20. 3, 6, 7, 5, 4, 8, 5 คาเฉลยี่ เลขคณิตเทา กบั ขอใด 1. 4.28 2. 5.43 3. 5.61 4. 6.72 21. สว นเบีย่ งเบนมาตรฐานของ 2, 4, 6,8, 10, 12 เทากบั ขอใด 1. 2.76 2. 3.42 3. 3.57 4. 4.13 22. โยนลกู เตาเ 2 ลกู พรอม ความนา จะเป็นท่ีจะไดแ ตมเหมอื นกันเป็นเทา ใด 1. 1 2. 1 6 12 3. 2 4. 3 13 14 23. หยิบไพ 1 ใบจากสํารับ ความนา จะเป็นทจี่ ะไดไ พ K หรอื A เปน็ เทาไร 1. 1 2. 2 4 13 3. 4 4. 8 13 12 24. มลี ูกแกว สีเขียว 3 ลกู สีแดง 5 ลูก และสขี าว 8 ลกู สมุ หยิบ 1 คร้งั ความนา จะเป็นทจ่ี ะหยบิ ไดลกู แกว สีแดงเป็นเทาไร 1. 3 2. 5 58 3. 3 4. 5 16 16 25. ทอดลกู เตเา 2 ลกู พรอมกัน ความนาจะเปน็ ทจี่ ะไดแ ตมของลูกเตเาเปน็ จาํ นวนเฉพาะทั้งสองลกู เทากบั ขอ ใด 1. 1 2. 2 23 3. 1 4. 1 34
26. สาํ นักงานกลุมโรงเรียนพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามัญศึกษา กลมุ ท่ี 11 ดแู ลโรงเรียนในสงั กดั ท้งั หมดก่ี จังหวดั และมที ้ังหมดก่โี รงเรียน 1. 4 จังหวดั 42 โรงเรยี น 2. 4 จงั หวดั 43 โรงเรียน 3. 4 จงั หวดั 44 โรงเรยี น 4. 5 จังหวัด 43 โรงเรยี น 27. สีกาหนิงขจ่ี ักรยาน 20 กิโลเมตร ใชเ วลา 25 นาที อยากทราบวาในเวลา 2 ชัว่ โมง สกี าหนงิ จะข่ี จกั รยานไดก่ีกโิ ลเมตร 1. 80 กโิ ลเมตร 2. 86 กโิ ลเมตร 3. 90 กโิ ลเมตร 4. 96 กิโลเมตร 28. ตั้งแตเลข 1 ถงึ 1000 มีเลข 0 อยทู ้งั หมดก่ีตัว 1. 101 ตวั 2. 151 ตวั 3. 181 ตวั 4. 271 ตวั 29. เลข 2 จาํ นวนเรียงกัน คณู กันได 4,422 เลข 2 จํานวนน้ีบวกกนั จะไดเ ทาไร 1. 123 2. 133 3. 143 4. 153 30.ในงานเลยี้ งศษิ ยเแ กาโรงเรียนปรยิ ัติโกศลวทิ ยา มีขอตกลง วาทกุ คนที่มาในงานจะตองจับมือกนั และกันทุกๆ คน อยากทราบวา จะมกี ารจบั มอื กันทั้งหมดกคี่ ร้ัง ถามีคน ทีม่ าในงาน 40 คน 1. 400 ครง้ั 2. 600 ครงั้ 3. 680 ครัง้ 4. 780 ครง้ั
แผนการจัดกจิ กรรม
มการเรยี นรู้คร้งั ท่ี 5
ตารางวเิ คราะหเ์ นอ้ื หาสาระรายวชิ า หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 สาระการพัฒนาสงั คม รายวชิ าสังคมศกึ ษา รหสั สค 31001 จานวน 3 หนว่ ยกติ กศน.อาเภอบ้านโปง่ สานักงาน กศน.จังหวดั ราชบุรี ระดับความยากง่าย วธิ กี ารจดั การเรียนรู้ หัวเรอื่ ง ตัวช้ีวดั เนอื้ หา ง่าย ปาน ยาก กรต. พบ สอน ภมู ศิ าสตรแ กลาง กลมุ่ เสรมิ กายภาพ 1. มีความรูค วามเขาใจ 1. สภาพภมู ิศาสตรแ เก่ียวกบั สภาพทางภมู ศิ าสตรแ กายภาพของประเทศ กายภาพของประเทศไทยกบั ไทยกับทวปี เอเชีย ทวปี ตา งๆ ทวปี ยุโรป ทวีป ออสเตรเลยี ทวีป 2. เปรยี บเทยี บสภาพ แอฟริกา ทวีปอเมรกิ า ภูมศิ าสตรกแ ายภาพของ 2. การเปรยี บเทียบ ประเทศไทยกบั ทวปี ตา งๆ สภาพ 3. วิเคราะหแเหตุการณแโลก ภูมิศาสตรกแ ายภาพของ ปจใ จบุ ัน และคาดคะเน ประเทศ เหตุการณทแ ่ีอาจจะเกิดขึน้ กบั ไทยกบั ประเทศตา งใน ประเทศตา งๆในอนาคตได ในทวีปตางๆ 3. สาเหตแุ ละลักษณะ การเกิดปรากฎการณแ ธรรมชาติทสี่ าํ คัญๆ รวมทงั้ การปูองกัน อนั ตรายเม่ือเกิด - พายชุ นดิ ตา งๆ - นา้ํ ทวม - แผน ดนิ ไหว - ภูเขาไฟระเบดิ - ภาวะโลกรอน ปรากฏการณแเรือน กระจก - อน่ื ๆ 4. วธิ ีใชเคร่ืองมอื ทาง ภูมิศาสตรแ- แผนที่ - ลกู โลก - เวบ็ ไซดแ
หวั เร่อื ง ตวั ช้วี ดั เนือ้ หา ระดบั ความยากง่าย วิธีการจดั การเรยี นรู้ ง่าย ปาน ยาก - อื่นๆ กรต. พบ สอน 5. ปใญหาการทาํ ลาย กลาง กลมุ่ เสริม ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดลอ ม 6. การวิเคราะหแสาเหตุ การเกดิ ปญใ หา และ สภาพการทาํ ลาย ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอมท่ีเกิด จากการกระทําของ มนษุ ยแ ในสภาพ 7.ปจใ จบุ ัน และ แนวโนม ในอนาคต - ปาุ ไม - ภูเขา - แมนํ้า ลาํ คลอง หนอง บึง ทะเล - ดนิ - สัตวปแ ุา สตั วแนาํ้ - แรธาตุ - มลพิษทางอากาศ - ปรากฏการณเแ รือน กระจก - อ่ืนๆ - การปอู งกันการ พงั ทลายของดนิ - การพัฒนาดนิ ใหอุดม สมบูรณแ เชน การปลกู ปุา การปลูกหญาแฝก ฯลฯ 8. ความเขมแขง็ ของ ภาคประชาชนในการ แกปใญหาการทําลาย ทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดลอม (กรณี
หัวเร่ือง ตัวช้วี ดั เนอื้ หา ระดบั ความยากงา่ ย วธิ กี ารจดั การเรยี นรู้ งา่ ย ปาน ยาก กรต. พบ สอน ตัวอยาง) กลาง กลมุ่ เสริม ประวตั ิศาสตรแ 1.อธบิ ายเหตุการณสแ าํ คัญทาง 1.การแบงชวงเวลา ประวัตศิ าสตรแของประเทศ และยคุ สมยั ทาง ตางๆ ในโลกได ประวัติศาสตรแ 2. วิเคราะหแ และเปรียบเทยี บ 2. แหลง อารยธรรม เหตกุ ารณแสาํ คัญทาง โลก ประวัตศิ าสตรขแ องแตละ - จีน - อนิ เดยี ประเทศในโลก ทีม่ ีผลกระทบ - อียปิ ตแ - เมโสโปเตเมีย ตอความเปลี่ยนแปลงของ - กรีก - โรมนั ประเทศตา งๆ ในโลก 3. ประวตั ิชาตไิ ทย - ธนบรุ ี 3. วิเคราะหแเหตุการณโแ ลก -รัตนโกสนิ ทรแ ปจใ จุบนั และคาดคะเน เหตุการณแที่อาจจะเกดิ ขึ้นกบั ประเทศตา งๆในอนาคตได - ลกั ษณะการ เปลีย่ นแปลงการ ปกครอง - เหตุการณแปใจจุบัน ที่มีผลตอเนื่องมาจาก ประวัติศาสตรแไทย และประเทศตางๆ ใน โลกท่ีสงผลถึงอนาคต เศรษฐศาสตรแ 1. วเิ คราะหแปญใ หาและ 1. ระบบเศรษฐกจิ ของ แนวโนม ทางเศรษฐกิจของ ประเทศไทย ประเทศไทยได แผนพฒั นาเศรษฐกจิ 2. เสนอแนวทางการ และสังคมแหงชาติ แกปใญหาทางเศรษฐกิจ 2. ปญใ หาเศรษฐกจิ ของ ของประเทศไทยใน ไทยในปใจจบุ นั ปใจจุบันได 3. ความสําคญั และ 3. รแู ละเขา ใจ ตระหนักใน ความจาํ เป็นในการ ความสําคัญของการรวมกลมุ รว มมือทางเศรษฐกจิ เศรษฐกจิ ระหวางประเทศ กับประเทศตางๆ และประเทศตางๆ ในโลก 4. ระบบเศรษฐกจิ ใน 4. รูแ ละเขาใจ ในระบบ โลก
หวั เร่อื ง ตัวชี้วัด เนือ้ หา ระดบั ความยากง่าย วิธีการจดั การเรียนรู้ งา่ ย ปาน ยาก กรต. พบ สอน เศรษฐกจิ แบบตางๆ ในโลก 5. ความสมั พันธแแ ละ กลาง กลมุ่ เสรมิ 5. รแู ละเขาใจความสมั พันธแ ผลกระทบทาง และผลกระทบทางเศรษฐกจิ เศรษฐกจิ ระหวา ง ระหวา งประเทศของประเทศ ประเทศ กบั ภมู ภิ าค ไทยกบั กลุมเศรษฐกิจของ ตางๆ ทว่ั โลก ประเทศตา งๆ ในภูมภิ าค ใน 6. รปู แบบของระบบ โลก เศรษฐกิจ และวธิ กี าร 6. วิเคราะหแความสาํ คัญของ เลือกจัดกจิ กรรมทาง ระบบเศรษฐกจิ และการเลือก เศรษฐกจิ จดั กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ของ 7 กลไกราคากับระบบ ประเทศตางๆ ในโลก และ เศรษฐกจิ ในปใจจบุ ัน ผลกระทบ - การแทรกแซงกลไก 7. เขาใจใจในเรื่องกลไกราคา ราคาของรฐั บาลในการ กบั ระบบเศรษฐกจิ สงเสริม และแกไข 8. รูแ ละเขาใจในเร่ืองการเงิน ระบบเศรษฐกิจ การคลงั และการธนาคาร 8. ความหมาย 9. เขา ใจในระบบของการ ความสาํ คญั ของเงนิ ธนาคาร ประเภท สถาบนั 10. ตระหนักในความสําคัญ การเงิน และสถาบนั ของเงิน สถาบนั การเงิน ทางการเงนิ 11.วิเคราะหแผลกระทบจาก 9. การธนาคาร ปญใ หาทางเศรษฐกจิ ในเรื่อง - ระบบของธนาคาร การเงนิ การคลัง ของประเทศ - ประเภทของ ธนาคาร ไทย และสงั คมโลกได - บทบาทหนา ท่ีของ 12. รแู ละเขาใจเร่ือง ธนาคาร แผนพฒั นา เศรษฐกิจและ แหง ประเทศไทย สงั คมแหง ชาติ (ธนาคารกลาง) 10. การคลงั รายได ประชาชาติ - รายไดข องรฐั บาล และการจัดทํา งบประมาณแผนดนิ - ภาษีกบั การพัฒนา ประเทศ
หวั เร่อื ง ตวั ชีว้ ัด เนือ้ หา ระดับความยากง่าย วธิ กี ารจดั การเรียนรู้ ง่าย ปาน ยาก กรต. พบ สอน การเมืองการ 1. รแู ละเขา ใจ ระบอบ - ดลุ การคา ปกครอง การเมืองการปกครองตา งๆ ที่ - ดุลการชาํ ระเงนิ กลาง กลมุ่ เสรมิ ใชอ ยปู จใ จุบัน 11. ปใญหาเศรษฐกิจ 2. ตระหนักและเห็นคุณคา ในประเทศไทยประเทศ การปกครองระบอบ ตางๆในภมู ภิ าคตางๆ ประชาธปิ ไตย ของโลก 3. รแู ละเขา ใจ ผลทเ่ี กิดจาก 12.แผนพัฒนา การเปล่ียนแปลงทางการเมือง เศรษฐกจิ และ การปกครอง ของประเทศไทย สังคมแหงชาติ ฉบับ จากอดตี ปจใ จุบัน 4. รูและเขาใจผลทเี่ กิดจาก -ผลของการใช การเปลย่ี นแปลงการเมืองการ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ ปกครองของโลก และสังคมแหงชาติ 5. ตระหนักและเห็นคุณคา ของหลัก 1.การปกครองระบอบ ธรรมาภบิ าล และนําไปปฏิบัติ ประชาธิปไตย ในชวี ิตจริงได 2. การปกครองระบอบ เผด็จการ พฒั นาการ ของระบอบ ประชาธปิ ไตยของ ประเทศตางๆ ในโลก 3. เหตุการณสแ ําคัญ ทางการเมอื งการ ปกครอง ของประเทศ ไทย 4. เหตุการณแสาํ คัญ ทางการเมอื งการ ปกครอง ของโลกที่ สงผลกระทบตอ ประเทศไทย 5. หลกั ธรรมาภิบาล - นติ ิธรรม - คุณธรรม - ความโปรงใส - ความคมุ คา - รบั ผิดชอบ – ความ
หวั เรื่อง ตัวช้วี ัด เนอื้ หา ระดับความยากง่าย วธิ กี ารจัดการเรยี นรู้ รว มมือ งา่ ย ปาน ยาก กรต. พบ สอน แนวทางปฏบิ ัตติ าม กลาง กลมุ่ เสรมิ หลักธรรมาภบิ าล
แผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอ สาระพฒั นาสงั คม รายวิชาสังคมศกึ ษา ครั้งท่ี วนั /เดอื น/ปี หัวเรื่อง/ตัวชี้วัด เน้ือหาสาระการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์กายภาพ 1. สภาพภูมิศาสตรแกายภาพ 1. มีความรูความเขา ใจ ของประเทศไทยกับทวีปเอเชีย เก่ยี วกับสภาพทาง ทวีปยโุ รป ทวีปออสเตรเลยี ภมู ศิ าสตรแกายภาพของ ทวปี แอฟรกิ า ทวีปอเมรกิ า ประเทศไทยกับทวีป 2. การเปรียบเทียบสภาพ ตา งๆ ภูมศิ าสตรกแ ายภาพของประเทศ 2. เปรยี บเทียบสภาพ ไทยกบั ประเทศตา งในในทวีป ภูมศิ าสตรกแ ายภาพของ ตางๆ ประเทศไทยกบั ทวปี 3.สาเหตุและลกั ษณะการ ตา งๆ เกดิ ปรากฎการณแทางธรรมชาติ 3. มีความรูความเขา ใจ ท่สี ําคญั ๆรวมท้ังการปูองกนั เมือ่ ในปรากฏการณแทาง เกิด ธรรมชาตทิ เ่ี กดิ ขน้ึ ในโลก -พายุชนิดตางๆ 4. มีทักษะการใช -น้าํ ทว ม เคร่อื งมือทางภูมิศาสตรแ -แผนดนิ ไหว ที่สาํ คญั ๆ -ภเู ขาไฟระเบิด 5. รูว ธิ ปี อู งกันตนเองให -ภาวะโลกรอน ปรากฏการณแ
อนปลาย ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 า รหัส สค31001 จานวน 3 หนว่ ยกติ การจดั กระบวนการเรยี นรู สอ่ื /แหลง่ การวดั และ เรียนรู้ ประเมินผล ข้ันท่ี 1 กาหนดสภาพปญั หาการเรียนรู้ 1. หนังสือ แบบทดสอบ 1. พูดคุยซกั ถามเก่ียวกับปใญหา แบบเรียน ใบงาน สภาพแวดลอ มในปจใ จบุ นั 2. สื่อมัลตมิ ีเดยี เลมรายงาน 2. ทบทวน/ตดิ ตาม ผลการเรียนรดู ว ย 3. อนิ เทอรเแ นต็ สังเกต ตนเอง 4. ใบความรู พฤติกรรม 3. ทบทวนและติดตามผลการศึกษา คน ควาในสัปดาหทแ ผี่ า นมา ข้นั ที่ 2 แสวงหาขอ้ มูลและจัดกจิ กรรม การเรยี นรู้ 1.ครูใหผูเรียนศกึ ษาใบความรูพรอ ม อธิบายเรื่องภมู ิศาสตรแกายภาพและให ผเู รยี นรวมกันสรปุ ความรูอภิปรายให เพื่อนฟใง 2.ครอู ธบิ ายถงึ สาเหตุและลกั ษณะการ เกิดปรากฎการณทแ างธรรมชาตทิ ่สี ําคัญๆ และยกตวั อยางภัยธรรมชาติ 3.ใหผ เู รียนศึกษาคนควาหาความรู ใน 97
ครั้งท่ี วัน/เดือน/ปี หัวเรอ่ื ง/ตัวชี้วดั เน้ือหาสาระการเรยี นรู้ ปลอดภัยเมอื่ เกดิ ภัยจาก เรือนกระจก ปรากฏการณแธรรมชาติ -อ่ืนๆ 6. สามารถวิเคราะหแ 5. ปญใ หาการทําลาย แนวโนมและวกิ ฤต ทรพั ยากรธรรมชาติและ สิง่ แวดลอมที่เกดิ จาก สิ่งแวดลอ ม การกระทาํ ของมนษุ ยแ 6. การวเิ คราะหแสาเหตุการเกิด 7. มีความรคู วามเขาใจ ปญใ หา และสภาพการทาํ ลาย ในการใชนวตั กรรม และ ทรพั ยากรธรรมชาติ และ เทคโนโลยดี าน ส่งิ แวดลอมที่เกดิ จากการ ส่งิ แวดลอมเพื่อพฒั นา กระทําของมนุษยแ ในสภาพ ทรัพยากรธรรมชาติและ ปจใ จบุ นั และแนวโนมในอนาคต สง่ิ แวดลอมทีย่ ง่ั ยืน - ปุาไม - ภเู ขา - แมน ํา้ ลาํ คลอง หนอง บึง ทะเล - ดนิ - สัตวปแ ุา สตั วนแ า้ํ - แรธาตุ - มลพษิ ทางอากาศ - ปรากฏการณแเรือนกระจก - อ่ืนๆ
การจัดกระบวนการเรียนรู สอ่ื /แหลง่ การวัดและ เรียนรู้ ประเมินผล เรอ่ื งการใชส ารเคมี ในชีวติ ประจาํ วัน จากครอบครัว ชุมชน รพ.สต จดั ทํา เป็นแผน พบั มาอธิบายใหเพ่ือนฟใงใน การพบกลมุ ที่ กศน.ตําบล และนาํ ไป ประชาสัมพนั ธใแ หครอบครวั ชุมชน ทราบถึงวธิ ีการใชส ารเคมที ถ่ี ูกตองและ ปลอดภยั 4.ใหผ ูเรยี นศกึ ษาคนควา ถงึ สาเหตุทท่ี ํา ใหเกดิ ภาวะโลกรอน และวิธีลด/ปอู งกัน โลกรอน จากอินเตอรเแ นต็ หนังสือพิมพแ วารสาร จดั ทาํ เปน็ เลม รายงาน และ นํามาแลกเปล่ยี นเรยี นรูกบั เพ่ือนในการ พบกลุมที่ กศน.ตาํ บล 5.ใหผ ูเรียนศึกษาคน ควา ถงึ สาเหตุท่ี กอใหเ กดิ มลภาวะทางสงิ่ แวดลอ มจาก อินเตอรแเน็ต หนังสือพมิ พแ วารสาร หองสมุด ปูายประกาศตา งๆ แลวผเู รียน สรปุ ความท่ไี ดจ ากการศกึ ษาคนควา นาํ มาแลกเปลย่ี นเรยี นรูกบั เพ่ือน ใน การพบกลมุ ที่ กศน.ตาํ บล
- การปอู งกันการพงั ทลายของ ดนิ - การพัฒนาดินใหอดุ มสมบูรณแ เชน การปลกู ปาุ การปลกู หญา แฝก ฯลฯ
ขนั้ ที่ 3. ขน้ั การปฏบิ ตั ิและการนาไป ประยุกต์ใช้ - ครูและนักศึกษารวมกันสรุปผลการ เรียนรู จดบนั ทกึ ผลการเรียนรู ขั้นที่ 4. ขน้ั การประเมนิ ผล - ประเมินผลการเรียนรูจากการมีสวน รว มโดยใชกระบวนการกลมุ นักศึกษา
ใบความรู้ ภมู ศิ าสตร์ กายภาพ เรื่อง ภูมิศาสตร์ กายภาพ ภมู ศิ าสตรก์ ายภาพประเทศไทย ทาเลที่ตัง้ ประเทศไทยต้ังอยูในภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต ซงึ่ ประกอบดว ยสวนทเ่ี ปน็ แผนดนิ ใหญหรือเรียกวา คาบสมทุ รอินโดจนี หรือแหลมทอง และสว นทเี่ ปน็ หมูเกาะใหญน อ ยหลายพนั เกาะ ต้งั อยูในแหลมทองระหวางละติจูด 5 องศา 37 ลิปดาเหนือกบั 20 องศา22 ลิปดาเหนอื และลองจิจดู 97 องศา 22 ลปิ ดาตะวนั ออก กบั 105 องศา 37 ลิปดา ตะวนั ออก ขนาด ประเทศไทยมเี นื้อท่ี 513,115 ตารางกิโลเมตร ถาเปรยี บเทียบขนาดของประเทศไทยกับประเทศใน ภมู ิภาค เอเชียตะวนั ออกเฉยี งใตด วั ยกันแลว จะมีพื้นทข่ี นาดใหญเ ปน็ อันดับที่สาม รองจากอินโดนีเซียและพมา ความยาว ของประเทศวัดจาก เหนอื สดุ ท่อี ําเภอแมสายจงั หวดั เชียงรายไปจดใตสดุ ท่ีอาํ เภอเบตง จังหวดั ยะลา ประมาณ 1,260 กิโลเมตร สว นความกวางมากทีส่ ุด วัดจากดานพระเจดยี สแ ามองคอแ ําเภอสงั ขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรไี ปจดตะวนั ออกสดุ ท่ี อําเภอสิรนิ ธร จังหวัดอบุ ลราชธานี ยาวประมาณ 780 กโิ ลเมตร สาํ หรบั สวนทแ่ี คบทสี่ ุดของประเทศไทยอยู่ใ นเขตจังหวดั ประจวบคีรขี นั ธวแ ัดจากพรมแดนพมา ถงึ ฝงใ่ ทะเลอาวไทยเป็นระยะทางประมาณ 10.5 กิโลเมตร อาณาเขตตดิ ตอ่ ประเทศไทยมอี าณาเขตติดตอกบั ประเทศเพื่อนบานโดยรอบ 4 ประเทศคือ พมา ลาว กมั พชู า และมาเลเซียรวมความยาวของพรมแดนทางบก ประมาณ 5,300 กิโลเมตร และมีอาณาเขตตดิ ตอกับชายฝใ่งทะเลยาว 2,705 กโิ ลเมตร คอื แนวฝใ่งทะเลดานอา วไทย ยาว 1,840 กิโลเมตร และแนวชายฝงใ่ ดานทะเลอันดามันยาว 865 กิโลเมตร 1. เขตแดนทต่ี ดิ ตอกับพมา เร่มิ ตน ที่อําเภอแมส ายจังหวดั เชยี งรายไปทางตะวันตกผา นท่ีจังหวัดแมฮองสอน ไป สิ้นสุดท่ีจังหวดั ระนอง จงั หวดั ชายแดนดานนมี้ ี 10 จงั หวดั คอื เชยี งราย เชียงใหม แมฮองสอน ตาก กาญจนบรุ ี ราชบรุ ี เพชรบรุ ี ประจวบครี ขี นั ธแ ชุมพร และ ระนอง มีทิวเขา 3 แนว เปน็ เสน กน้ั พรมแดน ไดแก ทวิ เขาแดนลาว ทิวเขาถนนธงชยั และทิวเขาตะนาวศรี นอกจากนั้นยงั มีแมน ้ําสายส้ันๆ เปน็ แนวกั้นพรมแดนอยูอีกคอื แมนํ้าเมย จงั หวัดตากและแมน าํ้ กระบรุ ี จงั หวัดระนอง 2. เขตแดนท่ีติดตอกบั ลาว เขตแดนดานน้ี เร่มิ ตน ท่ใี นอําเภอเชียงแสน ไปทางตะวนั ออกผา นที่อาํ เภอเชยี งของ จังหวดั เชียงรายเขาสูจงั หวดั พะเยา ไปส้ินสดุ ท่ีจงั หวดั อุบลราชธานดี ินแดนที่ตดิ ตอกบั ลาวมี 11 จงั หวดั คอื เชียงราย พะเยา นาน อุตรดิตถแ พิษณโุ ลก เลยหนองคาย นครพนม มุกดาหาร อํานาจเจรญิ และอบุ ลราชธานี มแี มนํา้ โขงเป็นเสน กั้น พรมแดนทางนา้ํ ที่สาํ คญั สว นพรมแดนทางบกมีทวิ เขาหลวงพระบางก้ันทางตอนบนและทวิ เขาพนมดงรักบางสวนกน้ั เขต แดนตอนลา ง เขตแดนท่ีติดตอกับกมั พูชา เรม่ิ ตนท่ีพน้ื ที่บางสวนของภาคตะวันออกเฉยี งเหนือตอนลา ง
3. จากอําเภอนํ้ายืน จงั หวัดอุบลราชธานี มาทางทิศตะวันตก แลว วกลงใตทจี่ ังหวดั บุรรี ัมยแ ไปสนิ้ สุดที่จงั หวัดตราด จังหวดั ชายแดนที่ตดิ ตอกบั กัมพชู า มี 7 จงั หวัด คอื อุบลราชธานี ศรสี ะเกษ สรุ ินทรแ บรุ ีรัมยแ สระแกว จนั ทบุรี และ ตราด มี ทิวเขาพนมดงรักและทวิ เขาบรรทดั เป็นเสน ก้นั พรมแดน 4. เขตแดนท่ีติดตอกับมาเลเซยี ไดแ ก เขตแดนทางใตส ุดของประเทศ ในพื้นที่ 4 จังหวดั คอื สตูล สงขลา ยะลา และนราธวิ าส มแี นวเทอื กเขาสนั กาลาคีรี และแมน้ําโก-ลกจงั หวดั นราธวิ าสเป็นเสน กน้ั พรมแดน ภาคเหนือ ภาคเหนือประกอบดว ยพ้ืนท่ีของ 9 จังหวดั ไดแก 1. เชยี งราย 2. แมฮองสอน 3.พะเยา 4. เชียงใหม 5. นาน 6. ลําพนู 7. ลาํ ปาง 8. แพร 9. อตุ รดติ ถแ ลกั ษณะภูมปิ ระเทศทัว่ ไป เปน็ เทือกเขาสูงทอดยาวขนานกันในแนวเหนือ-ใต และระหวา งเทอื กเขาเหลา นี้มที ร่ี าบ และมีหบุ เขาสลับอยูทั่วไปเทือกเขาท่ีสําคัญ คือ เทือกเขาหลวงพระบาง เทอื กเขาแดนลาว เทือกเขาถนนธงชัย เทอื ก เขาผีปในนาํ้ เทือกเขาขุนตาลและเทอื กเขาเพชรบรู ณแ ยอดเขาที่สูงทส่ี ุดในภาคน้ี ไดแก ยอดอนิ ทนนทแ อยใู น จังหวัดเชียงใหม มคี วามสูงประมาณ2,595 เมตร เทือกเขาในภาคเหนอื เปน็ แหลงกําเนดิ ของแมนา้ํ สายยาว 4 สาย ไดแ ก แมน้าํ ปงิ วงั ยม และนา น แมนา้ํ ดงั กลาว นไี้ หลผา นเขตทีร่ าบหบุ เขา พื้นท่ที ั้งสองฝงใ่ ลาํ น้ําจึงมดี ินอุดมสมบูรณเแ หมาะแกการ เพาะปลูก ทาํ ใหมีผคู นอพยพไปตง้ั หลักแหลง ในบรเิ วณดังกลาวหนาแนนนอกจากนภี้ าคเหนอื ยังมีแมนา้ํ สายสัน้ ๆ อกี หลายสาย ไดแ กแมนํ้ากก และแมน ้าํ องิ ไหลลงสู แมน ้ําโขง สว นแมน้าํ ปายแมนาํ้ เมย และแมนาํ้ ยม ไหลลงสู แมนาํ้ สาละวนิ ภาคกลาง ภาคกลางประกอบดว ยพ้ืนท่ีของ 22 จังหวดั ไดแก 1.สุโขทัย 2.พษิ ณุโลก3.กาํ แพงเพชร 4.พิจิตร 5.เพชรบรู ณแ(ภาคกลางตอนบน) 6.นครสวรรคแ 7.อทุ ัยธานี 8.ชัยนาท 9.ลพบรุ ี 10.สิงหแบรุ ี 11.อางทอง 12.สระบรุ ี 13.สพุ รรณบุรี 14.พระนครศรอี ยุธยา 15.นครนายก 16.ปทุมธานี 17.นนทบรุ ี 18.นครปฐม19. กรงุ เทพมหานคร 20. สมุทรปราการ 21. สมทุ รสาคร 22. สมุทรสงคราม ลักษณะภมู ิประเทศทว่ั ไป เป็นท่ีราบดินตะกอนท่ลี าํ นํ้าพัดมาทับถม ในบรเิ วณทีร่ าบนี้มีภูเขาโดดๆ ซึง่ สวนใหญเปน็ ภูเขาหินปูนกระจาย อยูทั่วไป ภูมปิ ระเทศตอนบนของภาคกลางเปน็ ท่รี าบลูกฟูก คือเปน็ ทสี่ ูงๆตาํ่ ๆ และมภี เู ขาที่มแี นว ตอ เนอ่ื งจากภาคเหนือ เขามาถึงพนื้ ท่ีบางสว นของจังหวดั พิษณโุ ลก และเพชรบูรณแ สว นพื้นทต่ี อนลา งของภาคกลาง น้นั เปน็ ดนิ ดอนสามเหลย่ี มปากแมนํ้า เจาพระยา ซ่ึงเกดิ จากการรวมตัวของแมนาํ้ ปิง วงั ยมนาน นอกจากแมนาํ้ เจา พระยา แลวตอนลางของภาคกลางยังมแี มน้ําไหลผานอีกหลายสายไดแก แมนํ้าแมก ลอง แมนาํ้ ทาจีน แมนํ้าปาุ สกั และแมนา้ํ นครนายก เขตนเ้ี ป็นทร่ี าบกวางขวางซ่ึงเกิดจากดนิ ตะกอน หรือดนิ เหนยี วทแ่ี มน าํ้ พดั พามาทับถมเปน็ เวลานาน จงึ เป็นพื้นที่ ที่อดุ มสมบูรณเแ หมาะแกการเพาะปลูกมาก และเป็นเขตที่มีประชากรมากทส่ี ดุ ในประเทศไทยฉะนนั้ ภาคกลางจงึ ไดช ่ือวา เปน็ อู ขาว อูน้าํ ของไทยแมน้ําเจา พระยา
ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ประกอบดว ยพ้นื ท่ีของ 19 จงั หวัด ไดแก 1.เลย2.หนองคาย 3.อดุ รธานี 4.สกลนคร 5.นครพนม 6.ขอนแกน 7.กาฬสนิ ธุแ 8.มุกดาหาร9.ชยั ภูมิ 10.มหาสารคาม 11.รอยเอ็ด 12.ยโสธร 13.นครราชสีมา 14.บรุ ีรัมยแ 15. สุรนิ ทรแ16.ศรีสะเกษ 17.อุบลราชธานี 18.อํานาจเจริญ 19.หนองบัวลาํ ภู ลักษณะภูมิประเทศทวั่ ไป มลี กั ษณะเป็นแองคลายจาน ลาดเอยี งไปทางตะวนั ออก เฉียงใตมีขอบเป็นภเู ขาสงู ทางตะวนั ตกและทางใตขอบทางตะวนั ตก ไดแ ก เทือกเขา เพชรบูรณแ และเทือกเขาดงพญาเย็น สวนทางใต ไดแ ก เทอื กเขาสนั กําแพง และเทือกเขาพนม ดงรกั พื้นที่ดา นตะวันตกเปน็ ที่ราบสูง เรียกวา ท่ีราบสูงโคราช ภเู ขาบริเวณนี้เปน็ ภเู ขา หนิ ทราย ท่รี จู ักกนั ดีเพราะเป็นแหลงทองเทย่ี ว คือ ภูกระดึง ภูหลวง ในจังหวัดเลย แมน้ําที่ สําคญั ของภาคนี้ไดแ ก แมน ํา้ ชี และแมน าํ้ มูล ซงึ่ มีแหลงกําเนิดจากเทือกเขาทางทศิ ตะวันตก และทางใตแลว ไหลลงสู แมน ้ําโขง ทาํ ใหส องฝง่ใ แมนํา้ เกดิ เป็นท่รี าบนํา้ ทว มถงึ เป็นตอนๆพื้นทร่ี าบในภาคะวนั ออกเฉียงเหนอื มักมีทะเลสาบรปู แอง เปน็ จํานวนมาก แตท ะเลสาบเหลานจี้ ะมนี ้าํ เฉพาะฤดฝู นเทาน้ันเมื่อถึงฤดรู อนนา้ํ ก็จะเหือดแหง ไปหมด เพราะดนิ สว นใหญ เปน็ ดนิ ทรายไมอุมนา้ํ นํ้าจงึ ซึม ผานไดเ ร็ว ภาคนี้จงึ มีปใญหาเรื่องการขาดแคลนน้าํ และดนิ ขาดความอุดมสมบรู ณแ ทําให พ้นื ที่บางแหง ไมส ามารถใชประโยชนใแ นการเกษตรไดอยางเต็มท่ี เชน ทุง กลุ ารองไหซง่ึ มเี น้ือที่ถึงประมาณ 2 ลา นไร ครอบคลุมพนื้ ท่ี 5 จงั หวัด ไดแ กร อยเอด็ สรุ ินทรแ มหาสารคามยโสธร และศรสี ะเกษ ซ่งึ ปใจจบุ ันรัฐบาลไดพ ยายามปรับปรุง พืน้ ที่ใหด ีขึ้น โดยใชระบบชลประทานสมยั ใหม ทาํ ใหส ามารถเพาะปลกู ไดจ นกลายเป็นแหลง เพาะปลูกขาวหอมมะลทิ ี่ ดีทสี่ ุดแหงหนึง่ ของประเทศไทย แตก็ปลกู ไดเ ฉพาะหนา ฝนเทานนั้ หนาแลงสามารถทําการเพาะปลูกไดเฉพาะบางสว นเทานนั้ ยงั ไมครอบคลุมบริเวณท้ังหมด ภาคตะวนั ตก ภาคตะวันตก ประกอบดว ยพื้นท่ีของ 5 จงั หวัด ไดแก 1.ตาก 2.กาญจนบุรี 3.ราชบุรี 4.เพชรบุรี 5.ประจวบครี ีขนั ธแ ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทัว่ ไป สวนใหญเป็นเทือกเขาสูง ไดแก เทือกเขาถนนธงชยั และเทือกเขาตะนาวศรเี ปน็ แนวภูเขาทซ่ี ับซอ นมที รี่ าบแคบๆ ในเขตหุบเขาเป็นแหง ๆ และ มที ีร่ าบเชงิ เขาตอ เนอ่ื งกบั ท่ีราบภาคกลางเทือกเขาเหล่า น้ีเปน็ แหลง กาํ เนิดของ แมน ํ้าแควนอ ย (แมน าํ้ ไทรโยค) และแมน้าํ แควใหญ (ศรีสวัสดิ์) ซง่ึ ไหลมาบรรจบกนั เปน็ แมน้ําแมก ลอง ระหวา งแนวเขามีชองทาง ตดิ ตอกับพมาได ที่สาํ คญั คือ ดา นแมล ะเมาในจงั หวดั ตาก และดา นพระเจดยี สแ ามองคแ ในจังหวดั กาญจนบรุ ี ภาคตะวันออก
ภาคตะวนั ออก ประกอบดวยพน้ื ทข่ี อง 7 จงั หวัดไดแ ก 1.ปราจีนบรุ ี 2.ฉะเชิงเทรา 3.ชลบรุ ี 4.ระยอง 5.จนั ทบรุ ี 6. ตราด 7.สระแกว ลักษณะภูมปิ ระเทศท่ัวไป คอื เปน็ ทร่ี าบใหญอ ยูท างตอนเหนือของภาค มเี ทือกเขาจนั ทบรุ อี ยูทางตอนกลางของ ภาคมเี ทือกเขาบรรทดั อยูทางตะวนั ออกเป็นพรมแดนธรรมชาติระหวางประเทศไทยกบั ประเทศกัมพชู า และมีทีร่ าบชายฝ่งใ ทะเลซึ่งอยรู ะหวางเทอื กเขาจันทบรุ กี บั อาวไทย ถงึ แมจ ะเป็นท่ีราบแคบๆ แตกเ็ ป็นพ้ืนดินทีอ่ ดุ มสมบรู ณเแ หมาะสาํ หรับ การปลกู ไมผล ในภาคนม้ี จี ังหวัดปราจนี บุรแี ละจังหวัดสระแกว เป็นจงั หวัดทีไ่ มม ีอาณาเขตจดทะเล นอกนัน้ ทุกจงั หวัดลว นมี ทางออกทะเลทั้งสิน้ ชายฝ่ใงทะเลของภาคเริ่มจากแมน้ําบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทราไปถึงแหลมสารพัดพิษ จงั หวัดตราด ยาวประมาณ 505 กโิ ลเมตรเขตพ้นื ที่ชายฝ่งใ ของภาคมแี หลมและอาวอยเู ปน็ จํานวนมากและมีเกาะใหญนอยเรียงรายอยู ไมห า งจากฝ่งใ นัก เชน เกาะชา ง เกาะกูด เกาะสชี งั เกาะลา น เป็นตนอา วมะนาว จังหวดั ประจวบครี ขี ันธแ เกาะสีชัง ภาคใต ภาคใตป ระกอบดว ยพ้ืนท่ีของ 14 จังหวดั ไดแก 1.ชุมพร 2.สรุ าษฎรแธานี 3.นครศรธี รรมราช 4.พทั ลงุ 5.สงขลา 6.ปใตตานี 7.ยะลา 8.นราธิวาส 9.ระนอง 10.พังงา 11.กระบ่ี 12.ภเู กต็ 13.ตรัง 14.สตลู ลักษณะภูมปิ ระเทศทั่วไป เปน็ คาบสมุทรยื่นไปในทะเล ทางตะวันตกของคาบสมุทรมีเทือกเขาภเู กต็ ทอดตัวเลยี บ ชายฝง่ใ ไปจนถงึ เกาะภูเก็ต ตอนกลางของภาคมีเทอื กเขานครศรีธรรมราช สวนทางตอนใตสุดของภาคใตมเี ทอื กเขาสนั กาลา คีรี วางตวั ในแนว ตะวันออก-ตะวนั ตก และเป็นพรมแดนธรรมชาติกน้ั ระหวางไทยกับมาเลเซยี ดวยพื้นทท่ี างชายฝใง่ ตะวนั ออก มที ่ีราบมากกวา ชายฝใ่งตะวนั ตก ไดแ ก ทรี่ าบในเขตจังหวัดนครศรีธรรมราชพทั ลุง สงขลา ปใตตานี และนราธิวาส ชายฝใ่งทะเล ดา นตะวันออกของภาคใตมชี ายหาดเหมาะสาํ หรับเปน็ ทต่ี ากอากาศหลายแหง เชน หาดสมิหลา จังหวดั สงขลาและหาดนรา ทศั นแ จงั หวัดนราธิวาส เป็นตน เกาะที่สําคญั ทางดานนี้ ไดแก เกาะสมยุ และเกาะพงนั สว นชายฝ่งใ ทะเลดานมหาสมุทรอนิ เดีย มีเกาะที่สาํ คัญคือ เกาะภูเก็ต เกาะตรุเตา เกาะยาวและเกาะลนั ตานอกจากนี้ ในเขตจงั หวดั สงขลาและพัทลุงยังมีทะเลสาบ เปิด (lagoon) ทีใ่ หญท่ีสดุ แหงหนง่ึ ในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต คือ ทะเลสาบสงขลา มีความยาวจากเหนอื จดใตประมาณ 80 กโิ ลเมตร สวนท่ีกวางทส่ี ดุ ประมาณ 20 กโิ ลเมตร คิดเป็นเน้ือที่ประมาณ 974 ตารางกโิ ลเมตร สว นเหนือสดุ ของทะเลสาบ เปน็ แหลง นาํ้ จดื เรยี กวา ทะเลนอ ย แตทางสว นลา งนํา้ ของทะเลสาบจะเค็ม เพราะมีนา นนํ้าติดกับอาวไทย นาํ้ ทะเลจึงไหลเขา มาได ในทะเลสาบ สงขลามีเกาะอยูหลายเกาะ บางเกาะเป็นท่ที ํารังของนกนางแอน บางเกาะเป็นที่อยขู องเตา ทะเล นอกจากนีใ้ นทะเลสาบยงั มี ปลา และกุง ชกุ ชุมอีกดวย สวนชายฝงใ่ ทะเลดา นตะวันตกของภาคใตม ีลักษณะเวา แหวง มากกวา ดานตะวันออก ทําใหม ีทวิ ทัศนแท่สี วยงามหลาย แหง เชน หาดนพรัตนธแ ารา จังหวดั กระบ่ี หมเู กาะซิมลิ นั จงั หวัดพงั งา ชายฝ่ใง ตะวนั ตกของ ภาคใตจ ึงเป็นสถานท่ีทองเทย่ี วทสี่ าํ คัญแหงหนงึ่ ของประเทศ แมน้ําในภาคใต สวนใหญเป็นแมน ํ้าสายสน้ั ๆ ไหลจากเทือกเขาลงสูทะเล ที่สาํ คญั ไดแก แมน า้ํ โก-ลกซึ่งกั้นพรมแดนไทยกับมาเลเซียในจังหวดั นราธิวาส แมนาํ้ กระบุรซี ึง่ กน้ั พรมแดนไทยกบั พมา ในเขตจังหวัดระนองแมน า้ํ ตาปีในจงั หวดั สุราษฏรธแ านี และแมน้าํ ปใตตานใี นจังหวัดยะลาและปใตตานี ทวปี เอเชีย 1. ขนาดท่ีต้ังและอาณาเขตติดตอ ทวีปเอเชยี เปน็ ทวีปที่มีขนาดใหญทส่ี ดุ มพี นื้ ทป่ี ระมาณ 44 ลา นตารางกโิ ลเมตร เป็นทวปี ทมี่ พี ื้นทกี่ วางที่สดุ ในโลกตัง้ อยทู างทิศตะวนั ออกของโลก ทวปี เอเชียตัง้ อยูระหวางละติจดู 1 องศา 15 ลิปดาเหนือ ถึง 77 องศา 41 ลิปดาเหนือและลองตจิ ดู 24 องศา 4ลิปดา ตะวนั ออกถงึ 169 องศา 40 ลิปดาตะวนั ตก
อาณาเขตติดตอ ทิศเหนือ ตดิ กบั มหาสมทุ รอารกแ ติก ทศิ ใต ติดกับมหาสมุทรอนิ เดีย ทศิ ตะวนั ออก ตดิ กบั มหาสมทุ รแปซฟิ ิก ทศิ ตะวันตก ตดิ กับเทือกเขาอูราล ทวปี ยุโรป 2. ลักษณะภูมิประเทศของทวีปเอเชียทวีปเอเชียมีลักษณะเดนคือ มีภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูงอยูเกือบใจกลางทวีป ภูเขาดงั กลาวทาํ หนาท่ีเหมอื นหลังคาโลกเพราะเป็นจดุ รวมของเทือกเขาสําคัญๆ ในทวีปเอเชยี จุดรวมสําคัญ ไดแก ปามีรแนอต ยนู นานนอต และอามีเนียนนอต เทอื กเขาสูงๆ ของทวีปเอเชียวางแนวแยกยายไปทุกทิศทุกทางจากหลังคาโลกเชน เทือกเขา หิมาลยั เทือกเขาคนุ ลนุ เทือกเขาเทยี นชาน เทือกเขาอัลตนิ ตกั เทอื กเขาฮนิ ดกู ซู เทอื กเขาสุไลมาน ยอดเขาเอเวอรเแ รสตแ มีระดบั สูง 8,850 เมตร (29,028 ฟุต) เป็นยอดเขาสูงท่ีสุดในโลกต้ังอยูบนเทือกเขาหิมาลัยระหวางเทือกเขาเหลานี้มีพื้นที่ คอนขางราบแทรกสลับอยู ทําใหเกิดเป็นแองแผนดินที่อยูในท่ีสูง เชน ท่ีราบสูงทิเบต ท่ีราบสูงตากลามากัน ที่ราบสูง มองโกเลยี ทีร่ าบสงู ยูนาน ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศดังกลาวขา งตน ทําใหบ รเิ วณใจกลางทวีปเอเชียกลายเป็นแหลงตน กาํ เนดิ ของ แมน้ําสายสําคัญ ที่มีรูปแบบการไหลออกไปทุกทิศโดยรอบหลังคาโลก เชน ไหลไปทางเหนือมีแมน้ํา อ็อบ เยนิเซ ลีนา ทาง ตะวันออกเฉียงเหนือมีแมนํ้าอามูรแ ทางตะวันออกมีแมนํ้าฮวงโห (หวงเหอ แยงซีเกียง (ฉางเจียง) ซีเกียง (ซีเจียง) ทาง ตะวันออกเฉียงใตม แี มน ํ้าแดง โขง เจาพระยา สาละวิน อริ ะวดี ทางใตม แี มนา้ํ พรหมบตุ ร คงคา สนิ ธุ ทางตะวนั ตกมีแมนํา้ อามู ดารยแ จากทส่ี ูงอามเี นียนนอต มแี มนํ้าไทกรีส ยูเฟรตีส บทบาทของลุม น้ําเหล่า น้ี คือ พัดพาเอาตะกอนมาทับถมท่ีราบ อนั กวา งใหญไ พศาล กลายเป็นแหลงเกษตรกรรมและทอ่ี ยู อาศัยสําคัญๆ ของชาวเอเชีย โดยเฉพาะท่ีราบดินดอนสามเหลี่ยม ปากแมนา้ํ จงึ กลายเป็นแหลงทีม่ ีประชากรอาศัยอยูหนาแนนทีส่ ดุ 3. ลกั ษณะภูมิอากาศของทวปี เอเชยี ทวปี เอเชยี โดยสวนรวมประมาณครง่ึ ทวปี อยูภ ายใตอ ิทธพิ ลของลมมรสุมตั้งแต ปากีสถานถึงคาบสมุทรเกาหลี เป็นผลทําใหมีฝนตกชุกในฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต และมีอากาศหนาวในฤดูมรสุม ตะวันออกเฉียงเหนือในเขตละติจูดกลางหรือเขตอบอนุ แถบจนี และญป่ี ุนจะไดร ับอิทธพิ ลจากแนวปะทะอากาศ บอยคร้ัง ทางชายฝ่ใงตะวันออกของทวีปต้ังแตญี่ปุน อินโดนีเซีย จะไดรัฐอิทธิพลของลมไตฝุน และดีเปรสช่ันทําใหดินแดน ชายฝ่ใงตะวันออกของหมูเกาะไดรับความเสียหายจากลมและฝนเสมอ ทางเอเชียตะวันออกเฉียงใตและเอเชียใต ซ่ึงอยูใกล ศูนยแสูตร จะมีปรากฏการณแของหยอมความกดอากาศตํ่าทําใหมีอากาศลอยตัว กอเป็นพายุฟูาคะนองเกิดข้ึนเป็นประจําใน เวลาบา ยๆ หรือใกลค าํ่ แถบทอี่ ยูลกึ เขาไปในทวปี หา งไกลจากทะเลจะมีภมู อิ ากาศแหงแลงเปน็ ทะเลทราย 4. สภาพทางสังคม วัฒนธรรม ภาษา ศาสนาเชอ้ื ชาติเผาพันธแุ ประชากร 2 ใน 3 ของประชากรท้งั หมด เปน็ พวก มองโกลอยดแมีพวกคอเคซอยดแอยบู า ง เชน ชาวรัสเซียอพยพมาจากยโุ รปตะวันออก ประชากรของเอเชยี มีความหลากหลาย ดา นประกอบอาชีพ เศรษฐกิจของประเทศในเอเชยี ขนึ้ อยูกับภาคเกษตรกรรม ประชากรสวนใหญ ประกอบอาชีพดา น การเกษตร คอื การเพาะปลูก ขา วขาวโพด และมีการเล้ยี งสตั วแ ท้งั เล้ยี งไวเปน็ อาหาร และทาํ งาน นอกจากน้ียังมีการคาขาย การประมง การทําเหมอื งแร
ลักษณะทางเศรษฐกจิ 1. การเพาะปลูกทําในท่รี าบลุมของแมนา้ํ ตางๆ ไดแก ขาว ยางพารา ปาลมแ ปอฝูาย ชา กาแฟ ขา วโพด 2. การเล้ียงสัตวแ ในเขตอากาศแหง แลงจะเลย้ี งแบบเรรอนซง่ึ เล้ียงไวใชเ นื้อและนมเป็นอาหารไดแ ก อฐู แพะ แกะ โค มา และจามรี 3. การทําปุาไม ปาุ ไมในเขตเมอื งรอนจะเป็นไมเ นื้อแข็ง ผลผลติ ทไ่ี ดส ว นใหญน าํ ไปกอ สราง 4. การประมง ทาํ ในบรเิ วณแมนํา้ ลําคลอง หนอง บงึ และชายฝง่ใ ทะเล 5. การทาํ เหมืองแร ทวีปเอเชียอุดมไปดวยแรธ าตนุ านาชนิด 6. อตุ สาหกรรม การทาํ อตุ สาหกรรมหลายประเทศในเอเชีย เรม่ิ จากอตุ สาหกรรมในครวั เรือนแลวพฒั นาขน้ึ เป็น โรงงานขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ ประชากร ทวปี เอเชียมปี ระชากรมากทีส่ ุดในโลกประมาณ 3,155 ลานคน ประชากรสวนใหญมาจากพนั ธแุมองโกลอยดแ ประชากรอาศยั อยูหนาแนนบรเิ วณชายฝ่งใ ทะเลและทร่ี าบลุมแมน ้าํ ตางๆ เชน ลมุ แมน้ําเจาพระยา ลุมแมน้าํ แยงซเี กียง ลุม แมน้าํ แดงและลุมแมน า้ํ คงคาสวนบรเิ วณท่ีมีประชากรเบาบาง จะเปน็ บรเิ วณท่ีแหงแลง กันดารหนาวเยน็ และในบริเวณทีเ่ ปน็ ภูเขาซบั ซอ น ซ่ึงสวนใหญจะเป็นบริเวณกลางทวปี ภาษา 1. ภาษาจีน ภาษาท่ใี ชกนั มากในทวปี เอเชีย โดยใชกันในประเทศจีน ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต เชน สิงคโปรแ ประมาณวาประชากรเอเชยี 1,000 ลา นคน พูดภาษาจีน แตเ ป็นภาษาท่แี ตกตา งกนั ไป เชน ภาษาแตจิ๋ว ไหหลาํ จีนกลาง หรือท่ีเรยี กวา ภาษาแมนดารนิ 2. ภาษาอินเดยี เป็นภาษาท่ีใชก นั แพรหลายรองลงมาอนั ดับ 2 โดยสวนใหญใ ชก นั ในประเทศอินเดยี และปากีสถาน 3. ภาษาอาหรับเปน็ ภาษาทใี่ ชกัน้ แพรห ลายมากอันดบั 3 โดยใชกั้นในแถบเอเซยี ตะวนั ตกเฉยี งใต 4. ภาษารสั เซียเป็นภาษาที่ใชก ันมากอันดบั 4 โดยใชกนั ในรัสเซียและเครือจักรภพ ศาสนา ทวปี เอเชียเป็นแหลงกาํ เนดิ ศาสนาท่ีสําคัญของโลก เชน ศาสนาคริสตแ ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาพุทธ ศาสนาฮนิ ดู และยดู าหแ ในเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใตประชากรสวนใหญน บั ถือ ศาสนาฮนิ ดูกวา 500 ลา นคนในอินเดีย รองลงมาคอื ศาสนาอสิ ลามมีผูนบั ถอื ประมาณ 450ลา นคน นอกจากน้ยี งั มีลัทธเิ ตาเ ลทั ธขิ งจ๋อื ทแี่ พรห ลายในจีน ลทั ธชิ นิ โตในญป่ี ุน
ทวปี ยโุ รป 1. ขนาดทต่ี ้ังและอาณาเขตติดตอทวีปยุโรปเปน็ ทวปี ทมี่ ีลักษณะทางกายภาพที่เหมาะสมในการต้งั ถิ่นฐานทง้ั ในดาน ลกั ษณะภมู ิประเทศท่ีมที ่รี าบลุม เทอื กเขาที่ไมต้ังกัน้ ทางลม มแี มน ํา้ หลายสาย ลกั ษณะภูมิอากาศที่อบอุน ชุมชนื่ มี ทรัพยากรธรรมชาติ คือ เหลก็ และถานหิน ซึ่งเปน็ สว นสําคญั อยา งยิ่งตอการพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดใหญ จงึ สง ผลใหท วีป ยุโรปมีประชากรตง้ั ถิ่นฐานหนาแนน ทสี่ ดุ ในโลก อีกทง้ั เปน็ ทวีปท่ีมอี ารยธรรมท่ีเกาแก คือ อารยธรรมกรีกและโรมัน ทวปี ยโุ รป เปน็ ทวีปทีต่ ้งั อยรู ะหวางละตจิ ดู 36 องศา 1 ลปิ ดาเหนือถงึ 71 องศา10 ลิปดาเหนอื และระหวา งลองติจดู 9 องศาตะวันตก ถงึ 66 องศาตะวนั ออก จากพกิ ัดภูมิศาสตรแจะสังเกตไดวา ทวปี ยุโรปมีพ้ืนที่ทงั้ หมดอยใู นซีกโลกเหนอื และอยู เหนือเสน ทรอปิคออฟแคนเซอรแ มเี สนสาํ คญั ท่ีลากผานคือ เสน อารกแ ติกเซอรเแ คิลและเสนลองตจิ ูดที่ 0องศา มเี น้ือท่ีประมาณ 9.9 ลานตารางกโิ ลเมตร จึงเป็นทวีปที่มีขนาดเล็ก โดยมขี นาดเลก็ รองจากทวปี ออสเตรเลยี อาณาเขตตดิ ตอ ทศิ เหนอื ตดิ กบั มหาสมทุ รอารกแ ติกและขวั้ โลกเหนอื จุดเหนอื สดุ อยูท ีแ่ หลมนอรทแ (North Cape) ในประเทศนอรแเวยแ ทิศใต ติดกบั ทะเลเมดเิ ตอรเแ รเนียน จดุ ใตส ุดอยทู เ่ี กาะครีต ประเทศกรชี ทิศตะวนั ออก ตดิ ตอกบั ทวปี เอเชยี โดยมเี ทอื กเขาอูราล เทือกเขาคอเคซสั และ ทะเลแคสเปยี นเป็นเสน ก้นั พรมแดน ทิศตะวันตก ตดิ ตอกบั มหาสมุทรแอตแลนติก จุดตะวนั ตกสุดของทวปี อยูท่ีแหลม โรคาประเทศโปรตุเกส 2. ลักษณะภมู ิประเทศ ลกั ษณะภูมิประเทศแบงออกเป็น 4 เขต ไดแ ก 1. เขตเทือกเขาตอนเหนือ ไดแก บริเวณคาบสมุทรสแกนดเิ นเวีย ภูมปิ ระเทศสว นมากประกอบดว ยเทือกเขาสงู และ ที่ราบชายฝง่ใ ทะเล เทือกเขาที่สาํ คญั ในบริเวณน้ีไดแก เทอื กเขาเซอรอนและเทือกเขาแกรมเปยี น เน่อื งจากทวีปยโุ รปเคยถกู ปกคลมุ ดว ยน้ําแข็งมากอ นบรเิ วณชายฝง่ใ ทะเลถูกธารนํา้ แข็งกัดเซาะและทับถม ทาํ ใหเ กิดชายฝ่ใงเวาแหวงและอาวนา้ํ ลึกท่ีเรยี กวา ฟยอรดแ พบมากในประเทศนอรแเวยแแ ละแควน สกอตแลนดแ 2. เขตท่ีราบสงู ตอนกลาง ประกอบดวยท่ีราบสูงสาํ คัญ ไดแ ก ทรี่ าบสงู แบล็กฟอเรสตแตอนใตข องเยอรมนั นี ทรี่ าบสงู โบฮีเมยี เขตตดิ ตอระหวางเยอรมนั นแี ละสาธารณรัฐเชค็ ทร่ี าบเมเซตา ภาคกลางของคาบสมุทรไซบเี รยี ในเขตประเทศสเปน และโปรตเุ กส ทีร่ าบสงู มัสชีพซองตรลั ตอนกลางของประเทศฝรั่งเศส 3. เขตทีร่ าบตอนกลาง ครอบคลุมพืน้ ที่ต้ังแตชายฝงใ่ มหาสมุทรแอตแลนติกไปจนถงึ เทอื กเขาอูราลในรัสเซีย ตะวันตกของฝรง่ั เศส ตอนใตของสหราชอาณาจักรเบลเยีย่ มเนเธอรแแ ลนดแ เดนมารแก ภาคเหนือของเยอรมนั นีโปแลนดแและ บางสวนของรสั เซยี เป็นบรเิ วณที่มีประชากรอาศยั อยหู นาแนน ที่สดุ และมีความสําคญั ทางเศรษฐกจิ อยา งมาก เนือ่ งจากเปน็ พืน้ ทีเ่ กษตรกรรมที่สาํ คัญของทวีปในบรเิ วณน้ีมแี มนํ้าทส่ี าํ คัญไดแก แมนํา้ ไรนแ แมน ํา้ เชน แมนํา้ ลวั รแ และแมนํ้าเอลเบ 4. เขตเทือกเขาตอนใต ประกอบดว ยเทือกเขาสงู เทือกเขาที่สําคัญในบริเวณนี้ไดแ ก เทือกเขาแอลป ซ่ึงเป็น เทอื กเขาที่มีขนาดใหญท ี่สดุ ในทวีปยุโรป ทอดตวั ยาวต้ังแตตะวนั ออกเฉยี งใตข องฝรง่ั เศส ผานสวติ เซอรแแลนดแ เยอรมันนี ออสเตรยี เซอรแเบีย ไปจนถงึ ทางเหนอื ของอติ าลี บรเิ วณยอดเขามีธารนํา้ แขง็ ปกคลุมเกือบตลอดทง้ั ปี บางชวงเปน็ หบุ เขา ลกึ ยอดเขาทสี่ ูงท่ีสุดในเทอื กเขาแอลป คือ มองตแบลังกแ สูง 4,807 เมตร นอกจากนย้ี ังประกอบดวยยอดเขาคอเคซัส ทาง ตอนใตของรสั เซียมยี อดเขาเอลบรูส สูง 5,642 เมตร ซ่งึ เป็นยอดเขาที่สงู ที่สุดในยุโรป แมน ้ํา แมนํา้ ทีส่ าํ คัญในทวีปยุโรป มดี งั นี้
แมนาํ้ โวลกา เป็นแมนา้ํ สายยาวท่สี ุดในทวีป มีตน นา้ํ อยูบรเิ วณตอนกลางของสหพนั ธแรสั เซียไหลลงสูทะเลแคสเปียน แมนํา้ ดานบู มีตน กาํ เนดิ จากเทือกเขาทางภาคใตของเยอรมัน ไหลผา นประเทศออสเตรีย ฮังการี ยโู กสลาเวยี พรมแดนระหวา งประเทศบลั แกเรียกบั ประเทศโรมาเนยี แลว ไหลลงสทู ะเลดาํ แมนาํ้ ดานบู เป็นแมน าํ้ ท่ีไหลผา นหลายประเทศ ดังนน้ั จงึ ถอื วาเปน็ แมน าํ้ นานาชาตแิ ตในดานความสําคัญของการขนสง สินคาอตุ สาหกรรมนั้นมีไมมากเทากับแมน ํา้ ไรนแ เน่ืองจากแมน ้าํ ดานูบไหลออกสูทะเลดาํ ซึ่งเปน็ ทะเลภายในแมน าํ้ ไรนแ มตี น กําเนิดจากเทือกเขาแอลปท างตอนใตของ สวสิ เซอรแแลนดแ ไหลข้นึ ไปทางเหนือระหวางพรมแดนฝรง่ั เศสและเยอรมนั ไปยังเนเธอรแแ ลนดแ แลวไหลลงทะเลเหนอื แมน ํ้าไรนเแ ปน็ แมน้าํ ที่มคี วามสําคัญมาก มีปรมิ าณน้าํ ไหลสม่าํ เสมอ ไหลผา นทีร่ าบและไหลผา นหลายประเทศจงึ ถือวา เปน็ แมนาํ้ นานาชาติ และยังเป็นเสน ทางขนสง วตั ถุดบิ และสนิ คาท่สี ําคัญ คอื ถา นหนิ แรเ หลก็ และแปงู สาลี โดยเฉพาะการขนสง ถา นหนิ ซ่ึงมปี ริมาณมากในยานอุตสาหกรรมถา นหนิ ของเยอรมัน แมนํ้าสายนจ้ี งึ ไดรับสมญานามวา “แมน ้ําถา นหนิ ” การขนสงสินคาผานทางแมน ํ้าไรนนแ ้ี จะออกสบู รเิ วณปากแมน ้ําซึง่ เปน็ ทีต่ ้ังของเมืองทารอตเตอรดแ ัม (เนเธอรแแลนดแ) ซ่งึ เปน็ เมืองทาทสี่ าํ คัญทส่ี ุดของทวีป 3. ลกั ษณะภมู ิอากาศ เขตอากาศ ปใจจยั ท่ีมอี ิทธพิ ลตอ ภมู ภิ าคอากาศของทวีปยโุ รป 1. ละติจดู ทวปี ยุโรปมีท่ีต้งั อยรู ะหวางละตจิ ูด 36 องศา 1 ลิปดาเหนือ ถงึ 71องศา 10 ลิปดาเหนือ พืน้ ทีส่ วน ใหญอ ยูในเขตอบอนุ มเี พียงตอนบนของทวีปท่ีอยใู นเขตอากาศหนาวเย็นและ ไมมสี ว นใดของทวีปท่อี ยูในเขตอากาศรอน 2. ลมประจํา ลมประจําท่ีพดั ผานทวีปยโุ รป คอื ลมตะวนั ตก ซ่ึงพัดมาจากมหาสมุทรแอตแลนติกเขาสูทวีปทางดาน ตะวันตก มผี ลทาํ ใหบ ริเวณฝงใ่ ตะวนั ตกของทวปี มปี ริมาณฝนคอนขางมาก อุณหภมู ิระหวางฤดูรอนกบั ฤดหู นาวไมคอย แตกตางกันมากนักแตถ าลกึ เขามาภายในทางดานตะวันออกของทวีปซ่ึงตดิ กบั ทวปี เอเชยี นัน้ ปริมาณฝนจะลด ลงและจะมคี วามแตกตา งของอณุ หภมู ริ ะหวา งฤดูรอนกับฤดูฝนมากขน้ึ ดว ย 3. ความใกลไ กลทะเล ทวีปยโุ รปมีชายฝ่ใงทะเลยาวและเวา แหวง ประกอบกบั มีพืน้ ท่ีติดทะเลถึง 3 ดา น ทําใหไ ดรับ อิทธิพลจากทะเลและมหาสมุทรอยางท่วั ถึง โดยเฉพาะบรเิ วณทีอ่ ยใู กลชายฝ่งใ ดงั น้ันจงึ ไมม ีพน้ื ท่ใี ดในทวปี ยุโรปทม่ี ภี ูมิอากาศ แหงแลง 4. ทศิ ทางของเทือกเขา เทือกเขาสวนใหญใ นทวีป วางตัวในแนวทศิ ตะวันออกตะวันตก ทาํ ใหไ มก้นั ขวางทางลม ตะวนั ตกที่พดั เขา สทู วีป 5. กระแสนาํ้ ในมหาสมุทร บรเิ วณชายฝใ่งมกี ระแสน้ําอนุ แอตแลนตกิ เหนือไหลผา นทางตะวนั ตกและตะวันตกเฉียง เหนอื ของทวปี ทําใหนานน้าํ บริเวณเกาะบริเวนใหญแ ละประเทศนอรเแ วยแไมเ ปน็ น้าํ แขง็ ในฤดูหนาว จึงแตกตา งจาก บริเวณทะเลบอลตกิ ท่นี ํ้า กลายเปน็ นํ้าแข็ง ทําใหประเทศสวเี ดน ตอ งเปลยี่ นเสนทางการขนสง สนิ คา จากทางเรือไป เป็นการขนสงโดยใชเ สนทางรถไฟจากสวีเดนไปยังนอรเแ วยแแลว จึงนําสินคา ลงเรือท่เี มืองทา ประเทศนอรแเวยแ เขตภมู อิ ากาศแบงออกไดเปน็ 7 เขต ดงั นี้
1. ภมู ิอากาศแบบทะเลเมดิเตอรเแ รเนยี่ น ไดแก บรเิ วณชายฝงใ่ ทะเลเมดิเตอรเแ รเนยี นในเขตประเทศอิตาลี ฝร่ังเศส ภาคใตข องสเปน แอลเบเนยี กรซี บลั แกเรีย และเซอรแเบยี ฤดูรอนมีอากาศรอน อุณหภูมเิ ฉลย่ี 23 องศาเซสเซียส ในฤดู หนาวมีอากาศอบอนุ และมีฝนตกอุณหภมู เิ ฉลีย่ 8 องศาเซลเซียส ปรมิ าณฝนตกเฉล่ยี 500-1,000 มลิ ลเิ มตรตอ ปี 2. ภมู ิอากาศแบบทุงหญากึง่ ทะเลทราย ไดแก บริเวณภาคกลางของคาบสมุทรไซบเี รีย ตอนเหนอื ของทะเลดําและทะเลแค สเปียน ในเขตประเทศฮังการี ยูเครน โรมาเนีย และตอนใตของรัสเซยี มีฝนตกนอยมากเฉล่ยี ปีละ 250-500 มิลลิเมตรตอปี 3. ภูมิอากาศแบบพ้นื สมุทรไดแก สหราชอาณาจกั ร เนเธอรแแลนดแฝร่งั เศส เดนมารกแ เบลเยีย่ ม และตอนเหนือของ เยอรมนี มฝี นตกชกุ ตลอดทัง้ ปเี ฉลย่ี 750-1,500 มิลลิเมตรตอปี ฤดหู นาวอากาศไมห นาวจัด อณุ หภมู ิเฉล่ยี 1-7 องศา เซลเซียส เนือ่ งจากไดรบั อิทธิพลจากกระแสนํา้ อุนแอตแลนติกเหนือ 4. ภมู อิ ากาศแบบอบอนุ ช้นื ไดแ ก บริเวณท่ีราบลุมแมน ํา้ ดานบู ในฮงั การตี อนเหนือของเซอร่เ บียและโรมาเนยี มี อากาศอบอนุ ฝนตกตลอดทง้ั ป่เ ฉล่ีย 500-1,000 มิลลิเมตรตอ ปเี นอ่ื งจากไดร ับอิทธิพลความช้ืนจากทะเล 5. ภูมอิ ากาศแบบอบอุนช้ืนภาคพืน้ ทวปี ไดแ ก ยุโรปตะวนั ออก และยุโรปกลางรสั เซีย สาธารณรัฐเซ็ก สาธารณรฐั สโลวกั และโปแลนดแ ฤดูหนาวมอี ากาศหนาวและแหง แลง ฤดูรอนมีอากาศอบอนุ และมฝี นตก อุณหภมู ิเฉลี่ย 19-20 องศา เซลเซียส ปริมาณฝน 500-750 มิลลิเมตรตอปี 6. ภูมอิ ากาศแบบไทกา ไดแ ก ตอนเหนอื ของฟินแลนดแ สวเี ดน และนอรเแ วยแ ฤดหู นาวมอี ากาศหนาวเยน็ และ ยาวนาน อณุ หภมู ิเฉลยี่ 6 องศาเซลเซียส ฤดูรอนอากาศอบอนุ อุณหภูมิเฉลี่ย 17 องศาเซลเซยี ส มีปรมิ าณฝนตกนอ ยและ สวนมากเป็นหิมะเฉลยี่ 600มลิ ลเิ มตรตอปี 7. ภมู ิอากาศแบบขว้ั โลกหรือภูมิอากาศแบบทนุ ดรา ไดแก ทางเหนอื ของทวีปทม่ี ีชายฝงใ่ ติดกบั มหาสมุทรอารแกตกิ ฤดูหนาวมอี ากาศหนาวจัดและยาวนานปลี ะ 10-11 เดอื น ฤดรู อ นมีอากาศอบอนุ และส้นั เพียง 1-2 เดอื น อณุ หภมู ิเฉล่ยี ตลอดทั้งปปี ระมาณ 10องศาเซลเซียส ปรมิ าณฝนตกนอยมากและสวนมากเปน็ หิมะ 4. ลกั ษณะเศรษฐกิจและ สภาพแวดลอ มทางสังคมวฒั นธรรม ลกั ษณะเศรษฐกจิ ทวปี ยโุ รปมีความเจริญทั้งในดาน เกษตรกรรมและอุตสาหกรรม โดยมีเขต เกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ดังน้ี การทําเกษตรกรรม 1. เขตปลูกขา วสาลี ไดแ ก บรเิ วณทีร่ าบภาคกลาง โดยเฉพาะบริเวณประเทศฮังการโี รมาเนีย ยเู ครน ซ่งึ เปน็ แหลง ผลติ ขา วสาลีแหลงใหญ 2. เขตทําไรป ศุสตั วแ สว นใหญจ ะพบในบรเิ วณเขตอากาศแหงแลง ไมคอยเหมาะกับการเพาะปลูกแตมีหญา ที่สามารถ เล้ยี งสัตวไแ ด เชน บริเวณชายฝใง่ ทะเลแคสเปียน และท่ีราบสูงของทวปี สตั วแท่ีเล้ียงไดแก โคเนื้อ แกะ แพะ สว นการเล้ียงโคนม จะพบบรเิ วณเขตอากาศชื้นภาคพนื้ สมุทร เนอ่ื งจากมีทุงหญา อุดมสมบรู ณแมากกวา 3. เขตเกษตรกรรมแบบผสม ไดแ ก เขตทมี่ ีการเลยี้ งสัตวคแ วบคูกับการปลูกพืชเชน การปลูกขาวสาลี ขาวบาเลยแ การ เลีย้ งสัตวแ เชน โคเนื้อ โคนม ซ่งึ พบมากบรเิ วณภาคตะวนั ตก และภาคกลางของทวีป 4. เขตเกษตรแบบเมดเิ ตอรเแ รเนยี น พบบริเวณเขตชายฝ่ใงทะเลเมดิเตอรแเรเนียนเชน อิตาลี กรซี พชื สาํ คัญ ไดแ ก สม องุน มะกอก 5. เขตเล้ียงสัตวแแบบเรรอน มีการเล้ียงสัตวแแบบท่มี ีการยายถ่นิ ทอี่ ยเู พ่ือหาแหลงอาหารแหลง ใหมท ่อี ดุ มสมบรู ณกแ บริเวณท่มี ีการเล้ียงสัตวแแบบเรร อ น คอื บรเิ วณทม่ี ีอากาศหนาวเย็น เชน ชายฝใง่ มหาสมทุ รอารกแ ติก หรือเขตอากาศแบบ ทุนดรา
การปุาไม แหลง ปาุ ไมทีส่ าํ คัญของทวปี คอื เขตภูมอิ ากาศแบบไทกา บริเวณคาบสมุทร สแกนดเิ นเวีย ซง่ึ จะมีปาุ สนเป็นบรเิ วณ กวาง การประมง จากลกั ษณะภมู ิประเทศของทวีปยุโรปท่ีมีชายฝ่งใ ทะเลยาวและเวาแหวง ตดิ ทะเลทง้ั 3 ดา น ประกอบกับการมี กระแสนาํ้ อุนแอตแลนติกเหนือไหลผา นทําใหใ นฤดหู นาวนา้ํ ไมเ ป็นน้าํ แข็ง จงึ กลายเป็นแหลงประมงที่สาํ คัญของทวีป มีชือ่ วา “ดอกเกอรแแบงกแ (Dogger Bank) การเหมอื งแร ทวีปยโุ รปมที รพั ยากรท่ีมีความสําคญั มากตอการทําอตุ สาหกรรม ไดแ ก เหล็กและถานหินแรถานหนิ ใชเ ป็นเชอื้ เพลิง ในการถลุงเหล็ก โดยมีแหลง ถานหินท่สี ําคญั เชนภาคเหนือของฝรั่งเศสและภาคกลางของเบลเย่ียม เยอรมัน เปน็ ตน แรเหลก็ เมื่อผานการถลุงแลวจะนาํ ไปใชใ นอตุ สาหกรรมเหล็กและเหลก็ กลา โดยมแี หลงแรเหลก็ ท่ีสาํ คญั เชน ประเทศสวเี ดน ฝรง่ั เศสน้ํามนั ปโิ ตรเลียมมี 2 แหลงท่ีสําคญั คอื ทะเลเหนอื และทะเลดํา การอตุ สาหกรรม ทวีปยโุ รปเปน็ ศูนยกแ ลางอุตสาหกรรมทสี่ าํ คญั แหง หน่งึ ของโลก ประเทศที่มีชอ่ื เสียงมาก คือ สหราชอาณาจกั ร ฝรั่งเศส เบลเยีย่ ม สวเี ดน โดยบริเวณน้ีจะมแี รเหล็กและถานหินซึ่งเปน็ สวนสําคัญในการทาํ อุตสาหกรรม สภาพแวดลอ มทางสังคมและวฒั นธรรม ลักษณะประชากร 1. มปี ระชากรมากเปน็ อนั ดับ 4 ของโลก และหนาแนน มากเป็นอันดบั 2 ของโลก 2. มีการกระจายประชากรทวั่ ท้งั ทวปี เนอื่ งจากความเหมาะสมในดา นสภาพภมู ิประเทศ ภมู ิอากาศและทรัพยากร 3. บรเิ วณทม่ี ีประชากรหนาแนน คือ บริเวณที่ราบภาคตะวันตกและภาคกลางของทวีป สวนบริเวณท่ีมปี ระชากร เบาบาง คือ บริเวณคาบสมุทรสแกนดเิ นเวยี และเขตยุโรปตะวันออก ประวตั ศิ าสตรแ แบง ได 3 สมยั คอื 1. สมัยโบราณ หรือ อารยธรรมสมัยคลาสสิค มีกรีกและโรมนั เป็นศูนยกแ ลางความเจริญ โดยตงั้ มั่นอยูทางตอนใต ของทวปี ยุโรปในแถบทะเลเมดเิ ตอรแเรเนยี น กรีก ชนชาติกรีกไดถายทอดมรดกทางศลิ ปวฒั นธรรมไวห ลายประการ ไดแ ก 1. การปกครอง ชาวกรกี ไดใหสทิ ธิราษฎรในการลงคะแนนเสียงเลอื กเจาหนา ทฝ่ี ุายปกครอง 2. ศิลปวฒั นธรรม ชาวกรีกมีความสามารถในดานวรรณคดี การละคร และสถาปใตยกรรม สถาปตใ ยกรรมทมี่ ชี ื่อเสยี ง คอื วิหารพาเธนอน นอกจากนี้ยังมีการแขง ขนั กีฬาทีเ่ ปน็ ท่ีรูจกั กนั ดี คอื กฬี าโอลมิ ปิก
3. ปรัชญาความคดิ นกั ปรชั ญากรกี ท่มี ชี ่อื เสยี ง คอื อรสิ โตเติล และเพลโตโรมัน ชนชาติโรมนั ไดรับความเจริญตา งๆ จากกรีก ส่งิ ท่ชี าวโรมันไดถ า ยทอดใหกับชนรนุ หลงั คอื ประมวลกฎหมาย และภาษาละติน 1. สมัยกลาง ในชว งน้ียโุ รปมศี กึ สงครามเกือบตลอดเวลา จนทําใหการพฒั นาดานตางๆ ตองหยดุ ชะงัก ยุคนจ้ี งึ ได ช่ือวา เป็น “ยคุ มืด” หลงั จากผ่า นพน ชว งสงครามจึงเปน็ ชวงของการฟืน้ ฟูศลิ ปะวทิ ยาการเริ่มใหค วามสําคญั กบั มนุษยมแ า กข้ึน เรยี กยคุ น้ีว่า ยคุ เรอ เนสซอง่ซแ(Renaissance) 2. สมยั ใหม ยคุ นี้เปน็ ยุคแหงการแสวงหาอาณานคิ ม ทําใหศิลปวัฒนธรรมของชาติตะวนั ตกแผขยายไปยังดินแดน ตา งๆ นอกจากนีย้ ังมเี หตกุ ารณสแ ําคญั คือ การปฏวิ ัตวิ ทิ ยาศาสตรแและการปฏิวตั อิ ุตสาหกรรมทวีปอเมรกิ าใต 1. ขนาดท่ตี ้ังและอาณาเขตติดตอ ทวีปอเมรกิ าใตเปน็ ทวีปท่ใี หญเ ปน็ อันดับ 4 ของโลก รองจากทวีปเอเชีย ทวีปแอฟริกา และทวีปอเมรกิ าเหนือ มีพน้ื ท่ีประมาณ 17.8 ลา นตารางกโิ ลเมตร มปี ระชากรประมาณ 299 ลา นคน รูปรา ง ของทวปี อเมริกาใตคลา ยคลึงกบั ทวีปอเมริกาเหนือ คอื มลี กั ษณะคลา ยรูปสามเหลยี่ มหวั กลบั มีฐานกวางอยทู างทศิ เหนือ สวน ยอดสามเหล่ยี มอยู ทางทศิ ใต ต้งั อยูในแถบซีกโลกใต ระหวา งละตจิ ูด 12 องศา 25 ลปิ ดาเหนือ ถงึ 56 องศาใต และลองติจูด 34 องศา 47 ลปิ ดาตะวนั ตก ถึง 81 องศา 20 ลิปดาตะวันตก อาณาเขตของทวีปอเมริกาใตมีดังน้ี อาณาเขตติดตอ ทศิ เหนือ ตดิ กบั ทวปี อเมริกาเหนอื โดยมคี ลองปานามาเปน็ เสนก้ันเขตแดนและตดิ ตอกบั ทะเลแครบิ เบียน ใน มหาสมทุ รแอตแลนติก จุดเหนอื สุดอยทู ี่แหลมกายนี าสในประเทศโคลอมเบยี ทิศใต ติดกบั ทวีปแอนตารกแ ติกา มีชอ งแคบเดรกเปน็ เสน ก้ันเขตแดน จุดใตสุดอยูท ่แี หลมโฟรแวารดแ ในคาบสมุทรบ รนั สวกิ ประเทศชลิ ี ทิศตะวันออก ติดกับมหาสมทุ รแอตแลนติก จดุ ตะวันออกสุดอยทู ีแ่ หลมโคเคอรูสในประเทศบราซิล ทศิ ตะวนั ตก ติดกับมหาสมุทรแปซฟิ ิก จุดตะวนั ตกสดุ อยูที่แหลมปารนี เยสในประเทศเปรู 2. ลักษณะภูมปิ ระเทศ ลกั ษณะภมู ิประเทศของทวีปอเมริกาใตสามารถแบงออกได 3 ลักษณะไดแก 1. เขตเทือกเขาตะวันตก ไดแก บริเวณเทือกเขาแอนดีส ซึ่งทอดตัวยาวขนานไปกับชายฝ่ใง มหาสมุทรแอตแลนติก ต้ังแตทางเหนือบริเวณทะเลแคริบเบียนไปจนถึงแหลมฮอรนแทางตอนใต มีความยาวประมาณ 7,200 กิโลเมตร เป็นแนว เทอื กเขาทย่ี าวทีส่ ดุ ในโลกยอดเขาสงู ทีส่ ุดในบรเิ วณนี้ คือ ยอดเขาอะคองคากัว สงู ประมาณ 6,924 เมตร บริเวณตอน กลางของเทือกเขามีที่ราบสูงท่ีสําคัญคือ ท่ีราบสูงโบลิเวีย มีความสูงถึง 4,500 เมตร และมีขนาดกวางใหญเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากที่ราบสูงทิเบต บนที่ราบสูงแหงน้ีมีทะเลสาบซ่ึงเป็นทะเลสาบที่สูงที่สุดในโลก ไดแก ทะเลสาบติติกากา ใน ประเทศเอกวาดอรแ 2. เขตท่ีราบสูงตะวันออก ประกอบดวยที่ราบสูงสําคัญ 3 แหง ไดแกท่ีราบสูงกิอานา ตั้งอยูทางตอนเหนือของทวีป ในเขตประเทศเวเนซูเอลากายอานาซูรนิ าเม เฟรนซแเกยี นา และภาคเหนือของบราซลิ มีลักษณะทเ่ี ป็นทีร่ าบสงู สลบั
กับเทอื กเขาสลับซับซอนทีร่ าบสูงบราซิล ตงั้ อยูตอนกลางของทวีป บรเิ วณตะวันออกของประเทศบราซิล ต้ังอยูระหวางท่ีราบ ลุมแมนํ้าแอมะซอน ที่ราบลุมแมน้ําปารานา และที่ราบลุมแมนํ้าปารากวัยทางตะวันออกมีความสูงชัน จากน้ันคอยๆ ลาด ตํ่าลงไปทางตะวันตก ท่ีราบสูงปาตาโกเนีย ต้ังอยูทางตอนใตของทวีป ในเขตประเทศอารแเจนตินาทางตะวันออกคอนขาง ราบเรียบและคอยๆ สงู ขึน้ ไปเรื่อยๆ ทางตะวันตก 3. เขตที่ราบลุมแมนํ้า อยูบริเวณตอนกลางของทวีป เป็นที่ราบดินตะกอนท่ีมีความอุดมสมบูรณแและกวาง ต้ังอยู ระหวา งเทือกเขาแอนดสี และท่ีราบสูงทางตะวันออก เขตทีร่ าบลมุ แมนา้ํ ท่ีสําคญั ของทวปี อเมรกิ าใตมี 2 บริเวณไดแ ก ที่ราบลุมแมน้ําแอมะซอนหรอื อเมซอน เปน็ ท่ีราบลมุ แมน าํ้ ที่ใหญทส่ี ดุ ในโลก มีพื้นที่ประมาณ 7 ลานตารางกิโลเมตร มีแมนํ้า หลายสายไหลผาน สวนมากมตี นกาํ เนิดจากเทอื กเขาแอนดสี และไหลสูมหาสมุทรแอตแลนติก แมนํ้าที่สําคัญท่ีสุดในบริเวณน้ี คอื แมน ้ํา แอมะซอน ที่ราบลุมแมนํา้ โอริโนโค อยูทางตอนเหนือของทวีป ในเขตประเทศโคลอมเบียและเวเนซุเอลา บริเวณ น้ีเป็นเขตเล้ียงสัตวแท่ีสําคัญของทวีปอเมริกาใต แมน้ําที่สําคัญในทวีปอเมริกาใต ไดแกแมน้ําแอมะซอน มีความยาว 6,440 กิโลเมตร เปน็ แมนํ้าที่มีความยาวเปน็ อันดบั 2 ของโลก รองจากแมน ํ้าไนลแ มีตนกาํ เนดิ จากเทอื กเขาแอนดีส ไหลผา นประเทศ บราซิล ไหลลงสูม หาสมทุ รแอตแลนติก แมน้ําปารานา มีความยาว 2,800 กิโลเมตรมีตนกําเนิดจากท่ีสูงทางตะวันออกของทวีป ไหลผานประเทศบราซิล ปารากวยั อารเแ จนตินา ลงสูมหาสมทุ รแอตแลนติกบริเวณอาวรโิ อเดอลาพลาตา แมน ํา้ ปารากวยั มคี วามยาว 2,550 กิโลเมตร มตี นกาํ เนิดจากที่สูงในประเทศบราซิลไหลผา นประเทศบราซิล ปารากวยั ไปรวมกับแมน้ําปารานาในเขตประเทศอารแเจนตินา 3. ลกั ษณะภมู ิอากาศ ปใจจยั ทม่ี ีอิทธิพลตอภมู ิอากาศของทวปี อเมรกิ าใต 1. ละติจูด พนื้ ทส่ี วนใหญของทวปี ครอบคลุมเขตอากาศรอน และประมาณ 1 ใน 3 ของพน้ื ที่ทวีปเปน็ อากาศแบบอบอุน ภูมภิ าคทางเหนือของทวปี จะมฤี ดูกาลทีต่ รงขามกบั ภมู ิภาคทางใต 2. ลมประจาํ ไดแ ก 2.1 ลมสนิ คาตะวันออกเฉียงเหนือ พัดผา นมหาสมุทรแอตแลนติกจึงนาํ ความชุมชนื้ เขา สูทวปี บริเวณชายฝง่ใ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ 2.2 ลมสนิ ค่า ตะวันออกเฉียงใต พัดผ่า นมหาสมทุ รแอตแลนติกจงึ นาํ ความชมุ ช้ืนเขาสทู วีปบริเวณชายฝงใ่ ตะวนั ออกเฉยี งใต 2.3 ลมตะวนั ตกเฉียงเหนอื พัดผา นมหาสมุทรแปซิฟกิ จงึ นําความชุมชนื้ เขาสูทวีปบริเวณชายฝง่ใ ตะวนั ตกของทวีป ตัง้ แตป ระมาณละติจูด 40 องศาใตลงไป 3. ทิศทางของเทือกเขา ทวปี อเมรกิ าใตมีเทอื กเขาสงู อยทู างตะวนั ตกของทวปี ดังนนั้ จึงเป็นส่ิงทีก่ ้นั ขวางอทิ ธพิ ลจากทะเลและ มหาสมุทร ทาํ ใหบ ริเวณท่ีใกลเทือกเขาคอนขางแหง แลง แตในทางตรงกนั ขาม ชายฝง่ใ ดา นตะวนั ออกจะไดรับอิทธิพลจาก ทะเลอยางเตม็ ที่
4. กระแสนํ้า มี 3 สายที่สําคัญ คอื 4.1 กระแสนํ้าอนุ บราซิล ไหลเลยี บชายฝใ่งของประเทศบราซิล 4.2 กระแสนํ้าเยน็ ฟอลแกแลนดแ ไหลเลยี บชายฝ่งใ ประเทศอารเแ จนตนิ า 4.3 กระแสน้ําเย็นเปรู (ฮัมโบลดแ) ไหลเลียบชายฝใง่ ประเทศเปรแู ละชิลี เขตภูมอิ ากาศแบงออกไดเป็น 8 เขต ดงั น้ี 1. ภูมอิ ากาศแบบปาุ ดิบชื้น ไดแก บริเวณทร่ี าบลมุ แมน ํ้าแอมะซอน เป็นบริเวณท่ีมีอากาศเยน็ ปุาดบิ ชน้ื ทกี่ วา งใหญ ท่สี ดุ ในโลกสวนใหญม ีพ้นื ท่อี ยูประเทศบราซลิ มีอุณหภมู สิ ูงเฉลย่ี 27 องศาเซลเซียส มีฝนตกชกุ เกือบตลอดท้งั ปีประมาณ 2,000 มิลลิเมตรตอ ปี 2. ภมู ิอากาศแบบทงุ หญาเขตรอน ไดแก บรเิ วณตอนเหนอื และใตของลุม แมน ํา้ แอมะซอน มีอากาศรอ นและแหง แลง ฤดูรอนมฝี นตกแตไมช ุกเหมือนในเขตปาุ ดบิ ชนื้ อุณหภูมิสงู เฉล่ยี 27 องศาเซลเซยี ส มีลักษณะอากาศคลายกับภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉยี งเหนือของประเทศไทย 3. ภมู อิ ากาศแบบทะเลทราย ไดแก ภาคใตข องเปรแู ละภาคเหนอื ของชิลี เป็นบรเิ วณท่รี อนและแหง แลง มาก มี ปรมิ าณฝนตกเฉลี่ยตํา่ กวา 250 มลิ ลิเมตร ตอ ปี และบางครง้ั ฝนไมต กยาวนานตดิ ตอกันหลายเดือน ทะเลทรายที่สําคญั ใน บรเิ วณนไี้ ดแ ก ทะเลทรายอะตากามาในประเทศชิลี ในบรเิ วณนี้มฝี นตกนอยกวา 50 มลิ ลเิ มตรตอ ปี บางครง้ั ฝนไมตก ตดิ ตอ กันเป็นเวลานานหลายปี จัดเป็นทะเลทรายท่ีแหงแลงมากท่ีสดุ แหงหนึ่งของโลก 4. ภูมิอากาศแบบทงุ หญา กงึ่ ทะเลทราย ไดแ ก ทางตะวนั ออกของประเทศอารเแ จนตนิ าจนถงึ ที่ราบสูงปาตาโกเนยี อณุ หภูมิไมสงู นกั เฉลยี่ 18 องศาเซลเซยี ส ฤดูหนาวมีอากาศหนาวเย็น ฤดรู อ นมีอากาศรอน ปรมิ าณฝนนอยประมาณ 500 มิลลเิ มตรตอปี 5. ภมู อิ ากาศแบบเมดเิ ตอรเแ รเนียน ไดแก บริเวณชายฝง่ใ มหาสมุทรแปซิฟกิ ตอนกลางของประเทศชิลี ในฤดรู อ นมี อากาศรอ นและแหงแลง ฤดหู นาวมฝี นตก 6. ภมู ิอากาศแบบอบอุนช้ืน ไดแ ก บริเวณตะวันตกเฉียงใตของทวีป ต้ังแตต อนใตของบราซิล ปารากวยั อุรุกกวยั และตะวนั ออกเฉยี งเหนือของอารเแ จนตินา อากาศในบรเิ วณนไี้ มแ ตกตางกนั มากนกั ฤดหู นาวมีอากาศอบอนุ ฤดรู อนมีฝนตก เฉลีย่ 750 – 1,500 มลิ ลเิ มตรตอ ปี 7. ภมู อิ ากาศแบบภาคฟื้นสมุทร ไดแ ก บรเิ วณชายฝ่งใ ทะเลอากาศหนาวจัด มฝี นตกเกือบตลอดท้งั ปีโดยเฉพาะในฤดู หนาวและฤดูใบไมร วงเฉล่ีย 5,000 มิลลิเมตรตอ ปี 8. ภูมอิ ากาศแบบทสี่ ูง ไดแ ก บริเวณเทอื กเขาแอนดีส เป็นบริเวณท่ีมีความแตกตางกันมาก ขึน้ อยูกบั ระดับความสงู ของพืน้ ที่ คอื บริเวณทรี่ าบมีอุณหภูมสิ งู และฝนตกชกุ เมื่อสูงขน้ึ อุณหภมู ิและปริมาณน้าํ ฝนจะลดลงไปเรื่อยๆ ยง่ิ สูงกวา ระดบั น้าํ ทะเลประมาณ3,000 เมตร มอี ณุ หภมู เิ ฉลีย่ ตลอดท้ังปีประมาณ 15 องศาเซลเซยี ส ปริมาณฝนตกเฉลย่ี 1,000 มิลลิเมตรตอปี ในขณะทปี่ ระเทศอน่ื ท่ีอยูบริเวณเสนศนู ยแสตู ร แตต ั้งอยูบนทรี่ าบเชน มาเลเซยี มีอุณหภมู ิเฉล่ยี 27 องศาเซียส และมีฝนตกชกุ ตลอดทัง้ ปสี งู กวา 2,500มลิ ลเิ มตรตอ ปี
4. ลักษณะเศรษฐกจิ และ สภาพแวดลอมทางสงั คม วัฒนธรรม ลกั ษณะเศรษฐกิจ การทําเกษตรกรรม 1. จากลกั ษณะอากาศของทวีป เหมาะกบั การปลกู พชื เมืองรอ น เชน กาแฟ กลว ยโกโก ออย ยาสูบ โดยเฉพาะ กาแฟมีผผู ลิตรายใหญ คอื บราซิลและโคลมั เบยี 2. บริเวณท่ีราบลุมแมน าํ้ ปารานา – ปารากวัย – อรุ ุกวยั มีความเหมาะสมในการปลูกขา วสาลี เน่อื งจากอยูในเขต อบอุนและเป็นท่รี าบลมุ แมน้ําท่ีมีความอุดมสมบูรณแโดยเฉพาะในเขตประเทศอารเแ จนตนิ า 3. การเพาะปลูกในทวปี มีทงั้ การเพาะปลกู เป็นไรก ารคา ขนาดใหญ ทเ่ี รียกวา เอสตันเซียและมีการเพาะปลูกแบบยงั ชพี การเลี้ยงสตั วแ การเลีย้ งสตั วแในทวีปอเมริกาใตก ระทําอยา งกวา งขวาง ดังนี้ 1. ทงุ หญา ปามปสใ เปน็ เขตปศสุ ตั วแขนาดใหญ มกี ารเล้ียงโคเน้ือ โคนม แกะ 2. ทงุ หญา ยาโนส และทุงหญาแกมโปส เปน็ เขตเล้ียงโคเนื้อ 3. ทุงหญาก่งึ ทะเลทราย บรเิ วณที่ราบสงู ปาตาโกเนีย มีการเล้ียงแกะพนั ธแุขนประเทศทส่ี งเนื้อสัตวเแ ป็นสนิ คาออก จํานวนมาก คอื ประเทศอารแเจนตนิ า อรุ กุ วัย บราซลิ การประมง แหลง ประมงทสี่ ําคญั ของทวีป คือ บริเวณชายฝ่งใ ประเทศเปรูและชลิ ี ซง่ึ มีกระแสนา้ํ เยน็ เปรู (ฮมั โบลดแ) ไหลผา น มี ปลาแอนโชวเี ปน็ จาํ นวนมาก นอกจากนี้ยงั มีการจับปลาตาม ลมุ แมน าํ้ ตา ง ๆ โดยชาวพืน้ เมืองอีกดว ย แตเ ป็นการจบั ปลา เพ่อื ยงั ชีพ การปุาไม การทําปุาไมใ นทวปี มีไมมากนักเนอื่ งจากความไมส ะดวกในการคมนาคมและ การขนสง เขตที่มีความสาํ คัญในการทําปุาไม คอื ภาคตะวันออกเฉียงใตของบราซลิ การทาํ เหมืองแร ทวปี อเมรกิ าใตเ ป็นแหลง ผลิตพืชเมืองรอนและสนิ แร การทําเหมืองแรมคี วามสาํ คัญ รองจากการทําเกษตรกรรม โดยมีแหลง แรที่สําคญั ดงั น้ี อุตสาหกรรม การอตุ สาหกรรมในทวปี ยงั ไมคอ ยมีความเจริญมากนกั เนอ่ื งจากขาดเงินทุน และยงั ตอ งอาศัยความรว มมือและการ รว มลงทุนจากตา งชาติ ประเทศที่มีความเจริญทางดา นอุตสาหกรรม คือ อารเแ จนตินา บราซลิ ชิลี เวเนซเุ อลา ทวปี อเมรกิ า เหนือ
1. ขนาดทต่ี ั้งและอาณาเขตติดตอทวีปอเมริกาเหนือเป็นทวปี ที่มีขนาดกวางใหญโ ดยมีขนาดใหญเปน็ อนั ดับท่ี 3 ของ โลกรองจากทวีปเอเชียและทวปี แอฟริกามีพ้นื ทป่ี ระมาณ 24 ลานตารางกโิ ลเมตร รปู รางของ ทวีปอเมริกาเหนือมีลักษณะ คลายสามเหลีย่ มหวั กลับมีฐานกวางอยูทางทิศเหนอื สวนยอดสามเหลย่ี มอยทู างทิศใต ดวยความกวางใหญของทวปี จึงมีความ หลากหลายทงั้ ในดา นลักษณะทางกายภาพทรัพยากรธรรมชาติและเปน็ ท่รี วมของชนชาตหิ ลายเชอ้ื ชาตจิ นกลายเป็นเบา หลอมทางวฒั นธรรม อีกทัง้ มีความเจริญกา วหนา ในดานเทคโนโลยีและเปน็ ศูนยรแ วมของวฒั นธรรมตา งๆ ตงั้ อยูในแถบซกี โลก เหนือระหวางละติจดู 7 องศา 15 ลิปดาเหนอื ถึง 83 องศา 38 ลิปดาเหนอื และลองจจิ ดู 55 องศา 42 ลปิ ดาตะวนั ตก 172 องศา 30ลปิ ดาตะวนั ออก อาณาเขตตดิ ตอ ทิศเหนือ ติดกับทะเลโบฟอรตแ ในมหาสมุทรอารกแ ติกและขวั้ โลกเหนือ จดุ เหนือสุดอยูท ี่แหลมมอริสเจซปุ เกาะ กรีนแลนดแแ ละประเทศแคนาดา ทศิ ใต ติดกับทวีปอเมรกิ าใต (มีคลองปานามาเปน็ เสนแบง ทวปี ) ทะเลแคริบเบียนในมหาสมทุ รแปซิฟิกและอา ว เม็กซโิ กในมหาสมุทรแอตแลนตกิ ทศิ ตะวนั ออก ตดิ กบั มหาสมทุ รแอตแลนติก จุดตะวันออกสุดของทวีปอยูท ี่คาบสมุทรลาบราดอรแ ประเทศแคนาดา ทศิ ตะวันตก ตดิ กับมหาสมทุ รแปซฟิ ิก จดุ ตะวนั ตกสุดของทวปี อยูท ี่แหลมปรินซแออฟเวลรัฐอะลาสกา ประเทศ 2. ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ ลกั ษณะภมู ิประเทศของทวีปอเมริกาเหนือ สามารถแบง ออกได 3 ลกั ษณะไดแ ก 1. เขตเทือกเขาภาคตะวันออก เรมิ่ ต้ังแตเ กาะนิวฟนัดแลนดแทางตะวันออกเฉยี งเหนอื ของแคนาดา จนถงึ ตะวันออก เฉียงใตข องสหรฐั อเมรกิ า ประกอบดวยเทือกเขาและทร่ี าบสงู แตไมส งู นัก ยอดเขาทส่ี งู ที่สุดคือ ยอดเขามิตเชล มีความสงู 2,037 เมตร เทือกเขาทีส่ าํ คัญคอื เทอื กเขาแอปปาเลเซยี น นอกจากนี้ยังมที ่ีราบแคบๆ ขนานไปกับชายฝงใ่ ทะเล บางสว น ลาดลงทะเลกลายเปน็ ไหลท วีป 2.เขตเทือกเขาสงู ภาคตะวนั ตก ไดแ ก พ้ืนทชี่ ายฝงใ่ ตะวันตกดานมหาสมุทรแปซฟิ ิก ตง้ั แตเ ทอื กเขาตอนเหนือสดุ บริเวณชองแคบแบรงิ ทอดตัวยาวทางใตของทวปี ประกอบดวยเทอื กเขาสงู สลบั ซับซอนจาํ นวนมาก ยอดเขาทส่ี งู ท่ีสุด คือ ยอดเขาแมกคินเลยสแ ูง 6,096 เมตร ในเทือกเขาอะลาสกา นอกจากนี้ยงั มีเทือกเขาร็อกกีและเทือกเขาแมกเคนซี ระหวา งเทอื กเขาสงู มที ่รี าบสงู จาํ นวนมาก ทส่ี าํ คญั ไดแก ท่รี าบสงู อะลาสกา ท่รี าบโคโรราโดทรี่ าบสูงเม็กซโิ ก และท่รี าบสูงบริ ตชิ โคลัมเบีย เขตเทือกเขาสูงบรเิ วณนี้มีภมู ิประเทศทสี่ วยงามท่ีมที ้ังเทือกเขาสูง สลบั กบั ทร่ี าบสงู หุบเขาลกึ ชัน เกิดเป็นโตรก เขาทีเ่ กิดจากการกดั เซาะของแมน า้ํ โตรกเขาทีม่ ชี ือ่ เสยี งท่ีสดุ คอื แกรนดแแ คนยอน (grand canyon) ที่เกดิ จากการ กัดเซาะของแมน ํ้าโคโรราโด รัฐแอริโซนาประเทศสหรัฐอเมรกิ า 3. เขตทรี่ าบภาคกลาง เปน็ ทร่ี าบขนาดกวา งใหญ อยูร ะหวา งเทือกเขาตะวันออกและตะวนั ตก เริ่มตั้งแตชายฝง่ใ มหาสมุทรอารแตกิ จนถึงชายฝงใ่ อา วเม็กซิโก มลี กั ษณะเปน็ ท่ีราบลูกคลื่นอันเกดิ จากการกระทาํ ของธารน้ําแข็งและการทับถม ของตะกอนจากแมน้าํ ทีร่ าบที่สําคัญ ไดแก ทรี่ าบลมุ ทะเลสาบท้งั หา ที่ราบลุมแมน าํ้ แมกแคนซี ท่รี าบลุมแมนํา้ มสิ ซิสซิปปี-มิส ซูรี่ ทีร่ าบแพรีและที่ราบชายฝ่ใงอาวเม็กซโิ ก แมนา้ํ แมน า้ํ ที่สําคัญในทวปี อเมริกาเหนือ มดี งั นี้ แมนาํ้ มสิ ซสิ ซปิ ปี เกิดจากเทือกเขาสงู ทางตะวันตกของทวปี เป็นแมน า้ํ สายทยี่ าวท่สี ุดในทวปี ไหลผา นทรี่ าบกวางลงสู อาวเมก็ ซิโก เปน็ เขตทีร่ าบทม่ี ีตะกอนทบั ถมเป็นบริเวณ กวา ง จงึ เหมาะแกการเพาะปลูก และเป็นเขตประชากรหนาแนน
แมนํา้ เซนตลแ อวเแ รนซแ ไหลจากทะเลสาบเกรตเลคออกสูมหาสมทุ รแอตแลนติกแมน้ําสายน้ีใชในการขนสงสินคาหรอื วตั ถุดบิ ทางอุตสาหกรรม (เนอื่ งจากบรเิ วณรอบๆเกรตเลคเป็นเขตอุตสาหกรรม) แตป ใญหาสําคญั ของแมน ้ําสายน้ี คอื จะมี ระยะท่ีเดนิ เรือไมไดในฤดหู นาว ลกั ษณะพิเศษของแมน ํ้าเซนตแลอวเแ รนซแ คอื มกี ารขดุ รองนา้ํ และสรา งประตูกัน้ น้ําเป็นระยะๆ เนอ่ื งมาจากบรเิ วณแมน้าํ มีแกงนํา้ ตกขวางหลายแหง เสนทางการขนสง สนิ คา และเดินเรือนี้ เรียกวา “เซนตแลอวเแ รนซแ ซเี วยแ” (St. Lawrence Seaway) แมนํ้าริโอแกรนดแ ก้ันพรมแดนระหวางประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศเม็กซิโก 3. ลักษณะภูมิอากาศ ปจใ จัยท่ีมีอิทธิพลตอ ภูมิอากาศของทวปี อเมรกิ าเหนือ 1. ละตจิ ูด ทวปี อเมรกิ าเหนือตั้งอยรู ะหวา งละติจูด 7 องศา 15 ลิปดาเหนอื ถึง83 องศา 38 ลปิ ดาเหนอื ใกลข ้ัว โลกเหนือ จงึ ทําใหม ีเขตภมู ิอากาศทุกประเภทต้งั แตอากาศรอนไปจนถึงอากาศหนาวเยน็ แบบขว้ั โลก 2. ลมประจํา ลมประจําท่ีพัดผานทวีปอเมรกิ าเหนือ มีความแตกตางกันตามชวงละติจดู มีลมประจําทส่ี าํ คัญดงั นี้ 1) ลมดานตะวนั ออกเฉียงเหนือ พดั ตั้งแตละติจูด 40 องศาเหนือลงไปทางใตพดั ผานมหาสมทุ รแอตแลนติกเขาสู ทวปี จึงนาํ ความชุม ชืน้ มาใหชายฝ่ใง ตะวันออกของทวปี ตลอดทงั้ ปี ต้ังแตตอนใตของสหรัฐอเมรกิ า อเมรกิ ากลางและหมเู กาะ อินดิสตะวนั ตก 2) ลมตะวันตกเฉียงใต พดั ต้ังแตละติจูด 40 องศาเหนือถึง 60 องศาเหนอื พัดจากมหาสมทุ รแปซิฟิกเขาสู ตอนกลางถึงตอนเหนอื ของสหรัฐอเมริกาและตอนใตข องแคนาดา 3) ลมขวั้ โลก พัดอยูบรเิ วณขั้วโลกนําความหนาวเย็นมาใหพืน้ ทท่ี างตอนบนของทวปี 3. ความใกลไกลทะเล จากลกั ษณะรปู รา งของทวีปอเมริกาเหนอื ซ่ึงตอนบนจะกวา งใหญ และคอ ยๆ เรียวแคบลงมา ทางตอนใต ทําใหตอนบนของทวีปไดรับอิทธพิ ลจากมหาสมุทรนอย จงึ ทําใหพนื้ ท่ีตอนบนมภี ูมิอากาศคอนขา งแหง แลง 4. ทศิ ทางของเทือกเขา ทศิ ทางการวางตัวของเทือกเขาในทวปี อเมรกิ าเหนือเปน็ สวนสาํ คญั ในการทําใหพนื้ ท่ีทาง ตอนในของทวปี มอี ากาศคอนขา งแหง แลง โดยเฉพาะเทือกเขาทางตะวนั ตกของทวีป ซ่ึงเป็นเทอื กเขายุคใหมท่สี ูงมาก จงึ ขวางกน้ั ความช้ืนที่มากับลมประจํา 5. กระแสนํา้ ทวีปอเมริกาเหนอื มกี ระแสนาํ้ 4 สาย ซงึ่ มีอิทธิพลตออากาศบรเิ วณชายฝใ่งโดยกระแสนา้ํ อุน ทําให อากาศบรเิ วณชายฝงใ่ อบอนุ ชุมช้นื สวนกระแสนาํ้ เย็นทาํ ใหอากาศบริเวณชายฝใ่งเย็นและแหงแลง 1) กระแสนํ้าอนุ กัลฟส ตรมี ไหลเลียบชายฝใ่งตะวันออกของเมก็ ซโิ ก และสหรฐั อเมริกาทางใตขน้ึ ไปทาง ตะวนั ออกเฉียงเหนอื ของเกาะนิวฟนใ ดแแ ลนดแของแคนาดา2) กระแสนา้ํ เยน็ แลบราดอรแ ไหลเลยี บชายฝงใ่ ตะวนั ตกของเกาะ กรีนแลนดลแ งมาจนถึงชายฝ่ใงตะวนั ออกของแคนาดา พบกับกระแสนํ้าอุนกลั ฟส ตรีม บรเิ วณเกาะนิวฟนใ ดแแลนดจแ ึงทําให บรเิ วณนี้เปน็ แหลงปลาชมุ เน่อื งจากมีอาหารปลาจํานวนมาก กลายเป็นเขตทาํ ประมงท่สี ําคัญ เรยี กบริเวณนวี้ า “แกรนดแ แบงคแ” (Grand Bank) 3) กระแสนํา้ อนุ อลาสกา ไหลเลียบชายฝ่ใงตะวนั ตกของรัฐอลาสกาขน้ึ ไปทางเหนือจนถงึ ชองแคบเบริง ทาํ ใหชายฝง่ใ อบอุน น้ําไมเปน็ นาํ้ แขง็ สามารถจอดเรือไดตลอดปี 4) กระแสน้ําเย็นแคลิฟอรเแ นีย ไหลเลียบชายฝ่งใ ตะวันตกของสหรฐั อเมริกาลงมาทางใตจนถงึ ชายฝงใ่ คาบสมุทร แคลิฟอรแเนยี ทาํ ใหชายฝงใ่ มีอากาศเย็นและแหงพายุ พายทุ ่ีมีอทิ ธิพลตอ ลมฟูาอากาศของทวปี อเมรกิ าเหนือเป็นอยางมากคือ
1. พายุเฮอรเิ คน เป็นพายหุ มุนเขตรอน เชน เดยี วกับใตฝ ุน พายุนเี้ กิดในทะเลแครเิ บียน และอ่า วเม็กซิโก เปน็ พายุ ท่ที ําใหฝู นตกหนัก คลื่นลมแรงเคลอ่ื นตัวจากทะเลเข่า สูชายฝ่ใงของสหรัฐอเมริกา เมก็ ซิโก และหมเู กาะในทะเลแคริเบยี น 2. พายุทอรนแ าโด เนือ่ งจากบริเวณภาคกลางของสหรฐั อเมรกิ าเป็นพ้นื ท่โี ลง กวางทาํ ใหมวลอากาศปะทะกันไดง าย เกิดเปน็ พายหุ มนุ ทอรแนาโด มีกําลงั แรงมาก กอใหเ กิดความเสียหายกับบา นเรอื นในรอบ 1 ปเี กดิ พายุนี้ไดบอยครั้ง จนไดรบั สมญานามวา“พายุประจําถิ่น” ของสหรฐั อเมริกา เขตภมู อิ ากาศแบง ออกไดเ ป็น 12 เขต ไดแก 1. ภูมอิ ากาศแบบรอนช้นื ไดแก บริเวณชายฝ่ใงตะวนั ออกของอเมรกิ ากลาง และบางสว นของหมูเกาะอนิ ดีส ตะวันตก มอี ากาศรอนเกือบตลอดทงั้ ปี อณุ หภมู เิ ฉลยี่ 18 องศาเซลเซยี สและมีฝนตกชุกเฉล่ีย 1,700 มลิ ลเิ มตรตอปี ในเขต น้ีไมมีฤดูหนาว 2. ภมู ิอากาศแบบทะเลทราย ไดแ ก บรเิ วณภาคตะวนั ตกเฉียงใตข องสหรฐั อเมริกาและภาคเหนือของเม็กซิโก มี อากาศรอ นจัดและมฝี นตกนอ ยมาก เฉลี่ย 250 มิลลิเมตรตอ ปี 3. ภมู ิอากาศแบบทุง หญาเขตรอ น ไดแก ชายฝใ่งตะวนั ตกของอเมรกิ ากลาง พ้ืนที่สวนใหญของเมก็ ซโิ ก บางสวนของ หมูเกาะอินดีสตะวันตก และทางตอนใตส ุดของคาบสมทุ รฟลอรดิ า มอี ณุ หภูมิแตกตางกันมากระหวา งฤดูรอนและฤดูหนาว คอื ฤดหู นาวอากาศหนาวจัดฤดรู อนมีอากาศรอนจดั และมีฝนตก 4. ภูมิอากาศแบบทงุ หญา กึง่ ทะเลทราย ไดแ ก บรเิ วณชายขอบของเขตทะเลทรายเริ่มต้ังแตบางสวนของประเทศ แคนาดาและเม็กซิโก ทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงใตของสหรัฐอเมริกา มีลกั ษณะภมู ิอากาศก่งึ แหง แลง ฤดหู นาวมีอากาศ หนาวจัด ฤดูรอนมีอากาศรอ นและแหง แลง ปรมิ าณฝนไมมากนกั แตมากกวาในเขตทะเลทราย 5. ภมู ิอากาศแบบเมดิเตอรเแ รเนียน ไดแ ก บรเิ วณชายฝ่ใงมหาสมทุ รแปซิฟกิ ในเขตรฐั แคลิฟอรแเนียของสหรฐั อเมริกา ในฤดรู อ นมีอากาศไมรอนจัด ในฤดหู นาวมอี ากาศอบอุนแหงแลง และมีฝนตก 6. ภมู ิอากาศแบบอบอนุ ชืน้ ไดแ ก บรเิ วณทีร่ าบชายฝใง่ มหาสมุทรแอตแลนติกและท่รี าบตอนกลางของทวีป อุณหภูมิ เฉลีย่ ตลอดทงั้ ปีมคี วามใกลเ คียงกนั มฝี นตกเกือบตลอดทั้งปีเฉลยี่ 750 มลิ ลิเมตรตอปี 7. ภูมิอากาศแบบภาคพืน้ สมุทรชายฝง่ใ ตะวันตก ไดแ ก ชายฝใ่งมหาสมุทรแปซิฟิกในเขตสหรัฐอเมรกิ าและแคนาดา มี ฝนตกชุกเกือบตลอดท้งั ปเี ฉล่ีย 2,000 มลิ ลิเมตรตอปฤี ดรู อนมีอากาศรอ นชืน้ และ ฤดูหนาวมีอากาศเย็นสบาย 8. ภูมิอากาศแบบช้นื ภาคพื้นทวีป ไดแ ก ตอนใตของประเทศแคนาดารอบๆ ทะเลสาบทั้ง 5 และภาคเหนือของสหรฐั อเมริกา ในฤดหู นาวมีอากาศหนาวเยน็ ในฤดรู อ นมีอากาศอบอนุ และมฝี นตก 9. ภมู ิอากาศแบบไทกา ไดแ ก ภาคเหนอื ของประเทศแคนาดา และตอนใตของรฐั อะลาสกา สหรัฐอเมรกิ า เป็น บริเวณทม่ี อี ากาศหนาวจัด มีหมิ ะตกตดิ ตอ กันหลายเดือนฤดูรอนมีอากาศเย็น มีปริมาณฝนตกนอ ยและระยะสั้นๆ 10. ภูมอิ ากาศแบบทนุ ดรา ไดแ ก ชายฝ่ใงมหาสมทุ รอารกแ ติก ภาคเหนอื ของแคนาดา รฐั อะลาสกาของสหรฐั อเมริกา และชายฝ่ใงเกาะกรีนแลนดแ มีอากาศหนาวจัดเกือบตลอดท้ังปี ฤดรู อนมีชว งส้นั และอุณหภมู ติ ํา่ เฉลยี่ ตลอดทั้งปี 10 องศา เซลเซียส 11. ภูมิอากาศแบบข้วั โลก ไดแก ตอนกลางของเกาะกรนี แลนดแ มอี ากาศหนาวจัดมนี ํา้ แข็งปกคลมุ เกือบตลอดทั้งปี บรเิ วณตอนกลางของเกาะมนี ํ้าแข็งปกคลุมหนาถึง3,000 เมตร
12. ภูมิอากาศแบบบริเวณภูเขาสูง ไดแ ก เทอื กเขาสงู ในภาคตะวันตก เปน็ บริเวณทม่ี ีอุณหภูมิแตกตางกนั มาก ขึ้นอยกู ับความสงู ของพ้นื ท่ี เชน ในฤดูรอ นดา นที่รับแสงแดดอากาศรอ นจัด ในดา นตรงกันขา มจะมอี ากาศหนาวเย็น ในแถบ หบุ เขาจะมีอากาศหนาวเยน็ โดยเฉพาะในเวลากลางคนื อณุ หภูมิจะตา่ํ ลงเมอ่ื ความสงู เพิ่มขน้ึ บรเิ วณยอดเขามีน้ําแขง็ ปกคลุม อยู ในบริเวณนี้มฝี นตกนอย 4. สภาพเศรษฐกิจ และสภาพแวดลอมทางสังคมวฒั นธรรมลกั ษณะเศรษฐกจิ ลักษณะเศรษฐกจิ ของทวีปอเมริกา เหนือจะมีความแตกตางกนั คือ ในสหรัฐอเมรกิ า แคนาดา จะเป็นเขตเศรษฐกจิ ทมี่ ีความเจริญสงู สวนในเขตของเมก็ ซิโก อเมรกิ ากลางและหมูเกาะอินดีสตะวนั ตกจะมีทั้งเขตเศรษฐกิจทเี่ จรญิ แลว และเขตทีย่ งั ตองไดร ับการพัฒนา การทําเกษตรกรรม 1. เขตปลูกขา วสาลี บรเิ วณทีม่ กี ารปลูกขาวสาลี ซึง่ ถอื เป็นแหลง สาํ คญั ของโลกคือ บรเิ วณภาคกลางของแคนาดา และสหรัฐอเมริกา 2. เขตทาํ ไรป ศุสตั วแ พบในบริเวณท่ีภมู ิอากาศคอนขางแหง แลง เชน ภาคตะวนั ตกของแคนาดา สหรัฐอเมรกิ า และ เม็กซโิ ก สัตวทแ ่เี ลีย้ ง คือ โคเนือ้ 3. เขตเกษตรกรรมแบบผสม ไดแ ก เขตที่มีการเลยี้ งสตั วแควบคูกับการปลกู พชื เชน ขา วสาลี ขา วโพด สวนสตั วแเลีย้ ง คือ โคเนอื้ โคนม การเกษตรลักษณะน้ีพบบริเวณทางตะวนั ออกของสหรฐั อเมริกาและแคนาดา 4. เขตปลูกฝูาย ไดแ ก บรเิ วณทางตะวนั ตกของสหรฐั อเมรกิ า ซ่งึ เป็นเขตทีม่ ีอากาศคอนขา งรอนและแหงแลง 5. เขตปลกู ผัก ผลไมและไรยาสบู ไดแก บริเวณทร่ี าบชายฝ่งใ มหาสมุทรแอตแลนติก 6. เขตปลูกพืชเมอื งรอน พืชเมอื งรอนทีน่ ิยมปลูกคือ กลว ย โกโก ออ ย กาแฟ ซ่ึงมีมากบริเวณอเมรกิ ากลางและหมู เกาะอนิ ดีสตะวนั ตก การประมง บริเวณทม่ี ีการทาํ ประมงกนั อยางหนาแนน คือ แกรนดแแ บงคแ และบริเวณชายฝง่ใ มหาสมุทรแปซิฟิกโดยเฉพาะ บริเวณที่มกี ระแสนํ้าเย็นแคลิฟอรแเนียไหลผาน การทําเหมืองแร ถา นหนิ สหรัฐอเมริกาและแคนาดา สามารถผลติ ถา นหนิ ได เป็นจํานวนมาก โดย มแี หลง ผลติ ท่สี าํ คญั คือ บรเิ วณเทอื กเขาแอปปาเลเซียน ในสหรัฐอเมริกา และมณฑลควเิ บก ของแคนาดา เหล็ก แหลงสาํ คัญ คือ ทะเลสาบเกรตแลค น้าํ มนั และก฿าซธรรมชาติ พบบรเิ วณเทือกเขาแอปปาเลเซยี นลุม แมน้าํ มิสซสิ ซปิ ปี อาวเม็กซิโก แคลฟิ อรแเนยี อลาสกา การทําอตุ สาหกรรม สหรฐั อเมริกาเปน็ ประเทศผนู าํ ในการทาํ อุตสาหกรรมระดับโลก สว นใหญเ ปน็ อุตสาหกรรม ขนาดใหญใชเงนิ ทนุ เปน็ จํานวนมาก สว นประเทศเม็กซิโกและอเมริกากลาง รวมถงึ ประเทศในหมเู กาะอนิ ดสี ตะวันตก อุตสาหกรรมสวนใหญเ ป็นอุตสาหกรรมเกษตรการแปรรปู ผลผลิตตา งๆ ซง่ึ ตองอาศัยการพัฒนาตอไปสภาพแวดลอมทาง สังคมและวฒั นธรรม ประชากร 1. บริเวณทมี่ ีประชากรหนาแนน ไดแก ชายฝใ่งตะวันตกของสหรัฐอเมรกิ า ลุม แมน าํ้ มสิ ซิสซิปปี ลมุ แมน้ําเซนตแ ลอรวเแ รนซแ ท่ีราบสงู ในเม็กซิโก หมเู กาะอินดีสตะวันตก
2. มีผคู นหลากหลายเช้ือชาติ เชน อินเดยี นแดง เอสกโิ ม ยโุ รป แอฟริกนั เอเชียและกลุม เลือดผสม เขตวฒั นธรรม 1. แองโกอเมริกา หมายถึง สหรัฐอเมริกาและแคนาดา 2. ลาตินอเมริกา หมายถึง กลมุ คนในเมกซิโก อเมรกิ ากลาง และหมูเกาะอินดสี ตะวันตก (ซงึ่ ไดร บั อิทธพิ ลจาก สเปนและโปรตุเกส) ทวปี แอฟรกิ า 1. ขนาดทีต่ ั้งและอาณาเขตติดตอ ทวีปแอฟริกามีขนาดใหญเป็นอันดับ 2 รองจากทวปี เอเชีย มีพ้ืนทป่ี ระมาณ 30.3 ลา นตารางกโิ ลเมตร มปี ระชากร 600 ลา นคน อยรู ะหวา งละตจิ ดู ที่ 37 องศา 21 ลปิ ดาเหนอื ถึง 34 องศา 50 ลิปดาใต ลองติจดู ที่ 51 องศา 24 ลปิ ดาตะวนั ออกถึง 17 องศา32 ลปิ ดา อาณาเขตตดิ ตอ ทิศเหนือ ตดิ กบั ทะเลเมดิเตอรเแ รเนยี น ในมหาสมทุ รแอตแลนตกิ ชอ งแคบยิบรอลตารแ จุดเหนือสดุ ของทวีปอยทู ่ี แหลมบอน ประเทศตูนิเซีย ทิศใต ติดกบั มหาสมุทรแอตแลนตกิ และมหาสมุทรอนิ เดีย จุดใตสุดของทวีปอยูท่แี หลมอะกอลฮัส (Agulhas) ใน ประเทศแอฟรกิ าใต ทิศตะวนั ออก ตดิ กับทะเลแดง ในมหาสมุทรอินเดยี จดุ ตะวนั ออกสดุ ของทวปี อยูท่ีแหลมฮาฟนู ประเทศโซมาเลยี ทิศตะวันตก ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก จุดตะวันตกสดุ ของทวปี อยูทแ่ี หลมเวิรแดประเทศเซเนกัล 2. ลักษณะภูมปิ ระเทศ ลักษณะภมู ปิ ระเทศทวีปแอฟรกิ าสามารถแบง ออกไดเป็น 3 ลักษณะดังน้ี 1. เขตทรี่ าบสงู พื้นท่เี กือบทัง้ หมดของทวีปเปน็ ท่ีราบสูง จนไดร ับสมญาวา เป็นทวปี แหง ที่ราบสงู โดยทางซีก ตะวันออกจะสูงกวาซีกตะวันตก ลกั ษณะเดนของบริเวณท่ีราบสูงทางภาคตะวนั ออกของทวปี คอื เปน็ พ้ืนทีท่ ีม่ ีภเู ขาสงู และ ภเู ขาไฟ ภูเขาไฟทีม่ ีช่ือเสยี ง คอื ภเู ขาคลิ ิมันจาโร(แทนซาเนยี ) และมที ะเลสาบหลายแหง เชน ทะเลสาบวคิ ตอเรยี (ทะเลสาบ นํา้ จดื ใหญเปน็ อันดบั 2 ของโลก) ทะเลสาบแทนแกนยิกาและทะเลสาบไนอะซา แผนทีท่ วปี แอฟริกา 2. เขตทีร่ าบ ทวีปแอฟริกามีทร่ี าบแคบๆ บริเวณชายฝง่ใ ทะเล 3. เขตเทือกเขา เขตเทือกเขาทางทศิ ตะวันตกเฉยี งเหนือ คอื เทอื กเขาแอตลาส วางตวั ขนานกับ ชายฝใ่งทะเลเมดเิ ตอรเแ รเนยี น เป็น เทอื กเขายคุ ใหม เทือกเขาทางทิศใต คอื เทอื กเขาดราเคนสเบิรแก วางตวั ขนานกบั ชายฝใ่งมหาสมุทรอินเดีย เป็นเทอื กเขายุคเกา แมน ํ้า แมน ้าํ ในทวีปแอฟรกิ าสวนใหญ่เ กิดจากทร่ี าบสงู ตอนกลาง และทางตะวันออก ของทวีป ซ่ึงมีฝนตกชกุ เนอ่ื งจากพืน้ ที่ตา งระดับ แมน า้ํ จึงกัดเซาะพืน้ ทใ่ี หเ กิดเป็น
แกง นาํ้ ตกขวางลํานาํ้ จึงเปน็ อุปสรรคตอ การคมนาคม แตส ามารถใชป ระโยชนแในการผลติ กระแสไฟฟาู ไดแ มนํ้าที่ สาํ คัญ ไดแ ก แมนํา้ ไนลแ เป็นแมนํา้ สายทยี่ าวท่ีสดุ ในโลก ไหลลงสูทะเลเมดเิ ตอรเแ รเนยี น ประกอบดวยแควสําคญั คือ ไวทแไนวแ บลู ไนลแแ ละอตั บารา ปากแมน ํ้าเปน็ เดลตา แมน้าํ ซาอรี แ (คองโก) เป็นแมนํา้ สายยาวอนั ดับ 2 ของทวปี และเป็นที่ราบลมุ แมนํ้า ทก่ี วา งขวาง น้ําในแมน ้าํ ไหลลงสมู หาสมุทรแอตแลนติก แมนาํ้ ไนเจอรแ ไหลลงสูอาวกนิ ี แมนาํ้ แซมเบซี ไหลลงสมู หาสมุทร อินเดีย ไหลผา นท่ีราบสงู และไหลเชย่ี วมาก 3. ลักษณะภูมิอากาศ เขตอากาศ ปใจจัยท่ีมอี ิทธิพลตอภูมิอากาศของทวีปแอฟริกา 1. ละตจิ ดู ทวปี แอฟริกามีเสนศนู ยสแ ูตรผานเกอื บกง่ึ กลางทวีป และต้งั อยูระหวา งเสนทรอปคิ ออฟแคนเซอรแ กบั เสน ทรอปคิ ออฟแคปรคิ อรนแ ทาํ ใหมีเขตอากาศรอนเป็นบรเิ วณกวาง มีเฉพาะสว นเหนอื สดุ และใตส ดุ ท่ีอยูในเขตอบอุน 2. ลมประจาํ มี 2 ชนิดคือลมสนิ คาตะวันออกเฉยี งใต พัดจากมหาสมทุ รอินเดียและมหาสมทุ รแอตแลนติก ทาํ ใหฝ นชกุ บรเิ วณชายฝใ่งแอฟริกาตะวันออกและตะวนั ออกเฉยี งใตกับชายฝใ่งอาวกนิ ีลมสนิ คา ตะวันออกเฉียงเหนือ พัดจาก ตอนในของทวีปมาสชู ายฝใง่ จงึ นําความแหง แลง มาสูชายฝ่ใงตะวนั ออกเฉียงเหนอื ของทวปี 3. กระแสน้ํา ไดแก กระแสน้ําอุน กินี ไหลผา นชายฝใง่ ตะวันตกจากมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังอาวกินี กระแสนา้ํ เย็นคานารี ไหลเลยี บชายฝงใ่ ตะวนั ตกเฉียงเหนือของทวปี กระแสนาํ้ เยน็ เบงเก-ลา ไหลเลียบชายฝงใ่ ตะวันตกเฉียงใตข องทวีป กระแสน้ําอุนโมซัมบิก ไหลผา นบรเิ วณชองแคบโมซัมบิก 5. ระยะหา งจากทะเล ดว ยความกวางใหญของทวปี การมีท่ีสงู อยูโดยรอบทวีปทําใหอิทธพิ ลของมหาสมุทรเขาไป ไมถ ึง ประกอบกับไดร ับอิทธพิ ลจากทะเลทรายของทวเี อเชียทางดา นตะวนั ออกเฉียงเหนือของทวปี ทําใหทวปี แอฟริกามเี ขตภมู ิอากาศแหง แลงเป็นบริเวณกวาง ทวปี แอฟริกาสามรถแบง เขตอากาศไดเ ป็น 8 เขตดงั นี้ 1. ภมู อิ ากาศแบบทะเลทราย ไดแก บริเวณทะเลทรายสะฮาราและทะเลทรายลเิ บียทางตอนเหนือของทวปี ในเขต ประเทศไนเจอรแ ชาด ลิเบยี มาลี บรุ กแ ินาฟาโซ มอริเตเนียคิดเปน็ พนื้ ท่ีรอยละ 30 ของพ้ืนทใี่ นทวีปแอฟริกา และถอื เป็นเขต ทะเลทรายทมี่ ีขนาดใหญท ีส่ ุดในโลก ทะเลทรายที่สําคัญอกี แหง หนึ่ง คอื ทะเลทรายกาลาฮารี ทางตอนใตของทวปี ในเขตประเทศบอตสวานาและนามิเบยี มีลักษณะอากาศรอนและแหง แลง เฉลยี่ สงู กวา 35 องศาเซลเซียส อุณหภูมริ ะหวา ง กลางวนั และกลางคนื แตกตางกันมาก มฝี นตกนอย เฉลี่ย ตา่ํ กวา 250 มลิ ลเิ มตรตอปี 2. ภูมอิ ากาศแบบทุงหญา ก่ึงทะเลทราย ไดแก บรเิ วณท่ีราบสงู ตอนในของทวปี ชายฝใ่งตะวันตกและตอนใตข องเสน ศนู ยสแ ตู ร ในฤดรู อ นมอี ากาศรอ นจดั และมีฝนตกแตไ มมากนักประมาณ 600 มิลลิเมตรตอปี ฤดหู นาวมีอากาศหนาวจัด บางคร้งั อาจถงึ จุดเยือกแขง็
3. ภูมอิ ากาศแบบปาุ ดิบชื้น ไดแก บรเิ วณลุม แมน ้ําคองโก ท่ีราบสงู ในแอฟริกาตะวนั ออก ฝใง่ ตะวนั ออกของเกาะ มาดากัสการแ และชายฝ่งใ รอบอา วกินี มีอากาศรอนอุณหภมู ิเฉลี่ย 27 องศาเซลเซียส และฝนตกชกุ ตลอดท้ังปีมากถึง 2,000 มิลลิเมตรตอปี 4. ภมู ิอากาศแบบทงุ หญา สะวนั นา ไดแก บรเิ วณเหนอื และใตแ นวเสน ศูนยแสูตรในเขตประเทศเอธิโอเปยี ซดู าน เคนยา คองโก สาธารณรฐั คองโก แทนซาเนยี และดา นปลายลมของเกาะมาดากัสการแ มอี ุณหภมู ริ อนเกือบตลอดทง้ั ปี ในฤดู รอนมอี ากาศรอ นและมีฝนตกปริมาณ 1,500 – 2,000 มิลลิเมตรตอ ปี ฤดูหนาวมีอากาศหนาวและแหงแลง 5. ภมู ิอากาศแบบเมดิเตอรเแ รเนยี น ไดแ ก บรเิ วณชายฝ่ใงของประเทศตนู เิ ซยี แอลจีเรยี โมร็อกโก และตอนใตข อง ประเทศแอฟริกาใต มอี ุณหภูมิไมแตกตา งกนั มากนกั ในฤดรู อนมีอากาศรอนและแหงแลง ในฤดูหนาวมีอากาศอบอนุ และมฝี น ตก 6. ภมู ิอากาศแบบมรสุม ไดแก ประเทศไลบีเรยี และโกตดิวัวรแ เนอ่ื งจากไดร บั อทิ ธิพลจากลมประจาํ ตะวนั ตกและ กระแสนํา้ อุนกนิ ี สงผลใหม ีฝนตกชกุ ประมาณ 2,500มิลลเิ มตรตอ ปีและมีอากาศรอนชื้น อุณหภูมเิ ฉล่ีย 20 องศาเซลเซียส 7. ภมู อิ ากาศแบบอบอนุ ชืน้ ไดแ ก บรเิ วณตะวันออกเฉยี งใตข องทวีป ในเขตประเทศแทนซาเนยี แซมเบีย โมซมั บิก ซิมบบั เว มาลาวี สวาซแิ ลนดแ เลโซโท และแอฟรกิ าใตไดร ับอทิ ธิพลจากกระแสนํา้ อุนโมซัมบิก และลมคา ตะวันออกเฉียงเหนือ ทาํ ใหฤ ดหู นาวมีอากาศอบอุน ในฤดูรอนมีฝนตก 8. ภมู อิ ากาศแบบภเู ขา ไดแ ก ทรี่ าบสงู เอธิโอเปยี และทีร่ าบสงู เคนยา ทางตะวนั ออกของทวีป ลักษณะอากาศชนื้ อยู กับความสูงของพนื้ ท่ี ยิง่ สูงข้ึนอากาศจะเย็นลง และมปี ริมาณฝนตกนอยลง 4. ลกั ษณะเศรษฐกิจ และสภาพแวดลอมทางสงั คมวฒั นธรรม ลกั ษณะเศรษฐกจิ การเกษตรกรรม 1. การเพาะปลูกแบบยงั ชพี เป็นการปลูกพืชเพ่ือบริโภคภายในครอบครวั 2. การทาํ ไรขนาดใหญ เปน็ การเพาะปลูกเพ่ือการคา พืชท่ีปลูก เชน ยางพารา ปาลแมน้าํ มัน 3. การเกษตรแบบผสม คอื การเพาะปลูกแบบเล้ยี งสตั วแควบคูกันไป พืชทป่ี ลกู คือขา วโพดขา วสาลี สัตวแที่เล้ยี ง คอื โคเนื้อ โคนม แกะ 4. การเกษตรแบบเมดเิ ตอรเแ รเนียน คือปลูกองุน มะกอก บรเิ วณชายฝใ่งทะเลเมดิเตอรเแ รเนียนและตอนใตข องทวีป 5. การทําไรปศสุ ตั วแ สวนใหญจะเปน็ การเลีย้ งแบบปลอ ยคือ การปลอ ยใหส ัตวหแ ากนิ ในทุงหญา ตามธรรมชาติ 6. การเลีย้ งสัตวแแ บบเรรอน เปน็ การเลี้ยงสัตวใแ นพน้ื ทีท่ ีเ่ ป็นทะเลทรายการปาุ ไมพน้ื ทท่ี ี่มีความสําคัญในการทําปุาไม คอื แอฟริกาตะวันตก แอฟริกากลาง ปุาไม สวนใหญสูญเสียไปเนอื่ งจากการทาํ ไรเ ลอื่ นลอยและการขาดการบํารงุ การลาสัตวแแ ละการประมงชนพน้ื เมืองจะดํารงชีพดว ยการลาสัตวแ สวนการประมงมคี วามสาํ คัญไมมาก การประมงน้าํ จืดจะ ทาํ ตามลุมแมน าํ้ สายใหญ และทะเลสาบวิคตอเรยี สว นประมงนํา้ เคม็ มักจะทําบรเิ วณที่มีกระแสน้าํ เย็นเบงเก-ลา ไหลผา น การทําเหมืองแร เป็นทวปี ทมี่ ีสนิ แรอ ยูเปน็ จํานวนมาก ทส่ี าํ คัญคือ เพชร ทองคาํ นํ้ามนั ก฿าซธรรมชาติ การอุตสาหกรรม
การทาํ อตุ สาหกรรมสวนใหญในทวีปแอฟริกา เปน็ อุตสาหกรรมทีเ่ กี่ยวของกับการ แปรรูปผลติ ผลการเกษตร การ อุตสาหกรรมสว นใหญยงั ไมคอยเจริญมากนักเนื่องจากยังขาดเงนิ ทนุ และผเู ช่ียวชาญดานการพัฒนาอตุ สาหกรรม ประชากร มีประชากรมากเปน็ อันดับ 2 รองจากทวีปเอเชยี ประชากรหนาแนนบริเวณลุม แมน ํ้า และบรเิ วณชายฝง่ใ ทะเล ประกอบดวยเช้อื ชาตินิกรอยดแแ ละคอเคซอยดแ1 ทวีปออสเตรเลยี และโอเซียเนีย 1. ขนาดทตี่ ั้งและอาณาเขตติดตอ ทวปี ออสเตรเลยี และโอเซียเนีย เปน็ ท่ตี ง้ั ของประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซแี ลนดแ ทวปี ออสเตรเลียไดรับสมญา นามวา ทวีปเกาะ สวนหมเู กาะแปซิฟกิ ซ่ึงเป็นที่ตั้งของประเทศอ่ืนๆ ตอ เน่ืองไปถึงทวปี แอนตารกแ ตกิ เรยี กวา โอเชยี เนีย หมายถึง เกาะ และหมูเกาะในภาคกลางและภาคใตของมหาสมุทรแปซิฟิก รวมทงั้ หมเู กาะไมโครนเี ซีย เมลานีเซยี โปลนี เี ซยี ออสเตรเลีย นิวซีแลนดแ และหมูเ กาะมลายูทวปี ออสเตรเลียเปน็ ทวีปทมี่ ีขนาดเลก็ ท่ีสดุ ในโลก มพี ื้นท่ี 7.6 ลาน ตร. กม.มปี ระชากร 17.5 ลานคน ที่ตง้ั ของทวปี ออสเตรเลียอยใู นซกี โลกใตท้งั หมด ตัง้ แตล ะติจูดท่ี 10 องศา 41 ลิปดาใต ถงึ 43 องศา 39 ลิปดาใต และลองจจิ ดู 113 องศา 9 ลิปดาตะวนั ออก ถงึ 153 องศา 39 ลิปดาตะวันออก อาณาเขตตดิ ตอ ทศิ เหนอื ติดตอ กับทะเลเมดิเตอรแเรเนยี นในมหาสมุทรแปซิฟกิ จุดเหนอื สุดของ ทวีปอยทู แ่ี หลมยอรกแ มีชองแคบทอรแเรสกั้นจากเกาะนิวกนิ ี ทศิ ตะวันออก ตดิ กับทะเลคอรัลและทะเลแทสมนั ในมหาสมุทรแปซิฟกิ จดุ ดาน ตะวนั ออกสดุ อยูท ่แี หลมไบรอน ทิศใต ตดิ กับมหาสมุทรอินเดีย จุดใตส ุดอยทู ่แี หลมวิลสันมชี อ งแคบบาสสแก้ันจาก เกาะแทสมาเนยี ทศิ ตะวันตก ติดกับมหาสมุทรอนิ เดียจดุ ตะวันตกสดุ อยูทแี่ หลมสตีฟ ภูมภิ าคและประเทศตางๆ ของทวปี ออสเตรเลีย 1. ออสเตรเลีย ไดแ ก ออสเตรเลยี และนิวซีแลนดแ 2. หมูเกาะในมหาสมทุ รแปซิฟกิ ไดแ ก ปาปวนั นิวกนิ ี หมูเกาะเซโลมอน ฟูจิ วานอู าตคู ิริบาส ซามวั ตะวันตก ตองกา ตวู าลู นาอูรู ไมโครนีเซีย 2. ลกั ษณะภูมปิ ระเทศของทวปี ออสเตรเลยี และโอเซียเนียมีเขตที่สงู ทางดา นตะวนั ออก มฝี นตกชุกทีส่ ุดของทวีป มี เทอื กเขาเกรตดไิ วดงิ อยู ทางดานตะวันออก มีลกั ษณะเป็นสนั ปในนํา้ ที่แบงฝนที่ตกลงใหไ หลสูลําธาร เขตท่ีราบต่าํ ตอนกลาง พ้นื ท่รี าบเรยี บ มลี าํ น้ําหลายสายไหลมาอยูบรเิ วณน้ี และเขตทรี่ าบสงู ทางดาน
ตะวันตกตอนกลางของเขตนีเ้ ปน็ ทะเลบริเวณทางใตและทางตะวนั ออกเฉยี งเหนือใชเป็นเขต ปศุสัตวแและเพาะปลกู 3. ลกั ษณะภูมิอากาศของทวีปออสเตรเลียและโอเซยี เนยี ปใจจัยสาํ คัญที่ทาํ ใหทวปี ออสเตรเลยี มีภมู อิ ากาศตางๆ กัน คือ ตั้งอยู ในโซนรอ นใตแ ละอบอุนใต มีลมประจาํ พัดผาน ลักษณะภูมิประเทศและมีกระแสนํ้าอนุ และกระแสนา้ํ เยน็ ไหลผาน ลกั ษณะภูมิอากาศของทวีปออสเตรเลียและโอเซียเนยี แบง เขตภูมอิ ากาศเปน็ 6 ประเภทคือ 1. ภูมอิ ากาศทุงหญา เขตรอน 2. ภมู อิ ากาศทุงหญาก่ึงทะเลทราย 3. ภูมิอากาศทะเลทราย 4. ภมู ิอากาศเมดิเตอรเแ รเนียน 5. ภมู อิ ากาศอบอนุ ชนื้ 6. ภมู อิ ากาศภาคพื้นสมุทรชายฝง่ใ ตะวนั ตก 4. สภาพทางสงั คม เช้ือชาติ เศรษฐกิจ ศาสนาและวฒั นธรรม ประชากร เชอื้ ชาติเผาพันธแขุ องออสเตรเลีย ชาวพื้นเมืองด้ังเดมิ เป็นพวกผวิ ดาํ เรียกวา อะบอรจิ นิ สเแ ป็นพวกท่อี พยพ มาจากหมูเ กาะในมหาสมุทรแปซิฟกิ สว นใหญอยทู างภาคเหนอื และภาคตะวนั ตกปจใ จบุ ันมี ชาวผิวขาว ซึ่งสว นใหญเป็นชาว อังกฤษอาศยั อยจู ํานวนมากรฐั บาลไดจ ดั ที่อยูในเขตนอรทแ เทริ นแ เทรทิ อร่ี รัฐควีนสแลนดแ และรฐั ออสเตรเลยี ตะวันตก พวก ผิวเหลอื งเป็นพวกที่อพยพมาภายหลงั สงครามโลกคร้ังท่ี 2 ไดแ ก ชาวจีน ญี่ปุน พวกผิวขาว สวนใหญเ ป็นพวกที่อพยพมาจาก ประเทศองั กฤษ มกี ารประกอบอาชพี ทางดา นการเกษตรคือปลกู พืชและเลีย้ งสัตวแ การประมง และอตุ สาหกรรม การกระจายประชากรรฐั บาลออสเตรเลยี มีนโยบายสงวนพ้ืนทไี่ วส ําหรบั ชาวผวิ ขาว คือ นโยบายออสเตรเลยี ขาวกีดกันผิวโดยจาํ กดั จาํ นวนคนสีผิวอน่ื ท่ีไมใชผ ิวขาวเขาไปตัง้ ถ่นิ ฐานในออสเตรเลยี บรเิ วณท่ีประชากรอาศยั อยหู นาแนน ไดแก ภาคตะวนั ออกเฉียงใต บริเวณท่ีมีประชากรเบาบาง ไดแ ก ตอนกลางของทวปี ภาคเหนือ และภาคตะวนั ตก ศาสนา ชาวออสเตรเลยี นบั ถือศาสนาครสิ ตแหลายนิกาย ไดแ ก แองกลกิ นั โรมนั คาทอลิกโปรแตสแตนสแ ภาษาทใ่ี ช มากคือภาษาองั กฤษ การปกครอง การแบงแยกทางการเมือง ออสเตรเลียมรี ะบบการปกครองแบบสหพนั ธรฐั ประกอบดวยรฐั ตา งๆ รวม 6 รฐั และดนิ แดนอิสระท่ีไมข ึ้นกับรฐั ใดๆ อกี 2 แหง คอื 1. รฐั นิวเซาทแเวล เมอื งหลวง ซิดนยี แ 2. รัฐวิกตอเรยี เมืองหลวง เมลเบิรแน 3. รฐั ควีนสแลนดแ เมอื งหลวง บริสเบรน 4. รฐั ออสเตรเลียใต เมืองหลวง แอเดเลด 5. รัฐออสเตรเลยี ตะวนั ตก เมอื งหลวงเพิรธแ
6. รฐั แทนสเมเนีย เมืองหลวง โอบารแต ดินแดนอสิ ระ 2 บริเวณ ไดแ กน อรแทเทริ นแ แทริทอรี เมืองหลวง ดารวแ ิน ออสเตรเลีย แคปิตอลเทริทอรี เมอื งหลวง แคนเบอรรแ า ออสเตรเลยี เป็นประเทศ เอกราชในเครอื จักรภพองั กฤษ มีพระนางเจาอลิซาเบธท่ี 2 เปน็ พระราชนิ ีและเปน็ ประมุขของประเทศ มีขา หลวงใหญเ ปน็ ผูสาํ เร็จราชการแทนพระองคจแ ัดการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยในรปู แบบ สหพันธรัฐการปกครองของออสเตรเลยี เป็นแบบรฐั บาลรวม คือ มรี ฐั บาล 2 ระดบั ไดแก รฐั บาลกลางรฐั บาลของรฐั
ใบงาน ภูมศิ าสตร์ กายภาพ เรอ่ื ง ภมู ศิ าสตร์กายภาพประเทศไทย คาชแ้ี จง ใหน กั ศึกษาวเิ คราะหแลกั ษณะทางกายภาพดานตางๆ ที่มีอิทธพิ ลตอ สภาพภมู ิศาสตรแแ ละสงั คม ของประเทศไทยลงในชอ งวางที่กําหนด ท่ตี งั้ รูปร่าง ขนาด แนว พรมแดน
แนวเฉลย ภมู ิศาสตรก์ ายภาพ เร่ือง ภมู ศิ าสตร์กายภาพประเทศไทย คาช้แี จง ใหนักศึกษาวเิ คราะหลแ กั ษณะทางกายภาพดา นตา งๆ ท่ีมีอิทธิพลตอ สภาพภูมิศาสตรแแ ละสังคม ของประเทศไทยลงในชองวางที่กําหนด ท่ตี งั้ รูปร่าง ที่ตั้ง ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ส่ ง ผ ล ดี ต่ อ ก า ร รูปร่างของประเทศไทยทีม่ ีสว่ นยาวและ พฒั นาประเทศในหลายด้าน โดยเฉพาะด้าน แคบทางตอนใต้ ส่งผลให้การปกครองประเทศ เศรษฐกิ จ จากที่ตั้งที่เป็ นทางผ่านในการค้า ทาไดค้ ่อนข้างยาก เนือ่ งจากมีพืน้ ที่ทีอ่ ยู่ห่างไกล ระหว่างประเทศทางเรือมาตัง้ แต่สมัยโบราณ จากศูนย์กลางของประเทศค่อนข้างมาก รวมถึง และเปรี ยบเสมื อนศูนย์ กลางทางการคมนาคม เป็ นอุปสรรคในการกระจายความเจริ ญระบบ ขนส่งทางอากาศของภูมิภาคในปัจจุบนั และ สาธารณูปโภคใหท้ ว่ั ถึงอีกดว้ ย จากการที่มีที่ตงั้ อยู่ในเขตละติจูดต่า - ละติจูด เ ข ต อ บ อุ่ น ท า ใ ห้ มี ท รั พ ย า ก ร ธ ร ร ม ช า ติ แนว หลากหลาย ปลูกพืชพรรณธรรมชาติได้หลาย พรมแดน ชนิด แนวพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับ ขนาด ประเทศเพือ่ นบา้ น มกั ใช้แนวพรมแดนธรรมชาติ เป็ นเขตแดน ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดย ประเทศไทยจดั ว่าเป็นประเทศทีม่ ีขนาด ข้อเสียที่เห็นได้ชัดในปัจจุบัน คือ ทาให้มีการ ปานกลาง ส่งผลดีให้มีพื้นที่ในการใช้ประโยชน์ ลกั ลอบเขา้ ประเทศ ลกั ลอบขนยาเสพติด สินคา้ ดา้ นต่างๆ เช่น เกษตรกรรม อตุ สาหกรรม อีกทง้ั หนีภาษี เข้าประเทศ โดยใช้เส้นทางตามภูมิ มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ทง้ั ในด้าน ประเทศเทือกเขาเป็นช่องทาง รวมถึงการสูร้ บกนั ปริมาณและความหลากหลาย ในประเทศเพือ่ นบ้านและส่งผลกระทบมาสู่ชาว ไทยที่อาศัยบริ เวณชายแดนบ่อยคร้ัง ท้ังนี้ เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ยังเป็ น
เรอื่ ง ภมู ปิ ระเทศภาคเหนือ คาช้ีแจง ใหนักศึกษาตอบคําถามในประเดน็ ตอไปนี้ 1. ภาคเหนอื มที ั้งหมดกจี่ ังหวัด อะไรบา ง 2. ภูเขาและแมน า้ํ ทีส่ าํ คัญในภาคเหนอื ไดแกอะไรบา ง 3. ลักษณะภูมปิ ระเทศในภาคเหนือมีอิทธพิ ลตอการดํารงชวี ติ ของประชากรอยางไร 4. ใหน ักเรียนยกตัวอยา งการประยกุ ตแใชองคแความรู เรื่อง ลักษณะภูมปิ ระเทศภาคเหนือ ในการดาํ เนินชวี ติ
เร่อื ง ภมู ปิ ระเทศภาคเหนอื คาชแ้ี จง ใหนักศกึ ษาตอบคาํ ถามในประเด็นตอไปน้ี 1. ภาคเหนอื มีท้ังหมดก่ีจังหวัด อะไรบา ง ภาคเหนอื ประกอบด้วย 9 จงั หวัด ได้แก่ จงั หวัดแม่ฮ่องสอน เชยี งใหม่ เชยี งราย ลาพนู ลาปาง พะเยา แพร่ นา่ น และอุตรดิตถ์ 2. ภเู ขาและแมนาํ้ ทส่ี าํ คัญในภาคเหนือไดแ กอะไรบาง ภาคเหนอื มีภเู ขาทสี่ าคญั มากมาย เชน่ ทวิ เขาแดนลาว ถนนธงชยั ผปี นั น้า หลวงพระบาง ซ่ึงเป็น ตน้ กาเนดิ ของแม่น้าทส่ี าคญั เช่น แม่นา้ ปิง วงั ยม น่าน 3. ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศในภาคเหนือมีอิทธิพลตอการดํารงชีวิตของประชากรอยางไร ภาคเหนือทีม่ ลี ักษณะภมู ิประเทศส่วนใหญ่เปน็ ทิวเขาและที่ราบระหว่างทิวเขา ที่มแี มน่ ้าตา่ งๆ ไหลผา่ น ประชากรจึงตั้ง ถ่นิ ฐานกันมากในบริเวณทีร่ าบระหว่างทวิ เขา เน่ืองจากสามารถเพาะปลุกได้กวา้ งขวาง การคมนาคมขนส่งตามลาน้า สะดวกสบาย ส่วนบรเิ วณทิวเขาทีม่ ีอากาศหนาว จะมปี ระชากรอาศัยอยู่น้อย โดยมากจะเปน็ ชนกลุ่มน้อยต่างๆ เพาะปลูก พชื ผกั ผลไม้ ไม้ดอกไมป้ ระดับเมอื งหนาวเป็นอาชพี สาคญั 4. ใหน ักเรียนยกตัวอยา งการประยกุ ตแใชองคแความรู เรอื่ ง ลักษณะภมู ิประเทศภาคเหนือ ในการดําเนนิ ชวี ติ ช่วยให้ทราบถึงสาเหตขุ องปรากฏการณธ์ รรมชาติตา่ งๆ ทเ่ี กิดข้นึ ในภาคเหนอื เชน่ แผ่นดนิ ไหว นา้ ป่าไหลหลาก ดนิ ถล่ม และทราบว่าภาคเหนือมภี ูมิประเทศท่สี วยงามจากทวิ เขา ป่าไมท้ ่ีอดุ มสมบรู ณ์ เปน็ แหล่งทอ่ งเทยี่ วทนี่ า่ สนใจ
เรอ่ื ง ภูมปิ ระเทศภาคกลาง คาชี้แจง ใหน ักศึกษาตอบคําถามในประเด็นตอไปน้ี 1. ภาคกลางมีท้ังหมดกี่จังหวัด อะไรบา ง 2. ภเู ขาและแมน าํ้ ที่สาํ คัญในภาคกลางไดแ กอะไรบาง 3. ลักษณะภูมิประเทศในภาคกลางมอี ิทธพิ ลตอการดาํ รงชวี ิตของประชากรอยา งไร 4. ใหต ัวอยา งการประยุกตใแ ชองคแความรู เรอื่ ง ลักษณะภูมปิ ระเทศภาคกลาง ในการดาํ เนินชวี ติ
เร่อื ง ภมู ิประเทศภาคกลาง คาช้แี จง ใหนักศึกษาตอบคําถามในประเดน็ ตอไปนี้ 1. ภาคกลางมที ้ังหมดกจ่ี ังหวดั อะไรบาง ภาคกลางประกอบด้วย 22 จังหวัด ได้แก่ จังหวดั พิษณโุ ลก สุโขทยั กาแพงเพชร พิจติ ร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อทุ ยั ธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบรุ ี สระบรุ ี อ่างทอง นครปฐม พระนครศรอี ยธุ ยา สุพรรณบรุ ี นนทบุรี ปทมุ ธานี นครนายก กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมทุ รสาคร และสมุทรสงคราม 2. ภเู ขาและแมน ํ้าทส่ี าํ คัญในภาคกลางไดแกอะไรบาง ภาคเกลางมีลักษณะพื้นที่ส่วนใหญเ่ ป็นที่ราบจงึ มีภเู ขาไมม่ าก ภเู ขาที่สาคญั ได้แก่ ทิวเขาเพชรบรู ณ์ ตา่ งจากแม่นา้ ซ่ึง ภาคกลางมีแม่น้าทสี่ าคัญหลายสาย ไดแ้ ก่ แม่น้าเจา้ พระยา ทา่ จนี แม่กลอง ป่าสัก 3. ลกั ษณะภมู ิประเทศในภาคกลางมีอิทธพิ ลตอ การดาํ รงชีวิตของประชากรอยา งไร ภ าคกลางเป็นท่ี ราบลุ่มแม่น้าขน าดกว้างใหญ่ จึ งเป็นบริเว ณท่ีมี ประช ากรอาศัย อยู่มากตั้งแต่อดี ต โดยเฉพาะบริเวณสองฝ่ังของแม่น้าต่างๆ ภ าคกลางจึงเป็นแหล่งเศรษฐ กิจของประเทศมีเกษตรกรรม สาคัญ ปลูกพชื เศรษฐกิจ เช่น ขา้ วเจ้า ขา้ วโพด อ้อย ผลไมต้ า่ งๆ นอกจากนย้ี งั มีการประมงท้ังจับตามแหล่งน้าธรรมชาติ และ เลีย้ งในบ่อ กระชัง และเป็นเขตโรงงานอุตสาหกรรม ท่ีต้ังของท่าเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ปัจจุบันภาคกลางตอนล่าง จึงเป็นบริเวณทมี่ ปี ระชากรหนาแน่น และเป็นท่ีต้งั ของเมืองหลวง 4. ใหนักเรียนยกตัวอยา งการประยุกตแใชองคแความรู เรอื่ ง ลักษณะภมู ปิ ระเทศภาคกลางในการดาํ เนินชวี ติ เข้าใจสภาพสงั คม เศรษฐกิจของภาคกลางท่ีมีทัง้ อุตสาหกรรมท่เี จรญิ ก้าวหนา้ และเขตเกษตรกรรมสาคญั และทราบ สาเหตขุ องภัยธรรมชาตติ า่ งๆ ท่เี กิดขึน้ ในภาคกลาง เช่น อทุ กภัย ดนิ ถลม่ น้าป่าไหลหลาก เพอื่ การป้องกนั อนั ตรายและ บรรเทาความเสียหายทจี่ ะเกิดขึ้นได้
เร่ือง ภูมิประเทศภาคตะวันตก คาชแี้ จง ใหน กั ศึกษาตอบคาํ ถามในประเดน็ ตอไปน้ี 1. ภาคตะวนั ตกมีทง้ั หมดกจ่ี งั หวัด อะไรบาง 2. ภูเขาและแมน ํา้ ที่สาํ คัญในภาคตะวันตกไดแกอ ะไรบาง 3. ลกั ษณะภูมปิ ระเทศในภาคตะวนั ตกมีอิทธิพลตอการดาํ รงชีวิตของประชากรอยางไร 4. ใหนักเรียนยกตัวอยางการประยุกตแใชองคแความรู เรื่อง ลักษณะภูมิประเทศภาคตะวันตก ในการดําเนิน ชวี ติ
เรื่อง ภมู ปิ ระเทศภาคตะวนั ตก คาช้ีแจง ใหน กั ศกึ ษาตอบคําถามในประเดน็ ตอไปนี้ 1. ภาคตะวันตกมที ้ังหมดก่จี งั หวัด อะไรบาง ภาคตะวนั ตกประกอบด้วย 5 จังหวดั ได้แก่ จงั หวดั ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ 2. ภเู ขาและแมน ้าํ ท่ีสาํ คัญในภาคตะวันตกไดแกอ ะไรบาง ภเู ขาที่สาคัญในภาคตะวันตก ไดแ้ ก่ ทวิ เขาถนนธงชยั กลาง ตะนาวศรี ภเู ก็ต ซง่ึ ทาให้เกิดแม่น้าบริเวณหบุ เขาเหล่านี้ เช่น แมน่ ้าแควน้อย (ไทรโยค) แควใหญ่ (ศรีสวสั ด)์ิ 3. ลักษณะภูมปิ ระเทศในภาคตะวนั ตกมอี ิทธิพลตอ การดาํ รงชีวติ ของประชากรอยางไร ภาคตะวันตกมีลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่คล้ายคลึงกับภาคเหนือ แต่บริเวณทิวเ ขาต่างๆ อากาศ ไม่หนาวเย็นเท่าและเป็นเขตอับฝน เพาะปลูกพืชได้น้อย มีประชากรอาศัยอยู่ค่อนข้างเบาบาง ทางตอนล่างของภาคมีภูมิ ประเทศแบบชายฝั่งติดต่อกับอ่าวไทย มีหาดเลนและหาดทราย รวมถึงเกาะใกล้ชายฝั่ง ซ่ึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวท่ีได้รับความ นยิ ม 4. ใหนักเรียนยกตัวอยางการประยุกตแใชองคแความรู เร่ือง ลักษณะภูมิประเทศภาคตะวันตก ในการดําเนิน ชวี ิต เข้าใจปจั จัยทางภูมิประเทศที่มีตอ่ ลกั ษณะภมู อิ ากาศของเขตอับฝน ลกั ษณะทรพั ยากรธรรมชาติของบรเิ วณภเู ขาว่ามีแร่ ธาตหุ ลากหลาย รวมถึงเขา้ ใจสาเหตุของปรากฏการณธ์ รรมชาตติ ่างๆ เช่น แผน่ ดินไหว ท่ีมผี ลกระทบตอ่ การดาเนนิ ชีวิตของ มนุษยใ์ นด้านต่างๆ
เร่ือง ภูมปิ ระเทศภาคตะวันออก คาชีแ้ จง ใหนักศึกษาตอบคําถามในประเด็นตอไปน้ี 1. ภาคตะวันออกมที ั้งหมดกีจ่ งั หวดั อะไรบาง 2. ภูเขาและแมน ํ้าท่สี ําคัญในภาคตะวันออกไดแ กอะไรบา ง 3. ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศในภาคตะวนั ออกมอี ิทธพิ ลตอ การดํารงชวี ิตของประชาชนอยางไร 4. ใหนักเรียนยกตัวอยางการประยุกตแใชองคแความรู เรื่อง ลักษณะภูมิประเทศภาคตะวันออก ในการดําเนิน ชวี ิต
เร่ือง ภมู ิประเทศภาคตะวนั ออก คาช้แี จง ใหนักศกึ ษาตอบคําถามในประเด็นตอไปนี้ 1. ภาคตะวันออกมที งั้ หมดกีจ่ ังหวัด อะไรบา ง ภาคตะวันออกประกอบดว้ ย 7 จงั หวัด ไดแ้ ก่ จงั หวัดปราจีนบรุ ี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบรุ ี ระยอง จนั ทบรุ ี และตราด 2. ภเู ขาและแมน ้าํ ทส่ี ําคัญในภาคตะวนั ออกไดแกอะไรบาง ภูเขาที่สาคัญในภาคตะวันออก ได้แก่ ทวิ เขาพนมดงเรก็ บรรทดั สนั กาแพง จนั ทบรุ ี ซง่ึ เปน็ ตน้ กาเนิด ของแม่น้าสายส้นั ๆ เชน่ แม่น้าบางปะกง ระยอง ประแส เวฬุ และตราด 3. ลักษณะภมู ิประเทศในภาคตะวันออกมอี ิทธิพลตอ การดาํ รงชีวติ ของประชากรอยา งไร ภูมิประเทศเด่นของภาคตะวันออก คือ ท่ีราบชายฝั่งและเกาะ ท่ีเป็นสถานท่ีท่องเที่ยวท่ีได้รับความนิยมจากท้ังชาวไทย และชาวตา่ งชาติ นอกจากน้ีภาคตะวันออกยังเป็นแหล่งของอัญมณีจาพวกพลอย บริเวณภูเขาไฟเก่าในจังหวัดจันทบุรี ตราด ซงึ่ ลกั ษณะท้ังสองประการเป็นท่ีมาของรายไดห้ ลกั ของประชากรส่วนใหญ่ของภาค 4. ใหนักเรียนยกตัวอยางการประยุกตแใชองคแความรู เรื่อง ลักษณะภูมิประเทศภาคตะวันออก ในการดําเนิน ชวี ิต เข้าใจความสาคัญและประโยชน์ของท่ีต้ัง โดยภาคตะวันออกเจริญก้าวหน้าจากการมีท่ีตั้งเหมาะสมในการเป็นเมืองท่า และแหลง่ ท่องเทีย่ วสาคัญท่ีอยู่ใกลเ้ มืองหลวง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 538
Pages: