ อยาไดพ ดู อยางน้นัอยา ไดก ลา วตูพระผมู ีพระภาคเจา การกลาวตพู ระผมู พี ระภาคเจาไมดีเลยเพราะวาพระผูมีพระภาคเจา ไมพ งึ ตรัสอยางน้ี. ดูกอ นทานผูมอี ายุท้งั หลายขอทเ่ี ธอกลา ววา เมอ่ื บุคคลอบรมแลว ทาํ ใหม ากแลว ทําใหเปนดังยานแลวทําใหเปน ที่ต้งั แลว ทาํ ใหคลองแคลว แลว สงั่ สมแลว ปรารภดแี ลวซึง่เจโตวมิ ตุ ตปิ ระกอบดว ยเมตตาอนั ใด ถึงอยา งนัน้ พยาบาทจกั ครอบงําจิตของเขาต้งั อยไู ด ดังน้ี นนั่ มิใชฐ านะ มใิ ชโอกาส ขอ นี้ มใิ ชฐ านะทีจ่ ะมีได.ดกู อนทานผูมีอายทุ ั้งหลาย เพราะเจโตวิมตุ ติประกอบดว ยเมตตานี้ เปนธรรมเครื่องสลดั ซึ่งความพยาบาท. ๒. ดูกอนทา นผมู อี ายุทงั้ หลาย ก็ภกิ ษใุ นพระธรรมวินยั น้ี พึงกลาวอยา งนี้วา เจโตวมิ ุตติประกอบดวยกรณุ าแล อันเราอบรมแลว กระทาํ ใหมากแลว กระทาํ ใหเ ปน ดงั ยานแลว กระทาํ ใหเปนทตี่ ั้งแลว คลองแคลว แลวสั่งสมแลว ปรารภดีแลว แตถึงอยางน้นั วเิ หสากย็ งั ครอบงาํ จิตของเราตง้ั อยูไ ด ดงั น้.ี เธอควรลูกวา กลาวอยา งน้ีวา ทานอยาไดกลา วตูพระผูมีพระภาคเจา อยางน้นั เพราะการกลา วตูพระผูมีพระภาคเจา ไมด เี ลย พระผูมีพระภาคเจาไมตรสั อยางน้ัน. ดกู อ นทานผมู ีอายทุ ัง้ หลาย ขอท่ีเธอกลาววา

พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 222เมอ่ื บุคคลอบรมแลว กระทําใหมากแลว กระทาํ ใหเปนดังยานแลว กระทาํใหเ ปนท่ตี ้ังแลว คลอ งแคลว แลว ส่งั สมแลว ปรารภดีแลว ซง่ึ เจโตวิมุตติประกอบดวยกรุณา อนั ใด แตถ ึงอยางนั้น วเิ หสากจ็ ักครอบงาํ จติ ของเราต้ังอยไู ด ดังนี้ น่ันมใิ ชฐานะ มใิ ชโอกาส ขอนี้ มใิ ชฐ านะท่ีจะมีได. ดูกอนทานผูมอี ายทุ งั้ หลาย เพราะเจโตวมิ ตุ ติประกอบดวยกรณุ าน้ี เปนเครอื่ งสลัดออกซ่งึ วเิ หสา. ๓. ดกู อนทา นผูม ีอายุท้งั หลาย กภ็ ิกษใุ นพระธรรมวินยั นี้ พึงกลาวอยา งนีว้ า เจโตวมิ ุตตปิ ระกอบดวยมุทิตาแล อนั เราอบรมแลวกระทําใหมากแลว กระทําใหเ ปน ดงั ยานแลว กระทาํ ใหเปน ทีต่ ้ังแลวคลองแคลว แลว สั่งสมแลว ปรารภดแี ลว แตถงึ อยางน้ัน อรตกิ ย็ งั ครอบงําจติ ของเราตั้งอยูได ดงั น.ี้ เธอพงึ ถกู กลา วหาวา ทา นอยา พดู อยา งนนั้ทานผูมอี ายุ ทานอยา ไดกลาวตูพระผูมีพระภาคเจา เพราะการกลา วตูพระ-ผูมพี ระภาคเจาไมดีเลย พระผมู ีพระภาคเจา ไมพงึ ตรสั อยา งน้ัน. . ขอท่ที า นกลา ววาบุคคลอบรมแลว กระทาํ ใหม ากแลว กระทําใหเ ปนดังยานแลว กระ-ทําใหเ ปน ที่ตง้ั แลว คลองแคลวแลว สั่งสมแลว ปรารภดีแลวซงึ่ เจโตวิมตุ ติอันประกอบดวยมุทติ า อนั ใด แตถงึ อยางนัน้ อรติกจ็ ักครอบงาํ จิตของเราตง้ั อยูได ดังน้ี นนั่ มใิ ชฐานะ มใิ ชโ อกาส ขอ น้ไี มเ ปนฐานะท่ีจะมไี ด.เพราะวาเจโตวิมตุ ติประกอบดว ยมทุ ติ าน้ี เปน เครอื่ งสลดั ออกซง่ึ อรติ. ๔. ดกู อนทานผมู ีอายทุ ั้งหลาย กภ็ กิ ษุในพระธรรมวนิ ยั น้วี า เจโตวิมุตตปิ ระกอบดวยอเุ บกขาแล อันเราอบรมแลว กระทาํ ใหม ากแลว ทําใหเปนดังยานแลว ทาํ ใหเปนทต่ี ง้ั แลว คลองแคลว แลว ส่งั สมแลวปรารภดแี ลว แตถงึ อยางนนั้ ราคะก็ยงั ครอบงําจติ ของเราต้งั อยไู ด ดงั นี้.

พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 223เธอก็ควรถูกวา กลา วดังน้วี า ทานอยา ไดก ลาวอยา งน้ี ทานผูมีอายุ อยาไดกลาวอยางน้ี อยาไดก ลาวตพู ระผมู ีพระภาคเจา เพราะการกลา วตพู ระผูม ีพระภาคเจาไมดีเลย พระผมู พี ระภาคเจาจะไมพงึ ตรัสอยา งน้ี. ดกู อ นทานผมู ีอายทุ ัง้ หลาย ขอทท่ี านกลา ววา เมอ่ื บคุ คลอบรมแลว กระทําใหมากแลวกระทําใหเปน ดงั ยานแลว กระทาํ ใหเปน ทตี่ งั้ แลว คลองแคลว แลวสัง่ สมแลว ปรารภดีแลว ซึง่ เจโตวิมตุ ตปิ ระกอบดวยอเุ บกขา แตถ งึ อยา งนั้นราคะก็ยังครอบงําจิตของเขาตัง้ อยไู ด ดงั น้ี นน้ั นั่นมใิ ชฐานะ มิใชโ อกาสขอ น้ี มใิ ชฐ านะทจี่ ะมไี ด. ดกู อนทา นผมู ีอายุทงั้ หลาย เพราะเจโตวมิ ุตติประกอบดว ยอุเบกขาน้ี เปน เครอื่ งสลัดออกซ่งึ ราคะ. ๕. ดูกอนทา นผมู ีอายทุ ั้งหลาย กภ็ กิ ษใุ นพระธรรมวนิ ัยน้ี พึงกลาวอยางนี้วา เจโตวิมุตตทิ ีไ่ มมนี มิ ติ แล อันเราอบรมแลว กระทําใหมากแลว กระทาํ ใหเปน ดงั ยานแลว กระทาํ ใหเปนทตี่ ัง้ แลว คลอ งแคลวแลว ส่ังสมแลว ปรารภดแี ลว แตถ ึงอยา งนัน้ วญิ ญาณท่ีแลน ไปตามนมิ ิต ก็ยังมอี ยูแกเรา ดงั นี้ เธอควรถกู วากลา ววา ทา นอยาไดพูดอยางนี้ทานผมู อี ายอุ ยาไดกลาวอยา งน้ี อยาไดก ลา วตูพระผูมีพระภาคเจา การกลาวตพู ระผูมพี ระภาคเจาไมเปน การดีเลย เพราะวา พระผมู พี ระภาคเจาจะไมพงึ ตรสั อยา ง. ดกู อนทา นผมู ีอายทุ ง้ั หลาย ขอ ที่ทานกลา ววา เมอ่ื บคุ คลอบรมแลว กระทําใหมากแลว กระทาํ ใหเปนดังยานแลว กระทําใหเปนท่ีตงั้ แลว คลอ งแคลวแลว สัง่ สมแลว ปรารภดีแลว ซ่งึ เจโตวิมตุ ตทิ ี่หานิมิตมิได แตถงึ อยา งน้นั วิญญาณท่แี ลนไปตามนมิ ิตก็จกั มแี กเขา ดงั นี้

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 224น่ันมิใชฐ านะ มใิ ชโ อกาส ขอน้ี มใิ ชฐานะท่จี ะมไี ด. ดูกอนทา นผูม อี ายุท้งั หลาย เจโตวมิ ุตตอิ ันไมมีนิมิตนี้ เปน เคร่ืองสลดั ออกซ่ึงนิมิตทุกอยาง. ๖. ดูกอ นทานผูมอี ายุท้งั หลาย ก็ภิกษุในพระธรรมวินัยน้ี พงึ กลา วอยา งน้ีวา เมอื่ การถือวาเรามีอยู ดังน้ี เม่ือการถอื วาเรา หมดไปแลวเราก็มไิ ดพจิ ารณาเห็นวา เรามีอย.ู แตถ ึงอยางน้นั ลกู ศรคอื ความเคลอื บแคลงสงสัยกย็ ังครอบงาํ จติ ของเราตงั้ อยูได ดังน้.ี เธอก็ควรถกู วากลาวอยา งน้ีวา ทานอยาไดกลา วอยางนี้ ทานผมู ีอายอุ ยา ไดพดู อยา งนี้ อยาไดกลา วตพู ระผมู ีพระภาคเจา การกลา วตพู ระผูมีพระภาคเจา เปนการไมดีเลยเพราะพระผมู ีพระภาคเจาจะไมพ งึ ตรัสอยา งนี้. ดูกอ นทา นผมู อี ายุทัง้ หลายขอทีท่ านกลา ววา เม่อื การถอื วาเรามีอยู ดงั น้หี มดไปแลว และเมื่อเขายังมไิ ดพิจารณาเหน็ วา เรามีอยู แตถ ึงอยา งน้ัน ลูกศรคอื ความเคลอื บแคลงสงสยั กจ็ กั ครอบงําจติ ของเขาตัง้ อยูได ดงั น้ี นน่ั มิใชฐานะ มิใชโอกาสขอนี้ มิใชฐานะทจี่ ะมีได. ดูกอ นทานผูมอี ายทุ ัง้ หลาย เพราะธรรมอันถอนขึน้ ซึ่งมานะในกาวถือวาเรามีอยนู ้ี เปน เคร่อื งสลดั ออกซง่ึ ลกู ศร คือความเคลือบแคลงสงสยั . [๓๒๑] อนุตตรยิ ะ ๖ ๑. ทัสสนานตุ ตรยิ ะ การเหน็ อนั ยอดเยย่ี ม ๒. สวนานุตตรยิ ะ การฟงอนั ยอดเย่ียม ๓. ลาภานตุ ตริยะ การไดอันยอดเย่ยี ม ๔. สกิ ขานตุ ตรยิ ะ การศกึ ษาอันยอดเยีย่ ม ๕. ปาริจรยิ านตุ ตริยะ การบาํ รงุ อนั ยอดเย่ยี ม ๖. อนสุ สตานุตตรยิ ะ การระลึกอนั ยอดเยี่ยม.

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 225 [๓๒๒] อนสุ สติฐาน ๖ ๑. พทุ ธานุสสติ การระลึกถึงคุณของพระพทุ ธเจา ๒. ธัมมานุสสติ การระลึกถงึ คุณของพระธรรม ๓. สงั ฆานสุ สติ การระลกึ ถงึ คณุ ของพระสงฆ ๔. สีลานสุ สติ การระลกึ ถงึ ศลี . ๕. จาคานุสสติ การระลึกถงึ การสละ ๖. เทวตานสุ สติ การระลกึ ถงึ เทวดา. [๓๒๓] สตตวหิ าร คือธรรมเครือ่ งอยูข องพระขีณาสพ ๖ ๑. ดูกอนทานผมู ีอายทุ ง้ั หลาย ภกิ ษใุ นพระธรรมวินัยนี้ เห็นรูปดว ยจกั ษแุ ลว ยอ มเปน ผูไ มด ใี จ ไมเสียใจ แตเ ปนผวู างเฉย มีสติ และสมั ปชญั ญะอยู. ๒. ฟง เสยี งดวยโสตแลว. . . ๓. ดมกล่ินดวยจมูกแลว ... ๔. ลิ้มรสดว ยลิ้นแลว... ๕. ถกู ตองโผฏฐพั พะดว ยกายแลว... ๖. รแู จง ธรรมดวยใจแลว . ยอมเปนผไู มดใี จ ไมเสยี ใจ แตเปนผวู างเฉย มีสตแิ ละสัมปชัญญะอยู. [๓๒๔] อภิชาติ ๖ ๑. ดกู อนทา นผมู ีอายทุ งั้ หลาย บคุ คลบางตนในโลกนี้ เกิดในทด่ี าํประสบธรรมฝา ยดํา.

พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 226๒. ดกู อ นทา นผูมอี ายทุ ง้ั หลาย บคุ คลบางคนในโลกนี้ เกดิ ในท่ดี ําประสบธรรมฝายขาว.๓. ดกู อนทานผูมอี ายุท้งั หลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ เกิดในทดี่ ําประสบพระนพิ พานซง่ึ เปน ธรรมไมด าํ ไมข าว.๔. ดกู อ นทา นผมู อี ายทุ ้งั หลาย บคุ คลบางคนในโลกน้ี เกิดในที่ขาว ประสบธรรมฝา ยขาว.๕. ดูกอนทานผูม ีอายทุ ้งั หลาย บคุ คลบางคนในโลกนี้ เกิดในท่ีขาว ประสบธรรมฝายดาํ .๖. ดกู อนทานผมู อี ายทุ ั้งหลาย บคุ คลบางคนในโลกนี้ เกิดในที่ขาว ประสบพระนพิ พานซึง่ เปน ฝา ยไมดาํ ไมขาว.[๓๒๕] นิพเพธภาคิยสญั ญา ๖๑. อนจิ จสัญญา กาํ หนดหมายในสังขารวาเปนของไม เท่ยี ง๒. อนิจเจ ทุกขสญั ญา กําหนดหมาย ในสง่ิ ไมเทีย่ งวาเปนทกุ ข๓. ทุกเข อนตั ตสญั ญา กาํ หนดหมาย ในส่ิงทีเ่ ปนทกุ ขว า เปน อนตั ตา๔. ปหานสญั ญา กําหนดหมายในการละ๕. วิราคสัญญา กาํ หนดหมายในการคลายกําหนดั๖. นโิ รธสัญญา กําหนดหมายในการดบั .





























พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 241ยอมมงุ หวังส่งิ ทต่ี นถวายไป เขาไดย นิ วา เทวดาชน้ั ดาวดึงส ฯลฯ ยอ มสาํ เรจ็ ไดเพราะเปนของบริสุทธ.์ิ ๔. ดกู อนทานผูมอี ายุ ขอ อืน่ อกี บคุ คลบางคนในโลกน้ี ยอมถวาย ฯลฯ เขาไดยินวา พวกเทพเหลา ยามา ฯ ล ฯ ยอ มสาํ เร็จได เพราะเปนของบรสิ ุทธิ์. ๕. ดูกอ นทา นผูมีอายุทงั้ หลาย ขอ อ่นื อีก บคุ คลบางคนในโลกน้ียอมถวาย ฯลฯ เขาไดย ินวา พวกเทพเหลา ดสุ ิต ฯลฯ ยอมสาํ เรจ็ ไดเพราะเปนของบรสิ ทุ ธ์.ิ ๖. ดกู อนทา นผมู ีอายุทงั้ หลาย ขออ่ืนอกี บุคคลบางคนในโลกนี้ยอ มถวาย ฯลฯ เขาไดยนิ วา พวกเทพเหลา นิมมานรดี ฯ ล ฯ ยอ มสําเร็จได เพราะเปนของบริสทุ ธ์.ิ ๗. ดูกอนทานผมู อี ายุท้ังหลาย ขออ่ืนอีก บุคคลบางคนในโลกนี้ยอ มถวาย ฯ ลฯ เขาไดยนิ มาวา พวกเทพเหลา ปรนมิ มติ วสวตั ดี มีอายุยืนมวี รรณะ มากดวยความสขุ ดงั นี้ . เขาจึงคิดอยางนว้ี า โอหนอ เบื้องหนาแตต ายเพราะกายแตก เราพงึ เขาถึงความเปนสหายของเหลาเทพปรนมิ -มิตวสวตั ด.ี เขาตงั้ จิตนัน้ ไว อธิฐานจติ นั้นไว อบรมจิตนั้นไว จติ ของเขาน้ันนอ มไปในส่ิงทเี่ ลว. มิไดรบั อบรม เพื่อคณุ เบือ้ งสงู ยอมเปนไปเพ่ือเกดิ ในทีน่ ้นั . ก็ขอ นัน้ แล เรากลา วสําหรับผมู ีศลี มใิ ชผูท ุศีล. ผูมีอายุทั้งหลาย ความต้งั ใจของผูมีศลี ยอมสาํ เร็จไดเพราะเปน ของบรสิ ทุ ธ์ิ. ๘. ดกู อ นทานผูมอี ายทุ ง้ั หลาย อีกขอ หนงึ่ บคุ คลบางคนในโลกน้ียอ มถวายขา ว น้ํา ผา ยาน ดอกไม ของหอม เครือ่ งลูบไล. ทีน่ อน

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 242ทีพ่ กั และสิง่ ท่ีเปน อุปกรณแกประทีปเปน ทาน แกสมณะ หรือพราหมณเขายอมมุง หวงั สง่ิ ท่ีตนถวายไป เขาไดย ินมาวา พวกเทพที่นับเนื่องในหมูพรหม มีอายยุ ืน มีวรรณะ มากดวยความสขุ ดงั น้ี . เขาจึงคิดอยา งนี้วาโอหนอ เบื้องหนา แตต ายเพราะกายแตก เราพงึ เขาถงึ ความเปน สหายของพวกเทพทนี่ บั เนอื่ งในหมูพรหม. เขาต้งั จิตน้นั ไว อธิษฐานจติ นัน้ ไว อบรมจติ นน้ั ไว จติ ของเขาน้นั นอ มไปในสงิ่ ที่เลว มิไดร บั อบรมเพอื่ คณุ เบอ้ื งสงูยอมเปน ไปเพอื่ เกดิ ในที่นน้ั . ก็ขอนั้นแล เรากลาวสาํ หรบั ผูมศี ลี ไมใ ชผ ูทศุ ีล สําหรับผทู ีป่ ราศจากราคะ มใิ ชส าํ หรบั ท่ยี ังมรี าคะ. ดูกอนทา นผูม อี ายุท้งั หลาย ความต้ังใจของผมู ีศีล ยอ มสําเร็จได เพราะปราศจากราคะ.[๓๔๗] โลกธรรม ๘๑. มลี าภ ๒. ไมม ีลาภ๓. มยี ศ ๔. ไมมยี ศ๕. นนิ ทา ๖. สรรเสรญิ๗. สุข ๘. ทุกข [๓๔๘] บริษทั ๘๑. ขตั ติยบริษัท ๒. พราหมณบริษัท๓. คฤหบดบี รษิ ทั ๔. สมณบรษิ ัท๕. จาตมุ หาราชิกบรษิ ทั ๖. ดาวดงึ สบริษทั๗. นมิ มานรดบี ริษัท ๘. พรหมบริษทั [๓๔๙] อภภี ายตนะ ๘๑. ผูหนงึ่ มคี วามสําคญั ในรูปภายใน เห็นรปู ในภายนอกทเ่ี ลก็

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 243ผิวพรรณดีและมีผวิ พรรณทราม ครอบงาํ รูปเหลานัน้ แลว มีความสาํ คัญอยางนวี้ า เรารู เราเห็น อนั น้ี เปนอภิภายตนะขอ ทห่ี นึง่ . ๒. ผูหนึง่ มีความสาํ คัญในรูปภายใน เหน็ รปู ภายนอกที่ใหญ มีผวิ พรรณดี และมีผิวพรรณทราม ครอบงาํ รปู เหลา น้ันแลว มีความสาํ คญัอยา งนี้วา เรารู เราเห็น อนั น้ี เปนอภิภายตนะขอ ที่สอง. ๓. ผหู น่งึ มคี วามสําคัญในอรปู ภายใน เหน็ รปู ภายนอกทเ่ี ลก็มีผวิ พรรณดี และมีผวิ พรรณทราม ครอบงาํ รปู เหลานน้ั แลว มีความสําคญั อยา งนี้วา เรารู เราเห็น อนั น้ี เปน อภิภายตนะขอ ท่ีสาม ๔. ผูหน่งึ มีความสาํ คัญในอรูปภายใน เห็นรปู ภายนอกทใ่ี หญมผี วิ พรรณดี และมผี ิวพรรณทราม ครอบงาํ รปู เหลา นนั้ แลว มีความสําคัญอยา งนว้ี า เรารู เราเห็น อันน้ี เปน อภิภายตนะขอท่ีสี.่ ๕. ผหู นึ่ง มคี วามสําคัญในอรปู ภายใน เหน็ รปู ภายนอกอันเขียวมีวรรณเขียว เขยี วลวน มีรศั มีเขยี ว ดอกผกั ตบอันเขียว มวี รรณเขยี วเขียวลวน มรี ศั มเี ขียว หรอื วา ผาที่กําเนดิ ในเมอื งพาราณสี มีสว นทั้งสองเกลยี้ งเขยี ว มวี รรณเขยี ว เขยี วลว น มีรัศมเี ขียว แมฉันใด ผหู นึง่มคี วามสาํ คัญในอรูปภายใน เหน็ รปู ภายนอกอันเขยี ว มวี รรณเขียวเขียวลวน มรี ัศมเี ขียว ฉันน้ันเหมอื นกัน ครอบงํารปู เหลานัน้ แลว มีความสําคญั อยา งนว้ี า เรารู เราเห็น อนั นี้ เปนอภิภายตนะขอ นีท้ ่ีหา. ๖. ผหู นง่ึ มคี วามสาํ คัญในอรูปภายใน เห็นรูปภายนอกอันเหลอื งมีวรรณเหลอื ง เหลืองลวน มรี ัศมีเหลือง ดอกกรรณิการอนั เหลอื ง มี

พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 244วรรณเหลอื ง เหลืองลวน มีรศั มเี หลอื ง หรือวา ผา ทีก่ าํ เนิดในเมืองพาราณสมี ีสว นทงั้ สองเกลีย้ งเหลือง มวี รรณะเหลอื ง เหลืองลวน มรี ัศมีเหลอื ง แมฉ นั ใด ผหู นึง่ มีความสาํ คัญในอรูปภายในเหน็ รูปภายนอกอันเหลอื ง มีวรรณเหลือง เหลืองลว น มีรัศมเี หลือง ฉันนน้ั เหมอื นกันครอบงาํ รูปเหลา น้ันแลว มีความสาํ คัญอยา งน้ีวา เรารู เราเห็น อันน้ีเปน อภิภายตนะขอ ทหี่ ก. ๗. ผูหนึง่ มีความสาํ คัญในอรปู ภายใน เห็นรปู ภายนอกอันแดงมีวรรณแดง แดงลว น มีรัศมีแดง ดอกหงอนไกอ ันแดง มวี รรณแดงแดงลวน มรี ัศมแี ดง หรือวา ผาทก่ี าํ เนิดในเมืองพาราณสี มีสว นทั้งสองเกล้ียงแดง มวี รรณแดง แดงลว น มรี ัศมแี ดง แมฉ นั ใด ผูห นึ่ง มคี วามสําคัญในอรปู ภายใน เหน็ รปู ภายนอกอนั แดง มวี รรณแดง แดงลวนมีรศั มีแดง ฉันนน้ั เหมอื นกัน ครอบงํารูปเหลา นั้นแลว มีความสาํ คัญอยางนวี้ า เรารู เราเห็น อันน้ีเปน อภภิ ายตนะขอท่เี จ็ด. ๘. ผหู นึง่ มีความสําคญั ในอรปู ภายใน เห็นรูปนอกอนั ขาว มีวรรณะขาว ขาวลว น มรี ัศมขี าว ดาวประกายพฤกษอันขาว มีวรรณะขาวขาวลว น มรี ัศมขี าว หรือวา ผาท่ีกาํ เนดิ ในเมืองพาราณสมี สี ว นท้ังสองเกลี้ยงขาว มีวรรณะขาว ขาวลวน มีรศั มีขาว แมฉันใด ผูห นึ่ง มคี วามสําคญั ในอรูปภายใน เห็นรปู ภายนอกอนั ขาว มีวรรณะขาว ขาวลวนมรี ัศมีขาว ฉันน้ันเหมอื นกัน ครอบงาํ รปู เหลาน้นั แลว มีความสําคญั อยา งน้ีวา เรารู เราเหน็ อันนี้ เปน อภิภายตนะขอที่แปด.

พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 245 [๓๕๐] วิโมกข ๘ ๑. บุคคลเหน็ รูปท้งั หลาย อนั นี้ เปนวิโมกขข อท่ีหนึง่ . ๒. ผหู นงึ่ มคี วามสาํ คัญในอรปู ภายใน เหน็ รปู ภายนอก อนั น้ีเปนวโิ มกขขอ ทส่ี อง. ๓. บคุ คล ยอมนอ มใจไปวา ส่ิงนง้ี ามทเี ดียว อันนี้ เปน วิโมกขขอ ทีส่ าม. ๔. เพราะลวงเสียซ่งึ รปู สญั ญาโดยประการท้ังปวง เพราะปฏิฆ-สญั ญาดบั ไป เพราะไมใสใจซงึ่ นานัตตสัญญาบุคคลยอมเขา ถงึ อากาสานญั -จายตนะ ดวยมนสกิ ารวา อากาศหาท่สี ุดมไิ ด ดังนี้ อยู วันนี้ เปน วิโมกขขอท่สี .ี่ ๕. เพราะลว งเสียซง่ึ อากาสามญั จายตนะโดยประการท้ังปวงบุคคล ยอมเขาถงึ วญิ ญาณญั จายตนะ ดว ยมนสกิ ารวา วญิ ญาณหาท่สี ดุมไิ ด ดังนอ้ี ยู อันน้ี เปน วโิ มกขขอ ที่หา . ๖. เพราะลวงเสียซงึ่ วญิ ญาณัญจายตนะโดยประการทงั้ ปวง บุคคลยอ มเขา ถงึ อากิญจัญญายตนะ ดวยมนสกิ ารวา ไมมีอะไร อันนี้ เปนวโิ มกขข อ ท่หี ก. ๗. เพราะลว งเสียซึ่งอากญิ จญั ญายตนะโดยประการทง้ั ปวง บคุ คลยอ มเขาถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะอยู อนั นี้ เปน วิโมกขข อ ทเี่ จ็ด. ๘. เพราะลวงเสียซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทงั้ ปวงบคุ คล ยอ มเขา ถงึ สัญญาเวทยิตนิโรธอยู อนั นี้ เปนวิโมกขขอ ท่ีแปด.

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 246 ดกู อนทา นผมู ีอายุทั้งหลาย ธรรมท้งั หลาย ๘ เหลานี้แล อันพระผูมพี ระภาค ผูท รงรู ทรงเหน็ เปน พระอรหนั ตสัมมาสมั พุทธเจา พระองคนนั้ ตรัสไวชอบแลว พวกเราทัง้ หมดดว ยกัน พึงสังคายนา ไมพึงโตแยงกนั ในธรรมน้นั ฯลฯ เพ่อื ประโยชน เพ่อื เก้ือกูล เพอื่ ความสุขแกเทวดาและมนษุ ยทง้ั หลาย. จบสงั คตี หิ มวด ๘ วาดวยสงั คตี หิ มวด ๙ [๓๕๑] ดกู อ นทานผูมอี ายทุ ั้งหลาย ธรรมทง้ั หลาย ๙ แล ท่ีพระผูมีพระภาค ผทู รงรูทรงเห็น เปน พระอรหันตสมั มาสัมพทุ ธเจาพระองคน น้ั ตรสั ไวโดยชอบแลว มีอยู พวกเราท้ังหมดดว ยกนั พึงสัง-คายนา ไมพ ึงโตแ ยง กันในธรรมนัน้ ฯลฯ เพ่อื ประโยชน เพือ่ เกื้อกลูเพ่ือความสุขแกเทวดาและมนษุ ยทงั้ หลาย. ธรรมทัง้ หลาย ๙ เปนไฉน. อาฆาตวตั ถุ ๙ ๑. ผกู อาฆาตดว ยคิดวา ผนู ไ้ี ดป ระพฤตสิ ่ิงทไี่ มเปนประโยชน แกเราแลว. ๒. ผูกอาฆาตดวยคดิ วา ผนู ้กี ําลงั ประพฤติซ่งึ สง่ิ ที่ไมเ ปน ประโยชนแกเ รา. ๓. ผกู อาฆาตดว ยคดิ วา ผูนี้จกั ประพฤติสงิ่ ทไี่ มเ ปน ประโยชนแ กเรา ๔. ผูกอาฆาตดว ยคดิ วา ผนู ้ไี ดประพฤตสิ ิง่ ท่ไี มเปนประโยชนแ กบคุ คลผเู ปน ทร่ี ัก เปน ที่ชอบใจของเราแลว .

พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 247 ๕. ผูกอาฆาตดว ยคดิ วา ผนู ้กี ําลงั ประพฤตสิ ิง่ ที่ ไมเปน ประโยชนกบ็ ุคคลผูเปนทีร่ ัก เปน ทีช่ อบใจของเรา. ๖. ผูกอาฆาตดว ยคิดวา ผูน ี้จักประพฤตสิ ่งิ ทไ่ี มเ ปน ประโยชนแ กบคุ คลผูเปนท่รี ัก เปนทช่ี อบใจของเรา. ๗. ผกู อาฆาตดวยคดิ วา ผนู ี้ไดป ระโยคพฤตสิ ง่ิ ท่ีเปน ประโยชนแ กบุคคลผไู มเปน ท่รี ัก ไมเ ปน ทช่ี อบใจของเราแลว . ๘. ผูกอาฆาตดว ยคิดวา ผนู ้กี ําลงั ประพฤติสงิ่ ทเี่ ปน ประโยชนแ กบคุ คลผไู มเปนที่รัก ไมเ ปน ท่ชี อบใจของเรา. ๙. ผกู อาฆาตดวยคดิ วา ผูน ้จี กั ประพฤติสิ่งท่ีเปนประโยชนแ กบคุ คลผไู มเ ปนทร่ี ัก ไมเปนท่ชี อบใจของเรา. [๓๕๒] อาฆาตปฏิวนิ ัย ๙ ๑. บรรเทาความอาฆาตเสยี ดวยคดิ วา เขาไดประพฤติส่งิ ทไ่ี มเปนประโยชนแ กเราแลว เพราะเหตนุ ้ันการท่ีจะไมใ หมกี ารประพฤติสิง่ ที่ไมเปน ประโยชนแกเ รา จะหาไดใ นบุคคลนั้นแตทไ่ี หน. ๒. บรรเทาความอาฆาตเสยี ดว ยคดิ วา เขาประพฤตอิ ยูซึ่งสง่ิ ท่ไี มเปน ประโยชนแ กเ รา เพราะเหตนุ น้ั การท่จี ะไมใ หม ีการประพฤติส่งิ ท่ไี มเปน ประโยชนแ กเรา จะหาไดในบุคคลนนั้ แตท ี่ไหน. ๓. บรรเทาความอาฆาตเสยี ดว ยคดิ วา เขาจกั ประพฤติส่งิ ท่ไี มเปนประโยชนแกเ รา เพราะเหตนุ น้ั การทจี่ ะไมใ หม กี ารประพฤตสิ ิ่งท่ีไมเ ปนประโยชนแ กเ รา จะหาไดใ นบุคคลนั้นแตท ีไ่ หน. ๔. บรรเทาความอาฆาตเสียดวยคดิ วา เขาไดป ระพฤติสง่ิ ท่ีไมเ ปนประโยชนแ กบ ุคคลผเู ปนทร่ี กั ท่ีชอบใจของเราแลว เพราะเหตุนั้น การท่ี

พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 248จะไมใหม ีการประพฤติเชน น้ัน จะหาไดใ นบุคคลนน้ั แตท ไ่ี หน. ๕. บรรเทาความอาฆาตเสียดวยคดิ วา เขาประพฤติอยซู ่ึงสิง่ ท่ไี มเปนประโยชนแ กบ ุคคลเปนท่รี กั ทช่ี อบใจของเรา เพราะเหตุน้ัน การที่จะไมมกี ารประพฤติเชนนน้ั จะหาไดใ นบุคคลนัน้ แตทไ่ี หน. ๖. บรรเทาความอาฆาตเสยี ดวยคิดวา เขาจกั ประพฤติสงิ่ ทไ่ี มเ ปนประโยชนแ กบคุ คล ผเู ปน ท่ไี มเ ปน ทร่ี กั ท่ีชอบใจ เพราะเหตนุ ้ัน การทีจ่ ะไมใหม ีการประพฤติเชนนัน้ จะหาไดใ นบุคคลนั้นแตท ไ่ี หน. ๗. บรรเทาความอาฆาตดวยคดิ วา เขาไดประพฤติส่งิ ทีเ่ ปนประโยชนแ กบุคคลผูไ มเ ปน ท่รี ัก ไมเ ปนทีช่ อบใจของเราแลว เพราะเหตุน้นั การที่จะไมใ หม ีการประพฤตเิ ชนนัน้ จะหาไดในบคุ คลน้ันแตท ีไ่ หน. ๘. บรรเทาความอาฆาตเสียดว ยคดิ วา เขาประพฤติอยซู ่ึงสิง่ ท่ีเปนประโยชนแ กบ ุคคลผไู มเ ปนท่รี กั ไมเ ปน ชอบใจของเรา เพราะเหตนุ ั้น การทีจ่ ะไมใ หม ีการประพฤตเิ ชน นนั้ จะหาไดใ นบคุ คลนัน้ แตท ่ไี หน ๙. บรรเทาความอาฆาตเสียดวยคิดวา เขาจักประพฤตสิ ิง่ ท่ีเปนประโยชนแกบ คุ คลผไู มเปนที่รัก ไมเ ปน ทช่ี อบใจของเรา เพราะเหตุนั้นการทจี่ ะไมใหม กี ารประพฤติเชน นั้น จะหาไดในบคุ คลน้นั แตท ่ไี หน. [๓๕๓] สตั ตาวาส ๙ ๑. ดูกอ นทานผูม ีอายทุ ั้งหลาย สตั วพ วกหนงึ่ มกี ายตา งกัน มีสัญญาตางกัน เชน พวกมนษุ ย เทวดาบางพวก วินปิ าติกะบางพวก น้ีสตั ตาวาสขอ ที่หนึง่ . ๒. ดกู อนทา นผูมีอายทุ งั้ หลาย สัตวพ วกหน่งึ มีกายตางกนั มี

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 249สัญญาอยางเดยี วกนั เชน พวกเทพผูน ับเนอ่ื งในพวกพรหม ซง่ึ เกดิ ในภมู ิปฐมฌาน น้ี สัตตาวาสขอ ที่สอง. ๓. ดกู อ นทา นผมู อี ายทุ ั้งหลาย สตั วพวกหนงึ่ มกี ายอยา งเดียวกันมสี ญั ญาตางกัน เชนพวกเทพเหลาอาภสั สระ นี้ สัตตาวาสขอที่สาม. ๔. ดูกอ นทานผูมอี ายทุ ัง้ หลาย สตั วพวกหนง่ึ มกี ายอยางเดยี วกนัมสี ญั ญาอยา งเดยี วกัน เชนพวกเทพเหลาสภุ กณิ หา นี้ สตั ตาวาสขอ ท่ีส่ี. ๕. ดกู อนทา นผูมอี ายุทัง้ หลาย สตั วพวกหน่งึ ไมมปี ญญา ไมรูส ึกเสวยอารมณ เชนพวกเทพเหลาอสญั ญสี ัตว นี้ สัตตาวาสขอ ที่หา . ๖. ดูกอ นทานผมู อี ายทุ งั้ หลาย สัตวพวกหนง่ึ เพราะลวงเสียซง่ึรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง เพราะปฏิฆสญั ญาดบั ไป เพราะไมใสใจซงึ่ นา-นัตตสญั ญา เขา ถงึ อากาสานัญจายตนะ. ดว ยมนสิการวา อากาศหาทสี่ ุดมไิ ด ดงั นี้ น้ี สตั ตาวาสขอ ทห่ี ก. ๗. ดูกอนทานผมู ีอายทุ ้ังหลาย สตั วพ วกหนึ่ง กา วลว งซึง่ อากาสา-นญั จายตนะโดยประการทงั้ ปวง แลว เขา ถงึ วญิ ญาณญั จายตนะ ดวยมนส-ิการวา วิญญาณหาทส่ี ดุ มไิ ด นี้ สตั ตาวาสขอ ทเี่ จ็ด. ๘. ดกู อ นทานผูม อี ายุท้ังหลาย สัตวพ วกหนงึ่ กา วลวงเสียซงึ่วิญญาณัญจายตนะโดยประการทง้ั ปวง แลว เขาถึงอากิญจญั ญายตนะดวยมนสิการวา ไมม ีอะไร น้ี สตั ตาวาสขอทีแ่ ปด. ๙. ดูกอนทา นผมู ีอายุทั้งหลาย สตั วพ วกหนง่ึ กา วลว งเสยี ซ่ึงอากิญจัญญายตนะโดยประการท้งั ปวง แลวเขา ถงึ เนวสัญญานาสัญญายตนะดวยมนสกิ ารวา นสี่ งบ นี่ประณีต นี้ สตั ตาวาสขอท่เี กา .

พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 250 [๓๕๔] อขณะอสมัยแหง พรหมจรยิ วาส ๙ ๑. ดกู อนทา นผูมีอายทุ ้งั หลาย พ ระตถาคตอรหันตสมั มาสมั พุทธ-เจา เสดจ็ อบุ ตั ใิ นโลกนี้ และพระธรรมทพ่ี ระองคทรงแสดง กเ็ ปนไปเพ่อืความสงบ เปน ไปเพอื่ ความดบั ใหถงึ ความตรัสรู เปนธรรมอันพระสคุ ตประกาศแลว . แตบุคคลนเ้ี ขา ถงึ นรกเสีย นี้ มิใชข ณะ มิใชส มยั เพ่อื การอยูป ระพฤติพรหมจรรยข อท่ีหนง่ึ . ๒. ดูกอ นทา นผมู อี ายุทั้งหลาย ขออ่นื อีก พระตถาคตอรหันต-สัมมาสัมพทุ ธเจา เสดจ็ อุบตั ิในโลก และธรรมทีพ่ ระองคทรงแสดง ก็เปน ไปเพือ่ ความสงบ เปนไปเพือ่ ความดับ ใหถึงความตรัสรู เปน ธรรมอันพระสคุ ตประกาศแลว . แตบ ุคคลน้ี เขาถงึ กําเนิดสัตวด ิรจั ฉานเสยี น้ีมิใชข ณะ มิใชส มัยเพื่อการอยปู ระพฤติพรหมจรรยขอทสี่ อง. ๓. ดกู อ นทานผูมอี ายุทง้ั หลาย ขออนื่ อกี พระตถาคตอรหนั ต-สัมมาสมั พทุ ธเจา เสดจ็ อุบตั ิในโลก และธรรมทพ่ี ระองคทรงแสดง ก็เปนไปเพ่อื ความสงบ เปน ไปเพ่อื ความดับ ใหถ ึงความตรสั รู เปน ธรรมอันพระสคุ ตประกาศแลว . แตบคุ คลนีเ้ ขาถึงวิสัยแหงเปรตเสยี ฯลฯ ขอ ทีส่ าม. ๔. ดูกอ นทานผมู ีอายทุ งั้ หลาย ขออน่ื อีก พระตถาคตอรหันต-สมั มาสมั พุทธเจา เสดจ็ อบุ ตั ิในโลก และธรรมท่ีพระองคท รงแสดง กเ็ ปนไปเพ่อื ความสงบ เปน ไปเพ่ือความดบั ใหถ ึงความตรัสรู เปน ธรรมอนัพระสุคตประกาศแลว . แตบุคคลนเ้ี ขา ถึงอสุรกายเสยี ฯลฯ ขอทสี่ ี่. ๕. ดูกอนทานผูมอี ายุทง้ั หลาย ขอ อ่ืนอีก พระตถาคตอรหันต-


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook