ศรีลังกา 269 ว่าด้วยคัมภีร์มหาโพธิวังสะ วิกรมสิงหะเห็นด้วยกับไกเกอร์ว่า ประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๕ เป็นระยะ เวลาการแต่งคัมภีร์มหาโพธิวังสะฉบับภาษาบาลี๓๘ ส่วน สตรอง (Strong) ผู้ท�ำหน้าท่ี เรียบเรียงคัมภีร์มหาโพธิวังสะฉบับสมาคมบาลีปกรณ์ยืนยันว่า ผู้เขียนต้องมีชีวิตอยู่ สมัยเดียวกันกับพระพุทธโฆษาจารย์ เหตุผลก็คือคัมภีร์คันธวังสะระบุว่าต�ำราเล่มนี้ ได้เขียนขึ้นโดยการแนะน�ำของบุรุษคนหน่ึงนามว่าทาฐานาคะ ซ่ึงเป็นคนเดียวกันที่ช่ือ ว่าทัฏฐะ ผู้นิมนต์พระพุทธโฆษาจารย์ให้แต่งคัมภีร์สุมังคลวิลาสินี สตรองคงเข้าใจผิด คิดว่าบุรุษนามว่าทัฏฐะและทาฐานาคะเป็นคนเดียวกัน นอกจากหลกั ฐานในคมั ภรี ค์ นั ธวงั สะแลว้ คมั ภรี ม์ หาโพธวิ งั สะฉบบั ภาษาสงิ หล ท่ีแปลมาจากภาษาบาลี ซึ่งแต่งโดยพระสรณังกรสังฆราช ในพุทธศตวรรษที่ ๒๓ ในชื่อว่ามธุรารถประกาศินี๓๙ ก็ระบุว่าคัมภีร์มหาโพธิวังสะเขียนข้ึนตามค�ำแนะน�ำของ ทาฐานาคะ๔๐ วิกรมสิงหะและไกเกอร์ยืนยันตรงกันว่าทาฐานาคะและพระเถระเป็นช่ือ เดียวกัน ซ่ึงเป็นผู้ท่ีพระเจ้ามหินทะที่ ๔ โปรดแต่งต้ังให้ท�ำหน้าที่แสดงพระอภิธรรม๔๑ หากค�ำกล่าวอ้างเป็นจริงดังว่า ก็หมายความว่าคัมภีร์มหาโพธิวังสะต้องเขียนขึ้นตอน ปลายพุทธศตวรรษท่ี ๑๕ เน้ือหาของคัมภีร์มหาโพธิวังสะเริ่มต้นกล่าวถึงประวัติของพระพุทธเจ้าทีปังกร พร้อมบรรยายประวัติของพระโพธิสัตว์ที่เก่ียวข้องกับบุคคลแต่ละเหตุการณ์โดยย่อ ดังเช่น อดีตสมัยของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ประวัติของพระโคดมพุทธเจ้า การตรัสรู้ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระอานนท์เถระปลูกต้นโพธ์ิ ณ วัดเชตวันมหาวิหาร เหตุการณ์ตอนพระพุทธเจ้าแสดงพระธรรมเทศนาท่ีปรากฏในกาลิงคโพธิชาดก๔๒ ๓๘ Catal., p. xiv, and Geiger, D.V., and M.V., p. 79. ๓๙ Wickremasinghe, p. xxi. ๔๐ De Zoysa, p. 16. ๔๑ M.V., Iiv, v. 36. ๔๒ Fansboll, p. 288 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 269 1/18/20 1:17 PM
270 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง เหตุการณ์ตอนปรินิพพาน การสังคายนาทั้ง ๓ คร้ัง ภารกิจของพระมหินทเถระ การประดิษฐานพระพุทธศาสนาในลังกา การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและกิ่ง พระศรีมหาโพธิ์มาลังกา พิธีปลูกก่ิงพระศรีมหาโพธ์ิ ประเพณีโพธิบูชา และประเพณี อีกหลายอย่างท่ีเก่ียวข้องกับต้นพระศรีมหาโพธ์ิ เน้ือหาหนังสือไม่ได้กล่าวถึงผู้เขียนเลย ยกเว้นตอนท่ีมีการแปลจากต้นฉบับ เป็นภาษาสิงหล คัมภีร์คันธวังสะกล่าวถึงรายชื่อของคัมภีร์เล่มน้ีเช่นกันรวมอยู่ใน กลุ่มคัมภีร์ห้าเล่ม แต่ระบุผู้เขียนไม่ชัดเจน คัมภีร์สาสนวังสะบอกว่าพระอุปติสสเถระ เป็นผู้แต่ง แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดมากกว่าน้ัน คัมภีร์เอลุโพธิวังสะ๔๓ ซ่ึงเป็นคัมภีร์ แปลขยายความจากภาษาบาลเี ปน็ ภาษาสงิ หล เขยี นโดยพระวลิ กมั มลู มหาเถระ ประมาณ ต้นพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ ระบุว่าคัมภีร์มหาโพธิวังสะเป็นผลงานของพระอุปติสสเถระ สว่ นพระสรณงั กรสงั ฆราช ผทู้ ำ� หนา้ ทแี่ ปลคมั ภรี ม์ หาโพธวิ งั สะเปน็ ภาษาสงิ หล ในยุคต่อมาอ้างว่า คัมภีร์เล่มน้ีเขียนข้ึนตอนต้นพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ เช่นเดียวกันกับ จอมปราชญ์คุรุฬุโคมิ ผู้มีชีวิตอยู่ตอนปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๗ ซึ่งเป็นผู้เขียนคัมภีร์ อมาวตุระ๔๔ ได้เขียนหนังสืออรรถกถาแต่งแก้คัมภีร์มหาโพธิวังสะฉบับภาษาบาลีเป็น ภาษาสิงหล มสี ำ� นวนลลี าประณตี งดงามสมกบั ฉายาจอมปราชญ์ เรยี กคมั ภรี เ์ ลม่ นว้ี า่ โพธวิ งั สปรกิ ถา แตร่ จู้ กั กนั ดใี นชอื่ วา่ ธรรมประทปี กิ า หลกั ฐานจากหนงั สอื เลม่ นก้ี ย็ นื ยนั ว่าพระอุปติสสเถระเป็นผู้แต่งเช่นกัน นอกจากน้ัน นามพระอุปติสสเถระชาวลังกายัง มีกล่าวถึงในคัมภีร์คันธวังสะด้วย แต่น่าเสียดายหลักฐานท่ีมีอยู่น้อยเหลือเกิน เนื้อหาบทแรกทั้งหมดของคัมภีร์มหาโพธิวังสะ มีส่วนคล้ายกันกับข้อมูลใน คัมภีร์นิทานกถาอย่างไม่ผิดเพ้ียน แม้แต่ความเหมือนกันด้านศัพท์ก็พบเห็นได้ไม่ ยาก๔๕ การบรรยายเนอื้ ความของคมั ภรี ค์ อ่ นขา้ งสนั้ มลี กั ษณะสรปุ ความมากกวา่ คมั ภรี ์ นิทานกถา ที่น่าสนใจคือเร่ืองราวของกาลิงคโพธิชาดกท่ีปรากฏในคัมภีร์มหาโพธิวังสะ ๔๓ Wickremesinghe, p. 22. ๔๔ Ibid., p. 31. ๔๕ Cf. M.B.V., 31-4, with J.N.K., 17, 82. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 270 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 271 มสี ำ� นวนแตกตา่ งจากฉบบั ของโฟโบลล์ (Fausboll) คอ่ นขา้ งมาก หากพจิ ารณาลกั ษณะ เฉพาะของคัมภีร์แล้ว จะเห็นแต่การพรรณนาเร่ืองราวยืดยาวเก่ียวกับทิพยจักษุและ รัตนะเจ็ดประการของพระเจ้าจักรพรรดิ ส่วนบทต่อมาเน้ือหาทั้งหมดล้วนน�ำมาจากคัมภีร์สมันตปาสาทิกาและคัมภีร์ มหาวงศ์ โดยคัดลอกมาจากเล่มแรกเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น การบรรยายภารกิจของ พระมหินทเถระหลังจากเดินทางถึงลังกาแล้ว ถือว่าเป็นการคัดลอกเนื้อหาจากคัมภีร์ สมันตปาสาทิกาแบบค�ำต่อค�ำ สรุปได้ว่าเนื้อหาท้ังหมดคัดลอกมาจากคัมภีร์อรรถกถา ของพระพุทธโฆษาจารย์ ส่วนพระคาถาตอนท้ายบางบทเหมือนกับบทส่งท้ายของ คัมภีร์มหาวงศ์๔๖ ส�ำหรับการวิเคราะห์ระยะเวลาของคัมภีร์มหาโพธิวังสะน้ัน คัมภีร์โพธิวังสัตถ กถาระบุว่ามีความแตกต่างหลายอย่างจากงานเขียนของพระอุปติสสเถระ และน่าจะ เป็นแหล่งข้อมูลภาษาสิงหลของคัมภีร์มหาโพธิวังสะสมัยก่อน ค�ำอ้างอิงจากผลงาน เล่มอื่น ดังเช่นคัมภีร์มหาวงศ์และคัมภีร์สมันตปาสาทิกา อาจจะเป็นเหตุเชื่อได้ว่าเชื่อ ว่าพระอุปติสสเถระไม่ได้แปลต้นฉบับคัมภีร์เล่มนี้เป็นภาษาสิงหลโดยตรงเท่านั้น แต่ได้สร้างส่ิงท่ีดีกว่านั้นกล่าวคือแปลและเพ่ิมเติมข้อมูลโดยอ้างอิงจากผลงานอีก หลายเล่ม จนกลายเป็นงานเขียนที่ส�ำคัญยิ่ง ดังจะเห็นได้จากหลักฐานในงานเขียน ด้านประวัติศาสตร์เล่มอ่ืนอีกที่คล้ายคลึงกัน ตัวอย่างเช่นคัมภีร์ถูปวังสะ แม้ว่าคัมภีร์มหาโพธิวังสะจะหยิบยืมข้อมูลมาจากคัมภีร์เล่มอ่ืน แต่รูปแบบ ก็แตกต่างจากต้นฉบับดั้งเดิมสังเกตได้จาก มีการประดิดประดอยมากข้ึน เสแสร้งมาก ข้ึน พระคาถาก็แต่งด้วยภาษาบาลีอันไพเราะก้องกังวาน แต่ก็พบเห็นค�ำหยาบโลนอยู่ ดาษดื่น ดูเหมือนว่าผู้แต่งช่ืนชอบเวลาอันเน่ินนาน มีร่องรอยแตกต่างอย่างชัดเจนด้าน ภาษา เหตุเพราะอิทธิพลของภาษาสันสกฤตเหนือกว่าภาษาบาลี จนเกิดมีการวิจารณ์ ว่าคัมภีร์เล่มน้ีช้ีให้เห็นถึงการเริ่มต้นยุคภาษาบาลีผสมกับภาษาสันสกฤต บางคร้ัง ๔๖ e.g. M.V., xiv, 65; M.B.V., p. 122; M.V., xvi, 18; M.B.V., p. 139; M.V., xviii, 68; M.B.V., p. 153. See Geiger, V.V. and D.V., p. 77. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 271 1/18/20 1:17 PM
272 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง ศัพท์ภาษาบาลีก็ใช้ในความหมายภาษาสันสกฤต๔๗ บางคร้ังศัพท์ภาษาสันสกฤตที่น�ำ มาใชไ้ มพ่ บเหน็ ทใ่ี ดในวรรณคดภี าษาบาลี เหตเุ พราะมลี กั ษณะเปน็ คำ� ผสมกนั แบบยดื ยาว อาจเป็นได้ว่าคัมภีร์เล่มน้ีมีพ้ืนฐานคุ้นเคยกับกาพย์สันสกฤต เพราะลักษณะ เนื้อหาและวิธีการของคัมภีร์ทั้งหมดแสดงถึงความโน้มเอียงด้านลักษณะของภาษาบาลี ผสมสันสกฤต ต่อมาประมาณ พ.ศ.๑๘๔๓ พระวิลกัมมูลมหาเถระ เจ้าอาวาสวัด กิตสิริเมวันแกลณี ได้ขยายเนื้อหาคัมภีร์มหาโพธิวังสะฉบับภาษาสิงหลเพิ่มเติม ตาม ค�ำทูลนิมนต์ของพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ แห่งอาณาจักรกุรุแณคะละ ผู้แต่งอาจ จะเป็นท่านหนึ่งที่มีชื่อระบุในคัมภีร์นิกายสังครหะ ซ่ึงถอดความเป็นภาษาสิงหลแล้ว แตง่ เปน็ โคลงภาษาสนั สกฤตแบบมยรุ ะ ชอ่ื วา่ สรู ยศตกะ ในรชั สมยั ของพระเจา้ ปรากรม พาหุแห่งอาณาจักรดัมพเดณิยะ๔๘ น่าสนใจคือท่านแต่งด้วยภาษาเอลุแท้เกือบท้ังหมด ซ่ึงหากกล่าวตามหลักฐานแล้วเป็นเร่ืองยากที่จะเข้าใจได้ในหลายปีต่อมา เม่ือภาษา เอลุได้รับการพิจารณาว่าล้าสมัยมากหากใช้ตามธรรมดา ต่อมายุคต้นพุทธศตวรรษ ที่ ๒๓ พระสรณังกรสังฆราชได้แปลงานเขียนภาษาบาลีเป็นภาษาสิงหล น่าแปลกคือ พระสรณังกรไม่ระบุถึงการแปลของพระวิลกัมมูลมหาเถระเลย๔๙ ยังมีอภิธานศัพท์สิงหลซ่ึงอธิบายศัพท์ภาษาบาลี กล่าวกันว่าทรงคุณค่า ด้านนิรุกติศาสตร์ยิ่งนัก หากพิจารณาจากภาษาแล้วคาดว่าน่าจะเขียนข้ึนประมาณ พุทธศตวรรษท่ี ๑๙ โดยนักปราชญ์นิรนามผู้คงแก่เรียน แต่น่าเสียดายไม่รู้ประวัติ ของท่านเลย คัมภีร์สองเล่มนี้และคัมภีร์เล่มอ่ืนที่เหลือเป็นท่ีรู้จักแพร่หลายน้อยกว่า คัมภีร์บรรยายประวัติต้นพระศรีมหาโพธิ์ ชื่อคัมภีร์สุลุโพธิวังสะ คัมภีร์ต้นฉบับที่ เขียนด้วยลายมือยังคงมีอยู่๕๐ ๔๗ e.g. udite bhuvana-sekhara, p. 5; parapala-carana-patala-patala, p. 61, to give but two. See also Rhys Davids, JRAS., 1905, p. 393. ๔๘ Wickremesinghe, p. 23. ๔๙ Ibid., p. 109. ๕๐ See De Zoysas, p. 20. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 272 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 273 เก่ียวกับพระอุปติสสเถระ คัมภีร์คันธวังสะกล่าวว่าพระอุปติสสเถระเป็นชาวลังกา๕๑ เป็นผู้แต่งคัมภีร์ อนาคตวังสอรรถกถา และระบุเพ่ิมเติมว่า คัมภีร์อนาคตวังสะฉบับเดิมแท้น้ันเป็น ผลงานของพระกัสสปเถระ๕๒ ซึ่งเป็นผู้เขียนคัมภีร์โมหวิจเฉทนี คัมภีร์วิมติจเฉทนี และคัมภีร์พุทธวังสะ ส่วนหลักฐานในคัมภีร์สาสนวังสทีปะแย้งว่า พระกัสสปเถระเป็น ผู้เช่ียวชาญด้านกวี อาศัยอยู่ท่ีแคว้นโจฬะแห่งอินเดียตอนใต้ แต่ไม่กล่าวถึงงานเขียน เล่มอื่นของท่าน เป็นที่แน่ชัดว่าผู้เขียนคัมภีร์พุทธวังสะคือพระกัสสปเถระ ซ่ึงลีลา การเขียนแตกต่างจากงานเขียนเชิงพระไตรปิฎกของนักเขียนช่ือเดียวกัน หลักฐานในต�ำนานลังกาสอดคล้องกับคัมภีร์คันธวังสะว่า ต�ำราฎีกาแต่งแก้ คมั ภรี อ์ นาคตวงั สะเปน็ ผลงานของพระอปุ ตสิ สเถระ แตไ่ มม่ ขี อ้ มลู เกย่ี วกบั ทา่ นมากกวา่ น้ี ส�ำเนาของคัมภีร์เล่มน้ีอยู่ที่หอสมุดวัดพระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี ซ่ึงคัดลอกมาจาก คัมภีร์อนาคตวังสะท้ังหมดพร้อมมีค�ำอธิบายก�ำกับไว้ด้วย หากพิจารณาจากส�ำนวน ลลี าของตำ� ราฎกี าเลม่ น้ี ผเู้ ขยี นคดิ วา่ ผแู้ ตง่ คมั ภรี เ์ ลม่ นน้ี า่ จะเปน็ นกั ปราชญส์ มยั เดยี วกนั กับพระอุปติสสเถระ ซึ่งเป็นผู้แต่งคัมภีร์มหาโพธิวังสะ แต่ก็ไม่กล้าด่วนตัดสินเช่นน้ัน จนกว่าจะพบหลักฐานชัดเจนมากกว่านี้ คัมภีร์อนาคตวังสะเป็นโคลงประมาณ ๑๕๐ พระคาถา๕๓ ว่าด้วยพระพุทธเจ้า ในอนาคตคือพระศรีอารยเมตไตรย เป็นที่น่าสังเกตว่าเนื้อหาในคัมภีร์ไม่ระบุชื่อ พระเมตไตรยเหมือนปรากฏในพระสูตรเหล่าอ่ืน ยกเว้นจักกวัตติสีหนาทสูตรแห่ง ทีฆนิกาย ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสถึงการเผยแผ่แพร่หลายของพระธรรมในยุคสมัยของ พระเมตไตรยพุทธเจ้า ช่ือดังกล่าวยังปรากฏพบเห็นในพระคาถาสุดท้ายของ คัมภีร์พุทธวังสะ เป็นท่ีน่าสังเกตว่าสมัยคัมภีร์มหาวัสตุนั้น ต�ำนานก�ำลังเป็นท่ีนิยม ๕๑ De Zoysa, p. 72 and p. 67. ๕๒ p. 61. ๕๓ ส�ำหรับเนื้อหาคัมภีร์พร้อมกับส่วนขยายจากอรรถกถา See JPTS., 1886,pp. 33 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 273 1/18/20 1:17 PM
274 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง แพร่หลาย๕๔ แต่สมัยคัมภีร์อนาคตวังสะกลับพบแต่การบรรยายเก่ียวกับธรรมเนียม ประเพณีมากหลายและความสมบูรณ์พร้อม จึงเชื่อว่าคัมภีร์เล่มนี้ต้องเป็นงานเขียน ยุคหลังแน่นอน๕๕ นักปราชญ์ลังกาส่วนมากเห็นว่า คัมภีร์อนาคตวังสะมีเนื้อหาแปลกปลอม สอดแทรกเข้ามา น่าเสียดายว่าไม่สามารถหาหลักฐานชัดเจนมายืนยันระยะเวลาของ คัมภีร์ด้ังเดิมได้ ต่อมาความเช่ือเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าเมตไตรย ผู้จะมาบังเกิดใน อนาคตกาลไดเ้ ปน็ ทรี่ จู้ กั แพรห่ ลาย กอ่ นหนา้ นนั้ มเี รอ่ื งราวมากมายเกยี่ วกบั พระพทุ ธเจา้ หลายพระองค์ ผู้จะเสด็จมาทรงอุบัติขึ้นในโลกอนาคต โดยบรรยายรายละเอียดแต่ละ พระองค์เล็กน้อย และเพ่ิมเติมเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าผู้จะมาบังเกิดภายหลัง พระพุทธเจ้าโคดม จนกระทั่งเป็นต�ำนานท่ีเสริมแต่งมากข้ึนดังทราบกันดีอยู่แล้ว มีประเด็นเป็นท่ีน่าสนใจในวงกว้างคือ ความคล้ายคลึงกันด้านความเชื่อ ระหว่างพระเมตไตรยพุทธเจ้า กับพระเมสสิอาห์ของชาวตะวันตก ถึงแม้ว่าทั้งสองเรื่อง จะไม่ใช่เร่ืองเดียวกันก็ตาม รีส เดวิดส์ ได้พบหลักฐานอ้างอิงอย่างหน่ึงเกี่ยวกับคัมภีร์อนาคตวังสะ ปรากฏในคัมภีร์วิสุทธิมรรคของพระพุทธโฆษาจารย์ แต่ไม่ว่าหลักฐานดังกล่าวจะ เหมือนกันกับที่รู้จักกันหรือไม่ ก็ไม่มีความจ�ำเป็นต้องกล่าวถึงแต่อย่างใด๕๖ โดยสว่ นตวั แลว้ ผเู้ ขยี นคดิ วา่ หนงั สอื อรรถกถาของพระอปุ ตสิ สเถระมพี นื้ ฐาน เก่ากว่า เช่นเดียวกับคัมภีร์มหาโพธิวังสะ ซึ่งย้อนหลังเก่ากว่าคัมภีร์โพธิวังสัตถกถาท่ี อ้างถึงในคัมภีร์มหาวังสฎีกา คัมภีร์ท้ังสองเล่มดังกล่าวได้หายสาบสูญเสียแล้ว จึงไม่มี โอกาสได้ทราบข้อมูลมากกว่านี้ พระคาถาอารัมภบทแห่งคัมภีร์อนาคตวังสะ ฉบับปัจจุบันระบุว่า เป็นการแสดงของพระพุทธเจ้าตามค�ำอาราธนาของพระสารีบุตร ๕๔ Rhys Davids, Hastings Encyclopaedia, i, p. 414. ๕๕ e.g. De Zoysa, p. 5. ๕๖ Visuddhi-magga, ii, p. 761. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 274 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 275 ผู้ปรารถนาใคร่รู้การพระศาสนาของพระพุทธเจ้าในอนาคต๕๗ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ข้อความดังกล่าวย้อนหลังกลับไปเดินตามแบบธรรมเนียมเก่าแน่นอน ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๕ หรือเร่ิมต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๖ มีคัมภีร์ ฉันทลักษณ์ภาษาบาลีเล่มเล็กแต่อลังการยิ่งนักประกอบด้วย ๙๘ พระคาถา ชื่อว่า เตลกฎาหคาถา หรือพระคาถาแห่งหม้อน�้ำมัน เนื้อหาอ้างว่าเป็นการให้ค�ำแนะน�ำค�ำ สอนของพระเถระนามอุโฆษชื่อว่าพระกัลยาณีเถระ ผู้ถูกพระเจ้ากัลยาณีติสสะกล่าว โทษส่ังให้จับโยนลงกระทะน้�ำมัน ด้วยสงสัยว่ามีส่วนร่วมรู้เห็นการลักลอบเป็นชู้กับ พระมเหสี เน้ือเร่ืองโดยย่อมีกล่าวถึงในบทท่ี ๒๒ ของคัมภีร์มหาวงศ์๕๘ แต่ละเลย ความจริงเสียด้วยการแก้ไขข้อมูลใหม่ว่าพระเถระถูกปลงชีวิตใกล้หม้อน้�ำมันเดือด เรื่องราวบรรยายไว้ว่าพระเถระและพระสหธรรมิกถูกฆ่าและโยนทิ้งลงทะเล คัมภีร์รสวาหินีซ่ึงแต่งโดยพระเวเทหเถระ ตอนต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๙ ได้กล่าวถึง รายละเอียดของเรื่องดังกล่าวมากมาย๕๙ หลักฐานจากคัมภีร์รสวาหินีบอกว่า ข้าราช บริพารของพระเจ้ากัลยาณีติสสะได้เติมน้�ำมันใส่กระทะ เมื่อน�้ำมันก�ำลังเดือดได้ทุ่ม พระเถระลงในกระทะใบน้ัน ขณะนั้นพระเถระก�ำลังพิจารณาวิปัสสนากรรมฐานแล้ว บรรลุพระอรหัตต์ คร้ันแล้วได้เหาะขึ้นจากกระทะน้�ำมันโดยไม่บาดเจ็บแต่อย่างใด เหมือนพระยาหงส์ในแจกันหยก แล้วกล่าวหน่ึงร้อยพระคาถา จากน้ันได้ย้อนดูอดีต ชาติปางหลังเพ่ือสืบค้นหากรรมเก่าท่ีเป็นผลในชาตินี้ แล้วพบว่าครั้งหนึ่งเมื่อเป็นคน เลี้ยงแกะได้โยนแมลงวันใส่ในน้�ำนมอันร้อน น้ีเป็นการลงโทษแห่งอกุศลกรรมในชาติ ปางก่อน หลังจากพระเถระมรณภาพแล้ว พระเจ้าแผ่นดินส่ังให้โยนร่างท้ิงลงทะเล ดูเหมือนว่าภายหลังต่อมาวัดแห่งหนึ่งได้สร้างขึ้นตรงจุดท่ีพระเถระมรณภาพ คัมภีร์แสฬลิหิณิสันเดสะ ซึ่งเขียนข้ึนยุคอาณาจักรโกฏเฏ (พ.ศ.๒๐๐๕) ระบุว่าวัด แห่งนี้ยังปรากฏมีอยู่ และพรรณนาบริเวณของวัดน้ันไว้ว่า ห้องโถงธรรมศาลาประดับ ๕๗ JPTS., 1886, p. 41, vv. 1-5. ๕๘ M.V., xxii, vv. 13-20. ๕๙ See Alwis, Sidat-sangara, pp. cIxxx and ccIxxi. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 275 1/18/20 1:17 PM
276 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง (บนซ้าย) คัมภีร์มหาโพธิวังสะฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษและ (บนขวา) คัมภีร์อนาคตเทศนา ฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษ ซากสระสรงน้�ำของพระสงฆ์ภายในริฏิคลวิหาร หรือวัดป่าสมัยอาณาจักรอนุราธปุระ 1/18/20 1:17 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 276
ศรีลังกา 277 ต้นพระศรีมหาโพธ์ิ เมืองเก่าอนุราธปุระ ซึ่งอัญเชิญมาปลูกโดยพระสังฆมิตตาเถรี ผู้เป็นพระราช ธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราช ซากปัญจวาสะหรือหมู่กุฎีสงฆ์ภายในส�ำนักอภัยคิรีวิหาร เมืองเก่าอนุราธปุระ 1/18/20 1:17 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 277
278 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง ปัญจวาสะหรือหมู่กุฎีสงฆ์บริเวณโลหปราสาท เมืองเก่าอนุราธปุระ หอแสดงธรรมภายในริฏิคละวิหาร หรือวัดป่าสมัยอนุราธปุระ 1/18/20 1:17 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 278
ศรีลังกา 279 (บน) พระเจ้ากัลยาณีติสสะทรงจับพระอรหันต์เพราะเชื่อว่าเป็นชู้รักของพระมเหสี (ล่าง) การลงโทษพระเถระด้วยการต้มในหม้อน�้ำมันเดือด ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดแกลาณียราชมหา วิหาร (คัดลอกภาพจาก www.photodharma.net) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 279 1/18/20 1:17 PM
280 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง ประดาดว้ ยวตั ถมุ หคั ฆภณั ฑล์ ำ�้ คา่ ประณตี สรา้ งขน้ึ ดว้ ยจติ ศรทั ธาของสาธชุ นผแู้ สวงบญุ ตรงจุดบริเวณท่ีตั้งของหม้อน�้ำมัน ซ่ึงพระเจ้ากัลยาณีติสสะรับส่ังให้ท้ิงร่างพระเถระ เพียงแค่สงสัยว่าท่านท�ำผิด แต่ความจริงแล้วท่านเป็นพระอรหันต์ไร้เล่ห์เหล่ียม๖๐ เนื้อความตามคัมภีร์ดังกล่าวชวนให้เข้าใจว่าเป็นอุทานคาถา โดยพระเถระผู้ ถูกต้มในกระทะน�้ำมันอันเดือดพล่าน แต่พิสูจน์แล้วว่าภาษาและส�ำนวนน่าจะเกิดข้ึน ยุคหลังต่อมาค่อนข้างนาน พระคาถาท่ีมีอยู่ในปัจจุบันเหลือเพียง ๙๘ พระคาถา๖๑ แต่คัมภีร์รสวาหินีกล่าวว่ามี ๑๐๐ พระคาถา ส�ำหรับผู้เขียนและระยะเวลาเขียนยังไม่ เป็นท่ีรู้จัก แต่เช่ือกันว่าผู้เขียนต้องเป็นสมาชิกของคณะสงฆ์แน่นอน พระคาถา เหล่านั้นงดงามตามส�ำนวนพระไตรปิฎกและประณีตอ้อนช้อยตามลีลาภาษาวรรณคดี อรรถกถา พระคาถาแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้รู้ลึกซึ้งแตกฉานในหลักค�ำสอนและ อภิปรัชญา ค�ำศัพท์ก็ร้อยเรียงค�ำสอนหลักของพระพุทธศาสนาอย่างประณีต ช่ือว่า เป็นค�ำแนะน�ำอันดีเยี่ยมส�ำหรับการด�ำเนินชีวิตดีงาม เนื้อหาพรรณนาเร่ิมต้นด้วยการ ประทานพรแก่พระเจ้าแผ่นดิน ถือว่าเป็นการเร่ิมต้นท่ีชาญฉลาดเพราะกล่าวถึง ราชาผู้ทรงธรรมก่อนกลายเป็นอธรรม การจัดวางเนื้อหาค่อนข้างเรียบร้อยงดงาม รูปแบบของบทกวีแสดงให้เห็นชัดเจนว่าบรรจงรจนาโดยผู้รู้ภาษาสันสกฤตเป็นอย่างดี เพราะสามารถประเมินจากการประดิดประดอยร้อยเรียงและความสวยงามแห่งบทกวี ถือว่าเป็นคัมภีร์ตัวอย่าง เพื่อทดสอบงานเขียนอันงดงามด้วยภาษาบาลีผสมสันสกฤต หากดูตามเน้ือหาจะเห็นว่าภาษาบาลีไม่ได้บรรจุด้วยระบบภาษาสันสกฤต มากจนเกนิ ไป ซง่ึ แสดงใหเ้ หน็ วา่ เปน็ งานเขยี นกอ่ นหนา้ นนั้ ประมาณกอ่ นพทุ ธศตวรรษ ท่ี ๑๗ เป็นตัวอย่างอันดีส�ำหรับวรรณคดียุคฟื้นฟูภาษาบาลี (Pali Renascence) ก่อนท่ีจะเจือปนด้วยอิทธิพลภาษาสันสกฤต และสูญเสียความบริสุทธ์ิด้ังเดิมแท้ ๖๐ Macready's version, verse 70. ๖๑ See the text in JPTS., 1884, p. 55 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 280 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 281 ด้วยค�ำพูดหรือการเขียนและความเรียบง่าย ผู้เขียนได้ยกตัวอย่างบทร้อยกรองมาจาก คัมภีร์ ดังต่อไปน้ี ลังกิสสะโร ชะยะตุ วาระณาราชะคามี โภคินทะโภคะรุจิรายะตะปินะพาหุ สาธุปะจาระนิระโต คุณะสันนิวาโส ธัมเม ฐิโต วิคะตะโกธะมะทาวะเลโป ฯ ความว่าขอพระเจ้าแผ่นดินลังกาจงประสบแต่ชัยช�ำนะ ผู้ทรงพญาคชสารเป็น ยานพาหนะ มีพระพาหางดงามสมส่วนดุจขนดแห่งพญานาคราช ทรงพระเกษมสำ� ราญ ยามเข้าใกล้สมาคมแห่งเหล่าสัตบุรุษ ผู้ทรงด�ำรงมั่นในคุณธรรม และปราศจากการ ครอบง�ำด้วยความโกรธและความลุ่มหลงท้ังส้ินท้ังปวง ฯ มหานครอนุราธปุระล่มสลาย ต่อจากนี้เห็นสมควรกล่าวถึงพระเจ้าวิชัยพาหุผู้กอบกู้บ้านเมืองสืบต่อ อันว่า พระเจา้ วิชัยพาหุนัน้ สืบทอดต�ำแหน่งรักษาบ้านเมอื ง สมยั เกดิ ความโกลาหลวุ่นวายจาก การบุกรุกท�ำลายของศัตรูภายนอก ระยะเวลาก่อนพระองค์เล็กน้อย พระเจ้าเสนะที่ ๕ ทรงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ลังกา แต่มีพระชนมายุเพียง ๑๒ พรรษาเท่านั้น เน่ืองจากข้าราชบริพารแวดล้อมพระองค์ล้วนเลวทราม จึงท�ำให้เสนาบดีก่อการ จลาจลขึ้น กษัตริย์หนุ่มส้ินหวังจึงมอบเมืองหลวงให้พวกทมิฬเป็นคนบริหารปกครอง สว่ นพระองคเ์ สดจ็ ล้ีภยั หนีไปแคว้นโรหณะแดนใต้ เพราะเผชิญกบั ชะตากรรมดงั กลา่ ว พระองค์จึงเสวยน้ำ� จัณฑ์จนกลายมาเป็นคนชวั่ ร้ายและสวรรคตในเวลาต่อมา พระองค์ ได้รับการขนานนามอีกช่ือหนึ่งว่าเสือบ้า (ภาษาสิงหลเรียกว่ามัตวลเสน) ผู้ข้ึนครองราชย์สืบแทนคือพระอนุชาพระนามว่าพระเจ้ามหินทะที่ ๕ กษตั รยิ พ์ ระองคน์ ไ้ี มม่ คี วามเหมาะสมทง้ั บคุ ลกิ ลกั ษณะและความสามารถ การปกครอง ทผี่ ดิ พลาดของพระเชษฐาธริ าชทำ� ใหบ้ า้ นเมอื งตกตำ่� กลายเปน็ โกลาหลวนุ่ วาย คนแปลก หนา้ จากฝง่ั ทะเลแดนไกลหลากหลายชาตพิ นั ธเ์ุ พม่ิ ขน้ึ เปน็ จำ� นวนมาก และเรม่ิ มอี ทิ ธพิ ล เหนือชาวเมืองหลวงอนุราธปุระ ภาวการณ์เช่นน้ีท�ำให้พระเจ้าแผ่นดินทรงหนัก 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 281 1/18/20 1:17 PM
282 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง พระทัยย่ิงนัก ความอ่อนแอด้านการบริหารหลายทางท�ำให้เกิดการกระด้างกระเด่ือง ท่ัวเกาะลังกา ไพร่ฟ้าประชาชนพร้อมใจกันงดจ่ายภาษี พระเจ้าแผ่นดินจึงไม่มีเบ้ีย หวัดเงินปีมาจ่ายให้พวกทหารรับจ้างชาวมลบาร์ กษัตริย์ทมิฬโจฬะเห็นเป็นโอกาสจึงส่งกองทัพขนาดใหญ่ เข้ามายึดครองดิน แดนตอนเหนือของแม่น�้ำมหาแวฬิคังคา จากนั้นไม่นานผู้บุกรุกก็เริ่มขยายอาณาเขต ข้ามแม่น�้ำลงใต้ จนในที่สุดก็กลายเป็นผู้ครอบครองเมืองอนุราธปุระและเมืองโปโฬน- นารุวะ นี้คือภาพแห่งความย่ิงใหญ่ครั้งสุดท้ายของมหานครอนุราธปุระ ซ่ึงด�ำรงคงอยู่ ยาวนาน ๑,๒๐๐ ปี ถือว่าเป็นศูนย์กลางความรุ่งเรืองด้านภูมิปัญญาชาวสิงหล พระ ศาสนาและบ้านเมืองถูกปล้นท�ำลายโดยพวกทมิฬโจฬะ มหานครอันย่ิงใหญ่ลือนาม แห่งนี้ได้ล่มสลายสูญหายตลอดกาลไม่มีวันเรียกกลับคืนมา หลังจากครองราชย์มา ๓๖ ปี พระเจ้ามหินทะและพระมเหสีก็ถูกจับได้ จากน้ันถูกส่งตัวไปยังเมืองของผู้มีชัย (พ.ศ.๑๕๔๔) แต่น้ันมาชาวทมิฬหินชาติก็กลาย เป็นเจ้าของเกาะลังกาทั้งมวล ผู้บุกรุกเหล่านั้นได้รับการบอกเล่าจากทหารรับจ้างว่า ชาวสิงหลเก็บทรัพย์สมบัติท้ังส้ินไว้ในวัดวาอารามทุกแห่ง จึงบุกเข้าเผาท�ำลายวิหาร และเจดีย์ทั้งหมดบรรดามี แม้แต่ศาสนสถานเล็กน้อยก็ไม่ท้ิงไว้ให้เห็นเป็นอนุสรณ์๖๒ คัมภีร์มหาวงศ์บรรยายไว้ว่า พวกทมิฬหินชาติท�ำตัวเหมือนปีศาจเที่ยวกดข่ี ข่มเหงผู้คนบนเกาะ ใช้ก�ำลังเข้าทุบตีเข่นฆ่าไม่ว่าเป็นพวกไหน๖๓ แม้พระเจ้าวิชัยพาหุ จะสถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์เหนือลังกาก็จริง (พ.ศ.๑๖๗๘) แต่ความสงบสุขหา ปรากฏมีไม่ สงครามและการกดข่ีข่มเหงยังคงมีต่อเน่ืองเรื่อยมาเป็นระยะเวลานาน อกี ทง้ั สงครามระหวา่ งกษตั รยิ อ์ งคแ์ ลว้ องคเ์ ลา่ เขา้ เขน่ ฆา่ กนั และกนั เพอ่ื ชว่ งชงิ ราชสมบตั ิ เกิดขึ้นต่อเน่ืองเป็นเวลายาวนาน อาณาประชาราษฎร์ถูกกดขี่ข่มเหงทนทุกข์แสนสาหัส บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะล่มจมเส่ือมโทรมยากต่อการฟื้นฟู๖๔ ๖๒ e.g. by Kassapa II and Dathopa-Tissa I. ๖๓ M.V., liv, vv. 66-8. ๖๔ Ibid., vv. 34 foll. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 282 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 283 คร้ันเม่ือพระเจ้าวิชัยพาหุสามารถขับไล่อริราชศัตรู ผู้กดข่ีข่มเหงออกจากบ้าน เมืองได้แล้ว พระองค์ทรงท�ำงานอย่างหนักด้วยการเร่ิมต้นซ่อมแซมความเสียหาย และเร่งขจัดความหวาดกลัวของอาณาประชาราษฎร์ พระองค์เสด็จไปประทับที่เมือง โปโฬนนารุวะ ซ่ึงต่อมากลายเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรชาวสิงหล หน่ึงศตวรรษผ่าน มาภายใต้การกดข่ีข่มเหงของพวกทมิฬโจฬะ มีแต่ความช่ัวร้ายครอบง�ำทุกแห่งหน ความเสียหายใหญ่หลวงคราวนั้นแผ่กระจายออกไปตลอดคามนิคมเขต ผลกระทบ เสียหายมากมายใหญ่หลวงกว่าสิ่งอื่นคือพระศาสนา การท�ำลายโครงสร้างทางศาสนา อันยิ่งใหญ่ ดังเช่นอารามวิหารและปริเวณะ เป็นผลให้เกิดการแตกแยกทางคณะสงฆ์ คร้ังใหญ่ รวมถึงสถาบันการศึกษาของสงฆ์และการศึกษาของชาติบ้านเมือง ซึ่งสถาบัน เหล่าน้ีชื่อว่าเป็นผู้คุ้มครองรักษาวัฒนธรรมอันดีงามของลังกา หลักฐานอันส�ำคัญย่ิงส�ำหรับความไร้กฎเกณฑ์ทางคณะสงฆ์สมัยชาวทมิฬ ครอบครองคือ การสูญหายของภิกษุณีสงฆ์ จากน้ันเป็นต้นมาไม่พบเห็นหลักฐาน อ้างอิงเก่ียวกับภิกษุณีในคัมภีร์มหาวงศ์อีกเลย ต้ังแต่ยุคก่อนมาจนถึงยุคน้ีภิกษุณีได้ สืบต่อรุ่งเรืองเร่ือยมา ถึงแม้จะมีหลักฐานระบุถึงส�ำนักภิกษุณีนอกรีตบ้าง๖๕ แต่ไม่ ปรากฏมีการท�ำลายจนเสียหายแม้แต่คร้ังเดียว ภิกษุณีสงฆ์ล้วนได้รับความอุปถัมภ์ และเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากกษัตริย์ผู้ครองราชย์ทุกพระองค์ จึงเป็นเร่ืองยากนักที่จะ เข้าใจชัดว่า เหตุใดภิกษุณีจึงสูญหายไปโดยไม่มีความพยายามฟื้นฟูให้รุ่งเรืองดังเดิม พระเจ้าวิชัยพาหุทรงทราบว่าไม่มีพิธีอุปสมบทกรรมเกิดข้ึนเป็นเวลายาวนาน เน่ืองจากตลอดทั้งเกาะลังกาไม่สามารถหาพระสงฆ์ครบเบญจวรรคได้ พระองค์จึง โปรดให้จัดส่งคณะราชทูตเดินทางไปเข้าเฝ้ากษัตริย์พม่า คือพระเจ้าอนุรุทธ์ผู้เป็น อทิฏฐบุพพสหาย ขอร้องให้พระองค์ส่งพระสงฆ์มาฟื้นฟูพระศาสนาบนเกาะลังกา คราวนั้นพระสงฆ์พม่าผู้เชี่ยวชาญแตกฉานพระไตรปิฎกเป็นจ�ำนวนมาก ได้เดินทาง ๖๕ ด้วยเหตุน้ัน พระเจ้าโมคคัลลานะท่ี ๑ จึงกล่าวว่าพระองค์โปรดให้สร้างวิหารภิกษุณีนาม ว่าราฃินีและมอบถวายแก่ภิกษุณีนิกายสาคลิกา M.V., xxxix, v. 43. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 283 1/18/20 1:17 PM
284 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง เข้ามาช่วยฟื้นฟูพระศาสนาจัดพิธีอุปสมบทกรรม พร้อมแนะน�ำสั่งสอนพระไตรปิฎก และคัมภีร์อรรถกถา๖๖ ส�ำหรับพระเจ้าอนุรุทธ์น้ัน ทรงมุ่งม่ันต้ังใจส่งเสริมพระศาสนาในอาณาจักร ของพระองค์เช่นกัน พระองค์ทรงแนะน�ำพระเจ้าวิชัยพาหุว่า คัมภีร์พระไตรปิฎกน้ัน เป็นค�ำสอนจริงแท้ของพระบรมศาสดาเจ้า คราวคร้ังนั้นนิกายทั้งสามได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ในแผ่นดินลังกา ถึง แม้ว่าส�ำนักเหล่าน้ันจะปรากฏตัวอีกคร้ังและมีความแตกต่างอย่างเด่นชัด แต่ดูเหมือน ว่าได้สูญเสียความมั่นใจด้านความเห็นเกี่ยวกับนิกายแห่งตน จารึกภาษาทมิฬเกี่ยวกับ พระเจ้าวิชัยพาหุระบุว่า พระองค์ได้ท�ำการฟื้นฟูท้ังสามนิกาย๖๗ นิกายเหล่าน้ันล้วน ยินดียอมรับวิหารท่ีพระองค์โปรดให้สร้างถวาย ณ เมืองหลวงโปโฬนนารุวะ๖๘ การฟื้นฟูพระศาสนาคร้ังน้ีตามมาด้วยการต่ืนตัวด้านภูมิปัญญาครั้งใหญ่ พระเจ้าแผ่นดินเองทรงเป็นนักปราชญ์ด้านกวี การช่วยเหลืออุปถัมภ์วงการวรรณคดี ท�ำให้พระองค์เกิดความรักอย่างสุดซ้ึง ถึงแม้จะทรงมีภารกิจมากมาย แต่ทรงใช้เวลา รุ่งเช้าช่วงเวลาอันส้ันด้วยการอ่านหนังสือธรรมะในห้องสมุด กล่าวกันว่าพระองค์ ทรงแปลคัมภีร์ธรรมสังคณีเป็นภาษาสิงหล๖๙ แต่น่าเสียดายคัมภีร์เล่มน้ีและบทกวี ภาษาสิงหลได้สูญหายเสียแล้ว พระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์การศึกษาอย่างเต็มที่ สังเกตได้จากบุตรของเชื้อพระวงศ์และขุนนางผู้เข้ารับราชการ ล้วนได้รับการสนับสนุน เป็นอย่างดี ด้วยทรงแนะน�ำและจ้างวานให้อ่านหนังสือในห้องสมุดยามว่าง โดย พระองค์ทรงประพฤติตัวเหมือนกับผู้ตัดสิน นอกจากนั้น โปรดให้บันทึกพระไตรปิฎก ลงในใบลานแล้วมอบถวายแก่พระสงฆ์ทั่วลังกา สมัยน้ีนักปราชญ์จากต่างประเทศโดย เฉพาะอินเดีย ได้ชักน�ำลังกาให้เก่ียวข้องกับประเทศเหล่าอ่ืน ด้านวัฒนธรรมและ ๖๖ M.V., Ix, v. 5-7. ๖๗ Epy. Zeyl., vol. ii, pt. vi. p. 254. ๖๘ M.V., Ix., v. 13. ๖๙ Ibid., v. 17. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 284 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 285 ภูมิปัญญา จนเกิดมีการศึกษา ภาษาสันสกฤตและภาษาทมิฬอย่างมุ่งม่ันตั้งใจ อีกท้ังคัมภีร์ภาษาบาลีเก่ียวกับทานมัยก็เกิดขึ้นเป็นจ�ำนวนมาก บรรดาคัมภีร์เหล่าน้ันงานเขียนส�ำคัญสูงสุดคือคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะ ของพระอนุรุทธเถระ ได้กล่าวถึงแต่เบ้ืองต้นแล้วว่าระหว่างยุคน้ี (พุทธศตวรรษท่ี ๑๒-๑๖) ความสนใจได้มุ่งไปสู่การศึกษาพระอภิธรรม พระเถราจารย์ผู้แตกฉานอภิธรรมปิฎก ล้วนได้รับแต่งตั้งให้เป็นครูสอน การบริจาคจ�ำนวนมากได้มอบให้แก่ผู้ทุ่มเทกับการ ศึกษาพระอภิธรรมและพิธีกรรมเกี่ยวข้อง มีพระเจ้าแผ่นดินมากกว่าหน่ึงพระองค์ ทรงสนใจศึกษาพระอภิธรรม หลักฐานเบ้ืองต้นชี้ให้เห็นแล้วว่าพระเจ้าวิชัยพาหุ ทรงแปลคัมภีร์ธรรมสังคณีเป็นภาษาสิงหล จึงไม่แปลกใจเลยว่าคัมภีร์ส่วนใหญ่ยุคน้ี เกี่ยวข้องกับพระอภิธรรม๗๐ บรรดาอิทธิพลหลายหลากท่ีเคล่ือนย้ายเข้าสู่ลังกา หนึ่งน้ันคือพวกทมิฬจาก อินเดียตอนใต้ ซึ่งพากันทุ่มเทเสียสละศึกษาภาษาสันสกฤต ประมาณพุทธศตวรรษ ท่ี ๙ พระเจ้าพุทธทาสทรงนิพนธ์ต�ำราทางการแพทย์เป็นภาษาสันสกฤตนามว่า สารารถสังครหะ เร่ิมต้นพุทธศตวรรษท่ี ๑๑ พระเจ้ากุมารธาตุเสนะได้นิพนธ์บทกวี ภาษาสันสกฤตอันวิจิตรงดงามนามว่าชานกีหรณะ ส่วนพระเจ้าสิลาเมฆวัณณะทรง นิพนธ์ฉันทลักษณ์ภาษาสิงหลชื่อว่าสิยพัสลกระ อิทธิพลด้านศิลปะการใช้ถ้อยค�ำด้วย ภาษาสันสกฤตสามารถยืนยันได้จากคัมภีร์เหล่าน้ี ประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๕-๑๖ มีพระนักปราชญ์นามว่ารัตนศรีญานเถระ หรืออีกช่ือหน่ึงว่ารัตนมติปาทเถระ ได้เขียนคัมภีร์ไวยากรณ์ภาษาสันสกฤต ๒ เล่ม ๗๐ เม่ือพระเจ้าเชฏฐาติสสะทรงพ่ายแพ้ต่อชาวทมิฬแล้ว พระองค์ได่้ส่งพระราชสาสน์ถึง พระมเหสีว่าพระนางควรออกบวช ณ อารามภิกษุณี ศึกษาพระธรรมและแสดงพระอภิธรรมพร้อม อุทิศส่วนกุศลให้พระองค์ กล่าวกันว่าพระมเหสีได้ประพฤติตามพระราชด�ำรัสสิ้น ต่อมาทรงแตกฉานใน พระอภิธรรมพร้อมคัมภีร์อรรถกถาเล่าลือกันว่าพระองค์ทรงเคารพพระอภิธรรมอย่างย่ิง (M.V., xIiv, vv. 107-17). 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 285 1/18/20 1:17 PM
286 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง กล่าวคือ คัมภีร์จันทรโคมิวยากรณปัญชิกา และคัมภีร์ศภารถจินตา๗๑ ส่วนภาษาบาลี ที่พัฒนาเจริญถึงขีดสุดโดยพระพุทธโฆษาจารย์และผู้สืบทอดรุ่นต่อมายังคงมีอยู่ การพัฒนาภาษาวรรณคดีสิงหลได้น�ำมาใช้ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาบาลีประมาณ สามศตวรรษ เพราะการบุกรุกโจมตีของทมิฬหินชาติและความวุ่นวายภายในอาณาจักร ท�ำให้ประชาชนแตกแยกขาดความพยายามสืบต่อด้านวรรณคดี การพัฒนาภาษาบาลี จึงตกต�่ำถดถอย นักศึกษาส่วนใหญ่มุ่งความสนใจไปยังวิชาทางโลก ภาษาสันสกฤต กลายมาเป็นภาษาส�ำคัญ เพ่ือจุดประสงค์ศึกษาวิชาทางโลก ดังคัมภีร์มหาวงศ์กล่าว ไว้ว่า อิทธิพลการศึกษาภาษาสันสกฤตท�ำให้ภาษาบาลีสูญเสียความเรียบง่าย ในการ ควบคุมเสรีภาพของภาษา ในการผสมผสานยาวนาน และศิลปะการประพันธ์บท ร้อยกรองที่ซับซ้อน หลักฐานดังกล่าวท�ำให้ทราบว่า พระเจ้าวิชัยพาหุทรงกระตุ้นให้เรียนรู้ผู้คน จากตา่ งประเทศ ซง่ึ อพยพเขา้ มาตงั้ ถนิ่ ฐานในลงั กา เพราะพวกเขาเหลา่ นนั้ ลว้ นเชยี่ วชาญ ภาษาสันสกฤต อีกท้ังได้ก่อตั้งกลุ่มผู้นิยมภาษาสันสกฤตเชิงวรรณคดีข้ึนโดยเฉพาะ มีรูปแบบภาษาสันสกฤตที่แสดงออกเป็นท่ีนิยมแพร่หลาย แต่กระบวนการดังกล่าว ยังไม่ถึงจุดสูงสุด จนกระทั่งประมาณหน่ึงหรือสองศตวรรษหลังจากพระเจ้าวิชัยพาหุ สวรรคตแล้ว จึงได้เห็นผลงานชัดเจนเพียงพอของวรรณคดีแห่งยุคน้ี ว่าด้วยพระอนุรุทธเถระ ผู้เขียนคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะคือพระเถระนามว่าอนุรุทธะ ชื่อของท่าน ปรากฏในบทสรปุ ของคมั ภรี เ์ ลม่ นี้ ซงึ่ ระบวุ า่ ทา่ นเปน็ เจา้ อาวาสวดั มลู โสมวหิ าร ลกั ษณะ ภาษาที่เขียนแสดงว่าท่านน่าจะมีชีวิตอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๕ หรืออย่างน้อย น่าจะเป็นพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ผู้แปลคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะเป็นภาษาสิงหลคือ พระสารีบุตรเถระ ผู้มีชีวิตอยู่สมัยพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช น่าสนใจคือความ ๗๑ Wickremasinghe, p. xiii. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 286 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 287 กล้าหาญของพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช ไม่มีกล่าวถึงในงานเขียนของพระอนุรุทธ เถระเลย ซ่ึงความยิ่งใหญ่เช่นนี้ต่างได้รับการสรรเสริญจากนักเขียนมากมายสมัยนั้น อาจเป็นไปได้ว่าท่านเป็นนักเขียนก่อนสมัยพระองค์ก็เป็นได้ นักปราชญ์ส่วนใหญ่เห็นว่าพระอนุรุทธเถระน่าจะมีชีวิตอยู่ประมาณต้น พุทธศตวรรษท่ี ๑๗๗๒ เพราะไม่มีข้อมูลเก่ียวกับท่านมากกว่านี้ หลักฐานของพม่าบอก ว่าพระอนุรุทธเถระเป็นชาวลังกา ได้เขียนบทสรุปที่มูลโสมวิหารซ่ึงสร้างถวายโดย พระนางโสมเทวี ผู้เป็นพระมเหสีของพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัย พร้อมกับเสนาบดีนาม ว่ามูละท่ีเมืองโปโฬนนารุวะ๗๓ หลักฐานระบุว่าท่านอาศัยอยู่ท่ีมูลโสมวิหารสอดคล้อง ต้องกันกับค�ำจารึกตอนท้ายของบทสรุป คัมภีร์สาสนวังสะเรียกท่านว่าอนุรุทธอาจริยะแห่งลังกา๗๔ ส่วนคัมภีร์สัทธัมม สังคหะซึ่งแต่งในพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ ระบุว่าท่านเป็นผู้แต่งคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะ พร้อมระบุนามด้วย (อาจจะเป็นอีกรูปหนึ่ง) ท่านได้เขียนงานอีกเล่มหนึ่งเกี่ยวกับ พระอภิธรรมเช่นเดียวกันนามว่าปรมัตถวินิจฉัย แต่ระบุว่าท่านอาศัยอยู่ท่ีกัญจิปุระอัน มีชื่อเสียงโด่งดัง เพราะเป็นท่ีอยู่ของพระอรรถกถาจารย์นามว่าธรรมปาลเถระ๗๕ ส่วนเกรย์ได้กล่าวถึงรายชื่อของฆราวาสผู้ทรงศีลคงแก่เรียนแห่งดินแดน อินเดียใต้ ซ่ึงน�ำมาจากบันทึกของชาวตะเลง หลักฐานส่วนน้ีได้กล่าวถึงพระอนุรุทธ เถระ๗๖ ซึ่งคาดว่ามีชีวิตอยู่หลังจากพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๓ คัมภีร์คันธวังสะระบุว่า พระอนุรุทธเถระเป็นผู้เขียนต�ำรา ๓ เล่ม มีเน้ือหาเก่ียวกับการสรุปพระอภิธรรม กล่าวคือหนังสือย่อเน้ือความจากคัมภีร์อ่ืน คัมภีร์ปรมัตถวินิจฉัย และคัมภีร์นามรูป ปริจเฉท พร้อมยกย่องพระเถระว่าเป็นหนึ่งในบรรดานักเขียนชาวลังกา ๗๒ Comp. of Phil., p. vii and footnote. ๗๓ Compendium, p. vii. ๗๔ p. 34. ๗๕ P.T.S. Ed., p. 62. ๗๖ p. 25. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 287 1/18/20 1:17 PM
288 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง มีหลักฐานอีกส่วนหนึ่งบอกว่าพระอนุรุทธเถระมีชีวิตอยู่ประมาณต้น พุทธศตวรรษที่ ๑๗ ท่านเป็นพระสงฆ์ชาวลังกาแต่บางคร้ังอาศัยอยู่ที่กัญจิปุระแห่ง อินเดียตอนใต้ เป็นผู้แต่งคัมภีร์เก่ียวกับพระอภิธรรม ๓ เล่มข้างต้น คัมภีร์เหล่านั้น กล่าวถึงความเชื่อเก่ียวกับจักรวาลของชาวลังกาด้วย๗๗ ส�ำหรับการเรียบเรียงคัมภีร์อนุรุทธศาตกะ อันเป็นบทกวีภาษาสันสกฤตเก่ียว กับค�ำอุทิศของชาวพุทธ ประกอบด้วย ๑๐๑ พระคาถา ซ่ึงเป็นงานเขียนภาษาสันสกฤต จ�ำนวนน้อยท่ีหลงเหลืออยู่ในลังกาจนถึงปัจจุบัน ท่านบัณฑิตพฏุวันตุทาเว ซึ่งเป็นหนึ่ง ในบรรดานกั ปราชญผ์ แู้ ตกฉานดา้ นภาษาตะวนั ออกของลงั กากลา่ ววา่ เนอื้ หาของคมั ภรี ์ สัทธัมมสังคหะระบุถึงคัมภีร์อนุรุทธศาตกะและคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะว่า เป็นผล งานของคนเดียวกันกล่าวคือพระอนุรุทธเถระ๗๘ ดีอัลวิสก็ยืนยันเช่นน้ัน แต่การเรียบ เรียงคัมภีร์สัทธัมมสังคหะของสมาคมบาลีปกรณ์กลับไม่ระบุถึง๗๙ คำ� แยง้ ของนักวิชาการสองกลุ่มข้างต้นแสดงใหเ้ หน็ ว่า ตา่ งคนตา่ งอ้างขอ้ ความ ท่ีไม่ลงรอยแตกแยกกัน จากการประเมินท้ังคัมภีร์ศาตกะและหนังสือย่อเนื้อความ เช่ือว่าเป็นงานเขียนของคนเดียวกันและเป็นนักปราชญ์ชาวลังกา๘๐ บทสรุปของคัมภีร์ ศาตกะระบุว่า วิทัม วะยะธัตโตตตะระมูละนาถะ รัตนังกุโรปัสถะวิรานุรุทธะ แปล ความว่า คัมภีร์เล่มนี้เขียนโดยพระอนุรุทธเถระอุปัสถวีระ ผู้เป็นด่ังอัญมณีบนศอแห่ง ส�ำนักอุตตรมูลนิกาย น้ีเป็นคร้ังแรกท่ีทราบว่านิกายใหม่น้ีโด่งดังเป็นที่รู้จักแพร่หลาย หากสังเกตจากช่ือที่น�ำมาแสดง๘๑ ผู้เขียนขอสรุปว่าอุตตโรลวิหารท่ีกล่าวถึงในคัมภีร์ มหาวงศ์นั้น เป็นศูนย์กลางของนิกายใหม่ สร้างถวายโดยพระเจ้ามานวัมมะ ผู้เป็น ๗๗ De Zoysas, p. iv. 1/18/20 1:17 PM ๗๘ Colombo Ed., 1865, p. ii. ๗๙ p. 170. ๘๐ See also Wickremasinghe, p. xiv. ๘๑ Chap. Ivii, v. 20. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 288
ศรีลังกา 289 พระโอรสของพระเจ้ากัสสปะท่ี ๒ ซ่ึงครองราชย์ พ.ศ.๑๒๓๔ คัมภีร์ปูชาวลิยะระบุว่า พระองค์ทรงปกครองอนุราธปุระ ๓๕ ปี๘๒ หากถือตามหลักฐานในคัมภีร์ปูชาวลิยะจะพบว่า พระองค์ทรงถวายเครื่อง ไทยธรรมแก่คณะสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีวิหารด้วยศรัทธาแรงกล้า ทั้งน้ีเพื่อให้ยอมรับ พระเชษฐาเข้าเป็นสมาชิกของคณะสงฆ์ เหตุเพราะมีพระเนตรเพียงข้างเดียว อันเป็น ผลมาจากการปฏิบัติโยคะ๘๓ พระเถระผู้ใหญ่รูปแรกของสำ� นักอุตตโรละเป็นพระอนุชา ของพระองค์เอง ท�ำหน้าที่ก�ำกับดูแลพระสงฆ์ ๖๐๐ รูป พระองค์ทรงให้ความเคารพ อย่างสูงและถวายสิทธิพิเศษพร้อมคนรับใช้ ๕ ประเภท นอกจากนั้น พระองค์ได้รับค�ำ แนะน�ำให้แต่งตั้งพระสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีวิหาร เป็นผู้ท�ำหน้าท่ีรักษาพระเข้ียวแก้วด้วย ตั้งแต่น้ันมาคณะสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีวิหารกลายเป็นท่ีปรึกษาของพระเจ้าแผ่นดิน หลังจากตั้งใจปฏิบัติตามค�ำแนะน�ำของพระสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีวิหารแล้ว พระเจา้ แผน่ ดนิ ทรงปกครองแผน่ ดนิ โดยธรรม๘๔ พระเจา้ มานวมั มะเปน็ บรรพบรุ ษุ ฝา่ ย พระบิดาของพระเจ้าวิชัยพาหุ หากถือตามหลักฐานในคัมภีร์มหาวงศ์และจารึก ภาษาทมิฬ พระเจ้าแผ่นดินพระองค์น้ีทรงอุปถัมภ์ส�ำนักอุตตรมูลนิกาย พระองค์ทรง มอบอ�ำนาจการดูแลรักษาพระเข้ียวแก้ว ซ่ึงเป็นมรดกล�้ำค่าสูงสุดของกษัตริย์ลังกา แด่พระโมคคัลลานเถระ ผู้เป็นเจ้าส�ำนักอุตตรมูละ๘๕ พระเถระรูปนี้อาจจะเป็นรูป เดียวกันกับพระโมคคัลลานเถระ ซ่ึงเป็นพระมหานายกะแห่งอุตตรมูลนิกายสมัยพระ อนุรุทธเถระ เพราะพบว่าพระอนุรุทธเถระเรียกตัวเองว่าอุปัสถวีระ (รองเจ้าอาวาส) สมัยต่อมาส�ำนักอุตตรมูลนิกายได้ให้ก�ำเนิดดวงดาวหลากหลาย ผู้เปล่งประกายบน ท้องฟ้าแห่งวงการวรรณคดีลังกา ดังเช่น พระโมคคัลลานเถระ พระวิลกัมมูลเถระ และพระศรีราหุลเถระ แม้พระเจ้าแผ่นดินหลายพระองค์ก็ทรงสืบต่อความอุปถัมภ์ ส�ำนักแห่งน้ีไม่ขาดสาย ๘๒ Wijesinha, Maha-vamsa, pt. ii, p. xx (table). ๘๓ M.V., Ivii, vv. 7-11. ๘๔ Ibid., vv. 16-20. ๘๕ Epigraphia Zeylanica, vol. ii, p. vi, pp. 256. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 289 1/18/20 1:17 PM
290 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง ประมาณเก้าศตวรรษท่ีคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะ ด�ำรงคงอยู่ในฐานะงานเขียน แถวหน้าเก่ียวกับพระอภิธรรม และกลายเป็นท่ียกย่องสูงสุดของชาวพุทธทั้งปวงแห่ง ส�ำนักแดนใต้ คัมภีร์ได้ช้ีบอกเนื้อหาโดยย่อว่าอะไรเป็นส่วนแห่งค�ำสอนของชาวพุทธ ครั้งอดีต แต่ไม่ได้แยกแยะพระอภิธรรมอย่างเป็นระบบ๘๖ รูปแบบของคัมภีร์ไม่ชวน ให้เกิดความสนใจ ลีลาและส�ำนวนแห้งแล้งจืดชืด หมวดหมู่หัวข้อธรรมก็กะทัดรัด บทสรุปเก่ียวกับการจดจ�ำก็เรียบง่าย บัญชีรายช่ือหนังสือและการวิเคราะห์ก็ไร้จุดจบ มาดาม เดวิดส์ แสดงความเห็นไว้ว่าหากเปรียบเทียบกับคัมภีร์วิสุทธิมรรค ของพระพุทธโฆษาจารย์แล้ว คัมภีร์เล่มนี้มีหัวข้อครอบคลุมเน้ือหาด้านจุดประสงค์ เหมือนคัมภีร์วิสุทธิมรรคแต่ต่างกันท่ีวิธีน�ำเสนอ จุดมุ่งหมายของงานเขียนทั้งสองเล่ม มีขอบเขตค�ำส่ังและเน้นวิธีแสดงท่ีแตกต่างกัน บทสรุปเป็นข้อความส้ันกระชับตาม เจตนาของสรรพส่ิง พร้อมด้วยการวิเคราะห์เชิงทฤษฎีอันบริสุทธิ์ วิถีแห่งความบริสุทธ์ิ เป็นจริยธรรมน�ำทาง ถือว่าเป็นจิตวิทยาดีกว่าการสอนจริยธรรมและวิถีแห่งพระ อริยบุคคล คัมภีร์ท้ังสองเล่มมีขอบเขตองค์ประกอบท่ีสมบูรณ์ร่วมกัน วิธีการน�ำเสนอ หยาบและจดื ชดื และมลี กั ษณะการวเิ คราะหเ์ ชงิ จติ วทิ ยา ผสู้ นใจตอ้ งศกึ ษาอยา่ งอดทน ก่อนที่จะยอมรับคนแต่งว่าเป็นนักเขียนช้ันครู มีเพียงบทสรุปของเน้ือหาเท่าน้ันท่ีทรง คุณค่ายิ่ง ค�ำสอนเชิงวิเคราะห์ ซึ่งชาวพุทธเรียกว่าอภิธรรมหรือค�ำสอนชั้นสูง (Ultra-doctrine) การบรรยายและการเทศนาค�ำสอนในพระสุตตันตปิฎกต่างพบเห็น ทุกแห่งหน ธรรมชาติของงานเขียนก็เรียบง่ายกว่าการน�ำเสนอข้อมูลที่ยุ่งยากท�ำให้น่า สนใจมากกว่า๘๗ ค�ำศัพท์ต้องการแสดงความคิดท่ีแน่นอน ประสบการณ์ที่ตกผลึก ของอายุกาลไม่ได้ส�ำเร็จรูปด้วยค�ำถามเชิงปรัชญา เพราะเน้ือหาเน้นปรากฏการณ์ ทางจิต ยกเว้นการวิเคราะห์เนื้อหาอย่างหยาบและแปลกประหลาด ๘๖ Mrs. Rhys Davids, Compendium, p. x. 1/18/20 1:17 PM ๘๗ Ibid., p. xvii. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 290
ศรีลังกา 291 งานเขียนของพระอนุรุทธเถระถือว่ามีมาตรฐานดีเย่ียม เพราะก้าวหน้าในสิ่ง ท่ีเป็นไปแล้วก่อนยุคสมัยของท่าน๘๘ เนื้อหาสาระท่ีน�ำมาแสดงล้วนยุ่งยากและล�ำบาก ต่อการเข้าใจ ทุกคนไม่มีพรสวรรค์ช้ันสูงท่ีจะแก้ไขโครงสร้างที่สับสนของคู่มือท่ีเล็ก น้อยเช่นน้ี เพราะนี้คือการวิเคราะห์จิตวิทยาอันมีนัย ซึ่งขยายจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว คัมภีร์เล่มน้ีจึงกลายเป็นแหล่งรวมของวรรณคดี ด้านการตีความจากแหล่งก�ำเนิดและ การอธิบายในสิ่งที่ยุ่งยาก๘๙ ผู้เขียนต�ำราฎีกาแต่งแก้คือพระสารีบุตรมหาสามีชาวลังกา (พม่าเรียกว่า นววิมลพุทธิ) แต่เป็นเร่ืองยากที่จะน�ำมาใช้ในปัจจุบัน อีกเล่มหน่ึงชื่อว่าอภิธัมมัตถ- วิภาวณี ผู้แต่งเป็นศิษย์ของพระสารีบุตรเถระนามว่าสุมังคลเถระ มีช่ือเสียงเป็นท่ี ยอมรบั ทงั้ พมา่ และลงั กา นอกจากนนั้ พระสารบี ตุ รเถระยงั แตง่ คมั ภรี ถ์ อดความสำ� นวน เล่มดังกล่าวเป็นภาษาสิงหลด้วย๙๐ ต�ำราฎีกาแต่งแก้ของหนังสือเล่มนี้พบเห็นเป็น จ�ำนวนมากในประเทศพม่า บทสรุปของคัมภีร์ยังมีการศึกษาสืบต่อในพม่าด้วยความ กระตือรือร้นและบากบ่ันจนถึงปัจจุบัน๙๑ ผลงานส�ำคัญอีกสองเล่มของพระอนุรุทธเถระ คือคัมภีร์นามรูปปริจเฉท นามรปู ปรจิ เฉทะและคมั ภรี ป์ รมตั ถวนิ จิ ฉยั ตา่ งรวมลงในคมู่ อื นวิ้ กอ้ ยทงั้ เกา้ ของพมา่ ๙๒ ในปัจฉิมกถาหรือนิคมน์ของคัมภีร์ปรมัตถวินิจฉัยระบุว่า หนังสือทั้งสองเล่มเขียนขึ้น ๘๘ e.g. การท�ำภาวนาและจิตตะ วิธีการเพ่งมักเก่ียวข้องกับกระบวนการเจตสิก ส�ำหรับข้อมูล ท่ีสมบูรณ์ดูใน Compendium, preface, pp. xix foll. and Mrs, Rhys Davids, Bud. Psy., 2nd ed., 1924. ๘๙ The Pitakattha-main (หลักฐานอ้างอิงภาษาพม่าระบุว่าเป็นงานเขียนพุทธศาสนาของ พม่า) อ้างถึง ๒๓ เล่ม ซ่ึงแตกต่างจากคัมภีร์นิสสัยของพม่ากับงานเขียนเล่มน้ี พระนักเขียนพม่าท้ังหมด ในพุทธศตวรรษที่ ๒๒ ยึดเอาคัมภีร์เล่มนี้เป็นฐาน ปัจจุบันมีการเรียบเรียงขึ้นใหม่อย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูใน (Mrs. Bode, Pali Lit. in Burma, pp. 61-62) ๙๐ De Zoysa, p. iv. ๙๑ Compendium, pp. ix-x. ๙๒ คัมภีร์ผลงานของพระพุทธทัตตเถระเล่มอื่นคือ คัมภีร์อภิธรรมาวตารและรูปารูปวิภาคะ ส่วนงานนิพนธ์ของพระธรรมปาลเถระคือคัมภีร์สัจจสังเขปะ พระมหากัสสปเถระคือคัมภีร์โมหวิจเฉทนี พระเขมเถระคือคัมภีร์เขมัปปการณะ และพระฉปฏะคือคัมภีร์นามาจารทีปกะ 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 291 1/18/20 1:17 PM
292 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง ขณะท่านอาศัยอยู่ท่ีกัญจิปุระแคว้นตัมพรัฏฐะ โดยแต่งเป็นพระคาถา แสดงให้เห็นว่า ท่านเป็นนักกวีผู้มากด้วยความสามารถ และมีพรสวรรค์ด้านการค�ำนวณ เนื้อความ ในคัมภีร์นามรูปปริจเฉทระบุว่า ท่านแต่งคัมภีร์เล่มน้ีตามแบบคัมภีร์อรรถกถาของ ส�ำนักมหาวิหาร๙๓ ในปัจฉิมกถาท่านกล่าวอ้างด้วยความรักและผูกพันกับลังกา การ แสดงเน้ือหาในคัมภีร์นามรูปปริจเฉทมีลักษณะง่ายกว่าบทสรุป เป็นการแนะน�ำการ ศึกษาพระอภิธรรม แบ่งออกเป็น ๑๓ บท พรรณนาความคิดอันเป็นสาระทั่วไป สมัย ผู้เขียนเป็นนักศึกษาก่อนท่ีจะสนใจอ่านหนังสือเก่ียวกับพระอภิธรรม และการท�ำจิตใจ ให้คุ้นเคยกับสาระหลักของความคิดท่ีต้องด�ำเนินรอยตามในรายละเอียดจ�ำนวนมาก ต�ำราฎีกาแต่งแก้มีสองเล่ม เล่มหน่ึงเขียนโดยพระวาจิสสรเถระ ส่วนอีกเล่มหน่ึงแต่ง โดยพระสุมังคลเถระ ผู้เขียนคัมภีร์วิภาวณีฎีกา ส่วนคัมภีร์ปรมัตถวินิจฉัยน้ันมีเน้ือหาส้ันกะทัดรัดกว่าเล่มแรก แบ่งเป็น ๒๙ หมวด ว่าด้วยเร่ืองจิต เจตสิก รูป และนิพพาน ไม่มีวิธีการสรุปเน้ือหาเหมือน คัมภีร์นามรูปปริจเฉทะ หรือเหมือนท่ีใช้กันอยู่กว้างขวาง ต�ำราฎีกาแต่งแก้คัมภีร์เล่ม น้ีเขียนโดยพระมหาโพธิเถระ แต่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวท่านเลย ทราบเพียงว่าท่านเป็น เจ้าอาวาสวัดมหาวิหารแห่งอนุราธปุระ ถือได้ว่าท้ังคัมภีร์อรรถกถาและต�ำราฎีกา เป็นตัวอย่างอันทรงคุณค่าแห่งร้อยกรองภาษาบาลียุคกลาง๙๔ ๙๓ JPTS., 1923, p. 5, v. 2. ๙๔ Aung, JPTS., 1910, p. 126. คัมภีร์สัทธัมมสังคหะก็อ้างถึงผู้เขียนว่าเป็นผู้แต่งคัมภีร์ สังจสังเขปวัณณนาแก้คัมภีร์สัจจสังเขปะของพระธรรมปาลเถระ (q.v.). 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 292 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 293 (บนซ้าย) แผนที่อาณาจักรพุกาม และ (บนชวา) แผนที่การขยายราชานุภาพของกษัตริย์โจฬะ ถูปารามเจดีย์ภายในวัดพระเข้ียวแก้ว เมืองเก่าโปโฬนนารุวะ (คัดลอกภาพจาก www.google. co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 293 1/18/20 1:17 PM
294 รุ่งอรุณแห่งยุคทอง (บน) ซากอารามวิหารภายในเชตวันวิหาร และ (ล่าง) มหาพัทธสีมาภายในวัดเชตวันวิหาร เมืองเก่าโปโฬนนารุวะ (คัดลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 294 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 295 (บน) ปฏิมาฆระหรือพระวิหาร และ (ล่าง) โพธิฆระหรือเรือนโพธิ์ มังกุลมหาวิหาร เขตอัมพละ (คัดลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 295 1/18/20 1:17 PM
296 ยุคทองของวรรณคดี 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 296 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 297 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 297 1/18/20 1:17 PM
ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดศรีสุโพธาราม เขตเดหิวาละ เมืองหลวงโคลัมโบ 1/18/20 1:17 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 298
บทท่ี ๑๐ ยุคทองของวรรณคดี ก�ำเนิดมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ หลังการสวรรคตของพระเจ้าวิชัยพาหุที่ ๑ (พ.ศ.๑๖๖๓) ลังกาเข้าสู่ภาวะ แห่งความขัดแย้งแตกแยกภายในอีกครั้งหนึ่ง ท่ามกลางความวุ่นวายครั้งน้ีมีเจ้าชาย พระองคห์ นงึ่ ปรากฏตวั ขน้ึ มา บรรดาผกู้ ลา่ วอา้ งสทิ ธเ์ิ พอ่ื ครองบลั ลงั กล์ งั กาลว้ นศโิ รราบ แก่พระองค์สิ้น เจ้าชายพระองค์น้ีทรงบรรลุความส�ำเร็จสูงสุด เหตุเพราะมีพลานุภาพ ยิ่งใหญ่ไร้คู่แข่งขัน ทรงพระปรีชาสามารถคุ้มครองรักษาประโยชน์สุขของเหล่า พสกนิกร อาณาประชาราษฎร์ต่างยอกรยกย่องสรรเสริญด้วยความจงรักภักดี กล่าวกันว่าความคิดอันเป็นประโยชน์เก้ือกูลแก่บ้านเมือง ได้หล่ังไหลออกมาจาก พระอุระของพระองค์ พระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้ชาวลังกาขนานนามด้วยความเคารพ ศรัทธาว่าพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช คัมภีร์มหาวงศ์บรรยายพระราชด�ำริของพระองค์ไว้ว่า หากตัวเราผู้เป็น หน่อเนื้อเช้ือไขแห่งขัตติยวงศ์ ไม่คู่ควรท่ีจะเป็นผู้คุ้มครองดูแลบ้านเมืองแล้วไซร้ ชีวิตแห่งเราคงจะไร้ซึ่งประโยชน์๑ พระด�ำรัสน้ีตรัสไว้เม่ือคราวเป็นพระกุมารเยาว์วัย เป็นความต้ังใจมุ่งมั่นที่จะรักษามาตุภูมิบ้านเกิดจากการครอบครองของคนนอก และรวบรวมอาณาจักรน้อยใหญ่ให้เป็นหนึ่งเดียวภายใต้ร่มเงาแห่งเศวตฉัตร พระองค์ ทรงประสบความส�ำเร็จด้วยการส่งราชทูตเดินทางไปต่างประเทศแดนไกล สมัยนี้การศึกษาสมบูรณ์มากพร้อมด้วยสรรพวิชา อันได้แก่ การพระศาสนา การแพทย์ ตรรกศาสตร์ ไวยากรณ์ ดนตรีและกวีนิพนธ์ การฝึกฝนคชสารและอัสดร เหล่านี้ท้ังปวงล้วนเกิดผลเป็นรูปธรรมขณะพระองค์ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่๒ ด้วย ๑ M.V., Ixiv, v. 48. ๒ Ibid., Ixiv, vv. 30 ff. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 299 1/18/20 1:17 PM
300 ยุคทองของวรรณคดี ความสามารถเช่ียวชาญหลากหลายด้านและการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ล้�ำหน้า พร้อมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ซ่ึงปรากฏมีภายในพระองค์ อีกท้ังทรงใส่ใจ เร่ืองน้อยใหญ่อย่างไม่สิ้นสุด ไม่นานช้าพระองค์ก็กลายเป็นกษัตริย์หนึ่งเดียวเหนือ อาณาจักรลังกา เดิมทีไม่มีบันทึกประวัติศาสตร์ลังกาบอกไว้ว่า มีการออกค�ำสั่งให้ราษฎร ก้มหัวยอมรับเจ้าชายปรากรมพาหุว่าเป็นนักรบผู้ย่ิงใหญ่ จนกระทั่งพระองค์รวม ความศรัทธาแก่กล้าของพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ และความสุภาพอ่อนโยนของ พระเจ้าทุฏฐคามณีให้บังเกิดมีภายในพระองค์ ยุคสมัยของพระองค์น้ันความสงบ สนั ตสิ ขุ บงั เกดิ ขน้ึ ตลอดอาณาจกั รทง้ั ปวง แตพ่ ระองคไ์ มท่ รงพอพระทยั กบั ความสะดวก สบายไร้เกียรติของกษัตริย์พระองค์ก่อน ความปรารถนาของพระองค์คือต้องการรวม ช่ือเสียงแห่งชัยชนะท้ังลังกาและวิเทศให้เป็นหนึ่งเดียว เพ่ือให้ส�ำเร็จลุล่วงตามพระราช ประสงค์ พระองคท์ รงยกทพั เขา้ ประชดิ ประเทศแดนไกล ดงั เชน่ กมั พชู าและพมา่ รามญั ซ่ึงหม่ินเกียรติหรือท�ำอันตรายข้าแผ่นดินของพระองค์๓ ส�ำหรับการสร้างบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองนั้น พระองค์ได้เสียสละทุ่มเท อย่างเต็มความสามารถ โดยเฉพาะด้านการเกษตรถือว่าเป็นภาระอันดับแรกท่ีต้องรีบ ด�ำเนินการ พระองค์โปรดให้สร้างอ่างเก็บน�้ำทั่วเกาะลังกา เป็นจ�ำนวนถึง ๑๔,๗๐๐ แหง่ สว่ นอา่ งเกบ็ นำ�้ สามแหง่ กวา้ งขวางยาวไกลสดุ สายตารจู้ กั กนั ในนามทะเลปรากรม๔ ทรงบริหารจัดการไพร่ฟ้าข้าทาสอย่างเป็นระบบ ทรงแก้ไขความไร้กฎเกณฑ์ท้ังปวง ด้วยพระองค์เอง จารึกแห่งหน่ึงของพระองค์บันทึกไว้ว่า ความปลอดภัยที่พระองค์ทรงตรา เป็นกฎหมายได้แพร่กระจายออกไปทุกแห่งหน จนกล่าวกันว่าสตรีผู้มีอัญมณีอันมีค่า ในมือสามารถเดินทางท่ัวเกาะลังกาโดยไม่มีใครกล้าถามว่านั้นคืออะไร๕ ๓ M.V., Ixxvi, vv. 12 foll. ๔ Raja-ratnacari, p. 88. ๕ Tennent, i, p.409. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 300 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 301 แต่ส่ิงท่ีพระองค์ให้ความส�ำคัญสูงสุดคือการฟื้นฟูพระศาสนาและส่งเสริม ศิลปกรรม คราเม่ือพระเจ้าวิชัยพาหุครองราชย์น้ัน พระองค์ทรงพยายามอย่างยิ่งท่ีจะ ฟื้นฟูคณะสงฆ์ให้ม่ันคงดังเดิม แต่ไม่ประสบความส�ำเร็จดังพระทัยปรารถนา เพราะ ยังมีพระสงฆ์ผู้ด่างพร้อยครองสมณเพศดาษดื่นเต็มไปหมด ซ่ึงล้วนมีชีวิตสุขสบาย ภายใต้การอุปถัมภ์ค้�ำชูของพระเจ้าแผ่นดิน ผู้ซึ่งท�ำหน้าท่ีปกป้องคุ้มครองด้วย ความศรัทธาแก่กล้า แต่พระองค์ไม่ทรงพิโรธเพราะไม่เห็นความแตกต่างแต่อย่างใด คัมภีร์มหาวงศ์บรรยายอย่างเสียดสีว่า ตามหมู่บ้านท่ีกษัตริย์มอบถวายแด่ คณะสงฆ์น้ัน ความบริสุทธ์ิด้านความประพฤติของพระสงฆ์คือหน้าที่เล้ียงดูบุตร และภรรยาเท่านั้น ความบริสุทธ์ิแท้จริงอย่างอื่นไม่มีอีกแล้ว ไม่มีความเป็นหน่ึงเดียว ในการท�ำสงั ฆกรรม พระสงฆท์ ้ังมวลล้วนเป็นอยู่อยา่ งไร้ยางอาย โดยไม่ไดส้ นใจแม้แต่ การท�ำสามีจิกรรม๖ คร้ันเข้าสู่รัชสมัยของพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช พระองค์ทรงมุ่งมั่นแน่วแน่ ท่ีจะก�ำจัดความเศร้าหมองเหล่าน้ีให้หมดสิ้นไป ทรงดำ� รงตนเป็นกลางอย่างยุติธรรม ไม่อคติเอนเอียงเข้าฝ่ายใด ทรงด�ำเนินการด้วยพระปรีชาสามารถอย่างย่ิง พระองค์ได้ ตดั สนิ พระทยั ใหม้ กี ารสงั คายนาคณะสงฆท์ งั้ สามนกิ าย โดยมอบหมายแตง่ ตง้ั พระมหา กัสสปเถระแห่งส�ำนักอุทุมพรคิรีวิหาร ซึ่งยอมรับกันว่าเป็นผู้คงแก่เรียนแตกฉานใน พระไตรปิฎกและเข้าใจชัดแจ้งในพระวินัยท้ังปวง ให้เป็นประธานการสังคายนา คณะสงฆ์ เบ้ืองต้นมีพระราชด�ำรัสให้นิมนต์พระสงฆ์ผู้เป็นหัวหน้านิกายน้อยใหญ่ ท่ัวราชอาณาจักร ให้เดินทางมายังโปโฬนนารุวะเมืองหลวง จากนั้นทรงมีพระราชด�ำรัส ให้คณะสงฆ์ส�ำนักมหาวิหารเป็นผู้ท�ำหน้าท่ีไกล่เกล่ียภิกษุท้ังปวงให้ยอมจ�ำนนเช่ือตาม ๖ M.V., Ixxviii, vv. 3-4. 1/18/20 1:17 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 301
302 ยุคทองของวรรณคดี แต่พระสงฆ์ผู้เป็นหัวหน้านิกายเหล่าน้ันหาได้ยินยอมไม่ ต่างพากันแย้งว่า พระสงฆ์ผู้เลวทรามมีอยู่ดาษด่ืนเต็มบ้านเต็มเมือง อีกท้ังความบาดหมางแตกแยกเกิด มีข้ึนตั้งแต่โบราณกาลนานเน๗ พระสงฆ์บางกลุ่มได้เดินทางออกจากเกาะลังกา บาง ส่วนลาสิกขาหันมาครองเพศคฤหัสถ์ บางกลุ่มไม่ปรารถนาที่จะน่ังในหอช�ำระอธิกรณ์ จากน้ันโปรดให้ไต่สวนครั้งใหญ่ เพ่ือให้รู้ชัดแจ้งว่าค�ำสอนของกลุ่มไหน ถูกต้องแท้จริง กล่าวตามความจริงความพยายามรวมคณะสงฆ์ให้เป็นหนึ่งเดียวนั้นยาก ยิ่งนัก เปรียบเหมือนการเคล่ือนเขาพระสุเมรุ แต่พระเจ้าปรากรมพาหุหาได้ทรง เปล่ียนพระทัยอันแน่วแน่มั่นคงไม่ ทรงคุ้มครองส่งเสริมผู้สนใจศึกษาพระไตรปิฎก และด้วยความช่วยเหลือของพระเถระเหล่าน้ัน พระองค์สามารถแก้ไขปัญหาท่ีเกิดขึ้น ทุกประการ คร้ันทรงแน่พระทัยถึงความถูกต้องแห่งค�ำสอนของคณะสงฆ์ส�ำนัก มหาวิหารแล้ว จึงโปรดให้ความอุปถัมภ์พระสงฆ์ส�ำนักแห่งนี้ พระองค์ทรงประกาศว่าค�ำสอนของพระสงฆ์ส�ำนักมหาวิหารถูกต้องแท้จริง จากน้ันพระองค์โปรดให้สอบสวนพระสงฆ์ส�ำนักเหล่าอ่ืนด้วยความอดทนพยายาม อย่างสูง บางกลุ่มทรงบังคับให้ครองเพศเป็นสามเณร บางกลุ่มบังคับให้ลาสิกขาครอง เพศเป็นฆราวาส จากน้ันโปรดถวายท่ีดินท�ำกินและอุปกรณ์เพ่ือสามารถด�ำรงชีพอยู่ ได้๘ ด้วยวิธีการเช่นน้ีพระสงฆ์ทุศีลต่างพากันลาสิกขาเสียส้ิน ชัยชนะของส�ำนัก มหาวิหารจึงปรากฏผลส�ำเร็จ สามนิกายรวมเป็นหน่ึงเดียว ตั้งแต่น้ันมาไม่มีการกล่าว ถึงการแตกแยกเป็นนิกายน้อยใหญ่อีกเลย๙ การรวมกนั เปน็ หนงึ่ เดยี วของคณะสงฆค์ รง้ั นี้ เปน็ ผลใหม้ กี ารสรา้ งศาสนสถาน เป็นจ�ำนวนมาก อีกท้ังเจดีย์และพระพุทธรูปก็เพิ่มขึ้นมากมายนับไม่ถ้วน วัดวาอาราม ๗ M.V., Ixxviii, v. 12. ๘ Ibid., chap. Ixxviii, vv. 17-20. ๙ หมายถึง ส�ำนักอภัยคิรีวิหาร ส�ำนักเชตวันวิหาร และส�ำนักมหาวิหาร 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 302 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 303 จำ� นวนมากไดส้ รา้ งขน้ึ ทง้ั ในโปโฬนนารวุ ะเมอื งหลวงและหวั เมอื งนอ้ ยใหญท่ ว่ั เกาะลงั กา หอส�ำหรับแสดงพระธรรมเทศนา วิหาร กุฎีสงฆ์ หอรักษาภิกษุอาพาธ และหอพัก ส�ำหรับพระสงฆ์ผู้เดินทางไกลได้ถูกสร้างข้ึนทุกคามนิคมเขต อีกทั้งถ้�ำคูหาได้ปรับ แต่งเสียใหม่ เพ่ือเป็นท่ีอยู่อาศัยของพระสงฆ์ผู้ปรารถนาปลีกวิเวก๑๐ คัมภีร์มหาวงศ์บันทึกเรื่องราวหลายบทอธิบายถึงพระราชกรณียกิจมากหลาย ของพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช แม้ปัจจุบันวันน้ีซากปรักหักพังของเมืองเก่า โปโฬนนารุวะ ซ่ึงเป็นเมืองสวยงามท่ีสุดของลังกา ก็พิสูจน์ให้เห็นจริงถึงการดูแลรักษา เป็นอย่างดี พระองค์ทรงสละพระราชทรัพย์เป็นจ�ำนวนมาก เพื่อสร้างเมืองหลวงให้ย่ิง ใหญ่ตระการตา ค่ายคูประตูรบก็สร้างเตรียมพร้อมอย่างมั่นคงแข็งแรง พระราชวัง ชั้นใน ส�ำนักเรียน ห้องสมุด หอขนาดใหญ่ส�ำหรับเล่นดนตรีและฟ้อนร�ำ อ่างเก็บน้�ำ เพ่ืออาบกินในที่สาธารณะ และสวนอุทยานก็พร่ังพร้อมด้วยบุปผชาติหลากหลายชนิด การระบุผลงานมากมายเช่นน้ีชี้ให้เห็นถึงความคิดเพื่อความเจริญรุ่งเรืองไร้ ขอบเขต ด้วยความสงบสุขภายในไร้การเบียดเบียนข่มเหง ท�ำให้พระเจ้าปรากรมพาหุ มหาราช สามารถเสียสละทุ่มเททุกส่ิงอย่าง ทรงท�ำงานท่ามกลางส่ิงแวดล้อมอันงดงาม เพลิดเพลินใจ ด้วยเหตุนี้จึงก่อให้เกิดพระนักปราชญ์เป็นจ�ำนวนมาก ท่านเหล่านี้เอง เป็นผู้สรรค์สร้างยุคทองแห่งวรรณคดีลังกา ฟื้นฟูวงการวรรณกรรม พระสงฆ์ผู้ทรงพรรษายุกาลมากกว่ารูปอื่นใดคือ พระมหากัสสปเถระ แห่งส�ำนักอุทุมพรคิรี (ภาษาสิงหลเรียกว่าทิมบุลาคลวิหาร) ด้วยความคงแก่เรียนและ งามพร้อมด้วยศีลาจารวัตร ท่านจึงได้รับโปรดเกล้าแต่งตั้งให้ท�ำหน้าท่ีเป็นประธานการ สังคายนาตัดสินความถูกต้องเก่ียวกับพระธรรมวินัย เล่ากันว่าท่านเป็นผู้เช่ียวชาญ แตกฉานในพระวินัยย่ิงนัก สังเกตได้จากสามารถท�ำหน้าท่ีสังคายนาช�ำระอธิกรณ์ จนประสบความส�ำเร็จด้วยความเรียบร้อยดีงาม๑๑ ๑๐ M.V., chap. Ixxviii, vv. 31 ff. ๑๑ Ibid., Ixxviii, v. 7. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 303 1/18/20 1:17 PM
304 ยุคทองของวรรณคดี ท่านเป็นผู้เขียนต�ำราฎีกาแต่งแก้คัมภีร์สมันตปาสาทิกาเป็นภาษาสิงหล กล่าวกันว่าท่านเช่ียวชาญแตกฉานภาษาสันสกฤต โดยแต่งไวยากรณ์ภาษาสันสกฤต เล่มหน่ึงนามว่าพาลาวโพธนะ ซึ่งด�ำเนินตามแบบคัมภีร์จันทรวยากรณะ๑๒ นอกจาก นั้น ท่านยังเขียนหนังสืออันโด่งดังอีกเล่มหน่ึง ชื่อว่าคัมภีร์โปราณฎีกา ซึ่งพรรณนา แต่งแก้เน้ือหาตามคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะ คัมภีร์สาสนวังสฎีกาบอกว่าท่านเป็นนักกวีแห่งแคว้นโจฬะ๑๓ แต่นักปราชญ์ ชาวพม่ายืนยันว่าท่านเป็นพระเถระชาวลังกา๑๔ และเป็นคนเขียนต�ำราเกี่ยวกับ พระอภิธรรมนามว่าโมหวิจเฉทนี (เป็นส่วนหน่ึงของคู่มือน้ิวก้อย) ต�ำราฎีกาแต่งแก้ คัมภีร์โมหวิจเฉทนีท่านก็เป็นผู้เขียนเอง คัมภีร์แต่งแก้พระวินัยเรียกว่าวิมติวิโนทนี ก็เป็นผลงานของท่านเช่นเดียวกัน คัมภีร์คันธวังสะระบุว่าท่านเป็นคนเขียนต�ำราอีก สองเล่มช่ือว่าพุทธวังสะและอนาคตวังสะ แต่เช่ือถือได้ยากนัก๑๕ บรรดาคัมภีร์เหล่าน้ัน หนังสืออรรกถกถาชื่อว่าวิมติวิโมทนีมีเน้ือหาว่าด้วย พระวินัย ปัจจุบันเป็นเรื่องยากที่จะรู้ว่ามีอยู่ในลังกาหรือไม่ แต่ในพม่ายังปรากฏว่ามี อยู่โดยอาศัยความเพียรเสียสละของบูรพาจารย์ เป็นคัมภีร์อีกเล่มหน่ึงที่อ้างกันว่า เมื่อคราพระเจ้าธรรมเจดีย์ปฏิรูปฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ในพุทธศตวรรษที่ ๒๐ ได้ระบุ ไว้ในจารึกกัลยาณี ส่วนใหญ่พวกปารุณะใช้เป็นคู่มือส�ำหรับโต้แย้งพวกเอกสิกะนิกาย ซึ่งจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของพวกเอกสิกะนิกาย เพราะความชาญฉลาดของ พระญาณาภิวังสะ ผู้มีชีวิตตอนปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๓๑๖ ๑๒ Wickremasinghe, p. xv. 1/18/20 1:17 PM ๑๓ v. 1204. ๑๔ Aung, JPTS., 1910, p.126. and Bode, op.cit., p. 33, note. ๑๕ Gandha-vamsa, p. 61. ๑๖ Bode, op. cit., p. 76. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 304
ศรีลังกา 305 พระเถระรุ่นเดียวกันกับพระมหากัสสปเถระคือพระโมคคัลลานเถระ ซ่ึงเป็น ผแู้ ตง่ คมั ภรี โ์ มคคลั ลานวยากรณะ บางทที า่ นอาจจะเปน็ คนละรปู กบั ผเู้ ขยี นพจนานกุ รม ในช่ือเดียวกัน ซึ่งมีชีวิตอยู่ในสมัยเดียวกันกับผู้แต่งคัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา งานเขียน ของพระโมคคัลลานเถระถือว่าเป็นการเร่ิมต้นส�ำนักไวยากรณ์ภาษาบาลีแห่งใหม่ ในลังกา กล่าวกันว่าอิทธิพลแพร่หลายของการศึกษาภาษาสันสกฤตในยุคน้ีท�ำให้ ท่านต้องลงมือแต่งไวยากรณ์ภาษาบาลี ต้ังแต่อดีตเป็นต้นมาวิธีการของนักเขียนภาษาบาลีที่ก�ำหนดรูปแบบไวยากรณ์ ล้วนได้รับอิทธิพลมาจากคัมภีร์กัจจายนวยากรณะ ซ่ึงเป็นที่รู้จักแพร่หลาย คัมภีร์ เล่มน้ีแบ่งออกเป็น ๘ แผนก แต่ละแผนกประกอบด้วยสุตะหรือกฎแสดงความกระชับ ของประโยค วตุ ตหิ รอื การวเิ คราะหม์ ไี วเ้ พอ่ื อธบิ ายเสรมิ ความขาดแคลนในสตุ ะตวั อยา่ ง และนยาสะหรอื หมายเหตทุ ำ� หนา้ ทตี่ งั้ ขอ้ สงั เกตอธบิ ายรปู แบบทางไวยากรณส์ ำ� คญั บาง อย่างในรูปค�ำถามและค�ำตอบ นยาสะดังกล่าวยังคงมีอยู่แต่เป็นหนังสือแยกออกมา เฉพาะ เรียกว่ามุขมัตตทีปนี๑๗ ต�ำนานลังกาบอกว่าสุตะหรือคติพจน์ท้ังหมด แต่งโดยคนเดียวกันนามว่า พระมหากัจจายนเถระ คัมภีร์กัจจายนเภทะ ซ่ึงเขียนโดยพระมหายสเถระแห่ง เมืองสะเทิม ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๘๑๘ ปรากฏมีหลักฐานในบทกวีร�ำลึกอย่างนี้ ว่า ค�ำพังเพยแต่งโดยพระมหากัจจายนเถระ คัมภีร์มุตติแต่งโดยพระสังฆนันทิเถระ ตัวอย่างประกอบแต่งโดยพระพรหมทัตตเถระ และหมายเหตุเขียนโดยพระวิมลพุทธิ เถระ เม่ือระบุความชัดเจนของรายช่ือที่แตกต่างกันตามจ�ำนวนผู้แต่ง ดูเหมือนว่า พระสังฆนันทิเถระจะแตกต่างจากพระมหากัจจายนเถระ ๑๗ Bode, op. cit., p. 37. 1/18/20 1:17 PM ๑๘ Ibid., p. 37. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 305
306 ยุคทองของวรรณคดี ส่วนต�ำราฎีกาของคัมภีร์เล่มนี้เขียนโดยพระมหายสเถระ ผู้เขียนพยายาม แสดงเหตุผลตามประเพณีว่าท้ังกฎเกณฑ์และภาคผนวกเขียนโดยพระกัจจายนเถระ และตั้งสมมตฐิ านวา่ พระกัจจายนเถระอาจจะมีอีกช่ือหน่ึงวา่ สังฆนันทิเถระ สว่ นต�ำนาน สืบต่อมายอมรับว่าพระกัจจายนเถระเป็นผู้แต่งคัมภีร์เล่มนี้จริง แต่หลักฐานที่ปรากฏ พบเห็นในคัมภีร์กัจจายนวัณณนา ซึ่งเป็นหนังสืออรรถกถาแต่งแก้คัมภีร์สันธิกัปปะ ของพระกัจจายนเถระ ระบุว่าผู้แต่งคือพระมหาวิชิตาวีเถระแห่งส�ำนักอภัยคิริปรวตะ แคว้นปัณฑยะ ซึ่งมีชีวิตอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๒๑๑๙ และระบุเพ่ิมเติมอีกว่า ทุกสิ่งอย่างเก่ียวกับไวยากรณ์ มหานิรุตติและเนตติปปักกากรณะ ล้วนเป็นผลงานของ พระมหากัจจายนเถระ ส่วนหนังสืออรรถกถาแต่งแก้คัมภีร์รูปสิทธิของพระพุทธัปปิย เถระ๒๐ ซ่ึงเป็นคัมภีร์ไวยากรณ์อาศัยพื้นฐานคัมภีร์กัจจายนะยืนยันว่า คัมภีร์เล่ม ดังกล่าวเป็นผลงานของพระมหากัจจายนเถระ ผู้เป็นหนึ่งในพระอสีติมหาสาวก ของพระพุทธเจ้า พระมหากัจจายนเถระคือใคร หลักฐานระบุว่าพระมหากัจจายนเถระรูปนี้ได้รับคัดเลือกให้ด�ำรงต�ำแหน่ง ส�ำคัญ (ในการรวบรวมไวยากรณ์บาลีคร้ังแรก) คราวคร้ังน้ันพระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาพระสาวกของเราผู้สามารถช้ีแจงรายละเอียดแห่ง สาระธรรมท่ีเราแสดงแล้วน้ัน พระมหากัจจายนเถระเป็นผู้เหมาะสมที่สุด หลักฐาน ในคัมภีร์รูปสิทธิระบุว่า จุดประสงค์ของพระกัจจายนเถระในการรวบรวมไวยากรณ์ บาลีคือมนุษย์หลายเช้ือชาติและหลายภาษาปฏิเสธการสนทนา ซ่ึงเป็นความสับสน อันเกิดจากการผสมผสานระหว่างภาษาสันสฤตและภาษาเหล่าอ่ืนแบบไร้กฎเกณฑ์ จึงสมควรสงเคราะห์ด้วยเคร่ืองอ�ำนวยความสะดวก เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกัน กับกฎแห่งไวยากรณ์ที่แสดงโดยพระตถาคตเจ้า กล่าวคือความรู้แจ้งตามพระด�ำรัส ของพระพุทธเจ้านั้นเอง๒๑ ๑๙ Bode, p. 46. ๒๐ q.r. ๒๑ Tunour, Maha-vamsa, introd, p. xxvii. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 306 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 307 คมั ภรี อ์ งั คตุ ตรนกิ ายระบวุ า่ พระมหากจั จายนเถระ ไดร้ บั เอตทคั คะดา้ นสามารถ อธิบายหัวข้อธรรมะอันสั้นแต่ได้ใจความ สมบูรณ์พร้อมด้วยความหมายตามตัวอักษร และความรู้สึก คนอ่ืนสามารถท�ำได้เช่นกันแต่ก็เพียงแค่คร่ึงหนึ่ง อาจเป็นไปได้ว่าพระมหากัจจายนเถระ ผู้เป็นพระสาวกส�ำคัญรูปหน่ึงของ พระพุทธเจ้า ได้รวบรวมกฎทางภาษาในพระไตรปิฎกท่ีบันทึกกันไว้ เพราะมีหลักฐาน ยืนยันว่าท่านเป็นหัวหน้าส�ำนักศึกษา ณ แคว้นอวันตี คัมภีร์มหาวัสตุบอกว่าท่านเป็น หลานของอสิตดาบสหรือกาฬเทวิลฤษีแห่งวินธยาจละ๒๒ ท่านและเพื่อนสหธรรมิก หลายรูปได้ช่วยกันรวบรวมงานเขียนตามค�ำแนะน�ำของฤษีผู้เป็นอาจารย์ ต่อมาได้เดิน ทางไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าและได้รับค�ำยกย่อง จึงออกบวชเป็นพระภิกษุและบรรลุ พระอรหัตต์ในเวลาต่อมา พระกัจจายนเถระหรืออีกชื่อหน่ึงคือนลกะ (เหตุท่ีเรียกว่า กัจจายนะเพราะตระกูลหรือโคตรของท่านมีนามอย่างน้ัน) เป็นบุตรของเสนาบดีนาม ว่าจัณฑปัชโชติแห่งแคว้นอวันตี ท่านเดินทางจากเมืองพาราณสีกลับมาตุภูมิพร้อม สหธรรมิกหลายรูป จากน้ันก่อต้ังอาศรมขึ้นท่ีแคว้นอวันตี ณ กุรุรฆรปปาตะและ มักกรกตะ คัมภีร์เถรคาถาและเถรีคาถายังกล่าวถึงพระสาวกและพระสาวิกาชาวแคว้น อวันตีอีกหลายรูป ดังเช่น พระนันทกุมารปุตตเถระ พระอิสิทัตตอสิพันธกบุตรเถระ พระธรรมปาลเถระ และพระโสณกุฏิกัณณเถระ๒๓ ถึงแม้ส�ำนักอวันตีไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายกว้างขวางนัก แต่มีช่ือเสียงโดดเด่น ด้านการโต้แย้งเร่ืองการเปล่ียนแปลงหลักค�ำสอนและพระวินัย เพราะหลักฐานระบุว่า คราวสังคายนาคร้ังท่ี ๒ ณ เมืองไพศาลี พระเถระผู้เป็นหัวหน้าสังคายนาต้องเชิญ พระสงฆ์ส�ำนักอวันตีเข้าร่วมช�ำระพระธรรมวินัยด้วย เพ่ือแลกเปล่ียนค�ำถามเก่ียวกับ อธิกรณ์ของพวกภิกษุชาววัชชี๒๔ ๒๒ Maha-vastu, vol. ii, p. 382. ๒๓ See Psalms of the Brethren, under these names. ๒๔ Kern, Manual of Buddhism, p. 107. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 307 1/18/20 1:17 PM
308 ยุคทองของวรรณคดี รูปสลักพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช บริเวณโปตคุลเวเหระ นอกเมืองเก่าโปโฬนนารุวะ พระราชวังเวชยันต์ปราสาทของพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช ภายในเมืองเก่าโปโฬนนารุวะ (คัด ลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 308 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 309 (บน) พระพุทธรูปภายในวฏทาเคหรือวิหารทรงกลม และ (ล่าง) วฏทาเคหรือวิหารทรงกลม ภายใน วัดพระเข้ียวแก้ว เมืองเก่าโปโฬนนารุวะ (คัดลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 309 1/18/20 1:17 PM
310 ยุคทองของวรรณคดี (บน) กิริเวเหระเจดีย์ ซ่ึงเป็นต้นแบบพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช และ (ล่าง) ลังกาติลก วิหารเมืองเก่าโปโฬนนารุวะ (คัดลอกภาพจาก www.google.co.th/maps) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 310 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 311 (บนและล่าง) พระพุทธรูปสลักจากหินสมัยพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช ภายในวัดกัลวิหาร เมือง เก่าโปโฬนนารุวะ 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 311 1/18/20 1:17 PM
312 ยุคทองของวรรณคดี คัมภีร์มหาวรรคในพระวินัยปิฎกระบุว่า แคว้นอวันตีเป็นสถานท่ีเดินทางเข้า ถึงล�ำบากย่ิงนัก คัมภีร์สุตตนิบาตบอกว่าแคว้นแห่งนี้เป็นสถานที่หยุดพักกองเกวียน ชั่วคราวของพ่อค้าจากเมืองปติฏฐานสู่เมืองสาวัตถี ส่วนคัมภีร์จุลวรรคระบุว่าภิกษุ ชาวอวันตีได้รับพุทธานุญาตเป็นกรณีพิเศษเกี่ยวกับการประพฤติวัตร เรียกว่าธูตวาท คัมภีร์เนตตปิ ปกรณะ ซึ่งมีเน้ือหาพิเศษเก่ียวกับการถอดความพระธรรมวินัย ด้วยการวิเคราะห์หลักค�ำสอนจากพระไตรปิฎก ได้บรรยายบุคลิกลักษณะของพระ มหากัจจายนเถระว่า คร้ังพุทธกาลท่านได้รับยกย่องว่าเป็นผู้อธิบายหลักธรรม เชิงวิเคราะห์ได้อย่างดีเย่ียมและชอบปลีกวิเวกอยู่โดดเด่ียว ส�ำนกั อวันตีน้ันนา่ จะพฒั นาระบบการวิเคราะห์และระบบไวยากรณ์ สองระบบ หรือน้อยกว่าน้ัน ส่วนต�ำนานยืนยันว่าพระมหากัจจายนเถระเป็นผู้แต่งค�ำพังเพย ขนาดสั้น (Aphorism) หลักฐานตรงน้ีสามารถขยายความจริงเพ่ิมเติมว่า ท่านเป็นผู้ ก่อต้ังส�ำนักอวันตีและมีพัฒนาการสืบต่อเร่ือยมา ตัวอย่างคือ เมื่อมีการอนุมัติ พระวินัยบัญญัติแล้วประกาศเป็นทางการ ศัพท์มากหลายว่า อะนุชานามิ ภิกขะเว เป็นต้น ถูกยัดใส่เข้าในพระพุทธโอษฐ์ อาจเป็นไปได้ว่ากฎเกณฑ์ด้านไวยากรณ์บ่งช้ี คุณสมบัติของผู้ก่อต้ังส�ำนักกล่าวคือพระมหากัจจายนเถระเอง ระบบไวยากรณ์ช่ือว่าเป็นผลงานของส�ำนักแห่งอินเดียแดนใต้ เพราะมี หลักฐานสนับสนุนว่าหลังจากไวยากรณ์ของพระโมคคัลลานเถระเข้ามาแทนท่ีวิธีเขียน ของพระกัจจายนเถระแล้ว ปฏิกิริยาของพระนักปราชญ์ท่ีเกิดข้ึนหน่ึงศตวรรษต่อมา ล้วนช่ืนชมยกย่องผู้แต่งรุ่นก่อนมากกว่า น�ำโดยพระสงฆ์ชาวอินเดียใต้นามว่า พุทธัปปิยเถระและทีปังกรเถระ พร้อมกับการเกิดข้ึนของคัมภีร์ไวยากรณ์นามว่า รูปสิทธิ จึงมีเหตุผลพอสรุปได้ว่ายังมีกลุ่มของกฎไวยากรณ์ ซ่ึงอาจจะถอยหลังไปถึง สมยั พระมหากจั จายนเถระ (นา่ จะอา้ งตามชอื่ เสยี งของทา่ น) พระสงฆเ์ หลา่ นนั้ ไดพ้ ฒั นา ภาษาไวยากรณ์เป็นระบบชัดเจน อาจจะเป็นสมาชิกของส�ำนักอวันตีเอง กล่าวคือ พระสังฆนันทิเถระ พระพรหมทัตตเถระ และพระวิมลพุทธิเถระ สว่ นคมั ภรี ท์ ร่ี จู้ กั กนั ในปจั จบุ นั คดิ วา่ นา่ จะเรยี บเรยี งขน้ึ มาใหม่ เนอ้ื หามากมาย ในคัมภีร์มหากัจจายนสูตร ได้เรียบเรียงและขยายความเพ่ิมเติมโดยพระสังฆนันทิ 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 312 1/18/20 1:17 PM
ศรีลังกา 313 เถระ ข้อมูลเช่นน้ีน่าจะสอดคล้องกับการสันนิษฐานของพระมหายสเถระว่า พระกัจจายนเถระและพระสังฆนันทิเถระเป็นรูปเดียวกัน เป็นท่ียอมรับโดยท่ัวกันในลังกาว่า คัมภีร์กัจจายนวยากรณะได้หยิบยืมศัพท์ เฉพาะทางจ�ำนวนมากมาจากไวยากรณ์สันสกฤต จึงมีความคล้ายคลึงกันมากระหว่าง งานของพระกัจจายนเถระและงานเขียนของพวกกาตันตริ (Katantrics) แต่แตกต่าง จากงานเขียนของปาณินิ ไวยากรณ์ของพวกกาตันตริไม่ลงลึกศึกษาค�ำส้ันกระชับและ ความไม่ชัดแจ้งของส�ำนักปาณินิ ความเข้าใจง่ายและวิธีการเขียนน้ี ส่งเสริมความ สัมพันธ์ใกล้ชิดที่นักเขียนเหล่าน้ันดัดแปลงในงานเขียนของพระกัจจายนเถระ จึงเป็น ที่ชัดเจนว่ายกเว้นตัวอย่างที่คัดเอามาจากคัมภีร์พระไตรปิฎก งานเขียนเล่มอื่นส่วน ใหญ่ดัดแปลงมาจากตัวอย่างท่ีรู้จักกันดีของนักไวยากรณ์สันสกฤต๒๕ ดีอัลวิสกล่าวไว้ในบทน�ำเชิงวิชาการเกี่ยวกับการเรียบเรียงคัมภีร์กัจจายนะ ว่า๒๖ ไม่รู้ว่าพระพุทธโฆษาจารย์คุ้นเคยกับงานเขียนของพระกัจจายนเถระหรือไม่ อาจ เป็นไปได้ว่าไวยากรณ์ไม่มีการสืบต่อสองสามศตวรรษพระพุทธโฆษาจารย์เคยอ้างถึง คัมภีร์กัจจายนะในคัมภีร์อังคุตตรนิกายอรรถกถาว่า พระกัจจายนเถระเป็นหัวหน้า ของเนรุตติกะ อีกท้ังกล่าวถึงคัมภีร์กัจจายนปกรณะในสุตตนิเทสด้วย ถือว่าเป็นการ คาดคะเนคร้ังแรกที่มีหลักฐานชัดเจน ถ้างานเขียนของพระกัจจายนเถระเป็นที่รู้จัก กว้างขวาง และได้รับการยอมรับในฐานะนักเขียนผู้โดดเด่นสมัยพระพุทธโฆษาจารย์ แล้วไซร้ ท่านจะต้องเลือกใช้ศัพท์เฉพาะของพระกัจจายนเถระเป็นแน่ แต่ศัพท์ ท้ังหลายของพระพุทธโฆษาจารย์กลับมีความแตกต่างจากพระกัจจายนเถระอย่าง ส้ินเชิง สมมติฐานจะชัดเจนมากข้ึนถ้าสังเกตตารางดังต่อไปน้ี๒๗ ๒๕ For details see D'Alwis' Introduction to his edition of the grammar, Colombo, 1864. ๒๖ pp. xxv foll. ๒๗ ต�ำนานของพม่าระบุว่าไวยกรณ์ของพระกัจจายนะน้ัน พระพุทธโฆษาจารย์น�ำมาจากพม่า จากนั้นได้แปลเป็นภาษาพม่า ส่วนคัมภีร์อรรถกถาก็ยืนยันเช่นน้ัน (Pali Grammar, by Francis Mason, introd., p. v). 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 313 1/18/20 1:17 PM
314 ยุคทองของวรรณคดี พุทธโฆษาจารย์ กัจจายนะ ปัจจัตตัง ปฐมัง อุปโยคัง ทุติยัง กรณัง ตติยัง สัมปทานะ จตุตถี นิสสักกะ ปัญจมี สามิ ฉัฏฐี ภุมมะ สัตตมี อาลปนะ อาลปนะ เมื่อย้อนกลับมากล่าวถึงผู้เขียนต�ำราฎีกา ซึ่งแต่งขึ้นไม่นานหลังรัชสมัย ของพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช จะเห็นว่าค�ำศัพท์เฉพาะทางของผู้แต่งเหล่าน้ันเข้า กันได้กับงานของพระกัจจายนเถระ๒๘ จึงสรุปแบบมีเหตุผลว่าพระกัจจายนเถระ ปรากฏตัวข้ึนมา เพ่ือเติมรูปแบบให้ทันสมัยจนเป็นที่ยอมรับของนักปราชญ์ลังกา ในฐานะผมู้ บี ทบาทตอ่ ไวยากรณภ์ าษาบาลี หลกั ฐานบางแหง่ ระบวุ า่ นา่ จะเกดิ ขน้ึ ระหวา่ ง หน่ึงศตวรรษ หลังพระพุทธโฆษาจารย์กับพุทธศตวรรษท่ี ๑๖ ฮาร์ดี (Hardy) กล่าวไว้ในบทน�ำหนังสือเนตติปปกรณะ๒๙วา่ หนังสอื เลม่ ดงั กลา่ วดเู หมอื นวา่ ไมเ่ ปน็ ทร่ี จู้ กั ของพระพทุ ธโฆษาจารย์ อาจจะเป็นไปได้ว่าทั้งคัมภีร์ ๒๘ D'Alwis, loc., cit. 1/18/20 1:17 PM ๒๙ P.T.S. Ed., pp. xiv-xv. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 314
ศรีลังกา 315 เนตติปปกรณะและคัมภีร์กัจจายนวยากรณะเข้ามาสู่ลังกาสมัยนักปราชญ์จากอินเดีย ใต้ย้ายเข้าสู่ลังกา เพื่อศึกษาในส�ำนักมหาวิหารและศูนย์การศึกษาแห่งอื่นในนคร อนุราธปุระ ไม่นานหลังจากผลงานเขียนของพระพุทธโฆษาจารย์สร้างคุณค่าคัมภีร์ เหล่าน้ันให้ร�่ำรวย และเป็นของจริงแท้แบบลังกาตามประเพณีเถรวาท ปัจจุบันเป็นท่ียอมรับกันว่า ไวยากรณ์ของพระกัจจายนเถระเป็นที่นิยมใน ลังกาประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๒๓๐ เมอื่ พระเจ้าวชิ ัยพาหขุ อร้องพระเจา้ อนรุ ทุ ธก์ ษตั รยิ แ์ หง่ พมา่ ใหช้ ว่ ยเหลอื ฟน้ื ฟู อุปสมบทกรรมในเกาะลังกา สมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ความสัมพันธ์เกี่ยวข้องระหว่าง สองอาณาจกั รใกลช้ ดิ สนทิ สนมกนั มากขนึ้ กษตั รยิ ท์ ง้ั สองแผน่ ดนิ ไดร้ ว่ มมอื กนั จดั แจง พระธรรมวินัย พระเจ้าอนุรุทธ์ทรงได้รับส�ำเนาพระไตรปิฎกบาลีจากลังกา ซึ่งพระองค์ โปรดใหต้ รวจสอบและเปรยี บเทยี บกบั สำ� เนาของเมอื งสะเทมิ โดยอาศยั ความชว่ ยเหลอื จากพระเถระมอญ (พ.ศ.๑๐๕๗) แต่น่าเสียดายว่าพระเจ้าอนุรุทธ์สวรรคตเสียก่อน ไม่ทันเห็นผลส�ำเร็จแห่งความเพียรพยายามของพระองค์ สมัยพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ต่อมา การศึกษาภาษาบาลีตั้งรากฐานม่ันคงท่ี เมืองพะโค งานเขียนของยุคน้ีแสดงให้เห็นว่าพระสงฆ์พม่าเชี่ยวชาญการศึกษา พระอภิธรรมและนิรุตติ ตัวอย่างเช่น พระอัคควังสเถระได้เขียนคัมภีร์สัททนีติ มีเน้ือหาว่าด้วยไวยากรณ์อาศัยพระไตรปิฎกเป็นฐาน และอธิบายพระไตรปิฎกว่า เป็นการวิเคราะห์ดีท่ีสุดเท่าท่ีมีอยู่ (พ.ศ.๑๖๙๗)๓๑ ถือว่าเป็นช่ือเสียงในฐานะผู้คงแก่ เรียนในยุคน้ัน และเอ้ือประโยชน์ต่อนักเขียนรุ่นหลังสืบถึงปัจจุบัน คัมภีร์สัททนีติได้ รบั การกลา่ วขานวา่ เปน็ งานเขยี นอนั ประณตี งดงาม เปน็ ของขวญั ตอบแทนลงั กาประเทศ จากน้ันไม่นานพระเถระนามวา่ อตุ ตราชวี ะได้เดินทางออกจากเมอื งพะโคมายัง ส�ำนักมหาวิหาร ครั้งนั้นท่านได้น�ำส�ำเนาคัมภีร์สัททนีติมาด้วย ซ่ึงได้รับการยกย่อง ๓๐ Thus Mrs. Rhys Davids, Compendium, Preface, p. viii. See, Pali Grammar, by Vidyabhusana,published by the Maha Bodhi Society, Calcutta, where Kaccayana's period is given as third century A.D. at Mathura (Introd., p. xxviii). ๓๑ Bode, \"Early Pali Grammarians in Burma,\" JPTS., 1908. An edition by Mr. Helmer Smith is now being published. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 315 1/18/20 1:17 PM
316 ยุคทองของวรรณคดี ชมเชยว่าเป็นงานเขียนดีเลิศกว่าผลงานของปราชญ์ลังกา๓๒ พระอุตตราชีวเถระเดิน ทางมาพร้อมกับสามเณรลูกศิษย์นามว่าฉปฏะ ซ่ึงต่อมาได้อุปสมบทกับพระสงฆ์ ส�ำนักมหาวิหารและอาศัยอยู่ลังกาอีกหลายปี กลายเป็นผู้มีช่ือเสียงโด่งดังสูงสุด ด้านวรรณคดีภาษาพม่าในนามสัทธัมมโชติปาละ ท่านได้เขียนหนังสือมากมายหลาย เล่มรวมถึงต�ำราไวยากรณ์ โดยอาศัยพ้ืนฐานคัมภีร์กัจจายนะเป็นแบบอย่าง๓๓ ต�ำราไวยากรณ์สองส�ำนัก ความสนิทสนมคุ้นเคยกับนักไวยากรณ์ผู้มีชื่อเสียงเหล่าน้ีนานวัน กลายเป็น ความผูกพันสร้างแรงบันดาลใจให้นักเขียนลังกา เกิดความกระตือรือร้นสนใจศึกษา คัมภีร์นิรุตติสัตถะหรือศาสตร์แห่งไวยากรณ์ ความสนุกสนานแบบใหม่ก่อให้เกิดการ ศึกษาพิเคราะห์งานเขียนเหล่านั้น บรรดาปรมาจารย์ด้านไวยากรณ์ผู้ได้รับการยอมรับ ว่าเป็นเอกอุเหนือผู้ใดคือพระกัจจายนเถระ เพราะนักเขียนลังกาทั้งมวลล้วนใช้งาน เขียนของท่านเป็นคู่มือน�ำทาง และอาศัยรูปแบบไวยากรณ์ภาษาบาลีของท่านเป็น ตัวอย่าง ส่วนความนิยมแพร่หลายของภาษาสันสกฤตในลังกาน้ัน ส่วนใหญ่อยู่ใน แวดวงจ�ำกัดเฉพาะพระสงฆ์ผู้คงแก่เรียน จึงก่อให้เกิดลักษณะอย่างหน่ึงกล่าวคือ ภาษาบาลผี สมกบั ภาษาสนั สกฤต หากพจิ ารณาอยา่ งรอบคอบจะเหน็ วา่ เปน็ วรรณกรรม ชั้นดี สมัยต่อมาเกิดความต้องการต�ำราอันทันสมัยมากขึ้นโดยเฉพาะไวยากรณ์ ภาษาบาลี พระโมคคัลลานเถระจึงปรากฏตัวข้ึนเพื่อตอบสนองความต้องการดังว่า แม้จะมีผลงานของท่านเป็นจ�ำนวนมากหลาย แต่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวท่านกลับ มกี ลา่ วถงึ นอ้ ยนกั ทา่ นเปน็ ศษิ ยข์ องพระมหากสั สปเถระแหง่ สำ� นกั อทุ มุ พรคริ ี ในปจั ฉมิ กถาแหง่ ตำ� ราไวยากรณบ์ อกวา่ ทา่ นเขยี นคมั ภรี เ์ ลม่ นสี้ มยั พระเจา้ ปรากรมพาหมุ หาราช ๓๒ Sasana-vamsa, p. 74. 1/18/20 1:17 PM ๓๓ Bode, op. cit., p. 89. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 316
ศรีลังกา 317 หลงั จากพระองคช์ ำ� ระคณะสงฆฟ์ น้ื ฟพู ระศาสนาเสรจ็ สนิ้ แลว้ พระศรรี าหลุ เถระผเู้ ขยี น คัมภีร์ปัญชิกาประทีปะอันเป็นต�ำราแต่งแก้คัมภีร์โมคคัลลานวยากรณะระบุว่า พระโมคคัลลานเถระเป็นเจ้าอาวาสวัดถูปารามวิหาร ณ เมืองหลวงเก่าอนุราธปุระ๓๔ อาจเป็นไปได้ว่าพระศรีราหุลเถระเชื่อว่าเป็นพระโมคคัลลานเถระที่กล่าวถึงในจารึก ภาษาทมิฬของพระเจ้าวิชัยพาหุ๓๕ อีกท้ังยังเชื่อว่าท่านได้รับแต่งต้ังให้เป็นผู้รักษา พระเข้ียวแก้ว ในฐานะเจ้าอาวาสวัดอุตตรมูลนิกาย และระบุเพิ่มเติมว่าผู้แต่งคัมภีร์ อภิธัมมัตถสังคหะเป็นพระอนุนายกะ เช่ือว่าท่านเป็นพระนักปราชญ์นามอุโฆษอีกรูป หน่ึง คัมภีร์กล่าวถึงบ่อยคร้ังว่าท่านเป็นพระเถระสมัยเดียวกันกับพระเมธังกรเถระ แห่งส�ำนักอุทุมพรคิรีวิหาร๓๖ ผู้เป็นศิษย์ของพระสารีบุตรเถระ อีกทั้งเป็นผู้แต่งคัมภีร์ มากมายหลายเล่ม ท่านเป็นหน่ึงในครูที่ได้รับการยกย่องและเคารพสูงสุดจากพระ สังฆรักขิตเถระ ผู้เป็นศิษย์ของพระสารีบุตรเถระเช่นกัน ซ่ึงเป็นผู้แต่งต�ำราไวยากรณ์ บาลีและฉันทลักษณ์ไม่น้อยกว่าห้าเล่ม๓๗ ส�ำหรับไวยากรณ์ของพระโมคคัลลานเถระและไวยากรณ์ของส�ำนักกัจจายนะ น้ันมีความแตกต่างหลายประเด็น คัมภีร์สัททนีติของพระอัคควังสเถระได้เลียนแบบ การใช้ถ้อยค�ำตามวิธีของคัมภีร์กัจจายนะ ส่วนไวยากรณ์ของพระโมคคัลลานเถระ แตกต่างจากท้ังสองเล่ม ค�ำพังเพยของท่านใช้ศัพท์ที่แตกต่าง ท่านแย้งความถูกต้อง ของสุตะแรกสุดในคัมภีร์กัจจายนะว่า ภาษาบาลีมีอักขระ ๔๑ ตัว แล้วยืนยันว่าจ�ำนวน อักษรมี ๔๓ ตัว รวมถึงเสียงสั้นของ อี และโอ ในบทท่ีสองของคัมภีร์กัจจายนะระบุ ว่าการไม่ผ่อนปรน ๓ อย่าง คือ อฺยา อา และเอ ถูกน�ำมาใช้เป็นทางเลือกพร้อมนาม เพ่ือ สฺ สฺมา และสฺมึ ตามล�ำดับ และไม่เคยใช้กับสรรพนาม แต่พระโมคคัลลานเถระ ปฏิเสธวิธีการนี้ ด้วยการยกตัวอย่างจากพระไตรปิฎกสนับสนุนการโต้แย้งของตน ๓๔ See alsoDe Zoysa, p. 24. ๓๕ Ep. Zeyl. vol. ii, pt. vi, pp. 246 foll. ๓๖ In the Vinayartha-samuccaya (q.v.). ๓๗ In his sambandha-cinta (q.v.). 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 317 1/18/20 1:17 PM
318 ยุคทองของวรรณคดี ท่านยอมรับค�ำจ�ำกัดความของคัมภีร์กัจจายนะเพียงกรรมรองของไวยากรณ์ ซึ่ง แสดงความหมายของธาตุว่าความปรารถนาที่จะให้ การให้ความสุข หรือการยึดเอาไว้ ท่านระบุว่าถึงแม้ศัพท์มากมายครอบคลุมการให้เป็นกรรมรอง ถึงแม้จะเป็นรูปแบบ ของสองกรณีสามารถพิสูจน์กันได้ แต่ศัพท์เหล่าน้ันก็แสดงความรู้สึกชอบและ ครอบคลุมค�ำส่ังด้วยการแสดงความเป็นเจ้าของ (สัมพันธการก)๓๘ ต�ำราไวยากรณ์ของพระโมคคัลลานเถระแบ่งออกเป็น ๖ บท ได้แก่ การใช้ ถ้อยค�ำและสันธิ การผันค�ำ ค�ำผสม รากเหง้าของนาม ค�ำที่กลายมาเป็นกริยาและ ค�ำกริยา พระโมคคัลลานเถระเรียกผลงานของท่านว่าสัททสัตถา หรือต�ำราว่าด้วย ศาสตร์แห่งกริยา และระบุไว้ในปัจฉิมกถาว่าท่านไม่ได้เขียนเฉพาะคติพจน์เท่าน้ัน แต่ยังรวบรวมวิมุตติกล่าวคือการอธิบายกฎเกณฑ์และรายละเอียดด้วย นอกจากนั้น ท่านยังเขียนคัมภีร์ปัญจิกา หรือต�ำราแต่งแก้คัมภีร์วุตติของท่าน เอง เรียกชื่อว่าวุตติวัณณนาปัญจิกา พรรณนาเกี่ยวกับวายกสัมพันธ์เท่าน้ัน (การก) คัมภีร์เล่มนี้เป็นที่รู้จักกันดีเพราะพระศรีราหุลสังฆราชเขียนต�ำราแต่งแก้ ชื่อว่าคัมภีร์ ปัญจิกาประทีปะ ถือว่างานเขียนของพระโมคคัลลานเถระเป็นการเริ่มต้นส�ำนักศึกษา ไวยากรณ์แบบใหม่ในลังกา มีนักปราชญ์ด้านการศึกษานามอุโฆษหลายท่านด�ำเนิน ตามเอาแบบอย่าง ได้แก่ พระสังฆรักขิตเถระ พระปิยทัสสีเถระ (ผู้แต่งคัมภีร์ ปทสาธนะ) พระอานนท์เถระ พระวนรัตนเมธังกรเถระ และพระศรีราหุลเถระ งานเขียนเหล่าน้ีจะยังด�ำรงมั่นอยู่ในจิตใจของอนุชนรุ่นหลัง ด้วยความเคารพศรัทธา ตราบชั่วกาลนาน คัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา พระโมคคัลลานเถระยังเป็นผู้แต่งคัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา ซ่ึงเขียนในรัชสมัย ของพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช ไม่ทราบว่าท่านเป็นรูปเดียวกันกับพระนักไวยากรณ์ หรือรูปที่กล่าวถึงในจารึกของพระเจ้าวิชัยพาหุหรือไม่ เพราะไม่สามารถหาหลักฐานมา ๓๘ Also D'Alwis, Cataogue, p. 184. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 318 1/18/20 1:17 PM
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 580
Pages: