Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การพัฒนาการรวมกลุ่ม แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยุกต์

การพัฒนาการรวมกลุ่ม แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยุกต์

Published by zoodee9988, 2021-10-08 04:28:46

Description: หนังสือ เรื่อง การพัฒนาการรวมกลุ่มแบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยุกต์ รวบรวมเนื้อหาด้านวิชาการเกี่ยวกับการรวมกลุ่มแบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาการรวมกลุ่มแบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่ปรากฏในเอกสารทางวิชาการ บทความ หนังสือหรือคู่มือ และเอกสารการวิจัย บทความวิชาการและบทความวิจัยทั้งที่เขียนเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ตลอดจนใช้ข้อมูลดังกล่างมาทำการวิเคราะห์แนวคิดตามหลักวิชาการและแนวปฏิบัติ เพื่อสังเคราะห์และนำเสนอรูปแบบและบทบาทของเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยวที่เหมาะสมของประเทศไทย

Keywords: เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเที่ยว,เครือข่ายวิสาหกิจ,เครือข่ายวิสาหกิจการท่องเที่ยวเมืองพัทยา

Search

Read the Text Version

การพฒั นาการรวมกลุ่ม แบบเครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั

การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวสิ าหกจิ ด้านการท่องเทย่ี ว : แนวคดิ และการประยกุ ต์ โดย...วุฒชิ าติ สุนทรสมยั จดั ทาโดย : วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั พิมพค์ ร้ังที่ 1 : กมุ ภาพนั ธ์ 2560 จานวน 500 เล่ม 299 บาท ISBN : 978-616-429-456-1 พมิ พท์ ี่ : หา้ งหุน้ ส่วนจากดั ประจกั ษส์ ิน 74 ซอยจนั ทน์ 18/7 แยก 32 ถนนจนั ทน์ แขวงทุง่ วดั ดอน เขตสาทร กทม. 10120 โทร. 0-2212-3713 โทรสาร. 0-2211-1911 ขอ้ มลู บรรณานุกรมของสานกั หอสมุดแห่งชาติ วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั การพฒั นาการรวมกลุ่มแบบเครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการท่องเท่ียว : แนวคิดและการประยกุ ต.์ กรุงเทพฯ : ประจกั ษส์ ิน, 2560 497 หนา้ 1. อุตสาหกรรมทอ่ งเท่ียว 2. การทอ่ งเที่ยว. I. ช่ือเร่ือง. 338.4791 ISBN : 978-616-429-456-1

คำนำ หนงั สือ เรื่อง การพฒั นาการรวมกลุ่มแบบเครือขา่ ยวสิ าหกิจดา้ นการท่องเท่ียว: แนวคิด และการประยกุ ตน์ ้ี จดั ทาข้ึนโดยมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อรวบรวมเน้ือหาดา้ นวชิ าการเกี่ยวกบั การรวมกลุ่ม แบบเครือขา่ ยวสิ าหกิจดา้ นการท่องเที่ยว เสนอแนวคิดเกี่ยวกบั การพฒั นาการรวมกลุ่มแบบเครือขา่ ย วสิ าหกิจดา้ นการท่องเท่ียวอยา่ งยงั่ ยนื ที่ปรากฏในเอกสารทางวชิ าการ บทความ หนงั สือหรือคู่มือ และ เอกสารการวจิ ยั บทความวชิ าการและบทความวจิ ยั ท้งั ท่ีเขียนเป็นภาษาไทยและภาษาองั กฤษ ตลอดจน ใชข้ อ้ มูลดงั กล่างมาทาการวเิ คราะห์แนวคิดตามหลกั วชิ าการและแนวปฏิบตั ิ เพอ่ื สังเคราะห์และ นาเสนอรูปแบบและบทบาทของเครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการท่องเที่ยวท่ีเหมาะสมของประเทศไทย เน้ือหาสาระของหนงั สือประกอบดว้ ย 7 บท ไดแ้ ก่ บทท่ี 1 แนวคิดเก่ียวกบั เครือข่าย วสิ าหกิจ บทท่ี 2 แนวคิดและบทบาทของเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียว บทที่ 3 แนวทางการพฒั นา เครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเที่ยวในประเทศ บทท่ี 4 แนวทางการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียว ของตา่ งประเทศ บทท่ี 5 การวจิ ยั ท่ีเก่ียวขอ้ งดา้ นการรวมกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียว บทที่ 6 พทั ยาโมเดล การก่อต้งั และพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเที่ยวเมืองพทั ยา และ บทท่ี 7 บทสรุปจาก การวเิ คราะห์ สงั เคราะห์และแนวทางการพฒั นาบทบาทของเครือขา่ ยวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวอยา่ งยงั่ ยนื และไดส้ อดแทรก กรณีศึกษาที่เป็นผลงานวจิ ยั ที่ผเู้ ขียนไดจ้ ดั ทาข้ึนร่วมกบั นิสิตระดบั บณั ฑิตศึกษาของ มหาวทิ ยาลยั บรู พา และผลงานวจิ ยั และบทความวจิ ยั ท่ีจดั ทาโดยไดร้ ับเงินอุดหนุนจากสานกั งาน คณะกรรมการอุดมศึกษา(สกอ.) และสานกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แห่งชาติ(วช.) และสานกั งานกองทุน สนบั สนุนการวจิ ยั แห่งชาติ(สกว.) ระหวา่ งพ. ศ. 2552-2557 รวมท้งั จดั ทา บรรณานุกรม และดชั นีชื่อ เร่ืองเพอื่ สะดวกในการคน้ หา ผเู้ ขียนหวงั เป็ นอยา่ งยงิ่ วา่ หนงั สือ เรื่องการพฒั นาการรวมกลุ่มแบบเครือข่ายวสิ าหกิจดา้ น การทอ่ งเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ตน์ ้ี จะเป็นประโยชนต์ ่อนกั วชิ าการดา้ นการจดั การการท่องเท่ียว และกาหนดนโยบายและยทุ ธศาสตร์ทางการท่องเท่ียวของประเทศทุกระดบั รวมท้งั นกั บริหารของ ภาคเอกชนและภาครัฐ และผสู้ นใจที่เก่ียวขอ้ งกบั อุตสาหกรรมการทอ่ งเที่ยวและการกาหนดนโยบายที่ เก่ียวขอ้ งกบั การรวมกลุ่มกนั ทางานใหส้ ามารถใชป้ ระโยชนโ์ ดยนาหลกั แนวคิด และถอดบทเรียนจาก แนวปฏิบตั ิท่ีดีจากกรณีศึกษาในหนงั สือเล่มน้ี นาไปประยกุ ตใ์ ชก้ บั องคก์ ารไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ท้งั น้ี หากหนงั สือเล่มน้ีก่อใหเ้ กิดประโยชนใ์ นวงการ ผเู้ ขียนขอยกส่วนดีน้นั แก่ ครูอาจารยท์ ี่ประสิทธ์ิ ประสาทความรู้และปัญญาแก่ผเู้ ขียน และหากมีขอ้ บกพร่องอนั ใดท่ีเกิดข้ีน ผเู้ ขียนขอนอ้ มรับผดิ ท้งั หมดไวแ้ ต่เพยี งผเู้ ดียว วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั มกราคม 2560

ประกำศคุณูปกำร หนงั สือ เรื่อง การพฒั นาการรวมกลุ่มแบบเครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการท่องเท่ียว: แนวคิดและ การประยกุ ตน์ ้ี เป็ นเอกสารท่ีรวบรวมเน้ือหาดา้ นวชิ าการ และแนวปฏิบตั ิที่ดีเกี่ยวกบั การรวมกลุ่มแบบ เครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการท่องเท่ียวท้งั ในประเทศไทยและต่างประเทศ เสนอแนวคิดเก่ียวกบั การ พฒั นาการรวมกลุ่มแบบเครือขา่ ยวสิ าหกิจดา้ นการท่องเที่ยวอยา่ งยง่ั ยนื จากเอกสารทางวิชาการ บทความ หนงั สือหรือคูม่ ือ และเอกสารการวจิ ยั บทความวชิ าการและวจิ ยั ท้งั ท่ีเขียนเป็ นภาษาไทยและ ภาษาองั กฤษ ตลอดจนวเิ คราะห์แนวคิดตามหลกั วชิ าการและแนวปฏิบตั ิ และสังเคราะห์และนาเสนอ รูปแบบและบทบาทของเครือขา่ ยวสิ าหกิจดา้ นการท่องเที่ยวที่เหมาะสมกบั ประเทศไทย ทา้ ยน้ีผเู้ ขียนใคร่ขอขอบคุณผทู้ ่ีทาใหเ้ อกสารน้ีสมบรู ณ์ไดแ้ ก่ คือ รองศาสตราจารย์ ดร.พิภพ สุนทรสมยั บิดาของผเู้ ขียนเป็นผทู้ ี่ใหค้ าแนะนาและจุดประกายแนวทางในการจดั ทาหนงั สือเล่มน้ี ขอขอบคุณ คณบดีคณะการจดั การและการท่องเที่ยว มหาวทิ ยาลยั บรู พา ศิษยเ์ ก่าระดบั ปริญญาตรีสาขา การตลาด และ ศิษยเ์ ก่าระดบั ปริญญาโท สาขาการจดั การวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม สมาคม เอส เอม็ อี บูรพา ผปู้ ระกอบการดา้ นการท่องเท่ียวของไทย ท่ีใหท้ ้งั ขอ้ มูลท่ีเป็นประโยชน์ท้งั ดา้ น วชิ าการ การประยกุ ต์ ตลอดจนขอ้ เสนอแนะต่างๆ ขอขอบคุณสานกั งานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) สานกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แห่งชาติ(วช.) และสานกั งานกองทุนสนบั สนุนการวจิ ยั แห่งชาติ (สกว.) ท่ีใหก้ ารสนบั สนุนงบประมาณอุดหนุนการวจิ ยั เรื่องดงั กล่าว ระหวา่ งพ. ศ. 2553-2557 และ มอบกาลงั ใจดว้ ยดีตลอดมา และที่สาคญั ที่จะลืมไมไ่ ด้ คือ ขอราลึกถึงพระคุณ ครูอาจารย์ คุณป้ าท่ีได้ อบรมและใหค้ วามรู้เพื่อเกิดเป็นกาลงั ใจอยา่ งแรงกลา้ ในการจดั ทาหนงั สือเล่มน้ี วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั มกราคม 2560

ก สารบญั หน้า ง บทท่ี ฌ 1 สารบญั ภาพ 1 11 สารบัญตาราง 24 25 1 แนวคดิ เกย่ี วกบั เครือข่ายวสิ าหกจิ 39 ความหมายและความสาคญั ของเครือขา่ ยวสิ าหกิจ (คลสั เตอร์ Cluster) 51 1.1 องคป์ ระกอบของเครือขา่ ยวสิ าหกิจและกระบวนการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจ 1.2 ประเภทของเครือขา่ ยวสิ าหกิจ 53 1.3 ปัจจยั สู่ความสาเร็จในการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจ 60 1.4 บทบาทการบูรณาการความร่วมมือในการแขง่ ขนั ของเครือขา่ ยวสิ าหกิจ 71 81 2 แนวคดิ และบทบาทของเครือข่ายวสิ าหกจิ ด้านการท่องเทยี่ ว 107 2.1 แนวคิดเก่ียวกบั ธุรกิจดา้ นการท่องเที่ยวกบั บทบาท 109 ของเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเที่ยว 109 2.2 ความร่วมมือของธุรกิจดา้ นการทอ่ งเที่ยว 111 2.3 ความสามารถในการแข่งขนั ของอุตสาหกรรมท่องเท่ียว 113 2.4 กระบวนการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียว 119 121 3 แนวทางการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกจิ การท่องเท่ยี วในประเทศ 122 3.1 ภาคใต้ 123 3.1.1 เครือข่ายวสิ าหกิจท่องเท่ียวจงั หวดั พงั งา 3.1.2 เครือขา่ ยวสิ าหกิจท่องเที่ยวจงั หวดั กระบ่ี 125 3.1.3 เครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเท่ียวเชิงสุขภาพ จงั หวดั ระนอง 3.1.4 เครือขา่ ยวสิ าหกิจท่องเท่ียวภูเกต็ 127 3.2 ภาคเหนือ 131 3.2.1 เครือขา่ ยวสิ าหกิจทอ่ งเที่ยว Hotel De Charm จงั หวดั เชียงใหม่ 3.2.2 เครือข่ายวสิ าหกิจทอ่ งเท่ียวเชิงทศั นศึกษา จงั หวดั เชียงใหม่ 3.2.3 เครือข่ายวสิ าหกิจทอ่ งเที่ยว กลุ่มจงั หวดั ภาคเหนือตอนล่าง นครสวรรค์ กาแพงเพชร พิจิตร อุทยั ธานี 3.2.4 เครือข่ายวสิ าหกิจทอ่ งเที่ยวกลุ่มจงั หวดั พษิ ณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ สุโขทยั อุตรดิตถ์ 3.2.5 เครือข่ายวสิ าหกิจของกลุ่มผลิตภณั ฑน์ าร่องในเขตพ้นื ที่ในภาคเหนือ

ข สารบัญ (ต่อ) บทท่ี หน้า 3 แนวทางการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกจิ การท่องเที่ยวในประเทศ (ต่อ) 3.3 ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร 134 3.3.1 เครือข่ายวสิ าหกิจท่องเท่ียวเชิงนิเวศ จงั หวดั นครนายก 134 3.3.2 เครือขา่ ยวสิ าหกิจอุตสาหกรรมธุรกิจนาเท่ียวกรุงเทพมหานคร 136 3.4 ภาคตะวนั ออก 139 3.4.1 เครือขา่ ยวสิ าหกิจทอ่ งเที่ยวเกาะชา้ ง จงั หวดั ตราด 139 3.4.2 เครือขา่ ยวสิ าหกิจอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวชายฝ่ังทะเลตะวนั ออก 141 กลุ่มจงั หวดั ภาคตะวนั ออก จงั หวดั ชลบุรี ระยอง จนั ทบุรี ตราด 3.4.3 เครือข่ายวสิ าหกิจอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวเชิงนิเวศ กลุ่มจงั หวดั ภาคตะวนั ออก 148 3.4.4 เครือข่ายวสิ าหกิจทอ่ งเท่ียวเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี 153 4 แนวทางการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกจิ การท่องเที่ยวของต่างประเทศ 175 4.1 เครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเท่ียวในพ้นื ที่ชนบทลในเขตตอนใตข้ อง เคอรรี่ (South Kerry) ประเทศไอร์แลนด์ 179 4.2 เครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเที่ยวเม่ืองบีนิดอร์ม (Benidorm) ในชายฝ่ังเมดิเตอร์เรเนียนของ ประเทศสเปน 182 4.3 เครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเที่ยวของสวนรุกขชาติ อลนั เทโจ ประเทศโปรตุเกส 186 4.4 เครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเที่ยวเขตไอซ์แลนดิก ประเทศไอซ์แลนด์ 190 4.5 เครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเที่ยวเพรอฟ ของประเทศเช็กรีพลบั ริก (สาธารณรัฐเช็ก) 192 4.6 เครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียวประเทศรัสเซีย 194 4.7 เครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเท่ียวของอคั ราเรย์ (Aksaray) ประเทศตุรกี 196 4.8 เครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเที่ยวเขตลิฟทอฟ ประเทศสโลวาเกีย 197 4.9 เครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเท่ียวเขตตะวนั ตกเฉียงใตอ้ ลั ทีเนีย ประเทศโรมาเนีย 199 4.10 เครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเท่ียวเชิงการแพทยด์ า้ นสปาในประเทศโรมาเนีย 201 4.11 เครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเท่ียวเชิงวฒั นธรรม เขตทรานสดานุเบียนตอนใต้ ประเทศฮงั การี 207 4.12 เครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียวโดมินิกนั รีพบั ลิก 210 4.13 เครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเที่ยวของเมืองปอร์โต เดกาลินฮสั ประเทศบราซิล 211 4.14 เครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเที่ยวของทรินิแดดและโตบาโก 215 4.15 เครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเที่ยวเมก็ ซิโก 219

ค สารบัญ (ต่อ) หน้า บทท่ี 223 247 4 แนวทางการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกจิ การท่องเท่ยี วของต่างประเทศ (ต่อ) 252 4.16 เครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเที่ยวแบบ Tourism Complex 253 ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน 257 259 5 การวจิ ัยทเี่ กยี่ วข้องด้านการรวมกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกจิ การท่องเทยี่ ว 262 5.1 ขอ้ พจิ ารณาเบ้ืองตน้ (Initial Consideration) 265 5.2 กลยทุ ธ์ของกิจการโครงสร้างและคู่แข่งขนั (Strategy, Structure, and Competitor) 291 5.3 เง่ือนไขอุปสงค์ (Demand conditions) 297 5.4 อุตสาหกรรมท่ีเกี่ยวขอ้ งและสนบั สนุน (Related and Supported Industry) 314 5.5 เง่ือนไขปัจจยั ตา่ งๆ (Other factors) 340 5.6 โอกาสและรัฐบาล (Opportunity and Government) 369 6 พทั ยาโมเดล การก่อต้งั และพัฒนาเครือข่ายวสิ าหกจิ การท่องเทยี่ วเมืองพทั ยา 373 6.1 ระยะที่ 1 375 6.2 ระยะท่ี 2 376 6.3 ระยะท่ี 3 381 398 7 บทสรุปจากการวิเคราะห์ สังเคราะห์และแนวทางการพฒั นาบทบาท 402 ของเครือข่ายวสิ าหกจิ การท่องเทยี่ วอย่างยง่ั ยนื 7.1 การวเิ คราะห์ปัญหาของการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียว 7.2 ปัจจยั ท่ีเป็นสาเหตุแห่งปัญหาของการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเที่ยว 7.2.1. ปัจจยั ดา้ นสภาวะแวดลอ้ มภายนอก 7.2.2. ปัจจยั ดา้ นสภาวะแวดลอ้ มภายใน 7.3 ตวั แบบการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวของประเทศไทยอยา่ งยง่ั ยนื 7.4 แนวทางการพฒั นาบทบาท กลยทุ ธ์และระบบสนบั สนุนท่ีเป็นไปได้ ของเครือขา่ ยการท่องเท่ียว บทบาทที่รอการปฏิบตั ิ ภาคผนวก 425 บรรณานุกรม 439 ดชั นีช่ือเร่ือง 453 ประวตั ิผเู้ ขียน 457

ง สารบัญภาพ ภาพที่ หน้า 1-1 ประโยชน์ของเครือข่ายวสิ าหกิจ 10 1-2 องคป์ ระกอบหลกั ของเครือข่ายวสิ าหกิจ 15 1-3 กระบวนการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจ 16 1-4 แผนภาพเครือขา่ ยวสิ าหกิจ (Cluster Map) 18 1-5 เครือข่ายวสิ าหกิจกบั การยกระดบั ความสามารถ ในการแขง่ ขนั ของประเทศ 25 1-6 มิติการทางานร่วมกนั 3 รูปแบบ 30 1-7 การวเิ คราะห์สภาพแวดลอ้ มทางธุรกิจ โดยใชต้ วั แบบไดมอนด์ 32 1-8 ระดบั ความสามารถและศกั ยภาพของอุตสาหกรรม ในการรวมกลุ่มเป็ นเครือข่ายวสิ าหกิจ 39 2-1 ระบบการตลาดการทอ่ งเท่ียว 57 2-2 ระบบการท่องเท่ียว 59 2-3 ความเชื่อมโยงภายในและระหวา่ งอุตสาหกรรมโรงแรม และรีสอร์ทกบั อุตสาหกรรมและหน่วยงานอื่นๆ 64 2-4 ตวั แบบการวเิ คราะห์ไดมอนตข์ องภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในปี 2560 80 2-5 แผนภาพเครือขา่ ยวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียว 84 2-6 รูปแบบศนู ยเ์ ครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเที่ยว 88 2-7 แบบจาลองการพฒั นาการท่องเที่ยวอยา่ งยง่ั ยนื ของเครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเที่ยว 90 2-8 อตั ราการเติบโตของการท่องเท่ียวในเมืองพทั ยาปี 2546-2550 95 2-9 ค่าใชจ้ า่ ยเฉล่ียตอ่ คนตอ่ วนั ของนกั ทอ่ งเท่ียวในเขตพทั ยา ปี 2554 96 2-10 การวเิ คราะห์สภาพแวดลอ้ มทางธุรกิจตามรูปแบบไดมอนด์ 98 2-11 รูปแบบและระยะในการพฒั นาเป็ นเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเที่ยว ในเมืองพทั ยา (PTCC) จงั หวดั ชลบุรี 101 3-1 เครือข่ายวสิ าหกิจในประเทศไทย จาแนกตามรูปแบบ 108 3-2 เครือขา่ ยวสิ าหกิจในประเทศไทย จาแนกตามภาคการผลิต 108 3-3 การวเิ คราะห์องคป์ ระกอบ 4 ดา้ นตามตวั แบบไดมอนดข์ องจงั หวดั พงั งา 110

จ สารบญั ภาพ (ต่อ) ภาพท่ี หน้า 3-4 การวเิ คราะห์องคป์ ระกอบ 4 ดา้ นตามตวั แบบไดมอนด์ ของจงั หวดั กระบ่ี 112 3-5 เครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเท่ียวเชิงสุขภาพ จงั หวดั ระนอง 114 3-6 การวเิ คราะห์เครือขา่ ยวสิ าหกิจทอ่ งเท่ียวเชิงสุขภาพ จงั หวดั ระนอง 115 3-7 ภาพรวมของเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวเชิงสุขภาพ จงั หวดั ระนอง 116 3-8 แผนภาพเครือข่ายวสิ าหกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จงั หวดั ระนอง 118 3-9 การวเิ คราะห์องคป์ ระกอบ 4 ดา้ นตาม Diamond Model ของจงั หวดั เชียงใหม่ 122 3-10 การวเิ คราะห์องคป์ ระกอบ 4 ดา้ นตามตวั แบบไดมอนด์ ของการท่องเที่ยวเชิงทศั นศึกษาจงั หวดั เชียงใหม่ 124 3-11 เครือขา่ ยวสิ าหกิจทอ่ งเที่ยว กลุ่มจงั หวดั ภาคเหนือตอนล่าง 126 3-12 กลุ่มจงั หวดั ภาคเหนือตอนล่าง “Cluster Map ท่องเที่ยว” 130 3-13 รูปแบบเครือขา่ ยของกลุ่มผลิตภณั ฑน์ าร่องในเขตพ้นื ที่ในภาคเหนือ 132 3-14 การวเิ คราะห์องคป์ ระกอบ 4 ดา้ นตามตวั แบบไดมอนดข์ องจงั หวดั นครนายก 135 3-15 แผนภาพเครือข่ายวสิ าหกิจอุตสาหกรรมธุรกิจบริการนาเท่ียว (กรุงเทพมหานคร) 138 3-16 การวเิ คราะห์องคป์ ระกอบ 4 ดา้ นตามตวั แบบไดมอนดข์ องจงั หวดั ตราด 140 3-17 แผนภาพเครือขา่ ยวสิ าหกิจอุตสาหกรรมการทอ่ งเที่ยวชายฝ่ังทะเลตะวนั ออก 142 3-18 อุตสาหกรรมการท่องเท่ียวชายฝ่ังทะเลตะวนั ออก 143 3-19 การประเมินปัจจยั แวดลอ้ มทางธุรกิจของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลตะวนั ออก 144 3-20 ภาพรวมของเครือข่ายวสิ าหกิจอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวชายฝ่ังทะเลตะวนั ออก 145 3-21 การประเมินปัจจยั แวดลอ้ มทางธุรกิจของอุตสาหกรรมการทอ่ งเที่ยวชายฝั่งทะเลตะวนั ออก 146 3-22 ปัจจยั แห่งความสาเร็จของการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจ อุตสาหกรรมการท่องเท่ียวชายฝั่งทะเลตะวนั ออก 147 3-23 เครือข่ายวสิ าหกิจอุตสาหกรรมการท่องเท่ียวเชิงนิเวศ 148 กลุ่มจงั หวดั ภาคตะวนั ออก 3-24 ภาพรวมของเครือข่ายวสิ าหกิจอุตสาหกรรมการทอ่ งเท่ียวและแหล่งทอ่ งเท่ียว เชิงนิเวศ กลุ่มจงั หวดั ภาคตะวนั ออก 149 3-25 ภาพรวมของเครือข่ายวสิ าหกิจอุตสาหกรรมการทอ่ งเที่ยว เชิงนิเวศ กลุ่มจงั หวดั ภาคตะวนั ออก 149

ฉ สารบญั ภาพ (ต่อ) ภาพที่ หน้า 3-26 ผลการวเิ คราะห์ปัจจยั แวดลอ้ มทางธุรกิจของอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวเชิงนิเวศกลุ่มจงั หวดั ภาคตะวนั ออก 150 3-27 ระดบั ศกั ยภาพของเครือขา่ ยวสิ าหกิจอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เชิงนิเวศ (กลุ่มจงั หวดั CEO8) 152 3-28 ผลการวเิ คราะห์ศกั ยภาพของการสนบั สนุนของหน่วยงานการร่วมมือและการมีส่วนร่วมของ เครือขา่ ยการท่องเที่ยวชุมชนเชิงสุขภาพ 160 3-29 การวเิ คราะห์ศกั ยภาพ/การสนบั สนุนของหน่วยงานการร่วมมือและการมีส่วนร่วมของเครือข่าย การท่องเท่ียวชุมชนเชิงสุขภาพท่ีนาเสนอ 161 4-1 เครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเที่ยวเขตตอนใตข้ องเคอรรี่ 180 4-2 สมาชิกที่มีอิทธิพลตอ่ เครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียว เมืองบีนิดอร์ม 184 4-3 ปัจจยั การรวมกลุ่มเครือข่ายวิสาหกิจของเมืองบีนิดอร์ม 186 4-4 ผลการวเิ คราะห์แบบจาลองเพชรของเครือข่ายวสิ าหกิจ การท่องเที่ยวของสวนรุกขชาติลนั เทโจ 187 4-5 อุปสรรคในการดาเนินงานของเครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียว ของสวนรุกขชาติอลนั เทโจ 189 4-6 รูปแบบเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวของเดนมาร์ก 200 4-7 รูปแบบเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเที่ยวสปาของโรมาเนีย 204 4-8 ความหนาแน่นของเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเที่ยวกลุ่มยอ่ ยๆ ในเขตทรานสดานุเบียนตอนใต้ 208 4-9 ตวั แบบเครือขา่ ยวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวเกาะ 216 4-10 กรอบในการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียวของประเทศทรินิแดดและโตบาโก 217 4-11 รูปแบบเครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเท่ียวของประเทศทรินิแดดและโตบาโก 218 4-12 แผนท่ีเครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเท่ียวของเมืองมอร์เลีย ประเทศเมก็ ซิโก 221 4-13 รูปแบบเครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวแบบ Tourism Complex 224 5-1 มูลคา่ การตลาดของอุตสาหกรรมการทอ่ งเที่ยวแตล่ ะประเทศของโลก 248 5-2 ระดบั ความสมั พนั ธ์ของการทางานร่วมกนั 255 5-3 แนวทางการพฒั นาเส้นทางการเติบโตใหม่ 270 5-4 กลยทุ ธ์เส้นทางการพฒั นาเส้นทางการเติบโตใหม่ 271

ช สารบญั ภาพ (ต่อ) ภาพที่ หน้า 5-5 ตวั แปรที่แสดงผลการดาเนินงานของเครือข่ายวสิ าหกิจที่ยงั่ ยนื 274 5-6 ผลการวเิ คราะห์ตวั แปรแสดงผลการดาเนินงานของเครือข่ายวสิ าหกิจ ที่ยงั่ ยนื ของกลุ่มประเทศยโุ รป 275 5-7 ความรู้ความเขา้ ใจเรื่องเครือขา่ ยวสิ าหกิจดา้ นการท่องเท่ียว ของผปู้ ระกอบการธุรกิจโรงแรมที่พกั เมืองพทั ยา 280 5-8 ความสามารถในการแข่งขนั ของผปู้ ระกอบการธุรกิจโรงแรมที่พกั เมืองพทั ยา 281 5-9 ศกั ยภาพของเครือข่ายวสิ าหกิจของผปู้ ระกอบการธุรกิจโรงแรมท่ีพกั เมืองพทั ยา 282 6-1 กรอบแนวคิดในการวจิ ยั 298 6-2 ห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจโรงแรมท่ีพกั (Supply Chain) 300 6-3 แผนภาพเครือข่ายวสิ าหกิจโรงแรมที่พกั ในเขตเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี 301 6-4 ศกั ยภาพในการแขง่ ขนั ของการรวมกลุ่มวสิ าหกิจร้านอาหาร 304 6–5 แผนภาพเครือข่ายวสิ าหกิจธุรกิจร้านคา้ ของที่ระลึก และคมนาคมขนส่ง เมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี 306 6–6 การกาหนดพนั ธกิจร่วมและแผนปฏิบตั ิของเครือขา่ ยวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวเมืองพทั ยา 309 6–7 ภาพความเชื่อมโยงระหวา่ งหน่วยงานภาครัฐ สถาบนั การศึกษา และกลุ่มผปู้ ระกอบการ การทอ่ งเที่ยวท่ีสนใจในการรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายวสิ าหกิจ 313 6-8 กรอบแนวความคิดการวจิ ยั การก่อต้งั เครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเที่ยว 315 6- 9 ความรู้ ความเขา้ ใจเร่ืองเครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการท่องเที่ยว 331 6-10 ความสามารถในการแข่งขนั ของผปู้ ระกอบการท่องเท่ียว เมืองพทั ยา 332 6-11 ความรู้ ความเขา้ ใจดา้ นเครือขา่ ยวสิ าหกิจการทอ่ งเที่ยว ความสามารถในการแข่งขนั ของผปู้ ระกอบการท่องเที่ยว เมืองพทั ยา 334 6-12 รูปแบบและระยะในการพฒั นาเป็นเครือขา่ ยวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวในเมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี 337 6-13 รูปแบบศนู ยเ์ ครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเท่ียวเมืองพทั ยา (PTCC) หรือ พทั ยาโมเดล 339 6-14 กรอบแนวคิดการวจิ ยั การดาเนินงานเครือข่ายวสิ หากิจการทอ่ งเท่ียว 341 6-15 การฝึกอบรมดา้ นภาษา 346 7-1 แผนภาพเครือขา่ ยวสิ าหกิจท่องเท่ียว (Cluster Map) 372 7-2 สรุปภาพรวมปัจจยั สภาวะแวดลอ้ มภายในและภายนอกของการพฒั นา

ซ เครือข่ายวสิ าหกิจการท่องเท่ียว 397 7-3 ตวั แบบการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยอยา่ งยง่ั ยนื 399 7-4 แบบจาลองเป้ าหมายของการบูรณาการกลยทุ ธ์การจดั การเครือข่ายวสิ าหกิจ การท่องเที่ยวเพื่อพฒั นาการท่องเที่ยวอยา่ งยงั่ ยนื ของเครือข่าย 403 7-5 แผนภาพบทบาทผนู้ ากลยทุ ธ์และระบบสนบั สนุนในการสร้าง ความร่วมมือในการพฒั นาทุนมนุษย์ 404 7-6 ตาแหน่งระบบระบบสนบั สนุนในการสร้างความร่วมมือในการพฒั นาทุนมนุษย์ 406 7-7 แผนภาพบทบาทผนู้ ากลยทุ ธ์และระบบสนบั สนุนในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ จากภายในและภายนอก 407 7-8 ตาแหน่งระบบระบบสนบั สนุนในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือจากภายในและภายนอก 409 7-9 แผนภาพบทบาทผนู้ ากลยทุ ธ์และระบบสนบั สนุนการบรู ณาการกลยทุ ธ์ การจดั การเครือขา่ ยอยา่ งยง่ั ยืน 407 7-810 ตาแหน่งระบบระบบสนบั สนุนการบูรณาการกลยทุ ธ์การจดั การเครือข่ายอยา่ งยงั่ ยนื 413

ฌ สารบญั ตาราง ตารางที่ หน้า 1-1 การเปรียบความแตกตา่ งระหวา่ งลกั ษณะของเครือข่ายทวั่ ไปกบั เครือขา่ ยวสิ าหกิจ 6 2-1 ยทุ ธศาสตร์และนโยบายการพฒั นาเมืองพทั ยา 94 3-1 สรุปผลการวเิ คราะห์เครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเท่ียวตา่ งๆ ในภมู ิภาคตา่ งๆ ของประเทศไทย 162 4-1 แสดงกลุ่มเครือขา่ ยวสิ าหกิจยอ่ ยๆ ของ SKDP 181 4-2 สรุปผลการวเิ คราะห์เครือข่ายวสิ าหกิจการทอ่ งเที่ยวต่างๆ ในภมู ิภาคทว่ั โลก 225 4-3 คะแนนการเปรียบเทียบความสาคญั ขององคป์ ระกอบเบ้ืองตน้ ของเครือขา่ ยวสิ าหกิจ 238 5-1 ผลการประเมินเครือข่ายวสิ าหกิจดว้ ยผลการดาเนินงานที่ยง่ั ยนื 277 6-1 ผลลพั ธ์ในการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจดา้ นการท่องเที่ยวในระยะต่าง ๆ 311 6-2 ผลการวเิ คราะห์ SWOT ของธุรกิจการท่องเท่ียว แยกตามประเภทธุรกิจ 319 6-3 ปัญหาทุนมนุษย์ วธิ ีการพฒั นา ผลการพฒั นา และบทบาท PTCC ต่อการพฒั นาทุนมนุษย์ แยกตามประเภทธุรกิจ 347

บทท่ี 1 แนวคิดเกี่ยวกับเครือข่ายวิสาหกิจ 1 บทท่ี 1 แนวคดิ เกย่ี วกบั เครือข่ายวสิ าหกจิ วตั ถุประสงคข์ องบท เพ่ือ 1. อธิบายความหมายและความสาคญั ของเครือข่ายวสิ าหกิจได้ 2. ระบุองคป์ ระกอบของเครือข่ายวสิ าหกิจและกระบวนการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจได้ 3. อธิบายประเภทของเครือขา่ ยวสิ าหกิจได้ 4. อธิบายปัจจยั สู่ความสาเร็จในการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจได้ 1.1 ความหมายและความสาคัญของเครือข่ายวสิ าหกจิ ความหมายของเครือข่ายวสิ าหกจิ เครือข่ายวสิ าหกิจ หรือคลสั เตอร์(Cluster) คือ กลุ่มของกิจการและสถาบนั และหรือ กลุ่มบุคคลท่ีเกี่ยวขอ้ งกนั ซ่ึงมารวมตวั ดาเนินกิจกรรมของกิจการ โดยอาจอยใู่ นพ้ืนที่ใกลเ้ คียงกนั ในเชิง ภูมิศาสตร์หรือเชิงการส่ือสารถึงกนั มีความร่วมมือเก้ือหนุน เชื่อมโยงและเสริมกิจการซ่ึงกนั และกนั อยา่ ง ครบวงจร (Porter, 2000, 15) โดยหัวใจของการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกจิ คอื การสร้างความร่วมมอื บน พนื้ ฐานของการแข่งขัน ซ่ึงผทู้ ่ีเก่ียวขอ้ งในเครือข่ายวสิ าหกิจหรือเครือข่ายวสิ าหกิจน้นั ๆ จะตอ้ งมีการ วางแผนกาหนดทิศทางเป้ าหมาย และกลยทุ ธ์ในการพฒั นาร่วมกนั มีการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู ข่าวสารความรู้ ตลอดจนทรัพยากรต่างๆ ระหวา่ งกนั เพอื่ เพิม่ ประสิทธิภาพและผลิตภาพโดยรวมของเครือขา่ ยวสิ าหกิจน้นั ๆ (สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ, 2548) อยา่ งไรกต็ าม แนวคิดเกี่ยวกบั คลสั เตอร์หรือเครือข่ายวสิ าหกิจน้ี แสดงใหเ้ ห็นถึงแนวทางเลือกใน การมองเศรษฐกิจในทุกระดบั ต้งั แต่ระดบั ทอ้ งถ่ิน ระดบั ภูมิภาค พ้ืนท่ีและระดบั ประเทศ โดยช้ีใหเ้ ห็นถึง บทบาทท่ีเปลี่ยนแปลงไปของกิจกรรมตา่ งๆ ของหน่วยธุรกิจ หน่วยงานภาครัฐ และสถาบนั ต่างๆ ในการ เพิ่มความสามารถในการแข่งขนั อนั ส่งผลต่อความไดเ้ ปรียบในการแขง่ ขนั ในพ้ืนท่ีท่ีกลุ่มธุรกิจน้นั ต้งั อยู่ แนวคิดน้ีเกิดข้ึนจากพ้ืนฐานแนวคิดในการจดั การในช่วงปลายศตวรรษท่ี 19 โดย อลั เฟรด มาร์แชล (Alfred

2 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ Marshall) ที่มีขอ้ สงั เกตวา่ กลุ่มอุตสาหกรรมท่ีต้งั หรือกระจุกตวั อยู่ ณ ท่ีใดที่หน่ึงจะมีประสิทธิภาพที่ดีกวา่ อุตสาหกรรมท่ีกระจายกนั อยแู่ ละดาเนินธุรกิจโดยลาพงั โดยรูปแบบที่สะทอ้ นแนวคิดของเครือข่ายวสิ าหกิจ ท่ีเป็นรูปธรรมน้ี ไดแ้ ก่ อุตสาหกรรมเครื่องหนงั ในประเทศอิตาลี ซ่ึงมีววิ ฒั นาการมากวา่ ร้อยปี โดย อุตสาหกรรมน้ีมีกลุ่มบริษทั ผปู้ ระกอบการขนาดกลางและขนาดยอ่ มที่เก่ียวขอ้ งกบั การผลิต การแปรรูป การ จดั จาหน่ายและอื่นๆ รวมตวั กนั เพ่ือทาธุรกิจอยใู่ นพ้นื ที่ท่ีธุรกิจต้งั อยแู่ หล่งเดียวกนั ณ เมืองมิลาน ประเทศ อิตาลี การรวมตวั ในลกั ษณะน้ีไดน้ าไปสู่ความไดเ้ ปรียบเชิงการแขง่ ขนั ทางธุรกิจ (วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั และ คณะ, 2555) จนอาจกล่าวไดว้ า่ เครือขา่ ยวสิ าหกิจดงั กล่าวเป็นการกระจุกตวั ของธุรกิจในเชิงภูมิศาสตร์ (Geographical Agglomerations) ในยา่ น พ้ืนท่ี หรือเขตอุตสาหกรรม (Industrial Districts) ซ่ึงมีต้งั แต่ ลกั ษณะเครือขา่ ยการผลิตที่มีการกระจุกตวั ของธุรกิจกลุ่มเครือข่ายการผลิต ปัจจยั การผลิตระดบั ตา่ งๆ อาจมี การจดั ต้งั ศูนยร์ วมของนวตั กรรมเพ่อื การพฒั นาผลิตภณั ฑผ์ า่ นการวจิ ยั และพฒั นานโยบายการผลิตของ เครือข่ายวสิ าหกิจน้ี ในเบ้ืองตน้ เป็ นการพฒั นาเศรษฐกิจระดบั ทอ้ งถิ่นท่ีมีความสาคญั และเป็นพ้ืนฐานในการ สร้างสมรรถนะการแข่งขนั และการคา้ ในทอ้ งถ่ินและขยายสู่การคา้ ระหวา่ งประเทศ รวมท้งั การส่งออกโดย การรวมตวั ของธุรกิจการผลิตหรือจาหน่ายสินคา้ ท่ีเก่ียวขอ้ งหรือเกี่ยวเน่ืองกนั เขา้ มารวมตวั กนั อยใู่ นบริเวณ เดียวกนั น้ีเอง ทาให้เกิดความประหยดั ทางเศรษฐกิจ (Economics of Agglomeration) (Marshall, 1990 อา้ งถึง ใน กฤตติยา สัตยพ์ านิช, 2552) และยงั เกิดการเรียนรู้จากการแลกเปลี่ยนความรู้ ตลอดจนเทคโนโลยที ่ี เหมาะสมต่างๆ ระหวา่ งวสิ าหกิจกนั จนก่อใหเ้ กิดเป็นสินคา้ หรือบริการใหม่ๆ ท่ีเรียกวา่ นวตั กรรม (Innovation) (Porter, 2003) อีกดว้ ย ตอ่ มาไดม้ ีการศึกษาวเิ คราะห์ประเด็นดา้ นกระบวนการการเรียนรู้และกลไกการสร้างความรู้ใหม่ ซ่ึงนาไปสู่การสร้างพลวตั ในการแข่งขนั ซ่ึงหมายถึงการที่ธุรกิจหรือกิจการเขา้ มาอยรู่ วมกนั เป็นเครือขา่ ยทา ใหม้ ีโอกาสที่จะรับและถ่ายทอดเทคโนโลยี (Knowledge Spillovers) (Krugman, 1991 อา้ งถึงในชลธร ช่ืน- อุปการนนั ท,์ 2552) และไดร้ ับประโยชนจ์ ากการสนบั สนุนของภาครัฐ ซ่ึงสามารถใชโ้ ครงสร้างพ้นื ฐาน (Material Infrastructure) รวมท้งั เทคโนโลยรี ่วมกนั จึงทาใหต้ น้ ทุนการผลิต การจดั จาหน่าย และตน้ ทุนรวม ของสินคา้ หรือบริการลดลง เครือข่ายจึงมีความไดเ้ ปรียบในการแขง่ ขนั เนื่องจากไดใ้ ชร้ ะบบประสิทธิภาพ ของรูปแบบกลไกทางการตลาด (Marketing Mechanism) ดงั กล่าวแลว้ นอกจากน้ียงั มีประสิทธิภาพจากการ ประสานงานและสร้างความรู้สามารถในการบริหารความเสี่ยงไดด้ ีกวา่ รูปแบบกลไกการตลาดแบบเครือข่าย อ่ืนๆ หรือรูปแบบกลไกสมั พนั ธ์ระหวา่ งธุรกิจเท่าน้นั (Peter & Lorenzen, 2003) จึงอาจกล่าวไดว้ า่ ผลประโยชน์ซ่ึงเกิดจากการอย่ใู นบริเวณที่ใกล้กัน (Proximity Benefits) ทาให้เกิดการสร้างทุนทางสังคม ร่วมกนั ได้ง่ายรวมทั้งสร้างและพัฒนาทรัพยากรมนษุ ย์ท่ีมีความสามารถทางด้านความรู้และเทคโนโลยี ตลอดจนโครงสร้างพืน้ ฐานที่จะสนับสนุนกลไกการเกิดธุรกิจใหม่ได้ง่าย เช่นสถาบนั การเงิน สถาบนั การ บ่มเพาะนกั ลงทุนและเครือข่ายในการถ่ายทอดเทคโนโลยแี ละความรู้ ความสามารถของกลไกทางการตลาดแบบเครือขา่ ยวสิ าหกิจจะมีประสิทธิภาพและเป็นอิสระใน การดาเนินงานระหวา่ งกนั ในลกั ษณะมีความสมั พนั ธ์ที่พ่ึงพาและส่งเสริมระหวา่ งกนั (Lehman Paradox) ทา

บทท่ี 1 แนวคิดเก่ียวกบั เครือข่ายวิสาหกิจ 3 ใหเ้ กิดการกระตุน้ ใหว้ สิ าหกิจหรือธุรกิจมีการพฒั นาตนเองอยา่ งมีประสิทธิภาพ (Messner & Jorg Meyer- Stamer, 2000 อา้ งถึงใน ไว จามรมาน, 2551) สาหรับความร่วมมือโดยอาศยั โครงสร้างของสถาบนั ทางสงั คม ของเครือข่ายน้ีช่วยสนบั สนุนใหม้ ีการแลกเปลี่ยนข่าวสารและเทคโนโลยี ตลอดจนก่อใหเ้ กิดการรับและส่ง ช่วงการผลิตหรือการสร้างกิจการใหม่ๆ ไดง้ ่ายกวา่ ความร่วมมือท่ีเกิดจากความไวเ้ น้ือเชื่อใจต่อกนั และลด พฤติกรรมในการฉกฉวยประโยชน์ รวมท้งั ลดความเส่ียงท้งั ดา้ นการเงินและดา้ นอื่นๆในการดาเนินธุรกิจ (กฤตติยา สัตยพ์ านิช, 2552) ท้งั น้ียงั มีผใู้ หค้ านิยามเกี่ยวกบั เครือขา่ ยวสิ าหกิจไวด้ งั ต่อไปน้ี สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2547) ไดใ้ หค้ วามหมาย เครือข่ายวสิ าหกิจที่ต้งั อยบู่ นบริบทของประเทศไทยไวว้ า่ เป็นการรวมกลุ่มของผปู้ ระกอบการที่มีการกระจุก ตวั กนั อยอู่ ยา่ งหนาแน่นในทาเลหรือทอ้ งถ่ินเดียวกนั และมีความเกี่ยวขอ้ งเช่ือมโยงกนั ในอุตสาหกรรมการ ผลิตหรือบริการหน่ึงๆ ซ่ึงเป็นแกนหลกั ทางเศรษฐกิจในทอ้ งถ่ินท่ีผลิตและจาหน่ายสินคา้ หรือบริการน้นั ๆ และมีการใชท้ รัพยากรร่วมกนั อยา่ งเตม็ ใจแต่ยงั คงมีการแข่งขนั กนั ทางธุรกิจ โดยเผชิญปัญหาหรือความทา้ ทายตา่ งๆ คลา้ ยกนั ผ้ปู ระกอบการมารวมกลุ่มกันโดยมีวตั ถปุ ระสงค์ร่วมทสี่ าคญั คือ เพอ่ื เพม่ิ ผลิตภาพการผลิต ด้วย การช่วยเหลือเกอ้ื กลู ซึ่งกนั และกนั แลกเปล่ียนข้อมลู ข่าวสาร แนวความคดิ และประสบการณ์ระหว่างกนั รวมทงั้ มีการเชื่อมโยงกบั หน่วยงานหรือองค์กรสนับสนุนต่างๆ ได้แก่ สมาคมและหน่วยงานด้านการค้า สถาบันการศึกษา สถาบนั วจิ ัยและพฒั นา สถาบนั ทป่ี รึกษา ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ อันจะมีผลทาให้ เครือข่ายวิสาหกจิ น้ันสามารถร่วมกนั สร้างสรรองค์ความรู้ใหม่ๆ สิ่งประดษิ ฐ์หรือนวัตกรรมใหม่ๆ และ สามารถพฒั นาไปสู่สังคมแห่งภูมิปัญญาซึ่งเป็ นยคุ ทม่ี กี ารบูรณาการความรู้ ความคดิ วิเคราะห์ สังเคราะห์ เพอื่ สร้างและต่อยอดแนวคิดเชิงธุรกจิ และอาศัยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การจัดการและการส่ือสาร ซึ่ง เป็ นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมและนาไปสู่การยกระดบั ความสามารถในการแข่งขนั โดยรวมของเครือข่ายวิสาหกจิ ในทสี่ ุด อาจกล่าวไดว้ า่ จากความหมายขา้ งตน้ ประเด็นสาคญั คือ การรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายวสิ าหกิจจะ ก่อใหเ้ กิดประโยชน์ต่อทุกฝ่ ายท่ีเกี่ยวขอ้ ง เริ่มจากการท่ีสมาชิกไดพ้ บปะพดู คุยกนั อยา่ งสม่าเสมอ มกั มีการ บอกเล่าปัญหาของกนั และกนั และร่วมกนั แกไ้ ขปัญหาต่างๆ ทาใหเ้ กิดความสนิทสนมคุน้ เคย ยอมรับ และ ไวว้ างใจกนั มากข้ึน จนสามารถที่จะร่วมกนั ทางานและดาเนินกิจกรรมเพื่อใหเ้ กิดประโยชนด์ า้ นการลด ตน้ ทุนบางอยา่ งร่วมกนั ได้ เช่น ตน้ ทุนดา้ นวตั ถุดิบ ดา้ นการพฒั นาบุคลากร การพฒั นาตลาด การพฒั นาส่ิง- อานวยความสะดวกทางธุรกิจเพ่อื ใชป้ ระโยชน์ร่วมกนั ตลอดจนการแลกเปลี่ยนองคค์ วามรู้ระหวา่ งกนั จน สามารถตอ่ ยอดไปสู่การสร้างนวตั กรรมใหม่ๆ และมีธุรกิจตอ่ เนื่องต่างๆ เกิดข้ึนมาใหมใ่ นเครือขา่ ยวสิ าหกิจ

4 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ นอกจากน้ียงั จะเป็ นการกระตุน้ ใหผ้ ปู้ ระกอบการท้งั หลายตอ้ งพยายามปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพ ดา้ นตา่ งๆ ของธุรกิจหรือกิจการของตนอยา่ งตอ่ เนื่องเพ่ือใหส้ ามารถแขง่ ขนั และอยรู่ อดไดอ้ ยา่ งยงั่ ยนื นอกจากน้ี ธนาคารพฒั นาวสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม (SME bank, 2550) ไดใ้ ห้ ความหมายวา่ เครือข่ายวสิ าหกิจคือ ความร่วมมือ ความสมั พนั ธ์และการแลกเปลี่ยนในรูปแบบตา่ งๆ ระหวา่ งผปู้ ระกอบการดว้ ยกนั ความร่วมมือหรือความเป็ นกลุ่มเป็นกอ้ นท่ีเกิดข้ึนจะทาใหเ้ กิดเป็นพลงั ของ กลุ่มและพลงั น้ีช่วยใหธ้ ุรกิจบรรลุเป้ าหมายในดา้ นใดดา้ นหน่ึง โดยที่ผปู้ ระกอบการรายเดียวอาจไมส่ ามารถ กระทาไดโ้ ดยลาพงั จอห์นสตนั (Johnston, 2004, อา้ งถึงใน สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและ- สงั คมแห่งชาติ, 2549) ไดใ้ หค้ วามหมายวา่ เครือข่ายวสิ าหกิจคือ ความร่วมมือดา้ นการผลิตท่ีประกอบดว้ ย กิจการซ่ึงมีความเช่ือมโยงและพ่งึ พาอาศยั กนั อยา่ งมาก มีองคก์ รสร้างความรู้และมีการเชื่อมโยงลูกคา้ ใน ลกั ษณะของห่วงโซ่คุณค่า ยงิ่ ไปกวา่ น้นั ผลจากการผสมผสานและแลกเปล่ียนความรู้จากหลายแหล่ง ก่อใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อการส่งเสริมนวตั กรรมท่ีเกิดจากการเรียนรู้และความร่วมมือระหวา่ งสมาชิกในห่วง โซ่คุณคา่ ดงั กล่าว โลว์ (Luo, 2004 อา้ งถึงใน สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2549) ไดใ้ หค้ วามหมายวา่ เครือข่ายวสิ าหกิจคือ ความร่วมมือของกิจการ สถาบนั และตวั แทนท้งั หลายที่มี ความเก่ียวโยงและพ่งึ พาอาศยั ซ่ึงกนั และกนั อยา่ งมาก ท้งั ในลกั ษณะของผซู้ ้ือ ผขู้ ายและระหวา่ งผผู้ ลิต ดว้ ยกนั และคู่แขง่ ขนั การพ่งึ พาอาศยั ซ่ึงกนั และกนั ตลอดจนการมีทศั นคติที่ร่วมมือกนั น้ีเป็นปัจจยั ความสาเร็จสาหรับทุกฝ่ าย พอร์เตอร์ (Porter, 1990; 1998; 2000) ไดใ้ หค้ วามหมายวา่ เครือขา่ ยวสิ าหกิจคือ กลุ่มของธุรกิจ และสถาบนั ท่ีเกี่ยวขอ้ งมารวมตวั กนั ดาเนินกิจกรรมอยใู่ นพ้นื ท่ีใกลเ้ คียงกนั (Geographical Proximity) มี ความร่วมมือเก้ือหนุน เชื่อมโยง และเสริมกิจการซ่ึงกนั และกนั อยา่ งครบวงจร (Commonality & Complementarily) ท้งั ในแนวนอนและแนวต้งั (Horizontal and Vertical Linkages) เป็นความเช่ือมโยงกบั อุตสาหกรรมสนบั สนุนตา่ งๆ รวมท้งั ธุรกิจใหบ้ ริการ สมาคมการคา้ สถาบนั การศึกษาและฝึกอบรม สถาบนั วจิ ยั และพฒั นาตลอดจนหน่วยงานภาครัฐท่ีเกี่ยวขอ้ ง เพอื่ บรรลุเป้ าหมายร่วมกนั คือ การเพ่ิมผลิตภาพ (productivity) ซ่ึงเป็นปัจจยั หลกั ในการเพม่ิ ความสามารถในการแข่งขนั อยา่ งยงั่ ยนื จากนิยามขา้ งตน้ สามารถสรุปไดว้ า่ เครือข่ายวสิ าหกิจ คือ กลุ่มของธุรกิจ สถาบนั องคก์ ร หรือ บุคคลที่เก่ียวขอ้ งหรือมีความสัมพนั ธ์กนั โดยต้งั อยใู่ นพ้นื ที่เดียวกนั หรือใกลเ้ คียงกนั หรือเชื่อมโยงทางธุรกิจ กนั และตอ้ งมีมิติความสัมพนั ธ์บนพ้นื ฐานของความสามารถในการแข่งขนั ท่ีมีลกั ษณะสาคญั 4 ประการ (4Cs) คือ 1. การเช่ือมโยงซ่ึงกนั และกนั (Connectivity) การท่ีมีเครือข่ายวสิ าหกิจไมใ่ ช่พจิ ารณาการ รวมกลุ่มเฉพาะทางกายภาพเทา่ น้นั แต่จะมีการเช่ือมโยงกนั ในแนวความคิด โดยทาใหเ้ กิดการแลกเปลี่ยน ความรู้และนาไปสู่ความคิดใหม่ๆ รวมท้งั เทคโนโลยี ท้งั น้ีการเชื่อมโยงไม่ไดจ้ ากดั อยเู่ ฉพาะภายในกลุ่ม

บทที่ 1 แนวคิดเกี่ยวกบั เครือข่ายวิสาหกิจ 5 เทา่ น้นั แตย่ งั รวมถึงการเช่ือมโยงกบั ผมู้ ีส่วนไดเ้ สียอื่นๆ ไดแ้ ก่ ผจู้ ดั ส่งสินคา้ ผจู้ ดั จาหน่าย ลูกคา้ ตลอดจน สถาบนั การตลาด หน่วยงานวจิ ยั และองคก์ รอื่นๆ ที่เกี่ยวขอ้ งดว้ ย 2. ความร่วมมือ (Collaboration) โดยสมาชิกในเครือขา่ ยวสิ าหกิจร่วมมือกนั เพ่ือกาหนด เป้ าหมายและกลยทุ ธ์ และมีการดาเนินกิจกรรมตา่ งๆ ของเครือขา่ ยวสิ าหกิจร่วมกนั อยา่ งเตม็ ใจ ในดา้ นการ กาหนดเป้ าหมาย วสิ ยั ทศั น์ พนั ธกิจ วางแผนกลยทุ ธ์ดา้ นต่างๆ และดาเนินงานร่วมกนั รวมท้งั การตดั สินใจ และการประเมินผลความสาเร็จร่วมกนั ดว้ ย 3. การแข่งขัน (Competition) เครือข่ายวสิ าหกิจมิใช่ระบบผกู ขาดทางการคา้ ที่มุ่งกาหนดกลไก ราคาเป็นหลกั แตเ่ ป็ นการแข่งขนั ท่ีอยบู่ นพ้ืนฐานของความร่วมมือกนั เช่น การร่วมมือของผปู้ ระกอบการใน การทาการตลาดและหรือการผลิต ตลอดจนการวจิ ยั และพฒั นาร่วมกนั ในขณะที่ยงั คงแข่งขนั กนั พฒั นา รูปแบบสินคา้ หรือบริการของตนเองโดยอาจมีการใชห้ รือหยบิ ยมื ทรัพยากรบุคคลร่วมกนั ในโอกาสท่ีจาเป็น เป็ นตน้ 4. ประสิทธิภาพโดยรวม (Collective Efficiency) จากความร่วมมือและการเชื่อมโยงที่เป็นระบบ ในการถ่ายทอดองคค์ วามรู้หรือเทคโนโลยตี ่างๆซ่ึงกนั และกนั ส่งผลทาใหเ้ ครือข่ายวสิ าหกิจมีประสิทธิภาพ โดยรวมเหนือกวา่ ผปู้ ระกอบการท่ีไม่มีการรวมตวั หรือรวมตวั กนั เฉพาะในธุรกิจประเภทเดียวกนั หมายถึง ธุรกิจท่ีรวมกนั เป็นเครือขา่ ยวิสาหกิจสามารถดาเนินกิจการโดยบรรลุเป้ าหมายของแตล่ ะธุรกิจและเป้ าหมาย ร่วมกนั โดยใชท้ รัพยกร และโอกาสทางธุรกิจท่ีมีร่วมกนั ในช่วงโอกาสและจงั หวะเวลาอยา่ งเหมาะสม (วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั และคณะ, 2555) ความแตกต่างระหว่างลกั ษณะของเครือข่ายทวั่ ไปกบั เครือข่ายวสิ าหกจิ อยา่ งไรก็ตาม เพื่อใหเ้ ขา้ ใจถึงความแตกตา่ งระหวา่ งเครือขา่ ยทว่ั ไปกบั เครือขา่ ยวสิ าหกิจ นอร์ดิน (Nordin, 2003 อา้ งถึงใน กฤตติยา สัตยพ์ านิช, 2552) ไดเ้ ปรียบเทียบความแตกตา่ งของเครือข่ายท้งั 2 แบบไว้ วา่ เครือข่ายทวั่ ไปเกิดข้ึนจากกิจการหรือหน่วยงาน ซ่ึงจดั ต้งั อยใู่ นพ้นื ท่ีใดกไ็ ดม้ าร่วมกนั ดาเนินกิจกรรม ส่วนเครือข่ายวสิ าหกิจจะมีกิจการหรือหน่วยงานหลกั ท่ีเป็ นแกนกลางและพ้นื ท่ีของเครือขา่ ยวสิ าหกิจน้นั ๆ ส่วนโรเซนฟิ ลด์ (Rosenfeld, 2001) กล่าววา่ ความแตกต่างระหวา่ งลกั ษณะของเครือข่ายทว่ั ไปกบั เครือขา่ ย วสิ าหกิจน้นั อาจไม่มีกฎเกณฑต์ ายตวั ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั สภาพแวดลอ้ มและสถานการณ์ท่ีเครือขา่ ยเผชิญ ซ่ึง สามารถแสดงไดด้ งั ตารางท่ี 1-1

6 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ ตารางที่ 1-1 การเปรียบเทียบความแตกตา่ งระหวา่ งลกั ษณะของเครือขา่ ยทว่ั ไปกบั เครือข่ายวสิ าหกิจ เครือขา่ ยทวั่ ไป เครือข่ายวสิ าหกิจ 1. กิจการเขา้ ถึงบริการในตน้ ทุนที่ถูกกวา่ 1. กิจการสามารถดึงดูดธุรกิจบริการที่ผบู้ ริโภคมี ความตอ้ งการสูงใหเ้ ขา้ มาสู่กลุ่มเครือขา่ ยวสิ าหกิจ 2. มีขอ้ จากดั จากผลประโยชนท์ ี่ถูกเสนอใหเ้ ฉพาะ 2. ผลประโยชนไ์ มไ่ ดถ้ ูกจากดั เฉพาะสมาชิก สมาชิก ในเครือข่ายวสิ าหกิจเท่าน้นั แตก่ ระจายไปสู่ ทอ้ งถิ่นในแง่การสร้างความมนั่ คงสู่ผมู้ ีส่วนไดเ้ สีย 3. ระดบั ความร่วมมือมากนอ้ ยข้ึนอยกู่ บั ขอ้ ตกลง 3. ระดบั ความร่วมมือมากนอ้ ยข้ึนอยกู่ บั มูลค่า หรือสัญญาระหวา่ งกนั หรือตน้ ทุนทางสงั คมท่ีไดจ้ ากความเช่ือใจ การ สนบั สนุนและการเอ้ือประโยชน์ต่อกนั 4. ช่วยใหก้ ระบวนการผลิตที่มีความซบั ซอ้ นน้นั ง่าย 4. ก่อใหเ้ กิดการใชท้ รัพยากรร่วมกนั อยา่ ง ข้ึน คุม้ ค่า 5. มีรากฐานจากความร่วมมือเพื่อสร้างอานาจ 5. เกิดจากความร่วมมือบนพ้ืนฐานของพลงั จาก ตอ่ รองในการแขง่ ขนั การแขง่ ขนั ท่ีมาจากวสิ ยั ทศั น์ของกลุ่มวสิ าหกิจ 6. เนน้ เป้ าหมายทางธุรกิจทวั่ ไปคือ กาไร และ 6. เป้ าหมายนอกเหนือจากร่วมมือการแข่งขนั ยอดขายเป็นหลกั ไม่เนน้ การถ่ายทอดความรู้และ แลว้ ยงั ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยดี ว้ ย เทคโนโลยรี ะหวา่ งกนั (ที่มา : ปรับปรุงจาก Rosenfeld, 2001) ความสาคญั ของเครือข่ายวสิ าหกจิ หวั ใจของการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจคือ การสร้างความร่วมมือบนพ้ืนฐานของการแข่งขนั การ ร่วมกนั กาหนดทิศทางและเป้ าหมายร่วม การกาหนดหรือวางแผนกลยทุ ธ์และการพฒั นาร่วมกนั รวมท้งั แลกเปลี่ยนขอ้ มูลขา่ วสาร ความรู้ เทคโนโลยี ตลอดจนทรัพยากรตา่ งๆ ระหวา่ งผทู้ ี่เกี่ยวขอ้ งในเครือข่าย วสิ าหกิจเพือ่ เพิ่มประสิทธิภาพหรือผลิตภาพ ดว้ ยการรวมกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจ (Collective Efficiency and Productivity) ตวั อยา่ งเช่น ผปู้ ระกอบการท่ีอยใู่ นเครือขา่ ยวสิ าหกิจสามารถร่วมกนั ลงทุนในการวจิ ยั และ พฒั นานวตั กรรม เพื่อสร้างมูลคา่ เพิ่มของสินคา้ และหรือบริการของตน ทาใหป้ ระหยดั ตน้ ทุนในการพฒั นา ดงั กล่าวได้ ในขณะที่ยงั คงแขง่ ขนั ในดา้ นประสิทธิภาพในการผลิตสินคา้ น้นั หรือผปู้ ระกอบการธุรกิจตน้ น้าจนถึงปลายน้าก็สามารถร่วมกนั วางแผนการจดั การห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) เพอ่ื ให้ เกิดประสิทธิภาพในการผลิตและจาหน่ายสินคา้ ที่มีมูลคา่ เพิม่ สูง (High Value Added) ตลอดสายของห่วง- โซ่อุปทานได้ เป็นตน้

บทที่ 1 แนวคิดเกี่ยวกับเครือข่ายวิสาหกิจ 7 นอกจากน้ี การรวมกลุ่มเป็ นเครือขา่ ยวสิ าหกิจยงั ทาใหเ้ กิดการกระจายของความรู้ใหม่ (Spur of Knowledge) (Porter, 2001) เน่ืองจากผปู้ ระกอบการรายใดคิดคน้ นวตั กรรมใหมๆ่ ผปู้ ระกอบการรายอ่ืนๆ ก็ สามารถนามาปรับปรุงและพฒั นาต่อยอดได้ ซ่ึงเป็นการส่งเสริมการพฒั นาความสามารถในการแขง่ ขนั ของ ระบบเศรษฐกิจท่ีขบั เคลื่อนดว้ ยนวตั กรรม (Innovation – driven Economy) อีกดว้ ย ท้งั น้ีความสาคญั ที่เกิด จากการรวมกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจสามารถจาแนกได้ 9 ประการ ดงั น้ี (พเิ ชษฐ์ จริกิตตยากร, 2548) 1. การรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจจะก่อให้เกิดการประหยัดขนาดการผลิต (Economies of Scale) เพราะสมาชิกในกลุ่มจะมีการแบง่ ปันคาส่งั ซ้ือร่วมกนั (Order Sharing) นอกจากน้ีผผู้ ลิตยงั สามารถจดั หา ปัจจยั หรือส่วนประกอบในการผลิตไดง้ ่าย ไม่วา่ จะเป็ นวตั ถุดิบ เครื่องจกั ร บุคลากร หรือบริการต่างๆ โดย อาศยั ความร่วมมือในลกั ษณะ “แขนขา” ของสมาชิกในเครือข่ายวสิ าหกิจ 2. การรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจจะทาให้เกิดการแบ่งหน้าท่ีการผลิตตามความชานาญ (Division of Labor) ของแต่ละผ้ปู ระกอบการภายในกล่มุ วิสาหกิจและส่งผลให้เกิดความเช่ียวชาญ ดว้ ยเหตุท่ี ผปู้ ระกอบการภายในกลุ่มวสิ าหกิจมกั มีความตอ้ งการและความสามารถคลา้ ยๆ กนั และเม่ือมีการรวมกลุ่ม กนั ข้ึนจึงมีการถ่ายทอดความรู้ และทกั ษะระหวา่ งกนั จนเกิดเป็นความเชี่ยวชาญ และแตล่ ะธุรกิจก็พฒั นา ความเก่งและแขง็ แกร่งของตนเองที่ยากต่อการเลียนแบบข้ึนมา ทาใหข้ นาดของการผลิตมีแนวโนม้ ท่ีจะ ขยายตวั ยงิ่ ข้ึน เพราะสามารถตอบสนองความตอ้ งการของผปู้ ระกอบการภายในกลุ่มและผบู้ ริโภคสินคา้ ข้นั สุดทา้ ยไดต้ รงกบั ความตอ้ งการอยา่ งแทจ้ ริง 3. การรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจทาให้เข้าถึงแรงงานท่ีมีทักษะและความชานาญเฉพาะด้านได้ ง่าย (Skilled Labor Accessibility) เพราะการมีกิจการที่มีความเช่ียวชาญรวมกลุ่มกนั เป็ นเครือข่ายวสิ าหกิจ ในการผลิตสินคา้ หรือบริการ ทาใหก้ ารสรรหาผเู้ ชี่ยวชาญและแรงงานมีฝีมือทาไดโ้ ดยง่ายจากความ กวา้ งขวางมากนอ้ ยของเครือข่ายวสิ าหกิจ ซ่ึงหมายถึงการเป็นที่ยอมรับของสมาชิกของเครือข่ายวสิ าหกิจ โอกาสในการเรียนรู้และเผยแพร่เทคนิคการผลิตสินคา้ หรือบริการสามารถทาไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ใน ขณะเดียวกนั ยงั เป็นแหล่งดึงดูดผทู้ ่ีมีความรู้และความสามารถไดเ้ ขา้ ร่วมงานกบั กิจการในกลุ่มเครือขา่ ย วสิ าหกิจไดส้ ูงข้ึนดว้ ย 4. การรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจประกอบด้วยสถาบนั การศึกษา สถาบันการค้า และหน่วยงาน ด้านการวิจัยข้อมลู สารสนเทศทั้งด้านการผลิต การพัฒนาตลาด เทคโนโลยี และด้านอื่นๆ (A variety of Certain Institutions) การทางานร่วมกนั แบบเครือข่ายวสิ าหกิจจาเป็นตอ้ งอาศยั การทางานและคิดร่วมกนั

8 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ จากภายนอกองคก์ รดว้ ย ไดแ้ ก่ สถาบนั การศึกษาไดร้ ับขอ้ มูลดา้ นความตอ้ งการใหม่ๆ ของลูกคา้ จากผผู้ ลิต ผจู้ ดั จาหน่ายท่ีเป็นสถาบนั การคา้ ที่ทางานร่วมกนั โดยนามาวเิ คราะห์ร่วมกบั ขอ้ มลู ดา้ นภาวะเศรฐกิจและการ แข่งขนั ผา่ นกระบวนการวจิ ยั ท่ีถูกหลกั ทางวทิ ยาศาสตร์และวชิ าการ จนไดผ้ ลลพั ธ์เป็นความรู้หรือ ผลิตภณั ฑท์ ่ีจะไดถ้ ่ายทอดสู่ผปู้ ระกอบการอยา่ งเหมาะสมกบั จงั หวะเวลาและบริบทขององคก์ ร เพอื่ ตอบ โจทยข์ องผบู้ ริโภคไดอ้ ยา่ งทนั กบั ความตอ้ งการ จึงนบั ไดว้ า่ เครือขา่ ยวสิ าหกิจเป็ นศูนยก์ ลางของการสะสม ความรู้และความเชี่ยวชาญเฉพาะดา้ น (Think-Tank Specialists Center) ทาใหก้ ารถ่ายทอดขอ้ มูลขา่ วสาร เป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ สามารถเขา้ ถึงขอ้ มลู ไดส้ ะดวกและรวดเร็ว ทนั ต่อเหตุการณ์และความตอ้ งการ ตลอดจนมีตน้ ทุนดา้ นการจดั หาและจดั เก็บขอ้ มลู ข่าวสารโดยเฉลี่ยนอ้ ยกวา่ ดว้ ย 5. การรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจทาให้ผลิตภณั ฑ์ท่ีผลิตในกล่มุ มีมาตรฐานสูงขึน้ (Upgrading the Standard of Products) เนื่องจาก โดยปกติการแข่งขนั ภายในกลุ่มอาจสร้างแรงกดดนั ใหม้ ีการเปรียบเทียบ คุณภาพของผลิตภณั ฑร์ ะหวา่ งกิจการตลอดเวลา ดว้ ยการไหลเวยี นของขอ้ มลู ข่าวสารที่ถึงกนั อยา่ งต่อเนื่อง และทวั่ ถึงยอ่ มส่งผลกระตุน้ ใหเ้ กิดการปรับปรุงกระบวนการผลิตหรือทาใหบ้ ริการของกิจการต่างๆ ใน เครือขา่ ยวสิ าหกิจสามารถตอบสนองความตอ้ งการของลูกคา้ ท่ีเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาได้ นอกจากน้ียงั ส่งผลต่อการเปรียบเทียบกระบวนการธุรกิจของภายในแต่ละกิจการเอง ซ่ึงจะส่งผลกระทบใหม้ ีการพฒั นา กระบวนการภายในธุรกิจโดยภาพรวม ทาใหก้ ารทางานของกิจการมีความสะดวกและคล่องตวั มากข้ึน 6.การรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจทาให้เกิดการเสริมสร้างประโยชน์และพ่ึงพาซ่ึงกันและกัน (Collaborative and Mutual Benefits) เน่ืองจากโครงสร้างของกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจเป็ นระบบท่ีครอบคลุม ทุกดา้ นของกระบวนการผลิตและการบริการตลอดห่วงโซ่คุณคา่ นบั ต้งั แต่ผผู้ ลิต ผใู้ หบ้ ริการ ผจู้ ดั หาวตั ถุดิบ และเครื่องจกั ร ผบู้ ริการขนส่งและจดั เกบ็ สินคา้ สถาบนั การศึกษา สมาคมและหน่วยงานของภาครัฐ และ เอกชนท่ีเก่ียวขอ้ ง นอกจากน้ีแต่ละธุรกิจยงั สามารถร่วมกนั ใชท้ รัพยากรและการเรียนรู้จากประสบการณ์ ของกนั และกนั (Share of Resources and Knowledge) เพอื่ นาไปพฒั นาและปรับปรุงแนวทางการดาเนิน กิจกรรมของตนใหม้ ีประสิทธิภาพมากยง่ิ ข้ึน 7. การรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจทาให้เกิดการกระต้นุ การพัฒนานวตั กรรม (Innovation Encouragement) เพราะความใกลช้ ิดตลอดสายการผลิตและการบริการกบั ลูกคา้ ทาใหเ้ ครือข่ายวสิ าหกิจ สามารถทราบถึงความตอ้ งการและแนวโนม้ ของลูกคา้ ในแทบทุกแง่มุมและใกลเ้ คียงกบั ความจริงไดเ้ ป็น อยา่ งดี นอกจากน้ี ความเช่ือมโยงระหวา่ งผผู้ ลิตและสถาบนั หรือหน่วยงานเพอื่ การวจิ ยั ก่อใหเ้ กิดการ

บทที่ 1 แนวคิดเกี่ยวกับเครือข่ายวิสาหกิจ 9 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกนั จนกระตุน้ ใหเ้ กิดกระบวนการสร้างและพฒั นานวตั กรรม และสามารถนา นวตั กรรมไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งประสบ-ความสาเร็จ ดงั จะกล่าวถึงต่อไป 8. การรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจทาให้เกิดการริเริ่มธุรกิจใหม่ภายในกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจ (New Business Initiative) โดยพลวตั หรือการเปลี่ยนแปลงของการรวมกลุ่มจะส่งสญั ญาณถึงโอกาสและ ช่องวา่ งของความตอ้ งการของตลาดที่อาจยงั ไมไ่ ดร้ ับการตอบสนอง จึงเป็นจงั หวะโอกาสสาหรับการริเร่ิม ธุรกิจใหมๆ่ ประกอบกบั ขอ้ ไดเ้ ปรียบในการรวมกลุ่มที่มกั ทาใหเ้ กิดความพร้อมในโครงสร้างพ้ืนฐานและ สภาพแวดลอ้ มเป็นอยา่ งดี ส่งผลใหธ้ ุรกิจใหม่เกิดไดง้ ่าย ซ่ึงช่วยใหก้ ลุ่มมีการขยายตวั ท้งั ในแนวกวา้ งและ แนวลึกซ่ึงจะเพ่มิ ความไดเ้ ปรียบในการแข่งขนั ไดม้ ากยงิ่ ข้ึนเช่น การรวมกลุ่มเครือขา่ ยวสิ าหกิจดา้ นการ ท่องเที่ยวระหวา่ งร้านอาหารกบั กิจการท่ีพกั โรงแรม จะก่อเกิดธุรกิจใหมๆ่ ประเภท สวนอาหารและที่พกั (Food warehouse and hotel) โดยมีการใชพ้ ้ืนท่ีของโรงแรมที่พกั เป็นสถานท่ีปลูกผกั เล้ียงปลา หรือดาเนิน กิจการใดๆ ท่ีจะช่วยสนบั สนุนธุรกิจร้านอาหาร รวมถึงร้านอาหารเองก็สามารถจดั บริการต่างๆ โดยอาศยั บุคลากรจากโรงแรมท่ีพกั มาใหบ้ ริการไดด้ ว้ ยเช่นกนั เป็นตน้ 9. การรวมกล่มุ เครือข่ายวิสาหกิจจะช่วยให้ภาครัฐสามารถวางแนวนโยบายเพ่ือสนับสนนุ อุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Government Agency Supports and Promotion efficiently) ดงั ไดก้ ล่าว มาแลว้ วา่ เครือข่ายวสิ าหกิจมีการกาหนดกลยทุ ธ์และเป้ าหมายที่ชดั เจนแน่นอนในการสร้างประโยชน์ ร่วมกนั แก่สมาชิกในกลุ่ม อนั เป็นจุดแขง็ ท่ีสาคญั และยงั เป็นโอกาสที่ส่งผลสะทอ้ นดา้ นขอ้ มูลความตอ้ งการ และขอ้ เรียกร้องที่จาเป็นต่อการเปิ ดรับฟังและกาหนดมาตรการที่ช่วยส่งเสริม และสนบั สนุนจากหน่วยงาน ภาครัฐเพือ่ สร้างกลไกของการพฒั นาสังคมอยา่ งยง่ั ยนื จากความเขม้ แขง็ ดว้ ยเครือข่ายวสิ าหกิจของ อุตสาหกรรมอนั เป็ นเป้ าหมายของการพฒั นาประเทศในท่ีสุด กล่าวโดยสรุป เครือขา่ ยวสิ าหกิจมีความสาคญั ต่ออุตสาหกรรมและกิจการ รวมถึงสถาบนั ที่ เก่ียวขอ้ งโดย ช่วยส่งเสริมให้สมาชิกในกล่มุ พูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อมลู กันอย่เู สมอ เพื่อใหส้ มาชิกของ เครือขา่ ยวสิ าหกิจทุกคนไดร้ ับรู้ เขา้ ใจปัญหาของกลุ่ม และหาทางแกไ้ ขร่วมกนั ซ่ึงทาใหส้ มาชิกมีความ ไวว้ างใจกนั มากข้ึน และเปิ ดกวา้ งในการรับรู้ขอ้ มูล ขา่ วสาร และองคค์ วามรู้ใหม่ๆ ท้งั ในดา้ นเทคโนโลยี การผลิต การตลาด นโยบายการสนบั สนุนต่างๆ จากรัฐบาลอยา่ งต่อเนื่อง นอกจากน้ี การทางานร่วมกนั เป็ น เครือข่ายวสิ าหกิจจะช่วยลดต้นทุน ท้งั ดา้ นวตั ถุดิบ การทาการตลาด การวจิ ยั และพฒั นา การสร้างนวตั กรรม การริเริ่มธุรกิจใหม่ๆ การพฒั นาทุนมนุษยแ์ ละบุคลากร และการพฒั นาโครงสร้างพ้ืนฐานสาหรับกิจการที่ เก่ียวขอ้ งในเครือข่ายวสิ าหกิจและกระตุ้นให้เกดิ การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เนื่องจากสมาชิกในเครือขา่ ย

