ศรีลังกา 219 ซากปัญจวาสะหรือหมู่กุฎีสงฆ์ ภายในส�ำนักเชตวันวิหาร เมืองเก่าอนุราธปุระ (คัดลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 219 1/18/20 1:17 PM
220 บันทึกเหตุการณ์เป็นภาษาบาลี 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 220 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 221 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 221 1/18/20 1:17 PM
ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดศรีสุโพธาราม เขตเดหิวาละ เมืองหลวงโคลัมโบ 1/18/20 1:17 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 222
บทที่ ๘ บันทึกเหตุการณ์เป็นภาษาบาลี ว่าด้วยคัมภีร์ทีปวงศ์ ขณะเมื่อพระพุทธโฆษาจารย์และผู้รับภารธุระยุคหลัง ตามสืบค้นหาวรรณคดี ช้ันอรรถกถาและรวบรวมผลงานเก็บรักษาเอาไว้ เพื่อพระธรรมวินัยจะได้เป็นท่ีรู้จัก ท่ัวไปว่าได้ช�ำระบริสุทธ์ิเรียบร้อยดีแล้วตั้งแต่สมัยปฐมสังคายนา มิใช่เป็นเพราะผล งานของผู้คนบนเกาะลังกา ซึ่งถูกบังคับให้ช่ืนชอบการเป็นอยู่ท่ามกลางค�ำสอนเดิมแท้ และการแปลความหมายธรรมะเชิงต�ำนาน แลส่งต่อให้คนรุ่นหลังด้วยภาษาเจ้าของถ่ิน นอกจากนั้นยังเป็นประโยชน์ต่อผู้คนอีกหลายร้อยล้านในหลายประเทศ ยุคน้ียังมี พฒั นาการดา้ นวรรณคดอี กี อยา่ งหนง่ึ ซง่ึ กำ� ลงั เจรญิ เตบิ โตกลายรา่ งเปน็ บนั ทกึ เหตกุ ารณ์ ด้วยภาษาบาลี กล่าวกันว่าการบันทึกประวัติศาสตร์ลังกามีความส�ำคัญอย่างย่ิง มิใช่ เฉพาะผู้ท�ำหน้าท่ีเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อน�ำมาบันทึก แต่เพราะเกิดการเปล่ียนแปลง ของศรัทธาชาวพุทธหลายศตวรรษ ท�ำให้นักประวัติศาสตร์เหล่านี้ที่ท�ำงานอย่างหนัก ถูกทอดทิ้งหลงลืมถาวร ความต่ืนตัวคร้ังใหญ่ได้เกิดขึ้นกับนักศึกษาผู้สืบค้นหาประวัติศาสตร์อันยิ่ง ใหญ่ของลังกา ประมาณพุทธศักราช ๒๓๖๙ ได้เกิดการค้นพบอีกคร้ังเหตุเพราะติดต่อกับ ชาวยุโรป ขณะที่ประวัติศาสตร์ของอินเดียเกล่ือนกล่นด้วยเทพนิยาย และร้อยเรียง ข้ึนต้ังแต่สมัยใช้ทองแดงเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน หรือว่าจากศิลาจารึกและเสาหินอันราง เลือน แต่บันทึกเหตุการณ์ของลังกากลับมีความต่อเนื่อง ร�่ำรวยด้วยข้อมูลจริงแท้ มิได้กล่าวถึงเฉพาะประวัติศาสตร์ของชาติตนเท่าน้ัน แต่บรรจุด้วยข้อมูลอันทรงคุณค่า มหาศาลเชื่อมโยงกับอินเดียประเทศอีกด้วย ขณะพรนิ เซพ (Prinsep) กำ� ลงั แปลความหมายตามศลิ าจารกึ อนั ลกึ ลบั บรเิ วณ ฮินดูสถานและอินเดียตะวันตก เดอ กอรอส (de Koros) ก�ำลังคล่ีคลายบันทึก 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 223 1/18/20 1:17 PM
224 บันทึกเหตุการณ์เป็นภาษาบาลี พุทธศาสนาของธิเบต และฮอดสัน (Hodgson) ก�ำลังถอดรหัสภาษาเนปาล มีนักเขียน คนใหม่ที่หลอมรวมความโดดเด่นเป็นหน่ึงเดียว มีความพากเพียรบากบั่นไม่ย่อท้อ ยอมแพ้ มีความเท่าเทียมกันเป็นเอกลักษณ์อันเด่นชัด มากพร้อมด้วยความสามารถ และเปิดเผยตัวอย่างถ่อมตน เป็นผลให้การส�ำรวจบันทึกเหตุการณ์ภาษาบาลีของลังกา ประสบความส�ำเร็จ เขาคือเทอร์เนอร์ ผู้เป็นข้าราชการอังกฤษประจ�ำลังกา ซ่ึงได้บันทึก ค้นคว้าประวัติศาสตร์หลายปีต่อมา จนเป็นบทพิสูจน์ทางหลักฐานอันส�ำคัญย่ิง เสริม ส่งให้งานของเขาขยายข้อมูลทางประวัติศาสตร์ยุคแรกเร่ิมของเอเชียใต้ ต้ังแต่นั้น เป็นต้นมา นักปราชญ์นามอุโฆษหลายท่านท้ังตะวันออกและตะวันตก ได้ทุ่มเทเสีย สละเวลาพากเพียรแรงกล้า เพ่ืองานอันใหญ่ยิ่งเก่ียวกับบันทึกเหตุการณ์เหล่าน้ัน ต่าง พากนั ทดสอบความถูกตอ้ งของขอ้ มลู และพยายามแกไ้ ขดว้ ยความชว่ ยเหลือบางอย่าง ทางประวัติศาสตร์แห่งคาบสมุทรอินเดียยุคแรกเริ่ม ความพยายามของผู้เขียนตรงน้ีคือเสนอภาพรวมผลการค้นคว้าของบรรดา ปราชญ์เหล่าน้ัน๑ บันทึกเหตุการณ์ของลังกาที่ส�ำคัญมีอยู่ ๒ เล่ม ได้แก่คัมภีร์ทีปวงศ์และ คัมภีร์มหาวงศ์ เล่มแรกเขียนขึ้นประมาณพุทธศตวรรษที่ ๙ โดยนักเขียนนิรนาม ส่วนเล่มสองแต่งโดยพระมหานามเถระ ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๐ บทที่สองของ คัมภีร์มหาวงศ์ระบุว่า ประเพณีการบันทึกเหตุการณ์ส�ำคัญเก่ียวกับคณะสงฆ์อันทรง คุณค่านั้นเกิดมีข้ึนต้ังแต่ยุคแรก และพยายามรักษาสืบต่อเร่ือยมา หลักฐานเหล่านี้ สามารถพบเห็นในสองบทสุดท้ายของคัมภีร์จุลวรรคในพระวินัยปิฎก คร้ันเมื่อพระพุทธศาสนาเผยแผ่เข้าสู่เกาะลังกา แล้วอารามวิหารมากมายได้ แยกตัวกอ่ ตงั้ ขน้ึ ทว่ั เกาะลงั กา พระสงฆช์ าวสงิ หลไดด้ ำ� เนนิ รอยตามเอาแบบอยา่ งพระเถร าจารยช์ าวชมพูทวีป ด้วยการบันทึกรายละเอียดทางประวัติศาสตร์ของคณะสงฆ์ ความ ๑ ค�ำอธิบายเพ่ิมเติม ดู Geiger, Dipavamsa and Mahavamsa: Maha-vamsa (P.T.S.); Oldenberg, Dipa-vamsa; JRAS, passim and Indian Antiquary passim. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 224 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 225 กระตือรือร้นเพ่ือเก็บรักษาบันทึกเหล่านั้น ดูเหมือนว่าไม่ได้จ�ำกัดขอบเขตเฉพาะ คณะสงฆ์เท่านั้น หลายต่อหลายคร้ังท่ีนักโบราณคดีค้นพบว่า มีการจดบันทึกบัญชี รายการสิ่งของมีค่ามากหลายของครอบครัวขุนนางชั้นผู้ใหญ่สมัยอดีต รวมถึงภาระ หน้าที่อันตนได้กระท�ำไว้ อีกท้ังมีวิธีการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีและดูแลสืบต่อจากรุ่น สู่รุ่น คัมภีร์ราชาลีสังครหะ (ย่อจากคัมภีร์ราชาวลิยะ) ซึ่งเขียนขึ้นสมัยพระเจ้า กีรติศรีราชสิงหะแห่งอาณาจักรแคนดี (ปัจจุบันรวมอยู่ในแผนกห้องสมุดของเนวิลล์) ระบุว่ามีหลักฐานเช่ือมโยงถึงบันทึกรายละเอียด ของครอบครัวขุนนางนามว่ายะฏิ- เฮลคะละโปลวัตเตวิทาเน กล่าวคือบันทึกรายการทรัพย์สมบัติ กล่าวตามหลักฐานตระกูลวิทาเนสืบเช้ือสายมาจากเจ้าชายโพธิธระ ผู้ติดตาม มาพร้อมกับกิ่งพระศรีมหาโพธ์ิคราวพระสังฆมิตตาเถรีน�ำมาลังกา บัญชีรายการ ฉบับนี้เขียนด้วยภาษาสมัยหลัง แต่เป็นที่แน่ชัดว่ามีพ้ืนฐานมาจากบันทึกอันเก่าแก่ ประกอบด้วยบันทึกผลงานของตระกูลตั้งแต่ยุคต้น๒ แสดงให้เห็นว่าการบันทึกส่วน ตัวและเก็บรักษาไว้เป็นเรื่องธรรมดาสามัญ แม้ประวัติศาสตร์จะหลากหลายแต่การ รวบรวมบันทึกรายการเช่นน้ีกลับหยุดย้ังอยู่ที่ความสนใจส่วนตัว คมั ภรี ท์ ปี วงศน์ น้ั ไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั นกั เขยี นคนใดเปน็ พเิ ศษ เพยี งนำ� เสนอบนั ทกึ เหตุการณ์ต้ังแต่ยุคแรกเร่ิมดังปรากฏเห็นในปัจจุบัน เป็นผลผลิตจากข้อมูลด้วย ความพากเพียรคร้ังใหญ่ ถือว่าเป็นงานเขียนของยุคเก่าก่อน เป็นคัมภีร์เล่มสุดท้าย ของงานวรรณคดีลังกาที่สามารถก�ำหนดระยะเวลาได้ ธรรมดาของประเทศโบราณท่ัว โลกน้ัน การเริ่มต้นงานด้านวรรณคดีมักจะมีระยะเวลาเป็นตัวก�ำหนด คัมภีร์ทีปวงศ์ ๒ เป็นการสรุปพร้อมกับเสริมส่วนที่น่าสนใจเกี่ยวกับการวิวาทกับวิทาเน เม่ือ พ.ศ.๒๓๙๗ คราวหน่ึง อังโคดะ สังฆานันทะสามเณร ได้บรรพชา พ.ศ.๒๓๘๕ จากน้ันได้แสดงธรรมอันทรงคุณค่า เกี่ยวกับสถานที่อันเป็นต้นเหตุ คร้ันเกิดคดีขึ้นมีการสอบสวนภายในพ้ืนที่ดูแลของสถานีต�ำรวจ มดวลแตนนะ คราวน้ันสามเณรถูกกล่าวหาว่าผิดกฎหมายของอังกฤษ แต่เนื่องจากทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ จึงหลุดคดี ส�ำนวนคดีรวมลงในการบันทึกของเนวิลล์เก็บไว้ท่ีพิพิธภัณฑ์บริติซ 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 225 1/18/20 1:17 PM
226 บันทึกเหตุการณ์เป็นภาษาบาลี ชื่อว่าเป็นเครื่องหมายการสิ้นสุดของระยะเวลาที่ส�ำคัญยิ่ง (หมายถึงสิ้นสุดราชวงศ์) ซ่ึงมีคุณค่าส�ำหรับคนรุ่นหลังเพ่ือก�ำหนดการบันทึกเหตุการณ์ด้านวรรณกรรม และ ความส�ำคัญแห่งความไร้ลักษณะเฉพาะทางจักรวาล เหตุเพราะงานเขียนแต่ละเล่มเป็น ผลผลิตของความเพียรด้านวรรณกรรมของส�ำนักศึกษาท้ังปวง หลังจากการก�ำเนิดข้ึน ของคัมภีร์ทีปวงศ์แล้ว หนังสือจ�ำนวนมากได้เกิดขึ้นโดยนักเขียนเพียงคนเดียว กล่าวคือพระพุทธโฆษาจารย์ การประพันธ์ของท่านได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง มีข้อมูลน่าสนใจปรากฏเห็นในอารัมภบทของคัมภีร์มหาวังสฎีกา๓ ซึ่งแสดง เหตุผลว่าบันทึกเหตุการณ์มีความเป็นมาอย่างใด จนกระทั่งถึงยุคสมัยการแต่งคัมภีร์ เป็นคาถาภาษาบาลี ผู้รจนาบอกว่าระยะเวลาก่อนการเขียนคัมภีร์มหาวงศ์นั้น มีคัมภีร์ ของส�ำนักมหาวิหารเล่มหนึ่งเขียนเป็นภาษาสิงหลแล้ว ชื่อว่าสีหลมหาวังสัตถกถา เนื้อหาเร่ิมต้นบรรยายการเสด็จมาลังกาของพระพุทธเจ้า บันทึกการเข้ามาของกิ่ง พระศรมี หาโพธ์ิ ประวตั กิ ารสงั คายนาและนกิ ายสงฆข์ องเถรวาท การนำ� พระพทุ ธศาสนา เข้าสู่เกาะลังกา การครอบครองลังกาของพระเจ้าวิชัย เหตุการณ์เหล่าน้ีท้ังมวลล้วนรู้ กันว่าเป็นบันทึกของคนเก่าโบราณ ซึ่งเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ความย่ิงใหญ่และ ราชวงศ์อันโด่งดังเกรียงไกร คัมภีร์มหาวงศ์เองพยายามเลียนแบบประวัติศาสตร์ที่แต่งโดยพระสงฆ์ ส�ำนักมหาวิหาร เนื้อหาในคัมภีร์เล่มน้ีมีจุดประสงค์มุ่งตรงต่อการหยุดยั้งภาษาสิงหล แล้วแทนที่ด้วยภาษามาคธี ไม่ว่าข้อมูลจะบรรจุอยู่ในคัมภีร์อรรถกถาหรือไม่ ถ้าปราศจากการหยุดย้ังส่วนหน่ึงส่วนใดแล้วก็ชื่อว่าปฏิเสธการใช้ภาษาถิ่นอย่างเดียว คมั ภีรม์ หาวงศเ์ ล่มน้ปี ระกอบดว้ ยภาษาบาลีชัน้ สูง ซง่ึ บริสุทธจิ์ ากความบกพร่องทั้งปวง ผู้เขียนปรารถนาประกาศราชวงศ์ให้ม่ันคงถาวรจากรุ่นสู่รุ่น โดยบรรยายจากเริ่มต้น และยกย่องสรรเสริญด้วยบทกวีนานา เหมือนพวงมาลาที่ร้อยเรียงด้วยบุปผชาติ นานาชนิด๔ ๓ Colombo Ed., pp. 22, 31-2; see also Geiger, Dip. and M.V., pp. 43 ff. ๔ Chap. i, opening stanzas. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 226 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 227 หลักฐานส�ำคัญของคัมภีร์ทีปวงศ์ได้ข้อมูลมาจากคัมภีร์สีหลมหาวังสัตกถา บางครั้งชื่อว่าคัมภีร์สีหลัตถกถา บางครั้งเรียกว่าคัมภีร์โปราณัตถกถา บางครั้ง เรียกโดยย่อว่าอรรถกถา๕ นอกจากน้ัน คัมภีร์มหาวังสฎีกายังระบุถึงงานเขียนยุคต่อมา ซ่ึงเพียบพร้อม ด้วยข้อมูลทางประวัติศาสตร์ กล่าวคือ ๑) คัมภีร์อุตตรวิหารอรรถกถาและคัมภีร์ อุตตรวิหารมหาวังสะ ๒) คัมภีร์วินยัตถกถา ๓) คัมภีร์ทีปวังสัตถกถา ๔) คัมภีร์ สีมากถา ๕) คัมภีร์เจติยะและคัมภีร์มหาเจติยวังสอรรถกถา ๖) คัมภีร์มหาโพธิ- วังสกถา ๗) คัมภีร์สุเมธกถา และ ๘) คัมภีร์สหัสสวัตถุอรรถกถา ดังท่ีรู้กันดีคัมภีร์เหล่าน้ีไม่มีหลงเหลือให้เห็นอีกแล้ว แต่ช่ือท่ีระบุไว้เป็นการ ช้ีให้เห็นถึงความภาคภูมิใจ เล่มแรกเป็นบันทึกเหตุการณ์ของคณะสงฆ์อุตตรวิหาร เลม่ ทสี่ ามเปน็ หนงั สอื อรรถกถาแตง่ แกค้ มั ภรี ท์ ปี วงศ์ เลม่ ทสี่ ว่ี า่ ตามหลกั ฐานเปน็ บนั ทกึ เขตแดนอาณาบริเวณของส�ำนักมหาวิหาร เล่มท่ีห้าเป็นบันทึกเก่ียวกับเจดีย์ที่ก่อสร้าง ในลังกา โดยเฉพาะพระมหาสถูปของพระเจ้าทุฏฐคามณี ส่วนเล่มสุดท้ายเป็นการ รวบรวมต�ำนานและนิทานพื้นบ้าน ส�ำหรับคัมภีร์สุเมธกถาน้ันน่าจะเป็นพุทธประวัติ เริ่มต้นต้ังแต่ได้รับพุทธพยากรณ์ (วิวรณะ) ในพระพุทธหัตถ์ของพระศาสดาเจ้าทีปัง กรสมัยเป็นดาบสสุเมธหลายกัปก่อน หากข้อมูลข้างต้นเป็นความจริงแล้วไซร้ แสดงว่าคัมภีร์พุทธวังสัตถกถายึดถือ หลักฐานในคัมภีร์สุเมธกถาเป็นหลัก ความมีอยู่ของคัมภีร์อุตตรวิหารมหาวังสะ ตามรายช่ือดังกล่าวเป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะแสดงให้เห็นว่าคณะสงฆ์แต่ละ นิกาย ย่อมเคยชินกับการรักษาบันทึกของหมู่คณะแห่งตนเป็นพิเศษ หากพิจารณา จากค�ำอ้างอิงในคัมภีร์มหาวังสฎีกา คัมภีร์อุตตรวิหารมหาวังสะน่าจะแตกต่างจาก บันทึกเหตุการณ์ของส�ำนักมหาวิหารไม่มากนัก โดยเฉพาะโครงสร้างทั่วไปเช่นเดียว ๕ Geiger, Dipavamsa and Mahavamsa, pp. 45 foll. 1/18/20 1:17 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 227
228 บันทึกเหตุการณ์เป็นภาษาบาลี กับข้อมูลรายละเอียด และปรากฏชัดเจนว่าประกอบด้วยข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ไม่มากนักท่ีพบในคัมภีร์เล่มอ่ืน๖ จากข้อมูลอ้างอิงจ�ำนวนมากในคัมภีร์มหาวังสฎีกาสามารถสรุปได้ว่า สมัย การแต่งต�ำราฎีกาน่าจะมีการรวบรวมผลงานด้านวรรณคดีไว้เป็นจ�ำนวนมาก แต่ละ อารามต้องมีการรักษาสืบต่ออย่างระมัดระวัง ส่วนใหญ่คัมภีร์เหล่านั้นลอกเลียน แบบมาจากคัมภีร์อรรถกถา กล่าวคือคัมภีร์แต่งแก้พระไตรปิฎก วรรณคดีของลังกา ยุคต้นได้ก้าวกระโดดเฉพาะด้านเน้ือหาอย่างเดียว ตัวอย่างเช่น ประวัติศาสตร์เกี่ยว กบั ตน้ พระศรีมหาโพธ์ิ หรอื การก่อสร้างเจดยี ์ ซึง่ นำ� มาจากงานเขียนอนั เกา่ แก่แลว้ สร้าง แก่นสารให้เข้ากับต�ำนานหลายเล่ม ลักษณะพิเศษของคัมภีร์ทีปวงศ์ คัมภีร์ทีปวงศ์แสดงให้เห็นถึงความพยายามครั้งแรกที่ต้องการท�ำเน้ือหาให้ กระชับ มีวิธีการน�ำเสนอได้ใจความ และมีรูปแบบเร่ืองราวต่อเน่ือง อีกทั้งรวมกันเป็น กลุ่มก้อนด้วยเทพนิยาย ต�ำนาน นิทาน และประวัติศาสตร์ นอกจากน้ัน พยายาม ย้อนหลังกลับไปสมัยที่ยังลึกลับเหมือนเคยเป็น เพิ่มเติมแหล่งข้อมูลทางต�ำนานอัน หลากหลาย ขวนขวายเพ่ือสร้างสรรค์องค์ประกอบ จากหลายแหล่งข้อมูลที่เกลื่อน กล่นหลากหลาย บันทึกเช่นน้ีเกิดมีขึ้นกลายเป็นรูปแบบภายนอกของคัมภีร์ทีปวงศ์ ความรุ่มร่ามบกพร่องของภาษาและจังหวะ การกล่าวซ�้ำแล้วซ้�ำอีก การละทิ้งส่ิงไม่ จ�ำเป็น และอักขระที่ไม่ปะติดปะต่อมีอยู่ท่ัวไป ความไม่สมบูรณ์จ�ำนวนมากพบเห็นใน การเรียบเรียง และความต้องการแบบแผนช่วยให้สามารถก�ำหนดระยะเวลาการ แต่งได้ เน้ือหาประกอบด้วยพระคาถาจ�ำนวนมาก ซ่ึงสามารถระบุส่วนส�ำคัญของนิทาน ได้ มกี ารจดั แจงเหมอื นเสรมิ เทคนคิ การชว่ ยจำ� และความผดิ หลกั ศลิ ปะรวมเขา้ ดว้ ยกนั ไกเกอร์เรียกรูปแบบนี้ว่า อนุสติคาถา (Memory Verses)๗ ๖ เรื่องราวของเจ้าชายนันทะ ๙ พระองค์ M.tika, p. 117, และเร่ืองราวอันแสนหวาน ระหว่างพระเจ้าปัณฑุกาภัยกับยักษิณีเจติยา Ibid., p. 202. ๗ Geiger, Dipavamsa and Mahavamsa, p. 8. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 228 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 229 บ่อยครั้งจะพบเห็นเร่ืองเล่าท่ีแตกต่างแต่ระบุเป็นเรื่องคล้ายกัน๘ แสดงให้เห็น ว่าเร่ืองเหล่านั้นมีรากเหง้ามาจากแหล่งข้อมูลแตกต่างกัน เนื่องจากต้องการเก็บรักษา ต�ำนานหลากหลายเหล่าน้ันตามที่มีอยู่ อาจจะเป็นทางการน้อยบ้างหรือมากบ้าง ด้วยความเคารพนับถือว่าเป็นของเก่าโบราณ และส่งมอบให้อนุชนรุ่นหลังโดยไม่มีการ เปลี่ยนแปลง คัมภีร์ทีปวงศ์มิใช่เป็นผลงานเขียนของคนเดียว แต่เขียนหลายต่อหลาย รุ่นสืบเนื่องตกทอดกันมาด้วยอารมณ์ปีติแรงกล้า เสริมด้วยนักเขียนที่เชี่ยวชาญ ดังค�ำอารัมภบทแสดงไว้ว่า บิดให้เป็นพวงมาลาแห่งประวัติศาสตร์จากรุ่นสู่รุ่น เหมือนบุปผชาตินานาพันธุ์ สันนิษฐานว่าอาจจะมีการสวดด้วยมุขปาฐะต้ังแต่เร่ิมต้น จึงบังเกิดมีการจัดแจงเนื้อหาส�ำคัญหลายแห่ง จนปรากฏออกมาก่อนแสดงแก่ผู้ฟัง คร้ังแล้วคร้ังเล่า แสดงถึงความสามารถเต็มเปี่ยมในการทรงจ�ำ หากเป็นเช่นน้ัน แล้วไซร้ อะไรท่ีปรากฏเห็นเป็นความซุ่มซ่ามไร้ศิลปะ ย่อมปรากฏมีเป็นธรรมดาวิสัย คราวสมัยสืบทอดด้วยมุขปาฐวิธี ว่าตามหลักฐานยังมีหนังสือแต่งแก้คัมภีร์ทีปวงศ์ ซ่ึงให้รายละเอียดเก่ียวกับ ประเด็นที่เกิดขึ้นในคาถาเพ่ือช่วยในการจดจ�ำ คัมภีร์มหาวังสฎีกาเองก็อ้างถึงคัมภีร์ ทีปวังสัตถกถา ระบุว่าแต่งโดยผู้เขียนคัมภีร์มหาวงศ์นั่นเอง ซ่ึงท่านได้สาธยายตาม พระราชด�ำรัสของพระเจ้าธาตุเสนะ เน่ืองในเทศกาลบูชาพระมหินทเถระ๙ หนังสือรวบรวมรายชื่อวรรณคดีลังกาของเนวิลล์ได้มุ่งความสนใจให้ความ ส�ำคัญกับภิกษุณีเป็นกรณีพิเศษ เพราะข้อมูลท้ังหมดในคัมภีร์ทีปวงศ์ระบุว่ามี หลักฐานเก่ียวข้องกับผู้เขียน แต่ไม่สามารถยืนยันว่าเป็นผลงานการบันทึกของ พระสงฆ์เถรวาทแห่งส�ำนักมหาวิหาร เพราะพระเจ้าแผ่นดิน (พระเจ้าธาตุเสนะ) ล้วน ใส่ใจให้ความอุปถัมภ์พระมหานามเถระเป็นอย่างดียิ่ง ซ่ึงแทรกแซงเข้าแทนที่ในคัมภีร์ ๘ e.g. the First Council in 4, vv. 1-26; and again, 5, vv. 1-15. ๙ Maha-vamsa, xxxviii, p. 173. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 229 1/18/20 1:17 PM
230 บันทึกเหตุการณ์เป็นภาษาบาลี มหาวงศ์ นอกจากน้ัน คัมภีร์เล่มน้ีไม่น่าจะเป็นบันทึกของพวกธรรมรุจินิกายแห่งส�ำนัก อภัยคิรีวิหาร เหตุเพราะไม่สนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความมั่งค่ัง การก่อต้ังราชวงศ์ พร้อมกับการค�ำนวณอย่างถูกต้อง นอกจากต้ังข้อสังเกตแสนส้ันว่าไม่สามารถรบกวน ผู้ใด แต่ขยายให้กว้างขวางข้ึนเป็นสังคมท่ีสาม กล่าวคือคณะสงฆ์ภิกษุณีฝ่ายเถรวาท อาจจะดูเหมือนว่าพระมหานามเถระอิจฉาความโด่งดังของภิกษุณี เพราะท่านไม่ได้ กล่าวถึงส่ิงใดเลยแม้แต่กิตติศัพท์ของพระมหิลาเถรี ผู้เป็นพระราชธิดาของพระเจ้า กากวัณณติสสะหรือพระกนิษฐาของพระเจ้าทุฏฐคามณี เน้ือหาบทท่ี ๑๕ มีบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับภิกษุณี ซ่ึงเป็นสมณทูตยุคแรก เดินทางมาจากอินเดีย ผู้เรียนรู้แตกฉานในพระธรรมวินัย บทที่ ๑๗ ย�้ำถึงการน�ำต้น พระศรีมหาโพธ์ิเข้ามาโดยพระรุจนันทาเถรี พระกนกทัตตาเถรี และพระสุธัมมาเถรี แต่พระมหานามเถระกลับไม่ให้ความส�ำคัญเลย บทท่ี ๑๘ กล่าวถึงหลักฐานเก่ียวกับ รายช่ือของภิกษุก่อนภิกษุณี ถ้าพระสงฆ์ท�ำหน้าท่ีสวดส่วนน้ีแล้วไซร้ ก็ม่ันใจได้ว่าต้อง ตัดท้ิงออกไป จึงเป็นธรรมดาว่าผู้เขียนจ�ำต้องละภิกษุณีเสีย เพราะต้องการเน้นย�้ำให้ ผู้ฟังเห็นความส�ำคัญของภิกษุสงฆ์มากกว่า พระคาถาเร่ิมต้นอธิบายถึงคณะสมณทูตท่ีมาจากอินเดีย เพ่ือท�ำหน้าท่ีสั่งสอน พระวนิ ยั พระสตู รและพระอภธิ รรม หลกั ฐานบอกวา่ รชั สมยั ของพระเจา้ อภยั พระสมุ นา เถรีเป็นผู้ท�ำหน้าท่ีสอนคัมภีร์สัทธัมมวังสะ และพระมหิลาเถรีเป็นผู้แตกฉานเพราะ ร�่ำเรียนคัมภีร์นั้น รัชสมัยของพระเจ้าสัทธาติสสะ ไม่มีนักประวัติศาสตร์คนไหน ระบุถึงภิกษุณีเลย แต่รัชสมัยของพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัย มีกล่าวถึงพระสีวลาเถรี และพระมหารหุ าเถรชี าวอนิ เดียว่าเป็นนกั ประวัติศาสตร์ รัชสมยั ของพระเจา้ กุฏกิ ณั ณะ และพระโอรสนามว่าอภัย ทรงช่ืนชมศรัทธาพระนาคมิตตาเถรี ผู้อุปสมบทในลังกา และแตกฉานด้านประวัติศาสตร์ศาสนา ก่อนจะสรุปพระคาถาลงตรงสมัยพระเจ้า มหาเสนะ ปรากฏว่าภิกษุณีหลายรูปที่โด่งดัง ตัวอย่างเช่น พระสันหาเถรี และ พระสมุททาเถรี ซึ่งมีความรู้แตกฉานในคัมภีร์สัทธัมมวังสะ คัมภีร์สัทธัมมวังสะกล่าวถึงช่ือนักประวัติศาสตร์และนักเขียนประเภทเยินยอ ๘ รูป ในบรรดารายชื่อภิกษุณีจ�ำนวน ๗๒ รูป ผู้ท�ำหน้าที่สอนพระธรรมวินัย มี 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 230 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 231 หลักฐานค่อนข้างแน่นอนระบุว่ารัชสมัยของพระเจ้าทุฏฐคามณี พระสุมนาเถรีได้สอน วังสะเป็นคร้ังแรกแก่เหล่าภิกษุณี ส่วนพระราชธิดามหิลาได้ร้อยเรียงต�ำนานลังกาว่า ด้วยครอบครัวของตนเอง พร้อมกับบันทึกเหตุการณ์เหล่าอ่ืน ซึ่งได้รับมอบสืบต่อมา จากพระสังฆมิตตาเถรีและคณะ สมัยต่อมาพระสีวลาเถรีและพระมหารุหาเถรี ชาวอินเดียได้ปรับปรุงข้ึนใหม่ และอาจเป็นไปได้ว่าข้อมูลเหล่าน้ีได้ก่อรูปเป็นภาษาบาลี ดั้งเดิมโดยมิได้ขัดเกลาปรับปรุงส�ำนวน จากน้ันเติมแต่งโดยพระนาคมิตตาเถรี สมัยต่อมาปรับปรุงอีกคร้ังโดยพระสันหาเถรีและพระสมุททาเถรี การตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการประพันธ์คัมภีร์ทีปวงศ์เช่นน้ี เป็นความคิด แหลมคมยิ่งนักและสมควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ผู้เขียนไม่ทราบว่าเนื้อความ ดังกล่าวข้างต้นได้ตีพิมพ์ท่ีใดมาก่อนหรือไม่ จึงได้น�ำข้อมูลเต็มรูปแบบเช่นน้ีมาแสดง ใหเ้ หน็ จงึ เปน็ ไปไมไ่ ดก้ บั การแสดงขอ้ มลู จนกระทงั่ มาถงึ บทสรปุ ทแ่ี นน่ อน ยงั มปี ระเดน็ เล็กน้อยตามค�ำอ้างของเนวิลล์ ซ่ึงดูแล้วไม่มีผลกระทบต่อการโต้เถียงในประเด็นใหญ่ เพราะไม่มีความถูกต้องชัดเจน ดังเช่น พระมหานามเถระแต่งคัมภีร์มหาวงศ์เพราะ อิจฉาความมีช่ือเสียงของภิกษุณี พระมหานามเถระคงชราภาพมากแล้วจึงบรรยาย คัมภีร์ทีปวงศ์ด้วยความหลงลืม และปรับแต่งเน้ือหาใหม่ด้วยความผิดพลาดบกพร่อง ซึ่งไม่เพียงพอส�ำหรับการเรียบเรียงของผู้คงแก่เรียน ท่านคงเร่ิมต้นรวบรวมงานเขียน ซึ่งเก็บรักษาไว้เป็นจ�ำนวนมากพร้อมกับการพัฒนาวรรณคดีในเวลานั้น คัมภีร์ทีปวงศ์ก็เหมือนคัมภีร์มหาวงศ์ กล่าวคือสิ้นสุดการบันทึกพร้อมกับการ สวรรคตของพระเจ้ามหาเสนะ ไม่ว่าคัมภีร์มหาวงศ์จะเข้ามาแทนท่ีคัมภีร์ทีปวงศ์หลัง จากช่วงเวลาน้ันหรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าผู้เขียนส้ินสุดประวัติศาสตร์ช่วงส�ำคัญสมัยพระเจ้า มหาเสนะ เจาะจงตรงท่ีชะตากรรมครั้งอดีตของศูนย์กลางแห่งจิตวิญญาณกล่าวคือ ส�ำนักมหาวิหาร ซึ่งถูกแยกออกมาจากการปรากฏตัวขึ้นแห่งการเรืองอ�ำนาจของ กลุ่มตรงกันข้าม ผู้ได้รับอนุมัติจากพระเจ้าแผ่นดินให้ท�ำลายล้างส�ำนักมหาวิหารก็ตาม ข้อมูลเช่นนี้เป็นเร่ืองอธิบายได้ยากนัก๑๐ ๑๐ Dipa-vamsa, p. 8. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 231 1/18/20 1:17 PM
232 บันทึกเหตุการณ์เป็นภาษาบาลี (บน) คัมภีร์ทีปวงศ์ถอดแปลเป็นภาษาอังกฤษโดย Hermann Oldenberg และ (บน) คัมภีร์ มหาวงศ์ถอดแปลเป็นภาษาอังกฤษ โดย Wilhelm Geiger ซากปัญจวาสะหรือหมู่กุฎีภิกษุณีอารามแห่งส�ำนักอภัยคิรีวหาร บริเวณลังการามเจดีย์ 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 232 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 233 (บน) ลังการามเจดีย์ ภายในส�ำนักอภัยคิรีวิหาร และ (ล่าง) อารามภิกษุณีแห่งส�ำนักอภัยคิรีวิหาร บริเวณลังการามเจดีย์ (คัดลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 233 1/18/20 1:17 PM
234 บันทึกเหตุการณ์เป็นภาษาบาลี (บน) สิคิริยาหรือพระราชวังลอยฟ้า สร้างโดยพระเจ้ากัสสปะที่ ๑ (ล่าง) สีหคิรีวิหารหรือสีคิริยา เดิมถวายเป็นอารามวิหาร (คัดลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 234 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 235 ถูปารามเจดีย์สัญลักษณ์แห่งการประดิษฐานพระพุทธศาสนา เมืองเก่าอนุราธปุระ (คัดลอกภาพ จาก www.google.co.th/maps) หอฉนั ภายในสำ� นกั อภยั คริ วี หิ าร เมอื งเกา่ อนรุ าธปรุ ะ (คดั ลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 235 1/18/20 1:17 PM
236 บันทึกเหตุการณ์เป็นภาษาบาลี แต่ผู้เขียนค่อนข้างเห็นด้วยกับหลักฐานประเด็นแรกที่บอกว่าคัมภีร์มหาวงศ์ เข้ามาแทนท่ีคัมภีร์ทีปวงศ์ คัมภีร์มหาวงศ์ท�ำหน้าที่เติมเต็มจุดมุ่งหมายทั้งหมดของคัมภีร์ทีปวงศ์จนดีข้ึน กว่าเดิม และไม่มีเหตุผลว่าจะต้องสืบต่อตามรูปแบบเดิม ผู้เขียนเห็นด้วยกับโอเดน- เบอร์กในการก�ำหนดระยะเวลาการแต่งคัมภีร์ทีปวงศ์ว่า ควรอยู่ระหว่างตอนกลาง พุทธศตวรรษที่ ๙ กับตอนปลายพุทธศตวรรษท่ี ๑๐ ซึ่งเป็นระยะเวลาการเขียนคัมภีร์ เสรจ็ สน้ิ ดงั รปู แบบทเ่ี หน็ กนั ในปจั จบุ นั ๑๑ แตไ่ มน่ า่ จะเขยี นเสรจ็ กอ่ นเรมิ่ ตน้ พทุ ธศตวรรษ ที่ ๙ เพราะมีค�ำบรรยายสืบเน่ืองต่อมาจนกระทั่ง พ.ศ.๘๔๕ พระพุทธโฆษาจารย์เอง ก็อ้างอิงข้อมูลหลายครั้งจากคัมภีร์ทีปวงศ์ แต่ค�ำอ้างอิงเหล่านั้นบางส่วนแตกต่างจาก ฉบับปัจจุบัน๑๒ เนือ้ หาในคัมภีรม์ หาวงศร์ ะบุว่าพระเจา้ ธาตเุ สนะโปรดใหส้ วดคัมภรี ท์ ีปวงศ์ตอ่ สาธารณชน ในเทศกาลบูชารูปปั้นพระมหินทเถระประจ�ำปี เชื่อกันว่าเวลาน้ันคัมภีร์ ทีปวงศ์ได้เขียนเสร็จแล้ว๑๓ หลังจากนั้นคัมภีร์คงไม่ได้ใช้ประโยชน์จึงถูกละเลย ทอดทิ้ง ความรุ่งเรืองคงถูกบดบังโดยงานเขียนอันดีเยี่ยมของพระมหานามเถระ แต่ น่าจะมีการศึกษาสืบต่อมาอีกนานปี เพราะสมัยหลังพระธรรมกิตติท่ี ๓ แห่งส�ำนัก อรัญวาสี ได้อ้างไว้ในคัมภีร์แห่งตนนามว่าสทั ธมั มสงั คหะด้วยความเคารพช่ืนชมสูงสุด เพราะเห็นว่าเป็นงานเขียนอันเต็มไปด้วยความดีงามและส�ำคัญมากมาย๑๔ ๑๑ Dipa-vamsa., p. 9. ๑๒ e.g. see Oldenberg, Dip., xii, note 2; and also on Dip., 5, 30. ๑๓ สมัยนี้เกิดการคละกันระหว่างคัมภีร์สองเล่มประมาณ 100-150 ปี ส�ำหรับความแตกต่าง บางประเด็นตามลักษณะ พระพุทธโฆษาจารย์ได้ปรากฏตัวระหว่างคัมภีร์สองเล่มนี้ ๑๔ e.g. Saddhamma-sanghaha, pp. 47, v. 7; 49, vv. 8 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 236 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 237 เก่ียวกับคัมภีร์มหาวงศ์ เริ่มต้นพุทธศตวรรษท่ี ๑๐ เป็นยุคพัฒนาวงการวรรณคดีคร้ังใหญ่ในลังกา หมายรวมถึงผลงานของพระพุทธโฆษาจารย์ด้วย ภาษาบาลีได้ก่อตัวขึ้นเป็นรูปธรรม ชัดเจนในฐานะภาษาของคณะสงฆ์และวรรณคดีพุทธศาสนา พระพุทธโฆษาจารย์น้ัน เป็นผู้เช่ียวชาญด้านภาษาอย่างยิ่งยวด เพราะแต่งต�ำราด้วยส�ำนวนลีลาละเมียดละไม ชวนหลงใหล ไม่นานงานเขียนทั้งหลายของท่านได้ปรากฏมีตามอารามวิหารน้อยใหญ่ พระสงฆ์ท้ังปวงต่างต้ังใจศึกษาอ่านเขียนและเรียนท่องคัมภีร์อย่างจริงจัง งานเขียน ของพระพุทธโฆษาจารย์เป็นจุดเปล่ียนระหว่างยุคเก่าเข้าสู่ยุคใหม่ของวรรณกรรมบาลี ดว้ ยการจดั วางองคป์ ระกอบอยา่ งเปน็ รปู แบบ ไมน่ านผสู้ บื ทอดจงึ กลายเปน็ ผเู้ ชยี่ วชาญ ด้านไวยากรณ์ภาษาบาลี มีลีลาท่ีงดงามเพียบพร้อม เพราะเกิดจากการรวบรวมข้อมูล เบื้องต้นเป็นอย่างดี ช่วยกันปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม ความพากเพียรท่ีไร้ผลจากการแต่ง คัมภีร์ภาษาบาลีหลายครั้งหลายครา จ�ำต้องจัดวางเปลี่ยนถ่ายจากจังหวะอืดอาดไร้ ศิลปะท่ีปรากฏเห็นในคัมภีร์ทีปวงศ์ ให้สมบูรณ์พร้อมด้วยความงดงามอลังการและ ไพเราะกลมกล่อมด้วยส�ำนวนวรรณคดี ซ่ึงปรากฏมีในพระคาถาของคัมภีร์มหาวงศ์ เป็นอีกคร้ังหนึ่งท่ีความเช่ียวชาญเหนือรูปแบบวรรณคดีได้ถึงจุดสูงสุด นักเขียนจ�ำนวนมากต่างกระตือรือร้นที่จะใช้สอยประโยชน์จากข้อมูลมากมายซ่ึงมีอยู่ ในมือ อีกคร้ังท่ีภาษาบาลีได้เกิดประโยชน์มีอิทธิพลเหนือภาษาสิงหล และถือว่าเป็น จุดมุ่งหมายของนักเขียนเหล่าน้ันในความก้าวหน้าของงานเขียนน้อยใหญ่ นักเขียน ท้ังหลายได้ท้ิงภาษาสิงหลไว้ข้างหลัง กล่าวคือปฏิเสธภาษาชาวเมืองเสีย (ทีปภาษา) สรรค์สร้างงานเขียนด้วยภาษาบาลีชั้นสูง ซ่ึงถือว่าเป็นมารดรแห่งภาษาสนทนาท้ังปวง มีความไพเราะเสนาะโสตประทับตราตรึงใจ เย็นใจสบายจิตและสามารถซึมซับเข้าสู่ ความรู้สึกภายใน นักเขียนเหล่าน้ันได้พบว่างานเขียนของนักปราชญ์รุ่นเก่า เต็มไปด้วยความ ผิดพลาดคลาดเคลื่อน บกพร่องด้วยส�ำนวนอันยืดยาวและขาดความแน่นอนของ รายละเอียด พวกเขาพากันประพฤติตัวราวกะว่าเชื่อม่ันสุราชนิดเดิมเติมใส่ภาชนะเก่า 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 237 1/18/20 1:17 PM
238 บันทึกเหตุการณ์เป็นภาษาบาลี เป็นของโบราณล้าสมัยเต็มไปด้วยหยากไย่เกรอะกรัง จึงปรารถนาท่ีจะเติมใส่ใน ขวดใหม่ ขัดถูให้แวววับประดับให้งามตาด้วยงานศิลป์ แต่เป็นสุราเดิมน้ันแล ความ ช่ืนชอบในการรักษาของเก่ายังคงมีสืบต่อมาอีกหลายปี เมื่อพระมหานามเถระแต่งคัมภีร์มหาวงศ์ จึงเพียบพร้อมด้วยข้อมูลทุก สรรพวิชา สามารถสรุปรายละเอียดเหตุการณ์ส�ำคัญทุกส่ิงอย่าง เหมือนพวงมาลาท่ี สวยสดงดงามเพราะเรียงร้อยด้วยดอกไม้นานาชนิด เจิดจ้าด้วยสีสันตระการตา มีรสชาติและกล่ินหอมยวนใจ กล่าวกันว่าพระมหานามเถระไม่สามารถเขียนเกินกว่า ข้อมูลเดิม ท่านพยายามอย่างหนักที่จะจ�ำกัดขอบเขตกับข้อมูลที่ดีท่ีสุดตาม ความสามารถแห่งตน บ่อยครั้งที่ท่านหยิบยืมคาถาภาษาบาลีโดยไม่เปล่ียนแปลง โดยเฉพาะเม่ือพบว่ามีเน้ือหาสามารถเช่ือถือได้ ท่านใช้ข้อมูลเช่นเดียวกันกับคัมภีร์ ทีปวงศ์ สังเกตได้จากหลักฐานหลายแห่งในหนังสือทั้งสองเล่มมีความคล้ายกันมาก หากเปรียบเทียบศัพท์ต่อศัพท์๑๕ ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เขียนคัมภีร์มหาวงศ์ค่อนข้างมีน้อย บทสรุปของคัมภีร์ มหาวังสฎีการะบุว่าเป็นผลงานของพระมหานามเถระ๑๖ และอธิบายเพ่ิมเติมว่าท่านมี ชีวิตอยู่ในกุฎีที่สร้างถวายโดยเสนาบดีทีฆสัณฑะ ผู้เป็นแม่ทัพสมัยพระเจ้าเทวานัม- ปิยติสสะ๑๗ วิหารแห่งน้ีมีนามว่าทีฆสัณฑเสนาปติปริเวณะ เป็นของคณะสงฆ์ส�ำนัก มหาวิหาร ต�ำนานลังกาบอกว่าพระมหานามเถระรูปนี้ เป็นพระมาตุลาของพระเจ้า ธาตุเสนะ ผู้อาศัยอยู่ในอารามของทีฆสัณฑเสนาบดี๑๘ เทอร์เนอร์เห็นด้วยกับหลักฐานตามต�ำนาน แต่ไกเกอร์บอกว่าความคิดของ เทอร์เนอร์นั้นผิด โดยช้ีแจงว่าต้องแยกพระมหานามเถระผู้แต่งคัมภีร์มหาวงศ์ ออกจากพระมาตุลาของพระเจ้าธาตุเสนะ๑๙ ผู้เขียนเห็นด้วยกับไกเกอร์ ๑๕ See Geiger, op. cit., pp. 14 foll. ๑๖ p. 502. ๑๗ M.V., xv, vv. 212-13. ๑๘ Ibid., xxxviii, v. 16, and xxxix, v. 42. ๑๙ Dipavamsa and Mahavamsa, pp. 41 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 238 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 239 ค�ำแย้งของไกเกอร์อ้างถึงบันทึกเหตุการณ์สมัยเจ้าชายธาตุเสนะเข้าสู่ร่มผ้า กาสาวพัสตร์ ภายใต้การดูแลของพระเจ้าลุงนามว่าพระมหานามเถระ ตรงกับสมัย กษัตริย์ทมิฬปัณฑยะรุกรานครอบครองลังกา ขณะน้ันพระมาตุลารูปนี้เป็นพระเถระ จึงเช่ือได้ว่ามีพระชันษายุกาลแก่กว่าพระราชนัดดาหลายปีนัก พระเจ้าธาตุเสนะน้ันขึ้น ครองราชย์ เมื่อ พ.ศ.๙๗๙ ส่วนการมอบถวายสีหคิรีวิหารแก่พระมหานามเถระ ผู้เป็นพระเถระผู้ใหญ่ซึ่งท�ำหน้าที่ดูแลทีฆสัณฑวิหาร ปรากฏมีในต้นรัชสมัยของ พระเจ้าโมคคัลลานะท่ี ๑ ค�ำค้านของไกเกอร์ก็คือสมัยน้ันพระมหานามเถระได้ย้าย ออกจากสีหคิรีวิหารแล้ว ถ้าท่านเป็นผู้เขียนคัมภีร์จริงแล้วไซร้ คงมิใช่คนเดียวกันกับ พระมาตุลาของพระเจ้าธาตุเสนะแน่นอน เพราะพระเจ้าธาตุเสนะคงไม่สามารถมี พระชนม์ชีพยืนยาวขนาดน้ัน ถามว่า เพราะเหตุใด ตอบว่า เพราะว่าพระมหานามะเป็นพระสงฆ์ชั้นเถระน่ันเอง คร้ังเมื่อเจ้าชายธาตุเสนะออกผนวช ประมาณกันว่า พ.ศ.๙๗๙ หรือ พ.ศ. ๙๘๔ พระมหานามเถระคงต้องมีอายุมากแล้ว พระมาตุลาของพระเจ้าธาตุเสนะ นั้นหลักฐานบอกว่าเป็นพระผู้ใหญ่ชั้นเถระ น่าเสียดายว่าไม่สามารถหาหลักฐานมา พิสูจน์ว่าท่านเป็นพระเถระในภายหลังหรือไม่ เม่ือมีการเขียนพระคาถาแต่งคัมภีร์ มหาวงศ์ พระมหานามเถระน่าจะชราภาพแล้ว เพราะอ้างกันไปตามธรรมดาเช่นน้ัน (หากบอกว่าเมื่อพระเจ้ายอจ์ซทรงมีพระชนมายุ ๕ พรรษา พระองค์ทรงเป็นพระกุมาร มอี ารมณร์ น่ื เรงิ ตามวยั แตไ่ มไ่ ดห้ มายความวา่ พระองคท์ รงเปน็ กษตั รยิ เ์ มอื่ พระชนมายุ เพียง ๕ พรรษา) หากพระมหานามเถระมีชันษายุกาลได้ ๓๐ พรรษา เม่ือเจ้าชายธาตุ เสนะออกผนวช คงจะมีอายุอย่างน้อย ๙๐ ปี เมื่อท่านได้รับมอบสีหคิรีวิหาร อายุจึง ไม่ใช่ค�ำตอบท่ีสมเหตุสมผล ผู้เขียนจึงเห็นว่าหลักฐานในการตัดอายุออกย่อมไม่เพียง พอต่อการยืนยัน และต�ำนานลังกาย่อมไม่มีส่วนรับผิดชอบข้อผิดพลาด ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับผู้แต่งคัมภีร์มหาวงศ์มากกว่าน้ี จารึกท่ีพุทธคยาได้ระบุ ช่ือพระมหานามเถระ๒๐ ในบรรดาพระเถระลังกาท่ีสืบทอดต�ำแหน่งต่อมา กล่าวคือ ๒๐ Fleet, Gupta Inscriptions, pp. 274 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 239 1/18/20 1:17 PM
240 บันทึกเหตุการณ์เป็นภาษาบาลี พระภรเถระ พระราหุลเถระ พระอุปเสนเถระ พระมหานามเถระ พระอุปเสนะท่ี ๒ พระมหานามะที่ ๒ พระอุปเสนเถระรูปแรกระบุชัดเจนว่าเป็นผู้แต่งคัมภีร์มหา- นิทเทสอรรถกถา ส่วนพระมหานามะรูปแรกคือผู้เขียนคัมภีร์มหาวงศ์ ระยะเวลาของ หลักจารึกแห่งน้ียังไม่สามารถรู้ได้แน่นอน๒๑ ไกเกอร์แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับงานเขียนของพระมหานามเถระว่า๒๒ คัมภีร์มหาวงศ์ทรงคุณค่าในนามแห่งมหากาพย์แท้จริง สมควรยอมรับว่าเป็นงานด้าน กวีนิพนธ์ ซึ่งสามารถพบเห็นกวีเช่นน้ีหลากหลายในผลงานของท่าน ถึงแม้ว่าท่านจ�ำ ต้องอาศัยข้อมูลท่ีผูกพันใกล้ชิดเท่าที่เป็นไปได้ แต่ท่านได้จัดแจงข้อมูลเหล่านั้นอย่าง พินิจพิเคราะห์ สัมผัสรับรู้จุดอ่อนและความผิดปกติอีกท้ังสืบค้นหา ด้วยการปรับปรุง ส�ำนวนใหม่และตัดข้อมูลเก่าอันไร้ประโยชน์เสีย ถึงแม้ว่าระดับแห่งกวีมหากาพย์จะ ถูกผนวกเข้ากับคัมภีร์มหาวงศ์แล้ว แต่กระบวนการพัฒนาวรรณคดียังไม่ถึงจุดสูงสุด จริง เป็นเพียงการเริ่มต้นตามที่มันเป็นไป จากน้ันไม่นานงานเขียนของพระพุทธ- โฆษาจารยไ์ ดเ้ พมิ่ แรงกระตนุ้ การศกึ ษาภาษาบาลมี ากขน้ึ ยง่ิ กวา่ นน้ั ขอ้ มลู สำ� หรบั บนั ทกึ เหตุการณ์อันเก่าแก่ยังคงมีอยู่ไม่หมดสิ้นไป นักเขียนรุ่นต่อมาจึงสามารถหยิบฉวย เนื้อหาและสืบต่อส่ิงท่ีพระมหานามเถระได้เริ่มต้นเอาไว้ พระมหานามเถระมใิ ชอ่ จั ฉรยิ ะ ทา่ นเปน็ คนหวั โบราณมากหากดจู ากการบนั ทกึ เหตกุ ารณข์ องทา่ น งานเขยี นของทา่ นจงึ ไมส่ ามารถรงั้ ตำ� แหนง่ ชน้ั เลศิ เปน็ เพยี งวรรณคดี ท่ีมีระเบียบเป็นคร้ังแรก แต่ความพากเพียรของท่านเป็นเหตุให้เกิดวรรณคดีภาษาบาลี กอ่ ใหเ้ กดิ การศกึ ษาประวตั ศิ าสตรแ์ กค่ นรนุ่ หลงั ตอ่ มาอยา่ งมากมายมหาศาลไมส่ ามารถ ประเมินค่าได้ หลังจากพระมหานามเถระมรณภาพแล้ว บันทึกเหตุการณ์ได้สืบต่อโดย นักเขียนรุ่นต่อมา ประวัติศาสตร์ของเกาะลังกาตั้งแต่รัชสมัยของพระเจ้ามหาเสนะ ถึงรัชสมัยของพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุแห่งอาณาจักรดัมพเดณิยะ เรียบเรียงโดย พระธรรมกิตติท่ี ๒ ภายใต้ราชูปถัมภ์๒๓ ๒๑ Rajendralal Mitra, Buddha-gaya, pp. 190 sq. ๒๒ Dipavamsa and Mahavamsa, p.2. ๒๓ Wijesinha, Maha-vamsa, p. 284, and Wickremasinghe, JRAS., 1896, pp. 202 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 240 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 241 รีส เดวิดส์ ได้ตั้งค�ำถามถึงความแน่นอนของถ้อยค�ำเบ้ืองต้น และกล่าวเสริม ว่านักบันทึกเหตุการณ์รุ่นใหม่ล้วนเร่งรีบก้าวข้ามกษัตริย์หลายพระองค์ แล้วขยาย เหตุการณ์ตามสมัยของราชวงศ์อย่างยืดยาว ดูเหมือนว่ามีการหยุดลงตรงบทว่าด้วย พระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช เพื่ออธิบายเหตุการณ์ส�ำคัญน่าต่ืนเต้นชวนติดตาม ขณะที่กษัตริย์พระองค์ต่อมาต่างเร่งรีบก้าวข้าม จนมาถึงพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ แห่งอาณาจักรดัมพเดณิยะ ซึ่งมีเน้ือหากล่าวถึงทั้งหมด ๗ บท๒๔ นี้อาจจะเป็นความสับสนระหว่างพระธรรมกิตติเถระทั้ง ๒ รูป รูปหน่ึงนั้นเป็น ผู้แต่งคัมภีร์ทาฐาวังสะ ในรัชสมัยของพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช ส่วนอีกรูปหนึ่ง เป็นผู้แต่งส่วนหนึ่งของคัมภีร์มหาวงศ์ ในรัชสมัยของพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุแห่ง อาณาจักรดัมพเดณิยะ กล่าวตามหลักฐานพระธรรมกิตติเถระรูปหลังดูเหมือนมีลีลา การเขียนสมัยต่อมา แต่ไม่มีหลักฐานสนับสนุนค�ำแย้งน้ี คงต้องหยุดความพอใจกับ การบันทึกเหตุการณ์เพียงเท่าน้ี จนกว่าจะสามารถหาหลักฐานมายืนยัน ส�ำหรับช่ือของผู้เขียนประวัติศาสตร์ลังกาตั้งแต่ยุคอาณาจักรดัมพเดณิยะ ถึงรัชสมัยของพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุแห่งหัสติไสลปุระ (ปัจจุบันเรียกว่า กุรุแณคะละ) ยังไม่สามารถสืบค้นได้แน่ชัด๒๕ ส่วนบันทึกเหตุการณ์จากสมัยน้ันจนถึง พ.ศ.๒๓๑๐ ตรงกับปีสวรรคตของพระเจ้ากีรติศรีราชสิงหะ เรียบเรียงโดยพระ- ติบโบตุวาเว สิทธัตถเถระเถระ และเหตุการณ์สืบเน่ืองเรื่อยมาจนถึง พ.ศ.๒๓๕๘ (สมัยเกาะลังกาตกเป็นของอังกฤษ) รับหน้าที่แต่งโดยพระฮิกกดุเว ศรีสุมังคลเถระ และบัณฑิตพฏุวันตุทาเว๒๖ ๒๔ JRAS., vii, p. 354 and footnote. 1/18/20 1:17 PM ๒๕ De Zoysa, p. 18. ๒๖ Colombo, 1877. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 241
242 บันทึกเหตุการณ์เป็นภาษาบาลี ต�ำราฎีกาแต่งแก้คัมภีร์มหาวงศ์ ยังมีต�ำราฎีกาแต่งแก้คัมภีร์มหาวงศ์ซ่ึงเขียนโดยนักเขียนนิรนาม ค�ำอุทิศ ตอนท้ายของต�ำราฎีกาเล่มนี้ชี้บอกว่า๒๗ ผู้เขียนเรียกงานเขียนของตัวเองว่าวังสัตถัป- ปกาสินี ต�ำนานลังการะบุว่าเป็นผลงานของพระมหานามเถระ ผู้แต่งคัมภีร์มหาวงศ์ นั่นเอง๒๘ แต่เป็นไปได้ยากนักที่นักเขียนสองคนจะเหมือนกัน ไกเกอร์บอกว่าคัมภีร์ เล่มน้ีเขียนข้ึนประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๕๒๙ ผู้เขียนต�ำราฎีกามีเอกลักษณ์ค่อนข้างแตกต่างจากนักเขียนรุ่นก่อน โดย เรียกตัวเองว่าอาจารย์๓๐ จึงเป็นไปได้ว่าหลายปีผ่านมาระหว่างคัมภีร์ดั้งเดิมและ ต�ำราฎีกาแต่งแก้ เป็นระยะเวลายาวนานจนกระทั่งชื่อหมู่บ้านเปลี่ยนไป เหตุเพราะ เกิดการเปล่ียนแปลง๓๑ ต�ำราฎีกายังระบุถึงพระเจ้าทาโฐปติสสะท่ี ๒ แต่เชื่อว่าเป็น เร่ืองยากที่คัมภีร์จะแต่งข้ึนก่อนหน้าน้ัน ประมาณกันว่า พ.ศ.๑๒๑๓๓๒ ผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับไกเกอร์ที่บอกว่าคัมภีร์มหาวังสฎีกาแต่งข้ึนประมาณ พ.ศ.๑๕๔๓-๑๗๙๓ เพราะผู้เขียนเห็นว่าระยะเวลายังไกลกันอยู๓่ ๓ ข้อโต้แย้งอีกอย่าง หนึ่งของไกเกอร์เก่ียวกับระยะเวลาได้อ้างมาจากคัมภีร์มหาโพธิวังสัตถกถา ซ่ึง หลักฐานปรากฏมีในคัมภีร์มหาวังสฎีกา ไกเกอร์พยายามยืนยันตามอรรถกถาเล่มนี้ กับคัมภีร์มหาโพธิวังสะของพระอุปติสสเถระ ซ่ึงเช่ือว่าแต่งข้ึนประมาณพุทธ- ศตวรรษท่ี ๑๕๓๔ ๒๗ Printed in Colombo and edited by Sumangala and Batuvantudave. ๒๘ De Zoysa, p. 18. ๒๙ Geiger, Dipavamsa and Mahavamsa, pp. 32 foll. ๓๐ e.g. p. 25, line I and II, 34-5; p. 28 line 18. ๓๑ Samagalla in the M.V. became Moragalla at the time of the tika, M.T. p. 427, line 26. ๓๒ 456, 27. ๓๓ Dip. and M.V., p. 34. ๓๔ M.T., 294, 8. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 242 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 243 ปัจจุบันยอมรับกันว่าคัมภีร์มหาโพธิวังสะได้แปลจากฉบับดั้งเดิมเรียบร้อย แล้ว พระอุปติสสเถระบอกไว้ในค�ำน�ำว่าเป็นงานเขียนของท่านเอง แต่มิได้หมายความ ว่าคัมภีร์มหาโพธิวังสะฉบับภาษาสิงหล๓๕ อ้างถึงข้อพิสูจน์คัมภีร์อรรถกถาที่ระบุไว้ใน คัมภีร์มหาวังสฎีกา หรือมิเช่นนั้นคัมภีร์มหาโพธิวังสอรรถกถาฉบับดั้งเดิมอาจจะไม่ ได้แปลเป็นภาษาสิงหล จึงไม่จ�ำเป็นต้องปฏิเสธว่าคัมภีร์มหาโพธิวังสะฉบับภาษาบาลี เป็นผลงานยุคหลัง อาจจะเขียนภายหลังประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๕ เพราะภาษา สามารถก�ำหนดระยะเวลาแน่นอนได้ มีความเป็นไปได้ว่าข้อมูลอ้างอิงทั้งสองแห่งใน คัมภีร์มหาวังสฎีกาถูกต้อง และข้อความในคัมภีร์มหาโพธิวังสะคัดลอกมาจากแหล่ง ข้อมูลเดียวกันท้ังทางตรงและทางอ้อม (ถ้าเป็นทางอ้อมน่าจะได้รับมาจากคัมภีร์ มหาโพธิวังสะฉบับภาษาสิงหล) ผู้เขียนจึงคิดว่าระยะเวลาท่ีกล่าวถึงในคัมภีร์มหา- วังสฎีกาตามค�ำกล่าวอ้างของไกเกอร์นั้น ยังมีหลักฐานจ�ำกัดมากอยู่ นอกจากน้ันหากตรวจสอบเนื้อหาของคัมภีร์มหาวังสฎีกาอย่างละเอียดจะพบ ว่า การเพ่ิมคัมภีร์มหาวงศ์ไม่ใช่รายละเอียดข้อมูลทางต�ำนานจนไม่สามารถพิจารณา ได้ เช่นเดียวกับนิทานพ้ืนบ้าน หากวิเคราะห์ต้นฉบับคัมภีร์มหาวงศ์จะเห็นว่า มิใช่ เพียงแหล่งข้อมูลตามท่ีผู้เขียนคัมภีร์มหาวงศ์ได้มา แต่น�ำมาจากแหล่งอื่นอันเก่าแก่ เท่ากัน คล้ายกับคัมภีร์มหาวังสัตถกถา คัมภีร์ทีปวังสัตถกถา และคัมภีร์อุตตรวิหา- รัตถกถา๓๖ ไม่นานหลังจากพระพุทธโฆษาจารย์แต่งคัมภีร์อรรถกถาเป็นภาษาบาลีแล้ว ท่านได้เก็บซ่อนงานเขียนด้านอธิบายหลักธรรมที่เป็นภาษาสิงหล จนอรรถกถาภาษา สิงหลด้ังเดิมไม่ได้ใช้อีกต่อไป เพียงไม่นานคัมภีร์เหล่าน้ันได้สูญหายไป เพราะไม่ สามารถตอบสนองความต้องการของผู้เรียน ส่วนโครงสร้างได้น�ำมาใช้ในงานเขียนของ พระพุทธโฆษาจารย์ ปัจจุบันคัมภีร์มหาวงศ์เก่ียวข้องกับคัมภีร์วังสัตถกถาภาษาสิงหล ๓๕ P.T.S. Ed., p. 2. 1/18/20 1:17 PM ๓๖ See also Geiger, op. cit., pp. 47 and 48. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 243
244 บันทึกเหตุการณ์เป็นภาษาบาลี เช่นเดียวกับคัมภีร์อรรถกถาของพระพุทธโฆษาจารย์ท�ำไว้ตามอรรถกถาพระไตรปิฎก กล่าวคือเรียบเรียงด้วยใจความกระชับและแน่นอนจากข้อมูลหลายแห่ง หลีกเลี่ยง ความไม่สมบูรณ์ และประกอบด้วยรายละเอียดเกือบจะท้ังหมด ควรเชื่อตามหลักการว่าคัมภีร์วังสัตถกถาภาษาสิงหล ไม่ได้มีอยู่นานจนถึง งานเขียนของพระมหานามเถระ ความจริงก็คือสมัยท่ีนักเขียนแต่งต�ำราฎีกา แหล่ง ข้อมูลดั้งเดิมยังมีการศึกษากันอยู่หรืออย่างน้อยก็ยังปรากฏมีอยู่ ยุคของผู้เขียน ต�ำราฎีกาคงไม่มากเกินกว่าห้าศตวรรษภายหลังพระมหานามเถระ เพราะพระมหานาม เถระมีชีวิตอยู่ในพุทธศตวรรษท่ี ๑๑ ผู้เขียนจึงเชื่อว่าผู้แต่งต�ำราฎีกาน่าจะมีชีวิต ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๓ ผู้เขียนได้หลักฐานสนับสนุนความคิดเช่นน้ี เพราะอาศัยชื่อพระมหานามเถระ รูปที่สอง ซ่ึงปรากฏในจารึกพุทธคยาดังที่อ้างถึงแล้ว กล่าวคือการสืบทอดนั้นเริ่มจาก พระอุปเสนะที่ ๑ พระมหานามะท่ี ๑ พระอุปเสนะที่ ๒ พระมหานามะท่ี ๒ ผู้เขียน ยังเชื่ออีกว่าพระมหานามะรูปท่ีสองเป็นผู้เขียนคัมภีร์ปฏิสัมภิทามัคคัตถกถา๓๗ การพิสูจน์ชื่อและการคาดคะเนเวลาของผู้เขียนทั้งสองรูปถือเอาตามต�ำนานลังกา ซ่ึงพาดพิงถึงคัมภีร์วังสัตถัปปกาสินี ในฐานะเป็นงานเขียนของพระมหานามเถระ ซึ่งก็คือผู้เขียนคัมภีร์มหาวงศ์น้ันเอง การเขียนคัมภีร์ทีปวงศ์และคัมภีร์มหาวงศ์ล้วนเกิดผลมากมายมหาศาล เพราะเป็นผลงานถูกต้องทางประวัติศาสตร์ และเป็นประโยชน์ต่อการเปิดเผย ประวัติศาสตร์แห่งเอเชียใต้ ความย่ิงใหญ่และความสนใจในการดูแลรักษาที่ระบุไว้ใน คัมภีร์ท้ังสองเล่ม เป็นหลักฐานช้ีบอกให้นักศึกษาผู้สนใจค้นคว้าประวัติศาสตร์ ทราบว่า พวกเขาเป็นผู้มีความส�ำคัญย่ิงสามารถก้าวเข้าสู่ความเข้าใจถูกต้อง เกี่ยวกับ ความสับสนทางบันทึกเหตุการณ์ของอินเดียอันลึกลับ ๓๗ q.r. 1/18/20 1:17 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 244
ศรีลังกา 245 สมิธ (Smith) ขนานนามคัมภีร์ทั้งสองเล่มว่านวนิยายอันโง่เขลาของนักบวช จอมโกหก (silly fictions of mendacious monks) และบรรยายเสริมว่า ข้าพเจ้า ขอปฏิเสธบันทึกเหตุการณ์ของลังกาอย่างเต็มท่ี โดยเฉพาะก่อนรัชสมัยของพระเจ้า ทุฏฐคามณี ความน่าเชื่อถืออันไม่สมควรที่ระบุตามค�ำอ้างของพระสงฆ์ลังกา ช่างเป็น ความมดื บอดอยา่ งใหญห่ ลวงตอ่ ความเขา้ ใจถกู ตอ้ งของประวตั ศิ าสตรอ์ นิ เดยี โบราณ๓๘ แต่สมิธกลับมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมก่อนสิ้นลม เม่ือเขียนบทความเก่ียวกับวัน ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ซ่ึงก่อรูปจากพื้นฐานส�ำคัญยิ่งต่อบันทึกเหตุการณ์ของ อินเดีย โดยเขาอธิบายว่าการทบทวนการอ่านจารึกขารเวละใหม่น้ัน หากถูกต้องจะ ช่วยให้เราย้อนถอยหลังไปสมัยไสสุนาคะ ประมาณ ๕๐ ปี และสามารถสนับสนุน ระยะเวลาของตำ� นานลงั กา เพอื่ กำ� หนดวนั ปรนิ พิ พานของพระพทุ ธเจา้ ได้ ซง่ึ อยปู่ ระมาณ ๕๔๔-๕๔๓ ปีก่อนคริสตกาล อาจจะเกิดการโต้แย้งว่าต�ำนานท่ีรักษาในแคว้นมคธ ควรมีคุณค่าน่าเช่ือถือ มากกว่าต�ำนานท้ังหลายท่ีบันทึกภายหลังโดยพระสงฆ์ลังกาผู้อยู่แดนไกลหรือไม่ แต่มีหลักฐานแท้จริงเพียงพอส�ำหรับยืนยันว่า พระพุทธเจ้าโคดมเป็นพระสหายร่วม วัยกับพระเจ้าพิมพิสารหรือเสรณิกะ (Srenika) ผู้มีพระโอรสพระนามว่าอชาตศัตรู หรือกูณิกะ (Kunika) หากเป็นเช่นนั้นไซร้ ผู้เขียนรู้สึกว่าความจริงถูกบดบังจน กระท่ังแสงได้ลอดช่องส่องประกายข้อมูลออกมา เพื่อให้ยอมรับความเป็นไปได้ว่า พุทธปรินิพพานน่าจะตรงกับ ๕๔๓ ปีก่อนคริสตกาล๓๙ ส่วนในบทน�ำอันทรงคุณค่าครั้งแปลคัมภีร์มหาวงศ์เป็นภาษาอังกฤษนั้น ไกเกอร์ได้น�ำหลักฐานอันเพียงพอจากข้อมูลภายนอก เพื่อต้องการพิสูจน์ความเช่ือ ซึ่งนักปราชญ์รุ่นหลังโน้มน้าวให้ยึดบันทึกเหตุการณ์ลังกาเป็นหลัก๔๐ ความจริงคือ บรรดาข้อมูลรายละเอียดเหล่าน้ัน ได้แสดงให้เห็นถึงความรักในปาฏิหาริย์ การเช่ือ ๓๘ Asoka, preface, p. 6. ๓๙ Early History of India, p. 50, 1924 ed. ๔๐ Mahav., Introd., pp. xv foll. Also Norman, JRAS., 1908, pp. 1 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 245 1/18/20 1:17 PM
246 บันทึกเหตุการณ์เป็นภาษาบาลี คนง่าย ความเชื่อถืองมงาย การกล่าวเกินความจริง การยกยอกษัตริย์และเช้ือ พระวงศ์ ซึ่งสามารถพบเห็นในประวัติศาสตร์ด้านศาสนาของประเทศที่เรียกตัวเองว่า เจริญแล้ว กล่าวคือชาวคริสต์ ผู้มิใช่ชาวคริสต์ และชาวยุโรปยุคเก่าและยุคใหม่ ความคิดเห็นของผู้เขียนคือข้อบกพร่องหลักของนักเขียนเหล่าน้ันเอง กล่าวคือขณะพยายามอธิบายถึงประวัติของราชวงศ์และราชกิจของบรรดากษัตริย์ น้อยใหญ่ และความสามารถเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ศาสนา แต่กลับไม่กล่าวถึงชีวิตประจำ� วันของผู้คนสามัญ ซึ่งมีจ�ำนวนหลายล้านท่ีมีส่วนช่วยสร้างประวัติศาสตร์ต้ังแต่ ยคุ โบราณกาล แตน่ น้ั อาจจะปฏเิ สธโดยปราศจากการพจิ ารณาถงึ ขอ้ เสยี เปรยี บทง้ั หมด ไม่ว่าจะเป็นบันทึกหรือประวัติศาสตร์ศาสนาของนานาชาติ การบันทึกเหล่านั้นล้วน ยอมรับกันว่าถูกต้อง๔๑ ไม่ว่าศาสนาพราหมณ์หรือแม้แต่ภาษาสันสกฤตสามารถ แสดงงานเขียนกับระยะเวลาท่ีไม่สามารถตอบได้ พร้อมกับความมืดมิดด้วยการอ้าง ความน่าเชื่อถืออย่างตั้งใจ และความถูกต้องของการบันทึกเหตุการณ์เหล่านั้น ๔๑ See Geiger, Introd., pp. xx foll. 1/18/20 1:17 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 246
ศรีลังกา 247 หนังสือพระราชประวัติของพระเจ้าพิมพิสารและพระเจ้าอชาตศัตรู (คัดลอกภาพจาก www. amazon.in) รปู สลกั การบชู าตน้ โพธทิ์ ส่ี ถปู สาญจิ ประเทศอนิ เดยี (คดั ลอกภาพจาก https://en.wikipedia.org) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 247 1/18/20 1:17 PM
248 บันทึกเหตุการณ์เป็นภาษาบาลี คัมภีรมหาวังสะฉบับถอดแปลเป็นภาษาภาษาสิงหล โพธิฆระหรือเรือนโพธิ์ ส�ำนักอภัยคิรีวิหาร เมืองเก่าอนุราธปุระ (คัดลอกภาพจาก www.google. co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 248 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 249 (ซ้าย) รูปสลักบูชาต้นโพธิ์ท่ีสาญจิ และ (ขวา) รูปสลักการบูชาต้นโพธิ์ท่ีถ้�ำอชันตา ประเทศอินเดีย (คัดลอกภาพจาก https://en.wikipedia.org) ภาพจิตรกรรมฝาผนังว่าด้วยชาดกนอกคัมภีร์ วัดมุลคิลิคลราชมหาวิหาร (คัดลอกภาพจาก https://www.photodharma.net) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 249 1/18/20 1:17 PM
250 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 250 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 251 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 251 1/18/20 1:17 PM
ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดศรีสุโพธาราม เขตเดหิวาละ เมืองหลวงโคลัมโบ 1/18/20 1:17 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 252
บทที่ ๙ รุ่งอรุณแห่งยุคทอง ทมิฬคนนอกเหนือสิงหลเจ้าถ่ิน ประวัติศาสตร์ลังกาต้ังแต่ตอนปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๐ จนถึงเร่ิมต้น พุทธศตวรรษที่ ๑๖ ล้วนพรรณนาถึงความรุ่งเรืองและการเส่ือมอ�ำนาจของราชวงศ์เก่า พร้อมท้ังการเข้ามาของผู้บุกรุกชาวมลบาร์แห่งอินเดียใต้ (Malabar) การบุกโจมตี ไม่หยุดหย่อนและการเข้าครอบครองอย่างต่อเนื่องของพวกมลบาร์ สามารถลดทอน อ�ำนาจของกษัตริย์ลังกาจนอ่อนล้าส้ินแรง เป็นผลให้เกาะลังการ้างราผู้คนในที่สุด ยุคน้ีผู้บันทึกประวัติศาสตร์บรรยายให้เห็นเฉพาะความโง่เขลาเบาปัญญาของกษัตรา ผู้ครองบัลลังก์ โดยไม่กล่าวถึงเหตุการณ์ส�ำคัญอย่างอื่น ท้ังนี้เพ่ือบรรเทาความน่าเบื่อ หน่ายซ�้ำซากเร่ืองการสร้างอารามวิหาร การซ่อมแซมเจดีย์ และการสร้างเข่ือนเก็บน�้ำ อีกทั้งเร่ืองราวเก่ียวกับการบริจาคท่ีดินแก่พระสงฆ์ เพ่ือบ�ำรุงรักษาศาสนสถาน น้อยใหญ่ ความขัดแย้งระหว่างผู้คนบนเกาะ การแตกแยกของคณะสงฆ์ ความมักมาก ในกามารมณ์ของชาวราชส�ำนัก และการลอบสังหารภายในราชวงศ์ เปิดช่องให้ต่างชาติ เข้ามารุกรานย่�ำยี น�ำไปสู่ความเส่ือมถอยของราชวงศ์ และสุดท้ายท�ำให้ความแข็งแกร่ง ของบ้านเมืองเส่ือมโทรมลง ส�ำหรับความเกี่ยวข้องคุ้นเคยระหว่างชาวทมิฬแห่งเดคขาน กับชาวสิงหลผู้ เข้ามาต้ังรกรากเกิดมีข้ึนเนิ่นนานแล้วตั้งแต่ยุคบรรพกาล หลักฐานทางประวัติศาสตร์ บอกว่าพระมเหสีองค์ที่สองของพระเจ้าวิชัย เป็นพระราชธิดาของพระเจ้าปัณฑยะ อีกท้ังสตรีบริวารผู้ติดตามมากับพระนางได้เสกสมรสกับเหล่าอ�ำมาตย์ของพระเจ้าวิชัย หมดส้ิน ความสัมพันธ์ใกล้ชิดเช่นเดียวกันนี้เกิดข้ึนอีกหลายต่อหลายคร้ัง ผู้บันทึก เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์บอกเป็นนัยว่า เกินกว่าหนึ่งครั้งท่ีพระมเหสีชาวทมิฬ มีอ�ำนาจเหนือกษัตริย์ชาวสิงหล ความเก่ียวข้องคุ้นเคยและความเกี่ยวดองทาง 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 253 1/18/20 1:17 PM
254 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง สายเลือด ได้ก่อตัวข้ึนตั้งแต่สมัยอดีตกาลยาวไกล ท่ีน่าสนใจคือต�ำแหน่งการงานชั้น สูงได้มอบหมายให้ชาวทมิฬเป็นผู้ดูแล เพราะเหตุน้ีเองจึงกลายเป็นการเอื้อประโยชน์ พร้อมสิทธิพิเศษแก่ชาวทมิฬโดยปริยาย แรกเร่ิมเดิมทีพวกมลบาร์เดินทางมาเกาะลังกาเพ่ืออาศัยหลักแหล่งท�ำกิน แต่ต่อมากลายเป็นผู้บุกรุกครอบครอง เริ่มจากทมิฬสองพี่น้องนามว่าเสนะและ คุตติกะ (พ.ศ.๗๖๓) ได้บุกเข้ายึดเมืองอนุราธปุระแล้วข้ึนครองบัลลังก์ลังกา เมื่อ ท้ังสองคนปกครองด้วยคุณธรรม ชาวสิงหลทั้งปวงจึงพากันก้มหัวยอมศิโรราบต่อ ทมฬิ คนนอก๑ ตอ่ มาเปน็ การรกุ รานครงั้ ใหญส่ มยั พระเจา้ เอฬาระ ผเู้ ปน็ เชอื้ สายกษตั รยิ ์ ทมิฬแห่งอินเดียตอนใต้ และสามารถครอบครองลังกาเป็นเวลา ๔๔ ปี กล่าวกันว่า พระองค์มีบุคลิกลักษณะกอปรด้วยความยุติธรรม สมัยนี้พวกทมิฬผู้อพยพได้น�ำอิทธิพลความเจริญตามแบบวัฒนธรรมฮินดู ติดตัวมาด้วย ซ่ึงชาวสิงหลก็ลอกเลียนแบบอย่างรวดเร็ว กล่าวกันว่าชาวทมิฬแห่ง อินเดียใต้ทั้งยุคเก่าและใหม่ ล้วนสนใจใฝ่ศึกษาวรรณคดีสันสกฤตย่ิงนัก แลการท่ี ชาวทมิฬอาศัยอยู่เกาะลังกานั้น ได้ช่วยกระตุ้นให้ชาวลังกาเรียนรู้ภาษาสันสกฤต อย่างกว้างขวาง ต่อมาเม่ือชาวทมิฬเหล่าน้ีกลายเป็นผู้อาศัยเกาะลังกาอย่างถาวร ได้ พากันต้ังหลักแหล่งอยู่อาศัยอย่างสงบสุข ท�ำอาชีพแตกต่างกันออกไป ไม่ย�่ำยีหลัก ค�ำสอนและจารีตปฏิบัติของศาสนาเดิม ท้ังน้ีเพราะความใจกว้างของผู้ปกครอง ชาวสิงหล ครน้ั ตงั้ รกรากมน่ั คงยาวนานถาวรจงึ เกดิ มกี ารแตง่ งานเกย่ี วดองกบั ชาวสงิ หล๒ กล่าวกันว่าครอบครัวขุนนางชาวสิงหลจ�ำนวนมากได้เก่ียวพันใกล้ชิดกับชาวทมิฬด้วย การแต่งงาน แลต่อมาเกิดความแตกแยกระหว่างชาวพุทธสิงหลด้วยกันเอง เน่ืองมา จากการเอนเอียงยึดติดพิธีกรรมแบบพราหมณ์ จนเห็นว่าลัทธิพิธีแบบพราหมณ์เหนือ กว่าค�ำสอนของชาวพุทธผู้มีศรัทธาบริสุทธิ์ ต่อมากลายเป็นความสนิทสนมใกล้ชิด ๑ M.V., xxi, vv. 10-12. ๒ Turnour,s Epitome, p. 19. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 254 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 255 จนสามารถอยู่เคียงข้างกันและกัน สังเกตได้จากกษัตริย์สิงหลบางพระองค์ ได้สร้าง เทวาลัยส�ำหรับเป็นท่ีสถิตของเทพเจ้าฮินดู๓ แม้ผู้สนับสนุนกลุ่มไวตุลยะนอกรีตก็ กลายเป็นที่พึ่งของชาวทมิฬ เพราะแสดงความเห็นอกเห็นใจพ่ีน้องชาวทมิฬในเดคขาน ที่ถูกเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณ๔ การบุกรุกของพวกมลบาร์หลายต่อหลายครั้งมิได้มีชัยเสมอไป แต่ก็ถือว่า ชาวทมิฬเหล่านี้ท�ำลายบ้านเมืองอันอุดมสมบูรณ์ การบุกรุกโจมตีหลายคร้ังหลายครา ท�ำให้ชาวบ้านหวาดกลัวแตกกระสานซ่านเซ็น หลายต่อหลายครั้งท่ีพวกมลบาร์เข้า ท�ำลายเกาะลังกามาตุภูมิ เผาทำ� ลายทุกส่ิงบรรดามีมากท่ีสุดเท่าที่จะทำ� ได้ เร่ิมต้นโจมตี จากชายฝั่งทะเลแดนไกล แล้วเข้าท�ำลายป้อมปราการอันแข็งแกร่งบนพื้นแผ่นดิน ต่อมาพระเจ้าคชพาหุกษัตริย์สิงหลผู้เกรียงไกร (พ.ศ.๖๕๗)๕ ได้แก้แค้น ตอบโต้ความโหดร้ายป่าเถื่อนของชาวทมิฬหินชาติ ด้วยการยกทัพบุกโจมตีอาณาจักร โจฬะ สามารถสร้างความเสียหายย่อยยับให้แก่อาณาจักรชาวทมิฬ ได้ชัยชนะเหนือ พวกมลบาร์อย่างงดงาม วีรกรรมครั้งน้ันอาณาประชาราษฎร์ทุกรูปนาม ต่างยอกรขึ้น เหนือเกล้ากล่าวสรรเสริญพระบารมี แลเล่าขานจดจ�ำกันสืบมาเป็นเวลายาวนาน ตั้งแต่ นั้นมาจนถึงกลางพุทธศตวรรษท่ี ๑๐ ถือว่าเป็นช่วงเวลาหยุดพักจากหายนะช่ัวคราว สมัยต่อมากองทัพอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรของทมิฬโจฬะ (พ.ศ.๙๗๖) ได้ เคลื่อนพลเข้าสู่เกาะลังกาและสามารถยึดครองเมืองหลวงอนุราธปุระได้อีกครั้งหนึ่ง๖ จากนั้นได้สืบราชสมบัติและบริหารบ้านเมืองสืบต่อกันมา เป็นระยะเวลา ๒๗ ปี สมัยต่อมาพระเจ้าธาตุเสนะสามารถขับไล่ทมิฬหินชาติแล้วเข้ายึดครองอาณาจักรลังกา กลับคืนมา คร้ันพระองค์สวรรคตส้ินแล้ว พระโอรสนามว่ากัสสปะได้ขึ้นครองราชย์ ๓ Raja-ratnakara, p. 78. ๔ M.V., xxxvii, and Epitome, p. 25. ๕ Tennent, i, p. 397. ๖ M.V., xxxviii, vv. 11 ff. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 255 1/18/20 1:17 PM
256 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง สืบแทน๗ แต่แล้วบ้านเมืองก็กลับเข้าสู่ภาวะวุ่นวายอีกคร้ังหนึ่ง เพราะการสืบทอด ราชบัลลังก์เต็มไปด้วยการเข่นฆ่ากันและกัน เกิดจลาจลนองเลือดและสงครามกลาง เมืองหลายต่อหลายคร้ัง ภาวการณ์อันเลวร้ายเช่นน้ีเป็นเหตุเร่งท�ำลายอาณาจักร อนุราธปุระอันยิ่งใหญ่ให้ล่มสลายในเร็ววัน การต่อสู้ด้ินรนระหว่างคู่แข่งภายในราชส�ำนัก ซึ่งแต่ละฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ขึ้น ครองราชย์ กลายเป็นเคราะห์กรรมน�ำพาลังกาเข้าไปสู่อ้อมกอดของอินเดีย พวกทหาร รับจ้างมลบาร์จากปัณฑยะและโจฬะพากันสมัครใจยอมรับใช้ผู้น�ำชาวสิงหล จากนั้น เนรเทศหรือแต่งตั้งกษัตริย์ตามความชอบใจของตน คัมภีร์ราชาวลีระบุว่ามีจำ� นวนผู้ ครองบัลลังก์ลังกาที่ถูกประหารชีวิตถึง ๑๔ พระองค์ ระหว่าง พ.ศ.๑๐๖๖-๑๑๙๑๘ ด้านการบันทึกเหตุการณ์บ้านเมือง ยุคน้ีนักเขียนชาวสิงหลถูกบังคับให้บรรยาย ความกล้าหาญบ้าคลั่งของพวกมลบาร์๙ นักบันทึกเหล่านั้นจ�ำต้องพรรณนาทุกสิ่งอย่าง ที่พวกมลบาร์สร้างพาลกรรม เหนือส่ิงอื่นใด พวกมลบาร์เท่าน้ันคือผู้ตัดสินใจเลือก กษัตริย์ข้ึนครองราชสมบัติเหนือแผ่นดินลังกา ด้วยภาวการณ์เช่นนี้แล เกาะลังกาจึงเกล่ือนกล่นมากล้นด้วยทหารรับจ้าง ชาวมลบาร์ จนกษัตริย์สิงหลผู้อ่อนแอเห็นว่า เป็นเร่ืองยากที่จะขับไล่พวกมลบาร์ออก จากอนุราธปุระเมืองหลวง จึงทยอยอพยพผู้คนลงใต้ย้ายหนีความวุ่นวายมาอยู่ โปโฬนนารวุ ะ เปน็ ทน่ี า่ สงั เกตวา่ พวกมลบารก์ ลมุ่ ใหมเ่ หลา่ นไี้ มเ่ คยแสดงตวั หรอื วางแผน เพื่อช่วยเหลือสร้างความรุ่งเรืองและช่ือเสียงให้แก่ลังกาเลย ต้องการเพียงให้ลังกา เสื่อมโทรมเสียหาย ด้วยการท�ำลายคุณค่าทางวัฒนธรรมอันดีงาม ส่วนชาวสิงหลนั้น เปลี้ยง่อยสิ้นแรงเพราะความขลาดกลัว บ้างก็หลบหนีแยกตัวออกจากผู้บุกรุก บ้างก็ ชื่นชมหลงใหลความยิ่งใหญ่ของศัตรู บ้างก็สร้างความเป็นมิตรเข้าร่วมกับปรปักษ์ บ้างก็จ่ายเงินจ�ำนวนมหาศาลต่อรองให้ทหารมลบาร์อพยพออกจากเกาะลังกา ๗ M.V., vv. 85 ff. ๘ Rajavali, p. 244. ๙ Epitome, p. 33. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 256 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 257 หลายครั้งหลายคราวีรบุรุษผู้กล้าชาวสิงหลได้บังเกิดข้ึน (โดยเฉพาะนักไต่เขา ผู้กล้าหาญแห่งแคว้นโรหณะแดนใต้) ผู้กล้าเหล่าน้ีจงเกลียดจงชังการกดข่ีข่มเหงของ คนต่างชาติยิ่งนัก มักรวมตัวกันออกต่อสู้พวกมลบาร์ผู้บุกรุก แต่นักไต่เขาผู้กล้าก็ต้อง สิ้นหวังพ่ายแพ้ปราชัยต่อศัตรูผู้มีกองก�ำลังมากมายมหาศาล ย่างเข้าสู่รัชสมัยของพระเจ้ามหินทะที่ ๓ พระองค์ทรงอภิเษกสมรสกับ พระราชธิดาของกษัตริย์แห่งแคว้นกาลิงคะ สงครามกลางเมืองได้เกิดขึ้นในรัชสมัย ของพระองค์และกษัตริย์หลายพระองค์ต่อมา เกาะลังกาเข้าสู่ภาวะวุ่นวายยุ่งเหยิง อีกคร้ัง เมื่อภาวการณ์เป็นดังน้ี จึงเปิดช่องให้พวกทมิฬโจฬะบุกเข้ายึดครองลังกา (พ.ศ.๑๕๖๖) จากนั้นแต่งตั้งชาวมลบาร์ให้เป็นอุปราชท�ำหน้าที่ปกครองลังกาสืบแทน โดยตั้งศูนย์กลางการบริหารบ้านเมืองอยู่ท่ีเมืองโปโฬนนารุวะ คราวน้ันพระเจ้ามหินทะ ที่ ๓ ได้หลบหนีราชภัยออกจากเมืองหลวงเป็นเวลาเกือบ ๓๐ ปี ได้รับการคุ้มครอง รักษาโดยทหารรับจ้างต่างชาติ แต่ไม่นานพระองค์ก็ถูกจับได้แล้วเนรเทศต่อไปยัง อินเดียก่อนจะสวรรคตในเวลาต่อมา๑๐ ส�ำหรับดินแดนโรหณะตอนใต้น้ัน เป็นดุจมารดาผู้ห้าวหาญดุดันของเหล่า ลูกหลานจากตระกูลชั้นสูงจ�ำนวนมาก กลุ่มคนเหล่าน้ีกล้าหาญและรักชาติยิ่งชีวิต ได้รวมตัวกันออกต่อสู้ชาวต่างชาติผู้กดข่ีห่มเหง เพ่ือรักษาอาณาเขตอันเป็นอิสระเพียง น้อย ท่ามกลางความมืดมนส้ินหวัง เพราะความสับสน เล่ห์เพทุบายและความวุ่นวาย ขัดแย้ง และแล้วดินแดนท่ีราบสูงแห่งโรหณะก็บังเกิดมีวีรบุรุษกู้ชาติ ผู้ก�ำหนดชะตา กรรมบ้านเมืองร่วมมือกันขับไล่ผู้ปกครองต่างถ่ิน ประกาศลังกาให้เป็นอิสระจากพวก มลบาร์ น�ำกลับมาซึ่งความความร�่ำรวยและสงบสุขดังอดีต หน้าที่ดังกล่าวนี้ถือว่า เป็นภาระอันหนักยิ่ง เพราะน้ีคือการประกาศเอกราชและฟื้นฟูประเทศชาติบ้านเมือง วีรบุรุษผู้กล้าท่านน้ีพระนามว่าเจ้าชายกิตติ ด้วยความกล้าหาญไม่ยอมแพ้แล อาศัยความช่วยเหลือจากผู้ภักดีแห่งขุนเขาแดนใต้ พระองค์จึงทรงมีชัยชนะต่อ อริราชศัตรูคร้ังแล้วคร้ังเล่า จนสามารถรวบรวมอาณาจักรน้อยใหญ่ในลังกาให้อยู่ ๑๐ Raja ral., pp. 84-5, and M.V., Iv, vv. 18-33. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 257 1/18/20 1:17 PM
258 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง ภายใต้เศวตฉัตร เม่ือรวมบ้านเมืองเป็นหนึ่งเดียวเรียบร้อยแล้ว พระองค์ทรง ปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์เหนือแผ่นดินลังกา มีพระฉายาปรากฏว่าพระเจ้าสิริสังฆ โพธิวิชัยพาหุ จากน้ันความสงบสุขก็หวนกลับคืนมาอีกคร้ังหน่ึง หลังจากลังกาต้อง ประสบกับความเดือดร้อนทุกข์เข็ญมายาวนาน ช่วงความวุ่นวายต้ังแต่รัชสมัยของพระเจ้าธาตุเสนะจนถึงพระเจ้าวิชัยพาหุน้ัน การศึกษาพระธรรมค�ำสอนและวิชาทางโลก ซึ่งได้พัฒนาจนเจริญถึงขีดสุดในยุคก่อน ถกู สถานการณบ์ า้ นเมอื งบบี บงั คบั ใหท้ ง้ิ รา้ ง อนั เนอื่ งมาจากการครอบครองของคนนอก ตลอดส่ีศตวรรษที่ผ่านมาพุทธศาสนาเต็มไปด้วยความมืดมนเสื่อมโทรม เพราะ ความเชื่อในวิถีชีวิตประจ�ำวันได้รวมผู้คนเข้าเป็นหนึ่งเดียว พระสงฆ์เองก็ท�ำหน้าท่ีช่วย เหลือชาวบ้านผู้ทุกข์ร้อนตามสถานภาพ พวกมลบาร์นั้นรู้ดีว่าเม่ือมีโอกาสผู้อ้างสิทธ์ิ เหนือบัลลังก์ ย่อมพยายามสร้างความดีเก้ือกูลพระสงฆ์ เพ่ือจะได้เป็นท่ีนิยมรักใคร่ ของอาณาประชาราษฎร์ บรรดาพระสงฆ์ท้ังหลายบนเกาะลังกายามนั้น มีเพียงจ�ำนวนน้อยที่ยอมพลี ชีพรักษาพระธรรมค�ำสอนของพระศาสดาเจ้า บางรูปไม่สนใจใยดีการพระศาสนา หมกมนุ่ กบั ชวี ติ แบบฆราวาสวสิ ยั บางรปู ประพฤตติ วั เปน็ อลชั ชี บางกลมุ่ พดู คยุ สนทนา กันแต่เร่ืองดิรัจฉานวิชา บางส่วนหนีภัยไปต่างประเทศ บางรูปพยายามลดระดับชั้น ทางต�ำแหน่งคณะสงฆ์ให้น้อยลง เพื่อง่ายต่อการแบ่งทรัพย์สินของอารามวิหาร บันทึกการครองราชย์ของกษัตริย์ยุคนี้ ได้มีการปรับปรุงแต่งเติมขึ้นใหม่ ราวกะแหล่งอุดมสมบูรณ์กลางทะเลทราย กษัตริย์บางพระองค์ทรงชื่นชอบวรรณคดี อย่างกระตือรือร้น ดังเช่น พระเจ้าจุลลโมคคัลลานะ คัมภีร์มหาวงศ์บรรยายว่าไม่มี พระเจ้าแผ่นดินองค์ใดเหมือนพระองค์๑๑ เพราะทรงเป็นนักกวีชั้นปราชญ์ เชื่อกันว่า พระองค์เป็นผู้มีพรสวรรค์พิเศษ เหตุเพราะทรงนิพนธ์เพลงศาสนาจ�ำนวนมาก หลงั จากเสรจ็ สนิ้ การแสดงเทศนาตามวดั อารามนอ้ ยใหญ่ พระองคโ์ ปรดใหข้ า้ ราชบรพิ าร ๑๑ Ch. xIi, vv. 55-61. (Wijesinha's transl.) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 258 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 259 นั่งบนหลังคชสารสาธยายงานนิพนธ์ และโปรดให้จัดเตรียมไทยธรรมมากมายถวาย แก่ผู้แสดงธรรมและผู้อ่านพระไตรปิฎกพร้อมคัมภีร์อรรถกถา พระเจ้ากุมารธาตุเสนะก็เช่นเดียวกัน พระองค์ทรงมีอีกพระนามว่ากุมารทาส ทรงนพิ นธโ์ คลงสนั สกฤตอนั ไพเราะเพราะพรง้ิ ชอ่ื วา่ ชานกหี รณะ๑๒ กลา่ วกนั วา่ พระองค์ ทรงผูกพันลึกซึ้งกับกวีผู้รุ่งโรจน์นามว่ากาลิทาส คร้ันทรงทราบข่าวการมรณกรรม ของกาลิทาส พระองค์ทรงกระโดดเข้าเชิงตะกอนของเพื่อนผู้วายชนม์๑๓ อีกพระองค์ หนึ่งคือพระเจ้าอัคคโพธิท่ี ๑ ทรงเป็นผู้สนับสนุนศิลปะและแวดล้อมด้วยนักปราชญ์ ผู้แตกฉานเชิงกวีถึง ๑๒ ท่าน แต่น่าเสียดายว่าผลงานของท่านเหล่านั้นไม่รู้ว่ามีอยู่ จริงหรือไม่๑๔ สุดท้ายพระเจ้าสิลาเมฆเสนะ (ภาษาสิงหลเรียกว่ามัตวลเสน) ทรงเป็นผู้นิพนธ์ คัมภีร์สิยพัสลกระ ได้รับยกย่องว่าเป็นงานเขียนช้ันเลิศด้านฉันทลักษณ์ภาษาสิงหล ส่วนพระเจ้าแผ่นดินพระองค์อื่นล้วนท�ำหน้าท่ีอุปถัมภ์คณะสงฆ์หลายด้าน กล่าวคือ สนับสนุนการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม ช่วยเหลือสงเคราะห์พระสงฆ์นักศึกษา ด้วยอาหารพร้อมที่พักอาศัย และถวายที่อยู่พร้อมที่ดินแด่คณะสงฆ์เพ่ือสามารถค้�ำจุน อารามวิหารได้ มีกษัตริย์บางพระองค์ถูกกระตุ้นให้สงเคราะห์คณะสงฆ์เพ่ือลบล้าง ความผิด๑๕ สมัยนี้พบว่าคณะสงฆ์ด้ังเดิมเถรวาทนิกายเส่ือมราชศรัทธาหลายครั้ง เหตุเพราะลังเลยอมรับไทยธรรมจากพาลกษัตริย์ตามความคิดแห่งตน๑๖ ๑๒ Wickremasinghe, p. xiii. ๑๓ Alwis, Sidat-sangara, p. cIiv. กาลิทาสท่านน้ีมิใช่ผู้แต่งคัมภีร์สันสกฤต แต่เป็น นักกวีชาวสิงหล หนึ่งหรือสองของคาถาทั้งหมดยังมีหลงเหลืออยู่ ๑๔ Nikaya-sangraha, p. 17. ๑๕ e.g. the parricide Kasyapa. M.V., xxxix, vv. 8 foll.; chap., xIiii, vv. 28 foll. ๑๖ Ibid., xxxix, vv. II foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 259 1/18/20 1:17 PM
260 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง ความอ่อนแอของราชวงศ์ ประวัติศาสตร์ยุคน้ีเต็มไปด้วยบันทึกการถวายไทยธรรมแด่คณะสงฆ์นอกรีต อาจเป็นไปได้ว่าพระเจ้าแผ่นดินมองข้ามพฤติกรรมนอกธรรมนอกวินัยของคณะสงฆ์ จึงทรงให้ความอุปถัมภ์๑๗ ยุคน้ีส�ำนักอภัยคิรีวิหารได้รับประโยชน์มากมายมหาศาล จากความศรัทธาของกษัตริย์ ถึงแม้ว่าในอดีตส�ำนักแห่งนี้จะประสบกับหายนะจาก กษัตริย์ผู้เคยอุปถัมภ์ก็ตาม ยุคนี้ถือว่าความกระตือรือร้นเร่ืองนิกายสงฆ์ เพื่อรักษา สืบต่อการเผยแผ่พระศาสนาเป็นท่ีน่าเชื่อถือมาก๑๘ หลักฐานระบุว่ามีความพยายาม เพียงครั้งเดียวเท่าน้ัน ในการเผยแผ่ค�ำสอนของพวกนอกรีตแต่ก็ไร้ผล เพราะพระสงฆ์ เหล่าน้ันเชื่อใจเจ้าชายผู้ปกครองหัวเมืองรอบนอก ซึ่งพระองค์ท�ำหน้าท่ีได้เพียงชู พระเศียรเท่าน้ัน๑๙ กษตั รยิ บ์ างองคท์ รงมพี ระทยั เปน็ กลางพยายามประนปี ระนอมเรอื่ งนกิ ายสงฆ์ ด้วยการบริจาคไทยธรรมอย่างเท่าเทียมกัน เช่น พระเจ้าอัคคโพธิที่ ๑ ทรงถวาย สังฆิกคิริวิหารพร้อมท่ีดินแก่คณะสงฆ์ผู้มาจากจตุรทิศ จ�ำนวน ๒๐๐ ไร่ และอุทิศ ถวายกุรุณฑวิหารแก่พระสงฆ์ทั้งสามนิกาย๒๐ อาจเป็นไปได้ว่าการบุกรุกลังกา หลายครั้งของพวกทมิฬหินชาติ ได้หล่อเล้ียงความรู้สึกภราดรภาพภายในคณะสงฆ์ ถึงแม้จะไม่ลงรอยกันนักแต่กลายเป็นชาวสิงหลผู้รักชาติ และเป็นพุทธบุตรผู้ศรัทธา มั่นคงต่อพระศาสดาเจ้า แต่ความอาฆาตครั้งเก่าก่อนระหว่างส�ำนักมหาวิหารกับส�ำนัก อภัยคิรีวิหารยังคงเกิดข้ึนเร่ือยมา สังเกตได้จากเมื่อคร้ังพระเจ้าสิริเมฆวัณณะขอร้อง ให้พระสงฆ์สองส�ำนักลงอุโบสถท�ำสังฆกรรมร่วมกัน พระสงฆ์ส�ำนักมหาวิหารได้ตอบ ปฏิเสธจนกษัตริย์แสดงความขุ่นเคือง๒๑ ๑๗ M.V., passim. ๑๘ Ibid., xIiv., vv. 139-42. ๑๙ Ibid., xIii, vv. 35-40. ๒๐ Ibid., xIii, vv. 9-22. ๒๑ Ibid., xIiv, vv. 80-2. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 260 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 261 รัชสมัยของพระเจ้าทาโฐปติสสะที่ ๒ พระองค์โปรดให้สร้างกัปปุรปริเวณะ บนพ้ืนที่อันเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ของส�ำนักมหาวิหาร มอบถวายแก่พระสงฆ์ส�ำนัก อภัยคิรีวิหาร คณะสงฆ์ส�ำนักมหาวิหารแสดงความไม่พอใจอย่างย่ิง ได้ท�ำสังฆกรรม ลงโทษพระเจ้าแผ่นดินด้วยวิธีคว�่ำบาตรโดยการไม่ให้ความร่วมมือทุกส่ิงอย่าง๒๒ ไทยธรรมท่ีมอบถวายแก่พระสงฆ์โดยปราศจากการพิจารณาไตร่ตรอง อย่างรอบคอบ บางคร้ังก็น�ำไปสู่ความบาดหมางแตกแยกระหว่างคณะสงฆ์ เป็นการ ดึงพระสงฆ์เข้าไปเก่ียวข้องกับส่ิงอันไม่เหมาะสมมากมาย ซ่ึงกระท�ำเพียงเพื่อต้องการ ชัยชนะ ความเส่ือมโทรมค่อยคืบคลานเข้าสู่คณะสงฆ์ จนถึงจุดต�่ำสุดสมัยพระเจ้า วิชัยพาหุ พระองค์จ�ำต้องขอความร่วมมือจากพระเจ้าแผ่นดินแห่งพุกามประเทศ ด้วยการส่งพระสงฆ์มาช่วยเหลือฟื้นฟูอุปสมบทกรรมในลังกา ก่อนถึงรัชสมัยของพระเจ้าวิชัยพาหุนั้น มีความพยายามสองครั้งเพ่ือป้องกัน ความเสื่อมศีลธรรมของคณะสงฆ์ คร้ังแรกสมัยพระเจ้าทัลลโมคคัลลานะ ผู้ประกาศ ราโชบายธรรมกรรม (Dhamma-kamma)๒๓ คร้ังที่สองสมัยพระเจ้าสิลาเมฆวัณณะ ผู้ศรัทธามั่นคงต่อส�ำนักอภัยคิรีวิหาร ต่อมาส�ำนักแห่งน้ีค่อยเส่ือมลงเพราะถูก เซาะกร่อนด้วยความร�่ำรวยมั่งคั่ง จนความเป็นอยู่ไม่มีคุณค่าพอท่ีจะเรียกว่าอุดมเพศ สมัยน้ีเองพระภิกษุหนุ่มผู้กระตือรือร้นนามว่าโพธิ เห็นว่ามีความจ�ำเป็น อย่างเร่งด่วนที่จะต้องปฏิรูปคณะสงฆ์ จึงเข้าไปเฝ้าพระเจ้าสิลาเมฆวัณณะเป็นการ ภายใน แลว้ กราบทลู ใหพ้ ระองคต์ รากฎหมายบงั คบั ใหพ้ ระสงฆร์ กั ษาพระวนิ ยั พระองค์ ๒๒ M.V., xIv, vv. 32 ff. ๒๓ การแสดงความรสู้ กึ บอ่ ยครง้ั พบเหน็ ในคมั ภรี ม์ หาวงศ์ บง่ ถงึ ธรรมดาบรู พกษตั รยิ ผ์ แู้ ทรกแซง ด้วยการปฏิรูปพระศาสนา ว่าตามวรรณคดีหมายถึงพระราชโองการ กฎหมายดูเหมือนว่าประกอบ ด้วยข้อบังคับโดยพระเจ้าแผ่นดินมีพระราชโองการให้พระสงฆ์รักษาพระวินัย และบางกรณีมีการ ให้อ�ำนาจหนึ่งหรือสองประการแก่คณะสงฆ์ เพื่อออกพระราชบัญญัติท่ีกระทบต่อกระบวนการยุติธรรม ของสงฆ์ Wijesinha, M.V., ii, p. 25, footnote. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 261 1/18/20 1:17 PM
262 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง แผนที่อินเดียใต้ในสายตาของชาวตะวันตก (คัดลอกภาพจาก www.antiquemaps-fair.com) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 262 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 263 ซากอารามวิหารแห่งมังกุลมหาวิหาร เขตอัมพละ (คัดลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 263 1/18/20 1:17 PM
264 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง สติ ุลเพาวะมหาวหิ าร หรอื จิตตบรรพต วัดป่าอรัญวาสแี หง่ หวั เมอื งแดนใต้โรหณะ เขตหมั บนั โตตะ (คัดลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 264 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 265 ยฏลเจดีย์ เมืองติสสมหารามะ (คัดลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) ซากโพธิฆระหรอื เรอื นโพธท์ิ ่มี นคันดะวหิ าร เขตดมั บุลละ (คดั ลอกภาพจาก www.google.co.th/ maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 265 1/18/20 1:17 PM
266 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง ทรงเห็นชอบตามคำ� แนะน�ำของพระภิกษุโพธิทุกประการ จากนั้นรับสั่งให้พระหนุ่มโพธิ ด�ำเนินการด้วยตัวเอง พระภิกษุโพธิพร้อมทหารราชองค์รักษ์ด�ำเนินการสอบสวน พระสงฆ์ทั้งหมด ครั้งนั้นมีพระภิกษุถูกจับลาสิกขาเป็นจ�ำนวนมาก ความปรารถนาอยา่ งแรงกลา้ เพอื่ ตอ้ งการปฏริ ปู พระศาสนาทำ� ใหภ้ กิ ษหุ นมุ่ โพธิ โดดเด่นกว่ารูปอ่ืน ส่วนผู้ถูกขับไล่ออกจากคณะสงฆ์ได้ร่วมกันวางแผนแล้วสังหาร ท่านเสีย เมื่อความทราบถึงพระเจ้าแผ่นดินทรงรับส่ังให้จับคนร้ายทั้งปวงตัดแขน เสียสิ้น แล้วให้เป็นคนรักษาดูแลอ่างเก็บน้�ำ๒๔ ส่วนที่เหลือรับส่ังให้เนรเทศออกจาก เกาะลังกา ด้วยทรงช่ืนชอบความพยายามอย่างมุ่งมั่นของพระหนุ่มผู้มรณภาพ พระเจ้าแผ่นดินจึงโปรดให้ด�ำเนินการปฏิรูปช�ำระพระศาสนาสืบต่อ แต่ความพยายาม ของพระองค์ท่ีต้องการรวมส�ำนักมหาวิหารและส�ำนักอภัยคิรีวิหารเข้าเป็นหน่ึงเดียวก็ จบลงด้วยความล้มเหลว หลายคร้ังหลายครากษัตริย์สิงหลตื่นตัวเรื่องพระศาสนาปรารถนาความเจริญ มั่นคงรุ่งเรือง ได้พยายามส่งเสริมการศึกษาพระธรรมค�ำสอนให้ด�ำรงคงอยู่นานปี ดังเช่น พระเจ้าทาโฐปติสสะที่ ๑ ได้มอบถวายปริเวณะแก่พระนาคสาลเถระ ณ มรจิ วิ ฏั ฏวหิ าร และขอรอ้ งใหพ้ ระเถระสอนอภธิ รรมพรอ้ มอรรถกถา๒๕ กษตั รยิ พ์ ระองค์ ต่อมาคอื พระเจา้ กสั สปะท่ี ๒ ได้ถวายไทยธรรมอันเลศิ แกพ่ ระมหาธรรมกถีเถระพร้อม ขอร้องให้ท่านสอนธรรมะ ส�ำหรับพระสงฆ์ผู้อาศัยอยู่ท่ีกฎันธการะ ในอารามอัน พระอนุชาของกษัตริย์สร้างถวาย พระองค์โปรดให้จารึกพระไตรปิฎกทั้งหมด พร้อมด้วยหนังสือขนาดเล็ก หรือหนังสือสรุปใจความส�ำคัญ เรียกว่าสสังคหัง หลักฐานจากจารึกของยุคนี้เปิดเผยว่า พระเจ้าแผ่นดินโปรดให้ดูแลรักษา อารามวิหารอย่างดีย่ิง พร้อมตรากฎหมายข้ึนเพื่อรักษาความเป็นกลาง เพื่อความ เคารพนอบนอ้ มและเพอื่ ความบรสิ ทุ ธข์ิ องคณะสงฆ์ ไมม่ กี ารทจุ รติ เพราะประนปี ระนอม ๒๔ M.V., xIiv, vv. 75-83. ๒๕ Ibid., vv. 149 ff. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 266 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 267 ในการจัดการทรัพย์สมบัติของวัด ไม่มีการลดหย่อนวัตรปฏิบัติทางศาสนา ไม่อนุญาต พระภิกษุผู้มากด้วยค�ำถามให้พักอยู่ในวิหาร หากผู้ใดปรารถนาจะเข้าอุปสมบทจ�ำต้อง มีการสอบความรู้เก่ียวกับธรรมะเป็นอย่างน้อย จารึกของพระเจ้ากัสสปะที่ ๕ ระบุว่า ทรงแสดงอภธิ รรมดว้ ยพระองคเ์ องและโปรดใหจ้ ารกึ ลงในแผน่ ทองคำ� ผไู้ ดร้ บั อนญุ าต ให้เข้าบวชเป็นพระจ�ำต้องรู้ธรรมะ กล่าวคือจตุภาณแห่งคัมภีร์ปริตรเป็นอย่างน้อย๒๖ หลักฐานจากจารึกแสดงอีกว่า พระเจ้ามหินทะที่ ๔ ทรงสนับสนุนให้ศึกษา ธรรมะด้วยการออกกฎหมายบังคับว่า พระสงฆ์ผู้อ่านและอธิบายพระวินัยปิฎกด้วย เสียงอันดังจะได้นิตยภัต ๕ วะสัก พร้อมอาหารและสมณบริขาร ผู้เรียนพระ สุตตันตปิฎกได้นิตยภัต ๗ วะสัก๒๗ ส่วนผู้เรียนพระอภิธรรมปิฎกได้นิตยภัต ๑๒ วะสัก๒๘ นอกจากน้ัน พระองค์โปรดให้พระธรรมมิตตาเถระอธิบายพระอภิธรรม และมอบหมายให้พระทาฐานาคเถระผู้อาศัยอยู่ท่ามกลางป่าเขาเหมือนนักพรต ผู้เป็น เหมือนเครอื่ งประดบั แหง่ ลงั กา เปน็ ผ้แู สดงพระสตู รทเ่ี หลือ๒๙ รัชสมยั ของพระเจ้าเสนะ ท่ี ๔ พระองค์ทรงประทับนั่ง ณ โลหมหาปราสาท แสดงพระสุตตันตปิฎกท่ามกลาง พระสงฆ์ทั้งสามนิกาย๓๐ การให้ความส�ำคัญต่อพระอภิธรรมถือว่าเป็นเรื่องจ�ำเป็น อย่างยิ่ง บรรดากษัตริย์ผู้เข้าใจการณ์พระศาสนาเช่นนี้เอง ช่วยจุดประกายการศึกษา และสามารถปกป้องจากการท�ำลาย แม้แต่ประวัติศาสตร์ช่วงด�ำมืดของลังกาก็มิได้เป็น อุปสรรคต่อการผลิตวรรณคดีภาษาบาลี คาดเดาเอาว่ายุคน้ีเองพระเขมเถระคงแต่งคัมภีร์เขมัปปกรณะ หรืออีก ชื่อหนึ่งคือปรมัตถทีปะ๓๑ คัมภีร์เล่มน้ีไม่เป็นท่ีรู้จักมากนักในลังกา ส�ำเนาท่ีมีอยู่น่าจะ ๒๖ Ep. Zey., vol. i, pt. ii, pp. 42-3. ๒๗ วะสัก หมายถงึ ห้าเหรยี ญพรอ้ มอาหารและเคร่ืองนุ่งห่ม Ep. Zey., vol. i, p. 100, n. 4. ๒๘ Ibid., vol. i, pt. iii, p. 100. ๒๙ M.V., Iiv, vv. 35-7. ๓๐ Ibid., Iiv, v. 4. ๓๑ Sasana-vamsa-dipa, v. 1222. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 267 1/18/20 1:17 PM
268 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง น�ำมาจากพม่า คัมภีร์คันธวังสะระบุว่าเป็นผลงานของพระเขมเถระชาวลังกา๓๒ ส่วน คัมภีร์สัทธัมมสังคหะบอกว่า๓๓ คัมภีร์เล่มน้ีเป็นงานเขียนอธิบายเกี่ยวกับพระอภิธรรม มีศึกษาท่ัวไปในพม่าถือว่าเป็นหนึ่งในงานเขียนเก้าเล่มเก่ียวกับอภิธรรม เรียกว่าคู่มือ น้ิวก้อย (Little finger manuals) แต่ในลังการู้จักกันในนามคัมภีร์นามรูปสมาส๓๔ ชอื่ เรอ่ื งอาจจะเปน็ ทสี่ นใจมากกวา่ สารบญั เนอ้ื หาประกอบดว้ ยการบรรยายเกยี่ วกบั จติ พระสูตรเก่ียวกับจิตเจตสิก การนิยามความหมายของค�ำว่ากุศลและอกุศลธรรม และสรุปด้วยจ�ำนวนพระคาถาส�ำหรับช่วยจ�ำ ๒๘ พระคาถา พร้อมสรุปความหมาย ของศัพท์ตัวอย่างเช่น มหาภูตะ อินทริยะ เป็นต้น ซึ่งสามารถพบเห็นในวรรณคดี อภิธรรม ดว้ ยเหตผุ ลดงั กลา่ วคมั ภรี เ์ ลม่ นจี้ งึ ไดร้ บั ความนา่ เชอ่ื ถอื อยา่ งสงู ในลงั กาตงั้ แต่ ยุคโบราณ ซ่ึงปรากฏหลักฐานอ้างอิงจากผู้เขียนคัมภีร์นิกายสังครหะและคัมภีร์ สัทธัมมรัตนาการะ๓๕ ส�ำหรับคัมภีร์เล่มหลังผู้เขียนพูดถึงคัมภีร์เล่มน้ีในฐานะติปิฏก ปริยัตติธร (ผู้ทรงความรู้เกี่ยวกับพระไตรปิฎก) ยังมีต�ำราฎีกาแต่งแก้คัมภีร์เล่มนี้อยู่ เขียนโดยพระวาจิสสรมหาสามีชาวลังกา ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๗๓๖ คัมภีร์ ท้ังสองเล่มและต�ำราฎีกาได้ตีพิมพ์เป็นภาษาสิงหล โดยพระเถระนามว่าพฏโปละ- ธัมมปาลเถระ (พ.ศ.๒๔๕๑) ส่วนการแปลเป็นภาษาอังกฤษมีเฉพาะคัมภีร์อรรถกถา เท่านั้น ปรากฏในหนังสือวารสารของสมาคมบาลีปกรณ์ (Journal of the Pali Text Society)๓๗ ค�ำอธิบายโดยย่อของเน้ือหาอันหลากหลายสรุปด้วยการเขียนแบบ เรียบง่าย ส�ำนวนลีลาและรูปแบบของงานเขียนท้ังหมดเป็นหนังสือขนาดเล็ก ส�ำหรับ ศึกษาพระอภิธรรมในยุคกลาง ๓๒ G.V., p. 61 and 71. ๓๓ p. 63, JPTS. Ed. ๓๔ Aung, Compendium, pref., p. viii. ๓๕ p. 367, Colombo Ed. ๓๖ เดอ ซอยซา เชอ่ื วา่ คมั ภรี เ์ ขมปั ปกรณะเปน็ ผลงานของพระวาจสิ สรเถระ Catalogue, p. 8. ๓๗ 1915, pp. 1 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 268 1/18/20 1:17 PM
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 580
Pages: