Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เรื่องควรรู้ คู่มือนักปกครอง

เรื่องควรรู้ คู่มือนักปกครอง

Description: เรื่องควรรู้ คู่มือนักปกครอง

Search

Read the Text Version

กฎหมายฉบบั นไ้ี ดม้ กี ารประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเมือ่ วันท่ี ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และ มีผลใช้บังคับเมื่อวันท่ี ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นต้นมา โดยการประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ มีผลเป็นการยกเลิกพระราชบัญญัติมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการค้าหญิงและเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๐ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้มีการก�าหนดความผิด ฐานค้ามนุษย์ซ่ึงเป็นความผิดท่ีมีโทษทางอาญาขึ้นมาใหม่ โดยการกระท�าท่ีถือว่าเป็นความผิด ฐานค้ามนษุ ย์ มีปรากฏอยู่ในมาตรา ๖ ซง่ึ มีองคป์ ระกอบท่ีส�าคญั ๒ ประการ คือ องค์ประกอบภายนอก ประกอบด้วย ๑. การกระท�าอย่างหนึ่งอย่างใดหรือหลายอย่าง คือ การเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จ�าหน่าย พามาจากหรอื ส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนย่ี ว กกั ขัง จัดใหอ้ ยู่อาศยั หรอื รับไว้ซึ่งบุคคลใด ๒. การกระท�าตามขอ้ ๑. ได้กระท�าลงโดยใช้วธิ ีการต่างๆ อย่างหน่งึ อยา่ งใดหรือหลายอยา่ ง คือ ขม่ ข่ใู ชก้ า� ลงั บังคับ ลกั พาตัว ฉอ้ ฉล หลอกลวง ใชอ้ า� นาจโดยมิชอบ หรือโดยให้เงินหรอื ผลประโยชน์ อย่างอื่นแก่ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลบุคคลนั้นเพื่อให้ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลให้ความยินยอมแก่ผู้กระท�า ความผดิ องค์ประกอบภายใน ประกอบด้วย ๑. มีเจตนาในการกระท�าผดิ ๒. เปน็ การกระท�าโดยมีเจตนาพิเศษ เพือ่ แสวงหาประโยชนโ์ ดยมิชอบจากเหยือ่ /ผู้เสยี หายจาก การค้ามนุษย์ โดยมาตรา ๔ ของพระราชบัญญตั ดิ ังกลา่ ว ได้อธิบายความหมายของการ “แสวงหาประโยชน์ โดยมชิ อบ” ไว ้ โดยให้หมายรวมถึง - การแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี - การผลติ หรือเผยแพร่วตั ถุลามกหรอื สอื่ ลามก เช่น น�าตัวมาเพอื่ แสดงภาพยนตรล์ ามก - การแสวงหาประโยชนท์ างเพศในรูปแบบอืน่ เช่น บงั คับให้เต้นระบา� เปลอื้ งผา้ - การเอาคนมาเป็นทาส - การนา� คนมาขอทาน ในบางประเทศถอื วา่ การขอทานเปน็ การทา� งานอยา่ งหนงึ่ (เปน็ การทา� งาน ในความหมายอย่างกวา้ ง) แตส่ า� หรับประเทศไทยการขอทานไม่ถอื เปน็ อาชีพ จึงไมถ่ ือเปน็ การท�างาน ดงั นัน้ จงึ ได้บัญญตั ิแยกออกมาตา่ งหาก - การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ การกระท�าท่ีจะถือว่าเป็นการค้ามนุษย์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อวัตถุประสงค์ในการแสวงหาประโยชน์ด้านแรงงาน ต้องเป็นการบังคับใช้แรงงานเท่าน้ัน ดังนั้น หากเป็นการท�างานโดยไม่ไดถ้ กู บังคับก็ไม่ใช่คา้ มนุษย์ อาจต้องไปพจิ ารณาวา่ เป็นการกระท�าทเี่ ข้าข่าย กฎหมายเกย่ี วกบั การคุ้มครองแรงงานหรอื ไม่ 100 เรือ่ งควรรู้ คูม่ ือนกั ปกครอง

อยา่ งไรจงึ จะถอื วา่ เปน็ การบงั คบั ใชแ้ รงงาน ใหพ้ จิ ารณานยิ ามของคา� วา่ “การบงั คบั ใชแ้ รงงาน หรอื บรกิ าร” ตามทีก่ �าหนดไวใ้ นมาตรา ๔ ซ่ึงกลา่ วโดยสรุป คอื “เป็นการข่มขืนใจให้บคุ คลอ่นื ทา� งาน โดยการใช้วิธีการบีบบังคับต่าง ๆ เช่น การขู่ว่าจะท�าร้ายหรือท�าอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชือ่ เสียง หรือทรัพย์สินของบคุ คลนนั้ เองหรือผอู้ ืน่ การขู่เข็ญด้วยประการใดๆ การใชก้ �าลังประทษุ ร้าย หรือการท�าใหบ้ ุคคลนน้ั อยใู่ นภาวะทไ่ี ม่สามารถขัดขืนได้” ตัวอย่างเช่น คนงานที่เดินทางไปท�างานต่างประเทศ โดยได้รับค�าม่ันสัญญาว่าจะได้รับ ค่าตอบแทนสูงแต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับพบว่าเงื่อนไขของการท�างานเปลี่ยนไปโดยนอกจากจะได้ ค่าจ้างต�่ากว่าที่ตกลงแล้วยังถูกนายจ้างยึดหนังสือเดินทางเพ่ือไม่ให้หลบหนี และถูกบังคับให้ท�างาน วันละหลายชว่ั โมง ดังน ี้ ถือว่าเขา้ ข่ายเป็นการค้ามนษุ ย์ แตถ่ า้ ขอ้ เท็จจริงเปลี่ยนไปว่าเมอ่ื เดนิ ทางไปถึง แล้วนายจ้างผิดเงื่อนไขเฉพาะการจ่ายค่าจ้างโดยลูกจ้างเหล่านั้นสามารถที่จะเลือกท�าหรือไม่ก็ได ้ ดงั นีอ้ าจไมเ่ ขา้ ขา่ ยการค้ามนษุ ย์ - การบงั คับตดั อวยั วะเพอื่ การค้า - การอนื่ ใดทคี่ ลา้ ยคลงึ กนั อนั เปน็ การขดู รดี บคุ คล ไดแ้ ก ่ การเอารดั เอาเปรยี บอยา่ งไมเ่ ปน็ ธรรม เช่นการท�าให้บุคคลใดบุคคลหน่ึงต้องทนท�างานเพื่อชดใช้หน้ีที่ไม่เป็นธรรม หรือท่ีตนไม่รู้หรือไม่ได้ รบั แจง้ ล่วงหนา้ หรือทเ่ี รียกวา่ debt bondage หรือ debt work เป็นตน้ อนง่ึ มขี อ้ สงั เกตเกยี่ วกบั วลที ว่ี า่ “ไมว่ า่ บคุ คลนนั้ จะยนิ ยอมหรอื ไมก่ ต็ าม” ในตอนทา้ ยของนยิ าม คา� วา่ “แสวงหาประโยชน์โดยมชิ อบ” น้นั เปน็ วลีทม่ี าขยายค�าว่า “แสวงหาประโยชนโ์ ดยมิชอบ” ซงึ่ มี ความหมายว่าแม้จะปรากฏว่ามีบุคคลใดยินยอมหรือเต็มใจท่ีจะถูกพามาเพ่ือแสวงหาประโยชน์โดย มิชอบในรปู แบบใดรปู แบบหนง่ึ ที่กล่าวมาข้างตน้ แต่หากข้อเท็จจริงปรากฏวา่ ความยินยอมดังกลา่ ว สบื เน่อื งมาจากการถูกผู้ทพ่ี ามาใชว้ ธิ กี ารตา่ ง ๆ ตามทก่ี า� หนดไวใ้ น มาตรา ๖ (๑) เชน่ ฉอ้ ฉล หลอกลวง ซ่ึงหากผู้ท่ีพามาไม่ใช้วิธีการดังกล่าวบุคคลน้ันก็จะไม่ยินยอม ดังน้ี ต้องถือว่าบุคคลน้ันเป็นผู้เสียหาย จากการคา้ มนษุ ยด์ ้วย เช่น ไปชกั ชวนหญงิ สาวจากตา่ งจังหวัดใหม้ าคา้ ประเวณีในกรงุ เทพฯ โดยหลอก ว่าจะช่วยให้สามารถหาเงินได้ดี แต่เมื่อเดินทางมาถึงกลับน�าหญิงสาวดังกล่าวไปกักขังบังคับให้ ค้าประเวณีโดยไม่ได้เงิน เช่นนี้ แม้หญิงสาวคนดังกล่าวจะยินยอมมาค้าประเวณีแต่ก็สืบเน่ืองมาจาก เป็นเพราะการถูกหลอกลวงจากผู้ที่พามา จึงต้องถือว่าหญิงสาวผู้นี้เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ เชน่ กัน มาตรา ๖ (๒) ใชใ้ นกรณที ี่ผู้เสยี หายเปน็ “เด็ก” ซ่งึ มาตรา ๔ กา� หนดวา่ “เด็ก” หมายถงึ บุคคล ผู้มีอายุต�่ากวา่ ๑๘ ป ี (แตกตา่ งจาก ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา ที่พยานหรือผู้ตอ้ งหาที่ เปน็ เด็กหมายถงึ บุคคลอายไุ ม่เกนิ 18 ปี) ส�าหรับองค์ประกอบความผิดของมาตรา ๖ (๒) น้ี จะแตกต่างจากมาตรา ๖ (๑) กล่าวคือ ในกรณีที่เป็นการกระท�าต่อเด็ก การพิจารณาว่าจะเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์หรือไม่พิจารณา เรอ่ื งควรรู้ คู่มอื นกั ปกครอง 101

องคป์ ระกอบเพยี ง ๒ ประการ คอื องคป์ ระกอบในสว่ นของการกระทา� และวตั ถปุ ระสงคข์ องการกระทา� คอื เพ่ือแสวงหาประโยชน์โดยมชิ อบเทา่ นั้น ผู้ที่กระทา� ความผิดฐานคา้ มนษุ ย์ตอ้ งระวางโทษตามที่ก�าหนดไวใ้ น มาตรา ๕๒ คอื ระวางโทษ จ�าคุก ๔ - ๑๐ ป ี และปรบั ตง้ั แต่ ๘๐,๐๐๐ - ๒๐๐,๐๐๐ บาท และในกรณีทเี่ ป็นการกระท�าต่อบุคคล ทีอ่ ายกุ ว่า ๑๕ ป ี แตไ่ ม่ถึง ๑๘ ปี หรือกระท�าต่อบคุ คลอายุไมเ่ กนิ ๑๕ ป ี กฎหมายกา� หนดใหร้ บั โทษ หนักขนึ้ ตามมาตรา ๕๒ วรรค ๒ และ ๓ ตามล�าดับ ข้อควรจ�า - ความผิดฐานคา้ มนษุ ย์เป็นการกระทา� กรรมเดียวผดิ กฎหมายหลายบท ซึง่ ผู้กระทา� ความผดิ นอกจากจะตอ้ งรบั ผดิ ตามพระราชบญั ญตั นิ แี้ ลว้ หากการกระทา� นนั้ เขา้ องคป์ ระกอบความผดิ ทางอาญาตามกฎหมายอ่ืน เชน่ ประมวลกฎหมายอาญา กฎหมายวา่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปราม การคา้ ประเวณ ี กฎหมายคนเขา้ เมอื ง หรอื กฎหมายแรงงาน ผกู้ ระทา� กต็ อ้ งรบั ผดิ ตามกฎหมายนน้ั ๆ ดว้ ย อย่างไรกต็ าม ในการลงโทษกฎหมายกา� หนดให้ใชบ้ ททม่ี ีโทษหนักทส่ี ุดลงโทษแกผ่ ูก้ ระทา� ความผดิ ความแตกต่างระหวา่ งการค้ามนุษย์และการลกั ลอบขนคนเข้าเมอื ง การเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายการค้ามนุษย์ และการลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐานมีความคล้าย และเกี่ยวข้องกันหลายประการ จนในบางครั้งได้ก่อให้เกิดความสับสนแก่เจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงาน การทา� ความเขา้ ใจ ตลอดจนการสามารถแยกความแตกตา่ งของการกระทา� ดงั กลา่ ว จงึ เปน็ ความจา� เปน็ และส�าคัญย่ิง ขบวนการคัดแยกที่ถูกต้องและรวดเร็ว จะช่วยให้เจ้าหน้าท่ีสามารถป้องกัน สืบสวน สอบสวน และสามารถน�าตัวผู้กระท�าผิดมาลงโทษได้อย่างถูกต้อง ในขณะเดียวกันก็จะสามารถให้ ความช่วยเหลือผู้เสียหายการค้ามนุษย์ได้อย่างทันท่วงที การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย คนตา่ งดา้ วจะเขา้ มาในราชอาณาจกั รและมสี ทิ ธอิ ยใู่ นราชอาณาจกั รไดจ้ ะตอ้ งไดร้ บั อนญุ าตจากพนกั งาน เจ้าหน้าที่ตามแบบพิธีการการตรวจคนเข้าเมือง ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ การลักลอบเข้ามาจึงมีความผิดกฎหมายอาญา มีโทษถึงจ�าคุก โดยท่ัวไปแล้วคนต่างด้าวท่ีลักลอบ เข้ามาจะมีความผิดสองฐาน ฐานแรกคือ การเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต และอีกฐานหนึ่ง คืออยู่โดย ไมไ่ ดร้ บั อนญุ าต บคุ คลทห่ี ลบหนเี ขา้ เมอื งดงั กลา่ วนห้ี ากถกู เจา้ พนกั งานจบั ตวั ได ้ จะถกู พนกั งานสอบสวน กลา่ วหา และพนกั งานอยั การฟอ้ งตอ่ ศาลวา่ เปน็ บคุ คลตา่ งดา้ วเขา้ มาและอยใู่ นราชอาณาจกั รฝา่ ฝนื ตอ่ กฎหมายตามพระราชบญั ญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๕, ๑๑, ๑๒, ๑๘, ๔๑, ๕๘, ๖๒ และ ๘๑ คดีอยู่ในอ�านาจการพิจารณาของศาลแขวง และหากบุคคลเหล่าน้ีได้เข้ามาทา� งานอย่างใด อย่างหน่งึ ก็จะมคี วามผิดตาม พระราชบัญญัตกิ ารทา� งานของคนตา่ งดา้ ว พ.ศ. ๒๕๕๑ อกี ด้วย อย่างไร ก็ตามพึงตระหนักว่าผู้ท่ีเดินทางเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเหล่าน้ีถือเป็นประชาชนกลุ่มเส่ียงท่ีอาจ ถกู ล่อลวง หรือบังคับใหเ้ ป็นผู้เสยี หายของการค้ามนษุ ย์ได้ 102 เรอ่ื งควรรู้ คู่มือนกั ปกครอง

การลักลอบขนคนเข้าเมือง หรือการลักลอบขนผู้โยกย้ายถ่ินฐาน (People Smuggling) คือ การน�าพาบุคคลท่ีประสงค์จะเดินทางเข้าไปยังประเทศอ่ืนเพื่อความมุ่งประสงค์อย่างใดอย่างหน่ึง โดยไม่ผ่านชอ่ งทางและวธิ กี ารตามท่ีกฎหมายของประเทศนั้นๆ ได้ก�าหนดไว ้ และเม่อื การดา� เนินการ ดงั กลา่ วสา� เรจ็ บรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงคค์ อื สามารถนา� พาบคุ คลทปี่ ระสงคเ์ ดนิ ทางเขา้ ประเทศไดเ้ รยี บรอ้ ย แล้ว ผู้ที่รับจ้างน�าพาก็จะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินหรือวัตถุอย่างอ่ืนจากผู้ประสงค์เดินทาง ดังน้ัน หากพิจารณาตามหลักกฎหมายของประเทศไทยจะเห็นได้ว่า ผู้รับจ้าง คือ ผู้ท่ีลงมือกระท�าผิด โดยผปู้ ระสงค์เดินทาง คือ ผใู้ ช้ใหผ้ ูอ้ ่ืนกระท�าความผิดนนั่ เอง จากนยิ าม ความหมายของ “การค้ามนุษย”์ และ “การลักลอบขนคนเข้าเมอื ง” ขา้ งต้น จึงเห็น ได้ว่าอาชญากรรมท้ังสองประเภทมีความแตกต่างกัน บุคคลที่ถูกน�าพาก็มีสถานะที่แตกต่างกัน ทั้งนีค้ วามแตกตา่ งที่สา� คญั พอจะเปรียบเทยี บใหเ้ ห็นได ้ ดงั นี้ การเปรียบเทยี บระหวา่ งอาชญากรรมการคา้ มนุษย์กบั การลกั ลอบขนผูโ้ ยกยา้ ยถิ่นฐาน การคา้ มนษุ ย์ การลักลอบขนผโู้ ยกย้ายถน่ิ ฐาน ๑. เป็นความผิดท่ีส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตร่างกาย ๑. เป็นความผิดที่ส่งผลกระทบต่อ เสรีภาพและอนามัยของผู้เสยี หายซึ่งถกู บังคบั ลอกลวง นา� ตัว ความสงบเรียบร้อย ความม่ันคง มาแสวงหาประโยชนใ์ นรูปแบบตา่ งๆ ปลอดภยั ของประเทศทม่ี กี ารลกั ลอบ เดินทางระหวา่ งกัน ๒. โดยทว่ั ไปแลว้ ผเู้ สยี หายจากการคา้ มนษุ ยไ์ มไ่ ดย้ นิ ยอมทจี่ ะ ๒. ผทู้ ล่ี กั ลอบขา้ มแดนมานนั้ ยนิ ยอม ถูกพามาแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ อย่างไรก็ตาม มีบาง หรือสมัครใจที่จะข้ามแดนไปท่ี กรณที ผ่ี เู้ สยี หายยนิ ยอมหรอื เตม็ ใจทจ่ี ะถกู พามาจากภมู ลิ า� เนา ประเทศปลายทางผู้รับจ้างพา ของตน แตค่ วามยนิ ยอมดงั กลา่ วมกั เกดิ จากการถกู หลอก หรอื ข้ามแดน เป็นเพียงผู้อ�านวยความ ใช้อุบายชักจูง ซึ่งหากในที่สุดแล้วผู้เสียหายตกอยู่ในสภาพ สะดวกในการข้ามแดนเท่าน้ัน และ ถกู แสวงหาประโยชนโ์ ดยมชิ อบ เชน่ หลอกผเู้ สยี หายวา่ จะพา เมอื่ ขา้ มแดนไดส้ า� เรจ็ แลว้ ผทู้ ลี่ กั ลอบ ไปหางานทา� ทก่ี รงุ เทพฯ แตเ่ มอ่ื เดนิ ทางมาถงึ กลบั ถกู ขายหรอื ขา้ มแดนมอี สิ ระทจ่ี ะทา� การใดๆ ตาม บงั คบั ใหค้ า้ ประเวณ ี แลว้ จะถอื วา่ ผเู้ สยี หายใหค้ วามยนิ ยอมไม่ แต่ท่ีตนจะต้องการผู้รับจ้างจะไม่เข้า ได ้ เนอื่ งจากความยนิ ยอมดงั กลา่ วไมไ่ ดเ้ กดิ จากความสมคั รใจ มายุ่งเก่ียวอกี ต่อไป โดยแท้ กล่าวโดยสรุป ในเรื่องการค้ามนุษย์นั้น ผู้เสียหาย สว่ นใหญไ่ มไ่ ดใ้ หค้ วามยนิ ยอมทจี่ ะถกู มาพาแสวงหาประโยชน์ โดยมิชอบ หรือแม้จะมีบ้างท่ีให้ความยินยอมในคร้ังแรก แต่ ความยินยอมดังกล่าวก็มักจะเกิดจากการถูกหลอกลวง ถกู บงั คบั หรอื ยใู่ นภาวะจา� เปน็ ตอ้ งยอมตาม ไมส่ ามารถขดั ขนื ได้ เป็นต้น เรอ่ื งควรรู้ คมู่ ือนกั ปกครอง 103

การค้ามนุษย์ การลกั ลอบขนผ้โู ยกย้ายถิน่ ฐาน ๓. วัตถุประสงค์ของการค้ามนุษย์ คือ การพาผู้เสียหายไป ๓. วัตถุประสงค์ของผู้กระท�าความ แสวงหาประโยชน์ยังสถานที่ท่ีก�าหนดไว้ ซ่ึงในทางกฎหมาย ผิดฐานรับจ้างพาข้ามแดน คอื นา� พา ถอื วา่ ผกู้ ระทา� มเี จตนาพเิ ศษเพอื่ แสวงหาประโยชนโ์ ดยมชิ อบ ผู้ประสงค์ข้ามแดนผ่านแดนไปได้ (exploitative purpose) เช่น แสวงหาประโยชน์ทางเพศ ตามที่ตกลงกันไว้ มิได้มีเจตนา บังคับใช้แรงงานหรือบริการ บังคับตัดอวัยวะเพื่อการค้า แ ส ว ง ห า ป ร ะ โ ย ช น ์ อื่ น ใ ด จ า ก เปน็ ตน้ ผลู้ ักลอบขา้ มแดน นอกจากคา่ จา้ งที่ ได้ตกลงกนั ๔. เป็นการกระท�าผิดที่เกิดข้ึนได้ ทั้งภายในประเทศและ ๔. เป็นความผิดที่เกิดได้เฉพาะ ระหว่างประเทศ เช่น หลอกลวงหญิงจากทางภาคเหนือของ ระหว่างประเทศเท่านั้น เพราะ ประเทศ เพอื่ มาขายประเวณที างภาคใตข้ องประเทศหรอื อาจ วัตถุประสงค์ก็คือเป็นการลักลอบ ข้ามประเทศไปยังประเทศเพื่อนบ้านใกลเ้ คยี ง เป็นตน้ พาคนจากประเทศหน่ึงข้ามแดนไป ยงั อกี ประเทศหนง่ึ โดยไมถ่ กู ตอ้ งตาม กฎหมาย ๕. ผู้กระท�าความผิดจะเป็นฝ่ายสรรหาผู้เสียหายโดยผ่าน ๕. ผปู้ ระสงคจ์ ะขา้ มแดน จะเปน็ ผมู้ า วธิ กี ารตา่ งๆ เชน่ ผา่ นตวั แทน นายหนา้ และมกั มกี ารใชอ้ บุ าย ตดิ ตอ่ ขอใชบ้ รกิ ารจากผรู้ บั จา้ งขนคน หลอกลวง ท�าให้ผู้เสียหายหลงเข้าใจผิด ว่าจะไปประกอบ ข้ามแดนโดยตรงหรือจากการผ่าน อาชพี ทม่ี น่ั คง มรี ายไดด้ ี หรอื บางรายใชก้ า� ลงั ประทษุ รา้ ย ทนั ที โฆษณาเชิญชวนผู้รับจ้างขนคนข้าม ที่ผู้เสียหายตกอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว ผู้เสียหายจะไม่มี แดนจะมอี า� นาจควบคมุ ไดเ้ ฉพาะชว่ ง อ�านาจตัดสินใจหรือต่อรองใดๆ ท้ังส้ิน หากผู้เสียหายต่อสู้ เวลาในการพาข้ามแดนเท่าน้ัน ถ้าผู้ ขดั ขนื หรอื หาทางหลบหน ี ผคู้ า้ มนษุ ยม์ กั จะใชค้ วามรนุ แรงตอ่ ประสงคจ์ ะขา้ มแดนประเมนิ ถงึ ความ ผู้เสียหาย และเมื่อผู้เสียหายถึงจุดหมายปลายทาง หรือ เสี่ยงแล้วเห็นว่าไม่เหมาะสมที่ สถานทท่ี ก่ี า� หนดใหผ้ เู้ สยี หายอย ู่ ผเู้ สยี หายจะไมม่ อี สิ รภาพ จะ ขา้ มแดนในชว่ งเวลา ดงั กลา่ วแลว้ เขา ถูกควบคุมจากผู้ค้ามนุษย์หรือผู้แสวงหาประโยชน์จาก จะบอกเลิกก็ได้ ผู้รับจ้างขนคน ผู้เสยี หาย ข้ามแดนไม่มีอ�านาจบังคับ จึงไม่มี ความจ�าเป็นท่ีจะต้องใช้ความรุนแรง และเม่ือผู้ประสงค์ข้ามแดนมาถึงที่ หมายปลายทางตามที่ตกลงกัน ผู้รับจ้างขนคนข้ามแดนก็ส้ินสุด ภารกจิ 104 เร่อื งควรรู้ คูม่ ือนักปกครอง

ลักษณะทั้ง ๕ ประการดังท่ีเสนอข้างต้น เป็นเพียงแนวทางที่จะชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างของ อาชญากรรมทงั้ สองประเภท ในการปฏบิ ตั งิ านเมอื่ พบสถานการณจ์ รงิ การจะสามารถหาคา� ตอบเหลา่ นีค้ งไมใ่ ช่เรือ่ งง่าย ดังนน้ั จงึ เปน็ ความทา้ ทายของเจา้ หน้าท่แี ละบคุ ลากรท่ีเกีย่ วข้องในการป้องกนั และ ปราบปรามอาชญากรรมทง้ั สองประเภทท่ีจะตอ้ งชว่ ยกนั คน้ หาความจรงิ เหล่านีอ้ อกมาให้ได้ สาระส�าคญั ของพระราชบัญญัติป้องกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ๑. มีการบญั ญตั ิความผดิ ฐานคา้ มนษุ ยข์ ึน้ ใหม ่ (มาตรา ๖) ๒. กฎหมายฉบับนี้ก�าหนดให้มี “พนักงานเจ้าหน้าท่ี” โดยมีทั้งบุคคลที่เป็นโดยต�าแหน่ง คือ พนกั งานฝา่ ยปกครองและตา� รวจชนั้ ผใู้ หญ ่ ตามทกี่ า� หนดไวใ้ นประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา และบคุ คลทต่ี อ้ งไดร้ บั การแตง่ ตง้ั จากรฐั มนตรคี อื ขา้ ราชการประเภทใด สงั กดั ใดกไ็ ด ้ ซงึ่ ดา� รงตา� แหนง่ ไมต่ �่ากวา่ ขา้ ราชการ พลเรือนสามัญระดบั ๓ และมคี ณุ สมบตั ติ รงตามทกี่ �าหนดไวใ้ นกฎกระทรวง ๓. มกี ารกา� หนดโทษและความผดิ สา� หรบั ผทู้ ช่ี ว่ ยเหลอื สนบั สนนุ หรอื ตระเตรยี มเพอ่ื กระทา� ผดิ ฐานคา้ มนุษย ์ (มาตรา ๗ และมาตรา ๘) ๔. ก�าหนดโทษและความผิดส�าหรับความผิดที่กระท�าลงโดยการสมคบกันต้ังแต่ ๒ คนขึ้นไป รวมท้ังความผิดท่ีกระท�าลงโดยการร่วมกันกระท�าผิดตั้งแต่ ๓ คนข้ึนไปหรือโดยสมาชิกขององค์กร อาชญากรรม(มาตรา ๙ และมาตรา ๑๐) ๕. ความผิดฐานค้ามนุษย์แม้กระท�าลงนอกราชอาณาจักร ก็สามารถลงโทษผู้กระท�าผิดใน ราชอาณาจักรได้ ทั้งนี้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๑ ซึ่งหลักการดังกล่าวเป็นหลักการลงโทษอ�านาจ สากล เชน่ เดยี วกบั ท่บี ัญญัติไวใ้ นประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗ ๖. กฎหมายกา� หนดโทษหนักขึ้นกรณีทผ่ี กู้ ระท�าผดิ เปน็ ผ้มู ตี �าแหนง่ หน้าท่ี เช่น เป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร สมาชกิ วุฒิสภา ขา้ ราชการ เป็นต้น (มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔) ๗. กฎหมายได้ก�าหนดให้ความผิดฐานค้ามนุษย์เป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน (มาตรา ๑๔) ๘. ใหค้ วามสา� คญั กบั การกา� หนดนโยบายและการกา� กบั ดแู ลการดา� เนนิ งานดา้ นการปอ้ งกนั และ ปราบปรามการค้ามนุษยอ์ ย่างจริงจงั มากขึน้ โดยการกา� หนดให้มีคณะกรรมการ ๒ ระดบั คอื ระดบั นโยบายโดยมนี ายกรฐั มนตรเี ปน็ ประธาน และระดบั ประสานงานและกา� กบั ดแู ลซงึ่ กฎหมายกา� หนดให้ นายกรัฐมนตรีมอบหมายรองนายกรฐั มนตรที า่ นใดท่านหน่ึงมาท�าหนา้ ทเี่ ปน็ ประธาน (หมวด ๒) ๙. เสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยการก�าหนด มาตรการตา่ ง ๆ หลายประการที่ช่วยใหพ้ นักงานเจา้ หน้าทท่ี า� งานได้สะดวกยิง่ ขึ้น ท่ีส�าคญั คอื อา� นาจ หน้าทข่ี องพนักงานเจ้าหนา้ ทีต่ ามทีก่ �าหนดไว้ในมาตรา ๒๗ อน่ึง มาตรา ๒๗ (๔) เป็นหลักการเดียวกับที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญาว่าด้วยการค้นและการออกหมายค้น เพียงแต่มาตรา ๒๗ (๔) ได้น�าข้อยกเว้นมาเขียนไว้ เร่อื งควรรู้ ค่มู ือนักปกครอง 105

หลกั คอื จะค้นเคหสถานหรอื สถานทใ่ี ดๆ โดยไมม่ หี มายค้นไม่ได้ เว้นแต่จะเขา้ ขอ้ ยกเว้นตามทมี่ าตรา ๒๗ (๔) บัญญตั ิไวน้ ่ัน คือ - เมอ่ื มเี หตอุ นั ควรเชอื่ ไดว้ า่ พยานหลกั ฐานในการคา้ มนษุ ยอ์ ยใู่ นสถานทนี่ นั้ หรอื เพอ่ื พบและชว่ ย บคุ คลท่ีตกเปน็ ผูเ้ สียหายจากการกระทา� ผิดฐานค้ามนษุ ย ์ กับทั้งตอ้ งประกอบดว้ ยวา่ - หากเนนิ่ ชา้ กวา่ จะไดห้ มายคน้ มา พยานหลกั ฐานนนั้ อาจถกู โยกยา้ ย ซอ่ นเรน้ หรอื ทา� ลาย หรอื บคุ คลน้ันอาจถูกประทษุ รา้ ย โยกย้าย ซ่อนเรน้ นอกจากนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าในการค้นต้องเป็นบุคคลตามท่ีมาตรา ๒๗ วรรคสองก�าหนดไว้ด้วย ในบางพ้ืนที่หัวหน้าสถานีต�ารวจอาจเป็นเพียงระดับสารวัตร ซึ่งแม้จะถือว่า เป็นต�ารวจชั้นผู้ใหญต่ ามประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา แต่ก็ไม่สามารถเปน็ หวั หนา้ ในการ เขา้ คน้ ในเวลากลางคนื ตามมาตรา ๒๗ วรรคสองได้ หลงั ทา� การคน้ แลว้ โดยปกตติ ามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาใหร้ ายงานใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาเหนือข้นึ ไป ๑ ระดบั ทราบ แตต่ ามกฎหมายฉบับนี ้ นอกจากรายงานผ้บู งั คับบัญชาแล้วยงั ต้อง สา� เนาผลการตรวจคน้ ใหผ้ คู้ รอบครองเคหสถานนนั้ ดว้ ย ประการสา� คญั หวั หนา้ ในการคน้ ตอ้ งสง่ สา� เนา รายงานเหตุผล ผลการตรวจค้น บัญชีพยานหลักฐานหรือบุคคลที่ตกเป็นผู้เสียหาย และบัญชีทรัพย์ ทย่ี ดึ อายดั ไวไ้ ปใหศ้ าลจงั หวดั ทมี่ อี า� นาจเหนอื เขตทอ้ งทท่ี ที่ า� การคน้ หรอื ศาลอาญาภายใน ๔๘ ชวั่ โมง หลงั การค้นส้นิ สดุ ลงอีกด้วย ทง้ั นี ้ เพ่ือเกบ็ ไวเ้ ปน็ พยานหลกั ฐานหากมกี ารฟ้องรอ้ งกันในภายหนา้ ๑๐. กฎหมายใหอ้ า� นาจพนกั งานเจา้ หนา้ ทใี่ นการใหค้ วามคมุ้ ครองชวั่ คราวบคุ คลทมี่ เี หตอุ นั ควร เชอื่ ได้วา่ เป็นผเู้ สียหายจากการคา้ มนุษย์ วตั ถปุ ระสงคส์ า� คญั ของมาตรานกี้ เ็ พอื่ ใหค้ วามคมุ้ ครองบคุ คลทอ่ี าจตกเปน็ ผเู้ สยี หายของการ ค้ามนุษย์มีหลายกรณีที่บุคคลดังกล่าวไม่รู้ว่าตัวเองก�าลังจะตกเป็นผู้เสียหาย ดังน้ัน การด�าเนินการ ตามมาตราน ี้ จึงไม่จา� เปน็ ต้องได้รบั ความยนิ ยอมจากบคุ คลดงั กล่าวแตอ่ ยา่ งใด อย่างไรกต็ ามพนักงาน เจา้ หนา้ ทกี่ ค็ วรจะพยายามอธบิ ายใหบ้ คุ คลดงั กลา่ วเขา้ ใจสถานการณแ์ ละใหค้ วามรว่ มมอื ทง้ั นเี้ นอ่ื งจาก ความรว่ มมอื จากเหยอื่ /ผเู้ สยี หายถอื เปน็ ปจั จยั สา� คญั ในการสบื สวนสอบสวนเพอื่ เอาตวั ผกู้ ระทา� ผดิ มา ลงโทษ ในมาตรา ๒๙ วรรคแรกตอนท้ายได้ก�าหนดให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีต้องรายงานการคุ้มครอง ช่ัวคราวใหผ้ บู้ งั คบั บัญชาของตนทราบโดยไมช่ กั ชา้ นน้ั เน่ืองจากวัตถุประสงค์ของการให้รายงานก็เพื่อ ใหผ้ ้บู งั คบั บญั ชาไดร้ บั รูร้ ับทราบ จึงมิไดห้ มายความวา่ ตอ้ งรายงานภายใน ๒๔ ช่ัวโมง หากแต่หมายถงึ ใหเ้ รว็ ทสี่ ดุ เทา่ ทจ่ี ะทา� ไดโ้ ดยการรายงานอาจสง่ เปน็ รายงานสนั้ ทางโทรสารกไ็ ด ้ ทงั้ นข้ี น้ึ อยกู่ บั ระเบยี บ ภายในของแตล่ ะหน่วยงานทจี่ ะกา� หนดตามความเหมาะสมของแต่ละพนื้ ท่ีด้วย ส�าหรับกรณีที่มีความจ�าเป็นต้องให้ความคุ้มครองช่ัวคราวเกินกว่า ๒๔ ช่ัวโมง พนักงาน เจา้ หนา้ ทต่ี อ้ งยน่ื คา� รอ้ งเพอื่ ขอขยายระยะเวลาการใหค้ วามคมุ้ ครองตอ่ ศาล ซง่ึ หากศาลไตส่ วนแลว้ เหน็ 106 เรื่องควรรู้ คมู่ อื นกั ปกครอง

วา่ มเี หตุอนั ควรเช่ือวา่ บคุ คลดังกล่าวเปน็ ผู้เสียหายจากการค้ามนษุ ยแ์ ละการให้ความคมุ้ ครองชั่วคราว ต่อไปจะเป็นประโยชน์ต่อการแสวงหาข้อเท็จจริง หรือเป็นการคุ้มครองป้องกันภัยให้แก่บุคคลน้ัน ศาลก็จะอนญุ าตโดยศาลอาจก�าหนดเง่ือนไขใดๆ ก็ได ้ แต่ทัง้ นีศ้ าลจะอนุญาตได้ไม่เกิน ๗ วัน ๑๑. กฎหมายฉบับน้ีให้อ�านาจพนักงานเจ้าหน้าท่ีในการได้มาซ่ึงข้อมูล เอกสารหรือข่าวสาร ที่ถูกใช้หรืออาจถูกใช้เพ่ือประโยชน์ในการกระท�าผิดฐานค้ามนุษย์ในทุกรูปแบบ แต่ทั้งนี้พนักงาน เจ้าหน้าที่ท่ีได้รับอนุมัติจะต้องได้รับอนุญาตจากศาลเสียก่อน ส่วนหลักเกณฑ์และวิธีการในการได้มา ซึ่งข้อมูล ข่าวสารหรือเอกสารจะเป็นอย่างไร ประธานศาลฎีกาจะเป็นผู้ก�าหนดโดยการออกเป็นข้อ บังคับ อย่างไรก็ตามกฎหมาย ฉบับน้ีได้ก�าหนดเง่ือนไขในการร้องขอไว้ ๓ ประการดังท่ีปรากฏใน มาตรา ๓๐ วรรคสอง ซึง่ เง่อื นไขทั้งสามประการจะตอ้ งครบหากขาดอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ไม่ถอื วา่ อยู่ใน เงอื่ นไขท่ีจะรอ้ งขอต่อศาลได้ อนึ่ง ค�าวา่ “ไดม้ า” นนั้ นา่ จะรวมถงึ “การเขา้ ถงึ ” ขอ้ มลู โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงข้อมูลทเ่ี ก็บ รกั ษาไว้ในคอมพวิ เตอร์ดว้ ย โดยปกตเิ มอื่ พูดถงึ การไดม้ า มกั จะนึกถึงเพยี งการเขา้ ยดึ ถือ ครอบครอง วัตถุหรือส่ิงของอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีรูปร่างจับต้องได้ อย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างย่ิง ในยุคที่มีการติดต่อส่ือสารโดยผ่านทางระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องปกติเช่นน้ี การได้มาซึ่ง ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวจึงน่าจะรวมถึงการเข้าถึงข้อมูล และท�าการคัดลอกข้อมูลดังกล่าวมาเพื่อใช้ ประโยชนใ์ นการสบื สวนหรอื ใชเ้ ป็นพยานหลกั ฐานด้วย ๑๒. กฎหมายก�าหนดใหส้ ามารถท�าการสบื พยานไวล้ ว่ งหนา้ ได้ (มาตรา ๓๑) ซ่งึ เหตุผลของการ ขอสืบพยานล่วงหน้าตามกฎหมายฉบับน้ีจะกว้างกว่าท่ีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญามาตรา ๒๓๗ ทวิ ๑๓. มกี ารขยายการคมุ้ ครองและใหค้ วามชว่ ยเหลอื ผเู้ สยี หายจากการคา้ มนษุ ยไ์ วอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง ท่ีส�าคัญได้แก่ การให้ความช่วยเหลือในระหว่างการฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ (มาตรา ๓๓) สิทธิ ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน (มาตรา ๓๔, ๓๕) สิทธิท่ีจะได้รับความคุ้มครองความปลอดภัย (มาตรา ๓๖) ให้อ�านาจพนักงานเจ้าหน้าที่ที่จะด�าเนินการให้มีการผ่อนผันให้ผู้เสียหายอยู่ใน ราชอาณาจักรและท�างานเปน็ การช่ัวคราว (มาตรา ๓๗) ก�าหนดห้ามพนกั งานสอบสวนดา� เนินคดีกับ ผ้เู สยี หายจากการคา้ มนุษย์ในความผิดบางฐาน (มาตรา ๔๑) ๑๔. มีการก�าหนดความผิดฐานขัดขวางกระบวนการยุติธรรม (มาตรา ๕๔) ก�าหนดความผิด ส�าหรับผู้ที่ขัดขวางการได้มาซ่ึงข้อมูล ตามมาตรา ๓๐ รวมทั้งเปิดเผยข้อมูลเช่นว่ากับผู้ที่ไม่มีหน้าท่ี เกย่ี วขอ้ ง (มาตรา ๕๕) กา� หนดความผดิ สา� หรบั ผทู้ เ่ี ผยแพรภ่ าพ เสยี ง ขอ้ ความ หรอื ทา� ดว้ ยประการใดๆ อันอาจท�าให้รู้วา่ บคุ คลใดเปน็ ผเู้ สยี หายจากการคา้ มนุษย์ (มาตรา ๕๖) เรื่องควรรู้ คมู่ อื นักปกครอง 107

แนวทางปฏบิ ตั ขิ องผ้วู า่ ราชการจังหวดั 1. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะอนุกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและ ปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัด แต่งตั้งปลัดจังหวัดเป็นอนุกรรมการในศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและ ปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัด โดยประสานกับส�านักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดในฐานะฝ่ายเลขานุการฯ และมอบหมายให้ปลัดจังหวัดรับผิดชอบการขับเคล่ือนนโยบายร่วม กบั พฒั นาสงั คมและความมัน่ คงของมนษุ ย์จังหวดั โดยก�ากับ ดูแล สงั่ การ และติดตามการดา� เนนิ งาน ของนายอา� เภอ เพื่อให้เกดิ ความเช่อื มโยงระหว่างศูนยป์ ฏิบัตกิ ารปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนุษย์ จังหวัดกับอ�าเภอ (Area Approach) ทั้งน้ี ให้ปลัดจังหวัดเข้าร่วมการประชุมคณะอนุกรรมการ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดทุกคร้ัง ซึ่งหากติดภารกิจให้มอบหมาย ป้องกนั จงั หวัดเขา้ ร่วมประชุมแทน 2. ใหผ้ ู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายนายอ�าเภอปฏบิ ตั ิตามแผนปฏิบัตกิ ารต่อต้านการค้ามนุษย์ ทป่ี ระเทศไทยยนื่ เสนอตอ่ สหรฐั อเมรกิ า โดยบรู ณาการและประสานการปฏบิ ตั กิ บั หนว่ ยงาน ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ให้บังเกิดผลในการปฏิบัติได้อย่างแท้จริง และสามารถแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในพ้ืนท่ีอ�าเภอได้เป็น รูปธรรม ดังน้ี 2.1 การคดั แยกผูเ้ สยี หายจากการคา้ มนษุ ย์ในเบื้องต้นอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ 1) ใหอ้ า� เภอเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพดา้ นปอ้ งกนั เพอื่ ใหไ้ ดข้ อ้ มลู การคา้ มนษุ ยท์ มี่ คี วามชดั เจน ตั้งแต่เบ้ืองต้น โดยสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับก�านัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน องค์กร ปกครองส่วนท้องถ่นิ ผู้น�าชุมชน และประชาชนท่ัวไป ทง้ั คนไทย คนตา่ งดา้ ว และผูป้ ระกอบการต่างๆ ให้รับรู้ถึงภัย ท่ีเกิดขึ้นจากปัญหาการค้ามนุษย์ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้ามนุษย์จากการ แสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีเด็ก การบังคับหรือล่อลวงให้ค้าประเวณีในการโรงแรม สถานบริการ สถานบันเทิงต่าง ๆ ร้านอาหาร และนวดแผนโบราณ เป็นต้น หรือการค้ามนุษย์ด้าน แรงงานท้ังชายและหญงิ โดยบงั คบั ใช้แรงงานในอตุ สาหกรรมประมง เรือประมง โรงงานแปรรปู อาหาร โรงงานตัดเย็บเส้ือผ้า การท�าไร่อ้อย และการบังคับให้เด็กขอทานตามแหล่งท่องเท่ียวต่าง ๆ เป็นต้น เพอ่ื ให้ผนู้ า� ชุมชน ประชาชนทวั่ ไป และผู้ประกอบการไดต้ ระหนกั ถงึ ปญั หาและผลกระทบท่ีจะเกดิ ขน้ึ ต่อประเทศไทยจากปญั หาการคา้ มนษุ ย ์ โดยให้มกี ารประชมุ ทา� ความเขา้ ใจและมอบนโยบายในระดับ อา� เภอในทปี่ ระชมุ ประจา� เดอื นหัวหน้าสว่ นราชการ และก�านัน ผูใ้ หญบ่ ้าน และชุมชน เกดิ ความเขา้ ใจ กันอย่างท่ัวถึงโดยให้อ�าเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับผิดชอบท�าความเข้าใจ กับ ผู้ประกอบการทเี่ กย่ี วข้อง 108 เรอ่ื งควรรู้ คู่มือนักปกครอง

2) สร้างความร่วมมือภาคประชาชนให้ช่วยกันป้องกันไม่ให้คนไทยและคนต่างด้าวตกเป็น ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังป้องกันและปราบปราม เพิ่มช่องทางให้ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสการกระท�าความผิดฐานค้ามนุษย์ได้โดยง่าย สะดวก รวดเร็ว และท่ัวถึง อยู่ใกล้ชิดชุมชน โดยแจ้งผ่านเครือข่ายศูนย์อ�านวยความเป็นธรรมระดับหมู่บ้าน ศูนย์ยุติธรรมชุมชนระดับต�าบล และศูนย์อ�านวยความเป็นธรรมอ�าเภอ และตรวจสอบข้อเท็จจริง เบ้ืองต้นว่าเป็นการกระท�าความผิดฐานค้ามนุษย์หรือไม่ ก่อนท่ีจะประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานท่ี เก่ียวข้องร่วมกันสืบสวนจับกุม ให้ความช่วยเหลือ และท�าการสัมภาษณ์คัดแยกผู้เสียหายจากการค้า มนุษย์เพื่อสนับสนุนมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้า มนษุ ย์ในเบอื้ งต้น โดยการมสี ่วนร่วมของประชาชนและความร่วมมือจากองค์กรปกครองท้องถน่ิ เพอ่ื สนับสนุนการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือพนักงานสอบสวนในการคัดแยกผู้เสียหายจาก การค้ามนุษยใ์ ห้มีประสิทธภิ าพย่งิ ขน้ึ 2.2 การเพมิ่ ความพยายามในการสอบสวนและดา� เนนิ คดตี อ่ ผกู้ ระทา� ความผดิ คา้ มนษุ ยแ์ ละ เจา้ หนา้ ท่ขี องรัฐท่ีเกยี่ วขอ้ งในการฉอ้ ราษฎร์บงั หลวงท่เี กยี่ วข้องกบั การค้ามนุษย์ 1) ให้นายอ�าเภอบูรณาการและประสานการปฏิบัติโดยให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือ ต�ารวจช้ันผู้ใหญ่และปลัดอ�าเภอ ใช้อ�านาจการสืบสวนสอบสวนความผิดอาญาตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณา ความอาญา พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และ กฎหมายอ่ืนๆ ท่เี กี่ยวข้องโดยเข้มงวดกวดขันในการบังคบั ใช้กฎหมาย สืบสวนจบั กุมและด�าเนินคดีกบั ผู้กระท�าความผิดค้ามนุษย์ อย่างเด็ดขาดและเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้มีอ�านาจ ใช้อ�านาจตาม กฎหมายออกคา� สงั่ ทางปกครองสงั่ ปดิ สถานทใ่ี ดๆ ทใี่ ชเ้ ปน็ สถานทเ่ี กดิ เหตกุ ระทา� ความผดิ ฐานคา้ มนษุ ย์ โดยเร็ว 2) ส�าหรับความผิดท่ีเกิดขึ้นในราชอาณาจักร ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้อ�านาจหน้าที่ ในการบริหารกระบวนการยตุ ิธรรมทางอาญาชัน้ สอบสวนและช้ันกอ่ นฟอ้ งคดีในท้องทอ่ี �าเภอซงึ่ อยใู่ น เขตอ�านาจของจังหวัดน้ันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยเคร่งครัด เพ่ือสนับสนุน มาตรการเพ่ิมความพยายามในการสอบสวนและการด�าเนินคดีต่อผู้กระท�าความผิดค้ามนุษย์และ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั เกย่ี วขอ้ งในการฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวงทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การคา้ มนษุ ยใ์ หม้ ปี ระสทิ ธภิ าพยง่ิ ขนึ้ และบังเกิดผลเปน็ รูปธรรมโดยเรว็ 2.3 กระบวนการผ่อนผันให้ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ท่ีเป็นผู้ใหญ่สามารถพ�านักใน ราชอาณาจักร และทา� งานนอกสถานคมุ้ ครองและพัฒนาอาชีพไดเ้ ป็นการชัว่ คราว 1) ให้ส�านักทะเบียนที่เกี่ยวข้องให้ความสา� คัญในการจัดท�าทะเบียนประวัติและบัตร ประจ�าตัวบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนให้กับคนต่างด้าวซ่ึงเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ให้เกิด ความถูกต้องและรวดเร็ว เพ่ือสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องในกระบวนการ เร่ืองควรรู้ คมู่ ือนกั ปกครอง 109

ผ่อนผันให้ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ท่ีเป็นผู้ใหญ่สามารถพ�านักในราชอาณาจักร และท�างาน นอกสถานคุม้ ครองและพฒั นาอาชพี ได้เปน็ การช่ัวคราวใหม้ ีประสิทธภิ าพยิ่งขนึ้ 2) กรณีที่พนักงานฝ่ายปกครองเป็นผู้จับกุมหรือร่วมจับกุมการกระท�าความผิดฐาน ค้ามนุษย์ ให้นายอ�าเภอประสานพนักงานเจ้าหน้าที่หรือพนักงานสอบสวนแจ้งสิทธิท่ีจะได้รับการ คุ้มครองความปลอดภัยกรณีผู้เสียหายจะให้การหรือเบิกความเป็นพยานในความผิดฐานค้ามนุษย์ ซึง่ พยานจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองพยานในคดีอาญาตามพระราชบัญญัติ ค้มุ ครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 หรือสทิ ธิท่จี ะไดร้ บั คา่ ตอบแทนผเู้ สียหายตามหลกั เกณฑ์และ เงื่อนไขตามพระราชบญั ญัติค่าตอบแทนผูเ้ สยี หาย และคา่ ทดแทน และค่าใชจ้ า่ ยแก่จ�าเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2546 และสทิ ธปิ ระโยชน์ทีจ่ ะได้รบั ตามพระราชบัญญตั คิ ุม้ ครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และเพ่ือ เพ่ิมประสิทธิภาพด้านการคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหายให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมย่ิงข้ึน ให้ นายอา� เภอประสานความรว่ มมอื กบั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ใหก้ ารสนบั สนนุ พนกั งานเจา้ หนา้ ทใี่ น การช่วยเหลอื คุ้มครองผูเ้ สียหายดว้ ย 2.4 การปรับปรุงมาตรฐานและกระบวนการตรวจแรงงาน การคุ้มครองแรงงาน ในอุตสาหกรรมประมง การดา� เนนิ การเพ่อื การแกไ้ ขปญั หาอยา่ งย่งั ยนื ในการให้ความคุม้ ครองแรงงาน ต่างด้าว 1) ให้นายอ�าเภอก�ากับดูแลสถานประกอบการและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของ หนว่ ยงานทเี่ กย่ี วขอ้ งในพนื้ ทอี่ า� เภอตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ หากพบปญั หา อุปสรรค ให้รายงานผู้ว่าราชการจงั หวดั พิจารณาสัง่ การแกไ้ ขปัญหาตอ่ ไป 2) ใหน้ ายอา� เภอ ปลดั อา� เภอ ใชอ้ า� นาจหนา้ ทข่ี องพนกั งานเจา้ หนา้ ทต่ี ามพระราชบญั ญตั ิ จัดหางานและคุม้ ครองแรงงาน พ.ศ. 2528 พระราชบญั ญัติการท�างานของคนตา่ งด้าว พ.ศ. 2551 และพนกั งานตรวจแรงงานตามพระราชบัญญตั ิคมุ้ ครองแรงงาน พ.ศ. 2551 และกฎหมายอื่น หรือ คา� สง่ั ทเี่ กยี่ วขอ้ ง ประสานการปฏบิ ตั งิ านกบั หนว่ ยงานทม่ี อี า� นาจหนา้ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง เพอื่ บงั คบั ใชก้ ฎหมาย ดา� เนนิ การปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ยโ์ ดยการบงั คบั ใชแ้ รงงานใหบ้ งั เกดิ ผลสา� เรจ็ เปน็ รปู ธรรม โดยเร็ว 3) ให้นายอ�าเภอในฐานะนายทะเบียนอ�าเภอ รับผิดชอบและควบคุมการปฏิบัติงาน ของสา� นกั ทะเบยี นในเขตอา� เภอ ในการรบั รายงานตวั เพอื่ จดั ทา� ทะเบยี นประวตั ิ (ทร.38) เอกสารรบั รอง รายการทะเบียนประวัติคนต่างด้าว (ทร.38/1) และการจัดท�าบัตรประจ�าตัวคนต่างด้าวดังกล่าว ให้สามารถด�าเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพ่ือส่งเสริมให้มีการจ้างแรงงานใน อุตสาหกรรมประมงอยา่ งถูกตอ้ งตามกฎหมาย 110 เรอ่ื งควรรู้ ค่มู อื นักปกครอง

2.5 ให้ศูนย์บูรณาการและประสานการปฏิบัติงานป้องกันและปราบปราม การค้ามนุษย์อ�าเภอขับเคล่ือนนโยบายการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของรัฐบาลให้บังเกิด ผลสา� เรจ็ อย่างเปน็ รูปธรรม โดยต้องมีการประชมุ ศนู ย์ฯ เปน็ ประจา� ทกุ เดอื น ซงึ่ หากมปี ัญหาอุปสรรค ในการปฏบิ ตั งิ าน ใหแ้ จง้ ประสานศนู ยป์ ระสานการปฏบิ ตั งิ านดา้ นปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ (Operation Room) กรมการปกครองเพื่อให้ค�าปรกึ ษา แนะนา� และสนบั สนุนการปฏิบัติงาน ___________________ ส�านักการสอบสวนและนติ กิ าร กรมการปกครอง 0-2356-9554 เรอื่ งควรรู้ คูม่ ือนักปกครอง 111

แผนผงั แสดงขน้ั ตอนการปฏบิ ตั งิ านเกย่ี วกบั คดคี า มนษุ ย 1. การรบั แจง เหตุ 2. การตรวจสอบขอเทจ็ จรงิ - ศูนยร บั เร่ืองราวรอ งทกุ ขจากชอ งทาง - แบบสัมภาษณเบ้ืองตนสําหรับคดีแยก ตางๆ ผูเ สยี หายจากการคามนษุ ย - สอื่ มวลชนจากทุกแขนง - ความเหน็ จากหนวยงานที่เก่ยี วของ 4. การเขาชว ยเหลอื /ตรวจคน/จับกุม 3.การเตรยี มการเขาชวยเหลอื / ตรวจคน - บนั ทึกตรวจคน โดยมีหมายคน / จบั กุม - บนั ทกึ ตรวจคน โดยไมมหี มายคน - ตรวจสอบบคุ คล - รวบรวมพยานหลักฐานท่ีเกดิ เหตุ 5. การคดั แยกผเู สียหาย - ถูกกระทาํ อยา งหนง่ึ อยางใด • แสวงหาประโยชนจ ากการคามนุษย - ถูกกระทําดวยวธิ ีการอยา งหน่ึงอยางใด • การบงั คับใชแ รงงานหรอื บรกิ ารใน - ถูกกระทําโดยมีวัตถุประสงคเพ่ือแสวงหา เรือประมง ประโยชนโดยมชิ อบ • การนําคนมาขอทาน ผลจากการคดั แยก - กรณไี มเขาขา ยการคามนุษย 6.การจับและบันทกึ การจับ - กรณียังไมชัดเจนวาผูแจงเปนผูเสียหาย - บันทกึ การจับโดยมีหมายจบั จากการคามนุษยหรืออาจจะเขาขายเปน - บนั ทักการจบั โดยไมมหี มายจับ ผูเ สยี หายจากการคามนุษย - กรณีเปน ผเู สยี หายจากการคา มนษุ ย 7.การสอบสวนดําเนินคดี - กรณีเปนผูเสียหายจากการคามนุษย กระทําโดยหลายหนวยงานและมีความเห็น แตกตา งกนั - กรณีอายุต่ํากวา 18 ป และอาจเขาขาย เปนผเู สียหายจากการคา มนุษย 112 เรื่องควรรู้ คมู่ ือนักปกครอง

การบริหารจดั การท่ดี ินของรฐั



การบริหารจดั การทดี่ ินของรัฐ ที่ดินในประเทศไทยนน้ั แบ่งออกเปน็ ๒ ประเภทใหญ ่ ๆ คือ ที่ดินของเอกชน และทด่ี นิ ของรัฐ โดยทดี่ นิ ของเอกชน นนั้ ไดแ้ ก ่ ทดี่ นิ ทปี่ ระชาชนมกี รรมสทิ ธห์ิ รอื สทิ ธคิ รอบครองโดยชอบดว้ ยกฎหมาย และทางราชการออกเอกสารสทิ ธใิ หต้ ามประมวลกฎหมายทดี่ นิ ในรปู ของโฉนดทดี่ นิ หรอื หนงั สอื รบั รอง การทา� ประโยชน ์ (น.ส.๓ , น.ส.๓ ก) สว่ นทดี่ นิ ของรฐั นน้ั ไดแ้ ก ่ ทดี่ นิ ทรี่ ฐั เปน็ เจา้ ของ ซง่ึ มหี ลายประเภท แต่ละประเภทกจ็ ะมีกฎหมายเฉพาะใหอ้ �านาจในการดแู ลรักษา เช่น ๑) ที่ป่าไม้ เป็นไปตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ มีกรมป่าไม ้ เปน็ ผมู้ ีอ�านาจดแู ล ๒) อุทยานแห่งชาติ เป็นไปตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ มีกรมอุทยาน แห่งชาต ิ สัตวป์ า่ และพนั ธพ์ุ ืช เป็นผ้มู อี �านาจดูแล ๓) ที่แม่น�้า เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้�าไทย พ.ศ. ๒๕๔๖ มีกรมขนสง่ ทางนา�้ และพาณชิ ยน์ าว ี เป็นผู้มอี �านาจดูแล ๔) ท่ีทางหลวง เป็นไปตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ มีกรมทางหลวง เปน็ ผมู้ ีอ�านาจดูแล ๕) ที่ราชพัสดุ เป็นไปตามพระราชบัญญัติท่ีราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๑๘ มีกรมธนารักษ์ เป็นผมู้ ีอ�านาจดูแล ๖) ท่ี ส.ป.ก. เป็นไปตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปท่ีดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ มีสา� นักงานปฏิรปู ท่ดี ิน เปน็ ผมู้ ีอ�านาจดแู ล ๗) ท่ีนิคมสร้างตนเอง เป็นไปตามพระราชบัญญัติจัดท่ีดินเพ่ือการครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ มกี รมพัฒนาสังคมและสวัสดกิ าร เป็นผู้มอี �านาจดูแล ๘) ทส่ี าธารณประโยชน ์ เปน็ ไปตามพระราชบญั ญตั ลิ กั ษณะปกครองทอ้ งท ี่ พ.ศ. ๒๔๕๗ ซง่ึ แกไ้ ข เพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องท่ี ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๑) มีนายอ�าเภอร่วมกับ องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิน่ เปน็ ผมู้ ีอ�านาจดแู ล ๙) ทดี่ นิ รกรา้ งวา่ งเปลา่ เปน็ ไปตามประมวลกฎหมายทดี่ นิ โดยมกี ระทรวงมหาดไทย และองคก์ ร ปกครองส่วนท้องถ่นิ เปน็ ผู้มีอ�านาจดแู ล เป็นตน้ จะเหน็ ไดว้ า่ ทดี่ นิ ของรฐั ทอี่ ยใู่ นความรบั ผดิ ชอบของกระทรวงมหาดไทย โดยม ี ๒ ประเภท ไดแ้ ก ่ ที่ดินรกร้างว่างเปล่าและท่ีดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินส�าหรับประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันหรือ ที่สาธารณประโยชน ์ โดย ๑) ท่ีดินรกร้างว่างเปล่า ได้แก่ ที่ดินของรัฐที่มิได้มีบุคคลใดมีสิทธิครอบครองโดยชอบ ดว้ ยกฎหมาย และต้องมกี ารสงวนหรือหวงห้ามไวเ้ พือ่ สาธารณประโยชน์ หรือใช้ประโยชนร์ ว่ มกนั เชน่ เรอื่ งควรรู้ คู่มอื นกั ปกครอง 115

ท่ีเขา ภูเขา ปรมิ ณฑลเขา ภูเขา ๔๐ เมตร ท่ดี นิ ทมี่ พี ระราชกฤษฎกี าหวงห้ามไวต้ ามพระราชบญั ญตั ิ ว่าด้วยการหวงห้ามทด่ี ินรกรา้ งวา่ งเปลา่ อนั เป็นสาธารณสมบตั ิของแผ่นดนิ พ.ศ. ๒๔๗๘ ที่ดินท่ีจัดหา ผลประโยชนต์ ามมาตรา ๑๐ หรอื ๑๑ แหง่ ประมวลกฎหมายทดี่ นิ ทด่ี นิ ทจ่ี ดั ใหส้ มั ปทานตามมาตรา ๑๒ แห่งประมวลกฎหมายทดี่ นิ เปน็ ต้น ๒) ท่ีดินสาหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน หรือที่เรียกว่า “ท่ีสาธารณประโยชน์” น้ันเอง เช่น เดมิ ประชาชนสว่ นใหญใ่ ช ้ ววั ควาย ทางการเกษตร จงึ ได้มกี ารกนั พ้นื ที่ไวส้ า� หรบั ให้ประชาชนน�า วัว ควาย ไปเลย้ี ง หรือเดมิ ไมม่ ีเมร ุ กจ็ ะกันพ้ืนทีไ่ วเ้ ป็นทีป่ า่ ช้าสา� หรับเผาหรอื ฝงั ศพ หรือ ลา� คลอง บึง ล�าราง ทางสาธารณะ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นต้น การท่ีจะพิจารณาว่าท่ีดินดังกล่าวเป็นท่ี สาธารณประโยชนห์ รอื ไม่ นั้น ตอ้ งพิจารณาจากการเกิดของทีด่ ินสาธารณประโยชน์ นน้ั โดยแยกเป็น ๔ ประการ ดังน ้ี ๒.๑ เกดิ ขึน้ โดยผลของกฎหมาย โดยจะตอ้ งพจิ ารณาวา่ ทดี่ ินสาธารณประโยชนน์ นั้ เกดิ ขนึ้ ในช่วงเวลาใด (๑) เกดิ ข้นึ ก่อนป ี พ.ศ.๒๔๗๘ ช่วงน้ีไมม่ กี �าหนดรูปแบบไว ้ อาจเปน็ การสงวนหวงห้าม โดยพระบรมราชโองการ ผูว้ ่าการมณฑล สมุหเทศาภบิ าล กรมการอ�าเภอ กา� นัน เป็นต้น (๒) เกดิ ข้นึ ชว่ งระหว่างป ี พ.ศ. ๒๔๗๘ - ๒๔๙๗ ในช่วงนีม้ ีพระราชบญั ญัตวิ ่าด้วยการ หวงห้ามท่ีดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. ๒๔๗๘ ใช้บังคับการสงวนหวง ห้าม ต้องออกเป็นพระราชกฤษฎกี าเทา่ นน้ั (๓) เกิดข้ึนหลังปี พ.ศ. ๒๔๙๗ จนถึงปัจจุบนั ชว่ งนีม้ ปี ระมวลกฎหมายท่ดี ิน ใช้บงั คบั การด�าเนินการสงวนหวงห้ามจะต้องด�าเนินการตามประมวลกฎหมายที่ดิน โดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการจัดทดี่ ินแห่งชาตกิ ่อน การจะดูว่ามีการสงวนหวงห้ามโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่น้ัน สามารถดูจากทะเบียน ที่สาธารณประโยชน ์ โดยทะเบยี นดังกลา่ วจะเก็บไวท้ ่ที ว่ี า่ การอา� เภอ และทสี่ า� นกั งานท่ดี ินท้องท ี่ ซง่ึ ใน ทะเบียนท่ีสาธารณประโยชน์จะระบุผู้หวงห้าม วัน เดือน ปี ท่ีหวงห้าม และวัตถุประสงค์ในการ หวงหา้ มไว้ แต่อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าจะไม่ปรากฏว่ามีการสงวนหวงห้ามไว้ หรือไม่มีการขึ้นทะเบียน ทสี่ าธารณะไว ้ กไ็ ม่ได้หมายความว่า ที่ดนิ น้นั จะไม่เป็นท่สี าธารณประโยชน ์ ท่ีสาธารณประโยชนอ์ าจ เกิดข้นึ โดยเหตุประการอน่ื ๆ ได ้ ดังน ้ี ๒.๒ เกิดขน้ึ โดยสภาพธรรมชาต ิ เช่น แมน่ า้� คลอง หว้ ย หนอง บงึ ซึง่ ประชาชนสามารถ ใชป้ ระโยชนร์ ว่ มกันได ้ ๒.๓ เกิดขึน้ โดยการใชร้ ่วมกันของราษฎร เชน่ เดมิ เปน็ ท่รี กรา้ ง ว่างเปลา่ ตอ่ มาราษฎรนา� วัว ควาย เข้าไปเลย้ี งจนกลายเปน็ ทีส่ าธารณประโยชน์ เป็นตน้ 116 เรือ่ งควรรู้ คมู่ อื นกั ปกครอง

๒.๔ เกิดขน้ึ โดยการอทุ ศิ ม ี ๒ กรณ ี (1) อุทศิ โดยตรง เช่น ทา� หนังสอื หรอื จดทะเบยี นในโฉนดยกใหเ้ ป็นทสี่ าธารณะ (2) อทุ ศิ โดยปรยิ าย เชน่ เจา้ ของทดี่ นิ ยนิ ยอมใหป้ ระชาชนทวั่ ไปเดนิ โดยไมม่ กี ารโตแ้ ยง้ เป็นเวลานาน กเ็ ป็นการอทุ ิศโดยปริยาย เป็นทางสาธารณะแล้ว ดงั น้ัน ในการพิจารณาวา่ ทดี่ ินแปลงใด เปน็ ที่สาธารณประโยชน์หรอื ไม ่ จะต้องพจิ ารณาว่าเกดิ ข้ึนเม่ือใด อย่างไร การท่ีเราจะทราบข้อมูลดังกล่าว ก็ต้องดูจากเอกสารราชการ เช่น ทะเบียน ท่ีสาธารณประโยชน์ หนังสอื ส�าคัญส�าหรบั ทีห่ ลวง ระวางแผนท่ ี เอกสารทด่ี นิ แปลงขา้ งเคยี ง ภาพถ่าย ทางอากาศ เปน็ ตน้ แต่ถ้าไมม่ หี ลกั ฐานดงั กล่าว กต็ ้องน�าสืบจากพยานบคุ คล ผู้ปกครองทอ้ งที่ในอดตี ผู้สูงอายุ เจ้าของที่ดินข้างเคียงที่ทราบประวัติความเป็นมาของท่ีสาธารณประโยชน์ดังกล่าว และ ตรวจสอบจากสภาพท่ดี ินจรงิ การดแู ลรกั ษาและการคมุ้ ครองปอ้ งกนั อา� นาจหนา้ ทใี่ นการดแู ลรกั ษาทดี่ นิ อนั เปน็ สาธารณสมบตั ิ ของแผ่นดินนั้น ก�าหนดไว้ในมาตรา ๘ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซ่ึงบัญญัติว่า “ถ้าไม่มีกฎหมาย ก�าหนดไว้เป็นอย่างอื่น ให้อธิบดีมีหน้าท่ีดูแลรักษาและด�าเนินการคุ้มครองป้องกันตามควรแก่กรณ ี อ�านาจหน้าที่ดังกล่าวนี้ รัฐมนตรีจะมอบหมายให้ทบวงการเมืองอ่ืนเป็นผู้ใช้ก็ได้” ถ้าพิจารณา โดยหลกั การทว่ั ไป ตามบทบญั ญตั ดิ งั กลา่ วแลว้ อธบิ ดกี รมทดี่ นิ จะเปน็ ผดู้ แู ลรกั ษาทด่ี นิ อนั เปน็ สาธารณ สมบตั ขิ องแผน่ ดนิ แตต่ ามบทบญั ญตั ดิ งั กลา่ ว มขี อ้ ความวา่ “หากไมม่ กี ฎหมายกา� หนดไวเ้ ปน็ อยา่ งอน่ื ” ซึ่งก็หมายความวา่ ถ้ามีกฎหมายกา� หนดอ�านาจหน้าท่ีในการดแู ลรกั ษาไว้โดยเฉพาะแลว้ กเ็ ปน็ ไปตาม กฎหมายน้ัน เช่น ที่ราชพัสดุ ก็เป็นอ�านาจของกรมธนารักษ์ ตามกฎหมายราชพัสดุ ส่วนที่ดิน สาธารณประโยชน์ ก็เป็นอ�านาจหน้าท่ีของนายอ�าเภอ ท่ีมีหน้าท่ีดูแลรักษาตามมาตรา ๑๒๒ แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องท่ี พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ และองค์การบริหารส่วนต�าบล กม็ อี า� นาจดแู ลรกั ษาตามมาตรา ๖๘ (๘) แหง่ พระราชบญั ญตั ิ สภาตา� บลและองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตา� บล พ.ศ. ๒๕๓๗ เทศบาล ก็มีอา� นาจดูแลรกั ษาตามมาตรา ๕๐ แหง่ พระราชบัญญตั ิเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ และองค์การบริหารส่วนจังหวัด ก็มีอ�านาจดูแลรักษาตามมาตรา ๔๕ แห่งพระราชบัญญัติองค์การ บริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๒ ซ่ึงต่อมาได้มีพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ แกไ้ ขตามมาตรา ๑๒๒ แหง่ พระราชบญั ญตั ลิ กั ษณะปกครองทอ้ งทพ่ี ระพทุ ธศกั ราช ๒๔๕๗ โดยก�าหนดอา� นาจหน้าทใี่ นการดูแลรกั ษาและคุ้มครองป้องกนั ท่ดี ินสาธารณประโยชน์ให้ชัดเจนยิง่ ขนึ้ โดยใหน้ ายอา� เภอมหี นา้ ทร่ี ว่ มกนั กบั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ในการดแู ลรกั ษาและคมุ้ ครองปอ้ งกนั ที่ดินสาธารณประโยชน์ โดยหากมีข้อพิพาทหรือคดีเกยี่ วกับทดี่ ินสาธารณประโยชน ์ นายอา� เภอ และ องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน จะรว่ มกนั ดา� เนนิ การหรือฝา่ ยใดฝ่ายหนึ่งจะเป็นผู้ดา� เนนิ การก็ได้ โดยให้ ใช้ค่าใชจ้ ่ายจากงบประมาณขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ เร่ืองควรรู้ คมู่ ือนักปกครอง 117

ทสี่ าธารณสมบตั ขิ องแผน่ ดนิ อกี ประเภทหนง่ึ ทยี่ งั มไิ ดก้ ลา่ วถงึ คอื ทดี่ นิ ประเภททร่ี กรา้ งวา่ งเปลา่ ซ่ึงโดยหลักแล้วอยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทย แต่เน่ืองจากกระทรวงมหาดไทยได้มีค�าสั่ง ท่ี ๕๐๕/๒๕๕๒ มอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เป็นผู้ดูแลท่ีดินรกร้างว่างเปล่าตาม มาตรา ๑๓๐๔ (๑) แห่งประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย ์ ดงั นน้ั องค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ จงึ มี อ�านาจหน้าที่ในการดูแลรักษาคุ้มครองป้องกนั ทดี่ นิ รกร้างวา่ งเปล่าด้วย การคมุ้ ครองปอ้ งกนั ทสี่ าธารณประโยชนน์ น้ั ปญั หาการบกุ รกุ ทส่ี า� คญั กค็ อื ทดี่ นิ สาธารณประโยชน์ ไมม่ แี นวเขตท่ชี ัดเจน แนวทางแกไ้ ขปญั หาท่ดี ที สี่ ดุ กค็ ือ การออกหนงั สือสา� คญั สา� หรบั ทหี่ ลวง ซงึ่ เปน็ ภารกิจของกรมที่ดินโดยตรง หนังสือส�าคัญส�าหรับท่ีหลวงนั้น ไม่ใช่หนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน เหมอื นโฉนดทีด่ นิ เปน็ เพียงหนงั สือท่แี สดงเขตท่ดี ินของรฐั ระยะ เน้อื ที่ ต�าแหนง่ ที่ตง้ั การใชป้ ระโยชน์ และประวัติความเป็นมา โดยจะเก็บไว้ท่ีอ�าเภอ ส�านักงานท่ีดิน และกรมท่ีดินแห่งละฉบับ ในการ ด�าเนนิ การออกหนงั สือสา� คัญสา� หรับที่หลวงนน้ั องค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ จะมสี ่วนช่วยเหลือในการ ดา� เนินการ โดยการชี้แจงและประกาศให้ราษฎรทราบ ช่วยแก้ไขปัญหาอปุ สรรคและขอ้ ขัดข้องตา่ ง ๆ ตรวจสอบและใหค้ วามเหน็ เก่ยี วกบั ผลการรงั วดั ออกหนังสอื สา� คัญสาหรบั ทีห่ ลวง เช่น หากรังวัดแล้ว ไดเ้ นอื้ ทนี่ อ้ ยกวา่ หลกั ฐานเดมิ จะตอ้ งนา� เสนอสภาองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ พจิ ารณาใหค้ วามเหน็ กอ่ น เปน็ ต้น เมือ่ ทราบแนวเขตชัดเจนแลว้ อาจจดั ทาแนวเขตท่ชี ัดเจนมั่นคง เชน่ สรา้ งรั้ว ปกั ป้ายแสดงท่ี สาธารณประโยชน ์ การปลกู ตน้ ไมย้ นื ตน้ ประเภทเดยี วกนั เปน็ แนวเขต หรอื อาจขดุ คลอง ทา� ถนนลอ้ มรอบ แสดงแนวเขตอยา่ งถาวร เพอ่ื ปอ้ งกนั ปญั หาปา้ ย หรอื หลกั เขตสญู หาย กจ็ ะเปน็ การคมุ้ ครองดแู ลรกั ษา ท่สี าธารณประโยชน์ไดอ้ ีกทางหน่งึ ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเร่ืองการคุ้มครองป้องกัน แต่หากเกิดปัญหาการบุกรุกข้ึนมาแล้ว จะมี แนวทางแก้ไขปญั หาอยา่ งไร การทีเ่ ราจะดา� เนินคดีกับผฝู้ า่ ฝืนทกุ รายโดยไมค่ า� นึงถงึ ปญั หาความเดือด รอ้ นของประชาชน คงเปน็ ไปไมไ่ ด ้ เพราะบางครงั้ ปญั หาดงั กลา่ ว กเ็ กดิ จากความบกพรอ่ งของเจา้ หนา้ ที่ ของรฐั เอง เชน่ ไม่มีหลักเขตปา้ ยแสดงวา่ เปน็ ทสี่ าธารณะฯ แนวเขตไม่ชัดเจน หรือปล่อยปละละเลย จนมีการสร้างอาคารถาวร การด�าเนินคดีอาจเกิดปัญหาทางปกครองตามมาในทางปฏิบัติ เมื่อมีการ บุกรุกเกิดขึ้นจะต้องด�าเนินการอย่างไร ๑. ตอ้ งรบี ดาเนนิ การใหอ้ อกไปโดยเรว็ ก่อนจะมีการขยายพื้นท่หี รือจานวนผบู้ กุ รกุ โดยแจ้งให้ ทราบว่าเป็นท่ีดินของรัฐ บุคคลใดจะอ้างสิทธิเป็นประโยชน์ส่วนตัวไม่ได้ การเข้าไปครอบครองมี ความผดิ ตามกฎหมาย หากไม่เชือ่ ฟังจะต้องถูกดา� เนนิ คดตี ามกฎหมาย ๒. หากมกี ารโตแ้ ย้งสิทธ ิ โดยอ้างว่าอยู่มาก่อนนานแล้ว ก็นา� เขา้ สกู่ ระบวนการพิสูจนส์ ิทธิ หาก ไม่พอใจผลของการพจิ ารณาก็สามารถใช้สิทธิทางศาลได้ 118 เรื่องควรรู้ คูม่ ือนักปกครอง

๓. หากไม่แน่ใจว่าเป็นท่ีสาธารณประโยชน์หรือไม่ ให้ตรวจสอบจากหลักฐานเอกสารที่มีอยู ่ เช่น ทะเบียนที่สาธารณประโยชน์ หนังสือส�าคัญส�าหรับที่หลวง ระวางแผนท่ีภาพถ่ายทางอากาศ เอกสารอนื่ ๆ ประกอบกบั การสอบสวนพยานบคุ คล เพอ่ื ทราบประวตั คิ วามเปน็ มา โดยอาจดา� เนนิ การ ในรปู คณะกรรมการกไ็ ด้ แลว้ จงึ น�าเข้ากระบวนการพิสจู น์สิทธิ ๔. หากมีผู้บุกรุกเป็นจ�านวนมาก ต้องพิจารณาเป็นแปลงๆ ไปว่า สามารถที่จะแก้ไขปัญหา ใหผ้ ฝู้ ่าฝนื ออกไปจากทสี่ าธารณประโยชน์ไดห้ รอื ไม่ ถา้ แก้ไขไดก้ ็ดา� เนินการ แต่ถ้าไม่สามารถแก้ไขได ้ ท�าอย่างไรที่จะให้เขายอมรับว่าเป็นท่ีสาธารณประโยชน์ โดยการจัดระเบียบให้อยู่อาศัยโดยถูกต้อง ตามกฎหมาย และที่ดนิ น้นั กย็ งั คงสถานะเปน็ ทีส่ าธารณประโยชน์อย ู่ และเสยี ค่าตอบแทนเป็นคา่ เช่า ให้แก่องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ นา� ไปพฒั นาทอ้ งถน่ิ สว่ นผทู้ ไี่ ม่ยอมรับวา่ เป็นทสี่ าธารณประโยชน์ ก็ เขา้ สกู่ ระบวนการพสิ จู นส์ ทิ ธติ อ่ ไป โดยในการดา� เนนิ การจดั ทด่ี นิ ดงั กลา่ วมหี ลกั เกณฑแ์ ละขนั้ ตอน ดงั นี้ ๔.๑ ทสี่ าธารณประโยชน์ทจี่ ะนา� มาจดั ตอ้ งมีผ้บู ุกรุกเตม็ แปลง หรอื บางสว่ นมหี นงั สือส�าคัญ ส�าหรับที่หลวง แต่ถ้าไม่มีก็สามารถรังวัดออกหนังสือส�าคัญสา� หรับท่ีหลวงไปในคราวเดียวกัน และ ไมเ่ ป็นพน้ื ท ี่ ทบั ซอ้ น เชน่ เขตปา่ ไม้ เขตอุทยาน เปน็ ตน้ ๔.๒ ราษฎรเลกิ ใชป้ ระโยชนร์ ว่ มกนั แลว้ ประชาชนในพนื้ ท ี่ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ และ อา� เภอ เห็นด้วยในการด�าเนนิ การ ๔.๓ การบุกรุกต้องมีการท�าประโยชน์ชัดเจนถาวรเป็นเวลานานแล้ว โดยจัดครอบครัวละ ไมเ่ กิน ๑๕ ไร่ และเสยี ค่าตอบแทนในราคาถกู ใหแ้ ก่องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ตามข้อบัญญตั ิท้องถ่นิ และให้แบ่งค่าตอบแทนจ�านวนร้อยละ ๔๐ ของค่าตอบแทนที่ได้รับให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด ตามมาตรา ๙/๑ แหง่ ประมวลกฎหมายทด่ี ิน ๔.๔ ผไู้ ด้รบั อนุญาตต้องเป็นผู้ยากจนไมม่ ีท่ดี ินทากิน หรือมแี ต่ไมเ่ พยี งพอ โดยผ่านการทา� ประชาคมแล้ว ๔.๕ เมอื่ คดั เลอื กแปลงทสี่ าธารณประโยชน ์ และคดั เลอื กบคุ คลทไ่ี ดร้ บั การจดั ใหอ้ า� เภอเสนอ โครงการจัดท่ีดินให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอนุมัติ แล้วส่งโครงการให้กรมที่ดินตรวจสอบ โดย ผวู้ ่าราชการจังหวดั จะออกใบอนญุ าตให้ใช้ประโยชนใ์ นที่ดนิ ของรัฐแก่ผไู้ ด้รับการคัดเลอื กต่อไป ประโยชน์ท่ีจะได้รับ ราษฎรสามารถเข้าอยู่อาศัยและท�ากินในท่ีดินของรัฐมีความม่ันคงในการ ถือครองที่ดิน ส่งผลให้เกิดความมั่นใจในการประกอบอาชีพในท่ีดินน้ัน ท�าให้คุณภาพชีวิตและ ความเป็นอยู่ดีข้ึน อันเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาด้วยหลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ควบคู่กันไป ท้ังยัง เป็นการลดข้อพิพาทระหว่างรัฐกับราษฎรได้อีกทางหน่ึงด้วย แต่ในการด�าเนินการจัดท่ีดินของรัฐเพ่ือ แก้ไขปญั หาท่ดี นิ ทา� กินดังกล่าวน้นั จะตอ้ งดา� เนินการโดยเปน็ ธรรมและเสมอภาคโดยมุ่งเนน้ จดั ให้แก่ ประชาชนทยี่ ากจน ไม่มที ีด่ นิ ทา� กิน หรือมนี ้อยไม่เพยี งพอ และเขา้ ครอบครองท�าประโยชนเ์ ป็นเวลา นานแลว้ โดยดา� เนินการตามนโยบายการบรหิ ารจดั การท่ีดินของรัฐ เพ่ือแก้ไขปญั หาความยากจน แต่ เร่ืองควรรู้ คมู่ ือนักปกครอง 119

ถ้าเป็นกรณีผู้บุกรุกมีจ�านวนน้อยหรือมีเนื้อท่ีที่บุกรุกไม่มาก ก็พยายามป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกต่อไป อกี เพอ่ื รกั ษาทดี่ นิ ของรฐั ไวโ้ ดยนา� เขา้ สกู่ ระบวนการพสิ จู นส์ ทิ ธใิ นทด่ี นิ ตอ่ ไป หากเปน็ กลมุ่ นายทนุ หรอื ผมู้ อี ทิ ธพิ ลทแ่ี อบแฝงเขา้ มาซอ้ื ทด่ี นิ ชาวบา้ นเปน็ รอ้ ยไร ่ ทา� เปน็ รสี อรท์ โรงแรม หรอื ธรุ กจิ อน่ื ๆ เพอ่ื หวงั ผลก�าไร ก็จะตอ้ งดา� เนินคดตี ามกฎหมายใหถ้ ึงท่ีสุดเพอ่ื เอาทีด่ ินดงั กล่าวกลับมาเปน็ ของรัฐเหมอื นเดิม ให้ได้ นายชัชวาล สมจิตต์ ส�านักจัดการท่ีดนิ ของรฐั กรมท่ีดนิ 0-2143-9101 120 เร่ืองควรรู้ คมู่ อื นกั ปกครอง

การบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ในทดี่ ินของรฐั การขอใช้ประโยชน์ในท่ีดินของรัฐมีหลายวิธี โดยมีทั้งเป็นกรณีทบวงการเมือง เป็นผู้ขอ และเอกชนเป็นผู้ขอ ในการพิจารณาว่าจะต้องด�าเนินการโดยวิธีใดนั้น จะต้องพิจารณาจากสถานะ ของทด่ี นิ และวตั ถปุ ระสงคแ์ ละกจิ กรรมในการดา� เนนิ การแตล่ ะเรอื่ ง ซงึ่ มขี น้ั ตอนและวธิ กี ารแตกตา่ งกนั ดงั น ้ี ๑. ทบวงการเมืองประสงค์จะขอใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณประโยชน์ อย่างถาวร เช่น เป็นท่ีตั้งอาคารส�านักงานราชการ เป็นต้น จะต้องด�าเนินการถอนสภาพจากการเป็นท่ีดิน สาธารณประโยชน ์ ตามมาตรา ๘ วรรคสอง (๑) แหง่ ประมวลกฎหมายทดี่ นิ โดยยนื่ เรอื่ งตอ่ ผวู้ า่ ราชการ จงั หวดั ทอ้ งท ี่ หากท่ีดินตง้ั อยู่ในเขตกรงุ เทพมหานครใหย้ ่นื ต่ออธบิ ดกี รมทด่ี ิน พรอ้ มเอกสารโครงการ แผนทส่ี งั เขป และแผนท่ีภมู ิประเทศแสดงต�าแหนง่ ท่ีดินท่ีขอถอนสภาพ หากเปน็ ที่สาธารณประโยชน์ ที่ประชาชนเลิกใช้แล้ว จะต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพ หากเป็นท่ีสาธารณประโยชน์ที่ ประชาชนยังใช้ประโยชน์อยู่จะตอ้ งตราเปน็ พระราชบัญญตั ิ และจดั หาทดี่ ินให้ประชาชนใช้แทน ซ่งึ ใน การดา� เนนิ การถอนสภาพมหี ลกั เกณฑท์ ส่ี า� คญั คอื ผขู้ อตอ้ งเปน็ ทบวงการเมอื ง ทดี่ นิ นนั้ ตอ้ งอยใู่ นบรเิ วณ ทีก่ �าหนดให้ใชป้ ระโยชน์ในราชการ และตอ้ งไมข่ ดั ตอ่ กฎหมายผงั เมอื ง ๒. ทบวงการเมอื งประสงคจ์ ะขอใชท้ ด่ี นิ รกรา้ งวา่ งเปลา่ อยา่ งถาวร เชน่ เปน็ ทต่ี งั้ อาคารสา� นกั งาน ราชการ เป็นตน้ จะต้องดา� เนนิ การขอข้ึนทะเบยี นท่ดี นิ ของรัฐ เพื่อใชป้ ระโยชน์ในราชการตามมาตรา ๘ ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยย่ืนเร่ืองเช่นเดียวกับการขอถอนสภาพ ซึ่งจะต้องมีประกาศ ของกระทรวงมหาดไทยใหด้ า� เนนิ การได ้ ในการดา� เนนิ การขอขน้ึ ทะเบยี นทดี่ นิ ของรฐั นนั้ ผขู้ อตอ้ งเปน็ ทบวงการเมือง ท่ีดินที่ขอจะต้องเป็นท่ีดินของรัฐประเภทท่ีรกร้างว่างเปล่า (รวมถึงท้องท่ีท่ีมีพระราช กฤษฎกี ากา� หนดเปน็ เขตปฏริ ปู ทด่ี นิ ซงึ่ มผี ลใหท้ สี่ าธารณประโยชนท์ ปี่ ระชาชนเลกิ ใชแ้ ลว้ ถกู ถอนสภาพ จากการเป็นที่สาธารณประโยชน์ และตกเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่าด้วย) และต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย ผังเมือง ๓. ทบวงการเมืองประสงค์จะขอจัดหาผลประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ท่ีดินที่จะน�ามาจัดหา ผลประโยชน์จะต้องเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่า หากเป็นท่ีดินสาธารณประโยชน์ก็จะต้องด�าเนินการ ถอนสภาพ ท่ีสาธารณประโยชน์ก่อน การจัดหาผลประโยชน์มีหลายวิธี ได้แก่ การจัดให้ที่ดิน ใชป้ ระโยชน์ได ้ ซ้อื ขาย แลกเปล่ียน ให้เช่า และใหเ้ ชา่ ซื้อ วิธีการดาเนินการ แยกเปน็ ๒ กรณ ี ดงั น้ ี ๓.๑ กรณอี ธบิ ดกี รมทด่ี นิ เปน็ ผจู้ ดั หาผลประโยชนต์ ามมาตรา ๑๐ แหง่ ประมวลกฎหมายทด่ี นิ รายไดจ้ ากการจดั หาผลประโยชนจ์ ะต้องนา� ส่งคลงั และตอ้ งไดร้ ับอนมุ ัตจิ ากรฐั มนตรวี า่ การกระทรวง มหาดไทยก่อน เรือ่ งควรรู้ คูม่ อื นกั ปกครอง 121

๓.๒ กรณที บวงการเมอื งเปน็ ผจู้ ดั หาผลประโยชนต์ ามมาตรา ๑๑ แหง่ ประมวลกฎหมายทดี่ นิ เพอ่ื น�ารายได้บา� รุงทอ้ งถิ่น โดยจะต้องให้รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศมอบหมายก่อน ๔. เอกชนขออนุญาตใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ตามมาตรา ๙ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เป็นการขอใช้ในลักษณะชั่วคราวไม่ถาวร โดยสถานะของที่ดินยังคงเดิม เช่น การขออนุญาตเข้าไป ครอบครองใช้ประโยชน์การขุดดินลูกรัง เป็นต้น ผู้ขอจะต้องเป็นบุคคลหรือนิติบุคคล สัญชาติไทย ยื่นค�าขอตามแบบต่อนายอ�าเภอท้องที่ หากท้องที่ใดยกเลิกอ�านาจหน้าที่นายอ�าเภอแล้วให้ย่ืนต่อ เจ้าพนักงานท่ีดินจังหวัด หรือเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสาขา แล้วแต่ท่ีดินตั้งอยู่ในท้องที่ใดโดย ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ออกใบอนญุ าตใหใ้ ชป้ ระโยชน ์ ในทด่ี นิ ของรฐั ในสว่ นจงั หวดั ได ้ ในการขออนญุ าตให้ ใชป้ ระโยชน์ในทีด่ ินของรฐั จะอนุญาตได้ เน้อื ท่ไี มเ่ กนิ ๑๐ ไร่ เว้นแตม่ ีเหตุอันควร มีก�าหนดระยะเวลา ไม่เกิน ๕ ปี โดยเสียค่าตอบแทนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ตามมาตรา ๙/๑ แห่งประมวล กฎหมายที่ดิน ตามข้อบัญญัติท้องถ่ิน แต่ไม่เกินอัตรา ตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายท่ีดินก�าหนด หากเปน็ การขออนญุ าตใชท้ ดี่ นิ สาธารณประโยชน ์ การอนญุ าตจะตอ้ งไมข่ ดั ตอ่ การใชป้ ระโยชนร์ ว่ มกนั ของราษฎร และต้องไดร้ ับอนมุ ัตจิ ากรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทยก่อน อนึ่ง กรณีทบวงการเมืองขอถอนสภาพท่ีดินสาธารณประโยชน์เพ่ือใช้ประโยชน์ในราชการ ซง่ึ จะตอ้ งใชร้ ะยะเวลาในการดา� เนนิ การ หากทบวงการเมอื งผขู้ อมคี วามจา� เปน็ เรง่ ดว่ นจะตอ้ งดา� เนนิ การ เชน่ หากไมเ่ รม่ิ ดา� เนนิ การงบประมาณจะตกไป เปน็ ตน้ กส็ ามารถดา� เนนิ การยนื่ ขออนญุ าตใชป้ ระโยชน์ ในทด่ี นิ ของรัฐ ตามมาตรา ๙ แหง่ ประมวลกฎหมายทด่ี นิ ควบคู่ไปกบั การขอถอนสภาพ โดยมเี งื่อนไข ตอ้ งอยใู่ นหลกั เกณฑถ์ อนสภาพได ้ และจะตอ้ งใหค้ วามรว่ มมอื ในการดา� เนนิ การถอนสภาพใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายในกา� หนด ๕. เอกชนขออนญุ าตดดู ทรายในทด่ี นิ สาธารณประโยชน ์ เชน่ แมน่ า้� เปน็ ตน้ ผขู้ อเปน็ บคุ คลหรอื นิติบุคคล สัญชาติไทย ยื่นค�าขอตามแบบเช่นเดียวกับกรณีการขออนุญาตใช้ประโยชน์ในท่ีดินของรัฐ ตามมาตรา ๙ แห่งประมวลกฎหมายท่ีดิน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจะออกใบอนุญาตให้ดูดทราย ในจงั หวดั ในการอนญุ าตจะอนญุ าตไดเ้ นอ้ื ทไี่ มเ่ กนิ ๕ ไร ่ มกี า� หนดระยะเวลา ๑ ป ี และเสยี คา่ ตอบแทน ให้แก่องคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ ตามมาตรา ๙/๑ แหง่ ประมวลกฎหมายทดี่ ิน ตามขอ้ บญั ญัติทอ้ งถ่นิ แต่ไม่เกินบัญชีท้ายประมวลกฎหมายท่ีดินก�าหนด หากเป็นการด�าเนินการในแม่น�้าระหว่างประเทศ เชน่ แมน่ า้� โขง เปน็ ตน้ จะตอ้ งนา� เสนอคณะกรรมการพจิ ารณาอนญุ าตใหด้ ดู ทราย (กพด.) พจิ ารณากอ่ น ๖. การขอสัมปทานในทีด่ นิ ของรฐั เป็นการขออนุญาตใช้ประโยชนใ์ นระยะยาว ไม่เกนิ ๕๐ ปี โดยสถานะของที่ดินคงเดิม ผู้ขอสามารถย่ืนค�าขอตามแบบเช่นเดียวกับการขออนุญาตดูดทราย ในการอนุญาตเป็นอ�านาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่หากระยะเวลาขอสัมปทาน เกิน ๒๐ ปี จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจะออกหนังสือ 122 เรอ่ื งควรรู้ คมู่ ือนกั ปกครอง

สมั ปทานบตั รให้ และผู้ขอจะตอ้ งเสียคา่ ธรรมเนียมในการขอสัมปทาน รายละ ๕๐๐ บาท ค่าสมั ปทาน ไรล่ ะ ๒๐ บาท ตอ่ ปี ๗. การขอเปล่ียนสภาพท่ีดินสาธารณประโยชน์จากการใช้เพื่อสาธารณประโยชน์อย่างหน่ึง เป็นอีกอย่างหนึ่ง เป็นการขอปรับปรุงที่ดินสาธารณประโยชน์ ซ่ึงเดิมประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน อย่างหน่ึงเป็นใช้ประโยชน์อีกอย่างหน่ึง โดยสถานะของท่ีดินคงเดิมและประชาชนก็ยังสามารถใช้ ประโยชนร์ ่วมกนั ได ้ เชน่ ถมคลองเป็นถนน ทา� ทเ่ี ลย้ี งสตั ว์เป็นสวนสาธารณะหรือสนามกีฬา เปน็ ต้น ผู้ขอต้องเป็นทบวงการเมือง ย่ืนเร่ืองต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมเอกสาร โครงการ งบประมาณ แผนท่ีท่ีดิน แผนผังการใช้ และแผนท่ี ภูมิประเทศ โดยจะต้องได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทยก่อน นายชชั วาล สมจติ ต์ ส�านกั จัดการท่ีดินของรัฐ กรมทีด่ นิ 0-2143-9101 เร่อื งควรรู้ ค่มู อื นกั ปกครอง 123



การแก้ไขปญั หาท่ดี นิ ทา� กนิ



การแกไ้ ขปญั หาทดี่ นิ ท�ากนิ ความเป็นมา ๑. คณะรัฐมนตรีได้มีมติเม่ือวันท่ี ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ เห็นชอบระเบียบส�านักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายท่ีดินแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๗ ให้มีคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาต ิ (คทช.) ซง่ึ ได้ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลว้ เม่อื วนั ที่ ๑๕ ตลุ าคม ๒๕๕๗ โดยมนี ายกรัฐมนตรีเปน็ ประธาน ๒. คทช. ได้มีคา� สั่งแต่งตงั้ คณะอนุกรรมการภายใต ้ คทช. รวม ๔ คณะ ประกอบด้วย 2.1 คณะอนุกรรมการจัดหาที่ดิน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สง่ิ แวดลอ้ ม เปน็ ประธาน และอธบิ ดกี รมปา่ ไมเ้ ปน็ อนกุ รรมการและเลขานกุ าร มหี นา้ ทจี่ ดั ทา� ฐานขอ้ มลู ท่ีดนิ และแผนทีข่ อบเขตทดี่ นิ ทีจ่ ะจดั สรรใหแ้ ก่ผยู้ ากไรท้ ไ่ี มม่ ีที่ดนิ ท�ากนิ และหรือทอ่ี ยู่อาศยั 2.2 คณะอนกุ รรมการจดั ทด่ี นิ มรี ฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย เปน็ ประธาน และอธบิ ดี กรมที่ดิน เป็นอนุกรรมการและเลขานกุ าร มีหน้าที่ส�ารวจ ตรวจสอบ และจดั ท�าข้อมลู ผู้ยากไร้ท่ีไมม่ ี ท่ีดนิ ทา� กนิ และที่อย่อู าศยั รวมทั้งจดั ท�าแผนและกา� หนดหลักเกณฑ์การจดั ที่ดิน 2.3 คณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและ สหกรณ ์ เป็นประธาน และอธิบดกี รมสง่ เสรมิ สหกรณ ์ เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ มหี นา้ ที่จดั ท�า แผนการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพและการตลาด พัฒนาระบบสาธารณูปโภค รวมถึงคุณภาพชีวิต และสร้างรายไดใ้ นรูปแบบสหกรณ์หรือรูปแบบอน่ื ทเี่ หมาะสม 2.4 คณะอนกุ รรมการนโยบายทดี่ นิ จงั หวดั (คทช.จงั หวดั ) มผี วู้ า่ ราชการจงั หวดั เปน็ ประธาน เป็นอนุกรรมการ และมีหัวหน้าส�านักงานจังหวัด ผู้อ�านวยการส�านักงานทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อมจังหวัด เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด และสหกรณ์จังหวัดเป็นอนุกรรมการและเลขานุการ มีหน้าทีส่ า� รวจ ตรวจสอบ จัดทา� ข้อมลู และแผนท่ีที่ดนิ ในพนื้ ทีท่ ีจ่ ะจัดทดี่ ิน ตรวจสอบและจดั ทา� บญั ชี รายชอื่ ผู้ครอบครองทด่ี ินและผูย้ ากไรไ้ ม่มที ีด่ นิ ท�ากินและทีอ่ ยู่อาศัย จัดท�าแผนปฏิบัตกิ ารส่งเสริมและ พฒั นาอาชีพ การตลาดใหแ้ กผ่ ู้ยากไรไ้ ม่มีทดี่ ินท�ากนิ และทีอ่ ยู่อาศัยในระดับจงั หวัด วตั ถุประสงค์ จดั ที่ดนิ ท�ากินและทอี่ ยู่อาศยั ใหแ้ กผ่ ้ยู ากไร ้ โดยไม่ใหก้ รรมสทิ ธ์ ิ แต่อนญุ าตให้เขา้ ท�าประโยชน์ ในทดี่ นิ ของรฐั เปน็ กลมุ่ หรอื ชมุ ชน ตามหลกั เกณฑแ์ ละเงอื่ นไขท ่ี คทช. กา� หนด ในรปู แบบสหกรณ ์ หรอื รูปแบบอ่ืนท่ีเหมาะสม เพ่ือร่วมกันบริหารจัดการที่ดิน รวมท้ังการส่งเสริมการประกอบอาชีพตาม ศักยภาพของพนื้ ที ่ โดยมลี กั ษณะการแบ่งปันผลประโยชน์รว่ มระหวา่ งรัฐกบั ราษฎร เรอ่ื งควรรู้ ค่มู อื นกั ปกครอง 127

กระบวนการท�างาน กระบวนการด�าเนินงานจัดที่ดินท�ากินให้ชุมชน ได้ก�าหนดตามสภาพพ้ืนท่ีด�าเนินการ โดยใน ระยะท ่ี ๑ คทช. ไดพ้ จิ ารณาเหน็ ชอบกระบวนการจดั ระเบยี บการใชป้ ระโยชนใ์ นทดี่ นิ ปา่ สงวนแหง่ ชาติ พ้ืนท่ีดา� เนินการ ระยะท ่ี ๑ ดังน้ี 1. จงั หวัดหรือหน่วยงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายจาก คทช.จงั หวดั ขออนุญาตเขา้ ทา� ประโยชน์หรอื อยอู่ าศยั ภายในเขตปา่ สงวนแหง่ ชาต ิ ตามมาตรา ๑๖ แหง่ พระราชบญั ญตั ปิ า่ สงวนแหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๐๗ 2. เมื่อจังหวดั ไดร้ ับอนุญาตให้ใชป้ ระโยชน์ในที่ดนิ แล้ว คทช.จังหวดั จะแตง่ ตงั้ คณะทา� งานเพ่อื ประชุมชี้แจงราษฎรให้ทราบถึงนโยบาย คัดเลือกบุคคลตามประเภทที่ครอบครอง โดยมีคุณสมบัติ ตามทก่ี �าหนด และ คทช.จังหวัด อนุมัตใิ หด้ า� เนินการจดั ระเบยี บการใชป้ ระโยชน์ตามผงั แปลงและราย ชอ่ื ตามทีค่ ณะทา� งานฯ เสนอ 3. คทช.จังหวัด รวบรวมข้อมูลส่งให้ผู้ได้รับอนุญาตและหน่วยงานเจ้าของพ้ืนท่ี (กรมป่าไม้) ก�าหนดดูแลใหเ้ ปน็ ไปตามการอนุญาตและข้อกา� หนด ภายใต้การบริหารจดั การของ คทช.จงั หวัด บทบาทและอา� นาจหนา้ ทีข่ องผ้วู า่ ราชการจงั หวัด ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ในฐานะประธานอนกุ รรมการในคณะอนกุ รรมการนโยบายทดี่ นิ จงั หวดั (คทช. จังหวัด) ตามค�าส่ังคณะกรรมการนโยบายท่ีดินแห่งชาติ ที่ ๑/๒๕๕๘ ซ่ึงออกโดยอาศัยอ�านาจตาม ระเบียบส�านักนายกรัฐมนตร ี ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายทด่ี ินแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๗ 1. อ�านาจในการสง่ั การ ๑.๑ สัง่ การให้ส�ารวจ ตรวจสอบ จัดท�าข้อมูลทีด่ ิน และแผนทีข่ อบเขตทด่ี นิ ในพืน้ ท่ีท่จี ะจดั ให้แกผ่ ้ยู ากไร้ทไี่ ม่มที ด่ี ินท�ากินและที่อย่อู าศัยในระดับจังหวดั ตามนโยบายของ คทช. ๑.๒ สงั่ การใหม้ กี ารตรวจสอบและจัดทา� บัญชีรายช่อื ผูค้ รอบครองทด่ี ิน และรายชอื่ ผูย้ ากไร้ ทไ่ี ม่มที ีด่ นิ ท�ากินและทอี่ ย่อู าศยั ในระดับจงั หวัด ตามนโยบายของ คทช. ๑.๓ สง่ั การใหจ้ ดั ทา� แผนปฏบิ ตั กิ ารการจดั ทด่ี นิ การสง่ เสรมิ และพฒั นาอาชพี และการตลาด ในระดับจังหวัดใหแ้ กผ่ ู้ยากไร้ท่ไี ม่มีทด่ี นิ ท�ากินและทอ่ี ยู่อาศัย ตามนโยบายของ คทช. 2. อา� นาจในการก�ากบั และควบคมุ ๒.๑ กา� กบั ดูแลใหก้ ารสา� รวจ ตรวจสอบ จัดท�าขอ้ มูลที่ดิน และแผนท่ีขอบเขตทด่ี ินในพืน้ ท่ี ที่จะจัดให้แก่ผู้ยากไร้ที่ไม่มีที่ดินท�ากินและท่ีอยู่อาศัยในระดับจังหวัด เพ่ือให้เป็นไปตามนโยบาย ของ คทช. 2.2 ก�ากับดูแลให้มีการตรวจสอบและจัดท�าบัญชีรายช่ือผู้ครอบครองท่ีดิน และรายช่ือ ผู้ยากไรท้ ่ีไม่มีทีด่ ินทา� กนิ และทอ่ี ยู่อาศยั ในระดับจังหวัด เพ่ือใหเ้ ป็นไปตามนโยบายของ คทช. 128 เรือ่ งควรรู้ คู่มอื นักปกครอง

2.3 สงั่ การใหจ้ ดั ทา� แผนปฏบิ ตั กิ ารการจดั ทด่ี นิ การสง่ เสรมิ และพฒั นาอาชพี และการตลาด ในระดับจังหวดั ใหแ้ ก่ผู้ยากไร้ท่ีไม่มที ีด่ นิ ท�ากนิ และทีอ่ ยู่อาศัย ตามนโยบายของ คทช. 3. หนา้ ทีใ่ นฐานะแกนน�าหลกั ในการขับเคล่ือนนโยบาย ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานอนุกรรมการนโยบายท่ีดินจังหวัด (คทช.จังหวัด) เปน็ แกนนา� หลกั ทสี่ า� คญั ในการขบั เคลอื่ นนโยบายของ คทช. ใหบ้ รรลผุ ลตามเปา้ หมายและเหน็ ผลเปน็ รูปธรรมตามนโยบายของ คทช. ซึ่งในการด�าเนินงานของ คทช. นั้น เป็นการบูรณาการการท�างาน ร่วมกนั ของทกุ ภาคสว่ นเพ่อื ให้เกดิ ผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบตั งิ าน แผนการด�าเนนิ งานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแหง่ ชาติ 1. คทช. ด�าเนินการจัดท่ีดินท�ากินและท่ีอยู่อาศัยให้แก่ผู้ยากไร้ไม่มีท่ีดินท�ากินและที่อยู่อาศัย ในลักษณะชมุ ชน โดยอนญุ าตใหอ้ ยู่อาศัยท�ากินแต่ไมใ่ หก้ รรมสิทธ ิ์ ด�าเนนิ การเปน็ ระยะๆ ในระยะที่ ๑ ใน ๖ พน้ื ท ่ี ๔ จงั หวดั (ระยะเวลาดา� เนนิ การ ๓ เดอื น ตง้ั แตเ่ ดอื น ธนั วาคม ๒๕๕๗ ถงึ เดอื นกมุ ภาพนั ธ ์ ๒๕๕๘) ดงั นี้ ลา� ดบั จังหวัด พน้ื ท่ี เนอ้ื ที ่ (ไร่) ๑. เชยี งใหม่ พ้ืนทชี่ มุ ชนบา้ นแม่ทา ป่าสงวนแหง่ ชาติป่าชนุ แม่ทา ๗,๒๘๒ อา� เภอแมอ่ อน ๒. เชียงใหม่ พ้ืนท่ีโครงการลุ่มแม่น้�าออน ตามแนวทางพระราชด�าริสมเด็จ 2,308 พระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี อ�าเภอฝาง ป่าสงวน แห่งชาต ิ ปา่ ลมุ่ น้�าฝาง ๓. เชยี งใหม่ โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้�าสาขาแม่ปิง อันเน่ืองมาจาก 7,926 พระราชด�าริ ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าท่าธาร และป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ตาลและปา่ แม่ยยุ ๔. นครพนม พื้นที่นิคมเกษตรกรรมทหารผ่านศึก พื้นท่ีป่าสงวนแห่งชาต ิ 28,887 ป่าดงหม ู จงั หวดั นครพนม และจังหวดั มุกดาหาร ๕. มุกดาหาร พน้ื ทโ่ี ครงการพฒั นาฟื้นฟูปา่ ไมบ้ ้านห้วยตาเปอะ อนั เนือ่ งมาจาก 9,076 พระราชด�าริ ปา่ สงวนแห่งชาต ิ ป่าภสู ฐี าน ๖. ชมุ พร พนื้ ทท่ี เี่ หลอื จากการขออนญุ าตใชป้ ระโยชนเ์ พอ่ื กอ่ สรา้ งสนามบนิ 1,652 พาณิชย์จังหวัดชุมพร บริเวณพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าหนองไซ และป่าทุง่ วัวแล่น รวม ๔ จังหวัด ๖ พน้ื ที่ ๕๗,๑๓๑ เร่อื งควรรู้ คู่มือนกั ปกครอง 129

ผลด�าเนนิ การระยะที ่ ๑ 1) จงั หวดั เชียงใหม่ พ้ืนท่ีป่าสงวนแหง่ ชาต ิ “ป่าขนุ แม่ทา” อา� เภอแมอ่ อน “ปา่ ทา่ ธาร” อ�าเภอ จอมทอง “ปา่ แม่ตาล และปา่ แมย่ ุย” อ�าเภอฮอด ได้มีการมอบหนงั สืออนุญาตให้เข้าทา� ประโยชน์หรอื อยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติในพ้ืนท่ีแล้ว เม่ือวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๘ และวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ตามล�าดบั 2) จงั หวดั นครพนมแจง้ วา่ ไดก้ นั พนื้ ทขี่ องนคิ มเกษตรกรรมทหารผา่ นศกึ นครพนมและพนื้ ทขี่ อง ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยออก และด�าเนินการในท้องท่ีบ้านโศกแมว ต�าบลอุ่มเหม้า อ�าเภอธาตุพนม ขณะน้ีอยู่ระหว่างส�านักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ ๖ สาขานครพนม จัดท�าผังรูปแปลงท่ีดินส่งให้ กรมทีด่ ินเพ่ือจดั ทา� ข้อมูลสา� หรับการตรวจสอบผคู้ รอบครองใชป้ ระโยชนใ์ นทดี่ ินของราษฎรต่อไป 3) จังหวัดชุมพรได้มีหนังสือขอคืนพื้นท่ีด�าเนินการได้ เน่ืองจากพื้นท่ีท่ีเหลือจากการก่อสร้าง สนามบินจังหวัดชุมพร เป็นพ้ืนท่ีท่ีไม่สามารถด�าเนินการ ซ่ึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ระเบียบ และ กฎหมายของหนว่ ยงานเจา้ ของพนื้ ทกี่ อ่ น ซงึ่ กรมทดี่ นิ ในฐานะฝา่ ยเลขานกุ ารคณะอนกุ รรมการจดั ทดี่ นิ ได้แจง้ ให้คณะอนกุ รรมการจัดหาทีด่ ิน (กรมปา่ ไม)้ ทราบแล้ว 2. ระยะท ่ี ๒ ดา� เนนิ การในพน้ื ทีป่ ่าสงวนแหง่ ชาต ิ จา� นวน ๘ จังหวดั ๘ พนื้ ที ่ เน้ือท่ปี ระมาณ ๕๑,๙๒๙ ไร ่ และพื้นที่ ส.ป.ก. จ�านวน ๔ จงั หวัด ๔ พน้ื ท่ ี เนื้อท่ปี ระมาณ ๕,๕๘๘ ไร ่ (ระยะเวลา ดา� เนินการ ๖ เดอื น ต้งั แตเ่ ดอื นเมษายน ถงึ เดือนกันยายน ๒๕๕๘) รายละเอียด ดังนี้ ลา� ดบั จงั หวดั พืน้ ท่ี เนอ้ื ท ี่ (ไร)่ ๑ กาญจนบุรี ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าเขาพระฤาษีและป่าเขาบ่อแร่ แปลงที่ ๘,๓๓๓ ๒ ราชบรุ ี หนึ่ง” ๓ ล�าปาง ๔ อุตรดติ ถ์ ป่าสงวนแหง่ ชาต ิ “ปา่ พุยางและปา่ พุสามซอ้ น” ๔,๕๓๓ ๕ เชยี งราย ๖ พะเยา ปา่ สงวนแห่งชาติ “ป่าแม่งาวฝัง่ ซ้าย” ๑๒,๙๐๖ ๗ ยโสธร ปา่ สงวนแหง่ ชาติ “ปา่ ล�าน้�านา่ นฝ่งั ขวา” ๘,๓๓๕ ปา่ สงวนแหง่ ชาต ิ “ป่าสบกกฝั่งขวา” ๙,๒๓๓ ปา่ สงวนแห่งชาติ “ปา่ แมจ่ ุน” ๘๒๗ ปา่ สงวนแหง่ ชาต ิ “ปา่ โคกนาโก” ๓๑๖ 130 เรอ่ื งควรรู้ คู่มอื นกั ปกครอง

ล�าดับ จังหวัด พนื้ ที่ เนอ้ื ท ่ี (ไร่) ๗,๔๔๖ ๘ อบุ ลราชธานี ปา่ สงวนแหง่ ชาติ “ปา่ ห้วยยอดมน” 1,039 3,239 ๙ ชุมพร ต�าบลหงสเ์ จรญิ อ�าเภอทา่ แซะ 776 529 ๑๐ อุทัยธานี ปา่ หว้ ยระบา� ต�าบลลานสกั อา� เภอลานสัก ๕๗,๕๑๔ ๑๑ กาฬสินธ์ุ ตา� บลนาจา� ปา อา� เภอดอนจาน ๑๒ นครราชสมี า ทดี่ นิ เอกชน ต�าบลครบรุ ี อ�าเภอครบรุ ี รวม ๑๒ จงั หวดั ๑๒ พื้นท่ี ผลด�าเนินการระยะท่ ี ๒ อยูร่ ะหวา่ งการดา� เนนิ การของ คทช.จงั หวดั ส�าหรับพ้ืนท่ีดา� เนนิ การของ ส.ป.ก. ได้กา� หนดให ้ “พื้นที่สวนป่าห้วยระบ�าในเขตปฏิรูปท่ีดิน โครงการป่าห้วยทับเสลา (ฝั่งซ้าย)” ต�าบลระบ�า และ ตา� บลลานสัก อ�าเภอลานสัก จังหวัดอุทยั ธานี เป็นพื้นท่ตี ัวอย่าง +++++++++++++++++++++++++++++++ สา� นกั จัดการทีด่ นิ ของรฐั กรมทดี่ ิน 0-2143-9101 เรอื่ งควรรู้ คมู่ อื นักปกครอง 131



ภารกิจศนู ย์ดา� รงธรรม



ภารกิจศนู ย์ด�ารงธรรมจังหวดั ๑. หลักการและเหตุผล ๑.๑ ประกาศคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาต ิ ฉบบั ท ่ี ๙๖/๒๕๕๗ ลงวนั ท ่ี ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เรื่อง การจดั ตั้งศนู ยด์ า� รงธรรม ดังน ี้ ขอ้ ๑ ใหจ้ งั หวดั จดั ตง้ั ศนู ยด์ า� รงธรรมขนึ้ ในจงั หวดั เพอ่ื ทา� หนา้ ทใ่ี นการรบั เรอ่ื งรอ้ งเรยี นรอ้ งทกุ ข ์ ให้บริการข้อมูลข่าวสาร ให้ค�าปรึกษา รับเร่ืองปัญหาความต้องการและข้อเสนอแนะของประชาชน และท�าหนา้ ทเ่ี ป็นศนู ย์บริการรว่ มตามมาตรา ๓๒ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าดว้ ยหลกั เกณฑ์และวิธีการ บริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดี พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยจัดตั้งข้ึน ณ ศาลากลางจังหวัดหรือสถานท่ีอื่นตามที่ เห็นสมควร โดยประกาศให้ประชาชนทราบ ข้อ ๒ ให้ทุกกระทรวง กรม ส่วนราชการ และหน่วยงานของรฐั สนับสนนุ การดา� เนินการของ ศนู ยด์ า� รงธรรมทงั้ ดา้ นวสั ด ุ อปุ กรณ ์ และบคุ ลากร ใหส้ ามารถบรกิ ารแกป่ ระชาชนไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ตอบสนองความต้องการของประชาชนไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และทัว่ ถงึ ข้อ ๓ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการการบริหารจัดการร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการและ หน่วยงานของรัฐ เพ่ือก�าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ขั้นตอน และวางแนวทางการปฏิบัติภายใน ศนู ยด์ า� รงธรรม ข้อ ๔ ให้ส�านักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณในการด�าเนินงานของศูนย์ด�ารงธรรมและ การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ตามข้อเสนอของคณะกรรมการบริหารงานจังหวัด แบบบรู ณาการ ข้อ ๕ ในกรณีที่จ�าเป็นจะต้องด�าเนินการเพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพของศูนย์ด�ารงธรรมให้สามารถ แก้ไขปัญหาของประชาชนให้เสร็จส้ินอย่างรวดเร็ว การพัฒนาจังหวัดตามนโยบายของรัฐบาลการ ป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การป้องกันและปราบปรามการ ตดั ไมท้ า� ลายปา่ และทรพั ยากรธรรมชาต ิ การแกไ้ ขปญั หาแรงงานตา่ งดา้ วและการคา้ มนษุ ย ์ การคมุ้ ครอง ป้องกันหรอื ช่วยเหลือประชาชนผู้ดอ้ ยโอกาสใหไ้ ดร้ ับความเปน็ ธรรม และการบังคบั การให้เปน็ ไปตาม กฎหมาย เพอื่ ใหเ้ กดิ ความสงบเรยี บรอ้ ยในสงั คมตามนโยบายของรฐั บาล ใหผ้ วู้ า่ ราชการจงั หวดั มอี า� นาจ สง่ั การ บงั คบั บญั ชา กา� กบั ดแู ล บรรดาขา้ ราชการและพนกั งานของรฐั ในเขตจงั หวดั ยกเวน้ ขา้ ราชการ พลเรือนในพระองค์ ข้าราชการทหาร ข้าราชการฝ่ายตุลาการ ข้าราชการฝ่ายอัยการ ข้าราชการ ในสา� นกั งานการตรวจเงนิ แผน่ ดนิ พนกั งานในสา� นกั งานคณะกรรมการการเลอื กตงั้ ประจา� จงั หวดั และ ข้าราชการในสา� นกั งานปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาตปิ ระจา� จงั หวดั เรือ่ งควรรู้ คูม่ อื นกั ปกครอง 135

ข้อ ๖ ให้กระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่ก�ากับดูแลและอ�านวยการให้การบริหารงานของ ศูนย์ด�ารงธรรมและการบริหารงานจังหวัดด�าเนินการไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ต่อประชาชน ๑.๒ นโยบายรฐั บาล เรอ่ื ง การใหบ้ รกิ ารประชาชนของศนู ยด์ า� รงธรรม ประเดน็ นโยบายท ่ี ๑๐.๓ ยกระดับสมรรถนะของหน่วยงานของรัฐให้มีประสิทธิภาพ สามารถให้บริการเชิงรุก ทั้งในรูปแบบ การเพิ่มศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชนในต่างจังหวัดโดยไม่ต้องเดินทางเข้ามายังส่วนกลาง เป็นศูนยบ์ ริการสาธารณะแบบครบวงจรฯ ๒. ภารกจิ ของศนู ย์ดา� รงธรรมจงั หวดั เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานระดับจังหวัดและให้การปฏิบัติงานของส่วนราชการใน จงั หวดั สามารถใหบ้ รกิ ารประชาชนไดอ้ ยา่ งเสมอภาค มคี ณุ ภาพ รวดเรว็ ลดขน้ั ตอนการปฏบิ ตั งิ านและ ประชาชนได้รับความพึงพอใจ ศูนย์ด�ารงธรรมจังหวัด ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาต ิ ฉบับท่ ี ๙๖/๒๕๕๗ ลงวนั ท ี่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และตามนโยบายรัฐบาล จึงมีกรอบภารกจิ ดังน้ี ๑) การรบั เรอ่ื งรอ้ งเรียนร้องทกุ ข์ รับแจง้ เบาะแสการกระท�าผดิ กฎหมาย ๒) การบริการข้อมูลขา่ วสาร ใหค้ า� ปรกึ ษา ๓) รับเรอ่ื งราวความตอ้ งการและขอ้ เสนอแนะของประชาชน ๔) เป็นศูนย์บริการร่วมตามมาตรา ๓๒ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ บรหิ ารกจิ การบ้านเมืองท่ีดี พ.ศ. ๒๕๔๖ ๕) ประสานและตดิ ตามการแกไ้ ขปญั หาของประชาชนทใี่ นงานทเี่ ปน็ นโยบายสา� คญั ของรฐั บาล ในพ้ืนที่ เช่น การควบคุมค่าเช่านา การจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว การค้ามนุษย์ ตัดไม้ท�าลายป่า การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส หน้ีนอกระบบ การจัดการปัญหาขยะ และการช่วยเหลือฉุกเฉินกรณี ประชาชนประสบภยั ต่างๆ เปน็ ต้น เพ่ือใหก้ ารดา� เนินการตามกรอบภารกจิ ข้างตน้ บรรลเุ ป้าประสงค ์ ศูนยด์ �ารงธรรม จงึ ได้ก�าหนด งานตามภารกจิ ออกเปน็ ๗ มติ ิ การบริการประชาชน ดงั นี้ ๑. งานรบั เร่ืองรอ้ งเรียน-ร้องทุกข์ ๒. งานบริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดยี ว (One Stop Service) ๓. งานบริการรับเร่อื ง-สง่ ตอ่ ๔. งานบรกิ ารข้อมูลขา่ วสาร/ให้คา� ปรึกษา ๕. รับเรอ่ื งราวความตอ้ งการและขอ้ เสนอแนะของประชาชน ๖. การปฏิบัติตามนโยบายสา� คัญเร่งด่วนของรฐั บาล/หัวหน้า คสช. ๗. การจัดชุดปฏิบัตกิ ารเคลอื่ นทเ่ี รว็ (Mobile Service) 136 เร่ืองควรรู้ คมู่ อื นักปกครอง

๓. ศนู ย์ด�ารงธรรมจงั หวัดเปน็ หน่วยงานบูรณาการ การบริการและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ให้กบั ประชาชนในพื้นที่ ศูนย์ด�ารงธรรม มีงานบริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service) และงานบริการ รับเรอ่ื ง-สง่ ตอ่ ดงั นน้ั การบริหารจดั การการ จงึ แยกสว่ นในการปฏิบัตงิ านเป็น ๒ ส่วน คอื ๑. ส�านักงานศูนย์ด�ารงธรรมสว่ นหน้า (Front office) ทา� หน้าที่รับค�ารอ้ งการขอรบั บรกิ ารหรือ ค�าร้องเรียน/รอ้ งทุกขจ์ ากประชาชนในทุกช่องทาง เช่น ชอ่ งทางสายดว่ น ๑๕๖๗ มายืน่ ค�าร้องขอรับ บริการ/ร้องเรียนด้วยตนเอง ช่องทางตู้ไปรษณีย์ศูนย์ด�ารงธรรมจังหวัด และช่องทางเว็บไซต์ ศนู ยด์ า� รงธรรม โดยสา� นกั งานศนู ยด์ า� รงธรรมสว่ นหนา้ (Front office) จะทา� หนา้ ทค่ี ดั กรองงานบรกิ าร เบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service) หรืองานบริการรับเรื่อง-ส่งต่อ รวมทั้งการไกล่เกลี่ย ข้อพิพาทและการแกไ้ ขปัญหาขอ้ ร้องทกุ ข์ในเบ้อื งตน้ ในกรณีปัญหาขอ้ พพิ าท/ข้อร้องทุกข์ทไ่ี มซ่ ับซ้อน และสามารถยตุ เิ รอื่ งในชน้ั การรบั เรอื่ งเพอ่ื ใหป้ ระชาชนพงึ พอใจสามารถแกไ้ ขปญั หาไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และ ไม่ใหล้ ุกลามเป็นปญั หาใหญย่ ดื เยอ้ื ต่อไปอกี ๒. สา� นกั งานสว่ นสนบั สนนุ (Back office) ทา� หนา้ ทร่ี บั เรอื่ ง หรอื งานบรกิ าร หรอื เรอ่ื งรอ้ งเรยี น/ รอ้ งทกุ ข ์ ทอ่ี ยใู่ นอา� นาจหนา้ ท ี่ จากสา� นกั งานศนู ยด์ า� รงธรรมสว่ นหนา้ (Front office) นา� ไปดา� เนนิ การ แก้ไขปญั หาให้บงั เกิดผลอยา่ งรวดเรว็ และประชาชนไดร้ ับความพงึ พอใจ ๔. ลกั ษณะงาน/กระบวนงานข้ันตอนการด�าเนินงานในแตล่ ะภารกจิ ของศนู ยด์ �ารงธรรม ประเภทภารกิจ ลกั ษณะงาน/กระบวนงาน ๑. การรับเรื่อง การรับเรื่องร้องทุกข์และแจ้งเบาะแส มี ๔ ช่องทาง ประกอบด้วย ช่องทาง รอ้ งเรยี นรอ้ งทกุ ข ์ ร้องทุกขด์ ้วยตนเอง ชอ่ งทางสายดว่ น ๑๕๖๗ ชอ่ งทางตู้ไปรษณีย์ และชอ่ งทาง รบั แจ้งเบาะแส เว็บไซตศ์ ูนยด์ า� รงธรรม กระบวนการปฏบิ ตั ใิ นแตล่ ะชอ่ งทางมีความแตกตา่ งกนั จา� เป็นทจ่ี ะต้องใชเ้ จ้าหนา้ ทีท่ ่ีมคี วามสามารถท่แี ตกต่างกนั ดว้ ย ดังน้ ี ๑. ช่องทางการร้องทุกขด์ ว้ ยตนเอง ณ สา� นกั งานศูนยด์ า� รงธรรมจงั หวัด ๑.๑ ผรู้ อ้ งเดนิ ทางมารอ้ งทกุ ขด์ ว้ ยตนเอง เจา้ หนา้ ทจ่ี ะรบั ฟงั ปญั หาความตอ้ งการ ของผรู้ อ้ ง และจะพดู คยุ เพอ่ื ใหผ้ รู้ อ้ งสงบสตอิ ารมณม์ สี ตใิ นการเรยี บเรยี งเรอื่ งราว รอ้ งทกุ ข์ ๑.๒ เมอ่ื ผรู้ อ้ งพรอ้ มทจ่ี ะเขยี นคา� รอ้ งทกุ ข ์ เจา้ หนา้ ทจ่ี ะใหเ้ ขยี นคา� รอ้ งทกุ ขพ์ รอ้ ม แนบเอกสารหลกั ฐานตา่ ง ๆ แตห่ ากผรู้ อ้ งไมส่ ามารถเขยี นหนงั สอื ไดเ้ จา้ หนา้ ทจ่ี ะ เขยี นคา� ร้องทุกข์ใหจ้ ากคา� บอกกล่าวของผู้รอ้ ง เรอื่ งควรรู้ ค่มู อื นักปกครอง 137

ประเภทภารกจิ ลักษณะงาน/กระบวนงาน ๑.๓ เมื่อผู้ร้องเขียนค�าร้องเสร็จเจ้าหน้าท่ีจะน�าค�าร้องมาพิจารณาแยกแยะ ประเดน็ กอ่ นวา่ วา่ เปน็ การรอ้ งเรยี นหรอื เปน็ การรอ้ งทกุ ขท์ ก่ี ฎหมายบญั ญตั ไิ วใ้ ห้ โดยเฉพาะแลว้ หรอื ไม ่ เชน่ การกรณรี อ้ งทกุ ขข์ ้าราชการจะมีกฎหมายกา� หนดไว้ โดยเฉพาะแลว้ หรอื กรณกี ารอทุ ธรณข์ องขา้ ราชการ การอทุ ธรณก์ ฎหมายควบคมุ อาคาร การอทุ ธรณก์ ารเขา้ เมอื งของบคุ คลตา่ งดา้ ว การอทุ ธรณค์ า� สง่ั ทางปกครอง เช่นความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าท่ีของรัฐ การร้องคณะกรรมการจัดสรร ทดี่ นิ รวมทงั้ เรอ่ื งรอ้ งทกุ ขเ์ รอ่ื หนน้ี อกระบบ เบาะแสยาเสพตดิ ฯลฯ เมอ่ื แยกแยะ ประเดน็ แลว้ ตอ้ งนา� เสนอผบู้ งั คบั บญั ชาพรอ้ มทง้ั เสนอแนวทางเบอื้ งตน้ ประกอบ กับหน่วยงานท่ีรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาซึ่งข้ันตอนการน�าเสนอไม่ควรช้า เพราะผรู้ อ้ งตอ้ งการแกไ้ ขปญั หาความเดอื ดรอ้ นโดยเรว็ และตดิ ตามแจง้ ความคบื หนา้ การแก้ไขปญั หาให้ผ้รู อ้ งทราบ ๑.๔ ในกรณีที่ปัญหาข้อร้องทุกข์เป็นปัญหาฉุกเฉินจ�าเป็นต้องแก้ไขเบ้ืองต้น เพื่อระงับเหตุความเดือดร้อนท่ีก�าลังจะเกิดกับประชาชนผู้ร้องทุกข์ เช่น ประชาชนเดินทางมาร้องทุกข์กับศูนย์ด�ารงธรรมว่า ขณะน้ีก�าลังถูกนายทุนเจ้า หนน้ี �ากา� ลงั ไปบกุ รกุ รื้อสง่ิ ของในบ้านผรู้ อ้ งเพื่อทวงหนน้ี อกระบบ เมื่อเจา้ หน้าที่ ได้รับเร่ืองและพิจารณาพร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริงเบ้ืองต้นต้องรีบเสนอ ผูบ้ ังคับบญั ชาพร้อมทง้ั ประสานหน่วยงานทเี่ กี่ยวข้องใหเ้ ขา้ ระงับเหตุโดยดว่ น ๒. ชอ่ งทางสายดว่ น ๑๕๖๗ สายดว่ น ๑๕๖๗ เปน็ การปฏบิ ตั งิ านตลอด ๒๔ ชว่ั โมง ๒.๑ ประชาชนโทรศพั ทส์ ายดว่ น ๑๕๖๗ เขา้ มารอ้ งทกุ ข ์ เจา้ หนา้ ทจ่ี ะรบั ฟงั ปญั หา ความต้องการของผู้ร้อง และจะพูดคุยเพื่อให้ผู้ร้องสงบสติอารมณ์มีสติในการ เรียบเรยี งเรอื่ งราวร้องทกุ ข์ ๒.๒ เจ้าหนา้ ทจ่ี ะเขยี นคา� ร้องทุกข ์ จากคา� บอกกล่าวของผู้ร้อง ๒.๓ เมอื่ เขยี นคา� รอ้ งเสรจ็ เจา้ หนา้ ทจี่ ะนา� คา� รอ้ งมาพจิ ารณาและนา� เสนอผบู้ งั คบั บญั ชาพรอ้ มทงั้ เสนอแนวทางเบอื้ งตน้ ประกอบกบั หนว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบในการ แกไ้ ขปญั หาซง่ึ ข้นั ตอนการนา� เสนอไม่ควรชา้ เพราะผรู้ อ้ งตอ้ งการให้แกไ้ ขปญั หา ความเดือดร้อนโดยเร็ว และติดตามแจ้งความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาให้ ผรู้ อ้ งทราบ 138 เรอื่ งควรรู้ คู่มือนกั ปกครอง

ประเภทภารกิจ ลักษณะงาน/กระบวนงาน ๒.๔ ในกรณีที่ปัญหาข้อร้องทุกข์เป็นปัญหาฉุกเฉินจ�าเป็นต้องแก้ไขเบื้องต้น เพื่อระงับเหตุความเดือดร้อนท่ีก�าลังจะเกิดกับประชาชนผู้ร้องทุกข์ เช่น ประชาชนโทรศัพท์มาร้องทุกข์กับศูนย์ด�ารงธรรมว่า ขณะนี้ก�าลังถูกนายทุน เจ้าหน้ีน�าก�าลังไปบุกรุกร้ือส่ิงของในบ้านผู้ร้องเพื่อทวงหนี้นอกระบบ เม่ือ เจา้ หนา้ ทไ่ี ดร้ บั เรอื่ งและพจิ ารณาพรอ้ มตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ เบอื้ งตน้ ตอ้ งรบี เสนอ ผู้บงั คับบัญชาพรอ้ มท้ังประสานหน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ งใหเ้ ข้าระงบั เหตโุ ดยด่วน ๓. ช่องทางตไู้ ปรษณีย ์ และช่องทางเว็บไซตศ์ ูนย์ดา� รงธรรม ๓.๑ เจ้าหน้าที่จะน�าค�าร้องมาพิจารณาแยกแยะประเด็นก่อนว่าว่าเป็นการร้อง เรียนหรือเป็นการร้องทุกข์ หรือ บตั รสนเท่ หรือขอรับคา� ปรึกษา เม่ือแยกแยะ ประเดน็ แลว้ ตอ้ งนา� เสนอผบู้ งั คบั บญั ชาพรอ้ มทงั้ เสนอแนวทางเบอื้ งตน้ ประกอบ กับหน่วยงานที่รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาซ่ึงข้ันตอนการน�าเสนอไม่ควรช้า เพราะผู้ร้องต้องการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนโดยเร็ว และติดตามแจ้งความ คืบหนา้ การแกไ้ ขปัญหาให้ผู้ร้องทราบ ๒. งานบริการ งานบริการเบ็ดเสร็จ ณ จดุ เดยี ว (One Stop Service) เปน็ การบรกิ ารเพอ่ื ให้ เบด็ เสรจ็ ประชาชนได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ได้รับความพึงพอใจ เช่น งานบริการ ณ จดุ เดียว ทะเบยี นและบตั ร งานบริการรบั ชา� ระคา่ สาธารณปู โภค งานบรกิ ารต่อทะเบยี น (One Stop) ยานพาหนะ ต่อใบขบั ขี ่ ฯลฯ (ตามความเหมาะสมของแต่ละพืน้ ท)่ี ๓. งานบรกิ าร งานบริการรับเรื่อง-ส่งต่อ เป็นงานบริการที่อ�านวยความสะดวกต่อประชาชน รับเรอื่ ง-สง่ ตอ่ ที่ไม่สามารถเดินทางไปใช้บริการกับหน่วยงานเจ้าของเร่ืองได้ เช่น หน่วยงาน เจ้าของเร่ืองมีส�านักงานตั้งอยู่ไกล หรือ การบริการเร่ืองเดียวกันจะต้องติดต่อ หลายหนว่ ยงานในคราวเดียวเป็นตน้ ดงั นนั้ ศูนย์ดา� รงธรรมจะตอ้ งจดั ระบบการ รับเร่ืองและส่งต่อเพ่ือให้บริการประชาชนให้เกิดความรวดเร็วและเกิดความ พึงพอใจในการให้บริการ ดงั น้ี เรือ่ งควรรู้ คมู่ อื นกั ปกครอง 139

ประเภทภารกจิ ลักษณะงาน/กระบวนงาน ๑. ศูนย์ด�ารงธรรมจะต้องก�าหนดเจ้าหน้าท่ีรับผิดชอบในการรับเรื่องส่งต่อและ ประสานงานกบั หน่วยงานที่เป็นเจ้าของเร่ืองโดยเฉพาะ ๒. หน่วยงานหรือส่วนราชการในจังหวัดที่เป็นเจ้าของเรื่องจะต้องมอบหมาย เจา้ หนา้ ทเี่ ปน็ การเฉพาะเพอื่ รบั การประสานงานนา� เรอื่ งทรี่ บั จากศนู ยด์ า� รงธรรม ไปด�าเนินการให้แลว้ เสร็จโดยเรว็ ๓. ศูนย์ด�ารงธรรมจะต้องจัดระบบการส่งต่อทั้งระบบการส่ือสารแบบปกติและ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือประสิทธิภาพในการบริการและการติดตามผล การดา� เนินการรวมทัง้ การแจง้ ความคืบหนา้ ให้กบั ผรู้ บั บริการ ๔. เมอ่ื เจา้ หน้าทรี่ ับคา� รอ้ งขอรับงานบริการจะพจิ ารณาแยกประเภทงานบริการ แยกหน่วยงานที่เก่ียวข้องแล้วด�าเนินการส่งต่อพร้อมทั้งแจ้งผลเบื้องต้นให้ผู้รับ บรกิ ารรวมท้งั การบันทึกขอ้ มูลประมวลผลลงบนฐานข้อมลู ๔ . ง า น บ ริ ก า ร เปน็ งานบรกิ ารขอ้ มลู และให้คา� ปรกึ ษาประชาชน ข้อมูลข่าวสาร/ ๑. การบริการขอ้ มูล คอื การบริการขอ้ มลู ทวั่ ไปท่ีประชาชนเข้าไปขอรบั บรกิ าร ใหค้ า� ปรึกษา เชน่ ขอ้ มลู ราคาพชื ผลทางการเกษตร ขอ้ มลู การศกึ ษาตอ่ ขอ้ มลู ราคาสนิ คา้ ขอ้ มลู นโยบายของรฐั ข้อมูลตามประกาศของทางราชการ ฯลฯ ซง่ึ หากเป็นข้อมลู ทมี่ ี การจัดท�าเอกสารเผยแพร่ก็จะสามารถแจกจ่ายให้กับประชาชนได้ทันท่ี แตบ่ างครงั้ ทปี่ ระชาชนตอ้ งการขอ้ มลู ทจี่ า� เปน็ ในการตดั สนิ ใจบางประการแตไ่ มม่ ี เอกสารประชาสัมพันธ์เผยแพร่ไว้ รวมท้ังประชาชนไม่สามารถใช้ระบบ อินเตอร์เน็ตที่ศูนย์ด�ารงจัดให้บริการค้นหาฟรีได้ เจ้าหน้าท่ีจะต้องเป็นผู้สืบค้น หาข้อมูลให้พร้อมทั้งแนะน�าขั้นตอนต่าง ๆ ตามที่ประชาชนต้องการ เช่น ประชาชนต้องการหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่จะลงทุนน�าสินค้าไปขายใน กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน แต่อยากทราบข้ันตอนกระบวนการการน�าสินค้า ส่งออกเป็นต้น ๒. การให้ค�าปรึกษาประชาชน คือ การให้ค�าปรึกษาประชาชนและชี้แนะ แนวทางการแก้ไขปัญหา เช่น การให้ค�าปรึกษาข้อกฎหมาย คดีความ การติดต่อราชการ ฯลฯ 140 เรือ่ งควรรู้ คูม่ ือนักปกครอง

ประเภทภารกิจ ลักษณะงาน/กระบวนงาน ๕. รับเร่ืองราว รับเรื่องราวความต้องการและข้อเสนอแนะของประชาชน คือ การรับเรื่อง ความต้องการ ข้อเสนอ/ข้อเรียกร้องของประชาชนท่ีเสนอต่อรัฐในการแก้ไขปัญหาและ และข้อเสนอแนะ ความตอ้ งการของตนหรอื ของกลมุ่ ตน เชน่ เรยี กรอ้ งราคาผลผลติ ทางการเกษตร ของประชาชน เรียกร้องเร่ืองราคาสินค้าอุปโถคบริโภค เรียกร้องที่ท�ากิน เรียกร้องการชดเชย เยียวยาต่างๆ ฯลฯ ทัง้ นเ้ี พือ่ ป้องกนั การนา� มวลชนไปเรียกร้องในสว่ นกลาง ๖. การปฏบิ ตั ติ าม การปฏบิ ตั ติ ามนโยบายสา� คญั เรง่ ดว่ นของรฐั บาล หรอื งานตามภารกจิ ของหนว่ ย นโยบายส�าคัญ งานอื่นท่ีมอบหมายให้ศูนย์ด�ารงธรรมด�าเนินการในพื้นท่ี แบ่งเป็น ๒ ประเภท เ ร ่ ง ด ่ ว น ข อ ง ดังนี้ รัฐบาล หรืองาน ๑. การปฏบิ ตั ติ ามนโยบายสา� คญั เรง่ ดว่ นของรฐั บาล คอื งานทรี่ ฐั บาลตอ้ งการ ตามภารกิจของ แก้ไขปัญหาในระดับพ้ืนที่ให้ได้อย่างรวดเร็วสามารถสนองความต้องการของ หน่วยงานอื่นท่ี ประชาชนไดต้ รงกบั ความตอ้ งการ เช่น การมอบหมายใหศ้ นู ยด์ า� รงธรรมจงั หวัด ม อ บ ห ม า ย ใ ห ้ เป็นเจ้าภาพในการจ่ายเงนิ สนับสนนุ ลดต้นทุนในการปลูกขา้ วใหก้ ับชาวนาไร่ละ ศูนย์ด�ารงธรรม ๑ พันบาท การมอบหมายศูนย์ด�ารงธรรมเป็นเจ้าภาพจ่ายเงินชดเชยราคา ด� า เ นิ น ก า ร ใ น ยางพาราตกต่�า มอบหมายให้ศูนย์ด�ารงธรรมรับฟังความคิดเห็นในการปฏิรูป พื้นที่ ประเทศ ฯลฯ ๒. งานตามภารกจิ ของหนว่ ยงานอนื่ ทมี่ อบหมายใหศ้ นู ยด์ า� รงธรรมดา� เนนิ การ ในพ้ืนท่ี คือ งานที่กระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ มอบให้ศูนย์ด�ารงธรรมช่วย ดา� เนนิ การใหใ้ นพน้ื ท ่ี เชน่ งานคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภคของ สคบ. งานเยยี วยาผเู้ สยี หาย จากคดีอาญาและงานยุติธรรมชุมชนของกระทรวงยุติธรรม งานบริการและส่ง เสริมการลงทุนในพ้ืนที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนของกระทรวงพาณิชย์ (ส�านักงาน OSS ของ BOI) งานตลาดนัดข้าวเปลือกของกระทรวงเกษตรและ สหกรณเ์ ปน็ ตน้ ฯลฯ เรอื่ งควรรู้ คูม่ อื นักปกครอง 141

ประเภทภารกจิ ลกั ษณะงาน/กระบวนงาน ๗. การจดั ชุด การจัดชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว (Mobile Service) คือ การแก้ไขปัญหา ปฏิบตั ิการ ความเดือดร้อนให้กับประชาชนในกรณีฉุกเฉินจ�าเป็นเร่งด่วนท่ีหากปล่อยช้าไป เคลอ่ื นนที่เร็ว อาจจะเกิดความเสียหายต่อชีวิตร่างกายและทรัพย์สินได้ เช่น การแจ้งเบาแส (Mobile Service) ยาเสพติด บ่อนการพนัน บุกรุกท�าลายทรัพยากรธรรมชาติ ข่มขู่ทวงหน้ี ทะเลาะวิวาท การกระท�าผิดกฎหมายต่าง ๆ ฯลฯ เม่ือเจ้าหน้าท่ีรับแจ้งและ พิจารณาพร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริงเบ้ืองต้นแล้ว จะต้องประสานหน่วยงาน ตา่ ง ๆ ทเี่ กยี่ วข้องในแตล่ ะเรอื่ ง ประกอบก�าลังเข้าไปแก้ไขปญั หาระงบั เหตใุ ห้ได้ โดยเรว็ สา� นักตรวจราชการและเร่อื งราวรอ้ งทกุ ข์ ส�านักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 0-2222-6838 142 เร่อื งควรรู้ ค่มู ือนกั ปกครอง

เร่อื งควรรู้ คู่มอื นกั ปกครอง 143

144 เรื่องควรรู้ ค่มู อื นักปกครอง

เร่อื งควรรู้ คู่มอื นกั ปกครอง 145



การบรหิ ารกจิ การบา้ นเมืองท่ดี ี



“หลักธรรมาภบิ าลของการบริหารกจิ การบ้านเมืองที่ดแี ละการพัฒนาระบบราชการ” โดย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. ทศพร ศริ สิ มั พนั ธ์ ในอดตี เชอ่ื กนั ว่าการบริหารบา้ นเมืองจะตอ้ งมรี ัฐบาลมีระบบราชการรวมเรยี กวา่ ภาครฐั ซงึ่ ทา� หนา้ ทใี่ นการจดั บรกิ ารสาธารณะ ดแู ลแกไ้ ขปญั หาตา่ ง ๆ ของประเทศโดยมคี วามคดิ วา่ เพยี งแคม่ รี ฐั บาล ก็สามารถบริหารบ้านเมืองได้ แต่เนื่องจากปัจจุบันในยุคโลกาภิวัตน์ ปัญหาบ้านเมืองมีความสลับซับ ซ้อนมากขนึ้ กลมุ่ บุคคลใดเพียงกลุม่ เดียวไม่สามารถทีจ่ ะแกไ้ ขปัญหาตา่ ง ๆ ไดอ้ ย่างลลุ ว่ ง แมว้ า่ จะมี รฐั บาลหรอื ระบบทมี่ คี วามเขม้ แขง็ เพยี งใด จงึ จา� เปน็ ทจี่ ะตอ้ งมภี าคสว่ นอนื่ ๆ ในสงั คมเขา้ มามสี ว่ นรว่ ม ในการบริหารบ้านเมืองเพิ่มมากขึ้น ประเด็นค�าถามที่เกิดข้ึนตามมาคือ เม่ือมีความพยายามในการ ลดบทบาทภาครัฐลงแล้วจะมีกลไกใดเข้ามาแทนท่ี ค�าตอบคือ จะต้องหากลไกอื่นเข้ามาแทน ซึ่ง นักเศรษฐศาสตร์ได้กล่าวถึงการเปิดพ้ืนที่ให้กลไกภาคเอกชนหรือภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วม ในการบริหารบ้านเมือง จากงานที่แต่เดิมภาครัฐเป็นผู้ด�าเนินการ ให้มีการถ่ายโอนไปให้ภาคเอกชน หรอื กลไกตลาดเป็นผดู้ �าเนินการ สว่ นนกั รฐั ศาสตร์ไดก้ ลา่ วถึงการเปดิ พ้นื ทใี่ ห้ภาคประชาสังคมชมุ ชน และองค์กรประชาสังคมเข้ามารับหน้าที่ด�าเนินการในงานบางอย่างแทนภาครัฐ เรียกได้ว่า เป็นการเปลี่ยนรูปแบบการปกครองจากแบบเดิม คือ Government มาเป็น Governance หรือ การเปดิ โอกาสใหก้ ลไกอน่ื ๆ เขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการบรหิ ารกบั ภาครฐั โดยงานบางเรอ่ื งภาครฐั เปน็ ผนู้ า� เชน่ เรอื่ งความยตุ ธิ รรม เรอ่ื งการดแู ลความสงบเรยี บรอ้ ย แตใ่ นบางเรอื่ งอาจใหภ้ าคเอกชนเปน็ ผนู้ า� เชน่ เร่ืองเชงิ ธุรกจิ และบางเรื่องอาจให้ภาคประชาสงั คมเปน็ ผนู้ �า เชน่ เรื่องเชงิ อนรุ กั ษ ์ เป็นตน้ ซึง่ สิ่งสา� คัญ ทสี่ ดุ คอื จะตอ้ งหาสว่ นผสมสา� หรบั กลไกการบรหิ ารบา้ นเมอื งใหเ้ หมาะสมกบั บรบิ ทในแตล่ ะเรอ่ื งมากขน้ึ เรือ่ งควรรู้ คู่มอื นักปกครอง 149