10 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ วสิ าหกิจมีการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู และองคค์ วามรู้ระหวา่ งกนั อยเู่ สมอ ซ่ึงทาใหส้ มาชิกมีโลกทศั น์ที่กวา้ งขวาง ข้ึน อนั จะนาไปสู่การต่อยอดองคค์ วามรู้เพ่อื พฒั นาส่ิงใหม่ๆ ภายใตก้ ารแข่งขนั ไดอ้ ยา่ งตอ่ เน่ือง การรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายวสิ าหกิจไมใ่ ช่เป็นเพียงการส่งเสริมความร่วมมือของสมาชิกตา่ งๆ ใน เครือข่ายวสิ าหกิจเท่าน้นั แต่ยงั ช่วยส่งเสริมการเปิ ดกว้างทางการค้าให้มีการแข่งขันของสมาชิกกนั เองดว้ ย ซ่ึงการแข่งขนั น้ีจะช่วยกระตุน้ ใหก้ ิจการตอ้ งปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพของตนอยา่ งต่อเนื่อง เพือ่ ให้ สามารถอยรู่ อดและแขง่ ขนั ได้ และยงั ช่วยส่งเสริมการขยายตัวของกิจการและการเกิดกิจการใหม่ๆ เน่ืองจาก เครือขา่ ยวสิ าหกิจช่วยกระตุน้ ใหเ้ กิดการไหลเวยี นของขอ้ มลู และองคค์ วามรู้ และร่วมกนั ลงทุนในกิจกรรมท่ี ก่อใหเ้ กิดการสร้างมูลคา่ เพ่ิมเช่น การพฒั นาทุนมนุษยแ์ ละบุคลากร เทคโนโลยี และนวตั กรรมใหม่ๆ ซ่ึงทา ใหเ้ กิดการพฒั นาคุณภาพและประสิทธิภาพอยา่ งตอ่ เน่ือง อีกท้งั ส่งผลตอ่ การเพม่ิ โอกาสและอาจลดอุปสรรค ท่ีเกิดจากการแข่งขนั ทางการคา้ ท้งั ในปัจจุบนั และอนาคต ดงั น้นั เครือข่ายวสิ าหกิจจึงช่วยเสริมสร้างโอกาส การเติบโตของกิจการต่างๆ และการเกิดข้ึนใหมข่ องกิจการต่อเน่ืองตา่ งๆ ดงั แสดงดว้ ยภาพที่ 1-1 ส่งเสริมการเกิด ช่วยเพมิ่ กระตุน้ การสร้าง กิจการใหม่ และการ ประสิทธิภาพและ นวตั กรรม ขยายตวั ของกิจการ คุณภาพอยา่ ง ช่วยใหเ้ กิดการ เดิม ต่อเนื่อง แลกเปล่ียนขอ้ มูล และ องคค์ วามรู้ของสมาชิก ช่วยลดตน้ ทุนของ กิจการท่ีเก่ียวขอ้ ง ภาพที่ 1-1 ความสาคญั ของเครือข่ายวสิ าหกิจ (ท่ีมา: ปรับปรุงจาก สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ, 2549) จากภาพท่ี 1-1 แสดงใหเ้ ห็นถึง ความสาคญั ของเครือขา่ ยวิสาหกิจที่ช่วยเพ่มิ ประสิทธิภาพและ คุณภาพอยา่ งต่อเนี่อง ส่งเสริมการเกิดกิจการใหม่ เกิดการสร้างนวตั กรรม ช่วยให้เกิดการแลกเปล่ียน และ ช่วยลดตน้ ทุนของกิจการท่ีเก่ียวขอ้ งกบั เครือขา่ ยวสิ าหกิจภายใตก้ ารเปลี่ยนแปลงหรือพลวตั ของการแข่งขนั โดยบรู ณาการความร่วมมือใหเ้ กิดการพฒั นาที่ยงั่ ยนื ในอนาคต

บทท่ี 1 แนวคิดเกี่ยวกบั เครือข่ายวิสาหกิจ 11 1.2 องค์ประกอบของเครือข่ายวสิ าหกจิ และกระบวนการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกจิ องคป์ ระกอบของเครือข่ายวสิ าหกิจมีรูปแบบท่ีหลากหลาย ข้ึนกบั สภาพแวดลอ้ มของแต่ละ อุตสาหกรรม ตลอดจนความเขม้ แขง็ ของธุรกิจในอุตสาหกรรมน้นั ๆ โดยอดิทตั วะสีนนท์ (2552) กล่าววา่ การท่ีจะทาใหเ้ ครือข่ายวสิ าหกิจแตล่ ะกลุ่มสามารถขบั เคล่ือนไปไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ แก่ผทู้ ่ีเกี่ยวขอ้ งไดน้ ้นั เครือข่ายวสิ าหกิจน้นั ควรมีองคป์ ระกอบอยา่ งนอ้ ย 4 ส่วน ดงั น้ี 1) ภาคเอกชน ประกอบไปดว้ ยสมาชิกที่ดาเนินธุรกิจท่ีเป็ นแกนหลกั ของเครือขา่ ยวสิ าหกิจน้นั และจากความร่วมมือของธุรกิจอ่ืนๆ ที่เกี่ยวขอ้ งต้งั แต่ตน้ น้าถึงปลายน้า ภาคเอกชนมีบทบาทโดยตรงในการ ขบั เคล่ือนเศรษฐกิจดว้ ยการประกอบกิจการในดา้ นการผลิต การคา้ และบริการ ซ่ึงผลการประกอบการ และผลิตภาพการผลิตของภาคธุรกิจเอกชน ยอ่ มส่งผลโดยตรงกบั การขยายตวั ทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยรวม อยา่ งไรกต็ าม ความสามารถในการผลิตและบริการน้นั ข้ึนอยกู่ บั ภาวะการแข่งขนั เป็นสาคญั ตราบ ใดท่ีผปู้ ระกอบการสามารถพฒั นาตนเองและสร้างความสามารถในการแขง่ ขนั และสร้างผลิตภาพไดอ้ ยา่ ง ตอ่ เนื่อง กย็ อ่ มส่งผลใหเ้ ศรษฐกิจของประเทศขยายตวั อยา่ งต่อเน่ืองและมนั่ คงไปดว้ ย ดงั น้นั หนา้ ท่ีหลกั ของผปู้ ระกอบการเอกชนในเร่ืองการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจเพอ่ื ขีดความสามารถในการแข่งขนั ไดแ้ ก่ 1.1 ศึกษาและตอบสนองความตอ้ งการของลูกคา้ และตลาด รวมถึงกฎระเบียบของ ภาครัฐท้งั ในระดบั ชาติ เขต ภมู ิภาคและทอ้ งถิ่นที่เก่ียวกบั การผลิตและบริการท่ีเนน้ มาตรฐานและความ ปลอดภยั รวมท้งั สร้างความแตกต่างของสินคา้ และบริการในสายตาลูกคา้ อยา่ งต่อเนื่อง 1.2 ปรับเปล่ียนกระบวนทศั น์พร้อมท้งั ทาความเขา้ ใจถึงแนวทางการแขง่ ขนั ทางการคา้ ในปัจจุบนั ที่ทาใหต้ อ้ งมีการรวมตวั กนั เพื่อสร้างมาตรฐาน คุณภาพ ความแตกตา่ งของสินคา้ หรือบริการ ประสิทธิภาพ และมูลค่าเพิ่ม รวมท้งั เขา้ ใจถึงกระบวนการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจวา่ เป็นการสร้าง มูลคา่ เพ่ิมใหก้ บั สินคา้ และบริการของสมาชิกในกลุ่มทุกคน ไมใ่ ช่ผใู้ ดผหู้ น่ึงโดยเฉพาะ และไม่ใช่บทบาท ของภาครัฐหรือหน่วยงานราชการเพยี งฝ่ ายเดียว 1.3 ประสานงานใหเ้ กิดความร่วมมือระหวา่ งผปู้ ระกอบการดว้ ยกนั ใหค้ รบองคป์ ระกอบ ของห่วงโซ่มูลค่าและห่วงโซ่การผลิตและการบริการ โดยสามารถเช่ือมโยงกบั สมาคมหรือหน่วยงานดา้ น การคา้ องคก์ รธุรกิจ สถาบนั การศึกษา สถาบนั วจิ ยั และพฒั นา และภาครัฐ ท้งั ในระดบั ทอ้ งถิ่น เขต ภมู ิภาค ประเทศ เขตเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ เพื่อการพฒั นาความสามารถในการแขง่ ขนั ของอุตสาหกรรมในระยะ ยาว 1.4 เขา้ ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิดเห็นและขอ้ มลู กบั เครือขา่ ยวสิ าหกิจท่ีตน เก่ียวขอ้ งอยา่ งสม่าเสมอ การมีส่วนร่วมน้ียอ่ มส่งผลใหม้ ีการส่ือสารระหวา่ งกนั และการไหลเวยี นของขอ้ มูล ข่าวสาร ความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ที่ทนั สมยั และเกิดประโยชน์ต่อทุกองคาพยพของเครือขา่ ยวสิ าหกิจ

12 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ ท้งั ในระดบั ทอ้ งถ่ิน เขต ภมู ิภาค ประเทศ เขตเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศและกลุ่มภาคีความร่วมมือเศรษฐกิจ ระหวา่ งประเทศ 1.5 มีส่วนร่วมรับผดิ ชอบในค่าใชจ้ ่ายของการดาเนินการของเครือข่ายวสิ าหกิจตาม สถานภาพของกิจการ การมีส่วนร่วมน้นั จาเป็นตอ้ งอาศยั ความทุ่มเท และเสียสละท้งั ดา้ นความคิด และทุน ทรัพย์ ดงั น้นั การร่วมกนั ออกค่าใชจ้ ่ายในการบริหารจดั การเครือขา่ ยวสิ าหกิจจึงมีความจาเป็น เพื่อให้ เครือข่ายวสิ าหกิจอยไู่ ดบ้ นพ้ืนฐานของความเสียสละในการสร้างความร่วมมือกนั ในทุกดา้ น 2) สถาบนั การเงิน และสถาบันการค้า สมาคมวชิ าชีพและผู้ให้บริการอนื่ ๆ เป็นหน่วยงานพ้นื ฐาน ดา้ นการจดั หาและจดั สรรทรัพยากรเงินทุน นวตั กรรมความรู้ แนวคิดและแนวทางการบริหารจดั การและ เป็นหน่วยงานพ้ืนฐานในการพฒั นาดา้ นเทคนิคและการรวมกลุ่มของอุตสาหกรรมท้งั ในระดบั ทอ้ งถ่ิน เขต ภูมิภาค ประเทศ เขตเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศและกลุ่มภาคีความร่วมมือเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ หน่วยงานเหล่าน้ีควรมีบทบาทและทาหนา้ ท่ีประสานความร่วมมือท้งั ภายในและภายนอกสถาบนั และหรือ สมาคม รวมถึงการส่งเสริมบรรษทั ภิบาลและคานึงถึงผลประโยชน์ ปกป้ องสิทธ์ิและความปลอดภยั ของ ผบู้ ริโภคเป็นสาคญั รวมท้งั มีหนา้ ที่ดงั น้ี 2.1 ร่วมกนั ผลกั ดนั การพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจในสาขาธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่ เกี่ยวขอ้ งอยา่ งจริงจงั 2.2 ประสานการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจต้งั แต่ข้นั ตอนเร่ิมรวมกลุ่ม อาทิ การจดั ฝึกอบรม สมั มนา ประชุม การทางาน และการตดั สินใจแกป้ ัญหา เป็ นตน้ และในขณะที่ไดม้ ีการรวมกลุ่ม แลว้ โดยอาจทาหนา้ ท่ีเป็นตวั กลางในการกระตุน้ ใหเ้ กิดเวทีในการหารือร่วมกนั ท้งั ในและนอกระดบั ทอ้ งถ่ิน เขต ภูมิภาค ประเทศ เขตเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศและกลุ่มภาคีความร่วมมือเศรษฐกิจระหวา่ ง ประเทศดงั กล่าว 2.3 ประสานงานและเช่ือมโยงโครงการที่จดั ทาร่วมกนั ระหวา่ งเครือขา่ ยวสิ าหกิจกบั หน่วยงานรัฐหรือเอกชนท่ีเก่ียวขอ้ งและสถาบนั การศึกษาอยา่ งสม่าเสมอ 2.4 ใหข้ ่าวสารขอ้ มลู เกี่ยวกบั เงื่อนไขตา่ งๆ เทคนิคทางวชิ าการและทางปฏิบตั ิท่ีเป็น พ้นื ฐานของการจดั การธุรกิจอยา่ งถูกตอ้ งและทนั สมยั เช่น ขอ้ มลู การลงทุน ความเส่ียงทางการเงินและ การคา้ มาตรฐานดา้ นการผลิต การบริการ ความปลอดภยั ดา้ นต่างๆ เป็นตน้ 3) สถาบันการศึกษาและสถาบันการวจิ ัยและพฒั นา มีบทบาทในการเสริมสร้างและพฒั นา ตลอดจนถ่ายทอดองคค์ วามรู้และเทคโนโลยใี หก้ บั หน่วยธุรกิจ และประชาชนในทุกระดบั รวมท้งั ผลิต บุคลากรที่มีความรู้และความสามารถใหส้ อดคลอ้ งกบั การพฒั นาประเทศและสงั คม ซ่ึงเป็นการพฒั นาและ เสริมสร้างพ้ืนฐานดา้ นทรัพยากรมนุษย์ นอกจากน้ียงั มีหนา้ ท่ีท่ีพงึ ปฏิบตั ิ ดงั น้ี

บทที่ 1 แนวคิดเกี่ยวกบั เครือข่ายวิสาหกิจ 13 3.1 ศึกษาร่วมกบั อุตสาหกรรม สมาคม สถาบนั ตา่ งๆ เพอื่ วเิ คราะห์แนวโนม้ และความ ตอ้ งการทรัพยากรบุคคลหรือทุนมนุษย์ ท้งั ดา้ นคุณภาพและปริมาณของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมและเช่ือมโยง กบั ภาคธุรกิจ เพือ่ ปรับหลกั สูตรและกระบวนการเรียนการสอนหรือการใหท้ กั ษะความรู้เพมิ่ เติมท่ีจะทาให้ สามารถผลิตบุคลากรไดส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของภาคอุตสาหกรรมท้งั ในระดบั ทอ้ งถ่ิน เขต ภมู ิภาค ประเทศ เขตเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศและกลุ่มภาคีความร่วมมือเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศอยา่ งแทจ้ ริงใน เวลาที่เหมาะสมและทนั ต่อการเปลี่ยนแปลงจากความตอ้ งการของตลาดแรงงาน 3.2 มีส่วนร่วมที่สาคญั กบั เครือขา่ ยวสิ าหกิจในการศึกษาวจิ ยั ในสาขาท่ีสถาบนั แตล่ ะ แห่งมีความเชี่ยวชาญท่ีตรงตามความตอ้ งการของเครือข่ายวสิ าหกิจและแนวโนม้ ความตอ้ งการและการ เปลี่ยนแปลงของตลาด ซ่ึงจะทาใหเ้ กิดสินคา้ และบริการใหม่ท่ีสามารถสร้างมูลคา่ (Value Creation) ใหก้ บั เครือขา่ ยวสิ าหกิจ อนั เป็นการเชื่อมโยงความรู้และทกั ษะภาคทฤษฎีกบั ภาคปฏิบตั ิจนเกิดเป็นรูปธรรมและ สามารถใชไ้ ดจ้ ริงในเชิงพาณิชย์ 3.3 เป็นแหล่งความรู้ ตกผลึกความคิดและแนวคิดทางธุรกิจโดยฝึกอบรมถ่ายทอดและ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกนั กบั ภาคเอกชนเกี่ยวกบั เครือขา่ ยวสิ าหกิจ ทาใหเ้ กิดการพฒั นาความสามารถในการ แข่งขนั แก่ทุกฝ่ ายในพ้นื ที่ที่สถาบนั ต้งั อยหู่ รือในเขตพ้ืนที่เช่ือมโยงทางเศรษฐกิจท่ีสาคญั 3.4 เป็นแหล่งพฒั นาหรือสร้างผปู้ ระสานงานพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจหรือ CDA (Cluster Development Agent) ซ่ึงอาจเป็ นองคก์ รหรือหน่วยงานที่ทาหนา้ ท่ีหรือไดร้ ับมอบหมายให้ ดาเนินงานเปรียบเสมือนเป็นตวั กลางในการใหค้ วามช่วยเหลือ ใหค้ าแนะนาและขอ้ เสนอแนะ รวมท้งั พฒั นา หรือนาเสนอตวั อยา่ งที่เปรียบเป็นตน้ แบบของกรณีศึกษาดา้ นแนวปฏิบตั ิท่ีดีท่ีสุดหรือท่ีดีเก่ียวกบั การพฒั นา และการดาเนินงานของเครือขา่ ยวสิ าหกิจ (Best and/or Good Practices in Cluster-based development and execution) แก่สมาชิกของเครือขา่ ยวสิ าหกิจ ตลอดจนช่วยประคบั ประคอง ใหค้ วามช่วยเหลือ และแนะนา แก่เครือข่ายวสิ าหกิจใหส้ ามารถทางานเพ่ือบรรลุเป้ าหมายตามท่ีกาหนดไวอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ นอกจากน้ี ยงั มีสถาบนั เฉพาะทางหรือสถาบนั วชิ าชีพท่ีมีบทบาทหนา้ ท่ีในการสนบั สนุนขอ้ มลู ดา้ นการผลิต การส่งเสริมและสนบั สนุนเทคโนโลยสี มยั ใหม่ การรับรองมาตรฐาน และทดสอบมาตรฐาน รวมถึงการสนบั สนุนการคน้ ควา้ วจิ ยั เพ่อื ให้เกิดการพฒั นาองคค์ วามรู้ใหม่ รวมถึงการสร้างและตอ่ ยอด นวตั กรรมใหก้ บั ภาคอุตสาหกรรม และเพ่ือเพ่มิ ศกั ยภาพใหก้ บั ภาคการผลิตและบริการ ตลอดจนเพิ่มพนู องค์ ความรู้ใหก้ บั วงการธุรกิจอุตสาหกรรมและสังคมดว้ ย 4) หน่วยงานภาครัฐ มีบทบาทสาคญั ในการกาหนดกติกา กฏระเบียบ ขอ้ ปฏิบตั ิต่างๆ รวมท้งั เป็นผรู้ ิเร่ิมในการกาหนดทา่ ทีและบทบาทในกระบวนการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจ เพื่อใหก้ ารสนบั สนุน และร่วมมือผา่ นหน่วยงานที่กาหนดนโยบาย มาตรการและกฎระเบียบท่ีเก่ียวขอ้ งกบั อุตสาหกรรมท่ีจะ ก่อใหเ้ กิดบรรยากาศที่เหมาะสมและเอ้ือต่อการพฒั นา และสนบั สนุนส่งเสริมการดาเนินกิจกรรมทาง

14 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ เศรษฐกิจ ตลอดจนสร้างหรือปรับปรุงระบบและดูแลโครงสร้างพ้นื ฐาน เพอื่ เสริมสร้างศกั ยภาพในดา้ น ทรัพยากรส่ิงแวดลอ้ ม ทรัพยากรมนุษย์ ส่งเสริมการพฒั นาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนให้บริการ ข้นั พ้นื ฐานอยา่ งเสมอภาค มีความโปร่งใส เป็ นธรรม ฯลฯ โดยอาจมีหนา้ ที่หลกั ในการเป็นผรู้ ิเริ่ม ผสู้ นบั สนุน ที่ปรึกษาและพี่เล้ียงในเรื่องของการพฒั นาและการบริหารจดั การเครือขา่ ยวสิ าหกิจเพ่ือเพ่ิมขีด ความสามารถในการแขง่ ขนั ดงั น้ี 4.1 เสริมสร้างความรู้ ความเขา้ ใจแก่ผปู้ ฏิบตั ิในแนวคิดของการพฒั นาขีด ความสามารถในการแขง่ ขนั ของการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจ เพอ่ื ใหส้ ามารถนาไปเผยแพร่และสร้างความ เขา้ ใจกบั ภาคเอกชนได้ รวมท้งั สนบั สนุนการสร้างผปู้ ระสานงานเครือข่ายวสิ าหกิจ (Cluster Development Agent : CDA) ดงั ไดก้ ล่าวไวแ้ ลว้ 4.2 สร้างบรรยากาศที่ดีตอ่ การพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจของภาคการผลิตและบริการ เพอ่ื เพมิ่ ขีดความสามารถในการแข่งขนั ของอุตสาหกรรมในเขตพ้ืนท่ีเป้ าหมาย เช่น การส่งเสริมใหเ้ กิดการ พฒั นากลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่มีศกั ยภาพสูง โดยการสร้างบรรยากาศการลงทุน อาทิ การกาหนดแผนและ นโยบายทางการศึกษาของชาติ ภูมิภาคหรือระดบั ทอ้ งถิ่นในทุกระดบั เพ่ือตอบสนองและสร้างความสามารถ ในการแข่งขนั ของชาติ การพฒั นาบุคลากร การพฒั นาโครงสร้างพ้นื ฐานอยา่ งเหมาะสมใหเ้ กิดความสะดวก รวดเร็ว การปรับกฎระเบียบใหส้ นบั สนุนการประกอบธุรกิจ โดยออกกฏระเบียบหรือโปรแกรมการ ส่งเสริมการลงทุนและการพฒั นาเครือข่ายในรูปแบบมาตรการทางภาษีและขอ้ ยกเวน้ ต่างๆ รวมท้งั ใหก้ าร สนบั สนุนความร่วมมือกนั แก่สถาบนั การศึกษา สถาบนั วจิ ยั และสถาบนั การเงินให้รองรับการขยายตวั ของ อุตสาหกรรมอยา่ งจริงจงั และต่อเนื่องตอ่ ภารกิจของเครือข่ายวสิ าหกิจท้งั ในระดบั ทอ้ งถ่ิน เขต ภูมิภาค ประเทศ เขตเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศและกลุ่มภาคีความร่วมมือเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ เป็นตน้ 4.3 พฒั นาระบบงานและการบริหารจดั การใหส้ อดคลอ้ งกบั การพฒั นาธุรกิจและการ พฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจของภาคการผลิตและบริการ โดยปรับบทบาทของภาครัฐจากผกู้ ากบั ควบคุมมาเป็น การใหก้ ารสนบั สนุนและส่งเสริมเครือขา่ ยวสิ าหกิจของอุตสาหกรรมอยา่ งต่อเนื่อง อาทิ การเปิ ดโอกาสให้ เกิดความร่วมมือกนั ในรูปเครือขา่ ยวสิ าหกิจ โดยใชเ้ ทคโนโลยแี ละขอ้ มูลขา่ วสารสนเทศจากภาครัฐร่วมกนั 4.4 มีส่วนร่วมในการประชุมหารือเพือ่ ใหข้ อ้ มลู และร่วมกิจกรรมของเครือข่าย วสิ าหกิจที่เกี่ยวขอ้ งอยา่ งสม่าเสมอ เป็นการประสานการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจใหเ้ กิดเป็นรูปธรรมรวมท้งั เป็นการสร้างสัมพนั ธภาพระหวา่ งสมาชิกท่ีดีต่อกนั อยา่ งสม่าเสมอ 4.5 มีส่วนร่วมในการแกไ้ ขปัญหาที่มาจากความตอ้ งการของเครือข่ายวสิ าหกิจในส่วน ที่เก่ียวขอ้ งกบั บทบาทภาครัฐ เช่น การแกไ้ ขกฎระเบียบ การพฒั นาโครงสร้างพ้นื ฐานที่จะช่วยเช่ือมโยงให้ กลุ่มเครือขา่ ยวสิ าหกิจมีมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิม่ สูงข้ึนอยา่ งมีประสิทธิภาพ เป็นตน้

บทท่ี 1 แนวคิดเกี่ยวกบั เครือข่ายวิสาหกิจ 15 นอกจากน้ียงั มีผเู้ กี่ยวขอ้ งอีกหลายฝ่ ายท่ีจาเป็นตอ้ งมีความเขา้ ใจและมีส่วนร่วมเพอื่ ทาใหก้ าร ผลกั ดนั การพฒั นาเครือข่ายวิสาหกิจในการเพม่ิ ขีดความสามารถในการแขง่ ขนั เป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ ไดแ้ ก่ ประชาชนท่ีเป็ นผบู้ ริโภค หรือสร้างตวั แทนทางการคา้ ต่างๆ จาเป็นตอ้ งใหค้ วามสาคญั กบั สินคา้ และ บริการที่ปลอดภยั มีคุณภาพ มากกวา่ การคานึงถึงแต่เฉพาะการใชก้ ลยทุ ธ์ดา้ นราคาเพยี งอยา่ งเดียว ตลอดจน องคก์ ารดา้ นสื่อสารมวลชนหรือหน่วยงานหรือองคก์ รอิสระตอ้ งทาหนา้ ท่ีดว้ ยความเขา้ ใจในแนวทางการ พฒั นาเศรษฐกิจแนวใหม่ โดยทาหนา้ ที่เผยแพร่แนวคิดปรัชญาของการรวมกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจใหเ้ ป็นที่ รู้จกั อยา่ งแพร่หลายและเกิดความเขา้ ใจอยา่ งถูกตอ้ ง องคป์ ระกอบหลกั ของเครือข่ายวสิ าหกิจ สามารถแสดงไดด้ งั ภาพท่ี 1-2 สถาบนั การศึกษา ภาคเอกชน สถาบันการเงนิ สถาบนั วิจยั และ สถาบนั การค้า สมาคม เครือข่าย วชิ าชีพและผู้ให้บริการ พฒั นา วิสาหกจิ อน่ื ๆ หน่วยงาน ภาครัฐ ภาคส่วนอนื่ ๆ ได้แก่ ประชาชน ลกู ค้า ส่ือมวลชน ฯลฯ แสดงความร่วมมือระหวา่ งกนั ภาพท่ี 1-2 องคป์ ระกอบหลกั ของเครือข่ายวสิ าหกิจ

16 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ กระบวนการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกจิ จากความคิดเห็นของผเู้ ช่ียวชาญดา้ นกลยทุ ธ์ทางการจดั การจากมหาวทิ ยาลยั ฮาร์วาร์ด คือ ไมเคิล อี พอร์เตอร์ (Porter, 2001) ไดบ้ ง่ ช้ีวา่ ความไดเ้ ปรียบในการแขง่ ขนั เป็นสิ่งท่ีสาคญั และจาเป็นต่อการแขง่ ขนั ของประเทศชาติในปัจจุบนั และอนาคต เพราะจาเป็นตอ้ งอาศยั ยทุ ธวธิ ีหรือเครื่องมือมาปรับใชเ้ พอ่ื ให้เกิด ความไดเ้ ปรียบทางกิจการ โดยเริ่มต้งั แต่การเลือกอุตสาหกรรมหรือกิจการท่ีมีศกั ยภาพและสามารถสร้างผล กาไรสูง ดว้ ยวธิ ีประเมินสภาวะแวดลอ้ มของอุตสาหกรรมตามองคป์ ระกอบเพ่ือศึกษาถึงขอ้ ไดเ้ ปรียบในเชิง การแขง่ ขนั ของอุตสาหกรรม ยทุ ธวธิ ีหรือเครื่องมือในการวเิ คราะห์ความสามารถในการแขง่ ขนั เรียกวา่ แบบจาลองเพชร (Diamond Model) ตลอดจนการสร้างกลุ่มท่ีเป็นลาดบั ข้นั ตอน จนถึงการผสมผสานนากล- ยทุ ธ์ทางการแข่งขนั เพ่ือเพม่ิ ขีดความสามารถท่ีเหมาะสมกบั ปัจจยั ภายในและภายนอกของอุตสาหกรรมหรือ กิจการในประเทศที่ถูกคดั สรรมาแลว้ เป็นสาคญั พอร์เตอร์ (Porter, 2001) ยงั กล่าวไวว้ า่ การนาอุตสาหกรรมใดๆ ไปสู่การพฒั นาศกั ยภาพในการ แขง่ ขนั ในส่วนต่างๆ ของตลาดโลก (Global Niches) จึงจาเป็นตอ้ งมีกระบวนการพฒั นาเครือขา่ ยวสิ าหกิจที่ เป็นการสร้างกลุ่มที่มีประสิทธิภาพเพอื่ ช่วยเสริมสร้างความเขม้ แขง็ ของภาคการผลิต การคา้ และบริการและ เป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศโดยรวม โดยประกอบดว้ ยข้นั ตอน 7 ข้นั ดงั ภาพที่ 1-3 ภาพที่ 1-3 กระบวนการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจ

บทท่ี 1 แนวคิดเก่ียวกบั เครือข่ายวิสาหกิจ 17 1. การสร้างกลุ่ม เป็นข้นั ตอนเพอื่ การกระตุน้ และส่งเสริมใหเ้ กิดการรวมกลุ่มในเครือข่าย วสิ าหกิจ โดยช้ีใหก้ ิจการหรือผปู้ ระกอบการเห็นถึงความสาคญั และประโยชนข์ องการพฒั นาเครือข่าย- วสิ าหกิจ แลว้ ชกั ชวนและจูงใจใหเ้ ขา้ รวมกลุ่มและทากิจกรรมร่วมกนั เพ่อื สร้างความสัมพนั ธ์ในกลุ่ม สมาชิก โดยเร่ิมจากการเลือกกิจการท่ีมีความต้งั ใจและมีความพร้อมก่อน ซ่ึงกิจการและการดาเนินงานของ กิจการท่ีพร้อมจะมารวมกลุ่มเหล่าน้ีอาจมีลกั ษณะใดลกั ษณะหน่ึงดงั ต่อไปน้ี คือ อยใู่ นแหล่งหรือพ้นื ท่ี ประกอบการเดียวกนั หรือสามารถเช่ือมโยงโดยอาศยั ระบบเทคโนโลยกี ารสื่อสารระหวา่ งกนั ได้ เป็นกิจการ ที่เช่ือมโยงตอ่ เน่ืองในลกั ษณะของห่วงโซ่อุปทาน มีอุปสงคแ์ ละตอบสนองต่อตลาดที่มีความตอ้ งการ คลา้ ยคลึงกนั อาจมีบุคคลท่ีมีภาวะผนู้ าและมีความเชี่ยวชาญเฉพาะดา้ นและสามารถทางานเป็นทีมร่วมกนั ได้ เมื่อรวบรวมกลุ่มกิจการที่มีคุณสมบตั ิดงั กล่าวไดแ้ ลว้ ข้นั แรกเริ่มนดั พบประชุมหารือเพื่อปรับ กระบวนความคิดให้เป็นไปในทิศทางเดียวกนั ต่อมาจึงคดั เลือกผนู้ าที่มีวสิ ยั ทศั นแ์ ละเป็นที่ยอมรับในกลุ่ม เพ่ือเป็ นแกนนาในการปฏิบตั ิงาน ข้นั ตอนตอ่ ไปคือ สมาชิกร่วมกนั กาหนดวตั ถุประสงคแ์ ละสร้างเป้ าหมาย ร่วมของกลุ่มใหช้ ดั เจนเพอ่ื ป้ องกนั การหาประโยชน์เฉพาะราย เช่น กาหนดคูแ่ ขง่ ตลาด รวมถึงวางกรอบ การดาเนินงานท่ีระบุวา่ ใคร ทาอะไร ที่ไหน เม่ือใด อยา่ งไร เพือ่ ให้เกิดความชดั เจนและเกิดความต่อเน่ือง ของการดาเนินงานและสามารถประเมินผลได้ ตลอดจนร่วมกนั กาหนดเครื่องมือช้ีวดั ในการประเมินผล เพ่ือใชต้ ิดตามและสามารถปรับปรุงแกไ้ ขกลยทุ ธ์และแผนงานไดเ้ ม่ือจาเป็น อยา่ งไรกต็ าม ในข้นั ตอนน้ีถือเป็นข้นั ตอนท่ีค่อนขา้ งยงุ่ ยากท่ีสุด และใชร้ ะยะเวลาพอสมควร ท้งั น้ี เน่ืองจากผปู้ ระกอบการส่วนใหญ่ยงั อาจไม่คุน้ เคยกบั การเปิ ดเผยแนวความคิดของตนต่อผอู้ ่ืน โดยเฉพาะผทู้ ่ี ประกอบกิจการประเภทเดียวกนั กบั ตน ดงั น้นั ผนู้ ากลุ่มจาเป็นตอ้ งใชค้ วามสามารถช้ีแจงและอธิบายถึง ประโยชน์ที่ทุกฝ่ ายจะไดร้ ับ โดยเนน้ ท่ีการร่วมกนั แข่งขนั มากกวา่ แข่งกนั เอง ซ่ึงนอกจากกลุ่มจะเป็นการ รวมตวั ของผปู้ ระกอบการกิจการดว้ ยกนั แลว้ ควรมีผมู้ ีส่วนร่วมสนบั สนุนและหน่วยงานรัฐหรือกิจการที่ เกี่ยวขอ้ งกบั การปกครองทอ้ งถิ่นและสถาบนั การศึกษาร่วมกนั ทางานซ่ึงนบั เป็นองคป์ ระกอบที่สาคญั ในการ สรรคส์ ร้างให้เกิดการมีส่วนร่วมและสร้างพลงั ผลกั ดนั ใหเ้ กิดการปฏิบตั ิงานของกลุ่มอยา่ งราบร่ืน 2. การวเิ คราะห์สถานภาพของกลุ่มหรือผมู้ ีส่วนไดเ้ สีย โดยศึกษาวเิ คราะห์ความสามารถใน การแข่งขนั ของกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจท่ีไดร้ ับการคดั สรรแลว้ พจิ ารณาจากปัจจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ งท้งั หมด ต้งั แต่ กิจการตน้ น้าจนถึงปลายน้าเมื่อเปรียบเทียบกบั คูแ่ ข่ง ในดา้ นการผลิต เทคโนโลยี นวตั กรรม โดยอาศยั วธิ ีการวเิ คราะห์จุดแขง็ จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรค (SWOT Analysis) และสร้างเคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการ วเิ คราะห์สถานภาพของกลุ่มหรือผมู้ ีส่วนไดเ้ สีย ไดแ้ ก่ แผนภาพเครือขา่ ยวสิ าหกิจ (Cluster Map) (Porter, 2001) โดยหากมีการจดั ทาแผนที่หรือแผนภาพเครือขา่ ยวสิ าหกิจไดล้ ะเอียดครบถว้ นและถูกตอ้ งแลว้ แผนภาพเครือขา่ ยวสิ าหกิจสามารถใชเ้ ป็นเคร่ืองมือท่ีช้ีถึงองคป์ ระกอบท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การแขง่ ขนั ท้งั หมด ของอุตสาหกรรมที่จะรวมกลุ่มเครือข่ายวสิ าหกิจและมีการระบุถึงจุดแขง็ จุดบกพร่องและโอกาสตา่ งๆ ที่ เครือข่ายวสิ าหกิจจาเป็ นตอ้ งมี รวมท้งั แนวทางการแกไ้ ขปรับปรุงเพ่อื ยกระดบั ความสามารถในการแขง่ ขนั ของกลุ่ม

18 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ การจดั ทาแผนภาพเครือข่ายวิสาหกิจน้ี ควรเร่ิมตน้ จากแกนกลางหรือธุรกิจหลกั ของเครือขา่ ย วสิ าหกิจน้นั ก่อน จากน้นั จึงพจิ ารณาถึงกิจการของผปู้ ระกอบการอื่นๆ รวมท้งั หน่วยงานหรือองคก์ รต่างๆ ท่ีมีผลตอ่ ความสามารถในการแขง่ ขนั และระบุความสมั พนั ธ์ระหวา่ งกนั โดยอาจเริ่มตน้ จากการสัมภาษณ์ ผปู้ ระกอบการที่เป็นแกนหลกั ของเครือขา่ ยวสิ าหกิจ กิจการหรือบริษทั ท่ีเป็นแกนหลกั จะอยใู่ นกล่องตรง กลางของแผนภาพเครือข่ายวสิ าหกิจ ในขณะที่ผปู้ ระกอบการท่ีเก่ียวขอ้ งในการผลิตต้งั แต่ตน้ น้าจนถึงปลาย น้าจะอยใู่ นกล่องทางซา้ ย หน่วยงานภาครัฐจะอยดู่ า้ นบน และหน่วยบริการสนบั สนุนจะอยใู่ นกล่อง ดา้ นขวา ทา้ ยสุดสถาบนั การศึกษาและสถาบนั เฉพาะทางตา่ งๆ อยใู่ นกล่องดา้ นล่าง สาหรับความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งกล่องตา่ งๆ แสดงโดยลกั ษณะของเส้นคือ หากหน่วยงานใดมีความร่วมมืออยา่ งเขม้ แขง็ แสดงโดย เส้นทึบ หรือหากเป็ นหน่วยงานท่ีสาคญั แต่ยงั ไมม่ ีความร่วมมือจะแสดงโดยวงรี นอกจากน้ีขอ้ มลู จานวน บริษทั หรือขอ้ มูลอ่ืนๆ อาจใส่เพม่ิ ไดเ้ พือ่ ใหแ้ ผนภาพของเครือขา่ ยวสิ าหกิจมีความสมบูรณ์และชดั เจนยง่ิ ข้ึน แมว้ า่ แผนภาพของเครือขา่ ยวสิ าหกิจมีรูปแบบท่ีหลากหลายแตข่ อ้ สาคญั ในการจดั ทาแผนภาพ ของเครือข่ายวสิ าหกิจ คือ แผนภาพที่จดั ทาข้ึนตอ้ งสะทอ้ นถึงสถานะท่ีเป็นอยแู่ ละสถานะท่ีตอ้ งการใหเ้ ป็น โดยใชข้ อ้ มลู จากผปู้ ระกอบการเป็นหลกั อีกท้งั ตอ้ งแสดงถึงส่วนประกอบท่ีสาคญั รวมท้งั แสดงระดบั ความ ร่วมมือและระดบั ความสัมพนั ธ์ของผทู้ ี่เก่ียวขอ้ งอยา่ งครบถว้ น (สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ, 2549) ต่อไปน้ี เป็นตวั อยา่ งแผนท่ีหรือแผนภาพของเครือข่ายวสิ าหกิจทว่ั ๆ ไป ดงั ภาพท่ี 1-4 และรายละเอียดดงั น้ี ภาพที่ 1-4 แผนภาพเครือข่ายวสิ าหกิจหรือคลสั เตอร์ (Cluster Map) (ท่ีมา: สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2549)

บทที่ 1 แนวคิดเกี่ยวกับเครือข่ายวิสาหกิจ 19 1) ธุรกิจหลกั (Primary Core Activities) เป็นธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่ผลิตหรือใหบ้ ริการคือ ธุรกิจผลิตและใหบ้ ริการท่ีเป็ นแกนหลกั ของอุตสาหกรรม 2) ธุรกิจรอง (Secondary Core Activities)เป็นธุรกิจที่ผลิตและ/หรือใหบ้ ริการเสริมแก่ตลาด และ ใหบ้ ริการท่ีเป็ นแกนหลกั ของอุตสาหกรรม ไดแ้ ก่ ธุรกิจคา้ ปลีก 3) ธุรกิจท่ีใหบ้ ริการสนบั สนุน (Service Providers) ไดแ้ ก่ ธุรกิจโฆษณา ประชาสัมพนั ธ์ ธุรกิจ คมนาคมขนส่ง ธุรกิจระบบการสื่อสาร เป็ นตน้ 4) อุตสาหกรรมบริการที่เก่ียวขอ้ ง (Related Industry) ไดแ้ ก่ ซพั พลายเออร์ (Suppliers) ประกอบดว้ ย อุตสาหกรรมตน้ ทาง เป็นอุตสาหกรรมเพื่อจดั หาวตั ถุดิบเพ่อื ใหเ้ กิดกระบวนการผลิต 5) สถาบนั เฉพาะทางและสถาบนั การศึกษา (Specialists and Education Institutes) ซ่ึงมีท้งั ที่เป็น สถาบนั ทวั่ ไปและสถาบนั ที่เปิ ดอบรมเฉพาะดา้ น เช่น สถาบนั การจดั การดา้ นอุตสาหกรรมน้นั ๆ สถาบนั การศึกษาหรือสถาบนั การศึกษาเฉพาะทาง เป็นตน้ 6) หน่วยงานภาครัฐ (Goverment Agencies) ท้งั ที่รับผดิ ชอบโดยตรง คือ กระทรวง กรม กอง และหน่วยงานที่เก่ียวเน่ืองทางออ้ ม เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงวฒั นธรรม เป็ นตน้ 7) สมาคมและชมรมต่างๆ (Societies and Non-Profit Organization) เป็นหน่วยงาน องคก์ รที่ สนบั สนุนการดาเนินงาน ซ่ึงในกลุ่มอุตสาหกรรมจะมีสมาคมอยทู่ ้งั ในภูมิภาคน้นั และภูมิภาคลอ้ มรอบ ซ่ึง เป็นการรวมตวั กนั ในระดบั ต่างๆ ต้งั แตร่ ะดบั จงั หวดั สู่ระดบั ภูมิภาค และระดบั ประเทศ 3. การกาหนดวสิ ยั ทศั น์ เป้ าประสงคห์ รือพนั ธกิจร่วม เป็ นการพิจารณาวา่ เครือขา่ ยวสิ าหกิจจะ พฒั นาทิศทางไปในแนวทางใดหรือมีวสิ ยั ทศั น์อยา่ งไรหรือใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคใ์ นเรื่องอะไรบา้ ง ซ่ึงอาจ เป็นเร่ืองยากในการตดั สินใจหรืออาจมีความเห็นที่หลากหลายในการต้งั เป้ าประสงคร์ ่วมกนั เป็นโจทยท์ ่ี สาคญั ดงั น้นั แนวทางหน่ึงท่ีจะตอบโจทยเ์ ร่ืองน้ีได้ คือ ผมู้ ีส่วนไดเ้ สียในเครือขา่ ยวสิ าหกิจจะตอ้ งแสดง ความคิดเห็นและมีฉนั ทามติร่วมกนั ถึงเป้ าหมายที่กลุ่มตอ้ งการจะดาเนินงานในลาดบั แรกหรืออาจร่วมกนั สร้างดชั นีหรือตวั ช้ีวดั ระดบั ความสามารถในการแข่งขนั ของเครือข่ายวสิ าหกิจ (Cluster Key Competitiveness Indicators: CKCIs) น้นั ๆ ก่อนเพื่อใหส้ มาชิกมีเป้ าหมายในการดาเนินงานร่วมกนั ต่อไปได้ ท้งั น้ีการกาหนดเป้ าประสงคแ์ ละพนั ธกิจร่วมน้ีข้ึนอยกู่ บั สภาพแวดลอ้ มของเครือขา่ ยวิสาหกิจ น้นั ๆ วา่ มีปัจจยั ใดบา้ งที่สมาชิกในเครือขา่ ยวสิ าหกิจเห็นร่วมกนั วา่ เป็นปัจจยั สาคญั ที่จะช่วยยกระดบั ความสามารถในการแข่งขนั จากน้นั จึงจดั ลาดบั โดยใหค้ ะแนนความเขม็ แขง็ ของเครือขา่ ยวสิ าหกิจในแตล่ ะ ปัจจยั วา่ อยใู่ นระดบั ใด ซ่ึงทาใหท้ ราบวา่ สิ่งใดเป็นส่ิงจาเป็นเร่งด่วนท่ีตอ้ งปฏิบตั ิหรืออาจใชว้ ธิ ีการ

20 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ เปรียบเทียบปัจจยั ที่สาคญั ในการยกระดบั ความสามารถในการแข่งขนั กบั คู่แข่ง (Benchmarking) ของ เครือข่ายวสิ าหกิจท้งั ในและนอกอุตสาหกรรมท้งั ในและนอกเขตพ้ืนท่ี รวมท้งั ในตา่ งประเทศกไ็ ด้ อยา่ งไรก็ ตามหนา้ ท่ีกาหนดเป้ าประสงคห์ รือพนั ธกิจร่วมกนั ตอ้ งอาศยั การมีส่วนร่วมอยา่ งสูงจากมวลสมาชิก โดยมี สถาบนั หรือสมาคมวชิ าชีพหรือสถาบนั การศึกษาทาหนา้ ที่เป็นตวั กลางในการประสานงานในการน้ีอยา่ ง สร้างสรรค์ 4. การกาหนดยทุ ธศาสตร์และแผนปฏิบตั ิงานในกลุ่มเครือขา่ ยวสิ าหกิจ หลงั จากสมาชิกในกลุ่ม ร่วมกนั พิจารณาผลการวเิ คราะห์สถานภาพของกลุ่มจากข้นั ตอนท่ี 2 และไดร้ ่วมกนั กาหนดวสิ ัยทศั น์ เป้ าประสงคห์ รือพนั ธกิจร่วมดงั ขา้ งตน้ แลว้ แลว้ จึงกาหนดยทุ ธศาสตร์ท่ีสามารถปฏิบตั ิไดจ้ ริงโดยมีการ นามาจดั ทาเป็ นแผนปฏิบตั ิงาน (Action plan) ท่ีสามารถเขา้ ใจและตอบสนองความตอ้ งการของคูค่ า้ ตวั แทน การคา้ ลูกคา้ และตลาดใหไ้ ดม้ ากที่สุด จากรากฐานของความเขา้ ใจตรงกนั วา่ เครือขา่ ยวิสาหกิจของกลุ่มมี ระดบั ความสามารถระดบั ใด พร้อมท้งั สามารถเขา้ ใจในเร่ืองการยกระดบั ความสามารถในการแข่งขนั ได้ อยา่ งถ่องแท้ เช่น โครงการนาร่องของการวางจุดยนื หรือตาแหน่งของเครือขา่ ยวสิ าหกิจส่งผลตอ่ การกาหนด ระดบั การพฒั นานวตั กรรมที่สามารถยกระดบั การแขง่ ขนั จากการพฒั นาสินคา้ และบริการ โดยอาศยั ความ ร่วมมือกบั กิจการหรือหน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ งและสนบั สนุน การร่วมกนั พิจารณายทุ ธศาสตร์และแผนน้ีอาศยั ความร่วมมือกบั ภาครัฐอยา่ งจริงจงั ท้งั ในระดบั ทอ้ งถ่ิน เขต ภูมิภาค ประเทศ เขตเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ และกลุ่มภาคีความร่วมมือเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ 5. การถ่ายโอนจากแผนงานไปสู่การปฏิบตั ิการ เครือขา่ ยวสิ าหกิจจะสามารถเร่ิมตน้ ดาเนิน โครงการนาร่องเพ่ือใหเ้ ห็นประโยชนข์ องการรวมกลุ่มในเชิงรูปธรรมอยา่ งเหมาะสม โดยดาเนินการตาม ยทุ ธศาสตร์และแผนปฏิบตั ิงานที่วางไวจ้ ากการนาผลท่ีไดม้ าวเิ คราะห์เพื่อปรับปรุงการดาเนินงาน ก่อน นาไปสู่การปฏิบตั ิจริงที่บงั เกิดผลที่มีประสิทธิภาพสูงสุดตอ่ อุตสาหกรรมที่เลือกดาเนินการตามรูปแบบ เครือข่ายวสิ าหกิจน้นั ตอ่ ไป 6. การจดั การโครงสร้างการทางานและระบบปฏิบตั ิงานของเครือขา่ ยวสิ าหกิจ หลงั จากท่ีมี ยทุ ธศาสตร์และแผนปฏิบตั ิที่ชดั เจนและพร้อมท่ีจะดาเนินการแลว้ ข้นั ตอนต่อไป ซ่ึงอาจก่อตวั ข้ึนระหวา่ ง ข้นั ตอนต่างๆ ขา้ งตน้ คือ การจดั โครงสร้างคณะทางานของเครือข่ายวสิ าหกิจ รวมท้งั การกาหนดระยะเวลา ในแตล่ ะข้นั ตอนและระบุผรู้ ับผดิ ชอบในแต่ละข้นั ตอน ในโครงสร้างคณะทางานของเครือขา่ ยวสิ าหกิจควร ประกอบดว้ ย ตวั แทนจากแต่ละกลุ่มของผมู้ ีส่วนไดเ้ สีย สมาชิกในเครือขา่ ยวสิ าหกิจควรมีการเลือกต้งั ประธานหรือผนู้ าของเครือข่ายวสิ าหกิจข้ึนมาและทาหนงั สือถึงหน่วยงานภาครัฐในทอ้ งถิ่นท่ีเกี่ยวขอ้ งให้ ทราบถึงการจดั ต้งั ของเครือข่ายวสิ าหกิจ รวมท้งั เป้ าประสงคแ์ ละแผนปฏิบตั ิงานตา่ งๆ เพือ่ ใหห้ น่วยงาน ภาครัฐไดร้ ับทราบและสนบั สนุนและใหค้ วามร่วมมือกนั ในดา้ นต่างๆ แก่เครือขา่ ยวสิ าหกิจ

บทท่ี 1 แนวคิดเกี่ยวกบั เครือข่ายวิสาหกิจ 21 นอกจากน้ี เครือขา่ ยวสิ าหกิจควรชกั จูงใหภ้ าคส่วนอื่นๆ เขา้ มามีส่วนร่วมดว้ ย เช่น ผปู้ ระกอบการท่ี เกี่ยวขอ้ งในการผลิตต้งั แตต่ น้ น้าถึงปลายน้า ขณะที่สถาบนั การศึกษาตอ้ งเป็นหน่วยงานหลกั ในดา้ นการให้ ความรู้และพฒั นาบุคลากรเพื่อใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของแตล่ ะเครือข่ายวสิ าหกิจตามแผนการ ส่งเสริมการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจท่ีกาหนดไว้ รวมท้งั สถาบนั เฉพาะทางและสถาบนั วจิ ยั พฒั นาตา่ งๆ ตอ้ ง เป็นผสู้ นบั สนุนดา้ นการวจิ ยั และพฒั นาเทคโนโลยแี ละนวตั กรรมที่จะสนบั สนุนการเจริญเติบโตของ เครือขา่ ยวสิ าหกิจต่อไป เป็นตน้ 7. ตรวจสอบความกา้ วหนา้ ในการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจ ความกา้ วหนา้ ของเครือข่ายวสิ าหกิจ เกิดข้ึนไดต้ ลอดเวลาในวฏั จกั รของอุตสาหกรรมและเครือข่ายวสิ าหกิจ ดงั น้นั เครือขา่ ยควรมีตวั ช้ีวดั ที่ แตกตา่ งกนั ตามระยะเวลาการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจที่เรียกวา่ วฏั จกั รของโครงการท้งั ในระดบั นโยบาย กลยทุ ธ์ กระบวนการ และการดาเนินงาน โดยการตรวจสอบความกา้ วหนา้ ดว้ ยคา่ ดชั น้ีช้ีวดั ท้งั ในระยะก่อน ระหวา่ งและหลงั การทางานร่วมกนั ในรูปแบบเครือขา่ ยวสิ าหกิจประกอบดว้ ย 4 ประเภท ไดแ้ ก่ 7.1 ดชั นีช้ีวดั กระบวนการ (Process Indicators) เป็นตวั ช้ีวดั ท่ีใชเ้ ม่ือเครือขา่ ยวสิ าหกิจ ดาเนินงานไมน่ านประมาณ 2–3 เดือน เป็นการตรวจสอบวา่ ไดด้ าเนินการตามกระบวนการตามแผนท่ี กาหนดไวห้ รือไม่ อยา่ งไร หากถึง 6 เดือนแลว้ ยงั ไมม่ ีความคืบหนา้ อาจแสดงถึงวา่ เครือข่ายวสิ าหกิจน้นั อาจมีปัญหาท่ีตอ้ งเร่งแกไ้ ขโดยจะตอ้ งพิจารณากระบวนการยอ่ ยๆ ประกอบกนั ไปดว้ ย 7.2 ดชั นีช้ีวดั การดาเนินการ (Action Indicators) เป็นตวั ช้ีวดั ท่ีใชต้ ลอดอายขุ องโครงการ โดย ดชั นีน้ีจะมีความสาคญั ในช่วงเดือนที่ 6 จนถึงช่วงสุดทา้ ยของโครงการ โดยพิจารณาถึงบทบาท หนา้ ท่ี การปฏิบตั ิการตามแผนหรือตลอดระยะการปรับแผนในระยะตา่ งๆ เช่น การวดั ผลการประกอบการดา้ น ตน้ ทุน ยอดขาย กาไร ประสิทธิภาพการผลิต สมรรถนะของบุคลากร ความเป็ นผนู้ า รวมท้งั ความสามารถ ในการแขง่ ขนั ท้งั ก่อน และหลงั การรวมกลุ่มของสมาชิกเครือขา่ ยวสิ าหกิจ รวมตลอดจนค่าผลิตภาพ โดยรวมของทอ้ งถิ่น ไดแ้ ก่ อตั ราการจา้ งงาน อตั ราค่าจา้ งข้นั ต่า รวมท้งั ตวั เลขทางเศรษฐกิจตา่ งๆ ร่วมกนั 7.3 ดชั นีช้ีวดั การลงทุน (Investment Indicators) เป็นตวั ช้ีวดั ที่จะตอ้ งวดั คา่ เมื่อเครือข่าย วสิ าหกิจดาเนินการไปสักระยะหน่ึง แลว้ จึงมีการติดตามผล อยา่ งไรกต็ าม การลงทุนเป็ นเร่ืองสาคญั ท่ีตอ้ งมี การประเมินผลต้งั แต่การดาเนินงานในระยะแรกของเครือข่ายวสิ าหกิจ รวมตลอดวฏั จกั รโดยพิจารณาจาก การลงทุนดา้ นการปรับเปล่ียนกระบวนการทางานใหม่ การวจิ ยั และพฒั นานวตั กรรม การลงทุนดา้ น สารสนเทศที่ใชร้ ่วมกนั ซ่ึงดชั น้ีช้ีวดั การลงทุนท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ การวดั อตั ราส่วนทางการเงินเช่น อตั รา ผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment : ROI) อตั ราผลตอบแทนภายใน (Internal Rate of Return : IRR) เป็นตน้

22 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ 7.4 ดชั นีช้ีวดั ผลลพั ธ์ (Deliverable Indicators) เป็นตวั ช้ีวดั ที่ใชเ้ มื่อถึงระยะเวลาที่สมาชิกใน เครือขา่ ยวสิ าหกิจร่วมกนั กาหนดและดาเนินการใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคท์ ่ีต้งั ไวแ้ ละเป็นผลการปฏิบตั ิงานหรือ ผลลพั ธ์ร่วมกนั เป็นระยะๆ เช่น ระดบั ความพึงพอใจของสมาชิกของเครือข่ายวสิ าหกิจท้งั ในระยะส้ัน ระยะ กลาง และระยะยาว รวมตลอดจนตวั เลขทางเศรษฐกิจและสงั คมไดแ้ ก่ ตวั บ่งช้ีการพฒั นาพ้นื ท่ีอยา่ งยงั่ ยนื อตั ราการจา้ งงานที่เพ่ิมในพ้นื ที่ อตั ราการเคล่ือนยา้ ยแรงงาน เป็นตน้ จากการสร้างกลุ่มในลกั ษณะดงั กล่าวจะเป็นการเสริมสร้างใหเ้ กิดการเรียนรู้ เกิดทกั ษะท่ีจะนาไปสู่ การพฒั นาสินคา้ และผลิตภณั ฑ์ และสร้างนวตั กรรมที่จะก่อใหเ้ กิดการลงทุน การจา้ งงานและเพ่ิมผลผลิต เป็นวฏั จกั รหรือวงจรของการพฒั นาที่ต่อเนื่องกนั ไป ซ่ึงการที่เครือข่ายวสิ าหกิจนาพากระบวนการการขบั เคลื่อนไปไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพจาเป็นท่ีจะตอ้ งอาศยั รากฐานดา้ นกลยทุ ธ์เป็นปัจจยั ส่งเสริมใหก้ ารลงทุน การดาเนินงาน ตลอดจนเป็ นกลไกค้าจุนท่ีสาคญั ตอ่ ความสาเร็จของเครือขา่ ยวสิ าหกิจ นอกจากน้ี ในภาพกวา้ งหรือระบบเศรษฐกิจมหภาค ศาตราจารย์ ไมเคิล อี พอร์เตอร์ (2012) เสนอ กลยทุ ธ์ของการพฒั นา \"เครือข่ายวสิ าหกิจ\" สาหรับประเทศท่ีจดั อยใู่ นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) เช่นประเทศไทยไว้ 6 ประการดงั น้ี ประการแรก ส่งเสริมใหเ้ กิดสภาพแวดลอ้ มทางกิจการท่ีดี ประการที่สอง ยกระดบั เครือข่ายวสิ าหกิจกิจการด้งั เดิมของตนเอง ซ่ึงรวมถึงภาคการเกษตร ประการท่ีสาม เปิ ดรับการลงทุนโดยตรงของนกั ลงทุนตา่ งชาติ ดว้ ยการวางระบบจูงใจดา้ นสิทธิประโยชนท์ างภาษีและ รูปแบบอ่ืนๆ ท่ีสามารถยกระดบั เครือข่ายวสิ าหกิจได้ ประการที่ส่ี ถา้ อุตสาหกรรมที่มารวมกลุ่มกนั มี หุน้ ส่วนของบริษทั ขา้ มชาติอยแู่ ลว้ ควรทาใหบ้ ริษทั เหล่าน้นั เป็นส่วนหน่ึงของเครือข่ายวสิ าหกิจดว้ ยการ สนบั สนุนใหเ้ กิดประสิทธิภาพการผลิตที่ดีข้ึนใหก้ บั ทอ้ งถ่ิน ประการที่หา้ ควรจดั ต้งั เขตปลอดภาษีรอบๆ เครือขา่ ยวสิ าหกิจ แต่ควรเป็ นเขตปลอดภาษีที่มีกรอบกติกาซ่ึงสามารถนาไปสู่การเชื่อมโยงกบั เศรษฐกิจ ทอ้ งถิ่น และประการท่ีหกประการสุดทา้ ยคือ การพฒั นาโครงสร้างเครือขา่ ยวสิ าหกิจที่ควรมีองคป์ ระกอบ ดงั น้ี คือ ใหภ้ าคเอกชนเป็นผนู้ า และรัฐบาลเขา้ มามีส่วนร่วม และมีเงินทุนเริ่มตน้ เพ่ือสนบั สนุนการก่อรูป ของเครือขา่ ยวสิ าหกิจ (สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2549) 1.3 ประเภทของเครือข่ายวสิ าหกจิ การศึกษาเร่ืองเครือขา่ ยวสิ าหกิจท้งั ในประเทศไทยและตา่ งประเทศพบวา่ เครือขา่ ยวสิ าหกิจแต่ละ แห่งมีท่ีมา พฒั นาการที่มีลกั ษณะเฉพาะและมีข้นั ตอนหรือแนวทางการพฒั นาท่ีไม่เหมือนกนั แตเ่ ม่ือ พจิ ารณาจากภาพรวมการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจโดยทว่ั ๆ ไปแลว้ พบวา่ มีลกั ษณะบางประการคลา้ ยคลึง กนั ซ่ึงสามารถแบง่ ลกั ษณะการเกิดของเครือข่ายออกเป็ น 2 ลกั ษณะหลกั ๆ คือ (สถาบนั คีนนั แห่งเอเซีย, 2549, 12-14 อา้ งถึงใน ชลธร ชื่นอุปการนนั ท์, 2552)

บทที่ 1 แนวคิดเกี่ยวกบั เครือข่ายวิสาหกิจ 23 1.3.1 เครือข่ายวิสาหกิจท่ีริเริ่มโดยเอกชน (Private Initiative) เป็นเครือขา่ ยท่ีเกิดจากธุรกิจท่ีมี ลกั ษณะคลา้ ยคลึงกนั หรือเก่ียวเนื่องกนั มารวมตวั กนั เน่ืองจากประสบปัญหาดา้ นตา่ งๆ อาทิ อุตสาหกรรม การทอ่ งเที่ยวและบริการ เป็ นตน้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมกั เผชิญกบั ภาวะตลาดท่ีแปรปรวนอนั เกิดจาก วกิ ฤตการณ์ดา้ นเศรษฐกิจ การเมือง อาชญกรรมอยา่ งต่อเนื่อง สิ่งเหล่าน้ีเป็ นอุปสรรคที่ก่อใหเ้ กิดพลงั ผลกั ดนั ใหเ้ กิดความร่วมมือกนั ของการรวมกลุ่มในระยะแรก ซ่ึงอาจเป็ นในรูปแบบของชมรมหรือสมาคม การคา้ เช่น สมาคมโรงแรมไทย สมาคมมคั คุเทศกไ์ ทย สมาคมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นตน้ ต่อมา ภายหลงั จากท่ีมีการทางานร่วมกนั แลว้ จนมีความเขม้ แขง็ ระดบั หน่ึง จึงเร่ิมประสานงานกบั หน่วยงานภาครัฐ เพ่อื ขอรับการสนบั สนุนในดา้ นต่างๆ เช่น การพฒั นาโครงสร้างพ้นื ฐานท่ีจาเป็น เป็นตน้ ทาใหเ้ กิดการสร้าง เครือขา่ ยความร่วมมือกนั ในวงกวา้ งมากข้ึน กล่าวคือเร่ิมมีการทางานร่วมกบั ภาครัฐและสถาบนั การศึกษา ต่างๆอยา่ งเป็นระบบตวั อยา่ งเช่น เครือขา่ ยวสิ าหกิจการท่องเที่ยวกลุ่มจงั หวดั ภาคเหนือตอนบนของประเทศ ไทย คลา้ ยๆ กบั เครือขา่ ยวสิ าหกิจอุตสาหกรรมยานยนตจ์ งั หวดั ชลบุรีและเครือข่ายวสิ าหกิจเครื่องหนงั หรือ เซรามิกที่ประเทศอิตาลี เป็ นตน้ ที่ภาคเอกชนเป็นกลุ่มผรู้ ิเร่ิมในการรวมกลุ่มเครือข่าย 1.3.2 เครือข่ายวิสาหกิจท่ีริเริ่มโดยภาครัฐ (Public Initiative) เป็นเครือข่ายท่ีมีภาครัฐเป็น หน่วยงานท่ีมีบทบาทสาคญั ในการกระตุน้ และริเริ่ม ตลอดจนผลกั ดนั ใหเ้ กิดการรวมกลุ่มของธุรกิจท่ี เก่ียวขอ้ งเป็นเครือข่ายวสิ าหกิจ ตวั อยา่ งเช่น เครือขา่ ยวสิ าหกิจสิ่งทอจงั หวดั ชยั ภมู ิ เครือข่ายวสิ าหกิจอาหาร ภาคกลางของไทย เครือข่ายวสิ าหกิจอิเลก็ ทรอนิกส์ในประเทศเกาหลีและเครือข่ายวสิ าหกิจเทคโนโลยกี าร สื่อสารและสารสนเทศในประเทศญ่ีป่ ุน เป็ นตน้ โดยภาครัฐไดเ้ ล็งเห็นถึงความสาคญั ของอุตสาหกรรมบาง ประเภทที่สามารถสร้างมลู ค่าทางเศรษฐกิจและมีการจา้ งงานจานวนมากหรือมีโอกาสที่จะเจริญเติบโตสูง ประกอบกบั ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมน้นั เริ่มมีแนวโนม้ ของความสนใจหรือมีศกั ยภาพที่เร่ิมจะมีการ ร่วมมือกนั รัฐบาลจึงไดส้ นบั สนุนใหเ้ กิดการรวมกลุ่มของผปู้ ระกอบการและผเู้ กี่ยวขอ้ ง อาทิ สถาบนั การศึกษา สมาคมตา่ งๆ สถาบนั การเงิน สถาบนั วจิ ยั ในลกั ษณะเครือข่ายวสิ าหกิจและมีมาตรการ สนบั สนุนและผลกั ดนั การพฒั นาในดา้ นตา่ งๆ อยา่ งเตม็ ท่ีในระยะเริ่มตน้ และอาจลดบทบาทลงในระยะ ต่อมา รวมท้งั กระตุน้ ใหภ้ าคเอกชนเห็นความจาเป็นและเขา้ ร่วมเป็ นแกนหลกั ในการผลกั ดนั และขบั เคลื่อน เครือขา่ ยวสิ าหกิจของตนอยา่ งต่อเนื่อง (สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2549, 5) ไมว่ า่ การเกิดของเครือข่ายวสิ าหกิจท่ีริเริ่มโดยเอกชนหรือภาครัฐ องคป์ ระกอบสาคญั ที่ช่วย ขบั เคล่ือนเครือข่ายวสิ าหกิจใหส้ ามารถดาเนินงานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ (อดิทตั วะสีนนท,์ 2552) 4 ประการคือ 1. ภาคเอกชนประกอบดว้ ยสมาชิกที่ดาเนินธุรกิจอนั เป็นแกนหลกั ของเครือขา่ ยวสิ าหกิจน้นั และมี ความร่วมมือจากธุรกิจอื่นที่เก่ียวขอ้ งต้งั แตต่ น้ น้าถึงปลายน้าในท่ีน้ีไดแ้ ก่ ผปู้ ระกอบการ

24 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ 2. สถาบนั การศึกษา องคก์ รผใู้ หบ้ ริการและสถาบนั การวจิ ยั และพฒั นาเพอื่ การพฒั นาและ เสริมสร้างพ้ืนฐานดา้ นการพฒั นาทรัพยากรมนุษยแ์ ละนวตั กรรมของอุตสาหกรรมไดแ้ ก่ มหาวทิ ยาลยั โรงเรียนต่างๆ สถาบนั วจิ ยั และพฒั นา 3. หน่วยงานของรัฐคอยใหก้ ารสนบั สนุนและใหค้ วามร่วมมือผา่ นทางนโยบาย/มาตรการ/ กฎระเบียบที่เก่ียวขอ้ งไดแ้ ก่ องคก์ ารปกครองส่วนทอ้ งถิ่น กรม กอง กระทรวงต่างๆ สถาบนั การศึกษา สถาบนั ที่มีความเชี่ยวชาญ เป็ นตน้ 4. หน่วยงานสนบั สนุนอื่นๆ เช่น สถาบนั การเงินเพ่ือเป็ นพ้ืนฐานดา้ นเงินทุน ท่ีปรึกษาเพือ่ ให้ คาปรึกษาเรื่องตา่ งๆ เป็ นตน้ 1.4 ปัจจัยสู่ความสาเร็จในการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกจิ ดงั ไดก้ ล่าวไวแ้ ลว้ วา่ หวั ใจของการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจ คือ การสร้างความร่วมมือบนพ้ืนฐาน ของการแขง่ ขนั กนั (Co-opetition) โดยท่ีผเู้ กี่ยวขอ้ งในเครือขา่ ยวสิ าหกิจหรือเครือข่ายวิสาหกิจน้นั ๆ จะตอ้ ง มีการกาหนดทิศทางและเป้ าหมายและกลยทุ ธก์ ารพฒั นาร่วม (Core Objectives & Strategies) รวมท้งั มีการ แลกเปล่ียนขอ้ มูล ข่าวสาร ความรู้ เทคโนโลยี ตลอดจนทรัพยากรต่าง ๆ ระหวา่ งกนั เพ่อื เพมิ่ ประสิทธิภาพ โดยรวมของเครือข่ายวสิ าหกิจน้นั (Collective Efficiency and Productivity) ตวั อยา่ งเช่น ผปู้ ระกอบการท่ีอยู่ ในเครือขา่ ยวสิ าหกิจสามารถร่วมกนั ลงทุนในการวจิ ยั และพฒั นานวตั กรรมเพ่ือสร้างมูลค่าเพิ่มของสินคา้ และบริการของตน ซ่ึงความร่วมมือกนั น้ีทาให้อาจประหยดั ตน้ ทุนในการวจิ ยั และพฒั นาได้ อยา่ งไรก็ตาม สาหรับประเทศท่ีพฒั นาแลว้ เช่น สหรัฐอเมริกา ดชั นีดา้ นการวจิ ยั และพฒั นานวตั กรรมสอดคลอ้ งกบั ความ มงั่ คงั่ ทางเศรษฐกิจที่สะทอ้ นไปสู่จานวนสิทธิบตั รต่อจานวนคนงาน 10,000 คน ที่มีความสมั พนั ธ์กบั อตั รา ค่าจา้ ง (Porter, 2001) ในขณะที่ยงั คงแขง่ ขนั ในดา้ นประสิทธิภาพในการผลิตสินคา้ น้นั หรือผปู้ ระกอบการ กิจการตน้ น้าและปลายน้ากส็ ามารถร่วมกนั วางแผนจดั การห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) เพื่อใหเ้ กิดประสิทธิภาพในการผลิตและจาหน่ายสินคา้ ท่ีมีมลู ค่าเพม่ิ สูง (High Value Added) ตลอดสายของ ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เป็นตน้ นอกจากน้ี การรวมกลุ่มเป็ นเครือข่ายวสิ าหกิจยงั ทาใหเ้ กิดการกระจายของความรู้ใหม่ (Spur of Knowledge) เน่ืองจาก เมื่อผปู้ ระกอบการรายใดคิดคน้ นวตั กรรมใหม่ๆ ผปู้ ระกอบการรายอื่นก็สามารถ นามาปรับปรุงและพฒั นาต่อยอดได้ ซ่ึงจะส่งเสริมการพฒั นาความสามารถในการแข่งขนั (Competitiveness) ของระบบเศรษฐกิจบนพ้นื ฐานของนวตั กรรม (Innovation-driven Economy) อนั นามาซ่ึงผลิตภาพ (Productivity) ท้งั ในระดบั กิจการ(Firm) อุตสาหกรรม (Industry) และประเทศ (Nation) อีกดว้ ย ดงั ภาพที่ 1-5

บทที่ 1 แนวคิดเกี่ยวกบั เครือข่ายวิสาหกิจ 25 ภาพที่ 1-5 เครือขา่ ยวสิ าหกิจหรือคลสั เตอร์กบั การยกระดบั ความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศ (ที่มา : สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2549) จากภาพที่ 1-5 แสดงใหเ้ ห็นถึงแนวคิดของความสามารถในการแข่งขนั โดยศาสตราจารยพ์ อร์เตอร์ กล่าว วา่ ประเทศจะมีความสามารถในการแขง่ ขนั ไดน้ ้นั จาเป็ นตอ้ งอาศยั ความร่วมมือกนั ท้งั จากภายในและภายนอก กิจการ โดยเร่ิมตน้ จากหน่วยที่เล็กที่สุดของระบบเศรษฐกิจ คือ กิจการ ซ่ึงหากกิจการสามารถร่วมมือกนั ทางาน ในกิจการเพื่อเพิ่มผลผลิตของตนใหส้ ูงข้ึนได้ และสามารถจาหน่ายสู่ตลาดอยา่ งกวา้ งขวาง โดยเฉพาะจากการ เพมิ่ ข้ึนของผลิตภาพแรงงาน (productivity) ในดา้ นสมรรถนะ ทกั ษะ ความรู้ ความเชี่ยวชาญท่ีเรียกวา่ แรงงานที่ มีทกั ษะ(Skilled Labor) ไม่ใช่จากการลดตน้ ทุนเพยี งอยา่ งเดียว ยอ่ มทาใหเ้ กิดความไดเ้ ปรียบเหนือคู่แขง่ ขนั และหากหลายๆ กิจการที่รวมกนั และร่วมมือกนั ทางานเป็ นเครือขา่ ยวสิ าหกิจท่ีเขม้ แขง็ ในอุตสาหกรรมจะ สามารถเพิ่มผลผลิตของอุตสาหกรรมใหส้ ูงข้ึน และสามารถจาหน่ายสู่ตลาดและแข่งขนั กบั อุตสาหกรรมที่ เขม้ แขง็ นอ้ ยกวา่ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพเพ่ิมข้ึน กย็ อ่ มส่งผลใหอ้ ุตสาหกรรมในประเทศมีผลิตภาพเพมิ่ ข้ึนนน่ั คือ อุตสาหกรรมน้นั ๆจะเกิดมาตรฐานการผลิตและการบริการที่จะนาคุณค่าที่เกิดจากการจดั การห่วงโซ่คุณค่า ไปสู่ตลาดและสามารถสร้างความแตกตา่ งจากการทางานร่วมกนั เพอื่ สร้างนวตั กรรมท่ีคูแ่ ขง่ ขนั ไม่สามารถ เลียนแบบไดห้ รือเลียนแบบไดย้ าก ซ่ึงจะนาไปสู่การยกระดบั ความสามารถในการแขง่ ขนั ของอุตสาหกรรม และเม่ือหลายๆอุตสาหกรรมที่รวมกลุ่มกนั เป็ นเครือข่ายวสิ าหกิจมีความเขม้ แขง็ จากผลิตภาพของกิจการและ อุตสาหกรรม ยอ่ มส่งผลใหป้ ระเทศมีผลิตภาพท่ีสูงข้ึนอนั นาไปสู่การยกระดบั ความสามารถในการแขง่ ขนั ของ ประเทศ (Competitiveness of Nation) ใหส้ ูงข้ึนในทา้ ยที่สุด ซ่ึงเรียกไดว้ า่ คือ ปัจจยั สู่ความสาเร็จในการพฒั นา เครือข่ายวสิ าหกิจ ดงั น้นั จึงสรุปไดว้ า่ ปัจจยั สู่ความสาเร็จในการพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจประกอบดว้ ยปัจจยั สาคญั 2 ประการไดแ้ ก่

26 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ 1.4.1 การสร้างความร่วมมือ (Collaboration) 1.4.2 ความสามารถในการแข่งขนั ของเครือข่ายวสิ าหกิจ(Cluster Competitiveness) 1.4.1 การสร้างความร่วมมอื ความร่วมมือท่ีสามารถพฒั นาไดน้ ้นั อาร์กานอฟและแมคไควร์ (Agranoff & McGuire, 2003) กล่าววา่ การสร้างความร่วมมือ(Collaboration) ในการบริหารจดั การโดยทว่ั ไปมกั ริเริ่มจากกิจการสาธารณะ (Public Affairs Agents) ซ่ึงถือเป็นยทุ ธศาสตร์ใหม่สาหรับกิจการสาธารณะโดยเฉพาะของภาครัฐ ท้งั ระดบั ชาติ ระดบั ทอ้ งถิ่น หรือระดบั การปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน แนวความคิดหลกั อยทู่ ่ีการสร้างความร่วมมือ กบั ทุกภาคส่วน โดยการแสวงหา และเพ่ิมบทบาทของผมู้ ีส่วนไดเ้ สีย หรือกิจการต่าง ๆ ท่ีเก่ียวขอ้ งเพ่ือ กาหนดเป้ าหมาย หรือวสิ ัยทศั นร์ ่วมกนั อนั จะนาไปใชป้ ฏิบตั ิภารกิจร่วมกนั ในลกั ษณะของการเป็ นภาคี หุน้ ส่วน (Partnership) ที่มีพนั ธสญั ญา (Commitment) ร่วมกนั โดยใหค้ วามช่วยเหลือสนบั สนุนซ่ึงกนั และ กนั ท้งั ในรูปแบบที่เป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการ ซ่ึงมีความหมายมากกวา่ คาวา่ ความร่วมมือ (cooperation) ท่ีเนน้ การแลกเปลี่ยนหรือร่วมมือกนั โดยอาจมีเป้ าหมายอยทู่ ่ีผลประโยชน์ที่แตล่ ะฝ่ ายจะไดร้ ับ ซ่ึงไมเ่ นน้ หรือไมใ่ หค้ วามสาคญั กบั ผลประโยชนข์ องสาธารณะและความสามารถในการแข่งขนั โดยรวม ตลอดระยะเวลาที่ผา่ นมา การสร้างความร่วมมือไดเ้ ขา้ มามีบทบาทสาคญั ในการบริหารจดั การท้งั ภาครัฐและภาคเอกชน ท้งั น้ีเน่ืองจากมีการตระหนกั ดีวา่ การปฏิบตั ิงานเพื่อกระจายสินคา้ และบริการ สาธารณะต่างๆ รวมท้งั เพื่อแกไ้ ขปัญหาท่ีสังคมตอ้ งเผชิญอยู่ ไม่สามารถถูกจากดั อยใู่ นขอบเขตความ รับผดิ ชอบของบุคคล องคก์ รหรือสถาบนั ใดเพียงลาพงั หรือกิจการเดียวไดอ้ ีกตอ่ ไป เน่ืองจากสภาพแวดลอ้ ม ของหน่วยงานรอบขา้ งกาลงั เปล่ียนแปลงไปอยา่ งรวดเร็วและต่อเนื่อง ตลอดจนทวคี วามซบั ซอ้ นยงิ่ ข้ึนเกิน กวา่ ท่ีศกั ยภาพของบุคคลเพยี งคนเดียวหรือกิจการเพียงกิจการเดียวจะยนื หยดั ต่อสู้ไดเ้ พียงลาพงั ท้งั น้ี จึงไดม้ ี การนาเสนอแนวคิดการสร้างความร่วมมือ (collaboration development) ข้ึน โดยมุ่งหวงั ใหม้ ีการนาไป ประยกุ ตใ์ ชเ้ ป็นแนวทาง และเป็นเคร่ืองมือใหแ้ ก่การบริหารจดั การสมยั ใหม่ แวนเจนและฮคั แฮม (Vangen & Huxham, 2010) ไดพ้ ฒั นาทฤษฎีดา้ นความร่วมมือ โดยไดร้ วบรวม เอกสารมาต้งั แตค่ .ศ. 1989 สรุปไดว้ า่ ความร่วมมือเกิดจากการสนบั สนุนของกิจการให้เกิดการปฏิบัติตาม จุดม่งุ หมายท่ีตั้งเอาไว้ โดยการตัดสินใจเข้าร่วมมือนนั้ เกิดจากผ้นู าของกิจการน้ันๆ และเป็นการพัฒนา กิจกรรมหรือโครงการที่สร้างขึน้ โดยส่วนใหญ่แล้วการร่ วมมือในลักษณะ Collaboration นัน้ เป็นความ ร่วมมือระหว่างภาครัฐ และกิจการท่ีไม่แสวงหาผลกาไร หรือภาครัฐกับรัฐวิสาหกิจ แต่กร็ วมถึงภาครัฐและ ภาคเอกชนด้วย และเมื่อเกิดความร่วมมือระหวา่ งกิจการหรือหน่วยงานต่างๆ ข้ึน ผลประโยชนข์ องกิจการ ก็ จะเกิดตามมา ในการทาความเขา้ ใจกบั ความร่วมมือ ส่งผลใหเ้ กิดการศึกษาถึงปัจจยั ท่ีทาใหเ้ กิดความร่วมมือ ที่มีความสาคญั ต่อการสร้างความร่วมมือระหวา่ งกิจการ 2 ประการดงั น้ี

บทท่ี 1 แนวคิดเก่ียวกบั เครือข่ายวิสาหกิจ 27 1.4.1.1 รูปแบบของความร่วมมือ 1.4.1.2 ปัจจยั ท่ีมีความสมั พนั ธ์กบั ความร่วมมือระหวา่ งกิจการ 1.4.1.1 รูปแบบของความร่ วมมือ องคป์ ระกอบของความร่วมมือน้นั ทาให้เกิดแนวทางและรูปแบบของการสร้างความร่วมมือของ เครือขา่ ยวสิ าหกิจข้ึนซ่ึงจากการศึกษาแนวคิดและทฤษฎีน้นั ไดม้ ีการใหค้ วามหมายของการสร้างความ ร่วมมือไวว้ า่ เป็นกระบวนการท่ีกระตุน้ ใหก้ ิจการต่างๆหนั มาปฏิบตั ิงานร่วมกนั เพอ่ื แกไ้ ขปัญหาที่ไม่ สามารถทาใหเ้ สร็จลุล่วงไปไดด้ ว้ ยศกั ยภาพของกิจการเพยี งกิจการเดียว หรือถา้ สามารถทาไดแ้ ตอ่ าจประสบ ความยงุ่ ยากและเกิดความสาเร็จไดย้ าก (Agranoff & McGuire, 2003, 4) นอกจากน้ี ยงั ไดม้ ีการกล่าวไวอ้ ีกวา่ การสร้างความร่วมมือ ถือเป็ นการเขา้ มามีบทบาทของผเู้ ล่นหรือผมู้ ีส่วนไดเ้ สียที่หลากหลาย ในช่วง ระยะเวลาท่ีต่างกนั ภายใตบ้ ริบทของการสร้างความร่วมมือ (McGuire, 2006, 33) ตอ้ งมีการเรียนรู้ร่วมกนั ตลอดจนร่วมกนั หาขอ้ ตกลงมากกวา่ เป็นแคก่ ารดาเนินการตดั สินใจแกป้ ัญหาเพียงอยา่ งเดียว ซ่ึงความ พยายามหาขอ้ ตกลงร่วมกนั น้นั ควรต้งั อยบู่ นฐานของการพยายามท่ีจะสร้างสมานฉนั ทใ์ หเ้ กิดข้ึน และที่ สาคญั ท่ีสุดคือ บทบาทของผเู้ ล่นแตล่ ะคนหรือกิจการแตล่ ะกิจการน้ีลว้ นเป็ นไปในลกั ษณะของพนั ธมิตร ไมใ่ ช่เจา้ นายกบั ลูกนอ้ งหรือผบู้ งั คบั บญั ชาและผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา จากความหมายขา้ งตน้ การสร้างความร่วมมือของเครือขา่ ยวสิ าหกิจตอ้ งประกอบดว้ ยประเด็น หลกั ๆ คือ จานวนของผทู้ ่ีเกี่ยวขอ้ งหรือกิจการท่ีเขา้ มาร่วมมือกนั ตอ้ งมีมากกวา่ หน่ึง มีการสร้าง ความสัมพนั ธ์ในลกั ษณะพนั ธมิตรระหวา่ งช่วงระยะเวลาที่แตกตา่ งกนั มีการเรียนรู้ร่วมกนั มีการร่วมกนั หา ขอ้ ตกลงบนฐานของความสมานฉนั ท์ ไดม้ ีการนาเสนอเพม่ิ เติมวา่ การสร้างความร่วมมือที่เกิดข้ึน สามารถ พฒั นาและกา้ วตอ่ ไปไดต้ อ้ งอยภู่ ายใตเ้ ง่ือนไขหลายประการดว้ ยกนั ประกอบดว้ ย ตอ้ งเร่ิมดว้ ยการ วางเป้ าหมายร่วมกนั และมีรายละเอียดที่ชดั เจนหรือมีการแลกเปลี่ยนเป้ าหมายซ่ึงกนั และกนั เพ่ือส่งเสริมให้ เกิดความเขา้ ใจซ่ึงกนั และกนั ตอ้ งมีการไวเ้ น้ือเชื่อใจซ่ึงกนั และกนั มีการสนบั สนุนดา้ นเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารที่สามารถไปสู่การเปิ ดกวา้ งทางความคิด เพื่อกระตุน้ ให้เกิดการแลกเปล่ียนขอ้ มูล ข่าวสารและความรู้ระหวา่ งกนั ตลอดจนเพ่ือส่งเสริมใหเ้ กิดการเจรจาพดู คุยเกี่ยวกบั ประเด็นปัญหา รวมท้งั เกี่ยวกบั ขอ้ ผดิ พลาดตา่ งๆท่ีแต่ละคนประสบ ตลอดจนมีกลไกการสร้างปฏิสัมพนั ธ์ระยะยาวร่วมกนั เม่ือเกิดการสร้างความร่วมมือข้ึน นกั ทฤษฎีไดม้ ีการแบ่งรูปแบบของความร่วมมือออกเป็นประเภท ตา่ งๆ เพอ่ื พจิ ารณาการสร้างความร่วมมือในสังคม ตลอดจนสามารถดาเนินการอธิบายความสมั พนั ธ์ที่ เกิดข้ึนได้ จึงไดม้ ีการนาเสนอรูปแบบการสร้างความร่วมมือไว้ 6 ประเภทดว้ ยกนั ดงั ต่อไปน้ี (Agranoff & McGuire, 2003, 48-63) 1) รูปแบบการเปิ ดโอกาสให้กิจการจากภาคส่วนต่างๆ เข้ามาร่วมมอื กนั (Jurisdiction-Based Management Model) โดยสาระสาคญั ของการสร้างความร่วมมือประเภทน้ีคือ เป็นการเปิ ดโอกาสให้

28 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ กิจการจากภาคส่วนต่างๆ ไมว่ า่ จะเป็นจากภาครัฐหรือจากภาคเอกชนซ่ึงต่างมีเป้ าหมายของตนเองเป็น ทุนเดิม เขา้ มาร่วมมือกนั เพื่อสรรสร้างเป็นเป้ าหมาย รวมท้งั ทาใหภ้ ารกิจของกลุ่มประสบความสาเร็จเป็ น รูปธรรมข้ึนได้ โดยธรรมชาติแลว้ การสร้างความร่วมมือชนิดน้ีตอ้ งมีการพ่ึงพาอาศยั ซ่ึงกนั และกนั ตลอดจน มีการแบง่ ปันทรัพยากรตา่ งๆ ร่วมกนั นอกจากจะตอ้ งมีการปฏิสมั พนั ธ์ระหวา่ งกนั แลว้ กิจการที่มีการ รวมกลุ่มดงั กล่าวยงั ตอ้ งดาเนินการปรับเปล่ียนตนเองเพ่ือใหส้ ามารถตอบสนองเป้ าหมายท่ีไดก้ าหนด ร่วมกนั นอกจากน้ีการร่วมมือกนั แบบน้ี ตอ้ งมีการวางแผนเชิงกลยทุ ธ์ร่วมกนั ซ่ึงไดแ้ ก่ การระบุพนั ธกิจ การช้ีแจงภารกิจ การประเมินส่ิงแวดลอ้ มภายในและภายนอก การระบุกลยทุ ธ์ และการปฏิบตั ิงาน และ สุดทา้ ยกิจกรรมท่ีถือวา่ สาคญั อีกกิจกรรมหน่ึงของการสร้างความร่วมมือประเภทน้ี คือ ตอ้ งจดั ใหม้ ีการ เจรจาต่อรองระหวา่ งกิจการร่วมกนั โดยมุ่งกระจายผลประโยชนร์ ่วมกนั 2) รูปแบบของความพยายามป้ องกนั ตนเอง (Abstinence Model) เป็นรูปแบบของความร่วมมือกนั แตย่ งั มีความพยายามป้ องกนั ตนเองไม่ใหถ้ ูกผนวกเขา้ ไปในกระบวนการการสร้างความร่วมมือกบั กิจการ อ่ืนๆ โดยอาจมีเหตุผลหลายประการดว้ ยกนั อาทิ กิจการเหล่าน้นั ยงั ไม่พร้อมจะหลอมรวมกบั กลุ่มอ่ืนๆ เน่ืองจากกาแพงการผลิตหรือปัจจยั ดา้ นการลงทุนจานวนมาก รวมท้งั ความยงุ่ ยากในการปรับเปล่ียน เทคโนโลยแี ละเทคนิคการผลิตของกิจการ เพ่ือใหส้ อดคลอ้ งกบั ขอ้ ตกลงท่ีเกิดข้ึนในดา้ นความร่วมมือดา้ น เทคโนโลยแี ละการผลิต เป็ นตน้ 3) รูปแบบการสร้างความร่วมมอื กบั กจิ การทอี่ ย่ใู นระดบั ตา่ กว่า (Top-Down Model) เป็นรูปแบบ การสร้างความร่วมมือกบั กิจการท่ีอยใู่ นระดบั ต่ากวา่ หรืออยใู่ นระดบั ล่างลงไปหรืออาจมีขนาดเลก็ กวา่ หรือ ยอดขายนอ้ ยกวา่ เน่ืองจากตอ้ งประสบปัญหาและอุปสรรคจากการเชื่อมความสมั พนั ธ์กบั กิจการท่ีอยใู่ น ระดบั ท่ีเหนือข้ึนไป หรือท่ีอยใู่ นระดบั เดียวกนั ดว้ ยปัญหาดา้ นการตอบสนองสู่ตลาดเป้ าหมายท่ีต่ากวา่ ในวง กวา้ งและอาจตอ้ งการควบคุมหรือไดร้ ับผลตอบแทนแลกเปล่ียนในรูปการซ้ือหรือขายสินคา้ แก่กิจการขนาด ใหญก่ วา่ ท้งั น้ี รูปแบบความร่วมมือจะเป็นไปในลกั ษณะของการเสนองบประมาณ หรือการสนบั สนุน ทางดา้ นการเงินรวมท้งั ทรัพยากรอื่นๆท่ีจาเป็นใหแ้ ก่กิจการระดบั ล่างเพื่อกระตุน้ ใหก้ ิจการดงั กล่าวสามารถ ดาเนินการปฏิบตั ิงานตามที่ตอ้ งการได้ และภายในความร่วมมือรูปแบบน้ียงั มีการออกแบบระเบียบการ บางอยา่ งข้ึนมาเพ่ือควบคุมการปฏิบตั ิงาน หรือกระตุน้ กิจการระดบั ล่างใหม้ ีการดาเนินงานเพอื่ ตอบสนองต่อ เจตนารมณ์ร่วมกนั ดว้ ยเช่นกนั 4) รูปแบบการสร้างความร่วมมือระหว่างกจิ การทรี่ ับบทบาทเป็ นผู้ให้เงินสนับสนุนกับกจิ การทรี่ ับ บทบาทเป็ นผ้รู ับเงินสนับสนุน (Donor-Recipient Model) เป็นการสร้างความร่วมมือระหวา่ งกิจการท่ีรับ บทบาทเป็นผใู้ หเ้ งินสนบั สนุน(granter) กบั กิจการท่ีรับบทบาทเป็นผรู้ ับเงินสนบั สนุน (grantee) โดยท้งั สอง กิจการจะดาเนินงานแบบถอ้ ยทีถอ้ ยอาศยั ซ่ึงกนั และกนั และมีการควบคุมกนั เอง (two-party control) กล่าวคือ กิจการท่ีใหเ้ งินสนบั สนุนตอ้ งพ่ึงพากิจการท่ีรับเงินสนบั สนุนใหม้ ีการนาจุดประสงคข์ องตนเอง ไปสู่การปฏิบตั ิตามท่ีกิจการท่ีใหเ้ งินสนบั สนุนทางดา้ นการเงินตอ้ งการ ประเด็นที่ทาใหก้ ารสร้างความ

บทที่ 1 แนวคิดเกี่ยวกับเครือข่ายวิสาหกิจ 29 ร่วมมือแบบ Donor-Recipients มีความแตกต่างจากการสร้างความร่วมมือแบบ Top-Down อยา่ งเด่นชดั คือ แบบ Donor-Recipients น้ีจะมีความร่วมมือกนั โดยปราศจากการควบคุมจากกิจการที่เป็ นผใู้ หเ้ งินสนบั สนุน 5) รูปแบบการสร้างความร่วมมอื แบบตอบสนองเป็ นคร้ังคราว (Reactive Model) คือ การสร้าง ความร่วมมือแบบคร้ังคราว กล่าวคือบางคร้ังกิจการอาจใหค้ วามร่วมมือเพอ่ื การปฏิบตั ิงาน แต่บางคร้ัง กิจการอาจไม่ใหค้ วามร่วมมือกไ็ ด้ โดยมกั พจิ ารณาวา่ ประเด็นน้นั เป็นปัจจยั ที่ก่อใหเ้ กิดปรากฏการณ์หรือ ผลกระทบต่อกิจการใดกิจการหน่ึงหรือต่อภาพรวมของกิจการท่ีร่วมมือกนั 6) รูปแบบการสร้างความร่วมมือแบบทพี่ งึ พอใจกนั หรือฉกฉวยโอกาส (Contented Model) เป็น การสร้างความร่วมมือแบบพยายามเกบ็ เก่ียวโอกาสท่ีดีใหแ้ ก่ตนเอง กล่าวคือ กิจการบางกิจการอาจสร้าง ความร่วมมือแต่เฉพาะกบั กิจการที่มีแนวทางการดาเนินงาน ตลอดจนมีแผนงานท่ีสามารถสร้างผลกระทบ ดา้ นบวก และขยายโอกาสท่ีดีใหก้ บั ตนเองไดเ้ พยี งเท่าน้นั นอกจากน้ีกิจการดงั กล่าวจะพยายามรักษาทุนหรือ ทรัพยากรท่ีตนเองจะตอ้ งลงไปใหอ้ ยใู่ นระดบั ต่าที่สุดเทา่ ที่จะเป็นไปได้ 1.4.1.2 ปัจจัยท่ีมีความสัมพันธ์กบั ความร่วมมือระหว่างกิจการ จากที่ไดก้ ล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ ถึงความร่วมมือกนั ทางานเป็ นความสมั พนั ธ์ระหวา่ งกิจการอยา่ งเป็ น ทางการ โดยคานึงถึง การแบ่งอานาจหนา้ ท่ีและความรับผดิ ชอบในการวางแผนงานร่วมกนั มีแนวทางการ ปฏิบตั ิงานร่วมกนั และยงั ทางานร่วมกนั ในการประเมินผลงาน ซ่ึงปัจจยั ที่มีความสัมพนั ธ์กบั ความร่วมมือ น้นั แมทเทซิชและคณะ (Mattessich, et al., 2001, 77-78) ไดก้ ล่าวถึงปัจจยั ท่ีมีความสัมพนั ธ์กบั ความสาเร็จ ของความร่วมมือไว้ ไดแ้ ก่ ปัจจยั ที่เก่ียวขอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ มของหน่วยงาน ลกั ษณะของสมาชิก กระบวนการและโครงสร้างการรวมกลุ่ม การติดต่อสื่อสาร วตั ถุประสงคข์ องการรวมกลุ่มและ ประการ สุดทา้ ย คือ ทรัพยากรของกลุ่ม ประกอบดว้ ย จานวนคน เงินทุน และเวลาอยา่ งพอเพียงตลอดจนมีผนู้ าท่ีมี ความสามารถ บาร์แรต (Barratt, 2004, 32) นาแนวคิดมิติการทางานร่วมกนั ของซิมาทแู ปงและศริดหารัน (Simatupang & Sridharan, 2002) ไดอ้ ธิบายเพมิ่ เติมดงั ภาพท่ี 1-6 ไดว้ า่ การทางานร่วมกนั แนวดิ่งเป็นความ ร่วมมือดา้ นตน้ น้า (Upstream side) คือ ผจู้ าหน่ายวตั ถุดิบ และดา้ นปลายน้า (Downstream side) คือลูกคา้ ส่วนการทางานร่วมกนั แนวราบเป็นการทางานร่วมกนั ระหวา่ งคูแ่ ขง่ ขนั หรือกิจการอ่ืนที่มิใช่คูแ่ ขง่ ขนั ท้งั น้ี การทางานร่วมกนั แบบแนวด่ิงและแนวราบเป็ นความร่วมมือท้งั ภายในและภายนอกองคก์ ร (Internal and external collaboration)

30 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ การทางานร่วมกนั แนวด่งิ การทางานร่วมกนั ภายนอก (ผจู้ าหน่ายวตั ถุดิบ) การทางาน ่รวมกันแนวราบ การทางานร่วมกนั ภายนอก การทางานร่วมกนั ภายใน การทางานร่วมกนั ภายนอก (กิจการอ่ืนท่ีมิใช่คูแ่ ข่งขนั ) องคก์ ร (คูแ่ ขง่ ขนั ) ทิศทางความร่วมมือกนั การทางานร่วมกนั ภายนอก (ลูกคา้ ) ภาพที่ 1-6 รูปแบบการทางานร่วมกนั 3 รูปแบบ (ที่มา: Barratt, 2004, 32) ซิมาทแู ปงและศริดหารัน (Simatupang & Sridharan, 2002, 19-20) ไดอ้ ธิบายถึงวฏั จกั รการทางาน ร่วมกนั ท่ีสามารถประยกุ ตใ์ ชไ้ ดใ้ นการทางานร่วมกนั แบบเครือข่ายวสิ าหกิจท่ีตอ้ งพิจารณามิติท้งั แนวราบ และแนวดิ่ง ประกอบดว้ ย 4 ข้นั ตอนดงั น้ี 1.ข้นั คน้ หาความตอ้ งการที่จะทางานร่วมกนั การหาคู่คา้ ที่เหมาะสม เกิดจากความตอ้ งการ และการวเิ คราะห์ของตนเองและคู่คา้ และนาไปสู่การกาหนดขอ้ ตกลงการดาเนินงานร่วมกนั ซ่ึงเป็นการ ทางานร่วมกนั ในแนวดิ่ง 2.ข้นั วางแผนเกี่ยวกบั การจดั การทรัพยากร การวางแผน และการพยากรณ์ การกระจาย สินคา้ ความสามารถขององคก์ รที่ตอ้ งพ่ึงพากนั หรือเป็นทรัพยากรที่หายาก เป็นการทางานร่วมกนั ภายใน องคก์ ร 3.ข้นั ปฏิบตั ิการคือ สมาชิกของกลุ่มท่ีทางานร่วมกนั จะดาเนินงานตามแผนท่ีกาหนดไว้ ซ่ึง มีเป้ าหมายระยะส้ันและระยะยาว เป็นการทางานร่วมกนั ภายในองคก์ รและเชื่อมโยงในแนวด่ิง 4.ข้นั ประเมินผล เป็นการตดั สินใจผลลพั ธ์ของการดาเนินงานวา่ จะทางานร่วมกนั ต่อไป หรือสิ้นสุดการทางานร่วมกนั หรืออาจปรับวธิ ีการทางานร่วมกนั ก่อนตดั สินใจดาเนินการอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง

บทที่ 1 แนวคิดเกี่ยวกับเครือข่ายวิสาหกิจ 31 ต่อไป ซ่ึงอาจกลบั ไปสู่ข้นั ตอนท่ี 1 ใหม่ เป็นการทางานร่วมกนั แบบผสมผสานของทุกระดบั และภายใน องคก์ รดว้ ย สรุป รูปแบบการทางานร่วมกนั ของเครือข่ายวสิ าหกิจไดว้ า่ ถึงแมม้ ีการศึกษารูปแบบการ ทางานร่วมกนั จะมีลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ งกนั แตจ่ ะเห็นไดว้ า่ ตา่ งมุ่งเพ่อื ให้เกิดผลสาเร็จร่วมกนั ข้ึนอยกู่ บั ระดบั ความร่วมมือหรือระดบั การทางานร่วมกนั โดยมุ่งผลประโยชน์ ความมนั่ คงหรือผลการดาเนินงานของ กิจการ ซ่ึงอาจเกิดจากพฤติกรรม วฒั นธรรม และปฏิสัมพนั ธ์ระหวา่ งกนั โดยมีการทางานร่วมกนั แนวด่ิง การทางานร่วมกนั แนวราบ และการทางานร่วมกนั ผสมผสาน หรือเป็นความร่วมมือภายในองคก์ รหรือ ระหวา่ งองคก์ รก็ได้ ซ่ึงการทางานร่วมกนั มีวฏั จกั รต้งั แตข่ ้นั เริ่มตน้ ข้นั วางแผน ข้นั ปฏิบตั ิการ และข้นั ประเมินผลซ่ึงเป็นข้นั ตอนสุดทา้ ยในการตดั สินใจวา่ การทางานร่วมกนั จะดาเนินการตอ่ ไป หรือยอ้ นวนไป ยงั ข้นั ตอนการคน้ หาความตอ้ งการใหมๆ่ ของเครือข่ายหรือสิ้นสุดการทางานร่วมกนั 1.4.2 ความสามารถในการแข่งขันของเครือข่ายวสิ าหกจิ การวเิ คราะห์ความสามารถในการแข่งขันของเครือข่ายวิสาหกจิ พอร์เตอร์ (Porter, 1998 อา้ งถึงใน วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั และคณะ, 2555) ไดน้ าเสนอกรอบแนวคิด ในการวเิ คราะห์ความสามารถในการแขง่ ขนั ของเครือข่ายวสิ าหกิจท่ีเรียกวา่ “ตวั แบบไดมอนด์” (Diamond Model) ประกอบไปดว้ ยปัจจยั ส่ิงแวดลอ้ มทางธุรกิจที่สาคญั 4 ดา้ น และปัจจยั แวดลอ้ มเสริม 3 ดา้ น ซ่ึงส่งผล ตอ่ ความสามารถในการเพมิ่ ผลิตภาพ (Productivity) ของกิจการท่ีอยใู่ นเครือขา่ ยวสิ าหกิจ ดงั ภาพท่ี 1-7

การเปิ ดเสรีทางการคา้ และ บริบทดา้ นการแ ขอ้ ตกลงทางการคา้ ต่างๆ และกลยทุ ธ์ของ เงื่อนไขดา้ นปัจจยั การผลิต ปัจจยั ภายนอกที่ อุตสาหกรรมที่เ ควบคุมไมไ่ ด้ และสนบั สน ภาพท่ี 1-7 การวเิ คราะห์สภาพแวดลอ้ มทางธุรกิจโดยใชต้ วั แบบไดมอนด์ (ท

แข่งขนั หน่วยงานภาครัฐ 32 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ งธุรกิจ เงื่อนไขดา้ นอุปสงค์ เกี่ยวขอ้ ง ปัจจยั หลกั นุนกนั ปัจจยั เสริม ท่ีมา : ปรับปรุงมาจาก Porter (1998)และ วฒุ ิชาติ สุนทรสมยั และคณะ, 2555)

บทท่ี 1 แนวคิดเก่ียวกับเครือข่ายวิสาหกิจ 33 เง่ือนไขดา้ นปัจจยั ส่ิงแวดลอ้ มทางธุรกิจที่สาคญั มี 4 ดา้ น ดงั น้ี 1.เงื่อนไขดา้ นปัจจยั การผลิต(Input Factor Conditions)เป็นการวเิ คราะห์ถึงปัจจยั การผลิตและ โครงสร้างพ้นื ฐานในดา้ นตา่ งๆที่จาเป็นสาหรับการแขง่ ขนั ของกิจการในเครือขา่ ยวสิ าหกิจหน่ึงๆ ประกอบดว้ ย (ชมยั พร วเิ ศษมงคล, 2551) 1.1 ทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources)ในเครือขา่ ยวสิ าหกิจน้นั ๆประกอบดว้ ยกลุ่มของ บุคลากรท่ีมีทกั ษะและความรู้เฉพาะทางเช่น บุคลากรดา้ นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดา้ นเทคนิคที่อาศยั ฝีมือและความเช่ียวชาญพเิ ศษและดา้ นการวจิ ยั และพฒั นาอยเู่ ป็นจานวนมาก กจ็ ะเป็ นปัจจยั ท่ีเอ้ือต่อการเพิ่ม ผลผลิตของกิจการในเครือขา่ ยวสิ าหกิจน้นั เป็นตน้ 1.2 โครงสร้างพ้นื ฐานทางกายภาพ (Physical Infrastructure) เช่น ถนน ท่าเรือ ทา่ อากาศยาน ไฟฟ้ า ประปา โทรศพั ท์ และสาธารณูปโภคต่างๆรวมท้งั โครงสร้างพ้นื ฐานดา้ นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี สารสนเทศเช่น หอ้ งปฏิบตั ิการ หอ้ งทดลองทางวทิ ยาศาสตร์ ดาวเทียม เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นตน้ โดย พิจารณาจากความเพยี งพอ คุณภาพ ค่าใชจ้ ่ายในการเขา้ ถึงและใชบ้ ริการซ่ึงจะมีผลต่อตน้ ทุนการผลิตของ กิจการในเครือขา่ ยวสิ าหกิจ เป็นตน้ 1.3 ทรัพยากรทุน (Capital Resource) พจิ ารณาจากความเพียงพอของแหล่งเงินทุนสาหรับ ธุรกิจเง่ือนไขหรือความสะดวกในการเขา้ ถึงแหล่งเงินทุน รวมท้งั การมีเครื่องมือหรือกลไกในการจดั สรร เงินทุนที่มีประสิทธิภาพ 1.4 ทรัพยากรธรรมชาติ(Natural Resource)โดยพิจารณาจากความอุดมสมบูรณ์ของแหล่ง ทรัพยากรธรรมชาติที่เป็ นวตั ถุดิบสาหรับการผลิตหรือบริการของประเทศและภมู ิภาค รวมท้งั ความ ไดเ้ ปรียบจากสภาพแวดลอ้ มทางภมู ิประเทศหรือภูมิอากาศดว้ ย 1.5 วฒั นธรรม(Culture) เป็นปัจจยั พ้นื ฐานท่ีเกิดจากสงั คมปกติหรือวถิ ีทางในการกาหนดแนว ปฏิบตั ิของสงั คมที่ถูกถ่ายทอดสู่รุ่นลูกหลานมีลกั ษณะที่ละเอียดอ่อนของประเทศ แต่สามารถเป็นปัจจยั ที่ สาคญั ในการสร้างความสามารถในการแข่งขนั ของอุตสาหกรรมในประเทศไดอ้ าทิ ประเพณีและความมี อธั ยาศยั ไมตรีของคนไทยเป็ นจุดขายของการท่องเที่ยว ความเขม้ แขง็ ดา้ นชาตินิยมของประเทศเกาหลีส่งผล ตอ่ ความภกั ดีในการซ้ือสินคา้ ท่ีผลิตจากประเทศของตน เป็ นตน้ 2. เง่ือนไขดา้ นอุปสงค(์ Demand Conditions) เป็นการวเิ คราะห์ถึงคุณภาพของอุปสงค์ ภายในประเทศมากกวา่ ปริมาณ รวมท้งั พจิ ารณาถึงระดบั ความตอ้ งการดา้ นคุณภาพและรูปแบบของการ บริโภค ซ่ึงกระตุน้ ใหผ้ ปู้ ระกอบการในประเทศปรับตวั และพฒั นาการผลิตสินคา้ และบริการ นอกจากน้ีอุป- สงคข์ องผบู้ ริโภคภายในประเทศกม็ ีความสาคญั ในการคาดการณ์อุปสงคข์ องผบู้ ริโภคในประเทศอ่ืน ดว้ ย โครงสร้างในการวิเคราะห์อุปสงคใ์ นประเทศไดแ้ ก่ ทศั นคติ รสนิยมและการเรียกร้องความตอ้ งการของ ผบู้ ริโภคในประเทศตอ่ สินคา้ และบริการของกิจการวา่ มีความพถิ ีพิถนั มากนอ้ ยเพยี งใด โครงสร้างการแบ่ง ส่วนตลาดในประเทศสาหรับสินคา้ และบริการของกิจการท่ีมุ่งเนน้ ตลาดที่มีลกั ษณะพเิ ศษเฉพาะมากนอ้ ย เพยี งใด รวมถึงความตอ้ งการของผบู้ ริโภคในประเทศของแต่ละส่วนตลาด สามารถบง่ ช้ีความตอ้ งการของ

34 การพฒั นาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเที่ยว: แนวคิดและการประยกุ ต์ ผบู้ ริโภคในตา่ งประเทศไดห้ รือไม่ เป็ นตน้ ลกั ษณะเชิงคุณภาพที่สาคญั ของอุปสงคภ์ ายในประเทศท่ีจะช่วย เอ้ือต่อการสร้างความสามารถในการแข่งขนั ของเครือข่ายวสิ าหกิจแบ่งออกเป็น 3 ลกั ษณะคือ 2.1 ความพถิ ีพิถนั และระดบั การเรียกร้องของผบู้ ริโภค (Sophisticated and Demanding Buyer) ซ่ึงกระตุน้ ใหก้ ิจการในประเทศตอ้ งปรับตวั และพฒั นาการผลิตสินคา้ และบริการของตนอยตู่ ลอดเวลา ท้งั น้ี ลกั ษณะของความพิถีพิถนั และการเรียกร้องของผบู้ ริโภคอาจเกิดจากค่านิยมและวฒั นธรรม ตลอดจน สภาพแวดลอ้ มทางภูมิประเทศและภูมิอากาศของประเทศก็ได้ 2.2 อุปสงคข์ องผบู้ ริโภคภายในประเทศสามารถช่วยคาดการณ์อุปสงคข์ องผบู้ ริโภคใน ประเทศอื่น (Anticipatory Buyer Needs) หมายความวา่ อุปสงคใ์ นประเทศมีลกั ษณะที่เปลี่ยนแปลงเร็วกวา่ อุปสงคข์ องผบู้ ริโภคในประเทศอื่นๆ ทาใหก้ ิจการในประเทศตอ้ งปรับปรุงการผลิตสินคา้ ใหต้ รงตามความ ตอ้ งการของผบู้ ริโภคอยเู่ สมอ ลกั ษณะเช่นน้ีจะทาใหก้ ิจการในประเทศมีความเชี่ยวชาญสูงจนสามารถเขา้ ถึง ความตอ้ งการของผบู้ ริโภคในตลาดประเทศอ่ืนๆ ที่มีการปรับเปลี่ยนความตอ้ งการชา้ กวา่ 2.3 โครงสร้างสดั ส่วนของอุปสงคข์ องสินคา้ และบริการ (Segment Structure of Demand) ถา้ อุปสงคใ์ นประเทศมีมากหรือมีลกั ษณะพเิ ศษกวา่ ประเทศอ่ืนๆ หมายความวา่ โครงสร้างตลาด ภายในประเทศมีลกั ษณะเฉพาะและหลากหลาย กิจการในประเทศจะมุง่ ผลิตสินคา้ และบริการท่ีมีลกั ษณะ พเิ ศษเฉพาะ (Tailored - made products and services) ท่ีสามารถตอบสนองความตอ้ งการของผบู้ ริโภคเฉพาะ กลุ่ม 3. อุตสาหกรรมที่เก่ียวขอ้ งและสนบั สนุนกนั (Related and Supporting Industries) โดยทว่ั ไปอุตสาหกรรมที่เกี่ยวขอ้ งและสนบั สนุนกนั จะมีความสมั พนั ธ์เชื่อมโยงกนั ของกิจกรรมใน กระบวนการผลิตตามห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) นอกจากน้ี แนวคิดเก่ียวกบั เครือข่ายวสิ าหกิจยงั ให้ ความสาคญั ครอบคลุมไปถึงการเช่ือมโยงของธุรกิจในแนวนอนดว้ ย ซ่ึงเป็นการเช่ือมโยงของธุรกิจหรือ อุตสาหกรรมในเครือขา่ ยวสิ าหกิจท่ีตอ้ งเก้ือหนุนกนั และเสริมความสามารถในการแข่งขนั ซ่ึงกนั และกนั แต่ ไมไ่ ดอ้ ยใู่ นสายการผลิตตามห่วงโซ่อุปทาน ซ่ึงในการวเิ คราะห์การเช่ือมโยงตามแนวต้งั หรือแนวด่ิง และ แนวนอนดงั กล่าวตามตวั แบบไดมอนดส์ ามารถพิจารณาไดเ้ ป็น 2 ลกั ษณะ คือ 3.1 ความเช่ือมโยงเชิงกิจกรรม (Activity Linkages) เป็นการวเิ คราะห์ถึงการมีอยู่ (Availability) และคุณภาพของผผู้ ลิตและผจู้ ดั หาวตั ถุดิบในทอ้ งถ่ิน (Quality of Local Suppliers) ซ่ึงช่วย เสริมกิจกรรมในห่วงโซ่อุปทานใหม้ ีความเขม้ แขง็ และเกิดข้ึนอยา่ งต่อเนื่อง 3.2 ความเชื่อมโยงเชิงความร่วมมือ (Collaboration Linkages) เป็นการวเิ คราะห์ระดบั ของการ ประสานร่วมมือกนั ของธุรกิจตา่ งๆในเครือข่ายวสิ าหกิจเช่น การแลกเปล่ียนความรู้และขอ้ มลู ข่าวสาร การ ร่วมมือกนั ในการพฒั นาทกั ษะของบุคลากร การทาวจิ ยั หรือการทาการตลาด ซ่ึงจะช่วยทาใหธ้ ุรกิจที่ เก่ียวขอ้ งในเครือข่ายวสิ าหกิจน้นั สามารถเขา้ ถึงปัจจยั การผลิตและการบริการที่มีคุณภาพและราคาถูก ตลอดจนสามารถพฒั นานวตั กรรมไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ เป็นตน้ นอกจากน้ีจะตอ้ งวเิ คราะห์ถึงบทบาท ขององคก์ รท่ีจดั ต้งั ข้ึนเพอื่ สร้างความร่วมมือภายในเครือข่ายวสิ าหกิจเช่น สมาคมการคา้ หรือการรวมกลุ่มใน

บทที่ 1 แนวคิดเก่ียวกบั เครือข่ายวิสาหกิจ 35 ลกั ษณะตา่ งๆของธุรกิจเอกชน สมาคมวชิ าชีพ สถาบนั เฉพาะทาง เครือข่ายความร่วมมือกบั สถาบนั การศึกษาและสถาบนั วจิ ยั ต่างๆ ตลอดจนคณะกรรมการท่ีจดั ต้งั เพ่ือประสานความร่วมมือระหวา่ ง ภาครัฐและภาคเอกชนหรือท่ีเรียกรวมกนั วา่ “สถาบนั เพอ่ื ความร่วมมือ” (Institution for Collaboration: IFC) โดยไดแ้ สดงบทบาทที่เหมาะสมในการส่งเสริมและผลกั ดนั ใหเ้ กิดความร่วมมืออยา่ งใกลช้ ิดของผทู้ ี่ เก่ียวขอ้ งในเครือขา่ ยวสิ าหกิจ โดยมิใช่เป็ นองคก์ รท่ีมุ่งแต่เรียกร้องผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มหรือเพ่ือผกู ขาด ทางการคา้ 4. บริบทดา้ นการแข่งขนั และกลยทุ ธ์ของธุรกิจ (Firm Strategy Structure and Rivalry) เป็นการ วเิ คราะห์ถึงสภาพแวดลอ้ มท่ีธุรกิจเกิดข้ึน ตลอดจนธรรมชาติของการแข่งขนั ในพ้ืนท่ีวา่ ทาใหเ้ กิดการ แขง่ ขนั ท่ีเป็นธรรมและเอ้ือต่อการเพมิ่ ผลผลิตของธุรกิจหรือไม่ โดยการวิเคราะห์สภาวะแวดลอ้ มทางอุตสาหกรรมน้นั อาศยั แนวคิดการวเิ คราะห์การแข่งขนั ของ อุตสาหกรรม (Five Forces Model) ซ่ึงประกอบดว้ ยปัจจยั 5 ประการท่ีจะเป็นตวั บ่งช้ีถึงโอกาสและอุปสรรค ในอุตสาหกรรมน้นั ๆ ดงั น้ี 1. ขอ้ จากดั ในการเขา้ อุตสาหกรรมของคู่แขง่ รายใหม่ (Threat of New Entrants) เป็นการพิจารณา วา่ การเขา้ สู่อุตสาหกรรมของคูแ่ ข่งรายใหม่จะทาใหเ้ กิดการแข่งขนั ท่ีสูงข้ึนในอุตสาหกรรม ซ่ึงอาจจะส่งผล กระทบใหผ้ ทู้ ่ีอยใู่ นอุตสาหกรรมรายเดิมประสบปัญหาได้ ดงั น้นั ยงิ่ มีขอ้ จากดั ในการเขา้ อุตสาหกรรมของคู่ แขง่ ขนั รายใหมม่ ากเทา่ ใดก็จะยง่ิ เป็นผลดีตอ่ ผทู้ ี่อยใู่ นอุตสาหกรรมเดิมมากเท่าน้นั 2. ความรุนแรงของการแขง่ ขนั ภายในอุตสาหกรรม (Current Competitors) โดยพิจารณาใน 8 ประเดน็ คือ 2.1 ระดบั การแขง่ ขนั การแข่งขนั ท่ีรุนแรงไมเ่ ป็ นผลดีต่อผปู้ ระกอบการที่อยใู่ นอุตสาหกรรม น้นั เนื่องจากส่วนแบ่งการตลาดจะมีแนวโนม้ ลดลง นอกจากน้ีการแขง่ ขนั กนั ลดราคาก็จะนาไปสู่การลดลง ของกาไร 2.2 จานวนคู่แข่งในอุตสาหกรรม หากมีคู่แข่งขนั จานวนมากยอ่ มส่งผลใหม้ ีการแขง่ ขนั ที่ รุนแรง แต่อาจมีบางกรณีที่จานวนผปู้ ระกอบการนอ้ ยรายและแต่ละรายมีสัดส่วนการครองตลาดใกลเ้ คียงกนั กอ็ าจส่งผลใหม้ ีการแข่งขนั ที่รุนแรงไดเ้ ช่นกนั 2.3 อตั ราการเติบโตของอุตสาหกรรม ถา้ อุตสาหกรรมมีการเติบโตในอตั ราท่ีสูงก็ยงิ่ สามารถ ดูดซบั การแขง่ ขนั ท่ีรุนแรงหรือส่งผลกระทบไม่มากนน่ั เอง 2.4 มูลคา่ ของตน้ ทุนคงที่ หากอุตสาหกรรมใดมีการใชต้ น้ ทุนคงที่สูงจะมีความจาเป็นตอ้ งคง ขนาดการใชอ้ ตั รากาลงั การผลิตไวส้ ูงอยตู่ ลอดเวลา เพื่อใหต้ น้ ทุนตอ่ หน่วยเกิดความคุม้ ค่าและจะมีความ เสี่ยงต่อการแขง่ ขนั มาก เพราะเมื่อความตอ้ งการในตลาดลดลง ผปู้ ระกอบการต่างๆ อาจจะไมส่ ามารถลด การจดั หาอุปทาน (Supply) ลงมาใหเ้ ท่ากบั ความตอ้ งการได้

36 การพัฒนาการรวมกล่มุ แบบเครือข่ายวิสาหกิจด้านการท่องเท่ียว: แนวคิดและการประยกุ ต์ 2.5 ความเหมือนหรือความแตกต่างของสินคา้ และบริการ ถา้ สินคา้ มีความแตกตา่ งกนั มาก การ แขง่ ขนั จะยง่ิ นอ้ ยลง เพราะลูกคา้ จะมีความภกั ดีในตราสินคา้ (Brand Loyalty) เกิดข้ึน และยากจะหนั ไปซ้ือ สินคา้ ของคู่แข่งขนั 2.6 ขอ้ จากดั ในการออกจากอุตสาหกรรม ปัจจยั น้ีจะครอบคลุมท้งั ดา้ นเศรษฐศาสตร์ กลยทุ ธ์ และจิตวทิ ยา ซ่ึงหากอุตสาหกรรมใดมีความยากในการออกจากอุตสาหกรรมน้นั ๆ อาทิตน้ ทุนการลงทุนสูง จะทาใหก้ ารแข่งขนั สูงข้ึน 2.7 ความแตกต่างทางพ้ืนฐานของการแข่งขนั เพราะในแต่ละอุตสาหกรรมมีการใชก้ ลยทุ ธ์การ แข่งขนั แตกตา่ งกนั หลายดา้ น บางอุตสาหกรรมอาจตอ้ งใช้กลยทุ ธ์การแข่งขนั ท่ีหลากหลาย เช่น อุตสาหกรรมส่ิงทอไทย นอกจากจะตอ้ งแขง่ ขนั ดา้ นราคากบั สินคา้ จากประเทศจีน ยงั ตอ้ งแขง่ ขนั ดา้ น คุณภาพกบั สินคา้ จากทวปี ยโุ รป และแขง่ ขนั กนั เองภายในประเทศดา้ นรูปแบบ ซ่ึงถือเป็นปัจจยั ลบของ อุตสาหกรรม เพราะผทู้ ่ีอยใู่ นอุตสาหกรรมจะตอ้ งระมดั ระวงั อยา่ งรอบดา้ นและการกาหนดกลยทุ ธ์เพือ่ การ แข่งขนั จะยากข้ึน 2.8 โครงสร้างการแข่งขนั ในอุตสาหกรรมโดยพิจารณาวา่ เป็นตลาดสาหรับการแข่งขนั สมบูรณ์หรือแขง่ ขนั นอ้ ยราย ซ่ึงมีความสามารถในการแข่งขนั นอ้ ยจนถึงมาก 3. ภาวะคุกคามจากสินคา้ ทดแทน (Threat of Substitute Product or Service) โดยพจิ ารณาปัจจยั ท่ี ส่งเสริมใหผ้ ผู้ ลิตทาการคน้ หาสินคา้ อื่นทดแทน ไดแ้ ก่ ตน้ ทุนราคาสินคา้ ท่ีต่ากวา่ คุณภาพสินคา้ ที่ผลิตไดม้ ี ประสิทธิภาพมากกวา่ และสามารถใหผ้ ลตอบแทนที่สูงข้ึน หรือสามารถตอบสนองต่อความตอ้ งการของ ลูกคา้ ท่ีอาจแปรเปล่ียนไปจากความตอ้ งการแบบเดิม ดงั น้นั จึงทาใหเ้ กิดการแขง่ ขนั ดา้ นการตดั ราคาหรือเป็น การแข่งขนั ดา้ นการปรับปรุงคุณภาพสินคา้ หรือบริการใหเ้ หนือกวา่ เพอื่ สนองความตอ้ งการของลูกคา้ ซ่ึง หากลูกคา้ ตอบสนองตอ่ สินคา้ ที่ผลิตข้ึนมาเพื่อทดแทน จะทาใหผ้ ผู้ ลิตอยใู่ นฐานะท่ีกาหนดราคาในระดบั ท่ี ใหก้ าไรสูงไดจ้ นทาใหค้ ู่แขง่ รายอ่ืนหนั มาทาการแข่งขนั ดา้ นราคาหรือเปลี่ยนกลยทุ ธ์ในการคิดคน้ หาวธิ ีผลิต สินคา้ ท่ีจะมาทดแทนในรูปแบบใหม่ 4. อานาจตอ่ รองของลูกคา้ (Bargaining Power of Customers) โดยปัจจยั ที่พิจารณา 4 ดา้ นไดแ้ ก่ 4.1 ลูกคา้ บางกลุ่มสามารถสร้างแรงกดดนั ใหผ้ ขู้ ายจนทาใหต้ อ้ งลดราคาใหถ้ ูกลง 4.2 ลูกคา้ ท่ีส่งั ซ้ือในปริมาณท่ีมาก มกั จะมีอานาจในการต่อรองกบั ผขู้ ายสินคา้ สูง 4.3 เมื่อลูกคา้ ขาดความสามารถในการทากาไรให้อยใู่ นระดบั ที่น่าพงึ พอใจ จึงพยายามลด ตน้ ทุนจากการส่ังซ้ือสินคา้ ทาใหเ้ กิดแรงกดดนั ใหก้ บั ผขู้ ายโดยตรง 4.4 ลูกคา้ สามารถใชก้ ลยทุ ธก์ ารเติบโตแบบยอ้ นหลงั (Backward Integration) จึงสามารถผลิต สินคา้ ป้ อนกิจการเองไดแ้ ละกลายเป็นคูแ่ ข่งของกิจการในที่สุด 5. อานาจตอ่ รองของผจู้ ดั หาวตั ถุดิบ (Bargaining Power of Supplier)โดยปัจจยั ที่พจิ ารณา 5ดา้ น ไดแ้ ก่