Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอน ม.ปลาย 164ปัจจุบัน

แผนการสอน ม.ปลาย 164ปัจจุบัน

Published by Pandee Komala, 2021-06-17 07:29:41

Description: แผนการสอน ม.ปลาย 164ปัจจุบัน

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับมัธยมศึกษาตอ สาระพฒั นาสงั คม รายวิชาสังคมศึกษา ครง้ั ที่ วนั /เดอื น/ปี หวั เรอื่ ง/ตัวชี้วดั เน้อื หาสาระการเรยี นรู้ 1.ร฾แู ละเข฾าใจระบบ 1.การปกครองระบอบ การเมืองการปกครอง ประชาธิปไตย ต฽างๆท่ใี ช฾อยปู฽ จใ จบุ ัน 2. การปกครองระบอบเผด็จ 2. ตระหนกั และเห็น การพัฒนาการของระบอบ คณุ คา฽ การปกครอง ประชาธปิ ไตยของประเทศต฽างๆ ระบอบประชาธิปไตย ในโลก 3.รูแ฾ ละเข฾าใจผลทเี่ กิด 3.เหตุการณสแ ําคญั ทางการเมือง จากการเปลี่ยนแปลง การปกครองของประเทศไทย ทางการเมอื งการ 4.เหตกุ ารณสแ ําคญั ทางการเมือง ปกครองของประเทศ การปกครองของโลกทส่ี ฽งผล ไทยจากอดีต กระทบต฽อประเทศไทย 4.รแู฾ ละเข฾าใจผลท่เี กิด 5.หลักธรรมาภบิ าล จากการเปล่ยี นแปลง การเมืองการปกครอง - นติ ิธรรม ของโลก - คุณธรรม 5. ตระหนกั และเห็น - ความโปรง฽ ใส คุณคา฽ ของหลัก - ความค฾มุ ค฽า - รบั ผิดชอบ

อนปลาย ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 า รหัส สค31001 จานวน 3 หนว่ ยกติ การจดั กระบวนการเรียนรู สือ่ /แหล่ง การวดั และ เรยี นรู้ ประเมนิ ผล ขั้นท่ี 1 กําหนดสภาพปญใ หาการเรียนรู฾ 1. หนงั สอื แบบทดสอบ 1.ครแู ละผเ฾ู รียนรว฽ มกันพดู คุย แบบเรยี น ใบงาน แลกเปลย่ี นเรียนรู฾คณุ ธรรมจริยธรรม 2. สื่อมลั ตมิ ีเดยี เล฽มรายงาน และหลกั ธรรมาภบิ าลของผ฾บู ริหาร 3. อนิ เทอรแเน็ต สงั เกตพฤติกรรม ปใญหาการเมืองการปกครองของไทยใน 4. ใบความร฾ู ปใจจบุ นั ข้ันท่ี 2 แสวงหาขอ฾ มลู และจัดกจิ กรรม การเรียนร฾ู 1.ใหผ฾ ูเ฾ รยี นไปสัมภาษณผแ ูน฾ ําชมุ ชนใน เร่อื งการซื้อสิทธิข์ ายเสียงในชุมชน และ การปฏิบัติตนตามหลกั ธรรมมาภบิ าล แลว฾ สรุปเป็นใบความรู฾นํามาเล฽าให฾เพื่อน ฟงใ ในการพบกล฽ุมที่ กศน.ตําบล 2.ใหผ฾ ฾ูเรียนค฾นควา฾ เรอื่ งคุณธรรม จรยิ ธรรม การเคารพสทิ ธิ และหนา฾ ที่ ของตนเอง ชุมชน สงั คม และการอย฽ู ร฽วมกนั ในสงั คม ไดอ฾ ย฽างมคี วามสขุ จาก

แผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั มัธยมศึกษาตอ สาระพัฒนาสงั คม รายวิชาสังคมศึกษา คร้งั ที่ วัน/เดอื น/ปี หวั เร่ือง/ตวั ชี้วดั เนื้อหาสาระการเรยี นรู฾ ธรรมาภิบาล และนาํ ไป - ความรว฽ มมือ ปฏบิ ัติในชีวติ จรงิ แนวทางปฏิบตั ติ ามหลักธรร มาภบิ าล

อนปลาย ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2654 า รหัส สค31001 จานวน 3 หน่วยกติ การจัดกระบวนการเรยี นรู ส่ือ/แหลง฽ เรยี นรู฾ การวัดและ ประเมินผล อินเตอรเแ น็ต และจัดทําเป็นรูปเลม฽ รายงานนาํ มาอภปิ รายแลกเปลย่ี นเรียนร฾ู ในการพบกลุ฽มที่ กศน.ตําบล 3.ให฾ผเู฾ รยี นศึกษาคน฾ ควา฾ ในเร่ือง ประเทศไทยกบั ระบอบประชาธปิ ไตยวา฽ มผี ลดีตอ฽ การพัฒนาประเทศ แลว฾ สรปุ ใจความสําคญั มาเล฽าให฾เพ่ือนฟงใ ใน การพบกลุ฽มที่ กศน.ตําบล ขน้ั ท่ี 3. ขน้ั การปฏิบัตแิ ละการนาไป ประยกุ ตใ์ ช้ - ครูและนกั ศึกษารว฽ มกนั สรุปผลการ เรยี นร฾ู จดบนั ทกึ ผลการเรยี นร฾ู ขน้ั ที่ 4. ขน้ั การประเมนิ ผล - ประเมินผลการเรียนรจู฾ ากการมีส฽วน รว฽ มโดยใช฾กระบวนการกลุ฽มนักศกึ ษา

ใบความรู้ที่ 1 คุณธรรม จรยิ ธรรมและธรรมาภิบาลของผ้บู ริหาร ความหมายและหลักการของคณุ ธรรม ศีลธรรม จรยิ ธรรม จรรยาบรรณ และธรรมาภิบาล ปฐมเหตแุ หง฽ การนําเสนอบทความน้ีมาจากนโยบายของรัฐมนตรวี ฽าการกระทรวงศึกษาธกิ าร (นายสมชาย วงศสแ วสั ด์ิ ) ท่ี กําหนดใหส฾ ํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จดั ใหม฾ ีการจัดระบบจูงใจ ให฾คนทาํ ดี ไดด฾ ี มีรางวลั ตอบแทน เป็น การพิจารณาให฾ความดีความชอบของขา฾ ราชการ ประจาํ ปี ที่ทํางานดา฾ นส฽งเสริมคณุ ธรรมศลี ธรรมของสถานศึกษา จึงต฾องมี ขอ฾ ตกลงเบื้องต฾นวา฽ งานคุณธรรม ศลี ธรรมคืออะไร และจะเกีย่ วข฾องกับบุคลากร 3 ฝาุ ย ได฾แก฽ กลม฽ุ ผบู฾ รหิ ารโครงการ กลม฽ุ จดั การเรยี นการสอน และกลมุ฽ จัดกจิ กรรมเสริมหลกั สตู ร นอกจากนี้ คาํ ว฽า คณุ ธรรม ศลี ธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ ธรรมาภบิ าล และสมรรถนะ มกั มี ผน฾ู าํ ไปใชใ฾ นความหมายท่แี ตกตา฽ ง สับสน และไมต฽ รงกบั ความหมายทีแ่ ท฾จรงิ ดังน้ันการทาํ ความเขา฾ ใจต้ังแต฽ รากศพั ทแ ความหมายและประโยชนใแ นการนาํ ไปใช฾ จะช฽วยให฾ทุกฝุายทํางานรว฽ มกนั ได฾ดี เป้าหมายปลายทาง คุณธรรม (Moral) ศีลธรรม (Moral) จริยธรรม (Ethics)และ จรรยาบรรณ (Code of Conduct)มีเปาู หมายใช฾เพอ่ื การ ควบคุมตนเอง และสง฽ ผลตอ฽ พฤตกิ รรมของบุคคลน้นั ส฽วนธรรมาภบิ าล (Good Governance) และ ขีดสมรรถนะ (Competency) ใชเ฾ พ่อื เปน็ กลไกควบคมุ โครงสรา฾ ง ระบบ และกระบวนการสง฽ ผลตอ฽ การปฏิบตั ิงานของหน฽วยงานหรอื องคแกร คณุ ธรรม (Moral / Virtue) “คณุ ธรรม” คอื คุณ + ธรรมะ คณุ งามความดที เี่ ป็นธรรมชาติ กอ฽ ใหเ฾ กดิ ประโยชนตแ อ฽ ตนเองและ สังคม ซง่ึ รวมสรุปวา฽ คือ สภาพคณุ งาม ความดี คณุ ธรรม (Virtue) แนวความคิดท่ีดเี ป็นตวั บงั คบั ให฾ประพฤติดี 1. สภาพคณุ งามความดที างความประพฤติและจติ ใจ 2. คุณธรรม คือจรยิ ธรรมท่ีแยกเปน็ รายละเอียดแต฽ละประเภท หากประพฤติปฏิบตั ิอยา฽ งสม่าํ เสมอ ก็จะเป็นสภาพคณุ งาม ความดที างความประพฤติและจติ ใจของผูน฾ ้นั จริยธรรม (Ethics) “จริยธรรม” = จริย + ธรรมะ คอื ความประพฤติทเ่ี ปน็ ธรรมชาติ เกดิ จากคณุ ธรรมในตัวเอง กอ฽ ใหเ฾ กิดความ สงบเรียบร฾อยในสงั คม รวมสรปุ วา฽ คือ ข฾อควรประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ จริยธรรม(Ethics) ความเปน็ ผ฾มู จี ิตใจสะอาด บรสิ ทุ ธ์ิ เสียสละหรือประพฤติดีงาม 1. ประมวล กฎหมาย ทกี่ ลม฽ุ ชนหรอื สังคมหนงึ่ ๆ ยอมรบั เปน็ แนวควบคมุ ความประพฤติ เพอื่ แยกแยะให฾เห็นว฽าอะไรควรหรอื ไปกันได฾กบั การบรรลวุ ตั ถุประสงคขแ องกลุม฽ 2. ปรชั ญาสาขาหนึ่งว฽าด฾วย ความประพฤติ และการครองชวี ติ ว฽าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรถูก อะไรผิด หรืออะไรควร อะไรไม฽ ควร 3. กฎเกณฑแความประพฤตขิ องมนษุ ยแซงึ่ เกิดข้นึ จากธรรมชาตขิ องมนษุ ยเแ อง ได฾แก฽ ความเป็นผ฾มู ีปญใ ญา และเหตุผลหรอื ปรชี า ญาณทําใหม฾ นุษยมแ ีมโนธรรมและ ร฾ูจักไตร฽ตรองแยกแยะความดี - ความชัว่ , ถกู - ผิด, ควร - ไมค฽ วร เปน็ การควบคมุ ตวั เอง และ เป็นการควบคมุ กันเองในกล฽มุ หรอื เปน็ ศลี ธรรมเฉพาะกลม฽ุ ศลี ธรรม (Moral) 1. ความประพฤตทิ ดี่ ที ี่ชอบ หรือธรรมในระดบั ศลี หรอื กรอบปฎบิ ตั ิทีด่ ี เกีย่ วกบั ความรสู฾ กึ รบั ผดิ ชอบ บรสิ ทุ ธิ์ เกี่ยวกบั จิตใจ 2. หลกั ความประพฤติท่ีดสี ําหรบั บุคคลพงึ ปฏบิ ัติ “ธรรมาภิบาล” (Good Governance) ธรรมาภิบาล คือ ธรรมะ + อภบิ าล หมายถึง ปกครองด฾วยคณุ ความดี ซ่ือตรงตอ฽ กัน มน่ั คงในสญั ญาที่มตี อ฽ กนั สัญญา (กฎ กติกา มารยาท) ที่ ร฽วมกนั ทาํ เปน็ ธรรม โปรง฽ ใส รับผดิ ชอบในสงิ่ ทที่ าํ 1. การจัดการปกครอง การบริหารปกครอง การบริหารกจิ การบา฾ นเมือง การควบคมุ ดแู ลกิจการ การกาํ กบั ดแู ลท่ดี ี อัน เปน็ เร่ืองทเ่ี กย่ี วข฾องกบั กระบวนการ (Process) และระบบ (System) ซงึ่ องคแการหรือสังคมไดม฾ ีการปฏิบตั หิ รือดาํ เนนิ การ (Operate) 2. ธรรมาภบิ าล มกั ครอบคลมุ ประเด็น ดงั นี้ - การมสี ว฽ นร฽วมของประชาชน(Participation) - นิติธรรม (Rule of law)

- ความโปรง฽ ใส (Transparency) - การตอบสนอง (Responsiveness) - การแสวงหาฉันทามติ (Consensus oriented) - ความถูกต฾อง ความเสมอภาค ยุตธิ รรม เท่ียงธรรม (Equity) - ประสิทธผิ ลและประสทิ ธภิ าพ (Effectiveness & Efficiency) - ภาระรบั ผดิ ชอบ (Accountability ทศพธิ ราชธรรม (Virtues of the King) จริยวตั ร 10 ประการทพี่ ระเจ฾าแผ฽นดนิ ทรงประพฤตเิ ปน็ หลักธรรมประจาํ พระองคแ หรือเปน็ คณุ ธรรมประจาํ ตนของ ผปู฾ กครองบา฾ นเมือง ใหม฾ ีความเปน็ ไปโดยธรรมและยังประโยชนสแ ขุ ให฾เกดิ แกป฽ ระชาชน ทศพิธราชธรรมทงั้ 10 ขอ฾ มดี ังนี้ - ทาน คอื การให฾ การเสยี สละ การให฾นาํ้ ใจ - ศลี คอื ความประพฤติทดี่ งี าม ทงั้ กาย วาจา ใจ ให฾ปราศจากโทษ - บริจาค คอื การเสียสละความสขุ สว฽ นตน เพ่อื ความสุขส฽วนรวม - ความซ่ือตรง คือ ความซ่ือตรงในฐานะทเี่ ปน็ ผ฾ูปกครอง ดํารงอยูใ฽ นสัตยสแ ุจรติ - ความอ฽อนโยน คือ การมอี ัธยาศยั ออ฽ นโยน เคารพในเหตผุ ลทค่ี วร มสี ัมมาคารวะตอ฽ ผอู฾ าวโุ ส - ความเพียร คอื ความอตุ สาหะในการปฏบิ ตั ิงาน โดยปราศจากความเกียจครา฾ น - ความไม฽โกรธ คอื ไม฽มง฽ุ รา฾ ยผู฾อน่ื แมจ฾ ะลงโทษผ฾ทู ําผดิ กท็ าํ ตามเหตผุ ล - ความไม฽เบียดเบยี น คอื การไมก฽ อ฽ ทุกขแหรือเบยี ดเบยี นผ฾ูอื่น - ความอดทน คอื การรกั ษาอาการ กาย วาจา ใจใหเ฾ รียบรอ฾ ย การอดทนตอ฽ ส่ิงท้ังปวง - ความยุตธิ รรม คอื ความหนักแนน฽ ถอื ความถูกตอ฾ ง เท่ียงธรรมเปน็ หลัก

ใบความรูท้ ่ี 2 สทิ ธมิ นษุ ยชนและบทบาทหน้าทต่ี ามรัฐธรรมนูญ สิทธมิ นษุ ยชน หมายถงึ สทิ ธิขัน้ พ้นื ฐานท่ีพึงมโี ดยเสมอภาคกนั เพอ่ื การดาํ รงชวี ิตได฾อยา฽ ง มศี กั ดิ์ศรมี ี โอกาสเท฽าเทียมกันในการเรียนรู฾และพัฒนาศักยภาพของตนเองอย฽างเต็มที่และสร฾างสรรคแ ดงั น้นั จึงเปน็ สทิ ธิที่ ได฾มาพร฾อมกับการเกิดและเป็นสทิ ธิตดิ ตัวบคุ คลน้นั ตลอดไปไม฽วา฽ จะอยู฽ในเขตปกครองใด หรือเช้ือชาติ ภาษา ศาสนาใด ๆ สทิ ธิมนุษยชน หมายถึง แนวคิดเกยี่ วกับมนษุ ยทแ ว่ี า฽ มนษุ ยแนน้ั มสี ิทธิหรือสถานะสากล ซ่ึงไมข฽ ึน้ อยู฽กับ ขอบเขตของกฎหมาย หรือปใจจัยทอ฾ งถิน่ อืน่ ใด เช฽น เช้อื ชาติ หรือ สัญชาติ สทิ ธิ หมายถึง อาํ นาจอนั ชอบธรรม ซึง่ ความถกู ตอ฾ งชอบธรรมนนั้ มีทีม่ าจากการเคารพซึง่ กันและกนั การใชส฾ ิทธินั้น เราใช฾ไดเ฾ ทา฽ ท่ีไม฽ไปละเมดิ ในสิทธิของผู฾อืน่ เชน฽ เคารพในสิทธขิ ั้นพ้ืนฐาน ซง่ึ ถือว฽าเป็นความจํา เป็นของชวี ิต สทิ ธิมนุษยชน หมายถึง สทิ ธิข้นั พ้นื ฐานที่มนุษยแเกิดมาพร฾อมกบั ความเท฽าเทียมกันในแง฽ของศักดแิ์ ละ สทิ ธิ์ เพอ่ื ดาํ รงชวี ิตอย฽างมศี ักดศิ์ รี โดยไม฽คาํ นึงถึงความแตกต฽างในเรอื่ งเชอ้ื ชาติ สผี วิ อายุ ศาสนา ภาษา และ สถานภาพ ทางกายภาพและสุขภาพ รวมท้งั ความเชื่อทางสังคม การเมือง ชาตกิ าํ เนิดเหลา฽ นี้ คือสทิ ธิทมี่ ีมาแต฽ กาํ นิด ไม฽สามารถถ฽ายโอนกันได฾ เช฽นสทิ ธิในร฽างกาย สิทธใิ นชวี ติ เป็นตน฾ สรุป รัฐธรรมนูญฉบับปจใ จุบนั ให฾ความสําคญั กับการค฾ุมครองศักดิ์ศรคี วามเปน็ มนุษยแ สิทธแิ ละ เสรภี าพของ บุคคล ซ่งึ เป็นหัวใจสาํ คัญของสทิ ธิมนุษยชน และยังมีการจัดตง้ั คณะกรรมการสทิ ธมิ นุษยชนแหง฽ ชาตขิ ้ึน โดย ใหม฾ หี นา฾ ท่ตี รวจสอบ และรายงานการกระทาํ หรือละเว฾นการกระทาํ ที่ละเมดิ สิทธิมนษุ ยชนตามกฎหมายไทย หรือตามพนั ธกรณรี ะหวา฽ งประเทศทปี่ ระเทศไทยไดร฾ ฽วมลงนาม โดยไมไ฽ ด฾แบง฽ แยกวา฽ บคุ คลนน้ั จะมีอายเุ ท฽าไร เพศใด เช้ือชาติใด นับถือศาสนาและภาษาอะไร มสี ถานภาพทางกายหรือฐานะใด หากบุคคลอยใ฽ู นพน้ื ที่ทใี่ ช฾ รัฐธรรมนูญยอ฽ มไดร฾ บั ความคุ฾มครองสิทธิ เสรีภาพ และมีความเทา฽ เทยี มกนั ในศักดิ์ศรีความเป็นมนษุ ยแ ด฾วยเหตุ น้ใี นการปฏิบัติงานตามอํานาจหน฾าทต่ี ลอดจนการตรากฎหมาย การตีความ และการบังคับใชก฾ ฎหมายอาจมี การละเมิดสิทธิและเสรภี าพของบุคคลตามรฐั ธรรมนูญ หากถกู ลดิ รอนหรอื ถกู ละเมิดสิทธมิ นษุ ยชนก็สามารถ รอ฾ งเรยี นตอ฽ ศาลเพ่อื ให฾ดําเนินคดไี ด฾ หน้าทขี่ องพลเมืองดตี ามรัฐธรรมนญู รัฐธรรมนูญแห฽งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ได฾กล฽าวถึงหน฾าของชนชาวไทยตามระบอบประชาธิปไตย อันมี พระมหากษัตริยทแ รงเปน็ ประมขุ ซึ่งเปน็ หนา฾ ทีต่ ามบทบญั ญตั ิแห฽งกฎหมายสงู สุดของประเทศ ซง่ึ ทกุ คนจะตอ฾ งรักษาและปฏิบัติ ตามจะหลกี เลยี่ งไมไ฽ ด฾ พอสรุปได฾ ดงั น้ี 1. การรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ แ - การรักษาชาติ - การรกั ษาศาสนา - การรกั ษาพระมหากษตั ริยแแ ละการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ทแ รงเปน็ ประมุข 2. การปฏิบตั ติ ามกฎหมาย เมื่อเราต฾องเก่ียวข฾องหรอื สมั พนั ธกแ ับกฎหมายใดกต็ อ฾ งปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายนั้นๆอย฽างเครง฽ ครดั เพราะกฎหมายแตล฽ ะฉบับ นั้นไดม฾ ีการรา฽ งและประกาศใช฾ในราชกิจจานเุ บกษาอยา฽ งเปิดเผยตอ฽ หน฾าสาธารณชน 3. การไปใช฾สทิ ธเิ ลือกตง้ั หน฾าที่ = สามารถลงชือ่ ถอดถอน (20,000 คน) แต฽ถา฾ ไม฽มาใชห฾ นา฾ ท่กี จ็ ะไมม฽ สี ทิ ธใิ์ นการลง สมัครเลือกตั้ง

4. การพฒั นาประเทศ 4.1. การปอู งกันประเทศ 4.2. การรับราชการทหาร 4.3. การเสียภาษีอากร - ภาษเี งินไดบ฾ คุ คลธรรมดา - ภาษเี งนิ ไดน฾ ติ บิ คุ คล - ภาษกี ารค฾า - ค฽าอากรแสตมป฼ 4.4. การชว฽ ยเหลอื ราชการ 4.5. การศกึ ษาอบรม 4.6. การพิทักษแปกปูองและสืบสานศิลปะ วัฒนธรรมของชาติและภมู ิปญใ ญาทอ฾ งถิ่น 4.7. การอนุรักษแทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล฾อม 5. การปฏิบตั งิ านตามกฎหมายเพือ่ ประโยชนสแ ฽วนรวม แนวทางการปฏบิ ตั ติ นเป็นพลเมืองดตี ามวิถชี ีวติ ประชาธปิ ไตย พลเมืองดีตามวถิ ชี วี ิตประชาธิปไตยควรมแี นวทางการปฏิบัตติ นดังน้ี คือ 1) ดา฾ นสงั คม ไดแ฾ ก฽ (1) การแสดงความคิดอยา฽ งมเี หตุผล (2) การรบั ฟงใ ขอ฾ คิดเห็นของผอ฾ู ื่น (3) การยอมรับเมอ่ื ผ฾อู ื่นมเี หตผุ ลทดี่ กี วา฽ (4) การตดั สินใจโดยใช฾เหตผุ ลมากกวา฽ อารมณแ (5) การเคารพระเบยี บของสังคม (6) การมจี ิตสาธารณะ คือ เห็นแกป฽ ระโยชนแของสว฽ นรวมและรกั ษาสาธารณสมบัติ 2) ดา฾ นเศรษฐกจิ ไดแ฾ ก฽ (1) การประหยัดและอดออมในครอบครวั (2) การซอ่ื สตั ยแสจุ รติ ต฽ออาชพี ทท่ี าํ (3) การพฒั นางานอาชีพใหก฾ ฾าวหนา฾ (4) การใชเ฾ วลาวา฽ งให฾เป็นประโยชนตแ ฽อตนเองและสังคม (5) การสรา฾ งงานและสร฾างสรรคสแ งิ่ ประดิษฐใแ หม฽ ๆ เพ่ือให฾เกิดประโยชนแต฽อสังคมไทย และสงั คมโลก (6) การเปน็ ผ฾ูผลิตและผ฾ูบรโิ ภคท่ดี ี มีความซอื่ สตั ยแ ยึดมั่นในอดุ มการณแทีด่ ตี อ฽ ชาตเิ ป็น สาํ คัญ 3) ดา฾ นการเมอื งการปกครอง ไดแ฾ ก฽ (1) การเคารพกฎหมาย (2) การรบั ฟงใ ข฾อคดิ เหน็ ของทุกคนโดยอดทนตอ฽ ความขดั แยง฾ ทเี่ กดิ ขนึ้ (3) การยอมรับในเหตผุ ลทดี่ กี ว฽า (4) การซอื่ สตั ยตแ ฽อหนา฾ ทโ่ี ดยไมเ฽ หน็ แก฽ประโยชนแสว฽ นตน (5) การกลา฾ เสนอความคดิ เห็นตอ฽ ส฽วนรวม กลา฾ เสนอตนเองในการทาํ หนา฾ ท่ี สมาชกิ สภาผูแ฾ ทนราษฎร หรอื สมาชกิ วุฒสิ ภา (6) การทาํ งานอย฽างเต็มความสามารถ เตม็ เวลา การส่งเสริมให้ผ้อู ืน่ ปฏบิ ัติตนเปน็ พลเมืองดี การทบี่ คุ คลปฏิบตั ิตนเป็นพลเมืองดใี นวถิ ปี ระชาธปิ ไตยแล฾ว ควรสนบั สนนุ ส฽งเสริมให฾บคุ คลอน่ื ปฏบิ ัตติ นเปน็ พลเมอื งดี ในวิถีประชาธิปไตยดว฾ ย โดยมแี นวทางการปฏบิ ตั ดิ ังน้ี

1. การปฏิบัติตนให฾เป็นพลเมืองดีในวิถีประชาธิปไตย โดยยึดม่ันในคุณธรรมจริยธรรมของศาสนาและหลักการของ ประชาธิปไตยมาใช฾ในวิถกี ารดาํ รงชวี ติ ประจาํ วันเพอ่ื เป็นแบบอยา฽ งท่ดี ีแก฽คนรอบข฾าง 2. เผยแพร฽ อบรม หรอื ส่งั สอนบคุ คลในครอบครัว เพือ่ นบ฾าน คนในสงั คม ให฾ใช฾หลักการทางประชาธิปไตยเปน็ พื้นฐาน ในการดํารงชีวติ ประจําวนั 3. สนบั สนุนชมุ ชนในเร่อื งท่ีเกีย่ วกับการปฏบิ ัติตนให฾ถูกตอ฾ งตามกฎหมาย โดยการบอกเลา฽ เขยี นบทความเผยแพร฽ผ฽าน สื่อมวลชน 4. ชกั ชวน หรือสนบั สนุนคนดีมีความสามารถในการมสี ฽วนร฽วมกับกจิ กรรมทางการเมืองหรอื กจิ กรรมสาธารณประโยชนแ ของชุมชน 5. เป็นหเู ป็นตาให฾กบั รัฐหรือหนว฽ ยงานของานรฐั ในการสนับสนุนคนดี และกําจัดคนที่เป็นภัยกับสังคมการสนับสนุนให฾ ผู฾อื่นปฏบิ ัติตนเปน็ พลเมอื งดใี นวิถปี ระชาธปิ ไตย ควรเปน็ จิตสาํ นึกท่บี คุ คลพึงปฏิบตั เิ พ่อื ให฾เกดิ ประชาธิปไตยอย฽างแท฾จรงิ

ใบความรทู้ ี่ 3 ความร้เู กี่ยวกับกฎหมายเลือกต้ัง การเลือกตงั้ ในระบอบประชาธปิ ไตย 1. ความหมายของการเลือกต้ัง การเลือกต้งั คือ การท่ีราษฎรใชส฾ ิทธขิ องตนเองลงคะแนนเสยี งเลือกตวั แทน เพือ่ ทาํ หน฾าท่ี แทนตนในการปกครองแตล฽ ะระดบั ของประเทศ เช฽น การเลือกต้งั สมาชิกสภาผ฾ูแทนราษฎร การเลอื กตง้ั สมาชิกสภาจงั หวัด เป็นต฾น การเลอื กตง้ั ที่เป็นประชาธปิ ไตยนนั้ ต฾องเป็นการเลือกต้ังโดยเสรี กล฽าวคอื ต฾องเปดิ กว฾าง ใหอ฾ สิ ระในการตัดสนิ ใจท้งั ในแง฽ของผส฾ู มัครและผอู฾ อกเสียง ทั้งนี้ ตอ฾ งเป็นไปโดยบริสุทธแิ์ ละยตุ ธิ รรม ไมม฽ ีการช้นี าํ หรือบงั คับให฾เลอื ก 2. ความสําคญั ของการเลือกตง้ั ประชาชนเป็นผ฾ูมอี ํานาจในการปกครองประเทศ แตใ฽ นสภาพสงั คมปใจจุบัน ย฽อมเปน็ ไป ไมไ฽ ด฾ทป่ี ระชาชนทุกคนจะทาํ หนา฾ ทีป่ กครองประเทศพร฾อม ๆ กัน จงึ มคี วามจาํ เปน็ ต฾องเลอื กผแ฾ู ทนของ ตนเขา฾ ไปทาํ หน฾าที่แทนตน และประชาชนสามารถเปลย่ี นผู฾แทนซ่ึงใช฾อาํ นาจแทนตนได฾ โดยเลอื กผทู฾ ่ตี น เห็นวา฽ ประโยชนแแก฽สว฽ นรวมตามแนวทางที่ตนต฾องการ โดยพิจารณาจากนโยบายของผส฾ู มัครหรอื พรรค ของผูส฾ มัคร 3. การเลือกต้ังผ฾ูแทนในระดับตา฽ ง ๆ การเลือกตัง้ ในประเทศไทยมีหลายระดบั ตั้งแต฽ระดับหมบู฽ ฾าน กล฽าวคือ 3.1 ระดบั หมบู฽ ฾าน คือ การเลือกผใู฾ หญ฽บา฾ น กรรมการหม฽ูบ฾านและสมาชกิ สภาท฾องถ่ิน 3.2 ระดับตาํ บล คือ กํานนั ผ฾บู ริหารทอ฾ งถ่ิน 3.3 ระดับอําเภอ คือ สมาชกิ สภาเทศบาลและสมาชิกสภาเมอื งพัทยา 3.4 ระดับจังหวดั คอื สมาชกิ สภาจงั หวดั และการเลือกตงั้ ในกรงุ เทพฯ ซงึ่ ไดแ฾ ก฽ การเลือกตัง้ ผ฾วู ฽าราชการกรงุ เทพมหานคร การเลือกตั้งสมาชกิ สภา กทม. และการเลือกตั้งสมาชกิ สภาเขต 3.5 ระดับชาติ คือ การเลือกต้ังสมาชิกสภาผแู฾ ทนราษฎร, สมาชิกวฒุ สิ ภา ผลกระทบจากการซื้อสิทธขิ ายเสยี ง - ประเทศขาดโอกาสในการพฒั นา - การเลือกตัง้ ซํ้าซาก - สน้ิ เปลอื งงบประมาณ - ประชาชนเบ่ือหนา฽ ย - เกิดการทจุ ริต คอรัปชัน่ ความผดิ เกย่ี วกับการหาเสียงเลอื กต้งั ส.ส. เรอื่ งท่ี 1 การให฾ หรอื สญั ญาว฽าจะให฾ เงิน หรือทรัพยแสิน หรอื ประโยชนแอ่ืนใด หรอื การเล้ยี ง หรอื รบั จดั เล้ยี งหรือ หลอกลวง หรอื ใชอ฾ ิทธพิ ลคุกคาม หรือใสร฽ ฾าย เพอื่ จูงใจใหผ฾ ฾ูมสี ิทธิเลอื กต้งั ลงคะแนนเลอื กต้ัง หรอื ไมล฽ งคะแนน เลอื กตั้ง - เป็นความผิดมีโทษจาํ คกุ 1 ปี – 10 ปี และปรับ 20,000 บาท - 200,000 บาท และถูกเพิกถอนสทิ ธิเลือกต้งั 10 ปี (มาตรา 53 ประกอบมาตรา 137)

เรอ่ื งท่ี 2 การจดั ยานพาหนะนําผ฾ูมีสิทธเิ ลอื กตั้งไปเพอ่ื การเลือกต้งั หรอื กลับจากทเี่ ลือกตั้ง โดยไมต฽ ฾องเสียคา฽ โดยสาร หรือคา฽ จ฾างซ่ึงตอ฾ งเสยี ตามปกติ - เปน็ ความผิดมีโทษจําคุก 1 ปี – 5 ปี หรือปรบั 20,000 บาท - 100,000 บาท หรือทัง้ จาํ ทัง้ ปรับ และถกู เพกิ ถอนสิทธิเลือกตงั 5 ปี (มาตรา 55 ประกอบมาตรา 145) เร่อื งท่ี 3 คนทไี่ มม฽ ีสัญชาติไทยช฽วยเหลอื ในการหาเสยี ง - เปน็ ความผิดมีโทษจาํ คกุ 1 ปี – 10 ปี และปรบั 20,000 บาท - 200,000 บาท (มาตรา 56 ประกอบมาตรา 146) เร่ืองที่ 4 การหาเสียงไมว฽ า฽ จะเปน็ คุณหรือโทษแก฽ผ฾ูสมคั รรับเลือกตัง้ หรือพรรคการเมืองตั้งแตเ฽ วลา 18.00 นาฬิกา ของวันก฽อนวนั เลือกตัง้ หน่งึ วันจนสน้ิ สุดวนั เลือกตง้ั - เป็นความผดิ มีโทษจาํ คกุ ไมเ฽ กิน 6 เดือน หรอื ปรบั ไมเ฽ กนิ 10,000 บาทหรือท้ังจําทงั้ ปรบั (มาตรา 58 ประกอบมาตรา 147) เรอ่ื งท่ี 5 ห฾ามปดิ ประกาศ หรือติดปูายเกยี่ วกบั การเลือกต้ังนอกเหนอื จากท่ีคณะกรรมการการเลอื กตัง้ กาํ หนดให฾ รวมทง้ั ติดในสถานทข่ี องเอกชนและห฾ามปดิ ประกาศหรือตดิ แผน฽ ปาู ยเกีย่ วกับการเลือกตงั้ เกินขนาดและมี จาํ นวนไม฽เป็นไปตามที่คณะกรรมการการเลือกต้ังกาํ หนด หรือการหาเสียงตามสถานีวทิ ยุ หรือสถานโี ทรทัศนแ นอกเหนือจากทค่ี ณะกรรมการการเลือกต้ังกาํ หนดไว฾ให฾รฐั สนบั สนุน - เป็นความผิดมโี ทษจาํ คกุ ไมเ฽ กิน 6 เดือน หรือปรบั ไม฽เกิน 10,000 บาท หรือท้ังจําท้ังปรบั (มาตรา 60 ประกอบมาตรา 147) เรอ่ื งท่ี 6 การเรียก หรือรับทรัพยแสนิ ในการลงสมัครหรือไมล฽ งสมคั รรบั เลอื กต้งั เพ่อื เป็นประโยชนแแ ก฽ผสู฾ มคั รรับ เลอื กต้ังหรือพรรคการเมอื ง - เป็นความผิดมโี ทษจําคุก 1 ปี - 10 ปี หรือปรบั 20,000 บาท – 200,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรบั และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกต้ัง 10 ปี (มาตรา 54 วรรคหนึง่ ประกอบมาตรา 144 วรรคหนึง่ ) เรื่องท่ี 7 เจ฾าหน฾าทข่ี องรฐั ใช฾ตําแหน฽งหนา฾ ทโี่ ดยมชิ อบดว฾ ยกฎหมายกระทาํ การใดๆ เพ่ือเปน็ คุณหรอื โทษแกผ฽ ส฾ู มคั ร หรือพรรคการเมือง - เปน็ ความผดิ มโี ทษจําคกุ 1 ปี - 10 ปี และถูกปรบั 20,000 บาท – 200,000 บาท และถูกเพิกถอน สทิ ธเิ ลือกตัง้ 10 ปี (มาตรา 57 ประกอบมาตรา 137) ความผิดเกี่ยวกับคา฽ ใช฾จ฽ายในการเลือกตงั้ ส.ส. เร่อื งที่ 8 ผู฾สมัครรับเลือกตั้ง หวั หน฾าพรรคพรรคการเมืองใช฾จา฽ ยในการเลอื กตง้ั เปน็ จํานวนเงินเกินกวา฽ ท่ี คณะกรรมการการเลือกต้ังกาํ หนด - เป็นความผดิ มโี ทษจาํ คุก 1 ปี - 5 ปี หรือปรบั 20,000 บาท - 100,000 บาท หรือปรับเปน็ 3 เท฽า ของจาํ นวนเงินเกนิ กาํ หนด หรือทง้ั จาํ ท้ังปรับและถูกเพิกถอนสิทธิ

เลอื กตั้ง 5 ปี (มาตรา 50 วรรคสาม ประกอบมาตรา 141) เรื่องที่ 9 ผสู฾ มคั รรบั เลือกตงั้ หรอื หวั หน฾าพรรคไม฽ยื่นบญั ชกี ารใช฾จา฽ ยในการเลอื กต้งั ภายใน 90 วนั หลังจากวัน เลือกตัง้ หรือย่ืนหลกั ฐานไม฽ถูกตอ฾ งครบถ฾วน -เป็นความผิดมโี ทษจําคุกไม฽เกนิ 2 ปี หรอื ปรับไมเ฽ กิน 40,000 บาท หรือทง้ั จําทงั้ ปรับ และถูกเพิกถอน สิทธเิ ลือกตัง้ 5 ปี (มาตรา 52 ประกอบมาตรา 143 วรรคสอง) เรอ่ื งที่ 10 ผส฾ู มคั รรับเลือกตง้ั หรอื หวั หน฾าพรรคยื่นบัญชรี ายรับรายจา฽ ยในการเลอื กต้งั เป็นเทจ็ - เป็นความผิดมโี ทษจําคุก 1 ปี - 5 ปี และปรับ 20,000 บาท - 100,000 บาท และถกู เพิกถอนสิทธเิ ลอื กตงั้ 5 ปี (มาตรา 52 ประกอบมาตรา 143 วรรคสอง) เร่ืองท่ี 11 สมุหบแ ญั ชเี ลอื กตั้งจดั ทําบัญชรี ายรบั รายจ฽ายในการเลือกตงั้ ไมเ฽ ป็นไปตามหลกั เกณฑแ และวธิ กี ารท่ี คณะกรรมการการเลือกต้ังประกาศ - เปน็ ความผิดมีโทษจาํ คุกไม฽เกิน 1 ปี และปรบั ไมเ฽ กนิ 20,000 บาท และถูกเพิกถอนสิทธเิ ลอื กต้ัง 5 ปี และห฾ามเปน็ สมุหแบัญชีเลือกตั้ง 5 ปี (มาตรา 51 วรรคสอง ประกอบมาตรา 142) ความผิดเกยี่ วกบั ผู฾สมัคร ส.ส. และการสมัครรับเลือกต้ัง ส.ส. เรื่องที่ 12 การลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผแ฾ู ทนราษฎรแบบแบ฽งเขต หรือแบบบญั ชรี ายชือ่ โดยรอู฾ ยวู฽ า฽ ตนเองไม฽มี สิทธิลงสมัคร หรอื การลงสมัครรบั เลอื กตง้ั ในนามพรรคการเมอื งเกินกวา฽ 1 พรรค หรอื ลงสมคั รรบั เลือกตัง้ เปน็ สมาชกิ สภาผแู฾ ทนราษฎรทงั้ แบบแบง฽ เขตและแบบสัดส฽วน หรอื ลงสมคั รรบั เลือกตงั้ เกินกวา฽ 1 เขตเลือกต้งั หรือการสมัครลงรบั เลือกตัง้ มากกว฽า 1 เขตเลอื กตัง้ - เปน็ ความผิดมีโทษจาํ คุก 1 ปี – 10 ปี และปรบั 20,000 บาท - 200,000 บาท และถกู เพิกถอนสทิ ธิเลือกต้ัง 10 ปี (มาตรา 34 มาตรา 35 มาตรา 38 วรรคสอง ประกอบมาตรา 139) ความผิดเกี่ยวกบั ผูม฾ สี ิทธิเลือกต้ังและบญั ชรี ายชื่อการเลือกตงั้ ส.ส. เร่อื งท่ี 13 ผม฾ู ีสิทธเิ ลอื กตงั้ ไม฽ไปใช฾สิทธเิ ลือกตั้ง และไม฽ไดแ฾ จ฾งเหตอุ ันสมควรจะเสียสทิ ธิ 3 ประการ คือ 1.เสียสิทธิยน่ื คํารอ฾ งคดั คา฾ นการเลือกตงั้ สมาชกิ สภาผแ฾ู ทนราษฎรและสมาชกิ วุฒสิ ภา 2.เสียสทิ ธิลงสมัครรับเลอื กตั้งสมาชิกสภาผ฾ูแทนราษฎรและสมาชกิ วุฒสิ ภา และการไดร฾ บั การเสนอชื่อเป็น สมาชกิ วฒุ สิ ภา สมาชิกสภาทอ฾ งถน่ิ และผ฾ูบรหิ ารทอ฾ งถน่ิ 3.เสยี สทิ ธสิ มัครรบั เลอื กเป็นกํานัน และผใ฾ู หญ฽บ฾าน (มาตรา 26) เรือ่ งท่ี 14 การยา฾ ยชอ่ื บุคคลอืน่ เข฾ามาในทะเบียนบา฾ นเพื่อประโยชนใแ นการเลอื กตงั้ - เป็นความผดิ มีโทษจาํ คุกไม฽เกนิ 2 ปี หรอื ปรบั ไม฽เกิน 40,000 บาท หรือทง้ั จําทงั้ ปรบั (มาตรา 33 ประกอบมาตรา 138) ความผิดเกย่ี วกบั การลงคะแนนเลือกต้งั ส.ส. เรอ่ื งท่ี 15 การลงคะแนนเลือกตงั้ โดยร฾ูอย฽วู า฽ ตนเองไม฽มสี ทิ ธิลงคะแนนเลือกตั้ง โดยใช฾เอกสารแสดงตนอนั เปน็ เทจ็ - เป็นความผดิ มีโทษจําคุก 1 ปี – 10 ปี และปรบั 20,000 บาท - 200,000 บาท และถกู เพกิ ถอนสทิ ธิเลือกตง้ั 10 ปี (มาตรา 70 ประกอบมาตรา 137) เรอ่ื งท่ี 16 การขัดขวาง ไม฽ให฾ผม฾ู ีสิทธเิ ลือกตั้งไป ณ หน฽วยเลอื กตง้ั หรือลงคะแนนเลอื กตั้ง

- เป็นความผดิ มีโทษจําคุก 1 ปี – 5 ปี หรือปรบั 20,000 บาท - 100,000 บาท หรือท้งั จําทงั้ ปรบั และถกู เพกิ ถอนสิทธิเลอื กตัง้ 5 ปี (มาตรา 76 ประกอบมาตรา 152 วรรคหนง่ึ ) เร่ืองที่ 17 การถา฽ ยภาพบตั รเลอื กตงั้ ทไี่ ดล฾ งคะแนนเลือกตั้งไว฾แล฾ว หรือการแสดงบัตรเลือกตงั้ ท่ีไดล฾ งคะแนนเลือกตัง้ ไว฾ แล฾วให฾ผ฾อู นื่ ทราบถึงการลงคะแนนเลือกต้ัง - เปน็ ความผดิ มโี ทษจาํ คุก ไมเ฽ กนิ 1 ปี หรือปรบั ไมเ฽ กนิ 20,000 บาท หรือท้ังจาํ ทั้งปรบั (มาตรา 73 มาตรา 75 ประกอบมาตรา 153) (เป็นความผิดเฉพาะผู฾สมคั ร) เรอ่ื งที่ 18 ผู฾บงั คบั บญั ชา หรือนายจ฾างขดั ขวางการไปใชส฾ ทิ ธเิ ลอื กต้ังของผูใ฾ ต฾บังคับบัญชา หรือลกู จ฾าง - เป็นความผดิ มโี ทษจาํ คกุ ไม฽เกิน 2 ปี หรอื ปรับไม฽เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจําท้งั ปรบั (มาตรา 136) เรื่องที่ 19 ผม฾ู สี ิทธเิ ลือกตง้ั เรียก รับ หรอื ยอมจะรบั เงิน ทรัพยแสิน หรือประโยชนแอ่นื ใด เพ่ือลงคะแนนหรือไม฽ ลงคะแนนใหแ฾ กผ฽ ฾ูสมัคร หรอื พรรคการเมอื งใด - เปน็ ความผดิ มโี ทษจาํ คกุ 1 ปี – 5 ปี หรือปรบั 20,000 บาท - 100,000 บาท หรอื ทง้ั จาํ ท้งั ปรบั และถูกเพิกถอนสิทธเิ ลือกตงั้ 5 ปี (มาตรา 77 ประกอบมาตรา 152) ความผิดเกย่ี วกับบตั รเลือกตั้ง ส.ส. เรื่องท่ี 20 การนาํ บัตรเลือกตั้งออกไปจากทเี่ ลือกต้ัง หรอื การทําเครื่องหมายเปน็ ทส่ี งั เกตไวใ฾ นบัตรเลอื กตง้ั หรอื การนาํ บัตรเลือกตัง้ ใส฽ในหบี บตั รเลอื กตัง้ โดยไม฽มีอาํ นาจตามกฎหมาย หรอื การทาํ บัญชรี ายชื่อผ฾ูมีสิทธเิ ลอื กตั้งผดิ ไป จากความเป็นจรงิ หรอื กระทําการให฾บตั รเลือกต้งั หรอื กระทําการให฾บตั รเลือกต้ังเพิ่มขนึ้ ไปจากความเปน็ จริง - เป็นความผดิ มโี ทษจําคุก 1 ปี – 5 ปี หรือปรับ 20,000 บาท - 100,000 บาท หรอื ท้ังจาํ ทัง้ ปรับ และถูกเพิกถอนสิทธเิ ลอื กตง้ั 5 ปี (มาตรา 71 วรรคสอง มาตรา 72 มาตรา 74 ประกอบมาตรา 152 วรรคหนง่ึ ) เรอ่ื งท่ี 21 การใชบ฾ ัตรอน่ื ทมี่ ใิ ชบ฽ ตั รเลือกตงั้ ทีก่ ฎหมายกําหนดหรอื การใชบ฾ ัตรเลือกต้งั ที่มิใช฽บัตรเลือกตัง้ ที่ตนได฾รับมา จากการแสดงตนเพ่ือลงคะแนนเลอื กต้ัง - เป็นความผดิ มีโทษจําคุก 1 ปี – 10 ปี และปรบั 20,000 บาท - 200,000 บาท และถูกเพิกถอนสทิ ธเิ ลอื กตง้ั 10 ปี (มาตรา 71 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 151) ความผิดเกีย่ วกบั การรอ฾ งเทจ็ และเป็นพยานเท็จการเลือกต้ัง ส.ส. เรื่องที่ 22 กระทาํ การอนั เป็นเท็จให฾ผอ฾ู ืน่ เข฾าใจว฽าผสู฾ มัครรบั เลือกตัง้ กระทาํ ผิดกฎหมายเลือกต้งั - เป็นความผิดมีโทษจาํ คุกไม฽เกนิ 2 ปี หรอื ปรับไม฽เกิน 40,000 บาท และถูกเพิกถอนสทิ ธเิ ลือกต้ัง 5 ปี (มาตรา 140 วรรคหนงึ่ ) เรอ่ื งท่ี 23 กระทาํ การอนั เปน็ เทจ็ เพ่ือกล่นั แกล฾งผสู฾ มคั รรบั เลือกตั้ง เพือ่ ให฾ผูส฾ มคั รนัน้ ถูกเพิกถอนสทิ ธิเลือกตงั้ หรือ ไมใ฽ หม฾ ีการประกาศผลเลอื กตั้ง - เป็นความผิดมโี ทษจําคกุ 5 ปี – 10 ปี ปละปรบั 100,000 บาท - 200,000 บาท และถกู เพกิ ถอนสทิ ธิเลือกต้ัง 10 ปี (มาตรา 122 ประกอบมาตรา 140 วรรคสอง) เร่อื งที่ 24

การกลา฽ วหาผ฾สู มคั รรบั เลือกตง้ั วา฽ กระทาํ ผดิ กฎหมายเลอื กตงั้ ต฽อคณะกรรมการการเลอื กตั้ง อนั เปน็ เท็จ - เป็นความผิดมโี ทษจําคุก 7 ปี – 10 ปี และปรับ 140,000 บาท - 200,000 บาท และถูกเพกิ ถอนสทิ ธิเลือกต้งั 20 ปี (มาตรา 140 วรรคสาม) ความผิดเร่ืองอ่นื ๆทส่ี าํ คัญเก่ยี วกบั การเลอื กตั้ง ส.ส. เรื่องที่ 25 การขดั ขวางคณะกรรมการการเลือกตัง้ หรือผู฾ที่คณะกรรมการการเลือกต้ังได฾มอบอาํ นาจไมใ฽ หเ฾ ข฾าไปในท่ีอยู฽ อาศัย สถานท่ี หรือยานพานะเพอ่ื ตรวจ คน฾ ยึด หรืออายดั ทง้ั เอกสารทรพั ยสแ นิ หรือพยานหลักฐานอน่ื ๆ เมื่อมี หลักฐานที่เชอ่ื ได฾ว฽ามกี ารกระทําผิดกฎหมายเลือกตงั้ - เป็นความผดิ มีโทษจาํ คุกไมเ฽ กนิ 1 ปี หรือปรบั ไมเ฽ กนิ 20,000 บาท หรอื ทั้งจําท้ังปรับ (มาตรา 112 วรรคหน่ึง (1) ประกอบมาตรา 154 วรรคหนึ่ง) เรอ่ื งที่ 26 การขาย จําหนา฽ ย จ฽ายแจก หรือจดั เลี้ยงสรุ าตัง้ แตเ฽ วลา 18.00 นาฬกิ า ของก฽อนวนั เลือกต้ังหน่ึงวันจน สนิ้ สุดวนั เลอื กตัง้ - เป็นความผดิ มีโทษจําคกุ ไมเ฽ กิน 6 เดือน หรือปรบั ไม฽เกิน 10,000 บาท หรอื ทัง้ จาํ ทง้ั ปรบั (มาตรา 155) เรอ่ื งที่ 27 การเลน฽ หรอื จัดให฾เล฽นพนันขันต฽อเก่ยี วกับผลการเลือกตั้ง - เป็นความผดิ มโี ทษจําคกุ 1 ปี – 5 ปี หรอื ถกู ปรบั 20,000 บาท - 100,000 บาท หรือทง้ั จาํ ทัง้ ปรบั และถูกเพิกถอนสิทธเิ ลือกต้งั 5 ปี (มาตรา 156) เรื่องที่ 28 การเปิดเผย หรอื เผยแพร฽ผลสาํ รวจความคิดเห็นของประชาชนเก่ียวกบั การลงคะแนนเลอื กต้ังในระหว฽าง 7 วนั กอ฽ นวันเลอื กตั้งจนถึงเวลาปิดการลงคะแนนเลือกตง้ั - เปน็ ความผิดมโี ทษจําคกุ ไมเ฽ กนิ 3 เดือน หรือถูกปรบั ไมเ฽ กนิ 6,000 บาท หรือทั้งจําท้งั ปรับ (มาตรา 150) เร่อื งท่ี 29 การกระทําความผิดเกย่ี วกับกฎหมายเลอื กตงั้ สมาชิกสภาผ฾แู ทนราษฎรนอกราชอาณาจกั ร ไม฽วา฽ จะเป็น ตวั การ ผ฾สู นับสนุน หรือผ฾ใู ช฾ให฾กระทําความผดิ นน้ั ให฾ถือว฽าตัวการ ผู฾สนับสนุน หรือผู฾ใช฾ใหก฾ ระทําความผดิ นน้ั ไดก฾ ระทาํ ในราชอาณาจักร (มาตรา 160) เรอื่ งที่ 30 ผู฾สมัครรับเลอื กต้ัง หรอื สมาชิกสภาผแ฾ู ทนราษฎร ซง่ึ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรอื ศาลฎกี ามคี ําสงั่ ใหเ฾ พกิ ถอนสิทธิเลอื กตง้ั และเปน็ เหตใุ ห฾ตอ฾ งมกี ารเลือกตง้ั ใหม฽ ตอ฾ งรบั ผดิ และชดใชค฾ า฽ ใชจ฾ า฽ ยสําหรับการจดการ เลอื กต้ังใหม฽ (มาตรา 11 )

ใบความรทู้ ี่ 4 การทุจรติ คอรปั ช่ัน คาํ ว฽า “คอรปั ชน่ั ”เรามักจะได฾ยินมาทกุ ยุคทกุ สมยั คอรปั ชั่น คอื อะไร คอรัปชน่ั คือ การทจุ รติ โดยใช฾ หรอื อาศัยตาํ แหน฽งหนา฾ ทีอ่ าํ นาจและอิทธพิ ลทตี่ นมีอย฽ูเพ่ือ ประโยชนแแก฽ตนเองหรือผู฾อ่ืนรวมถงึ การเลือกที่รัก มักท่ีชงั การเหน็ แก฽ญาตพิ นี่ ฾องกินสินบนฉ฾อราษฎรแบงั หลวง การใช฾ระบบอุปถมั ภแ และความไมเ฽ ปน็ ธรรมอ่นื ๆท่ี ข฾าราชการหรือบุคคลใดใช฾เป็นเครอื่ งมือในการลิด รอนความเป็นธรรม และและความถูกต฾องตามกฎหมาย และสังคมปใจจุบันเปน็ ที่ยอมรับ ว฽า การคอรัปชนั่ ในประเทศไทยเป็นปญใ หามากแมจ฾ ะมมี าตรการปูองกนั และ แก฾ไขก็ไม฽ สามารถขจดั ปญใ หาคอรัปชนั่ ใหห฾ มดไปจากสงั คมไทยได฾ตราบใดทค่ี นไทยยังมีการดาํ รง ชีวิตอยา฽ ง ฟูงุ เฟูอ ฟุมเฟือย ใช฾เงินมากกว฽ารายได฾ขาดการดํารงชีวติ แบบเศรษฐกจิ พอเพียง จงึ ทําให฾เกดิ การทจุ ริตเกดิ ขึน้ ทงั้ นเ้ี นอื่ งจาก ปญใ หาเศรษฐกิจกระแสบริโภคนิยมวตั ถนุ ยิ ม เกดิ การใช฾เงนิ เกนิ รายได฾ โดยนยิ มหรอื ชืน่ ชมกนั วัตถุนิยม เชน฽ ช่ืนชมกับการใช฾สงิ่ ของหรือสอื่ เทคโนโลยที ่ีทนั สมยั โครงสรา฾ งของสังคม ไทย ระบบอปุ ถัมภแ กล฽าวคือ สังคมไทยเป็นสังคมแนวดงิ่ คอื เปน็ สงั คมของกลุ฽มทมี่ ีอํานาจกับกล฽ุมไมม฽ ี อาํ นาจ โดยกล฽มุ ทม่ี ีอํานาจจะทําทกุ วิถีทางที่ให฾ตนมีอํานาจส฽วนกลุม฽ ไมม฽ ีอาํ นาจกจ็ ะทํา ทุกวิถที างให฾ตนอยูร฽ อด และระบบอปุ ถัมภแเป็นระบบทดี่ แู ลคํ้าชูโดยผ฾ูใหญด฽ ูแลเด็ก เด็กดแู ลผใู฾ หญ฽ ซ่ึงระบบอุปถัมภแนีเ้ ป็นการชว฽ ยเหลือ ซง่ึ กนั และกนั เช฽นเม่ือราชการกระทาํ ความ ผดิ เกดิ ข้นึ อาจเกิดจากเหตุที่ ไมร฽ ู฾ว฽ากระทําน้ันเป็นการกระทําทีผ่ ดิ มี ความจําเปน็ ในการกระทาํ เพือ่ ประโยชนแของทางราชการ หรือ เกรงกลัวต฽ออํานาจหรือกระโดยทจุ รติ กต็ าม เม่อื ราชการกระทาํ ผิดนกั การเมืองมาโอบอ฾ุมส฽วนราชกาให฾พ฾นผิด การกระทาํ ดงั กล฽าวเช฽นนี้เปน็ การอุปถัมภซแ ึง่ กันและกนั จึงทําใหเ฾ กิดการสนองตอบด฾วยการกระทําความผดิ เน่อื งจาก 1.กระบวนการยตุ ิธรรมไมเ฽ ขม฾ แข็ง 2.การแทรกแซงจากผม฾ู ีอิทธิพลและนักการเมือง 3.ความเบื่อหนา฽ ยและเพิกเฉยของประชาชนตอ฽ การทุจรติ การทจุ รติ คอรัปชั่นสามารถแบ฽งได฾เปน็ 5 รปู แบบคือ 1) การทจุ ริตเชิงนโยบาย 2)ทจุ รติ ตอ฽ ตาํ แหนง฽ หน฾าทร่ี าชการ 3) การทจุ รติ ในการจัดซื้อจดั จา฾ ง 4) การทจุ ริตในการใหส฾ ัมปทาน 5)การ ทจุ รติ โดยการทําลายระบบตรวจสอบอาํ นาจรฐั การทุจรติ เชิงนโยบายเปน็ รูปแบบใหมข฽ อง การ ทจุ รติ ท่แี ยบยล โดยอาศัยรูปแบบของกฎหมาย หรือมตขิ องคณะรัฐมนตรหี รอื มติของคณะกรรมการเป็น เครอ่ื งมอื ในการแสวงหาผลประโยชนแทําให฾ประชาชน ส฽วนใหญ฽เขา฾ ใจผดิ ว฽าเปน็ การกระทําท่ีถูกต฾องชอบธรรม ซึ่งประกอบด฾วยข฾อเท็จจริงดังนี้ 1.มกี ารกําหนดนโยบายที่จะทาํ โครงการ หรอื กจิ การโดยองคแกรหรือหน฽วยงานของรฐั หรอื รัฐบาลที่อา฾ ง ประโยชนแของประเทศ ชาตหิ รือประชาชนเปน็ อนั ดบั แรก 2.มีการเตรียมการรองรับโครงการหรอื กจิ การนัน้ ให฾มีความชอบดว฾ ยกฎหมายหรอื ระเบียบ 3.ทา฾ ย สุดคอื ผลประโยชนอแ ันมิควรได฾เกดิ ขน้ึ แกบ฽ คุ คลหรือกลม฽ุ บุคคลผลประโยชนทแ ี่มหาศาล ที่ตกได฾กบั ฝุาย บริหารซ่ึงมอี ํานาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ครอบงาํ ฝุายนติ ิบัญญตั ิหรือข฾าราชการประจําการทจุ รติ ต฽อตาํ แหน฽ง เจา฾ หน฾าท่ี คอรัปชั่นเปน็ การใชอ฾ าํ นาจและหนา฾ ทใี่ นความรับผดิ ชอบของ ตนในฐานะของเจา฾ หนา฾ ทข่ี องรัฐเอื้อ ประโยชนใแ หก฾ ับตนเองหรอื บุคคลใดบคุ คล หน่ึง หรอื กลุ฽มใดกล฽ุมหนง่ึ ปจใ จบุ ันมักเกิดจากความร฽วมมือระหวา฽ ง

นักการเมืองพ฽อค฾าและขา฾ ราชการประจําอนั มีลกั ษณะเป็นทางธรุ กจิ ทางการเมือง ท่ีเหน็ ได฾ชดั เจนคอื การที่ นักการเมืองและนักธรุ กิจร฽วมกันครอบครองท่ดี นิ ของ รฐั โดยมชิ อบท้งั น้โี ดยข฾าราชการฝาุ ยปกครองและเจ฾า พนกั งานทดี่ ินให฾ความร฽วม มือ หรอื ได฾รบั ผลประโยชนตแ อบแทนการทุจรติ ในการจดั ซอื้ จัดจา฾ งการจดั ซ้ือจดั จา฾ ง เป็นการแสวงหาหรือเออ้ื ประโยชนจแ ากการจัดซื้อจดั จา฾ งในราคาทีส่ งู กว฽าความ เปน็ จริงแต฽ส่ิงที่ได฾มีคณุ ภาพตาํ่ ปจใ จบุ นั มักเกิดจากความรว฽ มมือกนั ระหว฽างนักธรุ กิจ พ฽อคา฾ และข฾าราชการประจาํ อนั มีลักษณะวิธกี ารและ กําหนดเงื่อนไขในการประมลู ท่ีเรียก วา฽ ฮวั้ ประมลู หรือมีการใหเ฾ งนิ ทรพั ยสแ ินหรอื ผลประโยชนอแ น่ื ใดเป็นการ ตอบแทนวธิ กี ารฮั้วประมลู ทาํ ทุกวธิ ีทางใหไ฾ ด฾มาซึง่ การประมลู การ ทุจริตในการ ให฾สัมปทานการให฾สัมปทาน เป็นการแสวงหาหรือเอ้ือประโยชนโแ ดยมชิ อบจากโครงการหรือ กจิ การของรฐั ซ่งึ รฐั ไดอ฾ นุญาตหรือมอบให฾เอกชนดาํ เนินการแทนให฾ลักษณะสัมปทานผูกขาดในกิจการใด กิจการหนึง่ เชน฽ การทาํ สัญญาสัมปทานโรงงานสุรา การทําสัญญาสมั ปทานโทรคมนาคมเป็นตน฾ ทจุ รติ โดยการทําลายระบบ ตรวจสอบการใชอ฾ ํานาจ รฐั เปน็ การพยายามดําเนินการใหไ฾ ด฾บุคคลซึ่งมีสายสัมพันธกแ บั ผู฾ดาํ รงตาํ แหน฽งทาง การเมืองในอนั ท่จี ะแทรกเข฾าไปดํารงตาํ แหน฽งในองคแกรอสิ ระตามรฐั ธรรมนญู ซ่งึ มอี าํ นาจหน฾าที่ในการ ตรวจสอบการใช฾อาํ นาจรฐั เชน฽ คณะกรรมการการเลือกต้งั คณะกรรมการปูองกันและปราบปราบการทุจริต แห฽งชาติเป็น ตน฾ ทําให฾องคแกรเหล฽านีอ้ ฽อนแอไมส฽ ามารถตรวจสอบการใช฾อํานาจรัฐไดอ฾ ย฽างมี ประสทิ ธิภาพการ แก฾ปใญหาในเรื่องเหลา฽ น้โี ดยการนําพระราชกฤษฎีกาวา฽ ดว฾ ยหลัก เกณฑแและวิธีการบรหิ ารกิจการบา฾ นเมืองทด่ี ี พ.ศ.2546 หรอื หลักธรรมาภิบาลมาปฏิบัติ หลกั ธรรมาภบิ าล หมายถึง แนวทางการจัดระเบยี บเพ่ิอให฾สังคมของประเทศท้งั รัฐและเอกชนดังนี้ 1.หลักนติ ธิ รรม (The Rule of law) ปฏบิ ตั ิตามกฎหมายทอี่ อกมาถกู ต฾องและเปน็ ธรรม 2.หลกั คุณธรรม(Morality) ยึดมนั่ ความถูกต฾องเปน็ ธรรม อดทน มีระเบยี บ วินยั 3.หลกั ความโปรง฽ ใส (Accoutability) การกระทาํ สามารถตรวจสอบได฾ 4.หลักมสี ว฽ นรว฽ ม(Participation) รบั ฟใงความคดิ เห็นทุกฝาุ ย 5.หลกั ความรับผดิ ชอบ (Responsibility) ยอมรบั ผลการกระทาํ ของตนท้งั ผลดผี ลเสีย 6หลกั ความค฾ุมคา฽ (Cost –effectiveness of Econom) ใช฾ทรพั ยากรทีม่ ี คุ฾มค฽าและประหยดั

ใบความรู้ที่ 5 ระบบเศรษฐกิจของไทย ความหมายระบบเศรษฐกจิ - รฐั เขา฾ มาดาํ เนินการจดั ระเบียบทางเศรษฐกจิ ของประเทศ โดยกาํ หนดว฽ากจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ชนดิ ใดรัฐจดั ทาํ กจิ กรรมใดให฾ เอกชนดาํ เนนิ การ - การรวมกันของหน฽วยเศรษฐกจิ (หน฽วยธรุ กิจ/หนว฽ ยครัวเรือน) เพื่อดาํ เนนิ กิจกรรทางเศรษฐกิจ โดยมกี ารกําหนดหนา฾ ทข่ี อง หนว฽ ยเศรษฐกิจตา฽ ง ๆ ประเภทระบบเศรษฐกิจในปใจจบุ นั แบ฽งระบบเศรษฐกิจเปน็ 3 ประเภท 1. ระบบเศรษฐกจิ แบบบงั คบั หรือสงั คมนิยม 2. ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมหรอื ระบบตลาด 3. ระบบเศรษฐกจิ แบบผสม ระบบเศรษฐกิจไทย 1. ระบบเศรษฐกจิ แบบสงั คมหรอื แบบบังคบั - รฐั กาํ หนดควมคุม วางแผน ตดั สนิ ใจเกย่ี วกับ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ของประเทศ - ทรพั ยสแ ิน ทรัพยากรและปใจจยั การผลิตเปน็ ของรฐั - เชน฽ ในประเทศเวยี ดนาม เกาหลีเหนือ คิวบา 2. ลักษณะระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นิยมหรือระบบตลาด - เอกชนหรือหนว฽ ยธุรกจิ ต฽าง ๆ มอี ิสระในการประกอบกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ - เน฾นการแข฽งขนั ของเอกชน เกดิ การผลิตสนิ คา฾ ท่ีมีคณุ ภาพเพือ่ แยง฽ ตลาดการขาย เปน็ ไปตามกลไกราคา - เอกชนมสี ิทธ์ิในทรพั ยสแ ินและปจใ จยั การผลติ เงิน - สหรฐั อเมรกิ า แคนาดา ญีป่ ุน 3. ลักษณะระบบเศรษฐกจิ แบบผสม - กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางอย฽างรฐั เป็นผ฾ดู ําเนนิ การบางอยา฽ งเอกชนดําเนนิ การ - เอกชนมสี ทิ ธิ์ในทรัพยแสนิ มีเสรภี าพในการประกอบกิจกรรมภายใตก฾ ฎหมาย มีการแขง฽ ขนั ภายใตก฾ ลไกราคา มีกําไร - รัฐประกอบกจิ กรรมทีเ่ ป็นสาธาณปู โภคพน้ื ฐานท่ีจาํ เปน็ - รัฐเข฾าแทรกแซงการผลติ ของเอกชนเพื่อปอู งกนั การเอารดั เอาเปรยี บ ลักษณะเศรษฐกจิ ไทย ไทยใชร฾ ะบบเศรษฐกจิ แบบผสมแต฽ค฽อนข฾างไปทางทนุ นยิ มเอกชนมีบทบาทในการผลิตดา฾ นต฽าง ๆ มากกวา฽ รัฐบาลเอกชนมี สิทธ์ใิ นทรัพยสแ ินและปจใ จยั การผลติ มีเสรีภาพในการดําเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ มกี ารแขง฽ ขันเพ่ือพฒั นาคุณภาพของสินค฾า รฐั บาลดําเนนิ กิจกรรมทางเศรษฐกิจดา฾ นกิจกรรมสาธารณูปโภค การแลกเปลย่ี นสนิ คา้ ความเป็นมา มนุษยมแ คี วามสามารถในการผลิตสินค฾าแตล฽ ะชนดิ แตกตา฽ งกัน ทําใหเ฾ กิดการซ้ือขายและแลกเปลยี่ นสนิ คา฾ ทตี่ น

ไม฽ได฾ทาํ เอง ประเภทการแลกเปลย่ี น 1. แลกเปลี่ยนสินคา้ ต่อสินค้าเช฽นชาวบ฾าน เอมข฾าวสารมาแลกปลา ผลไม฾แลกพรกิ 2. แลกเปลย่ี นโดยใชเ้ งินเป็นสอ่ื กลางซึง่ รวมถงึ บตั รเครดติ มีตลาดเป็นศูนยแกลาง ความสัมพันธแของการแลกเปล่ียน หนว฽ ยเศรษฐกิจต฽าง ๆ ต฾องพ่งึ พาอาศยั กนั ท้งั ในดา฾ นการแลกเปลย่ี นสนิ คา฾ ตอ฽ สินค฾าและ บริการการให฾ปจใ จัยการผลติ และความสัมพนั ธแในด฾านรายรับรายจา฽ ย กลไกราคา หมายถึง ภาวะการณแของตลาดเปน็ การเคลือ่ นไหวของราคาสนิ คา฾ ที่ข้นึ อย฽กู บั ความต฾องการของผู฾บริโภคและผูผ฾ ลิตร฽วมกนั ใน ตลาด อุปสงค์ (Demand)คือปริมาณความต฾องการทจ่ี ะซอ้ื สนิ ค฾า กฎของอปุ สงคเ์ มือ่ ราคสนิ ค฾าสงู ขน้ึ ความตอ฾ งการซ้อื จะลดลง เมอื่ สินค฾าราคาถูกปรมิ าณความต฾องการซอื้ จะเพมิ่ ขึ้น อุปทาน (Supply)คือ ปริมาณสินค฾าท่ผี ผู฾ ลติ หรอื ผ฾ขู ายพอใจ จะผลติ หรอื ขายแกผ฽ ู฾บรโิ ภค กฎของอุปทานเมือ่ สินค฾าราคาแพง ผูผ฾ ลิตหรอื พ฽อคา฾ จะนําสนิ ค฾าออกมาขายมาก หรือผลติ มากข้ึน เมอ่ื สินคา฾ ตํา่ ลงจะนาํ ออกมาขายน฾อยหรือผลติ น฾อยลง ปจั จัยที่มีผลตอ่ อปุ สงคแ์ ละอุปทาน 1. ราคาสินค฾า 2. รายไดข฾ องผ฾ูบรโิ ภค ต฾นทุนการผลิต 3. รสนิยมของผบู฾ รโิ ภค 4. ราคาสนิ คา฾ อน่ื ทีใ่ ช฾แทนกนั ได฾ 5. จาํ นวนผผ฾ู ลิตค฽ูแข฽ง 6. สภาพลมฟูา อากาส ลกั ษณะธรรมชาติ สถาบนั การเงิน คือ สถาบนั ทีท่ ําหนา฾ ทีร่ ะดมเงินออมจากประชาชน โดยจา฽ ยดอกเบ้ียใหจ฾ ากนัน้ กจ็ ะนาํ เงนิ ออมดงั กลา฽ วไปปล฽อยกู฾หรือ สินเช่ือแก฽ผ฾ตู อ฾ งการใช฾เพ่อื ใช฾ในการบรโิ ภคหรอื เพื่อการลงทุน

ประเภทของสถาบันการเงิน สถาบันการเงินต่างๆ ธนาคารแห฽งประเทศไทย มหี น฾าทจ่ี ดั การดูแล ควบคมุ ระบบเงินของประเทศมชี อื่ เรยี กวา฽ ธนาคารชาติ ธนาคารพาณิชยแ มีหนา฾ ทเี่ ปน็ แหลง฽ เงนิ ออมและเงินกู฾สาํ คญั ของประชาชน ซอื้ ขายเงินตราตา฽ งประเทศใหเ฾ ช฽าตน฾ู ริ ภยั โอนเงิน ชําระค฽าไฟฟูา ประปา ฯลฯ ธนาคารที่ต้งั ข้ึนเพือ่ วตั ถุประสงคแเฉพาะ เชน฽ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะหแ ธกส. ธนาคารเพอื่ การนําเข฾าและ ส฽งเอก บรษิ ทั เงินทนุ มีหน฾าที่ ระดมเงินทุนหรือกู฾ยมื เงนิ จากประชาชน โดยออกตัว๋ สัญญาใชเ฾ งินให฾เป็นประกนั คร้ังละไม฽ตาํ่ กว฽า 10,000 บาท บางครง้ั เรยี กว฽า ไฟแนนซแ หรือ ทรัสตแ บรษิ ัทหลกั ทรพั ยแ มีหนา฾ ที่ เป็นนายหน฾าหรือตวั แทน (โบรกเกอร)แ ซอื้ ขายหลกั ทรพั ยแ (ห฾ุน) แก฽บคุ คลอนื่ หรือแนะนําการซ้ือ ขายหุ฾นแก฽ประชาชน บรรษัทเงนิ ทุนอตุ สาหกรรมแหง฽ ประเทศไทย จดั ตัง้ เพ่ือใหส฾ นิ เชื่อแกเ฽ อกชนในระยะยาว เพื่อการลงทุนผลิตภาคอุตสาหกรรม โดยคดิ ดอกเบย้ี เงินกใู฾ นอัตราตาํ่ บรรษัทประกันชวี ติ และประกนั ภยั ทาํ หน฾าทร่ี ะดมเงนิ ออมจากประชาชนในรปู ของการขายกรมธรรมแ เปน็ หนังสือสญั ญา การประกนั ชีวิต ประกนั ภยั หรือประกันอุบัตเิ หตใุ ห฾แก฽ผซู฾ ้อื บริษทั จะไดร฾ ับผลประโยชนแจากการนําเงนิ การขายกรมธรรมแไป ลงทนุ ในรูปแบบตา฽ ง ๆ บริษทั เครดติ ฟองซเิ อรแ ทาํ หนา฾ ที่ปล฽อยสินเช่ือใหล฾ กู ค฾าโดยมีทอ่ี สงั หาริมทรัพยแประเภทที่ดนิ หรอื บา฾ น เป็นหลกั ประกัน (จํานอง) แหล฽งทม่ี าของเงนิ ทุนมาจากการกเู฾ งินจาก ธนาคารพาณชิ ยแ โรงรบั จํานาํ มหี นา฾ ที่เป็นสาถาบันการเงนิ ขนาดเล็ก มีท้งั ของรฐั และเอกชน โดยมีทรัพยสแ ินประเภทสังหารมิ ทรพั ยแ (แหวน สร฾อย ทองคํา เป็นตน฾ ) มีช่ือเรยี กว฽าสถานธนานบุ าล สถานธนานุเคราะหแ สหกรณอแ อมทรัพยแ เกดิ จากสมาชกิ ทป่ี ระกอบอาชพี เดียวกัน รวมกลุ฽มกนั เพ่อื ช฽วยเหลือสมาชิกด฾านการเงิน โดยรับฝากเงนิ และใหก฾ ฾เู งินเมือ่ มคี วามจําเป็น ตลาดหลักทรพั ยแแ ห฽งประเทศไทย เป็นสถาบนั การเงินภายใตก฾ ารควบคมุ ของรัฐ (กระทรวงการคลัง) ทําหน฾าทเี่ ป็นศนู ยแกลาง ในการ ซื้อขายหลกั ทรพั ยแ (หน฾ุ ) ควบคุมการซื้อขายใหม฾ รี ะเบียบยตุ ิธรรม เกดิ ผลดตี ฽อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเภท

ความสําคญั ของสถาบนั การเงนิ สถาบันการเงนิ มีบทบาทต฽อการพฒั นาเศรษฐกจิ ของชาติ เน่อื งจากเงนิ ทุน เปน็ ปใจจยั ทาง เศรษฐกจิ ท่สี าํ คญั และมีจาํ นวนจาํ กัดสถาบันการเงินจงึ ต฾องจัดสรรเงนิ ทนุ เหลา฽ นั้นใหเ฾ พียงพอ แผนพัฒนาเศรษฐกจิ ฯ แผน 9 คือ การวางแผนพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศให฾ประชาชนอยู฽ดีกินดี มีงานทาํ มีรายได฾มคี วามม่ันคงและปลอดภัย ปใจจบุ ันใช฾ แผนพัฒนาฉบบั ที่ 9 จากปี พ.ศ. 2545-2549 ความเป็นมาแผนพฒั นาเศรษฐกจิ ฯ มีขึ้นครง้ั แรกในสมยั จอมพลสฤษด์ธิ นะรชั ตเแ ป็นนายกรัฐมนตรี โดยกาํ หนดทศิ ทาง นโยบายในการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศอยา฽ งเปน็ ระบบ ปใจจบุ นั ใชแ฾ ผนพฒั นาเศรษฐกจิ ฯ ฉบบั ท่ี 9 แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาตฉิ บบั ที่ 9 จุดเดน฽ คือการนาํ เอาพระราชดาํ รสั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ฾าอยห฽ู ัวในเรอ่ื ง “ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง” มาเป็นหลกั ใน การพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเนน฾ หลกั ของการฟื้นฟเู ศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศสร฾างความเข฾มแขง็ ระดับรากหญา฾ จนถงึ ระดบั ประเทศ แกไ฾ ขปใญหาความยากจน และปใญหาสังคมอื่น ๆ เปา้ หมาย 1. ฟน้ื ฟเู ศรษฐกจิ มีภมู คิ มุ฾ กนั และแขง฽ ขนั ทางเศรษฐกจิ ยคุ ใหม฽ได฾ 2. วางรากฐานการพัฒนาประเทศให฾ยัง่ ยืนพง่ึ ตนเองอย฽างร฾ูเท฽าทนั โลก 3. เพอ่ื ใหเ฾ กิดการบริหารจัดการท่ดี ีในสงั คมไทย 4. แกไ฾ ขปญใ หาความยากจน เพิม่ ศกั ยภาพและโอกาสของคนไทยในการพึ่งพาตนเอง รายได้และรายจ่ายของรฐั รายจ฽ายของรัฐ รฐั มบี ทบาทในการบริหารเศรษฐกจิ และกจิ กรรมทางเศรษฐฏจิ ผา฽ นงบประมาณรายขา฽ ยจาํ แนกตามกระทรวง 1. งบกลางทีจ่ ัดสรรโดยคณะรฐั มนตรีให฾แก฽กระทรวง กรมต฽าง ๆ หนว฽ ยงาน รัฐวิสาหกจิ 2. งบหมุนเวียน งบประมาณทจี่ ดั สรรใหก฾ องทนุ ต฽าง ๆ ของรัฐ เชน฽ กองทนุ ก฾ยู ืนเพ่ือการศึกษา กองทุนช฽วยเหลือเกษตรกร เปน็ ตน฾ รายไดข้ องรัฐ 1. ภาษอี ากร 2. การเรยี กเก็บคา฽ บริการของรัฐ 3. เงินก฾ู - กโู฾ ดยตรงของรัฐบาล - กโ฾ู ดยรฐั วสิ าหกิจโดยรัฐคํ้าประกัน ความสาํ คญั ของการทาํ บญั ชี การทําบญั ชีรายได฾ (รายรับ) และรายจา฽ ยของตนเองหรือครอบครวั จะส฽งผลใหร฾ ฾ูจกั ตนเอง รจ฾ู ัก การใชจ฾ ฽าย และการออม เพ่อื สร฾างความมั่นคงแก฽ตนเองครอบครวั การออมจะสง฽ ผลใหเ฾ กิดความม่ันคงระดบั ครัวเรือน และ ระดับประเทศ เพราะฉะน้ันเราจงึ ควรทําบัญชีรายรบั -รายจ฽าย

ใบความร้ทู ่ี 6 เรอื่ ง รัฐธรรมนูญฉบับพทุ ธศักราช 2550 รัฐธรรมนญู (Constitution) รัฐธรรมนญู คอื กฎหมายสูงสุดของรฐั เปน็ กฎหมายแมบ฽ ทของกฎหมายทัง้ หลายในรัฐ กฎหมายใดท่ีขดั แย฾งกับ รัฐธรรมนญู ตอ฾ งถือเป็นโมฆะ กฎหมายทงั้ หมดในรัฐจําเปน็ ตอ฾ งเปน็ ไปตามแนวทางของกฎหมายรัฐธรรมนญู กฎหมายรัฐธรรมนูญโดยท่วั ไปบัญญตั ิว฽าดว฾ ย รูปของรฐั การแยง฽ แยกอาํ นาจอธิปไตย สิทธแิ ละหน฾าทขี่ อง ประชาชน รปู ของรฐั บาลระเบียบแบบแผนของการปกครอง ฯลฯ วตั ถุประสงคแของความจําเป็นทตี่ อ฾ งมี รัฐธรรมนญู กค็ ือ การปกครองรัฐตอ฾ งเปน็ ไปโดยกฎหมายมิใช฽โดยผ฾ูมีอาํ นาจ รัฐธรรมนูญของแต฽ละรฐั ย฽อมมลี ักษณะผิดแผกแตกตา฽ งกันไป ซึ่งพอจะจําแนกไดเ฾ ป็น 4 ประเภทใหญ฽ๆ คือ 1. รฐั ธรรมนูญลายลกั ษณอแ ักษร (Written Constitution) 2. รฐั ธรรมนูญจารตี ประเพณี (Unwritten Constitution) 3. รฐั ธรรมนูญเดยี่ ว และรฐั ธรรมนูญรัฐรวม (Unitary Constitution and Federal Constitution) 4. รัฐธรรมนญู สาธารณรฐั และรัฐธรรมนูญกษัตรยิ แ (Republican Constitution and Monarchical Constitution) 1. รัฐธรรมนญู ลายลกั ษณ์อักษร (Written Constitution) คือ กฎหมายสูงสุดของรฐั ซึง่ ไดเ฾ ขยี นไว฾เป็นลายลกั ษณแอักษรรวมไว฾ในฉบบั เดียว โดยทวั่ ไปแลว฾ เน้อื หาใน รฐั ธรรมนญู ลายลักษณอแ ักษรมกั จะขึ้นตน฾ ด฾วยด฾วย วตั ถุประสงคแของรฐั ธรรมนูญ ซ่งึ เกี่ยวกับการอย฽ดู ีกนิ ดีของ ประชาชน ความยตุ ิธรรม ความสงบ ความเจริญก฾าวหนา฾ ของรัฐ เป็นต฾น เมื่อหมดวตั ถุประสงคขแ องการมี รัฐธรรมนญู แล฾ว ในขัน้ ต฽อมาก็มักแบง฽ อํานาจอธิปไตย ซง่ึ โดยทว่ั ไปกแ็ บ฽งออกเป็น 3 สาขา คอื อํานาจนิติ บัญญัติ อํานาจบรหิ าร และอํานาจตุลาการ ในสว฽ นนีก้ ม็ กั จะมีบทบัญญัติโดยละเอียดว฽า จะใหใ฾ ครมาใชอ฾ ํานาจ เหล฽านโ้ี ดยวิธีใด และพร฾อมทงั้ บัญญัติรูปของรัฐบาลด฾วยวา฽ จะเป็นไปในระบบใด แบบใด รฐั ธรรมนูญจะมีหลกั การท่จี ะแก฾ไขบทปใญญตั บิ างประการของกฎหมายรัฐธรรมนูญให฾เหมาะสมต฽อกาลสมยั วิธีการนีก้ ็ไดบ฾ ญั ญตั ิไว฾ในรฐั ธรรมนูญด฾วย สําหรบั สทิ ธขิ องประชาชนนนั้ สว฽ นใหญแ฽ ลว฾ ก็จะมีการรบั ประกนั ไว฾ใน รัฐธรรมนูญด฾วย ในการทม่ี รี ัฐธรรมนญู ลายลกั ษณแอักษรเปน็ บรรทดั ฐานเช฽นนีแ้ ลว฾ ศาลสูงสุดของรัฐจึงมีหน฾าที่ทจี่ ะวนิ ิจฉัยช้ขี าด ไปไดว฾ า฽ กฎหมายท่ีออกโดยฝุายนิติบัญญัตนิ นั้ ขดั กับรฐั ธรรมนูญหรือไม฽ เมือ่ มผี ฾ูนํามาฟูองตอ฽ ศาลสูงสดุ หรือศาล ฎีกา ถ฾าศาลฎกี าตัดสนิ วา฽ กฎหมายใดขดั กบั รัฐธรรมนูญ กฎหมายน้นั ก็ถือวา฽ เปน็ โมฆะ ในกรณขี องไทย กาํ หนดให฾มีศาลรัฐธรรมนญู ทําหนา฾ ทน่ี ี้ 2. รฐั ธรรมนูญจารตี ประเพณี (Unwritten Constitution) หรอื จะเรยี กอีกอย฽างหนึ่งวา฽ รัฐธรรมนญู ทไ่ี มเ฽ ปน็ ลายลักษณแอกั ษรก็ไม฽ผดิ นกั ประเทศสหราชอาณาจักรนัน้ ถอื ได฾ วา฽ เปน็ ประเทศเดียวทีม่ ีรัฐธรรมนญู จารตี ประเพณีเปน็ ลักษณะเด฽น รัฐธรรมนูญจารตี ประเพณีนน้ั อาศัย ขนบธรรมเนียมประเพณีและวธิ ีการทปี่ ฏบิ ัติสืบตอ฽ กนั มาเป็นเวลานาน รวมกนั เขา฾ เป็นบทบญั ญตั ิที่มีอํานาจเปน็ กฎหมายสูงสดุ กําหนดเปน็ รูปของการปกครองรฐั แต฽ประเทศสหราชอาณาจกั รก็มีกฎหมายธรรมดา ซึ่ง ออกเปน็ ลายลักษณแอักษรโดยรัฐสภาหลายฉบบั ซงึ่ ล฾วนแต฽มีลกั ษณะกําหนดรูปการปกครองประเทศทั้งสิ้น เช฽น

Habeus Corpus Act (1679), Bill of Rights (1689), Act of Settlement (1701), Great Reform Act (1832), The Representation of the Peoples’ Act (1949) เปน็ ตน฾ ฉะนัน้ จงึ ขอยา้ํ ว฽ารฐั ธรรมนญู จารตี ประเพณีนนั้ แตกตา฽ งกบั รฐั ธรรมนญู ลายลกั ษณแอกั ษรตรงทวี่ า฽ รฐั ธรรมนญู จารตี ประเพณีน้ันไมไ฽ ด฾เปน็ กฎหมายสูงสดุ ไวใ฾ นฉบบั เดยี วกนั และการแก฾ไขเปล่ยี นแปลงน้นั โดยท่วั ไปง฽ายกว฽ารัฐธรรมนญู ประเภทลายลกั ษณอแ ักษร เพราะฝาุ ยนติ ิบญั ญัติออกกฎหมายแกไ฾ ขให฾เหมาะสม ตามกาลเวลาไดโ฾ ดยไมต฽ ฾องผ฽านการอออกเสียงประชามติดังเช฽นรฐั ธรรมนูญประเภทลายลกั ษณแอักษรส฽วนใหญ฽ กําหนดไว฾ 3. รฐั ธรรมนูญเดยี่ ว และรฐั ธรรมนญู รัฐรวม (Unitary Constitution and Federal Constitution) รัฐเดีย่ ว คือ ประเทศไทย ประเทฝร่งั เศส ญี่ปุน อินโดนเี ซีย สงิ คโปรแ เป็นต฾น รัฐเดย่ี วมลี ักษณะเปน็ รัฐท่มี ี ระบบรฐั บาลเด่ยี ว กล฽าวคอื ฝุายบริหาร ฝุายนติ บิ ัญญตั ิ และฝาุ ยตลุ าการน้นั อย฽ทู ่รี ฐั บาลกลาง โดยแบ฽งแยก อํานาจสาขาออกไปตามส฽วนภมู ภิ าค พอสรปุ ได฾ว฽ารฐั เดี่ยวนน้ั อาํ นาจมาจากสว฽ นกลางกระจายออกสส฽ู ว฽ น ภูมิภาค สว฽ น รฐั รวม คือ รัฐที่มีระบบรฐั บาลซ฾อนกันสองระบบ กลา฽ วคอื มี ฝาุ ยบรหิ าร ฝุายนติ ิบญั ญัติ และฝุายตลุ า การของรัฐบาลกลางและรัฐสว฽ นทอ฾ งถิ่นตั้งแต฽ 2 ชุดขน้ึ ไป เป็นอสิ ระไม฽ข้ึนต฽อกัน รฐั บาลกลางมีอํานาจ 2 แบบ คอื 1. รัฐบาลกลางมีอํานาจเท฽าทร่ี ัฐบาลท฾องถิ่นกาํ หนดใหเ฾ ท฽านัน้ จะปรากฏในรูปของสหพันธรัฐ (Federation) เชน฽ สหรัฐอเมรกิ า ท่ีมลรัฐตา฽ งๆ รวมตวั กันสรา฾ งรฐั บาลกลางร฽วมกนั ขน้ึ มา หรอื ในลกั ษณะของสหภาพ ยโุ รป 2. รฐั บาลทอ฾ งถ่นิ มอี ํานาจเทา฽ ทรี่ ฐั บาลกลางไดก฾ าํ หนดใหเ฾ ท฽าน้นั เชน฽ อังกฤษและสกอ฿ ตแลนดแ ในสมยั นายกรัฐมนตรี Tony Blair ได฾จัดใหม฾ ีประชามติ (Referendum) ผลปรากฏวา฽ สก฿อตแลนดไแ ดแ฾ ยกตวั ออกเป็นเขตปกครองตนเอง มีรัฐสภา ปกครองตนเอง เท฽าที่รฐั บาลกลางให฾อาํ นาจไว฾ เป็นการแก฾ปญใ หาความรนุ แรงระหว฽างดินแดนตา฽ งๆ ทพ่ี ยายาม แยกตัวออกมาได฾โดยการประนปี ระนอม และไมม฽ กี ารถว฽ งความเจรญิ ของกนั และกันซง่ึ ในการปกครองรูปแบบน้ีเปน็ การปกครองแบบแบ฽งอํานาจกนั ระหวา฽ งทอ฾ งถ่ินต฽างๆ ของรัฐ ใหม฾ ีอาํ นาจออกกฎหมายบังคบั ในเขตปกครองของตน ได฾ ไม฽ก฾าวก฽ายซงึ่ กนั และกนั ส฽วนรฐั ธรรมนญู ของรฐั มกั มีซ฾อนกนั 2 รฐั ธรรมนญู กลา฽ วคือ รฐั ธรรมนญู ของสหรฐั ฉบับ หน่งึ กบั รฐั ธรรมนญู ของมลรฐั อีกมลรัฐละ 1 ฉบับ ซง่ึ ทั้งรฐั และมลรฐั มีอํานาจออกกฎหมายบงั คบั ในเขตการปกครอง ของตน แต฽จะกา฾ วกา฽ ยอาํ นาจซึ่งกนั และกันไมไ฽ ด฾ ขอ฾ สังเกตก็คอื รัฐธรรมนญู ของของสหรัฐหรอื รฐั ธรรมนญู ของชาติ น้ันเปน็ กฎหมายสูงสดุ ของรัฐ ถา฾ รฐั ธรรมนญู ชองมลรัฐชดั แย฾งกับรฐั ธรรมนญู ของสหรฐั น้ี รฐั ธรรมนญู ของมลรัฐจะถอื เปน็ โมฆะ แต฽ถา฾ อาํ นาจอันใดมิได฾รบั ไุ ว฾ในรฐั ธรรมนูญของสหรัฐ รฐั ธรรมนญู ของมลรัฐกม็ สี ทิ ธทิ ่ีใชอ฾ าํ นาจน้ันๆ ได฾ 4. รฐั ธรรมนูญสาธารณรฐั และรฐั ธรรมนญู กษัตรยิ ์ (Republican Constitution and Monarchical Constitution) หลักของการแบ฽งรัฐธรรมนูญสองประเภทนี้ถอื เอาประมขุ ของรฐั เป็นหลกั รฐั ธรรมนูญของรัฐใดทีบ่ ญั ญัติวา฽ ประมขุ ของรัฐเปน็ ประธานาธิบดี รัฐธรรมนูญฉบบั นี้มีสภาพเป็นรฐั ธรรมนูญสาธารณรัฐ แตถ฽ า฾ รัฐธรรมนญู ฉบบั ใดบัญญัติให฾มปี ระมุขของรฐั เป็นกษัตรยิ แหรอื เปน็ ราชนิ ี รัฐธรรมนูญฉบับนนั้ ก็เปน็ รฐั ธรรมนูญกษัตรยิ แ สาหรบั ประธานาธิบดใี นรฐั ธรรมนญู สาธารณรฐั มีอยู่ 3 ประเภท คอื  ประธานาธิบดผี ท฾ู าํ หน฾าที่เป็นประมุขของรัฐเท฽าน้ัน กล฽าวคือ ประธานาธิบดไี มม฽ อี ํานาจทางการบรหิ ารแตอ฽ ยา฽ งใด เพียงแตท฽ ําหน฾าทพี่ ธิ ีการ เช฽น เป็นประธานการเปดิ งาน เปดิ ถนน เปดิ สะพาน พูดปราศรยั เปน็ ตาํ แหนง฽ ท่มี เี กยี รติ แต฽อาํ นาจบรหิ ารตกเป็นของนายกรัฐมนตรแี ละคณะรัฐมนตรี เชน฽ ประธานาธิบดีของอินเดยี สวติ เซอรแแ ลนดแ เยอรมนี ฯลฯ  ประธานาธิบดผี ู฾ทําหน฾าทเ่ี ปน็ ประมขุ ของรัฐและเปน็ หวั หน฾าฝุายบรหิ ารของรัฐด฾วย ท้งั สองตําแหน฽ง หรอื อกี นยั หนึ่ง ประธานาธิบดคี นเดยี ว ทาํ หน฾าทเ่ี ป็นทั้งประมขุ ของรัฐและนายกรัฐมนตรใี นเวลาเดยี วกัน เชน฽ ประธานาธบิ ดีของ

สหรฐั อเมรกิ า เป็นประมุขของรัฐและเปน็ หัวหน฾าฝาุ ยบริหารด฾วย  ประธานาธบิ ดผี ูท฾ ําหนา฾ ทีเ่ ปน็ ประมขุ ของรฐั และยังเปน็ หัวหน฾าฝุายบริหารอย฽างไมเ฽ ป็นทางการ ในกรณขี องประเทศ ฝรงั่ เศส ประธานาธบิ ดสี ามารถใชอ฾ ํานาจบริหารบางสว฽ นโดยไมต฽ อ฾ งให฾นายกรัฐมนตรรี ับผดิ ชอบแทน เชน฽ สามารถ ยบุ สภาผู฾แทนราษฎรได฾ สว฽ นตาํ แหนง฽ นายกรัฐมนตรนี นั้ ประธานาธบิ ดีเปน็ ผ฾แู ตง฽ ตัง้ และปลดออกไดต฾ ามความเห็น ของประธานาธิบดีเอง ซ่งึ นายกรฐั มนตรเี ปน็ ผู฾ใช฾อาํ นาจบริหารอยา฽ งแทจ฾ รงิ รฐั ธรรมนูญท่บี ัญญตั ใิ หม฾ ีระบอบการปกครองแบบมีกษัตริยแเป็นประมขุ ของรฐั กแ็ บ฽งกษตั รยิ อแ อกเป็น 2 ประเภท คอื 1. กษัตริยทแ อ่ี ย฽ใู ต฾รัฐธรรมนูญ อนั ได฾แก฽ รฐั ธรรมนญู ไทยทกุ ฉบบั รัฐธรรมนูญของมาเลเซีย สวีเดน ญปี่ นุ เปน็ อาทิ กษัตริยแทรงเป็นแต฽เพยี งประมุขของรฐั เท฽าน้นั มีหน฾าทเ่ี ช฽นเดยี วกับประธานาธิบดผี ท฾ู าํ หน฾าทีเ่ ป็นประมขุ ของรัฐเทา฽ นนั้ ไม฽ไดท฾ รงทําการบริหารประเทศ กษตั ริยแ คอื สญั ลักษณแแหง฽ ความสามคั คี (Symbol of Unity) แหง฽ รัฐ ฉะนั้น กษัตรยิ แไม฽ ต฾องรบั ผิดชอบในการบรหิ าร อาํ นาจทางการบรหิ ารจึงตกอยกู฽ ับนายกรฐั มนตรแี ละคณะรัฐมนตรี 2. กษตั ริยแแ บบสมบูรณาญาสทิ ธริ าชยแ (Absolute Monarchy) กษัตรยิ แอยูเ฽ หนือกฎหมายหรือกษัตรยิ แคอื กฎหมาย การ ปกครองระบอบนี้ยังมอี ยเู฽ ชน฽ ประเทศโมรอ็ คโค ซาอดุ อิ าระเบยี จอรแแ ดน เป็นต฾น ถึงแมว฾ า฽ ประเทศเหลา฽ นี้จะมี รัฐธรรมนญู กษัตริยแและมีนายกรฐั มนตรี และคณะรัฐมนตรเี ป็นผร฾ู ับผดิ ชอบในการบรหิ ารประเทศ แตผ฽ ู฾มอี าํ นาจจริงๆ แล฾ว กค็ ือ กษัตรยิ แนั่นเอง

แบบประเมินการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 ประเทศมนั่ คง ประชาชนมั่งค่ัง ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 1.ความยุติธรรม คอื อะไร ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................ 2.จงบอกหนา้ ที่ของพลเมืองดมี าอยา่ งน้อย 3 ข้อ ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................ 3.จงบอกผลเสียจากการซ้ือสิทธิขายเสียงมาอย่างน้อย 5 ข้อ ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................ 4.คอรัปชนั่ คืออะไร ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................ 5.ปจั จุบนั ประเทศไทยใชร้ ะบบเศรษฐกจิ แบบใด ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................................... ....... ............................................................................................................................ .................................................. 6.รัฐธรรมนูญ (Constitution) หมายถึง ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................................ .. ............................................................................................................................. .................................................

เฉลยแนวการตอบแบบประเมนิ การเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 ประเทศมน่ั คง ประชาชนมั่งคัง่ ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 1.ความยุตธิ รรม คืออะไร ตอบ ความหนกั แนน฽ ถือความถูกต฾องเท่ียงธรรมเป็นหลัก 2.จงบอกหนา้ ท่ขี องพลเมืองดีมาอย่างนอ้ ย 3 ข้อ ตอบ 1. รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริยแ 2. การปฏิบตั ิตามกฎหมาย 3. การไปใช฽สทิ ธเ์ิ ลอื กตัง้ 3.จงบอกผลเสียจากการซ้ือสทิ ธขิ ายเสยี งมาอย่างน้อย 5 ขอ้ ตอบ - ประเทศขาดโอกาสในการพฒั นา - การเลือกตั้งซ้าํ ซาก - สน้ิ เปลืองงบประมาณ - ประชาชนเบอ่ื หนา฽ ย - เกดิ การทุจริต คอรปั ชั่น 4. คอรัปช่ัน คืออะไร ตอบ การทุจริตโดยใชห฾ รอื อาศยั ตาํ แหน฽งหน฾าทอี่ ํานาจและอิทธิพลทีต่ นมีอยเ฽ู พอ่ื ประโยชนแแก฽ตนเองหรอื ผอ฾ู ่ืนรวมถงึ การเลอื กทรี่ กั มกั ที่ชงั การเห็นแกญ฽ าติพ่ีน฾องกินสินบนฉอ฾ ราษฎรบแ ังหลวง การใชร฾ ะบบอปุ ถัมภแ และ ความไมเ฽ ป็นธรรมอืน่ ๆทขี่ ฾าราชการหรือบุคคลใดใชเ฾ ป็นเคร่ืองมือในการลดิ รอนความเป็นธรรม และและ ความถกู ตอ฾ งตามกฎหมาย 5. ประเทศไทยใช้ระบบเศรษฐกจิ แบบใด ตอบ แบบผสม 6. รฐั ธรรมนญู (Constitution) หมายถึง อะไร ตอบ กฎหมายสูงสดุ ของรัฐ เป็นกฎหมายแม฽บทของกฎหมายท้งั หลายในรฐั กฎหมายใดทีข่ ัดแยง฾ กับ รฐั ธรรมนญู ต฾องถือเป็นโมฆะ กฎหมายทั้งหมดในรฐั จําเป็นต฾องเปน็ ไปตามแนวทางของกฎหมายรัฐธรรมนญู

แผนการจัดกจิ กรรม

มการเรยี นรู้คร้งั ท่ี 8

ตารางวเิ คราะห์เนอื้ หา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 สาระความรู้ พัฒนาสงั คม รายวชิ า ศาสนาและหน้าที่พลเมอื ง รหสั วิชา (สค31002) จานวน 2 หน่วยกิต กศน.อาเภอบา้ นโป่ง สานกั งาน กศน.จังหวัดราชบรุ ี มาตรฐานที่ 2.2 มีความรู฾ ความเขา฾ ใจและทักษะพื้นฐานเก่ยี วกับศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี และหนา฾ ท่ี พลเมือง สิทธมิ ุนษยชนของประเทศไทยและของโลก มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ 1. มคี วามร฾ู ความเขา฾ ใจ เห็นคุณคา฽ และสืบทอดศาสนา วัฒนธรรม ประเพณีของประเทศในสังคมโลก 2. มคี วามรู฾ ความเขา฾ ใจ ดาํ เนินชีวิตตามวถิ ปี ระชาธิปไตย กฎระเบียบของประเทศต฽าง ๆในโลก ที่ ตัวชวี้ ัด เน้ือหา เนอื้ หา เนอื้ หา เนอ้ื หายาก ง฽าย ปานกลาง สอนเสรมิ (กรต) (พบกล฽ุม) 1 ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี / 1. มคี วามร฾ู ความเขา฾ ใจใน 1. ศาสนาตา฽ ง ๆ และหลักธรรมท่ี / ศาสนาตา฽ ง ๆและหลกั ธรรมท่ี สาํ คัญของศาสนา สาํ คญั ของแตล฽ ะศาสนาในโลก -กาํ เนิดศาสนาต฽าง ๆ -ศาสดาของศาสนาตา฽ ง ๆ 2. เหน็ ความสําคัญในการอย฽ู -การเผยแพร฽ศาสนาต฽าง ๆ รว฽ มกับศาสนาอื่นอย฽างสันตสิ ขุ 2. การปฏิบตั ิตนใหอ฾ ยู฽รว฽ มกนั อย฽างสนั ตสิ ขุ 3. ประพฤติปฏบิ ัติตนทสี่ ฽งผล 3. การพฒั นาสตปิ ใญญา การฝึก / ใหส฾ ามารถอย฽รู ว฽ มกับศาสนา ปฏบิ ัติพัฒนาจติ ใจ ให฾เข฾าใจใน อ่นื อยา฽ งสนั ตสิ ุข แต฽ละศาสนา 4. มีความร฾ู ความเข฾าใจในวฒั นธรรม 4. วัฒนธรรม ประเพณี ใน /6 ชม. / ประเพณีของประเทศไทยและประเทศ ประเทศไทยและประเทศตา฽ ง ๆ ต฽าง ๆ ในโลก ในโลก -ภาษา การแต฽งกาย -อาหาร -ประเพณีท่ีสาํ คญั ๆ 5. มสี ว฽ นร฽วมสบื ทอด 5. ข฾อปฏบิ ตั ิในการมสี ว฽ นร฽วม วฒั นธรรมประเพณีไทย สืบทอด ประพฤติปฏบิ ัติตนเป็น แบบอย฽างในการอนรุ กั ษแ วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของ สงั คมไทย

6. ประพฤตติ นเปน็ แบบอยา฽ ง 6. แนวทางในการเลือกรับ ปรับ ใช฾ / ของผูท฾ ี่มีวัฒนธรรมประเพณี วัฒนธรรมต฽างชาตไิ ดอ฾ ยา฽ งเหมาะสม / อนั ดีงามของสังคมไทยและ กับตนเองและสงั คมไทย เลอื กรับ ปรับใช฾ วัฒนธรรม 6.1 ค฽านยิ มทพี่ งึ ประสงคแของ จากตา฽ งชาตไิ ดอ฾ ยา฽ งเหมาะสม สังคมไทย และสงั คมของประเทศ กับตนเองและสังคมไทย ตา฽ ง ๆ ในโลก -การยมิ้ แย฾มแจม฽ ใส 2 หน฾าท่พี ลเมือง -ความเอื้อเฟื้อเผอื่ แผ฽ -การให฾อภยั -การตรงต฽อเวลา -ความมรี ะเบียบ วนิ ยั หนา฾ ท่พี ลเมือง 1. รแ฾ู ละเข฾าใจบทบัญญตั ขิ อง 1. บทบญั ญัติของรัฐธรรมนูญทีม่ ผี ล รัฐธรรมนูญ ตอ฽ การเปลย่ี นแปลงทางสงั คมและมี ผลตอ฽ ฐานะของประเทศในสงั คมใน โลก 1.1รแ฾ู ละเข฾าใจบทบาทหนา฾ ท่ีของ 1.1 บทบาทหน฾าท่ีองคกแ รตาม องคแกรตามรฐั ธรรมนญู และการ รัฐธรรมนญู และการตรวจสอบการใช฾ ตรวจสอบอํานาจรัฐ อาํ นาจรฐั 2.อธิบายความเป็นมาและการเปล่ยี น 2. ความเปน็ มา และการ / แปลงของรฐั ธรรมนญู เปล่ียนแปลงของรฐั ธรรมนูญ 3.บอกวิธีปฏิบตั ติ นตามรัฐธรรมนูญ 3. การปฏิบัติตนใหส฾ อดคลอ฾ งตาม / และกฎหมาย บทบัญญตั ิของรฐั ธรรมนญู และการ สนบั สนนุ ส฽งเสรมิ ใหผ฾ ูอ฾ ืน่ ปฏิบัติ 4. ร฾ู เข฾าใจ และปฏบิ ัตติ นตามหลกั สิทธิ 4. การปฏบิ ัตติ นตามหลักสทิ ธิ / 6ชม. มนษุ ยชน มนุษยชนและบทบาทหนา฾ ท่ีความ รับผิดชอบของคณะกรรมการสิทธิ

แผนการจัดการเรยี นรู้ สาระ พัฒนาสงั คม รายวิชา ระดับ มัธยมศึกษาตอนปล ครั้งที่ วนั /เดอื น/ปี หวั เรอ่ื ง/ตัวชี้วัด เนือ้ หาสาระการ การจ เรยี นรู้ มคี วามร฾ู ความ วัฒนธรรม ประเพณี ขน้ั ท่ี 1 : กาหนดสภา เข฾าใจในวัฒนธรรม ในประเทศไทยและ ครแู จง฾ ผ฾ูเรยี นผ฽านกล฽ุม ประเพณีของ ประเทศตา฽ ง ๆใน Google Classroom ก ประเทศไทยและ โลก ประเพณี ในประเทศไท ประเทศต฽าง ๆ ใน -ภาษา การแต฽งกาย การแต฽งกาย โลก -อาหาร -อาหาร -ประเพณีที่สํา -ประเพณีที่สําคัญ ๆ ขน้ั ท่ี 2 : แสวงหาควา ครูมอบหมายให฾นกั ศึกษ กาย -อาหาร -ประเพณีท่สี ําคญั ๆขอ https://www.youtub ข้นั ท่ี 3 : การปฏบิ ัติน ครสู อนการเขยี นรายงา โดยสรปุ ผลการเรยี นเป

า ศาสนาและหน้าทพ่ี ลเมือง รหสั วิชา (สค31002) ลาย จานวน 2 หน่วยกิต จัดกระบวนการเรียนรู้ ส่อื /แหล่งเรียนรู้ การวดั และ ประเมินผล าพปญั หา มไลนขแ อง กศน.ตําบลเพ่ือเรยี นรผ฾ู ฽าน -QR CODE แบบหนงั สอื -สงั เกตพฤติกรรม กศน.ตําบลในหัวขอ฾ เร่อื ง วฒั นธรรม ทยและประเทศตา฽ ง ๆในโลก-ภาษา ศาสนาและหน฾าท่ี -แบบทดสอบ าคัญ ๆ พลเมือง ระดบั ม.ปลาย -ใบงานส฽งงานทาง ามรู้ -รูปภาพ ออนไลนแ ษาชมคลิปวีดโี อเรือ่ ง ภาษา การแต฽ง -คลิปวดี โี อยูทปู การ แฟูมสะสมงาน เรียนรู฾เ รายงานรายวิชา - สมารทแ โฟน /มอื ถอื ศาสนาและหนา฾ ที่ อินเทอรแเนต็ / สญั ญาณ พลเมือง WiFi ใบงาน /ใบความรู฾ องไทยและนานาชาติ be.com/watch?v=BHzYndCWT3Q นาไปใช้ าน โครงงานพร฾อมมอบหมายใบงาน ป็นองคแความรูพ฾ ร฾อมเขียนรายงาน และ 205

คร้งั ที่ วนั /เดือน/ปี หวั เร่อื ง/ตัวชี้วดั เน้อื หาสาระการ การจ เรยี นรู้ กรต.ในสปั ดาหแถัดไปเพ ขัน้ ท่ี 4 : การประเมนิ ครูมอบหมายใบงานพร พร฾อมเขียน Mind Ma พร฾อมให฾นักศกึ ษาส฽งงา ของ กศนตาํ บลหลังกา กรต. ศาสนา วัฒนธรร 1. ศาสนาตา฽ ง ๆ และห -กาํ เนดิ ศาสนาต฽าง ๆ -ศาสดาของศาสนาตา฽ ง -การเผยแพร฽ศาสนาต฽า

จัดกระบวนการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ การวัดและ ประเมินผล พ่ือนาํ มาเสนอในชั้นเรยี น นผลการเรยี นรู้ ร฾อมสรุปผลการเรยี นเป็นองคคแ วามร฾ู apping านงานออนไลนแผา฽ นแอพิเคชนั่ ไลนกแ ล฽ุม ารทาํ ใบงานแลว฾ เสร็จ ครูมอบหมาย รม ประเพณี หลักธรรมท่สี าํ คญั ของศาสนา งๆ าง ๆ 206

ใบงานวิชา ศาสนาและหน฾าท่ีพลเมือง -ม.ปลาย ใบงานท่ี 1 1. ศาสนาทีร่ ัฐบาลทใี่ ห฾การอุปถัมภมแ ีกศ่ี าสนา อะไรบ฾าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. ใหอ฾ ธิบายคําต฽อไปน้ี * ศาสดา ............................................................................................................................................. * ศาสนธรรม ....................................................................................................................................... * ศาสนสถาน ....................................................................................................................................... 3. ให฾เขียนประวัติของพระพุทธเจ฾าโดยสรปุ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วนั วสิ าขบชู าตรงกบั วนั ใด และมีความสําคัญอย฽างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 5. วนั มาฆบูชาตรงกับวนั ใด และมคี วามสําคญั อย฽างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. ปใญจวัคคยี แ ประกอบด฾วยบคุ คลใดบา฾ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

7. ใครเปน็ ผ฾ูริเริ่มการเผยแผพ฽ ระพทุ ธศาสนา และพระพุทธศาสนา เขา฾ มาสปู฽ ระเทศไทยแลว฾ ประมาณกป่ี ี ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. ดินแดนที่เรยี กวา฽ สุวรรณภูมิ ครอบคลุมพืน้ ท่ีกปี่ ระเทศ อะไรบ฾าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. พระแกว฾ มรกตถูกอญั เชิญมาจากท่ีใด ในสมัยใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. ให฾เขยี นประวัตขิ องศาสดาของศาสนาอสิ ลามโดยสรปุ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 11. ศาสนาอิสลามในประเทศไทยมกี ี่นิกาย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 12. ใหเ฾ ขยี นประวตั ิของศาสดาของศาสนาคริสตแโดยสรปุ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 13. ศาสนาครสิ ตแเขา฾ มาสปู฽ ระเทศไทยคร้งั แรกในสมัยใด เป็นนกิ ายใด และศาสนาคริสตแอย฽ูในประเทศแลว฾ ประมาณกป่ี ี ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 14. ศาสนาคริสตใแ นประเทศไทยมกี ีน่ ิกายและแตล฽ ะนิกายมีลกั ษณะสาํ คญั อย฽างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบงานที่ 2 1. ศาสนาพราหมณแ – ฮนิ ดู เกิดขน้ึ มาแลว฾ ประมาณกป่ี ี ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. เทพเจ฾าสูงสุดในศาสนาพราหมณกแ ่ีองคแและแตล฽ ะองคแมีบทบาทอย฽างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. คัมภรี ไแ ตรเวท แบง฽ ออกเป็นกคี มั ภีรแและแตล฽ ะคัมภีรแมคี วามสาํ คญั อยา฽ งไร (ตอบโดยสรปุ ) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ยกตัวอยา฽ งพิธสี ําคญั ทางศาสนาพราหมณแ มา 2 พิธี พรอ฾ มเขียนอธบิ ายมาพอเข฾าใจ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ศาสนาสําคัญทีถ่ ือกําเนิดในทวีปเอเชียไดแ฾ ก฽ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. ในทวปี เอเชียศาสนาพุทธนับถือกนั มากในประเทศใดบ฾าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. ในทวปี เอเชยี ศาสนาอิสลามนับถอื กันมากในประเทศใดบา฾ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. นกิ ายใหญ฽ในพุทธศาสนามีกน่ี ิกาย แต฽ละนกิ ายมีลกั ษณะเด฽นอย฽างไร (เขยี นอธิบายมาพอเข฾าใจ) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. ศาสนาอิสลามถูกนํามาเผยแผ฽ในทวปี เอเชียโดยใคร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. ศาสนาศริสตถแ ูกนํามาเผยแผ฽ในทวีปเอเชียโดยใคร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบงานท่ี 3 1. พระไตรปฎิ ก หมายถึงอะไร และแบง฽ ออกเปน็ กี่หมวดอะไรบา฾ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. สิ่งทเ่ี ป็นที่พงึ่ ท่ีแท฾จริงของชาวพทุ ธคือสงิ่ ใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. หลกั ธรรมแหง฽ ความสําเร็จมีชอื่ ว฽าอะไร ประกอบดว฾ ยอะไรบา฾ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ทิศ 6 เปน็ หลกั ธรรมทีม่ คี วามสําคัญอย฽างไร และพระพุทธเจา฾ ควรถกู จัดอยู฽ในทิศใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. หลักธรรมของคนดีมีชื่อวา฽ อะไร ประกอบดว฾ ยอะไรบา฾ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. การเจรญิ ภาวนาในพุทธศาสนามกี แ่ี บบ และแต฽ละแบบมีลักษณะสําคัญอย฽างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. คาํ วา฽ อสิ ลาม มคี วามหมายอยา฽ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. หลักคาํ สอนในศาสนาอิสลามมีกี่ข฾ออะไรบ฾าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. คําว฽า อัลกุรอาน หมายถงึ ....……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. ศาสนาคริสตแเป็นศาสนาแหง฽ ความรัก เพราะเหตุใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11. คําวา฽ ตรีเอกภพ ประกอบดว฾ ยส่ิงใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 12. ศาสนาคริสตแมรี ากฐานมากศาสนาใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 13. พธิ กี รรมใดเปน็ พิธกี รรมแรกท่คี ริสตชนต฾องทําและทําอย฽างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 14. นิกายโปรเตสแตนทไแ มม฽ ีพธิ กี รรมใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 15. คําวา฽ ธฤติ หมายถึง… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 16. ขัน้ ตอนของชีวิตตามหลกั ศาสนาพราหมณแ ได฾แก฽อะไรบ฾าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 17. หลักธรรมสาํ หรับชาวพทุ ธท่ที าํ ใหส฾ ามารถอยู฽ร฽วมกับศาสนาอื่นได฾อย฽างไรความสุข ได฾แกอ฽ ะไรบ฾าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 18. ศาสนาอิสลามทท่ี ําใหส฾ ามารถอย฽รู ฽วมกับศาสนาอน่ื ได฾ เนอื่ งจากหลักการใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………… 19. ซะกาดหมายถงึ อะไร มีจุดประสงคใแ ด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 20. หลกั ของความรักในศาสนาครสิ ตหแ มายถงึ สงิ่ ใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 21. คําวา฽ ปรมาตมัน หมายถึง... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบงานท่ี 4 1. วัฒนธรรม มีความหมายอยา฽ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. วฒั นธรรมตามพรบ. แบ฽งเป็นกีป่ ระเภทอะไรบ฾าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. สรปุ ลกั ษณะของวฒั นธรรม มาพอสังเขป ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. คนไทยถกู จดั กล฽ุมในเผา฽ พันธใแุ ด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ยกตัวอยา฽ งวฒั นธรรมของอินเดยี ที่สาํ คัญท่ีเหมือนกับวัฒนธรรมไทย มา 2 อย฽าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. วัฒนธรรมการต้ังช่อื ของคนไทยและจีนแตกต฽างกนั อยา฽ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. ยกตวั อยา฽ งลักษณะสาํ คัญเกย่ี วกับการแต฽งงานของวฒั นธรรมจีน มา 3 ข฾อ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. วัฒนธรรมไทยสว฽ นใหญ฽ได฾รบั อทิ ธิพลมาจากที่ใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. ประเภทของการเปลย่ี นแปลงวฒั นธรรมมีกป่ี ระเภทอะไรบา฾ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. ปจใ จัยอะไรท่ีทําให฾เกิดการเปล่ยี นแปลงทางสงั คมและวฒั นธรรม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 11. ยกตัวอย฽างความสําคญั ของวฒั นธรรม มา 3 ตวั อยา฽ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

12. สรุปแนวทางการอนุรกั ษแและสบื สานวัฒนธรรมและประเพณี มา 4 ข฾อ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 13. ยกตวั อยา฽ งวัฒนธรรมหรอื ความเช่ือในครอบครัวหรอื ในชุมชนของนกั ศกึ ษามา 4 เร่ือง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 14. คา฽ นยิ มหมายถึง สง่ิ ที่กล฽มุ สังคมกล฽มุ ๆเห็นว฽าเป็นสงิ่ ท่ีน฽านยิ ม , นา฽ กระทาํ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 15. ทาํ ไมคา฽ นยิ มจึงเป็นส฽วนหน่ึงของวฒั นธรรม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 16. ให฾ยกตวั อยา฽ งคา฽ นยิ มทด่ี ีมา 3 ตัวอยา฽ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 17. ให฾ยกตวั อยา฽ งค฽านยิ มทไ่ี ม฽ดมี า 3 ตวั อยา฽ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบงานท่ี 5 1. รัฐธรรมนญู หมายถงึ .................................................................................................................................... 2. ประเทศไทยมกี ารเปล่ียนแปลงการปกครองอย฽างไรและเมื่อใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ประเทศไทยได฾ปล่ียนจากคําวา฽ สยาม มาเป็น ไทย เมอ่ื ใดและประกาศในรฐั ธรรมนญู ฉบบั ใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. สรปุ สาระสําคญั ของรฐั ธรรมนูญฉบบั ท่ี 3 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. รฐั ธรรมนญู ฉบบั ปใจจบุ นั เปน็ ฉบบั ทีเ่ ท฽าไหร฽ ประกาศใช฾ปใี ด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. รฐั ธรรมนูญฉบับใดเป็นฉบับทใ่ี ชน฾ านทสี่ ุด และกี่ปี ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. ประมุขแห฽งรฐั (ไทย) หมายถึง ............................................................................................................ 8. อํานาจอธิปไตยประกอบด฾วยฝุายใดบา฾ ง และแตล฽ ะฝาุ ยมใี คร เปน็ หัวหน฾า (ใหต฾ อบช่ือตําแหน฽ง) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 9. การเลือกตงั้ ท่วั ไปเปน็ การเปล่ยี นแปลงในฝาุ ยใดของอาํ นาจอธปิ ไตย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. การปกครองระบบประชาธปิ ไตย คํานงึ ถึงเรื่องใดเป็นสําคญั ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 11. สรุปหนา฾ ท่ขี องประชาชนชาวไทยตามระบบประชาธิปไตย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบงานที่ 6 1. การเปลีย่ นแปลงการปกครองเกดิ ขนึ้ ในวนั ใด โดยใคร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… 2. สรุปสาเหตขุ องการเปลีย่ นแปลงการปกครอง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… 3. การทาํ ปฏิวัติในวนั มหาวิปโยคแตกต฽างจากการทาํ ปฏวิ ัตเิ พ่อื เปลี่ยนแปลงการปกครองอย฽างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. การปกครองระบบประชาธิปไตยมีหลกั การพื้นฐานอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….….…… 5. ประชาธิปไตย หมายถึง ………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………..….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…. 6. ลักษณะสําคัญของสังคมไทยเป็นอยา฽ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. ในอธิบายคําวา฽ คนดใี นสงั คม ตามความเขา฾ ใจของนกั ศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เฉลย ใบงานวิชา ศาสนาและหน้าทพี่ ลเมือง -ม.ปลาย ใบงานที่ 1 1. ศาสนาทร่ี ฐั บาลทใี่ หก฾ ารอุปถมั ภแมกี ี่ศาสนา อะไรบา฾ ง พุทธ, คริสตแ, อิสลาม, ฮนิ ดู, ซิกซแ 2. ใหอ฾ ธบิ ายคาํ ต฽อไปนี้ * ศาสดา ผู฾ทีค่ น฾ พบศาสนาและเผยแพรค฽ ําส่ังสอน * ศาสนธรรม คําสง่ั สอนของแต฽ละศาสนา * ศาสนสถาน สถานทีอ่ ย฽ูอาศัยของนักบวช 3. ใหเ฾ ขียนประวตั ิของพระพุทธเจ฾าโดยสรุป (รอกอ฽ นครับ) 4. วนั วสิ าขบูชาตรงกบั วนั ใด และมีความสาํ คัญอย฽างไร 15 คํา่ เดือน 6 (เดือนวสิ าขะ) เปน็ วันท่ีพระพทุ ธเจ฾าประสูติ, ตรัสรแ฾ู ละปรนิ พิ พาน 5. วนั มาฆบูชาตรงกับวันใด และมคี วามสาํ คัญอย฽างไร วนั ขึน้ 15 คาํ่ เดอื น 3 \"วนั มาฆบชู า\" เป็นวนั ท่ีระลกึ ถึงวนั ที่พระพทุ ธเจ฾า ทรงประทานโอวาทปาฏิโมกขแแ ก฽มหาสงั ฆสนั นิบาตในมณฑล วดั เวฬุวนั มหาวหิ าร ซง่ึ ในวนั น้ันมีเหตุการณแสําคัญเกดิ ขึ้น 4 ประการคือ 1. พระสงฆแ 1,250 รปู กลบั มาเฝูาพระพุทธเจา฾ อยา฽ งพร฾อมเพรยี งกัน โดยมไิ ดน฾ ัดหมาย 2. พระสงฆแทั้งหมดล฾วนเป็นเอหภิ กิ ขทุ ่ีพระพุทธเจ฾าทรงบวชให฾ด฾วย พระองคเแ องทงั้ สิ้น ซึง่ เรียกว฽า เอหภิ กิ ขุอุปสัมปทา 3. พระสงฆแทงั้ หมดลว฾ นเป็นพระอรหนั ตแ คือผู฾ได฾อภิญญา 6 ขอ฾ 4. วันท่ีพระสงฆแทง้ั หมดมาชุมนมุ กนั นี้ตรงกับวันเพญ็ เดือนมาฆะ (วนั ขน้ึ 15 คา่ํ เดอื น 3) ด฾วยเหตุการณแประจวบกับ 4 อย฽าง จึงมีชือ่ เรียกอีกชอ่ื หนงึ่ วา฽ จาตรุ งคสนั นิบาต 6. ปญใ จวัคคยี แ ประกอบด฾วยบุคคลใดบา฾ ง โกณฑญั ญะ, วัปปะ, ภทั ทิยะ, มหามานะ, อัสสชิ 7. ใครเป็นผร฾ู ิเริม่ การเผยแผ฽พระพทุ ธศาสนา และพระพทุ ธศาสนา เข฾ามาสปู฽ ระเทศไทยแลว฾ ประมาณก่ีปี พระเจ฾าอโศกมหาราช 270 หลังจากทพ่ี ระพุทธเจา฾ ปรนิ ิพพาน หรือ 2554 – 270 = 2284 ปี 8. ดินแดนทีเ่ รยี กวา฽ สุวรรณภมู ิ ครอบคลุมพ้นื ท่ีก่ีประเทศ อะไรบ฾าง ไทย, พม฽า, เวียดนาม, กัมพชู า, ลาว, มาเลเซีย 9. พระแกว฾ มรกตถูกอญั เชญิ มาจากที่ใด ในสมัยใด เมอื งเวยี งจนั ทรแ สมยั กรุงธนบรุ ี(โดยพระเจา฾ ตากสนิ มหาราช) 10. ใหเ฾ ขยี นประวัตขิ องศาสดาของศาสนาอิสลามโดยสรุป (รอก฽อนครบั )

11. ศาสนาอิสลามในประเทศไทยมกี ี่นิกาย ซนุ หน,ี่ ชอี ะหแ 12. ใหเ฾ ขียนประวัติของศาสดาของศาสนาครสิ ตโแ ดยสรปุ (รอก฽อนครับ) 13. ศาสนาครสิ ตเแ ขา฾ มาสปู฽ ระเทศไทยครง้ั แรกในสมยั ใด เป็นนิกายใด และศาสนาคริสตแอย฽ใู นประเทศแลว฾ ประมาณกี่ปี สมัยกรงุ ศรีอยุธยา นิกายโรมนั คาทอลิก , 2554 - 2127 = 427 ปี 14. ศาสนาคริสตใแ นประเทศไทยมีกี่นิกายและแต฽ละนิกายมีลักษณะสาํ คญั อย฽างไร 2 นกิ าย คือ * นิกายโรมันคาทอลกิ นับถือพระแม฽มารีและนกั บุญต฽างๆ มศี นู ยแกลาง ท่ีวาติกัน ท่ีกรงุ โรม มีพระสันตะปาปาเป็นประมุข * นกิ ายโปรเตสแตนตแ ศรัทธาท่ีมตี ฽อพระเจ฾าสําคญั กวา฽ พธิ ีกรรม

ใบงานท่ี 2 1. ศาสนาพราหมณแ – ฮนิ ดู เกดิ ขึ้นมาแลว฾ ประมาณกปี่ ี 2554 + 1400 = 3954 ปี 2. เทพเจา฾ สงู สุดในศาสนาพราหมณแก่ีองคแและแต฽ละองคแมบี ทบาทอย฽างไร พระพรหม (ผู฾สรา฾ งโลกตา฽ งๆ), พระวษิ ณุ (ผู฾คมุ ครองโลก), พระศวิ ะ(ผู฾สังหารหรอื ทาํ ลายโลก) 3. คมั ภรี แไตรเวท แบง฽ ออกเป็นกคี ัมภรี แและแต฽ละคัมภรี มแ ีความสําคัญ อย฽างไร (ตอบโดยสรุป) 1. คมั ภรี ฤแ คเวท วา฽ ดว฾ ยการสวดสรรเสริญและออ฾ นวอนเทพเจา฾ 2. คมั ภีรยแ ชุรเวท เปน็ คูม฽ อื พธิ กี รรมของพราหมณแ, บอกวธิ ปี ระกอบ พธิ กี รรมและบวงสรวง 3. คัมภีรสแ ามเวท รวบรวมบทสวดมนตแ โดยนาํ มาจากฤคเวทเป็นสว฽ นมาก 4. คัมภีรแอถรรพเวท เปน็ คมั ภรี ใแ หมเ฽ ป็นคาถาอาคม 4. ยกตวั อย฽างพธิ ีสําคัญทางศาสนาพราหมณแ มา 2 พธิ ี พร฾อมเขียนอธิบายมาพอเข฾าใจ 1. พระราชพธิ ีบรมราชาพิเษก 2. การทํานํา้ อภเิ ษก 3. การพระราชพธิ จี องเปรียง 4. พระราชพธิ ตี รียัมปวาย 5. พระราชพธิ จี รดพระนังคัล (รอก฽อนครับ) 5. ศาสนาสาํ คญั ทถี่ ือกาํ เนดิ ในทวีปเอเชียได฾แก.฽ .. พุทธ, คริสตแ, อสิ ลาม, ฮินดู, ซกิ ซ,แ ยูดาหแ 6. ในทวปี เอเชียศาสนาพุทธนบั ถือกันมากในประเทศใดบ฾าง ไทย, วยี ดนาม, ลาว, กัมพูชา, พม฽า, สิงคโแ ปรแ 7. ในทวีปเอเชียศาสนาอิสลามนับถือกันมากในประเทศใดบา฾ ง มาเลเซีย, อนิ โดนีเซยี , บรไู น 8. นกิ ายใหญใ฽ นพุทธศาสนามีก่ีนิกาย แต฽ละนกิ ายมลี กั ษณะเด฽น อยา฽ งไร (เขียนอธิบายมาพอเข฾าใจ) 1. เถรวาท เป็นพระพทุ ธศาสนาด้ังเดิมโดยพยายามรักษา พระธรรมวนิ ยั ตามแบบอยา฽ งพระเถระ 2. มหายาน เปน็ พทุ ธศาสนาแบบที่ช฽วยให฾สตั วขแ ฾ามพน฾ วัฏสงสารได฾มาก ใช฾คาํ สอนของอาจารเแ ป็นหลัก เรียกว฽า อาจาริยวาท 9. ศาสนาอสิ ลามถูกนํามาเผยแผ฽ในทวปี เอเชียโดยใคร พ฽อค฾าอาหรบั 10. ศาสนาศริสตแถกู นํามาเผยแผใ฽ นทวปี เอเชยี โดยใคร มชิ ชันนารี

ใบงานที่ 3 1. พระไตรปิฎก หมายถึงอะไร และแบง฽ ออกเปน็ กห่ี มวดอะไรบ฾าง หมายถึง ทร่ี วบรวมคาํ สอนของพระพทุ ธเจ฾าไว฾เปน็ หมวดหม฽ูไม฽ให฾ กระจดั กระจาย แบ฽งเปน็ 3 หมวด คอื พระวนิ ัยปิฎก, พระสตุ ตันตปฎิ ก, พระอภิธรรมปฎิ ก 2. ส่งิ ทีเ่ ป็นทีพ่ ึง่ ที่แท฾จริงของชาวพทุ ธคอื ส่งิ ใด พระรตั นตรัย (พระพุทธ, พระธรรม, พระสงฆแ) 3. หลักธรรมแห฽งความสาํ เรจ็ มชี ่ือวา฽ อะไร ประกอบดว฾ ยอะไรบ฾าง อิทธบิ าท 4 ไดแ฾ ก฽ ฉนั ทะ, วิรยิ ะ, จิตตะ, วมิ ังสา 4. ทศิ 6 เป็นหลกั ธรรมท่มี คี วามสาํ คัญอย฽างไร และพระพุทธเจ฾า ควรถกู จัดอย฽ูในทิศใด ทําใหค฾ นอยู฽ร฽วมกนั พงึ พากันอย฽างดงี าม , ทศิ เบอ้ื งขวา 5. หลักธรรมของคนดมี ชี ่ือว฽าอะไร ประกอบดว฾ ยอะไรบา฾ ง สัปปรุ ิสธรรม ได฾แก฽ ความเป็นผรู฾ จู฾ ักเหตุ, ความเปน็ ผ฾ูรูจ฾ กั ผล, ความเป็นผ฾ูร฾ูจกั ตน, ความเป็นผูร฾ ูจ฾ กั ประมาณ, ความเป็นผูร฾ จ฾ู กั กาล, ความเปน็ ผรู฾ ฾ูจักชุมชน, ความเปน็ ผูร฾ ูจ฾ กั เลือกบุคคล 6. การเจรญิ ภาวนาในพทุ ธศาสนามกี ีแ่ บบ และแต฽ละแบบมี ลักษณะสําคัญอย฽างไร 2 แบบคอื สมถภาวนา คือ การทําใหจ฾ ดิ ต้งั มน่ั อยูใ฽ นอารมณเแ ดียว ไมซ฽ งุ฾ ซา฽ น วิปสใ สนาภาวนา คือ การทําจิตใหอ฾ ยูใ฽ นสภาพท่นี ิ่มนวล เหมาะกบั การคดิ ใคร฽ครวญ หาเหตุและผลในสภาวธรรมทั้งหลาย 7. คาํ ว฽า อิสลาม มคี วามหมายอยา฽ งไร การสวามิภักดิ์ 8. หลกั คาํ สอนในศาสนาอิสลามมกี ่ีข฾ออะไรบ฾าง 6 ขอ฾ คอื ศรทั ธาในพระเจ฾า, ศรทั ธาในบรรดามะลาอิกพห(แ เทวทูตของพระเจ฾า), ศรัทธาในคัมภีรอแ ัลกรุ อาน, ศรทั ธาต฽อบรรดาศาสนฑตู , ศรทั ธาต฽อวนั พิพากษาโลก, ศรทั ธาในกฎสภาวะของพระเจ฾า 9. คาํ ว฽า อลั กรุ อาน หมายถึง .... แนวทางในการดําเนินชวี ิตที่มนษุ ยจแ ะปราศจากมนั ไม฽ได฾ 10. ศาสนาครสิ ตเแ ปน็ ศาสนาแห฽งความรัก เพราะเหตใุ ด พระเจ฾าทรงรกั มนุษยแ ทรงรกั ประชาชนของพระองคแ 11. คาํ ว฽า ตรเี อกภพ ประกอบดว฾ ยสงิ่ ใด พระบิดา, พระบุตร, พระจิต 12. ศาสนาครสิ ตแมรี ากฐานมากศาสนาใด ยูดาย(ศาสนายวิ )

13. พิธีกรรมใดเปน็ พธิ กี รรมแรกทีค่ รสิ ตชนต฾องทําและทําอย฽างไร ศีลลา฾ งบาปหรอื การรบั บัพตสมา คือ ใหบ฾ าทหลวงเทนํ้าศักดสิ์ ิทธ์ิ บนศรี ษะพรอ฾ มเจมิ หน฾าผาก 14. นิกายโปรเตสแตนทแไม฽มีพธิ กี รรมใด ศีลอภัยบาป, ศีลกําลงั , ศลี สมรส, ศีลบวช, ศลี เจมิ คนไข฾ 15. คําวา฽ ธฤติ หมายถึง… ความพอใจ, ความกลา฾ การพากเพยี รจนได฾รบั ความสําเร็จ 16. ขน้ั ตอนของชีวติ ตามหลักศาสนาพราหมณแ ไดแ฾ กอ฽ ะไรบ฾าง พรหมจารี (ชีวติ ในการศกึ ษา), คฤหสั ถ(แ ชีวติ ในการครองเรอื น), วานปรัสถแ (ชวี ติ ท่ีละบา฾ นเขา฾ ปาุ หาความสงบ), สนั ยาส(ี ชวี ิตในการออกบวชหาความสขุ ท่แี ท฾จริง) 17. หลักธรรมสาํ หรับชาวพุทธท่ีทําใหส฾ ามารถอย฽รู ฽วมกับศาสนาอืน่ ได฾ อย฽างไรความสขุ ได฾แก฽อะไรบ฾าง พรหมวหิ าร 4 , ฆราวาสธรรม 18. ศาสนาอิสลามทท่ี ําใหส฾ ามารถอยรู฽ ฽วมกับศาสนาอ่ืนได฾ เนอ่ื งจากหลักการใด หลกั จริยธรรม 19. ซะกาดหมายถึงอะไร มีจดุ ประสงคแใด ทานประจาํ เพือ่ การชําระจิตใจให฾บรสิ ทุ ธิ์, เพ่ือปลุกฝงใ ให฾เป็นผท฾ู ม่ี ี จติ ใจเมตตากรุณา, เพ่ือลดชอ฽ งว฽างระหว฽างชนชนั้ 20. หลักของความรักในศาสนาครสิ ตหแ มายถงึ ส่ิงใด ความเป็นมติ รและปรารถนาให฾ผอู฾ ่ืนมีความสุข 21. คาํ ว฽า ปรมาตมนั หมายถึง... สิ่งยง่ิ ใหญ฽อันเปน็ ท่รี วมของทุกสง่ิ ทกุ อย฽างในสากลโลก

ใบงานที่ 4 1. วฒั นธรรม มคี วามหมายอย฽างไร ทกุ สงิ่ ทุกอย฽างท่ีมนุษยสแ รา฾ งขึน้ ไวเ฾ พื่อนําไปชว฽ ยพัฒนา ชวี ิตและความเป็นอย฽ูในสังคม ฯ 2. วัฒนธรรมตามพรบ. แบง฽ เปน็ ก่ีประเภทอะไรบ฾าง 4 ประเภท คือ คตธิ รรม(หลักในการดําเนนิ ชีวติ ), เนตธิ รรม, วัตถธุ รรม, สหธรรม(วัฒนธรรมทางสังคม) 3. สรปุ ลักษณะของวัฒนธรรม มาพอสังเขป ส่ิงท่มี นุษยสแ รา฾ งขน้ึ ท่ีมีการเปลย่ี นแปลงปรับปรุง และ ถ฽ายทอดได฾ แสดงถึงวิถีชีวิตและความเช่ือของมนุษยแ 4. คนไทยถกู จดั กลุ฽มในเผ฽าพันธใแุ ด มองโกลอยดแ 5. ยกตัวอย฽างวัฒนธรรมของอิเดียทส่ี าํ คัญที่เหมือนกับ วฒั นธรรมไทย มา 2 อยา฽ ง การถอดรองเทา฾ ก฽อนเขา฾ ศาสนถาน, การให฾เกยี รติสตรีและไม฽ถูกเน้ือต฾องตัว 6. วัฒนธรรมการตั้งชอ่ื ของคนไทยและจนี แตกตา฽ งกนั อยา฽ งไร ชาวจนี ใชช฾ ่ือสกลุ นําหน฾าช่อื จรงิ 7. ยกตัวอย฽างลกั ษณะสาํ คญั เกย่ี วกับการแตง฽ งานของวฒั นธรรมจนี มา 3 ข฾อ ใชส฾ ีแดง, พ฽อแมเ฽ ป็นผูเ฾ ลอื กเจา฾ สาวให฾ลูกชาย, มีการแจ฾ซินแส (หมอดู)มาผูกดวง 8. วัฒนธรรมไทยส฽วนใหญไ฽ ด฾รับอทิ ธิพลมาจากที่ใด อนิ เดียและจนี 9. ประเภทของการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมมีก่ีประเภทอะไรบ฾าง 2 อยา฽ งคอื การเปล่ียนแปลงทางสังคม, การเปลยี่ นแปลงวฒั นธรรม 10. ปจใ จัยอะไรท่ีทําให฾เกิดการเปลย่ี นแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม ปจใ จัยภายในสงั คม, ปจใ จัยภายนอกสงั คม 11. ยกตวั อย฽างความสําคัญของวฒั นธรรม มา 3 ตัวอยา฽ ง (รอกอ฽ น) 12. สรปุ แนวทางการอนุรักษแและสืบสานวฒั นธรรมและประเพณี มา 4 ขอ฾ การปลูกจิตสาํ นกึ ให฾เยาชน, รว฽ มกันเผยแพร฽, ใชส฾ ือ่ ตา฽ งๆในการถา฽ ยทอด, รว฽ มมือรว฽ มใจกนั หวงแหนรักษา 13. ยกตัวอย฽างวัฒนธรรมหรอื ความเชือ่ ในครอบครวั หรอื ในชมุ ชนของ นกั ศึกษามา 4 เรือ่ ง (ทาํ เอง) 14. คา฽ นิยมหมายถงึ ส่งิ ที่กลม฽ุ สงั คมกลม฽ุ ๆเหน็ ว฽าเปน็ ส่ิงที่นา฽ นยิ ม , น฽ากระทาํ 15. ทําไมค฽านิยมจึงเปน็ ส฽วนหนง่ึ ของวัฒนธรรม

มีการเรยี รรู฾ปลูกฝงใ และท฽ายทอดจากร฽นุ สรู฽ ฽นุ 16. ใหย฾ กตวั อยา฽ งค฽านิยมทด่ี ีมา 3 ตวั อยา฽ ง การรักชาติฯ, ความเอ้ือเฟ้ือ, ความกตัญโู, ความซ่ือสัตยแ 17. ใหย฾ กตัวอย฽างคา฽ นยิ มที่ไม฽ดมี า 3 ตัวอยา฽ ง การแต฽งกายทไี่ ม฽เหมาะสม, การชื่นชอบวฒั นธรรมอ่นื อยา฽ งไม฽ไตร฽ตรอง, การไมร฽ ูจ฾ ักการประหยัด

ใบงานท่ี 5 1. รฐั ธรรมนูญ หมายถงึ กฎหมายสูงสุดในการจัดการปกครองรฐั 2. ประเทศไทยมกี ารเปลย่ี นแปลงการปกครองอยา฽ งไรและเมื่อใด ระบอบสมบูรณาญาสทิ ธิราชยแเปน็ ประชาธิปไตย เมือ฽ 24 มถิ ุนายน 2475 3. ประเทศไทยไดป฾ ล่ยี นจากคําวา฽ สยาม มาเป็น ไทย เมอ่ื ใด และประกาศในรัฐธรรมนญู ฉบบั ใด ปี พ.ศ. 2482 , ฉบับที่ 2 (รชั ธรรมนูญแห฽งราชจักรสยาม พทุ ธศักราช 2475) 4. สรุปสาระสําคัญของรฐั ธรรมนญู ฉบับท่ี 3 มีแนวทางในการดาํ เนินการปกครองที่เป็นประชาธปิ ไตยมากข้นึ โดยสมาชกิ สภามาจากการเลือกตัง้ , แยกขา฾ ราชการการเมืองออกจากขา฾ ราชการประจํา 5. รัฐธรรมนูญฉบบั ปใจจบุ นั เปน็ ฉบบั ท่ีเทา฽ ไหร฽ ประกาศใช฾ปใี ด ฉบบั ที่ 18 , 24 สงิ หาคม 2550 6. รัฐธรรมนูญฉบบั ใดเป็นฉบับท่ใี ชน฾ านทีส่ ดุ และก่ปี ี ฉบบั ท่ี 2 , 14 ปี (2489 - 2475) 7. ประมขุ แห฽งรฐั (ไทย) หมายถงึ พระมหากษัตรยิ แ 8. อาํ นาจอธปิ ไตยประกอบด฾วยฝาุ ยใดบา฾ ง และแต฽ละฝาุ ยมใี คร เป็นหวั หน฾า (ให฾ตอบชอ่ื ตําแหนง฽ ) ฝาุ ยนติ ิบญั ญัต(ิ ประธานรัฐสภา), ฝาุ ยบรหิ าร(นายกรัฐมนตร)ี , ฝาุ ยตลุ าการ(ประธานศาลฎกี า) 9. การเลอื กตง้ั ทัว่ ไปเปน็ การเปลย่ี นแปลงในฝุายใดของอํานาจอธิปไตย ฝุายบรหิ าร 10. การปกครองระบบประชาธิปไตย คาํ นึงถึงเรอื่ งใดเป็นสําคัญ สิทธิและเสรีภาพ 11. สรุปหนา฾ ที่ของประชาชนชาวไทยตามระบบประชาธิปไตย 1. หนา฾ ที่พทิ ักษแรักษาชาติฯ 2. ปกปูองประเทศ 3. เลือกตั้ง 4. รบั ราชการ 5. ข฾าราชการของรฐั มหี น฾าทรี่ ักษาประโยชนแส฽วนรวม อํานวยความสะดวก บรกิ ารประชาชน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook