บรุ พภาคพระธรรมเทศนา ๒๒๓ ญวนและกองทัพไทยก็เกิดไข้เจ็บอันตรายและขดั สนดว้ ยเสบยี งอาหาร ตา่ งคนตง้ั รออยู่ มไิ ดร้ บพงุ่ กนั และกนั ในขณะนั้นเจ้าพระยาบดินทรเดชาเข้ามาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ กรุงเทพ ฯ ฝ่ายพระยา เขมรร่วมคิดกันสิบแปดคน มีพระยาจักรเี ป็นต้นมีหนังสือไปถึงญวน จะจับองค์ด้วงส่งให้ เหตุการณ์นั้น ไม่มิด องค์ด้วงจับได้ ฝ่ายญวนก็ยกทัพเข้ามาตามที่นัดหมาย พระพรหมบริรักษ์และองค์ด้วงก็มีใบบอก เข้ามายังกรุงเทพ ฯ จึ่งโปรดให้เจ้าพระยาบดินทรเดชากลับออกไป ทัพญวนมาตีค่ายไทยที่เมืองพนมเปญ แตกแล้ว ยกขึ้นมาตีเมืองอุดงฦๅไชย เจา้ พระยาบดนิ ทรเดชากอ็ อกตอ่ รบ ทพั ญวนแตกพา่ ยไป ครง้ั นน้ั ญวนตายเปน็ อนั มาก เจา้ พระยาบดนิ ทรเดชากจ็ ดั กองทพั ออกตง้ั รายตามหวั เมอื งไวม้ น่ั คง ฝา่ ยญวนเหน็ วา่ จะทำการไมส่ ะดวกแลว้ จึ่งแต่งให้มาเจรจาด้วยเจ้าพระยาบดินทรเดชา ว่าขอให้องค์ด้วงมีหนังสือไป ออ่ นนอ้ ม จะยอมสง่ มารดาและญาตพิ น่ี อ้ งใหเ้ ปน็ ไมตรกี นั สบื ไป ฝา่ ยเจา้ พระยาบดนิ ทรเดชาสำคญั ใจวา่ จะ เปน็ อบุ ายกน็ ง่ิ เสยี ญวนกใ็ หม้ ารบกวนตกั เตอื นอยเู่ นอื ง ๆ แลว้ ภายหลงั แจง้ ความวา่ เจา้ เวยี ดเทยี วตรวี งศ์ นี้คิดจะจัดการในเมืองเขมรโดยทางใหม่ ไมใ่ หเ้ ปน็ การรบพงุ่ กนั สบื ไป เจา้ พระยาบดนิ ทรเดชามหี นงั สอื บอก เขา้ มา กย็ งั ไมเ่ ปน็ ทไ่ี วว้ างพระราชหฤทยั เกรงวา่ จะเปน็ อบุ ายของญวน ฝา่ ยเจา้ พระยาบดนิ ทรเดชา เหน็ วา่ เขมรเหนอ่ื ยหนา่ ยในการรบพงุ่ และไดค้ วามลำบากอดอยากมาชา้ นาน ฝา่ ยญวนกท็ ำดตี อ่ เอามารดา และบตุ รภรรยามาลอ่ องคด์ ว้ ง องคด์ ว้ งกอ็ ยากจะใครพ่ บมารดาและบตุ รภรรยา ข้างฝ่ายกองทัพญวนและ ไทยกไ็ ดค้ วามลำบากมาชา้ นาน การกไ็ มเ่ ปน็ สำเร็จไปอย่างหนึ่งอย่างใดได้ เป็นแต่ผลัดกันได้ผลัดกันเสียอยู่ ดังน้ี เป็นช่องอันดีสมควรที่จะสงบการศึกกันคราวหนึ่งได้ จึ่งได้มีใบบอกชี้แจงเข้ามาตามความที่ คิดเห็นนั้น ก็ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดการไปตามทางซึ่งจะสงบการสงคราม ใน จุลศักราช ๑๒๐๘๑ นั้น เจ้าพระยาบดนิ ทรเดชาจึ่งให้องค์ด้วงมีหนังสือไปขอมารดาและบุตรภรรยา จากญวน ญวนก็ส่งมาให้ตามสัญญาแล้วขอให้มีศภุ อกั ษร และสง่ บรรณาการขน้ึ ไปคำนบั เมอื งญวน สามปคี รง้ั หนง่ึ เหมอื นเมอ่ื ครง้ั องคส์ มเดจ็ พระนารายน์รามา ซึ่งเป็นบิดาขององค์ด้วง และขอให้ส่งครัว ญวนแขกเชลยซึ่งองค์ด้วงจับส่งเข้ามาภายหลังสี่สิบคนเศษคืนออกไป ครั้นมีใบบอกเข้ามาก็โปรด พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ส่งบรรณาการญวน และพระราชทานคน ๔๐ คนเศษนั้นคืนไป องคด์ ว้ งกแ็ ตง่ ศภุ อกั ษรเครอ่ื งบรรณาการขน้ึ ไปคำนบั ญวนและสง่ คนเชลยคืนให้ แล้วได้รับตราตั้งฝ่ายญวน เปน็ เจา้ เขมรกก๊ หนง่ึ ญวนสง่ เจา้ หญงิ บตุ รองค์จันทร์มาให้ทั้งสิ้น แล้วก็เลิกทัพกลับไปจากเขตแดนเขมร ฝ่ายกองทัพไทยก็จัดการบ้านเมืองให้องค์ด้วงไดเ้ ปน็ ใหญใ่ นเมอื งเขมรเรียบร้อยสำเร็จแล้ว จึ่งโปรดให้ ๑ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๘๙
๒๒๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ พระยาเพชรพิไชยคุมเครื่องยศออกไปเศกนักองค์ด้วง เป็นสมเด็จพระหรริ กั ษรามาธบิ ดเี จา้ กรงุ กมั พชู า องคด์ ว้ งกแ็ ตง่ เครอ่ื งราชบรรณาการเขา้ มาทลู เกล้า ฯ ถวายตามอย่างแต่ก่อน แล้วคิดถึงพระเดชพระคุณ ที่ทรงพระมหากรุณาให้ได้เป็นใหญ่ในกรุงกัมพูชา โดยกำลังกองทัพฝ่ายสยาม จึ่งได้เพิ่มเติมครื่องราช บรรณาการกระวานขึ้นอีกปีละ ๕๐ หาบ แลว้ ใหอ้ งคร์ าชาวดซี ง่ึ เปน็ บตุ รใหญเ่ ขา้ มาพรอ้ มดว้ ยเจา้ พระยา บดนิ ทรเดชา รบั ราชการฉลองพระเดชพระคุณ อยู่ ณ กรุงเทพ ฯ การศกึ กรงุ สยามกบั ญวนกเ็ ปน็ อนั ขาดกนั แตก่ าลนน้ั มา ดว้ ยประการฉะน้ี !!ตผู แู้ ตง่ เทศนเ์ ออ้ื น อนสุ รณ์ นฤ้ี ๅ ชอ่ื จฬุ าลงกรณ์ เนอ่ื งเชอ้ื สำหรบั แตก่ ารจร คราวหนง่ึ ผลนา ยน่ ยอ่ พอแตเ่ นอ้ื เรอ่ื งตง้ั ฟงั เอง ฯ อนง่ึ ราชการขา้ งฝา่ ยเมอื งหวั พนั ทง้ั หก ซง่ึ เจา้ พระยาธรรมาไดร้ บั ทา้ วขนุ ในหวั เมอื งเหลา่ นน้ั ลงมา อ่อนน้อมยอมสามิภักดิไว้แต่เมื่อครั้งยกขึ้นไปในจุลศักราช ๑๑๙๕ ๑ แล้ว และป่วยกลับลงมารักษาตัว ยังมิได้พาลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ กรุงเทพ ฯ นั้น ครั้นหายป่วยแล้วก็โปรดให้กลับขึ้นไป ณ เมอื งหลวงพระบาง ในจลุ ศกั ราช ๑๑๙๗ ๒ เมอ่ื ไปถงึ เมอื งพไิ ชยพบทา้ วคำออ่ นพาพวกเมอื งหวั พนั ทง้ั หก ลงมา เจ้าพระยาธรรมาเห็นว่าเป็นผู้น้อยจึ่งได้พากลับขึ้นไปเมืองหลวงพระบาง แล้วปรึกษากันว่า เมืองหัวพันทง้ั หกนเ้ี ดมิ กเ็ ปน็ ขา้ ขอบขณั ฑสมี าขน้ึ เมอื งเวยี งจนั ครน้ั อนเุ ปน็ ขบถหนเี ขา้ ไปอยใู่ นเขตแดนญวน จง่ึ ยกเอาเมอื งหวั พนั ทง้ั หกและเมอื งพวนไปใหญ้ วน ญวนจง่ึ ไดค้ รอบงำเอาหวั เมอื งเหลา่ นไ้ี ว้ ครน้ั จะแตง่ กองทพั ใหไ้ ปปราบปราม กเ็ หน็ วา่ เปน็ แตบ่ า้ นเลก็ เมอื งนอ้ ย กลวั วา่ จะแตกตน่ื เขา้ ปา่ ไป จง่ึ ใหเ้ พย้ี ศรอี รรคฮาด พาพวกหัวพันทั้งหกที่ลงมานั้นกลับขึ้นไปบอกเจ้าเมืองกรมการผู้ใหญ่ลงมา เพี้ยศรีอรรคฮาดก็ไปพาเจ้า เมอื งเหยี ง ปลดั เมอื งหวั เมอื ง ปลดั เมอื งซอน ทา้ วพลเมอื งซำเหนอื ทา้ วเพย้ี มชี อ่ื ลงมาหาเจา้ พระยา ธรรมา ภายหลังท้าวเพี้ย เมืองซ้ำใต้ เมืองโสยเมืองเชียงค้อก็ลงมาอีก ๓ เมือง เจ้าพระยาธรรมา จง่ึ พาตวั เจา้ เมอื งทา้ วเพย้ี ทง้ั หกเมอื ง ลงมาเฝา้ ทลู ละอองธลุ พี ระบาทถอื นำ้ พระพพิ ฒั สตั ยาแลว้ กโ็ ปรดเกลา้ ฯ ให้กลับขึ้นไปทำราชการ ขึ้นเมืองหลวงพระบางต่อไป เมืองหัวพันทั้งหกก็คงเป็นข้าขอบขัณฑสีมา ดังแต่ก่อน ฯ และทางเมืองลาวตามเชิงเขาประทัด ซึ่งพระมหาเทพขึ้นไปกวาดต้อนครอบครัวลงมา ๑ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๗๖ ๒ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๗๘
บรุ พภาคพระธรรมเทศนา ๒๒๕ แตก่ อ่ นนน้ั ครน้ั ในจลุ ศกั ราช ๑๒๐๗ ๑ เจา้ อปุ ราชเมอื งเวยี งจนั ซง่ึ ลงมาอยู่ ณ กรงุ เทพ ฯ รบั อาสาจะไป ปราบปราม จง่ึ โปรดใหพ้ ระมหาสงครามเปน็ แมท่ พั ขน้ึ ไปรวบรวมกองทพั หวั เมอื งลาวฝา่ ยตะวนั ออกสท่ี พั เป็นคนหมื่นเศษ แยกเป็นสี่ทางไปตีเมืองวัง เมืองจะโปน เมืองพิน เมืองระนอง เมืองเชียงร่ม เมอื งผาบงั พลเมอื งเหลา่ นน้ั ตา่ งแตกหนเี ขา้ ปา่ ไปสน้ิ แตง่ ใหอ้ อกเทย่ี วกวาดครอบครวั กถ็ กู ปนื และหนา้ ไม้ ลม้ ตายมาก จบั ไดบ้ า้ งเกลย้ี กลอ่ มไดบ้ า้ ง เปน็ คนครวั พนั รอ้ ยเศษ ชา้ งยส่ี บิ ชา้ ง จดุ เผาบา้ นเรอื นเสยี แล้วมีใบบอกลงมา โปรดให้มีตราตอบขึ้นไปให้กองทัพตั้งอยู่คอยกวาดต้อนผู้คนอย่าให้ตั้งเป็นบ้านเมือง เปน็ ทางเสบยี งของญวนได้ ภายหลงั นายทพั นายกองพากนั กลบั ลงมาเฝา้ ทลู ละอองธลุ พี ระบาท ไดค้ รอบครวั มาใหม่เป็นจำนวนคน เมืองวัง ๘๕๒ คน เมืองจะโปน ๕๗๕ คน เมืองรนอง ๑๐๓ คน เมืองพิน ๑๒๒ คน เมอื งคำมวน ๘๐๖ คน รวม ๒,๔๕๘ คน โปรดใหถ้ ามดวู า่ จะสมคั รตง้ั อยตู่ ำบลใด กใ็ หต้ ง้ั ตามใจสมัคร ราชวงศ์เมืองวังสมัครตั้งอยู่บ้านกุสินารายน์ ขึ้นเมืองกาฬสินธุ์ ท้าวโรงกลางเมืองวัง สมคั รอยบู่ า้ นประขาวพงั งาขน้ึ เมอื งสกลนคร ทา้ วลำดวนเจา้ เมอื งคำเกดิ สมคั รอย่บู า้ นขอนยางขน้ึ เมอื ง กาฬสินธุ์ อุปฮาดราชวงศ์เมืองคำมวนสมัครอยู่บ้านแซงบาดาลขึ้นเมืองกาฬสินธุ์ ท้าวเพี้ยเมืองสูงสมัคร อยู่บ้านกุสุมาลขึ้นเมืองสกลนคร ท้าวสายนายครัวเมืองวังซึ่งอยูบ่ ้านบงหวายท่าตุคนกับเจ้าเมืองเชียงร่ม อปุ ฮาดราชวงศ์ ขอตง้ั อยบู่ า้ นหว้ ยสสี ะบวั แขวงเมอื งนครพนม พระไชยเชษฐาเจา้ เมอื งจะโปนและครอบครวั ขุนป้องพลขันธ์ ขอตั้งอยู่เมืองเขมราษฎ์ บรรดาตำบลที่ครัวสมัครไปอยู่นี้ โปรดให้ยกขึ้นเป็นเมือง ตง้ั เจา้ เมอื งอปุ ฮาดราชวงศร์ าชบตุ รทา้ วเพย้ี กรมการตามตำแหนง่ * แลว้ โปรดใหต้ ง้ั ดา่ นไวฟ้ ากนำ้ โขงตะวนั ออก คอยลาดตระเวนถงึ กนั คอยฟงั เหตกุ ารณ์ จะไดส้ รู้ บญวนใหท้ นั ทว่ งที ใหเ้ มอื งนครพนมตง้ั ดา่ นท่บี า้ นบงึ แขวงเมอื งนครพนมตอ่ แดนเมอื งมหาไชยตำบล ๑ ให้คานบดุ กี องอาทมาด ตง้ั ทเ่ี ขตแดนเมอื งแซกตำบล ๑ ตั้งที่บ้านโพแดนเมืองวังตำบล ๑ ให้เมืองเชียงร่มตั้งที่แดนเมืองเชียงร่มตำบล ๑ ให้เมืองท่าขอนยางเมือง แซงบาดาล ตง้ั บา้ นนาหนิ แขวงเมอื งคำเกดิ คำมวนตำบล ๑ เมอื งกจุ ฉนิ ารายนต์ ง้ั บา้ นนาใตเ้ มอื งวงั ตำบล ๑ ๑ ตรงกับ พ.ศ.๒๓๘๘ * พวกชาวเมอื งตา่ ง ๆ ท่ตี อ้ นมา เดิมเป็นชาวเมืองทางฝง่ั ตะวนั ตกท้งั นนั้ อพยพหลบหนีไปอยทู่ างชายแดนญวน ในครง้ั กองทพั กรุงธนบุรขี น้ึ ไปตีเมอื งเวยี งจนั ทน์ เมอื่ พ.ศ. ๒๓๒๑ คดิ เวลาลว่ งมาได้ ๕๕ ปี คนทต่ี อ้ นกลบั มาเปน็ เพยี งช้นั บุตรหรือหลานพวกทอี่ พยพไป โดยมาก เมอ่ื กลบั มาถงึ ถน่ิ เดมิ จงึ มกั สมคั รตง้ั อยบู่ า้ นเมอื งเดมิ ของบรุ พการี พวกชาวเมอื งทร่ี เู้ รอ่ื งยงั บอกไดว้ า่ ชน้ั เดมิ บรุ พการขี องตนอยู่ เมอื งไหน ดงั เชน่ พวกชาวเมืองท่าอุเทนเลา่ วา่ บรุ พการเี ปน็ ชาวเมอื งไชยบรุ ี แตเ่ มอ่ื กลบั เขา้ มาครง้ั นน้ั ท่เี มอื งไชยบรุ ีมพี วกอน่ื ไปตง้ั ภมู ลิ ำเนาเสยี แลว้ จง่ึ เลอ่ื นขน้ึ ไปตง้ั อยทู่ เ่ี มอื งทา่ อเุ ทน ดงั น้ี เมอ่ื ตอ้ นคนกลบั มาครง้ั นน้ั แลว้ พวกทก่ี ลบั มาไดเ้ ปน็ เจา้ เมอื งกรมการ กพ็ ากนั แตง่ คนไปเกลย้ี กลอ่ มพรรคพวกทย่ี งั เหลอื อยตู่ ามมากโ็ ปรด ฯ ใหจ้ ดั ตง้ั บา้ นเมอื งใหอ้ ยู่ จง่ึ ปรากฏการตง้ั เมอื งใหมใ่ นทอ้ งทม่ี ณฑลอดุ ร และอสี าน เมอ่ื ครง้ั รัชกาลที่ ๓ มากมายหลายเมอื ง ดว้ ยเหตดุ งั กลา่ วมา
๒๒๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ เมืองสกลนครตั้งด่านเมืองมหาไชยตำบล ๑ ทางน้ำบำต่อแดนเมืองกวางเบือนตำบล ๑ ราชการทางเมือง ลาวเชงิ เขาประทดั กส็ งบเรยี บรอ้ ยไมม่ เี หตกุ ารณอ์ นั ใด ฝา่ ยราชการทางเมอื งพมา่ ในรชั กาลท่ี ๓ น้ี มแี ตเ่ มอ่ื จลุ ศกั ราช ๑๑๘๖๑ โปรดใหเ้ จา้ พระยามหาโยธา พระยาสรุ เสนา พระยาพพิ ฒั โกษา ยกกองทพั ออกไปทางพระเจดยี ส์ ามองค์ พระยาชมุ พรยกกองทพั เรอื ไปทางเมอื งรนอง ตง้ั ขดั ทพั ฟงั ราชการซง่ึ องั กฤษรบกบั พมา่ ตง้ั อยใู่ นเมอื งซง่ึ องั กฤษตไี ด้ หาไดท้ ำการ รบพงุ่ ไม่ ครน้ั องั กฤษไดเ้ มอื งมรดิ เมอื งทวาย และเมอื งมอลแมนแลว้ กเ็ ปน็ อนั ตดั ทางทพ่ี มา่ จะมายำ่ ยี พระราชอาณาเขตทางเมอื งราชบรุ ไี ป ทง้ั พมา่ ขดั ขอ้ งดว้ ยองั กฤษ กม็ อิ าจทจ่ี ะมารบกวนในพระราชอาณาเขต เป็นการสงบเรียบร้อยตลอดมาจนถึงจุลศักราช ๑๒๑๐๒ ปีวอกสัมฤทธิศก เมืองเชียงรุ้งเกิดเหตุวิวาทกัน ในบ้านเมือง หม่อมมหาไชยหนีเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองหลวงภูคาซึ่งเป็นเมืองขึ้นนครเมืองน่าน ครั้นจุล ศักราช ๑๒๑๑๓ ปีระกาเอกศก มหาอุปราชากับนางปิ่นแก้วก็ลงมาอาศัยอยู่ในหลวงพระบาง จึ่งโปรด ให้หาตัวลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ กรุงเทพ ฯ มหาอุปราชาลงมาตามรับสั่ง แต่มหาไชยนั้น หนกี ลบั ไปเมอื งเชยี งรงุ้ เมอื งนา่ นกนั ไวแ้ ตค่ รอบครวั จง่ึ ทรงพระราชดำรวิ า่ พมา่ ออ่ นกำลงั ลงแลว้ ควรจะ ตีเมืองเชียงตุงมาไว้ในพระราชอาณาเขต จึ่งโปรดให้มีท้องตราขึ้นไปให้กองทัพลาวพุงดำยกขึ้นไปเมือง เชียงใหม่ห้าพันคน เมืองนครลำปางสี่พันคน เมืองนครลำพูนพันห้าร้อยคน ยกขึ้นทางเมืองเชียงราย สก่ี อง ทางเมอื งสาดแปดกอง กองทพั ทางเมอื งสาดตไี ด้เมอื งโปะ๊ เมอื งปางซราน เมอื งปางไร ทา่ ออ เมอื งแจะ เมอื งมาง เมอื งปู เมอื งเลน็ เมอื งเพยี ง ไดแ้ ลว้ เขา้ ตเี มอื งเชยี งตงุ มหาขนานเจา้ เมอื ง เชยี งตงุ ออกมาตง้ั กองทพั รบั นอกเมอื ง กองทพั ลาวตที พั มหาขนานแตกหนเี ขา้ เมอื ง กองทพั นอ้ ยมหาพรหม ตที พั พระเมอื งทก พระเมอื งทกตายในทร่ี บ แลว้ ตง้ั มน่ั อยทู่ เ่ี มอื งเชยี งตงุ เพราะคนนอ้ ยยงั จะหกั เอาเมอื ง มไิ ด้ ฝา่ ยกองทพั ทางเมอื งเชยี งราย ตเี มอื งพยาก เมอื งเลน็ แลว้ ไปเกลย้ี กลอ่ มเมอื งยองได้ เจา้ อปุ ราช เมอื งเชยี งใหมต่ ง้ั ทพั อยเู่ สยี ทเ่ี มอื งยองไมย่ กขน้ึ ไปชว่ ย กองทพั ทางเมอื งสาดขดั ดว้ ยเสบยี งอาหารกต็ อ้ งเลกิ ทพั กลบั ลงมา ครง้ั นน้ั ทรงพระประชวรเสยี ยงั หาไดค้ ดิ ราชการตอ่ ไปไม่ ในราชการขา้ งฝา่ ยหวั เมอื งแขกมลายนู น้ั เมอ่ื จลุ ศกั ราช ๑๑๙๒ ๔ ตนกอู ดุ นิ ซง่ึ เมอื งนครศรธี รรมราช เรยี กวา่ ตนกเู ดน่ ซง่ึ เปน็ หลานเจา้ พระยาไทรบรุ ี ซง่ึ หนไี ปอยทู่ เ่ี กาะหมาก ฝา่ ยองั กฤษรบั ไวว้ า่ จะมใิ หม้ า ๑ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๖๗ ๒ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๙๑ ๓ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๙๒ ๔ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๗๒
บรุ พภาคพระธรรมเทศนา ๒๒๗ รบกวนเมืองไทรบุรีและเมืองแขกในพระราชอาณาเขตแต่ก่อนนั้นยกเข้ามาตีเมืองไทรบุรีได้ เจ้าพระยา นครศรีธรรมราชทราบแล้ว จึ่งให้พระสุรินทรไปเกณฑ์ทัพหัวเมืองแขก พวกหัวเมืองแขกพากันเพิกเฉยเสีย พระสุรินทรจึ่งให้จับสีตวันกรมการมาเฆี่ยนตีและลงเอาเงิน พวกหัวเมืองแขกทั้งปวงก็พากันเป็นขบถขึ้น ทุกเมือง เมื่อได้ทรงทราบจึ่งโปรดให้เกณฑ์กองทัพ พระยาณรงค์ฤทธิโกษากอง ๑ พระยาราชวังสรร กอง ๑ พระยาเพชรบรุ กี อง ๑ ภายหลงั โปรดใหเ้ จา้ พระยาพระคลงั ยกทพั ใหญอ่ อกไปในจลุ ศกั ราช ๑๑๙๔๑ ปีมะโรงจัตวาศก เมื่อกองทัพเจ้าพระยาพระคลังไปถึงนั้น เจ้าพระยานครศรีธรรมราชตีได้เมืองไทรบุรี เสียก่อนแล้ว ตนกูเด่นต่อรบเป็นสามารถ ล้อมเมืองอยู่ช้านาน ครั้นเห็นจะต้านทานมิได้แล้วก็แทง ตัวตายเสียในเมือง เจ้าพระยานครจัดการเมืองไทรเรียบร้อยแล้วก็ยกกลับมา ปรึกษาด้วยเจ้าพระยา พระคลังจัดให้พระยาราชวังสรรยกทัพเรือลงไปปิดปากคลองบางน้ำจืดที่เป็นลำน้ำเมืองตานีไว้ แล้วเจ้า พระยาพระคลงั และเจา้ พระยานครยกไปทางบก พลสามหมน่ื พระยาตานีไมต่ อ่ รบหนลี งไปเมอื งกลนั ตนั กองทพั ไทยเขา้ ตง้ั อยใู่ นเมอื งตานี คดิ จะยกไปตเี มอื งกลนั ตนั ดว้ ยเมอื งกลนั ตนั ไดใ้ หท้ พั บกทพั เรอื มาชว่ ย เมืองตานี และรับพระยาตานีซึ่งหนีลงไปไว้ในเมืองกลันตันด้วย ฝ่ายพระยากลันตันกลัวกองทัพจะย่ำยี บ้านเมือง จึ่งแต่งหนังสือขึ้นมาอ่อนน้อมยอมเสียเงินค่าเสบียงอาหารสามหมื่นเหรียญและเสียให้นายทัพ นายกองอีกสองหมื่นเหรียญ แล้วส่งตัวพระยาตานีมาให้กองทัพไทย ฝ่ายเมืองตรังกานูได้ให้กองทัพ มาชว่ ยเมอื งตานี แตค่ รน้ั จะแตง่ กองทพั ลงไปตี กลวั วา่ จะหนเี ขา้ เขตแดนองั กฤษไปเสยี จง่ึ แตง่ ขา้ หลวง ไปเกลย้ี กลอ่ ม พระยาตรงั กานกู ม็ ไิ ดย้ อมสามภิ กั ดจ์ิ ง่ึ มที อ้ งตราไปตง้ั ให้ตนกอู มุ านอ้ งชายซง่ึ ววิ าทกนั หนไี ป อยู่เมืองลิงาเป็นพระยาตรังกานู ฝ่ายพระยาสาย พระยาระแงะ เข้าหากองทัพ พระยายะลาหนีไป จบั ตวั ได้ พระยาหนองจกิ ตาย พระยายริ งิ เปน็ ไทยหาไดเ้ ปน็ ขบถดว้ ยไม่ และเจา้ เมอื งแขกซง่ึ เขา้ มายอม สามภิ กั ดโ์ิ ดยดี กไ็ ดโ้ ปรดใหค้ งเปน็ เจา้ เมอื งอยดู่ งั เกา่ ทต่ี อ่ สแู้ ละหลบหนกี ใ็ หพ้ าตวั เขา้ มาไว้ ณ กรงุ เทพ ฯ เลิกกองทัพกลับเข้ามา ภายหลังสุลต่านมหมัดเสาะ เมืองลิงาและเมืองเรียวซึ่งเป็นญาติกับพระยา ตรังกานู รับตนกูอุมาไว้นั้น มีหนังสือเข้าถวายขอบพระเดชพระคุณที่ได้โปรดตั้งให้ตนกูอุมาเป็นพระยา ตรังกานู ด้วยแต่แรกได้คิดจะยกมาตีเมืองตรังกานูแล้ว แต่หากเกรงพระเดชานุภาพว่าเป็นเมืองขอบ ขณั ฑสมี าอยู่ ครง้ั นก้ี เ็ ปน็ อนั ไดช้ ว่ ยตนกอู มุ าสมตามปรารถนา ครน้ั ในจลุ ศกั ราช ๑๒๐๐๒ ปจี อสมั ฤทธศิ ก ตนกูมะสะอะหลานตนกูปะแงรันเจ้าพระยาไทรบุรคี บคิดกันกับตนกูหมัดอะเก็บ เป็นสลัดตีเรืออยู่ในท้อง ทะเล ยกเข้ามาตีเมืองตรังได้ ให้หวันอลีอยู่รักษา แล้วยกมาตีเมืองไทรบุรี พระภักดีบริรักษ ๑ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๗๕ ๒ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๘๑
๒๒๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ซึ่งเป็นพระยาไทรกับพระเสนานุชิตเห็นว่า ไพร่พลเป็นแขกเหลือกำลังที่จะต่อสู้ จึ่งหนีเข้ามา ณ เมือง พัทลุง ในขณะนั้นเจ้าพระยานครศรีธรรมราชที่อยู่กรุงเทพ ฯ จึ่งโปรดให้รีบกลับออกไป เจ้าพระยา นครศรธี รรมราชจดั ใหพ้ ระยาไทรบรุ ีพระเสนานชุ ติ พระวชิ ติ สรไกรไปตเี มอื งไทรบรุ ี แลว้ โปรดใหพ้ ระยาไชยา คุมคนเมืองไชยาพันหนึ่งออกไปช่วยรักษาเมืองพังงา แล้วโปรดให้เจ้าพระยายมราช พระยาศรีพิพัฒ ยกทัพใหญ่ตามออกไปภายหลัง พอพระยาไทรบุรีตีเมืองไทรได้ กองทัพกรุงเทพ ฯ ออกไปตั้งอยู่ ณ เมอื งสงขลา พระยากลนั ตนั มหี นงั สอื มาวา่ ววิ าทกนั กบั ตนกปู ะสา พระยาบาโงย ตว่ นหลวงมหหมดั กบั พวกบตุ รตนกมู ดุ า ตง้ั ลอ้ มพระยากลนั ตนั ไวท้ ง้ั สพ่ี วก พระยากลนั ตนั ไดย้ กออกไปรบสองครง้ั เสยี ทมี า ขอใหก้ องทพั ลงไปชว่ ยโดยเรว็ พระยาศรพี พิ ฒั จง่ึ ใหห้ ลวงสรเสนคี มุ ไพร่ ๘๐ คน ลงเรอื แกลว้ กลางสมทุ ร ไปโดยทางทะเล ใหพ้ ระยาเพชรบรุ คี มุ คนพนั หนง่ึ ไปตง้ั อยทู่ เ่ี มอื งสายตอ่ แดนเมอื งกลนั ตนั พระยาบาโงย ตกใจ หนไี ปตง้ั อยู่ ณ แขวงเมอื งตรงั กานู หลวงสรเสนใี หไ้ ปหาตวั พระยาตรงั กานแู ละตนกปู ระสา ขน้ึ มาหา พระยาศรีพิพัฒที่เมืองสงขลา ก็ต่างคนต่างไม่มาด้วยกันทั้งสองฝ่าย พระยาศรีพิพัฒจึ่งใหพ้ ระยาไชยา เอาเรอื รบลงไปทอดอยู่ในกลางน้ำหน้าเมืองกลันตัน บังคับให้รื้อค่ายทั้งสองฝ่าย ตนกูปะสาและพระยา กลันตันก็ยอม แล้วพระยาไชยาก็พาตัวพระยากลันตันและตนกูปะสาขึ้นมาหาพระยาศรีพิพัฒ พระยา ศรพี พิ ฒั ใหท้ ำสตั ยสญั ญาวา่ จะไมร่ บพงุ่ ตอ่ กนั สบื ไป ตา่ งกย็ อมทำสตั ยสาบานทง้ั สองฝา่ ย เจา้ พระยายมราช พระยาศรพี พิ ฒั กย็ กออกไปจดั การเมอื งไทรบรุ ี เหน็ วา่ จะใหไ้ ทยครองเมอื งตอ่ ไปกจ็ ะรกั ษาไวไ้ มไ่ ด้ ดว้ ยไพร่ พลเมอื งเปน็ แขก จง่ึ ไดม้ อบเมอื งไทรบรุ ใี หแ้ กต่ นกอู ะหนมุ่ ซง่ึ เปน็ ญาตหิ า่ ง ๆ ของเจา้ พระยาไทรบรุ อี ยรู่ กั ษา แล้วใหต้ นกูอะสันเป็นผู้ช่วยราชการ แล้วยกทีส่ ตูนในแขวงเมืองไทรบุรีขึ้นเป็นเมือง ใหต้ นกูหมัดอาเก็บ เป็นเจ้าเมือง ยกปลิดในแขวงเมืองไทรบุรีขึ้นเป็นเมือง ให้ตุวันเสดหะเซนเป็นเจ้าเมือง เมืองไทรบุรีก็ แยกออกเปน็ สามเมอื งแตน่ น้ั มา ครน้ั ในจลุ ศกั ราช ๑๒๐๓ ๑ ปฉี ลตู รศี ก เจา้ พระยาไทรบรุ ซี ง่ึ อยเู่ มอื งมลกา ทราบความว่าไทยมอบเมืองไทรให้ตนกูอะหนุ่มอยู่รักษาก็มีความยินดี จึ่งมีหนังสือให้ตนกูอัปดุลาเข้ามา ขอพระราชทานเมืองคืน จึ่งโปรดตั้งให้บุตรเจ้าพระยาไทรบุรีเป็นพระยาไทรบุรี แต่ขอแบ่งที่กะบังปาสู ในแขวงเมืองไทร ยกขึ้นเป็นเมืองให้ตนกูอะหนุ่มไปเป็นเจ้าเมือง พระยาไทรก็ยอม การในหัวเมืองแขก กเ็ รยี บรอ้ ยแตน่ น้ั มา ฝ่ายการหยุกหยิกในพระนครเกิดขึ้น ได้โปรดให้ข้าราชการไปปราบปรามราบคาบไปหลายครั้ง ตั้งแต่จุลศักราช ๑๑๘๖๒ ปีวอก ฉศก ที่เมืองจันทบุรพี วกจีนแต้จิ๋วเข้ากันเป็นตั้วเหียประมาณเจ็ดร้อย ๑ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๘๔ ๒ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๖๗
บรุ พภาคพระธรรมเทศนา ๒๒๙ แปดร้อยคนครั้งนั้นทำการทิ้งกระจาดท่ีบา้ นหนองปรอื พวกจีนแต้จิ๋วไม่ชอบกับพวกจีนฮกเกี้ยน คุมพวก เขา้ ตตี ลาดบางกระจะแลว้ ไปลอ้ มบา้ นพระยาสนุ ทรเสรฐี พระยาสนุ ทรเสรฐคี มุ พวกจนี ฮกเกย้ี นออกตอ่ สู้ พระยาจันทบุรีให้กรมการออกจับ ได้ตัวหัวหน้าและพระยาปลัดเมืองจันทบุรชี ื่อจั่น ส่งเข้ามาลงพระราช อาญาตามโทษานโุ ทษ ฯ ครง้ั หนง่ึ ในจลุ ศกั ราช ๑๒๐๔๑ ปขี าล จตั วาศก ทเ่ี มอื งนครไชยศรเี มอื งสมทุ สาคร เกดิ จนี ตว้ั เหยี ขน้ึ อกี สามพวก มพี วกพอ้ งเขา้ ดว้ ยพวกละพนั คนเศษ โปรดใหห้ วั หมน่ื พระตำรวจออกไปจบั พรอ้ มดว้ ยพระสมบตั วิ านชิ หลวงเทพภกั ดี ไดต้ วั หวั หนา้ เขา้ มาลงพระราชอาญา ณ กรงุ เทพ ฯ แตพ่ วก ซึ่งเข้าตั้วเหีย ซึ่งยังเหลืออยู่คุมกันเป็นโจรผู้ร้าย เข้าตีปล้นบ้านเรือนทั่วไป โปรดให้ชำระปราบปราม เปน็ การใหญจ่ นสงบเรยี บรอ้ ย ฯ อกี ครง้ั หนง่ึ ในจลุ ศกั ราช ๑๒๐๗ ๒ ปมี ะเสง็ สปั ตศก พวกจนี ตามหวั เมอื ง ชายทะเลฝ่ายตะวันตกตั้งแตเ่ มอื งปราณลงไปจนถึงเมอื งหลงั สวน คุมกันเป็นตั้วเหียแล้วลงเป็นสลดั ตเี รอื ลกู คา้ จนเรอื คา้ ขายไปมาตามฝง่ั ทะเลตะวนั ตกไมไ่ ด้ กโ็ ปรดใหก้ รมพระตำรวจออกไปชำระไดต้ วั คนรา้ ย เขา้ มาลงโทษเปน็ อนั มาก การสงบเรยี บรอ้ ยมา ถงึ จลุ ศกั ราช ๑๒๐๙ ๓ ปมี ะแมนพศก ในระหวา่ งนน้ั เป็นเวลาโปรดให้จับฝิ่นเถื่อน จีนเขียวมีความเจ็บแค้นด้วยพระยามหาเทพ จึ่งประชุมพวกพ้องคุมกัน เป็นตั้วเหียตั้งอยู่ตำบลลัดกรูดแขวงเมืองสมุทสาคร จมื่นทิพเสนาออกไปจับฝิ่นเถื่อน จีนเขียวก็ต่อสู้ จมื่นทิพเสนากลับเข้ามา จึ่งโปรดให้พระยามหาเทพกับพระยาสวัสดิวารีออกไปจบั พวกจีนต่อสู้ยิงต้อง พระยามหาเทพตาย จึ่งโปรดให้เกณฑ์กองทัพให้เจ้าพระยาพระคลังและข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยออกไป ปราบปราม จบั ไดต้ วั หวั หนา้ เขา้ มาลงโทษ ในขณะนน้ั ฝา่ ยขา้ งเมอื งฉะเชงิ เทรา พวกจนี ตว้ั เหยี กค็ มุ กนั เขา้ ตง้ั เลย้ี งโตะ๊ แลว้ คมุ พวกเทย่ี วปลน้ โรงหบี ฆา่ เจา้ ของตาย พระยาวเิ สศฦๅไชยค์ มุ คนไปจบั พวกจนี ต่อสฆู้ ่าพระยาวิเสศฦๅไชย์ตาย พวกจีนก็เข้าตั้งมั่นอยู่ในกำแพงเมืองฉเชิงเทรา จึ่งโปรดให้หากองทัพ ที่ออกไปปราบปรามตั้วเหียทางเมืองสมุทสาครกลับเข้ามา แล้วให้ยกออกไปเมืองฉเชิงเทรา จับได้จีน หวั หนา้ และฆา่ จนี ตายเสยี ครง้ั นน้ั เปน็ อนั มาก แต่นั้นมาก็สงบเรียบร้อยไม่มีเหตุการณ์จนตลอดรัชสมัย ฯ สว่ นทางพระราชไมตรซี ง่ึ ไดม้ แี กน่ านาประเทศในรชั กาลท่ี ๓ บา้ งนน้ั คอื เมอ่ื แรกเสดจ็ เถลงิ ถวลั ย ราชสมบตั ิ โปรดใหม้ กี องทพั ออกไปตง้ั ขดั ทพั ในเวลาพมา่ รบกบั องั กฤษ แตใ่ หข้ า่ วปรากฏวา่ จะยกไปชว่ ย องั กฤษ ในครง้ั นน้ั ฝา่ ยองั กฤษมคี วามประสงคจ์ ะใครเ่ ปน็ ทางไมตรกี บั หกรุงสยามใหส้ นทิ ขน้ึ จะไดข้ อทำ หนังสือสัญญาทางค้าขาย จึ่งยอมรับให้กองทัพฝ่ายสยามเป็นอันได้ไปช่วยอังกฤษในการรบพม่า ๑ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๘๕ ๒ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๘๘ ๓ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๙๐
๒๓๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ จึ่งได้ลงข้อหนังสือสัญญาเลิกการรบ กล่าวถึงกรุงสยามมิใหพ้ ม่ามารบกวนด้วย แล้วอิ๊ดอินเดียกัมปนี มีหลอดแอมเหิสเป็นคอเวอนเนอออฟเบงคอลในขณะนั้น มีอักษรสาสน์เข้ามาขอบพระเดชพระคุณ และฝากปืนบ้าเหรี่ยมกระสุนห้านิ้วสองบอกกับกระจกสองแผ่นเข้ามาถวาย ฯ ครั้นในจุลศักราช ๑๑๘๗๑ จึ่งแต่งให้กัปตันเฮนรีเบอนีเข้ามาขอทำหนังสือสัญญาก็ไม่โปรดจะให้ทำ แต่พระบรมวงศานุวงศ์และท่าน เสนาบดมี กี รมพระราชวงั บวรสถานมงคลเปน็ ตน้ กราบบงั คมทลู พระกรณุ าวา่ องั กฤษมเี ขตแดนใกลช้ ดิ เขา้ มา ถา้ มผิ อ่ นตามใหบ้ า้ ง จะเกดิ เปน็ เสย้ี นศตั รขู น้ึ จง่ึ โปรดให้กรมหมน่ื สรุ นิ ทรรกั ษ ซง่ึ เปน็ ผสู้ ำเรจ็ ราชการเปน็ ประธานในการทำหนงั สอื สญั ญา ไดต้ กลงกนั เปน็ สญั ญาวา่ ดว้ ยทางพระราชไมตรี และวา่ ดว้ ย การเมืองไทรบุรี ซึ่งอังกฤษรับจะมิให้พระยาไทรบุรีเข้ามารบกวนในพระราชอาณาเขต และจะกำหนด ปักเขตแดนเป็นต้น รวม ๑๔ ข้อ ว่าด้วยการซึ่งจะมีเรือไปมาค้าขายอีกหกข้อรวมเป็น ๒๐ ข้อ หนงั สอื สญั ญานน้ั ประทบั ตราเสนาบดที ง้ั หกตำแหนง่ ลงวนั ๓๑ฯ ๗ คำ่ ปจี ออฐั ศก จลุ ศกั ราช ๑๑๘๘ ๒ แล้วกัปตันเฮนรีเบอนี ขอครัวพม่ารามัญทวายซึ่งเจ้าพระยามหาโยธาและพระยาชุมพรกวาดเข้ามา เมอ่ื ครง้ั ออกไปขดั ทพั โปรดพระราชทานคนื ใหเ้ ปน็ สำมะโนครวั ๕๘๕ คน ทค่ี า้ งอยเู่ มอื งชมุ พรกโ็ ปรดให้ พระยาไกรโกษาออกไปชำระคนื ใหท้ ่เี มอื งมรดิ กปั ตนั เฮนรเี บอนเี ขา้ มาครง้ั นน้ั ไดเ้ ฝา้ ทลู ละอองธลุ พี ระบาท ตามอยา่ งแขกเมอื งใหญ่ ครน้ั เมอ่ื จลุ ศกั ราช ๑๑๙๓๓ องั กฤษใหม้ าขอทำหนงั สอื สญั ญาดว้ ยเรอ่ื งเขตแดน โปรวินศเวเลสะลีกับเมืองไทรบุรี โปรดให้เจ้าพระยานครศรีธรรมราชลงชื่อทำหนังสือสัญญากับโรเบิด อิดเบ็ดซัน เจ้าเมืองสะเตรดเซ็ตเตอละเม็นต์ กับเยมสโล ซึ่งเป็นผู้ช่วยราชการและเป็นล่าม หนังสือ สญั ญาฉบบั นน้ั ลงวนั ๔๑ฯ๒๑๑ คำ่ ปเี ถาะ ตรศี ก จลุ ศกั ราช ๑๑๙๓๔ฯ ครน้ั จลุ ศกั ราช ๑๑๙๔๕ ปมี ะโรง จตั วาศก เอด็ มนั ดโ์ รเบดิ ทตู ยไุ นตดิ สะเตดอะเมรกิ าเขา้ มาขอทำหนงั สอื สญั ญาทางพระราชไมตรแี ละการคา้ ขาย ก็โปรดให้ทำหนังสือสัญญาเป็นความ ๒๐ ข้อ คล้ายกันกับหนังสือสัญญากัปตันเฮนรีเบอนี ได้ลงชื่อ หนงั สอื สญั ญาวนั ๔๑ฯ๕๔ คำ่ ปมี ะโรงจตั วาศก จลุ ศกั ราช ๑๑๙๔ ๖ เอด็ มนั ดโ์ รเบดิ กไ็ ดเ้ ขา้ เฝา้ เปน็ แขก เมอื งใหญเ่ หมอื นครง้ั เฮนรเี บอนี ครน้ั จลุ ศกั ราช ๑๒๐๐ ๗ ปจี อสมั ฤทธศ์ิ ก อส้ี ตอนิ เดยี กมั ปนใี หม้ สิ เตอรดิ ซนั ๑ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๖๘ ๒ ตรงกับวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๖๙ ๓ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๗๔ ๔ ตรงกับวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๗๔ ๕ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๗๕ ๖ ตรงกับวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๗๕ ๗ ตรงกบั พ.ศ. ๒๓๘๑
บรุ พภาคพระธรรมเทศนา ๒๓๑ ถอื หนงั สอื เขา้ มาทางบกถงึ เมอื งกาญจนบรุ ี จะพาชา้ งและไพรเ่ ขา้ มาทางเมอื งนครไชยศรี พระยานครไชยศรี หา้ มมใิ หเ้ ขา้ มา ไดโ้ ตต้ อบกนั เปน็ อนั มาก จง่ึ ไดย้ อมมาโดยทางเรอื ครง้ั นน้ั พระยานครไชยศรมี คี วามชอบ เป็นอันมาก เมื่อมิสเตอริดซันเข้ามาถึงกรุงเทพ ฯ ว่าด้วยความสองข้อ ข้อหนึ่งจะขอซื้อช้างม้าโคกระบือ ออกไปเมอื งพมา่ ขอ้ หนง่ึ วา่ ไดข้ น้ึ ไปจดั ซอ้ื ชา้ งมา้ โคกระบอื ทเ่ี มอื งเชยี งใหม่ ลาวรบั ชา้ งไวแ้ ลว้ ไมใ่ หเ้ งนิ ในขอ้ ตน้ เจา้ พระยาพระคลงั ตอบไมย่ อมใหซ้ อ้ื แตข่ อ้ หลงั นน้ั ใหม้ ศี ภุ อกั ษรใหข้ า้ หลวงเชญิ ขน้ึ ไปยงั เมอื งนคร เชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองนครลำพูน ให้ชำระเงินคืนให้ฝ่ายอังกฤษ มิสเตอริดซันก็ได้เข้าเฝ้า เปน็ การใหญเ่ หมอื นราชทตู ฯ ครน้ั ในเดอื นหา้ จลุ ศกั ราช ๑๒๑๒๑ โยเสฟบาละสะเตยี เปน็ ราชทตู ยไุ นตดิ สะเตดอะเมริกาเข้ามาขอแก้หนังสือสัญญา ซึ่งได้ทำไว้แต่ในจุลศักราช ๑๑๙๔ ๒ ซึ่งเป็นข้อสำคัญนั้น จะขอลดภาษคี า่ ปากเรอื แตเ่ มอ่ื โยเสฟบาละสะเตยี ไดพ้ บเจา้ พระยาศรพี พิ ฒั ซง่ึ โปรดใหร้ บั ทตู แทนเจา้ พระยา พระคลงั เกดิ ถมุ้ เถยี งเกย่ี งกนั ดว้ ยเรอ่ื งจะถวายอกั ษรสาสนต์ อ่ พระหตั ถ์ ฝา่ ยไทยไมย่ อมการกเ็ ปน็ อนั เลกิ ไป ไมไ่ ดท้ ำหนงั สอื สญั ญา ฯ ครน้ั ในเดอื น ๑๐ ปเี ดยี วกนั นน้ั ฝา่ ยองั กฤษกใ็ หเ้ ซอเยมสบรกุ เขา้ มาขอแกห้ นงั สอื สญั ญาดว้ ยความปรารถนาอนั คลา้ ยคลงึ กนั ครง้ั นน้ั โปรดใหพ้ ระยาศรสี รุ ยิ วงษจ์ างวางมหาดเลก็ รบั ทตู แทน เจ้าพระยาพระคลัง ให้ทราบพระกระแสว่าจะไม่โปรดให้แก้หนังสือสัญญาเป็นแน่แล้ว เมื่อเจรจากันไป ก็ไม่ได้สำเร็จดังประสงค์ ราชทูตก็มิได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาททั้งสองคราว การซึ่งราชทูตมาทั้งสอง ครง้ั น้ี ทางพระราชไมตรเี ปน็ ทม่ี วั หมองรา้ วรานอยมู่ าก กพ็ อสน้ิ รชั กาล ฯ สว่ นการปอ้ งกนั พระนคร ตง้ั แตแ่ รกเสดจ็ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ิ กโ็ ปรดใหเ้ จา้ พระยาพระคลงั ลงไป ทำปอ้ มทเ่ี มอื งสมทุ ปราการ ซง่ึ ไดท้ รงเปน็ แมก่ องทำยงั มสิ ำเรจ็ ทเี ดยี วนน้ั ใหก้ ารนน้ั แลว้ เสรจ็ ทกุ สถาน แล้วจึ่งโปรดให้ชักเลขฝีพายไพร่หลวงและสมกำลัง บรรดาที่บ้านอยู่เมืองสมุทปราการมาสักเป็นทหาร ปืนใหญไ่ ว้สำหรับรักษาป้อม ทรงตั้งจางวาง ปลัดจางวาง เจ้ากรม ปลัดกรม เป็นฝ่ายซ้ายฝ่ายขวา ตำแหน่งใหม่ ให้อยู่ประจำรักษาราชการเป็นกวดขัน อนึ่งเมื่อขบถเวียงจัน โปรดให้หากองทัพที่ขึ้นทาง เมอื งปราจนิ บรุ ี กลบั ลงมารกั ษาเมอื งสมทุ ปราการสามทพั นน้ั กองทพั ไดจ้ ดั การทำปอ้ มเมอื งสมทุ ปราการ ฝา่ ยตะวนั ออก ใหช้ กั ปกี กาตง้ั แต่ปอ้ มประโคนไชยตลอดขน้ึ มาถงึ ฉางพรกิ ไทย ใหก้ อ่ ใบเสมาวางปนื ทกุ ชอ่ ง ทบ่ี างจะเกรงใหท้ ำปอ้ มขน้ึ อกี ปอ้ ม ๑ ชอ่ื ปอ้ มตรเี พช็ ร ตามหนา้ ปอ้ มผเี สอ้ื สมทุ นน้ั ใหป้ กั ตน้ ตาลหลาย ๆ ตน้ เปน็ หยอ่ ม ๆ รดั ดว้ ยปลอกเหลก็ ใหญ่ ไวช้ อ่ งแตเ่ ฉพาะเรอื เดนิ กนั ทางนำ้ แลว้ ใหเ้ อาตน้ ตาลปกั เสาตะพาน ๑ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๙๓ ๒ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๗๕
๒๓๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ตง้ั แตป่ อ้ มเขา้ มาถงึ ฝง่ั ทอดตะพานใหเ้ ดนิ ไดโ้ ดยสะดวก แลว้ ใหต้ ดั ทางบกเปน็ ทางตรงขน้ึ มาถงึ กรงุ เทพ ฯ ให้ทำตะพานข้ามคลองปักเสาด้วยต้นตาลสำหรับจะได้เดินข่าวราชการ และส่งไพร่พลอุดหนุนได้โดยเร็ว ทั้งสองฟากน้ำ แล้วให้ถมศิลาเป็นเกาะเหนือป้อมผีเสื้อสมุท แล้วให้ก่อพระเจดีย์สถานในที่นั้นมีศาลา รายสห่ี ลงั แลว้ โปรดใหเ้ กบ็ ไพรห่ ลวงฝพี ายและสมกำลงั เปน็ ทหารปนื เพม่ิ เตมิ ขน้ึ อกี ทเ่ี มอื งสมทุ สาคร โปรดให้พระยาโชฎึกราชเศรษฐี ออกไปทำป้อมที่ทางร่วมริมปากคลองมหาไชยป้อม ๑ พระราชทาน ชอ่ื ปอ้ มวเิ ชยี รโชฎก ใหช้ กั มอญกองเจา้ พระยามหาโยธาซง่ึ ไปทำมาหากนิ ในเขตแขวงนน้ั เปน็ ทหารปนื รกั ษา ป้อม ครั้นในจุลศักราช ๑๑๙๔ ๑ โปรดให้เจ้าพระยาพระคลังออกไปสร้างป้อมกำแพงเมืองกาญจนบุรี ณ ฝั่งตะวันออกอีกเมือง ๑ เจ้าพระยาพระคลังก็เกณฑ์กองมอญออกไปเผาอิฐทำการจนแล้วเสร็จ แล้ว โปรดให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ไปทำป้อมที่เมืองสมุทสงครามอีกป้อม ๑ พระราชทานชื่อว่าป้อมพิฆาฏข้าศึก ฯ ครั้นในจุลศักราช ๑๑๙๖ ๒ เมื่อโปรดให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา และเจา้ พระยาพระคลงั ลงไปตเี มอื งไซง่ อ่ นกลบั มาแลว้ ไมเ่ ปน็ ทไ่ี วว้ างพระราชหฤทยั กลวั วา่ ญวนจะคดิ ตอบแทน จึ่งโปรดให้เจ้าพระยาพระคลังออกไปสร้างกำแพงเมืองจันทบุรี เจ้าพระยาพระคลังเห็นว่า เมอื งเกา่ นน้ั ตง้ั อยลู่ กึ เขา้ ไปหลงั หมบู่ า้ นคน ถา้ มขี า้ ศกึ ศตั รมู าโดยทางนำ้ กจ็ ะถงึ หมบู่ า้ นคนกอ่ น ไมเ่ ปน็ ท่ี ป้องกันอันใดได้ จึ่งได้ให้รื้อป้อมกำแพงเสียมาสร้างเมืองใหม่ที่เนินวง ซึ่งอยู่ในระหว่างบางกระจะและ เมอื งเกา่ แลว้ สรา้ งวดั ในเมอื งนน้ั วดั ๑ ชอ่ื วดั โยธานมิ ติ รแลว้ ใหจ้ มน่ื ราชามาตยส์ รา้ งปอ้ มทแ่ี หลมดา่ นปากนำ้ ปอ้ ม ๑ ชอ่ื ปอ้ มไพรพี นิ าศ ซอ่ มแปลงใหมท่ แ่ี หลมสงิ หป์ อ้ ม ๑ ชอ่ื ปอ้ มพฆิ าฏปจั จามติ รแลว้ โปรดใหก้ รมหลวง รักษรณเรศออกไปสร้างป้อมกำแพงที่เมืองฉะเชิงเทราอีกตำบล ๑ โปรดให้สร้างวัดไว้ในกลางเมือง ซึ่ง พระราชทานนามในบัดนี้ว่า วัดบิตุลาธิราชรังสฤดิ อนึ่ง เมื่อจุลศักราช ๑๑๙๙ ๓ ทรงพระราชดำริว่า เมอื งพระตะบองเปน็ เมอื งหนา้ ดา่ นตอ่ เขตแดนเขมร เสาซง่ึ ปกั เปน็ ระเนยี ดเมอื งแตก่ อ่ นทรดุ โทรมไปไมเ่ ปน็ ทม่ี น่ั คง จง่ึ โปรดใหเ้ จา้ พระยาบดนิ ทรเ์ ดชาซง่ึ เปน็ แมท่ พั ใหญไ่ ปประจำอยใู่ นทน่ี น้ั คดิ ทำอฐิ เผาปนู ขน้ึ กอ่ ปอ้ ม กำแพงเมอื ง เจา้ พระยาบดนิ ทรเ์ ดชาไดท้ ำการปอ้ มกำแพงแลว้ เสรจ็ ในปเี ดยี ว ไดร้ บั ทอ้ งตราดำรสั สรรเสรญิ ไปในครั้งนั้น ภายหลังเมื่อเจ้าพระยาบดินทร์เดชากลับเข้ามาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท โปรดให้พระยา ราชสุภาวดีออกไปขัดทัพอยู่แทน ครั้งนั้นโปรดให้สร้างเมืองนครเสียมราฐอีกเมือง ๑ แล้วเสร็จตาม พระราชประสงค์ ส่วนการที่เมืองสมุทปราการนั้น ก็โปรดให้กรมขุนเดชอดิศร กรมหมื่นเสพสุนทร ๑ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๗๕ ๒ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๗๗ ๓ ตรงกบั พ.ศ. ๒๓๘๐
บรุ พภาคพระธรรมเทศนา ๒๓๓ กรมหมื่นณรงคห์ รริ กั ษ ลงไปเปน็ แมก่ องทำการทค่ี า้ งอยสู่ บื ไปไดก้ ำแพงเมอื งเชงิ เทนิ โอบหลงั มาปลายปกี กา แลว้ ขดุ คลู อ้ มกำแพงดา้ นหลงั เมอื งใหเ้ ปน็ ทม่ี น่ั คง แลว้ ใหส้ รา้ งปอ้ มขน้ึ ทป่ี ากคลองบางปลากดอกี ปอ้ ม ๑ ชอ่ื ปอ้ มคงกระพนั อนง่ึ ในปมี ะโรง ฉศก จลุ ศกั ราช ๑๒๐๖๑ เกดิ เหตขุ ดั ขอ้ งขน้ึ ดว้ ยเรอ่ื งฝรง่ั ซง่ึ เขา้ มาคา้ ขาย ทรงสงสัยว่าจะไปคิดอ่านพากองทัพเข้ามาตีกรุง จึ่งโปรดให้กรมหลวงรักษรณเรศ ลงไปจัดการทำป้อม เมอื งนครเขอ่ื นขนั ธใ์ หเ้ ปน็ ทส่ี กดั กน้ั อกี ชน้ั ๑ คอื ปอ้ มมหาสงั หารและปอ้ มเพชหงึ ทำปกี กาขน้ึ ทห่ี นา้ เมอื งอกี ๒ ตำบล ชอ่ื ปกี กาวงเดอื น แลว้ โปรดให้เจา้ พระยาพระคลงั ลงไปทำท่เี มอื งสมทุ ปราการ ชกั ปกี กาขน้ึ อกี ทง้ั สองฟากนำ้ ตอ่ ปอ้ มนาคราชลงไป พระราชทานชอ่ื วา่ ปกี กาพบั สมทุ ปอ้ มผเี สอ้ื สมทุ นน้ั ใหร้ อ้ื ชน้ั บนเสยี ตง้ั ใบเสมาปกี กาออกไปสองขา้ ง แลว้ ใหท้ ำทนุ่ ปกั หลกั ตน้ โกลนขงึ โซแ่ ลน่ สายโซข่ า้ มแมน่ ำ้ ทห่ี ลงั ปอ้ มผเี สอ้ื สมุทข้ามมาถึงปากคลองด่านฝั่งตะวนั ออก แล้วให้ถมศิลาที่แหลมฟ้าผ่ารั้วกาวนอีกห้ากอง ไว้ช่อง แต่เฉพาะเรือเดิน เรียกว่าโขลนทวาร ครั้นในปัจฉิมกาลโปรดให้พระยาศรีสุริยวงจางวางมหาดเล็ก ไปสรา้ งปอ้ มขน้ึ ทบ่ี างจะเกรงใหเ้ ปน็ ทพ่ี กั แมท่ พั พระราชทานชอ่ื วา่ ปอ้ มเสอื ซอ่ นเลบ็ การปอ้ งกนั พระนคร ทางทะเลนน้ั พระองคท์ รงเปน็ พระราชธรุ ะอนั ยง่ิ ใหญม่ ไิ ดเ้ วน้ วา่ ง อนึ่ง ทรงพระราชดำริว่า แต่ก่อนมามีการสงครามแต่กับฝ่ายพม่า ไม่สู้จะต้องใช้กองทัพเรือ ครง้ั นท้ี างไมตรกี บั ญวนหมน่ หมองจะเกดิ สงครามขน้ึ กจ็ ะตอ้ งใชก้ องทพั เรซื ง่ึ ใชไ้ ดใ้ นทอ้ งทะเล จง่ึ โปรด ให้เจ้าพระยานครศรีรรมราชคิดต่อเรือรบขึ้นเป็นตัวอย่าง เจ้าพระยานครก็ไดต้ ่อเรือปากปลาท้ายกำปั่น แปลง มีที่พลแจวนั่งได้ทั้งสองกราบเรือปากกว้าง ๙ ศอกคืบ ยาว ๑๑ วา พระราชทานชื่อเรือตัวอย่าง นั้นว่า เรือมหาพิไชยฤกษ แล้วพระราชทานทุนเกณฑ์ให้เสนาบดีเจ้าภาษีนายอากรต่อคนละลำสองลำ ไดเ้ รอื สามสบิ ลำ พระราชทานชอ่ื ทว่ั ทกุ ลำ แลว้ ใหป้ ลกู โรงรกั ษาไวส้ ำหรบั ใชร้ าชการ ครน้ั เมอ่ื จลุ ศกั ราช ๑๑๙๖ ๒ ได้รบพุ่งติดพันกันกับญวนเข้าแล้ว จึ่งโปรดให้เกณฑ์ขอแรงต่อใหม่อีก ๘๐ ลำ เป็นเรือป้อม อย่างญวน ไว้ใช้ราชการในกรุงเทพ ฯ ๔๐ ลำ จ่ายไปใช้ราชการในหัวเมือง ๔๐ ลำ ภายหลังโปรดให้ เจ้าหมื่นไวยวรนารถคิดต่อเรืออย่างกำปั่นขึ้นทีเ่ มืองจันทบุรีเปนตัวอย่างใช้ได้เรียบร้อยดี จึ่งให้ต่ออีกราย ไปตามระยะปไี ดถ้ งึ ๑๒ ลำ สำหรบั ใชร้ าชการศกึ สงครามและการคา้ ขาย อนึ่ง การในพระนครซึ่งเป็นที่ชนสัญจรไปมา ได้โปรดให้ขุดคลองบางขนากบรรจบคลองพระโขนง เป็นทาง ๓๓๗ เส้น ๑๙ วา คลอง ๑ คลองที่เรียกว่าสุนัขหอนขุดแยกทน่ี ้ำชนเข้าไปในทุ่งริมบ้านโพหัก ๑ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๘๗ ๒ ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๗๗
๒๓๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ คลอง ๑ คลองบางขุนเทียนบรรจบคลองด่านวัดปากน้ำและแยกเป็นสองสายคลอง ๑ อนึ่ง ในรัชกาลนั้นได้โปรดให้ยกบ้านอันมประชุมชนอยู่มากขึ้นเป็นเมือง นอกจากเมืองซึ่งตั้งขึ้น สำหรับพวกครัวเมืองลาวเชิงเขาประทัด ๖ เมืองนั้น เมืองขึ้นกรมมหาดไทย ๒๑ เมือง คือ เมือง ประจนั ตคาม เมอื งกระบนิ ทรบรุ ี เมอื งอรญั ประเทศ เมอื งวฒั นานคร เมอื งศรโี สภณ เมอื งอำนาจเจรญิ เมอื งเสนางคนคิ ม เมอื งลำเนาหนองปรอื เมอื งภแู ลน่ ชา้ ง เมอื งเรณนู คร เมอื งรามราฐ เมอื งอาจสามารถ เมอื งอากาศอำนวย เมอื งหนองคาย เมอื งโพนพไิ สย เมอื งไชยบรุ ี เมอื งคำเขอ่ื นแกว้ เมอื งสะเมยี ะ เมอื งภเู วยี ง เมอื งปากเหอื ง เมอื งคำทองนอ้ ย เมอื งเชลำเพา เมอื งขน้ึ กรมพระกลาโหมเมอื ง ๑ คอื เมอื งกำเนดิ นพคณุ เมอื งขน้ึ กรมทา่ เมอื ง ๑ คอื เมอื งพนศั นคิ ม และพระองคท์ รงพระมหากรณุ าแกไ่ พรฟ่ า้ ประชาราษฎรทว่ั หนา้ ทรงตั้งพระราชกฤษฎีกาพระราชกำหนดสำหรับที่จะปราบปรามคนพาลทุจริตคิดหากินโดยมิชอบธรรม ใหร้ าษฎรทง้ั ปวงอยเู่ ยน็ เปน็ สขุ ตามกาลสมยั มตี ง้ั พระราชกำหนดโจรหา้ เสน้ เปน็ ตน้ และไดท้ รงตง้ั กลอง วนิ จิ ฉยั เภรไี วใ้ หร้ าษฎรทม่ี ที กุ ขร์ อ้ นมาตรี อ้ งฎกี า และดำรสั ใหข้ า้ ราชการพจิ ารณา แลว้ ทรงตดั สนิ เปน็ นจิ นริ นั ดรมไิ ดเ้ วน้ วา่ ง ฯ สว่ นพระราชทรพั ยท์ จ่ี ะสำหรบั จบั จา่ ยการพระนครและแจกเบย้ี หวดั ประจำปี ในรชั กาล นั้นเกิดการภาษีอากรขึ้นมาก มีภาษี เกลือ น้ำมันมะพร้าว ไต้ ชัน น้ำมันยางเป็นต้น พระราชทรัพย์ ก็ค่อยสมบูรณ์ขึ้น เงินที่จะจ่ายราชการพระนครและการพระราชกุศลก็มีมากกว่ารัชกาลที่ ๒ พระบรม วงศานวุ งศแ์ ละขา้ ราชการกไ็ ดเ้ บย้ี หวดั ทวขี น้ึ ทกุ ถว้ นหนา้ เงนิ เดอื นพระบรมวงศานวุ งศฝ์ า่ ยหนา้ ฝา่ ยในกเ็ รม่ิ พระราชทานขึ้นในรัชกาลนั้นเป็นต้นมา ฯ และการในพระราชวังและพระนครซึ่งชำรุดปรักหักพังไป พระองค์ก็ได้โปรดให้รื้อลงซ่อมแซมและสถาปนาใหม่ มีพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระที่นั่งจักรพรรดิ พิมาน พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาทเป็นต้น ตลอดจนซ่อมป้อมกำแพงและประตูพระนคร ให้ถาวร มั่นคงอยู่มิให้เสื่อมทราม การพระราชกุศลพระองค์ทรงปฏิสังขรณ์และสร้างพระอารามใหม่เป็นอันมาก เปน็ จำนวนพระอารามทไ่ี ดท้ รงสรา้ งใหม่ ๔ พระอาราม มวี ดั ราชโอรส และวดั สทุ ศั นเ์ ทพวรารามเปน็ ตน้ ทท่ี รงปฎสิ งั ขรณ์ ๓๔ พระอารามมวี ดั พระศรรี ตั นศาสดารามและวดั พระเชตพุ นเปน็ ตน้ ทพ่ี ระบรมวงศานวุ งศ์ และข้าราชการสร้างก็พระราชทานทุนช่วย สิ้นพระราชทรัพย์เป็นอันมาก และพระอารามเหล่านั้นย่อม วจิ ติ รดว้ ยฝมี อื ชา่ งตา่ ง ๆ พน้ ทจ่ี ะพรรณนาพเิ ศษกวา่ พระอารามซง่ึ มมี าแตก่ าลกอ่ น หาคราวใดเสมอมไิ ด้ ครน้ั เมอ่ื สรา้ งพระอารามทง้ั หลายนน้ั แลว้ เสรจ็ ลง กโ็ ปรดใหม้ มี หกรรมการฉลองเปน็ การใหญ่ ทรงบำเพญ็ พระราชกศุ ลในการฉลองพระอารามนน้ั เปน็ อเนกนกั พน้ ทจ่ี ะพรรณนา และทรงสรา้ งพระพทุ ธปฏมิ ากร พระฉลองพระองคห์ มุ้ ดว้ ยทองคำ ถวายพระนามพระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกย์ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาไลย
บรุ พภาคพระธรรมเทศนา ๒๓๕ และพระพุทธรังสฤดิ พระพุทธเจษฎาบดินทร์ และพระพุทธรูปฉลองพระองค์อื่น ๆ อีกเป็นอันมาก และใหห้ ลอ่ พระพทุ ธรปู พระองคใ์ หญ่ มีพระประธานในวดั สทุ ศั นเ์ ทพวราราม และพระประธานวดั ราช นดั ดารามเปน็ ตน้ ทรงสรา้ งพระปรยิ ตั ธิ รรมฉบบั เอกจบ ๑ ฉบบั โทจบ ๑ กรอบเทพชมุ นมุ จบ ๑ กรอบลาย กำมะลอจบ ๑ ฯ และทรงอดุ หนนุ พระภกิ ษสุ งฆใ์ หเ้ ลา่ เรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม ดว้ ยบรมราโชบายและราชสงั คห เป็นอเนกประการ ในขณะนั้นพระสงฆ์ซึ่งรู้พระไตรปิฎกไพศาลสมบูรณ์ยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนเป็นอันมาก ฯ และทรงพระเมตตากรุณาแก่ยาจก วนิพก ทรงเพิ่มเติมจัดการโรงทานให้แพร่หลายไพบูลย์ยิ่งขึ้นกว่า แต่ก่อน ฯ การพระราชพิธีอันใดซึ่งเป็นการสำหรับพระนครก็ได้ทรงประพฤติตามพระราชจริยามาแต่ก่อน ทุกประการ และเพิ่มเติมขึ้นบ้าง มีเลี้ยงพระสงฆ์ในวันตรุษจีนเป็นต้น ฯ และทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ในการพระเมรทุ อ้ งสนามหลวงกห็ ลายครง้ั หลายคราว มกี ารพระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาไลย และการพระศพกรมสมเดจ็ พระศรสี ลุ าไลย พระบรมราชชนนเี ปน็ ตน้ ฯ และมีสระสนานใหญ่ ในรชั กาลนน้ั ครง้ั ๑ ฯ พระองคม์ พี ระราชหฤทยั อนั เยอื กเยน็ ไปดว้ ยพระมหากรณุ าหา่ งเหนิ จากวหิ งิ สาอาฆาต ในอันที่มิควร ทรงเคารพต่อพระพุทธศาสนา และพระบรมวงศ์ยิ่งนัก ทรงประพฤติราชกรณียกิจน้อย ใหญ่สม่ำเสมอมิได้เคลื่อนคลาด ตั้งแต่บรรทมตื่นไปจนเวลาเข้าที่พระบรรทม และมิได้ทรงสดับคำร้อง และทอดพระเนตรฟอ้ นรำ เสดจ็ ประทบั อยแู่ ตใ่ นพระบรมมหาราชวงั ไมไ่ ดเ้ สดจ็ พระราชดำเนนิ ประภาส แห่งใด เว้นไว้แต่เวลาพระราชทานพระกฐิน ทรงประกอบไปด้วยพระสติสัมปชัญญะมั่นคงยั่งยืนมิได้ พลง้ั พลาด เสดจ็ ดำรงสริ ริ าชสมบตั มิ าโดยความผาสกุ สริ สิ วสั ดจิ นถงึ จลุ ศกั ราช ๑๒๑๒ ๑ ปจี อโทศก ทรง พระประชวรไม่สบายพระองค์มาตั้งแต่เดือน ๑๐ แต่ในเดือนท้ายฤดูพรรษาได้เสด็จพระราชดำเนิน พระราชทานพระกฐินได้ตลอดตามเคยอย่างทุกปี แต่นั้นมาพระอาการก็ไม่สบายมากขึ้น พระบังคลเบา ขนุ่ ขน้ เปน็ ตะกอน พระองคก์ ท็ รดุ โทรมลงโดยลำดบั ไดป้ ระชมุ แพทยถ์ วายพระโอสถพระอาการกไ็ มเ่ คลอ่ื น คลายขน้ึ พระองคท์ รงทราบชดั แตเ่ ดมิ มา วา่ พระอาการซง่ึ ทรงประชวรครง้ั น้ี จะเปน็ อวสานแหง่ พระชนมายุ มไิ ดท้ รงประมาท ครน้ั ณ วนั ๒ ฯ๘๓ คำ่ ๒ จง่ึ โปรดเกลา้ ฯ ใหห้ ากรมหมน่ื วงษาสนทิ พระยาพพิ ฒั โกษา ให้จดหมายดำเนินพระบรมราชโองการ ยกพระตรัยสรณะคมขึ้นเป็นเบื้องต้น แล้วดำเนินพระกระแส พระราชดำรัสว่า ให้เจ้าพระยาพระคลัง พระยาศรีพิพัฒ พระยาราชสุภาวดี กับขุนนางผู้น้อยเป็น สามัคคีแก่กัน ช่วยกันรักษาแผ่นดินของสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวอันเป็นปฐมกษัตริย์สืบมาถึง ๖๙ ปี พระบรมวงศานุวงศก์ ็มีมาก จะให้ทรงบังคับว่าให้พระองค์ใดเป็นเจ้าแผ่นดินนั้นขอเสียเถิด แล้วแต่ ๑ ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๙๓ ๒ ถ้าเป็นวันจันทร์ ทางจันทรคติตรงกับ ๒๙ฯ ๓ ค่ำ ตรงกับวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๙๓
๒๓๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ จะพรอ้ มกนั สมมตุ พิ ระองคใ์ ด ใหเ้ หน็ แกพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทง้ั สามพระองค์ อยา่ ใหฆ้ า่ ฟนั กนั เสียนักเลย จงช่วยรักษาแผ่นดินไปด้วยกันเถิด ในท้ายกระแสพระบรมราชโองการนั้น ทรงขอยกเงิน พระคลังข้างที่หมื่นชั่ง ทองร้อยชั่งไว้สำหรับใช้ในการปฏิสังขรณ์พระอาราม และทรงพระราชดำริด้วย พระอฐั พิ ระอยั กาพระอยั กแี ละกรมสมเดจ็ พระศรสี ลุ าไลยวา่ จะเปน็ ทก่ี ดี ขวาง ขอใหม้ อบไวแ้ กพ่ ระเจา้ ลกู เธอ พระองค์ใด ๆ ถ้าพระราชโอรสหมดสิ้นไปก็ให้มอบแก่พระราชบุตรีรักษาไว้ การซึ่งพระองค์พระราชทาน พระบรมราชานญุ าตใหเ้ ลอื กพระเจา้ แผน่ ดนิ ตามชอบใจของชนเปน็ อนั มากเชน่ น้ี กด็ ว้ ยอาศยั ทท่ี รงประกอบ ด้วยพระสติและพระปัญญา ทรงพิจารณาเห็นการอันจะเป็นสุขเรียบร้อยไปภายหน้าอย่างไรตลอดแล้ว และมิได้ทรงพระอาลัยในสิริราชสมบัติจนถึงมุ่งหมายจะให้ตกแก่พระราชโอรสตามธรรมดาโลก ด้วยทรง เคารพ ต่อบรมราชบรรพบุรุษและรักแผ่นดินกรุณาต่อไพร่ฟ้าประชากรเป็นอันมาก หวังจะให้พระราช อาณาเขตดำรงอยใู่ นเอกราชปราศจากการจลาจลสบื ไปภายหนา้ เปน็ พยานในพระราชอธั ยาศยั ของพระองค์ ซึ่งได้เสด็จดำรงอยู่ในความสุจริตธรรมแต่เดิมมาจนถึงปัจฉิมกาล และพระราชดำริประการใดนั้นได้ ปรากฏชดั ในกระแสพระบรมราชโองการซง่ึ ไดด้ ำรสั แกพ่ ระยาศรสี รุ ยิ วงษจ์ างวางมหาดเลก็ วา่ ทรงพระราช ดำรเิ หน็ วา่ ผซู้ ง่ึ จะเปน็ เจา้ แผน่ ดนิ นน้ั กรมขนุ เดชอดศิ รกพ็ ระกรรณเบา กรมขนุ พพิ ธิ ภเู บนทรกด็ แี ตจ่ ะเลน่ ท่านฟ้าน้อยก็เป็นช่างเชียวดีอยู่ แต่ไม่เอาราชการชอบแต่การเล่น เห็นแต่ท่านฟ้าใหญ่ คือ พระบาท สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่กลัวว่าจะให้พระสงฆ์ห่มมอญทั้งแผ่นดิน เพราะฉะนั้นพระองค์ จึ่งไม่ทรงจำกัดมอบสิริราชสมบัติแก่พระองค์ใด ด้วยเกรงจะไม่เป็นที่ชอบใจท่านทั้งปวงทั่วไป แต่ครั้น เมอ่ื ภายหลงั กด็ ปู ระหนง่ึ จะทรงทราบพระญาณชดั เจน วา่ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั จะไดเ้ ถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ิ จง่ึ ไดโ้ ปรดใหจ้ ดหมายพระราชดำรสั พระราชทานแกก่ รมสมเดจ็ พระเดชาอดศิ ร ใหท้ ลู กรมสมเดจ็ พระปรมานุชติ ๑ ด้วยเรื่องพระสงฆ์ห่มผ้า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้ทรงทำ คำสารภาพถวายยอมตามกระแสพระราชดำริ เปน็ อนั ตอ้ งตามพระราชอธั ยาศยั ภายหลงั โปรดใหถ้ วาย คา่ จตปุ จั จยั แกภ่ กิ ษสุ ามเณร ในพระอารามหลวงรปู ละหา้ ตำลงึ เปน็ เงนิ ถงึ พนั แปดรอ้ ยสามสบิ แปดชง่ั เป็นการพระราชกุศลอันยิ่งใหญ่ และได้ดำรัสอาราธนาให้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รบั พระราชดำรสั ทรงขมาพระภกิ ษสุ งฆซ์ ง่ึ ไดท้ รงลว่ งเกนิ เปน็ การพลง้ั พลาดมาแตก่ าลกอ่ น แตน่ น้ั มาพระองค์ ทรงพระประชวรพระอาการทรดุ ลงโดยลำดบั ทรงพระราชดำรวิ า่ ถา้ จะเสดจ็ สวรรคตในพระทน่ี ง่ั จกั รพรรดิ พมิ านองคต์ ะวนั ออก ซง่ึ เปน็ ทพ่ี ระบรรทมแตเ่ ดมิ มา กจ็ ะเปน็ ทร่ี งั เกยี จแกพ่ ระเจา้ แผน่ ดนิ ซง่ึ จะดำรง ๑ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส
บรุ พภาคพระธรรมเทศนา ๒๓๗ สริ ริ าชสมบตั สิ บื ไปภายหนา้ จง่ึ เสดจ็ แปรสถานมาประทบั อยู่ ณ พระทน่ี ง่ั องคต์ ะวนั ตก พระองคด์ ำรง อยู่ในพระสติสัมปชัญญะเป็นปรกติเรียบร้อยมา แต่พระอาการนั้นยิ่งทรุดหนักไป ๆ ตามลำดับ จนถึง ณ วัน ๔๑ฯ ๕ ค่ำ ๑ ปีกุน ยังเป็นโทศก จุลศักราช ๑๒๑๒ เวลา ๘ ทุ่มห้าบาทเสด็จสวรรคต พระ ชนมายุ ๖๓ ปี กบั ๑๑ วนั ฯ เสดจ็ ดำรงในสริ ริ าชสมบตั ิ ๒๕ ปี กบั ๗ เดอื น ๒๓ วนั ดว้ ยประการฉะน้ี ฯ ๑ ตรงกับวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๓๔๙
๒๓๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔
จดหมายเหตพุ ระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ สวรรคต ๒๓๙ จดหมายเหตุ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต
๒๔๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔
จดหมายเหตพุ ระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ สวรรคต ๒๔๑ จดหมายเหตุ พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั สวรรคต อธิบายพระนามและนามที่ปรากฏในจดหมายเหตุ พระพุทธรังสรร พระพทุ ธรปู ฉลองพระองคพ์ ระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก พระพทุ ธนมิ ติ พระพทุ ธรปู ฉลองพระองคพ์ ระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั }เจา้ ฟา้ ใหญ่ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เจา้ ฟา้ มงกฎุ พระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั เจา้ ฟา้ นอ้ ย พระองคเ์ จา้ สรุ ยิ า พระเจา้ ลกู เธอในรชั กาลท่ี ๑ กรมขนุ รามอศิ เรศ ตอ่ มาเลอ่ื นเปน็ กรมพระ พระองคเ์ จา้ มง่ั พระเจา้ ลกู เธอในรชั กาลท่ี ๒ }พอ่ มง่ั ตอ่ มาเลอ่ื นเปน็ สมเดจ็ กรมพระยาเดชาดศิ ร พระองคเ์ จา้ พนมวนั พระเจา้ ลกู เธอในรชั กาลท่ี ๒ กรมขนุ เดชอดศิ ร ตอ่ มาเลอ่ื นเปน็ กรมพระ กรมขนุ พพิ ธิ ภเู บนทร พระองคเ์ จา้ วาสกุ รี พระเจา้ ลกู เธอในรชั กาลท่ี ๑ ทรงผนวชเปน็ พระราชาคณะเจา้ คณะกลางอยวู่ ดั พระเชตพุ น กรมหมน่ื นชุ ติ ชโิ นรส ตอ่ มาทรงรบั มหาสมณตุ ตมาภเิ ษก เปน็ สมเดจ็ กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส กรมหมน่ื พทิ กั ษเ์ ทเวศร์ พระองคเ์ จา้ กญุ ชร พระเจา้ ลกู เธอในรชั กาลท่ี ๒ ตอ่ มาเลอ่ื นเปน็ กรมพระ กรมหมน่ื วงศาสนทิ พระองคเ์ จา้ นวม พระเจา้ ลกู เธอในรชั กาลท่ี ๒ ตอ่ มาเลอ่ื นเปน็ กรมหลวงวงศาธริ าชสนทิ พระองคเ์ จา้ ฤกษ์ พระเจา้ ลกู เธอในกรมพระราชวงั บวร ฯ รชั กาลท่ี ๒ ทรงผนวชเปน็ พระราชาคณะอยวู่ ดั บวรนเิ วศถงึ รชั กาลท่ี ๕ ทรงรบั มหาสมณตุ ตมาภเิ ษก เปน็ สมเดจ็ กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณ์
๒๔๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ พระองคเ์ จา้ ลดาวลั ย์ พระเจา้ ลกู เธอในรชั กาลท่ี ๓ ตอ่ มาเปน็ กรมหมน่ื ภมู นิ ทรภกั ดี พระองคเ์ จา้ อรณพ พระเจา้ ลกู เธอในรชั กาลท่ี ๓ ตอ่ มาเปน็ กรมหมน่ื อดุ มรตั นราศี ๑ พระองคเ์ จา้ อไุ ร พระเจา้ ลกู เธอในรชั กาลท่ี ๓ ตอ่ มาเปน็ กรมหมน่ื อดุ มลกั ษณสมบตั ิ พระองคเ์ จา้ บตุ รี พระราชธดิ าในรชั กาลท่ี ๓ ถงึ รชั กาลท่ี ๕ เปน็ กรมหลวงวรเสรฐสดุ า หมอ่ มเจา้ พระรอง ในกรมหลวงพเิ ศษศรสี วสั ด์ิ พระเจา้ ลกู เธอรชั กาลท่ี ๑ ทรงผนวชเปน็ เปรยี ญ ๙ ประโยค ตอ่ มาไดเ้ ปน็ หมอ่ มเจา้ พระญาณวราภรณ์ ท่ี เจา้ พระยาพระคลงั พระราชาคณะอยวู่ ดั บพติ รพมิ ขุ พระยาศรพี พิ ฒั น์ (ดศิ บนุ นาค ) ตอ่ มาเลอ่ื นเปน็ สมเดจ็ เจา้ พระยาบรมมหาประยรู วงศ์ พระยาราชสภุ าวดี (ทศั บนุ นาค ) ตอ่ มาเลอ่ื นเปน็ สมเดจ็ เจา้ พระยาบรมมหาพชิ ยั ญาติ พระยาศรสี รุ ยิ วงศ์ (โต กลั ยาณมติ ร) ตอ่ มาเลอ่ื นเปน็ เจา้ พระยานกิ รบดนิ ทร ท่ีสมหุ นายก (ชว่ ง บนุ นาค) ตอ่ มาเลอ่ื นเปน็ เจา้ พระยาทส่ี มหุ พระกลาโหม พระยาเพช็ รพชิ ยั ถึงรัชกาลที่ ๕ เลื่อนเป็น สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ พระยาอภยั โนฤทธ์ิ (เสอื สนธริ ตั น) ตอ่ มาเปน็ เจา้ พระยาธรรมา พระยาเทพวรชนุ พระยาพพิ ฒั โกษา (บญุ ศรี บรุ ณศริ )ิ ตอ่ มาเลอ่ื นเปน็ พระยามหาอำมาตย์ แล้วเป็นเจ้าพระยาธรรมา ถึงรัชกาลที่ ๕ เป็น พระยาโชฎกึ ราชเศรษฐี เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี พระยาประชาชพี (ทองจนี ไกรฤกษ์) พระยาเพช็ รปาณี พระยาราชเสนา (ขนุ ทอง) ตอ่ มาเลอ่ื นเปน็ พระยาเพช็ รพชิ ยั พระอนิ ทรเทพ พระยาพเิ รนทรเทพ (ปาน) ตอ่ มาเลอ่ื นเปน็ พระยาราชสภุ าวดี พระศรสี หเทพ ๑ เฉลมิ พระยศเจา้ นาย เลม่ ๑ และราชสกุลวงศ์ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๓๖ ว่า “กรมหมน่ื อดุ มรตั นราษ”ี
จมน่ื สรรเพธภกั ดี จดหมายเหตพุ ระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ สวรรคต ๒๔๓ จมน่ื เสมอใจราช จมน่ื ราชามาตย์ (ครฑุ ) ภายหลงั เปน็ เจา้ พระยายมราช จมน่ื ราชาบาล (เกษ สงิ หเสน)ี ภายหลงั เปน็ เจา้ พระยามขุ มนตรี จมน่ื สมหุ พมิ าน (ขำ บนุ นาค) ตอ่ มาเปน็ เจา้ พระยาทพิ ากรวงศ์ (แพ บนุ นาค) ตอ่ มาเปน็ พระยาศรพี พิ ฒั น์ จมน่ื อนิ ทามาตย์ ถงึ รชั กาลท่ี ๕ เลอ่ื นเปน็ เจา้ พระยา หลวงศรกี าฬสมทุ หลวงรกั ษาสมบตั ิ (แยม้ บนุ นาค) ตอ่ มาเปน็ พระยาวรพงศพ์ พิ ฒั น์ หลวงเทพ (สสั ด)ี ธดิ าเจา้ พระยานกิ รบดนิ ทร เปน็ เจา้ จอมมารดา หลวงพทิ กั ษสเุ ทพ กรมหลวงวรเสรฐสดุ า ถงึ รชั กาลท่ี ๕ เปน็ ทา้ วสมศกั ด์ิ ขนุ ราชนทิ าน (แสง) หมน่ื อภยั (ธรรมการ) นายชยั ขรรค์ เจา้ จอมมารดาอง่ึ ทา้ วศรสี จั จา
๒๔๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ อธิบายเบื้องต้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเถลิงถวัลยราชสมบัติ เมื่อปีวอก พ.ศ. ๒๓๖๗ เสด็จดำรง สริ ริ าชสมบตั มิ าโดยความผาสกุ สริ สิ วสั ดไ์ิ ด้ ๒๕ พรรษา ครน้ั ถงึ ปจี อ จลุ ศกั ราช ๑๒๑๒ (พ.ศ. ๒๓๙๓) ทรงพระประชวรไม่สบายพระองค์มาตั้งแต่เดือน ๑๐ แต่ในเดือนท้ายฤดูพรรษา ทรงพระอุตสาหะเสด็จ พระราชดำเนินพระราชทานพระกฐินได้ตลอดตามเคยอย่างทุกปี แต่นั้นมาพระอาการก็ไม่สบายมากขึ้น พระองค์ก็ทรุดโทรมลงโดยลำดับ ได้ประชุมแพทย์ถวายพระโอสถ พระอาการก็ไม่เคลื่อนคลายขึ้น พระองคท์ รงทราบชดั วา่ พระอาการซง่ึ ทรงพระประชวรครง้ั น้ี จะเปน็ อวสานแหง่ พระชนมายมุ ไิ ดท้ รงประมาท จึงทรงแสดงพระราชปรารภและพระราชประสงค์ด้วยเรื่องต่าง ๆ ดังปรากฏอยู่ในจดหมายเหตุที่พิมพ์ไว้ใน สมดุ เลม่ น้ี พระราชปรารภเรื่องปกครองแผ่นดิน พทุ ธฺ ํ สรณํ คจฉฺ ามิ ธมมฺ ํ สรณํ คจฉฺ ามิ สงฆฺ ํ สรณํ คจฉฺ ามิ คณุ พระรตั นตรยั อนั เปน็ ใหญ่ ในโลกน้ี ให้เจา้ พระยาคลงั พระยาศรพี พิ ฒั พระยาราชสภุ าวดี กบั ขนุ นางผนู้ อ้ ยผนู้ อ้ ยทง้ั ปวงจงเปน็ สามคั ครี สแกก่ นั และกนั ตง้ั ใจฉลองพระเดชพระคณุ สมเดจ็ พระพทุ ธเจา้ อยหู่ วั ทง้ั ๒ พระองคม์ านานแลว้ ไดช้ ว่ ยกนั รกั ษาแผน่ ดนิ ของสมเดจ็ พระพทุ ธเจา้ อยหู่ วั อนั เปน็ ปฐมกษตั รยิ ม์ าไดถ้ งึ ๖๙ ปี จนมพี ระญาติ ประยุรวงศานุวงศ์สืบ ๆ มาเป็นอันมากประมาณถึงพันหนึ่งสองพัน แต่ที่เป็นผู้หญิงนั้นยกเสีย ว่าแต่ ผชู้ ายทเ่ี ปน็ ผใู้ หญก่ ม็ ี กลางคนกม็ ี เดก็ กม็ นี น้ั สมเดจ็ พระพทุ ธเจา้ อยหู่ วั ไดช้ บุ ยอ้ มคณุ านรุ ปู ทกุ องค์ แต่ที่จะให้บังคับให้ท่านผู้ใดเป็นเจ้าแผ่นดิน บังคับไม่ได้ขอเสียเถิด ให้พระญาติประยุรวงศานุวงศ์กับ ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยประนีประนอมกัน สมมุติจะให้พระองค์ใดหรือผู้ใดขึ้นเป็นเจ้าแผ่นดินก็สุดแต่จะเห็น พร้อมกันเถิด ให้เห็นแก่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า สมเดจ็ พระพทุ ธเจา้ อยหู่ วั ดว้ ย อยา่ ใหฆ้ า่ ฟนั กนั เสยี นกั เลย จงชว่ ยกนั รกั ษาแผน่ ดนิ ไปดว้ ยกนั เถดิ อนึ่งการพระราชกุศลซึ่งได้สร้างวัดวาอารามกับทั้งพระราชกุศลสิ่งอื่น ๆ ยังค้างอยู่เป็นอันมากนั้น ถ้าท่านผู้ใดจะได้ครองแผ่นดินสืบไปจงสงเคราะห์แก่ข้าด้วย เงินในท้องพระคลังทั้งข้างหน้าข้างใน มีอยู่สัก ๔๐,๐๐๐ ชั่งเศษ ขอไว้ให้ข้าสัก ๑๐,๐๐๐ ชั่ง จะได้ใช้ในการพระราชกุศลซึ่งยังอยู่นั้น เงนิ อกี ๓๐,๐๐๐ ชง่ั เศษ จงเอาใชใ้ นการแผน่ ดนิ ตอ่ ไปเถดิ ทองคำกม็ อี ยกู่ วา่ ๒๐๐ ชง่ั เศษ ขอแบง่ ไว้ ใหข้ า้ เปน็ สว่ นพระราชกศุ ลปดิ วดั วาอารามทย่ี งั คา้ งอยนู่ น้ั ใหส้ ำเรจ็ กอ่ น ทองเหลอื อยจู่ ากนน้ั จะใชท้ ำเครอ่ื ง ละเมง็ ละครและการแผน่ ดนิ กต็ ามเถดิ
จดหมายเหตพุ ระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ สวรรคต ๒๔๕ อนึ่งพระอัฐิพระอัยกาพระอัยกีของข้าซึ่งอยู่ในหอพระอัฐินั้นกีดอยู่ ก็ให้มอบไว้แก่พระเจ้าลูกเธอ พระองคใ์ ด กต็ ามเถดิ ถา้ และเขาฆา่ เสยี หมดแลว้ กม็ อบไวก้ บั พระเจา้ ลกู เธอผหู้ ญงิ ทย่ี งั เหลอื นน้ั จะได้ เชญิ ไปเสยี ใหพ้ น้ ถงึ พระบรมอฐั สิ มเดจ็ พระศรสี ลุ าไลย ๑ นเ้ี ลา่ กเ็ ปน็ สงู เทา้ หนา้ ตำ่ เทา้ หลงั หาสมควร ทจ่ี ะอยรู่ ว่ มกบั พระบรมอฐั ไิ ม่ กใ็ หเ้ ชญิ ไปไวก้ บั พระอฐั พิ ระอยั กาพระอยั กเี สยี ดว้ ยเถดิ จดหมายกระแสพระราชโองการฉบับนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้กรมหมื่นวงษาสนิท พระยาพพิ ฒั โกษา เขยี นออกมา ณ วนั จนั ทรเ์ ดอื น ๓ ขน้ึ ๘ คำ่ ๒ ปจี อโทศก เพลาตี ๑๑ ทมุ่ เศษ กระแสพระราชดำริด้วยเรื่องรัชทายาท๓ (คดั จากพระราชพงศาวดารของเจา้ พระยาทพิ ากรวงศ์) ครั้น ณ วันอังคารเดือน ๓ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ๔ เพลาบ่าย ๕ โมง มีรับสั่งให้หาพระยาศรีสุริยวงศ์ จางวางมหาดเลก็ เขา้ ไปเฝา้ ในท่ี มพี ระราชโองการถามวา่ พระยาพพิ ฒั น์ ฯ ไดเ้ อาจดหมายทท่ี รงอนญุ าตนน้ั ออกไปปรกึ ษาหารอื เสนาบดีแลว้ หรอื เขาวา่ กระไรบา้ ง พระยาศรสี รุ ยิ วงศก์ ราบทลู วา่ ไดท้ ราบเกลา้ ทราบ กระหมอ่ ม ทกุ คนพากนั เศรา้ โศกและเหน็ วา่ โปรด ฯ ดงั นพ้ี ระเดชพระคณุ เปน็ ทส่ี ดุ ปรกึ ษากนั วา่ พระโรคนน้ั ยังไม่ถึงตัดรอน แพทย์หมอยังพอฉลองพระเดชพระคุณได้อยู่ ซึ่งจะยกพระวงศานุวงศ์พระองค์ใด พระองค์หนึ่งขึ้นก็ยังไม่สมควร จะช่วยกันฉลองพระเดชพระคุณว่าราชการแผ่นดินมิให้มีเหตุการณ์ ภยั อนั ตรายขน้ึ ได้ จงึ ตรสั สง่ั ใหท้ า่ นพระยาศรสี รุ ยิ วงศ์ ขยบั เขา้ ไปใหช้ ดิ พระองค์ ใหล้ บู ดพู ระสรรี กาย แลว้ ดำรสั วา่ รา่ งกายทรดุ โทรมถงึ เพยี งนแ้ี ลว้ หมอเขาวา่ ยงั จะหายอยไู่ มเ่ หน็ ดว้ ยเลย การแผน่ ดนิ ไปขา้ งหนา้ ไมเ่ หน็ ผใู้ ดทจ่ี ะรกั ษาแผน่ ดนิ ได้ กรมขนุ เดชเลา่ ทา่ นกเ็ ปน็ คนพระกรรณเบา ใครจะพดู อะไรทา่ นกเ็ ชอ่ื งา่ ย ๆ จะเป็นใหญ่โตไปไม่ได้ กรมขุนพิพิธเล่าก็ไม่รู้จักการงาน ปัญญาก็ไม่สอดส่องไปได้ ท่านฟ้าน้อยเล่า กม็ สี ตปิ ญั ญารวู้ ชิ ชาการชา่ งและการทหารตา่ ง ๆ อยู่ แตไ่ มพ่ อใจทำราชการ เกยี จครา้ น รกั แตก่ ารเลน่ สนกุ เทา่ นน้ั ทส่ี ตปิ ญั ญาพอจะรกั ษาแผน่ ดนิ ไดอ้ ยู่ กเ็ หน็ แตท่ า่ นฟา้ ใหญค่ นเดยี ว แตร่ งั เกยี จอยวู่ า่ ทา่ นฟา้ ใหญ่ ถืออย่างมอญ ถ้าเป็นเจ้าแผ่นดินขึ้นก็จะให้พระสงฆ์ห่มผ้าอย่างมอญเสียหมดทั้งแผ่นดินดอกกระมัง กลวั เจา้ นายขา้ ราชการเขาจะไมช่ อบใจ จงึ ไดอ้ นญุ าตใหต้ ามใจคนทง้ั ปวงสดุ แทแ้ ตจ่ ะเหน็ พรอ้ มเพรยี งกนั การต่อไปภายหน้าเห็นแต่เองที่จะรับราชการเป็นอธิบดีผู้ใหญ่ต่อไป การศึกสงครามข้างญวนข้างพม่า ๑ เฉลมิ พระยศเจา้ นายเลม่ ๑ วา่ “ศรสี ลุ าลยั ” พ.ศ. ๒๕๓๘ ๒ ถ้าเป็นวันจันทร์ ทางจันทรคติจะตรงกับเดือน ๓ ขึ้น ๙ ค่ำ ตรงกับวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๙๓ ๓ ดูความในหน้า ๑๕๑ - ๑๕๒ ของพระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๓ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๖ ความจ๔ะคลตาดรงเคกับลอ่ืวันนทกนัี่ ๑เล๑ก็ นกอ้ ุมยภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๙๓
๒๔๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ เหน็ จะไมม่ แี ลว้ จะมอี ยกู่ แ็ ตพ่ วกขา้ งฝรง่ั ใหร้ ะวงั ใหด้ อี ยา่ ใหเ้ สยี ทแี กเ่ ขาได้ การงานสง่ิ ใดของเขาทค่ี ดิ ควรจะรำ่ เรยี นเอาไวก้ ใ็ หเ้ อาอยา่ งเขา แตอ่ ยา่ ใหน้ บั ถอื เลอ่ื มใสไปทเี ดยี ว ทกุ วนั นค้ี ดิ สละหว่ งใหญใ่ หห้ มด อาลัยอยู่แต่วัดสร้างไว้ใหญ่โตหลายวัด ที่ยังค้างอยู่ก็มี ถ้าชำรุดทรุดโทรมไปจะไม่มีผู้ช่วยทะนุบำรุง เงนิ ในพระคลงั ทเ่ี หลอื จบั จา่ ยใชร้ าชการแผน่ ดนิ มอี ยู่ ๔๐,๐๐๐ ชง่ั * ขอสกั ๑๐,๐๐๐ ชง่ั เถดิ ถา้ ผใู้ ดเปน็ เจา้ แผน่ ดนิ แลว้ ใหช้ ว่ ยบอกแกเ่ ขา ขอเงนิ รายน้ี ใหช้ ว่ ยทะนบุ ำรงุ วดั ทช่ี ำรดุ และการวดั ทย่ี งั คา้ งอยนู่ น้ั เสยี ใหแ้ ลว้ ดว้ ย ทา่ นพระยาศรสี รุ ยิ วงศ์ รบั พระราชโองการแลว้ กร็ อ้ งไห้ ถอยออกมาจากทเ่ี ฝา้ พระราชอุทิศถวายพระธำมรงค์ทรงพระพุทธรูป วันพฤหัสบดี เดือน ๓ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีจอโทศก ๑ มีพระราชโองการโปรดเกล้า ฯ หา พระยา พพิ ฒั นโ์ กษา จมน่ื สรรเพธ็ ภกั ดี เขา้ ไปเฝา้ ในทพ่ี ระบรรทม ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ มอบพระธำมรงค์ ๔ องค์ คอื พระธำมรงคเ์ พชรใจกลางผลบวั ออ่ น ๑ พระธำมรงคเ์ พชรใจกลางผลสวาดออ่ น ๑ พระธำมรงคท์ บั ทมิ ใจกลางผลสวาดออ่ น ๑ พระธำมรงคท์ บั ทมิ ใจกลางผลบวั ออ่ น ๑ ทรงพระกรุณาดำรัสสั่งว่า พระอาการไม่คลายมีแต่ทรุดลงทุกวัน ทรงเห็นว่าพระโรคจะไม่หาย ถ้าสิ้น พระชนมเ์ สดจ็ สวรรคตแลว้ กใ็ หเ้ ชญิ พระธำมรงคเ์ ขา้ ไปทรงพระในหอ ( บญั ชรี ายละเอยี ดเพชรพลอยประดบั พระธำมรงค์ ๔ องค์ ) พระธำมรงคเ์ พชรองค์ ๑ มเี พชรใจกลางผลบวั ออ่ น ๑ เพชรมงคลผลมกั เขอื ออ่ น ๑๗ เพชรหนา้ จอกผลกลอ่ มแก่ ๑๔ เพชรบา่ ผลกลำ่ ปอก ๒ เพชรมงคลบา่ ผลเขอื แก่ ๒๖ รวม ๖๐ เพชรประดบั กา้ นผลกลอ่ มแก่ ๖ (กา้ น) ๒ ผลเขอื แก่ ๔ (กา้ น) ผลงาออ่ น ๗ (กา้ น) ผลงาแก่ ๒๓ รวม ๔๐ รวมทง้ั องคเ์ ปน็ ๑๐๐ พระธำมรงคน์ ใ้ี สก่ ลอ่ งทองรปู ไขห่ ลงั ประดบั นลิ ๓ * รชั กาลท่ี ๔ ทรงระบวุ า่ จำนวนพระราชทรพั ยใ์ นพระคลงั มปี ระมาณ ๔๕,๐๐๐ ชง่ั เศษ (จาก “ประกาศวา่ ดว้ ยเงนิ สำหรบั ซอ่ มแซม พระอาราม ซง่ึ เปน็ สว่ นพระองค”์ ในประชมุ กฎหมายประจำศก เลม่ ๗, พระนคร : โรงพมิ พเ์ ดลเิ มล,์ ๒๔๗๘) - กวป. ๑ ตรงกับวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๙๓ ๒ ขอ้ ความในวงเลบ็ ตง้ั แตต่ อนนเ้ี ปน็ ตน้ ไป เปน็ การเพม่ิ เตมิ ตามตน้ ฉบบั หนงั สอื สมดุ ไทยดำ หมวดจดหมายเหตุ ร.๓ จ.ศ. ๑๒๑๒ ๓ ตน้ ฉบบั หนงั สอื สมดุ ไทยดำเปน็ “นดิ ”
จดหมายเหตพุ ระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ สวรรคต ๒๔๗ พระธำมรงค์ทับทิม ๑ องค์ มีทับทิมใจกลางผลสวาดอ่อน ๑ (ทับทิม) บ่าทับทิมกล่ำอ่อน ๒ หนา้ เพชรผลกลอ่ มแก่ ๑๒ รวมทง้ั องคเ์ ปน็ ๑๕ พระธำมรงคอ์ งคน์ ใ้ี สก่ ำปน่ั ทองหลงั กราบชา้ ง ทง้ั ๒ องคน์ ท้ี รงพระพทุ ธรงั สรรค์ พระธำมรงคเ์ พชรอกี องค์ ๑ มเี พชรใจกลางผลสวาดออ่ น เปน็ เรอื นนอกมเี พชรเมด็ เดยี ว ๑ พระธำมรงคท์ บั ทมิ อกี องค์ ๑ มที บั ทมิ ใจกลางผลบวั ออ่ น ๑ มงคลเพชรผลเขอื แก่ ๑๘ หนา้ จอก ทับทิมผลบัวอ่อน ๑๔ บ่าทับทิมผลกล่ำแก่ ๒ รองบ่าเพชรผลกล่อมปอก ๒ ก้านเพชรผลเขืออ่อน ๗ กา้ นเพชรผลเขอื ออ่ นแก่ ๓๐ เปน็ ทบั ทมิ ๑๗ เพชร ๕๗ รวมทง้ั องคเ์ ปน็ ๗๔ พระธำมรงค์ ๒ องค์นี้ใส่กล่องนากหลังประดับพลอยดอกตะแบกอยู่กล่องเดียวกัน ทั้ง ๒ องค์นี้ ทรงพระพทุ ธนมิ ติ พระราชปรารภเรื่องพระสงฆ์ห่มแหวก พอ่ มง่ั ขา พอ่ จงเปน็ เชฐมตั ตญั ญู พอ่ จงรวู้ ารนำ้ จติ และอธบิ ายของขา้ ผพู้ ่ี อนั ขนั ธะทพุ พลภาพมาก อยแู่ ลว้ ดว้ ยแผน่ ดนิ ศรอี ยธุ ยาทรงพระเจา้ แผน่ ดนิ มา ๒ พระองคแ์ ลว้ กบั พด่ี ว้ ยอกี คนหนง่ึ เปน็ ๓ ตง้ั แตแ่ ผน่ ดนิ ลน้ เกลา้ ลน้ กระหมอ่ ม สมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ ทา่ นได้ปราบดาภเิ ษกปขี าลนน้ั มาได้ ๕ ปี ถงึ ปีมะแมพี่จึงเกิด ตั้งแต่จำความได้มาจนอายุได้ ๒๒ ปี ได้บวชในแผ่นดินนั้น ต่ออายุได้ ๒๓ จึงสิ้น แผ่นดินไป มาเป็นแผ่นดินของล้นเกล้าล้นกระหม่อมอีก ๑๖ ปี จึงมาเป็นแผ่นดินของพี่ พระภิกษุผู้เป็น สังฆรัตน์ในกรุงศรีอยุธยาก็เห็นนุ่งสบงทรงจีวร เป็นลูกบวบทั้งสิ้นด้วยกัน แต่พม่ารามัญที่เข้ามาพึ่ง พระบรมโพธิสมภารอยู่นั้น และเห็นครองผ้า ผิดกับพระภิกษุของเรา จึงเรียกกันว่าพระมอญ เดี๋ยวนี้ พระไทยกห็ ม่ ผา้ เปน็ มอญ โดยอตั โนมตั ปิ ญั ญาของพเ่ี หน็ วา่ ถา้ ลน้ เกลา้ ลน้ กระหมอ่ มยงั เสดจ็ อยกู่ เ็ หน็ จะให้ ประชมุ พระราชาคณะ ไดว้ า่ กลา่ วกนั ใหเ้ หน็ วา่ ควรไมค่ วรนานอยแู่ ลว้ นพ่ี ก่ี ลวั จะเปน็ บาปเปน็ บญุ เปน็ คณุ เป็นโทษพระสงฆ์จะแตกร้าวกันไปจึงมิได้ว่ากล่าว แต่ใจนั้นรักแต่อย่างโบราณอย่างเดียวนั้น และสืบไป เบื้องหน้าพระภิกษุไทยซึ่งห่มผ้าเป็นมอญนั้นสูญไป พี่เห็นว่าจะควรกับศรีอยุธยา ก็ถ้าแม้นกลับมากขึ้น อกี ดว้ ยเหตอุ นั ใดอนั หนง่ึ ชอ่ื ของพผ่ี ไู้ ดเ้ ปน็ เจา้ แผน่ ดนิ กม็ แี ตจ่ ะเสยี ไป เขาจะวา่ เปน็ เมอื งมอญเมอื งพมา่ ไปเสียมาแต่ครั้งแผ่นดินนั้น นี่แลเป็นความวิตกของพี่มากนักหนา ให้พ่อเห็นแก่พี่ช่วยเอาขึ้นแจ้งกับ กรมหมื่นนุชิตชิโนรส เธอเป็นบรมญาติอันใหญ่ทรงไว้ซึ่งผ้ากาสาวพัสตร์ทั้งรู้พระสัทธรรมของพระเจ้าเป็น ๑ ขอ้ ความตอนนต้ี น้ ฉบบั หนงั สอื สมดุ ไทยดำวา่ “เพช เรอนี นอกเมตเดยว่ิ ผลสวาดออนองค ๑”
๒๔๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ อนั มาก แลว้ กเ็ ปน็ พระภกิ ษศุ รอี ยธุ ยา พม่ี จี วี รอยผู่ นื หนง่ึ ใหพ้ อ่ ชว่ ยถวายกรมหมน่ื นชุ ติ ถา้ เธอจะรบั เอาไว้ ครองไดก้ ใ็ หถ้ วายเธอเถดิ ถา้ เธอจะมริ บั ไวค้ รองแลว้ กใ็ หเ้ อาคนื มาเสยี จดหมายกระแสพระราชโองการฉบบั น้ี ทรงพระกรณุ าโปรดใหพ้ ระเจา้ ลกู เธอ พระองคเ์ จา้ อรณพ๑ เขยี นออกมา ณ วนั องั คาร เดอื น ๓ แรม ๒ คำ่ ๒ ปจี อโทศก เพลาตี ๒ ทมุ่ เศษ คำสารภาพของสมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟา้ มงกฎุ กระหมอ่ มฉนั เจา้ ฟา้ มงกฎุ สมมตุ เิ ทวาวงศ์ ขอรบั พระราชทานสารภาพโดยสตั ยโ์ ดยจรงิ วา่ แตก่ อ่ น เมอ่ื เปน็ ภกิ ษหุ นมุ่ แรกบวช กำลงั ตง้ั หนา้ หาความรวู้ นิ ยั สกิ ขา ไปคบหากบั พระสงฆพ์ วกศกึ ษาคดิ ละเอยี ด ไปตา่ ง ๆ ไดฟ้ งั ทา่ นพดู กนั วา่ หม่ อยา่ งรามญั เหน็ ถกู ตอ้ งดว้ ยเหตตุ า่ ง ๆ กพ็ ลอยเปน็ ไปดว้ ย แตย่ งั ไมไ่ ดห้ ม่ เอง มไิ ด้ ครน้ั ภายหลงั พระสงฆอ์ น่ื ๆ ทา่ นหม่ เขา้ ไปในพระราชวงั เปน็ รบั สง่ั ถามเลย ๆ มไิ ดม้ รี บั สง่ั กพ็ ลอยคดิ ดใี จไปวา่ ทรงพระกรณุ าโปรดใหถ้ อื ตามชอบใจ จงึ พลอยทำดว้ ยตอ่ มา โดยรกั ไปขา้ งทางสกิ ขาหาไดน้ กึ มา ถึงพระเกียรติยศและการแผ่นดินเป็นของสำคัญแข็งแรงเหมือนดังทรงพระราชดำริครั้งนี้ไม่เลย ถ้านึกได้ แต่ครั้งนั้นก็มิได้ประพฤติมาดังนี้ อนึ่งเมื่อครั้งโน้นเป็นแต่มีศิษย์เป็นพระสงฆ์อนุจรอยู่ ๕ องค์ ๖ องค์ ไม่ทราบว่าจะมีศิษย์หามากมายไป ครั้นอาศัยพระบารมีเป็นที่ทรงพระกรุณาชุบเลี้ยงบริษัทจึงมากขึ้น จึงคิดเห็นบ้างว่าจะประพฤติห่มอย่างรามัญไม่สมควรแก่พระเกียรติยศและประเพณีพระนคร แต่กาล เลยมานานแลว้ กก็ ระดากอยู่ และไมม่ ผี ใู้ หญบ่ งั คบั บญั ชาเปน็ ทอ่ี า้ งกเ็ กรงใจศษิ ยห์ า พวกพอ้ งทป่ี ระพฤติ เหมือนกันอยู่นั้น ครั้งนี้ได้รับสั่งในกรมเป็นที่อ้างก็ยินดีจะประพฤติตามพระราชประสงค์ สนองพระเดช พระคุณมิให้มีความรำคาญเคืองพระบรมราชอัธยาศัย พระเดชพระคุณเป็นที่ล้นที่พ้น ชีวิตอยู่ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท อนึ่งก็จะได้เป็นสามัคคีคารวะด้วยพระราชาคณะผู้ใหญ่เป็นอันมากต่อไป ในเบื้องหน้าดว้ ย ควรมคิ วรสดุ แตจ่ ะโปรด ปฏิญาณนี้ถวายไว้แต่ ณ วันพฤหัสบดี เดือน ๓ แรม ๔ ค่ำ ๓ ปีจอโทศก พระลงั กาในอารามน้ี ๑๑ องค์ ขอรบั ประทานตามใจเขาเถดิ บา้ นเมอื งครอู าจารยเ์ ขาทบ่ี วชอยา่ งนน้ั ๑ ต้นฉบับหนังสือสมุดไทยดำ หมวดจดหมายเหตุ ร.๓ จ.ศ. ๑๒๑๒ วา่ “พระองคเ์ จา้ อรณพ” เฉลมิ พระยศเจา้ นาย เลม่ ๑ ไมพ่ บ ประกาศ ราชสกุลวงศ์ ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๓๖ ว่า “พระองคเ์ จา้ ชายอรรณพ” เป็นต้นสกุล “อรณพ” ๒ ตรงกับวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๙๓ ๓ ตรงกับวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๙๓
จดหมายเหตพุ ระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ สวรรคต ๒๔๙ ครน้ั เคย่ี วเขญ็ เขา้ ความจะองึ ออกไปนอกบา้ นนอกเมอื ง อธบิ ายเรอ่ื งตอ่ มา ถึงรัชกาลที่ ๔ พระสงฆ์ธรรมยุติกาซึ่งต้องห่มผ้าคลุมอย่างมหานิกาย พากันถวายพระพรขอ พระราชทานพระบรมราชานุญาตกลับห่มแหวกอย่างเดิม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสตอบว่า การปฏิบัติพระธรรมวินัยเป็นการของสงฆ์ แล้วแต่จะศรัทธาอย่างไรก็ปฏิบัติ อยา่ งนน้ั ไมเ่ กย่ี วดว้ ยฝา่ ยอาณาจกั ร เพราะฉะนน้ั ไมท่ รงหา้ มปรามหรอื ทรงอนญุ าตทง้ั ๒ สถาน แตน่ น้ั พระสงฆธ์ รรมยตุ กิ ากก็ ลบั หม่ แหวกตอ่ มา คำวินิจฉัยเรื่องพระสงฆ์ห่มผ้า (สันนิษฐานว่าสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรสถวาย) ผ้าอันตรวาสก แปลว่าผ้าปิดบังซึ่งโทษ ด้วยเหตุโดยพยัญชนะ อนฺตร แปลว่าโทษ วาสก แปลวา่ ปดิ วา่ กำบงั ผา้ อตุ ตฺ ราสงค แปลวา่ ผา้ บงั เฉวยี ง ผา้ คลอ้ งอยโู่ ดยมากในเบอ้ื งซา้ ย อตุ ตฺ ร แปลวา่ เบื้องซ้าย อาสงค แปลว่าคล้องอยู่โดยมาก สํฆาฏิ แปลว่าป้องกันอันตรายโดยรอบ สํ แปลว่าโดยรอบ ฆาฏิ แปลวา่ ปอ้ งกนั เสยี ซง่ึ อนั ตราย ถา้ จะนงุ่ หม่ กค็ วรจะกระทำใหต้ อ้ งตามแปลจงึ จะชอบ ผา้ สบงเปน็ ผา้ นงุ่ ปกนาภมี ณฑลและชงฆมณฑล ผา้ จวี รหม่ เปน็ ผา้ บงั เฉวยี ง ผา้ สงั ฆาฏหิ ม่ เปน็ ผา้ คลมุ ปกกจิ มณฑล อนง่ึ ในมหาอรรถกถาวา่ สมปมาณํ จวี รํ ปารเุ ปนเฺ ตน สหํ รติ วฺ า พาหาย อปุ ริ ฐปตา อุโภ อนฺตา พหิมุขา ติฏฺฐฺนฺติ ความว่า ชายทั้ง ๒ อันพระภิกษุเมื่อห่มซึ่งจีวรอันประมาณ พอเสมอมว้ นเขา้ แลว้ ตง้ั ลงในเบอ้ื งบนแหง่ แขน มหี นา้ ในภายนอกตง้ั อยู่ และจะเอาผา้ จวี รซอ้ นเขา้ กบั ผา้ สงั ฆาฏหิ ม่ คลมุ มว้ นบวบวางลงเสมอบา่ นน้ั เหน็ จะไมต่ อ้ งดว้ ยความอนั น้ี พระราชปรารภเรื่องอาการทรงพระประชวร ทา่ นทง้ั หลายทง้ั ปวงแพทยห์ มอตา่ ง ๆ กด็ ี คนเราทม่ี ปี ญั ญากด็ ี จงรอู้ าการโรคของขา้ ซง่ึ เจบ็ ครง้ั น้ี เดมิ ใหก้ ะเสาะกระแสะกนิ ขา้ วไมม่ รี ส ตง้ั แตเ่ ปน็ มาสกั ปเี ศษสองปแี ลว้ กนิ ขา้ วเกา้ มอ้ื สบิ มอ้ื จะมรี สสกั มอ้ื หนง่ึ เบอ่ื ขา้ วสวยกนิ แตข่ า้ วตม้ ขา้ วบหุ ร่ี ขา้ วมลู กะทิ มอ้ื หนง่ึ ไดส้ กั ถว้ ยหนง่ึ คอ่ นถว้ ย แลว้ กใ็ หเ้ จบ็ หลงั เสยี ดทอ้ งขา้ งซา้ ยตามชายโครงตง้ั แตย่ อดอกไปจนถงึ เกลยี วปตั คาด ตามสายเสยี ดตง้ั แตช่ ายโครงลงไปจน กระทง่ั ขอ้ เทา้ ไดใ้ หห้ มอนวดกห็ ายบา้ ง พอปะทะปะทงั อยบู่ า้ งวนั หนง่ึ กบั คนื หนง่ึ ๒๔ ชว่ั โมง ไดค้ วาม สขุ เปน็ ปรกตคิ รง่ึ หนง่ึ บา้ งคอ่ นหนง่ึ บา้ ง ครน้ั นานมากไ็ ดค้ วามสขุ แตเ่ มอ่ื ขณะนวด โรคเปน็ ดงั นไ้ี ดบ้ อกแก่
๒๕๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ หมอนวดใหห้ ายาใหก้ นิ มาหลายขนานนกั หนาแลว้ พอปะทะปะทงั มาได้ รา่ งกายกซ็ บู ผอมลงทกุ วนั ๆ เดี๋ยวนี้เจ็บจนลงล้มหมอนนอนเสื่อ ก็มีโรคอยู่แต่เพียงให้เสียดให้เฟ้อข้างตำหระชายดังกล่าวแล้ว เกดิ ขน้ึ ใหมแ่ ตป่ ดิ อจุ จาระปดิ ผายลมเสยี นอนหงายไมไ่ ดใ้ หเ้ สยี ดใหเ้ ตน้ ไปในทอ้ ง ใหป้ วดฝกั ใหค้ ลน่ื ให้เหียน ให้หิวเป็นกำลังกินข้าวไม่ได้เลย ให้เจ็บหน้าตะโพกนอนไม่หลับ กลางคืนคืนหนึ่งเคลิ้มไปได้ สัก ๓ บาทนาฬิกา กลางวันสักชั่วโมงหนึ่งเอาเป็นดี กินยาก็พอปะทะปะทังมาได้ แล้วโรคเกิดขึ้นอีก อยา่ งหนง่ึ ใหข้ ดั ปสั สาวะเบาออกเลก็ นอ้ ย ใหป้ วดอยเู่ ปน็ หลายวนั จงึ คอ่ ยเบามากออกมาได้ คลายปวดไป หนอ่ ยหนง่ึ โรคซง่ึ เกดิ อยใู่ นกายนน้ั กม็ แี ตเ่ ทา่ น้ี และจะเปน็ อยา่ งไรมากกวา่ นข้ี น้ึ ไปอกี พเิ คราะหด์ กู ย็ งั ไม่เห็น ท่านผู้ใดเป็นแพทย์เป็นหมอและมีสติปัญญา น้ำจิตกอปรไปด้วยเมตตากรุณา จงคิดอ่านช่วย เยียวยาโรคข้าให้หายสักครั้งหนึ่งเถิด ข้าจะให้ส่วนกุศลซึ่งข้าได้ทำบุญให้ทานไว้ ในพระพุทธศาสนา และการกศุ ลตา่ ง ๆ อกี เปน็ ทส่ี ดุ จนไดใ้ หท้ านขา้ วนกขา้ วกากนิ แกท่ า่ นกง่ึ หนง่ึ หนงั สอื อนั น้ี ถา้ ทา่ นผใู้ ด ได้เห็นได้อ่านแล้ว ถ้าเห็นเหลือสติปัญญาซึ่งจะเยียวยาโรคข้าให้หายได้ ก็จงจำเริญพระไตรลักษณ์ว่า นามรปู ํ อนจิ จฺ ํ นามรปู ํ ทกุ ขฺ ํ นามรปู ํ อนตตฺ า จะมผี ลานสิ งสแ์ กต่ นเปน็ อนั มาก จดหมายพระราชทานพระอาการฉบับนี้ ทรงพระกรุณาโปรดให้พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าบุตรี เชญิ ออกมาใหพ้ ระยาราชสภุ าวดี ณ วนั ศกุ ร์ เดอื น ๓ แรม ๕ คำ่ ๑ ปจี อโทศก เวลาเชา้ ๔ โมงเศษ คำขุนราชนิทานแพทย์สนองพระราชปรารภ เรื่องอาการพระโรค ขา้ พระพทุ ธเิ จา้ ขนุ ราชนทิ านไดร้ บั ใสเ่ กลา้ ใสก่ ระหมอ่ มฟงั พระอาการ ไดท้ ราบเกลา้ ทราบกระหมอ่ ม เหน็ ดว้ ยเกลา้ ดว้ ยกระหมอ่ มวา่ ซง่ึ ทรงพระประชวรครง้ั น้ี เพอ่ื พระวาโย กระษยั กลอ่ น จงึ กระทำใหแ้ นน่ ให้เสียดให้ขัดประบังคนหนักเบา ประทมไม่หลับ พระอาการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทาน ออกมาทง้ั น้ี จะขอสนองพระเดชพระคณุ ถวายพระโอสถใหห้ ายแตช่ า้ ควรมคิ วรแลว้ แตจ่ ะโปรด ขอเดชะ คำกรมหมื่นวงศาสนิทเสนอที่ประชุม เรื่องอาการทรงพระประชวร กรมหมน่ื วงศาสนทิ ขอรบั ประทานทำเรอ่ื งราวกราบทลู พระบรมวงศานวุ งศ์ ทง้ั พระเจา้ ลกู เธอทกุ ๆ ๑ ตรงกับวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๙๓
จดหมายเหตพุ ระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ สวรรคต ๒๕๑ พระองค์ กบั ทา่ นเสนาบดผี ใู้ หญแ่ ละทง้ั ขา้ ราชการผใู้ หญผ่ นู้ อ้ ย แตบ่ รรดาทเ่ี ปน็ ขา้ สมเดจ็ พระพทุ ธเจา้ อยหู่ วั ดว้ ยกนั จงคดิ ถงึ กตญั ญรู จู้ กั พระเดชพระคณุ ซง่ึ ทรงพระมหากรณุ าชบุ เกลา้ ชบุ กระหมอ่ มเลย้ี งตามควร กับวาสนาแห่งตน ๆ ได้เย็นเกล้าเย็นกระหม่อมทั่วหน้าคนทั้งสิ้น พระราชอาณาจักรของสมเด็จ พระพทุ ธเจา้ อยหู่ วั กก็ วา้ งขวางใหญโ่ ตเปน็ อนั มาก คงจะมผี รู้ วู้ ชิ าคณุ แหง่ แพทยต์ า่ ง ๆ อยู่ โดยกนั ทป่ี ว่ ย เป็นโรค เช่นทรงพระประชวรครั้งนี้ก็คงจะมีบ้าง พระอาการก็ยังไม่ถึงหนักถึงหนา มีแจ้งอยู่ที่โปรดให้ จดหมายพระราชทานออกมาไวท้ เ่ี จา้ คณุ สสั ดนี น้ั แลว้ กระหมอ่ มฉนั สนองพระเดชพระคณุ มากเ็ ตม็ สตปิ ญั ญา มาหลายวนั ชา้ นาน แลว้ กไ็ ดป้ รกึ ษาทา่ นพระยาราชสภุ าวดี พระยาพพิ ฒั นโ์ กษา ตรกึ ตรองถวายพระโอสถ มาก็หาคลายขึ้นได้สมคาดคิดไม่ พระอาการทบทวนไปยังประชวรอยู่ ครั้นขัดข้องจะหันหน้าไปปรึกษา ผู้ใดอีกก็พูดคำหนึ่งสองคำ แล้วก็เลยไป ครั้นปรึกษาเจ้ากรม ปลัดกรม ขุน หมื่น พัน ในกรมหมอ จดหมายแต่ตำรายาตา่ ง ๆ มาใหค้ นละ ๒ ขนานบา้ ง ๓ ขนานบา้ ง ครน้ั ไลเ่ ลยี งคาดคน้ั จะใหม้ น่ั คงเขา้ ก็นิ่งเสียบ้าง พูดจาเลื่อนไหลแก้ตัวไปต่าง ๆ หาแน่นอนแข็งแรงไม่ เหมือนเสียมิได้ก็เหมือนกัน ขอพระเดชพระคณุ ทกุ องคจ์ งชว่ ยกระหมอ่ มฉนั คดิ อา่ นสนองพระเดชพระคณุ สบื เสาะหาหมอและคนไขท้ เ่ี คย เจบ็ เปน็ โรคเชน่ พระอาการเคยไดพ้ บไดเ้ หน็ มาไลเ่ ลยี งชว่ ยกระหมอ่ มฉนั คดิ สนองพระเดชพระคณุ สมเดจ็ พระพทุ ธเจา้ อยหู่ วั ใหห้ าย จงึ จะควรมคิ วรแลว้ แตจ่ ะโปรด กรมหมน่ื วงศาสนทิ มายน่ื ณ วนั อาทติ ย์ เดอื น ๓ แรม ๗ คำ่ ๑ ปจี อโทศก เพลา ๓ โมงเชา้ พระราชทานจตุปัจจัยแก่พระสงฆ์ ศภุ มสั ดุ อดตี กาล พระพทุ ธศกั ราชชไมยสหสั สสงั วจั ฉระไตรสตาธฤก ไตรนวตุ ิ ปตั ยบุ นั กาล โสณสังวัจฉระ มาฆมาส กาฬปักษ์ อัฏฐมีดฤถี ศศิวาร บริเฉทกาลอุกกฤษฐ พระบาทสมเด็จ พระบรมนาถบรมบพติ ร พระพทุ ธเจา้ อยหู่ วั ผทู้ รงพระคณุ ธรรมอนั มหาประเสรฐิ ทรงพระราชศรทั ธา เป็นศาสนูปถัมภกยกพระพุทธศาสนา ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลบริจาคพระราชทรัพย์เป็นนิตยภัตและ คิลานภัต อุทิศถวายแก่ภิกษุสงฆ์สามเณรเนืองนิตย์เป็นหลายสิบปีมาแล้ว บัดนี้ทรงพระประชวรเพื่อ พระวาโย มพี ระกมลสนั ดานนอ้ มไปในพระรตั นตรยาธคิ ณุ ทรงเหน็ พระราชอานสิ งสใ์ นสงั ฆทานบารมี อันเป็นเหตุที่จะให้สำเร็จแก่พระโพธิญาณ โดยพระราชหฤทัย จึงทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าโปรด กระหมอ่ ม ให้พระเจา้ ลกู เธอ พระองคเ์ จา้ อรณพ เบกิ พระราชทรพั ยใ์ นทอ้ งพระคลงั มอบให้ไวยาวจั กร ๑ ตรงกับวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๙๓
๒๕๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ กปั ปยิ การกสำเรจ็ จตปุ จั จยั ทง้ั สถ่ี วายแกพ่ ระภกิ ษแุ ละสามเณรในพระอารามหลวง ในกรงุ นอกกรงุ และ หวั เมอื งซง่ึ ขน้ึ แกก่ รงุ เทพพระมหานคร แตบ่ รรดาซง่ึ ไดร้ บั พระราชทานนติ ยภตั มาแตก่ อ่ น องคห์ นง่ึ เงนิ ตรา ๕ ตำลงึ คดิ เปน็ พระภกิ ษสุ งฆ์นติ ยภตั สริ ถิ วายเงนิ กบั พระสงฆ์ ๘๔ อารามเปน็ พระสงฆ์ (ดงั น)้ี พระสงฆท์ ม่ี นี ติ ยภตั ๑ กรมหมน่ื นชุ ติ ๑ เจา้ ฟา้ มงกฎุ ๑ พระองคเ์ จา้ ฤกษ์ ๑ หมอ่ มเจา้ รอง ๖๘ พระราชาคณะ ๑๗ ฐานาตำแหนง่ ๑๕ ฐานาทเ่ี ปน็ เปรยี ญ ๑๙ พระครเู จา้ วดั ๑๐๔ เปรยี ญ ๑ เจา้ อธกิ าร ๗ สามเณรเปรยี ญ ๒๓๕ รวม พระสงฆท์ ร่ี บั ขา้ วถงั ๗ รปู ฐานาทเ่ี ปน็ เปรยี ญ ๓ ประโยค ๒๗๙ ชั่ง ฐานาสามญั เปรยี ญ ๓ ประโยค ๔๐ เปรยี ญ ๒ ประโยค ๓ พระอนจุ ร ๖,๗๖๖ สามเณรเปรยี ญ ๓ ประโยค ๒๒ ๗,๑๑๗ รวม ๗,๓๕๒ รวมทง้ั สน้ิ ๑,๘๓๘ (รปู ละ ๒๐ บาท) เปน็ เงนิ (๑๔๗,๐๔๐ บาท)
จดหมายเหตพุ ระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ สวรรคต ๒๕๓ พระราชกศุ ลซง่ึ ทรงบรจิ าคในครง้ั น้ี กจ็ ดั เปน็ อสทสิ ทาน ยากทผ่ี ใู้ ดจะกระทำได้ คงจะเปน็ ปจั จยั ใหส้ ำเรจ็ แกพ่ ระโพธญิ าณโดยราชประสงค์ อนง่ึ ขอพรพระสงฆส์ ากยบตุ รพทุ ธชโิ นรสทง้ั ปวง จงเปน็ ทพิ โอสถ อันประเสริฐ มาบำบัดพระโรคให้เสื่อมคลาย จะได้ทรงสร้างพระราชกุศลส่ำสมพระบารมีเป็นที่พึ่งแก่ พระวรวงศานวุ งศแ์ ละเสนามาตยมนตรี สมณชพี ราหมณป์ ระชาราษฎร ใหอ้ ยเู่ ยน็ เปน็ สขุ สบื ไปภายหนา้ จงทรงพระเจรญิ พระราชสริ สิ วสั ดพ์ิ พิ ฒั นมงคล พระชนมทฤฆายอุ ดุ มเทอญ ฯ บัญชีรายวันและรายการจ่ายเงินพระราชทานพระสงฆ์ วนั จนั ทรเ์ ดอื น ๓ แรม ๘ คำ่ ๑ ถวายพระสงฆ์ ๗ พระอาราม พระสงฆท์ ม่ี ีนติ ยภตั กรมหมน่ื นชุ ติ ๑ เจา้ ฟา้ มงกฎุ ๑ พระองคเ์ จา้ ฤกษ์ ๑ พระราชาคณะ ๑๒ ฐานาตำแหนง่ ๕ ฐานาทเ่ี ปน็ เปรยี ญ ๗ เปรยี ญ ๓๐ สามเณรเปรยี ญ ๔ รวม ๖๑ พระสงฆท์ ร่ี บั ขา้ วถงั ๔๒ ฐานาสามญั ๑๐ ฐานาทเ่ี ปน็ เปรยี ญ ๘๗๕ พระอนจุ ร ๓ สามเณรเปรยี ญ ๓ ประโยค ๙๓๐ ๙๙๑ รปู รวม ๒๔๗ ชง่ั ๑๕ ตำลงึ รวมทง้ั สน้ิ องคล์ ะ ๕ ตำลงึ เปน็ เงนิ ๑ ตรงกับวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๙๓
๒๕๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ วนั จนั ทรเ์ ดอื น ๓ แรม ๘ คำ่ วดั พระเชตพุ น กรมพระกลาโหม พระยาเทพวรชนุ เปน็ ผแู้ จกพระสงฆ์ ๔๑๓ รปู เงนิ ๑๐๓ ชง่ั ๕ ตำลงึ วดั บวรนเิ วศ ๑๐๒ รปู วดั บรมนวิ าส ๒๙ รปู วดั ดอกไม้ ๑ ๑๘ รปู วดั สจ่ี นี ๒ ๑ รปู กรมมหาดเลก็ เปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๑๕๐ รปู เปน็ เงนิ ๓๗ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วัดสุทัศนเทพวราราม กรมหมื่นพิทักษ์เทเวศร์ เป็นผู้แจก พระสงฆ์ ๓๕๔ รูป เงิน ๘๘ ชั่ง ๑๐ ตำลงึ วดั รงั สสี ทุ ธาวาส กรมมหาดไทย พระยาเพช็ รพไิ ชย พระยาราชเสนา เปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๗๔ รปู เงนิ ๑๘ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ รวมแจกในวันจันทร์เดือน ๓ แรม ๘ ค่ำ พระสงฆ์ ๙๙๑ รูป องค์ละ ๕ ตำลึง เป็นเงิน ๒๔๗ ชง่ั ๑๕ ตำลงึ วนั องั คารเดอื น ๓ แรม ๙ คำ่ ๓ ถวายเงนิ พระสงฆ์ ๑๘ พระอาราม ในกรงุ พระสงฆท์ ม่ี ีนติ ยภตั หมอ่ มเจา้ รอง ๑ พระราชาคณะ ๘ ฐานาตำแหนง่ ๔ ฐานาทเ่ี ปน็ เปรยี ญ ๒ พระครเู จา้ วดั ๑ เปรยี ญ ๒๔ รวม ๔๐ ๑ วัดบุปผาราม ๒ วัดจตุรมิตรประดิษฐาราม ๓ ตรงกับวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๙๓
จดหมายเหตพุ ระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ สวรรคต ๒๕๕ พระสงฆท์ ร่ี บั ขา้ วถงั ๒ ฐานาทเ่ี ปน็ เปรยี ญ ๓ ประโยค ๔๑ ฐานาสามญั ๕ เปรยี ญ ๓ ประโยค ๑,๔๒๓ พระอนจุ ร ๙ สามเณรเปรยี ญ ๓ ประโยค ๑,๔๘๐ ๑,๕๒๐ รวม รวมในกรงุ หวั เมอื ง พระราชาคณะ ๓ พระครู ๒ เปรยี ญนติ ยภตั ๑ เปรยี ญ ๒ ประโยค ๓ รวม ๙ รวมในกรงุ และหวั เมอื ง ๑,๕๒๙ รปู องคล์ ะ ๕ ตำลงึ เปน็ เงนิ ๓๘๒ ชง่ั ๕ ตำลงึ วนั องั คาร เดอื น ๓ แรม ๙ คำ่ วดั ชนะสงคราม กรมขนุ พพิ ธิ พระยาเพช็ รพชิ ยั พระยาราชเสนาเปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๑๗๙ รปู เงนิ ๔๔ ชง่ั ๑๕ ตำลงึ วดั เทพธดิ าราม กรมพระตำรวจ จมน่ื ราชามาตย์ เปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๑๒๕ รปู เงนิ ๓๑ ชง่ั ๕ ตำลงึ วัดมหาธาตุ กรมขุนรามอิศเรศ พระยาเทพวรชุนเป็นผู้แจก พระสงฆ์ ๔๐๐ รูป เงิน ๑๐๐ ชั่ง วดั ราชนดั ดา กรมมหาดเลก็ เปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๙๘ รปู เงนิ ๒๔ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วัดราชบุรณะ กรมท่ากลาง หลวงรักษาสมบัตเิ ป็นผู้แจก พระสงฆ์ ๓๗๘ รูป เงิน ๙๔ ชั่ง ๑๐ ตำลงึ
๒๕๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ วดั สามพระยา ๑๑๑ รปู วดั เครอื วลั ย์ ๗๕ รปู กรมมหาดเลก็ เปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๑๘๖ รปู เงนิ ๔๖ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วัดดาวดึงส์ ๒๔ รูป วัดฉิมพลี ๓๐ รูป วัดชิโนรสาราม ๑๔ รูป วัดใหม่ทองเสม ๑๗ รูป วดั ครฑุ ๒๑ รปู วดั พวา ๑ ๒๓ รปู วดั ราชสงิ ขร ๒ ๑๓ รปู วดั ลาดบวั ขาว ๑๑ รปู วดั ขนุ จนั ทร ๑ รปู กรมพระตำรวจ พระยาอภยั โนฤทธิ เปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๑๕๔ รปู เงนิ ๓๘ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วดั นนทร์ ามญั ๕ รปู วดั ประทมุ ธานี ๔ รปู ในกรมแจก พระสงฆ์ ๙ รปู เปน็ เงนิ ๒ ชง่ั ๕ ตำลงึ รวมแจกในวันอังคาร เดือน ๓ แรม ๙ ค่ำ พระสงฆ์ ๑,๕๒๙ รูป เป็นเงิน ๓๘๒ ชั่ง ๕ ตำลงึ สริ เิ ขา้ กนั ๒ วนั ๒๕ อาราม เปน็ พระสงฆ์ ๒,๕๒๐ รปู องคล์ ะ ๕ ตำลงึ เปน็ เงนิ ๖๓๐ ชง่ั รายการตอ่ ไปนไ้ี มไ่ ดล้ งวนั ไว้ แตเ่ ขา้ ใจวา่ แจกวนั พธุ เดอื น ๓ แรม ๑๐ คำ่ ๓ เพราะอยใู่ นระหวา่ ง ๙ กบั ๑๑ คำ่ ในกรงุ สงฆท์ ม่ี นี ติ ยภตั พระราชาคณะ ๒๔ ฐานาตำแหนง่ ๓ ฐานาทเ่ี ปน็ เปรยี ญ ๒ พระครเู จา้ วดั ๗ เปรยี ญ ๒๕ สามเณรเปรยี ญ ๓ รวม ๖๔ พระสงฆท์ ร่ี บั ขา้ วถงั ๓ ฐานาทเ่ี ปน็ เปรยี ญ ๓ ประโยค ๙๔ ฐานาสามญั ๑ ในการพิมพ์ครั้งที่ ๓ พ.ศ.๒๕๑๓ เป็นวัดอัมพวา ๒ ในการพิมพ์ครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๔๗๒ และการพิมพ์ครั้งที่ ๓ พ.ศ.๒๕๑๓ เป็นวดั ลาดสงิ ขร ๓ ตรงกับวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๙๓
จดหมายเหตพุ ระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ สวรรคต ๒๕๗ เปรยี ญ ๓ ประโยค ๑๕ พระอนจุ ร ๒,๑๓๖ สามเณรเปรยี ญ ๓ ประโยค ๕ รวม ๒,๒๕๓ หวั เมอื ง พระครนู ติ ยภตั ๓ ฐานาสามญั ๖ พระอนจุ ร ๖๘ รวม ๗๗ รวมทง้ั สน้ิ ๒,๓๙๔ รปู องคล์ ะ ๕ ตำลงึ เงนิ ๕๙๘ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ (บัญชีพระอารามและผู้แจกในวันนี้) วดั โปรดเกษ ๒๔ รปู วดั ไพรชน ๓๔ รปู วดั บรวิ าส ๙ รปู วดั รวก ๑๐ รปู วดั จำปา ๑๒ รปู วดั ภคนิ นี าฎ ๒๑ รปู วดั คหบดี ๔๖ รปู จมน่ื สรรเพธเปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๑๕๖ รปู เงนิ ๓๙ ชง่ั วดั โชตนาราม กรมทา่ ซา้ ย พระยาโชฎกึ เปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๕๑ รปู เงนิ ๑๒ ชง่ั ๑๕ ตำลงึ วดั บางลำภู ๑ กรมพระสสั ดี หลวงเทพเปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๕๔ รปู เงนิ ๑๓ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วดั คหู าสวรรค์ จมน่ื อนิ ทามาตย์เปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๒๙ รปู เงนิ ๗ ชง่ั ๕ ตำลงึ วดั จกั รวรรดิ กรมพระกลาโหม พระยาเทพวรชนุ เปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๓๐๐ รปู เงนิ ๗๕ ชง่ั วดั บพติ รพมิ ขุ ๙๑ รปู วดั ใหมพ่ ระยาศรพี พิ ฒั น์ ๖๗ รปู จมน่ื สมหุ พมิ านเปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๑๕๘ รปู เงนิ ๓๙ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วัดสระเกศ ๒๖๙ รูป วัดสมอแครง ๑๖ รูป กรมหมื่นพิทักษ์เทเวศร์ เป็นผู้แจก พระสงฆ์ ๒๘๕ รปู เงนิ ๗๑ ชง่ั ๕ ตำลงึ วัดโมลีโลก ๙๔ รูป วัดปากน้ำ ๔๔ รูป พระยาอภัยโนฤทธิเป็นผู้แจก พระสงฆ์ ๑๓๘ รูป เงนิ ๓๔ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ ๑ วัดสังเวชวิศยาราม
๒๕๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ วดั ทองนพคณุ จมน่ื ราชาบาลเปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๖๒ รปู ๑ เงนิ ๑๕ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วัดทองธรรมชาติ ๔๙ รูป วัดประทุมคงคา ๒๐๑ รูป กรมขุนเดชอดิศรเป็นผู้แจก พระสงฆ์ ๒๕๐ รปู เงนิ ๖๒ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วดั เกาะแกว้ ๕๙ รปู วดั ดสุ ติ ๑๐๔ รปู วดั ภมู รนิ ๑๙ รปู กรมทา่ กลาง หลวงรกั ษาสมบตั ิ เปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๑๘๒ รปู เงนิ ๔๕ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วดั คอกกระบอื ๒ ๔๔ รปู วดั บวรมงคล ๕๑ รปู พระยาเพช็ รพไิ ชยเปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๙๕ รปู เงนิ ๒๓ ชง่ั ๑๕ ตำลงึ วดั สมอราย ๓ กรมพระสสั ดี หลวงศรกี าลสมทุ เปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๕๘ รปู เงนิ ๒๑ ชง่ั ๕ ตำลงึ วดั ราชโอรส ๔ ๑๔๘ รปู วดั ศาลาคฤน ๑ รปู วดั หนงั ๓๙ รปู วดั นางนอง ๕๔ รปู วดั กลั ยาณมติ ร ๑๑๑ รปู กรมพระสสั ดี พระยาราชสภุ าวดเี ปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๓๕๓ ๕ รปู เงนิ ๘๘ ชง่ั ๕ ตำลงึ วดั หงส์ พระพเิ รนทรเทพเปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๑๙๖ รปู เงนิ ๔๙ ๖ ชง่ั รวมแจกในวนั น้ี พระสงฆ์ ๒,๓๙๔ ๗ รปู องคล์ ะ ๕ ตำลงึ เปน็ เงนิ ๕๙๘ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ สริ เิ ขา้ กนั ๓ วนั พระสงฆ์ ๔,๙๑๔ รปู เงนิ ๑,๒๒๘ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วนั พฤหสั บดเี ดอื น ๓ แรม ๑๑ คำ่ ๘ ถวายเงนิ พระสงฆ์ ๔๐ พระอาราม ในกรงุ ๑๘ พระสงฆท์ ม่ี ีนติ ยภตั ๕ พระราชาคณะ ฐานาตำแหนง่ ๑ ข้อความตอนนี้ต้นฉบับหนังสือสมดุ ไทยดำขาดหายปรากฏขอ้ ความเพยี งวา่ “__ ๒ รปู ” เทา่ นน้ั ๒ วัดยานนาวา ๓ วัดราชาธิวาส ๔ ตน้ ฉบบั หนงั สอื สมดุ ไทยดำเปน็ วดั พระราชโอรส ๕ ตน้ ฉบบั หนงั สอื สมดุ ไทยดำเปน็ พระสงฆ์ ๓๕๐ รปู ๖ ตน้ ฉบบั หนงั สอื สมดุ ไทยดำชำรดุ ปรากฏขอ้ ความวา่ ๔ ตำลงึ ๗ ตน้ ฉบบั หนงั สอื สมดุ ไทยดำ เปน็ พระสงฆ์ ๒,๓๙๐ รปู ๘ ตรงกับวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๙๓
จดหมายเหตพุ ระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ ฯ เสดจ็ สวรรคต ๒๕๙ ฐานาทเ่ี ปน็ เปรยี ญ ๔ พระครเู จา้ วดั ๕ เปรยี ญ ๒๑ อธกิ าร ๑ ๕๔ รวม พระสงฆท์ ร่ี บั ขา้ วถงั ๒ ฐานาทเ่ี ปน็ เปรยี ญ ๓ ประโยค ๘๐ ฐานาสามญั ๙ เปรยี ญ ๓ ประโยค ๒,๐๐๙ พระอนจุ ร ๕ สามเณรเปรยี ญ ๓ ประโยค ๒,๑๐๕ รวม หวั เมอื ง ๓ พระสงฆท์ ม่ี นี ติ ยภตั ๑ พระราชาคณะ ๓ พระครู ๗ เปรยี ญ รวม พระสงฆท์ ร่ี บั ขา้ วถงั ฐานา ๑๖ เปรยี ญ ๑ พระอนจุ ร ๒๗๑ ๒๘๘ รวม รวมทง้ั สน้ิ ๒,๔๕๔ รปู องคล์ ะ ๕ ตำลงึ เปน็ เงนิ ๖๑๓ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วนั พฤหสั บดเี ดอื น ๓ แรม ๑๑ คำ่ วดั สวุ รรณาราม กรมพระกลาโหม พระยาเทพวรชนุ เปน็ ผแู้ จก
๒๖๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ พระสงฆ์ ๒๖๖ รปู เงนิ ๕๖ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วดั พระยาทำ กรมพระสสั ดี หลวงเทพเปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๕๗ รปู เงนิ ๑๔ ชง่ั ๕ ตำลงึ วัดเงิน๑ ๔ รูป วัดทอง๒๑๖ รูป วัดแก้ว ๓ รูป พระยาอภัยโนฤทธิเป็นผู้แจก พระสงฆ์ ๖๐ รูป เงนิ ๑๕ ชง่ั วดั ราชคฤห์ กรมนา พระยาประชาชพี เปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๙๒ รปู เงนิ ๒๓ ชง่ั วดั ระฆงั ๒๔๘ รปู วดั สงิ หบ์ างคเู วยี ง ๑ รปู วดั นอ้ ยนางทำ ๙ รปู กรมทา่ กลาง หลวงรกั ษา สมบตั ิเปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๒๕๘ ๓ รปู เงนิ ๖๔ ชง่ั ๕ ตำลงึ วดั ราชสทิ ธ์ิ กรมขนุ พพิ ธิ พระยาเพช็ รปาณเี ปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๑๓๔ รปู เงนิ ๓๓ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วดั กลาง จมน่ื ราชามาตย์เปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๙๙ รปู เงนิ ๒๔ ชง่ั ๑๕ ตำลงึ วดั สงั กะจาย พระพเิ รนทรเทพเปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๖๖ รปู เงนิ ๑๖ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วดั อนิ ทาราม จมน่ื ราชาบาลเปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๕๖ รปู เงนิ ๑๔ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วดั จนั ทาราม พระอนิ ทรเทพเปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๔๖ รปู เงนิ ๑๑ ชง่ั วดั อรณุ ๒๒๖ รปู วดั เศวตฉตั ร ๔๓ รปู วดั วสิ ทุ ธาราม ๑๗ รปู ลอ้ มวงั พระยาเพช็ รพไิ ชยเปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๒๘๖ รปู เงนิ ๗๑ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วดั อบั สรสวรรค์ กรมมหาดไทย พระยาศรสี หเทพเปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๓๖ รปู เงนิ ๙ ชง่ั วัดอัมพวัน ๒๒ รูป วัดจอมสุดาราม ๑๒ รูป วัดอภัยทาราม ๑๑ รูป วัดบางขนุน ๑ รูป จมน่ื สรรเพธภกั ดเี ปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๔๖ รปู เงนิ ๑๑ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วัดอมรินทร กรมมหาดไทย พระยาศรีสหเทพเป็นผู้แจก พระสงฆ์ ๒๕๕ รูป เงิน ๖๓ ๔ ชั่ง ๑๕ ตำลงึ วดั พระยาญาติ เจา้ คณุ พระยาศรพี พิ ฒั นร์ บั แจก พระสงฆ์ ๘๖ รปู เงนิ ๒๑ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วดั ประยรุ วงศ ๒๙๐ รปู วดั นวลนรดศิ ๕๔ รปู วดั กฏุ ิ ๑๐ รปู กรมทา่ เจา้ คณุ ใหห้ ลวงรกั ษา ๑ วัดรัชฎาธิฐาน ๒ วัดกาญจนสิงหาศน์ ๓ ตน้ ฉบบั หนงั สอื สมดุ ไทยดำเป็น พระสงฆ์ ๒๕๗ รูป ๔ ตน้ ฉบบั หนงั สอื สมดุ ไทยดำ คำขาดหายปรากฏเพยี งวา่ “__๓ ชง่ั ”
จดหมายเหตพุ ระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ ฯ เสดจ็ สวรรคต ๒๖๑ สมบตั ริ บั ไปแจก พระสงฆ์ ๓๕๔ รปู เงนิ ๘๘ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ วดั ปราสาท ในกรมแจก พระสงฆ์ ๓ รปู เงนิ ๕ ตำลงึ วดั เครอื จมน่ื สรรเพธแจก พระสงฆ์ ๒ รปู เงนิ ๑๐ ตำลงึ รวมพระสงฆ์ ๒,๑๕๙ รปู เงนิ ๕๓๙ ชง่ั ๑๕ ตำลงึ รวมหวั เมอื ง กรุงเก่า ๒๒๒ สมุทรสงคราม ๗๐ ฉะเชิงเทรา ๑ สาครบุรี ๑ ราชบุรี ๑ หลวงพิทักษ์สุเทพ หมน่ื อภยั ธรรมการ เปน็ ผแู้ จก พระสงฆ์ ๒๙๕ รปู เงนิ ๗๓ ชง่ั ๑๕ ตำลงึ รวมในกรงุ และหวั เมอื งพระสงฆ์ ๒,๔๕๔ เงนิ ๖๑๓ ชง่ั ๑๐ ตำลงึ (จำนวนรายละเอยี ดแตกตา่ งกบั ยอดในประกาศ นา่ จะจดบกพรอ่ ง เหน็ วา่ เปน็ ของเกา่ จงึ คงไว)้ พระราชนพิ นธท์ รงขมาพระสงฆ์ ศุภมัสดุ พระพุทธศาสนกาลเป็นอดีตล่วงมาแล้ว ๑๓๙๓ พรรษา ลุกาลผคุณมาส ศุกรปักษ์ ฉัฏฐมีดีถี โสรวาร บริเฉทกาลกำหนด เพลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จบรมนาถ บรมธรรมิก ราชาธริ าชบพติ รพระพทุ ธเจา้ อยหู่ วั ซง่ึ ทรงพระประชวรมคี วามรำจวนพระราชหฤทยั ถงึ พระราชกริ ยิ าซง่ึ ไดท้ รง ประพฤติมา ในการซึง่ ทรงปฏิสันถารปราศรัยและมีพระราชดำรัสด้วยกิจใด ๆ กับพระสงฆ์ราชาคณะ ถานานกุ รมบาเรยี นและภกิ ษอุ นจุ ร องคใ์ ด ๆ กด็ ี ตง้ั แตจ่ ำความไดม้ าจนกาลบดั นท้ี รงพระปรวิ ติ กระแวง อยู่ ว่าเกลือกจะมีความพลั้งพลาดประมาทในโวหารเป็นการอคารวะ ไม่สมควรที่จะทรงตรัสแก่ สมณบรรพษัทในพระศาสนา อนง่ึ ตง้ั แตท่ รงถวลั ยราชราชาภเิ ษกมา บางทอี ธกิ รณม์ ใี นพระสงฆ์ กไ็ ด้ ทรงตรัสประภาษเป็นพระราชดำริดุจหนึ่งกระด้าง เพื่อจะได้พระราชาคณะถานานุกรมเจ้าหมู่เจ้าคณะทั้ง ปวงเกรงพระราชานุภาพ จะให้อุตสาหะสั่งสอนศิษยานุศิษย์และปราบปรามภิกษุอลัชชีเหล่าอันธพาล ให้พระพุทธศาสนาถาวรวัฒนาการบริสุทธิ์สะอาด ด้วยอำนาจพระเดชานุภาพสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน ทเ่ี ปน็ ศาสโนปถมั ภก กค็ รง้ั นม้ี พี ระราชวติ กวา่ พระราชกริ ยิ าทง้ั ปวงนน้ั ลางอนั จะเปน็ อคารวะและไมเ่ ปน็ ท่ี ชอบใจแก่ พระผเู้ ปน็ เจา้ บางองคท์ รงวปิ ฏสิ ารอยู่ จงึ มพี ระราชโองการมานพระบนั ฑรู สรุ สหี นาท อาราธนา ภาพเจ้าฟ้ามงกุฎสมมุติเทวาวงศ์ ให้เป็นธุระรับเชิญกระแสพระราชโองการ มาอ่อนน้อมนมัสการ ขอษมาโทษที่จะพึงมี เพราะพระราชดำรัสซึ่งทรงตรัสเย้าหยอกฤๅคมคายใด ๆ ก็ดีทั้งปวง เป็นพระราช กิริยาอันล่วงเป็นไปในพระราชาคณะ ถานานุกรม บาเรียน ภิกษุอนุจรองค์ใด ๆ ในเวลาอันใดอันหนึ่ง
๒๖๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ซง่ึ ลว่ งมาแลว้ นน้ั ใหท้ ราบตลอดไปทกุ รปู บรรดาทไ่ี ดเ้ คยเขา้ มารบั ราชนมิ นตก์ จิ ทง้ั ปวง ขอใหพ้ ระผเู้ ปน็ เจา้ ทุกองค์ จงปลงอัธยาศัย ออมอดโทษถวายอภัยด้วยน้ำใจอันเต็มไปด้วยเมตตากรุณาเป็นบุเรจาริก อยา่ ใหเ้ ปน็ กรรมเวรตอ่ ไป ใหส้ น้ิ พระราชวปิ ฏสิ ารรำคาญทง้ั ปวงนน้ั อนง่ึ ขอใหพ้ ระผเู้ ปน็ เจา้ ทง้ั ปวงจงกระทำ สัตยาธิษฐานด้วยคุณพระศรีรัตนตรัยและจตุปาริสุทธศีลและศาสนานุสิกขากิจ ถวายพระราชกุสโลทิศ แดส่ มเดจ็ พระพทุ ธเจา้ อยหู่ วั ใหม้ ปี ระชวรคลายหายพระโรคเปน็ เกษมสขุ สวสั ด์ิ ใหไ้ ดท้ รงพระปฏบิ ตั บิ ำเพญ็ พระราชกศุ ล เปน็ พทุ ธการะกะบารมี เพอ่ื พระโพธญิ าณ สมควรแกก่ าลทไ่ี ดท้ รงประพบพระพทุ ธศาสนา อนั เปน็ อดลุ าดศิ ยั บญุ เขตนเ้ี ทอญ ฯ ใหพ้ ระราชาคณะและถานานกุ รมบรรดาทไ่ี ดอ้ า่ น กระแสพระราชโองการน้ี บอกแกพ่ ระราชาคณะ ถานานกุ รมและบาเรยี น ในอารามทย่ี งั ไมไ่ ดอ้ า่ น มาอา่ น ณ ศาลายามคำ่ เวลาบา่ ยตอ่ ๆ ไปเถดิ กระแสรับสั่งให้แจกเงินราษฎร วันศุกร์ เดือน ๔ แรม ๔ ค่ำ ๑ ปีจอโทศก เพลาย่ำรุ่งแล้ว เจ้าจอมมารดาอึ่งกับท้าวศรีสัจจาแสง ออกมาที่ประตูสนามราชกิจ ทูลกับพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าอรรณพว่า มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ สง่ั วา่ ใหพ้ ระเจา้ ลกู เธอ พระองคเ์ จา้ อรรณพ ใหเ้ รยี กเอาเงนิ ตราทพ่ี ระคลงั มหาสมบตั ิ มาแจกแกร่ าษฎร คนละบาท ตง้ั แตว่ นั ศกุ ร์ เดอื น ๔ แรม ๔ คำ่ ปจี อโทศกไปทกุ วนั เมอ่ื เชญิ พระกระแสพระราชโองการ ออกมานน้ั กรมหมน่ื วงศาสนทิ พระองคเ์ จา้ ลดาวลั ย์ พระองคเ์ จา้ อไุ ร จมน่ื เสมอใจราช นายไชยขรรค์ อยพู่ รอ้ มกนั อธิบายตอนท้าย เมอ่ื พระอาการประชวรหนกั ลง พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ แปรสถานมาประทบั อยู่ ณ พระวมิ านองคต์ ะวนั ตก พระองคด์ ำรงอยใู่ นพระสตสิ มั ปชญั ญะเปน็ ปกตเิ รยี บรอ้ ยมา แตพ่ ระอาการนน้ั ยังทรุดหนัก ๆ ตามลำดับ จนถึง ณ วันพุธ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ปีกุน๒ ยังเป็นโทศก จุลศักราช ๑๒๑๒ เวลา ๘ ทมุ่ ๕ บาท เสดจ็ สวรรคต พระชนมายุ ๖๓ ปี กบั ๑๑ วนั เสดจ็ ดำรงในสริ ริ าชสมบตั ิ ๒๖ ปี ๗ เดอื น ๒๓ วนั ๑ ตรงกับวันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๙๓ ๒ ตรงกับวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๙๔
๒๖๓ จดหมายเหตหุ อสาตราคม
๒๖๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔
จดหมายเหตหุ อสาตราคม ๒๖๕ คำนำ ภาคท่ี ๑๙ (ฉบบั พมิ พค์ รง้ั แรก เมอ่ื พ.ศ.๒๔๖๓)๑ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหมน่ื ววิ ธิ วรรณปรชี า มรี บั สง่ั มายงั กรรมการหอพระสมดุ วชริ ญาณ สำหรบั พระนครวา่ ทรงพระศรทั ธาจะพมิ พห์ นงั สอื แจกในงานพระราชทานเพลงิ ศพเจา้ จอมมารดาโหมด รชั กาลท่ี ๔ เจ้าจอมมารดาของพระองค์ท่านสักเรื่อง ๑ ให้กรรมการหอพระสมุดฯ ช่วยเลือกหาเรื่องหนังสือถวาย ขา้ พเจา้ จงึ ไดร้ วบรวมจดหมายเหตคุ รง้ั รชั กาลท่ี ๔ จดั เปนหนงั สอื ประชมุ พงษาวดาร ภาคท่ี ๑๙ ถวาย กรมหมน่ื ววิ ธิ วรรณปรชี าทรงพมิ พต์ ามพระประสงค์ เรื่องหนังสือที่พิมพ์ในประชุมพงษาวดารภาคที่ ๑๙ นี้ ๓ เรื่องด้วยกัน คือ จดหมายเหตุ หอสาตราคมเรอ่ื ง ๑ จดหมายเหตขุ องเจา้ พระยาทพิ ากรวงศ์ เรอ่ื งพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสด็จทอดพระเนตรสุริยอุปราคาที่หว้ากอเรื่อง ๑ แปลจดหมายเหตุของเซอร์แฮรีออด เจ้าเมืองสิงคโปร์ ขึ้นมาเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่หว้ากอเรื่อง ๑ จะอธิบายพอให้ทราบเค้าเงื่อนของ จดหมายเหตทุ ง้ั ๓ เรอ่ื งนน้ั เปนดงั น้ี คอื ๑) จดหมายเหตหุ อสาตราคมนน้ั ประเพณมี มี าแตโ่ บราณ กำหนดเปนหนา้ ทข่ี องนายเสนห่ ห์ มุ้ แพร มหาดเล็กคน ๑ แลนายสุจินดาหุ้มแพรมหาดเล็กคน ๑ เปนพนักงานจดหมายเหตุต่าง ๆ อันมีใน ราชสำนกั เกบ็ รกั ษาไวใ้ นหอสาตราคม ประเพณอี นั นไ้ี ดท้ ราบวา่ ยงั มอี ยเู่ มอ่ื ในรชั กาลท่ี ๔ จะมตี ดิ ตอ่ มา แตโ่ บราณฤๅเปนการเลกิ กนั ไปเสยี แลว้ คราว ๑ พง่ึ มาโปรดใหก้ ลบั มขี น้ึ ใหมเ่ มอ่ื ในรชั กาลท่ี ๔ ขอ้ นห้ี าทราบไม่ เพราะขา้ พเจา้ ไมเ่ คยเหน็ จดหมายเหตหุ อสาตราคม ไดเ้ คยถามขา้ ราชการเกา่ ๆ กย็ งั ไมพ่ บผใู้ ดทไ่ี ดเ้ คยเหน็ จนปีมะแม พ.ศ. ๒๔๖๒ นี้ หอพระสมุดฯ ไดส้ มุดดำเก่า ๆ มาแต่ที่แห่ง ๑ หลายเล่มด้วยกัน มจี ดหมายเหตหุ อสาตราคมครง้ั รชั กาลท่ี ๔ เมอ่ื ปมี ะแม พ.ศ. ๒๔๐๒ กบั ปวี อก พ.ศ.๒๔๐๓ อยใู่ นนน้ั ตอน ๑ ไดส้ บื ถามขา้ ราชการครง้ั รชั กาลท่ี ๔ ซง่ึ ยงั มอี ยใู่ นเวลาน้ี บอกวา่ พระยามหาอำมาตย์ (หรนุ่ ศรเี พญ็ ) เปนนายเสนห่ อ์ ยใู่ นเวลานน้ั แลนายสจุ นิ ดานน้ั ชอ่ื หรง่ั ภายหลงั ไดเ้ ปนจมน่ื ราชานบุ าล เหน็ จะอยใู่ นสองคนน้ี ๑ ตวั สะกด การนั ต์ คงตามตน้ ฉบบั เดมิ
๒๖๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ที่เปนผู้จด ข้าพเจ้าเข้าใจว่าผู้ที่ไม่เคยเห็นจดหมายเหตหุ อสาตราคม เห็นจะมีมากด้วยกัน จึงได้เอามา พมิ พไ์ วใ้ หเ้ ปนประโยชนท์ างความรู้ ๒) จดหมายเหตเุ จา้ พระยาทพิ ากรวงศ์ เรอ่ื งเสดจ็ ทอดพระเนตรสรุ ยิ อปุ ราคาทห่ี วา้ กอ เมอ่ื ปมี ะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑ นน้ั ทา่ นเรยี งไวแ้ ตย่ อ่ ๆ ทเ่ี อามาพมิ พใ์ นสมดุ เลม่ น้ี เพราะจะใหเ้ ขา้ ใจความในจดหมายเหตุ ของเซอร์แฮรีออดแจ่มแจ้งดีขึ้น การที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทอดพระเนตร สรุ ยิ อปุ ราคาท่ีหวา้ กอในระดฝู น จนเปนเหตใุ หป้ ระชวรแลสวรรคตครง้ั นน้ั ผทู้ เ่ี กดิ ภายหลงั ฤๅเกดิ ทนั แตย่ งั เปนเด็กอยู่ เช่นตัวข้าพเจ้าเคยปรารภกันว่าเพียงแต่จะดูสุริยอุปราคา เหตุใดจึงเสด็จลงไปฝ่าอันตราย แลความลำบากถงึ เพยี งนน้ั พง่ึ มาไดฟ้ งั คำชแ้ี จงภายหลงั วา่ สรุ ยิ อปุ ราคาทจ่ี ะเหน็ ไดห้ มดดวงในประเทศน้ี ไม่เคยมีมาแต่ก่อนจนถึงในตำราโหรของไทยว่าสุริยอุปราคาไม่มีที่จะหมดดวงได้ ครั้งนั้นพระบาทสมเด็จ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงคำนวณทราบกอ่ นใคร ๆ ในประเทศนว้ี า่ ในปมี ะโรงสรุ ยิ อปุ ราคาจะมหี มดดวง แลจะเห็นได้ในเมืองไทยนี้ ดำรัสบอกพวกโหรก็ไม่มีใครลงเนื้อเห็นด้วย สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาบำราบ ปรปกั ษเ์ คยตรสั เลา่ วา่ แมพ้ ระองคท์ า่ นเองกไ็ มท่ รงเชอ่ื วา่ จะเหน็ หมดดวง แตเ่ กรงพระไทยพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ต้องยอมจะไปทอดพระเนตรด้วย ที่เสด็จลงไปทอดพระเนตรที่ตำบลหว้ากอ ในแขวงจงั หวดั ประจวบคริ ขี นั ธน์ น้ั เพราะปรากฏในทางคำนวณวา่ จะเหน็ ไดห้ มดดวงทต่ี รงนน้ั ถา้ ดอู ยใู่ น กรงุ เทพฯ นห้ี าเหน็ หมดดวงไม่ เลา่ กนั วา่ จนวนั มสี รุ ยิ อปุ ราคา โหรทล่ี งไปตามเสดจ็ กย็ งั ไมเ่ ชอ่ื วา่ จะเหน็ หมดดวง พอเงากนิ ปดิ ขอบพระอาทติ ยห์ มดดวง พระยาโหราธบิ ดี เถอ่ื น เวลานน้ั ยงั เปนหลวงโลกทปี รอ้ ง “พลบุ ” เตม็ เสยี งนา่ พระทน่ี ง่ั ดว้ ยความยนิ ดี สน้ิ กลวั เพราะความเลอ่ื มใสในวชิ าทไ่ี ดร้ ำ่ เรยี น พระบาท สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงศึกษาชำนาญในโหราศาสตร์ จึงมิได้ทรงเกรงความลำบากที่จะ ทอดพระเนตรสรุ ยิ อปุ ราคาครง้ั นน้ั ๓) จดหมายเหตุของเซอร์แฮรีออด เจ้าเมืองสิงคโปร์นั้นเห็นจะเปนเลขานุการที่มาด้วยเปนผู้ เรียบเรียงขึ้นตามคำสั่งของเซอร์แฮรีออด หมอบรัดเลได้สำเนามาพิมพ์ไว้ในหนังสือบางกอกคาเลนดา เล่มคฤศตศก ๑๘๗๐ ข้าพเจ้าได้วานนักเรียนคน ๑ แปลออกเปนภาษาไทยสำหรับพิมพ์ในสมุดเล่มนี้ จดหมายเหตุของเซอร์แฮรีออดนี้ ต้องอ่านด้วยทรงไว้ในใจว่าเปนของฝรั่งแต่งตามความคิดแลความเห็น ของฝรง่ั ตง้ั แตต่ น้ จนปลาย อา่ นโดยกำหนดไวใ้ นใจเชน่ นจ้ี งึ จะนา่ อา่ นดี
จดหมายเหตหุ อสาตราคม ๒๖๗ อนง่ึ มพี ระบรมรปู พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงฉายทน่ี า่ พลบั พลา เวลาเซอรแ์ ฮรอี อด เฝ้าปรากฏอยู่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ได้โปรดประทาน อนญุ าตใหจ้ ำลองมาไวใ้ นหอพระสมดุ ฯ จงึ ไดใ้ หถ้ า่ ยพระบรมรปู นน้ั มาพมิ พ์ ไวใ้ นสมดุ เลม่ นด้ี ว้ ย. สภานายก หอพระสมดุ วชริ ญาณ วนั ท่ี ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๓
๒๖๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ คำนำ (ฉบบั พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๒ เมอ่ื พ.ศ.๒๔๖๓)๑ นายพนั โท พระประเทศสวามภิ กั ด์ิ (ดาลศู ลศุ นนั ทน)์ จะทำการปลงศพสนองคณุ นางเภา ลศุ นนั ทน์ ผู้เปนมารดา มีศรัทธาจะพิมพ์หนังสือเปนของแจกเนื่องในการกุศลทักษิณานุปทานซึ่งจะบำเพ็ญนั้นสัก เรอ่ื ง ๑ มาหารอื กรรมการหอพระสมดุ วชริ ญาณสำหรบั พระนคร ถงึ เรอ่ื งหนงั สอื ซง่ึ จะพมิ พ์ วา่ อยากจะได้ เปนหนงั สอื ในพวกโบราณคดี ขา้ พเจา้ จงึ ไดช้ กั ชวนใหพ้ มิ พห์ นงั สอื ประชมุ พงศาวดารภาคท่ี ๑๙ อกิ ครง้ั ๑ ด้วยเห็นว่าจะพอใจแก่บรรดาผู้ที่จะได้รับแจกทั่วไปไม่เลือกหน้า เพราะเหตุใดจึงได้เห็นดังนั้นจะอธิบาย ตอ่ ไป คอื หนงั สอื ประชมุ พงศาวดารภาคท่ี ๑๙ น้ี เดมิ หอพระสมดุ ฯ ไดร้ วบรวมจดหมายเหตหุ อสาตราคม เรื่อง ๑ จดหมายเหตุเรื่องพระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทอดพระเนตรสุริยอุปราคา ทต่ี ำบลหวา้ กอ แขวงจงั หวดั ประจวบคริ ขี นั ธ์ เมอ่ื ปมี ะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑ เรอ่ื ง ๑ ถวายพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหมื่นวิวิธวรรณปรีชา ทรงพิมพ์แจกในงานศพเจ้าจอมมารดาโหมดรัชกาลที่ ๔ เมื่อเดือนเมษายนปีนี้ พอแจกหนังสือนั้นได้วันหนึ่ง หม่อมอนุวัตร วรพงศ์ (ม.ร.ว.สิงหนัท ปราโมทย์ ณ กรุงเทพ) ก็นำหนังสือ ประกาศเปนพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงชี้แจงเรื่องสุริยอุปราคาคราวนั้น มาให้แก่หอพระสมุดฯ ว่าต้นฉบับเปนหนังสือของพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๒ กรมขุนวรจักรธรานุภาพมี ตกค้างอยู่ หม่อมอนุวัตรไม่เห็นมีในหนังสือประชุมพงศาวดารภาคที่ ๑๙ นึกว่าที่ในหอพระสมุดฯ เหน็ จะยงั ไมม่ ปี ระกาศฉบบั นจ้ี งึ มแี กใ่ จนำมาให้ ขา้ พเจา้ ขอบใจหมอ่ มอนวุ ตั รเปนอนั มาก แตร่ สู้ กึ เสยี ดาย ที่ไม่ได้มาทันพิมพ์กับจดหมายเหตุเรื่องสุริยอุปราคาที่พิมพ์ครั้งแรก เพราะในประกาศพระราชนิพนธ์ ทรงชแ้ี จงถงึ ลกั ษณสรุ ยิ อปุ ราคาคราวนน้ั แจม่ แจง้ ชดั เจนยง่ิ กวา่ ทป่ี รากฎในจดหมายเหตฉุ บบั อน่ื ทกุ ฉบบั แลเปนหนังสือสำคัญโดยที่เปนพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเมื่อเสด็จ กลับจากทอดพระเนตรสุริยอุปราคาคราวนั้น ก่อนเวลาเสด็จสวรรคตไม่ช้านัก สมควรจะต้องพิมพ์ไว้ให้ ปรากฎอยู่กับจดหมายเหตุสุริยอุปราคาคราวปีมะโรงด้วย จดหมายเหตุนั้นจึงจะไม่บกพร่อง ข้าพเจ้าได้ ตั้งใจแต่ได้พระราชนิพนธ์มาจากหม่อมอนุวัตร ว่าจะหาโอกาศพิมพ์ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๑๙ อิกสัก ครง้ั ๑ ใหบ้ รบิ รู ณ์ ความประสงคอ์ นั นย้ี งั มเี หตอุ น่ื ประกอบอกิ สถาน ๑ ดว้ ยหนงั สอื ประชมุ พงศาวดารภาค ท่ี ๑๙ มผี ชู้ อบอา่ นกนั มาก ผทู้ ไ่ี มไ่ ดร้ บั แจกในงานพระเมรวุ ดั เทพศริ นิ ทร์ พากนั มาถามหาทใ่ี นหอพระสมดุ ฯ ๑ ตวั สะกด การนั ต์ คงตามตน้ ฉบบั เดมิ
จดหมายเหตหุ อสาตราคม ๒๖๙ เนอื ง ๆ ไมข่ าด จงึ เหน็ วา่ ถา้ พมิ พข์ น้ึ ใหมอ่ กิ ครง้ั ๑ ผทู้ ย่ี งั ไมไ่ ดร้ บั แจกครง้ั กอ่ นกจ็ ะพอใจ ถงึ ผทู้ ไ่ี ดร้ บั แจกครั้งก่อนแล้ว ได้ฉบับพิมพ์ใหม่ซึ่งมีพระราชนิพนธ์เพิ่มเติมขึ้นอีกเรื่อง ๑ ก็จะพอใจเหมือนกัน ดว้ ยเหตดุ งั กลา่ วมาน้ี ขา้ พเจา้ จงึ ชกั ชวนใหพ้ มิ พป์ ระชมุ พงศาวดารภาคท่ี ๑๙ นายพนั โท พระประเทศ สวามภิ กั ดเ์ิ หน็ ชอบดว้ ยจงึ ไดพ้ มิ พส์ มดุ เลม่ นข้ี น้ึ ทนี จ้ี ะอธบิ ายถงึ จดหมายเหตตุ า่ ง ๆ ซง่ึ พมิ พใ์ นประชมุ พงศาวดารภาคท่ี ๑๙ นต้ี อ่ ไป จดหมายเหตุที่พิมพ์ในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๑๙ นี้ ๔ ฉบับด้วยกันคือ จดหมายเหตุ หอสาตราคมฉบบั ๑ จดหมายเหตขุ องเจา้ พระยาทพิ ากรวงศ์ เรอ่ื งพระบาทสมเดจ็ ฯ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ทอดพระเนตรสรุ ยิ อปุ ราคาทห่ี วา้ กอฉบบั ๑ แปลจดหมายเหตขุ องเซอแฮรอี อดเจา้ เมอื งสงิ คโปรข์ น้ึ มา เฝา้ พระบาทสมเดจ็ ฯ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทห่ี วา้ กอฉบบั ๑ กบั ประกาศพระราชนพิ นธเ์ รอ่ื งสรุ ยิ อปุ ราคา เมื่อปีมะโรงสัมฤทธิศก ซึ่งกล่าวมาข้างต้นแล้วฉบับ ๑ จะอธิบายพอให้ทราบเค้าเงื่อนของจดหมายเหตุ เหลา่ นน้ั กอ่ น ๑) จดหมายเหตหุ อสาตราคมนน้ั ประเพณมี มี าแตโ่ บราณกำหนดเปนนา่ ทข่ี องนายเสนห่ ห์ มุ้ แพร มหาดเล็กคนหนึ่ง แลนายสุจินดาหุ้มแพรมหาดเล็กคนหนึ่ง เปนพนักงานจดหมายเหตุต่าง ๆ อันมีใน ราชสำนกั เกบ็ รกั ษาไวใ้ นหอสาตราคม ประเพณอี นั นไ้ี ดท้ ราบวา่ ยงั มอี ยใู่ นเมอ่ื ในรชั กาลท่ี ๔ จะมตี ดิ ตอ่ มา แตโ่ บราณฤๅเปนการเลกิ กนั ไปเสยี แลว้ คราวหนง่ึ พง่ึ มาโปรดใหก้ ลบั มขี น้ึ ใหมเ่ มอ่ื ในรชั กาลท่ี ๔ ขอ้ นห้ี า ทราบไม่ เพราะขา้ พเจา้ ไมเ่ คยเหน็ จดหมายเหตหุ อสาตราคม ไดเ้ คยถามขา้ ราชการเกา่ ๆ กย็ งั ไมพ่ บผใู้ ด ทไ่ี ดเ้ คยเหน็ จนปมี ะแม พ.ศ. ๒๔๖๒ หอพระสมดุ ฯ ไดส้ มดุ ดำเกา่ ๆ มาแตท่ แ่ี หง่ หนง่ึ หลายเลม่ ดว้ ยกนั มจี ดหมายเหตหุ อสาตราคมครง้ั รชั กาลท่ี ๔ เมอ่ื ปมี ะแม พ.ศ. ๒๔๐๒ กบั ปวี อก พ.ศ. ๒๔๐๓ อยใู่ นนน้ั ตอน ๑ ไดส้ บื ถามขา้ ราชการครง้ั รชั กาลท่ี ๔ ซง่ึ ยงั มอี ยใู่ นเวลาน้ี ไดค้ วามวา่ พระยามหาอำมาตย์ หรนุ่ ศรเี พญ็ เปนนายเสนห่ อ์ ยใู่ นเวลานน้ั แลนายสจุ นิ ดานน้ั ชอ่ื หรง่ั ภายหลงั ไดเ้ ปนจมน่ื ราชานบุ าล เหน็ จะ อยใู่ น ๒ คนนท้ี เ่ี ปนผจู้ ด ขา้ พเจา้ เขา้ ใจวา่ ผทู้ ไ่ี มเ่ คยเหน็ จดหมายเหตหุ อสาตราคม เหน็ จะมมี ากดว้ ยกนั จงึ ไดเ้ อามาพมิ พไ์ วใ้ หเ้ ปนประโยชนท์ างความรู้ ๒) จดหมายเหตุของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ เรื่องสุริยอุปราคาเมื่อปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑ นั้น ท่านเรียงไว้แต่ย่อ ๆ ที่เอามาพิมพ์ในสมุดเล่มนี้เพราะจะให้ผู้อ่านเข้าใจความในเบื้องต้น ว่าเหตุใด พระบาทสมเดจ็ ฯ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั จงึ ไดเ้ สดจ็ ไปทอดพระเนตรสรุ ยิ อปุ ราคาทห่ี วา้ กอในฤดฝู น
๒๗๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ จนเปนเหตุให้ประชวรแลสวรรคต เพราะผู้ที่เกิดภายหลังฤๅเกิดทันแต่ยังเปนเด็กอยู่-เช่นตัวข้าพเจ้า เคยปรารภกันว่าเพียงแต่จะดูสุริยอุปราคา ไยจึงได้เสด็จลงไปฝ่าอันตรายแลความลำบากถึงเพียงนั้น พึ่งมาได้ฟังคำชี้แจงภายหลังว่าสุริยอุปราคาที่จะเห็นได้หมดดวงในประเทศนี้ไม่เคยมีมาแต่ก่อน จนถึง ในตำราโหรของไทยว่าสุริยอุปราคาไม่มีที่จะหมดดวงนั้นได้ ครั้งนั้นพระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้า เจา้ อยหู่ วั ทรงคำนวณทราบกอ่ นใคร ๆ ในประเทศนว้ี า่ ในปมี ะโรงสรุ ยิ อปุ ราคาจะมหี มดดวง แลจะเหน็ ได้ ในเมอื งไทยน้ี ดำรสั บอกพวกโหรกไ็ มม่ ใี ครลงเนอ้ื เหน็ ดว้ ย สมเดจ็ เจา้ ฟา้ กรมพระยาบำราบปรปกั ษเ์ คย ตรสั เลา่ วา่ แมพ้ ระองคท์ า่ นเองกไ็ มท่ รงเชอ่ื วา่ จะเหน็ หมดดวงแตเ่ กรงพระไทยพระบาทสมเดจ็ ฯ พระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว ก็ต้องยอมจะไปทอดพระเนตรด้วย ที่เสด็จลงไปทอดพระเนตรทีต่ ำบลหว้ากอในแขวงจังหวัด ประจวบคิรีขันธ์นั้น เพราะปรากฎในทางคำนวณว่าจะเห็นได้หมดดวงที่ตรงนั้น ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ นี้หาเห็นหมดดวงไม่ เล่ากันว่าจนวันมีสุริยอุปราคาโหรที่ลงไปตามเสด็จก็ยังไม่เชื่อว่าจะเห็นหมดดวง พอเงากินปิดขอบพระอาทิตย์หมดดวง พระยาโหราธิบดี เถื่อน เวลานั้นยังเปนหลวงโลกทีป “พลุบ” เตม็ เสยี งนา่ พระทน่ี ง่ั ดว้ ยความยนิ ดจี นสน้ิ กลวั เพราะความเลอ่ื มใสในวชิ าทไ่ี ดร้ ำ่ เรยี น พระบาทสมเดจ็ ฯ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงศกึ ษาชำนาญในโหราศาสตร์ จงึ มไิ ดท้ รงเกรงความลำบากทจ่ี ะทอดพระเนตร สรุ ยิ อปุ ราคาครง้ั นน้ั ๓) จดหมายเหตุของเซอแฮรีออดเจ้าเมืองสิงคโปร์นั้น เห็นจะเปนเลขานุการที่มาด้วยเปน ผู้เรียบเรียงขึ้นตามคำสั่งของเซอแฮรีออด หมอบรัดเลได้สำเนามาพิมพ์ไว้ในหนังสือบางกอกคาเลนดา เล่มคฤศตศก ๑๘๗๐ ข้าพเจ้าได้วานหลวงอนุมานราชธน (ยง เสถียรโกเศศ) แปลออกเปนภาษาไทย สำหรับพิมพ์ในสมุดเล่มนี้ จดหมายเหตุของเซอแฮรีออดนี้ต้องอ่านด้วยทรงไว้ในใจว่า เปนของฝรั่งแต่ง ตามความคดิ แลความเหน็ ของฝรง่ั ตง้ั แตต่ น้ จนปลาย อา่ นโดยกำหนดไวใ้ นใจเชน่ นจ้ี งึ จะนา่ อา่ นดี ๔) ประกาศทท่ี รงพระราชนพิ นธน์ น้ั มคี ำเลา่ กนั มาวา่ เมอ่ื พระบาทสมเดจ็ ฯ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ กลบั จากหวา้ กอมาถงึ พระนคร มรี บั สง่ั ถามผทู้ ด่ี ูสรุ ยิ อปุ ราคาทางกรงุ เทพฯ นว้ี า่ เหน็ เปนอยา่ งไรบา้ ง พากนั ทลู เลอ่ื นเปอ้ื นไปตา่ ง ๆ เปนตน้ วา่ พระโหราธบิ ดี ชมุ เจา้ กรมโหร กราบทลู วา่ “เหลอื อยสู่ กั นว้ิ หนง่ึ ” ดงั นเ้ี ปนตน้ จงึ ทรงพระราชนพิ นธอ์ ธบิ ายถงึ สรุ ยิ อปุ ราคาครง้ั นน้ั ทไ่ี ดเ้ หน็ ทห่ี วา้ กอเปนอยา่ งไร ใหท้ ราบกนั ตามทจ่ี รงิ แลมรี บั สง่ั ใหค้ ดั ลอกบอกกนั ตอ่ ๆ ไป ดงั ปรากฎอยใู่ นประกาศนน้ั อนึ่งมพี ระบรมรูปพระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงฉายที่น่าพลับพลาหว้ากอเวลา เซอแฮรอี อดเฝา้ ปรากฎอยู่ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ กรมพระยาภาณพุ นั ธวุ งศว์ รเดช ไดโ้ ปรด
จดหมายเหตหุ อสาตราคม ๒๗๑ ประทานอนญุ าตใหจ้ ำลองมาไวใ้ นหอพระสมดุ ฯ จงึ ไดใ้ หถ้ า่ ยพระบรมรปู นน้ั มาพมิ พไ์ วใ้ นสมดุ เลม่ นด้ี ว้ ย ขา้ พเจา้ ขออนโุ มทนากศุ ลบญุ ราษที กั ษณิ านปุ ทาน ซง่ึ นายพนั โทพระประเทศสวามภิ กั ด์ิ ไดป้ ลงศพ สนองคุณมารดาด้วยความกตัญญูกตเวที แลได้พิมพ์หนังสือเรื่องนี้ให้ได้อ่านกันแพร่หลาย หวังใจว่า ทา่ นทง้ั หลายทไ่ี ดร้ บั สมดุ หนงั สอื เรอ่ื งนไ้ี ปอา่ นคงจะพอใจแลอนโุ มทนาดว้ ยทว่ั กนั สภานายก หอพระสมดุ วชริ ญาณ วนั ท่ี ๑ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๖๓
๒๗๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ จดหมายเหตุหอสาตราคม ปวี อก พ.ศ. ๒๔๐๓ ณ วนั อาทติ ย์ เดอื น ๔ แรม ๑๒ คำ่ จลุ ศกั ราช ๑๒๒๑ ปมี ะแมเอกศก๑ เสดจ็ ออกพระทน่ี ง่ั ดุสิตมหาปราสาท พระราชพิธีตรุษ กรมหมื่นบวรรังษี๒ทรงจุดเทียนชัย มีพร้อมด้วยเครื่องดนตรีมี แตรสงั ข์ เปน็ ตน้ แลว้ ทรงปฏบิ ตั พิ ระสงฆ์ เวลาบา่ ยโมงเศษเสดจ็ ขน้ึ เวลาบา่ ย ๔ โมงเสดจ็ ออกประทบั พระทน่ี ง่ั ดสุ ติ มหาปราสาท ทรงฟงั สวดพทุ ธมนต์ พอเวลาพลบเสดจ็ ขน้ึ พระทน่ี ง่ั สตี ลาภริ มย์ วันพฤหัสบดี เดือน ๕ ขึ้น ๑ ค่ำ ปีวอกยังเป็นเอกศก๓ เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงปฏบิ ตั พิ ระสงฆ์ แลว้ สดบั ปกรณ์พระบรมอฐั ิ ถวายไตรจวี รแกพ่ ระสงฆ์ ๒๐ รปู เวลาเชา้ ๕ โมงเสดจ็ ขน้ึ เวลาบา่ ย ๕ โมง เสดจ็ ออกพระทน่ี ง่ั ดสุ ติ มหาปราสาท โปรดใหเ้ ลย้ี งโตะ๊ พวกองั กฤษและขา้ ราชการ ทง้ั ปวง ใหม้ ลี ะคร เวลา ๕ ทมุ่ แลว้ เสดจ็ ขน้ึ วนั จนั ทร์ เดอื น ๕ ขน้ึ ๕ คำ่ ๔ เสดจ็ ออกพระทน่ี ง่ั อนนั ตสมาคมเวลา ๘ ทมุ่ เศษ พระเจา้ น้องยาเธอ กรมหมื่นถาวรวรยศ๕ กราบบังคมทูลด้วยโรคปัจจุบันมีโดยชุม จึงมีพระบรมราชโองการ ให้พระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหมน่ื วรจกั ร๖ จดั แจงกรมหมอมาเตรยี มไวใ้ นพระมหาราชวงั เวลา ๑๐ ทมุ่ เสดจ็ ขน้ึ วนั จนั ทร์ เดอื น ๕ ขน้ึ ๕ คำ่ ปวี อกยงั เปน็ เอกศก๗ พระยาศรเี สาราชกราบบงั คมทลู ดว้ ย พระยาปลดั ราชบรุ ีถงึ แกก่ รรม เวลา ๑๐ ทมุ่ เสดจ็ ขน้ึ วันจันทร์ เดือน ๕ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีวอกยังเป็นเอกศก๘ เสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคมเวลา ๑ ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๐๒ ๒ พระนามเดิมว่าพระองค์เจ้าชายฤกษ์ พระราชโอรสในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ ทรงผนวชเป็นสามเณรมาแต่ใน รัชกาลที่ ๒ ครั้นถึงรัชกาลที่ ๔ ทรงสถาปนาเป็นกรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ ฯ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระมหา สงั ฆปรนิ ายกทว่ั ทง้ั พระราชอาณาเขต รชั กาลท่ี ๖ ทรงสถาปนาเปน็ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาปวเรศวรยิ าลงกรณ์ ๓ ตรงกับวันพฤหสั บดที ี่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ.๒๔๐๒ ๔ ตรงกับวันจนั ทรท์ ่ี ๒๖ มนี าคม พ.ศ.๒๔๐๒ ๕ พระนามเดมิ พระองคเ์ จา้ ชายขตั ตยิ า พระราชโอรสในพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ประสตู แิ ตเ่ จา้ จอมมารดาพะวา ๖ คอื พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมขนุ วรจกั รธรานภุ าพ กำกับกรมพระนครบาล และวา่ กรมหมอ ๗ ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๐๒ ๘ ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๐๒
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 575
Pages: