Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore LK-002หนังสือศรีลังกาว่าด้วยประวัติศาสตร์ (ครั้งที่ ๒)

LK-002หนังสือศรีลังกาว่าด้วยประวัติศาสตร์ (ครั้งที่ ๒)

Description: LK-002หนังสือศรีลังกาว่าด้วยประวัติศาสตร์ (ครั้งที่ ๒)

Search

Read the Text Version

ศรีลังกา 119 ลังการาม ณ อินเดียประเทศ กษัตริย์แห่งอินเดียประเทศสมัยพระเจ้าสิริเมฆวัณณะคือพระเจ้าสมุทรคุปต์ ผู้ครอบครองอาณาบริเวณกว้างขวางเป็นรองเพียงพระเจ้าอโศกมหาราชเท่าน้ัน ถงึ แมพ้ ระองคจ์ ะนบั ถอื ไศวนกิ าย แตก่ ท็ รงใหค้ วามเสมอภาคเทา่ เทยี มกนั แกท่ กุ ศาสนา นานาลัทธิ กล่าวกันว่าในวัยเยาว์พระองค์เป็นสหายของวสุพันธุ ผู้เป็นคณาจารย์ใหญ่ นามอุโฆษฝ่ายมหายาน นักเขียนชาวจีนบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับพระองค์ไว้ว่า พระเจ้าสิริเมฆวัณณะแห่งเกาะลังกาได้จัดส่งราชทูตเข้ามาเฝ้าพระเจ้าสมุทรคุปต์ เพื่อขออนุญาตสร้างสังฆารามใกล้มหาโพธิวิหาร (พุทธคยา) หลังจากนั้นประมาณสองศตวรรษ ภิกษุเหี้ยนจังนักบวชชาวจีนได้มาเห็น วิหารแห่งน้ี จึงบรรยายรายละเอียดและเพิ่มเติมเน้ือหาเก่ียวกับสิ่งก่อสร้างไว้ว่า มี พระสงฆ์จากลังกาเดินทางมาสั่งสอนพระสัทธรรมตลอดแว่นแคว้นดินแดนอินเดีย แต่ทุกแห่งหนที่เดินทางผ่านไปได้รับแต่การดูถูกเหยียดหยามเพราะเป็นคนต่างแดน เมอื่ พระสงฆเ์ หลา่ นน้ั เดนิ ทางกลบั ลงั กาไดพ้ ากนั เขา้ เฝา้ กราบทลู พระเจา้ แผน่ ดนิ ถงึ เรอื่ ง ดังกล่าว กษัตริย์ลังกาทูลถามว่าจะแก้ไขด้วยวิธีใด พระสงฆ์พากันกราบทูลว่าสมควร สร้างอาคารท่ีพักตลอดแว่นแคว้นดินแดนอินเดีย๙ เม่ือค�ำนึงถึงประโยชน์แก่พระสงฆ์ผู้มีเจตนาศรัทธาจะเดินทางไปกราบไหว้ สังเวชนียสถาน ณ ดินแดนพุทธภูมิ พระเจ้าแผ่นดินลังกาจึงโปรดให้เสนาบดีส่ง ราชสาสน์ไปกราบทูลพระเจ้าสมุทรคุปต์ พร้อมด้วยเครื่องราชบรรณาการอันมีค่า เพื่อขออนุญาตสร้างที่พักแก่พระสงฆ์ พระเจ้าสมุทรคุปต์ทรงยินดีอนุญาตด้วย ความเต็มใจยิ่ง จากน้ันกษัตริย์ลังกาโปรดให้สร้างศาสนสถานตลอดทุกหนแห่งที่ พระตถาคตเจ้าเคยเสด็จส่ังสอนพระธรรมเทศนา เฉพาะบริเวณโพธิมณฑลได้รับเลือก ให้เปน็ ศนู ย์กลาง ทรงใหส้ รา้ งสงิ่ ก่อสร้างขนาดใหญ่สำ� หรับเปน็ ทพี่ กั อาศัยของพระสงฆ์ ผู้เดินทางมาจากลังกา ๙ Menoirs, ii, pp. 133 foll (Beal). 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 119 1/18/20 1:16 PM

120 ก่อก�ำเนิดวงการวรรณคดี คร้ังนั้นโปรดให้จารึกข้อความในแผ่นเงินว่า การสนับสนุนพระสงฆ์ทุกรูปนาม โดยปราศจากแบ่งแยก ช่ือว่าเป็นค�ำสอนส�ำคัญสูงสุดของพระพุทธองค์ การแสดงออก ถึงความเมตตาเป็นฉายาค�ำสอนของพระศาสดาเจ้า ตัวข้าพเจ้าผู้เป็นลูกหลานของ ราชวงศล์ งั กา ทำ� หนา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบสรา้ งสงั ฆารามในบรเิ วณใกลส้ งั เวชนยี สถาน มเี จตนา ศรัทธามอบถวายเพ่ือให้ช่ือเสียงเป็นที่ปรากฏในอนาคตกาลภายหน้า และเพ่ือให้เป็น ประโยชน์แก่พุทธศาสนิกชนท้ังมวล อีกทั้งพระสงฆ์ในแว่นแคว้นของข้าพเจ้ามีสิทธิ เสรีภาพเช่นเดียวกับคณะสงฆ์ของอินเดียประเทศ ขอให้เป็นเช่นน้ีสืบไปโดยปราศจาก อุปสรรคอันใดขัดขวาง๑๐ ส่วนบันทึกในศิลาจารึกท่ีเมืองอัลลหาบัดยืนยันตรงกันว่า บรรดาอาณาจักร ต่างแดนท่ีส่งราชทูตเข้ามาแสดงสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าสมุทรคุปต์นั้น เมือง เสียมหะละกะ (สีหลทีปะ) เป็นอีกเมืองหนึ่งท่ีส่งเคร่ืองราชบรรณาการเข้ามาถวายสร้าง สัมพันธไมตรีอันดีต่อกัน๑๑ ภิกษุเห้ียนจังบรรยายไว้ว่า อาวาสแห่งนี้มีภิกษุอยู่อาศัย ๑,๐๐๐ รูป ก�ำลัง ขะมักเขม้นศึกษาคัมภีร์อุตตมายาน (Great Vehicle) ซ่ึงเป็นส่วนหนึ่งของนิกาย สถวีรนิกาย ภิกษุเหล่านั้นต่างรักษาพระธรรมค�ำสอน และมีวัตรปฏิบัติบริสุทธิ์งดงาม ถูกต้องตามพระธรรมวินัย๑๒ กล่าวกันว่าพระสงฆ์ลังกายุคนี้มิได้รับความเคารพเท่าท่ีควร อาจเป็น เพราะความรุ่งเรืองของลัทธิพราหมณ์ หรือว่าแนวความคิดของพระสงฆ์ลังกาไม่เป็น ทยี่ อมรบั ของคณะสงฆอ์ นิ เดยี กเ็ ปน็ ได้ หรอื ความบาดหมางระหวา่ งหนี ยานและมหายาน เติบโตจนกลายเป็นรอยแยก หรืออาจเป็นเพราะพระเจ้าแผ่นดินและคณะสงฆ์ลังกา ล่วงเกินค�ำสอนของพวกไวตุลยะ ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงเป็นไปได้ยากท่ีจะเกิดการ แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างพระสงฆ์สองแผ่นดิน แต่การต้ังม่ันชุมชนเถรวาทใกล้ ๑๐ The Buddhist, vol. viii, No. 26, published in Colombo, 1922. ๑๑ History of the Sangha, by D.B. Jayatilaka, in course of publication. ๑๒ Menoirs, vol. ii, p. 133 (Beal). 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 120 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 121 โพธิมณฑล ซ่ึงปัจจุบันเป็นศูนย์กลางจาริกแสวงบุญของชาวพุทธท่ัวโลก น่าจะมีการ ประนีประนอมแลกเปล่ียนทัศนคติกันบ้างแล้ว ส�ำหรับผู้เดินทางมาพักอาศัยวัดแห่งนี้ไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใด แม้อ�ำนาจการ บริหารจะอยู่ในมือของพระสงฆ์ส�ำนักมหาวิหารก็จริง แต่ภิกษุส�ำนักอภัยคิรีวิหาร ผปู้ ระสงคจ์ ะศกึ ษารายละเอยี ดเปรยี บเทยี บความแตกตา่ งระหวา่ งคำ� สอนของสองนกิ าย ก็สามารถเข้าพักอาศัยได้ ผู้เขียนเชื่อเหลือเกินว่าความสนิทสนมคุ้นเคยกับพระสงฆ์ มหายาน ซ่ึงเถรวาทเรียกว่าพวกนอกรีตน้ัน หากพิจารณาถึงความรับผิดชอบโดย ภาพรวม ดูเหมือนว่าเกิดขึ้นเฉพาะพระสงฆ์ส�ำนักมหาวิหารและส�ำนักอภัยคิรีวิหาร เท่านั้น ส�ำนักมหาวิหารเองปฏิบัติต่อส�ำนักอภัยคิรีวิหารด้วยความประนีประนอม เสมอมา จะแทรกแซงเพียงอย่างเดียวเท่าน้ันคือพยายามช�ำระพระธรรมค�ำสอน ให้บริสุทธ์ิ๑๓ กษัตริย์นักการแพทย์ คร้ันสมัยพระเจ้าเชฏฐาติสสะที่ ๒ ผู้เชี่ยวชาญด้านงานสลักผ่านพ้นไป กลายมาเป็นพระเจ้าพุทธทาสข้ึนครองราชย์สืบแทน๑๔ คัมภีร์มหาวงศ์บรรยาย พระลักษณะของพระองค์ไว้ว่า ทรงกอปรด้วยคุณธรรมกว้างใหญ่ไพศาลดั่งมหาสมุทร ทรงแสดงตนเป็นตัวอย่างแก่อาณาประชาราษฎร์ ด้วยการประพฤติวัตรปฏิบัติเหมือน พระโพธิสัตว์ ทรงดูแลสุขทุกข์ของประชาชนดังบิดาดูแลรักษาบุตร ทรงขจัดความ ยากจนขัดสนของประชาชนด้วยการแจกจ่ายทรัพย์สินเป็นทาน ทรงรักษาป้องกัน ทรัพย์สินของคนร�่ำรวยจากพวกมิจฉาชีพ๑๕ อีกทั้งทรงมีคุณสมบัติด้านพระปัญญา อันเลิศ แลศรัทธาแรงกล้าในบวรพระพุทธศาสนาเฉกเช่นบูรพกษัตริย์ นอกจากน้ัน ทรงมีความรู้ด้านศัลยกรรมเป็นอย่างดียิ่ง ๑๓ ดูบทถัดไป ๑๔ M.V., xxxvii, v. 101. ๑๕ Ibid., xxxvii, v. 105-110; Geiger's trans, p. xxxix; 267, n.1. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 121 1/18/20 1:16 PM

122 ก่อก�ำเนิดวงการวรรณคดี (ซ้าย) คัมภีร์ดฬดาสิริตะภาษาสิงหล และ (ขวา) คัมภีร์ดาฐาวังสยะภาษาสิงหล (ซ้าย) ภาพวาดภิกษุฟาเหียน และ (ขวา) ภาพวาดภิกษุเหี้ยนจัง (คัดลอกภาพ จาก https://en.wikipedia.org) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 122 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 123 ซากอารามวิหาร เมืองเก่าอนุราธปุระ (คัดลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) พุทธคยา เชื่อว่าเป็นบ้านเกิดของพระพุทธโฆษาจารย์ (คัดลอกจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 123 1/18/20 1:16 PM

124 ก่อก�ำเนิดวงการวรรณคดี พระนางเหมมาลาและเจ้าชายทันตกุมาร อัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาลังกา ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัด แกลาณียราชมหาวิหาร ผลงานของโสริอัส เมนดิส 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 124 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 125 โสมาวดีเจดีย์ เขตโปโฬนนารุวะ เชื่อว่าประดิษฐานพระเข้ียวแก้วเบ้ืองขวา พิธีห่มผ้าโสมาวตีเจดีย์ ภาษาสิงหลเรียกว่ากัปปรุกษะ 1/18/20 1:16 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 125

126 ก่อก�ำเนิดวงการวรรณคดี มีเร่ืองราวดั่งปาฏิหาริย์กล่าวถึงการผ่าตัดของพระองค์หลายต่อหลายครั้ง ดังตัวอย่างเช่น มีบุรุษคนหน่ึงเผลอด่ืมน้�ำผสมไข่กบเข้าไป ไข่กบเหล่านั้นได้ไหลเข้าไป ตามรูจมูกแล้วเล่ือนไปรวมที่ศีรษะ จากนั้นฟักเป็นตัวและเติบโตขึ้น ยามถึงฤดูฝนจะ ได้ยินเสียงกบร้องในศีรษะของบุรุษคนนั้น พระเจ้าพุทธทาสทรงผ่าศีรษะแล้วน�ำกบ ออกมา จากน้ันประกบศีรษะให้เหมือนดังเดิมแล้วเยียวยารักษาจนหายเป็นปกติ๑๖ พระองค์โปรดให้สร้างโรงพยาบาลท่ัวเกาะลังกา มิใช่เฉพาะมนุษย์เท่าน้ัน แต่รวมถึงสรรพสัตว์ด้วย โปรดให้แต่งตั้งแพทย์หลวงประจ�ำต�ำบล (สิบหมู่บ้านเป็น หน่ึงต�ำบล) อีกท้ังทรงรจนาคัมภีร์สารารถสังครหะ๑๗ เพ่ือเป็นคัมภีร์คู่มือสอนวิชาการ แพทย์ ด้านพระศาสนาโปรดให้ส่งเสนาบดีออกไปสอนธรรมตามหมู่บ้านชนบท ห่างไกล ด้านการศึกษาทรงอุปถัมภ์สนับสนุนสมณปัจจัย เพื่อให้เกิดความสะดวก สบายแก่พระสงฆ์ผู้ท�ำหน้าที่สอนธรรมะ นอกจากน้ัน พระองค์โปรดให้สร้างปริเวณะ นามว่าโมระหรือมยุระ มอบถวายแก่พระสงฆ์ส�ำนักมหาวิหาร อีกทั้งบริจาคทรัพย์สิน เป็นทานจ�ำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อให้ปริเวณะสามารถเล้ียงดูตัวเองได้นานวัน สมัยนี้เองพระภิกษุนามว่ามหาธรรมกถีเถระ ได้แปลพระสูตรจากพระ สุตตันตปิฎกเป็นภาษาสิงหล๑๘ คำ� ถามคอื พระมหาธรรมกถเี ถระคอื ใคร อะไรเปน็ เหตใุ หท้ า่ นแปลพระไตรปฎิ ก ไม่มีหลักฐานเก่ียวข้องกับตัวท่านหรืองานเขียนของท่านหลงเหลือถึงปัจจุบัน แม้ คัมภีร์มหาวงศ์ก็กล่าวถึงตัวท่านเพียงพระคาถาเดียวเท่านั้น วิกรมสิงหะยืนยันว่าพระมหาธรรมกถีเถระ คือพระธรรมคุปตเถระที่ภิกษุ ฟาเหียนอ้างถึงในบันทึกเกี่ยวกับลังกา๑๙ ซึ่งระบุว่าพระธรรมคุปตเถระอยู่ท่ีมิหินตะเล อันเป็นศูนย์กลางการศึกษา มีภิกษุอาศัยอยู่ถึง ๒,๐๐๐ รูป พระเถระรูปน้ีประกอบ ๑๖ M.V., xxxvii, v. 144. ๑๗ ปัจจุบันมีนักเขียนรุ่นหลังแปลและตีพิมพ์แล้ว ๑๘ M.V., xxxvii, v. 175. ๑๙ Ep. Zeyl., vol. i, pt. iii, p. 83. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 126 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 127 ด้วยคุณธรรมงดงามตามสมณวัตร ได้รับการยกย่องสรรเสริญบูชาจากชาวเมือง ท้ังมวล ท่านอาศัยอยู่ในกุฎีหินนานกว่า ๔๐ ปี ความเมตตาของท่านสามารถเห็นได้ จากการเลี้ยงงูและหนูในห้องเดียวกัน โดยไม่ท�ำร้ายกันและกัน การยืนยันเช่นนี้อาจ จะเกินจินตนาการอยู่บ้าง แต่ก็มีนัยทางความจริงสนับสนุนอยู่ ส่วนเลกก์ (Legge) ผู้แปลงานเขียนของภิกษุฟาเหียนเป็นภาษาอังกฤษ๒๐ ได้อ้างค�ำพูดของไอเทลว่า (Eitel) ภิกษุผู้ลือนามรูปน้ีได้ก่อตั้งส�ำนักเรียนเป็นท่ีรู้จัก ตลอดเกาะลังกา แต่ภิกษุฟาเหียนมิได้บอกว่าส�ำนักเรียนน้ันก่อสร้างโดยพระธรรม คุปตเถระหรือไม่? ข้อมูลเกี่ยวกับพระมหาธรรมกถีเถระจึงมีอยู่น้อยนิด งานเขียน ของท่านกลายเป็นผลงานอันยิ่งใหญ่ เพราะชี้นัยบอกว่าภาษาสิงหลหยิบยืมศัพท์ มากหลายมาจากภาษาบาลี ไม่ว่าก�ำเนิดภาษาสิงหลซึ่งเป็นภาษาหน่ึงของชาวลังกาจะมาจากไหน ไม่ว่าจะ นำ� เข้ามาโดยพระเจ้าวิชยั จากส่วนหนึง่ ของอินเดียกต็ าม ไม่วา่ จะมีรากเหงา้ มาจากภาษา สันสกฤตหรือภาษาบาลีก็ตาม๒๑ คัมภีร์มหาวงศ์ได้แต่งเติมให้กลายเป็นภาษาชาวเมือง หรือภาษาแห่งเกาะลังกา๒๒ ต่อมาได้มีการพัฒนาโดยชาวอารยันผู้เข้ามาบุกเบิก สองศตวรรษคร่ึงภายหลังการเดินทางมาของพระเจ้าวิชัย ภาษาสิงหลเกิดพัฒนาการ ร่�ำรวยด้วยศัพท์มีโครงสร้างเป็นเอกลักษณ์ออกเสียงได้หลากหลาย จนสามารถรองรับ คัมภีร์อรรถกถาที่น�ำเข้ามาโดยพระมหินทเถระ แลเพราะการเข้ามาของภาษาบาลีใน ฐานะเป็นภาษารองรับพระพุทธพจน์ ภาษาสิงหลอาศัยการหยิบยืมและลอกเลียนศัพท์ เป็นจ�ำนวนมาก และปรับเปลี่ยนการออกเสียงมีรูปแบบเฉพาะตัว ความส�ำเร็จลงตัว ท�ำให้ภาษาชาวเมืองสามารถเก็บเก่ียวหลากหลายความรู้จากอินเดียท่ีน�ำเข้ามาสู่ลังกา นอกจากนั้น ภาษาสิงหลยังเก่ียวข้องกับพวกพราหมณ์ทมิฬนักล่าอาณานิคม ด้วย ครั้งแล้วคร้ังเล่าที่พวกพราหมณ์เข้ามาตั้งหลักแหล่งบนผืนเกาะลังกา เป็นผู้มี ๒๐ Ep. Zeyl. vol.i. pt. iii. p. 107, footnote 2. ๒๑ วิเคราะห์ค�ำถามน้ีดูเพิ่มเติม D'Alwis, Sidat-sangara, Introduciton. ๒๒ Chap. i, vv. 2-3. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 127 1/18/20 1:16 PM

128 ก่อก�ำเนิดวงการวรรณคดี ส่วนส�ำคัญในการเพ่ิมเติมภาษาสิงหลให้ร�่ำรวยยิ่งขึ้นโดยเฉพาะศัพท์ทางวรรณคดี แม้ชาวสิงหลสามารถขับไล่พวกโจรทมิฬที่เข้ามารุกรานยึดครองหลายต่อหลายครั้ง แต่ยังหลงเหลือชาวทมิฬบางกลุ่มท่ียังต้ังรกรากอยู่ในลังกา ชนกลุ่มน้ีมีส่วนสร้าง ความร่�ำรวยให้แก่ภาษาสิงหลเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวมา ภาษาสิงหลจึงเกิด ก่อพัฒนาการอย่างรวดเร็ว จนสามารถส่ือความหลากหลายทางความคิด อารมณ์ และความรู้สึก ร�่ำรวยด้วยศัพท์แสงและความยืดหยุ่นทางโครงสร้าง หลังจากภาษา บาลีเข้ามาสู่ลังกา การศึกษาภาษาบาลีได้เกิดพัฒนาการอย่างม่ันคง ครั้นเมื่อภาษา สิงหลเข้มแข็งมากข้ึน พระสงฆ์และฆราวาสจึงเลือกใช้ภาษาสิงหล เพ่ือสื่อความหมาย ค�ำสอนของพุทธศาสนา การทพ่ี ระมหนิ ทเถระนำ� ภาษาบาลมี าสลู่ งั กานน้ั มใิ ชเ่ พยี งเพอื่ ตอ้ งการใหแ้ สดง ธรรมเทศนาเป็นภาษาชาวเมืองเท่าน้ัน แต่ยังน�ำไปสู่การแปลพระไตรปิฎกและคัมภีร์ อรรถกถาอีกด้วย๒๓ ธรรมชาติอย่างหนึ่งที่คัมภีร์อรรถกถาต้องการคือ การเรียงร้อย ด้วยภาษาท่ีง่ายต่อการเข้าใจ ภาษาสิงหลจึงถูกเลือกเพราะเป็นไปตามลิ้นของชาวเมือง จึงไม่ต้องสงสัยแต่อย่างใด หากจะเห็นว่านักปราชญ์ชาวสิงหลต่างเลือกภาษา เพ่ือ ดัดแปลงให้เหมาะสมกับภาษาของตนเอง สังเกตได้จากงานนิพนธ์จ�ำนวนมาก ดังเช่นประวัติศาสตร์และกวีนิพนธ์ คัมภีร์อรรถกถาและคัมภีร์เหล่าอ่ืน ซ่ึงผลิตออก มาเป็นกลางประกอบด้วยประโยคหรือพระคาถาบาลี ๒ คาถา เป็นการแนะน�ำตรง โน้นบ้างตรงน้ีบ้าง เพ่ือย้�ำความจริงหรือสรุปการบรรยาย แตไ่ หนแตไ่ รมามคี วามเหน็ พอ้ งตอ้ งกนั วา่ คมั ภรี พ์ ระไตรปฎิ กถกู ตอ้ งสมบรู ณ์ แล้วด้วยภาษาบาลี จึงไม่มีความพยายามที่จะทดแทนด้วยภาษาอื่น เหตุผลก็คือเพื่อ ต้องการรักษาความบริสุทธ์ิของค�ำสอนเอาไว้ เม่ือเกิดความสงสัยในพระธรรมวินัย พระอรรถกถาจารยย์ ่อมสามารถอาศยั ตรวจสอบความถูกตอ้ งได้ ซง่ึ สามารถค้นหาจาก คัมภีร์พระไตรปิฎกท่ีแปลถูกต้องเรียบร้อยแล้ว การเข้าใจเช่นนี้ต่างยอมรับกันเป็น เวลายาวนาน ๒๓ ผลงานของพระพุทธโฆษาจารย์ คัดลอกมาจากการแปลเล่มน้ี 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 128 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 129 ความพยายามละเมิดคร้ังแรกคือพระมหาธรรมกถีเถระน้ีเอง เหตุผลท่ี พระมหาธรรมกถีเถระกล้าแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาสิงหลก็ไม่ยากเกินเดา อาจเป็น ไปได้ว่าภาษาสิงหลงอกเงยมาจากหลายแหล่ง และเติบโตด้วยการบังคับจ�ำกัดขอบเขต พระเถราจารย์จึงรจนาด้วยการประกอบส่ิงอ�ำนวยความสะดวกหลากหลายเพื่อแสดง ความคิดเป็นกลาง ภาษาเหล่าน้ันเรมิ่ กอ่ ร่างสร้างความพากเพียรพฒั นามากขึ้นกวา่ เดิม เรื่อยมา จนภาษาบาลีมีความส�ำคัญเป็นอันดับสอง และจ�ำกัดจุดประสงค์ในการใช้ ด้วยเหตุน้ีผู้เชี่ยวชาญภาษาบาลีจึงมีจ�ำนวนลดลง พระมหาธรรมกถีเถระอาจจะมีเหตุผลความเชื่อว่า ถ้าพระไตรปิฎกเป็นท่ีรู้จัก กว้างขวางแก่ชาวเมืองก็สมควรเปลี่ยนลักษณะวิธี เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ ท่านจึง เร่ิมต้นแปลพระสุตตันตปิฎกเสียก่อน ไม่มีหลักฐานกล่าวถึงงานท่ีเร่ิมต้นโดยพระ มหาธรรมกถีเถระว่ามีคนอ่ืนสานต่อหรือไม่ อาจเป็นไปได้ว่ากลุ่มพระสงฆ์อนุรักษ์นิยม ได้หยุดความพยายามเพียงแค่น้ัน หลักฐานการปฏิเสธการศึกษาภาษาบาลีในยุคน้ัน จงึ เพกิ เฉยความจรงิ ทว่ี า่ เมอ่ื นกั ปราชญร์ จนาคมั ภรี เ์ ปน็ ภาษาบาลี ดงั ตวั อยา่ งเชน่ คมั ภรี ์ ทีปวงศ์ซ่ึงก�ำเนิดขึ้นในยุคเดียวกัน ภาษาจึงไม่เป็นธรรมชาติ ส�ำนวนไม่ประณีต ขาดความละเอียดอ่อนไร้อารมณ์๒๔ ปฏิกิริยาด้านความล้มเหลวดังกล่าวเกิดการ เปลยี่ นแปลงครงั้ ใหญส่ มยั พระพทุ ธโฆษาจารย์ เมอ่ื ทา่ นมสี ว่ นชว่ ยกระตนุ้ ใหเ้ กดิ กระแส ศึกษาภาษาบาลี และพยายามสร้างรูปแบบท�ำให้ภาษาบาลีเข้ามามีอิทธิพลต่อภาษา พื้นเมืองกล่าวคือภาษาสิงหล เป็นที่น่าสังเกตว่าขณะเม่ือภาษาสิงหลเจริญรุ่งเรืองเหนือภาษาบาลี ภาษาอื่น ก็เป็นที่นิยมเช่นเดียวกัน น่ันคือภาษาสันสกฤตเชิงกวีนิพนธ์ ซึ่งได้รับความนิยม แพร่หลาย ด้านการศึกษางานนิพนธ์บนแผ่นดินอินเดีย งานนิพนธ์ด้านวิทยาศาสตร์ และศาสตร์ทางโลกที่เป็นภาษาสันสกฤตก็สามารถพบเห็นได้ในลังกา และมีการศึกษา ด้วยความละเมียดละไม ๒๔ Oldenberg, Dipa-vamsa, p. 9. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 129 1/18/20 1:16 PM

130 ก่อก�ำเนิดวงการวรรณคดี เมื่อพระเจ้าพุทธทาสกษัตริย์นักการแพทย์ทรงนิพนธ์คัมภีร์สารารถสังครหะ ซึ่งเป็นต�ำราเก่ียวกับการแพทย์เล่มแรกของลังกา จะเห็นได้ว่าพระองค์ไม่ทรงนิพนธ์ เป็นภาษาสิงหลหรือภาษาบาลีท่ีพระองค์ใช้อยู่เป็นประจ�ำ แต่กลับนิพนธ์เป็นภาษา สันสกฤต บางคร้ังจะเห็นอิทธิพลของภาษาสันสกฤตต่อวรรณคดีลังกาในยุคต่อมา แต่กรณีหนังสือของพระเจ้าพุทธทาสที่ทรงนิพนธ์เป็นภาษาสันสกฤตนั้น ไม่มีใช้ใน ลังกาประเทศ จึงเห็นสมควรตั้งข้อสังเกตในที่นี้ ก�ำเนิดพิธีสวดปริตร หลังการส้ินพระชนม์ของพระเจ้าพุทธทาส พระโอรสพระองค์ใหญ่พระนามว่า อปุ ตสิ สะทรงขน้ึ ครองราชยส์ บื แทน ในรชั สมยั ของพระองคล์ งั กาประสบกบั ทพุ ภกิ ขภยั โรคภัยและความทุกข์โศก หลังจากได้รับค�ำแนะน�ำจากคณะสงฆ์ พระองค์จึงนิมนต์ พระสงฆ์ให้ออกเดินไปตามถนนหนทางในพระนครตลอดราตรี พร้อมสวดรัตนสูตร และประพรมน้�ำพุทธมนต์ ขณะเม่ือพระอาทิตย์อุทัยเมฆก้อนใหญ่ทมึนตั้งข้ึน หล่ังอุทกธาราช�ำระล้างสิ่งโสโครกหายหมดส้ิน คนป่วยและคนพิการต่างปล้ืมปีติยินดี พระเจ้าแผ่นดินโปรดให้ป่าวประกาศว่า เม่ือใดบ้านเมืองประสบกับทุพภิกขภัยและ โรคร้ายเช่นนี้ ควรจัดประเพณีสวดพระปริตร๒๕ ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการกล่าวถึงการสวดพระปริตร เพ่ือความม่ังค่ังของ ชาวเมือง เชื่อกันว่าพระพุทธเจ้าเคยสวดรัตนสูตรเพื่อขจัดโรคระบาดในนครเวสาลี พิธีสวดพระปริตรคร้ังนั้นจึงถือว่าก�ำเนิดขึ้นเป็นคร้ังแรกในแผ่นดินลังกา และได้รับ การสืบทอดเร่ือยมาจนถึงปัจจุบัน พระสูตรท่ีใช้สวดส่วนใหญ่ ได้แก่ มังคลสูตร รัตนสูตร และกรณียเมตตสูตร ซึ่งปรากฏในคัมภีร์ขุททกปาฐะ ส่วนหนังสือรวบรวม พระสูตรส�ำหรับสวดนั้นเรียกว่าปิริตโปตะ มีอยู่ทุกหนแห่งต้ังแต่ห้องสมุดจนถึงบ้าน ของฆราวาส ๒๕ M.V., xxxvii, vv. 189-198. 1/18/20 1:16 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 130

ศรีลังกา 131 ประเพณีเช่นน้ีเช่ือว่าสามารถขจัดภัยพิบัติท้ังปวงและน�ำความสุขสวัสด์ิมาให้ ชาวสิงหลซ่ึงส่วนใหญ่สามารถจดจ�ำพระสูตรเหล่าน้ีได้อย่างคล่องปาก บิดามารดาจะ แนะน�ำบุตรธิดาให้ท่องบ่นทุกวันตอนรุ่งเช้าและก่อนนอน๒๖ สมัยต่อมาพระปริตรสูตร ได้แปลเป็นภาษาสิงหล เนื้อหาส่วนใหญ่ได้เพิ่มเติมเข้ามาใหม่และยากต่อการเข้าใจ เหมือนต้นฉบับภาษาบาลี ความขลังของการสวดพระปริตรเชื่อว่าคงมีอยู่ ไม่ว่าผู้สวด จะเข้าใจความหมายในส่ิงที่ตนสวดหรือไม่ก็ตาม พระเจ้าอุปติสสะถูกลอบปลงพระชนม์โดยพระมเหสีของพระองค์ ผู้มีจิต ปฏิพัทธ์ลุ่มหลงพระอนุชาของพระองค์เองนามว่ามหานามะ ซึ่งขณะน้ันกำ� ลังผนวชเป็น บรรพชิต หลังจากพระเชษฐาสวรรคตแล้ว พระองค์ได้ลาสิกขาข้ึนเสวยราชย์เป็น กษัตริย์ และอภิเษกสมรสกับพระมเหสีของพระเชษฐาธิราชเจ้า การท่ีพระองค์ยอมรับ พระมเหสผี ทู้ รยศนนั้ สรา้ งความไมพ่ อใจใหแ้ กพ่ ระสงฆส์ ำ� นกั มหาวหิ ารยง่ิ นกั พระองค์ และพระมเหสีจึงหันไปอุปถัมถ์พระสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีวิหารแทน๒๗ สมัยของพระองค์ น้ีเองพระอรรถกถาจารย์ผู้ย่ิงใหญ่นามว่าพุทธโฆษาจารย์ได้เดินทางมาลังกา ซ่ึงต่อมา งานเขียนของท่านกลายมาเป็นอนุสรณ์อันยิ่งใหญ่ รัชสมัยของพระเจ้ามหานามะนั้น มีหลักฐานกล่าวถึงคัมภีร์ภาษาบาลีส�ำคัญ สองเล่มคือ ขุททสิกขาและมูลสิกขา สันนิษฐานว่าเขียนขึ้นก่อนการเข้ามาของ พระพุทธโฆษาจารย์ คัมภีร์ทั้งสองเล่มกล่าวถึงในศิลาจารึกของพระเจ้าปรากรมพาหุ มหาราชท่ีกัลวิหาร๒๘ และในคัมภีร์ของพระเถระนักไวยากรณ์นามกระเดื่องช่ือว่า โมคคัลลานเถระ ซึ่งมีชีวิตอยู่ในยุคโปโฬนนารุวะ และเชื่อว่าท่านเป็นผู้เขียนคัมภีร์ อรรถกถาแต่งแก้คัมภีร์ขุททสิกขา๒๙ คัมภีร์ที่ท่านเขียนไม่ปรากฏว่ามีอยู่ในปัจจุบัน และเชื่อกันว่าคงเขียนข้ึนตามแนวอรรถกถาภาษาสิงหล ๒๕ ขอย�้ำว่าสมัยผู้เขียนเดินทางไปอังกฤษ หนังสือที่ผู้เขียนน�ำติดตัวไปด้วยคือต�ำราสวด พระปริตร ๒๖ M.V., xxxvii, v. 212. ๒๗ Muller's Ancient Inscrip. of Ceylon, No. 137, 11 (1922). ๒๘ Fryer's Subodhalankara, p. 4. note on Kaccayana; see also under Moggallana in the present treatise. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 131 1/18/20 1:16 PM

132 ก่อก�ำเนิดวงการวรรณคดี หนงั สือขทุ ทสกิ ขาและมลู สิกขาเปน็ คัมภีร์สรุปพระวนิ ัยบัญญัติ ซงึ่ เปน็ เทคนคิ ที่ใช้ในพระวินัยปิฎก งานเขียนทั้งสองเล่มกล่าวกันว่างดงามด้วยฉันทลักษณ์ มีเพียง ส่วนน้อยเท่านั้นที่แต่งเป็นร้อยแก้ว ส�ำหรับฉันท์นั้นประกอบด้วยการร้อยเรียงอัน ประณีตบรรจง เบิกบานตามจุดประสงค์ท่ีผู้เขียนต้องการสื่อ ประโยคสุดท้ายของ คัมภีร์ขุททสิกขาอธิบายว่า เขียนข้ึนเพื่อมอบถวายพระธรรมสิริเถระ ผู้เป็นดั่งธงชัย แห่งตัมพปัณณิทวีป คัมภีร์มูลสิกขานั้นแม้จะไม่เอ่ยถึงนามผู้แต่ง แต่ก็เช่ือกันว่าเป็น ผลงานของพระมหาสามีเถระ หนังสือท้ังสองเล่มอาจจะแต่งโดยพระเถระที่อาศัยอยู่ ในเมืองอนุราธปุระและเป็นสหายกัน๓๐ น่าเสียดายว่าไม่มีหลักฐานชิ้นใดระบุเกี่ยวกับ ผู้แต่ง มีเพียงแค่ข้อมูลที่หยิบยืมกันต่อมา จึงยากต่อการก�ำหนดอายุกาลของคัมภีร์ ทงั้ สองเล่ม มูลเลอร์ (Muller) ซ่ึงมีหลักฐานแย้งด้านภาษาและรูปแบบของศัพท์ท่ีเคย พบเห็นความฉุกละหุกของจังหวะในฉันท์มั่นใจว่า คัมภีร์ท้ังสองเล่มเกิดขึ้นภายหลัง คัมภีร์มหาวงศ์๓๑ ไม่น่าจะเกิดขึ้นก่อนพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๒ ส่วนบทน�ำหนังสือ สิทัตสังคราของอีอัลวิสบอกว่า น่าจะเกิดมีก่อนสมัยน้ัน ราว พ.ศ.๘๙๓ เพราะ สำ� นวนภาษาของคมั ภรี ท์ งั้ สองเลม่ เขยี นแบบเรยี บงา่ ย ไมเ่ จอื ปนปรงุ แตง่ ดว้ ยไวยากรณ์ สันสกฤต๓๒ ด้านรีส เดวิดส์ เห็นด้วยและประเมินว่า๓๓ น่าจะแต่งขึ้นประมาณ พ.ศ.๘๙๓ เชน่ เดยี วกนั โดยอธบิ ายเพม่ิ เตมิ วา่ คมั ภรี ท์ ง้ั สองเลม่ อยใู่ นยคุ แหง่ การทอ่ งจำ� ภาษาบาลี เพราะเนื้อหาทั้งหมดกลั่นกรองมาจากคัมภีร์พระวินัยปิฎก มีเพียงบางส่วนเท่าน้ันที่ ไม่สามารถพิสจู นไ์ ด้ ส่วนมูลเลอรค์ ิดว่าเน้อื หาบางสว่ นนา่ จะคัดมาจากคมั ภีรอ์ รรถกถา พระวินัยปิฎก๓๔ ๒๙ JPTS., 1883, pp. 86-7; also De Zoysa, Catalogue. ๓๐ Ibid. ๓๑ Introduction to Sidat-sangra, p. cl. ๓๒ JPTS., 1883, p. xiii. ๓๓ JPTS., loc, cit. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 132 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 133 คัมภีร์สันเนภาษาสิงหลหรืองานแปลคัมภีร์ขุททสิกขาที่ยังปรากฏมีอยู่ เป็นงานทุ่มเทเชิงปราชญ์อย่างย่ิง เหตุเพราะเขียนด้วยภาษางดงามอลังการด้วยส�ำนวน เก่าโบราณ น่าเสียดายไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นผู้แต่ง แต่เชื่อกันว่าเขียนข้ึนประมาณ พุทธศตวรรษท่ี ๑๖ สว่ นคมั ภรี ช์ น้ั ฎกี านามวา่ โปราณฎกี า แตง่ เปน็ ภาษาบาลมี พี นื้ ฐานมาจากคมั ภรี ์ สันเนภาษาสิงหล โดยพระเรวตเถระหรือพระมหายสเถระ ซึ่งเป็นรูปเดียวกันที่แต่งแก้ คัมภีร์ฎีกาวินยวินิจฉัยของพระพุทธัตตเถระ๓๕ อีกรูปหนึ่งคือพระสังฆรักขิตเถระ ผู้แต่งคัมภีร์สุโพธาลังการะและคัมภีร์ส�ำคัญอีกหลายเล่ม ระยะเวลาท่ีเขียนสันนิษฐาน ว่าประมาณหลังพุทธศตวรรษท่ี ๑๗ คัมภีร์ดังกล่าวยังคงมีใช้ในประเทศลังกาและพม่า จนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นคู่มือวินัยส�ำหรับสามเณรผู้เตรียมเข้าอุปสมบทเป็นภิกษุ ๓๕ q.v. 1/18/20 1:16 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 133

134 ก่อก�ำเนิดวงการวรรณคดี ปกหนังสือสวดพระปริตร ภาษาสิงหลเรียกว่าปิรุวาณาโปตวะหันเส เน้ือหาทั้งหมดบรรจุด้วย คาถาส�ำหรับสวดพระปริตรตลอดคืนจนรุ่งสาง ตามประเพณีของชาวพุทธศรีลังกา 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 134 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 135 (บน) เชตวันเจดีย์ เมืองเก่าอนุราธปุระ และ (ล่าง) ซากอารามวิหารแห่งส�ำนักเชตวันวิหาร เมืองเก่าอนุราธปุระ (คัดลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 135 1/18/20 1:16 PM

136 ก่อก�ำเนิดวงการวรรณคดี (บน) พระพุทธรูปสิลาภายในส�ำนักอภัยคิรีวิหาร และ (ล่าง) สระช้างภายในส�ำนักอภัยคิรีวิาหร เมืองเก่าอนุราธปุระ (คัดลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 136 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 137 ซากอารามวหิ ารบรเิ วณถปู ารามเจดยี ์ เมอื งเกา่ อนรุ าธปรุ ะ (คดั ลอกภาพจาก www.google.co.th/ maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 137 1/18/20 1:16 PM

138 พระพุทธโฆษาจารย์ 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 138 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 139 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 139 1/18/20 1:16 PM

ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดศรีสุโพธาราม เขตเดหิวาละ เมืองหลวงโคลัมโบ 1/18/20 1:16 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 140

บทท่ี ๖ พระพุทธโฆษาจารย์ ชมพูทวีปถิ่นก�ำเนิด เป็นท่ียอมรับโดยทั่วกันว่าพระพุทธโฆษาจารย์นั้น เป็นพระอรรถกถาจารย์ ผู้ย่ิงใหญ่หาผู้ใดเปรียบได้ยากนัก ด้วยเหตุว่าผลงานทางวิชาการมากหลายท่ีท่านได้ เพียรสรรค์สร้างเอาไว้ กลายเป็นคลังแห่งปัญญาสร้างประโยชน์มากมายมหาศาลแก่ วงการพระพทุ ธศาสนา แตห่ ากหนั มาศกึ ษาประวตั ขิ องทา่ นกลบั หาขอ้ มลู หลกั ฐานสบื คน้ ได้ยากนัก แม้ที่ปรากฏมีในงานเขียนของท่านเองก็น้อยเหลือประมาณ ส่วนท่ีเหลือ พบเห็นบ้างประปรายในหนังสือเล่มอ่ืน แต่ก็เติมแต่งจินตนาการเกินกว่าท่ีจะยึดเอา เป็นสาระได้ จึงไม่สามารถบอกได้ว่าส่วนใดเป็นข้อมูลแท้จริง ส่วนใดคือเร่ืองราวที่ แต่งเติมสอดแทรกเข้ามา หากต้องการความจริงทางประวัติศาสตร์จ�ำต้องอาศัยวิธี เปรียบเทียบ แต่ก็เหลือช่องว่างให้เก็บมาวิเคราะห์เพียงน้อยนิด เบื้องต้นเห็นสมควรเร่ิมจากหนังสือพุทธโฆสุปปัตติ๑ อันเป็นหนังสือว่าด้วย ชีวประวัตขิ องพระพุทธโฆษาจารย์ มเี นอ้ื หาเชิงสร้างความเพลดิ เพลนิ และชแ้ี นะพอเป็น แนวทางมากกว่าเป็นข้อมูลทางวิชาการ ผู้แต่งเองมีความรู้จริงแท้เก่ียวกับประวัติของ พระพุทธโฆษาจารย์เพียงน้อยนิด การรวบรวมข้อมูลก็ไม่ชัดเจนโดยเฉพาะประเด็น ทางประวัติศาสตร์ น่าจะเป็นหนังสือประโลมโลกมากกว่าเป็นต�ำราอ้างอิงเชิงวิชาการ เกรย์ ผู้ท�ำหน้าท่ีแปลหนังสือพุทธโฆสุปปัตติเป็นภาษาอังกฤษระบุว่า๒ ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มท่ีกล่าวถึงประวัติของพระอรรถกถาจารย์ผู้ย่ิงใหญ่ท่านน้ี หนังสือเหล่าน้ันเป็นบันทึกท่ีน่าเชื่อถือรักษาสืบต่อมาจากประเทศพม่า นอกจากน้ัน ๑ Edited and translated by J. Gray, Luzac & Co., 1892. ๒ Ibid., p. 9 foll.; see also The Life and Work of Buddhaghosa, by Bimala Charan Law, Calcutta, 1923. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 141 1/18/20 1:16 PM

142 พระพุทธโฆษาจารย์ ประวัติของพระมหาเถราจารย์ผู้ยิ่งใหญ่บางส่วนยังปรากฏพบเห็นในคัมภีร์มหาวงศ์ สันนิษฐานว่าน่าจะสอดแทรกเพ่ิมเติมเสริมเนื้อความเข้ามาใหม่โดยนักเขียนรุ่นหลัง ประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๘ แต่ข้อมูลดังกล่าวก็ห่างไกลจากข้อเท็จจริงมากนัก เชอื่ วา่ นา่ จะรวบรวมมาจากหลกั ฐานเกา่ อกี ทอดหนงึ่ ผเู้ ขยี นคมั ภรี ม์ หาวงศเ์ องพยายาม แสดงข้อมูลเช่นเดียวกัน แต่น่าเสียดายว่ามีเน้ือหาสาระแท้จริงเพียงน้อยนิด กล่าวถึง เฉพาะระยะเวลาท่ีท่านอาศัยอยู่บนเกาะลังกา ขณะสรรค์สร้างงานอันเป็นอมตะเท่านั้น แต่ก็ถือว่าเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากที่สุดเท่าท่ีมีอยู่ กล่าวตามหลักฐานพระพุทธโฆษาจารย์ถือก�ำเนิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาล ณ หมู่บ้านแห่งหน่ึงใกล้ต้นพระศรีมหาโพธ์ิ๓ เช่ียวชาญแตกฉานทั้งศาสตร์และศิลป์ เจนจบคัมภีร์ไตรเพท บริบูรณ์ด้วยปัญญา ช่�ำชองด้านการโต้วาทะหาผู้ใดเปรียบได้ ยากนัก เคยเดินทางเท่ียวโต้วาทีปราบเจ้าลัทธิทั่วดินแดนชมพูทวีป ชอบสนทนาธรรม ใฝ่เรียนไม่รู้จบสิ้น สามารถสนทนาธรรมได้ตลอดคืนยันรุ่ง เพียบพร้อมด้วยบุคลิก ลักษณะของนักปราชญ์ และบริบูรณ์ด้วยสายเลือดแห่งวรรณะพราหมณ์ อันว่าตระกูลของท่านนั้นรู้จักคุ้นเคยกับพระเรวตเถระเป็นอย่างดี๔ คราวหนึ่งพระเถรเจ้าพิจารณาเห็นว่า พราหมณ์หนุ่มน้อยนี้เป็นผู้มีปัญญา เลิศล้�ำ สมควรน�ำเข้ามาให้นับถือพระพุทธศาสนา ครั้นแล้วพระเถระได้ท้าท้าย พราหมณ์หนุ่มว่า ใครนั่นหนอร้องเหมือนลาโง่ พราหมณ์หนุ่มย้อนถามพระเถระว่า ท่านรู้ความหมายเสียงร้องของลาหรือ พระเถระตอบว่าตัวเรารู้เสียงร้องของลาเป็น อยา่ งดี จากนน้ั ทง้ั สองฝา่ ยทา้ ทายกนั และกนั เพอื่ อธบิ ายเสยี งรอ้ งของลาตามภมู ปิ ญั ญา แห่งตน พราหมณ์หนุ่มเริ่มต้นอธิบายเสียงร้องของลาตามวิชาความรู้ท่ีตนร่�ำเรียนมา ๓ หากถือตามหลักฐานพม่าพระพุทธโฆษาจารย์เกิดที่อินเดียเหนือ ประมาณพุทธศตวรรษ ที่ ๘ ณ เมืองมคธ (see Gray., op. cit.) คัมภีร์สาสนวังสะระบุว่าท่านเป็นบุตรของปุโรหิตนามว่าเก สะและมารดานามว่าเกสี ๔ บทก่อนผู้เขียนตั้งข้อสังเกตพระเรวตรูปว่าน้ีอาจจะเป็นพระเถระผู้ใหญ่แห่งสังฆาราม ซ่ึงพระเจ้ากีรติสิริเมฆวัณณะโปรดให้สร้างถวายพระสงฆ์ศรีลังกา 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 142 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 143 ส่วนพระเถระก็แย้งแต่ละประเด็นตามค�ำขานไขของพราหมณ์หนุ่มนั้น แล้วสรุปให้เห็น เปน็ ประจกั ษว์ า่ คำ� อธบิ ายนนั้ เชอ่ื ถอื ไมไ่ ดไ้ รเ้ หตผุ ล ดว้ ยความเคารพศรทั ธาอยากทราบ วิชาความรู้จากพระเถระ พราหมณ์หนุ่มจึงเรียนท่านว่า ขอท่านจงแสดงค�ำสอนอัน เป็นหัวใจหลักแห่งลัทธิของท่านแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด พระเถระได้ท่องพระคาถาบทหนึ่งจากพระอภิธรรมปิฎก พราหมณ์หนุ่มไม่ สามารถเข้าใจความหมายของพระคาถาน้ันได้ จึงเรียนถามพระเถระว่ามนต์ของท่านนี้ เรียกว่าอะไร เมื่อได้รับค�ำตอบจากพระเถระว่าน้ีเป็นมนต์ของพระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐ เลิศล้�ำเหนือเทวดาและมนุษย์ท้ังหลาย ด้วยนิสัยเป็นนักการศึกษาอยากเรียนรู้ไม่ สิ้นสุด พราหมณ์หนุ่มจึงขอร้องพระเถระว่าขอท่านจงสอนมนต์น้ันแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด พระเถระชี้แจงว่าตัวเราจะสอนให้ก็ต่อเม่ือเจ้าเข้าบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เท่าน้ัน พราหมณ์หนุ่มจึงพิจารณาว่าเพศบรรพชิตคงเป็นทางท่ีถูกต้อง จึงบวชเป็น พระภิกษุศึกษาพระธรรมค�ำสอนในส�ำนักของพระเรวตเถรเจ้า ต่อมาท่านเชี่ยวชาญการแสดงเทศนาสามารถอธิบายหัวข้อธรรมได้อย่าง ละเอียดลึกซ้ึงเหมือนพระพุทธเจ้า จึงได้รับการขนานนามว่าพุทธโฆษะ ตั้งแต่บัดน้ัน มาชื่อเสียงของท่านเป็นท่ีรู้จักแพร่หลายทั่วโลก เหมือนพระพุทธเจ้าผู้เป็น พระบรมศาสดาของชาวเราท้ังหลาย คราวเมอ่ื พระพทุ ธโฆษาจารยอ์ าศยั ชมพทู วปี อยนู่ นั้ ไดแ้ ตง่ คมั ภรี ช์ อื่ วา่ ญาโณทยั และคมั ภรี อ์ ตั ถสาลนิ ี มเี นอื้ หาอธบิ ายแกค้ วามตามคมั ภรี ธ์ รรมสงั คณแี หง่ พระอภธิ รรม ปิฎก ต่อมาพระเรวตเถระผู้อุปัชฌาย์ได้แนะน�ำว่า ดูกรพุทธโฆษะ อันว่าดินแดน ชมพทู วปี นมี้ เี พยี งคมั ภรี ป์ ฏิ กตั ตยะ สว่ นคมั ภรี อ์ รรถกถาสญู หายไปเนน่ิ นานแลว้ แมแ้ ต่ ค�ำสอนของลัทธินิกายเหล่าอื่นก็เช่นเดียวกัน แต่บนผืนเกาะทางตอนใต้ของชมพูทวีป อันมีนามเรียกขานกันว่าลังกาทวีปนั้น คัมภีร์อรรถกถาอันเป็นของด้ังเดิมแท้ยังปรากฏ มีอยู่ แลแต่งเป็นภาษาสิงหลตามค�ำแนะน�ำของพระมหินทเถรเจ้า ผู้น�ำค�ำสอนของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าไปเผยแผ่บนเกาะแห่งนั้น อีกท้ังเน้ือความค�ำสอนของ พระสารีบุตรเถระ และพระมหาเถระองค์ส�ำคัญมากหลายก็มีอยู่เช่นเดียวกัน เธอจง 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 143 1/18/20 1:16 PM

144 พระพุทธโฆษาจารย์ เดินทางไปศึกษาและปริวรรตคัมภีร์เหล่าน้ันเป็นภาษามคธเสียเถิด อันจะบังเกิด ประโยชน์เกื้อกูลมหาศาลแก่มวลหมู่มนุษย์๕ หลังจากฟังค�ำพระอุปัชฌาย์ปรารภแล้ว พระพุทธโฆษาจารย์บังเกิดปีติปรีดา เกษมศานต์ อ�ำลาพระอุปัชฌาย์อาจารย์ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เกาะลังกาโดยพลัน สมัยน้ันกษัตริย์ผู้ครองแผ่นดินลังกามีพระนามว่าพระเจ้ามหานามะ๖ คร้ันถึงส�ำนัก มหาวิหารอันเป็นศูนย์กลางการศึกษาเถรวาทดั้งเดิม ได้ตรงเข้าไปยังห้องสมุด มหาปธานซึ่งเป็นอาคารหลังใหญ่ในพระอาราม ครั้นฟังค�ำอธิบายเนื้อความตามคัมภีร์ อรรถกถาภาษาสิงหลและค�ำสอนแห่งเถรวาทะ จากพระสังฆปาลิเถระต้ังแต่เริ่มต้น จนถึงปลายสุด ได้เข้าใจอย่างชัดแจ้งว่าเน้ือความในคัมภีร์อรรถกถาเหล่านั้น ล้วนมี เนื้อหาถกู ต้องตามคำ� สอนของพระศาสดาเจ้า จากน้ันท่านไดก้ ราบวงิ วอนพระสังฆปาลิ เถระว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ อันกระผมน้ันไซร้เดินทางไกลมาหลายร้อยโยชน์เสี่ยงภัย ข้ามมหาสมุทร เพราะมีความปรารถนาสูงสุดที่จะแปลคัมภีร์อรรถกถาภาษาสิงหลเป็น ภาษามคธ ขอท่านผู้เจริญได้โปรดมอบคัมภีร์อรรถกถาทั้งหมดแก่กระผมด้วยเถิด ก่อเกิดคัมภีร์วิสุทธิมรรค พระสังฆปาลิเถระน้ันประสงค์จะทดสอบความรู้ของพระหนุ่มผู้มาเยือนว่า จะมีความรู้เก่ียวกับพระธรรมวินัยมากน้อยเพียงไร สมควรรับภาระงานใหญ่คร้ังน้ีได้ หรอื ไม่ จงึ สาธกยกพระคาถาขน้ึ เปน็ ตวั อยา่ ง ๒ คาถา แลว้ กลา่ ววา่ ดกู รทา่ นผอู้ าคนั ตกุ ะ หากท่านประสงค์จะแปลคัมภีร์อรรถกาดังค�ำเจรจาแล้วไซร้ จงพิสูจน์ความสามารถ ของท่านบัดเดี๋ยวนี้เถิด หากชาวเราพอใจจึงจะอนุญาตตามค�ำร้องขอของท่าน ๕ คัมภีร์สาสนวังสะระบุว่าพระเถระถูกอาจารย์ส่งไป เพราะเห็นว่าท่านชาญฉลาดกว่า อาจารย์แห่งตน ๖ The Ceylon Antiquary and Lit, Register (vol.i, pt. ii, pp. 94 foll.) ระบุถึง วันเวลาแตกต่างท่ีนักวิชาการหลายท่าน บางท่านบอกว่าก่อน 543 B.C. แต่ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับชื่อของ พระมหานามะแห่งศรีลังกา หลักฐานจากศรีลังกาคัดค้านการเดินทางมา 965 ปีภายหลังพุทธปรินิพพาน 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 144 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 145 เพียงสองพระคาถาเท่านั้น พระพุทธโฆษาจารย์อาศัยความรู้จากการศึกษา คัมภีร์ปิฏกัตตยะและคัมภีร์อรรถกถา ได้แต่งคัมภีร์ข้ึนเล่มหน่ึงนามว่าวิสุทธิมรรค คราวน้ันพระสงฆ์ส�ำนักมหาวิหารประชุมพร้อมกันที่บริเวณต้นพระศรีมหาโพธ์ิ มอบหมายให้พระเถระรูปหนึ่งซึ่งแตกฉานในค�ำสอนของพระพุทธเจ้า ท�ำหน้าท่ีตรวจ ทานอ่านเน้ือหางานเขียนของท่าน เล่าลือกันว่าเทวดาตนหนึ่งได้มาขโมยหนังสือไป ซุกซ่อนเก็บไว้ ท้ังนี้เพ่ือต้องการยกย่องเชิดชูผลงานอันล้�ำค่าของมวลมนุษยชาติ พระพุทธโฆษาจารย์ได้เพียรเขียนเล่มท่ีสองและสามขึ้นมาอีก เม่ือท่านเขียนเล่มที่สาม เสร็จสิ้นแล้ว เทวดาได้น�ำต้นฉบับท้ังสองเล่มมามอบถวายคืนให้ หลังจากตรวจสอบเน้ือหาโดยละเอียดแล้ว พระสงฆ์ส�ำนักมหาวิหารต่างต่ืน เต้นประหลาดใจ เพราะเม่ือเทียบเคียงทั้งสามฉบับเข้าด้วยกันแล้ว ไม่มีส่วนใด แตกต่างผิดเพี้ยนแม้แต่อักขระตัวเดียว พระสงฆ์ส�ำนักมหาวิหารจึงป่าวประกาศว่า พระพุทธโฆษะรูปน้ีเห็นทีจะเป็นพระศรีอารยเมตไตรย์แน่แท้ จากนั้นได้มอบถวาย คัมภีร์พระไตรปิฎกและคัมภีร์อรรถกถาท้ังหลายท้ังปวงบรรดามีให้แก่ท่าน เพื่อท�ำ หน้าท่ีปริวรรตเป็นภาษาบาลีสืบไป พระพุทธโฆษาจารย์ได้ปลีกตัวแยกสันโดษอาศัยอารามนามว่าคันถการวิหาร ใกล้มหานครอนุราธปุระเมืองหลวง๗ ได้เพียรพยายามแปลคัมภีร์อรรถกถาเหล่าน้ัน เป็นภาษาของชาวมคธ ซ่ึงเช่ือว่าเป็นรากเหง้าแห่งภาษาท้ังปวง ผลงานเหล่านั้นถือว่า ๗ ลอร์ด ชามล์เมอร์ กล่าววไว่า ข้าพเจ้าขอแสดงความเห็นอย่างมั่นใจว่า แม้ว่าจะเป็น ส�ำนักมหาวิหารแห่งเมืองอนุราธปุระ (สถานที่พระพุทธโฆษาจารย์ได้พบกับพระสงฆ์นักปราชญ์นาม อุโฆษแห่งศรีลังกา) พระเถระได้เริ่มงานนิพนธ์ด้วยการแต่งคัมภีร์วิสุทธิมรรคสามส�ำนวน แต่ต�ำนานไม่ ยอมรับว่าพระเถระเดินทางมาเพ่ือคัดส�ำเนาอันถูกต้องเของคัมภีร์พระไตรปิฎกและคัมภีร์อรรถกถาท่ี อาลวุ ิหาร ซง่ึ เป็นสถานที่โด่งดงั ในฐานะถ่ินก�ำเนิดอันทรงคณุ คา่ และเป็นสถานที่รกั ษาประเพณกี ารบนั ทึก ซ่ึงพระเถระได้เดินทางค้นหา ส�ำหรับคัมภีร์เหล่าน้ีหากมีการประเมินค่าย่อมมีราคาสูงล้�ำ และไม่มีใคร ท่ีจะเป็นนักปราชญ์ผู้กระตือรือร้นและน่าศรัทธามากไปกว่าพระพุทธโฆษาจารย์อีกแล้ว (Ceylon Antiq. and Lit. Reg., vol. i, pt. i, p. 2 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 145 1/18/20 1:16 PM

146 พระพุทธโฆษาจารย์ เปน็ ประโยชนม์ หาศาลแกภ่ าษาทงั้ มวลบรรดาใชพ้ ดู คยุ สนทนากนั หลงั จากภารกจิ เสรจ็ สิ้นตามความปรารถนาแล้ว พระเถรเจ้าได้เดินทางกลับชมพูทวีปถ่ินมาตุภูมิ และเข้าไป กราบนมัสการต้นพระศรีมหาโพธ์ิ๘ ส่วนประวัติของพระพุทธโฆษาจารย์ต่อไปนี้ เป็นรายละเอียดปลีกย่อย ท่ีหยิบยกมาพูดคุยเพิ่มเติม คร้ันพระพุทธโฆษาจารย์แต่งคัมภีร์วิสุทธิมรรคเสร็จส้ินแล้ว คณะสงฆ์ สำ� นกั มหาวหิ ารทง้ั มวลลว้ นยอมรบั ความชาญฉลาดของทา่ น อกี ทงั้ สงเคราะหช์ ว่ ยเหลอื ทุกส่ิงอย่าง เพื่อให้งานแปลคัมภีร์อรรถกถาส�ำเร็จเสร็จสิ้นตามเจตนารมณ์ มีพระสงฆ์ หลายรูปขอร้องให้ท่านเขียนต�ำราหลายเล่ม ท่านก็รับค�ำเชิญด้วยความยินดี สถานการณ์พระพุทธศาสนาในอินเดียสมัยนั้นก�ำลังเส่ือมถอย มีนิกายใหญ่ น้อยเกิดข้ึนมากมาย ต่างฝ่ายต่างอ้างว่าคำ� สอนของส�ำนักตนเป็นของเดิมแท้ แลรักษา สืบทอดโดยตรงมาจากพระตถาคตเจ้า ส่วนพระสงฆ์ลังกาไม่ยอมรับค�ำสอนของนิกาย อื่นใดท่ีเห็นว่าแตกต่างจากค�ำสอนดั้งเดิม อาจเป็นไปได้ว่าเหลือเพียงสังฆารามของ ชาวสงิ หลใกลโ้ พธมิ ณฑลแหง่ เดยี วเทา่ นนั้ อนั เปน็ ทม่ี น่ั สดุ ทา้ ยของเถรวาท พระไตรปฎิ ก และอรรถกถาจึงไม่ได้รับการศึกษาในอินเดีย หรืออาจเป็นไปได้ว่า ไม่มีต�ำราเล่มอ่ืน ใดที่เขียนด้วยภาษาเรียบง่ายจนผู้สนใจท่ัวไปสามารถอ่านเข้าใจได้ ๘ เคริน์ (Kern) ระบุว่าหลังจากผลิตผลงานบนเกาะลังกาแล้ว พระพุทธโฆษาจารย์ได้ เดินทางไปพม่าเพ่ือเผยแผ่พระศาสนา (Mannual of Buddhism, p. 125), ส่วนสเปนซ์ ฮาร์ดี (Spence Hardy) อ้างว่าชาวพม่าได้พรรณนาถึงพุทธศักราฃใหม่ เมื่อพระอรรถกถาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ เดินทางมาสู่ดินแดนพม่า (Buddhism, p. 532) ส่วนหนังสือพุทธโฆสัปปัตติระบุว่าคร้ันมรณภาพแล้ว พระเถระไปจุติที่สวรรค์ชั้นดุสิต ส่วนชาวพุทธกัมพูชาเช่ือว่าพระพุทธโฆษาจารย์มรณภาพท่ีประเทศ แห่งตน ณ อารามนามว่าพุทธโฆษวิหาร ร่างของท่านได้ประกอบพิธีฌาปนกิจที่วัดแหงนี้ และอัฐิของ ท่านได้บรรจุภายในสถูป (Law, Life and Work of Buddhaghosa, p. 42). 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 146 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 147 คัมภีร์มหาวงศ์กล่าวว่า พระพุทธโฆษาจารย์ต้องการแต่งหนังสืออธิบาย พระไตรปิฎก (ปิฏกัตตยะ) ซ่ึงท่านได้แรงบันดาลใจมาจากพระเรวตเถระผู้เป็นอาจารย์ ไม่เพียงแต่มุ่งมั่นต่อการเขียนต�ำราเล่มน้ีเท่าน้ัน ท่านยังคิดค้นหาหนทางศึกษาวิธีการ แบบใหม่ เพ่ือให้งานเขียนส�ำเร็จลุล่วงตามความประสงค์ ครั้นเมื่อท่านแจ้งความ ปรารถนาต่อพระสงฆ์ส�ำนักมหาวิหาร พระสงฆ์เหล่าน้ันต่างทราบถึงความส�ำคัญของ การแปลคัมภีร์อรรถกถา เพราะผลงานเหล่าน้ีจะกลายเป็นประโยชน์ในวงกว้าง แลคัมภีร์อรรถกถาทั้งหลายซ่ึงบรรจุพระพุทธพจน์ทั้งปวง ล้วนสืบทอดมาจากภาษาที่ พระอินเดียสามารถเข้าใจได้ การต่ืนตัวแบบใหม่จะกลายเป็นกระแสให้ศึกษาค�ำสอน เถรวาทปรากฏผลเร็วข้ึน และช่ือเสียงของพระศาสนาก็จะขจรขจายเป็นที่รู้จัก แพร่หลายมากข้ึน ส่วนกษัตริย์ลังกาน้ันเล่าไม่เพียงแต่ศรัทธาม่ันคงต่อพระสงฆ์ส�ำนักมหาวิหาร เท่าน้ัน แต่โปรดให้ถวายความอุปถัมภ์แก่พระพุทธโฆษาจารย์ด้วย หลักฐานส่วนนี้ สามารถเห็นได้ในปัจฉิมกถาของคัมภีร์สมันตปาสาทิกาซึ่งระบุว่า ตัวท่านเขียนหนังสือ เล่มนี้แล้วเสร็จในปีท่ี ๒๑ แห่งรัชสมัยของพระเจ้าสิรินิวาสะ ผู้เป็นจอมกษัตรา แห่งลังกาทวีป ซ่ึงน้อมถวายความอุปถัมภ์อย่างดียิ่ง๙ ภาระท่ีท่านรับท�ำครั้งนั้น มิใช่ง่าย จึงไม่น่าแปลกใจหากภิกษุชาวสิงหลผู้คงแก่เรียนจะทดสอบความรู้ ก่อนท่ีจะ ยินยอมให้ท่านท�ำงานหนักเหมือนการเขียนวิทยานิพนธ์ เช่ือกันว่าท้าวสักกะน�ำเหล็ก แหลมส�ำหรับจารอักษรลงบนใบลานมามอบถวาย ด้วยเหตุนี้ท่านจึงสามารถเขียนงาน ได้อย่างรวดเร็วปานปาฏิหาริย์ วิสุทธิมรรคและวิมุตติมรรค เม่ือพระพุทธโฆษาจารย์อยู่อินเดียประเทศน้ัน ได้แต่งคัมภีร์นามว่าญาโณทัย แต่ไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย สันนิษฐานว่าน่าจะไม่ใช่งานท่ียั่งยืนนานเท่าใดนัก หรือ อาจจะรวมเขา้ กบั งานเขยี นเลม่ อนื่ ทรี่ จู้ กั กนั ในภายหลงั หากวเิ คราะหต์ ามชอ่ื ของหนงั สอื ๙ Also Dhamma-pada Commentary, vol. iv, p. 235. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 147 1/18/20 1:16 PM

148 พระพุทธโฆษาจารย์ คาดเดาเอาว่าน่าจะเป็นแนวค�ำสอนเชิงปรัชญา ส่วนผลงานเล่มแรกของท่านบน เกาะลงั กาคอื คัมภรี ว์ สิ ทุ ธิมรรคน้นั เป็นบททดสอบความร้ขู องพระสงฆส์ ำ� นกั มหาวหิ าร ในบทนิทานกถาของคัมภีร์เล่มน้ี ท่านได้ให้ข้อมูลเก่ียวกับงานเขียนเล่มอ่ืนอีก และ ย้�ำอีกครั้งตอนท้ายในบทสรุปของคัมภีร์เล่มเดิม๑๐ กล่าวกันว่านี้คือคัมภีร์พจนานุกรมท่ีรวบรวมคำ� สอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด เข้าเป็นเล่มเดียว เกรย์ กลา่ วไวใ้ นบทนำ� หนงั สอื พทุ ธโฆสปุ ปตั ตวิ า่ หากพระพทุ ธโฆษาจารยไ์ ม่ได้ เขียนงานเล่มอื่นอีก ม่ันใจได้ว่าคัมภีร์วิสุทธิมรรคย่อมจะโดดเด่นเป็นท่ีรู้จัก แพร่หลายช่ัวกาลนาน๑๑ คัมภีร์สาสนวังสทีปนีสรุปว่า๑๒ เนื้อหาของคัมภีร์วิสุทธิมรรคว่าด้วยกุศล อกุศล อัพยากฤตธรรม อายตนะ ธาตุ สติปัฏฐาน กรรม ปกติ และอีกหลายหัวข้อ ธรรมทเ่ี ปน็ ปรชั ญาเชงิ พทุ ธ ถอื วา่ เปน็ หนงั สอื เลม่ เดยี วในระบบคำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ ท่ีอธิบายย่อพระไตรปิฎก พร้อมท้ังอ้างอิงคัมภีร์อรรถกถามากมายหลายเล่ม เช่ือว่า คัมภีร์เล่มน้ีเป็นผลงานชิ้นแรกของพระพุทธโฆษาจารย์ เป็นผลผลิตของนักปราชญ์ช้ัน บรมครู เพราะท่านต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเขียนขึ้นถึงสามคร้ังจึงส�ำเร็จตามมโนรถ เน้ือหาของคัมภีร์วิสุทธิมรรคแบ่งออกเป็น ๓ ส่วน กล่าวคือ กองศีล กองสมาธิ และกองปัญญา หลักฐานอ้างอิงในหนังสือเล่มน้ีมีมากมายดาษดื่นต้ังแต่ ต้นจนจบเล่ม โดยรวบรวมมาจากบรรดาวรรณคดีพุทธศาสนายุคต้นเกือบทุกเล่ม กล่าวคือคัมภีร์พระไตรปิฎก คัมภีร์อรรถกถาภาษาสิงหล คัมภีร์มหาอรรถกถาของ ส�ำนักมหาวิหาร คัมภีร์มิลินทปัญหา และ คัมภีร์เปฏโกปเทส๑๓ ๑๐ Vol. i, p. 2; vol. ii, pp. 711 (Pali Text Soc., ed.). ๑๑ p. 31. ๑๒ pp. 30-1. ๑๓ See V.M. (P.T.S.), pp. 753 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 148 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 149 คัมภีร์เล่มนี้ยอมรับกันว่าเป็นงานเขียนเหนือค�ำบรรยาย ได้รับการยกย่อง ชมเชยจากบรรดานกั ปราชญว์ า่ สามารถจดั แบง่ ขอ้ มลู และสรา้ งรปู แบบไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ ลงตัว (ถึงแม้บางคร้ังศัพท์ที่น�ำมาใช้จะยาวเกินไป หรือภาษาอาจจะยากต่อการเข้าใจ ก็ตาม) จึงช่ือว่าไร้ข้อโต้แย้งและเหนือค�ำวิจารณ์ มาดาม เดวิดส์ (Mrs. Davids) ต้ังข้อสังเกตไว้ว่า๑๔ เนื้อหาของคัมภีร์ที่มี ลักษณะเหมือนละครประโลมโลกสามารถพบเห็นได้ในบางแห่ง ส่วนนาไก(Nagai) ให้ความสนใจด้านความคล้ายคลึงกันอย่างน่าฉงน ระหว่างคัมภีร์วิสุทธิมรรคและ คัมภีร์วิมุตติมรรค (ฉบับภาษาจีน) เพราะเช่ือว่าเป็นคัมภีร์เล่มเดียวกันแต่ต่างกันท่ี สำ� นวนลลี าการเขยี น๑๕ คมั ภรี ว์ มิ ตุ ตมิ รรคไดแ้ ปลเปน็ ภาษาจนี โดยพระภกิ ษชุ าวกมั พชู า นามวา่ สงั ฆปาลเถระ (พ.ศ.๑๐๔๘) ยอมรบั กนั โดยทวั่ ไปวา่ นคี้ อื ศาสตรว์ า่ ดว้ ยพจนานกุ รม พุทธศาสน์ (Encyclopedia of Buddhist Theology) ผู้แต่งคือพระอรหันต์ติสสะ หรือพระสารีบุตรเถระผู้เป็นพระอัครสาวกเบ้ืองขวา นาไกยืนยันตามหลักฐานในคัมภีร์ทีปวงศ์ว่า คัมภีร์วิมุตติมรรคเขียนข้ึนราว พุทธศตวรรษท่ี ๖ หลักฐานช้ีแจงว่าพระสังฆปาลเถระน้ันมาจากมัชฌิมประเทศแห่งชมพูทวีป และพักอยู่ท่ีจีนประมาณ ๑๕ ปี อาจารย์ของท่านนามว่าคุณภัทรเถระ เคยเดินทางไป เยือนสีหลทวีปและดินแดนทางตอนใต้ของอินเดีย จากน้ันได้น�ำคัมภีร์หลายเล่มติดตัว มาดว้ ย แตไ่ มส่ ามารถคาดเดาไดว้ า่ คมั ภรี ว์ มิ ตุ ตมิ รรครวมอยใู่ นหนงั สอื เหลา่ นนั้ หรอื ไม่ อีกทั้งไม่รู้ว่าเป็นหนังสือในอินเดียตอนกลางหรือมีต้นก�ำเนิดมาจากประเทศกัมพูชา คัมภีร์วิมุตติมรรคเป็นหนังสือเกี่ยวกับพระอภิธรรม รวบรวมศัพท์ส�ำคัญ บางส่วนของวรรณคดีพุทธศาสนา ๑๔ V.M., p. 763. 1/18/20 1:16 PM ๑๕ JPTS., 1917-19, pp. 69 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 149

150 พระพุทธโฆษาจารย์ หากเปรียบเทียบคัมภีร์วิมุตติมรรคและคัมภีร์วิสุทธิมรรคจะพบว่า ถึงแม้จะ มีความคล้ายคลึงกันหลายด้าน โดยเฉพาะเนื้อหาหลักท่ีแบ่งออกเป็นศีล สมาธิ ปัญญา และวิมุตติ แต่ความแตกต่างกันอยู่ที่วิธีการอธิบายเน้ือความและการจัดแบ่งข้อมูล หากศึกษาให้ลึกซึ้งจะเห็นว่าคัมภีร์วิมุตติมรรคฉบับภาษาจีนได้รับอิทธิพลแนวคิดของ มหายานพอสมควร ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นผู้เขียนจึงไม่จ�ำเป็นต้องสรุปว่า คัมภีร์วิสุทธิมรรค ของพระพุทธโฆษาจารย์ปรับปรุงดัดแปลงมาจากคัมภีร์วิมุตติมรรคของพระอรหันต์ อปุ ตสิ สะหรอื ไม่ หากวเิ คราะหก์ นั วา่ คมั ภรี ว์ มิ ตุ ตมิ รรคเปน็ หนง่ึ ในหนงั สอื ทพ่ี ระคณุ ภทั ร เถระน�ำมาจากอินเดียตอนกลาง โดยเดินทางผ่านมาเกาะลังกาและประเทศเถรวาท เหล่าอ่ืน การอธิบายด้วยวิธีนี้ดูสมเหตุสมผลพอยอมรับได้ เชื่อกันว่าผู้นิพนธ์หนังสือ ทั้งสองเล่มล้วนได้แรงบันดาลใจมาจากแหล่งข้อมูลเดียวกัน หากตรวจสอบเน้ือหาของ หนังสือทั้งสองเล่มอย่างละเอียดจะพบว่า มีความคล้ายคลึงกันของเนื้อหาด้าน พระอภิธรรมเช่นเดียวกัน ตามข้อมูลที่กล่าวถึงในเบ้ืองต้น พระพุทธโฆษาจารย์ได้ศึกษาความรู้ทาง พระพุทธศาสนามากมาย แต่วิชาความรู้ท่ีสนใจศึกษาเป็นพิเศษคือพระอภิธรรม เพราะอิทธิพลของพระอภิธรรมน้ีเองท�ำให้ท่านสนใจค�ำสอนของพระพุทธเจ้า นอกจาก นน้ั คมั ภรี ญ์ าโณทยั ซงึ่ เปน็ ผลงานเลม่ แรกของทา่ น กม็ ลี กั ษณะบอกเลา่ เรอื่ งราวแบบเกา่ อย่างหน่ึงของพุทธศาสนา พระพุทธโฆษาจารย์ถูกส่งมาเกาะลังกาเพ่ือปริวรรตคัมภีร์ อรรถกถา เพราะพระเรวตเถระผเู้ ปน็ อาจารยแ์ นะนำ� วา่ คมั ภรี ท์ สี่ มบรู ณข์ องนานานกิ าย ในอนิ เดยี ประเทศไมม่ หี ลงเหลอื แลว้ เฉพาะอรรถกถาฉบบั ภาษาสงิ หลเทา่ นนั้ เปน็ ของแท้ ดั้งเดิม คัมภีร์พระไตรปิฎกอย่างเดียวเท่านั้นท่ีมีการรักษาสืบต่อบนแผ่นดินอินเดีย หากวเิ คราะหป์ ระเดน็ นส้ี ามารถตคี วามไดว้ า่ มไิ ดห้ มายความวา่ ประเทศอนิ เดยี สมัยนั้น ไม่มีการศึกษาคัมภีร์อรรถกถาเล่มใดเลย อย่างน้อยยังมีพระสงฆ์ชาวสิงหล แห่งสังฆาราม ณ โพธิมณฑลอยู่ หลายยุคหลายสมัยท่ีคัมภีร์อรรถกถาได้รับการแปล และรักษาสืบต่อเรื่อยมา แต่ความแตกต่างของกาลเวลาเนิ่นนานหลายศตวรรษ น่าจะเกิดการเปล่ียนถ่ายจากอาจารย์สู่ลูกศิษย์ การตีความหมายแบบด้ังเดิมแท้จึงได้ 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 150 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 151 เปลย่ี นแปลงไป เนือ้ หาในคมั ภรี ว์ ิสทุ ธมิ รรคเองกอ็ า้ งถงึ คัมภรี อ์ รรถกถาองั คตุ ตรนกิ าย คัมภีร์อรรถกถามัชฌิมนิกาย และคัมภีร์อรรถกถาสังยุตตนิกาย๑๖ หม่อง ทิน (Maung Tin) ต้ังข้อสังเกตว่าข้อมูลอ้างอิงข้างต้นล้วนยืนยันแล้ว ว่า คัมภีร์อรรถกถาเหล่านั้นมิใช่ผลงานของพระพุทธโฆษาจารย์เพียงรูปเดียว อรรถกถาภาษาสิงหลดั้งเดิมเพ่ิงเริ่มเป็นรูปร่างข้ึนภายหลัง เม่ือคราวพระพุทธโฆษา จารย์ได้รวบรวมขึ้นมาใหม่ เพราะท่านเข้าใจอย่างลึกซึ้งในคัมภีร์เหล่าน้ัน ในเวลา เดียวกันน้ันท่านก็เขียนคัมภีร์วิสุทธิมรรคด้วย หากจะยืนยันว่าคัมภีร์วิมุตติมรรคค้น พบตามเส้นทางไปประเทศจีน ตามคติของส�ำนักน้อยใหญ่ที่รุ่งเรืองในอินเดียสมัยนั้น ซ่ึงเคยศึกษาพระคัมภีร์ตามจารีตประเพณีไม่มากไม่น้อย จึงไม่ใช่เร่ืองยุ่งยากที่จะ สรุปว่าคัมภีร์วิสุทธิมรรคและคัมภีร์วิมุตติมรรคต่างเป็นงานเขียนแยกอิสระจากกัน ซึ่งเขียนโดยพระภิกษุผู้มีแนวความคิดสายเถรวาทเหมือนกัน๑๗ ผลงานอันถือว่าเป็นสุดยอดแห่งความพากเพียรของพระพุทธโฆษาจารย์คือ บรรดาคัมภีร์อรรถกถาท้ังหลาย (อธิบายเกี่ยวกับสารบัญ ความหมาย และจุดประสงค์ ส่วนแห่งพระพุทธพจน์ที่หลากหลาย) ซึ่งมุ่งน�ำเสนอการแปลพระพุทธพจน์ที่ถือว่า เก่าแก่ที่สุด เป็นของจริงแท้และรักษาสืบต่อเร่ือยมา คัมภีร์อรรถกถาไม่ได้เขียนข้ึน เพียงเพราะอธิบายให้มีเหตุผลหรือแปลให้ได้ความหมายเท่านั้น แต่แสดงเหตุการณ์ ย้อนหลังไปจนถึงสมัยพุทธกาล ส�ำหรับหลักเกณฑ์ในหนังสือของพระพุทธโฆษาจารย์ น้ัน มีเน้ือหาหลายส่วนและถือว่าเป็นบ่อเกิดแห่งคัมภีร์อรรถกถาทั้งมวล พิมลจรันลอว์อธิบายไว้ว่า๑๘ ความจ�ำเป็นในการแปลพระพุทธพจน์อย่าง ถูกต้อง ซ่ึงเป็นรูปแบบส�ำหรับแนะน�ำหลักการด�ำเนินชีวิตและการท�ำสังฆกรรมของ พระสงฆ์ เป็นผลสืบเน่ืองมาจากต้นก�ำเนิดคณะสงฆ์ เมื่อคร้ังพระพุทธเจ้ายังทรงมี พระชนม์ชีพอยู่ เกิดมีการโต้แย้งค�ำสอนของพระองค์อยู่บ้าง แต่หลังจากศูนย์กลาง ๑๖ See index in the Visuddhi-magga. ๑๗ Path of Purity, Preface, pp. v and vi. ๑๘ Law, op. cit., pp. 48 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 151 1/18/20 1:16 PM

152 พระพุทธโฆษาจารย์ พระพทุ ธศาสนาไดแ้ ยกยา้ ยออกไปตง้ั ถน่ิ ฐานยงั ดนิ แดนแควน้ อนื่ อนั มพี ระสาวกผใู้ หญ่ น�ำออกไปเผยแผ่ ได้เกิดการสนทนาพูดคุยด้วยบรรยากาศมิตรภาพ และอธิบาย วิเคราะห์ส่ิงท่ีเคยสืบทอดกันมา ความมุ่งหมายของคัมภีร์อรรถกถาคือท�ำหน้าท่ีสืบค้นการโต้วาทะเหล่านั้น สมัยพุทธกาลนั้นหลายต่อหลายคร้ังหากมีการโต้วาทะมักรายงานกราบทูล พระพุทธเจ้าโดยตรง บางครั้งได้รับการยอมรับจากพระพุทธองค์ หลายคร้ังพระองค์ ทรงแนะน�ำให้ภิกษุอดทนต่อการตอบโต้ คณะสงฆ์ต่างสรรเสริญยอมรับผู้มีชัยในการ โตว้ าทะ แตม่ เี พยี งบางกลมุ่ เทา่ นนั้ ทไ่ี ดร้ บั ความเคารพ กลา่ วคอื ไดร้ บั การนบั ถอื ยกยอ่ ง ในต�ำแหน่งชั้นสูง อีกทั้งได้รับค�ำสรรเสริญเหมือนกับค�ำพูดของพระพุทธเจ้าเอง สิ่งเหล่าน้ีทั้งปวงรวมลงเป็นเน้ือหาสาระของคัมภีร์อรรถกถา เม่ือพระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนานั้น ทรงพยายามแสดงความ รัดกุมต่อค�ำสอนบางข้อ หากพระสงฆ์ไม่สามารถเข้าใจชัดเจน บ่อยครั้งจะเห็น พระสาวกผู้ใหญ่ท�ำหน้าที่อธิบายรายละเอียดอีกคร้ัง ตัวอย่างเช่น พระมหากัจจายน เถระ ผู้ข้ึนชื่อว่าสามารถขยายพระธรรมเทศนาท่ีพระพุทธเจ้าทรงแสดงโดยย่อให้ พิสดารเข้าใจได้ง่าย เมื่อมีการสังคายนาพระธรรมวินัยเกิดข้ึน พระเถราจารย์ได้จัดแจงแบ่งส่วน พระธรรมวินัยจนเกิดเป็นพระไตรปิฎก หลักฐานดังกล่าวสามารถพบเห็นในสังคีติสูตร แห่งทฆี นกิ าย ซึ่งกลา่ วถึงพระสารบี ุตรเถระแสดงรูปแบบการแบ่งหมวดหมพู่ ุทธพจน๑์ ๙ และสัจจวิภังคสูตร (อธิบายเกี่ยวกับอริยสัจ ๔) แห่งมัชฌิมนิกาย๒๐ ซึ่งต่อมาชื่อว่า เป็นหนังสือเล่มท่ีสองของพระอภิธรรมปิฎก และมธุปิณฑิกสูตรแห่งมัชฌิมนิกาย๒๑ ๑๙ Vol. iii, p. 207 foll. 1/18/20 1:16 PM ๒๐ Majjh., iii, pp. 248 foll. ๒๑ Ibid., i, pp. 110 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 152

ศรีลังกา 153 บางครั้งการเข้าใจค�ำอธิบายพระไตรปิฎกตามรูปแบบของคัมภีร์อรรถกถาเป็น เร่ืองค่อนข้างจ�ำเป็น เพราะคัมภีร์อรรถกถาน้ันรวมเข้ากับพระไตรปิฎก และสร้างรูป แบบจนเป็นส่วนหนึ่งของพระไตรปิฎก ยังมีคัมภีร์อรรถกถาฉบับเก่าแก่ที่ร้อยเรียงเข้า ในพระวินัยปิฎกและคัมภีร์ปริวารที่เพิ่มเติมเข้ามาทีหลัง ทั้งนี้เพ่ืออธิบายภาคผนวก แห่งพระไตรปิฎกทั้งหมด ต่อจากนั้นเป็นคัมภีร์นิทเทส คัมภีร์อรรถกถาทั้งปวงของ พระไตรปิฎกต่างรวมลงในสุตตันตปิฎก นอกจากน้ันยังมีข้อความเกี่ยวกับธรรมชาติ ของอรรถกถาที่กระจัดกระจายทั่วไปในนิกายเหล่าอื่น ส่วนเสน่ห์ของคัมภีร์อรรถกถาคืออรรถกถาธรรมสังคณีและอรรถกถาเล่มอื่น ในคัมภีร์วิภังค์ ดงั อธบิ ายเบอ้ื งตน้ แลว้ วา่ เพอ่ื ความสะดวกตอ่ การศกึ ษาและรกั ษาพระไตรปฎิ ก พระไตรปิฎกจึงถูกแบ่งออกเป็นหลายหมวด และมอบหมายให้พระสงฆ์แต่ละกลุ่มทำ� หน้าท่ีศึกษาเป็นพิเศษ น้ีคือวิธีเก่าแก่ที่คัมภีร์อรรถกถาหยิบยืมมาจากพระไตรปิฎก และได้รับการสืบต่อโดยนักปราชญ์ ส่วนคัมภีร์อรรถกถาท่ีชื่อว่าเป็นส่วนหน่ึงรวมเข้า ในพระไตรปิฎกคือคัมภีร์ธรรมสังคณี มาดาม เดวิดส์ ต้ังข้อสังเกตว่าคัมภีร์อรรถกถารักษาสืบต่อจากนักปราชญ์ หรือพระสงฆ์แต่ละกลุ่ม อาจจะเป็นกลุ่มที่ศึกษาแต่ละส่วน เม่ือคัมภีร์อรรถกถามีการ สืบต่อ (ด้วยวิธีมุขปาฐะ) จึงมีการเรียบเรียงและเขียนขึ้นใหม่ในเวลาต่อมา ด้วยภาษา ท้องถิ่นท่ีศูนย์กลางการศึกษาต้ังอยู่ จึงไม่ใช่งานเขียนของคนเดียวแต่เป็นหมู่สงฆ์ ท้ังมวล๒๒ พัฒนาการของคัมภีร์อรรถกถา ควรเข้าใจว่าคัมภีร์อรรถกถายุคเก่าเหล่านี้ มิได้แต่งขึ้นตามวิธีการของศัพท์ สมัยใหม่ หรือเลยี นแบบคมั ภรี ์อรรถกถาอ่นื ใด เหมือนผลงานของพระพุทธโฆษาจารย์ ๒๒ Bud. Psy. Ethics, 2nd ed., Introd., p. xxvi. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 153 1/18/20 1:16 PM

154 พระพุทธโฆษาจารย์ (บนซ้าย) คมั ภรี ์วิสทุ ธมิ รรคฉบบั แปลเป็นภาษาฝรง่ั เศส (บนขวา) คัมภรี ม์ หาโพธิวงั สะ ฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษ (ล่างซ้าย) คัมภีร์พุทธโฆสุปปัตติฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษ และ (ล่างขวา) คัมภีร์ วิมุตติมรรคฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษ 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 154 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 155 คัมภีร์ผลงานของนักปราชญ์ศรีลังกาและนักปราชญ์ชาวตะวันตก 1/18/20 1:16 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 155

156 พระพุทธโฆษาจารย์ ภาพจิตรกรรมฝาผนังว่าด้วยการประดิษฐานพระพุทธศาสนาในศรีลังกาของพระมหินทเถระและ คณะ วัดไศลพิมพาราม เขตกอลล์ (คัดลอกภาพจาก www.photodharma.net) ถูปารามเจดีย์ สัญลักษณ์การประดิษฐานพระพุทธศาสนาในศรีลังกา เมืองเก่าอนุราธปุระ (คัด ลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 156 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 157 ซากอารามวิหารภายในส�ำนักอภัยคิรีวิหาร เมืองเก่าอนุราธปุระ (คัดลอกภาพจาก www.google. co.th/maps) คัมภีร์ใบลานอักษรสิงหล ภายในพิพิธภัณฑ์พระสรณังกรสังฆราช วัดมัลลวัตตมหาวิหาร เมืองแคนดี 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 157 1/18/20 1:16 PM

158 พระพุทธโฆษาจารย์ ที่แต่งข้ึนภายหลัง สันนิษฐานว่าคัมภีร์เหล่านี้อาจจะมีอยู่สมัยพระพุทธโฆษาจารย์ หรือภายหลังท่านมรณภาพแล้วไม่นาน หลักฐานในคัมภีร์สุมังคลวิลาสินีระบุว่า คัมภีร์อรรถกถาทีฆนิกายมีมาต้ังแต่ การสังคายนาคร้ังแรก โดยพระอรหันต์เจ้า ๕๐๐ รูป คัมภีร์ดังกล่าวเพ่ิมเติมอีกว่า ในการสังคายนาคร้ังน้ัน การแปลและการตีความถูกสอดแทรกด้วยศัพท์หลากหลาย ซึ่งหยิบยืมมาจากลัทธิฮินดู แต่ก็ผ่านการถกเถียงและบัญญัติความหมายแล้ว ตรงนี้ เปน็ การปลดเปลอื้ งความยงุ่ ยากแหง่ การเกดิ ขน้ึ ชว่ั คราวของคมั ภรี อ์ รรถกถาและคมั ภรี ์ พระไตรปิฎกจากยุคแรกเริ่ม การนยิ ามความหมายเชน่ นก้ี อ่ เกดิ รปู รา่ งเปน็ ประโยชนแ์ กค่ มั ภรี อ์ รรถกถาสมยั ต่อมา ในการสังคายนาคร้ังแรกคราน้ัน บรรดาพระเถราจารย์ต่างถกเถียงกันถึงศัพท์ ส�ำคัญจ�ำนวนมาก สุดท้ายได้ตัดสินใจใช้วิธีแปลและตีความหลักธรรมที่ลึกซ้ึงมากข้ึน ต่อมาเมื่อคณะสงฆ์แตกแยกหลากหลายเป็นนิกายใหญ่น้อย แต่ละนิกายต่าง มีความคิดเห็นและตีความพระวินัยแตกต่างกันออกไป หลายหลากความหมายได้ สอดแทรกเข้าไว้ในค�ำสอนของพระพุทธองค์ เม่ือวันเวลาล่วงเลยผ่านไปความคิดเชิง ปรัชญาที่ปรากฏมีอยู่ในพระธรรมค�ำสอนได้เจริญเติบโตขึ้น ความคิดแบบใหม่ได้เกิด พัฒนาการ ด้านแนวความคิดแบบเดิมก็มีการต่อเติมประณีตย่ิงขึ้นเช่นกัน ความ เรียบง่ายท่ีปรากฏในพระสุตตันตปิฎก ได้เกิดการขยายตัวกว้างขวางมากขึ้น อีกท้ัง หลากหลายความคิดของนานานิกายก็เกิดข้ึนภายในคณะสงฆ์เอง เฉพาะบางนิกาย เท่าน้ันท่ียอมรับกันว่าเป็นพวกนอกรีต คราวสังคายนาครั้งที่สองและสาม พระเถราจารย์ผู้ท�ำหน้าท่ีรักษาค�ำสอน ของพระตถาคตเจ้า ได้พร้อมใจกันประณามค�ำสอนของพวกนอกรีต จึงมั่นใจได้ว่า พระเถระเหล่านั้นตัดสินด้วยความยุติธรรมถูกต้อง ก่อนท่ีจะมีการตีความ และใช้ วิจารญาณในการน�ำค�ำสอนของพระพุทธองค์มาเผยแผ่ให้เกิดประโยชน์ในวงกว้าง สมัยการสังคายนาคร้ังที่ ๓ วรรณคดีเชิงอรรถกถาน่าจะเกิดพัฒนาการไม่มาก ก็น้อย หลังจากสิ้นสุดการสังคายนาคราน้ัน พระมหินทเถระได้เดินทางมาลังกาพร้อม 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 158 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 159 นำ� คมั ภรี บ์ รรจคุ ำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ มาดว้ ย ซง่ึ ไดผ้ า่ นการตรวจสอบจากพระเถราจารย์ เรียบร้อยแล้ว จากนั้นไม่นานนักพระเถรเจ้าได้แปลคัมภีร์เหล่านั้นเป็นภาษาชาวเมือง และพระสงฆ์ผู้เป็นศิษย์ได้ศึกษาช่วยกันพัฒนาเพิ่มเติมสืบต่อมา น่ันหมายความว่า เมื่อพระพุทธโฆษาจารย์เดินทางมาลังกาประเทศ คัมภีร์อรรถกถาเหล่านั้นได้ถูก แจกจ่ายไปตามวัดวาอารามน้อยใหญ่ทั่วเกาะลังกา และรวมเข้ากับต�ำราเหล่าอ่ืนพร้อม แปลเป็นภาษาชาวเมืองเรียบร้อยแล้ว สำ� หรบั รายชอ่ื คมั ภรี ท์ ม่ี อี ยใู่ นสมยั นน้ั ๒๓ ไดแ้ ก่ ๑) คมั ภรี ม์ ลู ะหรอื มหาอรรถกถา รู้จักกันในนามอรรถกถาของส�ำนักมหาวิหาร ๒) คัมภีร์อรรถกถาของส�ำนักอุตตรวิหาร (อภัยคิรีวิหาร) ๓) คัมภีร์มหาปัจจรีหรือแพใหญ่ เหตุที่เรียกเช่นน้ันเพราะแต่งบนแพ ๔) คัมภีร์อันธอรรถกถาเขียนขึ้นที่กัญจิปุระทางอินเดียตอนใต้ ๕) คัมภีร์กุรุณฑี อรรถกถาเขียนท่ีกุรุณฑเวลุวิหารในลังกา และ ๖) คัมภีร์สังเขปอรรถกถาหรือ อรรถกถาขนาดเล็ก สันนิษฐานว่าก�ำเนิดในอินเดียตอนใต้๒๔ ๒๓ Manual of Bud. Psy. Ethics, pp. xxvii and xxviii, also Vijayasinha, JRAS., 1870, vol. v, pp. 298 foll., N.S. ๒๔ นอกจากคัมภีร์เหล่าน้ีแล้ว พระพุทธโฆษาจารย์ยังอ้างถึงคัมภีร์ประเภทโบราณ มาดาม เดวิดต้ังข้อสังเกตว่า คัมภีร์โบราณเหล่านี้เป็นการส�ำแดงการต่ืนตัวทางส�ำนักด้านความคิดทางปรัชญา มีการอ้างถึงอย่างชัดเจนในคัมภีร์คันธวังสะว่าคัมภีร์โปราณจริยะเรียกอีกช่ือหนึ่งว่าอรรถกถาจริยะ ลอว์ได้แสดงความเห็นว่านามท่ีอ้างถึงอาจารย์ผู้ทรงปราชญ์และทรงคุณธรรมของศรีลังกา ซึ่งบ่อยคร้ัง ได้ร้องขออธิบายค�ำถามท่ีเกิดขึ้นภายในคณะสงฆ์ และการตีความของท่านได้ร้อยเรียงเป็นคัมภีร์อรรถ กถา และลอว์ได้ต้ังข้อสังเกตเพิ่มเติมว่ามีการเก็บรักษาคัมภีร์อรรถกถาสิงหลจ�ำนวนมาก และมีความ แตกต่างหากอ้างจากภาษาบาลีดั้งเดิม ผู้เขียนเห็นว่าคัมภีร์น่าจะหมายถึงชื่ออาจารย์ผู้รวบรวม ซึ่งมิได้ ร้อยเรียงในคัมภีร์อรรถกถาอย่างจ�ำเป็น แต่รักษาสืบต่อนิกายอันมากมายด้วยประเพณีมุขปาฐะ บาง ครั้งเป็นคาถาจ�ำนวนมากผ่านการทรงจ�ำ และพระพุทธโฆษาจารย์อ้างถึงการอธิบายเชิงประเพณีดังเช่น โปราณเหมือนกัน บ่อยคร้ังคัมภีร์ภาษาสิงหล เมื่อผู้แต่งอ้างจากคัมภีร์โบราณท่ีไม่รู้จัก เพราะคิดว่าไม่มี ความจ�ำเป็นที่จะอ้างถึงแหล่งข้อมูล ผู้นิพนธ์ก็จะอ้างเพียง เอเหยิน ปุราตณโย กิหุ (ดังโบราณกาลกล่าว ไว้แล้ว) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 159 1/18/20 1:16 PM

160 พระพุทธโฆษาจารย์ เพราะคัมภีร์เหล่าน้ีเองจึงท�ำให้พระพุทธโฆษาจารย์มีข้อมูลเพียงพอใน การเขียนงานอันล้�ำค่า คมั ภรี อ์ รรถกถาเหลา่ นไ้ี ดห้ ลอมรวมแนวความคดิ หลากหลายเขา้ เปน็ หนงึ่ เดยี ว และพยายามน�ำเสนอความคิดเห็นของแต่ละนิกาย เป็นเรื่องยากพอสมควรที่จะตัดสิน แน่วแน่ลงไปว่า ส่วนใดในคัมภีร์อรรถกถาเก่ียวข้องกับพระไตรปิฎกและส่วนใดแตก ต่างจากพระไตรปิฎก แม้ข้อมูลในคัมภีร์ชั้นฎีกาท่ีกล่าวถึงเนื้อหาของคัมภีร์อรรถกถา ก็ขาดความสมบูรณ์ ซ่ึงเกิดมีขึ้นสมัยคัมภีร์ฎีกาก�ำลังรุ่งเรืองเป็นท่ีรู้จักแพร่หลาย ขณะที่คัมภีร์อรรถกถายุคก่อนเริ่มลดความส�ำคัญสูญหายไป หลักฐานในคัมภีร์สัมโมหวิโนทนีระบุว่า๒๕ พระพุทธโฆษาจารย์แต่งคัมภีร์ เล่มน้ีโดยอาศัยข้อมูลจากคัมภีร์อรรถกถาอันเก่าแก่อย่างน้อย ๓ เล่ม กล่าวคือ คัมภีร์มูละ คัมภีร์อรรถกถาของส�ำนักอุตตรวิหาร และคัมภีร์มหาปัจจรี ซึ่งมีเน้ือหาว่า ด้วยพระไตรปิฎกและเน้นอธิบายความตามพระไตรปิฎก และน่าจะเป็นงานเขียนท่ี แยกออกจากกัน จึงชวนให้เข้าใจว่าน่าจะมีคัมภีร์อรรถกถาอีกหลายเล่มที่แยกจากกัน เป็นอิสระ จะเห็นได้ว่างานเขียนก่อนสมัยพระพุทธโฆษาจารย์เป็นงานมิใช่ง่าย เพราะ ความสมบรู ณพ์ รอ้ มมากมายของแหลง่ ขอ้ มลู นน้ั เองคอื อปุ สรรค เมอื่ พระพทุ ธโฆษาจารย์ เดินทางมาลังกาปรารถนาแต่งอรรถกถาแบบย่อ ด้วยการศึกษาอรรถกถาภาษาสิงหล และแปลออกเป็นภาษาบาลีเท่านั้น แต่ต้องพบกับความขัดแย้งทางความคิด และเกิดทัศนคติตรงกันข้าม เพราะบางครั้งหัวข้อธรรมในคัมภีร์อรรถกถาเหล่านั้น ไม่ลงรอยกัน ท่านจึงต้องตัดทอนขยายและเขียนอรรถกถาข้ึนใหม่ตามวิธีการของ ท่านเอง นักปราชญ์ผู้เขียนเรื่องราวที่เป็นระบบจนสามารถรวมข้อมูลเป็นเนื้อเดียว เฉกเช่นคัมภีร์วิสุทธิมรรค ย่อมไม่อาจหยุดความพอใจเพียงแค่การแปลเท่าน้ัน เพราะถือว่าเป็นการท้าทายความสามารถอย่างย่ิง ๒๕ Vijayasinha, loc. cit., p. 299. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 160 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 161 พระพุทธโฆษาจารย์ปรารถนาที่จะรวบรวมหรือจัดระบบความรู้ที่บรรจุอยู่ใน งานเขียนอันหลากหลาย และสะสมค�ำวิจารณ์การวิเคราะห์ของนักปราชญ์รุ่นเก่า เพ่ือเป็นประโยชน์แก่นักปราชญ์รุ่นหลัง ท่านจึงไม่กลัวท่ีจะเขียนคัมภีร์อรรถกถาขึ้น มาใหม่ ด้วยการขยายเนื้อความสร้างรูปแบบอันสมบูรณ์กว่าและหรูหรากว่า ท�ำหน้าที่ เรียงร้อยข้อมูลเก่าเหล่านั้นทุกแห่งหนที่ค้นพบ เพื่อจุดประกายอธิบายเนื้อความตาม คัมภีร์ให้แจ่มแจ้งตามความเห็นแห่งตน ท่านอธิบายงานเขียนโดยไม่ปรารถนาท�ำลาย ความเช่ือ เพ่ือเข้าแทนท่ีนักปราชญ์ผู้เป็นบูรพาจารย์ แต่ตรงกันข้ามท่านศึกษา อย่างมุ่งมั่นต้ังใจกับสิ่งท่ีนักปราชญ์รุ่นก่อนบันทึก และรวบรวมรักษาเอาไว้ด้วย ความเสียสละทุ่มเท โดยมีจุดมุ่งหมายม่ันคงแน่วแน่ในใจว่า ต้องแสดงความเคารพ ต่อส่ิงที่มีหลักฐานถูกต้องแท้จริง พระพุทธโฆษาจารย์ได้กล่าวถึงสิ่งท่ีท่านท�ำไว้ในบทน�ำคัมภีร์สมันตปาสาทิกา ว่า๒๖ หนังสือเล่มน้ีเร่ิมต้นด้วยการเรียบเรียงข้อมูลจากคัมภีร์มหาอรรถกถา ปราศจาก การเว้นความหมายที่ถูกต้องอื่นใดจากการตัดสินใจ ซึ่งบรรจุอยู่ในคัมภีร์มหาปัจจรี และคัมภีร์กุรุณฑีอันโด่งดังรวมทั้งคัมภีร์อรรถกถาเล่มอ่ืน ประกอบด้วยแนวความคิด ของพระเถราจารย์ ข้าพเจ้าจะพยายามท�ำหน้าที่อันหนักเช่นน้ีให้ดี ขอพระนวกะ พระมัชฌิมะ และพระเถระ ผู้ช่ืนชอบค�ำสอนของพระตถาคตเจ้า อันเป็นประทีปคือ ความจริง โปรดฟังค�ำพูดของข้าพเจ้าด้วยความปรีดาปราโมทย์ พระธรรมวินัยที่ พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ดีแล้ว และเหล่าพุทธบุตรท่ีเข้าใจแจ่มแจ้งความจริง ดงั พระพทุ ธองคท์ รงสง่ั สอนไวแ้ ลว้ ดว้ ยเหตวุ า่ ในกาลกอ่ นพระอรรถกถาจารยช์ าวลงั กา แต่งคัมภีร์อรรถกถาไม่ค�ำนึงถึงความคิดแห่งตน ยกเว้นความผิดจากการคัดลอกเสีย แลว้ ทกุ สงิ่ อยา่ งภายในลว้ นเปน็ ขอ้ บญั ญตั เิ พอ่ื การเรยี นรขู้ องคณะสงฆ์ ผเู้ คารพศรทั ธา พระวนิ ยั แหง่ คณะสงฆจ์ ากคมั ภรี อ์ รรถกถาเหลา่ นี้ หลงั จากสลดั ทงิ้ ภาษาเสยี แลว้ ทำ� การ ย่อเน้ือหาในรายละเอียด รวมลงตามค�ำตัดสินอย่างถูกต้องมีหลักฐาน ปราศจากก้าว เลยส�ำนวนแห่งบาลีภาษา คัมภีร์อรรถกถาเล่มนี้ประสงค์อธิบายความหมายของศัพท์ ๒๖ PTS. ed., p. 2, vv. 10-16. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 161 1/18/20 1:16 PM

162 พระพุทธโฆษาจารย์ มากหลายตามพระสูตร ซึ่งสอดคล้องเก่ียวพันกับศัพท์เหล่านั้นอย่างมีเหตุผล ย่อมเกิดประโยชน์ต่อการศึกษาเป็นอย่างย่ิง งานเขยี นของพระพทุ ธโฆษาจารยจ์ งึ เปน็ การหลอมรวมแหลง่ ขอ้ มลู หลายหลาก มกี ารวางแผนดว้ ยความสขุ มุ รอบคอบ เหมอื นแบบแผนอนั มนั่ คงเกย่ี วขอ้ งกบั ประเพณี สืบต่อกันมา มีการถ่ายทอดสืบต่อหลายศตวรรษโดยพระสงฆ์นามอุโฆษ และเจริญ รุ่งเรืองแพร่หลายตามขอบเขตแห่งการอธิบายของคัมภีร์พระไตรปิฎก พระพุทธโฆษาจารย์นั้นถือว่าเป็นนักปราชญ์เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ หลักฐาน ดังว่าปรากฏเห็นเกือบทุกแห่งในงานเขียนของท่าน ท่านพยายามไตร่ตรองเนื้อหา ของแต่ละนิกายอย่างรอบคอบ บันทึกข้อมูลแม้ผิดเพี้ยนเล็กน้อยด้วยความเคารพ กรณีบรรยายหลายครั้งหากท่านได้พบส�ำนวนที่แตกต่างในเหตุการณ์คล้ายกัน ท่านจะ พยายามรักษาส�ำนวนเหล่าน้ันเอาไว้เพื่อให้เป็นข้อมูลแก่อนุชนรุ่นหลัง ผลงานด้านคัมภีร์อรรถกถา พระพุทธโฆษาจารย์ได้เขียนคัมภีร์อรรถกถาจ�ำนวนมาก ซ่ึงปรากฏมีมาจนถึง ยุคปัจจุบัน ดังต่อไปน้ี เริ่มต้นด้วยคัมภีร์สมันตปาสาทิกา นักปราชญ์บางท่านพิจารณาว่าเป็นผลงาน ส�ำคัญสูงสุดของพระพุทธโฆษาจารย์ เป็นคัมภีร์อธิบายความตามพระวินัยปิฎก ทา่ นบอกวา่ เขยี นเลม่ นกี้ อ่ นเลม่ อน่ื ใด เพราะพระวนิ ยั เปน็ รากฐานของพระพทุ ธศาสนา๒๗ นอกจากคุณค่าด้านการอธิบายถึงกฎแห่งศีลธรรมดังเรียงร้อยตามพระวินัยแล้ว เน้ือหายังประกอบด้วยข้อมูลเชิงสังคม การเมือง ศีลธรรม ศาสนา และประวัติศาสตร์ ปรัชญาของอินเดียสมัยโบราณ๒๘ ๒๗ P.T.S. Ed., p. 1, v. 5. 1/18/20 1:16 PM ๒๘ Law, p. 77. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 162

ศรีลังกา 163 คัมภีร์เล่มนี้ได้แปลเป็นภาษาจีนหลังจากท่านเขียนเสร็จแล้วไม่นาน โดย พระสงั ฆภทั รเถระ เมอื่ พ.ศ.๑๐๓๒ (ขอ้ มลู ตามนารมิ นั ) ซงึ่ ยงั ปรากฏมอี ยใู่ นปจั จบุ นั ๒๙ ส�ำหรับลังกาประเทศน้ันมีผู้เขียนต�ำราฎีกาแต่งแก้งานเขียนของท่านหลายเล่ม หลายครั้งหลายคราต่างกรรมต่างวาระ อีกท้ังมีหลักฐานระบุไว้หลายแห่ง คัมภีร์เหล่า นั้นส่วนใหญ่ยังคงหลงเหลืออยู่จนถึงปรัตยุบัน งานเขียนเกี่ยวกับพระวินัยอีกเล่มหนึ่งชื่อว่ากังขาวิตรณี มีเนื้อหาพรรณนา เกี่ยวกับพระปาติโมกข์ ซ่ึงเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของคัมภีร์พระวินัยปิฎก ว่าด้วยพระ วินัยของพระสงฆ์ รูปแบบของคัมภีร์สามารถจดจ�ำได้ง่าย เชื่อกันว่าอภิธานศัพท์ของ คัมภีร์เล่มนี้ได้เขียนข้ึนหลายศตวรรษก่อนและยังปรากฏมีอยู่ในปัจจุบัน๓๐ คัมภีร์อรรถกถาเล่มอื่นอีกคืออรรถกถาแห่งนิกายทั้ง ๔ ได้แก่ ๑) คัมภีร์ สุมังคลวิลาสินี อธิบายความแห่งทีฆนิกายเขียนเป็นสามภาค จากเน้ือหาของคัมภีร์ แสดงให้เห็นว่าการศึกษาพจนานุกรมของพระพุทธโฆษาจารย์เชี่ยวชาญลึกซึ้งเพียงใด เพราะแต่งเป็นภาษาที่สับสนน้อยกว่างานเขียนเล่มอื่น ๒) คัมภีร์ปปัญจสูทนี อธิบายความแห่งมัชฌิมนิกาย ๓) สารัตถัปปกาสินี อธิบายความแห่งสังยุตตนิกาย และ ๔) มโนรถปูรณี อธิบายความแห่งอังคุตตรนิกาย ในพระคาถาอารัมภบทของคัมภีร์แต่ละเล่ม พระพุทธโฆษาจารย์ได้ให้ข้อมูล เก่ียวกับเหตุการณ์และรายชื่อของนักปราชญ์ผู้ให้ความช่วยเหลือ เชื่อกันอีกว่าท่าน เป็นผู้นิพนธ์อรรถกถาแห่งคัมภีร์สามเล่มในขุททกนิกาย กล่าวคือขุททกปาฐะ สุตตนิบาต และธรรมบท คัมภีร์อรรถกถาสองนิกายแรกเรียกว่าปรมัตถโชติกา นักปราชญ์ส่วนใหญ่สงสัยกันว่าคัมภีร์อรรถกถาธรรมบท เป็นผลงานของ พระพุทธโฆษาจารย์หรือไม่ เพราะมีนักปราชญ์จ�ำนวนไม่น้อยต่างแสดงความเห็นว่า ๒๙ Noriman, Buddhist Literature, see Index. 1/18/20 1:16 PM ๓๐ De Zoysa, p. 7. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 163

164 พระพุทธโฆษาจารย์ คัมภีร์เล่มน้ีเขียนขึ้นใหม่๓๑ ผู้เขียนคัมภีร์น่าจะเกิดภายหลังพระพุทธโฆษาจารย์ (น่าจะเป็นพระจุลลพุทธโฆษาจารย์) ซึ่งผู้เขียนได้ข้อมูลมาจากแหล่งเดียวกันกล่าวคือ คัมภีร์สัทธัมมรัตนาวลีภาษาสิงหล ซ่ึงเขียนโดยพระมหาเถระธรรมเสนะ ประมาณ พุทธศตวรรษที่ ๑๘๓๒ ค�ำจารึกตอนท้ายของคัมภีร์ระบุว่า คัมภีร์อรรถกถาธรรมบทเขียนโดย พระพุทธโฆษาจารย์ ผู้มีปัญญารุ่งเรืองโชติช่วง หลักฐานตรงนี้น่าจะหมายถึงพระ อรรถกถาจารย์ผู้ย่ิงใหญ่ ส่วนคัมภีร์ปูชาวลิยะระบุว่า พระพุทธโฆษาจารย์เขียนคัมภีร์ เลม่ นตี้ ามคำ� ทลู นมิ นตข์ องพระเจา้ สริ นิ วิ าสะและเสนาบดมี หานคิ มะ๓๓ พระเจา้ สริ นิ วิ าสะ ในที่นี้หมายถึงพระเจ้ามหานามะ คมั ภรี ส์ มนั ตปาสาทกิ าบอกวา่ พระพทุ ธโฆษาจารยแ์ ตง่ คมั ภรี อ์ รรถกถาธรรมบท ณ คนั ถการปรเิ วณะ ซงึ่ สรา้ งโดยเสนาบดนี ามวา่ มหานคิ มะ บางครงั้ ทา่ นอาศยั ปราสาท ท่ีสร้างถวายโดยพระเจ้าแผ่นดิน ปราสาทหลังนี้เป็นส่วนหนึ่งของส�ำนักมหาวิหาร ซ่ึงท่านได้อาศัยศึกษาคัมภีร์อรรถกถาภาษาสิงหล ส่วนหลักฐานในคัมภีร์อรรถกถาธรรมบทระบุว่า ข้าพเจ้าอาศัยปราสาทของ พระเจ้าสิริกุฑฑะ ซึ่งสร้างโดยพระเจ้าแผ่นดินผู้มีศรัทธาแก่กล้า ค�ำว่า ”สิริกุฑฑะ„ เป็นอีกพระนามหนึ่งของพระเจ้าสิรินิวาสมหานามะ๓๔ ส่วนท่ีผิดพลาดโดยมากคือ ความแตกต่างด้านภาษาและส�ำนวนโวหารระหว่างคัมภีร์เล่มน้ีและคัมภีร์อรรถกถา เล่มอ่ืน แต่ก็สรุปว่าเป็นผลงานของพระพุทธโฆษาจารย์จริง คมั ภรี อ์ รรถกถาธรรมบทมสี ว่ นคลา้ ยกบั คมั ภรี อ์ รรถกถาชาดกมาก เอกลกั ษณ์ เฉพาะของคัมภีร์เล่มน้ีคือผู้เขียนได้รวบรวมและจัดแบ่งค�ำสอนพร้อมเร่ืองราวอย่าง ๓๑ e.g. Burlingame in his translation (Yale University Series). ๓๒ Wickremasinghe, p. 11. ๓๓ Colombo, Ed., 1897, p. 16. ๓๔ Vide D. B. Jayatilaka, Introd, to the Sikhavalanda (Colombo, Ed., 1923), p. vii. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 164 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 165 ชัดเจน โดยไม่แต่งเรื่องอ่ืนขึ้นมาใหม่ เพียงแต่น�ำเสนอท�ำนองวรรณคดีบาลีท่ีมีอยู่เดิม แล้ว มีลักษณะเป็นเรื่องเล่าแบบชาวบ้าน การจัดแจงแบ่งส่วนมีความแตกต่างจาก อรรถกถาสุตตนิบาต สันนิษฐานว่าเน้ือหาหลักน่าจะน�ำมาจากหลากหลายคัมภีร์โดย ผ่านการวิเคราะห์ดีแล้ว พิมลจรันลอว์แสดงความเห็นไว้ว่า คัมภีร์อรรถกถาธรรมบทไม่เหมือนงาน เขียนอรรถกถาเหล่าอ่ืนที่ประกอบด้วยร้อยแก้วและพระคาถา เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่ แต่งเป็นคาถาโดยไม่มีร้อยแก้ว แต่ในคัมภีร์นิกายเหล่าน้ันกลับบรรจุไว้ในเนื้อหาเสีย เอง ตรงนี้เป็นส่วนส�ำคัญส�ำหรับน�ำพระคาถาเข้าสู่วิถีของงานเขียนเชิงพระไตรปิฎก๓๕ เนวิลล์กล่าวไว้ในหนังสือรวบรวมรายชื่อวรรณคดีลังกาว่า คัมภีร์เล่มน้ีไม่ได้ รวมลงในอรรถกถาขนาดใหญ่สามเล่ม (มหาอรรถกถา มหาปัจจรี และกุรุณฑี) ซ่ึงพระพุทธโฆษาจารย์ใช้เป็นแหล่งศึกษาข้อมูล เพียงแต่น�ำเสนอต�ำนานซ่ึงเป็นที่รู้จัก กันดี และส่วนใหญ่ยอมรับก่อนการสังคายนาท่ีอาลุวิหาร ไม่ว่าจะนับเน่ืองเป็นผลงาน มีคุณค่าเชิงวรรณคดี หรือว่าไม่เป็นท่ียอมรับของนิกายตรงกันข้ามโดยปราศจากการ โต้แย้ง ก็ไม่เห็นจ�ำเป็นท่ีจะต้องเขียนไว้ เม่ือพระพุทธโฆษาจารย์เดินทางมาลังกาครา นั้น พระสงฆ์ส�ำนักมหาวิหารได้อนุญาตและมอบหมายให้ท่านเป็นผู้แปลคัมภีร์ อรรถกถาทั้งหลาย อีกทั้งการจัดแจงแบ่งส่วนแล้วแต่พิจารณาตามดุลพินิจของผู้แปล คมั ภรี อ์ รรถกถาเลม่ นน้ี า่ จะมกี ำ� เนดิ มาจากตำ� นานของอนิ เดยี หรอื แหลง่ อน่ื มไิ ดเ้ กยี่ วขอ้ ง กับหมู่คณะของพระมหินทเถระ เช่นนี้อาจจะเป็นการอธิบายถึงวิธีท่ีแตกต่างใน การเขียน หากมีค�ำแปลที่แตกต่างซึ่งระบุไว้ในเร่ืองเดียวกันปรากฏมีท่ีแห่งใด น้ัน หมายความว่ามิใช่วิธีของพระพุทธโฆษาจารย์ เป็นแต่เพียงค�ำอธิบายที่แตกต่างจาก แหล่งข้อมูลที่ท่านได้รับมา๓๖ ๓๕ Law, op. cit., p. 81. ๓๖ See Hardy, JRAS., 1898, pp. 741-94, for example of such different versions. หากวิเคราะห์ถึงความแตกต่างของคัมภีร์ธรรมบทย่อมสังเกตได้จากข้อเปรียบเทียบกับคัมภีร์ภาษาบาลี กับภาษาจีน See Norman, Dhamma-pada Comty., i, pt. ii, pp. 15-16. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 165 1/18/20 1:16 PM

166 พระพุทธโฆษาจารย์ คัมภีร์อรรถกถาธรรมบทได้แปลเป็นภาษาสิงหลในชื่อว่าสัทธัมมรัตนาวลี ประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๘ โดยพระมหาเถระธรรมเสนะ๓๗ เน้ือหาถอดความมาจาก คัมภีร์ธรรมบทอรรถกถาทั้งหมด ส่วนส�ำคัญคือการแปลน�ำมาจากต้นฉบับภาษาบาลี ถงึ แมจ้ ะกลา่ วถงึ ในบทนำ� วา่ ไมไ่ ดเ้ ลยี นแบบตน้ ฉบบั เลยกต็ าม หากวเิ คราะหต์ ามเนอ้ื หา ผู้แปลไม่มีบุคลิกลักษณะเหมือนผู้เขียนอรรถกถาภาษาบาลีท่ัวไป เพราะผู้แปลไม่ยอม อ้างศัพท์เดิมแท้จากคัมภีร์ธรรมบทเลย มีเพียงตัวอย่างหลากหลายท่ีเป็นแก่นสารด้วย การใช้ค�ำพังเพยอธิบายเรื่องราวเหมือนบรรยายเหตุการณ์เท่านั้น นอกจากงานเขียนเหล่านี้แล้ว พระพุทธโฆษาจารย์ยังเขียนอรรถกถาอภิธรรม อีกหลายเล่ม ที่ถือกันว่าเป็นผลงานช้ันเลิศเอกอุคือคัมภีร์อัตถสาลินีที่แต่งอธิบาย ความตามคัมภีร์ธรรมสังคณี กล่าวกันว่าท่านแต่งท่ีประเทศอินเดีย๓๘ คัมภีร์เล่มนี้มี ข้อมูลอ้างอิงแตกต่างจากคัมภีร์สมันตปาสาทิกาค่อนข้างมาก๓๙ แสดงให้เห็นว่าคัมภีร์ เล่มน้ีได้เขียนแล้วเสร็จ (ก่อนคัมภีร์สมันตปาสาทิกา) หรืออย่างน้อยน่าจะภายหลัง คัมภีร์อรรถกถาพระวินัยปิฎก มาดามรีส เดวิดส์๔๐ ต้ังข้อสังเกตไว้ว่าถึงแม้คัมภีร์เล่มนี้จะเขียนขึ้นที่ พุทธคยา แต่ต่อมาผู้เขียนได้ปรับปรุงแก้ไขเน้ือหาเพิ่มเติมหลังจากมาอยู่ลังกาแล้ว สมมติฐานดังกล่าวสอดคล้องกับความจริงว่า หากศึกษาจากโครงสร้างของคัมภีร์ พระพุทธโฆษาจารย์เองมักอ้างอิงหรือน�ำข้อมูลมาจากงานเขียนหลายเล่ม รวมถึง อรรถกถาภาษาสิงหลและคัมภีร์วิสุทธิมรรค อีกทั้งอรรถกถาแต่งแก้คัมภีร์วิภังค์ช่ือว่า สัมโมหวิโนทนี รวมถึงการตีความหมายในคัมภีร์อีกห้าเล่ม ซึ่งเรียกว่าปัญจัปปกรณ อรรถกถาด้วย (บางคร้ังเรียกว่าปรมัตถทีปนี)๔๑ ๓๗ พระธรรมเสนเถระมีอ้างถึงในคัมภีร์นิกายสังครหะพร้อมนักเขียนท่านอื่น ในชื่อว่า วิลกัมมูละ อนุรุทธเถระ ผู้มีฃีวิตร่วมสมัยหรืออาจก่อนสมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ See Wickremasinghe, Cataogue, for fuller description, Nos. 13 and 14. ๓๘ M.V., xxxvi, v. 225, and Sasana-vamsa (P.T.S.), p. 31. ๓๙ pp. 97 and 98. ๔๐ Manual Bud, Psy. Eth., p. xxvii. ๔๑ De Zoysa, Catalogue, p. 3, and Nevill's Catalogue. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 166 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 167 นคี้ อื ความพากเพยี รอนั ยงิ่ ใหญข่ องพระพทุ ธโฆษาจารยท์ สี่ ามารถเขยี นงานจน แล้วเสร็จโดยล�ำพัง ราวกะว่ามีความสามารถอันอัศจรรย์ ความอุตสาหะของท่านจึง เป็นเร่ืองเกินค�ำบรรยาย หนังสือพุทธโฆสุปปัตติระบุว่า๔๒ เมื่อพระพุทธโฆษาจารย์ได้ แก้ไขปรับปรุงงานเขียนเกี่ยวกับพระไตรปิฎกท้ังหมดเสร็จส้ินแล้ว ผลงานเหล่าน้ันเป็น ด่ังกองไฟสูงท่วมหลังช้างเจ็ดเชือกต่อกัน ซึ่งคัมภีร์เหล่านั้นเดิมแปลเป็นภาษาสิงหล ตงั้ แตค่ รงั้ พระมหนิ ทเถระนำ� มาสลู่ งั กากอ่ นหนา้ นน้ั สามศตวรรษ จงึ ไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งยดึ ถอื ข้อความนี้ว่าเป็นความจริงด้านวรรณคดี แต่ท้ังหลายท้ังปวงปรากฏมีในสมัยของ พระพุทธโฆษาจารย์และด�ำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน คัมภีร์วรรณคดีทั้งปวงถูกแทนท่ีด้วย ผลงานของพระพุทธโฆษาจารย์ ถือได้ว่าว่าท่านบดบังรัศมีนักเขียนรูปอื่นหมดสิ้น ดัง พระคาถาในหนังสือพุทธโฆสุปปัตติที่สรรเสริญท่านไว้ว่า เม่ือพระพุทธโฆษาจารย์เข้า ใกล้สมาคมแห่งบัณฑิต นักปราชญ์น้อยใหญ่ต่างถูกบดบังราศีหมดส้ิน เหมือน พระจันทร์ในปากราหูฉะน้ัน๔๓ ชมเชยเกียรติคุณ หากจะสอบสวนถงึ ความมอี ยแู่ หง่ คมั ภรี อ์ รรถกถาภาษาสงิ หลยคุ เกา่ คงจะเปน็ งานหนักหมดหวัง เหตุเพราะปัจจุบันไม่มีหลักฐานหลงเหลืออยู่เลย ความแพร่หลาย แหง่ ภาษาบาลยี คุ แรกระหวา่ งนกั ปราชญท์ งั้ บรรพชติ และคฤหสั ถ์ การนำ� เขา้ วรรณกรรม ภาษาสันสกฤตสมัยต่อมา และค�ำพูดฟุ่มเฟือยด้วยภาษาสันสกฤตภายในภาษาเอลุ อนั บรสิ ทุ ธิ์ ทำ� ใหเ้ กดิ อาการสำ� ลกั ชะงกั งนั ทางภาษา เนอื่ งจากวา่ ภาษาเชน่ นนั้ ไดส้ ญู หาย ตายไปนานแล้ว ความทรงจ�ำของภาษาเช่นน้ันจึงเหลือเพียงแค่นักรักแห่งปารนัสสุส (The lovers of Parnassus) เพื่อจุดประสงค์ทางศาสนาและปรัชญาท้ังมวล ภาษาบาลีและภาษาสิงหลผสมกับสันสกฤตจึงเริ่มต้นใช้กันมาต้ังแต่ยุคแรก และ ยังใช้ต่อเนื่องเร่ือยมาจนถึงปัจจุบัน๔๔ ๔๒ p. 7. ๔๓ p. 66. ๔๔ JRAS. (N.S.), vol. v, p. 301. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 167 1/18/20 1:16 PM

168 พระพุทธโฆษาจารย์ มีนักปราชญ์มากหลายกล่าวชมเชยผลงานอันทรงคุณค่าของพระพุทธ- โฆษาจารย์แล้ว ผู้เขียนจึงเห็นว่าไม่จ�ำเป็นต้องสรรเสริญเกียรติคุณซ�้ำอีก บางทีคุณค่า อันสูงล้�ำของพระพุทธโฆษาจารย์ต่อนักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่ ตั้งอยู่ในขอบเขตจ�ำกัด ต่ออานุภาพทางใจของท่านเอง ดังเช่นต้นก�ำเนิดและความเป็นอิสระด้านความคิด ซ่ึงก�ำหนดให้ท่านเคารพย�ำเกรงต่อทุกส่ิงอย่างที่เป็นความเช่ือดั้งเดิม ส�ำหรับพระอรรถ กถาจารย์ผู้ย่ิงใหญ่แล้ว ไม่มีการพัฒนาด้านหลักค�ำสอน ทุกสิ่งอย่างที่ปรากฏมีใน คัมภีร์อรรถกถาล้วนเป็นพระพุทธพจน์ทั้งสิ้น แต่เพ่ือความเข้าใจพุทธพจน์อย่าง ถูกต้อง ผลงานของพระพุทธโฆษาจารย์จึงเป็นส่ิงจ�ำเป็นท่ีจะขาดไม่ได้ มีหลายประเด็น ในหลักธรรมทางพุทธศาสนา และหลายหลักการทางปรัชญาท่ีไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะค�ำอธิบายของท่าน ถึงแม้บางครั้งการร้อยเรียงภาษาจะมีลักษณะแข็งกระด้าง ขาดความสละสลวย แต่บ่อยครั้งกลับมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล อีกท้ังการบันทึก ศัพท์ยากก็เป็นส่ิงประเมินค่ามิได้ และบ่อยครั้งมีหลักฐานสามารถสรุปความจับ ประเด็นได้๔๕ เซอร์ โรเบิรต์ ชาลเมอร์ส (Sir Robert Chalmers) กล่าวไว้ว่า เกือบสิบห้า ศตวรรษทพ่ี ระพทุ ธโฆษาจารยค์ งความเปน็ ผอู้ ธบิ ายพระพทุ ธศาสนาเถรวาทหรอื ทกั ษณิ นิกายท่ีไม่มีใครสามารถท้าทายแข่งขัน ในวิวัฒนาการทางความคิดเชิงพุทธ พระเถราจารย์เป็นสัญลักษณ์แห่งยุคสมัย เพราะท่านย้�ำความนึกคิดเพื่อยุคสมัยของ ท่านเท่าน้ัน แลเป็นต้นแบบเพ่ือนิกายเถรวาทเรื่อยมา ท่านมีเจตนาประสงค์เป็นนัก ปราชญ์มากกว่าเป็นนักปรัชญา มีหลักฐานดาษดื่นในงานเขียนท่ีแสดงว่าท่านเป็นนัก วิชาการเชิงวิเคราะห์จากประเด็นความคิดเชิงวิจารณ์คัมภีร์ ความพากเพียรของท่านมี ๔๕ บางคร้ังเกิดค�ำถามว่าพระพุทธโฆษาจารย์รู้ภาษาสันสกฤตหรือไม่ คัมภีร์มหากาพย์ภาษา สันสกฤตเกี่ยวกับประวัติของพระพุทธเจ้าชื่อว่าปัทยะจูทามณิ เชื่อว่าเป็นผลงานเชิงเกียรติคุณอันย่ิงใหญ่ (Law, p. 85 foll.), บางคร้ังพบเห็นความลังเลของพระพุทธโฆษาจารย์ท่ีจะใช้ภาษาสันสกฤตในลักษณะ นิรุติกศาสตร์ เน่ืองจากเกิดความสงสัยเก่ียวกับภาษาที่แสดงทัศนะในการนิยามศัพท์ปรัชญา พระพุทธศาสนาและธรรมเนียมท่ีมืดมนตามจุดประสงค์ดังเดิม แต่หลักฐานก็ช้ีชวนให้เห็นความเป็นเลิศ ทางนิรุติกศาสตร์ที่แสดงความหนักแน่นคัดค้านสิ่งที่ตนรู้ และสุดท้ายกลายเป็นผู้ช�ำนาญตาม วิธีการ Cf. Dr. Stede, Pali Dictionary, Afterword. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 168 1/18/20 1:16 PM