Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนสัตตบงกช

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนสัตตบงกช

Published by BA_ LON, 2021-12-26 09:09:46

Description: หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนสัตตบงกช

Search

Read the Text Version

๖๔๗ คำอธบิ ายรายวิชา(พ้ืนฐาน) รหัสวิชา ส ๒๒๑๐๑ วชิ าสงั คมศึกษา กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๒๐ ช่ัวโมง จำนวน ๐.๕ หน่วยกติ (K)ศกึ ษาวเิ คราะห์ความสำคญั ของเวลาและยคุ สมัยทางประวัตศิ าสตร์ วิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ คณุ ค่า และประโยชน์ของวิธีการทางประวัตศิ าสตร์ทม่ี ตี ่อการศกึ ษาทางประวัติศาสตร์ ประเด็นสำคญั ทาง ประวตั ศิ าสตร์ตั้งแต่ความเป็นมาของชาตไิ ทยสมัยก่อนอาณาจกั รสุโขทยั จนถงึ การเปลีย่ นแปลงการปกครอง ความสำคญั ของสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ตอ่ ชาตไิ ทย ปัจจัยที่สง่ เสริมการสรา้ งสรรค์ภูมปิ ญั ญาไทยและ วัฒนธรรมไทยซึ่งมีผลตอ่ สังคมไทยในยคุ ปจั จุบัน บทบาทของสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ในการพัฒนาชาตไิ ทยใน ดา้ นตา่ ง ๆ อทิ ธพิ ลของวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกท่มี ตี อ่ สงั คมไทย ผลงานของบคุ คลสำคญั ทั้งชาวไทย และตา่ งประเทศทมี่ สี ่วนสรา้ งสรรคว์ ฒั นธรรมไทยและประวตั ิศาสตร์ไทย ปจั จยั และบคุ คลท่ีสง่ เสรมิ สร้างสรรค์ ภูมิปญั ญาไทย และวัฒนธรรมไทยทมี่ ีผลตอ่ สงั คมไทยในปจั จบุ นั สภาพแวดลอ้ มทมี่ ผี ลตอ่ การสรา้ งสรรคภ์ มู ิ ปัญญาและวฒั นธรรมไทยการกำหนดแนวทางและการมีสว่ นรว่ มอนุรักษภ์ มู ปิ ัญญาไทยและวฒั นธรรมไทย (P)โดยใชว้ ธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์กระบวนการคดิ วเิ คราะห์ กระบวนการคดิ อย่างมีวิจารณญาณ กระบวนการกลุ่มกระบวนการเผชิญสถานการณ์และกระบวนการแก้ปัญหา บรู ณาการเช่อื มโยงความรแู้ ละทักษะต่าง ๆ ด้วยการสรา้ ภาพตดั ต่อโดยโปรแกรม Photo shop ภายใต้ หัวข้อ“ครรลองเอกลักษณ์” โดยเชือ่ มโยงความร้เู กย่ี วกบั การวเิ คราะห์สภาพภมู ิศาสตรข์ องจังหวัดอ่างทองภูมิ ปัญญาและวัฒนธรรมทสี่ ำคญั ของจงั หวัดอ่างทอง และแนวทางการอนรุ ักษ์และเผยแพร่ภูมปิ ัญญาและ วฒั นธรรมของจงั หวัดอ่างทองโดยนำความรู้บรู ณาการกับกลุ่มสาระการเรยี นรอู้ น่ื (A) เพอ่ื ใหเ้ กิดความรคู้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกบั พฒั นาการของมนษุ ยชาติในภูมภิ าคต่าง ๆ ในทวีปเอเชยี จาก อดตี จนถึงปจั จุบนั ใหต้ ระหนกั ถึงความสำคญั และผลกระทบท่ีเกิดขนึ้ มคี ณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ในดา้ นรักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ใฝเ่ รยี นรู้ มุง่ ม่ันในการทำงาน มีวนิ ัย ซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ มีความรกั ความภมู ิใจและธำรงความเปน็ ไทย

๖๔๘ รหสั ตัวชีว้ ดั ส ๔.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ส ๔.๒ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ส ๔.๓ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ รวมท้ังหมด ๘ ตวั ช้วี ัด

๖๔๙ คำอธบิ ายรายวชิ า รหสั วิชา ส ๒๒๑๐๒ วิชาประวัติศาสตร์ กลุม่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๒๐ ช่วั โมง จำนวน ๐.๕ หน่วยกติ ศกึ ษาความน่าเชือ่ ถอื ของหลักฐานทางประวตั ิศาสตรใ์ นลกั ษณะต่าง ความแตกต่างระหว่างความจรงิ กบั ข้อเท็จจริงของเหตกุ ารณท์ างประวัติศาสตร์และการตคี วามหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ น่ี า่ เช่ือถือพัฒนาการ ทางสังคมเศรษฐกิจและการเมอื งของภูมิภาคเอเชยี และความสำคญั ของแหลง่ อารยธรรมโบราณในภมู ิภาค เอเชีย เพ่ือเห็นความสำคัญ ประเมิน อธบิ าย วิเคราะห์และระบุหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ทำให้เกิดการใฝ่ เรียนรู้ ม่งุ มั่นในการทำงานมวี นิ ัยและรักความเปน็ ไทย รหสั ตัวชวี้ ัด ส ๔.๑ ม.๒/๑ , ม.๒/๒ , ม.๒/๓ ส ๔.๒ ม.๒/๑ ,ม.๒/๒ รวมท้งั หมด ๕ ตัวชี้วดั

๖๕๐ คำอธบิ ายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกิต รหสั วชิ า ส ๒๒๑๐๓ วิชา สังคมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม ศาสนาและวฒั นธรรม ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๖๐ ชัว่ โมง ศกึ ษาปจั จัยทม่ี ีผลต่อการลงทุนและการออม ปจั จัยการผลิตและบริการ ปจั จยั ทม่ี ีอิทธพิ ลต่อการผลิต สนิ คา้ และบรกิ ารในท้องถิน่ ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกฎหมายคมุ้ ครองผู้บริโภคระบบเศรษฐกิจ การพ่งึ พา อาศัยกนั การแข่งขันกันทางดา้ นเศรษฐกจิ และการคา้ ในประเทศและตา่ งประเทศทส่ี ง่ ผลตอ่ คุณภาพสินคา้ และ ราคาสนิ คา้ ทรัพยากรกรและการกระจายทรพั ยากรในโลกทส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ระหว่างประเทศ ศกึ ษาลกั ษณะกายภาพ ลกั ษณะสังคม ความสัมพันธ์ระหวา่ งลกั ษณะกายภาพและลกั ษณะ สังคมของทวปี ยุโรปและทวปี แอฟรกิ าการเกดิ สิง่ แวดล้อมใหม่อันเป็นผลจากการเปลีย่ นแปลงทางธรรมชาติ และสงั คม ปญั หาสง่ิ แวดล้อมแนวทางการอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อมและผลกระทบที่ไทย ได้รับจากการเปลีย่ นแปลงของสงิ่ แวดลอ้ มในทวีปยุโรปและแอฟริกา เพื่อใหส้ ามารถอธิบาย ระบุ ยกตัวอยา่ ง วิเคราะห์ อภปิ ราย รวบรวมข้อมูลสำรวจและเสนอ แนวทางได้ตามหลกั การทางเศรษฐศาสตรใ์ ช้เครอ่ื งมือทางภูมิศาสตร์ในการคน้ คว้าหาข้อมลู ได้อย่างถกู ตอ้ งทำ ให้เกิดการใฝเ่ รยี นใฝร่ แู้ ละอยอู่ ยา่ งพอเพียง รหสั ตวั ช้วี ดั ส ๓.๑ ม.๒/๑ , ม.๒/๒ , ม.๒/๓ , ม.๒/๔ ส ๓.๒ ม.๒/๑ , ม.๒/๒ , ม.๒/๓ ,ม.๒/๔ ส ๕.๑ ม.๒/๑ , ม.๒/๒ ส ๕.๒ ม.๒/๑ , ม.๒/๒ ,ม.๒/๓ , ม.๒/๔ รวมทง้ั หมด ๑๔ ตัวช้ีวัด

๖๕๑ คำอธบิ ายรายวิชา รหสั วิชา ส ๒๒๑๐๔ วิชาประวัตศิ าสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๒๐ ชว่ั โมง จำนวน ๐.๕ หน่วยกิต ศกึ ษา พัฒนาการของอาณาจักรอยธุ ยาและธนบุรใี นด้านต่าง ๆ รวมถึงปัจจัยทีส่ ง่ ผลต่อความมัน่ คง ความเจริญรงุ่ เรืองของอาณาจกั รอยุธยา ศกึ ษาภูมปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทยสมยั อยธุ ยาและธนบรุ ีและอิทธิพลของภมู ิปัญญาดังกล่าว ต่อการ พัฒนาชาติไทยในยุคต่อมา เพอื่ ระบุวิเคราะหพ์ ัฒนาการภูมปิ ัญญาและวัฒนธรรมไทย ในสมยั อยธุ ยาและธนบรุ ี ทำใหเ้ กดิ การใฝ่ เรยี นรรู้ กั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ รหัสตัวชี้วดั ส ๔.๓ ม.๒/๑, ม.๒/๒ , ม.๒/๓ รวมทั้งหมด ๓ ตัวชีว้ ัด

๖๕๒ คำอธบิ ายรายวิชา รหสั วชิ า ส ๒๓๑๐๑ วชิ าประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง จำนวน ๑.๕ หน่วยกติ ศกึ ษาการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา การนับถือพระพุทธศาสนา ของประเทศต่าง ๆท่วั โลกพุทธประวัตแิ ละ ความสำคญั ของพระพทุ ธศาสนา ประวตั ิพทุ ธสาวก ชาดก และ ศาสนิกชนตัวอยา่ ง หลักธรรมสำคัญไดแ้ ก่ กรอบอรยิ สัจ ๔ สังฆคณุ ๙ พุทธศาสนสุภาษติ และการปฏิบัติตนตามหลกั ธรรมทิศเบอื้ งขวาในทศิ ๖ พุทธ ปณิธาน ๔ในมหาปรนิ ิพพานสตู ร หนา้ ท่ชี าวพุทธ มารยาทชาวพทุ ธเพ่อื การด ารงชีวติ อยา่ งเหมาะสม การธ ารงรักษาศาสนาเช่นการปฏิบตั ิตนในวนั สำคญั ทางพระพทุ ธศาสนาการปฏบิ ัตติ น ศาสนพธิ ี เช่นการแสดงตน เป็นพุทธมามกะ การพฒั นาการเรียนร้ดู ้วยวิธีคดิ แบบโยนโิ สมนสกิ าร การสวดมนตแ์ ละแผเ่ มตตา การบริหาร จิตและเจรญิ ปญั ญาตามหลักสติปฏั ฐาน และวถิ กี ารดำเนินชวี ติ ของศาสนิกชนศาสนาอน่ื ๆ ศึกษากฎหมายอาญา กฎหมายแพ่งกฎหมายสทิ ธิมนุษยชนและการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมไทย ศึกษาระบอบการปกครองในปจั จบุ นั และปญั หาความขดั แยง้ ภายในประเทศ ศึกษาการปกครองของไทยกับประเทศอ่นื ๆทม่ี ีการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยและปัญหาทเี่ ป็น อุปสรรคตอ่ การพัฒนาประชาธิปไตยของไทยรวมท้งั ผลกระทบและแนวทางทางแกไ้ ข ศึกษาบทบญั ญตั ขิ องรัฐธรรมนญู บทบาทหน้าทส่ี ำคญั ของรฐั และ การตรวจสอบอำนาจรัฐ เพ่อื ใหม้ คี วามรคู้ วามเข้าใจและสามารถปฏิบัตติ นเปน็ พลเมอื งดขี องประเทศชาติและการอยรู่ ว่ มกัน อยา่ งสนั ตสิ ขุ ในประเทศและสังคมโลกตามหลักการของพระพทุ ธศาสนา

๖๕๓ รหัสตัวชวี้ ัด ส ๑.๑ ม.๓/๑ , ม.๓/๒, ม.๓/๓ , ม.๓/๔ , ม.๓/๕, ม.๓/๖ , ม.๓/๗ , ม.๓/๘ ,ม.๓/๙ , ม.๓/๑๐ ส ๑.๒ ม.๓/๑, ม.๓/๒ ,ม.๓/๓ , ม.๓/๔ , ม.๓/๕ ,ม.๓/๖ ,ม.๓/๗ ส ๒.๑ ม.๓/๑ , ม.๓/๒ , ม.๓/๓ , ม.๓/๔ , ม.๓/๕ ส ๒.๒ ม.๓/๑, ม.๓/๒ , ม.๓/๓ , ม.๓/๔ รวมท้งั หมด ๒๖ ตวั ชว้ี ัด

๖๕๔ คำอธบิ ายรายวิชา(พนื้ ฐาน) รหัสวิชา ส ๒๓๑๐๒ วิชาประวตั ศิ าสตร์ กลุม่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๒๐ ช่วั โมง จำนวน ๐.๕ หน่วยกติ (K)ศกึ ษาวิเคราะหเ์ รอ่ื งราวเหตกุ ารณ์สำคัญทางประวตั ศิ าสตร์ได้อยา่ งมีเหตุผลตามวิธีการทาง ประวัตศิ าสตร์ใช้วิธกี ารทางประวตั ิศาสตรใ์ นการศกึ ษาเรือ่ งราวต่าง ๆ ที่ตนสนใจพฒั นาการของไทยสมยั รตั นโกสนิ ทรใ์ นดา้ นต่าง ๆ ปัจจัยทส่ี ่งผลต่อความม่นั คงและความเจรญิ รงุ่ เรืองของไทยในสมยั รตั นโกสนิ ทร์ บทบาทของพระมหากษตั รยิ ใ์ นราชวงศ์จกั รใี นการสร้างสรรคค์ วามเจรญิ และความมนั่ คงของชาตพิ ฒั นาการ ของไทยในสมยั รตั นโกสนิ ทรท์ างดา้ นการเมืองการปกครอง สังคม เศรษฐกิจ และความสมั พันธ์ระหวา่ ง ประเทศตามชว่ งสมัยตา่ ง ๆ เหตุการณส์ ำคญั สมัยรัตนโกสนิ ทรท์ มี่ ผี ลต่อการพัฒนาชาตไิ ทย โดยวเิ คราะห์ สาเหตปุ จั จยั และผลของเหตกุ ารณ์ภมู ิปัญญาและวฒั นธรรมไทยสมัยรตั นโกสนิ ทร์ และอิทธพิ ลต่อการพัฒนา ชาติไทย และบทบาทของไทยในสมัยประชาธปิ ไตยพัฒนาการทางสังคม เศรษฐกจิ และการเมอื งของภูมภิ าค ต่าง ๆ ในโลกโดยสังเขป (P)โดยใชว้ ธิ ีการทางประวัตศิ าสตร์ กระบวนการคดิ กระบวนการสืบค้นขอ้ มลู กระบวนการทางสังคม กระบวนการปฏิบัติกระบวนการเผชิญสถานการณแ์ ละแกป้ ัญหากระบวนการกลุ่ม บรู ณาการเชอ่ื มโยงความรูแ้ ละทกั ษะต่าง ๆ ดว้ ยการออกแบบและใชเ้ ทคโนโลยีในการทำหนังสอื อิเล็กทรอนิกส์ (e-book) คือ “ประจักษ์ถนิ่ กำเนิด” โดยเชอ่ื มโยงความรู้เก่ยี วกบั การวิเคราะห์สภาพภมู ศิ าสตร์ ของจังหวัดอา่ งทอง ภมู ิปญั ญาและวฒั นธรรมท่ีสำคญั ของจงั หวดั อ่างทอง และแนวทางการอนุรกั ษ์และ เผยแพรภ่ ูมปิ ญั ญาและวัฒนธรรมของจงั หวัดอา่ งทอง โดยนำความรู้บูรณาการกบั กลมุ่ สาระการเรียนร้อู ่นื (A)เพื่อให้เกิดความรู้ความเขา้ ใจในการนำวิธีการทางประวตั ศิ าสตรม์ าใชศ้ กึ ษาเรอื่ งราวทีเ่ กยี่ วขอ้ งกับ ตนเองครอบครวั ทอ้ งถนิ่ ของตนเองและประวตั ิศาสตรส์ มัยรตั นโกสินทรต์ ลอดจนพัฒนาการในภมู ิภาคต่าง ๆ ของโลก เกดิ ความรักความภาคภมู ิใจในความเป็นไทยตระหนกั ถงึ ความสำคัญของการเปลยี่ นแปลงในภูมิภาค ต่าง ๆ ของโลกและผลกระทบท่ีเกดิ ขึน้ จากความเปลีย่ นแปลงดงั กล่าว มคี ณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคใ์ นด้านรัก ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซื่อสตั ยส์ จุ รติ มวี ินัย ใฝเ่ รยี นรู้อยู่อยา่ งพอเพียง มุง่ ม่นั ในการทำงานรักความเปน็ ไทย มีจติ สาธารณะสามารถดำเนนิ ชีวิตอยูร่ ว่ มกนั ได้อย่างสันตสิ ขุ

๖๕๕ รหัสตัวชีว้ ัด ส ๔.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ส ๔.๒ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ส ๔.๓ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ รวมทั้งหมด ๘ ตวั ชีว้ ัด

๖๕๖ คำอธบิ ายรายวิชา กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา จำนวน ๑.๕ หน่วยกิต รหัสวิชา ส ๒๓๑๐๓ วชิ า สังคมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม ศาสนาและวฒั นธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๖๐ ชวั่ โมง ศกึ ษาความหมายของ อปุ สงค์ อปุ ทาน กลไกราคา ตลาดการกำหนดราคาสนิ คา้ และบรกิ าร ใน ระบบเศรษฐกิจสภาพปญั หาทอ้ งถนิ่ แนวทางการแก้ไขปัญหาการพฒั นาท้องถนิ่ ตามหลักปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง หลกั การของระบบสหกรณ์ บทบาทหน้าท่ีนโยบาย กจิ กรรมทางเศรษฐกิจของรฐั การ รวมกลมุ่ ทางเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ ในภูมิภาคต่างๆ ภาวะเงนิ เฟอ้ เงนิ ฝืด การว่างงาน การคา้ และการ ลงทนุ ระหวา่ งประเทศการกีดกนั ทางการค้ารวมทั้งผลกระทบและแนวทางแกป้ ญั หา ศกึ ษาเครือ่ งมอื ทางภูมิศาสตร์ทแ่ี สดงลกั ษณะทางกายภาพและสงั คมของทวีปอเมริกาเหนอื และ อเมริกาใต้ การเปลย่ี นแปลงประชากรเศรษฐกิจ สงั คม และ วัฒนธรรม ทรพั ยากรธรรมชาติ ส่งิ แวดล้อม ปญั หาสิง่ แวดล้อมและผลกระทบต่อเน่อื งท่ีมผี ลต่อประเทศไทย เพ่ือใหม้ คี วามรคู้ วามสามารถในการอธบิ ายวเิ คราะหร์ ะบบเศรษฐกิจตามหลักเศรษฐศาสตร์ และ เลือกใช้เครือ่ งมือทางภูมศิ าสตรใ์ นการรวบรวมขอ้ มลู ต่าง ๆ ได้ถกู ต้อง ทำใหเ้ กดิ การใฝ่เรยี นรมู้ ุ่งม่ันในการ ทำงานมวี จิ ารญาณ มีวินยั ซอ่ื สตั ย์สุจรติ มจี ิตสาธารณะอยอู่ ย่างพอเพยี ง รหสั ตัวช้วี ัด ส ๔.๑ ม.๓/๑ , ม.๓/๒ ส ๔.๒ ม.๓/๑ , ม.๓/๒ รวมท้งั หมด ๔ ตวั ชีว้ ดั

๖๕๗ คำอธบิ ายรายวชิ า รหสั วชิ า ส ๒๓๑๐๔ วชิ า ประวตั ิศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๓ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๒๐ ชั่วโมง จำนวน ๐.๕ หนว่ ยกติ ศกึ ษาพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของไทยสมัยรตั นโกสินทร์ ปัจจยั ทสี่ ง่ ผลต่อความมั่นคงและความ เจริญรุ่งเรืองของไทยสมัยรัตนโกสนิ ทร์ ภมู ปิ ัญญาและวัฒนธรรมไทยสมยั รัตนโกสนิ ทรแ์ ละอทิ ธิพลตอ่ การ พฒั นาชาติ บทบาทของไทยในสมัยประชาธิปไตย เพ่อื ให้มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจและสามารถวิเคราะหเ์ หตกุ ารณส์ ำคัญในประวตั ิศาสตร์ไทยสมยั รตั นโกสนิ ทร์ ภูมิปัญญาไทยและบทบาทของไทยในสมยั ประชาธิปไตย ทำให้เกิดการใฝเ่ รียนรู้รักความเปน็ ไทย รักชาตศิ าสน์ กษัตริย์ มุง่ มน่ั ในการทำงานมจี ติ สาธารณะ รหัสตวั ชวี้ ดั ส ๔.๓ ม.๓/๑, ม.๓/๒ , ม.๓/๓ , ม.๓/๔ รวมท้งั หมด ๔ ตวั ชวี้ ัด

๖๕๘ คำอธบิ ายรายวิชา รหสั วิชา ส ๒๑๒๐๑ วิชา ทอ้ งถน่ิ ของเรา๑ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๒๐ ชว่ั โมง จำนวน ๐.๕ หน่วยกติ ศกึ ษาลกั ษณะทั่วไปของจงั หวัดอ่างทอง ประวตั ิความเปน็ มา สภาพแวดล้อมทางภมู ิศาสตรแ์ ละ อาณาจักรโบราณทเี่ ก่ยี วขอ้ ง การประกอบอาชีพ ระบบเศรษฐกิจพอเพยี ง อทิ ธพิ ลของสภาพแวดลอ้ มทั้งทาง ธรรมชาตแิ ละทางสงั คมท่ีมตี ่อการด ารงชีวติ ของคนในทอ้ งถิ่น เพ่ือใหม้ คี วามภาคภมู ใิ จ รกั และผกู พนั กับท้องถ่ินของตน ผลการเรยี นรู้ ๑.รแู้ ละเขา้ ใจ ประวตั ิความเป็นมาของจังหวดั อา่ งทอง ๒.เข้าใจความหมายและขอบเขตของท้องถ่นิ ตลอดจนทีต่ ้งั ลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะภูมิอากาศและทรพั ยากรธรรมชาตขิ องท้องถ่นิ ตน ๓.มีความรู้ความเขา้ ใจลักษณะเศรษฐกิจและการประกอบอาชีพของประชาชนในจงั หวัด อ่างทอง ๔.รแู้ ละเขา้ ใจแนวคดิ เรือ่ งเรอ่ื งเศรษฐกจิ พอเพียง สามารถนำหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งไปใชใ้ น ชวี ติ ประจำวันได้ รวมทั้งหมด ๔ ผลการเรียนรู้

๖๕๙ คำอธบิ ายรายวิชา รหสั วิชา ส ๒๑๒๐๒ วชิ า ท้องถนิ่ ของเรา๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรม ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๒๐ ชวั่ โมง จำนวน ๐.๕ หนว่ ยกติ ศกึ ษาแหล่งท่องเทยี่ วโบราณสถาน โบราณวัตถแุ ละหัตถกรรมพืน้ บา้ นขนบธรรมเนยี มประเพณี ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละบุคคลสำคัญในท้องถนิ่ เพ่อื ใหเ้ กิดความรู้ความเข้าใจวถิ ีการดำรงชวี ิตขนบธรรมเนยี มประเพณีมคี วามภาคภูมิใจรกั ษาและ ผูกพนั กบั ท้องถ่นิ ตนและรว่ มมอื กันอนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ และวฒั นธรรมของทอ้ งถิ่น ผลการเรยี นรู้ ๑. รแู้ ละเขา้ ใจความเป็นมาและตระหนักถึงความสำคัญของแหล่งทอ่ งเท่ยี วในอ่างทอง ๒. รแู้ ละเขา้ ใจขนบธรรมเนียมประเพณีและศิลปะพนื้ บา้ นทม่ี อี ยู่ในจงั หวัดอ่างทอง ๓. รแู้ ละเขา้ ใจปัญหาทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นตลอดจนเสนอแนวทางในการอนุรักษ์ ๔. รแู้ ละเข้าใจประวัติและผลงานของบคุ คลสำคัญในท้องถิ่นทง้ั อดตี และปจั จุบันได้ รวมทง้ั หมด ๔ ผลการเรยี นรู้

๖๖๐ คำอธบิ ายรายวชิ า รหสั วิชา ส ๒๑๒๐๓ วิชา โลกศกึ ษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง จำนวน ๑.๐ หนว่ ยกิต ศกึ ษาองค์ความรเู้ กยี่ วกบั ความเปน็ ไปของโลกในประเด็นเหตกุ ารณ์ของโลกในปจั จุบนั ในฐานะการเป็น พลเมอื งโลก (Global Education) การแกป้ ญั หาความขดั แยง้ ความเปน็ ธรรมในสังคม ค่านิยมและ สภาพการณ์ การพฒั นาที่ยั่งยนื สทิ ธิมนษุ ยชน การพ่ึงพาอาศยั ซง่ึ กนั และกนั และความหลากหลาย จดั เสริมประสบการณ์ วเิ คราะห์ สังเคราะหข์ อ้ มูลนำเสนอดว้ ยสื่อเทคโนโลยี เผยแพร่ความรู้สูช่ มุ ชนและ แลกเปลยี่ นเรยี นรู้กบั นานาอารยะ กจิ กรรมเพมิ่ ทกั ษะพืน้ ฐาน ทักษะการเรยี นรู้ และพัฒนาตนเอง ทกั ษะการ ทำงาน และทกั ษะพลเมอื ง (Process) เพื่อให้มคี วามเขา้ ใจในสภาวการณ์ปจั จบุ นั แนวโนม้ ในอนาคตของโลก ตระหนักถงึ ผลกระทบของ กระแสโลกาวิวัฒนท์ ่ีจะเกิดจากความแตกตา่ งในสงั คม เศรษฐกจิ การเมอื ง ศลิ ปะ วัฒนธรรม เพอื่ การอยู่ ร่วมกนั ในสังคมอยา่ งสนั ตสิ ุข (Global Citizenship) ผลการเรยี นรู้ ๑. มีความรคู้ วามเข้าใจเกยี่ วกับการเป็นพลโลก การแกป้ ญั หาความขดั แยง้ ความเป็นธรรมในสังคม ค่านิยมและสภาพการณ์ การพฒั นาทย่ี ั่งยนื สทิ ธิมนุษยชน การพง่ึ พาอาศยั ซึง่ กนั และกนั และความหลากหลาย ๒. วิเคราะห์เกี่ยวกบั สถานการณ์โลกในปัจจุบนั และอธิบายถงึ ผลกระทบของกระแสโลกาววิ ฒั น์ และ สามารถนำเสนอวิธีการแก้ไข (Conflict Resolution) รวมท้งั หมด ๒ ผลการเรียนรู้

คำอธบิ ายรายวชิ า ๖๖๑ รหสั วิชา ส ๒๒๒๐๑ วิชา กฎหมายในชวี ติ ประจำวัน๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม จำนวน ๐.๕ หนว่ ยกิต ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๒๐ ชว่ั โมง ศึกษากฎหมายท่ีเก่ยี วข้องกับตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และประเทศ ไดแ้ ก่ กฎหมายเกีย่ วกบั ความสามารถของผูเ้ ยาว์ กฎหมายบัตรประจำตัวประชาชน กฎหมายเพ่งเก่ยี วกบั ครอบครัว ทรัพย์สนิ และ มรดกเช่น การหมนั้ การสมรสการรับรองบตุ รการรับบุตร บุญธรรม เปน็ ต้น เพือ่ ใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจกฎหมายดังกลา่ วสามารถปฏบิ ัติตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ หนา้ ท่ีและ เสรีภาพในฐานะพลเมอื งดีในระบอบประชาธิปไตย ผลการเรียนรู้ ๑.มีความรคู้ วามเข้าใจกฎหมายท่ีเกีย่ วข้องกบั ตนเองและสามารถปฏบิ ัติตนตามสถานภาพ บทบาท สทิ ธิ เสรภี าพและหน้าท่ีได้ ๒. มคี วามร้คู วามเข้าใจกฎหมายทเ่ี กยี่ วข้องกับครอบครัว และสามารถปฏิบตั ติ นตามสถานภาพ บทบาท สิทธิหนา้ ท่แี ละ เสรีภาพ ตามฐานะพลเมืองดใี นระบอบประชาธิปไตยได้ รวมทง้ั หมด ๒ ผลการเรียนรู้

คำอธบิ ายรายวชิ า ๖๖๒ รหัสวิชา ส ๒๒๒๐๒ วิชา กฎหมายในชีวติ ประจำวนั ๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม จำนวน ๐.๕ หน่วยกติ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๒ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๒๐ ชว่ั โมง ศึกษากฎหมาย ที่เกยี่ วขอ้ งกับตนเอง ครอบครัว ชุมชน และประเทศ ไดแ้ ก่ กฎหมายเกีย่ วกบั การ อนรุ กั ษธ์ รรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม กฎหมายเกีย่ วกับภาษีอากร กฎหมายจราจรทางบก กฎหมายยาเสพติดให้ โทษ กฎหมายการศึกษา กฎหมายการรบั ราชการทหาร กฎหมายแรงงาน กฎหมายการคุ้มครองผู้บรโิ ภค เพอื่ ใหม้ คี วามรู้ความเขา้ ใจกฎหมายดงั กลา่ วและสามารถปฏบิ ตั ติ นตามสถานภาพ บทบาท สทิ ธิ หนา้ ที่ และเสรภี าพ ในฐานะพลเมืองดีในระบอบประชาธปิ ไตย ผลการเรียนรู้ ๑. มีความรคู้ วามเข้าใจกฎหมายทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั ชุมชนและสมารถปฏิบัตติ นตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ หนา้ ทีแ่ ละเสรภี าพ ตามฐานะพลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตยได้ ๒. มคี วามรู้ความเข้าใจกฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับประเทศ และสมารถปฏบิ ตั ิตนตามสถานภาพ บทบาท สทิ ธิหนา้ ทีแ่ ละเสรีภาพ ตามฐานะพลเมืองดใี นระบอบประชาธิปไตยได้ รวมทงั้ หมด ๒ ผลการเรยี นรู้

๖๖๓ คำอธิบายรายวิชา รหสั วชิ า ส ๒๓๒๐๑ วิชา เศรษฐศาสตร๑์ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๒๐ ชว่ั โมง จำนวน ๐.๕ หน่วยกติ ศกึ ษาความหมาย ความสำคัญ ประโยชน์ ความสมั พันธ์ของเศรษฐศาสตร์กบั ศาสตรอ์ ่นื ๆ แขนงของ เศรษฐศาสตร์ ความหมายปจั จยั การผลิต กจิ กรรมทางเศรษฐกิจ หน่วยเศรษฐกิจ คา่ ตอบแทนเจ้าของปัจจยั การผลติ การผลิต การบริการ การบรโิ ภค กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ การหารายไดก้ ารวางแผนการใช้ จ่ายเงินของครอบครัว การบริโภคของบคุ คลและครอบครวั การวางแผนทางการเงินของครอบครวั ปัจจัยทมี่ ผี ล ต่อการลงทุนและการออมของครอบครวั เพ่อื ใหม้ คี วามรคู้ วามเข้าใจในการบรหิ ารจัดการทรัพยากร สามารถอธิบายวเิ คราะห์อภปิ รายมสี ่วน ร่วมในการบรหิ ารจดั การรายได้ รายจา่ ยของครอบครัวและเห็นคณุ ค่าในการนำไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจำวนั ทำให้เกดิ การใฝเ่ รยี นรู้ มวี จิ ารญาณ มวี นิ ัย อยอู่ ย่างพอเพียง และมุง่ มนั่ ในการทำงาน ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ผลการเรียนรู้ ๑. รแู้ ละเข้าใจเกย่ี วกบั เศรษฐศาสตรแ์ ละตระหนกั ในความสำคญั ของการเลือกใชท้ รัพยากรเพอื่ พัฒนา ตนเองเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศ ๒. รู้และเข้าใจบทบาททางเศรษฐกิจของหนว่ ยธุรกิจและหนว่ ยรฐั บาลในการบริหารจัดการจดั สรร ทรัพยากรในการผลิตและพฒั นาประเทศ ๓. รู้และเขา้ ใจกลไกราคาและสามารถนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ๔. รู้และเข้าใจในการหารายได้ของครอบครัวและเลอื กประเภทอาชีพได้เหมาะสม ๕. สามารถจัดทำงบประมาณการบริโภคของตนเองและครอบครวั ได้ ๖. รู้และเข้าใจการวางแผนทางการเงนิ ของครอบครวั และจัดทำบญั ชคี รัวเรอื นได้ รวมทง้ั หมด ๖ ผลการเรียนรู้

๖๖๔ คำอธบิ ายรายวิชา รหัสวิชา ส ๒๓๒๐๒ วิชา เศรษฐศาสตร๒์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สงั คมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๒๐ ชวั่ โมง จำนวน ๐.๕ หน่วยกติ ศกึ ษาความหมายของผบู้ รโิ ภค สทิ ธิของผู้บรโิ ภคตามกฎหมาย กฎหมายเกย่ี วกับการคุ้มครอง ผบู้ รโิ ภคดา้ นต่าง ๆ และหน่วยงานท่เี กยี่ วขอ้ งกับการคุ้มครองผู้บรโิ ภค วธิ ดี าเนนิ การเมื่อถกู ละเมิดสทิ ธิ ผ้บู รโิ ภคการขายตรง ตลาดแบบตรง ความหมายของการวางแผนและความสำคัญของการพฒั นาเศรษฐกจิ การพัฒนาเศรษฐกิจของไทยในอดีตและปจั จบุ นั การนำหลกั ของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยกุ ต์ใช้ เพอ่ื ใหเ้ กิดความรคู้ วามเขา้ ใจ สามารถวเิ คราะห์และด าเนินการพทิ ักษส์ ทิ ธิผูบ้ ริโภค บอกนโยบายของ รฐั ในการพฒั นาประเทศ และเห็นคุณคา่ ของการพฒั นาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจำวัน ทำให้ เกิดการใฝเ่ รียนรู้ มีวิจารณญาณ มีวนิ ยั อยอู่ ย่างพอเพียง ซือ่ สัตยส์ จุ รติ ผลการเรยี นรู้ ๑. รแู้ ละเข้าใจนโยบายของรฐั บาลตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตฉิ บบั ปจั จุบันและเหน็ คณุ คา่ ของการนำหลักเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ประจำวนั ๒. สามารถตัดสนิ ใจในการดำเนินกจิ กรรมการพทิ กั ษ์สทิ ธแิ ละผลประโยชน์ตามกฎหมายและคณุ ธรรม ในฐานะผู้บริโภค รวมทงั้ หมด ๒ ผลการเรียนรู้

๖๖๕ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน

๖๖๖ กิจกรรมลูกเสอื เนตรนารี ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑-๓ เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำผู้ตามที่ดี ความรับผิดชอบ การทำงาน ร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน การ ประนีประนอม เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สงั คมและสติปญั ญา ดำเนินการตามกระบวนการลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยใช้การศึกษา วิเคราะห์ วางแผนการจัด กิจกรรมตามมาตรฐาน เน้นระบบหมู่ สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกอง ตามหลักสูตรลูกเสือ/เนตร นารีสามัญรุ่นใหญ่ ปฏิบัติกิจกรรมที่ก่อให้เกิดคุณธรรม คุณลักษณะ ตามคติพจน์ คำปฏิญาณและกฎของ ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ระเบียบวินัยทางลูกเสือ ทักษะทางลูกเสือ เกี่ยวกับการช่วยเหลือตนเองแ ละการ ช่วยเหลือผู้อื่น การปฐมพยาบาลเบื้องตัน ตระหนักในความสำคัญของกิจการลูกเสือแห่งชาติ ปฏิบัติกรรมเพื่อ ตอบแทนพระคุณบิดา มารดาและผู้มีพระคุณ รู้จักและเข้าใจเพื่อช่วยเหลือและซักจูงให้ปฏิบัติตนเป็นคนดี สรา้ งความสัมพนั ธ์อนั ดีกับเพ่ือน ตระหนกั ในปญั หาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมของชุมชน เรียนรู้มรดก ภมู ิปัญญาไทยของทอ้ งถนิ่ ในคณุ คา่ ละคณุ ประโยชน์

๖๖๗ กิจกรรมยุวกาขาด ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ เป็นการจัดกิจกรรมโดยใชก้ ระบวนการที่มงุ่ เนน้ การพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ในระบบหน่วย กล่มุ หมู่ เพอ่ื ใหม้ ีความรู้ ความเขา้ ใจ และเกิดทักษะเกยี่ วกับการปฏิบัตติ าม หลักการกาชาดและยวุ กาชาด การคุ้มครอง กฎหมายมนุษยธรรม สิทธิมนุษยชน การช่วยเหลือ การรักษาสุขภาพและสมรรถภาพที่ดี บำเพ็ญตนให้เป็น ประโยชน์ต่อส่วนรวม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การสร้างสัมพันธภาพและความเข้าใจอันดี อันจะนำไปสู่สันติภาพ ก่อให้เกดิ ความสขุ ในการอยรู่ ว่ มกนั ซ่งึ มเี นอื้ หาวชิ าให้นกั เรียนได้เรียนรู้และศึกษาเกยี่ วกับ ประวัติความเป็นมา หลักการกาชาดเบื้องต้น การเสริมสร้างสุขภาพส่วนบุคคล ความสามัคคีและความพร้อมเพรียงความมีระเบียบ วินัยและความอดทน การบำเพ็ญประโยชน์ การให้บริการผู้อื่น กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ การเสริ สร้างสุขภาพส่วนรวม ความสง่างามและความคล่องแคล่ว ว่องไว ฝึกทักษะระเบียบแถว การปฏิบัติตามคำส่ัง การเดินสวนสนาม การทำความเคารพ การบำเพ็ญประโยชน์ การจัดโครงการบำเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชนและ สงั คม

๖๖๘ กจิ กรรมยุวกาชาด ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ เป็นการจัดกจิ กรรมโดยใช้กระบวนการที่มงุ่ เนน้ การพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ในระบบหน่วย กลุ่มหมู่ เพือ่ ใหม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจ และเกิดทกั ษะเก่ียวกับการปฏบิ ตั ิตาม หลักการกาชาดและยุวกาชาด การคมุ้ ครอง กฎหมายมนุษยธรรม สิทธิมนุษยชน การช่วยเหลือ การรักษาสุขภาพและสมรรถภาพที่ดี บำเพ็ญตนให้เป็น ประโยชน์ต่อส่วนรวม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การสร้างสัมพันธภาพและความเข้าใจอันดี อันจะนำไปสู่สันติภาพ ก่อให้เกิดความสุขในการอยู่ร่วมกัน ซึ่งมีเนื้อหาวิชาให้นักเรียนได้เรียนรู้และศึกษาเกี่ยวกับสภาก าชาดไทย ภารกิจของสภากาชาดไทย หน่วยงานของสภากาชาดไทย ข้อบังคับของสภากาชาดไทยสมรรถภาพการ เสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย ด้านการพัฒนาระบบหมุนเวียนโลหติ กจิ กรรมสัมพนั ธภาพและความเข้าใจอันดี การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การสร้างบุคลิกภาพ บุคลิกภาพและมารยาทสังคม มารยาทและวัฒนธรรมไทย การปรับตัว กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ การพัฒนาและการเผยแพร่ ฝึกทักษะในการอนุรักษ์ธรรมชาติ และ ส่งิ แวดลอ้ ม

๖๖๙ กิจกรรมยุวกาขาด ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๓ เป็นการจดั กิจกรรมโดยใชก้ ระบวนการทมี่ ุ่งเนน้ การพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรม ในระบบหนว่ ย กลมุ่ หมู่ เพอ่ื ให้มีความรู้ ความเข้าใจ และเกิดทกั ษะเกีย่ วกบั การปฏบิ ตั ติ าม หลักการกาชาดและยวุ กาชาด การคุ้มครอง กฎหมายมนุษยธรรม สิทธิมนุษยชน การช่วยเหลือ การรักษาสุขภาพและสมรรถภาพที่ดี บำเพ็ญตนให้เป็น ประโยชน์ต่อส่วนรวม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การสร้างสัมพันธภาพและความเข้าใจอันดี อันจะนำไปสู่สันติภาพ ก่อให้เกิดความสุขในการอยู่ร่วมกัน ซึ่งมีเนื้อหาวิชาให้นักเรียนได้เรียนรู้และศึกษาเกี่ยวกับยุวกาชาดคำ ปฏิญาณตน ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับยุวกาชาด กิจกรรมสุขภาพ การป้องกันชีวิตและสุขภาพ ปฐมพยาบาล กิจกรรมสัมพันธภาพและความเข้าใจอันดี การสร้างสัมพันธภาพและ ความเข้าใจอันดีการสร้างสัมพันธภาพ การประชาสัมพันธ์และเผยแพร่กิจกรรมยุวกาชาด การสร้างสัมพันธภาพและความเข้าใจอันดีการทำงานและ อย่รู ว่ มกบั ผู้อ่นื กจิ กรรมบำเพ็ญประโยชน์ การจดั โครงการบำเพ็ญประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและสังคม

๖๗๐ กิจกรรมแนะแนวชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง กจิ กรรมแนะแนวชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ มีเน้ือหาวชิ าให้นกั เรยี นไดเ้ รียนรเู้ กีย่ วกบั สาเหตขุ องปัญหาการ ตดั สินใจ และแก้ปัญหาของตนเอง การสำรวจจุดเดน่ และความสามารถพเิ ศษของตนเอง การสำรวจความถนัด ความสามารถ ความสนใจ บุคลิกภาพ การใช้ห้องสมุด การจำแนกข้อมูลข่าวสาร การรู้จักตนเองและผู้อื่นการ ใช้ภาษาไทยอยา่ งถกู ตอ้ งชัดเจน การจำแนกอารมณ์ การแสดงพฤติกรรมทเ่ี หมาะสม การใช้สาธารณสมบัตกิ าร อยู่ร่วมกันและทำงานเป็นกลุ่ม โดยมีวัตถุประสงค์ให้นักเรียนเกิดความรักและเห็นคุณค่าของตนเองและผู้อื่น การสำรวจตนเองในด้านต่าง ๆ สามารถตัดสินใจและแก้ไขปัญหาของตนเองได้ รู้จักวิธีการแสวงหาและ นำเสนอขอ้ มูลสารสนเทศและสามารถดำรงชีวติ อยู่ในสังคมได้อยา่ งมีความสุข คำอธบิ ายรายวชิ า กจิ กรรมแนะแนวชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ จำนวน ๔๐ ชั่วโมง กิจกรรมแนะแนวชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ มีเนื้อหาวิชาให้นกั เรียนได้เรยี นรู้และศึกษาเกี่ยวกับทักษะการ ตัดสนิ ใจและการแก้ไขปัญหา การพัฒนาจุดเด่น และความสามารถพเิ ศษ การปรบั ปรงุ พัฒนาทางดา้ นการเรียน และบุคลิกภาพ การพัฒนาส่วนดีและแก้ไขข้อบกพร่องของตนเองและชื่นชมในความดีงามของผู้อื่น การ แสวงหาข้อมูลจากแหล่งต่าง ( การเลือกสรรข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง การร่วมตัดสินใจและ แก้ไขปัญหาของครอบครัว ความแตกแยกระหว่างบุคคล การใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้องชัดเจน การใช้ปัญญา แก้ไขปัญหาให้ตนเอง การสร้างสัมพันธภาพ หน้าที่สำคัญ และการทำงานเป็นทีม โดยมีวัตถุประสงค์ให้ นักเรียนเกิดความรักเห็นคุณค่าของตนเองและผู้อื่น สามารถคิดหาแนวทางในการพัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ สามารถร่วมตัดสินใจและแก้ไขปัญหาครอบครัว รู้จักวิธีการแสวงหาข้อมูลและเลือกสรรข้อมูลที่เป็นประโยชน์ มีความเสียสละเพื่อสว่ นรวมและมีความสามารถในการทำงานเปน็ ทีม

๖๗๑ กิจกรรมแนะแนว ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓ จำนวน ๔๐ ช่วั โมง ศึกษาโครงสร้างและเกณฑ์การจบหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับและจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน การ วางแผนการศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย การรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอื่น ๆ การสำรวจ บุคลิกภาพและความสนใจในการประกอบอาชีพ เพื่อเป็นแนวทางการประกอบอา ชีพให้เหมาะสมกับ บุคลิกภาพของตนเอง (ภาคเรียนที่๑)ศึกษาโครงสร้างและเกณฑ์การจบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ข้อมูล การศึกษาต่อ ค่านิยมทางด้านการศึกษาและด้านการประกอบอาชีพ กระบวนการคิดและการมีสุขภาพจิตที่ดี เพ่ือสามารถปรับปรุงตนเขา้ กับสงั คมได้อย่างมีความสุข (ภาคเรียนท๒ี่ ) กจิ กรรมแนะแนวชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๔ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง กิจกรรมแนะแนวชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ มีเนื้อหาวิชาให้นักเรียนได้เรียนรู้และศึกษาเกี่ยวกับการ ยอมรับผลการกระทำของตนเอง การสำรวจจุดเด่นและความสามารถพิเศษในตนเอง การสำรวจความชอบ ความสนใจในด้านการเรียน อาชีพ และบุคลกิ ภาพ การมองโลกในแง่ดี การรจู้ กั แหลง่ ข้อมูลตา่ ง ๆ การเลอื กรับ ข้อมูลข่าวสาร ปัญหากับการพัฒนาตน การรู้จัดตนเองและเพื่อน ทักษะการสื่อสาร การสำรวจและพัฒนา ความฉลาดทางด้านอารมณ์ การทำประโยชน์เพื่อสังคม และการอยู่ร่วมกับผูอ้ ื่น โดยมีวัตถุประสงค์ให้นักเรียน ได้สำรวจและรู้จักตนเองในด้านต่าง ๆ เห็นคุณค่าของตนเองและผู้อื่น รู้จักแหล่งข้อมูลและเลือกรับข้อมูล ข่าวสาร มีความสามารถในการแก้ปัญหาและพัฒนาตนเอง สามารถทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมและอยู่ร่วมกับ ผอู้ ื่นได้อยา่ งมีความสุข

๖๗๒ กจิ กรรมแนะแนวชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๕ จำนวน ๔๐ ช่ัวโมง กิจกรรมแนะแนวชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ มีเนื้อหาวิชาให้นักเรียนได้เรียนรู้และศึกษาเกี่ยวกับการ ยอมรับผลการกระทำของตนเอง การสำรวจจุดเด่นและความสามารถพิเศษ การปรับปรุงพัฒนาทางด้านการ เรียนและบุคลิกภาพ การพัฒนาส่วนดีและแก้ไขข้อบกพร่องในตนเอง การชื่นชมยินดีในความดีงามของผู้อ่ืน การวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล การเลือกรับข้อมูลข่าวสาร ผลกระทบของการตัดสินใจ การแลกเปลี่ยน ประสบการณช์ วี ติ ทกั ษะการสอื่ สาร การเปล่ยี นวกิ ฤตใิ ห้เป็นโอกาส คนดศี รสี ังคม และการสร้างมนุษยสัมพันธ์ โดยมีวัตถปุ ระสงคใ์ ห้นกั เรยี นได้พัฒนาตนเองในด้านต่าง ( ยอมรับชื่นชมตนเองและผ้อู นื่ สามารถวิเคราะห์และ สังเคราะห์ข้อมูลได้ มีทักษะในการสื่อสารมีความสามารถในการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส สามารถนำ คณุ ธรรมความดีของคนดี ศรีสงั คมไปปรบั ใช้กบั ชวี ิตของตนเอง และมีมนษุ ย์สัมพันธท์ ด่ี กี บั บคุ คลทัว่ ไป กจิ กรรมแนะแนวชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖ จำนวน ๔๐ ชว่ั โมง กิจกรรมแนะแนวชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ มีเนื้อหาวิชาให้นักเรียนได้เรียนรู้และศึกษาเกี่ยวกับการ ยอมรับผลการกระทำของตนเอง ความพึงพอใจและภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ของตนเอง การตัดสินใจเลือก แนวทางศึกษาต่อ การยกย่องความดีงามของตนเองและผู้อื่น การนำข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์ไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ การเลือกสรรข้อมูลที่ก่อประโยชน์ต่อตนเองและสังคม การร่วมตัดสินใจแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับชุซน และสังคม การยอมรับในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ การคิดในทางที่ดี และมีชีวิตอยู่อย่างสร้างสรรค์ วิธี เอาชนะอุปสรรคและความมุ่งมั่นในการทำงาน ค่าของคนอยู่ที่ผลของการเสียสละและช่วยเหลือผู้อื่น การ ทำงานเป็นกลุ่ม โดยมีวัตถุประสงค์ให้นักเรียนตระหนักในคุณค่ของตนเองและผู้อื่น มีความสามารถในการ วิเคราะห์และเลือกสรรข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคม สามารถตัดสินใจเลือกแนวทางในการศึกษา ต่อหรือประกอบอาชีพได้ สามารถร่วมตัดสินใจแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับชุมชนและสังคมได้มีทักษะในการคิด ในทางท่ดี ี มชี ีวิตอย่อู ย่างสรา้ งสรรค์ เสยี สละและมคี วามสขุ รายวชิ าการศกึ ษาค้นคว้าและสรา้ งความรู้

๖๗๓ รายวิชาการศกึ ษาค้นควา้ และสรา้ งองคค์ วามรู้ (Research and Knowledge Formation : IS๑) รายวิชาเพิ่มเตมิ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ จำนวน ๑.๐ หนว่ ย กติ ศึกษา วิเคราะห์ ฝึกทักษะตั้งประเด็นปัญหา/ตั้งคำถามในเรื่องที่สนใจโดยเริ่มจากตนเองเชื่อมโยงกับ ชุมชนท้องถิ่นและประเทศ ตั้งสมมติฐานและให้เหตุผลโดยใช้ความรู้จากศาสตร์สาขาต่าง ๆ ค้นคว้าแสวงหา ความรู้เกี่ยวกับสมมติฐานที่ตั้งไว้จากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย ออกแบบวางแผน รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ ข้อมูลโดยใช้วิธีการที่เหมาะสม ทำงานบรรลุผลตามเป้าหมายภายในกรอบการดำเนินงานที่กำหนด โดยการ กำกับดูแล ชว่ ยเหลือของครูอย่างต่อเนื่อง สงั เคราะหส์ รปุ องคค์ วามรู้และร่วมกันเสนอแนวคิด วิธีการแก้ปญั หา อย่างเป็นระบบด้วยกระบวนการคิด กระบวนการสืบค้นข้อมูล กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการกลุ่มในการวิพากษ์ เพื่อให้เกิดทักษะในการค้นคว้าแสวงหาความรู้ เปรียบเทียบเชื่อมโยงองค์ ความรู้ สังเคราะห์สรปุ อภปิ ราย เพ่อื ใหเ้ ห็นประโยชน์และคุณคา่ ของการศกึ ษาค้นควา้ ดว้ ยตนเอง ผลการเรยี นรู้ ๑. ต้งั ประเด็นปญั หา โดยเลือกประเด็นท่ีสนใจ เร่ิมจากตนเองเชอื่ มโยงกับชุมชนทอ้ งถน่ิ และประเทศ ๒. ต้ังสมมตฐิ านประเด็นปัญหาทต่ี นเองสนใจ ๓. ออกแบบ วางแผน ใชก้ ระบวนการรวบรวมขอ้ มูลอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ๔. ศกึ ษาค้นควา้ แสวงหาขอ้ มลู เกย่ี วกบั ประเด็นทเ่ี ลือกจากแหล่งเรียนรทู้ ห่ี ลากหลาย ๕. ตรวจสอบความนา่ เชอ่ื ถือของแหล่งที่มาของขอ้ มูลได้ ๖. วเิ คราะหข์ ้อคน้ พบดว้ ยสถิตทิ ี่เหมาะสม ๗. สงั เคราะห์สรปุ องค์ความร้ดู ว้ ยกระบวนการกลุ่ม ๘. เสนอแนวคดิ การแก้ปัญหาอยา่ งเป็นระบบดว้ ยองค์ความรจู้ ากการค้นพบ ๙. เหน็ ประโยชนแ์ ละคุณคา่ ของการศึกษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง

๖๗๔ ตัวอย่างการจดั โครงสร้างรายวชิ า การศึกษาค้นควา้ และสรา้ งองค์ความร้(ู Research and Formation : IS๑) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น หน่วย ชื่อหน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนัก ที่ การเรยี นรู้ คะแนน ๑ ประเด็น ๑. ตงั้ ประเด็นปัญหา โดยเลอื กประเดน็ ที่ ๑.การตัง้ ประเดน็ ทฉ่ี ันสนใจ สนใจ ปัญหา ค าถาม เร่มิ จากตนเอง ชมุ ชน ท้องถ่ิน ประเทศ และการ ๑๐ ๓๐ ๒. ตง้ั สมมตฐิ านประเด็นปัญหาท่ตี นสนใจ ตง้ั สมมติฐาน ๓. ออกแบบ วางแผน ใช้ กระบวนการ ๒.กระบวนการ รวบรวมข้อมูลอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ รวบรวมขอ้ มลู ๒ ไป ๔. ศึกษา คน้ ควา้ แสวงหาความรู้ เกย่ี วกบั ๓.การศึกษา แสวงหา ประเดน็ ทเ่ี ลือกจากแหลง่ เรียนรู้ท่ี คน้ ควา้ แสวงหา คำตอบ หลากหลาย ความรู้ จาก ๕. ตรวจสอบความน่าเช่ือถอื ของแหลง่ ทม่ี า แหลง่ เรยี นรู้ ของขอ้ มลู ได้ ๔.การตรวจสอบ ๒๐ ๔๐ ๖. วเิ คราะห์ขอ้ คน้ พบด้วยสถติ ทิ ่เี หมาะสม ความน่าเชื่อถือ ของแหล่งทมี่ า ของข้อมลู ๕.การวิเคราะห์ สังเคราะหข์ ้อมูล ๓ รอบร้แู ละ ๗. สงั เคราะห์สรุปองคค์ วามรู้ด้วย ๖.การสรุปองค์ เหน็ คณุ ค่า กระบวนการ ความรู้ กลมุ่ ๗.การแสดง ๘. เสนอแนวคดิ การแก้ปญั หา อย่างเปน็ ความคดิ และการ ระบบดว้ ยองค์ความรูจ้ ากการคน้ พบ แกป้ ญั หา ๑๐ ๓๐ ๙. เห็นประโยชน์และคณุ คา่ ของการศึกษา ๘.คุณคา่ ของ ค้นควา้ ดว้ ยตนเอง การศึกษาค้นควา้ ด้วย ตนเอง รวม ๔๐ ๑๐๐

๖๗๕ รายวิชาการสอ่ื สารและการนำเสนอ (Communication and Presentation (Research and Formation: IS๒) ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒ รายวิชาเพิ่มเตมิ จำนวน ๑.๐ หนว่ ย กิต เงอ่ื นไขการเรยี น : ผู้เรยี นต้องผ่านการเรยี นรายวชิ าการศกึ ษาค้นคว้าและสร้างองคค์ วามรมู้ าก่อน ศึกษา เรียบเรียงและถา่ ยทอดความคิดอย่างชัดเจน เป็นระบบจากข้อมลู องคค์ วามรจู้ ากการศกึ ษา คน้ คว้าในรายวชิ าการศึกษาค้นควา้ และสรา้ งองค์ความรู(้ Research and Knowledge Formation) โดยเขียน โครงรา่ ง บทนำ เนือ้ เรอื่ ง สรุป ในรปู ของรายงานเชิงวชิ าการ โดยใชค้ ำจำนวน ๒,๕๐๐ คำ มีการอ้างองิ แหล่ง ความรู้ที่เชื่อถือไดอ้ ยา่ งหลากหลาย เรยี บเรยี งและถ่ายทอดความคิดอย่างชดั เจน เป็นระบบ มกี ารนำเสนอใน รูปแบบเดยี่ ว(Oral individual) หรอื กลมุ่ ( Oral panel presentation) โดยใช้สื่อประกอบทห่ี ลากหลายและ เผยแพรผ่ ลงานส่สู าธารณะ เพื่อใหเ้ กิดทกั ษะในการเขยี นรายงานเชิงวิชาการ และทกั ษะการส่ือสารทม่ี ี ประสิทธภิ าพ เหน็ ประโยชน์และคณุ คใ่ นการสรา้ งสรรคง์ านและถา่ ยทอดสิง่ ท่เี รียนร้ใู หเ้ ปน็ ประโยชน์แก่ สาธารณะ ผลการเรียนรู้ ๑. วางโครงรา่ งการเขียนตามหลักเกณฑ์ องคป์ ระกอบและวิธีการเขียนโครงรา่ ง ๒. เขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าเชิงวชิ าการภาษาไทย ความยาว ๒,๕๐๐ คำ ๓. นำเสนอข้อคน้ พบ ขอ้ สรุปจากประเด็น ท่ีเลอื กในรปู แบบเดยี่ ว(Oral individual presentation) หรอื กลุม่ ( Oral panel presentation) ๔. โดยใช้สื่อ อปุ กรณใ์ นการนำเสนอไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ๕. เผยแพรผ่ ลงานสู่สาธารณะ ๖. เหน็ ประโยชน์และคุณค่าในการสร้างสรรค์งานและถ่ายทอดส่ิงทเี่ รยี นรแู้ กส่ าธารณะ

๖๗๖ การจดั โครงสร้างรายวิชาเพิม่ เตมิ การสอื่ สารและการนำเสนอ (Communication and Presentation : IS๒) ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ หน่วย ชอื่ หนว่ ย ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก ที่ การเรียนรู้ คะแนน ๑ วาง ๑. วางโครงรา่ งการเขยี นตามหลกั เกณฑ์ ๑.ความรเู้ บื้องต้น โครงรา่ ง องคป์ ระกอบ และวธิ กี ารเขยี นโครงรา่ ง เกี่ยวกบั การ การเขียนโครงร่าง เขียน ๒.หลักเกณฑ์ ๑๐ ๒๐ องค์ประกอบ และวธิ ีการเขยี น โครงรา่ ง ๒ เรียนรู้ ๒. เขยี นรายงานการศึกษาคน้ คว้าเชงิ ๓.การเขียนรายงาน การสรา้ ง วิชาการภาษาไทยความยาว ๒,๕๐๐ ค า การศึกษาค้นควา้ เชิง ๑๘ ๔๐ ผลงาน วชิ าการภาษาไทย ๓ สร้างสรรค์ ๓. น าเสนอขอ้ คน้ พบ ข้อสรปุ จาก ๔.การน าเสนอและ การ ประเด็น การ นำเสนอ ท่เี ลอื กในรปู แบบเด่ยี ว (Oral เผยแพร่ผลงานจาก individual การศึกษาคน้ คว้า presentation) หรอื กลมุ่ (Oral panel ๕.การเลอื กรูปแบบ presentation) โดยใชส้ ่อื อุปกรณน์ และสื่อ ๑๒ ๓๐ าเสนอ ประกอบการนำเสนอ ได้อย่างเหมาะสม ผลงาน ๔. เผยแพรผ่ ลงานส่สู าธารณชน ๖.คุณคา่ ของการ ๕. เหน็ ประโยชน์และคุณค่าในการ สรา้ งสรรค์ สร้างสรรคง์ านและถา่ ยทอดส่ิงทเี่ รียนรู้ งานและถ่ายทอดสง่ิ ที่ แก่ เรียนรู้ สาธารณชน รวม ๔๐ ๑๐๐

๖๗๗ รายวชิ าการศกึ ษาคน้ คว้าและสรา้ งองคค์ วามรู้ (Research and Knowledge Formation : IS๑) รายวชิ าเพ่ิมเติม ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๕ จำนวน ๑.๐ หนว่ ยกิต ศึกษา วิเคราะห์ ฝึกทักษะตั้งประเด็นปัญหา/ตั้งคำถามเกี่ยวกับ สถานการณ์ปัจจุบันและสังคมโลก ตั้งสมมติฐานและให้เหตุผลที่สนับสนุนหรือโต้แย้งประเด็นความรู้ โดยใช้ความรู้จากศาสตร์สาขาต่าง ๆ และมี ทฤษฎีรองรับ ออกแบบวางแผน รวบรวมข้อมูล ค้นคว้าแสวงหาความรู้เกี่ยวกับสมมติฐานที่ตั้งไว้จากแหล่ง เรียนรู้ทั้งปฐมภูมิและทุติยภูมิ และสารสนเทศ อย่างมีประสิทธิภาพและพิจารณาความน่าเชื่อถือของแหล่ง เรียนรู้อย่างมีวิจารณญาณ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีการที่เหมาะสม สังเคราะห์สรุปองค์ความรู้และร่วมกัน มีกระบวนการกลุ่มในการวิพากษ์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยใช้ ความรู้จากสาขาวิชาต่าง ๆ เสนอแนวคิด วิธีการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบด้วยกระบวนการคิด กระยวนการ แก้ปัญหา กระบวนการปฏิบัติ เพื่อให้เกิดทักษะในการค้นคว้าแสวงหาความรู้ สังเคราะห์สรุป อภิปราย ผลเปรียบเทยี บเชอื่ มโยงความรู้ ความเปน็ มาของศาสตร์ เขา้ ใจหลกั การและวธิ ีคดิ ในสิ่งท่ีศกึ ษา เห็นประโยชน์ และคณุ ค่าของการศึกษาค้นควา้ ด้วยตนเอง ผลการเรยี นรู้ ๑. ตง้ั ประเดน็ ปัญหาจากสถานการณป์ จั จบุ นั และสังคมโลก ๒. ตง้ั สมมติฐานและให้เหตุผลทส่ี นับสนุนหรอื โตแ้ ยง้ ประเด็นความรู้ โดยใช้ความรู้จากศาสตร์สาขาต่าง ๆ และมีทฤษฎีรองรับ ๓. ออกแบบ วางแผน ใช้กระบวนการรวบรวมขอ้ มูลอยา่ งมีประสิทธิภาพ ๔. ศกึ ษาค้นคว้า แสวงหาความรู้เกย่ี วกับประเดน็ ทเี่ ลือกจากแหลง่ เรยี นร้ทู ีม่ ีประสิทธภิ าพ ๕. ตรวจสอบความนา่ เชือ่ ถอื ของแหล่งที่มาของขอ้ มลู ได้ ๖. วิเคราะหข์ ้อค้นพบดว้ ยสถติ ทิ ่ีเหมาะสม ๗. สงั เคราะห์สรปุ องคค์ วามรู้ดว้ ยกระบวนการกลุ่ม ๘. เสนอแนวคดิ การแกป้ ญั หาอย่างเป็นระบบดว้ ยองค์ความรจู้ ากการค้นพบ

๖๗๘ โครงสร้างรายวชิ าเพิม่ เตมิ การศึกษาค้นคว้าและสร้างองคค์ วามรู้ (Research and Formation : IS๑) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย หนว่ ย ชอ่ื หนว่ ย ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก ที่ การเรียนรู้ คะแนน ๑ เปดิ ๑. ตง้ั ประเดน็ ปญั หา จากสถานการณ์ ๑.การตั้งประเด็น ประเดน็ ปจั จุบันและสังคมโลก ปญั หา ปญั หา ๒. ตั้งสมมตฐิ านและใหเ้ หตุผลท่ี คำถาม และการ สนบั สนนุ ตัง้ สมมติฐาน ๑๐ ๓๐ หรอื โต้แย้งประเดน็ ความรู้โดยใช้ความรู้ ๒.การออกแบบ จากสาขาวชิ าต่าง ๆ และมที ฤษฎีรองรับ วางแผนใช้ ๓. ออกแบบ วางแผน ใช้กระบวนการ กระบวนการ รวบรวมข้อมูลอยา่ งมีประสิทธภิ าพ รวบรวมขอ้ มลู ๒ ปรารถนา ๔. ศกึ ษา คน้ คว้า แสวงหาความรู้ ๓.การศกึ ษา ค้นควา้ คำตอบ เกี่ยวกับ แสวงหาความรู้ จาก ประเดน็ ที่เลอื กจากแหล่งเรยี นร้ทู ่มี ี แหลง่ ประสิทธิภาพ เรียนรู้ ๕. ตรวจสอบความนา่ เชอ่ื ถือของ ๔.การตรวจสอบ แหล่งท่ีมาของขอ้ มลู ความ ๒๐ ๔๐ ๖. วิเคราะหข์ อ้ คน้ พบด้วยสถิติที่ นา่ เช่ือถือของ เหมาะสม แหล่งทม่ี าของ ขอ้ มูล ๕.การวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ ข้อมลู ๓ รอบคอยมี ๗. สงั เคราะห์สรปุ องค์ความรู้ด้วย ๖.การสรปุ องค์ ปญั ญา กระบวนการกล่มุ ความรู้ ๘. เสนอแนวคดิ การแก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ๗.การแสดงความคดิ ๑๐ ๓๐ ระบบด้วยองค์ความรูจ้ ากการคน้ พบ และ แผนการทำงานของนักเรยี น การแก้ปัญหา รวม ๔๐ ๑๐๐

๖๗๙ รายวชิ าการสอื่ สารและการนำเสนอ (Communication and Presentation : IS๒) รายวชิ าเพิม่ เติม ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๕ จำนวน ๑.๐ หน่วย กติ ศึกษา เรียบเรียงและถ่ายทอดความคิดอย่างสร้างสรรค์จากรายวิชา IS ๑ (Research and Knowledge Formation) เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันและสังคมโลก โดยเขียนโครงร่าง บทนำ เนื้อเรื่องสรุป ในรูปของรายงานการศึกษาค้นคว้าเชิงวิซาการเป็นภาษาไทยความยาว จำนวน ๔,๐๐๐ คำ หรือเป็น ภาษาอังกฤษ ความยาว จำนวน ๒,๐๐๐ คำ มีการอ้างอิงแหล่งความรู้ที่เชื่อถือได้อย่างหลากหลาย เชื่อถือได้ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เรียบเรียงและถ่ายทอดสื่อสาร นำเสนอความคิดอย่างชัดเจน เป็นระบบ มีการ นำเสนอในรูปแบบเดี่ยว(Oral individual) หรือกลุ่ม ( Oral panel presentation) โดยใช้สื่อเทคโนโลยีที่ หลากหลาย และมีการเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณะ เพือ่ ใหเ้ กิดทกั ษะในการเขยี นรายงานเชิงวชิ าการ และทักษะ การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เห็นประโยชน์และคุณค่าในการสร้างสรรค์งานและถ่ายทอดสิ่งที่เรียนรู้ให้เป็น ประโยชนแ์ ก่สาธารณะ ผลการเรียนรู้ ๑. วางโครงร่างการเขียนตามหลักเกณฑ์ องค์ประกอบและวธิ ีการเขยี นโครงร่าง ๒. เขียนรายงานการศึกษาคน้ ควา้ เชงิ วชิ าการภาษาไทยความยาว ๔,๐๐๐ คำ หรอื ภาษาองั กฤษ ความยาว จำนวน ๒,๐๐๐ คำ ๓. นำเสนอข้อค้นพบ ขอ้ สรปุ จากประเดน็ ทเ่ี ลือกในรปู แบบเดี่ยว(Oral individual presentation) หรือกลุม่ ( Oral panel presentation) โดยใชส้ อ่ื เทคโนโลยีท่ีหลากหลาย ๔. เผยแพรผ่ ลงานสูส่ าธารณะ โดยใช้การสนทนา / วิพากษผ์ ่านสอ่ื อิเล็กทรอนิกส์ เชน่ e-conference , social media online ๕. เหน็ ประโยชน์และคุณคใ่ นการสรา้ งสรรคง์ านและถ่ายทอดสิง่ ท่ีเรียนรูใ้ หเ้ ป็นประโยชน์

๖๘๐ ตัวอยา่ งโครงสร้างรายวชิ าเพม่ิ เตมิ การสอ่ื สารและการนำเสนอ (Communication and Presentation : IS๒) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย หน่วย ช่อื หนว่ ย ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนัก ที่ การ คะแนน เรยี นรู้ ๑ Design ๑. วางโครงร่างการเขยี นตาม ๑. การเขียนโครงรา่ ง Outline หลกั เกณฑ์ รายงาน องค์ประกอบและวิธีการเขียนโครง การศกึ ษาค้นคว้าเชงิ ร่าง วิชาการ ๒. หลักเกณฑ์ ๑๐ ๓๐ องค์ประกอบ และวธิ กี ารเขยี นโครง รา่ ง ๒ Writing ๒. เขียนรายงานการศึกษาค้นควา้ เชงิ ๓. การเขียนรายงาน Report วชิ า การศกึ ษาคน้ คว้าเชงิ ภาษาไทยความยาว ๔,๐๐๐ ค าหรอื วชิ า ๑๘ ๔๐ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทยหรอื ความยาว ๒,๕๐๐ ค า ภาษาองั กฤษ ๓ Show ๓. นำเสนอข้อคน้ พบ ข้อสรุปจาก ๔. การนำเสนอและ and ประเดน็ ท่ีเลือก เผยแพร่ Share ในรปู แบบเด่ียว (Oral individual ผลงานการเขียน presentation) รายงาน หรอื กลมุ่ (Oral panel การศกึ ษาค้นคว้า presentation) โดยใชส้ ื่อ ๕. การเลอื กรปู แบบ ๑๒ ๓๐ เทคโนโลยที ีห่ ลากหลาย และสือ่ ๔. เผยแพรผ่ ลงานสสู่ าธารณะโดยใช้ ประกอบการน าเสนอ การสนทนา/ ผลงาน ๖. คณุ ค่าของการ วพิ ากษผ์ า่ นสอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เช่น e- สร้างงาน conference} social media และถา่ ยทอดสงิ่ ท่ี online เรยี นรู้

๖๘๑ ๕. เหน็ ประโยชน์และคุณค่าในการ สร้างสรรคง์ าน และถา่ ยทอดสง่ิ ทเี่ รยี นร้แู กส้ าธารณะ รวม ๔๐ ๑๐๐

๖๘๒ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน (กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน)์ IS๓ เป็นกจิ กรรมทน่ี ำความรู้ หรอื ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้จากสิ่งทศ่ี ึกษาคันควา้ และเรียนรู้จากรายวิชาเพิ่มเติม(IS๑,๕๒) ไปสู่การปฏิบัติในการสร้างสรรค์โครงงาน / โครงการต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะหรือบริการ สังคม ชุมชน ประเทศหรือสังคมโลก มีการกำหนดเป้าหมาย วัตถุประสงค์ วางแผนการทำงานและตรวจสอบ ความก้าวหน้า วิเคราะห์ วิจารณ์ผลที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรมหรือโครงงาน / โครงการโดยใช้กระบวนการ กลุ่มเพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมจิตอาสาที่ไม่มีค่าจ้างตอบแทนเป็นกิจกรรมที่ให้มี ความตระหนักรู้ มีสำนกึ ความรบั ผิดชอบตอ่ ตนเองและต่อสังคม เป้าหมายการดำเนนิ กจิ กรรม ๑. วเิ คราะหอ์ งคค์ วามรจู้ ากการเรยี นใน S๑ และ เ๕๒ เพือ่ กำหนดแนวทางไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิใหเ้ กิด ประโยชน์ต่อสังคม ๒. เขยี นเป้าหมาย/ วัตถปุ ระสงค์ เคา้ โครง กิจกรรม/โครงงานการ และแผนปฏิบัติโครงงาน / โครงการ ๓. ปฏบิ ัติตามแผนและตรวจสอบความก้าวหน้าทางการปฏบิ ัตโิ ครงงาน / โครงการ ๔. รว่ มแสดงความคิดเห็น วิเคราะห์ วพิ ากษ์ การปฏิบตั โิ ครงงาน / โครงการ ๕. สรุปผลการปฏิบตั กิ ิจกรรม/โครงงาน / โครงการ และแสดงความรู้สกึ ความคดิ เห็นตอ่ ผลการ ปฏบิ ตั ิงานหรือกจิ กรรม ซงึ่ แสดงถงึ การตระหนกั รู้ มีสำนกี รบั ผิดชอบตอ่ ตนเองและตอ่ สังคม

๖๘๓ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น (กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน)์ IS๓ เปน็ กิจกรรมทนี่ ำความรู้ หรอื ประยุกตใ์ ชค้ วามรู้จากสิ่งทศี่ กึ ษาค้นควา้ และเรียนรู้จากรายวิชาเพมิ่ เติม (IS๑,I๕๒) ไปสู่การปฏิบตั ิในการสรา้ งสรรคโ์ ครงงาน / โครงการตา่ ง ๆ ทก่ี อ่ ให้เกดิ ประโยชน์ตอ่ สาธารณะหรือ บรกิ ารสงั คม ชมุ ชน ประเทศหรือสงั คมโลก มีการกำหนดเปา้ หมาย วัตถปุ ระสงค์ วางแผนการทำงานและ ตรวจสอบความก้าวหน้า วเิ คราะห์ วิจารณ์ผลทไ่ี ดจ้ ากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมหรอื โครงงาน / โครงการโดยใช้ กระบวนการกล่มุ เพ่ือให้ผเู้ รียนมีทกั ษะการคิดสรา้ งสรรค์ เป็นกิจกรรมจติ อาสาทไ่ี มม่ ีคา่ จา้ งตอบแทนเป็น กจิ กรรมทีใ่ หม้ คี วามตระหนักรู้ มสี ำนึกความรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเองและต่อสังคม เปา้ หมายการดำเนนิ กจิ กรรม ๑. วิเคราะหอ์ งค์ความรูจ้ ากการเรยี นใน IS๑ และ เS๒ เพอ่ื กำหนดแนวทางไปสู่การปฏิบัตใิ หเ้ กดิ ประโยชนต์ ่อสังคม ๒. เขยี นเปา้ หมาย/ วัตถุประสงค์ เค้าโครง กิจกรรม/โครงงานการ และแผนปฏบิ ตั โิ ครงงาน / โครงการ ๓. ปฏบิ ัติตามแผนและตรวจสอบความกา้ วหนา้ ทางการปฏบิ ัตโิ ครงงาน / โครงการ ๔. ร่วมแสดงความคดิ เหน็ วิเคราะห์ วพิ ากษ์ การปฏิบัตโิ ครงงาน / โครงการ ๕. สรปุ ผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมโครงงาน / โครงการ และแสดงความรสู้ กึ ความคิดเหน็ ตอ่ ผลการ ปฏบิ ตั งิ านหรือกจิ กรรม ซ่ึงแสดงถึงการตระหนกั รู้ มสี ำนึกรับผิดชอบต่อตนเองและตอ่ สังคม

๖๘๔ เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา

๖๘๕ หลกั การในการวัดและประเมนิ ผลการเรยี น ขอ้ ๖ การวดั และประเมินผลการเรียน ประกอบด้วย ๖.๑ การวัดและประเมินผลระดับชั้นเรียน ประกอบด้วย การวัดและประเมินผลเพ่ือ ปรับปรงุ พัฒนาผูเ้ รยี น การวัดและประเมินผลเพอื่ ตัดสินผลการเรยี น ๖.๒ การประเมินผลระดับสถานศึกษา ประกอบด้วย การประเมินผลการเข้าร่วมกิจกรรม พฒั นาผ้เู รยี น การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคข์ องผเู้ รียน และการประเมนิ ความสามารถใน การอา่ นคดิ วเิ คราะห์ และเขียนสื่อความของผู้เรียน ๖.๓ การประเมินผลระดับชาติ เป็นการประเมินคุณภาพระดับชาติในกลุ่มสาระการเรียนรู้ ที่สำคัญทั้ง ๘ กลุ่มสาระ ได้แก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ภาษาอังกฤษ สุขศึกษาและพลศกึ ษา ศิลปะ และการงานอาชีพ และน าผล จากการประเมนิ ไปใชใ้ นการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน และคุณภาพการจดั การศึกษาของโรงเรียน ข้อ ๗ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี น เป็นไปตามหลกั การต่อไปน้ี ๗.๑โรงเรียนมีหน้าที่ในการวัดและประเมินผลการเรียนโดยความเห็นชอบขอ คณะกรรมการสถานศกึ ษาและเปดิ โอกาสใหท้ ุกฝา่ ยทีเ่ กยี่ วข้องมสี ่วนรว่ มในการวดั และประเมินผล ๗.๒ การวัดและประเมนิ ผลการเรียน เปน็ ไปอยา่ งสอดคลอ้ ง ครอบคลมุ มาตรฐาน/ตวั ช้วี ัด ผลการเรยี นรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ๗.๓ การวดั และประเมินผลการเรยี นระดบั ชัน้ เรียน เป็นสว่ นหนึ่งของกระบวนการจดั การ เรียนการสอน เพื่อตรวจสอบความก้าวหน้าของผู้เรียน ดำเนินการประเมินด้วยวิธีการท่ี หลากหลาย สอดคล้องและเหมาะสมกับสาระการเรียนรู้และกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน โดย ประเมินความประพฤติ พฤติกรรม การเรียน การร่วมกิจกรรม และผลงานจากโครงงานและแฟ้ม สะสมงานท่ีสอดคล้องกบั ธรรมชาติวิชาและระดบั ชน้ั ของผู้เรียน ๗.๔ มีการประเมินความสามารถของผู้เรียน ในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนในแต่ละ ภาคเรียน ๗.๕ มกี ารประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนในแต่ละภาคเรยี น ๗.๖ มีการจัดให้ผู้เรียนไดร้ บั การประเมนิ คุณภาพระดับชาติและนำผลการจากการประเมนิ ไปใช้ในการพฒั นาคุณภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียน ๗.๗ เปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรียนตรวจสอบผลการประเมนิ ผลการเรียนได้

๖๘๖ วิธกี ารวดั และประเมินผลการเรยี น ขอ้ ๘ การวดั และประเมนิ ผลเพือ่ ปรบั ปรงุ พฒั นาผู้เรียน ปฏบิ ตั ดิ ังนี้ ๘.๑ แจ้งใหผ้ เู้ รยี นทราบตัวชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ วธิ ีการวัดและประเมินผลการเรียน เกณฑ์ การผ่านแต่ละตัวชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ และเกณฑข์ น้ั ต่ำของการผ่านรายวชิ า กอ่ นสอนรายวิชาน้นั ๆ ๘.๒ ผลการเรียนรู้จะต้องครอบคลุมความรู้ ทักษะกระบวนการ คุณธรรม และค่านิยมอัน พึงประสงค์ ๘.๓ ประเมินผลกอ่ นเรียนเพื่อตรวจสอบความรูพ้ ้นื ฐานของผเู้ รยี น ๘.๔ วดั และประเมินผลระหว่างการเรยี นการสอนแต่ละหน่วยอย่างสม่ำเสมอ เพอื่ ใหไ้ ด้ ข้อมูลมาปรับปรุงการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน หลังการประเมิน ต้องแจ้งผล การประเมินใหผ้ ู้เรยี นทราบ เพือ่ ผเู้ รยี นจะไดพ้ ฒั นาตนเองไปสูเ่ ป้าหมายทกี่ ำหนด การวดั และประเมนิ ผลระหว่างเรยี น ประกอบด้วย ๘.๔.๑ วัดและประเมนิ ผลระหว่างการเรียนการสอนแต่ละหนว่ ย โดยให้ ครผู ู้สอนเปน็ ผกู้ ำหนดผลการเรียนรูแ้ ละเป็นผ้ปู ระเมนิ ผูเ้ รยี น เพอ่ื น บิดา มารดา และผ้ปู กครองมี ส่วนร่วมในการประเมิน ๘.๔.๒ วัดและประเมินผลกลางภาคเรียนอย่างน้อย ๑ ครั้งโดยครูผู้สอนเป็นผู้กำหนด ตวั ช้ีวัด/ผลการเรียนรู้ ๘.๕ วัดและประเมินผลคะแนนระหว่างภาคเรียนรวมกับคะแนนปลายภาคเรียนเพ่ือ ตรวจสอบความสำเร็จของผู้เรียน โดยวัดให้ครอบคลุมความรู้ ทักษะกระบวนการ คุณธรรมและ คา่ นยิ มอนั พึงประสงค์ ๘.๖ กำหนดสัดส่วนคะแนน ระหว่างเรียน : กลางภาค : ปลายภาคเรียน ดังนี้คือรายวิชา ในกลุ่มสาระภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษาฯ และภาษาต่างประเทศกำหนดให้ ใช้สัดส่วน ๕๐ : ๒๐ : ๓๐ ส่วนรายวิชาในกลุ่มสาระสุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ และการงาน อาชพี และเทคโนโลยี กำหนดให้ใช้สัดส่วน ๖๐ : ๒๐ : ๒๐ ข้อ ๙ ตัดสินผลการเรียน โดยนำคะแนนระหว่างภาคเรียนรวมกับคะแนนปลายภาค แล้วนำมา เปลี่ยนระดบั ผลการเรียน

๖๘๗ ข้อ ๑๐ ใชต้ วั เลขแสดงระดับผลการเรยี นในแต่ละรายวชิ า ดงั น้ี ๑๐.๑ ให้ใชต้ ัวเลขแสดงระดบั ผลการเรยี นในแต่รายวิชา ดังต่อไปนี้ ๔ หมายถึง มผี ลการเรยี นดีเย่ียม มคี ะแนนระหว่าง ๘๐-๑๐๐ ๓.๕ หมายถงึ มีผลการเรยี นดีมาก มีคะแนนระหว่าง ๗๕-๗๙ ๓ หมายถึง มผี ลการเรยี นดมี คี ะแนนระหว่าง ๗๐- ๗๔ ๒.๕ หมายถึง มีผลการเรยี นคอ่ นขา้ งดมี ีคะแนนระหวา่ ง ๖๕- ๖๙ ๒ หมายถงึ มีผลการเรียนปานกลาง มีคะแนนระหว่าง ๖๐- ๖๔ ๑.๕ หมายถึง มีผลการเรียนพอใช้มคี ะแนนระหวา่ ง ๕๕- ๕๙ ๑ หมายถึง มีผลการเรียนผา่ นเกณฑ์ข้นั ตำ่ มีคะแนนระหว่าง๕๐-๕๔ ๐ หมายถึง มีผลการเรยี นตำ่ กวา่ เกณฑม์ คี ะแนนระหว่าง ๐-๔๙ ๑๐.๒ ใหใ้ ช้ตัวอกั ษรแสดงผลการเรียนท่มี ีเงื่อนไขในแต่ละรายวิชา ดงั น้ี มส หมายถึง ไม่มีสิทธิเ์ ข้ารับการประเมินผลปลายภาคเรียน ร หมายถงึ รอการตัดสนิ หรือยงั ตดั สินไม่ได้ ๑๐.๓ กรณีที่ผู้เรียนมีผลการเรียน “๐” , “ร” หรือ “มส” ให้ด าเนินการซ่อมเสริม ปรบั ปรงุ แก้ไขผูเ้ รียนให้เสรจ็ ส้นิ ในภาคเรยี นต่อไป ข้อ ๑๑ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การ ปฏิบัติกิจกรรม และผลงานของผู้เรียนตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนดและให้ผลการประเมินเปน็ ผา่ นและไม่ผ่าน กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น มี ๓ ลักษณะ คือ ๑) กจิ กรรมแนะแนว ๒) กจิ กรรมนักเรียน ซ่งึ ประกอบด้วย (๑) กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพญ็ ประโยชน์ และนักศกึ ษาวชิ า ทหาร โดยผู้เรียนเลือกอย่างใดอยา่ งหน่งึ ๑ กิจกรรม (๒) กจิ กรรมชุมนมุ ทางวิชาการ หรอื ชมรม อีก ๑ กิจกรรม ๓) กิจกรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ ใหใ้ ชต้ วั อักษรแสดงผลการประเมิน ดงั นี้

๖๘๘ “ผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรมและมีผลงาน ตามเกณฑ์ตามทสี่ ถานศึกษาก าหนด “มผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฏิบัติกิจกรรม แต่มีผลงานไม่ เปน็ ไปตามเกณฑต์ ามท่สี ถานศึกษากำหนด ในกรณที ี่ผ้เู รยี นไดผ้ ลการเรยี น “มผ” ครูผู้สอนต้องจดั ซ่อมเสรมิ ให้ผเู้ รียนท ากิจกรรมใน ส่วนที่ผู้เรียนไม่ได้เข้าร่วมหรือไม่ได้ท าจนครบถ้วน แล้วจึงเปลี่ยนผลการเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ทั้งนี้ ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานั้น ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยให้อยู่ในดุลยพินิจ ของสถานศกึ ษา การประเมินการเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียนเปน็ รายภาค ครทู ี่ปรกึ ษากิจกรรมเปน็ ผู้ ประเมินการเขา้ ร่วมกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ข้อ ๑๒ การประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรยี น ๑๒.๑ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของผู้เรียนโรงเรียนสตรีอ่างทอง ประกอบด้วย ๑) รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๒) ซอื่ สัตย์สจุ ริต ๓) มวี ินัย ๔) ใฝเ่ รยี นรู้ ๕) อยอู่ ย่างพอเพยี ง ๖) ม่งุ ม่นั ในการท างาน ๗) รกั ความเป็นไทย ๘) มจี ติ สาธารณะ ๑๒.๒ โรงเรียนแตง่ ตั้งคณะกรรมการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผเู้ รียน ๑๒.๓ โรงเรียนมอบหมายให้ครูผู้สอนดำเนินการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ควบคู่ ไปกับกระบวนการเรียนการสอน เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เครื่องมือประเมินที่โรงเรียน กำหนด และนำผลการประเมนิ ไปใชป้ รบั ปรงุ พฒั นาผู้เรยี นอยา่ งต่อเนอ่ื งตลอดช้นั ปี ๑๒.๔ คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคข์ องผูเ้ รยี น นำผลการประเมินของ ครูผู้สอนทุกคน มาสรุปผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนในแต่ละชั้นปีตาม

๖๘๙ เกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนด และนำผลการประเมินไปใช้ปรับปรุงพัฒนาคุณลักษณะผู้เรียนอย่าง ต่อเนอ่ื งตลอดจนจบหลกั สตู ร ๑๒.๕ คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนดำเนินการประเมิน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ของผเู้ รียน ในปีสดุ ท้ายของระดับช้ันมธั ยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ๑๒.๖ ในการสรุปผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์รวมทุกคุณลักษณะเพื่อการ เล่ือนชนั้ และจบการศึกษา กำหนดเกณฑก์ ารตัดสนิ เป็น ๔ ระดบั ได้แก่ ๓ ๒ ๑ ๐ และความหมาย ของแตล่ ะระดบั ดงั นี้ ๓ หมายถงึ ดีเย่ียม ผู้เรยี นปฏบิ ตั ิตนตามคณุ ลักษณะจนเป็นนสิ ยั และนำไปใช้ใน ชีวติ ประจำวนั เพื่อประโยชนส์ ุขของตนเองและสงั คม ๒ หมายถึง ดี ผู้เรียนมีคุณลักษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เพื่อให้เป็นการยอมรับของ สังคม ๑ หมายถึง ผา่ น ผ้เู รียนรับรู้และปฏิบตั ติ ามกฎเกณฑแ์ ละเง่ือนไขทสี่ ถานศกึ ษากำหนด ๐ หมายถึง ไม่ผา่ น ผูเ้ รียนรบั รู้และปฏิบตั ไิ ดไ้ ม่ครบตามกฎเกณฑ์และเงือ่ นไขทสี่ ถานศึกษา กำหนด ข้อ ๑๓ การประเมนิ ความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียนสือ่ ความของผูเ้ รยี น ๑๓.๑ ขอบเขตและตวั ชว้ี ัดความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ขอบเขตการประเมิน (ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑-๓) การอ่านจากสื่อสิง่ พิมพ์และสอื่ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ทใ่ี ห้ขอ้ มูลสารสนเทศ ข้อคิด ความรูเ้ ก่ยี วกับ สังคมและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อให้ผู้อ่านนำไปคิด วิเคราะห์ วิจารณ์ สรุปแนวคิด คุณค่าที่ได้ นำไป ประยุกต์ใช้ด้วยวิจารณญาณ และถ่ายทอดเป็นข้อเขียนเชิงสร้างสรรค์หรือรายงานด้วยภาษาที่ ถกู ต้องเหมาะสม เช่น อา่ นหนังสือพิมพ์ วารสาร หนงั สอื เรยี น บทความ สุนทรพจน์ คำแนะนำ คำ เตอื น แผนภูมิ ตาราง แผนท่ี ขอบเขตการประเมิน (ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๔-๖) การอา่ นจากส่อื สิง่ พมิ พ์และสอื่ อิเล็กทรอนิกสท์ ใี่ หข้ ้อมลู สารสนเทศ ความรูป้ ระสบการณ์ แนวคิดทฤษฎี รวมทั้งความงดงามทางภาษาที่เอื้อให้ผู้อ่าน วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ แสดงความ คิดเห็นโต้แย้งหรือสนับสนุน ทำนาย คาดการณ์ ตลอดจนประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจ แก้ปัญหา

๖๙๐ และถ่ายทอดเป็นข้อเขียนเชิงสร้างสรรค์ รายงาน บทความทางวิชาการอย่างถูกต้องตามหลักวิชา เชน่ อ่านบทความวชิ าการวรรณกรรมประเภทต่าง ๆ ๑๓.๒ โรงเรียนแตง่ ต้ังคณะกรรมการประเมินความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี นของผูเ้ รยี น ๑๓.๓ คณะกรรมการประเมินความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี นของผ้เู รยี น ในแต่ละชั้นปี โดยใช้เครื่องมือประเมินที่โรงเรียนกำหนด และนำผลการประเมินไปใช้ปรับปรุง พฒั นาผเู้ รียนอย่างต่อเน่ือง ๑๓.๔ คณะกรรมการประเมินความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียนของผู้เรยี น ดำเนินการประเมินความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนของผู้เรียนในปีสุดท้ายของ การศึกษาภาคบงั คบั /การศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน ๑๓.๕ การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนให้ผลการประเมินเป็นผ่านและไม่ผ่าน กรณที ีผ่ ่านให้ระดบั ผลการประเมนิ เปน็ ๓, ๒, ๑, ๐ และความหมายของแตล่ ะระดับดังน้ี ๓ หมายถึง ดีเยี่ยม ผู้เรียนมีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และ เขยี น ที่มีคุณภาพดีเลิศอยู่เสมอ ๒ หมายถึง ดี ผู้เรียนมีคุณลักษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เพื่อให้เป็นการยอมรับของ สังคม ๑ หมายถึง ผ่าน ผู้เรียนมผี ลงานทแ่ี สดงถงึ ความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์และเขยี น ที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับแต่ยังมีข้อบกพร่องบางประการ ๐ หมายถึง ไม่ผ่าน ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่โรงเรียน กำหนด การตัดสินผลการเรยี นและการเปลี่ยนผลการเรยี น ข้อ ๑๔ การตดั สนิ ผลการเรยี น ปฏบิ ัตดิ งั นี้

๖๙๑ ๑๔.๑ พจิ ารณาตัดสินผลการเรยี นเปน็ รายวิชา โดยประเมนิ ผลเปน็ รายภาคเรยี น ๑๔.๒ พิจารณาตดั สินว่าผู้เรียนไดผ้ ลการเรียน เฉพาะรายวิชาทีผ่ ูเ้ รียนสอบได้ระดบั ผลการ เรียน ๑-๔ เท่านั้น ๑๔.๓ ผู้เรยี นทไ่ี ดร้ ะดับผลการเรยี น “๐” โรงเรยี นจัดใหม้ กี ารสอนซอ่ มเสรมิ ในตัวชีว้ ัดและ ผลการเรียนรู้ทไ่ี ม่ผ่าน แลว้ จึงใหส้ อบแก้ตัว จนกว่าจะได้ระดบั ผลการเรียน “๑” ข้อ ๑๕ การเปล่ียนผลการเรียน ๑๕.๑ การเปลย่ี นผลการเรยี น “๐” ผ้สู อนจะตอ้ งทำการสอนซ่อมเสริมในมาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้วี ดั ท่ีผู้เรียนสอบไม่ผ่านก่อน แล้วจึงให้ผู้เรียนสอบแก้ตัวได้ไม่เกิน ๒ ครั้ง ถ้าผู้เรียนไม่ดำเนินการสอบแก้ตัวตามระยะเวลาท่ี สถานศึกษากำหนด ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีก ๑ ภาค เรยี น ทง้ั น้ีตอ้ งดำเนินการให้เสร็จสน้ิ ภายในปีการศกึ ษานนั้ ถา้ สอบแกต้ ัว ๒ ครง้ั แลว้ ยงั ไดร้ ะดับผล การเรยี น “๐” อกี ให้สถานศึกษาแตง่ ตั้งคณะกรรมการดำเนินการเกยี่ วกับการเปล่ยี นผลการเรียน ของผูเ้ รียน โดยปฏบิ ตั ิดังน้ี ๑) ถ้าเป็นรายวิชาพนื้ ฐาน ใหเ้ รียนซำ้ รายวชิ านน้ั ๒) ถ้าเป็นรายวิชาเพ่ิมเตมิ ให้เรยี นซ้ำหรือเปล่ียนรายวิชาเรียนใหม่ ท้ังนใ้ี ห้อยู่ใน ดุลยพินิจของสถานศึกษาในกรณีที่เปลี่ยนรายวิชาเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการ เรยี นว่าเรียนแทนรายวิชาใด ๑๕.๒ การเปลีย่ นผลการเรยี น “ร” การเปลี่ยนผลการเรียน “ร” ใหด้ ำเนนิ การดังน้ี ให้ผู้เรียนดำเนินการแก้ไข “ร” ตามสาเหตุ เมื่อผู้เรียนแก้ไขปัญหาเสร็จแล้วให้ได้ระดับผล การเรียนตามปกติ(ตั้งแต่ ๐-๔) ถ้าผู้เรียนไม่ดำเนินการแก้ไข “ร” ให้ผู้สอนนำข้อมูลที่มีอยู่ตัดสิน ผลการเรียนยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้“ร” ออกไปอกี ไมเ่ กนิ ๑ภาคเรียน ทงั้ น้ีตอ้ งดำเนนิ การให้เสรจ็ ส้ินภายในปีการศกึ ษานั้น เม่ือพ้นกำหนด นี้แล้วหากผลการเรยี นเป็น “๐” ใหด้ ำเนินแกไ้ ขตามหลักเกณฑ์ ๑๕.๓ การเปล่ยี นผลการเรยี น “มส” การเปลย่ี นผลการเรียน “มส” มี๒ กรณดี ังน้ี

๖๙๒ ๑) กรณีผู้เรยี นได้ผลการเรยี น “มส” เพราะมีเวลาเรยี นไมถ่ ึงรอ้ ยละ ๘๐ แต่ไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด ให้สถานศึกษาจัดให้เรียนเพิ่มเติมโดยใช้ชั่วโมงสอนซ่อมเสริม หรือใช้เวลาวา่ งหรอื ใชว้ นั หยุด หรือมอบหมายงานให้ทำจนมเี วลาเรียนครบตามทีก่ ำหนดไว้สำหรับ รายวิชานั้นแล้วจึงให้วัดผลปลายภาคเป็นกรณีพิเศษผลการแก้“มส ” ให้ได้ระดับผลการเรียนไม่ เกิน “๑” การแก้“มส” กรณีนี้ให้กระทำให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานั้น ถ้าผู้เรียนไม่มาด าเนิน การแก้“มส” ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้นี้ให้เรียนซ้ำยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย ให้อยู่ในดุลยพินิจของ สถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้“มส” ออกไปอีกไม่เกิน ๑ ภาคเรียน แต่เมื่อพ้นก าหนดนี้แล้ว ให้ปฏิบตั ิดงั น้ี (๑) ถา้ เป็นรายวชิ าพืน้ ฐาน ให้เรียนซ้ำรายวิชาน้ัน (๒) ถา้ เปน็ รายวิชาเพ่มิ เตมิ ให้อยูใ่ นดลุ ยพินจิ ของสถานศึกษา ให้เรียนซ้ำหรือ เปลี่ยนรายวิชาเรยี นใหม่ ๒) กรณีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มส” และมีเวลาเรียนน้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียน ทง้ั หมด ใหส้ ถานศึกษาดำเนินการดงั น้ี (๑) ถา้ เป็นรายวิชาพื้นฐานให้เรียนซ้ำรายวชิ าน้ัน (๒) ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติมใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของสถานศึกษา ใหเ้ รยี นซ้ำหรือเปลยี่ น รายวิชาเรียนใหม่ ในกรณีที่เปลี่ยนรายวิชาเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรียนว่า เรียนแทนรายวิชาใด การเรียนซ้ำรายวิชา หากผู้เรียนได้รับการสอนซ่อมเสริมและสอบแก้ตัว ๒ ครั้งแล้วไม่ เกณฑ์การประเมินให้เรียนซ้ำรายวิชานั้น ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาในการจัดให้เรียน ซ้ำในช่วงใดช่วงหนึ่งที่สถานศึกษาเห็นว่าเหมาะสม เช่น พักกลางวัน วันหยุด ชั่วโมงว่างหลังเลิก เรียนหรือภาคฤดูร้อนในกรณีภาคเรียนที่ ๒ หากผู้เรียนยังมีผลการเรียน “๐” “ร” “มส” ให้ ดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนเปิดเรียนปีการศึกษาถัดไปให้สถานศึกษาเปิดการเรียนการสอนในภาค ฤดรู ้อนเพ่อื แกไ้ ขผลการเรียนของผเู้ รยี นได้ ๑๕.๔ การเปลยี่ นผลการเรียน “มผ”

๖๙๓ หลักสูตรโรงเรียนสัตบงกช พุทธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดให้ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนา ผเู้ รียน ๓ กจิ กรรม คือ ๑) กจิ กรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมนักเรยี น ซึ่งประกอบดว้ ย กิจกรรม ลูกเสือ เนตรนารียุวกาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์หรือนักศึกษาวิชาทหาร โดยผู้เรียนเลอื กเรียนอย่าง ใดอย่างหนึ่ง ๑ กิจกรรมและเลือกเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุม หรือชมรมอีก ๑ กิจกรรม ๓) กิจกรรม เพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ ในกรณีท่ผี ู้เรียนได้ผลการเรียน “มผ” สถานศกึ ษาตอ้ งจดั ซ่อมเสรมิ ให้ผเู้ รียนทำกิจกรรมใน สว่ นที่ผู้เรียนไม่ได้เข้าร่วมหรือไม่ได้ทำจนครบถ้วน แล้วจงึ เปลีย่ นผลการเรียนจาก “มผ” เปน็ “ผ” ได้ทั้งนี้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในภาคเรียนนั้นๆ ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัยให้อยู่ในดุลยพินิจของ สถานศึกษาที่จะพิจารณาขยายเวลาออกไปอีกไม่เกิน ๑ ภาคเรียน แต่ต้องดำเนินการให้เสร็จส้ิน ภายในปกี ารศึกษาน้นั

๖๙๔ การเล่ือนชั้นและการอนุมตั กิ ารจบหลกั สูตร ข้อ ๑๖ การเลอ่ื นชัน้ การพิจารณาเลื่อนชั้น ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยและสถานศึกษาพิจารณาเห็น ว่าสามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ให้อยู่ในดุลพินิจของสถานศึกษาที่จะผ่อนผันให้เลื่อนชั้นได้ เม่อื สิ้นปีการศกึ ษาผ้เู รยี นจะได้รบั การเล่อื นช้ัน เม่อื มีคณุ สมบัติตามเกณฑด์ ังต่อไปน้ี ๑๖.๑ รายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเติม ได้รับการตัดสินผลการเรียนผ่านตามเกณฑ์ที่ สถานศึกษากำหนด ๑๖.๒ ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ทีสถานศึกษา กำหนด ในการอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงคแ์ ละกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๑๖.๓ ระดับผลการเรียนเฉลี่ยในปีการศึกษานั้นควรได้ไม่ต่ำกว่า ๑.๐๐ทั้งนี้รายวิชาใดที่ไม่ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ผู้สอนตอ้ งซอ่ มเสริมผเู้ รียนให้ได้รบั การแก้ไขในภาคเรยี นถัดไป ขอ้ ๑๗ การเรียนซ้ำชัน้ ถ้าผู้เรียนที่มีผลการประเมินรายวิชาอยู่ในระดับไม่ผ่านจำนวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะ เป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น สถานศึกษาต้องแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้เรียน ซำ้ ชั้นได้ทั้งนใ้ี หค้ ำนึงถึงวฒุ ภิ าวะและความรู้ความสามารถของผเู้ รยี นเป็นสำคัญ การเรยี นซ้ำชนั้ มี๒ ลกั ษณะ คอื ๑) ผู้เรียนมีระดับผลการเรียนเฉลี่ยในปีการศึกษานั้นต่ำกว่า ๑.๐๐ และมีแนวโน้มว่าจะ เป็นปญั หาต่อการเรยี นในระดบั ช้ันที่สงู ขึ้น ๒) ผู้เรียนมีผลการเรียน ๐, ร, มส เกินครึ่งหนึ่งของรายวิชาที่ลงทะเบียนเรียนในปี การศกึ ษาน้ัน ทัง้ น้หี ากเกิดลกั ษณะใดลักษณะหน่งึ หรือทงั้ ๒ ลักษณะ สถานศึกษาต้องแต่งตงั้ คณะกรรมการพิจารณา หากเห็นว่าไม่มีเหตุผลอันสมควรก็ให้ซ้ำชั้น โดยยกเลิกผลการเรียนเดิม และให้ใช้ผลการเรียนใหม่แทน หากพิจารณาแล้วไม่ต้องเรียนซ้ำชั้น ให้อยู่ในดุลยพินิจของ สถานศึกษาในการแกไ้ ขผลการเรียน ข้อ ๑๘ การอนุมัติการจบหลักสูตรการศึกษาภาคบังคบั ๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติม โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน ๖๖ หน่วยกิต และ รายวชิ าเพิ่มเตมิ ตามท่ีสถานศึกษากำหนด

๖๙๕ ๒) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า ๗๗ หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชา พ้ืนฐาน ๖๖ หน่วยกติ และรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ไมน่ ้อยกวา่ ๑๑ หนว่ ยกิต ๓) ผเู้ รยี นมีผลการประเมินการอา่ น คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี น ในระดับผา่ นเกณฑก์ าร ประเมินตามที่สถานศกึ ษากำหนด ๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามทสี่ ถานศกึ ษากำหนด ๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามท่ี สถานศึกษากำหนด ขอ้ ๑๙ การอนุมัติการจบหลกั สูตรการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน ๑) ผ้เู รยี นเรยี นรายวิชาพื้นฐานและเพ่ิมเติม โดยเป็นรายวิชาพน้ื ฐาน ๔๑ หน่วยกิต และ รายวชิ าเพิ่มเตมิ ตามท่ีสถานศกึ ษากำหนด ๒) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า ๗๗ หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชา พืน้ ฐาน ๔๑ หนว่ ยกิต และรายวิชาเพ่มิ เติมไมน่ อ้ ยกวา่ ๓๖ หน่วยกติ ๓) ผเู้ รียนมีผลการประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขียนในระดับผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ตามที่สถานศกึ ษากำหนด ๔) ผเู้ รียนมีผลการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงคใ์ นระดับผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ตามที่สถานศึกษากำหนด ๕) ผเู้ รียนเขา้ ร่วมกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี นและมีผลการประเมนิ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ตามท่ี สถานศึกษากำหนดผ้อู ำนวยการโรงเรียนเปน็ ผอู้ นุมัติผลการเรยี นและการจบหลักสูตรการศึกษา

๖๙๖ คณะกรรมการหลักสตู รสถานศกึ ษา โรงเรียนสัตตบงกช ๑. นายณธชั ศกั ด์ิ ตนั กุระ ประธานกรรมการ ๒. นางสาวพชั ราภา หลีกพาล รองประธานกรรมการ ๓. นางสาวพรรณวษา โนนตาเถร หวั หน้างานหลักสูตร ๔. นายกฤติเดช จารพุ ันธ์ กรรมการ ๕. นางสาวธัญวรัตม์ จอ้ ยจติ ต์ กรรมการ ๖. นายไนยชน สอนเคน กรรมการ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook