Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนสัตตบงกช

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนสัตตบงกช

Published by BA_ LON, 2021-12-26 09:09:46

Description: หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนสัตตบงกช

Search

Read the Text Version

๓๔๗ ๓. นาํ เสนอผลงานหรือชน้ิ งานท่ไี ด้จากการแกป้ ญั หาในสถานการณ์หรือประเดน็ ทีส่ นใจโดยใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ๔. แสดงหลักฐานการเข้าร่วมการสมั มนาการเข้ารว่ มประชมุ วชิ าการหรือการแสดงผลงานส่ิงประดษิ ฐ์ใน งานนิทรรศการ รวมทง้ั หมด ๔ ผลการเรยี นรู้

๓๔๘ คำอธบิ ายรายวิชา(เพมิ่ เติม) รหสั วชิ า ว ๓๐๒๔๑ วชิ า ชวี วทิ ยา ๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๔ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกิต ศึกษาเกยี่ วกับสมบัติสาํ คัญของสิ่งมีชวี ติ ความสมั พนั ธ์ของการจัดระบบสงิ่ มีชีวิต การระบุ ปัญหาการระบปุ ัญหา ความสมั พันธ์ระหว่างปญั หา สมมติฐาน และวิธีการตรวจสอบสมมตฐิ าน รวมท้ัง ออกแบบการทดลองเพ่ือตรวจสอบสมมตฐิ าน สมบตั ิของนา้ํ และความสําคัญของนา้ํ ท่ีมีต่อส่งิ มชี ีวติ แร่ ธาตุชนิดต่างๆ ทม่ี คี วามสําคัญต่อร่างกายส่ิงมีชวี ิต โครงสร้างของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ลพิ ดิ กรด นิวคลอิ ิก ชนิดของกรดนิวคลิอิก และความสําคญั ของสารชวี โมเลกุลต่างๆ ทีม่ ีตอ่ สง่ิ มชี ีวิต ปฏิกิรยิ าเคมี ที่เกิดข้ึน ในสิ่งมีชวี ิต การทํางานของเอนไซม์ปจั จัยท่มี ีผลต่อการทาํ งานของเอนไซม์ วธิ กี ารเตรยี ม ตัวอย่างส่ิงมีชีวิตเพ่ือศึกษาใต้กลอ้ งจลุ ทรรศน์ วิธีการใชแ้ ละการดแู ลรกั ษากล้องจุลทรรศน์ใช้แสงที่ ถูกต้อง ชนดิ ของกล้องจลุ ทรรศน์ โครงสร้างและหน้าท่ีของส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์พชื และเซลล์สตั ว์ หนา้ ท่ี ของออร์แกเนลล์ โครงสร้างและหน้าทข่ี องนิวเคลียส การแพร่ ออสโมซสิ การแพร่แบบ ฟาซลิ ิเทต และ แอกทีฟทรานสปอร์ต เอกโซไซโทซิสและการลําเลียงสารโมเลกลุ ใหญ่เขา้ สู่เซลล์ด้วยกระบวนการเอนโด ไซโทซสิ การแบ่งนิวเคลียสแบบไมโทซสิ และ แบบไมโอซสิ การหายใจระดับเซลล์ในภาวะท่ีมีออกซเิ จน เพยี งพอและภาวะทมี่ ีออกซเิ จนไม่เพียงพอ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบค้นขอ้ มูล การทดลอง การเปรยี บเทยี บ การสังเกต การอภปิ ราย การอธบิ าย และสรุป เพอ่ื ให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถ ในการตัดสนิ ใจและนําความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชวี ติ ของตนเองได้อย่างเหมาะสม ผลการเรียนรู้ ๑. อธบิ ายและสรปุ สมบตั ิที่สําคัญของส่ิงมชี ีวิตและความสมั พนั ธ์ของการจดั ระบบในสิ่งมีชวี ติ ทท่ี ําให้ สิง่ มีชวี ติ ดาํ รงชวี ิตอยู่ได้ ๒. อภิปรายและบอกความสําคัญของการระบปุ ัญหา ความสมั พันธ์ระหว่างปญั หา สมมติฐาน และ วธิ ีการตรวจสอบสมมติฐาน รวมทัง้ ออกแบบการทดลองเพื่อตรวจสอบสมมติฐาน ๓. สบื คน้ ขอ้ มูล อธบิ ายเกี่ยวกับสมบตั ิของนาํ้ และบอกความสําคัญของน้ําท่มี ีต่อสิง่ มีชีวิต และ ยกตวั อย่างธาตชุ นิดต่างๆท่ีมีความสําคัญ ต่อร่างกายสิ่งมีชีวิต

๓๔๙ ๔. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ ายโครงสร้างของคาร์โบไฮเดรต ระบกุ ลมุ่ ของคารโ์ บไฮเดรต รวมท้ังความสาํ คญั ของคารโ์ บไฮเดรตที่มตี ่อสง่ิ มชี ีวิต ๕. สืบคน้ ขอ้ มลู อธบิ ายโครงสร้างของโปรตนี และความสาํ คัญของโปรตีนที่มีต่อสิ่งมีชีวติ ๖. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ ายโครงสร้างของลิพิด และความสําคญั ของลิพดิ ทีม่ ตี ่อสิง่ มีชีวติ ๗. อธิบายโครงสร้างของกรดนวิ คลิอิก และระบุชนิดของกรดนวิ คลิอกิ และความสําคญั ของกรด นวิ คลอิ ิกทม่ี ตี ่อสิง่ มชี วี ติ ๘. สบื คน้ ขอ้ มลู และอธบิ ายปฏิกริ ิยาเคมที เ่ี กดิ ขึ้นในสิง่ มชี วี ติ ๙. อธิบายการทํางานของเอนไซม์ในการเรง่ ปฏิกิริยาเคมีในส่ิงมชี วี ติ และระบปุ ัจจัยท่มี ผี ลต่อการทาํ งาน ของเอนไซม์ ๑๐. บอกวิธีการ และเตรยี มตวั อย่างสง่ิ มีชีวิต เพอื่ ศึกษาภายใตก้ ลอ้ งจลุ ทรรศน์ใช้แสง วัดขนาด โดยประมาณและวาดภาพที่ปรากฏ ภายใต้กลอ้ ง บอกวธิ ีการใช้ และการดูแลรักษากล้องจลุ ทรรศน์ใช้ แสงท่ีถกู ต้อง ๑๑. อธบิ ายโครงสร้างและหน้าทีข่ องส่วนท่ีห่อหุ้ม เซลลข์ องเซลล์พชื และเซลล์สัตว์ ๑๒. สบื คน้ ข้อมูล อธบิ าย และระบชุ นิดและหน้าทีข่ องออร์แกเนลล์ ๑๓. อธบิ ายโครงสร้างและหน้าทขี่ องนิวเคลยี ส ๑๔. อธบิ ายและเปรียบเทยี บการแพร่ ออสโมซสิ การแพร่แบบฟาซิลิเทต และแอกทีฟทรานสปอร์ต ๑๕. สืบคน้ ข้อมูล อธิบาย และเขียนแผนภาพการลาํ เลียงสารโมเลกลุ ใหญ่ออกจากเซลล์ ด้วย กระบวนการเอกโซไซโทซิสและการลาํ เลียง สารโมเลกุลใหญ่เข้าสเู่ ซลล์ด้วยกระบวนการเอนโดไซโทซสิ ๑๖. สังเกตการณ์แบ่งนวิ เคลียสแบบไมโทซิสและ แบบไมโอซิสจากตวั อย่างภายใต้กลอ้ งจลุ ทรรศน์ พร้อมท้ังอธบิ ายและเปรียบเทยี บการแบ่งนวิ เคลียสแบบไมโทซสิ และแบบไมโอซิส ๑๗. อธิบาย เปรยี บเทียบ และสรปุ ชน้ั ตอน การหายใจระดบั เซลล์ในภาวะทีม่ อี อกซิเจนเพียงพอ และ ภาวะที่มอี อกซเิ จนไม่เพียงพอ รวมทง้ั หมด ๑๗ ผลการเรียนรู้

๓๕๐ คำอธิบายรายวิชา(เพิม่ เติม) รหัสวิชา ว ๓๐๒๔๒ วิชา ชีววทิ ยา ๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๖๐ ชั่วโมง จำนวน ๑.๕ หน่วยกิต ศึกษาเก่ียวกับผลการทดลองของเมนเดล การเกดิ ฟ์โนไทป์และจีโนไทป์แบบต่างๆ กฎแห่งการ แยกและกฎแห่งการรวมกลุ่มอย่างอิสระ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรม การเปรียบเทียบทาง พันธุกรรมทม่ี ีการแปรผันไม่ต่อเน่ือง และลกั ษณะทางพันธุกรรมทม่ี กี ารแปรผนั ต่อเนื่อง การถ่ายทอดยนี บนโครโมโซม ยกตัวอย่างลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุม ด้วยยนี บนออโตโซมและยีนบนโครโมโซม เพศ สมบัตแิ ละหน้าทขี่ องสารพันธุกรรมโครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมีของ DNA และสรุปการ จาํ ลอง DNA กระบวนการสังเคราะห์โปรตีนและหน้าทขี่ อง DNA และ RNA ความสัมพนั ธ์ระหว่างสาร พนั ธกุ รรม แอลลลี โปรตนี การเกดิ มิวเทชันระดบั ยนี และระดบั โครโมโซม สาเหตุการเกิดมิวเทชนั รวมท้งั ยกตวั อย่างโรคและกลุ่มอาการ ท่ีเปน็ ผลของการเกิดมวิ เทชนั หลักการสร้างสงิ่ มีชวี ิตดัดแปร พนั ธกุ รรมโดยใช้ดีเอ็นเอรีคอมบิแนนท์ เทคโนโลยที างดีเอ็นเอไปประยุกต์ใชท้ ัง้ ในด้าน สง่ิ แวดล้อม นิติ วิทยาศาสตร์การแพทย์การเกษตรและอุตสาหกรรม และข้อควรคํานึงถงึ ด้านชวี จรยิ ธรรมการเกดิ ววิ ัฒนาการของส่ิงมีชีวติ แนวคิดวิวฒั นาการของส่งิ มชี ีวติ ของ ฌอง ลามาร์ก และทฤษฎีเกยี่ วกับ ววิ ฒั นาการของสงิ่ มชี ีวติ ของชาลส์ดารว์ ิน สมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ปัจจัยท่ีทาํ ให้เกิดการเปลยี่ นแปลง ความถข่ี องแอลลีลในประชากร ความถข่ี องแอลลลี และจีโนไทป์ของประชากรโดยใช้หลกั ของฮารด์ ี-ไวน์ เบริ ก์ และกระบวนการเกดิ สปีชสี ์ใหมข่ องสง่ิ มชี ีวติ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสบื ค้นขอ้ มลู การทดลอง การเปรยี บเทยี บ การสงั เกต การอภิปราย การอธิบาย และสรปุ เพอ่ื ให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ มีความสามารถ ในการตัดสนิ ใจและนําความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตของตนเองได้อย่างเหมาะสม ผลการเรียนรู้ ๑.สืบคน้ ขอ้ มูล อธิบาย และสรปุ ผลการทดลองของเมนเดล ๒. อธิบายและสรุปกฎแห่งการแยกและกฎแห่งการรวมกลมุ่ อย่างอสิ ระและนาํ กฎของเมนเดลนี้ไป อธบิ ายการถ่ายทอดลักษณะทาง พันธกุ รรมและใช้ในการคาํ นวณโอกาสในการ เกิดฟ์โนไทป์และจโี น ไทป์แบบต่างๆ ของรุ่นF๑ และ F๒

๓๕๑ ๓. สบื คน้ ขอ้ มลู วเิ คราะห์อธิบาย และสรุปเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ทีเ่ ป็นส่วนขยาย ของพนั ธศุ าสตร์เมนเดล ๔. สืบคน้ ขอ้ มลู วิเคราะห์และเปรยี บเทียบทางพนั ธุกรรมทมี่ กี ารแปรผันไม่ต่อเน่ือง และลกั ษณะทาง พนั ธกุ รรมท่มี ีการแปรผันต่อเนือ่ ง ๕. อธบิ ายการถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม และยกตัวอย่างลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมท่ีถกู ควบคมุ ด้วยยนี บน ออโตโซมและยนี บนโครโมโซมเพศ๑ ๖.สืบคน้ ขอ้ มูล อธิบายสมบตั แิ ละหน้าท่ขี องสารพันธุกรรมโครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมขี อง DNA และสรุปการจําลอง DNA ๗. อธบิ ายและระบชุ ้ันตอนในกระบวนการ สงั เคราะห์โปรตีนและหน้าที่ของ DNA และ RNA แต่ละชนิด ในกระบวนการสงั เคราะห์โปรตีน ๘. สรปคุ วามสมั พนั ธ์ระหว่างสารพนั ธุกรรม แอลลลี โปรตีนลักษณะทางพนั ธุกรรม และเชอื่ มโยงกบั ความรู้เรื่องพันธศุ าสตร์เมนเดล ๙. สบื คน้ ขอ้ มลู และอธิบายการเกิดมิวเทชัน ระดบั ยนี และระดับโครโมโซม สาเหตกุ ารเกดิ มวิ เทชนั รวมทั้งยกตัวอย่างโรคและกลุ่มอาการ ที่เปน็ ผลของการเกดิ มวิ เทชนั ๑๐. อธิบายหลักการสร้างสง่ิ มีชีวติ ดดั แปรพนั ธกุ รรมโดยใช้ดเี อน็ เอรีคอมบแิ นนท์ ๑๑. สืบคน้ ข้อมูล ยกตัวอย่าง และอภิปรายการนาํ เทคโนโลยที างดีเอน็ เอไปประยุกต์ใชท้ ั้งในด้าน สง่ิ แวดล้อมนิตวิ ิทยาศาสตร์การแพทย์ การเกษตรและอตุ สาหกรรม และข้อควรคาํ นึงถึงด้านชีวจรยิ ธรรม ๑๒. สืบคน้ ข้อมลู และอธบิ ายเกีย่ วกบั หลักฐานที่สนับสนนุ และข้อมูลทใ่ี ช้อธบิ ายการเกดิ ววิ ัฒนาการ ของสงิ่ มีชีวติ ๑๓. อธิบายและเปรยี บเทยี บแนวคิดเกีย่ วกับ ววิ ฒั นาการของส่ิงมชี วี ิตของฌองลามาร์กและทฤษฎี เกี่ยวกับววิ ัฒนาการของส่งิ มชี ีวิต ของชาลส์ ดารว์ นิ ๑๔. ระบุสาระสําคัญและอธบิ ายเงอ่ื นไขของภาวะ สมดลุ ของ ฮาร์ดี-ไวน์เบริ ์ก ปัจจยั ทที่ าํ ให้เกิดการ เปลย่ี นแปลงความถขี่ องแอลลีลในประชากร พร้อมทั้งคํานวณหาความถขี่ องแอลลลี และจโี นไทป์ของ ประชากรโดยใช้หลักของฮาร์ดี-ไวน์เบริ ์ก

๓๕๒ ๑๕. สบื คน้ ข้อมูล อภปิ ราย และอธิบาย กระบวนการเกดิ สปีชสี ์ใหม่ของส่งิ มีชวี ติ รวมทง้ั หมด ๑๕ ผลการเรียนรู้

๓๕๓ คำอธบิ ายรายวิชา(เพิ่มเติม) รหัสวชิ า ว ๓๐๒๔๓ วชิ า ชวี วิทยา ๓ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๕ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๖๐ ช่วั โมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกิต ศึกษาเก่ยี วกับโครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก เนื้อเยือ่ พชื ชนิดของเน้อื เย่ือพืช โครงสร้าง ภายในของราก ลําต้น และใบของพืชใบเลย้ี งเด่ียวและพืชใบเลย้ี งคจู่ ากการตัดตามขวาง การแลกเปล่ียน แก๊สและการคายนํ้าของพชื การลําเลยี งนํ้าและธาตุอาหารของพืช ความสาํ คัญของธาตุอาหารทมี่ ผี ลต่อ การเจริญเตบิ โตของพืชและการลําเลยี งอาหารในพชื ศกึ ษาการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช การทดลอง ของนักวทิ ยาศาสตร์ในอดีตเก่ยี วกบั กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ของพืช C๓ กลไกการตรงึ คาร์บอนไดออกไซด์ในพืช C๓ พชื C๔ และพชื CAM ปัจจยั ความเข้มของแสง ความเขม้ ขน้ ของคาร์บอนไดออกไซด์ และอณุ หภูมทิ มี่ ีผลต่อการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืช ศกึ ษาการ สืบพันธ์ุของพืชดอกและการเจริญเติบโตของพืชดอก วฏั จกั รชีวิตแบบสลบั ของพชื ดอก กระบวนการ สร้างเซลล์สบื พนั ธุ์เพศผู้และเพศเมียของพืชดอก การปฏสิ นธิของพืชดอก การเกิดเมล็ดและการเกิดผล ของพชื ดอก โครงสร้างของเมลด็ และผลการใชป้ ระโยชน์จากโครงสร้างต่างๆของเมลด็ และผล ปัจจัย ต่างๆที่มีผลต่อการงอกของเมล็ด สภาพพักตวั ของเมลด็ และแนวทางในการแก๊สภาพพักตวั ของเมล็ด ศกึ ษาสารควบคมุ การเจริญเตบิ โตของพชื บทบาทและหน้าทขี่ องออกซิน ไซโทไคนนิ จบิ เบอเรลลนิ เอ ทิลนี และกรดแอบไซซิก การนําสารควบคมุ การเจรญิ เติบโตของพชื ไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตร และ ส่งิ เร้าภายนอกทีม่ ผี ลต่อการเจริญเตบิ โตของพชื โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบค้นขอ้ มูล การทดลอง การเปรยี บเทียบ การสังเกตการอภิปราย การอธิบาย และสรุป เพ่อื ให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ มคี วามสามารถ ในการตัดสนิ ใจและนาํ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตของตนเองได้อย่างเหมาะสม ผลการเรียนรู้ ๑. อธบิ ายเกี่ยวกบั ชนดิ และลกั ษณะของเนื้อเย่ือพืชและเขียนแผนผงั เพือ่ สรุปชนดิ ของเนื้อเย่ือพืช ๒. สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของรากพืชใบเลี้ยงเด่ียวและรากพชื ใบเลย้ี งคู่จาก การตัดตามขวาง

๓๕๔ ๓. สังเกต อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของลําต้นพืชใบเล้ียงเดีย่ วและลาํ ต้นพชื ใบเลีย้ งคู่ จากการตัดตามขวาง ๔. สงั เกต และอธบิ ายโครงสร้างภายในของใบพืชจากการตัดตามขวาง ๕. สืบคน้ ขอ้ มลู สังเกต และอธบิ ายการแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายนํ้าของพชื ๖. สบื คน้ ขอ้ มูล และอธิบายกลไกการลําเลียงนํ้าและธาตอุ าหารของพืช ๗. สืบคน้ ขอ้ มูล อธิบายความสําคัญของธาตอุ าหารและยกตัวอย่างธาตอุ าหารทีส่ ําคัญทม่ี ีผลต่อการ เจริญเติบโตของพชื ๘. อธบิ ายกลไกการลาํ เลียงอาหารในพชื ๙. สืบคน้ ขอ้ มลู และสรปุ การศึกษาที่ได้จากการทดลองของนักวทิ ยาศาสตร์ในอดีตเกี่ยวกับกระบวนการ สังเคราะหด์ ้วยแสง ๑๐. อธบิ ายขั้นตอนที่เกดิ ขึ้นในกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืช C๓ ๑๑. เปรียบเทียบกลไกการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ในพชื C๓ พชื C๔ และ พืช CAM ๑๒. สบื คน้ ข้อมูล อภิปราย และสรปุ ปัจจัยความเข้มของแสง ความเข้มขน้ ของคารบ์ อนไดออกไซด์และ อณุ หภมู ิท่มี ผี ลต่อการสังเคราะหด์ ้วยแสงของพืช ๑๓. อธิบายวัฏจกั รชวี ติ แบบสลบั ของพืชดอก ๑๔. อธิบาย และเปรียบเทียบกระบวนการสร้างเซลล์สบื พันธ์ุ เพศผู้และเพศเมยี ของพืชดอกและอธบิ าย การปฏิสนธขิ องพืชดอก ๑๕. อธิบายการเกดิ เมลด็ และการเกิดผลของพชื ดอก โครงสร้างของเมล็ดและผล และยกตวั อย่างการใช้ ประโยชน์จากโครงสร้างตา่ ง ๆ ของเมล็ดและผล ๑๖. ทดลอง และอธบิ ายเกี่ยวกับปัจจัยต่าง ๆ ทีม่ ผี ลต่อการงอกของเมลด็ สภาพพกั ตวั ของเมลด็ และบอกแนวทางในการแก๊สภาพพักตัวของเมลด็ ๑๗. สืบคน้ ข้อมูล อธบิ ายบทบาทและหน้าท่ขี องออกซนิ ไซโทไคนนิ จิบเบอเรลลนิ เอทลิ นี และกรดแอบ ไซซิก และอภิปรายเกย่ี วกบั การนําไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตร

๓๕๕ ๑๘. สบื คน้ ข้อมูล ทดลอง และอภิปรายเกยี่ วกับส่งิ เร้าภายนอกที่มีผลต่อการเจรญิ เตบิ โตของพชื รวมทง้ั หมด ๑๘ ผลการเรียนรู้

๓๕๖ คำอธิบายรายวชิ า(เพ่ิมเติม) รหสั วชิ า ว ๓๐๒๔๔ วชิ า ชวี วทิ ยา ๔ กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๕ ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง จำนวน ๑.๕ หน่วยกิต ศกึ ษาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร โครงสร้างและกระบวนการย่อยอาหารของสัตว์ท่ีไม่มีทางเดนิ อาหารสัตว์ท่ีมีทางเดนิ อาหารแบบไม่สมบูรณ์และสัตว์ทมี่ ที างเดนิ อาหารแบบสมบูรณ์ การกนิ อาหารของ ไฮดราและพลานาเรีย โครงสร้าง หน้าทก่ี ระบวนการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารภายในระบบ ย่อยอาหารของมนษุ ย์ ศกึ ษาระบบแลกเปล่ียนแก๊ส โครงสร้างทีท่ ําหน้าทแ่ี ลกเปลย่ี นแก๊สของฟองนํา้ ไฮดรา พลานาเรีย ไส้เดอื นดนิ แมลง ปลา กบ และนก โครงสร้างของปอดในสัตว์เล้ียงลกู ด้วยนํ้านม โครงสร้างท่ใี ช้ในการแลกเปล่ียนแก๊สและกระบวนการแลกเปล่ียนแก๊สของมนุษย์ การทํางานของปอด และการวดั ปรมิ าตรของอากาศในการหายใจออกของมนุษย์ ศึกษาระบบหมุนเวียนเลือดแบบเปิดและ ระบบหมนุ เวียนเลอื ดแบบปิด ทศิ ทางการไหลของเลอื ด การเคลือ่ นทีข่ องเซลล์เมด็ เลอื ดในหางปลา ขนาดของหลอดเลือดกับความเรว็ ในการไหลของเลอื ดความแตกต่างของเซลล์เมด็ เลอื ดแดง เซลล์เม็ด เลือดขาว เพลตเลต และพลาสมา หมู่เลอื ดและหลกั การให้และรับเลอื ดในระบบ ABO และระบบ Rh ศกึ ษาระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนประกอบและหน้าทข่ี องน้ําเหลือง รวมท้งั โครงสร้างและหน้าทขี่ องหลอดน้าํ เหลืองและต่อมนํ้าเหลอื ง กลไกการต่อตา้ นหรือทาํ ลายส่ิงแปลกปลอมแบบไม่จําเพาะและแบบจําเพาะ การสร้างภูมคิ ุ้มกนั กอ่ เองและภูมิคมุ้ กันรับมา ความผดิ ปกตขิ องระบบภมู ิคุ้มกนั ที่ทาํ ใหเ้ กดิ เอดส์ ภมู แิ พ้ การสร้างภูมิต้านทานต่อเน้ือเยอื่ ตนเอง ศึกษาระบบขบั ถ่าย โครงสร้างและหน้าท่ีในการกําจัดของเสยี ออกจากร่างกายของฟองนํ้า ไฮดรา พลานาเรยี ไส้เดือนดิน แมลง และสตั ว์มกี ระดูกสนั หลัง โครงสร้าง และหน้าที่ของไต โครงสร้างทใ่ี ช้ลาํ เลยี งปัสสาวะออกจากร่างกาย การทํางานของหน่วยไตในการกําจดั ของเสยี ออกจากร่างกาย ขั้นตอนการกําจดั ของเสียออกจากร่างกายโดยหน่วยไต และความผดิ ปกตขิ อง ไตอเั น่ืองมาจากโรคต่าง ๆ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสบื ค้นขอ้ มูล การทดลอง การเปรียบเทยี บ การสังเกตการอภปิ ราย การอธิบาย และสรุป เพ่อื ให้เกดิ ความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ มีความสามารถ ในการตัดสินใจและนาํ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวติ ของตนเองได้อย่างเหมาะสม ผลการเรียนรู้

๓๕๗ ๑. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ าย และเปรยี บเทยี บโครงสร้างและกระบวนการย่อยอาหารของสัตว์ที่ไม่มีทางเดนิ อาหารสตั ว์ที่มที างเดินอาหารแบบไม่สมบูรณ์ และสัตว์ท่มี ที างเดินอาหารแบบสมบูรณ์ ๒. สังเกต อธิบาย การกินอาหารของไฮดราและพลานาเรีย ๓. อธบิ ายเก่ียวกบั โครงสร้าง หน้าที่ และกระบวนการยอ่ ยอาหาร และการดดู ซึมสารอาหารภายใน ระบบย่อยอาหารของมนษุ ย์ ๔. สืบคน้ ขอ้ มูล อธบิ าย และเปรยี บเทียบโครงสร้างท่ที ําหน้าท่ีแลกเปลี่ยนแก๊สของฟองนาํ้ ไฮดรา พลา นาเรีย ไส้เดอื นดิน แมลง ปลา กบ และนก ๕. สงั เกตและอธิบายโครงสร้างของปอดในสตั ว์เลยี้ งลูกด้วยนา้ํ นม ๖. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบายโครงสรา้ งที่ใช้ในการแลกเปลย่ี นแก๊ส และกระบวนการแลกเปลี่ยนแก๊สของ มนุษย์ ๗. อธบิ ายการทํางานของปอด และทดลองวดั ปรมิ าตรของอากาศในการหายใจออกของมนุษย์ ๘. สืบคน้ ขอ้ มูล อธบิ าย และเปรียบเทยี บระบบหมุนเวียนเลือดแบบเปิดและระบบหมนุ เวยี นเลอื ดแบบ ปดิ ๙. สังเกต และอธิบายทศิ ทางการไหลของเลือดและการเคลื่อนท่ขี องเซลล์เมด็ เลอื ดในหางปลา และสรปุ ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของหลอดเลอื ดกบั ความเร็วในการไหลของเลือด ๑๐. อธบิ ายโครงสร้างและการทาํ งานของหวั ใจและหลอดเลือดในมนุษย์ ๑๑. สังเกต และอธิบายโครงสร้างหวั ใจของสัตว์เลีย้ งลูกด้วยนํ้านม ทิศทางการไหลของเลอื ดผ่านหัวใจ ของมนษุ ย์และเขยี นแผนผงั สรปุ การหมุนเวียนเลือดของมนษุ ย์ ๑๒. สืบคน้ ข้อมูล ระบคุ วามแตกต่างของเซลล์เมด็ เลือดแดง เซลล์เมด็ เลือดขาว เพลตเลต และพลาสมา ๑๓. อธิบายหมู่เลอื ดและหลกั การให้และรับเลอื ดในระบบ ABO และระบบ Rh ๑๔. อธบิ าย และสรุปเกีย่ วกบั ส่วนประกอบและหน้าทีข่ องนํา้ เหลือง รวมท้งั โครงสร้างและหน้าทีข่ อง หลอดนา้ํ เหลือง และต่อมนํ้าเหลือง ๑๕. สืบคน้ ข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบกลไกลการต่อต้านหรือทาํ ลายส่ิงแปลกปลอมแบบไม่จําเพาะ และแบบจาํ เพาะ

๓๕๘ ๑๖. สบื คน้ ข้อมลู อธบิ าย และเปรยี บเทียบการสร้างภูมิคมุ้ กนั ก่อเองและภูมคิ ุ้มกันรบั มา ๑๗. สืบคน้ ข้อมูล และอธิบายเกย่ี วกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่ทําให้เกิดเอดส์ ภูมแิ พ้การ สร้างภูมิต้านทานต่อเน้ือเยื่อตนเอง ๑๘. สบื คน้ ข้อมลู อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและหน้าท่ีในการกําจดั ของเสยี ออกจากร่างกาย ของฟองนํ้า ไฮดรา พลานาเรยี ไส้เดอื นดนิ แมลง และสัตว์มกี ระดกู สนั หลงั ๑๙. อธบิ ายโครงสร้างและหน้าท่ขี องไต และโครงสร้างที่ใช้ลําเลียงปัสสาวะออกจากร่างกาย ๒๐. อธิบายกลไกการทาํ งานของหน่วยไต ในการกําจัดของเสยี ออกจากร่างกาย และเขยี นแผนผังสรุป ชน้ั ตอนการกําจัดของเสยี ออกจากร่างกายโดยหน่วยไต ๒๑. สืบคน้ ข้อมูล อธบิ าย และยกตวั อย่างเก่ยี วกับความผดิ ปกติของไตอันเน่ืองมาจากโรคต่าง ๆ รวมทง้ั หมด ๒๑ ผลการเรียนรู้

๓๕๙ คำอธิบายรายวิชา(เพิม่ เติม) รหัสวิชา ว ๓๐๒๔๕ วชิ า ชีววิทยา ๕ กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖ ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกติ ศึกษาระบบประสาทและอวยั วะรบั ความรู้สึก การรบั รแู้ ละการตอบสนองของสิง่ มชี วี ติ เซลล์ เดยี ว ของสัตว์และมนุษย์ เซลล์ประสาทและการทาํ งานของเซลล์ประสาท สมองและไขสนั หลงั ท่เี ป็น ศนู ยค์ วบคมุ ระบบประสาท การทํางานของระบบประสาทโซมาติกและระบบประสาทอัตโนวตั ิโครงสร้าง และการทํางานขออวยั วะรับความรู้สกึ ท่เี กีย่ วกบั นยั น์ตาและการมองเหน็ หูกบั การได้ยนิ จมกู กบั การดม กลิ่น ล้ินกับการรบั รส และผวิ หนังกับการรบั ความรู้สกึ ศึกษาโครงสร้างและอวัยวะทใ่ี ช้ในการเคลื่อนที่ ของส่งิ มชี ีวติ เซลล์เดยี ว ของสัตว์และมนุษย์ ศึกษาโครงสร้างและการทํางานของระบบสบื พนั ธ์ุและการเจริญเติบโตของสัตว์และมนษุ ย์ ศึกษาระบบ ต่อมไร้ท่อโครงสร้างและการทํางานของระบบต่อมไร้ท่อ ฮอร์โมนจากต่อมไร้ทอ่ และอวัยวะท่ีสาํ คัญ การ รกั ษาดลุ ยภาพของร่างกายด้วยฮอร์โมนและฟีโรโมนในสัตว์ศึกษาพฤตกิ รรมของสัตว์กลไกการเกิด พฤตกิ รรมของสตั ว์พฤตกิ รรมเป็นมาแต่กําเนิดและพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ความสัมพนั ธ์ระหว่างพฤตกิ รรม กับพฒั นาการของระบบประสาท การสื่อสารระหว่างสัตว์โดยการใช้เสยี ง ท่าทางและสารเคมี โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสบื เสาะหาความรู้การสืบคน้ ขอ้ มลู การ สงั เกต การวิเคราะห์การทดลอง การอภิปราย การอธบิ ายและสรุป เพอื่ ให้เกดิ ความรคู้ วามคดิ ความ เขา้ ใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ ส่ือสารสงิ่ ทีเ่ รียนรู้และนําความรู้ไปใช้ในชีวติ ของตนเอง มีจติ วิทยาศาสตร์จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และค่านยิ ม ผลการเรียนรู้ ๑. สืบคน้ ขอ้ มลู อธบิ ายและเปรียบเทียบโครงสร้างและหน้าทข่ี องระบบประสาทของไฮดรา พลานาเรยี ไส้เดอื นดิน กุ้ง หอย แมลงและสตั ว์มกี ระดกู สนั หลัง ๒. อธิบายเกี่ยวกบั โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ประสาท ๓. อธิบายเก่ียวกบั การเปลี่ยนแปลงของศกั ย์ไฟฟ้าที่เย่อื หุ้มเซลล์ของเซลล์ประสาทและกลไกการ ถ่ายทอดกระแสประสาท

๓๖๐ ๔. อธบิ ายและสรปุ เก่ียวกบั โครงสร้างของระบบประสาทส่วนกลางและระบบประสาทรอบนอก ๕. สืบคน้ ขอ้ มูล อธิบายโครงสรา้ งและหน้าทขี่ องส่วนต่างๆ ในสมองส่วนหนา้ สมองส่วนกลาง สมอง ส่วนหลงั และไขสันหลงั ๖. สบื คน้ ขอ้ มลู อธิบาย เปรยี บเทียบและยกตวั อย่างการทาํ งานของระบบประสาทโซมาตกิ และระบบ ประสาทอัตโนวัติ ๗. สืบคน้ ขอ้ มูล อธบิ ายโครงสร้างและหน้าทข่ี องตา หู จมกู ล้นิ และผวิ หนังของมนษุ ยย์ กตวั อย่างโรค ต่างๆ ทเี่ ก่ียวข้องและบอกแนวทางในการดแู ลป์องกันและรกั ษา ๘. สังเกตและอธิบายการหาตําแหน่งของจดุ บอด โฟเวียและความไวในการรับสมั ผัสของผวิ หนัง ๙. สืบคน้ ขอ้ มูล อธิบายและเปรียบเทยี บโครงสร้างและหน้าที่ของอวยั วะทีเ่ กย่ี วข้องกับการเคลอื่ นที่ของ แมงกะพรนุ หมึก ดาวทะเลไส้เดือนดิน แมลง ปลาและนก ๑๐. สืบคน้ ข้อมูลและอธิบายโครงสร้างและหน้าทีข่ องกระดูกและกล้ามเน้ือท่ีเก่ียวข้องกับการ เคลือ่ นไหวและการเคลือ่ นที่ของมนุษย์ ๑๑. สังเกตและอธิบายการทํางานของข้อต่อชนดิ ต่างๆและการทํางานของกล้ามเนื้อโครงรา่ งทีเ่ ก่ียวข้อง กบั การเคล่อื นไหวและการเคลือ่ นที่ของมนษุ ย์ ๑๒. สืบคน้ ข้อมูล อธิบายและยกตวั อย่างการสืบพันธ์ุแบบไมอ่ าศัยเพศและการสืบพันธุ์แบบอาศยั เพศใน สตั ว์ ๑๓. สืบคน้ ข้อมลู อธิบายโครงสร้างและหน้าทีข่ องอวยั วะในระบบสบื พันธุ์เพศชายและระบบสืบพนั ธุ์ เพศหญงิ ๑๔. อธิบายกระบวนการสร้างสเปริ ์ม กระบวนการสร้างเซลล์ไข่และการปฏสิ นธิในมนษุ ย์ ๑๕. วเิ คราะห์ อภิปรายและสรุปปัญหามลพษิ ทางอากาศและผลกระทบทมี่ ีต่อมนษุ ย์และสิ่งแวดล้อม รวมท้ังเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา ๑๖. สบื คน้ ข้อมลู อธิบายและเขยี นแผนผังสรปุ หน้าที่ของฮอร์โมนจากต่อมไร้ทอ่ และเนอ้ื เยือ่ ทสี่ ร้าง ฮอร์โมน

๓๖๑ ๑๗. สืบคน้ ข้อมูล อธิบายเปรยี บเทียบและยกตวั อย่างพฤตกิ รรมท่เี ป็นมาแต่กาํ เนิดและพฤติกรรมท่ีเกิด จากการเรียนรู้ของสตั ว์ ๑๘. สบื คน้ ข้อมูล อธิบายและยกตัวอย่างความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมกับวิวฒั นาการของระบบ ประสาท ๑๙. สืบคน้ ข้อมูล อธบิ ายและยกตัวอย่างการสือ่ สารระหว่างสัตว์ทีท่ ําให้สตั ว์แสดงพฤตกิ รรม รวมทง้ั หมด ๑๙ ผลการเรียนรู้

๓๖๒ คำอธบิ ายรายวิชา(เพิม่ เติม) รหสั วชิ า ว ๓๐๒๔๖ วชิ า ชีววทิ ยา ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๖ ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๖๐ ชัว่ โมง จำนวน ๑.๕ หน่วยกติ ศกึ ษาเกย่ี วกับความหลากหลายทางชวี ภาพและความยง่ั ยืนของสิ่งแวดล้อม ความหลากหลาย ขอสง่ิ มีชีวิต กาํ เนิดของสิ่งมีชวี ิต อาณาจักรของส่ิงมชี ีวิต ความหลากหลายทางชวี ภาพในประเทศไทย การสญู เสียความหลากหลายทางชีวภาพ ศกึ ษาดุลยภาพของระบบนิเวศ การเกดิ ไบโอแมกนฟิ ์เคชัน การ หมุนเวยี นของวฏั จักรสารการศกึ ษา ไบโอมทก่ี ระจายอยู่ตามเขตภูมิศาสตร์ต่างๆบนโลก การ เปลยี่ นแปลงแทนที่ของส่งิ มีชวี ติ ความสําคญั ของความหลากหลายทางชวี ภาพ แนวทางในการดูแลและ รกั ษา ศกึ ษาเกีย่ วกับประชากร ความหนาแน่นและการแพร่กระจายของประชากร ขนาดของประชากร รูปแบบการเพิ่มของประชากร การรอดชีวติ ของประชากรประชากรมนษุ ย์ศึกษาเก่ยี วกับมนุษย์กบั ความ ยง่ั ยนื ของสิ่งแวดล้อม ทรพั ยากรธรรมชาติการใช้ประโยชน์ปญั หา และการจัดการ หลักการอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และชนิดพนั ธ์ุตา่ งถ่นิ ที่ส่งผลกระทบต่อ สภาพแวดล้อม โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการสบื เสาะหาความรู้การสืบคน้ ขอ้ มูล การ สงั เกต การวิเคราะห์การทดลอง การอภปิ ราย การอธบิ ายและสรปุ เพ่ือให้เกดิ ความรคู้ วามคิด ความ เขา้ ใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ ส่ือสารส่ิงทีเ่ รียนรู้และนาํ ความรู้ไปใช้ในชีวติ ของตนเอง มีจติ วิทยาศาสตร์จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และค่านิยม ผลการเรยี นรู้ ๑. อภิปรายความสาํ คัญของความหลากหลายทางชีวภาพและความเชื่อมโยงระหว่างความหลากหลาย ทางพันธกุ รรม ความหลากหลายของสปีชีส์และความหลากหลายของระบบนเิ วศ ๒. อธิบายการเกิดเซลล์เรมิ่ แรกของส่ิงมชี ีวิตและวิวัฒนาการของส่งิ มีชวี ติ เซลล์เดียว ๓. อธิบายลกั ษณะสาํ คญั และยกตวั อย่างส่ิงมชี วี ติ กลุ่มแบคทเี รยี ส่งิ มีชวี ิตกลุ่มโพรทิสต์ ส่ิงมีชวี ติ กลุ่มพืช ส่งิ มชี ีวิตกลุ่มฟ่งไจและสิ่งมีชีวิตกลุ่มสตั ว์

๓๖๓ ๔. อธบิ ายและยกตวั อย่างการจําแนกส่ิงมีชีวิตจากหมวดหมู่ใหญจ่ นถึงหมวดหมยู่ อ่ ยและวิธีการเขียนชือ่ วทิ ยาศาสตร์ในลาํ ดบั ช้นั สปีชสี ์ ๕. สร้างไดโคโทมัสคีย์ในการระบสุ งิ่ มชี วี ติ หรือตวั อย่างทกี่ ําหนดออกเป็นหมวดหมู่ ๖. วเิ คราะห์ อธิบายและยกตวั อย่างกระบวนการถ่ายทอดพลงั งานในระบบนิเวศ ๗. อธิบาย ยกตัวอย่างการเกดิ ไบโอแมกนิฟ์เคชันและบอกแนวทางในการลดการเกิดไบโอแมกนิฟ์เคชัน ๘. สบื คน้ ขอ้ มูลและเขียนแผนภาพเพ่อื อธิบาย วัฏจักรไนโตรเจน วฏั จักรกํามะถันและวัฏจกั รฟอสฟอรัส ๙. สืบคน้ ขอ้ มูล ยกตวั อย่างและอธบิ ายลักษณะของไบโอมท่ีกระจายอยู่ตามเขตภมู ศิ าสตร์ต่างๆบนโลก ๑๐. สบื คน้ ข้อมลู ยกตัวอย่าง อธิบายและเปรยี บเทยี บ การเปล่ียนแปลงแทนทีแ่ บบปฐมภูมิและการ เปลีย่ นแปลงแทนท่ีแบบทตุ ิยภมู ิ ๑๑. สืบคน้ ข้อมูล อธบิ าย ยกตัวอย่างและสรุปเก่ียวกับลักษณะเฉพาะของประชากรของสง่ิ มชี ีวิตบาง ชนิด ๑๒. สืบคน้ ข้อมลู อธบิ าย เปรียบเทียบและยกตวั อย่าง การเพ่ิมของประชากรแบบเอ็กโพเนนเชียลและ การเพม่ิ ของประชากรแบบลอจิสติก ๑๓. อธิบายและยกตวั อย่างปัจจัยทีค่ วบคุมการเตบิ โตของประชากร ๑๔. วเิ คราะห์ อภิปรายและสรปุ ปัญหาการขาดแคลนนํา้ การเกดิ มลพิษทางนา้ํ และผลกระทบทมี่ ตี ่อ มนุษยแ์ ละสิ่งแวดล้อมรวมทั้ง เสนอแนวทางการวางแผนการจดั การนํ้าและการแก้ไขปัญหา ๑๕. วิเคราะห์ อภปิ รายและสรุปปัญหามลพษิ ทางอากาศและผลกระทบทมี่ ีต่อมนุษย์และสงิ่ แวดล้อม รวมท้งั เสนอแนวทาง การแก้ไขปัญหา ๑๖. วิเคราะห์ อภิปรายและสรปุ ปัญหาทเี่ กดิ กบั ทรัพยากรดนิ และผลกระทบที่มีต่อมนษุ ย์และ สงิ่ แวดล้อม รวมทัง้ เสนอแนวทาง การแก้ไขปัญหา ๑๗. วิเคราะห์ อภิปรายและสรปุ ปญั หา ผลกระทบทีเ่ กดิ จากการทําลายป่าไม่ รวมทง้ั เสนอแนวทางใน การปอ้ งกันการทาํ ลายป่าไม่และการอนุรักษป์ ่าไม่ ๑๘. วิเคราะห์ อภปิ รายและสรปุ ปัญหา ผลกระทบท่ีทําให้สัตว์ปา่ มีจาํ นวนลดลงและแนวทางในการ อนุรักษ์สัตว์ปา่

๓๖๔ รวมทง้ั หมด ๑๘ ผลการเรียนรู้

๓๖๕ คำอธบิ ายรายวิชา(เพิ่มเติม) รหสั ว ๓๐๒๘๓ วิชา เทคนคิ ปฏิบัตกิ ารพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์๑ กลุม่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๔ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง จำนวน ๑ หนว่ ยกติ ศกึ ษาเก่ียวกับชนิดและหลักการใช้งานของกล้องจุลทรรศน์ชนิดต่างๆ สว่ นประกอบและ หลกั การใช้งานกล้องจุลทรรศน์ของกล้องจุลทรรศน์แบบเลนสป์ ระกอบและกล้องจลุ ทรรศน์แบบสเตอริ โอ ศกึ ษาการใช้อปุ กรณ์ในห้องปฏิบตั ิการชีววิทยาและดแู ลรกั ษาอุปกรณ์ในหอ้ งปฏบิ ัติการชีววิทยา วธิ ีการเตรียมสไลด์สดจากพชื สตั ว์และจุลินทรียก์ ารใช้สีย้อมตวั อยา่ งพชื สตั ว์ และจุลนิ ทรยี ์สาํ หรับ นําไปใช้กับกล้องจลุ ทรรศน์ การเพาะเล้ียงพารามเี ซยี มและสิ่งมีชวี ิตเซลล์เดยี วทีอ่ าศัยอยู่ในแหล่งนา้ํ และศึกษาวธิ ีการเตรียมอาหารเลี้ยงเช้ือสาํ หรบั จลุ นิ ทรีย์ ศกึ ษาข้อปฏิบัติเก่ยี วกบั การใช้ห้องปฏิบตั ิการเคมี และอันตรายจากสารเคมี และวธิ ีการแก้ไข อบุ ตั เิ หตทุ ่เี กิดข้นึ ในห้องปฏบิ ตั ิการ การเลือกใช้อุปกรณ์หรอื เครอ่ื งมอื ในการทําปฏบิ ตั กิ าร และการวดั ปรมิ าณต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม การนาํ เสนอแผนการทดลอง ทดลองและเขียนรายงานการทดลอง การ อธบิ ายวธิ กี ารและการเตรยี มสารละลายให้มคี วามเขม้ ข้นในหน่วยโมลารติ แี ละปริมาตรสารละลายตามที่ กาํ หนดได้อย่างถูกตอ้ ง การทดลองและการอธบิ ายหลักการไทเทรต และเลอื กใช้อินดิเคเตอร์ท่เี หมาะสม สาํ หรบั การไทเทรตกรด-เบส ทดลองและคํานวณปรมิ าณสารหรือความเข้มขน้ ของสารละลายกรดหรอื เบสจากการไทเทรต ทดลองและอธิบายการเปล่ยี นแปลงสมบัติ มวล และพลงั งาน เม่อื สารเกิดการ ละลาย และเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี รวมทัง้ อธิบายปัจจัยท่ีมผี ลต่อการเกดิ ปฏกิ ริ ิยา เคมใี นชวี ติ ประจําได้ ถูกต้อง โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เพอ่ื ฝึกทกั ษะ สบื คน้ ข้อมูล ทดลอง อธิบาย สงั เกต นําเสนอ และและเขียนรายงานการทดลอง เพื่อให้เกิดความรู้ความเขา้ ใจ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ได้อย่างถูกต้อง เกิด ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแก้ปญั หา และนําความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตของตนเอง ได้อย่างเหมาะสม ผลการเรียนรู้

๓๖๖ ๑. สืบคน้ ขอ้ มลู อธิบายชนดิ และหลกั การใช้งานของกล้องจลุ ทรรศน์ชนดิ ต่าง ๆ ๒. สังเกต และอธบิ ายส่วนประกอบของกล้องจลุ ทรรศน์แบบเลนส์ประกอบ กล้องจลุ ทรรศน์แบบสเตอริ โอและใช้งานกล้องจุลทรรศน์ทงั้ สองประเภทได้อย่างถกู ต้อง ๓. อธิบาย ทดลองการใช้อุปกรณ์ในหอ้ งปฏิบัตกิ ารชีววิทยาและดแู ลรกั ษาอุปกรณ์ในหอ้ งปฏิบตั กิ าร ชวี วิทยาใหส้ ามารถใช้งานได้อย่างคงทน ๔. สังเกต และศึกษาวธิ ีการเตรยี มสไลด์สดจากพชื สตั ว์ และจุลินทรยี ์ได้อย่างเหมาะสม ๕. สืบคน้ ขอ้ มลู อธิบาย และทดลองการใช้สยี ้อมตวั อย่างพืช สัตว์ และจลุ นิ ทรยี ์สาํ หรับนําไปใช้กบั กลอ้ ง จลุ ทรรศน์ ๖. ทดลองและอภปิ รายเกีย่ วกับการเพาะเลี้ยงพารามีเซียมและสิง่ มีชวี ิตเซลล์เดียวที่อาศยั อยู่ในแหล่งนาํ้ ๗. ทดลองและศกึ ษาวิธีการเตรยี มอาหารเลยี้ งเชื้อสําหรับจุลนิ ทรีย์ ๘. ศกึ ษาข้อปฏบิ ัตเิ กยี่ วกบั การใช้ห้องปฏิบัตกิ ารเคมีและอนั ตรายจากสารเคมีและวธิ ีการแกไ้ ขอุบตั เิ หตุ ทเ่ี กิดขึน้ ในห้องปฏิบตั ิการ ๙. เลือกและใช้อุปกรณ์หรอื เคร่อื งมือในการทาํ ปฏิบตั กิ าร และวดั ปริมาณต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ๑๐. นาํ เสนอแผนการทดลอง ทดลองและเขยี นรายงานการทดลอง ๑๑. อธบิ ายวิธีการและเตรียมสารละลายให้มีความเข้มข้นในหน่วยโมลารติ ีและปรมิ าตรสารละลาย ตามที่กาํ หนดได้อย่างถกู ตอ้ ง ๑๒. ทดลองและอธิบายหลกั การไทเทรตและเลือกใช้อนิ ดเิ คเตอร์ท่เี หมาะสมสําหรบั การไทเทรตกรด- เบส ๑๓. ทดลองและคํานวณปริมาณสารหรือความเข้มขน้ ของสารละลายกรดหรือเบสจากการไทเทรต ๑๔. ทดลองและอธบิ ายการเปลยี่ นแปลงสมบัติ มวล และพลงั งาน เมอื่ สารเกิดการละลาย และเกดิ ปฏิกริ ิยา เคมี รวมทัง้ อธบิ ายปัจจัยทมี่ ีผลต่อการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมีในชีวติ ประจาํ ได้ถกู ต้อง รวมทง้ั หมด ๑๔ ผลการเรียนรู้

๓๖๗ คำอธิบายรายวชิ า(เพม่ิ เติม) รหสั ว ๓๐๒๘๔ วชิ า เทคนคิ ปฏบิ ัติการพื้นฐานวิทยาศาสตร์๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๕ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต ศึกษาวเิ คราะห์ประเดน็ ความรู้ องค์ความรู้ และทฤษฎีความรู้ เก่ียวกับการฝึกกระบวนการคดิ และทดลองแก้ปญั หาทางฟิสกิ ส์ เก่ยี วกบั การวัดระยะทาง อณุ หภมู ิ ในระดับขนาดทแ่ี ตกต่างกันจากการ ใชใ้ นชีวิตประจําวนั การวัดปรมิ าณทางไฟฟ้า ความผิดพลาดและขอบเขตของการวดั ศกึ ษาวิธกี ารและลงมือปฏิบตั กิ ารค้นคว้าความรู้ท่ีต้องผ่านเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ ศกึ ษาการวัด และประมวลผลข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ศึกษาและปฏบิ ัติเก่ยี วกับวงจรควบคมุ การเขียน โปรแกรม โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสังเกต การวัด การสาํ รวจ ตรวจสอบการสืบค้นขอ้ มูล บันทกึ จัดกระทาํ ข้อมลู อภิปรายและสรปุ ผล เพ่ือให้เกดิ ความรู้ความเขา้ ใจท่ีเกยี่ วข้อง กับการปฏิบัตพิ ้ืนฐานทางฟิสิกส์ เพม่ิ ทักษะความ ชำนาญและความรู้ในการใช้โปรแกรมสําเรจ็ รูปดว้ ยตนเองผ่านตวั ช่วยเหลอื ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และใช้วงจรควบคมุ ร่วมกับโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ในการอ่านค่า และประมวลผลข้อมลู ในการทาํ โครงงานฟิสิกส์เพ่ือส่งเสริมการแขง่ ขันฟิสกิ ส์สัประยุทธ์และมีจติ วิทยาศาสตร์ คุณธรรม จรยิ ธรรม และ คา่ นยิ มทพี่ งึ ประสงค์ ผลการเรียนรู้ ๑. ใชเ้ ครอื่ งมือวัดปรมิ าณทางฟิสกิ ส์ชนดิ ต่างๆ ตรวจสอบความผิดพลาดและขอบเขตของการวดั ๒. ดาํ เนนิ การปฏิบตั กิ ารทางฟิสิกส์ ออกแบบการแก้ปัญหาด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ๓. จดั ทําโครงงานฟิสิกสเ์ พ่ือส่งเสริมการแข่งขนั ฟิสิกส์สัประยทุ ธ์ ๔. สาํ รวจ ตรวจสอบ สบื ค้นขอ้ มลู การเขียนโปรแกรมประมวลผลข้อมูล

๓๖๘ ๕. ศกึ ษาและปฏบิ ัติการเขียนโปรแกรมควบคุมวงจร รวมทง้ั หมด ๕ ผลการเรียนรู้

๓๖๙ คำอธิบายรายวชิ า(เพ่มิ เติม) รหสั ว ๓๐๒๘๕ วชิ า ระเบยี บวิธวี จิ ยั เบอื้ งต้น กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๔ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกิต ศึกษาวิเคราะห์ประเด็นความรู้ องค์ความรู้ และทฤษฎคี วามรู้ เกีย่ วกับผลงานวิจัยด้าน วิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์และเทคโนโลยีจากแหล่งเรยี นรู้โดยมีการสืบค้นขอ้ มูล วเิ คราะห์ นําเสนอ อภิปราย และสรุปผลศึกษาสถิตเิ พอื่ การวจิ ยั รูปแบบการเขยี นงานวิจัย เขยี นเค้าโครงงานวจิ ัย และ เสนอเคา้ โครงงานวิจยั เพือ่ ให้เกิดการเรยี นรู้ กระบวนการวจิ ัยทางวทิ ยาศาสตร์จากความรู้ความเข้าใจในงานวจิ ยั ที่ ศกึ ษา สื่อสารสิง่ ท่เี รียนรู้ มีคุณสมบตั ิ และจรรยาบรรณของนักวิทยาศาสตร์ มีความสามารถในการ ตดั สินใจโดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์สาํ รวจ ตรวจสอบ สืบค้นข้อมลู วเิ คราะหข์ อ้ มลู เพ่อื ให้เกดิ การเรยี นรู้ความรู้ ความเข้าใจ ทักษะกระบวนการคิด การส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตดั สินใจ นาํ ความรู้ไปใชใ้ นชีวติ ประจําวัน มคี วามมุ่งม่นั ในการทํางาน มีวนิ ยั คุณธรรม ค่านยิ ม มีคุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ ผลการเรยี นรู้ ๑. อธิบายความหมาย หลักการ รูปแบบระเบียบวิธีการวิจยั ๒. กาํ หนดปัญหา สมมติฐาน รวบรวมข้อมูล ออกแบบการสํารวจตรวจสอบ ๓. ใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในการกําหนดปัญหา ๔. วางแผนเขยี นเค้าโครงการวิจัยร่วมกบั ผู้อื่น นําภมู ิปัญญาท้องถ่นิ (Knowledge of communities) นําไปสร้างสรรค์ผลงาน ๕. เขียนความเรียงชนั้ สูง (Extended – Essay) เพอ่ื ใช้รายงานผลการวิจยั ๖. มีความมุ่งมน่ั ในการทํางาน มีวินัย คุณธรรม ค่านยิ ม มคี ุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงคข์ องความ เปน็ พลเมืองโลก (World Citizen)

๓๗๐ รวมทง้ั หมด ๖ ผลการเรยี นรู้

๓๗๑ คำอธบิ ายรายวิชา(เพิม่ เติม) รหสั ว ๓๐๒๘๖ วชิ า ปฏบิ ัติการฟสิ กิ สแ์ ละคอมพิวเตอร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๔ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกติ ศกึ ษาวิเคราะห์ประเดน็ ความรู้ องค์ความรู้ และทฤษฎคี วามรู้ เกี่ยวกบั การฝึกกระบวนการคิด และทดลองแก้ปัญหาทางฟิสกิ ส์ เกี่ยวกับการวดั ระยะทาง อุณหภูมิ ในระดบั ขนาดที่แตกต่างกนั จากการ ใชใ้ นชีวติ ประจาํ วนั การวดั ปริมาณทางไฟฟ้า ความผิดพลาดและขอบเขตของการวัด ศึกษาวิธีการและลงมือปฏบิ ัตกิ ารค้นคว้าความรทู้ ่ีต้องผ่านเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ ศกึ ษาการวัด และประมวลผลข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ศึกษาและปฏบิ ตั ิเก่ียวกับวงจรควบคุม การเขียน โปรแกรม โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสงั เกต การวดั การสํารวจ ตรวจสอบการสบื ค้นขอ้ มูล บนั ทึก จัดกระทาํ ข้อมูล อภปิ รายและสรปุ ผล เพอ่ื ให้เกดิ ความรคู้ วามเข้าใจท่ีเกีย่ วข้อง กบั การปฏิบตั ิพน้ื ฐานทางฟิสิกส์ เพิม่ ทกั ษะความ ชาํ นาญและความรู้ในการใช้โปรแกรมสําเร็จรูปด้วยตนเองผ่านตวั ช่วยเหลอื ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และใช้วงจรควบคุมร่วมกบั โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการอ่านค่า และประมวลผลข้อมูลในการทํา โครงงานการทดลองต่างๆ และมีจิตวทิ ยาศาสตร์ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มท่พี งึ ประสงค์ ผลการเรียนรู้ ๑. ใชเ้ ครือ่ งมือวัดปริมาณทางฟิสิกส์ชนิดต่างๆ ตรวจสอบความผดิ พลาดและขอบเขตของการวัด ๒. ดําเนินการปฏบิ ตั ิการทางฟิสกิ ส์ ออกแบบการแก้ปัญหาด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ๓. สาํ รวจ ตรวจสอบ สืบค้นขอ้ มูลการเขียนโปรแกรมประมวลผลข้อมูล ๔. ศกึ ษาและปฏิบัตกิ ารเขียนโปรแกรมควบคมุ วงจร รวมทง้ั หมด ๔ ผลการเรียนรู้

๓๗๒ คำอธิบายรายวชิ า(เพิม่ เติม) รหสั ว ๓๐๒๘๗ วชิ า ปฏบิ ตั กิ ารชีวเคมี กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๕ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง จำนวน ๑ หน่วยกิต ศกึ ษาเกีย่ วกบั ชนิดและหลักการใช้งานของกล้องจุลทรรศน์ชนดิ ต่างๆ สว่ นประกอบและ หลกั การใช้งานกล้องจุลทรรศน์ของกล้องจุลทรรศน์แบบเลนสป์ ระกอบและกล้องจุลทรรศน์แบบสเตอริ โอ ศึกษาการใช้อปุ กรณ์ในห้องปฏิบตั กิ ารชวี วทิ ยาและดแู ลรกั ษาอุปกรณ์ในหอ้ งปฏบิ ัติการชวี วทิ ยา วิธกี ารเตรียมสไลด์สดจากพชื สัตว์ และ จลุ ินทรยี ์ การใช้สีย้อมตัวอย่างพืช สตั ว์ และจลุ นิ ทรีย์สาํ หรับนาํ ไปใช้กับกลอ้ งจุลทรรศน์ การเพาะเล้ยี ง พารามเี ซียมและสิ่งมชี ีวติ เซลล์เดียวที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้าํ และศึกษาสิ่งมชี ีวติ ทีพ่ บในระบบนิเวศใน ท้องถน่ิ ศึกษาข้อปฏบิ ัติเกยี่ วกับการใช้ห้องปฏิบตั ิการเคมี และอนั ตรายจากสารเคมี และวิธีการแก้ไข อบุ ตั ิเหตทุ ีเ่ กดิ ขึ้นในหอ้ งปฏิบตั ิการ การเลอื กใช้อุปกรณ์หรอื เครื่องมือในการทาํ ปฏบิ ตั ิการ และการวัด ปริมาณต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม การนําเสนอแผนการทดลอง ทดลองและเขยี นรายงานการทดลอง การ อธิบายวิธีการและการเตรียมสารละลายให้มีความเขม้ ข้นในหน่วยโมลารติ แี ละปรมิ าตรสารละลายตามที่ กาํ หนดได้อย่างถูกตอ้ ง การทดลองและการอธิบายหลกั การไทเทรตและเลือกใช้อินดิเคเตอร์ที่เหมาะสม สาํ หรับการไทเทรตกรด-เบส ทดลองและคาํ นวณปรมิ าณสารหรอื ความเข้มขน้ ของสารละลายกรดหรือ เบสจากการไทเทรตได้อย่างถูกต้อง โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อฝึกทักษะ สบื คน้ ขอ้ มูล ทดลอง อธิบาย สังเกต นาํ เสนอ และและเขยี นรายงานการทดลอง เพื่อให้เกิดความรคู้ วามเข้าใจ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างถูกต้อง เกิด ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปญั หา และนาํ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตของตนเอง ได้อย่างเหมาะสม ผลการเรียนรู้

๓๗๓ ๑. สบื คน้ ขอ้ มูล อธบิ ายชนดิ และหลักการใช้งานของกล้องจุลทรรศน์ชนดิ ต่าง ๆ ๒. สังเกต และอธบิ ายส่วนประกอบของกล้องจุลทรรศน์แบบเลนส์ประกอบ กล้องจลุ ทรรศน์แบบสเตอริ โอและใช้งานกล้องจุลทรรศน์ทง้ั สองประเภทได้อย่างถกู ต้อง ๓. อธบิ าย ทดลองการใช้อุปกรณ์ในหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารชีววทิ ยาและดแู ลรกั ษาอุปกรณ์ในหอ้ งปฏบิ ัติการ ชวี วทิ ยาใหส้ ามารถใช้งานได้อย่างคงทน ๔. สังเกต และศึกษาวิธีการเตรียมสไลด์สดจากพชื สตั ว์ และจลุ ินทรยี ์ได้อย่างเหมาะสม ๕. สบื คน้ ขอ้ มลู อธบิ าย และทดลองการใชส้ ยี ้อมตวั อย่างพชื สตั ว์ และจลุ ินทรยี ์สาํ หรบั นําไปใช้กับกลอ่ ง จลุ ทรรศน์ ๖. ทดลองและอภิปรายเกีย่ วกับการเพาะเลี้ยงพารามเี ซยี มและสิ่งมีชวี ิตเซลล์เดยี วท่อี าศยั อยู่ในแหล่งน้าํ ๗. สํารวจ และสงั เกตส่งิ มีชีวติ ทพ่ี บในระบบนิเวศในท้องถ่นิ ๘. ศึกษาข้อปฏบิ ตั เิ ก่ียวกับการใช้หอ้ งปฏิบัติการเคมแี ละอันตรายจากสารเคมแี ละวิธกี ารแก้ไขอุบัติเหตุ ทีเ่ กิดข้ึนในห้องปฏบิ ัติการ ๙. เลือกและใช้อปุ กรณ์หรือเคร่อื งมอื ในการทําปฏบิ ตั กิ าร และวดั ปริมาณต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ๑๐. นาํ เสนอแผนการทดลอง ทดลองและเขียนรายงานการทดลอง ๑๑. อธิบายวิธีการและเตรียมสารละลายให้มคี วามเข้มข้นในหน่วยโมลารติ แี ละปรมิ าตรสารละลาย ตามท่ีกําหนดได้อย่างถูกตอ้ ง ๑๒. ทดลองและอธิบายหลักการไทเทรตและเลอื กใช้อนิ ดเิ คเตอร์ทเี่ หมาะสมสําหรบั การไทเทรตกรด- เบส ๑๓. ทดลองและคาํ นวณปริมาณสารหรือความเข้มขน้ ของสารละลายกรดหรือเบสจากการไทเทรต รวมทง้ั หมด ๑๓ ผลการเรียนรู้

๓๗๔ คำอธบิ ายรายวิชา(เพ่ิมเติม) รหสั ว ๓๐๒๖๑ วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๔ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๒ ชัว่ โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต ศกึ ษาหลักการเขยี นโปรแกรม ความหมายของภาษาคอมพิวเตอร์ยุคของภาษาคอมพวิ เตอร์ ยกตัวอย่างภาษคอมพิวเตอร์ เปรียบเทียบความแตกต่างของภาษาคอมพวิ เตอร์ในแต่ละยคุ บอกความ เปน็ มาของภาษาซีโครงสร้างภาษาซียกตัวอย่างและบอกหน้าท่ขี องคําสงั่ ในภาษาซตี ัวแปร ชนิดของ ข้อมูล คาํ ส่ังรับและแสดงผลข้อมลู ลักษณะและหน้าทข่ี องตัวดาํ เนนิ การแต่ละชนิด บอกโครงสร้างคําส่งั แบบทางเลือก และโครงสร้างคําส่งั แบบวนซา้ํ เขียนผังงานและคาํ สง่ั ลาํ ลองใช้งานโปรแกรม Dev-C++ เขียนโครงสร้างภาษาซีประกาศตวั แปร ได้เหมาะสมกบั ลกั ษณะงานกําหนดชนิดของข้อมลู ได้เหมาะสมกับลักษณะของงานเขียนโปรแกรมโดยใช้ คาํ สัง่ รบั และแสดงผลข้อมลู บอกลักษณะและหน้าที่ของตัวดําเนนิ การแต่ละชนิดเขียนโปรแกรมคาํ นวณ เลือกใชค้ ําสัง่ แบบทางเลอื กเหมาะสมกับลักษณะของงาน และเลือกใช้คาํ สั่งแบบวนซํ้าได้เหมาะสมกับ ลักษณะของงาน เพือ่ ให้เหน็ คุณค่าของการเขยี นโปรแกรมมีเจตคติทด่ี ีในการใช้คอมพวิ เตอร์ สนใจ ตงั้ ใจศกึ ษาหา ความรจู้ ากสือ่ ต่าง ๆ และมุ่งมั่นต้งั ใจในการเขียนโปรแกรมจนกระทัง่ ได้ชิ้นงานท่สี มบรู ณ์ ผลการเรียนรู้ ๑. นกั เรียนสามารถอธบิ ายหลักการเขียนโปรแกรมได้ ๒. นกั เรยี นสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างของภาษาแต่ละยคุ ได้ ๓. นักเรียนสามารถยกตวั อย่างภาษาคอมพิวเตอร์ได้ ๔. นักเรยี นสามารถเขียนผงั งานและคําส่งั ลําลองได้ ๕. นกั เรียนสามารถใช้งานโปรแกรม Dev-C++ ได้ ๖. นักเรยี นสามารถเขียนโครงสร้างภาษาซไี ด้ ๗. นักเรยี นสามารถเขียนโปรแกรมโดยใช้คําสงั่ รับและแสดงผลข้อมลู ได้

๓๗๕ ๘. นักเรยี นสามารถประกาศตวั แปรได้เหมาะสมกับลักษณะงาน ๙. นักเรียนสามารถกาํ หนดชนิดของข้อมูลไดเ้ หมาะสมกับลักษณะของงาน ๑๐. นักเรียนสามารถบอกลักษณะและหน้าทขี่ องตัวดาํ เนินการแต่ละชนดิ ได้ ๑๑. นักเรียนสามารถเขยี นโปรแกรมคํานวณได้ ๑๒. นักเรยี นสามารถบอกโครงสร้างคําสั่งแบบทางเลือกแต่ละประเภทได้ ๑๓. นกั เรียนสามารถเลือกใช้คาํ สง่ั แบบทางเลือกได้เหมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน ๑๔. นักเรียนยกตวั อย่างพร้อมกับบอกหน้าท่ีของคําสง่ั แบบวนซา้ํ ได้ ๑๕. นกั เรียนสามารถเลือกใช้คําสง่ั แบบวนซา้ํ ได้เหมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน ๑๖. นักเรยี นเห็นคุณค่าของการเขียนโปรแกรม ๑๗. นกั เรยี นมีเจตคตทิ ี่ดใี นการใช้คอมพวิ เตอร์ ๑๘. นกั เรยี นมีความสนใจ ตั้งใจศึกษาหาความรจู้ ากสือ่ และแหล่งเรยี นรู้ต่าง ๆ ๑๙. นกั เรยี นมีความมุ่งมน่ั ตัง้ ใจในการเขียนโปรแกรมจนกระทั่งได้ชิน้ งานทส่ี มบรู ณ์ รวมทง้ั หมด ๑๙ ผลการเรียนรู้

๓๗๖ คำอธบิ ายรายวิชา(เพิม่ เติม) รหสั ว ๓๐๒๖๒ วชิ า ระเบียบวิธวี ิจยั ด้านคอมพวิ เตอร์ กลุม่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔ ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๒๐ ช่วั โมง จำนวน ๐.๕ หน่วยกติ ศกึ ษาผลงานวจิ ัยด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยจี ากแหล่งการเรยี นรู้ โดยมีการสบื คน้ ข้อมูล วเิ คราะห์ นาํ เสนอ อภปิ ราย และสรุปผล ศกึ ษาสถติ ิเพื่อการวิจยั รปู แบบการเขียนงานวิจยั โครงงาน โครงการและข้อกําหนดลขิ สิทธิ์ เพอ่ื ให้เกิดการเรียนรู้กระบวนการวิจัยทางด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีจากความรู้ ความ เขา้ ใจในงานวจิ ยั ท่ศี ึกษาการส่ือสารสง่ิ ท่ีเรียนรู้ มีคุณสมบตั ิและจรรยาบรรณของนักวจิ ยั มีความสามารถในการตัดสนิ ใจ มุ่งมนั่ ในการศกึ ษาส่งิ ใหม่ ๆ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มทีพ่ ึงประสงค์ ผลการเรียนรู้ ๑. สามารถอธิบายเกีย่ วกบั ระเบยี บวธิ วี ิจัยได้ ๒. สามารถสืบค้นขอ้ มลู งานวจิ ยั ด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีได้ ๓. สามารถอธบิ ายเกย่ี วกับข้อกําหนดลขิ สิทธิ์ได้ ๔. สามารถออกแบบงานวิจัยของตนเองในสาขาท่ีสนใจได้ ๕. สามารถเขียนและนาํ เสนอเค้าโครงงานวจิ ัยได้ รวมทง้ั หมด ๕ ผลการเรยี นรู้

๓๗๗ คำอธิบายรายวิชา(เพ่ิมเติม) รหสั ว ๓๐๒๖๓ วิชา การสรา้ งแอนิเมชนั กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๖๐ ชัว่ โมง จำนวน ๑.๕ หน่วยกติ ศึกษาความเปน็ มา แนวคดิ หลักการและทฤษฎที ี่เก่ียวข้องกับแอนิเมชัน พ้ืนฐานโปรแกรม สาํ หรบั สร้างงานแอนเิ มชัน การสร้างมฟู วีคลปิ (Movie Clip) การวาด (Drawing) การสร้างแอนิเมชนั ด้วยคาํ สัง่ Tween และMask การใช้งานเสยี ง และควบคมุ เสียงและการใช้คําส่งั ควบคมุ เสียงแบบมี ปฏิสมั พนั ธ์การสร้างวัตถุให้เคล่อื นไหวด้วยเครือ่ งมือ Bone Tool ปฏบิ ตั ิการสร้างแอนิเมชนั การสร้างมูฟวีคลปิ การวาด การสร้างแอนเิ มชันด้วยคําสง่ั Tween และ Maskการใช้งานเสยี งและควบคมุ เสียงแบบมปี ฏิสัมพันธ์ การสร้างวตั ถใุ ห้เคลื่อนไหวด้วยเครือ่ งมอื Bone Toolเพือ่ นักเรยี นมีความรู้ความเข้าใจและทักษะเบือ้ งต้นเกี่ยวกับการสร้างงานแอนเิ มชันและการ นําเสนอแบบมีปฏสิ มั พนั ธ์ในรูปแบบต่างๆด้วยคอมพิวเตอร์อย่างมคี ุณธรรมและจรยิ ธรรม ผลการเรียนรู้ ๑. นกั เรียนบอกประวัติความเป็นมาของแอนิเมชนั ได้ ๒. นักเรียนสามารถจําแนกประเภทของแอนเิ มชนั ได้ ๓. นกั เรียนสามารถจําแนกภาพเคล่ือนไหวได้ ๔. สามารถหลักการพ้ืนฐานของการสร้างแอนิเมชันได้ ๕. นักเรยี นสามารถอธิบายทฤษฎี และหลักการสี แสง เงา ได้ ๖. นักเรียนสามารถใช้ส่วนประกอบของโปรแกรม Flash ได้ตามที่กําหนด ๗. เมอ่ื กําหนดภาระงานนักเรยี นสามารถใช้ทลู บ๊อก (Toolbox) ในการสร้างงานได้ ๘. นักเรียนสามารถอธบิ ายองค์ประกอบของช้นิ งาน Flash ได้ ๙. นักเรียนสามารถสร้างแอนิเมชันอย่างง่ายได้

๓๗๘ ๑๐. นักเรียนสามารถสร้างประเภทของซมิ โบล(Symbol) ตามทกี่ าํ หนดได้ ๑๑. นกั เรยี นสามารถอธิบายประเภทของแอนเิ มชันใน Flash ได้ ๑๒. นักเรยี นสามารถสร้างแอนิเมชันรูปแบบ Motion Tween ได้ ๑๓. เม่ือกําหนดงานนกั เรยี นสามารถสร้างมูฟวคี ลปิ ได้ถกู ต้อง ๑๔. เม่อื กาํ หนดงานนักเรียนสามารถวาดภาพด้วยโปรแกรม Flash ได้ ๑๕. นกั เรียนสามารถเลือกใช้และสร้างแอนิเมชนั ด้วยคําสั่ง Tween ได้อย่างเหมาะสมกบั งาน ๑๖. นกั เรยี นสามารถสร้าง แอนเิ มชนั ด้วยคําส่งั Mask ได้ ๑๗. นักเรียนสามารถใช้เสยี งเพลงหรือดนตรีประกอบประกอบช้ินงานได้ ๑๘. นักเรยี นสามารถสร้างวัตถุให้เคลื่อนไหวด้วยเครือ่ งมอื Bone Tool ได้ รวมทง้ั หมด ๑๘ ผลการเรียนรู้

๓๗๙ คำอธบิ ายรายวิชา(เพิ่มเติม) รหสั ว ๓๐๒๖๔ วิชา การสร้างโปรแกรมประยกุ ต์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๘๐ ช่ัวโมง จำนวน ๒.๐ หน่วยกิต ศกึ ษาความรู้เกีย่ วกับโปรแกรมประยกุ ต์ ขัน้ ตอนการพัฒนาโปรแกรม ๕ ชั้นตอน ได้แก่ การ วิเคราะห์ปญั หา การออกแบบโปรแกรม การเขียนโปรแกรม การทดสอบโปรแกรม และการจัดทาํ เอกสารประกอบ การเขยี นโปรแกรมเชงิ วัตถุตัวแปร ตัวดาํ เนินการ โครงสร้างควบคุม การใช้งานฟังกช์ นั การ ออกแบบ การสร้างโปรแกรมประยกุ ต์ ทดสอบโปรแกรมและสรปุ ผลการใช้โปรแกรม เพ่อื ให้เกดิ ทักษะการคิด การแก้ปญั หา การคดิ อย่างเป็นระบบ การทํางานเป็นกลุ่ม มคี วามเสียสละ มี ความรับผดิ ชอบ มีคุณธรรมจรยิ ธรรม และเกดิ เจตคติท่ดี ีต่อการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ผลการเรยี นรู้ ๑. สามารถอธบิ ายเกี่ยวกับโปรแกรมประยุกต์ ได้ ๒. สามารถอธบิ ายเก่ยี วกับชัน้ ตอนการพัฒนาโปรแกรมได้ ๓. สามารถอธิบายเก่ยี วกบั การเขียนโปรแกรมเชงิ วตั ถุได้ ๔. สามารถเขียนโปรแกรมกําหนดค่า ชนิดข้อมูล และตัวแปรของภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุได้ ๕. สามารถใช้ตวั ดาํ เนินการของภาษาโปรแกรมเชงิ วัตถุได้ ๖. สามารถใช้โครงสร้างควบคุมของภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุได้ ๗. สามารถใช้งานฟังกช์ ัน ของภาษาโปรแกรมเชิงวตั ถไุ ด้ ๘. สามารถออกแบบโปรแกรมประยุกต์ได้ ๙. สามารถเขียนโปรแกรมสร้างโปรแกรมประยุกต์ได้ ๑๐. สามารถทดสอบโปรแกรมและสรุปผลการใช้โปรแกรมได้ รวมทง้ั หมด ๑๐ ผลการเรียนรู้

๓๘๐ คำอธิบายรายวิชา(เพม่ิ เติม) รหสั ว ๓๐๒๖๕ วชิ า การออกแบบสามมติ ิ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖ ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกติ ศึกษาความรู้พนื้ ฐานของวัตถุสามมติ ิ อธิบายรูปทรงสามมิติ ออกแบบโครงร่างช้นิ งานและ สร้างงานสามมิติรูปทรงต่าง ๆ เลือกใช้งานโปรแกรมสร้างวตั ถสุ ามมติ ิ ศกึ ษาการสร้างวตั ถุสามมติ ิและ การนําเสนอชน้ิ งานอย่างเป็นระบบ มคี วามรู้ ความเข้าใจ เก่ยี วกับความรู้พ้ืนฐานของวัตถุสามมติ ิ ปฏิบตั กิ ารออกแบบโครงร่าง ช้นิ งานและสร้างงานสามมิติ จัดทาํ ชนิ้ งานสามมติ ิตามความสนใจ และนาํ ชิ้นงานสามมติ ไิ ปประยุกต์ใช้ งานรว่ มกบั งานอ่นื ๆ ได้มจี รยิ ธรรมในการสร้างงานโดยใช้เทคโนโลยี และนําเสนอชน้ิ งานอย่างเป็นระบบ ออกแบบผลงานด้วย คอมพิวเตอร์อย่างมีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม มีจติ สํานกึ และความรบั ผิดชอบ ผลการเรียนรู้ ๑. สามารถอธิบายเก่ยี วกับรูปทรงสามมติ ิได้ ๒. สามารถร่างแบบวตั ถุสามมติ ิได้ ๓. สามารถอธบิ ายหลักการทํางานของโปรแกรมออกแบบวัตถุสามมติ ิได้ ๔. สามารถใช้เครื่องมือของโปรแกรมในการสร้างงานได้ ๕. สามารถสร้างวัตถุสามมิตไิ ด้ ๖. สามารถประมวลผลช้ินงานได้ ๗. สามารถนาํ ชน้ิ งานไปประยุกต์ใชร้ ว่ มกบั งานอื่น ๆ ได้ รวมทง้ั หมด ๗ ผลการเรียนรู้

๓๘๑ คำอธบิ ายรายวชิ า(เพมิ่ เติม) รหสั ว ๓๐๒๖๖ วชิ า การตัดต่อวิดีโอ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖ ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๘๐ ช่วั โมง จำนวน ๒.๐ หน่วยกิต ศกึ ษาหลกั การตดั ต่อวิดโี อ บอกความหมาย บทบาทและประโยชน์ของการตัดต่อวิดีโอแบบ ต่าง ๆคณุ สมบตั ิและมาตรฐานของวดิ ีโอ ไฟล์วิดโี อ กระบวนการตดั ต่อวดิ ีโอ เลือกใช้โปรแกรมและ คุณสมบัติของเครือ่ งคอมพิวเตอร์ท่เี หมาะสมกบั การสร้างงานวดิ โี อ ศึกษาคําส่งั เคร่อื งมือ การใช้งาน เบ้อื งต้น การจบั วิดโี อ การแก้ไขไฟล์วดิ โี อ การเพิ่มเทคนิค การเพิ่มสีสันใหก้ ับวดิ ีโอ การซ้อนวิดโี อ การ จัดทาํ ข้อความประกอบในงานตัดต่อวดิ โี อการใส่เสยี งประกอบ ตลอดจนการนาํ ไฟล์วิดโี อไปใช้งานใน รูปแบบต่าง ๆ เพื่อนาํ ไปสู่การเผยแพร่ผลงานในรปู แบบทีเ่ หมาะสม ปฏบิ ัตกิ ารสร้างงานนาํ เสนอในรปู แบบวดิ ีโอ โดยใช้กระบวนการสร้างความรคู้ วามเข้าใจการ คิดวิเคราะห์การฝึกทักษะและปฏบิ ัติงานการแก้ปัญหาการทํางานกลุ่ม เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดความตระหนกั และเห็นคุณค่ามที ักษะในการสร้างชิ้นงานและการประกอบ อาชพี อย่างมีประสิทธภิ าพประสิทธิผล มคี ุณธรรมจริยธรรมในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสร้างผลงาน ในการดาํ รงชีวติ ใช้ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อมอยา่ งมคี ุณค่าถูกวิธี ผลการเรยี นรู้ ๑. สามารถอธบิ ายหลักการทํางานของการตัดต่อวิดโี อได้ ๒. มคี วามรู้และความเข้าใจถึงเคร่ืองมือท่ีใช้ในการตดั ต่อวิดโี อ ๓. สามารถนาํ เข้าไฟล์ภาพ เสยี ง วดิ ีโอจากภายนอกได้ ๔. สามารถสร้างและประมวลผลไฟล์วดิ ีโอได้ ๕. สามารถสร้างสตอรีบอร์ดสําหรับงานตดั ต่อวดิ โี อได้ ๖. สามารถประยุกต์ใช้งานตัดต่อวิดีโอสร้างงานนําเสนอในรปู แบบต่างๆ ได้ ๗. สามารถเขยี นVCD/DVD เพอื่ นาํ ไปเผยแพร่ได้ ๘. สามารถเผยแพร่ผลงานผา่ นเครอื ข่ายอินเตอร์เน็ตได้

๓๘๒ รวมทง้ั หมด ๘ ผลการเรยี นรู้

๓๘๓ คำอธิบายรายวชิ า(เพิม่ เติม) รหสั ว ๓๐๒๖๗ วชิ า คอมพิวเตอร์ ๑ กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๔ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๑ ชั่วโมง จำนวน ๐.๕ หนว่ ยกิต ศกึ ษาการเขยี นโปรแกรมภาษาซชี ัน้ พน้ื ฐาน และการเขยี นโปรแกรมภาษาซีชน้ั สงู ความหมาย ของฟังกช์ ันการประกาศฟังก์ชนั ตัวแปรอาเรย์การประกาศตวั แปรอาเรย์๑ มติ คิ วามแตกต่างของตวั แปร ธรรมดากบั ตวั แปรอาเรย์อาเรย์๒ มติ กิ ารประกาศอาเรย์๒ มิติพอยเตอร์การใช้ตัวแปรพอยเตอร์ร่วมกับ ตวั แปรอาเรย์และโครงสร้างข้อมูล เขียนโปรแกรมภาษาซีขนั้ พน้ื ฐานประกาศฟังกช์ นั ประกาศและใช้งานตัวแปรอาเรย์๑ มิติ ประกาศและใช้งานตัวแปรอาเรย๒์ มิติใช้ตวั แปรพอยเตอร์ร่วมกับตัวแปรอาเรย์และประยุกต์ใช้ โครงสร้างขอ้ มูลกบั ผลงานของตนเอง เพือ่ ให้เหน็ คณุ ค่าของการเขยี นโปรแกรมชน้ั สงู มีเจตคตทิ ี่ดใี นการใช้คอมพวิ เตอร์ ตั้งใจศึกษาหา ความรจู้ ากสอ่ื และแหล่งเรยี นรู้ต่าง ๆ และมุ่งม่นั ตง้ั ใจในทํางานจนสุดความสามารถ ผลการเรียนรู้ ๑. นักเรยี นเขยี นโปรแกรมภาษาซชี ้ันพ้นื ฐานได้ ๒. นักเรยี นบอกความหมายของฟังก์ชันได้ ๓. นักเรยี นประกาศฟังกช์ นั ได้ ๔. นักเรยี นอธบิ ายความหมายของอาเรย์ได้ ๕. นักเรยี นเปรยี บเทียบความแตกต่างของตัวแปรธรรมดากับตวั แปรอาเรย์ได้ ๖. นักเรยี นประกาศและใช้งานตวั แปรอาเรย์ ๑ มติ ไิ ด้ ๗. นักเรียนบอกลักษณะของอาเรย์ ๒ มิตไิ ด้

๓๘๔ ๘. นักเรียนประกาศและใช้งานตวั แปรอาเรย์ ๒ มิติได้ ๙. นักเรยี นอธิบายความหมายของพอยเตอร์ได้ ๑๐. นักเรียนสามารถใช้ตัวแปรพอยเตอร์ร่วมกับตัวแปรอาเรย์ได้ ๑๑. นักเรียนบอกความหมายของโครงสร้างข้อมูลได้ ๑๒. นักเรียนประยุกต์ใชโ้ ครงสร้างข้อมูลกบั ผลงานของตนเองได้ รวมทง้ั หมด ๑๒ ผลการเรียนรู้

๓๘๕ คำอธิบายรายวชิ า(เพ่ิมเติม) รหสั ว ๓๐๒๖๘ วิชา คอมพวิ เตอร์ ๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๕ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๒๐ ชว่ั โมง จำนวน ๐.๕ หน่วยกติ บอกวิธีการนําความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ สื่อดิจิทัล และเทคโนโลยีสารสนเทศ มาใช้ แก้ปัญหากับชีวิตจริง อธิบายการเพิ่มมูลค่าให้บริการหรือผลิตภัณฑ์ การเก็บข้อมูล การจัดเตรียมข้อมูล ใหพ้ ร้อมกบั การประมวลผล การวเิ คราะห์ขอ้ มูลทางสถติ ิ การประมวลผลข้อมูล และการทาํ ขอ้ มลู ให้เป็น ภาพ นําความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์สื่อดิจิทัล และเทคโนโลยีสารสนเทศ มาใช้แก่ปัญหากับ ชีวิตจริง การเพิ่มมูลค่าให้บริการหรือผลิตภัณฑ์ เก็บข้อมูลและจัดเตรียมข้อมูลให้พร้อมกับการ ประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ ประมวลผลข้อมูล และใช้เครื่องมือทําข้อมูลให้เป็นภาพ (data visualization) เช่น bar chart, scatter,histogram การเลือกใช้แหล่งข้อมูล เช่น data.go.th, wolframalpha, OECD.org , ตลาดหลักทรัพย์ , worldeconomic forum คุณค่าของข้อมูล และ ศกึ ษากรณตี วั อย่างทเ่ี กีย่ วกบั การเพมิ่ มูลคา่ ให้กับบริการหรือผลิตภัณฑ์ เห็นคุณค่าในการนําความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์สื่อดิจิทัล และเทคโนโลยีสารสนเทศ มาเพ่มิ มลู ค่าให้กบั บริการหรอื ผลิตภัณฑ์ท่ใี ช้ในชีวติ จริงอย่างสร้างสรรค์ ผลการเรียนรู้ ๑. สามารถเก็บข้อมลู และการจดั เตรยี มข้อมลู ให้พร้อมกับการประมวลผล ๒. สามารถวิเคราะห์ข้อมลู ทางสถิติ ประมวลผลข้อมลู และใช้เคร่อื งมือในการประเมนิ ผล ๓. สามารถทาํ ข้อมูลให้เปน็ ภาพ ๔. สามารถเลอื กใช้แหล่งขอ้ มลู ได้อย่างถูกต้อง

๓๘๖ รวมทง้ั หมด ๔ ผลการเรยี นรู้

๓๘๗ คำอธบิ ายรายวิชา รหสั ว ๓๐๒๖๙ วชิ า คอมพวิ เตอร์ ๓ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๕ ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๔๐ ช่วั โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต ศึกษาโครงสร้างข้อมูล ฐานข้อมูล การออกแบบฐานข้อมูล โปรแกรมการจัดการฐานข้อมูล การสรา้ งแฟ้มขอ้ มลู การป้อนข้อมลู การแกไ้ ขข้อมลู การลบ การสาํ เนา การจัดเรยี ง การแบ่งแยกข้อมลู การค้นหา และการสรุปผลจากข้อมลู ในฐานขอ้ มลู เขียนชุดคําสั่งชั้นพื้นฐานในการจัดการฐานข้อมูล ปฏิบัติการสร้างแฟ้มข้อมูล ป้อนข้อมูล แก้ไขข้อมูล ลบจัดเรียง ค้นหา ทํารายงาน คํานวณและสรุปผลจากข้อมูลในฐานข้อมูล ประยุกต์การ จัดการฐานขอ้ มูลในงานตา่ ง ๆ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจ และมีทักษะการจัดการแฟ้มข้อมูลและฐานข้อมูลเบื้องต้น เขียน ชุดคําสั่งชั้นพื้นฐานจัดการฐานข้อมูล สามารถใช้โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล สามารถประยุกต์ใช้ในการ จดั การขอ้ มลู เบอื้ งต้นได้ ผลการเรียนรู้ ๑. สามารถบอกโครงสร้างขอ้ มลู เบอื้ งต้นได้ ๒. สามารถอธิบายเก่ียวกับองค์ประกอบ สญั ลกั ษณ์และออกแบบฐานข้อมลู ได้ ๓. สามารถใช้คําสัง่ การทาํ งานต่างๆ ของโปรแกรมการจัดการฐานข้อมูลได้ ๔. สามารถเขยี นโปรแกรมเชอื่ มโยงฐานข้อมูลได้ ๕. สามารถเขียนโปรแกรมเพิม่ /ลบ/แก้ไขและจัดเรยี งข้อมูลได้ รวมทง้ั หมด ๕ ผลการเรียนรู้

๓๘๘ คำอธบิ ายรายวิชา กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาองั กฤษ ระดับช้นั มธั ยมศึกษาตอนตน้

๓๘๙ โครงสร้างกลุ่มสาระการเรียนรู้ ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาตอนต้น กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาต่างประเทศ รายวชิ าพน้ื ฐาน อ ๒๑๑๐๑ ภาษาองั กฤษ จำนวน ๖๐ ชวั่ โมง ๑.๕ หน่วยกติ อ ๒๑๑๐๒ ภาษาองั กฤษ จำนวน ๖๐ ชวั่ โมง ๑.๕ หน่วยกติ อ ๒๒๑๐๑ ภาษาอังกฤษ จำนวน ๖๐ ชว่ั โมง ๑.๕ หน่วยกติ อ ๒๒๑๐๒ ภาษาองั กฤษ จำนวน ๖๐ ชวั่ โมง ๑.๕ หน่วยกติ อ ๒๓๑๐๑ ภาษาองั กฤษ จำนวน ๖๐ ชวั่ โมง ๑.๕ หน่วยกติ อ ๒๓๑๐๒ ภาษาอังกฤษ จำนวน ๖๐ ชวั่ โมง ๑.๕ หนว่ ยกิต รายวชิ าเพ่มิ เตมิ อ ๒๑๒๐๑ เสริมทักษะภาษาอังกฤษ ๑ จำนวน ๒๐ ชวั่ โมง ๐.๕ หนว่ ยกติ อ ๒๐๒๐๒ เสริมทักษะภาษาองั กฤษ ๒ จำนวน ๒๐ ชว่ั โมง ๐.๕ หน่วยกิต อ ๒๑๒๐๒ ภาษาองั กฤษ อ่าน-เขียน จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑ หนว่ ยกิต อ ๒๑๒๐๓ ภาษาอังกฤษ ฟัง-พูด จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑ หน่วยกิต อ ๒๑๒๐๔ ภาษาองั กฤษ ฟัง-พดู จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ๑ หนว่ ยกติ อ ๒๑๒๐๕ ภาษาอังกฤษ อ่าน-เขยี น จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑ หนว่ ยกิต อ ๒๒๒๐๑ ภาษาองั กฤษ อา่ น-เขียน จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑ หน่วยกติ อ ๒๒๒๐๒ ภาษาอังกฤษ ฟัง-พดู จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑ หนว่ ยกิต อ ๒๒๒๐๓ ภาษาอังกฤษ อา่ น-เขยี น จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ๑ หน่วยกิต อ ๒๒๒๐๔ ภาษาอังกฤษ ฟงั -พูด จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑ หน่วยกติ อ ๒๓๒๐๑ ภาษาอังกฤษ อ่าน-เขียน จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ๑ หน่วยกติ อ ๒๓๒๐๒ ภาษาองั กฤษ อา่ น-เขียน จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ๑ หนว่ ยกติ

อ ๒๓๒๐๓ ภาษาองั กฤษ ฟัง-พูด จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ๓๙๐ อ ๒๓๒๐๔ ภาษาอังกฤษ ฟัง-พดู จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑ หนว่ ยกติ ๑ หนว่ ยกติ อ ๒๑๒๐๗ ภาษาองั กฤษเพือ่ การสื่อสาร จำนวน ๖๐ ชวั่ โมง ๑.๕ หนว่ ยกติ ๑.๕ หนว่ ยกติ อ ๒๑๒๐๘ ภาษาองั กฤษเพือ่ การสอ่ื สาร จำนวน ๖๐ ชว่ั โมง ๑.๕ หน่วยกติ ๑.๕ หนว่ ยกติ อ ๒๒๒๐๕ ภาษาองั กฤษเพอื่ การสอ่ื สาร จำนวน ๖๐ ชว่ั โมง ๑.๕ หนว่ ยกิต ๑.๕ หนว่ ยกิต อ ๒๒๒๐๖ ภาษาองั กฤษเพื่อการสอื่ สาร จำนวน ๖๐ ชวั่ โมง ๑.๐ หนว่ ยกติ ๑.๐ หนว่ ยกติ อ ๒๓๒๐๕ ภาษาองั กฤษเพอ่ื การส่ือสาร จำนวน ๖๐ ชว่ั โมง ๑.๐ หนว่ ยกิต ๑.๐ หนว่ ยกิต อ ๒๓๒๐๖ ภาษาองั กฤษเพ่ือการสื่อสาร จำนวน ๖๐ ชว่ั โมง ๑.๐ หน่วยกติ ๑.๐ หน่วยกิต อ๒๐๒๐๓ ภาษาองั กฤษเพอ่ื การอ่านและเขยี น จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑.๐ หนว่ ยกิต ๑.๐ หนว่ ยกิต อ๒๐๒๐๔ ภาษาอังกฤษเพอ่ื การฟังและพูด จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑.๐ หน่วยกิต ๑.๐ หนว่ ยกิต อ๒๐๒๐๕ ภาษาอังกฤษสำหรับวทิ ยาศาสตร์ จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ๑.๐ หน่วยกิต ๑.๐ หนว่ ยกติ อ๒๐๒๐๖ ภาษาอังกฤษเพ่ือการสอ่ื สาร (พดู -เขียน) จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ๑.๐ หน่วยกติ ๑.๐ หน่วยกิต อ๒๐๒๐๗ ภาษาองั กฤษเพอ่ื การน าเสนอ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑.๐ หน่วยกติ อ๒๑๒๐๙ ภาษาอังกฤษเพอ่ื การสื่อสาร จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง อ๒๑๒๑๐ ภาษาอังกฤษเพอื่ การสื่อสาร จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง อ๒๒๒๐๗ ภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง อ๒๒๒๐๘ ภาษาองั กฤษเพอื่ การสื่อสาร จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง อ๒๓๒๐๗ภาษาองั กฤษเพือ่ การสือ่ สาร จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง อ๒๓๒๐๘ ภาษาอังกฤษเพอ่ื การสอ่ื สาร จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง อ๒๑๒๑๑ ภาษาองั กฤษโครงงาน จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง อ๒๑๒๑๒ ภาษาองั กฤษโครงงาน จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง อ๒๒๒๐๙ ภาษาอังกฤษโครงงาน จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง อ๒๒๒๑๐ ภาษาอังกฤษโครงงาน จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง

อ๒๓๒๐๙ ภาษาองั กฤษโครงงาน จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ๓๙๑ อ๒๓๒๑๐ ภาษาอังกฤษโครงงาน จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ภาษาจีน(เฉพาะกลุ่มการเรยี น ภาษาจนี ) ๑.๐ หน่วยกติ จ ๒๐๒๐๑ ภาษาจีน ๑ จำนวน ๘๐ ชวั่ โมง ๑.๐ หน่วยกติ จ ๒๐๒๐๒ ภาษาจีน ๒ จำนวน ๘๐ ชว่ั โมง จ ๒๐๒๐๓ ภาษาจนี ๓ จำนวน ๘๐ ชว่ั โมง ๒ หนว่ ยกติ จ ๒๐๒๐๔ ภาษาจนี ๔ จำนวน ๘๐ ชว่ั โมง ๒ หนว่ ยกิต จ ๒๐๒๐๕ ภาษาจนี ๕ จำนวน ๘๐ ชว่ั โมง ๒ หน่วยกิต จ ๒๐๒๐๖ ภาษาจีน ๖ จำนวน ๘๐ ชว่ั โมง ๒ หน่วยกิต จ๒๐๒๑๑ ภาษาจนี เสริมทกั ษะ ๑ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ๒ หน่วยกิต จ๒๐๒๒๒ ภาษาจนี เสรมิ ทักษะ ๒ จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ๒ หนว่ ยกิต จ๒๐๒๒๓ ภาษาจนี เสริมทักษะ ๓ จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ๑.๐ หนว่ ยกติ จ๒๐๒๒๔ ภาษาจีนเสริมทกั ษะ ๔ จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ๑.๐ หนว่ ยกติ จ๒๐๒๒๕ ภาษาจีนเสริมทกั ษะ ๕ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑.๐ หนว่ ยกติ จ๒๐๒๒๖ ภาษาจนี เสรมิ ทกั ษะ ๖ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑.๐ หนว่ ยกิต ภาษาญปี่ ุ่น ๑.๐ หน่วยกิต ญ ๒๐๒๐๑ ภาษาญี่ปนุ่ ๑ จำนวน ๘๐ ชวั่ โมง ๑.๐ หน่วยกิต ญ ๒๐๒๐๒ ภาษาญ่ปี ุ่น ๒ จำนวน ๘๐ ชว่ั โมง ญ ๒๐๒๐๓ ภาษาญี่ปุน่ ๓ จำนวน ๘๐ ชว่ั โมง ๒ หนว่ ยกติ ญ ๒๐๒๐๔ ภาษาญป่ี นุ่ ๔ จำนวน ๘๐ ชว่ั โมง ๒ หนว่ ยกิต ญ ๒๐๒๐๕ ภาษาญ่ปี นุ่ ๕ จำนวน ๘๐ ชว่ั โมง ๒ หน่วยกิต ญ ๒๐๒๐๖ ภาษาญป่ี ุ่น ๖ จำนวน ๘๐ ชวั่ โมง ๒ หนว่ ยกติ ญ ๒๐๒๒๑ ภาษาญป่ี ุ่นเสริมทักษะ ๑ จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ๒ หนว่ ยกิต ๒ หนว่ ยกติ ๑ หนว่ ยกติ

ญ ๒๐๒๒๒ ภาษาญีป่ ุ่นเสรมิ ทกั ษะ ๒ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ๓๙๒ ญ ๒๐๒๒๓ ภาษาญ่ปี นุ่ เสรมิ ทกั ษะ ๓ จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ญ ๒๐๒๒๔ ภาษาญ่ีปุน่ เสริมทกั ษะ ๔ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง ๑ หน่วยกิต ญ ๒๐๒๒๕ ภาษาญี่ปุ่นเสริมทักษะ ๕ จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ๑ หนว่ ยกติ ญ ๒๐๒๒๖ ภาษาญีป่ ุ่นเสรมิ ทกั ษะ ๖ จำนวน ๔๐ ชวั่ โมง ๑ หนว่ ยกติ ภาษาจนี (เฉพาะกลมุ่ การเรยี นทว่ั ไป) ๑ หน่วยกิต จ ๒๑๒๐๑ ภาษาจนี จำนวน ๒๐ ชวั่ โมง ๑ หนว่ ยกิต จ ๒๑๒๐๒ ภาษาจนี จำนวน ๒๐ ชวั่ โมง จ ๒๒๒๐๓ ภาษาจนี จำนวน ๒๐ ชวั่ โมง ๐.๕ หน่วยกติ จ ๒๒๒๐๔ ภาษาจีน จำนวน ๒๐ ชวั่ โมง ๐.๕ หนว่ ยกติ จ ๒๓๒๐๕ ภาษาจนี จำนวน ๒๐ ชว่ั โมง ๐.๕ หน่วยกติ จ ๒๓๒๐๖ ภาษาจนี จำนวน ๒๐ ชวั่ โมง ๐.๕ หน่วยกิต ๐.๕ หน่วยกติ ๐.๕ หน่วยกิต

๓๙๓ คำอธบิ ายรายวชิ า อ ๒๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง จำนวน ๑.๕ หน่วยกติ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาเกี่ยวกับคำสั่ง คำขอร้องคำ แนะชี้แจง ข้อความ นิทาน บทร้อยกรอง เรื่องสั้น ประโยค และสื่อ ท่ีไม่ใช่ความเรยี ง การทกั ทาย การกล่าวลา การขอโทษ การขอบคณุ การชมเชย ภาษาทใี่ ช้แสดงความต้องการ การขอความช่วยเหลือ การตอบรับและปฏิเสธ การใหค้ วามชว่ ยเหลือ โดยใชค้ ำศัพท์ สำนวน ประโยคข้อความ ที่ใช้ในการขอให้ข้อมูลในการบรรยายกิจวัตรประจำวัน เหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว ใช้ ภาษาและท่าทางที่สุภาพและเหมาะสมกับมารยาทของสังคมและวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าของ ภาษา ใช้เครื่องหมายวรรคตอนได้ถูกต้อง สามารถบูรณาการเข้ากับกลุ่มสาระอื่น เพื่อใช้ในการศึกษาต่อและ ประกอบอาชีพ ฝึกการฟัง การอ่าน การเขียน โดยใช้ศัพท์ สำนวน ฟังบทสนทนา และข้อความต่างๆ พูดสื่อความ เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน บรรยายเล่าเรื่อง และอ่านออกเสียงเพื่อให้มีทักษะในการสื่อสาร ใฝ่เรียนรู้สามารถคิด วเิ คราะหแ์ ละแก้ปญั หา โดยใช้เทคโนโลยีประกอบอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ รหสั ตวั ช้วี ดั ต ๑.๒ ม.๑/๑ , ม.๑/๒ , ม.๑/๓ , ม.๑/๔ ต ๑.๓ ม.๑/๑ , ม.๑/๒ , ม.๑/๓ , ม.๑/๕ ต ๒.๑ ม.๑/๑ ต ๒.๒ ม.๑/๑ ต ๓.๑ ม.๑/๑ ต ๔.๑ ม.๑/๑ รวมท้งั หมด ๑๒ ตวั ชว้ี ัด

๓๙๔ คำอธบิ ายรายวิชา อ ๒๑๑๐๒ ภาษาองั กฤษ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง จำนวน ๑.๕ หน่วยกิต ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาเกี่ยวกับคำสั่ง คำขอร้อง คำแนะชี้แจง ข้อความ นิทาน บทร้อยกรอง เรื่องสั้น ประโยค และส่ือ ที่ไม่ใช่ความเรียง การทักทาย การกลา่ วลา การขอโทษ การขอบคณุ การชมเชย ภาษาที่ใช้แสดงความตอ้ งการ การขอความชว่ ยเหลอื การตอบรบั และปฏิเสธ การใหค้ วามชว่ ยเหลือ โดยใช้คำศัพท์ สำนวน ประโยคข้อความ ที่ใช้ในการขอให้ข้อมูลในการบรรยายกิจวัตรประจำวัน เหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว ใช้ ภาษาและทา่ ทางที่สภุ าพและเหมาะสมกับมายาทของสังคมและวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ของเจา้ ของภาษา ใช้เครื่องหมายวรรคตอนได้ถูกต้อง สามารถบูรณาการเข้ากับกลุ่มสาระอื่นเพื่อใช้ในการศึกษาต่อและประกอบ อาชีพ เพื่อให้มีทักษะในการสื่อสาร ใฝ่เรียนรู้ สามารถคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา โดยใช้เทคโนโลยีประกอบ อย่างมีประสิทธิภาพ รหัสตวั ช้วี ดั ต ๑.๒ ม.๑/๑ , ม.๑/๒ , ม.๑/๓ , ม.๑/๔ ต ๑.๓ ม.๑/๑ , ม.๑/๒ , ม.๑/๓ , ม.๑/๕ ต ๒.๑ ม.๑/๑ ต ๒.๒ ม.๑/๑ ต ๓.๑ ม.๑/๑ ต ๔.๑ ม.๑/๑ รวมทงั้ หมด ๑๒ ตวั ชวี้ ัด

๓๙๕ คำอธบิ ายรายวิชา อ ๒๑๑๐๒ ภาษาองั กฤษ กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๖๐ ชวั่ โมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกติ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาเกี่ยวกับคำสั่ง คำขอร้อง คำแนะชี้แจง ข้อความ นิทาน บทร้อยกรอง เรื่องสั้น ประโยค และสื่อ ทไ่ี มใ่ ชค่ วามเรยี ง การทักทาย การกลา่ วลา การขอโทษ การขอบคณุ การชมเชย ภาษาท่ีใชแ้ สดงความต้องการ การขอความช่วยเหลือ การตอบรับและปฏิเสธ การให้ความช่วยเหลือ โดยใช้คำศัพท์ สำนวน ประโยค ขอ้ ความทใ่ี ช้ในการขอให้ขอ้ มลู ในการบรรยายกจิ วตั รประจำวัน เหตกุ ารณท์ ี่อยใู่ นความสนใจเรอื่ งต่างๆ ใกล้ตัว ใช้ภาษาและท่าทางที่สุภาพและเหมาะสมกับมายาทของสังคมและวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าของ ภาษา ใช้เครอ่ื งหมายวรรคตอนไดถ้ ูกตอ้ ง สามารถบรู ณาการเข้ากบั กลมุ่ สาระอืน่ เพ่ือใช้ในการศึกษาต่อและประกอบอาชพี เพื่อใหม้ ที ักษะในการส่ือสาร ใฝ่เรยี นรู้ สามารถคิดวเิ คราะห์ และแกป้ ญั หา โดยใช้เทคโนโลยีประกอบอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ รหัสตัวชวี้ ดั ต ๑.๒ ม.๑/๑ , ม.๑/๒ , ม.๑/๓ , ม.๑/๔ ต ๑.๓ ม.๑/๑ , ม.๑/๒ , ม.๑/๓ , ม.๑/๕ ต ๒.๑ ม.๑/๑ ต ๒.๒ ม.๑/๑ ต ๓.๑ ม.๑/๑ ต ๔.๑ ม.๑/๑ รวมท้ังหมด ๑๒ ตวั ช้วี ดั

๓๙๖ คำอธบิ ายรายวชิ า อ ๒๑๑๐๒ ภาษาองั กฤษ กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาต่างประเทศ ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๖๐ ช่วั โมง จำนวน ๑.๕ หน่วยกติ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ปฏิบัติตามคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายง่าย ๆที่ฟังและอ่าน อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ และบทร้อยกรองสั้น ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน ระบุ/เขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กบั สื่อที่ไปใช้ความเรียงรูปแบบต่าง ๆ ที่อ่าน เลือกหัวข้อเรื่อง ใจความสำคัญ บอกรายละเอียด สนับสนุนและ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและอ่านพร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างง่าย ๆ ประกอบ สนทนา แลกเปลี่ยนข้อมูล เกี่ยวกับตนเองเรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัวและสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ใช้คำขอร้อง ให้ คำแนะนำ คำาชี้แจงและคำอธิบายตามสถานการณ์ พูดและเขียนแสดงความความต้องการเสนอและให้ความ ช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ ขอและให้ข้อมูลบรรยายแสดง ความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ กิจกรรมและประสบการณ์และให้เหตุผลประกอบอย่าง เหมาะสม บรรยายเกี่ยวกับตนเองกิจวัตรประจำวันประสบการณ์ สรุปใจความสำคัญ แก่นสาระ หัวข้อเรื่องที่ ได้จากการวิเคราะห์เรื่อง/ข่าว/เหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจของสังคม ใช้ภาษาน้ำเสียงและกิริยาท่าทาง เหมาะสมกับบุคคลและโอกาสตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา อธิบายเกี่ยวกับเทศกาลวัน สำคญั ชวี ิตความเปน็ อย่แู ละประเพณีของเจา้ ของภาษาเข้าร่วม/จัดกจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความ สนใจเปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและแตกต่างระหว่างชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของเจ้าของ ภาษากับของไทย ค้นคว้า รวบรวมและสรุปข้อมูล/ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่ง เรียนรู้และนำเสนอด้วยการพูด/การเขียน ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองที่เกิดขึ้นใน ห้องเรียน สถานศึกษาและชมุ ชนใชภ้ าษาต่างประเทศในการสบื ค้น/ค้นควา้ รวบรวมและสรุปความรู้/ข้อมูลตา่ ง ๆ จากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพเผยแพร่/ประชาสัมพันธ์ข้อมูล ข่าวสารของโรงเรียนเป็นภาษาต่างประเทศเพื่อให้มีเจตคติที่ดีต่ อการใช้ภาษาต่างประเทศและใช้ ภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารได้รวมทั้งเข้าถึงองค์ความรู้ต่าง ๆ ได้ง่ายและกว้างขึ้นและมีวิสัยทัศน์ในการ ดำเนินชวี ิตรวมท้ังสามารถถา่ ยทอดความคดิ และวฒั นธรรมไทยไปยงั สงั คมโลกได้อย่างสร้างสรรค์ รหสั ตวั ชว้ี ดั ต ๑.๑ ม.๒/๑ , ม.๒/๒ , ม.๒/๓ , ม.๒/๔ ต ๑.๒ ม.๒/๑ , ม.๒/๒ , ม.๒/๓, ม.๒/๔, ม.๒/๕ ต ๑.๓ ม.๒/๑ , ม.๒/๒ , ม.๒/๓


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook