Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือ ศรัทธา รุ่งอรุณเเห่งสันติภาพโลก โดย พระภาวนาวิริยคุณ

หนังสือ ศรัทธา รุ่งอรุณเเห่งสันติภาพโลก โดย พระภาวนาวิริยคุณ

Description: หนังสือ ศรัทธา รุ่งอรุณเเห่งสันติภาพโลก โดย พระภาวนาวิริยคุณ

Search

Read the Text Version

ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันติภา'ทโลก พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺต?โว) www.kalyanamitra.org

คณปการานสรณียกถา q <นิ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า \"ผู๊ใดเป็นค1เฉลาด แกล้วกล้า เป็นพหูสูต ทรงธรรม และเป็นผู้ประพฤติธรรม สมควรแก่ธรรม ผู้เปนนั้นท่านเรียกว่า เป็นผู้ยงหมู่ให้งดงาม'' พระเดชพระคุณพระเทพวรนายก อดีตเจ้าคณะจ้งหวัด นครนายก นับเป็นพระแท้ผู้เพียบพร้อมทั้งด้านปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เทศนา และการปกครอง เป็นผู้เคร่งครัดในธรรม วินัยและรักในการชี้ทางสวรรค์นิพพานแก่เหล่าพุทธบริษัท ตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต นับเป็นพุทธบุตรผู้ดำเนินตาม รอยบาทพระศาสดาและยังหมู่สงฆ์ให้งดงามโดยแท้ ตลอดชีวิตในเพศสมณะของพระเดชพระคุณนั้น ได้ท้าหน้าที่ เป็นผู้กล้าที่จะชี้ถูกชี้ผิด ด้วยตระหนักว่า พระคือผู้นำจิต วิญญาณ มีหน้าที่รับผิดชอบต่อเพี่อนมนุษยโลก ด้วยการท้า หน้าที่ชี้ทางสว่าง ช่วยปีดอบาย นำ ไปมู่สวรรค์และนิพพานแก่ มนุษยชาติโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน www.kalyanamitra.org

เนื่องในการพระราชทานเพลิงศพของพระเดช พระคุณฯ คณะสงฆ์วัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกาย ต่างได้อนุสรณ์ถึงคุญปการอันยิ่งใหญ่ที่ท่านคอยเป็นที่ ปรึกษาและช่วยเหลือคณะสงฆ์วัดพระธรรมกายด้วยดี เสมอมา จึงได้จัดพิมพ์หนังลือ \"ศรัทธา รุ่งอรุณแห่ง สันติภาพโลก\" เป็นธรรมบรรณาการแด่ผู้มาร่วมงานพระ ราชทานเพลิงศพทุกท่าน ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสัมมา ปฏิบัติที่พระเดชพระคุณฯ ได้ปาเพ็ญไว้ด้วยดีแล้ว จงอำนวย สุขสมบัติอิฏฐวิบูลมนุญผลเพิ่มเติมเสริมบารมีธรรม แก่พระเดชพระคุณพระเทพวรนายกในสัมปรายภพยิ่งๆ ขนไปเทอญ. V/i/V) /ho (พระราชภาวนาวิสุทธ) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายและประธานมูลนิธิธรรมกาย www.kalyanamitra.org

ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺตดูโว) เลขมาตรฐานสากลประจำพฬัสิอ 978-974-582-660-1 พิมพ์คเงที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑ จำ นวน ๖๐.๐๐๐ เล่ม พิมพ์ครั้งที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ จำ นวน ๓,๐๐๐ เล่ม สิขสิทธ ยูลนิธิธรรมกาย คณะผู้จัตทำ กองวิชาการ อาศรมบัณฑิต ๓-๑๕๑๕-๖ ภาพประกอบ กองทุทธฑิลป้ ออกแบบปกนละด็ลปกรรม ธาดา วงส์คุณานนท์ และ บริบัท ศรีเอทโซน จำ กัด โทร ๐-๒ จัดทำรูปเล่ม สันทัด สักดี้สาศร พิมพ์ที่ บริษัท รุ่งสืลบัการพิมพ์(๑๙๗๗)จำ กัด จัดพิมพ์โดย โทร. ๐๒-๗๔๓-®'๐๐๐ โทรสาร ๐๒-๗๔๖-๓๓๘๗ กองวิชาการ อาศรมบัณฑิต ๒๓/๒ หยู่ ๗ ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธาน ๑๒๑๒๐ โทร. ๐๒-๘๓๑-๑๒๕๐-๒ โทรสาร ๐๒-๘๓๑-๑๒๕๙ ดูอรุjลทางบรรณา'แกรมของล่านักหอสมุดแห่งชาติ. National Library of Thailand Cataloging in Publication Data พระภาวนาวิริยคุณ(เผด็จ ทดดดูโว) ศรทธา รุ่งอรุณแห่งล่นติภาพ.Tโลก. --พิมพ์ครั้งที่ 2. --ปทุมธานี: กองวิชาการ อาศรมบัณฑิต, 2551. 536 หน้า 1. ศรัทธา (ทุทธศาสนา)I. ดู่อเรื่อง. 294.3135 ISBN 978-974-582-660-1 สงวโฬํขสิทธ๓มVf5ะราชบัญญัติลํขสิทธ พ.ศ. ๒๕{ท๗ www.kalyanamitra.org

สัมโมทนียกถา <^''?ร ^'^'^'^ การที่บุคคลจะประกอบกิจการใดให้สำเร็จลุล่วง สมปรารถนาได้นั้นจำเป็นต้องมีศรทธาเป็นตัวนำ แล้วตามด้วย คุณธรรมอย่างอื่นอีกมากหรือน้อยขึ้นกับกรณีนันๆ แต่ต้อง ลงท้ายด้วยป็ญญๆ สำ หรับศร้ทธาที่เป็นตัวนำก็ต้องเป็นศร้ทธา ที่ประกอบด้วยเหตุด้วยผล จึงจะนำไปล่การกระทำที ประกอบด้วยปัญญา มีประสิทธิผลโดยชอบธรรม แต่ถ้าเป็น ศรัทธาที่ประกอบด้วยมิจฉาทิฏฐิ ย่อมนำไป^การกระทำที่ ขาดปัญญา แม้จะบรรลุความปรารถนา แต่ก็ขาดความ ชอบธรรม และอาจก่อให้เกิดปัญหาเป็นความทุกข์ความ เดือดร้อนตามมาในภายหลังอีกมากมาย ทั้งตัวบุคคลผู้ เป็นต้นเรื่องเองและทั้งสังคมด้วย ((ร) - , สัมโผทนยก๓ www.kalyanamitra.org

คำ ว่า ศรัทธา ผู้คนโดยทั่วไปในยุค พ.ศ. ๒๕๕๑ นี้ จะ รู้และเข้าใจกันแต่เพียงว่า หมายถึง ความเชื่อ ความเชื่อมั่น หรือความเชื่อถือในสิงใด เรื่องใด หรือบุคคลใดก็ได้ทั้งสิน แต่คำว่า ศรัทธา ซึ่งเป็นความหมายแท้จริงตามพระธรรม คำ สังสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ปรากฏอยู่ในพระสูตร ต่างๆ ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาทนั้น หมายถึง ตถาคต- โพธิสัทธา (ความเชื่อมั่นในพระปัญญาอันเกิดจากการตรัสรู้- ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)โดยเฉพาะ ซึ่งครอบคลุมถึง การเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมด้วย ด้วยเหตุที่ศร้ทธามีสักษณะสำคัญ๒ประการ คือ ทำ ให้ ใจผ่องใสและทำให้ใจแล่นไปด้วยดีฟ็นพิเศษ ด้งนั้น ผู้ที่มี ตถาคตโพธิสัทธาจึงมีจิตใจผ่องใสเป็นนิจ รักผูกพันอยู่กับ การคืกษาและปฏิบัติธรรม ตั้งมั่นอยู่ในสัมมาทิฎฐิ และ ปฏิบัติกุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นนิสัย เป็นผู้มีปัญญา ทรงภูมิรู้ ภูมิธรรม ตั้งใจสังสมบุญกุศลให้แก่ตนเอง ชํ้ายังพยายาม ทำ หน้าที่กัลยาณมิตร คอยชี้นำและสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ ด้วยหวังเพียงเพื่อให้พวกเขาเหล่านั้น รอดพันจากวงจรมิจฉา- ทิฏฐิชนผู้สังสมแต่บาปอกุศลให้กสับใจมาตั้งมั่นอยู่ในตถาคต- โพธิสัทธาตามมา ท่านผู้มีจิตใจงามเหล่านี้ต่างมุ่งมั่นช่วยกัน จรรโลงสันติสุขของโลกให้มั่นคงถาวร เพื่อสังสมบุญบารมีให้ ตนเอง เยี่ยงนักปราชญ์บัณฑิต และพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ในอดีต อันเป็นวัตกุประสงค์สำคัญยี่งของการได้เกิดมาเป็น มนษย์ ศรัทธา รุ่งอรุณแท่งสันติภาVNโลก {๖) www.kalyanamitra.org

ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทดโนโลยีในปัจจุบัน ทำ ให้สังคมโลกของเราเสมือนหนึ่งไร้พรมแดน ซึงเป็นนิมิต หมายอันดี ที่ทำ ให้ชาวโลกสามารถผูกมิตรก้นได้อย่างกว้าง ขวางทั่วโลก แต่ขณะเดียวก้นกลับเป็นโอกาสให้เชือร้าย คือ กิเลสในใจ ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งมิจฉาทิฎฐิแพร่ระบาดไปทั่วโลก ในลักษณะโรคร้ายที่หายาระงับไม่ได้ แท้ที่จริง ยาสำหรับระงับโรคระบาดร้ายแรงคือมิจฉา- ทิฏฐินั้นมือยู่ พระสัมมาลัมพุทธเจ้าได้ประทานให้ไว้กว่า ๒,๕๐๐ ปีมาแล้ว เพียงแต่ชาวโลกส่วนใหญ่ในปัจจุบันยังไม่รู้ หรือที่เคยรู้ก็ลืมไป เพราะตกเป็นทาสของวัตถุนิยม แม้แต่ผู้คน ที่เรืยกตนเองว่าพุทธศาสนิกชน บางคนก็ยังไม่รู้ บางคนพอรู้ บ้าง แต่ก็ไม่รู้วิธีนำไปใช้ จึงไม่ได้รับประโยชน์อันใดจากยา ขนานนั้นซึ่งมืชื่อว่า สัมมาทิฏฐิ อันเป็นเรื่องของปัญญาโดยแท้ ดังนั้น เพื่อที่จะให้สัมมาทิฏเviนคืนซึพฃึ้นมา สำ หรับ ใช้เป็นเครื่องมือแก้ปัญหาของสังคมที่หม้กหมมมานานใน บ้านเมืองเรา ก็จำ เป็นต้องเรื่มต้นด้วยการปลูกฝังอบรม ตถาคตโพธิสัทธาอย่างเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน ลงใน จิตใจของผู้คนทุกเพศทุกวัยไปพร้อมๆ ก้นทั้งประเทศ หรือ แม้ทั้งโลก ด้วยการสร้างบรรยากาศแวดล้อมในสังคม ด้วย การพัฒนานิสัย ที่ทำ ให้ผู้คนเกิดความเช้าใจถูกต้องถ่องแท้ เกี่ยวก้บพระอัจฉริยภาพในการลังสมบารมื และคุณวิเศษ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้ประทับอยู่ในใจของผู้คนอย่าง ไม่รู้ลืม ถ้าเป็นเช่นนั้น ตถาคตโพธิสัทธาในจิตใจผู้คน ย่อม จะกลับงอกงามและมั่นคงอย่างแท้จริงขึ้นมาได้อีกระยะหนึ่ง ซึ่งจะทำให้สัมมาทิฏฐิสถิตมั่นคงอยู่ในใจของผู้คนโดยทั่วไป (๗) สัมโมทนยกถา www.kalyanamitra.org

ในที่สุด มิจฉาทิฏฐิก็จะออกฤทธไม่ได้ จิตใจที่เศร้าหมองของ ชาวโลกก็จะผ่องใสสว่างขึ้นด้วยอำนาจแห่งตถาคตโพธิสัทธา ด้งอุปมาว่า \"แสงสว่างจากดวงเทียนน้อยๆ เพียงดวงเดียว หากจุด ส่งต่อกันไปจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นดี จากดีเป็นแปด หากจุดส่งต่อๆ กันไปอย่างนี้ ไม่ช้าทั่วทั้งโลกย่อมสว่างไสว ทังกลางวันกลางคืนได้อย่างอัศจรรย์ ฉันใด แสงสว่างแห่งตถาคตโพธิสัทธาที่ท่านผู้อ่านแต่ละท่าน ได้รับจากสารธรรมในหน้งดีอเส่มนี้ แม้ในเบื้องด้นจะยังไม่ มากมายนัก แต่เมื่อนำไปปฏิบัติด้วยความชาบซึ้งจริงจัง ร่วม กับการม้กสมาธิเป็นประจำแล้ว ย่อมนำไปส่สันติสุขและ ความสว่างภายในอย่างมหาศาล ฉันนั้น\" ผู้ที่มีตถาคตโพธิสัทธาสว่างไสวภายในนั้น ไม่ว่าจะยีน เดิน นั่ง นอน ก็เหมือนมีดวงจันทร์วันเพ็ญลอยเด่นให้เห็น อยู่ภายในทั้งหลับตาลืมตา ด้งคำกล่าวที่ว่า \"เมื่อเราสว่างโลก ย่อมสว่างด้วย\" ความสว่างภายในด้วยตถาคตโพธิสัทธานี้เอง ที่เป็น แหล่งกำเนิดพลังใจมหาศาลในการทุ่มชีวิตลังสมบุญบารมี ตามรอยบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ยิ่งๆ ขึ้นไป โดย ไม่มีความรู้ลืกท้อแท้ท้อถอยในการทำความดีแม้แต่น้อยนิด จนกว่าจะไปถึงที่สุดแห่งธรรมภายในตน ผู้มีตถาคต- โพธิสัทธาจึงเป็นผู้มีพลังใจมหาศาลที่จะทำให้โลกทั้งโลกนี้ เกิดสันติภาพโลกที่แท้จริงตามมา เป็นแสงสว่างที่ล่องสว่าง โลกหล้า ให้สว่างไสวทั้งกลางวันและกลางคืน ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันตํภาพโลก ..• : www.kalyanamitra.org

ด้วยเหตุที่คณะผู้จัดทำได้รวบรวมพระธรรมเทศนาเรื่อง \"ตถาคตโพธิสัทธา\" ที่อาตมภาพได้แสดงไว้ในวาระต่างๆ มา ต่อแสงสว่างแห่งตถาคตโพธิสัทธาให้สว่างไสวกันไปทั่วโลก เพื่อให้ชาวโลกได้เข้าถึงความสว่างไสวภายใน อันจะนำไปส่ การบังเกิดขึ้นของสันติภาพโลกที่แท้จริง อาตมภาพขอ อนุโมทนาต่อคณะผู้จัดทำทุกท่านมา ณโอกาสนี้ ท้ายที่สุตนี้ อาตมภาพซออาราธนาบารมีธรรมชององค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระป้จเจก- พุทธเจ้าทั้งหลาย พระอรหันตเจ้าท้งปวง บารมีธรรมของ พระเดชพระคุณหลวงปูวัดปากนี้า ภาษีเจริญ พระมงคล เทพมุนี(สด จนุทสโร) และมหาปูชนียาจารย์ อีกทั้งกุศลผล บุญที่เกิดจากอำนาจแห่งตถาคตโพธิสัทธาของทุกท่านทุก ประการ จงส่งผลดลบันดาลใหัทุกท่าน เป็นผู้มีดถาคดโพธิ- สัทธาที่มั่นคงสว่างไสว สงบเย็นภายใน ดุจดวงตะวันเที่ยง มาเรียงเด็มท้องนภา จงเป็นผู้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีอายุขัยยืนยาวใน การสร้างบุญบารมีไปนานๆถึงพร้อมด้วยญาติสนิทมิดรสหาย สัมฟ้นธชนทั้งหลายที่มีใจใหญ่ เป็นสัมมาทิฎเดุจเดียวท้น มุ่งมั่นท่างานเป็นทีมอย่างมีประสัทธิภาพ และประสัทธิผล สูงสุด เป็นกำสังส่าด้ญในการท่านุบำรุงพระพุทธศาสนาใหั เจริญรุ่งเรีองยิ่งๆ ขึ้นไป •(๙)' สัมโมทนียกถา www.kalyanamitra.org

ตราบใดยังต้องเวียนว่ายตาย๓๑ ถือกำเนิดมาสร้าง บารมีในร้ฏสงสาร ขอจงเป็นผู้มีจิตใจยิ่งใหญ่ดุจเดียวกับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีตถาคตโพธิสัทธาที่มั่นคงไม่หวั่นไหว ไม่ง่อนแง่นคลอนแคลนไปจากหนทางสร้างบารมี จงถืงพร้อมต้วยที่สุดแห่งรูปสมบัติ ทร้พย์สมบัติและ คุณสมบัติ ถืงพร้อมต้วยที่สุดแห่งลาภ ยศ สรรเสร้ญ สุข และมรรคผลนิพพาน มีสมบัติจ้กรพรรติต้กไม่พร่อง เอาไร้ ใต้สร้างบุญบารมีไต้เต็มที่ เต็มอิ่ม เต็มใจ เต็มกำสังบุญ บารมีตลอดไป จงเป็นผู้ถึงพร้อมต้วยเหดุและป็จจ้ยทุกประการที่ สนิบสนุนเกอกูลให้เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสะดวก บรรลุธรรม เร็วไว เต้าถึงพระธรรมกายไต้โดยง่าย แตกฉานวิชชา ธรรมกายไต้โดยง่าย นำ พาทุกสรรพต้วิตในร้ฎสงสารสร้าง บารมีไต้โดยตลอดรอดฮ่งทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งถึงที่ สุดแห่งธรรมเทอญ พระภาวนาว1ิริยคุณ(เ7ผด็จ ทตฺตชีโว) ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก (fflo) www.kalyanamitra.org

คำนำการจัดพิมพ์ ครั้งที่ ๒ ในการจัดพิมพ์หนังสิอ \"ศรทธา รุ่งอรุณแห่งสันติภาพ โลก\"ครั้งที่ ๒ นี้ คณะผู้จัดทาได้เพิ่มเนี้อหาบทที่ ๑ ธรรมชาติ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และบทที่ ๑๐ ความมั่นคงยั่งยืน ของพระพุทธศาสนา ไ'^นเล่มนี้ด้วย ทั้งนี้เพิ่อให้ผู้อ่านเกิด ความกระจ่างว่าเหตุใดในการพิมพ์ครั้งที่ ๑ (เพิ่อใช้ใน โครงการสอบตอบปัญหาสีลธรรมเพื่อสันติภาพโลก ครั้งที่ ๓ ในประเทศไทย) จึงได้นำมหาปรินิพพานสูตรมาใส่ไว้เป็น ภาคผนวกด้วย (๑®) สำ นำ การจัดพํมพ์ ครั้งที่ ๒ www.kalyanamitra.org

คำ ว่า ตถาคตโพธิสัทธา หรือที่เรียกกันสันๆ ว่า ศรทธา นั้น แท้จริงก็คึอทั้งหมดของพระพุทธศาสนาเลยทีเดียว การ ที่นำ มหาปรินิพพานมาสูตรมาใส่ไว้ เพื่อต้องการให้ดีกษา เปรียบเทียบว่าในขณะที่พระพุทธองค์ทรงมีพระชนม์รืพอยู่นั้น ทรงมีวิธีสร้างตถาคตโพธิสัทธาอย่างไร และหสังจากพระองค์ เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ทรงสังกำชับให้ซาวพุทธร่นหสัง ช่วยกันสร้าง-รักษา-ขยายตถาคตโพธิสัทธาไปยู่ใจชาวโลก จากรุ่นหนึ่งไปยู่รุ่นหนึ่งอย่างไร เพราะหากคนรุ่นหลังไม่มีศ่ร้ทธา การบรรลุธรรมก็บังเกิดขึ้นไม่ไต้ พระพุทธศาสนาก็อยู่ต่อไป ไม่ได้ การตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าย่อมสูญเปล่า ไม่มีผู้ใดได้ประโยชน์เลย การดีกษาเชิงเปรียบเทียบเช่นนี้ ย่อมมีประโยชน์ต่อการสืบทอดรักษาพระพุทธศาสนาให้มี ความมั่นคงยึนยาวต่อไปอีกนานแสนนานอย่างแน่นอน หากสืบย้อนกสับไปในสมัยพุทธกาล คือเมื่อครั้งที่ พระพุทธองค์ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่นั้น พระองค์ทรงใช้ พระองค์เอง เป็นสูนย์กลางของตถาคตโพธิสัทธา พระองค์จึง ทรงเป็นเสมีอนแกนกลางของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง เพราะเพียงแค่ผู้ใดได้เห็นพุทธลักษณะมหาบุรุษที่สมสูรณ์ พร้อมทุกประการ และพระฉัพพรรณรังสีที่แผ่ซ่านออกมา จากพระวรกายช้างละ ๑ วา ตลอดเวลา ย่อมเกิดความ เชื่อมั่นขึ้นท้นทีว่า บุคคลผู้ฝึกผ่นอบรมตนเองมานับภพนับ ชาติไม่ถ้วน จนกระทั่งตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมา- ศรัหธา รุ่งอรุณแห่งสันติภาVNโลก '(®to) www.kalyanamitra.org

สัมพุทธเจ้าในโลกนี้ มีจริง ทำ ไหไม่ต้องมานั่งถกเถียงว่า พระพุทธเจ้ามีจริงหรือไม่ ถ้ามีจริง พระองค์ตรัสรู้ด้วยการ คิดหรือการเห็น ถ้าตรัสรู้ด้วยการเห็น พระองค์เห็นด้วยอะไร ทำ ไมถึงเห็นได้ เพราะพวกเขาเหล่านั้น ย่อมได้เห็นประจักษ์ พุทธลักษณะที่เหนือมนุษย์ และเทวดาอยู่ต่อหน้าของตนแล้ว ยิ่งกว่านั้น หากพวกเขาสงลัยสิงไดก็สามารถเข้าไป กราบทูลถามกับพระพุทธองค์ได้โดยตรง 4งพระองค์ก็จะ ตรัสตอบโดยไม่ปีดบัง เพราะพระองค์ทรงทราบดีว่า การ อุบัติขึ้นของพระองค์นั้นเป็นเรื่องยากแสนยาก แต่ทรงมีเวลา อยู่จำกัด จึงด้องรืบช่วยเหลือสรรพลัตว์ไห้หลุดพ้นจากคุก คือวัฏสงสารนี้ ออกไปไห้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ทว่าไนปัจจุบันนี้ พระล้มมาล้มพุทธเจ้าทรงไม่ได้อยู่ เป็นดูนย์รวมศรัทธาไห้แก่ชาวโลกแล้ว แต่ก่อนที่พระองค์จะ เสด็จดับขันธปรินิพพานนั้น พระองค์ก็ไม่ได้ทรงทิงพระพุทธ- ศาสนาไปเฉยๆ โดยไม่ได้วางระบบหรือรากฐานอะไรเลย แต่ ตรงกันข้าม พระพุทธองค์กลับทรงห่วงไยผู้ที่เกิดมาไม่ทัน พบพระองค์ยิ่งน้ก พระองค์ทรงกำชับนักหนาว่า ต่อแต่นี้ไป หลังจาก พระองค์ดับชันธปรินิพพานไปแล้ว หมู่สงฆ์ต้องยึดเอาการ ปฏิบัติตามธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด เป็นพระบรมศาสดา เพราะตราบไดที่ยังมีการปฏิบัติบูชาตามหลักมรรคมีองค์ ๘ อย่างทุ่มชีวิตเป็นเดิมพ้น ตราบนั้นก็เหมือนกับว่าพระองค์ยัง (©๓) คำ นำ กาฬดฟ้มพ์ ครั้งทึ่ ๒ www.kalyanamitra.org

ทรงมีพระชน§5ชีพอยู่ เพราะคำสอนไม่ได้สูญหายตาม พระองค์ไปด้วย ในเวลาเดียวกัน พระองค์ทรงกำชับอีกว่า หยู่สงฆ์ต้อง มีความสามัคคีอยู่ในอปริหานิยธรรม เพราะความสามัคคีของ สงฆ์เท่านั้น ที่จะเป็นสูนย์รวมศรัทธาของมหาชนในปัจจุบัน และเป็นปอเกิดของศร้ท่ธาให้แก่คนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ เพราะความ สามัคคีของสงฆ์ เป็นสิงยืนยันว่าคำสอนของพระองค์นั้นดีจริง ถูกต้องจริง เป็นประโยชน์จริง สามารถนำพาทุกผู้คนหลุดพ้น จากวัฏสงสาร เข้าส่พระนิพพานได้จริง ด้งนั้น การที่ผู้ใดจะเกิดความชาบชึ้งจนถึงขั้นเกิด ศรัท่ธาทุ่มเทชีวิตจิตใจปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ตามพระองค์ไป นันจึงจิาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเกิดความเข้าใจ-ตระหนก-ซาบ^ง ว่า กว่าโลกจะมีพระสัมมาสัมทุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้นสัก พระองค์นั้น เป็นเรื่องยากแสนยากเพียงไหน กว่าพระองค์จะ ประดิษฐานพระพุทธศาสนาให้ชาวโลกได้นั้น ทรงต้องเผชิญ กับอุปสรรคปัญหามากมายเพียงใด และการที่เราได้เกิดเป็น มนุษย์ในยุคที่ยังมีพระพุทธศนาหลงเหลืออยู่นั้น เป็นเรื่องที่ ยากแสนยากเพียงไหน และนั่นคีอเหตุผลว่าทำไมจึงต้อง คีกษามหาปรินิพานสูตร ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ได้อธิบายไวิใน บทที่ ๑ และบทที่ ๑๐ แล้ว ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก (๑๔) www.kalyanamitra.org

ท้ายที่สุดนี้ คณะผู้จัดทำต้องขอกราบขอบพระคุณ พระเดชพระคุณพระภารนาวิริยคุณ(หลวงพ่อท้ตตส์โว)อีกครั้ง มา ณ โอกาสนี้ ที่เมตตาให้คณะผู้จัดทำนำพระธรรมเทศนา เรื่องธรรมชาติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเรียบเรียงเพิ่มเติม ไ' นการพิมพ์ครั้งนี้ด้วย และหากมีฃ้อขาดตกบกพร่อง ประการใด คณะผู้จัดทำต้องขออภัยมา ณโอกาสนี้ด้วย และ ยินดีรับคำแนะนำจากผู้อ่านทุกท่าน ด้วยอำนาจบุญกุศลอันเกิดจากตถาคตโพธิสัทธา ขอให้ ผู้อ่านทุกท่านจงมีดวามสุขความเจริญในธรรม คิดสังใดที่ดีงาม ขอให้สมปรารถนา จงได้ดวงตาเห็นธรรม เข้าถึงพระธรรมกาย โดยเร็วพลันเทอญ ขอขอบพระคุณ คณะผู้จัดทำ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๑ (๑๕) คำ นำ การจัดพมพ์ ครั้งทึ๋ ๒ www.kalyanamitra.org

คำ นำ การจัดพิมพ์ ครั้งที่ ๑ หนังสือ \"ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก\" เป็น หนังสือที่รวบรวมและเรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของ พระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณ(หลวงพ่อทัตตชีโว) เรื่อง \"ตถาคตโพธิสัทธา\" ในวาระต่างๆ สาระสำคัญในหนังสือ เล่มนี้อธิบายให้เห็นภาพว่า ๑. มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความไม่รู้ ความทุกข์ และ ความกลัว จึงพากันแสวงหาที่พึ่ง ครั้นได้พบสิงที่ สามารถยึดเป็นที่พึ่งให้คลายทุกข์ได้บ้าง ก็พากันยึด มั่นถือมั่นในสิงนั้น โดยมิได้แสวงหาต้นตอที่แท้จริง ของความไม่รู้ ความทุกข์ และความกลัวต่อไปจนกว่า จะพบ เพึ่อขจัดให้เด็ดขาด จึงไม่อาจหลุดพ้นจากห้วง ทุกข์ได้จริง ๒. ปัญญาของคนเราเกิดขึ้นตามสิงที่เขานับถือศรัทธา ถ้า สิงที่เขานับถือไม่อาจขจัดความไม่รู้ ความทุกข์ และ ความกลัวได้จริง เขาก็จะต้องตกอยู่ในวังวนของความ ทุกข์ไม่สินสุดต่อไป เพราะสิงที่เขานับถือนั้นก็ยังไม่อาจ นำ พาตนเองให้พ้นไปจากความทุกข์เช่นกัน ประดุจดั่ง คนตาบอดที่จูงคนตาบอดไปตกร่วงลงล่เหวลึก ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันตํภาพโลก (๑๖) www.kalyanamitra.org

๓. ในอดีตที่ผ่านมามีผู้พยายามหาหนทางขจัดความไม่รู้ ขจัดความทุกข์ และขจัดความกลัวอย่างมากมาย โดย พยายามมุ่งหาคำว่า อะไรคือกุศล แต่ก็มักจะไม่ได้ คำ ตอบ หรือได้คำตอบแต่ไม่สมบูรณ์ หรือบางทีก็แวะ ข้างทางไปเอาลาภลักการะบ้าง ชื่อเสียงบ้าง ยศลา- บรรดาด้กดบ้าง การยึดมั่นในสิงที่รู้มาผิดๆ บ้าง ทำ ให้ ไม่ประสบผลสำเร็จ ๔. เจ้าชายสิทธัตถะก็ทรงมุ่งแสวงหาว่า อะไรคือกุศลด้วย เช่นกัน และด้วยภาวนามยปัญญาของพระองค์ จึง ทรงพบคำตอบที่สมบูรณ์แบบจากการเจริญสมาธิ ภาวนาตามหลักมรรคมีองค์ ๘ ทำ ให้สามารถระลึก ชาติของพระองค์เองได้ สามารถระลึกชาติของผู้อื่นได้ อีกทั้งสามารถขจัดกิเลสอันเป็นต้นตอของความไม่รู้ ความทุกข์ และความกลัวได้อย่างเด็ดขาดชนิดถอน รากถอนโคน ยังผลให้พระองค์ตรัสรู้เป็นพระสัมมา- สัมพุทธเจ้าในคืนวันวิสาขบูชา ซึ่งตรงกับวันเพ็ญ ๑๕คํ่า เดีอน ๖ นั้นเอง (ตรัสรู้ในวันคล้ายวันเกิดของ พระองค์เอง) ๕. ความยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนาอยู่ตรงที่เป็นศาสนา ที่มีองค์ประกอบเกิดขึ้นจากความสำเร็จในการขจัด ความไม่รู้ ความทุกข์ และความกลัวชนิดถอนราก ถอนโคนให้หมดสินไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นคือ พระพทธ พระธรรม พระสงฆ์ (๑๗) คำ นำ กาฬดพิมพ์ ครั้งที่ ๑ www.kalyanamitra.org

๖. ศร้ฑธาที่แท้จริงในพระพุทธศาสนา คือ ตถาคตโพธิ- สัทธา เพราะเป็นศรัทธาที่ทำให้เกิดปัญญาในการขจัด ความไม่รู้ความทุกข์ และความกลัวให้หมดสินไปอย่าง ถอนรากถอนโคน ๗. ตถาคตโพธิลัทธาเกี่ยวข้องกับการบรรลุธรรมตรงที่ ทำ ให้ผู้มีศรัทธาเกิดเป้าหมาย เกิดกำลังใจที่จะเพียร ปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ อย่างถูกต้องสมบูรณ์ จนกระทั่ง เกิดปัญญาตรัสรู้ธรรม สามารถขจัดความไม่รู้ ขจัด ความทุกข์ และขจัดความกลัว ให้สินไปได้อย่างถาวร ๘. การปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ และการบรรลุธรรมอันเป็น ปัจจัยให้สามารถขจัดความไม่รู้ ความทุกข์ และความ กลัวได้นั้นเป็นของสากล มิได้ผูกขาดไว้เฉพาะชาว พุทธในพระพุทธศาสนาเท่านั้น ทุกคนในโลกไม่ว่าจะ เชื้อชาติศาสนาใดสามารถปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ และ บรรลุธรรมได้ดุจเดียวกัน ๙. ความมั่นคงของพระพุทธศาสนาอยู่ที่การปลูกฝ็ง ตถาคตโพธิสัทธาให้แก่ชาวพุทธ เพื่อให้ชาวพุทธเกิด ความเข้าใจถูกในสถานการณ์ชีวิตของตนเองตาม ความเป็นจริงว่า เราเกิดมาเพื่อขจัดความไม่รู้ความทุกข์ และความกลัวให้หมดสินไป เราจึงต้องเพียรปฏิบัติ- ธรรมตามรอยบาทของพระสัมมาลัมพุทธเจ้าตลอดไป เพื่อขจัดต้นตอของปัญหาเหล่านั้นให้หมดไปอย่าง ถอนรากถอนโคน ศรทธา รุ่งอรุณแห่งสันตึภาพโลก . (®«) . www.kalyanamitra.org

๑๐. การสร้างคุณสมบัติของผู้มีตถาคตโพธิสัทธา ต้องสร้าง จากนิสัยพื้นฐานแห่งการบรรลุธรรม ๓ ประการ คือ นิสัยเดารพ นิสัยวินัย นิสัยอดทน ๑๑. การปลูกฝังตถาคตโพธิสัทธาต้องทำผ่านกิจวัตรประจำ วันใน ๕ ห้องชีวิต เพี่อรกให้ไจแช่อิ่มอยู่กับกุศลธรรม ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ๑๒. การสร้างระบบปลูกฝังตถาคตโพธิสัทธาอย่างยั่งยืนต้อง ทำ ผ่านบ้าน วัด โรงเรียน เพี่อให้โลกนี้ยังคงดำรงไว้ซึ่ง คำ สอนที่บอกหนทางแห่งการขจัดความไม่รู้ความทุกข์ และความกลัวให้แก่ชาวโลกไปตราบนานเท่านาน ฯลฯ นอกจากนั้น ตอนท้ายของหนังสือเล่มนี้ คณะทำงาน ยังไต้นำ \"มหาปรินิพพานสูตร\"ซึ่งเป็นพระธรรมเทศนาที่องค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ณ สถานที่ต่างๆ ตลอดระยะเวลา ๓ เดือน ก่อนจะปรินิพพาน มาผนวกไว้ด้วย ทั้งนี้เพราะมีเรื่องนำสนใจมากมาย ที่เป็นประโยชน์ต่อการ สร้างตถาคตโพธิสัทธา และทุ่มชีวิตสืบทอดรักษาพระพุทธ- ศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป อาทิเช่น เรื่องมารทุลเชิญพระพุทธองค์ให้ปรินิพพาน ตั้งแต่แรกตรัสรู้ที่ทำ ให้รู้ว่า แม้กิเลสหมดแล้ว แต่มารผู้สร้าง กิเลส ยังคงมีอยู่ ไม่ได้หมดดามไปด้วย (๑๙) . คำ นำ กาฬดพมพ์ ครั้งที่ ๑ www.kalyanamitra.org

เรื่องอปริหานิยธรรม ที่พระพุทธองค์ทรงยํ้าเตึอนว่า นี่คือ ธรรมที่ทำให้พระพุทธศาสนามีความมั่นคงเป็นปีกแผ่น จะขาดตกบกพร่องข้อใดข้อหนี่งไม่ได้ เรื่องพระพุทธองค์แสวงหาว่า \"อะไรคือกุศล\" อันเป็นจุด เรื่มต้นของเส้นทางการตรัสรู้ธรรม ที่นำ ไปส่การปาเพ็ญ ภาวนาอย่างทุ่มเทชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อขจัดอาสวกิเลส และ เป็นเหตุให้มีพระส้มมาส้มพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น เรื่องพระพุทธองค์ทรงกำหนดให้\"พระธรรมวินัย\" เป็น \"ศาสดาแทนพระองศ์\" โดยมีจุดมุ่งหมาย ให้ชาวพุทธทุกยุค ทุกสมัย ปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์อย่างเคร่งครัด และ ช่วยกันทำนุปารุงพระพุทธศาสนาให้ยั่งยึนสีบไป รวมทั้งเรื่อง ป้จฉิมโอวาท ซึ่งเป็นโอวาทสุดท้ายก่อน ปรินิพพานที่พระพุทธองค์ตรัสเตือนชาวโลกว่า \"อย่าประมาท\" ในการปฏิบัติธรรม เพราะความประมาทเป็นหนทางตายของ ชีวิตและการบรรลุธรรม ฯลฯ อย่างไรก็ตาม แม้คณะผู้จัดทำจะพยายามตั้งใจจัดทำ หนังสือเล่มนี้อย่างดีที่สุดแส้ว แต่ก็อาจมีข้อขาดตกบกพร่อง เกิดขึ้นได้ จึงต้องขออภัยทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ หากมีคำ แนะนำใดที่เห็นควรปรันปรุงแกไขให้สมyรณ์ ก็ขอน้อมร้บไว้ ทกประการ ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก (๒๐) www.kalyanamitra.org

ในโอกาสนี้คณะผู้จัดทำต้องกราบขอบพระคุณในความ เมตตาของพระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อ ทัตตชีโว) เป็นอย่างสูง ที่อนุญาตให้พวกเราได้รวบรวม และ เรียบเรียงพระธรรมเทศนา จนสำเร็จเป็นหนังสีอเล่มนี้ และ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อผู้อ่านได้อ่านสารธรรมทั้งเล่มจนจบ ทั่วทุกมุมโลกแล้ว \"รุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก\" จะบังเกิดขึ้น อย่างแท้จริง ท้ายที่สุดนี้คณะผู้จัดทำขออนุโมทนาบุญ และขออำนาจ กุศลผลบุญแห่งตถาคตโพธิสัทธา จงดลบันดาลให้ทุกท่าน ประสบแต่ความสุขและความเจริญ อันเป็นเหตุปัจจัยให้ บรรลุมรรคผลนิพพาน และที่สดแห่งธรรม ตลอดกาลนาน เทอญ ขอขอบพระคุณ คณะผู้จัดทำ ๑๖ พฤศจกายน ๒๕๕๑ (๒®) ค่านำกT5จัดพมพ์ ครั้งทึ่ ๑ www.kalyanamitra.org

สารบญ คุณูปการานุสรณึยกถา (๒) สัมโมทนึยกถา (๕) คำ นำ การจัดพิมพ์ ครั้งที่ ๒ (๑๑) คำ นำ การจัดพิมพ์ ครั้งที่ ๑ (๑๖) บทที่ ๑ ธรรมชาติของพระพุทธเจัา ๑ พระโพธิสัตว์ ๖ ความรู้เกี่ยวกับวัฏสงสาร ๑๖ ธรรมชาติของสัตวโลก ๓๒ เหตุกระตุ้นให้เกิดทุกข์ ๓๕ การแกไขเพื่อยกตนขึ้นจากทะเลทุกข์ ๓๙ บารมี ๓๙ การสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ ๙๐ พระพุทธเจ้า ๕๓ พระพุทธเจ้าองค์ป้จจุบัน ๕๕ ประสบการณ์ก่อนเสด็จออกบรรพชา ๕๖ ประสบการณ์เมื่อเริ่มเสด็จออกบรรพชา ๕๗ การเผยแผ่พระธรรมวินัย ๖๐ คุณลักษณะของผู้มีศร้ทธาในสมัยพุทธกาล ๖๗ คำ สารภาพของเทวดา ๗๕ สรุป ๗๘ ศรํ?หธา รุ่งอรุณแพ่สันตํภาพโลก (๒๒) www.kalyanamitra.org

บฑที่ ๒ ความหมายของศรัทธา ๘๑ ความหมายของศรัเาธาตามหลักพระพุทธศาสนา ๘๒ บทบาทของศรัทธา ๘๓ ศรัทธา ๔ - ตถาคตโพธิลัทธา ๘๖ ความหมายของคำว่า \"ตถาคต\" ๙๔ เหตุให้เกิดตถาคตโพธิลัทธา ๙๘ พระคุณตามความเป็นจริง ๘ ประการ (ริ)0(ร) สรุป ๑๐๔ บทที่ ต คำ สอนเรื่องศรัทธาในพระพุทธศาสนา ๑๐๗ ลักษณะของศรัทธาที่ไม่ถูกต้อง ๑๑๘ ธรรม ๕ ประการ มีผลเป็น ๒ อย่าง ®®๐ กำ เนิดของศรัทธา ๑๑๒ ๑. การถือประมาณต่างๆ ๑๑๓ ๒. การสดับเสียงจากภายนอก ๑๑๕ ๓. การคิดค้นด้วยตนเอง ๑๑๗ ๕. การทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง ๑๑๙ กำ เนิดของตถาคตโพธิลัทธาในสมัยพุทธกาล ๑๒๒ ๑. เกิดศรัทธาทันทีที่ได้เห็นพระพุทธองค์ ๑๒๒ ๒. เกิดศรัทธาหลังจากได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์๑๒๓ ๓. เกิดศรัทธาหลังจากได้ฟังธรรม จากพระอรหันตสาวก ๑๒๔ สรุป ๑๒๖ บทที่ ๔ ศรัทธาคือฟ้จจัยให้เกิดปัญญา ๑๒๙ การปลูกฝืงศรัทธาในอดีตกาล ๑๒๙ ความเชื่อมั่นที่พัฒนาเป็นตถาคตโพธิสัทธา ๑๓๑ ลักษณะของผู้มีศรัทธา ๑๓๒ {๒๓) สารบัญ www.kalyanamitra.org

ประโยชน์ของศรัทธา ๑๓๖ ๑. ศรัทธาเป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจ ๑๓๗ ที่ประเสรัฐของบุรุษในโลกนี้ ๑๓๙ ๒. บุคคลข้ามโอฆะได้ด้วยศรัทธา ๑๔๒ ๓. บุคคลเชื่อธรรมของพระอรทันต์ ๑๔๔ ย่อมได้ปัญญา ๔. บุคคลอยู่ครองเรือนประกอบด้วยศรัทธา ๑๔๕ ละโลกนี้!ปแล้วย่อมไม่เศร้ไโศก ๑๔๘ อานิสงส์ของศรัทธา ๑๙๙ โทษของการขาดตถาคตโพธิสัทธา ๑๕๓ ๑๕๔ 2^รุป ๑๕๖ บทที่ ๕ บ่อเกิดแห่งตถาคตโพธสัทธา ความหมายของสัมมาทิฏฐิ ๑๕๗ ๑๕๘ สัมมาทิฎฐิเบื้องต้น ๑๖๑ ๑. ทานที่ให้แล้วมีผล ๑๖๓ ๒. การสงเคราะห์ที่ทำแล้วมีผล ๑๖๖ ๓. การยกย่องบูชามีผล ๔. ผลคือวิบากของกรรมที่ทำดีและทำชั่วมี ๑๖๖ ๕. โลกนี้มี ๑๖๗ ๖. โลกหน้ามี ๑๖๘ ๗. มารดาม ๑๖๙ ๘. บิดามี ๑๖๙ ๙. สัตว์ผุดเกิดขึ้นมี ๑๗๑ ๑๐. ในโลกนี้มีสมณพราหมณ์ ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ชนิดที่ทำให้แจ้งด้วยความรู้ยิ่ง แล้วประกาศโลกนี้และโลกหน้ามี สรุป ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก {๒(£) www.kalyanamitra.org

บทที่ ๖ ปัจจัยส่งเสริมสัมมาทิฏฐิ ๑๗๓ องค์ประกอบของมรรคมีองค์ ๘ ๑๗๕ ๑. สัมมาทิฎฐิ ๑๗๖ ๒. สัมมาสังกัปปะ ๑๗๗ ๓. สัมมาวาจา ๑๗๘ ๔. สัมมากัมมันตะ ๕. สัมมาอาชีวะ ๑๘๐ ๖. สัมมาวายามะ ๑๘๒ ๗. สัมมาสติ ๑๘๓ ๘. สัมมาสมาธิ ๑๘๔ สรุป ๑๘๗ บทที่ ๗ การปลูกปังตถาคตโพธิสัทธา ๑๘๙ นิสัย คือ อะไร ๑๙๑ ประ๓ทของนิสัย ๑๙๒ หน้าพี่องนิสัย ๑๙๒ นิสัยพื้นฐานที่จำเป็นต้องรีบฝึก ๑๙๓ กระบวนการเกิดขึ้นของนิสัย ๑๙๔ แหล่งกำเนิดนิสัย ๑. ห้องนอน ๒๐๒ ๒. ห้องนำ ๓. ห้องแต่งตัว ๒๐๓ ๔. ห้องอาหาร ๒๐๔ ๕. ห้องทำงาน ๒๐๗ ๒๑๐ สรุป ๒๑๓ บทที่ ๘ โลกขาดกัลยาณมิตรไม่ได้ ๒๑๙ ความหวาดกสัวเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ๒๒๖ ๒๒๙ ความทุกข์เป็นเหตุให้แสวงหาที่พึ่ง ๒๒๙ (๒๕) สารบัญ ๒๓๑ www.kalyanamitra.org

โยนิโสมนสิการและสีลัพพตปรามาส ๒๓๕ สีลัพพตปรามาสเป็นของผู้มีปัญญาน้อย ๒๓๘ การปฏิบัติแบบนอกบุญเขตชื่อว่ามิจฉาทิฎฐิ ๒๔๔ สัมมาทิฎฐิบุคคลย่อมสังสมบุญ ๒๔๖ มิจฉาทิฏฐิบุคคลย่อมสังสมบาป ๒๔๗ มิจฉาทิฏฐิทำให้หมดโอกาสล่วงทุกข์ ๒๕๘ ส'เป ๒๖๔ บทที่ ๙ ความจริงที่ทุกคนต้องรู้ ๒๖๗ องค์ประกอบสำคัญยิ่งของชีวิต ๒๖๘ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงคันพบกิเลส ๒๗๐ กเลส ๓ ระดบ ๒๗๑ กิเลสระดับหยาบ ๒๗๑ ความคลายทุกข์ยังไมใช่ความสุข ๒๗๒ กิเลสระดับกลาง ๒๗๓ ความสุขแท้จริงเริ่มที่ปฐมฌาน ๒๗๗ กิเลสระดับละเอียด ๒๗๘ กระบวนการก้าวข้ามนิวรณ์ ๕ ๒๗๙ กิเลส คือ รากเหง้าของมิจฉาทิฏฐิ ๒๘๒ มิจฉาทิฏฐิสร้างคนพาลได้รวดเร็ว ๒๘๓ มิจฉาทิฏฐิป้องกันได้ด้วยสัมมาทิฏฐิ ๒๘๔ ใครเป็นนายของคนเรา ๒๘๕ นิสัยเป็นนายของใจ ๒๘๖ ๕ ห้องชีวิตเนรมิตนิสัยของคนเรา ๒๘๗ ความจำเป็นของโครงการปลูกฝังสัมมาทิฎฐิ ๒๘๘ แกนนำของโครงการปลูกฝังสัมมาทิฏฐิ ๒๘๙ คุณลักษณะและหน้าที่ของบุคลากร ๒๙๐ สรุป ๒๙๒ ศรัทธา รุ่งอรุณแท่งสันตภาพโลก (๒๖) www.kalyanamitra.org

บทที่ ๑๐ ความมนคงยงยืนของพระพุทธศาสนา พุทธกิจ ๕ ต้นแบบการทุ่มชีวิตสร้างตถาคตโพธิสัทธา ๒๙๗ ๑. ปเรภัตตกิจ ๓0๒ ๒. ปัจฉาภัตตกิจ ๓อ๔ ๓. ปริมยามกิจ ๓0๕ ๙. มัชฌิมยามกิจ ๓0๕ ๕. ปัจฉิมยามกิจ ๓0๖ การเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าเป็นการยาก ๓0๙ ศร้ทธาเป็นอริยทรัพย์ ๓๑๙ ประโยชน์ยิ่งใหญ่ของศรัทธา ๓๑๙ เหตุให้เกิดศรัทธาครั้งพุทธกาล ๓๑๙ ปัญหาในสมัยหสังพุทธปรินิพพาน ๓๑๙ บทบาทของพระธรรมวินัย ๓๒0 เหตุปัจจัยให้คนรุ่นหลังเกิดศรัทธา ๓๒๑ ธรรมสำหรับรักษาพระธรรมวินัยให้ยืนยง ๓๒๒ คุณประโยชน์ของอปริหานิยธรรม ๓๒๕' วัตถุประสงค์ในการเล่าเรื่องมาร ๓๒๘ มารคือต้ตรูร้ายของนักสร้างบารมี ๓๒๘ ประทานกำลังใจให้แก่พุทธบริษัท ๓๓๒ แว่นธรรมคือเครื่องมีอพยากรณ์ตนเอง ๓๓๓ คุณค่าและความสำคัญของลังเวชนียสถาน ๓๓๓ สรุป ๓๓๙ ภาคผนวก [๑] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสตร ว่าด้วยมหาปรินิพพาน {๒๗) สารบัญ www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

บทที่ ๑ s^ ธรรมชาติของพระพุทธเจา คนเราทุกคนในโลกนี้ มิใช่ว่าเพิ่งเกิดมาเป็นชาติแรก ทว่าเวียนเกิดเวียนตายอยู่ในวัฏสงสารมานับภพนับชาติไม่ถ้วน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้เรื่องเหล่านี้อย่างเห็นแจ้ง!แจ้ง ด้วยญาณฟ้สสนะชองพระองค์เอง จึงทรงนำความจริงเกี่ยวกับ โลกและชีวิตมาเปิดเผยให้ชาวโลกรู้ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ สุดจะประมาณ เพิ่อให้ชาวโลกไม่ตั้งอยู่ในความประมาท ธรรมชาติของพระพุทธเจ้า www.kalyanamitra.org

ในระหว่างที่เวียนว่ายตายเกิดอยูในสังสารวัฏอันหาเบื้อง ต้นเบื้องปลายมิได้นี้ ทุกคนต่างประจักษ์ชัดด้วยตนเองว่า ชีวิตนี้เป็นทุกข์อย่างยิ่ง แม้บางครั้งความทุกข์จะเบาบางลงบ้าง แต่ก็เป็นเพียงความสบายกายสบายใจเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ครั้นแล้วก็ได้ประสบความทุกข์กายทุกข์ใจเช่นเดิมอีก หรือ หนักหนาสาหัสกว่าเดิมอีกหลายสิบเท่า ในบรรดาผู้คนที่ต้องเวียนว่ายอยู่ในทะเลทุกข์ แม้!ม' ได้ติดคุกดังเช่นนักโทษแต่ผู้ที่มีปัญญาบางคนก็อดรู้สิกไม่ได้ว่า ตนเองรวมทั้งเพื่อนร่วมโลกทั้งหลาย มีสภาพไม่ต่างกับคน ติดคุกเท่าใดนัก เมื่อมีใจจดจ่อคิดพิจารณาเรื่องนี้อยู่เสมอมา ก็ท่าใหได้คิดว่า บรรดาคนติดคุกนั้นยังมีโอกาสพ้นคุกไปส่ อิสรภาพได้ แล้วทำไมตนจะพ้น \"คุก\" คือ \"โลก\" หรือ \"สังสารวัฏ\" บ้างไม่ได้เล่า เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วจึงคิดหาวิธีที่จะท่าให้พ้นคุกหรือพ้น ทุกข์ต่อไปอีก อันที่จริงก็คงจะมีผู้คนมากมายคิดอยากจะพ้น ทุกข์ แต่ความคิดของเขาก็หยุดอยู่เพียงเท่านั้น ไม่ได้คิดหา วิธีการท่าให้พ้นทุกข์ต่อไปอีกจึงต้องทนระทมทุกข์ต่อไปเรื่อยๆ นักประดิษฐ์ที่ประสบความสำเร็จ ที่เป็นผู้มีชื่อเสียง ของโลกทุกคน เมื่อคิดประดิษฐ์สิงแปลกใหม่ออกมา^สายตา ชาวโลก เขาย่อมพากเพียรแสวงหาวิธีการผสิตเรื่อยไปจนกว่า จะประสบความสำเร็จเมื่อประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว ก็ยังมุ่งมั่นพากเพียรต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ จินตนาการของผู้แสวงหาวิธีพ้นทุกข์บางคนที่มากด้วย นํ้าใจ มีความเมตตากรุณาสูง มิได้หยุดอยู่เพียงการพาตนให้ พ้นทุกข์เท่านั้นยังฝืนต่อไปอีกว่าถ้าตนพ้นทุกข์ได้เด็ดขาดแล้ว ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก :\\D:• www.kalyanamitra.org

จะไม่เอาตัวรอดเพียงลำพังผู้เดียว ทว่าจะต้องแนะนำชักชวน หอบหิ้วผู้คนทั้งโลกให้พันทุกข์เช่นตนด้วย นี่คือนำใจและ มโนปณิธานของพระโพธิสัตว์ และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทัง หลาย นักโทษที่ถูกชังคุกจำนวนไม่น้อย ซึ่งพยายามหาทาง^ อิสรภาพ ด้วยวิธีการชั่วร้ายที่ผิดกฎหมาย ด้งที่เรียกกันว่า \"แหกดุก\"ครั้นถูกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจับได้ก็จะต้องกสับเข้าไป รับโทษทัณฑ์ในคุกยาวนานขึ้นอีก เรื่องนี้ย่อมทำให้ผู้แสวงหา ทางพันทุกข์ตระหนักชัดว่า วิธีการหาทางพันทุกข์ จะต้องทำ เฉพาะแต่ความดีเท่านั้นต้องไม่เกี่ยวข้องกับความชั่วร้ายต่างๆ อย่างเด็ดขาด ด้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า \"เมื่อบวชแล้ว ก็แสวงหาว่าอะไรเป็นกุศล\"® เนี่องจากต้องการพันทุกข์ ด้งนั้น เป้าประสงค์ของการ แสวงหาที่ตรงกับความต้องการก็คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ และต้องไซวิธีการแสวงหาโดยการปาเพ็ญคุณความดีทุกรูปแบบ เช่น บุญกิริยาวัตถุ ๓ ได้แก่ ทาน ดีล ภาวนา อย่างเอาข์วิต เป็นเดิมพัน การมุ่งมั่นทุ่มเทชีวิตจิตใจบำเพ็ญความดี อย่างยิ่งยวดเช่นนั้น ย่อมมือานิสงส์มากมายเกินกว่าจะเรียก ว่าบุญ ท่านจึงเรียกว่าบารมี ซึ่งแปงออกเป็น ๑๐ ประการหรีอ ทศบารมี ผลของการบำเพ็ญทศบารมือย่างแก่กล้านี้เอง ได้กลาย เป็นรากฐานของการปฏิบัติธรรมในระดับที่เข้มข้นยิ่งขึ้นอีก คือ มรรคมีองค์ ๘ ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติที่ทำให้ใจบริสุทธิผ่องใส สว่าง โพลง เกิดญาณทัสสนะ รู้แจ้งเห็นแจ้งสัจธรรมต่างๆโดยลำดับ ® โพธิราชกมารสูตร ม.ม. ๑๓/๓๒๗/๓๙๕(มจร.) ๓ , ธรรมชาติของพระทุทธพ้า www.kalyanamitra.org

จนกระทั่งเห็นอริยสัจ ๔ จิตจึงหลุดพ้นจากอาสวกิเลสทั้งปวง โดยเด็ดขาด นั่นคือ สภาระแห่งการตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หสังจากตรัสรู้แล้วพระพุทธองค์ก็เริ่มเผยแผ่พระธรรม วินัย เพื่อช่วยสัตวโลกให้พ้นทุกข์ตามมโนปณิธานที่ตั้งไว้ตั้ง แต่เริ่มแสวงหาทางพ้นทุกข์ ธรรมบรรยายที่ผ่านมาทั้งหมดนี้ คือ ธรรมชาติของ พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ตั้งแต่เริ่มสรัางบารมีจนกระทั่ง ตรัสรู้ธรรม ซึ่งอาจสรุปสาระสำคัญโดยสังเขปได้๓ขั้นตอนคือ ๑. ปุถุชนคนธรรมดาผู้มีปัญญาเข้าใจเริ่องโลกและ ชีวิตได้ถูกต้องตามความจริงว่า ชีวิตของสัตวโลก ทั้งปวงล้วนตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ จึงคิด พิจารณาหาวิธีพ้นทุกข์อย่างต่อเนื่อง ขณะ เดียวกันก็ตั้งมโนปณิธานว่า เมื่อตนพ้นทุกข์ได้ เด็ดขาดแล้ว จะต้องอนุเคราะห์สัตวโลกทั้งปวง ให้พ้นทุกข์ตามไปด้วย จะไม่ยอมทอดทิ้งใครเลย ซึ่งมีคัพท์เรียกว่า \"พระโพธิสัตว์\"(แปลว่า สัตว์ผู้ ปรารถนาพระโพธิญาณ) ๒. พยายามหาสาเหตุแห่งทุกข์ พร้อมๆ กับการ แสวงหาวิธีพ้นทุกข์ด้วยการมุ่งมั่นทำความดี ด้วยการปาเพ็ญทศบารมีโดยไม่คิดทำความชั่วเลย ทศบารมีนี้ จึงเป็นพื้นฐานในการปฏิบัติมรรค- มีองค์ ๘ ต่อไปอย่างยิ่งยวด จนกระทั่งตรัสรู้เป็น พระสัมมาสัมพทธเจ้า ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันตํภาพโลก www.kalyanamitra.org

๓. เมื่อตรัสรู้แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็ทรงเริ่มเผยแผ่ พระธรรมวินัย เพื่ออนุเคราะห์สรรพสัตว์ทั้งมวล ตามมโนปณิธานที่มีมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นปุธุชน เริ่มสร้างบารมี ในการดำเนินการปลูกฝังอบรมธรรมะให้แก่ผู้คนนั้นทรง มีเทคนิควิธีสำคัญ ๓ ขั้นตอนดังนี้คือ ๑) ทรงสำรวจพื้นฐานแห่งภูมิรูภูมิธรรม หรือ ตถาคตโพธิสัทธาที่ติดตัวข้ามภพข้ามชาติมาของเหล่าคืษย์ แล้วจัดแบ่งกลุ่มตามพื้นฐานเพื่อประสิทธิผลสูงสุดของการ ปลูกฝังอบรมธรรม ๒) สร้างตถาคตโพธิสัทธาในป้จจุบัน ให้เกิดขึ้นแก่ เหล่าคืษย์ ๓) แสดงธรรมโดยย่อหรือพิสดาร ให้เหมาะสมกับ ตถาคตโพธิสัทธาของเหล่าคืษย์ เทคนิควิธีสำคัญทั้ง ๓ ประการนี้ พระองค์ทรงลังสม มานับภพนับชาติไม่ถ้วน จากการทำหน้าที่กัลยาณมิตร ชักชวนชาวโลกสร้างบารมี ๑๐ ทัศ ร่วมกับพระองค์ ตังแต่ ครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์ จนกระทั่งแม้ตรัสรู้เป็นพระสัมมา ล้มพุทธเจ้าแล้ว ก็ยังทรงทำเป็นพุทธกิจประจำวันอยู่เสมอ เทคนิควิธีสำคัญในการอนุเคราะห์สรรพสัตว์นี้ มีคัพท์เรืยกว่า ••วิชชาบรมครู\" ธรรมชาติของพระทุทธเจ้า www.kalyanamitra.org

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า การที่บุคคลใดจะสามารถพัฒนา ตนเอง จนกระทั่งมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโปรด สัตวโลกให้หลุดพันจากการเวียนว่ายตายเกิดได้นั้น จำ เป็น ต้องฝึกฝนอบรมตนเอง ผ่านเสันทางการตรัสรู้ธรรม® มานับภพนับชาติไม่ถ้วนดุจเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์ก่อนๆซึ่งแท้ที่จริง ก็คือ การทุ่มสิวิตเป็นเดิมพันสรัๅงบารมี ๑๐ ทัศ และปฏิฟ้ดิมรรคมีองค์ ๘ ผ่านการบำเพ็ญภารนา เพื่อให้ใจหยุดนิ่งอยู่ในศูนย์กลางกาย'\" อย่างต่อเนิ่องมา นับภพนับซาดิไม่ถ้วน จนกระทั่งตรัสรู้ \"อริยสัจ ๔' ขจัด อาสวกิเลสไต้หมดสินอย่างถาวร เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นเอง พระโพธิสัตว์ \"ก้อนหินทรึอก้อนถ่านเมื่ออยูในสภาวะที่เหมาะสมเป็น เวลานานนับล้านๆ ปี ยังสามารถเปลี่ยนเป็นก้อนเพชรได้ ซากพืชและซากสัตว์ เมื่ออยู่ในสภาวะที่เหมาะสมเป็น เวลานานนับล้านๆ ปี ยังสามารถเปลี่ยนเป็นฟอซซิลได้ ยางไม้เมื่ออยู่ในสภาวะเหมาะสมเป็นเวลานานนับล้านๆ ปี ยังสามารถเปลี่ยนเป็นบุษราคัมได้ ลี่งของไม่มีชีวิตบนโลกใบนี้ เมื่ออยู่ในสภาวะที่เหมาะ สมเป็นเวลานานนับล้านๆ ปี ยังสามารถเปลี่ยนสภาพเป็นลี่ง ลํ้าค่าได้ ฉันใด ® นครสูตร ส.นิ. ๑๖/๖๕/๑๒๘ (มจร.) ^ พระมงคลเทพบุนี(๒๕๓๗)มรดกธรรมของหลวงพ่อรัดปากนํ้า(พระมงคล- เทพมุนี)(กรุงเทพฯ; วัดปากนํ้า ภาษีเจริญ)หน้า ๖๙๙-๗๑๒ ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก ๖ www.kalyanamitra.org

ใจชองผู้มีปัญญาเห็นความจริงของโลกและชีวิตก็เช่นกัน เมื่อการเห็น การจำ การคิด การรู้ของเขา อยู่ในสภาพ แวดล้อมที่เหมาะสม ฝานการล้งสมความดีอย่างต่อเนื่องนับ ภพนับชาติไม่ล้วน ย่อมสามารถแปรสภาพเป็นใจที่ใสสะอาด ปริสุทธ หมดจด จากอาสวกิเลสได้ตลอดกาล ฉันนั้น\" อุปมานี้ต้องการชี้ให้เห็นว่า ปุถุชนธรรมดาๆ คนหนึ่ง หากตั้งใจจะพัฒนาตนเองไปส่การเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วนั้น ย่อมเป็นสิงที่เป็นไปได้ ตำ แหน่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงไม่ใช่สิงผูกขาดไว้ เฉพาะบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นตำแหน่งของกลางที่ได้มา จากการฝึกฝนอบรมตนเองด้วยปัญญาความสามารถของ ตนเอง ที่ตั้งใจทุ่มชีวิตปราบกิเลสอย่างต่อเนึ่องไปทุกว้นๆ ทุกภพทุกชาติ จนกว่ากิเลสจะหมดสิน สามารถตรัสรู้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ต่อไปในเบื้องหน้า ด้วยกำสังความ สามารถของตนเอง อุปมานี้ย่อมเป็นการชี้ให้เห็นว่า ทุกคนในโลกนี้สามารถ ปาเพ็ญบารมีเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ หากมีความตังใจที่ ปราบฃ้าสืกคึอกิเลสในใจอย่างจริงจ้ง แต่เนึ่องจากคนในโลกนี้มีกำสังใจ มีความรู้ มีความ สามารถในการทำความดีไม่เท่ากัน ทำ ให้แมีโลกนี้จะมีพระ สัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดชี้นหลายพระองค์แล้ว แต่ก็ยังมีผู้ ตกค้างอยู่ในวัฏสงสาร เป็นจำนวนมาก ไม่สามารถตาม พระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ หน้านั้นไปได้ทัน ซึ่งก็คือพวกเราที่ยัง ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารเวลานี้ พร;ะโพธํสัตว์ www.kalyanamitra.org

การมาบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ จึงเปรียบเสมือนการส่งไม้ผลัดต่อๆ กันไป เพี่อรื้อสัตว์ขน สัตว์ขึ้นนาวาธรรม ข้ามฝังวัฏสงสารไปส่พระนิพพาน สิงที่น่าหวั่นใจก็คือ ไม่มืใครจะรู้ส่วงหน้าได้เลยว่า อีก นานแค่ไหน จึงจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ต่อไปมาบังเกิด ขนในโลกนี้ ถึงแม้จะมีการยึนยันจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์ปัจจุบันว่า ในอนาคตภายหน้าจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า พระส่รีอริยเมตไตยพุทธเจ้า® มาบังเกิดขึ้นอย่าง แน่นอน แต่ก็ไม่มีหสักประกันว่า ใครบ้างจะมีโอกาสไดไป เกิดในยุคเดียวกับพระองค์ท่าน ตรงนี้เอง ที่ท่าให้เกิดข้อคิดสำคัญขึ้นมาว่า การที่โลกใน ภายหน้าจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ต่อๆไปมาบังเกิดขึ้นได้ โลกในปัจจุบันนี้จะต้องไม่เว้นว่างจากพระโพธิสัตว์ เพราะ ตราบใดที่โลกยังมีพระโพธิสัตว์ ตราบนั้น โลกในอนาคตก็มี หสักประกันว่า จะไม่เว้นว่างจากการบังเกิดขึ้นของพระสัมมา สัมพุทธเจ้า คำ ถามที่น่าสนใจ ก็คือพระโพธิสัตว์เกิดขึ้นได้อย่างไร? จากการคิกษาใน \"ด้มภีร์ธินกาลมาลีปกรณ์\"'\" ซึ่งมีการ บันทึกเรื่องราวการเริ่มต้นตั้งมโนปณิธานเป็นชาติแรกของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน มีเรื่องราวปรากฏด้งนี้ ในพระชาติเริ่มต้นของการปรารถนาพุทธภูมินั้น พระองค์ทรงเกิดเป็นลูกกำพร้า เก็บผักห้กฟินเลี้ยงมารดา ® พุทธปกิณณกกัณฑ์ ชุ.อ. ๓๓/๑๙/๗๒๓(มจร.) ^ พระรัตนปัญญาเถระ(๒๕๑๗)สินกาลมาลีปกรณ์(กรุงเทพฯ:กรมสิลปไกร) (ตีพิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ ร.ต.ท.แสง มนวิฑูร๒๐ ฒษายน๒๕๑๗ ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก ๘ www.kalyanamitra.org

แม้ชีวิตจะยากจนอัตคัดขัดสนยิ่งนัก แต่ก็ได้รับนํ้าใจในยาม ยากจากผู้คนรอบข้างอยู่มากมาย ทำ ให้รอดพ้นการอดตาย มาดรั้งแล้วครั้งเล่า ท่านจึงรู้ล้กชาบซึ้งในพระคุณของผู้มี อุปการคุณยิ่งนัก อยู่มาวันหนึ่งทำ นอยากจะเลี้ยงดูแมให้สุขสบายยิ่งขึ้นจึง ไปขอสมัครเป็นคนงานบนเรือเดินสมุทรที่จะไปทำการค้าใน ต่างแดน แต่เนึ่องจากทั้งครอบครัวของ่ท่าน มีกันแค่สองคน แม่ลูก จึงไม่อาจทิ้งแม่ให้ลำบากอยู่เดียวดาย ท่านจึงไป วิงวอนขอความเมตตากับเจ้าของเรือสินค้า เพี่อขอพามารดา ไปเลี้ยงดูบนเรือด้วย ซึ่งถือว่าเป็นข้อห้ามใหญ่หลวงนัก เจ้าของเรือสินค้าเห็นว่าท่านเป็นคนมีกตัญญกตเวที มีความ รักดีที่จะเลี้ยงแม่ให้สุขสบาย จึงยกเว้นให้เป็นกรณีพิเศษ หลังจากเรือสินค้าเดินทางออกจากท่า มุ่งล่มหาสมุทร ไปแล้วนั้น อุบัติภัยร้ายที่ไม่มีใครคาดคิดก็พลันเกิดขึ้น พายุ ร้ายกลางมหาสมุทรพ้ดโหมกระหนํ่าอย่างน่าสะพรึงกลัว เรือสินค้าทั้งลำที่แล่นมาพร้อมความหวังของคนทั้งเรือ ก็ถูก คลื่นลมพ้ดถาโถมท่าลาย จนเรือแตกกระจาย อับปางลงล่ กันสมุทรทันที เมื่อมห้นตภัยร้ายเกิดขึ้นไม่คาดคิด ความนึกฝึนที่จะ เลี้ยงดูแม่ให้สุขสบายก็ล่มสลายลงไปทันที มองไปทางใด ก็ เห็นมีแต่ความตายรอตนกับแม่อยู่รอบตัว แต่ด้วย \"อำนาจ แห่งความกตัญญกตเวที\" จึงฮึดผู้กับอุปสรรคป้ญหา แม้มอง ออกไปสุดลูกหูลูกตาจะไม่เห็นฝัง แตกมั่นใจว่าหากว่ายข้าม มหาสมุทรไปเรื่อยๆ จะต้องถืงฝังอย่างแน่นอน พระโพธํสัตว์ www.kalyanamitra.org

ด้วยนํ้าใจเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ไม่ยอมแพ้ต่อคลื่นลม มรสุมร้ายในท้องทะเล ด้วยนํ้าใจที่มากด้วยความกตัญฌูกตเวที ไม่ว่าหนทางเบื้องหน้าจะมีอุปสรรคอันใด จะไม่ยอมพาแม่มา รอความตายอยู่ในกลางทะเลพอกำหนดทิศทางของฝังได้แล้ว ก็แบกแม่ไว้บนปา กระโดดลงจากกราบเรือแล้วใช้กำลังของ ลูกผู้ชาย ว่ายช้ามมหาสมุทรไปในทันที ในระหว่างที่กำลังแหวกว่ายอยู่นั้น สองช้างทางที่ว่าย ผ่านไป ก็ได้เห็นผู้คนที่รู้จักมากมาย ต่างพากันทยอยจมหาย ส่กันมหาสมุทรไปต่อหน้าต่อตา ความสะเทีอนใจเช่นนี้ บีบคั้นหัวใจยิ่งน้ก เพราะแต่ละ คนที่จมลงส่กันทะเลนั้น แท้ที่จริงก็คือผู้มีพระคุณที่ตนรู้จัก มักคุ้นทั้งสิน เพราะเมื่อตอนอยู่บนฝัง ท่านเหล่านึ๊ยังไม่ยอม ปล่อยให้ตนกับแม่อดตาย แต่ตนกลับทำได้แค่ว่ายผ่านไป โดยไม่อาจช่วยเหลือใครสักคนเดียว น้บเป็นความอึดอัด ขัดใจตนเองยิ่งน้ก บางคนก็ถูกคลื่นชัดจมหายบางคนก็หมดแรงจมนํ้าตาย บางคนก็ถูกปลาร้ายขยํ้าจมหายไปต่อหน้าต่อตา ภาพสะเทือนใจนี้เอง ที่ไปกระคุ้นเตือนอำนาจความ กตัญญกตเวทีให้คิดสู้กับความตายในวัฏสงสาร ท่านจึงคิด หาหนทางกลางท้องทะเลว่า มีหนทางใดบ้างหรือไม่ ที่จะย้อน กสับมาช่วยเหลือท่านผู้มีพระคุณทุกคนให้รอดพ้นจากห้วง แห่งความตายไปได้ตลอดกาล ในที่สุด ก็พบว่า มีอยู่หนึ่งหนทาง ที่จะย้อนกสับมา ช่วยทุกคนให้รอดพ้นจากความตายได้ นั่นคือ การตรสรู้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศรํโหธา รุ่งอรุณแท่งสันติภาพโลก ®o www.kalyanamitra.org

ด้วยอำนาจแห่งความ!.ข้าใจถูกตามความเป็นจริงของ โลกและข้วิต ด้วยอำนาจของจิตใจที่เด็ดเดี่ยวกับการเผข้ญ ป้ญหา และด้วยอำนาจแห่งความกด้ญญกตเวทีที่คิดจ! 8/^ พ ร่ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในภายหน้า หรือที่เรียกว่า \"ความ ปรารถนาพุทธภูมิ\" นับแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมา เสันทางการเป็นพระโพธิ-สัตว์ ของท่าน ก็เริ่มต้นขึ้นทันที เริ่มด้นขึ้นในขณะที่สองบ่ายัง แบกมารดา สองเท้าไม่จรดแผ่นดิน ผืนนำเด็มไบ่ด้วยคลื่นโถม ทะเลคลั่ง ผืนห็เาเด็มไบ่ด้วยผ่นคะนองลมพายุร้าย ตนเอง ยังแหวกว่ายอยู่กลางมหาสมุทร เมื่อท่านพาแม่ว่ายข้ามฝังมหาสมุทรได้สำเร็จแล้ว ท่าน ก็ตั้งใจปรนนิบัติแม่ด้วยความกต้ญญกตเวทีอย่างดีที่สุดไป ตลอดชีวิต พ้นจากชาตินั้นแล้ว ท่านก็สร้างบารมีรุดหน้า เรื่อยไปอีกนับภพนับชาติไม่ถ้วน จนกระทั่งได้มาตรัสรู้ใน ชาติสุดท้าย เป็นพระสัมมาล้มพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ถ้อยคำ อันเป็นหสักฐานสำ คัญอันเป็นจุดเริ่มต้นการ- สร้างบารมีของพระองค์ท่านนั้น มีบันทีกปรากฎชัดเจนอยู่ใน คัมภีร์ชินกาลมาลีปกรณ์ ด้งนี้ พุทโธห่ โพธิยิสุสามิ มุดฺโตหํ โมเจเย บ่เร ติณโณหํ ตาริยิสฺสามิ ส์สาโรฆา มหพุภยาดิ พร!ะโพธิสัตว์ www.kalyanamitra.org

เราตรัสเแล้ร จะใใพ้ผู้อื่นตรัสรู้ด้วย เราพ้นจากกิเลสแล้ว จะใพ้ผู้อื่นพ้นด้วย เราข้ามโลกได้แล้ว จะให้ผู้อื่นข้ามได้ด้วย มหาสมุทรคือรัฏสงสารมีภัยมาก จากการสืกษๆเรื่องราวการสร้างบารมีในชาติแรกนี้เอง ทำ ให้สังเกตพบ \"ป็จจยส์าด้ญที่ทำให้!ลกเกิดพระโพธิสัตว์\"ซึ่ง มีอยู่ด้วยกัน ฅ ประการ ได้แก่ ประการที่ ๑ คือ ด้องมีความเข้าใจที่ถูกด้องเกี่ยวภับโลก และข้วิตตามความเป็นจริงโดยเฉพาะสัมมาทิฎฐิเบื้องต้น ๑0 ประการ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ทำให้เกิดความเข้าใจในเรื่องกฎแห่ง กรรม เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด และเรื่องเส้นทางการสร้าง บารมีตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า สิงสำคัญที่ต้องทราบก็คือ การที่ใครจะมีความเข้าใจ ถูกและยอมรับเรื่องราวความจริงเหล่านี้!ด้ ต้องเป็นคนที่ สามารถไตร่ตรองเหตุผลอย่างเป็นระบบ ซึ่งจำเป็นจะต้องได้ ร้บการอบรมสังสอนจากกัลยาณมิตรให้มีนิสัยไม่จ้บผิดใคร มา ตั้งแต่เล็กแต่น้อย นั่นคือไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น คนๆ นี้จะไม่มัวไปเสืยเวลาจับผิดใคร หรือไปตามจำว่าใครเคยคิด ร้ายทำร้ายตนไว้อย่างไรบ้าง แต่จะมองกลับมาที่ตัวเอง เพื่อ หาทางแกไขปัญหา และแกไขข้อบกพร่องของตนเองให้หมดไป ดังนั้น นิสัยไม่จับผิดใคร คือ ที่มาของปัญญามองโลกและข้วิต ตามความเป็นจริง ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก eki www.kalyanamitra.org

ประการที่ ๒ คึอ ต้องมีกำลังใจมหาศาลที่จะสักบสารพัด ป้ญหาต้วยการไม่ก่อเวร ไม่ว่าจะประสบทุกข์หนักหนาสาหัส ขนาดไหน ก็ไม่เคยคิดที่จะทำชั่ว เพื่อเอาตัวรอด แต่ยืนหยัด ใช้ปัญญาสู้กับปัญหาด้วยกำลังใจที่ไม่มีวันหมด สิงสำคัญที่ต้องทราบ ก็คือ การที่ใครจะมีกำลังใจสู้กับ ปัญหาด้วยการไม่ก่อเวรนั้น จะต้องถูกฝึกให้ยืนหยัดในโลก กว้าง ด้วย \"นิลัยพึ่งตนเอง\" มาตั้งแต่เล็ก ไม่ว่าจะมีปัญหาใด เกิดขึ้นก็ตาม ไม่เคยถูกฝึกใหไปพื่งเทวาอารักษ์ เจ้าปาเจ้าเขา ภูต ผี ปีศาจ ผีสาง นางไม้ หรือสิงคักดสิทธอึ่นใดให้วุ่นวาย มีแต่ฝึกให้1ช้ปัญญาไตร่ตรองหาเหตุผลเพื่อฝ่าทุกข์ภัยทั้งหลาย ด้วยการพื่งตนเอง ดังนั้น นิลัยพึ่งตนเอง คือ ที่มาของกำลัง โจมหาศาลในการต่อสู้กับสารพัดปัญหาด้วยการไม่ก่อเวร ประการที่ ฅ คือต้องไต้เกิดอยู่ในลังแวดลัอมที่ปมเพาะ ดวามมีนํ้าใจและดวามมั่นใจมาตั้งแต่แก จึงไม่คิดเอาต้ว รอดลำพังคนเดียว สิงสำคัญที่ต้องทราบก็คือ เนื่องจากคนเราที่เกิดมาใน แต่ละชาติ ก็เกิดมาพร้อมกับความไม่รู้ สิงแวดล้อมที่ตนไป เกิดจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดนิสัยและความเช้าใจถูก เกี่ยวกับโลกและชีวิตของคนเรา โดยทั่วไปสิงแวดล้อม แปงออกเป็น ๒ ประ๓ทใหญ่ ได้แก่สิงแวดล้อมที่เป็นบุคคล และสิงแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ กล่าวคือ ในด้านลังแวดล้อมที่เป็นบุคคล เป็นผู้ที่ไต้เกิด อยู่ในลังคมที่มีคนดีอยู่มากมาย เมื่อถึงคราวที่ตนประสบทุกข์ ยากลำบาก ก็ได้รับการหยิบยื่นนํ้าใจในยามยากมามากล้น พระโพธิสัตว์ www.kalyanamitra.org

จนกระทั่งสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ ความรู้สีกชาบชึ้งใจใน พระคุณที่ผู้อึ่นไม่ปล่อยทิ้งตนให้ตายไปโดยไม่เหลียวแลนี้เอง จึงมีดวามรู้ลีกว่าตนอาด้ยอยู่ท่ามกลางพ่อแม่ญาติพี่น้องที่ มากด้วยความเมตตากรุณาต่อตน และจะต้องหาทาง ตอบแหนพระคุณให้สมกับที่เขาเหล่านั้นท่าดีกับตนให้ได้ นํ้าใจกรุณาต่อเพี่อนมนุษย์ จึงถูกปมเพาะขึ้นมาจากอำนาจ ความกตัญญกตเวที ที่เขามีต่อบุคคลแวดล้อม ผู้เปียมด้วย ความเมตตากรุณาต่อเขามาก่อนนี้เอง พูดง่ายๆ ก็คือ นํ้าใจในยามยากที่เขาได้รับจากผู้คน รอบตัว คือสิงปมเพาะความกตัญญกตเวทีให้เกิดขึ้นในตัว ของเขา ท่าให้เขาจ้องหาโอกาสตอบแหนพระคุณผู้มีคุณทุก คนเรื่อยมา ด้งนั้น นิสัยกตัญฌูกตเวที คือ ที่มาของความมีนํ้าใจ กรุณาต่อคนทั้งโลกมีความรู้ลีกว่าทุกคนเป็นดุจดั่งพ่อแม่ญาติ พี่น้องแท้ๆ ของตนเอง ด้งพูหธพจน1น อนฟ้4ตัคคสังยุต ทุติย วรรค® ที่ตรัสว่า \"ภิกษุทั้งหลาย ... สัตว์ผู้ไม่เคยเป็นมารดา-บิดา- บุตร-ธิดา-พี่ชายน้องชาย-พี่สาวน้องสาว โดยกาล นานนี้ มิใช่หาได้ง่ายเลย\" ส่วนด้านสิงแวดล้อมตามธรรมชาติ จำ เป็นอย่างยิ่งจะ ต้องอยู่ในสิงแวดล้อมที่ไม่ทำลายความมั่นใจในตนเองนั่นคือ ไม่เกิดอยู่ในถิ่นฐานที่เต็มไปด้วยความแร้นแค้นจนสินไร้ หนทาง ๑ ส.นิ. ๑๖/๑๓๗-๑๔๒/๒๒๗-๒๒๙(มจร.) ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก www.kalyanamitra.org

เนื่องจากว่าชีวิตของคนเราอยู่ได้ด้วยปัจจัย ๔จึงจำเป็น ต้องได้ถิ่นฐานที่มีความอุดมสมบูรณ1นการทำการเกษตรเป็น ปัจจัยสำคัญ ผู้ที่เกิดอยู่ในถิ่นฐานแรนแค้น ฝนฟ้าไม่ตกต้อง ตามฤดูกาล แม้จะขยันทำมาหากินจนสุดชีวิตขนาดไหน แต่ ผลตอบแทนที่ได้รับ กลับไม่ได้ขึ้นอยู่กับความขยัน แต่ขึ้นอยู่ กับความไม่แน่นอนของสภาพดินฟ้าอากาศ ถ้าปีไหนฝนแล้ง ถึงขยันมาก ก็ได้ผลตอบแทนน้อยอยู่เหมือนเดิม ถ้าปีไหน ฝนตกมาก ถึงขยันมาก แต่พอนํ้าท่วมหนัก ก็สินเนื้อประดาตัว เมื่อความสำเร็จในชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับความขยัน ความ มั่นใจในด้วเองก็จะหย่อนลงไป ความเชื่อที่เป็นเหตุและผลก็จะ เลือนลางหายไปด้วย และจะถูกแทนที่ด้วยความเชื่อที่ไม่เป็น เหตุเป็นผล เช่น ดวงชะตาราสี มดถ่อหมอดู ผีสางนางไม้ ภูตผีปีศาจ เจ้าปาเจ้าเขา และการบนบานศาลกล่าวต่อสิง คักดสิทธตามความเชื่อต่างๆ เป็นต้น ดังนั้น การอยู่ในสิงแวดล้อมตามธรรมชาติที่เหมาะสม ไม่โหดร้ายถึงขั้นบีบคั้นกันจนตาย อย่างน้อยที่สุด ยังเหลือ ช่องทางให้เก็บผักหักฟืนเลี้ยงชีวิตไปวันๆ ได้ ยังเหลือความ หวังให้สามารถอาคัยความขยันให้พลิกฟืนชีวิตขึ้นมาได้ ย่อม ทำ ให้ความเชื่อมั่นที่เป็นเหตุเป็นผลไม่ถูกทำลายจึงเป็นที่มาของ ความมั่นใจในตนเอง เพราะเหตุนื้ ด้วยอำนาจแห่งความกด้ญฌูกตเวทีและ ความมั่นใจที่เกิดจากการหล่อหลอมจากสิงแวดล้อมที่ดีนีเอง จึงเป็นที่มาของความมีนํ้าใจต่อเพื่อ!เมนุษย์ไม่คิดเอาตวรอค แต่สำพงคนเดียว ๑๕ พระโพธสัตว์ www.kalyanamitra.org

ดังนั้น ปัจจัยที่ทำให้เกิดพระโพธิสัตว์ทั้ง ๓ ประการนี้ เอง จึงทำให้แนใจว่า การบัง๓๑ขึ้นของพระโพธิสัตว์แต่ละ พระองค์ ย่อมไฝได้๓๑จากพรหมหรือสิงสักดิสิทธิอื่นใดเป็น ผู้๑ลบัน๑าลจิดให้๑๑เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน แต่แท้จริงแล้ว ความตั้งจิตคิดเป็นพระพุทธเจ้านั้น เกิดจากคุณธรรมนํ้าใจของมหาบุรุษ ผู้มีความกตัญญกตเวที อยู่เปียมล้น มีปัญญามองโลกและชีวิตว่า แท้จริงตนติดอยู่ ในวังวนแห่งทุกข์ จึงคิดแหกคุก คือ วัฏสงสาร และมีกำสังใจ มหาศาลที่จะผู้ทำความดีอย่างทุ่มชีวิตเป็นเดิมพัน จึงตั้งมโน ปณิธานเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อช่วยชาวโลก(ซึ่งเปรียบ เหมีอนญาติพื่น้อง)ให้พันคุก คือ วัฏสงสารน!ปดัวยกัน ธรรมบรรยายทั้งหมดนี้ คือ ความเป็นมา และ คุณสักษณะหรีอคุณสมบัติของ พระโพธิสัตว์ ความรู้๓ยวเทัเวัฏสงสาร จากการคิกษาเรื่องปัจจัยที่ทำให้โลกไม่เว้นว่างจาก พระโพธิสัตว์ดังกล่าวนั้น ยังมีข้อสังเกตให้สนใจคิกษาต่อไป อีกว่า แม้วัฏสงสารนี้จะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้น หลายพระองค์แล้ว แต่เหตุใดยังมีชาวโลกตกค้างอยู่มากมาย ทำ ไมสังสารวัฏจึงไม่ว่างเปล่าจากการเวียนว่ายตายเกิดสักที ในเบื้องต้นก็พอจะค้นหาตอบไค้ว่า ประการแรก คือ วัฏสงสารนี้กว้างใหญ่จนไม่อาจรู้เบื้อง ต้นและที่สุดได้ จึงมีหมู่สัตว์ตกค้างมากมาย กระจัดกระจาย อยู่ทั่วทั้งวัฏสงสาร ศรัทธารุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก ๑๖ www.kalyanamitra.org

ประการที่สอง คือ การที่พระโพธิสัตว์เจ้าองค์ใดจะรื้อขน สรรพสัตว์ให้หมดไปจากวัฏสงสารได้นั้น จะต้องสร้างบารมี โปรดสัตว์ยาวนานเป็นพิเศษกว่าองค์อื่นๆ จะต้องสร้างบารมี ไปจนกระทั่งนำพาสรรพสัตว์น้อยใหญ่เข้าพระนิพพานไปจน มาบังเกิดขึ้นไต้ นอกจากท่านจะต้องเป็นผู้มีความรู้ความ เข้าใจอันลึกซึ้งในเรื่องวัฏสงสารแล้ว ท่านยังจะต้องมีดวาม กรุณามหาศาลที่จะอุทิศตนสร้างบารมีไปให้ถึงที่สุดแห่งการ รื้อวัฏสงสารนั้นอีกต้วย จากเหตุผลสองประการนี้ ก็คงพอให้พวกเราเกิดความ เข้าใจว่า เหตุใดวัฏสงสารจึงไม่ว่างเปล่าจากการเวียนว่ายตาย เกิดสักที ดังนั้นจึงเป็นเครื่องยืนยันว่า การที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ละพระองค์จะมาบังเกิดขึ้นจึงไม่ใช่ของง่าย เพราะอย่าง น้อยที่สุด แม้ผู้เริ่มคิดจะไปเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น จะ ต้องมีความเข้าใจในเรื่องวัฏสงสารที่ชัดเจนทีเดียว แต่การจะมีความเข้าใจเรื่องวัฏสงสารอย่างต่อเนื่องไป ทุกภพทุกชาติก็ไมใช่ของง่าย หากไม่ไต้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์ก่อนๆ ที่ตรัสรู้ล่วงหน้าไปแล้ว นำ ความรู้มาเปิดเผยให้ ทราบ พร้อมทั้งมีการล่งต่อความรู้เรื่องวัฏสงสารเป็นทอดๆ จากพระพุทธเจ้าองค์หนื่งไปล่พระพุทธเจ้าอีกองค์หนื่ง การ ค้นคว้าเรื่องนี้เองเพียงลำพังก็มิใช่ของง่าย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของเรา ไต้เปิดเผย ให้สภาพที่เป็นจริงของวัฏสงสารไว้ว่า ๑๗ ความรู้๓ยวกับวัฎสงสาร www.kalyanamitra.org

คนเราแต่ละคนต่างเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารมา นานแสนนาน นับภพนับชาติไม่ถ้วน แต่ละคนต่างต้องผจญ ถ้บความระทมทุกข์ถึงกับต้องหลั่งนํ้าตาอยู่เสมอมา ถ้าถามว่าพวกเราต่างเวียนตายเวียนเกิดกันมานานขนาด ไหน ก็อาจตอบได้ด้วยถ้อยคำอุปมาว่า นานแสนนานขนาด ปริมาณนํ้าตาของแต่ละคนในแต่ละชาติที่ได้เกิดมาเป็นคนนั้น ถ้านำมากักเก็บไว้รวมกันแล้วมีประมาณมากกว่านํ้าใน มหาสมุทรทั้ง ๔ดังพุทธพจนIนอสสุสูตร® ที่ตรัสถามและตอบ เหล่าพุทธสาวกตอนหนึ่งดังนี้ \"เธอทั้งหลายได้ประสบความตายของมารดาช้า นาน...ของบิดา...ของพี่ชายน้องชาย...ของพี่สาว น้องสาว...ของบุตร...ของธิดา...ความเสือมของ ญาติ...ความเสือมแห่งโภคะ ความเสือมเพราะโรค มาช้านาน...นํ้าตาที่หลั่งไหลของเธอทั้งหลายผู้ ประสบความเสือมเพราะโรค ครํ่าครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบกับสิงที่ไม่นำพอใจ เพราะพลัดพราก จากสิงที่พอใจนี้แหละมากกว่าส่วนนํ้าในมหาสมุทร ทั้ง ๔ไม่มากกว่าเลย ช้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะว่าสงสาร'\"นี้มีเบื้อง ต้นและเบื้องปลายรู!ม่ได้ ฯลฯ\" นอกจากนี้ พระสัมมาล้มพุทธเจ้าได้ตรัสแสดงเกี่ยวกับ เรื่องสังสารวัฏอันหาเบื้องต้นเบื้องปลายมิไดั ไว้อีกหลาย ® ส.นิ. ๑๖/๑๒๖/๒๑๗ {มจร.) ^ สงสาร ในที่นี้หมายถึง วัฏสงสาร คือสภาพการเวียนว่ายตายเกิดมายาวนาน นับภพนับชาติไม่ถ้วน จนไม่อาจรู้ถึงจุดเริ่มต้น และสินสุด ศรัทธารุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก ๑๘ www.kalyanamitra.org

พระสูตร เช่นในขีรสูตร®ได้ตรัสแสดงว่า นํ้านมารดาที่คนเรา แต่ละคนเคยดื่มมานั้นเมื่อประมวลรวมกันแล้วมีปริมาณมาก กว่านํ้าในมหาสมุทรทั้ง ๔ ด้งนี้ \"ภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้มีเบื้องด้นเบื้องปลายรู้ ไม่ได้ฯลฯ เธอทั้งหลายจะเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร นํ้านมของมารดาที่เธอทั้งหลายผู้วนเวียนท่องเที่ยว ไปโดยกาลนานนี้ดื่มแล้ว กับนํ้าในมหาสมุทรทั้ง ๔ อย่างไหนจะมากกว่ากัน ...ถูกต้องแล้ว นํ้านมของมารดาที่เธอทั้งหลายผู้วน เวียนท่องเที่ยวไปโดยกาลนานนี้ดื่มแล้ว นี้แหละ มากกว่า ส่วนนํ้าในมหาสมุทรทั้ง ๔ไม่มากกว่าเลย\" นี้คือสภาพยาวนานอันเป็นทุกข์ของการเวียนว่ายตายเกิด ในวัฏสงสาร ด้งนั้น การที่พระสัมมาล้มพุทธเจ้าแต่ละ พระองค์ทั้งในอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต ทรงอยู่รั้งรอช่วยเหลือ หมุ่สัตว์ให้พ้นทุกข์ ไม่ยอมข้ามวัฏสงสารไปเพียงลำพัง พระองค์เดียวนั้น พระคุณในมหากรุณาธิคุณของพระองค์จึง สุดที่จะประมาณเกินกว่าจะหาสิงใดๆ มาเปรียบปานได้ พระองค์จึงทรงเป็นผู้สมควรแก่กราบไหว้บูชาของมหาชน ทั้งหลาย ในฐานะที่พวกเรายังเป็นผู้ติดค้างอยู่ในวัฏสงสารแห่งนี้ จึงมีสิงที่น่าสนใจคืกษาในเรื่องเกี่ยวกับวัฏสงสารนี้ต่อไปอีก นั่นคือในขณะที่พระสัมมาล้มพุทธเจ้ายังทรงเป็นพระโพธิสัตว์ อยู่นั้น พระองค์ทรงบุกฝ่าความมีดมิดคืออวิชชา ที่เป็นตัว ® ส.นิ. ๑๖/๑๒๗/๒๑๙(มจร.) aaf ความรู้๓ยวกับวัฎสงสาร www.kalyanamitra.org

ปิดกั้นความรู!นแต่ละภพชาติให้แยกขาดจากกันมาได้อย่างไร จึงทรงสามารถจับทางถูก จนกระทั่งบุกเบิกหนทางการหลุด พ้นจากวัฏสงสารนี้มาได้สำเร็จ ทั้งนี้เพราะแม้แต่พระพุทธ องค์เอง เมื่อทรงประกาศธรรมแล้ว ก็ยังตรัสบอกชาวโลกไว้ว่า โลกนี้มืดมน® คนในโลกนี้ น้อยคนนักจักเห็น แจ้ง น้อยคนนักจักไปสวรรค์'\" เหมือนนกติดข่าย น้อยตัวนักที่จะพ้นจากข่าย ฉะนั้น'\" จากพุทธพจน์บทนี้เมื่อนำมาพิจารณาตามความเป็นจริง ของโลกและชีวิต ก็จะพบว่า แท้ที่จริง บุคคลปกติโดยทั่วไป แม้ยังไม่เคยเจริญภาวนา ต่างตระหนักดีว่าชีวิตของคนเรานั้น เป็นทุกข์ คนจนก็เป็นทุกข์เพราะความขาดแคลนยากไร้ ปัจจัย ๔เป็นสำคัญ หรือกล่าวสันๆ ได้ว่า เป็นทุกข์เพราะไม่มี ส่วนคนรํ่ารวยก็เป็นทุกข์เพราะไม่สมปรารถนาด้วยเรื่องต่างๆ หรือกล่าวสันๆ ได้ว่าเป็นทุกข์เพราะไม่พอ คนมืปัญญาน้อย เมื่อยามเผชิญทุกข์อย่างแสนสาหัสก็ถึงกับฆ่าตัวตาย ด้งมื เรื่องราวปรากฏทุกยุคทุกสม้ย แตในบรรดาผู้ที่เผชิญทุกข์ดุจเดียวกับผู้อื่นนั้น ย่อมมื ผู้มืปัญญามากปะปนอยู่ด้วย ผู้ที่มืปัญญาจริงๆ ย่อมไม่คิดสัน ฆ่าตัวตาย แต่จะพยายามสีบสาวสาเหตุแห่งทุกข์ให้พบ ทำ ให้ ® โลกนี้มีดมนหมายถึงโลกิยมหาซนในโลกนี้ เป็นผู้มีดบอด เพราะไม่มีปัญญา จักชุ' (ชุ.ธ.อ. ๖/๓๙) ^ หมายถึง มีน้อยคนที่จะเห็นแจ้งไตรลักษณ์ ที่จะไปสุคติภูมิ หรือที่จะบรรลุ นิพพาน (ชุ.ธ.อ. ๖/๗/๓๙) ^ เปสการเตาวัตถุ ชุ.ธ. ๒(17๑๗๔/๘๗(มจร.) ศรัทธา รุ่งอรุณแห่งสันติภาพโลก too www.kalyanamitra.org

สามารถไตร่ตรองความจริงของโลกและชีวิตในเรื่องสัมมาทิฏฐิ เบื้องต้น๑๐ ประการ® ด้วยความคิดที่เป็นระบบ แม้จะยังระลึก ชาติไม่ได้ แต่ก็มีความแน่ใจในเรื่องกฎแห่งกรรมว'ามีจริง แนใจเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดว่ามีจริง แนใจเรื่องการหลุดพ้น จากวัฏสงสารไปได้ว่ามีจริง ความรู้ความเข้าใจอันเกิดจากการ ไตร่ตรองด้วยเหตุผลในเรื่องสัมมาทิฏฐิเบื้องต้นอันเป็นแสง เงินแสงทองของชีวิตนี้เอง ทำ ให้จับประเด็นชีวิตได้ถูกต้องว่า \"ชีวิตนี้เหมือนลอยคออยู่ในทะเลทุกข์การข้ามฝืงทะเล ทุกข์คือวัฏสงสารไปไต้ ย่อมเป็นสุขอิสระอย่างยิ่ง\" ด้งตัวอย่างของสุเมธมานพ'°หรือก็คืออดีตชาติของพระ- สัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันขณะยงเป็นสุเมธโพธิสัตว์ ก่อน ที่ท่านจะตัดสินใจออกบวชในชาตินั้น ท่านนั่งอยู่ในที่เงียบสงัด ได้ใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองความเป็นจริงของชีวิต จน กระทั่งจับประเด็นถูกว่า \"การเกิดในภพใหม่ และการแตกไปแห่งสัรืระ เป็นทุกข์ ความหลงตายเป็นทุกข์ ชีวิตถูกชรายํ่ายี เรามีความเกิด ความแก่ ความปวยไข้เป็น ธรรมดา เราจักแสวงหาพระนิพพาน ที่ไม่แก่ ไม่ตาย เป็นแดนเกษม เอาเถิด เราควรเป็นผู้ไม่มีความห่วงใย ไม่มี ความต้องการ ละทิ้งร่างกายที่เบื่เอยเน่า เต็มไปด้วย ซากศพต่างๆ นี้Iปเสิย ® สัมมาทิฎฐิเบื้องต้น ๑๐ ประการ มีอธิบายไว้ใน บทที่ ๕ปอเกิดตถาคตโพธิ สัทธา ^ สุเมธกถา ชุ.พทธ. ๓๓/๖-๑๒/๕๖๘-๕๖๙(มจร.) ๒® ความรู้เกี่ยวกับวัฏสงสาร www.kalyanamitra.org