แผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับมัธยมศึกษาตอ สาระพฒั นาสงั คม รายวิชาสังคมศึกษา ครง้ั ที่ วนั /เดอื น/ปี หวั เรอื่ ง/ตัวชี้วดั เน้อื หาสาระการเรยี นรู้ 1.รแู ละเขาใจระบบ 1.การปกครองระบอบ การเมืองการปกครอง ประชาธิปไตย ตางๆท่ใี ชอยปู จใ จบุ ัน 2. การปกครองระบอบเผด็จ 2. ตระหนกั และเห็น การพัฒนาการของระบอบ คณุ คา การปกครอง ประชาธปิ ไตยของประเทศตางๆ ระบอบประชาธิปไตย ในโลก 3.รูแ ละเขาใจผลทเี่ กิด 3.เหตุการณสแ ําคญั ทางการเมือง จากการเปลี่ยนแปลง การปกครองของประเทศไทย ทางการเมอื งการ 4.เหตกุ ารณสแ ําคญั ทางการเมือง ปกครองของประเทศ การปกครองของโลกทส่ี งผล ไทยจากอดีต กระทบตอประเทศไทย 4.รแู ละเขาใจผลท่เี กิด 5.หลักธรรมาภบิ าล จากการเปล่ยี นแปลง การเมืองการปกครอง - นติ ิธรรม ของโลก - คุณธรรม 5. ตระหนกั และเห็น - ความโปรง ใส คุณคา ของหลัก - ความคมุ คา - รบั ผิดชอบ
อนปลาย ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 า รหัส สค31001 จานวน 3 หนว่ ยกติ การจดั กระบวนการเรียนรู สือ่ /แหล่ง การวดั และ เรยี นรู้ ประเมนิ ผล ขั้นท่ี 1 กําหนดสภาพปญใ หาการเรียนรู 1. หนงั สอื แบบทดสอบ 1.ครแู ละผเู รียนรว มกันพดู คุย แบบเรยี น ใบงาน แลกเปลย่ี นเรียนรูคณุ ธรรมจริยธรรม 2. สื่อมลั ตมิ ีเดยี เลมรายงาน และหลกั ธรรมาภบิ าลของผบู ริหาร 3. อนิ เทอรแเน็ต สงั เกตพฤติกรรม ปใญหาการเมืองการปกครองของไทยใน 4. ใบความรู ปใจจบุ นั ข้ันท่ี 2 แสวงหาขอ มลู และจัดกจิ กรรม การเรียนรู 1.ใหผ ูเ รยี นไปสัมภาษณผแ ูน ําชมุ ชนใน เร่อื งการซื้อสิทธิข์ ายเสียงในชุมชน และ การปฏิบัติตนตามหลกั ธรรมมาภบิ าล แลว สรุปเป็นใบความรูนํามาเลาใหเพื่อน ฟงใ ในการพบกลุมที่ กศน.ตําบล 2.ใหผ ูเรียนคนควา เรอื่ งคุณธรรม จรยิ ธรรม การเคารพสทิ ธิ และหนา ที่ ของตนเอง ชุมชน สงั คม และการอยู รวมกนั ในสงั คม ไดอ ยางมคี วามสขุ จาก
แผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั มัธยมศึกษาตอ สาระพัฒนาสงั คม รายวิชาสังคมศึกษา คร้งั ที่ วัน/เดอื น/ปี หวั เร่ือง/ตวั ชี้วดั เนื้อหาสาระการเรยี นรู ธรรมาภิบาล และนาํ ไป - ความรว มมือ ปฏบิ ัติในชีวติ จรงิ แนวทางปฏิบตั ติ ามหลักธรร มาภบิ าล
อนปลาย ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2654 า รหัส สค31001 จานวน 3 หน่วยกติ การจัดกระบวนการเรยี นรู ส่ือ/แหลง เรยี นรู การวัดและ ประเมินผล อินเตอรเแ น็ต และจัดทําเป็นรูปเลม รายงานนาํ มาอภปิ รายแลกเปลย่ี นเรียนรู ในการพบกลุมที่ กศน.ตําบล 3.ใหผเู รยี นศึกษาคน ควา ในเร่ือง ประเทศไทยกบั ระบอบประชาธปิ ไตยวา มผี ลดีตอ การพัฒนาประเทศ แลว สรปุ ใจความสําคญั มาเลาใหเพ่ือนฟงใ ใน การพบกลุมที่ กศน.ตําบล ขน้ั ท่ี 3. ขน้ั การปฏิบัตแิ ละการนาไป ประยกุ ตใ์ ช้ - ครูและนกั ศึกษารว มกนั สรุปผลการ เรยี นรู จดบนั ทกึ ผลการเรยี นรู ขน้ั ที่ 4. ขน้ั การประเมนิ ผล - ประเมินผลการเรียนรจู ากการมีสวน รว มโดยใชกระบวนการกลุมนักศกึ ษา
ใบความรู้ที่ 1 คุณธรรม จรยิ ธรรมและธรรมาภิบาลของผ้บู ริหาร ความหมายและหลักการของคณุ ธรรม ศีลธรรม จรยิ ธรรม จรรยาบรรณ และธรรมาภิบาล ปฐมเหตแุ หง การนําเสนอบทความน้ีมาจากนโยบายของรัฐมนตรวี าการกระทรวงศึกษาธกิ าร (นายสมชาย วงศสแ วสั ด์ิ ) ท่ี กําหนดใหส ํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จดั ใหม ีการจัดระบบจูงใจ ใหคนทาํ ดี ไดด ี มีรางวลั ตอบแทน เป็น การพิจารณาใหความดีความชอบของขา ราชการ ประจาํ ปี ที่ทํางานดา นสงเสริมคณุ ธรรมศลี ธรรมของสถานศึกษา จึงตองมี ขอ ตกลงเบื้องตนวา งานคุณธรรม ศลี ธรรมคืออะไร และจะเกีย่ วของกับบุคลากร 3 ฝาุ ย ไดแก กลมุ ผบู รหิ ารโครงการ กลมุ จดั การเรยี นการสอน และกลมุ จัดกจิ กรรมเสริมหลกั สตู ร นอกจากนี้ คาํ วา คณุ ธรรม ศลี ธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ ธรรมาภบิ าล และสมรรถนะ มกั มี ผนู าํ ไปใชใ นความหมายท่แี ตกตา ง สับสน และไมต รงกบั ความหมายทีแ่ ทจรงิ ดังน้ันการทาํ ความเขา ใจต้ังแต รากศพั ทแ ความหมายและประโยชนใแ นการนาํ ไปใช จะชวยใหทุกฝุายทํางานรว มกนั ไดดี เป้าหมายปลายทาง คุณธรรม (Moral) ศีลธรรม (Moral) จริยธรรม (Ethics)และ จรรยาบรรณ (Code of Conduct)มีเปาู หมายใชเพอ่ื การ ควบคุมตนเอง และสง ผลตอ พฤตกิ รรมของบุคคลน้นั สวนธรรมาภบิ าล (Good Governance) และ ขีดสมรรถนะ (Competency) ใชเ พ่อื เปน็ กลไกควบคมุ โครงสรา ง ระบบ และกระบวนการสง ผลตอ การปฏิบตั ิงานของหนวยงานหรอื องคแกร คณุ ธรรม (Moral / Virtue) “คณุ ธรรม” คอื คุณ + ธรรมะ คณุ งามความดที เี่ ป็นธรรมชาติ กอ ใหเ กดิ ประโยชนตแ อ ตนเองและ สังคม ซง่ึ รวมสรุปวา คือ สภาพคณุ งาม ความดี คณุ ธรรม (Virtue) แนวความคิดท่ีดเี ป็นตวั บงั คบั ใหประพฤติดี 1. สภาพคณุ งามความดที างความประพฤติและจติ ใจ 2. คุณธรรม คือจรยิ ธรรมท่ีแยกเปน็ รายละเอียดแตละประเภท หากประพฤติปฏิบตั ิอยา งสม่าํ เสมอ ก็จะเป็นสภาพคณุ งาม ความดที างความประพฤติและจติ ใจของผูน ้นั จริยธรรม (Ethics) “จริยธรรม” = จริย + ธรรมะ คอื ความประพฤติทเ่ี ปน็ ธรรมชาติ เกดิ จากคณุ ธรรมในตัวเอง กอ ใหเ กิดความ สงบเรียบรอยในสงั คม รวมสรปุ วา คือ ขอควรประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ จริยธรรม(Ethics) ความเปน็ ผมู จี ิตใจสะอาด บรสิ ทุ ธ์ิ เสียสละหรือประพฤติดีงาม 1. ประมวล กฎหมาย ทกี่ ลมุ ชนหรอื สังคมหนงึ่ ๆ ยอมรบั เปน็ แนวควบคมุ ความประพฤติ เพอื่ แยกแยะใหเห็นวาอะไรควรหรอื ไปกันไดกบั การบรรลวุ ตั ถุประสงคขแ องกลุม 2. ปรชั ญาสาขาหนึ่งวาดวย ความประพฤติ และการครองชวี ติ วาอะไรดี อะไรชั่ว อะไรถูก อะไรผิด หรืออะไรควร อะไรไม ควร 3. กฎเกณฑแความประพฤตขิ องมนษุ ยแซงึ่ เกิดข้นึ จากธรรมชาตขิ องมนษุ ยเแ อง ไดแก ความเป็นผมู ีปญใ ญา และเหตุผลหรอื ปรชี า ญาณทําใหม นุษยมแ ีมโนธรรมและ รูจักไตรตรองแยกแยะความดี - ความชัว่ , ถกู - ผิด, ควร - ไมค วร เปน็ การควบคมุ ตวั เอง และ เป็นการควบคมุ กันเองในกลมุ หรอื เปน็ ศลี ธรรมเฉพาะกลมุ ศลี ธรรม (Moral) 1. ความประพฤตทิ ดี่ ที ี่ชอบ หรือธรรมในระดบั ศลี หรอื กรอบปฎบิ ตั ิทีด่ ี เกีย่ วกบั ความรสู กึ รบั ผดิ ชอบ บรสิ ทุ ธิ์ เกี่ยวกบั จิตใจ 2. หลกั ความประพฤติท่ีดสี ําหรบั บุคคลพงึ ปฏบิ ัติ “ธรรมาภิบาล” (Good Governance) ธรรมาภิบาล คือ ธรรมะ + อภบิ าล หมายถึง ปกครองดวยคณุ ความดี ซ่ือตรงตอ กัน มน่ั คงในสญั ญาที่มตี อ กนั สัญญา (กฎ กติกา มารยาท) ที่ รวมกนั ทาํ เปน็ ธรรม โปรง ใส รับผดิ ชอบในสงิ่ ทที่ าํ 1. การจัดการปกครอง การบริหารปกครอง การบริหารกจิ การบา นเมือง การควบคมุ ดแู ลกิจการ การกาํ กบั ดแู ลท่ดี ี อัน เปน็ เร่ืองทเ่ี กย่ี วของกบั กระบวนการ (Process) และระบบ (System) ซงึ่ องคแการหรือสังคมไดม ีการปฏิบตั หิ รือดาํ เนนิ การ (Operate) 2. ธรรมาภบิ าล มกั ครอบคลมุ ประเด็น ดงั นี้ - การมสี ว นรวมของประชาชน(Participation) - นิติธรรม (Rule of law)
- ความโปรง ใส (Transparency) - การตอบสนอง (Responsiveness) - การแสวงหาฉันทามติ (Consensus oriented) - ความถูกตอง ความเสมอภาค ยุตธิ รรม เท่ียงธรรม (Equity) - ประสิทธผิ ลและประสทิ ธภิ าพ (Effectiveness & Efficiency) - ภาระรบั ผดิ ชอบ (Accountability ทศพธิ ราชธรรม (Virtues of the King) จริยวตั ร 10 ประการทพี่ ระเจาแผนดนิ ทรงประพฤตเิ ปน็ หลักธรรมประจาํ พระองคแ หรือเปน็ คณุ ธรรมประจาํ ตนของ ผปู กครองบา นเมือง ใหม ีความเปน็ ไปโดยธรรมและยังประโยชนสแ ขุ ใหเกดิ แกป ระชาชน ทศพิธราชธรรมทงั้ 10 ขอ มดี ังนี้ - ทาน คอื การให การเสยี สละ การใหนาํ้ ใจ - ศลี คอื ความประพฤติทดี่ งี าม ทงั้ กาย วาจา ใจ ใหปราศจากโทษ - บริจาค คอื การเสียสละความสขุ สว นตน เพ่อื ความสุขสวนรวม - ความซ่ือตรง คือ ความซ่ือตรงในฐานะทเี่ ปน็ ผูปกครอง ดํารงอยูใ นสัตยสแ ุจรติ - ความออนโยน คือ การมอี ัธยาศยั ออ นโยน เคารพในเหตผุ ลทค่ี วร มสี ัมมาคารวะตอ ผอู าวโุ ส - ความเพียร คอื ความอตุ สาหะในการปฏบิ ตั ิงาน โดยปราศจากความเกียจครา น - ความไมโกรธ คอื ไมมงุ รา ยผูอน่ื แมจ ะลงโทษผทู ําผดิ กท็ าํ ตามเหตผุ ล - ความไมเบียดเบยี น คอื การไมก อ ทุกขแหรือเบยี ดเบยี นผูอื่น - ความอดทน คอื การรกั ษาอาการ กาย วาจา ใจใหเ รียบรอ ย การอดทนตอ ส่ิงท้ังปวง - ความยุตธิ รรม คอื ความหนักแนน ถอื ความถูกตอ ง เท่ียงธรรมเปน็ หลัก
ใบความรูท้ ่ี 2 สทิ ธมิ นษุ ยชนและบทบาทหน้าทต่ี ามรัฐธรรมนูญ สิทธมิ นษุ ยชน หมายถงึ สทิ ธิขัน้ พ้นื ฐานท่ีพึงมโี ดยเสมอภาคกนั เพอ่ื การดาํ รงชวี ิตไดอยา ง มศี กั ดิ์ศรมี ี โอกาสเทาเทียมกันในการเรียนรูและพัฒนาศักยภาพของตนเองอยางเต็มที่และสรางสรรคแ ดงั น้นั จึงเปน็ สทิ ธิที่ ไดมาพรอมกับการเกิดและเป็นสทิ ธิตดิ ตัวบคุ คลน้นั ตลอดไปไมวา จะอยูในเขตปกครองใด หรือเช้ือชาติ ภาษา ศาสนาใด ๆ สทิ ธิมนุษยชน หมายถึง แนวคิดเกยี่ วกับมนษุ ยทแ ว่ี า มนษุ ยแนน้ั มสี ิทธิหรือสถานะสากล ซ่ึงไมข ึน้ อยูกับ ขอบเขตของกฎหมาย หรือปใจจัยทอ งถิน่ อืน่ ใด เชน เช้อื ชาติ หรือ สัญชาติ สทิ ธิ หมายถึง อาํ นาจอนั ชอบธรรม ซึง่ ความถกู ตอ งชอบธรรมนนั้ มีทีม่ าจากการเคารพซึง่ กันและกนั การใชส ิทธินั้น เราใชไดเ ทา ท่ีไมไปละเมดิ ในสิทธิของผูอืน่ เชน เคารพในสิทธขิ ั้นพ้ืนฐาน ซง่ึ ถือวาเป็นความจํา เป็นของชวี ิต สทิ ธิมนุษยชน หมายถึง สทิ ธิข้นั พ้นื ฐานที่มนุษยแเกิดมาพรอมกบั ความเทาเทียมกันในแงของศักดแิ์ ละ สทิ ธิ์ เพอ่ื ดาํ รงชวี ิตอยางมศี ักดศิ์ รี โดยไมคาํ นึงถึงความแตกตางในเรอื่ งเชอ้ื ชาติ สผี วิ อายุ ศาสนา ภาษา และ สถานภาพ ทางกายภาพและสุขภาพ รวมท้งั ความเชื่อทางสังคม การเมือง ชาตกิ าํ เนิดเหลา นี้ คือสทิ ธิทมี่ ีมาแต กาํ นิด ไมสามารถถายโอนกันได เชนสทิ ธิในรางกาย สิทธใิ นชวี ติ เป็นตน สรุป รัฐธรรมนูญฉบับปจใ จุบนั ใหความสําคญั กับการคุมครองศักดิ์ศรคี วามเปน็ มนุษยแ สิทธแิ ละ เสรภี าพของ บุคคล ซ่งึ เป็นหัวใจสาํ คัญของสทิ ธิมนุษยชน และยังมีการจัดตง้ั คณะกรรมการสทิ ธมิ นุษยชนแหง ชาตขิ ้ึน โดย ใหม หี นา ท่ตี รวจสอบ และรายงานการกระทาํ หรือละเวนการกระทาํ ที่ละเมดิ สิทธิมนษุ ยชนตามกฎหมายไทย หรือตามพนั ธกรณรี ะหวา งประเทศทปี่ ระเทศไทยไดร วมลงนาม โดยไมไ ดแบง แยกวา บคุ คลนน้ั จะมีอายเุ ทาไร เพศใด เช้ือชาติใด นับถือศาสนาและภาษาอะไร มสี ถานภาพทางกายหรือฐานะใด หากบุคคลอยใู นพน้ื ที่ทใี่ ช รัฐธรรมนูญยอ มไดร บั ความคุมครองสิทธิ เสรีภาพ และมีความเทา เทยี มกนั ในศักดิ์ศรีความเป็นมนษุ ยแ ดวยเหตุ น้ใี นการปฏิบัติงานตามอํานาจหนาทต่ี ลอดจนการตรากฎหมาย การตีความ และการบังคับใชก ฎหมายอาจมี การละเมิดสิทธิและเสรภี าพของบุคคลตามรฐั ธรรมนูญ หากถกู ลดิ รอนหรอื ถกู ละเมิดสิทธมิ นษุ ยชนก็สามารถ รอ งเรยี นตอ ศาลเพ่อื ใหดําเนินคดไี ด หน้าทขี่ องพลเมืองดตี ามรัฐธรรมนญู รัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ไดกลาวถึงหนาของชนชาวไทยตามระบอบประชาธิปไตย อันมี พระมหากษัตริยทแ รงเปน็ ประมขุ ซึ่งเปน็ หนา ทีต่ ามบทบญั ญตั ิแหงกฎหมายสงู สุดของประเทศ ซง่ึ ทกุ คนจะตอ งรักษาและปฏิบัติ ตามจะหลกี เลยี่ งไมไ ด พอสรุปได ดงั น้ี 1. การรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ แ - การรักษาชาติ - การรกั ษาศาสนา - การรกั ษาพระมหากษตั ริยแแ ละการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ทแ รงเปน็ ประมุข 2. การปฏิบตั ติ ามกฎหมาย เมื่อเราตองเก่ียวของหรอื สมั พนั ธกแ ับกฎหมายใดกต็ อ งปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายนั้นๆอยางเครง ครดั เพราะกฎหมายแตล ะฉบับ นั้นไดม ีการรา งและประกาศใชในราชกิจจานเุ บกษาอยา งเปิดเผยตอ หนาสาธารณชน 3. การไปใชสทิ ธเิ ลือกตง้ั หนาที่ = สามารถลงชือ่ ถอดถอน (20,000 คน) แตถา ไมมาใชห นา ท่กี จ็ ะไมม สี ทิ ธใิ์ นการลง สมัครเลือกตั้ง
4. การพฒั นาประเทศ 4.1. การปอู งกันประเทศ 4.2. การรับราชการทหาร 4.3. การเสียภาษีอากร - ภาษเี งินไดบ คุ คลธรรมดา - ภาษเี งนิ ไดน ติ บิ คุ คล - ภาษกี ารคา - คาอากรแสตมป 4.4. การชว ยเหลอื ราชการ 4.5. การศกึ ษาอบรม 4.6. การพิทักษแปกปูองและสืบสานศิลปะ วัฒนธรรมของชาติและภมู ิปญใ ญาทอ งถิ่น 4.7. การอนุรักษแทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอม 5. การปฏิบตั งิ านตามกฎหมายเพือ่ ประโยชนสแ วนรวม แนวทางการปฏบิ ตั ติ นเป็นพลเมืองดตี ามวิถชี ีวติ ประชาธปิ ไตย พลเมืองดีตามวถิ ชี วี ิตประชาธิปไตยควรมแี นวทางการปฏิบัตติ นดังน้ี คือ 1) ดา นสงั คม ไดแ ก (1) การแสดงความคิดอยา งมเี หตุผล (2) การรบั ฟงใ ขอ คิดเห็นของผอู ื่น (3) การยอมรับเมอ่ื ผอู ื่นมเี หตผุ ลทดี่ กี วา (4) การตดั สินใจโดยใชเหตผุ ลมากกวา อารมณแ (5) การเคารพระเบยี บของสังคม (6) การมจี ิตสาธารณะ คือ เห็นแกป ระโยชนแของสว นรวมและรกั ษาสาธารณสมบัติ 2) ดา นเศรษฐกจิ ไดแ ก (1) การประหยัดและอดออมในครอบครวั (2) การซอ่ื สตั ยแสจุ รติ ตออาชพี ทท่ี าํ (3) การพฒั นางานอาชีพใหก าวหนา (4) การใชเ วลาวา งใหเป็นประโยชนตแ อตนเองและสังคม (5) การสรา งงานและสรางสรรคสแ งิ่ ประดิษฐใแ หม ๆ เพ่ือใหเกิดประโยชนแตอสังคมไทย และสงั คมโลก (6) การเปน็ ผูผลิตและผูบรโิ ภคท่ดี ี มีความซอื่ สตั ยแ ยึดมั่นในอดุ มการณแทีด่ ตี อ ชาตเิ ป็น สาํ คัญ 3) ดา นการเมอื งการปกครอง ไดแ ก (1) การเคารพกฎหมาย (2) การรบั ฟงใ ขอคดิ เหน็ ของทุกคนโดยอดทนตอ ความขดั แยง ทเี่ กดิ ขนึ้ (3) การยอมรับในเหตผุ ลทดี่ กี วา (4) การซอื่ สตั ยตแ อหนา ทโ่ี ดยไมเ หน็ แกประโยชนแสว นตน (5) การกลา เสนอความคดิ เห็นตอ สวนรวม กลา เสนอตนเองในการทาํ หนา ท่ี สมาชกิ สภาผูแ ทนราษฎร หรอื สมาชกิ วุฒสิ ภา (6) การทาํ งานอยางเต็มความสามารถ เตม็ เวลา การส่งเสริมให้ผ้อู ืน่ ปฏบิ ัติตนเปน็ พลเมืองดี การทบี่ คุ คลปฏิบตั ิตนเป็นพลเมืองดใี นวถิ ปี ระชาธปิ ไตยแลว ควรสนบั สนนุ สงเสริมใหบคุ คลอน่ื ปฏบิ ัตติ นเปน็ พลเมอื งดี ในวิถีประชาธิปไตยดว ย โดยมแี นวทางการปฏบิ ตั ดิ ังน้ี
1. การปฏิบัติตนใหเป็นพลเมืองดีในวิถีประชาธิปไตย โดยยึดม่ันในคุณธรรมจริยธรรมของศาสนาและหลักการของ ประชาธิปไตยมาใชในวิถกี ารดาํ รงชวี ติ ประจาํ วันเพอ่ื เป็นแบบอยา งท่ดี ีแกคนรอบขาง 2. เผยแพร อบรม หรอื ส่งั สอนบคุ คลในครอบครัว เพือ่ นบาน คนในสงั คม ใหใชหลักการทางประชาธิปไตยเปน็ พื้นฐาน ในการดํารงชีวติ ประจําวนั 3. สนบั สนุนชมุ ชนในเร่อื งท่ีเกีย่ วกับการปฏบิ ัติตนใหถูกตอ งตามกฎหมาย โดยการบอกเลา เขยี นบทความเผยแพรผาน สื่อมวลชน 4. ชกั ชวน หรือสนบั สนุนคนดีมีความสามารถในการมสี วนรวมกับกจิ กรรมทางการเมืองหรอื กจิ กรรมสาธารณประโยชนแ ของชุมชน 5. เป็นหเู ป็นตาใหกบั รัฐหรือหนว ยงานของานรฐั ในการสนับสนุนคนดี และกําจัดคนที่เป็นภัยกับสังคมการสนับสนุนให ผูอื่นปฏบิ ัติตนเปน็ พลเมอื งดใี นวิถปี ระชาธปิ ไตย ควรเปน็ จิตสาํ นึกท่บี คุ คลพึงปฏิบตั เิ พ่อื ใหเกดิ ประชาธิปไตยอยางแทจรงิ
ใบความรทู้ ี่ 3 ความร้เู กี่ยวกับกฎหมายเลือกต้ัง การเลือกตงั้ ในระบอบประชาธปิ ไตย 1. ความหมายของการเลือกต้ัง การเลือกต้งั คือ การท่ีราษฎรใชส ิทธขิ องตนเองลงคะแนนเสยี งเลือกตวั แทน เพือ่ ทาํ หนาท่ี แทนตนในการปกครองแตล ะระดบั ของประเทศ เชน การเลือกต้งั สมาชิกสภาผูแทนราษฎร การเลอื กตง้ั สมาชิกสภาจงั หวัด เป็นตน การเลอื กตง้ั ที่เป็นประชาธปิ ไตยนนั้ ตองเป็นการเลือกต้ังโดยเสรี กลาวคอื ตองเปดิ กวาง ใหอ สิ ระในการตัดสนิ ใจท้งั ในแงของผสู มัครและผอู อกเสียง ทั้งนี้ ตอ งเป็นไปโดยบริสุทธแิ์ ละยตุ ธิ รรม ไมม ีการช้นี าํ หรือบงั คับใหเลอื ก 2. ความสําคญั ของการเลือกตง้ั ประชาชนเป็นผูมอี ํานาจในการปกครองประเทศ แตใ นสภาพสงั คมปใจจุบัน ยอมเปน็ ไป ไมไ ดทป่ี ระชาชนทุกคนจะทาํ หนา ทีป่ กครองประเทศพรอม ๆ กัน จงึ มคี วามจาํ เปน็ ตองเลอื กผแู ทนของ ตนเขา ไปทาํ หนาที่แทนตน และประชาชนสามารถเปลย่ี นผูแทนซ่ึงใชอาํ นาจแทนตนได โดยเลอื กผทู ่ตี น เห็นวา ประโยชนแแกสว นรวมตามแนวทางที่ตนตองการ โดยพิจารณาจากนโยบายของผสู มัครหรอื พรรค ของผูส มัคร 3. การเลือกต้ังผูแทนในระดับตา ง ๆ การเลือกตัง้ ในประเทศไทยมีหลายระดบั ตั้งแตระดับหมบู าน กลาวคือ 3.1 ระดบั หมบู าน คือ การเลือกผใู หญบา น กรรมการหมูบานและสมาชกิ สภาทองถ่ิน 3.2 ระดับตาํ บล คือ กํานนั ผบู ริหารทอ งถ่ิน 3.3 ระดับอําเภอ คือ สมาชกิ สภาเทศบาลและสมาชิกสภาเมอื งพัทยา 3.4 ระดับจังหวดั คอื สมาชกิ สภาจงั หวดั และการเลือกตงั้ ในกรงุ เทพฯ ซงึ่ ไดแ ก การเลือกตัง้ ผวู าราชการกรงุ เทพมหานคร การเลือกตั้งสมาชกิ สภา กทม. และการเลือกตั้งสมาชกิ สภาเขต 3.5 ระดับชาติ คือ การเลือกต้ังสมาชิกสภาผแู ทนราษฎร, สมาชิกวฒุ สิ ภา ผลกระทบจากการซื้อสิทธขิ ายเสยี ง - ประเทศขาดโอกาสในการพฒั นา - การเลือกตัง้ ซํ้าซาก - สน้ิ เปลอื งงบประมาณ - ประชาชนเบ่ือหนา ย - เกิดการทจุ ริต คอรัปชัน่ ความผดิ เกย่ี วกับการหาเสียงเลอื กต้งั ส.ส. เรอื่ งท่ี 1 การให หรอื สญั ญาวาจะให เงิน หรือทรัพยแสิน หรอื ประโยชนแอ่ืนใด หรอื การเล้ยี ง หรอื รบั จดั เล้ยี งหรือ หลอกลวง หรอื ใชอ ิทธพิ ลคุกคาม หรือใสร าย เพอื่ จูงใจใหผ ูมสี ิทธิเลอื กต้งั ลงคะแนนเลอื กต้ัง หรอื ไมล งคะแนน เลอื กตั้ง - เป็นความผิดมีโทษจาํ คกุ 1 ปี – 10 ปี และปรับ 20,000 บาท - 200,000 บาท และถูกเพิกถอนสทิ ธิเลือกต้งั 10 ปี (มาตรา 53 ประกอบมาตรา 137)
เรอ่ื งท่ี 2 การจดั ยานพาหนะนําผูมีสิทธเิ ลอื กตั้งไปเพอ่ื การเลือกต้งั หรอื กลับจากทเี่ ลือกตั้ง โดยไมต องเสียคา โดยสาร หรือคา จางซ่ึงตอ งเสยี ตามปกติ - เปน็ ความผิดมีโทษจําคุก 1 ปี – 5 ปี หรือปรบั 20,000 บาท - 100,000 บาท หรือทัง้ จาํ ทัง้ ปรับ และถกู เพกิ ถอนสิทธิเลือกตงั 5 ปี (มาตรา 55 ประกอบมาตรา 145) เร่อื งท่ี 3 คนทไี่ มม ีสัญชาติไทยชวยเหลอื ในการหาเสยี ง - เปน็ ความผิดมีโทษจาํ คกุ 1 ปี – 10 ปี และปรบั 20,000 บาท - 200,000 บาท (มาตรา 56 ประกอบมาตรา 146) เร่ืองที่ 4 การหาเสียงไมว า จะเปน็ คุณหรือโทษแกผูสมคั รรับเลือกตัง้ หรือพรรคการเมืองตั้งแตเ วลา 18.00 นาฬิกา ของวันกอนวนั เลือกตัง้ หน่งึ วันจนสน้ิ สุดวนั เลือกตง้ั - เป็นความผดิ มีโทษจาํ คกุ ไมเ กิน 6 เดือน หรอื ปรบั ไมเ กนิ 10,000 บาทหรือท้ังจําทงั้ ปรบั (มาตรา 58 ประกอบมาตรา 147) เรอ่ื งท่ี 5 หามปดิ ประกาศ หรือติดปูายเกยี่ วกบั การเลือกต้ังนอกเหนอื จากท่ีคณะกรรมการการเลอื กตัง้ กาํ หนดให รวมทง้ั ติดในสถานทข่ี องเอกชนและหามปดิ ประกาศหรือตดิ แผน ปาู ยเกีย่ วกับการเลือกตงั้ เกินขนาดและมี จาํ นวนไมเป็นไปตามที่คณะกรรมการการเลือกต้ังกาํ หนด หรือการหาเสียงตามสถานีวทิ ยุ หรือสถานโี ทรทัศนแ นอกเหนือจากทค่ี ณะกรรมการการเลือกต้ังกาํ หนดไวใหรฐั สนบั สนุน - เป็นความผิดมโี ทษจาํ คกุ ไมเ กิน 6 เดือน หรือปรบั ไมเกิน 10,000 บาท หรือท้ังจําท้ังปรบั (มาตรา 60 ประกอบมาตรา 147) เรอ่ื งท่ี 6 การเรียก หรือรับทรัพยแสนิ ในการลงสมัครหรือไมล งสมคั รรบั เลอื กต้งั เพ่อื เป็นประโยชนแแ กผสู มคั รรับ เลอื กต้ังหรือพรรคการเมอื ง - เป็นความผิดมโี ทษจําคุก 1 ปี - 10 ปี หรือปรบั 20,000 บาท – 200,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรบั และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกต้ัง 10 ปี (มาตรา 54 วรรคหนึง่ ประกอบมาตรา 144 วรรคหนึง่ ) เรื่องท่ี 7 เจาหนาทข่ี องรฐั ใชตําแหนงหนา ทโี่ ดยมชิ อบดว ยกฎหมายกระทาํ การใดๆ เพ่ือเปน็ คุณหรอื โทษแกผ สู มคั ร หรือพรรคการเมือง - เปน็ ความผดิ มโี ทษจําคกุ 1 ปี - 10 ปี และถูกปรบั 20,000 บาท – 200,000 บาท และถูกเพิกถอน สทิ ธเิ ลือกตัง้ 10 ปี (มาตรา 57 ประกอบมาตรา 137) ความผิดเกี่ยวกับคา ใชจายในการเลือกตงั้ ส.ส. เร่อื งที่ 8 ผูสมัครรับเลือกตั้ง หวั หนาพรรคพรรคการเมืองใชจา ยในการเลอื กตง้ั เปน็ จํานวนเงินเกินกวา ท่ี คณะกรรมการการเลือกต้ังกาํ หนด - เป็นความผดิ มโี ทษจาํ คุก 1 ปี - 5 ปี หรือปรบั 20,000 บาท - 100,000 บาท หรือปรับเปน็ 3 เทา ของจาํ นวนเงินเกนิ กาํ หนด หรือทง้ั จาํ ท้ังปรับและถูกเพิกถอนสิทธิ
เลอื กตั้ง 5 ปี (มาตรา 50 วรรคสาม ประกอบมาตรา 141) เรื่องที่ 9 ผสู มคั รรบั เลือกตงั้ หรอื หวั หนาพรรคไมยื่นบญั ชกี ารใชจา ยในการเลอื กต้งั ภายใน 90 วนั หลังจากวัน เลือกตัง้ หรือย่ืนหลกั ฐานไมถูกตอ งครบถวน -เป็นความผิดมโี ทษจําคุกไมเกนิ 2 ปี หรอื ปรับไมเ กิน 40,000 บาท หรือทง้ั จําทงั้ ปรับ และถูกเพิกถอน สิทธเิ ลือกตัง้ 5 ปี (มาตรา 52 ประกอบมาตรา 143 วรรคสอง) เรอ่ื งที่ 10 ผสู มคั รรับเลือกตง้ั หรอื หวั หนาพรรคยื่นบัญชรี ายรับรายจา ยในการเลอื กต้งั เป็นเทจ็ - เป็นความผิดมโี ทษจําคุก 1 ปี - 5 ปี และปรับ 20,000 บาท - 100,000 บาท และถกู เพิกถอนสิทธเิ ลอื กตงั้ 5 ปี (มาตรา 52 ประกอบมาตรา 143 วรรคสอง) เร่ืองท่ี 11 สมุหบแ ญั ชเี ลอื กตั้งจดั ทําบัญชรี ายรบั รายจายในการเลือกตงั้ ไมเ ป็นไปตามหลกั เกณฑแ และวธิ กี ารท่ี คณะกรรมการการเลือกต้ังประกาศ - เปน็ ความผิดมีโทษจาํ คุกไมเกิน 1 ปี และปรบั ไมเ กนิ 20,000 บาท และถูกเพิกถอนสิทธเิ ลอื กต้ัง 5 ปี และหามเปน็ สมุหแบัญชีเลือกตั้ง 5 ปี (มาตรา 51 วรรคสอง ประกอบมาตรา 142) ความผิดเกยี่ วกบั ผูสมัคร ส.ส. และการสมัครรับเลือกต้ัง ส.ส. เรื่องที่ 12 การลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผแู ทนราษฎรแบบแบงเขต หรือแบบบญั ชรี ายชือ่ โดยรอู ยวู า ตนเองไมมี สิทธิลงสมัคร หรอื การลงสมัครรบั เลอื กตง้ั ในนามพรรคการเมอื งเกินกวา 1 พรรค หรอื ลงสมคั รรบั เลือกตัง้ เปน็ สมาชกิ สภาผแู ทนราษฎรทงั้ แบบแบง เขตและแบบสัดสวน หรอื ลงสมคั รรบั เลือกตงั้ เกินกวา 1 เขตเลือกต้งั หรือการสมัครลงรบั เลือกตัง้ มากกวา 1 เขตเลอื กตัง้ - เปน็ ความผิดมีโทษจาํ คุก 1 ปี – 10 ปี และปรบั 20,000 บาท - 200,000 บาท และถกู เพิกถอนสทิ ธิเลือกต้ัง 10 ปี (มาตรา 34 มาตรา 35 มาตรา 38 วรรคสอง ประกอบมาตรา 139) ความผิดเกี่ยวกบั ผูม สี ิทธิเลือกต้ังและบญั ชรี ายชื่อการเลือกตงั้ ส.ส. เร่อื งท่ี 13 ผมู ีสิทธเิ ลอื กตงั้ ไมไปใชสิทธเิ ลือกตั้ง และไมไดแ จงเหตอุ ันสมควรจะเสียสทิ ธิ 3 ประการ คือ 1.เสียสิทธิยน่ื คํารอ งคดั คา นการเลือกตงั้ สมาชกิ สภาผแู ทนราษฎรและสมาชกิ วุฒสิ ภา 2.เสียสทิ ธิลงสมัครรับเลอื กตั้งสมาชิกสภาผูแทนราษฎรและสมาชกิ วุฒสิ ภา และการไดร บั การเสนอชื่อเป็น สมาชกิ วฒุ สิ ภา สมาชิกสภาทอ งถน่ิ และผูบรหิ ารทอ งถน่ิ 3.เสยี สทิ ธสิ มัครรบั เลอื กเป็นกํานัน และผใู หญบาน (มาตรา 26) เรือ่ งท่ี 14 การยา ยชอ่ื บุคคลอืน่ เขามาในทะเบียนบา นเพื่อประโยชนใแ นการเลอื กตงั้ - เป็นความผดิ มีโทษจาํ คุกไมเกนิ 2 ปี หรอื ปรบั ไมเกิน 40,000 บาท หรือทง้ั จําทงั้ ปรบั (มาตรา 33 ประกอบมาตรา 138) ความผิดเกย่ี วกบั การลงคะแนนเลือกต้งั ส.ส. เรอ่ื งท่ี 15 การลงคะแนนเลือกตงั้ โดยรูอยวู า ตนเองไมมสี ทิ ธิลงคะแนนเลือกตั้ง โดยใชเอกสารแสดงตนอนั เปน็ เทจ็ - เป็นความผดิ มีโทษจําคุก 1 ปี – 10 ปี และปรบั 20,000 บาท - 200,000 บาท และถกู เพกิ ถอนสทิ ธิเลือกตง้ั 10 ปี (มาตรา 70 ประกอบมาตรา 137) เรอ่ื งท่ี 16 การขัดขวาง ไมใหผมู ีสิทธเิ ลือกตั้งไป ณ หนวยเลอื กตง้ั หรือลงคะแนนเลอื กตั้ง
- เป็นความผดิ มีโทษจําคุก 1 ปี – 5 ปี หรือปรบั 20,000 บาท - 100,000 บาท หรือท้งั จําทงั้ ปรบั และถกู เพกิ ถอนสิทธิเลอื กตัง้ 5 ปี (มาตรา 76 ประกอบมาตรา 152 วรรคหนง่ึ ) เร่ืองที่ 17 การถา ยภาพบตั รเลอื กตงั้ ทไี่ ดล งคะแนนเลือกตั้งไวแลว หรือการแสดงบัตรเลือกตงั้ ท่ีไดล งคะแนนเลือกตัง้ ไว แลวใหผอู นื่ ทราบถึงการลงคะแนนเลือกต้ัง - เปน็ ความผดิ มโี ทษจาํ คุก ไมเ กนิ 1 ปี หรือปรบั ไมเ กนิ 20,000 บาท หรือท้ังจาํ ทั้งปรบั (มาตรา 73 มาตรา 75 ประกอบมาตรา 153) (เป็นความผิดเฉพาะผูสมคั ร) เรอ่ื งที่ 18 ผูบงั คบั บญั ชา หรือนายจางขดั ขวางการไปใชส ทิ ธเิ ลอื กต้ังของผูใ ตบังคับบัญชา หรือลกู จาง - เป็นความผดิ มโี ทษจาํ คกุ ไมเกิน 2 ปี หรอื ปรับไมเกิน 40,000 บาท หรือทั้งจําท้งั ปรบั (มาตรา 136) เรื่องที่ 19 ผมู สี ิทธเิ ลือกตง้ั เรียก รับ หรอื ยอมจะรบั เงิน ทรัพยแสิน หรือประโยชนแอ่นื ใด เพ่ือลงคะแนนหรือไม ลงคะแนนใหแ กผ ูสมัคร หรอื พรรคการเมอื งใด - เปน็ ความผดิ มโี ทษจาํ คกุ 1 ปี – 5 ปี หรือปรบั 20,000 บาท - 100,000 บาท หรอื ทง้ั จาํ ท้งั ปรบั และถูกเพิกถอนสิทธเิ ลือกตงั้ 5 ปี (มาตรา 77 ประกอบมาตรา 152) ความผิดเกย่ี วกับบตั รเลือกตั้ง ส.ส. เรื่องท่ี 20 การนาํ บัตรเลือกตั้งออกไปจากทเี่ ลือกต้ัง หรอื การทําเครื่องหมายเปน็ ทส่ี งั เกตไวใ นบัตรเลอื กตง้ั หรอื การนาํ บัตรเลือกตัง้ ใสในหบี บตั รเลอื กตัง้ โดยไมมีอาํ นาจตามกฎหมาย หรอื การทาํ บัญชรี ายชื่อผูมีสิทธเิ ลอื กตั้งผดิ ไป จากความเป็นจรงิ หรอื กระทําการใหบตั รเลือกต้งั หรอื กระทําการใหบตั รเลือกต้ังเพิ่มขนึ้ ไปจากความเปน็ จริง - เป็นความผดิ มโี ทษจําคุก 1 ปี – 5 ปี หรือปรับ 20,000 บาท - 100,000 บาท หรอื ท้ังจาํ ทัง้ ปรับ และถูกเพิกถอนสิทธเิ ลอื กตง้ั 5 ปี (มาตรา 71 วรรคสอง มาตรา 72 มาตรา 74 ประกอบมาตรา 152 วรรคหนง่ึ ) เรอ่ื งท่ี 21 การใชบ ัตรอน่ื ทมี่ ใิ ชบ ตั รเลือกตงั้ ทีก่ ฎหมายกําหนดหรอื การใชบ ัตรเลือกต้งั ที่มิใชบัตรเลือกตัง้ ที่ตนไดรับมา จากการแสดงตนเพ่ือลงคะแนนเลอื กต้ัง - เป็นความผดิ มีโทษจําคุก 1 ปี – 10 ปี และปรบั 20,000 บาท - 200,000 บาท และถูกเพิกถอนสทิ ธเิ ลอื กตง้ั 10 ปี (มาตรา 71 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 151) ความผิดเกีย่ วกบั การรอ งเทจ็ และเป็นพยานเท็จการเลือกต้ัง ส.ส. เรื่องที่ 22 กระทาํ การอนั เป็นเท็จใหผอู ืน่ เขาใจวาผสู มัครรบั เลือกตัง้ กระทาํ ผิดกฎหมายเลือกต้งั - เป็นความผิดมีโทษจาํ คุกไมเกนิ 2 ปี หรอื ปรับไมเกิน 40,000 บาท และถูกเพิกถอนสทิ ธเิ ลือกต้ัง 5 ปี (มาตรา 140 วรรคหนงึ่ ) เรอ่ื งท่ี 23 กระทาํ การอนั เปน็ เทจ็ เพ่ือกล่นั แกลงผสู มคั รรบั เลือกตั้ง เพือ่ ใหผูส มคั รนัน้ ถูกเพิกถอนสทิ ธิเลือกตงั้ หรือ ไมใ หม ีการประกาศผลเลอื กตั้ง - เป็นความผิดมโี ทษจําคกุ 5 ปี – 10 ปี ปละปรบั 100,000 บาท - 200,000 บาท และถกู เพกิ ถอนสทิ ธิเลือกต้ัง 10 ปี (มาตรา 122 ประกอบมาตรา 140 วรรคสอง) เร่อื งที่ 24
การกลา วหาผสู มคั รรบั เลือกตง้ั วา กระทาํ ผดิ กฎหมายเลอื กตงั้ ตอคณะกรรมการการเลอื กตั้ง อนั เปน็ เท็จ - เป็นความผิดมโี ทษจําคุก 7 ปี – 10 ปี และปรับ 140,000 บาท - 200,000 บาท และถูกเพกิ ถอนสทิ ธิเลือกต้งั 20 ปี (มาตรา 140 วรรคสาม) ความผิดเร่ืองอ่นื ๆทส่ี าํ คัญเก่ยี วกบั การเลอื กตั้ง ส.ส. เรื่องที่ 25 การขดั ขวางคณะกรรมการการเลือกตัง้ หรือผูที่คณะกรรมการการเลือกต้ังไดมอบอาํ นาจไมใ หเ ขาไปในท่ีอยู อาศัย สถานท่ี หรือยานพานะเพอ่ื ตรวจ คน ยึด หรืออายดั ทง้ั เอกสารทรพั ยสแ นิ หรือพยานหลักฐานอน่ื ๆ เมื่อมี หลักฐานที่เชอ่ื ไดวามกี ารกระทําผิดกฎหมายเลือกตงั้ - เป็นความผดิ มีโทษจาํ คุกไมเ กนิ 1 ปี หรือปรบั ไมเ กนิ 20,000 บาท หรอื ทั้งจําท้ังปรับ (มาตรา 112 วรรคหน่ึง (1) ประกอบมาตรา 154 วรรคหนึ่ง) เรอ่ื งที่ 26 การขาย จําหนา ย จายแจก หรือจดั เลี้ยงสรุ าตัง้ แตเ วลา 18.00 นาฬกิ า ของกอนวนั เลือกต้ังหน่ึงวันจน สนิ้ สุดวนั เลอื กตัง้ - เป็นความผดิ มีโทษจําคกุ ไมเ กิน 6 เดือน หรือปรบั ไมเกิน 10,000 บาท หรอื ทัง้ จาํ ทง้ั ปรบั (มาตรา 155) เรอ่ื งที่ 27 การเลน หรอื จัดใหเลนพนันขันตอเก่ยี วกับผลการเลือกตั้ง - เป็นความผดิ มโี ทษจําคกุ 1 ปี – 5 ปี หรอื ถกู ปรบั 20,000 บาท - 100,000 บาท หรือทง้ั จาํ ทัง้ ปรบั และถูกเพิกถอนสิทธเิ ลือกต้งั 5 ปี (มาตรา 156) เรื่องที่ 28 การเปิดเผย หรอื เผยแพรผลสาํ รวจความคิดเห็นของประชาชนเก่ียวกบั การลงคะแนนเลอื กต้ังในระหวาง 7 วนั กอ นวันเลอื กตั้งจนถึงเวลาปิดการลงคะแนนเลือกตง้ั - เปน็ ความผิดมโี ทษจําคกุ ไมเ กนิ 3 เดือน หรือถูกปรบั ไมเ กนิ 6,000 บาท หรือทั้งจําท้งั ปรับ (มาตรา 150) เร่อื งท่ี 29 การกระทําความผิดเกย่ี วกับกฎหมายเลอื กตงั้ สมาชิกสภาผแู ทนราษฎรนอกราชอาณาจกั ร ไมวา จะเป็น ตวั การ ผสู นับสนุน หรือผใู ชใหกระทําความผดิ นน้ั ใหถือวาตัวการ ผูสนับสนุน หรือผูใชใหก ระทําความผดิ นน้ั ไดก ระทาํ ในราชอาณาจักร (มาตรา 160) เรอื่ งที่ 30 ผูสมัครรับเลอื กต้ัง หรอื สมาชิกสภาผแู ทนราษฎร ซง่ึ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรอื ศาลฎกี ามคี ําสงั่ ใหเ พกิ ถอนสิทธิเลอื กตง้ั และเปน็ เหตใุ หตอ งมกี ารเลือกตง้ั ใหม ตอ งรบั ผดิ และชดใชค า ใชจ า ยสําหรับการจดการ เลอื กต้ังใหม (มาตรา 11 )
ใบความรทู้ ี่ 4 การทุจรติ คอรปั ช่ัน คาํ วา “คอรปั ชน่ั ”เรามักจะไดยินมาทกุ ยุคทกุ สมยั คอรปั ชั่น คอื อะไร คอรัปชน่ั คือ การทจุ รติ โดยใช หรอื อาศัยตาํ แหนงหนา ทีอ่ าํ นาจและอิทธพิ ลทตี่ นมีอยูเพ่ือ ประโยชนแแกตนเองหรือผูอ่ืนรวมถงึ การเลือกที่รัก มักท่ีชงั การเหน็ แกญาตพิ นี่ องกินสินบนฉอราษฎรแบงั หลวง การใชระบบอุปถมั ภแ และความไมเ ปน็ ธรรมอ่นื ๆท่ี ขาราชการหรือบุคคลใดใชเป็นเครอื่ งมือในการลิด รอนความเป็นธรรม และและความถูกตองตามกฎหมาย และสังคมปใจจุบันเปน็ ที่ยอมรับ วา การคอรัปชนั่ ในประเทศไทยเป็นปญใ หามากแมจ ะมมี าตรการปูองกนั และ แกไขก็ไม สามารถขจดั ปญใ หาคอรัปชนั่ ใหห มดไปจากสงั คมไทยไดตราบใดทค่ี นไทยยังมีการดาํ รง ชีวิตอยา ง ฟูงุ เฟูอ ฟุมเฟือย ใชเงินมากกวารายไดขาดการดํารงชีวติ แบบเศรษฐกจิ พอเพียง จงึ ทําใหเกดิ การทจุ ริตเกดิ ขึน้ ทงั้ นเ้ี นอื่ งจาก ปญใ หาเศรษฐกิจกระแสบริโภคนิยมวตั ถนุ ยิ ม เกดิ การใชเงนิ เกนิ รายได โดยนยิ มหรอื ชืน่ ชมกนั วัตถุนิยม เชน ช่ืนชมกับการใชสงิ่ ของหรือสอื่ เทคโนโลยที ่ีทนั สมยั โครงสรา งของสังคม ไทย ระบบอปุ ถัมภแ กลาวคือ สังคมไทยเป็นสังคมแนวดงิ่ คอื เปน็ สงั คมของกลุมทมี่ ีอํานาจกับกลุมไมม ี อาํ นาจ โดยกลมุ ทม่ี ีอํานาจจะทําทกุ วิถีทางที่ใหตนมีอํานาจสวนกลุม ไมม ีอาํ นาจกจ็ ะทํา ทุกวิถที างใหตนอยูร อด และระบบอปุ ถัมภแเป็นระบบทดี่ แู ลคํ้าชูโดยผูใหญด ูแลเด็ก เด็กดแู ลผใู หญ ซ่ึงระบบอุปถัมภแนีเ้ ป็นการชว ยเหลือ ซง่ึ กนั และกนั เชนเม่ือราชการกระทาํ ความ ผดิ เกดิ ข้นึ อาจเกิดจากเหตุที่ ไมร ูวากระทําน้ันเป็นการกระทําทีผ่ ดิ มี ความจําเปน็ ในการกระทาํ เพือ่ ประโยชนแของทางราชการ หรือ เกรงกลัวตออํานาจหรือกระโดยทจุ รติ กต็ าม เม่อื ราชการกระทาํ ผิดนกั การเมืองมาโอบอุมสวนราชกาใหพนผิด การกระทาํ ดงั กลาวเชนนี้เปน็ การอุปถัมภซแ ึง่ กันและกนั จึงทําใหเ กิดการสนองตอบดวยการกระทําความผดิ เน่อื งจาก 1.กระบวนการยตุ ิธรรมไมเ ขม แข็ง 2.การแทรกแซงจากผมู ีอิทธิพลและนักการเมือง 3.ความเบื่อหนา ยและเพิกเฉยของประชาชนตอ การทุจรติ การทจุ รติ คอรัปชั่นสามารถแบงไดเปน็ 5 รปู แบบคือ 1) การทจุ ริตเชิงนโยบาย 2)ทจุ รติ ตอ ตาํ แหนง หนาทร่ี าชการ 3) การทจุ รติ ในการจัดซื้อจดั จา ง 4) การทจุ ริตในการใหส ัมปทาน 5)การ ทจุ รติ โดยการทําลายระบบตรวจสอบอาํ นาจรฐั การทุจรติ เชิงนโยบายเปน็ รูปแบบใหมข อง การ ทจุ รติ ท่แี ยบยล โดยอาศัยรูปแบบของกฎหมาย หรือมตขิ องคณะรัฐมนตรหี รอื มติของคณะกรรมการเป็น เครอ่ื งมอื ในการแสวงหาผลประโยชนแทําใหประชาชน สวนใหญเขา ใจผดิ วาเปน็ การกระทําท่ีถูกตองชอบธรรม ซึ่งประกอบดวยขอเท็จจริงดังนี้ 1.มกี ารกําหนดนโยบายที่จะทาํ โครงการ หรอื กจิ การโดยองคแกรหรือหนวยงานของรฐั หรอื รัฐบาลที่อา ง ประโยชนแของประเทศ ชาตหิ รือประชาชนเปน็ อนั ดบั แรก 2.มีการเตรียมการรองรับโครงการหรอื กจิ การนัน้ ใหมีความชอบดว ยกฎหมายหรอื ระเบียบ 3.ทา ย สุดคอื ผลประโยชนอแ ันมิควรไดเกดิ ขน้ึ แกบ คุ คลหรือกลมุ บุคคลผลประโยชนทแ ี่มหาศาล ที่ตกไดกบั ฝุาย บริหารซ่ึงมอี ํานาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ครอบงาํ ฝุายนติ ิบัญญตั ิหรือขาราชการประจําการทจุ รติ ตอตาํ แหนง เจา หนาท่ี คอรัปชั่นเปน็ การใชอ าํ นาจและหนา ทใี่ นความรับผดิ ชอบของ ตนในฐานะของเจา หนา ทข่ี องรัฐเอื้อ ประโยชนใแ หก ับตนเองหรอื บุคคลใดบคุ คล หน่ึง หรอื กลุมใดกลุมหนง่ึ ปจใ จบุ ันมักเกิดจากความรวมมือระหวา ง
นักการเมืองพอคาและขา ราชการประจําอนั มีลกั ษณะเป็นทางธรุ กจิ ทางการเมือง ท่ีเหน็ ไดชดั เจนคอื การที่ นักการเมืองและนักธรุ กิจรวมกันครอบครองท่ดี นิ ของ รฐั โดยมชิ อบท้งั น้โี ดยขาราชการฝาุ ยปกครองและเจา พนกั งานทดี่ ินใหความรวม มือ หรอื ไดรบั ผลประโยชนตแ อบแทนการทุจรติ ในการจดั ซอื้ จัดจา งการจดั ซ้ือจดั จา ง เป็นการแสวงหาหรือเออ้ื ประโยชนจแ ากการจัดซื้อจดั จา งในราคาทีส่ งู กวาความ เปน็ จริงแตส่ิงที่ไดมีคณุ ภาพตาํ่ ปจใ จบุ นั มักเกิดจากความรว มมือกนั ระหวางนักธรุ กิจ พอคา และขาราชการประจาํ อนั มีลักษณะวิธกี ารและ กําหนดเงื่อนไขในการประมลู ท่ีเรียก วา ฮวั้ ประมลู หรือมีการใหเ งนิ ทรพั ยสแ ินหรอื ผลประโยชนอแ น่ื ใดเป็นการ ตอบแทนวธิ กี ารฮั้วประมลู ทาํ ทุกวธิ ีทางใหไ ดมาซึง่ การประมลู การ ทุจริตในการ ใหสัมปทานการใหสัมปทาน เป็นการแสวงหาหรือเอ้ือประโยชนโแ ดยมชิ อบจากโครงการหรือ กจิ การของรฐั ซ่งึ รฐั ไดอ นุญาตหรือมอบใหเอกชนดาํ เนินการแทนใหลักษณะสัมปทานผูกขาดในกิจการใด กิจการหนึง่ เชน การทาํ สัญญาสัมปทานโรงงานสุรา การทําสัญญาสมั ปทานโทรคมนาคมเป็นตน ทจุ รติ โดยการทําลายระบบ ตรวจสอบการใชอ ํานาจ รฐั เปน็ การพยายามดําเนินการใหไ ดบุคคลซึ่งมีสายสัมพันธกแ บั ผูดาํ รงตาํ แหนงทาง การเมืองในอนั ท่จี ะแทรกเขาไปดํารงตาํ แหนงในองคแกรอสิ ระตามรฐั ธรรมนญู ซ่งึ มอี าํ นาจหนาที่ในการ ตรวจสอบการใชอาํ นาจรฐั เชน คณะกรรมการการเลือกต้งั คณะกรรมการปูองกันและปราบปราบการทุจริต แหงชาติเป็น ตน ทําใหองคแกรเหลานีอ้ อนแอไมส ามารถตรวจสอบการใชอํานาจรัฐไดอ ยางมี ประสทิ ธิภาพการ แกปใญหาในเรื่องเหลา น้โี ดยการนําพระราชกฤษฎีกาวา ดว ยหลัก เกณฑแและวิธีการบรหิ ารกิจการบา นเมืองทด่ี ี พ.ศ.2546 หรอื หลักธรรมาภิบาลมาปฏิบัติ หลกั ธรรมาภบิ าล หมายถึง แนวทางการจัดระเบยี บเพ่ิอใหสังคมของประเทศท้งั รัฐและเอกชนดังนี้ 1.หลักนติ ธิ รรม (The Rule of law) ปฏบิ ตั ิตามกฎหมายทอี่ อกมาถกู ตองและเปน็ ธรรม 2.หลกั คุณธรรม(Morality) ยึดมนั่ ความถูกตองเปน็ ธรรม อดทน มีระเบยี บ วินยั 3.หลกั ความโปรง ใส (Accoutability) การกระทาํ สามารถตรวจสอบได 4.หลักมสี ว นรว ม(Participation) รบั ฟใงความคดิ เห็นทุกฝาุ ย 5.หลกั ความรับผดิ ชอบ (Responsibility) ยอมรบั ผลการกระทาํ ของตนท้งั ผลดผี ลเสีย 6หลกั ความคุมคา (Cost –effectiveness of Econom) ใชทรพั ยากรทีม่ ี คุมคาและประหยดั
ใบความรู้ที่ 5 ระบบเศรษฐกิจของไทย ความหมายระบบเศรษฐกจิ - รฐั เขา มาดาํ เนินการจดั ระเบียบทางเศรษฐกจิ ของประเทศ โดยกาํ หนดวากจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ชนดิ ใดรัฐจดั ทาํ กจิ กรรมใดให เอกชนดาํ เนนิ การ - การรวมกันของหนวยเศรษฐกจิ (หนวยธรุ กิจ/หนว ยครัวเรือน) เพื่อดาํ เนนิ กิจกรรทางเศรษฐกิจ โดยมกี ารกําหนดหนา ทข่ี อง หนว ยเศรษฐกิจตา ง ๆ ประเภทระบบเศรษฐกิจในปใจจบุ นั แบงระบบเศรษฐกิจเปน็ 3 ประเภท 1. ระบบเศรษฐกจิ แบบบงั คบั หรือสงั คมนิยม 2. ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมหรอื ระบบตลาด 3. ระบบเศรษฐกจิ แบบผสม ระบบเศรษฐกิจไทย 1. ระบบเศรษฐกจิ แบบสงั คมหรอื แบบบังคบั - รฐั กาํ หนดควมคุม วางแผน ตดั สนิ ใจเกย่ี วกับ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ของประเทศ - ทรพั ยสแ ิน ทรัพยากรและปใจจยั การผลิตเปน็ ของรฐั - เชน ในประเทศเวยี ดนาม เกาหลีเหนือ คิวบา 2. ลักษณะระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นิยมหรือระบบตลาด - เอกชนหรือหนว ยธุรกจิ ตาง ๆ มอี ิสระในการประกอบกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ - เนนการแขงขนั ของเอกชน เกดิ การผลิตสนิ คา ท่ีมีคณุ ภาพเพือ่ แยง ตลาดการขาย เปน็ ไปตามกลไกราคา - เอกชนมสี ิทธ์ิในทรพั ยสแ ินและปจใ จยั การผลติ เงิน - สหรฐั อเมรกิ า แคนาดา ญีป่ ุน 3. ลักษณะระบบเศรษฐกจิ แบบผสม - กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางอยางรฐั เป็นผดู ําเนนิ การบางอยา งเอกชนดําเนนิ การ - เอกชนมสี ทิ ธิ์ในทรัพยแสนิ มีเสรภี าพในการประกอบกิจกรรมภายใตก ฎหมาย มีการแขง ขนั ภายใตก ลไกราคา มีกําไร - รัฐประกอบกจิ กรรมทีเ่ ป็นสาธาณปู โภคพน้ื ฐานท่ีจาํ เปน็ - รัฐเขาแทรกแซงการผลติ ของเอกชนเพื่อปอู งกนั การเอารดั เอาเปรยี บ ลักษณะเศรษฐกจิ ไทย ไทยใชร ะบบเศรษฐกจิ แบบผสมแตคอนขางไปทางทนุ นยิ มเอกชนมีบทบาทในการผลิตดา นตาง ๆ มากกวา รัฐบาลเอกชนมี สิทธ์ใิ นทรัพยสแ ินและปจใ จยั การผลติ มีเสรีภาพในการดําเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ มกี ารแขง ขันเพ่ือพฒั นาคุณภาพของสินคา รฐั บาลดําเนนิ กิจกรรมทางเศรษฐกิจดา นกิจกรรมสาธารณูปโภค การแลกเปลย่ี นสนิ คา้ ความเป็นมา มนุษยมแ คี วามสามารถในการผลิตสินคาแตล ะชนดิ แตกตา งกัน ทําใหเ กิดการซ้ือขายและแลกเปลยี่ นสนิ คา ทตี่ น
ไมไดทาํ เอง ประเภทการแลกเปลย่ี น 1. แลกเปลี่ยนสินคา้ ต่อสินค้าเชนชาวบาน เอมขาวสารมาแลกปลา ผลไมแลกพรกิ 2. แลกเปลย่ี นโดยใชเ้ งินเป็นสอ่ื กลางซึง่ รวมถงึ บตั รเครดติ มีตลาดเป็นศูนยแกลาง ความสัมพันธแของการแลกเปล่ียน หนว ยเศรษฐกิจตาง ๆ ตองพ่งึ พาอาศยั กนั ท้งั ในดา นการแลกเปลย่ี นสนิ คา ตอ สินคาและ บริการการใหปจใ จัยการผลติ และความสัมพนั ธแในดานรายรับรายจา ย กลไกราคา หมายถึง ภาวะการณแของตลาดเปน็ การเคลือ่ นไหวของราคาสนิ คา ที่ข้นึ อยกู บั ความตองการของผูบริโภคและผูผ ลิตรวมกนั ใน ตลาด อุปสงค์ (Demand)คือปริมาณความตองการทจ่ี ะซอ้ื สนิ คา กฎของอปุ สงคเ์ มือ่ ราคสนิ คาสงู ขน้ึ ความตอ งการซ้อื จะลดลง เมอื่ สินคาราคาถูกปรมิ าณความตองการซอื้ จะเพมิ่ ขึ้น อุปทาน (Supply)คือ ปริมาณสินคาท่ผี ผู ลติ หรอื ผขู ายพอใจ จะผลติ หรอื ขายแกผ ูบรโิ ภค กฎของอุปทานเมือ่ สินคาราคาแพง ผูผ ลิตหรอื พอคา จะนําสนิ คาออกมาขายมาก หรือผลติ มากข้ึน เมอ่ื สินคา ตํา่ ลงจะนาํ ออกมาขายนอยหรือผลติ นอยลง ปจั จัยที่มีผลตอ่ อปุ สงคแ์ ละอุปทาน 1. ราคาสินคา 2. รายไดข องผูบรโิ ภค ตนทุนการผลิต 3. รสนิยมของผบู รโิ ภค 4. ราคาสนิ คา อน่ื ทีใ่ ชแทนกนั ได 5. จาํ นวนผผู ลิตคูแขง 6. สภาพลมฟูา อากาส ลกั ษณะธรรมชาติ สถาบนั การเงิน คือ สถาบนั ทีท่ ําหนา ทีร่ ะดมเงินออมจากประชาชน โดยจา ยดอกเบ้ียใหจ ากนัน้ กจ็ ะนาํ เงนิ ออมดงั กลา วไปปลอยกูหรือ สินเช่ือแกผตู อ งการใชเพ่อื ใชในการบรโิ ภคหรอื เพื่อการลงทุน
ประเภทของสถาบันการเงิน สถาบันการเงินต่างๆ ธนาคารแหงประเทศไทย มหี นาทจ่ี ดั การดูแล ควบคมุ ระบบเงินของประเทศมชี อื่ เรยี กวา ธนาคารชาติ ธนาคารพาณิชยแ มีหนา ทเี่ ปน็ แหลง เงนิ ออมและเงินกูสาํ คญั ของประชาชน ซอื้ ขายเงินตราตา งประเทศใหเ ชาตนู ริ ภยั โอนเงิน ชําระคาไฟฟูา ประปา ฯลฯ ธนาคารที่ต้งั ข้ึนเพือ่ วตั ถุประสงคแเฉพาะ เชน ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะหแ ธกส. ธนาคารเพอื่ การนําเขาและ สงเอก บรษิ ทั เงินทนุ มีหนาที่ ระดมเงินทุนหรือกูยมื เงนิ จากประชาชน โดยออกตัว๋ สัญญาใชเ งินใหเป็นประกนั คร้ังละไมตาํ่ กวา 10,000 บาท บางครง้ั เรยี กวา ไฟแนนซแ หรือ ทรัสตแ บรษิ ัทหลกั ทรพั ยแ มีหนา ที่ เป็นนายหนาหรือตวั แทน (โบรกเกอร)แ ซอื้ ขายหลกั ทรพั ยแ (หุน) แกบคุ คลอนื่ หรือแนะนําการซ้ือ ขายหุนแกประชาชน บรรษัทเงนิ ทุนอตุ สาหกรรมแหง ประเทศไทย จดั ตัง้ เพ่ือใหส นิ เชื่อแกเ อกชนในระยะยาว เพื่อการลงทุนผลิตภาคอุตสาหกรรม โดยคดิ ดอกเบย้ี เงินกใู นอัตราตาํ่ บรรษัทประกันชวี ติ และประกนั ภยั ทาํ หนาทร่ี ะดมเงนิ ออมจากประชาชนในรปู ของการขายกรมธรรมแ เปน็ หนังสือสญั ญา การประกนั ชีวิต ประกนั ภยั หรือประกันอุบัตเิ หตใุ หแกผซู ้อื บริษทั จะไดร ับผลประโยชนแจากการนําเงนิ การขายกรมธรรมแไป ลงทนุ ในรูปแบบตา ง ๆ บริษทั เครดติ ฟองซเิ อรแ ทาํ หนา ที่ปลอยสินเช่ือใหล กู คาโดยมีทอ่ี สงั หาริมทรัพยแประเภทที่ดนิ หรอื บา น เป็นหลกั ประกัน (จํานอง) แหลงทม่ี าของเงนิ ทุนมาจากการกเู งินจาก ธนาคารพาณชิ ยแ โรงรบั จํานาํ มหี นา ที่เป็นสาถาบันการเงนิ ขนาดเล็ก มีท้งั ของรฐั และเอกชน โดยมีทรัพยสแ ินประเภทสังหารมิ ทรพั ยแ (แหวน สรอย ทองคํา เป็นตน ) มีช่ือเรยี กวาสถานธนานบุ าล สถานธนานุเคราะหแ สหกรณอแ อมทรัพยแ เกดิ จากสมาชกิ ทป่ี ระกอบอาชพี เดียวกัน รวมกลุมกนั เพ่อื ชวยเหลือสมาชิกดานการเงิน โดยรับฝากเงนิ และใหก เู งินเมือ่ มคี วามจําเป็น ตลาดหลักทรพั ยแแ หงประเทศไทย เป็นสถาบนั การเงินภายใตก ารควบคมุ ของรัฐ (กระทรวงการคลัง) ทําหนาทเี่ ป็นศนู ยแกลาง ในการ ซื้อขายหลกั ทรพั ยแ (หนุ ) ควบคุมการซื้อขายใหม รี ะเบียบยตุ ิธรรม เกดิ ผลดตี อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเภท
ความสําคญั ของสถาบนั การเงนิ สถาบันการเงนิ มีบทบาทตอการพฒั นาเศรษฐกจิ ของชาติ เน่อื งจากเงนิ ทุน เปน็ ปใจจยั ทาง เศรษฐกจิ ท่สี าํ คญั และมีจาํ นวนจาํ กัดสถาบันการเงินจงึ ตองจัดสรรเงนิ ทนุ เหลา นั้นใหเ พียงพอ แผนพัฒนาเศรษฐกจิ ฯ แผน 9 คือ การวางแผนพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศใหประชาชนอยูดีกินดี มีงานทาํ มีรายไดมคี วามม่ันคงและปลอดภัย ปใจจบุ ันใช แผนพัฒนาฉบบั ที่ 9 จากปี พ.ศ. 2545-2549 ความเป็นมาแผนพฒั นาเศรษฐกจิ ฯ มีขึ้นครง้ั แรกในสมยั จอมพลสฤษด์ธิ นะรชั ตเแ ป็นนายกรัฐมนตรี โดยกาํ หนดทศิ ทาง นโยบายในการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศอยา งเปน็ ระบบ ปใจจบุ นั ใชแ ผนพฒั นาเศรษฐกจิ ฯ ฉบบั ท่ี 9 แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาตฉิ บบั ที่ 9 จุดเดน คือการนาํ เอาพระราชดาํ รสั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจาอยหู ัวในเรอ่ื ง “ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง” มาเป็นหลกั ใน การพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเนน หลกั ของการฟื้นฟเู ศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศสรางความเขมแขง็ ระดับรากหญา จนถงึ ระดบั ประเทศ แกไ ขปใญหาความยากจน และปใญหาสังคมอื่น ๆ เปา้ หมาย 1. ฟน้ื ฟเู ศรษฐกจิ มีภมู คิ มุ กนั และแขง ขนั ทางเศรษฐกจิ ยคุ ใหมได 2. วางรากฐานการพัฒนาประเทศใหยัง่ ยืนพง่ึ ตนเองอยางรูเทาทนั โลก 3. เพอ่ื ใหเ กิดการบริหารจัดการท่ดี ีในสงั คมไทย 4. แกไ ขปญใ หาความยากจน เพิม่ ศกั ยภาพและโอกาสของคนไทยในการพึ่งพาตนเอง รายได้และรายจ่ายของรฐั รายจายของรัฐ รฐั มบี ทบาทในการบริหารเศรษฐกจิ และกจิ กรรมทางเศรษฐฏจิ ผา นงบประมาณรายขา ยจาํ แนกตามกระทรวง 1. งบกลางทีจ่ ัดสรรโดยคณะรฐั มนตรีใหแกกระทรวง กรมตาง ๆ หนว ยงาน รัฐวิสาหกจิ 2. งบหมุนเวียน งบประมาณทจี่ ดั สรรใหก องทนุ ตาง ๆ ของรัฐ เชน กองทนุ กยู ืนเพ่ือการศึกษา กองทุนชวยเหลือเกษตรกร เปน็ ตน รายไดข้ องรัฐ 1. ภาษอี ากร 2. การเรยี กเก็บคา บริการของรัฐ 3. เงินกู - กโู ดยตรงของรัฐบาล - กโู ดยรฐั วสิ าหกิจโดยรัฐคํ้าประกัน ความสาํ คญั ของการทาํ บญั ชี การทําบญั ชีรายได (รายรับ) และรายจา ยของตนเองหรือครอบครวั จะสงผลใหร ูจกั ตนเอง รจู ัก การใชจ าย และการออม เพ่อื สรางความมั่นคงแกตนเองครอบครวั การออมจะสง ผลใหเ กิดความม่ันคงระดบั ครัวเรือน และ ระดับประเทศ เพราะฉะน้ันเราจงึ ควรทําบัญชีรายรบั -รายจาย
ใบความร้ทู ่ี 6 เรอื่ ง รัฐธรรมนูญฉบับพทุ ธศักราช 2550 รัฐธรรมนญู (Constitution) รัฐธรรมนญู คอื กฎหมายสูงสุดของรฐั เปน็ กฎหมายแมบ ทของกฎหมายทัง้ หลายในรัฐ กฎหมายใดท่ีขดั แยงกับ รัฐธรรมนญู ตอ งถือเป็นโมฆะ กฎหมายทงั้ หมดในรัฐจําเปน็ ตอ งเปน็ ไปตามแนวทางของกฎหมายรัฐธรรมนญู กฎหมายรัฐธรรมนูญโดยท่วั ไปบัญญตั ิวาดว ย รูปของรฐั การแยง แยกอาํ นาจอธิปไตย สิทธแิ ละหนาทขี่ อง ประชาชน รปู ของรฐั บาลระเบียบแบบแผนของการปกครอง ฯลฯ วตั ถุประสงคแของความจําเป็นทตี่ อ งมี รัฐธรรมนญู กค็ ือ การปกครองรัฐตอ งเปน็ ไปโดยกฎหมายมิใชโดยผูมีอาํ นาจ รัฐธรรมนูญของแตละรฐั ยอมมลี ักษณะผิดแผกแตกตา งกันไป ซึ่งพอจะจําแนกไดเ ป็น 4 ประเภทใหญๆ คือ 1. รฐั ธรรมนูญลายลกั ษณอแ ักษร (Written Constitution) 2. รฐั ธรรมนูญจารตี ประเพณี (Unwritten Constitution) 3. รฐั ธรรมนูญเดยี่ ว และรฐั ธรรมนูญรัฐรวม (Unitary Constitution and Federal Constitution) 4. รัฐธรรมนญู สาธารณรฐั และรัฐธรรมนูญกษัตรยิ แ (Republican Constitution and Monarchical Constitution) 1. รัฐธรรมนญู ลายลกั ษณ์อักษร (Written Constitution) คือ กฎหมายสูงสุดของรฐั ซึง่ ไดเ ขยี นไวเป็นลายลกั ษณแอักษรรวมไวในฉบบั เดียว โดยทวั่ ไปแลว เน้อื หาใน รฐั ธรรมนญู ลายลักษณอแ ักษรมกั จะขึ้นตน ดวยดวย วตั ถุประสงคแของรฐั ธรรมนูญ ซ่งึ เกี่ยวกับการอยดู ีกนิ ดีของ ประชาชน ความยตุ ิธรรม ความสงบ ความเจริญกาวหนา ของรัฐ เป็นตน เมื่อหมดวตั ถุประสงคขแ องการมี รัฐธรรมนญู แลว ในขัน้ ตอมาก็มักแบง อํานาจอธิปไตย ซง่ึ โดยทว่ั ไปกแ็ บงออกเป็น 3 สาขา คอื อํานาจนิติ บัญญัติ อํานาจบรหิ าร และอํานาจตุลาการ ในสว นนีก้ ม็ กั จะมีบทบัญญัติโดยละเอียดวา จะใหใ ครมาใชอ ํานาจ เหลานโ้ี ดยวิธีใด และพรอมทงั้ บัญญัติรูปของรัฐบาลดวยวา จะเป็นไปในระบบใด แบบใด รฐั ธรรมนูญจะมีหลกั การท่จี ะแกไขบทปใญญตั บิ างประการของกฎหมายรัฐธรรมนูญใหเหมาะสมตอกาลสมยั วิธีการนีก้ ็ไดบ ญั ญตั ิไวในรฐั ธรรมนูญดวย สําหรบั สทิ ธขิ องประชาชนนนั้ สว นใหญแ ลว ก็จะมีการรบั ประกนั ไวใน รัฐธรรมนูญดวย ในการทม่ี รี ัฐธรรมนญู ลายลกั ษณแอักษรเปน็ บรรทดั ฐานเชนนีแ้ ลว ศาลสูงสุดของรัฐจึงมีหนาที่ทจี่ ะวนิ ิจฉัยช้ขี าด ไปไดว า กฎหมายท่ีออกโดยฝุายนิติบัญญัตนิ นั้ ขดั กับรฐั ธรรมนูญหรือไม เมือ่ มผี ูนํามาฟูองตอ ศาลสูงสดุ หรือศาล ฎีกา ถาศาลฎกี าตัดสนิ วา กฎหมายใดขดั กบั รัฐธรรมนูญ กฎหมายน้นั ก็ถือวา เปน็ โมฆะ ในกรณขี องไทย กาํ หนดใหมีศาลรัฐธรรมนญู ทําหนา ทน่ี ี้ 2. รฐั ธรรมนูญจารตี ประเพณี (Unwritten Constitution) หรอื จะเรยี กอีกอยางหนึ่งวา รัฐธรรมนญู ทไ่ี มเ ปน็ ลายลักษณแอกั ษรก็ไมผดิ นกั ประเทศสหราชอาณาจักรนัน้ ถอื ได วา เปน็ ประเทศเดียวทีม่ ีรัฐธรรมนญู จารตี ประเพณีเปน็ ลักษณะเดน รัฐธรรมนูญจารตี ประเพณีนน้ั อาศัย ขนบธรรมเนียมประเพณีและวธิ ีการทปี่ ฏบิ ัติสืบตอ กนั มาเป็นเวลานาน รวมกนั เขา เป็นบทบญั ญตั ิที่มีอํานาจเปน็ กฎหมายสูงสดุ กําหนดเปน็ รูปของการปกครองรฐั แตประเทศสหราชอาณาจกั รก็มีกฎหมายธรรมดา ซึ่ง ออกเปน็ ลายลักษณแอักษรโดยรัฐสภาหลายฉบบั ซงึ่ ลวนแตมีลกั ษณะกําหนดรูปการปกครองประเทศทั้งสิ้น เชน
Habeus Corpus Act (1679), Bill of Rights (1689), Act of Settlement (1701), Great Reform Act (1832), The Representation of the Peoples’ Act (1949) เปน็ ตน ฉะนัน้ จงึ ขอยา้ํ วารฐั ธรรมนญู จารตี ประเพณีนนั้ แตกตา งกบั รฐั ธรรมนญู ลายลกั ษณแอกั ษรตรงทวี่ า รฐั ธรรมนญู จารตี ประเพณีน้ันไมไ ดเปน็ กฎหมายสูงสดุ ไวใ นฉบบั เดยี วกนั และการแกไขเปล่ยี นแปลงน้นั โดยท่วั ไปงายกวารัฐธรรมนญู ประเภทลายลกั ษณอแ ักษร เพราะฝาุ ยนติ ิบญั ญัติออกกฎหมายแกไ ขใหเหมาะสม ตามกาลเวลาไดโ ดยไมต องผานการอออกเสียงประชามติดังเชนรฐั ธรรมนูญประเภทลายลกั ษณแอักษรสวนใหญ กําหนดไว 3. รฐั ธรรมนูญเดยี่ ว และรฐั ธรรมนญู รัฐรวม (Unitary Constitution and Federal Constitution) รัฐเดีย่ ว คือ ประเทศไทย ประเทฝร่งั เศส ญี่ปุน อินโดนเี ซีย สงิ คโปรแ เป็นตน รัฐเดย่ี วมลี ักษณะเปน็ รัฐท่มี ี ระบบรฐั บาลเด่ยี ว กลาวคอื ฝุายบริหาร ฝุายนติ บิ ัญญตั ิ และฝาุ ยตลุ าการน้นั อยทู ่รี ฐั บาลกลาง โดยแบงแยก อํานาจสาขาออกไปตามสวนภมู ภิ าค พอสรปุ ไดวารฐั เดี่ยวนน้ั อาํ นาจมาจากสว นกลางกระจายออกสสู ว น ภูมิภาค สว น รฐั รวม คือ รัฐที่มีระบบรฐั บาลซอนกันสองระบบ กลา วคอื มี ฝาุ ยบรหิ าร ฝุายนติ ิบญั ญัติ และฝุายตลุ า การของรัฐบาลกลางและรัฐสว นทอ งถิ่นตั้งแต 2 ชุดขน้ึ ไป เป็นอสิ ระไมข้ึนตอกัน รฐั บาลกลางมีอํานาจ 2 แบบ คอื 1. รัฐบาลกลางมีอํานาจเทาทร่ี ัฐบาลทองถิ่นกาํ หนดใหเ ทานัน้ จะปรากฏในรูปของสหพันธรัฐ (Federation) เชน สหรัฐอเมรกิ า ท่ีมลรัฐตา งๆ รวมตวั กันสรา งรฐั บาลกลางรวมกนั ขน้ึ มา หรอื ในลกั ษณะของสหภาพ ยโุ รป 2. รฐั บาลทอ งถ่นิ มอี ํานาจเทา ทรี่ ฐั บาลกลางไดก าํ หนดใหเ ทาน้นั เชน อังกฤษและสกอ฿ ตแลนดแ ในสมยั นายกรัฐมนตรี Tony Blair ไดจัดใหม ีประชามติ (Referendum) ผลปรากฏวา สก฿อตแลนดไแ ดแ ยกตวั ออกเป็นเขตปกครองตนเอง มีรัฐสภา ปกครองตนเอง เทาที่รฐั บาลกลางใหอาํ นาจไว เป็นการแกปญใ หาความรนุ แรงระหวางดินแดนตา งๆ ทพ่ี ยายาม แยกตัวออกมาไดโดยการประนปี ระนอม และไมม กี ารถว งความเจรญิ ของกนั และกันซง่ึ ในการปกครองรูปแบบน้ีเปน็ การปกครองแบบแบงอํานาจกนั ระหวา งทอ งถ่ินตางๆ ของรัฐ ใหม ีอาํ นาจออกกฎหมายบังคบั ในเขตปกครองของตน ได ไมกาวกายซงึ่ กนั และกนั สวนรฐั ธรรมนญู ของรฐั มกั มีซอนกนั 2 รฐั ธรรมนญู กลา วคือ รฐั ธรรมนญู ของสหรฐั ฉบับ หน่งึ กบั รฐั ธรรมนญู ของมลรฐั อีกมลรัฐละ 1 ฉบับ ซง่ึ ทั้งรฐั และมลรฐั มีอํานาจออกกฎหมายบงั คบั ในเขตการปกครอง ของตน แตจะกา วกา ยอาํ นาจซึ่งกนั และกันไมไ ด ขอ สังเกตก็คอื รัฐธรรมนญู ของของสหรัฐหรอื รฐั ธรรมนญู ของชาติ น้ันเปน็ กฎหมายสูงสดุ ของรัฐ ถา รฐั ธรรมนญู ชองมลรัฐชดั แยงกับรฐั ธรรมนญู ของสหรฐั น้ี รฐั ธรรมนญู ของมลรัฐจะถอื เปน็ โมฆะ แตถา อาํ นาจอันใดมิไดรบั ไุ วในรฐั ธรรมนูญของสหรัฐ รฐั ธรรมนญู ของมลรัฐกม็ สี ทิ ธทิ ่ีใชอ าํ นาจน้ันๆ ได 4. รฐั ธรรมนูญสาธารณรฐั และรฐั ธรรมนญู กษัตรยิ ์ (Republican Constitution and Monarchical Constitution) หลักของการแบงรัฐธรรมนูญสองประเภทนี้ถอื เอาประมขุ ของรฐั เป็นหลกั รฐั ธรรมนูญของรัฐใดทีบ่ ญั ญัติวา ประมขุ ของรัฐเปน็ ประธานาธิบดี รัฐธรรมนูญฉบบั นี้มีสภาพเป็นรฐั ธรรมนูญสาธารณรัฐ แตถ า รัฐธรรมนญู ฉบบั ใดบัญญัติใหมปี ระมุขของรฐั เป็นกษัตรยิ แหรอื เปน็ ราชนิ ี รัฐธรรมนูญฉบับนนั้ ก็เปน็ รฐั ธรรมนูญกษัตรยิ แ สาหรบั ประธานาธิบดใี นรฐั ธรรมนญู สาธารณรฐั มีอยู่ 3 ประเภท คอื ประธานาธิบดผี ทู าํ หนาที่เป็นประมุขของรัฐเทาน้ัน กลาวคือ ประธานาธิบดไี มม อี ํานาจทางการบรหิ ารแตอ ยา งใด เพียงแตท ําหนาทพี่ ธิ ีการ เชน เป็นประธานการเปดิ งาน เปดิ ถนน เปดิ สะพาน พูดปราศรยั เปน็ ตาํ แหนง ท่มี เี กยี รติ แตอาํ นาจบรหิ ารตกเป็นของนายกรัฐมนตรแี ละคณะรัฐมนตรี เชน ประธานาธิบดีของอินเดยี สวติ เซอรแแ ลนดแ เยอรมนี ฯลฯ ประธานาธิบดผี ูทําหนาทเ่ี ปน็ ประมขุ ของรัฐและเปน็ หวั หนาฝุายบรหิ ารของรัฐดวย ท้งั สองตําแหนง หรอื อกี นยั หนึ่ง ประธานาธิบดคี นเดยี ว ทาํ หนาทเ่ี ป็นทั้งประมขุ ของรัฐและนายกรัฐมนตรใี นเวลาเดยี วกัน เชน ประธานาธบิ ดีของ
สหรฐั อเมรกิ า เป็นประมุขของรัฐและเปน็ หัวหนาฝาุ ยบริหารดวย ประธานาธบิ ดผี ูท ําหนา ทีเ่ ปน็ ประมขุ ของรฐั และยังเปน็ หัวหนาฝุายบริหารอยางไมเ ป็นทางการ ในกรณขี องประเทศ ฝรงั่ เศส ประธานาธบิ ดสี ามารถใชอ ํานาจบริหารบางสว นโดยไมต อ งใหนายกรัฐมนตรรี ับผดิ ชอบแทน เชน สามารถ ยบุ สภาผูแทนราษฎรได สว นตาํ แหนง นายกรัฐมนตรนี นั้ ประธานาธบิ ดีเปน็ ผแู ตง ตัง้ และปลดออกไดต ามความเห็น ของประธานาธิบดีเอง ซ่งึ นายกรฐั มนตรเี ปน็ ผูใชอาํ นาจบริหารอยา งแทจ รงิ รฐั ธรรมนูญท่บี ัญญตั ใิ หม ีระบอบการปกครองแบบมีกษัตริยแเป็นประมขุ ของรฐั กแ็ บงกษตั รยิ อแ อกเป็น 2 ประเภท คอื 1. กษัตริยทแ อ่ี ยใู ตรัฐธรรมนูญ อนั ไดแก รฐั ธรรมนญู ไทยทกุ ฉบบั รัฐธรรมนูญของมาเลเซีย สวีเดน ญปี่ นุ เปน็ อาทิ กษัตริยแทรงเป็นแตเพยี งประมุขของรฐั เทาน้นั มีหนาทเ่ี ชนเดยี วกับประธานาธิบดผี ทู าํ หนาทีเ่ ป็นประมขุ ของรัฐเทา นนั้ ไมไดท รงทําการบริหารประเทศ กษตั ริยแ คอื สญั ลักษณแแหง ความสามคั คี (Symbol of Unity) แหง รัฐ ฉะนั้น กษัตรยิ แไม ตองรบั ผิดชอบในการบรหิ าร อาํ นาจทางการบรหิ ารจึงตกอยกู ับนายกรฐั มนตรแี ละคณะรัฐมนตรี 2. กษตั ริยแแ บบสมบูรณาญาสทิ ธริ าชยแ (Absolute Monarchy) กษัตรยิ แอยูเ หนือกฎหมายหรือกษัตรยิ แคอื กฎหมาย การ ปกครองระบอบนี้ยังมอี ยเู ชน ประเทศโมรอ็ คโค ซาอดุ อิ าระเบยี จอรแแ ดน เป็นตน ถึงแมว า ประเทศเหลา นี้จะมี รัฐธรรมนญู กษัตริยแและมีนายกรฐั มนตรี และคณะรัฐมนตรเี ป็นผรู ับผดิ ชอบในการบรหิ ารประเทศ แตผ ูมอี าํ นาจจริงๆ แลว กค็ ือ กษัตรยิ แนั่นเอง
แบบประเมินการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 ประเทศมนั่ คง ประชาชนมั่งค่ัง ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 1.ความยุติธรรม คอื อะไร ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................ 2.จงบอกหนา้ ที่ของพลเมืองดมี าอยา่ งน้อย 3 ข้อ ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................ 3.จงบอกผลเสียจากการซ้ือสิทธิขายเสียงมาอย่างน้อย 5 ข้อ ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................ 4.คอรัปชนั่ คืออะไร ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................ 5.ปจั จุบนั ประเทศไทยใชร้ ะบบเศรษฐกจิ แบบใด ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................................... ....... ............................................................................................................................ .................................................. 6.รัฐธรรมนูญ (Constitution) หมายถึง ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................................ .. ............................................................................................................................. .................................................
เฉลยแนวการตอบแบบประเมนิ การเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 ประเทศมน่ั คง ประชาชนมั่งคัง่ ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 1.ความยุตธิ รรม คืออะไร ตอบ ความหนกั แนน ถือความถูกตองเท่ียงธรรมเป็นหลัก 2.จงบอกหนา้ ท่ขี องพลเมืองดีมาอย่างนอ้ ย 3 ข้อ ตอบ 1. รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริยแ 2. การปฏิบตั ิตามกฎหมาย 3. การไปใชสทิ ธเ์ิ ลอื กตัง้ 3.จงบอกผลเสียจากการซ้ือสทิ ธขิ ายเสยี งมาอย่างน้อย 5 ขอ้ ตอบ - ประเทศขาดโอกาสในการพฒั นา - การเลือกตั้งซ้าํ ซาก - สน้ิ เปลืองงบประมาณ - ประชาชนเบอ่ื หนา ย - เกดิ การทุจริต คอรปั ชั่น 4. คอรัปช่ัน คืออะไร ตอบ การทุจริตโดยใชห รอื อาศยั ตาํ แหนงหนาทอี่ ํานาจและอิทธิพลทีต่ นมีอยเู พอ่ื ประโยชนแแกตนเองหรอื ผอู ่ืนรวมถงึ การเลอื กทรี่ กั มกั ที่ชงั การเห็นแกญ าติพ่ีนองกินสินบนฉอ ราษฎรบแ ังหลวง การใชร ะบบอปุ ถัมภแ และ ความไมเ ป็นธรรมอืน่ ๆทขี่ าราชการหรือบุคคลใดใชเ ป็นเคร่ืองมือในการลดิ รอนความเป็นธรรม และและ ความถกู ตอ งตามกฎหมาย 5. ประเทศไทยใช้ระบบเศรษฐกจิ แบบใด ตอบ แบบผสม 6. รฐั ธรรมนญู (Constitution) หมายถึง อะไร ตอบ กฎหมายสูงสดุ ของรัฐ เป็นกฎหมายแมบทของกฎหมายท้งั หลายในรฐั กฎหมายใดทีข่ ัดแยง กับ รฐั ธรรมนญู ตองถือเป็นโมฆะ กฎหมายทั้งหมดในรฐั จําเป็นตองเปน็ ไปตามแนวทางของกฎหมายรัฐธรรมนญู
แผนการจัดกจิ กรรม
มการเรยี นรู้คร้งั ท่ี 8
ตารางวเิ คราะห์เนอื้ หา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 สาระความรู้ พัฒนาสงั คม รายวชิ า ศาสนาและหน้าที่พลเมอื ง รหสั วิชา (สค31002) จานวน 2 หน่วยกิต กศน.อาเภอบา้ นโป่ง สานกั งาน กศน.จังหวัดราชบรุ ี มาตรฐานที่ 2.2 มีความรู ความเขา ใจและทักษะพื้นฐานเก่ยี วกับศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี และหนา ท่ี พลเมือง สิทธมิ ุนษยชนของประเทศไทยและของโลก มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ 1. มคี วามรู ความเขา ใจ เห็นคุณคา และสืบทอดศาสนา วัฒนธรรม ประเพณีของประเทศในสังคมโลก 2. มคี วามรู ความเขา ใจ ดาํ เนินชีวิตตามวถิ ปี ระชาธิปไตย กฎระเบียบของประเทศตาง ๆในโลก ที่ ตัวชวี้ ัด เน้ือหา เนอื้ หา เนอื้ หา เนอ้ื หายาก งาย ปานกลาง สอนเสรมิ (กรต) (พบกลุม) 1 ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี / 1. มคี วามรู ความเขา ใจใน 1. ศาสนาตา ง ๆ และหลักธรรมท่ี / ศาสนาตา ง ๆและหลกั ธรรมท่ี สาํ คัญของศาสนา สาํ คญั ของแตล ะศาสนาในโลก -กาํ เนิดศาสนาตาง ๆ -ศาสดาของศาสนาตา ง ๆ 2. เหน็ ความสําคัญในการอยู -การเผยแพรศาสนาตาง ๆ รว มกับศาสนาอื่นอยางสันตสิ ขุ 2. การปฏิบตั ิตนใหอ ยูรว มกนั อยางสนั ตสิ ขุ 3. ประพฤติปฏบิ ัติตนทสี่ งผล 3. การพฒั นาสตปิ ใญญา การฝึก / ใหส ามารถอยรู ว มกับศาสนา ปฏบิ ัติพัฒนาจติ ใจ ใหเขาใจใน อ่นื อยา งสนั ตสิ ุข แตละศาสนา 4. มีความรู ความเขาใจในวฒั นธรรม 4. วัฒนธรรม ประเพณี ใน /6 ชม. / ประเพณีของประเทศไทยและประเทศ ประเทศไทยและประเทศตา ง ๆ ตาง ๆ ในโลก ในโลก -ภาษา การแตงกาย -อาหาร -ประเพณีท่ีสาํ คญั ๆ 5. มสี ว นรวมสบื ทอด 5. ขอปฏบิ ตั ิในการมสี ว นรวม วฒั นธรรมประเพณีไทย สืบทอด ประพฤติปฏบิ ัติตนเป็น แบบอยางในการอนรุ กั ษแ วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของ สงั คมไทย
6. ประพฤตติ นเปน็ แบบอยา ง 6. แนวทางในการเลือกรับ ปรับ ใช / ของผูท ี่มีวัฒนธรรมประเพณี วัฒนธรรมตางชาตไิ ดอ ยา งเหมาะสม / อนั ดีงามของสังคมไทยและ กับตนเองและสงั คมไทย เลอื กรับ ปรับใช วัฒนธรรม 6.1 คานยิ มทพี่ งึ ประสงคแของ จากตา งชาตไิ ดอ ยา งเหมาะสม สังคมไทย และสงั คมของประเทศ กับตนเองและสังคมไทย ตา ง ๆ ในโลก -การยมิ้ แยมแจม ใส 2 หนาท่พี ลเมือง -ความเอื้อเฟื้อเผอื่ แผ -การใหอภยั -การตรงตอเวลา -ความมรี ะเบียบ วนิ ยั หนา ท่พี ลเมือง 1. รแู ละเขาใจบทบัญญตั ขิ อง 1. บทบญั ญัติของรัฐธรรมนูญทีม่ ผี ล รัฐธรรมนูญ ตอ การเปลย่ี นแปลงทางสงั คมและมี ผลตอ ฐานะของประเทศในสงั คมใน โลก 1.1รแู ละเขาใจบทบาทหนา ท่ีของ 1.1 บทบาทหนาท่ีองคกแ รตาม องคแกรตามรฐั ธรรมนญู และการ รัฐธรรมนญู และการตรวจสอบการใช ตรวจสอบอํานาจรัฐ อาํ นาจรฐั 2.อธิบายความเป็นมาและการเปล่ยี น 2. ความเปน็ มา และการ / แปลงของรฐั ธรรมนญู เปล่ียนแปลงของรฐั ธรรมนูญ 3.บอกวิธีปฏิบตั ติ นตามรัฐธรรมนูญ 3. การปฏิบัติตนใหส อดคลอ งตาม / และกฎหมาย บทบัญญตั ิของรฐั ธรรมนญู และการ สนบั สนนุ สงเสรมิ ใหผ ูอ ืน่ ปฏิบัติ 4. รู เขาใจ และปฏบิ ัตติ นตามหลกั สิทธิ 4. การปฏบิ ัตติ นตามหลักสทิ ธิ / 6ชม. มนษุ ยชน มนุษยชนและบทบาทหนา ท่ีความ รับผิดชอบของคณะกรรมการสิทธิ
แผนการจัดการเรยี นรู้ สาระ พัฒนาสงั คม รายวิชา ระดับ มัธยมศึกษาตอนปล ครั้งที่ วนั /เดอื น/ปี หวั เรอ่ื ง/ตัวชี้วัด เนือ้ หาสาระการ การจ เรยี นรู้ มคี วามรู ความ วัฒนธรรม ประเพณี ขน้ั ท่ี 1 : กาหนดสภา เขาใจในวัฒนธรรม ในประเทศไทยและ ครแู จง ผูเรยี นผานกลุม ประเพณีของ ประเทศตา ง ๆใน Google Classroom ก ประเทศไทยและ โลก ประเพณี ในประเทศไท ประเทศตาง ๆ ใน -ภาษา การแตงกาย การแตงกาย โลก -อาหาร -อาหาร -ประเพณีที่สํา -ประเพณีที่สําคัญ ๆ ขน้ั ท่ี 2 : แสวงหาควา ครูมอบหมายใหนกั ศึกษ กาย -อาหาร -ประเพณีท่สี ําคญั ๆขอ https://www.youtub ข้นั ท่ี 3 : การปฏบิ ัติน ครสู อนการเขยี นรายงา โดยสรปุ ผลการเรยี นเป
า ศาสนาและหน้าทพ่ี ลเมือง รหสั วิชา (สค31002) ลาย จานวน 2 หน่วยกิต จัดกระบวนการเรียนรู้ ส่อื /แหล่งเรียนรู้ การวดั และ ประเมินผล าพปญั หา มไลนขแ อง กศน.ตําบลเพ่ือเรยี นรผู าน -QR CODE แบบหนงั สอื -สงั เกตพฤติกรรม กศน.ตําบลในหัวขอ เร่อื ง วฒั นธรรม ทยและประเทศตา ง ๆในโลก-ภาษา ศาสนาและหนาท่ี -แบบทดสอบ าคัญ ๆ พลเมือง ระดบั ม.ปลาย -ใบงานสงงานทาง ามรู้ -รูปภาพ ออนไลนแ ษาชมคลิปวีดโี อเรือ่ ง ภาษา การแตง -คลิปวดี โี อยูทปู การ แฟูมสะสมงาน เรียนรูเ รายงานรายวิชา - สมารทแ โฟน /มอื ถอื ศาสนาและหนา ที่ อินเทอรแเนต็ / สญั ญาณ พลเมือง WiFi ใบงาน /ใบความรู องไทยและนานาชาติ be.com/watch?v=BHzYndCWT3Q นาไปใช้ าน โครงงานพรอมมอบหมายใบงาน ป็นองคแความรูพ รอมเขียนรายงาน และ 205
คร้งั ที่ วนั /เดือน/ปี หวั เร่อื ง/ตัวชี้วดั เน้อื หาสาระการ การจ เรยี นรู้ กรต.ในสปั ดาหแถัดไปเพ ขัน้ ท่ี 4 : การประเมนิ ครูมอบหมายใบงานพร พรอมเขียน Mind Ma พรอมใหนักศกึ ษาสงงา ของ กศนตาํ บลหลังกา กรต. ศาสนา วัฒนธรร 1. ศาสนาตา ง ๆ และห -กาํ เนดิ ศาสนาตาง ๆ -ศาสดาของศาสนาตา ง -การเผยแพรศาสนาตา
จัดกระบวนการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ การวัดและ ประเมินผล พ่ือนาํ มาเสนอในชั้นเรยี น นผลการเรยี นรู้ รอมสรุปผลการเรยี นเป็นองคคแ วามรู apping านงานออนไลนแผา นแอพิเคชนั่ ไลนกแ ลุม ารทาํ ใบงานแลว เสร็จ ครูมอบหมาย รม ประเพณี หลักธรรมท่สี าํ คญั ของศาสนา งๆ าง ๆ 206
ใบงานวิชา ศาสนาและหนาท่ีพลเมือง -ม.ปลาย ใบงานท่ี 1 1. ศาสนาทีร่ ัฐบาลทใี่ หการอุปถัมภมแ ีกศ่ี าสนา อะไรบาง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. ใหอ ธิบายคําตอไปน้ี * ศาสดา ............................................................................................................................................. * ศาสนธรรม ....................................................................................................................................... * ศาสนสถาน ....................................................................................................................................... 3. ใหเขียนประวัติของพระพุทธเจาโดยสรปุ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วนั วสิ าขบชู าตรงกบั วนั ใด และมีความสําคัญอยางไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 5. วนั มาฆบูชาตรงกับวนั ใด และมคี วามสําคญั อยางไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. ปใญจวัคคยี แ ประกอบดวยบคุ คลใดบา ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
7. ใครเปน็ ผูริเริ่มการเผยแผพ ระพทุ ธศาสนา และพระพุทธศาสนา เขา มาสปู ระเทศไทยแลว ประมาณกป่ี ี ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. ดินแดนที่เรยี กวา สุวรรณภูมิ ครอบคลุมพืน้ ท่ีกปี่ ระเทศ อะไรบาง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. พระแกว มรกตถูกอญั เชิญมาจากท่ีใด ในสมัยใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. ใหเขยี นประวัตขิ องศาสดาของศาสนาอสิ ลามโดยสรปุ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 11. ศาสนาอิสลามในประเทศไทยมกี ี่นิกาย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 12. ใหเ ขยี นประวตั ิของศาสดาของศาสนาคริสตแโดยสรปุ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 13. ศาสนาครสิ ตแเขา มาสปู ระเทศไทยคร้งั แรกในสมัยใด เป็นนกิ ายใด และศาสนาคริสตแอยูในประเทศแลว ประมาณกป่ี ี ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 14. ศาสนาคริสตใแ นประเทศไทยมกี ีน่ ิกายและแตล ะนิกายมีลกั ษณะสาํ คญั อยางไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 2 1. ศาสนาพราหมณแ – ฮนิ ดู เกิดขน้ึ มาแลว ประมาณกป่ี ี ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. เทพเจาสูงสุดในศาสนาพราหมณกแ ่ีองคแและแตล ะองคแมีบทบาทอยางไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. คัมภรี ไแ ตรเวท แบง ออกเป็นกคี มั ภีรแและแตล ะคัมภีรแมคี วามสาํ คญั อยา งไร (ตอบโดยสรปุ ) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ยกตัวอยา งพิธสี ําคญั ทางศาสนาพราหมณแ มา 2 พิธี พรอ มเขียนอธบิ ายมาพอเขาใจ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ศาสนาสําคัญทีถ่ ือกําเนิดในทวีปเอเชียไดแ ก ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. ในทวปี เอเชียศาสนาพุทธนับถือกนั มากในประเทศใดบาง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. ในทวปี เอเชยี ศาสนาอิสลามนับถอื กันมากในประเทศใดบา ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. นกิ ายใหญในพุทธศาสนามีกน่ี ิกาย แตละนกิ ายมีลกั ษณะเดนอยางไร (เขยี นอธิบายมาพอเขาใจ) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. ศาสนาอิสลามถูกนํามาเผยแผในทวปี เอเชียโดยใคร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. ศาสนาศริสตถแ ูกนํามาเผยแผในทวีปเอเชียโดยใคร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานท่ี 3 1. พระไตรปฎิ ก หมายถึงอะไร และแบง ออกเปน็ กี่หมวดอะไรบา ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. สิ่งทเ่ี ป็นที่พงึ่ ท่ีแทจริงของชาวพทุ ธคือสงิ่ ใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. หลกั ธรรมแหง ความสําเร็จมีชอื่ วาอะไร ประกอบดว ยอะไรบา ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ทิศ 6 เปน็ หลกั ธรรมทีม่ คี วามสําคัญอยางไร และพระพุทธเจา ควรถกู จัดอยูในทิศใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. หลักธรรมของคนดีมีชื่อวา อะไร ประกอบดว ยอะไรบา ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. การเจรญิ ภาวนาในพุทธศาสนามกี แ่ี บบ และแตละแบบมีลักษณะสําคัญอยางไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. คาํ วา อสิ ลาม มคี วามหมายอยา งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. หลักคาํ สอนในศาสนาอิสลามมีกี่ขออะไรบาง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. คําวา อัลกุรอาน หมายถงึ ....……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. ศาสนาคริสตแเป็นศาสนาแหง ความรัก เพราะเหตุใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
11. คําวา ตรีเอกภพ ประกอบดว ยส่ิงใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 12. ศาสนาคริสตแมรี ากฐานมากศาสนาใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 13. พธิ กี รรมใดเปน็ พิธกี รรมแรกท่คี ริสตชนตองทําและทําอยางไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 14. นิกายโปรเตสแตนทไแ มม ีพธิ กี รรมใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 15. คําวา ธฤติ หมายถึง… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 16. ขัน้ ตอนของชีวิตตามหลกั ศาสนาพราหมณแ ไดแกอะไรบาง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 17. หลักธรรมสาํ หรับชาวพทุ ธท่ที าํ ใหส ามารถอยูรวมกับศาสนาอื่นไดอยางไรความสุข ไดแกอ ะไรบาง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 18. ศาสนาอิสลามทท่ี ําใหส ามารถอยรู วมกับศาสนาอน่ื ได เนอื่ งจากหลักการใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………… 19. ซะกาดหมายถงึ อะไร มีจุดประสงคใแ ด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 20. หลกั ของความรักในศาสนาครสิ ตหแ มายถงึ สงิ่ ใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 21. คําวา ปรมาตมัน หมายถึง... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานท่ี 4 1. วัฒนธรรม มีความหมายอยา งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. วฒั นธรรมตามพรบ. แบงเป็นกีป่ ระเภทอะไรบาง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. สรปุ ลกั ษณะของวฒั นธรรม มาพอสังเขป ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. คนไทยถกู จดั กลุมในเผา พันธใแุ ด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ยกตัวอยา งวฒั นธรรมของอินเดยี ที่สาํ คัญท่ีเหมือนกับวัฒนธรรมไทย มา 2 อยาง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. วัฒนธรรมการต้ังช่อื ของคนไทยและจีนแตกตางกนั อยา งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. ยกตวั อยา งลักษณะสาํ คัญเกย่ี วกับการแตงงานของวฒั นธรรมจีน มา 3 ขอ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. วัฒนธรรมไทยสว นใหญไดรบั อทิ ธิพลมาจากที่ใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. ประเภทของการเปลย่ี นแปลงวฒั นธรรมมีกป่ี ระเภทอะไรบา ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. ปจใ จัยอะไรท่ีทําใหเกิดการเปล่ยี นแปลงทางสงั คมและวฒั นธรรม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 11. ยกตัวอยางความสําคญั ของวฒั นธรรม มา 3 ตวั อยา ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
12. สรุปแนวทางการอนุรกั ษแและสบื สานวัฒนธรรมและประเพณี มา 4 ขอ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 13. ยกตวั อยา งวัฒนธรรมหรอื ความเช่ือในครอบครัวหรอื ในชุมชนของนกั ศกึ ษามา 4 เร่ือง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 14. คา นยิ มหมายถึง สง่ิ ที่กลมุ สังคมกลมุ ๆเห็นวาเป็นสงิ่ ท่ีนานยิ ม , นา กระทาํ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 15. ทาํ ไมคา นยิ มจึงเป็นสวนหน่ึงของวฒั นธรรม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 16. ใหยกตวั อยา งคา นยิ มทด่ี ีมา 3 ตัวอยา ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 17. ใหยกตวั อยา งคานยิ มทไ่ี มดมี า 3 ตวั อยา ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานท่ี 5 1. รัฐธรรมนญู หมายถงึ .................................................................................................................................... 2. ประเทศไทยมกี ารเปล่ียนแปลงการปกครองอยางไรและเมื่อใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ประเทศไทยไดปล่ียนจากคําวา สยาม มาเป็น ไทย เมอ่ื ใดและประกาศในรฐั ธรรมนญู ฉบบั ใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. สรปุ สาระสําคญั ของรฐั ธรรมนูญฉบบั ท่ี 3 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. รฐั ธรรมนญู ฉบบั ปใจจบุ นั เปน็ ฉบบั ทีเ่ ทาไหร ประกาศใชปใี ด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. รฐั ธรรมนูญฉบับใดเป็นฉบับทใ่ี ชน านทสี่ ุด และกี่ปี ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. ประมุขแหงรฐั (ไทย) หมายถึง ............................................................................................................ 8. อํานาจอธิปไตยประกอบดวยฝุายใดบา ง และแตล ะฝาุ ยมใี คร เปน็ หัวหนา (ใหต อบช่ือตําแหนง) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 9. การเลือกตงั้ ท่วั ไปเปน็ การเปล่ยี นแปลงในฝาุ ยใดของอาํ นาจอธปิ ไตย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. การปกครองระบบประชาธปิ ไตย คํานงึ ถึงเรื่องใดเป็นสําคญั ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 11. สรุปหนา ท่ขี องประชาชนชาวไทยตามระบบประชาธิปไตย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 6 1. การเปลีย่ นแปลงการปกครองเกดิ ขนึ้ ในวนั ใด โดยใคร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… 2. สรุปสาเหตขุ องการเปลีย่ นแปลงการปกครอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… 3. การทาํ ปฏิวัติในวนั มหาวิปโยคแตกตางจากการทาํ ปฏวิ ัตเิ พ่อื เปลี่ยนแปลงการปกครองอยางไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. การปกครองระบบประชาธิปไตยมีหลกั การพื้นฐานอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….….…… 5. ประชาธิปไตย หมายถึง ………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………..….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…. 6. ลักษณะสําคัญของสังคมไทยเป็นอยา งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. ในอธิบายคําวา คนดใี นสงั คม ตามความเขา ใจของนกั ศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เฉลย ใบงานวิชา ศาสนาและหน้าทพี่ ลเมือง -ม.ปลาย ใบงานที่ 1 1. ศาสนาทร่ี ฐั บาลทใี่ หก ารอุปถมั ภแมกี ี่ศาสนา อะไรบา ง พุทธ, คริสตแ, อิสลาม, ฮนิ ดู, ซิกซแ 2. ใหอ ธบิ ายคาํ ตอไปนี้ * ศาสดา ผูทีค่ น พบศาสนาและเผยแพรค ําส่ังสอน * ศาสนธรรม คําสง่ั สอนของแตละศาสนา * ศาสนสถาน สถานทีอ่ ยูอาศัยของนักบวช 3. ใหเ ขียนประวตั ิของพระพุทธเจาโดยสรุป (รอกอ นครับ) 4. วนั วสิ าขบูชาตรงกบั วนั ใด และมีความสาํ คัญอยางไร 15 คํา่ เดือน 6 (เดือนวสิ าขะ) เปน็ วันท่ีพระพทุ ธเจาประสูติ, ตรัสรแู ละปรนิ พิ พาน 5. วนั มาฆบูชาตรงกับวันใด และมคี วามสาํ คัญอยางไร วนั ขึน้ 15 คาํ่ เดอื น 3 \"วนั มาฆบชู า\" เป็นวนั ท่ีระลกึ ถึงวนั ที่พระพทุ ธเจา ทรงประทานโอวาทปาฏิโมกขแแ กมหาสงั ฆสนั นิบาตในมณฑล วดั เวฬุวนั มหาวหิ าร ซง่ึ ในวนั น้ันมีเหตุการณแสําคัญเกดิ ขึ้น 4 ประการคือ 1. พระสงฆแ 1,250 รปู กลบั มาเฝูาพระพุทธเจา อยา งพรอมเพรยี งกัน โดยมไิ ดน ัดหมาย 2. พระสงฆแทั้งหมดลวนเป็นเอหภิ กิ ขทุ ่ีพระพุทธเจาทรงบวชใหดวย พระองคเแ องทงั้ สิ้น ซึง่ เรียกวา เอหภิ กิ ขุอุปสัมปทา 3. พระสงฆแทงั้ หมดลว นเป็นพระอรหนั ตแ คือผูไดอภิญญา 6 ขอ 4. วันท่ีพระสงฆแทง้ั หมดมาชุมนมุ กนั นี้ตรงกับวันเพญ็ เดือนมาฆะ (วนั ขน้ึ 15 คา่ํ เดอื น 3) ดวยเหตุการณแประจวบกับ 4 อยาง จึงมีชือ่ เรียกอีกชอ่ื หนงึ่ วา จาตรุ งคสนั นิบาต 6. ปญใ จวัคคยี แ ประกอบดวยบุคคลใดบา ง โกณฑญั ญะ, วัปปะ, ภทั ทิยะ, มหามานะ, อัสสชิ 7. ใครเป็นผรู ิเริม่ การเผยแผพระพทุ ธศาสนา และพระพทุ ธศาสนา เขามาสปู ระเทศไทยแลว ประมาณก่ีปี พระเจาอโศกมหาราช 270 หลังจากทพ่ี ระพุทธเจา ปรนิ ิพพาน หรือ 2554 – 270 = 2284 ปี 8. ดินแดนทีเ่ รยี กวา สุวรรณภมู ิ ครอบคลุมพ้นื ท่ีก่ีประเทศ อะไรบาง ไทย, พมา, เวียดนาม, กัมพชู า, ลาว, มาเลเซีย 9. พระแกว มรกตถูกอญั เชญิ มาจากที่ใด ในสมัยใด เมอื งเวยี งจนั ทรแ สมยั กรุงธนบรุ ี(โดยพระเจา ตากสนิ มหาราช) 10. ใหเ ขยี นประวัตขิ องศาสดาของศาสนาอิสลามโดยสรุป (รอกอนครบั )
11. ศาสนาอิสลามในประเทศไทยมกี ี่นิกาย ซนุ หน,ี่ ชอี ะหแ 12. ใหเ ขียนประวัติของศาสดาของศาสนาครสิ ตโแ ดยสรปุ (รอกอนครับ) 13. ศาสนาครสิ ตเแ ขา มาสปู ระเทศไทยครง้ั แรกในสมยั ใด เป็นนิกายใด และศาสนาคริสตแอยใู นประเทศแลว ประมาณกี่ปี สมัยกรงุ ศรีอยุธยา นิกายโรมนั คาทอลิก , 2554 - 2127 = 427 ปี 14. ศาสนาคริสตใแ นประเทศไทยมีกี่นิกายและแตละนิกายมีลักษณะสาํ คญั อยางไร 2 นกิ าย คือ * นิกายโรมันคาทอลกิ นับถือพระแมมารีและนกั บุญตางๆ มศี นู ยแกลาง ท่ีวาติกัน ท่ีกรงุ โรม มีพระสันตะปาปาเป็นประมุข * นกิ ายโปรเตสแตนตแ ศรัทธาท่ีมตี อพระเจาสําคญั กวา พธิ ีกรรม
ใบงานท่ี 2 1. ศาสนาพราหมณแ – ฮนิ ดู เกดิ ขึ้นมาแลว ประมาณกปี่ ี 2554 + 1400 = 3954 ปี 2. เทพเจา สงู สุดในศาสนาพราหมณแก่ีองคแและแตละองคแมบี ทบาทอยางไร พระพรหม (ผูสรา งโลกตา งๆ), พระวษิ ณุ (ผูคมุ ครองโลก), พระศวิ ะ(ผูสังหารหรอื ทาํ ลายโลก) 3. คมั ภรี แไตรเวท แบง ออกเป็นกคี ัมภรี แและแตละคัมภรี มแ ีความสําคัญ อยางไร (ตอบโดยสรุป) 1. คมั ภรี ฤแ คเวท วา ดว ยการสวดสรรเสริญและออ นวอนเทพเจา 2. คมั ภีรยแ ชุรเวท เปน็ คูม อื พธิ กี รรมของพราหมณแ, บอกวธิ ปี ระกอบ พธิ กี รรมและบวงสรวง 3. คัมภีรสแ ามเวท รวบรวมบทสวดมนตแ โดยนาํ มาจากฤคเวทเป็นสว นมาก 4. คัมภีรแอถรรพเวท เปน็ คมั ภรี ใแ หมเ ป็นคาถาอาคม 4. ยกตวั อยางพธิ ีสําคัญทางศาสนาพราหมณแ มา 2 พธิ ี พรอมเขียนอธิบายมาพอเขาใจ 1. พระราชพธิ ีบรมราชาพิเษก 2. การทํานํา้ อภเิ ษก 3. การพระราชพธิ จี องเปรียง 4. พระราชพธิ ตี รียัมปวาย 5. พระราชพธิ จี รดพระนังคัล (รอกอนครับ) 5. ศาสนาสาํ คญั ทถี่ ือกาํ เนดิ ในทวีปเอเชียไดแก. .. พุทธ, คริสตแ, อสิ ลาม, ฮินดู, ซกิ ซ,แ ยูดาหแ 6. ในทวปี เอเชียศาสนาพุทธนบั ถือกันมากในประเทศใดบาง ไทย, วยี ดนาม, ลาว, กัมพูชา, พมา, สิงคโแ ปรแ 7. ในทวีปเอเชียศาสนาอิสลามนับถือกันมากในประเทศใดบา ง มาเลเซีย, อนิ โดนีเซยี , บรไู น 8. นกิ ายใหญใ นพุทธศาสนามีก่ีนิกาย แตละนกิ ายมลี กั ษณะเดน อยา งไร (เขียนอธิบายมาพอเขาใจ) 1. เถรวาท เป็นพระพทุ ธศาสนาด้ังเดิมโดยพยายามรักษา พระธรรมวนิ ยั ตามแบบอยา งพระเถระ 2. มหายาน เปน็ พทุ ธศาสนาแบบที่ชวยใหสตั วขแ ามพน วัฏสงสารไดมาก ใชคาํ สอนของอาจารเแ ป็นหลัก เรียกวา อาจาริยวาท 9. ศาสนาอสิ ลามถูกนํามาเผยแผในทวปี เอเชียโดยใคร พอคาอาหรบั 10. ศาสนาศริสตแถกู นํามาเผยแผใ นทวปี เอเชยี โดยใคร มชิ ชันนารี
ใบงานที่ 3 1. พระไตรปิฎก หมายถึงอะไร และแบง ออกเปน็ กห่ี มวดอะไรบาง หมายถึง ทร่ี วบรวมคาํ สอนของพระพทุ ธเจาไวเปน็ หมวดหมูไมให กระจดั กระจาย แบงเปน็ 3 หมวด คอื พระวนิ ัยปิฎก, พระสตุ ตันตปฎิ ก, พระอภิธรรมปฎิ ก 2. ส่งิ ทีเ่ ป็นทีพ่ ึง่ ที่แทจริงของชาวพทุ ธคอื ส่งิ ใด พระรตั นตรัย (พระพุทธ, พระธรรม, พระสงฆแ) 3. หลักธรรมแหงความสาํ เรจ็ มชี ่ือวา อะไร ประกอบดว ยอะไรบาง อิทธบิ าท 4 ไดแ ก ฉนั ทะ, วิรยิ ะ, จิตตะ, วมิ ังสา 4. ทศิ 6 เป็นหลกั ธรรมท่มี คี วามสาํ คัญอยางไร และพระพุทธเจา ควรถกู จัดอยูในทิศใด ทําใหค นอยูรวมกนั พงึ พากันอยางดงี าม , ทศิ เบอ้ื งขวา 5. หลักธรรมของคนดมี ชี ่ือวาอะไร ประกอบดว ยอะไรบา ง สัปปรุ ิสธรรม ไดแก ความเป็นผรู จู ักเหตุ, ความเปน็ ผูรูจ กั ผล, ความเป็นผูรูจกั ตน, ความเป็นผูร ูจ กั ประมาณ, ความเป็นผูร จู กั กาล, ความเปน็ ผรู ูจักชุมชน, ความเปน็ ผูร ูจ กั เลือกบุคคล 6. การเจรญิ ภาวนาในพทุ ธศาสนามกี ีแ่ บบ และแตละแบบมี ลักษณะสําคัญอยางไร 2 แบบคอื สมถภาวนา คือ การทําใหจ ดิ ต้งั มน่ั อยูใ นอารมณเแ ดียว ไมซ งุ ซา น วิปสใ สนาภาวนา คือ การทําจิตใหอ ยูใ นสภาพท่นี ิ่มนวล เหมาะกบั การคดิ ใครครวญ หาเหตุและผลในสภาวธรรมทั้งหลาย 7. คาํ วา อิสลาม มคี วามหมายอยา งไร การสวามิภักดิ์ 8. หลกั คาํ สอนในศาสนาอิสลามมกี ่ีขออะไรบาง 6 ขอ คอื ศรทั ธาในพระเจา, ศรทั ธาในบรรดามะลาอิกพห(แ เทวทูตของพระเจา), ศรัทธาในคัมภีรอแ ัลกรุ อาน, ศรทั ธาตอบรรดาศาสนฑตู , ศรทั ธาตอวนั พิพากษาโลก, ศรทั ธาในกฎสภาวะของพระเจา 9. คาํ วา อลั กรุ อาน หมายถึง .... แนวทางในการดําเนินชวี ิตที่มนษุ ยจแ ะปราศจากมนั ไมได 10. ศาสนาครสิ ตเแ ปน็ ศาสนาแหงความรัก เพราะเหตใุ ด พระเจาทรงรกั มนุษยแ ทรงรกั ประชาชนของพระองคแ 11. คาํ วา ตรเี อกภพ ประกอบดว ยสงิ่ ใด พระบิดา, พระบุตร, พระจิต 12. ศาสนาครสิ ตแมรี ากฐานมากศาสนาใด ยูดาย(ศาสนายวิ )
13. พิธีกรรมใดเปน็ พธิ กี รรมแรกทีค่ รสิ ตชนตองทําและทําอยางไร ศีลลา งบาปหรอื การรบั บัพตสมา คือ ใหบ าทหลวงเทนํ้าศักดสิ์ ิทธ์ิ บนศรี ษะพรอ มเจมิ หนาผาก 14. นิกายโปรเตสแตนทแไมมีพธิ กี รรมใด ศีลอภัยบาป, ศีลกําลงั , ศลี สมรส, ศีลบวช, ศลี เจมิ คนไข 15. คําวา ธฤติ หมายถึง… ความพอใจ, ความกลา การพากเพยี รจนไดรบั ความสําเร็จ 16. ขน้ั ตอนของชีวติ ตามหลักศาสนาพราหมณแ ไดแ กอ ะไรบาง พรหมจารี (ชีวติ ในการศกึ ษา), คฤหสั ถ(แ ชีวติ ในการครองเรอื น), วานปรัสถแ (ชวี ติ ท่ีละบา นเขา ปาุ หาความสงบ), สนั ยาส(ี ชวี ิตในการออกบวชหาความสขุ ท่แี ทจริง) 17. หลักธรรมสาํ หรับชาวพุทธท่ีทําใหส ามารถอยรู วมกับศาสนาอืน่ ได อยางไรความสขุ ไดแกอะไรบาง พรหมวหิ าร 4 , ฆราวาสธรรม 18. ศาสนาอิสลามทท่ี ําใหส ามารถอยรู วมกับศาสนาอ่ืนได เนอ่ื งจากหลักการใด หลกั จริยธรรม 19. ซะกาดหมายถึงอะไร มีจดุ ประสงคแใด ทานประจาํ เพือ่ การชําระจิตใจใหบรสิ ทุ ธิ์, เพ่ือปลุกฝงใ ใหเป็นผทู ม่ี ี จติ ใจเมตตากรุณา, เพ่ือลดชอ งวางระหวางชนชนั้ 20. หลักของความรักในศาสนาครสิ ตหแ มายถงึ ส่ิงใด ความเป็นมติ รและปรารถนาใหผอู ่ืนมีความสุข 21. คาํ วา ปรมาตมนั หมายถึง... สิ่งยง่ิ ใหญอันเปน็ ท่รี วมของทุกสง่ิ ทกุ อยางในสากลโลก
ใบงานที่ 4 1. วฒั นธรรม มคี วามหมายอยางไร ทกุ สงิ่ ทุกอยางท่ีมนุษยสแ รา งขึน้ ไวเ พื่อนําไปชว ยพัฒนา ชวี ิตและความเป็นอยูในสังคม ฯ 2. วัฒนธรรมตามพรบ. แบง เปน็ ก่ีประเภทอะไรบาง 4 ประเภท คือ คตธิ รรม(หลักในการดําเนนิ ชีวติ ), เนตธิ รรม, วัตถธุ รรม, สหธรรม(วัฒนธรรมทางสังคม) 3. สรปุ ลักษณะของวัฒนธรรม มาพอสังเขป ส่ิงท่มี นุษยสแ รา งขน้ึ ท่ีมีการเปลย่ี นแปลงปรับปรุง และ ถายทอดได แสดงถึงวิถีชีวิตและความเช่ือของมนุษยแ 4. คนไทยถกู จดั กลุมในเผาพันธใแุ ด มองโกลอยดแ 5. ยกตัวอยางวัฒนธรรมของอิเดียทส่ี าํ คัญที่เหมือนกับ วฒั นธรรมไทย มา 2 อยา ง การถอดรองเทา กอนเขา ศาสนถาน, การใหเกยี รติสตรีและไมถูกเน้ือตองตัว 6. วัฒนธรรมการตั้งชอ่ื ของคนไทยและจนี แตกตา งกนั อยา งไร ชาวจนี ใชช ่ือสกลุ นําหนาช่อื จรงิ 7. ยกตัวอยางลกั ษณะสาํ คญั เกย่ี วกับการแตง งานของวฒั นธรรมจนี มา 3 ขอ ใชส ีแดง, พอแมเ ป็นผูเ ลอื กเจา สาวใหลูกชาย, มีการแจซินแส (หมอดู)มาผูกดวง 8. วัฒนธรรมไทยสวนใหญไ ดรับอทิ ธิพลมาจากที่ใด อนิ เดียและจนี 9. ประเภทของการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมมีก่ีประเภทอะไรบาง 2 อยา งคอื การเปล่ียนแปลงทางสังคม, การเปลยี่ นแปลงวฒั นธรรม 10. ปจใ จัยอะไรท่ีทําใหเกิดการเปลย่ี นแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม ปจใ จัยภายในสงั คม, ปจใ จัยภายนอกสงั คม 11. ยกตวั อยางความสําคัญของวฒั นธรรม มา 3 ตัวอยา ง (รอกอ น) 12. สรปุ แนวทางการอนุรักษแและสืบสานวฒั นธรรมและประเพณี มา 4 ขอ การปลูกจิตสาํ นกึ ใหเยาชน, รว มกันเผยแพร, ใชส ือ่ ตา งๆในการถา ยทอด, รว มมือรว มใจกนั หวงแหนรักษา 13. ยกตัวอยางวัฒนธรรมหรอื ความเชือ่ ในครอบครวั หรอื ในชมุ ชนของ นกั ศึกษามา 4 เรือ่ ง (ทาํ เอง) 14. คา นิยมหมายถงึ ส่งิ ที่กลมุ สงั คมกลมุ ๆเหน็ วาเปน็ ส่ิงที่นา นยิ ม , นากระทาํ 15. ทําไมคานิยมจึงเปน็ สวนหนง่ึ ของวัฒนธรรม
มีการเรยี รรูปลูกฝงใ และทายทอดจากรนุ สรู นุ 16. ใหย กตวั อยา งคานิยมทด่ี ีมา 3 ตวั อยา ง การรักชาติฯ, ความเอ้ือเฟ้ือ, ความกตัญโู, ความซ่ือสัตยแ 17. ใหย กตัวอยางคา นยิ มที่ไมดมี า 3 ตัวอยา ง การแตงกายทไี่ มเหมาะสม, การชื่นชอบวฒั นธรรมอ่นื อยา งไมไตรตรอง, การไมร ูจ ักการประหยัด
ใบงานท่ี 5 1. รฐั ธรรมนูญ หมายถงึ กฎหมายสูงสุดในการจัดการปกครองรฐั 2. ประเทศไทยมกี ารเปลย่ี นแปลงการปกครองอยา งไรและเมื่อใด ระบอบสมบูรณาญาสทิ ธิราชยแเปน็ ประชาธิปไตย เมือ 24 มถิ ุนายน 2475 3. ประเทศไทยไดป ล่ยี นจากคําวา สยาม มาเป็น ไทย เมอ่ื ใด และประกาศในรัฐธรรมนญู ฉบบั ใด ปี พ.ศ. 2482 , ฉบับที่ 2 (รชั ธรรมนูญแหงราชจักรสยาม พทุ ธศักราช 2475) 4. สรุปสาระสําคัญของรฐั ธรรมนญู ฉบับท่ี 3 มีแนวทางในการดาํ เนินการปกครองที่เป็นประชาธปิ ไตยมากข้นึ โดยสมาชกิ สภามาจากการเลือกตัง้ , แยกขา ราชการการเมืองออกจากขา ราชการประจํา 5. รัฐธรรมนูญฉบบั ปใจจบุ นั เปน็ ฉบบั ท่ีเทา ไหร ประกาศใชปใี ด ฉบบั ที่ 18 , 24 สงิ หาคม 2550 6. รัฐธรรมนูญฉบบั ใดเป็นฉบับท่ใี ชน านทีส่ ดุ และก่ปี ี ฉบบั ท่ี 2 , 14 ปี (2489 - 2475) 7. ประมขุ แหงรฐั (ไทย) หมายถงึ พระมหากษัตรยิ แ 8. อาํ นาจอธปิ ไตยประกอบดวยฝาุ ยใดบา ง และแตละฝาุ ยมใี คร เป็นหวั หนา (ใหตอบชอ่ื ตําแหนง ) ฝาุ ยนติ ิบญั ญัต(ิ ประธานรัฐสภา), ฝาุ ยบรหิ าร(นายกรัฐมนตร)ี , ฝาุ ยตลุ าการ(ประธานศาลฎกี า) 9. การเลอื กตง้ั ทัว่ ไปเปน็ การเปลย่ี นแปลงในฝุายใดของอํานาจอธิปไตย ฝุายบรหิ าร 10. การปกครองระบบประชาธิปไตย คาํ นึงถึงเรอื่ งใดเป็นสําคัญ สิทธิและเสรีภาพ 11. สรุปหนา ที่ของประชาชนชาวไทยตามระบบประชาธิปไตย 1. หนา ที่พทิ ักษแรักษาชาติฯ 2. ปกปูองประเทศ 3. เลือกตั้ง 4. รบั ราชการ 5. ขาราชการของรฐั มหี นาทรี่ ักษาประโยชนแสวนรวม อํานวยความสะดวก บรกิ ารประชาชน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 538
Pages: