Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_16

tripitaka_16

Published by sadudees, 2017-01-10 01:16:29

Description: tripitaka_16

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 401หา พระขณี าสพ ไดอยแู ลว คือยอมอยู ไดแกจ กั อยู เพราะเหตดุ งั น้ีนนั้ความเปน ผูล ะองคห า เสียไดนี้ ทานเรียกวา อรยิ วาส เพราะความเปน ธรรมเครอ่ื งอยขู องพระอรยิ ะ. ในธรรมทั้งปวงก็นยั น้เี หมือนกนั . ดูกอ นทานผมู ีอายุภิกษุเปน ผูประกอบดว ยองคหก อยา งน้ีแล เพราะเหตุน้ัน จึงชอื่ วาเปนผปู ระกอบดว ยฉฬังคเุ บกขา. ถามวา ธรรม เหลา ไร ชื่อวา ฉฬังคุเบกขา.แมว าธรรมมญี าณเปน ตน ชือ่ วา ฉฬังคุเบกขา. เมื่อทา นกลา ววา ญาณบณั ฑิตยอมได ญาณสัมปยตุ ตจิต ๔ ดวง โดยกิรยิ า. เม่อื ทา นกลาววาสตตวิหาร ยอ มได มหาจติ ๘ ดวง. เมอื่ ทา นกลา ววา รชชฺ นทสุ สฺ น นตฺถิยอ มไดจิต ๑๐ ดวง. โสมนสั บัณฑติ ยอมไดดว ยสามารถแหง อาเสวนะ.สองบทวา สตารกเฺ ขน เจตสา ความวา ก็สติยอ มยงั กจิ แหงการรกั ษาใหสาํ เร็จ ตลอดกาลท้ังปวง ในทวารทงั้ ๓ ของพระขีณาสพ. เพราะเหตุนั้นนน่ั แหละ ญาณทสั สนะ อนั สงบระงับ แลวตดิ ตอ กนั ทานจึงเรียกวาเปน ญาณอนั ปรากฏเฉพาะแลว แกพ ระขณี าสพนน้ั ผเู ที่ยวไปอยู ผูยนือยู ผหู ลบั และผตู น่ื . บทวา ปุถสุ มณพฺราหิมณาน ความวา แหง สมณพราหมณมาก.กบ็ รรดาคาํ เหลานัน้ ท่ีชื่อวา สมณะ. ไดแกผ ูเขา ถงึ การบรรพชา. ที่ชอื่ วาพราหมณ ไดแ ก ผูมปี กติกลา ววา เจรญิ . บทวา ปุถปุ จเฺ จกสจฺจานิความวา สจั จะเฉพาะตวั มาก อธิบายวา สจั จะ เปนอันมากทที่ า นถือเอาเฉพาะอยางนวี้ า น้เี ทานนั้ จริง. บทวา นณุ ฺณานิ ความวา ถกู นาํ ออก.บทวา ปนณุ ฺณานิ ความวา ถกู นาํ ออกดวยด.ี บทวา จตตฺ านิ ความวาปลอยแลว. บทวา วนตฺ านิ ความวา คายเเลว . บทวา มุตฺตานิ ความวากระทาํ การตัดเคร่ืองผูก. บทวา ปหนี านิ ความวา ละแลว . บทวา







































พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 421คารวะ ๖ คือ ดกู อนผูมีอายทุ ้ังหลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี มีความเคารพยาํ เกรงในพระศาสดา ในพระธรรม ในพระสงฆ ในการศกึ ษา ในความไมประมาท ในการปฏสิ ันถาร. ธรรม ๖ อยา งเหลา น้ี เปนไปในสวนวเิ ศษ [๔๒๘] ธรรม ๖ อยาง แทงตลอดไดยากเปน ไฉน. ไดแกธาตเุ ปน ทต่ี ั้งแหง ความสลดั ออก ๖ คอื ดกู อ นผมู ีอายุท้งั หลาย ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี พงึ กลา วอยางนีว้ า เมตตาเจโตวิมตุ ิอันเราเจริญแลว ทาํ ใหมากแลว ทาํ ใหเปนยาน ทาํ ใหเ ปน วตั ถุแลว ตง้ั มั่นแลว สงั่ สมแลวปรารภดแี ลว และเมือ่ เปนเชน นน้ั พยาบาทยงั ครอบงาํ จิตของเราตัง้ อย.ูภิกษนุ ัน้ พึงถูกกลา ววา เธออยาพูดอยา งน้ี เธออยากลาวอยางน้ี อยากลา วตูพระผมู พี ระภาคเจา การกลาวตูพ ระผูมีพระภาคเจา ไมด ีเลย เพราะพระผมู พี ระภาคเจาไมพึงตรสั นัน่ มใิ ชฐ านะ มิใชโอกาส คําที่วา เมื่อเมตตาเจโตวิมุติ อนั ภิกษเุ จริญแลว ทาํ ใหม ากแลว ทาํ ใหเปนยานแลวทาํ ใหเปนวตั ถุแลว ต้ังมน่ั แลว สั่งสมแลว ปรารภดแี ลว กเ็ มอื่ เปนเชนนนั้พยาบาทก็ยังครอบงาํ จิตของภิกษนุ นั้ ตัง้ อยดู งั น้ี นน่ั มใิ ชฐานะทีจ่ ะมีไดเพราะเมตตาเจโตวมิ ตุ นิ ีก้ ็เปน ท่สี ลดั ออกจากพยาบาท. ดูกอ นผมู ีอายทุ ั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินยั นี้ พงึ กลาวอยา งนี้วากรณุ าเจโตวิมุติอันเราเจริญแลว ทาํ ใหมากแลว ทําใหเปน ยานแลว ทาํใหเ ปน วตั ถุแลว ตง้ั ม่นั แลว สง่ั สมแลว ปรารภดแี ลว กเ็ มอื่ เปนเชนนั้นความเบียดเบยี นยงั ครอบงาํ จิตของเราตั้งอย.ู ภิกษุนน้ั พึงถูกกลาววาเธออยา กลา วอยา งน้ี ... นัน่ มใิ ชฐ านะ มิใชโ อกาส... คาํ ท่ีวา เมือ่ กรณุ าเจโตวิมตุ .ิ .. ปรารภดีแลว ก็เมอ่ื เปน เชนนั้นความเบยี ดเบยี นยงั ครอบงําจิต

พระสุตตันตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 422ของภิกษนุ ั้นตั้งอยู นน่ั ไมใ ชฐานะท่จี ะมไี ด กรุณาเจโตวิมุตินี้ ก็เปน ที่สลัดออกจากความเบียดเบยี น. ดกู อ นผมู อี ายุท้ังหลาย ภกิ ษุในธรรมวนิ ยั นี้ พึงกลา วอยา งนว้ี ามุทติ าเจโตวิมตุ ิ . . . . . ปรารภดีแลว เมอ่ื เปน เชนน้ัน ความไมยนิ ดยี ังครอบงาํ จิตของเราตง้ั อย.ู ภิกษุน้ัน พึงถกู กลาววา เธออยา พูดอยางน้ี . . . . .นั้นมใิ ชฐานะ มใิ ชโ อกาส คาํ ทีว่ า เม่อื มุทติ าเจโตวมิ ุติ . . . . . ปรารภดีแลวเมอื่ เปนเชนนัน้ ความไมยนิ ดียงั ครอบงําจิตของภิกษนุ ้นั ต้ังอยู นัน่ มิใชฐานะทีจ่ ะมีได มุทิตาเจโตวิมตุ นิ ี้ กเ็ ปนทีส่ ลัดออกจากความไมย นิ ด.ี ดูกอนผูมีอายทุ ั้งหลาย ภิกษุในธรรมวนิ ยั น้ี พึงกลา วอยางน้ีวาอุเบกขาเจโตวิมุติ . . . . . ปรารภดแี ลว เมอ่ื เปน เชนนั้น ราคะยังครอบงําจติของเราตัง้ อย.ู ภกิ ษุน้ันพงึ ถูกกลาววา เธออยา พูดอยางนี้ . . . . . นน่ั มิใชฐานะ มิใชโ อกาส คาํ ที่วา เม่อื อุเบกขาเจโตวิมตุ ิ . . . . . ปรารภดแี ลว เมอ่ืเปนเชนน้ัน ราคะยังครอบงําจิตของภิกษนุ ั้นต้ังอยู นน่ั มิใชฐานะทจ่ี ะมีไดอุเบกขาเจโตวมิ ุตนิ ี้ ก็เปนที่สลดั ออกจากราคะ. ดกู อ นผูมีอายุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พงึ กลาวอยางนวี้ าเจโตวมิ ตุ ิ อนั หานิมติ มไิ ด . . . . ปรารภดแี ลว เม่ือเปน เชนนน้ั วิญญาณของเรา ยอมไปตามนมิ ิต ภิกษุน้ันพงึ ถูกกลาววา เธออยาพดู อยา งนี้ . . . .นัน่ มิใชฐ านะ มิใชโอกาส คาํ ทีว่ า เม่อื เจโตวมิ ุติ อันหานิมิตมไิ ด . . . .ปรารภดีแลว เมื่อเปน เชนนัน้ วญิ ญาณอันไปตามนิมิต จกั มีแกภกิ ษุนัน้นั่นมิใชฐานะทจี่ ะมไี ด เจโตวมิ ตุ ิอันหานมิ ิตมไิ ดน้ี ก็เปนทส่ี ลดั ออกจากนิมติ ท้ังปวง. ดูกอนผมู อี ายทุ ง้ั หลาย ภกิ ษุในธรรมวนิ ัย พึงกลา วอยา งน้วี า เม่ือ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 423ถอื วา เรามอี ยูดงั น้ี ของเราหมดไปแลว เรายอ มไมพจิ ารณาเหน็ วา เรานีม้ ีอยูเม่อื เปน เชนนั้น ลูกศรคือความเคลือบแคลงสงสยั ยงั ครอบงําจิตของเราต้ังอย.ู ภิกษนุ ั้นพึงถกู กลา ววา เธออยา พดู อยางนี้ . . . . น่นั มใิ ชฐ านะมิใชโอกาส คาํ ที่วา เมื่อถอื วาเรามอี ยู หายไปแลว และเม่ือเขาไมพ จิ ารณาเห็นวาเราน้มี อี ยู เมื่อเปน เชนนน้ั ลกู ศรคอื ความเคลอื บแคลงสงสัย ยังครอบงาํ จิตของภิกษนุ ้นั ตั้งอยู น่ันมใิ ชฐ านะทจ่ี ะมีได การถอนอสั มมิ านะน้ีก็เปนทส่ี ลัดออกจากลกู ศรคอื ความเคลือบแคลงสงสัย. ธรรม ๖ อยา งเหลา น้ี แทงตลอดไดยาก. [๔๒๙] ธรรม ๖ อยางควรใหเกิดขึ้นเปนไฉน. ไดแก ธรรมเปน เครอ่ื งอยเู นอื ง ๆ ๖ คอื ดกู อ นผูมีอายุทั้งหลาย ภิกษใุ นธรรมวนิ ัยนี้เห็นรูปดว ยตา ไมยินดี ไมยนิ รา ย วางเฉย มสี ตสิ มั ปชัญญะอย.ู ฟง เสียงดวยหู . . . . ดมกล่นิ ดวยจมกู . . . . ล้ิมรสดวยล้ิน . . . . ถกู ตองโผฏฐพั พะดวยกาย . . . . รธู รรมารมณด วยใจ ไมยนิ ดี ไมยนิ ราย วางเฉย มสี ติสมั ปชัญญะอยู. ธรรม ๖ อยางเหลานี้ ควรใหเ กดิ ขึน้ . [๔๓๐] ธรรม ๖ อยาง ควรรูย งิ่ เปน ไฉน. ไดแ ก อนตุ ตรยิ ะ ๖ คอืทัสสนานุตตริยะ สวนานุตตรยิ ะ ลาภานุตตริยะ สกิ ขานุตตริยะ ปารจิ รยิ า-นุตตริยะ อนุสสตานตุ ตรยิ ะ. ธรรม ๖ อยา งเหลาน้ี ควรรยู งิ่ [๔๓๑] ธรรม ๖ อยาง ควรทําใหแจงเปน ไฉน. ไดแก อภิญญา๖ คอื ดกู อ นผูมอี ายุทง้ั หลาย ภิกษุในธรรมวินัยน้ี บรรลุ การแสดงฤทธิ์ไดหลายอยา ง แมค นเดียวทําเปน หลายคนได แมห ลายคนกท็ าํ เปนคนเดียวได ทาํ ใหป รากฏ ทําใหหายตัว ทะลฝุ ากาํ แพงภูเขาไปไมต ิดขดั เหมอื นไปในอากาศก็ได ผุดขึน้ ดําลงแมใ นแผนดนิ เหมอื นในนํา้ กไ็ ด เดินบนนา้ํ

พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 424ไมแ ยก เหมอื นบนแผน ดนิ ก็ได เหาะไปบนอากาศ เหมือนนกกไ็ ด ลูบไลพระจันทรพ ระอาทติ ย มีฤทธมิ์ าก มีอานุภาพมาก ดว ยฝา มือกไ็ ด ใชอํานาจทางกายไปตลอดพรหมโลกกไ็ ด. เธอไดย นิ เสยี ง ๒ ชนิด คือ เสียงทพิ ย และเสยี งมนษุ ย ทงั้ ไกลและใกล ดว ยทิพยโสตธาตุอันบริสทุ ธิ์ ลว งโสตของมนษุ ย. เธอ กําหนดรใู จ ของสัตวอ นื่ บคุ คลอน่ื ดว ยใจ คอื จติ มรี าคะยอ มรวู าจิตมรี าคะ หรือจิตปราศจากราคะ รูว าจิตปราศจากราคะ จติ มีโทสะ รูวา จติ มีโทสะ หรือจิตปราศจากโทสะ รูวาจติ ปราศจากโทสะ จิตมีโมหะ รวู าจิตมีโมหะ หรอื จิตปราศจากโมหะ รูวา จิตปราศจากโมหะ จิตหดหูรูวา จติ หดหู หรอื จติ ฟงุ ซา น รวู าจติ ฟุงซา น จิตเปนมหัคคตะ. รวู า จติ เปนมหคั คตะ หรอื จิตเปนอมหัคคตะ รูว าจติ เปน อมหัคคตะ. จติ เปน สอตุ ตระรูว า จิตเปน สอตุ ตระ หรือ จติ เปน อนุตตระ รูวา จติ เปนอนุตตระ จติ ตงั้ ม่ันรวู า จติ ตง้ั ม่นั หรอื จติ ไมต้งั มัน่ รูวาจติ ไมต ้ังมัน่ จิตหลุดพนแลว รูวาจิตหลุดพนแลว หรือจติ ยงั ไมหลดุ พน รูวาจติ ยงั ไมหลุดพน. ภิกษนุ นั้ ระลึกถึงชาตกิ อนไดห ลายอยาง คือ หนงึ่ ชาตบิ า ง สองชาติบา ง สามชาติบา ง สี่ชาตบิ าง หาชาตบิ าง สบิ ชาตบิ า ง ยสี่ บิ ชาติบา งสามสิบชาตบิ า ง ส่ีสบิ ชาตบิ าง หา สบิ ชาติบา ง รอยชาตบิ า ง พันชาติบา งแสนชาตบิ า ง ตลอดสังวัฏฏกัปไมน อ ยบาง ววิ ฏั ฏกปั ไมน อ ยบาง สงั วัฏฏ-ววิ ฏั ฏกัปไมนอยบาง วาในภพโนนเรามีชือ่ อยางนี้ มีโคตรอยางนี้ มผี วิ -พรรณอยา งนี้ มีอาหารอยางนี้ เสวยสขุ ทกุ ขอ ยางนี้ มีกําหนดอายอุ ยา งนี้จตุ จิ ากภพน้ันไปเกดิ ในภพโนน ในภพนน้ั เรามีชอื่ อยางนี้ มีโคตรอยางนี้

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 425มผี ิวพรรณอยา งนี้ มอี าหารอยางน้ี เสวยสขุ ทุกขอ ยา งน้ี มกี ําหนดอายุอยางน้ีครั้นจตุ จิ ากภพน้ันมาเกิดในภพนี้ เธอระลึกชาตกิ อ นไดหลายอยา งพรอมทั้งอาการ อเุ ทศดวยประการฉะนี.้ เธอเห็นหมสู ัตวท ีก่ ําลงั จตุ ิ อปุ บัติ เลว ประณตี ผิวพรรณดีผวิ พรรณทราม ไดดี ตกยาก ดวยทิพยจักษุบริสุทธ์ิลว งจกั ษุมนษุ ย ยอมรูถึงหมูสัตวไปตามกรรมวา สัตวผ ูเ จรญิ เหลา น้ี ประกอบดว ยกายทุจริตวจที จุ ริต มโนทจุ รติ ตเิ ตยี นพระอริยะเจา เปน มจิ ฉาทิฏฐิ ถอื กรรมเปนมิจฉาทิฏฐิ เบื้องหนาแตต ายเพราะกายแตก เขาเขา ถึงอบาย ทคุ ติวนิ บิ าต นรก หรือ สัตวผ ูเจริญเหลา น้ี ประกอบดว ยกายสจุ ริต วจสี จุ ริตมโนสุจรติ ไมตเิ ตยี น พระอริยะเจา แลว เปน สมั มาทฏิ ฐิ ถอื กรรมเปนสัมมาทฏิ ฐิ เบื้องหนาแตตายเพราะกายแตก เขา เขาถงึ สคุ ติ โลกสวรรค เธอเห็นหมสู ตั ว ทก่ี ําลงั จตุ ิ อปุ บตั ิ เลว ประณีต ผิวพรรณดีผิวพรรณทราม ไดด ี ตกยาก ดว ยทิพยจกั ษบุ รสิ ทุ ธ์ิ ลวงจักษุมนษุ ยยอ มรถู ึงหมูสัตว ไปตามกรรมดว ยประการฉะนี.้ เธอกระทาํ ใหแ จง เจโตวิมุติ ปญญาวิมุติ อนั หาอาสวะมไิ ด เพราะอาสวะสิ้นไป ดวยปญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรม เขาอยู. ธรรม ๖ อยา งเหลา นี้ ควรทาํ ใหแ จง. ธรรม ๖๐ เหลา นี้ จรงิ แท แนน อน.ไมผดิ พลาดไมเปนอยางอน่ื พระตถาคตตรสั รแู ลว โดยชอบดว ยประการฉะน.ี้ วา ดวยธรรมหมวด ๗ [ ๔๓๒ ] ธรรม ๗ อยาง มีอุปการะมาก ธรรม ๗ อยา งควรเจรญิธรรม ๗ อยา งควรกําหนดรู ธรรม ๗ อยา งควรละ ธรรม ๗ อยา งเปนไปในสวนขา งเสือ่ ม ธรรม ๗ อยา งเปนไปในสวนพเิ ศษ ธรรม ๗

พระสุตตันตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 426อยางแทงตลอดไดย าก ธรรม ๗ อยา งควรใหเกดิ ข้ึน ธรรม ๗ อยางควรรยู งิ่ ธรรม ๗ อยางควรทาํ ใหแ จง . [๔๓๓] ธรรม ๗ อยาง มอี ปุ การะมากเปน ไฉน. คือ อรยิ ทรพั ย๗ ไดแก สทั ธา สีล หิริ โอตตัปปะ สุตะ จาคะ ปญญา ธรรม ๗ อยา งเหลานี้ มอี ปุ การะมาก. [๔๓๔] ธรรม ๗ อยาง ควรเจริญเปนไฉน. ไดแ ก สมั โพชฌงศ๗ คอื สติ ธัมมวิจยะ วิริยะ ปติ ปสสทั ธิ สมาธิ อเุ บกขา. ธรรม ๗อยา งเหลา น้ี ควรเจริญ. [๔๓๕] ธรรม ๗ อยาง ควรกําหนดรเู ปน ไฉน. ไดแ ก วญิ ญาณ-ฐติ ิ ๗ คอื ดกู อนผมู อี ายทุ ัง้ หลาย สัตวท งั้ หลายมกี ายตา งกัน มสี ัญญาตางกนั เหมอื นมนษุ ย เทพบางพวก วินิปาตกิ ะบางพวก น้กี ็เปนวิญญาณฐติ ิขอทหี่ นึ่ง. สตั วท ้งั หลายมกี ายตา งกัน มสี ญั ญาอยางเดียวกนั เหมอื นเทพผนู ับเนือ่ งในพรหม ผูเกิดในปฐมฌาน นกี้ ็เปนวิญญาณฐิติ ขอ ทีส่ อง.สตั วทั้งหลาย มกี ายอยา งเดยี วกนั มีสัญญาตา งกัน เหมือนพวกเทพอาภสั สรานี้ ก็เปน วิญญาณฐติ ขิ อ ทีส่ าม. สัตวท ้งั หลาย มีกายอยา งเดยี วกัน มสี ัญญาอยางเดยี วกัน เหมือนพวกเทพสุภกณิ หา นี้กเ็ ปนวิญญาณฐิติ ขอ ทีส่ ่.ีสัตวทงั้ หลาย ลวงรูปสัญญา ดบั ปฏฆิ สญั ญาได ไมก ระทําไวใ นใจซึง่ สญั ญาตา งกัน โดยประการทง้ั ปวง เขา ถึงอากาสานัญจายตนะวา อากาศไมมที ี่สดุน้กี ็เปนวิญญาณฐติ ิ ขอทห่ี า . สัตวท ้งั หลาย ลว งอากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง เขาถึงวญิ ญาณัญจายตนะวา วญิ ญาณไมมที ีส่ ดุ น้ีก็เปนวญิ ญาณฐติ ิ ขอ ท่ีหก. สัตวท้งั หลาย ลวงวิญญาณญั จายตนะ โดย

พระสุตตันตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 427ประการทง้ั ปวง เขา ถึงอากิญจัญญายตนะวา ไมม อี ะไร นีก้ เ็ ปนวิญญาณฐิติ ขอที่เจ็ด. ธรรม ๗ อยางเหลาน้ี ควรกําหนดร.ู [๔๓๖] ธรรม ๗ อยา ง ควรละเปนไฉน. ไดแ ก อนุสัย ๗ คอืกามราคะ ปฏิฆะ ทิฏฐิ วจิ กิ จิ ฉา มานะ ภวราคะ อวชิ ชา. ธรรม๗ อยา งเหลา นี้ ควรละ. [๔๓๗] ธรรม ๗ อยา ง เปน ไปในสว นขางเส่ือมเปนไฉน. ไดแ กอสทั ธรรม ๗ คือ ดกู อนผูม ีอายุทั้งหลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นี้ ไมม ีศรทั ธาไมละอาย ไมเกรงกลัว สดับนอ ย เกยี จคราน ลืมสติ ปญ ญาทึบ. ธรรม๗ อยางเหลานี้ เปนไปในสวนขางเส่อื ม. [๔๓๘] ธรรม ๗ อยา ง เปนไปในสว นวิเศษเปน ไฉน. ไดแกสัทธรรม ๗ คือ ดกู อนผมู ีอายทุ ้งั หลาย ภิกษุในธรรมวนิ ัยนี้ มีศรัทธามีความละอาย มคี วามเกรงกลวั เปนผูส ดับมาก ปรารภความเพยี ร มสี ติตั้งมน่ั มปี ญญา ธรรม ๗ อยางเหลา น้ี เปน ไปในสวนวิเศษ. [๔๓๙] ธรรม ๗ อยา ง แทงตลอดไดยากเปน ไฉน. ไดแกสัปปรุ ิสธรรม ๗ คอื ดกู อนผมู อี ายุทั้งหลาย ภกิ ษุในธรรมวินยั น้ี เปนผูรูจ ักเหตุ เปนผรู ูจ ักผล เปน ผูร ูจ กั ตน เปนผูรูจ กั ประมาณ เปน ผรู ูจักกาลเวลา เปน ผรู จู ักประชุมชน เปนผรู จู ักเลอื กบคุ คล. ธรรม ๗ อยา งเหลาน้ี แทงตลอดไดย าก. [๔๔๐] ธรรม ๗ อยา ง ควรใหเ กดิ ขนึ้ เปน ไฉน. ไดแ ก สัญญา ๗คอื อนจิ จสัญญา อนตั ตสัญญา อสุภสัญญา. อาทีนวสญั ญา ปหานสญั ญาวิราคสัญญา นโิ รธสญั ญา. ธรรม ๗ อยางเหลา นี้ ควรใหเกิดข้ึน.

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 428 [๔๔๑] ธรรม ๗ อยา ง ควรรูย่ิงเปนไฉน. ไดแ ก นทิ เทสวัตถุ ๗คอื ดกู อนผูม อี ายทุ ัง้ หลาย ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี มีฉนั ทะกลา ในการสมาทานสกิ ขา และไมป ราศจากความรักในการสมาทานสิกขาตอ ไป มีฉันทะกลาในการพิจารณาธรรมและไมปราศจากความรัก ในการพจิ ารณาธรรมตอไปมีฉนั ทะกลา ในการกําจดั ความอยาก และไมปราศจากความรักในการกาํ จัดความอยากตอ ไป มีฉันทะกลาในการหลีกออกเรน และไมปราศจากความรักในการหลกี ออกเรน ตอไป มีฉันทะกลา ในการปรารภความเพยี ร และไมปราศจากความรักในการปรารภความเพียรตอไป มฉี นั ทะกลา ในสตแิ ละปญ ญาเคร่อื งรกั ษาตน และไมปราศจากความรัก ในสตแิ ละปญญาเคร่อื งรกั ษาตนตอ ไป มีฉนั ทะกลา ในการแทงตลอดทิฏฐิ และไมปราศจากความรกัในการแทงตลอดทฏิ ฐติ อ ไป. ธรรม ๗ อยางเหลา นี้ ควรรยู ่ิง. [๔๔๒] ธรรม ๗ อยา ง ควรทําใหแ จงเปนไฉน. ไดแก กาํ ลังของพระขีณาสพ ๗ คือ ดูกอ นผมู ีอายทุ ้ังหลาย ภกิ ษขุ ณี าสพในธรรม-วนิ ยั นี้ เหน็ สงั ขารทั้งปวง โดยความเปน ของไมเทย่ี ง ดว ยปญญาอันชอบตามความเปน จรงิ ดแี ลว ขอ ทีภ่ กิ ษุขีณาสพ เห็นสังขารทง้ั ปวงโดยความเปนของไมเ ท่ยี ง ดว ยปญญาอันชอบตามความเปนจริงดแี ลว นก้ี เ็ ปนกําลังของภิกษุผูขณี าสพ กาํ ลงั ทภ่ี กิ ษุขณี าสพอาศยั ยอมรูความสนิ้ ไปแหง อาสวะทัง้ หลายวา อาสวะของเราสน้ิ แลว. ขออ่นื ยังมอี ยูอ กี ภกิ ษุผเู ปน ขณี าสพ เห็นกามเปรยี บดวยหลุมถานเพลงิ ดว ยปญญาอันชอบตามความเปนจริงดแี ลว ขอ ท่ภี กิ ษุขณี าสพ เห็นกามเปรยี บดวยหลมุ ถานเพลงิ ดว ยปญญาอันชอบตามความเปน จริงดีแลวนก้ี ็เปน กําลังของภิกษุขณี าสพ กาํ ลงั ท่ภี กิ ษขุ ีณาสพอาศัย ยอ มรคู วามสิน้ ไป

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 429แหง อาสวะทงั้ หลายวา อาสวะของเราส้ินแลว . ขอ อ่นื ยงั มอี ยอู ีก จติ ของภกิ ษขุ ีณาสพ นอมไปในวิเวก โอนไปในวิเวก เงอื้ มไปในวิเวก ตง้ั อยใู นวเิ วก ยินดใี นเนกขัมมะ สนิ้ สดุ จากธรรมอันเปน ท่ตี ้ังแหงอาสวะ โดยประการทง้ั ปวง ขอทจ่ี ิตของภิกษุขีณาสพนอ มไปในวเิ วก โอนไปในวเิ วก เงือ้ มไปในวเิ วก อยใู นวิเวก ยินดีในเนกขมั มะ สนิ้ สดุ จากธรรมเปน ทีต่ ้งั แหงอาสวะ โดยประการทั้งปวงแมนก้ี ็เปนกาํ ลังของภิกษขุ ีณาสพ กาํ ลงั ท่ภี ิกษขุ ณี าสพอาศัย ยอ มรคู วามสนิ้ ไปแหงอาสวะทัง้ หลายวา อาสวะของเราส้นิ แลว . ขออนื่ ยังมอี ยูอีก สตปิ ฏฐาน ๔ อันภกิ ษขุ ีณาสพ อบรมแลว อบรมดีแลว ขอท่ีสติปฏฐาน ๔ อนั ภิกษุขีณาสพ อบรมแลว อบรมดีแลวแมน้ีกเ็ ปน กําลงั ของภิกษุขณี าสพ กําลงั ทภี่ ิกษุขณี าสพอาศยั ยอ มรคู วามสนิ้ ไปแหง อาสวะท้ังหลายวา อาสวะของเราสิน้ แลว. ขอ อน่ื ยังมีอยอู ีก อนิ ทรยี  ๕ อันภกิ ษุขีณาสพ อบรมแลว อบรมดีแลว ขอ ทอ่ี นิ ทรีย ๕ อันภิกษุขณี าสพ อบรมแลว อบรมดแี ลว แมน ้ีก็เปน กาํ ลังของภกิ ษขุ ณี าสพ กาํ ลังทภี่ ิกษุขณี าสพอาศยั ยอมรคู วามสน้ิ ไปแหง อาสวะทง้ั หลายวา อาสวะของเราสน้ิ แลว. ขออื่นยงั มอี ยูอีก โพชฌงค ๗ อนั ภิกษุขีณาสพ อบรมแลว อบรมดีแลว ขอท่โี พชฌงค ๗ อนั ภกิ ษขุ ณี าสพ อบรมแลว อบรมดีแลว แมนี้กเ็ ปนกาํ ลงั ของภกิ ษุขณี าสพ กาํ ลงั ที่ภิกษขุ ีณาสพอาศยั ยอมรูความสน้ิ ไปแหงอาสวะทั้งหลายวา อาสวะของเราส้นิ แลว . ขอ อนื่ ยงั มอี ยอู ีก อรยิ มรรคมีองค ๘ อนั ภกิ ษขุ ีณาสพ อบรมแลวอบรมดีแลว ขอท่ี อริยมรรคมีองค ๘ อันภกิ ษุขณี าสพ อบรมแลว อบรมดี

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 430แลว แมน ี้ ก็เปน กาํ ลังของภิกษขุ ณี าสพ กําลังทภี่ กิ ษขุ ีณาสพอาศยั ยอ มรคู วามสนิ้ ไปแหงอาสวะทง้ั หลายวา อาสวะของเราส้นิ แลว. ธรรม ๗ อยา งเหลา นี้ ควรทําใหแจง ธรรม ๗ อยา งเหลา นี้ จริง แท แนน อน ไมผ ิดไมเปน อยา งอ่นื พระตถาคตตรัสรแู ลว โดยชอบ ดว ยประการฉะน้.ี จบปฐมภาณวาร. วา ดวยธรรมหมวด ๘ [๔๔๓] ธรรม ๘ อยางมีอปุ การะมาก ธรรม ๘ อยาง ควรเจริญธรรม ๘ อยา ง ควรกาํ หนดรู ธรรม ๘ อยา ง ควรละ ธรรม ๘ อยา งเปน ไปในสว นขา งเสือ่ ม ธรรม ๘ อยา งเปน ไปในสวนวเิ ศษ ธรรม ๘ อยางควรใหเกิดขึน้ ธรรม ๘ อยาง ควรรยู ง่ิ ธรรม ๘ อยาง ควรทําใหแจง. [๔๔๔] ธรรม ๘ อยาง มีอปุ การะมากเปน ไฉน. ไดแก เหตุ๘ อยาง ปจ จยั ๘ อยาง ยอ มเปน ไปเพื่อไดป ญ ญาเปนอาทพิ รหมจรรยที่ยังไมไ ด เพื่อความเจริญยิง่ เพ่ือความไพบลู ย เพอ่ื ความเจรญิ เพื่อความบรบิ รู ณ แหง ปญญาที่ไดแ ลว เหตแุ ละปจ จยั ๘ อยาง เปน ไฉน คือดูกอนผูม ีอายทุ ้ังหลาย ภกิ ษใุ นธรรมวินัยนี้ เขาไปอาศยั พระศาสดา หรือเพ่ือนพรหมจรรย อยใู นฐานะควรเคารพรูปใดรูปหน่งึ หิรแิ ละโอตตัปปะแรงกลา เขา ไปปรากฏแกภ ิกษนุ น้ั เปน ความรักและความเคารพในทา น น้ีกเ็ ปนเหตเุ ปนปจ จยั ขอ ท่ีหน่ึง ยอมเปน ไป เพ่ือไดปญญาอาทิพรหมจรรยทย่ี ังไมไ ด เพ่อื ความเจรญิ ยิ่ง เพอื่ ความไพบลู ย เพ่อื ความเจริญ เพือ่ ความบรบิ รู ณ แหง ปญญาทไี่ ดแลว.

พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 431 ขอ อนื่ ยงั มีอยอู ีก ภกิ ษุเขา ไปอาศัยพระศาสดา หรอื เพือ่ นพรหมจรรย อยใู นฐานะควรเคารพนน้ั รปู ใดรูปหนึง่ หิริและโอตตปั ปะอยางแรงกลา เขาไปปรากฏแกภกิ ษนุ ้ันเปนความรักและความเคารพในทา น เธอเขาไปหาทานเสมอ ๆ สอบถามไตส วนวา ขอน้เี ปน อยา งไร เนอ้ื ความของขอนเ้ี ปน อยางไร ทานเหลานั้นเปดเผยส่งิ ท่ยี ังไมเปด กระทาํ สง่ิ ท่ียากใหง า ยและบรรเทาความสงสยั ในธรรม เปนท่ตี ้ังแหง ความสงสัยหลาย ๆ อยา งแกเธอ นี้ ก็เปนเหตเุ ปนปจ จัยขอท่สี อง. . . ภกิ ษฟุ ง ธรรมนน้ั แลว ถงึ พรอ มดว ยความหลกี ออก ๒ อยาง คอืความหลกี ออกแหงกาย ๑ ความหลีกออกแหงจติ ๑ นีก้ ็เปนเหตุเปน ปจ จัยขอทสี่ าม . . . ขอ อ่นื ยังมอี ยูอีก ภิกษเุ ปน ผมู ศี ีล สาํ รวมในปาติโมกขสังวร ถึงพรอมดวยอาจาระและโคจร มีปกติเห็นภยั ในโทษเพยี งเล็กนอย สมาทานศึกษาในสิกขาบท นก้ี เ็ ปน เหตเุ ปนปจ จัยขอท่ีส่ี . . . ขอ อืน่ ยังมอี ยอู ีก ภกิ ษเุ ปนพหูสตู ทรงสตุ ะไว สงั่ สมสตุ ะ ธรรมงามในเบ้ืองตน งามในทา มกลาง งามในท่ีสุด ประกาศพรหมจรรยพรอมทงั้ อรรถ ทัง้ พยัญชนะ บริสทุ ธิ์ บรบิ รู ณส ้นิ เชงิ เปน ธรรมอนัภกิ ษุนน้ั สดบั มาก ทรงไว คลองปาก พิจารณาดวยใจ แทงตลอดดว ยทฏิ ฐิ นกี้ เ็ ปน เหตุเปนปจ จยั ขอทห่ี า... ขอ อื่นยงั มีอยูอ ีก ภกิ ษปุ รารภความเพียร ละอกศุ ลธรรม ยงักุศลธรรมใหถ งึ พรอ ม มีกาํ ลัง ความเพียรมน่ั ไมท อดธรุ ะในกศุ ลธรรมอยูนี้ก็เปน เหตเุ ปนปจ จัยขอทีห่ ก....

พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 432 ขออืน่ ยังมอี ยูอกี ภกิ ษุมีสติ ประกอบดวยสตแิ ละปญ ญาเปน เครอื่ งรกั ษาตนอยางย่ิง ระลึกถึง ส่ิงท่ีทาํ ไวนาน ถอยคาํ ท่พี ดู ไวนาน นก้ี ็เปนเหตุเปนปจ จยั ขอทเี่ จด็ . . . ขออน่ื ยังมอี ยอู ีก ภกิ ษุ พิจารณาถงึ ความเกดิ และความเสือ่ มในอุปาทานขนั ธ ๕ อยวู า ดังนี้ รูป ดังน้ี ความเกดิ แหง รปู ดังนี้ ความดับแหง รปู ดงั นี้ เวทนา ดังนี้ ความเกดิ แหงเวทนา ดังนี้ ความดบั แหงเวทนา ดงั นี้ สัญญา ดงั นี้ ความเกดิ แหง สัญญา ดงั น้ี ความดบั แหงสญั ญาดงั นี้ สังขารท้ังหลาย ดงั นี้ ความเกดิ แหงสังขารทั้งหลาย ดังน้ีความดบัแหง สงั ขารท้ังหลาย ดงั น้ี วญิ ญาณ ดังน้ี ความเกดิ แหง วิญญาณ ดังนี้ความดบั แหง วญิ ญาน. น้กี ็เปน เหตเุ ปน ปจ จัยขอทแี่ ปด ยอ มเปน ไปเพ่ือไดปญ ญาอาทพิ รหมจรรยทยี่ งั ไมได เพ่ือความเจริญยิ่ง เพือ่ ความไพบูลย เพอ่ืความเจริญ เพ่อื ความบริบูรณแหงปญญาท่ไี ดแลว . ธรรม ๘ อยา ง เหลานี้มอี ุปการะมาก. [๔๔๕] ธรรม ๘ อยา ง ควรเจรญิ เปนไฉน. อรยิ มรรคมีองค๘ คือ เหน็ ชอบ ดาํ ริชอบ วาจาชอบ การงานชอบ อาชพี ชอบ ความเพียรชอบ ระลกึ ชอบ ตง้ั ใจชอบ ธรรม ๘ อยา ง เหลานี้ ควรเจริญ. [๔๔๖] ธรรม ๘ อยาง ควรกาํ หนดรเู ปน ไฉน. โลกธรรม๘ คือ ลาภ เสอ่ื มลาภ ยศ เสอ่ื มยศ นนิ ทา สรรเสรญิ สุข ทุกขธรรม ๘ อยางเหลาน้ี ควรกําหนดร.ู [๔๔๗] ธรรม ๘ อยาง ควรละเปนไฉน. มิจฉตั ตะ ๘ คือเหน็ ผิด ดาํ ริผิด วาจาผิด การงานผิด อาชพี ผดิ เพยี รผิด ระลึกผดิสมาธิผิด ธรรม ๘ อยา งเหลาน้ี ควรละ.

พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 433 [๔๔๘] ธรรม ๘ อยา ง เปน ไปในสว นขางเสอ่ื มเปน ไฉน. ไดแ กเหตุของผูเกยี จคราน ๘ คอื ดกู อนผมู ีอายุทง้ั หลาย การงานเปนสง่ิ อนั ภกิ ษุในธรรมวินัยนพี้ งึ ทํา เธอยอมมคี วามคดิ อยางนีว้ า การงานจักเปน สง่ิ อันเราพงึ ทําแล ก็แหละเมือ่ เราทําการงานอยู รางกายจกั เหน็ดเหน่อื ย ชา งเถดิเราจะนอน. เธอนอน ไมปรารภความเพยี ร เพ่อื ถงึ ธรรมท่ยี งั ไมถึงเพื่อบรรลุธรรมทย่ี ังไมบ รรลุ เพอ่ื ทาํ ใหแ จงธรรมทยี่ งั ไมไ ดทาํ ใหแจง นี้ก็เปนเหตขุ องผูเกียจครานขอทห่ี น่งึ . ขอ อื่นยงั มอี ยอู ีก การงานเปน สงิ่ อันภกิ ษใุ นธรรมวินยั น้ี ทําแลวเธอยอมมคี วามคดิ อยา งน้ีวา เราไดก ระทาํ การงานแลว กแ็ หละเมือ่ เรากระทาํ การงานอยู รา งกายเหนด็ เหนือ่ ยแลว ชางเถิดเราจะนอน. เธอนอนไมป รารภความเพยี ร . . . เพื่อทําใหแจง ธรรมที่ยังไมไ ดท ําใหแจง นี้ก็เปนเหตขุ องผูเกียจครา นขอที่สอง. ขออื่นยงั มีอยูอกี ภกิ ษจุ ะตองเดินทาง เธอยอมมีความคดิ อยา งนีว้ ากเ็ ราจักตองเดินทางผูเ ดยี ว ก็แหละ เมือ่ เราเดินทางไป รา งกายจักเหนด็เหน่ือย ชางเถดิ เราจะนอน. เธอนอน ไมปรารภความเพียร . . . น้กี ็เปนเหตุของผูเกียจครานขอทส่ี าม. ขออน่ื ยงั มีอยูอีก ภกิ ษุเปนผูเดนิ ทางแลว เธอยอมมีความคดิ อยา งนี้วา เราไดเ ดินทางแลว ก็แหละเม่อื เราเดินทางไปอยู รา งกายเหนด็ เหนอ่ื ยแลว ชางเถิดเราจะนอน เธอนอน ไมป รารภความเพยี ร . . . น้ี กเ็ ปนเหตุของผูเกยี จครานขอทีส่ ่ี.

พระสุตตันตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 434 ขออน่ื ยังมอี ยอู ีก ภกิ ษเุ ทีย่ วไปบิณฑบาตท่ีหมบู านหรือนคิ มไมไ ดโภชนะเศรา หมองหรอื ประณตี เตม็ ตามความตองการ เธอยอมมคี วามคิดอยางน้ีวา เราเท่ยี วไปบณิ ฑบาตทีห่ มูบานหรอื นิคมก็ไมไ ดโภชนะท่ีเศรา หมอง หรอื ประณตี เตม็ ความตอ งการ รางกายของเรานนั้ เหนด็เหน่อื ยแลว ไมค วรเเกก ารงาน ชา งเถดิ เราจะนอน. เธอนอนไมป รารภความเพยี ร . . . เพอื่ ทาํ ใหแจง ธรรมท่ียังไมไดท าํ ใหแ จง นกี้ ็เปน เหตุของผูเกียจครา นขอ ทีห่ า . ขออนื่ ยงั มีอยูอ ีก ภิกษุเทยี่ วไปบิณฑบาตทีห่ มูบ า นหรอื นคิ ม ยอมไดโ ภชนะทเ่ี ศราหมองหรือประณตี เต็มตามความตอ งการ เธอยอ มมคี วามคิดอยางน้วี า เราเทีย่ วไปบิณฑบาตทหี่ มูบานหรอื นิคม ไดโ ภชนะท่ีเศรา หมอง หรอื ประณตี เตม็ ตามความตองการแลว รางกายของเราน้นั หนักไมควรแกก ารงาน เหมือนถั่วราชมาส ทเ่ี ขาหมักไว ชางเถิด เราจะนอน.เธอนอน ไมปรารภความเพียร .. . เพ่อื ทาํ ใหแจงธรรมท่ียังไมไ ดทําใหแจงน้กี เ็ ปน เหตขุ องผเู กียจครา นขอ ท่ีหก. ขออ่นื ยังมอี ยอู กี อาพาธเลก็ นอยเกดิ แกภิกษุ เธอยอมมีความคิดอยางนว้ี า อาพาธเพยี งเล็กนอ ยนี้ เกิดขึน้ แกเ ราแลว สมควรเพ่ือจะนอนมอี ยู ชา งเถดิ เราจะนอน. เธอนอนไมป รารภความเพยี ร . . . เพื่อทําใหแ จง ธรรมทีย่ ังไมใหทําใหแจง นกี้ ็เปนเหตขุ องผเู กยี จครานขอที่เจด็ . ขอ อ่ืนยังมีอยอู ีก ภกิ ษุหายอาพาธแลว หายจากอาพาธยงั ไมนานเธอยอ มมีความคดิ อยางนวี้ า เราหายอาพาธแลว หายจากความอาพาธยังไมนาน รางกายของเรานั้นยังออ นเพลยี ไมควรแกการงาน ชา งเถดิ เรา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 435จะนอน. เธอนอนไมปรารภความเพยี ร เพ่ือถงึ ธรรมทีย่ งั ไมถึง เพ่อื บรรลุธรรมที่ยังไมบ รรลุ เพ่อื ทําใหแ จง ธรรมท่ียงั ไมไ ดท าํ ใหแ จง นี้ก็เปน เหตุของผเู กียจครา นขอ ทีแ่ ปด. ธรรม ๘ อยา งเหลาน้ี เปนไปในสวนขางเสื่อม. [๔๔๙] ธรรม ๘ อยางเปน ไปในสวนวิเศษเปนไฉน. ไดแก เหตุของผูป รารภความเพียร ๘ คือ ดูกอนผมู ีอายทุ ง้ั หลาย การงานเปนสงิ่ อันภิกษใุ นธรรมวินัยนพ้ี งึ ทํา เธอยอ มมคี วามคิดอยา งนวี้ า การงานจักเปนสิง่อันเราควรทาํ กแ็ หละเมอ่ื เราทําการงานอยู การกระทําคาํ สอนของพระพทุ ธ-เจา ทั้งหลายไวในใจ มใิ ชกระทําไดโดยงา ย ชางเถิด เราจะปรารภความเพยี รเพื่อถึงธรรมท่ยี งั ไมถงึ เพ่ือบรรลุธรรมทย่ี งั ไมไ ดบรรลุ เพ่อื ทาํ ใหแ จงธรรมที่ยังไมไดทาํ ใหแ จง. เธอปรารภความเพียรอยู เพ่อื ถึงธรรมทีย่ งั ไมถ งึเพ่อื บรรลธุ รรมทีย่ งั ไมไดบรรลุ เพอ่ื ทําใหแ จง ธรรมท่ยี ังไมไ ดทาํ ใหแ จงนีก้ ็เปน เหตขุ องผูปรารภความเพยี ร ขอ ท่ีหนึง่ . ขอ อน่ื ยงั มอี ยอู กี การงานเปน สง่ิ อนั ภิกษุทาํ แลว เธอยอ มมีความคิดอยางนว้ี า เราไดท าํ การงานแลว แล กแ็ หละ เราเมื่อทําการงานอยู ก็ไมอ าจทําคําสอนของพระพุทธเจาทั้งหลายไวในใจ ชางเถิด เราจะปรารภความเพียร . . . เธอปรารภความเพียรอย.ู .. เพ่ือทาํ ใหแ จงธรรมท่ียังไมไ ดทําใหแจง นกี้ เ็ ปน เหตุของผูป รารภความเพยี ร ขอทีสอง. ขออืน่ ยังมอี ยูอ ีก ภิกษุตอ งเดินทาง เธอยอมมีความคดิ อยา งนี้วาเราจกั ตอ งเดนิ ทาง ก็แหละ เมือ่ เราเดนิ ทางไป การกระทาํ คําสอนของพระพุทธเจาท้งั หลายไวใ นใจ มิใชกระทาํ ไดโดยงาย ชางเถิดเราจะปรารภความเพยี ร . . . เธอปรารภความเพียรอยู .. . เพอ่ื ทาํ ใหแ จง ธรรมทีย่ งั ไมได

พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 436ทําใหแ จง นก้ี ็เปน เหตขุ องผูปรารภความเพยี ร ขอ ท่ีสาม. ขออนื่ ยงั มอี ยอู ีก ภิกษุเดินทางแลว เธอยอ มมีความคดิ อยา งนีว้ าเราไดเดนิ ทางแลว แล ก็แหละ เมื่อเราเดินทางอยูก ็ไมอาจทําคาํ สอนของพระพทุ ธเจาทงั้ หลายไวในใจ ชา งเถิดเราจะปรารภความเพยี ร . . . เธอปรารภความเพียรอยู ... เพ่อื ทาํ ใหแ จง ธรรมทย่ี งั ไมไ ดทาํ ใหแจง น้ีก็เปนเหตขุ องผปู รารภความเพียร ขอ ทีส่ ่ี. ขออ่นื ยงั มีอยูอีก ภิกษุเที่ยวไปบิณฑบาตทีห่ มบู า นหรอื นิคม ยอมไมไดโ ภชนะเศราหมอง หรือประณตี เต็มตามความตองการ เธอยอ มมีความคิดอยา งน้ีวา เราเทีย่ วไปบิณฑบาตทห่ี มูบา น หรือนคิ ม ไมไ ดโ ภชนะเศรา หมอง หรือประณตี เต็มตามความตองการแลว รา งกายของเราน้ันเบาควรแกการงาน ชา งเถิดเราจะปรารภความเพยี ร . . . เธอปรารภความเพยี รอยู . . . เพือ่ ทาํ ใหแ จงธรรมที่ยังไมไดทําใหแจง น้กี ็เปน เหตุของผูป รารภความเพียร ขอ ทีห่ า. ขออนื่ ยงั มีอยูอ ีก ภิกษุเทยี่ วไปบิณฑบาตทห่ี มูบาน หรือนคิ ม ยอมไดโ ภชนะเศราหมอง หรอื ประณีต เต็มตามความตอ งการ เธอยอมมคี วามคดิ อยางนี้วา เราเที่ยวไปบณิ ฑบาตท่ีหมบู าน หรอื นิคมไดโ ภชนะเศราหมองหรือประณตี เต็มตามความตอ งการแลว รางกายของเรานน้ั มกี ําลงั ควรแกการงาน ชางเถิดเราจะปรารภความเพยี ร . . . เธอปรารภความเพียรอยู . . .เพื่อทาํ ใหแ จงธรรมที่ยังไมไดท าํ ใหแจง น้กี เ็ ปนเหตุของผปู รารภความเพยี รขอ ทห่ี ก. ขออนื่ ยงั มอี ยอู กี อาพาธเพียงเล็กนอยเกิดข้นึ แกภกิ ษแุ ลว เธอยอ มมคี วามคดิ อยา งนว้ี า อาพาธเพยี งเล็กนอยน้เี กิดขึน้ แกเราแลว ขอท่อี าพาธ

พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 437ของเราจะพึงมากข้ึน เปน ฐานะท่จี ะมไี ด ชา งเถิดเราจะปรารภความเพียร...เธอปรารภความเพยี รอยู . . . เพอ่ื ทาํ ใหแ จงธรรมทีย่ ังไมไดท าํ ใหแจง นี้ก็เปน เหตุของผปู รารภความเพยี ร ขอ ทเี่ จด็ . ขออืน่ ยงั มอี ยอู กี ภกิ ษุหายอาพาธแลว หายจากความเปน ผูอาพาธยังไมนาน เธอยอมมคี วามคิดอยางน้ีวา เราหายอาพาธแลว หายจากความอาพาธยังไมน าน ขอท่ีอาพาธของเราจะพึงกลับกาํ เริบขน้ึ เปนฐานะทีจ่ ะมีได ชา งเถิดเราจะปรารภความเพียร . . . เธอปรารภความเพียรอยู . . .เพอื่ ทาํ ใหแจง ธรรมท่ียงั ไมไ ดท ําใหแ จง น้ีก็เปนเหตขุ องผปู รารภความเพยี รขอ ที่แปด. ธรรม ๘ อยา งเหลาน้ี เปนไปในสวนวิเศษ. [๔๕๐] ธรรม ๘ อยาง แทงตลอดไดยากเปน ไฉน. ไดแ กกาลมใิ ชขณะ มใิ ชส มัย เพอื่ อยูประพฤตพิ รหมจรรย คือ ดูกอ นผมู ีอายุ พระตถาคตอรหนั ตสัมมาสัมพุทธเจา อบุ ตั ิในโลกน้ี และพระองคทรงแสดงธรรมเปน ไปเพอ่ื ความสงบ เปนไปเพ่ือความดับ ใหสัตวถ ึงความตรสั รู เปนธรรมอันพระสุคตประกาศแลว แตบ คุ คลน้เี ปน ผเู ขาถึงนรกแลว น้ีกเ็ ปน กาลมิใชขณะมิใชสมยั เพ่อื อยูประพฤติพรหมจรรย ขอทีห่ นึง่ . ขออ่นื ยงั มีอยอู ีก พระตถาคตอรหันตสมั มาสัมพทุ ธเจา อบุ ัติในโลกน้ี และพระองคทรงแสดงธรรม เปน ไปเพ่อื ความสงบ เปน ไปเพื่อความดับ ใหส ตั วถงึ ความตรัสรู เปนธรรมอนั พระสุคตประกาศแลว แตบคุ คลนี้ เปนผเู ขาถึงกําเนดิ สตั วดริ จั ฉาน น้กี ็เปน กาลมิใชขณะมิใชส มัยเพอ่ื ความอยูประพฤตพิ รหมจรรย ขอท่ีสอง. ขออน่ื ยังมีอยูอกี พระตถาคตอรหนั ตสมั มาสมั พุทธเจา อุบัติในโลกนี้

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 438และทรงแสดงธรรม เปนไปเพ่ือความสงบ เปนไปเพ่ือความดับ ใหสัตวถงึ ความตรสั รู เปนธรรมอนั พระสคุ ตประกาศแลว แตบ คุ คลนี้ เขาถึงปต ตวิ สิ ัย น้ีก็เปนกาลมใิ ชข ณะมใิ ชส มัย เพื่ออยปู ระพฤตพิ รหมจรรยขอ ท่สี าม. ขอ อืน่ ยังมอี กี พระตถาคตอรหนั ตสัมมาสมั พทุ ธเจา อุบตั ใิ นโลกนี้ทรงแสดงธรรม เปน ไปเพอื่ ความสงบ. . . แตบุคคลนี้ เขาถึงเทพนกิ ายซ่งึมีอายยุ ืน อยางใดอยางหนง่ึ นีก้ เ็ ปน กาลมิใชขณะมิใชสมยั เพ่ืออยูประพฤติพรหมจรรย ขอท่สี .ี่ ขอ อนื่ ยังมอี ยอู กี พระตถาคตอรหนั ตสมั มาสัมพทุ ธเจา อบุ ตั ิในโลกน้ี และพระองคทรงแสดงธรรมเปนไปเพ่ือความสงบ . . . แกบคุ คลน้ีเปนผูเกิดในปจ จนั ตชนบท เปน ถิน่ ของชนมิลกั ขะ ผูไมม คี วามรู ซึง่ มใิ ชคตขิ อง ภกิ ษุ ภิกษุณี อบุ าสก อุบาสิกา นี้ก็เปนกาลมใิ ชข ณะมิใชสมยัเพอื่ อยูประพฤติพรหมจรรย ขอ ทีห่ า . ขอ อนื่ ยงั มอี ยอู กี พระตถาคตอรหนั ตสมั มาสัมพุทธเจา อุบตั ิในโลกนี้ . . . สวนบคุ คลนี้ เกดิ ในมัชฌิมชนบท แตเขาเปนมิจฉาทิฏฐิ มคี วามเหน็ ผดิ ไปวา ทานท่ีบุคคลให ไมมผี ล การบูชาไมม ีผล การเซนสรวงไมมีผล ผลวิบากของกรรมทท่ี าํ ดีทาํ ชั่วไมมี โลกนไี้ มม ี โลกหนาไมม ีมารดาไมม ี บิดาไมมี เหลา สัตวผ ุดเกิดไมม ี สมณพราหมณผ ูด ําเนินไปโดยชอบ ผูปฏบิ ัติชอบในโลกไมม ี ซงึ่ กระทาํ โลกนี้และโลกหนา ใหแ จงดวยปญ ญาอันยิ่งเองแลว ประกาศใหรู ไมมีในโลกนี้ นกี้ เ็ ปนกาลมิใชขณะมใิ ชสมยั เพ่ืออยูป ระพฤติพรหมจรรย ขอ ที่หก. ขออืน่ ยังมีอยูอ ีก พระตถาคตอรหนั ตสัมมาสมั พทุ ธเจาอบุ ัติในโลก. . .

พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 439สวนบคุ คลนเ้ี ปนผเู กิดในมชั ฌมิ ชนบท แตเขาเปน คนมปี ญ ญาทึบ โงเขลาเปนใบ ไมสามารถจะรูเน้ือความแหง คําสุภาษิตและทุพภาษิตได น้กี ็เปนกาล มิใชขณะ มใิ ชสมัย เพ่ือยูป ระพฤติพรหมจรรย ขอทีเ่ จ็ด. ขอ อื่นยังมอี ยูอีก พระตถาคตอรหนั ตสัมมาสัมพทุ ธเจายงั ไมอบุ ัติในโลก และพระองคยังไมท รงแสดงธรรมเปนไปเพ่อื ความสงบ เปนไปเพือ่ ความดบั ใหส ัตวถ งึ ความตรสั รู เปนธรรมอนั พระสคุ ตประกาศแลวสว นบุคคลน้ี เกิดในมชั ฌิมชนบท แตเ ขามปี ญญาไมโ งเขลา ไมเปนใบสามารถจะรูเ นื้อความแหง คําสุภาษติ และทุพภาษิตได น้ีกเ็ ปน กาล มิใชข ณะมใิ ชส มัย เพอื่ อยูประพฤตพิ รหมจรรย ขอที่แปด. ธรรม ๘ อยา งเหลาน้ีแทงตลอดไดย าก. [๔๕๑] ธรรม ๘ อยา ง ควรใหเ กิดข้ึนเปน ไฉน. ไดแก ความตรึกของมหาบุรุษ ๘ คอื ธรรมนี้ ของผูม คี วามปรารถนานอย ไมใชข องผมู ีความปรารถนาใหญ ธรรมนี้ ของผูสันโดษ ไมใชข องผไู มสันโดษ ธรรมนี้ของผสู งดั ไมใ ชข องผยู ินดใี นความคลกุ คลี ธรรมน้ี ของผูปรารภความเพียร ไมใ ชของผเู กยี จครา น ธรรมน้ขี องผเู ขาไปตง้ั สตไิ ว ไมใ ชของผูลืมสติ ธรรมน้ขี องผมู จี ิตตั้งมน่ั ไมใ ชของผูมีจิตไมตั้งมน่ั ธรรมน้ขี องผูมปี ญ ญา ไมใ ชของผมู ปี ญ ญาทบึ ธรรมนีข้ องผไู มม ีธรรมเปนเครื่องเนิน่ ชาเปนทมี่ ายินดี ยนิ ดีในธรรมเปน เครื่องไมเน่ินชา ไมใ ชของผมู ธี รรมเปนเคร่อื งเน่นิ ชา เปน ทมี่ ายินดี ยินดใี นธรรมเปน เคร่ืองเน่นิ ชา ธรรม ๘อยา งเหลา น้ี ควรใหเ กดิ ข้ึน. [๔๕๒] ธรรม ๘ อยา ง ควรรยู งิ่ เปน ไฉน. ไดแก อภิภายตนะ ๘คือ ภกิ ษุรปู หนึง่ สาํ คญั รูปภายใน เหน็ รูปภายนอกนอ ย มผี ิวพรรณดีผิวพรรณทราม ครอบงาํ รปู เหลานนั้ มีสําคัญอยา งนี้วา เรารู เราเห็น นี้ก็

พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 440เปน อภิภายตนะขอท่ีหนึ่ง. ภกิ ษรุ ูปหน่ึง สาํ คัญรปู ภายนอก หาประมาณมิไดมีผวิ พรรณดี ผิวพรรณทราม ครอบงํารูปเหลา น้ัน มคี วามสําคัญอยางนว้ี าเรารู เราเห็น นี้ก็เปน อภิภาตนะขอทส่ี อง. ภิกษุรปู หน่ึง สาํ คัญอรูปภายในเห็นรปู ภายนอกนอยมผี วิ พรรณดี ผวิ พรรณทราม ครอบงํารปู เหลาน้นัมคี วามสาํ คญั อยางน้ีวา เรารู เราเห็น นี้ก็เปน อภภิ ายตนะขอ ท่สี าม. ภกิ ษุรปู หนึง่ สําคัญอรปู ภายใน เห็นรปู ภายนอก หาประมาณมไิ ด มผี วิ พรรณดีผิวพรรณทราม ครอบงาํ รปู เหลานน้ั มีความสําคัญอยางนีว้ า เรารู เราเหน็นีก้ ็เปนอภภิ ายตนะขอ ที่ส.่ี ภิกษุรปู หน่ึง สาํ คญั อรปู ภายในเปนรูปภายนอกเขียว สเี ขียว แสงเขยี ว รัศมเี ขียว ดอกผกั ตบเขียว สเี ขียว แสงเขียวรัศมีเขียว แมฉ ันใด หรอื วา ผา น้ันทําในกรงุ พาราณสี เนอ้ื เกลย้ี งทัง้ สองขา งเขียว สเี ขยี ว รศั มเี ขียว แมฉ นั ใด ภกิ ษรุ ปู หนึง่ สาํ คญั อรปู ภายในเห็นรูปภายนอก เขียว สีเขยี ว แสงเขยี ว รัศมีเขียว ครอบงาํ รูปเหลานน้ัมีความสาํ คัญอยางน้วี า เรารู เราเหน็ ฉันนั้นเหมือนกนั นี้ก็เปน อภิภายตนะขอ ทีห่ า. ภกิ ษรุ ปู หน่ึงสาํ คญั อรูปภายใน เหน็ รูปภายนอก เหลอื ง สีเหลืองแสงเหลือง รัศมเี หลือง ดอกกรรณกิ าร เหลือง สีเหลอื ง แสงเหลืองรัศมเี หลือง แมฉันใด หรอื วา ผานั้นทาํ ในกรุงพาราณสี มีเน้ือเกล้ยี งท้งั สองขา ง เหลอื ง สเี หลือง แสงเหลอื ง รศั มีเหลือง แมฉ ันใด ภิกษรุ ปู หนงึ่สําคัญอรปู ภายใน เห็นรูปภายนอก เหลือง สีเหลือง แสงเหลอื ง รศั มีเหลอื ง ครอบงาํ รูปเหลานัน้ มีความสาํ คญั อยา งน้ีวา เรารู เราเห็น ฉนั นน้ัเหมอื นกนั นีก้ เ็ ปน อภิภายตนะขอ ที่หก. ภกิ ษุรปู หนงึ่ สาํ คญั อรูปภายในเหน็ รปู ภายนอก แดง สีแดง แสงแดด รศั มีแดง ดอกชะบาแดง สีแดงแสงแดง รศั มีแดง หรือวา ผา นัน้ ทําในกรุงพาราณสี มีเนอื้ เกลี้ยงทั้งสอง

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 441ขาง แดง สแี ดง แสงแดง รศั มีแดง แมฉ ันใด ภกิ ษรุ ปู หนึง่ สาํ คัญอรูปภายใน เห็นรปู ภายนอก แดง สีแดง แสงแดง รัศมีแดง ครอบงาํรปู เหลาน้นั มีความสาํ คัญอยางนว้ี า เรารู เราเหน็ ฉนั นน้ั เหมอื นกัน น้ีก็เปน อภิภายตนะขอ ท่ีเจด็ . ภิกษรุ ูปหนง่ึ สาํ คัญอรปู ภายใน เห็นรูปภายนอก ขาว สีขาว แสงขาว รศั มขี าว ดาวประกายพรกึ ขาว สขี าวแสงขาว รศั มีขาว แมฉันใด หรือวา ผาน้นั ทาํ ในกรงุ พาราณสี มเี น้อืเกล้ียงท้งั สองขาง ขาว สีขาว แสงขาว รัศมีขาว แมฉันใด ภกิ ษุรูปหน่งึสําคญั อรปู ภายใน เหน็ รูปภายนอก ขาว สขี าว แสงขาว รัศมีขาวครอบงํารูปเหลาน้นั มคี วามสําคัญอยางนว้ี า เรารู เราเห็น ฉนั นนั้ น้ีกเ็ ปน อภภิ ายตนะขอ ท่แี ปด. ธรรม ๘ อยา งเหลา นี้ ควรรยู ่ิง. [๔๕๓] ธรรม ๘ อยา ง ควรทาํ ใหแ จงเปน ไฉน. ไดแก วโิ มกข๘ คือ ผมู รี ปู ยอมเห็นรปู ทง้ั หลาย นเ้ี ปน วโิ มกขขอทหี่ น่ึง. ผหู น่งึ มีความสําคญั ในอรปู ภายใน เหน็ รปู ภายนอก นเ้ี ปน วโิ มกขขอ ทส่ี อง. บุคคลยอ มนอมใจไปวา สิง่ นี้งามทีเดียว น้เี ปนวโิ มกขขอ ท่สี าม. เพราะลวงรูปสญั ญาเพราะดบั ปฏฆิ สัญญา เพราะไมก ระทาํ นานัตตสญั ญาไวในใจโดยประการทง้ั ปวง เขา ถึงอากาสานญั จายตนะวา อากาศไมมที ่ีสดุ ดังน้อี ยู น้เี ปน วิโมกขขอ ทีส่ .ี่ บุคคลลว งอากาสานัญจาตยนะโดยประการทง้ั ปวง เขา ถึงวิญญา-ณัญจายตนะวา วิญญาณไมม ีท่สี ดุ ดงั นอี้ ยู นเี้ ปนวิโมกขขอ ทห่ี า . บคุ คลลว งวญิ ญาณญั จตนะโดยประการทั้งปวง เขา ถึงอากญิ จัญญายตนะวาไมม ีอะไรดงั นี้อยู นเ้ี ปนวโิ มกขขอที่หก. บคุ คลลว งอากญิ จัญญายนะโดยประการท้ังปวง เขาถึงเนวสัญญานาสญั ญานะอยู นี้เปน วิโมกขข อ ทเี่ จด็ . บคุ คลลว งเนวสญั ญานาสญั ญายตนะโดยประการทง้ั ปวง เขาถงึ สัญญาเวทยิตนิ-

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 442โรธอยู น้เี ปนวิโมกขขอท่ีแปด. ธรรม ๘ อยา งเหลาน้ี ควรทําใหแจง .ธรรม ๘ อยา งเหลา นี้ จริงแทแ นนอน ไมผ ิด ไมเ ปน อยา งอื่น พระตถา-คตตรสั รูแลว โดยชอบดว ยประการฉะนี.้ วา ดว ยธรรมหมวด ๙ [๔๕๔] ธรรม ๙ อยาง มอี ปุ การะมาก ธรรม ๙ อยาง ควรเจรญิ ธรรม ๙ อยา ง ควรกําหนดรู ธรรม ๙ อยาง ควรละ ธรรม ๙ อยา งเปนไปในสวนขา งเสอื่ ม ธรรม ๙ อยา ง เปน ไปในสวนพเิ ศษ ธรรม๙ อยา ง แทงตลอดไดยาก ธรรม ๙ อยาง ควรใหเ กิดขึ้น ธรรม ๙ อยา งควรรูย่ิง ธรรม ๙ อยาง ควรทาํ ใหแจง . [๔๕๕] ธรรม ๙ อยา ง มีอปุ การะมากเปน ไฉน. ไดแ กธ รรมมีโยนิโสมนสิการเปนมลู ๙ คอื เม่ือกระทําไวใ นใจ โดยแยบคาย ปราโมทยยอมเกดิ ปติยอ มเกดิ แกผูม ปี ราโมทย กายของผูมีใจประกอบดวยปต ยิ อ มสงบ ผมู ีกายสงบ เสวยสขุ จติ ของผูม ีสขุ ยอ มตัง้ ม่นั ผมู ีจิตตง้ั มน่ั ยอมรูยอมเห็นตามเปนจรงิ เมือ่ รเู หน็ ตามเปนจรงิ ตนเองยอ มหนา ย เมอื่หนา ย ยอมคลายกําหนดั ยอ มหลดุ พนเพราะคลายกาํ หนดั ธรรม ๙ อยา งเหลานี้ มีอุปการะมาก. [๔๕๖] ธรรม ๙ อยาง ควรเจรญิ เปนไฉน. ไดแกองคเปนทต่ี ง้ัแหงความบรสิ ุทธ์ิ ๙ อยาง คือ ศลี วสิ ทุ ธิ ความหมดจดแหง ศีลเปนองค เปน ท่ีตัง้ แหงความบรสิ ุทธิ์ จติ ตวสิ ุทธิ ความหมดจดแหงจิต . . .

พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 443ทิฏฐิวิสุทธิ ความหมดจดแหงทฏิ ฐิ. . . กงั ขาวิตรณวิสทุ ธิ ความหมดจดแหงญาณเปน เครอ่ื งขามพนความสงสัย . . .มคั คามคั คญาณทัสสนวิสุทธิ ความหมดจดแหงญาณเปน เครอ่ื งเห็นวาทางหรือมใิ ชทาง . . .ปฏิปทาญาณทสั สน-วิสทุ ธิ ความหมดจดแหง ญาณเปนเครอื่ งเหน็ ทางปฏิบัต.ิ . .ญาณทสั สน-วสิ ทุ ธิ ความหมดแหง ญาณทัสสนะ . . . ปญ ญาวิสุทธิ ความหมดจดแหงปญ ญา ...วิมตุ ตวิ สิ ุทธิ ความหมดจดแหงความหลดุ พน เปนองค เปน ทีต่ ั้งแหงความบริสทุ ธ.์ิ ธรรม ๙ อยางเหลาน้ี ควรเจรญิ . [๔๕๗] ธรรม ๙ อยาง ควรกาํ หนดรเู ปนไฉน. ไดแ ก สัตตาวาส๙ คือ ดูกอ นผูมีอายทุ ั้งหลาย สัตวท ง้ั หลาย มีกายตา งกนั มปี ญญาตา งกันเหมอื นมนษุ ย เทพบางพวก และวนิ ิปาติกบางพวก นก้ี ็เปน สตั ตาวาสขอ ท่ีหนง่ึ สัตวทงั้ หลาย มีกายตางกนั มีสญั ญาอยา งเดยี วกนั เหมือนพวกเทพนบั เนอื่ งในหมูพ รหม เกิดในปฐมฌาน นกี้ เ็ ปนสัตตาวาสขอ ท่สี อง.สตั วท ง้ั หลาย มีกายอยางเดียวกัน มีสัญญาตา งกนั เหมือนพวกเทพอาภสั -สรา น้กี ็เปนสัตตาวาสขอทส่ี าม. สัตวทงั้ หลาย มีกายอยา งเดียวกนั มีสญั ญาอยางเดยี วกนั เหมอื นพวกเทพสภุ กิณหา นเี้ ปน สัตตาวาสขอ ท่ีสี่สัตวทง้ั หลาย ไมม ีสญั ญา ไมเสวยเวทนา เหมือนพวกเทพอสญั ญสี ัตว นีก้ ็เปนสตั ตาวาสขอทห่ี า . สัตวท ง้ั หลาย ลว งรูปสัญญา ดับปฏฆิ สญั ญา ไมกระทาํ นานตั ตสญั ญาไวในใจ เขาถึงอากาสานญั จายตนะวา อากาศไมม ีที่สดุนก้ี เ็ ปน สตั ตาวาสขอทห่ี ก. สตั วท ั้งหลาย ลวงอากาสานญั จายตนะ โดยประการทง้ั ปวง เขาถึงวญิ ญาณญั จายตนะวา วญิ ญาณไมมที ส่ี ดุ นก้ี ็เปนสัตตาวาสขอ ที่เจด็ . สตั วท ัง้ หลาย ลวงวิญญาณัญจายตนะ โดยประการ

พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 444ท้ังปวง เขาถงึ อากญิ จัญญายตนะวา ไมมอี ะไร นกี้ ็เปนสัตตาวาสขอท่ีแปดสัตวทง้ั หลาย ลว งอากญิ จัญญายตนะ โดยประการทง้ั ปวง เขาถึงเนว-สัญญานาสญั ญายตนะวา นัน่ สงบ นน่ั ประณีต นีก้ เ็ ปนสัตตาวาสขอทเี่ กา . ธรรม ๙ อยางเหลา นี้ ควรกาํ หนดรู. [๔๕๘] ธรรม ๙ อยา ง ควรละเปน ไฉน. ไดแกธ รรมมีตัณหาเปนมูล ๙ คือ การแสวงหายอมเปน ไปเพราะอาศยั ตัณหา ลาภยอมเปนไปเพราะอาศัยการแสวงหา ความตกลงใจยอมเปนไปเพราะอาศยั ลาภความกาํ หนดดวยความพอใจ ยอมเปน ไปเพราะอาศยั ความตกลงใจ ความพอใจ ยอมเปน ไปเพราะอาศยั ความกําหนดั ดวยความพอใจ ความหวงแหนยอมเปน ไปเพราะอาศยั ความพอใจ ความตระหน่ี ยอมเปนไปเพราะอาศยัความหวงแหน การรักษายอ มเปนไปเพราะอาศัยความตระหน่ี อกศุ ลธรรมอันลามกหลายอยา งคอื การถอื ไม ถือศัสตรา การทะเลาะแกง แยง วิวาทกลา วสอ เสยี ดวา มงึ มงึ และการพูดเท็จ ยอมเปน ไป เพราะอาศยั การรกั ษาเปน เหตธุ รรม ๙ อยางเหลานี้ ควรละ [๔๕๙] ธรรม ๙ อยา งเปน ไปในสวนขา งเส่ือมเปนไฉน. ไดแ กเหตุเปนท่ีตั้งแหง ความอาฆาต ๙ คือ บคุ คลยอมผกู ความอาฆาตวา ผนู ี้ไดประพฤติสง่ิ ไมเ ปน ประโยชนแกเราแลว . ยอ มผูกความอาฆาตวา ผนู ี้ประพฤติสงิ่ ไมเ ปน ประโยชนแ กเราแลว . ยอมผูกความอาฆาตวา ผนู ้ีจักประพฤติส่งิ ทไ่ี มเปน ประโยชนแ กเรา. ยอ มผกู ความอาฆาตวา ผนู ไี้ ดประพฤตสิ ่งิ ไมเ ปนประโยชนแ กผ ูเปน ทรี่ กั ท่ชี อบใจของเราแลว. ยอมผูกความอาฆาตวา ผูน้ปี ระพฤตสิ ่งิ ทไ่ี มเปนประโยชนแ กผ ูเปนทรี่ ักท่ีชอบ

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 445ของเราอย.ู ยอ มผกู ความอาฆาตวา ผูนี้จกั ประพฤติสงิ่ ทไ่ี มเปนประโยชนแกผูเปน ที่รกั ที่ชอบของเรา. ยอมผกู ความอาฆาตวา ผูน้ไี ดป ระพฤตสิ ิ่งเปนประโยชนแ กผูไ มเปน ทรี่ กั ท่ชี อบใจของเราแลว. ยอมผูกความอาฆาตวาผูนป้ี ระพฤตสิ ่ิงที่เปน ประโยชนแ กผไู มเปน ที่รักทีช่ อบใจของเราอย.ู ยอ มผกู ความอาฆาตวา ผูนี้จกั ประพฤติสิ่งท่เี ปนประโยชนแกผไู มเปน ทีร่ กั ท่ีชอบใจของเรา. ธรรม ๙ อยางเหลาน้ี เปน ไปในสว นขางเสอ่ื ม [ ๔๖๐ ] ธรรม ๙ อยา งเปนไปในสวนขา งวเิ ศษเปน ไฉน ไดแกความกําจดั ความอาฆาต ๙ คือบคุ คลยอมกาํ จดั ความอาฆาตวา คอื ผูน้ไี ดประพฤตสิ ่งิ ไมเ ปนประโยชนแ กเราแลว ขอนั้น จะหาไดในบคุ คลน้แี ตทไี่ หน. ยอมกําจดั ความอาฆาตวา ผูน้ปี ระพฤตสิ ิง่ ไมเปน ประโยชนแ กเ ราอยู ขอน้ัน จะหาไดใ นบุคคลนี้ แตท ่ไี หน. ยอ มกาํ จัดความอาฆาตวา ผูน้ีจกั ประพฤตสิ งิ่ ท่ไี มเปน ประโยชนแกเ รา ขอนนั้ จะหาไดใ นบคุ คลนแี้ ตทีไหน. ยอมกําจัดความอาฆาตวา ผนู ี้ ไดประพฤตสิ ่งิ ไมเ ปนประโยชนแกผ ูเปนที่รกั ท่ชี อบใจของเราแลว ขอนนั้ จะหาไดในบคุ คลนี้แตท ีไ่ หนยอ มกาํ จัดความอาฆาตวา ผูนี้ ประพฤติสง่ิ ไมเ ปน ประโยชนแกผ เู ปน ทีร่ ักทชี่ อบใจของเราอยู ขอนน้ั จะหาไดในบุคคลนี้ แตท ไ่ี หน. ยอ มกาํ จดั ความอาฆาตวา ผนู ้จี ักประพฤตสิ ่งิ ไมเ ปน ประโยชนแกผูเปน ท่ีรกั ที่ชอบของเราขอ นนั้ จะหาไดในบคุ คลนี้แตทไ่ี หน. บุคคลยอมกาํ จดั ความอาฆาตวา ผูน ี้ ไดประพฤตสิ ง่ิ เปนประโยชนแกผูไมเ ปนท่ีรกั ไมเ ปน ท่ีชอบใจของเรา ขอ น้นั จะหาไดใ นบุคคลนี้แตท ่ีไหน. ยอ มกาํ จัดความอาฆาตวา ผนู ้ปี ระพฤติส่งิ เปนประโยชนแกผ ูไมเปน

พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 446ทร่ี ัก ท่ชี อบใจ ของเราอยู ขอ นัน้ จะหาไดในบุคคลน้ี แตท ี่ไหน.ยอมกาํ จดั ความอาฆาตวา ผนู ี้ จกั ประพฤติส่งิ เปนประโยชนแ กผูไมเปนทร่ี กั ไมเ ปน ที่ชอบใจของเรา ขอนัน้ จะหาไดในบคุ คลน้ี แตท ไ่ี หน.ธรรม ๙ อยา งเหลา นีเ้ ปน ไปในสว นขางวเิ ศษ [๔๖๑] ธรรม อยางแทงตลอดไดย ากเปน ไฉน. ไดแ ก นานตั ตะ๙ คือ ผัสสะตา งกัน ยอ มเกิดเพราะอาศยั ธาตุตา งกัน เวทนาตา งกนั ยอมเกดิ เพราะอาศัยผัสสะตางกนั สญั ญาตางกนั ยอมเกดิ เพราะอาศัยเวทนาตา งกัน ความดํารติ างกนั ยอ มเกดิ เพราะอาศยั สญั ญาตางกนั ความพอใจตางกนั ยอมเกดิ เพราะอาศยั ความดาํ รติ างกัน ความเรา รอนตา งกนั ยอ มเกดิ เพราะอาศยั ความพอใจตางกนั การแสวงหาตา งกัน ยอ มเกิดเพราะอาศัยความเรารอนตางกัน ความอยากไดตา งกัน ยอมเกิดเพราะอาศยั การแสวงหาตา งกัน. ธรรม ๙ อยางเหลา นแ้ี ทงตลอดไดยาก. [ ๙๖๒ ] ธรรม ๙ อยาง ควรใหเกดิ ข้นึ เปนไฉน. ไดแกสญั ญา๙ คือ อสุภสัญญากาํ หนดหมายความไมง ามแหงกาย มรณสญั ญา กําหนดหมายในความตาย อาหาเรปฏิกลู สัญญา กําหนดหมายในอาหารวา เปนปฏิกูล สพั พโลเกอนภริ ตสญั ญา กาํ หนดหมายความไมนายนิ ดี ในโลกทัง้ ปวง อนิจจสญั ญา กาํ หนดหมายความไมเ ท่ยี ง อนิจเจ ทกุ ขสญั ญากาํ หนดหมายในส่ิงไมเที่ยงวาเปนทกุ ข ทกุ ขอันตตสัญญา กาํ หนดหมายในทกุ ขว า ไมใชต วั ตน ปหานสญั ญา กําหนดหมายการละ วิราคสญั ญากําหนดหมายความคลายกาํ หนดั ธรรม ๙ อยางเหลา น้ี ควรใหเกดิ ขน้ึ .

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 447 [๔๖๓] ธรรม ๙ อยาง ท่ีควรรยู ่งิ เปน ไฉน. ไดแก อนุปพุ พ-วิหาร ๙ คือ ดกู อนผูม อี ายุท้ังหลาย ภิกษุในธรรมวินยั นี้ สงัดจากกามสงัดจากอกศุ ลธรรม บรรลุปฐมฌาน มวี ิตก มีวิจาร ปตแิ ละสุขเกดิ แตวิเวกอยู บรรลุทตุ ยิ ฌาน มีความผอ งใสแหงจิตในภายใน เปนธรรมเอกผดุ ข้นึ ไมมวี ิตก ไมม ีวิจาร เพราะวติ กวจิ ารสงบไป มปี ต แิ ละสุขเกดิ แตสมาธอิ ยู อนึ่ง เปนผูม ีอุเบกขามสี ตสิ มั ปชัญญะ และเสวยสขุ ดว ยนามกายเพราะปต ิส้นิ ไป บรรลุตติยฌาน ท่พี ระอริยเจา ทงั้ หลายสรรเสริญวา ผูไดฌานนี้ เปน ผมู ีอุเบกขา มีสตอิ ยูเปน สุข บรรลุจตตุ ถฌาน ไมม ีทกุ ข ไมม สี ุขเพราะละสุข ละทกุ ข และดับโสมนัสและโทมนัสกอน ๆ ไดมอี เุ บกขาและสตบิ ริสุทธ์ิ เพราะลวงรูปสัญญา ดบั ปฏิฆสัญญา ไมกระทํานานตั ต-สญั ญาไวใ นใจ โดยประการท้ังปวง บรรลอุ ากาสานัญจายตนะวา อากาศไมม ที ส่ี ุดอยู ลว งอากาสานัญจายตนะโดยประการท้งั ปวง บรรลวุ ิญญาณัญ-จายตนะวา วญิ ญาณไมมีท่ีสดุ อยู ลวงวญิ ญาณญั จายตนะ โดยประการทง้ั ปวง บรรลุอากญิ จัญญายตนะวา ไมมีอะไรอยู ลวงอากิญจัญญายตนะโดยประการท้ังปวง บรรลเุ นวสญั ญานาสญั ญายตนะอยู ลว งเนวสญั ญานา-สัญญายตนะ โดยประการทงั้ ปวง บรรลสุ ญั ญาเวทยติ นโิ รธอย.ู ธรรม ๙อยา งเหลา นี้ ควรรยู ่ิง. [๔๖๔] ธรรม ๙ อยา ง ควรทําใหแ จงเปนไฉน. ไดแ ก อน-ุปพุ พนโิ รธ ๙ คอื เมื่อเขา ปฐมฌาน กามสญั ญาดับ เมอื่ เขาทุติยฌานวิตกวจิ ารดับ เม่อื เขาตตยิ ฌาน ปติดบั เม่ือเขา จตุตถฌาน ลมอัสสาสะ-ปสสาสะดบั เมอื่ เขา อากาสานัญจายตนะ รูปสัญญาดับ เมื่อเขาวญิ ญา-

พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 448ญัญจายตนะ อากาสานญั จายตนะสญั ญาดับ เมือ่ เขา อากญิ จญั ญายตนะวญิ ญาณัญจายตนะสัญญาดับ เมอื่ เขา เนวสญั ญานาสญั ญายตนะ อากญิ -จัญญายตนะสญั ญาดับ เมื่อเขาสัญญาเวทยิตนิโรธ สญั ญาและเวทนาดับ.ธรรม ๙ อยางเหลา น้ี ควรทาํ ใหแจง . ธรรม ๙ อยา งเหลานี้ จริง แทแนน อน ไมผดิ พลาด ไมเปนอยา งอ่ืน พระตถาคตตรสั รแู ลว โดยชอบดวยประการฉะน้ี. วาดวยธรรมหมวด ๑๐ [๔๖๕] ธรรม ๑๐ อยา ง มีอปุ การะมาก ธรรม ๑๐ อยาง ควรเจรญิธรรม ๑๐ อยาง ควรกําหนดรู ธรรม ๑๐ อยา ง ควรละ ธรรม ๑๐ อยา งเปนไปในสวนเส่อื ม ธรรม ๑๐ อยาง เปน ไปในสวนวิเศษ ธรรม ๑๐ อยางแทงตลอดไดย าก ธรรม ๑๐ อยาง ควรใหเกดิ ขน้ึ ธรรม ๑๐ อยางควรรูย ่ิง ธรรม ๑๐ อยาง ควรทําใหแจง. [๔๖๖] ธรรม ๑๐ อยาง มีอปุ การะมากเปน ๆไฉน. ไดแ ก นาถ-กรณธรรม ๑๐ คอื ดูกอนผมู ีอายทุ ัง้ หลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยน้ี เปน ผูมีศลีสาํ รวมระวงั ปาติโมกขถ ึงพรอมอาจาระและโคจรอยู มักเห็นภยั ในโทษเพียงเลก็ นอย สมาทาน ศึกษาอยูในสกิ ขาบทท้ังหลาย. ขอ ที่ภกิ ษุมีศีลสํารวมระวงั โนปาติโมกข ถงึ พรอ มดวยอาจาระและโคจรอยู มกั เหน็ ภัยในโทษเพยี งเล็กนอย สมาทาน ศึกษาอยูใ นสกิ ขาบททั้งหลาย นีก้ เ็ ปน นาถกรณ-ธรรม.

พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 449 ขอ อนื่ ยงั มีอยูอีก ภกิ ษุเปน พหสุ ูต ทรงสตุ ะ สัง่ สมสุตะ ธรรมท่ีงามในเบอื้ งตน งามในทา มกลาง งามในทส่ี ดุ ยอ มประกาศพรหมจรรย.พรอ มทงั้ อรรถ พรอ มทงั้ พยญั ชนะ บริสุทธ์ิ บริบูรณสิ้นเชิง เหน็ ปานนั้นอนั เธอสดับแลว มาก ทรงไวแ ลวคลองปาก พจิ ารณาดวยใจ แทงตลอดทิฏฐ.ิ ขอ ท่ภี กิ ษเุ ปนพหุสตู . . . แทงตลอดดวยทิฏฐิ แมน้ีกเ็ ปน นาถกรณ-ธรรม. ขออืน่ ยงั มีอยูอีก ภิกษุเปนผมู มี ติ รดี มีสหายดี มีเพือ่ นด.ี ขอ ที่ภิกษุมีมติ รดี มีสหายดี มีเพ่อื นดี แมน้กี ็เปนนาถกรณธรรม. ขอ อื่นยงั มอี ยอู ีก ภกิ ษเุ ปน ผวู า งา ย ประกอบดว ยธรรมท่กี ระทาํ ใหเปนผูว างาย อดทน รับอนุศาสนเี บื้องขวา. ขอ ทีภ่ ิกษุ เปน ผูวา งายประกอบดว ยธรรม ทีก่ ระทําใหเปน ผูวา งาย อดทน รบั อนศุ าสนีเบอ้ื งขวาแมน ้ีก็เปนนาถกรณธรรม. ขออื่นยงั มอี ยอู ีก ภิกษเุ ปนผขู ยัน ไมเกียจคราน ประกอบดวยปญ ญา เครอ่ื งพิจารณาอันเปน อบุ ายในการงานนน้ั สามารถทาํ สามารถจดัในกรณยี กิจ ใหญนอยของเพอื่ นพรหมจรรยท ้งั หลาย. ขอ ทีภ่ ิกษเุ ปนผูขยนั ไมเกยี จคราน ประกอบดวยปญ ญาเปนเครอื่ งพิจารณาอนั เปน อุบายในการงานน้ัน สามารถทํา สามารถจัดในกรณยี กิจใหญนอยของเพอ่ื นพรหมจรรยท งั้ หลาย แมนก้ี ็เปน นาถกรณธรรม. ขอ อน่ื ยังมอี ยอู กี ภกิ ษุเปนผใู ครใ นธรรม เจรจานารัก มคี วามปราโมทยย ่งิ ในอภธิ รรม ในอภวิ นิ ัย ขอ ท่ีภกิ ษุเปน ผใู ครใ นธรรมเจรจานา -

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 450รักมคี วามปราโมทยย ่ิงในอภธิ รรม ในอภวิ นิ ยั แมน้ีกเ็ ปน นาถกรณธรรม. ขอ อน่ื ยังมีอยูอกี ภกิ ษเุ ปนผสู นั โดษดวยจวี รปณ ฑบาตเสนาสนะและเภสชั บรขิ ารเปนปจ จัยแกคนไขต ามมีตามได. ขอ ทภี่ กิ ษุ เปนผูสนั โดษดวยจีวรปณฑบาตเสนาสนะและเภสชั บรขิ าร เปน ปจ จัยแกคนไขต ามมีตามได แมน ีก้ ็เปนนาถกรณธรรม. ขออืน่ ยงั มอี ยอู กี ภิกษุเปนผปู รารภความเพยี ร เพ่ือละอกศุ ลธรรมเพือ่ จะยังกศุ ลธรรมใหถึงพรอ มอยู มีกําลงั มีความเพยี รม่ัน ไมทอดธรุ ะในกศุ ลธรรมทง้ั หลาย. ขอ ทภ่ี ิกษเุ ปนผูปรารภความเพยี รอยู . . . แมนกี้ เ็ ปนนาถกรณธรรม. ขออน่ื ยังมอี ยอู ีก ภกิ ษุเปน ผมู ีสติ ประกอบดวยสตแิ ละปญญาเคร่อื งรกั ษาตนอยางยง่ิ ระลึก ระลึกถงึ แมส งิ่ ท่ีทาํ แลวนาน แมค ําที่พดู แลวนานได. ขอที่ภกิ ษุเปน ผมู ีสติ ประกอบดว ยสติและปญ ญาเปน เครอ่ื งรักษาตนอยา งย่ิง ระลกึ ระลึกถงึ แมสง่ิ ทีท่ าํ แลวนาน แมคาํ ทีพ่ ูดแลวนานได. แมนี้กเ็ ปนนาถกรณธรรม. ขอ อ่นื ยงั มีอยอู กี ภิกษเุ ปนผูม ีปญญา ประกอบดวยปญญา เหน็ความเกิดและความดับเปน อริยะชําแรกกิเลส ใหถึงความสนิ้ ทุกขโ ดยชอบ.ขอทีภ่ กิ ษเุ ปน ผมู ปี ญ ญา... ถงึ ความส้นิ ทกุ ขโดยชอบ แมน ี้กเ็ ปน นาถกรณ-ธรรม. ธรรม ๑๐ อยา งเหลา น้ี มีอปุ การะ [๔๖๗] ธรรม ๑๐ อยาง ควรเจรญิ เปนไฉน. ไดแก กสิณา-ยตนะ ๑ คอื ผหู นึ่งยอมจาํ ปฐวกี สณิ ได ทัง้ เบื้องบน เบื้องลา ง เบอ้ื งขวางตามลําดบั หาประมาณมไิ ด. ผหู นงึ่ จาํ อาโปกสิณได. . . ผหู น่ึงจาํ เตโชกสิณ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook