การวจิ ยั การศกึ ษาเปรียบเทยี บการพัฒนาบนพ้นื ทส่ี ูงในอดตี และปจั จุบนั 373 (ชุดท่ี 4) แบบสนทนากลมุ่ ย่อย (Focus Group) คาชี้แจง การสนทนากลุ่มย่อย เพื่อการวิจัยครั้งน้ี มีความมุ่งหมายในการแลกเปล่ียน ชุดของข้อมูลใน เชิงทัศนะความคิดเห็น ความรู้ และประสบการณ์ ตลอดจนวิสัยทัศน์ และวิทยวิธี การบริหาร การพัฒนาราษฎรบนพ้ืนที่สูง ท่ีผู้วิจัยจะได้สังเคราะห์ เป็นองค์ความรู้เพ่ือการพัฒนาบนพื้นที่สูงท่ี เหมาะสม ตอ่ ไป ลาดบั ข้อคาถาม บทสรปุ คาตอบ 1 ประเดน็ ปัญหา สภาพปญั หา การพัฒนาราษฎรบนพ้ืนทส่ี งู เป็นอยา่ งไร 2 ความต้องการในการพฒั นาราษฎรบนพ้นื ท่สี ูงเปน็ อยา่ งไร แนวทางการจัดการ เพ่ือพัฒนา คณุ ภาพชวี ติ ราษฎรบนพื้นทีส่ ูง 3 ควรเปน็ อย่างไร 4 แนวทางการพฒั นาศักยภาพชุมชน เพอ่ื การพ่ึงพาตนเองของ ชนเผ่าควรเป็นอยา่ งไร ชดุ ความรู้ในจัดการระบบสวัสดกิ ารสงั คมพ้นื บา้ น และ 5 สวัสดิการสังคมแบบใหม่ ควรดาเนนิ การอย่างไร 6 ปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพยี ง ควรนามาเผยแพร่/เน้นย้า และ เรียนรู้ ในชุมชนเป็นอย่างไร อนาคตภาพของความเปน็ กลุ่มชาติพันธุ์ ในศตวรรษ 21 ควร 7 เปน็ อยา่ งไร 8. ปจั จยั แหง่ ความสาเร็จและปัจจยั แหง่ ความลม้ เหลวในการ พฒั นาชนเผา หรอื กลุ่มชาติพันธุ์ 9. ปจั จยั แหง่ ความสาเรจ็ และปจั จยั แหง่ ความลม้ เหลว ในการพฒั นาราษฎรบนพนื้ ท่ีสงู คอื อะไร 10. การจดั การพพิ ิธภัณฑศ์ ูนย์เรียนรรู้ าษฎรบนพ้ืนที่สงู (Discovery museum) ควรมแี นวทางอย่างไร
374 การวจิ ัยการศกึ ษาเปรียบเทยี บการพัฒนาบนพ้ืนทส่ี ูงในอดตี และปัจจบุ ัน ผลการศึกษา ชุมชนราษฎรบนพนื้ ท่สี งู 32 ชมุ ชน การศกึ ษาชุมชนจากแบบการศกึ ษาชมุ ชน ในพื้นทศี่ นู ยพ์ ฒั นาราษฎรบนพ้นื ทส่ี งู 32 ชุมชน ดังนี้ 1. ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นท่ีสงู จังหวดั กาญจนบรุ ี ชุมชนที่ 1 บา้ นเขาเหลก็ ตาบลเขาโจด อาเภอศรีสวสั ด์ิ จังหวดั กาญจนบุรี ประวัติความเป็นมา เดมิ ช่ือโค่ลิ แตเ่ รียกหมูบ่ ้านเขาเหล็ก เนอื่ งจากสารวจพบแรเ่ หล็ก มคี ณุ ปู่ เจ่งเจาและคุณย่าไม้เนาะ มาต้ังรกรากและมีบุตรหลานสบื ต่อมาถึงทุกวันนี้ ผา่ นมาหลายรอ้ ยปียังคงมี ตน้ มะม่วงใหญอ่ ายุ 200 กว่าปี เป็นหลกั ฐาน ภมู ิประเทศ - อดตี เป็นทร่ี าบเชิงเขาและปา่ ไมล้ ้อมรอบหมูบ่ ้าน สว่ นใหญ่เป็นไรห่ มนุ เวียน - ปจั จบุ ัน พ้นื ทไี่ รห่ มนุ เวยี นลดน้อยลง หนั มาปลกู พืชเชิงเดย่ี วมากขน้ึ ปา่ เร่ิมเปิดโลง่ มากข้ึน - แนวโนม้ /อนาคต พ้ืนท่ีทากนิ ของคนในชุมชนอาจลดน้อยลง ภูมิอากาศ - อดีต เยน็ ชื้น ฤดฝู นมีระยะเวลานานกว่าฤดอู ืน่ ฤดหู นาวจะหนาวมาก ฤดรู ้อนกาลงั ดี - ปจั จบุ ัน ฤดูหนาวยังคงหนาวมากอยู่ แต่ฤดูร้อนคอ่ นขา้ งร้อนมาก - แนวโนม้ /อนาคต ฤดรู ้อนมีทวีความร้อนเพ่มิ มากข้นึ ส่วนฤดอู ่นื ยงั คงเป็นปกติ สภาพสิ่งแวดล้อมชมุ ชน - อดตี มีความรม่ รื่นเงียบสงบ อากาศบรสิ ุทธิ์ ขยะมลู ฝอยน้อย ลาหว้ ยมีความอุดมสมบูรณ์ - ปัจจุบัน เริ่มมีมลภาวะ ฝุ่นควัน ขยะมากข้ึน ลาห้วยเล็กลง มีการต่อประปาเพ่ือทา การเกษตรเพมิ่ มากขึน้ - แนวโนม้ /อนาคต มลพษิ จากขยะ และมลภาวะทางเสียง ฝ่นุ ควนั เพ่มิ มากข้ึนอากาศร้อนขึน้ โครงสร้างชมุ ชน - ผนู้ าชมุ ชน กานนั มีบทบาทบาบดั ทุกข์ บารุงสุข - ประชากร มี 129 ครัวเรือน ประชากร 532 คน ชาย 258 คน หญงิ 274 คน - กตกิ า/กฎ/ระเบยี บชุมชน ไม่ซ้อื ขายหรือใหเ้ ช่าทีด่ นิ มีระยะเวลาในการหาของป่า เชน่ หน่อไม้ อาณาเขตพน้ื ท่ีตดิ ตอ่ ทศิ เหนอื ติดกับ ตาบลแก่นมะกรูด อาเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ทศิ ใต้ ตดิ กบั ตาบลนาสวน อาเภอศรีสวัสดิ์ จังหวดั กาญจนบุรี ทศิ ตะวนั ออก ติดกับ ตาบลหนองปรอื อาเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี ทศิ ตะวันตก ติดกับ ชะแล อาเภอทองผาภมู ิ จังหวดั กาญจนบรุ ี หน่วยงานราชการ (ช่ือหน่วยงาน/สถานที่ตั้ง) หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ โรงเรียนประถมศึกษา ศูนย์การเรยี นรชู้ มุ ชน ศนู ย์พัฒนาเด็กเลก็ ศูนยพ์ ัฒนาราษฎรบนพื้นทส่ี ูงจังหวัดกาญจนบุรี
การวจิ ัยการศึกษาเปรียบเทยี บการพัฒนาบนพื้นท่ีสูงในอดตี และปจั จบุ ัน 375 สภาพเศรษฐกจิ /อาชพี - กลมุ่ อาชพี กลุ่มทอผา้ กลมุ่ เกษตรผสมผสาน - การเกษตรกรรม มันสาปะหลงั ขา้ วไร่ ข้าโพด พืชผัก - แหลง่ รายได้ อาชีพเกษตรกรรม รบั จา้ ง คา้ ขาย และหาของปา่ - ศิลปหัตถกรรม ทอผ้าและจักรสาน - รา้ นคา้ /สนิ คา้ /ลานจาหนา่ ยสินค้า รา้ นขายของชา 4 แหง่ สนิ คา้ ได้แก่ พริกกะเหรี่ยง พชื ผกั สภาพสงั คม - การศึกษา/สถานศึกษา มโี รงเรยี นระดับประถมศึกษา จานวน 1 แห่ง และศนู ยพ์ ฒั นาเด็กเล็ก - ศาสนา/ความเชอ่ื /ลัทธิ นบั ถอื ศาสนาพทุ ธ/ความเชอื่ เรอื่ งพธิ กี รรม/ทาบุญคา้ โพธิ์/ทาบุญขา้ วใหม่ - ศาสนสถาน มศี าสนสถาน 2 แห่ง - ความสมั พันธร์ ะบบเครอื ญาติ ยงั มีความสัมพนั ธร์ ะบบเครอื ญาติอยู่ - อตั ลักษณ์ความเปน็ ชนเผา่ การแต่งกายชดุ กระเหรีย่ ง การทาบุญขา้ วใหม่ - บุคคลท่ียังไมม่ ีสัญชาติไทย ยังไม่ได้ครบหมดทุกคน คงเหลือบางส่วนทย่ี งั ไม่ได้สัญชาติ การสาธารณสุข/สขุ ภาพคนในชมุ ชน - สภาวะสขุ ภาพกาย/ใจของราษฎรบนพืน้ ท่สี ูง สขุ ภาพดี มี อสม.ประจาหมูบ่ ้าน - พฤติกรรม สุขภาพของประชาชน มีการตรวจสขุ ภาพต่อเนอ่ื ง ทานอาหารไมค่ รบ 5 หมู่ - โรคพ้ืนบ้าน/การรกั ษาพน้ื บ้าน โรคอสี ุกอีใส ท้องร่วง /การใช้สมุนไพรพืน้ บา้ น - สมนุ ไพรพื้นบา้ น มกี ารจัดตัง้ กลุ่มสมุนไพร 1 แห่ง คือ สมนุ ไพรอภัยภเู บศร์ - หมอพนื้ บา้ น มปี ราชญ์ชาวบา้ น วัฒนธรรมชมุ ชน - วัฒนธรรมชนเผ่า กะเหร่ยี ง การกินน้าสกุ ผูกขอ้ มอื ด้วยดา้ ย 3 สี - ประเพณพี ้นื บ้าน ทาบุญเขาวงกต ทาบญุ สงกรานต์ การทอยสะบา้ - ศลิ ปะการแสดง ราตง ทอยสะบา้ - การแตง่ กาย การแตง่ กายชุดประจาเผา่ ตามเทศกาลต่างๆ เชน่ ทาบุญขา้ วใหม่ งานแตง่ งาน - อาหาร อาหารพื้นบา้ น แกงข้าวเบือ ขา้ วไร่ ข้าวซ้อมมอื แกงขี้เกยี จ ขนมทองโยะ๊ สภาวการณ์อน่ื ๆ ท่ีเปน็ ประเดน็ ปญั หาของราษฎรบนพืน้ ท่ีสงู - ปญั หาดา้ นอาหารปนเป้ือนสารเคมี การจัดการแห่งน้า สภาวะเสียง และฝุ่นละออง
376 การวจิ ยั การศึกษาเปรียบเทยี บการพัฒนาบนพนื้ ทีส่ ูงในอดีตและปจั จบุ นั ชมุ ชนที่ 2 บ้านทิพุเย หมู่ท่ี 3 ตาบลชะแล อาเภอทองผาภูมิ จังหวดั กาญจนบรุ ี ประวตั ิความเป็นมา เปน็ หม่บู ้านทเี่ รยี กช่อื ตามลาห้วยทพิ เุ ย คาวา่ “ทิพุ” แปลวา่ ลาสายเล็กๆ ภูมิประเทศ - อดีต พื้นที่ทว่ั ไปเป็นที่ดอน มพี น้ื ทรี่ าบทางด้านใตแ้ ละด้านตะวนั ออก ป่าไม้อดุ มสมบรู ณ์ - ปัจจุบัน พน้ื ที่เรมิ่ เตียน ป่าไม้เริม่ หมด สัตวป์ ่าหายาก - แนวโนม้ /อนาคต พืน้ ท่ดี อนน่าจะโล้น คนมากขนึ้ พืน้ ทที่ ากนิ มีจากัด ภาครัฐควบคมุ ภูมิอากาศ - อดีต แบ่งเป็น 3 ฤดูกาล ฤดูหนาวอากาศเย็น ฤดูฝนฝนตกสม่าเสมอ อากาศช้ืน ฤดูร้อน อากาศไม่รอ้ นมาก เย็นสบาย - ปัจจุบัน ฤดูหนาวความเย็นเริ่มลดน้อยลง ฤดูฝนยังตกสม่าเสมอ แต่ฤดูร้อนร้อนมากข้ึน - แนวโนม้ /อนาคต สภาพอากาศจะเปลย่ี นแปลง ร้อนมากข้นึ ฝนตกนอ้ ยลง หนาวนอ้ ยลง สภาพส่ิงแวดลอ้ มชุมชน - อดีต อยแู่ บบเครือญาติ ชว่ ยเหลอื และแบ่งปันกนั - ปจั จบุ นั ยังอยูแ่ บบเครือข่าย อาจมีความแตกตา่ งทางด้านความคิดที่ขัดแยง้ กนั บ้าง - แนวโน้ม/อนาคต ยังคงอยู่แบบเครือญาติ เป็นชุมชนเล็ก ความเห็นแก่ตัวน่าจะเกิดด้วย ปจั จยั ทางดา้ นสภาพเศรษฐกจิ โครงสรา้ งชุมชน - ผู้นาชุมชน/บทบาท ผใู้ หญบ่ า้ น (กรมการปกครอง) โครงสร้าง/จานวนประชากร 136 หลังคาเรือน 150 ครอบครัว ประชากรชาย 144 คน หญิง 126 คน เด็กชาย 69 คน เด็กหญิง 63 คน อาณาเขตพน้ื ทตี่ ดิ ต่อ ทิศเหนือ ตดิ กับ ตาบลปรังเผล อาเภอสังขละบุรี จงั หวัดกาญจนบุรี ทศิ ใต้ ตดิ กบั ตาบลสหกรณ์นิคม อาเภอทองผาภมู ิ จังหวัดกาญจนบุรี ทศิ ตะวันออก ตดิ กับ ตาบลนาสวน อาเภอศรสี วสั ดิ์ จงั หวดั กาญจนบรุ ี ทศิ ตะวันตก ติดกบั ตาบลทา่ ขนนุ อาเภอทองผาภมู ิ จังหวัดกาญจนบุรี หน่วยงานราชการ องค์การบริหารส่วนตาบลชะแล ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพ้ืนท่ีสูงจังหวัด กาญจนบุรี สภาพเศรษฐกจิ /อาชีพ - กลมุ่ อาชพี กลุ่มทอผ้ากะเหรีย่ ง กล่มุ ทอผ้าปักลายโครงการพระราชดาริ - การเกษตรกรรม ทาไร่ ทาสวน ปลกู ยางพารา - แหล่งรายได้ อาชีพเกษตรกรรม - ศิลปหตั ถกรรม จกั รสานโครงการพระราชดาริ
การวิจยั การศึกษาเปรยี บเทียบการพฒั นาบนพ้นื ทสี่ ูงในอดีตและปัจจบุ ัน 377 สภาพสังคม - การศึกษา/สถานศึกษา ไม่มีสถานศึกษา ต้องเดินทางไปเรียนนอกชุมชน ระยะทาง 5 กิโลเมตร - ศาสนา/ความเช่อื /ลทั ธิ นับถอื ศาสนาพุทธ - ศาสนสถาน/สัญลักษณ์ - ความสมั พนั ธ์ระบบเครอื ญาติ อาศยั อยูเ่ ป็นครอบครวั คนไหนออกเรอื นกจ็ ะแยกไปปลูกท่ีอยู่ใหม่ - อัตลกั ษณ์ความเปน็ ชนเผา่ ยงั มกี ารแตง่ ชดุ ชนเผา่ โดยเฉพาะตอนไปทาบญุ ทว่ี ดั - บุคคลทีย่ งั ไม่มสี ัญชาตไิ ทย ยังไมไ่ ดค้ รบหมดทกุ คน คงเหลือบางส่วนทย่ี งั ไมไ่ ดส้ ญั ชาติ การสาธารณสุข/สุขภาพคนในชุมชน - สภาวะสุขภาพกาย/ใจของราษฎรบนพ้ืนท่ีสูง สุขภาพดีข้ึน หน่วยงานภาครัฐออกหน่วย ตรวจสุขภาพเปน็ ประจา - พฤตกิ รรม สุขภาพของประชาชน ถูกสขุ ลกั ษณะ - โรคพ้ืนบา้ น/การรักษาพน้ื บ้าน วฒั นธรรมชมุ ชน - ประเพณีพื้นบ้าน ทาบุญข้าวทิพย์ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ประเพณีผูกข้อมือเรียกขวัญเดือน สงิ หาคม - ศลิ ปะการแสดง ราตง - การแตง่ กาย มกี ารแต่งกายชนเผ่านอ้ ยลง มักจะเห็นได้จากผสู้ ูงอายุ - อาหาร ปลกู ข้าวกินเอง (ขา้ วไร)่ หาของปา่ มาทาอาหาร
378 การวจิ ยั การศกึ ษาเปรยี บเทยี บการพัฒนาบนพน้ื ทีส่ งู ในอดีตและปัจจบุ นั 2. ศูนย์พฒั นาราษฎรบนพื้นทีส่ ูงจังหวดั ราชบุรี ชมุ ชนที่ 3 บา้ นบางกะม่า หมทู่ ่ี 1 ตาบลบ้านบงึ อาเภอบา้ นคา จังหวัดราชบรุ ี ประวัติความเป็นมา เดมิ เป็นไรซ่ ากที่ชาวกะเหรี่ยงหมุนเวยี นทากนิ ต่อมาชาวกะเหรย่ี งอพยพ ไปอยบู่ ริเวณไรซ่ ากมากข้ึน จนกลายเปน็ กลุ่มบ้านขึน้ มา ภูมปิ ระเทศ -อดีต สว่ นใหญ่เปน็ ไรข่ ้าวหมุนเวียนทาให้มีปา่ ไมต้ ามริมห้วย และมีพื้นที่ทากินมาก -ปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นไร่สับปะรด ส่วนพื้นที่โล่งเตียนเร่ิมมีการรุกท่ีดิน บริเวณลาห้วยมี ส่ิงกอ่ สร้างเพม่ิ มากขน้ึ -แนวโน้ม/อนาคต พื้นที่มีแนวโน้มโล่งเตียนมากกว่านี้ ลาห้วยอาจจะตื้นเขินเกิดจากการ ชะลา้ งพงั ทลายของดิน อาจทาใหข้ าดน้าช่วงหนา้ แล้ง ภมู ิอากาศ -อดีต อากาศร้อนและแลง้ เป็นส่วนใหญ่ มฝี นและหนาวบ้างตามฤดกู าล -ปัจจุบนั อากาศร้อนและแล้งเป็นส่วนใหญ่ มีฝนและหนาวบ้างตามฤดกู าล -แนวโนม้ /อนาคต สภาพอากาศจะรอ้ นและแล้งมากขึน้ สภาพสง่ิ แวดล้อมชุมชน -อดตี ภาครฐั มีการวัดปกั หลักเขตชดั เจน จงึ แยกคนกับป่าได้ -ปจั จุบัน ยังรกั ษาสภาพเดิมกอ่ น -แนวโนม้ /อนาคต อาจจะมกี ารปลูกไม้ผลเพิม่ ข้นึ มีปา่ เพ่ิมขึน้ หรอื อาจจะแยล่ งโดยมคี น ตา่ งถ่ินอพยพมาอยบู่ า้ นมากข้ึน โครงสร้างชุมชน - ผูน้ าชมุ ชน/บทบาท ผู้ใหญ่บ้าน - โครงสรา้ ง/จานวนประชากร 36 ครอบครวั 124 คน - กติกา/กฎ/ระเบยี บชุมชน อาณาเขตพื้นทีต่ ดิ ต่อ เป็นไขแ่ ดง อยใู่ นเขตอุทยานแหง่ ชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ทิศเหนือ ตดิ กับ ต.บา้ นคา กิง่ อ.บา้ นคา จ.ราชบุรี ทิศใต้ ตดิ กับ อ.หนองหญา้ ปล้อง จ.เพชรบุรี ทศิ ตะวันออก ตดิ กบั ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จ.ราชบรุ ี ทศิ ตะวันตก ตดิ กบั สาธารณรัฐสังคมนิยมแห่งสหภาพเมียนมาร์ หน่วยงานราชการ หนว่ ยยอ่ ยอทุ ยาน 1 แหง่ สภาพเศรษฐกจิ /อาชพี - กลุ่มอาชพี ทาไร่ขา้ ว สับปะรด รับจ้าง - การเกษตรกรรม ทาขา้ วไร่ สบั ปะรด - แหล่งรายได้ อาชีพเกษตรกรรม รบั จ้าง - ศิลปหัตถกรรม จกั สาน
การวจิ ยั การศึกษาเปรียบเทียบการพฒั นาบนพน้ื ที่สงู ในอดตี และปัจจุบนั 379 - ร้านค้า/สนิ ค้า/ลานจาหนา่ ยสนิ ค้า รา้ นขายของชา สภาพสังคม - การศึกษา/สถานศึกษา รร.บ้านโป่งกระทงิ บน - ศาสนา/ความเช่ือ/ลทั ธิ นับถอื ศาสนาพทุ ธ/ความเชอื่ เรื่องการไหว้กันไมป้ ระจาปี - ศาสนสถาน สานกั สงฆบ์ างกะม่า - ความสมั พนั ธ์ระบบเครอื ญาติ อาศยั อยูเ่ ป็นครอบครัว เครือญาติ มี 3 กลมุ่ ใหญ่ - อตั ลักษณค์ วามเป็นชนเผา่ ส่วนใหญ่เป็นชาวกะเหรยี่ งโผล่ง - บุคคลท่ียังไม่มีสัญชาติไทย มี 1 คน เป็นคนอีสานพ่อแม่มาตัดอ้อย แล้วคลอดมาไม่ได้แจ้ง เกิด พอพ่อแม่ตายจึงไมม่ พี ยานรับรอง การสาธารณสขุ /สุขภาพคนในชมุ ชน - สภาวะสุขภาพกาย/ใจของราษฎรบนพืน้ ทส่ี งู สุขภาพดีเป็นสว่ นใหญ่ - พฤตกิ รรม สขุ ภาพของประชาชน พฤติกรรมแบบดัง้ เดมิ เรยี บง่าย - โรคพ้นื บ้าน/การรักษาพื้นบา้ น มาลาเรยี - สมุนไพรพน้ื บา้ น อุ้มลูกดูหนัง/โปรง่ ผ้า วฒั นธรรมชุมชน - วฒั นธรรมชนเผ่า กะเหรย่ี งโผล่ง - ประเพณพี ้นื บา้ น เรียกขวัญกนิ ขา้ วห่อ - อาหาร อาหารพ้นื บา้ น/ท่ัวไป สภาวการณอ์ ืน่ ๆ ท่ีเป็นประเดน็ ปัญหาของราษฎรบนพน้ื ท่ีสูง - หลักฐานทด่ี ินยังไม่ชดั เจน - การเปลี่ยนเจ้าของทีด่ นิ ทากนิ เพราะความจาเป็น - อากาศร้อน/แลง้ เพ่ิมขนึ้ แหล่งน้านอ้ ยลง
380 การวจิ ัยการศึกษาเปรยี บเทียบการพฒั นาบนพน้ื ที่สูงในอดีตและปัจจุบัน ชมุ ชนที่ 4 บ้านพุระกา หมูท่ ่ี 6 ตาบลตะนาวศรี อาเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบรุ ี ประวัตคิ วามเป็นมา เดมิ มาอยพู่ ุระกา 4 หลงั คาเรอื น เม่ือปี พ.ศ.2509 ภมู ิประเทศ -อดตี ประชากรเพิม่ ข้นึ พืน้ ท่อี ยู่อาศัยคบั แคบ -ปัจจบุ นั ใช้ทรัพยากรนา้ มากขึ้น แหล่งนา้ ลดลง -แนวโน้ม/อนาคต แหล่งน้าธรรมชาตลิ ดลง ภูมิอากาศ -อดตี อากาศดี ไมร่ อ้ นมาก -ปัจจบุ นั อากาศร้อนมาก -แนวโน้ม/อนาคต สภาพอากาศจะเปลีย่ นแปลง รอ้ นมากขึ้น สภาพส่ิงแวดล้อมชุมชน -อดตี มีขยะ -ปัจจุบัน มีขยะเพ่มิ มากข้ึน -แนวโน้ม/อนาคต ไม่แน่ใจ โครงสรา้ งชุมชน - ผนู้ าชุมชน/บทบาท ปกครองแบบผสมผสาน - โครงสรา้ ง/จานวนประชากร 320 คน - กติกา/กฎ/ระเบียบชมุ ชน ห้ามขโมย จบั ไดป้ รบั 500 บาทและต้องชดใช้ด้วย อาณาเขตพ้ืนท่ตี ดิ ตอ่ ทิศเหนอื ติดกบั เทศบาลตาบลสวนผึ้ง อาเภอสวนผงึ้ จังหวัดราชบรุ ี ทศิ ใต้ ติดกับ ตาบลบา้ นคา ก่ิงอาเภอบา้ นคา จงั หวดั ราชบุรี ทิศตะวนั ออก ตดิ กับ ตาบลทา่ เคย อาเภอสวนผ้ึง จังหวัดราชบุรี ทศิ ตะวันตก ติดกบั เทือกเขาตะนาวศรี และสาธารณรฐั สงั คมนยิ มแห่งสหภาพเมียนมาร์ หน่วยงานราชการ ทหารพราน ทหารแกง่ (ป่าไม้) อาเภอ สภาพเศรษฐกิจ/อาชีพ - กลมุ่ อาชีพ ชาวนา - การเกษตรกรรม ปลกู แตง ถัว่ ฝกั ยาว ผักกาดแก้ว - แหล่งรายได้ ทอผา้ ปักผา้ จักรสาน - ศิลปหัตถกรรม ทอผา้ ปกั ผา้ จกั รสาน - รา้ นค้า/สินคา้ /ลานจาหน่ายสนิ ค้า มี 3 ร้านค้า สภาพสังคม - การศกึ ษา/สถานศกึ ษา โรงเรียนรจุ ิรพตั น์ ศูนย์เด็กเล็กหว้ ยน้าหนกั - ศาสนา/ความเช่ือ/ลทั ธิ นับถอื ศาสนาพทุ ธ/กนิ ไกป่ ระจาฤดู - ศาสนสถาน/สัญลักษณ์ ศาลาปฏิบัตธิ รรม 1 แหง่
การวิจยั การศึกษาเปรยี บเทยี บการพัฒนาบนพ้นื ที่สงู ในอดตี และปจั จบุ นั 381 - ความสัมพนั ธร์ ะบบเครือญาติ อาศัยอยู่เป็นระบบเครือญาติ มี 2 นามสกุล - อัตลักษณ์ความเป็นชนเผ่า มี 2 ชนเผา่ คอื โปร์ – ปกยอ - บคุ คลท่ยี ังไมม่ ีสญั ชาติไทย มี 10 คน สารวจใหม่ (ไม่คอ่ ยสนใจสทิ ธิตนเอง) การสาธารณสุข/สขุ ภาพคนในชมุ ชน - สภาวะสุขภาพกาย/ใจของราษฎรบนพนื้ ท่ีสงู สว่ นใหญม่ ีสขุ ภาพแข็งแรง - พฤติกรรม สขุ ภาพของประชาชน มักเป็นโรคปวดเอว ปวดขา ปวดเขา่ - โรคพ้ืนบา้ น/การรกั ษาพนื้ บ้าน ปวดขา ปวดเขา่ /ใชใ้ บพลับพลึงสนไฟประคบ - หมอพ้นื บา้ น หมอตาแย วัฒนธรรมชมุ ชน - วฒั นธรรมชนเผ่า มี 2 ชนเผ่า/กินขา้ วห่อ กนิ ไก่ - ประเพณีพนื้ บา้ น เลี้ยงเจา้ พอ่ ประจาปี - ศลิ ปะการแสดง ตะนา่ แคน - อาหาร สว่ นใหญห่ าจากแหลง่ ธรรมชาติ สภาวการณอ์ ่นื ๆ ท่ีเปน็ ประเดน็ ปญั หาของราษฎรบนพนื้ ทสี่ ูง -ไม่เอาใจใส่เร่อื งอนามัย ความสะอาด การบรโิ ภคอาหารในครวั เรือน -ไม่มคี วามใส่ใจดูแลบตุ ร จึงเกิดการเจบ็ ปว่ ย -ไม่มีระเบยี บวนิ ยั ไมร่ ักศกั ดศ์ิ รี ชอบและเชอื่ การบังคับ
382 การวจิ ยั การศกึ ษาเปรียบเทยี บการพฒั นาบนพ้ืนที่สูงในอดีตและปัจจบุ นั 3. ศนู ยพ์ ัฒนาราษฎรบนพื้นท่สี ูงจังหวัดเพชรบุรี ชมุ ชนที่ 5 บา้ นปา่ ละอู หมู่ที่ 3 ตาบลหว้ ยสัตว์ใหญ่ อาเภอหวั หนิ จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ ประวตั คิ วามเป็นมา เดิมเรียกว่าบ้านห้วยป่าเลา ตอ่ มาเพย้ี นมาเปน็ ป่าละอู ภมู ิประเทศ -อดีต พื้นท่ีป่ากับท่ีอยู่อาศัยเป็นพ้ืนท่ีเดียวกัน สามารถใช้ประโยชน์จากป่าได้อย่างแท้จริง -ปจั จุบัน มีความเปลีย่ นแปลงมาก เนื่องจากเกิดการอพยพย้ายถ่ินของคนไทยพื้นราบ และ การเขา้ มามีบทบาทของหนว่ ยงานภาครฐั การจากัดพน้ื ท่อี ยูอ่ าศยั บา้ นเรือนหนาแนน่ ป่าโล่งเตยี น ไม่มีร่มเงา -แนวโนม้ /อนาคต เกดิ การลุกลา้ เข้ามามากขึ้นของถนน หนว่ ยงานภาคตา่ งๆ ภมู อิ ากาศ -อดีต สภาพภูมิอากาศสดช่นื โรคทมี่ ีพร้อมกับสภาพอากาศไม่มี -ปจั จุบนั สภาพอากาศยังคงดอี ยู่ ไมม่ มี ลพษิ -แนวโน้ม/อนาคต สภาพอากาศอาจเปล่ียนแปลงไปแย่กว่าเดิม หากมีการบุกรุกของคน ไทยพน้ื ราบและโรงงานตา่ งๆของภาคเอกชน สภาพสงิ่ แวดลอ้ มชมุ ชน -อดีต การอยู่อาศัยเป็นแบบเอื้ออาทร และให้ความช่วยเหลือกันแบบไม่มีข้อแลกเปล่ียน โดยเฉพาะในชนเผา่ เดียวกนั -ปัจจุบัน การอยู่อาศัยแบบตัวใครตัวมัน ไม่มีการพ่ึงพากันเหมือนอดีต ให้ความสาคัญกับ วัตถุมากกว่าการให้ความเคารพผู้สูงอายุ ชุมชนมุ่งเน้นความเจริญของสภาพชุมชนให้ทัดเทียมกับ ชุมชนพื้นท่ีราบ -แนวโน้ม/อนาคต จะเป็นชุมชนเชิงเด่ียวมากขึ้น ขาดความเอื้ออาทรกันในหมู่ชาวเขา มุง่ เน้นเร่อื งปากท้องมากกวา่ เร่ืองสว่ นรวม โครงสร้างชมุ ชน - ผู้นาชุมชน/บทบาท ผู้นาทางจิตวิญญาณ ผู้นาทางศาสนา และผู้นาทางการ คือได้รับ เลอื กแบบประชาธปิ ไตย เพื่อเป็นผู้แทนให้กบั พี่น้องชนเผ่าในการตดิ ตอ่ สื่อสาร - โครงสรา้ ง/จานวนประชากร ประชากร ชาย 536 คน หญิง 227 คน - กติกา/กฎ/ระเบียบชุมชน การปลูกสร้างที่อยู่อาศัยต้องให้เกียรติผู้สูงอายุในหมู่บ้าน ปลูกสร้างทอ่ี ย่อู าศยั บรเิ วณเกินบ้านที่มีผู้สูงอายุอาศยั อยู่ อาณาเขตพน้ื ทต่ี ดิ ต่อ ทศิ เหนอื ตดิ กบั ต.ปา่ เด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบรุ ี ทิศใต้ ตดิ กับ ต.บงึ นคร อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทศิ ตะวันออก ติดกับ ต.หนองพลบั อ.หัวหนิ จ.ประจวบคีรขี นั ธ์ ทิศตะวนั ตก ติดตอ่ กบั ประเทศสาธารณรัฐสังคมนยิ มเมียนมาร์ หน่วยงานราชการ (ชื่อหน่วยงาน/สถานที่ต้ัง) องค์การบริหารส่วนตาบลห้วยสัตว์ใหญ่ และ ศูนยพ์ ัฒนาราษฎรบนพนื้ ทสี่ ูงจงั หวดั เพชรบุรี
การวจิ ัยการศึกษาเปรยี บเทียบการพัฒนาบนพื้นท่ีสงู ในอดีตและปจั จบุ นั 383 สภาพเศรษฐกิจ/อาชพี -กลุ่มอาชีพ อาชพี เกษตรกรรม และรับจ้าง การเกษตรกรรม มันสาปะหลัง สับปะรด กล้วย มะนาว เลี้ยงโคนม โคเน้ือ ปัจจุบันมีการ ขยายตัวของพืน้ ทปี่ ลกู ไรเ่ พิ่มขึน้ แหล่งรายได้ -อาชีพเกษตรกรรม และรับจา้ งศิลปหตั ถกรรม -ร้านค้า/สินค้า/ลานจาหน่ายสินค้า ร้านค้าท่ัวไป สาหรับร้านจาหน่ายผลิตภัณฑ์ของ ชาวเขาโดยตรงน้ันยังไม่มี จะมีโอกาสจาหน่ายสินค้าได้เฉพาะงานสาคัญหรือการออกงานร่วมกับ หน่วยงานราชการ สภาพสังคม -การศึกษา/สถานศึกษา โรงเรียนระดับประถมศึกษา จานวน 3 แห่ง และโรงเรียนระดับ มัธยมศึกษา จานวน 1 แหง่ -ศาสนา/ความเช่ือ/ลัทธิ นับถือ 2 ศาสนา คือ ศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์ ยังมีบางส่วน ทนี่ ับถอื ผแี ละผู้นาทางความเช่ือ -ศาสนสถาน/สญั ลกั ษณ์ มที ง้ั วัด และศาสนจักร -ความสัมพันธ์ระบบเครือญาติ ระบบเครือญาติพ่ีน้องเริ่มมีความห่างไกลกันมากขึ้น เนอ่ื งจากมีการย้ายถนิ่ ฐานทางานลงมาสู่พ้นื ท่ีราบ จะมกี ารรวมตัวกันไม่เกินปีละ 1 ครง้ั ยกเวน้ กรณีที่ มีงานสาคญั ของครอบครวั เช่น งานศพ งานบุญ -อตั ลักษณค์ วามเปน็ ชนเผา่ ภาษากระเหรี่ยง -บุคคลท่ียังไม่มีสัญชาติไทย ประมาณ 200 - 300 คน เน่ืองจากตกสารวจเมื่อหน่วยงานรฐั เขา้ มาสารวจ การสาธารณสุข/สขุ ภาพคนในชุมชน -สภาวะสขุ ภาพกาย/ใจของราษฎรบนพืน้ ท่ีสูง ปกติ -พฤติกรรม สุขภาพของประชาชน ยังคงมีความเชื่อเดิมด้านการรักษาโรค แต่ปัจจุบัน หน่วยงานต่างๆพยายามรณรงค์ให้ความรูเ้ รื่องโรคภยั และสาธารณสขุ พ้ืนฐาน โรคพ้ืนบ้าน/การรักษา พนื้ บา้ น เน่ืองจากมีวิวัฒนาการทางการแพทยเ์ ข้ามาในชมุ ชน ทาใหโ้ รคตา่ งๆ ลดน้อยลง -สมุนไพรพน้ื บ้าน พชื ผกั สวนครัวทวั่ ไป ปลกู เองตามบ้านเรอื น ได้แก่ ขา่ ตะไคร้ ใบกระเพรา -หมอพ้ืนบา้ น ปัจจบุ นั ไมม่ หี มอพน้ื บา้ น วฒั นธรรมชมุ ชน -วัฒนธรรมชนเผ่า 1 ชนเผ่า ปจั จบุ ันเรมิ่ ลดนอ้ ยลง คอื การแตง่ กาย -ประเพณีพื้นบ้าน ประเพณไี หว้พระจันทร์ งานศพ -ศลิ ปะการแสดง การราแคน เลน่ ชว่ งงานศพแต่ต้องไมใ่ ห้ดูสนุกสนานเกนิ งาม -การแต่งกาย ชุดมี 2 แบบ คือ ชดุ ยาว และชดุ เสื้อและผ้าหางลวดลายของเส้ือ -อาหาร นา้ พรกิ ตะลา่ วี หลามบอน
384 การวิจยั การศกึ ษาเปรียบเทียบการพัฒนาบนพน้ื ท่ีสงู ในอดตี และปจั จบุ ัน สภาวการณ์อื่นๆ ที่เป็นประเด็นปัญหาของราษฎรบนพน้ื ทีส่ งู -พ้ืนท่ี เนื่องจากปัจจุบันอุทยานตีรกรอบเรื่องพ้ืนที่ ทาให้ไม่สามารถเข้าไปหากินหรือเก็บ ผลผลิตในปา่ ได้ นอกจากนีย้ ังเปน็ เร่ืองการสรา้ งท่อี ยอู่ าศัยด้วย -ไม่มีผู้สบื ทอดดา้ นวฒั นธรรม
การวิจยั การศึกษาเปรยี บเทียบการพฒั นาบนพนื้ ที่สงู ในอดีตและปัจจบุ ัน 385 ชมุ ชนท่ี 6 บ้านป่าเด็งใต้ หมู่ 6 ตาบลปา่ เด็ง อาเภแกง่ กระจาน จงั หวดั เพชรบรุ ี ประวัติความเป็นมา ตาบลป่าเด็งแยกจากตาบลสองพ่ีน้องเม่ือ ธันวาคม 2531 ที่มาของชื่อ ตาบลป่าเด็ง เน่ืองจากเม่ือก่อนมีป่าเต็งรังข้ึนท่ัวไป ราษฎรพื้นท่ีเดิมเป็นชาวไทยภูเขาเผ่ากะหรี่ยง เรียกบริเวณนี้ว่าป่าเต็ง แต่ออกเสียงภาษาไทยไม่ชัด เมื่อทางราชการสอบถามข้อมูลจึงออกเสียงจาก ปา่ เต็ง เปน็ ปา่ เด็ง ภมู ิประเทศ -อดีต มีต้นไม้มากกว่าปัจจุบัน ไม่มีการอพยพของคนไทยพื้นราบ อยู่อาศัยแบบบ้านใกล้ เรือนเคียง มีอะไรแบ่งปันกัน พึ่งพาอาศัยซ่ึงกันและกัน และเป็นพื้นที่ภูเขาอย่างแท้จริง สามารถ อาศัยพ้ืนทต่ี รงไหนกไ็ ด้ ไมม่ กี ารจากดั พน้ื ที่ -ปัจจุบัน มีความเปลี่ยนแปลงมาก เน่ืองจากเกิดการอพยพย้ายถิ่นของคนไทยพื้นราบ และการเขา้ มามีบทบาทของหนว่ ยงานภาครฐั ทาใหม้ กี ารกาจดั พนื้ ท่ีอยูอ่ าศยั -แนวโน้ม/อนาคต สภาพความเป็นอยู่ไม่เปล่ียนไปจากปัจจุบันมากนัก เน่ืองจากปัจจุบัน ล้อมกรอบจากหน่วยงานภาครัฐไม่สามารถทาอะไรได้อย่างอิสระ และการอพยพของคนไทยพ้ืนราบ จะมีแนวโน้มเพม่ิ ข้นึ จนบดบงั ความเป็นพ่นี อ้ งชาวเขา ภมู อิ ากาศ -อดีต อากาศบริสุทธิ์ ไม่มีมลพิษทางอากาศ หายใจได้อย่างเต็มปอด มีต้นไม้มากมาย และ มี 3 ฤดกู าล -ปัจจุบัน สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไป อาจจะไม่ร้อนเท่ากับคนพ้ืนราบ แต่ความเป็น ฤดกู าลจะไม่ชัดเจนเทา่ กบั ในอดตี -แนวโน้ม/อนาคต ปัจจุบันภาครัฐเข้ามามีบทบาทมากข้ึนในการดูแลป่า สภาพอากาศ อาจไม่มกี ารเปลี่ยนแปลงมากนกั สภาพส่ิงแวดลอ้ มชุมชน -อดีต การอยู่อาศัยเป็นแบบครอบครัวใหญ่ในเน้ือท่ีเดียวกัน การปลูกบ้านเรือนเป็นแบบ เครือญาติ โดยมีผู้อาวุโสเป็นหลักของบ้าน ให้ความเคารพผู้สูงอายุ และผู้นาชุมชนคือผู้อาวุโสท่ีได้รับ ความนับถือจากชาวบา้ นท่วั ไปในพนื้ ท่ี -ปัจจุบัน การอยู่อาศัยแบบตัวใครตัวมัน ไม่มีการพึ่งพากันเหมือนอดีต ให้ความสาคัญกับ วัตถุมากกว่าให้ความเคารพผู้สูงอายุ ชุมชนมุ่งเน้นความเจริญของสภาพชุมชนให้ทัดเทียมกับชุมชน พื้นท่รี าบ -แนวโน้ม/อนาคต จะเป็นชุมชนเชิงเด่ียวมากขึ้น ขาดความเอ้ืออาทรกันในหมู่ชาวเขา มุ่งเนน้ เร่อื งปากท้องมากกว่าเร่ืองส่วนรวม โครงสร้างชุมชน -ผนู้ าชุมชน/บทบาท ผู้นาทางจติ วิญญาณ ผู้นาทางศาสนา และผูน้ าทางการ คือไดร้ ับเลือก แบบประชาธิปไตย เพอ่ื เป็นผแู้ ทนให้กบั พ่ีน้องชนเผา่ ในการติดต่อสื่อสาร -โครงสรา้ ง/จานวนประชากร ประชากร ชาย 1,165 คน หญงิ 1,074 คน
386 การวิจยั การศกึ ษาเปรียบเทียบการพฒั นาบนพืน้ ทส่ี งู ในอดีตและปัจจบุ ัน -กติกา/กฎ/ระเบียบชมุ ชน ใช้เรื่องของความเช่ือของชนเผา่ เป็นเครื่องมือในการอยู่ร่วมกัน เพื่อให้เกิดความสงบเรยี บร้อย อาณาเขตพนื้ ที่ตดิ ตอ่ ทิศเหนอื ติดกบั ตาบลหว้ ยแมเ่ พรียง อาเภอแกง่ กระจาน จังหวดั เพชรบรุ ี ทศิ ใต้ ตดิ กบั ตาบลหว้ ยสัตย์ใหญ่ อาเภอหัวหิน จังหวดั ประจวบคีรขี ันธ์ ทศิ ตะวนั ออก ติดกับ ตาบลเขากระปุก อาเภอทา่ ยาง จังหวดั เพชรบุรี ทศิ ตะวันตก ติดกับ ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเมยี นมาร์ หน่วยงานราชการ องค์การบริหารส่วนตาบลป่าเด็ง หน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ ศูนย์ การศกึ ษานอกโรงเรียน และศนู ยพ์ ฒั นาราษฎรบนพนื้ ที่สูงจังหวัดเพชรบุรี สภาพเศรษฐกิจ/อาชีพ -กลมุ่ อาชพี อาชพี เกษตรกรรม และรับจา้ ง -การเกษตรกรรม สับปะรด กล้วย มะนาว เลี้ยงโคนม โคเนื้อ ปัจจุบันมีการขยายตัวของ พนื้ ท่ีปลกู ไรเ่ พม่ิ ข้ึน -แหล่งรายได้ อาชพี เกษตรกรรม และรับจ้าง -ศลิ ปหัตถกรรม -ร้านค้า/สินค้า/ลานจาหน่ายสินค้า ร้านค้าทั่วไป สาหรับร้านจาหน่ายผลิตภัณฑ์ของ ชาวเขาโดยตรงนน้ั ยังไม่มี จะมโี อกาสจาหนา่ ยสินคา้ ไดเ้ ฉพาะงานสาคญั หรือการได้ไปออกงานร่วมกับ หน่วยงานราชการ สภาพสังคม -การศึกษา/สถานศึกษา โรงเรียนระดับประถมศึกษา จานวน 3 แห่ง และโรงเรียนระดับ มัธยมศึกษา จานวน 1 แหง่ -ศาสนา/ความเชื่อ/ลัทธิ นับถือ 2 ศาสนา คือ ศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์ ยังมีบางส่วน ท่นี ับถือผีและผนู้ าทางความเชือ่ -ศาสนสถาน/สัญลกั ษณ์ 5 โบสถ์ 2 วดั -ความสัมพันธ์ระบบเครือญาติ ระบบเครือญาติพี่น้องเร่ิมมีความห่างไกลกันมากขึ้น เนื่องจากมีการย้ายถน่ิ ฐานทางานลงมาสู่พ้นื ท่รี าบ จะมีการรวมตัวกันไม่เกนิ ปีละ 1 ครัง้ -อตั ลกั ษณ์ความเป็นชนเผา่ เคร่อื งแตง่ กายและภาษากะเหรีย่ ง -บุคคลท่ียังไม่มีสัญชาติไทย ประมาณ 400 คน เนื่องจากตกสารวจเมื่อหน่วยงานรัฐเข้ามา สารวจ การสาธารณสุข/สุขภาพคนในชุมชน -สภาวะสขุ ภาพกาย/ใจของราษฎรบนพ้นื ทีส่ ูง ปกติ -พฤติกรรม สุขภาพของประชาชน ยังคงมีความเชื่อเดิมด้านการรักษาโรค แต่ปัจจุบัน หน่วยงานต่างๆพยายามรณรงค์ให้ความรู้เร่อื งโรคภยั และสาธารณสุขพืน้ ฐาน -โรคพื้นบ้าน/การรักษาพ้ืนบ้าน เนื่องจากมีวิวัฒนาการณ์ทางการแพทย์เข้ามาในชุมชน ทา ใหโ้ รคต่างๆ ลดน้อยลง
การวิจัยการศกึ ษาเปรยี บเทียบการพัฒนาบนพื้นที่สงู ในอดีตและปัจจุบัน 387 -สมนุ ไพรพน้ื บา้ น พืชผกั สวนครวั ทั่วไป ปลูกเองตามบ้านเรอื น ไดแ้ ก่ ขา่ ตะไคร้ ใบกระเพรา -หมอพื้นบา้ น ปัจจบุ นั ไมม่ หี มอพนื้ บ้าน วฒั นธรรมชุมชน -วัฒนธรรมชนเผ่า 1 ชนเผา่ ปจั จุบนั เรม่ิ ลดนอ้ ยลง คือ การแต่งกาย -ประเพณพี นื้ บา้ น ประเพณไี หว้พระจนั ทร์ -ศิลปะการแสดง การรากระทบไม้ ลาตง ผูเ้ ลน่ คือชายวยั ฉกรรจ์ เล่นชว่ งท่ีมงี านร่นื เรงิ -การแตง่ กาย ชดุ มี 2 แบบ คือ ชุดยาว และชดุ เสื้อและผา้ หางลวดลายของเส้ือ -อาหาร นา้ พริก ตะล่าวี หลามบอน ใบหมานอ้ ยและนา้ พรกิ กะเหรย่ี ง สภาวการณ์อนื่ ๆ ทเ่ี ปน็ ประเด็นปัญหาของราษฎรบนพนื้ ท่ีสงู เนื่องจากปัจจุบันอุทยานตีกรอบในเร่อื งพ้ืนท่ี ทาให้ไม่สามารถเข้าไปหากินหรือเก็บผลผลติ ในปา่ ได้ นอกจากนีย้ งั เปน็ เร่อื งจากดั ขอบเขตการสรา้ งท่อี ยู่อาศยั ดว้ ย
388 การวจิ ัยการศกึ ษาเปรยี บเทยี บการพัฒนาบนพนื้ ที่สูงในอดีตและปจั จบุ ัน 4. ศูนย์พฒั นาราษฎรบนพ้นื ที่สงู จังหวัดกาแพงเพชร ชุมชนท่ี 7 บ้านม้งโล๊ะโค๊ะ หมทู่ ี่ 10 ตาบลโกสัมพี อาเภอโกสัมพีนคร จังหวัดกาแพงเพชร ชมุ ชนที่ 8 บา้ นกะเหรยี่ งโละ๊ โคะ๊ ตาบลโกสมั พี อาเภอโกสัมพนี คร จงั หวัดกาแพงเพชร ขอ้ มูลพ้นื ฐาน บา้ นโละโคะ ปจั จุบันอยู่หมู่ท่ี 10 ตาบลโกสมั พี อาเภอโกสมั พนี คร จังหวัดกาแพงเพชร เดมิ ตั้งอยู่ท่ี 15 ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดกาแพงเพชร ต้ังอยู่ท่ีพิกัด N.U. 163166 ระวาง 4841 IV ระดบั ความสูงประมาณ 500 เมตร บา้ นโละโคะ ก่อต้งั เมอ่ื ปี พ.ศ. 2180 เร่มิ ตัง้ ชื่อหมู่บ้านโละโคะ เม่ือ พ.ศ. 2348 โดยขณะน้นั เป็นชุมชนกะเหรี่ยง และมีบ้านผู้ใหญ่ นายหวังชัว แซ่โซ้ง ซึ่งเป็นชุมชนม้ง อยู่ห่างจากบ้านโละโคะ ปัจจุบันไปทางทิศตะวันตกประมาณ 4 กิโลเมตร ต่อมาปี พ.ศ. 2510 เกิดการแทรกซึมของพรรค คอมมิวนสิ ต์ในหมบู่ ้านชาวเขารวมถึงบา้ นของผูใ้ หญ่หวงั ดว้ ย ทาใหช้ าวบ้านในหมู่บ้านไดร้ บั ผลกระทบ จนชาวบ้านไม่สามารถอยู่ได้ ซ่ึงขณะน้ันผู้ใหญ่ได้เสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคชรา จึงมีนายท่อ แซ่ม้า เป็น ผูน้ าหมบู่ ้านคนตอ่ มา และไดพ้ าลูกบ้านอพยพเพื่อหนภี ัยคอมมวิ นสิ ต์มาอยู่กับรัฐบาลไทย ท่ีบา้ นคลอง ลาน อาเภอคลองลาน จังหวัดกาแพงเพชร ในระหว่างการเดินทางผ่านบ้านโละโคะ ได้พบปะกับนาย พาตุ๊ รักชาติ ซึ่งเป็นผู้นาชุมชนกะเหร่ียงบ้านโละโคะ ได้ปรึกษาหารือกับนายพาตุ๊ และได้ตกลงให้ ชาวบ้านของผู้ใหญ่หวังชัว แซ่โซ้ง มาอยู่ร่วมกับบ้านโละโคะ เพื่อร่วมกันต่อสู้และผลักดันผู้ไม่หวังดีที่ จะเข้ามาคุกคามในหมู่บ้าน และประเทศชาติ จึงทาให้หมู่บ้านโละโคะอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ โดย บา้ นโละโคะเปน็ หมบู่ ้านชาวไทยภูเขาท่ีอาศยั อยู่ดว้ ยกัน 2 เผา่ ตั้งแตน่ น้ั เป็นต้นมา คือ 1. บ้านกะเหรี่ยง โละโคะ (ปาเกอะญอ) จานวน 68 ครัวเรือน 72 ครอบครัว และมี ประชากร 298 คน 2. บ้านม้ง โละโคะ จานวน 58 ครัวเรือน 62 ครอบครัว มีจานวนประชากร 251 คน รวม ทัง้ หมด 549 คน บ้านโละโคะ เรม่ิ ก่อนตงั้ เมอ่ื ปี พ.ศ. 2348 โดย 1. นายจอยะ รักชาติ เปน็ ผู้ใหญบ่ ้านคนแรก 2. นายเกวา รักชาติ พ.ศ. 2403 3. นายนแุ ฮ รกั ชาติ พ.ศ. 2456 4. นายพาตุ๊ รกั ชาติ พ.ศ. 2492 5. นายแลโพ รักชาติ พ.ศ. 2528 6. นายบัญญัติ จันทร์ครี รี ุ่ง พ.ศ. 2535 7. นายส้า แสนซงุ้ พ.ศ. 2554 8. นายธนพัต วัฒนาธัญพิศษิ ฐ์ พ.ศ. 2555 – ปัจจบุ ัน
การวิจยั การศกึ ษาเปรยี บเทียบการพัฒนาบนพน้ื ทส่ี งู ในอดตี และปจั จุบนั 389 ขอ้ มูลด้านอนรุ ักษธ์ รรมชาติ ชาวบ้านโละโคะยืนยันและสามารถพิสูจน์ได้ว่า มีความตั้งใจอย่างแรงกล้าในการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ทาลายป่า นอกจากพื้นท่ีทากินแต่เดิมท่ีอยู่รอบๆ หมู่บ้านอีกทั้งยังปกป้อง บุคคลภายนอกท่ีจะมาทาลายป่า ยังส่งผลให้บริเวณบ้านโละโคะมีป่าอุดมสมบูรณ์มาก และยังมีสัตว์ ป่ารอบๆ หมู่บ้าน เช่น ชะนี นก เก้ง กวาง กวางผา หมูป่า ลิง ค่าง ตะกวด กระรอก ฯลฯ ชาวบ้าน โละโคะ พร้อมทจ่ี ะเป็นพลเมืองท่ีดี สามารถสังเกตได้จากมองไปรอบๆ หมู่บ้านจะเหน็ ต้นไม้เขียวชอุ่ม ซึ่งบ่งบอกถงึ ความอุดมสมบรู ณ์ด้วยเสียงสตั ว์ป่านานาชนดิ ในหม่บู ้านแห่งนี้ ข้อมูลด้านอาชีพ ชาวบ้านโละโคะส่วนใหญป่ ระกอบอาชีพ ทาไร่ ทานา (นาดา) ทาสวน และเลีย้ งสตั ว์ เช่น ววั ควาย หมู เป็ด ไก่
390 การวิจยั การศกึ ษาเปรยี บเทยี บการพฒั นาบนพ้นื ที่สูงในอดตี และปัจจบุ ัน 5. ศนู ยพ์ ัฒนาราษฎรบนพ้ืนทส่ี งู จงั หวัดอทุ ัยธานี ชมุ ชนท่ี 9 บ้านอมี าดอที ราย ตาบลบา้ นไร่ อาเภอบ้านไร่ จงั หวดั อทุ ัยธานี ประวัตคิ วามเป็นมาของชุมชน บ้านอมี าดอีทรายเปน็ หมูบ่ า้ นแรกท่มี าต้ังในตาบลแกน่ มะกรูด เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ก่อต้ังมาประมาณ 130 ปี โดยชาวกะเหรี่ยงเข้ามาล่าสัตว์ในบริเวณบ้านอีมาด อีทราย เหน็ ความอุดมสมบรู ณท์ ้ังสัตว์ป่า แหลง่ นา้ เหมาะสมกับการเพาะปลูก จงึ ชกั ชวนกันอพยพมา ตั้งถ่ินฐานท่ีในบริเวณน้ีประมาณ ปี พ.ศ. 2433 จากน้ันคนจากหมู่บ้านอื่นก็อพยพมาเร่ือยๆ เข้ามา เป็นกลุ่มๆ บางครอบครัวมาจากจังหวัดกาญจนบุรี บางครอบครัวมาจากจังหวัดตาก และบาง ครอบครัวมาจากจังหวัดสุพรรณบุรี บ้านอีมาดอีทรายมีสามกลุ่มบ้าน คือ กลุ่มบ้านอีมาด กลุ่มบ้านอี ทราย และกล่มุ บา้ นเจา้ วดั โดยมีท่มี าดังต่อไปนี้ กลุ่มบ้านอีมาด คาว่าอีมาดมีความเป็นมาคือ มีต้นผึ้งต้นหน่ึงที่ขึ้นอยู่ในกลุ่มบ้านอีมาดซึ่งมี ลักษณะ ต้นคดคล้ายคอม้า เป็นต้นเสลยี งทผี่ ้ึงมาทารงั ประจาปีทุกปี เดิมมีชาวมอญได้เดินทางมาจาก จังหวัดกาญจนบุรี มีดีผ้ึงท่ีขึ้นอยู่บนต้นผึ้งท่ีเป็นต้นเสลียงน้ี ช่วงน้ัน เวลาน้ันยังไม่มีชนกลุ่มใดมาตั้ง อาศัยอยู่บริเวณต้นผึ้งต้นน้ี ต่อมา เมื่อปี พ.ศ. 2433 ได้มีชาวกะเหร่ียง ซ่ึงได้เดินทางมาจากหมู่บ้าน ห้วยคต (ปัจจุบันเป็นอาเภอห้วยคต) ได้มาตั้งถ่ินฐานอยู่ในหมู่บ้านอีมาดชาวกะเหรี่ยงกลุ่มน้ีตั้ง บ้านเรือนและ ไดข้ ยายครอบครวั เพิม่ ขึ้นและไดเ้ รียกตน้ ผึ้งที่เป็นต้นเสลยี งนี้วา่ อิมะ อิ แปลว่า ผู้หญิงซึ่งเป็นนางไม้ที่อาศยั อยูก่ ับตน้ ผ้งึ ต้นนี้ มะ แปลวา่ ต้นผง้ึ ต้นเสลยี ง ทม่ี ลี ักษณะลาตน้ คลา้ ยคอมา้ รวมเรียกวา่ อิมะ ปัจจุบันมีการเพย้ี นในการออกเสยี ง เปน็ อีมาด กล่มุ บา้ นอีทราย ได้มาตง้ั ถน่ิ ฐาน ประมาณ 113 ปี โดยชาวละวา้ ไดม้ าตง้ั ถ่นิ ฐานอยกู่ ่อน ตอ่ มา ชาวละวา้ ทบ่ี า้ นอีทรายไดอ้ พยพครอบครัวไปตัง้ ถิ่นฐานท่ีบา้ นบงุ่ (ปัจจบุ ันอยใู่ นตาบลหว้ ยแห้ง) ชาวกะเหร่ียง ท่ีบ้านอีมาดส่วนหนึ่ง ได้ขยายครอบครัวออกมาได้ทาไร่เล่ือนลอยที่บ้านอีทราย และได้อพยพ ครอบครัวจากบ้านอีมาดบางสว่ นมาต้งั ถนิ่ ฐานอยู่ที่บ้านอีทรายและไดอ้ าศัยตน้ ผ้ึง ซงึ่ เปน็ ตน้ ไทรท่มี ีลา ต้นสูงใหญ่ มีผึง้ มาทารังทุกปี ชาวกะเหร่ยี งเหล่าน้ีได้อาศยั ตน้ ไทรเป็นที่ประกอบพิธีกรรมต่างๆ และ ไดเ้ รียกตน้ ไทรนวี้ ่า ต้นไทรสูง และมีความเชือ่ ว่าตน้ ไทรต้นน้ีเปน็ ตน้ ไทรท่ีมนี างไม้อยู่ จึงเรียกต้นไทรน้ี วา่ อิไทร อิ แปลว่า ผู้หญงิ ซ่ึงเปน็ นางไมท้ ี่อาศัยอยกู่ ับต้นผ้ึงตน้ น้ี ไทร แปลวา่ ต้นไทร รวมเรยี กว่า อิไทร ปัจจุบันมีการเพี้ยนในการออกเสยี ง เปน็ อีทราย กลุ่มบ้านเจ้าวัด (ยางแดง) เดิมได้ต้ังถิ่นฐานอยู่ที่บ้านเจ้าวัด (ตาบลเจ้าวัดปัจจุบันน้ี) และส่วน หนึ่งอยทู่ ี่หมบู่ า้ นหว้ ยคต (อาเภอหว้ ยคต) ได้อพยพจากบ้านเจ้าวัดและบา้ นห้วยคต มาต้ังถิน่ ฐานอยู่ที่ บ้าน อีทรายก่อน เนอ่ื งจากพน้ื ที่ทากินท่บี ้านอีทรายมีจานวนจากัดและพ้นื ท่สี ว่ นใหญล่ ้อมรอบด้วย ภูเขาสูง กลุ่มบ้านเจ้าวัดเหล่าน้ีได้อพยพไปอยู่ท่ีบ้านยางแดง (บ้านเจ้าวัดปัจจุบัน) ซึ่งห่างจากบ้านอี มาดอีทรายประมาณ 9 กิโลเมตร คาว่ายางแดง หมายถึง กลุ่มบ้านเจ้าวัดท่ีอพยพใหม่ มีต้นไม้ชนิด หนึ่งอยู่ในบริเวณที่ต้ังบ้านเรือนอยู่เป็นจานวนมาก คือต้นยางแดง ชาวบ้านเจ้าวัดนาต้นไม้ยางแดง
การวิจยั การศกึ ษาเปรียบเทยี บการพัฒนาบนพ้ืนทส่ี ูงในอดีตและปัจจบุ นั 391 เจาะเอานา้ มันยางแดงทาเป็นน้ามันข้ีไตโ้ ดยผสมกบั ไมเ้ กา่ ๆ ทน่ี ามาจุดเป็นขี้ไต้ ต่อมาบา้ นยางแดงมีผู้นา ช่ือนายตองโพ่ เจะเละ นงุ่ ขาวหม่ ขาว และอบรมส่ังสอนจนชาวบา้ นยางแดงนับถือและต้ังใจใหเ้ ป็นผู้นา กลุ่มบ้าน การนุ่งขาว ห่มขาว ไว้ผมยาว โพกด้วยผ้าขาวไปทั้งบ้านยางแดง ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ (ผูช้ าย) และมกี ฎว่า “จะไม่ดืม่ ของมึนเมา จะทาแตค่ วามดี มคี วามสงบสขุ ไม่เบียดเบียนใคร” และได้ เรียกผูน้ านว้ี ่า “เจ้าวดั ” ซึง่ แปลว่า ฤาษีหม่ ขาว ปจั จุบนั เรยี กวา่ กลุ่มบา้ นเจ้าวดั (ยางแดง) ภมู ปิ ระเทศ (สารวจสงั เกตบนั ทกึ ข้อมลู เก่ยี วกบั สภาพพ้ืนที่ สภาพภูมศิ าสตรข์ องชมุ ชน) -อดีต (ช่วง 5 ปี ท่ีผ่านมา) มีเน้อื ทปี่ ระมาณ 1,500 ไร่ แบ่งเป็นเขตป่าภูเขา และเขตท่ีทา อาชีพ และท่ีอยู่อาศัย โดยเขตป่าภูเขาจะเป็นพ้ืนที่ราบเอียง เป็นภูเขาเกือบทั้งหมดเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ มีป่าไม้หนาแน่นและต้นไผ่หลายชนิด และมีต้นไม้ใหญ่จานวนมาก ลักษณะดินในบริเวณ ภูเขาจะเป็นดินดาเป็นส่วนใหญ่ เขตการทาอาชีพ ส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณรอบๆ ท่ีพักอาศัย มีต้นไม้ ใหญ่ เพียงเล็กน้อยลักษณะพ้ืนท่ีราบเอียง ดินมีลักษณะเป็นดินดาผสมดินแดงพ้ืนที่ประกอบอาชีพมี ประมาณ 400 ไร่ และเขตที่อยู่อาศัย จะมีต้นไม้ผลยืนต้นอยู่พอสมควร ดินมีลักษณะเป็นดินแดงผสม ทรายพนื้ ที่ประมาณ 100 ไร่ -ปัจจุบัน (สภาวะปัจจุบันช่วง 5 ปี นี้) ลักษณะพื้นท่ีเหมือนเดิมแต่เขตป่าภูเขามีเนื้อท่ี ลดลงต้นไม้ใหญ่ลดปริมาณลง เขตประกอบอาชีพ มีเน้ือท่ีเพิ่มมากขึ้นประมาณ 10% เนื่องจากมีการ ขยายพื้นท่ีทากินข้ึนไปบนภูเขาต้นไม้ใหญ่บริเวณรอบลดลงและเขตท่ีอยู่อาศัยเพิ่มมากข้ึนเนื่องจากมี การขยายครอบครัวเพ่ิมมากข้ึน -แนวโน้ม / อนาคต (สภาวการณ์ต่อจาก 5 ปี ปัจจุบัน) คาดว่าพ้ืนที่ป่าจะเพิ่มมากขึ้น เน่ืองจากปัจจุบันมีการรณรงค์จากทุกภาคส่วนในการอนุรักษ์ป่าพ้ืนท่ีในการประกอบอาชีพจะมีต้นไม้ ยืนต้นเพิ่มมากขึ้นจะเป็นไม้จาพวกไม้ผลยืนต้นและต้นยางพาราและเขตที่อยู่อาศัยจะมี จ านวน บา้ นเรือนเพิ่มมากขึน้ ภมู อิ ากาศ -อดตี (ชว่ ง 5 ปี ทผี่ ่านมา) มลี ักษณะอากาศคล้ายกับภาคเหนือของประเทศไทย มี 3 ฤดู ไดแ้ ก่ ฤดรู ้อน ฤดฝู น และฤดูหนาว โดยอณุ หภมู แิ ต่ละปใี นแต่ละฤดูไม่เทา่ กัน -ปัจจุบัน (สภาวะปัจจุบันช่วง 5 ปี นี้ ) ลักษณะอากาศจะยังคงคล้ายกับภาคเหนือของ ประเทศไทยแต่ในช่วงกลางวันของฤดูร้อนจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 30 องศา ช่วงกลางคืน อุณหภมู ิสูงสดุ ประมาณ 23 องศา -แนวโน้ม / อนาคต (สภาวการณ์ต่อจาก 5 ปี ปัจจุบัน) คาดว่าอุณหภมู ิชว่ งกลางวนั จะมี อุณหภูมิสูงข้ึนตามสภาพอากาศของโลก แต่อุณหภูมิช่วงกลางคืนและช่วงเช้าจะยังคงเหมือนกับทาง ภาคเหนือเชน่ เดิม สภาพแวดลอ้ มชมุ ชน -อดีต (ช่วง 5 ปี ท่ีผ่านมา) บ้านเรือนที่พัก เดิมบ้านจะทาด้วยไม้ไผ่ ฝากหลังคามุงแฝก , วัดเดิมจะสร้างจากไม้ และไม้ไผ่,เจดีย์เจ้าวัดก็ทาจากทรายและไม้ไผ่เช่นเดียวกัน แหล่งน้าเดิมใช้น้า ตามธรรมชาตเิ ช่นลาธาร หว้ ยหนอง บงึ
392 การวจิ ยั การศกึ ษาเปรียบเทยี บการพฒั นาบนพน้ื ท่ีสงู ในอดตี และปจั จุบัน -ปัจจุบัน (สภาวะปัจจุบันช่วง 5 ปี น้ี ) บ้านเรือนท่ีพักจะปรับเปลี่ยนเป็นบ้านครึ่งไม้ ครึ่งปูน หลังคามุงสังกะสีหรือกะเบื้อง วัดเร่ิมเปล่ียนจากไม้เปน็ ปูนบางส่วน เจดีย์เจ้าวดั ยังคงวสั ดุเดมิ แหล่งนา้ มีการเปลย่ี นมาใช้นา้ ประปา มกี ารสร้างฝายกักเก็บนา้ ขุดสระเพอ่ื กกั เก็บนา้ ในพนื้ ท่ี -แนวโน้ม/อนาคต (สภาวการณ์ต่อจาก 5 ปี ปัจจุบัน) คาดว่าบ้านเรือนท่ีพักแบบด้ังเดิม จะเริ่มนอ้ ยลงเน่ืองจากวัสดุไม่คงทนถาวรเพราะไม่มีการยา้ ยถิ่นฐานเหมือนเก่าจึงมีการสรา้ งบ้านแบบ ถาวรจากปูนและไมม้ ากขึ้น โครงสรา้ งชุมชน -ผู้นาชุมชน (ท้ังผู้นาตามธรรมชาติและผู้นาแบบทางการ) ผู้นาทางธรรมชาติคือเจ้าวัด, มรรคทายก ผ้นู าแบบทางการคือผู้ใหญ่บ้าน -โครงสรา้ ง จานวนประชากร จานวน 139 หลงั คาเรือน ประชากร 557 คน -กติกา/กฎ/ระเบียบชุมชน ห้ามบุกรุกป่าเพ่ือทาที่ทากินหากฝ่าฝืนจะถูกขับไล่ออกจาก หมบู่ ้าน อาณาเขตพื้นทต่ี ดิ ตอ่ ทศิ เหนือ ติดกบั ตาบลเจ้าวดั อาเภอบ้านไร่ จังหวัดอทุ ยั ธานี ทศิ ใต้ ตดิ กับตาบลวังยาว อาเภอดา่ นชา้ ง จังหวัดสพุ รรณบรุ ี ทิศตะวันออก ติดกับตาบลบ้านไร่ อาเภอบา้ นไร่ จงั หวัดอุทัยธานี ทิศตะวันตก ติดกับหมทู่ ่ี 3 ตาบลแก่นมะกรูด อาเภอบา้ นไร่ จังหวดั อทุ ยั ธานี หน่วยงานราชการ โรงเรียนบ้านอีมาดอีทราย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบ้านใหม่คลองอังวะ หมวดการทางบ้านไร่ หน่วยทหารพรานที่ 35 ทบ.ขอใช้พ้ืนที่ฯ และศูนย์พัฒนาราษฎรบนพ้ืนท่ีสูง จงั หวัดอทุ ัยธานี สภาพเศรษฐกิจ -กล่มุ อาชีพหลักของคนในชุมชน เกษตรกรรม -การเกษตรกรรม (มีอะไรบ้าง/สถานสภาพความเข็มแข็งเป็นอย่างไร่) ทาไร่ ปลูกข้าวไร่ พริก ข้าวโพด ฟักทอง มีบางส่วนทาสวนผลไม้ เช่นลาไย กล้วย ส้ินจ่ี และบางส่วนปลูกยางพารา การเพาะปลูกต่างๆ ส่วนมากเพื่อการบริโภคภายในครอบครัว หากมีมากเหลือกิน จึงนาไปจาหน่าย เพื่อเพ่ิมรายได้ให้แก่ครอบครัว ปัจจุบันเริ่มมีการปลูกข้าวโพด ยางพาราเพื่อจาหน่ายจึงเร่ิมมีปัญหา เรื่องขายไม่ไดร้ าคาหรือขาดทนุ -แหล่งรายได้ (ระบุแหล่งท่ีมาของรายได้รวมในชุมชน) การขายผลผลิตทางการเกษตรและ การขายผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตร, การขายผลิตภัณฑ์ผ้าทอพ้ืนเมืองและแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ แปรรปู จากผา้ ทอพืน้ เมอื ง, รายได้จากการรับจา้ ง -ศิลปหัตถกรรม (มีอะไรบ้าง สถานภาพเข็มแข็งเป็นอย่างไร) ผ้าทอพื้นเมือง, เคร่ืองสาน อุปกรณ์เคร่ืองใช้ต่างๆ ผ้าทอพ้ืนเมือง มีการรวมกลุ่มทอผ้าเพ่ือถ่ายทอดภูมิปัญญาด้านการทอ,ปัก, ถัก,รอ้ ย และรวมกลมุ่ เพ่ือจดั จาหน่ายผลิตภณั ฑ์ เครอื่ งสานมีการถา่ ยทอดความรู้จากปราชญ์ชาวบ้าน ให้ลูกหลานทาใช้
การวจิ ัยการศึกษาเปรียบเทียบการพัฒนาบนพืน้ ท่ีสงู ในอดีตและปัจจุบัน 393 -ร้านค้า/สินค้า/ลานจาหน่ายสินค้า (ประเภท/จานวน/แผงร้านค้าในชุมชน) ศูนย์จาหน่าย ผ้าทอพ้ืนเมืองบ้านอีมาดอีทราย จานวนสินค้าผ้าทอและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้าทอ,ลานจาหน่าย สนิ ค้า จาหน่ายสินค้าประเภทพชื ผักและสินค้าพื้นเมือง ณ บริเวณหน้าหมวดการทางบา้ นไร่ มีการจัด จาหน่ายเฉพาะหน้าเทศกาลปีใหม่,ตลาดกะเหร่ียง สินค้า จาหน่ายสินค้าประเภทพืชผักและสินค้า พื้นเมือง ณ บริเวณเขตพัฒนาราษฎรบนพื้นท่ีสูงแม่ดีน้อย และมีการจาหน่ายสินค้าเฉพาะหน้า เทศกาลการท่องเท่ียว สภาพสงั คม -การศึกษา/สถานศึกษา สว่ นมากจบกรศึกษาช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 จากโรงเรยี นบา้ นอีมาดอี ทราย -ศาสนา/ความเชอ่ื /ลัทธิ นับถือศาสนาพุทธ 100% และมีความเช่อื ในตวั เจ้าวัด เกือบ 100% -ศาสนสถาน/สัญลักษณ์ สานักสงฆ์ มีสัญลักษณ์คือพระพุทธรูป และเจ้าวัด มีสัญลักษณ์ คือเจดยี เ์ จ้าวัด -ความสัมพันธ์ระบบเครือญาติ (ชนเผา่ /แผนภมู ิความเปน็ เครือญาติในชมุ ชน) ชนเผ่า กะเหรีย่ ง(โปว)์ มีความสัมพันธเ์ ป็นเครือญาติกันเนอ่ื งจากมีการขยายครอบครวั ส่วนมากมตี ้นตระกลู เดยี วกนั และมีไม่กน่ี ามสกลุ และยังมีการช่วยเหลอื เกื้อกูลกนั อยมู่ าก -อัตลักษณ์ความเป็นชนเผ่า (มีก่ีเผ่าและอัตลักษณ์ของเผ่า) มี 1 เผ่าคือกะเหร่ียง (โปว์) มีอัตลักษณ์คือ การสวมเส้ือ ลายเฉอะด่งมึง (เสื้อลายวงพระอาทิตย์) จะมีลักษณะลายข้าวหลามตัด ของไทย จะมีซ้อนกันหลายช้ัน การขึ้นด้ายด้วยสีดา การทอท่อนล่างจะใช้ด้ายสีแดงหรือสีอ่ืนๆ ตามความต้องการ ส่วนท่อนบนของเส้ือทาลายจกด้ายสีแดง ส้ม บานเย็น เป็นต้น จะมีสีอ่ืนๆ ปะบน เล็กน้อย และสวมผ้าถุงลายกะหร่าง (น้ิงท่องมุ๊ง ) ของผู้หญิงสาว และการใส่ชุดขาว (ฉ้ายอั่ว,ฉ้ายสร อง) มีความยาวถึงข้อเท้า ปกั ด้วยสแี ดงบานเยน็ และสีชนิดต่าง ๆ ตามความต้องการของผู้ใส่ แตน่ ิยม ใช้สีสดใสชุดขาวจะใช้กับหญิงสาวท่ีเป็นเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ที่ยังไม่ได้แต่งงานและการแต่งกายของ กะเหรี่ยงผูช้ ายนยิ มแต่งกายเหมือนคนไทยในท้องถิ่นทวั่ ไปแต่สว่ นใหญย่ ังคงมีเสื้อแดง สาหรับไว้ใส่ใน โอกาสสาคัญเสื้อแดงตัวนี้เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นชายและสวมผ้าโสร่ง (หล่วติ่ง) เป็นผ้านุ่งใช้ สาหรับผู้ชายเท่าน้ัน จามี 2 สี คือสีแดงและสีขาวปนน้าตาล สีแดงมีลายเป็นตารางหรือลายสก๊อต ส่วนสีขาวบนน้าตาล จะมีลายเส้นสีขาวน้าตาลปนกัน สีแดงจะมีใส่งานมงคล งานบุญ งานแต่ง หรือเทศกาลสาคัญๆ -บคุ คลผูย้ ังไม่ได้สญั ชาติไทย มีสญั ชาติไทย ครบ 100% การสาธารณสขุ /สุขภาพคนในชุมชน -สภาวะสุขภาพกาย/ใจ ของราษฎรบนพ้ืนท่ีสูง สุขภาพร่างกายแข็งแรงเป็นส่วนใหญ่ มผี ูป้ ่วยติดเตยี ง 1 คน และมผี ู้ป่วยโรคซึมเศรา้ 2 คน -พฤติกรรม สุขภาพของประชาชน การเดินส่วนมากชาวกะเหรี่ยงจะสัญจรโดยการเดินแต่ ไม่มีการออกกาลังกายเป็นรูปธรรมส่วนมากจะเป็นการออกกาลังกายในรูปแบบการทางานมากกว่า และมีการบรโิ ภคอาหารจาพวกสมนุ ไพรทาให้ร่างกายแข็งแรง
394 การวิจยั การศึกษาเปรยี บเทียบการพัฒนาบนพื้นที่สงู ในอดีตและปัจจบุ นั -โรคพ้ืนบ้าน/การรักษาพ้ืนบ้าน (มีอะไรบ้าง 8 วิธีการรักษาโดยย่อ) โรคพ้ืนบ้านไม่มี การรกั ษาพ้นื บา้ น จะเป็นการรักษาโดยใชส้ มุนไพร,การรกั ษาโดยใชก้ ารเป่าน้ามนต์ -สมุนไพรพื้นบ้าน (มีอะไรบ้าง/สรรพคุณโดยย่อ) ขมิ้น แก้อักเสบ,เด็กท้องเสีย,กาลังกะทิง แก้ปวดเหม่ือยตามข้อ,พญาห้าเมีย แก้ปวดเหมื่อยตามข้อ กระดูก,ประโซเซอ แก้โรคกะเพราะ ,กลิ้งกลางดง ช่วยให้นอนหลับ, พญาสองเมีย แก้ปวดหัว, อุ้มลูกดูหนังแก้เลือดลมไม่ดี, ฝาง บารุง เลือด,พญาเทา้ เอว แกป้ วดจากสตั วก์ ัดต่อย หนอนตายอยาก ทาใหเ้ จริญอาหารแก้โรคกระเพาะฯลฯ -หมอพื้นบ้าน (มีแขนงใดบ้าง ใครบ้าง/มีแนวทางรักษาเหยียวยาโรคอย่างไร) ลุงขาว คาคลิ เป่าด้ายผูกคอ ลุงเตอะ น้าพุ จับลม โดนสิ่งใดทาให้เจ็บป่วยแล้วใหไ้ ปแก้,นายมานิตย์ อ้ายเขียะ จับชีพ จร หาส่งิ ท่ที าให้เจ็บปว่ ยแลว้ ไปแก้ขอขมา วัฒนธรรมชุมชน -วัฒนธรรมชนเผ่า (มีกี่เผ่า/แต่ละเผ่ามีวัฒนธรรมอะไร) มี 1 ชนเผ่า คือกะเหรี่ยง (โปว์) วัฒนธรรมการกิน จะกินผกั ที่หาได้ในป่าสว่ นมากเป็นสมุนไพร วัฒนธรรมการอยู่เชน่ สรา้ งบ้านโดยไม่ ใช้ตะป,ู วฒั นธรรมการทอผ้า -ประเพณีพื้นบ้าน (ประเภทและแนวทางปฏบิ ัติ) 1. ประเพณีกินข้าวใหม่ จัดข้ึนช่วง 14-15 ค่าเดือนยี่ของแต่ละปี นาอุปกรณ์ทุกอย่างท่ี ใช้ในการทาการเกษตรนาข้าวที่ผลิตได้ในปีนั้นไปให้อุปกรณ์เหล่าน้ีได้กินก่อนและให้คนเฒ่าคนแก่ ญาตผิ ้ใู หญเ่ พอ่ื บา้ นมารับประทานข้าวใหมน่ ั้น 2. ประเพณีไหวแ้ ม่โพสพ จัดขน้ึ ชว่ งหลงั เอาข้าวข้นึ ยุ้ง 3. ประเพณีขนึ้ ปีใหม่ คอื วนั สงกรานต์ของชาวกะเหร่ียง ขอขมาอาบน้าคนเฒา่ คนแก่ และใหท้ า่ นผูกข้อมือเรยี กขวัญใหท้ าบญุ เพ่ือสริ ิมงคล 4. ประเพณบี ชู าตน้ โพธ์ิตน้ ไทรสะเคราะห์เคราะห์ต่ออายคุ น ทาชว่ งแรม 15 ค่าเดือนห้า นาไม้ไผ่ทั้งส้ันและยาว ตามจานวนสมาชิกในครอบครัวเพื่อไปต่อชะตา โดยมีคนเฒ่าคนแก่เป็นคน ดาเนนิ พิธกี รรม 5. ประเพณีไหว้เจดีย์ จัดในช่วงข้ึน 13-15 ค่าเดือนห้า ชาวบ้านที่นับถือเจ้าวัดไปเวียน เทยี นทีเ่ จดียเ์ จา้ วดั 6. ประเพณีตากผ้าทอใหม่ จัดในช่วง 13-15 ค่าเดือนห้า โดยนาผ้าทอใหม่มาตาก เพ่อื แสดงใหเ้ ห็นถงึ จานวนผ้าท่ีทอได้เป็นการแสดงถึงความขยันของหญิงชาวกะเหร่ียง 7. ประเพณีลอยกระทง จัดช่วง 15 ค่าเดือนสิบสอง โดยลอยกระทงมาขอขมาน้า โดยมี พระเปน็ ผู้นาในพิธี 8. ประเพณีแต่งงาน ไม่นิยมแต่งงานในเดือนค่ี,ช่วงเข้าพรรษาและห้ามแต่งเด็ดขาด เดอื นเมษายน -ศิลปะการแสดง (ประเภท/โอกาสการแสดง) การราตง ราดาบ เป่าแคน แสดงโอกาส ตอ้ นรบั แขก อวยพรและงานบุญ -การแต่งกาย (รูปแบบ ความหมาย กาลเทศะและภาพถ่าย) การสวมเส้ือ ลายเฉอะด่งมึง (เส้อื ลายวงพระอาทติ ย)์ จะมีลักษณะลายขา้ วหลามตดั ของไทย จะมีซอ้ นกันหลายชนั้ การขึน้ ด้ายด้วย สดี า การทอท่อนล่างจะใช้ด้ายสีแดงหรอื สีอ่นื ๆ ตามความตอ้ งการ สว่ นท่อนบนของเส้อื ทาลายจกด้วย
การวจิ ัยการศกึ ษาเปรยี บเทยี บการพัฒนาบนพน้ื ทสี่ ูงในอดีตและปจั จุบนั 395 ด้าย สีแดง ส้ม บานเย็น เป็นต้น จะมีสีอ่ืนๆ ปะบนเล็กน้อย และสวมผ้าถุงลายกะหร่าง (น้ิงท่องมุ๊ง) ของผู้หญิงสาว และการใส่ชุดขาว (ฉ้ายอั่ว,ฉ้ายสรอง) มีความยาวถึงข้อเท้า ปักด้วยสีแดงบานเย็น และสีชนิดต่างๆ ตามความต้องการของผู้ใส่ แต่นิยมใช้สีสดใส ชุดขาวจะใช้กับหญิงสาวท่ีเป็นเดก็ อายุ ไม่เกิน 15 ปี ที่ยังไม่ได้แต่งงาน และการแต่งกายของกะเหรี่ยงผู้ชายนิยมแต่งกายเหมือนคนไทย ในท้องถ่ินท่ัวไปแต่ส่วนใหญ่ยังคงมีเสื้อแดง สาหรับไว้ใส่ในโอกาสสาคัญเสือแดงตัวนี้เป็นสัญลักษณ์ ของความเป็นชายและสวมผ้าโสร่ง (หล่วต่ิง) เป็นผ้านุ่งใช้สาหรับผู้ชายเท่านั้น จะมี 2 สี คือสีแดง และสขี าวปนนา้ ตาล สแี ดงมีลายเปน็ ตารางหรือลายสกอ๊ ต สว่ นสขี าวบนนา้ ตาล จะมีลายเส้นสขี าว นา้ ตาลปนกนั สีแดงจะใส่ในงานมงคล งานบญุ งานแตง่ หรือเทศกาลสาคญั ๆ -อาหาร (กลุ่ม / ประเภท คณุ คา่ /ความหมายและภาพถา่ ย) อาหารคาว แกงไกห่ ยวกกลว้ ย ช่วยในการระบายทาใหย้ ่อยงา่ ยใชใ้ นงานแต่งงาน, นา้ พริกปลาร้า ผกั สดและผักต้ม สว่ นมากผกั จะเป็นสมนุ ไพรท่หี าได้ในพน้ื ทท่ี าให้รา่ งกายแข็งแรง, แกงข้าวเบื้อ,ห่อหมกกะเหรย่ี ง,แกงขา้ วคัว่ อาหารหวาน มินสิ ทาจากข้าวเหนียวนึ่งสุก ตารวมกับงาค่ัว แล้วทาเป็นแผ่นแบนพอ เย็นแล้วนามาตัดออกเป็นช้ินพอคา สามารถนาไปย่างหรือทอดหรือกินโดยไม่ต้องทาอะไรก็ได้ ทาใน โอกาสงานบุญ,แต่งงาน,ปีใหม่กินข้าวใหม่,ข้าวเหนียวป้ัน,เม่ยจุงไคย ทาจากข้าวไร่แช่น้าแล้วนามาห่อ ดว้ ยใบไมน้ าไปตม้
396 การวจิ ยั การศกึ ษาเปรยี บเทยี บการพฒั นาบนพ้นื ท่ีสูงในอดีตและปจั จุบัน ชุมชนที่ 10 บ้านใต้ ต�ำาบลแก่นงมะกรดู อาำ�เภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ประวัติความเป็นมาของชุมชน จากคากล่าวขานของบรรพบุรุษเม่ือ 200 กว่าปีท่ีผ่านมา มีการย้ายถิ่นฐานมาจากประเทศพม่า เนื่องจากถูกกดข่ี ข่มเหง และรังแกจากทหารพม่า จึงหนีมาอยู่ ประเทศไทย เมื่อสมัยราชกาลที่ 2 โดยตั้งถ่ินฐานคร้ังแรกที่บ้านลาดหญ้า จังหวัดกาญจนบุรี และได้ ย้ายมาอยู่ท่ีบ้านเก่าดงตาล อยู่ติดลาห้วยขาแข้ง หลังจากนั้นได้ถูกทหารพม่าบุกเข้าตีหมู่บ้านแตกอีก คร้ัง ชาวกะเหรี่ยงจึงได้อพยพไปอยู่ในป่าห้วยขาแข้ง ต่อมากลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ได้มาทามวลชน กับชาวบ้าน ทาให้ชาวบ้านบางส่วนเข้าร่วม บางส่วนย้ายลงมาอยู่บริเวณตาบลแก่นมะกรูด ซ่ึงเมื่อมี การประกาศ วางอาวธุ และมอบตัวของกลุ่มผู้ร่วมพฒั นาชาติไทย ชาวกะเหร่ียงท่ีเข้ารว่ มจงึ มาอยู่ในป่า ห้วยขาแข้งเมื่อมีการประกาศเขตพ้ืนที่ห้วยขาแข้งเป็นมรดกโลก ทาให้ชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ใน บริเวณน้ันลงมาอยู่ในพ้ืนที่บ้านคลองเสลา,บ้านใหม่คลองอังวะ,บ้านใต้และบ้านอีมาดอีทรายจนถึง ปจั จบุ นั ในปี พ.ศ. 2526 กองทพั ภาคท่ี 3 ไดม้ ีการจัดสรรพนื้ ที่ใหค้ นละ 4 ไร่ จานวน 100 ครัวเรอื น ภูมปิ ระเทศ -อดีต (ช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา) แบ่งเป็นเขตป่าภูเขา และเขตที่ทาอาชีพและที่อยู่อาศัย โดย เขตป่าภูเขาจะเป็นพนื้ ท่รี าบเอียง เปน็ ภเู ขาเกือบท้ังหมด มีปา่ ไม้หนาแนน่ และตน้ ไผห่ ลายชนิด และมี ต้นไม้ใหญ่จานวนมาก ลักษณะดินในบริเวณภูเขาจะเป็นดินดาเป็นส่วนใหญ่ เขตการทาอาชีพ ส่วน ใหญ่จะเป็นบริเวณรอบๆที่พักอาศัย มีต้นไม้ใหญ่เพียงเล็กน้อยลักษณะพ้ืนท่ีราบเอียง ดินมีลักษณะ เป็นดนิ ดาผสมดินแดงพื้นท่ีประกอบอาชีพ และเขตท่ีอยู่อาศัย จะมีตน้ ไมผ่ ลยนื ตน้ อยู่พอสมควร ดินมี ลกั ษณะเป็นดนิ แดงผสมทราย -ปัจจุบัน (สภาวะปัจจุบันช่วง 5 ปี นี้) ลักษณะพ้ืนที่เหมือนเดิมแต่เขตป่าภูเขามีเน้ือท่ี ลดลงต้นไม้ใหญ่ลดปริมาณลง เขตประกอบอาชีพ มีเน้ือที่เพ่ิมมากขึ้นประมาณ 20% เน่ืองจากมีการ ขยายพื้นท่ีทากินข้ึนไปบนภูเขาต้นไม้ใหญ่บริเวณรอบลดลงและเขตท่ีอยู่อาศัยเพ่ิมมากข้ึนเนื่องจากมี การขยายครอบครัวเพิ่มมากข้นึ -แนวโน้ม/อนาคต (สภาวการณ์ต่อจาก 5 ปี ปัจจุบัน) คาดว่าพ้ืนท่ีป่าจะเพิ่มมากข้ึน เนื่องจากปัจจุบันมีการรณรงค์จากทุกภาคส่วนในการอนุรักษ์ป่าพื้นท่ีในการประกอบอาชีพจะมีต้นไม้ ยืนต้นเพิ่มมากข้ึนจะเป็นไม้จาพวกไม้ผลยืนต้นและต้นยางพาราและเขตท่ีอยู่อาศัยจะมีจานวน บา้ นเรอื นเพ่ิมมากข้นึ ภมู อิ ากาศ -อดีต (ชว่ ง 5 ปี ท่ีผ่านมา) มลี กั ษณะอากาศคลา้ ยกับภาคเหนือของประเทศไทย มี 3 ฤดู ไดแ้ ก่ ฤดรู อ้ น ฤดฝู น และฤดูหนาว โดยอณุ หภมู ิแต่ละปีในแตล่ ะฤดไู ม่เทา่ กัน -ปัจจุบัน (สภาวะปัจจุบันช่วง 5 ปี น้ี ) ลักษณะอากาศจะยังคงคล้ายกับภาคเหนือของ ประเทศไทยแต่ในช่วงกลางวันของฤดรู อ้ นจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 35 องศา ชว่ งกลางคนื อณุ หภูมิ สูงสุดประมาณ 25 องศา -แนวโน้ม/อนาคต (สภาวการณ์ต่อจาก 5 ปี ปัจจุบัน) คาดว่าอุณหภูมิช่วงกลางวันจะมี อุณหภูมิสูงขึ้นตามสภาพอากาศของโลก แต่อุณหภูมิช่วงกลางคืนและช่วงเช้าจะยังคงเหมือนกับทาง ภาคเหนอื เชน่ เดมิ
การวิจยั การศกึ ษาเปรยี บเทยี บการพัฒนาบนพื้นทีส่ งู ในอดีตและปจั จบุ ัน 397 สภาพแวดล้อมชมุ ชน -อดีต (ช่วง 5 ปี ท่ีผ่านมา) บ้านเรือนที่พัก เดิมบ้านจะทาด้วยไม้ไผ่ ฝากหลังคามุงแฝก , สานักสงฆ์เดิมจะสร้างจากไม้และไม้ไผ่,เจดีย์เจ้าวัดก็ทาจากทรายและไม้ไผ่เช่นเดียวกัน แหล่งน้าเดิม ใช้นา้ ตามธรรมชาติเชน่ ลาธาร หว้ ยหนอง บึง -ปัจจุบัน (สภาวะปัจจุบันช่วง 5 ปี นี้ ) บ้านเรือนที่พักจะปรับเปล่ียนเป็นบ้านคร่ึงไม้ครึ่ง ปูน หลังคามุงสังกะสีหรือกะเบ้ือง สานักสงฆ์เร่ิมเปลี่ยนจากไม้เป็นปูนบางส่วน เจดีย์เจ้าวัดยังคงวัสดุ เดมิ แหลง่ นา้ มีการเปลยี่ นมาใชน้ า้ ประปา มีการสร้างฝายกักเก็บนา้ ขดุ สระเพื่อกกั เกบ็ น้าในพน้ื ท่ี -แนวโน้ม/อนาคต (สภาวการณ์ต่อจาก 5 ปี ปัจจุบัน) คาดว่าบ้านเรือนที่พักแบบด้ังเดิม จะเริม่ นอ้ ยลงเน่ืองจากวสั ดุไม่คงทนถาวรเพราะไม่มีการย้ายถ่ินฐานเหมือนเก่าจึงมีการสรา้ งบ้านแบบ ถาวรจากปนู และไม้มากข้นึ โครงสรา้ งชุมชน -ผู้นาชุมชน (ทัง้ ผ้นู าตามธรรมชาติและผนู้ าแบบทางการ) ผนู้ าทางธรรมชาติคือเจ้าวัด, มรรคทายก ผูน้ าแบบทางการคอื ผู้ใหญ่บา้ น -โครงสรา้ ง จานวนประชากร จานวน 100 หลงั คาเรือน ประชากร 403 คน -กติกา/กฎ/ระเบียบชุมชน ห้ามปุกรุกป่าเพ่ือทาท่ีทากินหากฝา่ ฝืนจะถูกขบั ไล่ออกจาก หมบู่ า้ น อาณาเขตพ้นื ท่ตี ดิ ตอ่ ทิศเหนือ ติดกับ ป่าห้วยขาแข้ง จงั หวดั อทุ ัยธานี ทศิ ใต้ ติดกับหมทู่ ่ี 3 ตาบลแกน่ มะกรูด อาเภอบ้านไร่ จงั หวัดอุทัยธานี ทิศตะวันออก ตดิ กบั หม่ทู ่ี 3 ตาบลแกน่ มะกรูด อาเภอบา้ นไร่ จังหวัดอุทยั ธานี ทศิ ตะวนั ตก ติดกบั หมู่ที่ 2 ตาบลแกน่ มะกรูด อาเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี หน่วยงานราชการ สภาตาบลแก่นมะกรูด สภาพเศรษฐกจิ (แยกตามกลมุ่ อาชีพในชมุ ชน) -กลุ่มอาชพี หลกั ของคนในชมุ ชน เกษตรกรรม -การเกษตรกรรม ทาไร่ ปลูกข้าวไร่ พริก ข้าวโพด ฟักทอง มีบางส่วนทาสวนผลไม้ เช่น ลาไย กล้วย ลิ้นจี่ และบางส่วนปลูกยางพารา การเพาะปลูกต่างๆส่วนมากเพ่ือการบริโภคภายใน ครอบครัว หากมีมากเหลือกิน จึงนาไปจาหน่ายเพ่ือเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว ปัจจุบันเร่ิมมีการปลูก ข้าวโพด ยางพาราเพอื่ จาหนา่ ยจงึ เร่มิ มปี ญั หาเร่อื งขายไม่ได้ราคาหรือขาดทุน -แหล่งรายได้ การขายผลผลิตทางการเกษตรและการขายผลติ ภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตร, การขายผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองและแปรรูปผลิตภัณฑ์ท่ีแปรรูปจากผ้าทอพื้นเมือง, รายได้จากการ รับจ้าง -ศิลปหัตถกรรม ผ้าทอพื้นเมือง, เคร่ืองสานอุปกรณ์เคร่ืองใช้ต่างๆ ผ้าทอพื้นเมือง มีการ รวมกลมุ่ ทอผ้าเพ่อื ถา่ ยทอดภมู ิปัญญาด้านการทอ,ปัก,ถัก,ร้อย และรวมกลมุ่ เพือ่ จัดจาหนา่ ยผลิตภัณฑ์ เครือ่ งสานมีการถ่ายทอดความร้จู ากปราชญ์ชาวบา้ นให้ลกู หลานทาใช้
398 การวจิ ยั การศกึ ษาเปรียบเทียบการพฒั นาบนพ้ืนท่สี ูงในอดีตและปจั จบุ นั -ร้านค้า/สนิ ค้า/ลานจาหนา่ ยสนิ คา้ (ประเภท/จานวน/แผงรา้ นค้าในชมุ ชน) ตลาดกะเหรี่ยง สินคา้ จาหนา่ ยสนิ คา้ ประเภทพืชผักและสนิ คา้ พนื้ เมอื ง ณ บริเวณสภาตาบลแก่นมะกรูด สภาพสังคม -การศกึ ษา/สถานศึกษา สว่ นมากจบกรศกึ ษาช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 3 จากโรงเรียนบา้ นอีมาด อีทราย -ศาสนา/ความเชอ่ื /ลทั ธิ นบั ถือศาสนาพทุ ธ 100% และมีความเชื่อในตวั เจ้าวัด เกือบ 100% -ศาสนสถาน/สัญลักษณ์ สานักสงฆ์ มีสญั ลกั ษณ์คอื พระพุทธรูป และเจา้ วัด มีสญั ลกั ษณ์ คือเจดีย์เจา้ วัด -ความสมั พนั ธร์ ะบบเครือญาติ ชนเผา่ กะเหรยี่ ง (โปว)์ มีความสมั พันธเ์ ปน็ เครือญาตกิ นั เน่ืองจากมีการขยายครอบครัวสว่ นมากมีตน้ ตระกูลเดียวกัน และมีไมก่ ่ีนามสกุล และยงั มีการ ชว่ ยเหลือเก้ือกูลกันอยู่มาก -อตั ลกั ษณค์ วามเปน็ ชนเผา่ (มกี ่ีเผา่ และอตั ลักษณ์ของเผา่ ) มี 1 เผ่าคือกะเหร่ยี ง (โปว์) มีอัต ลักษณ์ คอื การสวมเสอื้ ลายเฉอะด่งมึง (เสอ้ื ลายวงพระอาทิตย)์ จะมีลักษณะลายข้าวหลามตดั ของไทย จะมีซ้อนกันหลายชั้น การขึ้นด้ายด้วยสีดา การทอท่อนล่างจะใช้ด้ายสีแดงหรือสีอื่นๆ ตามความ ต้องการ ส่วนท่อนบนของเส้ือทาลายจกด้ายสีแดง ส้ม บานเย็น เป็นต้น จะมีสีอ่ืนๆ ปะบนเล็กน้อย และสวมผ้าถุงลายกะหร่าง (น้ิงท่องมุ๊ง) ของผู้หญิงสาวและการใส่ชุดขาว (ฉ้ายอั่ว,ฉ้ายสรอง) มีความ ยาวถึงข้อเท้า ปักด้วยสีแดงบานเย็นและสีชนิดต่างๆ ตามความต้องการของผู้ใส่ แต่นิยมใช้สีสดใส ชดุ ขาว จะใชก้ บั หญงิ สาวทเ่ี ป็นเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ทย่ี ังไมไ่ ดแ้ ตง่ งาน และการแต่งกายของกะเหรี่ยง ผู้ชายนิยมแต่งกายเหมือนคนไทยในท้องถ่ินท่ัวไปแต่ส่วนใหญ่ยังคงมีเสื้อแดง สาหรับไว้ใส่ในโอกาส สาคัญ เสื้อแดงเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นชาย และสวมผ้าโสร่ง (หล่วติ่ง) เป็นผ้านุ่งใช้สาหรับผชู้ าย เท่านั้น จะมี 2 สี คือ สีแดงและสีขาวปนน้าตาล สีแดงมีลายเป็นตารางหรือลายสก๊อต ส่วนสีขาว ปนน้าตาล จะมีลายเส้นสีขาวน้าตาลปนกัน สีแดงจะมีใส่งานมงคล งานบุญ งานแต่ง หรือเทศกาล สาคัญๆ -บคุ คลผูย้ งั ไม่ไดส้ ัญชาติไทย มีสญั ชาตไิ ทย ครบ 100% การสาธารณสุข / สุขภาพคนในชุมชน -สภาวะสุขภาพกาย / ใจ ของราษฎรบนพ้ืนที่สูง สุขภาพร่างกายแข็งแรงเป็นส่วนใหญ่ ไม่มผี ้ปู ่วยตดิ เตยี ง และมผี ้ปู ว่ ยโรคซึมเศรา้ บา้ งเล็กนอ้ ย -พฤติกรรม สุขภาพของประชาชน การเดินส่วนมากชาวกะเหร่ียงจะสญั จรโดยการเดินแต่ ไม่มีการออกกาลังกายเป็นรูปธรรมส่วนมากจะเป็นการออกกาลังกายในรูปแบบการทางานมากกว่า และมกี ารบรโิ ภคอาหารจาพวกสมุนไพรทาให้ร่างกายแข็งแรง -โรคพื้นบ้าน / การรกั ษาพื้นบา้ น โรคพน้ื บา้ นไม่มีการรักษาพื้นบ้าน จะเป็นการรกั ษาโดยใช้ สมุนไพร,การรกั ษาโดยใช้การเป่าน้ามนต์ -สมุนไพรพนื้ บา้ น ขมิ้น แก้อกั เสบ,เดก็ ท้องเสยี ,กาลงั กะทิง แก้ปวดเหมื่อยตามขอ้ ,พญาห้า เมีย แก้ปวดเหม่ือยตามข้อ กระดูก,ประโซเซอ แก้โรคกะเพราะ,กลิ้งกลางดง ช่วยให้นอนหลับ, พญา
การวจิ ยั การศกึ ษาเปรยี บเทยี บการพัฒนาบนพืน้ ทส่ี ูงในอดตี และปจั จบุ ัน 399 สองเมีย แก้ปวดหัว, อุ้มลูกดูหนังแก้เลือดลมไม่ดี, ฝาง บารุงเลือด,พญาเท้าเอว แก้ปวดจากสัตว์กัด ตอ่ ย หนอนตายอยาก ทาให้เจริญอาหารแก้โรคกระเพาะฯลฯ -หมอพ้ืนบ้าน (มีแขนงใดบ้าง/ใครบ้าง/มีแนวทางรักษาเหยียวยาโรคอย่างไร) มีหมออยู่ใน หมบู่ ้านอื่น เป้าดา้ ยผกู คอ ,จบั ลม โดนส่งิ ใดทาให้เจ็บปว่ ยแลว้ ให้ไปแก้, จบั ชีพจรหาสิ่งท่ที าให้เจ็บป่วย แล้วไปแก้ขอขมา วัฒนธรรมชุมชน -วฒั นธรรมชนเผา่ มี 1 ชนเผา่ คอื กะเหร่ียง(โปว์) วัฒนธรรมการกนิ จะกนิ ผกั ที่หาได้ในป่า สว่ นมากเปน็ สมนุ ไพร วัฒนธรรมการอยูเ่ ช่น สร้างบ้านโดยไม่ใช้ตะปู, วัฒนธรรมการทอผ้า -ประเพณีพ้ืนบา้ น 1. ประเพณีกินข้าวใหม่ จัดขึ้นช่วง 14-15 ค่าเดือนยี่ของแต่ละปี นาอุปกรณ์ทุกอย่างที่ ใช้ในการทาการเกษตรนาข้าวที่ผลิตได้ในปีนั้นไปให้อุปกรณ์เหล่านี้ได้กินก่อนและให้คนเฒ่าคนแก่ ญาติผู้ใหญเ่ พ่อื บ้านมารบั ประทานขา้ วใหมน่ นั้ 2. ประเพณีไหวแ้ ม่โพสพ จดั ขึ้นช่วงหลังเอาขา้ วขึน้ ยุ้ง 3. ประเพณีข้ึนปใี หม่ คือวันสงกรานต์ของชาวกะเหร่ยี ง ขอขมาอาบน้าคนเฒา่ คนแก่ และให้ทา่ นผูกข้อมือเรยี กขวัญให้ทาบญุ เพอื่ สิริมงคล 4. ประเพณีบชู าต้นโพธต์ิ ้นไทรสะเคราะห์เคราะห์ต่ออายุคน ทาช่วงแรม 15 ค่าเดอื นห้า นาไม้ไผ่ท้ังส้ันและยาว ตามจานวนสมาชิกในครอบครัวเพ่ือไปต่อชะตา โดยมีคนเฒ่าคนแก่เป็นคน ดาเนนิ พธิ ีกรรม 5. ประเพณีไหว้เจดีย์ จัดในช่วงข้ึน 13-15 ค่าเดือนห้า ชาวบ้านที่นับถือเจ้าวัดไปเวียน เทยี นทีเ่ จดีย์เจ้าวัด 6. ประเพณีตากผ้าทอใหม่ จัดในช่วง 13-15 ค่าเดือนห้า โดยนาผ้าทอใหม่มาตาก เพ่อื แสดงให้เหน็ ถงึ จานวนผา้ ท่ที อไดเ้ ป็นการแสดงถึงความขยนั ของหญิงชาวกะเหรี่ยง 7. ประเพณีลอยกระทง จัดช่วง 15 ค่าเดือนสิบสอง โดยลอยกระทงมาขอขมาน้า โดยมี พระเปน็ ผ้นู าในพิธี 8. ประเพณีแต่งงาน ไม่นิยมแต่งงานในเดือนค่ี,ช่วงเข้าพรรษาและห้ามแต่งเด็ดขาด เดือนเมษายน -ศิลปะการแสดง การราตง ราดาบ เป่าแคน แสดงโอกาสต้อนรับแขก อวยพรและงานบญุ -การแต่งกาย การสวมเสื้อลายเฉอะด่งมึง (เสื้อลายวงพระอาทิตย์) จะมีลักษณะลายข้าว หลามตัดของไทย จะมีซ้อนกันหลายชั้น การขึ้นด้ายด้วย สีดา การทอท่อนล่างจะใช้ด้ายสีแดงหรือสี อ่ืนๆ ตามความต้องการ ส่วนท่อนบนของเส้ือทาลายจกด้าย สีแดง ส้ม บานเย็น เป็นต้น จะมีสีอ่ืนๆ ปะบนเลก็ น้อย และสวมผา้ ถงุ ลายกะหรา่ ง (นง้ิ ทอ่ งมุง๊ ) ของผู้หญงิ สาวและการใสช่ ุดขาว (ฉ้ายอั่ว,ฉ้าย สรอง) มคี วามยาวถงึ ข้อเท้าปกั ด้วยสีแดงบานเย็นและสีชนิดต่างๆ ตามความต้องการของผใู้ ส่ แต่นยิ ม ใช้สีสดใส ชุดขาว จะใช้กับหญิงสาวท่ีเป็นเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ที่ยังไม่ได้แต่งงาน และการแต่งกาย ของกะเหรี่ยงผู้ชายนิยมแต่งกายเหมือนคนไทยในท้องถ่ินทั่วไปแต่ส่วนใหญ่ยังคงมีเส้ือแดง สาหรับไว้ ใส่ในโอกาสสาคัญ เสื้อแดงเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นชาย และสวมผ้าโสร่ง (หล่วติ่ง) เป็นผ้านุ่งใช้ สาหรับผู้ชายเท่าน้ัน จะมี 2 สี คือ สีแดงและสีขาวปนน้าตาล สีแดงมีลายเป็นตารางหรือลายสก๊อต
400 การวจิ ยั การศึกษาเปรยี บเทยี บการพัฒนาบนพ้นื ท่ีสงู ในอดตี และปัจจบุ นั ส่วนสีขาวบนน้าตาล จะมีลายเส้นสีขาวน้าตาลปนกันสีแดงจะมีใส่งานมงคล งานบุญ งานแต่ง หรือ เทศกาลสาคัญๆ -อาหาร (กลุม่ / ประเภท คณุ คา่ /ความหมายและภาพถ่าย) อาหารคาว แกงไกห่ ยวกกลว้ ย ช่วยในการระบายทาให้ย่อยง่ายใช้ในงานแต่งงาน, น้าพริกปลารา้ ผกั สดและผกั ต้ม ส่วนมากผกั จะเปน็ สมุนไพรทีห่ าไดใ้ นพ้ืนท่ีทาใหร้ ่างกายแข็งแรง, แกงขา้ วเบ้ือ,ห่อหมกกะเหร่ียง,แกงขา้ วคัว่ อาหารหวาน มินสิ ทาจากข้าวเหนียวนึ่งสุก ตารวมกับงาคั่ว แล้วทาเป็นแผ่นแบนพอ เย็นแล้วนามาตัดออกเป็นชิ้นพอคา สามารถนาไปย่างหรือทอดหรือกินโดยไม่ต้องทาอะไรก็ได้ ทาใน โอกาสงานบุญ,แต่งงาน,ปีใหม่กินข้าวใหม่,ข้าวเหนียวปั้น,เม่ยจงุ ไคย ทาจากข้าวไร่แช่น้าแล้วนามาห่อ ดว้ ยใบไม้นาไปตม้
การวิจัยการศึกษาเปรียบเทียบการพัฒนาบนพน้ื ทสี่ งู ในอดตี และปจั จุบนั 401 6. ศูนย์พฒั นาราษฎรบนพน้ื ท่ีสูงจังหวดั ตาก ชมุ ชนที่ 11 บา้ นหว้ ยปลาหลด ตาบลพระวอ อาเภอแมส่ อด จังหวัดตาก ประวัตคิ วามเป็นมาของชมุ ชน 100 ปี เป็นเหมือนเขาราบนอ้ ย อยูร่ ะดบั 600-800 ระดับทะเล ภูมปิ ระเทศ (สารวจสงั เกตบนั ทึกข้อมูลเกีย่ วกบั สภาพพน้ื ท่ี สภาพภมู ศิ าสตรข์ องชมุ ชน -อดตี (ชว่ ง 5 ปี ท่ผี า่ นมา) ไม่มีหน่วยงานราชการเข้ามาส่งเสริม -ปัจจบุ ัน (สภาวะปัจจุบันช่วง 5 ปีน)้ี ยังขาดการช่วยเหลือทางรัฐ -แนวโนม้ /อนาคต (สภาวการณต์ ่อจาก 5 ปี ปัจจบุ ัน) ยังไม่ทราบ ภูมิอากาศ -อดีต (ช่วง 5 ปี ท่ีผ่านมา) อากาศหนาว,นา้ ดี -ปัจจบุ นั (สภาวะปัจจบุ นั ชว่ ง 5 ปนี ี้) อากาศเย็น ร้อนนิดๆ -แนวโน้ม/อนาคต (สภาวการณต์ อ่ จาก 5 ปี ปัจจบุ ัน) อากาศรอ้ น สภาพสิง่ แวดล้อมชุมชน (สภาพภูมิสถาปตั ยช์ ุมชน/แผนผงั /แผนท่ชี มุ ชน) -อดตี (ช่วง 5 ปนี ้ี) อากาศดี ส่งิ แวดลอ้ มดี -ปัจจุบัน (สภาวะปัจจุบนั ช่วง 5 ปนี ้ี) อากาศดี สิง่ แวดลอ้ มยงั ดีอยู่ -แนวโน้ม/อนาคต (สภาวการณต์ อ่ จาก 5 ปี ปัจจุบนั ) อากาศดเี พราะยงั รักษาอยู่ โครงสรา้ งชมุ ชน -ผนู้ าชุมชน (ทง้ั ผนู้ าตามธรรมชาติและผนู้ าแบบทางการ) ป่เู จ้า,ผู้ใหญบ่ ้าน -กตกิ า/กฎ/ระเบียบชุมชน มีกฎระเบียบชุมชน -อาณาเขตพน้ื ท่ตี ิดต่อ ทิศเหนือตดิ กบั หว้ ย สภาพเศรษฐกจิ (แยกตามกล่มุ อาชีพในชมุ ชน) -กลุม่ อาชีพหลักของคนในชุมชน ทาไร่,คา้ ขาย,ทาเกษตร,ปลูกผกั -การเกษตรกรรม ทาไร่,ทาเกษตรวนาเกษตร -แหลง่ รายได้ (ระบุแหลง่ ท่ีมาของรายไดร้ วมในชุมชน) การคา้ ขาย,วนาเกษตร,สวนวนเกษตร -ศลิ ปะหตั กรรม (มีอะไรบา้ ง/สถานภาพความเขม้ แข็งเป็นอย่างไร) ผา้ มูเซอ -รา้ นคา้ /สินค้า/ลานจาหนา่ ยสนิ คา้ (ประเภท/จานวน/แผนผงั รา้ นคา้ ในชุมชน) ตลาดมเู ซอ สภาพสังคม -การศกึ ษา/สถานศึกษา มธั ยมศกึ ษา 3 -ศาสนา/ความเช่ือ/ลทั ธิ พุทธ คริสต์ พุทธ 98% ครสิ ต์ 2% -ศาสนสถาน/สญั ลกั ษณ์ ลานจะดอื -ความสมั พันธ์ ระบบเครือญาติ มกี ารรวมกัน -อตั ลกั ษณค์ วามเปน็ ชนเผา่ (มกี ี่เผ่าและอัตลักษณ์ของเผ่า) เสอื้ ผา้ ชดุ ต่างๆ -บุคคลผู้ยังไม่ไดม้ ีสญั ชาติไทย มีจานวน1คน เนื่องจากพ่อ,แม่ แยกทางกนั และยากจน
402 การวจิ ยั การศกึ ษาเปรยี บเทียบการพัฒนาบนพนื้ ทีส่ ูงในอดตี และปัจจบุ ัน การสาธารณสขุ /สขุ ภาพคนในชุมชน -สภาวะสขุ ภาพกาย / ใจของราษฎรบนพนื้ ที่สงู (มี) -พฤตกิ รรม สุขภาพของประชาชน ด้านการตรวจสุขภาพ,ไมเ่ ข้าถึงท่คี วร -สมนุ ไพรพน้ื บา้ น (มี) -หมอพ้นื บา้ น มีหมอผีไล่ผีปา่ เขา วฒั นธรรมชุมชน -วัฒนธรรมชนเผา่ มจี านวน 1 เผ่า คือมูเซอ -ประเพณีพน้ื บ้าน ปใี หม่,กนิ ขา้ วใหม่,ส่งทา้ ยปีเก่า -อาหาร ตม้ จืด,ตม้ ยอดฟักทอง สภาวการณ์ อ่นื ๆ ท่ีเปน็ ประเด็นปัญหาของราษฎรบนพื้นทส่ี งู -สิทธิของการเปน็ มนุษย์ไม่เท่าเทยี มกับคนพ้นื ราบ -จะมีปัญหา คือ คนท่ีอยบู่ นพ้ืนทสี่ ูงจะเขา้ ใจไม่ตรงกนั กับคนพน้ื ราบ -การศึกษา,ทาไร่
การวิจยั การศกึ ษาเปรียบเทยี บการพฒั นาบนพ้นื ท่สี ูงในอดตี และปัจจบุ ัน 403 ชุมชนท่ี 12 บา้ นปูแป๋ ตาบลพระวอ อาเภอแมส่ อด จังหวดั ตาก ประวตั คิ วามเปน็ มาของชุมชน ต้งั ชอ่ื หมบู่ า้ นตามลาห้วย ภมู ิประเทศ -อดตี (ชว่ ง 5 ปี ทีผ่ า่ นมา) เป็นหมบู่ า้ นทาการเกษตร -ปัจจุบนั (สภาวะปจั จบุ ันชว่ ง 5 ปนี ้ี) ทาการเกษตรและเล้ยี งสตั ว์ -แนวโนม้ / อนาคต (สภาวการณต์ ่อจาก 5 ปี ปจั จบุ นั ) ภมู อิ ากาศ -อดีต (ชว่ ง 5 ปี ทผ่ี ่านมา) เป็นปา่ และมีน้าอดุ มสมบูรณ์ อากาศดี -ปัจจบุ นั (สภาวะปัจจบุ นั ช่วง 5 ปนี )้ี มปี า่ ไมน้ ้อยลง -แนวโนม้ / อนาคต (สภาวการณต์ ่อจาก 5 ปี ปจั จุบนั ) พืน้ ทที่ ากินลดลง อากาศร้อนมากข้ึน สภาพส่งิ แวดล้อมชุมชน -อดีต (ชว่ ง 5 ปีน้ี) เหมือนเดิม มีเปลี่ยนแปลงไปบ้าง -ปจั จุบัน (สภาวะปจั จุบนั ชว่ ง 5 ปีน้ี) เรมิ่ มบี ้านแบบใหม่ข้ึน -แนวโนม้ /อนาคต (สภาวการณ์ต่อจาก 5 ปี ปจั จบุ นั ) จานวนประชากรเพิ่มข้ึน สง่ิ ปลูก สรา้ ง มมี ากขึ้น โครงสรา้ งชุมชน -ผนู้ าชมุ ชน มีผนู้ าชอ่ื นางมะลิ ชาญวนา -โครงสรา้ ง / จานวนประชากร 800 คน มีแนวโนม้ เพ่ิมข้ึนทกุ ปี -กติกา / กฎ / ระเบียบชมุ ชน เน้นดูแลสิ่งแวดลอ้ ม -หนว่ ยงานราชการ โรงเรียน วัด สภาพเศรษฐกจิ -กลุ่มอาชพี หลักของคนในชุมชน เกษตรกรรม -การเกษตรกรรม ปลูกพืชและเลย้ี งสตั ว์ -แหล่งรายได้ ปลกู ผักไว้กนิ ที่เหลือขาย ขายผ้าทอบา้ ง -ศลิ ปะหัตกรรม ทอผา้ จกั สาน ตีเหลก็ -ร้านคา้ /สนิ คา้ /ลานจาหนา่ ยสนิ ค้าขายพชื ผลทางการเกษตร และหตั ถกรรมตามบา้ น ไม่มี ลาน ไมม่ ตี ลาดเปน็ ทางการ สภาพสังคม -การศึกษา / สถานศึกษา มีประชาชนเรียนหนงั สือจบทงั้ ประถมศกึ ษา ถึงปรญิ ญาตรี มโี รงเรยี น -ศาสนา / ความเชือ่ / ลทั ธิ พทุ ธ และคริสต์ -ศาสนสถาน / สัญลกั ษณ์ วัด โบสถ์ -ความสัมพันธ์ ระบบเครือญาติ รักใครก่ ันดี -อตั ลกั ษณค์ วามเป็นชนเผ่า ชดุ ประจาชนเผา่ ภาษาถิ่น
404 การวจิ ยั การศกึ ษาเปรียบเทียบการพฒั นาบนพนื้ ทีส่ งู ในอดีตและปจั จุบนั การสาธารณสุข/สุขภาพคนในชมุ ชน -สภาวะสขุ ภาพกาย ใจของราษฎรบนพื้นที่สูง มสี ขุ ภาพกายแข็งแรง -พฤตกิ รรม สุขภาพของประชาชน แขง็ แรงดี -โรคพื้นบา้ น/การรักษาพืน้ บ้าน เปน็ หวดั ไข้ ปวดท้องใช้สมุนไพร -สมนุ ไพรพื้นบา้ น มี -หมอพื้นบ้าน มแี ต่ไม่นิยมใช้มากนกั วฒั นธรรมชุมชน -วัฒนธรรมชนเผา่ ) มี 3 เผา่ -ประเพณีพนื้ บา้ น มีการผูกข้อมือ ประเพณกี ินขา้ วใหม่ -ศิลปะการแสดง เปา่ แคน การเป่าเขาควายประจาปี -การแต่งกาย ชดุ ประจาเผ่า ช่วงเวลาอน่ื ๆ แตง่ ปกติ -อาหาร อาหารประจาเผ่า นา้ พริกผักต้ม ไก่ หมทู เี่ ลีย้ งไวก้ ิน ปลา ตัวกะโปะ สภาวการณ์ อนื่ ๆ ทีเ่ ปน็ ประเด็นปญั หาของราษฎรบนพน้ื ทส่ี ูง 1. พืน้ ท่ที ากนิ มีน้อย 2. ไม่มีสัญชาติไทย 3. สินคา้ เกษตรราคาตกต่า 4. แห้งแล้ง ขาดนา้ กนิ น้าใช้
การวิจัยการศกึ ษาเปรียบเทียบการพฒั นาบนพน้ื ท่สี ูงในอดตี และปัจจบุ นั 405 7. ศูนยพ์ ฒั นาราษฎรบนพ้ืนท่สี งู จงั หวดั พิษณุโลก ชุมชนท่ี 13 บา้ นห้วยน้าไซเหนือ หมู่ที่ 15 ตาบลเนนิ เพิ่ม อาเภอนครไทย จังหวัดพษิ ณโุ ลก ชุมชนที่ 14 บา้ นห้วยน้าไซใต้ หมู่ท่ี 16 ตาบลเนินเพิ่ม อาเภอนครไทย จังหวดั พิษณุโลก ประวตั ิความเป็นมาของชมุ ชน อพยพมาจากประเทศจนี ภูมปิ ระเทศ -อดีต (ชว่ ง 5 ปี ท่ผี ่านมา) เป็นปา่ และภูเขามีท่รี าบลุม่ -ปจั จุบนั (สภาวะปัจจุบันช่วง 5 ปีนี)้ เป็นป่ามีสภาพเปน็ ที่ลาดเนินเขาสลบั กับราบ -แนวโน้ม / อนาคต (สภาวการณ์ต่อจาก 5 ปี ปัจจุบัน) ยงั ไม่แนน่ อน ภูมิอากาศ -อดตี (ช่วง 5 ปี ทผ่ี า่ นมา) อากาศเย็น -ปจั จบุ นั (สภาวะปัจจุบนั ช่วง 5 ปีนี้) อากาศรอ้ น -แนวโนม้ / อนาคต (สภาวการณ์ต่อจาก 5 ปี ปจั จบุ ัน) จะร้อนมากกว่าเดมิ และแหง้ แล้ง สภาพสง่ิ แวดล้อมชุมชน (สภาพภมู สิ ถาปตั ย์ชุมชน/แผนผงั /แผนที่ชุมชน) -อดีต (ชว่ ง 5 ปีน)ี้ รม่ เย็น -ปัจจบุ นั (สภาวะปจั จบุ ันชว่ ง 5 ปนี ี)้ ปา่ ไม้เริ่มหาย โครงสรา้ งชุมชน -ผนู้ าชุมชน ผใู้ หญ่บ้าน -กตกิ า / กฎ / ระเบยี บชมุ ชน มกี ฎระเบยี บชมุ ชน สภาพเศรษฐกิจ -กล่มุ อาชีพหลักของคนในชมุ ชน เกษตรกรรม -การเกษตรกรรม ปลูกข้าวโพด ปลูกผกั -แหลง่ รายได้ การเกษตร การค้าขาย สภาพสงั คม -การศึกษา / สถานศึกษา ชาวม้งนยิ มสง่ ไปเรียนสูงๆ -ศาสนา / ความเชือ่ / ลทั ธิ พทุ ธ -ศาสนสถาน / สญั ลกั ษณ์ พิพิธภัณฑผ์ ึง้ การสาธารณสขุ /สุขภาพคนในชมุ ชน -สภาวะสขุ ภาพกาย / ใจของราษฎรบนพ้นื ที่สงู ดีพอสมควร -พฤติกรรม สขุ ภาพของประชาชน มีสุขภาพดี -โรคพ้ืนบ้าน / การรักษาพนื้ บ้าน (มีอะไรบ้าง/วธิ กี ารรักษาโดยยอ่ ) - -หมอพื้นบา้ น หมอผี
406 การวจิ ยั การศกึ ษาเปรยี บเทยี บการพฒั นาบนพ้ืนทส่ี ูงในอดีตและปัจจุบนั วัฒนธรรมชุมชน -วฒั นธรรมชนเผา่ มี 1 ชนเผา่ คือ มูเซอ มีประเพณีการแต่งงาน , ปีใหม่ -ประเพณีพ้ืนบา้ น ประเพณีปีใหม่ม้ง -ศิลปะการแสดง โยนลกู ช่วง -อาหาร (กลมุ่ /ประเภท คุณค่า/ความหมายและภาพถ่าย) เนอ้ื สตั ว์ สภาวการณ์ อน่ื ๆ ทเ่ี ปน็ ประเดน็ ปญั หาของราษฎรบนพืน้ ที่สงู 1. เร่อื งทีด่ นิ ที่ทากนิ ,เอกสารสิทธิ์ 2. ขาดแคลนแหล่งน้าทาการเกษตร 3. การเกษตร
การวจิ ัยการศกึ ษาเปรียบเทียบการพฒั นาบนพ้นื ทีส่ ูงในอดตี และปจั จุบนั 407 8. ศูนยพ์ ัฒนาราษฎรบนพ้นื ทส่ี ูงจงั หวัดเพชรบรู ณ์ ชมุ ชนที่ 15 บา้ นดอยนา้ เพียงดิน หมทู่ ี่ 8 ตาบลบ้านเนิน อาเภอหล่มเกา่ จงั หวัดเพชรบรู ณ์ ประวตั ิความเป็นมาของชมุ ชน แยกมาจากทับเบกิ ข้ึนกบั หมู่ 6 บ้านเนนิ ภูมิประเทศ (สารวจสงั เกตบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสภาพพื้นท่ี สภาพภมู ศิ าสตรข์ องของชมุ ชน -อดีต (ช่วง 5 ปี ทผ่ี า่ นมา) ยังมีต้นไม้ ดินดี ปลูกพชื ได้ -ปัจจบุ ัน (สภาวะปจั จบุ ันชว่ ง 5 ปีนี้) ไมม่ ีป่า ปลกู พืชตอ้ งใส่ป๋ยุ พืน้ ทถ่ี กู ยึด -แนวโน้ม / อนาคต (สภาวการณต์ ่อจาก 5 ปี ปัจจบุ ัน) ภูมอิ ากาศ -อดตี (ชว่ ง 5 ปี ที่ผ่านมา) อากาศดี -ปัจจบุ นั (สภาวะปัจจบุ นั ชว่ ง 5 ปีนี้) อากาศมีมลภาวะมากขึ้น -แนวโนม้ / อนาคต (สภาวการณต์ อ่ จาก 5 ปี ปัจจบุ ัน) อากาศร้อนข้นึ สภาพสงิ่ แวดล้อมชุมชน -อดตี (ชว่ ง 5 ปนี ี)้ เหมือนเดิมเมอื่ อดีต -ปัจจบุ นั (สภาวะปจั จบุ ันช่วง 5 ปนี ้)ี มบี ้านแบบใหมเ่ พิ่มข้ึน ขยายจานวนบา้ นมากขนึ้ -แนวโน้ม/อนาคต (สภาวการณ์ตอ่ จาก 5 ปี ปัจจบุ นั ) ไม่มีทอี่ ยู่อาศัย ท่ีทากนิ โครงสร้างชมุ ชน -ผ้นู าชมุ ชน (ท้งั ผนู้ าตามธรรมชาตแิ ละผูน้ าแบบทางการ) สามารถดแู ลความเปน็ อย่ขู องชมุ ชนไดด้ ี -โครงสรา้ ง/จานวนประชากร เพิ่มมากข้นึ ทุกปี -กตกิ า/กฎ/ระเบยี บชุมชน คงเดมิ และเปลี่ยนไปตามยคุ สมัยใหม่ -อาณาเขตพ้นื ทตี่ ดิ ต่อ ทศิ เหนอื ติด ภหู นิ ร่องกล้า ทศิ ใต้ ติด บ้านพร้าว ทิศตะวนั ออก ตดิ เขาค้อ ทิศตะวนั ตก ติด เขาค้อ - หน่วยงานราชการ มศี นู ย์พัฒนาราษฎรบนพ้ืนที่สูงต้ังอยู่ทจี่ ังหวัดเพชรบรู ณ์ มเี ขตพัฒนา สงั คมบนพ้ืนทส่ี งู ต้งั อย่ทู บี่ ้านทบั เบิก สภาพเศรษฐกจิ - กลมุ่ อาชีพหลักของคนในชมุ ชน เกษตรกรรม - การเกษตรกรรม ไร่ ข้าว กะหลา่ ปลี ขงิ - แหลง่ รายได้ กะหลา่ ปลี ขิง คา้ ขาย - ศลิ ปะหตั กรรม ผา้ ปัก ไมม่ ีกล่มุ - รา้ นคา้ /สินคา้ /ลานจาหน่ายสินค้า มี ร้านของชา จานวน 5 รา้ นคา้ สภาพสงั คม -การศึกษา สถานศึกษา โรงเรียนบ้านดอยนา้ เพียงดนิ ระดบั อนุบาลถงึ มัธยมศึกษาปีท่ี 3
408 การวิจยั การศกึ ษาเปรียบเทยี บการพฒั นาบนพ้นื ท่ีสงู ในอดตี และปัจจบุ ัน -ศาสนา/ความเชื่อ/ลัทธิ พทุ ธ คริสต์ -ศาสนสถาน / สัญลกั ษณ์ วัด โบสถ์ โบสถ์คริสต์ -ความสัมพันธ์ ระบบเครือญาติ ตามแซ่ ตามตระกูล -อัตลกั ษณค์ วามเปน็ ชนเผ่า ชดุ ประจาชนเผ่า ภาษาถ่ิน -บคุ คลผยู้ งั ไม่ไดม้ ีสัญชาติไทย ประมาณ 200 คนอย่รู ะหว่างดาเนนิ การ การสาธารณสุข/สขุ ภาพคนในชุมชน -สภาวะสุขภาพกาย / ใจของราษฎรบนพืน้ ทส่ี งู ดี แข็งแรง มปี ่วยไขบ้ า้ ง -พฤติกรรม สขุ ภาพของประชาชน แขง็ แรงดี เพราะทางานจากการเกษตร -โรคพนื้ บ้าน / การรกั ษาพื้นบ้าน ใชส้ มุนไพรในการรักษา - สมนุ ไพรพ้นื บ้าน ว่านชกั มดลูก ทาให้รา่ งกายของผูห้ ญงิ สมบรู ณ์ - หมอพ้นื บ้าน หมอสมนุ ไพร หมอเป่าคาถา วัฒนธรรมชุมชน - วัฒนธรรมชนเผ่า มีเผ่าเดยี ว คือม้ง ประเพณีปใี หม่ - ประเพณีพ้ืนบา้ น ลงสดี า เรียกขวญั -ศลิ ปะการแสดง เป่าแคน ร้องเพลงถ่ือเซยี ะ -การแตง่ กาย ชดุ เผา่ ชว่ งปีใหม่และงานประเพณี ชว่ งเวลาอ่ืนๆ แตง่ ปกติ -อาหาร ไก่ตม้ สมนุ ไพร ทาใหร้ ่างกายสมบรู ณ์แข็งแรง สภาวการณ์ อื่นๆ ที่เปน็ ประเดน็ ปญั หาของราษฎรบนพื้นที่สูง 1. ถกู ยึดทที่ ากิน 2. ไม่มีสัญชาติไทย 3. สินค้าเกษตรราคาตกต่า 4. แหง้ แล้ง ขาดน้ากนิ น้าใช้
การวจิ ยั การศกึ ษาเปรียบเทียบการพัฒนาบนพ้ืนท่สี งู ในอดตี และปจั จบุ ัน 409 ชมุ ชนที่ 16 บา้ นทักเบกิ หม่ทู ่ี 4 ตาบลวงั บาง อาเภอหล่มเก่า จงั หวดั เพชรบูรณ์ ประวัติความเปน็ มาของชมุ ชน เดมิ ทีเป็นหมบู่ า้ นเกา่ มีถ้า มีหมอ้ ดินอยูใ่ นถา้ เม่อื 100 กวา่ ปกี ่อน ภูมปิ ระเทศ -อดีต (ชว่ ง 5 ปี ท่ผี ่านมา) มีสภาพคงที่ ป่ากบั ทท่ี ากนิ อยูค่ นละส่วน ไม่มกี ารเปลย่ี นแปลง -ปัจจุบนั (สภาวะปัจจุบันชว่ ง 5 ปนี )้ี ปกติ ไม่มีการเปลีย่ นแปลง -แนวโน้ม อนาคต (สภาวการณ์ตอ่ จาก 5 ปี ปจั จบุ นั ) ปกติ ภูมิอากาศ -อดตี (ชว่ ง 5 ปี ท่ีผา่ นมา) ปกติตามฤดูกาล อากาศหนาวเย็นกว่าพ้นื ราบ -ปจั จบุ ัน (สภาวะปัจจบุ นั ชว่ ง 5 ปนี )้ี ปกติ -แนวโน้ม / อนาคต (สภาวการณต์ ่อจาก 5 ปี ปัจจุบัน) ปกติ สภาพสงิ่ แวดล้อมชุมชน -อดีต (ชว่ ง 5 ปีนี)้ ส่ิงปลกู สร้างแบบใหมๆ่ มีมากพอสมควร -ปัจจุบนั (สภาวะปัจจุบนั ช่วง 5 ปนี )้ี มบี ้านแบบใหม่เพิ่มขนึ้ ขยายจานวนบา้ นมากตามจานวน -แนวโน้ม/อนาคต (สภาวการณต์ อ่ จาก 5 ปี ปัจจุบัน) มีมากข้ึน โครงสรา้ งชุมชน -ผู้นาชุมชน มี -จานวนประชากร เพิม่ มากข้ึนทุกปี -กติกา/กฎ/ระเบียบชุมชน ถ้ามปี ญั หาต้องพูดคุยกับผนู้ าหมู่บ้านก่อนถงึ จะดาเนินการเป็น ทางการต่อไป -อาณาเขตพนื้ ทตี่ ดิ ต่อ นาสะดงุ้ ตาบลวงั บาล บา้ นมักแข้ง บ้านทบั เบิก 2 -หนว่ ยงานราชการ โรงเรยี น สภาพเศรษฐกิจ -กลมุ่ อาชพี หลักของคนในชุมชน ปลกู ขา้ ว - การเกษตรกรรม กะหล่าปลี ขงิ -แหล่งรายได้ ผัก ผลผลติ ทางการเกษตร คา้ ขาย -ศิลปะหตั กรรม ผ้าปกั เย็บผา้ -ร้านคา้ /สินคา้ /ลานจาหนา่ ยสินค้า มีลานจาหนา่ ยผัก ผ้า สภาพสังคม -การศกึ ษา/สถานศึกษา โรงเรยี นบา้ นทบั เบิก -ศาสนา/ความเช่ือ / ลัทธิ พุทธ ครสิ ต์ -ศาสนสถาน/สัญลกั ษณ์ มวี ัด โบสถ์ -ความสมั พนั ธ์ ระบบเครอื ญาติ ตามตระกลู แซ่ -อตั ลกั ษณ์ความเปน็ ชนเผา่ จานวน 1 เผ่า คือ เผ่ามง้ -บคุ คลผยู้ ังไม่ไดม้ ีสญั ชาติไทย จานวนมาก ไม่ได้แจ้งเกิดแต่แรก และอพยพมาจากท่ีอน่ื ประเทศอ่ืน
410 การวจิ ยั การศกึ ษาเปรียบเทียบการพฒั นาบนพื้นทสี่ งู ในอดีตและปัจจุบนั การสาธารณสขุ /สุขภาพคนในชุมชน -สภาวะสุขภาพกาย/ใจของราษฎรบนพนื้ ท่ีสงู ไม่ค่อยดใี นช่วงนี้ -พฤติกรรม สขุ ภาพของประชาชน ไมค่ ่อยดี -โรคพ้ืนบา้ น/การรักษาพน้ื บา้ น ใช้สมนุ ไพรรักษา -สมนุ ไพรพ้ืนบา้ น รางจืด แก้ปวดท้อง -หมอพนื้ บ้าน หมอสมนุ ไพร หมอเป่าคาถา หมอตาแย วฒั นธรรมชุมชน -วฒั นธรรมชนเผา่ มเี ผ่าเดียว (มง้ ) ประเพณีปีใหม่) -ประเพณีพน้ื บ้าน ปใี หม่ปีละครงั้ เรยี กขวัญ -ศิลปะการแสดง การตีลูกข่างในเทศกาลปีใหม่ -การแตง่ กาย ชดุ ประจาเผา่ ชว่ งปใี หม่และงานประเพณี ผู้ชายนงุ่ กางเกง ผหู้ ญงิ นุ่ง กระโปรงชว่ งเวลาอืน่ ๆ แตง่ ปกติ -อาหาร ขา้ วน่งึ ผกั ตามปกติ สภาวการณ์ อนื่ ๆ ทีเ่ ป็นประเด็นปัญหาของราษฎรบนพนื้ ท่สี ูง 1. นโยบายภาครัฐไม่แนน่ อน 2. พน้ื ท่ไี มช่ ดั เจนเป็นหลักเป็นแหล่
การวิจยั การศกึ ษาเปรียบเทียบการพฒั นาบนพ้ืนทีส่ งู ในอดตี และปจั จบุ ัน 411 9. ศนู ยพ์ ฒั นาราษฎรบนพนื้ ทสี่ ูงจงั หวัดเชยี งใหม่ ชุมชนท่ี 17 บ้านปางกดี้ (ห้วยตาด) หมูท่ ี่ 16 ตาบลอินทขลิ อาเภอแมแ่ ตง จงั หวดั เชียงใหม่ ประวตั คิ วามเป็นมาของชมุ ชน เมอื่ ปี พ.ศ.2497 มชี าวเขาเผ่ามเู ซอดาหรือลาหู่นะ ได้ยา้ ยมาจากดอยปู่หม่ืนอาเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ โดยการนาหัวหน้าเผ่าช่ือ นายลิโจ จะชา ปัจจุบันได้เสียชีวิตไปแล้ว และมี ชาวต่างชาติที่พูดภาษามูเซอได้ช่ือ Mr.ฟอริด ได้รู้จักกับ นายประสิทธิ์ พุ่มชูศรี เจ้าของบริษัทชาระ มิงค์ ซ่ึงปจั จบุ นั ได้เสยี ชวี ิตไปแลว้ ได้นาชาวเขาเผ่ามูเซอดาจานวน 13 ครอบครวั เพื่อเปน็ คนงานปลูก ชาและเกบ็ ใบชาโดยได้ให้ 13 ครอบครัวตั้งหม่บู ้านอยู่ในบรเิ วณไร่ชาไม่กี่ปีกเ็ ริ่มถางป่าทาไรเ่ ลอื่ นลอย หลายปีจนบรเิ วณหมบู่ ้านไม่มีพื้นท่ีท่จี ะทาไร่ต่อไป ในชว่ งน้นั มีเจ้าหน้าท่ีประชาสงเคราะห์ พรอ้ มนาย ประสิทธิ์ พุ่มชูศรี ได้สนับสนุนให้ชาวบ้านปลูกชาและกาแฟทดแทนป่าที่หายไปและเป็นอาชีพหลัก ของชาวบ้าน เร่ิมแรกชาวบ้านไม่ค่อยให้ความสนใจเพราะไม่คุ้นเคยกับอาชีพนี้ ในท่ีสุดไม่มีพ้ืนท่ีทาไร่ มพี ้นื ที่จากัดจึงหนั มาปลกู กาแฟ ชา และพืชอ่ืนๆท่อี ยู่รว่ มกบั ผนื ปา่ และธรรมชาติได้ ปัจจุบัน บ้านห้วยตาดเป็นช่ือบ้านทางการ เรียกว่าหมู่บ้านปางกึ้ด หมู่ที่ 16 ตาบลอินทขิล อาเภอแม่แตง จงั หวัดเชียงใหม่ ภูมิประเทศ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน มีความลาดชันเป็นพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์และ เป็นแหล่งต้นนา้ ลาธาร บ้านปางกดื้ เป็นหมบู่ า้ นทอี่ ยู่ในพ้ืนทเี่ สีย่ งภัยของตาบลอนิ ทขลิ อาเภอแมแ่ ตง จงั หวดั เชยี งใหม่ เน่ืองจากบา้ นเรือนตัง้ อยบู่ นไหล่เขาและตง้ั อยู่ตดิ กับภูเขา ภูมิอากาศ สภาพอากาศค่อนข้างเย็นเกือบตลอดปี มี 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อนเร่ิมตั้งแต่เดือน มีนาคม–มิถุนายน อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 20–30 องศาเซลเซียส ฤดูฝน เร่ิมต้ังแต่เดือนกรกฎาคม– ตุลาคมอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 18–27 องศาเซลเซียส และฤดูหนาวเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือน กุมภาพันธ์ อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 8–20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเฉล่ียทั้งปี 20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิ สงู สุดเฉลี่ย 26 องศาเซลเซียส อุณหภมู ิต่าสดุ เฉลย่ี 9 องศาเซลเซียส สภาพแวดลอ้ มชุมชน บ้านปางกึ้ด(ห้วยตาด)มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีพรรณไม้หลากหลายชนิด โดยชุมชนสามารถเข้าไปหาพืชผัก ผลไม้ตามฤดูกาลได้และนาทรัพยากรธรรมชาติมาแปรรูปเป็น เครื่องใช้ในครวั เรอื นได้ โครงสร้างชุมชน ขอ้ มูลสภาพท่ัวไปของหมู่บา้ น/ชุมชน มดี ังนี้ ผู้นาชมุ ชน บ้านปางกึด้ (ห้วยตาด)มีท้ังผูน้ าทางธรรมชาติและผู้นาแบบทางการ ซงึ่ ผนู้ า แบบทางการคนปัจจุบัน คือ นายอภินันท์ จะมู และประกอบดว้ ย ผชู้ ่วยผ้ใู หญ่บา้ น/สมาชกิ อบต./ อสม./คณะกรรมการ ศสส./ศรส./อพม.พ้นื ที่สงู /ประธาน อสม./ประธานกลุ่มแมบ่ ้าน โครงสร้าง/จานวนประชากร บา้ นปางก้ืด(หว้ ยตาด) มีประชากร จานวน 105 หลังคาเรือน 119 ครอบครัว 668 คนและมีผูป้ ระสบปัญหาทางสังคม แยกตามประเภทได้ ดังนี้ -ผู้มีรายไดน้ อ้ ย 32 คน -ผ้สู งู อายุ 25 คน -ผ้พู กิ าร 6 คน
412 การวิจยั การศกึ ษาเปรยี บเทียบการพฒั นาบนพน้ื ท่สี ูงในอดีตและปจั จุบัน -ปญั หาหยา่ รา้ ง 5 คน -ผปู้ ระสบภยั พิบัติหนาว 400 คน รวมทงั้ หมด 468 คน กตกิ า/กฎ/ระเบยี บชมุ ชน โครงสร้างสังคมของบ้านปางก้ืด(ห้วยตาด) จะประกอบด้วย ๓ ส่วน ได้แก่ ส่วนท่ีหนึ่ง อาดอ ( คะแซ ) คือ ผู้นาหมู่บ้าน ส่วนท่ีสอง โตโบ คือ พระหรือนักบวชทาหน้าที่สั่งสอนคนใหเ้ ป็นคน ดี และสว่ นท่สี าม จาหลี๋ คือ ชา่ งตเี หลก็ มหี น้าทผี่ ลติ เครื่องมือการเกษตร ชาวบา้ นเชอื่ วา่ หากหมู่บ้าน ใดไม่มี ๓ สว่ นดังกล่าว ถือว่าเปน็ หมู่บา้ นทย่ี งั ไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถเป็นหมู่บ้านทีใ่ หญแ่ ละม่ันคงต่อไป ได้ ชนเผ่าลาหู่ให้ความนับถือผู้อาวุโสท้ัง ๓ ส่วนน้ีมาก และทุกปีคนในหมู่บ้านทุกครัวเรือนจะไป ทางานให้ครอบครัวของผู้อาวุโสทั้ง ๓ ส่วนน้ี เพ่ือเป็นการตอบแทนที่ช่วยดูแลให้เกิดความสงบสุข ในหมู่บ้าน ด้านการปกครองชนเผ่าลาหู่จะใช้รูปแบบของจารีตประเพณี เช่น เมื่อมีการร้องเรียน หรือข้อพิพาท ผู้นาหมู่บ้านจะเชิญหัวหน้าครอบครัวทุกหลังคาเรือนมาประชุมเพื่อชี้แจง ปรึกษา และตัดสินคดีข้อพิพาท ถ้าหากผลการตัดสินเกิดความขัดแย้งขึ้น จะเชิญผู้นาหมู่บ้านกับผู้อาวุโส จากหมู่บ้านอ่ืนท่ีมีความเป็นกลางมาว่าความ และตัดสินใจช้ีขาดเสมือนผู้นาในหมู่บ้าน ถ้าเป็นการ กระทาผิดที่ไม่ร้ายแรงจะมีโทษเพียงปรับเปน็ เงินตามอัตรากฎจารีต ของหมู่บ้านที่ได้มีการตกลงกันไว้ หากเป็นความผิดร้ายแรงผู้กระทาความผิดอาจได้รับโทษปรับตามกฎจารีตแล้วถูก ขับไล่ออกจาก หมบู่ ้าน เปน็ ต้น บ้านปางก้ืด (ห้วยตาด) มีกฎระเบียบของชุมชนโดยหลักการของกฎหมาย เพ่ือให้เกิดความ รัก ความสามัคคีและความสงบเรียบร้อยเป็นระเบียบภายในชุมชน โดยการจัดตั้งกฎระเบียบชุมชนขึ้นมา 4 กลมุ่ อาณาเขตพ้ืนทีต่ ดิ ต่อ บ้านปางกด้ื (หว้ ยตาด) หมู่ 16 ตาบลอนิ ทขลิ มรี ะยะทางห่างจากอาเภอแม่แตง ประมาณ 17 กิโลเมตรและมอี าณาเขตตดิ ต่อกับหม่บู ้านอนื่ ๆ ดงั นี้ ทิศเหนอื ติดตอ่ บา้ นผางห้วยตาด หมู่ท่ี 12 ตาบลอนิ ทขิล อาเภอแมแ่ ตง ทศิ ใต้ ติดต่อบา้ นห้วยฝักดาบ หมูท่ ี่ 19 ตาบลอนิ ทขิล อาเภอแม่แตง ทิศตะวนั ออก ตดิ ตอ่ บา้ นแมท่ ะลาย หมู่ท่ี 14 และบ้านทบั เดือ่ หมู่ท่ี 9 ตาบลอนิ ทขิล อาเภอแมแ่ ตง ทศิ ตะวนั ตก ตดิ ต่อบ้านปางเวยี งโค้ง หมทู่ ี่ 15 ตาบลอินทขิล อาเภอแม่แตง หน่วยงานราชการ -ศูนย์ฝกึ อบรมการพัฒนาสงั คมและสวสั ดกิ ารดอยเชยี งดาวฯ -เขตพัฒนาราษฎรบนพืน้ ท่สี ูงหว้ ยตาด -โรงเรียนบ้านปางหว้ ยตาด
การวิจัยการศึกษาเปรยี บเทียบการพฒั นาบนพนื้ ท่ีสูงในอดีตและปจั จุบนั 413 สภาพเศรษฐกจิ กลมุ่ อาชพี หลักของคนในชมุ ชน อาชีพหลักของคนในชุมชน คือ การเกษตร เช่น การปลูกชา กาแฟและรับจ้างทั้งภายใน ชุมชนและตัวเมืองเชียงใหม่ โดยมีกลุ่มอาชีพในชุมชน 3 ชุมชนบ้านปางก้ืด(ห้วยตาด) มีพืชเศรษฐกิจ ได้แก่ ชา กาแฟ ปัญหาหลักในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม คือผลผลิตทางการเกษตรตกต่า (ชา,กาแฟ)และไม่มีอาชีพเสริม ซ่ึงสาเหตุของสภาพปัญหาเหล่าน้ีมาจากการขาดทักษะการดูแล บารุงรักษา/ขาดความรู้/ขาดทุนและอุปกรณ์ในการดูแลรักษา/พื้นท่ีทากินไม่เพียงพอและจากัด/ รายได้น้อยและขาดเงินทุนประกอบอาชีพรวมถึงขาดความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพ เพิ่มเติมจงึ ทาใหส้ ถานภาพของชมุ ชนไมม่ คี วามเขม้ แข็งเทา่ ทีค่ วร โดยมกี ล่มุ อาชพี หลักภายในชมุ ชน ดงั นี้ -กลุ่มตดั เยบ็ เสือ้ ผา้ ชนเผา่ -กล่มุ ปลูกกาแฟ -กลมุ่ ปลกู ชา การเกษตรกรรม ชมุ ชนบา้ นปางกดื้ (ห้วยตาด) มีพชื เศรษฐกิจ ได้แก่ ชา กาแฟ ปญั หาหลัก ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม คือผลผลิตทางการเกษตรตกต่า (ชา,กาแฟ) และไม่มีอาชีพเสริม ซ่ึงสาเหตุของสภาพปัญหาเหล่านี้มาจากการขาดทักษะการดูแลบารุงรักษา/ขาดความรู้/ขาดทุน และอุปกรณ์ในการดูแลรักษา/พ้ืนที่ทากินไม่เพียงพอและจากัด/รายได้น้อยและขาดเงินทุนประกอบ อาชีพรวมถึงขาดความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพเพิ่มเติมจึงทาให้สถานภาพของชุมชน ไม่มีความเขม้ แขง็ เทา่ ที่ควร แหลง่ รายได้ ประชากรมีรายได้จากการเกบ็ ผลผลติ ทางเกษตรของตนเอง เชน่ การปลูกชา/ กาแฟรวมถงึ รับจ้างเกบ็ ชา/กาแฟในชุมชนนอกจากนั้นมีบางสว่ นท่รี บั จา้ งในตัวเมอื งเชียงใหม่อีกด้วย ศิลปหัตถกรรม ชุมชนบ้านปางก้ืด (ห้วยตาด) เป็นชนเผ่าลาหู่ ท่ีมีมรดกทางวัฒนธรรมท่ีดี งาม มากมายไม่แพ้เผ่าอ่ืนๆ เช่น ภาษา การแต่งกาย วิธีการหาปลา หัตถกรรม ศิลปะการแสดง และดนตรี ฯลฯ สิ่งที่โดดเด่น และเป็นที่รู้จักของบุคคลท่ัวไปได้แก่ การเป่าแคน และการเต้นจะคึ องค์ความรู้ภูมิปัญญาเหล่านี้ชาวลาหู่ได้มีการสืบทอดถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นผ่านกระบวนการเรียนรู้ ตามวถิ ชี วี ติ ร้านค้า/สนิ คา้ /ลานจาหน่ายสนิ คา้ ไมม่ ีลานจาหน่ายสนิ ค้าที่เปน็ หลักแหล่ง มเี พยี งรา้ นค้า ภายในชมุ ชนจานวน 3 ร้าน สภาพสงั คม การศึกษา/สถานศึกษา ชุมชนบ้านปางกื้ด (ห้วยตาด) มีสถานศึกษาภายในชุมชน คือโรงเรียนบ้านปางห้วยตาดและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านปางก้ืด (ห้วยตาด) ซึ่งถือได้ว่าสถานศึกษา เหล่านี้เป็นกาลังสาคัญในการพัฒนาเด็กและเยาวชนด้านการศึกษารวมถึงทาหน้าที่ในการส่งเสริม ให้เด็ก/เยาวชนเห็นความสาคัญของวัฒนธรรม ประเพณที ่ดี ีงามของชมุ ชน
414 การวิจยั การศกึ ษาเปรียบเทยี บการพัฒนาบนพ้นื ทส่ี ูงในอดตี และปัจจุบนั ศาสนา/ความเชื่อ/ลัทธิ ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ โดยมีพิธีกรรมสวดภาวนา อา่ นพระคมั ภีร์และสรรเสรญิ พระเยซูเจ้าเพ่ือขอบคุณและขอพรทุกวนั อาทติ ย์ และศาสนาพทุ ธ รวมถึง ยังมีความเช่ือในเร่ืองการนับถือวิญญาณบรรพบุรุษ โดยชนเผ่าลาหู่นับถือ(ก่ือซา) ก่ือซาคือพระเจ้า ซ่ึงมีความเชื่อว่า (ก่ือซา) เป็นผู้สร้างสรรค์สิ่งท่ีดีงามท้ังหลายในโลกน้ีเป็นผู้ท่ีทาให้เรามีความสุข และบันดาลสรรพส่ิงต่างๆให้แก่เรา ถ้าหากเราทาทาผิดหรือทาสิ่งไม่ดีก็จะถูกลงโทษได้ นอกจาก (กื่อซา) ยังมีผีเรือนและผีหมู่บ้านที่ลาหู่นับถือ และเช่ือว่าผีเรือนทาหน้าท่ีป้องกันภัยให้แก่คนในบ้าน สาหรบั ผรี ้ายท่ลี าหูเ่ กรงกลัวน้นั มมี ากมายเช่น ผฟี า้ ผีปา่ ผีภเู ขาหลวง เป็นต้น ศาสนสถาน/สัญลักษณ์ โบสถค์ ริสตจักรและวัดปางหว้ ยตาด ความสัมพันธ์ ระบบเครือญาติ ครอบครัวของชนเผ่าลาหู่เป็นครอบครัวขยายจะมีบ้าง ท่ีเป็นครอบครัวเด่ียวมีหัวหน้าครัวเรือนเพียงคนเดียวและทุกคนจะต้องเชื่อฟังและเคารพต่อหัวหน้า ครวั เรอื น การนบั ญาตินั้นจะนับญาติทางสามแี ละภรรยาเขา้ ด้วยกัน อัตลักษณ์ความเป็นชนเผ่า บ้านปางกื้ด (ห้วยตาด) เป็นหมู่บ้านท่ีมีขนาดใหญ่ ประชากร ในพ้ืนท่เี ปน็ ราษฎรบนพื้นที่สูงเผ่าลาหู่ ซ่งึ มเี ครอื่ งแต่งกายที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวในด้านสีสัน และผ้า ของลาหู่ใช้ผ้าสีดา หรือผ้าสีฟ้าและสีแดงและตกแต่งด้วยผ้าหลายสีเป็นลวดลายสวยงาม รูปแบบ ของเสื้อผู้หญิงจะเป็นเสื้อแขนยาวตัวส้ันแค่เอว ตกแต่งด้วยผ้าหลากสีและเครื่องเงิน สาหรับเส้ือผ้า ของผู้ชายลาหู่ ท้ังเสื้อและกางเกงจะใช้ผ้าสีดาและใช้ผ้าสีต่างๆ ลวดลายท่ีสวยงามเหมือนของผู้หญิง และยงั มวี ัฒนธรรมประเพณที ส่ี าคญั ไดแ้ ก่ วถิ ีชวี ิตดา้ นการละเล่น ซึง่ การละเล่นในชุมชนแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คอื 1) การละเล่นในพิธีกรรม : เป็นการละเล่นเฉพาะในช่วงที่มีพิธีกรรมหรือประเพณีเท่านั้น ซง่ึ ชาวบา้ นจะแตง่ กายด้วยชุดประจาเผ่าเตม็ ยศ แลว้ จะมาเลน่ กัน อนั ได้แก่ -การเต้นจะคึ (ปอย เต เว) เป็นการบ่งบอกถึงความหลากหลายของการทามาหากิน จะเต้นในช่วงท่ีมีงานประเพณี (กนิ วอ) เตน้ เพ่อื เฉลิมฉลองในงานประเพณี และเป็นการกล่าวขอบคุณ แขกทม่ี ารว่ มในงานพธิ ีกรรม -การละเล่นลูกข่าง (ค่อซือ) เป็นการละเล่นของชนเผ่าลาหู่ จะนิยมเล่นกันในช่วงปีใหม่ กนิ วอ ของลาหู่ ลกู ข่างน้ันทาจากไมเ้ นื้อแขง็ -การโยนผ้า (แข่ปุกสื่อบ่าดะเว) เป็นชนิดหนึ่งท่ีหนุ่ม สาว จะเล่นนิยมเล่นกันมาก แต่หน่มุ สาว มกั จะเล่นช่วงปใี หม่ หรือ กินวอ วธิ ีการเล่นก็จะมกี ารแบ่งฝา่ ยเป็น 2 ฝา่ ยหนุ่มๆ ก็จะอยู่ ฝ่ายหนึ่ง และสาวๆ ก็จะอยู่อีกฝ่ายหน่ึง แล้วมีกติกาว่าถ้าหนุ่มๆ โยนผ้าให้ฝ่ายสาวๆ แล้วสาวๆ รบั ไม่ไดแ้ ละรับไม่ทนั ทาให้ตกสู่พ้นื 3 ครง้ั หรอื 3 ที แล้วแต่จะตง้ั กตกิ ากี่ที หรอื กค่ี รงั้ กแ็ ลว้ แต่ ทีจ่ ะตั้ง กนั เองในกลุ่ม จะมีการยดึ สง่ิ ของตา่ งๆ เช่น สรอ้ ย นาฬกิ า ขอ้ มอื ฯลฯ จากฝา่ ยทแ่ี พม้ า แต่ก็จะคืนให้ กนั หลังจากเสร็จการกนิ วอกนั 2) การละเล่นเพื่อความสนุกสนาน: เรียกว่า ก่า เคอะ เว โดยมีอุปกรณ์ท่ีใช้ คือ น่อ หรอื แคน โดยผทู้ ่มี คี วามชานาญในเรือ่ งของแคน จะเปน็ คนเป่าแล้วเตน้ เปน็ การแสดง เพ่อื เฉลมิ ฉลอง ในงานประเพณีให้เทวราช หรือ หง่ือซา รับทราบว่า ถึงเวลา แล้วท่ีชาวลาหู่จะเฉลิมฉลองให้กับท่าน และขอให้ท่านเทพเจา้ ลงมาอวยพร ให้กับคนในชุมชนด้วย
การวจิ ยั การศกึ ษาเปรียบเทยี บการพัฒนาบนพื้นทีส่ งู ในอดีตและปัจจบุ นั 415 วัฒนธรรมประเพณี คนในชุมชนมีอิสระในการเลือกคู่ครอง มีสัมพันธ์ทางเพศในอายุยัง น้อยไม่ชอบแต่งงานกับหญิงสาวบ้านเดียวกัน การแต่งงาน การหย่าของในชุมชนจะต้องมีการฆ่าหมู เพื่อสังเวยแก่ผีท่ีกลางลานใหญ่ของหมู่บ้าน เป็นที่สาหรับเต้นในช่วงงานปีใหม่ หรือมีพิธีทาบุญต่างๆ เชน่ พิธแี ต่งงาน พธิ ีทาบุญขน้ึ บ้านใหม่ พธิ กี ินขา้ วใหม่ เปน็ ต้น บุคคลผู้ยังไม่มีสัญชาติไทย บ้านปางกื้ด (ห้วยตาด) มีบุคคลท่ียังไม่ได้รับสัญชาติจานวน 43 คน ซง่ึ บุคคลเหล่านไ้ี ม่ได้รับสวัสดกิ ารจากภาครัฐจึงทาใหข้ าดโอกาสในการเข้าถงึ สวสั ดิการของรัฐ การสาธารณสขุ /สุขภาพคนในชมุ ชน สภาวะสุขภาพกาย/ใจของราษฎรบนพน้ื ท่สี ูง ประชากรในชุมชนถือได้ว่ามสี ุขภาพ ร่างกายแข็งแรงมที รพั ยากรธรรมชาติที่สมบรู ณ์และมจี รยิ ธรรมและศลี ธรรมในชมุ ชน พฤตกิ รรม สุขภาพของประชาชน ประชากรในชุมชนมีพฤตกิ รรมท่ีไม่ก้าวร้าว ไม่ใช้ อารมณ์ตัดสินใจแก้ปัญหาทเ่ี กิดข้นึ เนื่องจากมีกฎระเบียบของชมุ ชนทช่ี ดั เจนในการบรหิ ารจัดการ ชุมชน โรคพื้นบ้าน/การรักษาพ้ืนบ้าน ประชากรในชุมชนยังคงวิถีชีวิตท่ีพ่ึงพิงกับธรรมชาติ มีความ เช่ือ สืบทอดมาแต่โบราณ นับถือผี เทพเจ้า และส่ิงศักด์ิสิทธิ์ มีความรู้เรื่องโรคและรักษาอาการ เจ็บป่วยด้วยวิธีดั้งเดิม โดยใช้วิธีการรักษาอาการเจ็บป่วยด้านการแพทย์แผนโบราณมากกว่าแผน ปัจจุบัน อันด้วยความเชื่อในจารีตประเพณี วัฒนธรรมที่คงอยู่เดิมอย่างเหนียวแน่น อีกท้ังมีความเช่ือ ความเข้าใจเกี่ยวกับการเจ็บไข้ได้ป่วย ท่ีมีสาเหตุหลัก ได้แก่ อาการเจ็บป่วยที่เกิดจากธรรมชาติ เช่น ตากแดด ตากฝน อาหารการกินที่ไม่ดี อาการเจ็บป่วยท่ีเกิดจากสิ่งเหนือธรรมชาติ เช่น การถูก กระทาจากผีป่า ผีน้า เจ้าพ่อ เทพเจ้าบันดาลให้มีอันเป็นไป โดนคุณไสย์ โดนคาถาอาคม และอาการ เจ็บปว่ ยที่เกิดจากอุบัติเหตุ เพราะความประมาท ไม่มีชานาญ ไมร่ ะมดั ระวัง ประชากรมีการเจ็บป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง โดยมีวธิ ีการรักษาด้วยสมุนไพรและ แพทย์พนื้ บ้าน ซงึ่ ระบบการแพทย์พนื้ บา้ นยงั คงไดร้ บั การยอมรับและใช้กนั ภายในชมุ ชน สมนุ ไพรพน้ื บ้าน 1)หญา้ สาบเสือ 2)รากหญา้ คา 3)ขมน้ิ 4)คาจิงจี่หรือฮางคาว 5)เถา เอ็นอ่อน หมอพ้ืนบ้าน ชุมชนยังคงมีการรักษาพยาบาลตามระบบการแพทย์พื้นบ้าน ซึ่งหมอ พ้ืนบ้านมีการรักษาโรคต่างๆ ได้แก่ การด่ืมน้าต้มสมุนไพร อาบน้ายาต้มสมุนไพร และการเป่าคาถา กากับ บางครั้งก็มีการผสมผสานความเช่ือดั้งเดิมกับการดูแลสุขภาพแผนปัจจุบันบ้าง เช่น เกิด อุบัติเหตุต้องเข้าเฝือกโดยแพทย์โรงพยาบาล แต่ก็จะมีการเป่าคาถา นวดประคบด้วยความรู้ดั้งเดิม โดยหมอยาในชุมชนควบคู่กัน ซ่ึงจะหาความรู้ในการรักษา ดูแลตนเองก็ต่อเมื่อเจ็บป่วยด้วยโรคน้ันๆ แต่ไม่สนใจที่จะศกึ ษาหาความรู้ดา้ นสุขภาพอนามยั เพิ่มเติมในยามที่ไม่เจ็บป่วย โดยสมนุ ไพรพน้ื บ้านท่ี ใช้ในการรักษารกั ษา ในท้องถน่ิ ดว้ ยวธิ ีดงั ต่อไปนี้ -การดื่ม กิน นวด ประคบ จับเส้น และการเป่าคาถากากับ เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย เบอ้ื งต้น/ใชย้ าแผนปจั จุบันทม่ี ีจาหนา่ ยในร้านคา้ ของชุมชน เปน็ ทน่ี ิยมรองจากสมุนไพร โดยเฉพาะคน
416 การวจิ ัยการศึกษาเปรียบเทียบการพัฒนาบนพื้นที่สงู ในอดีตและปจั จุบัน รุ่นใหม่ที่ให้ความสาคัญ และความนิยมในการใช้ยาแก้ปวดลดไข้ เช่น ยาพาราควบคู่กับการดื่มน้าต้ม สมนุ ไพร -รักษาอาการเจ็บป่วยด้วยการถามผี เทพเจ้า ตามความเชื่อดั้งเดิม หากการรักษาอาการ ทัง้ สอง ปัจจยั ข้างตน้ ไม่เป็นผล -เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล หรือ สถานพยาบาล หากสามวิธีการเบ้ืองต้นไม่ได้ผล หรือ กรณีท่ีมีอาการรุนแรง เช่น การเกิดอุบัติเหตุท่ีมีอาการเกินเยียวยาด้วยตนเอง หรือ หมอยาใน ชุมชน แตก่ ย็ งั อาศัยการดแู ลด้วยสมุนไพรประกอบกันในระยะพักฟื้น วัฒนธรรมชุมชน วฒั นธรรมชนเผ่า มมี รดกทางวฒั นธรรมทดี่ ีงาม มากมาย เช่น ภาษา การแตง่ กาย วิธกี าร หาปลา หตั ถกรรม ศิลปะการแสดงและดนตรี ฯลฯ สิง่ ทโ่ี ดดเด่น และเปน็ ที่รูจ้ ักของบุคคลท่วั ไปได้แก่ การเป่าแคน และการเต้นจะคึ องค์ความรู้ภูมิปัญญาเหล่าน้ีได้มีการสืบทอดถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นผ่าน กระบวนการเรยี นรตู้ ามวถิ ีชีวิต ประเพณพี ืน้ บ้าน -ประเพณีแต่งงาน -ประเพณีวนั ศลี -ประเพณีการทาบุญสะเดาะเคราะห์ -ประเพณีฉลองปีใหม่ (เขาะเจ๊าเว) -ประเพณีแซก่อ (กอ่ ทราย) ศิลปะการแสดง -การเป่าแคน -การเตน้ จะคึ -การละเลน่ ลกู ขา่ ง -การโยนผ้า -การเปา่ ใบไม้ -การเป่าขลุ่ยไมไผ่/ขลยุ่ ตน้ ขา้ ว การแต่งกาย บ้านปางก้ืด (ห้วยตาด) เผ่าลาหู่ มีการแต่งเครื่องแต่งกายท่ีเป็นลักษณะเฉพาะตัวในด้าน สีสันและใช้ผ้าสีดา หรือผ้าสีฟ้าและสีแดงและตกแต่งด้วยผ้าหลายสีเป็นลวดลายสวยงาม รูปแบบ ของเส้ือผู้หญิงจะเป็นเส้ือแขนยาวตัวส้ันแค่เอว ตกแต่งด้วยผ้าหลากสีและเครื่องเงิน สาหรับเส้ือผ้า ของผู้ชาย ลาหู่ ท้ังเส้ือและกางเกงจะใช้ผ้าสีดาและใช้ผ้าสีต่างๆ ลวดลายท่ีสวยงามเหมือนของผูห้ ญิง เวลามีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาก็จะมีการสวมใส่ชุดประจาเผ่าเสมอ แต่ปัจจุบัน การใส่ชุ ด ประจาเผ่า ในชนเผ่าลาหู่เริ่มหาดูได้ยาก เนื่องจากการพัฒนาของสังคมเมือง ทาให้ค่านิยมในการใส่ เส้ือเปลี่ยนไป คือใส่เส้ือผ้าแบบทันสมัยใหม่ เช่นกางเกงยีนต์ เสื้อยีนต์เป็นต้น เพราะว่ามีการวางขาย ตามร้านทั่วไป ส่วนชุดชนเผ่าหาได้ยาก อีกอย่างสังคมไม่ยอมรับ เมื่อใส่ชุดชนเผ่าเข้าในเมือง
การวิจัยการศกึ ษาเปรยี บเทียบการพฒั นาบนพ้นื ที่สูงในอดตี และปจั จบุ ัน 417 กลับถูกมองเหมือนตัวประหลาดตัวหนึ่ง จึงทาให้เด็กรุ่นใหม่ไม่ชอบใส่ชุดประจาเผ่ากัน เพราะว่าอาย คนในเมืองและ บางคนคิดว่าเขามีการพัฒนาพอท่ีจะแยกแยะออกว่า ควรใส่ช่วงเวลาและไม่ควร ใสช่ ่วงเวลา ลักษณะการแต่งกายของผูช้ าย ลักษณะการแตง่ กายของผู้ชายคือสวมใสเ่ ส้ือแขนยาวสีดา ประดบั ดว้ ยเม็ดโลหะเงินและ ลายปักตา่ งๆ สว่ นกางเกงใช้สีดาเย็บปกั ดว้ ยมือท่ีสวยงาม ซ่ึงผ้ชู ายจะสวมกางเกงขาก๊วยสีดา เส้อื สีดา แขนยาวผ่าหน้าป้ายขา้ ง ส้นั แคบ่ ั้นเอว ลักษณะการแตง่ กายของผูห้ ญงิ ลักษณะการแต่งกายของผู้หญิงคือสวมใส่เสื้อแขนยาว สวมผ้าถุงยาวถึงข้อเท้า ตกแต่ง ด้วยแถบผ้าสีต่างๆและ มีเม็ดอลูมิเนียมเล็กๆ เย็บติดเส้ือ และมีสวดลายต่างๆ แปะติดไว้ด้านหน้า และดา้ นหลงั อย่างสวยงามซ่ึงผหู้ ญิงจะแต่งกายดว้ ยเสื้อแขนยาว ตัวเส้ือยาวถงึ ครง่ึ น่อง ผ่ากลางตลอด ตัวขลิบชายเสื้อและตกแต่งตัวเส้ือด้วยผ้าสีขาว นุ่งกางเกงขาก๊วยสีดา โพกศีรษะด้วยผ้าดายาว และปลอ่ ยชายผา้ ห้อยไปข้างหลังยาวประมาณ 1 ฟุต ปจั จุบันใช้ผ้าเช็ดตัวโพกศีรษะแทน ใช้ผ้าสีดาพันแขง้ อาหาร บ้านปางก้ืด(ห้วยตาด) มีอาหารประจาเผ่าที่ข้ึนชื่อ คือ น้าพริกถ่ัวเน่าและน้าพริก มเู ซอโดยรบั ประทานร่วมกับผกั ทีป่ ลกู ในพื้นท่ีการเกษตรของตนเอง สภาวการณอ์ นื่ ๆทเ่ี ป็นประเดน็ ปญั หาของราษฎรบนพน้ื ท่ีสงู -ประชากรยังไมม่ ีสถานะทางทะเบียน -ยาเสพติดระบาดในชมุ ชน -รายไดข้ องประชากรไม่ม่ันคง -ปญั หาขยะตามหมู่บา้ น ชมุ ชน -ไม่เอกสารสิทธ์ทิ ีด่ ินทากนิ และที่อย่อู าศัย -นา้ อุปโภคบริโภคไมเ่ พียงพอมีประชากรจานวนมาก -ขาดยารักษาโรคและยาสามัญประจาบ้าน -ที่อยูอ่ าศยั ไม่ถูกสุขลกั ษณะ -ผลผลิตทางการเกษตรตกตา่ (ชา,กาแฟ) -กลุ่มสตรแี ละผู้สงู อายุ ผ้พู กิ าร ไม่มีอาชีพเสริม
418 การวจิ ยั การศกึ ษาเปรียบเทยี บการพฒั นาบนพน้ื ท่ีสูงในอดีตและปัจจุบัน ชุมชนท่ี 18 บ้านแมส่ าน้อย หมทู่ ี่ 10 ตาบลโปง่ แยง อาเภอแมร่ ิม จงั หวดั เชยี งใหม่ ประวตั คิ วามเป็นมาของชมุ ชน ครัง้ สมัยก่อน ชุมชนบ้านผานกกกอาศัยอยู่ ณ บ้านปา่ คา (หมูบ่ า้ นแม่ใน) เนือ่ งจากมีชนชาว จีนฮ่ออาศัยอยู่ด้วยและเกิดการปราบปรามยาเสพย์ติด (ฝิ่น) อย่างหนักจากรัฐบาลไทย จึงย้ายท่ีอยู่ ใหม่มารวมตัวกันอาศัยท่ีหมู่บ้านปางขมุ หรือบ้านแม่สาเก่า พอได้ไม่นานในปี พ.ศ. 2504 นายกว่า แซ่โซ้ง นายจื้อ แซ่ย่าง และนายเยะ แซ่ย่าง ก็เข้ามาบุกเบิกพื้นท่ีทามาหากินแห่งใหม่ ณ บริเวณหมู่บ้านผานก กกในปัจจุบัน ซึ่งป่าแห่งน้ีเดิมอาจเป็นป่าสัมปทานของรัฐหรือไม่น้ัน ก็ไม่ได้เป็นท่ีแน่ชัดเนื่องจาก เปน็ ปา่ ทไี่ มท่ ึบหรอื ป่าชน้ื ดงดบิ ดงั นัน้ ทั้ง 3 ครอบครัวจงึ ทามาหาเลย้ี งชีพ โดยปลูกข้าวโพด ปลูกขา้ ว ท้อและฝ่ิน นอกจากน้ันก็ยังมีการเล้ียงสัตว์ ได้แก่ ม้า หมู ไก่ เป็นต้น เป็นเวลาทั้งหมด 3 ปี โดยท่ี ไมก่ ลบั บ้านเดมิ หมูบ่ า้ นปางขมุ หรอื หมบู่ ้านแม่สาเก่า ซ่ึงอยหู่ า่ งจากหมู่บ้านผานกกกไปทางทิศเหนือ ประมาณระยะทางโดยเฉลย่ี 2 กโิ ลเมตร และมุ่งมัน่ ท่จี ะต้ังหลกั ตัง้ ฐาน ณ หมู่บา้ นผานกกกในปัจจุบัน ชุมชนบ้านแม่สาน้อยได้แยกมาจากหมู่บ้านแม่สาใหม่ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2547 ประชากรมีอยู่ 115 หลัง คาเรอื น มี 4 ตระกูลแซ่ มเี ขตรบั ผิดชอบ 5 เขต ภมู ปิ ระเทศ -อดีต (ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา) ภูมิประเทศจะยังคงธรรมชาติและภูเขาล้อมรอบหมู่บ้าน สูงใหญ่ มฝี นตกตามฤดูกาล -ปจั จบุ นั (สภาวะปจั จุบันชว่ ง 5 ปีนี)้ ฝนตกไมถ่ ูกตอ้ งตามฤดกู าล มนี า้ แลง้ -แนวโน้ม/อนาคต (สภาวการณ์ต่อจาก 5 ปีปัจจุบัน) ถ้าหากมีการทาลายป่าไม้ ภูมิประเทศก็จะมแี นวโนม้ ที่จะแห้งแลง้ ในอนาคตก็จะไม่มีท่ที ากินเน่ืองจากฝนแล้ง ภูมิอากาศ -อดตี (ช่วง 5 ปีทผี่ ่านมา) มี 3 ฤดู คือฤดรู ้อน ฤดหู นาว ฤดฝู น และอากาศดี -ปัจจุบัน (สภาวะปัจจุบันช่วง 5 ปีนี้) อากาศร้อน เน่ืองจากมีการใช้พื้นท่ีเท่าเดิม แต่ประชากรเพ่ิมขึ้น มีการทาแนวป้องกันภัยป่า มีการอยู่เวรยามไฟป่าตลอดระยะเวลาฤดูหน้าแล้ง 3 เดอื น -แนวโน้ม/อนาคต (สภาวการณ์ต่อจาก 5 ปีปัจจุบัน) อากาศจะร้อนช้ืน เนื่องจากมีการ เผาป่าเพ่ือทาการเกษตร มีการลดพ้ืนท่ีทากิน แบ่งเป็นโซน มีการอนุรักษ์ป่าต้นน้าและส่ิงแวดล้อม วฒั นธรรมประเพณขี องชุมชน สภาพสง่ิ แวดลอ้ มชุมชน -อดีต (ชว่ ง 5 ปีท่ผี า่ นมา) สิง่ แวดล้อมชมุ ชนมีปา่ เขาเขียวขจี ชมุ ชนน้อย -ปจั จุบนั (สภาวะปจั จบุ นั ช่วง 5 ปนี ี)้ มชี มุ ชนหลังคาเรอื นเพม่ิ ข้นึ ปา่ เขาจานวนต้นไม่ลดลง -แนวโน้ม/อนาคต (สภาวการณ์ต่อจาก 5 ปีปัจจุบัน) ชุมชนจะมีหลังคาเรือนเพ่ิมขึ้น เน่อื งจากมกี ารเพิ่มประชากร
การวิจยั การศึกษาเปรียบเทียบการพฒั นาบนพ้ืนทีส่ ูงในอดีตและปจั จุบนั 419 โครงสรา้ งชมุ ชน -ผูน้ าชมุ ชน ผู้ใหญบ่ ้าน , ผูช้ ว่ ยผู้ใหญ่บา้ น, สอบต. , ผูน้ าศาสนา -โครงสร้าง/จานวนประชากร โครงสรา้ งครอบครัว มปี ระชากรท่ีเพมิ่ ขน้ึ เช่นพอ่ แม่ลกู -หลาน -กตกิ า/กฎ/ระเบยี บชุมชน -โดยหลักการของกฎหมาย เช่น ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและการไกล่เกล่ีย ประนีประนอมข้อพิพาท -โดยหลักการของจารีตประเพณี เช่น ผ่านทางผู้นาอาวุโส ด้วยการใช้หลักการ ของจารตี ประเพณเี ขา้ มาไกลเ่ กลย่ี ประนปี ระนอมข้อพิพาท อาณาเขตพ้ืนทต่ี ิดต่อ ทิศเหนือ ติดต่อตาบลโป่งแยง-ตาบลแม่แรม ทศิ ใต้ ติดต่ออาเภอหางดง ทิศตะวันออก ตดิ ตอ่ บา้ นดอยปุย ทศิ ตะวันตก ตดิ ตอ่ บา้ นผานกกก หนว่ ยงานราชการ โครงการหลวงแม่สาใหม่ , เขตพัฒนาสังคมราษฎรบนพื้นที่สูงแม่สา , โรงเรียนเจ้าพ่อ หลวงอปุ ถัมภ์ และวดั ธรรมจาริต สภาพเศรษฐกจิ -กลุม่ อาชีพหลกั ของคนในชมุ ชน เกษตรกรรม / ค้าขาย / ธุรกจิ ส่วนตวั / รับจา้ ง -การเกษตรกรรม ผกั เมอื งหนาว/โรงเรอื นพรกิ หวาน -แหล่งรายได้ มาจากเกษตรกรรม “พืชผลทางการเกษตร” โครงการหลวงบ้านแมส่ าใหม่ -ศิลปหตั ถกรรม การเขยี นเทียนผา้ การปกั ผา้ การทอผ้าใยกัญชง -รา้ นคา้ /สินค้า/ลานจาหนา่ ยสินคา้ ร้านคา้ ชมุ ชน / สหกรณ์บ้านแมส่ าใหม่ สภาพสงั คม -การศึกษา/สถานศกึ ษา โรงเรยี นเจ้าพอ่ หลวงอุปถมั ภ์ 7 และศนู ย์เด็กเลก็ บ้านแมส่ าใหม่ -ศาสนา/ความเช่อื /ลทั ธิ ผี, พุทธ, ครสิ ต์ -ศาสนสถาน/สัญลกั ษณ์ วดั แมส่ าใหม่, โบสถแ์ ม่สาน้อย -ความสัมพนั ธ์ ระบบเครือญาติ ความสัมพันธเ์ ป็นตระกูลแซ่ โดยนบั ถือผู้อาวโุ สเปน็ หลัก -อัตลกั ษณ์ความเป็นชนเผ่า มมี ้งขาวและม้ง (ม้งลาย) การสาธารณสุข/สขุ ภาพคนในชมุ ชน -สภาวะสุขภาพกาย/ใจของราษฎรบนพ้นื ทสี่ ูง มีสุขภาพกายและใจ จิตใจแจ่มใสเบิกบาน -พฤติกรรม สุขภาพของประชาชน มกี ารอยู่/กนิ ตามธรรมชาตไิ มฟ่ ุม้ เฟ้อ -โรคพ้นื บา้ น/การรกั ษาพ้ืนบา้ น ลดความดัน ปวดท้อง อาหารเป็นพิษ -สมนุ ไพรพืน้ บ้าน มหี ลายชนิด แต่ไมร่ ู้ชื่อภาษาไทย -หมอพืน้ บ้าน ดา้ นการรักษาโรคต่างๆ เชน่ ปวดท้อง มีไข้ ตัวรอ้ น (ให้ยาสมนุ ไพร)
420 การวิจยั การศกึ ษาเปรียบเทียบการพฒั นาบนพ้ืนที่สงู ในอดตี และปจั จบุ นั วฒั นธรรมชมุ ชน -วัฒนธรรมชนเผา่ 2 เผ่า คือเผ่ามง้ ลายกับมง้ ขาว ต่างกนั ตรงการแต่งกาย -ประเพณพี ื้นบ้าน ตีลกู ข่าง, โยนลกู ช่วง, ยิงหนา้ ไม,้ กนิ ข้าวใหม,่ ผกู ขอ้ มือ -ศลิ ปะการแสดง ราวง, รอ้ งเพลงมง้ , เปา่ ปแี่ ปแร, เป่าแคน, เป่าใบไม้ -การแต่งกาย แต่งกายชดุ มง้ ในชว่ งเทศกาลและตลอดทงั้ ปีของวถิ ชี ีวติ ม้ง -อาหาร อาหารท้องถน่ิ คือหมใู ส่ผักดอย, ตม้ ไกส่ มุนไพร, ผัดผกั ทั่วไป, ตานา้ พรกิ ดอย สภาวการณ์อนื่ ๆ ท่เี ป็นประเดนปญั หาของราษฎรบนพนื้ ที่สูง ปัจจุบันลูกหลานออกไปทางานในเมืองใหญ่และไปคา้ ขายในตา่ งจงั หวัด
การวิจยั การศึกษาเปรียบเทียบการพฒั นาบนพื้นทส่ี ูงในอดตี และปัจจบุ นั 421 10. ศนู ย์พฒั นาราษฎรบนพ้ืนท่ีสูงจังหวดั ลาพนู ชมุ ชนท่ี 19 บ้านหว้ ยฮอ่ มนอก หมูท่ ี่ 4 ตาบลทาแม่ลอบ อาเภอแมท่ า จงั หวดั ลาพูน ประวัติความเป็นมาของชมุ ชน หมู่บ้านฮ่อมนอก อาเภอแม่ทา จังหวัดลาพูน เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผากะเหร่ียงแต่เดิม ที่หมู่บ้านชาวบ้านอาศัยอยู่บ้านห้วยฮ่อมใน หมู่ที่ 5 ตาบลทาแม่ลอบ อาเภอแม่ทา ต่อมาได้ย้ายถิ่น ฐานออกมาขา้ งนอกจนถึงปจั จุบัน เป็นระยะเวลา 85 ปี เพือ่ ท่ที ากนิ ใหม่ลักษณะของพื้นที่เป็นหมู่บ้าน เป็นฮ่อมดอยเป็นหุบเขา และมีลาห้วยผ่านฮ่อม จึงได้เรียกช่ือหมู่บ้านตามลักษณะของภูมิประเทศ ว่า หมูบ่ า้ นหว้ ยฮอ่ มนอก ลักษณะทางภมู ิประเทศ หมูบ่ า้ นหว้ ยฮอ่ มนอก หมทู่ ่ี 4 ตาบลทาแมล่ อบ อาเภอแมท่ า จังหวัดลาพนู ตั้งอยูบ่ นพ้นื ท่สี ูงลอ้ มรอบด้วยภเู ขาและลาห้วย ทิศเหนือ ตดิ กบั บา้ นห้วยฮ่อมใน ทิศใต้ ติดกับ จังหวัดลาปาง ทิศตะวนั ออก ตดิ กับ บ้านโฮ่ง ทิศตะวันตก ตดิ กบั บา้ นหว้ ยเหย้ี ะ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่หุบเขาเป็นทางเดินจักรยานยนต์รอบลาธารในช่วงหน้าฝนจะเข้า ออกไม่ได้เมื่อมีน้าท่วม มีห้วยมะกาย ห้วยก่าง และลาห้วยฮ่อมในไหลมาร่วมกันเป็นลาห้วยห้วยฮ่อม นอกไหลผา่ นทางทศิ เหนือของพื้นที่ การสัญจรไปมาสะดวกและปลอดภัยเปน็ ถนนคอนกรตี เสริมเหล็ก และทางลูกรังมีห้วยมะกาย ห้วยก๋าง และลาห้วยห้วยฮ๋อมในไหลมารวมกันเป็นลาห้วยห้อยฮ่อมนอก ไหลผ่านทางทศิ เหนอื ของพน้ื ท่ี สภาพอากาศ ลักษณะอากาศบรเิ วณพืน้ ท่ี โดยทวั่ ไปจะเปน็ แบบร้อนช้นื สลบั แหง้ ปริมาณน้าฝน เฉลี่ยต่อปี 990.4 มิลลิเมตร อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี 26.9 องศาเชลเชียส อุณหภูมิสูงสุดในเดือนเมษายน 30.20 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิต่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 8.20 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ เฉล่ียรวมทั้งปี 59.5 % การระเหยและการคายน้าทั้งปีเท่ากับ 1,289 มิลลิเมตร มีน้าใช้ตลอดทั้งปี อนาคต มีแนวโน้มท่อี ากาศจะร้อนช้ืน สภาพเศรษฐกจิ กลุ่มอาชีพหลักของคนในชุมชน ประกอบอาชีพทางเกษตรกรรม อาชีพนอกการเกษตร คือรับจ้างภาคเกษตรมากที่สุด รองมาคือ อาชีพเสริม ได้แก่ การทอผ้า และจักสาน ทาไม้กวาด ตาขา้ ว ซอ้ มมอื ด้านเกษตรกรรม ปลกู พืชอาหารและพชื ไร่ ได้แกข่ ้าวนาดา ขา้ วไร่ ข้าวโพด มีรายได้ จากการทาการเกษตร และงานหัตถกรรม ไม้กวาดดอกหญ้า และข้าวซ้อมมือ ศิลปหัตถกรรม คือ ทอผ้า แปรรูปผ้าทอ ข้าวซ้อมมือ ความเข้มแข็งในชุมชน คือ จาหน่ายให้ร้านค้าของกลุ่มอาชีพในชุมชน และกลุม่ อาชีพสง่ จาหนา่ ยตามคาส่งั ซ้อื ของเครือข่ายกลุ่มอาชีพ สภาพสังคม มีสถานศึกษา ในพื้นที่บ้านห้วยฮ่อม เป็นโรงเรียนเด็กเล็ก 1 แห่ง โรงเรียน ประถมศึกษา 1 แห่ง สอนชั้นสูงสุดถึง ป.6 และมีนักเรียนบางส่วนออกมาเรียนโรงเรียนแม่ทา ประชากรของศูนย์ฯ เข้ารับการศึกษาตั้งแตช่ ้นั อนบุ าลถึงระดับ ม.6 มีจานวน 206 คน คดิ เปน็ ร้อยละ
422 การวจิ ัยการศกึ ษาเปรยี บเทียบการพฒั นาบนพน้ื ท่ีสูงในอดตี และปจั จุบนั 54.34 ของจานวนประชากร มีคนเรียนจบการศึกษาภาคบังคับ จานวน 210 คน คิดเป็นร้อยละ 50.98 ของจานวนประชากร และผู้ไม่รู้หนังสือจานวน 165 คน คิดเป็นร้อยละ 43042 ของจานวน ประชากรภายใสหมู่บ้านนับถือ ศาสนาพุทธ 100% มี สัญลักษณ์ ผีหมู่บ้าน 4 แห่ง จะมีทุกหมู่บ้าน เป็นทย่ี ึดเหนีย่ วจติ ใจ ใชป้ ระกอบพิธีกรรมตามความเชื่อทางศาสนา วัฒนธรรมชนเผ่า 1 กะเหร่ยี งโปว์ ส่วนใหญ่อพยพมาจากบ้านห้วยฮ่อมใน อาเภอแม่ทา จังหวัดลาพูน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่หมู 3,4,5,6,ต. ทาแมล่ อบ ท่ี เดอื น ปฏทิ ินกจิ กรรมชุมชน 1 มกราคม กิจกรรมในรอบปี 2 กุมภาพันธ์ 3 มนี าคม กนิ แขก,จักสาน,ทอผา้ ปั่นด้าย,ประเพณตี านขา้ วใหม่ 4 เมษายน เลือกทีถ่ างไร,่ ถา่ งไร่,จดั แนวกนั ไฟ,ผู้ข้อมือ 5 พฤษภาคม ถางไร่,ตากไร่,เตรียมดินปลูกพืชไร่,จัดทาแนวกันไฟ,งานประเพณี, 6 มถิ นุ ายน ขายของป่า (มดแดง,ผักหวาน) 7 กรกฎาคม เผาไร่,เก็บกวาดไร่,ล้อมร้ัว,สร้างกระต๊อบ,เก็บของป่า (มดแดง 8 สิงหาคม ,ผักหวาน)ประเพณีสงกรานต์ 9 กนั ยายน ปลูกข้าวโพด,หว่านกล้าขา้ ว,ดายหญ้า,ปลูกถ่งั ลสิ ง,ปลูกงา, 10 ตุลาคม ขายของป่า (หน่อไม,้ เห็ด) 11 พฤศจกิ ายน ดานา,ดูแลตน้ ขา้ ว,ดายหญา้ ,ปลูกถัง่ ลสิ ง,ปลูกงา,ขายของป่า 12 ธันวาคม (หนอ่ ไม,้ เหด็ ) ตรวจตราไร,่ ดแู ลตน้ ขา้ ว,รับจา้ งท่วั ไป ดายหญ้า,ตรวจตราไร,่ ทาพิธีเลี้ยงผีไร่,ปลูกข้าวโพด,รับจ้างเก็บลาไย, ขายของปา่ (เหด็ ,หนอ่ ไม)้ เกบ็ เก่ยี วผลผลิตข้าวโพดับจ้างทั่วไป,ขายของป่า (เหด็ ,หน่อไม้) เก่ียวข้าว, เก็บเกี่ยวผลผลิตพืชไร,่ รับจา้ งทัว่ ไป เกีย่ วขา้ งนา,ขา้ วไร่,ตีข้าว,แบกขา้ ว,งานประเพณีเดือนยี่เปง็ เก็บเก่ียวผลผลิตในไร่ไว้กินหรือทาพันธุ์,เก็บฟืน,สร้างหรือซ่อมบ้าน, พักผ่อน,เยย่ี มญาติตา่ งหมูบ่ ้าน อาหาร ชุมชนบ้านห้วยฮ่อมนอก เป็นอาหารท้องถ่ินและที่นิยมกันในชุมชนกันผักที่ขึ้นตาม ฤดูกาล แก้งผักหวาน,น้าพริกข่านึ่งผัก และผักกาดใส้เผือก แกงฟักใส่ไก่และหมู แกงหน่อไม้ใสใบ แมงลกั และแกง่ เปรอะ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 537
Pages: