Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอน ม.ปลาย 164ปัจจุบัน

แผนการสอน ม.ปลาย 164ปัจจุบัน

Published by Pandee Komala, 2021-06-17 07:29:41

Description: แผนการสอน ม.ปลาย 164ปัจจุบัน

Search

Read the Text Version

20. 3, 6, 7, 5, 4, 8, 5 ค฽าเฉลยี่ เลขคณิตเทา฽ กบั ข฾อใด 1. 4.28 2. 5.43 3. 5.61 4. 6.72 21. สว฽ นเบีย่ งเบนมาตรฐานของ 2, 4, 6,8, 10, 12 เท฽ากบั ข฾อใด 1. 2.76 2. 3.42 3. 3.57 4. 4.13 22. โยนลกู เตาเ 2 ลกู พร฾อม ความนา฽ จะเป็นท่ีจะไดแ฾ ต฾มเหมอื นกันเป็นเทา฽ ใด 1. 1 2. 1 6 12 3. 2 4. 3 13 14 23. หยิบไพ฽ 1 ใบจากสํารับ ความนา฽ จะเป็นทจี่ ะไดไ฾ พ฽ K หรอื A เปน็ เท฽าไร 1. 1 2. 2 4 13 3. 4 4. 8 13 12 24. มลี ูกแกว฾ สีเขียว 3 ลกู สีแดง 5 ลูก และสขี าว 8 ลกู ส฽มุ หยิบ 1 คร้งั ความนา฽ จะเป็นทจ่ี ะหยบิ ได฾ลกู แกว฾ สีแดงเป็นเท฽าไร 1. 3 2. 5 58 3. 3 4. 5 16 16 25. ทอดลกู เตเา 2 ลกู พร฾อมกัน ความน฽าจะเปน็ ทจี่ ะไดแ฾ ต฾มของลูกเตเาเปน็ จาํ นวนเฉพาะทั้งสองลกู เท฽ากบั ข฾อ ใด 1. 1 2. 2 23 3. 1 4. 1 34

26. สาํ นักงานกลุ฽มโรงเรียนพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามัญศึกษา กล฽มุ ท่ี 11 ดแู ลโรงเรียนในสงั กดั ท้งั หมดก่ี จังหวดั และมที ้ังหมดก่โี รงเรียน 1. 4 จังหวดั 42 โรงเรยี น 2. 4 จงั หวดั 43 โรงเรียน 3. 4 จงั หวดั 44 โรงเรยี น 4. 5 จังหวัด 43 โรงเรยี น 27. สีกาหนิงขจ่ี ักรยาน 20 กิโลเมตร ใชเ฾ วลา 25 นาที อยากทราบว฽าในเวลา 2 ชัว่ โมง สกี าหนงิ จะข่ี จกั รยานได฾ก่ีกโิ ลเมตร 1. 80 กโิ ลเมตร 2. 86 กโิ ลเมตร 3. 90 กโิ ลเมตร 4. 96 กิโลเมตร 28. ตั้งแต฽เลข 1 ถงึ 1000 มีเลข 0 อยทู฽ ้งั หมดก่ีตัว 1. 101 ตวั 2. 151 ตวั 3. 181 ตวั 4. 271 ตวั 29. เลข 2 จาํ นวนเรียงกัน คณู กันได฾ 4,422 เลข 2 จํานวนน้ีบวกกนั จะไดเ฾ ท฽าไร 1. 123 2. 133 3. 143 4. 153 30.ในงานเลยี้ งศษิ ยเแ ก฽าโรงเรียนปรยิ ัติโกศลวทิ ยา มีข฾อตกลง ว฽าทกุ คนที่มาในงานจะต฾องจับมือกนั และกันทุกๆ คน อยากทราบวา฽ จะมกี ารจบั มอื กันทั้งหมดกคี่ ร้ัง ถ฾ามีคน ทีม่ าในงาน 40 คน 1. 400 ครง้ั 2. 600 ครงั้ 3. 680 ครัง้ 4. 780 ครง้ั

แผนการจัดกจิ กรรม

มการเรยี นรู้คร้งั ท่ี 5

ตารางวเิ คราะหเ์ นอ้ื หาสาระรายวชิ า หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 สาระการพัฒนาสงั คม รายวชิ าสังคมศกึ ษา รหสั สค 31001 จานวน 3 หนว่ ยกติ กศน.อาเภอบ้านโปง่ สานักงาน กศน.จังหวดั ราชบุรี ระดับความยากง่าย วธิ กี ารจดั การเรียนรู้ หัวเรอื่ ง ตัวช้ีวดั เนอื้ หา ง่าย ปาน ยาก กรต. พบ สอน ภมู ศิ าสตรแ กลาง กลมุ่ เสรมิ กายภาพ 1. มีความรูค฾ วามเข฾าใจ 1. สภาพภมู ิศาสตรแ   เก่ียวกบั สภาพทางภมู ศิ าสตรแ กายภาพของประเทศ  กายภาพของประเทศไทยกบั ไทยกับทวปี เอเชีย ทวปี ตา฽ งๆ ทวปี ยุโรป ทวีป ออสเตรเลยี ทวีป 2. เปรยี บเทยี บสภาพ แอฟริกา ทวีปอเมรกิ า  ภูมศิ าสตรกแ ายภาพของ 2. การเปรยี บเทียบ ประเทศไทยกบั ทวปี ตา฽ งๆ สภาพ 3. วิเคราะหแเหตุการณแโลก ภูมิศาสตรกแ ายภาพของ ปจใ จบุ ัน และคาดคะเน ประเทศ เหตุการณทแ ่ีอาจจะเกิดขึน้ กบั ไทยกบั ประเทศตา฽ งใน ประเทศตา฽ งๆในอนาคตได฾ ในทวีปต฽างๆ  3. สาเหตแุ ละลักษณะ การเกิดปรากฎการณแ ธรรมชาติทสี่ าํ คัญๆ รวมทงั้ การปูองกัน อนั ตรายเม่ือเกิด - พายชุ นดิ ตา฽ งๆ - นา้ํ ท฽วม - แผน฽ ดนิ ไหว - ภูเขาไฟระเบดิ - ภาวะโลกร฾อน ปรากฏการณแเรือน กระจก - อน่ื ๆ 4. วธิ ีใช฾เคร่ืองมอื ทาง ภูมิศาสตรแ- แผนที่ - ลกู โลก - เวบ็ ไซดแ

หวั เร่อื ง ตวั ช้วี ดั เนือ้ หา ระดบั ความยากง่าย วิธีการจดั การเรยี นรู้ ง่าย ปาน ยาก - อื่นๆ กรต. พบ สอน 5. ปใญหาการทาํ ลาย กลาง กลมุ่ เสริม ทรพั ยากรธรรมชาติ  และสิง่ แวดลอ฾ ม 6. การวิเคราะหแสาเหตุ  การเกดิ ปญใ หา และ สภาพการทาํ ลาย ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล฾อมท่ีเกิด จากการกระทําของ มนษุ ยแ ในสภาพ 7.ปจใ จบุ ัน และ แนวโนม฾ ในอนาคต - ปาุ ไม฾ - ภูเขา - แม฽นํ้า ลาํ คลอง หนอง บึง ทะเล - ดนิ - สัตวปแ ุา สตั วแนาํ้ - แร฽ธาตุ - มลพิษทางอากาศ - ปรากฏการณเแ รือน กระจก - อ่ืนๆ - การปอู งกันการ พงั ทลายของดนิ - การพัฒนาดนิ ให฾อุดม สมบูรณแ เชน฽ การปลกู ปุา การปลูกหญ฾าแฝก ฯลฯ 8. ความเข฾มแขง็ ของ ภาคประชาชนในการ แก฾ปใญหาการทําลาย ทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล฾อม (กรณี

หัวเร่ือง ตัวช้วี ดั เนอื้ หา ระดบั ความยากงา่ ย วธิ กี ารจดั การเรยี นรู้ งา่ ย ปาน ยาก กรต. พบ สอน ตัวอย฽าง) กลาง กลมุ่ เสริม ประวตั ิศาสตรแ 1.อธบิ ายเหตุการณสแ าํ คัญทาง 1.การแบ฽งช฽วงเวลา   ประวัตศิ าสตรแของประเทศ และยคุ สมยั ทาง    ต฽างๆ ในโลกได฾ ประวัติศาสตรแ    2. วิเคราะหแ และเปรียบเทยี บ 2. แหลง฽ อารยธรรม   เหตกุ ารณแสาํ คัญทาง โลก   ประวัตศิ าสตรขแ องแต฽ละ - จีน - อนิ เดยี ประเทศในโลก ทีม่ ีผลกระทบ - อียปิ ตแ - เมโสโปเตเมีย ต฽อความเปลี่ยนแปลงของ - กรีก - โรมนั ประเทศตา฽ งๆ ในโลก 3. ประวตั ิชาตไิ ทย - ธนบรุ ี 3. วิเคราะหแเหตุการณโแ ลก -รัตนโกสนิ ทรแ ปจใ จุบนั และคาดคะเน เหตุการณแที่อาจจะเกดิ ขึ้นกบั ประเทศตา฽ งๆในอนาคตได฾ - ลกั ษณะการ เปลีย่ นแปลงการ ปกครอง - เหตุการณแปใจจุบัน ที่มีผลต฽อเนื่องมาจาก ประวัติศาสตรแไทย และประเทศต฽างๆ ใน โลกท่ีส฽งผลถึงอนาคต เศรษฐศาสตรแ 1. วเิ คราะหแปญใ หาและ 1. ระบบเศรษฐกจิ ของ แนวโนม฾ ทางเศรษฐกิจของ ประเทศไทย ประเทศไทยได฾ แผนพฒั นาเศรษฐกจิ 2. เสนอแนวทางการ และสังคมแห฽งชาติ แก฾ปใญหาทางเศรษฐกิจ 2. ปญใ หาเศรษฐกจิ ของ ของประเทศไทยใน ไทยในปใจจบุ นั ปใจจุบันได฾ 3. ความสําคญั และ 3. รแ฾ู ละเขา฾ ใจ ตระหนักใน ความจาํ เป็นในการ ความสําคัญของการร฽วมกล฽มุ รว฽ มมือทางเศรษฐกจิ เศรษฐกจิ ระหว฽างประเทศ กับประเทศต฽างๆ และประเทศต฽างๆ ในโลก 4. ระบบเศรษฐกจิ ใน 4. รูแ฾ ละเข฾าใจ ในระบบ โลก

หวั เร่อื ง ตัวชี้วัด เนือ้ หา ระดบั ความยากง่าย วิธีการจดั การเรียนรู้ งา่ ย ปาน ยาก กรต. พบ สอน เศรษฐกจิ แบบต฽างๆ ในโลก 5. ความสมั พันธแแ ละ กลาง กลมุ่ เสรมิ 5. รแ฾ู ละเข฾าใจความสมั พันธแ ผลกระทบทาง   และผลกระทบทางเศรษฐกจิ เศรษฐกจิ ระหวา฽ ง   ระหวา฽ งประเทศของประเทศ ประเทศ กบั ภมู ภิ าค     ไทยกบั กลุ฽มเศรษฐกิจของ ต฽างๆ ทว่ั โลก     ประเทศตา฽ งๆ ในภูมภิ าค ใน 6. รปู แบบของระบบ โลก เศรษฐกิจ และวธิ กี าร 6. วิเคราะหแความสาํ คัญของ เลือกจัดกจิ กรรมทาง ระบบเศรษฐกจิ และการเลือก เศรษฐกจิ จดั กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ของ 7 กลไกราคากับระบบ ประเทศต฽างๆ ในโลก และ เศรษฐกจิ ในปใจจบุ ัน ผลกระทบ - การแทรกแซงกลไก 7. เข฾าใจใจในเรื่องกลไกราคา ราคาของรฐั บาลในการ กบั ระบบเศรษฐกจิ ส฽งเสริม และแก฾ไข 8. รูแ฾ ละเข฾าใจในเร่ืองการเงิน ระบบเศรษฐกิจ การคลงั และการธนาคาร 8. ความหมาย 9. เขา฾ ใจในระบบของการ ความสาํ คญั ของเงนิ ธนาคาร ประเภท สถาบนั 10. ตระหนักในความสําคัญ การเงิน และสถาบนั ของเงิน สถาบนั การเงิน ทางการเงนิ 11.วิเคราะหแผลกระทบจาก 9. การธนาคาร ปญใ หาทางเศรษฐกจิ ในเรื่อง - ระบบของธนาคาร การเงนิ การคลัง ของประเทศ - ประเภทของ ธนาคาร ไทย และสงั คมโลกได฾ - บทบาทหนา฾ ท่ีของ 12. รแู฾ ละเข฾าใจเร่ือง ธนาคาร แผนพฒั นา เศรษฐกิจและ แหง฽ ประเทศไทย สงั คมแหง฽ ชาติ (ธนาคารกลาง) 10. การคลงั รายได฾ ประชาชาติ - รายไดข฾ องรฐั บาล และการจัดทํา งบประมาณแผ฽นดนิ - ภาษีกบั การพัฒนา ประเทศ

หวั เร่อื ง ตวั ชีว้ ัด เนือ้ หา ระดับความยากง่าย วธิ กี ารจดั การเรียนรู้ ง่าย ปาน ยาก กรต. พบ สอน การเมืองการ 1. ร฾แู ละเขา฾ ใจ ระบอบ - ดลุ การคา฾ ปกครอง การเมืองการปกครองตา฽ งๆ ที่ - ดุลการชาํ ระเงนิ กลาง กลมุ่ เสรมิ ใชอ฾ ยป฽ู จใ จุบัน 11. ปใญหาเศรษฐกิจ 2. ตระหนักและเห็นคุณคา฽ ในประเทศไทยประเทศ   การปกครองระบอบ ต฽างๆในภมู ภิ าคต฽างๆ   ประชาธปิ ไตย ของโลก   3. รแ฾ู ละเขา฾ ใจ ผลทเ่ี กิดจาก 12.แผนพัฒนา   การเปล่ียนแปลงทางการเมือง เศรษฐกจิ และ   การปกครอง ของประเทศไทย สังคมแห฽งชาติ ฉบับ จากอดตี ปจใ จุบัน   4. ร฾ูและเข฾าใจผลทเี่ กิดจาก -ผลของการใช฾ การเปลย่ี นแปลงการเมืองการ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ ปกครองของโลก และสังคมแห฽งชาติ 5. ตระหนักและเห็นคุณคา฽ ของหลัก 1.การปกครองระบอบ ธรรมาภบิ าล และนําไปปฏิบัติ ประชาธิปไตย ในชวี ิตจริงได฾ 2. การปกครองระบอบ เผด็จการ พฒั นาการ ของระบอบ ประชาธปิ ไตยของ ประเทศต฽างๆ ในโลก 3. เหตุการณสแ ําคัญ ทางการเมอื งการ ปกครอง ของประเทศ ไทย 4. เหตุการณแสาํ คัญ ทางการเมอื งการ ปกครอง ของโลกที่ ส฽งผลกระทบต฽อ ประเทศไทย 5. หลกั ธรรมาภิบาล - นติ ิธรรม - คุณธรรม - ความโปร฽งใส - ความคมุ฾ คา฽ - รบั ผิดชอบ – ความ

หวั เรื่อง ตัวช้วี ัด เนอื้ หา ระดับความยากง่าย วธิ กี ารจัดการเรยี นรู้ รว฽ มมือ งา่ ย ปาน ยาก กรต. พบ สอน แนวทางปฏบิ ัตติ าม กลาง กลมุ่ เสรมิ หลักธรรมาภบิ าล

แผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอ สาระพฒั นาสงั คม รายวิชาสังคมศกึ ษา ครั้งท่ี วนั /เดอื น/ปี หัวเรื่อง/ตัวชี้วัด เน้ือหาสาระการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์กายภาพ 1. สภาพภูมิศาสตรแกายภาพ 1. มีความร฾ูความเขา฾ ใจ ของประเทศไทยกับทวีปเอเชีย เก่ยี วกับสภาพทาง ทวีปยโุ รป ทวีปออสเตรเลยี ภมู ศิ าสตรแกายภาพของ ทวปี แอฟรกิ า ทวีปอเมรกิ า ประเทศไทยกับทวีป 2. การเปรียบเทียบสภาพ ตา฽ งๆ ภูมศิ าสตรกแ ายภาพของประเทศ 2. เปรยี บเทียบสภาพ ไทยกบั ประเทศตา฽ งในในทวีป ภูมศิ าสตรกแ ายภาพของ ต฽างๆ ประเทศไทยกบั ทวปี 3.สาเหตุและลกั ษณะการ ตา฽ งๆ เกดิ ปรากฎการณแทางธรรมชาติ 3. มีความร฾ูความเขา฾ ใจ ท่สี ําคญั ๆรวมท้ังการปูองกนั เมือ่ ในปรากฏการณแทาง เกิด ธรรมชาตทิ เ่ี กดิ ขน้ึ ในโลก -พายุชนิดต฽างๆ 4. มีทักษะการใช฾ -น้าํ ทว฽ ม เคร่อื งมือทางภูมิศาสตรแ -แผ฽นดนิ ไหว ที่สาํ คญั ๆ -ภเู ขาไฟระเบิด 5. รูว฾ ธิ ปี อู งกันตนเองให฾ -ภาวะโลกร฾อน ปรากฏการณแ

อนปลาย ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 า รหัส สค31001 จานวน 3 หนว่ ยกติ การจดั กระบวนการเรยี นรู สอ่ื /แหลง่ การวดั และ เรียนรู้ ประเมินผล ข้ันท่ี 1 กาหนดสภาพปญั หาการเรียนรู้ 1. หนังสือ แบบทดสอบ 1. พูดคุยซกั ถามเก่ียวกับปใญหา แบบเรียน ใบงาน สภาพแวดลอ฾ มในปจใ จบุ นั 2. สื่อมัลตมิ ีเดยี เล฽มรายงาน 2. ทบทวน/ตดิ ตาม ผลการเรียนร฾ดู ว฾ ย 3. อนิ เทอรเแ นต็ สังเกต ตนเอง 4. ใบความรู฾ พฤติกรรม 3. ทบทวนและติดตามผลการศึกษา คน฾ คว฾าในสัปดาหทแ ผี่ า฽ นมา ข้นั ที่ 2 แสวงหาขอ้ มูลและจัดกจิ กรรม การเรยี นรู้ 1.ครูให฾ผ฾ูเรียนศกึ ษาใบความร฾ูพรอ฾ ม อธิบายเรื่องภมู ิศาสตรแกายภาพและให฾ ผเู฾ รยี นร฽วมกันสรปุ ความร฾ูอภิปรายให฾ เพื่อนฟใง 2.ครอู ธบิ ายถงึ สาเหตุและลกั ษณะการ เกิดปรากฎการณทแ างธรรมชาตทิ ่สี ําคัญๆ และยกตวั อย฽างภัยธรรมชาติ 3.ใหผ฾ เ฾ู รียนศึกษาค฾นคว฾าหาความรู฾ ใน 97

ครั้งท่ี วัน/เดือน/ปี หัวเรอ่ื ง/ตัวชี้วดั เน้ือหาสาระการเรยี นรู้ ปลอดภัยเมอื่ เกดิ ภัยจาก เรือนกระจก ปรากฏการณแธรรมชาติ -อ่ืนๆ 6. สามารถวิเคราะหแ 5. ปญใ หาการทําลาย แนวโน฾มและวกิ ฤต ทรพั ยากรธรรมชาติและ สิง่ แวดล฾อมที่เกดิ จาก สิ่งแวดลอ฾ ม การกระทาํ ของมนษุ ยแ 6. การวเิ คราะหแสาเหตุการเกิด 7. มีความรคู฾ วามเข฾าใจ ปญใ หา และสภาพการทาํ ลาย ในการใช฾นวตั กรรม และ ทรพั ยากรธรรมชาติ และ เทคโนโลยดี ฾าน ส่งิ แวดล฾อมที่เกดิ จากการ ส่งิ แวดล฾อมเพื่อพฒั นา กระทําของมนุษยแ ในสภาพ ทรัพยากรธรรมชาติและ ปจใ จบุ นั และแนวโน฾มในอนาคต สง่ิ แวดล฾อมทีย่ ง่ั ยืน - ปุาไม฾ - ภเู ขา - แมน฽ ํา้ ลาํ คลอง หนอง บึง ทะเล - ดนิ - สัตวปแ ุา สตั วนแ า้ํ - แร฽ธาตุ - มลพษิ ทางอากาศ - ปรากฏการณแเรือนกระจก - อ่ืนๆ

การจัดกระบวนการเรียนรู สอ่ื /แหลง่ การวัดและ เรียนรู้ ประเมินผล เรอ่ื งการใชส฾ ารเคมี ในชีวติ ประจาํ วัน จากครอบครัว ชุมชน รพ.สต จดั ทํา เป็นแผน฽ พบั มาอธิบายให฾เพ่ือนฟใงใน การพบกล฽มุ ที่ กศน.ตําบล และนาํ ไป ประชาสัมพนั ธใแ ห฾ครอบครวั ชุมชน ทราบถึงวธิ ีการใชส฾ ารเคมที ถ่ี ูกต฾องและ ปลอดภยั 4.ใหผ฾ ู฾เรยี นศกึ ษาค฾นควา฾ ถงึ สาเหตุทท่ี ํา ให฾เกดิ ภาวะโลกร฾อน และวิธีลด/ปอู งกัน โลกร฾อน จากอินเตอรเแ นต็ หนังสือพิมพแ วารสาร จดั ทาํ เปน็ เลม฽ รายงาน และ นํามาแลกเปล่ยี นเรยี นรู฾กบั เพ่ือนในการ พบกล฽ุมที่ กศน.ตาํ บล 5.ใหผ฾ ู฾เรียนศึกษาคน฾ ควา฾ ถงึ สาเหตุท่ี ก฽อใหเ฾ กดิ มลภาวะทางสงิ่ แวดลอ฾ มจาก อินเตอรแเน็ต หนังสือพมิ พแ วารสาร ห฾องสมุด ปูายประกาศตา฽ งๆ แล฾วผเู฾ รียน สรปุ ความท่ไี ดจ฾ ากการศกึ ษาค฾นคว฾า นาํ มาแลกเปลย่ี นเรยี นรู฾กบั เพ่ือน ใน การพบกลมุ฽ ที่ กศน.ตาํ บล

- การปอู งกันการพงั ทลายของ ดนิ - การพัฒนาดินให฾อดุ มสมบูรณแ เชน฽ การปลกู ปาุ การปลกู หญ฾า แฝก ฯลฯ

ขนั้ ที่ 3. ขน้ั การปฏบิ ตั ิและการนาไป ประยุกต์ใช้ - ครูและนักศึกษาร฽วมกันสรุปผลการ เรียนร฾ู จดบนั ทกึ ผลการเรียนรู฾ ขั้นที่ 4. ขน้ั การประเมนิ ผล - ประเมินผลการเรียนร฾ูจากการมีส฽วน รว฽ มโดยใช฾กระบวนการกลม฽ุ นักศึกษา

ใบความรู้ ภมู ศิ าสตร์ กายภาพ เรื่อง ภูมิศาสตร์ กายภาพ ภมู ศิ าสตรก์ ายภาพประเทศไทย ทาเลที่ตัง้ ประเทศไทยต้ังอยู฽ในภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต฾ ซงึ่ ประกอบดว฾ ยส฽วนทเ่ี ปน็ แผ฽นดนิ ใหญ฽หรือเรียกว฽า คาบสมทุ รอินโดจนี หรือแหลมทอง และสว฽ นทเี่ ปน็ หม฽ูเกาะใหญน฽ อ฾ ยหลายพนั เกาะ ต้งั อย฽ูในแหลมทองระหว฽างละติจูด 5 องศา 37 ลิปดาเหนือกบั 20 องศา22 ลิปดาเหนอื และลองจิจดู 97 องศา 22 ลปิ ดาตะวนั ออก กบั 105 องศา 37 ลิปดา ตะวนั ออก ขนาด ประเทศไทยมเี นื้อท่ี 513,115 ตารางกิโลเมตร ถ฾าเปรยี บเทียบขนาดของประเทศไทยกับประเทศใน ภมู ิภาค เอเชียตะวนั ออกเฉยี งใตด฾ วั ยกันแลว฾ จะมีพื้นทข่ี นาดใหญเ฽ ปน็ อันดับที่สาม รองจากอินโดนีเซียและพมา฽ ความยาว ของประเทศวัดจาก เหนอื สดุ ท่อี ําเภอแม฽สายจงั หวดั เชียงรายไปจดใต฾สดุ ท่ีอาํ เภอเบตง จังหวดั ยะลา ประมาณ 1,260 กิโลเมตร สว฽ นความกว฾างมากทีส่ ุด วัดจากด฽านพระเจดยี สแ ามองคอแ ําเภอสงั ขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรไี ปจดตะวนั ออกสดุ ท่ี อําเภอสิรนิ ธร จังหวัดอบุ ลราชธานี ยาวประมาณ 780 กโิ ลเมตร สาํ หรบั ส฽วนทแ่ี คบทสี่ ุดของประเทศไทยอยู่ใ นเขตจังหวดั ประจวบคีรขี นั ธวแ ัดจากพรมแดนพมา฽ ถงึ ฝงใ่ ทะเลอ฽าวไทยเป็นระยะทางประมาณ 10.5 กิโลเมตร อาณาเขตตดิ ตอ่ ประเทศไทยมอี าณาเขตติดต฽อกบั ประเทศเพื่อนบ฾านโดยรอบ 4 ประเทศคือ พมา฽ ลาว กมั พชู า และมาเลเซียรวมความยาวของพรมแดนทางบก ประมาณ 5,300 กิโลเมตร และมีอาณาเขตตดิ ต฽อกับชายฝใ่งทะเลยาว 2,705 กโิ ลเมตร คอื แนวฝใ่งทะเลด฾านอา฽ วไทย ยาว 1,840 กิโลเมตร และแนวชายฝงใ่ ด฾านทะเลอันดามันยาว 865 กิโลเมตร 1. เขตแดนทต่ี ดิ ต฽อกับพมา฽ เร่มิ ตน฾ ที่อําเภอแมส฽ ายจังหวดั เชยี งรายไปทางตะวันตกผา฽ นท่ีจังหวัดแม฽ฮ฽องสอน ไป สิ้นสุดท่ีจังหวดั ระนอง จงั หวดั ชายแดนด฾านนมี้ ี 10 จงั หวดั คอื เชยี งราย เชียงใหม฽ แม฽ฮ฽องสอน ตาก กาญจนบรุ ี ราชบรุ ี เพชรบรุ ี ประจวบครี ขี นั ธแ ชุมพร และ ระนอง มีทิวเขา 3 แนว เปน็ เสน฾ กน้ั พรมแดน ได฾แก฽ ทวิ เขาแดนลาว ทิวเขาถนนธงชยั และทิวเขาตะนาวศรี นอกจากนั้นยงั มีแมน฽ ้ําสายส้ันๆ เปน็ แนวกั้นพรมแดนอย฽ูอีกคอื แม฽นํ้าเมย จงั หวัดตากและแมน฽ าํ้ กระบรุ ี จงั หวัดระนอง 2. เขตแดนท่ีติดต฽อกบั ลาว เขตแดนด฾านน้ี เร่มิ ตน฾ ท่ใี นอําเภอเชียงแสน ไปทางตะวนั ออกผา฽ นที่อาํ เภอเชยี งของ จังหวดั เชียงรายเข฾าสู฽จงั หวดั พะเยา ไปส้ินสดุ ท่ีจงั หวดั อุบลราชธานดี ินแดนที่ตดิ ต฽อกบั ลาวมี 11 จงั หวดั คอื เชียงราย พะเยา น฽าน อุตรดิตถแ พิษณโุ ลก เลยหนองคาย นครพนม มุกดาหาร อํานาจเจรญิ และอบุ ลราชธานี มแี ม฽นํา้ โขงเป็นเสน฾ กั้น พรมแดนทางนา้ํ ที่สาํ คญั สว฽ นพรมแดนทางบกมีทวิ เขาหลวงพระบางก้ันทางตอนบนและทวิ เขาพนมดงรักบางส฽วนกน้ั เขต แดนตอนลา฽ ง เขตแดนท่ีติดต฽อกับกมั พูชา เรม่ิ ต฾นท่ีพน้ื ที่บางส฽วนของภาคตะวันออกเฉยี งเหนือตอนลา฽ ง

3. จากอําเภอนํ้ายืน จงั หวัดอุบลราชธานี มาทางทิศตะวันตก แลว฾ วกลงใต฾ทจี่ ังหวดั บุรรี ัมยแ ไปสนิ้ สุดที่จงั หวัดตราด จังหวดั ชายแดนที่ตดิ ต฽อกบั กัมพชู า มี 7 จงั หวัด คอื อุบลราชธานี ศรสี ะเกษ สรุ ินทรแ บรุ ีรัมยแ สระแก฾ว จนั ทบุรี และ ตราด มี ทิวเขาพนมดงรักและทวิ เขาบรรทดั เป็นเสน฾ ก้นั พรมแดน 4. เขตแดนท่ีติดต฽อกับมาเลเซยี ไดแ฾ ก฽ เขตแดนทางใตส฾ ุดของประเทศ ในพื้นที่ 4 จังหวดั คอื สตูล สงขลา ยะลา และนราธวิ าส มแี นวเทอื กเขาสนั กาลาคีรี และแม฽น้ําโก-ลกจงั หวดั นราธวิ าสเป็นเสน฾ กน้ั พรมแดน ภาคเหนือ ภาคเหนือประกอบดว฾ ยพ้ืนท่ีของ 9 จังหวดั ได฾แก฽ 1. เชยี งราย 2. แม฽ฮ฽องสอน 3.พะเยา 4. เชียงใหม฽ 5. น฽าน 6. ลําพนู 7. ลาํ ปาง 8. แพร฽ 9. อตุ รดติ ถแ ลกั ษณะภูมปิ ระเทศทัว่ ไป เปน็ เทือกเขาสูงทอดยาวขนานกันในแนวเหนือ-ใต฾ และระหวา฽ งเทอื กเขาเหลา฽ นี้มที ร่ี าบ และมีหบุ เขาสลับอย฽ูทั่วไปเทือกเขาท่ีสําคัญ คือ เทือกเขาหลวงพระบาง เทอื กเขาแดนลาว เทือกเขาถนนธงชัย เทอื ก เขาผีปในนาํ้ เทือกเขาขุนตาลและเทอื กเขาเพชรบรู ณแ ยอดเขาที่สูงทส่ี ุดในภาคน้ี ได฾แก฽ ยอดอนิ ทนนทแ อยใู฽ น จังหวัดเชียงใหม฽ มคี วามสูงประมาณ2,595 เมตร เทือกเขาในภาคเหนอื เปน็ แหล฽งกําเนดิ ของแม฽นา้ํ สายยาว 4 สาย ไดแ฾ ก฽ แม฽น้าํ ปงิ วงั ยม และนา฽ น แม฽นา้ํ ดงั กล฽าว นไี้ หลผา฽ นเขตทีร่ าบหบุ เขา พื้นท่ที ั้งสองฝงใ่ ลาํ น้ําจึงมดี ินอุดมสมบูรณเแ หมาะแก฽การ เพาะปลูก ทาํ ให฾มีผค฾ู นอพยพไปตง้ั หลักแหลง฽ ในบรเิ วณดังกล฽าวหนาแน฽นนอกจากนภี้ าคเหนอื ยังมีแม฽นา้ํ สายสัน้ ๆ อกี หลายสาย ไดแ฾ ก฽แม฽นํ้ากก และแมน฽ ้าํ องิ ไหลลงส฽ู แมน฽ ้ําโขง สว฽ นแม฽น้าํ ปายแม฽นาํ้ เมย และแม฽นาํ้ ยม ไหลลงส฽ู แม฽นาํ้ สาละวนิ ภาคกลาง ภาคกลางประกอบดว฾ ยพ้ืนท่ีของ 22 จังหวดั ได฾แก฽ 1.สุโขทัย 2.พษิ ณุโลก3.กาํ แพงเพชร 4.พิจิตร 5.เพชรบรู ณแ(ภาคกลางตอนบน) 6.นครสวรรคแ 7.อทุ ัยธานี 8.ชัยนาท 9.ลพบรุ ี 10.สิงหแบรุ ี 11.อ฽างทอง 12.สระบรุ ี 13.สพุ รรณบุรี 14.พระนครศรอี ยุธยา 15.นครนายก 16.ปทุมธานี 17.นนทบรุ ี 18.นครปฐม19. กรงุ เทพมหานคร 20. สมุทรปราการ 21. สมทุ รสาคร 22. สมุทรสงคราม ลักษณะภมู ิประเทศทว่ั ไป เป็นท่ีราบดินตะกอนท่ลี าํ นํ้าพัดมาทับถม ในบรเิ วณทีร่ าบนี้มีภูเขาโดดๆ ซึง่ ส฽วนใหญ฽เปน็ ภูเขาหินปูนกระจาย อย฽ูทั่วไป ภูมปิ ระเทศตอนบนของภาคกลางเปน็ ท่รี าบลูกฟูก คือเปน็ ทสี่ ูงๆตาํ่ ๆ และมภี เู ขาที่มแี นว ตอ฽ เนอ่ื งจากภาคเหนือ เข฾ามาถึงพนื้ ท่ีบางสว฽ นของจังหวดั พิษณโุ ลก และเพชรบูรณแ สว฽ นพื้นทต่ี อนลา฽ งของภาคกลาง น้นั เปน็ ดนิ ดอนสามเหลย่ี มปากแม฽นํ้า เจ฾าพระยา ซ่ึงเกดิ จากการรวมตัวของแม฽นาํ้ ปิง วงั ยมน฽าน นอกจากแม฽นาํ้ เจา฾ พระยา แล฾วตอนล฽างของภาคกลางยังมแี ม฽น้ําไหลผ฽านอีกหลายสายได฾แก฽ แม฽นํ้าแมก฽ ลอง แม฽นาํ้ ท฽าจีน แม฽นํ้าปาุ สกั และแม฽นา้ํ นครนายก เขตนเ้ี ป็นทร่ี าบกว฾างขวางซ่ึงเกิดจากดนิ ตะกอน หรือดนิ เหนยี วทแ่ี มน฽ าํ้ พดั พามาทับถมเปน็ เวลานาน จงึ เป็นพื้นที่ ที่อดุ มสมบูรณเแ หมาะแก฽การเพาะปลูกมาก และเป็นเขตที่มีประชากรมากทส่ี ดุ ในประเทศไทยฉะนนั้ ภาคกลางจงึ ไดช฾ ่ือวา฽ เปน็ อู฽ ข฾าว อู฽น้าํ ของไทยแม฽น้ําเจา฾ พระยา

ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ประกอบดว฾ ยพ้นื ท่ีของ 19 จงั หวัด ได฾แก฽ 1.เลย2.หนองคาย 3.อดุ รธานี 4.สกลนคร 5.นครพนม 6.ขอนแกน฽ 7.กาฬสนิ ธุแ 8.มุกดาหาร9.ชยั ภูมิ 10.มหาสารคาม 11.ร฾อยเอ็ด 12.ยโสธร 13.นครราชสีมา 14.บรุ ีรัมยแ 15. สุรนิ ทรแ16.ศรีสะเกษ 17.อุบลราชธานี 18.อํานาจเจริญ 19.หนองบัวลาํ ภู ลักษณะภูมิประเทศทวั่ ไป มลี กั ษณะเป็นแอ฽งคล฾ายจาน ลาดเอยี งไปทางตะวนั ออก เฉียงใต฾มีขอบเป็นภเู ขาสงู ทางตะวนั ตกและทางใต฾ขอบทางตะวนั ตก ไดแ฾ ก฽ เทือกเขา เพชรบูรณแ และเทือกเขาดงพญาเย็น ส฽วนทางใต฾ ไดแ฾ ก฽ เทอื กเขาสนั กําแพง และเทือกเขาพนม ดงรกั พื้นที่ดา฾ นตะวันตกเปน็ ที่ราบสูง เรียกวา฽ ท่ีราบสูงโคราช ภเู ขาบริเวณนี้เปน็ ภเู ขา หนิ ทราย ท่รี จ฾ู ักกนั ดีเพราะเป็นแหล฽งท฽องเทย่ี ว คือ ภูกระดึง ภูหลวง ในจังหวัดเลย แม฽น้ําที่ สําคญั ของภาคนี้ไดแ฾ ก฽ แมน฽ ํา้ ชี และแมน฽ าํ้ มูล ซงึ่ มีแหล฽งกําเนิดจากเทือกเขาทางทศิ ตะวันตก และทางใต฾แลว฾ ไหลลงสู฽ แมน฽ ้ําโขง ทาํ ใหส฾ องฝง่ใ แม฽นํา้ เกดิ เป็นท่รี าบนํา้ ทว฽ มถงึ เป็นตอนๆพื้นทร่ี าบในภาคะวนั ออกเฉียงเหนอื มักมีทะเลสาบรปู แอง฽ เปน็ จํานวนมาก แตท฽ ะเลสาบเหล฽านจี้ ะมนี ้าํ เฉพาะฤดฝู นเท฽าน้ันเมื่อถึงฤดรู ฾อนนา้ํ ก็จะเหือดแหง฾ ไปหมด เพราะดนิ สว฽ นใหญ฽ เปน็ ดนิ ทรายไม฽อุ฾มนา้ํ นํ้าจงึ ซึม ผ฽านไดเ฾ ร็ว ภาคนี้จงึ มีปใญหาเรื่องการขาดแคลนน้าํ และดนิ ขาดความอุดมสมบรู ณแ ทําให฾ พ้นื ที่บางแหง฽ ไมส฽ ามารถใช฾ประโยชนใแ นการเกษตรได฾อย฽างเต็มท่ี เช฽น ทุง฽ กลุ าร฾องไห฾ซง่ึ มเี น้ือที่ถึงประมาณ 2 ลา฾ นไร฽ ครอบคลุมพนื้ ท่ี 5 จงั หวัด ไดแ฾ กร฽ ฾อยเอด็ สรุ ินทรแ มหาสารคามยโสธร และศรสี ะเกษ ซ่งึ ปใจจบุ ันรัฐบาลไดพ฾ ยายามปรับปรุง พืน้ ที่ใหด฾ ีขึ้น โดยใช฾ระบบชลประทานสมยั ใหม฽ ทาํ ใหส฾ ามารถเพาะปลกู ไดจ฾ นกลายเป็นแหลง฽ เพาะปลูกข฾าวหอมมะลทิ ี่ ดีทสี่ ุดแห฽งหนึง่ ของประเทศไทย แต฽ก็ปลกู ไดเ฾ ฉพาะหนา฾ ฝนเท฽านนั้ หน฾าแล฾งสามารถทําการเพาะปลูกได฾เฉพาะบางสว฽ นเท฽านนั้ ยงั ไม฽ครอบคลุมบริเวณท้ังหมด ภาคตะวนั ตก ภาคตะวันตก ประกอบดว฾ ยพื้นท่ีของ 5 จงั หวัด ได฾แก฽ 1.ตาก 2.กาญจนบุรี 3.ราชบุรี 4.เพชรบุรี 5.ประจวบครี ีขนั ธแ ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทัว่ ไป ส฽วนใหญ฽เป็นเทือกเขาสูง ได฾แก฽ เทือกเขาถนนธงชยั และเทือกเขาตะนาวศรเี ปน็ แนวภูเขาทซ่ี ับซอ฾ นมที รี่ าบแคบๆ ในเขตหุบเขาเป็นแหง฽ ๆ และ มที ีร่ าบเชงิ เขาตอ฽ เนอ่ื งกบั ท่ีราบภาคกลางเทือกเขาเหล่า น้ีเปน็ แหลง฽ กาํ เนิดของ แมน฽ ํ้าแควนอ฾ ย (แมน฽ าํ้ ไทรโยค) และแม฽น้าํ แควใหญ฽ (ศรีสวัสดิ์) ซง่ึ ไหลมาบรรจบกนั เปน็ แม฽น้ําแมก฽ ลอง ระหวา฽ งแนวเขามีช฽องทาง ตดิ ต฽อกับพม฽าได฾ ที่สาํ คญั คือ ดา฽ นแมล฽ ะเมาในจงั หวดั ตาก และดา฽ นพระเจดยี สแ ามองคแ ในจังหวดั กาญจนบรุ ี ภาคตะวันออก

ภาคตะวนั ออก ประกอบด฾วยพน้ื ทข่ี อง 7 จงั หวัดไดแ฾ ก฽ 1.ปราจีนบรุ ี 2.ฉะเชิงเทรา 3.ชลบรุ ี 4.ระยอง 5.จนั ทบรุ ี 6. ตราด 7.สระแกว฾ ลักษณะภูมปิ ระเทศท่ัวไป คอื เปน็ ทร่ี าบใหญอ฽ ยูท฽ างตอนเหนือของภาค มเี ทือกเขาจนั ทบรุ อี ย฽ูทางตอนกลางของ ภาคมเี ทือกเขาบรรทดั อย฽ูทางตะวนั ออกเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว฽างประเทศไทยกบั ประเทศกัมพชู า และมีทีร่ าบชายฝ่งใ ทะเลซึ่งอยรู฽ ะหว฽างเทอื กเขาจันทบรุ กี บั อ฽าวไทย ถงึ แมจ฾ ะเป็นท่ีราบแคบๆ แต฽กเ็ ป็นพ้ืนดินทีอ่ ดุ มสมบรู ณเแ หมาะสาํ หรับ การปลกู ไม฾ผล ในภาคนม้ี จี ังหวัดปราจนี บุรแี ละจังหวัดสระแกว฾ เป็นจงั หวัดทีไ่ มม฽ ีอาณาเขตจดทะเล นอกนัน้ ทุกจงั หวัดลว฾ นมี ทางออกทะเลทั้งสิน้ ชายฝ่ใงทะเลของภาคเริ่มจากแม฽น้ําบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทราไปถึงแหลมสารพัดพิษ จงั หวัดตราด ยาวประมาณ 505 กโิ ลเมตรเขตพ้นื ที่ชายฝ่งใ ของภาคมแี หลมและอ฽าวอยเู฽ ปน็ จํานวนมากและมีเกาะใหญ฽น฾อยเรียงรายอย฽ู ไมห฽ า฽ งจากฝ่งใ นัก เชน฽ เกาะชา฾ ง เกาะกูด เกาะสชี งั เกาะลา฾ น เป็นต฾นอา฽ วมะนาว จังหวดั ประจวบครี ขี ันธแ เกาะสีชัง ภาคใต฾ ภาคใตป฾ ระกอบดว฾ ยพ้ืนท่ีของ 14 จังหวดั ได฾แก฽ 1.ชุมพร 2.สรุ าษฎรแธานี 3.นครศรธี รรมราช 4.พทั ลงุ 5.สงขลา 6.ปใตตานี 7.ยะลา 8.นราธิวาส 9.ระนอง 10.พังงา 11.กระบ่ี 12.ภเู กต็ 13.ตรัง 14.สตลู ลักษณะภูมปิ ระเทศทั่วไป เปน็ คาบสมุทรยื่นไปในทะเล ทางตะวันตกของคาบสมุทรมีเทือกเขาภเู กต็ ทอดตัวเลยี บ ชายฝง่ใ ไปจนถงึ เกาะภูเก็ต ตอนกลางของภาคมีเทอื กเขานครศรีธรรมราช ส฽วนทางตอนใต฾สุดของภาคใต฾มเี ทอื กเขาสนั กาลา คีรี วางตวั ในแนว ตะวันออก-ตะวนั ตก และเป็นพรมแดนธรรมชาติกน้ั ระหว฽างไทยกับมาเลเซยี ด฾วยพื้นทท่ี างชายฝใง่ ตะวนั ออก มที ่ีราบมากกวา฽ ชายฝใ่งตะวนั ตก ไดแ฾ ก฽ ทรี่ าบในเขตจังหวัดนครศรีธรรมราชพทั ลุง สงขลา ปใตตานี และนราธิวาส ชายฝใ่งทะเล ดา฾ นตะวันออกของภาคใต฾มชี ายหาดเหมาะสาํ หรับเปน็ ทต่ี ากอากาศหลายแห฽ง เชน฽ หาดสมิหลา จังหวดั สงขลาและหาดนรา ทศั นแ จงั หวัดนราธิวาส เป็นต฾น เกาะที่สําคญั ทางด฾านนี้ ได฾แก฽ เกาะสมยุ และเกาะพงนั สว฽ นชายฝ่งใ ทะเลด฾านมหาสมุทรอนิ เดีย มีเกาะที่สาํ คัญคือ เกาะภูเก็ต เกาะตรุเตา เกาะยาวและเกาะลนั ตานอกจากนี้ ในเขตจงั หวดั สงขลาและพัทลุงยังมีทะเลสาบ เปิด (lagoon) ทีใ่ หญ฽ท่ีสดุ แห฽งหนง่ึ ในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต฾ คือ ทะเลสาบสงขลา มีความยาวจากเหนอื จดใต฾ประมาณ 80 กโิ ลเมตร ส฽วนท่ีกว฾างทส่ี ดุ ประมาณ 20 กโิ ลเมตร คิดเป็นเน้ือที่ประมาณ 974 ตารางกโิ ลเมตร สว฽ นเหนือสดุ ของทะเลสาบ เปน็ แหลง฽ นาํ้ จดื เรยี กวา฽ ทะเลนอ฾ ย แต฽ทางสว฽ นลา฽ งนํา้ ของทะเลสาบจะเค็ม เพราะมีนา฽ นนํ้าติดกับอ฽าวไทย นาํ้ ทะเลจึงไหลเขา฾ มาได฾ ในทะเลสาบ สงขลามีเกาะอย฽ูหลายเกาะ บางเกาะเป็นท่ที ํารังของนกนางแอ฽น บางเกาะเป็นที่อย฽ขู องเต฽า ทะเล นอกจากนีใ้ นทะเลสาบยงั มี ปลา และกุง฾ ชกุ ชุมอีกด฾วย ส฽วนชายฝงใ่ ทะเลดา฾ นตะวันตกของภาคใตม฾ ีลักษณะเวา฾ แหวง฽ มากกวา฽ ด฾านตะวันออก ทําใหม฾ ีทวิ ทัศนแท่สี วยงามหลาย แห฽ง เชน฽ หาดนพรัตนธแ ารา จังหวดั กระบ่ี หมเ฽ู กาะซิมลิ นั จงั หวัดพงั งา ชายฝ่ใง ตะวนั ตกของ ภาคใตจ฾ ึงเป็นสถานท่ีท฽องเทย่ี วทสี่ าํ คัญแห฽งหนงึ่ ของประเทศ แม฽น้ําในภาคใต฾ ส฽วนใหญ฽เป็นแมน฽ ํ้าสายสน้ั ๆ ไหลจากเทือกเขาลงสู฽ทะเล ที่สาํ คญั ได฾แก฽ แมน฽ า้ํ โก-ลกซึ่งกั้นพรมแดนไทยกับมาเลเซียในจังหวดั นราธิวาส แม฽นาํ้ กระบุรซี ึง่ กน้ั พรมแดนไทยกบั พมา฽ ในเขตจังหวัดระนองแมน฽ า้ํ ตาปีในจงั หวดั สุราษฏรธแ านี และแม฽น้าํ ปใตตานใี นจังหวัดยะลาและปใตตานี ทวปี เอเชีย 1. ขนาดท่ีต้ังและอาณาเขตติดต฽อ ทวีปเอเชยี เปน็ ทวีปที่มีขนาดใหญ฽ทส่ี ดุ มพี นื้ ทป่ี ระมาณ 44 ลา฾ นตารางกโิ ลเมตร เป็นทวปี ทมี่ พี ื้นทกี่ ว฾างที่สดุ ในโลกตัง้ อย฽ทู างทิศตะวนั ออกของโลก ทวปี เอเชียตัง้ อย฽ูระหว฽างละติจดู 1 องศา 15 ลิปดาเหนือ ถึง 77 องศา 41 ลิปดาเหนือและลองตจิ ดู 24 องศา 4ลิปดา ตะวนั ออกถงึ 169 องศา 40 ลิปดาตะวนั ตก

อาณาเขตติดต฽อ ทิศเหนือ ตดิ กบั มหาสมทุ รอารกแ ติก ทศิ ใต฾ ติดกับมหาสมุทรอนิ เดีย ทศิ ตะวนั ออก ตดิ กบั มหาสมทุ รแปซฟิ ิก ทศิ ตะวันตก ตดิ กับเทือกเขาอูราล ทวปี ยุโรป 2. ลักษณะภูมิประเทศของทวีปเอเชียทวีปเอเชียมีลักษณะเด฽นคือ มีภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูงอย฽ูเกือบใจกลางทวีป ภูเขาดงั กล฽าวทาํ หน฾าท่ีเหมอื นหลังคาโลกเพราะเป็นจดุ รวมของเทือกเขาสําคัญๆ ในทวีปเอเชยี จุดรวมสําคัญ ได฾แก฽ ปามีรแนอต ยนู นานนอต และอามีเนียนนอต เทอื กเขาสูงๆ ของทวีปเอเชียวางแนวแยกย฾ายไปทุกทิศทุกทางจากหลังคาโลกเช฽น เทือกเขา หิมาลยั เทือกเขาคนุ ลน฾ุ เทือกเขาเทยี นชาน เทือกเขาอัลตนิ ตกั เทอื กเขาฮนิ ดกู ซู เทอื กเขาสุไลมาน ยอดเขาเอเวอรเแ รสตแ มีระดบั สูง 8,850 เมตร (29,028 ฟุต) เป็นยอดเขาสูงท่ีสุดในโลกต้ังอย฽ูบนเทือกเขาหิมาลัยระหว฽างเทือกเขาเหล฽านี้มีพื้นที่ ค฽อนข฾างราบแทรกสลับอยู฽ ทําให฾เกิดเป็นแอ฽งแผ฽นดินที่อย฽ูในท่ีสูง เช฽น ท่ีราบสูงทิเบต ท่ีราบสูงตากลามากัน ที่ราบสูง มองโกเลยี ทีร่ าบสงู ยูนาน ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศดังกล฽าวขา฾ งตน฾ ทําใหบ฾ รเิ วณใจกลางทวีปเอเชียกลายเป็นแหล฽งตน฾ กาํ เนดิ ของ แม฽น้ําสายสําคัญ ที่มีรูปแบบการไหลออกไปทุกทิศโดยรอบหลังคาโลก เช฽น ไหลไปทางเหนือมีแม฽น้ํา อ็อบ เยนิเซ ลีน฽า ทาง ตะวันออกเฉียงเหนือมีแม฽นํ้าอามูรแ ทางตะวันออกมีแม฽นํ้าฮวงโห (หวงเหอ แยงซีเกียง (ฉางเจียง) ซีเกียง (ซีเจียง) ทาง ตะวันออกเฉียงใตม฾ แี มน฽ ํ้าแดง โขง เจ฾าพระยา สาละวิน อริ ะวดี ทางใตม฾ แี ม฽นา้ํ พรหมบตุ ร คงคา สนิ ธุ ทางตะวนั ตกมีแม฽นํา้ อามู ดารยแ จากทส่ี ูงอามเี นียนนอต มแี ม฽นํ้าไทกรีส ยูเฟรตีส บทบาทของลุม฽ น้ําเหล่า น้ี คือ พัดพาเอาตะกอนมาทับถมท่ีราบ อนั กวา฾ งใหญไ฽ พศาล กลายเป็นแหล฽งเกษตรกรรมและทอ่ี ยู฽ อาศัยสําคัญๆ ของชาวเอเชีย โดยเฉพาะท่ีราบดินดอนสามเหลี่ยม ปากแม฽นา้ํ จงึ กลายเป็นแหล฽งทีม่ ีประชากรอาศัยอยู฽หนาแน฽นทีส่ ดุ 3. ลกั ษณะภูมิอากาศของทวปี เอเชยี ทวปี เอเชยี โดยส฽วนรวมประมาณครง่ึ ทวปี อยูภ฽ ายใตอ฾ ิทธพิ ลของลมมรสุมตั้งแต฽ ปากีสถานถึงคาบสมุทรเกาหลี เป็นผลทําให฾มีฝนตกชุกในฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต฾ และมีอากาศหนาวในฤดูมรสุม ตะวันออกเฉียงเหนือในเขตละติจูดกลางหรือเขตอบอนุ฽ แถบจนี และญป่ี ุนจะไดร฾ ับอิทธพิ ลจากแนวปะทะอากาศ บ฽อยคร้ัง ทางชายฝ่ใงตะวันออกของทวีปต้ังแต฽ญี่ปุน อินโดนีเซีย จะได฾รัฐอิทธิพลของลมไต฾ฝุน และดีเปรสช่ันทําให฾ดินแดน ชายฝ่ใงตะวันออกของหมู฽เกาะได฾รับความเสียหายจากลมและฝนเสมอ ทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต฾และเอเชียใต฾ ซ่ึงอยู฽ใกล฾ ศูนยแสูตร จะมีปรากฏการณแของหย฽อมความกดอากาศตํ่าทําให฾มีอากาศลอยตัว ก฽อเป็นพายุฟูาคะนองเกิดข้ึนเป็นประจําใน เวลาบา฽ ยๆ หรือใกลค฾ าํ่ แถบทอี่ ยู฽ลกึ เข฾าไปในทวปี หา฽ งไกลจากทะเลจะมีภมู อิ ากาศแห฾งแล฾งเปน็ ทะเลทราย 4. สภาพทางสังคม วัฒนธรรม ภาษา ศาสนาเชอ้ื ชาติเผ฽าพันธแุ ประชากร 2 ใน 3 ของประชากรท้งั หมด เปน็ พวก มองโกลอยดแมีพวกคอเคซอยดแอย฽บู า฾ ง เชน฽ ชาวรัสเซียอพยพมาจากยโุ รปตะวันออก ประชากรของเอเชยี มีความหลากหลาย ดา฾ นประกอบอาชีพ เศรษฐกิจของประเทศในเอเชยี ขนึ้ อยู฽กับภาคเกษตรกรรม ประชากรส฽วนใหญ฽ ประกอบอาชีพดา฾ น การเกษตร คอื การเพาะปลูก ขา฾ วข฾าวโพด และมีการเล้ยี งสตั วแ ท้งั เล้ยี งไว฾เปน็ อาหาร และทาํ งาน นอกจากน้ียังมีการค฾าขาย การประมง การทําเหมอื งแร฽

ลักษณะทางเศรษฐกจิ 1. การเพาะปลูกทําในท่รี าบลุ฽มของแม฽นา้ํ ต฽างๆ ได฾แก฽ ข฾าว ยางพารา ปาลมแ ปอฝูาย ชา กาแฟ ขา฾ วโพด 2. การเล้ียงสัตวแ ในเขตอากาศแหง฾ แล฾งจะเลย้ี งแบบเร฽ร฽อนซง่ึ เล้ียงไว฾ใชเ฾ นื้อและนมเป็นอาหารไดแ฾ ก฽ อฐู แพะ แกะ โค ม฾า และจามรี 3. การทําปุาไม฾ ปาุ ไม฾ในเขตเมอื งร฾อนจะเป็นไมเ฾ นื้อแข็ง ผลผลติ ทไ่ี ดส฾ ว฽ นใหญน฽ าํ ไปกอ฽ สร฾าง 4. การประมง ทาํ ในบรเิ วณแม฽นํา้ ลําคลอง หนอง บงึ และชายฝง่ใ ทะเล 5. การทาํ เหมืองแร฽ ทวีปเอเชียอุดมไปด฾วยแรธ฽ าตนุ านาชนิด 6. อตุ สาหกรรม การทาํ อตุ สาหกรรมหลายประเทศในเอเชีย เรม่ิ จากอตุ สาหกรรมในครวั เรือนแล฾วพฒั นาขน้ึ เป็น โรงงานขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ฽ ประชากร ทวปี เอเชียมปี ระชากรมากทีส่ ุดในโลกประมาณ 3,155 ล฾านคน ประชากรส฽วนใหญ฽มาจากพนั ธแุมองโกลอยดแ ประชากรอาศยั อย฽ูหนาแน฽นบรเิ วณชายฝ่งใ ทะเลและทร่ี าบลุ฽มแมน฽ ้าํ ต฽างๆ เช฽น ลมุ฽ แม฽น้ําเจ฾าพระยา ล฽ุมแม฽น้าํ แยงซเี กียง ลุม฽ แม฽น้าํ แดงและลุ฽มแมน฽ า้ํ คงคาส฽วนบรเิ วณท่ีมีประชากรเบาบาง จะเปน็ บรเิ วณท่ีแห฾งแลง฾ กันดารหนาวเยน็ และในบริเวณทีเ่ ปน็ ภูเขาซบั ซอ฾ น ซ่ึงส฽วนใหญ฽จะเป็นบริเวณกลางทวปี ภาษา 1. ภาษาจีน ภาษาท่ใี ช฾กนั มากในทวปี เอเชีย โดยใช฾กันในประเทศจีน ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต฾ เชน฽ สิงคโปรแ ประมาณว฽าประชากรเอเชยี 1,000 ลา฾ นคน พูดภาษาจีน แตเ฽ ป็นภาษาท่แี ตกตา฽ งกนั ไป เช฽น ภาษาแต฾จิ๋ว ไหหลาํ จีนกลาง หรือท่ีเรยี กวา฽ ภาษาแมนดารนิ 2. ภาษาอินเดยี เป็นภาษาท่ีใชก฾ นั แพร฽หลายรองลงมาอนั ดับ 2 โดยส฽วนใหญใ฽ ชก฾ นั ในประเทศอินเดยี และปากีสถาน 3. ภาษาอาหรับเปน็ ภาษาทใี่ ชกัน้ แพรห฽ ลายมากอันดบั 3 โดยใชกั้นในแถบเอเซยี ตะวนั ตกเฉยี งใต฾ 4. ภาษารสั เซียเป็นภาษาที่ใชก฾ ันมากอันดบั 4 โดยใช฾กนั ในรัสเซียและเครือจักรภพ ศาสนา ทวปี เอเชียเป็นแหล฽งกาํ เนดิ ศาสนาท่ีสําคัญของโลก เช฽น ศาสนาคริสตแ ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาพุทธ ศาสนาฮนิ ดู และยดู าหแ ในเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต฾ประชากรส฽วนใหญน฽ บั ถือ ศาสนาฮนิ ดูกว฽า 500 ลา฾ นคนในอินเดีย รองลงมาคอื ศาสนาอสิ ลามมีผ฾ูนบั ถอื ประมาณ 450ลา฾ นคน นอกจากน้ยี งั มีลัทธเิ ตาเ ลทั ธขิ งจ๋อื ทแี่ พรห฽ ลายในจีน ลทั ธชิ นิ โตในญป่ี ุน

ทวปี ยโุ รป 1. ขนาดทต่ี ้ังและอาณาเขตติดต฽อทวีปยุโรปเปน็ ทวปี ทมี่ ีลักษณะทางกายภาพที่เหมาะสมในการต้งั ถิ่นฐานทง้ั ในด฾าน ลกั ษณะภมู ิประเทศท่ีมที ่รี าบลุ฽ม เทอื กเขาที่ไม฽ต้ังกัน้ ทางลม มแี มน฽ ํา้ หลายสาย ลกั ษณะภูมิอากาศที่อบอ฽ุน ชุ฽มชนื่ มี ทรัพยากรธรรมชาติ คือ เหลก็ และถ฽านหิน ซึ่งเปน็ สว฽ นสําคญั อยา฽ งยิ่งต฽อการพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดใหญ฽ จงึ สง฽ ผลใหท฾ วีป ยุโรปมีประชากรตง้ั ถิ่นฐานหนาแนน฽ ทสี่ ดุ ในโลก อีกทง้ั เปน็ ทวีปท่ีมอี ารยธรรมท่ีเก฽าแก฽ คือ อารยธรรมกรีกและโรมัน ทวปี ยโุ รป เปน็ ทวีปทีต่ ้งั อย฽รู ะหว฽างละตจิ ดู 36 องศา 1 ลปิ ดาเหนือถงึ 71 องศา10 ลิปดาเหนอื และระหวา฽ งลองติจดู 9 องศาตะวันตก ถงึ 66 องศาตะวนั ออก จากพกิ ัดภูมิศาสตรแจะสังเกตได฾ว฽า ทวปี ยุโรปมีพ้ืนที่ทงั้ หมดอย฽ใู นซีกโลกเหนอื และอยู฽ เหนือเสน฾ ทรอปิคออฟแคนเซอรแ มเี ส฾นสาํ คญั ท่ีลากผ฽านคือ เสน฾ อารกแ ติกเซอรเแ คิลและเส฾นลองตจิ ูดที่ 0องศา มเี น้ือท่ีประมาณ 9.9 ล฾านตารางกโิ ลเมตร จึงเป็นทวีปที่มีขนาดเล็ก โดยมขี นาดเลก็ รองจากทวปี ออสเตรเลยี อาณาเขตตดิ ต฽อ ทศิ เหนอื ตดิ กบั มหาสมทุ รอารกแ ติกและขวั้ โลกเหนอื จุดเหนอื สดุ อยูท฽ ีแ่ หลมนอรทแ (North Cape) ในประเทศนอรแเวยแ ทิศใต฾ ติดกบั ทะเลเมดเิ ตอรเแ รเนียน จดุ ใตส฾ ุดอยท฽ู เ่ี กาะครีต ประเทศกรชี ทิศตะวนั ออก ตดิ ต฽อกบั ทวปี เอเชยี โดยมเี ทอื กเขาอูราล เทือกเขาคอเคซสั และ ทะเลแคสเปยี นเป็นเสน฾ ก้นั พรมแดน ทิศตะวันตก ตดิ ต฽อกบั มหาสมุทรแอตแลนติก จุดตะวนั ตกสุดของทวปี อยู฽ท่ีแหลม โรคาประเทศโปรตุเกส 2. ลักษณะภมู ิประเทศ ลกั ษณะภูมิประเทศแบ฽งออกเป็น 4 เขต ไดแ฾ ก฽ 1. เขตเทือกเขาตอนเหนือ ได฾แก฽ บริเวณคาบสมุทรสแกนดเิ นเวีย ภูมปิ ระเทศสว฽ นมากประกอบดว฾ ยเทือกเขาสงู และ ที่ราบชายฝง่ใ ทะเล เทือกเขาที่สาํ คญั ในบริเวณน้ีได฾แก฽ เทอื กเขาเซอรอนและเทือกเขาแกรมเปยี น เน่อื งจากทวีปยโุ รปเคยถกู ปกคลมุ ดว฾ ยน้ําแข็งมากอ฽ นบรเิ วณชายฝง่ใ ทะเลถูกธารนํา้ แข็งกัดเซาะและทับถม ทาํ ใหเ฾ กิดชายฝ่ใงเว฾าแหว฽งและอ฽าวนา้ํ ลึกท่ีเรยี กวา฽ ฟยอรดแ พบมากในประเทศนอรแเวยแแ ละแควน฾ สกอตแลนดแ 2. เขตท่ีราบสงู ตอนกลาง ประกอบด฾วยท่ีราบสูงสาํ คัญ ไดแ฾ ก฽ ทรี่ าบสงู แบล็กฟอเรสตแตอนใตข฾ องเยอรมนั นี ทรี่ าบสงู โบฮีเมยี เขตตดิ ต฽อระหว฽างเยอรมนั นแี ละสาธารณรัฐเชค็ ทร่ี าบเมเซตา ภาคกลางของคาบสมุทรไซบเี รยี ในเขตประเทศสเปน และโปรตเุ กส ทีร่ าบสงู มัสชีพซองตรลั ตอนกลางของประเทศฝรั่งเศส 3. เขตทีร่ าบตอนกลาง ครอบคลุมพืน้ ที่ต้ังแต฽ชายฝงใ่ มหาสมุทรแอตแลนติกไปจนถงึ เทอื กเขาอูราลในรัสเซีย ตะวันตกของฝรง่ั เศส ตอนใต฾ของสหราชอาณาจักรเบลเยีย่ มเนเธอรแแ ลนดแ เดนมารแก ภาคเหนือของเยอรมนั นีโปแลนดแและ บางส฽วนของรสั เซยี เป็นบรเิ วณที่มีประชากรอาศยั อยห฽ู นาแนน฽ ที่สดุ และมีความสําคญั ทางเศรษฐกจิ อยา฽ งมาก เนือ่ งจากเปน็ พืน้ ทีเ่ กษตรกรรมที่สาํ คัญของทวีปในบรเิ วณน้ีมแี ม฽นํ้าทส่ี าํ คัญได฾แก฽ แม฽นํา้ ไรนแ แมน฽ ํา้ เชน แม฽นํา้ ลวั รแ และแม฽นํ้าเอลเบ 4. เขตเทือกเขาตอนใต฾ ประกอบดว฾ ยเทือกเขาสงู เทือกเขาที่สําคัญในบริเวณนี้ไดแ฾ ก฽ เทือกเขาแอลป฼ ซ่ึงเป็น เทอื กเขาที่มีขนาดใหญท฽ ี่สดุ ในทวีปยุโรป ทอดตวั ยาวต้ังแต฽ตะวนั ออกเฉยี งใตข฾ องฝรง่ั เศส ผ฽านสวติ เซอรแแลนดแ เยอรมันนี ออสเตรยี เซอรแเบีย ไปจนถงึ ทางเหนอื ของอติ าลี บรเิ วณยอดเขามีธารนํา้ แขง็ ปกคลุมเกือบตลอดทง้ั ปี บางช฽วงเปน็ หบุ เขา ลกึ ยอดเขาทสี่ ูงท่ีสุดในเทอื กเขาแอลป฼ คือ มองตแบลังกแ สูง 4,807 เมตร นอกจากนย้ี ังประกอบด฾วยยอดเขาคอเคซัส ทาง ตอนใต฾ของรสั เซียมยี อดเขาเอลบรูส สูง 5,642 เมตร ซ่งึ เป็นยอดเขาที่สงู ที่สุดในยุโรป แมน฽ ้ํา แม฽นํา้ ทีส่ าํ คัญในทวีปยุโรป มดี งั นี้

แม฽นาํ้ โวลกา เป็นแม฽นา้ํ สายยาวท่สี ุดในทวีป มีตน฾ นา้ํ อย฽ูบรเิ วณตอนกลางของสหพนั ธแรสั เซียไหลลงสู฽ทะเลแคสเปียน แม฽นํา้ ดานบู มีตน฾ กาํ เนดิ จากเทือกเขาทางภาคใต฾ของเยอรมัน ไหลผา฽ นประเทศออสเตรีย ฮังการี ยโู กสลาเวยี พรมแดนระหวา฽ งประเทศบลั แกเรียกบั ประเทศโรมาเนยี แลว฾ ไหลลงสทู฽ ะเลดาํ แม฽นาํ้ ดานบู เป็นแมน฽ าํ้ ท่ีไหลผา฽ นหลายประเทศ ดังนน้ั จงึ ถอื ว฽าเปน็ แมน฽ าํ้ นานาชาตแิ ต฽ในด฾านความสําคัญของการขนสง฽ สินค฾าอตุ สาหกรรมนั้นมีไม฽มากเท฽ากับแมน฽ ํา้ ไรนแ เน่ืองจากแมน฽ ้าํ ดานูบไหลออกสู฽ทะเลดาํ ซึ่งเปน็ ทะเลภายในแมน฽ าํ้ ไรนแ มตี น฾ กําเนิดจากเทือกเขาแอลปท฼ างตอนใต฾ของ สวสิ เซอรแแลนดแ ไหลข้นึ ไปทางเหนือระหว฽างพรมแดนฝรง่ั เศสและเยอรมนั ไปยังเนเธอรแแ ลนดแ แล฾วไหลลงทะเลเหนอื แมน฽ ํ้าไรนเแ ปน็ แม฽น้าํ ที่มคี วามสําคัญมาก มีปรมิ าณน้าํ ไหลสม่าํ เสมอ ไหลผา฽ นทีร่ าบและไหลผา฽ นหลายประเทศจงึ ถือวา฽ เปน็ แม฽นาํ้ นานาชาติ และยังเป็นเสน฾ ทางขนสง฽ วตั ถุดบิ และสนิ ค฾าท่สี ําคัญ คอื ถา฽ นหนิ แรเ฽ หลก็ และแปงู สาลี โดยเฉพาะการขนสง฽ ถา฽ นหนิ ซ่ึงมปี ริมาณมากในย฽านอุตสาหกรรมถา฽ นหนิ ของเยอรมัน แม฽นํ้าสายนจ้ี งึ ได฾รับสมญานามว฽า “แมน฽ ้ําถา฽ นหนิ ” การขนส฽งสินค฾าผ฽านทางแมน฽ ํ้าไรนนแ ้ี จะออกส฽บู รเิ วณปากแมน฽ ้ําซึง่ เปน็ ทีต่ ้ังของเมืองท฽ารอตเตอรดแ ัม (เนเธอรแแลนดแ) ซ่งึ เปน็ เมืองท฽าทสี่ าํ คัญทส่ี ุดของทวีป 3. ลกั ษณะภมู ิอากาศ เขตอากาศ ปใจจยั ท่ีมอี ิทธพิ ลตอ฽ ภมู ภิ าคอากาศของทวีปยโุ รป 1. ละติจดู ทวปี ยุโรปมีท่ีต้งั อยร฽ู ะหว฽างละตจิ ูด 36 องศา 1 ลิปดาเหนือ ถงึ 71องศา 10 ลิปดาเหนือ พืน้ ทีส่ ฽วน ใหญอ฽ ย฽ูในเขตอบอน฽ุ มเี พียงตอนบนของทวีปท่ีอยใ฽ู นเขตอากาศหนาวเย็นและ ไม฽มสี ว฽ นใดของทวีปท่อี ยู฽ในเขตอากาศร฾อน 2. ลมประจํา ลมประจําท่ีพดั ผ฽านทวีปยโุ รป คอื ลมตะวนั ตก ซ่ึงพัดมาจากมหาสมุทรแอตแลนติกเข฾าสู฽ทวีปทางด฾าน ตะวันตก มผี ลทาํ ใหบ฾ ริเวณฝงใ่ ตะวนั ตกของทวปี มปี ริมาณฝนค฽อนข฾างมาก อุณหภมู ิระหว฽างฤดูร฾อนกบั ฤดหู นาวไม฽ค฽อย แตกต฽างกันมากนักแตถ฽ ฾าลกึ เข฾ามาภายในทางด฾านตะวันออกของทวีปซ่ึงตดิ กบั ทวปี เอเชยี นัน้ ปริมาณฝนจะลด ลงและจะมคี วามแตกตา฽ งของอณุ หภมู ริ ะหวา฽ งฤดูร฾อนกับฤดูฝนมากขน้ึ ดว฾ ย 3. ความใกลไ฾ กลทะเล ทวีปยโุ รปมีชายฝ่ใงทะเลยาวและเวา฾ แหว฽ง ประกอบกบั มีพืน้ ท่ีติดทะเลถึง 3 ดา฾ น ทําใหไ฾ ด฾รับ อิทธิพลจากทะเลและมหาสมุทรอย฽างท่วั ถึง โดยเฉพาะบรเิ วณทีอ่ ยใ฽ู กล฾ชายฝ่งใ ดงั น้ันจงึ ไมม฽ ีพน้ื ท่ใี ดในทวปี ยุโรปทม่ี ภี ูมิอากาศ แห฾งแล฾ง 4. ทศิ ทางของเทือกเขา เทือกเขาส฽วนใหญใ฽ นทวีป วางตัวในแนวทศิ ตะวันออกตะวันตก ทาํ ใหไ฾ ม฽ก้นั ขวางทางลม ตะวนั ตกที่พดั เขา฾ ส฽ทู วีป 5. กระแสนาํ้ ในมหาสมุทร บรเิ วณชายฝใ่งมกี ระแสน้ําอน฽ุ แอตแลนตกิ เหนือไหลผา฽ นทางตะวนั ตกและตะวันตกเฉียง เหนอื ของทวปี ทําให฾น฽านน้าํ บริเวณเกาะบริเวนใหญแ฽ ละประเทศนอรเแ วยแไมเ฽ ปน็ น้าํ แขง็ ในฤดูหนาว จึงแตกตา฽ งจาก บริเวณทะเลบอลตกิ ท่นี ํ้า กลายเปน็ นํ้าแข็ง ทําให฾ประเทศสวเี ดน ตอ฾ งเปลยี่ นเส฾นทางการขนสง฽ สนิ คา฾ จากทางเรือไป เป็นการขนส฽งโดยใชเ฾ ส฾นทางรถไฟจากสวีเดนไปยังนอรเแ วยแแลว฾ จึงนําสินคา฾ ลงเรือท่เี มืองทา฽ ประเทศนอรแเวยแ เขตภมู อิ ากาศแบ฽งออกได฾เปน็ 7 เขต ดงั นี้

1. ภมู ิอากาศแบบทะเลเมดิเตอรเแ รเนยี่ น ได฾แก฽ บรเิ วณชายฝงใ่ ทะเลเมดิเตอรเแ รเนยี นในเขตประเทศอิตาลี ฝร่ังเศส ภาคใตข฾ องสเปน แอลเบเนยี กรซี บลั แกเรีย และเซอรแเบยี ฤดูร฾อนมีอากาศร฾อน อุณหภูมเิ ฉลย่ี 23 องศาเซสเซียส ในฤดู หนาวมีอากาศอบอนุ฽ และมีฝนตกอุณหภมู เิ ฉลีย่ 8 องศาเซลเซียส ปรมิ าณฝนตกเฉล่ยี 500-1,000 มลิ ลเิ มตรตอ฽ ปี 2. ภมู ิอากาศแบบทุ฽งหญ฾ากึง่ ทะเลทราย ได฾แก฽ บริเวณภาคกลางของคาบสมุทรไซบเี รีย ตอนเหนอื ของทะเลดําและทะเลแค สเปียน ในเขตประเทศฮังการี ยูเครน โรมาเนีย และตอนใต฾ของรัสเซยี มีฝนตกน฾อยมากเฉล่ยี ปีละ 250-500 มิลลิเมตรต฽อปี 3. ภูมิอากาศแบบพ้นื สมุทรได฾แก฽ สหราชอาณาจกั ร เนเธอรแแลนดแฝร่งั เศส เดนมารกแ เบลเยีย่ ม และตอนเหนือของ เยอรมนี มฝี นตกชกุ ตลอดทัง้ ปเี ฉลย่ี 750-1,500 มิลลิเมตรต฽อปี ฤดหู นาวอากาศไมห฽ นาวจัด อณุ หภมู ิเฉล่ยี 1-7 องศา เซลเซียส เนือ่ งจากได฾รบั อิทธิพลจากกระแสนํา้ อ฽ุนแอตแลนติกเหนือ 4. ภมู อิ ากาศแบบอบอน฽ุ ช้นื ไดแ฾ ก฽ บริเวณท่ีราบลุ฽มแมน฽ ํา้ ดานบู ในฮงั การตี อนเหนือของเซอร่เ บียและโรมาเนยี มี อากาศอบอนุ ฽ ฝนตกตลอดทง้ั ป่เ ฉล่ีย 500-1,000 มิลลิเมตรตอ฽ ปเี นอ่ื งจากไดร฾ ับอิทธิพลความช้ืนจากทะเล 5. ภูมอิ ากาศแบบอบอุ฽นช้ืนภาคพืน้ ทวปี ไดแ฾ ก฽ ยุโรปตะวนั ออก และยุโรปกลางรสั เซีย สาธารณรัฐเซ็ก สาธารณรฐั สโลวกั และโปแลนดแ ฤดูหนาวมอี ากาศหนาวและแหง฾ แลง฾ ฤดูร฾อนมีอากาศอบอนุ฽ และมฝี นตก อุณหภมู ิเฉลี่ย 19-20 องศา เซลเซียส ปริมาณฝน 500-750 มิลลิเมตรต฽อปี 6. ภูมอิ ากาศแบบไทกา ไดแ฾ ก฽ ตอนเหนอื ของฟินแลนดแ สวเี ดน และนอรเแ วยแ ฤดหู นาวมอี ากาศหนาวเยน็ และ ยาวนาน อณุ หภมู ิเฉลยี่ 6 องศาเซลเซียส ฤดูร฾อนอากาศอบอนุ฽ อุณหภูมิเฉลี่ย 17 องศาเซลเซยี ส มีปรมิ าณฝนตกนอ฾ ยและ ส฽วนมากเป็นหิมะเฉลยี่ 600มลิ ลเิ มตรต฽อปี 7. ภมู ิอากาศแบบขว้ั โลกหรือภูมิอากาศแบบทนุ ดรา ได฾แก฽ ทางเหนอื ของทวีปทม่ี ีชายฝงใ่ ติดกบั มหาสมุทรอารแกตกิ ฤดูหนาวมอี ากาศหนาวจัดและยาวนานปลี ะ 10-11 เดอื น ฤดรู อ฾ นมีอากาศอบอน฽ุ และส้นั เพียง 1-2 เดอื น อณุ หภมู ิเฉล่ยี ตลอดทั้งปปี ระมาณ 10องศาเซลเซียส ปรมิ าณฝนตกน฾อยมากและส฽วนมากเปน็ หิมะ 4. ลกั ษณะเศรษฐกิจและ สภาพแวดลอ฾ มทางสังคมวฒั นธรรม ลกั ษณะเศรษฐกจิ ทวปี ยโุ รปมีความเจริญทั้งในด฾าน เกษตรกรรมและอุตสาหกรรม โดยมีเขต เกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ดังน้ี การทําเกษตรกรรม 1. เขตปลูกขา฾ วสาลี ไดแ฾ ก฽ บรเิ วณทีร่ าบภาคกลาง โดยเฉพาะบริเวณประเทศฮังการโี รมาเนีย ยเู ครน ซ่งึ เปน็ แหล฽ง ผลติ ขา฾ วสาลีแหล฽งใหญ฽ 2. เขตทําไรป฽ ศุสตั วแ สว฽ นใหญจ฽ ะพบในบรเิ วณเขตอากาศแห฾งแลง฾ ไม฽ค฽อยเหมาะกับการเพาะปลูกแต฽มีหญา฾ ที่สามารถ เล้ยี งสัตวไแ ด฾ เช฽น บริเวณชายฝใง่ ทะเลแคสเปียน และท่ีราบสูงของทวปี สตั วแท่ีเล้ียงได฾แก฽ โคเนื้อ แกะ แพะ สว฽ นการเล้ียงโคนม จะพบบรเิ วณเขตอากาศชื้นภาคพนื้ สมุทร เนอ่ื งจากมีทุ฽งหญา฾ อุดมสมบรู ณแมากกวา฽ 3. เขตเกษตรกรรมแบบผสม ไดแ฾ ก฽ เขตทมี่ ีการเลยี้ งสัตวคแ วบคู฽กับการปลูกพืชเช฽น การปลูกข฾าวสาลี ข฾าวบาเลยแ การ เลีย้ งสัตวแ เช฽น โคเนื้อ โคนม ซ่งึ พบมากบรเิ วณภาคตะวนั ตก และภาคกลางของทวีป 4. เขตเกษตรแบบเมดเิ ตอรเแ รเนยี น พบบริเวณเขตชายฝ่ใงทะเลเมดิเตอรแเรเนียนเชน฽ อิตาลี กรซี พชื สาํ คัญ ไดแ฾ ก฽ สม฾ องุ฽น มะกอก 5. เขตเล้ียงสัตวแแบบเร฽ร฽อน มีการเล้ียงสัตวแแบบท่มี ีการย฾ายถ่นิ ทอี่ ย฽เู พ่ือหาแหล฽งอาหารแหลง฽ ใหมท฽ ่อี ดุ มสมบรู ณกแ บริเวณท่มี ีการเล้ียงสัตวแแบบเรร฽ อ฽ น คอื บรเิ วณทม่ี ีอากาศหนาวเย็น เช฽น ชายฝใง่ มหาสมทุ รอารกแ ติก หรือเขตอากาศแบบ ทุนดรา

การปุาไม฾ แหลง฽ ปาุ ไม฾ทีส่ าํ คัญของทวปี คอื เขตภูมอิ ากาศแบบไทกา บริเวณคาบสมุทร สแกนดเิ นเวีย ซง่ึ จะมีปาุ สนเป็นบรเิ วณ กว฾าง การประมง จากลกั ษณะภมู ิประเทศของทวีปยุโรปท่ีมีชายฝ่งใ ทะเลยาวและเว฾าแหว฽ง ตดิ ทะเลทง้ั 3 ดา฾ น ประกอบกับการมี กระแสนาํ้ อ฽ุนแอตแลนติกเหนือไหลผา฽ นทําใหใ฾ นฤดหู นาวนา้ํ ไมเ฽ ป็นน้าํ แข็ง จงึ กลายเป็นแหล฽งประมงที่สาํ คัญของทวีป มีชือ่ วา฽ “ดอกเกอรแแบงกแ (Dogger Bank) การเหมอื งแร฽ ทวีปยโุ รปมที รพั ยากรท่ีมีความสําคญั มากต฽อการทําอตุ สาหกรรม ไดแ฾ ก฽ เหล็กและถ฽านหินแร฽ถ฽านหนิ ใชเ฾ ป็นเชอื้ เพลิง ในการถลุงเหล็ก โดยมีแหลง฽ ถ฽านหินท่สี ําคญั เช฽นภาคเหนือของฝรั่งเศสและภาคกลางของเบลเย่ียม เยอรมัน เปน็ ต฾น แร฽เหลก็ เมื่อผ฽านการถลุงแล฾วจะนาํ ไปใชใ฾ นอตุ สาหกรรมเหล็กและเหลก็ กล฾า โดยมแี หล฽งแร฽เหลก็ ท่ีสาํ คญั เชน฽ ประเทศสวเี ดน ฝรง่ั เศสน้ํามนั ปโิ ตรเลียมมี 2 แหล฽งท่ีสําคญั คอื ทะเลเหนอื และทะเลดํา การอตุ สาหกรรม ทวีปยโุ รปเปน็ ศูนยกแ ลางอุตสาหกรรมทสี่ าํ คญั แหง฽ หน่งึ ของโลก ประเทศที่มีชอ่ื เสียงมาก คือ สหราชอาณาจกั ร ฝรั่งเศส เบลเยีย่ ม สวเี ดน โดยบริเวณน้ีจะมแี ร฽เหล็กและถ฽านหินซึ่งเปน็ ส฽วนสําคัญในการทาํ อุตสาหกรรม สภาพแวดลอ฾ มทางสังคมและวฒั นธรรม ลักษณะประชากร 1. มปี ระชากรมากเปน็ อนั ดับ 4 ของโลก และหนาแนน฽ มากเป็นอันดบั 2 ของโลก 2. มีการกระจายประชากรทวั่ ท้งั ทวปี เนอื่ งจากความเหมาะสมในดา฾ นสภาพภมู ิประเทศ ภมู ิอากาศและทรัพยากร 3. บรเิ วณทม่ี ีประชากรหนาแนน฽ คือ บริเวณที่ราบภาคตะวันตกและภาคกลางของทวีป ส฽วนบริเวณท่ีมปี ระชากร เบาบาง คือ บริเวณคาบสมุทรสแกนดเิ นเวยี และเขตยุโรปตะวันออก ประวตั ศิ าสตรแ แบง฽ ได฾ 3 สมยั คอื 1. สมัยโบราณ หรือ อารยธรรมสมัยคลาสสิค มีกรีกและโรมนั เป็นศูนยกแ ลางความเจริญ โดยตงั้ มั่นอยู฽ทางตอนใต฾ ของทวปี ยุโรปในแถบทะเลเมดเิ ตอรแเรเนยี น กรีก ชนชาติกรีกได฾ถ฽ายทอดมรดกทางศลิ ปวฒั นธรรมไวห฾ ลายประการ ไดแ฾ ก฽ 1. การปกครอง ชาวกรกี ได฾ให฾สทิ ธิราษฎรในการลงคะแนนเสียงเลอื กเจ฾าหนา฾ ทฝ่ี ุายปกครอง 2. ศิลปวฒั นธรรม ชาวกรีกมีความสามารถในด฾านวรรณคดี การละคร และสถาปใตยกรรม สถาปตใ ยกรรมทมี่ ชี ื่อเสยี ง คอื วิหารพาเธนอน นอกจากนี้ยังมีการแขง฽ ขนั กีฬาทีเ่ ปน็ ท่ีร฾ูจกั กนั ดี คอื กฬี าโอลมิ ปิก

3. ปรัชญาความคดิ นกั ปรชั ญากรกี ท่มี ชี ่อื เสยี ง คอื อรสิ โตเติล และเพลโตโรมัน ชนชาติโรมนั ได฾รับความเจริญตา฽ งๆ จากกรีก ส่งิ ท่ชี าวโรมันไดถ฾ า฽ ยทอดให฾กับชนรน฽ุ หลงั คอื ประมวลกฎหมาย และภาษาละติน 1. สมัยกลาง ในชว฽ งน้ียโุ รปมศี กึ สงครามเกือบตลอดเวลา จนทําให฾การพฒั นาด฾านต฽างๆ ต฾องหยดุ ชะงัก ยุคนจ้ี งึ ได฾ ช่ือว฽า เป็น “ยคุ มืด” หลงั จากผ่า นพน฾ ชว฽ งสงครามจึงเปน็ ช฽วงของการฟืน้ ฟูศลิ ปะวทิ ยาการเริ่มใหค฾ วามสําคญั กบั มนุษยมแ า กข้ึน เรยี กยคุ น้ีว่า ยคุ เรอ เนสซอง่ซแ(Renaissance) 2. สมยั ใหม฽ ยคุ นี้เปน็ ยุคแห฽งการแสวงหาอาณานคิ ม ทําให฾ศิลปวัฒนธรรมของชาติตะวนั ตกแผ฽ขยายไปยังดินแดน ตา฽ งๆ นอกจากนีย้ ังมเี หตกุ ารณสแ ําคญั คือ การปฏวิ ัตวิ ทิ ยาศาสตรแและการปฏิวตั อิ ุตสาหกรรมทวีปอเมรกิ าใต฾ 1. ขนาดท่ตี ้ังและอาณาเขตติดตอ฽ ทวีปอเมรกิ าใต฾เปน็ ทวีปท่ใี หญเ฽ ปน็ อันดับ 4 ของโลก รองจากทวีปเอเชีย ทวีปแอฟริกา และทวีปอเมรกิ าเหนือ มีพน้ื ท่ีประมาณ 17.8 ลา฾ นตารางกโิ ลเมตร มปี ระชากรประมาณ 299 ลา฾ นคน รูปรา฽ ง ของทวปี อเมริกาใต฾คลา฾ ยคลึงกบั ทวีปอเมริกาเหนือ คอื มลี กั ษณะคลา฾ ยรูปสามเหลยี่ มหวั กลบั มีฐานกว฾างอยทู฽ างทศิ เหนือ ส฽วน ยอดสามเหล่ยี มอยู฽ ทางทศิ ใต฾ ต้งั อยู฽ในแถบซีกโลกใต฾ ระหวา฽ งละตจิ ูด 12 องศา 25 ลปิ ดาเหนือ ถงึ 56 องศาใต฾ และลองติจูด 34 องศา 47 ลปิ ดาตะวนั ตก ถึง 81 องศา 20 ลิปดาตะวันตก อาณาเขตของทวีปอเมริกาใต฾มีดังน้ี อาณาเขตติดต฽อ ทศิ เหนือ ตดิ กบั ทวปี อเมริกาเหนอื โดยมคี ลองปานามาเปน็ เส฾นก้ันเขตแดนและตดิ ต฽อกบั ทะเลแครบิ เบียน ใน มหาสมทุ รแอตแลนติก จุดเหนอื สุดอยท฽ู ี่แหลมกายนี าสในประเทศโคลอมเบยี ทิศใต฾ ติดกบั ทวีปแอนตารกแ ติกา มีชอ฽ งแคบเดรกเปน็ เสน฾ ก้ันเขตแดน จุดใต฾สุดอยูท฽ ่แี หลมโฟรแวารดแ ในคาบสมุทรบ รนั สวกิ ประเทศชลิ ี ทิศตะวันออก ติดกับมหาสมทุ รแอตแลนติก จดุ ตะวันออกสุดอยทู฽ ีแ่ หลมโคเคอรูสในประเทศบราซิล ทศิ ตะวนั ตก ติดกับมหาสมุทรแปซฟิ ิก จุดตะวนั ตกสดุ อยู฽ที่แหลมปารนี เยสในประเทศเปรู 2. ลักษณะภูมปิ ระเทศ ลกั ษณะภมู ิประเทศของทวีปอเมริกาใต฾สามารถแบ฽งออกได฾ 3 ลักษณะได฾แก฽ 1. เขตเทือกเขาตะวันตก ได฾แก฽ บริเวณเทือกเขาแอนดีส ซึ่งทอดตัวยาวขนานไปกับชายฝ่ใง มหาสมุทรแอตแลนติก ต้ังแต฽ทางเหนือบริเวณทะเลแคริบเบียนไปจนถึงแหลมฮอรนแทางตอนใต฾ มีความยาวประมาณ 7,200 กิโลเมตร เป็นแนว เทอื กเขาทย่ี าวทีส่ ดุ ในโลกยอดเขาสงู ทีส่ ุดในบรเิ วณนี้ คือ ยอดเขาอะคองคากัว สงู ประมาณ 6,924 เมตร บริเวณตอน กลางของเทือกเขามีที่ราบสูงท่ีสําคัญคือ ท่ีราบสูงโบลิเวีย มีความสูงถึง 4,500 เมตร และมีขนาดกว฾างใหญ฽เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากที่ราบสูงทิเบต บนที่ราบสูงแห฽งน้ีมีทะเลสาบซ่ึงเป็นทะเลสาบที่สูงที่สุดในโลก ได฾แก฽ ทะเลสาบติติกากา ใน ประเทศเอกวาดอรแ 2. เขตท่ีราบสูงตะวันออก ประกอบด฾วยที่ราบสูงสําคัญ 3 แห฽ง ได฾แก฽ท่ีราบสูงกิอานา ตั้งอย฽ูทางตอนเหนือของทวีป ในเขตประเทศเวเนซูเอลากายอานาซูรนิ าเม เฟรนซแเกยี นา และภาคเหนือของบราซลิ มีลักษณะทเ่ี ป็นทีร่ าบสงู สลบั

กับเทอื กเขาสลับซับซ฾อนทีร่ าบสูงบราซิล ตงั้ อยู฽ตอนกลางของทวีป บรเิ วณตะวันออกของประเทศบราซิล ต้ังอย฽ูระหว฽างท่ีราบ ล฽ุมแม฽นํ้าแอมะซอน ที่ราบล฽ุมแม฽น้ําปารานา และที่ราบล฽ุมแม฽นํ้าปารากวัยทางตะวันออกมีความสูงชัน จากน้ันค฽อยๆ ลาด ตํ่าลงไปทางตะวันตก ท่ีราบสูงปาตาโกเนีย ต้ังอย฽ูทางตอนใต฾ของทวีป ในเขตประเทศอารแเจนตินาทางตะวันออกค฽อนข฾าง ราบเรียบและค฽อยๆ สงู ขึน้ ไปเรื่อยๆ ทางตะวันตก 3. เขตที่ราบลุ฽มแม฽นํ้า อย฽ูบริเวณตอนกลางของทวีป เป็นที่ราบดินตะกอนท่ีมีความอุดมสมบูรณแและกว฾าง ต้ังอย฽ู ระหวา฽ งเทือกเขาแอนดสี และท่ีราบสูงทางตะวันออก เขตทีร่ าบลมุ฽ แม฽นา้ํ ท่ีสําคญั ของทวปี อเมรกิ าใต฾มี 2 บริเวณไดแ฾ ก฽ ที่ราบล฽ุมแม฽น้ําแอมะซอนหรอื อเมซอน เปน็ ท่ีราบลม฽ุ แมน฽ าํ้ ที่ใหญ฽ทส่ี ดุ ในโลก มีพื้นที่ประมาณ 7 ล฾านตารางกิโลเมตร มีแม฽นํ้า หลายสายไหลผ฽าน ส฽วนมากมตี ฾นกาํ เนิดจากเทอื กเขาแอนดสี และไหลสู฽มหาสมุทรแอตแลนติก แม฽นํ้าที่สําคัญท่ีสุดในบริเวณน้ี คอื แมน฽ ้ํา แอมะซอน ที่ราบลุ฽มแม฽นํา้ โอริโนโค อย฽ูทางตอนเหนือของทวีป ในเขตประเทศโคลอมเบียและเวเนซุเอลา บริเวณ น้ีเป็นเขตเล้ียงสัตวแท่ีสําคัญของทวีปอเมริกาใต฾ แม฽น้ําที่สําคัญในทวีปอเมริกาใต฾ ได฾แก฽แม฽น้ําแอมะซอน มีความยาว 6,440 กิโลเมตร เปน็ แม฽นํ้าที่มีความยาวเปน็ อันดบั 2 ของโลก รองจากแมน฽ ํ้าไนลแ มีต฾นกาํ เนดิ จากเทอื กเขาแอนดีส ไหลผา฽ นประเทศ บราซิล ไหลลงสูม฽ หาสมทุ รแอตแลนติก แม฽น้ําปารานา มีความยาว 2,800 กิโลเมตรมีต฾นกําเนิดจากท่ีสูงทางตะวันออกของทวีป ไหลผ฽านประเทศบราซิล ปารากวยั อารเแ จนตินา ลงสู฽มหาสมทุ รแอตแลนติกบริเวณอ฽าวรโิ อเดอลาพลาตา แมน฽ ํา้ ปารากวยั มคี วามยาว 2,550 กิโลเมตร มตี ฾นกาํ เนิดจากที่สูงในประเทศบราซิลไหลผา฽ นประเทศบราซิล ปารากวยั ไปรวมกับแม฽น้ําปารานาในเขตประเทศอารแเจนตินา 3. ลกั ษณะภมู ิอากาศ ปใจจยั ทม่ี ีอิทธิพลต฽อภมู ิอากาศของทวปี อเมรกิ าใต฾ 1. ละติจูด พนื้ ทส่ี ฽วนใหญ฽ของทวปี ครอบคลุมเขตอากาศร฾อน และประมาณ 1 ใน 3 ของพน้ื ที่ทวีปเปน็ อากาศแบบอบอุ฽น ภูมภิ าคทางเหนือของทวปี จะมฤี ดูกาลทีต่ รงข฾ามกบั ภมู ิภาคทางใต฾ 2. ลมประจาํ ไดแ฾ ก฽ 2.1 ลมสนิ ค฾าตะวันออกเฉียงเหนือ พัดผา฽ นมหาสมุทรแอตแลนติกจึงนาํ ความชุ฽มชนื้ เขา฾ สู฽ทวปี บริเวณชายฝง่ใ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ 2.2 ลมสนิ ค่า ตะวันออกเฉียงใต ฾ พัดผ่า นมหาสมทุ รแอตแลนติกจงึ นาํ ความชมุ ฽ ช้ืนเข฾าสทู฽ วีปบริเวณชายฝงใ่ ตะวนั ออกเฉยี งใต฾ 2.3 ลมตะวนั ตกเฉียงเหนอื พัดผา฽ นมหาสมุทรแปซิฟกิ จงึ นําความชุ฽มชนื้ เข฾าสู฽ทวีปบริเวณชายฝง่ใ ตะวนั ตกของทวีป ตัง้ แตป฽ ระมาณละติจูด 40 องศาใต฾ลงไป 3. ทิศทางของเทือกเขา ทวปี อเมรกิ าใต฾มีเทอื กเขาสงู อยทู฽ างตะวนั ตกของทวปี ดังนนั้ จึงเป็นส่ิงทีก่ ้นั ขวางอทิ ธพิ ลจากทะเลและ มหาสมุทร ทาํ ใหบ฾ ริเวณท่ีใกล฾เทือกเขาค฽อนข฾างแหง฾ แล฾ง แต฽ในทางตรงกนั ข฾าม ชายฝง่ใ ดา฾ นตะวนั ออกจะได฾รับอิทธิพลจาก ทะเลอย฽างเตม็ ที่

4. กระแสนํ้า มี 3 สายที่สําคัญ คอื 4.1 กระแสนํ้าอน฽ุ บราซิล ไหลเลยี บชายฝใ่งของประเทศบราซิล 4.2 กระแสนํ้าเยน็ ฟอลแกแลนดแ ไหลเลยี บชายฝ่งใ ประเทศอารเแ จนตนิ า 4.3 กระแสน้ําเย็นเปรู (ฮัมโบลดแ) ไหลเลียบชายฝใง่ ประเทศเปรแู ละชิลี เขตภูมอิ ากาศแบ฽งออกได฾เป็น 8 เขต ดงั น้ี 1. ภูมอิ ากาศแบบปาุ ดิบชื้น ได฾แก฽ บริเวณทร่ี าบล฽มุ แมน฽ ํ้าแอมะซอน เป็นบริเวณท่ีมีอากาศเยน็ ปุาดบิ ชน้ื ทกี่ วา฾ งใหญ฽ ท่สี ดุ ในโลกส฽วนใหญม฽ ีพ้นื ท่อี ยู฽ประเทศบราซลิ มีอุณหภมู สิ ูงเฉลย่ี 27 องศาเซลเซียส มีฝนตกชกุ เกือบตลอดท้งั ปีประมาณ 2,000 มิลลิเมตรตอ฽ ปี 2. ภมู ิอากาศแบบท฽งุ หญ฾าเขตร฾อน ได฾แก฽ บรเิ วณตอนเหนอื และใต฾ของลุม฽ แมน฽ ํา้ แอมะซอน มีอากาศรอ฾ นและแห฾ง แลง฾ ฤดูร฾อนมฝี นตกแต฽ไมช฽ ุกเหมือนในเขตปาุ ดบิ ชนื้ อุณหภูมิสงู เฉล่ยี 27 องศาเซลเซยี ส มีลักษณะอากาศคล฾ายกับภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉยี งเหนือของประเทศไทย 3. ภมู อิ ากาศแบบทะเลทราย ได฾แก฽ ภาคใตข฾ องเปรแู ละภาคเหนอื ของชิลี เป็นบรเิ วณท่รี ฾อนและแหง฾ แลง฾ มาก มี ปรมิ าณฝนตกเฉลี่ยตํา่ กว฽า 250 มลิ ลิเมตร ตอ฽ ปี และบางครง้ั ฝนไมต฽ กยาวนานตดิ ต฽อกันหลายเดือน ทะเลทรายที่สําคญั ใน บรเิ วณนไี้ ดแ฾ ก฽ ทะเลทรายอะตากามาในประเทศชิลี ในบรเิ วณนี้มฝี นตกน฾อยกว฽า 50 มลิ ลเิ มตรตอ฽ ปี บางครง้ั ฝนไม฽ตก ตดิ ตอ฽ กันเป็นเวลานานหลายปี จัดเป็นทะเลทรายท่ีแห฾งแล฾งมากท่ีสดุ แห฽งหนึ่งของโลก 4. ภูมิอากาศแบบทง฽ุ หญา฾ กงึ่ ทะเลทราย ไดแ฾ ก฽ ทางตะวนั ออกของประเทศอารเแ จนตนิ าจนถงึ ที่ราบสูงปาตาโกเนยี อณุ หภูมิไม฽สงู นกั เฉลยี่ 18 องศาเซลเซยี ส ฤดูหนาวมีอากาศหนาวเย็น ฤดรู อ฾ นมีอากาศร฾อน ปรมิ าณฝนน฾อยประมาณ 500 มิลลเิ มตรต฽อปี 5. ภมู อิ ากาศแบบเมดเิ ตอรเแ รเนียน ได฾แก฽ บริเวณชายฝง่ใ มหาสมุทรแปซิฟกิ ตอนกลางของประเทศชิลี ในฤดรู อ฾ นมี อากาศรอ฾ นและแห฾งแล฾ง ฤดหู นาวมฝี นตก 6. ภมู ิอากาศแบบอบอุ฽นช้ืน ไดแ฾ ก฽ บริเวณตะวันตกเฉียงใต฾ของทวีป ต้ังแตต฽ อนใต฾ของบราซิล ปารากวยั อุรุกกวยั และตะวนั ออกเฉยี งเหนือของอารเแ จนตินา อากาศในบรเิ วณนไี้ มแ฽ ตกต฽างกนั มากนกั ฤดหู นาวมีอากาศอบอ฽นุ ฤดรู ฾อนมีฝนตก เฉลีย่ 750 – 1,500 มลิ ลเิ มตรตอ฽ ปี 7. ภมู อิ ากาศแบบภาคฟื้นสมุทร ไดแ฾ ก฽ บรเิ วณชายฝ่งใ ทะเลอากาศหนาวจัด มฝี นตกเกือบตลอดท้งั ปีโดยเฉพาะในฤดู หนาวและฤดูใบไมร฾ ฽วงเฉล่ีย 5,000 มิลลิเมตรตอ฽ ปี 8. ภูมอิ ากาศแบบทสี่ ูง ไดแ฾ ก฽ บริเวณเทอื กเขาแอนดีส เป็นบริเวณท่ีมีความแตกต฽างกันมาก ขึน้ อยู฽กบั ระดับความสงู ของพืน้ ที่ คอื บริเวณทรี่ าบมีอุณหภูมสิ งู และฝนตกชกุ เมื่อสูงขน้ึ อุณหภมู ิและปริมาณน้าํ ฝนจะลดลงไปเรื่อยๆ ยง่ิ สูงกวา฽ ระดบั น้าํ ทะเลประมาณ3,000 เมตร มอี ณุ หภมู เิ ฉลีย่ ตลอดท้ังปีประมาณ 15 องศาเซลเซยี ส ปริมาณฝนตกเฉลย่ี 1,000 มิลลิเมตรต฽อปี ในขณะทปี่ ระเทศอน่ื ท่ีอย฽ูบริเวณเส฾นศนู ยแสตู ร แตต฽ ั้งอยู฽บนทรี่ าบเช฽น มาเลเซยี มีอุณหภมู ิเฉล่ยี 27 องศาเซียส และมีฝนตกชกุ ตลอดทัง้ ปสี งู กวา฽ 2,500มลิ ลเิ มตรตอ฽ ปี

4. ลักษณะเศรษฐกจิ และ สภาพแวดล฾อมทางสงั คม วัฒนธรรม ลกั ษณะเศรษฐกิจ การทําเกษตรกรรม 1. จากลกั ษณะอากาศของทวีป เหมาะกบั การปลกู พชื เมืองรอ฾ น เช฽น กาแฟ กลว฾ ยโกโก฾ อ฾อย ยาสูบ โดยเฉพาะ กาแฟมีผผ฾ู ลิตรายใหญ฽ คอื บราซิลและโคลมั เบยี 2. บริเวณท่ีราบลุ฽มแมน฽ าํ้ ปารานา – ปารากวัย – อรุ ุกวยั มีความเหมาะสมในการปลูกขา฾ วสาลี เน่อื งจากอย฽ูในเขต อบอุ฽นและเป็นท่รี าบลมุ฽ แม฽น้ําท่ีมีความอุดมสมบูรณแโดยเฉพาะในเขตประเทศอารเแ จนตนิ า 3. การเพาะปลูกในทวปี มีทงั้ การเพาะปลกู เป็นไรก฽ ารคา฾ ขนาดใหญ฽ ทเ่ี รียกว฽า เอสตันเซียและมีการเพาะปลูกแบบยงั ชพี การเลี้ยงสตั วแ การเลีย้ งสตั วแในทวีปอเมริกาใตก฾ ระทําอยา฽ งกวา฾ งขวาง ดังนี้ 1. ทงุ฽ หญา฾ ปามปสใ เปน็ เขตปศสุ ตั วแขนาดใหญ฽ มกี ารเล้ียงโคเน้ือ โคนม แกะ 2. ท฽งุ หญา฾ ยาโนส และท฽ุงหญ฾าแกมโปส เปน็ เขตเล้ียงโคเนื้อ 3. ท฽ุงหญ฾าก่งึ ทะเลทราย บรเิ วณที่ราบสงู ปาตาโกเนีย มีการเล้ียงแกะพนั ธแุขนประเทศทส่ี ฽งเนื้อสัตวเแ ป็นสนิ ค฾าออก จํานวนมาก คอื ประเทศอารแเจนตนิ า อรุ กุ วัย บราซลิ การประมง แหลง฽ ประมงทสี่ ําคญั ของทวีป คือ บริเวณชายฝ่งใ ประเทศเปรูและชลิ ี ซง่ึ มีกระแสนา้ํ เยน็ เปรู (ฮมั โบลดแ) ไหลผา฽ น มี ปลาแอนโชวเี ปน็ จาํ นวนมาก นอกจากนี้ยงั มีการจับปลาตาม ล฽มุ แมน฽ าํ้ ตา฽ ง ๆ โดยชาวพืน้ เมืองอีกดว฾ ย แตเ฽ ป็นการจบั ปลา เพ่อื ยงั ชีพ การปุาไม฾ การทําปุาไมใ฾ นทวปี มีไม฽มากนักเนอื่ งจากความไมส฽ ะดวกในการคมนาคมและ การขนส฽ง เขตที่มีความสาํ คัญในการทําปุาไม฾ คอื ภาคตะวันออกเฉียงใต฾ของบราซลิ การทาํ เหมืองแร฽ ทวปี อเมรกิ าใตเ฾ ป็นแหลง฽ ผลิตพืชเมืองร฾อนและสนิ แร฽ การทําเหมืองแร฽มคี วามสาํ คัญ รองจากการทําเกษตรกรรม โดยมีแหลง฽ แร฽ที่สําคญั ดงั น้ี อุตสาหกรรม การอตุ สาหกรรมในทวปี ยงั ไม฽คอ฽ ยมีความเจริญมากนกั เนอ่ื งจากขาดเงินทุน และยงั ตอ฾ งอาศัยความรว฽ มมือและการ รว฽ มลงทุนจากตา฽ งชาติ ประเทศที่มีความเจริญทางดา฾ นอุตสาหกรรม คือ อารเแ จนตินา บราซลิ ชิลี เวเนซเุ อลา ทวปี อเมรกิ า เหนือ

1. ขนาดทต่ี ั้งและอาณาเขตติดต฽อทวีปอเมริกาเหนือเป็นทวปี ที่มีขนาดกว฾างใหญโ฽ ดยมีขนาดใหญ฽เปน็ อนั ดับท่ี 3 ของ โลกรองจากทวีปเอเชียและทวปี แอฟริกามีพ้นื ทป่ี ระมาณ 24 ล฾านตารางกโิ ลเมตร รปู ร฽างของ ทวีปอเมริกาเหนือมีลักษณะ คล฾ายสามเหลีย่ มหวั กลับมีฐานกว฾างอย฽ูทางทิศเหนอื ส฽วนยอดสามเหลย่ี มอยทู฽ างทิศใต฾ ด฾วยความกว฾างใหญ฽ของทวปี จึงมีความ หลากหลายทงั้ ในดา฾ นลักษณะทางกายภาพทรัพยากรธรรมชาติและเปน็ ท่รี วมของชนชาตหิ ลายเชอ้ื ชาตจิ นกลายเป็นเบ฾า หลอมทางวฒั นธรรม อีกทัง้ มีความเจริญกา฾ วหนา฾ ในด฾านเทคโนโลยีและเปน็ ศูนยรแ วมของวฒั นธรรมตา฽ งๆ ตงั้ อย฽ูในแถบซกี โลก เหนือระหว฽างละติจดู 7 องศา 15 ลิปดาเหนอื ถึง 83 องศา 38 ลิปดาเหนอื และลองจจิ ดู 55 องศา 42 ลปิ ดาตะวนั ตก 172 องศา 30ลปิ ดาตะวนั ออก อาณาเขตตดิ ต฽อ ทิศเหนือ ติดกับทะเลโบฟอรตแ ในมหาสมุทรอารกแ ติกและขวั้ โลกเหนือ จดุ เหนือสุดอยูท฽ ี่แหลมมอริสเจซปุ เกาะ กรีนแลนดแแ ละประเทศแคนาดา ทศิ ใต฾ ติดกับทวีปอเมรกิ าใต฾ (มีคลองปานามาเปน็ เส฾นแบง฽ ทวปี ) ทะเลแคริบเบียนในมหาสมทุ รแปซิฟิกและอา฽ ว เม็กซโิ กในมหาสมุทรแอตแลนตกิ ทศิ ตะวนั ออก ตดิ กบั มหาสมทุ รแอตแลนติก จุดตะวันออกสุดของทวีปอยูท฽ ี่คาบสมุทรลาบราดอรแ ประเทศแคนาดา ทศิ ตะวันตก ตดิ กับมหาสมทุ รแปซฟิ ิก จดุ ตะวนั ตกสุดของทวปี อยูท฽ ี่แหลมปรินซแออฟเวลรัฐอะลาสกา ประเทศ 2. ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ ลกั ษณะภมู ิประเทศของทวีปอเมริกาเหนือ สามารถแบง฽ ออกได฾ 3 ลกั ษณะไดแ฾ ก฽ 1. เขตเทือกเขาภาคตะวันออก เรมิ่ ต้ังแตเ฽ กาะนิวฟนัดแลนดแทางตะวันออกเฉยี งเหนอื ของแคนาดา จนถงึ ตะวันออก เฉียงใตข฾ องสหรฐั อเมรกิ า ประกอบด฾วยเทือกเขาและทร่ี าบสงู แต฽ไมส฽ งู นัก ยอดเขาทส่ี งู ที่สุดคือ ยอดเขามิตเชล มีความสงู 2,037 เมตร เทือกเขาทีส่ าํ คัญคอื เทอื กเขาแอปปาเลเซยี น นอกจากนี้ยังมที ่ีราบแคบๆ ขนานไปกับชายฝงใ่ ทะเล บางสว฽ น ลาดลงทะเลกลายเปน็ ไหลท฽ วีป 2.เขตเทือกเขาสงู ภาคตะวนั ตก ไดแ฾ ก฽ พ้ืนทชี่ ายฝงใ่ ตะวันตกด฾านมหาสมุทรแปซฟิ ิก ตง้ั แตเ฽ ทอื กเขาตอนเหนือสดุ บริเวณช฽องแคบแบรงิ ทอดตัวยาวทางใต฾ของทวปี ประกอบด฾วยเทอื กเขาสงู สลบั ซับซ฾อนจาํ นวนมาก ยอดเขาทส่ี งู ท่ีสุด คือ ยอดเขาแมกคินเลยสแ ูง 6,096 เมตร ในเทือกเขาอะลาสกา นอกจากนี้ยงั มีเทือกเขาร็อกกีและเทือกเขาแมกเคนซี ระหวา฽ งเทอื กเขาสงู มที ่รี าบสงู จาํ นวนมาก ทส่ี าํ คญั ได฾แก฽ ท่รี าบสงู อะลาสกา ท่รี าบโคโรราโดทรี่ าบสูงเม็กซโิ ก และท่รี าบสูงบริ ตชิ โคลัมเบีย เขตเทือกเขาสูงบรเิ วณนี้มีภมู ิประเทศทสี่ วยงามท่ีมที ้ังเทือกเขาสูง สลบั กบั ทร่ี าบสงู หุบเขาลกึ ชัน เกิดเป็นโตรก เขาทีเ่ กิดจากการกดั เซาะของแมน฽ า้ํ โตรกเขาทีม่ ชี ือ่ เสยี งท่ีสดุ คอื แกรนดแแ คนยอน (grand canyon) ที่เกดิ จากการ กัดเซาะของแมน฽ ํ้าโคโรราโด รัฐแอริโซนาประเทศสหรัฐอเมรกิ า 3. เขตทรี่ าบภาคกลาง เปน็ ทร่ี าบขนาดกวา฾ งใหญ฽ อยูร฽ ะหวา฽ งเทือกเขาตะวันออกและตะวนั ตก เริ่มตั้งแต฽ชายฝง่ใ มหาสมุทรอารแตกิ จนถึงชายฝงใ่ อา฽ วเม็กซิโก มลี กั ษณะเปน็ ท่ีราบลูกคลื่นอันเกดิ จากการกระทาํ ของธารน้ําแข็งและการทับถม ของตะกอนจากแม฽น้าํ ทีร่ าบที่สําคัญ ได฾แก฽ ทรี่ าบล฽มุ ทะเลสาบท้งั หา฾ ที่ราบลุ฽มแมน฽ าํ้ แมกแคนซี ท่รี าบล฽ุมแม฽นํา้ มสิ ซิสซิปปี-มิส ซูรี่ ทีร่ าบแพรีและที่ราบชายฝ่ใงอ฽าวเม็กซโิ ก แม฽นา้ํ แมน฽ า้ํ ที่สําคัญในทวปี อเมริกาเหนือ มดี งั นี้ แม฽นาํ้ มสิ ซสิ ซปิ ปี เกิดจากเทือกเขาสงู ทางตะวันตกของทวปี เป็นแมน฽ า้ํ สายทยี่ าวท่สี ุดในทวปี ไหลผา฽ นทรี่ าบกว฾างลงสู฽ อ฽าวเมก็ ซิโก เปน็ เขตทีร่ าบทม่ี ีตะกอนทบั ถมเป็นบริเวณ กวา฾ ง จงึ เหมาะแก฽การเพาะปลูก และเป็นเขตประชากรหนาแนน฽

แม฽นํา้ เซนตลแ อวเแ รนซแ ไหลจากทะเลสาบเกรตเลคออกสู฽มหาสมทุ รแอตแลนติกแม฽น้ําสายน้ีใช฾ในการขนส฽งสินค฾าหรอื วตั ถุดบิ ทางอุตสาหกรรม (เนอื่ งจากบรเิ วณรอบๆเกรตเลคเป็นเขตอุตสาหกรรม) แตป฽ ใญหาสําคญั ของแมน฽ ้ําสายน้ี คอื จะมี ระยะท่ีเดนิ เรือไม฽ได฾ในฤดหู นาว ลกั ษณะพิเศษของแมน฽ ํ้าเซนตแลอวเแ รนซแ คอื มกี ารขดุ ร฽องนา้ํ และสรา฾ งประตูกัน้ น้ําเป็นระยะๆ เนอ่ื งมาจากบรเิ วณแม฽น้าํ มีแก฽งนํา้ ตกขวางหลายแห฽ง เส฾นทางการขนสง฽ สนิ ค฾า และเดินเรือนี้ เรียกว฽า “เซนตแลอวเแ รนซแ ซเี วยแ” (St. Lawrence Seaway) แม฽นํ้าริโอแกรนดแ ก้ันพรมแดนระหว฽างประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศเม็กซิโก 3. ลักษณะภูมิอากาศ ปจใ จัยท่ีมีอิทธิพลตอ฽ ภูมิอากาศของทวปี อเมรกิ าเหนือ 1. ละตจิ ูด ทวปี อเมรกิ าเหนือตั้งอยร฽ู ะหวา฽ งละติจูด 7 องศา 15 ลิปดาเหนอื ถึง83 องศา 38 ลปิ ดาเหนอื ใกลข฾ ้ัว โลกเหนือ จงึ ทําใหม฾ ีเขตภมู ิอากาศทุกประเภทต้งั แต฽อากาศร฾อนไปจนถึงอากาศหนาวเยน็ แบบขว้ั โลก 2. ลมประจํา ลมประจําท่ีพัดผ฽านทวีปอเมรกิ าเหนือ มีความแตกต฽างกันตามช฽วงละติจดู มีลมประจําทส่ี าํ คัญดงั นี้ 1) ลมด฾านตะวนั ออกเฉียงเหนือ พดั ตั้งแต฽ละติจูด 40 องศาเหนือลงไปทางใต฾พดั ผ฽านมหาสมทุ รแอตแลนติกเขาสู฽ ทวปี จึงนาํ ความชุม฽ ชืน้ มาให฾ชายฝ่ใง ตะวันออกของทวปี ตลอดทงั้ ปี ต้ังแต฽ตอนใต฾ของสหรัฐอเมรกิ า อเมรกิ ากลางและหมเ฽ู กาะ อินดิสตะวนั ตก 2) ลมตะวันตกเฉียงใต฾ พดั ต้ังแต฽ละติจูด 40 องศาเหนือถึง 60 องศาเหนอื พัดจากมหาสมทุ รแปซิฟิกเข฾าสู฽ ตอนกลางถึงตอนเหนอื ของสหรัฐอเมริกาและตอนใตข฾ องแคนาดา 3) ลมขวั้ โลก พัดอย฽ูบรเิ วณขั้วโลกนําความหนาวเย็นมาให฾พืน้ ทท่ี างตอนบนของทวปี 3. ความใกล฾ไกลทะเล จากลกั ษณะรปู รา฽ งของทวีปอเมริกาเหนอื ซ่ึงตอนบนจะกวา฾ งใหญ฽ และคอ฽ ยๆ เรียวแคบลงมา ทางตอนใต฾ ทําให฾ตอนบนของทวีปได฾รับอิทธพิ ลจากมหาสมุทรน฾อย จงึ ทําให฾พนื้ ท่ีตอนบนมภี ูมิอากาศค฽อนขา฾ งแหง฾ แลง฾ 4. ทศิ ทางของเทือกเขา ทศิ ทางการวางตัวของเทือกเขาในทวปี อเมรกิ าเหนือเปน็ ส฽วนสาํ คญั ในการทําให฾พนื้ ท่ีทาง ตอนในของทวปี มอี ากาศค฽อนขา฾ งแหง฾ แล฾ง โดยเฉพาะเทือกเขาทางตะวนั ตกของทวีป ซ่ึงเป็นเทอื กเขายุคใหม฽ท่สี ูงมาก จงึ ขวางกน้ั ความช้ืนที่มากับลมประจํา 5. กระแสนํา้ ทวีปอเมริกาเหนอื มกี ระแสนาํ้ 4 สาย ซงึ่ มีอิทธิพลต฽ออากาศบรเิ วณชายฝใ่งโดยกระแสนา้ํ อุน฽ ทําให฾ อากาศบรเิ วณชายฝงใ่ อบอนุ฽ ชุมช้นื ส฽วนกระแสนาํ้ เย็นทาํ ให฾อากาศบริเวณชายฝใ่งเย็นและแห฾งแล฾ง 1) กระแสนํ้าอน฽ุ กัลฟส฼ ตรมี ไหลเลียบชายฝใ่งตะวันออกของเมก็ ซโิ ก และสหรฐั อเมริกาทางใต฾ขน้ึ ไปทาง ตะวนั ออกเฉียงเหนอื ของเกาะนิวฟนใ ดแแ ลนดแของแคนาดา2) กระแสนา้ํ เยน็ แลบราดอรแ ไหลเลยี บชายฝงใ่ ตะวนั ตกของเกาะ กรีนแลนดลแ งมาจนถึงชายฝ่ใงตะวนั ออกของแคนาดา พบกับกระแสนํ้าอุ฽นกลั ฟส฼ ตรีม บรเิ วณเกาะนิวฟนใ ดแแลนดจแ ึงทําให฾ บรเิ วณนี้เปน็ แหล฽งปลาชมุ เน่อื งจากมีอาหารปลาจํานวนมาก กลายเป็นเขตทาํ ประมงท่สี ําคัญ เรยี กบริเวณนวี้ า฽ “แกรนดแ แบงคแ” (Grand Bank) 3) กระแสนํา้ อ฽นุ อลาสกา ไหลเลียบชายฝ่ใงตะวนั ตกของรัฐอลาสกาขน้ึ ไปทางเหนือจนถงึ ช฽องแคบเบริง ทาํ ให฾ชายฝง่ใ อบอุ฽น น้ําไม฽เปน็ นาํ้ แขง็ สามารถจอดเรือได฾ตลอดปี 4) กระแสน้ําเย็นแคลิฟอรเแ นีย ไหลเลียบชายฝ่งใ ตะวันตกของสหรฐั อเมริกาลงมาทางใต฾จนถงึ ชายฝงใ่ คาบสมุทร แคลิฟอรแเนยี ทาํ ให฾ชายฝงใ่ มีอากาศเย็นและแห฾งพายุ พายทุ ่ีมีอทิ ธิพลตอ฽ ลมฟูาอากาศของทวปี อเมรกิ าเหนือเป็นอย฽างมากคือ

1. พายุเฮอรเิ คน เป็นพายหุ มุนเขตร฾อน เชน฽ เดยี วกับใตฝ฾ ุน พายุนเี้ กิดในทะเลแครเิ บียน และอ่า วเม็กซิโก เปน็ พายุ ท่ที ําใหฝู นตกหนัก คลื่นลมแรงเคลอ่ื นตัวจากทะเลเข่า ส฽ูชายฝ่ใงของสหรัฐอเมริกา เมก็ ซิโก และหมเ฽ู กาะในทะเลแคริเบยี น 2. พายุทอรนแ าโด เนือ่ งจากบริเวณภาคกลางของสหรฐั อเมรกิ าเป็นพ้นื ท่โี ลง฽ กว฾างทาํ ให฾มวลอากาศปะทะกันไดง฾ ฽าย เกิดเปน็ พายหุ มนุ ทอรแนาโด มีกําลงั แรงมาก ก฽อใหเ฾ กิดความเสียหายกับบา฾ นเรอื นในรอบ 1 ปเี กดิ พายุนี้ได฾บ฽อยครั้ง จนได฾รบั สมญานามว฽า“พายุประจําถิ่น” ของสหรฐั อเมริกา เขตภมู อิ ากาศแบง฽ ออกไดเ฾ ป็น 12 เขต ได฾แก฽ 1. ภูมอิ ากาศแบบร฾อนช้นื ได฾แก฽ บริเวณชายฝ่ใงตะวนั ออกของอเมรกิ ากลาง และบางสว฽ นของหม฽ูเกาะอนิ ดีส ตะวันตก มอี ากาศร฾อนเกือบตลอดทงั้ ปี อณุ หภมู เิ ฉลยี่ 18 องศาเซลเซยี สและมีฝนตกชุกเฉล่ีย 1,700 มลิ ลเิ มตรต฽อปี ในเขต น้ีไม฽มีฤดูหนาว 2. ภมู ิอากาศแบบทะเลทราย ไดแ฾ ก฽ บรเิ วณภาคตะวนั ตกเฉียงใตข฾ องสหรฐั อเมริกาและภาคเหนือของเม็กซิโก มี อากาศรอ฾ นจัดและมฝี นตกนอ฾ ยมาก เฉลี่ย 250 มิลลิเมตรตอ฽ ปี 3. ภมู ิอากาศแบบทุง฽ หญ฾าเขตรอ฾ น ได฾แก฽ ชายฝใ่งตะวนั ตกของอเมรกิ ากลาง พ้ืนที่ส฽วนใหญ฽ของเมก็ ซโิ ก บางส฽วนของ หม฽ูเกาะอินดีสตะวันตก และทางตอนใตส฾ ุดของคาบสมทุ รฟลอรดิ า มอี ณุ หภูมิแตกต฽างกันมากระหวา฽ งฤดูร฾อนและฤดูหนาว คอื ฤดหู นาวอากาศหนาวจัดฤดรู ฾อนมีอากาศร฾อนจดั และมีฝนตก 4. ภูมิอากาศแบบท฽งุ หญา฾ กึง่ ทะเลทราย ไดแ฾ ก฽ บรเิ วณชายขอบของเขตทะเลทรายเริ่มต้ังแต฽บางส฽วนของประเทศ แคนาดาและเม็กซิโก ทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต฾ของสหรัฐอเมริกา มีลกั ษณะภมู ิอากาศก่งึ แหง฾ แลง฾ ฤดหู นาวมีอากาศ หนาวจัด ฤดูร฾อนมีอากาศรอ฾ นและแหง฾ แลง฾ ปรมิ าณฝนไม฽มากนกั แต฽มากกว฽าในเขตทะเลทราย 5. ภมู ิอากาศแบบเมดิเตอรเแ รเนียน ไดแ฾ ก฽ บรเิ วณชายฝ่ใงมหาสมทุ รแปซิฟกิ ในเขตรฐั แคลิฟอรแเนียของสหรฐั อเมริกา ในฤดรู อ฾ นมีอากาศไม฽ร฾อนจัด ในฤดหู นาวมอี ากาศอบอุ฽นแห฾งแลง฾ และมีฝนตก 6. ภมู ิอากาศแบบอบอ฽นุ ชืน้ ไดแ฾ ก฽ บรเิ วณทีร่ าบชายฝใง่ มหาสมุทรแอตแลนติกและท่รี าบตอนกลางของทวีป อุณหภูมิ เฉลีย่ ตลอดทงั้ ปีมคี วามใกลเ฾ คียงกนั มฝี นตกเกือบตลอดทั้งปีเฉลยี่ 750 มลิ ลิเมตรต฽อปี 7. ภูมิอากาศแบบภาคพืน้ สมุทรชายฝง่ใ ตะวันตก ไดแ฾ ก฽ ชายฝใ่งมหาสมุทรแปซิฟิกในเขตสหรัฐอเมรกิ าและแคนาดา มี ฝนตกชุกเกือบตลอดท้งั ปเี ฉล่ีย 2,000 มลิ ลิเมตรต฽อปฤี ดรู ฾อนมีอากาศรอ฾ นชืน้ และ ฤดูหนาวมีอากาศเย็นสบาย 8. ภูมิอากาศแบบช้นื ภาคพื้นทวีป ไดแ฾ ก฽ ตอนใต฾ของประเทศแคนาดารอบๆ ทะเลสาบทั้ง 5 และภาคเหนือของสหรฐั อเมริกา ในฤดหู นาวมีอากาศหนาวเยน็ ในฤดรู อ฾ นมีอากาศอบอนุ฽ และมฝี นตก 9. ภมู ิอากาศแบบไทกา ไดแ฾ ก฽ ภาคเหนอื ของประเทศแคนาดา และตอนใต฾ของรฐั อะลาสกา สหรัฐอเมรกิ า เป็น บริเวณทม่ี อี ากาศหนาวจัด มีหมิ ะตกตดิ ตอ฽ กันหลายเดือนฤดูร฾อนมีอากาศเย็น มีปริมาณฝนตกนอ฾ ยและระยะสั้นๆ 10. ภูมอิ ากาศแบบทนุ ดรา ไดแ฾ ก฽ ชายฝ่ใงมหาสมทุ รอารกแ ติก ภาคเหนอื ของแคนาดา รฐั อะลาสกาของสหรฐั อเมริกา และชายฝ่ใงเกาะกรีนแลนดแ มีอากาศหนาวจัดเกือบตลอดท้ังปี ฤดรู ฾อนมีชว฽ งส้นั และอุณหภมู ติ ํา่ เฉลยี่ ตลอดทั้งปี 10 องศา เซลเซียส 11. ภูมิอากาศแบบข้วั โลก ได฾แก฽ ตอนกลางของเกาะกรนี แลนดแ มอี ากาศหนาวจัดมนี ํา้ แข็งปกคลมุ เกือบตลอดทั้งปี บรเิ วณตอนกลางของเกาะมนี ํ้าแข็งปกคลุมหนาถึง3,000 เมตร

12. ภูมิอากาศแบบบริเวณภูเขาสูง ไดแ฾ ก฽ เทอื กเขาสงู ในภาคตะวันตก เปน็ บริเวณทม่ี ีอุณหภูมิแตกต฽างกนั มาก ขึ้นอย฽กู ับความสงู ของพ้นื ท่ี เชน฽ ในฤดูรอ฾ นดา฾ นที่รับแสงแดดอากาศรอ฾ นจัด ในดา฾ นตรงกันขา฾ มจะมอี ากาศหนาวเย็น ในแถบ หบุ เขาจะมีอากาศหนาวเยน็ โดยเฉพาะในเวลากลางคนื อณุ หภูมิจะตา่ํ ลงเมอ่ื ความสงู เพิ่มขน้ึ บรเิ วณยอดเขามีน้ําแขง็ ปกคลุม อย฽ู ในบริเวณนี้มฝี นตกน฾อย 4. สภาพเศรษฐกิจ และสภาพแวดล฾อมทางสังคมวฒั นธรรมลกั ษณะเศรษฐกจิ ลักษณะเศรษฐกจิ ของทวีปอเมริกา เหนือจะมีความแตกต฽างกนั คือ ในสหรัฐอเมรกิ า แคนาดา จะเป็นเขตเศรษฐกจิ ทมี่ ีความเจริญสงู ส฽วนในเขตของเมก็ ซิโก อเมรกิ ากลางและหม฽ูเกาะอินดีสตะวนั ตกจะมีทั้งเขตเศรษฐกิจทเี่ จรญิ แล฾ว และเขตทีย่ งั ต฾องไดร฾ ับการพัฒนา การทําเกษตรกรรม 1. เขตปลูกขา฾ วสาลี บรเิ วณทีม่ กี ารปลูกข฾าวสาลี ซึง่ ถอื เป็นแหลง฽ สาํ คญั ของโลกคือ บรเิ วณภาคกลางของแคนาดา และสหรัฐอเมริกา 2. เขตทาํ ไรป฽ ศุสตั วแ พบในบริเวณท่ีภมู ิอากาศค฽อนข฾างแหง฾ แล฾ง เช฽น ภาคตะวนั ตกของแคนาดา สหรัฐอเมรกิ า และ เม็กซโิ ก สัตวทแ ่เี ลีย้ ง คือ โคเนือ้ 3. เขตเกษตรกรรมแบบผสม ไดแ฾ ก฽ เขตที่มีการเลยี้ งสตั วแควบคู฽กับการปลกู พชื เชน฽ ขา฾ วสาลี ขา฾ วโพด ส฽วนสตั วแเลีย้ ง คือ โคเนอื้ โคนม การเกษตรลักษณะน้ีพบบริเวณทางตะวนั ออกของสหรฐั อเมริกาและแคนาดา 4. เขตปลูกฝูาย ไดแ฾ ก฽ บรเิ วณทางตะวนั ตกของสหรฐั อเมรกิ า ซ่งึ เป็นเขตทีม่ ีอากาศค฽อนขา฾ งร฾อนและแห฾งแล฾ง 5. เขตปลกู ผัก ผลไม฾และไร฽ยาสบู ได฾แก฽ บริเวณทร่ี าบชายฝ่งใ มหาสมุทรแอตแลนติก 6. เขตปลูกพืชเมอื งร฾อน พืชเมอื งร฾อนทีน่ ิยมปลูกคือ กลว฾ ย โกโก฾ ออ฾ ย กาแฟ ซ่ึงมีมากบริเวณอเมรกิ ากลางและหม฽ู เกาะอนิ ดีสตะวนั ตก การประมง บริเวณทม่ี ีการทาํ ประมงกนั อย฽างหนาแนน฽ คือ แกรนดแแ บงคแ และบริเวณชายฝง่ใ มหาสมุทรแปซิฟิกโดยเฉพาะ บริเวณที่มกี ระแสนํ้าเย็นแคลิฟอรแเนียไหลผ฽าน การทําเหมืองแร฽ ถา฽ นหนิ สหรัฐอเมริกาและแคนาดา สามารถผลติ ถา฽ นหนิ ได฾ เป็นจํานวนมาก โดย มแี หลง฽ ผลติ ท่สี าํ คญั คือ บรเิ วณเทอื กเขาแอปปาเลเซียน ในสหรัฐอเมริกา และมณฑลควเิ บก ของแคนาดา เหล็ก แหล฽งสาํ คัญ คือ ทะเลสาบเกรตแลค น้าํ มนั และก฿าซธรรมชาติ พบบรเิ วณเทือกเขาแอปปาเลเซยี นลุม฽ แม฽น้าํ มิสซสิ ซปิ ปี อ฽าวเม็กซิโก แคลฟิ อรแเนยี อลาสกา การทําอตุ สาหกรรม สหรฐั อเมริกาเปน็ ประเทศผ฾นู าํ ในการทาํ อุตสาหกรรมระดับโลก สว฽ นใหญเ฽ ปน็ อุตสาหกรรม ขนาดใหญ฽ใช฾เงนิ ทนุ เปน็ จํานวนมาก สว฽ นประเทศเม็กซิโกและอเมริกากลาง รวมถงึ ประเทศในหม฽เู กาะอนิ ดสี ตะวันตก อุตสาหกรรมส฽วนใหญเ฽ ป็นอุตสาหกรรมเกษตรการแปรรปู ผลผลิตตา฽ งๆ ซง่ึ ต฾องอาศัยการพัฒนาต฽อไปสภาพแวดล฾อมทาง สังคมและวฒั นธรรม ประชากร 1. บริเวณทมี่ ีประชากรหนาแนน฽ ได฾แก฽ ชายฝใ่งตะวันตกของสหรัฐอเมรกิ า ลุม฽ แมน฽ าํ้ มสิ ซิสซิปปี ล฽มุ แม฽น้ําเซนตแ ลอรวเแ รนซแ ท่ีราบสงู ในเม็กซิโก หมเู฽ กาะอินดีสตะวันตก

2. มีผค฾ู นหลากหลายเช้ือชาติ เช฽น อินเดยี นแดง เอสกโิ ม ยโุ รป แอฟริกนั เอเชียและกลุม฽ เลือดผสม เขตวฒั นธรรม 1. แองโกอเมริกา หมายถึง สหรัฐอเมริกาและแคนาดา 2. ลาตินอเมริกา หมายถึง กล฽มุ คนในเมกซิโก อเมรกิ ากลาง และหม฽ูเกาะอินดสี ตะวันตก (ซงึ่ ไดร฾ บั อิทธพิ ลจาก สเปนและโปรตุเกส) ทวปี แอฟรกิ า 1. ขนาดทีต่ ั้งและอาณาเขตติดตอ฽ ทวีปแอฟริกามีขนาดใหญ฽เป็นอันดับ 2 รองจากทวปี เอเชีย มีพ้ืนทป่ี ระมาณ 30.3 ลา฾ นตารางกโิ ลเมตร มปี ระชากร 600 ลา฾ นคน อยร฽ู ะหวา฽ งละตจิ ดู ที่ 37 องศา 21 ลปิ ดาเหนอื ถึง 34 องศา 50 ลิปดาใต฾ ลองติจดู ที่ 51 องศา 24 ลปิ ดาตะวนั ออกถึง 17 องศา32 ลปิ ดา อาณาเขตตดิ ต฽อ ทิศเหนือ ตดิ กบั ทะเลเมดิเตอรเแ รเนยี น ในมหาสมทุ รแอตแลนตกิ ชอ฽ งแคบยิบรอลตารแ จุดเหนือสดุ ของทวีปอย฽ทู ่ี แหลมบอน ประเทศตูนิเซีย ทิศใต฾ ติดกบั มหาสมุทรแอตแลนตกิ และมหาสมุทรอนิ เดีย จุดใต฾สุดของทวีปอยู฽ท่แี หลมอะกอลฮัส (Agulhas) ใน ประเทศแอฟรกิ าใต฾ ทิศตะวนั ออก ตดิ กับทะเลแดง ในมหาสมุทรอินเดยี จดุ ตะวนั ออกสดุ ของทวปี อย฽ูท่ีแหลมฮาฟนู ประเทศโซมาเลยี ทิศตะวันตก ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก จุดตะวันตกสดุ ของทวปี อย฽ูทแ่ี หลมเวิรแดประเทศเซเนกัล 2. ลักษณะภูมปิ ระเทศ ลักษณะภมู ปิ ระเทศทวีปแอฟรกิ าสามารถแบง฽ ออกได฾เป็น 3 ลักษณะดังน้ี 1. เขตทรี่ าบสงู พื้นท่เี กือบทัง้ หมดของทวีปเปน็ ท่ีราบสูง จนไดร฾ ับสมญาว฽า เป็นทวปี แหง฽ ที่ราบสงู โดยทางซีก ตะวันออกจะสูงกว฽าซีกตะวันตก ลกั ษณะเด฽นของบริเวณท่ีราบสูงทางภาคตะวนั ออกของทวปี คอื เปน็ พ้ืนทีท่ ีม่ ีภเู ขาสงู และ ภเู ขาไฟ ภูเขาไฟทีม่ ีช่ือเสยี ง คอื ภเู ขาคลิ ิมันจาโร(แทนซาเนยี ) และมที ะเลสาบหลายแห฽ง เชน฽ ทะเลสาบวคิ ตอเรยี (ทะเลสาบ นํา้ จดื ใหญ฽เปน็ อันดบั 2 ของโลก) ทะเลสาบแทนแกนยิกาและทะเลสาบไนอะซา แผนทีท่ วปี แอฟริกา 2. เขตทีร่ าบ ทวีปแอฟริกามีทร่ี าบแคบๆ บริเวณชายฝง่ใ ทะเล 3. เขตเทือกเขา เขตเทือกเขาทางทศิ ตะวันตกเฉยี งเหนือ คอื เทอื กเขาแอตลาส วางตวั ขนานกับ ชายฝใ่งทะเลเมดเิ ตอรเแ รเนยี น เป็น เทอื กเขายคุ ใหม฽ เทือกเขาทางทิศใต฾ คอื เทอื กเขาดราเคนสเบิรแก วางตวั ขนานกบั ชายฝใ่งมหาสมุทรอินเดีย เป็นเทอื กเขายุคเก฽า แมน฽ ํ้า แมน฽ ้าํ ในทวีปแอฟรกิ าสว฽นใหญ่เ กิดจากทร่ี าบสงู ตอนกลาง และทางตะวันออก ของทวีป ซ่ึงมีฝนตกชกุ เนอ่ื งจากพืน้ ที่ตา฽ งระดับ แมน฽ า้ํ จึงกัดเซาะพืน้ ทใ่ี หเ฾ กิดเป็น

แกง฽ นาํ้ ตกขวางลํานาํ้ จึงเปน็ อุปสรรคตอ฽ การคมนาคม แตส฽ ามารถใชป฾ ระโยชนแในการผลติ กระแสไฟฟาู ไดแ฾ ม฽นํ้าที่ สาํ คัญ ไดแ฾ ก฽ แม฽นํา้ ไนลแ เป็นแม฽นํา้ สายทยี่ าวท่ีสดุ ในโลก ไหลลงส฽ูทะเลเมดเิ ตอรเแ รเนยี น ประกอบด฾วยแควสําคญั คือ ไวทแไนวแ บลู ไนลแแ ละอตั บารา ปากแมน฽ ํ้าเปน็ เดลต฾า แม฽น้าํ ซาอรี แ (คองโก)฾ เป็นแม฽นํา้ สายยาวอนั ดับ 2 ของทวปี และเป็นที่ราบลมุ฽ แม฽นํ้า ทก่ี วา฾ งขวาง น้ําในแมน฽ ้าํ ไหลลงสม฽ู หาสมุทรแอตแลนติก แม฽นาํ้ ไนเจอรแ ไหลลงสู฽อ฽าวกนิ ี แม฽นาํ้ แซมเบซี ไหลลงส฽มู หาสมุทร อินเดีย ไหลผา฽ นท่ีราบสงู และไหลเชย่ี วมาก 3. ลักษณะภูมิอากาศ เขตอากาศ ปใจจัยท่ีมอี ิทธิพลต฽อภูมิอากาศของทวีปแอฟริกา 1. ละตจิ ดู ทวปี แอฟริกามีเส฾นศนู ยสแ ูตรผ฽านเกอื บกง่ึ กลางทวีป และต้งั อยู฽ระหวา฽ งเส฾นทรอปคิ ออฟแคนเซอรแ กบั เสน฾ ทรอปคิ ออฟแคปรคิ อรนแ ทาํ ให฾มีเขตอากาศร฾อนเป็นบรเิ วณกว฾าง มีเฉพาะสว฽ นเหนอื สดุ และใตส฾ ดุ ท่ีอยู฽ในเขตอบอ฽ุน 2. ลมประจาํ มี 2 ชนิดคือลมสนิ ค฾าตะวันออกเฉยี งใต฾ พัดจากมหาสมทุ รอินเดียและมหาสมทุ รแอตแลนติก ทาํ ใหฝ฾ นชกุ บรเิ วณชายฝใ่งแอฟริกาตะวันออกและตะวนั ออกเฉยี งใต฾กับชายฝใ่งอ฽าวกนิ ีลมสนิ คา฾ ตะวันออกเฉียงเหนือ พัดจาก ตอนในของทวีปมาส฽ชู ายฝใง่ จงึ นําความแหง฾ แลง฾ มาส฽ูชายฝ่ใงตะวนั ออกเฉียงเหนอื ของทวปี 3. กระแสน้ํา ได฾แก฽ กระแสน้ําอุ฽น กินี ไหลผา฽ นชายฝใง่ ตะวันตกจากมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังอ฽าวกินี กระแสนา้ํ เย็นคานารี ไหลเลยี บชายฝงใ่ ตะวนั ตกเฉียงเหนือของทวปี กระแสนาํ้ เยน็ เบงเก-ลา ไหลเลียบชายฝงใ่ ตะวันตกเฉียงใตข฾ องทวีป กระแสน้ําอุ฽นโมซัมบิก ไหลผา฽ นบรเิ วณช฽องแคบโมซัมบิก 5. ระยะหา฽ งจากทะเล ดว฾ ยความกว฾างใหญ฽ของทวปี การมีท่ีสงู อยู฽โดยรอบทวีปทําให฾อิทธพิ ลของมหาสมุทรเข฾าไป ไมถ฽ ึง ประกอบกับไดร฾ ับอิทธพิ ลจากทะเลทรายของทวเี อเชียทางดา฾ นตะวนั ออกเฉียงเหนือของทวปี ทําให฾ทวปี แอฟริกามเี ขตภมู ิอากาศแหง฾ แล฾งเป็นบริเวณกว฾าง ทวปี แอฟริกาสามรถแบง฽ เขตอากาศไดเ฾ ป็น 8 เขตดงั นี้ 1. ภมู อิ ากาศแบบทะเลทราย ได฾แก฽ บริเวณทะเลทรายสะฮาราและทะเลทรายลเิ บียทางตอนเหนือของทวปี ในเขต ประเทศไนเจอรแ ชาด ลิเบยี มาลี บรุ กแ ินาฟาโซ มอริเตเนียคิดเปน็ พนื้ ท่ีร฾อยละ 30 ของพ้ืนทใี่ นทวีปแอฟริกา และถอื เป็นเขต ทะเลทรายทมี่ ีขนาดใหญท฽ ีส่ ุดในโลก ทะเลทรายที่สําคัญอกี แหง฽ หนึ่ง คอื ทะเลทรายกาลาฮารี ทางตอนใต฾ของทวปี ในเขตประเทศบอตสวานาและนามิเบยี มีลักษณะอากาศร฾อนและแหง฾ แลง฾ เฉลยี่ สงู กวา฽ 35 องศาเซลเซียส อุณหภูมริ ะหวา฽ ง กลางวนั และกลางคนื แตกต฽างกันมาก มฝี นตกน฾อย เฉลี่ย ตา่ํ กว฽า 250 มลิ ลเิ มตรต฽อปี 2. ภูมอิ ากาศแบบทุ฽งหญา฾ ก่ึงทะเลทราย ได฾แก฽ บรเิ วณท่ีราบสงู ตอนในของทวปี ชายฝใ่งตะวันตกและตอนใตข฾ องเสน฾ ศนู ยสแ ตู ร ในฤดรู อ฾ นมอี ากาศรอ฾ นจดั และมีฝนตกแตไ฽ ม฽มากนักประมาณ 600 มิลลิเมตรต฽อปี ฤดหู นาวมีอากาศหนาวจัด บางคร้งั อาจถงึ จุดเยือกแขง็

3. ภูมอิ ากาศแบบปาุ ดิบชื้น ได฾แก฽ บรเิ วณลุม฽ แมน฽ ้ําคองโก ท่ีราบสงู ในแอฟริกาตะวนั ออก ฝใง่ ตะวนั ออกของเกาะ มาดากัสการแ และชายฝ่งใ รอบอา฽ วกินี มีอากาศร฾อนอุณหภมู ิเฉลี่ย 27 องศาเซลเซียส และฝนตกชกุ ตลอดท้ังปีมากถึง 2,000 มิลลิเมตรต฽อปี 4. ภมู ิอากาศแบบท฽งุ หญา฾ สะวนั นา ได฾แก฽ บรเิ วณเหนอื และใตแ฾ นวเสน฾ ศูนยแสูตรในเขตประเทศเอธิโอเปยี ซดู าน เคนยา คองโก สาธารณรฐั คองโก แทนซาเนยี และดา฾ นปลายลมของเกาะมาดากัสการแ มอี ุณหภมู ริ ฾อนเกือบตลอดทง้ั ปี ในฤดู ร฾อนมอี ากาศรอ฾ นและมีฝนตกปริมาณ 1,500 – 2,000 มิลลิเมตรตอ฽ ปี ฤดูหนาวมีอากาศหนาวและแห฾งแลง฾ 5. ภมู ิอากาศแบบเมดิเตอรเแ รเนยี น ไดแ฾ ก฽ บรเิ วณชายฝ่ใงของประเทศตนู เิ ซยี แอลจีเรยี โมร็อกโก และตอนใตข฾ อง ประเทศแอฟริกาใต฾ มอี ุณหภูมิไม฽แตกตา฽ งกนั มากนกั ในฤดรู ฾อนมีอากาศร฾อนและแห฾งแล฾ง ในฤดูหนาวมีอากาศอบอนุ฽ และมฝี น ตก 6. ภมู ิอากาศแบบมรสุม ได฾แก฽ ประเทศไลบีเรยี และโกตดิวัวรแ เนอ่ื งจากไดร฾ บั อทิ ธิพลจากลมประจาํ ตะวนั ตกและ กระแสนํา้ อ฽ุนกนิ ี ส฽งผลใหม฾ ีฝนตกชกุ ประมาณ 2,500มิลลเิ มตรตอ฽ ปีและมีอากาศร฾อนชื้น อุณหภูมเิ ฉล่ีย 20 องศาเซลเซียส 7. ภมู อิ ากาศแบบอบอ฽นุ ชืน้ ไดแ฾ ก฽ บรเิ วณตะวันออกเฉยี งใตข฾ องทวีป ในเขตประเทศแทนซาเนยี แซมเบีย โมซมั บิก ซิมบบั เว มาลาวี สวาซแิ ลนดแ เลโซโท และแอฟรกิ าใต฾ไดร฾ ับอทิ ธิพลจากกระแสนํา้ อ฽ุนโมซัมบิก และลมคา฾ ตะวันออกเฉียงเหนือ ทาํ ใหฤ฾ ดหู นาวมีอากาศอบอ฽ุน ในฤดูร฾อนมีฝนตก 8. ภมู อิ ากาศแบบภเู ขา ไดแ฾ ก฽ ทรี่ าบสงู เอธิโอเปยี และทีร่ าบสงู เคนยา ทางตะวนั ออกของทวีป ลักษณะอากาศชนื้ อย฽ู กับความสูงของพนื้ ท่ี ยิง่ สูงข้ึนอากาศจะเย็นลง และมปี ริมาณฝนตกน฾อยลง 4. ลกั ษณะเศรษฐกิจ และสภาพแวดล฾อมทางสงั คมวฒั นธรรม ลกั ษณะเศรษฐกจิ การเกษตรกรรม 1. การเพาะปลูกแบบยงั ชพี เป็นการปลูกพืชเพ่ือบริโภคภายในครอบครวั 2. การทาํ ไร฽ขนาดใหญ฽ เปน็ การเพาะปลูกเพ่ือการคา฾ พืชท่ีปลูก เช฽น ยางพารา ปาลแมน้าํ มัน 3. การเกษตรแบบผสม คอื การเพาะปลูกแบบเล้ยี งสตั วแควบคู฽กันไป พืชทป่ี ลกู คือขา฾ วโพดขา฾ วสาลี สัตวแที่เล้ยี ง คอื โคเนื้อ โคนม แกะ 4. การเกษตรแบบเมดเิ ตอรเแ รเนียน คือปลูกองุ฽น มะกอก บรเิ วณชายฝใ่งทะเลเมดิเตอรเแ รเนียนและตอนใตข฾ องทวีป 5. การทําไร฽ปศสุ ตั วแ ส฽วนใหญ฽จะเปน็ การเลีย้ งแบบปลอ฽ ยคือ การปลอ฽ ยใหส฾ ัตวหแ ากนิ ในท฽ุงหญา฾ ตามธรรมชาติ 6. การเลีย้ งสัตวแแ บบเร฽ร฽อน เปน็ การเลี้ยงสัตวใแ นพน้ื ทีท่ ีเ่ ป็นทะเลทรายการปาุ ไม฾พน้ื ทท่ี ี่มีความสําคัญในการทําปุาไม฾ คอื แอฟริกาตะวันตก แอฟริกากลาง ปุาไม฾ สวนใหญ฽สูญเสียไปเนอื่ งจากการทาํ ไรเ฽ ลอื่ นลอยและการขาดการบํารงุ การล฽าสัตวแแ ละการประมงชนพน้ื เมืองจะดํารงชีพดว฾ ยการล฽าสัตวแ ส฽วนการประมงมคี วามสาํ คัญไม฽มาก การประมงน้าํ จืดจะ ทาํ ตามล฽ุมแมน฽ าํ้ สายใหญ฽ และทะเลสาบวิคตอเรยี สว฽ นประมงนํา้ เคม็ มักจะทําบรเิ วณที่มีกระแสน้าํ เย็นเบงเก-ลา ไหลผา฽ น การทําเหมืองแร฽ เป็นทวปี ทมี่ ีสนิ แรอ฽ ยู฽เปน็ จํานวนมาก ทส่ี าํ คัญคือ เพชร ทองคาํ นํ้ามนั ก฿าซธรรมชาติ การอุตสาหกรรม

การทาํ อตุ สาหกรรมส฽วนใหญ฽ในทวีปแอฟริกา เปน็ อุตสาหกรรมทีเ่ กี่ยวข฾องกับการ แปรรูปผลติ ผลการเกษตร การ อุตสาหกรรมสว฽ นใหญ฽ยงั ไม฽ค฽อยเจริญมากนักเนื่องจากยังขาดเงนิ ทนุ และผ฾เู ช่ียวชาญด฾านการพัฒนาอตุ สาหกรรม ประชากร มีประชากรมากเปน็ อันดับ 2 รองจากทวีปเอเชยี ประชากรหนาแน฽นบริเวณลุม฽ แมน฽ ํ้า และบรเิ วณชายฝง่ใ ทะเล ประกอบด฾วยเช้อื ชาตินิกรอยดแแ ละคอเคซอยดแ1 ทวีปออสเตรเลยี และโอเซียเนีย 1. ขนาดทตี่ ั้งและอาณาเขตติดตอ฽ ทวปี ออสเตรเลยี และโอเซียเนีย เปน็ ท่ตี ง้ั ของประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซแี ลนดแ ทวปี ออสเตรเลียได฾รับสมญา นามวา฽ ทวีปเกาะ ส฽วนหมเู฽ กาะแปซิฟกิ ซ่ึงเป็นที่ตั้งของประเทศอ่ืนๆ ตอ฽ เน่ืองไปถึงทวปี แอนตารกแ ตกิ เรยี กวา฽ โอเชยี เนีย หมายถึง เกาะ และหมู฽เกาะในภาคกลางและภาคใต฾ของมหาสมุทรแปซิฟิก รวมทงั้ หมเู฽ กาะไมโครนเี ซีย เมลานีเซยี โปลนี เี ซยี ออสเตรเลีย นิวซีแลนดแ และหมูเ฽ กาะมลายูทวปี ออสเตรเลียเปน็ ทวีปทมี่ ีขนาดเลก็ ท่ีสดุ ในโลก มพี ื้นท่ี 7.6 ล฾าน ตร. กม.มปี ระชากร 17.5 ล฾านคน ที่ตง้ั ของทวปี ออสเตรเลียอย฽ใู นซกี โลกใต฾ท้งั หมด ตัง้ แตล฽ ะติจูดท่ี 10 องศา 41 ลิปดาใต฾ ถงึ 43 องศา 39 ลิปดาใต฾ และลองจจิ ดู 113 องศา 9 ลิปดาตะวนั ออก ถงึ 153 องศา 39 ลิปดาตะวันออก อาณาเขตตดิ ต฽อ ทศิ เหนอื ติดตอ฽ กับทะเลเมดิเตอรแเรเนยี นในมหาสมุทรแปซิฟกิ จุดเหนอื สุดของ ทวีปอยทู฽ แ่ี หลมยอรกแ มีช฽องแคบทอรแเรสกั้นจากเกาะนิวกนิ ี ทศิ ตะวันออก ตดิ กับทะเลคอรัลและทะเลแทสมนั ในมหาสมุทรแปซิฟกิ จดุ ด฾าน ตะวนั ออกสดุ อยูท฽ ่แี หลมไบรอน ทิศใต฾ ตดิ กับมหาสมุทรอินเดีย จุดใตส฾ ุดอย฽ทู ่แี หลมวิลสันมชี อ฽ งแคบบาสสแก้ันจาก เกาะแทสมาเนยี ทศิ ตะวันตก ติดกับมหาสมุทรอนิ เดียจดุ ตะวันตกสดุ อย฽ูทแี่ หลมสตีฟ ภูมภิ าคและประเทศต฽างๆ ของทวปี ออสเตรเลีย 1. ออสเตรเลีย ไดแ฾ ก฽ ออสเตรเลยี และนิวซีแลนดแ 2. หม฽ูเกาะในมหาสมทุ รแปซิฟกิ ไดแ฾ ก฽ ปาปวนั นิวกนิ ี หม฽ูเกาะเซโลมอน ฟูจิ วานอู าตคู ิริบาส ซามวั ตะวันตก ตองกา ตวู าลู นาอูรู ไมโครนีเซีย 2. ลกั ษณะภูมปิ ระเทศของทวปี ออสเตรเลยี และโอเซียเนียมีเขตที่สงู ทางดา฾ นตะวนั ออก มฝี นตกชุกทีส่ ุดของทวีป มี เทอื กเขาเกรตดไิ วดงิ อย฽ู ทางด฾านตะวันออก มีลกั ษณะเป็นสนั ปในนํา้ ที่แบ฽งฝนที่ตกลงใหไ฾ หลส฽ูลําธาร เขตท่ีราบต่าํ ตอนกลาง พ้นื ท่รี าบเรยี บ มลี าํ น้ําหลายสายไหลมาอยู฽บรเิ วณน้ี และเขตทรี่ าบสงู ทางด฾าน

ตะวันตกตอนกลางของเขตนีเ้ ปน็ ทะเลบริเวณทางใต฾และทางตะวนั ออกเฉยี งเหนือใช฾เป็นเขต ปศุสัตวแและเพาะปลกู 3. ลกั ษณะภูมิอากาศของทวีปออสเตรเลียและโอเซยี เนยี ปใจจัยสาํ คัญที่ทาํ ให฾ทวปี ออสเตรเลยี มีภมู อิ ากาศต฽างๆ กัน คือ ตั้งอยู฽ ในโซนรอ฾ นใตแ฾ ละอบอ฽ุนใต฾ มีลมประจาํ พัดผ฽าน ลักษณะภูมิประเทศและมีกระแสนํ้าอ฽นุ และกระแสนา้ํ เยน็ ไหลผ฽าน ลกั ษณะภูมิอากาศของทวีปออสเตรเลียและโอเซียเนยี แบง฽ เขตภูมอิ ากาศเปน็ 6 ประเภทคือ 1. ภูมอิ ากาศทุ฽งหญา฾ เขตร฾อน 2. ภมู อิ ากาศท฽ุงหญ฾าก่ึงทะเลทราย 3. ภูมิอากาศทะเลทราย 4. ภมู ิอากาศเมดิเตอรเแ รเนียน 5. ภมู อิ ากาศอบอนุ฽ ชนื้ 6. ภมู อิ ากาศภาคพื้นสมุทรชายฝง่ใ ตะวนั ตก 4. สภาพทางสงั คม เช้ือชาติ เศรษฐกิจ ศาสนาและวฒั นธรรม ประชากร เชอื้ ชาติเผ฽าพันธแขุ องออสเตรเลีย ชาวพื้นเมืองด้ังเดมิ เป็นพวกผวิ ดาํ เรียกวา฽ อะบอรจิ นิ สเแ ป็นพวกท่อี พยพ มาจากหมูเ฽ กาะในมหาสมุทรแปซิฟกิ สว฽ นใหญ฽อยท฽ู างภาคเหนอื และภาคตะวนั ตกปจใ จบุ ันมี ชาวผิวขาว ซึ่งสว฽ นใหญ฽เป็นชาว อังกฤษอาศยั อยจู฽ ํานวนมากรฐั บาลไดจ฾ ดั ที่อย฽ูในเขตนอรทแ เทริ นแ เทรทิ อร่ี รัฐควีนสแลนดแ และรฐั ออสเตรเลยี ตะวันตก พวก ผิวเหลอื งเป็นพวกที่อพยพมาภายหลงั สงครามโลกคร้ังท่ี 2 ไดแ฾ ก฽ ชาวจีน ญี่ปุน พวกผิวขาว ส฽วนใหญเ฽ ป็นพวกที่อพยพมาจาก ประเทศองั กฤษ มกี ารประกอบอาชพี ทางดา฾ นการเกษตรคือปลกู พืชและเลีย้ งสัตวแ การประมง และอตุ สาหกรรม การกระจายประชากรรฐั บาลออสเตรเลยี มีนโยบายสงวนพ้ืนทไี่ วส฾ ําหรบั ชาวผวิ ขาว คือ นโยบายออสเตรเลยี ขาวกีดกันผิวโดยจาํ กดั จาํ นวนคนสีผิวอน่ื ท่ีไม฽ใชผ฽ ิวขาวเข฾าไปตัง้ ถ่นิ ฐานในออสเตรเลยี บรเิ วณท่ีประชากรอาศยั อย฽หู นาแน฽น ได฾แก฽ ภาคตะวนั ออกเฉียงใต฾ บริเวณท่ีมีประชากรเบาบาง ไดแ฾ ก฽ ตอนกลางของทวปี ภาคเหนือ และภาคตะวนั ตก ศาสนา ชาวออสเตรเลยี นบั ถือศาสนาครสิ ตแหลายนิกาย ไดแ฾ ก฽ แองกลกิ นั โรมนั คาทอลิกโปรแตสแตนสแ ภาษาทใ่ี ช฾ มากคือภาษาองั กฤษ การปกครอง การแบ฽งแยกทางการเมือง ออสเตรเลียมรี ะบบการปกครองแบบสหพนั ธรฐั ประกอบด฾วยรฐั ตา฽ งๆ รวม 6 รฐั และดนิ แดนอิสระท่ีไมข฽ ึ้นกับรฐั ใดๆ อกี 2 แห฽ง คอื 1. รฐั นิวเซาทแเวล เมอื งหลวง ซิดนยี แ 2. รัฐวิกตอเรยี เมืองหลวง เมลเบิรแน 3. รฐั ควีนสแลนดแ เมอื งหลวง บริสเบรน 4. รฐั ออสเตรเลียใต฾ เมืองหลวง แอเดเลด 5. รัฐออสเตรเลยี ตะวนั ตก เมอื งหลวงเพิรธแ

6. รฐั แทนสเมเนีย เมืองหลวง โอบารแต ดินแดนอสิ ระ 2 บริเวณ ไดแ฾ กน฽ อรแทเทริ นแ แทริทอรี เมืองหลวง ดารวแ ิน ออสเตรเลีย แคปิตอลเทริทอรี เมอื งหลวง แคนเบอรรแ า ออสเตรเลยี เป็นประเทศ เอกราชในเครอื จักรภพองั กฤษ มีพระนางเจ฾าอลิซาเบธท่ี 2 เปน็ พระราชนิ ีและเปน็ ประมุขของประเทศ มีขา฾ หลวงใหญเ฽ ปน็ ผ฾ูสาํ เร็จราชการแทนพระองคจแ ัดการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยในรปู แบบ สหพันธรัฐการปกครองของออสเตรเลยี เป็นแบบรฐั บาลรวม คือ มรี ฐั บาล 2 ระดบั ได฾แก฽ รฐั บาลกลางรฐั บาลของรฐั

ใบงาน ภูมศิ าสตร์ กายภาพ เรอ่ื ง ภมู ศิ าสตร์กายภาพประเทศไทย คาชแ้ี จง ใหน฾ กั ศึกษาวเิ คราะหแลกั ษณะทางกายภาพด฾านต฽างๆ ที่มีอิทธพิ ลตอ฽ สภาพภมู ิศาสตรแแ ละสงั คม ของประเทศไทยลงในชอ฽ งว฽างที่กําหนด ท่ตี งั้ รูปร่าง ขนาด แนว พรมแดน

แนวเฉลย ภมู ิศาสตรก์ ายภาพ เร่ือง ภมู ศิ าสตร์กายภาพประเทศไทย คาช้แี จง ให฾นักศึกษาวเิ คราะหลแ กั ษณะทางกายภาพดา฾ นตา฽ งๆ ท่ีมีอิทธิพลตอ฽ สภาพภูมิศาสตรแแ ละสังคม ของประเทศไทยลงในช฽องว฽างที่กําหนด ท่ตี งั้ รูปร่าง ที่ตั้ง ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ส่ ง ผ ล ดี ต่ อ ก า ร รูปร่างของประเทศไทยทีม่ ีสว่ นยาวและ พฒั นาประเทศในหลายด้าน โดยเฉพาะด้าน แคบทางตอนใต้ ส่งผลให้การปกครองประเทศ เศรษฐกิ จ จากที่ตั้งที่เป็ นทางผ่านในการค้า ทาไดค้ ่อนข้างยาก เนือ่ งจากมีพืน้ ที่ทีอ่ ยู่ห่างไกล ระหว่างประเทศทางเรือมาตัง้ แต่สมัยโบราณ จากศูนย์กลางของประเทศค่อนข้างมาก รวมถึง และเปรี ยบเสมื อนศูนย์ กลางทางการคมนาคม เป็ นอุปสรรคในการกระจายความเจริ ญระบบ ขนส่งทางอากาศของภูมิภาคในปัจจุบนั และ สาธารณูปโภคใหท้ ว่ั ถึงอีกดว้ ย จากการที่มีที่ตงั้ อยู่ในเขตละติจูดต่า - ละติจูด เ ข ต อ บ อุ่ น ท า ใ ห้ มี ท รั พ ย า ก ร ธ ร ร ม ช า ติ แนว หลากหลาย ปลูกพืชพรรณธรรมชาติได้หลาย พรมแดน ชนิด แนวพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับ ขนาด ประเทศเพือ่ นบา้ น มกั ใช้แนวพรมแดนธรรมชาติ เป็ นเขตแดน ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดย ประเทศไทยจดั ว่าเป็นประเทศทีม่ ีขนาด ข้อเสียที่เห็นได้ชัดในปัจจุบัน คือ ทาให้มีการ ปานกลาง ส่งผลดีให้มีพื้นที่ในการใช้ประโยชน์ ลกั ลอบเขา้ ประเทศ ลกั ลอบขนยาเสพติด สินคา้ ดา้ นต่างๆ เช่น เกษตรกรรม อตุ สาหกรรม อีกทง้ั หนีภาษี เข้าประเทศ โดยใช้เส้นทางตามภูมิ มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ทง้ั ในด้าน ประเทศเทือกเขาเป็นช่องทาง รวมถึงการสูร้ บกนั ปริมาณและความหลากหลาย ในประเทศเพือ่ นบ้านและส่งผลกระทบมาสู่ชาว ไทยที่อาศัยบริ เวณชายแดนบ่อยคร้ัง ท้ังนี้ เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ยังเป็ น

เรอื่ ง ภมู ปิ ระเทศภาคเหนือ คาช้ีแจง ให฾นักศึกษาตอบคําถามในประเดน็ ต฽อไปนี้ 1. ภาคเหนอื มที ั้งหมดกจี่ ังหวัด อะไรบา฾ ง 2. ภูเขาและแมน฽ า้ํ ทีส่ าํ คัญในภาคเหนอื ได฾แก฽อะไรบา฾ ง 3. ลักษณะภูมปิ ระเทศในภาคเหนือมีอิทธพิ ลต฽อการดํารงชวี ติ ของประชากรอย฽างไร 4. ใหน฾ ักเรียนยกตัวอยา฽ งการประยกุ ตแใช฾องคแความร฾ู เรื่อง ลักษณะภูมปิ ระเทศภาคเหนือ ในการดาํ เนินชวี ติ

เร่อื ง ภมู ปิ ระเทศภาคเหนอื คาชแ้ี จง ให฾นักศกึ ษาตอบคาํ ถามในประเด็นต฽อไปน้ี 1. ภาคเหนอื มีท้ังหมดก่ีจังหวัด อะไรบา฾ ง ภาคเหนอื ประกอบด้วย 9 จงั หวัด ได้แก่ จงั หวัดแม่ฮ่องสอน เชยี งใหม่ เชยี งราย ลาพนู ลาปาง พะเยา แพร่ นา่ น และอุตรดิตถ์ 2. ภเู ขาและแม฽นาํ้ ทส่ี าํ คัญในภาคเหนือไดแ฾ ก฽อะไรบ฾าง ภาคเหนอื มีภเู ขาทสี่ าคญั มากมาย เชน่ ทวิ เขาแดนลาว ถนนธงชยั ผปี นั น้า หลวงพระบาง ซ่ึงเป็น ตน้ กาเนดิ ของแม่น้าทส่ี าคญั เช่น แม่นา้ ปิง วงั ยม น่าน 3. ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศในภาคเหนือมีอิทธิพลต฽อการดํารงชีวิตของประชากรอย฽างไร ภาคเหนือทีม่ ลี ักษณะภมู ิประเทศส่วนใหญ่เปน็ ทิวเขาและที่ราบระหว่างทิวเขา ที่มแี มน่ ้าตา่ งๆ ไหลผา่ น ประชากรจึงตั้ง ถ่นิ ฐานกันมากในบริเวณทีร่ าบระหว่างทวิ เขา เน่ืองจากสามารถเพาะปลุกได้กวา้ งขวาง การคมนาคมขนส่งตามลาน้า สะดวกสบาย ส่วนบรเิ วณทิวเขาทีม่ ีอากาศหนาว จะมปี ระชากรอาศัยอยู่น้อย โดยมากจะเปน็ ชนกลุ่มน้อยต่างๆ เพาะปลูก พชื ผกั ผลไม้ ไม้ดอกไมป้ ระดับเมอื งหนาวเป็นอาชพี สาคญั 4. ใหน฾ ักเรียนยกตัวอยา฽ งการประยกุ ตแใช฾องคแความรู฾ เรอื่ ง ลักษณะภมู ิประเทศภาคเหนือ ในการดําเนนิ ชวี ติ ช่วยให้ทราบถึงสาเหตขุ องปรากฏการณธ์ รรมชาติตา่ งๆ ทเ่ี กิดข้นึ ในภาคเหนอื เชน่ แผ่นดนิ ไหว นา้ ป่าไหลหลาก ดนิ ถล่ม และทราบว่าภาคเหนือมภี ูมิประเทศท่สี วยงามจากทวิ เขา ป่าไมท้ ่ีอดุ มสมบรู ณ์ เปน็ แหล่งทอ่ งเทยี่ วทนี่ า่ สนใจ

เรอ่ื ง ภูมปิ ระเทศภาคกลาง คาชี้แจง ใหน฾ ักศึกษาตอบคําถามในประเด็นต฽อไปน้ี 1. ภาคกลางมีท้ังหมดกี่จังหวัด อะไรบา฾ ง 2. ภเู ขาและแมน฽ าํ้ ที่สาํ คัญในภาคกลางไดแ฾ ก฽อะไรบ฾าง 3. ลักษณะภูมิประเทศในภาคกลางมอี ิทธพิ ลต฽อการดาํ รงชวี ิตของประชากรอยา฽ งไร 4. ใหต฾ ัวอยา฽ งการประยุกตใแ ช฾องคแความร฾ู เรอื่ ง ลักษณะภูมปิ ระเทศภาคกลาง ในการดาํ เนินชวี ติ

เร่อื ง ภมู ิประเทศภาคกลาง คาช้แี จง ให฾นักศึกษาตอบคําถามในประเดน็ ต฽อไปนี้ 1. ภาคกลางมที ้ังหมดกจ่ี ังหวดั อะไรบ฾าง ภาคกลางประกอบด้วย 22 จังหวัด ได้แก่ จังหวดั พิษณโุ ลก สุโขทยั กาแพงเพชร พิจติ ร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อทุ ยั ธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบรุ ี สระบรุ ี อ่างทอง นครปฐม พระนครศรอี ยธุ ยา สุพรรณบรุ ี นนทบุรี ปทมุ ธานี นครนายก กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมทุ รสาคร และสมุทรสงคราม 2. ภเู ขาและแมน฽ ํ้าทส่ี าํ คัญในภาคกลางได฾แก฽อะไรบ฾าง ภาคเกลางมีลักษณะพื้นที่ส่วนใหญเ่ ป็นที่ราบจงึ มีภเู ขาไมม่ าก ภเู ขาที่สาคญั ได้แก่ ทิวเขาเพชรบรู ณ์ ตา่ งจากแม่นา้ ซ่ึง ภาคกลางมีแม่น้าทสี่ าคัญหลายสาย ไดแ้ ก่ แม่น้าเจา้ พระยา ทา่ จนี แม่กลอง ป่าสัก 3. ลกั ษณะภมู ิประเทศในภาคกลางมีอิทธพิ ลตอ฽ การดาํ รงชีวิตของประชากรอยา฽ งไร ภ าคกลางเป็นท่ี ราบลุ่มแม่น้าขน าดกว้างใหญ่ จึ งเป็นบริเว ณท่ีมี ประช ากรอาศัย อยู่มากตั้งแต่อดี ต โดยเฉพาะบริเวณสองฝ่ังของแม่น้าต่างๆ ภ าคกลางจึงเป็นแหล่งเศรษฐ กิจของประเทศมีเกษตรกรรม สาคัญ ปลูกพชื เศรษฐกิจ เช่น ขา้ วเจ้า ขา้ วโพด อ้อย ผลไมต้ า่ งๆ นอกจากนย้ี งั มีการประมงท้ังจับตามแหล่งน้าธรรมชาติ และ เลีย้ งในบ่อ กระชัง และเป็นเขตโรงงานอุตสาหกรรม ท่ีต้ังของท่าเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ปัจจุบันภาคกลางตอนล่าง จึงเป็นบริเวณทมี่ ปี ระชากรหนาแน่น และเป็นท่ีต้งั ของเมืองหลวง 4. ให฾นักเรียนยกตัวอยา฽ งการประยุกตแใช฾องคแความร฾ู เรอื่ ง ลักษณะภมู ปิ ระเทศภาคกลางในการดาํ เนินชวี ติ เข้าใจสภาพสงั คม เศรษฐกิจของภาคกลางท่ีมีทัง้ อุตสาหกรรมท่เี จรญิ ก้าวหนา้ และเขตเกษตรกรรมสาคญั และทราบ สาเหตขุ องภัยธรรมชาตติ า่ งๆ ท่เี กิดขึน้ ในภาคกลาง เช่น อทุ กภัย ดนิ ถลม่ น้าป่าไหลหลาก เพอื่ การป้องกนั อนั ตรายและ บรรเทาความเสียหายทจี่ ะเกิดขึ้นได้

เร่ือง ภูมิประเทศภาคตะวันตก คาชแี้ จง ใหน฾ กั ศึกษาตอบคาํ ถามในประเดน็ ต฽อไปน้ี 1. ภาคตะวนั ตกมีทง้ั หมดกจ่ี งั หวัด อะไรบ฾าง 2. ภูเขาและแมน฽ ํา้ ที่สาํ คัญในภาคตะวันตกได฾แกอ฽ ะไรบ฾าง 3. ลกั ษณะภูมปิ ระเทศในภาคตะวนั ตกมีอิทธิพลต฽อการดาํ รงชีวิตของประชากรอย฽างไร 4. ให฾นักเรียนยกตัวอย฽างการประยุกตแใช฾องคแความร฾ู เรื่อง ลักษณะภูมิประเทศภาคตะวันตก ในการดําเนิน ชวี ติ

เรื่อง ภมู ปิ ระเทศภาคตะวนั ตก คาช้ีแจง ใหน฾ กั ศกึ ษาตอบคําถามในประเดน็ ต฽อไปนี้ 1. ภาคตะวันตกมที ้ังหมดก่จี งั หวัด อะไรบ฾าง ภาคตะวนั ตกประกอบด้วย 5 จังหวดั ได้แก่ จงั หวดั ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ 2. ภเู ขาและแมน฽ ้าํ ท่ีสาํ คัญในภาคตะวันตกได฾แกอ฽ ะไรบ฾าง ภเู ขาที่สาคัญในภาคตะวันตก ไดแ้ ก่ ทวิ เขาถนนธงชยั กลาง ตะนาวศรี ภเู ก็ต ซง่ึ ทาให้เกิดแม่น้าบริเวณหบุ เขาเหล่านี้ เช่น แมน่ ้าแควน้อย (ไทรโยค) แควใหญ่ (ศรีสวสั ด)์ิ 3. ลักษณะภูมปิ ระเทศในภาคตะวนั ตกมอี ิทธิพลตอ฽ การดาํ รงชีวติ ของประชากรอย฽างไร ภาคตะวันตกมีลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่คล้ายคลึงกับภาคเหนือ แต่บริเวณทิวเ ขาต่างๆ อากาศ ไม่หนาวเย็นเท่าและเป็นเขตอับฝน เพาะปลูกพืชได้น้อย มีประชากรอาศัยอยู่ค่อนข้างเบาบาง ทางตอนล่างของภาคมีภูมิ ประเทศแบบชายฝั่งติดต่อกับอ่าวไทย มีหาดเลนและหาดทราย รวมถึงเกาะใกล้ชายฝั่ง ซ่ึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวท่ีได้รับความ นยิ ม 4. ให฾นักเรียนยกตัวอย฽างการประยุกตแใช฾องคแความร฾ู เร่ือง ลักษณะภูมิประเทศภาคตะวันตก ในการดําเนิน ชวี ิต เข้าใจปจั จัยทางภูมิประเทศที่มีตอ่ ลกั ษณะภมู อิ ากาศของเขตอับฝน ลกั ษณะทรพั ยากรธรรมชาติของบรเิ วณภเู ขาว่ามีแร่ ธาตหุ ลากหลาย รวมถึงเขา้ ใจสาเหตุของปรากฏการณธ์ รรมชาตติ ่างๆ เช่น แผน่ ดินไหว ท่ีมผี ลกระทบตอ่ การดาเนนิ ชีวิตของ มนุษยใ์ นด้านต่างๆ

เร่ือง ภูมปิ ระเทศภาคตะวันออก คาชีแ้ จง ให฾นักศึกษาตอบคําถามในประเด็นต฽อไปน้ี 1. ภาคตะวันออกมที ั้งหมดกีจ่ งั หวดั อะไรบ฾าง 2. ภูเขาและแมน฽ ํ้าท่สี ําคัญในภาคตะวันออกไดแ฾ ก฽อะไรบา฾ ง 3. ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศในภาคตะวนั ออกมอี ิทธพิ ลตอ฽ การดํารงชวี ิตของประชาชนอย฽างไร 4. ให฾นักเรียนยกตัวอย฽างการประยุกตแใช฾องคแความรู฾ เรื่อง ลักษณะภูมิประเทศภาคตะวันออก ในการดําเนิน ชวี ิต

เร่ือง ภมู ิประเทศภาคตะวนั ออก คาช้แี จง ให฾นักศกึ ษาตอบคําถามในประเด็นต฽อไปนี้ 1. ภาคตะวันออกมที งั้ หมดกีจ่ ังหวัด อะไรบา฾ ง ภาคตะวันออกประกอบดว้ ย 7 จงั หวัด ไดแ้ ก่ จงั หวัดปราจีนบรุ ี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบรุ ี ระยอง จนั ทบรุ ี และตราด 2. ภเู ขาและแมน฽ ้าํ ทส่ี ําคัญในภาคตะวนั ออกได฾แก฽อะไรบ฾าง ภูเขาที่สาคัญในภาคตะวันออก ได้แก่ ทวิ เขาพนมดงเรก็ บรรทดั สนั กาแพง จนั ทบรุ ี ซง่ึ เปน็ ตน้ กาเนิด ของแม่น้าสายส้นั ๆ เชน่ แม่น้าบางปะกง ระยอง ประแส เวฬุ และตราด 3. ลักษณะภมู ิประเทศในภาคตะวันออกมอี ิทธิพลตอ฽ การดาํ รงชีวติ ของประชากรอยา฽ งไร ภูมิประเทศเด่นของภาคตะวันออก คือ ท่ีราบชายฝั่งและเกาะ ท่ีเป็นสถานท่ีท่องเที่ยวท่ีได้รับความนิยมจากท้ังชาวไทย และชาวตา่ งชาติ นอกจากน้ีภาคตะวันออกยังเป็นแหล่งของอัญมณีจาพวกพลอย บริเวณภูเขาไฟเก่าในจังหวัดจันทบุรี ตราด ซงึ่ ลกั ษณะท้ังสองประการเป็นท่ีมาของรายไดห้ ลกั ของประชากรส่วนใหญ่ของภาค 4. ให฾นักเรียนยกตัวอย฽างการประยุกตแใช฾องคแความร฾ู เรื่อง ลักษณะภูมิประเทศภาคตะวันออก ในการดําเนิน ชวี ิต เข้าใจความสาคัญและประโยชน์ของท่ีต้ัง โดยภาคตะวันออกเจริญก้าวหน้าจากการมีท่ีตั้งเหมาะสมในการเป็นเมืองท่า และแหลง่ ท่องเทีย่ วสาคัญท่ีอยู่ใกลเ้ มืองหลวง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook