สงิ หาคม ๒๕๖๒ – มนี าคม ๒๕๖๓
ก บทสรปุ ผู้บริหาร โครงการสมาชิกวุฒสิ ภาพบประชาชน เป็นโครงการที่มุง่ เปดิ โอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วน และเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้และขับเคลื่อนประเทศ ร่วมกันอย่างมีทิศทาง โ ด ย มี วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ เ พ่ื อ น า ข้ อ มู ล ค ว า ม คิ ด เ ห็ น แ ล ะ ข้ อ เ ส น อ แ น ะ ที่ ไ ด้ จ า ก ก า ร พ บ ป ะ ป ร ะ ช า ช น และหน่วยงานของรัฐมาใช้ประกอบการพิจารณากลั่นกรองในการตรากฎหมาย ประเมินผลสัมฤทธิ์ ของกฎหมายเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ ปรับปรุงและพัฒนากฎหมายให้สอดคล้องกับหลักการ ตามรัฐธรรมนูญ หลักสากล และเหมาะสมกับบริบททางสังคมท่ีเปล่ียนแปลงไป รวมทั้งนาข้อมูลท่ีได้ จากการพบปะประชาชน และหน่วยงานของรัฐไปสู่การแก้ไขโดยอาศัยกลไกของวุฒสิ ภา สาหรับผู้รับผิดชอบ โครงการ ประกอบด้วย คณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชิกวฒุ ิสภาพบประชาชน และคณะกรรมการ โครงการในระดับภาคอีก ๗ คณะ คือ คณะกรรมการโครงการฯ ภาคเหนือตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวนั ออก ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือตอนบน ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือตอนลา่ ง และภาคใต้ ส า ห รั บ ร า ย ง า น ก า ร ติ ด ต า ม ป ร ะ เ มิ น ผ ล โ ค ร ง ก า ร ส ม า ชิ ก วุ ฒิ ส ภ า พ บ ป ร ะ ช า ช น ฉ บั บ นี้ มีวัตถุประสงค์เพ่ือนาเสนอผลการดาเนินงานโครงการท้ังโดยภาพรวมและรายภาค ในช่วงระยะเวลา ๘ เดือน ต้ังแต่เดือนสิงหาคม ๒๕๖๒ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๖๓ เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณและ เชงิ คุณภาพในการพบปะประชาชนดว้ ยการสอบถาม อภิปรายความคิดเห็นแลกเปลยี่ น ประมวลผลและ วิเคราะหข์ ้อมลู โดยสถิตเิ ชงิ พรรณนาและการวเิ คราะห์เนือ้ หา ผลการติดตามประเมินโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน พบว่า มีการลงพ้ืนที่ใน ๖๗ จังหวัด โดยส่วนใหญ่เป็นจังหวดั ที่ไดม้ ีการลงพ้ืนที่ ๑ คร้ัง จานวน ๕๔ จังหวัด ท่ีมีการลงพื้นที่ ๒ ครั้ง จานวน ๑๔ จังหวัด โดยมีจังหวัดท่ียังไม่มีการลงพื้นที่ จานวน ๙ จังหวัด ไม่นับรวมกรุงเทพมหานคร ทเี่ ป็นเขตปกครองพิเศษ ได้แก่ สุราษฎรธ์ านี ตรัง ยะลา พัทลุง สตูล ภูเกต็ พังงา มหาสารคาม และบึงกาฬ ท้ังนพี้ บว่า คณะกรรมการโครงการฯ ที่ลงพื้นทบี่ ่อยครั้งท่ีสุด ได้แก่ คณะกรรมการภาคกลาง รองลงมาคือ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และคณะกรรมการอานวยการ ตามลาดับ ในการนี้ มีประชาชนเข้าร่วมโครงการจานวน ๑๕,๗๙๗ คน มากกว่าเป้าหมายที่กาหนด องค์ประกอบของผู้เขา้ ร่วม จาแนกได้ ๖ กลุ่ม คือ ๑) หัวหน้าส่วนราชการ (รวมผู้ว่าราชการจังหวัดและ กาชาดจงั หวัด) ๒) ทอ้ งท่ี/ท้องถน่ิ (กานัน ผ้ใู หญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน) ๓) ภาคธรุ กิจเอกชน (รวมสภาหอการค้า) ๔) ภาคประชาชน/ภาคประชาสังคม ๕) นักเรียน/นักศึกษา/เยาวชน และ ๖) สื่อมวลชน โดยสัดส่วนท่ีเข้าร่วมมากท่ีสุด คือ หัวหน้าส่วนราชการ รองลงมา คือ ภาคประชาชน / ภาคประชาสังคม, ท้องที่/ท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชน นักเรียน/นักศึกษา/เยาวชน และส่ือมวลชน ตามลาดับ ประเด็นท่ีสมาชิกวุฒิสภาได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับประชาชนท่ีเข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย ๕ สาระหลัก คือ ๑) ความรู้เร่ืองสมาชิกวฒุ ิสภาและบทบาทหนา้ ท่ี ๒) รับฟังความคิดเห็น ประเด็นกฎหมาย และทาความเข้าใจด้านกฎหมาย ๓) การประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ปัญหา และผลกระทบกฎหมาย
ข ๔) การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และ ๕) การน้อมนาปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยในแต่ละครั้งอาจมีจุดเน้นท่ีแตกต่างกันตามบริบท ของพ้ืนท่ี แต่สาระหลัก ท่ีทุกคณะดาเนินการคือ การให้ความรู้เร่ืองสมาชิกวุฒิสภาและบทบาทหน้าท่ี แก่ประชาชนที่เข้าร่วม นอกจากน้ี คณะกรรมการโครงการฯ บางคณะ ได้ใหค้ วามสาคัญกับการแลกเปล่ยี นประเด็น ความสอดคล้องระหว่างแผนพัฒนาจังหวัดกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ พบว่า จงั หวดั สว่ นใหญใ่ ห้ความสาคัญกับยทุ ธศาสตร์ชาติ ด้านการสรา้ งขดี ความสามารถในการแขง่ ขันมากท่ีสดุ รองลงมา คือ ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ด้านพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพ ทรัพยากรมนุษย์ และด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามลาดับ ส่วนความสอดคล้องระหว่างแผนพัฒนาจังหวัดกับแผนการปฏิรูปประเทศ พบว่า จังหวัดส่วนใหญ่ ให้ความสาคัญกับประเด็นการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ และด้านการศึกษา มากที่สุด รองลงมา คือ ด้านสังคม ด้านทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม และดา้ นการเมอื ง จากการรับฟังข้อคิดเห็นท่ีได้รับการสะท้อนจากผู้เข้าร่วมโครงการท้ังหมด มีประเด็นข้อคิดเห็น รวมท้ังส้ิน ๗๔๐ เร่ือง เป็นข้อคิดเห็นด้านสังคมมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านน้า ด้านการเกษตร ด้านที่ดิน ด้านคมนาคม ดา้ นเศรษฐกิจ และดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม ตามลาดับ และเมอื่ ได้รับฟังความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะแล้ว ประเด็นส่วนใหญ่คณะสมาชิกวฒุ ิสภาได้มอบให้จังหวดั รับไปดาเนินการตอ่ เนอ่ื งจากเป็นเร่ืองทีส่ ามารถ ดาเนินการได้ ส่วนบางเร่ืองที่นอกเหนืออานาจของจังหวัด คณะสมาชิกวุฒิสภาได้รับเรื่องมาเพ่ือส่งต่อ คณะกรรมาธกิ ารตามกลไกของวุฒสิ ภาหรือหน่วยงานทเี่ กย่ี วข้องที่มีกฎหมายกาหนดไว้อย่างชัดเจน สาหรับการดาเนนิ งานเก่ียวกบั เร่อื งที่ได้รบั ร้องเรียนทง้ั หมด ท้ังทไี่ ด้รบั โดยหนังสอื และโดยวาจานั้น ไดด้ าเนนิ การแล้วเสร็จรวม ๖๗ เรอ่ื ง จาแนกตามประเด็น พบว่า เป็นประเด็นด้านสงั คมมากท่ีสุด รองลงมา คือ ด้านที่ดิน ด้านสิง่ แวดล้อม ดา้ นคมนาคม ด้านน้า ดา้ นการเกษตร และด้านเศรษฐกิจตามลาดับ ในเร่ืองประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน พบว่า ท้ังประชาชน หน่วยงานในพื้นท่ี และสมาชิกวุฒิสภาต่างก็ได้รับประโยชน์จากโครงการในลักษณะท่ีแตกต่างกันอันเป็น เรื่องที่ดีแก่ทุกฝ่าย ข้อเสนอแนะสาหรับการดาเนินงานคร้ังต่อไป คือ ควรมีการประเมินความพึงพอใจ ของผู้เข้าร่วมโครงการ โดยภาพรวมท่ีได้จากการติดตามและประเมินผลโครงการ กล่าวได้ว่า โครงการสมาชิกวุฒิสภาฯ บรรลุวตั ถุประสงค์ของโครงการ ในแง่ของการประมวลข้อมูล ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะท่ีมาจากทุกภาคสว่ น และทุกเวทีในพ้ืนท่ีมาใช้ในกระบวนการกล่ันกรอง ปรับปรุงและพัฒนากฎหมาย อันนาไปสู่การแก้ปัญหา ในระดับพื้นท่ีอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประชาชน ในขณะที่ประชาชน รวมทัง้ เดก็ และเยาวชนกม็ คี วามรู้ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั บทบาทหนา้ ทขี่ องสมาชกิ วฒุ สิ ภามากขน้ึ
ค ประเด็นข้อคดิ เห็นทไ่ี ดร้ ับการสะทอ้ นจากประชาชนในพน้ื ท่ี ระหว่างสงิ หาคม ๒๕๖๒ – มนี าคม ๒๕๖๓ ลงพื้นท่ี ๘ จงั หวดั ลงพ้ืนท่ี ๑๐ จงั หวัด ๑. ดา้ นที่ดิน ๑. ด้านสงั คม ๒. ดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม ๒. ด้านนา้ ลงพ้ืนท่ี ๙ จังหวดั ลงพืน้ ที่ ๘ จังหวดั ๑. ดา้ นสงั คม ๑. ด้านนา้ ๒. ด้านนา้ ๒. ดา้ นเกษตร ลงพ้ืนท่ี ๑๗ จงั หวัด ๑. ด้านสงั คม ๒. ดา้ นเกษตร ลงพ้ืนท่ี ๗ จังหวดั ลงพ้นื ท่ี ๘ จงั หวัด ๑. ดา้ นสังคม ๑. ดา้ นสังคม ๒. ดา้ นนา้ ๒. ดา้ นคมนาคม จานวนจงั หวดั ทลี่ งพ้ืนท่ใี นแตล่ ะภาค ขอ้ คดิ เหน็ ลาดับแรก ข้อคิดเหน็ ลาดับรอง จงั หวัดทยี่ งั ไม่ได้ลงพื้นท่ี หมายเหตุ : มีการลงพื้นที่ไปแลว้ ๖๗ จังหวัด และมจี ังหวดั ที่ยังไมม่ ีการลงพ้ืนท่ี จานวน ๙ จังหวดั --------------------------------------------- กรกฎาคม ๒๕๖๓
สารบัญ หนา้ บทสรปุ ผ้บู รหิ าร ๑ สารบญั ๒ ๒ บทท่ี ๑ บทนา ๓ ๑.๑ ความเปน็ มาของการดาเนินโครงการ ๑.๒ วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ ๕ ๑.๓ ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงการ ๗ ๑.๔ ผลทค่ี าดว่าจะไดร้ บั ๑๓ ๑๕ บทที่ ๒ ผลการดาเนินงานตามโครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชน ๒๕ ๒.๑ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ๓๕ ภาคเหนอื (ตอนบน) ๔๐ - ครง้ั ท่ี ๑ ณ จงั หวดั เชียงใหม่ และจงั หวดั ลาปาง - ครงั้ ที่ ๒ ณ จงั หวัดเชียงราย และจงั หวดั พะเยา ๔๕ - ครั้งที่ ๓ ณ จงั หวัดลาปาง ๖๐ - ครง้ั ท่ี ๔ ณ จงั หวดั ลาพนู และจังหวดั เชียงใหม่ ๖๖ - ครงั้ ท่ี ๕ ณ จงั หวัดแพร่ และจังหวัดน่าน ๗๙ - ครั้งที่ ๖ ณ จงั หวดั แม่ฮอ่ งสอน ๘๔ - ครั้งที่ ๗ ณ จงั หวดั พะเยา และจังหวดั เชียงราย ๙๔ ๑๐๔ ๒.๒ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชกิ วุฒสิ ภาพบประชาชน ภาคเหนอื (ตอนล่าง) - ครั้งท่ี ๑ ณ จงั หวดั พิษณุโลก จังหวดั อุตรดติ ถ์ และจงั หวดั สโุ ขทัย - ครง้ั ที่ ๒ ณ จงั หวัดพจิ ิตร จงั หวดั นครสวรรค์ และจงั หวดั อทุ ยั ธานี - ครง้ั ท่ี ๓ ณ จงั หวัดตาก จังหวดั กาแพงเพชร และจงั หวดั เพชรบรู ณ์ - ครั้งที่ ๔ ณ จงั หวัดอตุ รดติ ถ์ - ครงั้ ท่ี ๕ ณ จงั หวดั กาแพงเพชร - คร้ังท่ี ๖ ณ จงั หวัดสโุ ขทยั - ครง้ั ท่ี ๗ ณ จงั หวดั พิจติ ร
สารบัญ (ตอ่ ) หนา้ ๒.๓ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชกิ วุฒสิ ภาพบประชาชน ๑๑๕ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื (ตอนบน) ๑๑๗ ๑๒๐ - ครง้ั ที่ ๑ ณ จงั หวดั สกลนคร ๑๒๙ - ครั้งท่ี ๒ ณ จงั หวัดนครพนม ๑๓๘ - ครั้งท่ี ๓ ณ จงั หวดั กาฬสินธุ์ ๑๔๒ - ครง้ั ท่ี ๔ ณ จงั หวดั หนองบวั ลาภู และจังหวดั เลย - ครง้ั ที่ ๕ ณ จงั หวัดอดุ รธานี และจงั หวดั หนองคาย ๑๔๗ - ครงั้ ท่ี ๖ ณ จงั หวดั รอ้ ยเอด็ และจงั หวดั มุกดาหาร ๑๔๙ ๒.๔ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชกิ วฒุ ิสภาพบประชาชน ๑๕๓ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื (ตอนลา่ ง) ๑๕๘ ๑๖๓ - ครั้งที่ ๑ ณ จงั หวัดอบุ ลราชธานี และจงั หวดั ยโสธร ๑๖๘ - ครง้ั ท่ี ๒ ณ จงั หวดั ศรีสะเกษ และจงั หวัดสรุ ินทร์ ๑๗๓ - ครัง้ ที่ ๓ ณ จงั หวัดชัยภมู ิ ๑๗๙ - ครง้ั ท่ี ๔ ณ จงั หวัดนครราชสีมา ๑๘๒ - ครง้ั ที่ ๕ ณ จงั หวดั สรุ นิ ทรแ์ ละจังหวดั บรุ ีรัมย์ - ครง้ั ท่ี ๖ ณ จงั หวัดอบุ ลราชธานี จังหวดั อานาจเจรญิ และจังหวดั ยโสธร ๑๘๗ - ครง้ั ท่ี ๗ ณ จงั หวัดศรีสะเกษ ๑๙๒ - คร้ังท่ี ๘ ณ จังหวดั นครราชสีมา ๒๐๓ - คร้งั ท่ี ๙ ณ จงั หวดั ชยั ภมู ิ ๒๓๐ ๒.๕ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ๒๓๕ ภาคกลาง ๒๔๖ - ครั้งที่ ๑ ณ จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ๒๔๙ - ครง้ั ท่ี ๒ ณ จงั หวดั ราชบรุ ี ๒๕๔ - ครัง้ ที่ ๓ ณ จงั หวัดชัยนาท ๒๕๙ - ครั้งที่ ๔ ณ จงั หวัดสุพรรณบุรี - ครัง้ ที่ ๕ ณ จงั หวัดสมทุ รสาครและจงั หวดั เพชรบุรี - คร้งั ที่ ๖ ณ จงั หวดั สมุทรปราการ - คร้ังท่ี ๗ ณ จงั หวัดนครปฐม - ครัง้ ท่ี ๘ ณ จงั หวดั กาญจนบรุ ี - ครงั้ ที่ ๙ ณ จงั หวัดสงิ หบ์ รุ ี
สารบัญ (ต่อ) หน้า ๒๖๙ - ครั้งท่ี ๑๐ ณ จงั หวดั อ่างทอง ๒๗๖ - ครัง้ ที่ ๑๑ ณ จงั หวดั ลพบรุ ี ๒๙๑ - คร้ังท่ี ๑๒ ณ จงั หวัดปทมุ ธานี ๒๙๘ - ครัง้ ท่ี ๑๓ ณ จงั หวัดสระบรุ ี ๓๐๗ - ครั้งที่ ๑๔ ณ จงั หวัดนนทบรุ ี ๓๒๐ - คร้ังท่ี ๑๕ ณ จงั หวดั สมทุ รสงคราม ๓๒๗ - ครง้ั ที่ ๑๖ ณ จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ ๒.๖ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชิกวุฒสิ ภาพบประชาชน ๓๓๕ ภาคตะวันออก ๓๓๘ - คร้งั ท่ี ๑ ณ จังหวดั ปราจีนบุรี และจงั หวัดสระแกว้ ๓๔๐ - ครั้งที่ ๒ ณ จงั หวัดชลบรุ ี ๓๔๕ - ครั้งที่ ๓ ณ จงั หวัดระยอง ๓๕๕ - ครั้งท่ี ๔ ณ จังหวดั ตราด ๓๖๔ - ครัง้ ที่ ๕ ณ จงั หวดั จนั ทบรุ ี ๓๗๙ - คร้ังท่ี ๖ ณ จงั หวัดนครนายก ๓๙๔ - ครั้งท่ี ๗ ณ จังหวัดฉะเชงิ เทรา ๔๑๒ - ครง้ั ที่ ๘ ณ จงั หวัดระยอง - ครั้งที่ ๙ ณ จงั หวดั ตราด ๔๒๙ ๒.๗ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชกิ วฒุ ิสภาพบประชาชน ๔๓๒ ภาคใต้ ๔๓๔ - คร้งั ท่ี ๑ ณ จงั หวดั ปตั ตานี ๔๓๖ - ครั้งที่ ๒ ณ จงั หวดั นครศรีธรรมราช ๔๔๐ - ครง้ั ท่ี ๓ ณ จงั หวัดกระบ่ี ๔๔๔ - ครั้งท่ี ๔ ณ จงั หวดั นราธวิ าส ๔๔๘ - ครง้ั ที่ ๕ ณ จงั หวดั ชมุ พร - ครั้งท่ี ๖ ณ จงั หวดั สงขลา ๔๕๓ - คร้งั ท่ี ๗ ณ จงั หวดั ระนอง ๔๕๓ ๒.๘ รายงานการลงพน้ื ทพ่ี บนกั เรยี น นักศกึ ษา และเยาวชน ของคณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชกิ วุฒิสภาพบประชาชน ๑. ความเปน็ มา ๒. ขอ้ มลู ทว่ั ไปของกลมุ่ เปา้ หมายชว่ งเดอื น กรกฎาคม - ธนั วาคม ๒๕๖๒
สารบัญ (ตอ่ ) หนา้ ๔๕๘ ๓. การดาเนนิ การในชว่ งเดอื น กรกฎาคม - ธนั วาคม ๒๕๖๒ ๔๖๐ ๔. ข้อคิดเหน็ ของนกั เรียน นกั ศกึ ษา ครแู ละผบู้ รหิ ารการศกึ ษา ๔๖๓ ๕. การประเมนิ ผลของโครงการของสมาชิกวฒุ ิสภาพบนักเรียน นกั ศกึ ษา ๔๖๘ ๖. ข้อสังเกต และขอ้ เสนอแนะ ๔๗๑ บทที่ ๓ การตดิ ตามประเดน็ ข้อคดิ เหน็ /ความต้องการของประชาชนในพืน้ ที่ ๔๗๓ ข้อมลู เรอื่ งรอ้ งเรยี น/ขอ้ คดิ เห็น/ความต้องการของประชาชนในพนื้ ท่ีทนี่ าเสนอ ในการลงพน้ื ท่ีพบประชาชนแบบภาพรวม ๔๗๙ ๓.๑ สรุปผลการดาเนนิ การเรอ่ื งร้องเรยี น/ข้อคดิ เห็นและข้อเสนอแนะ ๔๘๙ โครงการสมาชกิ วฒุ ิสภาพบประชาชนในพน้ื ทจ่ี งั หวดั ภาคเหนือ (ตอนบน) ๓.๒ สรุปผลการดาเนินการเรื่องร้องเรียน/ขอ้ คดิ เหน็ และข้อเสนอแนะ ๕๐๕ โครงการสมาชิกวฒุ ิสภาพบประชาชนในพน้ื ทีจ่ ังหวดั ภาคเหนอื (ตอนล่าง) ๕๑๕ ๓.๓ สรปุ ผลการดาเนนิ การเรื่องร้องเรยี น/ข้อคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะโครงการ ๕๒๗ สมาชกิ วุฒิสภาพบประชาชนในพื้นท่จี งั หวดั ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ (ตอนบน) ๓.๔ สรปุ ผลการดาเนนิ การเรอ่ื งรอ้ งเรยี น/ข้อคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะโครงการ ๕๓๓ สมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชนในพ้นื ทจ่ี ังหวดั ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื (ตอนล่าง) ๕๓๗ ๓.๕ สรปุ ผลการดาเนนิ การเรือ่ งร้องเรยี น/ขอ้ คดิ เห็นและข้อเสนอแนะ ๕๔๑ โครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชนในพน้ื ทจี่ งั หวดั ภาคกลาง ๓.๖ สรปุ ผลการดาเนนิ การเรื่องร้องเรยี น/ข้อคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะ ๕๔๒ ๕๔๖ โครงการสมาชิกวฒุ ิสภาพบประชาชนในพน้ื ทจ่ี งั หวดั ภาคตะวันออก ๕๔๘ ๓.๗ สรุปผลการดาเนินการเรื่องรอ้ งเรียน/ข้อคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะ โครงการสมาชกิ วฒุ ิสภาพบประชาชนในพนื้ ที่จังหวดั ภาคใต้ บทท่ี ๔ สรุปการประเมินผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชกิ วุฒสิ ภาพบประชาชน ส่วนที่ ๑ ข้อมลู ทว่ั ไป สว่ นที่ ๒ สรุปประเดน็ ข้อคดิ เหน็ /ความตอ้ งการที่พบจากการลงพืน้ ที่ ของสมาชกิ วุฒิสภาพบประชาชนในด้านต่าง ๆ โดยภาพรวม สว่ นท่ี ๓ สรุปประเดน็ ข้อคดิ เหน็ /ความตอ้ งการท่พี บจากการลงพื้นท่ี ของสมาชิกวุฒสิ ภาพบประชาชนในดา้ นต่าง ๆ จาแนกตามรายภาค ส่วนที่ ๔ ประโยชนท์ ี่ประชาชน หนว่ ยงาน/ องค์กรในพนื้ ที่ และสมาชิกวฒุ ิสภาไดร้ บั ขอ้ เสนอแนะ
สารบัญ (ต่อ) ภาคผนวก - คณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชกิ วุฒสิ ภาพบประชาชน - คณะอนกุ รรมการดา้ นประชาสมั พันธ์ - คณะอนกุ รรมการดา้ นนโยบาย แผนงานและประสานการปฏิบัติ - คณะอนกุ รรมการดา้ นติดตาม ประมวลผลและรายงานผลการปฏิบตั ิ - คณะอนกุ รรมการดา้ นรวบรวม แยกเร่อื งและตดิ ตามเรื่องร้องเรียน - คณะกรรมการโครงการสมาชิกวฒุ ิสภาพบประชาชนในพ้นื ทจ่ี ังหวดั ตามรายภาค ภาคเหนอื (ตอนบน) ภาคเหนอื (ตอนลา่ ง) ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื (ตอนบน) ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื (ตอนลา่ ง) ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ - รายนามคณะผู้จดั ทารายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชกิ วฒุ ิสภาพบประชาชน
๑ โครงการสมาชิกวฒุ สิ ภาพบประชาชน ************************************************** บทท่ี ๑ บทนา ๑.๑ ความเป็นมาของการดาเนนิ โครงการ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน มีเจตนารมณ์ท่ีส่งผลสาคัญต่อ การปฏิบัตหิ น้าทขี่ องสมาชิกวฒุ ิสภาไว้หลายประการ ซ่ึงเจตนารมณ์ทีส่ าคญั ประการหนง่ึ ตามมาตรา ๖๕ ท่ีบัญญัติให้มียุทธศาสตร์ชาติเพ่ือเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยสร้างกลไกไว้ใน หมวด ๑๖ นนั่ คือการปฏริ ูปประเทศในด้านตา่ ง ๆ โดยเฉพาะด้านกฎหมาย และด้านกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นเคร่ืองมือที่สาคัญท่ีส่งผลต่อการดาเนินการเพ่ือให้บรรลุตามเจตนารมณ์ดังกล่าว นอกจากน้ัน ยังได้สร้างกลไกใหม่ที่มีผลโดยตรงต่อกระบวนการตรากฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย เนื้อหา รวมทั้ง การประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ดังจะเห็นได้จากการที่มาตรา ๒๖ บัญญัติให้กฎหมายที่มีผล เป็นการจากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคล ต้องระบุเหตุผลความจาเป็นไว้ด้วย และการที่มาตรา ๗๗ วรรคหนึ่ง บัญญัติให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จาเป็นและยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายท่ีหมดความจาเป็น หรือไม่สอดคล้องกบั สภาพการณ์ หรือท่เี ป็นอุปสรรคต่อการดารงชวี ิต หรอื การประกอบอาชีพโดยไมช่ ักช้า เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน มาตรา ๗๗ วรรคสอง ที่บัญญัติให้ต้องมีการรับฟังความคิดเห็น ของผู้เก่ียวข้อง วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดข้ึนอย่างรอบด้านและเป็นระบบ รวมทั้งต้องเปิดเผย ให้ประชาชนทราบและนามาประกอบการพิจารณาในกระบวนการตรากฎหมายทุกข้ันตอน และเม่ือ กฎหมายมผี ลใชบ้ งั คบั แลว้ ต้องจัดให้มกี ารประเมนิ ผลสัมฤทธ์ิของกฎหมายทุกรอบระยะเวลาท่ีกาหนด กลไกและกระบวนการต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น ส่งผลโดยตรงต่อการปฏิบัติหน้าท่ีของสมาชิก วฒุ ิสภาในฐานะทเี่ ป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยตามมาตรา ๑๑๔ ในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนญู แก้ไขเพมิ่ เตมิ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และร่างพระราชบัญญัติ การพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติ พระราชกาหนด การกระทากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ๆ อันอยู่ในหน้าที่ และอานาจของวุฒิสภา การพิจารณาให้บคุ คลดารงตาแหน่งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรอื กฎหมาย การให้ความเห็นชอบให้บุคคลพน้ จากตาแหน่ง รวมทั้งภารกิจด้านการปฏริ ูปประเทศและยุทธศาสตรช์ าติ ท่ีมาตรา ๒๗๐ บัญญัติเพ่ิมข้ึนให้เป็นหน้าที่และอานาจของวุฒิสภาในช่วง ๕ ปีแรก อีกด้วย ดังนั้น การจะปฏิบัติหน้าท่ีดังกล่าวให้เกิดผลสัมฤทธิ์สมตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฯ และกฎหมายอื่น ท่ีเกี่ยวข้องได้น้ัน จาเป็นอย่างยิ่งท่ีจะต้องมีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ เพ่ือสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และเหมาะสมกับลักษณะของสังคมไทยและประเพณีการปกครองของไทยตามระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยต้องมีการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ หรือความต้องการของประชาชนทุกภาคส่วนและเจ้าหน้าที่ของรัฐในทุกระดับ ซึ่งการจะดาเนินการ ให้ไปสู่ผลสัมฤทธ์ิน้ันต้องอาศัยกลไกหรือวิธีการ ท่ีมีลักษณะเป็นการพูดคุยหรือหารือแลกเปล่ียนกัน
๒ ระหว่างสมาชิกวุฒิสภากับประชาชนทุกภาคส่วนและเจ้าหน้าท่ีของรัฐในทุกระดับโดยการลงไปในพื้นที่ เพื่อให้ได้ข้อมูลปัญหาและความต้องการท่ีแท้จริงจากทุกฝ่ายเนื่องจากเป็นผู้ท่ีต้องประสบกับปัญหา อุปสรรค หรือความเดือดร้อนอย่างแท้จริงแทนการรอรบั ฟังข้อคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะหรือความต้องการ จากการรายงานมาตามระบบที่เป็นอยู่ วุฒิสภาจึงเห็นควรจัดให้มี “โครงการสมาชิกวุฒิสภา พบประชาชน” เพ่ือเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วนและเจ้าหน้าท่ีของรัฐในทุกระดับสามารถเข้ามา ร่วมกันแลกเปล่ียนเรียนรู้และช่วยกันขับเคล่ือนประเทศต้ังแต่ระดับฐานราก ชุมชน สังคม และ ระดับประเทศให้พัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างสอดคล้องกันและเป็นระบบ เพ่ือให้เกิดความตระหนักสานึก รับผิดชอบต่อประเทศชาติและสังคมโดยรวมอันจะนาไปสู่สังคมท่ีประชาชนมีความสุข มีคุณภาพชีวิตท่ีดี มีสังคมที่มคี วามสงบสุข เป็นธรรม ประเทศชาติมีความสงบเรียบร้อย มีความสามัคคีปรองดอง และมกี าร พัฒนาอย่างย่ังยืนในทุกด้านบนพื้นฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ๑.๒ วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ ๑) เพ่ือรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นท่ีและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องเป็นข้อมูล ประกอบการพจิ ารณากลั่นกรองในการตรากฎหมาย ๒) เพ่ือรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพ้ืนท่ีและหน่วยงานที่เก่ียวข้องเป็นข้อมูล ประกอบการประเมินผลสัมฤทธ์ิของกฎหมายเมื่อกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว และพัฒนากฎหมาย ทุกฉบับใหส้ อดคล้องและเหมาะสมกบั บรบิ ทต่าง ๆ ท่ีเปลยี่ นแปลงไป ๓) เพ่ือรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพ้ืนท่ีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นข้อมูล ประกอบการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายท่ีใช้บังคับอยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้สอดคล้องกับ หลักการตามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย มาตรา ๗๗ และพฒั นาให้สอดคล้องกับหลกั สากล ๔) เพ่ือรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของประชาชนในพื้นท่ีและสะท้อนข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะไปสู่การแก้ไข โดยอาศยั กลไกของวฒุ สิ ภา ๕) เพื่อปฏิบัติตามภารกิจด้านการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๗๐ ท่ีบัญญัติให้วุฒิสภามีหน้าที่และอานาจในการติดตามผล การดาเนินงานของหน่วยงานท่ีมีภารกิจเกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจน เสนอแนะ และเร่งรัดเพอื่ ให้บรรลุเป้าหมายตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๑๖ การปฏิรูป ประเทศและตามท่ีกาหนดในยุทธศาสตร์ชาติ ๑.๓ ผรู้ บั ผิดชอบโครงการ คณะกรรมการทรี่ ับผดิ ชอบ ประกอบดว้ ย คณะกรรมการ ๘ คณะ ดงั นี้ ๑) คณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชน ๒) คณะกรรมการโครงการสมาชกิ วฒุ ิสภาพบประชาชนในพ้ืนทจี่ ังหวดั ภาคกลาง
๓ ๓) คณะกรรมการโครงการสมาชิกวฒุ สิ ภาพบประชาชนในพน้ื ทจี่ งั หวดั ภาคใต้ ๔) คณะกรรมการโครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชนในพ้ืนท่ีจังหวดั ภาคตะวนั ออก ๕) คณะกรรมการโครงการสมาชกิ วฒุ ิสภาพบประชาชนในพื้นทจ่ี ังหวดั ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื (ตอนบน) ๖) คณะกรรมการโครงการสมาชกิ วฒุ ิสภาพบประชาชนในพ้นื ท่จี งั หวดั ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื (ตอนลา่ ง) ๗) คณะกรรมการโครงการสมาชกิ วุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวดั ภาคเหนอื (ตอนบน) ๘) คณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพ้ืนที่จังหวดั ภาคเหนือ (ตอนลา่ ง) ๑.๔ ผลทคี่ าดว่าจะไดร้ ับ ๑) ได้รับทราบความคิดเห็นของประชาชนในพื้นท่ีและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องเป็นข้อมูล ประกอบการพิจารณาในการตรากฎหมาย ๒) ได้รับทราบความคิดเห็นของประชาชนในพ้ืนท่ีและหน่วยงานที่เก่ียวข้องเป็นข้อมูล ประกอบการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายเม่ือกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว และพัฒนา กฎหมาย ทกุ ฉบับให้สอดคลอ้ งและเหมาะสมกบั บรบิ ทตา่ ง ๆ ทเ่ี ปลยี่ นแปลงไป ๓) ได้รับทราบความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่และหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องเป็นข้อมูล ประกอบการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้สอดคล้องกับ หลักการตามรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย มาตรา ๗๗ และพฒั นาใหส้ อดคล้องกบั หลักสากล ๔) ได้รับทราบความคิดเห็นในด้านต่าง ๆ ของประชาชนในพ้ืนที่เพ่ือนามาวิเคราะห์ สภาพปัญหา ตลอดจนแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมท้ังสะท้อนปัญหาไปสู่การแก้ไข โดยอาศัยกลไก ของวฒุ สิ ภา ๕) ได้รับทราบผลดาเนินงานของหน่วยงานท่ีมีภารกิจเก่ียวข้องกับการปฏิรูปประเทศ และยุทธศาสตร์ชาติ รวมท้ังได้ให้ข้อเสนอแนะ และดาเนินการเร่งรัดหน่วยงานดังกล่าว เพื่อให้บรรลุ เป้าหมายตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ และกาหนดไว้ ในยุทธศาสตร์ชาติ _________________________________
บทท่ี ๒ ผลการดาเนนิ งานตามโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน รายงานผลการดาเนินการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนตามรายภาค จานวน ๗ ภาค และรายงานการลงพื้นที่พบนักเรียน นักศึกษา และเยาวชนของคณะกรรมการอานวยการโครงการ สมาชกิ วุฒิสภาพบประชาชน มดี งั น้ี ๒.๑ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชน ภาคเหนือ (ตอนบน) ๒.๒ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชิกวฒุ สิ ภาพบประชาชน ภาคเหนือ (ตอนลา่ ง) ๒.๓ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชิกวฒุ ิสภาพบประชาชน ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื (ตอนบน) ๒.๔ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชกิ วฒุ ิสภาพบประชาชน ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ (ตอนลา่ ง) ๒.๕ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชิกวฒุ สิ ภาพบประชาชน ภาคกลาง ๒.๖ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชน ภาคตะวันออก ๒.๗ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ภาคใต้ ๒.๘ รายงานการการลงพ้นื ท่ีพบนกั เรียน นกั ศกึ ษา และเยาวชนของคณะกรรมการอานวยการ โครงการสมาชิกวฒุ สิ ภาพบประชาชน
๒.๑ รายงานผลการดาเนนิ การโครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชนในพ้นื ท่ี จงั หวดั กลมุ่ ภาคเหนอื (ตอนบน) จานวน ๗ ครัง้ ประกอบดว้ ย ๑. ครัง้ ที่ ๑/๒๕๖๒ วนั ที่ ๔ – ๕ กนั ยายน ๒๕๖๒ ณ จงั หวดั เชียงใหม่ และจงั หวดั ลาปาง ๒. ครัง้ ที่ ๒/๒๕๖๒ วนั ท่ี ๑๑ – ๑๓ กนั ยายน ๒๕๖๒ ณ จงั หวดั เชียงราย และจังหวดั พะเยา ๓. ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ วนั ท่ี ๓ – ๔ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ จังหวดั ลาปาง ๔. ครง้ั ที่ ๔/๒๕๖๒ วนั ท่ี ๑๐-๑๑ ตลุ าคม ๒๕๖๒ ณ จังหวดั ลาพูน และจังหวดั เชยี งใหม่ ๕. ครัง้ ท่ี ๕/๒๕๖๒ วนั ที่ ๗-๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ จงั หวดั แพร่ และจังหวดั น่าน ๖. ครั้งท่ี ๖/๒๕๖๒ วนั ที่ ๑๔-๑๕ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๒ ณ จงั หวัดแมฮ่ ่องสอน ๗. ครั้งท่ี ๗/๒๕๖๒ วนั ท่ี ๑๙ – ๒๑ ธนั วาคม ๒๕๖๒ ณ จงั หวดั พะเยา และจังหวดั เชียงราย
๕ ครง้ั ที่ ๑ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชิกวฒุ ิสภาพบประชาชนในพนื้ ทีจ่ ังหวัด กลุ่มภาคเหนือ (ตอนบน) วันที่ ๔ – ๕ กนั ยายน ๒๕๖๒ ณ จงั หวดั เชยี งใหม่ และจงั หวดั ลาปาง จังหวดั เชียงใหม่ และจังหวดั ลาปาง วนั พุธที่ ๔ และวนั พฤหัสบดที ่ี ๕ กันยายน ๒๕๖๒ วิธีการดาเนินกิจกรรม ลงพื้นท่ีรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากภาคส่วนราชการ และรับฟงั ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะการบังคบั ใช้กฎหมายจากภาคเอกชนและประชาชนในพ้นื ท่ี ผลการดาเนินการ ประชาชนในพื้นที่และหน่วยงานที่เก่ียวข้องได้เข้าร่วมโครงการ สมาชิกวุฒสิ ภาพบประชาชนในพื้นที่จงั หวัดภาคเหนอื (ตอนบน) ณ จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวดั ลาปาง จานวน ๒๖๐ คน ได้รับทราบบทบาทหน้าที่และอานาจของวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๗๗ และมาตรา ๒๗๐ ที่บัญญัติให้วุฒิสภาท่ีมีหน้าที่และอานาจในการ ติดตามผลการดาเนินงานของหน่วยงานที่มีภารกิจเก่ียวกับการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติและ เร่งรัดเพ่ือให้บรรลุเป้าหมายตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศและ ตามท่กี าหนดในยทุ ธศาสตรช์ าติ และได้รับฟงั ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากพ้นื ที่ ดงั นี้ ๑. หมอกควนั สภาพปัญหา ปญั หาหมอกควันมีผลกระทบ คอื ดา้ นการทอ่ งเที่ยวทาให้นักท่องเท่ียว ลดลง ระบบทางเดินหายใจ ๒. ข้อเสนอด้านส่งิ แวดล้อม (ฝุ่นควัน) คอื ผลกั ดันกฎหมายอากาศสะอาด ผลักดันแผนการแก้ไข ท่ีชัดเจน ๓. ภัยแล้ง สภาพปัญหา ฝนทิ้งช่วง ทาให้มีผลกระทบต่อการเกษตรและน้าเพ่ือการอุปโภค – บริโภค ๔. ด้านการทอ่ งเท่ียว คาสง่ั คสช.ท่ี ๖/๒๕๖๒ เร่อื ง มาตรการสง่ เสรมิ และพฒั นามาตรฐานการ ประกอบธุรกิจโรงแรมบางประเภท ขอให้ขยายเวลาจากท่ีกาหนดไว้ ตามคานวณระยะเวลาท่ี ผ้ปู ระกอบการรอทราบหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเงือ่ นไข จากกระทรวงมหาดไทย อกี จานวน ๕๒ วนั ๕. ขาดแคลนวัตถุดิบดินขาวในการทาเซรามิก สภาพปัญหา คือ กลุ่มผู้ประกอบการเซรามิก ประสบปญั หาการขาดแคลนวตั ถดุ บิ ดนิ ขาวซึ่งเป็นวัตถดุ บิ หลัก เนื่องจากวัตถดุ บิ ดงั กลา่ วอย่ใู นเขตป่าสงวน ๖. พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.๒๕๖๐ สภาพปัญหา คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ไดร้ บั สัมปทานใหป้ ระกอบกิจการผลติ กระแสไฟฟ้า โดยใช้ถา่ ยหินลกิ ไนตเ์ ป็นเช้อื เพลง มีการเปดิ หนา้ ดิน ขุดถ่านหิน เพื่อใชใ้ นการผลิตกระแสไฟฟ้า ซง่ึ พ้นื ทีด่ งั กลา่ วอยทู่ ับซ้อนกับท่อี ย่อู าศยั ของประชาชน
๖ ผลกระทบการดาเนนิ กิจการเหมอื งถา่ นหิน คอื ๑. ทาให้เกิดการอพยพ เน่ืองจากได้รับผลกระทบด้านมลภาวะ ฝุ่น กลิน่ เสียง พ้ืนที่ แหลง่ น้า และการประกอบอาชีพ ๒. ส่งิ แวดล้อมถูกทาลาย ผลกระทบจากการจดั สรรค่าภาคหลวงแร่ที่ไม่เป็นธรรม คอื ๑. การชว่ ยเหลอื ด้านอาชีพทตี่ ้องมกี ารเปล่ียนแปลง เนอ่ื งจากขาดปัจจยั เรื่องน้าในการทาเกษตร และพื้นที่ทาการเกษตรลดลง ๒. ดา้ นสาธารณปู โภค (น้า) ขาดแคลนน้าดบิ ในการทาประปา ๓. ด้านสาธารณสุข มผี ปู้ ่วยดา้ นระบบทางเดนิ หายใจเพ่มิ มากขน้ึ ขอให้เรง่ รดั กฎหมาย ๒ ฉบับ ดังนี้ ๑. ร่างพระราชบญั ญตั ริ ายได้องค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ พ.ศ. .... ๒. รา่ งพระราชบญั ญตั ิกระจายหน้าทีแ่ ละอานาจให้แกอ่ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น พ.ศ. .... ทั้งน้ี สมาชกิ วุฒิสภาได้รบั ขอ้ คิดเห็นและข้อเสนอแนะจากประชาชนและภาคเอกชนที่นาเสนอ และจะดาเนินการส่งไปยังคณะกรรมาธิการสามัญประจาวุฒิสภาที่เกี่ยวข้องหรือส่งไปยังหน่วยงาน ท่เี กี่ยวขอ้ งต่อไป _________________________________
๗ ครงั้ ท่ี ๒ รายงานผลการดาเนินงานโครงการสมาชกิ วฒุ ิสภาพบประชาชนในพืน้ ที่จงั หวัด กลุม่ ภาคเหนือ (ตอนบน) วนั ท่ี ๑๑– ๑๓ กนั ยายน ๒๕๖๒ ณ จังหวดั เชยี งราย และจังหวดั พะเยา จังหวัดเชยี งราย วันพุธที่ ๑๑ กนั ยายน ๒๕๖๒ ณ ศาลากลางจงั หวัดเชยี งราย วธิ กี ารดาเนนิ กจิ กรรม จดั ประชมุ สมั มนารว่ มกบั ส่วนราชการภายในจงั หวัดเชียงราย ผลการดาเนนิ การ คณะสมาชิกวุฒิสภาได้รับข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ท่ีเขา้ ร่วมประชมุ ในประเด็นเก่ยี วกับการบังคับใชก้ ฎหมายตา่ ง ๆ ดังน้ี ด้านการท่องเท่ียว สานักงานทะเบียนธุรกิจนาเท่ียวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคเหนือ (จังหวัด เชียงใหม่) เป็นหน่วยงานกากับดูแลครอบคลุม ๑๗ จังหวัดในภาคเหนือ ตามพระราชบัญญัติธุรกิจ นาเท่ียวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ซ่ึงเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการจดทะเบียนการขอรับใบอนุญาต ประกอบธุรกิจนาเท่ียวในประเทศไทย การทส่ี านักงานทะเบียนธรุ กจิ ฯ ตงั้ อยู่ท่ีจังหวัดเชยี งใหม่ เป็นเหตุ ใหผ้ ู้ประกอบธุรกจิ ท่องเท่ยี วในจังหวดั ทางภาคเหนอื ไมไ่ ดร้ บั ความสะดวกในการตดิ ตอ่ หนว่ ยงานดงั กลา่ ว เนื่องจากต้องเดินทางข้ามจงั หวัด ด้านการค้าชายแดน การสุ่มตรวจสนิ ค้าบริเวณด่านศุลกากรกรณีสนิ ค้าเกษตรท่ีอาจมีสารพิษ ตกค้าง เนื่องจากสินค้าเกษตรเน่าเสียง่าย ประกอบกับข้ันตอนการตรวจต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร เจา้ หนา้ ท่ีไม่สามารถกักสนิ ค้าไว้ เมอื่ ทาการสุ่มตรวจแล้วต้องปลอ่ ยสนิ คา้ ไปกอ่ น ถ้าตรวจสอบแล้วยนื ยนั ได้วา่ สนิ คา้ เกษตรน้ันมสี ารพิษตกคา้ งก็จะดาเนนิ การยึดใบอนุญาตนาเขา้ ในภายหลัง ด้านแรงงานข้ามชาติ พระราชกาหนดการบริหารจัดการการทางานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งเปิดโอกาสให้แรงงานต่างด้าวที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติสามารถเปลี่ยนนายจ้างได้ตามอาเภอใจ นายทะเบียนไม่มีสิทธิยับย้ัง เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ควบคุมแรงงานต่างด้าวได้ค่อนข้างยาก รวมท้ังไม่มีการ กาหนดค่าธรรมเนียมการเปล่ียนนายจ้าง โดยขณะน้ี กระทรวงแรงงานได้ดาเนินการเสนอแก้ไขเพ่ิมเติม พระราชกาหนดการบริหารจัดการการทางานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และกระทรวงแรงงานได้ ดาเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ เร่ืองแนวทางการบริหารจัดการการทางานของ แรงงานต่างด้าว ปี ๒๕๖๒ – ๒๕๖๓ โดยกาหนดเงื่อนไขใน MOU เพ่ือควบคุมการเปล่ียนนายจ้างของ แรงงานตา่ งด้าวดังกลา่ ว
๘ จงั หวัดเชยี งราย วนั พธุ ท่ี ๑๑ กนั ยายน ๒๕๖๒ ณ โรงเรยี นสหศาสตร์ศกึ ษา จังหวดั เชียงราย วิธีการดาเนนิ กจิ กรรม จัดประชุมเชงิ ปฏิบตั กิ ารรว่ มกบั กลมุ่ เยาวชน ผลการดาเนินการ คณะสมาชิกวุฒิสภาได้รับข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากผู้แทน เยาวชนทเ่ี ข้าร่วมประชมุ ในประเด็นตา่ ง ๆ ดังนี้ ๑. ขาดแคลนทุนการศกึ ษาแก่ผู้ยากไร้ ๒. ประชาชนชาติพันธ์บางส่วนไรส้ ญั ชาตไิ ทยและมีปัญหาในการทาบัตรประชาชน ๓. พน้ื ทพี่ กั อาศยั บนดอยไฟฟา้ ยังเขา้ ไม่ถึงและถนนมีสภาพท่ีไม่ดีเปน็ ดนิ ทาใหเ้ ดินทางไม่สะดวก ๔. ชาวบ้านไมม่ ที ่ที ามาหากิน เพราะเป็นเขตปา่ สงวน _____________________________ จังหวัดเชียงราย วนั พฤหัสบดที ี่ ๑๒ กนั ยายน ๒๕๖๒ ณ เทศบาลตาบลแม่ยาว วิธกี ารดาเนนิ กจิ กรรม จัดประชมุ เชงิ ปฏิบตั ิการรว่ มกบั ประชาชน ผลการดาเนินการ คณะสมาชิกวุฒิสภาได้รับข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากผู้แทน ประชาชนท่ีเข้าร่วมประชุมในประเด็นต่างๆ ซ่ึงประชาชนมีความพึงพอใจต่อสมาชิกวุฒิสภาเป็นอย่างมาก และอยากให้สมาชกิ วฒุ สิ ภามาพบกบั ประชาชนอยา่ งตอ่ เน่อื งสรปุ ประเดน็ ตา่ ง ๆ ได้ดงั นี้ ๑. ประเดน็ เกย่ี วกบั เอกสารสิทธใิ นทด่ี ินทาใหเ้ กดิ อปุ สรรคต่อการประกอบอาชพี การพฒั นา และการแกไ้ ขปญั หาภัยแลง้ ๒. ประเดน็ เกี่ยวกับการไดม้ าซ่ึงสญั ชาตไิ ทยของประชาชนและเยาวชนในพนื้ ท่ี ๓. ประเดน็ การใช้อานาจของเจา้ หนา้ ทรี่ ัฐในการบงั คบั ใช้กฎหมาย ๔. ประเดน็ การเข้าถึงกฎหมายและข้อมูลด้านวิชาการดา้ นการเกษตร ๕. ประเด็นเกยี่ วกับคา่ ตอบแทนของบคุ ลากรท้องท่ี
๙ ทั้งนี้ สมาชิกวุฒิสภาได้ให้ข้อแนะนาประเด็นเกี่ยวกับการได้มาซ่ึงสัญชาติไทย ประชาชน ในพืน้ ทส่ี ามารถประสานงานไปยังหนว่ ยงานฝา่ ยปกครองเพ่อื รอ้ งขอให้ประชาชนเข้าสู่กระบวนการตรวจ สารพันธกุ รรม (DNA) ต่อสถาบันนิตวิ ิทยาศาสตร์ เพื่อนามาเป็นหลักฐานและนาไปสกู่ ระบวนการพิสูจน์ สัญชาติตอ่ ไป _____________________________ จงั หวัดเชียงราย วนั พฤหสั บดีท่ี ๑๒ กนั ยายน ๒๕๖๒ ณ องค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั เชยี งราย วิธกี ารดาเนนิ กิจกรรม จดั ประชุมสมั มนารว่ มกบั หนว่ ยงานภาครฐั ภายในจงั หวดั ผลการดาเนินการ คณะสมาชิกวุฒิสภาได้รับข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากผู้แทน หน่วยงานภาครัฐที่เข้าร่วมประชุมในประเด็นเก่ียวกับการบังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ ในโครงการก่อสร้าง ถนนพาราดินซีเมนต์ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน โดยที่ผ่านมาได้มีการจัดทาแปลงสาธิตการก่อสร้างถนนพาราดินซีเมนต์ ในสายทางเช่ือมระหว่างหมู่ท่ี ๑๔ ตาบลบ้านดู่ ถึงชุมชนห้วยปลากั้ง ตาบลริมกก อาเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย รวมระยะทางกว่า ๕๐๐ เมตร นับวา่ เป็นถนนสายแรกของภาคเหนือท่ีใช้ส่วนผสมจาก ยางพารา ดิน และปูนซีเมนต์ ก่อให้เกิดการพัฒนาในหลายด้าน ซึ่งในปัจจุบันจังหวัดเชียงรายมีพื้นที่ สาหรับปลูกยางพารากว่า ๓๐๐,๐๐๐ ไร่ หากมีการขยายโครงการก่อสร้างถนนพาราดินซีเมนต์ ก็จะสามารถช่วยการสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง และเป็นทางเลือกในการ แก้ปัญหาราคายางพาราตกต่าได้อย่างย่ังยืน ทั้งน้ี องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย มีข้อเสนอแนะ ดังน้ี ๑) ขอให้แต่งต้ังคณะทางานที่มีหน้าท่ีและอานาจพิจารณาผลักดันโครงการ ๑ ตาบล ๑ เส้นทาง เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างถนนพาราดินซีเมนต์ใช้งานในถนนขนส่งสินค้าเกษตรในทุกตาบล ทว่ั ประเทศ ๒) ปัจจุบัน สานักงานการตรวจเงินแผ่นดินยังไม่มีคู่มือตรวจการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน ทาให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ ไมส่ ามารถใชง้ บประมาณสนับสนนุ การก่อสรา้ งถนนพาราดนิ ซีเมนต์ เพอื่ การ ใช้งานจริง ๓) การยางแห่งประเทศไทยควรกาหนดราคากลางยางพาราให้มีความเหมาะสมกับการลงทุน ทาถนนพาราดนิ ซีเมนต์ _____________________________
๑๐ จงั หวัดพะเยา วนั พฤหสั บดที ่ี ๑๒ กนั ยายน ๒๕๖๒ ณ ห้องประชุมภูกามยาว ชั้น ๕ ศาลากลางจังหวดั พะเยา วิธกี ารดาเนินกิจกรรม จดั ประชุมสมั มนารว่ มกบั หนว่ ยงานภาครฐั ภายในจังหวดั ผลการดาเนินการ คณะสมาชิกวุฒิสภาได้รับข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากผู้แทน หน่วยงานภาครัฐทีเ่ ขา้ ร่วมประชมุ ในประเด็นเก่ยี วกับการบังคบั ใชก้ ฎหมายในด้านตา่ ง ๆ ดังน้ี ๑. ด้านการท่องเที่ยว ประเด็นการบังคับใช้กฎหมายที่เกิดข้ึนในจังหวัดพะเยา มีกรณี บรษิ ัทเอกชนนาเทย่ี วได้หลอกลวงนกั ท่องเที่ยว โดยการขายทัวร์ให้ แต่ไม่ไดพ้ าลูกทัวร์ไปท่องเทย่ี ว ตามวัน เวลา และสถานท่ีท่ีตกลงไว้ เกิดความเสียหายคิดเป็นมูลค่ากว่า ๔ ล้านบาท ตามพระราชบัญญัติธุรกิจ นาเท่ียวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. ๒๕๕๑ กาหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจนาเที่ยวประเภททั่วไปต้องวางหลักประกัน สูงสุดเป็นจานวนเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นจานวนเงินท่ีไม่ครอบคลุมมูลค่าความเสียหายท่ีเกิดขึ้นจริง ดังนั้น จึงเห็นควรแก้ไขเพ่ิมเติมพระราชบัญญัติธุรกิจนาเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เพิ่มเติมวงเงิน ในหลักประกันให้มจี านวนทีเ่ หมาะสมกับความเสยี หายทจี่ ะเกดิ ขึ้น ๒. ด้านการค้าชายแดน เสนอแนะให้มีแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ (แกไ้ ขค่าตรวจพาหนะนอกเวลาราชการ) เพ่อื สง่ เสริมผู้ประกอบรายย่อยในพื้นทจี่ งั หวดั พะเยา ปญั หาการกักพืชหรือกักสัตวท์ ่ีมพี อ่ ค้าชาวลาวมาซ้อื จากไทยเพ่ือสง่ ออกไปท่ีประเทศลาวไมไ่ ด้ ตลอดจนสินค้าน้ามันเช้ือเพลิง ท่ีหน่วยงานทหารที่ประจาด่านศุลกากร ตีความว่าเป็นสินค้าประเภท ยทุ โธปกรณ์ ทาใหก้ ารค้าบริเวณชายแดนมขี ้อจากดั อย่างมาก ๓. ด้านหมอกควัน จังหวัดพะเยามีพ้ืนที่ป่าในความรับผิดชอบ จานวนกว่า ๒ ล้านไร่ ลาพัง กาลังเจ้าหน้าท่ปี ่าไม้ ไม่เพียงพอท่ีจะควบคุมดแู ล จึงต้องอาศัยความร่วมมือกับอาสาสมัครชุมชนในการ ติดตาม เฝ้าระวงั และลาดตระเวน โดยที่ผ่านมาจะใช้งบประมาณสนบั สนุนจากงบกลาง ปีละ ๑๐ ล้านบาท ต่อมาในปี ๒๕๖๑ ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณดังกล่าว โดยต้องเสนอขอต่ออธิบดีตามข้ันตอนปกติ ทาให้งบประมาณตกหล่นไป ไม่มีงบประมาณสนับสนุนให้แก่อาสาสมัครชุมชนท่ีช่วยเจ้าหน้าท่ีในการ
๑๑ ตดิ ตามเฝ้าระวงั และลาดตระเวนในพน้ื ที่ปา่ ดังกล่าว ทัง้ น้ี ขอใหม้ กี ารสนับสนุนงบกลางให้แก่หน่วยงาน ในพ้นื ท่ี จงั หวดั ละ ๑๕ ล้านบาท เพ่อื สนับสนนุ ให้แก่อาสาสมัครชมุ ชนดงั กลา่ ว ๔. ด้านคนไร้สัญชาติ เด็กท่ีมายื่นขอสัญชาติไทยมักจะเกิดจากการคลอดในบ้าน ไม่ได้คลอด ในสถานพยาบาลของรัฐ จึงไม่มีเอกสารหลักฐานที่ยืนยันว่าเกิดในประเทศไทย จาเป็นต้องมีการพิสูจน์ สญั ชาติของเดก็ เหลา่ น้ี โดยการสืบพยานบุคคล ประกอบการพิจารณาให้สัญชาติ ซ่ึงมีข้ันตอนทีต่ ้องปฏิบัติ ที่ตอ้ งใช้ระยะเวลาดาเนนิ การค่อนขา้ งนาน _____________________________ จังหวดั พะเยา วันศกุ รท์ ่ี ๑๓ กนั ยายน ๒๕๖๒ ณ หอ้ งประชมุ ศนู ยว์ จิ ัยและพัฒนาประมง น้าจดื พะเยา วธิ ีการดาเนินกิจกรรม จดั ประชมุ สมั มนารว่ มกบั หนว่ ยงานภาครฐั ภายในจังหวดั ผลการดาเนินการ คณะสมาชิกวุฒิสภาได้รับข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากผู้แทน หน่วยงานภาครัฐ และตัวแทนภาคเอกชนที่เข้าร่วมประชุม ในประเด็นเกี่ยวกับการพัฒนากว๊านพะเยา ซงึ่ สืบเนือ่ งมาจากกฎหมาย และการขออนุญาตหน่วยงานที่รบั ผดิ ชอบ ๑. พระราชกฤษฎีกากาหนดเขตห้วงห้ามท่ีดินบริเวณกว๊านพะเยา อาเภอพะเยา จังหวัดเชียงราย พุทธศักราช ๒๔๘๒ (เพ่ือประโยชน์ในการบารุงรักษาพันธ์ุสัตว์น้า) บัญญัติให้ที่ดินรกร้างว่างเปล่าที่อยู่ ภายในเขตหวงห้ามตามแผนท่ีท้ายพระราชกฤษฎีกาฉบับน้ี ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าหักร้างจัดทาหรือปลูกสร้าง ด้วยประการใด ๆ ท้ังส้ิน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าหน้าท่ี เป็นเหตุให้การพัฒนาพ้ืนท่ี
๑๒ กวา๊ นพะเยาและบรเิ วณโดยรอบไมส่ ามารถกระทาได้ อาทิ โครงการพัฒนากว๊านพะเยาเพื่อการทอ่ งเท่ียว ซึง่ อาจจะตอ้ งมกี ารก่อสรา้ งอาคารหรือสง่ิ ปลูกสร้างต่าง ๆ เป็นต้น ๒. พระราชกาหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ กาหนดให้กวา๊ นพะเยาเปน็ ที่รกั ษาพันธุ์สตั ว์น้า ๓. กฎหมายที่เกีย่ วข้องของหลายหนว่ ยงานทเ่ี ปน็ อุปสรรคตอ่ การพัฒนากว๊านพะเยา ได้แก่ ๓.๑ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม ว่าด้วยพื้นท่ชี ุ่มน้าท่ีมคี วามสาคัญระดับ นานาชาติ ๓.๒ กรมเจา้ ท่าวา่ ดว้ ยการเดินเรือ ๓.๓ กรมธนารกั ษ์ว่าดว้ ยเงอ่ื นไข เชน่ การจัดเก็บรายได้ ระยะเวลา พื้นท่ี เป็นต้น ๓.๔ กรมศิลปากรว่าด้วยเรอ่ื งท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั โบราณสถาน ๓.๕ ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเร่ืองการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ท้ังน้ี ขอให้พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เก่ียวข้อง ที่บังคับใช้อยู่เป็นจานวนมาก เป็นอุปสรรคต่อพัฒนา กว๊านพะเยา และการใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการดาเนินโครงการพัฒนา ท้องถิ่น รวมทั้งขอให้ช่วยติดตามความคืบหน้าของโครงการดาเนินการปรับปรุงแผนท่ีแนวเขตที่ดิน ของรัฐแบบบรู ณาการ (One Map ๑ : ๔,๐๐๐) ๔. กว๊านพะเยา เป็นท่ีราชพัสดุ พื้นท่ี ๑๒,๘๓๑ ไร่ โดยกรมธนารักษ์มอบให้กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ใช้ประโยชน์เพื่อเป็นสถานเพาะพันธุ์ปลา ดังน้ัน โครงการพัฒนากว๊านพะเยา หลายโครงการจงึ ตดิ ขัดข้อกฎหมายไม่สามารถดาเนินการได้ อาทิ ๔.๑ โครงการกอ่ สร้างสะพานแขวนบรเิ วณสวนสุขภาพประมงเช่ือมสวนสาธารณะเทศบาล เมอื งพะเยา ท่ยี ังไม่สามารถดาเนนิ การได้ เน่อื งจากบรเิ วณดงั กลา่ วเปน็ ที่ราชพสั ดุ ๔.๒ การศึกษาออกแบบถนนรอบกว๊านพะเยา ไฟส่องสว่าง รวมทั้งการนาสายไฟลงใต้ดิน เพื่อให้สภาพภูมิทัศน์ของแหล่งท่องเท่ียวมีความสวยงาม ต้องมีการขออนุญาตใช้พ้ืนที่จากกรมประมง กรมธนารกั ษ์ และหน่วยงานอนื่ ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง มขี ั้นตอนการดาเนนิ การหลายข้ันตอน สง่ ผลให้การดาเนิน โครงการล่าช้า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังประสบปัญหาข้อกฎหมายที่มีข้อจากัดในเร่ืองการบริหารจัดการ ตะกอนดินท่ีได้จากการขุดลอก เป็นเหตุให้ปริมาณน้าที่เก็บกักในกว๊านพะเยาไม่เพียงพอต่อการอุปโภค และบริโภค _________________________________
๑๓ คร้ังที่ ๓ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชนในพืน้ ท่ีจงั หวดั กลุ่มภาคเหนือ (ตอนบน) วนั ที่ ๓ – ๔ ตลุ าคม ๒๕๖๒ ณ จงั หวัดลาปาง จังหวัดลาปาง วันพฤหัสบดีที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ ห้องประชุม ช้ัน ๑ องค์การบริหารส่วน ตาบลบ้านดง อาเภอแมเ่ มาะ วิธีการดาเนินกิจกรรม ลงพื้นที่ศึกษาสภาพบริเวณที่ทิ้งดินของเหมือง แม่เมาะ ตาบลบ้านดง อาเภอแม่เมาะ จังหวดั ลาปาง ผลการดาเนินการ คณะสมาชิกวุฒิสภาได้รับข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากผู้แทน หน่วยงานภาครัฐ และตัวแทนภาคเอกชน รวมท้ังได้รับเร่ืองราวร้องทุกข์จากองค์การบริหารส่วนตาบล บ้านดง และผูใ้ หญ่บา้ นในพ้นื ท่ีตาบลบา้ นดง อาเภอแมเ่ มาะ จังหวดั ลาปาง ดังนี้ ๑. นายศุกร์ ไทยธนสุกานต์ นายกองคก์ ารบริหารส่วนตาบลบ้านดง เรื่อง ขอความอนเุ คราะห์ ชว่ ยเหลอื ปญั หาความเดือดร้อน ๒. นายประจักษ์ ชาติสบื ผู้ใหญ่บา้ นสวนปา่ แม่เมาะ และคณะ เร่ือง ขอความเป็นธรรมการอพยพ ๓. นายสมบูรณ์ คาปลิว ผู้ใหญ่บ้านจาปุย เรื่อง ขอความอนุเคราะห์ช่วยแก้ไขปัญหาพ้ืนที่ทากิน ของเกษตรกรทับซ้อนกับเขตพ้นื ทที่ หาร ๔. นายนพิ ล อัครวีรวัฒนา ผู้ใหญ่บา้ นท่าสี เรื่อง ขอความอนุเคราะหช์ ่วยแก้ไขปญั หาพ้ืนทีท่ ากิน ของเกษตรกรทบั ซ้อนกบั เขตพื้นท่ที หาร สมาชิกวุฒสิ ภาไดใ้ ห้ขอ้ คิดเหน็ ดงั น้ี การดาเนินการของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องคานึงถึงผลกระทบท่ีเกิดขึ้นกับ ราษฎรในพ้ืนท่ี และหลักเกณฑ์ที่นามาบังคับใช้ควรมีความเป็นธรรม โดยเป็นไปตามบทบัญญัติของ กฎหมายท่เี กย่ี วขอ้ ง ทั้งนี้ คณะกรรมการจะรับเรอื่ งไปพิจารณาวเิ คราะหแ์ ละสง่ เร่ืองให้คณะกรรมาธิการ สามญั ประจาวฒุ สิ ภา และหนว่ ยงานท่ีเกยี่ วขอ้ ง เพอื่ พิจารณาดาเนินการตามหนา้ ที่และอานาจต่อไป _____________________________ จังหวัดลาปาง วนั ศกุ ร์ท่ี ๔ ตลุ าคม ๒๕๖๒ ณ หอ้ งประชมุ ชั้น ๑ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ลาปาง อาเภอเกาะคา วิธีการดาเนินกิจกรรม รับฟังประเด็นเรื่องการขาดแคลนวัตถุดิบท่ีใช้ในการผลิตเครือ่ งปัน้ ดินเผา และผลติ ภณั ฑเ์ ซรามิก
๑๔ ผลการดาเนินการ คณะสมาชิกวุฒิสภาได้รับข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากผู้แทน หนว่ ยงานภาครฐั และตวั แทนภาคประชาชนในพืน้ ท่ี ตวั แทนกลุ่มชาวบา้ นตาบลบา้ นบอม ตาบลบา้ นกิ่ว อาเภอแม่ทะ จังหวดั ลาปาง ได้ย่ืนหนังสือร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ในพื้นที่ภาคเหนือ (ตอนบน) จานวน ๑ ราย คือ เรื่องการพิจารณาการขอประทานบัตรทาเหมืองแร่ บา้ นบอม ม. ๖ (เปน็ สาเนาหนงั สือ เรื่อง ขอคัดคา้ นขอประทานบตั รเหมืองแร่ ลงวนั ที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๒ ของนายจลนุ สายหน้า ตวั แทนชาวบ้านตาบลบา้ นบอม) สมาชกิ วุฒิสภาไดใ้ หข้ อ้ คิดเห็น ดงั นี้ จังหวัดลาปางเป็นจังหวัดท่ีผลิตและส่งออกเครื่องป้ันดินเผาและผลิตภัณฑ์เซรามิกอันดับหนึ่ง ของไทย และเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาคอาเซียน อุตสาหกรรมเคร่ืองป้ันดินเผาและผลิตภัณฑ์เซรามิก ของจังหวัดลาปางมีความสาคัญต่อระบบเศรษฐกจิ ของท้ังประชาชนในจังหวัดและประเทศไทย ปัจจุบัน แร่ดินขาวเกาลีน (Kaolin) ซึ่งถือเป็นวัตถุดิบสาคัญในการผลิตเครื่องป้ันดินเผาและผลิตภัณฑ์เซรามิก กาลังจะหมดไป โดยประทานบัตรเหมืองแร่ดินขาวในพ้ืนที่จังหวัดลาปาง จานวน ๘ แปลง จะทยอย หมดอายุลง แนวทางการแกไ้ ขปัญหาดังกลา่ วอาจจาเป็นต้องใช้แร่ดินหินผุ (Pottery Stone) ในการผลิต เคร่ืองปั้นดินเผาและผลิตภัณฑ์เซรามิก ซ่ึงมีต้นทุนสูงขึ้น เนื่องจากต้องนาเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ ในขั้นตอนการเตรียมแร่ รวมท้ังต้องพัฒนาเทคโนโลยีในกระบวนการผลิตสินค้าเพ่ือให้ได้มาตรฐาน และคุณภาพที่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ การดาเนินการหน่วยงานที่เก่ียวข้องหลายหน่วยงาน ยังมีความไม่สอดคล้องกัน ก่อให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติแก่ผู้ประกอบการ เช่น ประทานบัตรเหมืองแร่ ในพ้ืนที่ป่าสงวนแห่งชาติ เป็นต้น จึงจาเป็นต้องมีการบูรณาการการทางานของหลายหน่วยงาน ซ่ึงอาจ จาเปน็ ตอ้ งมกี ารแกไ้ ขเพิ่มเติมหรือปรับปรงุ กฎหมายที่ใชบ้ งั คับอยใู่ นปจั จุบนั ทั้งนี้ สมาชกิ วุฒิสภาไดเ้ สนอแนะให้จังหวัดลาปางดาเนินการรวบรวมขอ้ มูลทเ่ี กี่ยวข้องทงั้ หมด ส่งมายังคณะกรรมการ เพ่ือพิจารณาวิเคราะห์และส่งเรื่องให้คณะกรรมาธิการสามัญประจาวุฒิสภา ตลอดจนประสานกับหนว่ ยงานท่เี กี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดาเนนิ การตามหนา้ ท่ีและอานาจต่อไป _________________________________
๑๕ คร้ังที่ ๔ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชิกวฒุ สิ ภาพบประชาชนในพน้ื ท่ีจงั หวดั กล่มุ ภาคเหนือ (ตอนบน) วันที่ ๑๐-๑๑ ตลุ าคม ๒๕๖๒ ณ จงั หวดั ลาพนู และจังหวัดเชยี งใหม่ จังหวัดลาพนู วนั พฤหสั บดีท่ี ๑๐ ตลุ าคม ๒๕๖๒ ณ ศาลากลางจังหวดั ลาพูน วธิ ีการดาเนินกิจกรรม จดั ประชมุ สมั มนาร่วมกับตวั แทนสว่ นราชการภายในจงั หวดั ผลการดาเนินการ คณะสมาชิกวุฒิสภาได้รับข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากผู้แทน หนว่ ยงานภาครฐั และตวั แทนภาคประชาชนในพนื้ ที่ ในประเดน็ ต่าง ๆ ดงั นี้ ๑) ด้านหมอกควนั การดาเนินการปี ๒๕๖๒ การดาเนินการด้านหมอกควันของจังหวัดลาพูนในปี ๒๕๖๒ ให้ความสาคัญการดาเนินการ ในระดับหมูบ่ ้าน โดยแบง่ ออกเป็น ๓ ข้นั ตอน ประกอบด้วย ๑. การเตรียมการ ดาเนินการระหว่างเดอื นพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ - ใช้ระบบ Single command ในการบริหารจดั การ โดยจัดตัง้ ศนู ยบ์ ัญชาการเหตกุ ารณ์ ระดับจงั หวดั จดั ต้งั ศูนย์อานวยการฯ (สว่ นหนา้ ) อาเภอลี้ และจดั ตง้ั ศูนยเ์ ฉพาะกิจระดับอาเภอ - บูรณาการขอ้ มลู และแจง้ เตือนสถานการณ์หมอกควนั โดยมีการแจ้งเตือนสถานการณ์ คุณภาพอากาศและรายงานผลการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งเผยแพร่ข้อมูลคุณภาพอากาศ กิจกรรม การป้องกันและการควบคุมไฟปา่ ผ่านเครอื ขา่ ย Online และประชาสมั พนั ธก์ ารใช้ Mobile Application - จัดการเชือ้ เพลิงและบรหิ ารจัดการพ้ืนทเ่ี สี่ยงเพื่อลดการเผา โดยวเิ คราะหส์ ภาพอากาศ กระแสลม ความช้ืนและช่วงเวลาท่ีเหมาะสมในการจัดการเชื้อเพลิง โดยให้ศูนย์เฉพาะกิจระดับอาเภอ เป็นศูนย์กลางในการจัดทาแผนจัดการเชื้อเพลิงและควบคุมไฟป่า มีจิตอาสาทาความดีด้วยหัวใจ รว่ มจดั ทาแนวกันไฟ ๒. การรับมือ ดาเนนิ การระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน ห้ามเผาอย่างเด็ดขาดในช่วงวิกฤติ มีการจัดต้ังศูนย์กลางการรับแจ้งเหตุท่ีตารวจภูธร จังหวัดลาพูน ให้กานันผู้ใหญ่บ้านร่วมสอดส่องดูแลไม่ให้ราษฎรเผาพ้ืนท่ีท่ีตนถือครอง มอบหมายให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดาเนินการตามข้อบัญญัติหรือเทศบัญญัติลงโทษผู้กระทาความผิด หากมีการเผาขยะมลู ฝอย และสนธิกาลังระดมเครอื่ งมอื อุปกรณ์ในการควบคุมไฟป่า ๓. ย่งั ยืน ดาเนนิ การระหว่างเดอื นพฤษภาคม-กนั ยายน รณรงค์สร้างจิตสานึกและการมสี ่วนร่วมของภาคประชาชน โดยการจัดตั้งชุดปฏิบตั ิการ ระดับตาบล ๕๗ อปท. เผยแพรประชาสัมพันธ์และรณรงค์ป้องกันปัญหาหมอกควันอย่างต่อเนื่อง สร้างชุดมวลชนต้นแบบที่ไม่เผาป่า และขยายผลสร้างจิตสานึกรักสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมอาชีพเพื่อ
๑๖ เปล่ียนแปลงพฤติกรรม และอาชพี หาของปา่ ลา่ สัตว์ ส่งเสริมบทบาทเครือข่ายอาสาสมัครในการป้องกัน และควบคุมไฟป่า ผลกั ดนั ใหท้ กุ ภาคส่วนมีสว่ นร่วมในการป้องกันและแกไ้ ขปญั หา ในปี ๒๕๖๒ จังหวัดลาพูนมีการประมวลผลตาแหน่งจุดความร้อนสะสม (Hotspot) จากข้อมูลดาวเทียมระบบ MODIS และระบบ VIIRS ซึ่งท้ังสองระบบเป็นระบบท่ีติดตั้งบนดาวเทียม ท่ีมีวงโคจรคล้ายกัน แต่มีความแตกต่างกันในด้านความละเอียดของข้อมูล (Spatial Resolution) ของ เซ็นเซอร์การตรวจจับความร้อน โดยระบบ MODIS ตรวจพบจุดความร้อน (Hot spot) จากชั้นข้อมูล รายละเอียด ๑,๐๐๐ เมตรต่อพิกเซล ในขณะท่ีระบบ VIIRS ตรวจพบจุดความร้อนจากช้ันข้อมูล ที่มีรายละเอยี ด ๓๗๕ เมตรตอ่ พิกเซล เปน็ ผลให้จานวนจุดความร้อนจากระบบ VIIRS มีมากกวา่ จานวน จุดความร้อนจากระบบ MODIS ประมาณ ๓ เท่า ส่งผลให้สามารถดาเนินการดับไฟได้อย่างรวดเร็ว และตรงจุด แผนการบรหิ ารจัดการดา้ นปญั หาหมอกควนั ของจังหวัดลาพูน ปี ๒๕๖๓ จงั หวัดลาพูนไดม้ ีการวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาหมอกควนั และได้จัดทามาตรการสาหรับ การเตรยี มการรับมอื ปัญหาหมอกควันในปี ๒๕๖๓ สรุปไดด้ งั น้ี ๑. สถานการณ์ PM ๒.๕ PM ๒.๕ มีสาเหตุมาจากหลายกิจกรรม นอกจากน้ีในช่วง ฤดูแล้ง สัดสว่ นของ PM ๒.๕ และ PM ๑๐ เพม่ิ ข้นึ ร้อยละ ๑๕ ระหว่างเดือนมกราคม – เมษายน คดิ เป็น ร้อยละ ๖๖ และ ระหว่างเดือนพฤษภาคม – กันยายน คิดเป็นร้อยละ ๕๑ โดยเกิดจากปัจจัยสภาพ อากาศ (อากาศปิด) ก่อให้เกิดการสะสม PM ๒.๕ สาหรับในปี ๒๕๖๒ สภาพอากาศมีการเปล่ียนแปลง ทาให้สถานการณ์หมอกควันรุนแรงขึ้น นอกจากน้ีสภาพป่ามีความแห้งแล้ง เมื่อเกิดไฟป่าจึงทาให้ไฟป่า ลุกลามอยา่ งรวดเร็ว ๒. จุดความร้อน (HOT SPOT) จุดความร้อน (HOT SPOT) มีสาเหตุมาจากการเผาในท่ีโล่ง ทกุ พ้ืนที่ ทกุ ฤดู ในพนื้ ทชี่ มุ ชน พ้นื ทร่ี มิ ทาง ทีร่ กรา้ งว่างเปล่า บริเวณทมี่ ีการลกั ลอบทิง้ ขยะ นอกจากนี้มีการลักลอบเผาในพื้นท่ีป่าไม้เป็นจานวนมาก และยังหาตัวผู้กระทาผิด ไม่ไดม้ ีการใช้ข้อมูลจากดาวเทียมระบบ VIRRS ทาให้ควบคมุ ดับไฟป่าได้เรว็ ข้ึน สถานีควบคุมไฟป่า และ หน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่า คือ หน่วยงานหลักในการดับไฟ หมู่บ้านเครือข่ายที่ได้รับเงินอุดหนุน จากกรมอทุ ยานฯ และกรมปา่ ไม้ เป็นหมูบ่ า้ นท่มี กี ารปฏบิ ตั ิการดับไฟโดยมีนายอาเภอ กานนั ผใู้ หญ่บ้าน และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เปน็ กาลังสนบั สนุนหลักในกรณที ี่เกิดไฟไหม้ป่า กรณีเกนิ กาลัง ของหนว่ ยงานดับไฟป่า ๓. มาตรการสาหรบั การเตรียมการรับมือปญั หาหมอกควนั ในปี ๒๕๖๓ จังหวัดลาพูนได้จัดเตรียมมาตรการสาหรับการเตรียมการรับมือปัญหาหมอกควัน ในปี ๒๕๖๓ ดงั น้ี ๑. การสรา้ งการรบั ร้สู ถานการณ์ PM ๒.๕
๑๗ ๒. กลุ่มบุคคลเสี่ยงต่อการเผา ๓. การสนบั สนนุ ระดับหมบู่ า้ น ๔. ชุดลาดตระเวนและดับไฟปา่ ๕. การสรา้ งความชมุ่ ช่นื ใหผ้ นื ป่า ๖. จิตอาสาป้องกันและควบคุมไฟปา่ ๗. การจดั การเช้ือเพลงิ อยา่ งเป็นระบบ ๘. ความรว่ มมือตามแนวทางประชารฐั ๒) ด้านการจัดการน้าในฤดูแล้ง แหล่งน้าสาหรับใช้ในพ้ืนท่ีจังหวัดลาพูนมาจาก ๓ แหล่ง ประกอบด้วย น้าฝน น้าท่า และอ่างเก็บน้า โดยมีการสรุปการบริหารจัดการน้าช่วงวิกฤตภัยแล้ง ปี ๒๕๖๒ และการเตรียมการด้านการบริหารจัดการน้าในฤดูแล้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ – เมษายน ๒๕๖๓ สรุปได้ดงั นี้ การบรหิ ารจดั การน้าช่วงวิกฤตภัยแลง้ ปี ๒๕๖๒ ๑. ให้ความสาคัญกับน้าอุปโภค-บริโภค เป็นลาดบั แรกโดยขอให้ผู้ประสบปัญหาการขาดแคลน นา้ แจง้ หน่วยงานทอ้ งถิน่ เพอ่ื ขอสนบั สนนุ รถบรรทุกน้าไปแจกจา่ ย ๒. ขอความร่วมมือชะลอการเพาะปลูกออกไปเป็นต้นเดือนสิงหาคม โดยประชุมรณรงค์ขอ ความร่วมมือใหเ้ กษตรกรปรับเปลี่ยนปฏทิ นิ การปลูกข้าวนาปี เลื่อนไปเป็นปลายเดอื นกรกฎาคมถงึ ต้นเดือน สงิ หาคมของทุกปี เพอ่ื ให้ตรงกับช่วงฝนชุกในแต่ละปี เพอื่ กักเกบ็ น้าในอ่างไว้ใหม้ ากทส่ี ดุ ๓. พื้นท่ีการเกษตรท่ีประสบปัญหาภัยแล้งขอให้แจ้งหน่วยงานท้องถ่ิน เพื่อขอสนับสนุน เคร่ืองสูบน้าจากหน่วยงานต่าง ๆ โดยโครงการชลประทานลาพูนไดเ้ ตรียมเคร่ืองสูบน้าให้การสนับสนุน จานวน ๑๙ เครือ่ ง ๔. ขอความรว่ มมือให้เกษตรกรกลุม่ ผใู้ ช้น้าร่วมมือแบ่งปนั และใช้นา้ ตามกติกาของกลุ่มผู้ใชน้ ้า อย่างเคร่งครัด โดยกาหนดให้ใช้การส่งนา้ แบบรอบเวร คือ ส่งน้าจานวนน้อย ๆ เขา้ สู่พื้นท่ีแปลงย่อย ๆ ตามชว่ งเวลาท่ตี กลงกัน ๕. ขอให้หน่วยงานท่ีผลิตน้าเพ่ือการอุปโภค-บริโภค โดยใช้น้าดิบจากแหล่งน้าที่อยู่ในแผน บรหิ ารจดั การนา้ ของกรมชลประทาน เชน่ สถานผี ลิตนา้ ประปาจากแมน่ า้ ปงิ (ฝายพญาอุต) ใหพ้ ิจารณา ดาเนนิ การขุดลอกบรเิ วณด้านหนา้ สถานสี ูบนา้ รว่ มกับการขุดร่องชกั นา้ และลดระดบั หวั สบู การเตรียมการด้านการบริหารจัดการน้าในฤดูแล้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ – เมษายน ๒๕๖๓ ๑. รณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรปรับเปล่ียนช่วงเวลาการปลูกข้าวนาปีของทุก ๆ ปี ให้อยู่ในช่วงปลายเดอื นกรกฎาคมถึงตน้ เดือนสงิ หาคม เพ่อื ตรงกับชว่ งทฝ่ี นตกชุกจะทาใหป้ ระหยดั น้าไว้ ในอา่ งเก็บนา้ และแหลง่ น้าตน้ ทุนต่างๆและใชน้ ้าฝนเปน็ หลักในการเพาะปลกู
๑๘ ๒. พัฒนาแหล่งน้าต้นทุนเพิ่มเติม โดยเร่งรัดโครงการอ่างเก็บน้าขนาดกลางในลุ่มน้าลี้ และลมุ่ นา้ ทา ที่มีการศึกษาไว้แล้ว ๓. ในส่วนของน้าประปาลาพูนควรเพ่ิมกาลังผลิตที่เข่ือนแม่กวง และรองรับโครงการเพิ่ม ปริมาณน้าในอา่ งเก็บน้าแม่กวงฯ เพื่อขยายเขตบริการมายงั อาเภอบ้านธิ อาเภอเมืองลาพูนและรองรับ แผนกอ่ สรา้ งสนามบนิ ใหม่ทีจ่ ะเกิดข้นึ ในอาเภอบา้ นธิ ๓) ดา้ นการท่องเท่ยี ว การท่องเท่ียวจังหวัดลาพูน จังหวัดลาพูนมีแหล่งท่องเท่ียวท่ีน่าสนใจ ประกอบด้วย วัด ธรรมชาติ หมู่บ้านหรือชุมชนท่องเที่ยว โบราณสถาน และอ่ืนๆ ซึ่งกระจายตัวอยู่ในท้ัง ๘ อาเภอ ของจังหวัดลาพูน การท่องเที่ยวจังหวัดลาพูนเติบโตอย่างต่อเน่ืองจานวนนักท่องเที่ยว โดยมีจุดแข็ง ด้านการตลาดและภาพลักษณ์ในสายตานักท่องเที่ยวเนื่องจากจังหวัดลาพูนมีความโดดเด่นทางด้าน เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม และมีสถานที่ท่องเท่ียวทางด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่น่าสนใจ ในปัจจุบันการท่องเท่ียวเชิงกีฬาถือเป็นสาขาหน่ึงของการท่องเท่ยี วที่ได้รับความนิยม แม้ตลาด การท่องเท่ียวเชิงกีฬาในประเทศไทยยังไม่ได้รับการพัฒนามากนักแต่แนวโน้มของการเติบโตของตลาด การทอ่ งเทย่ี วได้รับความสนใจมากข้ึน จังหวัดลาพูนถือเป็นจังหวัดท่ีมีศักยภาพในการท่องเท่ยี วเชิงกีฬา คอ่ นขา้ งมาก เนอื่ งจากมภี ูมิประเทศท่ีหลากหลาย ทาให้นักทอ่ งเท่ียวเชิงกีฬาสามารถประกอบกิจกรรม กีฬาได้หลากหลายรูปแบบในแต่ละพื้นท่ี เช่น การปีนเขา การแข่งขันวิ่ง ว่ิงเทรล ปั่นจักรยานและกีฬา ดา้ น ADVENTURE การพัฒนาและส่งเสริมการทอ่ งเท่ียว ๑. ดาเนินการกาหนดรูปแบบและจดั กจิ กรรม Fam Trip (FAM Trip หรือ Familiarization Trip คือ การเดินทางเพ่ือสร้างความคุ้นเคยกับแหล่งท่องเท่ียวหรือสิ่งอานวยความสะดวกด้านการ ท่องเที่ยว เพอื่ ส่งเสริมการขายสู่พ้ืนทหี่ รอื บรกิ ารน้นั ๆ) ๒. กิจกรรมจัดทาสื่อประชาสัมพนั ธ์เสน้ ทางท่องเที่ยวผ่านเร่อื งเลา่ (Story Telling) ๓. จัดทาสอื่ ประชาสัมพนั ธ์การท่องเท่ียว เพ่อื ประชาสัมพนั ธ์การทอ่ งเท่ยี วกลมุ่ จังหวัด และ ส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว ความยาวไม่น้อยกว่า ๑๐ นาที จานวนไม่น้อยกว่า ๒ ตอน ด้วยระบบภาพ ความคมชดั สูง (HD) เผยแพร่ผ่านสถานโี ทรทศั น์ TV Digital ๔. ดาเนนิ การผลติ สื่อไวรลั (Viral) เพ่ือประชาสมั พนั ธเ์ สน้ ทางท่องเทย่ี ว ๕. ออกแบบและผลิตหนังสือคู่มือแนะนาเส้นทางการท่องเที่ยวตามรอยเร่ืองเล่า (Story Telling) ทางวัฒนธรรมลา้ นนา ๖. กิจกรรม การจัดทาระบบสืบค้นอัจฉริยะเรื่องเล่า (Story Telling) ด้านการท่องเที่ยว ดว้ ย QR Code ตามแหลง่ ท่องเทย่ี วในเขตพัฒนาการทอ่ งเท่ียว อารยธรรมลา้ นนา
๑๙ __________________________ จังหวัดลาพูน วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลาพูน อาเภอแมท่ า วธิ กี ารดาเนนิ กิจกรรม จดั ประชมุ Focus Group ร่วมกบั ตวั แทนประชาชน ผลการดาเนินการ คณะสมาชิกวุฒิสภาไดเ้ ดินทางลงพน้ื ที่อาเภอแม่ทา จงั หวัดลาพูน เพ่ือร่วมรับฟังข้อคิดเห็นและ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับด้านท่ีดินทากินของประชาชน และเร่ืองอ่ืนๆ โดยพบปะกับประชาชน กานัน ผใู้ หญบ่ ้าน องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น จานวน ๑๐๐ คน โดยมีการจัดกิจกรรมสมั มนากลุม่ ยอ่ ยเกยี่ วกบั ทด่ี นิ ทากิน จานวน ๔ กล่มุ ดังน้ี กล่มุ ท่ี ๑ สมาชิกวุฒสิ ภา ๑. พลเอก สกนธ์ สัจจานติ ย์ ๒. นายสรุ สิทธิ์ ตรีทอง เจ้าหนา้ ที่ นางสาวปัทมาภรณ์ ชูสกลุ กลุ่มท่ี ๒ สมาชิกวุฒิสภา ๑. นายปรีชา บวั วริ ัตน์เลศิ ๒. พลโท อาพล ชูประทุม เจ้าหน้าที่ นางสาวกฤตยา หวังบู่ กลมุ่ ที่ ๓ สมาชิกวุฒสิ ภา ๑. นายณรงค์ อ่อนสะอาด ๒. นายจิรชยั มูลทองโรย่ เจา้ หนา้ ที่ นางสาวธัญชนก วิริยะมงคลชัย กลมุ่ ท่ี ๔ สมาชกิ วุฒิสภา ๑. พลเอก ทวปี เนตรนิยม ๒. พลตารวจตรี ยงยทุ ธ สาระสมบตั ิ เจา้ หนา้ ที่ นางสาวเบ็ญจวรรณ ดาวเรอื ง
๒๐ จากกิจกรรมสัมมนากลุ่มย่อยท้ัง ๔ กลุ่ม ได้รับข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเก่ียวกับด้านที่ดิน ทากินของประชาชน และเรือ่ งอ่ืน ๆ มีความคล้ายคลงึ กัน สรปุ ไดด้ ังน้ี ปญั หาทดี่ นิ ทากนิ ๑. ทด่ี ินทากิน/ท่ีอยูอ่ าศัยไมม่ โี ฉนด เนอ่ื งจากเป็นเขตป่าสงวน เขตอทุ ยาน และเขตรักษาพนั ธุ์ สตั ว์ป่า แต่สภาพแวดล้อมท่ัวไปเป็นเมืองในเขตเทศบาล ทาใหไ้ ม่สามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคได้ ได้แก่ น้าประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ และไม่สามารถใช้เป็นหลักประกันในการกู้ยืมเพื่อนามาเป็นทุนในการ ทาเกษตรกรรมได้ ๒. ทดี่ นิ ทากิน/ที่อยู่อาศัยอยใู่ นเขตทดี่ ิน สปก. ซึง่ ชาวบ้านอยมู่ าก่อนแล้ว ตอ่ มามีการประกาศ เขตอทุ ยาน ทาให้ประชาชนถกู ดึงใบ สปก. คนื และไม่มีสิทธ์ใิ นที่ดินของตนเอง ๓. ประชาชนไม่มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องกฎหมาย ว่าตรงพื้นท่ีไหนออกโฉนดได้หรือไม่ ตอ้ งการให้เจา้ หน้าท่ีของรัฐมาสรา้ งความเขา้ ใจใหแ้ กป่ ระชาชน ๔. สาหรับท่ีดิน สค.๑ ประชาชนได้ดาเนินการขอออกโฉนดแลว้ แต่ยังไม่ได้โฉนด ซ่ึงเจ้าหน้าที่ มาดาเนินการทารังวดั ไปเรียบร้อย และเก็บค่าสารวจไปเรยี บรอ้ ยแล้ว แตย่ งั ไม่มีความคืบหน้า ๕. บางพ้ืนที่เป็นพื้นท่ีติดกับป่าสงวนแห่งชาติทาให้ยังไม่ได้รับเอกสารสิทธ์ิ จึงมีความต้องการ ขอกนั พ้นื ทอี่ อกจากป่าสงวนแหง่ ชาติ ๖. ท่ีดนิ ทากิน/ทอ่ี ยอู่ าศยั เป็นเขตปา่ สงวน เขตอุทยานทาใหไ้ มส่ ามารถสรา้ งอา่ งเก็บนา้ เพ่ือใช้ ในการทาเกษตรของหมู่บ้านได้ ______________________________
๒๑ จังหวดั ลาพนู วนั ศกุ ร์ที่ ๑๑ ตลุ าคม ๒๕๖๒ ณ นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนอื จังหวดั ลาพูน วธิ ีการดาเนนิ กิจกรรม จดั ประชมุ สมั มนารว่ มกบั ตัวแทนภาคเอกชน และประชาชน ผลการดาเนินการ คณะสมาชิกวุฒิสภาได้พบปะผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมลาพูน และ ลกู จา้ ง จานวน ๖๐ คน เพอ่ื รว่ มรบั ฟังความคิดเห็น และขอ้ เสนอแนะในประเด็นต่าง ๆ สรปุ ไดด้ ังน้ี ผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมลาพูนและลูกจ้างมีความกังวลเรื่องนโยบายค่าแรงขั้นต่า ของรัฐบาลซึ่งนโยบายดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนของโรงงานอุตสาหกรรม และจะส่งผล ตอ่ การลงทุนจากต่างชาติในอนาคต นอกจากนีย้ งั มีความกงั วลเกยี่ วกบั ปญั หาสงครามทางการคา้ (Trade War) และปัญหาทางการเมืองภายในประเทศซ่ึงอาจจะส่งผลกระทบต่อการย้ายฐานการผลิตไปยัง ต่างประเทศและแรงงานจะถูกเลกิ จา้ ง ซ่งึ แรงงานที่เคยทางานภายในโรงงานอุตสาหกรรมมคี วามชานาญ เฉพาะทางหากถกู เลิกจา้ งไมส่ ามารถกลับไปทาอาชีพเกษตรกรได้ สมาชกิ วุฒสิ ภาได้ใหข้ อ้ คิดเหน็ ดังนี้ ในปี ๒๕๖๓ จะมีปัญหาการขาดแคลนน้า ขอให้เตรียมการรับมือกับปัญหาดังกล่าวโดยถอด บทเรียนจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น นอกจากน้ียังมีความห่วงใยด้านปัญหาแรงงาน แรงงานต่างด้าว แรงงานคนพิการได้รับการสนับสนุนและมีการจัดสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสมกับคนพิการหรือไม่ การจัดการขยะในโรงงาน การประเมินผลกระทบภายนอกทั้งภายในและภายนอกอุตสาหกรรม รวมทั้ง การให้ความสาคญั กบั ชุมชนและประชาชนท่อี าศยั อยบู่ ริเวณโดยรอบนคิ มอุตสาหกรรม _____________________________
๒๒ จังหวดั ลาพนู วันศุกร์ที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ สหกรณป์ ระตูป่า วิธีการดาเนินกิจกรรม จัดประชุมสัมมนารว่ มกบั ตัวแทนภาคเอกชน และประชาชน ผลการดาเนินการ คณะสมาชิกวุฒิสภาได้พบปะกับสมาชิกสหกรณ์เกษตรกรแปลงใหญ่ องค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ิน กานันผู้ใหญ่บ้าน จานวน ๑๐๐ คน เพื่อร่วมรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะ ในประเด็นต่าง ๆ สรปุ ไดด้ งั น้ี ประชาชนแสดงความคิดเห็นว่าควรจะมีการจัดทาพระราชบัญญัติลาไย เพื่อดูแลเกษตรกร ให้ผลผลิตที่จาหน่ายได้ราคาดี และเป็นไปตามกลไกลตลาด นอกจากน้ีลาไยเป็นพืชเศรษฐกิจที่ได้รับ ความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะในประเทศจีน รัฐควรเจรจาการค้าระหว่างประเทศแบบรัฐต่อรัฐ นอกจากน้ียงั มีความกังวลเร่อื งงบประมาณท่ีลา่ ชา้ ทาใหไ้ ม่สอดคล้องกับการทางาน สมาชกิ วุฒสิ ภาไดใ้ หข้ อ้ คดิ เหน็ ดังนี้ ได้ช้ีแจงกระบวนการออกกฎหมายให้ประชาชนได้เข้าใจ ดังนี้ สาหรับกระบวนการออกกฎหมาย ภายหลังจากท่ีคณะรัฐมนตรีเสนอร่างพระราชบัญญัติเข้าสู่รัฐสภาแล้วน้ัน จะต้องผ่านการพิจารณา จากสภาผู้แทนราษฎรก่อน หลังจากน้ันจึงจะเป็นข้ันตอนการพิจารณาของวุฒิสภา สาหรับข้อมูลและ ความคิดเห็นท่ีได้รับจากประชาชนในครั้งนี้จะนาข้อมูลเก็บไว้เพื่อใช้ในกระบวนการกลั่นกรองกฎหมาย ของวุฒิสภาต่อไป สาหรับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับท้องที่และท้องถิ่นนั้นอยู่ระหว่างการดาเนินการ ของฝ่ายบริหาร สาหรับการทาเกษตรแปลงใหญ่นั้นควรจะต้องหาตลาดก่อนจึงจะดาเนินการผลิต ใหเ้ หมาะสมกับความต้องการของตลาด _____________________________
๒๓ จังหวัดเชยี งใหม่ วันศกุ รท์ ี่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา ณ ศาลาเอนกประสงค์ วดั ลา่ มชา้ ง วธิ ีการดาเนินกิจกรรม ลงพื้นท่รี ับฟังขอ้ คิดเห็นและข้อเสนอแนะของสมาชิกประชาชนในพ้ืนท่ี ชมุ ชนล่ามช้าง ณ ศาลาเอนกประสงคว์ ดั ลา่ มช้าง จังหวัดเชยี งใหม่ ผลการดาเนินการ สมาชิกวุฒิสภา ได้พบปะกับประชาชนในพื้นท่ี และได้รับข้อสังเกตและ ข้อเสนอแนะจากประชาชนเพือ่ มาดาเนินการตามหน้าทแี่ ละอานาจต่อไป ดงั นี้ ๑. ประเด็นเรื่องขอ้ กฎหมายโรงแรม และปัญหาการท่องเท่ยี ว ในปัจจบุ นั ประชาชนในพน้ื ท่ีดาเนนิ การทาธรุ กจิ โรงแรมขนาดเล็กและเกสเฮ้าส์ ซง่ึ กฎหมาย ในประเทศไทยที่ใช้ในปัจจุบนั มีพระราชบัญญัติโรงแรมฉบับเดียวซ่ึงบังคบั ใช้ท้ังในโรงแรมขนาดเล็กและ ขนาดใหญ่ ทาให้ประชาชนที่ดาเนินการธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กและเกสเฮ้าส์ได้รับผลกระทบ จึงมีความ คิดเห็นว่าควรจะมีการแยกกฎหมายใช้บังคับตามประเภทของธุรกิจท่ีพักเหมือนในต่างประเทศ เช่น พระราชบัญญัตเิ กสต์เฮ้าส์ พระราชบญั ญัติโฮมสเตย์ พระราชบัญญัติโฮสเทล เปน็ ตน้ ซ่งึ รฐั บาลต้องการ กระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ชุมชน แต่การลงทุนประกอบกิจการต่าง ๆ ภายในชุมชนกลับติดขัด ข้อกฎหมาย เช่น ธุรกิจท่ีพักแรม รถรับจ้าง และการค้าขายต่าง ๆ จึงอยากให้ทบทวนเร่ืองข้อกฎหมาย ทีข่ ัดต่อการประกอบอาชพี ทามาหากนิ ของประชาชนในพน้ื ที่ ๒. ประเดน็ เร่ืองปญั หาการท่องเที่ยว นอกจากน้ียังได้นาเสนอผลกระทบด้านการท่องเที่ยว ที่มาจากค่าเงินบาทแข็งตัว สงคราม การค้าโลกและอีกหลายปัจจัย ทาให้จานวนนักท่องเท่ียวจากต่างประเทศลดลง อยากให้ภาครัฐดาเนิน นโยบายในการจัดแพ็คเกจกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น มาตรการฟรีวีซ่า และมาตรการจูงใจอื่น ๆ เพ่ือส่งเสริมการทอ่ งเทย่ี วใหก้ ลับมาคกึ คกั ดงั เดิม ๓. ประเด็นเรือ่ งที่ดินวดั ร้างทมี่ ขี อ้ พิพาทระหว่างชมุ ชนกับนายทนุ สาหรับปัญหาข้อพิพาทที่ดิน กรณีวัดต้นปูน ซึ่งเป็นวัดรา้ ง พ้ืนท่ีของสานกั พระพุทธศาสนา จงั หวัดเชียงใหม่ เน้ือที่ ๗๕๔ ตารางวา เคยจัดสร้างเป็นโรงเรียน แตไ่ ด้ยกเลิกไป จากน้ันได้เปิดพ้ืนที่ให้ เอกชนเช่ามากว่า ๕ ปี มีความพยายามท่ีจะสร้างเป็นโรงแรม โดยจ่ายค่าเช่ารายปี ๖๓,๐๔๘ บาท หรือ ประมาณ ๕,๐๐๐ บาทต่อเดือน ซึ่งมีเอกชนเข้ามาเช่าช่วงแล้ว ๓ ราย แต่ชาวชุมชนไม่เห็นด้วยที่จะให้ สร้างเป็นโรงแรม และอยากให้คงพื้นที่เพ่ือทาประโยชน์ร่วมกันในชุมชน ซ่ึงพ้ืนที่ดังกล่าวสามารถใช้ ประโยชน์ร่วมกันได้ถึง ๕ ชุมชน คือชุมชนล่ามช้าง ลา่ มปิง เชียงมั่น หม้อคาตวง และควรค่าม้า ขณะน้ี สัญญาเช่าล่าสุดได้ส้ินสุดลง และทางสานักพระพุทธศาสนาเชียงใหม่ ไม่มีการต่อสัญญาแต่อย่างใด แต่เอกชนยังคงยึดครองและใช้ประโยชน์จากท่ีดินดังกล่าวอยู่ ซ่ึงทางคณะของสมาชิกวุฒิสภา จะได้นา
๒๔ ข้อมูลพร้อมมติจากการหารือให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ติดตามผลและช่วยเหลือเพ่ือให้เกิดประโยชน์กับ ประชาชนในพน้ื ทมี่ ากทีส่ ดุ ๔. ประเดน็ เรื่องการลดมลภาวะและคนื อากาศสะอาดส่ปู ระชาชน ภาคเี ครือขา่ ยสภาลมหายใจเชียงใหม่ กล่าวถึงปญั หามลภาวะทางอากาศในจังหวัดเชยี งใหม่ ว่าควรแก้ปัญหาจากสาเหตุของการเผา และควรสร้างความเข้าใจให้ประชาชนได้ตระหนักถึงสาเหตุ ที่แท้จริงของการเผา อาจช่วยแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนมากกว่าการแก้ปัญหาโดยการบังคับใช้กฎหมาย เพียงอย่างเดียวและคาดหวังว่าหากทุกภาคส่วนร่วมกันแก้ปัญหาหมอกควันพิษท่ีเกิดข้ึนอย่างจริงจัง ปัญหามลภาวะทางอากาศในจังหวัดเชียงใหม่จะดีข้ึนได้อย่างย่ังยืน โดยคณะกรรมการฯ ได้ให้ ข้อเสนอแนะว่าภาคีเครือข่ายภายในจังหวัดเชียงใหม่ควรจะมีการประชุมหารือร่วมกัน และจัดทาแผน แมบ่ ทเพ่ือใช้ในการเฝ้าระวงั แหล่งกาเนิดฝุ่นควนั เพื่อคืนอากาศสะอาดสู่จงั หวัดเชียงใหมต่ ่อไป ทัง้ นี้ สมาชกิ วุฒิสภาได้รับเร่ืองราวร้องทุกขจ์ ากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน จงั หวัดเชียงใหม่ ยื่นหนังสือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง ขอผลักดันให้มีคณะกรรมการบริหารอากาศแห่งชาติ และกฎหมายสะอาด (Clean Air Act) ลงวนั ที่ ๙ ตลุ าคม ๒๕๖๒ _________________________________
๒๕ ครัง้ ที่ ๕ รายงานผลการดาเนินงานโครงการสมาชิกวฒุ สิ ภาพบประชาชนในพ้นื ท่จี งั หวดั กลุ่มภาคเหนือ (ตอนบน) วันท่ี ๗-๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ จงั หวัดแพร่ และจงั หวดั นา่ น จงั หวัดแพร่ วันพฤหสั บดที ี่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ ศาลากลางจังหวดั แพร่ อาเภอเมือง วิธกี ารดาเนินกิจกรรม จดั ประชมุ สัมมนารว่ มกบั หน่วยงานภาครัฐ ผลการดาเนนิ การ สมาชิกวุฒิสภา ได้ลงพ้ืนท่ีเพ่ือพบปะและรับฟังข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจาก ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น ผู้แทนจากภาคประชาชน ภาคประชาสงั คม และผ้แู ทนภาคเอกชน จานวน ๘๐ คน โดยมีการจัดกิจกรรมสัมมนากลุ่มย่อย โดยแบ่งเป็น ๓ กลุ่ม ดังน้ี กลุ่มภาคประชาชน กลมุ่ ภาคประชาสงั คม และกลุ่มภาคเอกชน สรุปประเด็นตา่ ง ๆ ดังน้ี ๑) ด้านหมอกควัน ปัญหาด้านหมอกควนั เป็นปัญหาทีผ่ ู้แทนจากท้ัง ๓ กลมุ่ เหน็ ว่าเป็นปัญหาที่เกิดผลกระทบ ตอ่ ทุกกลุ่มภาคประชาชน กลุ่มภาคประชาสงั คม และกลุ่มภาคเอกชน โดยมีสาเหตุมาจากการป้องกันท่ี ชา้ เกินไป การกาหนดเวลาเผาที่ไม่พร้อมกัน การปลูกพื้นเชิงเด่ียว และวิถีชีวิตการเผาป่าของประชาชน เพื่อหาเห็ดเผาะและเก็บผักหวาน โดยการเก็บผักหวานน้ันหากไม่เผาป่า ผักหวานจะไม่แตกยอด ส่วน เห็ดเผาะหากมตี น้ ไม้และหญา้ ข้นึ คลุมผิวดนิ มากๆ ก็จะขนึ้ ไมไ่ ด้ นอกจากนภี้ ายในชมุ ชนยงั ขาดมาตรการ ของหมู่บา้ น และอปุ กรณ์การดับไฟปา่ เพอ่ื ดบั ไฟปา่ ไดท้ ันเวลา
๒๖ ข้อเสนอแนะ จากการระดมความคิดของผู้แทนทั้ง ๓ กลุ่ม สรุปประเด็นแนวทางการแก้ไขปัญหาด้าน หมอกควัน ดังน้ี ควรมีการแก้ไขปัญหาทตี่ ้นเหตุ โดยการให้ความรู้ ความเข้าใจ และสร้างจิตสานกึ ให้กับ ประชาชนเก่ียวกับผลกระทบจากการเผาป่า ควรมีการจัดระบบการเข้าป่า เช่น ควรมีพาสปอร์ตเข้าป่า เพอื่ ใหส้ ามารถตรวจสอบได้ ส่งเสริมให้มกี ารกาจดั ขยะของชมุ ชุนหรือมกี ารแปรรปู ขยะให้เกิดมลู คา่ เช่น นาเศษวัสดุเหลือใช้ในชุมชน เช่น ใบไม้ ซังข้าวโพด ฟาง นามาแปรรูปด้วยเครื่องจักรทางอุตสาหกรรม เพ่ือเพิ่มมูลค่า หรือแปรรูปเป็นอินทรียวัตถุเพ่ือเป็นปุ๋ยให้กับภาคการเกษตร เสนอให้มีการเพาะของป่า เชน่ เพาะเห็ดถอบ ปลกู ผกั หวาน ๒) ด้านการทอ่ งเท่ยี ว จังหวัดแพร่เป็นจังหวัดท่ีมีความเก่าแก่เมืองหนึ่งในภาคเหนือของประเทศไทย ซ่ึงยังคง ความเปน็ เอกลักษณ์และวัฒนธรรม รวมทัง้ โบราณสถานทีเ่ ก่าแก่และน่าสนใจมากมายที่มคี วามน่าสนใจ ไม่นอ้ ยไปกว่าจงั หวดั อ่ืน ๆ ในภาคเหนือ แต่กลบั กลายเป็นจงั หวดั ท่ีไม่ได้รบั ความสนใจจากนักทอ่ งเที่ยว เท่าที่ควร นอกจากน้ี จังหวัดแพร่ยังมีสินค้าท่ีเป็นเอกลักษณ์และเป็นแหล่งกาเนิดของ “ม่อฮ่อม” แต่ไมไ่ ด้รบั การสนับสนนุ สง่ เสรมิ ใหม้ คี วามนา่ สนใจและเป็นทีต่ อ้ งการของตลาด ข้อเสนอแนะ ผู้แทนท้ัง ๓ กลุ่มมีความคิดเห็นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน คือ ควรมี การบูรณาการด้านการท่องเที่ยวร่วมกันท้ังภาครัฐ เอกชน และชุมชน โดยการส่งเสริมสนับสนุนให้มี กิจกรรมหลากหลาย สนับสนุนให้มีการท่องเท่ียวและกีฬาที่มีต้นทุนจากธรรมชาติภายในจังหวัดแพร่ เช่น น้าตก ถ้า เช่น กีฬายิงธนู ปีนเขา วิ่งเทรล และอ่ืนๆ สนับสนุนกิจกรรมที่มาจากวัฒนธรรม ของคนในจังหวัด เช่น งานคราฟ งานไหว้พระธาตุ งานบูชาตามความเช่ือ เพื่อให้เกดิ การสรา้ งงานสร้าง อาชีพให้แก่ประชาชนในชุมชน เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวพานักระยะยาว Longstay และเกิดการใช้จ่าย ในจงั หวัดแพร่มากขึน้ ๓) ด้านท่ดี ินทากนิ พน้ื ท่จี งั หวัดแพรล่ ้อมรอบด้วยภูเขาทั้ง ๔ ทศิ พื้นที่สว่ นใหญ่ประมาณร้อยละ ๘๐ เป็นภูเขา มีพ้ืนท่ีราบเพียง ร้อยละ ๒๐ โดยลาดเอียงไปทางทิศใต้ตามแนวไหลของแม่น้ายมคล้ายก้นกระทะ พ้ืนท่รี าบของจังหวดั จะอยรู่ ะหวา่ งหุบเขา มี ๒ แปลงใหญ่ คอื ท่รี าบบริเวณพนื้ ทอ่ี าเภอรอ้ งกวาง อาเภอ เมืองแพร่ อาเภอสูงเม่น และอาเภอเด่นชัย และอีกหน่ึงแปลง คือ บริเวณที่ต้ังอาเภอลอง อาเภอวังชิ้น ซ่ึงท่ีราบดังกล่าวใช้เป็นที่อยู่อาศัยและทาการเกษตรจึงทาให้เกิดปัญหาท่ีดินทากินและท่ีอยู่อาศัย ของประชาชนทับซ้อนกบั พืน้ ทีป่ า่ ทาใหป้ ระชาชนไมม่ ีเอกสารสทิ ธ์ใิ นท่ีดิน
๒๗ ๔) ด้านการบรหิ ารจัดการน้า ลานา้ สาคัญของจงั หวัดแพร่ ประกอบด้วย แม่นา้ ยม ไหลผา่ นจังหวดั แพร่ ระยะทาง ๒๘๐ กม. (ซ่งึ เป็นความยาว ๑ ใน ๓ ของความยาวทง้ั หมดของลาน้ายม) และลาน้าสาขาหลัก ประกอบดว้ ย ๑๑ ลาน้า สาขา ได้แก่ ลาน้าแม่คามี ลาน้าแม่สอง ลาน้าแม่หล่าย ลาน้าแม่สาย ลาน้าแม่แคม ลาน้าแม่สาง ลาน้า แม่คาปอง ลาน้าแม่ถาง ลาน้าแม่มาน ลาน้าแม่ต้า ลาน้าแม่สรอย ซึ่งปริมาณน้าจากแหล่งน้าดังกล่าว ไม่เพียงต่อการบริโภค และเพ่ือการเกษตรโดยเฉพาะในฤดแู ล้ง ควรมีแหล่งสารองน้าขนาดเล็ก ขนาดกลาง ตามแหล่งน้าสาขา และควรมีการศึกษาโครงการฯ จัดเก็บน้าในบริเวณที่ผ่านชุมชน เช่น โครงการห้วงน้า ธนาคารนา้ ตามพื้นทีใ่ ห้เหมาะสม ในการลงพื้นที่จังหวัดแพร่โอกาสต่อไป คณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ภาคเหนือ (ตอนบน) จะลงพื้นที่เพื่อศึกษาดูงาน ณ ศูนย์บริหารจัดการน้า จังหวัดแพร่ ซ่ึงอยู่ในความ รับผดิ ชอบขององคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั แพร่ __________________________________ จังหวัดแพร่ วันศุกร์ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้แพร่ อาเภอ รอ้ งกวาง วิธีการดาเนินกิจกรรม ลงพื้นที่เพื่อพบปะและรับฟังข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะ จากประชาชน
๒๘ ผลการดาเนินการ สมาชิกวุฒิสภา ได้ลงพื้นท่ีเพ่ือพบปะและรับฟังข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจาก ผู้บริหารองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น ผู้แทนจากภาคประชาชน ภาคประชาสงั คม และผแู้ ทนภาคเอกชน จานวน ๘๐ คน โดยมีการจัดกิจกรรมสัมมนา กลุ่มย่อย โดยแบ่งเป็น ๓ กลุ่ม ดังน้ี กลุ่มภาคประชาชน กลมุ่ ภาคประชาสงั คม และกล่มุ ภาคเอกชน สรุปประเดน็ ตา่ ง ๆ ดังนี้ ๑) ด้านหมอกควัน ปัญหาด้านหมอกควันเปน็ ปัญหาท่ผี ู้แทนจากทั้ง ๓ กลุ่ม เหน็ ว่าเป็นปัญหาที่เกิดผลกระทบ ต่อทุกกลุ่มภาคประชาชน กลุ่มภาคประชาสังคม และกลุ่มภาคเอกชน โดยมีสาเหตุมาจากการป้องกัน ที่ช้าเกินไป การกาหนดเวลาเผาท่ีไม่พรอ้ มกนั การปลกู พน้ื เชิงเด่ียว และวถิ ีชีวิตการเผาปา่ ของประชาชน เพื่อหาเห็ดเผาะและเก็บผักหวาน โดยการเก็บผักหวานน้ันหากไม่เผาป่า ผักหวานจะไม่แตกยอด ส่วน เห็ดเผาะหากมตี น้ ไมแ้ ละหญา้ ขึน้ คลุมผวิ ดินมากๆ กจ็ ะข้ึนไม่ได้ นอกจากนีภ้ ายในชมุ ชนยงั ขาดมาตรการ ของหมบู่ า้ น และอปุ กรณก์ ารดบั ไฟปา่ เพอ่ื ดบั ไฟป่าไดท้ นั เวลา ขอ้ เสนอแนะ จากการระดมความคิดของผู้แทนท้ัง ๓ กลุ่ม สรุปประเด็นแนวทางการแก้ไขปัญหา ด้านหมอกควัน ดังนี้ ควรมีการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ โดยการให้ความรู้ ความเข้าใจ และสร้างจิตสานึก ให้กับประชาชนเก่ียวกับผลกระทบจากการเผาป่า ควรมีการจัดระบบการเข้าป่า เช่น ควรมีพาสปอร์ต เข้าป่าเพ่ือให้สามารถตรวจสอบได้ ส่งเสริมให้มีการกาจัดขยะของชุมชุนหรือมีการแปรรูปขยะ ให้เกิดมูลค่า เช่น นาเศษวัสดุเหลือใช้ในชุมชน เช่น ใบไม้ ซังข้าวโพด ฟาง นามาแปรรูปด้วยเครื่องจักร ทางอุตสาหกรรมเพื่อเพ่ิมมูลค่า หรือแปรรูปเป็นอินทรียวัตถุเพื่อเป็นปุ๋ยให้กับภาคการเกษตร เสนอให้มี การเพาะของปา่ เช่น เพาะเหด็ ถอบ ปลูกผกั หวาน ๒) ดา้ นการท่องเทยี่ ว จังหวัดแพร่เป็นจังหวัดท่ีมีความเก่าแก่เมืองหน่ึงในภาคเหนือของประเทศไทย ซ่ึงยังคง ความเป็นเอกลักษณ์และวัฒนธรรม รวมท้ังโบราณสถานที่เกา่ แก่และนา่ สนใจมากมายที่มคี วามน่าสนใจ ไมน่ อ้ ยไปกว่าจังหวัดอ่ืน ๆ ในภาคเหนือ แตก่ ลับกลายเป็นจงั หวดั ท่ีไมไ่ ด้รับความสนใจจากนกั ท่องเที่ยว เท่าท่ีควร นอกจากน้ี จังหวัดแพร่ยังมีสินค้าท่ีเป็นเอกลักษณ์และเป็นแหล่งกาเนิดของ “ม่อฮ่อม” แต่ไมไ่ ด้รบั การสนบั สนนุ ส่งเสรมิ ให้มีความน่าสนใจและเปน็ ทต่ี อ้ งการของตลาด ข้อเสนอแนะ ผู้แทนทั้ง ๓ กลุ่มมีความคิดเห็นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน คือ ควรมีการบูรณาการด้านการท่องเที่ยวร่วมกันทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน โดยการส่งเสริม สนับสนุนให้มีกิจกรรมหลากหลาย สนับสนุนให้มีการท่องเที่ยวและกีฬาที่มีต้นทุนจากธรรมชาติ
๒๙ ภายในจังหวัดแพร่ เช่น น้าตก ถา้ เช่น กฬี ายิงธนู ปีนเขา วง่ิ เทรล และอ่ืนๆ สนบั สนนุ กิจกรรมทมี่ าจาก วัฒนธรรมของคนในจังหวัด เช่น งานคราฟ งานไหว้พระธาตุ งานบูชาตามความเชื่อ เพ่ือให้เกิด การสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่ประชาชนในชุมชน เพ่ือให้เกิดการท่องเท่ียวพานักระยะยาว Longstay และเกิดการใช้จ่ายในจังหวดั แพรม่ ากขนึ้ ๓) ด้านท่ีดนิ ทากนิ พน้ื ทจ่ี ังหวดั แพร่ล้อมรอบด้วยภเู ขาทัง้ ๔ ทศิ พน้ื ที่ส่วนใหญป่ ระมาณรอ้ ยละ ๘๐ เป็นภูเขา มีพ้ืนที่ราบเพียง ร้อยละ ๒๐ โดยลาดเอียงไปทางทิศใต้ตามแนวไหลของแม่น้ายมคล้ายก้นกระทะ พน้ื ท่ีราบของจังหวดั จะอยูร่ ะหว่างหุบเขา มี ๒ แปลงใหญ่ คอื ทร่ี าบบริเวณพนื้ ทอ่ี าเภอรอ้ งกวาง อาเภอ เมืองแพร่ อาเภอสูงเม่น และอาเภอเด่นชัย และอีกหนึ่งแปลง คือ บริเวณที่ตั้งอาเภอลอง อาเภอวังช้ิน ซึ่งท่ีราบดังกล่าวใช้เป็นท่ีอยู่อาศัยและทาการเกษตรจึงทาให้เกิดปัญหาที่ดินทากินและที่อยู่อาศัย ของประชาชนทบั ซ้อนกับพ้ืนท่ปี ่าทาใหป้ ระชาชนไม่มเี อกสารสทิ ธใ์ิ นที่ดนิ ๔) ด้านการบรหิ ารจดั การนา้ ลานา้ สาคัญของจังหวัดแพร่ ประกอบดว้ ย แม่นา้ ยม ไหลผ่านจงั หวดั แพร่ ระยะทาง ๒๘๐ กม. (ซ่ึงเป็นความยาว ๑ ใน ๓ ของความยาวท้ังหมดของลาน้ายม) และลาน้าสาขาหลัก ประกอบด้วย ๑๑ ลาน้าสาขา ได้แก่ ลาน้าแม่คามี ลาน้าแม่สอง ลาน้าแม่หล่าย ลาน้าแม่สาย ลาน้าแม่แคม ลาน้าแม่สาง ลาน้าแม่คาปอง ลานา้ แมถ่ าง ลานา้ แม่มาน ลาน้าแม่ตา้ ลานา้ แม่สรอย ซงึ่ ปรมิ าณน้าจากแหลง่ น้าดงั กลา่ ว ไม่เพียงต่อการบริโภค และเพ่ือการเกษตรโดยเฉพาะในฤดูแลง้ ควรมีแหล่งสารองน้าขนาดเลก็ ขนาดกลาง ตามแหลง่ น้าสาขา และควรมีการศึกษาโครงการฯ จดั เกบ็ นา้ ในบรเิ วณท่ผี ่านชมุ ชน เชน่ โครงการหว้ งนา้ ธนาคารน้า ตามพน้ื ท่ใี หเ้ หมาะสม ในการลงพ้นื ที่จงั หวดั แพร่โอกาสตอ่ ไป คณะกรรมการโครงการสมาชิกวฒุ ิสภาพบประชาชน ภาคเหนือ (ตอนบน) จะลงพ้ืนท่ีเพื่อศึกษาดูงาน ณ ศูนย์บริหารจัดการน้า จังหวัดแพร่ ซึ่งอยู่ในความ รบั ผดิ ชอบขององคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดแพร่ _____________________________
๓๐ จงั หวดั น่าน วนั ศกุ ร์ที่ ๘ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๒ ณ ศาลากลางจงั หวัดนา่ น วิธกี ารดาเนินกจิ กรรม การสัมมนาร่วมกับผแู้ ทนหน่วยงานภาครฐั ภายในจงั หวดั ผลการดาเนนิ การ/ผลสัมฤทธิ์ สมาชิกวุฒิสภา ได้เดินทางลงพ้ืนที่จังหวัดน่าน เข้าร่วมประชุมกับผู้แทนส่วนราชการในพื้นท่ี เพื่อปรกึ ษาหารอื ในประเดน็ ตา่ ง ๆ เพอ่ื รับทราบข้อมลู และได้ประสานเชญิ ผตู้ รวจราชการสานกั นายกรัฐมนตรี มารบั ฟงั ปัญหาจากสว่ นทเ่ี ก่ียวข้องเพือ่ ไปดาเนินการต่อไป ดงั นี้ ๑) การขยายผลการดาเนินการจัดการที่ดินให้ชุมชนตามนโยบายของคณะกรรมการ นโยบายท่ดี ินแหง่ ชาติ (คทช.) จังหวัดน่าน มีพื้นที่ทั้งส้ินประมาณ ๗,๕๘๑,๐๓๕.๐๒ ไร่ หรือ ๑๒,๑๖๓.๐๔ ตร.กม. ซึ่งสภาพพื้นท่ีโดยท่ัวไปของจังหวัดส่วนใหญ่เป็นภูเขาถึงร้อยละ ๘๗.๒ ของพ้ืนที่ทั้งหมด มีที่ราบเพียง ร้อยละ ๑๒.๘ ของพื้นท่ีทั้งหมด พ้ืนท่ีของจังหวัดน่าน ส่วนใหญ่เป็นป่าและภูเขาสลับซับซ้อน ประกอบด้วย ๑๕ อาเภอ ๙๙ ตาบล ๙๒๔ หมู่บ้าน/ชุมชน การดาเนินการเก่ียวกับการจัดที่ดินทากิน ให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล มีการแต่งตั้งคณะอนกุ รรมการนโยบายท่ีดนิ จังหวัด (คทช.จังหวัด) ภายใต้ คณะกรรมการนโยบายท่ีดินแห่งชาติ จานวน ๓ ชุด ประกอบด้วย ๑) คณะอนุกรรมการจัดหาที่ดิน ๒) คณะอนุกรรมการจัดที่ดนิ ๓) คณะอนุกรรมการส่งเสรมิ และพฒั นาอาชพี ผลการดาเนินงานของคณะกรรมการนโยบายทด่ี นิ แห่งชาตจิ งั หวดั นา่ น โดยสรุปดังนี้ ด้านการจดั การทีด่ ิน ๑. จงั หวดั นา่ นยนื่ คาขอฯ ไปยงั กรมปา่ ไม้ รวม ๑๓๑,๗๐๘ – ๓ - ๓๐ ไร่ - จังหวัดน่านได้รบั หนังสอื อนญุ าตแล้ว จานวน ๘๘,๔๕๕ – ๑ – ๘๓ ไร่ - อยรู่ ะหว่างการพิจารณา จานวน ๔๓,๒๕๓ – ๑ – ๔๗ ไร่ ๒. จังหวัดน่านเสนอกรมป่าไม้กาหนดเป็นเป้าหมาย ตามมติคณะอนุกรรมการ คทช. จังหวัดนา่ น เมอื่ วนั ที่ ๒๒ มถิ ุนายน ๒๕๖๑ จานวน ๔๑,๖๓๑ ไร่ ๓. จังหวัดน่าน ได้สนับสนุนงบประมาณให้ สานักจัดการทรัพยากรป่าไม้ท่ี ๓ สาขาแพร่ ดาเนินการสารวจจัดทาข้อมูลพ้ืนที่เพิ่มเติม เพื่อเสนอกรมป่าไม้ กาหนดเป็นพ้ืนท่ีเป้าหมาย ในปีงบประมาณ ๒๕๖๓ รวม ๙๖,๖๖๐ – ๐ – ๗๐ ไร่ ด้านการพัฒนาที่ดิน พัฒนาแหล่งน้า และ
๓๑ ปัจจัยพื้นฐาน ได้ดาเนินกิจกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดิน สาธิตการปรับปรุงดินแก่ราษฎร รวมทงั้ ศึกษาความเหมาะสมด้านการพัฒนาแหล่งนา้ พัฒนาปจั จัยพ้ืนฐาน จานวน ๗ แห่ง และก่อสร้าง ฝายพร้อมระบบสง่ นา้ จานวน ๔ แห่ง ดา้ นการสง่ เสริมและพัฒนาอาชีพ ดาเนินการโดยสานักงานเกษตรจังหวัดนา่ น โดยมีการอบรม ให้ความรูด้ า้ นพชื ดา้ นปศุสัตว์ ดา้ นประมง และด้านการรวมกลมุ่ ทาบัญชคี รัวเรือน ๒) การติดตามความกา้ วหน้าในการแก้ไขผงั เมืองของนา่ น จังหวัดน่านใช้ผังเมืองรวม พ.ศ. ๒๕๕๖ จนถึงปัจจุบัน โดยมีการบังคับใช้เป็นกฎกระทรวง มีการควบคมุ ในพื้นท่ที ่ีมผี ังเมืองรวมระดบั เมอื ง/ชมุ ชน เพอื่ เปน็ แนวทางในการพฒั นาจังหวัดและควบคุม การใชป้ ระโยชน์ท่ดี นิ การขยายการคมนาคมขนสง่ และการบริการสาธารณะ ตามความต้องการของส่วน ราชการ องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมในจงั หวัดน่าน เพ่อื ให้มปี ระสิทธิภาพ สามารถรองรับและสอดคล้องกับการขยายตัวของชุมชนในปัจจุบันคณะกรรมการผังเมืองได้มีมติ เห็นชอบและได้ส่งรายละเอียดการขอแก้ไขกฎกระทรวงฯ ให้คณะกรรมาธิการร่างกฎหมายของ กระทรวงมหาดไทยแล้ว ซ่ึงอยู่ระหว่างการพิจารณาและเมื่อแล้วเสร็จจะนาเสนอรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทยพิจารณาลงนามตอ่ ไป ๓) การตอ่ ยอดผลิตภณั ฑ์ชมุ ชนและหตั ถกรรมจากภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น สานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดน่าน ได้ขับเคลื่อนและพัฒนาผลิตภัณฑ์เคร่ืองเงินและผ้าทอ เมืองน่าน โดยให้ความรู้การออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์การจัดทาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ การสร้าง เรื่องราวจากผลิตภัณฑ์ มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ระหว่างผู้ประกอบการกับผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ เพื่อให้เกดิ ผลิตภณั ฑ์ทีเ่ ป็นเอกลกั ษณ์ของจังหวัดน่าน ๔) การแกไ้ ขปัญหาหมอกควันและไฟปา่ สถานการณ์หมอกควันและไฟป่าจงั หวัดน่านในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ พบจดุ ค่าความร้อนมากผิดปกติ โดยการเตรียมพ้ืนท่ีเพาะปลูกของเกษตรกร การลักลอบหาของป่าและล่าสัตว์ การเผาป่าของประเทศ เพ่ือนบ้านท่ีมีพื้นท่ีติดกัน และการเผาป่าเพ่ือเล้ียงสัตว์ จังหวัดน่านมีการเตรียมมาตรการบริหารจัดการ เพ่ือแก้ไขหมอกควันและไฟป่า โดยมีจัดตั้งศูนย์บัญชาการจังหวัดและอาเภอเพ่ืออานวยการ สั่งการ ระดมสรรพกาลัง และประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานต่างๆ สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนเพ่ือให้ ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันหมอกควันในพื้นท่ี มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยจับกุม ผกู้ ระทาความผดิ ลกั ลอบเผาในพื้นทีป่ า่ ๕) ดา้ นการท่องเท่ียว จังหวัดน่านมคี วามโดดเด่นดา้ นอารยะธรรมล้านนา ซ่ึงยังคงเอกลักษณ์ ของประเพณี วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นทุนทางวัฒนธรรมท่ีสามารถนามาเพิ่มมูลค่าทาง เศรษฐกิจ โดยมีการพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวโดยนาเอาอัตลักษณ์ มาสร้างมูลค่าเพ่ิมทางเศรษฐกิจ
๓๒ จังหวัดน่าน โดยแนวทางการขับเคล่ือนเก่ียวกับพัฒนาการท่องเท่ียวอย่างยังยืนของจังหวัดน่าน ประกอบด้วย เกณฑ์การพัฒนาการท่องเท่ียวอย่างย่ังยืน เป้าหมายการพัฒนาท่ียั่งยืน ความสาคัญของ การท่องเที่ยวอย่างย่ังยนื เกณฑก์ ารพัฒนาการทอ่ งเทย่ี วอยา่ งย่ังยนื และการประเมนิ สถานะความย่ังยืน ของเมอื งเก่านา่ นดว้ ย GSTC ๖) ดา่ นชายแดนหว้ ยโกน๋ ด่านชายแดนห้วยโก๋นตั้งอยู่ท่ีอาเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน เป็นจุดผ่านแดนระหว่าง ไทยกับลาว ห่างจาก ตัวจังหวัดน่านประมาณ ๑๔๐ กิโลเมตร ในปี ๒๕๖๐ จงั หวัดน่านไดร้ ับอนมุ ัติจาก กรมป่าไม้ให้เข้าใช้ประโยชน์ภายในเขตป่าสงวน โดยจังหวัดน่านได้เข้าใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวน ดอยภูคาและป่าฝาแกว ในทอ้ งทตี่ าบลห้วยโก๋น อาเภอเฉลมิ พระเกียรติ เพือ่ พัฒนาด่านชายแดนหว้ ยโกน๋ เน้ือท่ี ๓๕๐ ไร่ โดยจงั หวดั ได้ต้งั คณะกรรมการบรหิ ารจดั การพืน้ ทก่ี ารคา้ ชายแดนถาวรหว้ ยโกน๋ และไดม้ ี การประชมุ และมมี ตใิ หจ้ ัดสรรพืน้ ทีไ่ ดร้ ับอนุญาตใหก้ บั หนว่ ยงานทเ่ี ก่ียวขอ้ ง ๒๒ หน่วยงาน และใหจ้ ดั ทา แผนงาน/โครงการเพื่อพัฒนาพ้ืนท่ีท่ีได้รับการจัดสรรงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เปน็ ตน้ ไป พบปญั หาในการดาเนนิ การ ดงั น้ี ๑. ปัญหาการทบั ซอ้ นของพน้ื ทด่ี าเนินการพัฒนาระหวา่ งกรมศุลกากรกับกรมทางหลวง ๒. ขาดหนว่ ยงานท่ีจะเปน็ ตัวกลางในการประสานการดาเนินงาน ๓. ปัญหาเรอ่ื งการรอ้ งเรียนของประชาชนท่ไี ด้รบั ผลกระทบจากการพัฒนาพ้นื ท่ีดา่ นหว้ ยโกน๋ สมาชกิ วฒุ สิ ภาไดใ้ ห้ข้อสังเกต ขอ้ เสนอแนะ และแนวทางการแกไ้ ขปัญหา ดงั น้ี ๑. การจัดการที่ดินให้ชุมชนในกลุ่มที่ ๑ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของจังหวัด ซ่ึงมีการ ดาเนินการท่ีรวดเร็วมาก แต่ในส่วนของกลุ่มท่ี ๒,๓,๔ เป็นพื้นท่ีความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ และ กรมอุทยานแห่งชาติ ซึ่งนอกเหนือจากอานาจหน้าที่ของจังหวัด โดยให้คาแนะนาให้จังหวัดติดตาม การจัดการท่ีดินในกลุ่มดังกล่าว ๒. คทช. จังหวัดน่านควรจะมีกลไกลในการติดตามการใช้ท่ีดินของประชาชนเพ่ือป้องกัน การนาทีด่ นิ ดังกล่าวไปขายให้เอกชนใชป้ ระโยชน์ ๓. ควรมีการติดตามตรวจสอบการปลูกพืชเชิงเดี่ยวในพื้นที่ภูเขาเนื่องจากการปลูกพืช ในพืน้ ทดี่ งั กล่าวจะทาให้ปา่ ตน้ นา้ ไดร้ บั ความเสียหาย ๔. ควรมีการหาตลาดรองรับสินค้าท่ีเป็นสินค้าประจาจังหวัด โดยกระทรวงพาณิชย์ควร จัดหาโอกาสให้ผปู้ ระกอบการจงั หวัดแพรไ่ ด้นาสนิ คา้ ไปจัดแสดงทีง่ านเอก็ ซโ์ ปรในตา่ งประเทศ ๕. ควรประสานงานกับการบนิ ไทยเพื่อนาผลิตภัณฑ์ของจังหวดั แพร่บรรจุลงในแคต็ ตาลอ็ ก สนิ ค้าโอทอ็ ปการบินไทย ๖. ควรบรรจุกิจกรรมงาน “ภูษาผ้าน่าน อลังการเครื่องเงิน” ไว้ในปฏิทินการท่องเท่ียว จงั หวดั น่าน
๓๓ ๗. ในแผนการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ควรมีการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับ ประชาชน รวมทั้งควรจะมีการบูรณราการความร่วมมอื จากทุกภาคส่วน รวมทง้ั ภาคประชาสังคมในการ แก้ไขปญั หาดงั กล่าว ๘. ปัจจุบันหอการค้า ๑๗ จังหวัดทั่วภาคเหนือ ได้มีการรวมตัวกันเพ่ือขับเคล่ือนให้มี กฎหมายอากาศสะอาด (Clean Air Act) ๙. จังหวัดน่านเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมเพื่อพัฒนาไปสู่การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ โดย ยังคงเน้นความเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดน่าน ซึ่งจังหวัดน่านควรจะมี Tour Designer เพ่ือออกแบบ เส้นทางการท่องเท่ียวภายในจังหวัดให้มีความน่าสนใจในแต่ละพื้นที่โดยดึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม อาหารของแตล่ ะพ้นื ทมี่ าเป็นจดุ เด่น ๑๐. ควรมีการจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการท่องเที่ยวทัง้ มวล (Universal Design) เพื่อใหจ้ ังหวดั น่านมีนักทอ่ งเที่ยวคุณภาพเขา้ มาทอ่ งเท่ียวและพกั ระยะยาว (Long Stay) ๑๑. ควรพัฒนาให้มรี ะบบขนสง่ มวลชนท่ีมีความสะดวกและปลอดภัย ๑๒. ขอให้กระทรวงมหาดไทยใหก้ ารสนับสนุนการดาเนนิ การใหพ้ ฒั นาด่านชายแดนหว้ ยโกน๋ ๑๓. ขอให้ผู้ตรวจราชการสานักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประสานกรมทางหลวง กรมศุลกากร และกรมป่าไม้ ในการบรู ณาการแผนการดาเนินการและการใช้งบประมาณของแตล่ ะหน่วยงานเพือ่ แกไ้ ข ปัญหาการสร้างด่านหว้ ยโก๋นต่อไป __________________________________ จังหวัดน่าน วนั เสาร์ที่ ๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๒ ณ หอ้ งประชมุ เจา้ มหาวงศ์ ชั้น ๖ ศาลากลางจังหวดั น่าน วธิ กี ารดาเนินกิจกรรม การสัมมนาร่วมกบั ผแู้ ทนภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคประชาสงั คม
๓๔ ผลการดาเนินการ สมาชิกวุฒิสภา ได้ลงพื้นท่ีเพื่อรับฟังข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม ในประเด็นตา่ ง ๆ ดังน้ี ๑) การพัฒนาด่านห้วยโก๋น ปัจจุบันเกิดปัญหาการทับซ้อนของพื้นที่ จึงทาให้การดาเนินการ เกิดความล่าช้า นอกจากน้ีประชาชนห้วยโก๋นยังไม่มีความรู้เรื่องการพัฒนาด่านห้วยโก๋น สาหรับการ เดินทางไปยังหน้าด่านห้วยโก๋นจากตัวเมือง มีระยะทางประมาณ ๑๔๐ กิโลเมตร ควรจะมีการพัฒนา ให้มีท่ีพักบริเวณหน้าด่าน ในโอกาสน้ี ผู้ตรวจราชการสานักนายกรัฐมนตรีมาร่วมรับฟังข้อคิดเห็นและ ข้อเสนอแนะ โดยจะนาประเด็นดงั กลา่ วไปหารอื กับรองนายกรัฐมนตรี เพ่อื บรู ณาการการทางานของหนว่ ยงาน ท่ีเก่ยี วขอ้ งตอ่ ไป อนึ่ง หอการค้าจังหวัดนา่ น ได้ส่งมอบขอ้ มูลให้สมาชกิ วุฒสิ ภาเพ่ือใช้ประกอบการพิจารณา และดาเนนิ การเกีย่ วกบั การพัฒนาด่านห้วยโกน๋ ตามหน้าท่ีและอานาจของวฒุ สิ ภาต่อไป ๒) การขอแก้ไขผังเมือง ปัจจุบันจังหวัดน่านมีการขยายตัวมากข้ึนเพ่ือรองรับการพัฒนาและ การขยายพ้ืนที่เศรษฐกิจของจังหวัดน่าน โดยต้องการให้มีถนนขยายเมือง เพ่ือให้ลดผลกระทบต่อ โบราณสถานภายในตวั เมือง และขยายการพฒั นาดา้ นเศรษฐกิจ ๓) ด้านการท่องเท่ียว ปัจจุบันการท่องเที่ยวจังหวัดน่านมีการขยายตัวข้ึนมาก รายได้หลัก มาจากการท่องเทีย่ วทาใหป้ ระชาชนปรับเปลี่ยนวิถีชวี ิตจากอาชีพภาคการเกษตรเป็นภาคการท่องเท่ียว ซึง่ ยังตดิ ปัญหาหลายอย่าง เชน่ ควรจะมีการขยายทางวงิ่ สนามบินเพ่ิม ควรจะมีการสร้างถนนเล่ียงเมอื ง ให้เรว็ ข้ึน กฎหมายโฮมสเตยไ์ ม่มกี ฎหมายรองรบั รถรางไมส่ ามารถจดทะเบยี นได้ สมาชกิ วุฒสิ ภาได้ใหข้ อ้ สังเกต ข้อเสนอแนะ และแนวทางการแกไ้ ขปัญหา ดงั นี้ ๑. ทุกภาคส่วนควรมีการบูรณาการร่วมกันในการจัดทาแผนพัฒนาด่านห้วยโก๋น เพ่ือให้ ประชาชนจังหวัดน่านซ่ึงเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมท่ีมีคุณค่าได้รับประโยชน์จากการพัฒนา ด่านห้วยโก๋น วัฒนธรรมไม่ถูกทาลาย และประชาชนและจังหวัดน่านได้รับเม็ดเงินจากการเปิดด่าน ชายแดนดงั กลา่ วเพ่อื ใชใ้ นการพัฒนาจังหวดั นา่ นต่อไป ๒. ในการแก้ไขผังเมืองควรจะมีการประชุมในทุกภาคส่วนที่เก่ียวข้อง และเสนอเร่ืองกลับ ข้ึนไปตามระบบอีกครั้ง และส่งสาเนามายังวุฒิสภาเพื่อช่วยติดตามการดาเนินการภายใต้กรอบอานาจ หนา้ ทข่ี อง ส.ว. ตอ่ ไป ๓. ควรมีการจัดทาเส้นทางการท่องเที่ยวในแต่ละเส้นทางการท่องเที่ยว ท้ังนี้ ควรจะมีการ บรู ณาการรว่ มกันในทุก ๆ ภาคส่วน ๔. ควรการจัดเสน้ ทางการทอ่ งเทยี่ วเพ่ือดึงดูดนกั ท่องเท่ยี วคุณภาพใหพ้ กั ยาวขน้ึ _________________________________
๓๕ คร้ังที่ ๖ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการสมาชิกวฒุ ิสภาพบประชาชนในพืน้ ท่จี งั หวัด กลุ่มภาคเหนอื (ตอนบน) วันท่ี ๑๔-๑๕ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๒ ณ จังหวดั แม่ฮอ่ งสอน จงั หวัดแม่ฮ่องสอน วันพฤหัสบดที ่ี ๑๔ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๒ ณ ศาลากลางจงั หวดั แม่ฮอ่ งสอน วิธกี ารดาเนินกิจกรรม การสมั มนารว่ มกบั ผแู้ ทนหนว่ ยงานภาครฐั ภายในจังหวัด ผลการดาเนินการ คณะสมาชิกวุฒิสภาได้รับทราบข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจาก ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐท่ีเข้าร่วมประชุม เกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัตงิ านตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ และ เกีย่ วกบั การบังคบั ใชก้ ฎหมายต่าง ๆ ดังนี้ ๑) ประเดน็ ผลักดนั จดุ ผอ่ นปรนด่านหว้ ยต้นน่นุ อาเภอขุนยวม เป็นด่านถาวรเนอ่ื งจากปจั จุบัน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังไม่มีด่านการค้าชายแดนถาวร ทาให้การค้าขายพืชผลทางการเกษตรและการ ท่องเท่ียวของจังหวัดไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ทั้งนี้ มีอุปสรรคเรื่องเส้นทางการคมนาคม ขนส่ง และพืน้ ท่ี ๆ จะสร้างด่านถาวรนนั้ อยู่ในพนื้ ที่ของเขตอุทยาน เขตปา่ อนรุ ักษ์ โดยมีระเบียบ ขอ้ กฎหมาย ท่ไี มอ่ นญุ าตใหม้ ีการกอ่ สรา้ งใด ๆ ในเขตพืน้ ท่ดี งั กลา่ ว หรือหากจะมกี ารสรา้ งถนนตอ้ งได้รับอนญุ าตและ ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อการดูแลป่าไม้ และสัตว์ป่าเท่านั้น ท้ังนี้ ส่วนราชการของจังหวัดแม่ฮ่องสอน กรมป่าไม้ หรือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช จะบูรณาการการทางานร่วมกัน โดยผู้ว่าราชการ จังหวดั แม่ฮ่องสอนเปน็ เจ้าภาพหลกั ๒) ด้านการทอ่ งเทีย่ ว ขอ้ จากัดด้านเสน้ ทางการคมนาคม สายการบนิ มีเท่ียวบนิ น้อย ราคาแพง ถนนเป็นหลุมบอ่ คับแคบ คดเคีย้ ว สูงชัน ทาใหน้ ักท่องเท่ยี วเดินทางมาท่องเทยี่ วนอ้ ย ทั้งน้ี ส่วนราชการ
๓๖ จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้มีการดาเนินการประสานในส่วนที่เก่ียวข้องให้เร่ งดาเนินการรวมทั้งจัดทา แผนพัฒนาการท่องเท่ียวในดา้ นต่าง ๆ จดั ทาปฏทิ ินการท่องเทย่ี วแมฮ่ อ่ งสอนเท่ียวไดท้ ้งั ปี ๓) ด้านหมอกควัน เป็นปัญหาท่ีสาคัญของ ๙ จังหวัดภาคเหนือตอนบนมากท่ีสุด สาเหตุหลัก คือ การเก็บหาของป่า การเผาไร่ กาจัดวัชพืช ล่าสัตว์ เป็นต้น ทางส่วนราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ไดจ้ ัดทาแผนรองรับทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการเกิดไฟป่า เพือ่ ลดปญั หาหมอกควนั รวมท้ังเรง่ รณรงค์ ทาความเขา้ ใจกบั ประชาชนพนื้ ท่ีจงั หวัดแมฮ่ ่องสอนด้วย _____________________________ จงั หวัดแม่ฮอ่ งสอน วันพฤหัสบดที ี่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ หอประชมุ มหาวิทยาลัย ราชภัฎเชียงใหม่ วทิ ยาเขตแม่ฮ่องสอน วธิ กี ารดาเนนิ กิจกรรม การสัมมนารว่ มกบั ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐภายในจงั หวดั ผลการดาเนินการ คณะสมาชิกวุฒิสภาได้รับทราบข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจาก ผู้แทนภาคเอกชน ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐที่เข้าร่วมประชุม เก่ียวกับแนวทางการปฏิบัติงานตามแผน ยุทธศาสตร์ชาติ และเกย่ี วกับการบังคบั ใช้กฎหมายตา่ ง ๆ ดังนี้ ๑. การจดั สรรท่ีดนิ ทากินและที่อยูอ่ าศยั ตามมติคณะรัฐมนตรี วันท่ี ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เรือ่ ง พื้นทเ่ี ปา้ หมายและกรอบมาตรการแกไ้ ขปัญหาการอย่อู าศัย และทากินในพน้ื ทีป่ ่าไม้ (ทุกประเภท) ทั้งน้ี ประชากรของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่วนใหญ่มีพื้นที่ทากินและท่ีอยู่อาศัย อยู่ในเขตป่าอุทยาน และป่าอนุรักษ์ ประชาชนจึงต้องการเอกสารสิทธิหรือโฉนดในการครอบครองท่ีดินให้ถูกต้องตาม กฎหมาย ท้ังนี้ สว่ นราชการได้ดาเนนิ การในสว่ นที่เกีย่ วข้อง ดังน้ี
๓๗ กลุ่มท่ี ๑ พ้ืนท่ีลุ่มน้า ๓, ๔, ๕ ก่อนมติคณะรัฐมนตรี วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๑ ผู้ว่าราชการ จังหวัดดาเนินการขออนุญาตแลว้ จานวน ๕๕,๐๐๐ ไร่ และได้มอบโฉนดใหช้ าวบา้ นแล้ว สาหรับทีเ่ หลือ คาดวา่ จะแล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๔ กลุม่ ท่ี ๒ พนื้ ที่ล่มุ นา้ ๓, ๔, ๕ หลงั มติคณะรัฐมนตรี วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๑-๒๕๕๗ เน้ือที่ ๔๒,๐๕๕ ไร่ เกษตรกรผู้อยู่อาศัยร่วมตัวเป็นสหกรณ์ เป็นผู้ขอโฉนด หรือวิสาหกิจ หรือใช้ประโยชน์ แตร่ ัฐจะออกเป็นโฉนดแปลงรวม จะไม่แจกเอกสารเปน็ สมดุ แต่การสารวจจะแบ่งเป็นแปลงเลก็ กลุม่ ที่ ๓ พน้ื ที่ลุม่ น้า ๑, ๒ ก่อนมติคณะรัฐมนตรี วนั ท่ี ๓๐ มถิ ุนายน ๒๕๔๑ เนื้อท่ี ๑๙๗,๔๘๘ ไร่ ตอนน้ียงั ดาเนินการไมไ่ ด้ ตอนนี้กรมปา่ ไม้ได้ทาโครงการคนอย่กู บั ปา่ อยอู่ ย่างถูกต้อง กลุ่มที่ ๔ พ้ืนท่ีลุ่มน้า ๑, ๒ หลังมติคณะรัฐมนตรี วันท่ี ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๑ – ๒๕๕๗ เนื้อท่ี ๑๘๔,๗๗๘ ไร่ ๒. ดา้ นการเกษตร จังหวดั แมฮ่ อ่ งสอนไดด้ าเนนิ การสง่ เสริม พฒั นาด้านผลติ ผลทางการเกษตร ที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เช่น ถั่วลายเสือ กระเทียม พร้อมท้ังส่งเสริมเร่ืองการแปรรูป ผลติ ผลทางการเกษตร เพือ่ เพมิ่ มูลค่าให้กับผลติ ภัณฑ์ และสินค้า โดยมีข้อเสนอแนะดงั น้ี ๒.๑ การขอโฉนดที่ดินแปลงรวมควรมีการลงพ้ืนท่ีเพ่ือปักหมุด หรือทาหลักปูนถาวร เพ่ือปอ้ งกนั ปัญหาความขัดแย้งในอนาคต ๒.๒ ควรสง่ เสริมเร่อื งการทาเกษตรปลอดสารพษิ สนบั สนุนช่องทางการคา้ ออนไลน์ ๒.๓ รับความช่วยเหลือจากมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่ วิทยาเขตแม่ฮ่องสอน ในการ ค้นคว้าวิจัย หาข้อมูลด้านต่าง ๆ เพื่อเพ่ิมศักยภาพการเข้าถึงผู้บริโภค หรือการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตผล ทางการเกษตรและสินค้าต่าง ๆ _____________________________
๓๘ จงั หวัดแม่ฮ่องสอน วนั ศกุ ร์ที่ ๑๕ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๒ ณ ศาลาประชาคม หม่บู า้ นรกั ไทย อาเภอหมอกจาแป่ วธิ กี ารดาเนนิ กิจกรรม การสัมมนาร่วมกับผูแ้ ทนภาคเอกชน และประชาชนในพนื้ ที่ ผลการดาเนินการ คณะสมาชิกวุฒิสภาได้รับทราบข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจาก ผู้แทนภาคเอกชน และประชาชนที่เข้าร่วมประชุม ท้ังนี้ ประชาชนมีความพึงพอใจต่อการพบปะพูดคุย เสนอประเด็นต่าง ๆ ต่อสมาชกิ วฒุ สิ ภา โดยมีขอ้ สังเกตและข้อเสนอแนะดังน้ี ข้อสงั เกต ๑. การมอบสัญชาติไทย และการขอมีบัตรประจาตัวประชาชน ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้เร่ง ดาเนนิ การให้มคี วามรวดเร็ว ถกู ต้อง โปรง่ ใส ๒. การท่องเทย่ี ว - การเดินทางมาท่องเทย่ี วลาบาก เนอ่ื งจากสายการบินมีเที่ยวบินนอ้ ย ต๋วั เคร่ืองบินราคาแพง ถนนคบั แคบ เปน็ หลมุ บ่อ คดเคี้ยว - นกั ทอ่ งเทย่ี วจะอย่พู กั แคเ่ พยี ง ๑-๒ วัน ทาให้ชาวบา้ นมีรายได้น้อย ๓. สาธารณูปโภค / โครงสร้างพน้ื ฐาน - หลายพน้ื ที่ยงั ไมม่ ีไฟฟา้ ใช้ และมีกระแสไฟฟา้ ดบั บ่อยครง้ั และดบั เปน็ เวลานาน - ขาดแคลนนา้ ในการทาการเกษตรในฤดูแลง้ ขอให้ราชการช่วยสร้างอ่างเกบ็ น้า - การกาจดั นา้ เสยี / ขยะ ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ดาเนินการในส่วนท่ีเกี่ยวข้องและพร้อมสนับสนุนด้านต่าง ๆ อย่างเตม็ ความสามารถ
๓๙ ๔. ผลิตผลทางการเกษตรมีราคาเทา่ เดมิ แต่ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงข้นึ ขาดตลาดรองรับผลผลิต อีกท้ังเส้นทางการขนส่งสินค้าค่อนข้างลาบาก ทั้งน้ี ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนร่วมกันบูรณาการ สร้างสรรค์การแปรรปู สินคา้ เพื่อเพิ่มมูลค่าของสนิ คา้ - จัดอบรมเพอื่ ยกระดับมาตรฐานการให้บรกิ าร และร้านอาหาร - คิดกจิ กรรมใหม่ ๆ เพอื่ ดึงดูดใหน้ กั ทอ่ งเที่ยวอยใู่ นพนื้ ทเ่ี พ่อื เพมิ่ รายได้ใหก้ บั ชมุ ชน ๕. เอกสารสิทธ์ิในท่ีดินทากิน ประชาชนส่วนใหญ่อยู่อาศัยและทากินในเขตพ้ืนที่อนุรักษ์และ เขตปา่ สงวน ข้อเสนอแนะ ๑. ด้านการคมนาคม กรมทางหลวงอยู่ระหว่างดาเนินการปรับปรุงแสงสว่างในทุกเส้นทาง โดยจะ เสนอเป็นแผนการดาเนินงานมายังคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา และถนนในหมู่บ้าน องค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ินรบั ดาเนินการ ๒. การท่องเท่ียว ควรเนน้ การประชาสมั พนั ธ์ สรา้ งเรอื่ งราว (Story) ให้มีความนา่ สนใจ สรา้ งบุคคล ทจ่ี ะเปน็ นกั เล่าเรือ่ ง รอ้ ยเรยี งประวตั ิ ความเป็นมา ถ่ายทอดเสน่หข์ องจงั หวดั แมฮ่ ่องสอน ๓. เข้ารว่ มโครงการของกรมพฒั นาฝมี อื แรงงาน เพื่อเปน็ การฝึกอาชพี ใหก้ บั คนในพื้นท่ี ๔. วุฒิสภารบั ทราบและจะดาเนินการภายใต้อานาจและหนา้ ท่ขี องวฒุ สิ ภาตอ่ ไป _________________________________
๔๐ คร้ังท่ี ๗ รายงานผลการดาเนินงานโครงการสมาชิกวุฒสิ ภาพบประชาชนในพื้นท่ีจังหวดั กล่มุ ภาคเหนือ (ตอนบน) วันท่ี ๑๙ – ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ จังหวัดพะเยา และจงั หวัดเชยี งราย จังหวดั พะเยา วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ ธนั วาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๑.๐๐ นาฬิกา ณ ห้องประชุม อุทยานแห่งชาตภิ ซู าง (ดา่ นบ้านฮวก) วิธกี ารดาเนนิ กจิ กรรม การสมั มนาร่วมกับผู้แทนภาคเอกชน และประชาชนในพน้ื ที่ ผลการดาเนินการ สมาชิกวุฒิสภา ได้ลงพื้นที่เพ่ือรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจาก ผู้เข้าร่วมประชุม ในประเด็นการเปิดด่านบ้านฮวกเป็นด่านถาวร ทั้งน้ี ผู้เข้าร่วมประชุมมีความพึงพอใจ ทีส่ มาชกิ วุฒสิ ภาไดร้ ่วมรบั ฟงั ขอ้ เสนอแนะและข้อคดิ เห็นในคร้ังน้ี โดยมีข้อสงั เกตและขอ้ เสนอแนะ ดงั นี้ ขอ้ สังเกต ๑. ประชาชนในพ้ืนที่ขอให้ลดความเข้มงวดของระเบียบ ข้อบังคับ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ในการ คา้ ขายของดา่ นบ้านฮวก หรอื เปิดด่านประเพณีขึ้นอกี ๑ ดา่ น เพื่อสง่ เสริมการค้าระดับชาวบา้ นทวั่ ไป ๒. ควรมีการเจรจากับ สปป.ลาว เพ่ือให้มีการยกระดับด่านปางมอย ของ สปป.ลาวเป็นด่าน ถาวรเช่นเดียวกับด่านบ้านฮวกของไทย ซงึ่ จะทาให้มมี ูลคา่ การทอ่ งเท่ยี วสงู ข้นึ ขอ้ เสนอแนะ - ควรจัดทาแผนยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเท่ียวด่านบ้านฮวก เพ่ือนามาเป็น ขอ้ มูลในการพูดคุยรว่ มกนั ระหว่างภาครฐั ภาคเอกชน และประชาชน หอ้ งประชมุ อทุ ยานแหง่ ชาติภูซาง และด่านชายแดนบ้านฮวก จังหวัดพะเยา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 571
Pages: