ศรีลังกา 369 (บนและล่าง) บริเวณวัดวิชัยสุนทราราม ภายในเมืองหลวงเก่าดัมพเดณิยะ สมัยอดีตเป็น สถานที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว (คัดลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 369 1/18/20 1:17 PM
370 สมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 370 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 371 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 371 1/18/20 1:17 PM
ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดศรีสุโพธาราม เขตเดหิวาละ เมืองหลวงโคลัมโบ 1/18/20 1:17 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 372
บทที่ ๑๒ สมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ ศิษย์พระวนรัตนอานันทเถระ พระวนรัตนอานันทเถระแห่งอรัญวาสีนิกาย เป็นศิษย์ของพระอุทุมพรคิรี- เมธังกรมหาเถระ มศี ิษยานุศษิ ยผ์ ู้เป็นปราชญล์ ือนามมากมาย รูปแรกน้นั คอื พระโคตม เถระผู้แปลต�ำราไวยากรณ์ภาษาบาลีของพระสังฆรักขิตเถระเป็นภาษาสิงหล ต้ังชื่อว่า สัมพันธจินตา อีกสองรูปมีช่ือเสียงโด่งดังไม่แพ้กันคือ พระโจฬิยทีปังกรเถระ และ พระเวเทหเถระ พระโจฬิยทีปังกรเถระนั้นคนส่วนใหญ่รู้จักท่านในนามพุทธัปปิยะ ช่ือของท่านมีนัยบอกว่าเป็นชาวทมิฬโจฬะแห่งอินเดียตอนใต้ สันนิษฐานว่าท่านเป็น หนง่ึ ในคณะสงฆท์ พี่ ระเจา้ บณั ฑติ ปรากรมพาหอุ าราธนาเขา้ มาลงั กาเพอื่ ฟน้ื ฟพู ระศาสนา๑ ท่านแต่งคัมภีร์สองเล่มช่ือว่ารูปสิทธิและปัชชมธุ ในบทสรุปของคัมภีร์รูปสิทธิท่านกล่าวถึงตัวเองว่า๒ คัมภีร์ท่ีสมบูรณ์พร้อม เล่มน้ีแต่งโดยพระภิกษุ ผู้มีนามฉายาว่าพุทธัปปิยะ หรือมีนามเรียกขานกันว่าทีปังกร มีพระอานันทเถระเป็นพระอุปัชฌาย์ ผู้เป็นหลักชัยแห่งตัมพปัณณินคร ส่วนตัวท่าน เองนั้นมีช่ือเสียงโด่งดังเหมือนเปลวประทีปแห่งแคว้นทมิฬ ด�ำรงต�ำแหน่งช้ันสูงท�ำ หน้าที่ครองสองอารามรวมถึงพาลาทิจจวิหารด้วย๓ เป็นผู้น�ำพาพระศาสนาของพระ ชินสีห์ให้สว่างรุ่งเรือง ส่วนในบทสรุปของคัมภีร์ปัชชมธุ พระเถระได้บอกช่ือและความด้อยปัญญา ของตัวเองว่า๔ ขอท่านท้ังหลายจงด่ืมด�่ำอมตรสแห่งฉันทลักษณ์ท่ีปรุงแต่งโดยแมลง ๑ M.V., Ixxxiv, v. 10. ๒ Colombo Ed., end. ๓ คัมภีร์อรรถกถาระบุว่าอีกแห่งหน่ึงก็เรียกชื่อว่าจูฑามาณิกยะเช่นกัน ๔ JPTS., 1887, p. 16, v. 103. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 373 1/18/20 1:17 PM
374 สมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ ผ้ึงนามว่าพุทธัปปิยะ ผู้สว่างไสวด้วยค�ำสอนของพระตถาคตเจ้า ซึ่งรับใช้ใกล้ชิดดัง หนง่ึ ดอกบัวรองรับบาทพระเถราจารยน์ ามวา่ อานันทวนรัตนเถระ ผหู้ นกั แนน่ ด้วยกลิน่ แห่งศีลอันผลิบานรองรับแสงพระสุรีย์เป็นนิตย์ หลักฐานบอกว่าคัมภีร์ท้ังสองเล่มดัง กล่าวเขียนข้ึนขณะผู้รจนาอยู่แคว้นโจฬะ ซึ่งยุคน้ันพระศาสนาก�ำลังรุ่งเรืองแพร่หลาย ขณะน้ันผู้เขียนร้ังต�ำแหน่งเจ้าอาวาสสองอารามมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักกว้างไกล คัมภีร์รูปสิทธิเป็นต�ำราไวยากรณ์ภาษาบาลีอาศัยคัมภีร์กัจจายนะเป็นต้นแบบ ในคาถาแรกผู้แต่งกล่าววา่ ปทรปู สทิ ธิหมายถงึ หลักนิรกุ ตศิ าสตรว์ า่ ด้วยส่วนแห่งค�ำพดู ถึงแม้ว่าผู้เขียนจะเดินตามแบบโครงสร้างสันธิกัปปะในคัมภีร์กัจจายนะ แต่คัมภีร์มี เน้ือหาสมบูรณ์และละเอียดมากกว่า โดยเฉพาะการอธิบายความบกพร่องมากหลาย ของคัมภีร์กัจจายนะ บางตอนมีความแตกต่างจากคัมภีร์กัจจายนะ เพราะผู้เขียนได้ ดัดแปลงไวยากรณ์ขึ้นมาใหม่ เนื้อหาของคัมภีร์แบ่งออกเป็น ๗ บท กล่าวคือ สันธิ (มี ๕ ชั้น ได้แก่ สัญญา สระ ปกติ วยัญชนะ และนิคหิต) สัพพนาม (ปุงลิงค์ อิตถีลิงค์ นปุงสกลิงค์ สรรพนาม วจนะ บุคคลสรรพนามไม่มีเพศ ส่วนที่ไม่สามารถส้ินไป และส่วนไม่ สามารถแยกได้) การก (ฉันทลักษณ์) สมาส ตัทธิต (แยกตามตัวเลข) อาขยาต (กริยา) และกิตกอุฑาทิ (ส่วนท่ีแยกออกมาจากกริยาและส่วนค�ำพูด) หากถือตามค�ำวิเคราะห์ ของพระเมธังกรเถระผู้แต่งคัมภีร์ปโยคสิทธิ ซึ่งเขียนข้ึนภายหลังคัมภีร์รูปสิทธิไม่นาน นัก ท�ำให้ทราบว่ารายละเอียดของคัมภีร์รูปสิทธิมีเน้ือหาค่อนข้างลุ่มลึกยากต่อการ เข้าใจ นักศึกษาจึงหันไปศึกษาคัมภีร์พาลาวตารของพระธรรมกิตติเถระแทน แต่ คัมภีร์เล่มนี้ยังคงศึกษากันอยู่ในลังกาจนถึงปัจจุบันสมัย ถือว่าเป็นคัมภีร์ส�ำคัญอีก เล่มหนึ่งที่ปรากฏมีจนถึงปรัตยุบัน พระนักไวยากรณ์ชาวพม่านามว่ามหายสเถระ ผู้รจนาคัมภีร์กัจจายนสาระ ในพุทธศตวรรษท่ี ๑๙๕ ได้ถอดเน้อื หาบางตอนจากคมั ภีร์รูปสทิ ธิและได้รบั การยอมรับ ๕ Bode, p. 37. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 374 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 375 ในวงกว้าง ส�ำหรับต�ำราฎีกาแต่งแก้คัมภีร์รูปสิทธิน้ันรจนาโดยพระพุทธัปปิยะเอง๖ และฉันท์ภาษาสิงหลยังคงหลงเหลืออยู่ตราบถึงปัจจุบันเขียนโดยนักแต่งนิรนาม หลกั ฐานระบเุ พยี งวา่ แตง่ ภายหลงั คมั ภรี ร์ ปู สทิ ธไิ มน่ านนกั และถอดความมาจากคมั ภรี ์ ปัญชิกาประทีปะของพระศรีราหุลเถระ งานเขียนอีกเล่มหนึ่งของพระโจฬิยทีปังกรเถระคือคัมภีร์ปัชชมธุ แต่งเป็น โคลงภาษาบาลมี ลี ลี าสำ� นวนสละสลวยงดงาม ผสมผสานกนั ระหวา่ งภาษาบาลกี บั ภาษา สันสกฤตวิจิตรสูงล�้ำด้านภาษาเชิงกวี มี ๑๐๔ พระคาถา ส�ำหรับ ๖๙ คาถาแรก อธิบายความงดงามแห่งมหาบุรุษลักษณะของพระพุทธเจ้า มากมายด้วยรายละเอียด ตั้งแต่พระองคุลีเบื้องล่างถึงพระเกศมาลาเบ้ืองสูง พร้อมทั้งพระฉัพพรรณรังสีบน พระเศียร ทุกถ้อยถ้วนค�ำล้วนกล่าวสรรเสริญด้วยการใช้จินตนาการด้านกวีช้ันสูง ตัวอย่างเช่น พระเกศแห่งพระขนงที่ม้วนงอนเหมือนพระจันทร์โคจรรอบพระอาทิตย์ จากหยดแห่งเภสัชทิพย์ถึงการแย้มบานแห่งอุบลชาติคือข้อพระบาท เล็บน้ันไซร้คือ กลีบแห่งพระมาลา ส่วนพระคาถาที่เหลือแต่งสรรเสริญพระปัญญาอันเลิศล้�ำของ พระพุทธเจ้า ผู้งามเด่นท่ามกลางเหล่าพระสาวกสาวิกา และอีกหลายพระคาถาอธิบาย ถึงความยิ่งใหญ่แห่งภาวะพระนิพพาน ยังมีคัมภีร์ภาษาสิงหลที่ถอดเนื้อความคัมภีร์ ปัชชมธุโดยผู้แต่งนิรนาม แต่ยากต่อการเข้าใจยิ่งกว่าคัมภีร์ต้นฉบับด้ังเดิม คัมภีร์คันธวังสะกล่าวถึงผลงานอีกเล่มหน่ึงของพระโจฬิยทีปังกรเถระ ช่ือว่า สารัตถสังคหะ๗ วิกรมสิงหะเรียกต�ำราเล่มน้ีว่างานเขียนเชิงศาสนา แต่ผู้เขียนไม่เคย เห็นต้นฉบับอยู่ในลังกา๘ ต�ำราสารัตถสังคหะรวมอยู่ในรายชื่อต�ำรา ซึ่งบันทึกไว้ใน ศิลาจารึกกัลยาณีสีมาแห่งเมืองหงสาวด๙ี โบดสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นหนังสือทางการ ๖ G.V., pp. 60 and 70. 1/18/20 1:17 PM ๗ pp. 60 and 70. ๘ Catalogue, p. xviii. ๙ Govt., Printing Press, Rangoon, 1899, and Bode, p. 109. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 375
376 สมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ แพทย์ของพระเจ้าพุทธทาส ซ่ึงมีชื่อคล้ายกันและเขียนข้ึนประมาณพุทธศตวรรษที่ ๙ นอกจากน้ัน ยังมีต�ำราทางพระพุทธศาสนาท่ีแต่งเป็นภาษาสิงหลอีกเล่มหนึ่ง ช่ือว่าสารารถสังครหะ๑๐ ผู้แต่งไม่ระบุว่าแปลมาจากต้นฉบับภาษาบาลีหรือไม่ ต่อมา มีการคัดลอกขยายความจากต�ำราภาษาบาลีอีกหลายเล่ม หากสังเกตจากรูปแบบแล้ว เช่ือว่าเป็นผลงานของพระสรณังกรสังฆราช ผลงานของพระเวเทหเถระ ศิษย์อีกรูปหน่ึงของพระวนรัตนอานันทเถระคือพระเวเทหเถระ ผู้แต่งต�ำรา ภาษาบาลีสองเล่ม ชื่อว่ารสวาหินี และสมันตกูฏวัณณนา เล่มแรกเขียนเป็นร้อยแก้ว ส่วนเล่มหลังแต่งเป็นร้อยกรอง นอกจากนั้นเช่ือกันว่าท่านเป็นผู้แต่งต�ำราไวยากรณ์ ภาษาสิงหลชื่อว่าสิทัตสังครา๑๑ พระเวเทหเถระกล่าวถึงตัวท่านเองในบรรทัดสุดท้าย ของคัมภีร์รสวาหินีว่า คัมภีร์รสวาหินีแต่งโดยพระเวเทหเถระ ผู้รจนาคัมภีร์สมันตกูฏ- วัณณนาท่ีงดงามด้วยไวยากรณ์ภาษาสิงหล ผู้ถือก�ำเนิดในวรรณะพราหมณ์โดยชาติ ผู้เป็นธงชัยแห่งนิกายท้ังสาม มีพระอาจารย์นามว่าอานันทเถระแห่งอรัญวาสีนิกาย ซง่ึ เปน็ ผนู้ ำ� แหง่ คณะสงฆโ์ ดยมาก เปน็ หนง่ึ ในบรรดาผสู้ ามารถขา้ มพน้ ทะเลแหง่ ปญั ญา ส่วนพระอุปัชฌาย์น้ันไซร้คือพระมหามังคลเถระ ผู้เช่ียวชาญแตกฉานด้านการศึกษา ผู้เป็นใหญ่แห่งสีมา พร้อมด้วยพระมหากาลิงคเถระ ในบทสรุปของคัมภีร์สมันตกูฏวัณณนาท่านระบุเพียงว่า คัมภีร์สีหลสัทท- ลักขณะเป็นงานเขียนของท่านเอง หากเป็นเช่นน้ันจริงงานเขียนของท่านก็มีท้ังหมด ๓ เล่ม เล่มแรกคือคัมภีร์สีหลสัททลักขณะ นักปราชญ์บางท่านเชื่อว่าเป็นเล่มเดียวกัน กับคัมภีร์สิทัตสังครา ส่วนเล่มสองคือคัมภีร์สมันตกูฏวัณณนา และท้ายสุดคือคัมภีร์ รสวาหินี ส�ำหรับคัมภีร์สิทัตสังครานั้นท่านแต่งตามค�ำนิมนต์ของเสนาบดีผู้ใหญ่นาม ว่าเทวปรติราชะ ซ่ึงท�ำหน้าท่ีเป็นตัวแทนของพระเจ้าปรากรมพาหุ เดินทางไปซ่อมแซม ๑๐ Bode., q.v. ๑๑ D'Alwis, Sidat-sangara preface, and Catalogue, p. 22, De Zoysa, p. 28, Wickremasinghe, p. 92. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 376 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 377 เสนาสนะสงฆ์ท่ีช�ำรุดทรุดโทรมทางภาคใต้๑๒ ผู้รจนากล่าวว่าตัวท่านเองเป็นอาจารย์ ใหญ่แห่งปรติราชปริเวณะทางตอนใต้ของลังกา๑๓ ส�ำหรับคัมภีร์สมันตกูฏวัณณนานั้นแต่งเป็นโคลงภาษาบาลีประกอบด้วย ๘๐๐ พระคาถา ตามค�ำนิมนต์ของพระภิกษุนามว่าราหุลเถระ ผู้เป็นสมาชิกแห่ง วนวาสีนิกาย จุดประสงค์ของโคลงดังกล่าวอธิบายยอดแห่งขุนเขาที่งดงาม ซึ่งเช่ือกัน ว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประดิษฐานรอยพระบาทเบ้ืองซ้าย เม่ือคราวเสด็จมาเยี่ยม ลังกาครั้งที่สาม เนื้อหาเก่ียวข้องกับบทแรกของคัมภีร์มหาวงศ์แต่น�ำมาแต่งเป็นกลอน ส่วนท่ีเหลือกล่าวถึงพระราชประวัติของพระพุทธเจ้าตั้งแต่เสด็จจุติจากสวรรค์ชั้นดุสิต เทวโลกลงมาก�ำเนิดเป็นมนุษย์ และต่อเนื่องเรื่อยมาจนกระท่ังเสด็จมาลังกาคร้ังที่สาม ภายหลังตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว พระเวเทหเถระได้อธิบายรายละเอียดของเหตุการณ์มากหลาย เกี่ยวกับ พระประวัติของพระพุทธองค์ โดยเฉพาะเมื่อคราวเสด็จมาลังกา ผู้รจนาได้อธิบายด้วย ภาษาลุ่มลึกและวิจิตรอลังการงดงามด้วยจินตนาการ บรรยายทุกภาคส่วนของเกาะ ลังกาท่ีรู้จักกันแม้เล็กน้อยหรือที่รู้จักกันเป็นอย่างดี เช่นหุบเขาดอยดงตลอดจนแม่น�้ำ ห้วยละหาร โดยเฉพาะแกลาณียะมหานทีและมหาแวฬิคังคามหานที งดงามด้วย ทิวทัศน์ของสองริมฝั่ง อุดมสมบูรณ์ด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ที่พร้อมค้อมค�ำนับรอย พระพุทธบาทอันศักด์ิสิทธ์ิเหนือขุนเขาสมันตะ นอกจากนั้นยังบรรยายเก่ียวกับนคร และผู้คน แสดงให้เห็นว่าพระเวเทหเถระมีอารมณ์สุนทรีย์แบบนักเขียนภาษาสันสกฤต แต่ไม่มีร่องรอยว่าท่านเลียนแบบปราชญ์ท่านใด ตรงกันข้ามคัมภีร์สมันตกูฏวัณณนา เป็นงานเขียนร้อยกรองร่�ำรวยด้วยพรสวรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจให้คนเคารพรัก ศรัทธาต่อโคลงกวี โคลงเริ่มต้นด้วยพระคาถาสรรเสริญ ไพเราะด้วยจังหวะที่งดงาม ตรึงใจจนชาวสิงหลน�ำมาขับกล่อมในปัจจุบัน แต่คนเป็นจ�ำนวนมากไม่เคยได้ยินชื่อ ของท่านและไม่รู้จักงานเขียนของท่านเลย งานเขียนของท่านได้รับการตีพิมพ์โดย ๑๒ D'Alwis, Catalogue, p. 225. ๑๓ Sidat-sangara, p. 43. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 377 1/18/20 1:17 PM
378 สมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ พระธัมมานันทเถระและพระญาณิสสรเถระ (พ.ศ.๒๔๓๓) ซ่ึงเป็นพระนักปราชญ์ นามอุโฆษด้านศาสตร์ตะวันออกของลังกาสมัยปัจจุบัน๑๔ ส่วนคัมภีร์รสวาหินีนั้น เป็นการรวบรวมเร่ืองราวด้วยค�ำร้อยแก้วภาษาบาลี ร้อยเรียงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ในบทปณามคาถาผู้รจนากล่าวว่างานเขียนเล่ม น้ีเป็นการแก้ไขงานแปลภาษาบาลีฉบับเดิม ท่ีเขียนข้ึนด้วยการรวบรวมมาจากต�ำนาน อันเก่าแก่ โดยพระรัฏฐบาลเถระแห่งตังคุตตวังกปริเวณะส�ำนักมหาวิหาร แต่ไม่มี หลักฐานเกี่ยวกับพระรัฏฐบาลเถระเลย สันนิษฐานว่าพระรัฏฐบาลเถระอาจจะแปลมา จากต�ำนานหลายเล่ม ซ่ึงมีอยู่ในฐานะภาษาของชาวเมือง อีกท้ังเกี่ยวเน่ืองกับ พระอรหันต์ พระเวเทหะเห็นว่าการแปลของพระรัฏฐบาลเถระนั้น ยุ่งยากซับซ้อนด้าน โครงสร้างและสับสนด้วยการกล่าวซ�้ำซาก จึงปรับปรุงข้ึนใหม่และแต่งรูปแบบใหม่ให้ ช่ือว่ารสวาหินี อาจเป็นไปได้ว่างานแปลของพระรัฏฐบาลเถระ มีพ้ืนฐานมาจากคัมภีร์ โบราณนามว่าสหัสสวัตถุอรรถกถา ซ่ึงแปลถอดความถึงสี่คร้ังจากคัมภีร์มหาวังสฎีกา ไกเกอร์สันนิษฐานว่าเป็นการรวบรวมต�ำนานและเรื่องเล่าของชาวบ้าน๑๕ ซ่ึงว่าด้วย เรื่องเล่าชีวิตของวีรบุรุษผู้ต่อสู้ภายใต้การน�ำของพระเจ้าทุฏฐคามณี และเรื่องราวความ รักระหว่างเจ้าชายสาลิยะผู้เป็นพระโอรสของพระเจ้าทุฏฐคามณีกับสตรีจัณฑาลผู้ เลอโฉมนามว่าอโศกมาลา กล่าวตามหลักฐานพระรัฏฐบาลเถระ น่าจะคัดเลือกเนื้อหามาจากต�ำนานอัน ศักดิ์สิทธิ์จ�ำนวนมาก ซ่ึงสามารถสอบถามได้จากพระอรหันต์ ความจริงคือท่านไม่ได้ รวมข้อมูลทั้งหมด เพียงแต่ดัดแปลงเสริมแต่งให้วิจิตรเลิศล�้ำขึ้น เพราะเร่ืองราวแต่ละ เรื่องมีจุดเด่นเป็นของตัวเอง ธรรมดาต�ำนานไม่เคยเป็นเรื่องราวแต่เติบโตพัฒนาด้วย ตัวมันเอง บางครั้งเบ่งบานด้วยเรื่องเทพนิยาย เหมือนหม้อข้าวท่ีไม่รู้จักพร่องหรือแก้ว มณีโชติที่สมปรารถนา จากน้ันหลอมรวมเร่ืองราวรอบตัวกล่าวถึงนิทานท้องถิ่น และเขียนไว้หลายคร้ังหลายคราจนซ�้ำซากรุงรัง พระเวเทหเถระผู้มีอารมณ์เชิงกวี ๑๔ Printed at the Government Press, Colombo, 1890. ๑๕ Dip. and M.V., p. 48. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 378 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 379 ชื่นชอบศิลปะคงไม่พอใจการน�ำเสนอในลักษณะเร่ืองเล่าของชาวบ้าน จึงปรับปรุงแต่ง เติมเสียใหม่ ด้วยเหตุน้ีคัมภีร์รสวาหินีจึงประณีตงดงามด้วยความเรียบง่ายมีเสน่ห์ ตรงึ ใจ เปน็ ทนี่ า่ สนใจวา่ เนอ้ื หาสว่ นใหญน่ ำ� มาจากสมยั พระเจา้ วฏั ฏคามณอี ภยั เปน็ หลกั ซ่ึงสมัยน้ันพระไตรปิฎกและคัมภีร์อรรถกถา ได้บันทึกลงในใบลานคร้ังแรก จึงเกิด คำ� ถามขนึ้ วา่ เรอื่ งราวเหลา่ นนั้ ไดเ้ พม่ิ พนู มาจากคมั ภรี เ์ กา่ แกด่ ง้ั เดมิ หรอื ไม่ หรอื ตอ้ งการ เพียงชี้บอกว่าการรวบรวมเรื่องราวต้นฉบับได้ท�ำขึ้นภายหลังการสังคายนา เนอ้ื หาของคมั ภรี ร์ สวาหนิ มี ที งั้ หมด ๑๐๓ เรอ่ื ง ๔๐ เรอื่ งแรกกลา่ วถงึ เหตกุ ารณ์ ที่เกิดขึ้นในชมพูทวีป ส่วนท่ีเหลือเก่ียวกับลังกาทวีป เรื่องเหล่าน้ันได้เปล่งประกายส่ง เสริมเชิญชวนให้คนท�ำความดี โดยหลักใหญ่คือถวายทานแด่พระสงฆ์ เร่ืองเหล่านี้ยัง เป็นประโยชน์แก่อนุชนรุ่นหลังจนถึงปัจจุบัน เพราะสื่อให้เห็นถึงประเพณีและสังคม โบราณของอินเดียและลังกา มีความเป็นไปได้ว่าบางเร่ืองประกอบด้วยข้อมูลทาง ประวัติศาสตร์อันส�ำคัญ แต่ซุกซ่อนในลักษณะเรื่องราวก่ึงเทพนิยาย คัมภีร์เล่มนี้ใช้ เป็นคู่มือการเรียนส�ำหรับผู้ศึกษาภาษาบาลีเบื้องต้นตามปริเวณะจนถึงสมัยปัจจุบัน ความเรียบง่ายและความไพเราะเพราะพร้ิงของภาษาท�ำให้เกิดความประทับใจแก่คน อ่าน ขณะเดียวกันความร่�ำรวยด้วยการแต่งเติมเชิงบรรยาย สามารถสร้างจินตนาการ ท�ำให้ผู้อ่านเรียนรู้ศัพท์เป็นจ�ำนวนมาก เกี่ยวกับคัมภีร์เกสธาตุวังสะ ประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ พระเถระรูปหนึ่งนามว่าธรรมกิตติที่ ๑ แห่ง ส�ำนักคะฑะลาเดณิยวิหาร ได้แต่งต�ำนานพระพุทธศาสนาท่ีเกิดขึ้นในอินเดียและลังกา เป็นภาษาสิงหล ชื่อว่าสัทธรรมาลังการะ เน้ือหาของหนังสือประกอบด้วย ๒๔ บท ๒๑ บทสุดท้ายกล่าวถึงเร่ืองราวท้ังหมดเก่ียวกับคัมภีร์รสวาหินี และเพิ่มแนบท้ายอีกสอง คัมภีร์ หนึ่งนั้นคือคัมภีร์เมตไตยวัสตุ ซึ่งข้อมูลส่วนใหญ่น�ำมาจากคัมภีร์จริยาปิฎก ส่วนอีกหน่ึงนั้นคือคัมภีร์ปัทมาวตีวัสตุ เชื่อกันว่าคัมภีร์เล่มน้ีเป็นผลงานแปลคัมภีร์ รสวาหินีโดยพระธรรมกิตติเถระ บรรทัดสุดท้ายผู้รจนาได้บอกว่าท่านเป็นศิษย์ของ พระเถระแห่งอรัญวาสีนิกาย ทั้งน้ีเพ่ือแสดงว่าตัวท่านเองก็เป็นศิษยานุศิษย์ปรัมปรา เช่นเดียวกับพระเวเทหเถระ๑๖ ๑๖ รายละเอียดเพิ่มเติมดู Wickremasinghe, Catl., pp. 126 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 379 1/18/20 1:17 PM
380 สมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ ส่วนพม่ารู้จักคัมภีร์เล่มนี้ในนามมธุรรสวาหินี อาจเป็นไปได้ว่ามีการแปล ความหมายผิดในพระคาถาเริ่มเรื่องว่า วักขัม อะหัง สุมะธุรัง ระสะวาหินินตัง ส่วนเน้ือหาที่พรรณนาเร่ืองราวเก่ียวกับลังกาได้ถูกแยกออกต่างหากเป็นเอกเทศ ต้ังชื่อว่าสีหลทีปวัตถุ และเพราะเหตุที่คัมภีร์รสวาหินีมีรูปแบบเดียวท่ีรวบรวม เร่ืองราวไว้เป็นจ�ำนวนมาก จึงเรียกอีกชื่อหน่ึงว่าสหัสสวัตถุปปกรณะ แต่ดูเหมือนว่า สูญหายไปจากเกาะลังกาแล้ว๑๗ ยังมีศิษย์ของพระอานันทวนรัตนเถระที่แต่งคัมภีร์อรรถกถาแก้ภาณวารใน พระไตรปิฎกเป็นภาษาสิงหล ตามค�ำนิมนต์ของพระเถระรูปหน่ึงนามว่าอโนมทัสสี๑๘ สันนษิ ฐานวา่ นา่ จะเป็นคมั ภรี เ์ กสธาตุวงั สะโดยผแู้ ต่งนิรนาม พระธรรมกิตตเิ ถระผู้แตง่ คัมภีร์มหาวงศ์สืบต่อจากตอนเดิมได้กล่าวถึงคัมภีร์เล่มน้ีเช่นกัน คัมภีร์เกสธาตุวังสะ ดังกล่าวบรรยายเร่ืองราวพระเกศธาตุของพระพุทธเจ้า ซ่ึงอัญเชิญเข้ามาลังกาสมัย พระเจ้าโมคคัลลานะที่ ๑ โดยสามเณรนามว่าอัมพะ ซ่ึงเป็นคนในตระกูลลัมพกัณณะ ผู้มีนามเดิมว่าสิลากาละ คร้ังหนึ่งได้หนีไปอินเดียพร้อมกับพระเจ้าโมคคัลลานะ เพราะเกรงกลัวพระเจ้ากัสสปะท่ี ๑ ผู้ท�ำปิตุฆาต สมัยอยู่อินเดียประเทศน้ันได้บรรพชา ณ โพธิมัณฑวิหาร เหตุเพราะจัดแจงมะม่วงถวายแด่พระเถระทั้งหลาย จึงได้รับการ ขนานนามว่าสามเณรอัมพะ ต่อมาเม่ือพระเจ้าโมคคัลลานะขึ้นเสวยราชสมบัติแล้ว สามเณรสิลากาละได้ เดินทางกลับลังกาพร้อมอัญเชิญพระเกศธาตุมาด้วย พระเจ้าโมคคัลลานะทรงให้การ ต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่แลประดิษฐานไว้ ณ วิหารทีปังกร บรรจุภายในพระผอบมีรูป หล่อพระอัครสาวกโมคคัลลาน์สารีบุตรน่ังอยู่ซ้ายขวา สิลากาละได้รับการแต่งตั้งเป็น ผู้คุ้มครองพระเกศธาตุโดยสามารถคล้องดาบได้ ท่านจึงมีอีกนามว่าอสิคคหสิลากาละ ภายหลงั ตอ่ มาทา่ นไดอ้ ภเิ ษกสมรสกบั พระกนิษฐาของพระเจา้ แผน่ ดนิ สว่ นประวตั ขิ อง ๑๗ British Museum Or., 4674. See also Bode, p. 105. ๑๘ Medhananda, Jina-vamsa-dipani, 1917, p. 17. A bhanavara is equal to 250 verses of thirty-two syllables each. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 380 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 381 พระเกศธาตุนั้นไม่ปรากฏหลักฐานที่ใดอีกเลย คัมภีร์เกศธาตุวังสะน้ันหาได้ยากนัก คร้ังหน่ึงผู้เขียนเคยได้ยินว่ามีอยู่ในลังกา ท่านมุดาลิยะร์เดอซอยซาไม่ได้เอ่ยถึงใน บัญชีรายชื่อคัมภีร์ของท่านเลย ในขณะท่ีวิกรมสิงหะกล่าวถึงแต่เพียงอ้างอิงเท่าน้ัน หลงั การสวรรคตของพระเจา้ บณั ฑติ ปรากรมพาหุ พระโอรสพระองคใ์ หญน่ าม ว่าวิชัยพาหุขึ้นเสวยราชย์สืบต่อ พระองค์ทรงสร้างความเชื่อมั่นด้วยการตรวจตราดูแล อาณาจักรเป็นอย่างดี ต้ังแต่เม่ือคร้ังร้ังต�ำแหน่งพระอุปราช อีกทั้งทรงทุ่มเทส่งเสริม ศิลปะนานาชนิด พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงฝักใฝ่เรื่องการพระศาสนา อย่างมุ่งมั่น จนไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ขนานนามพระองค์ว่าพระโพธิสัตว์ คัมภีร์มหาวงศ์สรรเสริญเกียรติคุณไว้ว่า พระองค์ทรงประดับประดามหานคร โปโฬนนารุวะอย่างสวยสดงดงาม อีกท้ังพระสงฆ์ท้ังปวงล้วนยอมรับพระเจ้าแผ่นดิน ว่าเป็นผู้ปกครองและนักบริหารช้ันเยี่ยม พระเวเทหเถระบรรยายไว้ในคัมภีร์สมันตกูฏ วัณณนาว่า พระองค์ทรงสร้างเมืองปุลัตถิเหมือนสวรรค์ช้ันฟ้าดังวิมานพระอินทร์ งดงามรุ่งเรืองย่ิงกว่าเมืองมิถิลา วิจิตรตระการตากว่าเมืองพาราณสีแลเมืองไพศาลี แม้เมืองจัมปาก็ไม่กล้าเปรียบ๑๙ นอกจากนั้น พระองค์ทรงเช่ียวชาญด้านการเรียนรู้ อีกท้ังมีบรรดาพระสงฆ์ และเสนาอ�ำมาตย์ท่ีสร้างชื่อเสียงให้แก่พระศาสนาจ�ำนวนมาก ทรงโปรดเกล้าแต่งตั้ง ต�ำแหน่งมหาสามีปาทะ มูลปาทะ มหาเถรปาทะ ปริเวณเถรปาทะ เป็นต้น ทรงให้จัด พธิ อี ปุ สมบทครงั้ ใหญท่ สี่ หสั สตติ ถะ ณ แวฬคิ งั คามหานที เปน็ เวลายาวนานถงึ กง่ึ เดอื น ซ่ึงครั้งน้ันมีพระภิกษุจากหลากหลายส�ำนักเข้าร่วมสังฆกรรมเป็นจ�ำนวนมาก จนคิด ว่าไม่เหลือตกค้างแม้แต่รูปเดียว๒๐ พระองค์โปรดให้จัดส่งเคร่ืองอัฏฐบริขารไปถวาย แด่พระสงฆ์ในแคว้นโจฬะและแคว้นปัณฑยะด้วย วัตรปฏิบัติของกษัตริย์ผูกพัน แน่นแฟ้นสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของพระองค์ต่อพสกนิกร คัมภีร์ภาษาสิงหลจ�ำนวน ๑๙ M.V., Ixxxix. ๒๐ Ibid., vv. 47-59. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 381 1/18/20 1:17 PM
382 สมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ (บนซ้าย) คัมภีร์รสวาหินี ฉบับภาษาสิงหล (บนขวา) คัมภีร์สมันตกูฏวัณณนา ฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษ (ล่างซ้าย) คัมภีร์สิทัตสังคราวะฉบับภาษาสิงหล และ (ล่างขวา) คัมภีร์สัทธรรมาลังการยะ ฉบับภาษาสิงหล 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 382 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 383 (บน) พิธีบูชาต้นพระศรีมหาโพธิ์ และ (ล่าง) พิธีบูชารอยพระพุทธบาท ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัด ศรีสุโพธาราม เขตเดหิวาละ เมืองหลวงโคลัมโบ 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 383 1/18/20 1:17 PM
384 สมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ (บน) เจดยี ์ประดษิ ฐานรอยพระพุทธบาทบนศรีปาทะ และ (ล่าง) ศาสนิกเดนิ ทางมุง่ หนา้ สู่ศรีปาทะ เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาท (คัดลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 384 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 385 รูปสลักเทพสมันต์ผู้ดูแลรอยพระพุทธบาทที่ศรีปาทะ ภายในวัดถ้�ำดัมบุลลราชมหาวิหาร เขตมาตะเล 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 385 1/18/20 1:17 PM
386 สมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ มากสามารถเป็นดัชนีช้ีวัดถึงความร่�ำรวยด้านวรรณกรรม แลพระองค์ได้ด�ำเนินรอย ตามพระยุคลบาทแห่งพระราชบิดาซ่ึงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ วรรณกรรมสมัยพระเจ้าภูวเนกพาหุ หลังจากพระเจ้าวิชัยพาหุสิ้นพระชนม์แล้ว พระอนุชานามว่าภูวเนกพาหุขึ้น ครองราชย์สืบแทน กษัตริย์พระองค์นี้ก็เช่นกัน ทรงอุปถัมภ์การศึกษาคณะสงฆ์ไม่ ด้อยไปกว่าพระเชษฐาธิราชเจ้า โปรดให้คัดลอกพระไตรปิฎกลงในใบลาน จากนั้นมอบ ถวายพระอารามน้อยใหญ่ ตามหัวเมืองภายในและภายนอกพระนคร จนคัมภีร์ พระไตรปิฎกภาษาบาลีแพร่หลายทั่วเกาะลังกา๒๑ ในรัชสมัยของพระองค์พระสิทธัตถ เถระได้แต่งคัมภีร์สารตั ถสงั คหะ ผู้รจนาบอกว่าท่านเป็นสมาชิกของคณะสงฆ์อรัญวาสี นิกาย เป็นศิษย์ของพระพุทธัปปิยเถระ ผู้รจนาคัมภีร์รูปสิทธิรุ่งเรืองโด่งดังตลอดแว่น แคว้นโจฬะและลังกาประเทศ ในฐานะจอมปราชญ์และนักกวีนามอุโฆษ พระสิทธัตถ เถระปรากฏในรายชื่อพระสงฆ์ผู้ได้รับความอุปถัมภ์จากพระเจ้าภูวเนกพาหุด้วย๒๒ คัมภีร์สารัตถสังคหะแบ่งออกเป็น ๔๐ ส่วน บางส่วนแต่งเป็นร้อยแก้ว บางส่วนแต่งเป็นร้อยกรอง บทแรกว่าด้วยพุทธาภินิหารและความจ�ำเป็นเบื้องต้นแห่ง การตั้งสัจอธิษฐานเพ่ือเป็นพระพุทธเจ้า มีหลายพระคาถาคัดลอกมาจากอรรถกถา สุตตนิบาต เพราะบรรยายลักษณะพระประวัติของพระพุทธเจ้าอย่างวิจิตรพิสดาร เชื่อว่าบางส่วนของเน้ือหาคัดลอกมาจากคัมภีร์อรรถกถาหลายพระสูตร ดังเช่น มหาสีหนาทสูตรและจูฬหัตถิปโทปมสูตร เน้ือหาต่อด้วยความเส่ือมสูญหายไปของ พระสัทธรรม การปรากฏตัวของพระเจ้าจักรพรรดิ การบรรจุอัฐิของบุคคลส�ำคัญ การป้องกันพระสถูปเจดีย์ การอธิบายตัวอย่างเรื่องราวของมนุษย์ผู้ถึงภาวะสิ้นทุกข์ ค�ำสอนเกี่ยวกับพระศาสนา ๓ คือ ปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ และการประณาม ค�ำสอนนอกรีตท่ีสอดแทรกเข้ามาในพระพุทธศาสนาสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ๒๑ M.V., 90, vv. 37-38. ๒๒ Preface to printed edition of the first eight chapters: Colombo, 1891, ed. Dhammaratana. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 386 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 387 อีกหลากหลายเร่ืองราวท่ีเน้นเร่ืองคุณธรรม และการอุทิศถวายด้วยศรัทธาโดยเฉพาะ การถวายอาหารบิณฑบาต มีเร่ืองหน่ึงที่ท่านยกมาเป็นตัวอย่างคือ บุรุษขายฟืนคนหน่ึงได้เตรียมถวาย อาหารแก่สามเณร แต่ถูกปฏิเสธเพราะขาดการตระเตรียมอันเหมาะสม เมื่อเป็นดังนั้น เขาได้จ�ำน�ำลูกสาวแล้วซื้อโคมาหน่ึงตัว จากน้ันตระเตรียมถวายทานด้วยนมโค ต่อมา เขาท�ำงานท่ีโรงน�้ำตาลเพื่อเก็บเงินไว้ไถ่ตัวบุตรสาว ขณะเดินทางกลับบ้านพร้อมกับ ทรัพย์ค่าแรง เขาได้พบกับพระบิณฑปาติกเถระผู้ก�ำลังบิณฑบาตเพราะหิวโหย จึง สละปัจจัยถวายอาหารตามราคาไถ่ตัวลูกสาวแด่พระเถระผู้เป็นพระอรหันต์ในเวลาต่อ มา นอกจากน้ัน เน้ือหาของคัมภีร์ยังเก่ียวข้องกับความฝัน เช่น ความฝันของเจ้าชาย สิทธัตถะในคืนวันตรัสรู้ ความฝันของพระเจ้าปเสนทิโกศล เป็นต้น อีกทั้งว่าด้วยผล แห่งสรณะ ความหลากหลายแห่งศีล วิธีปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน บรรดาอาหารของ มนุษย์หลากหลายจ�ำพวก การจ�ำลองชีวิตของสรรพส่ิง รวมไปถึงเรื่องไข่สองฟองของ นางอัมพปาลีคณิกาผู้ให้ก�ำเนิดพระเถระสองรูป ผู้รจนากล่าวว่าเร่ืองเช่นนี้มีอยู่ใน คัมภีร์อปทาน แต่แท้จริงแล้วไม่ปรากฏว่ามีเลย ยังมีอีกหลายบทกล่าวถึงธรรมชาติ ของผู้หญิงที่ไม่ควรคบหา ส่วนบทส่งท้ายกล่าวถึงเรื่องราวเก่ียวกับจักรวาลวิทยา จากบทสรุปของสารบัญท�ำให้ทราบว่า มีการผสมผสานหลายเรื่องราวท่ีน่า สนใจเข้าด้วยกัน ยุ่งเหยิงปะปนกันไปหมด โดยปราศจากการรวบรวมจัดแจงให้เป็น แผนกชัดเจน สันนิษฐานว่าคัมภีร์ฉบับปัจจุบัน น่าจะถูกเปลี่ยนแปลงหลายคร้ังโดยผู้ เรียบเรียงสมัยต่อมา และสอดแทรกสิ่งแปลกใหม่เข้ามาเป็นจ�ำนวนมาก หรืออาจจะ ยุ่งยากต่อการอ้างอิงจึงผสมผสานเร่ืองราวเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และการแพทย์เข้าด้วยกัน ต้นฉบับของคัมภีร์เล่มน้ีหาได้ยากยิ่งนัก แม้มีการค้นพบแล้ว (พ.ศ.๒๔๓๔) แต่เพียง บทเลก็ นอ้ ยเท่านน้ั ทไ่ี ด้รบั การตีพมิ พ์ หลกั ฐานในคมั ภีรช์ นิ วงั สทปี นขี องพระเมธานันท เถระกล่าวไว้ว่า ผู้เขียนคัมภีร์เล่มน้ีเป็นพระสิทธัตถเถระรูปเดียวกันกับท่ีแต่งคัมภีร์ มหานิปาตวัณณนา คัมภีร์ทัมปิยาสันเน และรสวาหินีฎีกา๒๓ ๒๓ Medhananda, Jina-vamsa-dipani (Colombo, 1917), Preface, p. 19. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 387 1/18/20 1:17 PM
388 สมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ นกั ปราชญส์ มยั เดยี วกนั นอ้ี กี รปู หนง่ึ คอื พระวนรตั นเมธงั กรเถระ ทา่ นไดร้ จนา คัมภีร์ชินจริตและปโยคสิทธิ ผู้เขียนกล่าวไว้ในบรรทัดสุดท้ายของคัมภีร์ปโยคสิทธิว่า ท่านเป็นศิษย์ของพระสุมังคลมหาเถระแห่งชัมพุทโธณิวิหาร และเป็นอาจารย์แห่ง ส�ำนักน้ันด้วย (นิยามกะ) เช่ือกันว่าคัมภีร์ชินจริตแต่งที่วิชัยพาหุปริเวณะ ซ่ึงสร้างถวาย โดยพระเจ้าวิชัยพาหุ ส่วนผู้เขียนคัมภีร์เป็นเจ้าอาวาสสมัยน้ัน๒๔ หลักฐานส่วนนี้ สามารถอา้ งถงึ วหิ ารทส่ี รา้ ง ณ วตั ตาลคามะ โดยพระเจา้ วชิ ยั พาหทุ ี่ ๓ ผคู้ รองอาณาจกั ร ดัมพเดณิยะ๒๕ คัมภีร์ชินจริตเป็นโคลงภาษาบาลีขนาดสั้น ประกอบด้วย ๔๗๒ พระคาถา ว่าด้วยเรื่องราวของพระพุทธเจ้า หน่ึงร้อยพระคาถาแรกอธิบายแบบย่อสั้น เกี่ยวกับ การบังเกิดเป็นสุเมธดาบสในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่าทีปังกร และบรรยายสืบต่อ มาหลังจากชาตินั้นแล้ว พระองค์ต้องบ�ำเพ็ญทศบารมีเพ่ือให้บรรลุถึงความเป็น พระพุทธเจ้า เนื้อหาส�ำคัญสุดของคัมภีร์ว่าด้วยการเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ และการพบปะผู้คนภายหลังตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ผู้รจนาได้บรรยาย พระนครของพระเจ้าสุทโธทนะอย่างละเอียดรอบด้าน และการแสดงยมกปาฏิหาริย์ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงกระท�ำที่ต้นคัณฑามพฤกษ์ เพ่ือปลูกศรัทธาแก่เหล่าฆราวาสสาวก และสร้างความเข้าใจถูกต้องแก่คนภายนอก จากนน้ั ผเู้ ขยี นเดนิ หนา้ แตง่ แตม้ สสี นั บรรยายเกยี่ วกบั สถานทอี่ นั พระพทุ ธองค์ ทรงประทับ ขณะเมื่อยังมีพระชนม์อยู่คราวเที่ยวสั่งสอนผู้คน โคลงมาจบลงตรง ความปรารถนาของผู้เขียน เพื่อต้องการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยอธิบายว่าขอ ให้เลือดเนื้อและดวงตาของข้าพเจ้าพร้อมท้ังจิตใจสงบเย็น เพ่ิมพูนบารมีและคุณธรรม ละความเป็นตัวตนและมีปัญญาบรรลุถึงจุดมุ่งหมายสูงสุด เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า ผู้มีพระคุณอันไม่มีที่เปรียบ ได้ล้ิมรสแห่งธรรมอันเป็นอมตะ ซ่ึงน�ำความสุขมาสู่มวล มนุษยชาติ สามารถช่วยเหลือมวลมนุษย์แลเหล่าเทพยดา ให้หลุดพ้นอิสระจาก ๒๔ JPTS., 1904, p. 31. ๒๕ M.V., Ixxxi, v. 58. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 388 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 389 โซ่ตรวนแห่งวัฏสงสาร และได้ถึงซึ่งพระนครแห่งนฤพานอันสงบเย็นและเบิกบานเป็น นิรันดร์ ส่วนการคัดลอกคัมภีร์ชินจริตเป็นภาษาสิงหล เช่ือว่าเป็นผลงานของ พระเมธังกรเถระ ปัจจุบันพระธัมมานันทเถระอาจารย์ใหญ่แห่งปรมธัมมเจติยปริเวณะ ณ รัตมลานะ ได้พิมพ์บทคัดลอกแบบใหม่ซึ่งเขียนโดยท่านเอง ส่วนงานแปลเป็น ภาษาอังกฤษตีพิมพ์ในวารสารของสมาคมบาลีปกรณ์ (พ.ศ.๒๔๔๗-๒๔๕๐) เป็นผล งานของโรส (W H D Rouse) แห่งวิทยาลัยเพอร์ส มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ งานเขียนอีกเล่มหนึ่งของพระวนรันตเมธังกรเถระคือคัมภีร์ปโยคสิทธิ เป็น ต�ำราไวยากรณ์เขียนตามแบบส�ำนักโมคคัลลานะ มีเน้ือหาแนวทางเดียวกันกับคัมภีร์ โมคคลั ลานวยากรณะ เชน่ เดยี วกบั คมั ภรี ร์ ปู สทิ ธเิ ดนิ ตามแบบคมั ภรี ก์ จั จายนะ ผรู้ จนา แต่งเลียนแบบส�ำนักโมคคัลลานะทุกประการ ส่วนข้อบกพร่องของงานเขียนนั้น พระพทุ ธปั ปิยเถระได้วิเคราะห์ไวใ้ นคมั ภรี ร์ ูปสิทธวิ า่ โครงสรา้ งของคมั ภีรโ์ มคคัลลานะ ได้ถูกเพิ่มเติมข้ึนมากมาย พระเมธังกรเถระได้ปรับเปลี่ยนตามค�ำแนะน�ำของพระ พทุ ธปั ปยิ เถระ ผแู้ ตง่ กลา่ วไวใ้ นทแี่ หง่ หนงึ่ วา่ หลายตอ่ หลายกฎสรา้ งขน้ึ ตามจนิ ตนาการ คัมภีร์ปโยคสิทธิไม่เป็นท่ีรู้จักแพร่หลายในลังกายุคปัจจุบัน และไม่มีกล่าวถึงแม้ใน ประวัติศาสตร์วรรณคดีพม่า คัมภีร์คันธวังสะและคัมภีร์สาสนวังสะก็ไม่กล่าวถึง ฉบับคัดลอกเป็นภาษาสิงหลยังปรากฏมีอยู่แต่ไม่บอกว่าใครเป็นผู้แปล ไม่ว่าจะเป็น คัมภีร์ด้ังเดิมหรือฉบับแปลเป็นภาษาสิงหลก็ไม่เป็นที่นิยมแพร่หลาย สมัยอาณาจักรกุรุแณคะละ สมยั ตอ่ มาพระเจา้ ปรากรมพาหทุ ่ี ๔ ขน้ึ ครองราชยเ์ หนอื อาณาจกั รกรุ แุ ณคะละ พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์หนุ่มท่ีชาญฉลาด หลังจากพระองค์สร้างสันติสุขให้บังเกิดมี แก่อาณาจักรแล้ว โปรดให้คณะสงฆ์ประชุมพร้อมกันจัดพิธีอุปสมบทหลายครั้ง๒๖ ๒๖ M.V., xc, vv. 64-5. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 389 1/18/20 1:17 PM
390 สมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ พระองค์ทรงไดร้ ับการฝกึ ฝนใหเ้ ป็นผรู้ กั ในการศึกษา ต�ำราส�ำคัญมากหลายท่แี ต่งสมัย พระองค์ต่างได้รับการยกย่องเชิดชูสรรเสริญ กล่าวกันว่าพระองค์ทรงศรัทธาในพระ ทันตธาตุย่ิงนัก โปรดให้จัดพิธีบูชาและจัดงานเฉลิมฉลองทุกปีมิได้ขาด พระองค์เอง ทรงแต่งต�ำราภาษาสิงหลช่ือว่าดาฬดาสิริตะ ว่าด้วยพิธีกรรมเก่ียวกับพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งพระองค์ทรงปรารถนาให้จัดพิธีบูชาพระทันตธาตุเป็นประจ�ำทุกวัน๒๗ คัมภีร์มหาวงศ์กล่าวว่าพระองค์ทรงแต่งต้ังพระมหาเถระจากแคว้นโจฬะ ผแู้ ตกฉานดา้ นนานาภาษาและเชย่ี วชาญทง้ั ศาสตรท์ างโลกและทางธรรมใหด้ ำ� รงตำ� แหนง่ ราชคุรุ แม้พระองค์เองทรงค้นคว้าศึกษาคัมภีร์ชาดก ทั้งชื่นชอบการฟังธรรมเทศนา เรยี นรพู้ ระธรรมค�ำสอนนำ� มาปฏบิ ตั ใิ นชวี ติ ประจำ� วนั พระองคท์ รงแปลชาดกจากภาษา บาลเี ปน็ ภาษาสงิ หล รวมทง้ั หมด ๕๕๑ ชาดก แลว้ โปรดใหพ้ ระเถระทงั้ หลายผแู้ ตกฉาน ในพระคาถา ประชุมพร้อมกันตรวจทานแก้ไขส่วนที่ผิดพลาดบกพร่อง จากน้ันโปรด ให้บันทึกลงเป็นต�ำราแล้วแจกจ่ายแก่วัดวาอารามตามหัวเมืองท่ัวเกาะลังกา ต่อมา พระองค์ทรงพบกับพระเถระผู้แตกฉานนามว่าเมธังกรเถระ จึงได้มอบถวายคัมภีร์ ชาดกเหล่านี้แก่พระเถระเพ่ือรักษาสืบต่อ พระเมธังกรเถระในท่ีนี้น่าจะหมายถึงผู้แต่ง คัมภีร์ชินจริตะดังกล่าวถึงแล้วเบ้ืองต้น คัมภีร์มหาวงศ์ระบุว่าพระเจ้าปรากรมพาหุท่ี ๔ ได้แปลชาดกอรรถกถาด้วย พระองค์เอง แต่เนื้อหาในบทน�ำกลับไม่กล่าวถึงผู้แต่งเลย เพียงแต่ระบุว่าต�ำราเล่มน้ี เกิดจากความพยายามของเสนาบดีนามว่าวีรสิงหปรติราชะ ส�ำนวนการแปลน้ันไม่ได้ เดนิ ตามแบบตน้ ฉบบั ภาษาบาลี ประโยคสว่ นใหญถ่ กู ละทงิ้ อาจเปน็ เพราะความประมาท ปราศจากการตรวจสอบอย่างรอบคอบ ซึ่งเกิดข้ึนจากการคัดลอกในปัจจุบัน บางครั้ง มีการแต่งเติมส่วนภาษาบาลีเข้ามา๒๘ ๒๗ Ibid, vv. 76-8. But see Wickremasinghe, p. xvii, ระบุว่าเป็นผู้แต่งคัมภีร์ ดาฬดาสิริตะผู้เขียนเชื่อว่าประเด็นน่ี้ต้องมีคัมภีร์สองเล่มแตกต่างกัน ว่าตามหลักฐานเล่มหน่ึงน้ันได้ สูญหายไปหลายปีก่อน ๒๘ See also Wickremasinghe, p. 119. D'Alwis, Sidat-sangara, Introd., p. xxx. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 390 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 391 พระฮิกกะดุเวศรีสุมังคลเถระกล่าวไว้ในบทความของวารสารสมาคมเอเชีย ขององั กฤษแหง่ ซลี อนวา่ ศัพทแ์ สงแบบชาวบ้านพบเหน็ ดาษด่นื มากมาย บางส่วนเขียน ด้วยภาษาสิงหลท่ีแตกต่างกัน บางส่วนอธิบายด้วยภาษาทมิฬ ส�ำนวนภาษาสิงหลต้อง เขียนหลายคนเป็นแน่ ลีลาการแปลก็ดูไม่เหมาะสมส�ำหรับพระเจ้าแผ่นดิน ถ้าข้อมูล ในคัมภีร์มหาวงศ์ยืนยันว่า ผู้แต่งคัมภีร์ดาฬดาสิริตะถูกต้องแล้วไซร้ นี้คือการกระจัด กระจายค�ำสันสกฤตและบาลีเป็นจ�ำนวนมาก และเกิดมีลักษณะผสมกันอย่างตั้งใจ ส่วนด้านอ่ืนคือความคุ้นเคยเก่ียวข้องอาจเกิดมีขึ้น เนื่องจากความตั้งใจที่จะแปล สรุปเก่ียวกับสามัญชนคนธรรมดา คัมภีร์ชาดกมีรูปแบบสาระด้านศาสนาเป็นหลัก เหมือนที่ท�ำกันในปัจจุบัน ส่วนส�ำคัญยิ่งคือผู้เขียนควรเข้าใจชัดเจนเก่ียวกับสาระที่ นักปราชญ์น�ำไปพร่�ำสอนคนอื่น ต้ังแต่ยุคนี้เป็นต้นไป ความเอนเอียงชัดเจนระหว่างผู้เขียนคัมภีร์ภาษาสิงหล ในฐานะเป็นส่ือกลางแสดงความชื่นชอบต่อภาษาอื่น (ภาษาสันสกฤต) ถูกน�ำมาใช้เพ่ือ จุดประสงค์ด้านวรรณกรรม เพราะสืบเน่ืองจากหลากหลายสาเหตุ กล่าวคือเกิด ความสนใจอย่างยิ่งด้านวิชาทางโลกอย่างไม่เคยมีมาก่อนประการหนึ่ง ภาษาบาลีเป็น ภาษาพื้นฐานส�ำคัญส�ำหรับคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา หรืออย่างน้อยวรรณกรรมยัง ผูกพันแน่นแฟ้นอยู่กับศาสนา กล่าวคือประวัติศาสตร์ศาสนา ความเป็นมาของคณะ สงฆ์ประการหน่ึง กระบวนการอันหลากหลายและสมาชิกของสังคมท่ีเด่นชัด เพ่ือ ความเป็นปึกแผ่นม่ันคงแห่งศรัทธาในชาติบ้านเมืองประการหน่ึง เพราะความจริงเช่น นี้ภาษาสันสกฤตจึงบังเกิดข้ึน เพื่อทดแทนภาษาบาลีที่ไม่พอเพียง แต่ไม่ว่ายุคใดภาษา สันสกฤตไม่เคยได้รับความส�ำคัญเหมือนภาษาบาลี อาจเป็นไปได้ว่าเกิดอคติต่อภาษา สันสกฤตต้ังแต่ยุคแรกเร่ิม เน่ืองจากเช่ือกันว่าเป็นภาษาของพวกนอกรีตกล่าวคือ พวกไวตุลยะ ผู้พยายามแปลค�ำสอนของพระพุทธเจ้าให้แปลกแตกต่างจากพระสงฆ์ เถรวาท ภาษาสันสกฤตนั้นมีความเป็นเลิศด้านการสนทนาเชิงวรรณกรรม แต่มิใช่ เรื่องง่ายท่ีจะเข้าใจหรือมิได้ใช้ส�ำหรับพัฒนาการด้านศักยภาพ ยกเว้นส�ำหรับผู้มีการ ศึกษาชั้นสูงเท่าน้ัน ตำ� ราบางเลม่ ทเี่ ขยี นเปน็ ภาษาสนั สกฤตสามารถพบเหน็ ไดเ้ พยี งแคจ่ ดุ เชอื่ มตอ่ เท่านั้น หรือไม่เช่นนั้นก็ส�ำหรับพระสงฆ์ผู้รู้ภาษาสันสกฤตเป็นอย่างดี ในขณะท่ีคน 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 391 1/18/20 1:17 PM
392 สมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ ส่วนใหญ่ยังคุ้นเคยกับภาษาบาลี จึงมีโอกาสน้อยนิดที่จะได้รับความสนใจจาก พระสงฆ์ต่างประเทศ เว้นไว้แต่ภาษาสันสกฤตเป็นที่ยอมรับว่าเป็นส่วนดี ดังเช่นคัมภีร์ ชานกีหรณะของพระเจ้ากุมารธาตุเสนะ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าไวยากรณ์ภาษาสิงหล ของพระเวเทหเถระชื่อว่าสิทัตสังครา มุ่งตรงให้เกิดความสนใจอย่างยิ่งต่อการศึกษา ภาษาสิงหล ตรงนี้ท่านพยายามรักษาภาษาสิงหลในฐานะภาษาพิเศษต่างหากจากภาษา บาลีและสันสกฤต ถึงแม้ว่าหลายศัพท์จะมีรากเหง้ามาจากภาษาท้ังสองก็ตาม ดังเช่น กรณีไวยากรณ์เก่ียวกับลิงค์ ท่านแสดงให้เห็นว่าภาษาสิงหลแตกต่างจากต้นก�ำเนิด ของภาษาท้ังสองอย่างไร แต่น่าเสียดายว่าเป็นการช้าเกินไปที่จะเรียกเวลากลับคืนมาได้ เพราะอิทธิพล ของภาษาอื่นโดยเฉพาะภาษาสันสกฤตได้เกิดพัฒนาการก้าวหน้าไปไกล จังหวะภาษา บาลีแบบเก่าที่ไพเราะอ่อนหวาน เปิดช่องให้ภาษาบาลีผสมสันสกฤตท่ีก้องกังวาน และกระฉับกระเฉงเช่นเดียวกับภาษาสิงหล ภาษาได้ก่อเกิดความร�่ำรวยด้านศัพท์ เกยี่ วกบั ศาสนาซง่ึ มรี ากเหงา้ มาจากภาษาบาลี ในขณะทศี่ พั ทส์ ำ� นวนและการพลกิ แพลง แห่งความต้องการ เริ่มต้นลอกเลียนแบบโครงสร้างภาษาสันสกฤต ความสัมพันธ์ ใกล้ชิดกับพวกทมิฬหลายต่อหลายศตวรรษมีผลกระทบทางภาษาไม่น้อย ด้วยเหตุน้ีภาษาสิงหลจึงย้อนกลับไปสู่รูปแบบดั้งเดิม ถึงแม้ว่าจะเป็นภาษา หลายทางแตกต่างจากที่เคยใช้ในพุทธศตวรรษที่ ๑๖ แม้ก่อนน้ีผู้แต่งคัมภีร์ชาวสิงหล ได้รจนางานเขียนส�ำคัญเป็นภาษาบาลีจ�ำนวนมาก ครั้นภาษาสิงหลเข้าครองต�ำแหน่ง สืบแทน คัมภีร์ส�ำคัญส่วนใหญ่จึงเขียนเป็นภาษาของชาวเกาะ๒๙ ปัจจุบันไม่มีความ พยายามท่ีจะใช้ภาษาบาลีทดแทนภาษาสิงหล บางโอกาสผู้แต่งคือผู้ตั้งกติกาการใช้ ๒๙ หลักฐานอ้างอิงเหล่านี้ศึกษาเพ่ิมเติมในหนังสือ เช่น D'Alwis, Sidat-sangara, Introduction; Wickremasinghe's Catalogue of Sinhalese MSS. in the British Museum, and De Zoysa's Catalogue. คัมภีร์ปัจจุบันท่ีอ้างถึงปรากฏเห็นเฉพาะงานเขียนภาษาสิงหลเท่านั้น นอกน้ันมีงานแปลหรือหนังสือแต่งแก้คัมภีร์ภาษาบาลี หรือบางเล่มอาจจะเก่ียวข้องกับคัมภีร์เหล่านี้ 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 392 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 393 ภาษาบาลีเสียเอง อาจเป็นการตั้งใจให้ผู้อ่านเปิดกว้างกว่าธรรมเนียมเดิม หรือว่า ธรรมชาติแท้จริงของหนังสือ ดูเหมือนว่าภาษาบาลีท�ำหน้าท่ีเติมเต็มช่องว่างเชิงพ้ืนฐาน ของภาษาสิงหล ต้ังแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๙-๒๔ ลังกาไม่เคยพานพบกับความสงบสุขเป็น เวลายาวนานเหมือนดังอดีต พวกอนารยะชนมลบาร์ต่างคอยจ้องโอกาสท่ีจะยึดครอง เกาะลังกา ต่อมากลายเป็นศัตรูผู้ยึดครองแผ่นดินตอนเหนือของลังกา ส่วนผู้อ้างสิทธิ เหนือราชบัลลังก์ลังกาต่างท�ำสงครามแย่งชิงกันเอง จึงเหลือโอกาสอันน้อยนิดที่บ้าน เมืองจะพบกับความแข็งแกร่งมั่นคงและสามารถรักษาตัวเอง ความต่ืนตัวเพ่ือต้องการ รักษาตนเองได้ลดลง ส่วนนักปราชญ์ต่างประเทศผู้ช่ืนชอบลังกาทยอยหดหายไป เช่นกัน อาจเป็นว่านักปราชญ์เหล่าน้ันรู้สึกว่าได้รับทุกสิ่งอย่างที่ลังกามอบให้แล้ว เหตุ ดังกล่าวน้ีอาจเกิดจากการดัดแปลงภาษาสิงหลให้เอนเอียงช่ืนชอบภาษาบาลีก็เป็นได้ หลักฐานระบุว่าต้ังแต่พุทธศตวรรษท่ี ๑๙ เป็นต้นมา หนังสือที่เขียนในลังกาได้รับ ความสนใจจากต่างประเทศน้อยมาก ยุคทองแห่งวรรณกรรมลังกาได้ถึงจุดอวสาน จนไม่สามารถเรียกกลับมาเหมือนเช่นอดีต มีนักปราชญ์หลายท่านที่มีชื่อเสียงโด่งดังในรัชสมัยของพระเจ้าปรากรมพาหุ ท่ี ๔ ส�ำคัญสุดเหนือบรรดานักปราชญ์คนอ่ืน คือพระศรีปรากรมพาหุมหาเถระแห่ง วิลคัมมูละ ผู้เป็นเจ้าอาวาสแห่งกิตสิริเมฆวันกัลยาณีวิหาร ท่านได้แปลคัมภีร์มหา- โพธิวังสะจากภาษาบาลีเป็นภาษาสิงหล แบ่งเนื้อหาออกเป็น ๑๒ บท ถือว่าเป็นงาน แปลดีเย่ียมเกลื่อนกล่นด้วยศัพท์จ�ำนวนมาก เพราะน�ำข้อมูลมาจากคัมภีร์ภาษาบาลี หลายเล่ม กล่าวคือคัมภีร์พระไตรปิฎก คัมภีร์อรรถกถาเหล่าอื่น และงานเขียน ภาษาสันสกฤต ดังเช่นคัมภีร์รฆุวังสะของกาลิทาส๓๐ ในบทส่งท้ายผู้เขียนระบุว่าท่านแปลคัมภีร์เล่มนี้ตามค�ำทูลนิมนต์ของพระเจ้า แผ่นดิน กล่าวกันว่าท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญภาษาสันสกฤตย่ิงนัก จนสามารถถอด ๓๐ For a fuller description Wickremasinghe, pp. 22 and 23. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 393 1/18/20 1:17 PM
394 สมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ ความคัมภีร์สูรยศตกะของมยูระเป็นภาษาสิงหลได้๓๑ ในบทน�ำคัมภีร์มหาโพธิวังสะ ฉบับภาษาสิงหลระบุว่า เหตุที่แปลเพราะต้องการด�ำเนินตามแบบคัมภีร์ภาษาสิงหล มากหลาย ซึ่งแต่งยุคเดียวกัน ดังเช่น คัมภีร์ธัมมปทัตถกถา คัมภีร์เปตวัต คัมภีร์วิมานวัต และคัมภีร์พุทธวังสะ หากพิจารณาจากต้นเร่ืองถือว่าเป็นการแปล และเรียบเรียงจากงานเขียนภาษาบาลีในนามเดียวกัน เทอร์เนอร์แสดงความเห็นไว้ว่าส่วนหน่ึงของคัมภีร์มหาวงศ์ได้เขียนในรัชสมัย ของพระองค์๓๒ เพราะกล่าวถึงประวัติศาสตร์ต้ังแต่เริ่มต้นจนถึงสมัยของพระองค์ วิกรมสิงหะเห็นพ้องกันว่าเป็นงานเขียนยุคเดียวกัน เพราะปรากฏมีงานเขียนภาษาบาลี นามว่าธาตุมัญชูสา หรืออีกชื่อหนึ่งว่ากัจจายนธาตุมัญชูสา แต่งด้วยรากเหง้าค�ำกริยา เป็นภาษาบาลีและเลียนแบบตามคัมภีร์กัจจายนะ เป็นศัพท์รูปแบบเดียวกันกับท่ี แสดงในคัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา เพราะประกอบด้วยรายช่ือของศัพท์กริยาเท่าน้ัน แต่คัมภีร์อภิธานัปปทีปิกาไม่กล่าวถึงแม้รายช่ือศัพท์กริยาท้ังมวล ส่วนผู้รจนาคัมภีร์ธาตุมัญชูสาคือพระภิกษุนามว่าสีลวังสเถระ ในบทส่งท้าย ผู้เขียนกล่าวว่าคัมภีร์ธาตุมัญชูสาแสดงชัดเจนและเรียบง่าย ด้วยวิธีจัดแบ่งอักขระท่ี เรียบเรียง เพ่ือเป็นแบบอย่างแก่ผู้ฝึกหัดใหม่โดยพระนักศึกษานามสีลวังสะ ผู้ เปรียบเหมือนหงส์กลางสระบัวแห่งพระไตรปิฎก อาศัยอยู่ที่วัดถ้�ำยักขัททิ๓๓ ด้วย ความปรารถนาว่าพระพุทธศาสนาจะยั่งยืนยาวนาน ในพระคาถาแรกผู้รจนาได้แจ้งให้ ทราบถึงความต้องการของท่าน เก่ียวกับต�ำราไวยากรณ์ภาษาบาลีหลายเล่ม และ รายช่ือศัพท์ซึ่งมีผู้เรียบเรียงไว้ก่อนแล้ว แต่ไม่ระบุระยะเวลาแต่ง จึงไม่มีหลักฐาน สามารถก�ำหนดยุคสมัยได้แน่นอน พระสีลวังสเถระแยกต�ำราออกเป็น ๗ ชนิด แต่ละ ชนิดแยกประเภทด้วยค�ำเดียว พระคาถา ๑๔๘ บท ประกอบด้วยการจัดรากศัพท์ ๔๐๐ แต่ละธาตุ ดังเช่น กูฏะ เท่ากับ เฉทนะ แปลว่าการตัด ภายใต้ธาตุภยาทิ ๓๑ Wickremasinghe, pp. 22 and 23. ๓๒ Eptiome of the History of Ceylon, p. 47. ๓๓ อาจเป็นไปได้ว่ายักเดสสาคะละอยู่ในเขตกุรุแณคะละ (Wickremasinghe, p. xviii). 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 394 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 395 บัณฑิตพฏุวันตุทาเวแห่งโคลัมโบ ซึ่งเป็นหน่ึงในนักปราชญ์ด้านตะวันออก ของลังการุ่นบุกเบิก ได้จัดเตรียมและตีพิมพ์การเรียบเรียงผลงานนักปราชญ์ภาษา สิงหลและแปลออกเป็นภาษาอังกฤษ โดยจัดเรียงรายชื่อตามอักษรของแต่ละรากศัพท์ และแต่ละชนิดของผู้เขียนหรือจ�ำนวนพระคาถา ซึ่งเป็นของเฉพาะเกิดขึ้นในรากศัพท์ ในต้นฉบับภาษาบาลี๓๔ ๓๔ Colombo, 1872, pp. 1, 68. 1/18/20 1:17 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 395
396 สมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ (บนซ้าย) คัมภีร์ชินจริตฉบับเรียบเรียง และ (บนขวา) คัมภีร์ดฬดาสิริตะฉบับเรียบเรียง (ล่างซ้าย) คัมภีร์สูรยศตกะผลงานของมยูรภัตตะ และ (ล่างขวา) คัมภีร์ราชาวลิยะฉบับแปล เป็นภาษาอังกฤษ 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 396 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 397 (บนและล่าง) บริเวณเมืองกุรุแณคะละ สมัยอดีตเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรชาวสิงหล (คัดลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 397 1/18/20 1:17 PM
398 สมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ (บนและล่าง) พระพุทธรูปและเทวรูปภายในวิหาร วัดริทิวิหาร เขตกุรุแณคะละ ศูนย์กลาง ศิลปะแบบสิตตาระแห่งอาณาจักรแคนดี 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 398 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 399 พระพุทธรูปภายในวิหาร วัดริทิวิหาร เขตกุรุแณคะละ ศูนย์กลางศิลปะแบบสิตตาระแห่ง อาณาจักรแคนดี เทวาลัย ภายในวัดริทิวิหาร เขตกุรุแณคะละ ศูนย์กลางศิลปะแบบสิตตาระแห่งอาณาจักร แคนดี 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 399 1/18/20 1:17 PM
400 รุ่งเรืองก่อนเข้าสู่ยุคมืด 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 400 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 401 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 401 1/18/20 1:17 PM
ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดศรีสุโพธาราม เขตเดหิวาละ เมืองหลวงโคลัมโบ 1/18/20 1:17 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 402
บทท่ี ๑๓ รุ่งเรืองก่อนเข้าสู่ยุคมืด ยุคอาณาจักรคัมโปละ พทุ ธศตวรรษที่ ๑๘-๒๓ เปน็ ระยะเวลาแหง่ ความสงบสขุ ไมม่ เี หตกุ ารณว์ นุ่ วาย เกดิ ขน้ึ มบี างชว่ งเทา่ นน้ั ทเี่ กาะลงั กาอยภู่ ายใตอ้ ทิ ธพิ ลของพวกมลบาร์ แมส้ มยั ราชวงศ์ สิงหลยังเข้มแข็งอยู่ พวกมลบาร์ก็มีอิทธิพลเหนือลังกา เหตุเพราะราชวงศ์ลังกาผูก สัมพันธ์ใกล้ชิดแต่งงานเก่ียวดองกับราชวงศ์แห่งอาณาจักรทางอินเดียตอนใต้ กลาย เป็นสายเลือดแห่งกษัตริย์สิงหลมาแต่ยุคเก่าก่อน การแต่งงานเก่ียวดองมีผลกระทบ สืบเน่ืองเร่ือยมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะด้านวิถีชีวิต ภาษา หน้าท่ีภายในครอบครัว พฤติกรรมทางสังคม และภาวการณ์ทางศาสนา สมัยน้ีพิธีบูชาเทวาลัยของฮินดูได้รับการยกฐานะให้เคียงคู่เสมอพุทธศาสนา สังเกตได้จากสิ่งก่อสร้างตามวัดวาอารามหรือศาสนสถาน ยุคน้ีพวกมลบาร์สามารถ ครอบครองชายทะเลดา้ นเหนอื ของลงั กา เมอื งหลวงเกา่ ทงั้ สองแหง่ กลา่ วคอื อนรุ าธปรุ ะ และโปโฬนนารุวะ ซึ่งอุดมสมบูรณ์ด้วยแหล่งน�้ำส�ำหรับท�ำการเกษตร อีกทั้งหัวเมือง ชายทะเลจากชิเลาว์ทางตะวันตกถึงบัตติคาโลว์ฝั่งตะวันออก ล้วนตกอยู่ในเง้ือมมือ ของพวกมลบาร์สิ้น พร้อมดัดแปลงภาษาตนเองให้เป็นภาษาชาวเมือง ย่างเข้าพุทธศตวรรษท่ี ๑๘ อาณานิคมชาวทมิฬบริเวณด้านเหนือของเกาะ ได้หยั่งรากม่ันคง จากนั้นเริ่มขยายอิทธิพลลงมาทางตอนใต้ เมืองแล้วเมืองเล่าท่ี ชาวสงิ หลเคยสถาปนาเปน็ เมอื งหลวง ตอ้ งถกู ละทง้ิ ถอยรน่ ลงใตเ้ รอื่ ยไป จากอนรุ าธปรุ ะ ย้ายมาโปโฬนนารุวะ จากนั้นเป็นดัมพเดณิยะ ยาปหุวะ กุรุแณคะละ และคัมโปละ ต่อมาย้ายมาอยู่กลางหุบเขานามว่าเสนกะฑะคะละ แล้วย้ายไปเปราเดณิยะ ใกล้ฝั่ง มหาแวฬิคงคา และสุดท้ายเป็นโกฏเฏ (ติดกับท่าเรือโคลัมโบ) หลายครั้งหลายคราวชาวสิงหลต้องสูญเสียอิสรภาพ แม้พยายามกอบกู้คืนมา แต่ก็ถูกตีพ่ายคร้ังแล้วคร้ังเล่า ชาวทมิฬน้ันสามารถขอความช่วยเหลือจากเพ่ือนบ้าน 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 403 1/18/20 1:17 PM
404 รุ่งเรืองก่อนเข้าสู่ยุคมืด ทางอินเดียตอนใต้ แต่ชาวสิงหลไม่สามารถย่ืนข้อเสนอให้ใคร ขณะด้านเหนือของเกาะ ตกเป็นอาณาบริเวณของพวกทมิฬ อาณาจักรของชาวสิงหลทางตอนใต้ก็แตกแยกเป็น หัวเมืองน้อยใหญ่ เจ้าเมืองแต่ละแห่งต่างตีตัวออกห่างจากเมืองหลวง แต่บางครั้งก็ พยายามรวมตัวกันออกต่อสู้กับพวกทมิฬ เพราะถูกเยาะเย้ยถากถางหรือบีบบังคับให้ ถวายเคร่ืองราชบรรณาการ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความหมดหวัง เม่ือพลังชาวบ้าน ถูกท�ำลายและต่างชาติมีอิทธิพลต่อราชส�ำนัก จึงเหลือเพียงประกายแห่งความหวังอัน ริบหรี่รางเลือน๑ ธรรมชาติของชาวสิงหลน้ันนิยมชมชอบการท�ำบุญสุนทาน และเป็นอยู่ด้วย การอุปถัมภ์ของพระเจ้าแผ่นดิน ยกย่องผู้เป็นปราชญ์และช่ืนชอบวรรณคดี ส่วน พระสงฆ์ผู้แยกตัวออกจากสังคม ได้เสียสละทุ่มเทให้กับวรรณคดี เป็นอยู่ด้วยความ ศรัทธาของชาวบ้าน แต่การสนับสนุนมิได้เพียงพอสมบูรณ์เสมอไป เหตุเพราะชาวบ้าน พากันวุ่นวายอยู่กับการปกป้องทรัพย์สมบัติจึงไม่มีเวลาหันมาสนใจศาสนา วรรณคดี จึงถึงคราวเสื่อมโทรม สถาบันสงฆ์แตกแยกล่มสลาย พระสงฆ์ทั้งหลายเป็นอยู่ด้วย ความแตกต่างทางพระธรรมวินัย แต่ก็ยังถือว่าเป็นแสงสว่างทางการศึกษาของลังกา ไม่ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากเจ้าชายหรือเหล่าอ�ำมาตย์หรือไม่ ความพยายามของ พระสงฆ์ผู้เสียสละทุ่มเทต่อวรรณคดี ยังมีการต่อเติมช่วยเสริมไม่เสื่อมคลาย ต่าง ช่วยกันผลิตผลงานอันล้�ำค่าด้วยความเสียสละทุ่มเทสมควรแก่การสรรเสริญ เจ้าชายพระองค์หน่ึงพระนามว่าภูวเนกพาหุที่ ๔ มีพระปัญญาศรัทธาอันแรง กลา้ กอปรดว้ ยจติ ใจอนั เปน็ กศุ ล มศี นู ยก์ ลางอยทู่ เ่ี มอื งคงั คสริ ปิ รุ ะ (คมั โปละ) พระองค์ มีเสนาบดีที่ชาญฉลาดนามว่าเสนาลังกาธิการเสนารัต ซ่ึงถือก�ำเนิดมาจากวรรณะ เมเหณวรวงั สะ (เชอื้ สายของผตู้ ดิ ตามพระสงั ฆมติ ตาเถรเี มอ่ื คราวนำ� กงิ่ พระศรมี หาโพธ์ิ มาจากอินเดีย) ทรงมอบสิทธ์ิขาดให้เสนาบดีช�ำระพระศาสนาขจัดอลัชชีผู้อาศัย พระศาสนา คราวนั้นท่านเสนาบดีได้นิมนต์พระสงฆ์ให้ประชุมพร้อมกันสังคายนา ๑ Tennent, History of Ceylon, vol. i, p. 416. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 404 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 405 พระศาสนา ภายใต้ความช่วยเหลือของพระวนรัตนเถระแห่งอมรคิรีวิหาร ผู้ท�ำหน้าท่ี ตรวจสอบความเป็นอยู่ของพระสงฆ์ ซึ่งเลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชา๒ ยุคน้ีเองพระเถระ นามว่าธรรมกิตติท่ี ๑ ด�ำรงต�ำแหน่งเป็นพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก เป็น สมภารเจา้ วดั สาสทั ธรรมตลิ กะ ณ หมบู่ า้ นคะฑะลาเดณยิ ะ๓ หลกั ฐานในคมั ภรี ส์ ทั ธรรม าลังการะระบุว่าท่านเป็นศิษย์ของพระธรรมกิตติเถระท่ี ๑ ซ่ึงมีชีวิตอยู่ประมาณปลาย พุทธศตวรรษท่ี ๑๘ ตัวท่านเป็นสมาชิกของคณะสงฆ์ปุฏภัตตะอาศัยอยู่ท่ีคังคสิริปุระ๔ หลักฐานระบุว่าพระธรรมกิตติสังฆราชเป็นผู้คงแก่เรียนงดงามด้วยศีลาจารวัตร กษัตริย์จึงโปรดแต่งตั้งให้ด�ำรงต�ำแหน่งชั้นสูงสุดในการบริหารคณะสงฆ์ ครั้นพระเจ้าภูวเนกพาหุสวรรคตสิ้นแล้ว พระเจ้าปรากรมพาหุที่ ๕ ทรง ครองราชยส์ บื ต่อ จากน้นั เปน็ พระเจ้าวิกรมพาหทุ ่ี ๓ สมยั นเ้ี สนาบดีนามว่านสิ สงั กอล- เกศวร หรืออลคักโกนาร์ เป็นผู้มีบทบาทส�ำคัญยิ่งต่อการล่มสลายของราชวงศ์สิงหล ท่านสืบสายมาจากตระกูลขุนนางชั้นสูงจากอินเดียตอนใต้ ได้เสกสมรสกับธิดาของ เสนาบดีเสนาลังกาธิการเสนารัต ด้วยเหตุนี้จึงเติบโตในหน้าท่ีการงานไต่ข้ึนสู่ต�ำแหน่ง ชั้นสูงอย่างรวดเร็ว เริ่มต้นจากเจ้าเมืองเปราเดณิยะกลายมาเป็นคนเด่นในฐานะนัก บริหารที่มากด้วยความสามารถ สมัยกษัตริย์พระองค์ต่อมาท่านกลายเป็นอุปราชแห่งหัวเมืองปักษ์ใต้ มศี นู ยก์ ลางอยทู่ ร่ี ยั คาม ทา่ นเสนาบดตี อ้ งการสรา้ งหวั เมอื งตอนใตใ้ หเ้ ปน็ ศนู ยบ์ ญั ชาการ ทางทหาร จึงได้สร้างป้อมปราการข้ึนท่ีเมืองชัยวรรธนปุระ เพ่ือตระเตรียมทหารหาญ เข้าโจมตีพวกทมิฬ วิญญาณแห่งความรักชาติอาจจะไม่เป็นท่ีสนใจของชาวทมิฬ มากนัก ทันทีท่ีแผนการณ์ก�ำหนดเอาไว้ส�ำเร็จเสร็จสิ้น ท่านได้ท้าทายอ�ำนาจของอาณา จักรจัฟฟ์นาที่ยึดครองบริเวณตอนเหนือของเกาะ สงครามระหว่างสิงหลเจ้าถ่ินและ ๒ Nikaya-sangraha, p. 24. 1/18/20 1:17 PM ๓ Ibid., p. 31, and Wickremasinghe, p. xix. ๔ Wickremasinghe, JRAS., 1896, p. 202. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 405
406 รุ่งเรืองก่อนเข้าสู่ยุคมืด ทมิฬคนนอกจึงเริ่มข้ึนตั้งแต่บัดน้ัน ภายใต้การน�ำทัพของเสนาบดีอลเกศวร ชาวทมิฬ ท่ีเคยเข้มแข็งค่อยพ่ายแพ้แตกพ่าย เพราะความแข็งแกร่งห้าวหาญของเหล่านักรบ ชาวสิงหล ถึงแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากอินเดียตอนใต้ก็ตาม แต่พวกทมิฬก็ถูก ตีแตกพ่ายเสียทุกคร้ัง ด้วยชัยชนะอันย่ิงใหญ่ท�ำให้อลเกศวรเสนาบดีกลายเป็นวีรบุรุษ ของบ้านเมือง ท่านเสนาบดีกล้าเสียบปลายดาบเข้าต่อสู้ศัตรูจนได้ชัยชนะในสมรภูมิ ความส�ำเร็จได้จุดประกายความฝันของไพร่ฟ้าประชาชน ซึ่งเหตุการณ์เช่นน้ีไม่ได้เกิด ขึ้นมาเน่ินนานแล้ว เพลงสรรเสริญมากมายได้ขับกล่อมสดุดีเสนาบดีอลเกศวรไว้ว่า ผู้รุ่งเรือง เจิดจ้าดั่งราชสีห์ตัวกล้านั้นแล้วคือเสนาบดีอลเกศวร กล้าแกร่งสามารถเจาะหน้าผาก แห่งช้างตัวดุร้าย เข้าห้�ำห่ันศัตรูผู้แกร่งกล้า สง่างามด้วยลักษณะของวีรบุรุษนักรบ ดังหินผาฉาบทาด้วยทองค�ำกล่าวคือลังกา ซึ่งเป็นดินแดนอันไม่เคยเล่าขานและม่ังคั่ง ด้วยอัญมณีล้�ำค่า๕ คัมภีร์นิกายสังครหะ ซ่ึงเขียนขึ้นภายหลังเหตุการณ์ไม่นานนัก ได้บรรยาย ความย่ิงใหญ่ของท่านเสนาบดีอลเกศวรไว้หลายแผ่น หนังสือรุ่นหลังส่วนใหญ่ต่าง ชมเชยสรรเสรญิ ทา่ นเสนาบดี ในฐานะความภาคภมู ใิ จของบา้ นเมอื ง เสนาบดอี ลเกศวร มิใช่เป็นเพียงนักรบผู้ย่ิงใหญ่เท่าน้ัน แต่เป็นนักปกครองท่ีชาญฉลาดรอบรู้ อีกทั้ง อุทิศเวลาให้กับงานด้านศิลปะ ท่านเป็นชาวพุทธผู้ศรัทธาม่ันคง ความศรัทธาของท่าน สังเกตได้จากการฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ท่านเปรียบตัวเองเหมือนเกษตรกรผู้รักษา ทุ่งข้าว ต้องการเพียงปกป้องพืชพันธุ์ด้วยการถอนวัชพืชออกจากข้าวเท่านั้น๖ สมัยนั้น ท่านเสนาบดีได้จัดท�ำสังคายนาพระศาสนา โดยนิมนต์พระสงฆ์ผู้ทรงความรู้ความ สามารถ สอบสวนความเป็นไปในพระศาสนาแล้วจับพระทุศีลให้ลาสิกขาเสียส้ิน การสังคายนาครั้งนั้นได้รับความช่วยเหลือด้วยดีจากพระสังฆราชธรรมกิตติท่ี ๒ ผู้ ๕ Nikaya-sangraha, pp. 26 foll. ๖ Ibid., p. 27. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 406 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 407 สืบสายมาจากคณะสงฆ์ฝ่ายวนวาสีแห่งปุฏภัตตเสลวิหาร ซึ่งชื่อเสียงของท่านเป็นที่ รู้จักตลอดสิบทิศ งดงามด้วยศีลาจารวัตรและกอปรด้วยคุณธรรมอันสูงส่ง อาศัยอยู่ บนภูเขาแห่งคุณธรรม๗ แต่ความสงบเรียบร้อยที่เกิดข้ึนนั้นเป็นเพียงช่วงเวลาอันแสนสั้น ผลงานของพระธรรมกิตติเถระ พระธรรมกิตติเถระท่ี ๒ แต่งฉันท์ภาษาบาลีนามว่าปารมีมหาสตกะ ในปัจฉิม กถาของคัมภีร์เล่มน้ีท่านได้กล่าวสรรเสริญความใจกว้างของพระนิสสังกอลเกศวรแห่ง ส�ำนักอมรคิรี ฉันท์ดังกล่าวประกอบด้วย ๑๐๐ พระคาถา แบ่งออกเป็น ๑๐ บท ว่าด้วยบารมีสิบประการที่พระโพธิสัตว์จ�ำต้องประพฤติให้สมบูรณ์ เพื่อบรรลุ สัมมาสมั โพธิญาณ ส่วนขอ้ มลู นน้ั นำ� มาจากคมั ภรี ช์ าดกและคมั ภรี ์จรยิ าปิฎก พระคาถา เหล่านั้นล้วนบรรจงร้อยเรียงด้วยส�ำนวนภาษางดงามอลังการ ปัจจุบันส�ำเนาฉันท์ ดังกล่าวหาได้ยากนักในลังกา พระธรรมกติ ตเิ ถระมศี ษิ ยส์ บื ทอดในนามเดยี วกนั อกี หลายรปู ซงึ่ ดำ� รงตำ� แหนง่ สังฆราชในรัชสมัยของพระเจ้าภูวเนกพาหุที่ ๕ ต่อมาสมัยพระเจ้าวีรพาหุท่ี ๒ ท่านได้ ร่วมมือกับพระไมตรีมหาเถระแห่งส�ำนักคลตุรุมูลวิหารท�ำการสังคายนาพระศาสนา ขจัดค�ำสอนที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากพระพุทธพจน์จนปรากฏเป็นผลงานอัน ย่ิงใหญ่๘ ท่านแตกฉานด้านวรรณคดีมีงานเขียนท้ังภาษาบาลีและสิงหล ในบทส่งท้าย ของคัมภีร์นิกายสังครหะ ซ่ึงเป็นงานเขียนของท่านเองระบุว่าประวัติศาสตร์ พระพุทธศาสนาโดยย่อนี้ รจนาโดยพระนักปราชญ์นามว่าเทวรักขิตะ ผู้มีนามโด่งดัง เหนือผู้อื่นช่ือว่าชัยพาหุ และได้รับยกย่องเหมือนพระมหาเถระธรรมกิตติ ผู้ด�ำรง ต�ำแหน่งพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายกอันลือนามในพระศาสนาของพระชินสีห์ ๗ Nikaya-sangraha, p. 27. 1/18/20 1:17 PM ๘ Ibid., p. 29. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 407
408 รุ่งเรืองก่อนเข้าสู่ยุคมืด พระคาถาภาษาบาลีในคัมภีร์สัทธรรมาลังการะกล่าวเพ่ิมเติมว่า๙ พระธรรม กิตติเถระท่ี ๒ เป็นผู้แต่งคัมภีร์นามว่าสัทธรรมาลังการะ ท่านเป็นศิษย์ของพระเถระ ผู้โด่งดังนามว่าธรรมกิตติมหาเถระที่ ๑ ผู้เป็นศิษย์ส�ำนักปุฏภัตตเสละ ซึ่งมีชีวิตอยู่ สมัยพระเจ้าภูวเนกพาหุ ท่านเป็นศิษย์ผู้เกิดภายหลังพระสังฆราชธรรมกิตติ ผู้รจนา คัมภีร์ปารมีมหาสตกะอาศัยอยู่คะฑะลาเดณิยวิหาร เป็นผู้แต่งคัมภีร์สังเขปะ คัมภีร์ นิกายสังครหะ คัมภีร์พาลาวตาร และคัมภีร์ชินโพธาวลี น่าเสียดายไม่มีข้อมูลสืบค้น เนื้อหาของคัมภีร์สังเขปะและคัมภีร์ชินโพธาวลี ส่วนคัมภีร์นิกายสังครหะเป็นงานเขียน ส�ำคัญมากแต่งเป็นภาษาสิงหล กล่าวถึงประวัติศาสตร์พุทธศาสนาต้ังแต่ผู้ก่อต้ัง อาณาจักรสิงหลจนถึงพุทธศตวรรษที่ ๒๕ บรรจุข้อมูลอันทรงคุณค่าเกี่ยวกับนิกาย สงฆ์ในลังกา เป็นบันทึกหลักฐานจริงแท้ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนในช่วงพุทธ ศตวรรษท่ี ๑๘-๑๙ ซ่ึงยุคนี้คัมภีร์มหาวงศ์ระบุเหตุการณ์ไม่แน่นอนชัดเจน จึงต้อง อาศัยหลักฐานจากต�ำราเล่มอื่นอธิบายเสริมความ๑๐ ส่วนคัมภีร์พาลาวตารของพระธรรมกิตติเถระที่ ๒ เป็นต�ำราไวยากรณ์ภาษา บาลี ใช้เป็นคู่มือศึกษาภาษาบาลีเป็นท่ีรู้จักแพร่หลายที่สุดในลังกา หนังสือมีขนาดเล็ก ขยายความตามคัมภีร์กัจจายนะ มีรูปแบบลักษณะย่อไวยากรณ์เก่าที่ดีท่ีสุด ถึงแม้จะ เดินเร่ืองตามรูปแบบของคัมภีร์กัจจายนะ แต่การจัดแบ่งหมวดหมู่มีความแตกต่าง คมั ภรี แ์ บง่ เนอื้ หาออกเปน็ ๗ ภาค กลา่ วคอื สนั ธิ นาม สมาส ตทั ธติ อาขยาต กติ ก์ และการก (บทนี้แบ่งเป็น ๒ ส่วนคือ อุตตานุตตระและวิภัตติเภท) บทของการก หรือวากยสัมพันธ์น้ันมีความชัดเจน และเข้าใจง่ายกว่าคัมภีร์ไวยากรณ์เล่มอื่น และ เน้ือหามีรูปแบบชัดเจนมากกว่าสันธิกัปปะแห่งคัมภีร์กัจจายนวยากรณะ ดีอัลวิสกล่าวไว้ว่า๑๑ ดูเหมือนผู้เขียนจะคุ้นเคยกับไวยากรณ์สันสกฤตชื่อ ลฆุเกามุดี เพราะการจัดแบ่งหมวดหมู่ในงานเขียนท้ังสองเล่มมีจ�ำนวนมากเหมือนกัน ๙ คัมภีร์สัทธรรมาลังการะได้อธิบายเกี่ยวกับการวิเคราะห์คัมภีร์รสวาหินีของพระเวเทหเถระ ซ่ึงมีการแปลเรียบร้อยแล้ว ๑๐ For a fuller description see Wickremasinghe, pp. 72-73. ๑๑ Catalogue, p. 78. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 408 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 409 ชอ่ื ผแู้ ตง่ หรอื วนั เวลาทเี่ ขยี นมไิ ดร้ ะบไุ วใ้ นหนงั สอื แตป่ รากฏมใี นคมั ภรี ส์ ทั ธรรมาลงั การะ ซึ่งระบุไว้อย่างแม่นย�ำ คัมภีร์มหาวงศ์ฉบับมัณฑเลย์ท่ีหอสมุดอินเดียและคัมภีร์ คนั ธวงั สะกลา่ ววา่ ผเู้ ขยี นคมั ภรี พ์ าลาวตารคอื พระวาจสิ สรเถระ๑๒ สว่ นฟอรซ์ แฮมเมอร์ (Forchhammer) เห็นด้วยกับเน้ือความในคัมภีร์สัทธรรมาลังการะที่ระบุว่าผู้แต่งคือ พระธรรมกิตติเถระที่ ๒๑๓ พ.ศ.๒๓๖๗ บาทหลวงคลัก (Clough) ได้แปลคัมภีร์พาลาวตารเป็น ภาษาอังกฤษแล้วตีพิมพ์ แต่ผู้เขียนยังไม่เคยเห็นต้นฉบับจนถึงปัจจุบัน ต่อมา พ.ศ.๒๔๓๕ ลี (Lee) ได้พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษพร้อมกับต้นฉบับบันทึกในวารสาร ตะวันออก ฉบับที่ ๒ ส�ำหรับรูปแบบคัมภีร์พาลาวตารนั้น เป็นหมวดหนึ่ง ของงานเขียนภาษาสิงหลต่อจากภาษาบาลี๑๔ สิ่งส�ำคัญคือคัมภีร์คะฑะลาเดณิสันเน ซึ่งถ่ายความจากกาพย์กลอนแต่งโดยเจ้าอาวาสวัดคะฑะลาเดณิยวิหาร๑๕ เป็นคน เดียวกันกับผู้แต่งคัมภีร์พาลาวตาร คัมภีร์พาลาวตารชื่อว่าเป็นคัมภีร์เล่มใหญ่ ได้รับ การยกย่องว่ามีความส�ำคัญเช่นเดียวกับต้นฉบับท่ีถ่ายทอดมาจากโคลงและฉันท์ และ เพม่ิ เตมิ อธบิ ายเนอื้ หาพรอ้ มอปุ มาอปุ ไมย แมค้ ำ� พงั เพยของคมั ภรี พ์ าลาวตารกเ็ ขา้ ใจงา่ ยกวา่ หนังสือแปลถอดความท่ีรู้จักกันดีอีกเล่มคือคัมภีร์ลิยนสันเน หรือโอคนั ทพล สันเน หรืออีกนามหนึ่งว่าปทสิทธิสันเน แต่งโดยภิกษุผู้อยู่โอคันทพลวิหารนามว่า สิตินามลุเว ธัมมโชติเถระ ผู้เป็นศิษย์ของพระสังฆราชสรณังกร ในพุทธศตวรรษที่ ๒๓ เนื้อหาของหนังสือประกอบด้วยค�ำอธิบายเป็นภาษาสิงหล พร้อมตัวอย่างที่ให้ไว้ ในคัมภีร์พาลาวตาร เน้ือหาหลักรวมอยู่ในบทสมาส ต่อมาพระฮิกกะดุเว ศรีสุมังคล เถระ ได้รวบรวมเน้ือหาของคัมภีร์พาลาวตารพร้อมท้ังต�ำราฎีกาภาษาบาลีแล้วตีพิมพ์ (พ.ศ.๒๔๓๗) เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของงานเขียนท่ีส�ำคัญยิ่ง ถือว่าเป็นจุดเด่นด้านงาน เขียนของปราชญ์ชาวตะวันออก๑๖ ๑๒ Fausboll, JPTS., 1896, pp. 45-6, and G.V., p. 62. ๑๓ Bode, p. 22., footnote. ๑๔ De Zoysa, p. 22. ๑๕ Balavatara, printed ed., Colombo, 1885, preface. ๑๖ Colombo, 1894. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 409 1/18/20 1:17 PM
410 รุ่งเรืองก่อนเข้าสู่ยุคมืด นักปราชญ์ส่วนใหญ่ยอมรับกันว่าพระธรรมกิตติเถระที่ ๒ รจนางานภาษา บาลีอีกเล่มหน่ึง ช่ือว่าสัทธัมมสังคหะ๑๗ ผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับสันนิษฐานเช่นน้ี แม้ค�ำ ค้านในเน้ือหาของคัมภีร์ก็บ่งชี้ไว้ชัด๑๘ ตรงน้ีผู้แต่งคัมภีร์บอกไว้ว่ายังมีพระเถระนาม ว่าธรรมกิตติ ผู้โชติช่วงดังพระจันทร์บนห้วงนภากาศแห่งพระศาสนา เบ่งบานด้วย รัศมีแห่งปัญญา ดังดอกบัวบานเด่นสง่าของชาวลังกา เป็นผู้งดงามด้วยศีลาจารวัตร และรุ่งเรืองบนผืนเกาะลังกาดังพระจันทร์เหนือท้องเวหน แตกฉานพระไตรปิฎกและ เชี่ยวชาญศิลปะทางโลก เป็นความปีติยินดีของชาวลังกา ศิษย์ของท่านมีนามว่าธรรมกิตติมหาสามี ผู้ประสงค์จะมาลังกาซ่ึงรุ่งเรือง งดงามเพื่อแสวงบุญกุศล หลังจากได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านเดินทางกลับ แผ่นดินมาตุภูมิอันมีนามว่าอโยธยา แลพักอาศัยอยู่ที่อารามอันงดงามนามว่าลังการาม ซึ่งสร้างถวายโดยพระเจ้าปรมราชา ผู้สถาปนาท่านเป็นพระธรรมกิตติมหาสามี ทา่ นเองไดร้ จนาคมั ภรี น์ ามวา่ สทั ธมั มสงั คหะสำ� เรจ็ เสรจ็ สนิ้ ทกุ สง่ิ อยา่ ง ผเู้ ขยี นสนั นษิ ฐาน ว่างานเขียนเล่มน้ีเกิดข้ึนช่วงเวลาน้ัน หรือภายหลังจากท่ีพิจารณากันว่า พระธรรมกิตติ เถระท่ี ๒ ท่ีอ้างถึงในฐานะเป็นครูของผู้แต่งคัมภีร์๑๙ อาจจะเป็นหนึ่งในพระสังฆราช สองรูปที่เอ่ยถึงแล้วก่อนหน้าน้ีก็เป็นได้ แต่ผู้เขียนคัมภีร์เล่มนี้เป็นชาวอินเดียแน่นอน และเขียนคัมภีร์เล่มน้ีท่ีอินเดียประเทศ เนอื้ หาของคมั ภรี บ์ ทท่ี ๑๑ เรม่ิ กลา่ วถงึ ประวตั กิ ารสงั คายนาสามครง้ั ในอนิ เดยี ประเทศ การสังคายนาคร้ังแรกบนเกาะลังกา ภายใต้การน�ำของพระเถระรูปแรกของ ชาวสิงหลนามว่ามหาริฏฐเถระ ซึ่งมีพระมหินทเถรเจ้าเป็นประธาน การสังคายนาครา นั้นพระมหาริฏฐเถระเป็นผู้อ่านพระวินัยด้วยความสุขุมรอบคอบ๒๐ จากนั้นผ่านเลยไป ถึงรัชสมัยพระจ้าทุฏฐคามณี และการบันทึกพระไตรปิฎกเป็นลายลักษณ์อักษร ภายใต้การอุปถัมภ์ของพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัย พร้อมกันน้ันได้อธิบายประวัติและ ๑๗ Wickremasinghe, p. xix, and De Zoysa, 20. ๑๘ JPTS., 1890-3, p. 90. ๑๙ De Zoysa ระบุว่าพระธรรมทินนเถระเป็นช่ือของอาจารย์ (p.20). ๒๐ JPTS., Ed., p. 44. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 410 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 411 ผลงานของพระพุทธโฆษาจารย์อย่างพิสดาร จากนั้นพรรณนาต่อเนื่องจนถึงรัชสมัย ของพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช ซ่ึงยุคนั้นต�ำราฎีกามากมายล้วนเขียนขึ้นโดย พระกัสสปเถระและพระสหธรรมิกของท่าน เน้ือหาบทที่ ๙ กล่าวถึงคัมภีร์ส�ำคัญซึ่งเป็นท่ีรู้จักแพร่หลาย ส่วนสองบทนอก นั้นกล่าวถึงผลบุญท่ีเกิดจากการบันทึกพระไตรปิฎกเป็นลายลักษณ์อักษรและการฟัง พระพุทธพจน์ ผู้รจนาได้ถอดเนื้อความมาจากคัมภีร์โกสลพิมพวัณณนา ซึ่งกล่าวถึง อานิสงส์ผลบุญจากการสร้างพระพุทธรูป ส่วนบทสุดท้ายกล่าวถึงนิทานอันน่าสนใจ หลายเร่ือง มีบางเร่ืองเกิดข้ึนในลังกา เนื้อหาของหนังสือส่วนหนึ่งเป็นร้อยแก้วบางส่วนเป็นร้อยกรอง อีกท้ังรุงรัง ด้วยค�ำอ้างอิงจากคัมภีร์เล่มอ่ืน บทสุดท้ายแต่งเป็นฉันท์และจบด้วยร้อยกรอง ถือว่า มีความเลิศล้�ำและงดงามยากจะเปรียบปานได้ ส่วนการอธิบายประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะบทที่ ๙ ยงั ไมม่ คี วามสมบรู ณเ์ พยี งพอ๒๑ หลกั ฐานทรี่ ะบไุ วก้ เ็ ชอ่ื ถอื ไดย้ ากนกั บางส่วนกล่าวซ�้ำแล้วซ�้ำอีก แต่โดยส่วนใหญ่บ่งบอกความต้ังใจของผู้เขียนท่ีพยายาม ขยายเนื้อความ หรือเพ่ิมเน้ือหาเล็กน้อยที่มีอยู่ในปัจจุบัน เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ พระพุทธศาสนาและวรรณคดีลังกา ความจริงคือผู้เขียนอยู่ต่างแดน เม่ือท่านรจนา คัมภีร์อาจจะพบกับความบกพร่องของข้อมูลเท่าที่พบในบ้านเมืองท่ีตนอาศัยอยู่ บทว่าด้วยอานิสงส์การฟังธรรมเป็นแหล่งข้อมูลท่ีเกิดแรงบันดาลใจต่องานเขียนหลาย เล่มเฉพาะภาษาสิงหลในเรื่องคล้ายคลึงกัน ส�ำหรับคาถาท่ีน�ำมาร้อยเรียงนั้นส่วนใหญ่ หยิบยืมมาจากคัมภีร์อ่ืน และเรื่องราวท่ีน�ำมาอธิบายส่วนใหญ่ล้วนรู้จักกันเป็นอย่างดี หนงั สอื อกี สองเลม่ นา่ จะเขยี นในยคุ เดยี วกนั คอื คมั ภรี ส์ าธจุ รโิ ตทยั และคมั ภรี ์ อนาปัตติทีปนี เล่มแรกเป็นหนังสือขนาดเล็กแต่งเป็นร้อยแก้ว โดยคัดเลือกเร่ืองราว ท่ีชาวพุทธผู้ศรัทธามั่นคงได้รับอานิสงส์จากการบูชาเจดีย์และพระธาตุ หรือถวายทาน ๒๑ ตัวอย่างเช่น คัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะระบุว่าเป็นผลงานพระสารีบุตรเถระ และคัมภีร์ สัจจสังเขปะเป็นผลงานของพระอานนท์เถระ รายช่ือที่ปรากฏในคัมภีร์ของพระธรรมปาลเถระถือว่า ไม่สมบูรณ์ นามของผู้แต่งหลายคนมิได้เดินตามต�ำนานแต่อย่างใด 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 411 1/18/20 1:17 PM
412 รุ่งเรืองก่อนเข้าสู่ยุคมืด แด่พระพุทธเจ้า เป็นต้น ผู้แต่งระบุว่าเป็นพระสุเมธเถระแห่งจูตัคคาม (ภาษาสิงหล เรียกว่าอัมพคามุวะ)๒๒ เนื้อหารวบรวมมาจากข้อมูลหลายแหล่ง บางส่วนน�ำมาจาก คัมภีร์รสวาหินี ส่วนโคลงเทศนาภาษาสิงหลน�ำมาจากคัมภีร์โลแวทสังครา ซ่ึงแต่ง โดยพระวีทาคมเถระในพุทธศตวรรษท่ี ๒๐ ส่วนคัมภีร์อนาปัตติทีปนีเป็นบันทึกขนาดเล็ก กล่าวถึงอธิกรณ์ที่ละเมิด พระปาติโมกข์แต่ไม่เป็นอาบัติ เพราะการกระท�ำไม่มีเจตนา ผู้รจนาไม่ได้บอกว่าเป็น ใครแต่เรียกตัวท่านเองว่าเป็นศิษย์ของพระภูวเนกพาหุเถระแห่งส�ำนักปังสุบรรพต ชื่อพระภูวเนกพาหุเถระมีกล่าวถึงในคัมภีร์วุตตมาลา ซึ่งเขียนในพุทธศตวรรษท่ี ๒๐ ทา่ นปรากฏเปน็ หนงึ่ ในพระเถระองคส์ ำ� คญั ผไู้ ดร้ บั การชมเชยดา้ นการศกึ ษาและเผยแผ่ พระพุทธศาสนา นามของท่านปรากฏระหว่างพระธรรมกิตติเถระและพระสังฆราช (ท่านอาจเป็นพระสังฆราชธรรมกิตติที่ ๓) สมัยอาณาจักรโกฏเฏ ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรโกฏเฏคือพระเจ้าปรากรมพาหุท่ี ๖ (พ.ศ.๑๙๕๕) พระองค์เป็นพระโอรสของพระนางสุเนตราเทวีแห่งคิริวังสะ ครั้งยังเยาว์วัยพระองค์ ทรงคุ้นเคยกับพระวีทาคมะมหาสามีผู้จ�ำพรรษาใกล้รัยคาม ต�ำนานกล่าวว่าพระองค์ มีพระรัศมีรอบพระวรกายและอีกหลายเรื่องราวท่ีเล่าลือกัน ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการ หลบหนีจากเงื้อมมือของเสนาบดีอลเกศวรผู้โหดร้าย ซึ่งครองเมืองชัยวรรธนปุรโกฏเฏ ผู้แสวงหาความเข้มแข็งทางต�ำแหน่งโดยพยายามก�ำจัดผู้มีสิทธิ์เหนือบัลลังก์ลังกาทุก รูปนาม เมื่อพระองค์มีพระชนมายุได้ ๑๖ พรรษา ได้ประหารชีวิตเสนาบดีอลเกศวร เสียแล้วขึ้นครองราชย์เหนือบัลลังก์สิงหล ณ เมืองชัยวรรธนปุรโกฏเฏ๒๓ ๒๒ De Zoysa, p. 20. ๒๓ หลายปีก่อนการข้ึนครองราชย์ของพระเจ้าปรากรมพาหุท่ี ๖ เร่ืองราวเหมือนใยแมงมุม ยากต่อการคล่ีคลาย สันนิษฐานว่าน่าจะเกี่ยวกับบรรพบุรุษและตัวตนของอลเกศวรเสนาบดี และอ้างถึง พระวีทาคมมหาสามีเถระ ดูเหมือนว่าจะมีการบุกรุกโจมตีของจีนในเวลานี้ด้วย สันนิษฐานว่าอาจจะมิใช่ เหตุการณ์เล็กน้อย เพราะกษัตริย์ลังกาต้องถวายเครื่องราชบรรณาการแก่พระจักรพรรดิจีน เพิ่มเติม ดูใน JRAS. (Ceylon Branch), vol. xxii, Nos. 63 and 65. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 412 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 413 รัชสมัยของพระองค์ม่ันคงยาวนานเกือบคร่ึงศตวรรษ กลายเป็นยุครุ่งเรือง สูงสุดในประวัติศาสตร์ลังกา ก่อนการเข้ามาของโปรตุเกสคนเถ่ือน ทรงเป็นกษัตริย์ พระองค์สุดท้ายท่ีครอบครองลังกาได้ท้ังเกาะ รัชสมัยของพระองค์ต่างได้รับการเล่า ขานจากชาวลังกาตราบเท่าถึงปัจจุบัน ถือว่าเป็นยุครุ่งเรืองก่อนเข้าสู่ยุคมืด เป็นยุคที่ ชาวสิงหลต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อรักษาเอกราชของบ้านเมือง ก่อนตกอยู่ในคมดาบของผู้ รุกรานและคุกเข่ากราบกรานต่อคนนอก เสนาบดีอลเกศวรน้ันสร้างเมืองโกฏเฏให้กลายเป็นนครย่ิงใหญ่เข้มแข็ง เต็มไปด้วยหอคูประตูรบ ถนนอันกว้างใหญ่และตึกรามบ้านช่องอันสง่างาม สมัย พระเจ้าปรากรมพาหุพระองค์โปรดให้ต่อเติมพระราชวังด้วยหินสีฟ้า ๕ ช้ัน ให้สร้าง พระอารามวหิ ารและกฎุ ที พี่ กั สงฆ์ จากนนั้ โปรดใหแ้ ตง่ ตงั้ พระสงั ฆราชมหาสามวี นรตั นะ และสร้างกุฎีอันสวยงามมอบถวาย พร้อมท้ังพระอุโบสถหลังใหญ่๒๔ นอกจากนั้น เพ่ือน้อมร�ำลึกถึงพระคุณแห่งพระราชมารดาเจ้า พระองค์จึงโปรดให้สร้างพระวิหาร ขนาดใหญ่และปริเวณะบริเวณหมู่บ้านแปปิฬิยานะ ขนานนามตามพระราชมารดาว่า สุเนตราเทวีปริเวณะ สมัยต่อได้มีการบันทึกมาพระไตรปิฎกคัมภีร์อรรถกาและ ต�ำราฎีกาที่ส�ำนักเรียนแห่งน้ีภายใต้ราชูปถัมภ์ จากนั้นทรงมอบถวายท่ีดินแก่ผู้มุ่งมั่นบันทึกงานส�ำคัญทางพระศาสนา พระองค์ยังให้ก�ำเนิดศูนย์การศึกษาแหล่งอื่นอีก ดังเช่น ๑) ปัทมาวตีปริเวณะ ณ แคระละคะ ภายใต้การดูแลของราชคุรุวนรัตนสังฆราช ๒) ส�ำนักวิปัสสนา (อรัญกะ) ณ ปฏาพตั คฬะ ๓) วชิ ยั พาหปุ รเิ วณะ ณ โตฏคามวุ ะ รบั ผดิ ชอบดแู ลโดยพระศรรี าหลุ เถระ ๔) อิรุคัลกุลปริเวณะ ณ มุลคิริคละ ๕) ศรีคณานันทปริเวณะ ณ รัยคาม ภายใต้การดูแลของพระไมตรียมหาเถระ ผู้เป็นสมภารเจ้าวัดมหาเนตราวิหาร และ ๖) สุเนตราเทวีปริเวณะ ท�ำหน้าที่ดูแลโดยพระมังคลสังฆราช ผู้เชี่ยวชาญด้าน พระไตรปิฎก๒๕ ๒๔ Rajavaliya (Gunasekara), p. 68. ๒๕ E.W. Perera, JRAS. (C.B.), No. 63, p. 18. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 413 1/18/20 1:17 PM
414 รุ่งเรืองก่อนเข้าสู่ยุคมืด (บนซ้าย) รูปสลักพระไมตรียโพธิสัตว์ และ (บนขวา) รูปสลักเทพวิษณุ วัดถ�้ำ ดัมบุลลราชมหาวิหาร เขตมาตะเล (ล่างซ้าย) คัมภีร์นิกายสังครหะฉบับภาษาสิงหล และ (ล่างขวา) คัมภีร์พาลาวตาร ฉบับภาษาสิงหล 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 414 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 415 ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดลังกาติลกวิหาร นอกเมืองแคนดี ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดศรีสุโพธาราม เขตเดหิวาละ เมืองหลวงโคลัมโบ 1/18/20 1:17 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 415
416 รุ่งเรืองก่อนเข้าสู่ยุคมืด (บนซา้ ย-ขวา) พระพทุ ธรปู ภายในวชิ โยปยเจดยี ์ และ (ลา่ ง) วชิ โยปยเจดียภ์ ายในวดั คะฑะลาเดณิย วิหาร นอกเมืองแคนดี 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 416 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 417 วัดลังกาติลกวิหาร นอกเมืองแคนดี แอมแบกเกเทวาลัย นอกเมืองแคนดี 1/18/20 1:17 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 417
418 รุ่งเรืองก่อนเข้าสู่ยุคมืด แลภายใต้การช่วยเหลือของพระโอรสบุญธรรมนามว่าสปุมัลกุมาร พระองค์ สามารถขับไล่กษัตรยิ ท์ มิฬราชวงศอ์ ารยจกั รวรตั ติ ผูค้ รอบครองอาณาจกั รจัฟฟน์ าทาง ตอนเหนือให้แตกพ่ายหลบหนีออกจากเกาะลังกา จนสามารถสร้างความเข้มแข็งให้แก่ ราชอาณาจักร หลังจากน้ันพระองค์ทรงรวบรวมเหล่าทหารหาญโจมตีเจ้าชายแห่งมล บาร์ผู้อวดดีชาวอินเดียตอนใต้ เพื่อแก้แค้นการกระท�ำดังสตรีนางโลมท่ีท�ำร้ายพ่อค้า ชาวสิงหล๒๖ ด้วยการน�ำทัพอย่างชาญฉลาดกอปรกับความสามารถในการจัดการท่ีหา ตัวจับยาก ด้วยความสามารถท่ีแผ่ไพศาลและความเก่งกาจ อีกทั้งความสามารถใน การจัดองค์กร พระองค์จึงสามารถรวบรวมเกาะลังกาให้เป็นหนึ่งเดียวอีกคร้ัง อีกทั้ง ได้รับการยอมรับจากประเทศเพื่อนบ้าน ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ท่ีพ่ึงพระบรมโพธิสมภาร ต่างเบิกบานยินดี เกาะลังกาเกิดยุคแห่งสันติสุขรุ่งเรืองมั่นคงอีกครา เมื่อบ้านเมืองสงบร่มเย็นเกิดความสุขส�ำราญ ผู้คนก็มีเวลาหันมาสนใจพัฒนา ดา้ นศิลปะ ในยุคนี้จึงไม่มีสง่ิ ใดทีก่ อ่ เกิดผลทางจติ ใจมากไปกว่าการพฒั นาวรรณกรรม ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความรุ่งเรืองยุคทองของยุคใหม่ เม่ือบ้านเมืองได้รับการ ปกครองดว้ ยความยตุ ธิ รรม ไพรฟ่ า้ ประชาราษฎรต์ า่ งชน่ื ชมแซซ่ อ้ งสรรเสรญิ พระบารมี และพรรณนาความงดงามแห่งดินแดนที่ปกครองดูแล พวกเขาต่างเล่าขานความย่ิง ใหญ่ของพระราชส�ำนัก และความเมตตาของเทพเจ้าที่ประทานพรอันเนื่องมาจาก ความเมตตาของพระมหากษัตริย์ บทกวขี องพระศรรี าหลุ เถระแสดงตวั อยา่ งใหเ้ หน็ ถงึ วญิ ญาณแหง่ ความรกั ชาติ อย่างแรงกล้า และความศรัทธาลึกซ้ึงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ผู้ทรงมีพระเมตตา คณุ ยคุ นจ้ี งึ เปน็ ยคุ แหง่ การผลติ วรรณกรรมจำ� นวนมาก และถอื เปน็ โชคดที ว่ี รรณกรรม เหล่าน้ันยังหลงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน แม้ถูกโปรตุเกสท�ำลายล้างอย่างรุนแรง พระเจ้าแผ่นดินทรงชื่นชมศรัทธาต่อวรรณคดี และให้ความเสมอภาคอย่างเท่าเทียม กันต่อวัฒนธรรมอันหลากหลาย พระองค์ทรงแตกฉานด้านภาษาสันสกฤต สันนิษฐาน ว่าน่าจะผูกพันรัดรึงอย่างมากกับคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิฮินดูที่พระองค์ทรงศึกษา ๒๖ Rajavaliya, p. 69. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 418 1/18/20 1:17 PM
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 580
Pages: