ศรีลังกา 169 คุณค่าสูงส่งต่อการเรียบเรียงพระไตรปิฎกยุคใหม่ เพราะตลอดการบันทึกของ พระพุทธโฆษาจารย์ อนุชนรุ่นหลังสามารถใช้พื้นฐานจากงานเขียนของท่าน เพ่ือท�ำ ความเข้าใจผลงานต้นฉบับอันดีเย่ียม ซ่ึงยังคงด�ำรงมีอยู่แม้ล่วงแล้วกว่า ๑,๕๐๐ ปี การตรวจสอบข้อมูลของพระพุทธโฆษาจารย์เป็นสิ่งแน่นอน เป็นคู่มือท่ีไม่ผิดพลาด หลายร้อยปีล่วงมา เราต้องย้อนรอยถอยหลังไปดูงานช้ันอรรถกถาของท่านที่พยายาม อธิบายความตามคัมภีร์ในพระไตรปิฎก เหนือส่ิงอ่ืนใด เราไม่สามารถคาดหวังที่ จะสอดแทรกเข้าไปปรับปรุงคัมภีร์พระไตรปิฎกเหมือนการบันทึกคร้ังแรกท่ี อาลุวิหารได้๔๖ รีส เดวิดส์ กล่าวไว้ว่า เป็นความจริงว่าวิธีดัดแปลงคัมภีร์อรรถกถาของ พระพุทธโฆษาจารย์ด�ำเนินรอยตามวิธีเก่าแก่ท่ีบูรพาจารย์เก็บรักษาไว้ในรูปแบบของ พระไตรปิฎก แต่ด้วยความเช่ียวชาญงานวรรณคดีที่ท่านใช้กลายเป็นความก้าวหน้า ล�้ำยุค โดยเฉพาะความเข้าใจแจ่มแจ้งเหนือข้อมูลเก่าแก่๔๗ เร่ืองราวท่ีท่านน�ำมารวม กันในงานเขียนได้มาจากหลายแหล่งข้อมูล และค�ำพรรณนาที่ท่านหยิบย่ืนให้ด้วย ความใจกว้าง พจนานุกรมท่ีเป็นหลักในฐานะคนคงแก่เรียน ซ่ึงรักษาข้อมูลอันทรง คุณค่าสืบต่อมา ได้แก่ วัฒนธรรมเชิงสังคม คุณค่าเชิงการค้า นิยายรักของชาวบ้าน ประเพณีความเช่ือดั้งเดิม และความเชื่อของโลกสมัยโบราณ มาดาม เดวิดส์ ผู้ศึกษาวิเคราะห์งานเขียนของพระพุทธโฆษาจารย์ได้ต้ัง ข้อสังเกตไว้ว่า๔๘ ไม่จ�ำเป็นต้องยอมรับพระพุทธโฆษาจารย์ทั้งหมด ส�ำหรับตัวข้าพเจ้า แล้วผลงานของท่านมิใช่เป็นเพียงค�ำแนะน�ำอันเลิศลอยเท่านั้น แต่เป็นความสนใจ ด้านประวัติศาสตร์ด้วย การเก็บความคิดเช่นน้ีไว้เบื้องหลังถือว่าเป็นการสูญเสีย ทัศนียภาพด้านประวัติศาสตร์ต่อความคิดปรัชญาเชิงพุทธ ส�ำหรับชาวสิงหลแล้ว คุณค่ามากเกินกว่าบรรยายคือความคิดเช่นนี้กลายเป็นอิทธิพลแพร่หลาย จนเกิด ความพยายามพัฒนาหมวดหมู่วรรณคดีระหว่างชาวพุทธสิงหล แรงกระตุ้นที่ท่าน มอบให้แก่วงการศึกษาภาษาบาลีมีคุณค่าสูงส่งยิ่ง ๔๖ Cey. Antiq. and Lit, Reg., vol. i, pt. i, p. 2. ๔๗ Enc. Rel. Eth. vol. iii, p. 827. ๔๘ Op. cit., p. xxxi, Cf. hered. Visuddhi-magga, Afterword; and Foreword to Dr. B. C. Law's Buddhsghosa. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 169 1/18/20 1:16 PM
170 พระพุทธโฆษาจารย์ พุทธคยา ประเทศอินเดีย (คัดลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) ซากอารามวิหารภายในส�ำนักอภัยคิรีวิหาร เมืองเก่าอนุราธปุระ (คัดลอกภาพจาก www.google. co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 170 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 171 ซากปัญจวาสะหรือหมู่กุฎีของพระสงฆ์ภายในส�ำนักอภัยคิรีวิหาร เมืองเก่าอนุราธปุระ (คัดลอก ภาพจาก www.google.co.th/maps) หอฉันส�ำหรับพระสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีวิหาร เมืองเก่าอนุราธปุระ (คัดลอกภาพจาก www.google. co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 171 1/18/20 1:16 PM
172 พระพุทธโฆษาจารย์ ภาพจิตรกรรมกษัตริย์แห่งอาณาจักรแคนดี วัดมุลคิริคลราชมหาวิหาร เขตหัมบันโตตะ (คัดลอก ภาพจาก www.photodharma.net) ภาพจิตรกรรมฝาผนังว่าด้วยพระพุทธเจ้าทรงรับบาตร วัดไศลพิมพาราม เขตกอลล์ (คัดลอก ภาพจาก www.photodharma.net) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 172 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 173 (บน) โลหปราสาท สร้างโดยพระเจ้าทุฏฐคามณี และ (ล่าง) มหาแสยเจดีย์ มิหินตะเล (คัดลอก ภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 173 1/18/20 1:16 PM
174 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 174 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 175 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 175 1/18/20 1:16 PM
ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดศรีสุโพธาราม เขตเดหิวาละ เมืองหลวงโคลัมโบ 1/18/20 1:16 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 176
บทท่ี ๗ ผู้สอบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ กิตติศัพท์พระพุทธโฆษาจารย์ ค�ำพรรณนาประวัติและผลงานของพระพุทธโฆษาจารย์ที่ปรากฏในคัมภีร์ มหาวงศ์ อาจท�ำให้คิดว่าท่านเขียนคัมภีร์อรรถกถาแต่งแก้พระไตรปิฎกทั้งหมด แต่ตอนนี้ทราบกันแล้วว่าถ้อยค�ำเหล่าน้ันเป็นการกล่าวอ้างเกินจริงเสริมแต่งด้วย จินตนาการ ความจริงคือพระพุทธโฆษาจารย์ต้องการเขียนคัมภีร์อรรถกถาให้แล้ว เสร็จในเร็ววัน แต่ก็ไม่ส�ำเร็จตามความปรารถนา เพราะมีเหตุบางอย่างบังคับให้ท่าน เดินทางออกจากเกาะลังกาเสียก่อน สาเหตุดังกล่าวยากเกินเดา อาจเป็นเพราะสุขภาพ ของท่านทรุดโทรมอ่อนล้า อันเนื่องมาจากตรากตร�ำท�ำงานหนักยาวนานหลายปี หลักฐานบอกไว้ว่าท่านท�ำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มีความเพียรอุตสาหะชั้นเลิศ ทุ่มเทเสียสละเต็มท่ีทั้งกายและใจ และทรหดอดทนต่องานที่หนักเกินแรงสู้ อีกเหตุผลหนึ่งคือพระอุปัชฌาย์เรวตเถระ ผู้แนะน�ำให้ท่านเดินทางมาลังกา อาจจะใกล้มรณภาพปรารถนาจะสั่งเสียศิษย์ก่อนสิ้นลม หรือว่าเพราะท่านจากอินเดีย แผ่นดินเกิดมานานหลายปี อาจจะมีบางคนเรียกท่านกลับซ่ึงไม่สามารถปฏิเสธได้ ขณะนั้นท่านอาจจะชราภาพพอสมควรแล้ว น่าจะค�ำนึงถึงว่าอินเดียแดนมาตุภูมิควร ชื่นชมผลแห่งความส�ำเร็จ ก่อนที่ตนจะละสังขารไปสู่ปรโลกเบ้ืองหน้า กล่าวโดยสรุปเพราะอินเดียเป็นเหตุน้ีเอง พระพุทธโฆษาจารย์จึงเดินทาง มุ่งหน้ามาลังกาประเทศ ท�ำหน้าท่ีเรียบเรียงสรุปคัมภีร์อรรถกถาภาษาสิงหล หวังให้ เปน็ ประโยชนเ์ กอ้ื กลู แกพ่ ระสงฆผ์ อู้ าศยั อยใู่ นอนิ เดยี ประเทศ ดว้ ยเจตนามงุ่ มน่ั ชว่ ยเหลอื ชาวอินเดียให้เข้าใจธรรมะตามสามัญอารยันวิถี แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม พระพุทธโฆษาจารย์ได้ลาจากเกาะลังกา โดยเหลือคัมภีร์อรรถกถาบางเล่มท่ียังไม่ได้ ปริวรรตเป็นภาษาบาลี แต่ไม่นานนักก็มีพระอรรถกถาจารย์รูปอ่ืน เข้ามาท�ำหน้าที่ สานงานสืบต่อปริวรรตคัมภีร์อรรถกถาเหล่าน้ันจนแล้วเสร็จ 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 177 1/18/20 1:16 PM
178 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ ถือได้ว่าพระพุทธโฆษาจารย์เป็นพระอรรถกถาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ เหนือกว่า บรรดาพระอรรถกถาจารย์ทั้งหลายทั้งปวง เหตุเพราะมีท่านเพียงรูปเดียวเท่าน้ันที่ เร่ิมต้นจุดประกาย และมุ่งม่ันปริวรรตคัมภีร์อรรถกถาเป็นภาษาบาลี กิตติศัพท์ของพระพุทธโฆษาจารย์แพร่กระจายออกไปท่ัวทุกสารทิศ หลังจากรจนาคัมภีร์วิสุทธิมรรคเสร็จส้ินไม่นาน งานเขียนเล่มนี้ได้มีการศึกษาอย่าง กว้างขวางในหลายประเทศ กล่าวคือ อินเดียตอนกลาง เกาะลังกา เมืองสะเทิม และ พม่า (นักปราชญ์บางท่านเชื่อว่าพระพุทธโฆษาจารย์เคยพักอาศัยอยู่พม่าช่วงสุดท้าย ก่อนมรณภาพ) ท่านได้สร้างความยิ่งใหญ่ม่ันคงจนลังกาเหนือกว่านานาประเทศ กลายเป็นแหล่งเรียนรู้เดิมแท้ด้านมรดกธรรมค�ำสอนของพระศาสดาเจ้า แลปรากฏ หลักฐานว่าลังกาแห่งน้ีเท่าน้ันเป็นดินแดนแห่งค�ำสอนดั้งเดิมของเถรวาท จนเป็นเหตุ ให้นักปราชญ์ชาววิเทศมากหลาย สนใจเดินทางมายังลังกาเพ่ือศึกษาผลงานของท่าน จากนั้นช่วยกันผลิตผลงานด้านต�ำราอันทรงคุณค่าเป็นจ�ำนวนมาก เหนือสิ่งอื่นใด ผลงานท่ีพระพุทธโฆษาจารย์ได้ก่อร่างสร้างเอาไว้คือการ พัฒนาบาลีภาษา ลักษณะงานเขียนสมัยเก่าโบราณคือ การพร่�ำพรรณนาด้วยส�ำนวนโวหารเกิน ความจริง ติดขัดด้วยส�ำนวนตามพระสูตร เนื้อหาโดยรวมคล้อยตามระเบียบแบบแผน และเคร่งครัดตามส�ำนวนเชิงค�ำสอน อีกทั้งจัดแบ่งหมวดหมู่ตามความนิยมของภาษา เพ่ือแสดงออกถึงความรู้สึกและทัศนคติ มีเจตนาให้ผู้ใช้ภาษาสามารถสนทนาอย่าง ร่ืนเริงบันเทิงใจ แต่พระพุทธโฆษาจารย์ได้ละท้ิงแบบแผนดั้งเดิมเสียส้ิน เปล่ียน แนวใหม่ให้งานเขียนร�่ำรวยด้วยศัพท์บัญญัติ ยืดหยุ่นเหมาะสมส�ำหรับน�ำไปใช้ สละ สลวยด้วยโครงสร้างหลากหลาย ประณีตเรียบง่ายด้วยศัพท์ส�ำนวนแบบชาวบ้าน สามารถแสดงความคิดได้หลากหลายเท่าท่ีจิตใจของมนุษย์จะรับรู้ได้ มีส�ำนวนก้อง กังวานยืดยาวตรงประเด็น และง่ายต่อการเติมแต่งพระสูตรให้เหมาะสมตามค�ำสอน จิตใจของชาวตะวันออกน้ันช่ืนชอบลุ่มหลงการแต่งเติมโครงสร้างมาแต่เดิม แลเกดิ การขยบั ขยายใชว้ ธิ พี ลกิ แพลงเพมิ่ เตมิ เขา้ มาภายหลงั กอ่ นทบี่ าลภี าษาจะรงุ่ เรอื ง งดงามสามารถสถิตอยู่ในจิตใจของคนหนุ่มสาวชาวสิงหล นักเขียนคนแล้วคนเล่าได้ 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 178 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 179 เริ่มต้นงานเขียนด้วยความภาคภูมิใจว่า ตนได้สร้างสรรค์จรรโลงผลงานอันทรงคุณค่า เพ่ือประโยชน์ต่อผู้ศึกษาภาษามาคธี ซึ่งเป็นรากเหง้าของภาษาพูดท้ังปวง อันเป็นภาษา อ่อนหวานไพเราะเสนาะโสตและง่ายต่อการซึมซับเข้าสู่ห้องหัวใจ๑ เพียงระยะเวลาไม่นานบรรดานักเขียนชาวสิงหลได้ช่วยกันแต่งหนังสือเป็น ภาษาบาลีออกสู่บรรณโลกเป็นจ�ำนวนมาก พากันมุ่งม่ันสืบค้นหาด้วยมุ่งหวังให้ภาษา บาลีก่อเกิดพัฒนาการสร้างความรักใฝ่เรียนรู้ จนกลายเป็นนักเขียนผู้ช่ืนชอบทัศนคติ ที่กว้างขวาง และส่งผลต่อภาษาบาลีเกินกว่าภาษาสิงหล จนดูราวกะว่านักเขียน เหล่าน้ันชื่นชอบของเล่นแปลกใหม่ ส�ำหรับการปรับปรุงภาษาให้เหมาะสมน้ัน ล้วนรับมาเกินกว่าศักยภาพท่ีมี ภาษาบาลีก้าวหน้าอย่างรวดเร็วราวกะภาษาวรรณคดีของคนชาญฉลาด แลเหนือกว่า ภาษาพื้นเมืองอันเป็นผลมาจากการเติบโตเพราะเกิดการใช้งาน จนกระทั่งกลายเป็น รูปธรรมชัดเจนและเข้าใจง่ายดังพบเห็นในคัมภีร์มหาวงศ์ อีกท้ังความรุ่งเรืองด้วย วัสดุหลากหลาย กลายเป็นเคร่ืองมือก่อให้เกิดพัฒนาการด้านวรรณคดี เช่นเดียวกับ งานด้านศิลปะเหล่าอื่น หนึ่งศตวรรษหลังการเขา้ มาของพระพทุ ธโฆษาจารย์ ชอ่ื วา่ เป็นยคุ แห่งสันตสิ ขุ ของชาวสิงหล การบุกรุกของพวกทมิฬหินชาติก็ท้ิงช่วงหายไป ชาวลังกาจึงมีเวลาพอท่ี จะอทุ ศิ ให้กับการค้าขายและงานฝมี อื บนั ทกึ เหตุการณส์ มยั นจี้ ึงกลา่ วถึงความกา้ วหน้า ของมหานครอนุราธปรุ ะไวว้ า่ เกลอ่ื นกลน่ มากล้นดว้ ยอารามวิหารอันงดงามตระการตา เรือกสวนไรน่ าก็มากมายเหลือคณานับ สมบตั ขิ องชาติตา่ งได้รับการรกั ษาค้มุ ครองเปน็ อย่างดี มากมีด้วยโรงพยาบาลและอุทยานสวนหลวง สมบูรณ์เต็มพร้อมด้วยยุ้งฉาง และเรือนคลัง ระบบชลประทานก็สามารถผันน�้ำเข้ามาเล้ียงบ�ำรุงมหานครเมืองหลวง และส่ิงอันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะก็มากล้นเหลือขนาด มหานครอนุราธปุระจึง ช่ือว่าเป็นเมืองแข็งแกร่งเกรียงไกรลือนามระบือไกลว่ามั่งคั่งร�่ำรวย ๑ Rupa-siddhi, Introduction. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 179 1/18/20 1:16 PM
180 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ สมัยเดียวกันนี้ภิกษุฟาเหียนเดินทางมาแวะเยี่ยมเกาะลังกา ได้บรรยายส่ิงท่ี ตนพบเห็นระหว่างพักอยู่ลังกาคราน้ันว่า ปราสาทพระราชวัง วัดวาอารามและ สถูปเจดีย์ ตั้งอยู่ภายในก�ำแพงพระนครท่ีป้องกันด้วยประตูใหญ่มหึมาแข็งแกร่ง แน่นหนา ส่วนภายนอกพระนครเป็นท่ีอยู่อาศัยของชาวบ้านสามัญผู้ด�ำเนินชีวิต การงานบางอย่าง ได้แบ่งแยกจัดสรรออกเป็นหลายส่วน หน่ึงน้ันเป็นที่อยู่อาศัยของ บรรดาพ่อค้าผ้า หนึ่งนั้นเป็นแหล่งที่อยู่ของช่างฝีมือ อีกหนึ่งนั้นเป็นแหล่งอาศัยของ ช่างทอง รวมทั้งร้านรวงท่ีวางขายสินค้านานาชนิด ส่วนอุทยานสวนหลวงก็หลากหลาย ด้วยบุปผชาตินานาพันธุ์ ส�ำหรับน�ำไปสักการบูชาวัดวาอารามแลสถูปเจดีย์ และส�ำหรับ ตกแต่งโปรยตามถนนหนทางรอบพระนครยามมีงานนักขัตฤกษ์ เทศกาลดังกล่าว ไพร่ฟ้าประชาชนทุกรูปนามต่างสนุกสนานรื่นเริงเบิกบานใจ เป็นบรรยากาศที่งดงาม เหนือค�ำบรรยาย ซึ่งไม่มีใครท�ำลายประเพณีอันดีงามเช่นนี้ได้ พร่ังพร้อมมากมีด้วย เคร่ืองประดับตกแต่งตามระยะทางบาทวิถี อีกท้ังถนนหนทางก็ถมด้วยทรายด�ำและ ขาวตลอดนครเมืองหลวงท้ังส้ิน สองข้างทางต่างห้อยย้อยด้วยพวงระย้ามาลา ส่วนขบวนช้างนั้นก็ตกแต่งด้วยผ้าแพรพรรณหลากสี คชสารแต่ละตัวค่อยเย้ืองกาย เดินเนิบนาบมุ่งหน้าตรงไปยังพระมหาเจดีย์ พร้อมพรั่งมากมีด้วยพวงแห่งมาลาที่ เบ่งบานงดงามอร่ามตาสุกปล่ังเหมือนดั่งต้องแสงพระสุรีย์๒ ยามเม่ือบ้านเมืองม่ันคงรุ่งเรืองเพราะมีการคุ้มครองรักษาดีแล้ว ความวุ่นวาย ภายในและสงครามภายนอกก็ไม่มีมากล้�ำกลาย อุปสรรคและความยุ่งยากด้านการค้า ท่ีเคยมีก็ได้รับการแก้ไขจนหมดสิ้น จึงสามารถสร้างความร�่ำรวยให้แก่บ้านเมืองได้ อย่างเต็มที่ ไพร่ฟ้าประชาชนผู้เสพเสวยสันติสุขจึงหันมาพัฒนาวัฒนธรรมการเขียน ถึงมิใช่ความจ�ำเป็นแต่คือความรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่ เม่ือบ้านเมืองม่ันคงผู้คนอยู่ดีมีสุข การบริหารบ้านเมืองก็เกิดประโยชน์อย่างยิ่ง เมื่อเกิดการพัฒนาภูมิปัญญาจนวิชา ความรู้เข้าสู่ห้องหัวใจของประชาชนแล้ว วัดจึงกลายมาเป็นศูนย์กลางการศึกษา พรง่ั พรอ้ มรำ่� รวยดว้ ยวฒั นธรรมพทุ ธศาสนา พระภกิ ษแุ ละภกิ ษณุ ตี า่ งดำ� รงในตำ� แหนง่ ครูอาจารย์ ท�ำหน้าท่ีส่ังสอนสรรพวิชาท้ังทางโลกและทางธรรม ๒ The Travels of Fa Hsien, Giles, pp. 66 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 180 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 181 สมัยน้ีเองศิลปะการเขียนได้ก่อเกิดพัฒนาการเต็มท่ี ความยุ่งยากจากการ ค้นหาวัสดุส�ำหรับขีดเขียน ได้รับการแก้ไขแทนท่ีด้วยใบลาน จึงไม่ประหลาดใจอันใด หากจะเกิดมีนักปราชญ์มากมายเหยียบย�่ำเดินตามรอยเท้าพระพุทธโฆษาจารย์ พากัน รักษาสืบต่อผลงานซ่ึงท่านได้บุกเบิกเป็นแนวทางเอาไว้ ว่าด้วยพระพุทธทัตตเถระ นักปราชญ์ผู้มีนามปรากฏต่อจากพระพุทธโฆษาจารย์คือพระพุทธทัตตเถระ เนอ้ื ความในคมั ภรี ค์ นั ธวงั สะไดย้ กยอ่ งสรรเสรญิ ทา่ นวา่ เปน็ รองเพยี งพระพทุ ธโฆษาจารย์ เท่านั้น๓ ส่วนคัมภีร์พุทธโฆสุปปัตติพรรณนาถึงการพบกันระหว่างสองปราชญ์ว่า พระพุทธทัตตเถระน้ันอาศัยอยู่บนเกาะลังกา ก่อนที่พระพุทธโฆษาจารย์จะเดินทางมา ปริวรรตอรรถกถาภาษาสิงหลเป็นภาษาบาลี แต่ด้วยเหตุจ�ำเป็นบางอย่างท่านจึงต้อง เดินทางกลับอินเดียมาตุภูมิก่อนที่ความปรารถนาจะส�ำเร็จ๔ หลักฐานตามคัมภีร์บอก ว่าวันที่พระพุทธทัตตเถระเดินทางออกจากเกาะลังกานั้น เรือที่พระพุทธโฆษาจารย์ เดินทางโดยสารมาก�ำลังมุ่งหน้าสู่ลังกาทวีป จากนั้นสามวันเรือท้ังสองล�ำได้พบกัน ท่ามกลางมหาสมุทร ตามเจตนาบริสุทธิ์ของพระอินทาธิราชเจ้า กล่าวตามคัมภีร์การพบกันระหว่างสองปราชญ์เหมือนละครฉากส�ำคัญ หลังจากแนะน�ำท�ำสามีจิกรรมกันและกันแล้ว พระพุทธโฆษาจารย์ได้เรียนแจ้งถึง วัตถุประสงค์ของการเดินทางมาเกาะลังกาครั้งน้ี พระพุทธทัตตเถระกล่าวออกตัวว่า อนั ตวั กระผมเพง่ิ เดนิ ทางออกจากเกาะลงั กา หลงั จากแตง่ คมั ภรี ช์ นิ าลงั การะและคมั ภรี ์ ทันตธาตุโพธิวังสะเสร็จสิ้นแล้ว แต่เสียดายนักท่ีมิได้ปริวรรตหนังสืออรรถกถาและ ต�ำราฎีกา หากตัวท่านถอดความค�ำสอนของพระศาสดาเจ้าจากภาษาสิงหลเป็นภาษา บาลีเสร็จแล้วไซร้ ได้โปรดปริวรรตหนังสืออรรถกถาแห่งปิฎกทั้งสามด้วยเถิด จากนั้น พระเถระไดม้ อบเหลก็ จาร สมอพเิ ภกและหนิ บด พรอ้ มแนะนำ� วา่ หากตวั ทา่ นเกดิ อาการ ๓ G.V., p. 59. ๔ Ed. Gray, pp. 49-51. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 181 1/18/20 1:16 PM
182 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ เคืองตาหรือเมื่อยขบปวดหลัง ก็ขูดสมอพิเภกด้วยหินบดแล้วหยอดหรือไล้ทาเสีย ความเจ็บป่วยเมื่อยล้าก็จะมลายหายส้ิน กล่าวตามหลักฐานพระพุทธโฆษาจารย์ได้ยินช่ือเสียงของพระพุทธทัตตเถระ มาก่อนแล้ว ด้วยเหตุนั้นท่านจึงสรรเสริญคัมภีร์ชินาลังการะว่า ผลงานของท่านเล่มนี้ ลุ่มลึกย่ิงนักยากต่อการเข้าใจของคนเขลา พระพุทธทัตตเถระกล่าวตอบว่าตัว กระผมเดนิ ทางมาเกาะลงั กา เพอ่ื ปรารถนาปรวิ รรตคำ� สอนของพระศาสดาเจา้ จากภาษา สิงหลเป็นภาษามคธ แต่ก็อยู่อาศัยได้ไม่นาน เห็นแต่ตัวท่านน้ันแลที่จะสานงานสืบต่อ หากงานปรวิ รรตคมั ภรี ข์ องทา่ นสำ� เรจ็ เสรจ็ สน้ิ ดงั ปรารถนาแลว้ ไซร้ เมตตาสง่ ใหก้ ระผม ได้ศึกษาดูบ้างเพ่ือจะได้ช่วยเหลือแก้ไขตรวจสอบ ไม่ว่าการพบกันท่ามกลางมหาสมุทรระหว่างสองจอมปราชญ์จะเป็นจริงหรือ ไม่ก็ตาม แต่ไม่มีเหตุผลอื่นใดมายืนยันทักท้วงว่า จอมปราชญ์ท้ังสองไม่ได้พบปะ สนทนากันจริง หลักฐานเกี่ยวกับพระพุทธทัตตเถระนั้นมีน้อยนัก ปัจฉิมกถาของคัมภีร์วินย วินิจฉัย ซึ่งเป็นผลงานของท่านเองระบุว่าแต่งโดยพระพุทธทัตตะแห่งอุรคปุระ ข้อมูล คล้ายกันนี้พบในบทส่งท้ายของคัมภีร์อภิธัมมาวตาร ค�ำอุทิศตอนท้ายของคัมภีร์ วินยวินิจฉัยระบุว่า แต่งโดยพระนักปราชญ์ผู้เช่ียวชาญด้านไวยากรณ์ชาวตัมพปัณณิ ส่วนผู้แต่งต�ำราฎีกาอธิบายเสริมว่าอุรคปุระหมายถึงเมืองทางตอนใต้ของอินเดีย พระพุทธทัตตเถระเองเกิดในแคว้นโจฬะใกล้กาเวริ๕ แต่ท่านเดินทางมาบวชในส�ำนัก มหาวิหาร ณ มหานครอนุราธปุระ จึงถือว่าเป็นสมาชิกของส�ำนักมหาวิหาร๖ คัมภีร์อภิธัมมาวตารและคัมภีร์วินยวินิจฉัยน้ันเช่ือกันว่าแต่งที่อินเดีย อาจจะแต่งข้ึนหลังจากท่านเดินทางกลับอินเดียแล้ว ค�ำอุทิศตอนท้ายของคัมภีร์เล่มนี้ ระบุว่า ท่านแต่งต�ำราสองเล่มน้ีท่ีเมืองโจฬะ ณ ภูตมังคลคาม ซ่ึงเป็นอารามสร้างถวาย ๕ Aung (JPTS., 1910, p. 123) ระบุว่าแคว้นโจฬะอยู่ในเกาะลังกาทางทิศตะวันออก ของเมืองหลวงอนุราธปุระ แต่ไม่บอกเหตุผลว่าเหตุใดจึงกล่าวแบบน้ัน ๖ Abhidhammavatara, P.T.S. Ed., Introduction, pp. xii, foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 182 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 183 โดยเวณหุทาสะ อีกท้ังผู้ถวายความอุปถัมถ์คือพระเจ้าอัจจุตวิกกมะ๗ ด้วยหลักฐาน ดังกล่าวจึงสามารถสรุปได้ว่า พระพุทธทัตตเถระพักอยู่ในลังการะยะหนึ่งแล้ว ต่อมาภายหลังจึงเดินทางกลับไปอินเดียตอนใต้ ผลงานอันขึ้นช่ือของพระพุทธทัตตเถระคือ คัมภีร์อภิธัมมาวตารและคัมภีร์ วินยวินิจฉัย ต�ำราวินยวินิจฉัยฎีกายืนยันหลักฐานตามคัมภีร์พุทธโฆสุปปัตติว่า พระ พุทธทัตตเถระและพระพุทธโฆษาจารย์ได้พบกันจริง โดยพระพุทธโฆษาจารย์สัญญา ว่าจะส่งต้นฉบับคัมภีร์ที่ปริวรรตแล้วให้แก่ท่าน และอธิบายเพ่ิมเติมอีกว่าพระพุทธ ทัตตเถระได้อ่านผลงานเหล่านั้น แล้วสรุปเป็นอรรถกถาอภิธรรมชื่อว่าอภิธัมมาวตาร และพรรณนาพระวินัยสืบต่อจนกลายเป็นคัมภีร์วินยวินิจฉัย คัมภีร์อภิธัมมาวตารนั้นมีเน้ือหาแนะน�ำศึกษาปรัชญาพุทธศาสนาเบ้ืองต้น มีโครงสร้างคล้ายคลึงกันมากกับคัมภีร์วิสุทธิมรรค ด้วยเหตุน้ีจึงเชื่อว่าน่าจะเป็นการ สรุปงานเขียนของพระพุทธโฆษาจารย์ เช่ือกันอีกว่าคัมภีร์ทั้งสองเล่มน่าจะค้นคว้า จากแหล่งข้อมูลเดียวกัน มาดาม เดวิดส์ แสดงความเห็นไว้ว่า๘ น่าจะเป็นความจริงว่า คัมภีร์ทั้งสอง เล่มยึดหลักวิเคราะห์เช่นเดียวกัน และเกิดพัฒนาการข้ึนในเวลาเดียวกัน ซ่ึงเป็นระยะ เวลาแห่งการต่ืนตัวครั้งสุดท้ายของพระอภิธรรมปิฎก บ่อยคร้ังที่คัมภีร์ท้ังสองเล่มยก อุทาหรณ์คล้ายคลึงกัน (ดังเช่นอุปมาว่าคนตาบอดและคนง่อยที่อาศัยกันเดิน เพื่ออธิบายค�ำว่านามและรูป) หากวิเคราะห์ด้วยความเคารพจะพบว่า ค�ำอธิบายเชิงเหตุผลในคัมภีร์ อภิธัมมาวตารดีกว่างานเขียนของพระพุทธโฆษาจารย์ ส่วนใดพระพุทธโฆษาจารย์ อธบิ ายความทางจติ วทิ ยาเกย่ี วกบั ศพั ทว์ า่ ดว้ ยขนั ธห์ า้ ทน่ี น้ั พระพทุ ธทตั ตเถระจะแสดง ๗ Ibid., colophon and Vinaya-vicchaya, colophon. ๘ Buddhist Psychology, p. 179. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 183 1/18/20 1:16 PM
184 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ วิธีด้วยหมวดสี่ กล่าวคือ จิต สภาพของจิต คุณสมบัติของสสาร และนิพพาน ส่วนใหญ่งานเขียนของท่านแต่งเป็นภาษาบาลีเรียบเรียงด้วยส�ำนวนเชิงร้อยแก้ว แต่ ส�ำหรับคัมภีร์อรรถกถาท่านกลับยกเลิกการเขียนร้อยแก้วเสีย หากจ�ำเป็นที่จะต้องใช้ จำ� นวนนบั เปน็ ตวั เลขบอ่ ยครง้ั จะเหน็ การวเิ คราะหด์ ว้ ยสำ� นวนแหง้ แลง้ จดื ชดื ดงั ตวั อยา่ ง ท่ีสืบค้นหาแหล่งที่มาด้านความก้าวหน้าเชิงสังเคราะห์ กล่าวคือค�ำสอนเก่ียวกับหน้าท่ี (กิจจะ) และค�ำสอนเก่ียวกับแนวทางปฏิบัติ (ปวัตติ)๙ จึงสามารถสรุปได้ว่า งานเขียนของพระพุทธทัตตเถระสร้างความก้าวหน้าใน หลายดา้ นเกยี่ วกบั การศกึ ษาพระอภธิ รรม บอ่ ยครงั้ จะเหน็ ทา่ นเลอื กใชถ้ อ้ ยคำ� เกย่ี วขอ้ ง และมีความหมายคลุมเครือน้อยกว่าพระพุทธโฆษาจารย์ ด้านส�ำนวนโวหารแม้ สั้นกระชับน้อยกว่าแต่เห็นภาพชัดเจนมากกว่า ศัพท์บัญญัติท่ีน�ำมาใช้ก็มีความหรูหรา ร�่ำรวยมากกว่า และที่เห็นได้ชัดเจนคือท่านได้ใช้ประโยชน์มากมายจากผลงานของ พระอรรถกถาจารย์รุ่นก่อน ผลงานของท่านได้รับการยกย่องให้เป็นงานชั้นสูงยุคเก่า และยังศึกษากันอย่างกว้างขวางท้ังในลังกาและพม่าสืบมาจนถึงปัจจุบัน๑๐ ต�ำราฎีกาแต่งแก้คัมภีร์อภิธัมมาวตารมีอยู่สองเล่ม เล่มแรกเขียนโดย พระวาจิสสรมหาสามีแห่งส�ำนักมหาวิหาร ส่วนเล่มต่อมาเขียนโดยพระสุมังคลเถระ ศิษย์ของพระสารีบุตรเถระผู้เป็นนักปราชญ์นามอุโฆษแห่งยุคโปโฬนนารุวะ ปัจจุบัน คัมภีร์ท้ังสองเล่มยังปรากฏมีอยู่ในลังกา งานเขียนเล่มอื่นของท่านเกี่ยวกับพระอภิธรรมคือคัมภีร์รูปารูปวิภาคะ แต่ไม่ปรากฏว่ามีในลังกา ส่วนงานเขียนเก่ียวกับพระวินัยอันเป็นที่รู้จักแพร่หลายคือ คัมภีร์วินยวินิจฉัย บางคร้ังเชื่อว่าเป็นผลงานของนักเขียนนามว่าพระพุทธสีหเถระ แต่ค�ำจารึกตอนท้ายของหนังสือเล่มน้ีระบุชัดเจนว่าพระพุทธทัตตเถระเป็นผู้เขียน ๙ Cf. Buddhist Psychology, p. 179. ๑๐ คัมภีร์เล่มนี้และคัมภีร์รูปารูปวิภาคะเป็นลักษณะสองในเก้าแห่งคัมภีร์สรุปอันงดงามของ คัมภีร์อภิธรรมส�ำนวนพม่า (Little Finger Manuals or Le-han). 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 184 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 185 ท่านได้อุทิศความดีให้แก่พระพุทธสีหเถระผู้เป็นศิษย์๑๑ คัมภีร์มีเน้ือหาพอประมาณ ส่วนอภิธานศัพท์ได้ตีพิมพ์เป็นภาษาสิงหลในสมัยปัจจุบัน โดยพระชาวสิงหลแดนใต้ นามว่าธีรานันทเถระ๑๒ ปัจจุบันได้ค้นพบหนังสือวินยวินิจฉัยแล้ว ซึ่งผูกรวมเข้ากับ ฉบับที่เพิ่มเติมเข้ามาชื่อว่าคัมภีร์อุตตรวินิจฉัย ผู้เขียนบอกว่าอุทิศให้แก่ศิษย์อีก รูปหน่ึงนามว่าพระสังขปาลเถระ๑๓ พระวาจิสสรเถระน้ันได้แต่งต�ำราฎีกาแก้งานเขียนท้ังสองเล่มในพุทธศตวรรษ ท่ี ๑๘ แต่คัมภีร์วินยวินิจฉัยและต�ำราฎีกาแต่งแก้น้ัน ถูกแทนท่ีด้วยงานเขียนของ พระสารีบุตรเถระชื่อว่าวินยสังคหะ ซ่ึงเขียนในพุทธศตวรรษท่ี ๑๗ ต�ำราฎีกาเล่มเก่า ของคัมภีร์วินยวินิจฉัยยังคงปรากฏมีอยู่ ได้แปลเป็นภาษาสิงหลช่ือว่าขุททสิกขาโดย พระเรวตเถระ สันนิษฐานว่าท่านน่าจะมีชีวิตอยู่ตอนปลายของพุทธศตวรรษท่ี ๑๖ คัมภีร์ชินาลังการะ ต�ำนานลังกาลงความเห็นว่าพระพุทธทัตตเถระเป็นเจ้าของผลงานเล่มอ่ืนอีก กล่าวคือคัมภีร์มธุรัตถวิลาสินีและคัมภีร์ชินาลังการะ๑๔ เล่มแรกเป็นหนังสือแต่งแก้ คัมภีร์พุทธวังสะ ซ่ึงเป็นหมวดหนึ่งในขุททกนิกายแห่งสุตตันตปิฎก เป็นการรวบรวม ประวัติพระโคดมพุทธเจ้า เมื่อคร้ังบ�ำเพ็ญบารมีสมัยอดีตพระพุทธเจ้า ๒๔ พระองค์ ส�ำหรับต�ำราฎีกาแต่งแก้นั้นมีลีลาคล้ายงานเขียนของพระพุทธโฆษาจารย์มาก แสดง ให้เห็นว่าผู้เขียนค่อนข้างคุ้นเคยกับการเขียนลักษณะตีความธรรมะชั้นสูง วิกรมสิงหะเชื่อว่าผู้แต่งอรรถกถาแก้คัมภีร์พุทธวังสะไม่น่าจะเป็นพระพุทธ ทัตตเถระ๑๕ แต่หลักฐานเบื้องต้นก็ชี้ให้เห็นแล้วว่า วิธีการแสดงรายละเอียดเนื้อหาของ ๑๑ So does the Gandha-vamsa, p. 40. ๑๒ Galle, 1863 ๑๓ Ed. by Rev. A.P. Buddhadatta, for the P.T.S. ๑๔ Sometimes also called Madhurattha-pakasini (De Zoysa, p. 2). ๑๕ Catalogue, p. xii. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 185 1/18/20 1:16 PM
186 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ ผลงานแปลบันทึกการเดินทางของภิกษุฟาเหียนเป็นภาษาตะวันตก ซากอารามวิหารภายในสำ� นักอภัยคิรีวิหาร เมืองเก่าอนุราธปุระ (คัดลอกภาพจาก www.google. co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 186 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 187 ซากปัญจวาสะภายในส�ำนักอภัยคิรีวิหาร เมืองเก่าอนุราธปุระ (คัดลอกภาพจาก www.google. co.th/maps) ซากปฏิมาฆระหรือวิหาร ภายในส�ำนักเชตวันวิหาร เมืองเก่าอนุราธปุระ (คัดลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 187 1/18/20 1:16 PM
188 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ (บน) เส้นทางจาริกพุทธภูมิของภิกษุฟาเหียน และ (ล่าง) เส้นทางจาริกพุทธภูมิของภิกษุเหี้ยนจัง (คัดลอกภาพจาก https://medium.com) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 188 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 189 ซากปญั จวาสะหรือหมูก่ ฎุ ีภายในสำ� นักอภัยคิรีวหิ าร เมอื งเกา่ อนรุ าธปรุ ะ (คดั ลอกภาพจาก www. google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 189 1/18/20 1:16 PM
190 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ พระพุทธทัตตเถระ มีส่วนคล้ายคลึงกับพระพุทธโฆษาจารย์หลายด้าน ผู้เขียนจึงเห็น ว่าไม่มีเหตุผลที่จะแย้งว่าเป็นผลงานของผู้เขียนคนอ่ืน คัมภีร์ปูชาวลิยะซ่ึงเขียนขึ้น ประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๘๑๖ ระบุว่าคัมภีร์พุทธวังสัตถกถาเป็นผลงานของพระพุทธ ทัตตเถระ๑๗ ส่วนต�ำนานลังการะบุว่านักเขียนพม่าก็ยืนยันเช่นเดียวกัน๑๘ ส่วนผู้เขียนคัมภีร์ชินาลังการะนั้นยังมีความคลุมเครืออยู่ เน้ือหาของคัมภีร์ แต่งเป็นฉันท์ภาษาบาลี ๒๕๐ พระคาถา บรรยายเรื่องราวเก่ียวกับพุทธประวัติ แต่งเป็นส�ำนวนโวหารมีจังหวะกลบทงดงามย่ิงนัก สมบูรณ์พร้อมด้วยภาษาอันวิจิตร อลังการ หลากหลายด้วยฉันทลักษณ์ชั้นสูง บางพระคาถาแสดงถึงร่องรอยของการ ประดิษฐ์ผูกเรื่องราวด้วยงานกวีชั้นเลิศ พรั่งพร้อมด้วยการสัมผัสอักขระและวิธีการ ด้านอ่ืน ดังเช่นเคร่ืองมือเชิงส�ำนวนโวหาร๑๙ เกรย์กล่าวไว้ว่าคัมภีร์เล่มน้ีเป็นผลงานของพระพุทธรักขิตเถระ ผู้เกิดบน เกาะลังกาภายหลังพุทธปรินิพพานล่วงแล้ว ๑๑๗ ปี อันว่าดินแดนบ้านเกิดของท่าน นั้นคือแคว้นโรหณะ เช่ือกันว่าท่านเป็นหัวหน้ารวบรวมพระสงฆ์ในโจฬิกตัมพรัฏฐะ (ต่อมาเรียกว่าตัมพปัณณิ) ซ่ึงต้ังอยู่ชายทะเลด้านทิศตะวันตกของลังกา ด้วยการชักน�ำ ของคณะสมณทูตในรัชสมัยของพระเจ้าวิชัย ครั้นเข้าอุปสมบทเรียบร้อยแล้ว ท่านได้ ทุ่มเทให้กับการศึกษาภาษาบาลี จนสามารถแต่งคัมภีร์ชินาลังการะส�ำเร็จ๒๐ เกรย์ยังกล่าวเสริมอีกว่าต�ำราฎีกาแต่งแก้ท่ียังปรากฏมีอยู่เขียนโดยพระพุทธ ทัตตเถระ ผู้เป็นพระอรรถกถาจารย์สมัยเดียวกันกับพระพุทธโฆษาจารย์ ท่านได้ ร้อยเรียงคัมภีร์เล่มนี้ด้วยส�ำนวนลีลาประณีตงดงาม เป็นขุมคลังแหล่งบรรจุหลัก ๑๖ Colombo, Ed., p. 169. ๑๗ คมั ภรี อ์ ภธิ รรมมารถ-สงั ครหะมอี า้ งถงึ ในบญั ชรี ายชอ่ื นามวา่ คมั ภรี ร์ ปู ารปู วภิ าคะ See also Abhidhammavatara (P.T.S.). ๑๘ Law, Buddhaghosa, p. 96, and Sasana-vamsa, p. 33. ๑๙ Gray, Jinalankara, Introd., p. 10. ๒๐ p. 7 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 190 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 191 ค�ำสอนของพระพุทธเจ้า และเป็นที่ช่ืนชอบสรรเสริญของนักปราชญ์ลังกา หลักฐานใน คัมภีร์คันธวังสะระบุว่าคัมภีร์ชินาลังการะเป็นผลงานของพระพุทธทัตตเถระ ส่วนต�ำรา ฎกี าแตง่ แกน้ น้ั เปน็ ผลงานของพระพทุ ธรกั ขติ เถระ๒๑ ดา้ นเดอซอยสาเหน็ ดว้ ยกบั คมั ภรี ์ คันธวังสะว่า คัมภีร์ชินาลังการะเป็นผลงานของพระพุทธทัตตเถระ๒๒ ปัจจุบันคัมภีร์เล่มนี้หาได้ยากนักแม้ตามห้องสมุดของวัดเก่าโบราณ ผู้เขียน เห็นว่าส�ำเนาที่พบเห็นในลังกาน�ำมาจากพม่า ไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามีการศึกษา เล่าเรียนคัมภีร์เล่มนี้ในลังกาหรือไม่ คัมภีร์ปูชาวลิยะเองก็ไม่ได้กล่าวถึง ต�ำนานลังกา ท่ีกล่าวถึงพระพุทธทัตตเถระก็ไม่ได้บอกว่าคัมภีร์เล่มนี้เป็นผลงานของท่าน เกรย์ผู้ท�ำหน้าที่แปลคัมภีร์เล่มนี้เป็นภาษาอังกฤษบอกว่าภาษาในคัมภีร์ดู ผิดปกติชอบกล แม้ตัวเขาจะพยายามคล้อยตามความรู้สึกให้สอดคล้องกับหลักฐาน แต่กลับอธิบายอีกทางหน่ึงโดยบอกว่า คัมภีร์เล่มน้ีอธิบายฉันท์ตามแบบกาลิทาส (Kalidasa) ภารวิ (Bharavi) และมาฆะ (Magha) แต่ไม่มีอะไรสามารถล้มล้าง ความเชื่อของตนเก่ียวกับความมีอยู่ของผู้เขียนประมาณส่ีศตวรรษก่อนคริสตกาล หากพิจารณาว่าผู้เขียนลอกเลียนแบบนักเขียนสันสกฤต เหมือนผู้แต่งคัมภีร์รฆุวังสะ และคัมภีร์กิราตารชุนียะแล้วไซร้ คัมภีร์เล่มน้ีต้องเป็นที่รู้จักแพร่หลายไม่นานหลัง ก�ำเนิดคริสตกาลแล้ว หรืออย่างน้อยสี่ศตวรรษก่อนหน้าน้ัน เป็นที่น่าสังเกตอีกอย่าง หน่ึงคือความคล้ายคลึงกันหลายอย่างระหว่างพระคาถาที่แต่งในคัมภีร์สันสกฤต เหล่าน้ันและที่ปรากฏในคัมภีร์ชินาลังการะ๒๓ ความหลากหลายของฉนั ทลกั ษณท์ พ่ี บเหน็ ในคมั ภรี ช์ นิ าลงั การะ กลบั ไมป่ รากฏ พบเหน็ ในคมั ภรี ภ์ าษาบาลที วั่ ไป จนกระทงั่ เขา้ สยู่ คุ หลงั เมอ่ื ครง้ั การศกึ ษาภาษาสนั สกฤต มีอิทธิพลต่อภาษาบาลีจนเติบโตขยายในวงกว้าง ไม่มีหลักฐานการพิสูจน์แต่อย่างใด ๒๑ Gray, Jinalankara. pp. 69 and 72. ๒๒ p. 7. ๒๓ pp. 10 and 11. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 191 1/18/20 1:16 PM
192 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ ยกเว้นปัจฉิมกถาท่ีเกรย์พบว่าได้สอดแทรกเพิ่มเติมในส�ำเนาของต�ำราฎีกา ซึ่งเชื่อว่า พระพุทธทัตตเถระเป็นผู้รจนาด้วยตัวเอง๒๔ หากเป็นเช่นน้ันแล้วไซร้ หลักฐานด้าน ภาษาและโครงสร้างน่าจะมีคุณค่าอยู่บ้างโดยเฉพาะการก�ำหนดระยะเวลาของผู้เขียน คัมภีร์ชินาลังการะที่มีอยู่ขณะน้ี น่าจะเขียนข้ึนไม่เกินพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๒ ตราบจนบัดน้ีไม่สามารถรู้ได้แน่นอนว่าใครเป็นผู้เขียนคัมภีร์เล่มนี้ และใคร เป็นผู้เขียนต�ำราฎีกาแต่งแก้ อาจเป็นไปได้ว่ามีงานเขียนก่อนหน้าน้ีโดยผู้เขียนช่ือ เหมือนกัน เพราะข้อมูลเกี่ยวกับพุทธประวัติล้วนเชิญชวนให้ผู้เขียนปรารถนาบรรยาย โวหารเชิงกวี (ตัวอย่างเช่นคัมภีร์พุทธวังสะ) ถ้าคัมภีร์เล่มนี้มีอยู่จริงก็ถือว่าเป็น ความสูญเสียที่ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ เพราะมีเพียงหลักฐานอ้างอิงทางต�ำนาน เท่าน้ันท่ีหลงเหลือให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาสืบค้น ผู้เขียนเชื่อว่าเกิดความสับสนกันระหว่างพระพุทธทัตตเถระ ผู้แต่งต�ำราฎีกา แก้คัมภีร์ชินาลังการะ กับพระพุทธทัตตเถระพระอรรถกถาจารย์ร่วมสมัยกับ พระพุทธโฆษาจารย์ เพราะความจริงคือพระพุทธทัตตเถระรูปหลังได้เขียนอรรถกถา เก่ียวกับพระพุทธเจ้า ซ่ึงแต่งแก้คัมภีร์พุทธวังสะช่ือว่ามธุรัตถวิลาสินี๒๕ ส่วนผู้แต่ง คัมภีร์ชินาลังการะน้ันไม่เป็นท่ีรู้จักมากนัก ผลงานของท่านเป็นเพียงการอิงอาศัย ชื่อเสียงของนักปราชญ์นามอุโฆษเท่านั้น เห็นได้จากตัวอย่างมากหลายไม่เป็นท่ีรู้จักใน ประวัติศาสตร์ด้านวรรณคดี๒๖ ๒๔ Mandalay MS. ๒๕ ผู้เขียนม่ันใจตามความเห็นของเกรย์ที่บอกว่าคัมภีร์ชินาลังการะชาวพม่าเรียกว่าอรรถกถา Introd., p. 10. ๒๖ e.g. the Jatakatthakatha. จ�ำนวนรายชื่อผลงานของพระพุทธโฆษาจารย์ท่ีระบุไว้ใน คัมภีร์ G.V., p. 59 ไม่กล่าวถึงการแต่งคัมภีร์ฃินาลังการะเลย เฉพาะหน้าท่ี ๗๒ ปรากฏชื่อพระ พุทธัตตเถระผู้แต่งคัมภีร์ฎีกาแก้คัมภีร์ชินาลังการะ บางทีเรียกชื่อว่าชินาลังการ ผู้เขียนจึงสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นความสับสนเกี่ยวกับผู้เขียน เน่ืองจากมีการพิสูจน์แล้วว่ามีสองชื่อ บัดนี้มีเพียงส�ำเนาจากคัมภีร์ ฎีกาเท่าน้ัน 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 192 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 193 เกี่ยวกับพระธรรมปาลเถระ ยุคเดียวกันน้ีเองเป็นสมัยของพระธรรมปาลเถระ ผู้แต่งคัมภีร์อรรถกถา หลายเล่ม บางครั้งเกิดความสงสัยว่าท่านเป็นคนยุคเก่าหรือยุคใหม่ เพราะชื่อเสียง เรียงนามของท่านค่อนข้างธรรมดาเหมือนพระภิกษุสามัญรูปหนึ่ง จึงท�ำให้เกิดความ สับสนกับนักเขียนคนอ่ืน ซึ่งมีช่ือเหมือนกันในประวัติวงการคณะสงฆ์ คัมภีร์คันธวังสะบอกว่านักปราชญ์นามว่าธรรมปาลเถระมีอยู่ ๔ รูป บรรดา ท่านเหล่าน้ัน ๒ รูป รวมลงในกลุ่มของนักปราชญ์ชาวอินเดีย ๑๐ รูป รูปแรกโด่งดัง ในนามว่าอาจารย์ กล่าวกันว่าท่านเขียนหนังสือถึง ๑๔ เล่ม ช่ือของท่านตามมาด้วย พระพุทธทัตตเถระและพระอานนท์เถระ ซ่ึงรูปหลังเป็นผู้เขียนต�ำราฎีกาแต่งแก้คัมภีร์ อรรถกถาพระอภธิ รรมของพระพทุ ธโฆษาจารย์ สว่ นรปู ทส่ี องนามวา่ จลุ ลธมั มปาลเถระ เหตทุ เ่ี รยี กเชน่ นเ้ี พราะตอ้ งการใหช้ อื่ แตกตา่ งจากรปู แรก หลกั ฐานบอกวา่ ทา่ นเปน็ ศษิ ย์ ผู้ใหญ่ของพระอานนท์เถระ อีกท้ังเป็นผู้เขียนคัมภีร์สัจจสังเขปะ ส�ำหรับรูปท่ีสาม กล่าวถึงพร้อมกับพระสังฆรักขิตเถระผู้เขียนคัมภีร์วุตโตทัย และพระอนุรุทธเถระ ผู้แต่งคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะ น่าจะมีชีวิตอยู่ประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๗ ส่วน รูปที่ส่ีเป็นสมาชิกนักปราชญ์ท่ีระบุไว้ในคัมภีร์อริมัททนะของพม่า ในท่ีน้ีจะกล่าวถึงเฉพาะรูปแรก ซ่ึงโด่งดังเป็นท่ีรู้จักแพร่หลายในนาม อาจริยธรรมปาลเถระ๒๗ คมั ภรี ส์ าสนวงั สะกลา่ ววา่ พระธรรมปาลเถระพกั อยทู่ พี่ ทรตติ ถะ (Badaratittha) แห่งอาณาจักรของชาวทมิฬใกล้เกาะลังกา๒๘ สันนิษฐานว่าท่านน่าจะเป็นชาวทมิฬและ เขยี นคมั ภรี อ์ รรถกถาทอี่ นิ เดยี ตอนใต้ พทรตติ ถะนน้ั อยตู่ ดิ ชายทะเลทศิ ตะวนั ออกของ อินเดียทางตอนใต้ของมัทราส งานเขียนของท่านระบุว่าท่านเป็นชาวกัญจิปุระ น่าเสียดายว่าไม่สามารถยืนยันช่วงเวลาที่ท่านก�ำลังโด่งดังได้ แต่ยอมรับกันว่าท่านน่า ๒๗ G.V., p. 33. ๒๘ Sometimes spelled Padaratittha, e.g., in the Sasana-vamsa. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 193 1/18/20 1:16 PM
194 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ จะมีชีวิตอยู่หลังพระพุทธโฆษาจารย์ไม่นานนัก ไม่มีนักปราชญ์ท่านใดอ้างอิงช่ือหรือ ผลงานของท่านเลย๒๙ เห็นแต่กล่าวถึงงานเขียนของพระพุทธโฆษาจารย์ ซ่ึงครอบคลุม คัมภีร์พระพุทธศาสนาเกือบทั้งหมด จึงมีความเป็นไปได้ว่าพระธรรมปาลเถระคงจะ เป็นท่ีรู้จักแพร่หลายภายหลัง มิฉะน้ันท่านคงพยายามอธิบายงานเขียนที่ส�ำคัญเก่ียว กับพระไตรปิฎกมากกว่าน้ี ดังเช่นนิกายท้ังส่ี (ทีฆนิกาย มัชฌิมนิกาย สังยุตตนิกาย อังคุตตรนิกาย) คมั ภรี ข์ ทุ ทกนกิ ายนน้ั สรา้ งรปู แบบเนอ้ื หาพเิ ศษสำ� หรบั การศกึ ษาของพระธรรม ปาลเถระ ได้รับการยอมรับว่ามีความส�ำคัญน้อยกว่า หากเปรียบเทียบกับพระ สุตตันตปิฎกหมวดอื่น สมมติฐานดังกล่าวได้รับการยืนยันม่ันคงว่า ท่านได้รับความ เชื่อถือว่าเป็นผู้เขียนต�ำราฎีกาแต่งแก้คัมภีร์วิสุทธิมรรคของพระพุทธโฆษาจารย์ ชื่อว่า ปรมัตถมัญชูสา และเขียนคัมภีร์อนุฎีกาบรรยายผลงานของพระพุทธโฆษาจารย์ใน นิกายท้ังสี่ด้วย๓๐ จากความรู้ท่ีท่านได้ศึกษาเล่าเรียนในส�ำนักมหาวิหารของลังกา ไม่ว่าท่านจะ รจนาคัมภีร์มากหลายท่ีส�ำนักแห่งนี้หรือไม่ก็ตาม ท่านได้กล่าวไว้ในงานเขียนของท่าน เองว่า ด�ำเนินรอยตามประเพณีการแปลพระธรรมวินัยท่ีจารึกโดยพระสงฆ์ส�ำนัก มหาวิหาร จากผลงานของพระพุทธโฆษาจารย์ล้วนทราบกันแล้วว่า คัมภีร์อรรถกถา เถรวาทและการศึกษาสืบต่อโดยพระสงฆ์ส�ำนักมหาวิหารไม่ปรากฏว่ามีในอินเดีย จึงดูเหมือนว่าพระธรรมปาลเถระก้าวหน้าด้านการศึกษาอรรถกถาภาษาทมิฬด้วย (หลักฐานกล่าวว่าคัมภีร์อรรถกถาภาษาทมิฬหลงเหลืออยู่อย่างน้อย ๒ เล่ม) การแปลหนังสือเก่ียวกับการเดินทางของนักบวชจีนนามว่าเห้ียนจัง แสดงให้ เห็นถึงข้อมูลบางส่วนเก่ียวกับประวัติของพระธรรมปาลเถระอย่างน่าสนใจ๓๑ ๒๙ หากสืบค้นผลงานของพระธรรมปาลเถระก็มีหลายเล่มท่ีหยิบยืมมาจากพระพุทธ- โฆษาจารย์ โดยเฉพาะคัมภีร์อัตถสาลินีและคัมภีร์ธรรมบทอรรถกถา see Hardy's Introd. to the Netti, xv-xvii. ๓๐ Aung, JPTS, 1910l., p. 121. คัมภีร์ฎีกาในศรีลังกามีไม่มากนัก แต่ในพม่ามีแพร่หลาย ๓๐ Ed., by Rhys Davids and Wattera, London, 1905, vol. ii, p. 226 sq. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 194 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 195 หลกั ฐานบอกวา่ ภกิ ษเุ หยี้ นจงั ไดแ้ วะเยยี่ มเมอื งกญั จปิ รุ ะ ซงึ่ เปน็ เมอื งหลวงของอาณาจกั ร ชาวทมิฬ (พ.ศ.๑๑๘๓) พระสงฆ์เมืองน้ีบอกท่านว่าพระธรรมปาลเถระผู้โด่งดังก�ำเนิด ท่ีน้ัน ท่านเป็นเด็กหนุ่มรูปงามและเติบใหญ่ด้วยความสมบูรณ์พร้อม เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม ไดร้ บั พระราชานญุ าตให้อภเิ ษกสมรสกับพระราชธิดา แต่ค่ำ� คืนก่อนทีง่ านอภิเษกสมรส จะเริ่มข้ึน ความเบื่อหน่ายอย่างย่ิงผุดขึ้นในใจ ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานเบื้องหน้า พระพุทธปฏิมา ทันใดนั้นเทวดาได้อุ้มท่านเหาะไปยังวัดป่าท่ามกลางขุนเขา ประมาณ ร้อยลี้ห่างจากเมืองหลวง เม่ือพระสงฆ์แห่งอารามน้ันทราบเรื่องราวความจริง ได้ให้การ อุปสมบทตามค�ำอ้อนวอนของท่าน น้ีคือเหตุผลที่ดีในการเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นประวัติของ พระธรรมปาลเถระ๓๒ คัมภีร์คันธวังสะระบุถึงจ�ำนวนงานเขียนที่พระธรรมปาลเถระได้รจนาเอาไว้ ว่า๓๓ บรรดาคัมภีร์อรรถกถา ๑๔ เล่ม ซึ่งเป็นหนังสือส�ำคัญด้านกวีค�ำกลอนอันเก็บ รักษาพระไตรปิฎก คัมภีร์อรรถกถา ๗ เล่มเป็นผลงานของท่าน อันได้แก่ คัมภีร์เถร คาถาอรรถกถา คมั ภรี เ์ ถรคี าถาอรรถกา คมั ภรี อ์ ทุ านอรรถกถา คมั ภรี ว์ มิ านวตั ถอุ รรถกถา คัมภีร์เปตวัตถุอรรถกถา คัมภีร์อิติวุตตกอรรถกถา และคัมภีร์จริยาปิฎกอรรถกถา ส่วนงานเขียนเล่มอ่ืนอีกเป็นต�ำราฎีกาแต่งแก้คัมภีร์เนตติ ต�ำราฎีกาแต่งแก้ คัมภีร์วิสุทธิมรรคช่ือว่าปรมัตถมัญชูสา และต�ำราฎีกาแต่งแก้นิกายท้ังสี่ของพระพุทธ โฆษาจารย์ ชื่อว่าลนี ตั ถวณั ณนาหรือลนี ตั ถปกาสนิ ฎี กี า ส่วนเล่มอ่ืนคือชาตกตั ถกถา๓๔ คัมภีร์คันธวังสะระบุอีกว่าท่านเป็นผู้เขียนต�ำราฎีกาแต่งแก้คัมภีร์พุทธวัง- สัตถกถา และต�ำราอนุฎีกาแต่งแก้คัมภีร์อภิธัมมัตถกถา๓๕ คัมภีร์สองเล่มนี้หาได้ ๓๒ See also Hastings' Encyclopaedia, vol. v, p. 701. ๓๓ p. 60. ๓๔ G.V., 60 and 69. คัมภีร์อรรถกถาแต่งแก้อุทาน อิติวุตตกะ วิมานวัตถุ และเปตวัตถุ และจริยาปิฎก รวมลงในช่ือว่าปรมัตถทีปนี หรือบางคร้ังพม่าเรียกว่าวิมลวิลาสินี (De Zoysa, p. 2 and Law, Buddhaghosa, p. 96). ๓๕ p. 60. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 195 1/18/20 1:16 PM
196 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ ยากนัก ผู้เขียนไม่ทราบว่าส�ำเนาคัมภีร์สองเล่มน้ีท่ีเป็นภาษาสิงหลยังมีอยู่หรือไม่ แต่ เช่ือได้ว่าน่าจะเป็นผลงานของนักเขียนยุคต่อมา อาจจะเป็นพระธรรมปาลเถระชาว อินเดียหรือชาวพม่าก็เป็นได้ งานเขียนของท่านแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้คงแก่เรียน เช่ียวชาญด้านการ อธิบายหลักธรรม และสมบูรณ์พร้อมด้วยความไพเราะเสนาะโสต มีความคล้ายคลึง กันหลายอย่างระหว่างท่านกับพระพุทธโฆษาจารย์ รีส เดวิดส์๓๖ กล่าวไว้ว่าพระธรรมปาลเถระน่าจะศึกษาเล่าเรียนในส�ำนัก เดียวกันกับพระพุทธโฆษาจารย์ เพราะนักคิดผู้ยิ่งใหญ่ท้ังสองท่านมีแนวความคิด คลา้ ยคลงึ กนั มาก ทั้งสองรปู แต่งคัมภรี ์ด้วยการอา้ งอิงแหล่งข้อมลู เดยี วกัน มวี ธิ กี ารนำ� เสนอหลักธรรมค�ำสอนเหมือนกัน เข้าถึงรูปแบบเดียวกันด้านศาสตร์เชิงปรัชญาและ นริ กุ ตศิ าสตร์ นอกจากนน้ั ยงั ขาดความรดู้ า้ นกฎเกณฑอ์ นั งา่ ยสำ� หรบั วเิ คราะหป์ ระเดน็ ชั้นสูงเหมือนกัน แต่พระธรรมปาลเถระแสดงให้เห็นว่าการจัดแจงเน้ือหามีเอกลักษณ์ ส่วนตัวมากกว่า จ�ำกัดขอบเขตตัวเองทั้งด้านค�ำถามเชิงความหมายของศัพท์ และโตแ้ ยง้ ความสำ� คญั เชงิ จรยิ ธรรมดกี วา่ ทา่ นไมย่ นื กรานแขง็ ทอื่ ดา้ นจรยิ ธรรมเหมอื น พระพุทธโฆษาจารย์ ส�ำนวนลีลาของท่านเรียบง่าย พูดน้อยและอ้อมค้อมน้อยกว่า แสดงให้เห็นถึงความเป็นนักไวยากรณ์และผู้คงแก่เรียนมากว่าเป็นผู้อธิบายความตาม หลักธรรม อีกทั้งเช่ียวชาญด้านนิรุกติศาสตร์จนชวนให้หลงใหล การอธิบายศัพท์ก็ ค่อนข้างชัดเจนลำ้� หน้ากว่าพระพุทธโฆษาจารย์ กล่าวตามหลักฐานถึงแม้ว่าท่านจะเป็น นักอ่านท่ีดีมีความรู้กว้างขวาง แต่ความรู้ของพระพุทธโฆษาจารย์นั้นลึกซึ้งและ รวบรวมหลายเร่ืองราวมากกว่า ข้อมูลที่พบเห็นในผลงานของท่านล้วนเกี่ยวกับสังคม ศาสนา ปรัชญา และแนวความคิดเชิงคุณธรรมสมัยนั้น แต่ยังถือว่ากว้างขวางน้อย กว่างานเขียนของพระพุทธโฆษาจารย์ ๓๖ Hastings' Encycl. Rel. and Ethics, vol. iv, pp. 701 foll. 1/18/20 1:16 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 196
ศรีลังกา 197 มาดาม เดวิดส์ กล่าวไว้ว่าส่วนใหญ่เร่ืองราวของพระธรรมปาลเถระ ไม่มี กล่าวถึงในงานเขียนเล่มอื่นจนเรียกว่าแทบจะไม่พบเห็นเลย งานเขียนเหล่านั้นดำ� เนิน ตามนิกายท้ังส่ี มิใช่เป็นเพียงต�ำนานเปรียบเทียบกับคัมภีร์อรรถกถาของพระพุทธ- โฆษาจารยเ์ ทา่ น้ัน แตร่ วมลงในร้อยแก้วและเคา้ โครงของฉนั ท์ในคัมภรี ส์ ตุ ตนบิ าตหรือ คมั ภรี ส์ งั ยตุ ตนกิ ายดว้ ย อกี ทงั้ ไมก่ ลา่ วถงึ ในคมั ภรี ช์ าดก๓๗ บอ่ ยครง้ั จะเหน็ การอธบิ าย เก่ียวกับฉากตอนและลักษณะ แต่ความจริงก็คือตำ� นานถักทอด้วยต�ำนาน แสดงถึง ความเช่ือแบบเถรวาทด้ังเดิม และช่วยให้เข้าใจส�ำนวนภาษาบาลีโบราณด้ังเดิมชัดเจน ดีขึ้น พระธรรมปาลเถระกล่าวไว้ในปัจฉิมกถาของคัมภีร์หลายเล่มว่า ท่านแต่ง หนังสือด้วยการเรียบเรียงข้อมูลจากคัมภีร์อรรถกถาดั้งเดิม พยายามแสดงถึง ความส�ำคัญเก่ียวพันกับยุคนี้ หมายถึงประวัติศาสตร์พุทธศาสนาสายเถรวาท เป็น งานเขียนข้ึนใหม่ด้วยภาษาบาลี เพ่ือแปลถอดความให้เป็นไปตามประเพณีที่บันทึก เป็นภาษาท้องถ่ิน ได้แก่ภาษาสิงหลและภาษาทมิฬ หากกล่าวถึงผลงานของท่านโดยเฉพาะงานเชิงกวีอธิบายเน้ือความตาม พระไตรปิฎกน้ัน พระธรรมปาลเถระได้ด�ำเนินตามแบบแผนเหมือนปกติ๓๘ กล่าวคือ เบื้องต้นเร่ิมแนะน�ำการรวบรวมกวีนิพนธ์ทั้งหมด ให้รายละเอียดเนื้อหาเชิงต�ำนานว่า ข้อมูลเหล่านั้นมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร จากน้ันแบ่งแยกฉันท์ออกแต่ละบท ส่วนศัพท์ก็อธิบายเกี่ยวกับปรัชญาและการตีความตามหลักธรรม การแสดงฉันท์ก็ ยึดถือตามพื้นฐานของการบรรยายเชิงร้อยแก้วเป็นหัวใจส�ำคัญ สอดคล้องตามวิถีทาง ชาวพุทธเชิงประวัติศาสตร์ เพื่อส่ือสารกวีนิพนธ์จากคัมภีร์พระไตรปิฎก ผลงานของพระธรรมปาลเถระสว่ นมากมลี กั ษณะเชน่ น้ี แตเ่ ปลย่ี นรปู ใหมด่ ว้ ย การเรียบเรียงภาษาบาลีแบบผู้คงแก่เรียน จากวรรณคดีช้ันอรรถกถาภาษาสิงหล ๓๗ Mrs. Rhys Davids, Psalms of the Brethren, Introd., p. xxv. ๓๘ e.g. Peta-vatthu commentary. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 197 1/18/20 1:16 PM
198 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ หรือภาษาทมิฬ จึงไม่แปลกใจอันใดหากวิธีบรรยายจะเกล่ือนกล่นมากล้นด้วยนิทาน เก่ียวกับประวัติของพระอริยเจ้า (Hagiographical Myth) การตีความตามหลักธรรม ถูกแต่งเติมสีสันด้วยการสอดแทรกหลักธรรม และถูกบิดเบือนด้วยความต้องการเร่ง ด่วนเพื่อการแสดงธรรมของนักเทศน์สมัยต่อมา มาดาม เดวิดส์๓๙ กล่าวไว้ว่าคัมภีร์อรรถกถาเหล่าน้ีทรงคุณค่าในตัวมันเอง เร่ิมต้นจากก้าวข้ามทะเลเวลาระหว่างพระเจ้าอโศกมหาราชกับระยะเวลาของปราชญ์ ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ซึ่งมีการรักษาสืบต่อเร่ือยมาหลายยุคหลายสมัย คัมภีร์เหล่าน้ี ประกอบด้วยค�ำพูดมีนัยแบบเก่า เหมือนพยายามก้าวข้ามสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช แต่ไม่ขาดช่วง แม้ผันแปรด้วยการเขียนจากสมัยแรกเร่ิมเม่ือพระองค์ศรัทธา พระพุทธศาสนา แต่ก็รักษาสืบทอดเร่ือยมาจนเป็นผลงานทรงคุณค่ามหาศาล แม้จะ มีข้อบกพร่องบ้างแต่ก็เป็นเพียงช่วงส้ันตามวัยวุฒิ หากถูกติชมมากนักก็คงไม่เป็นที่ รจู้ กั ในวงการบรรณโลก เพยี งศรทั ธาความเชอื่ มน่ั กา้ วเขา้ สกู่ ารสอบสวนทางประวตั ศิ าสตร์ และวิทยาศาสตร์ก็น่าจะเพียงพอ วิกรมสิงหะบอกว่าพระอุปเสนเถระก็มีชีวิตอยู่ในสมัยเดียวกัน พระเถระ รูปนี้เป็นผู้เขียนต�ำราฎีกาแต่งแก้คัมภีร์มหานิทเทส ชื่อว่าสัทธัมมัปปัชโชติกา๔๐ แต่น่า เสียดายไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับตัวท่านมากกว่านี้อีกแล้ว คัมภีร์คันธวังสะรวมชื่อของ ทา่ นในรายชอื่ นกั เขยี นชาวลงั กา๔๑ สว่ นคมั ภรี ส์ าสนวงั สะบอกเพยี งวา่ ทา่ นเปน็ ผปู้ ระพนั ธ์ หนังสือเล่มน้ีจริง๔๒ หลักฐานในคัมภีร์นิกายสังครหะก็ช้ีว่า ไม่ปรากฏมีชื่อของท่านใน รายนามของนักเขียนรุ่นหลังพระพุทธโฆษาจารย์๔๓ ค�ำจารึกตอนท้ายของคัมภีร์ สัทธัมมัปปัชโชติการะบุว่า คัมภีร์เล่มนี้เขียนโดยพระมหาเถระนามว่าอุปเสนะ ผู้เป็น ๓๙ Psalms of the Brethren, Intod., p. xxv. ๔๐ Catalogue, p. xii. ๔๑ pp. 66-7. ๔๒ p. 33. ๔๓ p. 23, Colombo Ed. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 198 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 199 ด่ังธงชัยแห่งตัมพปัณณิ และด�ำเนินรอยตามแบบแผนของส�ำนักมหาวิหาร เนื้อหา คัมภีร์ค่อนข้างยาวและมีคุณภาพด้อยกว่างานเขียนของพระพุทธโฆษาจารย์และ พระธรรมปาลเถระ ผู้เขียนพรรณนาไว้ว่าขอท�ำหน้าท่ีแปลคัมภีร์อรรถกถาที่ค้นพบใน ลังกาเป็นภาษาบาลีอีกคร้ัง และพยายามจะไม่ให้เหมือนฉบับด้ังเดิม คัมภีร์อรรถกถาชาดก หนังสืออีกเล่มหน่ึงท่ีมีความส�ำคัญและเช่ือกันว่าเขียนข้ึนในยุคน้ีเช่นกันคือ คัมภีร์ชาตกัตถกถา คัมภีร์ชาดกเป็นหนังสือประเภทอาขยานะ (Akhyana) ของวรรณคดีอินเดีย๔๔ ซ่ึงต่อมาก่อเกิดพัฒนาการกลายเป็นมหากาพย์อันย่ิงใหญ่ เอกลักษณ์อันโดดเด่นของงานเขียนเช่นน้ีคือ เร่ืองราวทั้งปวงไม่ได้ก่อตัวตามรูปแบบ ตายตัว เพียงแต่เป็นส่วนที่ประกอบกันข้ึนเชิงส�ำนวนโวหาร และสร้างความม่ันใจด้วย การเบ่ียงเบนออกจากประเพณีดั้งเดิม โดยเฉพาะข้อความท่ีบรรยายเน้ือหาอันตรง ประเด็น เนื้อหาทั้งหมดผูกโยงเข้ากับส�ำนวนแบบร้อยแก้ว ตรงกับรายละเอียดของ เหตุการณ์ที่มีการบรรยายกล่าวถึง โครงสร้างของเรื่องเป็นลักษณะเล่าขาน เป็นส�ำนวน ร้อยแก้วเชิงโลกีย์ สมบูรณ์พร้อมด้วยพระคาถาอันศักด์ิสิทธ์ิ และก่อร่างข้ึนพร้อมกับ เน้ือหาเหมือนการบรรยายชวนให้เห็นภาพ ราวกะหมู่แมกไม้ท่ีงดงามเขียวขจีปกคลุม ทิวเขาปรากฏดั่งป้อมปราการอันแข็งแกร่ง๔๕ การกล่าวถึงต�ำนานของราชวงศ์น้อยใหญ่หลากหลายผู้คนและเร่ืองราวของ นักบวชผู้เคร่งครัด ถือว่าเป็นธรรมเนียมยุคแรกเร่ิมของอินเดียด้วยดังตัวอย่างเช่น คัมภีร์ไอตเรยะพราหมณะกล่าวถึงสมมติฐานในการขับไล่ความชั่วร้ายว่า หากผู้ใด ปรารถนาบุตรจะต้องเล่าเร่ืองราวของเทพเจ้าศุนหเศปะให้ได้ เช่นน้ีแล้วความปรารถนา ก็จะประสบความส�ำเร็จ๔๖ ความโน้มเอียงเกี่ยวข้องกับเร่ืองราวดังตัวอย่างข้างต้นก็เพ่ือ ที่จะสอนคุณธรรม ซ่ึงเป็นบุคลิกลักษณะและนิสัยใจคอของคนอินเดีย ๔๔ Oldenberg, JPTS., 1910, pp. 19 foll. ๔๕ Mrs. Rhys Davids, Brethren, p. xxv. ๔๖ Winternitz, Calcutta Review, Nov., 1923, p. 130. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 199 1/18/20 1:16 PM
200 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ (บนซ้าย) คัมภีร์ฆรุวังสะของกาลิทาสและ (บนขวา) คัมภีร์วุตโตทัยของพระสังฆรักขิตเถระ ชาวศรีลังกา ภาพบรรยายชาดกนอกคัมภีร์ จิตรกรรมฝาผนังวัดมุลคิริคลราชมหาวิหาร (คัดลอกจาก www. photodharma.net) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 200 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 201 ภาพบรรยายชาดกนอกคัมภีร์ จิตรกรรมฝาผนังวัดมุลคิริคลราชมหาวิหาร (คัดลอกจาก www. photodharma.net) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 201 1/18/20 1:16 PM
202 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ ซากอารามภิกษุณีแห่งส�ำนักมหาวิหาร เมืองเก่าอนุราธปุระ (คัดลอกภาพจาก www.google. co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 202 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 203 (บน-ล่าง) แสตมป์เกี่ยวกับชาดกตามอารามวิหารชนิดราชมหาวิหาร (คัดลอกภาพจาก www.ft.lk) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 203 1/18/20 1:16 PM
204 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ ต�ำนานบอกว่าเม่ือถึงโอกาสพระพุทธเจ้าผู้ทรงคุ้นเคยกับความเป็นพระ บรมครูมายาวนาน จะทรงอธิบายและวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เก่ียวข้องกับพระองค์เอง ซ่งึ เคยเกิดข้นึ กับพระองค์ในอดตี ชาตปิ างก่อน หมายถึงประสบการณ์จากการเวียนเกิด เวียนตายหลายภพหลายชาติ พระองค์จึงใช้ประสบการณ์เหล่าน้ีอธิบายเร่ืองราว เชิงคุณธรรม ด้วยการประดิดประดอยนิทานยกข้ึนเป็นอุทาหรณ์ เร่ืองราวเหล่านี้มีการ รักษาสืบต่อโดยพระสาวกสาวิกา ต่อมารวมเข้าเป็นหนังสือชาดก ซึ่งเช่ือว่าน่าจะเขียน ข้ึนที่อินเดียก่อนแล้วน�ำเข้ามาลังกาทีหลัง คนรุ่นหลังจะเช่ือตามรายละเอียดเช่นน้ีหรือไม่ก็ตาม แต่มีการบันทึกไว้ว่า คัมภีร์ชาดกหรือเรื่องราวการเกิด ได้รับการรับรองจากพระพุทธเจ้าด้วยพระองค์เอง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการสั่งสอน ชาดกหลายเร่ืองปรากฏมีในคัมภีร์พระไตรปิฎก (เช่น ติตติรชาดกในจุลลวรรค และมหาสุทัสสนชาดกในทีฆนิกาย) คัมภีร์จริยาปิฎก เป็นอีกลักษณะหนึ่งของหนังสือชาดกเช่นกัน ว่าด้วยอดีตชาติของพระพุทธองค์ใน รูปแบบของฉันท์ กล่าวถึงว่าพระโพธิสัตว์จ�ำต้องบ�ำเพ็ญทศบารมีให้บริบูรณ์ เพราะ เป็นสิ่งจ�ำเป็นต่อการบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ คมั ภรี อ์ ปทานะเปน็ อกี หมวดหนงึ่ ในคมั ภรี ข์ ทุ ทกนกิ าย บรรจเุ รอ่ื งราวหลากหลาย เก่ียวกับชีวิตของนักพรต มีส่วนคล้ายกันอย่างมากกับนิทานในอรรถกถาชาดก คัมภีร์พุทธวังสะก็เช่นเดียวกันล้วนให้รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติของพระพุทธเจ้า โคดม เมื่อคร้ังพระองค์ทรงบ�ำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ ได้รับการพยากรณ์ต่อเบ้ือง พระพักตร์ของอดีตพระพุทธเจ้า ๒๔ พระองค์ ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๘ เรื่องราวเกี่ยวกับชาดกเป็นที่รู้จักแพร่หลายท่ัวไป ยืนยันได้จากเร่ืองราวจ�ำนวนมากท่ีปรากฏพบเห็นตามรูปปั้นสลักนูนต่�ำท่ีสาญจิและ อมราวดี ส่วนภารหุตน้ันแสดงให้เห็นว่าสมัยน้ันนิทานชาดกเป็นที่รู้จักแพร่หลาย ไปไกล และยอมรบั กนั วา่ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของประวตั ศิ าสตรอ์ นั ศกั ดส์ิ ทิ ธทิ์ างศาสนา ตอ่ มา นิทานชาดกได้ข้ามฝั่งเข้ามายังเกาะลังกาและลงรากฝังลึกตามจินตนาการของผู้คน 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 204 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 205 เมื่อภิกษุฟาเหียนเดินทางมาเยือนลังกาในพุทธศตวรรษท่ี ๑๐๔๗ ได้เห็นขบวน แห่พระเข้ียวแก้วอันเป็นงานประจ�ำปี ซึ่งอัญเชิญออกจากอนุราธปุระเมืองหลวงไปยัง มิหินตะเล จึงอธิบายไว้ว่าตามถนนสองข้างทางชาวบ้านต่างห้อยรูปพระโพธิสัตว์ ๕๐๐ พระองค์ แต่งแต้มด้วยสีนานาชนิดและจัดเก็บรักษาดูแลเป็นอย่างดี เพื่อให้ภาพ เหล่านั้นปรากฏมีสีสันยาวนาน ปัจจุบันนิทานชาดกเกี่ยวข้องกับชาวสิงหลเหมือนวิถีชีวิตประจ�ำวัน ตามบ้าน สามัญทั่วไปบรรยากาศข้างเตาไฟยามอากาศหนาวเหน็บมักมีการเล่าเร่ืองราวมากมาย ตามระเบียงบ้านหรือริมถนนก็มีบ้างแต่ก็น้อย เม่ือทุกคนในครอบครัวเสร็จส้ินภารกิจ ยามทิวากรก่อนเข้าห้องนอนเพื่อพักผ่อนเอนกาย สมาชิกในครอบครัวส่วนใหญ่คือผู้ สูงวัย จะหยิบยกนิทานชาดกมาเล่าสู่ลูกหลานฟัง ต้ังแต่หัววันยันผู้ฟังล้มตัวลงนอน หรือเมื่อชาวบ้านนั่งล้อมวงยามรัตติกาล เพื่อรักษาพืชพันธุ์ธัญญาหารอันสุกงอม พร้อมเก็บเกี่ยว มักจุดไฟข้างริมทางเพื่อป้องกันช้างป่าหรือหมูป่า นิทานชาดกมักจะ ถูกหยิบยกขึ้นมาเล่าขาน เพื่อเป็นเพื่อนเข้าเวรยามรัตติกาล จะเห็นได้ว่านิทานชาดก มีส่วนส�ำคัญทุกโอกาส๔๘ ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าคัมภีร์ชาดกแต่งข้ึนตั้งแต่สมัยใด ไม่มีใครเลยที่ เคยอ่านคัมภีร์ชาดกแล้วกล้ารับรองว่า ฉันท์ท่ีประกอบกันข้ึนน้ันเป็นส่วนส�ำคัญตาม รูปแบบที่ดัดแปลงโดยนักรวบรวมเร่ืองราวเหล่าน้ี ซ่ึงไม่ใช่พระคาถาในฐานะข้อมูล อ้างอิง เพียงคัดลอกมาจากต�ำราบางเล่มซ่ึงเป็นเร่ืองเล่าปรัมปรามาแต่โบราณ เร่ืองราว เหล่าน้ันมีแหล่งท่ีมาสามารถบรรยายด้วยตัวมันเอง อีกทั้งทรงคุณค่าเพราะเอกลักษณ์ ของเรื่องคือพระโพธิสัตว์ จะเหลือเพียงค�ำบรรยายเชิงร้อยแก้วที่ทิ้งเอาไว้ให้พิจารณา ๔๗ Fa Hsien, Giles's Travel, p. 71. บทที่ 73 หน้า 72 ของคัมภีร์มหาวงศ์ระบุว่าพระเจ้า ปรากรมพาหุมหาราชโปรดให้สร้างวิหารทรงกลมท่ีเมืองโปโฬนนารุวะ สันนิษฐานว่าพระองค์ได้สดับ เรื่องราวจากการสาธายายคัมภีร์ชาดก ๔๘ จ�ำนวนกวีนิพนธ์ภาษาสิงหลที่หลงเหลืออยู่มีการแปลเป็นคาถาชาดก ยกตัวอย่างเช่น สสทาวตะ คตุ ตกิ กาพวยะ กสุ ชาดก กาพวยะเสขระ และบางเลม่ เปน็ ทน่ี ยิ มแพรห่ ลาย เชน่ เวสนั ตรชาดก 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 205 1/18/20 1:16 PM
206 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ และใชด้ ลุ ยพนิ จิ ของผคู้ นทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั เรอ่ื งราว จงึ ไมส่ ามารถบอกไดย้ กเวน้ จดุ สำ� คญั ของเรื่องและค�ำร้อยกรองที่เหลือท้ิงไว้เป็นหลักฐาน ไม่บ่อยครั้งนักที่การเติมแต่งสมัย ต่อมาจะไม่กล่าวถึงบุคคลผู้มีส่วนส�ำคัญในการบรรยาย คัมภีร์ชาดกที่เห็นกันในปัจจุบัน ประกอบด้วย ๕๕๑ เร่ือง แบ่งออกเป็น ๒๐ หมวด (นิบาต) กล่าวคือ แบ่งออกตามจ�ำนวนของพระคาถาของแต่ละเรื่อง ทกุ เรอ่ื งเรม่ิ ตน้ ดว้ ยคำ� อา้ งองิ ตามสว่ นแหง่ พระคาถา ตอ่ มาเปน็ อารมั ภบท (ปจั จปุ ปนั น- วัตถุ) ให้สาระเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นเหตุให้พระพุทธเจ้าทรง ร�ำลึกย้อนหลังเหตุการณ์ในอดีต (อตีตวัตถุ) กล่าวคือเร่ืองยืดยาวสมัยอดีตชาติ ของพระองค์ เม่ือครั้งยังทรงบ�ำเพ็ญเพียรเป็นพระโพธิสัตว์ และจบลงด้วยการสรุป โดยย่อว่าพระพุทธเจ้าทรงยืนยันบุคลิกภาวะที่แตกต่างในท้องเร่ือง เพื่อชี้ให้เห็นถึง ความคล้ายกันซึ่งด�ำเนินไประหว่างนิทานสองเรื่อง และประกอบความสืบต่อของเรื่อง เหล่านั้น (อนุสนธิ) แต่ละเรื่องบรรยายด้วยหน่ึงพระคาถาหรือมากกว่านั้น๔๙ ส่วนใหญ่ กล่าวโดยพระโพธิสัตว์ แต่บางครั้งตรัสโดยพระพุทธเจ้าเอง ตรงน้ีเรียกว่าพระคาถา หลังตรัสรู้แล้ว (อภิสัมพุทธคาถา) จากนั้นเป็นการวิเคราะห์ศัพท์ที่น�ำมาจากพระคาถา แบบส้ันกะทัดรัด การรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเริ่มต้นด้วยความเรียงอารัมภบท ขนาดยาว เรียกว่าเร่ืองราวยาวไกล (นิทานกถา) กล่าวถึงพุทธประวัติก่อนที่จะประสูติ เป็นเจ้าชายสิทธัตถะ และพระชาติสุดท้ายก่อนท่ีจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า๕๐ มิลเลอร์ส (Millers) กล่าวว่าถึงแม้ชาวพุทธผู้เคร่งครัดจะยอมรับเร่ืองราวท่ี น�ำมาเล่าประกอบ ซ่ึงเป็นนิทานปรัมปราว่าด้วยเทพนิยาย และเป็นบันทึกประสบการณ์ ชีวิตประจ�ำวัน ซ่ึงไม่ใช่เรื่องราวเฉพาะพุทธศาสนา เป็นเพียงสามัญสมบัติของชาวโลก ซ่ึงท่วมทับด้วยกาลเวลา๕๑ ๔๙ \"ท่ามกลางความไม่แน่นอนไร้การตรวจสอบ โดยการพรรณนาเชิงกวีปรากฏเห็นรูปแบบ อีกประเภทหน่ึง สับสน ยุ่งเหยิงและผสมกันเป็นหัวใจท้ังหมด\" Oldenberg, Icc., cit. ๕๐ ส�ำหรับรายละเอียดที่สมบูรณ์และมากกว่าธรรมชาติของคัมภีร์ชาดกอรรถกถา ดูในบทน�ำ ผลงานของรีสด์ เดวิดส์ Buddhist Birth Stories, now re-edited by Mrs. Rhys Davids in Broadway Translation Series, London, 1924. ๕๑ e.g. The Talkative Toroise (Fausboll, 215), and The Ass in the Lion's Skin (Fausboll, 189). 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 206 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 207 นักปราชญ์ผู้วิเคราะห์ส่วนใหญ่ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า พระคาถาบางแห่ง และเรื่องราวอันเป็นแก่นของพระพุทธศาสนาแท้จริง และการบรรยายบางแห่งใน ปัจจุปปันนวัตถุ ประกอบด้วยพุทธประวัติเป็นส่วนที่แยกออกมาพร้อมกับส่วนอื่น หากไม่ใช่เป็นของพุทธแท้ก็น่าจะเป็นของอินเดียหรือคนพ้ืนถิ่น มีรากเหง้าสามารถ ประยุกต์ใช้ในขอบเขตจ�ำกัด นิทานเหล่าน้ีมีสรรพสาระสามารถสอนได้หลากหลาย เป็นบทเรียนเปรียบเทียบเชิงคุณธรรม ส่วนใหญ่มุ่งประเด็นค�ำสอนทางพุทธศาสนา แทรกด้วยเทพนิยายบ้างก็เฉพาะศัพท์สามัญส�ำนึกเท่าน้ัน เต็มไปด้วยความรู้สึกช่ืนชม ต่อคุณธรรมช้ันสูง การเสียสละ ความอุตสาหะ ความยุติธรรม คุณค่าอันถูกต้องของ ความพอใจ และไหวพริบปัญญา บางคนเรียกนิทานชาดกว่าเทศนาเชิงศิลป์ (Artistic Sermons) เพราะมีข้อมูลพร้อมอยู่แล้วสามารถน�ำไปพูดได้เลย แม้ผู้ฟังจะ มากมายหลากหลายวัยก็ตาม ศาสตราจารย์คุนเต (Kunte) เม่ือครั้งกล่าวรายงานบทความอันน่าสนใจต่อ สมาคมเอเชียของอังกฤษประจำ� ลังกา๕๒ ได้อธิบายถึงวิธีเทศนาเชิงศิลป์ว่าสามารถเป็น งานเขียนได้อย่างไร โดยอธิบายรายละเอียดว่า เบื้องต้นน�ำส่วนแห่งคาถามาสาธยาย เสียก่อน ความศรัทธาในพระพุทธเจ้าจึงจะเกิดข้ึน หากพื้นฐานดีพร้อมส�ำหรับ สวดพระคาถาก็จะมีการตระเตรียมเรื่องราวสืบไป จากนั้นเป็นการอธิบายพระคาถา ผู้อธิบายจ�ำต้องแสดงให้เห็นถึงความเป็นคนรอบรู้ เพราะผู้ฟังสามัญชนมักมีความ สงสัยครึ่งและเช่ือครึ่ง เพราะต้องใช้ปัญญาพิจารณาเก่ียวกับเร่ืองลึกลับ หากด�ำเนิน การเล่าเร่ืองต่อไปก็จะเกิดความยุ่งยากเกินกว่าจะเข้าใจได้ แต่ถ้ามีความต่อเน่ือง เรอ่ื ยไปกจ็ ะพบกบั ความอศั จรรย์ สามารถรบั ฟงั ดว้ ยความสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ พรอ้ ม เกิดปัญญา ผู้อธิบายจ�ำต้องด�ำเนินเร่ืองด้วยพลังเต็มเปี่ยมมาถึงตอนน้ีถือว่าความ ตึงเครียดภายในจิตใจของผู้ฟังขึ้นสู่ระดับสูง เพราะต้องวิเคราะห์คาถาด้วยความงุนงง จนยากจะเข้าใจ ผู้อธิบายจ�ำต้องใช้ลีลาวาทศิลป์ ด้วยวิธีนี้ช่ือว่าเป็นการบรรยายที่ เรียบง่ายแต่ประสบความส�ำเร็จเพราะเป็นที่ชื่นชอบของผู้ฟัง จากน้ันก็ปรับเปล่ียนลีลา การเล่าทันที เร่ิมจากเรื่องลึกลับไปหาเร่ืองเข้าใจง่าย จากเร่ืองศาสนาน่าเบื่อหน่ายไป ๕๒ C.B.R.A.S. Journal, vol. viii, pp. 193 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 207 1/18/20 1:16 PM
208 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ หาเร่ืองชาวบ้านท่ัวไป การปรับเปล่ียนเช่นน้ีท�ำให้เกิดผลตรงกันข้าม ความคล้ายคลึง กนั ซงึ่ ตคี รู่ ะหวา่ งสองเรอื่ งกลายเปน็ อนสุ นธผิ สมผสานกบั สงิ่ ตรงกนั ขา้ ม ความคลา้ ยคลงึ กันและความตรงกันข้ามเป็นรากฐานส�ำคัญย่ิง เพราะก่อให้เกิดความสุขเชิงสุนทรีย ภาพทางปัญญาและอารมณ์ การปรับเปล่ียนวิธีวิเคราะห์พระคาถาช่วยให้จิตใจของผู้ ฟังผ่อนคลายลง และสามารถใส่ใจในรายละเอียดตามความสุขเชิงสุนทรียภาพได้ จ�ำนวนของสัตบุรุษชายหญิงท่ีล้อมวงสนใจฟังนิทานชาดกก็เป็นเรื่องส�ำคัญเช่นกัน เหตุผลดังกล่าวค่อนข้างน่าสนใจและสร้างสรรค์ แต่ผู้เขียนกลัวว่าจะกลาย เป็นความหลงใหลมากกว่า ไม่สามารถก�ำหนดแน่นอนได้ว่าคัมภีร์ชาดกรวมกันเป็นระบบตั้งแต่เมื่อไหร่ เบื้องต้นอาจจะสืบทอดด้วยวิธีมุขปาฐะตั้งแต่สมัยเน้ือหายังกระจัดกระจายกันอยู่ คร้ันเมื่อเป็นท่ีรู้จักแพร่หลายจึงจ�ำต้องรวมกันเป็นรูปแบบถาวร อย่างน้อยก็เฉพาะ แก่นแกนของเรื่อง รีส เดวิดส์ สรุปความว่าคัมภีร์ชาดกมีอยู่ตั้งแต่ยุคเริ่มแรก แต่มีอยู่ใน ลักษณะต่างคนต่างรวบรวม๕๓ หลกั ฐานจากตำ� นานลงั กาเกย่ี วกบั ประวตั ศิ าสตรพ์ ทุ ธศาสนาระบวุ า่ การรวบรวม เร่ืองราวชาดกมีอยู่แล้วตั้งแต่คร้ังสังคายนาที่เมืองเวสาลี โดยพระเถราจารย์ยกขึ้น เป็นส่วนหน่ึงของพระไตรปิฎก แต่อาจจะถูกปฏิเสธหรือปรับเปลี่ยนโดยพระสงฆ์ เมืองเวสาลีท่ีไม่เห็นด้วย๕๔ คัมภีร์ชาดกฉบับดั้งเดิมประกอบด้วยคาถาเพียงอย่างเดียว ส่วนคัมภีร์แต่งแก้ประกอบด้วยเร่ืองราวท่ีผนวกเข้ามา ซึ่งเขียนเป็นภาษาสิงหลต้ังแต่ ยุคแรก สมัยต่อมาท�ำหน้าท่ีแปลโดยพระพุทธโฆษาจารย์ ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๐ ต้ังแต่น้ันมาคัมภีร์ชาดกฉบับภาษาสิงหลดั้งเดิมได้สูญหายไป ส�ำหรับพระคาถามี ความเก่าแก่มากกว่าค�ำบรรยายร้อยแก้วท่ีปรากฏเห็นในปัจจุบัน ภาษาก็โบราณจน ๕๓ Op. cit., Introd., pp. Iv foll. ๕๔ Dipa-vamsa, vv. 35 and foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 208 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 209 เห็นได้ชัดบรรจุด้วยแบบแผนโบราณและวิธีบังคับการตีความ พระคาถาบางบทมี ลักษณะล้าสมัยอย่างชัดเจน หากเปรียบเทียบกับความสม่�ำเสมอและความเรียบง่าย ของส่วนร้อยแก้ว แสดงให้เห็นว่าพระคาถามีความเก่าแก่มาก รีส เดวิดส์๕๕ คิดว่านิทานจ�ำนวนมากมีอยู่แล้วต้ังแต่ยุคโบราณ ส่วนพระคาถา นนั้ เพมิ่ เขา้ มาทหี ลงั สมยั นทิ านกลายเปน็ ทรี่ จู้ กั แพรห่ ลาย ประมาณหนง่ึ ในสบิ ของนทิ าน ไม่มีพระคาถาเลย (พบเห็นพระคาถาเพียงตอนสรุปเท่านั้น) นิทานอันเก่าแก่ที่สุดส่วน ใหญ่น่าจะเขียนเป็นภาษาสิงหลที่เกาะลังกา ส่วนพระคาถาก็ยังคงเป็นภาษาบาลีดังเดิม เหมือนท่ีเคยเป็นในอดีต แต่อาจเป็นไปได้ว่ารูปแบบพระคาถาน่าจะเป็นแก่นของงาน เขียนท่ีเก่ากว่า และเป็นรูปแบบดั้งเดิมอันกลายเป็นคัมภีร์ชาดก เหมือนคัมภีร์จริยา ปิฎกท่ีมีแต่พระคาถาเท่านั้น แต่พระคาถาส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าใจได้หากไม่มีเร่ือง ราวประกอบ ใครเป็นผู้เขียนคัมภีร์อรรถกถาชาดก? นักวิชาการชาวตะวันตกส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่า คัมภีร์อรรถกถาชาดกเป็นผลงาน ของพระพุทธโฆษาจารย์๕๖ เน่ืองจากความล้�ำหน้าของนักปราชญ์ลังกา๕๗ ผู้เขียนเห็น ว่าหากต้องการสรุปภาพรวมท้ังหมด จ�ำต้องหาหลักฐานมาอ้างอิงเสียก่อน มีความเป็น ไปได้ว่าคัมภีร์ชาดกอรรถกถาเป็นผลงานของนักเขียนคนเดียวกัน หลักฐานอ้างอิง ในปัจจุปปันนวัตถุอ้างถึงข้อมูลถอยหน้าถอยหลัง การวิเคราะห์พระคาถาช่วงท้ายก็ ยอ่ สนั้ เกนิ ไป คำ� แนะนำ� เกยี่ วกบั อกั ษรยอ่ สามารถพบเหน็ ดาษดนื่ อกี ทงั้ รปู แบบเดยี วกนั ก็เติมเต็มองค์ประกอบของเร่ืองและค�ำอธิบาย กล่าวคือ ส่วนของคาถา ปัจจุปปันน- วัตถุ คาถาจ�ำนวนเต็ม การวิเคราะห์ อตีตวัตถุ และบทสรุป ๕๕ Op. cit., p. Lxxviii. ๕๖ ชิลเดอร์สยืนยันว่าเป็นผลงานของพระพุทธโฆษาจารย์ (Dictionary, Preface, p. ix, note). ๕๗ ตัวอย่างเช่น พระฮิกกดุเวศรี สุมังคลเถระ ถือว่าเป็นนักปราชญ์ผู้โดดเด่นมากสุดใน ศตวรรษนี้ 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 209 1/18/20 1:16 PM
210 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ แท้จริงงานเขียนภาษาบาลีไม่จ�ำเป็นต้องเช่ือว่าเป็นงานแปลมาจากอรรถกถา ภาษาสิงหลอย่างเดียว เพราะผู้เขียนได้อ้างถึงคัมภีร์อรรถกถาชาดกหลายคร้ังก่อน หนา้ นี้ ซง่ึ อาจจะเปน็ ภาษาสงิ หล และอกี กรณหี นงึ่ สงิ่ ทกี่ ลา่ วมาแลว้ เปน็ เพยี งการปฏเิ สธ เท่านั้น (เช่นการถกเถียงเรื่องอายุของราหุลกุมารก่อนการออกผนวชของเจ้าชาย สทิ ธัตถะ)๕๘ จงึ ไมม่ เี หตผุ ลทจ่ี ะต้องคาดหวังว่าขอ้ มลู น้ีมใี นคัมภรี อ์ รรถกถาภาษาสงิ หล ท้ังสามเล่ม ซึ่งพระพุทธโฆษาจารย์ได้ปริวรรตเป็นภาษาบาลีแล้ว หากมองในอีก มุมหน่ึงอาจจะเป็นผลงานของคณะสงฆ์ธรรมรุจิแห่งส�ำนักอภัยคิรีวิหารก็เป็นได้ อภิธานศัพท์อันเก่าแก่ของอรรถกถาภาษาบาลียังคงมีอยู่ แต่ไม่สามารถระบุวันเวลาได้ และมีอายุมากกว่าฉบับท่ีแปลเป็นภาษาสิงหล สันนิษฐานว่าเขียนข้ึนประมาณ พุทธศตวรรษท่ี ๑๘ คัมภีร์เล่มนี้ยอมรับกันว่าเป็นการอธิบายหลักธรรมอันดีเยี่ยม ส�ำหรับคัมภีร์สุตตนิบาตอรรถกถา ซ่ึงเป็นผลงานของพระพุทธโฆษาจารย์น้ัน ผู้ตรวจเนื้อหาได้อ้างถึงนิทานกถาของอรรถกถาชาดก๕๙ แต่พระพุทธโฆษาจารย์ไม่ได้ บอกว่าท่านเป็นคนเขียน อีกด้านหนึ่งคัมภีร์อรรถกถาหลายเล่มยืนยันว่าเป็นผลงาน ของพระพุทธโฆษาจารย์ ซ่ึงปรากฏในตอนท้ายค�ำยกย่องของตัวท่านเอง แต่ค�ำพูด เช่นน้ันไม่มีอ้างถึงในคัมภีร์อรรถกถาชาดกเลย พระพุทธโฆษาจารย์เองก็ระบุช่ือต่าง หากในคัมภีร์อรรถกถาแต่ละเล่ม ดังเช่น คัมภีร์สมันตปาสาทิกา คัมภีร์กังขาวิตรณี และคัมภีร์สุมังคลวิลาสินี แต่ในคัมภีร์ชาดกอรรถกถาไม่มีช่ือพระพุทธโฆษาจารย์ ปรากฏอยู่เลย แม้ว่าจ�ำนวนเนื้อหาจะมากกว่าคัมภีร์เล่มอื่น ปกติพระพุทธโฆษาจารย์จะต้ังความปรารถนาไว้ในงานเขียนของท่าน (เช่น ขอให้มวลมนุษย์เพลิดเพลินด้วยการเสพเสวยรสแห่งพระธรรมขององค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอให้พระสัทธรรมด�ำรงอยู่ตราบช่ัวกาลนาน) แต่หลักฐานที่ ปรากฏในคัมภีร์ชาตกัตถกถาเป็นเพียงความปรารถนาส่วนตนว่า ขอให้ข้าพเจ้าได้ บังเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิตเมื่อพระเมตไตรยโพธิสัตว์เสด็จอุบัติข้ึนแล้ว ขอให้ข้าพเจ้า ๕๘ Rhys Davids, op. cit., p. Ix. ๕๙ Colombo Ed. (Mahabodhi Press), p. 2. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 210 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 211 ได้รับค�ำพยากรณ์จากพระองค์ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าในภายหน้า หลังจากบำ� เพ็ญบารมี สมบูรณ์แล้ว ขอให้ข้าพเจ้าบรรลุถึงซ่ึงพุทธภาวะด้วยเถิด ความศรัทธาเล่ือมใสต่อพระรัตนตรัยของพระพุทธโฆษาจารย์ และความ เคารพเหล่าบูรพาจารย์ได้ระบุไว้แต่เบื้องต้นแห่งคัมภีร์อรรถกถาท้ังหลาย ซ่ึงถือว่า เป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์ผูกมัดใจผู้อ่าน ลักษณะเช่นน้ีไม่เห็นมีกล่าวถึงในพระคาถา เริ่มต้นแห่งคัมภีร์อรรถกถาชาดก ดังปรากฏหลักฐานภาษาบาลีว่า ชาติโกฏิสะหัส- เสหิ ปะมาณะระหิตัง หิตัง โลกัสสะ โลกะนาเถนะ กะตัง เยนะ มะเหสินา ฯ (พระโลกนาถผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ได้บ�ำเพ็ญประโยชน์แก่โลก หลายภพหลายชาติ อันนับประมาณมิได้) ในอารัมภบทแห่งคัมภีร์อรรถกถาของพระพุทธโฆษาจารย์น้ัน ท่านจะระบุ นามผู้อาราธนาให้แต่งคัมภีร์แต่ละเล่ม ซึ่งท่านเหล่าน้ันล้วนแล้วแต่เป็นพระเถระแห่ง ส�ำนักมหาวิหาร และท่ีส�ำคัญจะระบุช่ือเสียงเรียงนามโดยตรง แต่พระเถระ ๓ รูป กล่าวคือ พระอัตถทัสสีเถระ พระพุทธมิตตเถระ และพระพุทธเทวเถระ ซึ่งกล่าวถึง ในคัมภีร์อรรถกถาชาดก หน่ึงในสามรูปเป็นสมาชิกของคณะสงฆ์มหิสาสกนิกาย ซ่ึงเป็นนิกายนอกรีตแยกตัวออกจากเถรวาท๖๐ ส่วนรูปอื่นไม่มีหลักฐานกล่าวถึงเลย จึงเช่ือว่าท่านเหล่าน้ันเป็นพระสงฆ์ส�ำนักเดียวกัน ความจริงก็คือผู้เขียนได้กล่าวถึง ความตงั้ ใจในการเรยี บเรยี งคมั ภรี อ์ รรถกถา เพอื่ ความสอดคลอ้ งกนั กบั คำ� อธบิ ายอยา่ ง ละเอียดของพระสงฆ์ส�ำนักมหาวิหาร รีส เดวดิ ส์๖๑ ชี้ว่าเนอื้ หาในคมั ภรี ์เล่มน้ีไม่กล่าวถึงการหนั มานับถอื พทุ ธศาสนา ของพระพุทธโฆษาจารย์ หรือการเดินทางมาจากอินเดีย หรือแม้แต่ความปรารถนา สูงสุดท่ีท่านได้บรรลุ ไม่มีการอ้างถึงพระเรวตเถระผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ชาวอินเดีย หรือแม้พระสังฆปาลิเถระชาวลังกา การเว้นวรรคดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นจุดด้อยด้าน ๖๐ Cf. M.V., v, vv. 6 foll. ๖๑ Op. cit., p. xv. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 211 1/18/20 1:16 PM
212 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ หลักฐาน หลังจากตรวจสอบผลงานหลายเล่มของพระพุทธโฆษาจารย์แล้ว เกิดความ รู้สึกอย่างหน่ึงคือภาษาของคัมภีร์ชาดกอรรถกถา และวิธีการเดินเรื่องมิใช่เอกลักษณ์ ของพระพุทธโฆษาจารย์ เป็นเร่ืองราวเกิดจากการอนุมานไร้จิตส�ำนึก เฉพาะภาพรวม ของเนื้อหาเท่าน้ันท่ีมีความคล้ายคลึงกัน ตอนน้ีจึงเกิดมีสองทฤษฎี กล่าวคือมีท้ังผู้เห็นด้วยและปฏิเสธว่าเป็นผลงาน ของพระพุทธโฆษาจารย์ หากไม่ใช่ผลงานของพระพุทธโฆษาจารย์แล้วไซร้ ต�ำรา เล่มนี้น่าจะแต่งข้ึนภายหลังท่านหลายปี มิเช่นน้ันคงไม่กล่าวถึงชื่อของท่าน มีนัย บ่งบอกว่าอวิทูเรนิทานท้ังหมดจนถึงการเปลี่ยนชาวศากยะให้หันมานับถือพุทธศาสนา มีลักษณะเป็นการถอดความค�ำต่อค�ำ สอดคล้องกับหลักฐานที่ระบุไว้ในคัมภีร์ มธุรัตถวิลาสินีของพระพุทธทัตตเถระ ปุจฉา คัมภีร์เหล่าน้ีเป็นผลงานของคนเดียวกันหรือไม่ และผู้เขียนอาศัย แหล่งข้อมูลเดียวกันหรือไม่ วิสัชนา ไม่สามารถสรุปได้ คัมภีร์คันธวังสะได้รวมคัมภีร์อรรถกถาชาดกไว้ในงานเขียนของพระพุทธ- โฆษาจารย์ด้วย ส่วนต�ำราช่ือว่าชาตัตกีนิทานังยืนยันว่า คัมภีร์ชาดกอรรถกถาเป็น ผลงานของพระจุลลพุทธโฆษาจารย์ชาวลังกา ค�ำถามคือพระจุลลพุทธโฆษาจารย์ สามารถเขียนต�ำราเล่มน้ีได้จริงหรือ ไม่มีหลักฐานชัดเจนแน่นอน นอกเสียจาก รายละเอียดเล็กน้อยที่ปรากฏในคัมภีร์คันธวังสะเท่าน้ัน หากพระจุลลพุทธโฆษา- จารย์เป็นผู้เขียนคัมภีร์อรรถกถาชาดกจริงดังว่า ท่านต้องมีชีวิตอยู่ไม่นานภายหลัง บรรดานักปราชญ์ ผู้คงแก่เรียนหลายท่าน ดังเช่นพระพุทธโฆษาจารย์ รีส เดวิดส์ อ้างหลักฐานจากคัมภีร์มหาวงศ์ว่า๖๒ ก่อนการเดินทางมาลังกา ของพระพุทธโฆษาจารย์ ไม่มีคัมภีร์อรรถกถาภาษาสิงหลเล่มใดได้ปริวรรตเป็น ๖๒ M.V., v. vv. Op. cit., Introd, po. Ixv-Ixvi. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 212 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 213 ภาษาบาลีเลย การริเร่ิมของพระพุทธโฆษาจารย์เท่านั้นถือว่าเป็นแรงบันดาลใจ ก่อให้ เกิดนักปราชญ์รุ่นหลังสืบต่อมาเป็นจ�ำนวนมาก จึงเป็นไปไม่ได้ว่างานเขียนสำ� คัญดัง เช่นคัมภีร์อรรถกาชาดกจะหลงเหลืออยู่โดยไม่มีการแปลเลย อีกอย่างหน่ึง หาก ความใกล้เคียงด้วยระยะเวลาระหว่างนักเขียนทั้งสองรูปเป็นท่ียอมรับกันแล้ว ย่อม เป็นเร่ืองง่ายที่จะเข้าใจว่าบุคลิกลักษณะเฉพาะตัวของนักศึกษา ได้ผสมกลมกลืนกับ ความคงแก่เรียนและช่ือเสียงเรียงนามอันโด่งดัง ผู้เขียนมั่นใจว่าคัมภีร์อรรถกถาชาดกที่มีอยู่ในบัดน้ี เป็นผลงานของนักเขียน ชาวลังกา เหตุเพราะว่าภายหลังคัมภีร์ชาดกถูกน�ำเข้าสู่ลังกาแล้ว นิทานหลายเรื่องได้ รวมเข้าในคัมภรี ์เล่มน้ดี ว้ ย นทิ านสองเรือ่ งในคัมภรี ์อรรถกถาชาดกปรากฏชือ่ พระเถระ ชาวลังกา ๙ รูป กล่าวคือ พระมหาวังสกติสสเถระ พระปุสสเทวเถระแห่งขุนเขา หายโศก พระอุปริมัณฑลกเถระ พระมลยวาสีเถระ พระมหาสังฆรักขิตเถระ พระ ภัคครีวาสีเถระ พระมหาติสสเถระ พระมหาสิวเถระแห่งขุนเขาวามันตะ และพระ มหามลิยเทวเถระแห่งกาลเวละ ซ่ึงแต่ละท่านล้วนแล้วแต่โด่งดังมีชื่อเสียงด้าน ความคงแก่เรียน อีกท้ังด�ำรงต�ำแหน่งชั้นสูงในฐานะเถรวาทปรัมปรา๖๓ ส่วนอภิธาน ศัพท์ของคัมภีร์ชาตกัตถกถาภาษาสิงหลอันเก่าแก่นั้น สันนิษฐานว่าเขียนข้ึนประมาณ พุทธศตวรรษที่ ๑๘ และยืนยันว่าผู้เขียนคือราชมุราริ แต่ไม่มีข้อมูลกล่าวถึง มากกว่าน้ี๖๔ หนังสือชาดกอรรถกถาภาษาสิงหลเรียกช่ือว่าปันสิยปณัสชาตกะ แปลมาจาก ภาษาบาลีเขียนขึ้นสมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ คัมภีร์มหาวงศ์บอกว่าคัมภีร์เล่ม นี้แต่งโดยกษัตริย์ ผู้ร่�ำเรียนจากพระภิกษุชาวโจฬะ๖๕ แต่อาจจะมีผู้เรียบเรียง หลายท่านตามค�ำทูลขอของพระเจ้าแผ่นดิน คำ� อารัมภบทภาษาสิงหลระบุว่าเขียนข้ึน ๖๓ ค�ำอธิบายเพ่ิมเติม see Rhys Davids, JRAS, 1901, pp. 890 foll. ๖๔ It was published (badly edited, unfortunately) in the JRAS. (Ceylon Brance), vol. vii, pp. 184 foll. ๖๕ Chap. xc, vv. 80-6. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 213 1/18/20 1:16 PM
214 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ ตามค�ำร้องขอของเสนาบดีนามว่าปรากรม ถึงแม้จะเป็นงานแปลที่เต็มเปี่ยมด้วยการ เสียสละศรัทธา แต่ตัวอย่างหลายแห่งก็หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดไม่ได้ การอธิบายนิทาน บางเร่ืองแตกต่างจากส�ำนวนภาษาบาลี มีข้อผิดพลาดเก่ียวกับความเช่ือของชาวบ้าน มากมายดาษดื่น การแสดงความรู้สึกและศัพท์ภาษาทมิฬพบเห็นบ้างเล็กน้อย ครั้นแปลเสร็จแล้วพระเจ้าแผ่นดินโปรดให้อ่านต่อหน้าท่ีประชุมพระสงฆ์ผู้คงแก่เรียน จากนั้นโปรดให้แจกจ่ายส�ำเนาไปตามอารามวิหารทั่วเกาะลังกา ส�ำหรับผู้รับผิดชอบใน การเก็บรักษาคัมภีร์เล่มน้ี เป็นหน้าที่ของพระเมธังกรเถระและศิษยานุศิษย์ผู้สืบสาย ต่อมา๖๖ ถามว่า สมัยน้ีพระสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีวิหารเป็นอยู่อย่างไร และผู้สมรู้ร่วมคิด (ภิกษุนอกรีต) ได้กระท�ำสิ่งใดภายใต้การตรวจสอบของพระสงฆ์ส�ำนักมหาวิหาร ตอบว่า มีความเป็นไปได้ว่าพระสงฆ์เหล่าน้ันคงเกียจคร้าน เป็นอยู่ด้วย ความประมาทขาดการเผยแผ่ค�ำสอน จนแนวคิดกลายเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว เมื่อ พระสงฆ์นอกรีตแรกย่างเหยียบบนผืนเกาะลังกา คลื่นแห่งความกระตือรือร้นด้าน วรรณคดีอันยิ่งใหญ่ ได้ไหลท่วมทับเกาะลังกาจนไม่สามารถท�ำให้ท่านเหล่าน้ันนิ่งเฉย อยู่ได้ ต�ำนานไม่ได้บันทึกแม้ความพยายามของพระเถรวาทด้ังเดิมแท้ ซึ่งก่อกวนหรือ กีดกันงานพระศาสนาของพระสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีวิหาร ชื่อเสียงของส�ำนักมหาวิหารเบ่งบานแพร่กระจายออกไปไกลแสนไกล นักปราชญ์ต่างแดนล้วนมุ่งหน้าเดินทางมาศึกษาแสวงหาความรู้ และสืบค้นหลัก ค�ำสอนของพระพุทธเจ้า เชื่อกันว่าในระยะเวลาแห่งชัยชนะเช่นนี้ ส�ำนักมหาวิหารย่อม พอใจที่จะปล่อยให้กลุ่มธรรมรุจิเป็นอิสระ สามารถด�ำเนินงานไปตามแนวทาง ของตน ๖๖ การพรรณนาข้อมูลและรายละเอียดของคัมภีร์เล่มน้ี See Mr. Wickremasinghe, Catalogue, pp. 118 foll. ส�ำนวนเอกเทศของคัมภีร์ชาดกเล่มอื่นอีก ซ่ึงเป็นคาถาและกวีสองส�ำนวน ก่อนและหลังคัมภีร์เล่มน้ี สันนิษฐานว่าอาจมีพื้นฐานมาจากคัมภีร์ภาษาบาลี ซึ่งมีอยู่ดาษด่ืนตลอด เกาะลังกา 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 214 1/18/20 1:16 PM
ศรีลังกา 215 หลกั ฐานบอกวา่ พระเจา้ มหานามะและพระมเหสที รงใหค้ วามอปุ ถมั ภค์ ณะสงฆ์ ส�ำนักอภัยคิรีวิหารอย่างดียิ่ง จนวัดมั่งค่ังด้วยทรัพย์สินศฤงคารมากมาย คณะสงฆ์ ส�ำนักอภัยคิรีวิหารและบริวารคงผลิตงานเขียนด้านทานมัยบ้าง หากวิเคราะห์เกี่ยวกับ ผู้เขียนคัมภีร์อรรถกถาชาดกอย่างละเอียด เป็นที่น่าสังเกตว่างานเขียนน่าจะเป็นการ รวบรวมของพระสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีวิหาร แต่โชคร้ายคือความประนีประนอมของคณะสงฆ์ท้ังสองส�ำนักไม่ยืนนาน กลายเป็นความเสียหายร้ายแรงกล่าวคือการเผาท�ำลายต�ำรามากมายหลายศตวรรษ ต่อมา ถึงแม้ต่อมาจะสามารถรวมนิกายน้อยใหญ่ให้เป็นหน่ึงเดียวภายใต้ศาสนาของ รัฐก็ตาม (State Church) แต่ต�ำราท้ังหลายท้ังปวงก็ถูกท�ำลายจนหมดสิ้น ที่เหลือ อยู่ก็ใช้งานไม่ได้ มีเหตุการณ์อีกอย่างหนึ่งสมควรบันทึกไว้คือ พระสงฆ์ยุคน้ันให้ความส�ำคัญ กับการพัฒนาวรรณคดีจนเกิดมีความก้าวหน้า ภิกษุฟาเหียนบันทึกไว้ว่า คราวเม่ือ ท่านพักอาศัยอยู่เกาะลังกาเป็นเวลา ๒ ปี ได้สืบค้นหาต�ำราส�ำคัญหลายเล่ม ท่านได้ ส�ำเนาคัมภีร์วินัยปิฎกของส�ำนักมหิสาสกะ คัมภีร์มหาอาคม (ทีรฆาคม) และเบ็ดเตล็ด อาคม (สังยุกตาคม) รวมถึงปกิณณกปิฏก (สันนิปาตะ) หนังสือเหล่านั้นทั้งหมดไม่ เป็นที่รู้จักของชาวฮ่ัน หลังจากรวบรวมคัมภีร์ภาษาสันสกฤตเหล่านี้แล้ว ท่านได้ส่ง ข่าวสารฝากพ่อค้าไปทูลถวายพระเจ้าจักรพรรดิจีน๖๗ รายชื่อหนังสือดังกล่าวสามารถ คาดเดาได้ว่า ต�ำราเหล่าน้ันไม่ใช่ของส�ำนักเถรวาทดั้งเดิมแน่นอน ๖๗ Legge, Travel, p. 111. See also Beal, Records of the Western World, vol vii, pp. 247 foll, for a description of the Abhayagiri sect in the seventh century. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 215 1/18/20 1:16 PM
216 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ เนวลิ ล์ ตงั้ ข้อสงั เกตวา่ คัมภีร์สหัสสวตั ถุปปกรณะ ซง่ึ ยังคงมีอยทู่ ่ีประเทศพม่า กอ่ รา่ งสรา้ งพน้ื ฐานเปน็ คมั ภรี ร์ สวาหนิ ภี าษาบาลขี องพระเวเทหเถระ ซงึ่ แตง่ ขนึ้ ประมาณ พุทธศตวรรษท่ี ๑๙ เช่ือว่าเป็นผลงานของพวกธรรมรุจินิกาย ผู้เขียนเห็นว่าไม่มี หลกั ฐานสว่ นใดพสิ จู นว์ า่ เปน็ ผลงานของพระสงฆส์ ำ� นกั อภยั คริ วี หิ ารจรงิ แตห่ ากตอ้ งการ ตรวจสอบอย่างละเอียด ก็เห็นสมควรย้อนถอยหลังไปค้นหาหลักฐานให้ชัดเจน มากขึ้น คัมภีร์มหาวังสฎีกาเองก็อ้างหลักฐานเช่นเดียวกันน้ีจากคัมภีร์อรรถกถา๖๗ ๖๗ Geiger, Mahavamsa and Dipavamsa, p. 48. 1/18/20 1:16 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 216
ศรีลังกา 217 ซากอารามภิกษุณีแห่งส�ำนักอภัยคีรีวิหาร บริเวณลังการามเจดีย์ (คัดลอกภาพจาก www.goo- gle.co.th/maps) ซากปฏิมาฆระเหรือวิหารภายในอารามภิกษุณีแห่งส�ำนักอภัยคิรีวิาหาร บริเวณลังการามเจดีย์ (คัด ลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 217 1/18/20 1:16 PM
218 ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ ภาพจิตรกรรมฝาผนังเก่ียวกับชาดกนอกคัมภีร์ วัดมุลคิริคลราชมหาวิหาร (คัดลอกภาพจาก www.photodharma.net) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 218 1/18/20 1:17 PM
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 580
Pages: