ตามเสยี งคนนอก ทีก่ ล่าวถึงพระองค์ ๕๐๓ เปลือกและสะเก็ดเปลือกหลุดร่วงไป กระพี้หลุดร่วงไปอยู่เรื่อย ๆ ตามลําดับ ๆ. คร้ันถึงสมัยหนึ่ง ก็เป็นต้นไม้ท่ีปราศจากใบท่ีก่ิง ปราศจากเปลือกและสะเก็ด เปลือก,ปราศจากกระพ้ีโดยสิ้นเชิง มีแต่แก่นแท้ๆ ปรากฏอยู่, ข้อนี้ฉันใด; คาสอน ของพระสมณโคดมเป็นคาสอนท่ีปราศจากใบที่ก่ิง ปราศจากเปลือกและสะเก็ด เปลอื ก ปราศจากกระพี้, มแี ต่แก่นแท้ ๆ ปรากฏอยู่ ฉนั น้นั . พระโคดมผู้เจริญ ! ธรรมเทศนานี้ไพเราะนัก. ธรรมเทศนานี้ไพเราะนัก. ธรรมปริยายเป็นอันมาก ที่พระโคดมผู้เจริญประกาศแล้วนี้ เป็นเหมือนการหงาย ของที่ควํ่า การเปิดของท่ีปิด การช้ีทางแก่คนหลงทาง หรือเหมือนการจุดตะเกีย วงไว้ในที่มือ เพ่ือว่าคนมีตายังดีจะได้เห็นรูป, ฉันใดก็ฉันนั้น.ข้าพเจ้าขอถึงพระ โคดมผู้เจริญเป็นที่พ่ึง รวมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์. ขอพระโคดมผู้เจริญ จง ทรงจําข้าพเจ้าไวว้ า่ เป็นอบุ าสก จาํ เดมิ แตว่ นั น้ีไปจนตลอดชีวิต. : ทรงประดิษฐานศาสนพรหมจรรย์ไดบ้ ริบรู ณ์๑ พระโคดมผู้เจริญ ! พระโคดมเองก็ได้รับความพอใจ (จากพรหมจรรย์นี้) ด้วย และพวกภิกษุก็ได้รับความพอใจ (จากพรหมจรรย์นี้)ด้วย และพวก ภิกษุณีก็ได้รับความพอใจ (จากพรหมจรรย์นี้) ด้วยและพวก อุบาสก คฤหัสถ์ นุ่งขาว ประพฤติพรหมจรรย์ (ไม่บริโภคกาม) ก็ได้รับความพอใจ (จากพรหมจรรย์น้ี) ด้วยและพวก อุบาสก คฤหัสถ์ นุ่งขาว บริโภคกาม ก็ได้รับความพอใจ (จากพรหมจรรย์นี้) ด้วย และพวก อุบาสิกา คฤหัสถ์ นุ่ ง ข า ว ประ พ ฤ ติพ ร ห มจ รร ย์ ( ไ ม่ บ ริ โ ภ คก า ม ) ก็ ไ ด้รั บ คว า ม พ อ ใ จ (จากพรหมจรรยน์ ี้) ด้วย; แตว่ า่ พวก อุบาสิกาคฤหัสถ์ นุ่งขาว ____________________________________________________________________________ ๑. คาํ ของปรพิ พาชกวัจฉโคตร ทลู แด่พระผมู้ ีพระภาคเจ้า ทีเ่ วฬวุ นั ใกล้เมอื งใกล้ราชคฤห์. บาลี มหาวจั ฉโคตรสตู ร ม.ม. ๑๓/๒๕๖/๒๕๘. กลับไปสารบัญ
๕๐๔ พุทธประวตั ิจากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ บริโภคกาม ยังไม่ได้รับความพอใจ (จากพรหมจรรย์น้ี) ด้วย แล้วไซร้, พรหมจรรย์ (ศาสนา) น้ี ก็จะยงั ไม่ถงึ ซ่งึ ความบริบรู ณไ์ ด้ เพราะเหตุน้นั . พระโคดมผู้เจริญ ! แต่เพราะเหตุท่ีว่า พระโคดมเองก็ได้รับความพอใจ (จากพรหมจรรย์นี้)ด้วย และพวกภิกษุก็ได้รับความพอใจ (จากพรหมจรรย์นี้)ด้วย และพวกภิกษุณีก็ได้รับความพอใจ (จากพรหมจรรย์นี้) ด้วย และพวกอุบาสก คฤหัสถ์ นุ่งขาว ประพฤติพรหมจรรย์ ก็ได้รับความพอใจ (จากพรหมจรรย์น้ี) ด้วย และพวกอุบาสกคฤหัสถ์ นุ่งขาว บริโภคกาม ก็ได้รับความพอใจ (จากพรหมจรรย์ น้)ี ดว้ ย และพวกอุบาสิกาคฤหัสถ์ นุ่งขาว ประพฤติพรหมจรรย์ ก็ได้รับความพอใจ (จากพรหมจรรย์น้ี) ด้วยและทั้งพวก อุบาสิกาคหัสถ์ นุ่งขาว บริโภคกาม ก็ได้รับ ความพอใจ (จากพรหมจรรย์น้ี)ด้วย; พรหมจรรย์ (ศาสนา) นี้ ก็ถึงซ่ึงความ บริบูรณ์ได้ เพราะเหตนุ น้ั . พระโคดมผเู้ จรญิ ! เปรยี บเหมือนแมน่ ้ําคงคา ลุ่มไปทางสมุทร ลาดไปทาง สมุทร เทไปทางสมุทร แล้วหยุดอยู่ท่ีสมุทร, ฉันใด; บริษัทของพระสมณโคดมผู้ เจริญนี้ ท้ังคฤหัสถ์และบรรชิต ก็ล้วนแต่โน้มไปทางนิพพาน เอียงไปทางนิพพาน เทไปทางนิพพาน และหยดุ อยู่ท่นี ิพพาน ฉันน้นั เหมือนกนั . ตามเสียงของคณกะโมคคัลลานพราหมณ์๑ \"โอวาทของพระโคดมเปน็ ยอด\" พระโคดมผู้เจริญ ! บรรดาไม้มีรากหอม เขากล่าวว่ารากกาฬานุสารีเป็น ยอด. บรรดาไมม้ แี กน่ หอม เขากล่าวว่าจันทนแ์ ดงเป็นยอด. บรรดาไม้มดี อก ____________________________________________________________________________ ๑. คาํ ของคณะกะโมคคัลลานะ ทูลสรรเสริญพระผ้มู พี ระภาคเจา้ หลงั จากทพี่ ระองค์ไดท้ รง บรรยายลกั ษณะบางอย่างเกีย่ วกับสาวกของพระองค์บางพวกใหเ้ ขาฟง๎ . อปุ ร.ิ ม. ๑๔/๘๘/๑๐๔. กลบั ไปสารบัญ
ตามเสยี งคนนอก ทกี่ ลา่ วถึงพระองค์ ๕๐๕ หอม เขากล่าวว่าดอกมะลิ (วสฺสิก) เป็นยอด แม้ฉันใด; บรรดาปรามัตถธรรม ท้งั หลาย โอวาทของพระโคดมผเู้ จรญิ ยอ่ มเป็นยอด ฉันน้นั แล. พระโคดมผู้เจริญ ! ภาษิตของพระองค์ไพเราะนัก ๆ. พระโคดมทรง ประกาศธรรมเทศนาโดยปริยายเป็นอันมากนี้ เหมือนหงายของที่คว่ําอยู่หรือ เหมือนเปิดของท่ปี กปดิ อยู่ หรือเหมือนชบ้ี อกหนทางให้แก่คนหลงทาง หรือเหมือน อย่างตามตะเกียงในท่ีมืดให้คนตาดีได้เห็นรูป ฉะน้ัน. ข้าพเจ้าขอถึงพระโคดมผู้ เจริญ และพระธรรมพระสงฆ์ว่าเป็นท่ีพ่ึงท่ีระลึก. ขอพระโคดมผู้เจริญ จงทรงจํา ข้าพเจ้าไว้ว่าเป็นอุบาสก ถึงพระรัตนตรัยเป็นท่ีพ่ึงจนตลอดชีวิตในกาลมีวันน้ีเป็น ต้นไป. ตามเสยี งของสจั จกะนิครนถบตุ ร๑ \"เจอะพระโคดมแลว้ ไมม่ ีรอดไปได\"้ พระโคดมผู้เจริญ ! ข้าพเจ้าน่ันเทียว เป็นคนคอยกําจัดคุณของผู้อื่น,เป็น คนคะนองวาจาเพราะได้สําคัญถ้อยคําของพระโคดมว่า ตัวอาจหักล้างได้ด้วย ถอ้ ยคาํ ของตวั . พระโคดมผู้เจริญ ! บุรุษมาปะทะช้างอันซับมันเข้าก็ดี เจอะกองไฟอัน กําลังลุกโชนก็ดี เผชิญงูท่ีมีพิษร้ายก็ดี ก็ยังมีทางเอาตัวรอดได้บ้าง. แต่มาเจอะ พระโคดมเข้าแล้วไม่มีทางเอาตัวรอดได้เลย. ข้าพเจ้าน่ันเทียวเป็นคนคอยกําจัด คุณของผอู้ นื่ เป็นคนคะนองวาจา เพราะได้สําคัญถอ้ ยคําของพระโคดม ____________________________________________________________________________ ๑. คําสารภาพของสจั จกะนิครนถบตุ ร สราภาพตอ่ พระผูม้ พี ระภาคเจ้า. ม.ู ม. ๑๒/๔๓๕/๔๐๓. กลับไปสารบัญ
๕๐๖ พทุ ธประวตั ิจากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ ว่าตัวอาจหักล้างได้ด้วยถ้อยคําของตัว ขอพระโคดม พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ จง รบั ภัตตาหารของข้าพเจ้าเพ่ือฉันในพรุ่งนี้. ตามเสียงของเจ้าลจิ ฉวี ทมุ มขุ ะ๑ : ทรงหักล้างถ้อยคาของปรป๎กษไ์ ด้ เหมือนเดก็ ๆ รุมกนั ตอ่ ยก้ามปู เปรียบเหมือนในที่ใกล้แห่งบ้านหรือนิคม มีสระโบกขรณีอยู่สระหน่ึง, ในสระน้ันมีปูตัวหนึ่ง, มีเด็กชายหญิงเป็นอันมากออกจากบ้านหรือนิคมนั้น ไปถึง สระโบกขรณีนัน้ แลว้ ก็ลงจบั ปูน้ันขึ้นมาจากน้าํ วางไวบ้ นบก, ปูน้ันจะน้อมก้ามไปข้าง ไหน เด็กเหล่านั้นก็จะคอยต่อยก้ามปูน้ันด้วยท่อนไม้หรือก้อนหินกรวด, ครั้นปูน้ันมี ก้ามหักหมดอย่างน้ีแล้ว ก็ไม่อาจลงสู่สระโบกขรณีน้ันได้อีกเหมือนอย่างก่อนข้อน้ี ฉันใด; ทิฎฐิท่ีเป็นเส้ียนหนามปกคลุมอยู่ ยักไปยักมาไม่อยู่ในร่องรอยบางอย่าง อยา่ งของสจั จกะอนั พระผ้มู พี ระภาคเจา้ ทรงทําใหข้ าดใหห้ กั ใหห้ ลดุ เสยี แล้ว,ต่อนไี้ ป สจั จกะไม่อาจเขา้ มาใกลพ้ ระผู้มีพระภาคเจา้ ด้วยประสงค์จะโต้ตอบไดอ้ ีกฉนั นัน้ . เมื่อเจ้าทุมมุขลิจฉวีกล่าวอย่างนี้แล้ว สัจจกะพูดกับเธอว่า \"เจ้าทุมมุขะ ! ท่านหยุด เถดิ ,ท่านหยดุ เถดิ , ทา่ นเปน็ คนปากมากนัก, ข้าพเจ้าไม่ได้พูดหารือกับท่าน, ข้าพเจ้า พูดหารือกบั พระโคดมต่างหาก\". ____________________________________________________________________________ ๑. คาํ เยาะเยย้ ของเจ้าลิจฉวี ทุมมุขะ เยาะเยย้ สจั จกะนคิ รนถบุตร ซง่ึ จํานนต่อถอ้ ยคําของ ตัวเองในการโตว้ าทะกับพระผ้มู ีพระภาคเจา้ . มู.ม. ๑๒/๔๓๒/๔๐๐. กลับไปสารบัญ
ตามเสียงคนนอก ทีก่ ล่าวถงึ พระองค์ ๕๐๗ ตามเสยี งของปริพพาชกคณะแมน่ ้าสปั ปีนี๑ : ไม่มชี อ่ งทางท่ใี ครจะขันสู้พระผมู้ ีพระภาคเจ้า น่ีแน่ะสรภะ ! สุนัขจิ้งจอกในปุาใหญ่ ทะยานใจว่าจักบันลือสีหนาท,คร้ัน ร้องออกมาจริง ก็ร้องเป็นเสียงสุนัขจ้ิงจอกนั่นแหละ ร้องเป็นเสียงสุนัขปุาอยู่ นั่นเอง, นี้ฉันใด; สรภะ ! ท่านเองก็ฉันนั้น ลับหลังพระสมณโคดมคุยว่า \"ข้าจัก บันลือสีหนาท\", แต่แล้วก็ร้องเป็นเสียงสุนัขจิ้งจอกน่ันแหละ ร้องเป็นเสียงสุนัขปุา อยู่น่ันเอง. ลูกไก่เจ๊ียบ ทะยานใจว่าจักขันให้เหมือนเสียงพ่อไก่, คร้ันขันออกมาจริงก็ ร้องเป็นเสียงลูกไก่เจี๊ยบอยู่น่ันเอง, ฉันใด; สรภะ ! ท่านเองก็ฉันน้ัน ลับหลังพระ สมณโคดม คุยวา่ \"ขา้ จกั ขัน\", แต่แล้วกร็ อ้ งเจ๊ยี บ ๆ น่ันเอง. โคอยู่ในโรงว่างเงียบตัวเดียว ก็ทะยานใจว่าเสียงของตัวก้อง, ฉันใด; สรภะ ! ทา่ นเองอยลู่ บั หลังพระสมณโคดม ก็สาํ คญั ว่าเสยี งของตัวอโุ ฆษฉันน้ัน. ตามเสียงของสังคมวิญํูชน : ทรงปฏิบัติไดเ้ ลศิ กวา่ พวกอื่น (ในหลกั ธรรมอย่างเดียวกนั )๒ กสั สปะ ! เราเข้าไปหาสมณพราหมณ์เหล่านนั้ แลว้ กลา่ ววา่ \"แน่ะท่าน ! ใน บรรดาฐานะเหลา่ น้ัน ๆ ฐานะใดลงกนั ไมไ่ ด้ ฐานะน้ันจงยกไว้; ฐานะใด ____________________________________________________________________________ ๑. คาํ ของปริพพาชกคณะแมน่ า้ํ สปั ปินที ัง้ คณะ กล่าวถากถางปรพิ พาชกคนหนึง่ ในคณะของตนที่ กล้าไปท้าทายพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วในทีส่ ุดกลบั นิ่งเงยี บ เมื่อเขาใหพ้ ูดในทป่ี ระชมุ . ติก.อ.ํ ๒๐/๒๔๑/๕๐๔. ๒. บาลี มหาสีหนาทสูตร สี.ที. ๙/๒๐๗/๒๖๑. ตรัสแก่อเจลกสั สปะ ที่กณั ณกถลมคิ ทายวนั ใกลเ้ มอื งอุชญุ ญา. กลับไปสารบัญ
๕๐๘ พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ ทล่ี งกนั ได,้ ในฐานะนั้นแหละ วิญํชู นจงหยิบขึ้นมาพิจารณา แยกแยะ สอบสวนดู โดยทําการเปรียบคู่กันระหว่างศาสดากับศาสดา ระหว่างหมู่สงฆ์กับหมู่สงฆ์ ว่า\" ธรรมเหล่าใดท่ีผู้เจริญเหล่านี้ บัญญัติตรงกันว่าเป็นอกุศล นับเนื่องในอกุศล, เป็น ธรรมมีโทษ นับเนื่องในธรรมมีโทษ, เป็นธรรมไม่ควรเสพ นับเน่ืองในธรรมไม่ควร เสพ, เป็นธรรมไมค่ วรแก่อริยะ นับเนื่องในธรรมไม่ควรแก่อริยะ, เป็นธรรมดํา นับ เนื่องในธรรมดํา, นั้น ๆ; ใครเล่า ละขาดธรรมเหล่าน้ันไม่มีเหลือแล้วประพฤติ เป็นไปอยู่ : จะเป็นพระสมณโคดม หรือ หรือว่าจะเป็น คณาจารย์ผู้เจริญเหล่า อน่ื \". กสั สปะ! ข้อน้เี ป็นฐานะท่ีมีอยูแ่ ล :...กัสสปะ! ในกรณีอย่างน้ีนั้น เม่ือวิญํูชน หยิบขึ้นมาพิจารณา แยกแยะ สอบสวนดูอยู่ เขาจะสรรเสริญพวกเรา (พระองค์ กับสาวกของพระองค)์ ในข้อนนั้ แหละ เปน็ อยา่ งมาก. กัสสปะ ! อีกประการหนึ่ง : วิญํูชนจงหยิบข้ึนมาพิจารณา แยกแยะ สอบสวนดู โดยทําการเปรียบคู่กันระหว่างศาสดากับศาสดา ระหว่างหมู่สงฆ์กับ หมู่สงฆ์ว่า \"ธรรมเหล่าใดท่ีผู้เจริญเหล่าน้ี บัญญัติตรงกันว่าเป็นกุศล นับเนื่องใน กุศล, เป็นธรรมไม่มีโทษ นับเน่ืองในธรรมไม่มีโทษ, เป็นธรรมควรเสพนับเน่ืองใน ธรรมควรเสพ, เป็นธรรมควรแก่อริยะ นับเน่ืองในธรรมควรแก่อริยะ,เป็นธรรม ฝุายขาว นับเน่ืองในธรรมฝุายขาว, น้ัน ๆ; ใครเล่า สมาทานธรรมเหล่าน้ันหมดจด ไม่มีส่วนเหลือ แล้วประพฤติเป็นไปอยู่ : จะเป็น พระสมณโคดมหรือ หรือว่าจะ เป็น คณาจารย์ผู้เจริญเหล่าอ่ืน\". กัสสปะ! ข้อนี้เป็นฐานะท่ีมีอยู่แล : ...กัสสปะ ! ในกรณีอย่างนี้น้ัน เมื่อวิญํูชนหยิบขึ้นมาพิจารณา แยกแยะสอบสวนดูอยู่เขาจะ สรรเสริญพวกเรา (พระองค์กับสาวกของพระองค)์ ในข้อนัน้ แหละเปน็ อยา่ งมาก. กลบั ไปสารบัญ
ตามเสยี งคนนอก ทกี่ ลา่ วถงึ พระองค์ ๕๐๙ : สาวกของพระองคป์ ฏบิ ัตไิ ด้เลิศกว่าพวกอน่ื (ในหลกั ธรรมอยา่ งเดียวกัน)๑ ...กัสสปะ ! อีกประการหนึ่ง : วิญํูชนจงหยิบขึ้นมาพิจารณาแยกแยะ สอบสวนดู โดยทําการเปรยี บเทยี บค่กู ันระหว่างศาสดากับศาสดา ระหว่างหมู่สงฆ์ กบั หมูส่ งฆ์ ว่า \"ธรรมเหลา่ ใดท่ีผเู้ จรญิ เหล่าน้ี บัญญัติตรงกันว่าเป็นอกุศลนับเนื่อง ในอกุศล, เป็นธรรมมีโทษ นับเนอ่ื งในธรรมมีโทษ, เปน็ ธรรมไมค่ วรเสพ นับเนื่องใน ธรรมไม่ควรเสพ, เป็นธรรมไม่ควรแก่อริยะ นับเน่ืองในธรรมไม่ควรแก่อริยะ,เป็น ธรรมดํา นบั เนอ่ื งในธรรมดํา, น้ัน ๆ; ใครเล่า ละขาดธรรมเหล่านั้นไม่มีเหลือ แล้ว ประพฤติเป็นไปอยู่ : จะเป็น หมู่สงฆ์สาวกของพระสมณโคดม หรือ หรือว่าจะ เปน็ หมสู่ งฆส์ าวกของคณาจารย์ผู้เจริญเหล่าอ่ืน\".กัสสปะ ! ข้อน้ีเป็นฐานะท่ีมีอยู่ แล : ...กัสสปะ ! ในกรณีอย่างนี้นั้น เมื่อวิญํูชนหยิบขึ้นมาพิจารณา แยกแยะ สอบสวนดูอยู่ เขาจะสรรเสริญพวกเรา(พระองค์กับสาวกของพระองค์) ในข้อนั้น แหละเปน็ อยา่ งมาก. กัสสปะ ! อีกประการหนึ่ง : วิญํูชนจงหยิบข้ึนมาพิจารณา แยกแยะ สอบสวนดู โดยทําการเปรียบคู่กันระหว่างศาสดากับศาสดา ระหว่างหมู่สงฆ์กับ หมู่สงฆ์ ว่า \"ธรรมเหล่าใดท่ีผู้เจริญเหล่าน้ี บัญญัติตรงกันว่าเป็นกุศล นับเน่ืองใน กุศล, เป็นธรรมไม่มีโทษ นับเน่ืองในธรรมไม่มีโทษ, เป็นธรรมควรเสพนับเน่ืองใน ธรรมควรเสพ, เป็นธรรมควรแก่อริยะ นับเนื่องในธรรมควรแก่อริยะ,เป็นธรรม ฝุายขาว นับเนื่องในธรรมฝุายขาว, น้ัน ๆ; ใครเล่า สมาทานธรรมเหล่าน้ันหมดจด ไม่มสี ว่ นเหลอื แลว้ ประพฤติเปน็ ไปอยู่ : จะเปน็ หมูส่ งฆส์ าวกของ ____________________________________________________________________________ ๑. บาลี มหาสหี นาทสูตร ส.ี ท.ี ๙/๒๐๘/๒๖๔. ตรสั แกอ่ เจลกัสสปะ ที่กัณณกถลมคิ ทายวัน ใกล้เมืองอชุ ญุ ญา. กลับไปสารบัญ
๕๑๐ พทุ ธประวตั ิจากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ พระสมณโคดม หรือ หรือว่าจะเปน็ หมู่สงฆส์ าวกของคณาจารย์ผู้เจริญเหล่าอ่ืน\". กัสสปะ ! ข้อนี้เป็นฐานะที่มีอยู่แล : ...กัสสปะ ! ในกรณีอย่างนี้นั้นเม่ือวิญํูชน หยิบข้ึนมาพิจารณา แยกแยะ สอบสวนดูอยู่ เขาจะสรรเสริญพวกเรา (พระองค์ กบั สาวกของพระองค์) ในขอ้ นน้ั แหละ เปน็ อย่างมาก. ตามเสยี งของวัชชิยมาหิตคหบดี : ทรงเป็นวภิ ชั ชวาที มใิ ช่ เอกสวามี๑ (พวกอัญญเดยี รถยี ์ ได้กล่าวกะวัชชิยมาหิตคหบดีว่า \"คหบดี ! ได้ยินว่า พระสมณ โคดมติเตียนตบะท้ังปวงหรือ ย่อมด่า ย่อมว่าร้าย ซ่ึงผู้บําเพ็ญตบะ มีการเป็นอยู่ ปอน ๆ ทั้งปวง โดยสว่ นเดยี วหรือ?\" คหบดีตอบวา่ :-) \"ท่านผู้เจริญ ท. ! พระผู้มีพระภาคมิได้ติเตียนตบะทั้งปวง ย่อมไม่ด่าไม่ว่า ร้ายซึ่งผู้บําเพ็ญตบะมีการเป็นอยู่ปอน ๆ ท้ังปวง โดยส่วนเดียวด้วย. ท่าน ผู้เจริญ ท.! พระผู้มีพระภาคทรงตําหนิผู้ท่ีควรตําหนิทรงสรรเสริญผู้ท่ีควร สรรเสริญ. ท่านผู้เจริญ ท.! เม่ือพระผู้มีพระภาคทรงติเตียนผู้ท่ีควรติเตียน สรรเสริญผู้ท่ีควรสรรเสริญอยู่เช่นนี้ จึงทรงเป็น วิภัชชวาที๒พระผู้มีพระภาคนั้น หาไดท้ รงเปน็ เอกสวาที๒ ในขอ้ นไี้ ม\"่ . ____________________________________________________________________________ ๑. คําของวชั ชยิ มาหติ คหบดี กลา่ วตอบพวกปรพิ พาชกเดียรถีย์อ่นื ที่ปรพิ พาชการาม. ๒. วภิ ัชชวาที คอื ผกู้ ลา่ วแบ่งแยกขนั ธ์ธาตุอายตนะ โดยไมม่ ีสตั วบ์ คุ คลตัวตน มแี ต่ส่งิ ทีเ่ ป็นเหตุ ป๎จจัย อนั ทําให้มคี วามแตกตา่ งกัน จนบญั ญัติได้วา่ กุศลหรืออกศุ ล เป็นต้น ตรงกนั ข้ามจาก พวกอวภัชชวาที ซึ่งบัญญัติเปน็ ตวั เปน็ ตน เปน็ ดุ้นเป็นกอ้ น ไม่ประกอบดว้ ยเหตปุ จ๎ จัยใด ๆ. ไม่มกี ารจาํ แนกโดยความเปน็ ขนั ธ์ธาตอุ ายตนะเป็นต้น ซึ่งผิดหลักของพทุ ธศาสนา. พวก เอกสวาที คอื พวกท่ีกล่าวอะไรโดยส่วนเดยี วอยา่ งเดียว อยา่ งพวกอนั ตคาหิกทิฎฐทิ งั้ หลาย ไม่มี ลกั ษณะแห่งมัชฌมิ าปฎปิ ทา จัดไวใ้ นฐานะเปน็ มิจฉาทิฎฐินอกพระททุ ธศาสนาด้วยเหมือนกัน. กลบั ไปสารบัญ
ตามเสียงคนนอก ทีก่ ลา่ วถงึ พระองค์ ๕๑๑ ครนั้ วัชชิยมาหิตคหบดกี ลา่ วดังน้แี ล้ว ปริพพาชกผู้หน่ึงได้กล่าวกะคหบดีนั้นว่า\"คหบดี ! ท่านหยุดก่อน ในข้อท่ีท่านกล่าวสรรเสริญคุณของพระสมณโคดม, พระสมณโคดมนั้น เป็น เวนยโิ ก (ผูน้ าํ ไปกระทําใหว้ ินาศ) เปน็ อัปป๎ญญตั ิโก (ผู้ไม่มีบัญญัติ)\"ดังน้ี. วัชชิยมาหิต คหบดี ได้กลา่ วตอบ ดังนีว้ า่ :- \"ทา่ นผูเ้ จริญ ท. ! แมใ้ นข้อนี้ ข้าพเจ้าขอกล่าวกะท่าน ท. อย่างเปน็ ธรรมว่า พระผู้มีพระภาค ทรงบัญญัติว่า ข้อน้ีเป็นกุศล ข้อนี้เป็นอกุศล เม่ือพระผู้มีพระ ภาคทรงบัญญัติ ซ่ึงกุศลอกุศลอยู่ดังนี้ จึงช่ือว่าเป็นสัปป๎ญญัตติโก (ผู้มีบัญญัติ) พระผู้มีพระภาคน้ัน หาได้เป็นเวนยิโก อัปป๎ญญัตติโก ไม่ ดังนี้\". (เมื่อได้ฟ๎งดังนี้ พวกอญั ญเดยี รถยี ์ปริพพาชกก็เงียบไป.) ตามเสยี งของโปฎฐปาทปรพิ พาชก : ทรงบญั ญตั หิ ลักเร่ือง \"ตถา\"๑ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คร้ังน้ัน เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จหลีกไปแล้ว ไม่นาน. ปริพพาชกเหล่าน้ันได้รุมกันตัดพ้อข้าพระองค์โดยรอบด้านว่า ท่านโปฎฐ ปาทปริพพาชกผู้เจริญนี้ เป็นอย่างน้ีเอง : พระสมณโคดมกล่าวถ้อยคําใด ท่านก็ อนุโมทนาถ้อยคําของพระสมณโคดมนั้นว่า \"ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ! ข้อนั้นถูก แล้ว,ข้าแต่พระสุคต ! ข้อน้ันถูกแล้ว\" ดังนี้; แต่ว่าพวกเราไม่ได้รับทราบเอกังสิก ธรรมจากพระสมณโคดมแม้หน่อยเดียว ว่าโลกเท่ียงหรือไม่เท่ียง, โลกมีท่ีส้ินสุด หรือไม่มีที่ส้ินสุด, ชีวะก็ดวงนั้น ร่างกายก็ร่างน้ัน หรือว่าชีวะก็ดวงอื่นร่างกายก็ ร่างอ่ืน,ตายแล้วย่อมเป็นอย่างท่ีเป็นมาแล้ว หรือว่าตายแล้วไม่เป็นอย่างที่เป็นมา แล้วอกี , ____________________________________________________________________________ ๑. คําของโปฎฐปาทปริพพาชก กราบทลู แด่พระผ้มู ีพระภาค. สี.ที. ๙/๒๓๕/๒๙๖. กลบั ไปสารบัญ
๕๑๒ พุทธประวตั จิ ากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ ตายแล้วย่อมเป็นอย่างที่เป็นมาแล้วอีกก็มีไม่เป็นก็มี หรือว่าตายแล้วเป็นอย่างท่ี เปน็ มาแล้วอีกกไ็ มใ่ ชไ่ ม่เป็นกไ็ มใ่ ช่, ดังนี้. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เม่ือปริพพาชก ท. เหล่าน้ันกล่าวดังน้ีแล้ว,ข้า พระองค์ได้กล่าวกะพวกเขาเหล่าน้ันว่า ถึงแม้ข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้รับทราบเอกังสิก- ธรรม จากพระสมณโคดมแม้หน่อยเดียว ว่าโลกเท่ียงหรือไม่เที่ยง, โลกมีท่ีส้ินสุด หรือไมม่ ีท่สี น้ิ สดุ , ...ฯลฯ... ตายแล้วย่อมเป็นอย่างท่ีเป็นมาแล้วอีกก็มีไม่เป็นก็มีหรือ ว่าตายแล้วเป็นอย่างที่เป็นมาแล้วอีกก็ไม่ใช่ไม่เป็นก็ไม่ใช่; ก็แต่ว่าพระสมณโคดม ยอ่ มบญั ญตั ิ ภูตปฏิปทา ตัจฉปฏิปทา ตถาปฏิปทา อันเป็นธัมมัฏฐิตตา เป็นธัมม นิยามตา. เม่ือพระสมณโคดมบัญญัติ ซึ่งภูตปฏิปทา ตัจฉปฏิปทา ตถาปฏิปทาอัน เป็นธมั มฏั ฐติ ตา เป็นธัมมนิยามตา อยู่ดงั นี้, ไฉนเล่า วญิ ํูชนเชน่ กบั ข้าพเจ้า จะไม่ พงึ อนุโมทนาซึ่งสุภาษิตของพระสมณโคดม โดยความเป็นสภุ าษิตดงั น้.ี หมายเหตุ : เอกังสิกธรรม คือ ธรรมท่ีมีการกล่าวยืนยันโดยส่วนเดียว ไม่มีข้อแม้ว่า จะต้องเป็นไปตามเหตุตามป๎จจัย. ส่วนตถาปฎิปทา เป็นต้น ซึ่งเป็นธัมมัฎฐิตตา เป็นธัมมนิยาม ตานั้น หมายถึงอิทัปป๎จจยตาปฎิจจสมุปบาท ซึ่งกล่าวถึงส่ิงท้ังปวง ย่อมเป็นไปตามเหตุตาม ป๎จจยั ไม่อาจจะกลา่ วสิ่งใดวา่ เป็นไปโดยส่วนเดยี ว เพียงอย่างหน่ึงอย่างใดได้ (ดูปฎิจจสมุปบาท จากพระโอษฐ์ หนา้ ๔๓). -ผรู้ วบรวม ตามเสียงของปโี ลติกะปริพพาชก๑ : ทรงมีคุณธรรมลกึ จนผู้อื่นไดแ้ ต่เพียงอนุมานเอา ชาณุสโสณีพราหมณ์เห็นปิโลติกะปริพพาชกเดินมาแต่ท่ีไกล ได้ถามว่า \"ท่านผ้เู ปน็ วจั ฉายนโคตร ยอ่ มมาแตไ่ หนแต่ยังวนั เช่นน้ี?\" ____________________________________________________________________________ ๑. คําของปโิ ลติกะปรพิ พาชก ตอบชาษุสโสณีพราหมณ์ตามความรสู้ ึกของตนที่มอี ยู่ในพระผู้มี พระภาคเจ้าว่าพระองค์เปน็ อย่างไร. มู.ม. ๑๒/๓๓๖/๓๒๙. กลับไปสารบัญ
ตามเสียงคนนอก ทีก่ ลา่ วถึงพระองค์ ๕๑๓ \"ทา่ นผ้เู จรญิ ! ขา้ พเจ้ามาแต่สาํ นักพระสมณโคดม\". \"ท่านวจั ฉายนโคตรผเู้ จรญิ ! บัณฑิตพากนั ถือว่าพระสมณโคดมมีความรอบ รู้และความเฉยี บแหลมเพียงไหน?\" \"ท่านผู้เจริญ ! ข้าพเจ้านะหรือ จักรู้จักความรอบรู้และความเฉียบแหลม ของพระสมณโคดมว่าเป็นอย่างไรได้, คนที่จะรู้ได้ ก็มีแต่คนที่มีความรอบรู้และ ความเฉยี บแหลมเท่ากับพระสมณโคดมเทา่ นน้ั \" \"ท่านผู้เจริญ ! ท่านผู้เป็นวัจฉายนโคตรย่อมสรรเสริญพระสมณโคดมกับ เขาด้วยอยา่ งมากมายเหมอื นกนั หรอื ?\" \"ท่านผู้เจริญ ! อะไร ข้าพเจ้านะหรือจะไม่สรรเสริญพระสมณโคดม.พระ สมณโคดมน้ัน เป็นผู้ท่ีใคร ๆ พากันสรรเสริญกันท่ัวหน้า ว่าเป็นผู้ประเสริฐกว่า เทวดาและมนษุ ย์ท้ังหลาย\". \"ท่านผู้วัจฉายนโคตร เห็นอํานาจประโยชน์ของอะไร จึงได้มีความเลื่อมใส ในพระสมณโคดมมากมายถงึ เพยี งนี้?\" \"ท่านผู้เจริญ ! ข้าพเจ้าเป็นใครไหนมา ท่ีจะไม่เล่ือมใสอย่างมากมายในพระ สมณโคดม. เรื่องนี้ เปรียบเหมือนนักล่าช้างผู้ฉลาด เข้าไปในปุาช้างได้เห็นรอย เท้าช้างในปุานั้น โดยยาวก็ยาวมากโดยกว้างก็กว้างมาก, เขาก็ถึงความแน่ใจได้ว่า ช้างตัวนี้ใหญ่ ข้อน้ีฉันใด ข้าพเจ้าก็ฉันน้ัน, ในกาลใดได้เห็นเคร่ืองยืนยัน ๔ ประการในพระสมณโคดม, ในกาลนน้ั ขา้ พเจ้ากถ็ งึ ความแน่ใจว่าพระผู้มีพระภาค เจ้านัน้ เปน็ ผตู้ รัสรูช้ อบดว้ ยพระองค์เอง พระธรรมเปน็ ส่ิงทพี่ ระผู้มพี ระภาคเจ้า น้ันตรัสไว้ถูกต้องแล้ว สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ดงั น้.ี กลับไปสารบัญ
๕๑๔ พทุ ธประวตั จิ ากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ \"ท่านผู้เจริญ ! เครื่องยืนยัน ๔ ประการน้ันเป็นอย่างไรเล่า? คือ(๑) ข้าพเจ้าได้เห็น ขัตติยบัณฑิต บางพวก มีป๎ญญาละเอียดสุขุม เคยทําการโต้วาทะ มาอย่างเช่ียวชาญ มีป๎ญญาคมกล้าปานว่าจะแทงขนเน้ือทรายได้เท่ียวทําลาย ความคดิ เหน็ ของผ้อู ่นื อย่ดู ว้ ยป๎ญญาของตน บัณฑิตเหล่านั้นได้ฟ๎งข่าวว่าพระสมณ โคดมประทับอยู่ที่หมู่บ้านหรือนิคมช่ือน้ัน ๆ เขาพากันผูกป๎ญหาเตรียมไว้ทุกลู่ทุก ทางว่า ถ้าเราถามป๎ญหานี้กะพระสมณโคดม ถ้าพระสมณโคดมแก้อย่างน้ีเราจะ แย้งอย่างน้ัน, ถ้าแก้อย่างน้ัน เราจะแย้งอย่างนี้ แล้วพากันไปสู่หมู่บ้านหรือสู่นิคม ท่พี ระสมณโคดมประทบั อยู่ คร้นั ไปถึงแล้วไดเ้ ขา้ ไปเฝาู พระสมณโคดมถึงที่ประทับ. พระสมณโคดมได้แสดงธรรมิกถา ได้ปลุกใจขัตติยบัณฑิตเหล่านั้นให้มีกําลังใจกล้า หาญรา่ เรงิ ด้วยธรรมกิ ถา, บัณฑิตเหล่านัน้ ถกู ช้ีแจงปลุกใจใหม้ ีกําลังใจกล้าหาญร่า เรงิ เช่นน้นั แลว้ กห็ าได้ถามป๎ญหาไม่, แลว้ จะพดู อะไรกันถึงการแย้งตามท่ีคิดกันไว้. เขาพากนั กลายเป็นสาวกของพระสมณโคดมน่นั เอง หมดส้นิ ไม่มเี หลือ.ทา่ นผเู้ จรญิ ! ในกาลใดข้าพเจ้าได้เห็นเคร่ืองยืนยันประการท่ี ๑ น้ี ในพระสมณโคดมในกาลน้ัน ข้าพเจ้าก็ถึงความแน่ใจว่า `พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นเป็นผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์ เอง. พระธรรมเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ตรัสไว้ถูกต้องแล้วพระสงฆ์สาวก ของพระผมู้ พี ระภาคเจ้า เปน็ ผปู้ ฏบิ ตั ิดีแลว้ ' ดังน้.ี \"ท่านผู้เจริญ ! (๒) ข้าพเจ้าได้เห็น พราหมณบัณฑิต บางพวก มีป๎ญญา ละเอียดสุขุม เคยทําการโต้วาทะมาอย่างเชี่ยวชาญ...(ฯลฯ)... (มีข้อความทํานอง เดยี วกบั ข้อท่ี ๑ ทุกอยา่ งจนตลอดทัง้ ขอ้ ) \"ท่านผู้เจริญ ! (๓) ข้าพเข้าได้เห็น คหบดีบัณฑิต บางพวก มีป๎ญญา ละเอียดสุขุม เคยทําการโต้วาทะมาอย่างเช่ียวชาญ...(ฯลฯ)... (มีข้อความทํานอง เดียวกับข้อท่ี ๑ ทกุ อยา่ ง จนตลอดท้ังข้อ). กลับไปสารบัญ
ตามเสยี งคนนอก ที่กลา่ วถงึ พระองค์ ๕๑๕ \"ท่านผู้เจริญ ! (๔) ข้าพเจ้าได้เห็น สมณบัณฑิต บางพวก มีป๎ญญา ละเอียดสขุ มุ เคยทาํ การโตว้ าทะมาอยา่ งเชี่ยวชาญ...(ฯลฯ)... แล้วจะพูดอะไรกันถึง การแย้งตามทีค่ ิดกันไว.้ เขาพากันทลู ขอโอกาสกะพระสมณโคดม เพอ่ื การบรรพชา บวชจากเรือนถึงความไม่มีเรือน หมดสิ้นไม่มีเหลือ.พระสมณโคดมย่อมให้บรรพชา แก่บัณฑิตทั้งหลายเหล่าน้ัน. บัณฑิตเหล่านั้น ครั้นบวชแล้วในธรรมวินัยน้ันเป็นผู้ หลีกออกสู่ท่ีสงัด ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปในสมาธิภาวนาอยู่ เป็นปรกต,ิ ไมน่ านเลย กท็ าํ ให้แจ้งไดซ้ ่งึ ทสี่ ดุ แห่งพรหมจรรย์อันไม่มีพรหมจรรย์อื่น ยิง่ กวา่ อนั เป็นที่ปรารถนาของกุลบุตรทง้ั หลายผอู้ อกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่มีเรือน, ได้ด้วยป๎ญญาอันย่ิงเอง เข้าถึงสุขอันเกิดแต่พรหมจรรย์น้ันแล้วแลอยู่. ท่าน เหล่าน้ันได้พากันกล่าวว่า `ท่านผู้เจริญท้ังหลายเอ๋ย ! เราไม่ขยี้หัวใจของเราอีก ต่อไป.เราไม่ขย้ีหัวใจของเราอีกต่อไป. ก่อนหน้านี้ พวกเราไม่เป็นสมณะ ก็ ปฏิญญาว่าตัวเองเป็นสมณะ, ไม่เป็นพราหมณ์ ก็ปฏิญญาตัวเองว่าเป็น พราหมณ์, ไม่เป็นอรหันต์ ก็ปฏิญญาตัวเองว่าเป็นอรหันต์. บัดนี้ พวกเราเป็น สมณะแล้ว, บัดนี้พวกเราเป็นพราหมณ์แล้ว, บัดน้ีพวกเราเป็นอรหันต์แล้ว.' ดังนี้. ท่านผู้เจริญ ! ในกาลใดข้าพเจ้าได้เห็นเคร่ืองยืนยันประการท่ี ๔ น้ี ในพระ สมณโคดม, ในกาลน้ันข้าพเจ้าก็ถึงความแน่ใจว่า `พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง. พระธรรม เป็นส่ิงท่ีพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ตรัสไว้ อย่างถกู ตอ้ งแลว้ พระสงฆ์สาวกของพระผ้มู ีพระภาคเจ้านน้ั ปฏบิ ัติดแี ลว้ ' ดังนี.้ \"ท่านผเู้ จรญิ ! ในกาลใด ข้าพเจ้าได้เห็นเคร่ืองยืนยันท้ัง ๔ ประการเหล่าน้ี ในพระสมณโคดม, ในกาลน้ัน ข้าพเจ้าได้ถึงความแน่ใจแล้วว่า`พระผู้มีพระภาคเจ้า น้ัน เป็นผตู้ รสั รู้ชอบดว้ ยพระองค์เอง. พระธรรมเปน็ ส่ิง กลบั ไปสารบัญ
๕๑๖ พุทธประวตั จิ ากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ ทพี่ ระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ตรัสไว้อย่างถูกต้องแล้ว. พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระ ภาคเจา้ นั้น ปฏิบติดีแล้ว'ดังน\"้ี . ลําดับนั้น ชาณุสโสณีพราหมณ์ได้ลงจากรถ ทําผ้าห่มเฉวียงบ่า ประณมมืออัญชลีไป ทางทิศทพ่ี ระผูม้ พี ระภาคเจา้ ประทับอยู่ กล่าวอทุ านนขี้ น้ึ ๓ คร้งั ว่า :- นโม ตสสฺ ภควโต อรหโต สมมฺ าสมฺพุทธฺ สสฺ ! นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมมฺ าสมพฺ ุทฺธสสฺ ! นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ! และว่า เม่ือไรหนอเรา จะพึงพบปะสมาคมกับพระสมณโคดมนั้น, ทําอย่างไรหนอ จะได้สนทนาเร่ืองไร ๆ กับพระสมณโคดมน้นั ดงั น้.ี ตามเสียงของปงิ คิยานพี ราหมณ์ : ทรงอยู่เหนอื คาสรรเสรญิ ของคนธรรมดา๑ (การสนทนาระหว่างการณปาลีพราหมณ์ กับปิงคิยานีพราหมณ์ ปรารภพระผู้มีพระ ภาค ดงั ต่อไปนี้ :-) \"ท่านปิงคิยานีผู้เจริญ ! ท่านสําคัญความรอบรู้และความเฉียบแหลมของ พระสมณโคดม ว่าเป็นอย่างไร, เห็นจะเป็นบณั ฑติ เชยี วนะ !\" \"ท่านผู้เจริญ ! ข้าพเจ้าจะรู้ถึงความรอบรู้และความเฉียบแหลมของพระ สมณโคดม อย่างไรได;้ ผู้ท่จี ะร้ไู ด้ ก็ตอ้ งเปน็ เหมอื นพระสมณโคดมเทา่ น้ัน.\" ____________________________________________________________________________ ๑. คาํ ตอบของปงิ คิยานีพราหมณ์ แกก่ ารณปาลพี ราหมณผ์ ซู้ กั ไซ้ด้วยความไมห่ วงั ดีในพระผูม้ ี พระภาคในตอนแรก ตอนหลงั กลบั เลือ่ มใส ประกาศรับนับถือพระผ้มู ีพระภาค ในขณะที่ กําลังควบคมุ คนงานให้ทํางานอยใู่ นลานของพระราชา. ปํฺจก. อ.ํ ๒๒/๒๖๓/๑๙๔. กลับไปสารบัญ
ตามเสียงคนนอก ทก่ี ล่าวถึงพระองค์ ๕๑๗ \"ได้ยินว่า ท่านปิงคิยานี ย่อมสรรเสริญพระสมณโคดม ด้วยคําสรรเสริญ อันโอฬาร\". \"ท่านผู้เจริญ ! ข้าพเจ้าเป็นใครที่ไหนมา ท่ีจะสรรเสริญพระสมณโคดมได้. พระสมณโคดมนั้น เขาสรรเสริญกันแล้วสรรเสริญกันอีก ว่าเป็นผู้ประเสริฐกว่า เทวดาและมนษุ ย์ ท.\". \"กท็ ่านปิงคยิ านีผู้เจรญิ เหน็ อยซู่ ึง่ อาํ นาจแหง่ ประโยชน์อะไรในพระสมณโค ดมนั้นจึงไดเ้ ลอ่ื มใสยง่ิ ถงึ อย่างนี้?\" \"ท่านผู้เจริญ ! เปรียบเหมือนบุรุษได้อ่ิมหนําด้วยรสอันเลิศแล้ว ย่อมไม่ อยากที่จะดื่มรสอันเลวอย่างอื่น, ฉันใด; ท่านผู้เจริญเอ๋ย! บุคคลฟ๎งธรรมของพระ สมณโคดมโดยลักษณะใด ๆ คือ โดยสุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ อัพภูตธรรมะ แล้ว, เขาย่อมไม่อยากที่จะฟ๎งธรรมของสมณะเป็นอันมากเหล่าอ่ืน โดยลักษณะ น้ัน ๆ ฉันน้นั . \"ทา่ นผู้เจรญิ ! หรือเปรียบเหมือนบุรุษผู้มีความหิว อ่อนเพลียเป็นกําลังพบ ก้อนแห่งน้ําผึ้ง ก็จะพึงลิ้ม โดยลักษณะท่ีเขาจะได้รสอันอร่อยไม่เจือปน, ฉันใด; ท่านผู้เจริญเอ๋ย ! บุคคลฟ๎งธรรมของพระสมณโคดม โดยสุตตะ เคยยะ เวยยา กรณะอัพภูตธรรมะ ใดๆ, เขาย่อมได้ความพอใจ ย่อมได้ความเลื่อมใสแห่งใจ โดยลกั ษณะนน้ั ๆ ฉันนั้น. \"ท่านผู้เจริญ ! หรือเปรียบเหมือนบุรุษได้ปุมไม้จันทน์ ของไม้จันทน์ เหลืองหรือไมจ้ นั ทนแ์ ดง เขาสดู กล่นิ ทีต่ อนลา่ ง หรอื ตอนกลาง หรือตอนบน ใด ๆ, เขากย็ อ่ มได้รับกล่ินหอมอนั ไมเ่ จอื ปน, ฉนั ใด; ท่านผู้เจรญิ เอย๋ ! บุคคลฟง๎ ธรรม กลบั ไปสารบัญ
๕๑๘ พทุ ธประวัติจากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ ของพระสมณโคดม โดยสุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ อัพภูตธรรมะ ใดๆ, เขาพึง ประสบความปราโมทย์ความโสมนัส โดยลักษณะนนั้ ๆ ฉันนนั้ . \"ท่านผูเ้ จริญ ! หรือเปรยี บเหมือนบุรุษอาพาธ มีความทุกข์ ปุวยหนักหมอผู้ ฉลาดกําจดั อาพาธของเขาออกไปได้โดยฐานะ, ฉันใด; ท่านผู้เจริญเอ๋ย ! บุคคลฟ๎ง ธรรมของพระสมณโคดม โดยสุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ อัพภูตธรรมะใด ๆ, โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส ของเขา ย่อมถึงซึ่งความตั้งอยู่ไม่ได้ โดยลกั ษณะนั้น ๆ ฉันนั้น. \"ท่านผู้เจริญ ! หรือว่าเปรียบเหมือนสระโบกขรณี มีน้ําเป็นประกาย นา่ ยนิ ดี เป็นนา้ํ เย็น ขาวจับแสงฟูา มีท่าสะดวกสบาย น่าร่ืนรมย์. บุรุษคนหน่ึงเดิน มา มตี ัวรอ้ นระอุ กลุม้ อย่ดู ว้ ยความรอ้ น เหนด็ เหนอ่ื ย ตวั สนั่ ระหายนํ้าอยู่, เขาลง สู่สระโบกขรณี อาบแล้ว ดื่มแล้ว ระงับความกระวนกระวายลําบากเร่าร้อนทั้ง ปวงได้, ฉันใด; ท่านผู้เจริญเอ๋ย ! บุคคลฟ๎งธรรมของพระสมณโคดม โดยสุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ อัพภูตธรรมะ ใดๆ, ความกระวนกระวาย ความลาบาก ความเรา่ รอ้ น (แห่งจิต) ของเขาย่อมระงับไป โดยลกั ษณะนน้ั ฉนั น้ัน.\" ดังน้.ี (เมอื่ ปิงคยิ านพี ราหมณ์ กล่าวอย่างน้ีแล้ว การณปาลีพราหมณ์ ได้ลุกข้ึนจากอาสนะทํา ผา้ หม่ เฉลยี งบ่าข้างหนึ่ง คุกเขา่ ข้างขวาลงบนพื้นดิน ประณมอัญชลีไปทางทิศท่ีพระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ ไดก้ ลา่ วอุทานนี้ขน้ึ ๓ ครงั้ ว่า :-) นโม ตสสฺ ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสสฺ . นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมพฺ ฺทฺธสสฺ . นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมมฺ าสมฺพทุ ฺธสฺส. กลบั ไปสารบัญ
ตามเสียงคนนอก ท่ีกลา่ วถึงพระองค์ ๕๑๙ ตามเสียงของวัสสการพราหมณ์๑ : ทรงมีคุณธรรมสงู ๔ ประการ พระโคดมผู้เจริญ ! เร่ืองน้ีน่าอัศจรรย์, เรื่องน้ีไม่เคยมีมาก่อน, ก็ตามที่ พระองค์ตรัสนี้ข้าพพระองค์จักจําไว้ว่า พระองค์ประกอบพร้อมด้วยธรรม๔ ประการนี้ คือ :- (๑) พระโคดมผู้เจริญเป็นผู้ปฏิบัติเพ่ือเกื้อกูลแก่มหาชน เพ่ือความสุข ของมหาชน เพ่ือยังประชุมชนเป็นมากให้ประดิษฐานอยู่ในอริยญายธรรม คือ ความเป็นผู้มีธรรมงาม มีธรรมเปน็ กุศล. (๒) พระโคดมผู้เจริญจานงจะตรึกเร่ืองใด ก็ตรึกเร่ืองนั้นได้ ไม่จานงจะ ตรึกเรื่องใด ก็ไม่ตรึกเรื่องน้ันได้, จานงจะดาริเร่ืองใดก็ดาริเร่ืองนั้นได้ ไม่จานง จะดาริเรื่องใด ก็ไม่ดาริเรื่องน้ันได้, ท้ังนี้เป็นเพราะพระโคดมเป็นผู้มีอานาจ เหนอื จิต ในคลองแห่งความตรึกท้งั หลาย. (๓) พระโคดมผู้เจริญเป็นผู้ไดต้ ามตอ้ งการ ไดโ้ ดยไมย่ ากไดโ้ ดยไม่ลาบาก ซึง่ ฌานทง้ั ๔ อนั เปน็ ธรรมเคร่ืองอยู่เป็นสุขในภพป๎จจุบันนี้ อันเป็นธรรมเป็นไป ในทางจิตช้นั สูง. (๔) พระโคดมผู้เจริญกระทาให้แจ้งได้ซ่ึงเจโตวิมุตติ ป๎ญญาวิมุตติอันไม่ มีอาสวะเพราะหมดอาสวะแล้ว ด้วยป๎ญญาอันยิ่งเอง เข้าถึงแล้ว และอยู่ใน วหิ ารธรรมน้ัน ในภพเป็นปจ๎ จุบนั น้ี ดงั นี้. ____________________________________________________________________________ ๑. คําของวัสสการพราหมณ์ มหาอาํ มาตยแ์ หง่ มคธ ทูลสรรเสรญิ ถงึ การบญั ญัตบิ คุ คล ทีเ่ ป็น มหาบุรุษ มหาปราชญข์ องพระผมู้ ีพระภาคเจา้ ณ ท่ีเวฬวุ นั ใกล้เมืองราชคฤห.์ จตุกฺก. อ.ํ ๒๑/๔๗/๓๕. กลับไปสารบัญ
๕๒๐ พทุ ธประวัตจิ ากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ ตามเสยี งของอตั ถกามเทพ๑ : ทรงทราบมุทธาและมทุ ธาธบิ าต ดกู อ่ นพราหมณ์! แม้ข้าพเจ้า กไ็ ม่ทราบเร่อื งนนั้ . ความร้เู รือ่ งนั้นของขา้ พเจ้าไม่มี; เพราะวา่ เร่อื งมทุ ธาและ มุทธาธบิ าตนนั้ , เป็นธรรมทศั นะสาหรับท่านผู้เป็นชินะ เท่านั้น. ... (แต่วา่ ) มพี ระสมณสากยบุตร ผูเ้ ปน็ เชือ้ สายแหง่ พระเจา้ โอกกากราช ออกผนวชแลว้ จากนครกบิลพัสดุ์ เป็นผ้นู ําแหง่ ชาวโลก เปน็ ผกู้ ระทาํ ความสว่างแกม่ หาชน เป็นผตู้ รสั รเู้ อง ถงึ ฝ๎่งแห่งธรรมทง้ั ปวง บรรลุซง่ึ อภญิ ญาและพละครบถ้วน มจี ักษุในธรรมท้งั หลาย ถงึ แล้วซึง่ ความสิ้นไปแห่งกรรมท้งั ปวง หลดุ พน้ แลว้ ในธรรมเปน็ เครอื่ งสิน้ ไปแห่งอุปธิ เปน็ พระพุทธ- เจ้าผ้มู ีภัคยธรรมในโลก มพี ทุ ธจกั ษู ทรงแสดงธรรมอยแู่ ลว้ . ท่านจงไปทูลถามเถดิ , พระองค์จกั ทรงแสดงซ่งึ มทุ ธาและ มุทธาธบิ าต๒ นั้น แก่ทา่ น. ____________________________________________________________________________ ๑. คําของอตั ถกามเทพ กล่าวแกพ่ ราหมณ์พาวรี. วัตถกุ ถา ปารายนวรรค สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๒๕/๔๒๔. ๒. ปรากฏตามพระพุทธภาษติ ทีต่ รสั ตอบในเรอื่ งน้ี วา่ มทุ ธา คอื อวิชชา และมทุ ธาธบิ าต คอื วชิ ชาอนั ประกอบดว้ ยสทั ธา สติ สมาธิ ฉันทะ วริ ิยะ. (วตั ถุกถา ปารายนวรรค สุตตฺ . ขุ. ๒๕/๕๒๙/๔๒๔). กลบั ไปสารบัญ
ตามเสียงคนนอก ที่กล่าวถึงพระองค์ ๕๒๑ ตามเสียงของหัตถกเทวบตุ ร๑ : ทรงอัดแออยดู่ ว้ ยบรษิ ัทนานาชนดิ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ธรรมเหล่าใด ที่ข้าพระองค์เคยประพฤติเมื่อครั้ง เป็นมนุษย์ ธรรมเหล่านั้นข้าพระองค์ก็ยังประพฤติอยู่บัดน้ี แถมยังประพฤติธรรม ท่ีไม่เคยประพฤตเิ มือ่ ครัง้ เปน็ มนษุ ยอ์ กี ดว้ ย. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าถูกแวดล้อมแออัดอยู่ ด้วยหมู่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พวกพระราชา มหาอามาตย์ พวก เดียรถีย์ และสาวกเดียรถีย์, ข้อน้ีฉันใด; ข้าพระองค์ตามปรกติก็เกล่ือนกล่นอยู่ ด้วยเทวบุตรทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน. เทวบุตรทั้งหลายมาแม้แต่ท่ีไกล ๆ ต้ังใจ วา่ \"เราทั้งหลายจกั ฟง๎ ธรรมในสาํ นักหัตถกเทวบตุ ร\" ดงั น.้ี ขา้ แต่พระองค์ผเู้ จรญิ ! ข้าพระองค์ ไม่อ่ิมไม่เบอ่ื ของ ๓ อยา่ งจนตาย.ของ ๓ อย่าง อย่างไรกนั ? ๓ อย่างคอื :- ขา้ พระองคไ์ ม่อ่ิมไมเ่ บอื่ การเหน็ พระผมู้ ีพระภาคเจ้า จนตาย. ขา้ พระองคไ์ ม่อิ่มไมเ่ บอ่ื การไดฟ้ ๎งพระสัทธรรม จนตาย. ขา้ พระองค์ไมอ่ มิ่ ไม่เบอ่ื การได้อุปฎ๎ ฐากพระสงฆ์ จนตาย. ขา้ แต่พระองคผ์ เู้ จรญิ ! ข้าพระองคไ์ ม่อ่ิมไมเ่ บอ่ื ของ ๓ อย่างน้แี ลจนตาย. ____________________________________________________________________________ ๑. ตามเสยี งของหัตถกเทวบตุ ร ซงึ่ เม่ือเข้าเฝาู พระผู้มีพระภาค ทเ่ี ชตวนาราม ใกลเ้ มืองสาวัตถี ถูกพระผมู้ ีพระภาคเจ้าถามถึงการประพฤติธรรมเมอ่ื คร้งั เป็นมนุษย์ วา่ เด๋ยี วนย้ี ังประพฤตอิ ยู่ หรอื ไม?่ ตกิ . อํ. ๒๐/๓๕๙/๕๖๗. กลบั ไปสารบัญ
๕๒๒ พทุ ธประวัตจิ ากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ ตามเสียงของเทวดาบางคน๑ : ใครดหู มิ่นความอดทนของพระโคดมก็เทา่ กับคนไม่มตี า (ในคราวท่ีพระองค์ ทรงอาพาธด้วยสะเก็ดหินกระทบ ประทับอยู่ท่ีมัททกุจฉิมิคทายวัน เสวยทุกขเวทนาอันแรงกล้า ทรงมีสติสัมปชัญญะอดกล้ันเวทนาน้ันได้ ไม่กระวนกระวาย ประทบั สีหไสยาอยู.่ เทวดาพวกสตุลลปกายิกาจาํ นวนหนง่ึ เข้ามาเฝาู กลา่ วอุทานในที่เฉพาะพระ พักตร์ : เทวดาตนหนึ่ง กล่าวว่า ทรงอดทนเหมือนช้าง; ตนหนึ่งกล่าวว่า ทรงอดทนเหมือน สีหะ; ตนหนง่ึ ว่า เหมือนม้าอาชาไนย; ตนหน่ึง ว่า เหมือนโคจ่าฝูง; ตนหนึ่ง ว่า เหมือนโคลาก เข็น; ตนหนึ่ง ว่า เหมือนสัตว์สาหรับออกศึกท่ีฝึกดีแล้ว. เทวดาตนสุดท้าย ได้กล่าวอุทาน ดงั ต่อไปนว้ี า่ :-) ท่านจงดูสมาธิ (ของพระสมณโคดม) ท่ีอบรมดีแล้ว; จงดูจิตท่ีหลุดพ้นดี แล้ว ท่ีไม่ฟูข้ึนเพราะอภิชฌา ไม่แฟบลงเพราะโทมนัส และไม่ต้องข่มต้องห้าม ด้วยสสังขารธรรมอีกต่อไป, (ของพระสมณโคดม) บุคคลใด สําคัญบุรุษผู้เปรียบ ได้ด้วยนาคะ เปรียบได้ด้วยสีหะ เปรียบได้ด้วยม้าอาชาไนย เปรียบได้ด้วยโคจ่าฝูง เปรียบได้ด้วยโคลากเข็น เปรียบได้ด้วยสัตว์สําหรับออกศึกท่ีฝึกดีแล้ว ว่าเป็นบุรุษ ที่ควรดหู มนิ่ ; ผูน้ ั้นเห็นจะเป็นอ่ืนไปไมไ่ ด้ นอกจากเปน็ ผไู้ มม่ ตี าจะดู ดังน้.ี ตามเสียงของทา้ วสกั กะจอมเทพ๒ : ทรงพระคุณทช่ี อบใจเทวดา ๘ ประการ (ท้าวสักกะผู้จอมเทพ ได้กล่าวถามพวกเทวดาชั้นดาวดึงษ์ว่า ท่านผู้นิรทุกข์ ท.! ท่าน ท. ปรารถนาจะฟง๎ พระคุณ ๘ ประการ ของพระผู้มพี ระภาคตามท่ีเป็นจรงิ ไหม? เทวดาเหลา่ ________________________________________________________________________________ ๑. บาลี สคา. สํ. ๑๕/๓๙/๑๓๐. ๒. คําของท้าวสักกเทวราช กล่าวสรรเสรญิ คณุ ของพระผู้มีพระภาค ทา่ มกลางเทวดาชั้นดาวดงึ ษ์ แล้วปญ๎ จสขิ เทพบตุ รไดน้ ําเร่ืองราวนี้มาเลา่ ถวายพระผู้มีพระภาค ณ ท่ีประทบั ที่ภเู ขาคชิ ฌกูฎ ใกล้เมืองราชคฤห.์ มหา. ที. ๑๐/๒๕๓/๒๑๑. กลบั ไปสารบัญ
ตามเสยี งคนนอก ทีก่ ล่วถึงพระองค์ ๕๒๓ น้นั ได้กล่าวรับคาํ ว่า ปรารถนาจะฟ๎ง. ทา้ วสกั กะได้กล่าวประกาศพระคุณ ๘ ประการของพระผู้ มพี ระภาคตามทเ่ี ปน็ จริงแกพ่ วกเทวดาชัน้ ดาวดึงษ์ ดว้ ยถอ้ ยคําดังต่อไปนี้ :-) ดูกอ่ นท่านผ้เู ปน็ เทวดาแหง่ ชัน้ ดาวดึงษ์ผู้เจริญ ท.! ท่าน ท. จะสําคัญความ ขอ้ นีว้ ่าอย่างไร (ตามแต่ท่านจะประสงค์): ๑. พระผู้มีพระภาคพระองค์น้ัน ทรงปฏิบัติแล้วเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพ่ือความเอ็นดูต่อโลก เพ่ือ ประโยชน์ เพอื่ เกื้อกลู เพื่อความสุข แก่เทวดาและมนุษย์ ท. เราไม่เห็นพระศาสดา ผู้ประกอบด้วยองคคุณแม้อย่างนี้เลย ในอดีตกาล แม้ในกาลนี้ก็ไม่เคยเห็น นอกจากพระผูม้ ีพระภาคพระองค์น้ัน. ๒. พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคพระองค์น้ัน ตรัสดีแล้ว เป็นธรรมอันผู้ ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง ไม่ข้ึนอยู่กับกาลเวลา ควรเรียกกันมาดูควร น้อมเข้ามาใส่ตน เป็นธรรมที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน. เราไม่เห็นพระศาสดาผู้ ประกอบด้วยองคคุณแม้อยา่ งน้ี ผู้แสดงธรรมท่คี วรน้อมเข้ามาสู่ตนอย่างนี้ เลยใน อดตี กาล แมใ้ นกาลน้กี ็ไมเ่ คยเห็น นอกจากพระผมู้ ีพระภาคพระองค์นัน้ . ๓. พระผู้มีพระภาคพระองค์น้ัน ทรงบัญญัติดีแล้วว่า น้ีเป็นกุศล น้ีเป็น อกุศล น้ีประกอบด้วยโทษ นี้ไม่ประกอบด้วยโทษ นี้ควรเสพ นี้ไม่ควรเสพนี้เลว น้ี ประณตี นีป้ ระกอบดว้ ยการแบง่ แยกเปน็ ธรรมดําธรรมขาว. เราไม่เห็นพระศาสดา ผู้ประกอบด้วยองคคุณแม้อย่างนี้ ผู้บัญญัติแล้วซึ่งธรรม ท. โดยความเป็นกุศล อกุศล เป็นต้น อย่างน้ี เลยในอดีตกาล แม้ในกาลนี้ก็ไม่เคยเห็นนอกจากพระผู้มี พระภาคพระองคน์ ัน้ . ๔. พระผู้มีพระภาคพระองค์น้ัน ทรงบัญญัตินิพพานคามินีปฏิปทาแก่ สาวก ท. เปน็ อย่างดแี ลว้ : นิพพานและปฏิปทายอ่ มกลมกลืนกัน เปรยี บเสมือน กลบั ไปสารบัญ
๕๒๔ พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ น้ําในแม่นํ้าคงคงกับนํ้าในแม่นํ้ายมุนา ย่อมไหลกลมกลืนเสมอกัน. เราไม่เห็นพระ ศาสดาผู้ประกอบด้วยองคคุณแม้อย่างน้ี ผู้บัญญัติปฏิปทาเพื่อให้ถึงซ่ึงนิพพาน อย่างนี้เลยในดีตกาล แม้ในการลน้ีก็ไม่เคยเห็นนอกจากพระผู้มีพระภาคพระองค์ นั้น. ๕. พระผู้มีพระภาคพระองค์น้ัน ทรงได้ซ่ึงสหายเป็นผู้ปฏิบัติในระดับ พระเสขะและผู้อยู่จบพรหมจรรย์สิ้นอาสวะ; เพราะเหตุน้ัน พระผู้มีพระภาคจึง ทรงละจากหมแู่ ลว้ ประกอบความยินดีในการอยู่พระองค์เดียว อยู่. เราไม่เห็นพระ ศาสดาผู้ประกอบด้วยองคคุณแม้อย่างนี้ ผู้ประกอบความยินดีในการอยู่ผู้เดียว อย่างน้ี เลยในอดีตกาล แม้ในกาลนกี้ ไ็ มเ่ คยเห็น นอกจากพระผ้มู พี ระภาคพระองค์ นน้ั . ๖. ลาภและเสียงสรรเสรญิ ได้พรง่ั พร้อมแก่พระผู้มีพระภาคอย่างเดียวกัน กับท่ีพวกกษัตริย์เขาพอใจกันอยู่ แต่ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ปราศจาก ความมัวเมา เสวยพระกระยาหาร. เราไม่เห็นพระศาสดาผู้ประกอบด้วยองคคุณ แม้อย่างนี้ ผู้เสวยพระกระยาหารอยู่โดยปราศจากความมัวเมาอย่างนี้เลยในอดีต กาลแม้ในกาลนี้ก็ไมเ่ คยเห็น นอกจากพระผูม้ พี ระภาคพระองค์นนั้ . ๗. พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ตรัสอย่างไรทาอย่างนั้น ทาอย่างไรตรัส อย่างนั้น; เพราะเหตุนั้น พระองค์จึงชื่อว่าเป็นผู้ยถาวาทีตถาการี ยถาการีตถา วาที. เราไม่เห็นพระศาสดาผปู้ ระกอบด้วยองคคณุ แม้อยา่ งนี้ ผู้ปฏิบัติธรรมสมควร แกธ่ รรมแลว้ อย่างนี้ เลยในอดตี กาล แมใ้ นกาลนก้ี ไ็ ม่เคยเห็น นอกจากพระผู้มีพระ ภาคพระองคน์ น้ั . ๘. พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ทรงเป็นผู้ข้ามวิจิกิจฉาได้แล้วปราศจาก ความสงสยั วา่ อะไรเป็นอะไร มีความดารปิ ระสบความสาเรจ็ แลว้ ถงึ กับมี กลับไปสารบัญ
ตามเสียงคนนอก ทกี่ ล่าวถึงพระองค์ ๕๒๕ อาทิพรหมจรรย์เป็นอัธยาศัย. เราไม่เห็นพระศาสดาผู้ประกอบด้วยองคคุณแม้ อย่างนี้ผู้มีอาทิพรหมจรรย์เป็นอัธยาศัยอย่างน้ี เลยในอดีตกาล แม้ในกาลน้ีก็ไม่ เคยเหน็ นอกจากพระผู้มพี ระภาคพระองคน์ ้นั . (ท้าวสักกะผู้จอมเทพ ได้กล่าวประกาศพระคุณของพระผู้มีพระภาคตามที่เป็นจริงแก่ เทวดาชั้นดาวดึงษ์ ท. ๘ ประการเหล่านี้แล้ว; พวกเทวดาพากันยินดีปรีดา ส่งเสียงกึกก้อง, บาง พวกร้องข้ึนวา่ อยากจะให้มพี ระพุทธเจ้าอย่างนี้เกิดขึ้นในโลกสัก ๔ องค์, บางพวกร้องว่า อยาก ให้เกิดขึ้นสัก ๓องค์, บางพวกว่า อยากให้เกิดข้ึนสัก ๒ องค์; ท้าวสักกะอธิบายให้ฟ๎งว่า เป็นไป ไมไ่ ดท้ พ่ี ระพุทธเจา้ จะเกดิ ข้ึนในโลกพรอ้ มคราวเดียวกันเกนิ กวา่ ๑ องค์.) ตามเสยี งของโลหจิ จพราหมณ์ : ทรงมีอนามยั เป็นอยา่ งดี๑ เข้ามาน่ี, เพ่ือนโรสิกะ ! พระสมณโคดม อันมหาชนจะไปเฝูาได้ณ ที่ใด ท่านจงเข้าไปเฝูาโดยท่ีน้ัน แล้วกล่าวตามคําของเรากะพระสมณโคดม ผู้มี อาพาธน้อย มีโรคนอ้ ย ลุกไดก้ ระปร้ีกระเปร่ามีกาลังพลัง มีอันอยู่เป็นผาสุก ว่า ...ขอพระโคดมผู้เจริญ พร้อมทั้งภิกษุสงฆ์ จะทรงรับภัตตาหารของโลหิจจ พราหมณ์ เพ่ือภตั ตบริโภค ในวนั พรุง่ น้ีเถิด. : ทรงดึงผมช่วยคนจะตกเหวไวไ้ ด้๒ ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! เปรียบเหมือนบุรุษ จับบุรุษผู้หน่ึงซึ่งกําลังจะตก ไปสู่เหว ดึงผมลากขึน้ มาให้ยืนอยู่บนพนื้ ข้างบน ฉนั ใด; ในกรณีนก้ี ็ ____________________________________________________________________________ ๑. เมอ่ื ส่ังใหโ้ รสกิ ะไปเฝูาพระพทุ ธเจา้ , สี.ที. ๙/๒๘๕/๓๕๓. และบาลีแห่งอน่ื อีกหลายแห่ง. ๒. คําของโลหจิ จพราหมณ์ ทลู แดพ่ ระผูม้ พี ระภาค คราวทท่ี รงแสดงธรรม เปลือ้ งทฎิ ฐชิ ่ัวรา้ ย ของเขาเกี่ยวกบั การไมบ่ อกกุศลธรรมทีต่ นถึงทับแล้ว. สี.ที. ๙/๒๙๔/๓๖๔. กลับไปสารบัญ
๕๒๖ พุทธประวตั จิ ากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ ฉันน้ัน : ข้าพระองค์ก็เป็นผู้ซ่ึงกําลังจะตกไปสู่เหว อันพระโคดมผู้เจริญดึงผมลาก ข้นึ มาใหย้ ืนอยูบ่ นพื้นขา้ งบนแลว้ อยา่ งเดยี วกนั . ... ตามเสียงของโสณทณั ฑพราหมณ์๑ : ทรงมคี ณุ สมบัตสิ ูงทุกประการ พวกพราหมณ์ ๕๐๐ คนได้กล่าวทัดทาน ห้ามมิให้โสณทัณฑพราหมณ์เจ้าเมืองจัมปาไป เฝูาพระผู้มีพระภาค กลัวว่าจะเส่ือมเสียเกียรติยศของพวกพราหมณ์ช้ันสูงสุดไป. โสณทัณฑ พราหมณไ์ ด้กล่าวเหตุผลทีเ่ ขาควรจะไปเฝาู พระผูม้ พี ระภาคดงั ต่อไปน้:ี ดูก่อน ท่านผู้เจริญ ท. ! ถ้าเช่นนั้น ขอพวกท่านจงฟ๎งคําของข้าพเจ้าบ้าง ว่าทําไมพวกเราจงึ เป็นฝาุ ยทีค่ วรไปเฝูา เยี่ยมพระสมณโคดม แทนท่จี ะให้พระสมณ โคดม เสด็จมาหาพวกเรา. เท่าที่เราได้ทราบมาแล้ว : พระสมณโคดม มีชาติอันดี ท้ังสองฝุาย คือ ท้ังฝุายมารดาและฝุายบิดา ถือปฏิสนธิในครรภ์อันบริสุทธิ์ตลอด เจ็ดชั่วบรรพบุรุษ, เป็นผู้ท่ีไม่มีใครคัดง้างท้วงติงได้ด้วยการกล่าวถึงชาติ, น่ีก็เป็น ขอ้ หนง่ึ ทพี่ วกเราควรไปเฝาู เย่ยี มพระสมณโคดมแทนที่จะให้พระสมณโคดม เสด็จ มาหาพวกเรา. พระสมณโคดม ทรงละหมู่พระญาติวงศ์อันใหญ่ยิ่ง แล้วออกผนวช นี่ก็เป็นข้อหน่ึง ท่ี ฯลฯ.๒ พระสมณโคดม ทรงสละเงินและทองเป็นอันมาก ท้ังที่ อยูใ่ นแผน่ ดิน และนาํ ขนึ้ จากดนิ แล้ว ออกผนวชแลว้ ,น่ีกเ็ ป็นขอ้ หนึง่ ฯลฯ. ____________________________________________________________________________ ๑. เสยี งของโสณทณั ฑพราหมณ์ บอกกล่าวแกพ่ วกพราหมณ์ด้วยกนั ทท่ี ัดทานตนในการจะไปเฝูา พระผูม้ ีพระภาค. ส.ี ท.ี ๙/๑๔๖/๑๘๒. ๒. ท่ลี ะด้วยเปยยาล (ฯลฯ) หมายความวา่ มคี าํ เต็มเหมอื นทา้ ยขอ้ ตน้ ซ่ึงมใี จความว่าเราควรไป เฝาู พระสมณโคดม แทนท่จี ะใหพ้ ระองค์มาหาเรา, ทุกแห่ง. กลับไปสารบัญ
ตามเสียงคนนอก ท่ีกลา่ วถงึ พระองค์ ๕๒๗ พระสมณโคดม ยังเป็นผ้หู นุม่ แนน่ มีผมดําสนิท ประกอบด้วยเยาว์ที่กําลัง เจริญ ตั้งอยู่ในปฐมวัย ออกจากเรือน บวชไม่หวังประโยชน์เก้ือกูลด้วยเรือน แล้ว, ฯลฯ. พระสมณโคดมนั้น, ขณะเมื่อมารดาบิดา ไม่ปรารถนาให้ออกบวช กาลงั มีหน้าเต็มไปด้วยน้าตา ทรงกันแสงอยู่. ท่านได้ปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้า ย้อมด้วยนาํ้ ฝาด ออกบวชจากเรอื น ไมห่ วังประโยชน์เกอ้ื กลู ดว้ ยเรือนแล้ว, ฯลฯ. พระสมณโคดม มีรูปผุ่งผาย ควรแก่การดู เป็นท่ีตั้งแห่งความ เล่ือมใส ประกอบด้วยความงามแห่งผิวพรรณเป็นอย่างยิ่ง มีผิวพรรณเหมือน มหาพรหม มีทรวดทรงเหมือนมหาพรหม น่าดูมิใช่เล็กน้อยฯลฯ. พระสมณโคดม เป็นผู้มีศีล มีศีลอันประเสริฐ มีศีลเป็นกุศล ประกอบพร้อมด้วยศีลอัน เปน็ กุศล, ฯลฯ. พระสมณโคดม เป็นผู้มีวาจาไพเราะ ให้กึกก้องด้วยอุทาหรณ์อันไพเราะ ประกอบด้วยวาจาอันเป็นท่ีชอบใจแห่งชาวเมือง ไม่กึกก้อง ไม่พล่าม,สามารถให้ ผู้ฟง๎ เขา้ ใจเน้อื ความ, ฯลฯ.พระสมณโคดมเป็นอาจารย์ และประธานอาจารย์แห่ง ชนเปน็ อนั มาก, ฯลฯ. พระสมณโคดม เป็นผู้สิ้นกามราคะ ปราศจากความกระเสือกกระสนใน กาม, ฯลฯ.พระสมณโคดมเป็นผู้กล่าวสอนลัทธิกรรม กล่าวสอนกิริยา ชักนําสัตว์ ในความด,ี ฯลฯ. พระสมณโคดม ออกผนวชจากตระกูลอันสูง คือตระกูลกษัตริย์อันไม่ ระคนด้วยตระกูลอ่ืน,ฯลฯ. พระสมณโคดม ออกผนวชจากตระกูลอันม่ังค่ัง มี ทรพั ยม์ าก มโี ภคะมาก, ฯลฯ. กลับไปสารบัญ
๕๒๘ พทุ ธประวตั จิ ากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ พระสมณโคดม เป็นผทู้ ม่ี หาชนชาวแควน้ นอก ๆ ชาวชนบทนอก ๆก็มาแล้ว เพ่ือสอบถามข้อสงสัย, ฯลฯ. พระสมณโคดมเป็นผู้ท่ีเทวดาจานวนพันเป็นอเนก ถือเอาเป็นสรณะด้วยการมอบชวี ิต, ฯลฯ. พระสมณโคดม มีเกีรติศัพท์อันงดงาม ฟูุงไปแล้ว อย่างน้ีว่า พระผู้มีพระ ภาคเจ้าพระองค์นั้นเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ชอบได้ด้วยตนเอง สมบูรณ์ด้วยวิชชา และจรณะ เป็นผู้ไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษท่ีฝึกได้ ไม่มีใครย่ิงไปกว่า เป็น ครขู องเทวดาแลมนษุ ย์ เปน็ ผูเ้ บกิ บาน จําแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ด่งั น้ี, ฯลฯ. พระสมณโคดม เป็นผู้ประกอบด้วยมหาปุริสลักขณะ ๓๒ ประการ, ฯลฯ. พระสมณโคดม เป็นผู้มีปรกติกล่าวคาต้อนรับเชื้อเชิญ มีถ้อยคํานุ่มนวล หน้าตา เบิกบาน ไม่สย้ิว ไม่อิดเอื้อน เป็นผู้มีถ้อยคําถูกต้องและกาละเทสะสําหรับทักทาย เขากอ่ น, ฯลฯ. พระสมณโคดม เป็นผู้ที่ บริษัทท้ังสี่ สักการะ เคารพ นับถือบูชานอบน้อม แล้ว, ฯลฯ. เทวดาและมนุษย์เป็นอันมาก เลื่อมใสอย่างย่ิงแล้วเฉพาะพระสมณโค ดม, ฯลฯ. พระสมณโคดม ประทับอยู่ ณ บ้านหรือนิคมใด อมนุษย์ย่อมไม่รบกวน มนุษย์ในบ้านหรือนิคมนั้น, ฯลฯ. พระสมณโคดมเป็นผู้มีหมู่มีคณะ เป็นอาจารย์ผู้ ฝึกฝนหมู่คณะ ปรากฏว่าเป็นผู้เลิศกว่าบรรดาเจ้าลัทธิทั้งหลาย อันมีอยู่เกลื่อน กล่น, เกียรติยศเกิดแก่สมณพราหมณ์เจ้าลัทธิเหล่าน้ัน ด้วยอาการอย่างใด แต่จะ เกิดแก่พระสมณโคดมด้วยอาการอย่างนั้น ก็หามิได้ ท่ีแท้ เกียรติยศเกิดแก่ พระสมณโคดมเพราะความสมบรู ณ์ด้วยวิชชาและจรณะ อันไม่ย่ิงไปกวา่ , ฯลฯ. กลับไปสารบัญ
ตามเสียงคนนอก ทกี่ ล่าวถงึ พระองค์ ๕๒๙ พระเจ้าพิมพิสาร ผู้จอมทัพ ราชาแห่งมคธ พร้อมด้วยบุตรและภรรยา บริษัทและอมาตย์ ได้ถึงพระสมณโคดมเป็นสรณะจนตลอดชีวิต, ฯลฯ. พระเจ้า ปเสนทิโกศล พร้อมด้วยบุตรภรรยา บริษัท และอมาตย์ ก็ถึงพระสมณโคดม เป็นสรณะ จนตลอดชีวิต, ฯลฯ. พราหมณ์โปกขรสาติ พร้อมด้วย บุตรภรรยาบริษทั และอมาตย์ ก็ถึงพระสมณโคดมเปน็ สรณะ จนตลอดชีวิต, ฯลฯ. พระสมณโคดม เป็นผู้ท่ีพระเจ้าพิมพิสารผู้จอมทัพ ผู้ราชาแห่งมคธ, พระเจ้า ปเสนทิโกศล, และพราหมณ์โปกขรสาติ สักการะเคารพ นับถือ บูชา นอบนอ้ ม แล้ว, ฯลฯ. พระสมนโคดม เสดจ็ มาถงึ เมืองจัมปา ประทบั อย่ทู ีแ่ ทบฝ๎่งสระโบกขรณีช่ือ คัคครา ใกล้นครจัมปานี่แล้ว. ท่านผู้เจริญ ท.! ก็สมณะหรือพราหมณ์ไร ๆ ก็ตาม ท่ีมาถึงคามเขตของเรา ก็เป็นแขกของพวกเรา. ข้ึนชื่อว่าแขกย่อมเป็นผู้ ท่ีพวกเราควรสักการะ เคารพ นับถือ บูชา นอบน้อม. พระสมณโคดม ก็ถึงแล้ว เพราะเหตุน้ัน พระสมณโคดม จึงเป็นแขกของพวกเรา เป็นแขก ที่พวกเราควรสักการะ เคารพนับถือ บูชา นอบน้อม, น่ีก็อีกข้อหนึ่งที่ พระสมณโคดม ไม่ควรเสด็จมาหาพวกเรา; ท่ีแท้ พวกเราน่ันแหละควรไปเยี่ยม เฝาู พระสมณโคดม. เราพรรณนาเกยี รตคิ ณุ ของท่านโคตมะอยูเ่ พยี งเท่าน้ี ก็จริงแล แตพ่ ระสมณ โคดม จะประกอบด้วยเกียรติคุณเพียงเท่านั้น ก็หาไม่ ท่ีแท้ พระสมณโคดมน้ันมี เกียรติคณุ มาก หาประมาณมไิ ด.้ กลบั ไปสารบัญ
๕๓๐ พุทธประวัตจิ ากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ ตามเสียงของอตุ ตรมาณพ๑ : ทรงประกอบดว้ ยมหาปุริสลกั ขณะ ๓๒ ท่านผู้เจริญ ! ตามเสียงเล่าลืออันมีแก่พระโคดม เป็นอย่างน้ันจริง, พระสมณโคดม ก็เป็นจริงตามเสียงเล่าลือ ไม่แปลกไปโดยประการอื่น, พระ สมณโคดมนั้น ประกอบด้วยมหาสุริสลักขณะครบท้ัง ๓๒ ประการ คือ พระ สมณโคดม มีพื้นฝุาเท้าเต็มเสมอ (ไม่แหว่งเว้า), น่ีเป็นมหาสุริสลักขณะข้อหนึ่ง (คําต่อไป ๆ เช่นเดียวกับท่ีกล่าวแล้วในภาค ๑ ข้างต้น ซ่ึงเป็นคําท่ีตรัสเอง ทั้ง ๓๒ ลักขณะ)... ฯลฯ... พระสมณโคดม มีศรีษะรับกับกรอบหน้า, นี่ก็เป็นมหาปุริสลักขณะข้อหน่ึง. เหล่านแี้ ล เป็นมหาปุริสลักขณะ ๓๒ ของพระสมณโคดม. : ทรงมีลลี าศสง่า งดงาม ท่านผู้เจริญ! พระสมณโคดมน้ัน, เมื่อจะดําเนิน ย่อมก้าวเท้าขวาก่อน, ไม่ ยกย่องไกลเกิน ใกล้เกิน, เม่อื ดําเนนิ ไมก่ า้ วถ่เี รว็ เกนิ และไม่ช้าเกนิ ,ไม่ให้แข้งเบียด แขง้ ไมใ่ ห้ขอ้ เท้ากระทบข้อเท้า, ไม่ยกขาสูง (เหมือนเดินในนํ้า),ไม่ลากขาต่ํา, ไม่ให้ ขาเป็นเกลียว (คือผลัดไขว้กันไปไขว้กันมาเวลาก้าวเดิน),ไม่ส่ายขาไปมา, เมื่อพระ โคดมดําเนินนั้น กายม่ันคงไม่โยกโคลง, และไม่รู้สึกว่าต้องออกแรงในเม่ือเดิน, เม่ือจะเหลียวดู ย่อมเหลียวท้ังกาย (ไม่เหลียวเฉพาะพระพักตร์),ไม่มองดูเบื้องบน ไม่มองดูเบ้ืองตํ่า, ไม่ตะลีตะลานเดิน,แต่มองเพ่งตรงออกไป ประมาณช่ัวแอก, ที่ นอกบริเวณช่วั แอกออกไป ทรงเหน็ ได้ด้วยอนาวฏญาณทสั สนะ. ________________________________________________________________________________ ๑. คําของอุตตรมาณพ ผตู้ ิดตามดพู ระผมู้ พี ระภาคอยู่ถึง ๗ เดอื น แล้วกลบั ไปเลา่ แก่อาจารยต์ น ตามท่ีได้สงั เกตเห็นมา. บาลี .ม. ๑๓/๕๓๒/๕๘๙. กลบั ไปสารบัญ
ตามเสยี งคนนอก ทีก่ ลา่ วถึงพระองค์ ๕๓๑ : ทรงมีมรรยาทเปน็ สง่า นา่ เลื่อมใส ท่านผเู้ จรญิ ! พระสมณโคดมนนั้ เมือ่ เข้าไปในหมบู่ า้ น ยอ่ มไม่กระหย่งกาย ให้สูง ไม่ย่อกายให้ต่ํา ไม่บิดกาย ไม่ส่ายกายไปมา เข้าไป,พระสมณโคดมนั้น ไม่ หมนุ กายเร่ืองนัง่ ไกลเกิน ใกล้เกิน,ไมย่ ันกายด้วยมือแล้วจงึ น่ัง, ไมน่ ่ังจมท่ีนั่ง (เช่น นอนพงิ พนักจนเกือบเปน็ นอน หรือทิ้งตัวนั่งแรง), พระสมณโคดมน้ัน ไม่นั่งกระดิก มือ กระดิกเท้า, ไม่น่ังจุนปลีแข้งขึ้นไว้ด้วยปลีแข้ง (ขัดสมาธิชนิดชันเข่าขึ้นสูง?), ไมน่ ัง่ จนุ ตาตมุ่ ไว้ด้วยตาตมุ่ (ตาตุม่ ซอ้ นกนั อยู่), ไม่น่งั ยันคางด้วยมือ. : ไมท่ รงตน่ื เต้นพระทัย ในบา้ น ท่านผู้เจริญ ! พระสมณโคดมนั้น เม่ือนั่งในบ้านเรือนย่อมไม่สะดุ้งไม่ หวาดเสยี ว ไมค่ ร่ันคร้าม ไม่สั่นสะท้าน เป็นผู้มีปรกติไม่สะดุ้งหวาดเสียวครั่นคร้าม ส่ันสะทา้ น ปราศจากความมีขนชชู นั มจี ติ เวยี นมาสู่วเิ วก. : ทรงฉนั ภัตตาหารในหมู่บา้ นเรียบรอ้ ยนัก ท่านผู้เจริญ ! พระสมณโคดมนนั้ นัง่ ในบา้ นเรือนแลว้ , เม่อื รบั นา้ํ ล้างบาตร๑ ย่อมไม่ชูบาตรรับ ไม่เอียงบาตรรับ ไม่หมุนบาตรรับ ไม่ส่ายบาตรรับ,ย่อมไม่รับน้ํา ลา้ งบาตร มากเกนิ น้อยเกนิ , ไมล่ ้างมีเสยี งขลุง ๆ, ไม่หมุนบาตรล้าง, ไม่วางบาตร ท่ีพ้ืนแล้ว จึงล้างมือ, แต่บาตรกับมือเป็นอันล้างเสร็จพร้อมกัน. ไม่เทน้ําล้างบาตร ไกลเกนิ ใกลเ้ กนิ และไม่เทให้ฟงูุ กระเซน็ . ____________________________________________________________________________ ๑. เป็นนาํ้ ล้างบาตร ก่อนแตจ่ ะใชร้ บั ภตั ตาหาร ยคุ โน้น แม้ฉันท่ีบ้านเรอื น กค็ งฉนั ด้วยบาตร ท่ีพาไปนนั่ เอง. เมอ่ื จะรับ จงึ มีการถวายนาํ้ ให้ล้างบาตรเสียก่อน, และคงถวายเม่ืออยใู่ น ทเ่ี ทน้าํ ลา้ งบาตรได.้ กลบั ไปสารบัญ
๕๓๒ พทุ ธประวัติจากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ พระสมณโคดมน้ัน เม่ือรับข้าวสุก ย่อมไม่ชูบาตรรับ ไม่เอียงบาตรรับไม่ หมนุ บาตรรับ ไม่สา่ ยบาตรรบั ยอ่ มรับขา้ วสุก ไม่น้อยเกินมากเกิน ย่อมถือเอาแกง กับแต่พอประมาณ, ไม่ให้คําข้าวยิ่งไปด้วยแกงกับ, ย่อมตะล่อมคําข้าวในปากให้ หมุนมาถูกเคี้ยวใหม่ ๒-๓ กลับ แล้วจึงกลืน, เยื่อข้าวสุกท่ียังไม่แหลกละเอียด ย่อมไม่เข้าไปในกาย, และเย่ือข้าวสุกนิดเดียว ก็ไม่เหลืออยู่ในปาก, ย่อมน้อมคํา ข้าวเขา้ ไปแตค่ รึ่งหน่ึง (ฉนั คราวละครง่ึ คําหรือคร่งึ ปาก). : ไม่ทรงตดิ ในรสอาหาร ท่านผู้เจริญ ! พระสมณโคดมนั้น รู้สึกตนขณะรู้รสแห่งอาหาร, ไม่รู้สึก ความยินดีติดใจในรส.พระสมณโคดมฉันอาหารประกอบพร้อมด้วยองค์แปดคือ ฉันเพ่ือเล่น ก็หามิได้, ฉันเพื่อมัวเมาในรส ก็หามิได้, ฉันเพ่ือประเทืองผิวก็หามิได้, ฉันเพ่ือตกแต่งอวัยวะ ก็หามิได้; แต่ฉันเพียงเพื่อให้กายนี้ตั้งอยู่ได้,เพื่อให้มีความ เป็นไปแห่งอัตตภาพสืบไป, เพ่ือห้ามกันเสียซ่ึงความหิวลําบาก,เพื่ออนุเคราะห์แก่ พรหมจรรย์ ; โดยคิดเห็นว่า `ด้วยการทําเช่นน้ี เราย่อมกําจัดเวทนาเก่า และไม่ทํา เวทนาใหม่ให้เกิดได้; ความเป็นไปได้แห่งอัตตาภาพ,ความไม่มีโทษเพราะอาหาร, และความอยผู่ าสุก จักมแี ก่เรา' ดงั น.้ี : ทรงมีวัตรในบาตร ทา่ นผเู้ จรญิ ! พระสมณโคดมฉนั แลว้ เมื่อจะรับน้ําล้างบาตร ย่อมไม่ชูบาตร รับ ไม่ตะแคงบาตรรับ ไม่หมุนบาตรรับ ไม่ส่ายบาตรรับ, ย่อมไม่รับนํ้าล้างบาตร มากเกิน น้อยเกิน, ไม่ล้างบาตรมีเสียงขลุง ๆ ไม่หมุนบาตรล้าง,ไม่วางบาตรที่พ้ืน แลว้ จึงล้างมือ แต่บาตรกับมือเป็นอนั ล้างแล้วเสร็จพรอ้ มกนั กลบั ไปสารบัญ
ตามเสยี งคนนอก ท่กี ลา่ วถึงพระองค์ ๕๓๓ ไม่เทน้ําล้างบาตรไว้ไกลเกิน ใกล้เกิน, และไม่เทให้กระเซ็นฟูุง, ฉันเสร็จแล้วไม่วาง บาตรไวไ้ กลเกนิ ใกลเ้ กิน, ไม่ละเลยบาตร, ไมล่ ะเลยการรักษาบาตรจนลว่ งเวลา. : การเสดจ็ กลบั จากฉนั ในหมูบ่ า้ น พระสมณโคดมน้ัน ฉันแล้ว น่ังน่ิงอยู่ขณะหนึ่ง และไม่ปล่อยให้เวลาแห่ง การอนุโมทนาล่วงเลยไป, ฉันแล้วก็อนุโมทนา โดยไม่ติเตียนอาหารน้ันยกย่อง อาหารอื่น (เลือกส่ิงชอบ), ย่อมสนทนาชักชวนบริษัทน้ัน ๆ ให้อาจหาญร่าเริงด้วย ธรรมกิ ถาโดยแท้, แลว้ จงึ ลุกจากอาสนะ หลกี ไป. พระสมณโคดมน้ันไม่ผลุนผลันไป ไม่เฉือ่ ยชาไป, และไมไ่ ปโดยเขาไม่รไู้ ม่เห็น. : ทรงนุ่งหม่ กระทัดรัด จีวรท่ีคลุมกายของพระสมณโคดม ไม่ปรกสูงเกิน ตํ่าเกิน, ไม่รัดแน่นไม่ หลดุ ๆ หลวม ๆ, ลมไมอ่ าจเวิกจวี รทก่ี ายของพระสมณโคดม, ธลุ ลี ะอองไม่อาจติด กายของพระสมณโคดม. : ทรงมุ่งแตค่ วามเกื้อกูลสตั ว์ พระสมณโคดมนั้น ไปถึงอารามแล้ว จึงน่ัง, น่ังบนที่น่ังที่จัดไว้แล้วจึงล้าง เทา้ , และพระสมณโคดม ไม่เป็นคนประกอบการประคบประหงมตกแต่งเท้า, คร้ัง ล้างเท้าแล้ว ก็น่ังคู้บัลลังก์ตั้งการตรง ดํารงสติเฉพาะหน้า. จะได้คิดเพื่อ เบียดเบียนตนก็หามิได้ เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นก็หามิได้ เพื่อเบียดเบียนทั้งสองฝุายก็ หามิได้, เป็นผู้น่ังคิดอยู่ซึ่งสิ่งอันเป็นประโยชน์เกื้อกูลตน, เกื้อกูลท่าน,เก้ือกูลทั้ง สองฝุาย, คอื เกือ้ กลู แกโ่ ลกทัง้ ปวงนัน่ เทียว. กลบั ไปสารบัญ
๕๓๔ พุทธประวัตจิ ากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ : การแสดงธรรมด้วยพระสาเนยี งมีองค์ ๘ พระสมณโคดมน้ัน ไปถึงอารามแล้ว (เย็นลง) ย่อมประชุมบริษัทแสดง ธรรม, ไม่ประจบประแจงบริษัท, ย่อมสนทนาชักชวนบริษัทให้อาจหาญร่าเริงด้วย ธรรมกิ ถา. เสยี งก้องกังวาล ทีเ่ ปลง่ ออกจากพระโอษฐข์ องพระสมณโคดมน้ันประกอบ พร้อมด้วยองค์แปด คือ ไม่ขัด, ฟ๎งเข้าใจ, เพราะพร้ิง, น่าฟ๎ง,หยดย้อย, ไม่พร่า เลือน, ซาบซ้ึง, บันลือชัดเจน. เสียงท่ีพระสมณโคดมใช้เพื่อยังบริษัทให้เข้าใจ เนื้อความ ไม่กึกก้องแพร่ไปภายนอกแห่งบริษัท. บริษัทเหล่าน้ัน ครั้นพระสมณโค ดม สังสนทนาชักชวนให้อาจหาญรื่นเริงด้วยธรรมิกถาแล้วลุกจากที่นั่งหลีกไปก็ยัง เหลียวมองดูอยดู่ ว้ ยภาวะแห่งคนผูไ้ มอ่ ยากจากไป. ท่านผู้เจริญ ! ข้าพเจ้าย่อมเห็นพระสมณโคดม เมื่อดําเนินไป,เมื่อยืนอยู่, เมื่อเข้าไปสู่บ้านเรือน, เมื่อน่ังน่ิง ๆ ในบ้านเรือน, เม่ือฉันภัตตาหารในบ้านเรือน, เมอ่ื ฉันแล้วน่ังนงิ่ ๆ, เมือ่ ฉันแล้วและอนโุ มทนา, เม่ือมาสู่อาราม,เม่ือถึงอารามแล้ว น่ังนิ่ง ๆ, เม่ือถึงอารามแล้ว แสดงธรรมแก่บริษัท.พระสมณโคดมนั้น เป็นเช่น กล่าวมานี้ด้วย, และยิ่งกว่าท่ีกลา่ วมาแลว้ ดว้ ย. \"ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาค ผู้อรหันตสมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ นั้น! ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาค ผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น!! ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาค ผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์น้ัน!!! ถ้าไฉนในบางคราว เราพึงได้สมาคมกับพระสมณโคดม, พึงเจรจาด้วยถ้อยคํากับ พระสมณโคดมเถดิ \". - -นเี้ ป็นอทุ านของพรหมายุพราหมณ์ เปล่งในเม่ือฟ๎งถ้อยคํานั้นจบแล้ว และคํารําพึงใครจ่ ะสมาคมกบั พระผมู้ ีพระภาคเจ้า. กลับไปสารบัญ
ตามเสยี งคนนอก ท่ีกลา่ วถึงพระองค์ ๕๓๕ ตามเสยี งของอบุ าลีคหบดี บุรพนิครนถ์๑ : ทรงประกอบด้วยพระพทุ ธคุณ ๑๐๐ ประการ ดูก่อนท่านผู้เจริญ! ขอท่านจงฟ๎งซ่ึงคําของข้าพเจ้าเถิด : ข้าพเจ้าน้ัน เป็น สาวกของพระผมู้ พี ระภาค พระองคใ์ ด; พระผมู้ ีพระภาคพระองคน์ ้นั :- (๑) เปน็ นักปราชญผ์ ทู้ รงไวซ้ ่งึ ป๎ญญา, (๒) เป็นผู้ปราศจากแลว้ จากโมหะ, (๓) เปน็ ผูม้ ีเสาเข่ือนเครอื่ งตรึงจิตอันหกั แล้ว, (๔) เป็นผู้มีชยั ชนะอนั วชิ ติ แล้ว, (๕) เปน็ ผ้ปู ราศจากแลว้ จากสิ่งคบั แค้นสะเทอื นใจ, (๖) เปน็ ผู้มีจติ สมํ่าเสมอดว้ ยดี, (๗) เป็นผมู้ ปี รกตภิ าวะแหง่ บุคคลผู้เป็นพทุ ธะ, (๘) เปน็ ผ้มู ปี ๎ญญาเครื่องยงั ประโยชนใ์ ห้สําเรจ็ , (๙) เปน็ ผ้ขู ้ามไปได้แล้วซง่ึ วัฏฏสงสารอันขรขุ ระ, (๑๐) เป็นผู้ปราศจากแล้วจากมลทนิ ทงั้ ปวง; ขา้ พเจา้ เป็นสาวกของพระผ้มู พี ระภาคพระองค์น้ัน. พระผมู้ ีพระภาคพระองคน์ น้ั : (๑๑) เปน็ ผ้ไู ม่มีการถามใครวา่ อะไรเปน็ อะไร, (๑๒) เปน็ ผู้อ่ิมแล้วด้วยความอ่มิ ในธรรมอยเู่ สมอ, (๑๓) เป็นผมู้ ีเหย่ือในโลกอนั ทรงคายทงิ้ แลว้ , (๑๔) เป็นผู้มมี ทุ ติ าจติ ในสตั วท์ ้ังหลายทงั้ ปวง, -------------------------------------------------------------------------------------------- ๑. คาํ ของอบุ าลคี หบดี ผู้เคยเป็นสาวกของนคิ ันถนาฎบตุ รมากอ่ น กล่าวตอบแกค่ ณะนิครนถ์ วา่ เหตุใดเขาจงึ เปล่ยี นใจมานบั ถือพระผ้มู ีพระภาคเจ้า. ม.ม. ๑๓/๗๗/๘๒. กลับไปสารบัญ
๕๓๖ พทุ ธประวตั จิ ากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ (๑๕) เป็นผู้มีสมณภาวะอนั ทรงกระทาํ สาํ เรจ็ แลว้ , (๑๖) เปน็ ผู้ถอื กําเนิดแลว้ แต่กาํ เนดิ แหง่ มนู โดยแท้, (๑๗) เป็นผู้มีสรีระอนั มใี นครงั้ สุดทา้ ย, (๑๘) เป็นผเู้ ป็นนรชนคอื เป็นคนแท้, (๑๙) เป็นผอู้ นั ใคร ๆ กระทําอปุ มามิได้, (๒๐) เปน็ ผปู้ ราศจากกเิ ลสอนั พงึ เปรียบได้ดว้ ยธุลี; ขา้ พเจ้า เปน็ สาวกของพระผู้มีพระภาค พระองค์น้ัน. พระผูม้ พี ระภาคพระองค์นนั้ : (๒๑) เป็นผ้หู มดสิน้ แลว้ จากความสงสัยทง้ั ปวง, (๒๒) เป็นผนู้ ําสัตวส์ ภู่ าพอนั วิเศษ, (๒๓) เปน็ ผ้มู ีป๎ญญาเครือ่ งตัดกเิ วลดจุ หญา้ คาเสยี ได้, (๒๔) เปน็ สารถีอนั ประเสริฐกว่าสารถีท้งั หลาย, (๒๕) เปน็ ผ้ไู มม่ ใี ครยง่ิ กว่าโดยคุณธรรมท้งั ปวง, (๒๖) เปน็ ผมู้ ธี รรมเป็นทตี่ ง้ั แหง่ ความชอบใจของสัตว์ทง้ั ปวง, (๒๗) เปน็ ผ้มู ีกงั ขาเคร่ืองขอ้ งใจอันทรงนาํ ออกแล้วหมดสน้ิ , (๒๘) เป็นผู้กระทําซงึ่ ความสวา่ งแกป่ วงสตั ว์, (๒๙) เป็นผูต้ ดั แลว้ ซึง่ มานะเครือ่ งทําความสาํ คญั มั่นหมาย, (๓๐) เปน็ ผู้มีวรี ธรรมเคร่ืองกระทําความแกลว้ กล้า; ข้าพเจ้า เปน็ สาวกของพระผูม้ ีพระภาค พระองคน์ นั้ . พระผู้มีพระภาคพระองค์นัน้ : (๓๑) เป็นผู้เปน็ ยอดมนุษย์ แหง่ มนุษย์ท้ังหลาย, (๓๒) เป็นผมู้ ีคุณอันใคร ๆ กาํ หนดประมาณให้มิได้, (๓๓) เปน็ ผ้มู ีธรรมสภาวะอนั ลกึ ซงึ้ ไม่มีใครหยง่ั ได้, (๓๔) เป็นผถู้ งึ ซึ่งปญ๎ ญาเครอ่ื งทําความเปน็ แหง่ มนุ ี, กลบั ไปสารบัญ
ตามเสียงคนนอก ท่ีกล่าวถงึ พระองค์ ๕๓๗ (๓๕) เปน็ ผู้กระทําความเกษมแก่สรรพสัตว์, (๓๖) เปน็ ผ้มู เี วทคือญาณเครอ่ื งเจาะแทงซึง่ โมหะ, (๓๗) เปน็ ผ้ปู ระดิษฐานอยู่ในธรรม, (๓๘) เป็นผู้มพี ระองค์อันทรงจัดสรรดีแลว้ , (๓๙) เปน็ ผู้ล่วงกิเลสอันเปน็ เครือ่ งขอ้ งเสียได้, (๔๐) เป็นผู้หลดุ รอดแลว้ จากบว่ งทง้ั ปวง; ข้าพเจ้า เปน็ สาวกของพระผู้มพี ระภาค พระองคน์ ้ัน. พระผ้มู พี ระภาคพระองค์นัน้ : (๔๑) เปน็ ผเู้ ปน็ ดังพระยาชา้ งตัวประเสริฐ, (๔๒) เปน็ ผมู้ กี ารนอนอนั สงัดจากการรบกวนแหง่ กิเลส, (๔๓) เป็นผูม้ กี ิเลสเคร่ืองประกอบไวใ้ นภพสน้ิ สดุ แลว้ , (๔๔) เปน็ ผู้พ้นพิเศษแล้วจากทุกขท์ ั้งปวง, (๔๕) เป็นผู้มีความคิดเหมาะเจาะเฉพาะเรอื่ ง, (๔๖) เป็นผู้มปี ๎ญญาเคร่ืองทาํ ความเป็นแห่งมนุ ี, (๔๗) เป็นผู้มมี านะเป็นดจุ ธงอันพระองค์ทรงลดลงได้แลว้ , (๔๘) เปน็ ผู้ปราศจากแลว้ จากราคะ, (๕๐) เป็นผหู้ มดสิ้นแลว้ จากกเิ ลสเคร่อื งเหน่ียวหน่วงให้เน่ินชา้ ; ข้าพเจ้า เปน็ สาวกของพระผูม้ ีพระภาค พระองค์นน้ั . พระผมู้ พี ระภาคพระองคน์ นั้ : (๕๑) เป็นผู้แสวงหาพบคณุ อันใหญ่หลวง องค์ทีเ่ จ็ด, (๕๒) เปน็ ผู้ปราศจากแล้วจากความคดโกง, (๕๓) เป็นผูท้ รงไวซ้ ึ่งวิชชาทั้งสาม, (๕๔) เปน็ ผู้เปน็ พรหมแหง่ ปวงสัตว์, กลบั ไปสารบัญ
๕๓๘ พทุ ธประวัติจากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ (๕๕) เปน็ ผู้เสรจ็ จากการอาบการล้างแลว้ , (๕๖) เปน็ ผมู้ หี ลกั มีเกณฑใ์ นการกระทําท้งั ปวง, (๕๗) เป็นผมู้ ีกมลสนั ดานอันระงับแลว้ , (๕๘) เปน็ ผทู้ าํ ลายซง่ึ ธานีนครแหง่ กเิ ลสทั้งหลาย, (๖๐) เป็นผเู้ ป็นจอมแห่งสตั ว์ท้ังปวง; ข้าพเจ้า เป็นสาวกของพระผมู้ พี ระภาค พระองค์น้ัน. พระผมู้ ีพระภาคพระองค์นน้ั : (๖๑) เปน็ ผู้ไปพ้นแล้วจากข้าศึกคอื กิเลส, (๖๒) เปน็ ผ้มู ตี นอนั อบรมถึงที่สดุ แล้ว, (๖๓) เปน็ ผู้มธี รรมทคี่ วรบรรลอุ นั บรรลุแลว้ , (๖๔) เปน็ ผู้กระทาํ ซ่ึงอรรถะทงั้ หลายใหแ้ จ่มแจ้ง, (๖๕) เปน็ ผู้มีสตสิ มบรู ณ์อยูเ่ องในทกุ กรณี, (๖๖) เปน็ ผมู้ คี วามรู้แจ้งเหน็ แจง้ เป็นปรกติ, (๖๗) เปน็ ผู้มจี ิตไม่แฟบลงดว้ ยอาํ นาจแหง่ กเิ ลส, (๖๘) เปน็ ผมู้ ีจิตไมฟ่ ขู ึ้นดว้ ยอาํ นาจแหง่ กิเลส, (๖๙) เปน็ ผู้มจี ติ ไม่หว่นั ไหวด้วยอาํ นาจแห่งกิเลส, (๗๐) เป็นผบู้ รรลุถงึ ซึง่ ความมอี าํ นาจเหนอื กิเลส; ข้าพเจ้า เปน็ สาวกของพระผู้มพี ระภาค พระองคน์ ั้น. พระผ้มู ีพระภาคพระองค์น้ัน: (๗๑) เป็นผู้ไปแลว้ โดยชอบ, (๗๒) เปน็ ผมู้ กี ารเพ่งพนิ ิจท้งั ในสมาธิและป๎ญญา, (๗๓) เปน็ ผูม้ สี นั ดานอันกิเลสตามถึงไมไ่ ดแ้ ล้ว, (๗๔) เป็นผ้หู มดจดแลว้ จากสิง่ เศร้าหมองท้ังปวง, กลับไปสารบัญ
ตามเสยี งคนนอก ทีก่ ล่าวถึงพระองค์ ๕๓๙ (๗๕) เปน็ ผู้อันตณั หาและทิฎฐิอาศยั ไมไ่ ด้แลว้ , (๗๖) เปน็ ผไู้ ม่มีความหวาดกลวั ในสง่ิ เป็นท่ตี งั้ แห่งความกลวั , (๗๗) เปน็ ผู้สงัดแลว้ จากการรบกวนแหง่ กเิ ลสทัง้ ปวง, (๗๘) เปน็ ผู้บรรลแุ ลว้ ซงึ่ ธรรมอนั เลิศ, (๗๙) เป็นผขู้ ้ามแล้วซงึ่ โอฆกันดาร, (๘๐) เปน็ ผ้ยู ังบุคคลอน่ื ใหข้ า้ มแล้วซงึ่ โอฆะนนั้ ; ข้าพเจ้า เป็นสาวกของพระผมู้ ีพระภาค พระองคน์ น้ั . พระผมู้ ีพระภาคพระองคน์ นั้ : (๘๑) เปน็ ผู้มสี ันดานสงบรํางับแลว้ , (๘๒) เป็นผู้มปี ๎ญญาอนั หนาแนน่ , (๘๓) เปน็ ผู้มีป๎ญญาอันใหญ่หลวง, (๘๔) เปน็ ผู้ปราศจากแลว้ จากโลภะ, (๘๕) เปน็ ผู้มกี ารไปการมาอยา่ งพระพุทธเจา้ ทั้งหลาย, (๘๖) เป็นผไู้ ปแลว้ ดว้ ยดี, (๘๗) เป็นผู้ไม่มบี คุ คลใดเปรียบ, (๘๘) เป็นบคุ คลผ้ไู ม่มบี คุ คลใดเสมอ, (๘๙) เปน็ บคุ คลผู้มญี าณอนั แกลว้ กลา้ , (๙๐) เปน็ ผู้มปี ๎ญญาละเอยี ดอ่อน; ข้าพเจา้ เปน็ สาวกของพระผมู้ ีพระภาค พระองคน์ ั้น. พระผ้มู พี ระภาคพระองคน์ นั้ : (๙๑) เปน็ ผู้เจาะทะลุขา่ ยคอื ตณั หาเครอื่ งดกั สัตว์, (๙๒) เป็นผู้รู้ตน่ื ผู้เบิกบานเปน็ ปรกติ, (๙๓) เปน็ ผมู้ ีกิเลสดุจควันไฟไปปราศแล้ว, (๙๔) เป็นผูอ้ นั ตัณหาและทฎิ ฐิไมฉ่ าบทาไดอ้ ีกต่อไป, กลบั ไปสารบัญ
๕๔๐ พทุ ธประวัตจิ ากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ (๙๕) เปน็ ผูเ้ ป็นอาหุเนยยบุคคลควรแกข่ องทีเ่ ขานาํ ไปบูชา, (๙๖) เป็นผู้ท่โี ลกทง้ั ปวงต้องบูชา, (๙๗) เป็นบุคคลผสู้ งู สุดแห่งบุคคลทงั้ หลาย, (๙๘) เป็นผูม้ คี ุณอันไมม่ ีใครวดั ได้, (๙๙) เปน็ ผูเ้ ปน็ มหาบรุ ุษ, (๑๐๐)เป็นผู้ถงึ แล้วซึ่งความเลศิ ดว้ ยเกยี รตคิ ุณ; ขา้ พเจ้า เปน็ สาวกของพระผมู้ ีพระภาค พระองค์นนั้ ; ดงั นี้ แล. ตามเสียงของพระเจา้ ปเสนทิโกศล๑ : ทรงมีคณะสงฆ์ท่ีประพฤตพิ รหมจรรย์ตลอดชีวติ พระองค์ผู้เจริญ ! ข้อสังเกต ของหม่อมฉันมีอยู่ในพระผู้มีพระภาคว่า ` พระผู้มีพระภาคเป็นผู้ตรัสรู้ชอบด้วยตนเอง, พระธรรมเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาค ตรัสดแี ล้ว, พระสงฆ์สาวกของพระผมู้ พี ระภาค ปฏบิ ตั ดิ แี ลว้ ' ดังนี.้ พระองค์ผู้เจริญ ! คือในเร่ืองนี้ หม่อมฉันได้เห็นสมณพราหมณ์บางพวก ประพฤติพรหมจรรย์อย่างเคร่งครัด ได้สิบปีบ้าง ย่ีสิบปีบ้าง สามสิบปีบ้างส่ีสิบปี บ้าง คร้ันสมัยอ่ืน สมณพราหมณ์พวกน้ัน กลายเป็นผู้อาบอย่างดี ลูบทาอย่างดี แต่งผมแต่งหนวด อ่ิมเอิบ เพียบพร้อมด้วยกามคุณห้า ให้เขาบําเรออยู่. ส่วนภิกษุ ในศาสนานี้, หม่อมฉันเห็นประพฤติพรหมจรรย์บริสุทธิ์ บริบูรณ์จนตลอดชีวิต จนกระทงั่ หมดลมหายใจ. พระองคผ์ เู้ จริญ ! หมอ่ มฉันไมเ่ ห็น ____________________________________________________________________________ ๑. คาํ ของพระเจ้าปเสนทิโกศล ทูลแด่พระผู้มีพระภาค ทีน่ คิ มเมทฬุปะ แควน้ สากยะ, ในคราว ไปเฝาู เย่ยี ม. ม.ม. ๑๓/๕๐๙/๕๖๒. กลับไปสารบัญ
ตามเสียงคนนอก ที่กล่าวถึงพระองค์ ๕๔๑ พรหมจรรย์อ่ืน ท่ีบริสุทธ์ิบริบูรณ์อย่างนี้ นอกจากพรหมจรรย์น้ี. นี่แลเป็น ขอ้ สังเกตของหม่อมฉัน อนั มีอยู่ในพระผมู้ ีพระภาค : ทรงมีคณะสงฆ์ท่ีพร้อมเพรียง ข้ออ่ืนยังมีอีก, พระองค์ผู้เจริญ! ราชาก็ยังวิวาทกับราชาด้วยกัน,กษัตริย์ก็ ยังวิวาทกับกษัตริย์พราหมณ์ก็ยังวิวาทกับพราหมณ์, คหบดีก็ยังวิวาทกับคหบดี, มารดาก็ยังวิวาทกับบุตร, บุตรก็ยังวิวาทกับมารดา, บิดาก็ยังวิวาทกับบุตร, บุตรก็ ยังวิวาทกับบิดา, พ่ีน้องชายยังวิวาทกับพี่น้องหญิง, พี่น้องหญิงก็ยังวิวาทกับพ่ี น้องชาย, แม้สหายก็ยังวิวาทกับสหาย; ส่วนในพรหมจรรย์น้ีหม่อมฉันเห็นภิกษุ ทง้ั หลายเปน็ ผพู้ ร้อมเพรียงกัน เบิกบานต่อกัน ไม่วิวาทกันเข้ากันสนิทดังนํ้าเจือกับ น้ํานมสด มองดกู ันและกันดว้ ยสายตา อันน่ารัก.พระองค์ผู้เจริญ! หม่อมฉันไม่เห็น บริษัทอ่ืนที่พร้อมเพรียงกันอย่างน้ี นอกจากบริษัทน้ี. แม้นี้ก็เป็นข้อสังเกตของ หม่อมฉนั ในพระผูม้ พี ระภาค. : ทรงมีคณะสงฆท์ ชี่ ่มุ ชน่ื ผอ่ งใส ข้ออื่นยังมีอีก, พระองค์ผู้เจริญ! หม่อมฉันเท่ียวไปเนือง ๆจากอารามน้ีสู่ อารามนนั้ จากสวนน้ีสู่สวนน้ัน, ได้เห็นสมณพราหมณ์พวกหน่ึงซูบผอม เศร้าหมอง ผิวพรรณทราม ผอมเหลือง สะพร่ังไปด้วยเส้นเอ็นเห็นจะไม่ประสงค์มองดูใคร เสียเลย. หม่อมฉันมีความเห็นว่า ท่านพวกน้ีคงฝืนใจประพฤติพรหมจรรย์เป็นแน่ หรือมิฉะน้ัน ก็ยังมีบาปอย่างหน่ึง ซึ่งท่านเหล่าน้ีทําแล้วปกปิดไว้ จึงเป็นผู้ซูบผอม เศร้าหมอง ผิวพรรณทราม ผอมเหลืองสะพร่ังไปด้วยเส้นเอ็น ราวกะไม่ประสงค์ มองดใู ครเสียเลย.หม่อมฉนั เข้าไปหาแล้วถามว่า เหตุไรจึงเป็นดังนั้น, ท่านเหล่านั้น ตอบวา่ \"ขา้ แตม่ หาราช ! กลับไปสารบัญ
๕๔๒ พทุ ธประวัตจิ ากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ พวกเรามีโรคเน่ืองมาเป็นเผ่าพันธ์ุ\", ดังนี้. ส่วนภิกษุในศาสนาน้ี หม่อมฉันเห็นท่าน ร่าเริงและร่ืนเริงส่อความรู้สึกภายในใจอันสูงข้ึนและสูงข้ึน มีรูปน่าปล้ืมใจมี อินทรีย์ชุ่มชื่น มีความขวนขวายน้อย มีขนอันตกราบ๑มีชีวิตเป็นไปด้วยของท่ีผู้อื่น ให้ มีใจเป็นดุจมฤค (อ่อนโยน). หม่อมฉัน มีความเห็นว่าท่านเหล่านี้ คงรู้คุณวิเศษ อันโอฬาร ในศาสนาของพระผู้มีพระภาค ยิ่งขึ้นกว่าเก่า ๆเป็นแน่ จึงเป็นดังนั้น. พระองค์ผเู้ จริญ! แม้น้ีก็เป็นขอ้ สงั เกตของหม่อมฉนั ในพระผูม้ ีพระภาค. : ทรงมสี งั ฆบริษทั ท่เี งยี บเสยี ง ข้ออ่นื ยังมีอีก, พระองคผ์ ูเ้ จรญิ ! หม่อมฉันเป็นกษัตริย์ได้มุรธาภิเษกแล้ว มี อํานาจพอเพ่อื ใหฆ้ า่ คนควรฆ่า ริบคนควรริบ ขับคนควรขับ ก็จริงเมื่อนั่งวินิจฉัยคดี ชนทง้ั หลายยงั อึกทกึ กลบเสยี งหม่อมฉนั เสียเป็นระยะ ๆหม่อมฉัน จะห้ามว่า ท่าน ผู้เจริญ! พวกท่านอย่ากลบเสียงของเราผู้น่ังวินิจฉัยคดีให้ตกไปโดยระยะ ๆ เลย จงรอให้จบถอ้ ยคาํ ของเราเสียกอ่ นดงั นก้ี ไ็ ม่ไหว.เขาเหล่าน้ัน ยังคงอึกทึกกลบเสียง หมอ่ มฉนั เสยี โดยครง้ั คราว. สว่ นภกิ ษใุ นศาสนานี้, หมอ่ มฉันเห็นไม่มีเสียงจาม หรือ เสียงไอเลย ในเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าแสดงธรรมแก่บริษัทผู้น่ังฟ๎งเป็นจํานวน หลายร้อย. ท่ีล่วงมาแล้วแต่หลังเม่ือพระผู้มีพระภาคแสดงธรรมแก่บริษัทจํานวน หลายร้อย, ถ้าสาวกคนหน่ึงคนใดในที่นั้นไอขึ้น เพ่ือนสพรหมจารีด้วยกัน จะ กระทบเขา่ ดว้ ยเขา่ เพื่อให้รสู้ กึ วา่ \"ท่านจงมีเสียงนอ้ ย, ทา่ นอย่างกระทําเสียง, พระ ผู้มีพระภาคศาสดาของพวกเรากําลังแสดงธรรม\" ดังนี้. หม่อมฉันทีความเห็นว่า อัศจรรย์จริง ๆ ไม่เคยมีจริง ๆบริษัทมีระเบียบเรียบร้อยดีอย่างนี้ โดยไม่ต้องใช้ อาชญา หรือศาสตราเลย. ____________________________________________________________________________ ๑. หมายความวา่ ไมม่ ีความสะดงุ้ กลวั . กลับไปสารบัญ
ตามเสยี งคนนอก ที่กล่าวถึงพระองค์ ๕๔๓ พระองค์ผู้เจริญ! หม่อมฉันไม่เห็นบริษัทอื่นที่เรียบร้อยดีอย่างน้ี นอกจากบริษัทน้ี. ขา้ แต่พระองคผ์ ้เู จรญิ ! แมน้ ้ี ก็เป็นข้อสงั เกตของหมอ่ มฉัน ในพระผมู้ ีพระภาค. : ทรงชนะคนมุง่ ร้ายทีเ่ ข้าเฝูา๑ ข้ออ่ืนยังมีอีก, พระองค์ผู้เจริญ ! หม่อมฉัน เห็นขัตติยบัณฑิต,.... พราหมณบัณทิต...คหบดีบัณฑิต, ...๒สมณบัณฑิต บางพวก ในโลกนี้มีป๎ญญาเฉียบ แหลม ชํานาญการโต้วาทะ เชี่ยวชาญ ดุจนายขมังธนูผู้สามารถยิงถูกขนทราย, ดู เหมอื นเท่ยี วทาํ ลายความเห็นของผู้อ่ืน ด้วยป๎ญญาของตนเท่านั้น. บัณฑิตเหล่านั้น ได้ยินข่าวว่า \"พระสมณโคดม จักเสด็จแวะบ้านหรือนิคมช่ือโน้น\", ก็ตระเตรียม ปญ๎ หา และอวดอา้ งวา่ เราจักเข้าไปถามป๎ญหาน้ี กะพระสมณโคดม ถ้าเธอถูกถาม แล้วพยากรณ์อย่างน้ี พวกเราจักหักล้างวาทะของเธอด้วยวาทะอย่างน้ี ๆ, แม้ถ้า เธอถกู ถามแลว้ พยากรณอ์ ย่างนนั้ ๆพวกเราก็จกั หกั ล้างวาทะของเธอได้ด้วยวาทะ อย่างนั้น ๆ, ดังนี้. ครั้นเขาเข้าไปเฝูาพระผู้มีพระภาคเจ้าจริง ๆ พระผู้มีพระภาค ย่อมช้ีแจงให้เห็นชอบให้ปลงใจ ให้อาจหาญ ให้ร่าเริงด้วยธรรมิกถา. ท่านบัณฑิต เหล่านั้น เลยไม่ถามป๎ญหา ไฉนจักได้ข่มข่ีวาทะเล่า ย่อมพากันเข้าเป็นสาวกของ พระผู้มีพระภาคโดยแท้. และ (บางพวก) ขอโอกาสเพื่อบรรพชาจากเรือน ไม่หวัง ประโยชน์เก้ือกูลด้วยเรือน, พระผู้มีพระภาคก็บรรพชาให้, บัณฑิตเหล่านั้น เป็น บรรพชิตแล้วหลีกออกจากหมู่ ไม่ประมาท มีเพียร มีตนส่งไปแล้วในสมาธิภาวนาก็ ทาํ ใหแ้ จง้ ____________________________________________________________________________ ๑. ขอ้ ความคลา้ ยน้ี ยงั มีในจฬู หตั ถปิ โทปมสตู ร มู.ม. เปน็ คําสรรเสรญิ ของปโิ ลตกิ ปริพพาชก กล่าวสรรเสรญิ พระผ้มู พี ระภาคแกช่ าณุสโสณพี ราหมณ์. ๒. ในบาลีแยกกล่าวทีละพวก ความอยา่ งเดยี วกนั . กลับไปสารบัญ
๕๔๔ พุทธประวัตจิ ากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ ได้ด้วยป๎ญญาอันย่ิงเอง ซ่ึงท่ีสุดแห่งพรหมจรรย์อันไม่มีอะไรย่ิงไปกว่า อันเป็นท่ี ปรารถนาของเหล่ากุลบุตรผู้ออกบวชจากเรือน ไม่หวังประโยชน์เก้ือกูลแก่เรือน ไดใ้ นภพอนั ตนทันเห็นน้ี, เขา้ ถึงแลว้ แลอย่.ู ทา่ นเหล่านน้ั กล่าวอย่างน้ีว่า พวกเราไม่ ขยี้หัวใจเราอีกต่อไปแล้ว. จริงอยู่ เมื่อก่อน เราไม่เป็นสมณะก็ปฎิญญาตนว่าเป็น สมณะ, ไม่เป็นพราหมณ์ ก็ปฎิญญาตนว่าเป็นพราหมณ์,ไม่เป็นพระอรหันต์ ก็ปฎิญญาตนว่าเป็นพระอรหันต์. แต่บัดนี้เล่า เราเป็นสมณะเราเป็นพราหมณ์ เรา เป็นพระอรหันต์โดยแท้, ดังน้ี.พระองค์ผู้เจริญ! แม้นี้ก็เป็นข้อสังเกตของหม่อมฉัน ในพระผมู้ พี ระภาค. : ทรงสามารถปราบโจรที่มหากษัตรยิ ์ก็ปราบไมไ่ ด้๑ \"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! กษัตริย์พิมพิสาร หรือกษัตริย์ลิจฉวี หรือ พระราชาปฏิป๎กษ์เหล่าอื่นก็หาได้กระทําหม่อมฉันให้ขัดใจไม่ หากแต่ว่ามีโจรชื่อ องคุลิมาล เกิดขึ้นในแว่นแคว้นของหม่อมฉัน เป็นคนหยาบช้า ฝุามือเปื้อนเลือด มงุ่ มั่นอยู่แต่ในการประหตั ประหาร ไม่มคี วามกรุณาปรานีในสัตว์ ท. องคุลิมาลโจร น้ัน กระทําหมู่บ้านไม่ให้เป็นหมู่บ้าน กระทํานิคมไม่ให้เป็นนิคม กระทําชนบทไม่ให้ เป็นชนบท เขาฆ่าแล้วฆ่าอีกซึ่งหมู่มนุษย์ นําน้ิวมือมาทําเป็นมาลัยแขวนอยู่ หม่อม ฉันจักกําจัดมนั เสีย.\" มหาราชะ ! ถ้ามหาบพิตรจะได้ทรงเห็นองคุลิมาลปลงผมและหนวดนุ่งห่ม ผ้ากาสายะ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต เว้นขาดจาการฆ่า การลักขโมยการ พดู เท็จ เปน็ ผู้มีการฉันอาหารวันหน่ึงหนเดียวประพฤติพรหมจรรย์ มีศีล มีกัลยาณ ธรรม ดงั นแ้ี ลว้ จะทรงกระทาํ อย่างไรเลา่ ? ____________________________________________________________________________ ๑. คําของพรเจา้ ปเสนทิโกศลทูลแด่พระผมู้ พี ระภาค ทเ่ี ชตวนั ใกลเ้ มอื งสาวตั ถี. บาลี ม.ม. ๑๓/๔๘๔/๕๒๙. กลบั ไปสารบัญ
ตามเสยี งคนนอก ที่กลา่ วถงึ พระองค์ ๕๔๕ \"ขา้ แตพ่ ระองค์ผู้เจรญิ ! หม่อมฉนั ก็จะอภวิ าท จะลุกรับ จะนิมนต์หรือเชื้อ เชิญด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานป๎จจัยเภสัชบริขาร หรือจัดจากรักษา ปูองกันค้มุ ครองอยา่ งเปน็ ธรรม พระเจ้าข้า ! ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็แต่ว่า มัน จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนทุศีล มีธรรมอันลามกน้ัน จะกลายเป็นผู้สํารวมด้วยศีล อย่างนี้ พระเจา้ ข้า\"! มหาราชะ ! นั่น องคุลิมาลอยู่น่ัน. (พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า พระเจ้าปเสนทิ โกศลกลัวจนโลมชาติชูชัน, ได้ตรัสว่า) มหาราชะ ! อย่าได้กลัวเลย. มหาราชะ ! อย่าได้ กลวั เลย. ภัยไมม่ ีแลว้ แก่พระองค์ จากองคุลมิ าลน.ี้ (ลําดบั นน้ั พระเจา้ ปเสนทิโกศลทรงระงับความกลัวแล้ว เข้าไปทําความคุ้นเคยกับภิกษุ องคุลิมาล ทรงปวารณาด้วยป๎จจัยสี่ แต่พระเถระปฏิเสธ เพราะเป็นผู้สมาทานธุดงค์. พระเจ้า เสนทโิ กศลได้กลับมาเฝาู พระผู้มีพระภาค แล้วกราบทลู วา่ :-) \"ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จริญ ! น่าอัศจรรย์นัก, ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ไม่เคยมี เลย; คือข้อที่พระผู้มีพระภาค ทรงทรมานบุคคลที่ใคร ๆ ทรมานไม่ได้ ทรงกระทํา ให้รํางับ ซ่ึงบุคคลท่ีใคร ๆ ทําให้รํางับไม่ได้ ทรงกระทําความดับเย็นแก่บุคคลผู้ยัง ไม่ดับเย็น๑; ได้แก่ข้อท่ีหม่อมฉัน ไม่สามารถจะทรมานผู้ใดด้วยอาชญาด้วย ศาสตรา ผู้นั้นพระผู้มีพระภาคทรงทรมานแล้วโดยไม่ต้องใช้อาชญา ไม่ต้องใช้ ศาสตรา. ข้าแตพ่ ระองค์ผู้เจริญ ! หม่อมฉันขอลาไปบัดนี้หม่อมฉันมีกิจมาก มีธุระ มาก พระเจ้าข้า !\" ____________________________________________________________________________ ๑. คํานี้ บาลวี า่ อปปฺ รินิพฺพุตานํ ปรินิพพฺ าเปตา ซึ่งแสดงให้เหน็ ว่า คําว่า \"ปรินิพพาน\" น้ัน ใช้กบั ความหมดพยศโดยส้ินเชิงของโจรทรี่ ้ายกาจ กไ็ ด้; เพอ่ื จะไดเ้ ขา้ ใจความหมาย ของคําคํานกี้ นั อย่างถูกตอ้ งและครบถว้ นสืบไป ทาํ นองเดียวกับในบาลีแห่งอืน่ ใชส้ าํ หรบั สตั ว์ เดรจั ฉานท่หี มดพยศดว้ ย เพราะการฝกึ ถงึ ท่สี ุด และความทถ่ี า่ นไฟแดง ๆ เย็นลงจนดาํ หรอื อาหารทรี่ อ้ น ๆ เย็นลงจงึ บรโิ ภคได้ ดงั น้ี กม็ ี. -ผรู้ วบรวม. กลับไปสารบัญ
๕๔๖ พทุ ธประวตั ิจากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ : ทรงชนะน้าใจคน โดยทางธรรม๑ ข้ออื่นยังมีอีก, พระองค์ผู้เจริญ ! มีช่างไม้สองคน ช่ือ อิสิทันตะ และ ปุราณะ ทัง้ สองนายน้กี ินขา้ วของหม่อมฉัน ใช้ยวดยานพาหนะของหม่อมฉนั .หมอ่ ม ฉนั ใหเ้ บีย้ เล้ียงชพี , ใหย้ ศศกั ด์ิแก่เขา, แต่เขาจะมีความเคารพในหม่อมฉันเท่าที่มีใน พระผู้มีพระภาค ก็หาไม่. เร่ืองที่ล่วงมาแล้ว คือ หม่อมฉันยกเสนาออกไปกําจัด ข้าศึก เม่ือจะทดลองช่างไม้สองคนนี้ จึงเข้าไปพักในที่คับแคบแห่งหน่ึง (เพื่อเห็น กันโดยใกล้ชิด), เขาทั้งสองคน ฆ่าเวลาด้วยการสนทนาธรรมเกือนค่อนรุ่งแล้วนอน หนั ศรี ษะไปทางทิศที่เขาได้ยินข่าวว่าพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ เหยียดเท้ามาทาง หม่อมฉัน. พระองค์ผู้เจริญ! หม่อมฉันมีความรู้สึกว่า อัศจรรย์จริง,ไม่เคยมีเลย, ช่างไม้สองคน กินข้าวของเรา ใช้ยานพาหนะของเรา เราให้เบี้ยเล้ียงชีพ และยศ ศักด์ิแก่เขา แต่เขาหามีความเคารพในเรา เท่าท่ีเขามีในพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่. ชะรอยคนท้ังสองน้ีจะรู้ถึงคุณวิเศษอันโอฬารในศาสนาของพระผู้มีพระภาค เพมิ่ ข้ึน ๆ เป็นแน่แท้. พระองค์ผู้เจริญ! แม้น้ีก็เป็นข้อสังเกตของหม่อมฉัน ในพระ ผู้มพี ระภาค. : ทรงเสมอกบั พระเจ้าโกศลโดยวัย อีกข้อหน่ึง, พระองค์ผู้เจริญ ! พระผู้มีพระภาค ก็เป็นกษัตริย์หม่อมฉันก็ เปน็ กษตั รยิ .์ พระผูม้ พี ระภาคเปน็ ชาวโกศล๒หม่อมฉนั ก็เปน็ ________________________________________________________________________________ ๑. คําของพระเจ้าปเสนทโิ กศล ทลู แด่พระผมู้ พี ระภาค ท่นี ิคมเมทฬปุ ะ แคว้นสกั กะ, มีความต่อ กันมาตามลําดบั จากเนอ้ื ความขา้ งต้นอนั เก่ยี กับขอ้ สังเกตในพระผู้มีพระภาคของพระเจา้ ปเสน- ทโิ กศล. บาลี ม.ม. ๑๓/๕๑๔/๕๖๘-๕๖๙. ๒. แควน้ สากยะเปน็ ถิน่ แหง่ โกศล. ดงั ทต่ี รัสเอง (ในภาค ๑). กลบั ไปสารบัญ
ตามเสยี งคนนอก ที่กล่าวถึงพระองค์ ๕๔๗ ชาวโกศล, พระผู้มีพระภาคมีพระชนม์ ๘๐ หม่อมฉันก็มีอายุ ๘๐, ด้วยเหตุนี้เอง, หมอ่ มฉันจงึ ควรทาํ ความเคารพอย่างย่ิง ในพระผู้มีพระภาค, ควรแสดงความสนิท สนม. ตามเสียงของคณกะโมคคัลลานพรามหณ์๑ : ทรงคบและไม่ทรงคบบคุ คลเชน่ ไร พระโคดมผู้เจริญ ! บุคคลท้ังหลายเหล่าใด เป็นผู้ไม่มีศรัทธา มีความเล้ียง ชีวิตเป็นข้อประสงค์ ออกจากเรือนบวชเป็นคนไม่มีเรือนแล้ว เป็นนักบวชอวดดี มี มายา เจ้าเล่ห์ เป็นผู้ฟูุงซ่านเป็นผู้ไว้ตัว เป็นผู้กลับกลอก เป็นคนปากกล้า มีวาจา สับส่าย มีทวารอันไม่ระวังแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย ไม่รู้จักประมาณในโภชนะ ไม่ ประกอบความเพียรของบุคคลผู้ตื่น ไม่เพ่งในสามัญคุณ ไม่เคารพยิ่งในสิกขามี ความประพฤติเป็นไปเพื่อความมักมาก มีความประพฤติเป็นไปด้วยอาการลุ่ม ๆ ดอน ๆ เป็นหัวหน้าในทางเชือนแช ทอดธุระในวิเวกเสียแล้วเป็นผู้เกียจคร้าน มี ความเพียรอันเลว มีสติอันหลงลืมไม่รู้ตัว เป็นผู้ไม่มั่นคงมีจิตอันหมุนเวียน มี ป๎ญญาอันเขลาทรามดุจคนหูหนวกแลคนเป็นใบ้; พระโคดมผู้เจริญ ย่อมไม่อยู่ รว่ มกบั ด้วยชนท้งั หลายเหล่านั้น. ส่วนว่า กุลบุตรทั้งหลายเหล่าใด เป็นผู้มีศรัทธา ออกจากเรือนบวชเป็นคน ไม่มีเรือนแล้วไม่อวดดี ไม่มีมายา ไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์ ไม่ใช่คนฟูุงซ่านไม่ใช่คนไว้ตัว ไม่ใช่คนกลบั กลอก ไมเ่ ป็นคนปากกลา้ มีวาจาไมส่ ับสา่ ย _______________________________________________________________________ ๑. คาํ ของคณกะโมคคลั ลานะ ทลู สรรเสริญพระผูม้ พี ระภาคเจา้ หลงั จากทพี่ ระองคไ์ ดท้ รง บรรยายลักษณะบางอย่างเกยี่ วกบั สาวกของพระองคบ์ างพวกใหเ้ ขาฟง๎ . อุปริ.ม.๑๔/๘๗/๑๐๔. กลบั ไปสารบัญ
๕๔๘ พทุ ธประวัตจิ ากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ มีทวารอันระวังแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย รู้จักประมาณในโภชนะ ประกอบความ เพียรของบุคคลผู้ตื่น เพ่งในสามัญญคุณ มีความเคารพย่ิงในสิกขา ไม่ประพฤติ เป็นไปเพ่ือความมักมาก ไม่ประพฤตเิ ปน็ ไปดว้ ยอาการลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไม่เป็นหัวหน้า ในทางเชือนแช ไม่ทอดธุระในวิเวก มีความเพียรปรารถแล้ว มีตนอันส่งไปแล้ว มี สติอันเข้าไปตั้งอยู่แล้ว เป็นผู้รู้ตัว เป็นผู้มั่นคง มีจิตแน่ว เป็นผู้มีป๎ญญา หาใช่คน เขลาดังคนหูหนวกคนเป็นใบ้ไม่; พระโคดมผู้เจริญ ย่อมอยู่ร่วมกับด้วยกุลบุตร ทงั้ หลายเหลา่ นนั้ . ตามเสียงแหง่ มาร๑ : ทรงตัดรอนอานาจมาเหรอื นเดก็ ริดรอนก้ามปู ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เปรียบเหมือนสระโบกขรณี มีอยู่ในท่ีไม่ไกลจาก บา้ นหรอื นิคม; มปี อู ยูใ่ นสระนัน้ . มเี ด็กหญงิ ชายเปน็ อันมากออกมาจากหมู่บ้านแล้ว ไปสู่สระโบกขรณี; ถึงแล้วคร่าปูน้ันขึ้นมาจากนํ้า วางลงบนบกแล้วปูชูก้ามใด ๆ ขึ้นมา เดก็ หญงิ ชายเหลา่ น้ันก็ทําก้ามน้ัน ๆ ให้ขาด ให้หัก ให้หลุด ด้วยท่อนไม้หรือ กอ้ นหนิ กรวด. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ปูนั้นมีก้ามอันขาดแล้วหักแล้วหลุดแล้วอย่างน้ีไม่ อาจจะลงไปสู่สระโบกขรณีนัน้ เหมือนอยา่ งเดมิ ไดอ้ ีก, ฉนั ใด; ทฎิ ฐทิ เี่ ปน็ เสยี้ นหนาม ปกคลุมอยู่ ยักไปยักมา ไม่อยู่ในร่องรอย ใด ๆ ของข้าพระองค์ ท้ังหมดทั้งส้ินอัน พระผู้มีพระภาคทรงกระทําให้ขาดแลว้ หกั แล้ว หลดุ แลว้ ฉนั นน้ั เหมือนกนั . ____________________________________________________________________________ ๑. คาํ ทลู ของมาร เม่ือครง้ั ประทับอย่ทู ี่ต้นอชปาลนโิ คร๎ธ รมิ ฝ่ง๎ แมน่ ้าํ เนรญั ชรา; เปน็ ตน้ . บาลี สคา. ส.ํ ๑๕/๑๘๐/๕๐๓. กลับไปสารบัญ
ตามเสยี งคนนอก ทก่ี ลว่ ถึงพระองค์ ๕๔๙ ขา้ แต่พระองคผ์ เู้ จริญ! บดั น้ขี า้ พระองค์ ไมส่ ามารถทจี่ ะเข้าไปใกล้พระผู้มีพระภาค เพื่อหาชอ่ งทาํ ลายล้างอกี ต่อไป. : ทรงเปน็ ก้อนหินให้กาโงส่ าคัญวา่ มนั ขน้ ลําดับนั้น มารผู้มีบาป ได้กล่าวคาถาเป็นที่ต้ังแห่งความเบื่อหน่ายเหล่านี้ ในสํานักของ พระผูม้ พี ระภาค วา่ :- \"ฝงู กาพากันไปตอมอยูร่ อบ ๆ กอ้ นหิน ซึ่งมสี ีเหมอื นมนั ขน้ โดยหวังว่า เราจะไดข้ องอ่อนกินในท่ีนั้นบา้ ง จะมรี สอร่อย บา้ ง. เม่อื ไมไ่ ด้รบั ความอรอ่ ย, ฝงู กาก็พากนั บนิ ไปจากที่นน้ั . ขา้ แตพ่ ระโคดมผู้เจริญ! ข้าพระองคกื ส็ ังเวชตัวเองเหมอื นกา หลงก้อนหนิ ฉะนัน้ .\" คราวน้ัน มารผู้มีบาป คร้ันกล่าวคาถาเป็นที่ต้ังแห่งความเบื่อหน่ายเหล่าน้ี ในสํานัก ของพระผมู้ ีพระภาคแล้ว ได้หลีกจากที่น้ัน แล้วไปนั่งคู้บัลลังก์อยู่กลางดิน ในท่ีไม่ไกลจากพระผู้ มีพระภาค เงยี บเสียง มอี าการเกอ้ เขิน คอตก ก้มหนา้ ซบเซา หมดปฎภิ าณ เอาไมข้ ดี พ้ืนดนิ อย.ู่ : ไม่มีใครนาพระองคไ์ ปได้ดว้ ยราคะ (ลําดับนน้ั ธดิ ามาร ชอ่ื ตณั หา อรดี ราคา ได้เข้าไปหามารผู้มีบาป แล้วกล่าวคาถานี้ กะมารน้ันว่า :- \"ขา้ แต่พ่อ ! ทา่ นเสยี ใจอยูด่ ้วยเร่ืองอะไร ท่านต้องเศรา้ โศกเพราะ บุรุษใด พวกเราจะผูกพันบรุ ษุ น้นั ด้วยบ่วงแหง่ ราคะ แล้วนํามาให้พ่อ เหมือนนาํ ช้างมาจากปาุ บรุ ุษน้นั จกั อยใู่ นอาํ นาจของพอ่ \" ดงั น้ี.) กลับไปสารบัญ
๕๕๐ พุทธประวัตจิ ากพระโอษฐ์ - ผนวกภาค ๔ (มารไดต้ อบดังนี้ว่า :-) \"ลกู เอย๋ ! ผนู้ ้นั เปน็ พระอรหันต์ ไปดแี ล้วจากโลก ไม่อาจ จะนํามาไดด้ ้วยบว่ งแห่งราคะดอก. ทา่ นก้าวล่วงบ่วงมารเสยี แลว้ ดังนั้น พ่อจงึ โศกเศรา้ อยา่ งใหญห่ ลวง.\" : ศตั รปู ระสบผลเหมือนเอาศรีษะชนภูเขา (...ลําดับน้ัน ธิดามารชื่อตัณหา อรดี ราคา ได้เข้าไปหามารผู้มีบาป. มารได้เห็นธิดา เดนิ มาแต่ไกล ไดก้ ลา่ วคาถาดงั น้ีวา่ :-) \"ลูกเอย๋ ! มนั จะมีผลเท่ากับ เอากา้ นบัวสายไปฟาดภเู ขา; หยกิ ภูเขาด้วยเลบ็ ; เคีย้ วเหล็กดว้ ยฟน๎ ; ทนู หินใหญ่แล้ว หาท่ยี นื บนนาํ้ วน; หรอื เอาอกกระแทกตอ; ฉันใด; คน ท่จี ะเอาชนะพระโคดม กจ็ ะประสบผลเช่นน้ัน.\" จบผนวกภาค ๔ จบภาค ๔ ________________________ กลบั ไปสารบัญ
ภาค ๕ การปรินพิ พาน. ๕๕๑
ภาค ๕ มีเรอ่ื ง:- แปดสิบปียังไมฟ่ ๎่นเฟอื น --ทรงมีความชราทาง กายภาพเหมอื นคนท่วั ไป --ทรงทําหน้าทพี่ ระททุ ธเจา้ บรบิ ูรณแ์ ลว้ --เร่อื งเบ็ดเตล็ดกอ่ นหนา้ ปรนิ ิพพาน --การปรนิ พิ พาน-- แผน่ ดินไหวเนื่องดว้ ยการปรนิ พิ พาน --เราเหน็ พระองค์ไดช้ ัว่ เวลา ทีย่ ังปรากฏพระกาย --การปรินพิ พานของพระองคค์ ือความทุกข์ รอ้ นของมหาชน --สังเวชนียสถานสี.่ ๕๕๒
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 716
- 717
- 718
- 719
- 720
- 721
- 722
- 723
- 724
- 725
- 726
- 727
- 728
- 729
- 730
- 731
- 732
- 733
- 734
- 735
- 736
- 737
- 738
- 739
- 740
- 741
- 742
- 743
- 744
- 745
- 746
- 747
- 748
- 749
- 750
- 751
- 752
- 753
- 754
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 750
- 751 - 754
Pages: