บทที่ 3 | จํานวนจรงิ 175 คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 1 9. 1) 3x − 6 ÷ x2 − 2x x2 −1 x3 − 2x2 + 2x −1 3(x − 2) x(x − 2) = ( x −1)( x +1) ÷ ( x −1)( x2 − x +1) 3( x − 2) ( x −1)( x2 − x +1) = ( x −1)( x +1) × x( x − 2) 3( x2 − x +1) เมอื่ x ≠1 และ x ≠ 2 = x( x +1) 2) ( x − x x − 2) − ( x 2 x − 3) ⋅ x x 4 − 1)( −1)( = x( x − 3) − 2(x − 2) ⋅ x x 4 ( x −1)( x − 2)(x − 3) − = ( x x2 − 5x + 4 − 3) ⋅ x x 4 x − −1)( − 2)(x ( x −1)( x − 4) x = ( x −1)( x − 2)( x − 3)( x − 4) = x เม่ือ x ≠1 และ x ≠ 4 (x − 2)(x − 4) 10. จาก a + 2x − 3 a(x2 + 2) + (2x − 3)(2x − 1) 2x −1 x2 + 2 = −1)( x2 + 2) (2x จัดรูปสมการใหมไดเปน a+ 2x −3 = (a + 4) x2 − 8x + (2a + 3) 2x −1 x2 + 2 (2x −1)( x2 + 2) จะไดวา x2 + bx + c = (a + 4) x2 − 8x + (2a + 3) นนั่ คือ a + 4 =1, b =− 8 และ =c 2a + 3 ดงั น้นั a =− 3, b =− 8 และ c = − 3 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | จาํ นวนจรงิ 176 คูมือครูรายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1 11. จาก 3 + 1 =4 x −1 x2 − 3x + 2 x2 −1 จดั รูปสมการใหมไดเ ปน x 3 + x2 − 1 + 2 − 4 =0 −1 3x x2 −1 จะได x 3 + ( x − 1 x − 2) − ( x 4 x + 1) = 0 −1 1)( −1)( 3( x − 2)( x +1) + ( x +1) − 4( x − 2) =0 ( x −1)( x − 2)( x +1) 3x2 − 6x + 3 =0 ( x −1)( x − 2)( x +1) 3( x −1)2 =0 ( x −1)( x − 2)( x +1) 3( x −1) = 0 เมอ่ื x ≠ 1 ( x − 2)( x +1) จะได x −1 =0 และ ( x − 2)( x +1) ≠ 0 และ x ≠ 1 นนั่ คอื x = 1 โดยท่ี x ≠ 2 และ x ≠ −1 และ x ≠ 1 ดงั น้ัน เซตคําตอบของสมการ คอื ∅ 12. 1) ขอ ความทีก่ าํ หนดใหเ ปน เทจ็ เชน ให=a 1,=b 2=, c 3 และ d = 5 เนอื่ งจาก 1< 2 และ 3 < 5 นนั่ คอื a < b และ c < d แต 1− 3 > 2 − 5 นัน่ คือ a − c > b − d 2) ขอความทกี่ าํ หนดใหเ ปนเท็จ เชน ให a = 1, b = 2, c = −3 และ d = −2 เนื่องจาก 1< 2 และ −3 < −2 นัน่ คอื a < b และ c < d แต 1(−3) > (2)(−2) นั่นคอื ac > bd 13. วิธที ี่ 1 ให A =[−4, 1) ∪[2, 6] และ B =(−3, 3] ∪[4, 5) จะได A − B = [−4, 1) ∪ [2, 6] − (−3, 3] ∪ [4, 5) เขยี นแสดง A , B และ A − B บนเสนจํานวนไดด ังนี้ สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 3 | จํานวนจรงิ 177 คมู อื ครูรายวิชาเพมิ่ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 4 เลม 1 –4 –3 –2 –1 0 1 2 3 4 5 6 ดงั น้นั เขยี นแสดง [−4,− 3]∪ (3,4) ∪[5,6] บนเสนจาํ นวนไดดงั นี้ –4 –3 –2 –1 0 1 2 3 4 5 6 วิธีท่ี 2 เนอื่ งจาก [−4, 1) ∪[2, 6] − (−3, 3] ∪[4, 5) = [−4, − 3] ∪ (3, 4) ∪[5, 6] เขียนแสดง [−4, 1) ∪[2, 6] − (−3, 3]∪[4, 5) บนเสน จาํ นวน โดยการเขยี น แสดง[−4, − 3]∪ (3, 4) ∪[5, 6] บนเสนจาํ นวนไดดงั น้ี –4 –3 –2 –1 0 1 2 3 4 5 6 14. จาก ( 4 x − 1)2 x (x + 1)2 ( x − 3)3 ( x − 8) ≤ 0 (x −1)( x )( x − 5)4 −2 เนอ่ื งจาก (4x −1)2 ≥ 0, ( x +1)2 ≥ 0, ( x − 3)2 ≥ 0 และ ( x − 5)4 ≥ 0 เสมอ นั่นคือ ตองหาเซตคําตอบของอสมการ x (x − 3)( x − 8) ≤ 0 เม่ือ x≠5 ( x −1)( x − 2) พจิ ารณาเสนจาํ นวน สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | จํานวนจรงิ 178 คูมือครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท ี่ 4 เลม 1 –1 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ดงั น้ัน เซตคาํ ตอบของอสมการ คอื (−∞ ∪ 0] ∪ (1, 2) ∪[3, 5) ∪ (5, 8] 15. 1) จาก x + 2 =5 กรณีท่ี 1 x + 2 ≥ 0 น่ันคือ x ≥ −2 จะได x + 2 =5 x = 3 ซ่ึง 3 ≥ −2 นนั่ คือ 3 เปน คําตอบของสมการ กรณที ่ี 2 x + 2 < 0 นน่ั คือ x < −2 จะได −( x + 2) =5 x = − 7 ซง่ึ −7 < −2 น่ันคอื −7 เปน คาํ ตอบของสมการ ดงั นน้ั เซตคําตอบของสมการ คอื {−7, 3} สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | จํานวนจริง 179 คมู ือครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 4 เลม 1 2) จาก x2 − 4 = 4 − x2 กรณีท่ี 1 x2 − 4 ≥ 0 นั่นคือ x2 ≥ 4 ( x ≤ −2 หรือ x ≥ 2) จะได x2 − 4 = 4 − x2 2x2 = 8 x2 = 4 x = − 2 หรือ x = 2 ดงั นน้ั คา x ทีส่ อดคลองคือ x = − 2 หรือ x = 2 กรณีท่ี 2 x2 − 4 < 0 น่นั คอื x2 < 4 (−2 < x < 2) จะได ( )− x2 − 4 = 4 − x2 −x2 + 4 = 4 − x2 0 = 0 ซึง่ เปนจริงทุกจาํ นวนจริง x ดังนนั้ คา x ทส่ี อดคลองคือ คือ x∈(−2, 2) ดังนัน้ เซตคาํ ตอบของสมการ คอื [−2, 2] 16. 1) จากอสมการ x2 − 5 ≥ 4 จะได x2 − 5 ≤ −4 หรือ x2 − 5 ≥ 4 x2 ≤ 1 หรือ x2 ≥ 9 x2 −1 ≤ 0 หรอื x2 − 9 ≥ 0 ( x −1)( x +1) ≤ 0 หรอื ( x − 3)( x + 3) ≥ 0 −1 ≤ x ≤ 1 หรือ x ≤ − 3 หรือ x ≥ 3 ดงั นนั้ เซตคาํ ตอบของอสมการ คือ (−∞, − 3]∪[−1,1]∪[3, ∞) สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | จํานวนจรงิ 180 คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 4 เลม 1 2) จาก 31− x −1 ≥ 1 x −1 +1 เนื่องจาก 1− x = x −1 จะได 3 x −1 −1 ≥ 1 x −1 +1 3 x −1 −1 ≥ 0 −1 x −1 +1 (3 x −1 −1) − ( x −1 +1) ≥0 x −1 +1 2 x −1 − 2 ≥ 0 x −1 +1 2( x −1 −1) ≥ 0 x −1 +1 x −1 −1 ≥0 x −1 +1 เนอื่ งจาก x −1 ≥ 0 เสมอ จะไดว า x −1 +1≥ 0 เสมอ นนั่ คอื x −1 −1 ≥ 0 x −1 ≥ 1 จะได x −1 ≤ −1 หรือ x −1 ≥ 1 x ≤ 0 หรอื x ≥ 2 ดงั นนั้ เซตคาํ ตอบของอสมการ คือ (−∞, 0]∪[2, ∞) สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | จํานวนจรงิ 181 คูม อื ครรู ายวิชาเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1 17. แสดงสงิ่ ท่โี จทยกําหนดไดด ังรูปตอ ไปนี้ จากรปู จะไดปรมิ าตรของกลอง คือ x(3 − 2x)(4 − 2x) ลูกบาศกฟ ตุ เนอ่ื งจาก โจทยกําหนดใหกลองใบน้มี ีปรมิ าตร 2 ลกู บาศกฟตุ จะได x(3 − 2x)(4 − 2x) = 2 2x(3− 2x)(2 − x) = 2 x(3− 2x)(2 − x) = 1 2x3 − 7x2 + 6x −1 = 0 ( x −1)(2x2 − 5x +1) = 0 น่นั คอื x −1 =0 หรอื 2x2 − 5x +1 =0 ถา x −1 =0 จะได x =1 ถา =2x2 − 5x +1 =0 จะได x −(−5) ± (−5)2 − 4(2)(1) 5 ± 17 =2 ( 2 ) 4 แตเ นอื่ งจากความกวาง ความยาว และความสงู ของกลอ งตองมากกวา 0 นั่นคือ x > 0 , 3 − 2x > 0 และ 4 − 2x > 0 จะไดว า x ∈ 0, 3 2 สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 3 | จาํ นวนจริง 182 คมู อื ครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที่ 4 เลม 1 ดงั นัน้ คา ของ x ท่เี ปนไปได คอื 1 หรอื 5 − 17 4 18. จาก x2 − ax − a + 3 = 0 จดั รูปสมการใหมไดเปน x2 − ax + (3 − a) = 0 จะได x= −(−a) ± (−a)2 − 4(1)(3 − a) 2(1) x = a ± a2 + 4a −12 2 จะไดวา x จะเปนจาํ นวนจรงิ กต็ อ เม่ือ a2 + 4a −12 ≥ 0 นนั่ คือ x จะเปน จํานวนจรงิ ก็ตอเมื่อ (a − 2)(a + 6) ≥ 0 ดงั นัน้ คาของ a จะอยใู นชว ง (−∞, − 6]∪[2, ∞) 19. ให x แทนความกวางของกระเปา ใบน้ีในหนวยเดซิเมตร จะไดว า กระเปามีความยาว 2x เดซิเมตร และความสูง 11− 3x เดซิเมตร เนือ่ งจากตอ งการใหกระเปา มีปรมิ าตรอยา งนอย 40 ลูกบาศกเ ดซิเมตร จะได x ⋅ 2x ⋅ (11− 3x) ≥ 40 6x3 − 22x2 + 40 ≤ 0 2( x − 2)(3x2 − 5x −10) ≤ 0 2(x − 2 ) x − 5 + 145 x − 5 − 145 ≤ 0 6 6 น่นั คือ x −∞, 5 − 145 ∪ 5 + 145 ∈ 6 2, 6 แตค วามกวา งของกระเปา ตองมากกวา 0 นนั่ คือ x ∈ 5 + 145 2, 6 ดังน้ัน กระเปาใบนี้ควรมคี วามกวา งอยางนอ ย 2 เดซเิ มตร สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | จาํ นวนจริง 183 คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 3.8 เฉลยแบบฝก หัด คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 1 แบงการเฉลยแบบฝกหัด เปน 2 สวน คือ สวนท่ี 1 เฉลยคําตอบ และสวนที่ 2 เฉลยคําตอบพรอมวิธีทําอยางละเอียด ซึ่งเฉลยแบบฝกหัดท่ีอยูในสวนน้ีเปนการเฉลยคําตอบของแบบฝกหัด โดยไมไดนําเสนอวิธีทํา อยางไรก็ตามครสู ามารถศึกษาวิธีทาํ โดยละเอียดของแบบฝก หัดไดใ นสว นทา ยของคมู ือครูเลมนี้ แบบฝก หัด 3.1 1. พจิ ารณาการเปน จํานวนนับ จาํ นวนเต็ม จํานวนตรรกยะ หรือจาํ นวนอตรรกยะ ของจาํ นวนท่ีกําหนดให ไดดังนี้ จาํ นวน จาํ นวนนบั จาํ นวนเต็ม จาํ นวนตรรกยะ จํานวนอตรรกยะ ทีก่ าํ หนดให - - 0 2 - - - 3 −22 - - - 7 - - - 3.1416 - - 4 +1 1− (−8) - - - - 6 −1 - - 7π - - - 22 0.09 −12 - - 3 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | จํานวนจรงิ 184 คมู อื ครรู ายวิชาเพมิ่ เตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 4 เลม 1 จาํ นวน จํานวนนับ จาํ นวนเตม็ จาํ นวนตรรกยะ จาํ นวนอตรรกยะ ทีก่ ําหนดให ( )2 - - 2 -- - –3.999 ( −1)2 2. 1) เปน จรงิ 2) เปนจริง 3) เปน เทจ็ 4) เปน เทจ็ 5) เปน จรงิ 6) เปนจรงิ 7) เปน เทจ็ 8) เปนจริง 9) เปนเทจ็ แบบฝกหัด 3.2 2) สมบตั ิการมเี อกลักษณของการบวก 4) สมบตั ปิ ดของการคูณ 1. 1) สมบัติการสลับที่ของการคูณ 6) สมบัติการแจกแจง 3) สมบัติการมเี อกลักษณของการคูณ 8) สมบตั กิ ารเปล่ียนหมูของการคูณ 5) สมบัตกิ ารเปลยี่ นหมูของการบวก 10) สมบตั ิการสลับทขี่ องการบวก 7) สมบัตกิ ารมีตัวผกผนั ของการคูณ 9) สมบัติการมีตัวผกผันของการบวก สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | จาํ นวนจริง 185 คมู อื ครูรายวชิ าเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1 2. ตวั ผกผนั การบวกและตวั ผกผันการคูณของจาํ นวนทกี่ าํ หนดใหเปนดังนี้ จํานวนที่กําหนดให ตัวผกผันการบวก ตวั ผกผันการคูณ −4 4 −1 4 5 −5 1 2 5 7 −2 7 −5 7 2 11 5 11 − 11 1− 7 5 −(1− 7 ) หรือ 32 1 −1 + 7 1− 7 −8 2+ 3 −3 2 1 32 − −8 หรือ 2+ 3 − 2+ 3 8 8 2+ 3 3. พิจารณาสมบัติของเซตที่กําหนดใหไ ดด งั น้ี เซตทก่ี าํ หนดให สมบัตปิ ด สมบตั ปิ ด สมบัตปิ ด สมบตั ปิ ด 1) เซตของจาํ นวนนับ ของ ของ ของ ของการหาร การลบ การคณู (ตัวหารไมเปน การบวก ศนู ย) - - 2) เซตของจาํ นวนเต็ม - 3) เซตของจํานวนค่ีลบ --- - 4) เซตของจาํ นวนคู - 5) เซตของจํานวนเตม็ ที่หารดว ย 3 ลงตวั - สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 3 | จาํ นวนจริง 186 คูมือครรู ายวชิ าเพมิ่ เตมิ คณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1 เซตท่กี าํ หนดให สมบตั ิปด สมบัติปด สมบตั ิปด สมบัติปด ของ ของ ของ ของการหาร 6) เซตของจํานวนตรรกยะ การลบ การคูณ (ตัวหารไมเ ปน การบวก ศนู ย) 7) { ..., − 5, 0, 5, 10 } --- - 8) { −1, − 2, − 3, ...} - 9) { −1, 0, 1} - - - - 10) , 1, 1, 1, 1 , 1, 2, 4, 8, 16, - - 16 8 4 2 แบบฝก หดั 3.3 1. =a 5=, b 3 และ c = 0 2. 1) p ( x) + q ( x) = 2x2 − 2x + 2 2) q( x) − p( x) = −2x + 4 3) p ( x) q ( x) = x4 − 2x3 + 2x2 + 2x − 3 3. p ( x) q ( x) = 3x6 + 5x5 −16x4 − 25x3 + 26x2 + 35x − 7 4. a + b =12 และ ab = − 28 5. a = 1 และ b = 2 6. x4 + 3x3 − x2 − 2x −1 7. 1) ผลหาร คือ 4x2 − 3x + 2 และเศษเหลือ คือ −5 2) ผลหาร คอื x และเศษเหลือ คือ −2x − 2 3) ผลหาร คอื x4 − 3x3 + 5x2 −11x + 21 และเศษเหลอื คือ −44 4) ผลหาร คือ x3 − x และเศษเหลอื คือ x +1 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | จาํ นวนจรงิ 187 คมู อื ครูรายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 4 เลม 1 5) ผลหาร คอื x3 + 2 และเศษเหลอื คือ 3 แบบฝกหัด 3.4 2) เศษเหลือ คือ 20 4) เศษเหลือ คือ 7 1. 1) เศษเหลอื คือ 15 3) เศษเหลอื คือ 0 2) m = 16 5) เศษเหลือ คือ 0 9 4. 1) m = 115 2) ( x + 2)2 ( x − 3) 3) m = − 2 หรอื m = − 3 4) ( x −1)( x2 + x +1) 5. 1) ( x − 2)( x + 2)( x −1) 6) ( x −1)( x +1)( x − 2)( x + 2) 8) ( x +1)( x − 2)( x + 3)( x − 4) 3) ( x +1)( x − 3)( x2 + 2) 2) ( x +1)(3x + 2)(2x − 3) 5) ( x −1)( x +1)( x2 +1) 4) ( x −1)( x +1)( x − 2)(3x − 2) 7) ( x −1)( x − 2)( x2 + x + 2) 6. 1) ( x −1)(3x −1)(2x −1) 3) (2x +1)2 (2x2 +1) แบบฝก หัด 3.5 1. 1) { − 2, 1, 3} 2) { − 2, 3} 3) − 1 , 1 4) − 1, − 1, 2 2 3 5) − 2, 1, 3 6) 2 , 1 + 5 , 1− 5 2 2 2 2 7) − 3 , 1, 2 8) { 2 } 2 9) − 2, 3 10) 1 , 1, 2 , 3 4 2 สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 3 | จํานวนจรงิ 188 คมู อื ครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 11) − 1, − 1, 1 , 2 12) − 1, 2 , 1, 2 2 2 3 13) { − 3, −1, 2, 4 } 2. จาํ นวนที่นอยทีส่ ุด คือ 9 3. ลูกบอลจะลอยอยูในอากาศนาน 6 วนิ าที กอ นตกกระทบพ้ืนดินคร้ังแรก แบบฝก หดั 3.6 1. 1) x2 + x +1 เม่อื x ≠ 1 2) 2x −3 เม่ือ x≠−3 x −1 2 3) x +1 เมอ่ื x ≠1 x2 − 2x −1 2. 1) x เม่อื x ≠ − 2, x ≠ 2 และ x ≠ 3 x +1 2) x2 −1 3) x − 2 เมื่อ x ≠ − 2 และ x ≠ − 5 4) 2x + 2 เม่ือ x ≠ 0 และ x ≠ 4 x+4 3. 1) 3x2 + 6x + 2 2) 2x2 − x + 2 x( x +1)( x + 2) (x − 2)( x + 2)(x + 3) −x2 − 3x + 4 4) x2 + 4x −1 เมื่อ x≠2 3) 3x( x +1)( x + 2) ( x + 2)(x − 3) แบบฝก หดั 3.7 1. 1) { 2 } 2) − 1 , 1 2 2 3) 1 4) { −1} 2 5) ∅ 6) { 2 } สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | จาํ นวนจรงิ 189 คมู อื ครูรายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 1 7) − 1, 3− 41 , 3 + 41 8) { −1, 1} 2 2 2. 1,000 กิโลเมตรตอชั่วโมง แบบฝกหดั 3.8 1. ไมจรงิ 2. ไมจ รงิ 3. จรงิ 4. จรงิ 5. จรงิ 6. จริง 7. กรณีท่ี a และ b เปน จํานวนจรงิ บวกท้ังคู หรือ กรณีที่ a และ b เปน จํานวนจริงลบท้งั คู 8. กรณีท่ี a เปน จาํ นวนจรงิ บวก แต b เปนจาํ นวนจรงิ ลบ แบบฝกหัด 3.9ก 1. 1) { x | − 3 ≤ x < 1} –4 –3 –2 –1 0 1 2 2) { x | x > − 2 } – 3 –2 –1 0 1 2 3 3) { x | 4 ≤ x ≤ 7 } 2 3 4 5 67 8 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | จํานวนจรงิ 190 คูมอื ครูรายวิชาเพม่ิ เตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 4 เลม 1 4) { x | − 3 < x < 0 } –4 –3 –2 –1 0 1 2 5) { x | x < − 3} –5 –4 –3 –2 –1 0 1 6) { x | x ≥ 1} –2 –1 0 1 2 3 4 7) { x | −1 < x ≤ 4 } –2 –1 0 1 2 3 4 8) { x | x ≤ 1} –4 –3 –2 –1 0 1 2 9) { x | −10 < x < − 8} –12 –11 –10 –9 –8 –7 –6 10) { x | 2.5 ≤ x ≤ 4 } –2 –1 0 1 2 2.5 3 4 2. 1) ( −1, 4 ] 2) [ 0, 2 ) 3) ( −1, 0 ) 4) [ 2, 4 ] 6) { 2 } 5) ∅ 3. 1) { x | −1 < x ≤ 4 } หรอื ( −1, 4 ] 2) { x | 2 ≤ x ≤ 4} หรอื [ 2, 4 ] 3) { x | −1 < x ≤ 5} หรอื ( −1, 5 ] 4) { x | 2 ≤ x < 3} หรือ [ 2, 3 ) 5) { x | −1 < x < 2 } หรอื ( −1, 2 ) 6) { x | 3 ≤ x ≤ 4 } หรือ [ 3, 4 ] 7) { x | 1 < x ≤ 4} หรอื ( 1, 4 ] สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 3 | จาํ นวนจริง 191 คมู ือครูรายวชิ าเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1 8) { x | 1 < x ≤ 4} หรือ ( 1, 4 ] แบบฝกหัด 3.9ข 1. ( − ∞, − 2 ) 2. − 5 , ∞ 2 3. − 1, ∞ 4. ( 1, ∞ ) 3 5. [ − 2, 3 ] 6. ( − ∞ , − 3] ∪ − 1 , ∞ 2 7. [ 1, 5 ] 8. ( − 3, 1 ) 9. ( − 5, 3 ) 10. − ∞ , 1 ∪ [ 2, ∞) 3 11. ( − ∞, − 2 ] ∪ [ 0, 5 ] 13. ( −1, 1 ) ∪ ( 2, ∞ ) 12. [ −1, ∞ ) 14. ( − ∞, 0 ) ∪ ( 1, 4 ) 15. ( − ∞, − 3 ] ∪ [ 1, 2 ) 16. − 2, 3 ∪ ( 5, ∞ ) 2 17. ( 0, 3 ) ∪ ( 4, ∞ ) 19. ( 1, 7 ) 18. ( − ∞, 0 ) ∪ [ 2, 3 ] 21. [ − 2, 4) ∪ [ 5, ∞ ) 20. ( 1, 3 ) 22. ( − ∞, − 4 ] ∪ ( − 2, 2 ] 23. ( − ∞, −1 ) ∪ ( 1, 2 ) ∪ ( 3, ∞ ) 24. − ∞, − 3 ∪ ( − 1, 0 ) ∪ 2, ∞ 2 3 25. ( − ∞, − 4 ) ∪ ( −1, ∞ ) 26. − 2, 3 ∪ [ 5, ∞ ) 2 27. ( − ∞, − 2 ) ∪ [ −1, 0 ) ∪ [ 2, ∞ ) 28. ( − ∞, 0 ] ∪ 3, 3 ∪ [ 4, ∞ ) 2 29. ( − ∞, − 5 ) ∪ ( − 5, − 3 ] ∪ { 2 } ∪ ( 3, ∞ ) 30. ( 1, ∞ ) 31. ( − ∞, 1 ) −{ − 2 } หรอื ( − ∞, − 2 ) ∪ ( − 2, 1 ) สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 3 | จํานวนจริง 192 คมู ือครูรายวิชาเพิม่ เติมคณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที่ 4 เลม 1 32. − 1, − 1 2 แบบฝก หัด 3.10 1. 1) 4 2) 0 3) 50 4) −36 14 6) 0.5 5) 3 2. 1) เปน เท็จ เชน เมอ่ื a = 1 และ b = 1 2) เปนเทจ็ เชน เมือ่ a = 1 3) เปน จรงิ 4) เปน จริง 5) เปน เท็จ เชน เม่ือ a = 1 และ b = 1 6) เปน เทจ็ เชน เมอ่ื a = −1 3. 1) กรณีที่ x เปน จาํ นวนจรงิ บวก แต y เปน จํานวนจรงิ ลบ หรอื กรณที ี่ x เปน จาํ นวน จรงิ ลบ แต y เปนจาํ นวนจริงบวก 2) กรณีที่ x หรือ y ตัวใดตัวหนงึ่ หรือทั้งสองตวั เปน ศนู ย หรอื กรณที ี่ x และ y เปนจํานวนจริงบวกทง้ั คู หรือ กรณีท่ี x และ y เปน จาํ นวนจริงลบท้งั คู แบบฝกหดั 3.11ก 2. {1, 7 } 4. { −1} 1. { − 2, 1} 6. { − 2, −1, 2, 3} 3. ∅ 5. {1} สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | จํานวนจริง 193 คูมอื ครูรายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที่ 4 เลม 1 7. { − 2, 0 } 8. − 8, − 4 3 แบบฝก หัด 3.11ข 1. 1) ( 1, 3 ) 2) ( − ∞, − 8 ) ∪ ( 2, ∞ ) 3) ( − ∞ , − 3 ] ∪ − 1 , ∞ 4) [ − 5, 6 ] 3 5) −∞ , 4 ∪ ( 4, ∞ ) 6) − 3 , − 1 3 2 7) − 3 , ∞ 8) ( − ∞, 3 ) ∪ [ 3, ∞ ) หรือ 5 9) 1 , ∞ 10) − 7 , − 1 2 3 11) [ 0, 6 ] 12) −∞ , − 1 ∪ ( 5 , ∞ ) 7 13) − 8, − 8 − { − 4} หรือ ( − 8, − 4) ∪ − 4, − 8 3 3 14) [ − 4, −1 ] ∪ [ 1, 4 ] 15) ( − ∞, 0 ) 16) 4, 2 ∪ ( 2, 4 ) 3 2. ต้งั แต −140 ถงึ −28 องศาเซลเซยี ส 3. 0 ≤ x ≤ 41 หรอื 59 ≤ x ≤ 100 แบบฝก หดั ทา ยบท 1. 1) เปน เทจ็ เชน เมือ่ a = − 2 2) เปนเท็จ เชน เม่ือ a = 1 และ b = − 2 3) เปน เท็จ เชน เม่ือ a = −1 และ b = − 2 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 3 | จาํ นวนจรงิ 194 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 2. a = 2 และ b = 1 3. 1) ผลหาร คือ x2 + 3 และเศษเหลือ คือ −1 2) ผลหาร คอื 2x2 − 1 และเศษเหลือ คือ 13 22 3) ผลหาร คือ x3 + 4x และเศษเหลือ คือ 13x + 6 4) ผลหาร คือ 1 x2 − 3 และเศษเหลือ คือ −3x − 7 24 4 5) ผลหาร คอื 2x6 + 2x5 + 2x4 และเศษเหลือ คือ 3 6) ผลหาร คอื x5 − 2x2 − 3 และเศษเหลือ คือ 4x3 + 6x + 2 7) ผลหาร คอื x8 + x6 + x4 + x2 +1 และเศษเหลือ คือ −2x + 2 8) ผลหาร คือ −3x7 + 3x4 − 3x และเศษเหลือ คือ −x2 + 3x + 3 9) ผลหาร คือ x4 − 7x + 2 และเศษเหลือ คือ 8x4 −10x3 − 7x + 2 4. 1) −3 2) 5 3) 75 4) 11 5) −2 6) −1 5. 15 2) m = b3 6. −7 2) ( x − 2)( x2 + 4) 7. 1) m = 2 4) ( x + 2)( x − 3)( x2 + 2) 8. a = y3 9. 1) ( x +1)( x + 2)( x + 3) ( )( )3) ( x + 3) x +1− 5 x +1+ 5 5) ( x − 2)4 6) (4x +1)( x2 + x +1) 7) (2x −1)( x2 + 3) 8) ( x −1)2 (2x +1)2 9) ( x −1)( x + 2)(2x − 3)( x + 5) 10) ( x + 2) ( 2x − 1) x − 3 − 5 x − 3 + 5 2 2 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | จาํ นวนจรงิ 195 คูม อื ครรู ายวิชาเพิม่ เตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที่ 4 เลม 1 { }10. 1) 1− 5 , 1+ 5 2) { − 4, 1, 3} 3) { − 4, − 3, 2 } 4) { − 2, 2 } 5) { − 3, 2 } 6) 1, −1 + 5 , −1− 5 2 2 7) { 2 } 8) − 1 , 2 2 9) 1, 1, 1 10) 1 , 2 3 2 2 11) − 1 , −1 + 5 , −1− 5 12) − 1 , 1, 3 + 13 , 3 − 13 2 2 2 2 2 2 11. 1) A = 2 และ B = 3 2) A = − 4 และ B = 4 และ C = − 7 และ C = − 2 3) 33 4) 12. 1) A = −1 และ B = 1 3) A = 13 และ B = − 33 และ C = 6 {−2} 2) {−4} 4) { }−1+ 2 , −1− 2 { }1+ 2 , 1− 2 5) 5 + 7, 5− 7 6) ∅ 2 2 7) { −1} 8) { − 3} 9) ∅ 10) 1 − 3, 1+ 3 2 2 13. 1) ( − ∞, 0 ) 2) − 5 , ∞ 2 3) ( 1, ∞ ) 4) − ∞ , − 3 ∪ [ 2 , ∞ ) 5) 2 7) ∅ 6) [ − 5, 4 ] 8) ( −1, 2 ) ∪ ( 2, ∞ ) สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | จาํ นวนจรงิ 196 คมู ือครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 4 เลม 1 9) ( − ∞, 1 ) ∪ ( 2, 4 ) 10) [2, 4] 12) [ −1, 4 ] ∪ { 6 } 11) ( − ∞, 2 ] ∪ { 3} ∪ [ 4, ∞ ) 2) ( − ∞, 1 ) ∪ [ 4, ∞ ) 14. 1) ( − ∞, −1 ) ∪ ( 0, ∞ ) 4) ( − 2, ∞) 3) ( − ∞, 1 ) 5) ( − ∞, − 4 ) ∪ ( −1, ∞ ) 6) ( − ∞, − 2 ) ∪ 3, 5 7) ( − ∞, 0 ) ∪ { 2 } 2 8) ( − ∞, − 2 ) ∪ ( −1, ∞ ) 9) ( −1, 3 ) 10) ( − ∞, 2 ) ∪ { 3} ∪ ( 5, ∞ ) 11) 12) ∅ ( )13) − ∞, − 2 − 17 ∪ ( −1, 2 ) ∪ − 2 + 17 , ∞ 14) [ 1, 2 ) ∪ ( 2, 3 ) ∪ ( 3, 4 ) 15) [ − 3, 3 ) 15. โรงงานจะตอ งผลิตกลอ งดินสออยางนอย 7,500 กลอง 16. บรษิ ทั ตอ งผลิตและจาํ หนา ยสินคาอยางนอยท่สี ดุ 1,200 ช้นิ 17. ความยาวของฐานของรปู สามเหล่ียมมคี าอยูระหวา ง 7 และ 8 เซนตเิ มตร 18. ผลคณู ท่มี ากท่ีสดุ ท่ีเปน ไปไดของท้ังสามจาํ นวนเทา กับ 5× 7×9 =315 19. ชางตดั เสื้อซื้อผา มาราคาเมตรละ 24 บาท 20. 1) 2 2) { −1, 5} 3) 5) 3 { }4) 3, 1+ 2 − 2, 3 6) { −1, 2, 6 } 2 { − 3, 2} 7) ∅ 8) − 1, 3 5 9) {0, 3} 10) { −1, 1, 3} 21. 1) ( − ∞,1) ∪ ( 5, ∞ ) 2) [ 4, ∞ ) ∩ [1, 4 ) หรอื [1, ∞ ) สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | จํานวนจริง 197 คมู อื ครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 1 3) ( 4, ∞ ) 4) ( − ∞, −1 ] ∪ { 2 } 5) [ −1, 5 ] 17 , 3 ∪ 131, หรอื 11 , (6) 3 − 17 − {4, 5} − 17 , 3 ∪ 4 ∪ 4, 17 7) [ − 5, − 2) ∪ ( 2, 5 ] ( )8) ( −12, − 2 ) ∪ 3, 2 6 9) ( − ∞, − 2 ) ∪ [ −1, 0 ) ∪ (0, 1 ] 22. รา นคา ตง้ั อยทู ีห่ ลกั กิโลเมตรท่ี 4 หรือหลักกโิ ลเมตรท่ี 8 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
198 คมู อื ครรู ายวชิ าเพมิ่ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 เฉลยแบบฝกหัดและวิธที าํ โดยละเอียด บทท่ี 1 เซต แบบฝก หัด 1.1ก 1. 1) { a, e, i, o, u } 2) { 2, 4, 6, 8} 3) {10, 11, 12, , 99 } 4) {101, 102, 103, } 5) { − 99, − 98, − 97, , −1} 6) { 4, 5, 6, 7, 8, 9 } 7) ∅ 8) ∅ 9) { −14, 14 } 10) {ชลบุร,ี ชัยนาท, ชยั ภูมิ, ชมุ พร, เชยี งราย, เชยี งใหม} 2. 1) ตัวอยางคาํ ตอบ {x | x เปนจาํ นวนคี่บวกท่นี อยกวา 10} หรือ {x∈ | x เปน จํานวนคตี่ ง้ั แต 1 ถงึ 9} 2) ตัวอยางคําตอบ {x | x เปนจาํ นวนเต็ม} 3) ตวั อยา งคําตอบ {x∈ | x มรี ากที่สองเปนจาํ นวนเตม็ } หรอื {x | x = n2 และ n เปน จํานวนนบั } 4) ตวั อยางคาํ ตอบ {x∈ | x หารดว ยสิบลงตัว} หรอื {x | x = 10n และ n เปน จาํ นวนนบั } 3. 1) A มีสมาชกิ 1 ตวั 2) B มสี มาชกิ 5 ตัว 3) C มีสมาชิก 7 ตวั 4) D มีสมาชิก 9 ตวั 5) E มีสมาชิก 0 ตวั สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวิชาเพมิ่ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 4 เลม 1 199 4. 1) เปนเท็จ 2) เปนจรงิ 3) เปนเทจ็ 5. 1) เปนเซตวาง 2) ไมเ ปนเซตวาง (มี 5 และ 7 เปนสมาชกิ ของเซต) 3) ไมเ ปนเซตวา ง (มี 1 เปนสมาชิกของเซต) 4) เปน เซตวาง 5) ไมเ ปน เซตวา ง (มี −2 และ −1 เปนสมาชิกของเซต) 6. 1) เซตอนันต 2) เซตจํากัด 3) เซตอนนั ต 4) เซตจํากดั 5) เซตอนันต 6) เซตอนันต 7. 1) จากโจทย A = { 0, 1, 3, 7 } และเขยี น B แบบแจกแจงสมาชิกไดเปน B= { , − 2, −1, 0, 1, 2, , 9} ดงั นัน้ A ≠ B เพราะมสี มาชิกของ B ท่ไี มเปนสมาชกิ ของ A เชน −1∈ B แต −1∉ A 2) จากโจทย เขยี น A แบบแจกแจงสมาชกิ ไดเป=น A { , − 2, 0, 2, 4, 6, 8 } และ B = { 2, 4, 6, 8 } ดงั นัน้ A ≠ B เพราะมสี มาชกิ ของ A ท่ไี มเ ปน สมาชิกของ B เชน 0∈ A แต 0∉ B 3) จากโจทย A = { 7, 14, 21, , 343} และเขียน B แบบแจกแจงสมาชิกไดเปน B = { 7, 14, 21, , 343} ดงั นน้ั A = B เพราะสมาชกิ ทุกตวั ของ A เปน สมาชกิ ของ B และสมาชกิ ทกุ ตวั ของ B เปน สมาชกิ ของ A สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
200 คูมือครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 4 เลม 1 จ 4) จากโจทย เขยี น A แบบแจกแจงสมาชิกไดเ ปน A = 0, 1, 2, 3, 4 , 2 3 4 5 และ B = 0, 1, 2, 3, 4, 2 3 4 5 ดงั น้นั A = B เพราะสมาชิกทกุ ตวั ของ A เปน สมาชกิ ของ B และสมาชิกทกุ ตวั ของ B เปน สมาชิกของ A 5) จากโจทย เขยี น A แบบแจกแจงสมาชกิ ไดเ ปน A= {−6, 6} และ B = { 6} ดงั น้นั A ≠ B เพราะมีสมาชิกของ A ทีไ่ มเปน สมาชิกของ B คอื −6∈ A แต −6∉ B 8. จากโจทย เขยี น A, B, C และ D แบบแจกแจงสมาชิก ไดดงั นี้ A = {ก, ร, ม} B = {ม, ร, ค} C = {ม, ก, ร, ค} D = {ร, ก, ม} ดังน้นั A ≠ B เพราะมสี มาชิกของ A ที่ไมเปนสมาชิกของ B คือ ก∈ A แต ก∉ B A ≠ C เพราะมีสมาชกิ ของ C ทีไ่ มเปน สมาชกิ ของ A คือ ค∈C แต ค∉ A A = D เพราะสมาชิกทุกตัวของ A เปนสมาชิกของ D และสมาชกิ ทกุ ตัว ของ D เปนสมาชกิ ของ A B ≠ C เพราะมสี มาชกิ ของ C ท่ีไมเปนสมาชิกของ B คือ ก∈C แต ก∉ B B ≠ D เพราะมสี มาชกิ ของ D ทไ่ี มเ ปน สมาชิกของ B คือ ก∈ D แต ก∉ B C ≠ D เพราะมสี มาชกิ ของ C ที่ไมเ ปน สมาชิกของ D คอื ค∈C แต ค∉ D สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาเพมิ่ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1 201 แบบฝกหดั 1.1ข 1. 1) ถูก 2) ผดิ 3) ผดิ 4) ถูก 5) ถกู 6) ผดิ 2. เขยี น A และ B แบบแจกแจงสมาชกิ ไดเ ปน A = {2, 4, 6} B = {1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 } และจากโจทย C = { 2, 4} ดังนัน้ A ⊂ B เพราะสมาชิกทุกตวั ของ A เปน สมาชิกของ B C ⊂ A เพราะสมาชกิ ทุกตัวของ C เปน สมาชิกของ A C ⊂ B เพราะสมาชกิ ทุกตัวของ C เปนสมาชิกของ B 3. เขยี น Y แบบแจกแจงสมาชิกไดเ ปน Y = {1, 3, 5, 7, 9, 11} 1) เปน จรงิ เพราะสมาชิกทุกตวั ของ X เปนสมาชกิ ของ Y 2) เปนจริง เพราะสมาชิกทุกตัวของ Y เปนสมาชิกของ X 3) เปน จรงิ เพราะ X ⊂ Y และ Y ⊂ X 4. 1) ∅ และ {1} 2) ∅, {1}, { 2} และ {1, 2} 3) ∅, { −1}, { 0 }, {1}, {−1, 0 }, {−1, 1}, { 0, 1} และ {−1, 0, 1} 4) ∅, { x }, { y } และ { x, y } 5) ∅, { a }, { b }, { c }, { a, b }, { a, c }, { b, c } และ { a, b, c } 6) ∅ สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
202 คมู อื ครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 5. 1) {∅, { 5}} 2) {∅, { 0 }, {1}, { 0, 1}} 3) {∅, { 2 }, { 3}, { 4 }, { 2, 3}, { 2, 4 }, { 3, 4 }, { 2, 3, 4 } } 4) {∅} แบบฝกหัด 1.1ค 1. จากสิง่ ท่กี าํ หนดให A และ B ไมม สี มาชกิ รวมกนั เขียนแผนภาพเวนนแ สดง A และ B ไดดงั นี้ 2. กําหนดให U เปน เซตของจํานวนนบั 1) จากสิง่ ที่กาํ หนดให จะได B ⊂ A เขยี นแผนภาพเวนนแสดง A และ B ไดดังนี้ สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ 4 เลม 1 203 2) จากสิง่ ทก่ี ําหนดให จะได C ⊂ B และ B ⊂ A เขยี นแผนภาพเวนนแสดง A, B และ C ไดดงั นี้ 3) จากสิ่งทก่ี าํ หนดให จะได B ⊂ A และ C ⊂ A โดยที่ B และ C มีสมาชกิ รว มกนั คือ 5 เขยี นแผนภาพเวนนแ สดง A, B และ C ไดดงั นี้ 3. 1) สมาชกิ ทีอ่ ยูใน A แตไมอยใู น B มี 1 ตวั (คือ a ) 2) สมาชกิ ที่ไมอ ยใู น A และไมอ ยูใน B มี 2 ตวั (คอื d และ e ) 3) สมาชิกทอ่ี ยูทัง้ ใน A และ B มี 3 ตัว (คือ x, y และ z ) สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
204 คูม ือครูรายวิชาเพิม่ เตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1 แบบฝกหดั 1.2 1. วิธีที่ 1 1) A มสี มาชิก คอื 0, 1, 2 และ 8 B มีสมาชิก คอื 0, 2, 4, 7 และ 9 ดงั นัน้ A ∪ B ={ 0, 1, 2, 4, 7, 8, 9} 2) A และ B มีสมาชกิ รวมกนั คือ 0 และ 2 ดังนั้น A ∩ B ={ 0, 2} 3) สมาชกิ ทอี่ ยูใน A แตไมอ ยูใน B คือ 1 และ 8 ดังนั้น A − B ={1, 8} 4) สมาชิกทอ่ี ยูใน B แตไมอ ยูใน A คอื 4, 7 และ 9 ดังนัน้ B − A ={ 4, 7, 9} 5) สมาชกิ ที่อยูใน U แตไมอ ยใู น A คอื 3, 4, 5, 6, 7 และ 9 ดงั น้ัน A′ = { 3, 4, 5, 6, 7, 9} 6) สมาชกิ ที่อยูใน U แตไมอ ยูใ น B คอื 1, 3, 5, 6 และ 8 ดังนนั้ B′ = {1, 3, 5, 6, 8} 7) A มีสมาชกิ คอื 0, 1, 2 และ 8 B′ มสี มาชกิ คอื 1, 3, 5, 6 และ 8 ดังน้ัน A ∪ B′ ={ 0, 1, 2, 3, 5, 6, 8} 8) A′ มสี มาชกิ คอื 3, 4, 5, 6, 7 และ 9 B มีสมาชิก คอื 0, 2, 4, 7 และ 9 จะได A′ และ B มสี มาชกิ รว มกนั คือ 4, 7 และ 9 ดังนน้ั A′∩ B ={ 4, 7, 9} สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 4 เลม 1 205 วธิ ีที่ 2 A และ B มสี มาชิกรวมกนั คือ 0 และ 2 เขียนแผนภาพเวนนแ สดง A และ B ไดด ังน้ี จากแผนภาพ จะได 1) A ∪ B ={ 0, 1, 2, 4, 7, 8, 9 } 2) A ∩ B ={ 0, 2 } 3) A − B ={1, 8} 4) B − A ={ 4, 7, 9 } 5) A′ = { 3, 4, 5, 6, 7, 9 } 6) B′ = {1, 3, 5, 6, 8} 7) A ∪ B′ ={ 0, 1, 2, 3, 5, 6, 8} 8) A′∩ B ={ 4, 7, 9 } =2. ให U { 0, 1, 2, 3, =4, 5, 6, 7, 8 } , A {=0, 2, 4, 6, 8} , B {1, 3, 5, 7 } และ C ={3, 4, 5, 6} วธิ ที ่ี 1 1) A และ B ไมมีสมาชกิ รว มกัน ดงั น้นั A ∩ B =∅ 2) B มสี มาชิก คอื 1, 3, 5 และ 7 C มสี มาชิก คอื 3, 4, 5 และ 6 ดังนั้น B ∪ C ={1, 3, 4, 5, 6, 7 } 3) B และ C มสี มาชิกรวมกนั คอื 3 และ 5 ดังนน้ั B ∩ C ={ 3, 5} สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
206 คูมอื ครูรายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1 4) A และ C มีสมาชิกรวมกนั คอื 4 และ 6 ดังน้นั A ∩ C ={ 4, 6} 5) สมาชิกที่อยูใน U แตไ มอยูใน C คอื 0, 1, 2, 7 และ 8 ดังนัน้ C′ = { 0, 1, 2, 7, 8} 6) C′ และ A มสี มาชกิ รวมกนั คือ 0, 2 และ 8 ดงั นั้น C′∩ A ={ 0, 2, 8} 7) C′ และ B มีสมาชกิ รวมกนั คือ 1 และ 7 ดงั นน้ั C′∩ B ={1, 7 } 8) A ∩ B เปน เซตวา ง B มสี มาชกิ คอื 1, 3, 5 และ 7 ดงั นัน้ ( A ∩ B) ∪ B ={1, 3, 5, 7 } วธิ ที ี่ 2 A และ B ไมม สี มาชิกรว มกนั A และ C มีสมาชกิ รวมกัน คือ 4 และ 6 B และ C มีสมาชกิ รวมกนั คือ 3 และ 5 เขียนแผนภาพเวนนแ สดง A, B และ C ไดดงั นี้ สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครูรายวชิ าเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 4 เลม 1 207 จากแผนภาพ จะได 2) B ∪ C ={1, 3, 4, 5, 6, 7 } 4) A ∩ C ={ 4, 6 } 1) A ∩ B =∅ 6) C′∩ A ={ 0, 2, 8} 8) ( A ∩ B) ∪ B ={1, 3, 5, 7 } 3) B ∩ C ={ 3, 5} 5) C′ = { 0, 1, 2, 7, 8} 2) B′ d 7) C′∩ B ={1, 7 } 3. 1) A′ 3) A′∩ B′ 4) ( A ∪ B)′ s 5) A′∪ B′ 6) ( A ∩ B)′ s สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
208 คูม ือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 4 เลม 1 7) A − B 8) A ∩ B′ d 4. 1) ( A ∪ B) ∪ C 2) A ∪ ( B ∪ C ) d 3) ( A ∩ B) ∩ C 4) A ∩ ( B ∩ C ) s 5) ( A ∩ C ) ∪ ( B ∩ C ) 6) ( A ∪ B) ∩ C s สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวชิ าเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 209 5. 1) A ∩ C ก 2) C ∪ B′ 3) B − A ก 2) A 6. 1) ∅ ก 3) ∅ ก 4) U 5) U ก 6) ∅ 7) A′ ก 8) ∅ แบบฝกหัด 1.3 1. เขียนแผนภาพเพอื่ แสดงจํานวนสมาชกิ ของเซตไดดังนี้ จากแผนภาพ จะไดจาํ นวนสมาชิกของเซตตาง ๆ ดังตอ ไปน้ี เซต A−B B− A A∪B A′ B′ ( A ∪ B)′ จาํ นวนสมาชิก 34 19 59 60 75 41 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
210 คมู ือครรู ายวชิ าเพมิ่ เติมคณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 2. เขยี นแผนภาพเพือ่ แสดงจาํ นวนสมาชกิ ของเซตไดด งั น้ี จากแผนภาพ จะได 1) n( A ∪ B) = 12 +13 +17 = 42 2) n( A − B) =12 ก 3) n( A′∩ B′) =8 ป 3. เขียนแผนภาพเพอ่ื แสดงจํานวนสมาชกิ ของเซตไดด งั น้ี จากแผนภาพ จะได 1) n( A ∪ C ) =3 + 7 +10 + 5 +10 + 5 =40 2) n( A ∪ B ∪ C ) = 3 + 7 +10 + 5 +10 + 5 + 3 = 43 ก 3) n( A ∪ B ∪ C )′ =7 ก 4) n(B − ( A ∪ C )) =3 ก 5) n(( A ∩ B) − C ) =7 ก สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครูรายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 4 เลม 1 211 4. ให A และ B เปนเซตจํากัด โดย=ที่ n( A) 1=8, n(B) 25 และ n( A ∪ B) =37 จาก n( A ∪ B) = n( A) + n(B) − n( A ∩ B) จะได 37 = 18 + 25 − n( A ∩ B) n( A ∩ B) = 18 + 25 − 37 =6 ดังน้นั n( A ∩ B) =6 5. จาก n( A − B) =20 และ n( A ∪ B) =80 เขยี นแผนภาพเพ่อื แสดงจาํ นวนสมาชกิ ของเซตไดด ังนี้ จากแผนภาพ จะได n(B) = n(A∪ B)−n(A− B) = 80 − 20 = 60 ดังน้นั n(B) = 60 6. ให U แทนเซตของพนกั งานบรษิ ทั แหงหน่ึงท่ไี ดรับการสอบถาม A แทนเซตของพนักงานท่ชี อบดื่มชา B แทนเซตของพนักงานท่ีชอบด่ืมกาแฟ A∪ B แทนเซตของพนักงานทช่ี อบดื่มชาหรอื กาแฟ A∩ B แทนเซตของพนักงานที่ชอบดื่มทง้ั ชาและกาแฟ จะได n( A ∪ B) = 120 n( A) = 60 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
212 คูม ือครรู ายวชิ าเพิม่ เตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 4 เลม 1 n( B) = 70 จาก n( A ∪ B) = n( A) + n(B) − n( A ∩ B) จะได 120 = 60 + 70 − n( A ∩ B) นน่ั คือ n( A ∩ B) = 60 + 70 – 120 n( A ∩ B) = 10 ดงั นัน้ มพี นักงานทช่ี อบดม่ื ทั้งชาและกาแฟ 10 คน 7. ให U แทนเซตของผปู วยทเ่ี ขารวมการสาํ รวจ A แทนเซตของผปู วยที่สบู บหุ ร่ี B แทนเซตของผูปว ยท่เี ปนมะเร็งปอด A′∩ B′ แทนเซตของผปู วยท่ีไมส ูบบหุ รีแ่ ละไมเปน มะเร็งปอด A∩ B แทนเซตของผปู วยทีส่ ูบบุหรี่และเปน มะเรง็ ปอด จะได n(U ) = 1,000 n( A) = 312 n( B) = 180 n( A′∩ B′) = 660 วิธีท่ี 1 เน่ืองจาก A′∩ B′ = ( A ∪ B)′ ดังนนั้ n( A′∩ B′) = n( A ∪ B)′ จะได n( A ∪ B) = n(U ) − n( A ∪ B)′ = n(U ) − n( A′∩ B′) = 1,000 − 660 = 340 จาก n( A ∪ B) = n( A) + n(B) − n( A ∩ B) จะได 340 = 312 +180 − n( A ∩ B) n( A ∩ B) = 312 + 180 – 340 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1 213 น่ันคอื n( A ∩ B) = 152 ดงั นนั้ มีผูปว ยทส่ี บู บุหรแ่ี ละเปน มะเร็งปอด 152 คน คดิ เปนรอ ยละ 152 ×100 ≈ 48.72 ของจํานวนผูส ูบบุหรี่ท้ังหมด 312 วิธีท่ี 2 ให x แทนจาํ นวนผปู วยท่ีสบู บุหร่ีและเปน มะเร็งปอด นั่นคอื =x n( A∩ B) เขียนแผนภาพเพือ่ แสดงจาํ นวนสมาชกิ ของเซตไดด งั น้ี เนือ่ งจาก โรงพยาบาลแหง น้ีทําการสํารวจขอมูลจากผูปวยทั้งหมด 1,000 คน จะได 1,000 = (312 − x) + x + (180 − x) + 660 นั่นคือ 1,000 = (492 − x) + 660 x = 492 + 660 −1, 000 x = 152 ดงั น้นั มผี ปู วยที่สูบบุหรี่และเปนมะเร็งปอด 152 คน 8. ให คดิ เปน รอ ยละ 152 ×100 ≈ 48.72 ของจํานวนผสู ูบบหุ รี่ทัง้ หมด 312 U แทนเซตของนักเรยี นช้นั มัธยมศึกษาตอนปลายหองหนง่ึ A แทนเซตของนักเรียนทส่ี อบผา นวชิ าคณติ ศาสตร B แทนเซตของนักเรียนทส่ี อบผา นวชิ าสังคมศึกษา C แทนเซตของนักเรียนท่ีสอบผา นวชิ าภาษาไทย A∩ B แทนเซตของนักเรียนที่สอบผานวชิ าคณติ ศาสตรแ ละสงั คมศึกษา B ∩C แทนเซตของนักเรียนท่สี อบผานวิชาสงั คมศกึ ษาและภาษาไทย สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
214 คูม ือครูรายวชิ าเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 4 เลม 1 A∩C แทนเซตของนักเรียนท่ีสอบผา นวชิ าคณติ ศาสตรและภาษาไทย A ∩ B ∩ C แทนเซตของนักเรยี นท่สี อบผานทงั้ สามวิชา จะได n( A) = 37 n( B) = 48 n(C ) = 45 n( A ∩ B) = 15 n( B ∩ C ) = 13 n(A∩C) = 7 n(A∩ B∩C) = 5 วิธีท่ี 1 เขยี นแผนภาพเพ่อื แสดงจาํ นวนสมาชกิ ของเซตไดดงั น้ี จากแผนภาพ จะไดว า มีนักเรียนทีส่ อบผานอยางนอยหนง่ึ วิชา เทากับ คน20 + 10 + 25 + 2 + 5 + 8 + 30 =100 วธิ ที ี่ 2 เน่อื งจากนักเรยี นทสี่ อบผา นอยา งนอ ยหน่ึงวิชา คอื นักเรียนทสี่ อบผา น วิชาคณิตศาสตร หรือสอบผานวชิ าสังคมศกึ ษา หรอื สอบผานวชิ าภาษาไทย ซงึ่ คอื A ∪ B ∪ C จาก n( A ∪ B ∪ C ) = n( A) + n(B) + n(C ) − n( A ∩ B) −n( A ∩ C) − n(B ∩ C) + n( A ∩ B ∩ C) = 37 + 48 + 45 −15 − 7 −13 + 5 = 100 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 4 เลม 1 215 ดังนัน้ มีนักเรยี นทสี่ อบผา นอยา งนอยหน่งึ วิชา 100 คน 9. ให U แทนเซตของผูถือหุนในตลาดหลักทรัพยแ หงประเทศไทยที่รวมการสํารวจ A แทนเซตของผถู ือหุนบริษัท ก B แทนเซตของผูถือหนุ บริษัท ข C แทนเซตของผถู ือหนุ บรษิ ัท ค A∩ B แทนเซตของผถู ือหนุ บรษิ ัท ก และ ข B ∩ C แทนเซตของผูถ ือหุนบริษัท ข และ ค A∩ C แทนเซตของผถู ือหนุ บรษิ ัท ก และ ค A ∩ B ∩ C แทนเซตของผูถ ือหนุ ท้ังสามบรษิ ัท จะได n(U ) = 3,000 n( A) = 200 n( B) = 250 n(C ) = 300 n( A ∩ B) = 50 n( B ∩ C ) = 40 n( A ∩ C ) = 30 n(A∩ B∩C) = 0 วิธที ี่ 1 เขยี นแผนภาพเพ่อื แสดงจาํ นวนสมาชิกของเซตไดดงั น้ี สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
216 คูม ือครูรายวชิ าเพิม่ เตมิ คณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 1 วิธที ่ี 2 จากแผนภาพ จะไดวามีผทู ี่ถอื หนุ บรษิ ัทอ่นื ๆ ที่ไมใชหุน ของสามบรษิ ทั น้ี 2,370 คน ให A ∪ B ∪ C แทนเซตของผูถือหนุ บริษัท ก หรือ ข หรือ ค ( A ∪ B ∪ C)′ แทนเซตของผูถือหุนบริษัทอื่น ๆ ที่ไมใ ชห นุ ของสามบริษัทนี้ จาก n( A ∪ B ∪ C ) = n( A) + n(B) + n(C ) − n( A ∩ B) −n( A ∩ C) − n(B ∩ C) + n( A ∩ B ∩ C) = 200 + 250 + 300 − 50 − 30 − 40 + 0 = 630 จะได n( A ∪ B ∪ C )′ = n(U ) − n( A ∪ B ∪ C ) = 3,000 – 630 นนั่ คือ n( A ∪ B ∪ C )′ = 2,370 ดงั นน้ั มผี ูที่ถือหนุ บริษทั อน่ื ๆ ทีไ่ มใ ชห นุ ของสามบริษัทน้ี 2,370 คน แบบฝกหัดทา ยบท 1. 1) { 48} ด 2) ∅ 3) { 5, 10, 15, } ด 4) { − 2, 0, 2 } 5) {1, 2, 3, , 10 } ด 2. 1) ตวั อยา งคาํ ตอบ { x | =x 3n − 2 เมอ่ื n∈ และ 1 ≤ n≤ 5} 2) ตวั อยา งคาํ ตอบ { x∈ | − 20 ≤ x ≤ −10 } 3) ตัวอยางคําตอบ { x |=x 4n +1 เมอ่ื n∈} } 4) ตัวอยางคาํ ตอบ { x | x = n3 เมื่อ n∈} } 3. 1) เซตจาํ กัด 2) เซตอนนั ต 3) เซตจํากัด 4) เซตจํากัด สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปที่ 4 เลม 1 217 5) เซตอนันต 2) จรงิ 4. 1) จริง 4) จริง 6) เท็จ 3) เทจ็ 5) จริง 7) จริง 8) จรงิ 9) เทจ็ 5. จาก=U { 5, 6, 7, 8, 9 }=, A { x | x > 7 } และ B = { 5, 6 } เขียน A แบบแจกแจงสมาชิกไดเปน A = {8, 9} จะได P( A)= { ∅, { 8}, { 9}, { 8, 9}} P( B)= { ∅, { 5}, { 6}, { 5, 6 }} A ∩ B =∅ และ A′ = { 5, 6, 7 } 1) P( A) ∩ P( B) ={ ∅ } 2) P( A ∩ B) ={ ∅ } 3) P( A) ∪ P( B) ={ ∅, { 5}, { 6 }, { 8}, { 9 }, { 5, 6 }, { 8, 9 }} 4) P( A′)= { ∅, { 5}, { 6 }, { 7 }, { 5, 6 }, { 5, 7 }, { 6, 7 }, { 5, 6, 7 } } 6. 1) A จ 2) ∅ 3) U จ 4) A 5) A จ 6) U 7. 1) เน่อื งจาก A ∪ ( B − A) = A ∪ ( B ∩ A′ ) = ( A ∪ B) ∩ ( A ∪ A′ ) = (A∪ B)∩U = A∪B สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
218 คูมือครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท ี่ 4 เลม 1 ดังนัน้ A ∪ B = A ∪ (B − A) 2) เนือ่ งจาก A − ( A ∩ B) = A ∩ ( A ∩ B)′ = A ∩ ( A′ ∪ B′ ) = ( A ∩ A′ ) ∪ ( A ∩ B′ ) = ∅ ∪ ( A ∩ B′ ) = A ∩ B′ ดงั นั้น A ∩ B′ = A − ( A ∩ B) 3) เนือ่ งจาก U − ( A ∪ B) = U ∩ ( A ∪ B)′ = U ∩ ( A′∩ B′ ) = A′∩ B′ ดงั นั้น A′∩ B′ = U − ( A ∪ B) จ8. 1) A′∩ B ก จ 2) ( A ∩ B′ )′ 3) ( A ∪ B′ )′ ก สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครูรายวชิ าเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 4 เลม 1 219 9. 1) A ∪ ( A − B) ก 2) ( A′∩ B) ∩ C 3) ( A − B)′ ∩ C ก 4) A ∪ (C′− B) 5) ( A∩ B′) ∪ C ก 6) A′∩ (C′∩ B) 7) A ∪ (C′∩ B)′ ก สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
220 คูมอื ครรู ายวิชาเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 10. 1) { 0, 2, 4, 7, 9, 12, 14 } จ 2) {1, 4, 6, 9, 12, 15} 3) {1, 4, 5, 7, 11, 12 } จ 4) { 4, 9, 12 } 5) {1, 4, 12} จ 6) { 4, 7, 12 } 7) { 0, 2, 7, 14 } จ 8) {1, 5, 6, 11, 15} 11. เนือ่ งจาก A ∩ B =∅ ดังน้นั เขียนแผนภาพแสดงเซตไดด งั น้ี 1) จากแผนภาพ จะเห็นวา A ⊂ B′ ดังนั้น ขอ ความ “ A ⊂ B′ ” เปนจรงิ 2) จากแผนภาพ จะเห็นวา B ⊂ A′ ดงั นั้น ขอความ “ B ⊂ A′ ” เปน จรงิ สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปที่ 4 เลม 1 221 3) จากแผนภาพ จะเห็นวา A′∪ B′ =U ดงั น้ัน ขอความ “ A′∪ B′ =U ” เปนจรงิ 12. เนอ่ื งจาก A ⊂ B ดงั นน้ั เขยี นแผนภาพแสดงเซตไดด ังนี้ 1) จากแผนภาพ จะเหน็ วา A ∪ B =B ดังน้ัน ขอ ความ “ A ∪ B =B ” เปนจริง A∪B 2) จากแผนภาพ จะเหน็ วา A ∩ B =A ดังนนั้ ขอ ความ “ A ∩ B =A ” เปนจริง A∩B 3) B′ A′ สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
222 คูม ือครรู ายวชิ าเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท ่ี 4 เลม 1 จากแผนภาพ จะเห็นวา B′ ⊂ A′ ดงั นนั้ ขอ ความ “ B′ ⊂ A′ ” เปน จรงิ 4) จากแผนภาพ จะเห็นวา A ∩ B′=∅ ดงั นน้ั ขอ ความ “ A ∩ B′=∅ ” เปน จริง A ∩ B′ 5) จากแผนภาพ จะเห็นวา A′∪ B =U ดงั นน้ั ขอ ความ “ A′∪ B =U ” เปนจริง A′ ∪ B 13. ให A และ B เปนเซตทมี่ ีจํานวนสมาชิกเทา กัน คือ x ตัว น่ันคอื n=( A) n=(B) x จากโจทย n( A ∩ B) =101 และ n( A ∪ B) =233 จาก n( A ∪ B) = n( A) + n(B) − n( A ∩ B) จะได 233 = x + x −101 น่นั คือ 2x = 233 + 101 x = 167 ดังนั้น n( A) = 167 14.ดให U แทนเซตของผปู วยท่ีเขา รวมการสํารวจ A แทนเซตของผปู ว ยที่เปน โรคตา B แทนเซตของผูปว ยทเี่ ปน โรคฟน สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 4 เลม 1 223 A∩ B แทนเซตของผปู ว ยทเี่ ปน ทง้ั สองโรค A′ ∩ B′ แทนเซตของผูปวยที่ไมเปน โรคตาและไมเ ปน โรคฟน จะได n(U ) = 100 n( A) = 40 n( B) = 20 n(A∩ B) = 5 วธิ ีท่ี 1 นําขอ มูลท้ังหมดไปเขียนแผนภาพไดดงั น้ี จากแผนภาพ จะไดวามีผปู วยท่ไี มเ ปน โรคตาและไมเ ปน โรคฟน 45% วิธีที่ 2 เนอื่ งจาก A′∩ B′ = ( A ∪ B)′ น่ันคอื เซตของผปู วยท่ีไมเปน โรคตาและไมเ ปน โรคฟน คอื ( A∪ B)′ จาก n( A ∪ B) = n( A) + n(B) − n( A ∩ B) จะได n( A ∪ B) = 40 + 20 − 5 = 55 จาก n( A ∪ B)′ = n(U ) − n( A ∪ B) จะได = 100 − 55 = 45 ดงั นน้ั มีผูป วยทีไ่ มเปนโรคตาและไมเ ปนโรคฟน 45% สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
224 คูม ือครรู ายวิชาเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 4 เลม 1 15. ให U แทนเซตของลกู คา ที่เขา รว มการสาํ รวจ A แทนเซตของลูกคาที่ใชพ ดั ลมชนิดตัง้ โตะ B แทนเซตของลกู คา ท่ีใชพ ดั ลมชนดิ แขวนเพดาน A∩ B แทนเซตของลกู คาที่ใชพ ดั ลมทั้งสองชนิด จะได n(U ) = 100 n( A) = 60 n( B) = 45 n( A ∩ B) = 15 วิธีท่ี 1 นาํ ขอมลู ท้งั หมดไปเขียนแผนภาพไดดงั น้ี จากแผนภาพ จะไดวา 1) มีลูกคา ท่ีไมใชพดั ลมทง้ั สองชนิดนี้ 10% 2) มลี กู คา ที่ใชพดั ลมเพยี งชนิดเดียวเทา กบั 45% + 30% = 75% วิธที ่ี 2 จาก n( A∪ B) = n( A) + n(B) − n( A∩ B) จะได n( A ∪ B) = 60 + 45 −15 = 90 1) มลี กู คา ท่ีไมใชพดั ลมทงั้ สองชนดิ นี้เทากับ 100% – 90% = 10% 2) มีลูกคา ท่ีใชพ ดั ลมชนิดเดยี วเทากบั 90% – 15% = 75% สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 510
Pages: