Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ Close up 3

แผนการจัดการเรียนรู้ Close up 3

Published by Teacher Ya Channel, 2021-03-26 14:38:56

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ Close up 3
ภาษาอังกฤษพื้นฐาน ชั้นม.3

Search

Read the Text Version

183 183 ตัวชี้แนะคาํ ตอบ 3. from … till 4. £,… per week 1. Don’t, … shy 2. about, … to Drama club 5. Be …. , and, … something new - นกั เรียนอา น Note และ Advert เพือ่ ตดั สินใจเลือกคําตอบ - ครเู ฉลยคําตอบโดยใหนกั เรียนอานคําตอบพรอมกัน โดยครรู ับรองคําตอบถกู ตองและแกไขคําตอบผดิ และใหเหตผุ ล เฉลยคําตอบ 1. be 2. coming 3. 5.30 p.m. 4. £8 5. try  Production 1. กิจกรรม D ครูมอบหมายการบาน ครูอธิบายคําสั่ง ชี้แจงวิธีการทํางาน ใหนักเรียนเขียน Advert โดยใชขอมูลที่ กําหนดใหใน Note ใหนกั เรยี นทาํ เปน ช้ินงานลงในกระดาษ A4 มีการออกแบบอยางสรางสรรคตามจินตนาการของนักเรียน เลือกใช ภาษาทเี่ หมาะสม ครูนัดหมายการสงงาน เฉลยคําตอบ Students’ own answers 2. กิจกรรม E ใหน กั เรียน Read silently Exam Task แลวคิดหาคํามาเตมิ ในชอ งวาง - นักเรยี นอานประโยคเพ่อื คนหาตัวชีแ้ นะคําตอบ (Context clues) - นกั เรยี นนําตัวชีแ้ นะคาํ ตอบ (Context clues) ไปใชในการตดั สินใจเลือกคาํ ตอบ - ครูตรวจสอบคาํ ตอบโดยใหนกั เรยี นอา นคําตอบพรอมกัน และครูเฉลยคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ (1) don’t (2) Come (3) 9 p.m. (4) snacks (5) contact Julie 6. การวดั และประเมินผล เครอื่ งมอื คะแนน เกณฑ แบบประเมนิ การสังเกตพฤติกรรมนักเรยี น 18-20 วิธีการ 15-17 ผลการประเมนิ 1. สังเกต 12-14 ดมี าก 10-11 ดี พอใช ผาน 2. ประเมินทักษะ แบบประเมนิ ทกั ษะการฟง-การพูด คะแนน ผลการประเมนิ 18-20 ดมี าก การใชภ าษา แบบประเมนิ ทกั ษะการอาน-การเขยี น 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผาน คูมือครูและแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี 3

184 184 7. สอ่ื /แหลง การเรียนรู หนงั สอื เรียน Close-up 3 Unit 3 Time Out! เรอื่ ง Writing กิจกรรม A-E หนา 40-41 8. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คูมอื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ 3

185 185 หนวยการเรยี นรูท่ี 3 เร่ือง Time Out! แผนการจัดการเรียนรูที่ 13 เรอ่ื ง Writing 2: Adverts and emails รหัสวชิ า................. รายวชิ าพน้ื ฐานภาษาอังกฤษ ช้นั มัธยมศึกษาปที่ 3 กลุมสาระการเรียนรภู าษาตางประเทศ ปการศึกษา 25……….. ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 ชว่ั โมง ผสู อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู/ตัวชวี้ ัด ต 1.2 ม.3/1 สนทนาและเขียนโตต อบขอมูลเกีย่ วกบั ตนเอง เรื่องตา งๆ ใกลต ัว สถานการณ ขา ว เร่ืองท่ีอยูในความสนใจของ สังคมและสอ่ื สารอยา งตอเนื่องและเหมาะสม ต 1.2 ม.3/4 พดู และเขียนเพ่อื ขอและใหข อมูล อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับเร่อื งทฟ่ี งหรืออานอยา ง เหมาะสม 2. จดุ ประสงคก ารเรียนรู อานและเขียน Adverts, email ใหขอ มูล อธิบาย และแสดงความคดิ เหน็ โดยใชส าํ นวนภาษาและโครงสรา งภาษาที่ กําหนดใหไดอยา งถูกตอ ง เหมาะสมกับระดบั ชั้นเรยี น 3. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด (Learning Concept) ความรูเกีย่ วกบั คาํ ศัพทส ํานวนภาษาและโครงสรา งภาษาเรอื่ ง Adverts, email และกิจกรรมฝก ทักษะการคิดกระบวนการฝก ทกั ษะทางภาษาทงั้ 4 ดา นโดยเฉพาะ การอา นและการเขียนโดยใชกระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพื่อการสื่อสาร ทําใหผูเรียนส่ือสารได อยางมีประสทิ ธภิ าพ มเี จตคตทิ ดี่ ีตอ การเรยี นภาษาอังกฤษ 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดา นความรู (Knowledge) - Vocabulary: สํานวนภาษาเก่ยี วกับ Adverts, email - Writing strategy: suggesting, persuading, describing 4.2 ดานทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทักษะเรยี นภาษาท้ัง 4 ทกั ษะ การฟง การพูด การอา น และการเขยี น - ทักษะกระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพื่อการส่ือสาร 4.3 ดา นเจตคติ (Attitude) - มีประสทิ ธิภาพในการสื่อความ - มีเหตุผล มีวจิ ารณญาณ 5. กจิ กรรมการเรียนรู  Lead-in ครูนําความสนใจของนกั เรยี นเขาสบู ทเรยี นในช่ัวโมงน้ี โดยครูเขียนประโยคตอ ไปนีบ้ นกระดาน - Free Lessons! Learn how to be a DJ! ครูใหน ักเรียนอา นออกเสียงดังๆ  Presentation ครูทบทวนคําศพั ทสาํ นวนภาษาเก่ยี วกับ Adverts, email ไดแก โครงสรา งภาษาใน Adverts ดงั น้ี - Suggesting ไดแ ก Why don’t we … ?, How about we…….. ?, What about + v-ing?, Would you like to … ? Would you like to … ? Would you be interested in + -ing ? คูมือครูและแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 3

186 186 - Persuading ไดแ ก Come to …, Try something new!, Don’t be lazy/shy/boring!, Be brave/strong/active!  Practice ครใู หน ักเรยี นเปดหนังสือ Workbook Close-up 3 หนา 23 ปฏบิ ตั ิกิจกรรมดงั นี้ 1. กิจกรรม A ครใู หนักเรยี นอา นคําสง่ั และทําความเขาใจ เติมคาํ ตอบที่ถกู ตอง - ครตู รวจสอบคําตอบโดยใหน ักเรยี นบอกคําตอบพรอมกัน และครเู ฉลยคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. to see 2. calling 3. bring 4. going 2. กิจกรรม B ใหนกั เรียน Read aloud email from Martin - ครูอธิบายและใหน ักเรียนพดู เลาขอ ความใน email - ใหนักเรยี นอานคําถามและคน หาคําตอบ - ครูตรวจสอบคําตอบโดยใหน ักเรยี นบอกคําตอบพรอมกัน และครูเฉลยคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. F 2. F 3. F 3. กจิ กรรม C ครูใหนกั เรยี น Read silently email message and note ในกจิ กรรม B อกี ครั้ง - ครใู หเ วลานักเรียนคนหา คิดวเิ คราะห ไตรตรอง และใหค าํ ตอบ - ครูตรวจสอบความถูกตองโดยใหนักเรียนอานคําตอบพรอมกัน และครูเฉลยคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ Are you bored just watching TV? They why don’t you come to Memford’s juggling competition? The competition begins at 3 pm on Sunday at the usual place – Wikins Park Admission: £10 Pizzas are on sale for £2.50 and drinks are £1.50. Join us – you won’t regret it!  Production 1. ใหนักเรียนปฏิบัติกจิ กรรม D โดย Read aloud Tom’s notes และ Charlotte’s email 2. ครทู บทวนวิธีการใช Suggesting และ Persuading ใหนักเรยี นฟง อีกครงั้ 3. นักเรยี นคดิ หาคําเตมิ ในชองวา ง ครูตรวจสอบคําตอบโดยใหนกั เรยี นบอกคาํ ตอบพรอ มกัน และครเู ฉลยคาํ ตอบ เฉลยคําตอบ 1. Johnstown Hall 2. 3 pm / 3 o’clock / three o’clock 3. 10 pm / 10 o’clock / ten o’clock 4. drink 5. songs คูมือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3

187 187 6. การวัดและประเมนิ ผล เครอ่ื งมือ คะแนน เกณฑ วธิ ีการ แบบประเมนิ การสงั เกตพฤติกรรมนักเรยี น 18-20 15-17 ผลการประเมิน 1. สังเกต 12-14 ดมี าก 10-11 ดี พอใช ผา น 2. ประเมินทกั ษะ แบบประเมินทักษะการฟง -การพูด คะแนน ผลการประเมนิ 18-20 ดมี าก การใชภ าษา แบบประเมนิ ทกั ษะการอาน-การเขยี น 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผา น 7. สือ่ /แหลงการเรยี นรู หนงั สือ Workbook Close-up 3 Unit 3 Time Out! เรอ่ื ง Writing กิจกรรม A-D หนา 23 8. บันทกึ หลังการจัดการเรยี นรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คมู อื ครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 3

188 188 หนวยการเรียนรทู ่ี 3 เรื่อง Time Out! แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี 14 เร่ือง Video: Mechanical Lizard Car รหสั วิชา................. รายวิชาพ้ืนฐานภาษาอังกฤษ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 3 กลุมสาระการเรียนรูภ าษาตางประเทศ ปการศกึ ษา 25……….. ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 ช่ัวโมง ผูส อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวชีว้ ัด ต 1.2 ม.3/1 สนทนาและเขยี นโตตอบขอมลู เกี่ยวกบั ตนเอง เรือ่ งตา งๆ ใกลต ัว สถานการณ ขา ว เรอ่ื งที่อยูในความสนใจของ สังคมและสื่อสารอยา งตอเน่ืองและเหมาะสม ต 1.3 ม.3/2 พดู และเขียนสรุปใจความสาํ คัญ/แกน สาระ หวั ขอเร่อื งที่ไดจากการวเิ คราะหเ รือ่ ง/ขา ว/เหตกุ ารณ/สถานการณ ที่อยใู นความสนใจของสงั คม ต 2.1 ม.3/2 อธบิ ายเกย่ี วกบั ชีวติ ความเปน อยู ขนบธรรมเนียม และประเพณขี องเจาของภาษา ต 2.2 ม.3/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกตา งระหวางการออกเสียงประโยคชนดิ ตา งๆ และการ ลาํ ดับคําตามโครงสรา งประโยคของภาษาตางประเทศและภาษาไทย ต 3.1 ม.3/1 คน ควา รวบรวม และสรปุ ขอมลู /ขอ เท็จจริงทีเ่ กีย่ วของกบั กลุม สาระการเรยี นรอู ่นื จากแหลงการเรียนรแู ละนํา เสนอดวยการพูดและการเขียน ต 4.1 ม.3/1 ใชภ าษาส่ือสารในสถานการณจริง/สถานการณจําลองท่ีเกิดข้ึนในหองเรยี น สถานศกึ ษา ชมุ ชน และสังคม ต 4.2 ม.3/1 ใชภาษาตา งประเทศในการสบื คน/คน ควา รวบรวม และสรปุ ความรู/ขอ มูลตางๆ จากสอื่ และแหลง การเรยี นรู ตางๆ ในการศกึ ษาตอและประกอบอาชีพ 2. จดุ ประสงคก ารเรียนรู พดู /เขยี นสรุปใจความสําคญั แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับสารคดีการคดิ คนยานพาหนะสําหรบั ใชในทะเลทราย โดยใชสาํ นวน ภาษาและโครงสรา งภาษาทกี่ ําหนดใหไ ดอยา งถูกตอง เหมาะสมกับระดับชนั้ เรียน 3. สาระสําคญั /ความคิดรวบยอด (Learning Concept) ความรูเกยี่ วกับสาํ นวนภาษา โครงสรางภาษา กิจกรรมการเรียนรูผานสื่อวิดีโอ (processed watching) ส่ือสิ่งพิมพ ทักษะ การเรียนภาษาทัง้ 4 ดา น ไดแ ก ทกั ษะการฟง ทักษะการพูด ทักษะการอาน ทักษะการเขียน และกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพ่ือ การสอื่ สาร ทาํ ใหการส่อื สารบรรลุเปา หมายอยา งมปี ระสทิ ธิภาพ ผเู รียนมคี วามสามารถ มีเจตคติที่ดตี อ ภาษาอังกฤษ 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดา นความรู (Knowledge) - Vocabulary: Documentary films ไดแก mission, dessert rat, off road vehicle, dessert lizard, steep hill, model, mechanical, dessert terrain buddy, behave, operate, tight spot, fairly, design, at the control, to be similar to 4.2 ดานทักษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทกั ษะการการดชู มอยางเปนขั้นตอนมเี ปาหมาย (processed watching) - ทักษะการคิดวิเคราะห คิดสังเคราะห และประเมนิ คา - ทักษะเรยี นภาษาทง้ั 4 ทักษะ การฟง การพูด การอาน และการเขยี น - ทกั ษะกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร คมู อื ครแู ละแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 3

189 189 4.3 ดานเจตคติ (Attitude) - มปี ระสิทธิภาพในการสอื่ ความ - มเี หตุผล มีวจิ ารณญาณ 5. กิจกรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครนู ําความสนใจของนักเรียนเขาสบู ทเรยี นในช่วั โมงนโ้ี ดยครใู หน กั เรียนดูรปู ภาพท้ัง 3 รปู ในหนงั สือเรยี น Close-up 3 หนา 42 แลวใชคําถามตอ ไปนี้ Look at the three pictures. - What do you see in each picture? - Do you think which one is different from the others? - Do you think where they are? - Guess how the animals and the vehicle are related. 2. นักเรยี นพยายามใหคาํ ตอบ ครใู หเ วลานักเรียนเตรยี มคาํ ตอบ โดยครบู อกนักเรยี นวา คําถามสดุ ทายใหคิดและตอบตาม จนิ ตนาการของนกั เรียน 3. นักเรยี นชว ยกันใหคําตอบ โดยครูยอมรบั ทุกคําตอบ  Presentation กอ นดวู ดิ ีโอ ครสู นบั สนุนใหน ักเรียนคาดเดาเร่ืองลวงหนา โดยปฏบิ ัติ ดงั นี้ 1. ใหนักเรียนพูดเลาตามจินตนาการของตน โดยนําคําตอบจากคําถามนําขอสุดทายมาพูด Guess how the animals and the vehicle are related. 2. ใหนักเรียนตอบคาํ ถาม 3 ขอ โดยครูบอกนักเรียนวาเปนคําถามใหนกั เรียนเดาคาดเดาเร่ืองลวงหนา - What’s the video about? - Where does the story take place? - What will happen? 3. ครใู หน ักเรยี นเปด หนงั สอื Close-up 3 หนา 42 นักเรยี นทํากิจกรรม A โดยจับคูคําศัพทกับรูปภาพ โดยตัวเลือกและ วลีในคําถามทําใหนักเรียนคาดเดาเรื่องไดดีขึ้น ไดแก dessert rat, off road vehicle, dessert lizard และ get around the dessert more easily เฉลยคาํ ตอบ 1. B 2. C 3. A  Practice 1. กิจกรรม B ครูบอกนักเรียนวา นักเรียนจะไดดูหนังสารคดีสั้นเก่ียวกับการขับรถในทะเลทราย และขณะท่ีดู นักเรียน ตอ งตดั สนิ วาประโยคในกจิ กรรม B วา เปน จรงิ True/T หรือ ไมเปนจริง False /F ดังนั้นกอนดูใหนักเรียนอานประโยคใหเขาใจและ ประโยคดงั กลา วจะชว ยใหน กั เรยี นเขา ใจและคาดเดาเร่อื งลวงหนาได 1.1 นกั เรียนอา นประโยคทก่ี าํ หนดใหแ ละขีดเสน ใตคาํ สําคัญซ่ึงจะชวยใหน ักเรยี นคดิ วิเคราะหห าคาํ ตอบได 1.2 ครูเปด วิดีโอใหน กั เรยี นดูโดยปฏบิ ัตดิ ังน้ี ครเู ปด วิดโี อและหยุดเลนช่ัวขณะหลงั จากพบคาํ ตอบของประโยคที่ 1 เพ่ือ ตรวจสอบวา นกั เรยี นสว นใหญเ ลือกคาํ ตอบถกู จากน้นั ครเู ปดวดิ โี อตอ และหยดุ เลน เปน ระยะเพื่อใหนักเรียนไดมีเวลาคิดทบทวนและ ประเมนิ คําตอบ คมู อื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ช้นั มัธยมศกึ ษาปท่ี 3

190 190 1.3 เม่อื ดจู บแลวครใู หนักเรยี นตรวจคําตอบ แตถ านักเรียนสวนใหญยังไมสามารถหาคําตอบได ครคู วรใหนักเรยี นดูซํ้า หลายรอบ กอนเฉลยคําตอบ 1.4 ครเู ฉลยคาํ ตอบ โดยใหน กั เรียนอานคําตอบพรอมกัน โดยครใู หนักเรียนบอกเหตุผลสาํ หรับขอท่ีเปนเท็จ เฉลยคาํ ตอบ 1. T 2. T 3. T 4. F 5. T 6. F 2. กจิ กรรม C ครูใหน ักเรียนทํากจิ กรรมหลังดูวดี โิ อ ดงั น้ี 2.1 ครูอธิบายคําสั่งและครูสอน/ชี้แนะวิธีการหาคําตอบ ซ่ึงนักเรียนจะตองรูความหมายของตัวเลือก/คําศัพทที่ กําหนดใหเลอื กมาเตมิ ในประโยค และศึกษาประโยคแตละประโยคเพ่ือคนหาตัวชี้แนะ/กําหนดคําตอบ (Context clues) จากนั้นจึง นาํ มาใชต วั ช้แี นะ/กําหนดคาํ ตอบ (Context clues) ประกอบการตดั สินใจเลือกคาํ ตอบ ครใู หน กั เรียนทําตามขั้นตอนดงั กลา วนี้ 2.2 นกั เรียนอานออกเสียงคําศัพทที่กําหนดใหแ ละบอกความหมายคําศัพท 2.3 นกั เรยี นศกึ ษาประโยคแตล ะประโยคเพ่ือคนหา ตัวช้ีแนะ/กาํ หนดคําตอบ (Context clues) และขีดเสนใตก าํ กบั ไว 2.4 ครใู หน ักเรยี นอานตัวช้ีแนะ/กําหนดคําตอบ (Context clues) และขีดเสนใตกํากับไว โดยอานออกเสียงดังๆ ครู เพิ่มเติมขอ มูลท่เี ก่ียวของ และตรวจสอบความเขา ใจท่ีถกู ตองของนักเรียน โดยครเู ฉลยตวั ชี้แนะ/กําหนดคาํ ตอบ (Context clues) ตัวชแ้ี นะคาํ ตอบ 2. ... so his, … was to make 3. … a mechanical … 1. ... that could go anywhere 4. … that he could hold in his … 5. … can go up and down … 6. … drives up a steep hills and when he gets to the … 7. … stop, … never drives anywhere that he can’t … 8. … has to be …, because he doesn’t want to have an accident. 2.5 ครใู หนักเรียน Read aloud ตวั ช้ีแนะคาํ ตอบ (Context clues) ครเู พ่ิมเติมขอ มูลทีเ่ กีย่ วของ และตรวจสอบความ เขา ใจท่ถี กู ตองของนักเรยี น 2.6 นักเรียนลงมืออาน Cloze passage ขอ C และเลือกคําตอบ ครูใหเวลานักเรยี นคดิ และเขียนคําตอบ 2.7 ครูอาจใหนกั เรียนไดด ูวดิ โี อซํ้าอีกครงั้ หนง่ึ เพ่ือตรวจสอบคําตอบ และปรบั ปรงุ คาํ ตอบ 2.8 ครเู ฉลยคาํ ตอบ โดยใหนกั เรียนชว ยบอกคําตอบ ครยู นื ยนั คาํ ตอบถกู และแกไ ขคําตอบผิด 2.9 ในการเฉลยคาํ ตอบครคู วรเลนวิดโี อใหนักเรยี น ไดม โี อกาสตรวจสอบความเขาใจของตวั เอง เฉลยคาํ ตอบ 1. machine 2. idea 3. lizard 4. hand 5. hills 6. Top 7. See 8. careful  Production 1. ครใู หน กั เรียนเขา แบงกลมุ กลมุ ละ 4-6 คนทํากจิ กรรม Ideas Focus 2. ใหน กั เรยี น Read aloud คําถาม และพดู บอกความหมาย 3. ครทู บทวนคาํ ถามและชแ้ี นะวิธคี ดิ และเขยี นคาํ ตอบโดย Expaining why และใหเวลานกั เรียนทํากิจกรรมน้อี ยางอิสระ โดยครกู ําหนดเวลา สงั เกต แนะนาํ ชวยเหลอื แกป ญ หา คูม อื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ช้ันมัธยมศึกษาปที่ 3

191 191 4. เมื่อครบกําหนดเวลาครูตรวจสอบคําตอบโดยเลือกนักเรียน 3-4 กลุมข้ึนมาใหคําตอบ ครูยอมรับทุกคําตอบท่ีให เหตผุ ล (Explaining why) เฉลยคาํ ตอบ Students’ own answers 5. ครูสรปุ บทเรียน ซกั ถามเพื่อประเมนิ ความคิดเห็นและใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นตอวิดีโอท่ีดูในชั่วโมงนี้ แนะนําให นกั เรยี นดูสารคดีรายการใหค วามรู และคน ควาศึกษาหาขอมูลเพ่ิมเติมจากสื่ออิเล็กทรอนิกสเพื่อขยายโลกทัศน และประโยชนในการ แกไ ขปญหา การดํารงชวี ิต การศกึ ษาตอ และการเลอื กอาชพี 6. การวัดและประเมนิ ผล เครอื่ งมือ คะแนน เกณฑ วธิ กี าร แบบประเมนิ การสังเกตพฤติกรรมนักเรียน 18-20 15-17 ผลการประเมิน 1. สงั เกต 12-14 ดมี าก 10-11 ดี พอใช ผา น 2. ประเมนิ ทักษะ แบบประเมินทักษะการฟง -การพดู คะแนน ผลการประเมิน 18-20 ดีมาก การใชภ าษา แบบประเมนิ ทกั ษะการอาน-การเขยี น 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผา น 7. สอื่ /แหลงการเรยี นรู หนงั สือเรยี น Close-up 3 Unit 3 Time Out! กิจกรรม A-C และ Ideas Focus หนา 42 ส่ือ VCD Unit 3 เรอื่ ง Mechanical Lizard Car 8. บันทกึ หลังการจัดการเรยี นรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คูม ือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชนั้ มัธยมศึกษาปที่ 3

192 192 หนวยการเรียนรู Personal Best ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที่ 3 เวลา 14 ชัว่ โมง 4 รหัสวิชา …………… รายวิชาพนื้ ฐานภาษาอังกฤษ กลุมสาระการเรียนรูภาษาตา งประเทศ ปการศกึ ษา 25........ ภาคเรียนที่ 1 ผูสอน ................................. 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวชี้วดั ต 1.1 ม.3/1 ปฏบิ ตั ติ ามคําขอรอ ง คําแนะนํา คําช้ีแจง และคาํ อธิบายท่ีฟง และอาน ต 1.1 ม.3/4 เลือก/ระบุหัวขอ เรื่อง ใจความสาํ คัญ รายละเอยี ดสนับสนุน และแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั เรื่องท่ีฟงและอาน จากสื่อประเภทตา งๆ พรอ มทั้งใหเหตุผลและยกตวั อยางประกอบ ต 1.2 ม.3/1 สนทนาและเขียนโตต อบขอมูลเก่ียวกับตนเอง เรอ่ื งตางๆ ใกลตัว สถานการณ ขา ว เรอ่ื งที่อยใู นความสนใจของ สังคมและส่ือสารอยา งตอเน่ืองและเหมาะสม ต 1.2 ม.3/4 พูดและเขียนเพ่ือขอและใหขอมูล อธบิ าย เปรยี บเทียบ และแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั เรื่องท่ีฟงหรืออา นอยาง เหมาะสม ต 1.2 ม.3/5 พูดและเขยี นบรรยายความรูสึกและความคิดเหน็ ของตนเองเก่ียวกับเรื่องตางๆ กิจกรรม ประสบการณ และ ขาว/เหตุการณ พรอมท้ังใหเ หตุผลประกอบอยางเหมาะสม ต 1.3 ม.3/2 พดู และเขยี นสรปุ ใจความสําคญั /แกน สาระ หวั ขอเร่ืองทีไ่ ดจ ากการวเิ คราะหเ ร่อื ง/ขา ว/เหตุการณ/สถานการณ ที่อยูใ นความสนใจของสังคม ต 2.1 ม.3/1 เลือกใชภาษา น้ําเสียง และกิริยาทาทางเหมาะกับบุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของ เจาของภาษา ต 2.1 ม.3/2 อธิบายเกีย่ วกบั ชีวติ ความเปนอยู ขนบธรรมเนียม และประเพณขี องเจาของภาษา ต 2.2 ม.3/1 เปรียบเทียบและอธิบายความเหมือนและความแตกตางระหวางการออกเสียงประโยคชนิดตางๆ และการ ลาํ ดับคําตามโครงสรา งประโยคของภาษาตางประเทศและภาษาไทย ต 3.1 ม.3/1 คน ควา รวบรวม และสรุปขอมูล/ขอเท็จจริงที่เกี่ยวของกับกลุมสาระการเรียนรูอ่ืนจากแหลงการเรียนรูและ นําเสนอดวยการพดู และการเขียน ต 4.1 ม.3/1 ใชภาษาส่ือสารในสถานการณจริง/สถานการณจําลองท่เี กดิ ขึ้นในหองเรียน สถานศึกษา ชมุ ชน และสงั คม ต 4.2 ม.3/1 ใชภาษาตางประเทศในการสืบคน/คนควา รวบรวม และสรุปความรู/ขอมูลตางๆ จากสื่อและแหลงการเรยี นรู ตา งๆ ในการศึกษาตอและประกอบอาชพี 2. สาระสําคัญ/ความคดิ รวบยอด (Learning Concept) ความรูคําศัพทเก่ียวกับ sport-related words, collocations, phrasal verbs สํานวนภาษา โครงสรางภาษาเก่ียวกับ Modals for advice, permission, ability, intention, necessity & obligation กจิ กรรมฝกทกั ษะการคิดวิเคราะห สังเคราะห การ ใหเหตุผล เร่ือง Personal Best สื่อสิง่ พมิ พและส่อื อิเลก็ ทรอนกิ สที่มีประสิทธิภาพ ทักษะการเรียนภาษาท้ัง 4 ดาน ไดแก ทักษะการ ฟง ทักษะการพดู ทักษะการอาน ทักษะการเขยี น และกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ทําใหการส่ือสารบรรลุเปาหมาย อยางมปี ระสทิ ธภิ าพ ผูเรยี นมีความสามารถ มีเจตคติทดี่ ีตอ ภาษาอังกฤษ คูมอื ครูและแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชัน้ มธั ยมศึกษาปที่ 3

193 193 3. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 3.1 ดานความรู (Knowledge) คําศัพทเก่ียวกับ sport-related words, collocations, phrasal verbs ในบทอานประเภทตางๆ ไดแก บทความ (Articles) บทสนทนา (Conversations) งานเขียนที่เปน Signs, Notes, Blogs, e-mails สํานวนภาษาที่ใชพูดและเขียนเก่ียวกับ advice, permission, ability intention, necessity & obligation, โครงสรางประโยค Modals for advice, permission, ability, intention, necessity & obligation, multiple choice cloze, Exam Close-Up และ ExamTasks 3.2 ดา นทักษะกระบวนการ (Process/Skill) ทักษะการเรียนภาษาท้ัง 4 ดาน ไดแก การฟง การพูด การอาน และการเขียน ทักษะกระบวนการคิด และทักษะ กระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพอื่ การส่อื สาร 3.3 ดา นเจตคติ (Attitude/Desired Character) ใชภ าษาองั กฤษอยา งมมี ารยาท ถูกตองตามกาลเทศะและบุคคล มปี ระสิทธภิ าพในการสื่อความ 4. สมรรถนะสําคัญของผูเรียนตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551  ความสามารถในการส่อื สาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแกปญหา  ความสามารถในการใชท ักษะชวี ิต  ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี 5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงคต ามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551  รกั ชาติ ศาสน กษัตรยิ   ซอ่ื สตั ย สุจริต  มีวินยั  ใฝเรียนรู  อยูอยา งพอเพยี ง  มุงมน่ั ในการทํางาน  รักความเปนไทย  มีจิตสาธารณ 6. ภาระงาน/ชิ้นงาน ใหนักเรียนพูดบรรยายภาพหนาช้ันเรียน เลือกภาพตามความสนใจ มีความเหมาะสม มีเน้ือหาเกี่ยวกับ Sports โดย ประยกุ ตใชค วามรูและทกั ษะการใชภาษาท่เี รียนมาใน Unit 4 จัดทําเปน แผนรายงานกระดาษ A4 7. การวดั และประเมินผล (ภาระงาน/ชิน้ งาน) วิธกี าร เครือ่ งมือ คะแนน เกณฑ 1. ประเมิน แบบประเมินคณุ ภาพชิ้นงาน/ภาระงาน 18-20 คณุ ภาพ 15-17 ผลการประเมนิ 12-14 ดมี าก 10-11 ดี พอใช ผาน คูม อื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 3

194 194 วธิ ีการ เครื่องมอื คะแนน เกณฑ 18-20 2. ประเมิน แบบประเมินทักษะ-การพดู 15-17 ผลการประเมิน ทกั ษะทางการใช แบบประเมนิ ทักษะ-การเขยี น 12-14 ดีมาก ภาษา 10-11 ดี พอใช ผา น 8. กจิ กรรมการเรยี นรู ความรแู ละกิจกรรมฝก ทักษะการคดิ วเิ คราะห สังเคราะห การใหเหตผุ ล ทักษะการเรยี นภาษาทง้ั 4 ดา น ไดแก การฟง การพดู การอาน และการเขียน เร่ืองPersonal Best ประกอบดว ยบทสนทนา (conversations) บทความ (articles), e-mails, notes, signs, Exam Close-up, Exam Tasks, ส่ือรปู ภาพ (pictures) สื่อเสยี ง (audio CD) สือ่ วิดีโอ (DVD) ทมี่ ีคาํ ศัพท สํานวนภาษาเกยี่ วกับ Sports โครงสรางภาษา Imperatives, Reduction of passive verbs, muiltiple choice cloze และกระบวนการสอน ภาษาองั กฤษเพื่อการส่ือสาร เจตคตทิ ี่ดตี อภาษาองั กฤษ 9. สอื่ /แหลง เรียนรู  หนงั สือเรียน Close-up 3 Unit 4 เร่อื ง Personal Best หนา 43-54  หนังสอื Workbook Close-up 3 Unit 4 เร่ือง Personal Best หนา 24-29  Audio CD Track 4.1, 4.2, 4.3  Video เรอ่ื ง A Muni Adventure หนา 54 คมู ือครูและแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชัน้ มัธยมศึกษาปท ่ี 3

195 195 หนวยการเรยี นรูท ่ี 4 เรอื่ ง Personal Best แผนการจัดการเรยี นรูท ี่ 1 เรอื่ ง Reading 1: Signs & Notices รหสั วิชา................. รายวชิ าพนื้ ฐานภาษาอังกฤษ ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 3 กลุมสาระการเรียนรูภาษาตา งประเทศ ปก ารศกึ ษา 25……….. ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 1 ช่วั โมง ผสู อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวชวี้ ัด ต 1.1 ม.3/4 เลือก/ระบุหวั ขอ เรื่อง ใจความสาํ คญั รายละเอยี ดสนับสนุน และแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั เรอื่ งทฟ่ี งและ อานจากส่ือประเภทตา งๆ พรอ มทัง้ ใหเ หตุผลและยกตวั อยา งประกอบ ต 1.3 ม.3/2 พูดและเขียนสรุปใจความสําคัญ/แกนสาระ หวั ขอ เร่อื งท่ไี ดจ ากการวิเคราะหเ รื่อง/ขา ว/เหตุการณ/สถาน- การณท ี่อยใู นความสนใจของสงั คม ต 2.1 ม.3/2 อธิบายเกีย่ วกบั ชีวติ ความเปน อยู ขนบธรรมเนียม และประเพณีของเจา ของภาษา 2. จุดประสงคการเรียนรู อานบทความเกี่ยวกับ Signs & Notices แลวพูดและเขียนวิเคราะหเปรียบเทียบ อธิบาย และแสดงความคิดเห็น โดยใช คําศัพทและโครงสรา งภาษาท่กี ําหนดใหไดถกู ตองเหมาะสม 3. สาระสําคญั /ความคิดรวบยอด (Learning Concept) ความรูและกิจกรรมฝกทักษะการคิดท่ีมีคําศัพทเก่ียวกับ sport related-words, Phrasal verbs, Signs และ Reading skills: Scanning reading, Exam strategies: Using context to understand signs โดยผานการฝกทักษะการอาน การเขียน และ กระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพอ่ื การสอ่ื สาร ทาํ ใหผเู รยี นสามารถสอ่ื ความไดอยางมีประสิทธิภาพ มีนิสัยรักการอาน มีสุนทรียภาพใน การอาน 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดา นความรู (Knowledge) - Vocabulary: Sport related-words, Phrasal verbs, Signs - Grammar: Parts of speech, Reduction of passive verbs - Speaking: Explaining why /because - Reading skills: Scanning reading 4.2 ดานทักษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทักษะเรยี นภาษาท้งั 4 ทกั ษะ การฟง การพูด การอา น และการเขียน - ทกั ษะกระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร 4.3 ดานเจตคติ (Attitude) - มีประสทิ ธิภาพในการส่ือความ 5. กจิ กรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครนู ําความสนใจของนกั เรยี นเขาสูบทเรยี นในชั่วโมงเรยี นนโ้ี ดยใชคาํ ถามดงั นี้ Q: What do you about signs & notices? 2. นกั เรยี นใหค าํ ตอบอยางหลากหลาย ครูยอมรับทุกคําตอบทส่ี มเหตุผล 3. ครูเช่ือมโยงเขาสูกจิ กรรมการเรยี นการสอน คมู ือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 3

196 196  Presentation 1. ครสู อนคําศัพทในบทอาน ดังนี้ - ใหนกั เรยี นทงั้ ชน้ั ชวยกนั คน คาํ ศัพทที่ไมร ูค วามหมาย ขีดเสนใตกํากับไว และใหนักเรียนระบุ Parts of speech ของ คําศัพทจากตําแหนงภายในประโยค (ครูสอน Parts of speech และฝกใหระบุ Parts of speech ทุกครั้งที่สอนความหมายของ คาํ ศัพท) นกั เรยี นบอกหมวดหมขู องคาํ ศพั ทเ หลา น้ี โดยครเู ขยี นลงใน Word Box บนกระดาน - ใหนักเรยี น Read aloud คําศัพทบ นกระดาน - ใหนักเรยี นแบง กัน/ชว ยกันคนหาความหมายของคําศพั ทเ หลานี้ แลวพดู บอกความหมาย - ครเู ขยี นความหมายของคําศัพททน่ี ักเรยี นบอกและเพิม่ เติมความหมายของคาํ ศพั ทบางคําใหสมบรู ณ 2. ครูสอนโครงสรา งท่ีเก่ยี วของกับบทเรียนในชั่วโมงน้ี ไดแก 2.1 ประโยค imperatives ไดแ ก Push button for assistance. 2.2 Reduction of passive verbs ไดแ ก No food or drinks allowed. (=No food or drinks are allowed.) 3. ครูสอนเทคนคิ การทําขอสอบ (Exam Strategies) จาก Exam Close-up ดงั นี้ Exam Strategies: Looking for words with similar meanings - You will see words in the signs and notices that have similar meanings to words in the sentences, such as safe/secure and help/assistance. - Find these synonyms and underline them to help you do the matching task correctly. 4. ครูทบทวนเทคนิคการทาํ ขอ สอบจาก Exam Close-up จาก Unit 2: Using context to understand signs ดังนี้ Exam strategies: Using context to understand signs - Notices only use a few words. To help you understand in them, try to decide where you might see each signs. This will helpyou focus on the possible message of the sign. - You probably won’t be able to understand all the words, but focus on the ones you do understand. - Then look for similar words in the answer choices. 5. ครูทบทวนเทคนคิ การทําขอสอบจาก Exam Close-up จาก Unit 1: Justifying your answers ดังน้ี Exam strategies: Justifying your answers 1. When you think you have found the answer,try to justify it, i.e. explain to yourself why it is correct and the other options are not. 2. If you cannot do this then your chosen answer is probably wrong. 3. Look at the options again and try to find out that you can justify.  Practice ครใู หน กั เรียนเปด หนังสือ Close-up 3 หนา 44 ครูใหนักเรยี นปฏิบตั ิกิจกรรมตอไปน้ี 1. กิจกรรม A ครูใหนักเรียน Read aloud คาํ ส่งั และพดู บอกสง่ิ ที่นกั เรียนตองปฏบิ ตั ิในกิจกรรมนี้ - ครูทบทวนเทคนิคการทําขอสอบ Using context to understand - ครูใหนักเรียน Read aloud รายชอ่ื Sports ขอ 1-6 คมู อื ครูและแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 3

197 197 - ใหนักเรียน Skimming reading for Signs A.-F. และนักเรียนบอกประเด็นสําคัญของแตละ Signs และเลือก คาํ ตอบโดยจับคู Signs กับ Sports ไปพรอ มกนั - ครูสรปุ วธิ กี ารคิดคาํ ตอบและการอานขอความใน signs โดยครูช้แี จงวา นกั เรยี นสามารถเลอื กคําตอบไดถูกตองโดยไม จําเปนตองรคู วามหมายของคําศัพททกุ ตวั ในแตล ะ Sign ครูสรุปคําตอบ เฉลยคําตอบ 1. E 2. D 3. A 4. B 5. C 6. F 2. กิจกรรม B ครใู หนักเรียน Read aloud คาํ สั่ง และพูดบอกสงิ่ ที่นกั เรยี นตองปฏบิ ตั ใิ นกจิ กรรมน้ี - ครทู บทวนคาํ ส่ัง อธิบาย ชี้แนะวิธตี อบคําถาม Explaining Why - ครใู หเ วลานักเรียนคิดและเขียนอธิบายคําตอบ ครูสังเกต แนะนํา ชวยเหลอื และแกปญ หา - ครูเลอื กนกั เรียน 4-5 คนใหนกั เรียน Read aloud คาํ ตอบ และครูเฉลยคาํ ตอบ เฉลยคาํ ตอบ Students’ own answers ครูใหนักเรยี นเปดหนงั สอื Workbook Close-up 3 หนา 24-25 ครูใหนกั เรยี นปฏิบตั ิกิจกรรมตอ ไปนี้ 3. กจิ กรรม A ครใู หน กั เรียน Read aloud the Exam Reminder - ครอู ธิบายและยกตวั อยา งประกอบ จากน้ันครูทบทวนคําถาม What are synonyms? - ใหน ักเรยี นตอบคาํ ถาม เฉลยคาํ ตอบ Synonyms are words with similar meanings. 4. กจิ กรรม B ครูใหนกั เรียน Read aloud the Exam Task ประโยค 1-5 และขีดเสน ใตคํา/วลี/ประโยคยอ ยที่สําคัญใน แตป ระโยค เพื่อใชเ ปนตัวชีแ้ นะคาํ ตอบ (Contextual Clues) - ครูใหน ักเรียน Read aloud the Exam Task Notices A-H - นกั เรยี นเลอื กคําตอบโดยใชค าํ /วลี/ประโยคยอยทขี่ ีดเสน ใตเปน ตวั ชแี้ นะคําตอบ (Contextual Clues) - ครตู รวจสอบคําตอบโดยใหนักเรยี นพดู บอกคําตอบพรอ มกัน และครูเฉลยคาํ ตอบ เฉลยคําตอบ 1. B 2. H 3. A 4. G 5. C 5. กิจกรรม C ครูใหน กั เรียน Read aloud คําสัง่ และบทความ โดยระหวา งที่อา นบทความใหนักเรียนขีดเสนใตคําศัพทท่ี เก่ียวของ - นักเรยี นคิดพิจารณาและเลือกระบุ notices ในกิจกรรม B ที่เกี่ยวของกับบทความโดยใชหลักการทบทวนคําตอบ Justifying your answers - ครูตรวจสอบคําตอบโดยใหน ักเรยี นพูดบอกคาํ ตอบพรอมกัน และครเู ฉลยคําตอบ เฉลยคําตอบ Notices C, E and F คมู ือครูและแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 3

198 198  Production - ครใู หนักเรยี นทํากิจกรรม Expand Your Ideas ซ่งึ ครู applied จากกิจกรรมขอ 1 และกิจกรรมขอ 4 ดังนี้ What are the signs or notices to be needed for safety ? - ครใู หเ วลานักเรียนทาํ กจิ กรรม ครูสงั เกต แนะนาํ ชว ยเหลือ และแกป ญหา - ครูสุม เลือกนักเรียน 4-5 คูขึ้นมาพดู ใหค ําตอบ - ครยู อมรบั ทุกคาํ ตอบ - ครูสรุปบทเรยี น 6. การวดั และประเมินผล เคร่ืองมอื คะแนน เกณฑ แบบประเมินการสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรียน 18-20 วิธีการ 15-17 ผลการประเมิน 1. สังเกต 12-14 ดีมาก 10-11 ดี พอใช ผาน 2. ประเมนิ ทักษะ แบบประเมนิ ทักษะการฟง-การพดู คะแนน ผลการประเมิน 18-20 ดมี าก การใชภาษา แบบประเมนิ ทกั ษะการอาน-การเขยี น 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผาน 7. สือ่ /แหลงการเรียนรู หนงั สือเรยี น Close-up 3 Unit 4 Personal Best เรือ่ ง Reading กจิ กรรม A-B หนา 44 หนังสือ Workbook Close-up 3 Unit 4 Personal Best เรอ่ื ง Reading กจิ กรรม A-C หนา 24-25 8. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คูม ือครูและแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 3

199 199 หนวยการเรยี นรทู ่ี 4 เร่อื ง Personal Best แผนการจดั การเรยี นรูที่ 2 เร่ือง Reading 2: Jamica & Cuba รหัสวิชา................. รายวิชาพน้ื ฐานภาษาอังกฤษ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 3 กลมุ สาระการเรียนรภู าษาตางประเทศ ปการศกึ ษา 25……….. ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 1 ชว่ั โมง ผูสอน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตวั ชวี้ ัด ต 1.1 ม.3/4 เลอื ก/ระบหุ วั ขอ เร่ือง ใจความสาํ คัญ รายละเอยี ดสนับสนุน และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เรื่องที่ฟง และ อานจากสื่อประเภทตา งๆ พรอมท้ังใหเ หตผุ ลและยกตัวอยางประกอบ ต 1.3 ม.3/2 พดู และเขียนสรุปใจความสาํ คญั /แกนสาระ หวั ขอ เรื่องท่ไี ดจ ากการวิเคราะหเร่อื ง/ขาว/เหตุการณ/สถาน- การณทอ่ี ยูใ นความสนใจของสังคม ต 2.1 ม.3/2 อธบิ ายเก่ียวกบั ชีวิตความเปนอยู ขนบธรรมเนยี ม และประเพณขี องเจา ของภาษา 2. จดุ ประสงคการเรยี นรู อา นบทความเก่ียวกับ Jamica & Cuba แลวพดู และเขยี นสรปุ ใจความสําคัญ วเิ คราะหเ ปรียบเทยี บ อธบิ าย และแสดงความ คิดเห็น โดยใชค ําศัพทแ ละโครงสรางภาษาที่กําหนดใหไดถูกตอ งเหมาะสม 3. สาระสําคญั /ความคิดรวบยอด (Learning Concept) ความรูและกจิ กรรมฝกทักษะการคดิ บทความ (articles) ที่มคี าํ ศพั ทและโครงสรางภาษา และ Reading skills: Skimming reading โดยผา นการฝกทักษะการอาน การเขยี น และกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพ่ือการสอ่ื สารทําใหผ เู รียนสามารถส่อื ความได อยางมปี ระสทิ ธภิ าพ มนี ิสัยรกั การอาน มีสุนทรียภาพในการอาน 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดานความรู (Knowledge) - Vocabulary: colony, independent, authorities, bullfighting - Grammar: Reduction of passive verbs - Reading skill: Skimming reading 4.2 ดานทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทักษะเรยี นภาษาทั้ง 4 ทักษะ การฟง การพูด การอาน และการเขยี น - ทักษะกระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพื่อการส่ือสาร 4.3 ดา นเจตคติ (Attitude) - มีประสทิ ธภิ าพในการสื่อความ 5. กจิ กรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครนู าํ ความสนใจของนักเรยี นเขา สูบ ทเรยี นในชั่วโมงเรยี นนโ้ี ดยใชภ าพในกิจกรรม C และคําถามดังนี้ Q 1: Do you think what cricket and baseball are like? 2. นักเรียนใหคําตอบอยางหลากหลาย ครยู อมรับทุกคาํ ตอบ  Presentation 1. ครใู หน กั เรียนเปด หนังสอื Close-up 3 หนา 44 -45 ครสู อนคาํ ศัพทใ นบทอานกจิ กรรม C, D, E, F, G และ Ideas Focus โดยใหน กั เรยี นมสี ว นรวมดังน้ี คูมอื ครูและแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 3

200 200 - ใหนักเรยี นทัง้ ชน้ั ชว ยกันคน คาํ ศพั ทท ไี่ มรคู วามหมาย ขีดเสน ใตกํากับไว และใหนักเรียนระบุ Parts of Speech ของ คําศัพท จากตําแหนงภายในประโยค (ครูสอน Parts of speech และฝกใหระบุ Parts of speech ทุกครั้งที่สอนความหมายของ คําศัพท) - นกั เรยี นบอกหมวดหมูของคาํ ศพั ทเหลานี้ โดยครูเขยี นลงใน Word Box บนกระดาน - ใหน ักเรียน Read aloud คาํ ศพั ทบ นกระดาน - ใหน กั เรยี นแบง กนั /ชวยกันคนหาความหมายของคําศัพทเหลานี้ แลวพดู บอกความหมาย - ครเู ขียนความหมายของคาํ ศัพททน่ี กั เรียนบอกและเพม่ิ เตมิ ความหมายของคําศพั ทบางคําใหสมบูรณ ครูเลือกคํา/วลี/ ประโยคที่มคี วามหมายนา สนใจ มาอธบิ าย - ใหน กั เรยี นอา นออกเสียงดังพรอมกนั ถาคําใดนักเรยี นอา นไมได ใหค รชู ว ยอา นนําและนักเรียนอานตาม - ใหน ักเรยี นคดั ลอก Word Box และคําศัพทท่ีเกี่ยวของลงในสมุดคําศัพทของตนเอง (ครูกําหนดใหนักเรียนทุกคนมี สมุดคาํ ศัพทและสมดุ แบบฝก หดั ) 2. ครูสอนคาํ ศพั ทใน Word Focus ดังน้ี - ใหนกั เรียนอานออกเสียงดงั พรอมกนั ถา คําใดนักเรียนอานไมไดใหครชู วยอานนําและนักเรยี นอานตาม - ครูใหนักเรียนชวยกันบอกความหมายโดยครูใหนักเรียนบอกความหมายของคําที่นักเรียนรูจัก ถานักเรียนบอก ความหมายไมได ครูใหน ักเรียนดูท่ี Word Focus และใหอานออกเสยี งคําศัพทและคําจํากัดความ วิธีน้ีจะชวยใหนักเรียนรูความหมาย ของคําศัพทม ากขึ้น ครอู าจใหคําอธบิ ายเพมิ่ เติมบา ง - ใหน กั เรียนคัดลอก Word Box และคําศัพทท่ีเกี่ยวของลงในสมุดคําศัพทของตนเอง (ครูกําหนดใหนักเรียนทุกคนมี สมุดคาํ ศพั ทและสมดุ แบบฝกหดั ) 3. ครทู บทวนเทคนิคการทําขอสอบ (Exam Strategies) ครอู ธิบายและยกตวั อยา งโดยใหน ักเรียนปฏบิ ตั ิ ไดแก Exam Strategies: a. Looking for words with similar meanings - You will see words in the signs and notices that have similar meanings to words in the sentences, such as safe/secure and help/assistance. - Find these synonyms and underline them to help you do the matching task correctly. b. Using context to understand signs - Notices only use a few words. To help you understand in them, try to decide where you might see each signs. This will help you focus on the possible message of the sign. - You probably won’t be able to understand all the words, but focus on the ones you do understand. - Then look for similar words in the answer choices c. Focusing on words before and after a gap - Some tasks include a gapped text. Only one word goes in each gap. - This task tests what you know about grammartical structures and vocabulary. - First, look at the gap. What words come before and after? What kind of words are they (e.g. verbs, nouns, prepositions, pronouns)? - Look again at the words around the gaps. Can you think of words that often go together with them? Write your answer in the gap and then read the whole sentence to see if it fits. คมู ือครูและแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 3

201 201 4. ครูทบทวนโครงสรางประโยค Reduction of passive verbs และ Reading skill ที่สอนในช่ัวโมงท่แี ลวและเกย่ี วขอ ง กบั บทเรยี นในชั่วโมงน้ี โดยใหนกั เรียนมีสวนรวม 5. ครูทบทวน Reading skills: Scanning and Skimming reading โดยใหนกั เรียนมีสวนรว ม  Practice 1. กจิ กรรม C ครูใหนกั เรยี น Read aloud คาํ สั่ง ใหน ักเรยี น Skimming reading both brochures about Jamica and Cuba เพอ่ื จับใจความสําคญั ในบทความ จากนัน้ ครูใหนกั เรียนชวยกันพดู เลา สรุปเร่ืองท่ีอา น - ใหน ักเรยี น Read aloud คําถามทงั้ 2 ขอ เพ่อื ใชเปน Key words ในการอานเพอ่ื คนหาคําตอบ โดยใชว ธิ ีอา นแบบ Scanning โดยเมอ่ื อา นพบคําตอบของคําถามดงั กลาวใหนกั เรยี นขีดเสน ใต - ครูใหเ วลานักเรียนทํากจิ กรรม ครู สงั เกต แนะนาํ ชวยเหลือ และแกปญหา - ครูตรวจสอบความเขาใจในการอานโดยใหน ักเรยี นพูดบอกคําตอบ และครเู ฉลยคําตอบ เฉลยคําตอบ 1. The British brought cricket to Jamica. 2. Baseball came from the USA. 2. กจิ กรรม D ใหน กั เรียน Read aloud ประโยคที่ 1-6 และขีดเสนใตค ําสาํ คัญเพ่ือใชเ ปน Key words ในการอา นเพื่อ คนหาประเดน็ สนบั สนนุ หรือปฏิเสธใจความในแตล ะประโยค - นกั เรียนยอนกลับไปอาน Passage เพอ่ื คน หาคาํ ตอบโดยใชค าํ ที่ขดี เสนใตช วย - ครูตรวจสอบความเขาใจในการอานโดยใหนักเรยี นพูดบอกคําตอบ และครูเฉลยคาํ ตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. T 2. F 3. F 4. T 5. T 6. F 3. กจิ กรรม E ครใู หน ักเรยี น Read aloud คาํ สั่ง และพดู บอกสิ่งท่ีนกั เรยี นตองปฏิบตั ิในกิจกรรมน้ี - ครูทบทวนเทคนคิ การทําขอสอบ Focusing on words before and after a gap - ใหนักเรียน Read silently ประโยคโดยคนหาตัวช้ีแนะคาํ ตอบซงึ่ อยูหนาและหลังตวั เลือกและขีดเสน ใต - นกั เรียนเลอื กคําตอบโดยใชค าํ /วลี/ประโยคยอ ยท่ีขีดเสน ใตเปนตัวชี้แนะคาํ ตอบ (Contextual clues) - ครูตรวจสอบคําตอบโดยใหนักเรียนพดู บอกคําตอบพรอมกัน และครเู ฉลยคําตอบ เฉลยคําตอบ 1. of 2. for 3. in 4. to 5. back 4. กิจกรรม F ใหนกั เรยี น Read aloud the Exam Close–up - ครูทบทวนอธบิ าย ยกตวั อยางและตรวจสอบความเขาใจของนักเรยี นโดยใชคําถาม - ใหนกั เรียน Read aloud ประโยคขีดเสน ใตค ําสาํ คญั ในแตล ะประโยค - ใหน กั เรียน Read aloud Notices A-H เพื่อคน หาและจบั คคู าํ ศัพททีม่ ีความหมายเดยี วกับคาํ สําคญั ในแตล ะประโยค - ครใู หเวลานกั เรยี นทาํ กิจกรรม ครูสงั เกต แนะนํา ชวยเหลือ และแกปญ หา 5. กิจกรรม G ใหนกั เรียนจบั คูประโยคกับ Notice ที่มีคาํ ศัพทที่มีความหมายเดยี วกันหรอื มีความหมายใกลเ คียง - ครูตรวจสอบคาํ ตอบโดยใหนักเรียนพูดบอกคําตอบพรอ มกัน และครูเฉลยคําตอบ คมู ือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 3

202 202 เฉลยคาํ ตอบ 1. H 2. B 3. A 4. C 5. F  Production กิจกรรม Ideas Focus ใหน ักเรยี นประยุกตใชความรทู ี่เรียนมาในช่ัวโมงนี้ทํากจิ กรรม ครูอธิบายคําสง่ั ช้แี นะวธิ คี ดิ และ การตอบคําถาม โดยใหนกั เรียน Discuss and share ดงั น้ี - ครูใหนักเรยี น Read aloud คําสง่ั และพดู บอกส่ิงทีน่ ักเรยี นตองปฏิบัตใิ นกจิ กรรมนี้ - ครูทบทวนคําส่ังชี้แนะวิธีการตอบคําถาม Why? or Why not? โดยทบทวนโครงสรางประโยค Explaining Why/ because ไดแก Sentence 1 (Subject + verb in Present Simple+…. ) + because + Sentence 2 (Subject + verb in Present Simple+…. ตัวอยางเชน I’m happy because I can watch football match. และทบทวนการใชกริยาเปน Present ไดแก Present Simple - นกั เรยี นจับคทู ํากิจกรรม ตอบคําถามโดยใชโ ครงสรางประโยค Explaining Why or Why not/because - ครใู หเ วลานักเรียนทํากิจกรรม ครูสงั เกต แนะนํา ชวยเหลอื และแกป ญ หา - ครูตรวจสอบคําตอบโดยเลอื กใหนักเรียนพดู บอกคําตอบ โดยครชู วยเติมเตม็ ความสมบรู ณ - ครยู อมรับทุกคาํ ตอบท่ีมีเหตผุ ล เฉลยคาํ ตอบ Students’ own answers - ครตู อบขอ ซกั ถามของนักเรยี น สรปุ สิง่ ท่ีเรยี นในชว่ั โมงนี้ 6. การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี าร เคร่ืองมอื คะแนน เกณฑ 1. สงั เกต แบบประเมินการสงั เกตพฤติกรรมนักเรียน 18-20 15-17 ผลการประเมนิ 12-14 ดมี าก 10-11 ดี พอใช ผา น 2. ประเมินทกั ษะ แบบประเมินทกั ษะการฟง-การพูด คะแนน ผลการประเมิน 18-20 ดีมาก การใชภาษา แบบประเมนิ ทักษะการอาน-การเขียน 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผาน 7. ส่อื /แหลง การเรียนรู หนงั สือเรยี น Close-up 3 Unit 4 Personal Best เร่ือง Reading กิจกรรม C-G และ Ideas Focus หนา 44-45 คมู อื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 3

203 203 8. บันทึกหลงั การจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คมู ือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชนั้ มัธยมศึกษาปที่ 3

204 204 หนว ยการเรียนรทู ี่ 4 เรอ่ื ง Personal Best แผนการจัดการเรียนรูท่ี 3 เร่อื ง Vocabulary 1: Sports รหัสวชิ า................. รายวชิ าพืน้ ฐานภาษาอังกฤษ ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 3 กลุมสาระการเรียนรูภาษาตา งประเทศ ปการศึกษา 25……….. ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 1 ชั่วโมง ผูสอน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวช้วี ดั ต 1.1 ม.3/4 เลอื ก/ระบุหวั ขอเร่ือง ใจความสาํ คัญ รายละเอียดสนบั สนนุ และแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับเรอื่ งทฟ่ี ง และ อา นจากสอื่ ประเภทตา งๆ พรอ มท้ังใหเหตผุ ลและยกตวั อยา งประกอบ ต 1.3 ม.3/2 พดู และเขียนสรุปใจความสาํ คัญ/แกน สาระ หวั ขอเรอื่ งทไี่ ดจากการวเิ คราะหเ ร่ือง/ขา ว/เหตกุ ารณ/สถาน- การณท ี่อยใู นความสนใจของสงั คม ต 2.1 ม.3/2 อธิบายเกี่ยวกบั ชีวติ ความเปน อยู ขนบธรรมเนียม และประเพณีของเจา ของภาษา 2. จุดประสงคก ารเรียนรู อานบทบรรยายเก่ียวกับ Vocabulary 1: Sports แลวพดู และเขียนสรปุ ใจความสําคัญ วเิ คราะห เปรยี บเทยี บ อธิบาย และ แสดงความคิดเห็น โดยใชคาํ ศัพทแ ละโครงสรางภาษาท่ีกําหนดใหไ ดถูกตองเหมาะสม 3. สาระสําคัญ/ความคิดรวบยอด (Learning Concept) ความรูและกจิ กรรมฝก ทักษะการคิด บทความ (articles) ที่มีคาํ ศพั ท Vocabulary 1: Sports สาํ นวนภาษาโครงสรางภาษา เก่ียวกับ Explaining why โดยผา นการฝกทกั ษะการอาน การเขยี น และกระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพ่ือการสอ่ื สาร ทําใหผ ูเรียน สามารถสื่อความไดอยางมปี ระสิทธภิ าพ มีนิสัยรักการอาน มสี ุนทรยี ภาพในการอาน 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดา นความรู (Knowledge) - Vocabulary: basketball, cricket, football, table tennis, volleyball, fan, opponent, referee, manager, goalkeeper - Grammar: Parts of speech, Collocations of verb do, go and play - Speaking: Explaining why, Present simple using for describing places 4.2 ดา นทักษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทักษะเรยี นภาษาทง้ั 4 ทกั ษะ การฟง การพดู การอาน และการเขียน - ทักษะกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร 4.3 ดานเจตคติ (Attitude) - มปี ระสทิ ธภิ าพในการสอ่ื ความ 5. กิจกรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครูนําความสนใจของนักเรียนเขาสูบทเรียนในช่ัวโมงเรียนน้ีโดยใชภาพ ในหนังสือเรียน Close-up 3 หนา 46 และ คําถามดังน้ี Q 1: Which pictures show a sport where you play against one other person? (4, 6) Q 2: Which pictures show team sports? (1, 2, 3, 5) Q 3: Which pictures show indoor sports? (2, 3, 6) คูมือครูและแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 3

205 205 Q 4: Which pictures show outdoor sports? (1, 4, 5) 2. นักเรยี นใหคําตอบอยางหลากหลาย ครยู อมรับคําตอบท่ีถูกตอ ง 3. ครูเชือ่ มโยงเขา สูกิจกรรม Vocabulary  Presentation 1. ครสู อนคาํ ศพั ทในบทอานกิจกรรม A-F โดยใหนกั เรียนมสี วนรวมดงั น้ี - ใหน กั เรียนท้งั ชน้ั ชวยกันคนคาํ ศัพทท ไี่ มรคู วามหมาย ขีดเสนใตกํากับไว และใหนักเรียนระบุ Parts of speech ของ คําศัพทจากตําแหนงภายในประโยค (ครูสอน Parts of speech และฝกใหระบุ Parts of speech ทุกคร้ังท่ีสอนความหมายของ คาํ ศัพท) - นักเรียนบอกหมวดหมูของคําศัพทเหลาน้ี โดยครูเขียนลงใน Word Box บนกระดาน ใหนักเรียน Read aloud คาํ ศัพทบ นกระดาน - ใหนักเรียนแบง กัน/ชวยกันคน หาความหมายของคาํ ศพั ทเ หลานี้ แลวพดู บอกความหมาย - ครเู ขยี นความหมายของคําศพั ทท ี่นกั เรียนบอกและเพมิ่ เตมิ ความหมายของคําศัพทบ างคําใหส มบรู ณ - ครูเลือกคํา/วลี /ประโยคทน่ี าสนใจ มาอธบิ าย - ครเู ขียนความหมายของคาํ ศพั ทท่ีนักเรยี นบอกและเพิ่มเติมความหมายของคําศพั ทบ างคําใหส มบรู ณ ครูเลอื กคาํ /วล/ี ประโยคทมี่ คี วามหมายนาสนใจ มาอธบิ าย - ใหน ักเรยี นอานออกเสยี งดงั พรอมกัน ถาคําใดนักเรียนอานไมไ ด ใหครชู ว ยอา นนําและนักเรียนอานตาม - ใหน ักเรียนคัดลอก Word Box และคําศัพทที่เกี่ยวของลงในสมุดคําศัพทของตนเอง (ครูกําหนดใหนักเรียนทุกคนมี สมดุ คาํ ศพั ทและสมดุ แบบฝก หดั ) 2. ครูสอนเร่ืองคํากริยาที่ตองใชรวมกันกับกรยิ า do, go, play (Collocations of verb do, go and play) ไดแ ก do + gymnastics, athletics + … go + swimming, cycling, diving, sailing + … play + football, basketball, volleyball, cricket + … - ใหน กั เรียนชว ยกันยกตัวอยา งกีฬาตางๆ ทใ่ี ชกบั กรยิ า do, go, play - ใหนักเรยี นคน ควาเพิม่ เติมเกย่ี วกับ Collocations of verb do and go และคัดลอกลงสมุดคําศัพท 3. ครูทบทวนโครงสรา งประโยคเก่ยี วกับ Explaining why, Present simple using for describing places 4. ครทู บทวนเทคนิคการทําขอสอบ Focusing on words before and after a gap  Practice ครูใหน กั เรยี นเปด หนังสือเรียน Close-up 3 หนา 46 นักเรียนปฏบิ ัติกิจกรรมตอ ไปน้ี 1. กจิ กรรม A ใหน กั เรียน Read aloud คําส่งั และพูดบอกสิ่งที่นักเรียนตองปฏบิ ตั ใิ นกจิ กรรมนี้ - ครูใหน กั เรยี นพูดเก่ยี วกบั กฬี าแตล ะชนิด - ใหนกั เรียนอา นคาํ ศพั ทท่ีเปนตัวเลือกจับคูคําศัพทกับรูปภาพ ครูตรวจสอบความถูกตองโดยใหนักเรียนอานคําตอบ พรอมกัน และครูเฉลยคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. football 2. volleyball 3. Basketball 4. tennis 5. crickrt 6. table tennis 2. กิจกรรม B ใหนักเรยี นยอนกลบั ไปดภู าพกฬี าในกจิ กรรม A แลวพดู บอกเก่ียวกับอุปกรณของกีฬาแตล ะชนิด - ใหน กั เรยี น Read aloud คาํ ศัพทท เี่ ปนตวั เลอื ก บอกความหมายและจบั คคู าํ ศพั ทก ับกีฬาแตละชนิด - ครูตรวจสอบความถูกตอ งโดยใหน ักเรียนอา นคําตอบพรอมกัน และครเู ฉลยคาํ ตอบ คมู อื ครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 3

206 206 เฉลยคําตอบ 1. tennis 2. football 3. basketball 4. volleyball 5. cricket 6. table tennis 3. กิจกรรม C ใหน ักเรยี นดูตารางคําศพั ทท่ีกาํ หนดให อานหัวเรือ่ งของแตละ column ศกึ ษาความหมายของคาํ ศพั ทแต ละชอ งในตาราง แลว เติมคําศัพทท ี่หายไป - ครูใหเ วลานักเรยี นคิดและปรกึ ษากบั เพื่อนเพื่อคดิ คําตอบและเติมคําท่ีหายไป - ใหน ักเรยี นนาํ คําตอบที่ไดไ ป Compare and Share กับเพ่อื นในหอง - ครตู รวจสอบความถูกตอ งโดยใหน ักเรยี นอานคําศพั ทท กุ แถวพรอมกนั และครเู ฉลยคําตอบ เฉลยคําตอบ 1. diving 2. cyclist 3. gymnastics 4. athlete 5. swimming 6. sailor 4. กจิ กรรม D ใหน ักเรยี น Read aloud คาํ สงั่ และพดู บอกสิ่งที่นักเรยี นตองปฏิบตั ิในกจิ กรรมน้ี - ใหนักเรียน Read aloud คาํ ศพั ทใ นตารางของกิจกรรม C พรอมท้ังพดู ความหมายของคําศัพทท ุกตวั - ใหน ักเรยี นทบทวนเทคนคิ การทาํ ขอสอบ Focusing on words before and after a gap - ใหน กั เรยี น Read silently ประโยคเพือ่ คนหาตัวชี้แนะคําตอบและขีดเสนใตคํา/วลีที่เปนตัวช้ีแนะคําตอบ นักเรียน เลอื กคําตอบโดยใชค าํ /วลที ่เี ปนตวั ชแ้ี นะคาํ ตอบ - ครตู รวจสอบความถกู ตองโดยใหนักเรียน Read aloud คําตอบและบอกเหตุผลที่เลือกใชคําตอบนั้น (บอกคํา/วลีท่ี เปนตวั ชแี้ นะคําตอบ) เมอื่ ไดค าํ ตอบทุกประโยคแลวใหน ักเรียน Read Aloud ประโยค และครเู ฉลยคําตอบ เฉลยคําตอบ 1. sailor 2. dive 3.gymnastics 4. athlete 5. cyclist 6. Swimmers 5. กิจกรรม E ใหนักเรียน Read aloud คําศัพทท่ีเปนช่ือกีฬาที่อยูหลังชองวางและขีดเสนใตไวเพื่อใชเปนตัวช้ีแนะ คําตอบ - ใหนกั เรยี นเลอื กใชก ริยา do และ go เติมลงในชอ งวาง ใหสัมพนั ธกบั ช่ือกีฬาที่ขดี เสนใต โดยกริยาบางตัวตองเปล่ียน รูปกริยาใหสอดคลองกับโครงสรา งภายในแตล ะประโยค - ครูตรวจสอบความถกู ตอ งโดยใหนักเรียนอานคาํ ตอบพรอ มกัน และบอกเหตุผลที่เลือกใช do, go ในรูปน้ันๆ และครู เฉลยคาํ ตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. went 2. going 3. doing 4. go 5. doing 6. go 6. กิจกรรม F ใหนักเรยี น Read aloud คาํ ศพั ทท ่ีตวั เลอื กและพูดบอกความหมายของคําศพั ทน ้นั ๆ พรอมกัน ถานักเรียน มีปญ หาในการบอกความหมายของตวั เลือก ครใู หน ักเรยี นยอนกลบั ไปดคู วามหมายใน Word Box ทนี่ กั เรียนจดในสมุด - ใหนักเรยี น Read silently ประโยคเพื่อคนหาตวั ชแี้ นะคําตอบและขดี เสนใตค ํา/วลีท่เี ปนตัวช้แี นะคําตอบ - นกั เรียนเลอื กคําตอบโดยใชคาํ /วลี/ประโยคยอยทเ่ี ปนตวั ช้ีแนะคําตอบ - ใหนกั เรียนนําคําตอบที่ไดไ ป Compare and Share กบั เพ่อื นในหอง - ครูตรวจสอบความถกู ตอ งโดยใหนกั เรยี นพูดบอกคาํ ตอบและบอกเหตุผลที่เลือกใชคําตอบน้ันๆ (บอกคํา/วลีที่เปนตัว ชีแ้ นะคาํ ตอบ) คูมอื ครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 3

207 207 - เม่อื ไดค ําตอบสาํ หรบั ทกุ ประโยคแลว ครใู หนักเรยี นRead Aloud ประโยคและครูเฉลยคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. referee 2. goalkeeper 3. opponent 4. fan 5.manager  Production กิจกรรม Expand your Ideas ซ่ึงครู applied จากกิจกรรม D ใหนักเรียนประยุกตใชความรูท่ีเรียนมาในช่ัวโมงนี้ทํา กจิ กรรม ครูอธบิ ายคําสั่ง ชแ้ี นะวธิ คี ิด และการตอบคําถาม โดยใหนักเรียน Discuss and share ดังน้ี Write and tell about your favourite sport and explain why you like it. 1. ครใู หนักเรียน Read aloud คําสง่ั และพูดบอกสิ่งที่นักเรียนตองปฏิบัตใิ นกจิ กรรมน้ี 2. นกั เรยี นตอบคําถามโดยใชคาํ ศัพทแ ละโครงสรางประโยค Explaining Why 3. ครูใหเวลานักเรียนทํากิจกรรม ครู สังเกต แนะนํา ชวยเหลือ และแกปญหา กอนหมดเวลาครูตรวจสอบโดยเลือก นักเรยี น 3-4 คนขึ้นมาพูดขอเขียนของตนเองใหเ พอื่ นฟง โดยครแู ละเพ่อื นชว ยเตมิ เต็มใหม ีความนา สนใจยิง่ ขน้ึ 4. ครตู อบขอซักถามของนักเรยี น สรปุ ส่ิงท่เี รยี นในช่ัวโมงน้ี เฉลยคําตอบ Students’ own answers 6. การวัดและประเมินผล เคร่อื งมือ คะแนน เกณฑ แบบประเมนิ การสังเกตพฤตกิ รรมนักเรยี น 18-20 วธิ กี าร 15-17 ผลการประเมิน 1. สังเกต 12-14 ดีมาก 10-11 ดี พอใช ผา น 2. ประเมินทกั ษะ แบบประเมินทักษะการฟง -การพูด คะแนน ผลการประเมิน 18-20 ดมี าก การใชภ าษา แบบประเมินทักษะการอาน-การเขยี น 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผา น 7. สอ่ื /แหลงการเรยี นรู หนงั สอื เรยี น Close-up 3 Unit 4 Personal Best เรอื่ ง Vocabulary กจิ กรรม A-F หนา 46 8. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. คูม ือครูและแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 3

208 208 หนวยการเรียนรทู ่ี 4 เร่ือง Personal Best แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี 4 เร่ือง Vocabulary 2: The Special Ks รหสั วชิ า................. รายวชิ าพน้ื ฐานภาษาองั กฤษ ช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 3 กลมุ สาระการเรียนรูภาษาตา งประเทศ ปการศึกษา 25……….. ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 1 ชวั่ โมง ผสู อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวช้วี ัด ต 1.1 ม.3/4 เลือก/ระบหุ ัวขอ เรือ่ ง ใจความสําคัญ รายละเอยี ดสนบั สนุน และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เรื่องทฟี่ ง และ อานจากสือ่ ประเภทตางๆ พรอมทั้งใหเ หตผุ ลและยกตวั อยา งประกอบ ต 1.3 ม.3/2 พดู และเขยี นสรุปใจความสําคัญ/แกน สาระ หัวขอ เร่อื งที่ไดจากการวเิ คราะหเ รือ่ ง/ขาว/เหตุการณ/สถาน- การณท ีอ่ ยใู นความสนใจของสังคม ต 2.1 ม.3/2 อธบิ ายเกย่ี วกับชีวิตความเปน อยู ขนบธรรมเนียม และประเพณีของเจาของภาษา 2. จดุ ประสงคการเรียนรู อา นบทความเก่ียวกับกฬี าเทนนิสและกีฬาอ่ืนๆ แลวสรุปใจความสําคัญ อธิบายและแสดงความคิดเห็น โดยใชคําศัพทและ โครงสรา งภาษาท่กี ําหนดใหไ ดถกู ตอ งและเหมาะสม 3. สาระสําคญั /ความคิดรวบยอด (Learning Concept) ความรแู ละกิจกรรมฝกทักษะการคิดท่มี คี ําศพั ทเ กี่ยวกับกฬี าเทนนิสและกฬี าอ่ืนๆ โครงสรางภาษาเก่ียวกับ Explaining why or why not โดยผา นการฝก ทกั ษะการเรยี นภาษาทั้ง 4 ดาน และกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ทําใหผูเรียนสามารถ ส่อื ความไดอยางมีประสทิ ธิภาพ มีเหตผุ ลมวี ิจารณญาณ 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดานความรู (Knowledge) - Vocabulary: bounce, lose, miss, score, serve, throw, win, score, race, coach, beat - Grammar: Parts of speech - Speaking: Explaining why or why not 4.2 ดานทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทักษะเรยี นภาษาทัง้ 4 ทกั ษะ การฟง การพูด การอาน และการเขยี น - ทักษะกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร 4.3 ดานเจตคติ (Attitude) - มปี ระสทิ ธิภาพในการสื่อความ - มเี หตุผล มวี ิจารณญาณ 5. กิจกรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครนู ําความสนใจของนกั เรยี นเขาสูบทเรียนโดยใชภาพนักกีฬาเทนนิสในหนังสือเรียน Close-up 3 หนา 47 และถาม คําถามดังน้ี Q: Do you think what sport they are the champion? How do you know it? 2. นักเรยี นใหคําตอบอยางหลากหลาย ครยู อมรับทกุ คําตอบและเชื่อมโยงเขา สูกิจกรรม Vocabulary คูม อื ครูและแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 3

209 209  Presentation 1. ครสู อนคําศัพทในกิจกรรม G-J โดยใหนกั เรียนมีสวนรว มดงั น้ี - ใหน ักเรียนท้ังชน้ั ชว ยกันคน คําศพั ทท ีไ่ มรูความหมาย ขดี เสน ใตก ํากบั ไว และใหนักเรียนระบุ Parts of speech ของ คําศัพทจากตําแหนงภายในประโยค (ครูสอน Parts of speech และฝกใหระบุ Parts of speech ทุกคร้ังที่สอนความหมายของ คาํ ศัพท) - นักเรียนบอกหมวดหมูของคําศัพทเหลา นี้ โดยครเู ขียนลงใน Word Box บนกระดาน - ใหน กั เรียน Read aloud คําศัพทบนกระดาน - ใหน ักเรยี นแบง กัน/ชวยกันคนหาความหมายของคําศัพทเหลานี้ แลว พูดบอกความหมาย - ครูเขยี นความหมายของคําศพั ทท นี่ กั เรียนบอกและเพ่ิมเติมความหมายของคาํ ศัพทบางคําใหสมบูรณ ครูเลือกคํา/วลี/ ประโยคทมี่ ีความหมายนา สนใจ มาอธิบาย - ใหนักเรยี นอานออกเสียงดงั พรอมกัน ถาคําใดนักเรียนอา นไมไดใหครชู วยอานนําและนักเรยี นอานตาม - ใหน กั เรยี นคัดลอก Word Box และคําศพั ทท ่เี กย่ี วของลงในสมุดคาํ ศพั ทของตนเอง (ครกู ําหนดใหน ักเรียนทุกคนมี สมดุ คําศัพทแ ละสมุดแบบฝกหดั ) 2. ครูทบทวนเทคนิคการทาํ ขอสอบ Focusing on words before and after a gap Exam strategies: Focusing on words before and after a gap - Some tasks include a gapped text. Only one word goes in each gap. - This task tests what you know about grammartical structures and vocabulary. - First, look at the gap. What words come before and after? What kind of words are they (e.g. verbs, nouns, prepositions, pronouns)? - Look again at the words around the gaps. Can you think of words that often go together with them? Write your answer in the gap and then read the whole sentence to see if it fits. 3. ครทู บทวน Reading Skills: Skimming and Scanning reading โดยใหน ักเรียนมีสวนรวม  Practice 1. กจิ กรรม G ใหนักเรยี น Skim the passage เพือ่ จับใจความสําคัญในเร่ืองและครูตรวจสอบความเขาใจโดยใชคําถาม ดงั น้ี Q1: What is the text about? - ถานักเรยี นใหคําตอบถูกตอง ครูใหนักเรียนRead aloud the passage คนหาตัวช้ีแนะคําตอบและตัดสินใจเลือก คําตอบจากตัวเลอื กที่กาํ หนดให โดยใชตัวชแี้ นะคาํ ตอบชว ย - ครูใหเ วลานักเรียนทํากิจกรรม ครู สงั เกต แนะนํา ชวยเหลอื และแกปญ หา - ครตู รวจสอบคําตอบโดยใหน กั เรยี นอานคาํ ตอบพรอมกัน และครเู ฉลยคาํ ตอบ เฉลยคําตอบ 1. won 2. playing 3. train 4. hit 5. keep going 6. go 7. stay 8. give up 2. กิจกรรม H ใหน กั เรียนดูภาพกีฬา 1-6 และบอกชือ่ กฬี าในแตล ะภาพ - ครูตรวจสอบโดยใหนักเรียนบอกชื่อกีฬาในแตละภาพพรอมกันโดยคําตอบ ไดแก American football, tennis, basket ball, football, volleyball เมอ่ื ไดชอื่ กีฬาแตละชนิดแลวใหนักเรียนพูดบอกเกี่ยวกับคํากริยาท่ีใชในการเลนกีฬาแตละชนิด โดยครูใหนักเรียน Read aloud คําศัพททีเ่ ปน ตัวเลือกพรอ มทงั้ บอกความหมาย จากน้ันนกั เรยี นตดั สนิ ใจเลอื กคาํ ตอบ คูมือครูและแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 3

210 210 - ครูตรวจสอบโดยใหน กั เรยี น Read aloud คําตอบในแตละประโยค และครูเฉลยคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. throw 2. bouncing 3. scored 4. lost 5. missed 6. serve 3. กิจกรรม I ใหน ักเรยี นพูดบอกเก่ียวกับคํากริยาที่ใชในการเลนกีฬาแตละชนิด โดยครูใหนักเรียนเรียนรูคําศัพทท่ีเปน ตวั เลือกกอ น - นักเรยี น Read aloud คาํ ศัพทท ีเ่ ปนตวั เลือกพรอ มทงั้ บอกความหมาย - ครชู ้แี นะวิธคี ดิ คําตอบโดยใหนกั เรียนอานคําศัพทเก่ียวกับการแขงขันและกีฬาที่กําหนดใหในแตละขอ แลวคาดเดา คํากริยาทีค่ วรใช เพ่อื นาํ มาสรปุ เปน ตวั ชีแ้ นะคําตอบ - ใหนกั เรียนใชต วั ชีแ้ นะคาํ ตอบดงั กลา วนี้ไปใชในการตัดสินใจเลือกคําตอบที่ถูกตองครูตรวจสอบความถูกตองโดยให นกั เรยี นอานคาํ ตอบพรอ มกนั และครเู ฉลยคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. race 2. beat 3. score 4. win 5. coach 4. กจิ กรรม J ครใู หน กั เรยี นปฏิบตั ิตามข้นั ตอนตอ ไปน้ี - Read aloud the phrasal verbs ในแตละประโยค 1-5 และ Read aloud the meaning/definition ทีก่ ําหนดให ในตัวเลอื ก a-e - ใหนกั เรยี นอานประโยคเพอ่ื คนหาตัวชีแ้ นะคําตอบและขีดเสน ใตค าํ /วล/ี ประโยคยอยที่เปน ตัวชี้แนะคาํ ตอบ จากนน้ั ใหนกั เรียนใชตัวชี้แนะคาํ ตอบชว ยในการคาดเดาความหมายของ phrasal verbs และเลอื กความหมาย/definition จากตัวเลือก a-e ทก่ี าํ หนดให - ครตู รวจสอบความถกู ตองโดยใหน กั เรยี นอานคาํ ตอบพรอมกัน และครเู ฉลยคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. c 2. e 3. b 4. d 5. a  Production กจิ กรรม Ideas Focus ใหนกั เรยี นประยกุ ตใ ชความรูที่เรยี นมาในช่ัวโมงนท้ี ํากจิ กรรม ครอู ธิบายคําสงั่ ชี้แนะวธิ คี ดิ และ การตอบคําถาม โดยใหน ักเรยี นจับคู Discuss and share ดงั นี้ - ครูใหนกั เรียนRead aloud คาํ สัง่ และพดู บอกส่ิงทีน่ ักเรียนตองปฏิบตั ใิ นกจิ กรรมน้ี - นกั เรียนตอบคําถามโดยใชคาํ ศพั ทและโครงสรางประโยค Explaining Why or Why not/because - ครูทบทวนการใชกริยาเปน Present simple และFuture simple ครูใหเ วลานักเรียนทํากิจกรรม ครู สงั เกต แนะนํา ชว ยเหลอื และแกป ญ หา ถาเวลาไมพอใหนักเรียนทําตอ เปนการบา นและนํามาสงในวันตอ ไป - ครยู อมรับทกุ คาํ ตอบทม่ี ีเหตุผล - ครูตอบขอ ซกั ถามของนกั เรียน สรุปสง่ิ ที่เรยี นในช่ัวโมงนี้ เฉลยคาํ ตอบ Students’ own answers คมู อื ครูและแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 3

211 211 6. การวัดและประเมนิ ผล เครื่องมอื คะแนน เกณฑ แบบประเมินการสงั เกตพฤติกรรมนักเรียน 18-20 วิธีการ 15-17 ผลการประเมนิ 1. สังเกต 12-14 ดมี าก 10-11 ดี พอใช ผาน 2. ประเมนิ ทักษะ แบบประเมินทกั ษะการฟง -การพดู คะแนน ผลการประเมนิ 18-20 ดมี าก การใชภาษา แบบประเมนิ ทักษะการอาน-การเขียน 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผาน 7. สื่อ/แหลง การเรยี นรู หนังสอื เรียน Close-up 3 Unit 4 Personal Best เร่อื ง Vocabulary กิจกรรม G-J และ Ideas Focus หนา 47 8. บันทึกหลงั การจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กจิ กรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คมู อื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 3

212 212 หนว ยการเรยี นรทู ่ี 4 เรอ่ื ง Personal Best แผนการจดั การเรียนรทู ่ี 5 เร่ือง Vocabulary 3: Swimming and Other Sports รหัสวิชา................. รายวิชาพืน้ ฐานภาษาอังกฤษ ช้ันมธั ยมศึกษาปท่ี 3 กลมุ สาระการเรียนรภู าษาตา งประเทศ ปการศกึ ษา 25……….. ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 ชว่ั โมง ผสู อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตวั ชวี้ ัด ต 1.1 ม.3/4 เลอื ก/ระบุหวั ขอเรื่อง ใจความสาํ คัญ รายละเอียดสนับสนุน และแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับเร่ืองทฟ่ี ง และ อานจากส่ือประเภทตางๆ พรอ มทงั้ ใหเหตุผลและยกตวั อยา งประกอบ ต 1.3 ม.3/2 พดู และเขียนสรุปใจความสาํ คัญ/แกน สาระ หัวขอเรอ่ื งทไี่ ดจากการวเิ คราะหเ ร่ือง/ขา ว/เหตกุ ารณ/สถาน- การณทอี่ ยใู นความสนใจของสงั คม ต 2.1 ม.3/2 อธิบายเกยี่ วกบั ชีวิตความเปนอยู ขนบธรรมเนยี ม และประเพณขี องเจาของภาษา 2. จดุ ประสงคการเรยี นรู อา นบทความเก่ียวกบั Swimming and Other Sports แลวพูดและเขียนสรปุ ใจความสําคญั วเิ คราะหเปรียบเทยี บ อธบิ าย และแสดงความคิดเหน็ โดยใชค าํ ศพั ทแ ละโครงสรางภาษาท่ีกําหนดใหไ ดถ กู ตอ งเหมาะสม 3. สาระสําคญั /ความคิดรวบยอด (Learning Concept) ความรูและกิจกรรมฝกทักษะการคิด บทความ (articles) ท่ีมีคําศัพทเก่ียวกับกีฬาตางๆ โดยเฉพาะอยางยิ่ง Swimming สํานวนภาษาและโครงสรางภาษา Explaining why/because และ Reading skills: Scanning reading and Skimming reading และ Exam Strategies: Focusing on words before and after a gap โดยผานการฝกทกั ษะการอาน การเขียน และกระบวนการ สอนภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร ทําใหผูเรียนสามารถสือ่ ความไดอ ยา งมีประสิทธิภาพ 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดานความรู (Knowledge) - Vocabulary: court, pitch, racket, athletics, cycling, diving, gymnastics, sailing, swimming, coach, score, serve, take part - Grammar: Simple Present using for describing sports - Speaking: Explaining why/because - Writing strategy: Describing directions - Reading strategy: Scanning reading and Skimming reading 4.2 ดา นทักษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทกั ษะเรยี นภาษาทง้ั 4 ทักษะ การฟง การพูด การอาน และการเขยี น - ทกั ษะกระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพื่อการสื่อสาร 4.3 ดา นเจตคติ (Attitude) - มปี ระสทิ ธิภาพในการส่ือความ 5. กิจกรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครใู หนกั เรยี นเปดหนงั สือ Workbook Close-up 3 หนา 25 ครูใหนักเรียนดูภาพและนําความสนใจของนักเรียนเขาสู บทเรียนในช่ัวโมงเรยี นนี้โดยใชค ําถามดงั นี้ คูม อื ครแู ละแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 3

213 213 Q: Do you think what playing positions in football this player is? Why do you think that? 2. นกั เรยี นใหค ําตอบ ใหเหตผุ ล ครเู ชอ่ื มโยงเขาสูกิจกรรม  Presentation 1. ครูสอนคําศพั ทในบทอานกจิ กรรม A-E โดยใหนกั เรยี นมสี ว นรวมดังนี้ - ใหน ักเรยี นทัง้ ช้นั ชวยกันคน คําศพั ทท ไี่ มรูความหมาย ขีดเสนใตกํากับไว และใหนักเรียนระบุ Parts of speech ของ คําศัพท จากตําแหนงภายในประโยค (ครูสอน Parts of speech และฝกใหระบุ Parts of speech ทุกครั้งท่ีสอนความหมายของ คาํ ศพั ท) - นกั เรยี นบอกหมวดหมขู องคาํ ศัพทเ หลาน้ี โดยครเู ขียนลงใน Word Box บนกระดาน - ใหน กั เรยี น Read aloud คาํ ศัพทบ นกระดาน - ใหนกั เรียนแบง กนั /ชวยกันคนหาความหมายของคาํ ศพั ทเ หลาน้ี แลว พูดบอกความหมาย - ครูเขยี นความหมายของคําศัพทที่นกั เรียนบอกและเพมิ่ เติมความหมายของคําศัพทบางคําใหส มบรู ณ - ใหนกั เรยี นคดั ลอก Word Box และคําศัพทท่ีเก่ียวของลงในสมุดคําศัพทของตนเอง (ครูกําหนดใหนักเรียนทุกคนมี สมดุ คําศพั ทและสมดุ แบบฝกหัด) 2. ครทู บทวนคาํ กริยาทต่ี อ งใชร วมกันกบั กรยิ า do, go, play (Collocations of verb do, go and play) ไดแก - do + gymnastics, athletics + … - go + swimming, cycling, diving, sailing + … - play + football, basketball, volleyball, cricket + … ใหน กั เรียนชว ยกันยกตัวอยางกีฬาตางๆ ทีใ่ ชกับกริยา do, go, play 3. ครูทบทวนเทคนิคการทําขอสอบ Focusing on words before and after a gap โดยใหนกั เรยี นมสี วนรวม 4. ครทู บทวนโครงสรางประโยค Simple Present using for describing sports และยกตวั อยางประกอบโดยให นกั เรียนมีสว นรวม  Practice 1. กจิ กรรม A ครูใหน ักเรยี นทบทวนคําศัพทเก่ยี วกับอุปกรณสําหรับกีฬาชนิดตางๆ โดยใหน ักเรยี น Read aloud คําศัพท ทเ่ี ปน ตวั เลือก และบอกความหมาย - ครใู หน กั เรียนทบทวนเทคนคิ การทาํ ขอ สอบ Focusing on words before and after a gap จากนนั้ นักเรียนคนหา ตวั ชี้แนะคําตอบทีอ่ ยูหนา และหลังชอ งวา ง - ครูตรวจสอบความแมนยําในการคนหาตัวชแี้ นะคําตอบโดยใหนกั เรยี นอานตัวชแี้ นะคําตอบพรอ มกัน ไดแ ก ตัวชี้แนะคําตอบ 2. play basketball at, in the gym 1. cricket players, to get ready for the match 4. football player scored the winning 3. cricket, not to hit anyone with your 6. can’t play tennis, need to buy a new 5. didn’t get, over the net - นกั เรยี นนําตวั ช้แี นะคาํ ตอบดังกลาวนไี้ ปใชในการตดั สินใจเลือกคําตอบที่ถูกตอง - ครตู รวจสอบความถูกตองโดยใหนักเรียนอานคําตอบพรอมกัน และครูเฉลยคําตอบ เฉลยคําตอบ 1. pitch 2. court 3. bat 4. goal 5. ball 6. racket คูมือครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 3

214 214 2. กจิ กรรม B ใหน ักเรียนอานคาํ ถามเพ่ือคน หาตัวชี้แนะคาํ ตอบแลวขีดเสนใตกํากับ และนําตัวช้แี นะคาํ ตอบดังกลา วน้ีไป ใชในการคดิ คาดเดาคาํ ในชองวาง - เมอ่ื ไดค าํ ตอบแลวครูใหนักเรียนนําคําตอบไป Compare and Share กบั เพือ่ นในหอง - ครตู รวจสอบความถูกตองโดยใหนกั เรียนอา นคาํ ตอบพรอมกัน และครเู ฉลยคาํ ตอบ 1. referee 2. opponent เฉลยคาํ ตอบ 5. manager 6. cyclist 7. goalkeeper 8. sailor 3. diver 4. fan 3. กิจกรรม C ครูทบทวนคํากริยาที่ตองใชรวมกันกับกริยา do, go, play (Collocations of verb do, go and play) - ครใู หน กั เรยี น Read aloud คาํ ศพั ทที่เปนตวั เลือก และบอกความหมาย - ใหนักเรยี นตัดสนิ ใจเลือกคําศพั ทท ใ่ี ชก ับกริยา do และ go มาเติมในตาราง - ครตู รวจสอบความถูกตองโดยใหน ักเรียนอานคําตอบพรอมกัน และครเู ฉลยคาํ ตอบ เฉลยคาํ ตอบ - do + athletics, gymnastics - go + cycling, diving, sailing, swimming 4. กจิ กรรม D ครใู หนักเรยี นทํากิจกรรมเปน คู ครูอธิบายกจิ กรรม Cloze sentence ครูทบทวนเทคนิคการทําขอสอบ Cloze test และ Focus on words before and after a gap - ใหนกั เรียนคน หาตวั ช้แี นะคําตอบทอ่ี ยหู นา และหลังชองวา ง โดยขดี เสนใตกํากับไว - ครตู รวจสอบตัวชแี้ นะคําตอบโดยใหน กั เรยี นอานตัวช้แี นะคาํ ตอบของทุกประโยคไดคาํ ตอบดงั น้ี ตวั ชแี้ นะคาํ ตอบ 1. was very happy that his team, the match 2. kicked the ball, a goal 3. in an athletics competition 4. it was her turn to, the ball to the other team 5. a team of … basketball players 6. to the end of the street to see who can run fastest 7. The Sentinels , the Kicks by 74-58 in the basketball tournament 8. won’t drop out of the team if we, this game - ใหน กั เรียนนําตวั ชีแ้ นะคาํ ตอบดงั กลา วน้ีไปใชใ นการตัดสินใจเลือกคําตอบทีถ่ ูกตอง - ครูใหเ วลานักเรยี นคน หา คดิ วเิ คราะห ไตรตรอง และใหคาํ ตอบ - ครตู รวจสอบความถูกตองโดยใหนักเรยี นอานคําตอบพรอมกัน และครูเฉลยคาํ ตอบ 1. won 2. scored 3. take part เฉลยคําตอบ 6. race 7. beat 8. lose 4. Serve 5. coaches 5. กิจกรรม E ครูใหน ักเรียนทํากจิ กรรมเปน คู ครอู ธิบายกจิ กรรม Cloze dialogue - ครูทบทวนเทคนคิ การทําขอ สอบ Cloze test โดยใหน กั เรยี น Focus on words before and after a gap คูม อื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 3

215 215 - ใหนักเรียนคนหาตวั ชแ้ี นะคาํ ตอบท่อี ยูห นาและหลงั ชองวาง โดยขีดเสน ใตก ํากับไว - ครตู รวจสอบตัวชแี้ นะคําตอบโดยใหนกั เรยี นอา นตวั ชี้แนะคาํ ตอบของทกุ ประโยคไดค ําตอบดงั นี้ - ใหนกั เรียนนําตัวชแ้ี นะคาํ ตอบดังกลาวนี้ไปใชในการตดั สินใจเลือกคําตอบท่ถี ูกตอง - ครูใหเวลานักเรียนคน หา คดิ วเิ คราะห ไตรตรอง และใหคําตอบ - ครูตรวจสอบความถูกตอ งโดยใหน ักเรยี นอา นคําตอบพรอมกัน และครเู ฉลยคาํ ตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. giving 2. drop 3. keep 4. on 5. pass 6. up 7. work 8. stay/be  Production กจิ กรรม Expand your Ideas ใหนกั เรยี น Read aloud คาํ สง่ั และพูดบอกสิ่งท่ีนักเรียนตองปฏบิ ัติ ดงั น้ี  Do you think what sport is the most interesting? Explain why? Work in pairs. Choose the most interesting sport. Describe the chosen sport with 6-8 sentences by writing the first draft. Then proof the correctness of spelling and sentence structures. Reread what you write to check and revise it. Practice speaking with a partner. Take turns. Then share and compare with students in your class. - ครูทบทวนคําส่ัง ใหนักเรียนทํากิจกรรมเปนคู ชวยกันเลือกกีฬาท่ีนาสนใจแลวเขียนและพูดบรรยายโดยใชคําศัพท สาํ นวนภาษาและโครงสรางท่เี รียนมา ความยาวประมาณ 6-8 ประโยค โดยครูกาํ หนดเวลาในการทาํ กจิ กรรมนี้ - นกั เรียนชวยกันเลอื กกีฬา ปรึกษา ชวยกนั คิดไตรตรอง โดยเขียนบรรยาย 6-8 ประโยค โดยใชคําศัพท สํานวนภาษาและ โครงสรา งทเี่ รียนมาแลวนกั เรียนชวยกันตรวจสอบความสมบูรณและความถกู ตองของขอเขียนในเร่ือง spelling, sentence structure และอานทบทวนแกไขเพ่ิมเติมขอมูลใหนาสนใจและฝกพูดดวยกันใหคลองกอนนําไป share and compare กับเพื่อน ครูสังเกต ชวยเหลือ แนะนาํ และแกปญหา - ครตู รวจสอบความถกู ตอ งโดยเลอื กนักเรียน 3-4 คูข้ึนมาอานคําตอบพรอมกัน ครูอาจใหเพื่อนในหองชวยกันเติมเต็มคํา บรรยายใหมีความสมบูรณ หรอื นา สนใจยงิ่ ขนึ้ และครูยอมรบั ทกุ คําตอบ - ครูแนะนําใหนักเรียนเผยแพรผลงาน Sport Description โดยนําขอเขียนท่ี Revised แลวไปพิมพลงกระดาษA4 และ แนบรูปภาพท่บี รรยาย (ถา ยเอกสาร) โดยจดั วางไวใ นหนากระดาษเดียวกันกับคําบรรยาย แลวนําไปติดไวท่ี Billboard หนาหองเรียน หรือทอี่ ่นื ๆ ตามความเหมาะสม เฉลยคําตอบ Students’ own answers 6. การวดั และประเมนิ ผล เครือ่ งมือ คะแนน เกณฑ แบบประเมินการสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี น 18-20 วิธีการ 15-17 ผลการประเมิน 1. สังเกต 12-14 ดีมาก 10-11 ดี พอใช ผา น คูม อื ครแู ละแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 3

216 216 วิธกี าร เครอ่ื งมือ คะแนน เกณฑ 18-20 2. ประเมินทักษะ แบบประเมนิ ทักษะการฟง -การพดู 15-17 ผลการประเมิน การใชภ าษา แบบประเมินทักษะการอาน-การเขยี น 12-14 ดมี าก 10-11 ดี พอใช ผาน 7. สอ่ื /แหลง การเรยี นรู หนงั สอื Workbook Close-up 3 Unit 4 Personal Best เร่ือง Vocabulary กจิ กรรม A-E หนา 25-26 8. บนั ทกึ หลังการจัดการเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คมู อื ครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 3

217 217 หนวยการเรียนรทู ่ี 4 เรอื่ ง Personal Best แผนการจัดการเรียนรูที่ 6 เร่ือง Grammar 1: Modals of Ability, Permission, Requests, Offers, Advices รหสั วิชา................. รายวิชาพนื้ ฐานภาษาอังกฤษ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ 3 กลุมสาระการเรียนรูภาษาตางประเทศ ปก ารศึกษา 25……….. ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 1 ชั่วโมง ผูสอน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวช้ีวดั ต 1.1 ม.3/1 ปฏิบัตติ ามคําขอรอ ง คําแนะนาํ คาํ ช้แี จง และคําอธิบายทีฟ่ งและอาน ต 2.1 ม.3/1 เลอื กใชภาษา นาํ้ เสยี ง และกริ ยิ าทา ทางเหมาะกับบคุ คลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของ เจาของภาษา ต 4.1 ม.3/1 ใชภาษาสื่อสารในสถานการณจรงิ /สถานการณจําลองท่ีเกิดข้นึ ในหอ งเรยี น สถานศึกษา ชุมชน และสงั คม 2. จดุ ประสงคการเรียนรู พูด เขียน และใช Modals สื่อสารอยางตอเน่ือง เหมาะสมกับบุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของ เจาของภาษา 3. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด (Learning Concept) ความรเู กยี่ วกบั การใชภาษาส่อื สารอยา งมีมารยาท มีประสิทธิภาพ โดยการใช Modals ทักษะเรียนภาษาทั้ง 4 ดาน ไดแก การฟง การพดู การอา น และการเขียน และกระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพ่ือการสอ่ื สาร ทําใหการสื่อสารบรรลุผลตามวัตถุประสงค ผูเรยี นมเี จตคตทิ ดี่ ีตอภาษาองั กฤษ ใชภ าษาองั กฤษอยา งมีมารยาท ถกู ตองตามกาลเทศะและบุคคล 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดานความรู (Knowledge) - Grammar: Modals of Ability, Permission, Requests, Offers, Advices 4.2 ดานทักษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทกั ษะเรยี นภาษาทั้ง 4 ทักษะ การฟง การพดู การอาน และการเขียน - ทกั ษะกระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร 4.3 ดา นเจตคติ (Attitude) - มีประสทิ ธภิ าพในการส่ือความ - มีเหตผุ ล มีวจิ ารณญาณ 5. กิจกรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครนู ําความสนใจของนักเรียนเขาสบู ทเรยี นในช่ัวโมงเรียนนี้ โดยครเู ขียนประโยคตอ ไปนบี้ นกระดาน ดังน้ี Q: Do you think these sentences have the same meaning? Why?/Why not? a. May I check your bike? b. Can I check your bike? 2. ใหนักเรียนท้ังชั้น Read aloud 3. ครูใหน ักเรียนคิดคําตอบและบอกคําตอบพรอ มกบั ใหเหตุผล โดยครูเขยี นทกุ คาํ ตอบของนักเรยี นบนกระดาน  Presentation 1. ครูสอนคําศพั ทในบทอานกิจกรรม A-I โดยใหน ักเรยี นมสี วนรวมดงั น้ี คมู ือครแู ละแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที่ 3

218 218 - ใหน กั เรยี นทัง้ ชั้นชว ยกันคนคาํ ศพั ทท ี่ไมร ูค วามหมาย ขีดเสนใตก ํากับไว และใหนักเรียนระบุ Parts of speech ของ คําศัพทจากตําแหนงภายในประโยค (ครูสอน Parts of speech และฝกใหระบุ Parts of speech ทุกครั้งที่สอนความหมายของ คาํ ศัพท) - นกั เรยี นบอกหมวดหมขู องคาํ ศัพทเหลานี้ โดยครูเขยี นลงใน Word Box บนกระดาน - ใหนกั เรยี น Read aloud คาํ ศัพทบนกระดาน - ใหนกั เรียนแบงกัน/ชวยกันคนหาความหมายของคาํ ศพั ทเหลาน้ี แลว พดู บอกความหมาย - ครเู ขยี นความหมายของคาํ ศพั ทท่ีนักเรยี นบอกและเพิ่มเตมิ ความหมายของคําศพั ทบ างคําใหส มบูรณ - ใหน กั เรียนคัดลอก Word Box และคําศัพทท่ีเก่ียวของลงในสมุดคําศัพทของตนเอง (ครูกําหนดใหนักเรียนทุกคนมี สมดุ คาํ ศพั ทแ ละสมดุ แบบฝก หดั ) 2. ครูสอน Grammar เร่อื ง Modals of Ability, Permission, Requests, Offers, Advices โดยอธิบาย Forms and Usages of Modals พรอ มทงั้ ยกตัวอยาง ดังนี้ Usages of Modals Forms of Modals Examples of Modals in sentences Ability can George can ride a bike and he’s only three. Permission can Can L borrow your football? Polite permission may Yes, you may use my bike Requests can Could you wait here please? Polite request could, may, would May I come in? Could/Would you fix my bike, please? Offers shall Shall I teach you to play tennis? Strong intentions shall Advices should I shall win this time! You shouldn’t ride without a helmet. - ครยู กตวั อยางของประโยคท่ใี ช Modals โดยใหน กั เรียนมสี วนรว ม  Practice ครูใหนกั เรยี นเปดหนงั สือ Close-up 3 หนา 48 นกั เรียนปฏบิ ัติกจิ กรรมตอไปนี้ 1. กจิ กรรม A ครใู หน กั เรียนทบทวน Forms of modals - ใหน ักเรยี น Scanning reading ประโยค a-h เพ่อื คน หา Modals และขีดเสนใต modals - ใหนักเรยี น Read aloud ประโยค a-h และบอก Usages of the modal in each sentence - ครูตรวจสอบความถูกตอ งโดยใหน ักเรยี นอา นคําตอบพรอมกัน และครูเฉลยคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ a. could, could b. can c. Can d. can’t e. Shall f. Should g. should h. shall 2. กจิ กรรม B ครใู หน ักเรียน Read aloud คาํ สัง่ และพูดบอกส่ิงท่ีนกั เรียนตองปฏบิ ัตใิ นกิจกรรมนี้ - ใหนักเรยี นทบทวนการใช may ดังน้ี May: We use may + bare infinitive - for polite requests (with I and we) ไดแ ก May I come in? - for polite permission ไดแก Yes, you may use my bike. คูมอื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 3

219 219 - ใหนกั เรยี นคดิ และพูดบอกตัวอยางการใช may for polite requests and for polite permission ครูตรวจสอบ โดยสมุ เลือกนกั เรียน 4-5 คนขนึ้ มาพดู ประโยค - ใหน ักเรยี น Read silently ประโยค a-h ในกิจกรรม A เพือ่ คิดไตรต รองวาประโยคใดควรใชเ พื่อ requests หรือ permission ได โดยใหน กั เรียนทาํ เครอื่ งหมายไว - ครูตรวจสอบโดยใหนักเรยี นบอกประโยคทใ่ี ชเ พ่ือ requests หรือ permission ได (คาํ ตอบคอื b, c) - ครใู หเ วลานกั เรยี น rewrite ประโยค b, c ครูตรวจสอบคาํ ตอบโดยใหนักเรียน Read คําตอบ เฉลยคําตอบ b. You may use my old racket if yours is broken. c. May I borrow your bike, Mum? 3. กิจกรรม C ใหน ักเรยี น Read aloud ประโยค a-h ในกิจกรรม A และ Read aloud การใช modals ในขอ 1-8 - ใหนกั เรียนจับคูประโยค a-h กับการใช modals ในขอ 1-8 - ครูใหเ วลานักเรยี นคดิ คาํ ตอบ - เม่ือไดคาํ ตอบแลว ใหน กั เรยี นนําคําตอบไป Compare and Share กับเพ่ือนในหอ ง - ครูตรวจสอบคําตอบโดยใหนกั เรียนอานคาํ ตอบที่เลอื ก ในแตล ะขอ และครเู ฉลยคําตอบ เฉลยคําตอบ 1. d 2. g 3. c 4. a 5. f 6. e 7. b 8. h 4. กิจกรรม D ครใู หน กั เรียน Read aloud คาํ สัง่ และประโยค a-e - ใหนักเรยี นทบทวนการใช Modals ภายในประโยค a-e และเลือกประโยคที่มีความหมายเหมือนกัน - ใหนักเรยี นนาํ คาํ ตอบท่ีไดไป Discuss and share กับเพอ่ื นในหอง - ครตู รวจสอบคําตอบโดยใหน กั เรยี นอา นประโยคในแตล ะขอ และครูเฉลยคาํ ตอบ เฉลยคําตอบ Question c, d and e are similar in meaning. They are asking for permission. 5. กิจกรรม E ครใู หนกั เรียน Read aloud ประโยค a-e และทบทวนการใช Modals ตอไปน้ี shall, should, may, can, could แลว นําเหตุผลในการใช Modals แตละตวั มาวิเคราะห สงั เคราะหและสรปุ อยา งมเี หตผุ ล (อนมุ านความ) ไดดังน้ี a. A modal, shall, is used for offers. It is good for a friend to offer help or to give advice. b. A modal, should, is used for advices. c. A modal, may, is used for polite request or polite permission. It is obligatory for a member d. A modal, can, is used for request and permission. of staff to check up all e. A modal, could, is used for polite request. vehicles before racing. เฉลยคําตอบ a and b = a friend; c, d and e = a member of staff คมู อื ครูและแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 3

220 220 6. กิจกรรม F ครใู หนกั เรียน Read aloud คําสงั่ และพดู บอกส่ิงที่นักเรียนตองปฏิบัตใิ นกิจกรรมน้ี - ครูใหนกั เรียน Read aloud the answer 1-3 - ครใู หน ักเรียนจบั คูกบั เพ่อื น discuss the answer 1-3 และจบั คกู ับประโยค a-e - ใหนกั เรยี นนําคาํ ตอบทีไ่ ดไป Discuss and share กบั เพอื่ นในหอง - ครูตรวจสอบคําตอบโดยใหน ักเรียนอานประโยคในแตล ะขอ และครูเฉลยคาํ ตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. a, b 2. a, b 3. c, d, e 7. กิจกรรม G ครูใหนักเรยี น Read aloud คาํ สง่ั และทบทวนการทาํ ประโยคบอกเลา ใหเปนประโยคปฏิเสธ - ใหน กั เรียนเปลยี่ นประโยคบอกเลาเปน ประโยคปฏเิ สธอยางมีขัน้ ตอน โดยเริ่มจากการคนหา Verb: Modals แลว ขีด เสนใต Modal จากน้ันใสเ พ่ิม negative adverb ไดแก not ไวหลัง modal และนกั เรยี นอาจฝก ใชกริยาปฏิเสธทีเ่ ปนรปู ยอ (contraction) ดังนี้ - ครตู รวจสอบคําตอบโดยเลือกใหน ักเรยี น 5 คนเขยี นประโยคปฏิเสธคนละ 1 ขอบนกระดาน และครูเฉลยคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. Motorcyclists should not/shouldn’t wear trainers. 2. He cannot/can’t play basketball. 3. They may not jump into the pool. 4. They shall not/shan’t lose again. 5. She could not/couldn’t run fast when she was young.  Production 1. กิจกรรม H และกจิ กรรม I ครใู หน ักเรยี น Read aloud คําสงั่ และพดู บอกสิ่งท่ีนักเรยี นตอ งปฏบิ ัตใิ นกจิ กรรมนี้ แลว ใหน กั เรียนจับคูท ํากิจกรรมอยา งเปนอสิ ระ โดยครกู ําหนดเวลาในการคิดคาํ ตอบ จากน้นั ใหนกั เรยี นนําคาํ ตอบท่ีไดไป Discuss and share กับเพอื่ นในหอง 2. ครูตรวจสอบคําตอบโดยใหน ักเรียน Read aloud คําตอบของกจิ กรรม H และกิจกรรม I และครูเฉลยคาํ ตอบ เฉลยคาํ ตอบ กจิ กรรม H 1. He should go to hospital. 2. She should have/take lessons. 3. He should buy new boots. 4. He should run every day. 5. He should find/get a new coach. กิจกรรม I 1. Can/Could/May I go fishing? 2. Can/Could you run faster? 3. You should bring your swimsuit. 4. They can’t snowboard without snow! 5. Shall we go to the sports centre? 6. Can/Could you bring me a drink of water, please? 7. I can’t play rugby. 8. You shouldn’t swim in this water, children. คมู ือครแู ละแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ช้นั มธั ยมศึกษาปท ่ี 3

221 221 6. การวดั และประเมนิ ผล เครื่องมือ คะแนน เกณฑ แบบประเมินการสังเกตพฤติกรรมนักเรยี น 18-20 วธิ ีการ 15-17 ผลการประเมนิ 1. สังเกต 12-14 ดีมาก 10-11 ดี พอใช ผา น 2. ประเมินทักษะ แบบประเมนิ ทกั ษะการฟง-การพดู คะแนน ผลการประเมิน 18-20 ดีมาก การใชภ าษา แบบประเมนิ ทักษะการอาน-การเขียน 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผาน 7. สอ่ื /แหลงการเรยี นรู หนังสือเรยี น Close-up 3 Unit 4 Personal Best เรื่อง Grammar กจิ กรรม A-I หนา 48 Grammar Reference for Unit 4 หนงั สอื เรียน Close-up 3 หนา 111 8. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรยี นรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คูม ือครูและแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 3

222 222 หนวยการเรียนรทู ี่ 4 เรอ่ื ง Personal Best แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ 7 เรอื่ ง Grammar 2: Modals of Obligation รหัสวิชา................. รายวิชาพื้นฐานภาษาองั กฤษ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที่ 3 กลมุ สาระการเรียนรภู าษาตา งประเทศ ปการศกึ ษา 25……….. ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 ช่ัวโมง ผูสอน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตวั ช้ีวัด ต 1.1 ม.3/1 ปฏิบตั ติ ามคาํ ขอรอ ง คําแนะนํา คาํ ช้ีแจง และคําอธบิ ายทีฟ่ ง และอาน ต 2.1 ม.3/1 เลือกใชภาษา น้ําเสียง และกริ ยิ าทาทางเหมาะกับบคุ คลและโอกาส ตามมารยาทสงั คมและวัฒนธรรมของ เจาของภาษา ต 4.1 ม.3/1 ใชภ าษาสอื่ สารในสถานการณจริง/สถานการณจาํ ลองท่ีเกิดขน้ึ ในหองเรียน สถานศึกษา ชุมชน และสังคม 2. จดุ ประสงคก ารเรียนรู พูด เขียน และใช Modals of Obligation สื่อสารอยางตอเน่ือง เหมาะสมกับบุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและ วัฒนธรรมของเจาของภาษา 3. สาระสําคัญ/ความคิดรวบยอด (Learning Concept) ความรูเกย่ี วกบั การใชภ าษาส่ือสารอยางมีมารยาท มปี ระสิทธิภาพ โดยการใช Modals of Obligation ทักษะเรียนภาษาท้ัง 4 ดา น ไดแ ก การฟง การพูด การอาน และการเขียน และกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ทําใหการสื่อสารบรรลุผล ตามวตั ถปุ ระสงค ผูเรียนมเี จตคติทีด่ ีตอ ภาษาอังกฤษ ใชภ าษาองั กฤษอยา งมีมารยาท ถกู ตองตามกาลเทศะและบุคคล 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดา นความรู (Knowledge) - Grammar: Modals of Obligation 4.2 ดา นทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทกั ษะเรียนภาษาท้งั 4 ทักษะ การฟง การพดู การอาน และการเขยี น - ทักษะกระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพ่ือการสื่อสาร 4.3 ดานเจตคติ (Attitude) - มีประสทิ ธภิ าพในการสื่อความ - มีเหตุผล มีวิจารณญาณ 5. กิจกรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครนู าํ ความสนใจของนกั เรยี นโดยใหน ักเรียนรูจัก Modals of obligation โดยใชก ิจกรรม J 2. ใหน กั เรยี นท้ังช้นั Read aloud คาํ สั่ง และขีดเสน ใต Modals 3. ครใู หน ักเรยี นบอกคําตอบพรอ มกับใหเหตผุ ล โดยครูเขียนคาํ ตอบของนกั เรียนบนกระดาน 4. ครูเชอื่ มโยงเขาสูบ ทเรยี นเร่ือง Modals of obligation  Presentation 1. ครสู อนคําศพั ทใ นบทอานกจิ กรรม J-N โดยใหน ักเรียนมสี ว นรวมดังนี้ คมู ือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 3

223 223 - ใหน ักเรียนทั้งชนั้ ชว ยกันคนคําศพั ทท ไี่ มร คู วามหมาย ขดี เสน ใตก ํากบั ไว และใหนักเรียนระบุ Parts of speech ของ คําศัพทจากตําแหนงภายในประโยค (ครูสอน Parts of speech และฝกใหระบุ Parts of speech ทุกครั้งท่ีสอนความหมายของ คาํ ศัพท) - นักเรยี นบอกหมวดหมขู องคาํ ศพั ทเ หลาน้ี โดยครเู ขยี นลงใน Word Box บนกระดาน - ใหนักเรยี น Read aloud คาํ ศพั ทบ นกระดาน - ใหน ักเรียนแบงกัน/ชวยกันคน หาความหมายของคาํ ศพั ทเหลานี้ แลว พดู บอกความหมาย - ครเู ขียนความหมายของคาํ ศพั ทท ่ีนักเรยี นบอกและเพ่มิ เติมความหมายของคําศพั ทบ างคําใหสมบูรณ - ใหนักเรียนคัดลอก Word Box และคาํ ศพั ทท ีเ่ กี่ยวของลงในสมุดคําศพั ทข องตนเอง (ครูกําหนดใหนักเรียนทุกคนมี สมดุ คําศัพทและสมดุ แบบฝก หัด) 2. ครสู อน Modals of Obligation โดยอธบิ าย Forms and Usages of Modals พรอมท้งั ยกตัวอยาง ดงั น้ี Usages of Modals Forms of Modals Examples of Modals in sentences Obligations must You must wear a helmet when you ride a motorbike. have to/has to Neccessary must Visitors must/have to pay to swim in the hotel pool. have to/has to Not allowed/Prohibition mustn’t Players mustn’t late for the match. Not necessary don’t have to You don’t have to play a team sport, you can choose something else. needn’t You needn’t buy a tennis racket, you can use mine.  Practice 1. กจิ กรรม J ใหนักเรียน Read aloud ประโยคที่ 1-5 ขีดเสน ใต modal verbs - ครตู รวจสอบคําตอบโดยใหนกั เรียนแลวอานคําตอบพรอมกัน และครเู ฉลยคาํ ตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. have to 2. must 3. mustn’t 4. needn’t 5. don’t have to, can - ครใู หน ักเรียนวิเคราะหความหมายของประโยค 1-5 โดยใหน ักเรยี นเลือกประโยคมาใสในตาราง - ครูตรวจสอบโดยใหน กั เรียนอา นคําตอบพรอ มกัน และครเู ฉลยคาํ ตอบ ดังนี้ Usages of Modals 1. Sentences Obligations 2. - Neccessary 3. Not allowed/Prohibition 4. Not necessary 5. คมู ือครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ช้นั มธั ยมศึกษาปที่ 3

224 224 2. กิจกรรม K ใหนักเรียน Read aloud ประโยค 1-5 ในกจิ กรรม J และ Read aloud การใช modals ในขอ a.-c. - ใหน ักเรยี นจบั คูประโยค 1-5 กบั การใช modals ในขอ a.-c. - ครูใหเ วลานักเรยี นคดิ คําตอบ - เมื่อไดคําตอบแลวใหนกั เรียนนาํ คําตอบไป Compare and Share กับเพ่อื นในหอง - ครูตรวจสอบคําตอบโดยใหนักเรียน Read aloud และครูเฉลยคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ a. 1, 2 b. 4, 5 c. 3 3. กิจกรรม L ครใู หนกั เรียน Read aloud คาํ ส่ัง - ครูใหน กั เรียนชว ยกนั ทบทวนการใช Modals of Obligation - ใหนกั เรียน Read aloud the rules and the modals แลว เลือกใช modal เติมลงไปในชองวา ง - ครูตรวจสอบคําตอบโดยใหนักเรยี นบอกคําตอบ และครูเฉลยคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ must, have to, mustn’t, needn’t, don’t have to 4. กจิ กรรม M ใหนักเรียน Read aloud คาํ สงั่ และพดู บอกสิง่ ท่ีนักเรยี นตอ งปฏบิ ตั ิในกิจกรรมน้ี - ใหน ักเรยี น Skimming reading ขอความในโปสเตอร Junior Park Run เพือ่ จับใจความสําคัญ - ครตู รวจสอบความเขาใจในการอานของนักเรยี นโดยใหนกั เรยี นพูดบอกจับใจความสําคญั ของเรอื่ งที่อา นพรอมกัน - ใหนกั เรยี นทบทวนการใช must, mustn’t, don’t have to จากน้ันเลือกนําไปเติมลงในประโยคของ the rules for Junior Park Run - ครตู รวจสอบคําตอบโดยใหน ักเรยี น Read aloud the rules for Junior Park Run และครเู ฉลยคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. must 2. mustn’t 3. don’t have to 4. mustn’t 5. must 6. don’t have to  Production กิจกรรม N ใหนกั เรยี น Read aloud คาํ ส่งั และพดู บอกสิง่ ท่นี ักเรียนตองปฏบิ ตั ใิ นกิจกรรมน้ี - ครอู ธบิ าย Cloze passage และทบทวนเทคนิคการทําขอสอบCloze testโดยใหนักเรียนFocus on words before and after a gap ใหนกั เรยี นคน หาตวั ชี้แนะคาํ ตอบท่ีอยหู นา และหลงั ชองวา ง แลว เลือกคําตอบ - ใหนักเรียนจับคูทํากิจกรรมน้ีอยางอิสระ โดยครูกําหนดเวลาหลังจากนั้น ใหนักเรียนนําคําตอบที่ไดไป Discuss and share กับเพื่อนในหอ ง - ครูตรวจสอบคําตอบโดยใหนักเรียน Read aloud passage และครูเฉลยคําตอบ 1. B: don’t have to เฉลยคาํ ตอบ 3. A: don’t have to 3. B: must / has to 2. A: Do, have to 2. B: have to / must 6. A: must / have to 4. B: must / have to 5. A: mustn’t คูม อื ครูและแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ช้ันมธั ยมศึกษาปที่ 3

225 225 6. การวดั และประเมินผล เคร่อื งมอื คะแนน เกณฑ วิธกี าร แบบประเมินการสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรียน 18-20 15-17 ผลการประเมนิ 1. สงั เกต 12-14 ดีมาก 10-11 ดี พอใช ผา น 2. ประเมนิ ทักษะ แบบประเมินทกั ษะการฟง-การพดู คะแนน ผลการประเมิน 18-20 ดมี าก การใชภ าษา แบบประเมินทักษะการอาน-การเขียน 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผา น 7. ส่ือ/แหลง การเรยี นรู หนงั สอื เรยี น Close-up 3 Unit 4 Personal Best เร่ือง Grammar กจิ กรรม J-N หนา 49 Grammar Reference for Unit 4 หนงั สือเรยี น Close-up 3 หนา 111-112 8. บนั ทึกหลังการจดั การเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คมู อื ครแู ละแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชัน้ มธั ยมศึกษาปท่ี 3

226 226 หนว ยการเรียนรทู ี่ 4 เรอื่ ง Personal Best แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ 8 เรอ่ื ง Grammar 3: Modals รหัสวชิ า................. รายวชิ าพื้นฐานภาษาองั กฤษ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 3 กลุมสาระการเรียนรภู าษาตา งประเทศ ปการศกึ ษา 25……….. ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 1 ชัว่ โมง ผูสอน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตวั ชว้ี ัด ต 1.1 ม.3/1 ปฏบิ ตั ิตามคาํ ขอรอง คําแนะนํา คําช้ีแจง และคาํ อธบิ ายท่ฟี ง และอาน ต 2.1 ม.3/1 เลือกใชภ าษา น้าํ เสียง และกิรยิ าทา ทางเหมาะกับบุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของ เจา ของภาษา ต 4.1 ม.3/1 ใชภ าษาสือ่ สารในสถานการณจรงิ /สถานการณจําลองท่ีเกิดขน้ึ ในหอ งเรียน สถานศกึ ษา ชุมชน และสังคม 2. จุดประสงคการเรียนรู พูด เขียน และใช Modals of Obligation สื่อสารอยางตอเน่ือง เหมาะสมกับบุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคมและ วฒั นธรรมของเจาของภาษา 3. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด (Learning Concept) ความรูเ ก่ยี วกับการใชภ าษาส่อื สารอยางมมี ารยาท มีประสิทธิภาพ โดยการใช Modals of Obligation ทักษะเรียนภาษาท้ัง 4 ดา น ไดแ ก การฟง การพูด การอาน และการเขียน และกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสาร ทําใหการส่ือสารบรรลุผล ตามวตั ถุประสงค ผเู รยี นมเี จตคตทิ ่ดี ตี อ ภาษาองั กฤษ ใชภ าษาอังกฤษอยางมีมารยาท ถกู ตอ งตามกาลเทศะและบคุ คล 4. สาระการเรียนรู (Learning Contents) 4.1 ดานความรู (Knowledge) - Grammar: Modals of Obligation 4.2 ดานทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทักษะเรยี นภาษาท้ัง 4 ทักษะ การฟง การพูด การอาน และการเขียน - ทกั ษะกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร 4.3 ดา นเจตคติ (Attitude) - มีประสิทธิภาพในการสื่อความ - มเี หตผุ ล มวี จิ ารณญาณ 5. กจิ กรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครทู บทวนบทเรียนในช่วั โมงทีแ่ ลวเรื่อง Modals โดยครูเขียนประโยคตอ ไปนบ้ี นกระดาน ดังน้ี Q 1: Do you think what modal is? Q 2: Can you give a sentence with modal? (A modal is a type of auxiliary (helping) verb that is used to express: ability, possibility, permission or obligation.) 2. ใหน กั เรียนทั้งชน้ั Read aloud ประโยคคาํ ถาม 3. ครูใหนักเรยี นคิดคําตอบและบอกคาํ ตอบ โดยครูเขียนทกุ คําตอบของนักเรยี นบนกระดาน 4. ครูเชอ่ื มโยงเขา สูบทเรยี น คูม อื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู Close-up 3 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 3

227 227  Presentation 1. ครูทบทวน Modals โดยใหน กั เรยี นมีสวนรวม 2. ครทู บทวนเทคนคิ การทําขอสอบ ไดแก 2.1 Focus on words before and after a gap. 2.2 Justifying the answers 3. ครูอธิบายพรอมทั้งยกตวั อยา งประกอบและใหนกั เรียนฝกปฏบิ ัติในกจิ กรรมตอไป  Practice ครใู หน กั เรยี นเปด หนงั สอื Workbook Close-up 3 หนา 27-28 นักเรียนปฏิบัตกิ ิจกรรมตอไปน้ี 1. กิจกรรม A ใหนักเรียนจับคูทํากิจกรรมโดย Read aloud ประโยคสนทนาตามบทบาทของ Student A และ Student B - ใหนักเรียนเลือกใช Modal ที่กําหนดใหในแตละประโยค โดยใชประโยคสนทนาท่ีนํามาหนาหรือตามหลังเปนตัว ชแี้ นะคาํ ตอบ โดยตคี วามหมายเจตนา จุดมงุ หมายของการพูด - ครตู รวจสอบความแมน ยําในการคน หาตัวช้ีแนะคาํ ตอบโดยใหนักเรียนอานคําทีข่ ีดเสนใตพรอ มกนั - ครูใหเวลานกั เรียนคน หา คิด และเขยี นคาํ ตอบ โดยครูสงั เกต ชวยเหลือ แนะนาํ และแกปญ หา - ครตู รวจสอบความถูกตองโดยใหนกั เรยี นอานคาํ ตอบพรอมกนั และครเู ฉลยคาํ ตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. can’t 2. Shall 3. shall 4. May 5. could 6. should 7. can 8. can’t 2. กจิ กรรม B ครูใหน ักเรยี น Read aloud คาํ ส่งั และพูดบอกสง่ิ ท่ีนกั เรียนตองปฏบิ ัตใิ นกิจกรรมน้ี - ครูใหนักเรียนทบทวนการใช modals to express purposes โดยใหนักเรียน Read aloud the prompts in brackets แลว บอก modal ทีค่ วรใช ตัวอยางเชน give advice = should เปนตน - ครูใหนักเรียนจบั คูทํากิจกรรม โดยครกู าํ หนดเวลาในการทํา - นักเรยี นอา น Prompts เพ่ือวินิจฉัยmodalทีค่ วรใช และเขียนคําตอบ โดยครูสงั เกต แนะนาํ และแกป ญหา - ครตู รวจสอบความถกู ตองโดยใหน กั เรียนอานคาํ ตอบพรอมกัน และครูเฉลยคําตอบ เฉลยคําตอบ 1. They should practise cricket daily. 2. I shall win the competition on Saturday. 3. Mickey could swim when he was four. 4. Should I join the volleyball team? 5. You can’t go in the pool today. 6. Can/May/Shall I carry the racket for you? 3. กจิ กรรม C ครูใหนักเรยี น Read aloud คาํ สั่ง และพดู บอกสิ่งที่นักเรียนตองปฏบิ ตั ิในกจิ กรรมน้ี - ใหน กั เรยี นทบทวน Modals และ Read aloud คาํ ศพั ทท เ่ี ปนตวั เลอื ก - ใหนักเรียน Read silently ประโยค Cloze sentence เพื่อทําความเขาใจความหมายและตีความหมายเพื่อสรุป จดุ มุงหมาย และเจตนาทแ่ี ฝงอยูใ นเนอ้ื ความของแตละประโยค - ตัดสินใจเลอื กใช modal เติมลงในประโยค - ครูตรวจสอบคําตอบโดยใหน ักเรยี น Read aloud คําตอบและเหตผุ ลทีเ่ ลอื กคาํ ตอบน้ันๆ ครเู ฉลยคาํ ตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. must 2. don’t have 3. have 4. mustn’t 5. needn’t 6. must 7. have คมู ือครูและแผนการจดั การเรยี นรู Close-up 3 ช้นั มัธยมศึกษาปท ่ี 3

228 228 4. กจิ กรรม D ใหน กั เรียน Read aloud คาํ สง่ั และพูดบอกสิง่ ท่ีนักเรียนตองปฏบิ ัติในกิจกรรมน้ี - ใหน กั เรียนทบทวนการใช Modals โดยใหนักเรียน focus on the given modals in (1)-(8) และพูดบอก Usages or Puposes ของ modals แตละตวั - ใหนักเรียนจับคูทํากิจกรรมโดยนักเรียนชวยกันอานประโยคใน Monologue แลวเลือก Modals ท่ีตรงกับ Puposes ของแตละประโยค - ครูใหเ วลานักเรยี นคิดคาํ ตอบ - เมือ่ ไดค ําตอบแลวใหนกั เรยี นนาํ คาํ ตอบไป Compare and Share กับเพ่ือนในหอง - ครูตรวจสอบคําตอบโดยใหนักเรยี น Read aloud คาํ ตอบ และครูเฉลยคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ (1) must (2) needn’t (3) don’t have to (4) have to (5) mustn’t (6) mustn’t (7) must (8) don’t have to  Production กิจกรรม Expand Your Idea ซึ่งครกู ําหนดข้ึนเองโดยประยกุ ตใ ชกจิ กรรม C และกิจกรรม D ดังน้ี Complete the table with the information from C. and D. Usages of Modals Modals C. Sentence No. D. Sentence No. Obligations Neccessary Not allowed/Prohibition Not necessary - ครใู หนกั เรียนจบั คูทํากิจกรรมวิเคราะห Purposes of the sentences with modals โดยใหน กั เรียนยอนกลับไปอาน ประโยค 1-7 ท่มี ี Modal แลว และใหนักเรยี นชว ยกันวิเคราะหความหมายภายในประโยคและตีความหมาย เพื่อทาํ ความเขาใจเจตนา/ จดุ มงุ หมายของแตละประโยค โดยใหน กั เรียนเตมิ ขอ มลู ใชต ารางวิเคราะหที่ครูกาํ หนดให - ใหน ักเรียนคิดและวเิ คราะหคําตอบ และนําคําตอบท่ีไดไป Discuss and share กับเพอื่ นในหอง - ครตู รวจสอบคําตอบโดยใหนกั เรยี น Read aloud คาํ ตอบ และครูเฉลยคําตอบ เฉลยคําตอบ Usages of Modals Modals C. Sentence No. D. Sentence No. Obligations 4 have to 3 1 Neccessary must - 7 Not allowed - Not necessary must 1, 6 5, 6 have to 7 3, 8 2 mustn’t 4 don’t have to 2, 5 needn’t - คูมอื ครูและแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชั้นมัธยมศึกษาปท ่ี 3

229 229 6. การวัดและประเมินผล เครอื่ งมอื คะแนน เกณฑ แบบประเมินการสงั เกตพฤติกรรมนักเรียน 18-20 วิธีการ 15-17 ผลการประเมิน 1. สังเกต 12-14 ดมี าก 10-11 ดี พอใช ผาน 2. ประเมนิ ทักษะ แบบประเมินทกั ษะการฟง-การพูด คะแนน ผลการประเมนิ 18-20 ดีมาก การใชภ าษา แบบประเมินทกั ษะการอาน-การเขยี น 15-17 ดี 12-14 พอใช 10-11 ผาน 7. ส่อื /แหลงการเรยี นรู หนังสือ Workbook Close-up 3 Unit 4 Personal Best เรอ่ื ง Grammar กิจกรรม A-D หนา 27-28 8. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. 9. กิจกรรมเสนอแนะ ................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................. คมู อื ครูและแผนการจัดการเรียนรู Close-up 3 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 3

230 230 หนวยการเรียนรทู ี่ 4 เร่อื ง Personal Best แผนการจัดการเรียนรูท่ี 9 เร่อื ง Listening: Numbers & Dates รหสั วิชา................. รายวิชาพืน้ ฐานภาษาอังกฤษ ช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 3 กลุมสาระการเรียนรูภาษาตา งประเทศ ปก ารศกึ ษา 25……….. ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 1 ช่ัวโมง ผสู อน..................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู/ตัวชวี้ ัด ต 1.2 ม.3/4 พดู และเขียนเพอื่ ขอและใหขอมูล อธบิ าย เปรียบเทยี บ และแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับเรอ่ื งท่ฟี ง หรอื อานอยาง เหมาะสม ต 1.2 ม.3/5 พดู และเขยี นบรรยายความรสู กึ และความคิดเหน็ ของตนเองเก่ียวกบั เรอ่ื งตา งๆ กิจกรรม ประสบการณ และ ขา ว/เหตุการณ พรอ มทั้งใหเ หตุผลประกอบอยางเหมาะสม 2. จดุ ประสงคก ารเรียนรู พดู ใหขอมูลอธบิ ายเก่ยี วกบั Watersports & A rock climbing class โดยใชส ํานวนภาษาและโครงสรา งภาษาเก่ียวกับ days, time, numbers ไดอ ยางถูกตองเหมาะสมกบั ระดับชนั้ เรียน 3. สาระสําคัญ/ความคดิ รวบยอด (Learning Concept) ความรูและกิจกรรมฝกทักษะ สํานวนภาษาเกย่ี วกบั days, time, numbers โครงสราง กระบวนการฝก ทักษะทางภาษาทงั้ 4 ดานโดยเฉพาะอยางยิ่งทักษะการฟง การพดู โดยใชกระบวนการสอนภาษาองั กฤษเพื่อการสือ่ สาร ทําใหผูเรียนส่ือสารไดอยางมี ประสทิ ธิภาพ มีเจตคตทิ ่ีดตี อการเรียนภาษาองั กฤษ 4. สาระการเรยี นรู (Learning Contents) 4.1 ดา นความรู (Knowledge) - Vocabulary: สาํ นวนภาษาเกี่ยวกับ Watersports & A rock climbing class, days, time, numbers - Grammar: จํานวนนบั (Cardinal number) และเลขลาํ ดับที่ (Ordinal number) 4.2 ดานทกั ษะกระบวนการ (Process/Skill) - ทกั ษะเรียนภาษาท้งั 4 ทักษะ การฟง การพดู การอา น และการเขียน - ทกั ษะกระบวนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการส่อื สาร 4.3 ดานเจตคติ (Attitude) - มีประสิทธิภาพในการส่อื ความ 5. กจิ กรรมการเรียนรู  Lead-in 1. ครูนําความสนใจของนักเรียนโดยใชคาํ ถามดังน้ี Q 1: How many students are there in your class? Q 2: What date is today? 2. นักเรียนใหคาํ ตอบเกีย่ วกับตวั เลขเปน จาํ นวนนบั (Cardinal number) และเลขลําดับที่ (Ordinal number)  Presentation 1. ครสู อนคําศพั ทใ นกิจกรรม A-G โดยใหนักเรียนมีสวนรว ม ดังน้ี คมู ือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 3

231 231 - ใหนักเรียนทั้งชัน้ ชวยกันคนคาํ ศพั ทท ไ่ี มร คู วามหมาย ขดี เสนใตกํากับไว และใหนักเรียนระบุ Parts of speech ของ คําศัพทจากตําแหนงภายในประโยค (ครูสอน Parts of speech และฝกใหระบุ Parts of speech ทุกคร้ังท่ีสอนความหมายของ คาํ ศพั ท) นกั เรยี นบอกหมวดหมขู องคําศัพทเหลา น้ี โดยครเู ขยี นลงใน Word Box บนกระดาน - ใหนักเรียน Read aloud คาํ ศัพทบนกระดาน และใหนักเรียนแบงกัน/ชวยกันคนหาความหมายของคําศัพทเหลานี้ แลว พูดบอกความหมาย - ครเู ขยี นความหมายของคาํ ศัพทที่นักเรยี นบอกและเพ่ิมเติมความหมายของคําศัพทบางคําใหสมบรู ณ - ใหนักเรยี นอานออกเสยี งดังพรอ มกัน ถาคาํ ใดนักเรยี นอา นไมไ ดใหครูชวยอา นนําและนักเรียนอานตาม - ใหนกั เรียนคัดลอก Word Box และคําศัพทท เ่ี กี่ยวของลงในสมดุ คําศพั ทข องตนเอง 2. ครูสอน Listening Strategies ผูฟงควรแสดงความสนใจ รบั รู เขา ใจสง่ิ ท่ีไดฟง มีการใชภาษากายประกอบการสบตา ผูฟง ขณะท่พี ดู เลาและฟง เหตกุ ารณ 3. ครอู ธบิ ายวิธีการเรียนระหวางฟงซีดี แนะวิธฟี ง อยางมปี ระสทิ ธิภาพ ครูช้แี จงวา นักเรยี นจะไดฟ งเสยี งพูดสนทนาท่เี ปน การพูดอยางเปนธรรมชาติ (naturally speaking) ท่มี ีความเร็วพอประมาณ ใหน ักเรยี นฟงเพอ่ื จบั ประเด็นสําคัญโดยตง้ั ใจฟง คําสาํ คัญ (content words) ไดแก nouns, main verbs, adjectives, adverbs ในระหวางท่ฟี ง ใหน ักเรียนงดทาํ กิจกรรมใดๆ ไมพูดคุยกัน 4. ครูชีแ้ จงการฟง ซีดวี านักเรียนจะไดฟ งซดี ี 3-4ครงั้ ดงั นี้ - ฟง ครั้งท่ี 1 เพื่อใหเ ขา ใจเรื่องและจบั ประเด็นสาํ คญั เบ้ืองตน - ฟง ครั้งที่ 2-3 เพื่อเลอื กคาํ ตอบ - ฟงครัง้ ที่ 3-4 เพ่ือทบทวนคําตอบหรือเฉลยคาํ ตอบ (สาํ หรับชนั้ ทนี่ กั เรยี นสว นใหญออ นภาษาอังกฤษ ครูควรใหฟ งหลายคร้งั เพื่อใหนักเรยี นประสบความสําเรจ็ ในการฟง )  Practice ครใู หน ักเรยี นเปดหนังสือเรียน Close-up 3 หนา 50 นักเรียนปฏบิ ัติกิจกรรมตอ ไปน้ี 1. กิจกรรม A ใหนักเรียน Read aloud ตัวเลขในขอ 1-10 โดย Focus on the ending sound ครูอธิบายความ แตกตางของเสียงทา ยคาํ สําหรับการออกเสียงเลขนบั และเลขลาํ ดบั ท่ี - ใหนกั เรียนจับคฝู กออกเสยี งตัวเลขดังกลาวกบั เพ่อื น - ครสู ังเกต แนะนํา ชว ยเหลอื และแกปญหา - ครูตรวจสอบโดยสุมเลอื กใหนักเรยี น Read aloud ตัวเลข 2. กิจกรรม B ใหนักเรยี น Read aloud คาํ สงั่ ครูทบทวนการทาํ กจิ กรรมการฟง - เมอ่ื นักเรียนพรอมครูเปด ซีดี Track 4.1 ใหน กั เรยี นฟง 1-2 ครงั้ นกั เรยี นเลอื กตัวเลขทไ่ี ดยนิ - ครตู รวจสอบคําตอบโดยใหนักเรยี น Read aloud คาํ ตอบ - ครูใหนักเรยี นฟงซดี ีซํ้า เพ่ือใหน ักเรียนตรวจสอบคําตอบดวยตนเองและปรบั ปรุงคาํ ตอบกอ นทค่ี รูจะเฉลยคาํ ตอบ - ครูเฉลยคําตอบ และใหนกั เรยี นฟง ซีดเี ปนคร้ังสดุ ทาย เพอ่ื ยืนยนั คําตอบ เฉลยคาํ ตอบ 1. 13th 2. 14 3. 50 4. 60 5. 17 6. 80 7. 19 8. 31st 9. 32nd 10. 33rd 3. กจิ กรรม C ใหน ักเรยี น Read aloud คาํ สงั่ พรอ มกับบอกความหมายเปน ภาษาไทย - ครูทบทวนคําสัง่ ชีแ้ จงกิจกรรมการฟง ใหนักเรียนฟง การออกเสยี งตัวเลข ซึ่งมีการเนนเสียงพยางค (stressed) โดยครู ยกตวั อยา งประกอบ - จากนั้นครูใหนักเรยี นฟง ซดี ี Track 4.2 1-2 ครั้ง นกั เรียนขีดเสนใตพ ยางคท เ่ี นนเสียง (stressed) - ครูตรวจสอบคําตอบโดยใหนักเรียน บอกตําแหนงพยางคทีเ่ นนเสียง (stressed) คมู ือครูและแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 3

232 232 - ครูใหน ักเรยี นฟงซดี ซี า้ํ เพอ่ื ใหนักเรียนตรวจสอบตาํ แหนง พยางคท ี่เนนเสยี ง (stressed) และปรับปรงุ คาํ ตอบกอ นท่ี ครจู ะเฉลยคาํ ตอบ - ครเู ฉลยคาํ ตอบและใหนักเรียนฟง ซีดเี ปน ครงั้ สุดทาย เพ่ือยืนยนั คําตอบ 1. forty fourteen เฉลยคาํ ตอบ 3. second twenty-second 2. a hundred a thousand 5. seven seventeen 4. eighty eighteen 6. sixteen sixty 4. กจิ กรรม D ใหนักเรยี น Read aloud คําส่งั และบอกความหมายเปนภาษาไทย - ใหนกั เรียนจบั คูกับเพื่อนทาํ กิจกรรมออกเสยี งตัวเลขนับและเลขลาํ ดบั ท่ใี นกจิ กรรมC แลว ผลัดกันเปน ผฟู งซ่ึงตอ งบอก วาเสยี งทีไ่ ดย ินคือตวั เลขใด - ครตู รวจสอบ Walk around สังเกต ช้ีแนะ สนับสนุน และแกปญหาการทํากจิ กรรมของนักเรียน เฉลยคาํ ตอบ Students’ own answers 5. กจิ กรรม E ใหนกั เรียน Read aloud คาํ ส่ัง และ Exam Close-up - ครูอธิบาย numbers และ dates ความแตกตางในการเขียน และการใช Cardinal numbers และ Ordinal numbers การออกเสียงเนน (Stressed) ภายในคํา การนําไปใช พรอมทั้งยกตัวอยางประกอบ ครูเนนย้ําการออกเสียงเนนหนักใน พยางคท ีแ่ ตกตางกัน ตัวอยา งเชน sixty – sixteen เปนตน - ใหน ักเรียนพดู ออกเสยี งตวั เลขทค่ี รูเขียน โดยใชเ สียงเนน หนกั ในพยางคท่ถี ูกตอง - ใหนักเรียนจับคูฝกพดู ออกเสียง และเขยี น cardinal numbers, ordinal numbers และ dates กับเพ่อื นในหอง - ครู Walk around สงั เกต ชแ้ี นะ สนับสนุน และแกปญ หาการทํากิจกรรมของนักเรียน 6. กจิ กรรม F ครูใหนักเรียนฟง ซดี ี Track 4.3 เก่ยี วกับ Watersports แลว เติมขอ มลู ที่หายไป โดยครูเปดซีดีใหฟ ง 1-2 ครัง้ โดยหยุดเสียงเปน บางชว งเพ่อื ใหเวลานกั เรยี นฟง คิดตาม และเขียนคาํ ตอบ - ครูตรวจสอบคําตอบ โดยใหน กั เรยี นบอกคําตอบพรอมกัน - ครเู ขยี นคาํ ตอบของนักเรียนบนกระดาน และยังไมเ ฉลยคาํ ตอบ 7. กจิ กรรม G ใหน ักเรยี นฟงซีดี Track 4.4 อกี ครั้งหนึ่ง เพ่ือใหน กั เรียนตรวจสอบคาํ ตอบดวยตนเอง ปรบั ปรุงคาํ ตอบ และยืนยันคาํ ตอบ แลวครูเฉลยคําตอบ เฉลยคาํ ตอบ (1) 18 (2) windsurf (3) August 30th (4) £330 (5) 50 per cent  Production ครใู หน ักเรียนเปดหนังสอื Workbook Close-up 3 หนา 28 นกั เรยี นปฏิบัตกิ ิจกรรมตอไปนี้ 1. กิจกรรม A ใหนักเรยี น Read aloud the Exam Reminder - ครูอธบิ ายการใช cardinal numbers และ ordinal numbers พรอ มทั้งยกตัวอยางประกอบ - ใหนักเรยี น Read aloud คําส่ังและคําถามพรอมท้งั ใหค ําตอบ - ครูตรวจสอบคําตอบโดยใหน ักเรียน Read aloud คาํ ตอบ และครูเฉลยคาํ ตอบ คูมอื ครูและแผนการจดั การเรียนรู Close-up 3 ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook