Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ

หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ

Description: หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ

Search

Read the Text Version

www.webkal.org เนืองๆ นนั้ เปน็ ไฉนเล่า ... เห็นกายในกายเนอื งๆ อยู่ ถา้ เหน็ เขา้ แล้ว ทำาใหอ้ าตาป เพยี รเทียว เพยี รใหเ้ ห็นอยูเ่ สมอน้นั ไมเ่ ผลอ ทีเดยี ว อาตาป สมฺปชาโน รรู้ อบคอบอยู่ เพยี รแล้วก็รรู้ อบคอบ สติมา มสี ติด้วย ไม่เผลอ รรู้ อบคอบไมเ่ ผลอ วิเนยยฺ โลเก อภิ ชฺ าโทมนสสฺ ํ คอยกำาจดั อภิชฌา ความเพง่ เฉพาะอยากได้ และ ความโทมนสั เสยี ใจ ... ไอด้ ใี จเสยี ใจนแี่ หละอยา่ ใหเ้ ลด็ ลอดเขา้ ไป ไดท้ ีเดียว (รธ. 574-5) ข้อท่ี 2 คือ เวทนาสุ เวทนานปุ สฺสี วิหรติ อาตาป สมปฺ ชาโน สตมิ า วเิ นยยฺ โลเก อภิชฺ าโทมนสสฺ ํ เห็นเวทนาในเวทนา เนอื งๆ อยู่ มคี วามเพยี รเปน็ เครอื่ งเผายงั กเิ ลสใหเ้ รา่ รอ้ น มคี วาม รอบคอบ มสี ติมนั่ ไม่ฟนั เฟือนนำาอภชิ ฌาโทมนัสในโลกออกเสยี ไมใ่ หล้ อดเล็ดเขา้ ไปได้ นี่ส่วนเวทนา ฯลฯ (รธ. 575) ในขณะทพ่ี ระสตู รสอนใหเ้ หน็ ทกุ สง่ิ วา่ งเปลา่ แตใ่ นเวลาเดยี วกนั กส็ อน ให้ “หม่ันระลึกถึงพระพุทธองค์ผู้บริบูรณ์ด้วยบุญลักษณะตั้งร้อย งดงามน่า ทศั นาดจุ ภาพทองคาำ และสวา่ งไสวไปท่วั ทุกทิศ” และยังสอนให้ “นอบน้อม บูชาพระพทุ ธเจ้าท้งั หลาย ท้งั ในอดตี อนาคต และปัจจุบนั ดว้ ยจติ ท่เี ลอ่ื มใส ด้วยดอกไม้ ของหอม เคร่ืองลูบไล้ อาหารและเครื่องด่ืม” หรือ “วาดภาพ พระพุทธองค์ขนาดใหญ่ลงบนผืนผ้า ให้บริบูรณ์ด้วยพระลักษณะ งดงามดัง ทองคาำ ไมม่ ที ตี่ ”ิ เปน็ ตน้ ซงึ่ จะมอี านสิ งสใ์ หเ้ ขา้ ถงึ “สมาธนิ ”ี้ ไดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย ดว้ ย ดงั นนั้ แฮรสิ นั ผแู้ ปลพระสตู รจงึ วจิ ารณไ์ วว้ า่ เปน็ พระสตู รทป่ี ระนปี ระนอม หลักคำาสอนของสาย “เห็นพระ” ที่มักสอนว่าพระพุทธเจ้าในพุทธเกษตร บทที 3 คนั ธาระ เอเชยี กลาง และประเทศจนี | 269

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ ทั้งหลายนั้นมีตัวตนอยู่จริง กับคำาสอนสาย “ปรัชญาปารมิตา” ท่ีสอนเรื่อง สุญญตาเข้าดว้ ยกนั ได้เป็นอย่างดี ในมุมมองเชิงประวัติศาสตร์ การที่เน้ือหาพระสูตรแสดงถึงความ พยายามไกล่เกลี่ยคำาสอนของท้ังสองสายดังกล่าวนั้น บ่งชี้ว่า ก่อนหน้าการ ประพันธ์พระสูตรน้ี ต้องมีการปฏิบัติแบบเห็นพระและความเชื่อว่าองค์พระ น้ันเป็นตัวตนมาก่อนแล้ว ซ่ึงพระสูตรน้ีรับรองประสบการณ์ในการเห็นพระ (หลักการของสายเห็นพระ) แต่สอนให้มองทุกอย่างว่างเปล่าเพ่ือความไม่ยึด มนั่ ถือมัน่ ในตัวตนใดๆ ซง่ึ เปน็ หลกั การของสายสุญญตา หากมองในแง่ของความสอดคล้องกันกับหลักการของวิชชาธรรมกาย นับว่าพระสูตรนี้สอดคล้องกันกับหลักการของวิชชาธรรมกายในแง่ของการ ปฏิบัติที่รับรองประสบการณ์ในการเห็นพระพร้อมกับสอนหลักในการวางใจ ไมใ่ หเ้ กดิ ความยึดตดิ ในสงิ่ ที่เหน็ เมอ่ื เหน็ แสงสวา่ งอะไรปรากฏขนึ้ กใ็ หท้ าำ ใจนงิ่ เฉยไวต้ รง นน้ั และถา้ เหน็ วตั ถอุ ะไรจะเปน็ ดอกไม้ ใบไม้ กอ้ นเมฆ หรอื อะไร โผลข่ ้ึนตรงนนั้ ก็เฝาดสู ่ิงน้ันเรือ่ ยไป อย่าเลอื ก อยา่ นกึ ถงึ สิ่งอื่น แลว้ สง่ิ ทเี่ ราเหน็ นนั้ จะเปลย่ี นแปลงไปเอง อยา่ รบี เรง่ อยา่ อยาก เหน็ นนั่ เหน็ น่ี ทาำ ถูกตามวิธีแล้วจะเห็นเอง เมอื่ ยังไม่เหน็ อะไรก็ อย่าเสียใจ จะตอ้ งเห็นจนได้อยา่ งแนน่ อนไม่ตอ้ งสงสยั เมือ่ เห็น แลว้ อยา่ ดใี จ วางใจเฉยๆ ไว้ ดเู รอ่ื ยไปตามปกติ อยา่ ตน่ื เตน้ อยา่ ดีใจ อยา่ เสยี ใจ (ดู 2.2.1) 270 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org การทที่ ่านแนะนาำ ให้วางใจเฉยๆ ไม่ตื่นเต้น ไม่ดใี จ ไมเ่ สยี ใจ ไมใ่ ห้ยดึ ติดกับสิ่งท่ีเห็นอยู่ ทั้งในแง่ของความชอบและความชัง เป็นหลักการท่ีทำาให้ ใจหยุดนิง่ ย่งิ ไปกวา่ เดมิ ดังทพ่ี ระมงคลเทพมนุ ีเรยี กวา่ “หยุดในหยุด” เพื่อให้ ใจปลอ่ ยผา่ นประสบการณท์ เ่ี ขา้ ถงึ ในปจั จบุ นั เขา้ ไปสรู่ ะดบั ทลี่ ะเอยี ดยงิ่ ขนึ้ ได้ วิธีการทำาสมาธิที่ระบุไว้ในปรัตยุตปันนสมาธิสูตรนี้ เป็นการทำาสมาธิ ท่ีแนะนำาสำาหรับพระโพธิสัตว์ทั้งหลายเพื่อพัฒนาคุณธรรม คุณสมบัติ และ คุณวิเศษ ของพระโพธิสัตว์ให้เป็นผู้ตรัสรู้ธรรม โดยระลึกถึงพุทธคุณของ พระพทุ ธเจา้ ทท่ี ราบวา่ มอี ยใู่ นทศิ ใดทศิ หนง่ึ หรอื ระลกึ ถงึ พระนามของพระองค์ (เช่น อมิตาภพุทธเจ้า ในทิศตะวันตก เป็นต้น) มีจิตไม่วอกแวก ระลึกถึง พระพุทธเจา้ อยรู่ ่าำ ไป และมใี จไมต่ ดิ ในคน สตั ว์ สิง่ ของ ฯลฯ ในที่สุดจะเหน็ ภาพพระพุทธเจ้าปรากฏอยู่ต่อหน้า หรือมิฉะน้ันก็จะเห็นในความฝัน มีรูป งดงามเหมือนแก้วไพฑูรย์ และได้ฟังคาำ สอนจากพระองค์ด้วย นอกจากน้ี มีข้อความท่ีนา่ สนใจจากพระสูตรซึง่ สอดคลอ้ งกันกับวชิ ชา ธรรมกายดังนี้ เมื่อตามเห็นกายในกายเข้าไปเรื่อยๆ แล้ว ด้วยความท่ี ไมย่ ดึ ตดิ (หรือใส่ใจ) ในรปู ฯลฯ พระโพธสิ ัตวไ์ มเ่ หน็ ธรรมะใดๆ ทั้งส้ิน แต่กระน้ันท่านก็ไม่คิดฟุงซ่าน และก็ไม่ได้ตาบอดหรือ หูหนวกแต่อย่างใด ท่านไม่มีความยึดติด และไม่มีความสงสัย ในธรรม และ “เม่ือใส่ใจที่จะเห็น” ก็จะมองเห็นพระพุทธเจ้า จาำ นวนมาก พระอรหันต์จำานวนมากได้ บทที 3 คนั ธาระ เอเชยี กลาง และประเทศจีน | 271

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคัมภรี ์พทุ ธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ ในแง่ของฐานท่ีตั้งของส่ิงท่ีเห็น ในขณะที่วิชชาธรรมกายรับรองสิ่งที่ เห็นใน “กลางกาย” หรือสภาวธรรมละเอียดท่ีเข้าถึงได้ภายในสภาวะหยาบ ภายนอก ปรัตยุตปันนสมาธิสูตรมักกล่าวว่า “เห็นเหมือนปรากฏอยู่เฉพาะ หน้า” อย่างไรก็ดี เป็นไปได้ว่าข้อความดังกล่าวอาจมิได้เจาะจงว่าต้องเป็น ตอ่ หน้าต่อตาของกายมนุษย์หยาบอยา่ งน้เี ท่านน้ั คืออาจเปน็ เพยี งการเปรยี บ เทยี บวา่ ชดั เจนเสมอื นปรากฏอยเู่ ฉพาะหนา้ กไ็ ด้ ดงั นนั้ ความเหมอื นหรอื ความ แตกต่างกันกบั หลกั การของวชิ ชาธรรมกายในแงน่ ้ีจงึ ยังสรปุ ไดไ้ ม่ชัดเจน 3.3.2.2. สมาธิราชสตู ร100 สมาธริ าชสตู ร เปน็ คมั ภรี ม์ หายานทส่ี นั นษิ ฐานวา่ เปน็ ของสายมาธยมกิ ะ ทเ่ี ขยี นขน้ึ ระหวา่ งกลางพทุ ธศตวรรษท่ี 7-8 (ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 2)101 พบตวั คมั ภรี ์ ใบลาน 2 แห่งในแคว้นคันธาระ คอื ทเี่ มอื งกิลกิตและท่บี ามยิ ัน ทง้ั คูเ่ ขยี นด้วย อกั ษรทเี่ รยี กวา่ “กลิ กติ -บามยิ นั แบบที่ 1” (Gilgit-Bamiyan Type I) บง่ บอก วา่ นา่ จะคดั ลอกมาราวกลางพทุ ธศตวรรษท่ี 11-13102 ซง่ึ แตกตา่ งจากอายคุ มั ภรี ์ จากกลิ กติ ท่ีดัทท์เคยประเมนิ ไว้ (Dutt 1939: ii) ในยคุ แรกเรมิ่ ของการศึกษา คัมภีรจ์ ากกิลกติ ไปราว 1-2 ศตวรรษ เนื้อหาของคัมภรี จ์ ากบามยิ นั และกลิ กติ 100 เนื้อหาจากงานวิจัย “ร่องรอยวิชชาธรรมกายในคันธาระและเอเชียกลาง” (ชนิดา จันทราศรีไศล 2557) 101 me และ Silk ให้ความเห็นวา่ ขอ้ สนั นษิ ฐานทั้งหลายเก่ยี วกบั ประวัตคิ วามเปน็ มาของคมั ภรี น์ ้ี ยังไมม่ ีอะไรที่แน่นอน ( me and Silk 1989: 14) อยา่ งไรกด็ ี ช่อื “สมาธริ าช” มอี ้างอิงอยูใ่ น คมั ภรี ม์ หายานอน่ื ๆ จาำ นวนมาก รวมทงั้ ชนิ้ สว่ นคมั ภรี ป์ ญั จวงิ สตสิ าหสรกิ าและอษั ฏสาหสรกิ าปรชั ญา ปารมติ าท่ีพบจากเอเชยี กลาง (Bidyabinod 1927) ซงึ่ อาจเป็นตัวบ่งชว้ี ่า เน้อื หาของสมาธิราชสตู ร อาจจะเกา่ แกก่ วา่ ทนี่ ักวิชาการสันนิษฐานกนั ไว้ 102 คอื ราวครสิ ต์ศตวรรษที่ 6-7 (Skilton 2002: 97. f. Sander 2000b: 295) 272 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org ใกลเ้ คยี งกนั มาก (Skilton 2002: 100) นอกจากนี้ คมั ภรี น์ ยี้ งั พบในเอเชยี กลาง อกี ดว้ ย103 แสดงวา่ นา่ จะเป็นพระสูตรที่นยิ มศึกษากันในทัง้ สองพื้นท่ี ในบทที่ 4 ท่ีชอื่ วา่ พุทธานุสตปิ รวิ รรต มีเนื้อหากลา่ วถึงการทาำ สมาธิ สำาหรับพระโพธิสัตว์ โดยการระลึกถึงพระรูปกายและพระพุทธคุณ มีเนื้อหา ทั้งหมด 25 คาถา ชิ้นส่วนจากบามิยันตรงกับเนื้อหาของคาถาท่ี 16-25 (Skilton 2002: 106-7) ส่วนคาถาอื่นๆ นอกจากน้ีนำามาจากคัมภีร์ที่พบที่ กลิ กติ และเนปาล (Gómez and Silk 1989: 75-8) มปี ระเด็นที่น่าสนใจดงั นี้ 1. การทจ่ี ะเข้าถึง “สมาธนิ ”้ี ไดโ้ ดยไม่ยากนั้น ต้องอย่บู นพ้ืนฐานของ ศีลและคุณธรรมหลายประการ เช่น ไม่คบคนพาล คบกัลยาณมิตร ยินดีใน ธุดงควัตร ไม่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ เจริญเมตตาภาวนา มีศีลบริสุทธ์ิ เป็นต้น (คาถาท่ี 2 และ 3) หลักการนี้สอดคล้องกันกับที่กล่าวไว้ในพระไตรปิฎกบาลี เช่น เมฆิย สูตร ในอังคุตตรนิกาย กลา่ วถงึ การเจริญภาวนาท่จี ะทำาใหเ้ จโตวมิ ุตตแิ ก่รอบ ต้องอยบู่ นพนื้ ฐานของคุณธรรม เช่น การคบกัลยาณมติ ร การมศี ลี บรสิ ุทธอิ์ ัน เปน็ ไปเพ่ือสมาธิ เปน็ ตน้ (องฺ.นวก. 23/207/369) ส่วนในคำาสอนธรรมกาย พระมงคลเทพมุนีกล่าวไว้ในทำานองเดียวกัน ว่า “การเหน็ ดวงธรรมทท่ี าำ ใหเ้ ป็นกายมนษุ ย์ กม็ าจากบริสุทธ์ิด้วยกาย วาจา ใจ บริสุทธิ์ด้วย กาย วาจา ใจ น่ันแหละ เห็นถูกอันนั้น จนกระท่ังเข้าถึง ดวงธรรม” (รธ. 280) 103 ปจั จุบนั เกบ็ รกั ษาไวท้ ่ี St. Petersburg ollection บทที 3 คันธาระ เอเชียกลาง และประเทศจนี | 273

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคัมภรี พ์ ุทธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ 2. เม่ือเข้าถึง “สมาธินี้” ย่อมได้เข้าถึงพระพุทธคุณอันเป็นอจินไตย ด้วย (คาถาท่ี 4) ซ่ึงสอดคล้องกับหลักการของวิชชาธรรมกายในการเข้าถึง “ผ้รู ภู้ ายใน” คือธรรมกายอนั เป็นทางมาแห่งคุณวเิ ศษ เช่น วิชชา 8 ทที่ ำาได้ก็ เพราะได้เขา้ ถึงธรรมกาย เปน็ ตน้ (รธ. 28-9) 3. ในคาถาท่ี 9-12 ทา่ นกลา่ วถงึ อานสิ งสข์ องการตรกึ ระลกึ ถงึ พระพทุ ธ คุณ ว่าจะทำาใหม้ ีจิตใจสงบ ตั้งมนั่ และมีความรกู้ ว้างขวาง และย่อมมองเห็น พระพทุ ธเจา้ หลายพนั โกฏหิ รอื มากยง่ิ กวา่ เมด็ ทรายในแมน่ าำ้ คงคา และสอนให้ ต้งั ความปรารถนาถึงพระโพธิญาณอันเปน็ อจนิ ไตย 4. ในคาถาที่ 7 มขี อ้ ความกลา่ วไวว้ า่ สมาธนิ กี้ บั สญุ ญตากค็ อื อนั เดยี วกนั และเนื้อความในคาถาท่ี 13-20 ที่เสมือนจะแสดงถึงการปรับเปล่ียนสภาวะ ของประสบการณ์ในการปฏบิ ัติจากระดับเบอ้ื งต้นไปสรู่ ะดับทล่ี ะเอียดข้นึ คอื ในคาถาท่ี 13 พระสูตรสอนให้ระลึกถึงรูปกายของพระพุทธองค์ นับ เปน็ บริกรรมนมิ ิต คาถาท่ี 14 สอนใหด้ าำ รงอยู่ในอนิมติ ให้มองเหน็ ทุกส่งิ วา่ ว่างเปล่า คาถา 15 การดาำ รงอยมู่ นั่ คงในพระธรรมกาย รบั รทู้ กุ อยา่ งวา่ เปน็ อภาวะ หลดุ พ้นจากการรบั ร้อู ภาวะ และไมเ่ ห็นพระพุทธองค์โดยรปู กาย คาถา 16-19 เมอ่ื เขา้ ถงึ จดุ นข้ี องสมาธิ ใจจะยง่ิ แนบแนน่ อยกู่ บั พระพทุ ธ องค์และพุทธคุณมากข้ึน ในท่ีสุดจะตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้า พระองคห์ นึ่งในอนาคต และเคารพสักการะอานภุ าพอันยิง่ ใหญ่ของพระองค์ คาถาที่ 20 จิตของผู้ปฏิบัติจะยิ่งสงบมากยิ่งขึ้น และจะสรรเสริญ พระพุทธเจ้าทัง้ หลายตลอดเวลา และจะเห็นพระพทุ ธองคต์ ลอดคนื และวนั 274 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org คาถาท่ี 21 ความระลึกที่อยู่กับพระพุทธเจ้าไม่เคยจางหาย ไม่พราก จากไปแม้ในยามเจ็บป่วยใกล้จะละสังขาร จึงไม่ถูกครอบงำาด้วยทุกขเวทนา ทงั้ หลาย ลำาดบั ของสภาวะใจหรือการปฏบิ ัตทิ ่กี ลา่ วไว้จากคาถาท่ี 13 มาถงึ 20 เสมอื นจะบง่ บอกถงึ การปรบั เปลยี่ นสภาวะของใจจากบรกิ รรมนมิ ติ ในเบอ้ื งตน้ เขา้ ไปสสู่ ภาวธรรมทลี่ ะเอยี ดประณตี ยง่ิ ขน้ึ คอื เขา้ ถงึ ความวา่ ง และในทสี่ ดุ การ รบั รูพ้ ระพทุ ธคุณ และไดเ้ หน็ พระองคผ์ ู้เปน็ นาถะของโลกตลอดคนื และวัน คล้ายคลึงกันกับลำาดับประสบการณ์ที่กล่าวถึงในวิชชาธรรมกายที่ เปลยี่ นจากบรกิ รรมนมิ ติ ในเบอื้ งตน้ เขา้ ไปสเู่ หตวุ า่ ง กอ่ นทจี่ ะเขา้ ไปถงึ สภาวะ ทล่ี ะเอียดยงิ่ ขึ้น ซง่ึ จะเปน็ การวา่ งในวา่ งเขา้ ไปตามลาำ ดับ ดงั นน้ั ภาพทีเ่ หน็ ใน ภายหลังจงึ เป็นภาพใหม่ทเ่ี กดิ ขน้ึ เองจากสมาธิ มิได้เกดิ จากการนึกคิดเอาเอง อย่างบริกรรมนมิ ติ ในเบอื้ งตน้ ในเมอื่ สตปิ ฏั ฐานทงั้ สามถกู สว่ นพรอ้ มกนั เขา้ เกดิ เปน็ ดวง ใสข้นึ เท่าฟองไขแ่ ดง หรอื เทา่ ดวงจนั ทร์ ดวงอาทติ ย์ ใสบริสทุ ธิ์ สนทิ เหมอื นกระจกส่องเงาหน้าน่นั แหละ ธมั มานปุ ัสสนาสติปัฏ ฐาน ดวงนี้บางท่านเรียกว่าพระธรรมดวงแก้ว โบราณท่านใช้ แปลในมูลกัจจายน์ว่า “ปฐมมรรค” ในกลางธรรมดวงน้ีแหละ คอื ดวงศลี เพราะอยใู่ นเหตวุ ่างของธรรมทท่ี าำ ให้เป็นกายมนษุ ย์ ใสบริสุทธิ์ไม่มีราคี ตาของกายทิพย์เห็น ต้องเอาใจของตนจด ลงที่ตรงกลางดวงศีลนั้น ทำาใจให้หยุดน่ิงแต่พอถูกส่วนเข้าใจก็ ละเอยี ดยิ่งกว่าดวงศลี ดวงศลี กว็ ่างออกไปเหน็ ดวงสมาธิ เอาใจ หยดุ นิ่งลงไปทกี่ ลางดวงสมาธิ แต่พอถกู ส่วนเขา้ ใจกล็ ะเอยี ดยิ่ง บทที 3 คนั ธาระ เอเชียกลาง และประเทศจนี | 275

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคมั ภรี ์พทุ ธโบราณ 1 ฉบบั วชิ าการ กว่าดวงปัญญา ดวงปัญญาก็ว่างออกไปตาของกายทิพย์ก็เห็น ดวงวมิ ตุ ตทิ อ่ี ยู่ในกลางดวงปัญญานน้ั ... (รธ. 69) อาจกลา่ วไดว้ า่ การวางใจตอ่ สง่ิ ทเี่ หน็ ในสมาธดิ งั ทก่ี ลา่ วไวใ้ นสมาธริ าช สูตรนี้เข้ากันได้กับหลักการปฏิบัติในวิชชาธรรมกายท่ีสอนให้ “เห็นสักแต่ว่า เห็น” โดยไม่ไปยึดติดว่าเป็นตัวเรา ของเรา จึงสามารถเข้าไปสู่สภาวธรรมท่ี ละเอียดย่ิงๆ ขึ้นได้ หลักการเกี่ยวกับการปล่อยวางภายนอกแล้วเข้าถึงความว่างไปตาม ลำาดับจนหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะโดยสิ้นเชิงนั้นมีบันทึกไว้ในทำานองเดียวกัน ในพระไตรปิฎกบาลี จูฬสุญญตสูตร (ม.อุ.14/333-342/226-233) เพียงแต่ บรรยายด้วยถ้อยคาำ ทีแ่ ตกตา่ งกันเท่านั้น พทุ ธานสุ ตทิ กี่ ลา่ วไวใ้ นสมาธริ าชสตู รจงึ นบั ไดว้ า่ เปน็ รอ่ งรอยของคาำ สอน ธรรมกายทมี่ มี าแต่โบราณอีกชิ้นหนึง่ 3.3.2.3. ตำาราปฏบิ ตั ิธรรมของโยคาจาร104 คัมภีร์ปฏิบัติธรรมน้ีเรียกผู้ปฏิบัติธรรมว่า “โยคาจาร” (yogācāra) (Schlingloff 1964; Ruegg 1967) คล้ายกับที่คัมภีร์ปฏิบัติธรรมของฝ่าย เถรวาทเรียกผปู้ ฏบิ ัตธิ รรมวา่ “โยคาวจร” (yogāvacara) นน่ั เอง 104 เน้ือหาจากงานวิจัย “ร่องรอยวิชชาธรรมกายในคันธาระและเอเชียกลาง” (ชนิดา จันทราศรีไศล 2557) และงานวจิ ัย “สมาธิกับศูนย์กลางกายในพระพทุ ธศาสนาจนี ยุคตงฮ่ันและยคุ โฮ่วฉนิ ” (พระ เกียรติศกั ดิ์ กติ ตฺ ิปฺโ 2557) 276 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org คัมภีร์ชุดน้ีพบบริเวณคิซิล ใกล้กุชาในเอเชียกลาง พบหลายสำาเนาซ่ึง ล้วนแต่ขาดวน่ิ มีเน้ือหาไม่สมบูรณ์ ทงั้ หมดจารกึ ในภาษาสนั สกฤต สว่ นใหญ่ เขยี นบนกระดาษดว้ ยอักษรพราหมีแบบท่ีใช้ในทอ้ งถนิ่ เอเชยี กลาง แตส่ ำาเนา หลักท่ีนำามาศกึ ษาน้เี ขียนบนเปลือกไมเ้ บริ ช์ ดว้ ยตัวอักษรคุปตะซึง่ เก่าแก่กวา่ ประเมินอายไุ ดร้ าวกลางพุทธศตวรรษท่ี 11-13 ยามาเบะ (Yamabe 1999) มคี วามเหน็ วา่ เนอื้ หาคมั ภรี แ์ บง่ ออกเปน็ สอง ส่วนที่แตกตา่ งกันท้งั ตวั ศัพท์และเนื้อหา สว่ นแรกกล่าวถึงหลักทฤษฎีโยคะวธิ ี คือวิธีการปฏิบัติสมาธิภาวนา ในรูปแบบการอธิบายเชิงอภิธรรม ส่วนท่ีสอง กลา่ วถึงคาำ อธิบายลกั ษณะการเหน็ ในสมาธิทหี่ ลากหลาย เนอ้ื หาของคมั ภรี ก์ ลา่ วถงึ การปฏบิ ตั ธิ รรมหลายแบบ คลา้ ยกนั กบั ทพี่ บ ในพระไตรปิฎกบาลี วสิ ทุ ธิมรรค และในคมั ภรี ป์ ฏบิ ัตธิ รรมอนื่ ๆ ไดแ้ ก่ อสภุ ภาวนา อานาปานสติ กายคตาสติ มรณสั สติ การพจิ ารณาขนั ธ์ ธาตุ อายตนะ ปฏิจจสมุปบาท อัปปมัญญา และอนุสติต่างๆ แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือมีการ แสดงรายละเอียดบางอย่างเพ่ิมเติมในวิธีการและประสบการณ์ในการปฏิบัติ ทำานองเดียวกันกับคัมภีร์ประเภทคู่มือปฏิบัติธรรมท่ีพบในเอเชียอาคเนย์และ ศรีลังกา วิธีปฏิบัติและประสบการณ์ท่ีแสดงไว้นั้นมีท้ังสิ่งที่คล้ายคลึงและที่ แตกตา่ งจากทคี่ นไทยคนุ้ เคย และเวลากลา่ วถงึ สงิ่ ทเ่ี หน็ ในสมาธิ กม็ กั จะตคี วาม เปน็ เชงิ ปรัชญาไปดว้ ยเสมอ คมั ภรี น์ ม้ี เี นอ้ื หาทศี่ กึ ษาไมง่ า่ ย เพราะนอกจากเนอ้ื ความจะขาดวนิ่ ไมป่ ะ ตดิ ปะตอ่ แลว้ ภาษาทใ่ี ชก้ ไ็ มใ่ ชภ่ าษาทวั่ ไปอกี ดว้ ย เหมอื นเปน็ ภาษาทพ่ี ยายาม ส่อื ภาพทีเ่ หน็ จากประสบการณภ์ ายในออกมาใหเ้ ปน็ รูปธรรม จึงเป็นคัมภรี ท์ ี่ นา่ สนใจที่จะศึกษาให้ครบถ้วน บทที 3 คันธาระ เอเชยี กลาง และประเทศจนี | 277

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคัมภรี พ์ ุทธโบราณ 1 ฉบับวชิ าการ ในการศึกษาเบื้องต้นเฉพาะในส่วนของพุทธานุสต1ิ 05 อาจเปรียบเทียบ ความเหมอื นและความตา่ งของการปฏบิ ตั ทิ ป่ี รากฏในคมั ภรี น์ ก้ี บั การปฏบิ ตั ใิ น วิชชาธรรมกายไดอ้ ยา่ งน้อยใน 4 แง่มุม ไดแ้ ก่ วิธีปฏบิ ัติ ภาพท่ีเหน็ ในสมาธิ การตีความหรือให้ความสำาคัญกับสิ่งท่ีเห็นในสมาธิ และเกณฑ์ตัดสินการเข้า ถงึ ธรรม เป็นตน้ ก) วิธีปฏิบตั ิ พทุ ธานสุ ตทิ กี่ ลา่ วถงึ ในคมั ภรี น์ ้ี เรมิ่ ตน้ จากการตรกึ ระลกึ ถงึ พระพทุ ธคณุ เชน่ เดยี วกนั กบั ทชี่ าวพทุ ธเถรวาทเรานกึ ถงึ พทุ ธคณุ 9 ประการตามทบี่ รรยาย ไวใ้ นบท อติ ปิ ิ โส ภควา ตามดว้ ยการระลึกหรือเหน็ 106ภาพเหตุการณใ์ นพุทธ ประวตั ติ ง้ั แตย่ งั เปน็ พระบรมโพธสิ ตั ว์ ตงั้ ปณธิ านจะเปน็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ 105 ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากงานวิจัย “ร่องรอยวิชชาธรรมกายในคันธาระและเอเชียกลาง” (ชนดิ า จันทราศรีไศล 2557) 106 เนือ่ งจากตวั คมั ภีร์ไมส่ มบรู ณ์ เนือ้ หาคมั ภีรข์ าดหายไปในบางตอนของพทุ ธานสุ ตพิ อดี จงึ ไมท่ ราบว่า ภาพเหตุการณท์ ี่กลา่ วถึงน้ันเปน็ การระลึกเอาเองตามพุทธประวตั ทิ ่ไี ดเ้ รยี นรมู้ า หรอื วา่ เป็นการเห็น ภาพในสมาธิ ข้อความก่อนและหลังส่วนที่ขาดหายไปมีดังน้ี (จุดไข่ปลาแสดงถึงส่วนที่เนื้อความใน คัมภรี ข์ าดหายไป สว่ นใหญจ่ ะหายไปเปน็ ชว่ งยาวๆ) “เมื่ออริยสาวกระลึกถึงพระตถาคตโดยอาการอยู่ อย่างน้ี......ทอง เงิน แก้วไพฑูรย์ แก้วผลึก หิน ปะการัง หยก.... ดว้ ยกายพระพุทธเจา้ ทม่ี สี อี ยา่ งนัน้ ......ยังแผ่นดินให้เตม็ .....และวชั รอาสน.์ ...จากท่ี นน่ั แหละ....พระผมู้ พี ระภาคเจา้ จนถงึ อกนษิ ฐพรหมโลก.....เมอื่ ครงั้ ยงั เปน็ พระโพธสิ ตั วอ์ ย.ู่ .. ปณธิ าน เพื่อการตรัสรู้.....ทาน ศีล วิริยะ ปัญญา อันยอดเยี่ยม......จนถึงการเสด็จจุติลงมาจากภพดุสิต...... การมีพระสัมปชัญญะก้าวออกจากพระครรภ์ของพระมารดา (การบำาเพ็ญ) ทุกรกิริยา....การโปรด ภิกษปุ ัญจวคั คีย์ การโปรดพระเจ้าพิมพสิ าร การโปรดอุปตสิ สะและโกลติ ะ การโปรดพระบิดา มหา ปาฏหิ ารยิ .์ .....จนถงึ ในกาลแหง่ ปรนิ พิ พาน ทรงตรสั เรยี กพระอานนทเถระ “อานนท์ จงปลู าดเครอื่ ง ไสยาสน์ในระหว่างต้นสาละคู่ หันศีรษะไปทางทิศอุดร วันน้ีการปรินิพพานในอนุปาทิเสสนิพพาน ธาตุของตถาคตจักมีในมัชฌิมยามแห่งราตรี” ..... แวดล้อม.....ตราบเท่าท่ีเจ้ามัลละท้ังหลาย.....ใส่ ไว้ในรางเหล็ก...... เหลา่ เทวดา.... ด้วยหม้อท้งั หลายอันสำาเร็จด้วยรัตนะ... เทวาทง้ั หลาย...ไฟ......” (YL164V-YL164R) 278 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org จนถงึ จตุ ลิ งมาจากสวรรคช์ นั้ ดสุ ติ ในพระชาตสิ ดุ ทา้ ย ไปถงึ การตรสั รแู้ ละโปรด สัตว์โลก กระทั่งเสด็จดับขันธปรินิพพาน แม้คัมภีร์จะไม่ได้ระบุฐานท่ีต้ังของ การวางใจไว้โดยตรง แต่หลังจากท่ีกล่าวถึงการระลึกถึงพุทธประวัติในตอนท่ี ปรนิ พิ พานแลว้ มขี อ้ ความวา่ “เมอื่ พระโยคาจารผกู จติ ไวท้ ก่ี ระหมอ่ ม มพี ทุ ธา นสุ ตเิ ปน็ เบอ้ื งหนา้ ...” จงึ เปน็ ไปไดว้ า่ การปฏบิ ตั ใิ นคมั ภรี น์ จ้ี ะแนะนาำ ใหว้ างใจ ท่ีกระหม่อม ส่วนหลักการปฏิบัติในวิชชาธรรมกาย เน้นที่การ “รวมใจหยุดน่ิงท่ี ศูนย์กลางกายฐานที่ 7” เหนือสะดอื ข้ึนมาราว 2 นว้ิ มือที่วางนอนซ้อนกันใน กลางลำาตัว โดยอาศัยบริกรรมนิมิตและบริกรรมภาวนาเป็นเคร่ืองผูกจิตไว้ท่ี ศูนย์กลางกาย และเน้นใหม้ ีความสบายเป็นธรรมชาติ ในกรณขี องพทุ ธานุสติ ท่านแนะนำาให้ตรึกระลึกถึงพระพุทธรูปแก้วใสหรือพระพุทธรูปท่ีคุ้นเคยไว้ท่ี ศูนยก์ ลางกายเพือ่ เปน็ บริกรรมนมิ ติ และอาศยั คำาบรกิ รรมภาวนาว่า “สัมมา อะระหัง” ใหไ้ ดย้ นิ หรือรบั ร้จู ากศนู ยก์ ลางกาย การตรกึ ระลกึ ถงึ พระพทุ ธคณุ นบั วา่ เปน็ ประโยชนแ์ ละยงั ใจของผปู้ ฏบิ ตั ิ ใหอ้ อ่ นโยนและเขา้ ถงึ ธรรมไดง้ า่ ยขนึ้ แมไ้ มไ่ ดก้ ลา่ วไวใ้ นหลกั การเจรญิ ภาวนา วชิ ชาธรรมกายโดยตรง แตใ่ นการนำาธรรมปฏบิ ัติบางครงั้ ครูผู้สอนจะกล่าวถงึ พระพทุ ธคุณดว้ ยเช่นเดียวกัน การระลกึ ถึงพระพทุ ธคุณจงึ อาจเรยี กไดว้ า่ เปน็ ความสอดคลอ้ งกนั กบั หลกั การของวชิ ชาธรรมกาย สว่ นตาำ แหนง่ ของการวางใจ นัน้ แตกต่างกัน อย่างไรก็ดี ในการกล่าวถึงประสบการณ์ท่ีเข้าถึง ในขั้นตอนสุดท้าย คัมภีร์โยคาจารมีข้อความที่ดูจะมีส่วนเก่ียวข้องกับศูนย์กลางกายอยู่เหมือน กัน ดงั จะเห็นชดั เจนขน้ึ ขา้ งล่าง บทที 3 คันธาระ เอเชยี กลาง และประเทศจนี | 279

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคมั ภีร์พทุ ธโบราณ 1 ฉบบั วชิ าการ ข) ภาพทเ่ี หน็ ในสมาธิ ตำาราปฏิบัติธรรมของโยคาจารกล่าวถึงการเห็นภาพในสมาธิท่ีหลาก หลาย บางสว่ นมคี วามคลา้ ยคลงึ กนั กบั ภาพทเ่ี หน็ จากสมาธใิ นการปฏบิ ตั ธิ รรม วชิ ชาธรรมกาย แตบ่ างอยา่ งกแ็ ตกตา่ งกนั ลาำ ดบั ของภาพทเี่ หน็ ในสมาธทิ แ่ี สดง ไว้ในคัมภรี ม์ ดี งั นี้ 1. เม่ือพระโยคาจารผูกจิตไว้ที่กระหม่อม มีพุทธานุสติเป็นเบื้องหน้า ก็บงั เกิดรูปสตรีแกว้ ใส เทินภาชนะแกว้ ไพฑูรย์ทเ่ี ตม็ ไปด้วยนาำ้ มนั ไว้ 2. ในภาชนะนำา้ มันเหล่านน้ั ปรากฏวัชรอาสน์ข้นึ 3. ในวัชรอาสน์เหลา่ นนั้ ปรากฏมณฑลแหง่ พระอาทิตย์ 4. ในมณฑลแหง่ พระอาทิตยเ์ หลา่ นั้น ปรากฏพระผู้มพี ระภาคพุทธเจา้ ผทู้ รงรงุ่ เรอื งดว้ ยพระลกั ษณะและอนพุ ยญั ชนะ... (ขอ้ ความในคมั ภรี ข์ าดหายไป) 5. ในด้านขวามอื ปรากฏช้างสีขาว 5 เชือกทมี่ ีกายแจม่ จา้ ด้วยมณฑล พระอาทิตย์ บนหลังช้างนั้นมีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ผู้มีพระฉวีสีเดียวกัน และแจ่มจ้าด้วยมณฑลแห่งพระอาทิตย์เหมือนกันประทับอยู่ นี้เป็นรูปนิมิต ของ พละ 5 6. ท.ี่ .. มดี วงแกว้ 4 ดวง และในระหวา่ งดวงแกว้ เหลา่ นน้ั มพี ระพทุ ธเจา้ หลายพระองค์ประทับนั่งบนสิงหาสน์ ทรงแสดงธรรมแก่เวไนยสัตว์ทั้งหลาย อยู่ นี้เป็นรปู นมิ ิตของเวสารัชชธรรม (ไวศารทยฺ ) 7. สว่ นรูปนิมิตของสติปฏั ฐานทเ่ี ปน็ อสาธารณะท้ังหลาย ปรากฏภาพ เป็นบุรุษ 3 คนถูกควบคุมตัวด้วยอาวุธ ในมือของพวกเขามีภาชนะท่ีบรรจุ นำ้ามนั ไวเ้ ตม็ เปยี ม 280 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org 8. สว่ นรปู นิมิตของมหากรุณา ปรากฏเป็นสตรีมีสีผวิ ดังอากาศ ท่ีหวั ใจ ... (ขอ้ ความขาดหาย) 9. รา่ งแห่งธรรม (ธรฺม รีร) ปรากฏขึน้ ในกายแห่งพุทธะ (พุทธฺ า ฺรย) ทั้งหลาย แสงสว่างจากพระสรีรกายและพระธรรมสรีระ แผ่ขยายครอบคลุม ไปทั้งโลก 10. จากนั้นพระพทุ ธเจ้าทั้งหลายเสดจ็ เขา้ ไปในมณฑลพระอาทติ ย์ 11. มณฑลพระอาทิตย์กลับเขา้ ไปในวัชรอาสน์ 12. วัชรอาสน์กลบั เข้าไปในภาชนะ 13. ภาชนะกลับเข้าไปในสตินิมติ 14. สตินิมิตอยู่ทศี่ รี ษะของพระโยคาจาร 15. ในเวลา “อภิเษก” ... กระแสนำ้านน้ั ไหลแผไ่ ปเอิบอาบ ซึมซาบไป ทั่ว และเติมรปู นั้น (ตทฺ อา ฺรย) ใหเ้ ต็มโดยการรดที่ศรี ษะ 16. กระแสแห่งรัตนะที่ไหลออกมาจากกระหม่อม ได้ให้การเห็น (ทรฺ น).....หนา้ ผาก.... โดยลาำ ดบั จนกระทง่ั มารวมกนั เขา้ กบั กระแสทไี่ หลออก มาจากสะดือ จึงเตมิ “ความหยุดนิง่ ” (สฺถติ ิ)ใหเ้ ต็ม 17. “ความหยุดน่ิงทีเ่ ป็นแกว้ (รตนฺ มยี สฺถติ ิ)” ปรากฏข้นึ พระพทุ ธเจา้ ท้ังหลาย..... ดว้ ยเรอื นยอดท้ังหลายอันล้วนแลว้ ดว้ ยรัตนะ.... 18. ในที่สุด สิง่ ท่ีจะพึงรู้ (ชเฺ ยมฺ) ก็มารวมหยดุ ที่สะดือ นแี้ ล คอื การ ตนื่ ขึน้ (วฺยุตฺถานมฺ การตรสั รู้) ภาพในสมาธเิ หลา่ น้ี อาจเปรยี บเทยี บกบั สง่ิ ทกี่ ลา่ วไวใ้ นวชิ ชาธรรมกาย ไดด้ งั นี้ บทที 3 คันธาระ เอเชียกลาง และประเทศจีน | 281

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคมั ภรี ์พุทธโบราณ 1 ฉบบั วิชาการ ตารางท่ี 3เปรียบเทียบภาพในสมาธิจากคัมภีร์โยคาจาร กับ วิชชา ธรรมกาย ลาำ ดบั ตำาราปฏบิ ตั ธิ รรมของโยคาจาร สิ่งที่คล้ายในวชิ ชาธรรมกาย 1 สตรแี กว้ เทนิ ภาชนะแกว้ บรรจนุ าำ้ มนั - 2 วชั รอาสน์ แผน่ ฌาน, กศุ ลนมิ ิต 3 มณฑลแหง่ พระอาทติ ย์ ดวงธรรม, กุศลนิมติ 4 พระพทุ ธเจ้าผู้มพี ระวรกายร่งุ เรือง ธรรมกาย, กศุ ลนิมิต ดว้ ยลักษณะและอนุพยญั ชนะ 5 ชา้ งสีขาวท่ีมกี ายแจม่ จา้ ด้วย - อาทิตยมณฑล 6 พระพทุ ธเจ้านง่ั บนสงิ หาสน์แสดง - ธรรม 7 ธรฺมศรรี (กายแห่งธรรม) ธรรมกาย, กุศลนมิ ติ 8 พทุ ธาศรฺ ย (กายพระพทุ ธเจา้ ) ธรรมกาย, กศุ ลนมิ ติ ค) การให้ความสำาคญั กับส่งิ ที่เห็น คัมภีร์โยคาจารเน้นการบรรยายประสบการณ์ภายในออกมาเป็นภาพ และมีการตีความภาพท่ีเห็นด้วย โดยถือว่าภาพท่ีเห็นในสมาธินั้นจัดเป็นรูป นิมติ (อธิปติรปู ) ของคณุ ธรรมบางอย่าง หรอื กลา่ วอีกนยั หน่งึ คอื ถอื สิ่งทเ่ี หน็ ว่าเป็นบคุ ลาธิษฐานของคณุ ธรรมแตล่ ะอยา่ ง ดงั ทม่ี ักเรียกในภาษาองั กฤษกนั ว่า embodiment นน่ั เอง 282 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org ส่วนในวิชชาธรรมกาย เน้นความหยุดนิ่งของใจเป็นหลัก โดยสอนให้ “เหน็ สกั แตว่ า่ เหน็ ” เพอ่ื ไมใ่ หใ้ จมคี วามยดึ ตดิ หรอื ผลกั ไสสงิ่ ทมี่ องเหน็ ในเบอื้ ง ต้นนั้น ใจจะได้ไม่กระเพื่อมและสามารถหยุดนิ่งต่อไปได้อย่างต่อเน่ืองและ ลึกซ้ึงมากย่ิงข้ึน จนกว่าจะเข้าถึงจุดท่ีสามารถเป็นท่ีพ่ึงให้กับตนเองได้อย่าง แทจ้ ริง ซ่งึ เม่อื ถงึ ตรงนนั้ แลว้ กย็ งั คงต้องอาศัยหลักการเดมิ คือ “หยุดใจนง่ิ ต่อ ไปในกลางของกลางด้วยใจที่ไม่กระเพื่อม” เพื่อให้เข้าถึงธรรมะท่ีละเอียดข้ึน ไปตามลำาดับ ดงั ท่พี ระมงคลเทพมุนีได้กลา่ วไวว้ า่ “หยดุ เปน็ ตวั สำาเร็จ ตั้งแต่ เบอ้ื งตน้ จนถึงนพิ พาน” ในหลกั การของวชิ ชาธรรมกายไมม่ กี ารตคี วามของสงิ่ ทเ่ี หน็ ในสมาธิ แต่ เนน้ การหยดุ นง่ิ ของใจอนั จะนาำ ไปสคู่ วามเหน็ แจง้ และรแู้ จง้ ตามทเ่ี ปน็ จรงิ โดย ปราศจากความคิดปรุงแต่ง ในแง่น้ีอาจกล่าวได้ว่าคัมภีร์โยคาจารและวิชชา ธรรมกายแตกตา่ งกนั ง) เกณฑใ์ นการตัดสินการเขา้ ถงึ ธรรม ในคัมภีร์ปฏิบัติธรรมของโยคาจาร ผู้ปฏิบัติจะได้ชื่อว่า ตรัสรู้ธรรม (awakened) ในลาำ ดบั สดุ ทา้ ย ทเ่ี รยี กวา่ “การอภเิ ษก”107 ซง่ึ หากดจู ากเนอ้ื ความ 107 คำาว่า อภิเษก มคี วามหมายด้ังเดิมในการท่มุ เทชวี ติ จิตใจใหก้ ับอะไรสกั อยา่ งด้วยความจรงิ จังจรงิ ใจ ตอ่ มาความหมายไดข้ ยายออกไปและนำามาใชใ้ นพิธกี รรมต่างๆ เช่น การรบั เข้าหมู่ การยอมรับ การ แต่งต้งั การมอบอำานาจ เป็นตน้ โดยใชก้ ารหล่ังน้ำา หรือรดนา้ำ เป็นองคป์ ระกอบสำาคญั ของพธิ กี รรม แต่ในบางครงั้ ก็ใชก้ าร “เจิม” หรอื ทาดว้ ยน้าำ มันหรอื ขผ้ี ง้ึ ในภายหลังการอภิเษกไดน้ าำ มาใช้กับการ แตง่ ต้งั กษัตรยิ อ์ ย่างเป็นทางการด้วยวธิ กี ารท่เี รียกวา่ มูรธาภิเษก ซงึ่ เปน็ ศัพท์สมาส แปลวา่ การหล่งั นาำ้ รดศรี ษะ หรอื การพรมนา้ำ ทศ่ี รี ษะ ในพระพทุ ธศาสนามหายานและวชั รยานบางกลมุ่ คาำ วา่ อภเิ ษก ถกู นาำ มาใชก้ บั พธิ กี รรมในการแตง่ ตงั้ หรอื ยอมรบั เปน็ พระโพธสิ ตั ว์ หรอื การรบั เขา้ เปน็ ศษิ ยท์ จ่ี ะรบั การ ถา่ ยทอดวชิ าโดยตรงในสายการปฏบิ ตั ทิ เี่ รยี กกนั วา่ esoteric practice ( mez 2 3 S earer 2 3) บทที 3 คันธาระ เอเชยี กลาง และประเทศจีน | 283

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคัมภีรพ์ ทุ ธโบราณ 1 ฉบบั วิชาการ ในตอนที่ว่าด้วยพุทธานุสติ จะเห็นได้ว่า หมายถึง “การหยุดน่ิงที่เป็นแก้ว” (รตนฺ มยี สฺถติ ิ) น่ันเอง เม่ือเปรียบเทียบกับวิชชาธรรมกาย อาจกล่าวได้ว่ามีความคล้ายคลึง กันในแง่ของการเข้าถึง “รัตนะ” คือแก้วภายใน หากด้วยเหตุท่ีการจำาแนก ประสบการณ์ภายในมีความละเอียดอ่อน ส่ิงท่ีเห็นว่าเป็นแก้วนั้นจึงอาจเป็น เพยี ง “กศุ ลนมิ ิต” หรอื อาจเป็น “ธรรมแท้ทเ่ี ข้าถงึ ” ก็ได้ อนง่ึ การใหค้ าำ จาำ กดั ความของขน้ั ตอนสดุ ท้ายของการปฏบิ ตั แิ ตล่ ะแบบ ทรี่ ะบไุ วใ้ นคมั ภรี น์ ้ี แมจ้ ะมคี วามแตกตา่ งกนั บา้ ง แตก่ ม็ จี ดุ รว่ มเดยี วกนั คอื การ ท่ี “ความร้เู ห็น” กลบั เข้าสภู่ ายในกายของผปู้ ฏิบตั ิ เช่น - ในบทวา่ ด้วยอานาปานสติ ลงท้ายด้วยข้อความว่า “ลาำ ดับนน้ั สิ่งท่ี จะพึงรู้ทัง้ ปวงไดก้ ลับเข้าไปภายในกาย (อา รฺ ย) ของผ้ปู ฏบิ ตั ”ิ (Schlingloff 1964: 80; Cf. Ruegg 1967: 165) - ในบทที่ว่าด้วยกรุณาพรหมวิหารภาวนา “ในท่ีสุด สิ่งที่จะพึงรู้ทั้ง ปวงได้มารวมหยุดท่ีสะดือ พระพุทธเจ้าทั้งหลายผู้ทรงประทับนั่งบนดอกบัว ปรากฏขน้ึ ภายในกาย” (Schlingloff 1964: 148) - ในบทที่ว่าด้วยการพิจารณาปฏิจจสมุปบาทและพุทธานุสติ “ใน ทสี่ ดุ สงิ่ ทจี่ ะพงึ รทู้ ง้ั ปวงกม็ ารวมหยดุ ทสี่ ะดอื ” (Schlingloff 1964: 114, 179) การทีค่ วามรูค้ วามเห็นยอ้ นกลับเขา้ มาสภู่ ายในนั้น ในความหมายของ วชิ ชาธรรมกายนบั เปน็ การเรม่ิ ตน้ คอื การเขา้ ถงึ มรรค ทผี่ ปู้ ฏบิ ตั ยิ งั ตอ้ งดาำ เนนิ ตอ่ ไปในกลางของกลาง (มัชฌิมาปฏปิ ทา) ยังมใิ ช่การส้ินสดุ 284 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org เปน็ ไปไดว้ า่ การทคี่ มั ภรี โ์ ยคาจารบอกวา่ ในทสี่ ดุ ความรเู้ หน็ จะรวมกลบั เข้ามาภายในน้ัน อาจมีความหมายในทำานองเดียวกนั คือได้พาผู้ปฏบิ ตั ิมาถึง จุดแห่งมรรคเบ้ืองต้นท่ีถูกต้องแล้วซึ่งผู้ปฏิบัติยังจะต้องดำาเนินต่อไปจากจุดนี้ ยังมิได้หมายความว่าเข้าถึงความเป็น “พุทธะ” แต่อย่างใด ซ่ึงน่าจะตรงกัน กับความหมายของคำาว่า อภิเษก ของชาวพุทธมหายานบางกลุ่มท่ีใช้กับการ รับเข้าในกลุ่มพระโพธิสัตว์ หรือชาวพุทธวัชรยานหรือตันตระท่ีใช้กับการรับ เปน็ ศิษยท์ ่จี ะรับถา่ ยทอดวิชาจากครูโดยตรง ( mez 2 3 S earer 2 3) ดังนั้น หากเปรียบเทียบกับหลักการของวิชชาธรรมกายแล้ว ภาพใน สมาธิที่แสดงไว้มากมายนั้นน่าจะอยู่ในระดับกุศลนิมิต ยังไม่นับว่าเป็นระดับ ของการเข้าถึงดวงธรรมหรือพระธรรมกายภายในแตอ่ ย่างใด อยา่ งไรกด็ ี การทคี่ มั ภรี ก์ ลา่ วถงึ ความรทู้ มี่ ารวมหยดุ อยทู่ สี่ ะดอื นนั้ อาจ เปน็ เครอ่ื งบง่ ชถี้ งึ การใหค้ วามสาำ คญั กบั บรเิ วณศนู ยก์ ลางกายในการตรสั รธู้ รรม ซงึ่ นับวา่ เปน็ ความสอดคล้องกันกับหลกั การของวชิ ชาธรรมกาย ในแง่ของประวัติศาสตร์ คัมภีร์นี้ พบในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของเอเชยี กลาง คือในคิซิลอนั เป็นพืน้ ทที่ ไ่ี มเ่ คยพบคัมภรี ์มหายาน และการที่ ตัวคัมภรี จ์ ารกึ บนเปลือกไม้เบิรช์ ซงึ่ ต่างจากคมั ภรี ท์ ่ีคัดลอกในท้องถิน่ ทำาให้ นกั วชิ าการบางทา่ นคดิ วา่ นา่ จะเปน็ คมั ภรี ท์ นี่ าำ มาจากแคชเมยี รอ์ นั เปน็ ถนิ่ ฐาน ของชาวพุทธนิกายสรรวาสติวาทมากกว่า เพราะคัมภีร์ของสรรวาสติวาทใน แคชเมยี รย์ คุ นน้ั จะเขยี นบนเปลอื กไมเ้ บริ ช์ อกี ทงั้ แนวทางการปฏบิ ตั ทิ ป่ี รากฏ ในคัมภีร์นี้ก็ตรงกันกับท่ีสอนกันอยู่ในแวดวงสรรวาสติวาทในแคชเมียร์ด้วย (Ruegg 1967) แตก่ ระนน้ั กม็ นี กั วชิ าการอน่ื บางทา่ นเหน็ วา่ คาำ สอนในคมั ภรี น์ ้ี บทที 3 คนั ธาระ เอเชยี กลาง และประเทศจีน | 285

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคัมภีรพ์ ทุ ธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ มบี างอยา่ งคลา้ ยคลงึ กบั มหายาน จงึ นาำ เสนอวา่ นา่ จะเปน็ ของมลู สรรวาสตวิ าท ที่เป็นต้นสายของมหายานมากกว่า (Yamabe 2006: 326) แต่ไม่ว่าจะเป็น กรณีใดก็ตาม ยังไม่มีนักวิชาการคนใดเลยท่ีระบุว่าคัมภีร์น้ีเป็นของมหายาน แล้ว ส่วน Röllicke ได้สรุปไว้ว่า คู่มือปฏิบัติธรรมนี้เป็นคัมภีร์ท่ีแสดงความ เป็นรอยต่อระหว่างมหายานกับนิกายหลักด้ังเดิมที่ชัดเจน (Röllicke 2006) ซงึ่ กิจชัยใหค้ วามเห็นไวอ้ ย่างนา่ สนใจว่า สง่ิ ท่ดี ูเสมอื นจะเปน็ รอยต่อนอี้ าจไม่ ไดแ้ สดงถงึ การเปลยี่ นยคุ ของคาำ สอนแตอ่ ยา่ งใด หากเปน็ ไปไดท้ จ่ี ะเปน็ คาำ สอน ท่ีเป็นแกนกลางสากลท่ีท้ังนิกายหลักและมหายานต่างก็ใช้เหมือนๆ กันและ ชาวพุทธมลู สรรวาสตวิ าทยงั เกบ็ รกั ษาไว้ 3.3.2.4. ธรรมปฏบิ ัตขิ องพระโพธสิ ัตว1์ 08 คัมภีร์อีกชิ้นหนึ่งที่พบในเอเชียกลางและเก็บรักษาในฮอร์เน็ลคอล เล็คชั่น (Hoernle MS., No. 144, SA, 5) เขยี นดว้ ยอักษรคุปตะตัวตรง ใน ภาษาสนั สกฤตแบบผสม อายคุ มั ภรี ร์ าวกลางพทุ ธศตวรรษท่ี 12-14 ยงั ไมม่ กี าร ระบวุ า่ เป็นคัมภรี ์หรอื พระสตู รใดแนน่ อน แต่แนวการเขยี นเปน็ แบบพระสตู ร มหายาน กล่าวถงึ การทาำ สมาธขิ องพระโพธิสตั ว์ 3 ขัน้ ตอน โดยตรึกระลึกถงึ พระพุทธเจ้าในปัจจุบัน หรือท่ีปรากฏเฉพาะหน้า ซึ่งมีอานิสงส์ทำาให้บารมี เต็มเปียม อินทรีย์แก่รอบ กุศลมูลท้ังปวงเจริญงอกงามเพ่ือการบรรลุพระ โพธิญาณ และอกุศลมูลท้ังปวงถึงความขาดสูญ ดับสลายไป ไม่ส่งผลอีกต่อ ไป (Thomas 1916a) 108 เน้ือหาจากงานวิจัย “ร่องรอยวิชชาธรรมกายในคันธาระและเอเชียกลาง” (ชนิดา จันทราศรีไศล 2557) 286 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org การปฏิบตั ิสมาธิในพระสตู รนี้ แบ่งเปน็ 3 ระยะ ได้แก่ ระยะแรก ผูป้ ฏิบตั ิซ่ึงอาจเปน็ กุลบุตรหรอื กุลธิดา มจี ติ บรสิ ทุ ธิ์หมดจด ดำารงอยู่ในป่า น้อมระลึก (มนสิการ) ถึงพระพุทธเจ้าที่ปรากฏเฉพาะหน้า109 เป็นเวลา 6 สปั ดาห์ การตรึกระลึกถึงดวงตะวันคือพระพุทธเจ้า110น้ัน ย่อมยังผลให้เจริญ งอกงามดว้ ยทาน ทมะ สัญญมะ และบารมีทงั้ 6 ในขันธ์ ธาตุ และอายตนะ ท้ังปวง และมีความเต็มเปียมบริบูรณ์ด้วยพระรัศมีทั้งหลาย ดังดอกไม้ได้รับ แสงอาทิตย์ในเดือนสุดท้ายของคิมหันตฤดู ย่อมเบ่งบาน มีผล เมล็ด และ ตวั ยา111 เจรญิ งอกงาม จนกระทัง่ สุกงอม นำามาใชเ้ พอื่ การอปุ โภคและบรโิ ภค ของสรรพสตั วท์ ั้งหลายได้ฉะนนั้ ระยะที่สอง กุลบุตรหรือกุลธิดาผู้มีจิตดวงแรกท่ีปรารถนาจะเป็น พระพุทธเจ้าเกิดข้ึนแล้ว112 น้อมจิตไปเพื่อการตรัสรู้ มีดวงจิตบริสุทธ์ิหมดจด ดาำ รงอยดู่ ว้ ยการตามเหน็ 113 พระพทุ ธเจา้ ทปี่ รากฏเฉพาะหนา้ ในปจั จบุ นั ในทศิ ทงั้ 10 ตลอดเวลา 3 สปั ดาห์ 109 พระสตู รใชค้ าำ วา่ “ปรตยฺ ตุ ปฺ นนฺ พทุ ธฺ ” ซง่ึ อาจหมายถงึ พระพทุ ธเจา้ ทปี่ รากฏ (realized buddhahood) ตามที่ ดร.โธมสั แปล หรอื อาจหมายถงึ พระพทุ ธเจา้ ในปจั จบุ นั ในทศิ ใดทศิ หนง่ึ ในทรรศนะของมหายาน ก็เปน็ ได้ 110 พทุ ธฺ รฺย ดวงตะวันคอื พระพุทธเจ้า 111 ศพั ทส์ ันสกฤตว่า โอษธ ตัวยา หมายถงึ สรรพคุณทางยาท่มี อี ย่ใู นพืช 112 ปฺรถมจิตฺโตตฺปาทิก ผู้ซ่ึงความปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ถูกปลุกให้ต่ืนขึ้นเป็นคร้ังแรก เป็น พระโพธิสัตว์ในระยะท่ี 1 ใน 3 ระยะตามที่จำาแนกไว้ในคัมภีร์ศิกษาสมุจจัย ส่วนระยะท่ี 2 และ 3 คือ โพธิจรฺยาปฺรติปนฺน ผู้ดำาเนินไปในวิถีปฏิบัติแห่งพระโพธิสัตว์ และอนุตฺปตฺติก ธรฺม กฺษานฺติ ปรฺ ตลิ พฺธ ผูเ้ ขา้ ถงึ ความม่ันคงในธรรมอนั ไมม่ กี ารเกดิ ตามลาำ ดับ (Thomas 1916a: 98) 113 อนุเปฺรกฺษิ คือ เห็นเนอื งๆ บทที 3 คนั ธาระ เอเชียกลาง และประเทศจนี | 287

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคัมภีร์พทุ ธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ ด้วยรัศมีแห่งการมีพระพุทธเจ้าอยู่ในใจ ย่อมยังผลให้ความต่อเนื่อง ของสมาธิอันเปรียบประดุจดอกไม้ถึงความเบ่งบาน กุศลมูลทั้งหลายเจริญ งอกงามเพ่ือโพธิจรรยา อกุศลมูลทั้งปวงถึงความขาดสูญ พินาศส้ินไป ไม่มี ส่วนเหลือ และไม่มีวิบากอีกต่อไป เขาย่อมมีอินทรีย์แก่รอบเต็มที่ในภูมิแห่ง บารมีทั้งปวง เป็นทพ่ี งึ่ ของสรรพสตั ว์ผกู้ าำ ลงั บ่มอนิ ทรยี ใ์ หแ้ ก่รอบ เสมือนมหา วมิ านแหง่ ดวงอาทติ ยท์ อี่ ทุ ยั ขน้ึ ในชมพทู วปี ในยามเชา้ ทขี่ จดั เสยี ซง่ึ ความมดื มน อนธกาลทงั้ ปวง เปน็ ทรี่ ัก ชนื่ ชม บูชา ของเหล่าชนในทกุ วรรณะ รวมไปถึง สรรพสตั วท์ ัง้ หลาย ระยะที่ กุลบุตรหรือกุลธิดาผู้มีจิตดวงแรกที่ปรารถนาจะเป็น พระพุทธเจ้าเกดิ ข้นึ แลว้ น้อมจติ ไปเพอ่ื การตรัสรู้สมั มาสัมโพธิญาณอนั สงู สุด ดำารงอยใู่ นเสนาสนะอันสงัด เป็นเวลา 3 สปั ดาห์ ... น่าเสียดายที่เนื้อหาในคัมภีร์ขาดหายไป เหลือมาให้ศึกษาเพียงเท่านี้ อยา่ งไรกต็ าม ตัวเลขลาำ ดับหนา้ 45 หรือ 75 ทเี่ ขยี นไวบ้ นขอบช้นิ ส่วนคัมภรี ์นี้ ทำาให้ ดร.โธมสั สนั นษิ ฐานว่า คัมภรี ์น้นี า่ จะมีเนอื้ หายาวไม่นอ้ ย คัมภีร์นี้แนะนำาให้พระโพธิสัตว์ปฏิบัติพุทธานุสติอยู่ในป่าด้วยการตรึก ระลึกถึงพระพทุ ธเจา้ ทป่ี รากฏเฉพาะหน้า วธิ กี ารปฏบิ ตั ทิ ีบ่ รรยายไวใ้ นคมั ภีร์ เขา้ กันได้กับขัน้ ตอนการปฏบิ ตั ิทีเ่ ป็นสากลและตรงกบั ในวิชชาธรรมกาย คือ ระยะแรก ในเบอื้ งตน้ ปฏบิ ตั ิพทุ ธานสุ ตดิ ว้ ยการตรกึ ระลกึ (มนสิการ) ถึงพระพุทธเจ้า ระยะที่สอง เม่ือเห็นพระพุทธเจ้าแล้วก็ปฏิบัติด้วยการ “ตามเห็น” พระพุทธเจ้าท้ังหลายเหล่านั้นเรื่อยๆ คำาว่า อนุเปฺรกฺษิ มีความหมายทำานอง 288 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org เดียวกันกับ “อนุปัสสี” ในมหาสติปัฏฐานสูตรที่พระมงคลเทพมุนีแปลไว้ว่า “เห็นเนอื งๆ” (ดู 3.3.2.1) ในข้ันตอนน้ีผู้ปฏิบัติจะรกั ษาระดบั ความตอ่ เนอื่ ง ของสมาธไิ วซ้ ง่ึ จะทาำ ให้ “เหน็ ไดเ้ นอื งๆ” และพฒั นาไปสสู่ ภาวธรรมทลี่ ะเอยี ด อ่อนยิ่งขนึ้ ได้ มีข้อสังเกตว่า พระสูตรท่ีกล่าวถึงการทำาสมาธิของพระโพธิสัตว์ ผปู้ รารถนาพทุ ธภมู นิ นั้ มจี าำ นวนไมน่ อ้ ยทนี่ ยิ มใหฝ้ กสมาธแิ บบพทุ ธานสุ ติ โดย อาจเร่ิมต้นจากการนึกภาพพระพุทธรูป หรือเพียงแค่ระลึกถึงพระพุทธคุณ ซึ่งมักนำาไปสู่ประสบการณ์ภายในแบบ “เห็นพระ” ดังท่ีบันทึกไว้ในหลายๆ พระสูตร หลักการนี้ พบในแวดวงชาวพุทธในเอเชียอาคเนย์ด้วยเช่นกัน ดงั จะกลา่ วตอ่ ไปในบทที่ 4 3.3.2.5. สรปุ สาระแห่งธรรมปฏิบัติโดยพระกุมารชีพ114 นอกจากพระสูตรต่างๆ แล้ว คัมภีร์พระพุทธศาสนาในประเทศจีนยัง มีตำาราปฏิบัติธรรมอยู่ไม่น้อย และมีคัมภีร์สรุปสาระในการปฏิบัติธรรมไว้ ดว้ ย หนง่ึ ในนน้ั คอื คมั ภีรซ์ ือเหวยเลี่ยหยา้ วฝ่า ( The Abidged Essential T617) ทแ่ี ปลเปน็ ภาษาจนี โดยทา่ นกมุ ารชพี ราวกลางพทุ ธศตวรรษ ที่ 10-11 (Shi Guohua 1999) แนะนาำ การทำาสมาธิพทุ ธานุสติใน 4 ขัน้ ตอน ได้แก่ 114 เนื้อหาจากงานวิจัย “สมาธิกับศูนย์กลางกายในพระพุทธศาสนาจีนยุคตงฮ่ันและยุคโฮ่วฉิน” (พระ เกยี รตศิ กั ด์ิ กิตฺติปโฺ  2557) บทที 3 คันธาระ เอเชยี กลาง และประเทศจนี | 289

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคมั ภรี พ์ ทุ ธโบราณ 1 ฉบบั วชิ าการ 1. ข้ันเริ่มต้น115 ให้นึกนิมิตพระพุทธรูปท่ีมีลักษณะมหาบุรุษครบถ้วน 32 ประการและอนพุ ยญั ชนะ 80 2. เม่ือใจสงบลงแล้ว ให้นึกนิมิตพระรูปกาย116ที่ประกอบด้วยขันธ์ 5 (เบญจขนั ธ)์ ของพระพทุ ธองค์ 3. ตอ่ มา ให้นกึ นมิ ติ พระธรรมกาย117 ท่ีประกอบด้วยธรรมขันธ์ 5 อย่าง คอื ศลี ขนั ธ์ สมาธขิ นั ธ์ ปญั ญาขนั ธ์ วมิ ตุ ตขิ นั ธ์ วมิ ตุ ตญิ าณทสั นขนั ธ์ และทศพล ญาณ 10 ประการ ไวภ้ ายในพระรูปกาย 4. สดุ ท้าย ให้นกึ พระพทุ ธเจ้าทง้ั หมดในทศิ ท้ังสบิ 118 ในทำานองเดียวกนั กบั ทีก่ ล่าวไวใ้ นคมั ภรี ์ปรัตยุตปันนสมาธิสตู ร ( 經 ดู 3.3.2.1) เมื่อเปรียบเทียบกับการปฏิบัติที่สอนโดยพระมงคลเทพมุนี ประเด็น สาำ คญั อยทู่ ี่การระลึกถึงพระธรรมกายในพระรปู กาย ดังทีพ่ ระเกยี รติศกั ดิ์สรปุ ไวว้ า่ ขอ้ มลู จากคมั ภรี น์ บ้ี ง่ ชวี้ า่ อยา่ งนอ้ ยราวกลางพทุ ธศตวรรษที่ 6-11 ในชว่ ง (คริสต์ศตวรรษที่ 1-5) มีการทำาสมาธิท่ีระบุถึงการนึกนิมิตพระธรรมกายซ่ึง ซ้อนอยูภ่ ายในรูปกาย ดจุ บรุ ษุ นกึ ถงึ คนโทกอ่ นแลว้ ตอ่ มาจึงนึกถงึ มุกมณที ีอ่ ยู่ ในคนโทน้ัน ( .617 15:299b1) นบั เป็นความสอดคล้องโดยหลกั การทีก่ ลา่ ว ถึงพระธรรมกายในพระรูปกาย 115 116 117 118 290 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org นอกจากนใี้ นคมั ภรี เ์ ดยี วกนั ยงั มเี นอ้ื หาอกี สว่ นหนงึ่ กลา่ วถงึ ประสบการณ์ แหง่ การปฏบิ ตั ทิ คี่ ลา้ ยคลงึ กนั กบั คาำ สอนของพระมงคลเทพมนุ คี อื การเหน็ กาย แกว้ และการเหน็ แสงสวา่ งในกลางกาย ซง่ึ คมั ภีร์กลา่ ววา่ ผปู้ ฏบิ ตั ิพบกบั กาย แกว้ แลว้ เหน็ ดวงสวา่ งผดุ ออกมาจากกลางกายนนั้ เมอ่ื ดวงสวา่ งผดุ ออกมาจาก กลางกายนั้นแลว้ ให้ผูป้ ฏิบัตินกึ พระอมติ ายุสในกลางดวงสวา่ งกลางกายน้ัน119 3.3.2.6. สรุปสาระแหง่ ธรรมปฏิบตั โิ ดยพระธรรมมิตร120 ราวกลางพุทธศตวรรษที่ 11-12 หลังจากช่วงเวลาของท่านกุมารชีพ ราวหนงึ่ ศตวรรษ ปรากฏคมั ภรี ส์ รปุ สาระสาำ คญั ของธรรมปฏบิ ตั ขิ น้ึ อกี เลม่ หนงึ่ แปลโดยท่านธรรมมติ ร ใหช้ อ่ื วา่ “สาระของคู่มอื ปฏบิ ตั ธิ รรมอนั ประกอบด้วย ประตูใหญ่ 5 ประตู”121 หรือที่นิยมเรยี กส้ันๆ ว่า “ประตูใหญ่ทง้ั ห้า” (Five Gates) ท่ีเรียกว่าประตูใหญ่ทั้ง 5 แห่งธรรมปฏิบัติน้ัน ท่านธรรมมิตรหมาย ถงึ การปฏบิ ัติ 5 อยา่ ง ได้แก่ อานาปานสมฤติ อสุภะ เมตตา ปฏจิ จสมปุ บาท และพทุ ธานุสติ 119 大 (T.617 15:299c27-300a04) 120 เน้ือหาจากงานวิจัย “สมาธิกับศูนย์กลางกายในพระพุทธศาสนาจีนยุคตงฮ่ันและยุคโฮ่วฉิน” (พระ เกียรติศกั ดิ์ กติ ตฺ ปิ โฺ  2557) 121 อเู่ หมนิ ฉานจิงหยา้ วยง่ ฝา่ ( 經 619) บทที 3 คันธาระ เอเชยี กลาง และประเทศจีน | 291

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พทุ ธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ ยามาเบะ (Yamabe 2010: 1049-50) พบวา่ คัมภีรน์ ี้มเี น้อื หาบางตอน ที่ตรงกันกับคัมภีร์อื่นๆ เช่น คัมภีร์ซือเหวยเล่ว์หย้าวฝ่า ( The Abidged Essential), คมั ภีร์ฉานม่หี ย้าวฝ่าจิง ( 經 the Secret Essen- tials of Meditation T15 No. 613) และคัมภีรก์ วนจงิ ( 經 the Visualization Manual T85 No. 2914) เปน็ ตน้ จงึ เปน็ ไปไดว้ า่ คมั ภีรน์ ีจ้ ะประมวลรวมเอา คาำ สอนจากหลายๆ ฉบับเขา้ มาสรุปรวมกนั ไว้ สง่ิ ทน่ี า่ สนใจคอื ในสว่ นของพทุ ธานสุ ติ ทก่ี ลา่ วถงึ เทคนคิ ในการทาำ สมาธิ วา่ รวมใจใหแ้ น่แน่วเฝาดูทบ่ี ริเวณสะดือ ( ) ผลจากการทาำ สมาธิแบบ นจี้ ะทาำ ใหผ้ ปู้ ฏบิ ตั มิ ปี ระสบการณท์ ส่ี ามารถมองเหน็ ดวงธรรมและองคพ์ ระได้ ประมวลหวั ใจการปฏบิ ัตทิ ร่ี วบรวมโดยพระภกิ ษชุ าวจนี ทั้งสองฉบบั จงึ นับวา่ มีหลักการทส่ี อดคล้องกันกบั วชิ ชาธรรมกาย ทงั้ ในประเดน็ เกยี่ วกับการ เหน็ พระและดวงสว่างภายใน รวมท้ังการวางใจไว้ท่ศี นู ย์กลางกาย 3.3.2.7. คู่มือธรรมปฏบิ ตั ิภาษามองโกเลยี 122 คมั ภรี น์ ้ี เปน็ คมู่ อื ปฏบิ ตั ธิ รรมทเ่ี ขยี นในภาษามองโกเลยี แลว้ นาำ มาแปล เปน็ ภาษาจนี ราว พ.ศ. 1800 กล่าวถงึ การปฏบิ ัติธรรมท่ชี ลงิ ลอฟ (Schlingl- off) ระบุวา่ คล้ายคลงึ กนั กับวธิ ปี ฏบิ ตั ิธรรมทีก่ ล่าวไว้ในตาำ ราปฏิบตั ธิ รรมของ โยคาจาร (ดู 3.3.2.4) คัมภรี ์น้แี บ่งเนอ้ื หาทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั การปฏบิ ตั ิธรรมไว้ 7 หมวด ไดแ้ ก่ 122 เนื้อหาจากงานวิจยั “สมาธิกบั ศูนยก์ ลางกายในพระพทุ ธศาสนาจีนยุคตงฮั่นและยคุ โฮ่วฉิน” (พระ เกยี รติศักดิ์ กติ ฺติปโฺ  2557) 292 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org หมวดท่ี 1 ปฐมบท: กล่าวถึงวิธีปฏิบัติธรรมสามแแบบที่ช่วยบรรเทา จรติ 3 แบบ หรอื กิเลส 3 ตระกูล ไดแ้ ก่ - อสุภภาวนา บรรเทา ราคจริต - พทุ ธานสุ ติ บรรเทา โมหจรติ - เมตตาภาวนา บรรเทา โทสจรติ หมวดท่ี 2 อธิบายทา่ นงั่ สมาธิ หมวดที่ 3 แนะนำาวิธีการเจรญิ อสุภภาวนา หมวดท่ี 4 แนะนำาวิธีการเจรญิ พุทธานุสติ หมวดท่ี 5 แนะนาำ การนึกนมิ ิตพระรูปกายของพระพทุ ธองค์ หมวดท่ี 6 แนะนาำ การนกึ นิมิตเป็นธรรมกายของพระพทุ ธองค์ หมวดที่ 7 กล่าวถึงประสบการณ์ของผู้ปฏิบัติท่ีวางใจไว้ที่สะดือว่าจะ สามารถมองเหน็ องคพ์ ระผุดซอ้ นได้ บทที 3 คันธาระ เอเชยี กลาง และประเทศจนี | 293

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคัมภีรพ์ ุทธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ ภาพที่ 14 ภาพจาํ ลองเทียบประสบการณก์ ารเหนองคพ์ ระ ุ อ้ นจากกลางกาย ของ ป้ ฏิบตั กิ ับเทคนคิ ในคัมภรี ์ปฏิบัติธรรมของจีน . . . บทสรปุ สมาธิภาวนาในคันธาระ เอเชยี กลาง และประเทศจีน จากขอ้ มลู ทงั้ หมดทน่ี าำ เสนอมาขา้ งตน้ สงิ่ หนงึ่ ทเ่ี หน็ ไดช้ ดั เจนคอื การเจรญิ พุทธานุสติน่าจะเป็นวิธีปฏิบัติท่ีเป็นท่ีนิยมในคันธาระ เพราะหลักฐานภาษา คานธารที เ่ี ก่าแก่ทส่ี ดุ ในเร่ืองสมาธิภาวนาในท้องถิ่นนี้คือพทุ ธานุสติ (3.3.2.1) พบในคัมภีร์พุทธมหายานที่คาดว่าน่าจะมาจากบาจัวร์หรือบริเวณใกล้เคียง นอกจากน้ียังพบคัมภีร์เก่ียวกับพุทธานุสติจำานวนมากในภาษาสันสกฤตท้ัง จากคันธาระ เอเชยี กลาง และประเทศจีน (3.3.2.1-3.3.2.7) ในช่วงเวลาที่ลด 294 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org หลน่ั กนั ไปซงึ่ แสดงถงึ ความตอ่ เนอื่ งไมข่ าดระยะของการเผยแผธ่ รรมปฏบิ ตั ใิ น รูปแบบน้ีในภูมิภาคท่ีศึกษา ส่วนใหญ่จะเป็นพระสูตรมหายาน แต่ก็มีคัมภีร์ ปฏบิ ัตธิ รรมทีเ่ ช่ือว่าเปน็ ของสรรวาสติวาทหรอื มูลสรรวาสตวิ าทดว้ ย อานาปานสตภิ าวนากน็ า่ จะเปน็ ทนี่ ยิ มเชน่ กนั และเชอ่ื วา่ เปน็ การเจรญิ สมาธิภาวนาแบบแรกท่ีชาวพุทธในประเทศจีนรู้จัก โดยพระอันซื่อกาว พระ ภกิ ษชุ าวพารเ์ ธยี นผบู้ วชในนกิ ายสรรวาสตวิ าทเปน็ ผนู้ าำ มาเผยแผใ่ นราวปี พ.ศ. 698-712 ก่อนหน้าท่ีพระโลกเกษมจะนำาพุทธานุสติจากพระสูตรมหายาน เขา้ ไป (พ.ศ. 707-729) เพยี งไม่กี่ปี การปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนาท้ังสองแบบน้ีที่เผยแผ่เข้าไปใน ประเทศจนี นา่ จะมอี ิทธพิ ลตอ่ การปรบั เปลย่ี นวิธีการปฏบิ ัติธรรมของศาสนา ท้องถ่ินในประเทศจีนไม่น้อย กล่าวคือ ภายหลังจากที่พระอันซื่อกาวสอน อานาปานสมฤติเกือบสิบปี ศาสนาเตาของจีนเร่ิมสอนให้วางใจในการเจริญ ภาวนาโดยให้หายใจผ่านจุดตันเถียนซ่ึงอยู่ใกล้เคียงกับบริเวณสะดือ ตำ่ากว่า สะดอื ราวสองนวิ้ มอื และในราวเวลาทพี่ ระโลกเกษมนาำ พทุ ธานสุ ตเิ ขา้ ไปเผยแผ่ นัน้ ศูนยก์ ลางของศาสนาเตาในหลายทอ้ งท่ีของประเทศจนี ซง่ึ รวมถงึ ในมหา นครลว่ั หยางอนั เปน็ ศนู ยก์ ลางการแปลคมั ภรี พ์ ระพทุ ธศาสนาเปน็ ภาษาจนี ดว้ ย ไดป้ รบั เปลย่ี นวธิ กี ารปฏบิ ตั สิ มาธขิ องตนมาเปน็ การนกึ ภาพขององคเ์ ทพไวท้ จ่ี ดุ ตนั เถยี น ในทาำ นองเดยี วกนั กบั ทชี่ าวพทุ ธระลกึ ถงึ พระพทุ ธเจา้ ทศ่ี นู ยก์ ลางกาย นัน่ เอง ในเรอ่ื งนี้ นักวชิ าการผู้ศึกษาเรือ่ งนี้ได้แสดงความเห็นวา่ วิธกี ารปฏบิ ตั ิ แบบใหม่ของเตาน้ันได้รับอิทธิพลมาจากวิธีการฝกสมาธิในพระพุทธศาสนา ทเี่ ผยแผใ่ นประเทศจนี อยใู่ นช่วงเวลานัน้ (Bumbacher 2007: 221, 228) บทที 3 คันธาระ เอเชยี กลาง และประเทศจีน | 295

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคมั ภีรพ์ ุทธโบราณ 1 ฉบับวชิ าการ ในราวกลางพุทธศตวรรษที่ 10-11 (ครสิ ต์ศตวรรษที่ ) พระกุมารชีพ ไดแ้ ปลคมั ภรี เ์ กยี่ วกบั สมาธหิ ลายคมั ภรี ์ แนะนาำ เทคนคิ การทาำ สมาธแิ บบพทุ ธา นุสติโดยให้ผู้ปฏิบัตินึกนิมิตพระพุทธเจ้าไว้ในบริเวณสะดือ ซ่ึงจะทำาให้เกิด ประสบการณ์การเห็นดวงธรรมและองค์พระผุดซ้อนจากกลางกาย คัมภีร์ที่ แปลโดยพระกุมารชพี ชาวเอเชยี กลางผูถ้ อื กำาเนิดในกชุ า และได้รบั การศกึ ษา จนมคี วามเชย่ี วชาญทง้ั ในคาำ สอนของนกิ ายหลกั คอื สรรวาสติวาทและคาำ สอน ของพระพุทธศาสนามหายานนี้ บง่ บอกถึงความตอ่ เนอ่ื งไมข่ าดสายของความ นิยมในการปฏิบัติพทุ ธานสุ ตใิ นทอ้ งถิ่นเอเชยี กลางและประเทศจีน นอกจากอานาปานสติ และพุทธานุสติแล้ว ข้อมูลประกอบจากหลาย แหลง่ ยงั บง่ บอกวา่ การเจรญิ สมาธภิ าวนาของชาวพทุ ธในดนิ แดนทศี่ กึ ษาอยนู่ ี้ มหี ลากหลายรปู แบบเชน่ เดยี วกนั กบั ทพ่ี บในภมู ภิ าคอนื่ ๆ และวตั ถปุ ระสงคใ์ น การเจรญิ ภาวนาในเบอ้ื งตน้ นา่ จะเนน้ การปลอ่ ยวางจากความยดึ ตดิ กบั รา่ งกาย และสิ่งภายนอก ดังจะเห็นได้ว่าในหลักฐานเก่าแก่ในภาษาคานธารี (3.1.6) จะกล่าวถึงอสุภสัญญาเป็นอันดับแรก ก่อนท่ีจะไปกล่าวถึงสัญญาอ่ืนๆ ซ่ึง ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อการปล่อยวางจากความยึดม่ันในขันธ์และอายตนะท้ัง สิน้ แมแ้ ตค่ ัมภีรป์ ฏิบัตธิ รรมของโยคาจารท่พี บในเอเชียกลาง (3.3.2.4) กเ็ ร่ิม ต้นด้วยอสุภภาวนาเช่นเดียวกัน ก่อนที่จะตามด้วยอานาปานสติและวิธีอ่ืนๆ ย่ิงกว่านั้นภาพวาดผนังถ้ำาท่ีเก่าที่สุดในฮัดดา แหล่งเดียวกันกับที่เช่ือว่าเป็น ท่ีค้นพบคัมภีร์คานธารีท่ีกล่าวถึง (3.1.6 และ 3.3.2.4) ก็เป็นภาพวาดโครง กระดูกซ่ึงน่าจะสะท้อนถึงวิธีการปฏิบัติสมาธิภาวนาที่เป็นที่นิยมในท้องถ่ินที่ เชอ่ื ว่าเคยเปน็ ทเ่ี ผยแผข่ องสรรวาสตวิ าทและธรรมคปุ ตก์ 296 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org การปฏบิ ตั สิ มาธภิ าวนาทพ่ี บในพระสตู รมหายานในทอ้ งถน่ิ นก้ี เ็ นน้ การ ปล่อยวางเช่นเดียวกัน กล่าวคือ ส่วนใหญ่จะนำาหลักการของสุญญตาหรือ “อภาวะ” เข้ามาประกอบในธรรมปฏบิ ัติ เพ่อื ใหผ้ ปู้ ฏบิ ัตไิ ม่ยดึ ตดิ กับสิง่ ที่เขา้ ถงึ อยแู่ ละสามารถพฒั นาจติ ใหเ้ ขา้ สสู่ ภาวะทลี่ ะเอยี ดยง่ิ ขน้ึ ได้ หลกั การนพ้ี บใน คมั ภีร์ท่เี กา่ แก่ท่สี ุด (คือปรัตยุตปันนสมาธสิ ตู ร) และในสมาธิราชสตู ร ภาพที่ 15 ไวโรจนพุทธะตามคติของวัชรยาน กลางกายมีองค์พระ ้อนอย () วธิ กี ารทาำ สมาธภิ าวนาทพี่ บในทอ้ งทคี่ นั ธาระ เอเชยี กลาง และประเทศ จีน จึงมีความสอดคล้องกันกับการสอนสมาธิของพระมงคลเทพมุนีในหลาย แง่มุม ตั้งแต่หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดในปรัตยุตปันนสมาธิสูตรท่ีตรงกันในเร่ือง บทที 3 คันธาระ เอเชียกลาง และประเทศจีน | 297

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวชิ าการ ของการเห็นพระพุทธองค์โดยกายทแ่ี ทจ้ ริง คือกายธรรม และการปฏบิ ตั ิโดย ไม่ยึดติดกับสิ่งท่ีเข้าถึงในแต่ละข้ันตอน จนในท่ีสุด “จะได้เห็นพระพุทธองค์ ผู้เป็นนาถะของโลกตลอดคืนและวัน” หลักฐานเก่าแก่รองลงมาในเร่ืองของ อสุภภาวนา ก็สอดคล้องกันในเรื่องของหลักการปฏิบัติเบื้องต้นอันเป็นสากล การปฏิบัติอานาปานสติที่สอนให้วางใจที่ศูนย์กลางของกาย นับว่าตรงกัน ในเทคนิควิธีการปฏิบัติ การปฏิบัติธรรมแบบเห็นพระในคัมภีร์ต่างๆ ซ่ึงมี อยู่มากมายดังที่แสดงไว้แล้ว ซึ่งสอดคล้องตรงกันกับหลักการของพระมงคล เทพมุนีมากบ้าง น้อยบ้าง ย่อมเป็นเคร่ืองยืนยันว่า หลักการปฏิบัติเบ้ืองต้น เหลา่ นน้ั ตลอดจนประสบการณใ์ นการเหน็ พระนน้ั เปน็ แนวทางการปฏบิ ตั ขิ อง ชาวพทุ ธมาตัง้ แต่โบราณกาล 3.4. ภาพรวมหลกั ฐานธรรมกาย ในคนั ธาระ เอเชียกลาง และประเทศจนี ด้วยเหตุผลทางภูมิศาสตร์ ดินแดนคันธาระจึงเป็นที่รู้จักในกลุ่ม นกั ประวตั ศิ าสตรใ์ นฐานะทเี่ ปน็ ปากประตใู นการแลกเปลย่ี นวฒั นธรรมระหวา่ ง อนิ เดยี กบั ชนชาตติ า่ งๆ ทสี่ ญั จรและทาำ การคา้ บนเสน้ ทางสายไหม ดนิ แดนนจ้ี งึ นบั วา่ เปน็ แหลง่ รวมความหลากหลายทางศาสนาและวฒั นธรรม123 ความหลาก หลายดังกล่าวได้สะท้อนออกมาให้เห็นในคำาสอนของพระพุทธศาสนาต่าง 123 ในเร่อื งนี้ ซาโลมอนกล่าววา่ This ar-reaching in uence o andhāra in ancient times is directly attributable to its strategic location at the primary gate ay to the Indian subcontinent, a location that has enabled it to play, over and over throughout the history, the role of a crossroads and melting pot of cultures.” (Salomon 1999: 4) 298 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org นกิ ายในคัมภรี ์ท่ีคน้ พบจากดนิ แดนแห่งน้ี รวมทัง้ ในเอเชียกลาง และประเทศ จนี ที่เช่อื วา่ รับเอาพระพุทธศาสนาไปจากคันธาระด้วย หลกั ฐานทางคัมภีรท์ ่นี ำามาศกึ ษาจากดนิ แดนดงั กลา่ วนี้ พบวา่ มากกวา่ ครง่ึ เปน็ คมั ภรี พ์ ทุ ธมหายานทมี่ เี นอ้ื หาหลากหลาย นอกจากนน้ั เปน็ คมั ภรี ข์ อง นิกายหลักที่พบคละกันหลายนิกาย ส่วนใหญ่คาดว่าเป็นของสรรวาสติวาท ธรรมคุปตก์ ซึ่งมีเนื้อหาใกล้เคียงกันกับพระไตรปิฎกบาลีเป็นอย่างมาก รวม ท้ังมหาสางฆิกะ-โลโกตตรวาทซ่ึงมีคำาสอนที่แตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็ยังรักษา จดุ รว่ มกนั ในบางอย่างไว้ คัมภีร์ลายมือเขียนท่ีศึกษาในคันธาระและเอเชียกลางมีอายุของการ คัดลอกมาตงั้ แตร่ าวกลางพุทธศตวรรษท่ี 5 (คือประมาณ พ.ศ. 450 เปน็ ต้น มา) จนถงึ พทุ ธศตวรรษท่ี 18-19 ทำาใหค้ าดเดาได้วา่ ต้นฉบับหรือตน้ ตอของ คำาสอนนั้นๆ น่าจะยอ้ นรอยไปได้ถงึ พทุ ธศตวรรษท่ี 4 เป็นอยา่ งชา้ หลักฐานทางคัมภีรท์ ีศ่ กึ ษาในภมู ภิ าคน้ี พบความสอดคล้องกบั คำาสอน ธรรมกายท้ังสามรูปแบบคือ พบความสอดคล้องในแงข่ องหลักธรรมหรอื หลกั ธรรมปฏิบัติโดยทว่ั ไป พบหลกั ฐานที่ปรากฏคำาวา่ ธรรมกาย และพบหลกั ฐาน ที่มีความสอดคล้องกันกับวิชชาธรรมกายในวิธีการทำาสมาธิภาวนาหรือในแง่ ของประสบการณ์จากการเจรญิ ภาวนา ในแง่ของหลักธรรมท่ัวไปน้ัน พบหลักฐานที่มีคำาสอนตรงกับหลักการ ของวิชชาธรรมกาย อายคุ ัมภีรต์ งั้ แตร่ าวพทุ ธศตวรรษที่ 6 เปน็ ตน้ มา ดงั ท่ยี ก เป็นตวั อย่างไวใ้ นตอนต้นของบทน้ีจาำ นวน 11 พระสูตร ท่พี บความสอดคล้อง ใน 11 ประเดน็ ได้แก่ บทที 3 คันธาระ เอเชยี กลาง และประเทศจีน | 299

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคมั ภีรพ์ ุทธโบราณ 1 ฉบบั วชิ าการ - พระพุทธองค์ทรงเป็น “พุทธะ” เท่านั้นเพราะทรงหมดกิเลสที่จะ ทาำ ใหเ้ ปน็ อย่างอ่นื แลว้ - ทรงสอนให้ทำาความเพียร 4 อย่าง คือ เพียรระวังไม่ให้อกุศลเกิด ขน้ึ เพยี รละอกศุ ลทีเ่ กิดแล้ว เพียรเจรญิ กศุ ลท่ียังไม่เกดิ และเพียรรกั ษากศุ ล ท่เี กดิ แล้ว - นิพพานเป็นแดนเกษมที่ไมม่ ีความชรา - ตอ้ งทงั้ ร้ทู ง้ั เห็นจึงกำาจัดกเิ ลสได้ - พึงปล่อยวางขนั ธ์ 5 ซึง่ ไม่ใช่ตน และควรหนา่ ยในขันธ์ 5 - ทรงสอนให้อบรมสญั ญา 4 ประการ ไดแ้ ก่ อสุภสญั ญา มรณสญั ญา อาหารปฏิกลู สญั ญา และสพั พโลเกอนภริ ตสญั ญา - ผไู้ ม่ยดึ ตดิ ในสิ่งใดย่อมมงุ่ ตรงไปสพู่ ระนพิ พาน - นิพพานเป็นสขุ ท่ีเทย่ี งแท้ไม่แปรเปลีย่ น - พระพุทธองค์ทรงมีพระคุณเหนือพระอรหันต์แม้จะตรัสรู้นิพพาน เดียวกนั - พระพุทธเจา้ ในอดีตมีมากมายเสมือนเม็ดทรายในคงคามหานที - ธรรมกายเปน็ สว่ นหนง่ึ ในเส้นทางสายกลางสนู่ ิพพาน ส่วนหลักฐานทางคัมภีร์ท่ีปรากฏคำาว่าธรรมกายจากภูมิภาคนี้ พบใน คัมภีรท์ ่ีมอี ายุการคดั ลอกตง้ั แตร่ าวพทุ ธศตวรรษท่ี 6 เปน็ ต้นมาจนถงึ คัมภีร์ท่ี มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 หรอื หลงั จากนั้น ความหมายของธรรมกายท่พี บ ในคมั ภรี ม์ ที งั้ ทตี่ รงกนั อยา่ งสมบรู ณ์ ตรงกนั เพยี งบางสว่ น หรอื ตรงกนั ในความ หมายของธรรมกายแต่แตกต่างกนั ในคำาสอนอื่นๆ เปน็ ตน้ โดยภาพรวมพบวา่ จากคมั ภรี ์ที่นำามาศกึ ษาในส่วนนีจ้ ำานวนราว 20 คมั ภีรข์ นึ้ ไป ความหมายของ 300 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org ธรรมกายท่ีตรงกันกับที่ใช้ในวิชชาธรรมกายอย่างเต็มร้อยจะพบอยู่ในคัมภีร์ ของนกิ ายหลกั และคมั ภรี ท์ ม่ี อี ายเุ กา่ แก่ ไดแ้ ก่ คมั ภรี อ์ าคมะของจนี คมั ภรี พ์ ทุ ธ มหายานยคุ ตน้ และยคุ กลางบางคมั ภรี ์ สว่ นคมั ภรี ม์ หายานทมี่ กี ารขยายความ เชิงปรัชญาไปมากแล้ว พบว่ามีความสอดคล้องเพียงในหลักการเบ้ืองต้น แต่ เมือ่ ลงรายละเอียดแล้วพบวา่ แตกตา่ งกนั ตัวอย่างประเดน็ เกี่ยวกบั ธรรมกาย ทสี่ อดคลอ้ งกนั กบั วชิ ชาธรรมกายมดี ังนี้ - พึงเห็นพระพุทธองค์โดยธรรม เพราะพระองค์ทรงมีธรรมเป็นกาย (พระตถาคตเปน็ ธรรมกาย) - พระพุทธองค์ทรงประกอบด้วยทั้งรูปกายและธรรมกาย - มนุษยแ์ ละสรรพสตั วม์ ีธาตแุ หง่ ความเป็นพทุ ธะอยภู่ ายใน - ธรรมกายเปน็ กายแห่งการตรสั รธู้ รรม - อริยสงฆ์สาวกเป็นผู้ถงึ พรอ้ มด้วยธรรมกาย - กิเลสของพระพุทธองค์ส้นิ แลว้ คงเหลือแต่ธรรมกายเทา่ นั้นดำารงอยู่ สาำ หรบั คมั ภรี ท์ ส่ี อนการเจรญิ ภาวนา ทนี่ าำ มาศกึ ษาในบทนมี้ จี าำ นวน 10 คมั ภีร์ เป็นคัมภรี ท์ ่สี อนอานาปานสติ 2 คมั ภีร์ และคัมภีร์ท่ีสอนพทุ ธานุสติ 8 คมั ภีร์ มที ัง้ ทพ่ี บเปน็ ตน้ ฉบับลายมือเขยี นภาษาคานธารี และภาษาสนั สกฤต และท่ีแปลมาเป็นภาษาจีน พบว่าคัมภีร์ที่สอนอานาปานสติเป็นคัมภีร์ของ นิกายหลักคือสรรวาสติวาท มีเน้ือหาแนะนำาให้วางใจท่ีศูนย์กลางกาย ส่วน คมั ภีร์ท่สี อนเก่ยี วกับพุทธานุสติ มผี ลการปฏบิ ัติธรรมแบบเห็นพระ และมที ้งั ท่ีให้บ่งชี้ว่าให้ความสำาคัญกับศูนย์กลางกาย กับท่ีไม่ได้แสดงฐานท่ีต้ังของใจ ไว้ให้ชัดเจน แต่มีหลักการปฏิบัติในการวางใจในทำานองเดียวกันกับท่ีสอนใน การปฏิบตั ิธรรมเพือ่ เขา้ ถงึ พระธรรมกาย บทที 3 คนั ธาระ เอเชียกลาง และประเทศจีน | 301

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคัมภรี พ์ ทุ ธโบราณ 1 ฉบบั วิชาการ ภาพรวมคำาสอนในหลักฐานทางคัมภีร์เหล่าน้ีซ่ึงมีความสอดคล้องกับ วิชชาธรรมกายสูงมากในนกิ ายหลักและมหายานยคุ ต้น และเรม่ิ แตกตา่ งมาก ขน้ึ ในคมั ภรี ม์ หายานทมี่ กี ารขยายความมากนนั้ นบั เปน็ เครอื่ งบง่ ชว้ี า่ คาำ สอนใน วชิ ชาธรรมกายเปน็ คาำ สอนเกา่ แกใ่ นพระพทุ ธศาสนาทยี่ งั มรี อ่ งรอยเกบ็ รกั ษาไว้ ในบางคัมภรี ใ์ นทอ้ งถ่นิ คนั ธาระ เอเชยี กลาง และประเทศจีน 302 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org บทที 4 เอเชยี อาคเนย์ บทที 4 เอเชียอาคเนย์ | 303

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคัมภีรพ์ ุทธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ ธรรมชาติของหลักฐานธรรมกายในเอเชียอาคเนย์ แตกต่างจากหลัก ฐานในคนั ธาระ เอเชียกลาง และประเทศจีนเป็นอยา่ งมาก ในขณะทห่ี ลักฐาน ทน่ี าำ มาศกึ ษาจากดนิ แดนตอนเหนอื ของอนิ เดยี มคี วามหลากหลาย ทง้ั ในเรอ่ื ง ของนิกายทเี่ ก่ียวข้องซึง่ มที งั้ นิกายหลกั หลายนิกาย และมหายาน และในเร่ือง ประเภทของหลักฐานท่ีมีท้ังพระสูตรของนิกายหลัก พระสูตรมหายานท่ีมี เนอ้ื หาหลากหลาย คมั ภรี แ์ นะนาำ ธรรมปฏบิ ตั ิ ตลอดจนโศลกสรรเสรญิ พระพทุ ธ คณุ และคัมภรี ท์ ้องถ่ินอ่ืนๆ การศึกษาหลกั ฐานในเอเชยี อาคเนย์กลับเนน้ การ เจาะลึกในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาทท้องถิ่น เฉพาะท่ีเป็นคัมภีร์แนะนำา การปฏบิ ัติสมาธิภาวนากบั คาถาสรรเสรญิ พระพุทธคุณเทา่ นั้น โดยเหตนุ ้ี การ ประมวลรวมผลงานวิจัยของสองภูมิภาคจึงย่อมมีความลักล่ันกันอย่างหลีก เล่ียงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การนำาเสนอผลการวิจัยในบทน้ีจะพยายามรักษา รูปแบบให้ใกล้เคียงกันกับในบทท่ี 3 เทา่ ที่จะทำาได้ ในเอเชยี อาคเนย์ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ประเทศไทยและประเทศเพอ่ื นบา้ น ไดแ้ กป่ ระเทศลาว พมา่ และกมั พชู า ตา่ งมพี ระพทุ ธศาสนาเปน็ คาำ สอนหลกั ของ ประเทศมาชา้ นาน จงึ ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งแปลกทเี่ ราไดพ้ บคมั ภรี พ์ ระพทุ ธศาสนาจาำ นวน ไมน่ อ้ ยจากหลายทอ้ งทใ่ี นประเทศไทยและประเทศใกลเ้ คยี ง แมค้ มั ภรี ท์ พี่ บใน ท้องถิ่นน้ีจะอายุไม่เก่าแก่นักเมื่อเปรียบเทียบกับคัมภีร์ที่พบในคันธาระและ เอเชยี กลาง ทงั้ นเ้ี นอื่ งดว้ ยภมู อิ ากาศรอ้ นชนื้ ของเอเชยี อาคเนยท์ าำ ใหเ้ กบ็ รกั ษา คมั ภรี ไ์ ดไ้ มน่ านมากกต็ าม หากเนอ้ื หาของคมั ภรี น์ น้ั เปน็ คาำ สอนทคี่ ดั ลอกสบื ตอ่ กนั มาเปน็ เวลาไมน่ อ้ ยแลว้ คาำ สอนในบางสว่ นอาจสบื ยอ้ นกลบั ไปไดถ้ งึ ราวพทุ ธ ศตวรรษท่ี 5 เปน็ อย่างนอ้ ยดงั ทมี่ ปี รากฏขอ้ ความรบั รองในพระไตรปิฎกบาลี 304 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org งานวิจัยในบทน้ีศึกษาหลักฐานทางคัมภีร์ในประเทศไทยและประเทศ ใกล้เคยี ง โดยประมวลรวมสิ่งท่คี ้นพบจากงานวิจยั ย่อย 5 ชิ้น ที่แม้แตล่ ะชนิ้ งานจะมีรูปแบบและวัตถุประสงค์ของการวิจัยที่แตกต่างกันบ้าง แต่ภาพรวม ของส่ิงที่ค้นพบก็ทำาให้มองเห็นร่องรอยของคำาสอนธรรมกายที่ยืนหยัดอยู่ใน ท้องถนิ่ เอเชยี อาคเนยม์ านานกว่าสหสั วรรษ การศึกษาคัมภีร์พระธัมมกายาทิและคาถาธรรมกายในคัมภีร์สมาธิ ภาวนาโดยพระครูวิเทศสุธรรมญาณ และกิจชยั เออ้ื เกษม พบว่า “ธรรมกาย” เปน็ ทร่ี จู้ กั ของชาวพทุ ธในเอเชยี อาคเนยม์ าเปน็ เวลาหลายรอ้ ยปแี ลว้ ในฐานะท่ี เปน็ พทุ ธลกั ษณะหรอื กายแหง่ การตรสั รธู้ รรมอนั ประกอบดว้ ยญาณรแู้ จง้ และ คุณธรรมตา่ งๆ ทเี่ ก่ียวข้องกบั การตรสั รู้ คมั ภรี จ์ ตรุ ารกั ขาทศ่ี กึ ษาโดย สปุ ราณี พณชิ ยพงศ์ ใหค้ าำ ตอบคลา้ ยกนั วา่ ในความเขา้ ใจของชาวพทุ ธในเอเชยี อาคเนยน์ น้ั พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ มไิ ดท้ รง มแี ตพ่ ระรปู กาย หากทรงมพี ระธรรมกายอนั ประกอบดว้ ยญาณและพระพทุ ธคณุ อันเปน็ อจินไตยดว้ ย ความเข้าใจดงั กล่าวน้ีนา่ จะปรากฏใหเ้ หน็ อย่างช้าตั้งแต่ ราวกลางพุทธศตวรรษที่ 10-16 (คริสต์ศตวรรษท่ี 5-10) อันเป็นเวลาที่ สนั นิษฐานว่ามีการประพันธ์คัมภีรน์ ขี้ ้นึ เป็นคร้งั แรก การศึกษาเนื้อหาคัมภีร์เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมในท้องถ่ินเอเชีย อาคเนย์โดยพระปอเหม่า ธมฺมิโต กิจชัย เอื้อเกษม และสุปราณี พณิชย พงศ์ พบว่าในท้องถิ่นน้ีมีการปฏิบัติธรรมหลายวิธีซึ่งตรงกันกับท่ีแสดงไว้ใน คัมภีร์วิสุทธิมรรค แต่พุทธานุสติดูจะเป็นวิธีหน่ึงท่ีมีความนิยมมาก เพราะ ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ปฏิบัติธรรมท้องถ่ินแทบทุกฉบับ ทั้งยังมีความเก่าแก่ที่ บทที 4 เอเชยี อาคเนย์ | 305

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคมั ภีร์พทุ ธโบราณ 1 ฉบับวชิ าการ สืบย้อนกลับไปได้ถึงพระไตรปิฎกบาลี แสดงถึงความต่อเน่ืองในการปฏิบัติ พทุ ธานสุ ตทิ ม่ี คี วามนยิ มไมข่ าดสายในแวดวงชาวพทุ ธเถรวาทมาจนถงึ ปจั จบุ นั อนง่ึ การศกึ ษาพทุ ธานสุ ตใิ นคมั ภีรบ์ าลีโดย ดร.พม.สธุ รรม สุรตโน ได้ ข้อสรุปว่า การเจริญสมาธิภาวนาโดยการวางใจไว้ภายในตัว และหยุดใจไว้ ในกลางสมาธินิมิตเดิมเรอื่ ยไปดังทพี่ ระมงคลเทพมนุ ี (สด จนฺทสโร) สอนนั้น เป็นหลกั การดั้งเดมิ ทพี่ ระพุทธองค์ทรงปฏิบตั ิและสงั่ สอนพระสงฆ์สาวก ดังที่ ปรากฏหลักฐานอยูห่ ลายแหง่ ในพระไตรปิฎกบาลี 306 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org ภาพที่ 16 แส งจุ ค้นพบคมั ภรี ใ์ นเอเชียอาคเนยท์ ี่นํามา กษาวจิ ยั 1 1 ขอขอบคุณ ดร.กจิ ชยั เอ้ือเกษม ผเู้ อื้อเฟือ้ ภาพถา่ ยทัง้ หมดในบทน้ี บทที 4 เอเชียอาคเนย์ | 307

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคัมภรี พ์ ทุ ธโบราณ 1 ฉบบั วิชาการ หลกั ฐานทางคมั ภรี ท์ นี่ บั เปน็ รอ่ งรอยคาำ สอนธรรมกายในเอเชยี อาคเนย์ กเ็ ชน่ เดยี วกนั กบั ทพ่ี บในคนั ธาระ เอเชยี กลาง และประเทศจนี คอื มที งั้ หลกั ฐาน ท่ีพบคำาว่าธรรมกาย หลักฐานท่ีมีความสอดคล้องในแง่ของวิธีการหรือ ประสบการณ์ในการเจริญสมาธิภาวนา และหลักฐานท่ีมีความสอดคล้องใน หลกั ธรรมหรอื หลกั ปฏบิ ตั โิ ดยทวั่ ไป การรายงานผลการวจิ ยั ในบทน้ี จะเรมิ่ ตน้ ด้วยหลักฐานที่มีคำาว่าธรรมกายก่อน ตามด้วยหลักฐานเกี่ยวกับสมาธิภาวนา และหลักฐานที่มีความสอดคล้องกับวิชชาธรรมกายในหลักธรรมท่ัวไป ตาม ลาำ ดับ2 4.1. หลกั ฐานทีมีคําว่าธรรมกาย ในดินแดนเอเชียอาคเนย์พบข้อความเก่ียวกับธรรมกายในหลักฐาน หลายประเภท นอกจากท่พี บในพระไตรปิฎก อรรถกถา และฎกี าบาลี ดังท่ี งานวิจัยในอดีตเคยทำาไว้แล้ว (ดู 2.4) ยังพบในคัมภีร์ท่ีเขียนข้ึนหรือคัดลอก ในท้องถ่ินเอเชียอาคเนย์เอง ตั้งแต่หลักศิลาจารึก คัมภีร์ใบลาน จนถึงสมุด พับสา ทีพ่ บมากที่สุดคอื หลกั ฐานท่ีมี “คาถาธรรมกาย” นอกจากนัน้ ยงั พบ ในหลักฐานท่ีเป็นคัมภีร์แนะนำาการปฏิบัติธรรม และคัมภีร์อ่ืนๆ ที่มีเน้ือหา สรรเสรญิ พระพุทธคุณ 2 เหตุผลท่กี ารจัดลาำ ดบั ของการนำาเสนอหลกั ฐานทีม่ ีความสอดคลอ้ งแตล่ ะประเภท แตกตา่ งจากท่นี ำา เสนอในบทท่ี 3 เพราะในบทนห้ี ลกั ฐานทใ่ี ชม้ อี ายใุ กลเ้ คยี งกนั เปน็ สว่ นใหญ่ สว่ นหลกั ฐานจากคนั ธาระ เอเชียกลาง และประเทศจีนนั้น มชี ่วงอายุแตกต่างกันมาก จึงเรมิ่ ตน้ ดว้ ยกลุ่มหลกั ฐานท่ีเก่าแก่ทส่ี ดุ ก่อน 308 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org 4.1.1. คาถาธรรมกาย3 คาถาธรรมกาย คือข้อความท่ีประพันธ์ข้ึนเพื่อพรรณนาพระพุทธคุณ โดยเปรยี บเทยี บพทุ ธญาณและพทุ ธคณุ ตา่ งๆ วา่ เปน็ ประดจุ อวยั วะทปี่ ระกอบ รวมกนั ขนึ้ เปน็ “กายแหง่ ธรรม” ของพระพทุ ธองค์ ธรรมกายจงึ เปน็ ทร่ี วมแหง่ พุทธคุณอันแสดงถงึ พุทธลกั ษณะท่ผี ู้ปฏบิ ตั ิธรรมควรระลึกถึงเปน็ ประจำา พบคาถาธรรมกายในหลักฐานหลายชิ้นท่ีกระจายอยู่หลายแห่งของ ประเทศไทย ในภาคกลางได้แก่ ศิลาจารึกพระธรรมกายที่พระเจดีย์วัดเสือ จงั หวัดพิษณุโลก จารึกเม่ือ พ.ศ. 20924 จารึกลานเงินประกบั ทองที่บรรจอุ ยู่ ในพระเจดยี ศ์ รสี รรเพชดาญาณ วดั พระเชตพุ นฯ กรงุ เทพมหานคร และคมั ภรี ์ พระธมั มกายาทฉิ บบั เทพชมุ นมุ วดั พระเชตพุ นฯ สว่ นในภาคเหนอื พบในคมั ภรี ์ ใบลานธัมมกายท่ีเก็บรักษาท่ีวัดป่าสักน้อย จังหวัดเชียงใหม่ และในคัมภีร์ มลู ลกมั มฐาน ฉบบั วดั ปา่ เหมอื ด จงั หวดั นา่ น เปน็ ตน้ นอกจากนย้ี งั พบในคมั ภรี ์ ภาษาเขมรจากกัมพชู าอกี ด้วย 3 นาำ มาจากงานวิจยั “ธรรมกายในคมั ภรี พ์ ระธัมมกายาทิ ฉบบั เทพชมุ นุม” (พระครูวิเทศสุธรรมญาณ 2557) และ “สมาธภิ าวนาในคัมภีร์อักษรธรรม” (กิจชัย เอ้ือเกษม 2557) 4 ศิลาจารึกหลักน้ีทำาจากหินชนวนสีเขียว ชำารุดแตกหัก เหลือเพียงชิ้นส่วนขนาด 48 33 4.5 เซนติเมตร มขี อ้ ความจารึกเป็นอักษรขอมหลงเหลอื อยู่เพยี ง 9 บรรทดั ขอ้ ความตอนต้นเป็นภาษา ไทย 4 บรรทัดระบุวัน เวลา ฤกษ์ และผู้ที่มีส่วนเก่ียวข้องในการสถาปนาศิลาจารึกหลักน้ี ส่วนที่ เหลืออีก 5 บรรทัดเป็นข้อความภาษาบาลีตอนต้นของคาถาพระธรรมกาย ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่ พิพิธภัณฑสถานแหง่ ชาตพิ ระนคร กรุงเทพฯ ศึกษารายละเอยี ดเพิม่ เติมไดจ้ ากรายงานการวจิ ยั ของ พระครูวิเทศสธุ รรมญาณ (2557) บทที 4 เอเชียอาคเนย์ | 309

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคัมภรี ์พทุ ธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ ภาพที่ 1 จารกพระธรรมกาย (หลักท่ี 54) วั เสือ จงั หวั พิษณุโลก 5 ในปี พ.ศ. 2499 ยอร์จ เซเดส์ (George Cœdès) ผู้เชี่ยวชาญวิทยาการ แขนงตา่ งๆ ในภาคพน้ื เอเชยี อาคเนยแ์ ละเอเชยี ใต้ ไดพ้ มิ พเ์ ผยแพรเ่ นอ้ื หาคาถา ธรรมกายไว้ ในชอ่ื วา่ “ธมมฺ กายสสฺ อตถฺ วณณฺ นา” โดยนาำ เนอื้ หามาจากคมั ภรี ์ ใบลานอักษรเขมร ท่ไี ด้จากวัดอณุ าโลม กรงุ พนมเปญ เปรยี บเทียบกบั คัมภีร์ ใบลานอกั ษรขอมไทย จากหอสมุดวชิรญาณ กรุงเทพฯ และในตอนทา้ ยมบี ท อรรถาธบิ ายพทุ ธคุณตา่ งๆ เป็นภาษาบาลไี ว้ดว้ ย ( d s 1956) 5 ภาพถ่ายโดย ชชั วาลย์ เสรีพกุ กะณะ 310 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org 4.1.1.1. เน้ือหาหลกั 2 ส่วนของคาถาธรรมกาย คาถาธรรมกายประกอบด้วยเนื้อหา 2 ส่วนหลัก ซ่ึงอาจเรียกว่า บท แจกแจงพุทธคุณ และบทประมวลความ ก. บทแจกแจงพุทธคุณ บทแจกแจงพุทธคุณในคาถาธรรมกาย คือข้อความที่กล่าวถึงพุทธ ญาณและพุทธคุณนานาประการโดยเปรียบเทียบว่าเป็นเสมือนส่วนประกอบ ต่างๆ ของพระวรกาย ขึ้นต้นด้วยข้อความว่า สพฺพ ฺ ุต าณปวรสีสํ แปล วา่ “มีพระสพั พัญตุ ญาณเปน็ พระเศยี รอันประเสริฐ” และลงท้ายว่า จตสุ ติ ปฏ านปวรกายพนฺธนํ แปลว่า “มสี ตปิ ฏั ฐานสีเ่ ป็นรดั ประคด” เปน็ เนอื้ หาที่ แสดงพระพุทธคณุ รวม 30 หมวดว่าเปรยี บเสมือนอวัยวะตา่ งๆ 26 สว่ นของ พระวรกาย และส่วนประกอบของผ้าครองอีก 4 ชิ้น (ดูรายละเอียดในการ ศึกษาคัมภีรพ์ ระธมั มกายาทิ 4.1.1.2) ข้อความแจกแจงพุทธคุณดังกล่าว ปรากฏอยู่ในคัมภีร์มโนรถปูรณี อรรถกถาของอังคุตตรนิกายเล่มท่ี 1 ในเน้ือหาที่เล่าเรื่องราวของพระสาคต เถระตอนปราบพญานาคอัมพติตถะจนหายพยศและสอนพญานาคให้ขอถึง พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ข้อความนี้พบในอรรถกถาบาลีอักษรไทยทั้งสองฉบับ คือฉบับสยามรัฐ6 (องฺ.อ. 1/437-8 มมร.) และฉบับมหาจุฬาลงกรณราช 6 คมั ภรี ม์ โนรถปรู ณี ฉบับสยามรฐั เล่ม 1 หนา้ 437 ระบุไว้ในเชงิ อรรถว่า “ข้อความนไ้ี มป่ รากฏใน ฉบับสิงหลและฉบบั พม่า (แตก่ ระนัน้ ) ในบางแหง่ มาเปน็ ฉันทลักษณอ์ ย่างน”้ี (สี. ม. อิโต ปรำ ฯเปฯ สพฺพฺุตปำ ิ สงคฺ โตติ ปาฐา น ทสิ ฺสนตฺ ิ ฯ กตฺถจ.ิ อเิ ม ปาา เอวำ ฉนทฺ ลกขฺ ณวเสน อาคตา) แลว้ แสดง ข้อความเป็นฉนั ทลักษณแ์ บบท่พี บในฉบับฉฏั ฐสงั คตี ิของพมา่ ไว้ด้วย บทที 4 เอเชยี อาคเนย์ | 311

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวชิ าการ วิทยาลยั 7 (อง.ฺ อ. 1/289) นอกจากน้ยี ังพบเป็นเน้ือหาทาำ นองเดยี วกนั แตเ่ รยี บ เรียงเป็นฉันทลักษณ์ ในคัมภีร์มโนรถปูรณี ฉบับฉัฏฐสังคีติของพม่าอีกด้วย8 อนึ่ง คมั ภรี ์มโนรถปูรณฉี บับสมาคมบาลีปกรณ์ (P S) ก็แสดงขอ้ ความท่ีเป็น ฉนั ทลกั ษณแ์ บบพมา่ ไวใ้ นเชงิ อรรถดว้ ยเชน่ กนั โดยระบวุ า่ เปน็ เนอื้ ความทนี่ าำ มาจากต้นฉบับคมั ภรี ์ใบลานอกั ษรพมา่ 9 ( alleser 1973: 326, n. 10) แสดง วา่ การเปรยี บเทยี บพระพทุ ธคณุ ทงั้ หลายวา่ เปน็ เสมอื นสว่ นประกอบตา่ งๆ ของ พระวรกายแห่งพระพุทธองค์น้ีเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงการศึกษาพระปริยัติ ธรรมในประเทศไทยและพมา่ ในอดีต อยา่ งน้อยกต็ ัง้ แตช่ ว่ งเวลาที่มกี ารจารึก คัมภีร์ใบลานที่เป็นต้นฉบับของอรรถกถาเหล่าน้ี จึงเป็นสิ่งท่ีน่าติดตามศึกษา ตอ่ ไปวา่ ตน้ ฉบบั คัมภรี ์ดงั กล่าวมีความเป็นมาอย่างไร 7 ในมโนรถปรู ณี ฉบบั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ซง่ึ จดั ทาำ โดยอาศยั ขอ้ มลู จากตน้ ฉบบั อกั ษรพมา่ มี ขอ้ ความระบไุ ว้ในเชิงอรรถวา่ “ขอ้ ความเหล่านีไ้ ม่ปรากฏในฉบบั สิงหล” (อเิ ม ปาา สีหฬโปตฺถเก น ทิสฺสนตฺ ิ) เนอื้ หาของบทแจกแจงพทุ ธคณุ ทพี่ บในอรรถกถาฉบบั สยามรฐั และฉบบั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั คล้ายกันมากกับที่พบในคาถาพระธรรมกาย แต่มีความแตกต่างกันบ้างเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละฉบับ เช่น จกั ษุทกี่ ล่าวถงึ ในอรรถกถาท้งั สองฉบับ จะมีแค่ 3 ประการ คือ ทิพยจกั ษุ ปญั ญาจักษุ และ สมันตจกั ษเุ ท่านัน้ สว่ นในฉบับท่เี รียบเรยี งเป็นฉันทลกั ษณ์ กล่าวถงึ จักษุ 5 ประการอกี นยั หนึ่ง คอื ทิพยจกั ษุ ปัญญาจกั ษุ สมนั ตจักษุ ธรรมจกั ษุ และมังสจกั ษุ เปน็ ต้น 8 ใน มโนรถปูรณี ฉบบั ฉัฏฐสังคีตขิ องพมา่ นี้ แสดงเนอ้ื หาแจกแจงพระพุทธคุณในรูปฉนั ทลักษณ์ไว้ใน เชงิ อรรถ โดยระบวุ า่ เปน็ เนอ้ื หาทพ่ี บในหนา้ คมั ภรี ใ์ บลานของพมา่ บางฉบบั (Buddhasāsana Society 2 8 2 2, n. 2) 9 มโนรถปูรณี ฉบับของสมาคมบาลีปกรณ์ จัดทำาข้ึนโดยเปรียบเทียบเน้ือหาของคัมภีร์ใบลานอักษร สิงหล 3 ฉบับกับฉบับอักษรพม่า 1 ฉบับ ต้นฉบับอักษรพม่าน้ี เก็บรักษาที่ “ห้องสมุดสำานักงาน อนิ เดีย” (India f ce ibrary) ในหอสมุดแหง่ ชาติของประเทศองั กฤษ (British ibrary) 312 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org หลงั จากขอ้ ความเปรยี บเทยี บพทุ ธญาณและพทุ ธคณุ ประการตา่ งๆ กบั สว่ นตา่ งๆ ของพระวรกายแลว้ คาถาธรรมกายยงั มขี อ้ ความลงทา้ ย ซง่ึ อาจเรยี ก ไดว้ า่ เปน็ “บทประมวลความ” ข. บทประมวลความ บทประมวลความ คือข้อความท่ีประมวลสรุปความหมายและความ สาำ คญั ของธรรมกาย ในฐานะทเ่ี ปน็ แหลง่ รวมพระพทุ ธคณุ ทไี่ ดแ้ จกแจงมาแลว้ ทัง้ หมด และเปน็ เหตุทท่ี ำาให้พระพุทธองค์ทรงสูงสง่ กว่าสตั วโ์ ลกท้ังหลาย บท ประมวลความนี้ประพันธ์เป็นฉันทลักษณ์ ความยาวหน่ึงคาถาคร่ึง ตามด้วย ข้อความร้อยแก้วท่ีแนะนำาการปฏิบัตธิ รรมอกี 1 ประโยค ดงั น้ี อฺเสำ เทวมนุสฺสานำ พทุ โฺ ธ อตวิ ิโรจติ ยสสฺ ตมตุ ฺตมงคฺ าทิ าณำ สพฺพฺุตาทิกำ ธมมฺ กายมตำ พทุ ฺธำ นเม ตำ โลกนายกำ ฯ อมิ ำ ธมมฺ กายพทุ ธฺ ลกขฺ ณำ โยคาวจรกลุ ปตุ เฺ ตน ตกิ ขฺ าเณน สพฺพฺุพทุ ฺธภาวำ ปตฺเถนเฺ ตน ปนุ ปปฺ นุ ำ อนสุ ฺสรติ พพฺ ำ ฯ คา� แปล: พระพทุ ธเจา้ พระองค์ใด เปน็ ผทู้ รงญาณมพี ระ สัพพัญุตญาณเป็นอาทิอันเปรียบได้กับพระเศียรเป็นต้น ทรง รุ่งโรจน์เหนือเทวดาและมนุษย์ท้ังหลาย ข้าพเจ้าขอนอบน้อม ตอ่ พระพทุ ธเจ้าผนู้ ำาโลกพระองค์นน้ั ผูไ้ ดช้ ือ่ วา่ เป็นธรรมกาย พุทธลักษณะคือพระธรรมกายนี้ อันโยคาวจรกุลบุตร ผมู้ ญี าณคมกลา้ ปรารถนาอยซู่ ง่ึ ความเปน็ พระสพั พญั พู ทุ ธเจา้ พึงระลกึ ถึงเนืองๆ บทที 4 เอเชยี อาคเนย์ | 313

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคมั ภรี ์พุทธโบราณ 1 ฉบบั วิชาการ บทประมวลความนี้ ชี้ชัดว่า พุทธคุณท้ังหลายท่ีเปรียบเสมือนอวัยวะ ต่างๆ แห่งพระวรกายน้ัน ประมวลรวมกันแล้วทำาให้พระพุทธองค์ได้ชื่อว่า เป็นธรรมกาย คอื “ผู้มธี รรมเปน็ กาย” กายแหง่ ธรรมหรือธรรมกายอนั เปน็ ที่ ประชุมรวมของคุณธรรมและคุณวิเศษนี้เองที่ทำาให้พระพุทธองค์ทรงรุ่งโรจน์ เหนือเทวดาและมนุษย์ท้ังหลาย และจึงเป็นพุทธลักษณะที่พระโยคาวจร ผูป้ รารถนาจะเปน็ พระสมั มาสมั พุทธเจ้าพึงตรกึ ระลึกนกึ ถึงเนืองๆ10 คำาแนะนำาให้ผู้ท่ีปรารถนาจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าระลึกถึงธรรม กายเนอื งๆ โดยใจความกค็ อื การแนะนาำ ใหพ้ ระโพธสิ ตั วเ์ จรญิ พทุ ธานสุ ติ ระลกึ ถึงพระพุทธคุณอยู่เสมอน่ันเอง จึงเป็นหลักการเดียวกันกับหลักฐานที่พบใน คนั ธาระ เอเชยี กลาง และประเทศจนี ทแี่ นะนาำ ใหพ้ ระโพธสิ ตั วเ์ จรญิ พทุ ธานสุ ติ (ดู 3.3.2) อนั นบั เปน็ การบม่ บารมใี หแ้ กร่ อบเพอ่ื การเปน็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ในอนาคต จึงเป็นสิ่งท่ีน่าศึกษาต่อไปว่า คาถาธรรมกายน้ีมีความเป็นมา อย่างไร และมีความสัมพันธ์อย่างไรในเชิงประวัติศาสตร์กับคัมภีร์พุทธานุสติ ในภมู ภิ าคอ่ืนๆ ของโลก 10 เนอื้ หาในบทประมวลความนไี้ มป่ รากฏในคมั ภรี ์มโนรถปรู ณี (อรรถกถาองั คตุ ตรนกิ าย) หรอื ในอรรถ กถาและฎกี าใดๆ ซง่ึ อาจสนั นษิ ฐานถงึ ความเปน็ ไปไดใ้ นสองทางวา่ การประมวลภาพรวมออกมาอยา่ ง ชัดเจนว่าพระพุทธคุณเหล่าน้ีรวมเรียกว่าธรรมกายและเป็นพุทธลักษณะที่ควรแก่การระลึกถึงน้ัน อาจเกิดข้ึนในภายหลังยุคของคัมภีร์อรรถกถาบาลี หรืออาจเกิดขึ้นต่างหากในแวดวงของชาวพุทธ เถรวาทท้องถนิ่ ในประเทศไทยหรอื พม่า และเป็นที่รูจ้ กั กวา้ งขวางจนเป็นเหตุให้เน้ือหาบางสว่ น คือ เฉพาะขอ้ ความแจกแจงพทุ ธคุณถกู นำาไปเติมเขา้ ในอรรถกถาอกี ที การสืบค้นเพิ่มเตมิ อาจให้คำาตอบ ทชี่ ดั เจนไดซ้ งึ่ อาจมคี วามสาำ คญั ในเชงิ ประวตั ศิ าสตรก์ ารเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาโดยเฉพาะทเี่ กย่ี วกบั เรือ่ งราวของธรรมกาย 314 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org ในเอเชยี อาคเนย์ คาำ แนะนาำ ใหเ้ จรญิ พทุ ธานสุ ตมิ จี ดุ เรม่ิ ตน้ มาตง้ั แตพ่ ระ ไตรปฎิ กบาลี (ดเู พมิ่ เตมิ ใน 4.2.1.1) ดงั ทม่ี ขี อ้ ความแนะนาำ ใหเ้ จรญิ พทุ ธานสุ ติ คือให้ตรกึ ระลกึ ถึงพระพทุ ธเจ้าเนอื งๆ เช่นเดยี วกัน โดยกล่าวถงึ ความสาำ คญั และอานสิ งสไ์ ว้หลายประการ เช่น การเจรญิ พุทธานสุ ตยิ ่อมเปน็ ไปเพ่อื ความ หนา่ ย เพอื่ คลายกาำ หนดั เพอ่ื ความดบั เพอื่ ความสงบ เพอ่ื ความรยู้ ง่ิ เพอื่ ความ ตรัสรู้ เพือ่ นิพพาน (องฺ.เอก. 20/179/39) เปน็ ต้น ในวชิ ชาธรรมกาย พระมงคลเทพมุนีได้กล่าวไวเ้ ชน่ กนั วา่ พระพุทธเจา้ คอื ธรรมกาย และสอนให้เช่อื มั่นในธรรมกาย ให้ปฏบิ ตั ิให้เห็นธรรมกาย เปน็ ธรรมกาย และอยู่กับธรรมกายในทุกเวลา ทุกอิริยาบถ แม้เวลาหลับก็ให้อยู่ กับธรรมกาย ธมฺมกาโย อหํ อิติปิ เราผู้ตถาคตคือธรรมกาย พระตถาคตเจ้าน่ะคือ ธรรมกาย เชื่อธรรมกายน่ันเอง ไม่ใช่เชื่อล่อกแล่กไปทางใดทางหนึ่ง เชื่อธรรมกาย ใหเ้ หน็ ธรรมกาย ใหเ้ ปน็ ธรรมกาย ถา้ เหน็ ธรรมกายเปน็ ธรรมกายแลว้ แกไ้ ขธรรมกายนน่ั ใหส้ ะอาด ใหผ้ อ่ งใสหนกั ขน้ึ อยา่ ใหย้ งุ่ อย่าใหม้ ัวหมอง ถ้าเห็นบ้างไม่เหน็ บ้าง อย่างนัน้ ยังง่อนแงน่ ยงั ใช้ไมไ่ ด้ ถ้าเห็นเสียแจ่มใสบริสุทธิ์ไม่มีราคีเหมือนกระจกส่องเงาหน้า เจ้าของ เหน็ เวลาไรแลว้ ยมิ้ จา้ เวลานน้ั ไมไ่ ดซ้ บู ซดี เศรา้ หมองเลย ผอ่ งใสอยา่ งน้ี ใจตอ้ งนง่ิ อยศู่ นู ยก์ ลางดวงธรรมท่ที าำ ใหเ้ ป็นธรรมกายทเี ดียว คา่ำ มืด ดึกด่ืนเที่ยงคืนไม่ลุกลืมตาก็แจ่มอยู่กับธรรมกายนั่น เมื่อนอนหลับเข้า กแ็ ลว้ ไป เข้าท่ีไปจนกระทั่งหลบั อยกู่ ับธรรมกาย ตน่ื ขึ้นกต็ ดิ อยกู่ ับดวง ธรรมที่ทาำ ใหเ้ ป็นธรรมกายนน้ั แจม่ จ้าอยู่เสมอ (รธ. 285) บทที 4 เอเชียอาคเนย์ | 315

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคมั ภรี พ์ ุทธโบราณ 1 ฉบับวชิ าการ อาจกล่าวได้ว่าการระลึกถึงธรรมกายอยู่เสมอน้ัน เป็นแนวทางปฏิบัติ ที่ตรงกันของทั้งวิชชาธรรมกายและคำาสอนในคาถาธรรมกาย อย่างไรก็ดี การระลึกถึงพระธรรมกายตามนัยของพระมงคลเทพมุนีที่แสดงไว้ข้างต้นน้ัน เปน็ คำาแนะนาำ ท่ีผู้เข้าถึงพระธรรมกายแลว้ เทา่ น้นั จงึ จะทาำ ได้ สว่ นในเบื้องตน้ สำาหรับผู้ท่ียังไม่เข้าถึงพระธรรมกาย ท่านแนะนำาให้เจริญภาวนาน้อมใจมา หยุดน่ิงที่ศูนย์กลางกาย อันเป็นหนทางเดียวที่จะทำาให้เข้าถึงพระธรรมกาย และอยกู่ ับพระธรรมกายได้อย่างน้นั พทุ ธรตั นะ ธรรมรัตนะ สงั ฆรตั นะ ท้งั นี้ อยทู่ ี่ไหน? อยูใ่ นตัวของเรา นเี่ อง อยใู่ นตวั ตรงไหน? ... พระพทุ ธเจา้ อยตู่ รงกลางกาย ... พระพทุ ธเจา้ อยนู่ อกใจหรือในใจ? ให้เอาใจไปหยุดน่ิงอยู่ตรงน้นั พอใจหยดุ นงิ่ กเ็ ข้า กลางของใจทห่ี ยดุ นง่ิ นน้ั ทเี ดยี ว ... พอหยดุ ถกู สว่ นเขา้ เทา่ นนั้ จะเหน็ ทาง ทจี่ ะเขา้ ไปถงึ กายละเอยี ดเปน็ ชนั้ ๆ เขา้ ไปจน ถงึ พทุ ธรตั นะ ธรรมรตั นะ สงั ฆรัตนะ เราต้องรู้ ถ้าไมร่ ้เู ราจะระลึกถงึ พทุ ธรตั นะ ธรรมรัตนะ สงั ฆ รตั นะ ไมถ่ ูก (รธ. 376) แม้ในคาถาธรรมกาย จะไม่ได้กล่าวถึงการเจริญสมาธิภาวนาโดยตรง แต่การที่สอนให้ตรึกระลึกถึงพระธรรมกายเนืองๆ ก็คือการสอนให้ทำาสมาธิ ภาวนาในตวั อยแู่ ลว้ อนงึ่ คาำ วา่ “โยคาวจรกลุ บตุ รผ้มู ญี าณอนั คมกลา้ ” นน้ั บง่ บอกอยใู่ นตวั อยแู่ ลว้ วา่ กลา่ วถงึ ผทู้ ม่ี ใี จหยดุ นงิ่ ดแี ลว้ จากการเจรญิ สมาธภิ าวนา จึงกลา่ วได้วา่ คาำ แนะนาำ ในการเจริญภาวนาท่ปี รากฏในคาถาธรรมกายนี้ เป็น หลกั การทตี่ รงกนั กบั หลกั การของวชิ ชาธรรมกาย และเปน็ สงิ่ ทที่ าำ ใหค้ มั ภรี ท์ มี่ ี คาถาธรรมกายถกู จดั อยใู่ นกลมุ่ คมั ภรี ส์ ายปฏบิ ตั หิ รอื โยคาวจรโดยนกั วชิ าการ บางทา่ น ( rosby 2000: 142) 316 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org คาถาธรรมกายน้ี พบในคมั ภรี ท์ อ้ งถน่ิ หลายฉบบั แตบ่ างคมั ภรี ม์ ขี อ้ ความ เพ่ิมเตมิ ในตอนท้าย เป็นประโยคสนั้ ๆ บ้าง หรือเป็นบทอรรถกถาขยายความ พระพุทธคุณแต่ละหมวดบ้าง ตามวัตถุประสงค์ในการใช้งานของคัมภีร์นั้นๆ ในคมั ภรี ท์ ี่ศกึ ษาในบทนี้ พบ “คาถาธรรมกาย” ในหลายฉบับ ไดแ้ ก่ - คัมภรี พ์ ระธัมมกายาทิ ฉบับเทพชมุ นมุ จากวดั พระเชตุพนฯ - คัมภีรธ์ มั มกาย อักษรธรรมล้านนา - คมั ภีร์มูลลกมั มฐาน อักษรธรรมลา้ นนา - คัมภรี ์ปริยายพระวิปสั สนาสตู ร อักษรเขมร - หนงั สือการเจริญกรรมฐานแบบโบราณของกมั พูชา 4.1.1.2. คัมภรี ์พระธมั มกายาทิ11 ชื่อคัมภีร์ “พระธัมมกายาทิ” ได้รับการอ้างอิงถึงเป็นครั้งแรกในทาง วิชาการโดย ศ.ฉ่ำา ทองคาำ วรรณ ในบทความ “จารึกพระธรรมกาย” วารสาร ศิลปากร พ.ศ. 2504 และในประชุมศิลาจารึกภาคที่ 3 (ฉำ่า ทองคำาวรรณ 2508: 99-103) ในนาม “หนงั สอื พระธรรมกายาทิ” แต่ไม่มรี ายละเอียดเพ่ือ การค้นคว้าทางวิชาการใดๆ ประกอบไว้ ต่อมาในเดือนมีนาคม 2556 ทีม งานสถาบันธรรมชัยวิจัยนานาชาตไิ ดพ้ บคมั ภีรพ์ ระธมั มกายาทใิ นขณะปฏิบตั ิ งานภาคสนามท่ีวัดพระเชตุพนฯ กรุงเทพมหานคร เป็นคัมภีร์ใบลานฉบับ 11 ศึกษารายละเอียดเพ่ิมเติมได้ในงานวิจัย “ธรรมกายในคัมภีร์พระธัมมกายาทิ ฉบับเทพชุมนุม” (พระครูวเิ ทศสธุ รรมญาณ 2557) บทที 4 เอเชียอาคเนย์ | 317

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคมั ภรี พ์ ุทธโบราณ 1 ฉบับวชิ าการ เทพชุมนุมที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานไว้สาำ หรับวัด พระเชตุพนฯ เป็นการเฉพาะ12 เขียนเป็นคาถาภาษาบาลี 16 หน้าลานด้วย อกั ษรขอมไทย จารึกในพทุ ธศตวรรษท่ี 24 ด้วยลายมือท่เี ป็นระเบียบสวยงาม ภาพที่ 1 คัมภีรใ์ บลานพระธัมมกายาทิ ฉบบั เทพชมุ นุม วั พระเชตุพน เนอื้ ความตอนตน้ ของคมั ภรี พ์ ระธมั มกายาทิ เปน็ คาถาธรรมกายครบทงั้ สองส่วนดังทแี่ สดงไวข้ า้ งต้น มีความยาวประมาณ 2 หน้าลาน ส่วนทเี่ หลืออกี 14 หนา้ ลานเปน็ บทอรรถาธบิ าย (อตถฺ วณณฺ นา) ในภาษาบาลี ขยายความพระ 12 ในรชั กาลของพระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงโปรดเกลา้ ใหส้ รา้ งพระไตรปฎิ กขนึ้ หลายฉบบั โดยให้จัดทำาให้มีอักขระถูกต้องที่สุดเพื่อเก็บรักษาไว้ในหอหลวงและพระราชทานให้กับพระอาราม หลวง ชดุ ที่พระราชทานสำาหรบั วัดพระเชตุพนฯ เรยี กว่า ฉบบั เทพชมุ นุม ตามลายรดนำา้ ทป่ี กท่เี ป็น รปู เทพชุมนุม (พระครภู าวนามงคล 2546: 33) การท่พี บคมั ภีร์พระธมั มกายาทฉิ บับเทพชมุ นมุ ดว้ ย จงึ เปน็ เครอื่ งบง่ ชถ้ี งึ สถานะของพระคมั ภรี น์ วี้ า่ เปน็ ทยี่ อมรบั ในสงั คมไทยในฐานะทเี่ ปน็ หนง่ึ ในคมั ภรี ์ หลกั ในการศึกษาพระพทุ ธศาสนาในยุคสมัยน้นั ซงึ่ เปน็ ชว่ งครงึ่ หลงั ของพุทธศตวรรษที่ 24 318 ร ชนิ า ันทรา รี ล