Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ Close up 3

แผนการจัดการเรียนรู้ Close up 3

Published by Teacher Ya Channel, 2021-03-26 14:38:56

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ Close up 3
ภาษาอังกฤษพื้นฐาน ชั้นม.3

Search

Read the Text Version

133 133 6. ภาระงาน/ช้นิ งาน ใหนักเรียนพูดบรรยายภาพหนาชั้นเรียน เลือกภาพตามความสนใจ มีความเหมาะสม มีเน้ือหาเกี่ยวกับ Free-time activities เชน ดนตรี กีฬา การแสดงฯ หรือสถานทีท่ องเท่ียวที่เปนแหลงเรียนรู โดยประยุกตใชความรูและทักษะการใชภาษาที่เรียน มาใน Unit 3 จดั ทาํ เปน รปู เลมรายงาน 7. การวัดและประเมินผล (ภาระงาน/ช้นิ งาน) วิธกี าร เคร่อื งมอื คะแนน เกณฑ 1. ประเมิน แบบประเมนิ คณุ ภาพช้ินงาน/ภาระงาน 18-20 คณุ ภาพ 15-17 ผลการประเมนิ 12-14 ดมี าก 10-11 ดี พอใช ผา น 2. ประเมนิ ทกั ษะ แบบประเมนิ ทักษะ-การพดู คะแนน ผลการประเมนิ ทางการใชภาษา แบบประเมนิ ทักษะ-การเขียน 18-20 ดมี าก 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผา น 8. กิจกรรมการเรยี นรู ความรแู ละกจิ กรรมฝก ทักษะการคิดวเิ คราะห สงั เคราะห การใหเ หตุผล ทกั ษะการเรียนภาษาทั้ง 4 ดาน ไดแก การฟง การ พดู การอา น และการเขียน เรื่อง Time Out! ประกอบดวย บทสนทนา (conversations) บทความ (articles) บทความแฝงโฆษณา (adverts/advertorials), e-mails, notes, Exam Close-up, Exam Tasks, ส่ือรูปภาพ (pictures) ส่ือวิดีโอ (video) ท่ีมีคําศัพท สํานวนภาษาเกี่ยวกับ Free-time activities, hobby-related words โครงสรางภาษา Conditionals: Zero & First, Gerund, Infinites, Prepositions และกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพ่อื การส่อื สาร เจตคตทิ ีด่ ีตอภาษาองั กฤษ 9. สอ่ื /แหลงเรียนรู  หนงั สือเรยี น Close-up 3 Unit 3 เรอื่ ง Time Out! หนา 31-42  หนงั สอื Workbook Close-up 3 Unit 3 เร่อื ง Time Out! หนา 18-23  Audio CD Track 3.1, 3.2, 3.3  Video เรอื่ ง Mechanical Lizard Car หนา 42 คูมอื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที่ 3

134 134 หนว ยการเรยี นรทู ี่ 3 เร่ือง Time Out! แผนการจดั การเรยี นรูท ่ี 1 เรอ่ื ง Reading 1: Adverts of Free-time Activities รหสั วิชา................. รายวชิ าพนื้ ฐานภาษาองั กฤษ ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 3 กลุมสาระการเรียนรภู าษาตางประเทศ ปการศกึ ษา 25……….. ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 1 ชว่ั โมง ผูสอน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตวั ชวี้ ดั ต 1.1 ม.3/4 เลือก/ระบุหวั ขอ เรื่อง ใจความสาํ คญั รายละเอียดสนบั สนุน และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องท่ฟี งและ อานจากส่อื ประเภทตา งๆ พรอ มท้ังใหเ หตุผลและยกตัวอยา งประกอบ ต 1.3 ม.3/2 พดู และเขียนสรุปใจความสําคัญ/แกน สาระ หวั ขอเรื่องทไี่ ดจากการวิเคราะหเร่อื ง/ขา ว/เหตกุ ารณ/สถาน- การณทอี่ ยูใ นความสนใจของสังคม ต 2.1 ม.3/2 อธบิ ายเกี่ยวกับชีวิตความเปนอยู ขนบธรรมเนยี ม และประเพณขี องเจาของภาษา 2. จุดประสงคการเรียนรู อานสื่อประเภทบทความแฝงโฆษณา (Advert/Advertorial) เกี่ยวกับ Free-time activities แลวจับใจความสําคัญ วเิ คราะหเ ปรยี บเทยี บ อธบิ าย และแสดงความคดิ เห็น โดยใชโครงสรางภาษาท่กี าํ หนดใหไ ดถ ูกตองเหมาะสม 3. สาระสําคญั /ความคิดรวบยอด (Learning Concept) ความรแู ละกจิ กรรมฝกทกั ษะการคิด บทความแฝงโฆษณา (Advert/Advertorial) ท่ีมีคาํ ศพั ท สาํ นวนภาษา โครงสรางภาษา เก่ียวกับ Free-time activities โดยผานการฝกทักษะการอาน การเขียน และกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร ทําให ผูเ รยี นสามารถสอื่ ความไดอยางมีประสทิ ธิภาพ มนี สิ ัยรกั การอา น มีสุนทรียภาพในการอาน 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดา นความรู (Knowledge) - Vocabulary: circus skills, baking, robotics club, gardening club, origami, unicycle, tightrope, skills, confidence, to juggle, to practice, to perform, to be into something - Grammar: verb+noun collocations of Free-time activities โครงสรางประโยคบอกเลา คําถาม และคําสั่ง - Writing strategy: การกลาวอา งขอความ (Quotation) - Reading strategy: Scanning reading 4.2 ดานทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทกั ษะเรียนภาษาท้ัง 4 ทกั ษะ การฟง การพูด การอาน และการเขยี น - ทกั ษะกระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพื่อการส่อื สาร 4.3 ดานเจตคติ (Attitude) - มีประสิทธภิ าพในการส่ือความ - มเี หตผุ ล มวี ิจารณญาณ - ประยกุ ตใ ชภาษาอังกฤษเพื่อการดาํ รงชีวิต 5. กจิ กรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครูนาํ ความสนใจของนกั เรียนเขาสูบทเรียนในชั่วโมงเรียนน้ีโดยใชรูป C Singing Club ในหนังสือ Close-up 3 หนา 32 โดยครใู ชประโยคคาํ สัง่ และประโยคคาํ ถาม ดงั น้ี คมู ือครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ี่ 3

135 135 ครู : Look at the four teenagers in picture C at the bottom of the page. Now answer the questions. - What are they doing? (singing) - Where are they? (In the studio/at the singing club/…) - How are they feeling? (fun/happy/…) - What about you? Can you sing? Do you love singing? (Yes/No/…)  Pre-reading 1. ครูใหนักเรียนเปดหนังสือ Close-up 3 หนา 32 ครูสอนคําศัพทในกิจกรรม A ไดแก circus skills, baking, robotics club, singing, gardening club, origami โดย - ใหน ักเรยี นท้ังช้ันชวยกันอานออกเสียงคาํ ศพั ททุกคํากอน คําใดอานไมไดใหค รูชวย - หลงั จากนั้นใหน ักเรียนจบั คคู ําศพั ทก บั รปู ภาพทงั้ 6 รปู โดยเขยี นคาํ ศพั ทใตรูปภาพท่ถี กู ตอ ง - ครเู ฉลยคําตอบโดยใหนกั เรยี นอานคําตอบพรอมกัน เฉลยคําตอบ 1. gardening club 2. circus skills 3. origami 4. baking 5. singing 6. robotics club 2. ครูสอนคําศัพทใน Word Focus โดยยังไมตองดูคําจํากัดความที่ใหมา ไดแก to be into something, to juggle, unicycle, tightrope, to practice, skills, confidence, to perform ดงั น้ี - ครเู ขียนคําศพั ทเหลาน้บี นกระดาน แลว ใหนักเรียนอานออกเสียงดังพรอมกัน ถาคําใดนักเรียนอานไมไดใหครูชวย อา นนําและนักเรียนอา นตาม - ครูใหนักเรียนชวยกันบอกความหมายโดยครูใหนักเรียนบอกความหมายของคําที่นักเรียนรูจัก ถานักเรียนบอก ความหมายไมไ ด ครูใหนักเรยี นดทู ี่ Word Focus และใหอ านออกเสียงคําศพั ทและคําจาํ กดั ความ วิธีนี้จะชวยใหนักเรียนรูความหมาย ของคําศพั ทมากข้ึน ครูอาจใหค ําอธิบายเพ่มิ เตมิ บา ง 3. ครูใหนกั เรียนตอบคําถามกิจกรรม B ครูอธิบายคําถามโดยใหนักเรียนสังเกตรูปกริยาท่ีใช เปนกิจกรรมตอบคําถาม จากรปู ภาพ ครใู หน กั เรยี นจบั คู ผลดั กนั ถาม-ตอบเกย่ี วกบั รูปภาพในกจิ กรรม A โดยครูใหเวลา 3-5 นาทีในการทาํ กิจกรรมน้ี (B) นกั เรียน 1 : Which of the activities in A have you tried? นกั เรียน 2 : I’ve tried/practiced/…………… . นักเรียน 1 : Which activity would you like to try in the future? Why? นักเรยี น 2 : I’d like to try …………… because I think it’s …………… ./ …………… , etc. 4. ครูสังเกตการทาํ กิจกรรม 5. เมอื่ นักเรียนสวนใหญพ รอ มแลว ครูสุมเลือกนักเรียน 3-4 คูขึ้นมาพูดเฉลยคําตอบ โดยครูใหคําแนะนํากอนวาเวลาท่ี นกั เรยี นพูดใหม องหนาคูส นทนาดว ย 6. ครูยอมรับทกุ คําตอบโดยครูใหเ วลานักเรยี น Discuss คําตอบกอนท่ีครูจะสมุ เลือกนักเรยี น 2-3 คขู ึน้ มาใหค ําตอบ เฉลยคาํ ตอบ (Suggested answer) นักเรียน 1 : Which of the activities in A have you tried? นกั เรยี น 2 : I’ve practiced origami. นกั เรยี น 1 : Which activity would you like to try in the future ? Why ? นักเรียน 2 : I’d like to try circus skills such as juggling and walking the tightrope because I think it’s exciting and challenging. คูม ือครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 3

136 136 7. ครูใหนักเรียนตอบคําถามกิจกรรม C ครูอธิบายคําส่ังโดยบอกนักเรียนวา these adverts for clubs หมายถึง Advert A, B และ C ใหนักเรียนอานคําถามพรอม Which one is the most expensive? ครูช้ีแนะวิธีคนหาขอมูลเกี่ยวกับราคาวา มกั จะวางไวส ว นทา ยของโฆษณา และสังเกตไดจากการใชสัญลักษณของ Money unit เชน ดอลลาร ปอนด บาท เปนตน ครูใหเวลา นักเรียนอา นเพื่อคน หาขอ มลู เกย่ี วกบั ราคา ครเู ฉลยคาํ ตอบ โดยใหน ักเรยี นบอกคําตอบ คือ Advert C พรอ มกับใหเ หตผุ ลประกอบดังน้ี ขอ มลู บอกราคาของ Advert แตละช้ิน มปี รากฏท่ีตําแหนง ทา ยสุดของบทอานเปนดังน้ี Advert A - £5 per session Advert B - £10 per session Advert C - It’s free! เฉลยคาํ ตอบ B – the circus skills workshop is the most expensive. หลังไดคําตอบแลว ครูอธิบายวาการอานท่ีนักเรียนทําไปแลวน้ี เปนการอานอยางมีจุดประสงค อานเพื่อคนหาขอมูลท่ีเปนราคา/ คา ใชจ าย การอานแบบนีท้ เ่ี ราใชเสมอในชวี ิตประจาํ วนั เรียกการอา นแบบนวี้ า Scanning reading 8. ครใู หความรูเกยี่ วกบั โครงสรา งภาษาและ Writing strategy ใน Advert/Advertorial (บทความแฝงโฆษณา) เพ่ือให นักเรียนสามารถอา นไดดยี ง่ิ ขน้ึ และมีสนุ ทรียภาพในการอาน ดังน้ี - What is an advert? บทความแฝงโฆษณา (Advert/Advertorial) เปนการโฆษณาโดยออมท่ีแฝงอยูในบทความ ตามสื่อสงิ่ พมิ พ เชน นติ ยสาร หนงั สือพิมพ สํานวนภาษาท่ีใชจะเขาใจงาย เพื่อดึงความสนใจของผูอาน (to hook the readers) มี การใหข อมลู เฉพาะ (คาํ ศพั ท) เกี่ยวกบั สนิ คา ผลิตภัณฑ บรกิ าร หรือกิจกรรม และนาํ เสนอประเด็นสาํ คัญอยา งเปน เอกภาพ (unity) - How to read an advert? Advert/Advertorial (บทความแฝงโฆษณา) ใชโครงสรางภาษา 3 รูปแบบ ไดแก 1. ประโยคบอกเลา เพ่ือใหขอมูล 2. ประโยคคําถาม เพ่ือส่ือความแบบสะกิด กระตุนเตือนใจ ใหฉุกคิด และ 3. ประโยคคําสั่ง เพ่ือ แนะนาํ วา ควรทาํ อยางนัน้ ควรเลอื กอยางนม้ี ากกวา - What writing strategy is used in an advert? เพ่ือใหผูอานเกิดความม่ันใจ แนใจในสินคา บริการ กิจกรรม นน้ั ๆ (To convince the readers) Advert/Advertorial (บทความแฝงโฆษณา) มีการอางอิงขอความ ไดแก การยกคําพูด คํากลาว อา ง (Quotations) ของบคุ คลอ่ืน เชน บคุ คลทีม่ ชี อื่ เสียง ลูกคา หรือบุคคลอื่นๆ ท่ีเกี่ยวของ การอางอิงมีรูปแบบที่ชัดเจน งายแกการ สงั เกต ขอ มลู ท่ีใชอางอิงจะเขียนครอ มดว ยเครอ่ื งหมายคําพูด (Quotation mark) นักเรียนจะสงั เกตไดง า ย  Practice หลงั จากทนี่ กั เรียนไดรับความรูเก่ียวกับความหมายและคําจํากัดความของคําศัพท สํานวน โครงสรางประโยคเก่ียวกับ Free-time activities, Adverts, Reading strategy: การอานแบบ Scanning และ Writing strategy ใน Adverts แลว ครูให นักเรียนทําแบบฝกหดั กจิ กรรม D ในหนงั สอื และแบบฝกหดั เพิ่มเตมิ ในใบงาน ดังน้ี 1. กิจกรรม D ครใู หนักเรียนอานประโยคขอ 1-6 เพ่ือคน หาตัวชแี้ นะคําตอบ แลวขีดเสนใตกํากับไว ครใู หนกั เรยี นอา นตัว ชแี้ นะคาํ ตอบของประโยคที่ 1-6 ดงั นี้ - ประโยคที่ 1 ตัวชแี้ นะคําตอบ ไดแก sports, strong arms - ประโยคท่ี 2 ตัวชแ้ี นะคาํ ตอบ ไดแ ก can program computer, science - ประโยคที่ 3 ตัวชแ้ี นะคาํ ตอบ ไดแก lots of free tie to practice - ประโยคท่ี 4 ตวั ชแี้ นะคําตอบ ไดแก a famous pop star - ประโยคท่ี 5 ตัวชี้แนะคําตอบ ไดแก don’t want to do my own homework - ประโยคที่ 6 ตัวชแี้ นะคําตอบ ไดแก musical คมู ือครแู ละแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 3

137 137 ใหน กั เรยี นนาํ ตวั ชีแ้ นะคําตอบของแตล ะประโยคไปใชในการอา นแบบ Scanning ใน Advert A, B และ C ครูเฉลยคาํ ตอบ โดยให นักเรยี นมีสวนรวม โดยบอกวา ตอบอะไร และใหเหตผุ ลวาเพราะอะไรจงึ ตอบเชน น้นั เฉลยคาํ ตอบ 1. B เหตผุ ล เพราะ “… I have a strong arm.” 2. A เหตผุ ล เพราะ “I can program computers …” 3. B เหตผุ ล เพราะ “I have lots of free time to practice a new hobby.” 4. C เหตผุ ล เพราะ “… to be a famous pop star.” 5. A เหตผุ ล เพราะ “I don’t want to do my own homework.” 6. C เหตุผล เพราะ “… the famous West End musicals.” 2. ใหน กั เรยี นทําแบบฝกหัดเพิม่ เติมในใบงาน ดงั น้ี ใบงาน Unit 3 Time Out! แผนจดั การเรยี นรทู ่ี 1 เรื่อง Adverts of Free-Time Activities 1. What kinds of sentences are in each advert? Check (/) kinds of sentences in each advert: ABC - Affirmatives - Questions - Imperatives - Quotations 2. How does the writer begin the ideas in each advertise? 3. How does the writer convince the readers? 4. Do you think which advert is the best one to be chosen? why? 5. Which advert relates to athletic skills? 6. Which advert relates to the invention? 7. Which advert relates to the entertainment?  Production ครูสรุปบทเรียนและเฉลยคาํ ตอบใบงาน ดงั น้ี 1. What kinds of sentences are in each advert? Check (/) kinds of sentences in each advert: ABC - Affirmatives /// - Questions /// - Imperatives /// - Quotations /// 2. How does the writer begin the ideas in each advertise? - He begins the ideas in each advertise with questions or sentences of questioning. 3. How does the writer convince the readers? - He convinces the readers by using quotations or sentences of quoting. คูมอื ครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 3

138 138 4. Do you think which advert is the best one to be chosen? why? แนวทางการตอบ I think advert C is the best one (to be chosen) because I like singing/it’s interesting/ It’s free./... หรือ I think advert A is the best one (to be chosen) because I like robots/it’s interesting/ It’s great fun./… หรือ I think advert B is the best one (to be chosen) because I like circus/it’s interesting/challenging 5. Which advert relates to athletic skills? - advert B 6. Which advert relates to the invention? - advert A 7. Which advert relates to the entertainment? - advert C 6. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครอ่ื งมอื คะแนน เกณฑ 1. สังเกต แบบประเมนิ การสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรียน 18-20 15-17 ผลการประเมนิ 12-14 ดีมาก 10-11 ดี พอใช ผา น 2. ประเมนิ ทักษะ แบบประเมินทักษะการฟง -การพูด คะแนน ผลการประเมนิ 18-20 ดมี าก การใชภ าษา แบบประเมนิ ทักษะการอาน-การเขียน 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผาน 7. สอ่ื /แหลง การเรียนรู หนงั สือเรียน Close-up 3 Unit 1 Time Out! เร่อื ง Reading กจิ กรรม A-D หนา 32-33 8. บนั ทึกหลังการจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คมู อื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 3

139 139 หนวยการเรยี นรทู ี่ 3 เรอ่ื ง Time Out! แผนการจดั การเรยี นรูที่ 2 เร่ือง Reading 2: Personal Pronouns รหสั วิชา................. รายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 3 กลมุ สาระการเรียนรูภาษาตางประเทศ ปการศึกษา 25……….. ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 1 ชว่ั โมง ผูส อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตวั ชวี้ ัด ต 1.1 ม.3/4 เลอื ก/ระบหุ ัวขอเร่ือง ใจความสาํ คญั รายละเอยี ดสนับสนนุ และแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับเร่ืองทีฟ่ ง และ อานจากสอื่ ประเภทตา งๆ พรอมทั้งใหเ หตผุ ลและยกตัวอยา งประกอบ ต 1.3 ม.3/2 พูดและเขียนสรปุ ใจความสาํ คัญ/แกนสาระ หวั ขอเร่ืองทไี่ ดจ ากการวิเคราะหเรอ่ื ง/ขา ว/เหตกุ ารณ/สถาน- การณทอี่ ยูใ นความสนใจของสังคม ต 2.1 ม.3/2 อธิบายเก่ียวกับชีวิตความเปนอยู ขนบธรรมเนียม และประเพณขี องเจาของภาษา 2. จดุ ประสงคก ารเรียนรู พูดและเขียนโตตอบขอมูลเกี่ยวกับเร่ืองตางๆ ใกลตัว เร่ืองที่อยูในความสนใจของสังคม และส่ือสารอยางตอเน่ืองและ เหมาะสม 3. สาระสําคัญ/ความคิดรวบยอด (Learning Concept) ความรเู ก่ียวกับ connection (pronouns)/pronouns and noun to be replaced เปนพื้นฐานท่ีสําคัญในการใชภาษา และโครงสรางในการสื่อสาร ทําใหเกิดความเชื่อมโยงระหวางขอมูล การเล่ือนไหลของขอมูลมีความสอดคลองและตอเนื่อง ไมเกิด ความซ้ําซอ น ทําใหก ารสือ่ สารมีประสทิ ธภิ าพ นักเรียนไดร บั ความรโู ดยผา นการฝกทักษะเรียนภาษาท้ัง 4 ดาน ไดแก การฟง การพูด การอาน และการเขียน และกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร ทําใหการส่ือสารบรรลุผลตามวัตถุประสงค ผูเรียนมีเจต คตทิ ด่ี ตี อ ภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอยางยิ่งมีนิสัยรักการอา น มีสุนทรียภาพในการอาน 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดานความรู (Knowledge) - Vocabulary: circus skills, baking, robotics club, gardening club, origami, unicycle, tightrope, skills, confidence, to juggle, to practice, to perform, to be into something - Grammar: การใชค ําสรรพนามแทนคํานาม - Writing strategy: การกลาวอางขอความ (Quotation) - Reading strategy: Scanning reading 4.2 ดานทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทักษะเรียนภาษาทง้ั 4 ทักษะ การฟง การพูด การอาน และการเขยี น - ทกั ษะกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการส่อื สาร 4.3 ดา นเจตคติ (Attitude) - มีประสทิ ธภิ าพในการส่อื ความ - มีเหตผุ ล มีวจิ ารณญาณ คูมอื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ชัน้ มธั ยมศึกษาปท่ี 3

140 140 5. กิจกรรมการเรยี นรู  Lead-in 1. ครนู าํ ความสนใจของนักเรยี นเขาสบู ทเรยี นในช่วั โมงเรยี นน้ี โดยเขยี นประโยคคาํ ถามบนกระดานและใหนักเรยี นทัง้ ชั้น อา นออกเสยี งดังๆ 2 คร้ัง ดังนี้ Q: Where did you get those juggling balls? 2. ครูใหนักเรียนคิดคําตอบและบอกคําตอบของคําถาม โดยครูเขียนทุกคาํ ตอบของนักเรยี นบนกระดาน 3. ครูชี้นําโดยขีดเสนใต those juggling balls เพื่อทําใหทางเลือกของการตอบแคบลง นักเรียนคิดคําตอบอยางมี ทิศทางเพอ่ื ใหไ ดคาํ ตอบท่มี คี วามเฉพาะเจาะจงมากย่ิงขน้ี ครูใหต วั เลือกของคําตอบ ทําใหนักเรยี นมีทศิ ทางในการตัดสินใจเลือกคําตอบ ไดค าํ ตอบทช่ี ดั เจนมากยิ่งข้นึ และมคี วามเปนไปได โดยครูใหต วั เลอื ก A, B, C ครง้ั ละ 1 ตัวเลือก โดยทาํ ตามขั้นตอน ดงั น้ี 3.1 ครูเขยี นตัวเลือก A บนกระดานและครถู ามนักเรยี นดังน้ี A. I bought it online. - ครูถามนกั เรยี นดงั นี้ Do you think A is the right answer for the question? - นักเรยี นใหคาํ ตอบ - ครูนับจํานวนนกั เรียนท่ีใหคาํ ตอบ โดยใชค าํ ถาม Who says ‘Yes’? Show me your hand, please. Who says ‘No’? Your hand, please. - ครูสังเกตจํานวนนักเรียนท่ี say ‘Yes’ ถามีจํานวนนอยกวา say ‘No’? ดังน้ันกอนที่จะใหนักเรียนทํา แบบฝก หัด ครคู วรอธบิ ายเรือ่ ง Pronouns อยา งละเอยี ด พรอมทงั้ ยกตัวอยางประกอบการอธิบายและใหค าํ ถามเพมิ่ เติมเพื่อตรวจสอบ ความเขาใจของนกั เรยี น 3.2 ครเู พ่มิ ทางเลือกใหมใ หแกนักเรียนโดยครูเขยี นตวั เลอื ก B บนกระดานและครถู ามนกั เรียนดงั นี้ B. My sister gave them to me. - ครถู ามนกั เรยี นดังนี้ Do you think A is the right answer for the question? - นักเรียนใหคําตอบ - ครูนับจาํ นวนนักเรยี นที่ใหค ําตอบ โดยใชคาํ ถาม Who says ‘Yes’? Show me your hand, please. Who says ‘No’? Your hand, please. - ครูสังเกตจํานวนนักเรียนที่ say ‘Yes’ ถามีจํานวนมากกวา say ‘No’? แสดงวานักเรียนสวนใหญมีความ เขาใจเรอื่ ง Pronouns แลว - ครูใหนกั เรยี นบอกเหตุผลของการตดั สินใจเลอื กคําตอบขอB - นกั เรยี นใหเ หตุผลถกู ตอง โดยคําตอบทถี่ ูกตอ งคือ ใช them แทนคํานามพหพู จนคือ those juggling balls ดงั น้นั กอนท่จี ะใหนักเรยี นทําแบบฝกหัดขออืน่ ๆ ครูควรทบทวนเรื่อง Pronouns ส้ันๆ พรอมทั้งยกตัวอยางประกอบการทบทวน ครู รบั รองคําตอบของนกั เรียนวา ขอ B ถูกตอง และครูเขยี นตัวเลอื ก C บนกระดาน C. I didn’t have any money. เพือ่ ใหนกั เรียนบอก เหตผุ ลวา เพราะเหตุใดตัวเลือก C จงึ ไมถ ูกตอง ทําใหนกั เรยี นเขา ใจการใช Pronouns อยางชดั เจนยงิ่ ขึน้  Practice ครูสอนโครงสรางภาษาเก่ียวกับการใชคําสรรพนามแทนคํานาม ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมเกี่ยวกับการใชคําสรรพนาม แทนคํานาม ดงั น้ี 1. ครูใหน ักเรยี นเปดหนังสอื Close-up 3 หนา 33 ใหนกั เรยี นทํากิจกรรม ดังน้ี 1.1 กิจกรรม E เปนสวนท่ีใหค ําอธิบายเพ่อื สรางความเขา ใจกอนทํากิจกรรม Exam Task โดยครูสอนดังน้ี คมู อื ครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3

141 141 - ครใู หนกั เรียนอา น Exam Close-up และครอู ธบิ ายและใหค วามรเู รื่องเพิม่ เตมิ โดยใช Work sheet/ใบความรู และใบงานเรื่อง Personal pronouns - ครใู หข อมูลเพ่ิมเตมิ เรอื่ งการใช Personal pronouns ในประโยค โดยครูแบงเปน Forms & Functions of Personal pronouns และ Usages of Personal pronouns โดยครใู หคาํ สาํ คัญในการใช Personal pronouns ไดแก บุรุษ พจน เพศ หนาที่ โดยใชใบความรเู รื่อง Forms of Personal pronouns ใบความรู เรอ่ื ง Forms of Personal pronouns person Subject Object Possessive Possessive Reflexive pronoun forms 1st forms adjective forms pronoun forms forms I 2nd We me my mine myself 3rd You us our ours ourselves He you your yours yourself, yourselves She him his his himself It her her hers herself They It its -/its itself them their theirs themselves เพ่ือใหนักเรียนท้ังชั้นเขาใจเร่ือง Personal pronouns อยางชัดเจน ครูใชใบงานเร่ือง Personal pronouns Unit 3 Time Out! แผนจัดการเรียนรูที่ 2 เรื่อง Personal pronouns โดยครูอธิบายคําสั่ง ชี้แนะวิธีการคิดคําตอบ และใหเวลานักเรียนคิดและเขียน คาํ ตอบ ดงั น้ี ใบงาน เรื่อง Personal pronouns Complete the sentences with the correct forms of personal pronouns 1. My brother is a teacher. ………….. teaches English. 2. Mom is a dentist, …………. works in the hospital in the provincial area. 3. The sky is getting dark. …………. is going to rain. 4. Baby birds cannot fly. …………… mother has to feed them. 5. Ted and I are brothers. ………….. share ………….. bedroom together. 6. Olay isn´t well. Dad is taking ………….. to see the vet. 7. What are ………….. doing, Anita? 8. This is my friend, Katherine. …………… is a teacher. 9. Edward likes riding ………….. bicycle. I sometimes lend ………….. to …………. . 10. Steve, we are waiting for ……………... Are you coming with …………..? เฉลยคําตอบ 1. He 2. she 3. It 4. Their 5. We, our 6. It 7. you 8. She 9. my, it, him 10. you, us คมู ือครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที่ 3

142 142 1.2 กจิ กรรม F Exam Task Part 1 ครูอธิบายคาํ ส่งั ช้แี นะวิธีการคิดคําตอบ และใหเวลานักเรียนคิดตัดสินใจ เลือก คาํ ตอบ มขี ้นั ตอนดงั น้ี - ครใู หน ักเรยี นขดี เสน ใตค ํานามในประโยคคําถาม แลวอานออกเสยี งคาํ นามทข่ี ดี เสน ใตพรอมกัน - นักเรียนตดั สินใจเลือกคําตอบ ถาเปนหองเรยี นทนี่ ักเรยี นสว นใหญออ นภาษาอังกฤษ ครูชวยใหนักเรียนคิดเลือก คําตอบโดยครอู ธิบายตวั เลือก - ครใู หเ วลานกั เรยี นคดิ ตดั สนิ ใจ เลือกคําตอบ - ครูเฉลยคําตอบ โดยใหนักเรยี นอา นคาํ ตอบพรอมกัน ครรู ับรองคาํ ตอบถูก แกไขคําตอบผดิ เฉลยคําตอบ 1. B 2. B 3. A 4. C 5. B 1.3 กิจกรรม F Exam Task Part 2 เปน conversation ระหวาง Mark กับ Gary พูดคุยกันเรื่อง Circus skills workshop และกลา วพาดพิงถึงบคุ คลที่ 3 ในเชิงวพิ ากษวิจารณ performance ของ Nick โดยครูสอนดว ยวธิ กี ารเชนเดียวกับกิจกรรม Exam Task Part 1 ครอู ธิบายคาํ ส่งั ช้ีแนะวิธกี ารคิดคําตอบ และใหเวลานกั เรยี นคิดตดั สนิ ใจเลอื กคาํ ตอบ มีข้นั ตอนดงั น้ี - ครูใหน ักเรยี นขดี เสน ใตคํานามในประโยคคาํ ถาม แลว อา นออกเสียงคํานามท่ขี ีดเสน ใตพ รอมกัน - นกั เรียนตัดสินใจเลือกคําตอบ ถาเปนหองเรียนทนี่ ักเรียนสวนใหญออ นภาษาอังกฤษ ครูชว ยใหน ักเรียนคดิ เลือก คาํ ตอบโดยครูอธบิ ายตัวเลือก - ครใู หเ วลานกั เรยี นคดิ ตดั สินใจ เลอื กคําตอบ - ครเู ฉลยคาํ ตอบ โดยใหน ักเรียนอา นคําตอบพรอมกัน ครรู ับรองคําตอบถกู แกไ ขคําตอบผิด เฉลยคําตอบ (6) B (7) B (8) A (9) C (10) B 1.4 กิจกรรม G ครอู ธิบายคําสงั่ และใหน ักเรยี นอานออกเสยี ง verbs ท่กี าํ หนดใหเลือกไปเตมิ ในประโยคพรอ มกัน - นกั เรยี นบอกความหมายของ verbs ท่ีอา น - ครูชแี้ นะวธิ กี ารคดิ คําตอบโดยใหนกั เรยี นบอกวธิ คี ิดคําตอบวาในการตดั สนิ ใจวาจะเลือกใช verb ตวั ใด นักเรียน ตองดทู สี่ ว นไหนของประโยค อะไรเปนตัวกําหนดคําตอบ เพราะอะไร - นักเรียนตอบวาดูที่คํานามที่ตามหลังชองวางของทกุ ประโยค เพราะเปน verb+noun collocations - ครใู หนักเรียนอานออกเสยี งคํานามทอี่ ยูหลังชองวางของทุกประโยคและชว ยกันบอกความหมาย - ครใู หเ วลานักเรยี นเขียนคําตอบและสนับสนุนการคดิ คาํ ตอบของนักเรียนท่เี รยี นออนทํางานชา - ครูเฉลยคาํ ตอบโดยใหน กั เรียนบอกคําตอบพรอ มกัน เฉลยคาํ ตอบ 1. build 2. practice 3. make 4. solve 5. join 6. program 2. ครใู หน ักเรียนเปดหนังสอื Workbook Close-up 3 หนา 18 ใหนักเรยี นปฏิบตั ิกิจกรรม ดงั นี้ 2.1 กิจกรรม A Exam Reminder เปนสวนที่ใหคําอธิบายเพื่อสรางความเขาใจกอนทํากิจกรรม Exam Task ครู สอนและอธิบายชแี้ นะวธิ กี ารคิดคาํ ตอบโดยยอ แลว ครใู หนักเรียนทาํ กิจกรรม B Exam Task Part 1 ดังน้ี - ครูใหเ วลานักเรยี นอานคําถาม มองหาคาํ นามในคาํ นามเพื่อใชเ ปน ตวั ช้ีแนะคําตอบในการตดั สินใจเลอื ตัวเลอื ก ทดี่ ีทส่ี ุด คมู ือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 3

143 143 - ครใู หน ักเรียนขีดเสนใตค ํานามในประโยคคาํ ถาม แลว อานออกเสยี งคาํ นามที่ขดี เสน ใตพรอมกัน - นกั เรียนตดั สนิ ใจเลือกคําตอบ ถาเปน หองเรียนท่นี ักเรยี นสวนใหญออ นภาษาอังกฤษ ครชู วยใหน ักเรยี นคดิ เลือก คาํ ตอบโดยครูอธบิ ายตัวเลอื ก - ครูใหเ วลานักเรียนคิดตัดสนิ ใจ เลอื กคําตอบ - ครเู ฉลยคําตอบ โดยใหนักเรียนอานคาํ ตอบพรอ มกัน ครูรบั รองคาํ ตอบถกู แกไขคําตอบผิด เฉลยคาํ ตอบ 1. c 2. b 3. b 4. a 5. b 2.2 กจิ กรรม B Exam Task Part 2 เปน conversation ระหวาง Paula กับ Kelly พดู คุยกนั เรอ่ื ง Theatre performance ของ Paula โดยครสู อนดวยวิธีการเชนเดียวกับกจิ กรรม Exam Task Part 1 ดังนี้ - ครอู ธิบายคําสัง่ ชแี้ นะวธิ ีการคิดคาํ ตอบ และใหเ วลานักเรียนคดิ ตัดสินใจ เลอื กคาํ ตอบ มีขั้นตอนดังน้ี - ครใู หน กั เรียนขีดเสนใตคํานามในประโยคคําถาม แลวอา นออกเสยี งคาํ นามที่ขดี เสน ใตพ รอมกัน - นกั เรียนตัดสินใจเลอื กคําตอบ ถาเปน หอ งเรียนที่นักเรียนสว นใหญออนภาษาองั กฤษ ครูชว ยใหนักเรียนคิดเลือก คําตอบโดยครอู ธิบายตวั เลือก - ครูใหเ วลานักเรียนคดิ ตดั สินใจ เลอื กคําตอบ - ครเู ฉลยคําตอบ โดยใหนกั เรียนอานคาํ ตอบพรอมกัน ครูรับรองคําตอบถูก แกไ ขคําตอบผดิ เฉลยคาํ ตอบ (6) C (7) H (8) A (9) E (10) F 2.3 กจิ กรรม C ครูใหนกั เรยี น Read aloud บทความในกรอบ แลวใหนักเรียนพิจารณาวา กิจกรรม B Part 1 ขอใด กลา วถงึ สถานทใี่ นบทความท่อี า น โดยใชหลักการทบทวนคาํ ตอบ Justifying your answers - ครตู รวจสอบคาํ ตอบโดยใหน กั เรยี นพดู บอกคําตอบพรอ มกัน และครูเฉลยคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1, 3 และ 4  Production 1. กจิ กรรม Ideas Focus ครูใหน กั เรียน Read aloud คาํ สั่ง และพูดบอกส่ิงท่ีนักเรยี นตองปฏิบัติในกจิ กรรมน้ี - ครทู บทวนคาํ ส่ัง แนะนํา อธบิ าย วธิ ีการตอบคําถามโดยใหนักเรียน Explain why - ใหน กั เรยี นทํากิจกรรมเปน คู ครูใหเวลานักเรียนทาํ กิจกรรมอยางอิสระ ครูสงั เกต แนะนํา ชวยเหลอื และแกปญหา - ครูสมุ เลอื กนักเรียน 4-5 คูขึน้ มาพดู ใหค ําตอบ ครูยอมรับทุกคําตอบ และสรปุ บทเรยี น 2. กจิ กรรม Expand Your Ideas ซึ่งครู applied จากกจิ กรรม A ดังน้ี - ใหน ักเรียนจับคูแ ตง ประโยค 2 ประโยค โดยประโยคแรกใหมสี วนประกอบของ noun อยา งนอย 2 คํา และ ประโยคท่ี 2 ใหแทนท่ี noun ในประโยคแรกดว ย pronoun - ครใู หเวลานกั เรียนทํากจิ กรรม ครูสงั เกต แนะนํา ชวยเหลอื และแกปญ หา - ครสู มุ เลอื กนักเรยี น 4-5 คขู ้ึนมาพดู ใหคาํ ตอบ ครูยอมรบั ทุกคาํ ตอบ - ครูสรปุ บทเรยี น คูมือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ช้นั มัธยมศึกษาปที่ 3

144 144 6. การวัดและประเมนิ ผล เครอื่ งมือ คะแนน เกณฑ แบบประเมินการสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรียน 18-20 วิธีการ 15-17 ผลการประเมนิ 1. สงั เกต 12-14 ดมี าก 10-11 ดี พอใช ผา น 2. ประเมินทักษะ แบบประเมินทกั ษะการฟง -การพูด คะแนน ผลการประเมิน 18-20 ดมี าก การใชภ าษา แบบประเมนิ ทักษะการอาน-การเขยี น 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผาน 7. สอ่ื /แหลงการเรียนรู หนังสอื เรียน Close-up 3 Unit 3 Time Out! เร่อื ง Reading กิจกรรม E-G หนา 33 หนังสอื Workbook Close-up 3 Unit 3 Time Out! เรื่อง Reading กิจกรรม A-C หนา 18-19 8. บนั ทกึ หลงั การจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คมู ือครแู ละแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ี่ 3

145 145 หนว ยการเรียนรทู ี่ 3 เรื่อง Time Out! แผนการจดั การเรียนรทู ่ี 3 เรื่อง Vocabulary 1: Hobbies รหสั วชิ า................. รายวิชาพน้ื ฐานภาษาอังกฤษ ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 3 กลมุ สาระการเรียนรูภาษาตา งประเทศ ปการศึกษา 25……….. ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 1 ช่วั โมง ผสู อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวช้ีวดั ต 1.1 ม.3/4 เลอื ก/ระบุหวั ขอ เร่ือง ใจความสาํ คัญ รายละเอียดสนบั สนนุ และแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับเรอื่ งท่ฟี ง และ อานจากสือ่ ประเภทตา งๆ พรอมทง้ั ใหเ หตผุ ลและยกตวั อยา งประกอบ ต 1.2 ม.3/4 พดู และเขียนเพ่อื ขอและใหข อมูล อธบิ าย เปรียบเทยี บ และแสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกบั เร่ืองทฟ่ี งหรอื อา น อยา งเหมาะสม ต 1.2 ม.3/5 พดู และเขยี นบรรยายความรสู ึกและความคิดเห็นของตนเองเกย่ี วกบั เรอ่ื งตางๆ กิจกรรม ประสบการณ และ ขา ว/เหตกุ ารณ พรอ มท้ังใหเหตผุ ลประกอบอยา งเหมาะสม 2. จุดประสงคก ารเรยี นรู ฟงและอานสื่อประเภทตางๆ เกี่ยวกับ Hobbies แลวเลือก/ระบุหัวขอเรื่อง ใจความสําคัญ เปรียบเทียบ และแสดงความ คดิ เห็นโดยใชค าํ ศัพท สํานวนภาษา โครงสรางภาษาทีก่ ําหนดใหไดถ ูกตอ งเหมาะสม 3. สาระสําคญั /ความคิดรวบยอด (Learning Concept) ความรดู า นคําศพั ท สาํ นวนเกี่ยวกับ Hobbies และโครงสรางภาษาในแบบฝกหัด โดยผานการฝกทักษะการอาน การเขียน และกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร ทําใหผูเรียนสามารถสื่อความไดอยางมีประสิทธิภาพ มีนิสัยรักการอาน มี สนุ ทรยี ภาพในการอา น 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดานความรู (Knowledge) - Vocabulary: tent, paint, guitar, camera, brushes, controller, selfie stick, instrument ,video game, sleeping bag, creative, boring, exciting, relaxing, unusual, active - Grammar: Adjectives for describing of hobbies/free-time activities, -verb+noun collocations of hobbies/free-time activities 4.2 ดานทักษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทกั ษะเรยี นภาษาทั้ง 4 ทักษะ การฟง การพูด การอาน และการเขียน - ทักษะกระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพ่ือการสื่อสาร 4.3 ดานเจตคติ (Attitude) - มีประสทิ ธภิ าพในการส่อื ความ - มเี หตผุ ล มีวจิ ารณญาณ 5. กิจกรรมการเรยี นรู  Lead-in 1. ครนู ําความสนใจของนกั เรียนเขา สบู ทเรียนในช่วั โมงเรยี นน้โี ดยใชรูปในหนังสอื Close-up 3 หนา 34 และถามคําถาม ดังนี้ - What activity are these people doing? คมู ือครูและแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชัน้ มัธยมศึกษาปท ่ี 3

146 146 - Do you think where they are? - Do they need a lot of things to do this activity? - Have you ever done this activity? 2. นกั เรียนท้งั ช้ันตอบคาํ ถาม ครูยอมรบั ทุกคําตอบ  Presentation 1. กจิ กรรม A ครูใหนักเรียนเปดหนังสือ Close-up 3 หนา 34 ครูสอน nouns เกี่ยวกับ hobbies และ equipment ไดแก tent, paint, guitar, camera, brushes, controller, selfie stick, instrument, video game, sleeping bag เร่ิมจากให นกั เรยี นรูจ ักคาํ อา นและความหมายพรอมกัน ครูใหนักเรียนท้ังช้ันอานออกเสียงคําศัพทท่ีเปนอุปกรณ (equipment) พรอมกับบอก ความหมาย ซงึ่ บางคําใชการทบั ศพั ท เชน tent = เต็นท - เมอ่ื นกั เรยี นรูความหมายของคาํ ศัพทค รบหมดแลว ใหน ักเรยี นเลือกคําศัพทที่เปนอุปกรณ (equipment) มาเติมใน ชอง hobby ในการทํากิจกรรมดงั กลา วนี้ นักเรียนตอ งคิดแบบเชอ่ื มโยงวา hobby แตละชนิดตอ งใชอ ุปกรณอะไรบา ง - ครูเฉลยคําตอบ โดยใหน ักเรียนอา นคําตอบ 1. tent, sleeping bag เฉลยคําตอบ 4. camera, selfie stick 2. paint, brushes 3. controller, video game 5. guitar, instrument 2. กิจกรรม B ครูใหนักเรียนเลือกคําศัพทจากกิจกรรม A มาเติมในบทสนทนาที่เก่ียวกับ hobbies /free-time activities ครชู แี้ นะวาในการตัดสนิ ใจเลือก ใหนักเรียนมองหาคํา/วลี/ประโยคเปนตัวกําหนดคําตอบ (Contextual clues) และขีด เสน ใตค าํ เหลาน้ี - ครูตรวจสอบความถูกตองของการเลือกระบคุ าํ /วลี/ประโยคเปน ตัวกําหนดคําตอบ (Contextual clues) โดยครใู ห นักเรยี นอานคํา/วล/ี ประโยคเปนตัวกําหนดคาํ ตอบ (Contextual clues) พรอมกนั ถานกั เรยี นตอบไมถ ูกตอง ครเู ฉลย ดงั นี้ 1. play 2. cold 3. photo 4. blue, sky 5. played, I want to play, too! - นกั เรยี นเลอื กคําตอบ โดยตัดสนิ ใจจากคาํ /วลี/ประโยคเปน ตวั กาํ หนดคําตอบ (Contextual clues) - ครเู ฉลยคาํ ตอบ โดยใหน ักเรียนชวยกันอา นคาํ ตอบ 1. guitar, instrument เฉลยคาํ ตอบ 4. paint, brushes 2. sleeping bag, tent 3. camera, selfie stick 5. video game, controller 3. กิจกรรม C ครูสอน Adjectives for describing of hobbies/free-time activities ไดแก creative, boring, exciting, relaxing, unusual, active ดวยวธิ ีการคลายกบั การสอน noun ในขอ 1 - เริ่มจากใหน ักเรยี นรจู ักคําอาน ครใู หนักเรยี นทั้งชน้ั อา นออกเสียงและบอกความหมายพรอมกันโดยครชู ีแ้ นะ ความหมาย - ครใู หน ักเรยี นจับคูท ํากิจกรรม โดยเลอื ก Adjective มาเติมในประโยคที่ซับซอนยิ่งข้ึน โดยครใู หนกั เรียนขดี เสน ใตคํา วลี หรือประโยคท่ีเปน เหตุผลในการเลือกคําตอบนน้ั ๆ - นักเรยี นเปรียบเทยี บคาํ ตอบกบั เพอื่ นตางคู อธบิ ายและใหเหตุผล ครเู ฉลยคําตอบโดยใหนกั เรียนมีสวนรวมพรอมทัง้ บอกเหตผุ ลในการเลือกคาํ ตอบ คูมอื ครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 3

147 147 - ครูใหนักเรียนทั้งชั้นอานออกเสียงประโยคท่ี 1-6 พรอมกันเพื่อใหนักเรียนอานเก่ียวกับ hobbies แลวใชคําศัพท สํานวนภาษา โครงสรางภาษาทกี่ าํ หนดใหไดถกู ตองเหมาะสม เฉลยคําตอบ 1. creative 2. active 3. exciting 4. boring 5. Relaxing 6. unusual  Production 1. ครใู หน ักเรียนทาํ กิจกรรม Expand your Ideas ซ่ึงครู applied จากกิจกรรม A ใหนักเรียนประยุกตใชความรูท่ีเรียน มาในชั่วโมงนท้ี าํ กจิ กรรม ครูอธบิ ายคาํ สงั่ ชแี้ นะวิธคี ิด และการตอบคําถาม โดยใหน กั เรยี น Discuss and share 2. ครูใหน ักเรียน Read aloud คําสง่ั และพูดบอกสง่ิ ท่นี ักเรยี นตอ งปฏิบตั ใิ นกิจกรรมนี้ 3. นักเรียนตอบคาํ ถามโดยใชค าํ ศพั ทและโครงสรา งประโยค Explaining Why or Why not /because 4. ครูใหเ วลานกั เรียนทาํ กิจกรรม ครู สงั เกต แนะนาํ ชว ยเหลือและแกป ญ หา 5. ครยู อมรบั ทกุ คําตอบท่ีมเี หตุผล 6. ครูตอบขอ ซักถามของนกั เรียน สรุปสง่ิ ท่เี รยี นในชั่วโมงน้ี เฉลยคาํ ตอบ Students’ own answers 6. การวดั และประเมนิ ผล เครือ่ งมอื เกณฑ วิธกี าร แบบประเมินการสังเกตพฤติกรรมนักเรยี น คะแนน ผลการประเมิน 1. สังเกต 18-20 ดีมาก 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผาน 2. ประเมินทักษะ แบบประเมินทักษะการฟง -การพูด คะแนน ผลการประเมิน 18-20 ดีมาก การใชภ าษา แบบประเมินทักษะการอาน-การเขียน 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผา น 7. ส่ือ/แหลง การเรยี นรู หนงั สือเรียน Close-up 3 Unit 3 Time Out! เรอื่ ง Vocabulary กิจกรรม A-C หนา 34 8. บนั ทกึ หลงั การจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คมู ือครูและแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ชนั้ มัธยมศึกษาปท ี่ 3

148 148 หนวยการเรียนรูท่ี 3 เรอ่ื ง Time Out! แผนการจดั การเรียนรูท่ี 4 เรอื่ ง Vocabulary 2: Personal Pronouns รหัสวชิ า................. รายวชิ าพ้ืนฐานภาษาองั กฤษ ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ี่ 3 กลุมสาระการเรียนรภู าษาตา งประเทศ ปการศกึ ษา 25……….. ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 ช่วั โมง ผูส อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวช้วี ดั ต 1.2 ม.3/5 พดู และเขยี นบรรยายความรูส ึกและความคิดเหน็ ของตนเองเกย่ี วกบั เรอื่ งตางๆ กิจกรรม ประสบการณ และ ขา ว/เหตุการณ พรอ มทง้ั ใหเหตผุ ลประกอบอยา งเหมาะสม ต 2.2 ม.3/1 เปรยี บเทียบและอธิบายความเหมอื นและความแตกตางระหวา งการออกเสยี งประโยคชนดิ ตา งๆ และการ ลาํ ดบั คําตามโครงสรา งประโยคของภาษาตางประเทศและภาษาไทย 2. จุดประสงคการเรียนรู พูดและเขียนโตตอบขอมูลเกี่ยวกับเร่ืองตางๆ ใกลตัว เร่ืองที่อยูในความสนใจของสังคมและสื่อสารอยางตอเนื่องและ เหมาะสม 3. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด (Learning Concept) ความรูเก่ียวกับ connection (pronouns)/pronouns and noun to be replaced เปนพ้ืนฐานที่สําคัญในการใชภาษา และโครงสรางในการสื่อสาร ทําใหเกิดความเช่ือมโยงระหวางขอมูล การเลื่อนไหลของขอมูลมีความสอดคลองและตอเนื่อง ไมเกิด ความซํ้าซอน ทําใหการสื่อสารมีประสทิ ธิภาพ นักเรียนไดรับความรูโดยผานการฝกทักษะเรียนภาษาทั้ง 4 ดาน การฟง การพูด การ อาน และการเขยี น และกระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพ่ือการสอ่ื สาร ทําใหก ารสอื่ สารบรรลุผลตามวัตถุประสงค ผูเรียนมีเจตคติท่ีดี ตอ ภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอยางยงิ่ มีนสิ ัยรกั การอาน มีสุนทรียภาพในการอา น 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดา นความรู (Knowledge) - Vocabulary: hiking, yoga, sailing, chess, athletics, table tennis - Grammar: Verb-noun collocation เกีย่ วกับ hobbies 4.2 ดา นทักษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทักษะเรยี นภาษาทง้ั 4 ทักษะ การฟง การพูด การอา น และการเขยี น - ทักษะกระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร 4.3 ดานเจตคติ (Attitude) - มปี ระสทิ ธิภาพในการส่ือความ - มีเหตุผล มีวิจารณญาณ 5. กิจกรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครูนําความสนใจของนักเรยี นเขา สบู ทเรยี นในช่ัวโมงเรียนนี้ดว ยกริยา make, build, do โดยครูเขยี นบนกระดาน และ ใหน ักเรียนคิดหาคาํ นามมาตอทา ยคํากริยาท้ัง 3 ตัวนี้ make + noun? build + noun? do + noun? คมู อื ครแู ละแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3

149 149 2. นักเรยี นบอกคําตอบอยางหลากหลาย 3. ครเู ขียน 3 ประโยคตอไปนบ้ี นกระดานใหนักเรียนเลือกใชกริยาท้งั 3 ตัวมาเติมในประโยค ดังน้ี - I don’t want to ………. my homework but I want to ………. a telephone call. - Do you want to ………. new friends and ………. your confidence ? - My family plans to ………. business in Vietnam. 4. นักเรียนบอกคําตอบอยางหลากหลาย 5. ครูช้ีแจงวา การใชคํากริยาบางตัวรวมกับคํานามบางตัวเปนลักษณะทางภาษาเรียกวาการปรากฏรวมของคําใน ภาษาองั กฤษ เรียกวา Collocation ซงึ่ เปน เร่อื งทจ่ี ะเรียนในชัว่ โมงน้ี  Presentation 1. ครูอธิบายความหมายของ Collocation พรอ มท้ังยกตวั อยางประกอบ Collocation = a word or phrase that is often used with another word or phrase, in a way that sounds correct to people who have spoken the language all their lives, but might not be expected from the meaning. 2. ครเู ขยี นประโยคตัวอยา งทมี่ ี verb+noun collocations บนกระดาน ไดแก - I can program computer and I love science. - I don’t want to do my homework but I want to make a telephone call. - Do you want to make new friends and build your confidence? - My family plans to do business in Vietnam. 3. ครูใหนักเรียนรูจัก verb+noun collocations โดยใหนักเรียนทั้งช้ัน อาน verb+noun collocations ของแตละ ประโยคและครูขีดเสน ใต verb+noun collocations ตามที่นกั เรยี นบอก ครอู ธิบายเพมิ่ เตมิ ใหน กั เรียนเขา ใจตรงกัน 4. ครูสอน verb+ noun collocations โดยใชกิจกรรม D และ E ในหนังสือ Close-up 3 หนา 34-35 ดงั น้ี - ครใู หนักเรยี นศึกษา/อานในใจประโยคขอ 1-6 และขีดเสนใต verb+noun collocations แลวใหนักเรียนอานออก เสียง verb+noun collocations ของแตล ะประโยค - ครูเขียนคาํ ตอบของนกั เรยี นบนกระดาน ดงั น้ี 1. go hiking 2. do yoga 3. go sailing 4. playing chess 5. do athletics 6. play table tennis - ครูขดี เสน ใตคํากรยิ า go, do, play ในแตละขอ - ใหน ักเรียนท้ังชั้น สรปุ การใช go, do, play ในประโยคท้งั 6 และเพิม่ เติมคําตอบโดยหาคาํ นามอื่นๆ มาเติม ดงั นี้ - go + hiking/sailing/ ... - do + yoga/athletics/ … - play + chess/table tennis/ ... - ครใู หเวลานักเรียนคดิ เมอื่ นักเรยี นคดิ ออกแลวใหออกมาเขยี นบนกระดาน - ครูตง้ั คําถามใหนักเรยี นระดมสมองคดิ หาคําตอบ โดยครูถามดงั นี้ Q1: นักเรยี นคดิ วา go hiking, go sailing จะใชกรยิ า do หรอื play แทนไดหรอื ไม เพราะอะไร Q2: นกั เรียนคิดวา do yoga, do athletics จะใชกริยา go หรอื play แทนไดห รือไม เพราะอะไร Q3: นักเรยี นคิดวา play(ing) chess, play table tennis จะใชกริยา go หรอื do แทนไดห รอื ไม เพราะอะไร - นักเรียนใหค าํ ตอบวา ใชแ ทนกันไมไ ด เพราะเปน คาํ ทีต่ องใชร ว มกัน verb+noun collocations - ครสู นบั สนุนคําตอบและเหตุผลของนักเรียนใชแทนกันไมไดเพราะเปนคําท่ีตองใชรวมกัน โดยครูสรุปการใชกริยา do, go, play ดงั นี้ คมู ือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 3

150 150 - go + free-time activities ending with -ing - do + free-time activities which can do individual - play + free-time activities of which cannot do individual but to play in group or team - ครูอธิบายเพ่ิมเติมวานักเรียนจะไดเรียนรูเพิ่มเติมตัวอยางอื่นๆ ของ verb ตัวอื่นๆ ท่ีใชรวมกับ noun บางตัว นอกจากน้ีนักเรียนจะไดเรียนรูเกี่ยวกับ Collocations ชนิดอ่ืนๆ ตอไป เชน collocations of verb + preposition, collocations of noun+noun, collocations of adjective + adverb เปนตน เม่ือเห็นวานักเรียนสวนใหญเขาใจ verb+noun collocations แลว ครใู หน กั เรียนทาํ กิจกรรม  Practice ครใู หนกั เรียนทํากิจกรรมเรอ่ื ง verb+noun collocations ในหนังสือ Close-up 3 หนา 34-35 ดงั นี้ 1. กจิ กรรม D ครูอธบิ ายคาํ สั่ง และใหนกั เรยี นอา นประโยคท่ี 1-6 แลว จับคปู ระโยคกบั รูปภาพ A-F ครเู ฉลยคําตอบโดย ใหน กั เรยี นบอกคาํ ตอบพรอ มกัน เฉลยคาํ ตอบ 1. B 2. D 3. E 4. C 5. A 6. F 2. กิจกรรม E ครูอธิบายคาํ ส่งั และใหนักเรยี นนาํ คําในกิจกรรม D ท่ีใชต ัวหนา (คํานาม/กริยา+ing) ไปเติมหลังกรยิ า go, do, play ครเู ฉลยคําตอบโดยใหนกั เรยี นบอกคําตอบพรอ มกัน เฉลยคาํ ตอบ - go hiking, sailing - do yoga, athletics - play chess, table tennis 3. ครใู หนกั เรียนเปด หนังสอื Workbook Close-up 3 หนา 19 นกั เรยี นปฏิบัติกิจกรรมดงั นี้ 3.1 กจิ กรรม A ครทู บทวนคาํ ศพั ทเกย่ี วกับ hobbies และ equipment นกั เรยี น Read aloud คาํ ศพั ท แลว ให นกั เรยี นจดั แยกคําศัพทตามทกี่ ําหนดให ครูเฉลยคําตอบ Outside เฉลยคาํ ตอบ brushes Inside camera camping brushes guitar camera photography controller sleeping bag gaming tent guitar photography video game 3.2 กจิ กรรม B ใหน กั เรียนอานคําศพั ททเ่ี ปนตัวเลือกและบอกความหมาย นักเรียนอาจไมรูความหมายของตัวเลือก ทกุ ตวั ดังนน้ั จงึ ใหน กั เรียนสบื คนความหมายของตัวเลอื กบางตัวกอ น - ครูชแี้ นะวธิ ีคิดคาํ ตอบโดยใหน กั เรียนคนหาตวั ช้ีแนะคําตอบท่ีอยหู นาและหลงั ตัวเลือก - นักเรยี นคนหาตวั ชี้แนะคาํ ตอบและใชตัวชแ้ี นะคาํ ตอบดงั กลาวน้ีไปใชใ นการตัดสินใจเลือกคําตอบที่ถูกตอง คมู ือครูและแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 3

151 151 - ครตู รวจสอบความถูกตองโดยใหน ักเรยี นอานคําตอบพรอ มกัน และครเู ฉลยคําตอบ เฉลยคําตอบ 1. tent 2. video game 3. photography 4. guitar 5. brush 6. paint 3.3 กจิ กรรม D ครูใหนกั เรยี นทํากิจกรรมเปน คู ครูอธิบายกจิ กรรม Cloze dialogue - ครทู บทวนเทคนคิ การทําขอ สอบ Cloze test โดยใหนักเรยี น Focus on words before and after a gap - ใหนักเรยี นคน หาตัวชแี้ นะคําตอบทอี่ ยหู นาและหลังชองวาง โดยขีดเสน ใตกาํ กบั ไว - ครูตรวจสอบตัวชแ้ี นะคาํ ตอบ โดยใหนกั เรยี นอานตัวช้แี นะคาํ ตอบของทกุ ประโยค - ใหน ักเรยี นนําตวั ช้ีแนะคาํ ตอบดงั กลาวนไ้ี ปใชในการตัดสินใจเลือกคําตอบทถ่ี กู ตอง - ครูใหเ วลานกั เรยี นคน หา คดิ วิเคราะห ไตรตรอง และใหคําตอบ - ครูตรวจสอบความถูกตองโดยใหน ักเรยี นอานคําตอบพรอมกัน และครเู ฉลยคําตอบ เฉลยคําตอบ (1) active (2) exciting (3) creative (4) relaxing (5) boring (6) unusual 3.4 กิจกรรม E ใหน กั เรยี นอานคาํ ศัพทที่เปนตัวเลือกและบอกความหมาย นกั เรียนอาจไมร ูความหมายของตัวเลือกทุกตัว ดงั นนั้ จงึ ใหน กั เรียนสืบคนความหมายของตวั เลอื กบางตัวกอ น - ครชู ี้แนะวธิ ีคดิ คําตอบโดยใหน ักเรียนคนหาตัวชแ้ี นะคาํ ตอบที่อยูหนาและหลังตวั เลือก - นักเรยี นคน หาตัวชีแ้ นะคาํ ตอบและใชตัวชแี้ นะคาํ ตอบดงั กลาวน้ีไปใชในการตดั สินใจเลือกคําตอบทถ่ี ูกตอ ง - ครตู รวจสอบความถูกตอ งโดยใหนักเรียนอานคําตอบพรอ มกัน และครเู ฉลยคาํ ตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. chess 2. sailing 3. yoga 4. athletics 5. table tennis 6. hiking  Production 1. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรม Ideas Focus ใหนักเรียนจับคู ประยุกตใชความรูท่ีเรียนมาในช่ัวโมงนี้ทํากิจกรรม ครู อธบิ ายคําสั่ง ชแ้ี นะวธิ คี ดิ และการตอบคําถาม โดยใหนักเรยี น Discuss and share 2. ครใู หนกั เรียน Read aloud คาํ สั่ง และพดู บอกสิ่งทนี่ ักเรยี นตองปฏบิ ตั ใิ นกจิ กรรมนี้ 3. นักเรยี นตอบคาํ ถามโดยใชค าํ ศพั ทและโครงสรา งประโยค Explaining Why or Why not/because 4. ครูทบทวนการใช verb+noun collocations ครูใหเวลานักเรียนทํากิจกรรม ครู สังเกต แนะนํา ชวยเหลือและ แกป ญหา ถาเวลาไมพ อใหนักเรยี นทาํ ตอเปน การบา นและนํามาสงในวนั ตอ ไป 5. ครูยอมรบั ทกุ คําตอบทมี่ เี หตผุ ล 6. ครูตอบขอซักถามของนกั เรยี น สรปุ สิง่ ท่เี รียนในช่ัวโมงนี้ เฉลยคําตอบ Students’ own answers คมู อื ครูและแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 3

152 152 6. การวัดและประเมนิ ผล เคร่ืองมือ คะแนน เกณฑ แบบประเมนิ การสังเกตพฤติกรรมนักเรียน 18-20 วธิ กี าร 15-17 ผลการประเมนิ 1. สงั เกต 12-14 ดมี าก 10-11 ดี พอใช ผาน 2. ประเมนิ ทักษะ แบบประเมนิ ทกั ษะการฟง -การพูด คะแนน ผลการประเมิน 18-20 ดมี าก การใชภ าษา แบบประเมินทักษะการอาน-การเขียน 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผาน 7. สอื่ /แหลง การเรยี นรู หนงั สอื เรยี น Close-up 3 Unit 3 Time Out! เรอ่ื ง Vocabulary กิจกรรม D-E หนา 34-35 หนงั สอื Workbook Close-up 3 Unit 3 Time Out! เรื่อง Vocabulary กิจกรรม A-B, D-E หนา 19-20 8. บนั ทกึ หลังการจดั การเรยี นรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คมู อื ครแู ละแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 3

153 153 หนวยการเรยี นรูที่ 3 เรอื่ ง Time Out! แผนการจดั การเรียนรทู ่ี 5 เรื่อง Vocabulary 3: Prepositions รหัสวชิ า................. รายวิชาพน้ื ฐานภาษาองั กฤษ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 3 กลุมสาระการเรียนรูภาษาตา งประเทศ ปการศึกษา 25……….. ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 ช่วั โมง ผสู อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตวั ช้วี ดั ต 1.1 ม.3/4 เลอื ก/ระบุหัวขอเรอื่ ง ใจความสําคญั รายละเอียดสนับสนนุ และแสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกับเรื่องทฟ่ี งและอา น จากสือ่ ประเภทตา งๆ พรอ มทัง้ ใหเ หตุผลและยกตัวอยา งประกอบ ต 1.3 ม.3/1 พูดและเขียนบรรยายเกย่ี วกับตนเอง ประสบการณ ขาว/เหตกุ ารณ/เรอ่ื ง/ประเด็นตา งๆทอ่ี ยูในความสนใจของ สงั คม 2. จุดประสงคการเรยี นรู ฟง พูดบทสนทนาสน้ั ๆ เกี่ยวกับเรอื่ ง Free-time activities อา นและเขียนเกี่ยวกับเร่ือง Hiking teens lucky to be alive! แลวจบั ใจความสาํ คญั และแสดงความคิดเห็นโดยใชคําศัพท สํานวนภาษาที่มี Prepositions และโครงสรางภาษา ที่กําหนดใหอยาง ถกู ตองและเหมาะสมกับระดับช้นั เรยี น 3. สาระสําคญั /ความคิดรวบยอด (Learning Concept) ความรเู กีย่ วกับคาํ ศัพท สาํ นวนภาษาทีม่ ี Prepositions และโครงสรา งภาษาจากการฝกทักษะการเรียนภาษาท้ัง 4 ดาน ไดแก การฟง การพูด การอาน และการเขียน โดยใชกระบวนการสอนภาษาเพ่ือการสื่อสาร ทําใหการส่ือสารบรรลุผลตามวัตถุประสงค ผเู รียนมีเจตคติทีด่ ีตอภาษาอังกฤษ มีนิสยั รักการอาน 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดานความรู (Knowledge) - Grammar: Prepositions - Reading strategy: Scanning reading and Skimming reading 4.2 ดา นทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทักษะเรียนภาษาทั้ง 4 ทกั ษะ การฟง การพูด การอา น และการเขยี น - ทักษะกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 4.3 ดา นเจตคติ (Attitude) - มปี ระสิทธิภาพในการสอ่ื ความ - มีเหตผุ ล มวี ิจารณญาณ 5. กจิ กรรมการเรยี นรู  Lead-in 1. ครูนําความสนใจของนักเรียนเขาสูบทเรียนในช่ัวโมงเรียนน้ีโดยใชบทสนทนาท่ี 1 และ 7 ในกิจกรรม F ในหนังสือ Close-up 3 หนา 35 ครูเขียนบนกระดาน แลว ใหน ักเรยี นเลอื กคาํ ตอบ ดงั น้ี 1. A: What do you like to do in / on your free time? B: I’m a big fan in / of chess. คมู ือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชั้นมัธยมศึกษาปท ี่ 3

154 154 7. A: What do you usually do at / for the weekend? B: I’m involved in / to a youth club so I go there. 2. นักเรยี นเลือกคาํ ตอบ โดยอานทัง้ ประโยค เพื่อดวู า มคี ําตอบขอใดท่นี ักเรยี นเลือกไมต รงกัน 3. ครเู ฉลยคาํ ตอบ  Presentation 1. ครอู ธิบายพรอมทั้งยกตัวอยา งประกอบวา Prepositions ใชต ามหลงั verb, adjectives, nouns โดยการจะเลือกใช prepositions ตวั ใดขึน้ อยูกบั คําทีน่ ําหนา และ/หรอื คาํ ทตี่ ามหลัง Prepositions ตวั อยางเชน - See you on / in Monday. เลือกใช on เพราะคําทต่ี ามหลังมาคอื Monday ใช prepositions on กบั ชือ่ วัน - Listen to the announcement. เลือกใช to เพราะคํากริยาท่ีนําหนาคือ listen ใช prepositions to กับกริยา listen - Vegetable is good for you health. เลอื กใช for เพราะ adjective ท่นี าํ หนา คือ good และคํานามตามหลังมา คือ health - You should be arrive at the aiport at 6. / around 6. / before 6. /after 6. ในประโยคมี prepositions 2 ตวั คอื ตัวแรกเปน ของกริยา arrive เพ่อื กลา วถึงการมาถงึ หรือไปถงึ สถานที่ตา งๆ และตวั ท่ี 2 เปนของคําบอกเวลา six o’clock ซ่ึง ใช prepositions at กบั การระบุเวลา - Police use dogs to search for them. เลอื กใช for เพราะคาํ กรยิ าที่นําหนาคือ to search ใช prepositions for กบั กริยา search เปน ตน 2. ครชู ี้แจงวา จากตวั อยางน้ี การเรยี นการสอนเรื่อง prepositions จึงตองเริ่มดวยใหนักเรียนทําแบบฝกหัดกอน แลวครู อธิบายคาํ ตอบ ครูใหน กั เรยี นเปดหนงั สอื Close-up 3 หนา 35 ใหนกั เรยี นจบั คูท าํ แบบฝก หัดในบทสนทนากิจกรรม F 3. ครแู นะวธิ ีการหาคําตอบวา กอ นเลอื กคาํ ตอบ ใหน กั เรยี นอา นทลี ะประโยค แลว ขีดเสน ใตค าํ ท่ีอยูหนา และหลังชองวาง ซึ่งเรยี กวา บริบทหรือตวั ชีแ้ นะคาํ ตอบ เพ่ือใชเ ปน เหตผุ ลในการตัดสินใจเลือกคําตอบ 4. ครใู หเ วลานกั เรยี นคดิ หาคําตอบ หลงั จากน้ันครจู ึงชวยเพ่ิมความชดั เจนในการเลอื กคาํ ตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. in 2. of 3. How about 4. about 5. in 6. on 7. at 8. in 9. have 10. Into 11. on 12. can’t  Practice 1. กจิ กรรม G ครูใหน กั เรยี น Read aloud Exam Close-up - ใหน กั เรยี นอานบทความใน Exam Task แลวขีดเสนใตคํากอน-หลังชองวางท่ีชวยบอก preposition ที่จะใช แลวให นักเรยี นชว ยกันคิดเติม preposition ลงในชอ งวา ง - ใหเ วลานักเรยี น 1 นาที ในการทํากจิ กรรมน้ี จากนั้นใหน ักเรียนตรวจคาํ ตอบกับคูข องตน กอ นทาํ กิจกรรม H 2. กจิ กรรม H นักเรยี นจับคูอานบทความเร่อื ง Hiking teens lucky to be alive! ใหเ ลือกคาํ ตอบจาก 3 ตวั เลอื ก - นักเรียนใชเวลาอานเพ่ือคนหาตัวช้ีแนะคําตอบระยะหน่ึง หลังจากนั้นใหนักเรียนอานออกเสียงบริบทที่ตัวชี้แนะ คาํ ตอบ พรอมกนั ดงั ๆ โดยครูชว ยเพิ่มเติมคําตอบใหครอบคลุม - หลังจากท่ีไดตัวช้ีแนะคําตอบท่ีถูกตองและครอบคลุมแลว นักเรียนเลือกคําตอบตามกระบวนการคิดวิเคราะห สงั เคราะหอ ยา งมเี หตผุ ล ครสู ังเกตและตอบขอซักถามทอี่ าจมรี ะหวางการทาํ กิจกรรม คูมอื ครูและแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 3

155 155 - เมอ่ื เลือกคาํ ตอบจนครบทุกขอแลว นักเรียนและเพอื่ นชวยกันอานเพ่ือทบทวนคําตอบและมีการเปรียบเทียบคําตอบ กบั เพื่อนตา งคูกอ นการเฉลยคาํ ตอบ - ครูใหนักเรยี นชวยเฉลยคําตอบโดยอานดังๆ ทีละขอ ครูยืนยันคําตอบถูกและแกไ ขคาํ ตอบผิดพรอมทั้งใหเ หตุผล เฉลยคาํ ตอบ (1) B (2) A (3) C (4) A (5) C (6) A (7) C (8) A  Production 1. ครใู หนกั เรยี นเปด หนงั สือ Workbook Close-up 3 หนา 19 ใหนกั เรยี นทาํ กจิ กรรม C - ครใู หน ักเรยี น Read aloud คําสัง่ และพดู บอกสิ่งทน่ี ักเรยี นตองปฏบิ ตั ใิ นกิจกรรมนี้ - ใหนักเรียนอานคาํ ศัพทท ีเ่ ปน ตัวเลือกและเลือกคําตอบ - ครตู รวจสอบความถูกตอ งโดยใหน ักเรยี นอานคําตอบพรอ มกัน และครูเฉลยคําตอบ เฉลยคําตอบ 1. in 2. on 3. about 4. for 5. into 6. had 2. ครูใหนักเรียนเปดหนังสือ Workbook Close-up 3 หนา 20 ใหนักเรียนทํากิจกรรม F Exam Task เรื่อง A kid at heart อา นเน้ือเรือ่ งแลวเลอื ก prepositions - ครูตรวจสอบความถูกตองโดยใหน ักเรียนอานคาํ ตอบพรอ มกัน และครูเฉลยคําตอบ เฉลยคําตอบ (1) b (2) a (3) b (4) a (5) c (6) a (7) c (8) c 6. การวดั และประเมินผล เครือ่ งมือ คะแนน เกณฑ แบบประเมินการสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี น 18-20 วิธีการ 15-17 ผลการประเมนิ 1. สงั เกต 12-14 ดีมาก 10-11 ดี พอใช ผาน 2. ประเมินทักษะ แบบประเมินทกั ษะการฟง-การพูด คะแนน ผลการประเมนิ 18-20 ดีมาก การใชภาษา แบบประเมนิ ทกั ษะการอาน-การเขียน 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผาน คูมอื ครูและแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 3

156 156 7. สอื่ /แหลงการเรยี นรู หนังสอื เรยี น Close-up 3 Unit 3 Time Out! เรื่อง Vocabulary กจิ กรรม F-H หนา 35 หนังสือ Workbook Close-up 3 Unit 3 Time Out! เรื่อง Vocabulary กจิ กรรม C, F หนา 19-20 8. บนั ทกึ หลังการจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คมู ือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ี่ 3

157 157 หนว ยการเรียนรทู ี่ 3 เรอ่ื ง Time Out! แผนการจัดการเรียนรูที่ 6 เรอื่ ง Grammar 1: Conditionals Zero & First รหสั วิชา................. รายวชิ าพน้ื ฐานภาษาอังกฤษ ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 3 กลุมสาระการเรียนรภู าษาตางประเทศ ปก ารศึกษา 25……….. ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 1 ชวั่ โมง ผสู อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวชี้วดั ต 1.1 ม.3/1 ปฏบิ ัติตามคาํ ขอรอง คาํ แนะนํา คําชแ้ี จง และคาํ อธิบายท่ฟี ง และอาน ต 1.2 ม.3/4 พดู และเขียนเพอ่ื ขอและใหข อมลู อธิบาย เปรยี บเทียบ และแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกับเรื่องที่ฟงหรอื อา นอยาง เหมาะสม 2. จดุ ประสงคการเรียนรู อาน/ฟงประโยคและบทอานท่ีมีโครงสราง Zero Conditionals และ First Conditionals แลวเขียนส่ือความโดยใช โครงสรางภาษาทกี่ ําหนดใหไดอ ยา งถกู ตอ ง 3. สาระสําคัญ/ความคิดรวบยอด (Learning Concept) ความรูเก่ียวกับโครงสราง Zero Conditionals และ First Conditionals กระบวนการฝกทักษะทางภาษาทั้ง 4 ดาน ไดแก การฟง การพูด การอาน และการเขียน โดยใชกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ทําใหผูเรียนส่ือสารไดอยางมี ประสทิ ธภิ าพ มเี จตคติท่ีดตี อ การเรียนภาษาอังกฤษ 4. สาระการเรยี นรู (Learning Contents) 4.1 ดานความรู (Knowledge) - Grammar: Zero Conditionals และ First Conditionals 4.2 ดา นทักษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทกั ษะเรียนภาษาทงั้ 4 ทกั ษะ การฟง การพดู การอาน และการเขยี น - ทักษะกระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร 4.3 ดา นเจตคติ (Attitude) - มีประสิทธิภาพในการสื่อความ - มเี หตผุ ล มีวิจารณญาณ 5. กจิ กรรมการเรยี นรู  Lead-in 1. ครูนําความสนใจของนักเรียนเขาสูบทเรียนในช่ัวโมงน้ีโดยครูเขียนประโยคตอไปนี้บนกระดาน โดยครูขีดเสนใต ประโยคทนี่ าํ ดว ย If แลวใหนักเรียนอานออกเสยี งดังๆ พรอ มกนั 2 ครัง้ - If you have a smart phone, you don’t need a camera. - If you go camping, you’ll need a tent. 2. ครใู หน ักเรยี นสงั เกตรปู กริยาในประโยคท่ีมี If นาํ หนา (ซ่ึงตอ ไปจะเรียกวา If clause) กบั ประโยคที่ไมม ี If นาํ หนา (ซ่ึง ตอไปจะเรยี กวา Main clause) โดยครูถามนักเรยี นวา กริยาของประโยคที่ 1 และประโยคที่ 2 เหมือนกันหรอื ไม เพราะอะไร คูม ือครูและแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 3

158 158  Presentation 1. ครสู อนโครงสรางประโยค Conditional sentence ชนิด Zero conditionals และ First conditionals โดยเร่ิมตน ดวยการใหน กั เรยี นรูจกั และจดจําโครงสรา งใหไดก อ น ดงั นี้ 2. ใหน กั เรยี นดูประโยคบนกระดานแลว ชวยกันเขียนสรปุ โครงสรางตามรูปกรยิ าในประโยค ไดค าํ ตอบ ดังน้ี - If you have a smart phone, you don’t need a camera. = If + present simple, + present simple - If you go camping, you’ll need a tent. = If + present simple, + future simple 3. ครอู ธบิ ายวาทง้ั 2 ประโยคเปน Conditional sentences/If clause ตา งชนดิ กนั 4. ครูสอนเร่ือง Zero conditionals และ First conditionals ซ่ึงตอไปน้ีจะเรียกวา If clause อยางมีข้ันตอน เพ่ือให นักเรียนเขาใจงายและจดจําไดดี ครูกําหนดประเด็นการอธิบายเปน 4 ประเด็น ไดแก 1. Forms 2. Positions 3. Functions 4. Options โดยในระหวางทีค่ รสู อน/อธบิ าย นกั เรียนสามารถซักถามไดแ ละครูตอบขอ สงสัย จนนักเรยี นเขา ใจแลวจึงสอนตอตามข้ันตอน ดังนี้ 4.1 Forms / Tenses of If clause Form of Zero Conditionals: If + present simple, + present simple สงั เกตที่ If clause และ main clause เปน Present simple เหมอื นกัน ตัวอยางเชน If you buy this book, you get a free CD. Form of First Conditionals: If + present simple, + future simple สังเกตที่ If clause เปน Present simple และ main clause เปน Future simple ตัวอยางเชน If you practice hard, you will be a good guitar player. Tense ใน If clause จะเปน ตวั กําหนด Tense ใน main clause เสมอ ดังน้ัน ถา Tense ใน If clause เปล่ียน จะทําให Tense ใน main clause เปลีย่ นแปลงตามดวย 4.2 Positions of If clause ตาํ แหนงของ If clause และ main clause สามารถสลบั ตําแหนง กันไดดังนี้ 1) If clause + main clause เม่ือ If clause นําหนา main clause ตองมีเครื่องหมาย comma ( , ) คัน่ กลางเสมอ เพราะไมม ตี ัวเชื่อมตัวอยา งเชน If you have a smart phone , you don’t need a camera. 2) Main clause + if clauses เมื่อ If clause ตามหลัง main clause ไมมีเครื่องหมาย comma ( , ) คน่ั กลาง เพราะใช if เปน ตัวเช่อื มตัวอยางเชน You don’t need a camera if you have a smart phone. 4.3 Functions/Usages and meanings of If clause 1) Zero Conditionals (If + present simple, + present simple) ใชเม่ือผลลัพธเกิดขึ้นเสมอตาม เง่ือนไขน้ันเรียกวา เปนจริงเสมอตามหลักเหตุผล (Always real) เปนการตั้งเง่ือนไขกับสิ่งท่ีเปนกฎเกณฑ กฎหมาย กฎระเบียบ ปรากฏการณธรรมชาติ ผลการทดลองตามหลักวิทยาศาสตร หลักตรรกศาสตร เปนตน ตัวอยางเชน If water boils, it changes into vapor. 2) First Conditionals (If + present simple, + future simple) ใชเมอื่ ผลลัพธมีโอกาสจะเกิดขึ้นไดตาม เง่ือนไขนั้นเรียกวา อาจจะเปนไปได (Possible real หรือ Future possible) เปนการตั้งเงื่อนไขกับสิ่งท่ีคาดการณ/เหตุการณใน อนาคตซ่ึงผลลพั ธอ าจมกี ารเปล่ยี นแปลง ตวั อยา งเชน If you go camping, you will need a sleeping bag. การเลือกใช If clause ชนดิ ใดขึ้นอยูกบั ผลลัพธข องสถานการณ เชน ถาทําตามเง่ือนไขน้ี ผลลัพธเปนจริงเสมอ (always real) หรอื อาจจะเปน อยางน้นั ในอนาคต (possible real) 4.4 Options of If clause If clause มีขอกําหนดอยางอื่นเพ่ิมเติมท่ีเปนทางเลือก ซ่ึงจะเลือกใชหรือไมใชก็ได ไดแก คมู ือครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ช้ันมธั ยมศึกษาปท่ี 3

159 159 - การใช When แทน If ใน Zero Conditionals ตัวอยางเชน If/When water boils, it changes into vapor. - การใช can, could, may, might แทน will ใน First Conditionals ตวั อยา งเชน If you go camping, you will/may need a sleeping bag. 5. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษารายละเอียดเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกับวิธใี ชแ ละตัวอยางของ If clause ทง้ั 2 ชนิดจากหนงั สือ Close-up 3 Grammar reference หนา110 ขอ 3.1 และ 3.2 โดยครูอธบิ ายตวั อยางและตอบขอซักถามของนักเรียน 6. ครตู รวจสอบความเขา ใจของนกั เรียน โดยใหน ักเรียนทกุ คนชวยกันพูดสรุปเกี่ยวกับ Conditionals/If clause และครู ชวยเสรมิ  Practice 1. ครใู หน กั เรียนเปดหนงั สอื Close-up 3 หนา 36 ใหน กั เรียนทาํ กจิ กรรม A, B, C, D แลว เฉลยคําตอบพรอ มกัน โดยทํา ดงั นี้ กจิ กรรม A, C ใหนักเรยี นขีดเสนใต verb ของ If clause และ main clause กิจกรรม B ใหนักเรียนขีดเสน ใตต ัวเลือกทเ่ี ปนคําตอบถูก (มี 2 ตวั เลือก) กจิ กรรม D ใหน ักเรยี นวนิ ิจฉัยวาประโยคตอ ไปนถ้ี ูกตอง (True/T) หรอื ไมถ กู ตอ ง (False/F) โดยเขียน T/F ในชอง เฉลยคําตอบ กจิ กรรม A a. have, don’t need b. buy, get กจิ กรรม B 1. present simple 2. comma 3. facts 4. when กิจกรรม C a. go, ’ll need b. practice, ’ll be c. ’ll find, don’t have กจิ กรรม D 1. F 2. T 3. F 4. T 2. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรม E ถาหมดเวลาแลวนักเรียนยังทําไมเสร็จ ใหทําเปนการบาน แลวนํามาสงในวันพรุงน้ี (ครู กาํ หนดนัดหมายใหน ักเรยี นสงการบา นในวันถดั ไปทกุ ครงั้ ยกเวนมีเหตจุ าํ เปน หรือเหตกุ ารณพ เิ ศษ) 1. paint, need เฉลยคาํ ตอบ 4. sings, leaves 5. doesn’t sleep, plays 2. plays, wins 3. don’t understand, use 6. do, feel  Production ครูมอบหมายภาระงานของ Unit ใหน กั เรียนเขียนหรือคัดลอกประโยคที่ใช Zero Conditionals (If + present simple, + present simple) และ First Conditionals (If + present simple, + future simple) จากสื่อในชีวิตประจําวัน เชน ใบรับประกัน สนิ คา คําแนะนําวธิ กี ารใชอุปกรณ เครื่องมือ วิธกี ารประกอบอุปกรณ ของเลน ของใชต างๆ หรือส่ิงอื่นๆ ตามความสนใจของนักเรียน เขยี นอยางละ 1 ประโยคในสมดุ แบบฝกหัด เพอ่ื ใชเ ปน สวนหน่ึงของการสรางชิ้นงาน/ภาระงานของ Unit 3Time Out! กรณีคัดลอก ใหน กั เรยี นเขียนระบุท่มี าในวงเลบ็ คูมอื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที่ 3

160 160 6. การวดั และประเมินผล วิธกี าร เครอ่ื งมอื คะแนน เกณฑ 1. สังเกต แบบประเมนิ การสังเกตพฤติกรรมนักเรียน 18-20 15-17 ผลการประเมนิ 12-14 ดีมาก 10-11 ดี พอใช ผา น 2. ประเมนิ ทกั ษะ แบบประเมินทกั ษะการฟง-การพดู คะแนน ผลการประเมิน การใชภาษา แบบประเมนิ ทกั ษะการอาน-การเขยี น 18-20 ดีมาก 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผา น 7. ส่ือ/แหลง การเรยี นรู หนังสอื เรียน Close-up 3 Unit 3 Time Out! เรอ่ื ง Grammar กจิ กรรม A-E หนา 36 Grammar Reference for Unit 3 หนังสือเรียน Close-up 3 หนา 110 8. บนั ทึกหลังการจดั การเรยี นรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คูม อื ครูและแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 3

161 161 หนวยการเรียนรทู ่ี 3 เรือ่ ง Time Out! แผนการจดั การเรียนรูที่ 7 เรอ่ื ง Grammar 2: Conditionals Zero & First (cont.) รหสั วชิ า................. รายวชิ าพื้นฐานภาษาอังกฤษ ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 3 กลุมสาระการเรียนรูภาษาตา งประเทศ ปการศกึ ษา 25……….. ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 1 ชว่ั โมง ผูสอน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตวั ชีว้ ัด ต 1.1 ม.3/1 ปฏบิ ัติตามคําขอรอง คาํ แนะนาํ คาํ ชีแ้ จง และคาํ อธิบายที่ฟง และอาน ต 1.2 ม.3/4 พดู และเขยี นเพื่อขอและใหขอมลู อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั เร่อื งทฟ่ี ง หรืออา นอยาง เหมาะสม 2. จุดประสงคการเรยี นรู อาน/ฟง ประโยค และบทอานที่มีโครงสราง Zero Conditionals และ First Conditionals แลวเขียนสื่อความโดยใช โครงสรา งภาษาท่ีกาํ หนดใหไดอ ยางถูกตอ งเหมาะสมกบั ระดับช้นั เรยี น 3. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด (Learning Concept) ความรูและกิจกรรมฝกทักษะการคิดเก่ียวกับโครงสราง Zero Conditionals และ First Conditionals กระบวนการฝก ทกั ษะทางภาษาท้งั 4 ดา น ไดแ ก การฟง การพดู การอา น และการเขียน โดยใชกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร ทําให ผเู รียนส่ือสารไดอยางมปี ระสิทธิภาพ มเี จตคติทด่ี ตี อการเรยี นภาษาองั กฤษ 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดานความรู (Knowledge) - Grammar: Zero Conditionals และ First Conditionals 4.2 ดานทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทักษะเรียนภาษาท้ัง 4 ทักษะ การฟง การพดู การอาน และการเขียน - ทกั ษะกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร 4.3 ดานเจตคติ (Attitude) - มปี ระสทิ ธิภาพในการส่ือความ - มีเหตุผล มวี จิ ารณญาณ 5. กิจกรรมการเรยี นรู  Lead-in 1. ครูนาํ ความสนใจของนักเรียนเขาสูบ ทเรยี นในช่ัวโมงนโี้ ดยครเู ขยี นประโยคตอ ไปนบ้ี นกระดาน ใหน ักเรียนจบั คคู าํ ตอบ 1) If he likes skateboarding, ……………………………………… . 2) He will feel better in the morning ……………………………………… . a. if he loves snowboarding b. if he goes to bed early c. he will love snowboarding d. he will go to bed early 2. นักเรยี นบอกคําตอบ ดงั น้ี 1) ตอบ c 2) ตอบ b คูมือครแู ละแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ช้ันมัธยมศึกษาปที่ 3

162 162 3. ครใู ชค ําถามเพื่อกระตุนใหนักเรยี นคดิ อยางหลากหลาย ไดแก - เพราะอะไร/ทาํ ไม ตัวเลือกขอ a, b และ d ไมใ ชเ ปนคําตอบของขอ1 - เพราะอะไร/ทาํ ไม ตัวเลือกขอ c, d และ a ไมใ ชเปนคาํ ตอบของขอ1  Presentation 1. ครูทบทวนโครงสราง If clause แบบ Zero Conditionals และ First Conditionals ใน 4 ประเด็น ไดแก Forms, Functions/Usages, Positions, Options เพื่อตอยอดความรูในเรื่อง Functions/Usages and meanings และ Positions ใน ชว่ั โมงเรียนนี้ - Functions/ Usages and meanings of If clause: Zero Conditionals (If + present simple, + present simple) ใชเ มื่อผลลพั ธเ กดิ ขึน้ เสมอตามเงือ่ นไขนั้น เรยี กวา เปน จริงเสมอตามหลกั เหตุผล (Always real) First Conditionals (If + present simple, + future simple) ใชเมอ่ื ผลลัพธม ีโอกาสจะเกดิ ขึ้นไดต ามเงื่อนไขนั้น เรียกวา อาจจะเปนไปได (Possible real หรอื Future possible) - Positions: a. If clause + main clause b. Main clause + if clause 2. ครสู อน Functions/Usages and meanings of If clauses โดยครูเขยี นประโยคตอ ไปน้ีบนกระดาน ใหนกั เรยี น เปรยี บเทียบคาํ ตอบของประโยคท่ีใช If clauses ท้ัง 2 แบบ ดงั นี้ 1) What happens if you mix yellow and blue? Answer: If you mix yellow and blue, you get green. 2) What happens if you heat ice? Answer: If you heat ice, it melts. 3) What happens if you are late to meet your friend? Answer: if you are late to meet your friend, your friend will get angry /leave before you arrive. 4) What happens if you study hard for the exam? Answer: If you study hard for the exam, you will pass it / you will do it well / you will get a good mark. 3. ครอู ธบิ ายคาํ ตอบวา ประโยคที่ 1) และ 2) ผลลพั ธเ ปนเรื่องจรงิ (Fact) ประโยคที่ 3) และ 4) ผลลพั ธเ ปนเร่ืองท่คี าดวา นาจะเกดิ อยา งนั้น (likely to happen)  Practice 1. ครูใหนักเรียนเปดหนังสือ Close-up 3 หนา 36 ทํากิจกรรม F เร่ือง Functions/Usages and meanings of If clauses และกิจกรรม G เรอื่ ง Forms of If clauses และ Positions of If clauses 2. ครู Walk around เพือ่ สังเกตการทํางานของนักเรียนอยางใกลชิดและตอบขอ ซกั ถามทีน่ ักเรียนบางคนสงสัยแตไมกลา ถามในระหวางที่ครอู ธิบาย เฉลยคําตอบ 3. answer, will win/’ll win กิจกรรม F 1. finish, will win /’ll win 2. join, will learn/’ll learn 4. read, will laugh /’ll laugh 5. will have /’ll have, is คูมือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 3

163 163 เฉลยคาํ ตอบ กิจกรรม G 1. b 2. a 3. e 4. f 5. c 6. d  Production ครูใหนักเรียนเปดหนังสือ Workbook Close-up 3 หนา 21 ทํากิจกรรม A และ B แลวครูใหนักเรียนชวยกันเฉลย คําตอบ โดยอานคาํ ตอบดังๆ พรอ มกนั เฉลยคําตอบ กิจกรรม A 1. When Stan finishes his homework early, he plays video games. 2. If I don’t have money, I stay at home. 3. When it snows, we don’t go outside. 4. I always lose when I play chess with Dan. 5. Kyle wakes up late if his alarm clock doesn’t go off. 6. You will win free tickets if you guess the right answer. 7. When the bus is late, I walk to school. 8. Water freezes if the temperature is 0 °c. กจิ กรรม B 1. will help/’ll 2. comes 3. will buy/’ll buy 4. do not get / don’t get 5. ask 6. will not swim /won’t swim 7. will cook / ’ll cook 8. does not do / doesn’t do 6. การวดั และประเมนิ ผล เครื่องมือ คะแนน เกณฑ แบบประเมนิ การสังเกตพฤตกิ รรมนักเรียน 18-20 วธิ กี าร 15-17 ผลการประเมนิ 1. สังเกต 12-14 ดมี าก 10-11 ดี พอใช ผาน 2. ประเมนิ ทกั ษะ แบบประเมินทกั ษะการฟง-การพดู คะแนน ผลการประเมิน 18-20 ดมี าก การใชภาษา แบบประเมินทกั ษะการอาน-การเขียน 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผาน คมู อื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 3

164 164 7. สือ่ /แหลง การเรยี นรู หนงั สือเรยี น Close-up 3 Unit 3 Time Out! เรื่อง Grammar กิจกรรม F-G หนา 36 หนังสือ Workbook Close-up 3 Unit 3 Time Out! เรอ่ื ง Grammar กิจกรรม A-B หนา 21 8. บนั ทึกหลังการจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คมู อื ครูและแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 3

165 165 หนวยการเรยี นรูท่ี 3 เรือ่ ง Time Out! แผนการจดั การเรียนรูท ่ี 8 เรอื่ ง Grammar 3: Gerunds & Infinitives รหสั วิชา................. รายวชิ าพืน้ ฐานภาษาอังกฤษ ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 3 กลุมสาระการเรียนรูภาษาตางประเทศ ปการศึกษา 25……….. ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 ช่วั โมง ผูส อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตวั ชว้ี ัด ต 1.2 ม.3/4 พดู และเขียนเพอื่ ขอและใหข อมูล อธิบาย เปรยี บเทยี บ และแสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกับเร่อื งที่ฟง หรืออานอยา ง เหมาะสม 2. จดุ ประสงคการเรียนรู ฟง พดู อา นและเขยี นใหข อมูล อธิบาย และแสดง ความคิดเหน็ โดยใชสํานวนภาษาและโครงสรางภาษาที่กําหนดใหไดอยาง ถูกตอ ง เหมาะสมกับระดบั ช้ันเรียน 3. สาระสําคัญ/ความคดิ รวบยอด (Learning Concept) ความรเู ก่ียวกบั สํานวนภาษาและโครงสรา งภาษาเรือ่ ง Gerunds และ Infinitives กิจกรรมฝกทักษะการคิด กระบวนการฝก ทักษะทางภาษาทัง้ 4 ดาน ไดแก การฟง การพดู การอาน และการเขียน โดยใชกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร ทําให ผูเรียนส่ือสารไดอ ยา งมีประสทิ ธิภาพ มเี จตคติทด่ี ตี อ การเรียนภาษาองั กฤษ 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดานความรู (Knowledge) - Grammar: Gerunds และ Infinitives 4.2 ดา นทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทกั ษะเรยี นภาษาทง้ั 4 ทกั ษะ การฟง การพดู การอา น และการเขยี น - ทกั ษะกระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพื่อการส่ือสาร 4.3 ดานเจตคติ (Attitude) - มีประสิทธภิ าพในการสื่อความ - มีเหตผุ ล มีวจิ ารณญาณ 5. กิจกรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครูนําความสนใจของนักเรียนเขาสูบทเรียนเรื่อง Gerunds โดยครูเขียนประโยคบนกระดาน ครูขีดเสนใต แลวให นักเรียนหาคาํ นามท่มี ีความหมายเหมาะสมมาแทนท่คี าํ ท่ีขดี เสนใตใ นแตล ะประโยค ดงั นี้ 1) John isn’t interested in studying. /……………….. 2) He goes swimming /.................... twice a week. 3) He loves hiking. /…………………. 4) Singing/…………….. is his least favourite activity. 2. นกั เรียนบอกคาํ นามแทนทีค่ าํ ท่ีขดี เสนใตข องทุกขอ 3. ครเู ขยี นคาํ ตอบของนักเรยี นบนกระดาน ครยู อมรบั ทกุ คําตอบ ครูอธิบายเพิ่มเติมสําหรับขอ 2 เน่ืองจากกริยานําหนา คอื goes ดงั นั้น คาํ ตอบของนักเรียนมี 2 อยาง คอื ใช preposition + noun และใช verb + ing คูมือครูและแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 3

166 166  Presentation 1. ครใู หนักเรยี นเปด หนังสอื Close-up 3 หนา 37 ใหน ักเรียนศกึ ษาประโยคในกิจกรรม H ซ่ึงครูเขยี นไวบ นกระดานแลว และใหอานออกเสียงดังๆ ประโยคละ 2 คร้ัง โดยครั้งแรกใหอานประโยคเดิมที่มี Verb + ing/Gerunds ครั้งที่ 2 ใหอานโดยใช คํานามทน่ี ักเรยี นตอบ การใหนักเรยี นทําเชนน้ี ชวยใหนักเรียนเขาใจและสรุปไดวา คํานามและ Verb + ing/Gerunds ใชแทนกันได และนักเรียนสามารถตอบคาํ ถามวา What is Gerunds/Verb + ing? 2. ครพู ูดอธิบายคาํ ตอบสั้นๆ ใหนักเรยี นเขาใจงาย จดจําไดน านเพ่ือการนําไปใชไ ดอ ยางหมาะสม 3. เพ่อื ชว ยใหน ักเรยี นทกุ คนเขาใจไดด ีย่ิงข้ึน ครใู หนกั เรยี นอานประโยคในกจิ กรรม I แลวเลือกคําตอบ โดยครเู ฉลย คําตอบ เฉลยคําตอบ a. nouns b. preposition c. can 4. ครูสอนเร่ืองการใช Gerunds พรอมทั้งยกตัวอยางประกอบ โดยใชกิจกรรม Grammar Reference หนังสือเรียน Close-up 3 หนา 111 ครูอธิบายจนนกั เรยี นเขาใจ และใชค าํ ถามเพอื่ ตรวจสอบความเขาใจของนักเรยี นเปนคร้งั คราว 5. สรุปเรื่อง Gerunds ในประเด็นท้ัง 4 ขอนี้ และเขียนสรุปบนกระดาน ใหนักเรียนจดบันทึกในสมุดเพื่อนํากลับไป ทบทวน ดงั นี้ 1. Forms of Gerunds: Verb + -ing (ทบทวนเร่ืองกฎการเติม -ing ทายคํากริยา) 2. Functions/Usages and meaning of Gerunds: as a noun 3. Positions (in a sentence) of Gerunds: 3.1 before verb 3.2 after verb or preposition 4. Options of Gerunds: certain verb/phrases + Gerunds 6. ครูบอกนักเรียนวา Gerund เปนเร่ืองที่ตองทําความเขาใจควบคูกับ Infinitives โดยครูเขียนประโยคตอไปน้ีบน กระดาน ครูขีดเสน ใต Infinitives แลว ใหนกั เรยี นอานออกเสยี งประโยคดงั ๆ ทลี ะประโยค ครอู ธิบายสน้ั ๆ - Jo doesn’t want to go on holiday with her parents. - We should go to the museum. - She is happy to stay at home and watches the sports program all afternoon. 7. ครสู อนเรอ่ื งการใช Infinitives พรอมทง้ั ยกตวั อยางประกอบ โดยใชก จิ กรรม Grammar Reference หนังสือเรยี น Close-up 3 หนา 111 ครูอธบิ ายจนนกั เรยี นเขาใจ สรุปดงั นี้ Infinitives with to Infinitives without to - after certainverbs - after modal verbs - after adjective - after would rather, had better, etc. - after too,enough -after intransitive verb/to show purpose, etc.  Practice 1. ครสู รปุ สน้ั ๆ เพื่อทบทวนเรือ่ ง Infinitives และ Gerund กอนใหนกั เรียนทํากิจกรรม คมู ือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 3

167 167 2. ครูใหนกั เรยี นจับคูท ํากิจกรรมในหนงั สือเรียนหนา 37 โดยนกั เรียนปฏิบตั ติ ามขนั้ ตอนของคาํ สงั่ ในกิจกรรมแตล ะขอ โดย ครตู รวจสอบคาํ ตอบ ดงั นี้ - กจิ กรรม J และ L ใหน กั เรียนขดี เสนใต Infinitives with to และ Infinitives without to ครตู รวจสอบคําตอบ โดยให นกั เรียนอานพรอ มกนั - กิจกรรม K และ M ใหน ักเรยี นขดี เสน ใตตัวชแี้ นะคาํ ตอบซึ่งเปนคํา/วลที ี่อยูหนา infinitives และเลือกคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ กจิ กรรม J a. to go b. to stay c. to drive d. to buy กิจกรรม K 1. d 2. b 3. c 4. a กิจกรรม L a. spend b. try, get, help c. practice กจิ กรรม M 1. c 2. b 3. a  Production 1. ครูใหนกั เรียนทํากจิ กรรมฝกทกั ษะการคดิ เร่ือง Gerund และ Infinitives ในหนังสือ Close-up 3 หนา 37 กิจกรรม N, O และ P และหนังสอื Workbook Close-up 3 หนา 21-22 กิจกรรม C และ D (ถาทําไมเสร็จในช่ัวโมงนี้ ใหนักเรียนทําเปน การบานแลวนํามาสงในวันถัดไป) 2. ครูสังเกต แนะนํา ตอบขอซักถาม ครูเฉลยคําตอบโดยใหนักเรียนชวยบอกคําตอบ ครูยืนยันคําตอบถูก และแกไข คาํ ตอบผดิ เฉลยคําตอบ กจิ กรรม N 1. to win 2. watching 3. go 4. book 5. taking 6. visiting a. to pass b. see c. shhopping d. not lose e. Getting f. to stay กจิ กรรม O 1. d 2. b 3.e 4. f 5. a 6. c กิจกรรม P (1) watching (2) trying/starting/doing (3) are (4) join (5) will/can/may/can/could (6) not (7) in (8) do/try/start (9) worth (10) to กิจกรรม M 1. c 2. b 3. a คูม อื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 3

168 168 เฉลยคาํ ตอบ Workbook กจิ กรรม C 1. Painting 2. sailing 3. to join 4. to meet 5. reading 6. to hear 7. starting 8. to worry กจิ กรรม D (1) If (2) to (3) better (4) getting (5) did (6) to (7) not (8) would (9) for (10) at 6. การวัดและประเมินผล เครอื่ งมือ คะแนน เกณฑ แบบประเมินการสังเกตพฤตกิ รรมนักเรยี น 18-20 วธิ กี าร 15-17 ผลการประเมิน 1. สังเกต 12-14 ดมี าก 10-11 ดี พอใช ผา น 2. ประเมินทกั ษะ แบบประเมินทกั ษะการฟง -การพดู คะแนน ผลการประเมิน 18-20 ดีมาก การใชภ าษา แบบประเมนิ ทักษะการอาน-การเขยี น 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผาน 7. สื่อ/แหลง การเรียนรู หนังสือเรียน Close-up 3 Unit 3 Time Out! กจิ กรรม H-P หนา 37 Grammar Reference for Unit 3 หนังสือเรียน Close-up 3 หนา 111 Workbook Close-up 3 Unit 3 กิจกรรม C-D หนา 21-22 8. บนั ทึกหลังการจัดการเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คูม อื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ช้นั มธั ยมศึกษาปที่ 3

169 169 หนว ยการเรียนรูที่ 3 เร่ือง Time Out! แผนการจดั การเรียนรูที่ 9 เรือ่ ง Listening 1: Free-time Activities รหัสวิชา................. รายวชิ าพืน้ ฐานภาษาอังกฤษ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 3 กลุมสาระการเรียนรภู าษาตางประเทศ ปก ารศึกษา 25……….. ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 ชัว่ โมง ผูสอน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวช้ีวัด ต 1.2 ม.3/4 พูดและเขยี นเพ่อื ขอและใหขอมูล อธบิ าย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกับเรอื่ งทฟ่ี ง หรืออานอยาง เหมาะสม ต 1.2 ม.3/5 พดู และเขียนบรรยายความรสู กึ และความคิดเหน็ ของตนเองเก่ียวกับเรื่องตา งๆ กจิ กรรม ประสบการณ และ ขาว/เหตุการณ พรอมทั้งใหเ หตุผลประกอบอยา งเหมาะสม 2. จดุ ประสงคก ารเรียนรู พูดใหขอมูล อธิบาย และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ Free-time Activities โดยใชสํานวนภาษาและโครงสรางภาษาที่ กําหนดใหไ ดอ ยา งถูกตอง เหมาะสมกับระดับชน้ั เรียน 3. สาระสําคัญ/ความคิดรวบยอด (Learning Concept) ความรูแ ละกจิ กรรมฝก ทักษะ สาํ นวนภาษา โครงสรางภาษาเก่ยี วกับ Free-time Activities กระบวนการฝกทักษะทางภาษา ทัง้ 4 ดา นโดยเฉพาะอยางย่ิงทกั ษะการฟง การพูด โดยใชกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร ทําใหผูเรียนสื่อสารไดอยางมี ประสิทธภิ าพ มีเจตคติทีด่ ตี อ การเรียนภาษาองั กฤษ 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดา นความรู (Knowledge) - Vocabulary: board game, quiz, traditional dancing, making jewellery, photography, playing drums, origami, sociable, musical, competitive, creative - Listening strategy: Clues for Listening 4.2 ดา นทักษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทกั ษะเรยี นภาษาท้งั 4 ทกั ษะ การฟง การพูด การอา น และการเขยี น - ทักษะกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสือ่ สาร 4.3 ดานเจตคติ (Attitude) - มีประสทิ ธภิ าพในการสื่อความ - มเี หตผุ ล มวี ิจารณญาณ 5. กิจกรรมการเรยี นรู  Lead-in 1. ครนู าํ ความสนใจของนกั เรียนเขาสูบ ทเรียนในชว่ั โมงน้ดี วยกิจกรรม A ในหนงั สือ Close-up 3 หนา 38 โดยใหนกั เรยี น จับคูรูปภาพกับคาํ ศพั ท hobbies ขอ 1-6 2. นักเรยี นอานคาํ ตอบพรอมกัน 3. ครูใชคาํ ถาม Do you which hobby sounds good? Why do you think that?/Give at least 2 reasons. เฉลยคําตอบ 1. F 2. B 3. E 4. C 5. D 6. A คูม อื ครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 3

170 170  Presentation 1. ครตู รวจสอบความรูเดิมของนักเรียนเกี่ยวกับ Free-Time Activities และคําศัพทบางตัว เชน origami, traditional dance, board game/quiz โดยครถู ามวา Do you know origami? ถา นกั เรียนสวนใหญเงียบ ไมมีเสียงตอบ แสดงวา นักเรียนไมรู ความหมาย ครตู อ งอธิบายความหมายโดยครอู ธบิ ายเปนภาษาองั กฤษ ใชค ําศัพทงายๆ เพ่ือฝกการฟง การพดู ของนกั เรยี นไปดวย 2. ครสู อนคาํ ศัพทใหมหรอื คําศพั ททสี่ าํ คัญในกิจกรรม B ไดแก sociable, musical, competitive, creative แลว ให นักเรียนทํากจิ กรรมฝกทกั ษะการคิดวเิ คราะหความสัมพนั ธ ครูเฉลยคาํ ตอบ เฉลยคําตอบ 1. 1, 2 2. 5 3. 1 4. 3, 4, 6 3. ครสู อน Listening strategy สาํ คญั ในกิจกรรมนี้ ไดแก Clues for listening ซ่ีงคือ คํา/วลี/ประโยคที่ผูพูดใชสะทอน ความคิดเห็นการยอมรบั การเหน็ ดวย หรอื เหน็ ตาง ดังน้ี - Clues for listening to express the acceptance/agreement เปนคํา/วลี/ประโยคที่ใชพูดเพื่อแสดงการรับรู เขาใจเห็นดว ยหรอื ยอมรบั วา ใช ไดแ ก absolutely, that’s true, that’s right - Clues for listening to express the refusal/disagreement เปนคาํ /วล/ี ประโยคทใ่ี ชพ ดู เพ่ือแสดงวาไมเหน็ ดวย กับคสู นทนา ไดแ ก actually, in fact, but, in actual fact 4. ครอู ธบิ ายวธิ กี ารเรียนระหวางฟงซดี ี แนะวธิ ีฟงอยา งมีประสิทธภิ าพ โดยครูช้แี จงวา นกั เรียนจะไดฟงเสียงพูดสนทนาท่ี เปนการพูดอยา งเปน ธรรมชาติ (naturally speaking) มคี วามเร็วพอประมาณ ใหนักเรียนฟงเพ่ือจับประเด็นสําคัญ โดยต้ังใจฟงคํา สําคัญ (content words) ไดแก nouns, main verbs, adjectives, adverbs ซึ่งในบทสนทนาที่นักเรียนจะไดฟงตอไปน้ีเปนการ แสดงความคิดเห็น ดงั นัน้ adverbs ท่ใี ชแสดงการรบั รู เห็นดว ย เหน็ ตา งฯ มีความสาํ คัญอยา งมาก ในระหวางทฟี่ ง ขอใหนักเรียนงดทํา กจิ กรรมใดๆ ไมพูดคยุ กัน 5. ครอู ธิบายวา นกั เรียนจะไดฟ ง ซีดี 2 ครั้งโดยทั้ง 2 ครง้ั ฟงเรือ่ งเดยี วกนั แตทาํ กิจกรรมตา งกัน ดังนี้ - ฟงครั้งท่ี 1 ทาํ กจิ กรรม C - ฟง ครั้งท่ี 2 ทํากิจกรรม D โดยครอู ธิบายคาํ สงั่ ของทง้ั 2 กิจกรรม ดงั นี้ กิจกรรม C ใหนักเรียนฟงบทสนทนาระหวางบุคคล 2 คน แลวบอกวาคูสนทนาแตละคูมีความคิดเห็นเหมือนกัน (the same opinion = S) หรือคิดตางกัน (different opinion = D) เม่ือฟงแลวใหนักเรียนเลือกคําตอบทันที โดยเขียน S หรือ D ใน ชองวาง กจิ กรรม D ใหนกั เรยี นฟงบทสนทนาระหวางบคุ คล 2 คน แลว เลือก Clues for listening to express the agreement or disagreement โดยเขียนเครื่องหมาย √ กาํ กบั คาํ ตอบที่เลอื ก  Practice 1. ครเู ปด ซดี ี Track 3.1 นักเรยี นฟงคร้ังที่ 1 ทาํ กิจกรรม C ใหน ักเรยี นวิเคราะหค วามคิดเห็นของคูสนทนาวามีความเห็น ตรงกัน (S/Same) หรอื มีความเห็นตา งกนั (D/Different) นักเรยี นเลือกคําตอบ โดยครูอาจใหนักเรียนฟงซ้ําไดหรือครูเวนจังหวะเปด ซีดีใหฟง เปนชว งๆ เพอื่ ใหน ักเรียนประสบความสําเรจ็ ในการฟง 2. ครูเปดซีดี Track 3.1 นักเรียนฟงครั้งที่ 2 ทํากิจกรรม D ครูใหนักเรียนตรวจสอบ adverb และวิเคราะหกําหนด ทิศทางในการแสดงความคิดเห็นของคูสนทนา แลวใหนักเรียนเขียนเคร่ืองหมาย √ ในชองวางที่กําหนดให สําหรับช้ันท่ีนักเรียนสวน ใหญอ อ นภาษาอังกฤษ ครูอาจใหฟ งหลายครัง้ เพ่ือใหนักเรยี นประสบความสําเร็จในการฟง 3. นักเรยี นเปรยี บเทียบคาํ ตอบกับเพ่อื น กอ นเฉลยคาํ ตอบ คูมอื ครแู ละแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 3

171 171 4. ครูใหน ักเรยี นชว ยกันเฉลยคําตอบ โดยพยายามใหน กั เรยี นบอกเหตุผลในการเลือกคาํ ตอบนนั้ ๆ เชน ตอบ D/Different เพราะไดยินคาํ วา but เปนตน 5. ครูเปดซีดี Track 3.1 ใหนักเรยี นฟงซํา้ เพ่ือยนื ยันคําตอบถกู และเพื่อใหน ักเรียนตรวจสอบ adverb ท่ีกําหนดคําตอบ ครูทบทวนคาํ ตอบทีถ่ ูกตองอกี ครง้ั หนง่ึ กจิ กรรม C เฉลยคาํ ตอบ 6. R 1. D 2. D 3. D 4. D 5. D 6. S กิจกรรม D 4. W (√) 5. R (√) 1. W (√) 2. R 3. W (√)  Production ครูใหน กั เรียนเปด หนงั สือ Workbook Close-up 3 หนา 22 นักเรยี นปฏิบตั ิกิจกรรมตอไปน้ี 1. กิจกรรม A ใหนกั เรียน Read aloud the Exam Reminder ครูอธิบายพรอ มทง้ั ยกตัวอยางประกอบ - ใหน กั เรยี น Read aloud คําสง่ั และคาํ ถามพรอมท้งั ใหคําตอบ - ครูตรวจสอบคําตอบโดยใหนักเรยี น Read aloud คาํ ตอบ และครูเฉลยคาํ ตอบ เฉลยคาํ ตอบ The speaker probably disagrees with the other speaker’s opinion. 2. กิจกรรม B ครูเปด ซีดี Track 3.1 ใหน กั เรียนฟง อีกครั้ง และใหน ักเรียนทํา Exam Task - ใหนักเรียน Read aloud คาํ สั่งและคําถามพรอมท้งั ใหค ําตอบ - ครูตรวจสอบคําตอบโดยใหน กั เรยี น Read aloud คําตอบ และครูเฉลยคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. E 2. A 3. B 4. D 5. G 6. การวัดและประเมนิ ผล เครอ่ื งมือ คะแนน เกณฑ แบบประเมินการสงั เกตพฤติกรรมนักเรยี น 18-20 วธิ ีการ 15-17 ผลการประเมิน 1. สังเกต 12-14 ดีมาก 10-11 ดี พอใช ผา น คมู อื ครูและแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 3

172 172 วธิ กี าร เครอ่ื งมือ คะแนน เกณฑ 18-20 2. ประเมนิ ทักษะ แบบประเมินทกั ษะการฟง -การพูด 15-17 ผลการประเมิน การใชภ าษา แบบประเมินทกั ษะการอาน-การเขยี น 12-14 ดีมาก 10-11 ดี พอใช ผา น 7. สื่อ/แหลงการเรียนรู หนงั สือเรียน Close-up 3 Unit 3 Time Out! เรอ่ื ง Listening กิจกรรม A-D หนา 38 หนังสอื Workbook Close-up 3 Unit 3 Time Out! เร่ือง Listening กจิ กรรม A-B หนา 22 Audio CD Track 3.1 8. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คมู ือครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 3

173 173 หนวยการเรยี นรูท่ี 3 เรอ่ื ง Time Out! แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ 10 เรือ่ ง Listening 2: Discussion of Free-time Activities รหัสวชิ า................. รายวิชาพืน้ ฐานภาษาองั กฤษ ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 3 กลมุ สาระการเรียนรูภ าษาตางประเทศ ปการศกึ ษา 25……….. ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 ชัว่ โมง ผูสอน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตวั ชี้วัด ต 1.2 ม.3/4 พดู และเขียนเพอ่ื ขอและใหขอมูล อธบิ าย เปรียบเทยี บ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เร่อื งท่ีฟงหรืออานอยาง เหมาะสม 2. จุดประสงคก ารเรียนรู ฟง พดู อาน และเขยี นใหข อมลู อธิบาย และแสดงความคิดเหน็ โดยใชสาํ นวนภาษาและโครงสรางภาษาที่กําหนดใหไดอยา ง ถูกตอ ง เหมาะสมกับระดับชั้นเรยี น 3. สาระสําคัญ/ความคดิ รวบยอด (Learning Concept) ความรเู ก่ยี วกบั สํานวนภาษาโครงสรา งภาษาในบทสนทนาเกยี่ วกับ free-time activities และกิจกรรมฝกทกั ษะการคิด กระบวนการฝกทักษะทางภาษาท้ัง4 โดยเฉพาะอยา งยิ่งทักษะการฟงการพดู โดยใชกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร เจต คตทิ ่ดี ีตอการเรียนภาษาอังกฤษ 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดานความรู (Knowledge) - Vocabulary: chatting online, sporty, absolutely, that’s true, that’s right, actually, in fact, but, in actual fact - Listening strategy: Clues for Listening 4.2 ดา นทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทกั ษะเรียนภาษาทง้ั 4 ทกั ษะ การฟง การพดู การอา น และการเขยี น - ทักษะกระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพื่อการสอ่ื สาร 4.3 ดานเจตคติ (Attitude) - มีประสิทธิภาพในการส่ือความ - มเี หตุผล มวี ิจารณญาณ 5. กจิ กรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครูนําความสนใจของนกั เรยี นเขาสูบ ทเรยี นในชว่ั โมงนี้ดว ยประโยคตอไปนีบ้ นกระดาน ใหนักเรยี นอานออกเสียงดังๆ พรอมกัน แลว ใหนักเรยี นตอบคําถาม A: Are you watching this boring quiz show? B: Actually, I ’m enjoying it! 2. ครใู ชค าํ ถาม Do they have the same opinion towards the quiz show? Why do you think like that? 3. นกั เรียนใหค ําตอบ : Yes. และบอกเหตุผล เพราะมคี าํ วา actually and other words such as boring, enjoying 4. ครแู สดงการยอมรับคาํ ตอบของนักเรยี นโดยใชคาํ /วล/ี ประโยค เชน That’s true./You’re right. คูม ือครแู ละแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 3

174 174  Presentation 1. ครูตรวจสอบความรเู กย่ี วกับคําศัพทใ หมบ างตวั เชน chatting online, sporty โดยครูถามวา Do you know ‘chatting online’ / sporty? What does it mean? ถา นกั เรยี นสวนใหญเ งียบ ไมมีเสยี งตอบ แสดงวา นักเรยี นไมรูค วามหมาย ครู ตองอธบิ ายความหมายโดยครอู ธบิ ายเปนภาษาอังกฤษ ใชคําศัพทง ายๆ เพ่ือฝกการฟง การพูดของนักเรยี นไปดว ย 2. ครแู จงนักเรียนวาการฟง ครงั้ นเ้ี ปน บทสนทนาตอเนอ่ื ง 1 เรือ่ ง ใชคําศพั ทก ลุมเดียวกบั การฟง คร้งั ทแี่ ลว โดยครูทบทวน Clues for listening to express the acceptance/agreement ไดแก absolutely, that’s true, that’s right และ Clues for listening to express the refusal/disagreement ไดแ ก actually, in fact, but, in actual fact 3. ครูทบทวนวิธีการเรียนระหวา งฟง ซีดี แนะวิธฟี งอยางมปี ระสิทธิภาพ โดยครูช้แี จงวานักเรยี นจะไดฟง เสยี งพดู สนทนา ทเ่ี ปน การพดู อยางเปนธรรมชาติ (naturally speaking) มคี วามเร็วพอประมาณ ใหน ักเรยี นฟงเพื่อจบั ประเด็นสําคญั โดยตั้งใจฟง คาํ สาํ คัญ (content words) ไดแ ก nouns, main verbs, adjectives, adverbs ซง่ึ ในบทสนทนาทีน่ ักเรยี นจะไดฟง ตอไปนเี้ ปนการ แสดงความคดิ เห็น ดงั น้ัน adverbs ทใ่ี ชแ สดงการรับรู เหน็ ดว ย เห็นตางฯ มีความสาํ คัญอยางมาก ในระหวา งทฟี่ งขอใหนักเรียนงดทํา กจิ กรรมใดๆ ไมพ ูดคุยกนั  Practice 1. ครูใหน ักเรยี นเปด หนังสือเรียน Close-up 3 หนา 38 ใหน กั เรียนปฏบิ ัติกิจกรรมตามข้ันตอนดังนี้ 1.1 กิจกรรม E ใหนักเรียน Read aloud คําส่ัง และ Exam Close-up ครูอธิบายพรอมท้ังยกตัวอยางประกอบ ให นักเรยี น Compare and share the answers กบั เพอื่ นในหอง เฉลยคําตอบ the present 1.2 กิจกรรม F และ G ครอู ธบิ ายคําสั่ง ครูเปดซีดี Track 3.2 และใหนักเรียนฟงบทสนทนาระหวาง Mark กับแมคุย กันเกย่ี วกับเรื่องกจิ กรรมที่อยใู นความสนใจตนเองและเพื่อนๆ ใหนักเรยี นฟงซีดแี ลว เลือกวา ใครสนใจอะไร โดยครูอาจใหนักเรียนฟงซํ้า ได สําหรับชั้นท่ีนักเรียนสวนใหญออนภาษาอังกฤษ ครูอาจใหฟงซีดีหลายคร้ัง เพื่อใหนักเรียนประสบความสําเร็จในการฟง ครู ตรวจสอบคําตอบ โดยใหนักเรียนบอกคําตอบพรอ มกัน เฉลยคําตอบ 1. C 2. B 3. E 4. G 5. F 2. ครูใหน กั เรยี นเปด หนังสือ Workbook Close-up 3 หนา 22 นกั เรียนทาํ กิจกรรม C โดยครเู ปด ซดี ี Track 3.2 ให นักเรียนฟง อีกคร้งั เพอื่ ยืนยันคาํ ตอบและเฉลยคาํ ตอบ 6. การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี าร เครอื่ งมอื คะแนน เกณฑ 1. สงั เกต แบบประเมนิ การสังเกตพฤติกรรมนักเรยี น 18-20 15-17 ผลการประเมิน 12-14 ดีมาก 10-11 ดี พอใช ผา น คูมือครูและแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ช้นั มัธยมศึกษาปที่ 3

175 175 วิธีการ เคร่ืองมือ คะแนน เกณฑ 18-20 2. ประเมนิ ทกั ษะ แบบประเมินทักษะการฟง -การพดู 15-17 ผลการประเมิน การใชภาษา แบบประเมนิ ทกั ษะการอาน-การเขียน 12-14 ดมี าก 10-11 ดี พอใช ผา น 7. สอ่ื /แหลงการเรยี นรู หนงั สอื เรยี น Close-up 3 Unit 3 Time Out! เรือ่ ง Listening กจิ กรรม E-G หนา 38 หนังสอื Workbook Close-up 3 Unit 3 Time Out! เร่อื ง Listening กจิ กรรม C หนา 22 Audio CD Track 3.2 8. บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คูมือครแู ละแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที่ 3

176 176 หนวยการเรยี นรูท ี่ 3 เรื่อง Time Out! แผนการจดั การเรียนรทู ี่ 11 เรื่อง Speaking: Performing, Competition and Exhibition รหัสวิชา................. รายวชิ าพ้นื ฐานภาษาอังกฤษ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 3 กลมุ สาระการเรียนรภู าษาตา งประเทศ ปการศึกษา 25……….. ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 1 ช่ัวโมง ผสู อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวชวี้ ดั ต 1.2 ม.3/4 พูดและเขยี นเพื่อขอและใหข อมูล อธิบาย เปรยี บเทยี บ และแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับเรือ่ งที่ฟงหรอื อานอยาง เหมาะสม ต 2.1 ม.3/1 เลอื กใชภาษา นํ้าเสยี ง และกิริยาทา ทางเหมาะกบั บุคคลและโอกาส ตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรมของ เจา ของภาษา ต 4.1 ม.3/1 ใชภ าษาสื่อสารในสถานการณจ ริง/สถานการณจ ําลองท่ีเกิดขึ้นในหองเรียน สถานศึกษา ชมุ ชน และสงั คม 2. จุดประสงคก ารเรียนรู พดู ใหขอ มูล อธบิ าย และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับ performing, competition and exhibition โดยใชสํานวนภาษาและ โครงสรางภาษาท่ีกําหนดใหไ ดอยางถูกตอ ง เหมาะสม 3. สาระสําคัญ/ความคิดรวบยอด (Learning Concept) ความรูเกีย่ วกบั สํานวนภาษาและโครงสรางภาษาและกิจกรรมฝกทักษะการคิดเก่ียวกับ performing, competition and exhibition กระบวนการฝกทักษะทางภาษาทง้ั 4 ดา นโดยเฉพาะอยางยิ่งทกั ษะการฟง การพูด โดยใชกระบวนการสอนภาษาอังกฤษ เพื่อการสือ่ สาร ทําใหผ เู รียนสื่อสารไดอยา งมีประสิทธภิ าพ มเี จตคติทด่ี ตี อ การเรียนภาษาอังกฤษ 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดานความรู (Knowledge) - Vocabulary: performing, audience, talent, performing, to have something in common, to be scared, to be on the stage, competition, exhibition, scared, audience, perform, talent, acting, stage, competition, exhibition, aged, for more information, have things in common, a natural ability, practice, enter - Listening Strategies: Uh-huh. / Okay. / Yeah. / Got it. / I see. / Ah, I see. / I get that. - Speaking strategy: Wh-questions และYes-No questions 4.2 ดา นทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทกั ษะเรยี นภาษาท้งั 4 ทักษะ การฟง การพดู การอาน และการเขียน - ทกั ษะกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสาร 4.3 ดานเจตคติ (Attitude) - มปี ระสิทธภิ าพในการส่อื ความ - มีเหตุผล มวี ิจารณญาณ 5. กจิ กรรมการเรียนรู  Lead-in ครนู ําความสนใจของนักเรียนเขา สูบทเรยี นในชั่วโมงน้ีโดยใชรปู ภาพในหนา 39 และถามคําถามดังนี้ Q1: What are the people in these pictures doing? Q2: Which activity would you like to join most? Why? คมู อื ครแู ละแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 3

177 177  Presentation 1. ครูสอนความรเู กีย่ วกบั คาํ ศพั ทเก่ยี วกบั performing, competition and exhibition ดังนี้ 1.1 ครูสอนสํานวนพูดใน Useful Expression box และประโยคคําถามในกิจกรรม B ในหนังสือเรียน Close-up 3 หนา 39 1.2 ครูสอนคาํ ศัพทใหมท่อี ยูในกิจกรรม A-D โดยใหนักเรยี นมสี ว นรวม - ครูใหน ักเรียนสํารวจคําศัพทในหนา 39 แลวขีดเสนใตคําท่ีนักเรียนไมรูความหมาย จากนั้นครูใหนักเรียนบอก คาํ ศัพทท ไ่ี มร ูความหมาย โดยครูเขียนบนกระดาน ถานักเรียนอานไมไดใหสะกดตัวอักษรคําศัพทดังกลาว ไดแก exhibition, aged, for more information, have things in common, a natural ability, practice, enter, scared, audience, perform, talent, acting, stage, competition - ครูใหนักเรยี นจัดกลมุ คาํ ศัพทเหลานโ้ี ดยครแู นะวาควรจัดตามหนาทขี่ องคํา - นักเรยี นจัดกลุมคําศัพทไดด ังน้ี Nouns Verbs Adjective กลมุ คํา/สาํ นวน exhibition, practice, enter, perform aged, scared for more information, audience, talent, acting, have things in common stage, competition, a natural ability - ครูใหนักเรียนชวยกันคนหาความหมายของคําศัพทเหลานี้โดยคนหาจาก Dictionary หรือนักเรียนอาจสืบคน online จากโทรศพั ทม ือถือของนกั เรยี นเอง - ครูใหน ักเรยี นอา นออกเสียงคําศัพทแตละคําพรอมกับบอกความหมาย โดยครูชวยเพิ่มเติมความหมายของศัพท บางคาํ ใหครอบคลุมการใชง านในบทเรยี นน้ี 2. ครูสอนหลกั วิธีการพดู สื่อสาร Speaking and Listening Strategies ไดแก 2.1 Listening Strategies ผฟู งควรแสดงความสนใจ รับรู เขาใจส่ิงไดฟง มีการใชภาษากายประกอบ การสบตาผูฟง ขณะท่ีพูดเลาและฟง เหตกุ ารณ ใชว ลตี อ ไปนเี้ ปนคร้ังคราวเพ่ือแสดงการรับรูเขาใจส่ิงไดฟงตอไปนี้ Uh-huh. / Okay. / Yeah. /Got it. / I see. / Ah, I see. / I get that. 2.2 Speaking Strategies ผูพูดควรเลือกใชนํ้าเสียงในประโยคคําถามเพ่ือแสดงเจตนาหรือความตองการไดถูกตอง เหมาะสม การเลือกใชนํ้าเสียงประโยคคําถาม Wh-questions และYes-No questions ใหลงทายประโยคดวยเสียงต่ําเม่ือตองการ ขอมลู ท่ีไมร ู (To find out information that you don’t know) ตัวอยางเชน Where’s the Talent competition? (ครูพูดออก เสยี งตามตวั อยางและนักเรียนพูดออกเสียงตาม) รวมท้ังการมองหนา สบตาคูสนทนา การใชภาษากายประกอบเปนคร้ังคราว เม่ือ นกั เรียนสว นใหญเขา ใจแลว ครใู หน ักเรียนทาํ กจิ กรรม  Practice ครูใหนักเรียนเปดหนงั สือ Close-up 3 หนา 39 ใหน ักเรยี นปฏบิ ัติกจิ กรรมดังน้ี 1. กิจกรรม A โดยครูอธิบายวาดานซายมอื ของนักเรียนเปนประโยคที่มี 1 คําเปนตัวหนาและดานขวามือของนักเรียนท่ี เปน ตวั เลือก a-d เปนความหมายของเปน ตัวหนา ใหน ักเรียนจบั คูความหมายของตวั หนาแตละประโยค - ครูใหนกั เรยี นอา นออกเสยี งประโยคแตละประโยค - ครใู หนกั เรยี นท้ังช้ันอานออกเสียงตัวเลือก a-d ครั้งละ 1 ตัว และครูถามวาตัวเลือกน้ีเปนความหมายของคําที่ใช ตวั หนาควรเกี่ยวขอ งกับประโยคใด เพราะอะไร - เมือ่ ไดคาํ ตอบครบ ครใู หนกั เรียนอา นซ้าํ โดยอานเฉพาะคําทเ่ี ปนทเ่ี ปน ตวั หนาและตวั เลือกที่เปน ความหมาย - ครเู ฉลยคําตอบ โดยใหนักเรียนอานออกเสียงดังๆ คูมือครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3

178 178 เฉลยคาํ ตอบ 1. c 2. d 3. a 4. b 2. กจิ กรรม B ครใู หนักเรยี นจบั คทู ํากิจกรรมถาม-ตอบจากภาพ โดยทาํ ตามข้นั ตอนตอไปน้ี - ใหนกั เรยี นใชประโยคท่ี 1 กบั การถามแตล ะภาพ ดังนี้ Q1: ภาพท่ี 1 What do the people in the first picture enjoy doing? Q2: ภาพท่ี 2 What do the people in the second picture enjoy doing? หรอื What about the second picture? Q3: ภาพท่ี 3 What about the third one? Q4: Do you enjoy performing? Q5: Have you ever been on stage? Q6: What do these activities have in common? สาํ หรับคาํ ถามขอน้ีครแู นะนักเรยี นวา ควรมกี ารใหเหตผุ ล ประกอบ ดงั นัน้ ควรถามวา Why?/why do you think like that? - นักเรียนฝกใชคําถามและใหคําตอบกับเพื่อนโดยปฏิบัติตามขั้นตอนและหลักวิธีการพูดส่ือสาร Speaking and Listening Strategies - ครูใหเวลานกั เรียนและสังเกตการทํากิจกรรมนี้ เฉลยคาํ ตอบ (Suggested Answer) They enjoying dancing, magic and playing musical instruments. They are all performing for an audience. 3. กิจกรรม C ครูอธิบายคําส่ังและทบทวนความรูใน Useful Expressions และ Exam Close-up จนแนใจวานักเรียน สวนใหญเขา ใจและพรอมท่ีจะปฏิบตั ิกจิ กรรมตอ ไปไดถ กู ตอ ง 4. กจิ กรรม D ครใู หนักเรียนจบั คทู ํา โดยผลดั กันถาม-ตอบ ดงั นี้ - นักเรียน A เปนเจาของเรื่อง Talent competition รูรายละเอียดเก่ียวกับเร่ืองน้ีเปนอยางดีและจะตองตอบขอ ซักถามของนกั เรยี น B โดยนักเรียน B ใชค าํ ถามในหนา 124 - นักเรียน B เปน เจาของเรื่อง Photography exhibition รรู ายละเอียดเก่ียวกับเรื่องน้ีเปนอยางดีและจะตองตอบขอ ซกั ถามของนักเรยี น A โดยนักเรียน A ใชคําถามในหนา 123 โดยสง่ิ ทีท่ ง้ั A และ B ตองทาํ คือ อานเร่ืองของตวั เองใหเ ขาใจพรอมที่จะใหขอมูลท่ีถูกตองแกผูอ่ืน และเตรียมคําถาม เตรยี มพดู ซักถามโดยใชโครงสรางทก่ี ําหนดใหอ ยา งถกู ตอ งและเหมาะสม - นักเรยี นจับคูกบั เพ่ือน ตกลงกันวาใครจะเปน A ใครจะเปน B แลวซักซอมกอนลงมือปฏิบัติ - ครสู ังเกต แนะนํา ชวยเหลือ และแกปญหา - ครูสุม เลอื กนักเรยี นออกมาพูดตามบทบาททเี่ ลือกและประเมินทักษะการฟง การพดู คูมอื ครแู ละแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที่ 3

179 179 เฉลยคาํ ตอบ (Suggested Answer) Task 1, Student B: Where does the talent competition take place? / Where is the talent competition? What date is the talent competition? / When does the talent competition take place? Is the talent competition for teenagers? Is there a website? / What is the website address? What can you win (in the competition)? Task 2, Student A: Where does the photography exhibition take place? / Where is the photography exhibition? What date is the photography exhibition? / When does the photography exhibition take place? Who can enter a photo in the exhibition? What prize can you win? / What can you win? Is there a website? / What is the website address?  Production กิจกรรม Ideas Focus ใหนักเรียน Read aloud คาํ สั่งและพูดบอกสง่ิ ทตี่ องทําในกิจกรรมนี้ - ครกู ําหนดใหน ักเรยี นแบงกลมุ กลุมละ 4-6 คน ทํากิจกรรมนี้ โดยดาํ เนนิ ตามขนั้ ตอนเชน เดยี วกับกิจกรรม F - ครูกําหนดเวลา และใหน ักเรียนทํากิจกรรมนอี้ ยางอสิ ระ เม่อื หมดเวลาครตู รวจสอบคําตอบโดยเลือกนักเรียนจํานวน 2- 3 กลุม ออกมาพดู ถา หากมเี วลาไมเ พยี งพอ ครใู หน ักเรียนทํากจิ กรรมนใี้ นชวั่ โมงตอไป หรือนดั หมายใหท ํานอกชนั้ เรยี น - ครสู รุปบทเรยี น ตอบขอซกั ถามของนักเรยี น 6. การวดั และประเมินผล เครื่องมือ คะแนน เกณฑ แบบประเมินการสังเกตพฤตกิ รรมนักเรยี น 18-20 วิธีการ 15-17 ผลการประเมนิ 1. สังเกต 12-14 ดมี าก 10-11 ดี พอใช ผา น 2. ประเมนิ ทกั ษะ แบบประเมนิ ทักษะการฟง-การพูด คะแนน ผลการประเมนิ 18-20 ดมี าก การใชภาษา แบบประเมนิ ทกั ษะการอาน-การเขียน 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผาน คมู ือครูและแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 3

180 180 7. ส่ือ/แหลง การเรยี นรู หนังสอื เรียน Close-up 3 Unit 3 Time Out! เรอ่ื ง Speaking กิจกรรม A-D และ Ideas Focus หนา 39 Speaking Information for Student A for Unit 3 หนังสอื เรยี น Close-up 3 หนา 123 Speaking Information for Student B for Unit 3 หนงั สือเรยี น Close-up 3 หนา 124 8. บันทึกหลงั การจัดการเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คูม ือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ี่ 3

181 181 หนว ยการเรยี นรทู ี่ 3 เร่อื ง Time Out! แผนการจดั การเรียนรทู ี่ 12 เรอื่ ง Writing 1: Adverts รหสั วชิ า................. รายวิชาพ้นื ฐานภาษาองั กฤษ ช้นั มัธยมศึกษาปท ี่ 3 กลมุ สาระการเรียนรูภาษาตางประเทศ ปการศึกษา 25……….. ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 1 ช่ัวโมง ผูส อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตวั ชว้ี ดั ต 1.2 ม.3/1 สนทนาและเขียนโตตอบขอ มลู เก่ยี วกับตนเอง เรอ่ื งตางๆ ใกลต ัว สถานการณ ขาว เรือ่ งท่ีอยใู นความสนใจของ สังคมและสอ่ื สารอยา งตอเนื่องและเหมาะสม ต 1.2 ม.3/4 พดู และเขยี นเพื่อขอและใหข อมลู อธิบาย เปรียบเทยี บ และแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกบั เร่อื งที่ฟง หรืออา นอยาง เหมาะสม 2. จุดประสงคการเรียนรู อา นและเขยี นใหขอมูล อธิบาย และแสดง ความคิดเห็นโดยใชสํานวนภาษาและโครงสรางภาษาที่กําหนดใหไดอยางถูกตอง เหมาะสมกับระดับชัน้ เรียน 3. สาระสําคญั /ความคิดรวบยอด (Learning Concept) ความรเู กย่ี วกับคาํ ศพั ทส ํานวนภาษาและโครงสรางภาษาเรื่อง Adverts, email และกิจกรรมฝกทักษะการคิดกระบวนการ ฝกทักษะทางภาษาท้ัง 4 ดานโดยเฉพาะการอานและการเขียน โดยใชกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสาร ทําใหผูเรียน สือ่ สารไดอยา งมปี ระสิทธภิ าพ มีเจตคติที่ดตี อการเรียนภาษาองั กฤษ 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดานความรู (Knowledge) - Vocabulary: suggesting, persuading, describing - Grammar: ประโยค Imperative - Writing strategy: Context clues 4.2 ดานทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทกั ษะเรยี นภาษาทัง้ 4 ทกั ษะ การฟง การพูด การอา น และการเขียน - ทักษะกระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพ่ือการสื่อสาร 4.3 ดา นเจตคติ (Attitude) - มีประสทิ ธภิ าพในการส่ือความ - มเี หตผุ ล มีวจิ ารณญาณ 5. กิจกรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครนู ําความสนใจของนักเรียนเขา สูบทเรยี นในช่ัวโมงนโ้ี ดยครูเขียนประโยคตอ ไปนี้บนกระดาน ใหนักเรยี นพดู บอกคําที่ หายไป - Come to tennis club! You can make new friends and get …………… . - Don’t waste your time on gamimng! Get outside and .............. our running club. 2. นกั เรยี นชว ยกันคิดหาคํามาเติมในชอ งวาง ถาไมพบคําตอบที่ถูกตอ ง ใหครูขีดเสนใตต วั ช้ีแนะคาํ ตอบคือ tennis club, Get …… and …… running club คูมือครูและแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 3

182 182 3. ถานกั เรยี นยงั บอกคําตอบถกู ไมไ ด ครใู หตัวเลอื กดงั นี้ lucky, fit, do, join  Presentation ครูสอนคาํ ศัพทส ํานวนภาษาเกยี่ วกบั Adverts, email ใน Learning Focus ไดแก ประโยค Imperative โครงสรา งภาษาที่ ใช - suggesting ไดแก Why don’t we ………?, How about we ……..?, What about + v-ing?, Would you like to …..? Would you like to ……….? Would you be interested in + -ing? - persuading ไดแก Come to ……,Try something new!, Don’t be lazy/shy/boring!, Be brave/strong/active!  Practice ครใู หน กั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรมดงั น้ี 1. กิจกรรม A ครูใหน กั เรยี นอาน email และ Advert ครูถามนักเรียนวา - What kind of text do you see on the left? (an advert) - What do you see on the right? (an email) - What words do they see in both texts? (lessons, D.J. Sam) ครูใหเวลานักเรียนทํา และครูตรวจสอบคาํ ตอบโดยใหนักเรียนอานคําตอบพรอมกัน และครูเฉลยคาํ ตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. Andy 2. Max 3. Sam and Dave 4. Andy 5. Sam 2. กิจกรรม B ครูอธบิ ายคําสงั่ และช้ีแนะวิธกี ารคิดคาํ ตอบ เพ่อื ใหนักเรยี นกิจกรรมไดอยา งถูกตอ ง ดังน้ี - ใหนกั เรยี นเลือกรปู กริยาทถี่ กู ตองตามหลักไวยากรณ กอ นตดั สนิ ใจเลือกคําตอบ ใหนกั เรียนอานประโยคเพื่อคนหาตัว ช้แี นะคาํ ตอบ (Context clues) โดยใหนกั เรียนสังเกตคําที่อยูหนาและหลังชองวาง แลวขดี เสนใต Context clues - นกั เรยี นอา นประโยคเพอ่ื คนหาตัวชแ้ี นะคาํ ตอบ (Context clues) - ครตู รวจสอบความเขาใจของนักเรยี นโดยใหนักเรียนอาน Context clues พรอมกนั โดยครเู ตมิ ความครบถวน ตัวชแ้ี นะคําตอบ 1. …and get fits! 2. …in… 3. …about… 4. we… 5. Would … like … 6. …lazy! - นักเรียนอา นประโยคอีกครั้งเพื่อตดั สินใจเลือกคําตอบ - ครเู ฉลยคําตอบโดยใหนกั เรยี นอา นคาํ ตอบพรอมกัน โดยครรู ับรองคาํ ตอบถกู ตองและแกไขคําตอบผิดและใหเหตผุ ล เฉลยคําตอบ 1. Join 2. doing 3. taking 4. start 5. to learn 6. Don’t be 3. กิจกรรม C ครูอธิบายคาํ ส่งั และชแี้ นะวิธีการคิดคําตอบ เพอื่ ใหนกั เรียนกจิ กรรมไดอยา งถูกตอง ดงั น้ี - ครูอธบิ ายวา ในกิจกรรมนป้ี ระกอบดวยขอมูล 2 สวน ไดแ ก Note และ Advert ใหนกั เรียนอา นทัง้ Note และ Advert ใหเขา ใจ แลว คิดหาคํา/วลีท่ถี ูกตองนาํ ไปเติมในชองวางของ Advert - กอนตัดสินใจเลือกคําตอบ ใหนักเรียนอานประโยคเพื่อคนหาตัวชี้แนะคําตอบ (Context clues) โดยใหนักเรียน สังเกตคําทอ่ี ยหู นาและหลังชองวา ง แลว ขีดเสนใต Context clues - ครูตรวจสอบความเขาใจของนักเรยี นโดยใหนักเรียนอาน Context clues พรอมกัน โดยครเู ตมิ ความครบถวน คมู ือครูและแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook